พิมพ์หน้านี้ - ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: สีฝุ่น ที่ 08-02-2018 22:42:54

หัวข้อ: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 08-02-2018 22:42:54
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

(http://image.free.in.th/v/2013/ir/180208034331.jpg) (http://picture.in.th/id/4582b62a097c41823010f6cef70c1928)

คุณในฝัน


เราต่างเป็นเพียงเศษฝุ่นเล็กๆ
ล่องลอยในจักวาล
เเรงดึงดูดต่างพาเราเคลื่อนไป
หวังเพียงสักวัน
ที่ผมจะถูกพัดพามาเจอกับคุณ



----------------------------------------------------


/There seemed to be
Two worlds.
The one before and
After you.

#คุณในฝัน







โดย สีฝุ่น

Twitter : @thedust24

All photo credit : Printerest


ผลงานอื่นๆ

 ♡ หน้าร้อนเพราะน่ารัก ♡ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66870.0)
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 08-02-2018 22:44:41
- บทนำ -



กฏการเคลื่อนที่ของนิวตัน



ข้อที่ 1 วัตถุจะยังคงหยุดนิ่งหรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ เว้นแต่จะมีแรงมากระทำ

' หัวใจของผมเปรียบดังวัตถุหนึ่ง '



ข้อที่ 2   ความเร่งของวัตถุจะแปรผันตามแรงที่กระทำต่อวัตถุ

' วันหนึ่งมันเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณเดินเข้ามา '



ข้อที่ 3 แรงกริยา = แรงปฏิกิริยา

'คุณทำให้ผมรัก เเละผมจะได้มันกลับมาใช่มั้ย

ความรู้สึกนั้น'
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 1 (8/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 08-02-2018 22:52:40
(http://image.free.in.th/v/2013/it/180208035612.jpg) (http://picture.in.th/id/c0cfa47e4bc214d267523322c8c2d3e4)

- 1 -


ความฝันคืออะไร ?

เป็นเพียงภาพความทรงจำตอนหลับงั้นหรือ

แล้วมันเกิดขึ้นจากอะไร ?

สิ่งที่เจอ สภาพจิตใจ การนึกคิด

ถ้าอย่างนั้น ทำไมในฝันของผม ถึงมีแต่คุณ ?




ภาพกำลังฝัน


 

หิมะสีขาว

 

คืนปีใหม่

 

ผู้ชายที่รัก

 

รอยยิ้มอบอุ่น

 

ฝ่ามือประสาน

 

และถ้อยคำหวานที่เอื้อนเอ่ย

 

‘ แฮปปี้นิวเยียร์ครับภาพวาด ’

 

‘ แฮปปี้นิเยียร์ครับพี่หมอ อยู่กันอย่างนี้ไปทุกปีเลยนะ ’

 

‘ อืม ตลอดไปเลย ’

 

ตลอดไป

 

มันนานขนาดไหนกันนะ

 

ภาพวาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการซะลึมซะลือ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เหลือในร่างกายจากงานปาร์ตี้ปีใหม่เมื่อคืนจึงทำให้ปวดหัวหนักจนต้องทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงอีกรอบ หัวสมองอันหนักอึ้งพยายามนึกถึงความฝันที่เพิ่งผ่านมา เขากับใครสักคนที่เรียกว่าพี่หมอกำลังฉลองวันปีใหม่ด้วยกันที่ประเทศญี่ปุ่น มันเป็นฝันที่ช่างชัดเจนและเหมือนจริง ทุกๆอย่าง ทั้งอารมณ์ สัมผัส และความรู้สึกยังติดค้างมาจนถึงตอนนี้

 

มันอาจฟังดูเหลือเชื่อหากภาพจะบอกว่าฝันครั้งนี้เป็นฝันที่ต่อเนื่องมาจากเมื่อวาน ซึ่งต่อเนื่องมาจากเมื่อวานซืน ที่ต่อเนื่องมากจากเมื่อวานของเมื่อวานซืน และต่อเนื่องมาจากเมื่อวานของเมื่อวานของเมื่อวานซืน

 

เอาล่ะ มันอาจจะดูงงๆ

 

ซึ่งตัวเขาเองก็ยังงง

 

กับความฝันที่ต่อเนื่องมาตลอด 1 ปีเต็ม

 

เรื่องราวของเขาและผู้ชายที่ชื่อพี่หมอ

 

ความรักอันแสนอบอุ่นที่นึกถึงทีไรก็ชวนเลี่ยนหัวใจ

 

แต่ถึงอย่างนั้น

 

ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย

 

ว่าภาพวาดกำลังตกหลุมรัก

 

พี่หมอในฝันคนนั้น

 

ผู้ชายที่ไม่มีจริง

 





       #คุณในฝัน
        พึ่งลองลงนิยายครั้งเเรก ยังงงๆกับเว็บอยู่บ้าง ฝากตัวด้วยนะคะ
 
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 2 (8/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 08-02-2018 23:02:27
(http://image.free.in.th/v/2013/is/180208040810.jpg) (http://picture.in.th/id/9e9a02193e914f390a14cdf425567c79)


- 2 -

ครืดๆ

 

เสียงแจ้งเตือนทำให้ภาพวาดที่กำลังเมาค้างต้องเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือตรงหัวเตียงขึ้นมาเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวในโซเชี่ยลมีเดีย เป็นปกติที่จะมีแจ้งเตือนเด้งมาถี่ๆหลังจากเพิ่งผ่านปาร์ตี้สุดเหวี่ยงเมื่อคืนมา ส่วนมากก็เป็นการแท็กรูปและวีดีโอนี่แหละ ทั้งรูปหลุดของเพื่อนๆในแก็ง หรือวีดีโอที่ใครบางคนเมาแล้วคึกถอดเสื้อวิ่งรอบร้าน

 

คิดถึงบรรยากาศแบบนี้ชะมัด

 

ตั้งแต่เรียนจบมาเพื่อนๆเขาก็แยกย้ายกันไปทำงาน จะหาเวลาเจอกันทีแบบครบทีมเนี่ยโคตรของโคตรยากเลย ถ้าเป็นวันปกติโทรศัพท์เขาคงมีแต่แจ้งเตือนอีเมลล์สั่งงานอย่างเดียว เด้งถี่ๆแบบนี้ไม่มีซะหรอก

 

ภาพวาดทำงานเป็นฟรีแลนซ์เกี่ยวกับพวกกราฟฟิคดีไซน์ เขารับทำทุกอย่างนั้นแหละ ตั้งแต่ฉลากไม้จิ้มฝันไปจนโปสเตอร์งานใหญ่ๆ ยังดีที่มีฝีมือพอตัวและมีคอนเนคชั่นเยอะ ทำให้พี่ๆคอยป้อนงานให้ตลอด ถึงบางทีอาจจะเป็นงานฟรี-อีก-แลนซ์ ก็ตาม วันๆก็นั่งทำงานอยู่หน้าคอมในห้องเหลี่ยมๆคนเดียว เขี่ยๆเม้าส์ปากกาในมือคนเดียว กินข้าวแช่แข็งคนเดียว ดูทีวีคนเดียว พูดคนเดียว นอนคนเดียว

 

ให้ตายสิ

 

แม่งโคตรเหงาเลยว่ะ

 

‘ไอ้ภาพอย่าลืมเรื่องบทที่คุยไว้เมื่อคืนนะเว้ย เดี๋ยววันอาทิตนี้กูเข้าไปคุยด้วยอีกที’

 

ข้อความจากพี่เอกรุ่นพี่สนิทเด้งขึ้นดึงความสนใจ เราเจอกันที่ปาร์ตี้เมื่อวาน พี่เขาเป็นพี่ชายของไอ้โอมเพื่อนสนิทในกลุ่มสมัยเรียน พี่เอกมาขอให้ภาพเขียนบทหนังสั้นเพื่อส่งประกวดให้ เอาจริงๆเขาไม่มีความรู้เรื่องเขียนบทหรืออะไรแบบนี้หรอก แต่ตอนเรียนดันเผลอๆเสนอไอเดียแล้วต้องตาพี่แกเข้า จับพลัดจับพลูมาเขียนบท แล้วดันฟลุคได้รางวัลซะอย่างนั้น ไอ้ตัวเขาก็ยังงงตัวเองอยู่เหมือนกันว่ากูไปมีพรสวรรค์อะไรแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ดันเผลอรับปากพี่เอกไปเรียบร้อย

 

คอนเซ็ปต์คือรักไม่ได้

 

พูดแล้วอยากเอาเรื่องตัวเองไปเขียนชะมัด

 

ชายหนุ่มที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์หลังจากที่ตกหลุมรักผู้ชายในฝัน

 

ตลกร้ายเหี้ยๆ

 

พูดถึงเรื่องฝันเขาก็กลุ้มใจขึ้นมาอีก มันแปลกแบบโคตรแปลกเลยที่คนเราจะฝันเป็นเรื่องเป็นราวติดต่อกันได้ขนาดนี้ จะว่าเขาป่วยทางจิตก็ไม่น่าจะใช่ เพราะทุกอย่างแลปกติมากตอนตื่นนอน เขายังใช้ชีวิตได้ปกติ กิน นอน ทำงาน เข้าสังคมได้ทุกอย่างเหมือนเดิม จะว่าโหยหาความรักก็ยิ่งไม่น่าใช่ ถึงจะยอมรับว่าแอบเหงาอยู่หน่อยๆก็เถอะ

 

จริงๆภาพวาดค่อนข้างคาใจและแทบเป็นบ้าไปเลยช่วงแรก เขาถึงขนาดไปตามหาคนในฝันคนนั้นที่โรงพยาบาล เนื่องจากเรื่องราวทุกอย่างมันชัดเจนมากเขาจึงจำได้แม้แต่รายละเอียดยิบย่อย จำได้ว่าเขาสองคนเจอกันที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง ภาพจะเป็นฝ่ายมานั่งรอพี่หมอเลิกงาน คาดว่าน่าจะรู้จักกันเพราะพี่หมอทำงานอยู่ในโรงพยาบาลมหาลัยที่เขาเรียนนี่แหละ พอคิดได้ก็รีบบึ่งรถไปโรงพยาบาลทันที แล้วผลเป็นไงน่ะหรอ

 

เขาจำชื่อพี่หมอไม่ได้

 

ไม่สิ

 

เรียกว่าไม่เคยรู้เลยดีกว่า

 

ก็ใครใช้ให้ในฝันเอาแต่เรียกพี่หมอๆกันเล่า หมอไหนจะรู้มั้ยวะ ถึงจะฟังดูแปลกๆที่ฝันถึงคนๆนึงมาเป็นปีแต่ไม่รู้จักชื่อเขา แต่ภาพก็ยอมรับแต่โดยดีว่าเขาไม่รู้จริงๆ ทำยังไงก็นึกไม่ออก  แล้วแม่งก็โคตรบ้าเลยที่ภาพพยายามอธิบายรูปร่างหน้าตาของพี่หมอเป็นวรรคเป็นเวรกับพี่พยาบาลสาว แต่สรุปคือพี่หมอที่สูงๆ ผิวขาวเหลือง หน้าคมๆ ตาสีน้ำตาลอ่อนๆไม่มีอยู่ในแผนกโรคหัวใจของโรงพยาบาลนี้น่ะสิ

 

ไม่ มันยังไม่จบแค่นั้น ภาพไปนั่งเฝ้าที่แผนก เดินๆ นั่งๆ ชะเง้อคอมองอยู่หนึ่งอาทิตย์เต็ม ทั้งหาข้อมูลเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลแล้วก็ไม่เจอ ถึงได้ทำใจว่าเขาคงเพ้อไปเอง คนในฝันมันจะมีอยู่จริงๆได้ยังไงเล่า

 

ตอนนี้ก็พยายามทำใจให้ชินกับฝัน และทำใจให้ชินกับการอกหักครั้งแรกในชีวิต ถึงมันจะดูบ้าบอแต่พี่หมอเนี่ยรักแรกของไอ้ภาพวาดคนนี้เลย ถ้าไม่นับน้องกิ้บซี่ตอนป.สี่ล่ะนะ

 

คิดไปคิดมามือก็ไถหน้าไทม์ไลน์ในโซเชี่ยลไปเรื่อยๆ เขาพอจะคิดบทคร่าวๆให้พี่เอกได้แล้วแหละ แต่แล้วมือบางก็ชะงักค้าง ใจกระตุกวูบ ตาของภาพวาดเบิกกว้างเมื่อสะดุดกับสเตตัสหนึ่ง

 

มันเป็นโพสของผู้หญิงสวยๆในเฟสบุ้คที่เขาแอดเธอไปเมื่อไรก็จำไม่ได้

 

แต่ที่สำคัญกว่านั้น

 

มันเป็นรูปคู่ของเธอกับแฟนในวันปีใหม่

 

มันคงจะเหมือนรูปคู่รักทั่วๆไป

 

และคงไม่แปลกเลย

 

ถ้าในรูปนั้นไม่ใช่เทศกาลปีใหม่ที่ญี่ปุ่น

 

ที่บรรยากาศมันเหมือนกับในฝันเมื่อคืนของเขา

 

แบบเป๊ะๆเลย

 



       #คุณในฝัน
หัวข้อ: Re: คุณในฝัน || บทที่ 2 (2/8/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เรื่องส่วนตัวนะ ที่ 09-02-2018 16:34:37
 :katai2-1:  รอพี่หมอจ้าา o13
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 3 (9/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 09-02-2018 20:07:29
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/180209011007.jpg) (http://picture.in.th/id/eeaf27e95ab282e7baab273613e17c8f)


- 3 -


       วันอาทิตย์มาถึงเร็วกว่าที่คิด วันนี้ภาพมีนัดคุยงานเรื่องบทหนังสั้นกับพี่เอก พวกเขานัดกันไว้ที่ร้านกาแฟในห้างแห่งหนึ่งในตัวเมือง ภาพมาถึงก่อนเวลาประมานสิบห้านาที เขาจึงสั่งน้ำส้มปั่นมาหนึ่งแก้วเพื่อรอเวลาระหว่างที่คนอื่นกำลังเดินทางมาถึง เนื่องจากภาพแพ้กาแฟพอมาที่ร้านทีไรก็มีแต่เมนูชาไม่ก็สมูตตี้ผลไม้นี่แหละที่กินได้ ถึงแม้ว่าเขาจะชอบกลิ่นกาแฟมากก็ตาม มันน่าเศร้าอยู่หน่อยๆนะ เห็นอยู่ตรงหน้าแท้ๆกลิ่นหอมก็ยั่วยวนเสียเหลือเกินแต่ดันกินไม่ได้ เอาจริงๆมันก็เป็นอุปสรรคต่อการทำงานหามรุ่งหามค่ำของเขาพอสมควร ชีวิตนี้คงพึ่งได้แต่เครื่องดื่มชูกำลังอย่างพี่กระทิงแดงกับเอ็มร้อยเท่านั้นแหละ

 

นั่งรอพี่เอกไปก็คิดอะไรเพลินๆ ทบทวนเรื่องในฝันเมื่อคืนไป มันไม่มีอะไรมาก หลังจากวันปีใหม่เขาและพี่หมอก็เที่ยวกันต่อที่ญี่ปุ่นอีกนิดหน่อย พอกลับไทยก็แยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคน ส่วนเรื่องสเตตัสรูปงานปีใหม่ของผู้หญิงคนนั้น ภาพคิดว่าเขาคงอาจจะเคยเห็นจากที่ไหนสักที่จนเก็บเอาไปฝัน ถึงแม้จะค่อนข้างแน่ใจก็เถอะว่าเขาไม่เคยเห็นงานนี้มาก่อนก็ตาม

 

“ว่าไงมึง มาเร็วจังวะ”

 

 รอไม่นานพี่เอกที่เพิ่งมาถึงก็เดินมาทักทาย พ่วงด้วยพี่แอนและพี่เข้มทีมงานหนังของพี่แกที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย เนื่องจากเป็นบทหลักของเรื่องเลยต้องมีหลายๆฝ่ายมาช่วยออกความเห็น ต้องทำให้ทุกฝ่ายพอใจนี่แหละงานมันถึงจะออกมาดี ภาพมีหน้าที่เสนอไอเดียของบทคร่าวๆ ลักษณะตัวละคร และการดำเนินเรื่อง ส่วนเรื่องการขัดเกลาบท การหาข้อมูลแบบจริงจังและสตอรี่บอร์ดจะเป็นหน้าที่ของพี่แอนที่มืออาชีพกว่ารับไป เหมือนภาพแค่เป็นคนเสนอพล็อตเรื่องเฉยๆอะนะ เขาคิดว่าอย่างนั้น จริงๆให้คนอื่นคิดก็ได้แหละ ตำแหน่งของเขาในทีมมันออกจะแปลกและไม่จำเป็นซะด้วยซ้ำ แต่พี่เอกแกดูจะฝังใจและชื่นชมกับไอเดียของเขาซะเหลือเกิน แถมพี่แอนก็ตัน คิดไอเดียไม่ออกอีก ซึ่งนี่แหละจึงเป็นที่มาของการรับจ๊อบพิเศษของเขา

 

“อะไรทำให้อยู่ๆคุณพ่อลูกสองอย่างมึงอยากกลับมาทำหนังสั้นวะ” พี่แอนถามขึ้นมา ซึ่งผมก็อยากรู้เหมือนกัน พี่เอกแกจบด้านภาพยนตร์มา แต่ก่อนก็ไฟแรงทำนู้นประกวดนี่เยอะไปหมด แต่พอมีลูกแล้วพี่แกก็ผันตัวไปเป็นคุณพ่อเต็มตัว รักลูกยิ่งชีพ แต่ก็นะเจ้าสองแฝดก็น่ารักใช่ย่อยซะที่ไหน จะหลงลูกก็ไม่แปลก

 

“ ก็ตอนกูไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้ลูกค้าเขาแนะนำร้านนึงมา บอกว่าบรรยกาศดีสัส มันเป็นบาร์ชิวๆริมเจ้าพระยาอะ ตรงข้ามเป็นวัดอรุณ แม่งวิวสิบล้านที่แท้ทรู แล้วยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกนะมึง โรแมนติคเหี้ยๆ แต่กูว่ามันก็เหงาๆด้วยไง แบบหลายอารมณ์กูก็พูดไม่ถูก คือสรุปแม่งสวย ไฟในตัวกูที่มันเคยมอดดับไปเลยปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ฮ่าๆๆๆๆ” แลพี่เอกจะอินจริงๆนั้นแหละ อีกอย่างสำหรับพี่เอกคือพี่เขากลับมาสานต่อเวดดิ้งสตูดิโอของที่บ้าน หน้าที่พี่แกก็ถ่ายรูปทำคลิปพรีเวดดิ้งทั่วไป พ่วงด้วยไอ้โอมเพื่อนสนิทของภาพที่ทำหน้าที่ออกแบบการ์ดและแบคดรอปงาน เมียพี่แกมีหน้าที่คอยจัดการติดต่อลูกค้าอะไรก็ว่าไป ธุรกิจครอบครัวสุดๆ

 

“หมายความว่าในหนังต้องมีฉากที่ร้านนั้นด้วยใช่มั้ย”

 

“แน่นอน ธีมหลักเลย กูอยากให้ฉากส่วนใหญ่อยู่ที่ร้านนั้นด้วย  คุยกับน้องมันไว้แล้ว ไว้ว่างๆกูจะพาไปแดกเพิ่มความอิน”

 

คุยงานกันไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีก็เกือบเย็นแล้วพวกเขาจ่ายเงินค่ากาแฟแล้วก็เตรียมตัวแยกย้ายกัน ไอเดียวันนี้ยังไม่เป็นที่ถูกใจของคนในทีมเท่าไหร่เนื่องจากบทที่ภาพเสนอไปมันค่อนข้างที่จะธรรมดาไปเสียหน่อย คงต้องกลับไปทำการบ้านไม่ก็หาแรงบัลดาลใจเพิ่มเติม

 

“เดี๋ยวกูไปรับลูกเรียนพิเศษ ไอ้เข้มมึงผ่านแถวบ้านไอ้ภาพยังไงกูฝากไปส่งน้องมันด้วยแล้วกัน ไปและ บาย” พี่เอกพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ไม่รอคำตอบใดๆเดินฉับๆไปที่รถทันที

 

“คือ เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้ครับ ลำบากพี่เปล่าๆ “

 

“ไม่เป็นไร ยังไงก็ทางเดียวกัน ไม่ลำบากอะไรหรอก “

 

 เอิ่มม จะว่าไงดีล่ะ ภาพรู้จักกับพี่เข้มมาหลายปีเนื่องจากพี่เขาเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับพี่เอก แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะพี่เข้มเป็นคนนิ่งๆ กลัวจะไปรบกวนพี่เขาน่ะสิ

 

“แต่คือ … “

 

“รถอยู่ชั้น 4 ตามมา” โอเคไปก็ได้

 

 บรรยากาศในรถอึดอัดเหมือนที่คิดไว้จริงๆ แล้วไอ้รถเนี่ยจะติดไปถึงไหนวะ อึดอัดโว้ยยย เอาล่ะ ต้องหาอะไรคุยสินะ อะไรดีวะ พี่เข้มทำผมร้านไหนผมแลสุขภาพดีจังเลยนะครับงี้หรอ ให้ตาย เขาไม่ถนัดชวนคนคุยเลย

 

“พี่เข….”

 

“ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ล่ะ”

 

“อ่อ ก็ฟรีแลนซ์น่ะครับ รับงานทั่วๆไป “

 

“หรอ”

 

“ครับ”

 

“…..”

 

 

“….”

 

 

“….”

 

 

เงียบ

 

 

“แล้วพี่เข้มล่ะครับ”

 

“ทำพวกเว็บดีเวลลอปเปอร์น่ะ ออกเเบบแล้วก็ทำเว็บประมาณนั้น พอดีพอมีพื้นฐานนิดหน่อย”

 

“ไม่ตรงสายเลยนะครับ แหะๆ”

 

“นั้นสิ บางครั้งเรามีฝัน แต่นานไปก็รู้ว่าโลกแห่งความจริงมันไม่ง่ายอย่างงั้น”

 

“แต่ที่มาช่วยพี่เอกทำหนังนี่ก็เพราะยังอยากตามฝันอยู่รึเปล่าครับ”

 

“ก็ประมาณนั้นแหละ บางครั้งงานมันจำเจก็ต้องหาอะไรอย่างอื่นทำบ้าง ช่วงนี้ไม่ค่อยยุ่งด้วย”

 

“ฮ่าๆ จริงครับ งานผมนี่โคตรน่าเบื่อเลย ถึงจะเป็นงานที่ชอบก็เถอะ ทำๆไปมันก็มีเหนื่อยบ้าง”

 

“ได้ทำงานที่ชอบก็ยังดีกว่าทำงานที่ไม่ชอบนะ”

 

คุยไปคุยมาพี่เข้มแกก็ไม่ได้เข้าถึงยากอะไรขนาดนั้นนี่หว่า

 

“แล้วเราเอาแต่ทำงานหนักแบบนี้มีแฟนรึยัง”

 

“ยังครับ แหะๆ”

 

“งั้นหรอ โทษทีถามเรื่องส่วนตัวไปหน่อย”

 

“ไม่เป็นไรครับ แต่ว่า ก็มีประมาณคนที่ชอบไรงี้แล้วแหละครับ พี่เข้มล่ะ”

 

“เพิ่งเลิกกันไปประมาณครึ่งปี”

 

“อ้อ ครับ”

 

“….”

 

 

“คือพี่เข้มครับ พี่คิดว่าคนเราจะหลงรักคนในฝันอะไรแบบนี้ได้มั้ยครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ภาพเอ่ยถามออกไปแบบนั้น เพราะนอกจากโอมเพื่อนสนิทของเขา ภาพก็ไม่เคยเล่าเรื่องในฝันให้ใครฟังอีกเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อหลายอย่างที่เขาเจอมาช่วงนี้เลยทำให้อยากระบายกับใครสักคนล่ะมั้ง

 

“ทำไม ได้พล็อตหนังใหม่งั้นหรอ”

 

“เปล่าครับคือว่า.. เห้ยพี่เข้มระวัง !!!”

 

เอี๊ยดดดด

 

โครมมมม!!

 

รถของพวกเขาถูกกระแทกอย่างแรงจากรถคันข้างๆที่พยายามจะแซงซ้ายขึ้นมาแต่ไม่พ้น ทำให้รถของพวกเขาเสียหลักพุ่งกระแทกขอบถนนอย่างแรง โชคดีที่ความเร็วไม่มากนักเพราะเพิ่งเลยจากจุดที่รถติดมาภาพจึงแค่มึนๆเพราะศีรษะกระแทกและบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ดูเหมือนพี่เข้มจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เนื่องจากรถถูกกระแทกจากฝั่งของพี่เขาเต็มๆ

 

“พี่เข้มเป็นอะไรมากมั้ยครับ”

 

“เจ็บแขนสัส คิดว่าแขนน่าจะหักไม่ก็ไหล่หลุดเนี่ยแหละ ซี้ดดด ขับรถเหี้ยไรของมันวะ แล้วนี่เป็นอะไรรึเปล่า”

 

“ผมไม่เป็นไร เห้ยหัวพี่เลือดออก แปปนึงนะครับเดี๋ยวผมปลดเข็มขัดออกก่อนแล้วเช็ดให้”

 

ไม่นานนักรถโรงพยาบาลและประกันก็มาถึง หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสร็จเรียบร้อยเเล้วภาพกับพี่เข้มก็ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลใกล้ๆ ภาพแค่ตรวจเช็คนิดหน่อยก็เสร็จ แต่คนพี่นี่สิคงต้องใส่เฝือกไปอีกนาน

 

“แขนเป็นแบบนี้แล้วพี่จะทำงานยังไงล่ะครับ”

 

“เห้ออ ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน พรุ่งนี้คงเข้าไปคุยกับหัวหน้าแหละ ซวยชิบหาย โทษทีนะพามาซวยด้วยกันเลย “

 

“เห้ยพี่อย่าคิดมาก ผมก็ไม่ได้เป็นไรสบายดี ห่วงตัวเองเถอะครับ”

 

“ เดี๋ยวกูต้องอยู่ดูอาการอีกหน่อยมึงกลับไปเลยก็ได้ ” อยู่ดีๆก็ขึ้นมึงกูกับเขาซะงั้น แต่ภาพก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย

 

“ไม่เป็นไร ผมอยู่รอ แต่ขอไปเข้าห้องน้ำแปปนึงครับเดี๋ยวกลับมา “

 

ภาพเดินมาตามโถงทางเดินในโรงพยาบาล เข้าห้องน้ำเสร็จเขาก็เดินไปหาซื้อของที่เซเว่นข้างๆตึกไว้แก้หิว เขาค่อนข้างจะชินทางเพราะเขามาอยู่บ่อยครั้ง

 

ในฝันน่ะนะ

 

ใช่ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเดียวกับที่พี่หมอในฝันของเขาทำงานอยู่ อีกหนึ่งเรื่องแปลกประหลาดคือทุกอย่างมันเหมือนในฝันอย่างกะถอดออกมา ทั้งทางเดิน ต้นไม้ หรือเซเว่นข้างหน้า ภาพชินซะแล้วล่ะกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติแบบนี้ แม้มันไม่ควรจะชินก็ตาม

 

“ทั้งหมด 176 บาท  รับมาพอดีนะคะ “

 

“ค่า”

 

ภาพหันไปมองคุณหมอผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเพิ่งจ่ายเงินที่แคชเชียร์เสร็จ ในมือมีกาแฟแก้วใหญ่ เธอช่างดูคุ้นตาแต่เขาก็นึกไม่ออก ภาพหยิบของทั้งหมดมาจ่ายเงินบ้าง พยายามนึกถึงหมอผู้หญิงคนนั้นที่เดินจากไปแล้วสักพัก เธอเป็นหมอหน้าตาดี ผิวขาวอมชมพู ไม่สูงไม่เตี้ยจนเกินไป

 

คุ้นมากๆ

 

ใครวะนึกไม่ออก

 

มันเหมือนติดๆอยู่ในหัว

 

เชี่ย !!

 

“พี่ครับ ผมไม่เอาแล้ว นี่เงินค่าของเสียที่เวฟไป ขอโทษด้วยครับพอดีผมรีบ”

 

ภาพวางแบงค์ห้าร้อยไว้ก่อนจะวิ่งออกมาจากเซเว่น มองซ้ายมองขวาพยายามหาคุณหมอผู้หญิงคนนั้นแต่ก็หาไม่เจอ เหมือนจะจำได้ว่าเธอเดินเลี้ยวไปในตึกที่เขาเพิ่งจากมา ภาพวิ่งตามไป เขาวิ่งวนไปทั่วพยายามหาคนที่ใส่ชุดกาวน์สีขาวแต่ก็หาพี่แพรวไม่เจอ

 

ใช่ คุณหมอคนนั้นชื่อแพรว

 

ภาพจำได้

 

ผู้หญิงคนนี้

 

แฟนเก่าของพี่หมอ

 

 


#คุณในฝัน

สวัสดีอย่างเป็นทางการค่ะทุกคน

ตอนนี้จะเป็นตอนที่ค่อนข้างยาวจากตอนก่อนๆเเละก็จะเริ่มเข้าเรื่องอย่างจริงจังเเล้วเนอะ

หลังจากที่เราเกริ่นกันมามากมาย 55

ตอนเเรกเรากลัวไม่มีคนอ่านมากเลย เเต่พอเห็นยอดวิวขึ้นก็พอชื่นใจ

เม้นเป็นกำลังใจกันได้นะคะ





- สีฝุ่น -
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 3 (9/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-02-2018 21:48:04
พี่หมอค่าตัวแพงเหลือเกิน โผล่มาแต่ในฝัน
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 3 (9/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 10-02-2018 12:00:03
โอ้โห มาแล้วครับ ร่องรอยพี่หมอมาแล้วคนับ!
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 3 (9/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เรื่องส่วนตัวนะ ที่ 10-02-2018 12:39:51
พี่หมอไม่เจอ  แต่ดันเจอแฟนเก่าพี่หมอซะงั้น  สืบด่วนๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 3 (9/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-02-2018 13:52:53
ตามกันต่อไป
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 4 (11/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 11-02-2018 20:47:30
(http://image.free.in.th/v/2013/ir/180211014520.jpg) (http://picture.in.th/id/1e1296ffaef9e50dbedad573635a4857)


- 4 -



‘พี่หมอ นี่ใครอะ ผมเห็นทักมาหลายรอบและ‘

 

ภาพส่งมือถือของพี่หมอที่มีแจ้งเตือนข้อความของผู้หญิงคนนึงค้างไว้ให้เจ้าของดู

 

‘ ชื่อแพรว แฟนเก่าพี่เอง เลิกกันไปตั้งนานแล้วไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงทักมา แต่พี่ก็ไม่ได้ตอบนะ ‘

 

‘คุณหมีทำไมไม่ตอบแพรวเลย คุณหมีแพรวมีเรื่องอยากคุยด้วย คุณหมีๆๆๆๆ ‘ ภาพอ่านข้อความแชทของผู้หญิงคนนั้นพร้อมบีบเสียงเล็กเลียนแบบ สวีทกันนักนะ คุณหมีอะไรกันล่ะ นี่มันคุณหมอไม่ใช่คุณหมี!!

 

‘หึงหรอครับ’ ‘

 

‘เป็นพี่หมอจะหึงมั้ยล่ะครับ แฟนเก่าทักแชทมาซะหวานแบบนี้ ‘

 

‘ โถ่วว เรื่องมันก็จบไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ก็มีแค่เราคนเดียว แฟนหึงโหดแถมน่ารักแบบนี้จะกล้านอกใจได้ยังไงละหืมม ‘

 

เหอะ ปากหวานซะจริงนะครับคุณหมอ ภาพกดเข้าไปดูรูปแชท เลื่อนๆดูโปรไฟล์หลักในแอปพลิเคชั่นของคุณแฟนเก่า เห็นว่าน่าจะเรียนหมอที่เดียวกัน หน้าตาน่ารักใสๆออกแนวคุณหนู ดูแล้วก็เหมาะกับพี่หมอดี สวยหล่อแถมฉลาดทั้งคู่ แต่ยังไงก็สู้ภาพไม่ได้หรอก นี่เขาไม่ได้อวยตัวเองนะ แค่ภาพค่อนข้างจะมั่นใจในพี่หมอมากพอ

 

พี่หมอเอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์กลับไป กดยุกยิกๆแล้วก็หันหน้าจอที่ขึ้นว่าได้บล็อกคุณหมอแพรวไปแล้ว

 

‘บล็อกแล้วครับ ไม่โกรธแล้วเนอะ’

 

‘ไม่ได้โกรธสักหน่อย พี่คิดไปเองแล๊วววว’

   

‘แหนะ มีเสียงสูงซะด้วย‘

 

‘ว่าแต่เขาทักพี่มาทำไมล่ะครับ‘

 

‘ทักมาขอคืนดีอะ จบกันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่’

 

‘เขาจับได้ว่าพี่หมอไม่ชอบอาบน้ำอะดิ ’

 

‘มั่วแล้วเว้ย พี่รักสะอาดจะตาย เลิกกันเพราะโดนนอกใจต่างหาก แพรวไปมีแฟนใหม่ เป็นคนไข้ VIP ที่เขาดูแลนั้นแหละ’

 

‘ผิดคาดแหะ ’

 

‘ทำไม คิดว่าพี่เป็นฝ่ายทิ้งรึไง ‘

 

‘ ก็มันดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า ‘

 

‘ พี่ก็แก่แล้วนะคบใครก็คบจริงจัง รักก็รักจริงไม่มีนอกใจหรอกรู้มั้ย ฮึ ‘ พูดพร้อมเอามือยีหัว

 

‘ เข้าใจแล้วน่า เลิกปากหวานซะที ‘

 

ภาพใจสั่นไปหมดแล้วไม่รู้รึไง จริงๆแล้วภาพก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก ยอมรับว่าก็มีอารมณ์แบบอะไรวะบ้างตอนที่รู้ว่าเป็นแฟนเก่าทักมา แต่เขาไม่ใช่คนงี่เง่าขนาดนั้น ถ้าคุยกันด้วยเหตุผลแล้วเคลียร์ภาพก็โอเค เรื่องมันก็จบไปนานนมแล้ว ทั้งคุณหมอหมีและคุณหมอแพรว

 

   

     .

     .

     .

   

พี่แพรวไปอยู่ตรงไหนของเขากันนะ ภาพวิ่งไปมาจนเหนื่อย สุดท้ายก็ต้องนั่งพักพร้อมยกน้ำขวดที่เพิ่งไปซื้อมาอีกรอบขึ้นมาดื่ม วันนี้เขาคงต้องพักเรื่องพี่หมอแพรวไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยลองมาหาใหม่ พี่เข้มก็รออยู่ด้วย ไว้ไปส่งพี่เขาที่บ้านเสร็จค่อยมาคิดอีกที

 

ภาพเดินกลับมายังแผนกของผู้ป่วยฉุกเฉิน เห็นพี่เข้มใส่เฝือกนั่งคุยอยู่กับคุณหมอชุดขาวคนหนึ่งที่กำลังหันหลังอยู่ ภาพจึงเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วเอ่ยทักทาย

 

“สวัสดีครับคุณหม..พี่แพรว!!!”

 

“เอ๊ะ” คุณหมอสาวสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อภาพเอ่ยอย่างตกใจเมื่อได้เห็นหน้าคุณหมอที่เขาเพิ่งวิ่งตามไปทั้งตึก บทจะเจอก็เจอง่ายๆเลยให้ตายสิ

 

“พี่แพรวใช่มั้ยครับ” ภาพเอ่ยถามด้วยเสียงระดับปกติเมื่อคิดได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองคงเสียงดังจนไปรบกวนคนอื่นเข้า

 

“เอ่อ……ไม่ใช่ค่ะ” คุณหมอแลจะดูอึ้งๆไปนิดนึง

 

“นี่พิม แฟนเก่ากูเองที่เล่าให้ฟัง” พี่เข้มตอบคำถามแทน

 

“อ่อครับ ขอโทษทีครับผมอาจจะจำคนผิด แหะๆ”

 

“มันคงหัวกระแทกจนเบลอหน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

 

“หรอ เคๆ แล้วนี่เข้มจะกลับรึยัง พิมออกเวรพอดีให้ไปส่งมั้ย “

 

“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรากลับแท็กซี่กับน้อง ไม่รบกวนหรอก “

 

“ โอเคได้ ยังไงถ้ามีอะไรให้ช่วยติดต่อเราได้ตลอดนะ”

 

“ขอบใจมาก ไปกันมึง“ พอคุยกับคุณหมอพิมเสร็จพี่เข้มก็หันมาชวนเขากลับ แม้ภาพจะคาใจอยู่เพราะหน้าตาที่เหมือนกัน แต่ถ้าคนละชื่อก็คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกมั้ง ซึ่งถ้าเป็นคนเดียวกันก็คงจะหลอนกันเกินไปหน่อย เขาอาจจะได้เปลี่ยนชื่อเป็นภาพญาณทิพย์ก็คราวนี้

 

“ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ไปส่งพี่ที่บ้าน” เนื่องจากพี่เข้มส่งรถไปเคลมที่อู่ ทำให้ตอนนี้เขาสองคนไร้ซึ่งยานพาหนะ

 

“ ไม่เป็นไรกูกลับเองได้ แต่ก่อนกลับแวะแดกข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อยแล้วกัน หิวชิบหาย”

 

ตกลงกันได้พวกเขาก็พากันมานั่งอยู่ที่ร้านข้าวต้มแถวโรงพยาบาล ตั้งแต่รถชนจนมาถึงตอนนี้ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง จากฟ้าที่ใกล้มืดตอนนี้กลายเป็นมืดเต็มที่ มีเพียงไฟจากถนนและร้านค้าที่คอยส่องแสงสว่าง เขากับพี่เข้มสั่งข้าวต้มกันมาคนละถ้วย นั่งเป่านั่งกินกันไป

 

“ มึงดูตกใจมากนะตอนเจอกับพิม เคยเจอกันหรอ”

 

“พูดว่าเคยเจอคนหน้าเหมือนจะดีกว่าครับ”

 

“งั้นหรอ”

 

“ แบบว่า พี่เขาหน้าเหมือนแฟนเก่าคนที่ผมชอบน่ะครับ “

 

“ อ่าฮะ อย่างนี้นี่เอง”

 

“…”

ตั้งแต่เจอพิมกูว่าหน้ามึงแลเครียดๆนะ มีอะไรอยากเล่ารึเปล่า ถึงกูจะชอบเสือกแต่กูไม่ใช่คนปากมากหรอก “

 

“ คือผมก็อยากเล่านะ แต่ผมกลัวว่าพี่จะหาว่าผมเป็นบ้า “

 

“ ไม่เป็นไร ดีซะอีก ถ้ามึงเป็นบ้าจริงกูจะได้ช่วยโทรเรียกศรีธีญญาให้ไง “

 

“ ฮ่าๆ โอเคเล่าก็เล่า เห็นแก่ที่พี่อยากรู้นะ “

 

“มึงไม่ได้ว่ากูเสือกอยู่ใช่มั้ย “

 

“ บ้าพี่ คิดม้ากกกกกก ”

 

“สัส เดี๋ยวตบด้วยชามข้าวต้ม “

 

พี่เข้มนี่ตอนแรกเหมือนจะขรึม แต่พอรู้จักจริงๆแล้วกวนตีนชิบหาย แถมยังเป็นสายเผือกพอๆกับไอ้โอมเพื่อนเขาเลย หลอกให้เกร็งมาตั้งหลายปี ไม่รู้ว่าพวกเขาสนิทจนถึงขั้นหยอกล้อเล่นหัวกันได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยเพราะเพิ่งผ่านวินาทีเฉียดตายด้วยกันมาล่ะมั้ง ก็ดี พี่เข้มดูจะเป็นคนที่ให้คำปรึกษาได้ดีในระดับนึง อย่างน้อยก็พอมีคนรับฟังความสับสนพิสดารของเขาได้บ้าง ภาพวาดเริ่มเล่าเรื่องความฝันของตัวเอง เริ่มตั้งแต่ฝันครั้งแรกจนมาถึงเหตุการณ์แปลกๆที่เขาเจอมาหลายๆครั้ง รวมถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ด้วย

 

“ สรุปคือพิมแฟนเก่ากูคือแฟนเก่าพี่หมอในฝันมึงว่างั้น “

 

“ ผมแค่บอกว่าหน้าเหมือนเฉยๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นพี่เขาสักหน่อย “

 

“ เออนั้นแหละ “

 

“ พี่เริ่มคิดว่าผมบ้ารึยัง  “

 

“ ไม่หรอก กูคิดว่าแม่งออกจะหลอนๆด้วยซ้ำ ”

 

“ ผมควรไปรับจ็อบแข่งกับพี่บิว จิตสัมผัสมั้ย บางทีอาจจะรุ่ง “

 

“ หน้าอย่างมึงกูว่าไม่น่าช่วยใครได้นะ “

 

“ เหอะ อะไรกัน “

 

“มึงอยากรู้มั้ยว่าทำไมกูถึงเลิกกับพิม”

 

“ ถ้าพี่จะไม่หาว่าผมเสือกผมก็อยากรู้ครับ “

 

“ พิมเขานอกใจกู ไปได้กะคนไข้ VIP ที่โรงพยาบาล “

 

“….”

 

“ เรื่องฟังดูคุ้นๆมั้ย “

 

คุ้นสิ คุ้นมาก ก็เรื่องของพี่เข้มดันตรงกับเรื่องของพี่หมอแบบเป๊ะๆเลยน่ะสิ

 

“ มึงเคยเห็นหน้าแฟนใหม่หมอแพรวมั้ยล่ะ เผื่อเอามาเทียบกันว่าหน้าเหมือนรึเปล่า ถ้าเหมือนกูจะได้เตรียมเขียนกระทู้พันติปรอ”

 

“ ไม่เคยเลย เสียดาย ในฝันผมน่าจะขี้เสือกมากกว่านี้หน่อย “

 

“ แล้วทำไมมึงไม่ลองถามพิมดูว่ารู้จักพี่หมอของมึงมั้ย “

 

“ เออว่ะพี่ ลืมไปเลย ผมคิดแค่ว่าชื่อไม่เหมือนก็คือไม่ใช่ “

 

“ เอ้าไอ้นี่ นี่มันเป็นคำถามไคลแม็กซ์เลยนะเว้ย ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูนัดเจอพิมให้อีกที ยังไงก็ทำงานอยู่โรงพยาบาลนั้นแหละ ไม่ไปไหนหรอก “

 

“ เคพี่ ขอบคุณมากครับ “

 

 

เวลาผ่านไปไม่กี่วัน ไม่ต้องรอให้พี่เข้มโทรนัดใดๆทั้งสิ้น คุณหมอพิมก็มาอยู่ตรงหน้าตอนนี้แล้ว วันนี้ภาพมาหาไอ้โอมเพื่อนสนิทของเขาที่เวดดิ้งสตูดิโอของครอบครัวมัน โอมเป็นน้องของพี่เอกหากยังจำได้ เขาเข้ามาช่วยมันปั่นงานนิดๆหน่อยๆ แต่ใครจะไปคิดกันว่าอยู่ดีๆพี่หมอพิมจะเดินเข้ามาเป็นลูกค้าในร้านซะอย่างนั้น พ่วงด้วยว่าทีคุณสามีที่ภาพคาดว่าน่าจะเป็นคนไข้คนนั้นตามที่พี่เข้มบอก  ดูรวยและภูมิฐานสมคำว่า VIP จริงๆ ราศีความรวยมันทำให้ตาพร่าไปหมด

 

“ เอ๊ะ นี่น้องที่เจอเมื่อวันก่อนกับเข้มนี่ “

 

“ อ่อ สวัสดีครับ ”

 

“ หวัดดีจ้า บังเอิญจังเลยเนอะ “

 

บังเอิญสิ บังเอิญมากไปด้วยซ้ำ

 

“แล้วนี่เข้มเป็นไงบ้างสบายดีใช่มั้ย “

 

“สบายดีครับแข็งแรงดี ”

 

ทักทายพอเป็นพิธีคุณหมอพิมและคุณว่าที่สามีจึงเดินไปคุยงานกับพี่น้ำภรรยาของพี่เอก ไอ้โอมกับพี่เอกสะกิดเขายิกๆ เห็นพี่น้องสองคนทำหน้าอยากรู้อยากเห็นมานาน แต่ยังไม่กล้าถาม

 

“มึงไปรู้จักพี่คนสวยเขาได้ไงวะ”

 

“เขาเป็นแฟนเก่าพี่เข้มไง พี่เข้มเพื่อนพี่เอกอะ ” ภาพตอบพร้อมส่งสายตาไปทางคนที่ถูกพูดถึง

 

“แล้วมึงกับไอ้เข้มไปสนิทกันตอนไหนวะ” พี่เอกถามขึ้นมา พี่แกจะสงสัยก็ไม่แปลก วันก่อนยังดูขัดๆเขินๆกันอยู่เลย วันนี้กลับรู้จักกันถึงขนาดแฟนเก่าเจ้าตัวเข้ามาทัก

 

“ก็วันก่อนที่เราไปคุยงานกันไง ที่พี่ให้ผมติดรถพี่เข้มกลับอะ พอดีรถชนเลยพากันไปโรงพยาบาล แล้วก็ไปเจอพี่พิมเป็นหมออยู่ที่นั้น เลยทักทายกันนิดหน่อย“

 

“เอ้า รถชนทำไมไม่บอกกู“

 

“ผมคิดว่าพี่เข้มบอกพี่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ บาดเจ็บพอเป็นพิธี “

 

“เออ ไม่เป็นอะไรกันมากก็ดีแล้ว“

 

“แต่พี่แกดันมาจ้างร้านเวดดิ้งของเพื่อนสนิทแฟนเก่าเนี่ยนะ ใจแม่งได้ว่ะ ไอ้พี่เอก พี่มึงก็ยังรับทำเนอะแฟนเก่าเพื่อนแท้ๆ “ ไอ้โอมเอ่ยขัดขึ้นมา

 

“อะไรเป็นเงินเป็นทองกูก็เอาหมดแหละ ฮู้วว ช่วงนี้เศษรฐกิจยิ่งแย่ๆอยู่ ”

 

ว่าเข้าไปนั้น จริงๆพิมก็เป็นเพื่อนของเอกเหมือนกันนั้นแหละ เขาเป็นคนแนะนำพิมกับไอ้เข้มเลยซะด้วยซ้ำ แล้วสาวเจ้ามาขอให้ช่วยทำแบบนี้จะปฏิเสธได้ยังไง อีกอย่างไอ้เข้มก็ดูจะไม่ติดใจอะไรแล้ว ช่วงนี้เห็นมันแอบเหล่สาวคนนึงอยู่ เอกก็คิดว่าคงจะทำใจพร้อมกับความรักครั้งใหม่ได้แล้ว ไอ้เข้มมันสตรองจะตายห่า ให้มันเดินเข้างานแต่งพิมตอนนี้ขนคิ้วมันคงไม่กระตุกสักเส้นเลยมั้ง

 

“ ว่าแต่พี่เขารีบแต่งจังเลยเนอะพี่เอก ผมเห็นพี่เขาเพิ่งเลิกกับพี่เข้มมาได้ครึ่งปีเอง “

 

“ จะไม่ให้รีบได้ไง ก็ท้องอะดิ “

 

“ เชดดดดดดดดดดดดด ” ไอ้โอมแลตื่นตาตื่นใจกับการเสือกเรื่องชาวบ้านมาก รู้สึกได้ถึงหางของมันที่กระดิกอยู่อย่างสนใจ และนี่พวกเขาสามคนก็เกาะกลุ่มเม้าท์ทำตัวเป็นสมาคมแม่บ้านไปได้

 

“ พิมคบซ้อนมาปีกว่าแล้ว เรื่องเพิ่งมาแดงตอนไอ้เข้มมันจับได้เนี่ยแหละ เลยเลิกกันไป “

 

“ นี่มันคลับมันเดย์เดอะซีรี่ย์นี่หว่า “ ไอ้โอมนี่ก็ตบทุกประโยคจริงๆ คุยกันต่อไม่นานต่างคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ภาพนั่งช่วยไอ้โอมปั่นงานมันไปเรื่อยๆพลางเล่าเรื่องความเหมือนจนน่ากลัวระหว่างพี่หมอพิมและพี่หมอแพรวให้โอมฟัง ไอ้นี่ได้ฟังก็ตื่นเต้นใหญ่ ต่อมเสือกมันสั่นระริกจนภาพรู้สึกได้ เขาคิดว่าวันนี้แหละคงต้องถามพี่หมอพิมให้รู้เรื่อง จนว่าที่คู่บ่าวสาวคุยกันเสร็จนั้นแหละภาพถึงได้มีโอกาส

 

“ พี่พิมครับ ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยครับ “ คุณหมอหันมองภาพครู่หนึ่งแล้วจึงหันไปหาแฟนของเธอเป็นเชิงขออนุญาตก่อนเขาสองคนจะเดินเยกไปมุมหนึ่งของร้าน

 

“คือพี่พิมพอจะรู้จักพี่หมอคนนึงมั้ยครับ คือเขาน่าจะทำงานที่เดียวกันกับพี่ อายุเท่ากัน ตัวสูงๆ ผิวขาว ตาสีน้ำตาลอ่อน ผมไม่แน่ใจว่าแผนกไหนแต่น่าจะเป็นแผนกหัวใจ”

 

“ เราไม่รู้ชื่อหรอ “

 

“ ไม่รู้เลยครับ “

 

“อืมม เป็นลูกครึ่งหรือคนไทยล่ะ ถ้าหมอผู้ชายที่ตาสีน้ำตาลอ่อนที่เป็นคนไทยแท้ๆพี่ไม่เคยเห็นเลยนะ”

 

“ เป็นคนไทยแท้ๆเลยครับ พี่แน่ใจนะครับว่าไม่รู้จัก “

 

“ อืม…พี่แน่ใจนะว่าไม่เคยเห็นหมอลักษณะแบบนี้เลย “

 

“ โอเคครับ ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ “

 

“ โอเคจ้า ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้นะ “

 

“ครับ ขอบคุณครับพี่ “

 

จบกัน ภาพนึกว่าจะได้เบาะแสหรืออะไรเซอร์ไพร์สักหน่อย

 

“ว่าไงมึง พี่เขาว่าไงบ้าง ” ไอ้โอมเดินมาถามอย่างระริกระรี้เตรียมพร้อมเผือกเต็มที่

 

“พี่เขาไม่รู้จักว่ะ”

 

“โหวว อะไรวะ กูอุส่าห์ลุ้น”

 

“ ถ้าพี่เขารู้จักขึ้นมามึงจะเปลี่ยนจากลุ้นเป็นหลอนไอ้โอม “

 

“แต่มึง กุคิดๆดูแล้วนะ ถ้ามีคนหน้าเหมือนคุณหมอแพรวอะไรนั้นอยู่จริงๆ มันก็เป็นไปได้นะที่จะมีคนหน้าเหมือนพี่หมอของมึงเหมือนกัน“

 

คำพูดของไอ้โอมวันนี้ดูมีสาระที่สุดตั้งแต่คบมันมา

 

และเป็นคำพูดที่ทำให้หัวใจของภาพเต้นแรงขึ้นจนแทบจะหลุดออกจากอก

 

ภาพกำลังมีความหวัง

 

ถ้ามันเป็นไปได้

 

เขาก็มีโอกาสหาพี่หมอเจอใช่มั้ย






#คุณในฝัน
ตอนนี้ยาวขึ้นเเล้วค่า หลังจากที่รู้สึกว่าตอนก่อนๆมันสั้นเกินเเบบสั้นมาก 55
ยังมีคำผิดอยู่บ้างจะพยายามแก้เรื่อยๆค่ะ
ตอนนี้พี่หมอของเรามีซีนนิดหน่อย เเต่ก็ยังค่าตัวเเพงเหมือนเดิม
ตอนหน้าจะมีตัวละครลับโผล่มาให้ตกใจเล่นๆ รอติดตามกันเน้ออ

ปล. ถ้าชอบช่วยเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ เห็นว่ามีคนสนใจงานเราก็มีไฟมาเเต่งต่อ ❤

- สีฝุ่น -
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 4 (11/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-02-2018 21:13:59
พี่หมอไม่โผล่มาในชีวิตจริงเสียทีจนจะคิดว่าที่แท้คือพี่เข้มละนะ ฮา
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 4 (11/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-02-2018 21:25:37
ร่วมลุ้นด้วยคน
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 4 (11/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 11-02-2018 22:52:04
ติดตามค่ะ
อ่านตอนหมอพิมแล้วแอบตกใจ
หรือพี่หมอของน้องภาพจะเป็นพี่เข้มมมมมม

ลุ้นเป็นเพื่อนโอมค่ะ อยากรู้ อยากเจอ อยากเห็นพี่หมอเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 4 (11/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 11-02-2018 23:44:58
ติดตามค่ะ เรื่องจะไปทางไหนต่อ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 4 (11/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เรื่องส่วนตัวนะ ที่ 12-02-2018 21:00:40
เริ่มมีร่องรอยพี่หมอ รึป่าว?  สืบกันต่อยาวๆจ้า  :a5:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 4 (11/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 13-02-2018 02:09:18
สับสนมึนงงไปหมด
หรือจริงๆพี่เข้มคือพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 4 (11/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 13-02-2018 12:17:48
พี่เข้มหรือป่าววววว
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 5 (19/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 19-02-2018 19:38:55
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/180219124139.jpg) (http://picture.in.th/id/fd947e5c598edc9708d6c879aeee8f38)


 
- 5 -

‘วาดครับ ทำไมซื้อเค้กส้มมาเต็มตู้เลย’

 

‘ผมก็ซื้อมากินน่ะสิถามได้’

 

‘มันเยอะเกินไปรึเปล่า กินหมดหรอ’

 

‘กินไม่หมดพี่หมอก็ช่วยกินสิ’

 

‘เราก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบกินส้ม มันเหม็น’

 

‘ เหม็นตรงไหน อร่อยจะตาย  ’

 

‘ น้ำตาลก็เยอะ กินมากไปเสียสุขภาพนะ ’

 

‘ รู้น่า บ่นเยอะจริง ทำตัวเป็นคุณพ่อไปได้ ’

 

‘พี่เตือนก็ฟังๆไว้บ้าง ’

 

‘ค้าบๆ ทราบแล้วค้าบบบบ ’

 

‘แล้วนี่แต่งตัวเสร็จรึยังครับ จะไปงานวันเกิดโอมไม่ใช่หรอ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ’

 

‘เสร็จแล้วๆไปกัน ’

 

 

ภาพวาดเดินออกจากห้อง ปิดประตู สายตาเหลือบมองเลข 2107 ก่อนจะเดินจากไป พวกเขาขึ้นมานั่งบนรถ คาดเข็มขัดเรียบร้อย รถค่อยๆเคลื่อนตัววออกไปก่อนพี่หมอจะหยุดรถตรงป้อมยามตรงทางออก ภาพวาดส่งเค้กส้มหนึ่งกล่องให้คุณยามอย่างที่ทำเป็นประจำ มองบัตรประจำตัว ยามสมพงศ์ โอบอ้อม IDEAL Residence41 Condominium พูดทักทายนิดหน่อยแล้วขับรถมุ่งหน้าสู่งานวันเกิด

 

.

.

.

.

.

 

อื้มมมมมมมมมม

 

ภาพวาดค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมขยับตัวบิดขี้เกียจ พลิกไปพลิกมาอย่างคนไม่อยากจะลืมตาตื่น สายตาหันมองนาฬิกาที่ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่งฟ้าข้างนอกเริ่มมีแสงสว่างจางๆส่องเข้ามาจากผ้าม่านในห้อง ตื่นนอนหลังจากนอนหลับมาสิบชั่วโมงเต็ม อากาศยามเช้านี่มันช่างสดชื่นน่าอภิรมย์เสียจริง

 

สดชื่นกับผีหน่ะสิ

 

นอนสิบชั่วโมงในห้าวัน

 

ยังมีแรงตื่นขึ้นมาได้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว

 

ดวงตาที่ใต้ตาดำเป็นหมีแพนด้าพยายามถ่างตาฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมาทำงานต่อให้ได้หลังจากที่รีบปั่นงานเร่งมาตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ อีกนิดเดียวงานที่ทำค้างไว้ก็จะเสร็จแล้วแต่ภาพกลับวาร์ปตัวเองไปตอนไหนก็ไม่ทราบได้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงนี่แหละ โชคดีที่เขาไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกทุกชั่วโมง ไม่อย่างนั้นคงได้ตื่นมาอีกทีวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน

 

ภาพฝืนยันตัวเองขึ้นมาจากเตียงนอนอันแสนนุ่มอย่างยากลำบาก เขาค่อยๆเคลื่อนร่างกายที่สภาพใกล้เคียงซากศพไปที่แมคบุ้คคู่ชีวิต พยายามตั้งสติเปิดงานที่ค้างไว้ขึ้นมาทำต่อ กาแฟก็กินไม่ได้เพราะว่าแพ้ สวรรค์จะทำร้ายกันขนาดนี้เลยหรือ

 

ห้าชั่วโมงผ่านไปกับการนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ ภาพกดคลิกส่งไฟล์งานไปให้พี่ที่ติดต่องานให้เขา โปรเจคนี้เป็นโปรเจคใหญ่ที่มีรายละเอียดยิบย่อยมากมาย ทำให้ต้องใช้เวลามากในการทำ ถึงจะต้องอดหลับอดนอนแต่ก็อดภูมิใจไม่ได้ที่ได้ทำงานให้กับแบรนด์ดังๆ

 

เอ๊ะ เหมือนจะลืมอะไรไป

 

ใช่ พี่หมอ

 

ความฝันเมื่อกี้นี้

 

คำบอกใบ้หลายๆอย่างที่พอจำได้

 

ห้อง 2107 IDEAL Residence41 Condominium

 

ห้องของพวกเขาสองคน

 

ภาพวาดหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง รีบหยิบมือถือขึ้นมาเสิร์ชหาข้อมูลของสถานที่นั้นเขาหวังว่ามันจะมีอยู่จริง

 

นี่ไงเจอแล้ว

 

อยู่ไม่ไกลมากเท่าไหร่จากหอพักของเขา ภาพรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะคว้ากุญแจห้องแล้วเดินทางไป

 

ขอให้เจอเบาะแสอะไรบ้างเถอะ

 

คอนโดใหญ่โตและหรูหรากว่าที่คิดในความจริงเมื่อภาพเดินทางมาถึงยังห้องโถงส่วนกลาง เขามุ่งหน้าไปที่ลิฟท์ที่อยู่ทางซ้ายมือของตึก คิดแต่เพียงว่าจะขึ้นไปที่ชั้นยี่สิบเอ็ดเพียงเท่านั้น เอาล่ะ มือบางเอื้อมมือไปกดหมายเลขยี่สิบเอ็ดซึ่งคือหมายเลขชั้นที่เขาจำได้บนลิฟท์

 

ตื้ด ตื้ด

 

ทำไมกดไม่ได้

 

ตื้ด ตื้ด

 

‘หมายเลขคีย์การ์ดไม่ถูกต้องค่ะ’

 

โอ้ยยยย ไอ้ภาพ ไอ้โง่

 

ไม่มีคีย์การ์ดแล้วจะขึ้นไปได้ยังไงวะ เขินเลยให้ตายสิ ดีนะไม่มีใครเห็น เขารีบเบี่ยงตัวออกมาเนียนๆทำเหมือนเพิ่งลงมาจากข้างบน ก้าวเดินฉับๆไปตั้งหลักที่โซฟาส่วนกลาง เอาไงดี ทำยังไงถึงจะขึ้นไปบนห้องนั้นได้ ลองไปถามพี่ที่เคาท์เตอร์บริการก็ไม่น่าจะได้ คอนโดใหญ่ขนาดนี้น่าจะรักษาข้อมูลลูกค้าไว้อย่างดีไม่บอกกันง่ายๆ บันไดหนีไฟนี่ขึ้นได้รึเปล่าวะ หรือจะนั่งเฝ้าไปเรื่อยๆตรงนี้เหมือนตอนที่ไปเฝ้าที่โรงพยาบาลดี

 

“ภาพ มึงมาทำไรตรงนี้วะ”

 

“อ้าวพี่เข้มหวัดดีครับ” ภาพหันไปยกมือไหว้ แปลกเหมือนกันที่เขาเจอพี่เข้มที่นี่

 

“เหี้ยยย ไอ้ภาพ มึงไปทำไรมาสภาพอย่างกับศพ มึงไหวป่ะเนี่ย” พี่เข้มแสดงอาการตกใจอย่างกับเห็นผีเมื่อภาพหันกลับไปทักทาย

 

“ไหวดิพี่ งานหนักไปหน่อย แต่ผมไม่ตายง่ายๆหรอก” ภาพตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงพลางยกมือขึ้นบอกว่าอย่าตกใจไปเขายังสบายดี

 

“แล้วตกลงมาทำไร อย่าบอกนะว่ามึงแอบสโตกเกอร์กูอยู่”

 

 “เอิ่มมมม ผมจะมาตามพี่ทำไม ผมมาหาพี่หมอต่างหาก”

 

“พี่หมอมึงอยู่ที่นี่รึไง”

 

“อืม ห้อง 2107อะพี่ ผมฝันเห็นก็เลยตามมา แต่ไม่มีคีย์การ์ด”

 

“มึงก็ทำไรไม่คิดเลยเนอะ “  พี่เข้มว่าพร้อมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

 

“เออดิเนี่ยผมก็คิดอยู่ว่าจะเอาไงต่อดี”

 

“ไม่ต้องเอาไงต่อทั้งนั้นแหละ กูอยู่ห้อง 2108 ห้องตรงข้าม แต่เพื่อนบ้านกูเป็นผู้หญิงกะลูกไม่ใช่พี่หมออะไรมึงทั้งนั้นแหละ”

 

“จริงจัง?”

 

“จริงดิ”

 

“บังเอิญไปป่ะพี่”

 

“อ่ะ เอาคีย์การ์ดกูไปดูจะได้ไม่หาว่าตอแหล” พูดพร้อมยื่นคีย์การ์ดของตัวเองมาให้

 

“ไม่เป็นไรพี่ พี่ว่าไงก็ว่างั้น ไม่มีก็คือไม่มี” ถึงอย่างนั้นภาพก็อดที่จะสงสัยถึงความโลกกลมระหว่างเขากับพี่เข้มไม่ได้ ตั้งแต่เรื่องพี่พิมแฟนเก่าพี่เข้มหน้าเหมือนพี่แพรวแฟนเก่าพี่หมอ ไหนจะเรื่องที่พี่เข้มอยู่ห้องตรงข้ามพี่หมออีก ถ้ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พี่เข้มนี่น่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขาแล้วแหละ ตามไปทุกที่ขนาดนี้

 

“แล้วตกลงวันนี้ฉลองที่ไหนกัน ไอ้เอกแม่งจะบอกแต่ก็ไม่เห็นบอกสักที”

 

“ฉลองอะไรพี่”

 

“เอ้า ก็วันเกิดไอ้โอมเพื่อนมึงไง อย่าบอกนะว่ามึงลืม”

 

เชี่ยยยยย ลืมมม

 

ลืมสนิทไปเลยไอ้โอมเพื่อนรัก

 

ให้ตายสิวันสำคัญแบบนี้เขากลับจำไม่ได้ เพราะความฝันเมื่อคืนแน่ๆที่ทำให้กระวนกระวายจนลืมทุกสิ่ง คิดแต่เพียงว่าจะมาตามหาพี่หมออย่างเดียว ภาพนึกถึงสำนวนที่ว่าเห็นผู้ชายสำคัญกว่าเพื่อนขึ้นมาตงิดๆ

 

ปกติในฝันของเขาจะเป็นวันเดียวกันกับความจริง เช่นถ้าวันที่หนึ่งเขานอนเขาก็จะฝันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเขาวันที่หนึ่ง เหมือนนอนเพื่อรู้ว่าวันนี้ตัวเองในฝันทำอะไรมาบ้าง แต่เนื่องจากช่วงนี้เขานอนไม่เป็นเวลา ไทม์ไลน์ในฝันเลยตีกันรวนไปหมด กลายเป็นเขาฝันเห็นเหตุกาณ์ในวันที่สองแทนซะงั้น และเพราะนอนน้อย บางทีเรื่องราวก็มาไม่ครบ ขาดๆหายๆไปบ้างแต่ก็ยังพอจับใจความได้ว่าตัวเองในฝันก็กำลังจะไปวันเกิดไอ้โอมเช่นกัน

 

“บ้า พี่ใครจะไปลืม นี่ก็กะว่าเสร็จแล้วจะไปหาของขวัญให้มันอยู่เนี่ย แหะๆ ” ตอแหลไปอีก

 

“เออดีเลยกูก็จะไปเหมือนกัน ไปพร้อมกูเลยแล้วกัน มึงขับรถเป็นใช่มั้ย เอารถกูอีกคันไปแต่มึงขับนะกูใส่เฝือก”

 

“แล้ววันนี้พี่ไม่ทำงานหรอ”

 

“กูลายาวเลยครับ แขนขวาใช้งานไม่ได้แบบนี้คงทำอะไรไม่ได้”

 

“แย่เลยเนอะ”

 

“เออกูแม่งโคตรเซงเลย”

 

 

ไม่คิดว่าจะมีวันที่ภาพมาเดินเลือกซื้อของขวัญให้เพื่อนกับพี่เข้มที่เขาคิดว่าสุดเคร่งขรึมอย่างวันนี้ ให้ตายเถอะ พี่เข้มแม่งเป็นคนที่ไม่ตรงปกที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ บุคคลจำพวกถ้าไม่สนิทใจด้วยจะเงียบๆบวกกับหน้าตาพี่แกที่เป็นการเป็นงานทำให้ดูเข้าถึงยาก เเต่พอสนิทขึ้นมานี่พูดมากชิบหาย

 

พวกเขาแวะกินข้าวง่ายๆที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งหลังจากที่ภาพเพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนจนท้องร้องโครกครากอย่างน่าเกลียด พอได้ยินพี่เข้มอดหันมาทำหน้าสมเพชไม่ได้ กินข้าวเสร็จก็ถึงเวลาเดินหาซื้อของขวัญ แต่คนไม่ตรงปกกลับเดินเข้าไปในโซนสินค้าแบรนด์เนมอย่างไม่ถามสุขภาพเงินในกระเป๋าของภาพสักคำ

 

 

“มึงคิดรึยังว่าจะซื้ออะไรให้เพื่อนมึง”

 

 

“คงเป็นอะไรง่ายๆแต่มีประโยชน์มั้งครับ มันก็ไม่ได้จริงจังกับพวกของขวัญเท่าไหร่ แค่มางานก็เป็นพอ”

 

ตึ้งตึ้ง

 

“ไอ้เอกมันส่งข้อความมาว่าให้ซื้อเค้กมาด้วย จัดงานที่บ้าน”

 

“เออดีเลยพี่ ไม่ต้องคิดมาก ซื้อเค้กนี่แหละง่ายสุด”

 

“มึงซื้อเค้กแล้วกูซื้อไรดี”

 

“หารๆกันก็ได้พี่ ไอ้โอมมันเป็นคนง่ายๆ”

 

“เออๆแล้วแต่มึง”

 

ใช้เวลาเดินหาไม่นานพวกเขาสองคนก็มายืนอยู่ในร้านเค้กน่ารักสุดมุ้งมิ้งสีชมพูยูนิคอร์นร้านหนึ่งในห้าง ร้านนี้เป็นร้านที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเนื่องจากบรรยากาศน่ารักน่าถ่ายรูปบวกกับความอร่อยของอาหารและทำเลที่ดีทำให้มีพวกเด็กๆวัยรุ่นมาอุดหนุนกันเต็มร้าน พี่เข้มดูจะขัดเขินนิดหน่อยที่ต้องเข้ามาสั่งเค้กในร้านนี้กับเขา คิดสภาพผู้ชายวัยทำงานสองคนมายืนช่วยกันเลือกเค้กในร้านสุดมุ้งมิ้งกระดิ่งแมวดูสิคงพิลึกน่าดู แต่ทำไงได้ร้านนี้ดันเป็นร้านโปรดของไอ้โอมเพื่อนเขาไปซะได้ เห็นมันบอกว่าพาแฟนมากินบ่อยจนติดรสชาติเค้กช็อคโกแลตของที่นี่ไปเฉยเลย

 

ภาพสั่งเค้กช็อคโกแลตขนาดใหญ่หนึ่งกล่องพร้อมกับออกแบบหน้าเค้กเรียบร้อยก็เตรียมจ่ายเงินแต่พี่เข้มดันยื่นบัตรเครดิตของพี่แกจ่ายก่อนซะงั้น

 

“กูจ่ายเอง”

 

“เห้ยพี่ไม่ต้อง ไหนบอกจะหารกันไง”

 

“กูเปลี่ยนใจ กูอยากจ่าย กูรวย”

 

“ไหงงั้นอะ แล้วผมจะซื้ออะไรให้ไอ้โอมมัน”

 

“นั้นไง มึงไปซื้อเทียนไป อันนั้นอะรูปยูนิคอร์นเข้ากะมึงดี”

 

“พี่หาว่าผมหน้าเหมือนม้ารึไง”

 

“เปล่า กูจะบอกว่ามึงแรดดี๊ด๊าเหมือนมันดี”

 

“…”

 

“ล้อเล่นสัส รีบเลือกมา”

 

“จะรีบทำไมยังต้องรอเค้กอีกตั้งสามชั่วโมง”

 

“กูจะไปดูหนังต่อ มันจะฉายแล้วเดี๋ยวไม่ทัน หรือมึงอยากจะนั่งรอเฉยๆอีกสามชั่วโมง”

 

“ค้าบๆ รีบแล้วค้าบบบ”

 

ภาพหยิบเทียนยูนิคอร์นที่มีเลขสองและห้ามาอย่างละอันตามอายุของโอม ไม่น่าเชื่อว่ายูนิคอร์นหน้าตาเอ๋อๆสองตัวจะราคาแพงกว่าเสื้อที่เขาใส่เสียอีก

 

หลังจากจัดการเรื่องเค้กวันเกิดเรียบร้อยพวกเขาก็มาถึงชั้นโรงหนัง พี่เข้มเลือกหนังที่อยากดูมาหนึ่งเรื่องแล้วจัดการซื้อเองอย่างเสร็จสรรพ แต่พอมาถึงที่จำหน่ายป็อบคอร์นภาพก็รีบหยิบเงินของเขามาจ่ายตัดหน้าอย่างรวดเร็วทันที จะให้คนพี่เลี้ยงฝ่ายเดียวได้ยังไง พี่เข้มมองหน้าแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งแน่นอนภาพหลับในโรงหนัง หลับสนิทเสียด้วย ก็ร่างกายมันอ่อนล้าเกินจะถ่างตาไหวนี่หว่าแถมบรรยากาศมืดๆแอร์เย็นๆนี่ก็โคตรจะเป็นใจ พี่เข้มแกคงจะเข้าใจเลยไม่ได้ปลุกหรือชวนคุยอะไร หลังจากดูหนังเสร็จก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นพอดิบพอดี ภาพแวะไปเอาเค้กที่สั่งไว้แล้วมุ่งหน้าไปบ้านของโอมทันที ถ้าไม่เกิดจากความบังเอิญตั้งแต่เช้า ภาพคงคิดว่าเขากับพี่เข้มมาเดทกันซะแล้ว ทั้งกินข้าว เดินเล่น ดูหนัง

 

ฮึ่ยยย

 

คิดแล้วก็ขนลุก

 

เขากับพี่เข้มเนี่ยนะ

 

โคตรที่จะไม่มีความเข้ากัน

 

หกโมงครึ่งพวกเขาก็พากันมาถึงบ้านเจ้าของวันเกิด บ้านของโอมเป็นบ้านสองชั้นไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่มีพื้นที่รอบตัวบ้านกว้างขวางเหมาะกับครอบครัวขนาดกลางที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ โอม พี่เอก เมียพี่แกและลูกแฝดอีกสองคน

 

ดูๆไปมันก็ไม่ใช่ครอบครัวขนาดกลางเท่าไหร่ น่าจะเรียกว่าครอบครัวขนาดใหญ่มากกว่า พื้นที่กว้างข้างนอกถูกใช้เป็นพื้นที่จัดงาน มีโต๊ะตัวใหญ่และอาหารมากมาย ทุกอย่างถูกตกแต่งไปด้วยสีชมพูวิ้งวับเหมาะกับธีม Pink Power ของงาน

 

ใครแม่งคิดธีมงานวะ

 

                ทุกคนต่างใส่ชุดที่มีองค์ประกอบเป็นสีชมพูยกเว้นแค่เขากับพี่เข้มที่ไม่มีใครบอก เขินจนต้องแอบเอาริบบิ้นสีชมพูที่ตกอยู่ตามงานมาผูกไว้ที่แขน ซึ่งพี่เข้มก็คงคิดแบบเดียวกันถึงได้เก็บริบบิ้นมาผูกเป็นโบว์โง่ๆตรงคอเสื้อตีเนียน คนที่มาร่วมงานก็มีทั้งครอบครัว พี่ๆและเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมปลายและมหาลัย ในกลุ่มมหาลัยของภาพนั้น ที่สนิทจริงๆมีกันอยู่สามคน เขา ไอ้โอม และเพื่อนอีกคน เพื่อนคนนั้นตั้งแต่เรียนจบก็ย้ายกลับไปทำงานที่บ้านแถวภาคเหนือเลยไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ

 

                “พวกมึงทำไมมาช้ากันจังวะ กูนึกว่าเค้กกูจะไม่ได้แล้วนะเนี่--  เชี่ยยยย!!  ไอ้ภาพไปทำเหี้ยไรมาตาอย่างกับแพนด้า” พี่เอกพอเห็นพวกเขาเข้ามาในงานจึงเดินทักทายมาแต่ไกลแต่พอเห็นสภาพคนเขียนบทของตัวเองก็อดที่จะตกใจไม่ได้

 

“งานเร่งนิดหน่อยอะพี่”

 

“เออๆ ยังดีที่มึงยังมาไหว”

 

“พวกกูรอเค้กกันอยู่ แล้วรถมันก็ติดเลยช้า วันนี้วันศุกร์อย่าลืม”

 

“แล้วนี่มึงมาพร้อมกันหรอ”



“เออ กูบังเอิญเจอน้องมันเลยชวนมาด้วยกันด้วยเลย”

 

“ดีและ ถ้ามันมาเองสภาพอย่างนี้ไม่น่าจะมาถึง ขอบคุณพวกมึงมากเรื่องเค้ก ว่าแต่นี่ใส่ชุดเหี้ยอะไรกันมาวันนี้มันวันศุกร์สีชมพูนะเว้ย”

 

“วันศุกร์บ้านมึงสิสีชมพู ก็ไม่มีใครบอกกูนี่หว่า กูเลยนึกว่าใส่อะไรมาก็ได้”

 

“กูบอกไปในไลน์กลุ่มแล้วครับเพื่อน”

 

“อ้าวหรอ กูไม่ได้เช็ค นึกว่าพวกมึงคุยเรื่องไร้สาระกูเลยเลื่อนผ่านๆ”

 

“มึงก็เป็นซะแบบนี้”

 

“ว่าแต่จะให้เอาเค้กไปวางไว้ไหนครับ” ภาพเอ่ยขัดขึ้นมาหลังจากรู้สึกเมื่อยแขนที่ยกเค้กแสนหนักตั้งแต่เข้ามาในงานจนถึงฟังพวกพี่เขาเถียงกัน

 

“เอาไปวางไว้ตรงโต๊ะใหญ่ตรงกลางตรงนู้นเลยก็ได้ ไอ้โอมมันก็อยู่ตรงนั้นแหละ”

 

ภาพหันไปตามทิศที่พี่เอกชี้ก็เห็นไอ้โอมทำหน้าลั้ลลาโบกมือเรียกหย่อยๆ ภาพจึงเดินไปหามันก่อนจะวางเค้กไว้บนโต๊ะเรียบร้อย

 

“ว้ายตัลล้าววว เพื่อนภาพมึงรู้ใจกูมากเค้กช็อคโกแลตร้านนี้ถูกใจคุณเพื่อนมากที่สุดเลย” ไอ้โอมที่แต่งตัวสีชมพูแปร็ดสุดในงานกระวี้ดกระว้ายน่าตบ ถ้าไม่ติดที่เป็นวันเกิดมันภาพคงถีบมันลงไปนอนกับพื้นด้วยความหมั่นไส้ มึงอินกับธีมเกินไปนะเพื่อน

 

“หูยยย เทียนรูปยูนิคอร์นด้วย ตั้ลล้ากมากเลอตะเอง ว่าแต่ตะเองแต่งตัวอะไรมา สิ้นคิดมากเลยนะริบบิ้นนั่น”

 

เปลี่ยนใจถีบมันตอนนี้ทันมั้ยวะ

 

ทำตัวน่าหมั่นไส้เกิน

 

ว่าไปงานมันก็ใหญ่เหมือนกันนะ คนก็มาเยอะพอสมควรเลย จริงๆแล้วพวกเขาตอนเรียนก็สนิทกันทั้งในคณะแหละ แต่อย่างที่บอกว่าพอทำงานแล้วก็แยกย้ายกันไป คนที่ไม่ได้สนิทมากก็ไม่เจอหรือติดต่อกันเท่าไหร่ จะเจอกันทีก็พวกงานสำคัญอะไรแบบนี้นี่แหละ

 

ภาพหาอะไรกินไปพลางเม้ามอยกับเพื่อนเก่าไปพลางก็ถึงเวลาไฮไลท์ของงาน เทียนยูนิคอร์นหน้าเอ๋อถูกจุดขึ้นมาพร้อมกับคนในงานที่เริ่มร้องเพลงแฮปปี้เบิดเดย์ ไอ้โอมทำหน้ากระดี๊กระด้าตื่นเต้นเกินเหตุ เห็นแฟนมันทำหน้าเอือมๆในความแรดของมันอยู่ข้างๆภาพก็เห็นใจ หลังจากมันอธิฐานเสร็จก็ตัดแบ่งเค้กให้กับแขกแต่ละคน ด้วยความที่เค้กใหญ่มากจึงได้กินกันอย่างทั่วถึง แต่ก็คนละนิดละหน่อยพอเป็นพิธี

 

“อะมึงกินมั้ย” พี่เข้มที่อยู่ดีๆก็โผล่มายื่นจานเค้กในมือให้

 

“แล้วพี่ไม่กินหรอ”

 

“ไม่อะ กูใส่เฝือกแดกลำบาก”

 

“อิอิ ดีๆ ผมจะได้กินเยอะๆ”

 

“เอาที่มึงสบายใจ”

 

“นี่ดีนะที่เป็นช็อคโกแลต ถ้าเป็นเค้กส้มผมจะฟาดเรียบให้หมดงานเลย”

 

“มึงชอบแดกเค้กส้มหรอ”

 

“โห ของโปรด ผมกินได้ทุกวันอะ”

 

“กูนี่โคตรเกลียดเลย ส้มแม่งเหม็น”

 

“พี่ไม่ชอบกินเหมือนพี่หมอเลย ผมไม่เคยเจอคนไม่กินเพราะมันเหม็นเลยนะ ถ้านับจริงๆนอกจากพี่หมอพี่คือคนเเรกเลย”

 

“กูนี่เหมือนพี่หมอมึงหลายอย่างเหมือนกันเนอะ หรือกูจะมีฝาแฝดที่พลัดพรากอะไรอย่างนี้วะ”

 

“ถ้าพี่หน้าเหมือนพี่หมอสักนิด ผมคงคิดว่าพี่คือพี่หมอไปแล้วล่ะฮ่าๆ”

 

ใช่

 

บางที พี่เข้มก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนพี่หมอเกินไปจริงๆ

 




#คุณในฝัน

มาเสริฟเเบบสดๆร้อนๆหลังจากหายไปนาน อาจจะมีคำผิดอยู่บ้างนะคะเพราะฝุ่นเเต่งสดๆเลย ถ้าเจอจะพยายามแก้ไขเรื่อยๆค่ะ
จากตอนที่เเล้วเราบอกว่าจะมีตัวละครลับโผล่มาฝุ่นคิดว่ามาตอนหน้าน่าจะดีกว่าเพราะไม่งั้นตอนมันจะยาวเกินไป (ถึงบางคนจะบอกว่าสั้นก็ตาม 55)
ตอนต่อไปจะพยายามมาอัพเร็วกว่านี้ค่ะ ขอบคุณหลายๆคนที่ยังรอเเละติดตามซึ้งใจมากเลย //ยกมือปาดน้ำตา

พี่หมอกับพี่เข้มนี่ก็มีอะไรหลายอย่างคล้ายกันเหลือเกิน เขาจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันรึเปล่านะเออ


-สีฝุ่น-


หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 5 (19/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-02-2018 20:46:04
มันต้องใช่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 5 (19/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เรื่องส่วนตัวนะ ที่ 20-02-2018 19:41:01
พี่เข้มใช่เหรอ?
ไม่มั้ง?
รืป่าว?
โอ้ยยย พี่หมอ ฮู อาร์ ยูว~~    :katai1: :really2:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 5 (19/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 21-02-2018 08:34:57
ใจอยากให้เป็นพี่เข้มนะ งืออออออ

จากที่เห็นภาพปลากรอบ reality is different อ่ะนะคะ

แต่อยากรู้รูปลักษณ์พี่เข้มมากกว่านี้อ่ะ

ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 6 (21/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 21-02-2018 18:49:35
(http://image.free.in.th/v/2013/iq/180221115223.jpg) (http://picture.in.th/id/f5a5f114cab4efe1ea63588d2259791f)

- 6 -


 



เวลาเปรียบดังสายน้ำสายหนึ่ง

 

เมื่อไหลไปแล้ว ไม่อาจหวนย้อนกลับได้

 

ดังนั้น ทุกวินาทีจึงสำคัญ

 

หากถามว่าเวลาหนึ่งวินาทีสำคัญเพียงใด

 

ภาพตอบได้เพียงแค่

 

ลองไปถามคนที่นั่งปั่นงานจนไม่มีเวลานอนดูสิ

 

ไฟไหม้แล้วโว้ยยยยยยย

 

เผางานไม่ทันแล้วโว้ยยยยยยยยยยย

 

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 

ภาพวาดอยากจะเอามือยีหัวตัวเองและกรีดร้องออกมาดังๆ แต่ติดว่ามือเขาไม่ว่างเพราะจับเมาส์ปากกาอยู่ และเวลาก็มีไม่เพียงพอที่จะเอามาเสียเพื่อคร่ำครวญในความล่าช้าของตัวเอง ภาพเหลือบมองตัวเลขบอกเวลาในคอมพิวเตอร์แล้วยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่

 

สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วหรอวะ

 

ต้องปั่นให้เสร็จก่อนเที่ยง

 

เห้ย ใจเย็นๆไอ้ภาพ ยังพอทันอยู่ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว

 

ภาพพยายามคุมไม่ให้มือตัวเองสั่นเพราะตื่นเต้นจนเกินไปแม้ตอนนี้จะกดดันจนหนังตาตึงไปหมด เขาแก้ไขงานต่ออีกนิดหน่อย ตรวจเช็คความเรียบร้อยว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงกดส่งงานไปให้ลูกค้า

 

11:47

 

เห้ออ ทันแบบฉิวเฉียด

 

หลังจากกลับจากงานวันเกิดไอ้โอมเขาก็ได้รับข่าวร้ายในทันที เพราะพี่ที่คอยรับงานให้โทรมาบอกว่างานที่พึ่งส่งไปต้องแก้ไขด่วน พร้อมไหว้วานให้เขาช่วยแก้งานของพี่อีกคนหนึ่งที่พึ่งแอดมิดเข้าโรงพยาบาลเพราะทำงานหนักจนนอนไม่พอ ตัวเขาที่พึ่งกลับจากงานปาร์ตี้มาเหนื่อยๆแถมยังไม่ทันได้นอนกลับต้องมานั่งเป็นศพแก้งานอยู่หน้าคอม ใต้ตาที่แต่เดิมที่คล้ำเต็มทีตอนนี้กลายเป็นศพหมีแพนด้าไปอย่างสมบูรณ์

 

โครกกกกก

 

สาบานว่านั้นคือเสียงท้องร้อง

 

เพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่กลับมาจากงานวันเกิดเพื่อนสุดที่รักเขาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากกระทิงแดงเพื่อนคู่ชีวิตและน้ำเปล่าในห้อง ระหว่างรอพี่โทรมาคอนเฟิร์มงานภาพจึงออกไปหาอะไรกินใต้หอก่อนที่จะกลายเป็นโรคกระเพาะซะก่อน กินเสร็จแล้วเขากะว่าจะนอนหลับยาวให้เต็มอิ่มตื่นอีกทีพรุ่งนี้ไปเลย ให้สมกับที่ทำงานมาอย่างหนักหน่วงตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา

 

หลังจากที่เติมเต็มท้องที่ว่างเปล่าเสร็จแล้ว ภาพจึงอาบน้ำแต่งตัวในชุดนอนสบายๆ เปิดแอร์เย็นๆ ปิดผ้าม้านจนไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์มาแย้งตาให้น่ารำคาญ จัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อให้เขาหลับสบายพร้อมลาโลกมากที่สุด

 

เตียงนอนจ๋าพี่มาแล้วจ้ะ

 

ภาพกระโจนลงเตียงแสนนุ่ม คว้าผ้าห่มเน่าๆขึ้นมาคลุมตัว พร้อมกับค่อยๆหลับตาลง

 

ครืดดดดดดด ครืดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดด

 

ยังไม่ทันหลับตาถึงสองวินาทีเสียงข้อความเข้าก็ทำให้ภาพต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จะเมินก็ไม่ได้เผื่องานมีปัญหา ถึงเขาจะแน่ใจว่าทุกอย่าเรียบร้อยแล้วก็ตามที

 

‘ 5โมงเจอกันที่ร้าน กูส่งโลไปให้ในกลุ่มแล้ว’

 

เชี่ยย ลืมไปเลย

 

มันเป็นข้อความจากพี่เอกที่วันนี้พวกเขานัดกันไปดูบรรยากาศร้านที่จะใช้ถ่ายทำ ภาพก็ตกปากรับคำไปอย่างดิบดีเพราะไม่คิดว่างานจะมีปัญหา

 

รวมเวลาเดินทางแล้วเขาคงมีเวลานอนแค่สองชั่วโมง หากนอนไปตอนนี้คาดว่าคงไม่ตื่นมาอีกเลย เอาวะ ทนถ่างตาอีกแปปเดียว รอเคลียร์เรื่องพี่เอกเสร็จแล้วค่อยกลับมานอนให้เต็มอิ่มไปเลยทีเดียวก็ได้

 

‘เคคับพี่ เจอกัน’ กดส่งข้อความตอบกลับไป

 

 

ใช้เวลานานกว่าที่คิดในการเดินทางมาถึงร้าน ’กล่อมกรุง ‘ ร้านบาร์แอนด์บิสโตรย้อนยุคขนาดกลางริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวร้านตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจย้อนยุคแบบไทยๆสมัยคุณพ่อคุณแม่ ส่วนใหญ่จะเป็นงานไม้ทั้งหมด ของตกแต่งเป็นของไทยสมัยก่อนที่ค่อนข้างหายาก ทั้งเฟอร์นิเจอร์ โปสเตอร์หนังหรือสินค้าต่างๆ ตัวร้านเปิดเพลงไทยสมัยเก่าสไตล์ลูกกรุงเพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับชื่อร้านกล่อมกรุง

 

 หากมองจากทางเข้าจะพบบาร์ขนาดกลางตั้งอยู่ชิดกับผนังร้านตรงฝั่งขวา ฝั่งตรงข้ามเป็นระเบียงกลางแจ้งยื่นออกไปในแม่น้ำเจ้าพระยาเหมาะแก่การชมวิวของวัดอรุณที่สูงเด่นในอีกฝั่งของแม่น้ำ ใกล้ๆกันมีเวทีขนาดเล็กและเครื่องเสียงนิดหน่อย คาดว่าคงจะมีดนตรีสดในตอนกลางคืน มีโต๊ะนั่งอยู่ตามมุมต่างๆของร้านไม่มากนัก รวมๆแล้วประมาณสิบโต๊ะ ทางร้านเน้นขายไปที่เครื่องดื่มมากกว่าอาหาร แต่ก็ยังมีเสิร์ฟอาหารเบาๆไว้กินเคียงเป็นกลับแกล้มพออิ่มท้องหรืออาหารไทยจานหลักก็มีบ้างเพื่อต้อนรับลูกค้าบางคนที่หิวโซ ตัวร้านอยู่ลึกเข้ามาในซอยที่ไม่น่าจะมีร้านอาหารอยู่แถวนี้ได้ มองผ่านๆก็สามารถรู้ได้ว่าเน้นขายไปที่ชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศโคตรดีเลยเถอะ เจ้าของร้านโคตรจะมีรสนิยมถึงแต่งออกมาเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกได้ขนาดนี้

 

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เอกถึงชอบนักชอบหนา

 

ถึงจะยังไม่เย็นมากแต่ก็มีลูกค้าเกือบครึ่งร้านเข้าไปแล้ว ส่วนมากก็ชาวต่างชาตินั้นแหละ คาดว่าคงมารอดูวิวพระอาทิตย์ตกดินพร้อมจิบไวน์เบาๆเสพความโรแมนติกของสถานที่

 

ภาพมองหาโต๊ะของเขาไม่นานก็เจอกลุ่มทีมทำหนังสั้นที่พ่วงไอ้โอมเพื่อนรักของเขามาอีกคน มันโบกมือหย่อยๆเรียกภาพอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แต่พอภาพเดินมาถึงโต๊ะกลับทำให้ทุกคนต้องผงะด้วยความตกใจ

 

“กรี้ดดดดดด”

 

“เชี่ยภาพมึงไหวป่ะเนี่ย”

 

“สัส กูนึกว่าซอมบี้บุกโลก”

 

“นี่มึงนอนไปบ้างยังวะ ทำไมสภาพเป็นงี้”

 

“เมื่อวานกูว่าหนักแล้วนะ แต่วันนี้มึงเหมือนพึ่งลุกออกมาจากโลงอะ”

 

ไม่คิดว่าจะได้เสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากพี่ๆ

 

“รวมๆก็จะสี่สิบชั่วโมงแล้วมั้งครับที่ยังไม่ได้นอน”

 

“สัส ไม่ไหวก็บอกกูดิวะ เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำไง ”

 

“ไม่เป็นไรพี่ ผมชินแล้ว แค่นี้ไม่ตายๆ”

 

ภาพทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ข้างๆไอ้โอมที่มองเขาด้วยสายตาเห็นใจปนสมเพช อย่ามองกูอย่างนี่เลยเพื่อน ตอนมึงปั่นงานที่หมกไว้ก็มีสภาพไม่ต่างจากกูนักหรอก โต๊ะของพวกเขาเป็นโต๊ะที่ตั้งอยู่บริเวณระเบียงที่ยื่นออกมา ข้างตัวมองเห็นวิวแม่น้ำยามเย็นเพลินๆ แต่แดดนี่ไม่ค่อยจะเพลินเท่าไหร่นะ ภาพไม่เข้าใจจะมานั่งตากแดดร้อนๆกันทำไม

 

“มึงทนๆไปก่อนสักพักก็ร่มแล้ว เราต้องมานั่งจองไว้ก่อนเดี๋ยวโต๊ะโดนแย่ง ที่ตรงนี้แม่งเป็นทำเลดีสุดของร้านเลยนะเฟ้ย”

 

“ ผมยังไม่ทันว่าอะไรเลย ว่าแต่พี่เข้มไปไหน ยังมาไม่ถึงหรอครับ”

 

“ นู้นนน แอ๋วสาวอยู่นู้นนนน” พี่แอนชี้มือไปทางบาร์ที่ภาพพึ่งเดินผ่านมา ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าพี่เข้มกำลังยืนพูดคุยกับพนักงานสาวสวยอยู่ตรงมุมนั้น ท่าทางเคร่งขรึมดูภูมิฐานน่าเชื่อถือซะเหลือเกิน แม้จะใส่เฝือกแต่ก็ไม่ได้ทำให้ลุคคูลๆของพี่แกลดลงแต่อย่างใด

 

พี่เอกเล่าให้ฟังอย่างออกรสออกชาติว่าตั้งแต่ที่พี่เข้มลาป่วยเพราะบาดเจ็บที่แขนเวลาว่างๆก็จะแวะมาเต๊าะแม่สาวกล่อมกรุงนี่อยู่เรื่อย ภาพคิดว่าคงจะเป็นคนเดียวกับที่พี่เอกเคยเล่าไว้ว่าพี่เข้มเคยมองๆผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เธอเป็นสาวลุคแซ่บผิวสีน้ำผึ้งคิ้วคมแบบคนไทยที่รู้จักแต่งตัว อายุไม่มากดูแล้วคงอยู่ในวัยเรียนและมารับงานพิเศษช่วงเย็น เธอไม่ได้มีหน้าตาที่สวยมากมายจนสะดุดตาแต่เป็นผู้หญิงที่มีสเน่ห์เหลือล้น มองยังไงก็ไม่เบื่อ

 

เธอหันมามองทางโต๊ะของพวกเขา พูดคุยกับพี่เข้มนิดหน่อยแล้วหยิบเมนูเดินมาเพื่อส่งให้กับภาพ คงเห็นว่ามีแขกเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง

 

“เมนูของทางร้านจ้ะ”

 

“ขอบคุณครับ” ภาพตอบกลับกลับเสียงเบา เห็นพี่เข้มเดินตามมาแล้วทิ้งตัวลงเก้าอี้ข้างๆกับเขา

 

ภาพเปิดดูเมนูไปที่หมวดเครื่องดื่มแต่ก็ต้องตกใจจนตาแทบถลน

 

ค็อกเทลแก้วนึงสองร้อยกว่าบาทเนี่ยนะ

 

เขาแอบกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ

 

นี่มันกินข้าวได้สามมื้อเลยนะเว้ย

 

ถึงว่าสิ ร้านไม่ได้มีโต๊ะมากมาย เพราะแค่โต๊ะเดียวก็ได้กำไรเกินคุ้มแล้ว แต่ก็นะ คนส่วนมากไม่ได้มาเพื่อกินอาหารหรือเครื่องดื่มหรอกแต่มาเพื่อกินบรรยากาศมากกว่า น้ำสองร้อยแลกกับวิวสิบล้านมองยังไงก็คุ้มที่จะเสีย ยิ่งเป็นชาวต่างชาติที่ไม่ได้มีโอกาสมาบ่อยๆยิ่งยอมจ่ายหนัก สุดท้ายภาพก็เลือกสั่งเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของส้มมาแก้วนึง หน้าตาแลดูน่ารักกระจิดริดแต่ราคาไม่ค่อยจะน่ารักตามเท่าไหร่

 

“ส้มอีกแล้วหรอมึง” พี่เข้มเอ่ยขึ้นมา

 

“ทำไม ก็ผมชอบนี่หน่า พี่เหม็นส้มก็กินทุเรียนไปสิ”

 

“มึงรู้ได้ไงว่ากูชอบแดกทุเรียน”

 

พูดประชดดันถูกอีก

 

คนบ้าอะไรเหม็นส้มแต่ชอบกินทุเรียน

 

“แล้วนี่เฮียไปไหนละหยก” พี่เอกเอ่ยถามพี่พนักงานสาวสุดแซ่บที่น่าจะชื่อหยก

 

“อ้อ เฮียออกไปซื้อบุหรี่แถวนี้ค่ะ เดี๋ยวก็กลับมา”

 

“โอเคเลย พี่กะจะคุยเรื่องขอมาถ่ายหนังสั้นที่ร้านด้วย ยังไงถ้าเฮียกลับมาฝากบอกด้วยนะ”

 

“โอเคเลยค่า” ดูจากที่คุยกันเหมือนเฮียที่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านนี้ ชักอยากจะเห็นขึ้นมาซะแล้ว เจ้าของร้านที่แต่งร้านออกมาได้สวยขนาดนี้

 

ภาพนั่งพูดคุยกันเรื่อยๆ เรื่องชีวิตประจำวัน เรื่องคนนู้นกิ๊กคนนี้ ดารงดาราเกาเหลากัน เรื่องเผือกๆสไตล์สมาคมแม่บ้านเม้ามอยนี่พี่น้องเอกโอมเขาชอบนักหล่ะ สุดท้ายก็มาถึงเรื่องหนังสั้นของเขา ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านภาพบอกเลยว่าไอเดียในหัวเขาพรั่งพรูออกมาอย่างกับสายน้ำเจ้าพระยาข้างหน้าแต่อาจจะต้องเรียบเรียงความคิดในหัวอีกทีถึงจะเอามาเสนอพี่เอกกับทีมได้

 

คุยกันไปมาแดดที่ร้อนแรงในตอนแรกก็เริ่มอ่อนแรงลง ท้องฟ้าเปลี่ยนสีย้อมทุกอย่างให้กลายเป็นโทนส้มอุ่นอมม่วง จากมุมระเบียงนี้เขาสามารถเห็นพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจน

 

มันเป็นบรรยากาศที่งดงามชวนประทับใจ

 

“กูบอกแล้วว่ามันดี” พี่เอกเอ่ยขึ้น

 

เสียงของสายน้ำเคล้าไปกับเสียงเพลงลูกกรุงที่ดังมาจากในร้าน

 

วิวยามเย็นที่สวยงามกับสายลมแผ่วเบาพัดกระทบใบหน้า

 

แสงสีส้มที่สะท้อนกับสายน้ำที่เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ

 

มันทำให้เขาไม่สามารถละสายตาจากพระอาทิตย์ดวงนั้นได้เลย

 

บรรยากาศที่แสนโรแมนติกแต่ก็ทำเหงาจนวูบโหวงในใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

“เฮียทินหวัดดีค้าบบ ” พี่เอกเอ่ยขึ้นทักบุคคลที่เข้ามาใหม่ เขาเป็นผู้ชายที่แลดูติสๆด้วยทรงผมหยักศกยาวประบ่าที่ถูกรวบอย่างลวกๆไว้ครึ่งหัวกับไรหนวดนิดหน่อยตามประสาคนที่ขี้เกียจเกินกว่าจะหยิบมีดโกน สวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนสีซีดขาดยาวถึงเข่าพ่วงด้วยรองเท้าหนีบแตะ ในมือข้างหนึ่งคีบถือบุหรี่ที่พึ่งถูกจุด อีกข้างถือแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันทรงสี่เหลี่ยม

 

ภาพวาดหลุดจากภวังค์ในทันที

 

ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาตัวเองไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่

 

อาจจะตั้งแต่ที่ผู้ชายคนนี้เดินเข้ามา

 

หรืออาจเป็นตอนที่เขาได้สบตาคู่นั้น

 

ผู้ชายที่ดึงดูดความสนใจจากพระอาทิตย์ไปเสียหมด

 

คิ้วเข้มหนา

 

จมูกโด่ง

 

ดวงตาคม

 

รูปทรงปากแบบนั้น

 

ถึงทุกอย่างจะแตกต่างจากที่เขาเคยเห็น

 

แต่ทำไมภาพถึงจะจำคนที่เขารักไม่ได้

 

คนที่ตามหามาแสนนาน

 

“พี่หมอ”

 









#คุณในฝัน

เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ (หรอ)แกรนโอเพ่นนิ่งสุดอลังการกับการเวลคัมตัวละครลับที่พีคที่สุด ปุ้งๆๆๆ(เสียงพลุ)

พ่อคนติสคนนี้คือใคร จะใช่พี่หมอของภาพหรือไม่


 ⊙ω⊙




 - สีฝุ่น -
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 6 (21/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-02-2018 19:45:16
จะใช่ไหมหนอ ใช่เขาหรือเปล่า~~~
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 6 (21/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 21-02-2018 21:17:52
โอ้ยยย ลุ้นนนนน

คาแรกเตอร์พี่ทินจะเป็นเหมือนพี่หมอของภาพมั้ยนี่

 :z3:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 6 (21/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 22-02-2018 01:04:17
พี่หมอ?? หมอแต่ชื่อ??
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 6 (21/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 22-02-2018 12:39:02
ใช่มั้ยๆ พี่หมอของน้องปะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 7 (27/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 27-02-2018 19:53:49
(http://image.free.in.th/v/2013/ic/180227125259.jpg) (http://picture.in.th/id/18658615f679ec3d00a2af7aaf4964d8)

- 7 -

 
ภาพวาดเคยรู้สึกว่าตัวเองช่างโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน

 

เป็นเพียงชายคนหนึ่งที่พยายามตามหาดวงดาวที่ไม่มีจริง

 

ท่ามกลางหมู่ดาวมากมายในจักรวาลอันกว้างใหญ่และเวิ้งว้าง

 

เขาเหมือนกับตัวละครในหนังสือเล่มดังที่เคยอ่าน

 

ชายผู้ตามหาความฝัน จนลืมความจริงที่มีไปเสียหมดสิ้น

 

โอมเพื่อนสนิทของเขาเคยกล่าวไว้

 

ในครั้งที่เขายังเป็นเพียงดวงดาวที่หลงทาง

 

ว่าคนเรามีสิทธิที่จะฝันได้ แต่หากสิ่งที่ฝันเป็นไม่เป็นดังคาด

 

เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ และอยู่ไปกับมัน

 

แต่ใช่ว่าเราจะแพ้

 

ใช่ว่าคนเราจะมีฝันได้แบบเดียวเสียเมื่อไหร่

 

ฝันครั้งต่อไปอาจสวยงามกว่า

 

หรือบางที เราอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า

 

ความจริงก็สวยงามไม่แพ้กัน

     .

     .

     .

 

 

“พี่หมอ” ภาพวาดเอ่ยเรียกบุคคลตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

ในหัวเขาว่างเปล่า

 

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำยังไง

 

ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำในตอนที่ตัวเองได้ก้าวเดินไปหาผู้ชายคนนั้นแล้วสวมกอดอย่างแรงจนทำให้ร่างที่สูงกว่าตกใจจนแทบล้ม

 

“ฮื่อออออออออออออออ”

 

“…”

 

“ผมหาพี่เจอแล้ว ในที่สุดก็หาเจอ ฮื่อออออ” น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เหมือนอะไรบางอย่างได้มาเปิดก๊อกที่เขาเก็บน้ำเหล่านั้นไว้ให้พรั่งพรูออกมาจนหมด ภาพวาดไม่ได้สังเกตถึงสิ่งรอบตัวด้วยซ้ำ เขารับรู้เพียงแค่เขาและพี่หมอที่ตามหามาเนิ่นนาน

 

ภาพเช็ดทั้งน้ำตาและน้ำมูกลงไปที่เสื้อของคนตัวสูง กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เหมือนว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนได้อีก ก่อนที่คำพูดประโยคแรกของพี่หมอพร้อมนิ้วชี้ที่ค่อยๆดันหัวของเขาออกไปจากตัวอย่างรังเกียจจะทำให้ภาพตั้งสติได้

 

“หยก เฮียบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าปล่อยคนบ้าเข้าร้าน !!”

 

“เชี่ยภาพมึงทำอะไรของมึง” โอมที่นั่งอึ้งอยู่นานพร้อมคนทั้งโต๊ะตั้งสติได้เป็นคนแรก มันรีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนที่จะเดินมาหาเพื่อดึงตัวภาพออกไป

 

“เชี่ยเอ้ย น้ำมูกเต็มเสื้อกูเลย ” คนที่เสื้อตัวเก่งกลายเป็นทิชชู่ชั่วคราวพูดอย่างหัวเสีย

 

“ฮึก…พี่..ฮึก…ไม่รู้….ฮื่อ…จักผม…ฮึก..หรอ”

 

“ผมจะไปรู้จักคุณได้ยังไง”

 

“ภาพมึงตั้งสติก่อนดิวะ ขอโทษครับพี่ เพื่อนผมมันคงทำงานหนักจนหลอน นี่ครับเช็ดเสื้อ” โอมหยิบทิชชู่ส่งไปให้คนเปื้อนน้ำมูกที่ยังยืนงงอย่างไม่เข้าใจอยู่อย่างลวกๆ แล้วรีบพาภาพวาดที่ร้องไห้ไม่หยุดออกมานั่งคุยกันหน้าร้านในมุมที่ไม่มีคนมากนัก

 

“มึงเป็นไรเนี่ยภาพ”

 

“หา..ฮึก…หา….หายใจไม่ออก”

 

“ไอ้สัส ตั้งสติก่อน หายใจ เข้า ออก เข้า ออก เอออย่างงั้นแหละ ค่อยๆ พุธธธธธธ โธธธธธธ พุธธธธ โธธธธธ เออดี ดีมาก ค่อยๆ”

 

“ฮึก”

 

“โอเคขึ้นยัง”


“อืม”

 

“เค ตั้งสติก่อน พร้อมแล้วค่อยเล่าให้กูฟังว่ามึงเป็นอะไร”

 

“คะ…เค”

 

ผ่านไปเกือบสิบนาทีกว่าภาพวาดจะตั้งสติได้อีกครั้งหนึ่ง เขาพยายามเล่าให้ไอ้โอมเข้าใจเรื่องที่พึ่งผ่านมาเมื่อกี้นี้ให้รู้เรื่องมากที่สุด

 

“สรุปคือเฮียทินเจ้าของร้านหน้าเหมือนพี่หมอมึงหรอ”

 

“ใช่”

 

ป้าบบ โอมพาดมือเข้ากับเข่าตัวเอง

 

“พับผ่าสิ กูบอกแล้วไม่ผิดว่าแม่งต้องมีคนหน้าเหมือนพี่หมออยู่จริงๆ”

 

“อืม”

 

“แต่ดูเค้าไม่ค่อยเหมือนพี่หมอที่มึงเล่าให้กูฟังเท่าไหร่เลยนะ แถมตาก็เป็นสีดำด้วย ไม่ใช่สีน้ำตาลอ่อนที่มึงเคยเล่าให้ฟัง”

 

“งั้นหรอ กูไม่ทันมองเลย”

 

“มึงจะทันมองอะไรล่ะอยู่ดีๆก็พรวดไปกอดเขาซะงั้น กูยังตกใจเลย”

 

“กะ กูไม่รู้ตัวนี่หว่า สัสเอ้ย นี่กูทำเหี้ยอะไรลงไปเนี่ย”

 

“พี่เขาบอกว่าไม่รู้จักมึง”

 

“แต่เขาหน้าเหมือนมากเลยนะ”

 

“แต่พี่เขาไม่ใช่หมอนะเว้ย เป็นเจ้าของร้านบาร์ คนละขั้วเลยมึง”

 

“ก็จริงของมึง”

 

“กูก็ไม่อยากตัดกำลังใจอะไรมึงหรอกนะ แต่มึงอย่าตั้งความหวังมากจะดีกว่า จากที่กูดูเป็นได้สองอย่าง คือเขาเป็นพี่หมอจริงๆแต่ไม่ได้ฝันเหมือนมึง หรือสอง คือเขาไม่ใช่พี่หมอ แต่เป็นแค่คนหน้าเหมือน”

 

“กูเข้าใจ กูจะเผื่อใจไว้ ” ภาพรู้ดี ว่าที่ตรงนี้คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน

 

“ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องพิสูจน์ ”

 

“แล้วจะพิสูจน์ยังไง”

 

“กูยังไม่รู้ แต่ของอย่างนี้ต้องใช้เวลาป่าววะ เราก็ยังมีเวลาอีกเยอะแยะ ไม่ต้องห่วง วิญญาณเอโดกาวะ โคนันได้สมสู่ร่างกูแล้ว”

 

“สิ่งสู่ ”

 

“ผ่ามพ่าม!!”

 

“ไร้สาระสัส”

 

“ตบมุกกูได้แสดงว่ามึงกลับมาเป็นภาพคนเดิมแล้วใช่มะ”

 

“เออ กูได้สติแล้ว ”

 

“เออดีและ กูนี่นึกว่ามึงจะบ้ากว่านี้นะเนี่ย เสียดายจริงๆ”

 

“โอม”

 

“แหม่เพื่อนแค่แซวเล่น”

 

“ขอบคุณนะ”

 

“…”

 

“…”

 

“อืม ไม่เป็นไร มึงเพื่อนกูถ้าไม่ช่วยมึงจะให้กูไปช่วยใครที่ไหน”

 

“กูซึ้ง”

 

“อย่าดราม่า กูขนลุก”

 

“ภาพเป็นไงบ้าง” พี่เข้มเดินเข้ามาสมทบเมื่อเห็นว่าสองคนเดินออกไปนานเกินไป ภาพวาดดูสภาพดีกว่าเมื้อกี้นี้มาก ถึงตาที่คล้ำเป็นแพนด้าจากการทำงานบวกกับการร้องไห้อย่างหนักจะบวมช้ำจนดูไม่ได้ แต่ก็ยังดูพูดรู้เรื่องกว่าเมื่อสิบกว่านาทีที่แล้ว

 

“โอเคแล้วพี่ เมื่อกี้บ้าไปหน่อย ฮ่าๆ ขอโทษที่ทำให้ตกใจครับ”

 

“นั้นคือพี่หมองั้นหรอ” พี่เข้มที่มองดูเหตุการณ์อยู่ตลอดวิเคราะห์ได้ตรงจุด

 

“ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับพี่ หน้าอะใช่ แต่อย่างอื่นไม่”

 

“แล้วจะเอาไงต่อ”

 

“เดี๋ยวค่อยๆคิดอีกทีก็ได้พี่ เราเจอแล้วเขาไม่หนีไปไหนหรอก”

 

“เออ เคๆ งั้นกลับโต๊ะกันก่อ เขาเป็นห่วงมึงกันทั้งโต๊ะแล้ว”

 

คนทั้งโต๊ะยังดูไม่หายตกใจเมื่อภาพเดินเข้ามา หน้าตาแต่ละคนยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ภาพวาดค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งไปที่เดิม มีพี่เข้มและโอมประกบข้าง แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือคนที่เป็นสาเหตุของการร้องไห้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยเสื้อสีขาวตัวใหม่

 

ดวงตาสีดำแตกต่างจากพี่หมออย่างที่ไอ้โอมว่าจริงๆ

 

แถมยังไม่ทอประกายอบอุ่นเลยสักนิด

 

ออกแนวเยิ้มๆเหมือนคนเมาเหล้าเสียมากกว่า

 

เห็นแก้วเครื่องดื่มในมือก็พอจะรู้สาเหตุ

 

แถมยังชอบทำหน้านิ่งๆเก็กๆอีก

 

ไม่เมื่อยหรือไงกันนะ

 

“นี่คุณไม่คิดจะขอโทษกันหน่อยหรอ” ร่างตรงหน้าเอ่ยถาม

 

“ขอโทษครับ ผมคงเบลอไปหน่อย”

 

“ก็ดีที่ยังขอโทษ ทีหลังคุณก็ระวังหน่อยแล้วกัน” พูดพร้อมปล่อยควันสีเทาของบุหรี่ล่องลอยไปในอากาศ ภาพเพิ่งสังเกตเห็นว่าคุณเจ้าของร้านมีรอยสักรูปพระอาทิตย์ที่ข้อมือข้างขวาอยู่ด้วย

 

“โอ้โหเฮียสักด้วยหรอ โคตรเท่ห์อะ มินิมอลแอนด์ฮิปสะเตอร์สุด” ไอ้โอมถามขัดขึ้นมา

 

“แค่สักเล่นๆ เห็นมันสวยดี”

 

“ผมก็อยากสักบ้างนะ แต่กลัวเจ็บเลยเก็บไว้ก่อน ฮ่าๆ”

 

“เจ็บแค่แป๊ปเดียว” ภาพรู้ว่าไอ้โอมมันเฟรนลี่เข้ากับคนง่าย แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเข้ากับคนที่นิ่งๆดูเหมือนมีกำแพงหนาขนาดนั้นได้ แถมยังลื่นเป็นปลาไหล ซึ่งอีกฝ่ายก็แลดูแอบบ้ายออยู่นิดๆด้วย

 

“ว่าแต่มันมีความหมายมั้ย พระอาทิตย์ที่มือเฮีย”

 

“ก็ตรงๆ ชื่อกู ทินกร แปลว่าพระอาทิตย์” นั้นไง ไม่ทันไรก็ขึ้นมึงกูซะและ

 

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” ไอ้โอมทำหน้าสนอกสนใจจนน่าหมั่นไส้

 

“เห็นพี่เอกบอกว่าเฮียกับน้องหยกเป็นญาติกันหรอครับ หน้าตาดีทั้งบ้านเลยเนอะ”

 

“ใช่ ญาติห่างๆ หยกมันแค่มาช่วยทำงานที่ร้านหลังเลิกเรียน”

 

“แล้วเฮียมีพี่น้องอีกมั้ย แบบคนที่คล้ายๆกัน” เหมือนมันจะเริ่มขั้นตอนการพิสูจน์อย่างที่พูดไว้แล้วแหละ

 

“มึงอยากรู้ไปทำไม”

 

“เอ่อ ก็ เหมือนผมจะเคยเห็นคนคล้ายๆเฮียมาก่อน รู้สึกคุ๊นคุ้นหน้ามากเลย”

 

“กูลูกคนเดียว”

 

“แป่วววว งั้นหรอ สงสัยผมคงตาฝาดไป แหะๆ”

 

“มึงอาจจะเคยเจอกูก็ได้ แค่ตอนนั้นยังไม่รู้จักกัน”

 

“อ้อ คงเป็นอย่างนั้นแหละครับเนอะ ไอ้ภาพเนอะ” มึงจะมาเนอะใส่กูทำไมละว่ะ

 

สรุปเป็นอันว่าหมดข้อสงสัยเรื่องที่พี่หมออาจจะมีพี่น้องหรือฝาแฝดที่หน้าเหมือนกันไป

 

ร่างสูงหันไปคุยเรื่องหนังสั้นกับพี่เอกและทีมต่อไม่นานก็ขอตัวไปห้องน้ำ ภาพวาดที่รู้สึกมึนจากการอดนอนมาหลายวันจึงขอตัวไปล้างหน้าล้างตาบ้าง ก่อนที่จะทนไม่ไหวหลับคาโต๊ะไปเสียก่อน

 

ห้องน้ำของร้านอยู่ไม่ไกลมาก เข้าไปในช่องเล็กๆข้างเคาท์เตอร์บาร์ก็จะเห็นทางเดินที่ไม่ยาวนักทอดไปยังจุดหมาย

 

ปั๊ก

 

ตุ้บ

 

“โอ้ยย”

 

แต่ภาพไม่ทันระวัง ด้วยความเบลอเขาจึงเดินชนกับร่างที่พึ่งเดินออกมาทำให้เท้าของเขาเสียหลักหงายหลังลงไปกับพื้น

 

มันไม่มีฉากโรแมนติกที่พระเอกประคองร่างได้ทันท่วงทีและสบตากันปิ้งๆ

 

มันมีแต่ภาพวาดคนเบลอที่ล้มลงนอนแผ่กับพื้นอย่างหมดท่า

 

ผลจากการนอนไม่พอมาตลอดหลายวันทำให้เขาไม่มีแรงที่จะพยุงตัว

 

เอาจริงๆแรงเฮือกสุดท้ายที่จะใช้ลืมตาก็ดูจะหมดลงแล้ว

 

ภาพสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าของทินกรที่ยื่นเข้ามาดูอย่างตกใจ

 

“เห้ยคุณ เป็นไรรึเปล่า”

 

พร้อมกับสติที่ดับวูบลง

 

 

ภาพวาดค่อยๆลืมตาขึ้น ปรับโฟกัสดวงตาอย่างเบลอๆ ยืดแขนบิดขี้เกียจอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนจะพลิกตัวหันไปฝั่งขวาแต่ก็ต้องตกใจที่เห็นอีกคนที่นอนท้าวแขนตะแคงข้างมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายก็มีท่าทีตกใจไม่แพ้กัน

 

“พี่หมอ” ภาพเอ่ยเรียกคนที่อยู่ข้างหน้า ยังฝันอยู่อย่างนั้นหรอ

 

เขาค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้ สวมกอดและกดริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

 

“มอนิ่งคิสครับ” พี่หมอดูตกใจจนตัวแข็งทื่อ แปลกๆแหะ

 

‘มอนิ่งครับวาด’ ปกติพี่หมอต้องตอบกลับมาแบบนี้ไม่ใช่หรอ

 

เขาเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอีกฝ่ายอีกครั้ง

 

ดวงตาสีดำที่จ้องกลับมาทำให้ภาพรู้สึกแปลกๆ

 

แถมกลิ่นหอมหวานยามเช้ายังกลายเป็นกลิ่นเหม็นเหล้าไปซะได้

 

ผลั๊ก !!!

 

ตุบ

 

“โอ้ยยยยย”

 

ภาพวาดถูกถีบกระเด็นไปอีกฝั่งของเตียงจนตกลงมากระแทกเข้ากับพื้นไม้อย่างจัง

 

ทีนี้หล่ะ ตื่นเต็มตาเลย

 

สายตาอาฆาตแค้นถูกส่งมาจากฝ่ายกระทำจนทำให้ฝ่ายที่ถูกกระทำอย่างเขาเสียวสันหลังวาบ

 

“มะ ไม่ได้ฝันหรอ”

 

“แล้วคุณคิดว่าฝันอยู่รึไงถึงได้ไล่จูบชาวบ้านเขาไปทั่ว”

 

“พี่หมอล่ะ”

 

“หมออะไรของคุณ เพ้อหรอ คิดว่าตัวเองอยู่ศรีธัญญารึไง” เห็นหน้านิ่งๆแบบนี้แต่ปากคอเราะร้ายไม่ใช่เล่น

 

“โอ้ยย คุณก็พูดดีๆหน่อยไม่ได้รึไง คนพึ่งตื่นยังจูนตัวเองไม่ได้ ยิ่งงงๆอยู่”

 

“จะให้ผมพูดดีกับคนที่พึ่งหลอกแต๊ะอั๋งตัวเองอย่างนั้นหรอ”

 

“แล้วคุณจำเป็นต้องถีบทุกคนที่แต๊ะอั๋งคุณด้วยรึไง”


“ก็ผมตกใจ”

 

“ผมก็ตกใจเหมือนกันนั้นแหละ”

 

ต่างคนต่างส่งสายตามุ่งร้ายใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

“แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วที่นี่ที่ไหน” เขาเห็นอีกคนทำหน้าเอือมระอาซะเต็มแก่

 

“ร้านผมเอง นี่ห้องทำงานผม เมื่อวานอยู่ดีๆคุณก็สลบไปคนตกใจกันทั้งร้าน แต่เพื่อนคุณบอกว่าแค่เหนื่อยจนหลับไปหยกเลยให้เอาคุณมานอนชั้นบนก่อน”

 

“แล้วทำไมมันไม่พาผมกลับ”

 

“ลืมมั้ง เห็นอีกทีก็จ่ายตังค์แยกย้ายกันกลับแล้ว”

 

ไอ้สัสโอม มึงลืมเพื่อนได้ทั้งคนเลยหรอวะ

 

“แล้วคนอื่นหล่ะ”

 

“เมา”

 

โอ้ยยยย

 

ทำไมชีวิตไอ้ภาพถึงรันทดขนาดนี้ ไม่คิดจะสนใจน้องนุ้งบ้างรึไงกัน

 

“คุณตื่นแล้วก็ดีขี้เกียจมานั่งเฝ้า กลับศรีธัญญาคุณไปเถอะ”

 

“ไม่ต้องบอกผมก็จะกลับอยู่แล้ว”

 

โครกกกกกกกกกก

 

“……….”

 

“……….”

 

ครากกกกกกกก

 

“บอกทีว่านั้นไม่ใช่เสียงท้องร้อง”

 

 

 

 

ฉ่า

 

 เสียงของน้ำมันเมื่อข้าวกระทบกับกระทะดังไปทั่วห้องครัวขนาดเล็กของร้าน แค่ได้กลิ่นข้าวเฉยๆก็หอมจนทำให้ภาพน้ำลายไหลแล้ว เจ้าของร้านที่แปลงร่างกลายเป็นพ่อครัวจำเป็นตอกไข่และใส่เครื่องปรุงอย่างชำนาญเหมือนดั่งเชฟมืออาชีพ ทินกรใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาว มัดผมที่ยาวถึงบ่าขึ้นไปครึ่งหัวเพื่อไม่ให้มาปรกหน้าอย่างที่ชอบทำ แขนที่จับตะหลิวกับกระทะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่มีเยอะกว่าพี่หมอคนนั้น เหงื่อที่ซึมออกมาข้างหน้าผากกลับขลับให้คุณเจ้าของร้านน่ามองยิ่งขึ้น แม้หน้าตาจะเบื่อโลกและไม่อินกับอาหารจานนี้เลยก็ตาม

 

ภาพวาดอดคิดถึงพี่หมอไม่ได้

 

พี่หมอของเขานี่ทำอาหารอร่อยที่หนึ่งเลย

 

ใช้เวลาไม่นานข้าวผัดหน้าตาน่ากินสองจานก็เสร็จเรียบร้อย พวกเขาออกมานั่งกินข้างนอกที่โต๊ะตัวหนึ่งของร้าน ภาพมองจามจานข้าวผัดตาไม่กระพริบ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่

 

ทำไมมันน่ากินขนาดนี้วะ

 

“มองอยู่ทำไม กินสิ”

 

“ขอบคุณครับ”

 

“250 อย่าลืมจ่าย”

 

“โหยยยทำไมแพงจัง”

 

“ค่าเสียเวลาผม รู้มั้ยว่าค่าตัวผมแพงขนาดไหน”

 

“ผมจะไปฟ้องสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค”

 

“ถ้าว่างขนาดนั้นเอาเวลาไปนอนเถอะ”

 

ฉึก

 

แทงใจดำ

 

“แทนที่จะได้เอาเวลาไปเตรียมเปิดร้าน กลับต้องมานั่งทำข้าวผัดให้หมีแพนด้ากิน”

 

“ใครเป็นหมีแพนด้าไม่ทราบ แล้วคุณจะรีบเปิดอะไรตั้งแต่ไก่โห่ ”

 

คนตรงข้ามทำหน้าเอือมขั้นสุด แทบจะกรอกตาเป็นเลขห้าไทย ก่อนจะขยับแขนชี้นิ้วไปที่นาฬิกาตรงผนังร้าน

 

หืม สี่โมงเย็น

 

เขาหลับไปนานขนาดไหนกันเนี่ย

 

“คุณหลับไปเป็นวันไม่รู้ตัวอีกรึไง”

 

“แหะๆ”

 

“แหะอะไร”

 

“ผมอดนอนมานานเลยนอนเพลินไปหน่อย ขอโทษที”

 

“หึ” ทำเสียงในลำคอแกมสมเพชเขาเบาๆพร้อมกับทำหน้าเอือมอีกครั้ง

 

พี่หมอคนนี้

 

ไม่สิ

 

เฮียทินเจ้าของร้านบาร์กล่อมกรุงคนนี้

 

ตั้งแต่ที่เจอกันก็เห็นมีแค่สองหน้า

 

คือนิ่งๆทำเป็นหล่อ

 

กับรำคานเสียเต็มแก่

 

ภาพวาดอดถอนหายใจออกมาให้กับชีวิตตัวเองไม่ได้

 

มองหน้าที่มีไรหนวดแซมๆของคนตรงหน้าพลางคิดกับตัวเอง

 

ทำไมพี่หมอที่แสนอบอุ่นในฝันคนนั้น

 

ถึงกลายเป็นตาลุงขี้เก็กไปซะได้











#คุณในฝัน

ตอนนี้ยาวววสุดเเล้วค่ะตั้งเเต่เเต่งมา ตอนเขียนไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้พอมองดูอีกทีโอโห 20 กว่าหน้าไปเเล้ว (จริงๆแกเเค่เว้นบรรทัดเยอะอะจ่ะ) แอบเเนะนำเพลงนิดหน่อยเพื่อสร้างบรรยากาศ ชื่อเพลง The Good Side ของ Troye Sivan ค่ะลองไปหาฟังกันได้ เราว่าเพลงเข้ากับบรรยากาศเรื่องดี ดนตรีดีมาก เนื้อเพลงมีส่วนคล้ายกับเนื้อเรื่องนิดหน่อยค่ะเเต่ตอนนี้เนื้อเรื่องยังไปไม่ถึงจุดนั้น 55 เราเน้นเเค่อารมณ์เพลง 





Talk วันนี้จะยาวนิดนึงนะคะเพราะเราจะเปิดช่วงวิเคราะห์นิยายขึ้นมาเพิ่ม ใครขี้เกียจอ่านข้ามได้ค่ะ



--[ช่วง วิเคราะห์นิยายไปกับสีฝุ่น] --

จากตอนเเรกที่บอกว่าภาพของเรานั้นเป็นเหมือนดวงดาวที่หลงทางเพราะภาพเริ่มเเยกความฝันกับความจริงไม่ออกเเล้วค่ะ เพราะเอาใจไปผูกกับความฝันมากไป ขนาดในความจริงยังคิดเเต่เรื่องของพี่หมอพยายามตามหา จนลืมที่จะสนใจชีวิตจริงๆของตัวเองไป สิ่งที่โอมพูดคือเป็นการให้เผื่อใจค่ะ สิ่งที่โอมคิดคือคนเราถ้าเอาใจยึดตึดกับอะไรมากเกินไปจนเริ่มไม่เป็นตัวเอง เเละยิ่งสิ่งนั้นไม่เเน่นอนด้วยเเล้วมันยิ่งเป็นการทำร้ายตัวเองดีๆนี่เอง โอมอยากให้ภาพยอมรับให้ได้ เผื่อใจไว้ เพราะสุดท้ายสิ่งที่อยู่ก็คือความจริงไม่ใช่ความฝันค่ะ

ส่วนพระเอกของเรื่องนั้น ถ้าได้อ่านต่อไปเรื่อยๆก็จะรู้เองค่ะว่าใครกันที่เป็นพระเอก ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่เป็นพระเอกเราได้วางบทไว้ตั้งเเต่เเรกเเล้วค่ะ เขาคือคนที่ทำให้ปมทุกอย่างถูกแก้ไข เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญมากจริงๆ เป็นคนที่ทำให้เดินเรื่องได้อย่างกลมกล่อมเเละจบอย่างสมบูรณ์ที่สุดค่ะ

จะเห็นว่านิยายมีหลายอารมณ์ทั้งเรื่อยๆ หม่นบ้าง สดใสบ้าง เครียดหรือเเอบตกใจบ้าง มีเล่นมุกนิดหน่อยบ้าง เพราะเราคิดว่าชีวิตคนเรามันมีหลายอารมณ์ค่ะ วันๆหนึ่งอารมณ์เรายังไม่เเน่นอนเลย จึงอยากเขียนให้เป็นธรรมชาติเคล้าๆกันไปมากที่สุดค่ะ เราเน้นเป็นเรื่องของคนธรรมดาๆ ดังนั้นตัวละครทุกตัวก็จะดูเเลธรรมดาเห็นได้ทั่วไปเเต่ก็จะมีสเน่ห์เฉพาะตัวของเเต่ละคน นี่คือสิ่งที่พยายามจะเขียนออกมา ซึ่งยังต้องพัฒนาอีกเยอะค่ะ







ปล. ช่วงนี้ช่วงสอบ เป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านมันไปได้ด้วยดีนะคะ



เลิฟยู


-สีฝุ่น-





 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 7 (27/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-02-2018 20:40:20
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 7 (27/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: little2413 ที่ 28-02-2018 08:31:05
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านค่ะ
ลุ้นว่าใครจะเป็นพระเอกมากเลย แง้
เพราะรู้จักพี่เข้มมาหลายตอนแล้วเลยแอบเชียร์พี่เข้มอยู่เงียบ ๆ
ส่วนพี่ทินกร รอทำความรู้จักอยู่นะคะ
เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 7 (27/2/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-03-2018 21:28:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

ดูจากเคมีแล้ว  พระเอกคงจะเป็นพี่เข้มกระมัง
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 8 (6/3/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 06-03-2018 16:29:23
(http://image.free.in.th/v/2013/is/180306093704.jpg) (http://picture.in.th/id/4a82956b90195062d392d21b4e17095d)


-     8   -

 
แสงแดดจ้า

 

ทะเลสีฟ้าคราม

 

เสียงคลื่นกระทบฝั่ง

 

ความร้อนกระทบหน้าจนร้อนผ่าว

 

ปลายเท้าที่ย่ำอยู่บนพื้นทราย

 

รอยยิ้มกว้างของคนตรงหน้า

 

วาจาแสนอบอุ่น

 

‘Happy Anniversary ครับวาด’

 

‘ไม่มีคำอื่นพูดแล้วหรอ’

 

‘พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ’

 

‘แหวะ’

 

‘หมั้นไว้ก่อนนะ’

 

แหวนสีเงินถูกสวมใส่

 

‘อื้มม’

 

รอยยิ้มแห่งความสุข

 

 

บางครั้ง

 

ความฝันก็หวานเลี่ยนเสียจนมดต้องยอมแพ้

 

.

.

.

.

.

เหอะ

 

หวานกันมากงั้นหรอ

 

ครบรอบงั้นหรอ

 

หมั้นไว้ก่อนงั้นหรอ

 

เป็นฝันที่มีความสุขเสียเหลือเกินนะภาพวาด

 

ตัดภาพมาที่ความจริงสิ

 

ยังไม่เคยจะได้เจอกันด้วยซ้ำ

 

มีตัวตนจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ พี่หมอคนนั้นน่ะ

 

บอกตามตรงว่าภาพกำลังอิจฉาตัวเอง

 

คิดพร้อมนอนกระดิกเท้าไปพลาง เขียนบทไปพลาง และมาร์คหน้าไปพลาง หลังจากที่โดนด่าว่าเป็นแพนด้าหน้าศพมาเสียหลายรอบ วันนี้ภาพวาดขอเสริมความสดใสให้ใบหน้าหล่อๆนี่สักหน่อยเถอะ

 

เรื่องบทตอนนี้สมองของเขาแล่นมาก เนื่องจากนอนเต็มอิ่มส่วนหนึ่งและได้ไปสัมผัสบรรยากาศจริงอีกส่วนหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายๆอย่างมาอ้างอิง

 

พูดถึงเรื่องร้านกล่อมกรุง เมื่อวานหลังจากที่กลับมาถึงห้องเขาก็พบว่าตัวเองลืมกุญแจและคีย์การ์ดหอไว้ที่ร้านซะได้  สะเพร่าจริงๆ เขาน่าจะทำตกตอนเป็นลมหรือตอนนอนอยู่บนเตียง ภาพคิดว่าอย่างนั้น ดีที่ป้าเฝ้าหอยังไม่หลับเขาจึงขอกุญแจสำรองมาใช้ก่อนได้ แต่วันนี้ก็คงเลี่ยงที่จะไปเอากุญแจที่ร้านอีกรอบไม่ได้

 

พูดถึงร้านก็อดจะไม่พูดถึงตาลุงเจ้าของร้านหน้านิ่งขี้รำคาญคนนั้นไม่ได้

 

เรียกแบบนี้คงคิดว่าภาพวาดฝังใจสินะ

 

เก็ฝังใจน่ะสิ

 

มากๆด้วย

 

กล้าดียังไงถึงมาถีบเขาตกเตียง ตูดยังระบมไม่หายเดินทีอย่างกับคนแก่เดิน ขาลงน้ำหนักทีถึงกับร้องโอดโอยไม่หยุด เดินกะเผลกๆไปมา แล้วตาลุงนั้นดันกล้าเอาหน้าพี่หมอมาใช้ทำกริยาแบบนี้กับเขาอีก ทำแบบภาพจะโกรธลงได้ยังไง ขี้โกงชะมัด

 

เอาล่ะ เพื่อความสบายใจ เขาก็แค่พิสูจน์ว่าตาลุงนั่นไม่ใช่พี่หมอก็พอ พอตัวเองตาสว่างเห็นธรรมแล้วจะได้โกรธได้เต็มที่สักหน่อย ถึงแม้จะรู้สึกขอบคุณที่อุส่าห์ให้ที่พักและข้าวปลาอาหารกับแพนด้าตาดำๆคนนี้ก็เถอะ

 

เห็นแก่ความแอบใจดี

 

โกรธน้อยลงนิดนึงก็ได้วะ

 

 

 

เป็นเวลาก่อนร้านเปิดไม่นานมากนักที่ภาพมาถึงร้านที่เขาเพิ่งใช้เป็นที่หลับนอนมาหนึ่งวันเต็ม มองไปทางขวาก็เห็นน้องหยกกำลังเตรียมจัดของนู้นนี่อยู่ตรงเคาท์เตอร์บาร์

 

“ร้านเปิดในอีกครึ่งชั่วโมงนะคะคุณลูกค้า อ้าว พี่เพื่อนพี่เข้ม สวัสดีค่า” เมื่อเห็นว่ามีบุคคลนอกเดินเข้ามาในร้านจึงเอ่ยทักทาย เธอยังดูสวยปนเซ็กซี่อยู่เหมือนเคยแม้จะอยู่ในชุดนักศึกษา

 

“สวัสดีครับ พี่ชื่อภาพนะ แหะๆ”

 

“อ้อ สวัสดีค่ะพี่ภาพ ขอโทษทีค่ะพอดีหยกไม่รูชื่อ”

 

“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร”

 

“แล้วนี่โอเคขึ้นรึยังคะ วันนั้นเห็นอยู่ดีๆพี่ก็เป็นลมไปหยกตกใจแทบแย่”

 

“สบายดีแล้วครับได้นอนเต็มอิ่มเลย”

 

“’งานคงหนักมากสินะคะ ฮ่าๆ”

 

“เป็นบางช่วงน่ะครับ ว่าแต่ตาลุงเจ้าของร้านอยู่มั้ย”

 

“พี่ภาพหมายถึงเฮียทินรึปล่าคะ”

 

“ใช่ๆ โทษทีพี่หลุดปาก แหะๆ”

 

“คุณเรียกใครตาลุง” พูดถึงปุ๊ปก็มาปั๊ปอย่างกับจุดธูปเรียก ตายยากจริงๆคนนี้

 

“ป๊าวววว ใครเรียกกกก ไม่มี๊”

 

“แล้วจะเสียงสูงทำไม อ่ะนี่ มาเอากุญแจใช่มั้ย” พูดพร้อมยื่นสิ่งมี่ภาพตามหามาให้

 

“ขอบคุณครับ อันนี้ผมซื้อมาให้แทนคำขอบคุณ” ภาพยื่นถุงส้มใบใหญ่ไปตรงหน้าคนตัวสูงจนทำให้อีกคนถึงกับผงะ

 

“ขอบคุณเรื่องอะไร” คิ้วเข้มหนาขมวดนิดหน่อย

 

“ก็เรื่องที่คุณให้ผมนอนพัก แล้วก็ถือเป็นค่าข้าวผัดเมื่อวานด้วย”

 

“ก็บอกแล้วว่าของเหลือให้กินฟรี”

 

“นี่ก็ส้มเหลือจากแผงป้าในตลาดเหมือนกันครับ ป้าบอกว่าเอาไปทำบุญทำทานเถอะลูก”

 

“เหอะ ต่อปากต่อคำนะเราอะ”

 

“คนซื้อมาให้คุณก็รับไว้เถอะ จะปฏิเสธคำขอบคุณกันรึไง”

 

“โอเคๆ แต้งกิ้วแล้วกัน”

 

“กินเลยสิ”

 

“ห๊ะ?”

 

“ผมบอกว่ากินเลยสิ”

 

“ทำไมผมต้องกินตอนนี้ด้วย”

 

“จะได้มีแรงไปทำงานไง”

 

“ผมยังไม่อยากกิน”

 

“กินเถ้ออออ เดี๋ยวส้มน้อยใจนะ ”

 

หึ กินสิ จะได้รู้ว่าข้อสันนิฐานของไอ้ภาพคนนี้ถูกรึเปล่า

 

ภาพรู้ดีว่าพี่หมอเกลียดส้มอย่างกับอะไรดี

 

ถ้าตาลุงนี่กินได้ก็เป็นอันว่าไม่ใช่

 

เป็นไงล่ะแผนการอันแยบยลนี้

 

หน้าตาไม่ดีคิดไม่ได้นะบอกเลย

 

“มาๆคุณมานั่ง เดี๋ยวผมแกะให้เลย” ภาพทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะตัวใกล้ๆ ตบปุๆให้อีกคนมานั่งด้วยกัน

 

“เอ่อคือหยกว่-…”

 

 “เรื่องสตอเบอรี่ใช่มั้ย เฮียสั่งเพิ่มไปแล้วเดี๋ยวมันก็มาส่ง”

 

“อะ อ่อ เค คือหยกแค่จะถามว่าจะให้เปิดร้านเลยมั้ย”

 

“ยังไม่ต้องหรอก หยกไปเคลียร์สต็อคหลังร้านเถอะ ตรงนี้เฮียดูเอง”

 

“นี่คุณ กินเลยๆ” ภาพยืนส้มชิ้นใหญ่ให้หลังจากที่เขาพึ่งแกะเสร็จ ทินกรทำหน้าเหนื่อยใจแต่ก็ยอมรับไปกินแต่โดยดี

 

“นี่ไงกินแล้ว พอใจยัง”

 

เห้ยย กินได้เว้ย แสดงว่าตาลุงนี่ไม่ใช่พี่หมอสินะ

 

ทั้งดีใจและเสียใจเลยแหะ

 

ก็ในใจจริงๆแล้วภาพอยากเจอพี่หมอตัวจริงนี่หน่า

 

นี่เขาเป็นไบโพล่าร์รึเปล่า

 

ทำตัวขัดแย้งไปมา

 

“พอใจแล้วครับ” ยิ้มตอบกลับแบบดีใจปนเสียดาย มันเรียกว่าอะไรกันนะยิ้มแบบนี้ ยิ้มแห้งรึเปล่า

 

“คุณมาแค่นี้ใช่มั้ย งั้นก็กลับไปได้แล้ว”

 

“ไล่ลูกค้าแบบนี้ได้ยังไง ผมตั้งใจมาอุดหนุนร้านคุณต่างหาก เรื่องขอบคุณน่ะเป็นเรื่องรอง”

 

“วันนี้ร้านปิด”

 

“โกหก ร้านปิดแล้วน้องหยกจะเตรียมของทำไม”

 

“เหอะ” นั้นไง เถียงไม่ออก

 

“ผมแค่มานั่งเขียนบทเฉยๆ มาเขียนกับบรรยากาศจริงมันได้อารมณ์มากกว่า นี่ไงผมพกโน้ตบุ้คมาด้วย” พูดพร้อมหยิบขึ้นมาโชว์

 

“ร้านผมไม่ใช่สตาร์บัคนะคุณ”

 

“ยังไงลูกค้าร้านคุณก็นั่งแช่กันนานอยู่แล้ว ไม่ต่างหรอก”

 

“…” หน้านิ่ง

 

“นะๆ” ภาพพยายามกระพริบตาปริบๆเหมือนเวลานางเอกอ้อนพระเอกในการ์ตูนตาหวาน

 

“เห้ออ แล้วแต่คุณแล้วกัน”

 

“เย้ ผมไม่เกะกะรบกวนหรอก ผมจะนั่งอยู่เงียบๆในมุมของผมไว้ใจได้”

 

“ไอ้ภาพมาได้ไงวะ” เสียงอันคุ้นเคยของบุคลผู้มาใหม่เอ่ยทักทายจากหน้าประตูร้าน ทำให้ภาพต้องหันไปมองอย่างเสียไม่ได้

 

“พี่เข้มเถอะมาได้ไง” ภาพเอ่ยอย่างสงสัย

 

“กูบังเอิญผ่านมาเลยแวะมาหาหยก” พี่เข้ม บุคคลที่มาพร้อมกับคำว่าบังเอิญตลอดเวลาจนภาพอดคิดไม่ได้ว่ามันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้น

 

“หยกไม่อยู่” ทินกรหันขวับไปตอบเสียงแข็ง

 

“ผมโทรหาแล้ว หยกบอกว่าอยู่” ภาพเหมือนเห็นกระแสไฟฟ้าเปรี๊ยะๆออกมาจากสายตาระหว่างสองคนนี้ แน่นอนมันไม่ใช่เปรี๊ยะๆแบบคนที่สปาร์คซัมติงกันแน่ๆ แต่เป็นอารมณ์แบบพี่ชายหน้านิ่งขี้หวงและว่าที่น้องเขยของเขามากกว่า ภาพคิดว่านะ

 

“วันนี้หยกงานยุ่ง ไม่มีเวลามาคุยเล่น”

 

“ไม่เป็นไรผมแค่อยากเจอหน้า นั่งมองเฉยๆก็ได้”

 

เปรี๊ยะๆๆ

 

เอาล่ะไปต่อไม่ถูกเลย

 

รู้สึกตัวเองเป็นส่วนเกินเบาๆ

 

นี่เรามานั่งทำอะไรตรงนี้กัน

 

ใครก็ได้ช่วงมาแยกสองคนนี้ออกไปที

 

แต่เหมือนพระเจ้าจะได้ยินคำขอของเขาพระองค์จึงส่งผู้กอบกู้มาช่วยไว้ได้ทันท่วงที

 

เธอคือผู้มาใหม่

 

ผู้หญิงสวยน่ารักสไตล์คุณหนู

 

“สัสทินว่าไงไม่เจอกันนาน”

 

คนที่เขาและพี่เข้มคุ้นหน้าคุ้นตากันดี

 

“เออดีไอ้พิม ไม่เจอนานเดินพุงกางมาเลยนะมึง”

 

“กูท้องไง ไม่ได้อ้วน”

 

“อ้าวเข้ม อ้าวน้องภาพ หวัดดีจ่ะ บังเอิญจังเลยเนอะ”

 

เปรี้ยง!!!

 

ภาพรู้สึกถึงสายฟ้าที่ผ่าเข้ามากลางโต๊ะ

 

ถ้าพี่เข้มคือความบังเอิญฝ่ายชายแล้ว

 

ฝ่ายหญิงคงต้องยกให้พี่พิมเขาล่ะ

 

หากยังจำได้

 

พี่พิมคือคนที่หน้าเหมือนแฟนเก่าพี่หมอ

 

และเป็นอดีตแฟนเก่าพี่เข้ม

 

แล้วคราวนี้ยังมาเป็นคนรู้จักของตาลุงทิน

 

ซึ่งตาลุงดันหน้าเหมือนพี่หมออีก

 

โลกกำลังเล่นตลกอะไรกับเขารึเปล่าเนี่ย!!

 

มันเกิดอะไรขึ้น

 

แรงดึงดูด

 

ทฤษฎีโลกกลม

 

หรือว่าพรหมลิขิต





















#คุณในฝัน



กลับมาเเล้วจ้าาา อัพฉลองให้แก่หลายๆคนที่พึ่งสอบเสร็จ ยินดีด้วยคุณได้รอดชีวิตจากขุมนรกไปเเล้ว next station ขุมไฟนอล 55

เห็นมีคนสงสัยเรื่องพระเอกของเรื่องกันมากเลย

จริงเเล้วพระเอกคือโอมค่ะ



อ๊ะล้อเล่น



ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ค่ะ เเต่คิดว่าทุกคนอ่านๆไปก็น่าจะเดาได้ ถึงจะมีทั้งพี่ทิน พี่เข้ม โอม หรือใครก็ตาม เเต่อย่าลืมว่าพระเอกจริงๆในใจของภาพวาดยังไงก็คือพี่หมอเน้อ



เรื่องนี้เดาไม่ง่ายค่ะเเต่ก็ไม่ยากจนเกินไป เเต่ถ้าใบ้ปุ๊ปก็เก็ทเลย เราเลยใบ้มากไม่ได้ค่ะเดี๋ยวรู้หมด 55

เรื่องไม่ยาวเน้อนี่ก็เกือบครึ่งทางเเล้ว (สั้นเว่อร์)

ยังไงฝุ่นจะพยายามมาอัพบ่อยๆค่ะ



ฝุ่นเปิด Twitter ไว้นานเเล้วตั้งเเต่เรื่องเปิดเเต่ไม่ได้บอกเพราะคิดว่าคงไม่มีคนสนใจ เเต่ก็พอมีคนทักมาบ้างก็เลยขอโปรโมตแอคตัวเองสักนิดนึงเน้อ สามารถไปพูดคุยเวิ้นเว้อกันได้ถ้าใครเหงาๆไม่มีอะไรทำ  @thedust24 หรือ #คุณในฝัน ก็ได้ค่ะ เราเเอบเอาเเอคติดเเท็กโปรโมตนิยายตัวเองนิดนึงด้วย 55



See U next chapter นะจ๊ะ

1เม้น = ล้านกำลังใจ

เลิฟ



-สีฝุ่น-


หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 8 (6/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-03-2018 16:42:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 8 (6/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-03-2018 16:55:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 8 (6/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 07-03-2018 17:37:56
ตอนจบนี่ภาพคงไม่ต้องไปรักษาตัวอยู่ในโรงบาลใช่มั้ยคะ?555
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 8 (6/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 07-03-2018 19:30:42
พล็อตสนุกดี ทำให้ชวนติดตามว่าใครคือคนในฝันของภาพ
ในใจอยากให้เป็นพี่เข้ม คือแบบ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น
ทั้งเรื่องไม่ชอบส้ม เรื่องคอนโดอีก แล้วแบบเคมีมันก็ได้นะ
คนที่ไม่เคยคาดคิดอาจจะใช่ก็ได้เนอะน้องภาพ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 8 (6/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 10-03-2018 07:47:41
ชอบนะคะ น่าติดตามต่อว่าจะยังไง

แต่เราว่าภาพยึดติดเกินไป แยกไม่ออกอย่างที่คุณฝุ่นว่า

ถึงแม้จะมีเรื่องน่าสงสัย แปลกใจอยู่ตลอดก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 8 (6/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 10-03-2018 12:50:19
เชียร์พี่เข้มมมมม เพราะเรารู้สึกว่าคนที่คล้ายกับพี่หมอของวาดจริงๆก็คือพี่เข้ม ไม่ใช่เฮียทินที่เป็นแค่ภาพเหมือน
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 8 (6/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 10-03-2018 22:30:57
คิดว่าน่าจะเป็นพี่เข้มนะ เพราะคนที่หน้าเหมือนในฝันชื่อแซ่ไม่ตรงกับในฝันทุกคนเลย แล้วพี่เข้มมีอะไรที่เหมือนกับพี่หมอตั้ง2ข้อ 1 แฟนเก่ามีชู้ 2 อยู่คอนโดเรสๆอะไรนั่นอ่ะ แถมห้อง 2108 ซึ่งใกล้เคียงกะห้องพี่หมอในฝันไปอีก งานคิดเองเออเองล้วนๆ 5555555555 มาต่อไวๆน้าค๊าาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 9 (12/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 12-03-2018 23:02:13
(http://image.free.in.th/v/2013/iw/180312040332.jpg) (http://picture.in.th/id/da1cc567b52331d091e8a76541988e87)



- 9 -


 

     ปิทากอรัสเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ตั้งทฤษฎีโลกกลม

 

     ต่อมาโคเปอร์นิคัส และกาลิเลโอได้นำมาพิสูจน์

 

     และพบว่ามันถูกต้อง

 

     วันเวลาต่อมาโลกก้าวหน้ามากขึ้น

 

     เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล

 

     นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปที่แน่นอน

 

     และรู้ว่าโลกของเรานั้นมันแสนกว้างใหญ่

 

     จนมิอาจจะค้นพบได้ทั้งหมดทุกอย่าง

 

     แต่ถึงกระนั้น

 

     ภาพวาดก็ยังอยากจะโต้แย้งในบ้างข้อ

 

     โลกของพวกเรานั้นเป็นทรงกลมก็จริง

 

     แต่ทำไมโลกของภาพ..

 

     มันถึงแคบขนาดนี้วะ!!

 

     ภาพวาดหันมองผู้คนที่เขารู้จักทั้งสามคนแล้วอยากจะร้องไห้เป็นสูตรฟิสิกส์

 

     แต่ก็ลืมไปว่าตัวเองคืนไปหมดตั้งแต่เข้ามหาลัยแล้ว

 

    'พี่พิม’ ยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนหวานเหมือนทุกครั้งที่พวกเขาได้เจอกัน เธอดูไม่แปลกใจเท่าใดนักที่เห็นพี่เข้มและตัวเขา แถมยังเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองเสียอีก

 

     “รู้จักกันด้วยหรอ” ทินกรเอ่ยถามเพื่อนผู้มาใหม่ แต่ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ถามถึงภาพวาดเพียงคนเดียวเสียมากกว่า

 

     “เคยเจอกันหลายรอบ น้องเขาเป็นรุ่นน้องของเข้ม”

 

     “แล้วพี่สองคน….”

 

     “ทินเป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมน่ะจ่ะ ห่างหายไปนานพึ่งกลับมาเจอกันนี่แหละ” อ่า ภาพว่าเขาพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เพราะพี่เข้มเป็นแฟนเก่าที่เลิกกันไม่ดีเท่าไหร่ของเพื่อนสนิทตัวเอง และยังพยายามจะจีบน้องสาวของตัวเองอีก แถมเจ้าตัวยังเป็นพวกหวงน้องเข้าเส้น จะเหม็นหน้ากันก็คงไม่แปลก

 

     สรุปคือสามคนนี้สนิทชิดเชื้อและมีสตอรี่ร่วมกันมาสินะ

 

     คนที่เขารู้จักและเกี่ยวข้องกับฝันประหลาดนั่นดันรู้จักกันหมด

 

     แล้วอย่างนี้จะไม่ให้บอกว่าโลกมันแคบได้ยังไง

 

     โชคดีแค่ไหนแล้วที่พี่พิมไม่ใช่แฟนเก่าตาลุงนี่อีก

 

     เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นอย่างนั้นวะ

 

     “แล้วนี่มาทำไม ไม่ทำงานรึไง” ทินกรเอ่ยถามอีกครั้ง

 

     “กูก็คิดถึงเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ผ่านมาเลยแวะเข้ามาทักทายนิดหน่อยไม่ได้รึไงคะ” แต่ดูจากคำพูดคำจาแล้วภาพคิดว่าไม่น่าจะเคยเป็นแฟนกันหรอกมั้ง

 

     “กูเบื่อหน้ามึง”



     “กูก็เบื่อหน้ามึงเหมือนกัน เบื่อปากหมาๆของมึงด้วย ไปหาน้องหยกดีกว่าอยู่หลังร้านใช่มะ” พูดเสร็จไม่รอคำตอบเธอก็หมุนตัวเดินไปหลังร้านซะแล้ว เหลือไว้แต่เพียงชายหนุ่มทั้งสามคน

 

     “พี่เข้มขอคุยด้วยหน่อย” ภาพสะกิดคนตัวโตกว่ายิกๆ ก่อนที่อีกคนจะตอบตกลงและไปหาโต๊ะไกลๆส่วนตัวนั่งคุยกัน ทิ้งคุณเจ้าของร้านให้ตะเตรียมของเตรียมเปิดร้านของเขาไป

 

     “พี่รู้จักตาลุงทินมาก่อนแล้วใช่มั้ย รู้จักกันมานานขนาดไหน รู้รายละเอียดลึกรึเปล่า แล้วเขากับพี่พิมเป็นอะไรกัน..”

 

     “ไอ้ภาพมึงใจเย็นๆกูตอบไม่ทัน กูรู้แค่ว่ามันกับพิมเป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยม ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น กูเจอมันบ่อยๆตอนที่พิมบังเอิญเจอแล้วทัก พึ่งรู้ว่าเป็นเจ้าของร้านเดียวกับที่ไอ้เอกอยากมาถ่ายนี่แหละ พอมาร้านกูก็เจอหยกเลยอยากจีบ แล้วพอมันรู้ว่ากูจะจีบโรคหวงน้องแม่งก็กำเริบ เลยเหม็นหน้ากูมาถึงตอนนี้ ก็แค่นั้น”

 

     “อ่อ แสดงว่าไม่ได้เป็นแฟนกันสินะ” จะว่าโล่งใจก็ไม่ใช่ ทุกอย่างรุมเร้าเข้ามาทีเดียวจนทำให้เขาสับสนไปหมด มันเหมือนหัวโดนกระแทกด้วยความจริงหลายๆอย่างจนยากต่อการเข้าใจ

 

     “ภาพ กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วย” พี่เข้มเปลี่ยนเรื่องและมองหน้าเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกายอย่างมีความหวัง

 

     “อะไรครับ” 

 

     “มึงช่วยกันไอ้ขี้เก็กนั่นออกจากกูกับหยกที ไหนๆมึงก็อยากพิสูจน์เรื่องมันแล้วก็ตบมือข้างเดียวได้ปลาสองตัวไปเลยดิ”

 

     “ยิงปืนข้างเดียวได้นกสองตัวเหอะ”

 

     “เออน่า คล้ายๆกัน ว่าแต่ตกลงมั้ย”

 

     “ไม่ครับ”

 

     “ภาพพพพ ทำไมอะ คนนี้กูจริงจังนะเว้ย กูชอบมากช่วยกูหน่อยเถอะ”

 

     “ช่วยโดยการเอาตัวผมเป็นไม้กั้นหมาอะหรอ”

 

     “เรียกว่าเปิดโอกาสให้มึงได้ไขข้อข้องใจจะดีกว่า”

 

     “ผมฟันธงแล้วว่าเขาไม่ใช่พี่หมอ”

 

     “มึงฟันธงยังไงวะ”

 

     “ผมเอาส้มให้เขากิน แล้วเขาก็กินได้ปกติ”

 

     “แค่นั้นอะนะ”

 

     “แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่รึไง ทั้งสีตา บุคลิก แล้วก็อาชีพ ไม่มีความเข้ากันเลย”

 

     “แล้วเรื่องพิมหล่ะ พิมก็เป็นแฟนเก่าพี่หมอมึง แล้วก็เป็นเพื่อนของไอ้นั่นด้วยไม่ใช่รึไง”

 

     “ทีพี่ยังเป็นแฟนเก่าพี่พิม และรู้จักกับคนที่หน้าเหมือนพี่หมอเลย”

 

     “มึงไม่คิดว่ามันบังเอิญมากไปรึไงวะ แล้วนี่ยังไงมึงจะยอมแพ้แล้วรึไงพูดแบบนี้”

 

     “ผมไม่ได้ยอมแพ้แค่ไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อดี บางทีผมก็อยากจะได้เวลาทบทวนตัวเองดีๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้าเจอพี่หมอแล้วจะยังไงต่อ หรือถ้าไม่เจอแล้วจะยังไง  คือพี่คิดมั้ยว่าบางทีมันอาจจะเป็นแค่ผมหลอนไปเอง เป็นแค่อาการทางจิตโง่ๆ ผมอาจจะโหยหาความรักจนสร้างเรื่องมโนขึ้นมาใหญ่โต”

 

     “แล้วทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงๆหล่ะ เหตุการณ์ต่างๆ แล้วก็พวกคนที่หน้าตาเหมือนคนในฝันมึงอีก”

 

     “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่มีคำตอบเลย” ภาพวาดกำมือแน่น เขาสับสนไปหมด อยู่ดีๆเหมือนปริศนาทุกอย่างก็ตู้มลงมาใส่หัวเขาในทีเดียว ซึ่งภาพไม่มีความสามารถที่จะแก้ไขมันได้เลย

 

     “…”

 

     “บางครั้ง….ผมก็เหนื่อย”

 

     “…”

 

     “ผมเหนื่อยจริงๆนะ”

 

 

     เหนื่อยมาก

 

     เหนื่อยมาตลอด

 

     กับการหาคำตอบให้กับคำถามที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้

 

     มันควรจะหยุดได้แล้วรึเปล่านะ

 

     ถ้าเขาหยุดทุกอย่างมันจะดีกว่านี้รึเปล่า

 

     “แล้วมึงเคยไปปรึกษาจิตแพทย์ดูรึยัง”

 

     “ผมไม่กล้า”

 

     “การที่เราไปหาหมอจิตไม่ได้แปลว่าเราโรคจิตนะมึง เราไปเพราะต้องการที่ปรึกษา ต้องการการระบาย หาที่มาแล้วก็หาวิธีแก้ คือ มันไม่ได้แย่เลย มึงไม่จำเป็นต้องกังวล” พี่เข้มพูดขึ้นมารัวๆแกคงเป็นห่วงเพราะคิดว่าภาพไม่ไปเพราะเหตุผลพวกนี้

 

     “ผมรู้ มันไม่ใช่เพราะอย่างนั้น”

 

     “แล้วทำไมมึงไม่ไป”




     “…”

 

     “…”

 

     “ผมกลัวเขาจะหายไป…พี่หมอน่ะ”

 

     เพราะภาพวาดนั้นยังอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับความจริงที่ไม่มีเขาคนนั้น

 

     “จริงๆผมกะจะพอแล้ว ถึงเขาจะเหมือนพี่หมอขนาดไหนมันก็ไม่ใช่ ผมรู้ดี จนกระทั่งพี่พิมเดินเข้ามา พอเขาบอกว่ารู้จักกัน ผมก็สร้างความหวังขึ้นมาอีก”

 

     เหมือนใจที่มันหมดหวังไปแล้วได้รับน้ำมาเพื่อหล่อเลี้ยงอีกครั้ง

 

     ภาพวาดภาวนาไม่ให้ทินกรเป็นพี่หมอคนนั้น เพราะแท้จริงแล้วเขาอยากจะเจอคนที่เหมือนกับพี่หมอในฝันของเขาจริงๆทั้งภายนอกและจิตใจ

 

     แต่อีกใจก็อยากเหลือเกินให้ทินกรคือคนที่เขาฝันถึง การเดินทางจะได้สิ้นสุดลงเสียที

 

     ความคิดสองอย่างตีกันอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลาตั้งแต่ที่ได้เจอกัน

 

     ถึงภายนอกทุกอย่างจะดูโอเค แต่ข้างในนั้นภาพคิดมากอยู่ตลอดเวลา

 

     บางครั้งก็รำคาญความคิดของตัวเองที่เอาแน่เอานอนไม่ได้สักอย่าง

 

     “มันยากนะ พี่ว่ามั้ย”

 

 

 

 

 

     “เมนูครับคุณลูกค้า ร้านเปิดแล้ว ถ้าอยากนั่งก็ต้องสั่งนะครับ” คนที่ถูกพูดถึงเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาพอดิบพอดีพร้อมวางเล่มเมนูลงบนโต๊ะให้ทั้งเขาและพี่เข้ม มาถูกเวลาจริงๆพ่อคุณ ตัดอารมณ์ดราม่าของเขาไปหมดด้วยคำพูดกึ่งประชดประชัน

 

     “ขอบคุณ” พี่เข้มเลื่อนมือไปรับพร้อมเปิดดูเมนู

 

     “เป็นเจ้าของร้านต้องมารับออเดอร์ด้วยหรอ”ภาพวาดเอ่ยถาม

 

     “สำหรับผมการเป็นเจ้าของร้านคือเป็นทุกอย่าง” แหม คมเลือดไหล

 

     “แสดงว่าคุณก็เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยใช่มั้ย”

 

     “ผมมีคนประจำ แต่ถ้าบางทีไม่มาผมก็ทำเอง”

 

     “คุณก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย”

 

     “รู้ก็ดี” แหมะ ไม่มีถ่อมตัวสักนิด

 

     “ผมเอาข้าวผัดแล้วก็เอาน้ำส้ม”

 

     “เมนูมึงไม่ได้เข้ากับร้านเลย”

 

     “ก็ผมหิวอะ”

 

     “ผมเอาเบียร์สดของร้านแก้วนึง” หันไปสั่งคุณเจ้าของร้านที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว พยักหน้าตอบรับพร้อมทวนออเดอร์นิดหน่อยก่อนจะไปเตรียมอาหาร เห็นพี่เอกบอกอยู่ว่าเบียร์สดที่ร้านนี้อร่อยแต่ภาพยังไม่เคยลองสักที เห็นครั้งที่แล้วมีคนสั่งกันเยอะเชียว สงสัยคงต้องลองซะบ้างแล้ว

 

     รอเวลาไม่นานเบียร์ของพี่เข้มที่สั่งก็มาเสิร์ฟโดยพยักงานคนหนึ่งที่ภาพไม่เคยเห็นหน้า คราวที่แล้วคงไม่ทันได้สังเกต เขาเป็นผู้ชายตัวผอมและค่อนข้างตัวเล็ก หน้าตาแบบคนจีนยิ้มทีตาปิดจนภาพอดสงสัยไม่ได้ว่ามองเห็นรึเปล่า

 

     “เบียร์ได้แล้วคร้าบบ น้ำส้มรออีกสักครู่นะคร้าบบกำลังคั้นกันอยู่” พูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างที่ทำให้เห็นฟันขาวครบทุกซี่ อะไรจะสดใสขนาดนั้นวะ

 

     “พี่คนนี้ที่วันนั้นเป็นลมใช่มั้ย ตอนพี่ล้มนี่ผมโคตรตกใจเลย เป็นไงหลับสบายมั้ยพี่ “ เหมือนทุกคนในร้านจะจำเขาได้จากวีรกรรมนี้ทั้งนั้นเลยนะ  ว่าแต่ไอ้เด็กนี่พูดมากจังวะ

 

     “ก็โอเคแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ” ภาพตอบกลับไปตามมารยาท

 

     “ไอ้ภีมพูดมากกลับไปทำงานไป” ทินกรกลับมาพร้อมจานข้าวผัดและแก้วน้ำส้มในมือ

 

     “โถ่วเฮียย ลูกค้ายังไม่มาสักหน่อย ผมก็แค่มาชวนพี่ๆเขาคุยเอง”

 

     “แล้วถามเขามั้ยว่าอยากคุยกับมึงรึเปล่า”

 

     “ก็ต้องอยากอยู่แล้วสิ ใช่มะพี่” พูดพร้อมหันมายักคิ้วให้ภาพสองจึ้ก

 

     “อะ เอ่อ….”

 

     “กูบอกให้กลับไปทำงาน”

 

     “ผมก็ทำอยู่นี่ไงค้าบเฮีย เนี่ยกำลังจะไปเอาข้าวผัดเฮียก็มาแย่งงานผม ปกติไม่เห็นเคยทำนั่งจิบเหล้าจิบเบียร์อย่างเดียว ” หืมม ไหนบอกว่าปกติทำทุกอย่างไง

 

     “หุบปากไอ้ภีม พูดมากนะมึงอะ ไปล้างห้องน้ำเลยสัส ล้างไม่สะอาดไม่ต้องออกมา”

 

     “ม้ายยยยยยยยยยยยย”

 

     “จะไปดีๆหรือต้องให้กูถีบตูดมึง”

 

     “เฮียใจร้ายที่สุด อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าเฮียแอ-”

 

     ตุบ

 

     “โอ้ยยยเฮียถีบผมทำมายยยย” แม่งง เจ้าของถีบเด็กกลางร้านอย่างงี้ก็ได้หรอวะ ถึงจะมีลูกค้าโต๊ะเดียวก็เถอะ

 

     “กูเตือนมึงแล้วนะ” ทินกรแสยะยิ้มชั่วร้ายมุมปาก

 

     “งอนๆๆๆ ผมงอนเฮียแล้ว”พนักงานสริร์ฟที่โดนหมายหัวทำท่าเช็ดน้ำตาเกินจริงก่อนจะสะบัดตัวเดินกลับไปคว้าอุปกรณ์ล้างห้องน้ำหลังร้านก่อนจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ อะไรกันพึ่งล้างไปทำไมต้องล้างอีกรอบด้วย เฮียนะเฮียทำไมต้องทำร้ายกันขนาดนี้

 

     “มีอะไรก็เรียกผมแล้วกัน ตอนนี้เด็กเสิร์ฟไม่ว่าง” พูดก่อนจะไปยืนประจำที่บาร์ เวลาผ่านไปไม่นานนักผู้ชายที่ภาพคิดว่าน่าจะเป็นบาร์เทนเดอร์ประจำร้านก็มาถึง

 

     เห้อออ

 

     ยิ่งมองตาลุงนี่กี่ที ภาพก็รู้สึกขัดลูกตาเหลือเกินที่บังอาจเอาหน้าพี่หมอแสนอบอุ่นของเขามาใช้ทำอะไรแบบนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

     สามวันผ่านไปหลังจากที่ภาพไปที่ร้านกล่อมกรุง หลังจากนั้นเขาก็แวะเข้าไปตลอดทุกวัน เนื่องจากเขาต้องการรายละเอียดต่างๆของร้านและการไปนั่งในร้านมันได้อารมณ์จริงๆมากกว่าการนั่งจินตนาการอนู่ในห้องสี่เหลี่ยมและยังทำให้สมองของเขาทำงานได้ดีมากกว่า

 

     ช่วงบ่ายภาพเข้าไปคุยงานเรื่องบทกับพี่เอกได้สักพักเมื่อไอเดียและบทบางส่วนถูกอนุมัติและได้รับคำชมมาแล้ว เขาก็ไม่รีรอนั่งเขียนบทตรงนั้นเลย สื่งที่พี่เอกรีเควสขึ้นมามีเพียงอยากได้ฉากที่เป็นปรากฎการณ์ซุปเปอร์มูนที่ใกล้จะถึงในอีกไม่กี่วันลงไปในเรื่องด้วยเพราะเป็นเหตุการณ์สวยงามที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆและช่วยสร้างความโรแมนติกให้กับเนื้อเรื่องได้ดี  หลังจากครั้งที่พวกเขาคุยไอเดียเรื่องบทและคาแรกเตอร์ตัวละครคราวนั้น พี่เอกได้ติดต่อน้องหยกมาแสดงเป็นนางเอกของเรื่องเนื่องจากคาแรกเตอร์ของตัวละครที่สวยแบบไทยนั้นเข้ากับเธอ ประจวบเหมาะกับการที่น้องหยกเรียนทางด้านนิเทศ ถึงจะไม่ได้เป็นเอกการแสดงแต่ก็เล่นได้ดีตามเกณฑ์ที่พวกเขาวางไว้

 

     สิ่งที่ต้องเร่งทำตอนนี้คือบทของฉากซุปเปอร์มูนที่ใกล้จะถึง ภาพจึงเดินทางไปเก็บข้อมูลที่สถานที่จริงสักหน่อย ภาพมาถึงเวลาร้านเปิดไม่นานนักอย่างที่ชอบทำ เพราะเขาสามารถเลือกที่นั่งในมุมที่ดีและไม่รบกวนลูกค้าคนอื่นจนเกินไป

 

     ภีมที่กำลังจัดโต๊ะและเก้าอี้เข้าที่หันมายิ้มกว้างโบกมือทักทายหลักจากที่เห็นว่าเขาเดินเข้ามา

 

     “หวัดดีค้าบบพี่ภาพ” ภีมยังคงคอนเซปสดใสเกินเบอร์เหมือนที่เจอกันครั้งก่อน

 

     “หวัดดี” ยกมือทักทายเด็กมันอย่างที่ทำเป็นประจำในตลอดหลายวันที่ผ่านมา

 

     “ช่วงนี้พี่ภาพมาบ่อย แอบมาเต๊าะใครป่าวเนี่ย”

 

     “พี่มาเก็บข้อมูลโลเคชั่นต่างหาก”

 

     “คิคิ เห็นมาเกือบทุกวันไอเราก็นึกว่าเฮียทินจะขายออกซะแล้ว”

 

     “มโนไปไกลและ พี่มาจีบจิ้งจกที่ร้านเห็นตัวเหลืองๆสวยดี”

 

     “โห่ ทำไมอ่า ผมเชียร์คู่พี่อยู่นะ” นี่ขี้ชงจังวะ แล้วทำไมต้องเป็นคู่เขากับตาลุงด้วย

 

     “ไม่อะ พี่ไม่นิยมผู้ชายขี้เก็กมีหนวด” ภาพตอบกลับไป สเปคเขาต้องสะอาดอบอุ่นแบบพี่หมอสิ

 

     “แบบนี้ถึงจะโรแมนติคไงพี่ พระเอกดิบๆเถื่อนๆปากหนักหน่อยๆ ฟินนจะตาย คิคิ” 

 

     “ดูละครมากไปรึเปล่าวะ แล้วไม่คิดว่าพี่จะจีบภีมบ้างรึไง”

 

     “ว้ายตายแร้วววว อย่าพูดอย่างนั้นสิเดี๋ยวผมหวั่นไหวน้า ” ภีมบิดตัวม้วนอย่างเขินอาย

 

     “หึ ขี้อ่อย”

 

     เฮ้ยยยย

 

     ภาพสะดุ้งตัวหันหลังขวับไปมองคนที่เขากำลังพูดถึงกัน อยู่ดีๆก็โผล่เข้ามาจากข้างหลังเล่นเอาเขาตกอกตกใจหมด

 

     “คุณมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

     “ก็ตั้งแต่ที่คุณกับไอ้ภีมเริ่มนินทาผม” ภาพรู้สึกเหมือนตอนเด็กๆที่แอบลอกข้อสอบแล้วครูจับได้ไม่มีผิด แต่ทำไมต้องรู้สึกอย่างนั้นด้วยวะ ไอ้เด็กภีมต่างหากที่เป็นคนเริ่มชง

 

     “ใครนินทา ไม่มี๊ เนอะภีมเนอะ เนอะๆ” เมื่อไม่รู้จะแก้เขินยังไงภาพจึงหันไปหาตัวช่วย แต่เด็กภีมมันไม่สนใจทำเป็นเมินหันไปเช็ดๆขัดๆโต๊ะอยู่นั้นแหละ นี่โต๊ะไม่ใช่ต้นตะเคียนขอหวยนะเว้ย ถูอยู่นั้นแหละ จะถูจนเลขขึ้นเลยรึไงวะ ทำไมไม่มาช่วยกันก๊อนนน

 

     “โอ๊ะ นึกได้ว่าต้องรีบปั่นงาน ไปทำงานดีกว่า” พูดเสร็จก็เดินไปนั่งที่ประจำเปิดโน้ตบุ้คขึ้นมาทำงานแก้เขิน ตีมึนทำเมินนี่แหละของถนัดเขาล่ะ

 

     “หึ” คนถูกเมินส่งเสียงในลำคอก่อนจะเดินมาเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วนั่งลงพร้อมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด คุณลุงจะตามมาทำไมครับ คนเขาอุส่าแกล้งเมินแล้วนะเว้ย

 

     “คุณมานั่งตรงนี้ทำไม” ภาพอดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้



     “นี่ร้านผม ผมจะนั่งตรงไหนก็ได้” พูดพร้อมพ่นควันสีเทาใส่หน้าเขา ภาพนั่งนิ่งส่งสายตาเอือมแสนเอือมไปให้คนตรงหน้าที่ยังทำไม่รู้สึกรู้สาเหมือนกับเขาเป็นแค่ภาพอากาศไม่มีตัวตน ช่างเถอะ เมินแล้วก็เมินให้สุดนั่งทำงานต่อดีกว่า

 

     ถึงจะคิดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ไอควันสีเทาๆที่ถูกพ่นออกมาใส่หน้าเขาอย่างต่อเนื่องแม่งโคตรรบกวนสมาธิเลยให้ตาย ตอนนี้ภาพแสบตาไปหมด กระพริบตาถี่ยิบเพราะดูเหมือนตาลุงนี่จะจงใจพ่นใส่หน้าเขาเป็นพิเศษ แต่พอภาพทนไม่ไหวหันไปจะด่าก็ทำเป็นหันไปสนใจมวลแมกไม้รอบตัวซะงั้น

 

     กวนตีน

 

     หันมามองหน้าเขาแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอีกที

 

     แม่งง

 

     “นี่คุณเราเคยรู้จักกันรึเปล่า” ภาพเอ่ยถามดึงความสนใจจากคนตรงหน้า

 

     “ทำไม” ตาลุงหันมาพร้อมขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย

 

     “แล้วคุณมาทำร้ายชั้นทำไม”

 

     “…”

 

     “…”

 

     “พูดไร เพ้อหรอ”

 

     ไม่เก็ทมุกอีก แต่ก่อนบ้านไม่มีทีวีรึไงวะถึงไม่รู้จักโฆษณารณรงค์เลิกบุหรี่ในตำนาน แก่อย่างนี้ก็ต้องเกิดทันดิ

 

     “หึๆ” นั้นไงแอบขำ แสดงว่าเก็ทสินะ หลอกให้เขาเงิบชัดๆ

 

     “แล้วนี่เขียนถึงไหนแล้ว บทน่ะ”

 

     “ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ทำไมหรอ”

 

     “เล่าให้ฟังหน่อย”

 

     “คุณไม่ต้องรู้หรอก ผมขี้เกียจเล่า”

 

     “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมาถ่ายที่นี่”

 

     คิดว่าเป็นเจ้าของร้านแล้วทำอะไรก็ได้หรอ

 

     “เล่าก็ได้”

 

     “หึ” ภาพเกลียดเสียงหึของตาลุงนี่เสียจริง

 

     ภาพเริ่มเล่าเรื่อง คอนเซปที่ภาพคิดไว้คือชายฝรั่งผู้ที่พึ่งสูญเสียครอบครัวที่เป็นทุกอย่างไป จึงเดินทางมาที่ประเทศไทยเพื่อทำใจ คาดหวังว่าสภาพแวดล้อมใหม่ๆอาจจะเยียวยาหัวใจทำให้เขาดีขึ้น และเขาก็พบสิ่งที่ทำให้เขาดีขึ้นได้จริงๆ เขาตกหลุมรักกับผู้หญิงไทยคนหนึ่งที่ร้านบาร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาขณะที่มานั่งเล่นคนเดียว เมื่อพวกเขาได้พูดคุยกันสายสัมพันธ์ก็เริ่มก่อตัวและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเธอพาเขาไปเที่ยวในที่ต่างๆจนมันเกิดเป็นความรัก จนมีวันหนึ่งที่เด็กเสิร์ฟในร้านประจำของเขากับเธอทนไม่ไหว จึงถามว่าทำไมเขาถึงเอาแต่พูดคุยและยิ้มอยู่คนเดียว ทำไมถึงสั่งอาหารและเครื่องดื่มสำหรับคนสองคน มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขาตระหนักว่า ผู้หญิงที่เขารักไม่มีอยู่จริง ชายฝรั่งพยายามหาคำตอบ สุดท้ายเขาจึงไปหาจิตแพทย์ในคลินิกเล็กๆแห่งหนึ่ง และพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเพื่อปลอบใจตัวเองจากการสูญเสียต่างหาก

 

     “รักไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่รัก แต่เพราะคนที่รักไม่มีตัวตนอยู่จริง” ภาพเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาเล่าเรื่องจบ

 

     “คุณแต่งจากเรื่องจริงของคุณรึเปล่า”

 

     “หมายความว่าไง”

 

     “หมายความว่าเนื้อคู่คุณไม่มีอยู่จริงและคุณจะขึ้นคานไปตลอดชีวิตยังไงหล่ะ” โถ่ว นึกว่าลุงจะมีสาระหรือรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับความฝันเขาซะอีก เพราะเนื้อเรื่องก็ได้แรงบัลดาลใจและไอเดียบางส่วนมาจากชีวิตของภาพจริงๆนี่แหละ

 

     “แล้วถ้าคุณเป็นฝรั่งคนนั้นจะทำยังไงต่อ ถ้ารู้ว่าคนที่เรารักไม่มีตัวตน”

 

     “ทำใจยอมรับมันสิ คำตอบง่ายๆ ผมว่าคุณก็น่าจะรู้ดี” พูดพร้อมจ้องเข้ามาในดวงตาของเขาเหมือนกับจะสื่อสารบางอย่าง

 

     “คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”

 

     “แล้วคุณถามแบบนี้หมายความว่ายังไงล่ะ” ยังจะมาย้อนเขาอีกตาลุงคนนี้

 

     “คุณตอบผมก่อนสิ”

 

     “ผมแค่รู้สึกว่าทุกครั้งที่คุณมองผมเหมือนคุณอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แล้วก็บังเอิญไปได้ยินที่คุณคุยกับเข้มวันนั้น”

 

     “แอบฟังนี่เอง”

 

     “ก็ประมาณนั้น” พูดพร้อมพ่นควันออกมาอีกรอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะขยี้ดับบุหรี่แล้วล้วงข้อมือที่มีรอยสักรูปพระอาทิตย์สะดุดตาเข้าไปหยิบบุหรี่ในกล่องมาจุดเพิ่มอีกมวน ภาพจ้องมองคนตรงหน้า ปฏิเสธไม่ได้ว่าพี่หมอในลุคดิบๆอย่างนี้ก็ดูดีไม่หยอก

 

     “อยากจะเล่าออะไรให้ผมฟังมั้ย ” คนที่พึ่งพ่นควันจากบุหรี่มวนใหม่เอ่ยถามอีกครั้ง

 

     “คุณหล่ะ อยากฟังรึเปล่า”

 

     “ไม่”

 

     “…”

 

     “แต่ผมรู้ว่าคุณอยากเล่า”

 

     “…”

 

     “ เพราะฉะนั้นเล่ามาเถอะ ถ้ามันจะทำให้คุณเลิกทำหน้าเศร้าแบบนี้ทุกครั้งที่เราเจอกัน”

















#คุณในฝัน

ก่อนอื่นต้องขอโทษจริงๆค่ะที่มาช้าทั้งๆที่คิดว่าจะมาเร็วกว่านี้เเล้ว เรื่องของเรื่องคือฝุ่นไปดู Call me by your name มาค่ะ (ขอนอกเรื่องแป๊ป) เเล้วฝุ่นจมอยู่กับหนังไปสามวัน ดึงอารมณ์ตัวเองออกมาจากหนังไม่ได้ พอเขียนเเล้วมันกลายเป็นฟิลนิยายเเปลไปเลย ฝุ่นเลยต้องจัดการอารมณ์ใหม่เเล้วค่อยมาเขียนต่อค่ะ โถ่วชีวิต ไม่น่าเล้ยย



ตอนนี้ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องปมเท่าไหร่ จะเน้นไปที่การเดินเรื่องเเละความรู้สึกของตัวละครมากกว่าเนอะ อีกประมาน2ตอนน่าจะได้เฉลยปมทั้งหมดเเล้ว อย่างที่บอกว่านิยายเรามันช่างสั๊นสั้น ตอนหน้ามีเซอร์ไพร์กรุบกริบกรุบกรอบค่ะฝากลุ้นเเละติดตามไปพร้อมๆกันนะคะ



ปล.ทุกภาพทุกคำพูดของตัวละครจริงๆเราใบ้เหตุการณ์เเละคำตอบหลายๆอย่างไว้ในนั้นค่ะ ลองเดากันเล่นๆดูได้



- สีฝุ่น -



หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 9 (12/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2018 23:52:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 9 (12/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-03-2018 00:22:12
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 9 (12/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 13-03-2018 07:48:47
คุณทินนี่สนใจนุ้งภาพหรอออออออ o18
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 9 (12/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: เรื่องส่วนตัวนะ ที่ 13-03-2018 22:53:43
พี่ทินนี่อะไรยังไงคะ!!   :katai2-1: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 10 (15/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 15-03-2018 19:14:42
(http://image.free.in.th/v/2013/il/180315122226.jpg) (http://picture.in.th/id/a2e0e4b249b0b4d1b43ee9d2f97781c3)

-  10  -

     


     ความฝันของคนเรามันเป็นสีอะไรกันนะ

 

     ภาพวาดเคยเห็นคนถกเถียงกัน

 

     บ้างบอกว่าขาวดำ บ้างบอกว่าเป็นภาพสี

 

     แต่ทำไมหลายคนถึงนิยามความฝันเป็นสีขาว

 

     เคยไหมเวลาดูหนังสักเรื่อง

 

     ฉากในฝันนั้นต้องมีฟิลเตอร์ฟุ้งๆสีขาวเต็มไปหมด

 

     เช่นเดียวกับฝันของเขา

 

     เต็มไปด้วยสีขาวแห่งความสุข

 

     ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างจากความจริงเล็กน้อย

 

     และหากถามว่าความจริงของภาพวาดเป็นสีอะไร

 

     เขาคิดว่าคงเป็นสีเดียวกับควันบุหรี่ที่กำลังลอยอบอวนอยู่ตรงหน้า

 

     ควันสีเทาหม่นที่ถูกพ่นออกมาจากชายที่เขาเหมือนจะรู้จักดีแต่ก็ไม่

 

     “กาลครั้งหนึ่งในความฝัน” ภาพเริ่มต้นเรื่องด้วยประโยคที่เหมือนกับนิทานสมัยเด็ก ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังได้อย่างดีโดยการนั่งนิ่งๆพร้อมพ่นควันบุหรี่ในมือต่อไปโดยไม่เอ่ยขัดการเล่าเของเขา

 

     ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน รู้เพียงแค่ว่าพระอาทิตย์ที่เคยสาดแสงร้อนแรงตอนบ่ายแก่ๆกำลังย้อมสีท้องฟ้าเป็นสีแดงอมส้มเช่นเดียวกับตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก

 

     “แล้วคุณล่ะ เคยฝันถึงกันบ้างมั้ย” เอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นมาหลังจากที่เล่าจบ

 

     “เสียใจด้วยที่ต้องตอบแบบนี้ แต่ผมไม่เคย” ภาพวาดพยักหน้ากับตัวเอาเบาๆ เขายิ้มออกมาเพียงเล็กน้อยให้กับตัวเอง ทำใจไว้อยู่แล้วว่ามันคงไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะถ้าทินกรเคยฝันถึงกันจริงคงไม่ทำตัวเหมือนคนไม่รู้จักกันแบบนี้

 

     “ขอโทษด้วยถ้าทำให้คุณอึดอัด”

 

     “ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ จะมีใครที่เจอเรื่องประหลาดแบบนี้แล้วจะไม่คิดมากจนเป็นบ้าบ้าง”

 

     “หึหึ ใช่ ผมคิดมากจนจะเป็นบ้าเลยล่ะ”

 

     “อยากได้คำแนะนำจากคนหน้าเหมือนสักหน่อยมั้ย” ชายตรงหน้าพูดอย่างติดตลก

 

     “ถ้ามันเป็นคำแนะนำดีๆที่ไม่ใช่แบบกวนประสาทที่คุณชอบทำผมก็พร้อมรับฟัง”

 

     “ปล่อยมันไปซะเถอะ…ทุกอย่างเลย”

 

     “…”

 

     “การยึดติดทำให้เราเดินต่อไปไม่ได้ ผมไม่ได้หมายความว่าให้คุณลืมหรอกนะ เพราะฝันของคุณมันสวยงาม แต่อย่าลืมว่านี่คือความจริง”

 

     “…”

 

     “คุณกำลังปิดกั้นตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว ตัดโอกาสตัวเองที่จะมองความสวยงามของความจริง”

 

     “ผม…”

 

     “ผมไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของคุณเท่าไหร่หรอกและผมก็ไม่ใช่พี่หมอของคุณด้วย แต่ผมคิดว่าคุณหมอคนนั้นก็คงไม่อยากให้คุณยึดติดกับเขาโดยที่ตัวเองไม่มีความสุข อย่าลืมว่าคุณอาจจะรักเขา แต่เขารักคุณในฝัน ไม่ใช่คุณที่นั่งอยู่ตรงนี้”

 

     คำพูดของทินกรคล้ายให้กำลังใจแต่ก็ต่อว่าอยู่กลายๆ แต่มันกลับเป็นคำปรึกษาที่ทำให้ภาพยอมรับกับอะไรหลายๆอย่างได้ดีขึ้น ถึงโอมเพื่อนของเขาจะเคยย้ำหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างกัน อาจเป็นเพราะคนที่พูดเป็นผู้ใหญ่ที่ดูน่าเชื่อถือ หรืออาจจะเป็นเพราะเขามีหน้าตาเหมือนกับคนที่ภาพรัก มันถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นพี่หมอเสียเองที่กำลังพูดกับเขาอยู่

 

     “ผมก็คิดไว้บ้างว่าจะพอ ตอนนี้คงต้องพยายามจริงจังแล้วล่ะ” ภาพเหม่อมองออกไปยังวิวเบื้องหน้า วัดอรุณยังสูงตระหง่านและดูสวยงามอย่างเช่นทุกวัน

 

     “เคยไปมั้ย” ทินกรเอ่ยถาม

 

     “ไม่เคย อยากไปแต่ไม่มีโอกาสสักที แล้วคุณล่ะ”

 

     “ไม่เคยเหมือนกัน แปลกนะคนเรา มีของสวยงามอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับละเลยมัน”

 

     เหมือนกับเขาตอนนี้รึเปล่า

 

     “คนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของสิ่งที่มีอยู่กันสักเท่าไหร่”

 

     “ไปกันมั้ย”



     “หืม” ภาพวาดหันไปมองหน้าอีกคนอย่างสงสัย

 

     “พรุ่งนี้ว่างมั้ย ไปวัดอรุณกัน”

 

 

 

 

 

 

     ไม่รู้ว่าคุยกันอีท่าไหนทั้งภาพวาดและทินกรถึงได้มายืนอยู่ที่ท่าเรือข้ามฟากในตอนนี้ แถมยังใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมายเสียอีก จะต่างกันก็แค่ตรงที่กางเกงของคนตัวสูงเป็นขายาวแต่ของเขาเป็นขาสั้นถึงเข่า

 

     อย่างนี้มันก็เหมือนมาเดทกันเลยน่ะสิ

 

     ให้ตายเถอะคนมองกันเต็ม

 

     ไม่ทันได้คิดอะไรมากมายเรือก็แล่นเข้ามาเทียบท่า โชคยังดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดและชั่วโมงเร่งด่วนผู้คนจึงไม่เบียดเสียดกันเท่าไหร่นัก ภาพวาดหาทำเลดีๆที่น้ำไม่น่าจะกระเด็นโดนหน้าเขาให้คันยุบยิบเล่นก่อนจะนั่งลงไปพร้อมเตรียมกล้องในมือเพื่อเก็บภาพ เขาชอบถ่ายภาพแต่ไม่ใช่ว่าจะถ่ายสวย แค่ชอบถ่ายเก็บไว้เป็นความทรงจำเสียมากกว่า หันไปมองคนข้างกายที่ไม่ได้พูดอะไรมากมายเพราะมัวแต่หัวเสียกับน้ำที่กระเด็นโดนตัวเป็นระยะๆ

 

     ก็ใครใช้ให้เดินมาช้าเองล่ะ ทำเลดีๆก็ถูกจองไปหมดน่ะสิ

 

     ภาพอดขำกับภาพตรงหน้าไม่ได้ก่อนยกกล้องคู่ใจขึ้นมาถ่ายรูปมนุษย์ลุงหัวร้อนแต่ก็ไม่วายโดนหันมาค้อนเสียหนึ่งที

 

     หวงตัวชะมัด

 

     ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงวัดอรุณในตอนเกือบเที่ยง แดดประเทศไทยก็ร้อนเสียจนเดินไปแค่ไม่กี่ก้าวเหงื่อก็ไหลซึมเสียแล้ว เขาแทบลืมตาสู้แสงไม่ได้

 

     พรึ่บ

 

     หมวกแก้ปสีขาวถูกสวมลงบนหัวของภาพจากคนตัวสูงขางกาย

 

     “ก็เห็นว่าแดดมันร้อน” ตอนแรกที่เจอไม่เห็นตาลุงเขาใส่เลย แต่ก็นะ ทำตัวน่ารักเป็นเหมือนกันนี่หว่า

 

     “แล้วคุณไม่ใส่หรอ”

 

     “ไม่อะไม่ร้อน”

 

     “ขอบคุณนะ” ภาพหันไปอมยิ้ม ทำเป็นปากแข็ง ก็เห็นอยู่ว่าเหงื่อออกมาตามไรผมเต็มไปหมด แต่ก็นะให้แล้วให้เลยไม่คืนให้หรอก อย่ามาบ่นว่าร้อนทีหลังแล้วกัน

 

     “กลัวมีคนเป็นลมแล้วลำบากคนแถวนี้อีก”

 

     “เลิกล้อเรื่องนี้ได้รึยัง วันนี้ผมนอนมาพอแล้วไม่เป็นลมให้เป็นภาระคุณอีกหรอก”

 

     “ก็ไม่ได้ว่าอะไร”

 

     “หรออออ”

 

     พวกเขามุ่งหน้าไปที่พระปรางค์ใหญ่ซึ่งเป็นจุดสำคัญของวัด เห็นว่าพึ่งได้รบการบูรณะใหม่ ถึงกระเบื้องจะเสียหายจากปูนที่ใช้ในการบูรณะครั้งก่อนแต่ก็ถ้ามองรวมๆแล้วถือว่าสวยมากเลยทีเดียว ภาพวาดเคยเห็นตามโซเชี่ยลมีเดียของชาวต่างชาติที่มาถ่ายรูปกัน ภาพถ่ายทุกอย่างสวยงามมากแถมยังดูไม่ร้อนเหมือนตอนนี้อีกต่างหาก คิดแล้วก็ยกมือเช็ดเหงื่อไปยกกล้องเก็บภาพตามมุมต่างๆไป บนพระปรางค์สามารถมองเห็นวิวข้างล่างที่สวยงามมีลมพัดผ่านมาทำให้คลายร้อนได้ในระดับหนึ่ง หันไปมองคุณลุงอีกคนยืนขมวดคิ้วเป็นยักษ์เฝ้าวัดไปได้

 

     “ร้อนก็บอกมาเถอะคุณ เอาหมวกคืนมั้ย” ภาพถามออกไปด้วยความหวังดี

 

     “ทนได้” ยังจะเก็กต่ออีก เขาไม่สนด้วยแล้วนะ หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายวิวถ่ายวัดต่อไปเรื่อยๆ มองเห็นคนตัวโตยกสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาถ่ายเช่นกันก่อนที่จะหันมาทางเขาแล้วกดชัตเตอร์ที่หน้าจอ ภาพยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าพร้อมยกกล้องขึ้นมาถ่ายอีกฝ่ายบ้างเลยกลายเป็นพวกเขากำลังถ่ายรูปของกันและกันโดยที่อีกคนถ่ายรูปของอีกคนอยู่

 

     รูปออกมาดูดีใช้ได้เลย

 

     “ไหนคุณเอารูปมาดูหน่อย” ภาพวิ่งไปชะโงกหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ของอีกคน

 

     ทำไมมันถึงย้อนแสงได้ขนาดนี้ !

 

     “มองไม่เห็นอะไรเลย คุณไม่คิดจะปรับแสงเลยหรอ”

 

     “ปรับไม่เป็น” คำตอบง่ายๆที่ดูแล้วเหมือนว่าจะไม่ได้โกหก ซื้อมือถือราคาแพงมาซะเปล่าแต่ดันใช้ฟังก์ชั่นไม่คุ้มเสียได้

 

     “มา เดี๋ยวผมสอน เวลาจะถ่ายแล้วภาพมืดคุณก็แค่กดโฟกัสตรงคนแบบนี้ แล้วถ้ายังไม่สว่างพอคุณก็กดเลื่อนปรับแสงตรงนี้เพิ่ม แค่นี้เป็นไง ง่ายๆ” หันมองหน้าของอีกคนที่กำลังโน้มลงมามองหน้าจอ

 

     ใกล้เกินไปรึเปล่านะ

 

     หน้าร้อนแปลกๆแหะ

 

     ในวัดในวา อย่าคิดอะไรบาปๆสิวะไอ้ภาพ

 

     “อะ ทีนี้มาลองถ่ายใหม่” ภาพดึงตัวเองกลับมาจากความคิด

 

     “ไม่อะ ขี้เกียจ”

 

     “อะไรกัน อย่างงี้ตัวเองก็มีรูปดีๆอยู่คนเดียวอะดิ” ทินกรทำหน้าไม่สนใจแต่มือเลื่อนเปิดกล้องหน้าหันมาทางเขาสองคนพร้อมชูสมาร์ทโฟนขึ้นสุดแขน

 

     “งั้นก็ถ่ายใหม่ แบบนี้คุณเห็นตัวเองจะได้ไม่ต้องโวยวายอีก” ภาพวาดเขยิบตัวเข้าไปในเฟรมที่มีใบหน้าของอีกคนนึงอยู่ก่อนแล้ว

 

     “อย่างนี้ก็เป็นรูปคู่อะดิ”

 

     “จะได้รู้ไงว่ามาด้วยกัน” ภาพไม่ได้ติดใจอะไรนอกเสียแต่สงสัยนิดหน่อยว่าพวกเขามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร จริงๆแล้วเขาสองคนก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนัดกันออกมาเที่ยวแล้วถ่ายรูปคู่เซลฟี่เลยด้วยซ้ำ

 

     คิดแล้วก็แปลกดี

 

     “ยิ้มหน่อยดิคุณ” ภาพที่ฉีกยิ้มกว้างให้กล้องกล่าวตำหนิอีกคนนึงที่ยังปั้นหน้าเข้มอย่างกับมาถ่ายบัตรประชาชน

 

     “ไม่อะ แบบนี้หล่อกว่า” ถึงจะแอบหมั่นไส้เล็กน้อยถึงปานกลางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตาลุงนี่ดูดีจริงๆ

 

     หืมม วันนี้โกนหนวดมาด้วยแหะ

 

     ถึงว่าทำไมหล่อกว่าปกติ

 

     หลังจากถ่ายรูปเสร็จพวกเขาก็เดินมาทำบุญต่อ ซึ่งจริงๆแล้วควรจะแวะทำบุญก่อน แต่ภาพคิดว่ารีบขึ้นไปถ่ายรูปตอนคนเยอะๆแล้วค่อยแวะทำบุญทีหลังน่าจะเป็นความคิดที่ดีกว่า ไหว้พระเสริมสิริมงคล เผื่อบางทีชีวิตเขาอาจจะดีขึ้น

 

     “เขาว่ากันว่าไหว้พระวัดอรุณชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกวันคืน”

 

     “เขาน่ะใคร”

 

     “กูเกิ้ล”

 

     “หึ” หึอีกแล้ว ขอซื้อคำนี้ไปทิ้งได้มั้ย

 

     “ผมไม่อยากได้ชีวิตที่รุ่งโรจน์หรอก ขอแค่ชีวิตที่มีความสุขก็พอแล้ว”

 

     “ลุงก็พูดได้หนิ เป็นเจ้าของร้านทำเลทองซะขนาดนั้น แค่นี้ก็มีเงินใช้พอแบบไม่ต้องดิ้นรนแล้ว”

 

     “มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น”

 

     “แล้วมันยากยังไง”

 

     “กว่าจะได้ร้านนี้มามันก็ลำบากอยู่อะนะ ล้มลุกคลุกคลานมาก็เยอะ ผมไม่ได้เรียนต่อมหาลัย ใช้เงินก้อนสุดท้ายของครอบครัวมาลงทุนกับร้านเพื่อใช้หนี้ โชคดีหน่อยที่มีที่ทำเลดีๆอยู่ โดนโกงปัญหาเยอะแยะสารพัด แต่ก็ภูมิใจนะ ไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่ถึงจุดนี้เหมือนกัน” ภาพไม่คิดมาก่อนเลยว่าตาลุงต้องดิ้นรนขนาดนี้ เขานึกว่าเป็นพวกลูกคนมีเงินหาเรื่องไม่ทำงานเพราะรักอิสระเสียอีก

 

     “คุณเก่งนะ ครอบครัวต้องภูมิใจในตัวคุณมากแน่ๆ”

 

     “ถ้ายังอยู่เห็นก็ดีสิ…ใช่ เสียหมดแล้วน่ะ” ภาพวาดอึ้งไปสักพัก ตัวเขาก็เสียแม่ไปเช่นกัน ส่วนพ่อก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ โชคดีที่เข้ากันได้แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองมีปม ทำไมถึงไม่มีครอบครัวที่พร้อมสมบูรณ์แบบอย่างคนอื่นเขา นั้นคือสื่งที่ภาพคิดมาตลอด แต่พอหันมองผู้ชายตรงหน้าแล้วเขาก็รู้เลยว่าปัญหาของอีกคนใหญ่กว่าเขานัก อย่างน้อยภาพก็มีพ่อและพี่สาว แต่คนตรงหน้านี่สิ สูญเสียคนที่รักแต่ก็ยังต้องพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวใช้หนี้อีก

 

     คนเราเข้มแข็งขนาดนี้ได้ยังกันนะ

 

     หรือจริงๆแล้วก็เจ็บปวดแต่ต้องพยายามทำเป็นเข้มแข็ง

 

     ภาพเอื้อมมือไปจับมือหน้าของอีกคน กุมไว้เพื่อส่งกำลังใจไปให้

 

     พรึบ

 

     แต่ก็โดนสะบัดออก

 

     “ในวัดในวาคุณยังหลอกแต๊ะอั๋งผมอีกหรอ ใจบาปจริงๆ”

 

     หมดอารมณ์ซึ้งเพราะความกวนตีนของคนตรงหน้านี่แหละให้ตายเถอะ

 

     “ลุงงงงงงง”

 

     “เรียกใครลุงหะ อย่ามาทำเป็นเด็กแอ๊บแบ๊ว”

 

     “ผมไม่ได้เรียกเพราะแอ๊บ แต่เพราะคุณหน้าแก่เหมือนลุงต่างหาก”

 

     “ขี้เกียจเถียงกับเด็ก”

 

     “ขี้เกียจเถียงกับคนแก่เหมือนกัน นี่ๆลุงถ่ายรูปกับยักษ์ให้หน่อย” ภาพยื่นกล้องไปให้อีกคนเมื่อพวกเขาเดินผ่านซุ้มประตูที่มียักษ์สองตนยืนปักหลักอยู่ ภาพเดินไปยืนตรงกลางพร้อมทำท่าแบบเดอะฮักส์จอมพลังตัวเขียว คนที่ถูกเรียกว่าเด็กอ้าปากพร้อมเกร็งหน้าโหดสุดชีวิต

 

     ถึงบอกว่าเด็กไงเล่า

 

     แชะ

 

     “ไหนดูดิๆ มืดเหมือนเดิมอีกรึเปล่า” วิ่งเข้ามาชะโงกหน้าดูภาพในกล้อง

 

     “เห้ยใช้ได้นี่นักเรียน สกิลพัฒนาขึ้นนะ มาๆไปยืนเดี๋ยวคุณครูถ่ายให้” พูดพร้อมผลักอีกคนไปยืนในจุดที่ตัวเองพึ่งโพสถ่ายไปพร้อมกำกับท่าทางให้คนตัวสูงทำตามเสียอีก แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเสียเท่าไหร่เพราะอีกคนจะยืนนิ่งเก็กขรึมเพียงท่าเดียว ภาพวาดยอมแพ้ถ่ายไปหลายช็อต มองดูรูปที่พึ่งถ่ายอีกคนไปก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

 

     เก็กขรึมแข่งกับยักษ์หรืออย่างไร

 

     ท้องที่มีแค่วิญญาณขนมปังในตอนเช้าเริ่มประท้วงภาพวาดและทินกรจึงวางแผนมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดเป็นจุดหมายต่อไป แต่คนตัวสูงแนะนำว่าถ้าข้ามฝั่งกลับมาจะมีอาหารน่ากินมากกว่าพวกเขาจึงตัดสินใจหิ้วท้องรออีกหน่อยก่อนที่จะนั่งเรือกลับมา ร้านที่ทินกรพามาเป็นร้านอาหารที่ค่อนข้างดังและบรรยากาศดี เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ เขาสั่งอาหารง่ายๆมาสี่ถึงห้าอย่างกับข้าวเปล่าคนละสองจานเพราะความหิวล้วนๆ

 

     “ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเที่ยวกับคุณแบบนี้”



     “ทำไมล่ะ”

 

     “ก็คิดว่าคุณไม่ชอบผม”

 

     “หึ คิดมาก”

 

     “แสดงว่าคุณชอบผมใช่ม้า”

 

     “นี่ก็เพ้อเจ้อ”

 

     “เนี่ย เพราะเอาแต่เหน็บกันแบบนี้ไงผมถึงได้คิดว่าลุงไม่ชอบผม”

 

     “ผมถึงบอกไงว่าคุณน่ะคิดมาก”

 

     ยอกย้อนเสียจริงตาลุงคนนี้

 

     รอไม่นานอาหารที่สั่งก็ค่อยๆทยอยมาเสิร์ฟ มีแต่ของหน้ากินทั้งนั้นเลยแหะ หรือว่าเขาหิวจนตาลายเห็นทุกอย่างแล้วดูน่ากินไปเสียหมด แต่ดูเหมือนอีกคนจะหิวมากกว่าเขามากนักถึงได้สั่งผัดไทแยกมาส่วนตัวอีกจาน

 

     “คุณกินเยอะจังเนอะ”

 

     “ก็ผมหิว” อืม ก็ถูกของเขา

 

     กินจนอิ่มภาพถึงกับอยากเรอออกมาเสียงดังแต่ก็ต้องเก็บไว้ในคอแล้วค่อยๆปล่อยออกมาเนียนๆแทน อิ่มมากเลย อาหารก็อร่อย เหลือบมองอีกคนที่กำลังจัดการกับผัดไทของตัวเองแล้วก็ยอมแพ้ ตาลุงนี้กินจุจริงๆ

 

     “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ภาพหัวเรอะเสียงดังเมื่อพริกป่นที่ตาลุงกำลังตักใส่เพิ่มลงไปในจานโดนลมพัดปลิวจนเข้าตาคนตัวสูง

 

     “โอ้ยยยย” มือหนาควานหาแก้วน้ำเปล่าไปทั่วโต๊ะ ภาพจึงใจดียื่นแก้วไปให้คนตรงหน้าใช้ล้างตา ดูเหมือนจะแสบมากเพราะทินกรดันตักพริกไปซะเยอะเชียว

 

     “ซี้ดดดด แม่งเอ้ยคอนแทคหลุดเลย” บ่นอย่างหัวร้อนพร้อมหยิบเศษซากคอนแทคเลนส์ออกจากดวงตาและเงยหน้าขึ้นมามองภาพวาดที่กำลังหัวเราะร่า

 

     แต่ภาพก็ต้องหยุดเสียงหัวเราะไป

 

     ไม่ใช่เพราะหน้าดุๆที่อีกคนทำใส่เขา





     แต่เป็นเพราะ

 

     “สีตาคุณ..”

 

     “เชี่ยเอ้ยยย”

 

     “ทำไมมันถึงเป็นสีน้ำตาลอ่อน”

 

     เหมือนกับของพี่หมอ

 

     ภาพนิ่งอึ้ง

 

     “ช่วยหยิบทิชชู่ให้ก่อน ซี้ดดด” แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจเขามากนะ

 

     “…” ภาพยังคงนิ่ง

 

     “คุณ!!”

 

     “หะ อ่อ เอ่อ ทิชชู่ใช่มั้ย อะนี่” ภาพที่พึ่งตั้งสติได้รีบหยิบทิชชู่บนโต๊ะส่งไปให้อีกคนได้เช็ดหน้าเช็ดตา

 

     “แม่งเอ้ยแสบชิบหาย”

 

     “ตาคุณ”

 

     “ดีขึ้นแล้วไม่เป็นไร” อีกฝ่ายยังใช้ทิชชู่ปิดตาข้างที่แสบเอาไว้

 

     “ไม่ ผมหมายถึงทำไมมันถึงเป็นสีน้ำตาล”



     “ก็เพราะผมตาสีน้ำตาลไง”

 

     “แล้วคุณใส่คอนแทคให้ตาเป็นสีดำทำไม”

 

     “รำคาญ คนชอบมาทักตั้งแต่เด็กเรื่องสีตาว่าเป็นลูกครึ่งรึเปล่า ขี้เกียจตอบเลยใส่คอนแทคสีดำจะได้เลิกถามกันสักที จริงๆก็เพราะสายตาสั้นด้วยแหละ” เหตุผลสมกับเป็นทินกร

 

     หึ

 

     พอทุกอย่างเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง

 

     พอภาพวาดเริ่มจะทำใจยอมรับ

 

     โลกก็ดันไม่อนุญาตให้เขาใช้ชีวิตแบบปกติสุขซะได้

 

     ภาพไม่ได้พูดอะไรมากมาย

 

     อาจจะเป็นเพราะเขายังสับสนอยู่

 

     แต่หลังจากที่พวกเขาแยกกันที่สถานีรถไฟ

 

     คืนนั้นภาพฝัน

     

     .



     .





     .

 

 

 

 

 

     ‘ฮัลโหลพี่หมอผมมาถึงร้านแล้วนะ พี่อยู่ไหน’

 

     ‘ใกล้ถึงแล้วครับ วาดเข้าไปก่อนเลยพี่จองไว้แล้ว’

 

     ‘โอเค เจอกันที่โต๊ะครับ’

 

     ‘สวัสดีครับ’

 

     ‘สวัสดีค่า ลูกค้ามากี่ท่านค่ะ’

 

     ‘สองครับ ผมจองโต๊ะไว้แล้ว’

 

     ‘สักครู่นะคะ’

 

     ‘ครับ’

     

     ‘ใช่คุณทินกรรึเปล่าคะ’



     .



     .



     .

 

     ‘ใช่ครับ ทินกร’













      #คุณในฝัน




หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 10 (15/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-03-2018 19:39:22
อยากเรียนหมอหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 10 (15/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-03-2018 20:13:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

ความฝันกับความจริง

บรรจบเชื่อมโยงแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 10 (15/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 15-03-2018 23:13:37
เป็นตุเป็นตะเลยภาพเอ๊ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 10 (15/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 15-03-2018 23:31:26
คุณทินกรเป็นคนในฝันจริงๆ ด้วยสินะ
ชัดขนาดนี้ทั้งหน้าเหมือน สีตา

ถึงจะใช่ไม่ใช่ เอาไว้ก่อน แต่ตัดกับมาในชีวิตจริง
ไปเที่ยววัด ไปกินข้าวกันสองคน มันเหมือนเดทเลยเนอะ ฮ่าๆ
แล้วเวลาอยู่ด้วยกัน รู้สึกธรรมชาติดีอ่ะ เข้ากันได้
ถึงคนพี่จะกวนทีนก็เถอะ 555
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 10 (15/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 16-03-2018 23:44:01
พอจะปล่อยก็เจอเรื่องให้คิดเพิ่มอีก โหยยย ใครกันน้ออ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 25-03-2018 23:02:33
(https://www.picz.in.th/images/2018/05/12/zzezB0.jpg) (https://www.picz.in.th/image/zzezB0)




- 11 -





เฮือกก

 

 

ภาพวาดสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาในกลางดึก หัวใจบีบรัดแน่นเสียจนต้องเอามือขึ้นเมากุมหน้าอกเอาไว้ เขาขยำเสื้อแน่น หอบหายใจแรง สมองพยายามทบทวนความทรงจำในฝันที่พึ่งผ่านมา แต่ดูเหมือนยิ่งนึกถึงเท่าไหร่หัวใจของเขาก็ถูกบีบรัดขึ้นเท่านั้น ภาพไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ออกมาได้ ร่างกายเหมือนถูกใครสักคนฟาดอย่างหนักด้วยความจริงที่คาดไม่ถึง มันอึดอัดแต่ดวงตากลับไม่อนุญาตให้น้ำตาไหลออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นที่มี

 

 

มันหน่วง

 

 

แต่ก็ร้องไห้ไม่ออก

 

 

นาฬิกาตรงผนังกำแพงบอกเวลาตีสี่กว่า เขาหลับไปได้สักพักแต่ไม่รู้สึกเหมือนได้นอนเลยด้วยซ้ำ ภาพของคนสองคนในร้านอาหารยังวนเวียน รอยยิ้มอบอุ่นคู่นั้นที่ตอนนี้กลับมีภาพของอีกคนซ้อนทับขึ้นมา

 

 

ทินกรคือพี่หมอจริงๆ

 

 

ไม่จำเป็นต้องเดา ไม่จำเป็นต้องลังเล สับสน หรือคิดสงสัย ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ทุกอย่างที่เขาเจอทั้งในความจริงและความฝันได้ให้คำตอบทุกอย่างแก่ภาพแล้ว

 

 

แล้วจะทำอย่างไรต่อไป

 

 

นั้นคือคำถามที่เขาถามตัวเอง

 

 

แต่ภาพก็ไม่อาจหาคำตอบของมันได้เลย

 

 

“ฮัลโหลโอม” เมื่อตัวเองไม่สามารถหาทางออกให้เรื่องราวนี้ได้ ภาพคิดถึงเพียงเพื่อนสนิทที่เป็นที่ปรึกษาตลอดมา

 

 

“สัส มึงโทรมาทำไมตอนนี้วะไม่หลับไม่นอน”

 

 

“มึงมาหากูหน่อยได้มั้ย” ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปลายสายชะงักไปก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

 

 

“ภาพ มึงเป็นอะไร”

.

.

.

 

 

“กูไม่ไหวแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเพื่อนรักของเขาก็มาถึง ต้องขอบคุณถนนในกรุงเทพตอนเกือบรุ่งสางที่มีรถสัญจรไม่มากนักทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวนานเกินไป

 

 

“มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าพี่หมอคือเฮียทินจริงๆ” โอมถามขึ้นหลังจากที่ภาพเล่าทุกอย่างให้ฟังโดยละเอียด

 

 

“ทุกอย่างมันใช่หมดเลยมึง กูก็ไม่รู้จะพูดยังไง ครั้งแรกที่กูรู้ชื่อเขากูก็แค่รู้สึกคุ้นเคย แต่พอเรื่องทุกอย่างมันมาถึงจุดนี้ กูก็รู้แล้วว่าทำไมกูถึงได้คุ้นนัก ”

 

 

“…”

 

 

“ในที่สุดกูก็หาเจอ แต่ทำไมกูแม่งถึงไม่รู้สึกดีใจเลยวะ”

 

 

“มึงถามตัวเองก่อนนะว่ามึงรักใคร”

 

 

“พี่หมอ” ภาพตอบไปได้ทันทีแบบไม่ต้องคิด

 

 

“แล้วถ้าเฮียทินคือพี่หมอแสดงว่ามึงก็รักเฮียทินด้วยงั้นหรอ”

 

 

“เปล่า กูรักแค่พี่หมอ”

 

 

“นั้นแหละสิ่งที่กูอยากบอก”

 

 

“…”

 

               

“เฮียทินจะใช่พี่หมอแล้วยังไง ไม่ใช่แล้วยังไง”

               

 

“…”

 

“เฮียเขาไม่ได้ฝัน ไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย พี่หมอก็ยังคงเป็นพี่หมอ เฮียทินก็ยังเป็นเฮียทิน นั้นคือตัวของเฮียเขา เฮียทินเป็นพี่หมอให้มึงไม่ได้ กูว่ามึงก็รู้ดี”

 

 

“อืม กูเข้าใจ”

 

 

“ทีนี้กูอยากจะถามอีกอย่าง”

 

 

“…”

 

 

“เป็นมึงคนนี้ที่รักพี่หมอ หรือเป็นมึงในฝันกันแน่ที่รักเขา”

 

 

บางครั้งการอยู่บนรอยแยกของความฝันและความจริงนานเกินไปก็ทำให้เราเริ่มสับสนว่าอะไรกันแน่ที่เป็นความจริง

 

 

“มึงคงต้องการเวลาทบทวนตัวเอง เดี๋ยวกูลงไปซื้อน้ำเต้าหู้ข้างล่างให้แล้วกัน กินอะไรร้อนๆคลายเครียด”

 

“โอเค ขอบคุณมึง” โอมลุกขึ้นคว้ากระเป๋าและกุญแจหอก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไป

 

 

“กูยังคิดถึงรอยยิ้มของภาพคนเดิมอยู่นะ”

 

 

 

 

 

 

 

เวลาเที่ยงมาถึงโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว ภาพนั่งเหม่อคิดอะไรหลายๆอย่างอยู่ริมระเบียง ไม่น่าเชื่อว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้มากว่าหกชั่วโมงแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แดดร้อนจ้าส่องลงมาจนเขาทนไม่ไหวนั้นแหละถึงได้เดินกลับเข้าห้องมา

 

ไอ้โอมยังไม่ทิ้งไปไหนเมื่อเขาเอ่ยปากว่ายังไม่อยากอยู่คนเดียว มันนอนแผ่หลาหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนของเขา ภาพแอบรู้สึกผิดนิดหน่อยที่โทรไปขัดเวลานอนของเพื่อนขี้เซา แต่ตอนนั้นภาพนึกถึงใครไม่ได้เลยนอกจากไอ้เพื่อนบ้าๆบอๆคนนี้

 

 

มันเป็นเพื่อนที่ดี

 

 

และเขาก็นึกขอบคุณอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้มีเพื่อนแบบมัน

 

 

ไอ้โอมตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจเหมือนรับรู้ได้ว่ากำลังถูกใครนินทาอยู่ในใจ มันเหลือบมองเขาก่อนจะเอ่ยถาม

 

 

“เล่นเอ็มวีเสร็จแล้วหรอมึง”

 

 

“ถ้าฉากเมื่อกี้เป็นหนังกูคงได้ออสการ์ ”

 

 

และเป็นเพื่อนที่ทำให้เขายิ้มได้เสมอ

 

 

“แล้วยังไง มึงหิวยัง กูนี่ไส้จะขาด น้ำเต้าหู้ไม่ได้ช่วยเติมเต็มท้องกูเลย”

 

 

“สรุปที่ตื่นมาเพราะว่าหิวถูกมั้ย”

 

 

“ถูกต้องนะจ๊ะ”

 

 

“งั้นก็ออกไปหาอะไรกินกัน เสร็จแล้วก็พากูแวะร้านกล่อมกรุงด้วย” โอมหันหน้ามามองแบบปิดความสงสัยไว้ไม่มิด

 

 

“กูแค่อยากจะไปเจอเขา”

 

 

 

 

 

 

แดดร้อนจ้าแต่ก็คงไม่ร้อนเท่าหัวของเจ้าของร้านบาร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในตอนนี้ ภาพกับโอมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงทางเข้าเมื่อเห็นทินกรยืนคุยโทรศัพท์กับใครสักคนด้วยความร้อนรน คนตัวสูงดูเกรี้ยวกราดกว่าที่เคย

 

“แล้วเป็นอะไรกันมากรึเปล่า อืม เค เดี๋ยวเฮียไปหา บอกไอ้ภีมว่าเตรียมตัวตายไว้เลย” กดวางสายเสร็จจึงหันมาเห็นพวกเขาสองคนที่ยืนอยู่

 

 

“โทษทีนะคุณ วันนี้ร้านปิด”

 

 

“อ่อ โอเค ไม่เป็นไร”

 

 

“พวกคุณมีใครมีรถมั้ย”

 

 

“ผมมีครับ” โอมตอบ

 

“ดี ว่างมั้ย กูยืมไปชลบุรีหน่อย”

 

 

“เกิดอะไรขึ้นหรอเฮีย”

 

 

“ก็ไอ้ภีมกับหยกอะดิ ไปรับน้องแต่ขับรถไปเองแล้วเสือกรถชน กูเลยจะตามไปหา”

 

 

“แล้วเป็นไรกันมากมั้ย”

 

 

“ไม่เป็นไรมาก แต่มันบอกว่ารถยับอยู่ สัสเอ้ยรถกู”

 

 

“เอารถผมไปก็ได้เฮีย”

 

 

“เออแต้งกิ้วมากมึง” ทินกรเดินเข้ามาตบไหล่โอมเบาๆเพื่อแสดงความขอบคุณก่อนจะรับกุญแจและเดินไปเตรียมปิดร้าน

 

 

“เออว่าแต่ มีใครขับไปให้ผมได้บ้างมั้ย คือไม่อยากขับรถตอนอารมณ์ร้อนเดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุ”

 

 

“ไอ้ภาพเลย มันขับได้ โคตรใจเย็นเลย ผมติดงานไปไม่ได้ เนอะๆ” ไอ้โอมพูดพร้อมเอาศอกกระแทกแขนเขายิกๆ แถบยังลอบกระพริบตาส่งส่งสัญญาณให้เขาอีก ถึงจะงงๆแต่ภาพก็ตอบตกลงไป

 

 

“ผมขับให้ได้”

 

 

คนตัวสูงนิ่งเหมือนใช้ความคิดสักพักก่อนตอบตกลง

 

 

“โอเค ขอโทษที่รบกวน แล้วก็ขอบคุณมากโอม”

 

 

“ปิดร้านฟรีให้พี่เอกถ่ายหนังสักวันก็พอครับ”

 

 

“สัส”

 

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

 

 

รถยนต์ขนาดกลางมุ่งสู่ท้องถนน แม้ว่าตอนแรกคนที่นั่งข้างๆจะอารมณ์เสียเพราะการจารจรติดขัดจนรถแทบไม่ขยับแต่พอขึ้นทางหลวงพิเศษที่วิ่งได้ง่ายและรถไม่มากนักก็ดูเหมือนจะใจเย็นลง ทินกรกดวางสายเมื่อบอกกับน้องสาวของตนว่าออกมาได้ครึ่งทางแล้ว พร้อมถอนหายใจแรง

 

“คุณไม่ต้องกังวลมากหรอก ทุกคนปลอดภัยแล้ว”

 

 

“เห้ออออ ผมไม่น่าให้รถพวกมันไปเลย”

 

 

“อุบัติเหตุมันก็เกิดได้ตลอดนั้นแหละ ผมเชื่อว่าภีมก็ขับระวังแล้ว”

 

 

“ผมก็ไม่อยากจะโทษมันหรอกเพราะรู้ว่ามันก็ไม่อยากให้เกิดเหมือนกัน แต่งานนี้มันได้ล้างห้องน้ำทั้งเดือนแน่” ทินกรพูดติดตลกพร้อมหมายหัวไอ้เจ้าพนักงานเสิร์ฟตัวดีเอาไว้

 

 

ภาพรู้ดีว่าไอ้เด็กภีมเกลียดการล้างห้องน้ำขนาดไหน

 

 

งานนี้คงต้องขอไว้อาลัยล่วงหน้า

 

 

ภาพกดเปิดเพลงหลังจากที่เขาคิดว่าคนตัวสูงเข้าสู่อารมณ์ที่คงที่แล้ว เขาเป็นคนที่ไม่ชอบขับรถเงียบๆสักเท่าไหร่มันรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ เพลงดิสนี่ย์ประจำรถของไอ้โอมดังขึ้น เหตุเป็นเพราะหม่ามี๊ของมันชอบเปิดให้ไอ้โอมฟังตั้งแต่เด็กจนมันชอบฟังไปซะงั้น พอมีเพลงดิสนี่ย์ออกมาใหม่ไอ้โอมก็โหลดมาฟังไว้เสียหมด

 

 

“คุณฟังได้มั้ย”

 

 

“ได้ ผมฟังได้ทุกแนว”

 

 

“ผมแค่คิดว่ามันไม่เข้ากับหน้าคุณสักเท่าไหร่ ฮ่าๆ”

 

 

“มีปัญหาอะไรกับหน้าผม”

 

 

“ป๊าววว ไม่ได้มีอะไร”

 

 

“’งั้นหรอออออ” ลากเสียงยาวเลียนแบบเสียงสูงของเขา

 

 

“งั้นแหละ”

 

 

“แล้ววันนี้คุณมาร้านผมทำไม”

 

 

“ก็…ไม่รู้สิ”

 

 

“หืมมม” อีกคนทำหน้าสงสัย ประมาณว่าไม่รู้แล้วมึงจะมาทำไม

 

 

“ผมไม่รู้จริงๆหนิ…ก็แค่อยากเจอ” ประโยคหลังภาพพูดอ่อมแอ้มกับตัวเองเสียงเบา

 

 

“ติดใจอะไรผมรึไง ก็พอรู้ตัวอยู่อะนะว่าผมหล่อ แต่ถ้าจะจีบก็ควรทำให้เนียนกว่านี้นะ”

 

 

เห้อออ

 

 

ไม่น่าเสียเวลาเป็นห่วงเลยให้ตายสิ

 

 

ภาพกลอกตาขึ้นบนพร้อมเบะปาก

 

 

“หลงตัวเองชะมัด”

 

 

“ไม่ปฏิเสธ”

 

 

จริงๆไอ้พวกมุขหลงตัวเองกับการบ้ายอของตาลุงนี่ก็พอๆกับพี่หมอเลยนะ

 

 

“นี่คุณรู้มั้ยเมื่อวานผมตกใจมากเลยตอนเห็นสีตาคุณ มันเหมือนกับคนในฝันผมแบบเป๊ะๆเลย”

 

 

“พี่หมออะไรนั้นอะหรอ”

 

 

“ใช่”

 

 

“แล้วไง คุณเลยคิดว่าผมเป็นพี่หมอ?”

 

 

“อะไรประมาณนั้น”

 

 

“นี่คงเป็นเหตุผลที่คุณมาหาผมวันนี้สินะ”

 

 

“แค่มาดูให้แน่ใจ”

 

 

“จะยังไงผมก็คือผมอยู่ดี”

 

“อืม ไอ้โอมก็พูดแบบนี้ มันแค่ยังรู้สึกค้างคาในบางอย่างแต่ก็ช่างเถอะ ยังไงผมก็ไม่มีวันได้เจอพี่หมออยู่ดี”

 

ช่างเถอะ

 

 

มือหนาเอื้อมมาตบที่ขาเขาเบาๆ คงเป็นวิธีปลอบตามแบบฉบับคุณทินกรเขาแหละ

 

 

“ขอโทษนะ ที่ผมเป็นพี่หมอให้คุณไม่ได้”

 

 

“มันไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย”

 

 

“อืมม” ทำเพียงแค่ส่งเสียงตอบรับก่อนที่เขาสองคนจะเงียบกันไป ปล่อยให้เสียงเพลงดิสนี่ย์รุ่นเก่าจากเรื่องเจ้าหญิงนิทราได้ขับกล่อม ภาพรู้สึกคุ้นเคยกับเพลงนี้เพราะเป็นเพลงที่ค่อนข้างดังและยังถูกนำไปประกอบภาพยนตร์เมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย ‘Once Upon A Time กาลครั้งหนึ่งในฝัน’

 

 

เคยได้เจอ ได้เคียงข้างกับเธอในฝันรื่นรมย์

เคยพบเธอ และแววตาที่เห็นคุ้นเคยยังจำได้ไม่ลืม

และจะคอยสักวันความฝันจะเป็นจริง สุขใจชื่นชม

หากพบเธออีกครั้งเธอฉันคงชื่นชู

แรกพบก็รักกัน เป็นรักชั่วนิรันดร์

รักเราไม่เลือน

 

 

ทำไมเพลงมันจะต้องแทงใจดำอะไรกันขนาดนี้วะ

 

 

ภาพเหลือบตามองคนข้างกายที่ตอนนี้ก็หันมองเขาอยู่เช่นกัน

 

 

อีกคนส่งรอยยิ้มมาให้

 

 

รอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้เขาอุ่นเข้าไปถึงหัวใจ

 

 

ไม่มีใครพูดอะไรตลอดทางแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด

 

 

เมื่อเข้าสู่อำเภอสัตหีบทินกรจึงโทรหาน้องหยกอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เธอส่งโลเคชั่นที่อยู่มาให้ น้องบอกว่าตัวเองและภีมออกมาหาอาหารกินกันข้างนอกให้ขับมาเจอกันที่ร้านเลย ภาพเลี้ยวขวาตามคำบอกเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย โซนนี้จะเป็นโซนติดทะเลทำให้ภาพนึกสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคนที่เพิ่งบาดเจ็บมาถึงยังจะแบกสังขารมากินถึงร้านดีๆริมหาด

 

กว่ารถจะวิ่งเข้ามาจอดในร้านก็เป็นเวลาเกือบหกโมงพอดี ฟ้าเริ่มจะมืดลง นี่พวกเขาติดอยู่กับการจราจรในกรุงเทพนานขนาดนี้เลยหรือเนี่ย

 

 

เมื่อรถจอดเสร็จเรียบร้อยอีกคนไม่รอช้ารีบลงจากรถในทันที เขาเดินมุ่งหน้าไปทางร้านแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นรถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำที่คุ้นตา

 

ไหนบอกว่ารถชนยับไงวะ

 

 

แล้วมาจอดอยู่นี่ได้ยังไง

 

 

แถมสภาพยังครบสมบูรณ์เหมือนก่อนจากมาอีกด้วย

 

 

ภาพล็อครถแล้วเดินตามหลังคนตัวสูงไปติดๆ พวกเขาเดินเข้าไปในร้านที่สภาพเหมือนยังไม่เปิด มันดูวังเวงมืดๆชอบกล แถมไม่มีเสียงคนพูดคุยกันเลยสักคน นี่เขากำลังถูกหลอกมารายการท้าผีอะไรอย่างนี้รึเปล่า ภาพเริ่มมองหากล้อง และทันใดนั้นเอง

 

 

ปัง!!!

 

 

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ค่าเฮียยยยยยยยย” พลุวันเกิดอันเล็กถูกดึงออกอย่างพร้อมเพรียงจากคนหลายๆคนที่แอบซ่อนอยู่ทำให้บนหัวของทินกรและภาพวาดเต็มไปด้วยไส้หลากสีของพลุนั้น

 

 

น้องหยกและภีมปรากฏตัวขึ้นมาด้วยร่างกายสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นพร้อมกับมงกุฎกระดาษสีทอง

 

 

“เซอร์ไพร์ !!!”

 

 

“สัส เหี้ยไรเนี่ย” คนที่ถูกสวมมงกุฎกระดาษเหวี่ยงใส่ทุกคนในงานแต่ภาพก็ยังเห็นนะว่าแอบยิ้มอยู่

 

 

“ไม่เซอร์ไพร์รึไง น้องๆอุส่าห์ตั้งใจทำให้” น้องหยกถามขึ้นมา

 

“สัสกูก็เป็นห่วงจะตาย พวกมึงแม่งหลอกกู”

 

 

“แหม่เฮียแก่แล้วก็ต้องหาเรื่องให้กระชุ่มกระชวยหัวใจกันบ้างดิ โอ๋ๆไม่ต้องห่วงเค้าแล้วนะ” เด็กภีมวิ่งเข้ามาควงแขนสะบัดไปมา

 

 

“กูไม่ได้ห่วงมึง กูห่วงรถไอ้สัส”

 

 

“ปากแข็งนะเรา”

 

 

“ปากดีนักนะไอ้ภีม เดือนนี้มึงโดนล้างห้องน้ำทั้งเดือน ข้อหาทำให้กูตกใจฟรี”

 

 

“โถ่วเฮียยยไม่เอาแบบนี้ดิ”

 

 

“แล้วนี่ถึงขนาดปิดร้านเลี้ยงกูเลยหรอ” ภาพหันไปมองรอบๆแล้วก็พบว่าไม่เจอลูกค้าคนอื่นๆนอกจากพวกเขาจริงๆ

 

 

“ก็เพื่อนพี่นี่แหละที่หารๆกัน ลำพังพวกผมไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก” นอกจากหยกและภีมแล้วก็ยังมีเพื่อนๆของทินกรอีกประมาณห้าหกคน หนึ่งในนั้นรวมพี่พิมคนที่ภาพคุ้นเคยดีไว้ด้วย

 

 

ลืมไปเลย

 

 

ความฝันที่พึ่งผ่านมาเขาและพี่หมอก็ไปทานอาหารเพื่อฉลองวันเกิดล่วงหน้าเหมือนกันสินะ

 

 

คงไม่มีอะไรทำให้ตกใจและแปลกใจไปมากกว่านี้แล้วมั้ง

 

 

“อ้าวน้องภาพมาด้วยหรอ ” พี่พิมหันมาถาม

 

 

“ครับช่วยขับรถมา”

 

“ก็ว่าอยู่ว่าไอ้ทินคงไม่ขับมาเอง ช่วงนี้มันไม่ค่อยจะขับ เสียดายรถมัน ซื้อมาตั้งแพงแต่เจ้าของไม่สนใจ”

 

“กูก็มีเหตุผลของกูน่า”

 

 

“เออๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วนี่หิวกันยังมาๆกินกัน พวกกูหิ้วท้องรอตั้งนาน น้องภาพมา ตามเจ๊มา” พี่พิมพูดพร้อมเดินนำทางไปที่โต๊ะที่มีเค้กชิ้นใหญ่วางอยู่ ภาพเดินเข้าไปดูใกล้ๆเพื่อมองตัวอักษรที่เขียนอยู่บนหน้าเค้กให้ชัด

 

ไอ้แก่

 

 

“ใครแม่งคิดวะสัส”ทินกรสบถขึ้นมาเมื่ออ่านเสร็จ ภาพขำออกมาเสียงดังจนเจ้าของวันเกิดมองค้อนเสียยกใหญ่

 

 

“เอาน่ามาๆร้องเพลงให้เจ้าของวันเกิดสักหน่อย” เทียนถูกจุดไฟขึ้นมาให้สีเหลืองนวลตาในความมืด พวกเขาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์กันสามรอบก่อนที่คนตัวสูงจะอธิษฐานและเป่าเทียนทั้งหมดให้ดับไป

 

 

ดวงตาของทินกรเป็นประกายแห่งความสุขอย่างเห็นได้ชัดแม้เจ้าตัวจะพยายามเก็กนิ่งทำเป็นหล่ออยู่ก็ตาม

 

บรรยากาศรอบตัวอบอวนไปด้วยความสุขเสียจนภาพอดยิ้มตามไม่ได้

 

 

“กูเกือบจะสั่งเค้กส้มมาปาหน้ามึงแล้ว”

 

 

“กูนี่แหละจะเอาตีนขยี้เค้กแล้วปาใส่มึงกลับ”

 

 

“สัส แต่กูก็รู้ไงว่ามึงเกลียดส้มขนาดไหนกูเลยไม่ซื้อมา มึงดูสิความใส่ใจของเพื่อนมึง”

 

 

หืมม

 

 

ถ้าตาลุงนี่เกลียดส้มแล้วทำไมคราวนั้นถึงยอมกินล่ะ

 

 

ภาพได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเมื่ออาหารถูกยกมาเสิร์ฟ ท้องของเขาร้องโครกครากเพราะหิวจัด ตอนกลางวันก็ไม่ได้กินอะไรเท่าไหร่เพราะเครียดจนกินไม่ลง แต่ตอนนี้ภาพเชื่อว่าเขาสามารถกินช้างได้ทั้งตัว

 

 

เมื่อทุกคนทานอาหารกันเสร็จก็ถึงเวลาให้ของขวัญ ต่างคนต่างมีของขวัญชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้างมามอบให้ ยืนถ่ายรูปส่งมอบ ร้องคาราโอเกะ เต้นกันเหมือนเป็นงานสงกรานต์ย่อมๆ เฮฮากันไปตามประสา จนย่างเข้าเกือบสี่ทุ่มนี่แหละที่ต่างคนต่างสิ้นฤทธิ์ด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บางคนฟุบหลับไปกับโต๊ะอย่างสิ้นสติ ไอ้เด็กภีมนี่นอนสลบอยู่ข้างเวทีกับเสื้อที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว คงเพราะได้เช่ารีสอร์ทของร้านไว้แล้วจึงปล่อยตัวปล่อยใจกันได้ขนาดนี้ เตรียมตัวกันมาดีจริงๆ ก็มีแต่ตาลุงทินนี่แหละที่เหล้าดูเหมือนจะทำอะไรลุงเขาไม่ได้สักเท่าไหร่

 

 

สงสัยคงกินเยอะจนร่างกายเริ่มด้านชา

 

 

“เอาดอกไม้ไฟไปเล่นกัน” คนที่เพียงแค่กึ่มๆเอ่ยชวนเขา ภาพวาดที่สติยังสมบูรณ์เพราะไม่ได้กินเยอะตอบตกลง ก่อนจะหยิบดอกไม้ไฟที่มีคนซื้อมาติดไว้แล้วเดินลงไปตามชายหาด

 

 

ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นเป็นแสงสว่างเดียวในความมืดของท้องทะเลยามค่ำคืน

 

 

แสงสีส้มสะท้อนใบหน้าของทั้งสองคนเป็นสีนวลตา

 

 

ภาพไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่าว่าบรรยากาศรอบตัวมันช่างเงียบเหงา

 

 

เช่นเดียวกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของอีกคนที่สะท้อนความเศร้าออกมาอย่างปิดไม่มิด

 

 

น่าจะเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ทำให้คนตัวสูงแสดงอารมณ์ในด้านที่ภาพไม่เคยเห็นออกมา

 

 

ต่างคนก็ต่างมีเรื่องที่ไม่สบายใจกันทั้งนั้นสินะ

 

 

สบตากันสักพักก่อนที่อีกฝ่ายจะหลบสายตา

 

 

ภาพไม่ค่อยเข้าใจในความหมายที่คนตัวสูงอยากจะสื่อนัก

 

 

พวกเขานั่งลงข้างกันที่พื้นทรายก่อนจะจุดดอกไม้ไฟอีกแท่งขึ้นมา

 

 

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

 

 

“ขอบคุณ”

 

 

“เสียดายผมไม่รู้ ไม่อย่างนั้นคงเตรียมของขวัญมาให้”

 

 

“ไม่เป็นไร แค่คุณอยู่เป็นเพื่อนตรงนี้ก็พอ”

 

 

“อืม”

 

 

ไม่มีใครพูดอะไรอีก พวกเขาเพียงจ้องมองแสงของดอกไม้ไฟที่ส่องสว่างได้เพียงไม่นานและดับลงไป

 

 

จุดขึ้นมาใหม่และเฝ้ารอจนมันดับไปอีกครั้ง

 

 

ทุกอย่างยังคงเงียบงัน

 

 

ต่างคนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง

 

 

เสียงของคลื่นที่กระทบฝั่ง

 

 

กลิ่นของทะเล

 

 

ทุกอย่างทำให้ภาพคิดถึงฝันครั้งล่าสุดที่พวกเขามาเที่ยวทะเลด้วยกัน พี่หมอกับแหวนวงนั้น คำมั่นสัญญา และคำบอกรัก

 

 

การหมั้นง่ายๆถูกจัดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้เตรียมตัว

 

 

แต่ก็ดันตอบรับไปอย่างง่ายๆเช่นกัน

 

 

ภาพหันกลับมามองตัวเองในตอนนี้แล้วช่างแตกต่าง

 

 

ความสุขในครั้งนั้นกลับทิ้งไว้เพียงความอึดอัดในจิตใจ

 

 

“ผมขึ้นไปก่อนนะ คุณจะขึ้นไปด้วยกันมั้ย” เมื่อทนกับบรรยากาศที่แสนจะกดดันและเงียบเหงาไม่ไหว ภาพจึงลุกขึ้นสะบัดทรายที่ติดกางเกงก่อนเอ่ยถาม เขาคิดว่าถ้านั่งต่อไปคงห้ามน้ำตาตัวเองไม่ได้แน่ๆ พาลจะทำให้อีกคนรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่

 

 

“วาดขึ้นไปก่อนเลย พี่ขอนั่งต่ออีกสักพัก”

 

 

“โอเค”

 

 

เดี๋ยวนะ

 

ภาพวาดที่กำลังเดินกลับชะงักไป

 

 

“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ”

 

 

“บอกว่าขึ้นไปก่อนได้เลย”

 

 

“ไม่ใช่ ผมหมายถึงว่าคุณเรียกผมว่าอะไร”

 

“ภาพวาดไง” อีกฝ่ายทำหน้าสงสัยว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป

 

 

“ไม่ใช่ คุณเรียกผมว่าวาด ไม่มีใครเคยเรียกผมแบบนี้ยกเว้นครอบครัว”

 

 

“…”

 

 

“กับพี่หมอ”

 

 

“…”

 

 

“ทีนี้คุณพอจะบอกผมได้มั้ย ว่าคุณรู้ได้ยังไง”

 

 

ร่างสูงนิ่งไปพักใหญ่

 

 

นิ่งไปนานเสียภาพเริ่มจะทนไม่ไหว อยากจะกระชากอีกคนขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง แต่คนที่นั่งนิ่งกลับเงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาแดงก่ำ พร้อมเอื้อนเอ่ยวาจาที่ทำให้ภาพแทบจะทรุดลงไปตรงนั้น

 

 

“พี่ขอโทษที่โกหก”

 

 

“…”

 

 

“เป็นพี่เองวาด พี่หมอ”

 











#คุณในฝัน



ผ่ามพ่าม !!


ฝุ่นพึ่งเห็นว่ารูปที่ลงไว้ประกอบเเต่ละตอนมันมีปัญหารูปไม่ขึ้นหมดเลย งงมาก ฝากเว็บไหนก็เป็น จะพยายามหาทางแก้นะคะ






 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-03-2018 23:22:47
โอะโอ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 25-03-2018 23:34:09
อ่าวเห้ย! ตั้งตัวไม่ทันเลยนะพี่
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-03-2018 01:02:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

คือสรุปว่า...ฝันซ้อนฝัน?
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: CookieCK ที่ 26-03-2018 02:40:25
โอย ค้างมากมาย :ling1: :ling1: รีบมาปั่นต่อด้วยน้าาาา :katai4: :katai4: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: bomomorujira ที่ 26-03-2018 03:10:23
เราชอบเรื่องนี้มากๆเลยมาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 26-03-2018 09:04:56
อ้าวววววว เฮ้ย

ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา

 :z6:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 26-03-2018 09:28:42
โอ เอ็ม จี !!!!
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 11 (25/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 26-03-2018 09:34:58
โอ้วววววว มายก๊อด
พี่หมอคือทินกร ทินกรคือพี่หมอ
งี้ภาพวาดก็ความจำเสื่อมอยู่อ่ะดิ
ฝันซ้อนฝัน อินเซ็ปชั่น แบบอิมพอสซิเบิ้ล
ลวกและเป็ดมาต่อเร็วๆ อยากอ่านๆๆๆๆๆ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 12 (28/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 28-03-2018 23:14:49
(https://www.picz.in.th/images/2018/05/12/zze4Uu.jpg)



-      12    -

 



คลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งในเวลานี้ เปรียบดั่งคลื่นขนาดใหญ่ที่โหมกระหน่ำเข้ามาปะทะตัวเขาอย่างแรงจนยืนแทบไม่ไหว สายน้ำกระแทกซ้ำไปถึงหัวใจจนกระเด็นกระดอนอย่างไม่รู้ทิศทาง สองขาที่เคยเป็นฐานหลักให้กับตัว มาตอนนี้กลับทรุดลงไปกับพื้นทรายอย่างหมดแรงเพียงแค่คำพูดเพียงประโยคเดียว

 

“เป็นพี่เองวาด…พี่หมอ”

 

“คุณอย่ามาล้อเล่น ผมไม่ตลก” ร่างที่ทิ้งตัวลงบนพื้นทรายเอ่ยปราม

 

“ผมไม่ได้ล้อเล่น” อีกคนที่มีสภาพไม่ต่างกันตอบคำถามพร้อมหันมาสบตากับเขา ดวงตาที่ถูกส่งมามันแสนเศร้าสุดหัวใจ

 

“งั้นช่วยตอบผมหน่อยว่านี่มันอะไรกัน คุณกำลังจะบอกว่าไม่ใช่ผมที่เป็นบ้า ไม่ใช่ผมที่พร่ำเพ้ออยู่คนเดียว แต่คุณก็ฝันเหมือนกันงั้นหรอ”

 

“ใช่”

 

นี่มันบ้ามาก

 

พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรอยู่

 

ภาพไม่ขำเลยสักนิด

 

การที่ฝันเป็นตุเป็นตะคนเดียวก็ว่าบ้าแล้ว แต่พอมีคนมาฝันร่วมกันอีกคน ภาพคิดว่ามันบ้าเสียยิ่งกว่า

 

“แล้วทำไมถึงไม่บอกกัน” น้ำเสียงของภาพเริ่มสั่นเครืออย่างห้ามไม่ได้เมื่อคิดว่าอีกคนกำลังทำให้เขาเหมือนไอ้โง่คนหนึ่ง เป็นตัวเองที่วิ่งเต้นอยู่คนเดียวจนเหมือนคนโง่คนนึง จนมาเจอกับคนที่เฝ้าตามหามาตลอด

 

แต่คนๆนั้นกลับโกหกหน้าซื่อว่าไม่เคยรับรู้เรื่องบ้าๆพรรค์นี้ด้วยกันเลย

 

มองดูเขาที่เศร้าแทบตาย

 

แถมยังบอกให้ลืมเรื่องทั้งหมดทั้งๆที่ตัวเองก็จำได้ทุกอย่าง

 

ทำได้ยังไงกัน

 

“ขอโทษ”

 

คำขอโทษที่เอ่ยมาไม่ได้ทำให้ภาพรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิดในตอนนี้

 

เขาอยากรู้เหตุผล

 

ทำไมถึงต้องโกหก

 

ทำไมถึงต้องปิดบัง

 

ทำไมต้องทำเหมือนไม่เคยรู้จักกัน

 

ทำไมถึงทำแบบนี้กับเขา

 

ทำไมถึงไม่เห็นใจกันบ้างเลย

 

“ทำไม”

 

“คุณอยากจะฟังมั้ย คำตอบของทุกอย่างที่คุณสงสัย” คนใจร้ายตอบคำถามของเขาด้วยอีกหนึ่งคำถามใหม่ คำถามที่คำตอบเป็นสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด

 

“คุณรู้รึไง”

 

“ผมก็ไม่แน่ใจหรอก จนกระทั่งมาเจอคุณ หลายๆอย่างมันเหมือนจิ๊กซอว์ที่ประติดประต่อกันจนเป็นภาพสุดท้าย ผมก็เลยเริ่มมั่นใจ”

 

“คุณกำลังจะสื่อว่าอะไร”

.

.

.

.

.

.

 

 

 

 

 

 

“คุณพอจะรู้จักคำว่าโลกคู่ขนานมั้ย”

 

 

เป็นคำตอบที่ไม่คาดคิด ภาพไม่รู้ว่าอีกคนกำลังจะหลอกอะไรเขาอีกรึเปล่า แต่ใบหน้าของทินกรไม่ได้มีท่าทีล้อเล่นเลยสักนิดเดียว

 

“เคยได้ยินอยู่ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจนักหรอก” ภาพเคยได้ยินเพียงผ่านๆ เขาไม่รู้หลักการอะไรของมันในเชิงลึก แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เลย

 

“โลกคู่ขนานเป็นทฤษฎีที่บอกว่า ในตอนนี้ ขณะที่เรานั่งกันอยู่ตรงนี้อาจจะมีเราอีกคนนึง ในอีกที่นึง กำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ พูดง่ายๆมันก็เหมือนตัวเราในอีกมิตินึงนั้นแหละ”

 

ภาพได้แต่นั่งนิ่งฟังอีกคนที่กำลังพูดถึงทฤษฎีวิทยาศาสตร์หรืออะไรสักอย่างอยู่

 

“เคยคิดมั้ยถ้าคุณไม่ได้เรียนต่อศิลปกรรมแต่ไปเรียนบริหารที่พ่อคุณอยากให้เรียนแทนชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปยังไง โลกคู่ขนานอีกโลกอาจจะเป็นคุณที่กำลังรับช่วงต่อบริษัทที่บ้านก็ได้ เหมือนกันกับผมที่ในโลกนี้ไม่ได้เลือกที่จะเรียนต่อหมออย่างที่อยากทำ”

 

“แล้วทำไมคุณถึงไม่เลือกเรียนต่อล่ะ”

 

“อย่างที่ผมเคยบอกว่าคุณแม่ผมเสีย มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ผมเคว้งคว้างไม่มีที่ยึด หนี้สิ้นของที่บ้านที่ยังมี ไหนจะหยกกับแม่ของน้องที่แม่ผมเป็นคนดูแลมาตลอด ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้ บางทีชีวิตมันก็ไม่มีโอกาสให้เราได้เลือก ซึ่งหมายความว่าถ้าแม่ผมไม่เสียผมคงได้เป็นหมอ”

 

“…”

 

“แล้วมันเหี้ยแค่ไหนคุณรู้มั้ยกับการที่ต้องฝันถึงโลกที่มีแม่อยู่ทั้งๆที่ความจริงมันไม่มีแล้ว” คนตัวสูงไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป น้ำเสียงสั่นเครืออย่างน่าสงสารเขาปล่อยให้น้ำตาไหลลงจนเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าอย่างไม่อาย ความเศร้าของอีกคนที่ภาพเห็นตอนนี้ส่งผลให้เขาไม่อาจกลั้นน้ำตาต่อไปได้เช่นกัน

 

ท่ามกลางทะเลอันมืดมิด

 

และเสียงคลื่นที่ถาโถมเข้าฝั่ง

 

พวกเขาเป็นเพียงผู้ชายโง่ๆสองคนที่กำลังร้องไห้ให้กับความบัดซบของโลกใบนี้

 

 

“แม่งโคตรเจ็บเลย แม่อยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่ผมกลับพูดสิ่งที่อยากบอกไปไม่ได้” ทินกรยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าอันหมองเศร้านั้นดีขึ้นมาเลย

 

“ผมอยากเข้าไปกอด อยากจะตะโกนบอกดังๆว่ารักมากแค่ไหน อยากจะบอกว่าไม่ต้องห่วงนะ ผมโตมาอย่างมีความสุขดี ผมยังคิดถึงแม่เสมอ” ใบหน้าบิดเบี้ยว น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย

 

“วันเกิดปีนี้แม่ก็คงอวยพรผมได้แค่ในฝัน ผมอยากหลับไปเพื่อจะได้เจอกับเขาแต่ผมก็ไม่พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อพบว่าไม่มีแม่อยู่ข้างๆอีกแล้ว”

 

ผู้ชายคนนี้ต้องเข้มแข็งขนาดไหนกัน

 

ถึงอดทนกับเรื่องแย่ๆได้ถึงขนาดนี้

 

เทียบกับภาพวาดที่เอาแต่วิ่งตามหาผู้ชาย

 

หึ เรื่องของเขากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปในทันที

 

ภาพค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เอื้อมมือไปสัมผัสอีกคนเอาไว้เพื่อบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้ คอยรับฟังเรื่องเลวร้ายพวกนี้ไปด้วยกัน อารมณ์โกรธ อารมณ์น้อยใจที่มีในตอนแรกกลับมลายหายไปจนหมดสิ้น

 

มันเป็นความฝันที่เจ็บปวดเกินไป

 

ถ้าเป็นภาพ เขาคงรับไม่ไหว

 

ภาพไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป เพราะเขาคิดว่าตอนนี้คนข้างกายคงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เขาเพียงแต่นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆ รอให้อีกคนจัดการกับอารมณ์ตัวเองเสียก่อน

 

มองไปที่ความมืดมิดเบื้องหน้า

 

พระจันทร์วันนี้สวยงาม

 

แต่ก็ช่างดูเศร้านัก

 

พระจันทร์ของโลกฝั่งนั้นจะเศร้าเหมือนกับที่นี่หรือเปล่านะ

 

“ขอโทษทีที่ทำให้คุณต้องมาพังเรื่องแย่ๆของผม” ทินกรเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาเงียบกันไปพักใหญ่

 

“ไม่เป็นไร ผมต่างหากที่ดึงดันอยากจะฟัง”

 

“ที่พูดไปผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะเป็นแบบที่คิดหรือเปล่า มันเป็นแค่การคาดการณ์จากสิ่งที่เจอ มันอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ เราไม่มีวันรู้หรอก ไม่มีอะไรที่ชัดเจน พระเจ้าคงไม่เดินมาบอกว่าสิ่งที่คิดมันผิดหรือถูก แต่นี่เป็นคำตอบที่สามารถตอบคำถามของเรื่องราวทั้งหมดได้สำหรับผม”

 

“แต่ถ้าเป็นเหมือนที่คุณบอกจริงๆ ทำไมบุคลิกนิสัยของคุณถึงได้ต่างจากพี่หมอขนาดนี้ล่ะ”

 

“คุณลองจินตนาการดูนะว่าถ้าคุณไปเรียนต่อต่างประเทศ เอาง่ายๆระหว่างตัวคุณที่ไปเรียนต่ออเมริกา กับตัวคุณที่ไปเรียนต่อญี่ปุ่น คุณคิดว่าภาพวาดสองคนนี้จะมีนิสัยเหมือนกันมั้ย สำหรับผมสภาพแวดล้อมต่างๆ สังคมและคนที่เจอมันหล่อหลอมให้ผมเป็นผมเหมือนกับทุกวันนี้ ผมเจอคนคดโกง คนที่ชอบเอารัดเอาเปรียบ โดนโกงเงินไปเป็นแสนๆจากคนที่หน้าตาใสซื่อ โดนหักหลักจากคนที่ไว้ใจ ชีวิตที่ต้องต่อสู่ดิ้นรนมันทำให้ทัศนคติการที่มีต่อโลกนี้เปลี่ยนไป ผมต้องเข้มแข็งขึ้น ใจร้ายมากขึ้น เห็นแก่ตัวมากขึ้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ยิ่งเราอ่อนแอเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกทำร้ายได้มากขึ้นเท่านั้น แต่คุณก็น่าจะรู้ว่ามันก็มีบางส่วนที่ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ คุณรู้จักทั้งทินที่เป็นหมอและทินกรคนนี้ ผมว่าคุณน่าจะรู้ดี”

 

ใช่

 

ถึงแม้ภายนอกหรือการกระทำจะแตกต่างกันแค่ไหนมันก็ยังมีบางอย่างที่คล้ายกันจริงๆ

 

พี่หมอคนนั้นเป็นคนอบอุ่นและใจดี นั้นคือสิ่งที่ภาพสัมผัสได้ตลอดมา

 

และสำหรับทินกรคนนี้เขาก็ยังสามารถสัมผัสได้เช่นกันแม้มันจะเบาบางเพราะเจ้าตัวเก็บมันเอาไว้ในส่วนลึกและเลือกที่จะทำตัวแข็งกระด้างเพื่อปกปิดความเศร้าของตัวเองแทน

 

“สัมผัสได้สิ”

 

“ผมขอโทษนะ ที่ยังไงก็เป็นพี่หมอให้คุณไม่ได้  แล้วก็เสียใจด้วยที่คุณคงไม่ได้เจอคนที่คุณตามหา”

 

“ ใครว่าผมไม่เจอล่ะ” ภาพหันไปสบสายตา

 

“…”

 

“ผมก็เจอคุณแล้วไง…บางที สิ่งที่ผมตามหาอยู่อาจจะไม่ใช่พี่หมอ แต่อาจจะเป็นคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้”

 

มันก็รู้สึกโล่งใจเหมือนกันนะ

 

เหมือนว่าเกือบทุกคำตอบที่เขาสงสัยมาตลอดหนึ่งปีได้คลายลงแล้ว

 

“ขอบคุณนะที่บอกกัน”

 

“อย่างที่ผมบอก ว่าผมไม่แน่ใจหรอกนะ มันเป็นแค่อะไรที่ผมคิดไว้เฉยๆ”

 

“ผมเลือกที่จะเชื่อคุณ ”

 

ถ้าเชื่อแล้วสบายใจ ภาพก็เลือกที่จะเชื่ออย่างนั้น แม้ไม่รู้ว่ามันจะถูกหรือผิดก็ตาม

 

“แล้วในฝันของคุณ เรารักกันรึเปล่า”

 

“อืม เราเป็นแฟนกัน”

               

ไม่ต่างจากที่เขาคิดไว้สักเท่าไหร่

 

“แล้วพี่พิมล่ะ ใช่พี่แพรวแฟนเก่าคุณรึเปล่า”

 

“ใช่แหละ แค่ชื่อต่างกันเฉยๆ ผมคิดว่าพ่อแม่อาจจะลังเลชื่อลูกอะไรอย่างนี้ก็ได้มั้ง ไม่รู้เหมือนกันสิ”

 

“แล้วทินกรคนนี้กับพี่พิมเป็นอะไรกัน”

 

“เราเป็นแค่เพื่อนสนิทตอนมัธยม ในฝันคงเป็นเพราะไปเรียนต่อมหาลัยด้วยกันเลยได้สานสัมพันธ์ต่อ แต่ตัวผมกับพิมต้องแยกกันไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เขาก็ไปมีสังคมของเขา มีลืมๆกันบ้าง ก็พึ่งจะกลับมาสนิทกันช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง แล้วผมก็คงรู้สึกอะไรกับมันไม่ลงหรอก หึ” ทินกรพูดติดตลกนิดหน่อยเมื่อนึกถึงเพื่อนจอมเฮี้ยวที่นิสัยเปรี้ยวขัดกับหน้าตาหวานๆ แค่เห็นก็ไม่อยากจะจีบแล้ว

 

พิมอาจจะไม่ใช่คนที่ดีนักในเรื่องความรัก

 

แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีมากคนนึงสำหรับเขา

 

“’งั้นหรอ เรื่องของเรามันก็ตลกดีเหมือนกันนะ ฝันบ้าๆกันสองคนไม่พอยังลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วยอีก”

 

“แต่ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าทำไมเราถึงต้องฝันแบบนี้”

 

“พระเจ้าอาจจะเบื่อเกินไปเลยหาเรื่องสนุกๆทำล่ะมั้ง หรือไม่บางทีอาจจะมีอะไรลิขิตเอาไว้ให้เราต้องมาเจอกัน”

 

“อาจจะเป็นอย่างนั้นล่ะมั้ง ที่นี้คุณก็สบายใจแล้วใช่มั้ย” คนถามหันมาฝืนยิ้มให้แม้มันจะยากเกินกว่าจะยิ้มออกมาก็ตาม

 

“ไม่” ทินกรหันมามองอย่างสงสัย

 

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามแรกของผม”

 

“…”

 

“ทำไมต้องหลอกกัน ทำไมต้องทำเป็นไม่รู้จัก”

.

.

.

 

อีกคนทำเพียงนั่งนิ่งไม่หันมาสบตาและไม่เอ่ยอะไร

 

เพียงแต่ทอดสายตามองไปเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย

 

เงียบหายไปเหมือนกับจมอยู่ในห่วงความคิดของตัวเอง

 

จมอยู่ในความมืดมิดของท้องทะเลเบื้องหน้า

 

รออยู่เนิ่นนานกว่าคนตัวโตจะเอ่ยออกมา

 

“บางครั้งชีวิตจริงมันก็น้ำเน่ากว่าในละคร”

 

ภาพรับฟังอย่างไม่เร่งเร้า เขารู้ว่าอีกคนคงต้องมีเหตุผลถึงทำแบบนี้

 

มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ยากเกินกว่าจะกล่าวออกมา

 

“ความฝันของผมไม่ได้ต่างจากคุณเท่าไหร่ เวลาเราเดินไปพร้อมๆกันกับความจริง เป็นพี่หมอกับภาพวาดที่มีความสุข จนกระทั่งวันนั้นเมื่อปีที่แล้ว เราทะเลาะกันหนัก ผมปล่อยคุณให้นั่งรถกลับบ้านคนเดียว ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นการเจอกันครั้งสุดท้าย มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด…” ทินกรเล่าออกมาอย่างยากลำบาก เขาสะดุดลมหายใจตัวเอง ก้มหน้าลงกับฝ่ามือและปล่อยน้ำตาที่เริ่มแห้งเหือดไปตอนแรกให้ไหลออกมาอีก

 

“ภาพวาดในตอนนี้นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล”

 

“…”

 

“ทั้งหมดเป็นเพราะผมเอง ถ้าวันนั้นผมไม่อารมณ์ร้อนแล้วปล่อยคุณไป เรื่องนี้มันคงไม่เกิด ผมเสียแม่ไปแล้ว ผมไม่อยากเสียคุณไปอีกคน”

 

ภาพได้แต่นั่งอึ้ง เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะดำเนินมาแบบนี้

 

“มันเหมือนผมกำลังนับเวลาถอยหลังทุกครั้งที่ฝัน”

 

โหดร้ายเกินไป เขาไม่อยากนึกถึงตัวเองในสภาพนั้นเลยด้วยซ้ำ

 

พ่อของเขาล่ะ พี่สาวอีก ทุกคนจะเป็นยังไง

 

จะต้องเศร้าขนาดไหน

 

พี่หมอล่ะ กำลังร้องไห้เหมือนทินกรในตอนนี้รึเปล่า

 

“เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่อยากรู้จักกับคุณ ผมกลัวว่าทุกอย่างมันจะซ้ำรอย ถ้าเราไม่มารู้จักกันมันคงจะดีกว่า คุณอาจจะไม่ต้องมาเจออะไรร้ายๆแบบนี้”

 

“…”

 

“สำหรับคุณมันอาจจะเป็นฝันดีจนน่าอิจฉา”

 

“…”

 

“แต่สำหรับผม มันเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต”

 


#คุณในฝัน



เรามีรูปประกอบเพื่อความเข้าใจค่ะ

(https://www.img.in.th/images/bb7d2f13d005e8517873499d1cb64d09.jpg)



ฝันของภาพ = โลกคู่ขนานที่ 1 ปลอดภัยดี
ฝันของทิน = โลกคู่ขนานที่ 2 ภาพโดนรถชน
ความจริง = สองคนฝันถึงโลกที่เเต่งกัน
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันค่ะ





โลกคู่ขนาน หรือ จักรวาลคู่ขนาน หมายถึง จักรวาลที่ดำเนินไปพร้อมกับจักรวาลที่เราอยู่นี้ ทฤษฎีนี้นักฟิสิกส์ริเริ่มคิดขึ้นมา มีเหตุการณ์ที่เราลังเลอยู่ 2 ทาง แต่เราก็ตัดสินใจไปทางหนึ่ง แล้วคิดไหมว่า ถ้า ณ วันนั้นเราติดสินใจเป็นอย่างอื่น อะไรจะเกิดขึ้น มันก็จะเกิดเหตุกาณ์อีกเเบบขึ้นมามากมาย ซึ่งเจ้าโลกคู่ขนานมันก็สามารถเเตกเเขนงไปได้เรื่อยๆไม่มีสิ้นสุดตามสิ่งทีเราตัดสินใจไป



สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งนี้เน้อ

http://xfile.teenee.com/believeitornot/2921.html



ฝุ่นรู้จักทฤษฎีนี้จากการ์ตูนเรื่องรีบอร์นค่ะ 55 เเล้วก็ทำการศึกษาเพิ่มเติม ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยค่ะ ผู้อ่านสามารถโต้เเย้งมาได้เลยเราพร้อมจะปรับปรุงนิยายใหม่ให้ดีขึ้นค่ะ หรือถ้าใครไม่เข้าใจก็เม้นถามไว้ได้เเล้วฝุ่นจะมาตอบนะคะ



เรื่องนี้อีกเเค่3-4ตอนก็น่าจะจบเเล้วค่ะ ฝุ่นเเพลนไว้เเต่เเรกว่าจะไม่ยาวมาก ฝุ่นไม่อยากยืดเพราะเเต่ละตอนก็จะมีไคล์เเม็กซ์ของมัน กลัวยืดเเล้วมันจะดรอปค่ะ เลยอาจจะเห็นว่าดำเนินเรื่องเร็วไปบ้าง ซึ่งส่วนนี้ฝุ่นก็ต้องปรับปรุงงานของตัวเองเช่นกัน เขียนเรื่องเเรกมันก็จะงงๆหรือพลาดบ้างเเต่ทุกการพลาดก็เป็นการฝึกฝนเรียนรู้ให้เขียนได้ดีขึ้นค่ะ



ตอนนี้ก็เหลือเเค่ปมนิดหน่อยของพี่เข้มเนอะ เเละสองคนนี้จะทำยังไงต่อไป

แอบบอกว่าตอนหน้าต้มมาม่ารอได้เลยค่ะ น่าจะดราม่ากว่านี้ เเละบางทีอาจจะต้องรอจนเส้นอืด 55




 

 - สีฝุ่น -
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 12 (28/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-03-2018 00:01:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่อ...ไอซี
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 12 (28/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-03-2018 03:32:16
 :a5:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทที่ 12 (28/3/2018) P.2
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 29-03-2018 08:15:55
เห้อ ค่อยยังชั่ว หายคาใจละ 55555555
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || Special Q&A , วิเคราะห์เนื้อหา (30/3/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 30-03-2018 20:02:42
**** ระวังอ่านข้ามตอนนะคะ ตอนนี้มีสปอยเฉลย*******


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้ฝุ่นเขียนขึ้นมาพูดถึงเนื้อหานิยายบางส่วนเเล้วก็ตอบคำถามนิดหน่อยค่ะ มาเริ่มกันเลยเนอะ

Q : นิยายเรื่องนี้มีกี่ตอน
A : ตอนเเรกฝุ่นวางไว้ 15-16 ตอน เเต่ตอนนี้ไม่เเน่ใจคิดว่าอีก2ตอนน่าจะจบค่ะ ไม่อยากยืด

Q: ในฝันของทินคือช่วงเวลาไหน
A: เป็นเวลาที่ดำเนินไปพร้อมกันค่า ฝันทินคือโลกคู่ขนานอีกโลกนึงที่ภาพโดนรถชน ฝันของภาพคือปลอดภัยดี ไม่ได้ฝันถึงอนาคตนะคะ

Q : ถ้าทินกรกับภาพวาดคบกัน จะมีผลกระทบถึงโลกคู่ขนานมั้ย
A : ถ้าโลกคู่ขนานในฝันไม่กระทบค่ะ เเต่โลกจริงก็จะเเตกเเขนงออกเป็นสองโลกคือโลกที่คบกัน เเละโลกที่ไม่คบกันค่ะ

Q : รวมเล่ม?
A : เอาจริงๆไม่มีเเพลนรวมเล่มเลยค่ะ ตั้งเเต่เเรกเราคิดว่าเเต่งเอาสนุกๆ เเต่พอมีสนพหลายๆที่มาติดต่อก็เริ่มเอนเอียง ตอนนี้เลยอยู่ในขั้นตอนตัดสินใจค่ะ เพราะเนื้อหาเราก็สั้นมากไม่รู้จะพอตีพิมพ์รึเปล่า เเละอีกอย่างกลัวไม่มีคนซื้อออ 55 ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกสนพเลยนะคะที่สนใจงานเรา



ต่อไปเราจะมาพูดถึงส่วนของคำใบ้ที่เเย้บๆไว้ในเรื่องกัน


There seemed to be Two worlds ,

The one before and after you.


เอาจริงๆคือฝุ่นเฉลยไว้ตั้งเเต่หน้าเเรกเเล้วค่ะ คำว่า Two worlds ก็คือโลกคู่ขนานนั้นเอง


เเละถ้าลองอ่านเเบบเก็บรายละเอียดดูจะเห็นว่าตาลุงทินของเรานั้นก็มีการเผลอหลุดบ้าง หรือมีการกระทำที่บอกว่าจำได้บ้าง




เช่นตอนที่เจอกันทินก็มีอาการตกใจเหมือนกันเเต่ยังอึ้งๆอยู่เเต่เพราะภาพมัวเเต่ร้องไห้เลยไม่ได้สังเกตอะไร ตอนภาพเป็นลมเเล้วตื่นมาเจอทินกำลังมองหน้าอยู่ ถ้าคนไม่รู้จักกันหรือไม่มีอะไรก็คงไม่มานอนจ้องหน้าอีกคนตั้งนานสองนานหรอกเนอะ ตอนนั้นทินก็คิดถึงภาพเช่นกันค่ะ




ส่วนเรื่องส้มจะเห็นว่าหยกพยายามพูดเเทรกตอนภาพจะเอาให้กิน นั้นคือหยกจะบอกว่าเฮียทินไม่กินส้มค่ะ เเต่ทินรู้เลยเอ่ยปากขัดไว้ก่อนเเล้วทำเนียนกินส้มไป เพราะรู้ว่าภาพต้องการจะพิสูจน์ว่าเขาใช่พี่หมอจริงๆรึเปล่า




ตอนคอนเเท็คหลุดก็ไม่ได้อุทานเพราะว่าเจ็บตาค่ะ เเต่อารมประมานว่าซวยเเล้ว เเม่งเห็นสีตากูเเล้ววว อะไรเเบบนี้มากกว่าค่ะ 55



ตอนที่ขับรถทินก็บอกขอโทษภาพที่เขาเป็นพี่หมอให้ไม่ได้ นั้นคือเขาไม่ได้ขอโทษที่เขาไม่ใช่ เเต่ขอโทษเพราะใช่เเต่เป็นพี่หมอไม่ได้ต่างหาก เพราะทินกรก็คือทินกร (ไม่งงใช่มั้ย)


ส่วนพี่เข้มต้องรอตอนต่อไปค่ะ



ภาพต่างๆในเเต่ละตอนก็เป็นการพูดถึงเนื้อเรื่องในเเต่ละตอนหรือตอนต่อๆไปค่ะ



จริงๆก็มีเเย้บๆไว้เยอะเหมือนกันค่ะ เเต่ที่พูดถึงก็จะเป็นตรงซีนหลักๆที่บางคนอาจจะอ่านผ่านๆไปบ้างเนอะ เราเลยเอามาบอกให้สะกิดใจนิดๆกันอีกที

 

[ช่วงเวิ้นเว้อไปกับนักเขียนพูดมาก]

เอาจริงๆฝุ่นเป็นคนที่เวิ้นเว้อมากค่ะ ฝุ่นสามารถเวิ้น talk ให้ยาวกว่านิยายได้เลย บางครั้งอัพเเล้วต้องกลับมาแก้ talk ค่ะ เพราะคิดว่าตัวเองพูดมากไปเดี๋ยวน่ารำคาญ 55

ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ อีกไม่กี่ตอนเราจะมาถึงตอนจบกันเเล้ว ดีใจที่มีหลายคนชอบ ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือตรงไหนที่ไม่ดีต้องขออภัยไว้ด้วยค่ะ

เรื่องใหม่มีเเพลนมาเร็วๆนี้ค่ะ อยากเขียนเเล้วเเต่ต้องเอาเรื่องนี้ให้จบก่อนเนอะ หลังจากที่เราเถียงกับตัวเองนานมากเพราะมีพล็อตในหัวเยอะเหลือเกิน ทั้งโลกอนาคต ย้อนเวลา จีนโบราณ เเฟนตาซี โจรสลัด มหาลัย (เยอะไป) เราจึงสรุปกับตัวเองว่าจะเเต่งเป็นเเนวฟิลกู้ดก่อนค่ะ อารมณ์อ่านสนุกๆเนอะ เปลี่ยนเเนวดูบ้าง จะเป็นยังไงจะมาเเจ้งอีกทีตอนเปิดเรื่องเน้อ อย่าพึ่งทิ้งกันไป

ปล. ฝุ่นกลัวคนเฟลกับปมมาก กลัวบางคนตั้งความหวังไว้สูงเพราะเราปูปมมาเยอะเเล้วพอเฉลยไม่พีคเท่าที่คิดเเล้วจะผิดหวังอะไรอย่างนี้ (อีนี่คิดมาก เล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนก็บอกมึงอะคิดมาก 55) เห็นของหลายคนที่อินไปกับเราก็พอโล่งใจค่ะ ขอบคุณทุกเม้นมากนะคะ เป็นกำลังใจให้ฝุ่นเเต่งต่อมาก

เนี่ย เวิ้นเยอะจริงๆ ต้องคุมตัวเองไม่ให้พูดต่อเดี๋ยวจะเยอะกว่าส่วนสำคัญไป

ยังไงก็รักเเละขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตามกันมาถึงตรงนี้นะคะ


#คุณในฝัน

- สีฝุ่น -
 


หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || Special Q&A , วิเคราะห์เนื้อหา (30/3/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 31-03-2018 19:42:21
โอยยย ร้องไห้อ่ะ สำหรับภาพวาดคือฝันดี แต่สำหรับทินกรคือฝันร้าย  :m15:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [50%] (9/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 09-04-2018 17:49:20
(https://www.picz.in.th/images/2018/05/12/zze3ye.jpg)




-          13      -

 

พี่หมอและภาพวาด

 

หาดทรายและทะเลคราม

 

แสงแดดและสายลม

 

รอยยิ้มและอ้อมกอด

 

ความอบอุ่นที่กลายเป็นเย็นวาบ

 

สายลมหยุดนิ่ง

 

คนตรงหน้าแสยะยิ้มกว้าง

 

ยิ้มที่กว้างไปถึงใบหู

 

ฟันแหลมคมงอกออกมาจนทั่วโพรงปาก

 

พร้อมลูกตาสีน้ำตาลอ่อนที่หลุดออกมา

 

เลือดสีแดงอาบไหลไปทั่วใบหน้าแทนด้วยน้ำตา

 

ผิวหนังเริ่มหลุดลอกออกมาจนแดงฉานไปทั้งตัว

 

หลุดออกจนเห็นหัวใจสีแดงสดที่กำลังเต้นอยู่ภายใน

 

มันเต้นเร็วและใหญ่ขึ้นจนแทบระเบิด

 

ตุบๆๆๆ

 

ตุบๆๆๆ

 

ตู้ม

 

ระเบิดเสียงดังจนเลือดสีสดพุ่งกระจายจนท่วมใบหน้า

 

และกลายเป็นซานต้าคอส!!!

 

โฮะ โฮะ โฮะ

 

อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 

ภาพวาดกรีดร้องเสียงดังพร้อมสะดุ้งตัวขึ้นมาจากเตียงด้วยสภาพเหงื่อไหลท่วมกายกาย หัวใจยังเต้นระรัวกับเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมาแบบสดๆร้อนๆ เขาหอบหายใจเหนื่อยพยายามสลัดภาพน่ากลัวจากฝันร้ายออกไปจากหัว

 

เดี๋ยวนะ

 

ฝันร้ายงั้นหรอ

 

ภาพนึกได้ว่าเขาไม่ได้ฝันร้ายมาเป็นปีแล้วเพราะเขาเอาแต่ฝันถึงตัวเองและพี่หมอมาตลอด ฝันแสนประหลาดในโลกคู่ขนานอีกโลกหนึ่ง

นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ภาพไม่ได้ฝันถึงเหตุการณ์นั้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

 

ทำไมกัน

 

หรือเพราะทุกอย่างที่ภาพสงสัยได้คลี่คลายแล้วอย่างนั้นหรือ

 

นั่งคิดเท่าไหร่ก็ยังคิดไม่ออก ภาพอยากจะโทรไปถามทินกรซะเดี๋ยวนี้ว่าอีกคนยังฝันถึงโลกคู่ขนานอยู่เหมือนเดิมหรือมีฝันร้ายฝันดีเหมือนคนอื่นปกติทั่วไปอย่างเช่นที่ภาพพึ่งฝันไปเมื่อกี้รึเปล่า แต่คงได้แค่คิด เพราะเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของอีกคน เอาจริงๆถึงมีก็คงไม่โทร พวกเขาสองคนไม่เจอหน้ากันมาเกือบเดือนหลังจากเหตุการณ์วันเกิดของทินกรที่ทะเลคราวนั้น เหตุการณ์ที่ทำให้ภาพได้รู้คำตอบของทุกเรื่องที่เขาคาใจ ซึ่งเหตุผลที่ภาพตัดสินใจไม่ไปเจอทินกรเป็นเพราะเขาคิดว่ามันถึงเวลาที่ควรจะตัดใจแล้วจริงๆ และอีกฝ่ายคงคิดเช่นกัน พวกเขาเหนื่อยกันมามากพอแล้ว ภาพคิดว่าการไม่มาเจอกันน่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย ถึงการที่ต้องฝันถึงพี่หมอในทุกๆคืนมันจะทำให้การตัดใจนี้ไม่ง่ายเลยก็ตาม

 

น่าหงุดหงิดคนอีกโลกหนึ่งเหมือนกันนะทั้งๆที่ภาพวาดกับทินกรเครียดกันจะตายนั่งร้องไห้กันมานับไม่ถ้วน  แต่คนอีกฝั่งกลับยิ้มแย้มอย่างมีความสุขแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร ซึ่งก็คงไม่รู้สึกจริงๆนั้นแหละ ก็ไม่ได้ฝันเหมือนกันหนิ

 

เรื่องหนังสั้นหลังจากที่ภาพเขียนบทเสร็จเขาก็ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอะไรอีกเลย ภาพไม่รู้ว่าเจอหน้าทินกรอีกครั้งควรจะวางตัวหรือทำหน้ายังไง สู้เลี่ยงหลบหน้าไม่เจอกันน่าจะสบายใจกว่า ถึงจะแอบเกรงใจพี่เอกที่ไม่ไปดูความคืบหน้าของงานก็ตาม แต่ไอ้โอมก็ช่วยพูดจนพี่เอกแกเข้าใจ เพราะถึงอย่างไรภาพก็ได้ทำหน้าที่หลักของตัวเองเสร็จลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

 

ช่วงนี้ภาพจึงกลับมาโหมงานหนักอย่างไม่หยุดพักอีกครั้ง เขาคิดว่าการโฟกัสอยู่กับงานจะช่วยให้ไม่ฟุ้งซ่านได้ ซึ่งเอาจริงๆมันก็ช่วยได้เยอะ แต่พอตกกลางคืนเท่านั้นแหละ แม้จะนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่พี่หมอก็ยังตามมาหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตา

 

สลัดไม่พ้นจนกระทั่งวันนี้

 

วันที่มีลุงซานต้าเลือดอาบมาแทนที่

 

ภาพควรจะดีใจใช่มั้ยที่ได้ฝันอย่างปกติเหมือนคนอื่นเสียที

 

เอื้อมมือไปหยิบมือถือตรงโต๊ะหัวเตียงอย่างที่ทำเป็นกิจวัตรในทุกๆเช้าแต่ก็ต้องพบว่ามือถือคู่ใจของเขานั้นเปลี่ยนจากภาพวิวทะเลสวยงามในหน้าจอล็อคเป็นลายเส้นสีเขียวเต็มจอไปหมด กดปิดเครื่องเปิดใหม่ก็แล้วก็ยังเขียวอยู่เหมือนเดิม

 

อะไรวะเนี่ย

 

เอามือถือมาเคาะๆกับมือก็แล้ว ลองเสียบชาร์ตก็แล้วแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด อย่าบอกนะว่าพังไปแล้ว โอ้ยยยย นี่เขาต้องใช้ติดต่องานอีกนะเว้ย

 

คิดแล้วก็ได้แต่นั่งเซงและปลงตก โชคยังดีที่ภาพส่งงานหลายอย่างไปหมดแล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้มือถือติดต่อมากนัก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องถีบตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงเพื่ออาบน้ำแต่งตัวและออกไปซ่อมมือถือให้เร็วที่สุดอยู่ดี

 

 

เป็นปกติที่ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์จะมีคนเยอะมากกว่าวันธรรมดา แต่ภาพก็อดที่จะเบื่อไม่ได้กับการฝ่าการจราจรอันติดขัดของรถในท้องถนนเพื่อที่จะมาเจอการจราจรของคนมากมายเบียดเสียดกันในห้างต่อ ภาพไม่ชอบที่ๆคนเยอะสักเท่าไหร่ เอาจริงๆถึงแม้จะเหงาแต่ห้องสี่เหลี่ยมลูกรักก็ยังเป็นที่ที่ภาพเลือกที่จะอยู่อย่างเน่าๆมากกว่าอยู่ดี ไม่รอช้าเขาก็มุ่งตรงไปที่โซนรับขายซ่อมอุปกรณ์มือถือทันที และเงินสามพันบาทก็หายวับไปกับตา คุณหมออิเล็กทรอนิกส์บอกว่าลูกน้อยของภาพป่วยจนจนช็อตไปเพราะความชื้น ภาพอยากจะกรีดร้องออกมาเสียงดังกับค่าซ่อมที่สามารถเอามาจ่ายค่าอาหารได้หลายมื้อนี้ เพิ่มเงินอีกนิดเดียวเขาก็ซื้อรุ่นที่กันน้ำได้แล้วมันช่างไม่คุ้มเสียจริง ไม่น่าเอาไปเปิดฟังเพลงในห้องน้ำบ่อยๆเลยให้ตายสิ

 

ระหว่างที่รอลูกรักของเขาเข้ารับการผ่าตัดภาพจึงเลือกไปหาซื้อของยิบย่อยเข้าหอพร้อมอาหารบางส่วนเสียหน่อย แต่ก็ไม่วายเจอเจ้ากรรมนายเวรที่ชอบโผล่มาให้ตกใจตลอดจนตอนนี้ภาพชินชาจนหายตกใจไปแล้ว ซึ่งไม่ต้องทายให้เหนื่อยเลยว่าใครกันที่เขาเจอ

 

“หวัดดีครับพี่เข้ม”

 

“หวัดดีมึง ไม่เจอกันนานสภาพยังเป็นแพนด้าเหมือนเดิม” คนที่หน้าตาขัดแย้งกับนิสัยยกมือขวาขึ้นมาโบกมือให้พร้อมยิ้มกว้าง

 

“ถอดเฝือกแล้วหรอพี่” ภาพสังเกตพี่เข้มที่ตอนนี้สภาพเต็มร้อยไม่ได้เป็นคนป่วยแขนใช้การไม่ได้เหมือนแต่ก่อน

 

“พอดีมันเข้าที่เร็วกว่าปกติกูเลยถอดเร็ว ว่าแต่มึงมาทำไรวะ บังเอิญเจอบ่อยนะมึงอะ” บังเอิญจนไม่รู้ว่าจะบังเอิญไปมากกว่านี้ได้ยังไงแล้วล่ะ

 

“ผมมาซ่อมมือถือ มันพังขึ้นเป็นจอดำเส้นเขียวๆเต็มจอไปหมด”

 

“จอมึงช็อตอะดิ เอาไปวางให้น้ำเข้ารึเปล่า”

 

“พี่รู้ได้ไง”

 

“เอ้า งานกูมันก็เกี่ยวกับคอมกับอะไรแบบนี้มันก็ต้องเคยเจอบ้าง” เกี่ยวหรอวะ ภาพว่าไม่น่าเกี่ยว

 

“นั่นแหละพี่ตามนั้น แม่งโคตรเซ็งเสียค่าซ่อมไปตั้งแพง ว่าแต่พี่เหอะมาคนเดียวหรอ”

 

“เออมาคนเดียวนี่แหละ ว่าจะมาซื้อพวกถุงขยะไรงี้หน่อย กูจะเอาไปใส่ขยะที่ห้องพอดีจะย้ายคอนโด”

 

“พี่ต้องมาซื้อถึงบนห้างเลยหรอวะ เซเว่นก็มี”

 

“อ่าวหรอ กูไม่รู้นี่หว่าไม่เคยสังเกต เจอมึงก็ดีเลยว่างเปล่า ไปช่วยกูเก็บของหน่อย”

 

“ผมปฏิเสธได้มั้ยล่ะ”

 

“มึงก็รู้ว่าไม่ได้” พูดพร้อมเอาแขนที่พึ่งถอดเฝือกมาหมาดๆมาพาดคอเขาไว้แล้วพาเดินไปซื้อถุงขยะด้วยกัน ยังไงก็ขัดคุณเขาไม่ได้ภาพจึงเดินตามน้ำไป หาอะไรทำอย่างอื่นบ้างนอกจากงานก็ดีเหมือนกัน

 

ใช้เวลาไม่นานในการเลือกซื้อถุงขยะในซุปเปอร์มาเก็ต ภาพเดินผ่านเห็นส้มสีสวยน่ากินวางขายอยู่เต็มไปหมดเลยอดไม่ได้ที่จะซื้อติดตัวกลับไป สาวกส้มที่หนึ่งเลยเขาน่ะ จ่ายเงินเสร็จก็พากันไปเอาโทรศัพท์ที่ซ่อมทิ้งไว้ ลูกน้อยกลับมาหายดีเป็นปกติสร้างความยินดีให้กับคุณพ่อเป็นอย่างมากถึงจะเสียเงินไปเยอะก็ตาม โชคดีที่ข้อมูลทั้งหมดยังอยู่ ถ้าเกิดหายไปภาพคงได้นอนดีดดิ้นอยู่ตรงนี้เป็นแน่แท้

 

ล้อเล่นน่า ใครจะไปกล้าทำ

 

เดินมาถึงรถภาพก็พาตัวเองไปนั่งที่นั่งข้างคนขับคาดเข็มขัดเรียบร้อยอย่างรู้หน้าที่ พี่เข้มตามขึ้นมาก่อนที่จะสตาร์ทรถและขับออกไป เขาหยิบส้มในถุงออกมาจะแกะกินอย่างอดใจไม่ไหวแต่ก็ชะงักมือลงเมื่อนึกขึ้นได้

 

“ขอโทษนะพี่เข้ม ผมลืมไปเลยว่าพี่ไม่ชอบกลิ่นส้ม เกือบแกะไปแล้วสิ พี่จอดรถก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมเอาไปใส่ไว้หลังรถจะได้ไม่เหม็น”

 

“ไม่เป็นไรไว้นี่แหละ ถ้าไม่แกะกูโอเค มันไม่ได้กลิ่นแรงขนาดนั้น”

 

“โอเคโทษทีพี่ ผมลืมคิดไปเลย แล้วพี่ชอบอะไรคราวหลังผมจะได้ซื้อมาแบ่งๆกันกิน แอปเปิ้ล ฝรั่ง แตงโม ชมพู่ ?”

 

“มึงอาจจะเข้าใจผิดนะภาพ กูไม่ได้ไม่ชอบแค่ส้ม แต่กูเกลียดผลไม้ทุกชนิด มันเหม็น อ้อ ยกเว้นทุเรียนไว้อย่างอันนั้นกินได้”

 

คนอะไรวะเหม็นผลไม้แต่หอมทุเรียน

 

“อ่าวหรอ ผมก็นึกว่าพี่ไม่ชอบส้มอย่างเดียวซะอีก”

 

พูดกันได้ไม่นานก็มาถึงคอนโดของพี่เข้ม คอนโดเดียวกับพี่หมอนั้นเอง อย่างนี้รึเปล่าที่เขาเรียกว่ายิ่งหนียิ่งเจอ ภาพไม่ได้คิดอะไรมากมายพยายามจะไม่นึกถึงเรื่องความฝันให้กวนใจ พอรถจอดสนิทเขาก็เอาถุงส้มไปใส่ไว้หลังรถทันทีจะได้ไม่ส่งกลิ่นรบกวนอีกคนที่มีปัญหากับกลิ่นผลไม้

 

เดินขึ้นลิฟท์มาภาพก็พบว่าห้องพี่เข้มอยู่ตรงข้ามกับห้องของพี่หมอจริงอย่างที่เคยบอกไว้ เขาเบื่อความบังเอิญนี้เหลือเกิน จ้องมองไปที่ประตูห้อง2107 ห้องของเขาและพี่หมออยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะสลัดความคิดแล้วเดินตามพี่เข้มเข้าไป  ภายในห้องเต็มไปด้วยของและลังที่ถูกแพ็คเอาไว้เพื่อเตรียมตัวจะย้าย ข้าวของถูกรื้อมาอย่างระเกะระกะเต็มทางเดินไปหมด

 

“เดินระวังนะมึงระวังงูฉกตาย”

 

“’เป็นเจ้าภาพงานศพให้ผมด้วยแล้วกัน” ภาพพูดอย่างติดตลกพลางเดินฝ่าข้าวของมากมายเข้าไปแต่ก็อดถามขึ้นมาเสียไม่ได้

 

“แล้วพี่คิดยังไงถึงจะย้ายคอนโดล่ะ ที่นี่ไม่ดีหรอ”

 

“ดีมันก็ดีอยู่หรอก แต่กูเช่าเขาอยู่ไง อีกที่กูซื้อใหม่เองแถมใกล้ที่ทำงานกว่าด้วย กูขี้เกียจตื่นเช้าฝ่ารถติด”

 

“ถ้าอย่างนั้นทำไมตอนแรกพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”

 

“ก็ตอนนั้นกูคบกับพิมไง คอนโดนี้มันใกล้โรงพยาบาลของพิมสุดแล้วก็ไม่ไกลจากที่ทำงานกูมากเลยมาเช่าที่นี่ไว้  ตอนนั้นอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้เลิกแล้วกูเลยไม่รู้ว่าจะทนรีบตื่นเช้าไปทำงานทุกวันทำไม”

 

อย่างนี้นี่เอง

 

มันไม่ใช่ว่าพี่เข้มบังเอิญอยู่คอนโดเดียวกับพี่หมอ แต่เป็นคนที่คบกับพี่พิมหรือพี่แพรวในอีกโลกต่างหากที่จะอยู่ที่นี่ มันเป็นเหตุและผลที่ต่อเนื่องกัน และเพราะพี่หมอทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกันกับพี่พิม พี่หมอจึงซื้อคอนโดนี้ไว้ แต่ในโลกความจริงทินกรไม่ได้เป็นหมอเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ที่นี่ ดังนั้นห้องอีกฝั่งตรงข้ามจึงมีครอบครัวอื่นมาอยู่แทน

 

เรื่องของพี่เข้มและพี่หมอก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียทีเดียว

 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความบังเอิญอยู่เลย

 

สิ่งที่บังเอิญเพียงอย่างเดียวก็คงจะเป็นการมีแฟนเก่าคนเดียวกันล่ะนะ

 

พูดถึงพี่หมอก็ทำให้ภาพอดนึกถึงทินกรขึ้นมาไม่ได้

 

“พี่ว่าการที่โลกเหวี่ยงคนบางคนมาเจอกันมันเป็นเพราะอะไรวะ” อยู่ดีๆภาพก็ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาคุยกันก่อนหน้านี้ขึ้นมา พี่เข้มไม่ได้ว่าอะไรนอกจากตอบคำถามของเขาแบบไม่คิดมาก

 

“พรหมลิขิตละมั้ง”



[50%]




#คุณในฝัน



กราบขอโทษทุกคนค่ะที่มาช้าเเละยังมาน้อยอีก ช่วงนี้ยุ่งๆเลยไม่ได้มาอัพเลย //ปาดเหงื่อเเละน้ำตา

ที่เหลือจะมาอัพต่ออย่างรวดเร็วค่ะ จะพยายามนะคะ



****อัพเเล้วมีคนสงสัยขอตอบคำถามตรงนี้นะคะ*****

เรื่องฝันของภาพก็คือ ภาพกลับมาฝันเเบบปกติเเล้วค่ะ ไม่ได้ฝันถึงเหตุการณ์อีกโลกนึงเเล้ว เลยมีผีมีซานต้าโผล่มามากมายเหมือนตอนที่เราฝันกันอะค่ะ วาร์ปไปวาร์ปมา



ส่วนเรื่องของพี่เข้มก็คือ มีความบังเอิญอย่างเดียวคือพี่เข้มมีเเฟนเก่าคนเดียวกับพี่หมอ เเละด้วยเหตุนั้นพี่เข้มเลยย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกับพี่หมอเพราะใกล้ที่ทำงานของพิมค่ะ มันเป็นเหตุผลต่อเนื่องกัน เเล้วพี่เข้มก็ไม่ได้ชอบกินส้มเหมือนพี่หมอเเต่พี่เข้มไม่ชอบผลไม้ทุกอย่างเลย ตรงนี้คือไม่เหมือนกัน แก้ปมว่าทำไมพี่เข้มถึงมีหลายอย่างเหมือนพี่หมอ



ฝุ่นกลับมาแก้ให้เข้าใจขึ้นค่ะเผื่อบางคนงง ฝุ่นเเต่งสดด้วยอาจจะมีผิดพลาดต้องขอโทษด้วยค่ะ





 

 

 

 

 

หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [50%] (9/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2018 18:00:39
รออีกครึ่งจ้า
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [50%] (9/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-04-2018 19:01:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [50%] (9/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-04-2018 21:42:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

แล้ว พี่เข้ม ที่มีความคล้ายกับพี่หมอหลายอย่างเนี่ย  เป็นพระเอกป่ะ?

คือว่า  เท่าที่อ่านมา คหสต เคมีระหว่าง ภาพวาดกับทินกร  มันไม่ใช่อ่ะ   แต่ถ้าเคมีระหว่าง ภาพวาดกับพี่เข้มเนี่ย  มันใช่อ่ะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [50%] (9/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 09-04-2018 21:49:11
ทำไมไม่ฝันแล้วววว :ruready
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 10-04-2018 17:40:55
[50% ต่อ]


“น้ำเน่ากว่าทีคิดนะพี่อะ”

 

“เขาเรียกว่ามีอารมณ์สุนทรีแบบละครไทย”

 

“หน้าแบบพี่ไม่ได้มีความเข้ากับละครเลย”

 

“วอนตีนกูและไอ้นี่” พี่เข้มยันเท้าเข้ามาทำท่าเหมือนจะถีบจริงๆ

 

“แต่กูพูดจริงนะ โลกแม่งก็ต้องมีเหตุผลของมันแหละ แต่บางทีมันก็กวนตีน เหวี่ยงทั้งคนที่ทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอเข้ามา มึงก็ต้องคิดเอาเองว่าแม่งเข้ามาเพื่อเป็นบทเรียน หรือเข้ามาเพราะ…เพราะอะไรวะ เออนั้นแหละ กูก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน อารมณ์คนมันต้องเจอกันมันก็ต้องเจออะเข้าใจกูป่ะ”

 

“เกือบจะดีและจริงๆ พูดเกือบจะหล่อและมาตกม้าตายตอนสุดท้าย”

 

“เออน่า กุไม่ได้จะไปเขียนบทละครสักหน่อย มึงก็อย่าโอ้เอ้รีบๆทำงาน กูแขนเจ็บถ้าต้องมาเก็บเองอีกหลายวันมันลำบาก”

 

“ได้ข่าวว่าหายแล้วเหอะ”

 

“หายแล้วแต่หมอก็ยังห้ามยกของหนักๆไง อย่างลังหนังสือกองนั้นอะ มึงต้องไปยกมาไอ้น้องรัก” พูดพลางชี้ไปที่ลังหนังสือกองใหญ่ที่มุมห้องที่ยังเก็บไม่เรียบร้อย

 

พี่แม่งกะใช้งานกันจริงจังเลยนี่หว่า

 

ภาพไม่ได้บ่นอะไรอีกเพียงแต่ช่วยเก็บของไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนนัก เก็บไปเก็บมารู้ตัวอีกทีก็เกือบจะเย็นแล้ว เก็บของแบบไม่รู้วันรู้คืนเลยทีเดียว สภาพของพวกเขาเริ่มจะล้าพี่เข้มจึงตัดสินใจพักไว้ก่อนสำหรับวันนี้แล้วเลือกที่จะขับรถไปส่งภาพแทนในช่วงเย็น

 

แต่อะไรหลายๆอย่างก็ไม่เป็นดั่งใจ เมื่อพี่เอกได้โทรมาถามถึงของที่จำเป็นต้องใช้ในการถ่ายทำ และมันอยู่บนรถของพี่เข้มพอดี  ไม่วายต้องขับรถเอาไปให้ถึงสถานที่ถ่ายทำซึ่งก็คือร้านกล่อมกรุงนี่เอง

 

หนียังไงก็ไม่พ้นสินะ

 

ภาพลังเลอยู่นานเมื่อรถได้มาจอดอยู่ที่บริเวณร้าน เขาตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะอยู่บนรถหรือลงไปตามมารยาทดี สองความคิดยังตีกันอยู่ในหัว

 

“รอไร ลงมาดิมึง” แต่เสียงของพี่เข้มก็ช่วยตัดสินใจให้เขาไปโดยปริยาย ลงก็ลงวะ ไปดูงานที่ตัวเองมีส่วนร่วมสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

 

วันนี้ที่ร้านปิดเพื่อให้ทีมของพี่เอกถ่ายหนังโดยเฉพาะ เหตุเพราะการถ่ายทำค่อนข้างกินเวลานานและยืดเยื้อ พี่เอกจึงพยายามที่จะเร่งงานให้เสร็จโดยไว จะได้ไม่รบกวนคุณเจ้าของร้านมากนัก ทีมงานจำนวนไม่มากกำลังวิ่งวุ่นอยู่ภายในร้าน ภาพเห็นน้องหยกที่กำลังแต่งหน้าและฝรั่งรูปร่างใหญ่คนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะเป็นตัวเอกของเรื่องกำลังคุยบทกับพี่เอกอยู่ ปกติในทีมต้องมีพี่เข้มด้วยอีกคน แต่เพราะพี่แกมัวแต่วุ่นวายเรื่องย้ายคอนโดจึงทำให้วันนี้ไม่ได้มาร่วมถ่ายด้วย เข้ามาถึงในร้านพี่เข้มก็นำของที่ต้องการไปให้พี่เอกทันที พูดทักทายขอบคุณกันเสร็จพี่เอกจึงหันมาทักเขาต่อ ภาพเข้าไปพูดคุยตามปกติแต่ที่ไม่ปกติก็น่าจะเป็นพ่อฝรั่งตาน้ำข้าวที่ส่งสายตากรุ่มกริ่มอยู่ตรงหน้านี่แหละ พี่เอกแนะนำให้เขารู้จักกับมิสเตอร์เจมส์ผู้รับบทเป็นชายฝรั่งผู้อาภัพรัก

 

“My name is Phap. Nice to meet you.”ภาพส่งยื่นมือไปจับยิ้มทักทายตามมารยาทและสกิลภาษาอังกฤษอันน้อยนิดที่พึงมี แต่คุณนักแสดงนำดันจับมือเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

 

“ซาหวาดดีคับ น่ารักจาง” แต่พ่อฝรั่งกลับทักทายตอบภาพด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ แถมยังมีคำต่อท้ายที่ไม่รู้ใครหลอกสอนหรือเจ้าตัวตั้งใจจะพูดเองเสียอีก ภาพได้แต่ยิ้มแหย่ๆไปให้เพราะเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเช่นกัน

 

“โผมอยากเจอโคนเขียนบทมานาน ม่ายเหมือนที่คิดว้ายเลย”

 

“หรอครับ ฮ่าๆ” ภาพพยายามจะยื้อมืออกอย่างสุภาพแต่ก็ไม่สามารถทำได้จนกระทั่งแก้วเครื่องดื่มถูกยื่นมาคั่นตรงกลางระหว่างพวกเขาสองคนด้วยมือของใครอีกคนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ภาพรู้ได้ว่าเป็นใครก็คงจะเป็นรอยสักรูปพระอาทิตย์ที่ข้อมือหนานั่น

 

“น้ำครับคุณเจมส์” คุณเจ้าของร้านโผล่เข้ามากลางวงสนทนาพลางยื่นน้ำไปให้อีกคน ทำให้มิสเตอร์เจมส์จำเป็นต้องปล่อยมือออกเพื่อรับแก้วน้ำเอาไว้

 

“Thank you Tintin, your drink is the best.” จิบน้ำในแก้วพร้อมเอ่ยชม คนที่เข้ามาขัดไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากส่งสายตาให้ภาพเลี่ยงออกไปจากตรงนี้ ซึ่งเขาก็พร้อมทำตามในทันที เดินหนีมาหาพี่เข้มที่เอาแต่ม่อคุณนางเอกจนไม่สนใจน้องนุ้งที่พามาด้วย

 

“มึงคุยรู้เรื่องด้วยหรอ” พี่เข้มถามขึ้นมาทันทีที่เห็นภาพเดินเข้ามา

 

“ได้แต่ hello, thank you, abc อะพี่”

 

“ฮ่าๆ กูว่าแล้ว ไอ้ฝรั่งนั่นแม่งขี้แกล้งอย่าไปสนใจเลย หยกก็โดน ไอ้ภีมกับไอ้โอมก็ยังโดน”

 

“พี่เห็นแต่ก็ไม่ช่วยกันเลยนะ”

 

“กูจะไปช่วยทำไมในเมื่อคุณเจ้าของร้านเขาออกหน้าจัดการเองขนาดนั้น ชอบสัสเวลาเห็นมันดิ้น ฮ่าๆๆ” คู่ปรับก็ยังเป็นคู่ปรับอยู่วันยังค่ำ ภาพไม่เห็นวี่แววที่สองคนนี้จะดีกันได้เลย

 

“ไหนๆก็มาแล้วมึงไปเอาข้าวฟรีไปกินไป อยู่ตรงมุมนู้นอะ เดี๋ยวกูตามไป” ชี้มือไปทางถาดอาหารที่วางอยู่ ภาพคิดว่าคงเป็นพี่เอกที่สั่งมาเลี้ยงคนในทีมนี่แหละ ดูแล้วยังเหลืออีกเยอะภาพจึงไม่เกรงใจขอตักกินสักหน่อย เพิ่งเสียเงินซ่อมมือถือไปตั้งแพง ประหยัดได้มื้อนึงก็ยังดี

 

ภาพตักอาหารหลายๆอย่างรวมกันไว้ที่จานเดียวก่อนที่จะมองหาที่นั่งที่ไม่รบกวนคนอื่นในการถ่ายทำแล้วจึงนั่งลงทานอย่างเงียบๆ หันไปมองรอบตัวดูพี่ๆหลายคนทำงานจนสายตาไปสบกับมิสเตอร์เจมส์ที่กำลังมองมาพร้อมยิ้มให้จนตาหยีทำให้ภาพสะดุ้งตกใจจนสำลักข้าวที่อยู่ในปาก

 

แค่กๆๆ

 

ไออย่างรุนแรงมือก็พยายามควานหาน้ำแต่ก็ลืมไปว่าตัวเองลืมหยิบมาจนมือของบางคนยื่นแก้วน้ำเปล่าให้นั้นแหละภาพถึงคว้าดื่มแล้วกลับมาเป็นปกติได้ คนใจดียังไม่วายยื่นน้ำส้มคั้นอีกแก้วให้เขาพร้อมทิ้งตัวลงนั่งอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ ภาพเงยหน้าดูจึงพบว่าเป็นทินกรนั้นเอง

 

“ขอบคุณครับ”

 

“กินก็ระวังหน่อย ไม่ต้องไปสนใจไอ้เจมส์มันมาก”

 

“อ่าฮะ” ตอบพร้อมหันไปมองตัวต้นเหตุที่กำลังนั่งขำเขาอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย

 

ตลกมากรึไง

 

ฮึ่ย อายก็อายคนมองกันทั่วร้าน

 

ไอจนหน้าแดงหูแดงไปหมด

 

“ไม่เจอกันนานนะ ผมนึกว่าคุณจะมาดูการถ่ายทำบ้าง”

 

“จะบอกว่าผมหลบหน้าคุณรึไง”

 

“คุณพูดเองนะ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย” อีกคนทำหน้านิ่งแต่ดวงตากลั้นขำ พลางจุดบุหรี่ในมือ

 

“ผมแค่คิดว่าถ้าคุณไม่เจอผมน่าจะรู้สึกดีกว่า”

 

“คุณจะมาคิดแทนผมทำไม ผมโอเคดีไม่ต้องห่วงหรอก แถมช่วงนี้ผมก็เริ่มไม่ได้ฝันแบบเดิมแล้ว บางวันก็ไม่ฝันเลย แปลกดี”

 

“คุณก็เป็นเหมือนกันหรอ ผมพึ่งฝันแบบอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของพี่หมอวันนี้วันแรก คุณคิดว่ามันหมายความว่ายังไง”

 

“ผมคิดว่าบางทีมันคงใกล้จะจบแล้ว”

 

“หมายความว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นปกติงั้นหรอ”

 

“คิดว่าอย่างนั้น”

 

จะว่าโล่งใจก็ไม่ได้ เพราะภาพก็แอบใจหายอยู่เหมือนกันถ้าวันนึงไม่ได้เจอพี่หมอคนนั้นอีกแล้ว แต่ว่ามันคงดีกว่ากับทินกรที่จะไม่ต้องเจ็บปวดกับความฝันแย่ๆนั้นอีก

 

“แล้วคุณโอเคมั้ย” ภาพถาม

 

“ก็โอเคดี บอกแล้วว่าคุณไม่ต้องห่วงหรอก”

 

อาจจะเป็นเพราะภาพที่อีกคนนั่งร้องไห้ริมทะเลในคืนนั้นยังติดตา ทำให้เขาลืมไปว่าทินกรคนนี้เป็นคนที่เข้มแข็งขนาดไหน บางที่ภาพอาจจะคิดมากเกินไปจริงๆ

 

“แต่ก่อนผมอาจจะไม่อยากเจอคุณ แต่ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วและผมว่ามันก็โอเคดี เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องออกไปจากชีวิตของกันและกันหรอก เป็นเพียงภาพวาดกับทินกรเหมือนเดิมนั้นแหละ”

 

“ถ้าทุกอย่างจบลงเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่มั้ย”

 

“ตอนนี้เราก็ต่างเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่แล้ว”

 

 

 

 

หลังจากที่ภาพได้เจอกับทินกรที่ร้านในคราวนั้นก็เป็นเวลาเกือบสามอาทิตย์แล้วที่พวกเขาไม่ได้เจอหรือติดต่อกันอีก ไม่ใช่เพราะใครหลบหน้าใคร แต่เป็นเพราะการถ่ายทำได้จบลงเรียบร้อยแล้วและเขาก็ติดงานที่โหมรับไว้จนไม่มีเวลาแม้แต่จะขยับกายจึงไม่มีเหตุผลให้ได้เจอกันอีก

 

วันนี้ภาพตื่นมาพร้อมกับความฝันเหมือนคนปกติทั่วไป เขาฝันถึงพี่หมอบ้างในบางคืน มันไม่เชิงว่าทุกอย่างหายไปหมดทีเดียว แต่ภาพก็สัมผัสได้ว่าความฝันที่ต่อเนื่องมาตลอดหนึ่งปีนั้นกำลังจะจางหายไป

 

เหลือเพียงไว้แต่ความทรงจำที่สวยงามและเจ็บปวดในคราวเดียวกัน

 

ภาพเดินไปชงโกโก้ร้อนอย่างเหม่อลอยด้วยดวงตาที่แทบจะติดกัน เขาไม่เคยชินกับการโหมงานหนักๆสักที แต่ในเมื่อต้องกินต้องใช้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องเลือกดิ้นรนเพื่อเงินและทำลายสุขภาพไปในทุกๆวัน

 

อย่างที่พี่หมอชอบว่าเขาเป็นประจำว่าไม่รักตัวเองเสียเลย

 

และวาดคนนั้นก็จะตอบกลับไปทุกครั้งว่ามีคนรักตัวเขาแทนอยู่แล้วไง

 

คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มบางๆ

 

ความสุขแบบนั้นกำลังจะหายไปแล้วสินะ

 

เหลือเพียงภาพวาดในห้องสีเหลี่ยมเล็กๆคนเดียวเหมือนเดิม

 

เขาทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้ตัวประจำหน้าโต๊ะทำงาน วางแก้วโกโก้ร้อนในมือไว้ข้างๆแมคบุ้คของตัวเองพร้อมกดทำงานที่ค้างคาไว้ต่อไป ภาพหลุดเข้าไปในโลกของงานอย่างไม่รู้ตัวจนกระทั่งมีเสียงเคาะเรียกจากหน้าห้องเขาถึงหลุดออกมาจากหน้าจอคอม ภาพกดเซฟงานไว้อย่างเรียบร้อยก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู เขาไม่แน่ใจนักว่าใครกันที่เป็นผู้มาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้ อาจจะเป็นไอ้โอมไม่ก็พี่สาวของเขาที่จะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว แต่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูตอนนี้กลับทำให้ภาพต้องแปลกใจ

 

“คุณ?” ทินกรในสภาพไม่ค่อยดีนักยืนส่งยิ้มบางๆให้อยู่ที่หน้าห้อง ภาพไม่รู้เหมือนกันว่าตาลุงรู้จักหอของเขาได้ยังไง

 

“ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย” คนในสภาพอืดโรยเอ่ยขึ้น ภาพจึงหลีกทางให้อีกคนเดินเข้ามาในห้องของเขาพร้อมกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งที่สัมผัสได้ตั้งแต่เปิดประตู

 

คงจะดื่มมาหนักน่าดู

 

ทินกรในตอนนี้ช่างต่างกับทินกรเมื่อสามอาทิตย์ที่แล้วราวฟ้ากับเหว ใบหน้าตอบ ใต้ตาลึกและบวมช้ำที่ดูเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไรหนวดจางๆตอนนี้กลับขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ผมเผ้ายาวยุ่งเหยิงเหมือนไม่ได้รับการดูแลมานาน

 

“คุณเป็นอะไรรึเปล่า” ภาพได้แต่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่อีกคนกลับเดินเข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่น

 

กอดเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปไหน

 

สัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆที่สัมผัสกับหัวไหล่จากอีกคน ภาพได้แต่ยืนนิ่งเฉยๆโดยไม่ได้ถามอะไร

 

ไร้เสียงสะอื้น

 

มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆเท่านั้น

 

อ้อมกอดรัดแน่นจนรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจอีกคน

 

บรรยากาศรอบตัวเริ่มทำให้ภาพใจไม่ดี เขาจึงทำได้เพียงยกมือกระชับอ้อมกอดอีกคนหนึ่งไว้หวังเพียงช่วยปลอบประโลมได้ไม่มากก็น้อย ก่อนคำพูดของผู้มาเยือนจะทำให้ภาพใจหายจนแทบจะฉุดอีกคนล้มไปด้วยกัน

 

“วาดในฝันคนนั้น…เสียแล้วนะ”

 

“…”

 

“เขาไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว”

 

ร่างสูงไม่สามารถทรงได้อีกต่อไป เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นโดยที่ยังไม่คลายอ้อมกอดทำให้ภาพต้องทรุดตัวนั่งลงไปตาม

 

เขาพูดไม่ออก

 

บางอย่างมันก็จากเราไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

 

ไม่ทันได้ตั้งตัว

 

ไม่มีแม้แต่คำบอกลาครั้งสุดท้าย

 

เขาได้แต่สงสารทินกรคนที่คิดว่าเข้มแข็งเสียเหลือเกิน แต่วันนี้ช่างอ่อนแอเกินจะรับไหว

 

สัมผัสได้ว่าความรู้สึกที่คนตัวสูงมีให้ภาพวาดไม่ได้น้อยกว่าหรือแตกต่างจากความรู้สึกที่เขามีให้พี่หมอเลย

 

โลกเรามันก็ตลกดีนะ

 

ทั้งๆที่ทินกรรักภาพวาด

 

และภาพวาดก็รักทินกร

 

แต่พวกเขาสองคน

 

กลับไม่ได้รักกัน






#คุณในฝัน

ฝุ่นได้ทำการแก้ไขเนื้อเรื่องบางส่วนตอนนี้ในพาร์ทเเรกที่ได้อัพไปนะคะ เพื่อป้องกันการงงของหลายๆคน ฝุ่นเลยเขียนให้ละเอียดขึ้นค่ะ



ตอนหน้า+บทส่งท้ายก็จะจบเเล้วเน้ออ


สรุปเเล้วเหมือนเล้าจะมีปัญหาในการลงรูปในบอร์ดจริงๆค่ะเห็นของนักเขียนหลายๆคนก็เป็น เศร้าเลย

-สีฝุ่น-

หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-04-2018 18:18:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-04-2018 18:30:11
เพิ่งได้ลองเข้ามาอ่าน
มันดีมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-04-2018 18:38:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 10-04-2018 19:14:16
มันหน่วงในอกมาก ในฝันพวกเค้าต่างคนต่างรักกันมากจนรู้สึกมาถึงในชีวิตจริง แต่ในชีวิตจริง พวกเค้ากลับไม่ได้รักกัน ฮืออออออ รักกันซักที :hao5:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 10-04-2018 21:45:03
อยากรู้ อยากอ่านตอนต่อปายยยย

รักคนเขียนนน  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 10-04-2018 22:15:25
มันเจ็บปวด.. ทั้งทินและวาด
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 10-04-2018 22:35:00
สงสารคนอีกโลกนึง พี่หมอจะอยู่ยังไง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-04-2018 03:53:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 11-04-2018 16:39:02
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีดีเรื่องนี้นะคะ รู้สึกกินใจมากเลยอะ
ทินกรรักภาพวาด ภาพวาดรักทินกร แต่ก็นะ ฮอล
เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆอะ สงสารทั้งคู่เลย
แล้วพี่หมอจะเป็นยังไงในเมื่อวาดเสีย
แล้วทินกรจะเป็นยังไงต่อ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 13 [100%] (10/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 11-04-2018 18:54:30
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะเป็นเรื่องราวที่ดีมากชอบมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || แจ้งข่าว(ร้าย) (12/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 12-04-2018 14:45:53
สวัสดีค่ะทุกคน ฝุ่นมีข่าวร้ายจะมาเเจ้ง เนื่องจากโน้ตบุ้คของฝุ่นนั้นได้จบชีวิตลงไปเมื่อสองวันที่เเล้ว โดยการเเตกยับทำให้จอไม่ติด เเละอะไหล่หายากมากอาจจะต้องสั่ง นี่ก็สงกรานด้วยไม่มีคนรับเรื่องเลย ฝุ่นเลยจะมาบอกว่าตอนต่อไปอาจจะต้องค้างไว้นานมาก ซึ่งไม่รู้ว่าจะนานเท่าไหร่เช่นกันค่ะ ทั้งพล็อตเนื้อเรื่องใหม่เก่าอยู่ในนี้หมดเลย กำลังจะจบเเล้วไม่อยากให้ค้างนานเลย ฮื่อออ เเต่จะพยายามทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดนะคะ

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

- สีฝุ่น -
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || แจ้งข่าว(ร้าย) (12/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-04-2018 18:19:25
 :sad11: :sad11: :sad11:

เสียใจด้วยครับ

และก็ขอให้น้องโนตบุคฟื้นตัวในเร็ววัน โดยเสียทรัพย์ไม่เยอะด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || แจ้งข่าว(ร้าย) (12/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-04-2018 20:55:29
 :a5: :sad11:

ฮื่อออ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || แจ้งข่าว(ร้าย) (12/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-04-2018 22:17:17
ขอให้ซ่อมได้ไวๆนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || แจ้งข่าว(ร้าย) (12/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 12-04-2018 22:24:08
รอนะคะะะะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || แจ้งข่าว(ร้าย) (12/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เรื่องส่วนตัวนะ ที่ 13-05-2018 19:03:58
 :hao5: :hao5: :katai1: :katai3:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || แจ้งข่าว(ร้าย) (12/4/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 13-05-2018 19:28:49
รออยู่นะ ผ่านมา 1 เดือนแล้ว :mew2:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 14 (14/5/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 14-05-2018 20:18:14
(https://www.img.in.th/images/26abc12dc09af4f724a7ad2020a46cb2.jpg)



14




ไอควันสีเทาหม่นล่องลอยไปในอากาศอย่างเชื่องช้า

 

จางหายไปพร้อมกับกลุ่มควันกลุ่มใหม่ที่เข้ามาแทนที่

 

ร่างสูงริมระเบียงยังคงปล่อยควันออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

เขามองไปยังสีเทาหม่นเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า

 

จนมันหายลับไปอีกครั้งและอีกครั้ง

 

บุหรี่มวนแล้วมวนเล่าถูกจุดขึ้นและดับไปตามกาลเวลา

 

ภาพวาดเห็นภาพแบบนี้มาสามวันเต็ม

 

สามวันที่อีกคนนั่งอยู่ที่ระเบียงห้องของเขา เหม่อมองออกไปยังบรรยากาศเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยพร้อมบุหรี่ในมือ ร่างสูงพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หลับด้วยกลัวว่าความฝันอันโหดร้ายจะมาเยือนอีกครั้ง 

 

แต่หากยิ่งฝืนกลับยิ่งเจอ

 

ทินกรสะดุ้งตัวตื่นด้วยสภาพเหงื่อโทรมกายและดวงตาแดงก่ำทุกครั้งที่เผลอหลับไป ภาพวาดเพียงแต่เข้าไปถามไถอาการพร้อมโอบกอดอีกคนเอาไว้เพื่อบอกว่าไม่เป็นไร เขายังอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างกำลังจะผ่านไป ภาพเชื่อเช่นนั้น

 

ทินกรเป็นคนเข้มแข็ง

 

ชายหนุ่มอาจจะต้องการเวลาในการเยียวยาหัวใจอันบอบช้ำในช่วงเวลาหนึ่ง เวลาที่ต้องเสียใจ ยอมรับ และปล่อยวาง ภาพวาดรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจได้ในเหตุการณ์แบบนี้ เมื่อพวกเขาทั้งสองคนเอาตัวตนของตัวเองไปผูกไว้กับคนในฝันจนไม่สามารถที่จะดึงตัวตนจริงๆของตัวเองออกมาได้

 

ภาพทิ้งตัวนั่งลงข้างๆแขกผู้มาเยือนที่ได้ทำการยึดระเบียงห้องของเขาเอาไว้ ภาพไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงนั่งอยู่ข้างๆและเหม่อมองออกไปยังแสงสีและฝุ่นควันของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน มันไม่ใช่ภาพที่สวยงามอะไร แต่กลุ่มควันและสายลมที่พัดมาเอื่อยๆก็ถือว่าเป็นตัวช่วยในการปล่อยใจฟุ้งซ่านได้ดี

 

“กลับไปนั่งข้างในเถอะ เดี๋ยวยุงก็หามเอา”

 

“ไม่เป็นไร ผมอยากนั่งเป็นเพื่อนคุณ”

 

“อย่าดื้อน่า รู้ว่าโดนยุงกัดแล้วเป็นรอยง่ายแล้วยังจะฝืน”

 

“รู้ว่ายุงกัดแล้วจะเป็นไข้เลือดออกแต่ก็ยังจะนั่ง”

 

“โอเคๆ งั้นเข้าไปนั่งข้างในกัน” ภาพยิ้มออกมาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นพร้อมยื่นมือช่วยดึงอีกคนให้ลุกตามขึ้นมา

 

“อยากได้กาแฟร้อนๆสักแก้วมั้ย”

 

“ไม่เป็นไร ผมจะนอนแล้ว” ภาพวาดหันกลับไปมองคนพูดอย่างสงสัย

 

“แค่อยากจะเคลียร์ตัวเอง ผมเหนื่อยกับการวิ่งหนีปัญหาอยู่แบบนี้”

 

ความทุกข์ที่ยังตามติดอยู่ตลอดเวลามันกัดกินหัวใจในระยะยาวเกินไป

 

เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้วยอมเจ็บในระยะสั้นเสียดีกว่า

 

เพราะเมื่อใดที่สามารถยอมรับได้แล้ว

 

การปล่อยวางก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

 

อย่างที่บอกไปว่ายังไงทินกรก็คือทินกรไม่ใช่พี่หมอ

 

ความโศกเศร้าครั้งนี้ควรจบลงแค่เพียงในฝัน

 

เพราะในความจริงนั้น ทินกรยังอยากที่จะเป็นคนที่มีความสุขอยู่

 

ทินกรไม่สามารถนำความเจ็บปวดจากในฝันของตัวเองมาทำร้ายผู้คนในโลกแห่งความจริงที่ยังคงเป็นห่วงเขา อย่างน้อยภาพวาดคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่ควรจะมาทุกข์ใจจากสภาพที่ดูไม่ได้ของเขาในเวลานี้

 

“ฝันดีนะ” ทินกรเอ่ยลาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวบนเตียงของเจ้าของห้อง

 

“ฝันดีเช่นกันครับ”

 

 

 

 

แสงอาทิตย์ที่ร้อนระอุของวันใหม่มาเยือนอีกครั้ง ภาพวาดตื่นขึ้นมาบนเตียงสีขาวที่เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมานอนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

 

“อรุณสวัสดิ์ ไม่ใช่สินี่จะบ่ายแล้ว ต้องพูดว่าสวัสดีตอนกลางวันรึเปล่านะ” ทินกรที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะปลายเตียงเอ่ยถาม

 

หมอนี่ยึดห้องเขาอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ

 

“ผมมานอนบนเตียงได้ไง”

 

“คุณละเมอเดินมาเอง” ภาพส่งสายตาไม่เชื่อไปให้อีกคน อย่างเขาเนี่ยนะจะละเมอมานอนห่มผ้าเรียบร้อยเบียดอยู่กับอีกคนบนเตียง

 

“ดูก็รู้ว่าคุณโกหก”

 

“แล้วแต่คุณจะคิด”

 

“หายเศร้าแล้วรึไงคุณถึงมากวนตีนผมต่อได้เนี่ย”

 

“ยังหรอก แค่ไม่มีเหตุผลที่จะพาตัวเองจมไปมากกว่านี้”

 

“คุณกลับมาเร็วกว่าที่ผมคิด”

 

“กว่าจะตั้งสติได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน”

 

“มันจะค่อยๆดีขึ้น เชื่อผม ตาลุงทินคนนี้เก่งจะตาย”

 

“เหอะ”

 

“ไปอาบน้ำไปคุณ ไปหาอะไรกินข้างนอกกัน”

 

“คุณอาบก่อนเลย ผมกินแก้วนี้เสร็จค่อยอาบต่อ” พูดพร้อมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ภาพเลิกสนใจก่อนจะย้ายตัวเองไปทำกิจวัตรประจำวันในห้องน้ำ

 

 

ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านดังภายในห้างใหญ่ไม่ได้มีลูกค้ามากมายนักเนื่องจากเป็นเวลาบ่ายของวันธรรมดาที่ผู้คนส่วนมากจะทำงาน บางครั้งภาพก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันที่งานของเขาสามารถจัดสรรเวลาเองได้ อยากไปที่ไหนตอนไหนก็ได้ติดตรงที่ไม่มีคนไปด้วยจนกลายเป็นคนขี้เหงาไปกลายๆ แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็มีทินกรที่สามารถมานั่งเป็นเพื่อนแก้เหงาของเขาได้ล่ะนะ

 

ภาพวาดไม่ชอบกินข้าวคนเดียว

 

วันนี้มีอีกคนเป็นเพื่อนก็ถือว่าดีไม่ใช่น้อย

 

“เอาเซตA ข้าวหน้าปลาดิบอันนี้ครับ แล้วก็น้ำส้มแก้วนึง อ๊ะ เปลี่ยนจากน้ำส้มเป็นโค้กแทนแล้วกันครับ” คนขี้เหงาหันไปสั่งพนักงานอย่างเชี่ยวชาญ

 

“ลูกค้าอีกท่านรับเป็นอะไรดีคะ”

 

“ผมขอแค่น้ำเปล่าก็พอครับ”

 

“ไม่ได้ดิ ผมรู้ว่าคุณกินอะไรไม่ค่อยลงแต่คุณไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาหลายวันแล้วนะ มันจะเสียสุขภาพเอา”

 

“ก็ผมไม่อยาก”

 

ภาพวาดเม้มปากคิดหนัก แต่สุดท้ายจึงตัดสินใจสั่งเครื่องเคียงเล็กๆน้อยๆมาให้อีกคนแทน

 

“ยังไงก็หาอะไรใส่ท้องไว้บ้างเถอะ เป็นโรคกระเพาะขึ้นมาเดี่ยวจะแย่เอา”

 

“แล้วแต่คุณแล้วกัน”

 

ใช้เวลาไม่นานอาหารทั้งหมดก็ถูกนำมาเสิร์ฟเรียบร้อย ภาพทานอาหารเบื้องหน้าอย่างหิวโหย แต่อีกคนดูเหมือนไม่อยากจะแตะต้องมันเท่าไหร่ สามวันมานี้ทินกรกินแบบแทบจะนับคำได้ เห็นได้ชัดว่าซูบผอมลงจากที่เจอกันครั้งล่าสุดเป็นอย่างมาก โชคยังดีที่ตาลุงนี่ไม่ได้กินเหล้าหนักอย่างคนมีปัญหาชีวิตส่วนใหญ่เนื่องจากทินกรไม่อยากจะเมาจนหลับไปเจอกับฝันร้าย แต่ในความจริงที่สติยังครบถ้วนสมบูรณ์ดีนั้นก็โหดร้ายไม่ต่างกัน การที่หยุดความคิดตัวเองไม่ได้ก็เป็นตัวการทำร้ายจิตใจไปเรื่อยๆเช่นกัน ถึงจะอยากหนี แต่ก็ไม่มีทางไหนให้หนีได้เลย นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทินกรเลือกที่จะเผชิญหน้าและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“กินอันนี้ดูหน่อย ผมชอบมากเลยร้านนี้ทำอร่อยสุดแล้ว” ภาพใช้ตะเกียบคีบอาหารวางไว้ให้ในจานของอีกคน ส่งสายตาปิ้งๆไปให้จนสุดท้ายคนอีกฝั่งจึงยอมคีบอาหารเข้าปากไป

 

เขาไม่ควรทำให้ภาพวาดต้องเป็นห่วง แค่ตามเกาะติดไปอยู่ห้องของอีกคนก็รบกวนเกินพอ

 

ครืดๆ

 

เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดึงดูดความสนใจของทั้งสองคนจากอาหารไป ภาพรีบคว้าขึ้นมากดรับสายเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นชื่อของพี่สาวของตนเอง

 

“หวัดดีพี่พู่” พู่กันพี่สาวของภาพวาดที่แยกตัวออกไปหลังจากแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตนเอง เธอทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง

 

“ไอ้ภาพแกว่างมั้ย” เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน

 

“มีอะไรรึเปล่า”

 

“ฉันฝากแกไปรับพิ้งที่โรงเรียนหน่อยได้มั้ย วันนี้งานยุ่งมากเลยพี่ไม่น่าจะไปรับทัน” พิ้งเป็นลูกสาวคนเดียวของพี่พู่ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่สามที่โรงเรียนเอกชนในเมืองแห่งหนึ่ง เธอเป็นเด็กที่สดใสน่ารักและช่างถาม นึกแล้วภาพก็ไม่ได้เจอหลานสาวคนนี้มานานแล้วเหมือนกัน

 

“ได้ ผมว่างพอดี แล้วจะให้ไปส่งที่ไหนอะ”

 

“มาส่งที่บ้านเลยได้มั้ย ฉันน่าจะถึงบ้านประมาณทุ่มนึง แกก็พาหลานไปเที่ยวเล่นก่อนก็ได้”

 

“โอเคได้ เจอกัน”

 

“เค ขอบใจมากจ่ะน้องรัก” วางสายเสร็จก็ได้รับสายตาคำถามมาจากอีกคนในทันที

 

“พี่สาวฝากให้ไปรับหลานที่โรงเรียน”

 

“ไปเลยหรอ”

 

“ผมคิดว่าน่าจะไปเลยกลัวรถติด” พอฟังคำตอบเสร็จอีกคนก็ทำท่าหมาหงอยในทันที ภาพก็พอเข้าใจว่าช่วงนี้ทินกรได้รับความกระทบกระเทือนต่อจิตใจเป็นอย่างมาก แถมช่วงนี้ยังตัวติดกับเขาเป็นตังเม คงยังไม่พร้อมที่จะอยู่คนเดียว

 

“แต่ว่าถ้าคุณว่างจะไปด้วยกันก็ได้นะ” หน้าตาสดชื่นขึ้นมาทันที แค่มองภาพก็รู้คำตอบของอีกคนแล้ว

 

หลังจากทานอาหารและจ่ายเงินเสร็จพวกเขาก็พากันมาที่รถบีเอ็มคันโปรดของทินกร และแน่นอนว่าภาพเป็นคนขับอีกแล้ว เขาพอจะรู้มาบ้างว่าทินกรไม่ได้ขับรถมาสักพักแล้ว ภาพคิดว่าเป็นเพราะอีกคนยังฝังใจกับเรื่องในฝันอยู่ ทุกครั้งที่ขับรถคงจะคิดถึงช่วงเวลาที่พี่หมอขับรถออกมาโดยปล่อยภาพวาดทิ้งไว้จนเกิดอุบัติเหตุ

 

เรื่องนี้ก็คงต้องใช้เวลาอีกเหมือนกันจนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติได้

 

โรงเรียนของน้องพิ้งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่และมีค่าเทอมที่แพงหูฉี่ พี่พู่พี่สาวเขาอยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆมีกิจกกรมเยอะๆ เธอจึงไม่เกี่ยงเรื่องราคาที่ต้องเสียไปเท่าใดนัก เมื่อภาพวาดเดินมาถึงที่รอรับนักเรียนของผู้ปกครอง น้องพิ้งก็พาร่างอ้วนกลมของตัวเองวิ่งต้วมเตี้ยมมากอดเขาไว้แน่

 

“คิดถึงอาวาด” น้ำเสียงของเธอดูดีใจสุดๆ

 

“อาวาดก็คิดถึ้งคิดถึงน้องพิ้งเหมือนกันครับ” พูดเสร็จก็อุ้มเด็กตัวโตขึ้นมาหอมแก้ม แอบจุกเล็กน้อยเหมือนกันเพราะน้องพิ้งเป็นเด็กที่ตัวค่อนข้างใหญ่กว่าเด็กปกติ พอรู้ตัวว่าคงรับน้ำหนักต่อไม่ไหวภาพจึงยอมแพ้ปล่อยให้น้องลงมาเดินเอง

 

“ลุงคนนี้ใครคะ” น้องพิ้งหันมาถามเมื่อเจอคนไม่คุ้นตามากับอาของเธอ ภาพแอบจะขำเล็กน้อยไม่ได้เมื่อได้ฟังสรรพนามที่น้องพิ้งใช้เรียกอีกคน จริงๆแล้วทินกรก็ไม่ได้อายุเยอะมากมายขนาดนั้น แต่อาจจะเป็นเพราะลุคตาลุงหนวดเฟิ้มที่ไม่ได้โกนมานานเลยทำให้ดูอายุมากขึ้น

 

“เพื่อนอาวาดเองครับ ชื่อลุงทิน”

               

“สวัสดีค่ะลุงทิน” น้องพิ้งยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย

 

“หวัดดีครับน้องพิ้ง” คุณลุงเอ่ยทักทายด้วยสายตาเอ็นดูปนเศร้านิดๆ พี่หมอในโลกนั้นก็คงจะรู้จักครอบครัวของเขาเช่นกันสินะ

 

“หิวรึยังครับ อาวาดต้องพาน้องพิ้งไปส่งบ้านตอนทุ่มนึงเลยจะพาไปหาอะไรกินกันก่อน”

 

“กินติมๆ มีร้านไอติมใกล้ๆอร่อยด้วยพิ้งชอบ”

 

ภาพเออออตามใจหลานไปแต่ไม่ได้คิดเลยว่าพอมาถึงร้านแล้วเขาจะรู้สึกคิดผิดขนาดนี้ ร้านไอติมนางเงือกสีพาสเทลที่ทุกอย่างเป็นนางเงือกเต็มไปหมดไม่เว้นกระทั่งลายของกระเบื้องที่มองแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในทะเลโพนี่ ไอ้ตัวเขากับพิ้งนี่ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ตาคนหนวดเฟิ้มนี่สิ มองยังไงก็ขัดแย้งแบบสุดๆ

 

เอาจริงๆทินกรก็ดูจะอึ้งอยู่ไม่น้อย

 

แต่ยังไงก็ต้องตามน้ำทำตัวสดใสให้เข้ากับสไตล์ร้านไปก่อนล่ะนะ

 

พวกเขาสั่งของหวานมาทานนิดหน่อยกับไอศกรีมถ้วยเล็กให้น้องพิ้ง รสชาติอาหารที่นี่อร่อยกว่าที่คิด ตอนแรกภาพคิดเพียงแค่ว่าร้านเพียงจะขายซิกเนเจอร์และทำคาเฟ่เก๋ๆไว้ถ่ายรูปเพียงเท่านั้น อดนึกถึงไอ้โอมเพื่อนรักไม่ได้ถ้ามันมาเห็นร้านกับรสชาติอาหารของที่นี่คงชอบน่าดู แต่ไม่ให้มันเห็นแหละดีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่พ้นเขาที่ต้องมานั่งกินที่ร้านเป็นเพื่อนตามเคย

 

คุณลุงกับหลานก็คุยสนิทสนมกันอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะยังไงทินกรก็เคยรู้จักน้องพิ้งอยู่แล้วเลยรู้ว่าเธอป็นคนยังไงต้องเข้าหายังไงบวกกับน้องพิ้งเป็นคนน่ารักเข้ากับคนง่ายด้วยเลยทำให้คุยกันง่ายมากขึ้น สายตาที่ทินกรตอนมองเด็กสาวดูอบอุ่นเหมือนกับคนในครอบครัวเสียจนภาพอดจะหวั่นไหวเล็กน้อยไม่ได้

 

นั่งเล่นถ่ายรูปกับน้องพิ้งไปๆมาๆก็เย็นมากแล้ว มองออกไปนอกร้านรถก็เริ่มจะติดมากขึ้นเพราะเป็นเวลาเลิกงาน ภาพจึงตัดสินใจออกไปส่งน้องพิ้งที่บ้านตอนนี้เลย

 

แต่การจราจรในกรุงเทพมหานครนั้นติดขัดกว่าที่คิดเอาไว้มากทำให้กว่าจะมาถึงบ้านของพี่สาวก็ปาไปหนึ่งทุ่มกว่า พี่พู่เดินออกมาต้อนรับที่หน้าบ้านพลางชวนให้พวกเขาเข้ามาทานข้าวด้วยกัน ในทีแรกภาพจะขอตัวกลับก่อนเพราะคิดว่าทินกรคงไม่สะดวก แต่พี่พู่ก็พูดกล่อมจนภาพยอมจนได้ ตอนนี้เลยกลายเป็นการกินข้าวครอบครัวในรอบหลายเดือน  พี่พู่ สามีพี่พู่ น้องพิ้ง ภาพวาด และทินกร

 

คนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างกายบนโต๊ะอาหารมีแววตาที่สั่นไหวชัดเจนเมื่อได้สบตากับพี่พู่ ภาพไม่รู้ว่าในฝันของทินกรเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่การเผชิญหน้ากับครอบครัวของคนที่ตัวเองรักในงานศพคงเป็นอะไรที่แย่และกระทบจิตใจของอีกคนอย่างหนัก ไม่อยากจะนึกภาพพ่อและพี่สาวของเขาเลย ทั้งสองคนคงแย่มากเมื่อรู้ว่าลูกและน้องชายคนเดียวของบ้านต้องจากไป มันทำให้ภาพฉุกคิดขึ้นมาเหมือนกันนะว่าเขาควรจะดูแลคนรอบกายให้ดีกว่านี้ ก่อนที่ตัวเองจะไม่มีโอกาสได้ทำ  ภาพไม่รู้เลยว่าชีวิตของคนเราจริงๆแล้วมันจะยืนยาวแค่ไหน

 

มองไปรอบๆโต๊ะ บรรยากาศครอบครัวแสนอบอุ่น พ่อแม่ลูกที่นั่งถามไถแลกเปลี่ยนถึงสิ่งที่เจอกันมาในแต่ละวัน ภาพที่เขาไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนาน

 

“ช่วงนี้แกหายไปเลยนะ ไม่มาให้เจอหน้า ” พี่พู่หันมาคุยกับภาพ

 

“พิ้งคิดถึงอาวาด”

 

“พอดีวาดยุ่งๆนิดหน่อยอะ”

 

“เออชั้นเข้าใจว่าแกสนุกกับงาน แต่ก็โทรหาหรือมาเจอกันบ้างก็ดี พ่อก็คิดถึงแกนะ โทรหาบ่อยๆหน่อย”

 

“อ่าฮะ จะโทรให้บ่อยขึ้นครับ” มันไม่ใช่เพราะเรื่องงานอย่างเดียวหรอก เรื่องหลักๆก็คือการที่ภาพจมอยู่กับความฝันแปลกๆของเขานี่แหละที่ทำให้ลืมใส่ใจสิ่งรอบตัวไป

 

อย่างที่ทินกรเคยพูดไว้

 

ว่าเขายึดติดกับความฝันจนลืมเลือนความสวยงามของความจริง

 

วันนี้ภาพพึ่งจะสัมผัสได้

 

ว่าสิ่งที่อีกคนพูดในวันนั้นมันถูกทุกอย่างเลย

 

“ว่างๆอาวาดจะมาเยี่ยมน้องพิ้งบ่อยๆเลย แล้วเดือนหน้าเราไปหาคุณตากันดีมั้ยครับ”

 

“ดีๆ พิ้งก็คิดถึงคุณตา แล้วลุงทินไปด้วยกันมั้ย” เด็กน้อยหันไปถามอีกคน ภาพวาดหันไปสบตากับคนถูกถามก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ

 

“ถ้าน้องพิ้งอยากให้ลุงไปก็จะไปครับ”

 

“เย้ๆ ไปกันให้หมดเลย”

 

ภาพอดจะยิ้มกับความน่ารักของเด็กตรงหน้าไม่ได้ หันไปข้างตัวก็เจอทินกรที่กำลังส่งยิ้มบางๆมาให้เขาเช่นกัน บางครั้งเรามาเจอกับความอบอุ่นและครอบครัวก็ช่วยเยียวยาหัวใจได้มากกว่าการออกไปเที่ยวสนุกที่ไหนๆเสียอีก

 

กินข้าวเสร็จก็ขอตัวเอ่ยลากันตามประสา และไม่วายที่ภาพจะกลายเป็นคนขับรถอีกรอบ คิดว่าเขาคงได้ครองตำแหน่งนี้ไปอีกนาน

 

“พี่พู่ดูมีความสุขดีนะ”

 

“โชคดีที่ได้แฟนดีแล้วลูกก็น่ารัก”

 

“เห็นแบบนี้ผมก็สบายใจ”

 

“ผมถามได้มั้ยว่าเมื่อคืนคุณฝันว่าอะไร”

 

“ก็…ผมคุยกับพ่อและพี่สาวคุณ ท่านบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดผมประมาณนั้น อยากให้เลิกโทษตัวเอง วาดคงไม่ดีใจถ้าเห็นผมยังเสียใจอยู่แบบนี้ แล้วก็ขอบคุณที่เข้ามาทำวาดมีความรักดีๆก่อนที่จะจากไป”

 

“…”

 

“ถึงครั้งสุดท้ายเราจะทะเลาะกัน ถึงจะยังรู้สึกคาใจอยู่บ้าง แต่วาดคงรับรู้ได้ถึงคำขอโทษของผม คิดว่านะ อย่างน้อยคุณก็รู้หนิ ใช่มั้ย”

 

“ใช่ ภาพวาดคนนั้นก็คงหวังอยากเห็นคุณที่มีความสุข”

 

คำพูดสุดท้ายของพี่หมอจากความฝันครั้งล่าสุดดังขึ้นมาในความคิด ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน แต่ภาพสัมผัสได้ว่ามันคงไม่มีครั้งต่อไปอีก ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ และเขาก็คิดว่าความฝันของทินกรก็กำลังจะสิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน

 

‘ ผมถามได้มั้ยว่าพี่หมอขอพรว่าอะไร  ‘

 

‘ของแบบนี้บอกกันได้ด้วยหรอ ‘

 

‘ได้สิ ก็ผมอยากรู้อะ’

 

‘พี่ขอให้วาดมีชีวิตที่มีความสุข

ไม่ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไง

ไม่ว่าวาดจะอยู่ที่ไหน

พี่ขอให้เรามีความสุขมากๆก็พอ’

 

‘ผมก็เหมือนกัน อยากให้พี่หมอเป็นผู้ชายที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเลย’
















 

#คุณในฝัน

 

               I'm Backkkkkkkkkk กราบขอโทษที่ห่างหายไปนานค่ะ ตอนหน้าก็จบเเล้วเนอะ ฝากติดตามด้วยจ้า

               เล้าลงรูปได้เเล้วดีใจมาก ฝุ่นได้ถามไปทางแอดมินเค้าบอกว่าเอาออกชั่วคราวเพื่อแก้เว็บค้างค่ะ



...................................................

ตอนนี้ฝุ่นตัดสินใจตีพิมพ์เรื่องคุณในฝันกับสำนักพิมพ์ SENSE BOOK เเล้วนะคะ มีความคืบหน้ายังไงจะมาเเจ้งรายละเอียดอีกที เเล้วก็ต้องขอขอบคุณทุกสำนักพิมพ์ที่ติดต่อมาด้วยค่ะ ขอบคุณที่สนใจในงานของฝุ่นมากจริงๆ

***ส่วนเรื่องเนื้อหาในหนังสือจะมีตอนพิเศษประมาณ2ตอนค่า ที่เเพลนไว้จะเป็นส่วนพาร์ทตาลุงทินของเรานี่เอง เพราะจากบทบรรยายจะมีเพียงความรู้สึกเเละเรื่องราวของภาพเพียงฝ่ายเดียวเเต่เราไม่รู้เลยว่าทินกรต้องเจออะไรมาบ้างเนอะ กับอีกตอนกำลังคิดอยู่ค่ะ ยังไม่เเน่ใจ55เเต่จะไม่ใช่เรื่องราวต่อจากเนื้อเรื่องหลักเเน่นอนเพราะมันจบสมบูรณ์เเล้ว




ปล. ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ 'หน้าร้อนเพราะน่ารัก' ไว้ด้วยนะคะ เป็นเเนวฟิลกู้ดโรเเมนติกกุ๊กกิ๊กดุ๊กดิ๊ก .ใครว่างๆไม่มีอะไรอ่านก็ไปเจอกันที่เรื่องนั้นได้นะคะ55



ฮาวายเป็นรัฐของอเมริกาที่มีมากมายหลายเกาะ

ไม่รู้ลมอะไรหอบเขามาถึงเกาะนี้ได้

เกาะอนุรักษ์ธรรมชาติ ถ้าเรียกแบบอ้อมๆ

แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ

นี่คือเรื่องราวชีวิตของนักศึกษาปีสี่กับหน้าร้อนของเขา

.

 ณ " บ้านนอกฮาวาย


 ♡หน้าร้อนเพราะน่ารัก♡ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66870.0)



- สีฝุ่น -

.................












หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 14 (14/5/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-05-2018 20:54:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

Finally, it's back!
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 14 (14/5/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-05-2018 22:01:41
ฮือออออ เทอกลับมาแล้วววววว :sad4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 14 (14/5/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Pui5264 ที่ 15-05-2018 11:33:38
อ่านรวดเดียวเลย สนุกค่ะ
รอบทส่งท้ายนะคะ อยากให้เขารักกันอ่ะ
ถ้าพี่ทินกลัวจะซ้ำรอย พี่ทินก็แค่ดูแลวาดดีๆ อย่าทิ้งน้องแบบพี่หมอก็เท่านั้นเองเนาะ รักกันเถอะ น่าจะมีความสุขมากกว่าเนาะ

นี่ว่าชะตาของพี่หมอกับพี่ทินคือจะต้องสูญเสียคนสำคัญอ่ะ พี่ทินเสียแม่ พี่หมอเสียวาด
เพราะงั้นพี่ทินก็ควรจะได้มีความสุขกับน้องวาดนะ //อยากให้เขารักกัน 555
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || ตอนที่ 14 (14/5/2018) P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 15-05-2018 23:05:59
อ่านรวดเดียวจนถึงตอนนี้ สนุกมากค่ะ มีเศร้านิดๆกับความฝันของลุง ทำเอาน้ำตาไหลเลย รอตอนจบค่า :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 16-05-2018 20:35:23
(https://www.img.in.th/images/d0eb81f43395494ca93d0add9baa3e25.jpg)



บทส่งท้าย


 


ร้อน

 

ร้อนมาก

 

ร้อนชิบหาย

 

ใครก็ได้ช่วยบอกภาพวาดทีว่านี่คือฤดูหนาว เขาสัมผัสไม่ได้แม้กระทั่งลมเย็นแผ่วๆด้วยซ้ำ ยิ่งแดดร้อนระอุตอนเที่ยงๆแบบนี้ยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่ทั้งเหนียวตัวและเหงื่อออกจนแสบผิวไปพร้อมๆกัน ภาพยกน้ำอัดลมในมือขึ้นมาดูดให้ชื่นใจพร้อมยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลออกมาตามไรผม

 

ถ้าใครบอกว่าวัดเป็นสถานที่เย็นสบายร่มรื่นเขาคงต้องขอเถียงจนขาดใจ

 

นึกถึงเหตุผลที่ต้องมาที่วัดแห่งนี้ก็รู้สึกแปลกๆไม่ได้

 

มาทำบุญให้กับตัวเองที่ตายไปแล้ว

 

พูดถึงไหนงงถึงนั้น

 

ทินกรส่งข้อความมาชวนภาพหลังจากที่คนตัวสูงกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองแล้วประมาณห้าวัน ภาพรู้ว่าทินกรไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ จึงไม่มีใครที่เข้าใจอีกฝ่ายไปมากกว่าตนเอง เลยไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องปฏิเสธการมาทำบุญในครั้งนี้

 

พวกเขาเลือกวัดที่อยู่ใกล้ๆกับร้านกล่อมกรุงเพราะวันนี้ทีมงานหนังสั้นมีฉลองปิดกล้องอย่างเป็นทางการหลังจากถ่ายทำตลอดเดือนกว่าที่ผ่านมา

 

นับๆแล้วพวกเขาสองคนก็พึ่งจะเจอกันได้ไม่นาน แต่ความสัมพันธ์ดูจะก้าวกระโดดได้รวดเร็วเป็นอย่างมากด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง

 

ทินกรในวันนี้ดูสดใสขึ้นกว่าวันก่อนหน้าที่เจอกัน หนวดเคราถูกโกนจนเกลี้ยงเกลา ผมที่ยาวเกินถูกเล็มปลายออกไปแล้วรวบมัดไว้ครึ่งหัวเหมือนอย่างเคย

 

“ขอกินน้ำบ้างดิ” เมื่อถูกขอภาพจึงยื่นแก้วพลาสติกในมือไปให้ สภาพของอีกคนดูเหมือนพึ่งไปเล่นสงกรานต์มาจนภาพเชื่อแล้วว่าขี้ร้อนจริงๆ เสื้อบางชื้นเหงื่อจนเปียกไปหมด เห็นแล้วภาพถึงกับทนไม่ไหวจนต้องเดินไปซื้อผ้าเย็นมาให้เช็ดหน้าเช็ดตา

 

“อะ เช็ดก่อนคุณ เห็นแล้วร้อนแทน”

 

“ขอบคุณ”

 

อดนึกถึงตอนที่ไปวัดอรุณด้วยกันไม่ได้ ตอนนั้นตาลุงนี่ร้อนจะตายอยู่แล้วแต่ก็ยังอุส่าเอาหมวกมาให้เขาใส่ มุมน่ารักเทคแคร์คุณทินกรเขาก็มีนะแต่ดันไม่ชอบแสดงออกตรงๆ

 

หลังจากที่เข้าไปไว้พระทำบุญจนมาถึงตอนนี้ภาพรับรู้ได้เลยว่าสภาพจิตใจของทินกรดีขึ้นมากแล้ว ถึงมันจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็เป็นก้าวที่ดีในการเดินออกมาจากความฝันนั้น และก็เป็นก้าวเดียวกันกับเขาเช่นกัน มันถึงเวลาที่เขาสองคนต้องเดินไปข้างหน้าเสียที

 

ถึงแม้มันจะแอบเศร้า แต่ก็เศร้าปนงงๆ เพราะการกรวดน้ำทำบุญไปให้ทั้งๆที่คนรับบุญยังอยู่นั่งอยู่ข้างๆมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกใหม่และไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

 

“วันนี้คุณจะไปด้วยมั้ยงานฉลองปิดกล้องน่ะ”

 

“ไปอยู่แล้วสิ ผมคนเขียนบทนะ”

 

“นั้นสินะ ไม่น่าถาม แล้วยังไงจะไปร้านเลยรึเปล่าหรือจะไปไหนต่อ”

 

“คุณมีที่ๆอยากไปมั้ยล่ะ”

 

“ไม่มีนะ ผมแค่อยากมาทำบุญเฉยๆ”

 

“งั้นไปรอพวกพี่ๆที่ร้านเลยก็ได้”

 

“โอเค แล้วคุณหิวรึยัง อยากกินอะไรก่อนมั้ย”

 

“ยังไม่หิว แต่ถ้าอยากกินข้าวผัดจานละ200ฝีมือเชฟทินแบบวันนั้นจะทำให้ได้มั้ยครับ”

 

“ทำหน้าแบบนี้แล้วจะปฏิเสธยังไง” พูดพร้อมเอานิ้วมาดันหน้าผากคนที่กำลังยิ้มเผล่ส่งมาให้จนแทบหงายหลัง

 

ทำไมไม่อ่อนโยนเลยนะ

 

 

 

 

ยังไม่ทันจะหกโมงเย็นดีทีมงานหนังสั้นเกือบทั้งหมดก็มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วที่ร้านกล่อมกรุง วันนี้อากาศยามเย็นไม่ร้อนมากมีลมผัดเย็นแผ่วเบาพอให้สบายตัว ไอ้โอมเข้ามาทีก็ร้องโวยวายจะเอานู้นเอานี่ยกใหญ่ ด้วยความใจป๋าของพี่เอกแกจึงเหมาปิดร้านเพื่องานนี้โดยเฉพาะ กลุ่มของเขาจึงคุมทั้งร้านได้อย่างเต็มที่ ใครมีอะไรก็บริการตัวเองกันไปเพราะวันนี้เด็กเสิร์ฟก็ถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่มาร่วมฉลองเช่นกัน พี่เอกสั่งอาหารชุดใหญ่มาจากภายนอกเพื่อให้ทานกันได้อย่างอิ่มหนำสำราญ ส่วนเครื่องดื่มก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่คุณเจ้าของร้านเขาไป

 

“เป็นไงมึงตั้งแต่เฮียทินไปหาก็ไม่มาปรึกษาอะไรกูเลยนะ” ไอ้โอมสายเผือกเดินเข้ามาทักทายพลางทำหน้าที่ตัวแทนสมาคมแม่บ้านสายเม้ามอยได้อย่างดีเยี่ยม และพี่เข้มหนึ่งในสมาชิกเมื่อเห็นดังนั้นจึงอดเข้ามาร่วมแจมในวงสนทนาอีกคนไม่ได้ สายเผือกตัวจริงทั้งนั้น เห็นแววตาเป็นประกายใคร่รู้ของทั้งสองคนสุดท้ายจึงต้องเล่าเรื่องต่อไปอย่างช่วยไม่ได้ จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังหรอก เพราะสองคนนี้เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับภาพเสมอมา แต่เพราะช่วงหลังๆมานี้ทินกรตัวติดเขาเป็นตังเมบวกกับมีเรื่องให้คิดหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องครอบครัว และหลายๆอย่างจึงไม่ได้มาเล่าให้เพื่อนและพี่ฟังเหมือนอย่างเคย

 

“แล้วมึงว่าตอนจบจะเป็นยังไง” ไอ้โอมถามขึ้นมา

 
“ไม่มีตอนจบอะไรทั้งนั้นแหละ ใครจะไปรู้วะว่าตอนไหนคือตอนจบ แบบไหนเรียกว่าจบแล้ว”


 
“ก็จริงของมึง แต่มึงบอกว่าไม่ได้ฝันแล้วใช่มั้ย”

 

“ถ้าช่วงที่ผ่านมานี้ ก็ใช่”

 

“อ่า งั้นกูว่าถึงมันจะยังไม่รู้ตอนจบ แต่มึงก็ผ่านจุดไคล์แม็กของเรื่องมาได้แล้วล่ะ ถ้ามึงโอเคกับทุกอย่างแล้วต่อไปนี้จะได้สบายใจได้สักที ถึงจะยังหาสาเหตุไม่ได้ก็เถอะว่าทำไมมึงกับเฮียทินต้องฝันแบบนี้ก็ตาม”

 

“มันก็คงเป็นแค่เรื่องที่ไม่ธรรมดา ของคนธรรมดา ในเวลาที่ไม่ธรรมดา โลกแม่งชอบเล่นตลกกับเราเสมอแหละ”

 

“สัส ทำเป็นคม เล่นคงเล่นคำ”

 

“เออน่า แต่ก็ขอบใจมึงมากที่คอยฟังกูบ่นมาเป็นปี ขอบคุณพี่ด้วยพี่เข้มสำหรับคำปรึกษาและอะไรหลายๆอย่าง”

 

“ช่วยกูจีบหยกให้ติดเป็นการตอบแทนแล้วกัน”

 

“ฮ่าๆ อย่างนี้คงต้องให้ไอ้โอมช่วยออกโรงแล้วล่ะมั้ง”

 

“ไว้ใจพ่อสื่อโอมคนนี้ได้เลยพี่เข้ม ระดับนี้แล้วเชื่อผมไม่มีผิดหวังแน่นอน” พูดเสร็จก็แยกไปนั่งคิดวิธีจีบสาวกันต่อเหลือเพียงภาพที่ยังยืนรับลมมองวิวของวัดอรุณในอีกฝั่งของแม่น้ำอย่างเหม่อลอย

 

เขาชอบสีสันของท้องฟ้าเวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

 

สีส้มๆอมม่วงๆมันทำให้เขารู้สึกสบายใจ

 

ความเย็นที่แก้มทำให้ภาพสะดุ้งตัว หันไปมองคนที่ยื่นแก้วมานาบแก้มเขาอย่างคาดโทษ แต่ทินกรกลับทำหน้าไม่หยี่ระตามเคย

 

“ชอบแกล้งอยู่เรื่อย”

 

“ก็คุณทำตัวน่าหมั่นไส้เอง มายืนเล่นเอ็มวีอยู่ได้คนเดียว”

 

“จะชมว่าผมหล่อเหมือนพระเอกเอ็มวีก็พูดมาตรงๆ”

 

“เปล่า จะบอกว่าบ้า” ภาพหันไปค้อนส่งสายตาคั่งแค้นเสียยกใหญ่จนอีกคนหลุดขำออกมา ทินกรก้าวมายืนข้างๆเขา หันหน้าออกไปมองวิวเบื้องหน้าเช่นกัน ก่อนจะยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นมาจิบ

 

แสงที่ตกกระทบใบหน้าและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของอีกฝ่ายช่างเป็นภาพที่เข้ากับแสงอาทิตย์ในยามนี้อย่างน่าประหลาด

 

“เมื่อตอนกลางวันที่เราไปทำบุญกันคุณขอพรว่าอะไร” ภาพเอ่ยถาม

 

“ของแบบนี้บอกกันได้ด้วยหรอ”

 

“ได้สิ ก็ผมอยากรู้อะ”

 

“ผมขอให้ภาพวาดมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ขอให้เป็นคนที่มีความสุข แค่นั้นแหละ”

 

“ขอบคุณนะ”

 

“หืม”

 

“ผมแค่พูดแทนภาพวาดในฝันของคุณ ยังไงเราก็คนเดียวกัน”

 

“อ่าฮะ”

 

“แล้วผมถามได้มั้ยว่าภาพวาดของคุณเป็นคนยังไง เขาเหมือนผมรึเปล่า เพราะขนาดคุณกับพี่หมอยังแตกต่างขนาดนี้ ผมก็น่าจะมีอะไรเปลี่ยนบ้าง”

 

“วาดหรอ…อืม ก็เหมือนคุณนั้นแหละ เพียงแค่ตอนที่ผมเจอคุณสายตาคุณดูเศร้าไปหน่อยก็แค่นั้น”

 

“อ่า แสดงว่าภาพวาดที่คุณตกหลุมรักก็เป็นแบบผมน่ะสิใช่มั้ย” ภาพยิ้มกริ่ม

 

“อย่าหลงตัวเองให้มากนักเลย” พูดพร้อมเอานิ้วชี้มาดันหน้าผากเขาจนแทบจะหงายหลังเหมือนเคย

 

ไม่อ่อนโยนอีกแล้ว

 

“คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกันนะที่คุณกับพี่หมอต่างกันสุดขั้วขนาดนี้ทั้งๆที่เป็นคนเดียวกัน เล่นเอาซะผมเครียดไปหมดเลยในตอนแรก”

 

“อืม ต่างกันมากจริงๆนั้นแหละ ถ้าพี่หมอเป็นพระอาทิตย์ตอนเช้าที่ให้ความอบอุ่น ผมคงเป็นพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน รอเวลาที่แสงจะหมดไปจนสุดท้ายเหลือแต่ความมืด สายดาร์กอะไรแบบนั้น”

 

“ไม่หรอก ผมชอบบรรยากาศตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกนะ มันเหมือนกับว่าถึงเวลาพักผ่อน สามารถเอนกายลงได้อย่างสบายใจ” ดูอีกคนจะแปลกใจไม่น้อยกับคำพูดของเขา เพราะสำหรับภาพวาด ไม่ว่าจะเป็นทินกรคนไหนก็ต่างเป็นพระอาทิตย์ที่สวยงามทั้งนั้น

 

“มาทำความรู้จักกันใหม่มั้ย…ไม่ใช่ในฐานะพี่หมอกับวาด แต่เป็นทินกรเจ้าของร้านบาร์กับภาพวาดคนหล่อ”ภาพวาดยื่นมือออกไปหาอีกฝ่ายที่แอบยิ้มขำ

 

 ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน เฉดสีส้มอมม่วงของท้องฟ้า แสงที่กระทบจนเกิดสีอันแสนอบอุ่นบนสายน้ำ บริเวณระเบียงที่ยื่นออกไปในแม่น้ำของร้านกล่อมกรุง ทุกอย่างเหมือนกับครั้งแรกที่เขาสองคนได้เจอกัน แต่ครั้งนี้แตกต่างกันออกไป

 

“สวัสดีครับ ผมทินกรยินดีที่ได้รู้จัก” คนตัวสูงยื่นมืออกไปจับ

 

“สวัสดีครับ ผมภาพวาด ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”

 

แสงอาทิตย์ที่ลาลับไม่ได้หมายถึงการจบลงของวัน

 

 หากเป็นเพียงสัญญาณที่บอกว่าวันใหม่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

 

พวกเขาสองคนก็เช่นกัน

 

มันไม่ใช่ตอนจบ

 

หากแต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่





















#คุณในฝัน



























มาถึงตอนสุดท้ายเเล้วในที่สุดก็เเต่งจบ เย้ๆ ไม่คิดเลยค่ะว่าฝุ่นจะเขียนมาถึงตอนนี้ได้ ต้องขอบคุณทุกคอมเม้นเเละทุกๆคนที่กดเฟบนะคะ เป็นกำลังใจให้ฝุ่นเเต่งต่อมากมาย เอาจริงๆยอมรับเลยตอนเเรกไม่คิดว่าจะเขียนจบด้วยซ้ำ บอกเพื่อนไว้ว่าถ้าเเต่งไป7ตอนเเล้วไม่มีการตอบรับอะไรจะไม่เเต่งต่อเเล้ว เเต่พอเเต่งไปสี่ตอนมีคนสนใจอ่านมากขึ้น คนฝุ่นกลับพบว่าอยากให้มีใครสักคนรับรู้ตอนจบของเรื่องนี้จริงๆ เพราะเราชอบมันมาก เลยคิดว่าเราจะเเต่งต่อจนจบนี่เเหละเเต่งให้คนที่หลงมาอ่านได้อ่านต่อไป55 ต่อมาก็มีคนตามมาอ่านเยอะขึ้น รู้สึกดีมากค่ะที่ไม่ได้ถอดใจไปในตอนนั้น  ยังไงก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ ทุกคนเป็นส่วนสำคัญสำหรับนิยายเรื่องนี้จริงๆ

 

การเขียนเรื่องนี้ทำให้เรารู้ข้อบกพร่องหลายๆอย่างในการเขียนนิยาย ฝุ่นจะนำส่วนที่รู้ตัวว่าพลาดไปปรับปรุงต่อในผลงานชิ้นต่อๆไป เรื่องนี้ฝุ่นก็กำลังรีไรท์ใหม่ให้ทุกอย่างลงตัวเเละแก้คำผิดเพิ่มเติมด้วยค่ะ



สามารถเจอกับภาพเเละทินได้ในหนังสือรูปเล่ม + 2ตอนพิเศษเป็นของขวัญสำหรับคนที่ซื้อเล่มนะคะ (สนพ SENSE BOOK)



ฝุ่นจะมีกิจกรรมเเจกหนังสือเเต่คาดว่าคงอีกนานเพราะยังไม่ได้ส่งต้นฉบับสมบูรณ์ให้ทางสนพ ยังไงจะมาอัพเดตอีกทีเน้อ อย่าพึ่งลืมกันไป



รักเเละขอบคุณนักอ่านทุกท่าน



- สีฝุ่น -





 
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-05-2018 21:04:41
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ พล๊อตนี้ทำเป็นละครได้เลยนะ แต่แบบชายหญิงงี้ คงเจ๋งน่าดู คล้ายๆแนวแฟนตาซีเกาหลีเลย  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 16-05-2018 21:52:31
ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่ความไม่สมบูรณ์ก็มีเสน่ห์ในตัวมัน
ในความคิดถ้าพล็อตเรื่องสนุก บรรยายอาจมีข้อผิดพลาดบ้าง ไม่ใช่ปัญหา
มันจูงใจให้คนอ่าน ค้นหาคำตอบติดตามไปจนถึงตอนจบได้แน่นอน
เป็นกำลังใจให้ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-05-2018 22:45:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถูกหลอกในตอนแรก ๆ เลยแอบไปเชียร์  เข้มวาด เสียได้

แต่สุดท้ายก็เป็น ทินวาด
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Pui5264 ที่ 16-05-2018 23:16:03
ถ้ามีอีบุ๊ก จะตามไปอุดหนุนเลยค่า
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 16-05-2018 23:52:45
อ้าวววว จบแล้วววว ขอภาคต่อได้ม๊ายยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 17-05-2018 01:13:58
ตอนแรกนึกว่าจะจบแบบเศร้าซะแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ขอให้รักกันไปนานๆนะ

ปล.ชอบรีบอร์นเหมือนกันเลยค่ะคุณสีฝุ่น
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 17-05-2018 18:57:05
ขอบคุณมากๆครับ อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 17-05-2018 19:56:27
แงงง ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่แต่งเรื่องนี้มา เราชอบมากๆเลยค่ะ
จบแล้ว ใจหายเลยยยยย ต้องคิดถึงน้องแน่ๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-05-2018 13:43:17
 
ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 18-05-2018 19:47:03
ขอบคุณที่แต่งจนจบนะคะมีความสุขมากค่ะที่ได้อ่านหวังว่าไรท์จะมีผลงานออกมาอีกเรื่อยๆให้ได้ติดตามนะคะขอบคุณจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-05-2018 23:12:57
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mefayysuju ที่ 19-05-2018 09:01:10
เหมือนถูกกล่อมด้วยบรรยากาศอุ่นๆละมุนของตัวละคร
ถึงตอนจบจะเป็นสีเทาๆ แต่มันก็คงเป็นเทาอมสีชมพู
ความไม่สมบูรณ์แบบกลับทำให้เรามีความสุขร่วมไปด้วย

ชอบมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งมาให้กันอ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 20-05-2018 05:04:05
ชอบมาก เป็นเรื่องราวที่แปลกดี
ไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 20-05-2018 10:31:20
ชอบพล็อตมากกกกกค่ะ อ่านถึงตอนที่เจอพี่ทินก็พอจะเดาออกแล้วว่าเป็นโลกคู่ขนาน เราว่าพล็อตนี้เขียนยาก แต่ถ้าเขียนได้จะสนุกมาก เราอ่านแล้วงงๆแค่จุดเดียว คือช่วงเวลาในฝันของทิน วาดฝันถึงวันเดียวกันแต่ทินฝันถึงอนาคต? ส่วนตัวว่าจุดนี้ไม่ค่อย make sense เท่าไหร่ แอบคิดว่าให้ทินฝันถึงโลกคู่ขนานอีกใบไปเลยอาจจะดีกว่า แบบโลกที่วาดฝันถึงจบสุขกับโลกที่ทิมฝันถึงจบเศร้า ส่วนโลกในชีวิตจริงอยู่ตรงกลาง

ป.ล. เพิ่งรู้ว่ามีคนเหม็นส้มด้วย 555
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: สีฝุ่น ที่ 20-05-2018 13:56:28

สวัสดีค่าคุณ Raina ฝุ่นไม่เเน่ใจว่าโพสเเบบนี้จะเห็นรึเปล่านะคะ

ส่วนที่งงคือทินฝันถึงโลกคู่ขนานใช่มั้ยคะ จริงๆคือ

ฝันของภาพ = โลกคู่ขนาน 1 แฮปปี้รักกัน
ฝันของทิน = โลกคู่ขนาน 2 ภาพตาย
เรื่องจริง = อยู่ตรงกลาง

ทั้งหมดคือฝันถึงตอนปัจจุบันค่ะเวลาดำเนินไปพร้อมๆกัน

เป็นเเบบที่เสนอมาเลยค่ะ55 อาจจะเป็นฝุ่นพิมพ์งงเอง ตอนนี้กำลังรีไรท์แก้ไขให้สมบูรณ์มากขึ้นค่ะ





ชอบพล็อตมากกกกกค่ะ อ่านถึงตอนที่เจอพี่ทินก็พอจะเดาออกแล้วว่าเป็นโลกคู่ขนาน เราว่าพล็อตนี้เขียนยาก แต่ถ้าเขียนได้จะสนุกมาก เราอ่านแล้วงงๆแค่จุดเดียว คือช่วงเวลาในฝันของทิน วาดฝันถึงวันเดียวกันแต่ทินฝันถึงอนาคต? ส่วนตัวว่าจุดนี้ไม่ค่อย make sense เท่าไหร่ แอบคิดว่าให้ทินฝันถึงโลกคู่ขนานอีกใบไปเลยอาจจะดีกว่า แบบโลกที่วาดฝันถึงจบสุขกับโลกที่ทิมฝันถึงจบเศร้า ส่วนโลกในชีวิตจริงอยู่ตรงกลาง

ป.ล. เพิ่งรู้ว่ามีคนเหม็นส้มด้วย 555
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 21-05-2018 11:09:07
โลกคู่ขนานของทินกรเศร้าจัง
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 21-05-2018 15:42:01
เราชอบมากเลยค่ะ
ชอบเรื่อง ชอบตัวละคร ชอบการบรรยาย ชอบการจบ ชอบการคล้ายปม ทุกอย่างไม่ช้าไปไม่เร็วไป ทำให้เราไม่เบื่อตัวละคร ชอบบบบ  o13
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 21-05-2018 18:25:50
เพิ่งเห็นเรื่องนี้ค่ะ เลยอ่านทีเดียวจบเลย
มีความหวังให้วาดมาชอบพี่เข้มมาก แต่อ่านไปก็รู้ว่าเคมีคงมาไม่ถึง ฮือ เลยต้องเชียร์พี่ทินแทน
ตอนอ่านถึงโลกคู่ขนาน เศร้าสลดแทนพี่ทินมากๆ ในอีกมุมที่วาดกับเจอแต่ความสุข เป็นเราต้องเครียดมากแน่ๆ
ถ้าสิ่งที่ฝันมีแต่ความเศร้า
คุณเขียนดีมากๆ ค่ะ ชอบในการเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 21-05-2018 23:56:03
ชอบมากค่ะ อ่านไปก็ลุ้นไปว่าใครหนอคือพี่หมอ เมื่อไหร่จะเจอและจะเจอกันยังไง พอเจอกันแล้วก็ลุ้นต่อว่าปริศนาจะคลี่คลายยังไง สุดท้ายจบแฮปปี้ โอเค คืนนี้นอนหลับได้ 555

ขอบคุณสำหรับนิยาย
บวกๆค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 23-05-2018 10:11:17
ชอบมากๆเลยค่ะ ดีใจที่ได้ตีพิมพ์นะคะ รออุดหนุนแน่นอนค่า
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 23-05-2018 15:55:18
สนุกดี พล๊อตแบบคาดไม่ถึงมากๆ เรียลด้วย  o13
ถ้าเราเป็นภาพคงเป็นบ้าอะ อยากให้พี่หมอในความฝันมีจริงและพยายามตามหามากๆ แล้วมาเจออิพี่เวอร์ชั่นนี้  :katai1:

จบดี แบบไม่ใช่นิยายวายเลย ชายหญิงมากๆ 555555555555555555555555555555555555555555555555555555

หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-05-2018 20:31:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 24-05-2018 06:32:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 03-06-2018 15:54:58
อ่่านจบภายในวันเดียว เราชอบพล็อตของคุณนะ ทั้งการดำเนินเรื่อง ทั้งนิสัยของตัวเอก อ่านแล้วเราอินนะ มันให้ความรู้สึกหน่วงๆ รู้สึกอยากร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหลน่ะ ชอบตอนจบด้วยนะลงตัวดี สนุกดีค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 02-10-2018 14:07:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 09-10-2018 22:27:03
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 12-10-2018 06:43:25
 o13 อะหูยยยยยชอบน่ารัก :katai2-1:
คิดว่าจะดราม่า แต่มีความอบอุ่น เอ็นดู
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: meepoohyoyo ที่ 13-10-2018 22:59:13
เนื้อเรื่องดีมากเลยค่าาาา ถ้ายืดอีกหน่อยน่าจะสนุกกว่าดี เป็นกำลังใจให้นะคะ.  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-10-2018 11:42:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 15-10-2018 13:06:56
เรื่องนี้ดีจัง ไรท์เขียนออกมาได้น่าติดตามมาก ลุ้นทุกตอนว่าจะเป้นไงต่อไป ขอบคุณนะคะที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 15-10-2018 23:59:48
เป็นขนานที่ออกมาในรูปของความฝันที่ไม่งงเลย ไทม์ไลน์ดีเรื่องไม่งง(สำหรับเรานะ) ให้อารมณ์ละมุนปนเหงาไปในตัว ชอบภาษาเขียนอย่างงี้มาก จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 16-10-2018 08:38:15
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-10-2018 22:24:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-10-2018 22:55:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 20-10-2018 22:59:54
เป็นนิยายที่ทำให้เราต้องกลับมามองย้อนดูตัวเองเลยล่ะค่ะ
เหมือนอย่างที่น้องวาดว่าไว้
เราไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง
ตัวเราในตอนนี้ และอนาคตจะเป็นอย่างไร
คนในโลกคู่ขนานเราอาจจะมีชีวิตที่มีความสุขอยู่ก็ได้
เพราะฉะนั้นตัวเราในตอนนี้ ก็มาทำชีวิตใหเมีความสุขกันดีกว่า
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-10-2018 16:08:54
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-10-2018 16:09:12
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: HPG ที่ 29-10-2018 11:10:48
เนี่ยอ่านตอนแรกๆก็นึกว่าจะจบลงที่พี่เข้มและพี่ทินได้คบกัน 555+ แบบนี่คืออีกครึ่งของกันและกันไรงี๊
เป็นเรื่องที่น่ารักมากค่ะ หน่วงๆแต่ก็น่ารัก ❤
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: bnmshhhhhhh ที่ 21-12-2019 21:34:42
เป็นเรื่องที่พลิกล็อกจากที่เดาไว้มาก5555555ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่านนะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-12-2019 11:41:42
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Persephone ที่ 24-12-2019 01:48:19
เป็น​พล็อตที่ดีมากเลย ชอบแบบนี้ดูเป็น​พรหมลิขิต​อ่า แบบไม่ว่าจะโลกไหนเราก็คู่กัน

ปล.คือเราเห็นภาพเรื่องที่พี่ทินไม่ชอบส้มเลย เพราะเพื่อนเราก็ไม่ชอบกินส้มรวมถึงน้ำส้ม ยิ่งผสมเนื้อส้มยิ่งไม่ชอบเลย แต่กินผลไม้อื่นๆได้และเลิฟทุเรียนมาก มีคนแบบนี้บนโลกจริงๆนะ555555
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:10:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 21-08-2020 22:47:35
ชอบ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 22-08-2020 02:20:48
สนุกมากค่ะ น้ำตาซึมอยู่บ้าง เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ben33 ที่ 25-09-2020 18:47:52
 :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 19-08-2021 18:55:24
 :-[
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2g ที่ 21-08-2021 08:04:03
ขอโทษที่ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยได้อ่านเรื่องนี้เลย มันดีมาก ดีมากๆ
ขอบคุณคุณสีฝุ่นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 24-08-2021 17:23:52
ดีมากเลยยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: FKAnu ที่ 25-08-2021 09:08:47
ถึงกับต้องสมัครเข้ามา Comment เลยครับ ปรกติสายอ่านอย่างเดียว มานานมากครับ ไม่รู้พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง ชอบทั้ง โทนนิยาย การดำเนินเรื่อง การเล่า และการเขียน อ่านแล้วอิ่มเอมใจมากครับ เป็นนิยายดีๆอีกเรื่อง ที่เวลาผ่านต้องคิดถึงมันแน่ๆครับ มาอ่านช้าไปหน่อย ขอบคุณ คุณสีฝุ่นมากครับ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 26-08-2021 14:06:45
นิยายดีมากครับ อ่านช่วงแรกๆ มีความไม่เข้าใจภาพวาดนิดหน่อยแต่พออ่านไปเรื่อยๆ พอคิดตามทฤษฎีโลกคู่ขนานแล้วก็เข้าใจมากขึ้นแล้วชอบตัวพี่ทินมาก ทุกคนมีมิติและมุมมองต่างกัน คือมันดีมากๆๆๆเลยครับ จบได้ดีแฮปปี้มาก ขอบคุณคุณสีฝุ่นที่แต่งนิยายดีๆ แบบนี้มาให้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 31-08-2021 17:53:14
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 06-09-2021 06:12:08
เป็นเรื่องที่ย่ารักดีค่ะ ไม่คิดว่าพี่ทินจะหนักกว่าภาพ :กอด1:
 :3123: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: everyoneoneone ที่ 10-09-2021 12:54:43
สนุกดี
ปล.นิดนึ่งนะ น้องแม่ต้องเรียกว่าน้า น้องพ่อต้องเรียกว่าอา หรือเปล่า !!
หรือว่าเราเข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: ☼ คุณในฝัน ☼ || บทส่งท้าย (16/5/2018) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 11-09-2022 12:50:01
ชอบมากเลยค่ะ อ่านจบแล้วยิ้้มได้
อบอุ่นหัวใจ และคิดว่า
เรื่องราวของพวกเค้ายังดำเนิน​ต่อไป