14
ไอควันสีเทาหม่นล่องลอยไปในอากาศอย่างเชื่องช้า
จางหายไปพร้อมกับกลุ่มควันกลุ่มใหม่ที่เข้ามาแทนที่
ร่างสูงริมระเบียงยังคงปล่อยควันออกมาอย่างต่อเนื่อง
เขามองไปยังสีเทาหม่นเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
จนมันหายลับไปอีกครั้งและอีกครั้ง
บุหรี่มวนแล้วมวนเล่าถูกจุดขึ้นและดับไปตามกาลเวลา
ภาพวาดเห็นภาพแบบนี้มาสามวันเต็ม
สามวันที่อีกคนนั่งอยู่ที่ระเบียงห้องของเขา เหม่อมองออกไปยังบรรยากาศเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยพร้อมบุหรี่ในมือ ร่างสูงพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หลับด้วยกลัวว่าความฝันอันโหดร้ายจะมาเยือนอีกครั้ง
แต่หากยิ่งฝืนกลับยิ่งเจอ
ทินกรสะดุ้งตัวตื่นด้วยสภาพเหงื่อโทรมกายและดวงตาแดงก่ำทุกครั้งที่เผลอหลับไป ภาพวาดเพียงแต่เข้าไปถามไถอาการพร้อมโอบกอดอีกคนเอาไว้เพื่อบอกว่าไม่เป็นไร เขายังอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างกำลังจะผ่านไป ภาพเชื่อเช่นนั้น
ทินกรเป็นคนเข้มแข็ง
ชายหนุ่มอาจจะต้องการเวลาในการเยียวยาหัวใจอันบอบช้ำในช่วงเวลาหนึ่ง เวลาที่ต้องเสียใจ ยอมรับ และปล่อยวาง ภาพวาดรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจได้ในเหตุการณ์แบบนี้ เมื่อพวกเขาทั้งสองคนเอาตัวตนของตัวเองไปผูกไว้กับคนในฝันจนไม่สามารถที่จะดึงตัวตนจริงๆของตัวเองออกมาได้
ภาพทิ้งตัวนั่งลงข้างๆแขกผู้มาเยือนที่ได้ทำการยึดระเบียงห้องของเขาเอาไว้ ภาพไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงนั่งอยู่ข้างๆและเหม่อมองออกไปยังแสงสีและฝุ่นควันของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน มันไม่ใช่ภาพที่สวยงามอะไร แต่กลุ่มควันและสายลมที่พัดมาเอื่อยๆก็ถือว่าเป็นตัวช่วยในการปล่อยใจฟุ้งซ่านได้ดี
“กลับไปนั่งข้างในเถอะ เดี๋ยวยุงก็หามเอา”
“ไม่เป็นไร ผมอยากนั่งเป็นเพื่อนคุณ”
“อย่าดื้อน่า รู้ว่าโดนยุงกัดแล้วเป็นรอยง่ายแล้วยังจะฝืน”
“รู้ว่ายุงกัดแล้วจะเป็นไข้เลือดออกแต่ก็ยังจะนั่ง”
“โอเคๆ งั้นเข้าไปนั่งข้างในกัน” ภาพยิ้มออกมาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นพร้อมยื่นมือช่วยดึงอีกคนให้ลุกตามขึ้นมา
“อยากได้กาแฟร้อนๆสักแก้วมั้ย”
“ไม่เป็นไร ผมจะนอนแล้ว” ภาพวาดหันกลับไปมองคนพูดอย่างสงสัย
“แค่อยากจะเคลียร์ตัวเอง ผมเหนื่อยกับการวิ่งหนีปัญหาอยู่แบบนี้”
ความทุกข์ที่ยังตามติดอยู่ตลอดเวลามันกัดกินหัวใจในระยะยาวเกินไป
เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้วยอมเจ็บในระยะสั้นเสียดีกว่า
เพราะเมื่อใดที่สามารถยอมรับได้แล้ว
การปล่อยวางก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
อย่างที่บอกไปว่ายังไงทินกรก็คือทินกรไม่ใช่พี่หมอ
ความโศกเศร้าครั้งนี้ควรจบลงแค่เพียงในฝัน
เพราะในความจริงนั้น ทินกรยังอยากที่จะเป็นคนที่มีความสุขอยู่
ทินกรไม่สามารถนำความเจ็บปวดจากในฝันของตัวเองมาทำร้ายผู้คนในโลกแห่งความจริงที่ยังคงเป็นห่วงเขา อย่างน้อยภาพวาดคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่ควรจะมาทุกข์ใจจากสภาพที่ดูไม่ได้ของเขาในเวลานี้
“ฝันดีนะ” ทินกรเอ่ยลาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวบนเตียงของเจ้าของห้อง
“ฝันดีเช่นกันครับ”
แสงอาทิตย์ที่ร้อนระอุของวันใหม่มาเยือนอีกครั้ง ภาพวาดตื่นขึ้นมาบนเตียงสีขาวที่เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมานอนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“อรุณสวัสดิ์ ไม่ใช่สินี่จะบ่ายแล้ว ต้องพูดว่าสวัสดีตอนกลางวันรึเปล่านะ” ทินกรที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะปลายเตียงเอ่ยถาม
หมอนี่ยึดห้องเขาอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ
“ผมมานอนบนเตียงได้ไง”
“คุณละเมอเดินมาเอง” ภาพส่งสายตาไม่เชื่อไปให้อีกคน อย่างเขาเนี่ยนะจะละเมอมานอนห่มผ้าเรียบร้อยเบียดอยู่กับอีกคนบนเตียง
“ดูก็รู้ว่าคุณโกหก”
“แล้วแต่คุณจะคิด”
“หายเศร้าแล้วรึไงคุณถึงมากวนตีนผมต่อได้เนี่ย”
“ยังหรอก แค่ไม่มีเหตุผลที่จะพาตัวเองจมไปมากกว่านี้”
“คุณกลับมาเร็วกว่าที่ผมคิด”
“กว่าจะตั้งสติได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน”
“มันจะค่อยๆดีขึ้น เชื่อผม ตาลุงทินคนนี้เก่งจะตาย”
“เหอะ”
“ไปอาบน้ำไปคุณ ไปหาอะไรกินข้างนอกกัน”
“คุณอาบก่อนเลย ผมกินแก้วนี้เสร็จค่อยอาบต่อ” พูดพร้อมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ภาพเลิกสนใจก่อนจะย้ายตัวเองไปทำกิจวัตรประจำวันในห้องน้ำ
ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านดังภายในห้างใหญ่ไม่ได้มีลูกค้ามากมายนักเนื่องจากเป็นเวลาบ่ายของวันธรรมดาที่ผู้คนส่วนมากจะทำงาน บางครั้งภาพก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันที่งานของเขาสามารถจัดสรรเวลาเองได้ อยากไปที่ไหนตอนไหนก็ได้ติดตรงที่ไม่มีคนไปด้วยจนกลายเป็นคนขี้เหงาไปกลายๆ แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็มีทินกรที่สามารถมานั่งเป็นเพื่อนแก้เหงาของเขาได้ล่ะนะ
ภาพวาดไม่ชอบกินข้าวคนเดียว
วันนี้มีอีกคนเป็นเพื่อนก็ถือว่าดีไม่ใช่น้อย
“เอาเซตA ข้าวหน้าปลาดิบอันนี้ครับ แล้วก็น้ำส้มแก้วนึง อ๊ะ เปลี่ยนจากน้ำส้มเป็นโค้กแทนแล้วกันครับ” คนขี้เหงาหันไปสั่งพนักงานอย่างเชี่ยวชาญ
“ลูกค้าอีกท่านรับเป็นอะไรดีคะ”
“ผมขอแค่น้ำเปล่าก็พอครับ”
“ไม่ได้ดิ ผมรู้ว่าคุณกินอะไรไม่ค่อยลงแต่คุณไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาหลายวันแล้วนะ มันจะเสียสุขภาพเอา”
“ก็ผมไม่อยาก”
ภาพวาดเม้มปากคิดหนัก แต่สุดท้ายจึงตัดสินใจสั่งเครื่องเคียงเล็กๆน้อยๆมาให้อีกคนแทน
“ยังไงก็หาอะไรใส่ท้องไว้บ้างเถอะ เป็นโรคกระเพาะขึ้นมาเดี่ยวจะแย่เอา”
“แล้วแต่คุณแล้วกัน”
ใช้เวลาไม่นานอาหารทั้งหมดก็ถูกนำมาเสิร์ฟเรียบร้อย ภาพทานอาหารเบื้องหน้าอย่างหิวโหย แต่อีกคนดูเหมือนไม่อยากจะแตะต้องมันเท่าไหร่ สามวันมานี้ทินกรกินแบบแทบจะนับคำได้ เห็นได้ชัดว่าซูบผอมลงจากที่เจอกันครั้งล่าสุดเป็นอย่างมาก โชคยังดีที่ตาลุงนี่ไม่ได้กินเหล้าหนักอย่างคนมีปัญหาชีวิตส่วนใหญ่เนื่องจากทินกรไม่อยากจะเมาจนหลับไปเจอกับฝันร้าย แต่ในความจริงที่สติยังครบถ้วนสมบูรณ์ดีนั้นก็โหดร้ายไม่ต่างกัน การที่หยุดความคิดตัวเองไม่ได้ก็เป็นตัวการทำร้ายจิตใจไปเรื่อยๆเช่นกัน ถึงจะอยากหนี แต่ก็ไม่มีทางไหนให้หนีได้เลย นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทินกรเลือกที่จะเผชิญหน้าและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
“กินอันนี้ดูหน่อย ผมชอบมากเลยร้านนี้ทำอร่อยสุดแล้ว” ภาพใช้ตะเกียบคีบอาหารวางไว้ให้ในจานของอีกคน ส่งสายตาปิ้งๆไปให้จนสุดท้ายคนอีกฝั่งจึงยอมคีบอาหารเข้าปากไป
เขาไม่ควรทำให้ภาพวาดต้องเป็นห่วง แค่ตามเกาะติดไปอยู่ห้องของอีกคนก็รบกวนเกินพอ
ครืดๆ
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดึงดูดความสนใจของทั้งสองคนจากอาหารไป ภาพรีบคว้าขึ้นมากดรับสายเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นชื่อของพี่สาวของตนเอง
“หวัดดีพี่พู่” พู่กันพี่สาวของภาพวาดที่แยกตัวออกไปหลังจากแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตนเอง เธอทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง
“ไอ้ภาพแกว่างมั้ย” เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“มีอะไรรึเปล่า”
“ฉันฝากแกไปรับพิ้งที่โรงเรียนหน่อยได้มั้ย วันนี้งานยุ่งมากเลยพี่ไม่น่าจะไปรับทัน” พิ้งเป็นลูกสาวคนเดียวของพี่พู่ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่สามที่โรงเรียนเอกชนในเมืองแห่งหนึ่ง เธอเป็นเด็กที่สดใสน่ารักและช่างถาม นึกแล้วภาพก็ไม่ได้เจอหลานสาวคนนี้มานานแล้วเหมือนกัน
“ได้ ผมว่างพอดี แล้วจะให้ไปส่งที่ไหนอะ”
“มาส่งที่บ้านเลยได้มั้ย ฉันน่าจะถึงบ้านประมาณทุ่มนึง แกก็พาหลานไปเที่ยวเล่นก่อนก็ได้”
“โอเคได้ เจอกัน”
“เค ขอบใจมากจ่ะน้องรัก” วางสายเสร็จก็ได้รับสายตาคำถามมาจากอีกคนในทันที
“พี่สาวฝากให้ไปรับหลานที่โรงเรียน”
“ไปเลยหรอ”
“ผมคิดว่าน่าจะไปเลยกลัวรถติด” พอฟังคำตอบเสร็จอีกคนก็ทำท่าหมาหงอยในทันที ภาพก็พอเข้าใจว่าช่วงนี้ทินกรได้รับความกระทบกระเทือนต่อจิตใจเป็นอย่างมาก แถมช่วงนี้ยังตัวติดกับเขาเป็นตังเม คงยังไม่พร้อมที่จะอยู่คนเดียว
“แต่ว่าถ้าคุณว่างจะไปด้วยกันก็ได้นะ” หน้าตาสดชื่นขึ้นมาทันที แค่มองภาพก็รู้คำตอบของอีกคนแล้ว
หลังจากทานอาหารและจ่ายเงินเสร็จพวกเขาก็พากันมาที่รถบีเอ็มคันโปรดของทินกร และแน่นอนว่าภาพเป็นคนขับอีกแล้ว เขาพอจะรู้มาบ้างว่าทินกรไม่ได้ขับรถมาสักพักแล้ว ภาพคิดว่าเป็นเพราะอีกคนยังฝังใจกับเรื่องในฝันอยู่ ทุกครั้งที่ขับรถคงจะคิดถึงช่วงเวลาที่พี่หมอขับรถออกมาโดยปล่อยภาพวาดทิ้งไว้จนเกิดอุบัติเหตุ
เรื่องนี้ก็คงต้องใช้เวลาอีกเหมือนกันจนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติได้
โรงเรียนของน้องพิ้งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่และมีค่าเทอมที่แพงหูฉี่ พี่พู่พี่สาวเขาอยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆมีกิจกกรมเยอะๆ เธอจึงไม่เกี่ยงเรื่องราคาที่ต้องเสียไปเท่าใดนัก เมื่อภาพวาดเดินมาถึงที่รอรับนักเรียนของผู้ปกครอง น้องพิ้งก็พาร่างอ้วนกลมของตัวเองวิ่งต้วมเตี้ยมมากอดเขาไว้แน่
“คิดถึงอาวาด” น้ำเสียงของเธอดูดีใจสุดๆ
“อาวาดก็คิดถึ้งคิดถึงน้องพิ้งเหมือนกันครับ” พูดเสร็จก็อุ้มเด็กตัวโตขึ้นมาหอมแก้ม แอบจุกเล็กน้อยเหมือนกันเพราะน้องพิ้งเป็นเด็กที่ตัวค่อนข้างใหญ่กว่าเด็กปกติ พอรู้ตัวว่าคงรับน้ำหนักต่อไม่ไหวภาพจึงยอมแพ้ปล่อยให้น้องลงมาเดินเอง
“ลุงคนนี้ใครคะ” น้องพิ้งหันมาถามเมื่อเจอคนไม่คุ้นตามากับอาของเธอ ภาพแอบจะขำเล็กน้อยไม่ได้เมื่อได้ฟังสรรพนามที่น้องพิ้งใช้เรียกอีกคน จริงๆแล้วทินกรก็ไม่ได้อายุเยอะมากมายขนาดนั้น แต่อาจจะเป็นเพราะลุคตาลุงหนวดเฟิ้มที่ไม่ได้โกนมานานเลยทำให้ดูอายุมากขึ้น
“เพื่อนอาวาดเองครับ ชื่อลุงทิน”
“สวัสดีค่ะลุงทิน” น้องพิ้งยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย
“หวัดดีครับน้องพิ้ง” คุณลุงเอ่ยทักทายด้วยสายตาเอ็นดูปนเศร้านิดๆ พี่หมอในโลกนั้นก็คงจะรู้จักครอบครัวของเขาเช่นกันสินะ
“หิวรึยังครับ อาวาดต้องพาน้องพิ้งไปส่งบ้านตอนทุ่มนึงเลยจะพาไปหาอะไรกินกันก่อน”
“กินติมๆ มีร้านไอติมใกล้ๆอร่อยด้วยพิ้งชอบ”
ภาพเออออตามใจหลานไปแต่ไม่ได้คิดเลยว่าพอมาถึงร้านแล้วเขาจะรู้สึกคิดผิดขนาดนี้ ร้านไอติมนางเงือกสีพาสเทลที่ทุกอย่างเป็นนางเงือกเต็มไปหมดไม่เว้นกระทั่งลายของกระเบื้องที่มองแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในทะเลโพนี่ ไอ้ตัวเขากับพิ้งนี่ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ตาคนหนวดเฟิ้มนี่สิ มองยังไงก็ขัดแย้งแบบสุดๆ
เอาจริงๆทินกรก็ดูจะอึ้งอยู่ไม่น้อย
แต่ยังไงก็ต้องตามน้ำทำตัวสดใสให้เข้ากับสไตล์ร้านไปก่อนล่ะนะ
พวกเขาสั่งของหวานมาทานนิดหน่อยกับไอศกรีมถ้วยเล็กให้น้องพิ้ง รสชาติอาหารที่นี่อร่อยกว่าที่คิด ตอนแรกภาพคิดเพียงแค่ว่าร้านเพียงจะขายซิกเนเจอร์และทำคาเฟ่เก๋ๆไว้ถ่ายรูปเพียงเท่านั้น อดนึกถึงไอ้โอมเพื่อนรักไม่ได้ถ้ามันมาเห็นร้านกับรสชาติอาหารของที่นี่คงชอบน่าดู แต่ไม่ให้มันเห็นแหละดีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่พ้นเขาที่ต้องมานั่งกินที่ร้านเป็นเพื่อนตามเคย
คุณลุงกับหลานก็คุยสนิทสนมกันอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะยังไงทินกรก็เคยรู้จักน้องพิ้งอยู่แล้วเลยรู้ว่าเธอป็นคนยังไงต้องเข้าหายังไงบวกกับน้องพิ้งเป็นคนน่ารักเข้ากับคนง่ายด้วยเลยทำให้คุยกันง่ายมากขึ้น สายตาที่ทินกรตอนมองเด็กสาวดูอบอุ่นเหมือนกับคนในครอบครัวเสียจนภาพอดจะหวั่นไหวเล็กน้อยไม่ได้
นั่งเล่นถ่ายรูปกับน้องพิ้งไปๆมาๆก็เย็นมากแล้ว มองออกไปนอกร้านรถก็เริ่มจะติดมากขึ้นเพราะเป็นเวลาเลิกงาน ภาพจึงตัดสินใจออกไปส่งน้องพิ้งที่บ้านตอนนี้เลย
แต่การจราจรในกรุงเทพมหานครนั้นติดขัดกว่าที่คิดเอาไว้มากทำให้กว่าจะมาถึงบ้านของพี่สาวก็ปาไปหนึ่งทุ่มกว่า พี่พู่เดินออกมาต้อนรับที่หน้าบ้านพลางชวนให้พวกเขาเข้ามาทานข้าวด้วยกัน ในทีแรกภาพจะขอตัวกลับก่อนเพราะคิดว่าทินกรคงไม่สะดวก แต่พี่พู่ก็พูดกล่อมจนภาพยอมจนได้ ตอนนี้เลยกลายเป็นการกินข้าวครอบครัวในรอบหลายเดือน พี่พู่ สามีพี่พู่ น้องพิ้ง ภาพวาด และทินกร
คนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างกายบนโต๊ะอาหารมีแววตาที่สั่นไหวชัดเจนเมื่อได้สบตากับพี่พู่ ภาพไม่รู้ว่าในฝันของทินกรเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่การเผชิญหน้ากับครอบครัวของคนที่ตัวเองรักในงานศพคงเป็นอะไรที่แย่และกระทบจิตใจของอีกคนอย่างหนัก ไม่อยากจะนึกภาพพ่อและพี่สาวของเขาเลย ทั้งสองคนคงแย่มากเมื่อรู้ว่าลูกและน้องชายคนเดียวของบ้านต้องจากไป มันทำให้ภาพฉุกคิดขึ้นมาเหมือนกันนะว่าเขาควรจะดูแลคนรอบกายให้ดีกว่านี้ ก่อนที่ตัวเองจะไม่มีโอกาสได้ทำ ภาพไม่รู้เลยว่าชีวิตของคนเราจริงๆแล้วมันจะยืนยาวแค่ไหน
มองไปรอบๆโต๊ะ บรรยากาศครอบครัวแสนอบอุ่น พ่อแม่ลูกที่นั่งถามไถแลกเปลี่ยนถึงสิ่งที่เจอกันมาในแต่ละวัน ภาพที่เขาไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนาน
“ช่วงนี้แกหายไปเลยนะ ไม่มาให้เจอหน้า ” พี่พู่หันมาคุยกับภาพ
“พิ้งคิดถึงอาวาด”
“พอดีวาดยุ่งๆนิดหน่อยอะ”
“เออชั้นเข้าใจว่าแกสนุกกับงาน แต่ก็โทรหาหรือมาเจอกันบ้างก็ดี พ่อก็คิดถึงแกนะ โทรหาบ่อยๆหน่อย”
“อ่าฮะ จะโทรให้บ่อยขึ้นครับ” มันไม่ใช่เพราะเรื่องงานอย่างเดียวหรอก เรื่องหลักๆก็คือการที่ภาพจมอยู่กับความฝันแปลกๆของเขานี่แหละที่ทำให้ลืมใส่ใจสิ่งรอบตัวไป
อย่างที่ทินกรเคยพูดไว้
ว่าเขายึดติดกับความฝันจนลืมเลือนความสวยงามของความจริง
วันนี้ภาพพึ่งจะสัมผัสได้
ว่าสิ่งที่อีกคนพูดในวันนั้นมันถูกทุกอย่างเลย
“ว่างๆอาวาดจะมาเยี่ยมน้องพิ้งบ่อยๆเลย แล้วเดือนหน้าเราไปหาคุณตากันดีมั้ยครับ”
“ดีๆ พิ้งก็คิดถึงคุณตา แล้วลุงทินไปด้วยกันมั้ย” เด็กน้อยหันไปถามอีกคน ภาพวาดหันไปสบตากับคนถูกถามก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ
“ถ้าน้องพิ้งอยากให้ลุงไปก็จะไปครับ”
“เย้ๆ ไปกันให้หมดเลย”
ภาพอดจะยิ้มกับความน่ารักของเด็กตรงหน้าไม่ได้ หันไปข้างตัวก็เจอทินกรที่กำลังส่งยิ้มบางๆมาให้เขาเช่นกัน บางครั้งเรามาเจอกับความอบอุ่นและครอบครัวก็ช่วยเยียวยาหัวใจได้มากกว่าการออกไปเที่ยวสนุกที่ไหนๆเสียอีก
กินข้าวเสร็จก็ขอตัวเอ่ยลากันตามประสา และไม่วายที่ภาพจะกลายเป็นคนขับรถอีกรอบ คิดว่าเขาคงได้ครองตำแหน่งนี้ไปอีกนาน
“พี่พู่ดูมีความสุขดีนะ”
“โชคดีที่ได้แฟนดีแล้วลูกก็น่ารัก”
“เห็นแบบนี้ผมก็สบายใจ”
“ผมถามได้มั้ยว่าเมื่อคืนคุณฝันว่าอะไร”
“ก็…ผมคุยกับพ่อและพี่สาวคุณ ท่านบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดผมประมาณนั้น อยากให้เลิกโทษตัวเอง วาดคงไม่ดีใจถ้าเห็นผมยังเสียใจอยู่แบบนี้ แล้วก็ขอบคุณที่เข้ามาทำวาดมีความรักดีๆก่อนที่จะจากไป”
“…”
“ถึงครั้งสุดท้ายเราจะทะเลาะกัน ถึงจะยังรู้สึกคาใจอยู่บ้าง แต่วาดคงรับรู้ได้ถึงคำขอโทษของผม คิดว่านะ อย่างน้อยคุณก็รู้หนิ ใช่มั้ย”
“ใช่ ภาพวาดคนนั้นก็คงหวังอยากเห็นคุณที่มีความสุข”
คำพูดสุดท้ายของพี่หมอจากความฝันครั้งล่าสุดดังขึ้นมาในความคิด ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน แต่ภาพสัมผัสได้ว่ามันคงไม่มีครั้งต่อไปอีก ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ และเขาก็คิดว่าความฝันของทินกรก็กำลังจะสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน
‘ ผมถามได้มั้ยว่าพี่หมอขอพรว่าอะไร ‘
‘ของแบบนี้บอกกันได้ด้วยหรอ ‘
‘ได้สิ ก็ผมอยากรู้อะ’
‘พี่ขอให้วาดมีชีวิตที่มีความสุข
ไม่ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไง
ไม่ว่าวาดจะอยู่ที่ไหน
พี่ขอให้เรามีความสุขมากๆก็พอ’
‘ผมก็เหมือนกัน อยากให้พี่หมอเป็นผู้ชายที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเลย’
#คุณในฝัน
I'm Backkkkkkkkkk กราบขอโทษที่ห่างหายไปนานค่ะ ตอนหน้าก็จบเเล้วเนอะ ฝากติดตามด้วยจ้า
เล้าลงรูปได้เเล้วดีใจมาก ฝุ่นได้ถามไปทางแอดมินเค้าบอกว่าเอาออกชั่วคราวเพื่อแก้เว็บค้างค่ะ
...................................................
ตอนนี้ฝุ่นตัดสินใจตีพิมพ์เรื่องคุณในฝันกับสำนักพิมพ์ SENSE BOOK เเล้วนะคะ มีความคืบหน้ายังไงจะมาเเจ้งรายละเอียดอีกที เเล้วก็ต้องขอขอบคุณทุกสำนักพิมพ์ที่ติดต่อมาด้วยค่ะ ขอบคุณที่สนใจในงานของฝุ่นมากจริงๆ
***ส่วนเรื่องเนื้อหาในหนังสือจะมีตอนพิเศษประมาณ2ตอนค่า ที่เเพลนไว้จะเป็นส่วนพาร์ทตาลุงทินของเรานี่เอง เพราะจากบทบรรยายจะมีเพียงความรู้สึกเเละเรื่องราวของภาพเพียงฝ่ายเดียวเเต่เราไม่รู้เลยว่าทินกรต้องเจออะไรมาบ้างเนอะ กับอีกตอนกำลังคิดอยู่ค่ะ ยังไม่เเน่ใจ55เเต่จะไม่ใช่เรื่องราวต่อจากเนื้อเรื่องหลักเเน่นอนเพราะมันจบสมบูรณ์เเล้ว
ปล. ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ 'หน้าร้อนเพราะน่ารัก' ไว้ด้วยนะคะ เป็นเเนวฟิลกู้ดโรเเมนติกกุ๊กกิ๊กดุ๊กดิ๊ก .ใครว่างๆไม่มีอะไรอ่านก็ไปเจอกันที่เรื่องนั้นได้นะคะ55
ฮาวายเป็นรัฐของอเมริกาที่มีมากมายหลายเกาะ
ไม่รู้ลมอะไรหอบเขามาถึงเกาะนี้ได้
เกาะอนุรักษ์ธรรมชาติ ถ้าเรียกแบบอ้อมๆ
แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ
นี่คือเรื่องราวชีวิตของนักศึกษาปีสี่กับหน้าร้อนของเขา
.
ณ " บ้านนอกฮาวาย
♡หน้าร้อนเพราะน่ารัก♡- สีฝุ่น -
.................