# How to read [....เนื้อหา.... ] :: เนื้อหาในช่องแบบนี้ คือ แชทคุยกันนะคะ ไม่เห็นหน้า
ตอนที่ 8
“ จะนั่งยิ้มบ้ากับมือถืออีกนานมั้ย " ผมเอ่ยถามอีกคนในรถที่เงียบแทบไม่มีเสียงใด รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นบอกกับผมว่าความอึดอัด หรือแม้แต่ความเศร้าคงหายไปจากความรู้สึกของคนที่แทบจะร้องไห้อยู่แล้วตอนที่เห็นไอ้บิน แฟนเก่ามันเดินเข้ามาหา
ความเข้มแข็งที่เอ่ยคำพูดจาแข็งกระด้างนั่นออกไป ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่อีกคนกำลังพยายาม พยายามทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร แล้วในวินาทีที่เหมือนว่าอีกฝ่ายยังคงตามตื้อไม่เลิก แล้วอีกคนก็ดูท่าทางจะทนไม่ไหว ความรู้สึกนึกคิดที่แยกเรื่องที่ควรทำไม่ควรทำของผมมันก็ขาดลงไป มือที่ดึงเค้าเข้ามาจูบ วินาทีที่สัมผัสริมฝีปากที่นุ่มนวลนั้น ผมอยากจะกดลงไปให้แรงกว่านั้นและผมก็อยากจะสัมผัสให้มันลึกซึ้งกว่านี้
ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร กับการทำให้ใครเข้าใจผิด เรื่องที่เราเป็นแฟนกันหรืออาจจะมีความสัมพันธ์อะไรสักอย่างที่ลึกซึ้ง ในทางกลับกันผมคิดว่านั่นดีแล้ว เราจะได้มีเรื่องอะไรสักอย่างไว้คุยกันต่อ
“ แล้วนี่เราจะไปไหนกัน "
“ ไม่รู้ "
“ อ้าว..” อีกฝ่ายสบถก่อนจะหันมามองผม ตอนที่หันไปมองกลับอีกคนก็นิ่งไป ริมฝีปากนั้นที่เม้มเข้าหากันเบาๆ เมดหันไปมองข้างหน้าต่างก่อนจะกลืนน้ำลายลงไปในคอด้วยท่าทีที่ดูเหมือนคนทำตัวไม่ถูก แก้มแดงๆที่ทำให้ผมหลุดยิ้มเพราะรู้เหตุผลดีว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
" หรือจะกลับไปเรียน ให้ไอ้เหี้ยนั่นมันมาวอแวอีก "
" ตอนนี้คงไม่ละ แต่คิดว่าคาบเย็นน่าจะเข้าไป " อีกคนบอกก่อนจะหันมามองผม " มึง.. รู้จักกับบินด้วยเหรอ "
“ ถามทำไม "
“ ก็กูแค่เห็นว่ามันทักมึง ตอนที่หันมาเห็นมึง ก็เลยคิดว่าน่าจะรู้จักกัน "
" เคยอยู่โรงเรียนเรียนกันมาก่อน "
" ห๊ะ ? “ แววตาที่เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ท่าทางที่ดูสนใจแบบนั้นทำให้ผมหันออกไปมองถนนตรงทางข้างหน้าแม้กำลังติดไฟแดง " มึงเคยอยู่โรงเรียนเดียวกับบินเหรอ ? “
" อื้ม "
" กูก็อยู่โรงเรียนตรงกันข้ามมันนะ "
" กูไม่รู้จักมึง "
" สัด " เมดบอกก่อนจะทำขมวดคิ้วแล้วมองผมด้วยสายตาหงุดหงิด " กูออกจะดัง "
" ดังยังไง ? ในทางไหน ? แต่หน้าตาเหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊กแบบนี้ คงไม่น่าจะดังเรื่องหน้าตาหรอกมั้ง "
" มึงว่าอะไรนะ มึงบอกว่ากูหน้าเหมือนไอ้ตี๋ขายโจ๊กเหรอสัด " มันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แววตาที่เอาเรื่องของมัน ดูไปดูมาเหมือนแมวตัวเล็กๆที่กำลังฉีกเขี้ยวแล้วเอามือกวักไปกวักมาอยู่แถวหน้าร้านอาหารญี่ปุ่น ไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัวอะไรสักนิด
" ลองส่องกระจกดูสิ " ดึงที่บังแดดลงมาให้อีกคนดู มือนั่นก็ดึงมันขึ้นไปทันที
" กูไม่เหมือนไอ้สัด! ส้นตีน ปากมึงนี่ "
" พูดถูก ก็ยั๊วะอีก "
" แม่ง..” มันดันหลังตัวเองนั่งพิงเบาะด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่หลายนาที " แต่มึงอยู่โรงเรียนเดียวกับบิน มึงจะไม่รู้จักกูได้ไงอะ ก็ตอนนั้นอะ..” มันที่เม้มริมฝีปากตัวเองไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรที่มากกว่านั้น ถ้าให้เดาคงจะบอกว่า ก็ตอนนั้นเรื่องของมันที่คบกับไอ้บินดังไปทั่ว ผมจะไม่รู้ได้ยังไง
" กูไม่ใช่คนขี้เสือก "
" ยังไม่ทันจะบอกเลยว่าเรื่องอะไร " อีกคนหันมาเหล่ เมดที่ถอนหายใจออกมา ผมรู้ว่ามันคงรู้ ว่าผมรู้เรื่องราวรักในอดีตที่สุดแสนจะโรแมนติกของมันดี เรื่องดังขนาดนั้นต่อให้เป็นคนไม่สนใจอะไรก็คงรู้ " รู้แล้วก็น่าจะล้อออกมาตามสันดานมึงนะ ทำไมไม่ทำวะ "
" รู้เหรอ ว่ากูสันดานยังไง "
“ ดูจากฝีปากไร้หูรูดของมึงก็พอจะเดาได้ " เมดเงียบไปตอนที่หันไปมองนอกหน้าต่างรถ มันถอนหายใจออกมา " แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ไม่พูดถึงมันให้กูรู้สึกเจ็บนะมึง "
ทุกอย่างเงียบไป มันผ่านมาหลายนาทีแล้วที่ไม่มีเสียงสนทนาระหว่างเรา มีเพียงแค่เสียงรถรอบข้างที่ดังทะลุเข้ามาในรถของเราที่มีแต่ความเงียบ ผมนั่งมองใบหน้าที่กำลังร้องไห้นั่นผ่านกระจกที่สะท้อน มันไม่ใช่การร้องไห้ที่สะอึกสะอื้นอะไร มีเพียงแค่น้ำตาที่ไหลออกมาจากตาช้าๆ น่าแปลก ปกติผมคงรู้สึกว่า คนแบบนี้มันน่ารำคาญ ก็แค่คนคนเดียวจะมาร้องไห้ทำไมนักหนาวะ เสียดายน้ำตา เรื่องที่มึงถูกทั้งเพื่อนทั้งแฟนหักหลัง ก็คิดให้มันแง่ดีสิวะ ว่าก็ดีแค่ไหนแล้วที่มึงยังรู้ตัวไม่โง่จมปรักไปนานกว่านี้
แต่เพราะความเสียใจนั่นมันไม่ใช่ของผม ผมไม่เคยถูกหักหลัง ไม่เคยมีแฟนที่แอบไปเอากับเพื่อนสนิทร่วมสี่ปี ผมไม่เคยมีประสบการณ์เหี้ยๆอะไรแบบนั้น เพราะงั้นบางทีการที่มันร้องไห้ออกมาแบบนี้ อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
ก็คนเราไม่ได้ร้องไห้เพราะแค่เสียใจอย่างเดียว บางทีน้ำตาที่ไหลออกมาพวกนั้น คือเพราะมันกำลังพยายามลืม พยายามลบ และพยายามเข้มแข็งให้ได้มากที่สุด ซึ่งตัวผมที่มองมันอยู่จากมุมนี้ คงทำได้แค่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วปล่อยให้มันร้องไห้เงียบๆไปอย่างงั้น แต่ก็ยังมีสิ่งที่ผมอยากรู้ ในตอนที่นั่งมองมันอยู่ตอนนี้ก็คือ ' ไอ้บินมันทนเห็นมึงร้องไห้ได้ยังไงกันวะ แม่ง โคตรเก่งเลย '
' Throw UP ' Staff ได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น o- o group
[ สัด ใครเปลี่ยนชื่อกรุ๊ปวะ ส้นตีนนน ขอยาวกว่านี้ไม่ได้เหรอไง ] ไอ้เจทักเข้ามาในกลุ่ม ตอนที่ผมติดไฟแดงอยู่ที่แยกหนึ่งแล้วดูท่าทางว่าอีกนานกว่าสัญญาณไฟเขียวจะปรากฏขึ้น
[ กูเองพี่เจ อยากจะได้ยาวใหญ่กว่านี้เหมือนกันจะได้เหมาะกับพวกเรา แต่แม่งกูหาไม่ได้วะ ใช้ๆไปก่อนนะ คิดว่าตอนยังไม่แข็ง ] ไอ้อัยย์ว่า
[ แล้วทำไมต้องเป็นอะไรเหี้ยๆแบบนี้ด้วยวะ ]
[ มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่เราสนใจที่สุดอะผมว่า ]
[ จริงๆ กูอยากจะตั้งว่า พอนดอริง ]
[ ทำไมวะ ]
[ ไม่น่าถาม ก็ชีวิตพวกเราแม่งเหมือนมีแต่เรื่อง porn porn ]
[ เออพูดถึงเรื่องนี้ วันก่อนครับ เพื่อนไปญี่ปุ่นครับ เพื่อนซื้อหนัง AV มาฝากครับ ]
[ ยังไงครับ ]
[ ดีครับ จะแบ่งบุญ ไอ้เชี้ยเดย์ยังไม่มามึงเอาไปก่อนเลยครับสัดพี่เจ ]
[ ขอรีวิวเรื่องด้วยครับ เห็นแบบนี้กูเลือกครับ กูไม่ดูทุกเรื่อง ]
[ มีสองเรื่องอะ เท่าที่กูจับใจความได้ เรื่องนึงแม่งลูกสะใภ้เอากับพ่อตา แล้วพ่อตาก็ไปนัดเพื่อนมาเอาด้วย รุมๆกัน แต่ไม่ปล้ำนะมึง ผู้หญิงสมยอม เล่นดีมากกูนี่แบบ ขึ้นไปหลายรอบ ]
[ เออ น่าสนใจ อีกเรื่องๆ ]
[ อีกเรื่องนวดน้ำมัน มึงเอ้ยย พี่เจ กูนี่แม่ง อยากลองแบบนั้นสักที เด็ดทั้งสอง ]
[ เอาทั้งสอง อีกสองวันกูหยุด กูจะนอนดูยาวๆ ]
[ พวกมึง ] ผมพิมพ์เข้าไปในไลน์กลุ่ม ท่ามกลางสองคนนั่นที่กำลังถกเถียงกันเรื่องไร้สาระ ถ้าเดาไม่ผิดคนที่อ่านคงกำลังขมวดคิ้วงงๆกับคำพูดจริงจังของผมที่ทักพวกมันไปก่อน
[ อะ พอตั้งใจจะอ่าน ก็หายเงียบเลยไอ้เฮีย ] ไอ้เจว่า [ มีไรครับ ]
[ สัด โคตรตกใจ เฮียทักว่าพวกมึง กูนี่ใจหล่นเลยอะ มือไม้สั่นไปหมด เรื่องสำคัญแน่ๆ ] ไอ้อัยย์เสริม
[ เออ กูเข้าใจอยู่ ไอ้สัดอาฟไม่ค่อยเข้ามาไลน์กรุ๊ปแล้วบอก พวกมึง ด้วยไง ตอบก็ตอบเลย ]
[ ใช่ไง คือรู้สึกเลยอะ ว่ามีเรื่องแล้ว มีเรื่องแล้ว น้องสั่นกลัวไปหมด ]
[ พวกมึงพล่ามจบยัง ] ผมถามพวกมันที่ชักชวนกันออกนอกเรื่อง
[ อะๆ จบแล้วครับ ว่าไงครับ เชิญเฮียอาฟว่ามาได้เลยครับ ]
[ ทำยังไงให้คนหายเศร้าวะ ]
[ ห๊ะ ? ] ไอ้เจพิมพ์ตอบกลับมา
[ งงเลยกู ] ไอ้อัยย์เสริมตาม [ แล้วใครเศร้าอะ เฮียอ๋อ เศร้าเรื่องไรอะ ถ้าเฮียเศร้าก็ไปตีหญิงดิวะ แค่นั้นก็หายแล้ว ]
[ ไม่ใช่กู ]
[ อ้าว งั้นใครอะ ]
[ เสือก ถามก็แค่ตอบ ] ผมว่า
[ ตอบแบบนี้ หญิงแน่ๆ ทำไมอะ เฮียมึงไปทำหญิงที่ไหนเศร้าวะ แต่ปกติเฮียไม่แคร์ไม่ใช่เหรอ ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง ]
[ กูไม่ได้ทำ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย ]
[ อ้าว อะไรวะ กูชักงงละมึงไอ้สัดอาฟ ] ไอ้เจว่า [ ไม่ใช่ผู้หญิง งั้นก็ผู้ชาย ]
[ อื้ม ]
[ ผู้ชายที่ว่า คือผู้ชายที่สัดพี่ไปยืนจูบเค้าหน้าคณะบัญชีที่มหาลัยแห่งหนึ่งเปล่าน้าาาา ] ไอ้เดย์น้องชายผมทักขึ้นมาในไลน์ ก่อนจะส่งสติกเกอร์กวนตีนมาให้
[ เดี๋ยวๆ เกิดเหี้ยไรขึ้นวะ กูงง สัดอาฟนี่มึงไปจูบผู้ชายหน้าคณะบัญชีมาเหรอวะ แล้วไอ้เชี้ยเดย์ นี่มึงอยู่กับมันเหรอวะ ทำไมรู้ ]
[ คนที่ไปจูบกับเค้ามันพี่อาฟแห่ง throw up เลยนะเว้ย พวกมึงอย่าลืมไปดิ เพราะงั้นกูอยู่ไหน กูก็ต้องรู้มั้ย ]
[ อย่าลีลา บอกมาไอ้สัด ] ไอ้อัยย์บอกเพื่อนมัน
[ อะๆ จะบอกบุญพวกมึงแล้วกันนะ วันนี้น้องดรีมน้องคณะบัญชีที่กูเคยคุยด้วย ทักกูมาว่า เห็นเฮียอาฟของเราที่โรงอาหารคณะบัญชี มากับผู้ชายคนนึงเลยถามกูว่า พี่อาฟมีแฟนแล้วเหรอ กูก็งงเว้ย แต่ก็บอกไปตามที่เคยนัดกันว่า ถ้าใครถามว่าแฟนยังให้ตอบไปว่า ยัง ต่อให้มีแล้วก็ให้ตอบว่า ยัง กูก็ตอบไปว่า ยัง น้องก็แบบส่งมาหากูรัวๆเลยว่า พี่อาฟหล่อขึ้นอีกแล้วไม่เจอกันแปปเดียว เนี้ยๆ เย็นนี้จะมาหากูที่ผับ กูก็อะ คืนนี้มีอะไรทำละ เลยคุยต่อ สักพักแม่งมาบอกว่า ไม่มาละ มันบอกกูโกหกมัน ทางนี้ก็งงครับ ไปโกหกไรวะ น้องก็บอกว่า กูโกหกที่บอกว่าพี่อาฟยังไม่มีแฟน เนี้ย พี่อาฟจูบกับผู้ชายที่มาด้วยหน้าตึกมัน แล้วจูงกันขึ้นรถไปแล้ว ]
[ เฮ้ยย เดี๋ยวนะ .. ]
[ พีคมั้ยละไอ้สัด พี่กู จูบธรรมดาโลกไม่จำ ต้องจูบโชว์ พี่ผมครับ พี่ผม ]
[ อะ คราวนี้ก็ตาเฮียอาฟละครับ แถลงการณ์มาเลย ตกลงอะไรยังไง ] ไอ้อัยย์ว่า แต่ไอ้เจดันพูดขึ้นมาก่อน
[ แต่เดี๋ยวนะ คณะบัญชีเหรอวะ ]
[ พี่เจแม่งเหมือนจะรู้จักวะ ] ไอ้เดย์ว่า [ ใครวะ พี่เจ นี่กูถามน้องดรีมแม่งบอก แม่งไม่รู้จัก เห็นบอกว่า คนขาวๆ ]
[ เมด ] ไอ้เจตอบ [ รู้จักอยู่คนเดียวอะ ถ้าผู้ชายแล้วอยู่คณะบัญชีตอนนี้ กูรู้จักแค่เมด ]
[ อื้ม เมด ] ผมตอบออกไป ข้อความนั่นถูกอ่านจากทุกคนในกรุ๊ปแต่ที่ไม่มีอะไรตอบกลับมา เหมือนว่าพวกมันกำลังตั้งสติกับข้อความของผมมากกว่า
[ ไอ้เหี้ยเอ้ยยย นั่นเมดดด เมดของกูเลยนะไอ้เหี้ยยยย ] ผ่านไปเกือบนาทีไอ้เจถึงพูดขึ้นมาคนแรก [ ไอ้สัด ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ ]
[ ไอ้พี่เลว นั่นพี่เมดของกู โอ๊ยยยยยยยยอะไรกันวะเนี้ย มึงจะแย่งคนที่กูหมายตาทุกคนไม่ได้สัดพี่!!! ]
[ เชี้ย กูโคตรช็อค อยากจะด่าสัดเฮียสักสามล้านคำ ว่านั่นคือพี่เมดของกู แต่แม่ง พูดเหี้ยไรไม่ออกเลยวะ กูงงอะ อะไรวะ ทำไมเป็นพี่เมดอะ เฮียมึงชอบพี่เมดเหรอ เอาจริงๆ นี่กูอยากรู้ ]
[ เปล่า กูไม่ได้ชอบ ] ผมบอก [ แค่มีเรื่องนิดหน่อย กูเลยต้องจูบมัน ไม่ได้ตั้งใจจะจูบ ]
[ อย่ามาตอแหลกูไอ้สัดพี่ เหี้ยเรื่องอะไร ทำไมต้องจูบเค้า มึงอยากจะจูบเองมากกว่า สัด ] ไอ้เดย์พูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่นั่นก็ทำให้ผมแค่หลุดยกยิ้ม
[ แล้วนี่มึงถามมาตอนแรกว่า ทำยังไงให้คนหายเศร้า มึงหมายถึง เมด ] เจว่า
[ อื้ม ]
[ เชรดโด้ เค้ามีความแคร์ แม้ปากจะบอกว่าไม่คิดอะไร ] ไอ้อัยย์ว่า [ แล้วทำไมพี่เมดของอัยย์ถึงเศร้าวะ ]
[ แล้วนี่พี่มึงอยู่ไหน กูจะไปหา กูจะไปกอดปลอบพี่เมดของกูเองจ้า ] ไอ้เดย์ถาม [ สงสารพี่เมดสัด นอกจากเจอเรื่องเหี้ยๆอย่างมาทำรอยบนรถสัดพี่ที่นิสัยเหี้ยมโหดแล้ว ยังเจอคนเหี้ยๆแบบสัดพี่กู จูบอีก อีเหี้ยยยยย พี่เมดของกู ]
[ อัยย์จะไปทำอะไรตลกๆให้พี่เมดยิ้ม เฮียมึงอยู่ไหน กูจะไปหา ]
[ เรื่องมันยาว ] ผมบอกปัด
[ ตอนนี้พวกกูว่าง ]
[ ตอนนี้พวกกูว่าง ]
[ ตอนนี้พวกกูว่าง และจะว่างเสมอและตลอดไปสำหรับพี่เมด ] แต่เหมือนไอ้เดย์จะฉีกประโยคของคนแรกออกไปแบบหน้าด้านๆ
[ สัดเดย์แม่งไม่ใช่วะ ไม่ทีมเดียวกันกับพวกกูเลย ] ไอ้อัยย์ว่า ผมที่กำลังจะพิมพ์ตอบแต่ตอนนั้นคนที่นั่งข้างๆผมก็บอก
“ ไฟเขียวแล้วมึง "
[ แต่ตอนนี้กูไม่ว่าง ไฟเขียว ] วางมือถือลงข้างตัวก่อนที่เสียงโวยวายในแชทกรุ๊ปจะเตือนออกมาไม่มีหยุด
[ ไม่!!! จอดรถ ไอ้สัดพี่ แล้วคุยกับพวกกูให้รู้เรื่อง ]
[ พี่เมดของอัยย์ กูอยากจะรู้ว่าพี่เมดเศร้าเรื่องไรอะ พี่เจมึงไม่รู้เหรอวะ เฮียไม่ได้เล่ามึงเหรอ ]
[ ให้มันมาเล่าเอง ] ไอ้เจว่า [ กูไม่อยากจะพูด แต่คิดว่าคงเป็นเรื่องนั้นแหละ คิคิ ]
[ ไม่บอกบุญพวกกูหน่อยเหรอวะ ]
[ สัด กูอยากรู้ ] ไอ้เดย์ว่า [ จอดรถ สัดพี่ ! แล้วเล่ากู ]
ผมปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง ตอนนี้ก็ทำได้แค่ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะไปไหนหรอก ก็มันไม่มีที่ให้ไปในเวลาเช้าๆแบบนี้ แล้วถ้าให้เลือกที่ที่อยากจะไปจริงๆ คงเป็นคอนโด เพราะตอนนี้โคตรอยากจะนอน ง่วงชิบหายเมื่อคืนก็ไม่ได้นอน พอส่งอีกคนเสร็จ ผมก็กลับไปอาบน้ำแล้วก็รีบออกมาเลย เพราะกลัวรถติดแล้วจะทำให้มันเข้าเรียนสาย แต่สุดท้าย แม่งก็ไม่ได้ไปเรียน โคตรส้นตีน
“ แล้วมึงไม่ไปเรียนเหรอ " หันไปมองคนข้างๆที่ตั้งคำถามนั่นขึ้นมา คำถามที่ผมเคยโกหกไว้ว่ามีเรียนแต่ความจริงไม่มีอะไรทั้งนั้น " ไหนบอกมีเรียนเช้า "
“ อาจารย์ยกเลิกคลาส " ผมหันไปบอกอีกคน " ไอ้เจเพิ่งส่งข้อความมาบอก "
“ แล้วนี่มึงจะไปไหน "
“ ไม่รู้ " ผมบอก " มึงอยากจะไปไหนละ "
“ ไม่มีที่ที่อยากไปวะ " เมดบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " รู้แค่ว่าไม่อยากจะกลับไปเรียน แต่ให้กลับไปที่คอนโด กูก็คงนอนไม่หลับอยู่ดี แล้วมึงอยากจะกลับบ้านไปนอนมั้ย ไปทิ้งกูไว้คาเฟ่ไว้ก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวถึงเวลากูไปที่ผับเองได้ "
" แหกตาดู อีกกี่ชั่วโมงกว่าผับจะเปิด แล้วเวลานี้คาเฟ่ที่ไหนเปิด ส่วนใหญ่มันก็เปิด 10 โมง "
" มันก็ต้องมีบ้างที่เปิดเก้าโมงเช้า " อีกคนเถียง ผมก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่มองไปยังทางข้างหน้าอีกนิดก็ถึงคอนโดของผม ความคิดดีๆโผล่ขึ้นมา ผมยกยิ้ม
" งั้นไปคอนโดกู "
" ห๊ะ ? ไปทำไม "
" กูกลับไปนอน ส่วนมึง ถ้าไม่หลับก็ดูทีวีไป มีหนังให้ดูเยอะแยะ หิวก็โทรไปสั่งของมากิน "
" แล้วที่คอนโดมึง.. มีใคร อยู่ บ้างวะ " มันถามด้วยท่าทางที่บอกกับผมว่าไม่ค่อยอยากจะไปเท่าไหร่ แต่มันคงลืมไปว่าตัวมันไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรอยู่แล้ว
" ปกติกูอยู่กับไอ้เดย์ แต่คิดว่ามันไม่น่าจะอยู่ " เมื่อเช้าหลังจากส่งคนข้างๆแล้วขับรถกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมไม่เห็นมันอยู่ที่ห้อง เลยคิดว่าคงไปนอนคอนโดกิ๊กสักคนของมันเหมือนอย่างทุกที
" อ้าว แล้วน้องเดย์ไปไหน " หันไปมองหน้ามันที่เอ่ยเรียกน้องชายผมแบบนั้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องไม่ชอบสรรพนามอะไรพวกนั้นที่อีกคนเอ่ยเรียกด้วย รู้แค่ว่า ฟังทีไรก็หงุดหงิดทุกที จริงๆเรียกไอ้เชี้ยเดย์ก็หรูแล้ว
" คงไปนอนกกกิ๊กของมันอยู่ที่ไหนสักที่แหละมั้ง "
" อื้ม " อีกคนพยักหน้ารับ
" ไม่ต้องกลัวหรอก กูไม่คิดจะปล้ำมึงอยู่แล้ว "
" หึ กูมากกว่ามั้ง ที่ต้องกลัว " อีกคนบอกก่อนจะบ่นงึมงำ " จริงๆ กูก็ควรกลัวมึง ตั้งแต่โดนมึงลากไปจูบเมื่อกี้แล้วจะบอกให้ นี่ยังลากกูออกมาแล้วจะพาไปคอนโดมึงอีก แล้วหน้าตามึงแม่งไว้ใจไม่ได้ ไม่รู้ว่ากูจะโดนทำอะไรบ้าง "
" กูได้ยินนะ "
" ก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปดิวะ " มันที่หันออกไปนอกหน้าต่าง ทำได้อยากจะเอื้อมมือไปทำอะไรสักอย่างกับมัน หมั่นไส้ไอ้ท่าทางน่ารักแบบนั้นชะมัด กวนส้นตีน
เสี้ยวรถเข้าคอนโด ตรงที่จอดประจำที่ไม่มีรถของไอ้เดย์จอดอยู่ ก็ตามคาดว่าคงเจอมันอีกทีคือช่วงเวลาเข้าผับ ตอนนี้ถ้าไม่เรียนก็คงกำลังนอนอยู่บนเตียงสาวสักคนในสต๊อกของมัน เดย์กับผมมีสไตส์การใช้ชีวิตเซ็กส์และผู้หญิงต่างกัน มันชอบคบไปเรื่อยๆ มีอะไรกัน ถูกใจก็สานต่อ ใช้กันยาวๆ อาทิตย์นึงคั่วสาวแบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด ส่วนผม ถ้าถูกใจก็มีเซ็กส์ด้วย แล้วจากนั้นก็แยกกัน เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตน ผมไม่ชอบผูกมัดกับใคร
“ มึงอยู่คอนโดนี้หรอกเหรอ " อีกคนพูดขึ้นมาตอนที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ
“ แล้วมึงเห็นกูจอดรถมั้ย "
“ กวนตีน กูก็แค่ถาม มึงแม่งจะตอบเป็นคนสักครั้งได้มั้ยวะ "
" แล้วมึงเสือกตั้งคำถามโง่ๆทำไม " ผมหันไปถาม " กูจอดรถใต้คอนโดนี้ทำไม ถ้ากูไม่อยู่คอนโดนี้ เค้าจะให้เข้ามามั้ย แล้วอีกอย่าง กูจะเข้ามาจอดถึงข้างในทำไมถ้าไม่อยู่ที่นี่ คิดว่าจะเข้ามาจอดรถแล้วเดินออกไปเที่ยวที่ห้างข้างๆรึไง "
“ อาฟ " อีกคนหันมามองผมก่อนจะยิ้มจางๆ " แค่ตอบว่า อื้ม ไปตามมารยาทของคนชวนคุยมันยากนักเหรอวะ แต่ก็นะ กูลืมไป..ว่ามึงคงไม่มี "
“ งั้นลองชวนคุยอีกทีสิ " หันไปยกยิ้มให้อีกคนที่ก็นิ่งไปผมขยับตัวเข้าไปใกล้ ใบหน้าหงุดหงิดกับปากแหลมๆก็เม้มเข้าหากัน
“ ไม่ ไอ้สัด "
ประตูของคนข้างๆถูกเปิดแล้วปิดลงด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ผมที่นั่งยกยิ้มอยู่ในรถหลายนาที ก่อนจะเดินนำอีกคนเข้าไปในคอนโด กดลิฟต์ขึ้นไปบนชั้นห้องของตัวเอง วินาทีที่ปลดล็อคห้องแล้วเปิดประตูให้กว้างออก คนที่เดินตามมาข้างหลังก็ชะงักนิดหน่อย แน่นอนว่า ไม่ได้ตกใจเรื่องความหรูหราของมันหรอก แต่คงเพราะมีกองเสื้อผ้ากับของที่ไม่ได้ใช้วางกระจัดกระจายไปทั่วห้องต่างหาก
“ นี่ห้องหรือว่าที่ทิ้งขยะวะ "
“ มากไป " ผมหันไปบอกมัน " เข้ามา " สายตาที่มองไปรอบๆเหมือนพิจารณา " ห้องผู้ชายทั่วไปมันก็เป็นแบบนี้ "
" ไม่นะ ผู้ชายบางคนไม่ได้ซกมกแบบนี้ อย่าเอาตัวเองไปเป็นไม้บรรทัดของคนอื่นสิวะ " ทุกอย่างเงียบไป ผมที่มองหน้าอีกคนที่ก็หันมาสบตากันพอดี
" ปากมึงนี่นะ ”
“ หรือว่าไม่จริงวะ กูเป็นผู้ชายเหมือนมึง ห้องกูยังสะอาดกว่านี้เลย " มันมองไปรอบๆอีกครั้ง " สะอาดกว่านี้มากอะ "
“ กูจะเข้าไปนอนหน่อย มึงจะเข้าไปนอนด้วยกันมั้ย " คนโดนถามขมวดคิ้วกับคำพูดของผม ยักคิ้วให้มันพร้อมกับยกยิ้มอีกคนก็พึมพำ
“ กวนส้นตีน " เมดส่ายหน้าไปมา “ ไม่อะ กูจะนั่งดูหนังอยู่ตรงนั้นแล้วกัน คงนอนไม่หลับหรอก "
“ อื้ม "
เดินตรงไปที่ทีวี จัดการหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนหน้าโต๊ะแล้วก็โซฟาไปตั้งไว้อีกที หลงเหลือไว้แค่โซฟากับหมอนเข้าชุดของมัน ผมจัดการเปิดทีวี แล้วก็ยื่นรีโมตให้อีกคน
" กูจะเข้าไปนอนละ "
" อื้ม ฝันดี " หยุดนิ่งมองอีกคนแบบนั้นสักพัก ก็ยอมรับ มันรู้สึกดีกับคำนั้นอย่างประหลาด จนคนที่ถูกมองถามผมด้วยท่าทางงงๆ " มีอะไรรึเปล่า "
" เปล่า " พูดตัดจบเรียบร้อย ผมพาตัวเองเดินเข้าห้องนอนก่อนจะส่ายหน้าไปมา
ก็นึกขำตัวเองเหมือนกัน กับแค่คำว่าฝันดีจะอะไรนักหนาวะ คนพูดแม่งก็พูดไปตามมารยาท ส่วนคนฟังทำไมแม่งต้องรู้สึกดีด้วยวะ หรือเพราะว่าไม่ได้ฟังคำพูดนั้นมานานแล้ว อาจจะเป็นอย่างหลัง ผมบอกตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา นั่นสิ คำว่าฝันดีจากใครสักคน ได้ฟังครั้งล่าสุดตอนไหนกันวะ