ตอนที่สอง : คุณากร เลิศพัฒน์
ถ้าความรักเปรียบเหมือนไฟ
คุณคงเป็นคนที่ชอบเล่นกับไฟมากเหมือนกัน
คอนโดXXX “คุณนิวไปโดนอะไรมาครับ?” หนุ่มน้อยวัยสิบแปดเอ่ยถามนายตัวเองด้วยความเป็นห่วงขณะที่กำลังทำแผลให้ เวลาตอนนี้ก็ล่วงเลยไปจนเกือบวันใหม่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองเผลอหลับอยู่ตรงหน้าทีวีพอเจ้าของห้องกลับมาก็ดันสะดุ้งตื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าคุณนิวของเขาได้แผลกลับมาหลังจากออกไปเที่ยว
“ไม่มีอะไรหรอก?” เขาว่า “แล้วนี่ทำไมยังไม่นอน?” ก่อนจะเอ่ยถามเด็กรับใช้ในบ้าน ที่แม่ส่งให้มาคอยดูแลเขาอยู่ที่คอนโด แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่ส่งให้มาดูแลเขาหรือให้เขาดูแลเจ้าเด็กนี่กันแน่
เด็กคนนี้ชื่อน่าน เป็นหลานของคนรับใช้ที่บ้านใหญ่พ่อแม่เสียเลยได้มาอยู่กับป้าที่เป็นแม่บ้านอยู่ที่นั่น เขาเห็นน่านตั้งแต่เด็ก กี่ขวบเขาเองก็จำไม่ได้แต่ตอนนี้โตแล้วกลายเป็นเด็กมอปลายหน้าตาดีใช้ได้ น่านเป็นเด็กขยัน ตั้งใจเรียน นิสัยน่ารัก ถึงไม่มีครอบครัวที่เพียบพร้อมแต่ก็นิสัยดีมากๆ
ไม่เคยเกเรหรือหาเรื่องมาให้ใครต้องปวดหัว แต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเด็กน่านน่ะ มันซื่อเกินไปไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมใครทัน อย่างตอนเรียนมัธยมต้นก็โดนเพื่อนแกล้ง โดนเพื่อนไถเงินแล้วไม่กล้าบอกใครเพราะโดนขู่ไว้ จนเดือดร้อนมาถึงคุณนิวที่ต้องไปตามเคลียร์ให้
เขาจะไม่ยุ่งก็ได้ แต่ก็นะ…เขาเองก็เอ็นดูน่านเหมือนน้องชาย เหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง
“ตอนแรกน่านเผลอหลับไปแล้วแต่คุณนิวกลับมาน่านเลยตื่น” คนซื่อว่ามาอย่างนี้
“เป็นฉันเองที่กวนนายว่างั้น?” คุณนิวย้อนถาม แม้เสียงทุ้มจะเรียบนิ่งคล้ายกำลังดุ แต่นั้นคือเขาแค่พูดเล่นๆ น่านเองก็คลุกคลีอยู่กับผู้ชายคนนี้มานาน ก็พอจะรู้ว่าเขามีนิสัยอย่างไร
“เปล่าครับ น่านแค่อธิบายให้ฟัง” เด็กน่านพูด ปากก็อ้าหาววอดๆอย่างน่าเอ็นดู
“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ไปโรงเรียนสายไม่รู้ด้วยนะ” คุณนิวเตือน พอเด็กหน้าซื่อที่เริ่มง่วงทำแผลให้เขาเสร็จก็เดินเข้าห้องไปทันที คล้อยหลังจากนั้นคุณนิวเดินปิดไฟภายนอกห้องนั่งเล่นแล้วก็เป็นเขาบ้างที่เดินเข้าห้องไป
เห็นมั้ย…? เป็นเด็กน่านหรือเขากันแน่ที่ต้องดูแลใคร
คุณากร เลิศพิพัฒน์ หรือที่ใครๆเรียกว่าคุณนิว เป็นลูกเจ้าของห้างชื่อดังอย่าง The KNK ที่มีหน้าตาและมันสมองเป็นอาวุธ เขาเป็นคนที่เพอร์เฟคในหลายๆระดับ เรื่องแรกที่จะไม่พูดไม่ได้ก็คืออายุ คุณนิวเป็นคนอายุสามสิบเอ็ดที่หน้าเด็กเหมือนคนอายุยี่สิบต้นๆ
ถ้าให้เนียนใส่ชุดเป็นนักศึกษาก็ทำได้แบบไม่มีใครสงสัย และเรื่องความรวยคงไม่ต้องพูดถึงนามสกุล เลิศพิพัฒน์ ติดรายชื่ออันดับสองของคนที่รวยที่สุดในประเทศ
คุณนิวใช้เวลาอาบน้ำประมาณสิบห้านาที จากนั้นก็มาใช้เวลาอยู่กับการสูบบุหรี่ตรงระเบียงอีกยี่สิบนาที จนตอนนี้เวลาจะล่วงเลยเข้าตีสองอยู่รอมร่อ
มือขาวไล้แผลตรงมุมปากตัวเองเบาๆ สมองก็พาลให้ขบคิดถึงหน้าตาของคนที่ฝากรอยแผลนี้ไว้ ไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะอายุเท่าไร แต่คงเท่ากันกับเค้กคู่ควงคนล่าสุดของเขา
น่าจะปีสองได้…
ไม่ได้มีรสนิยมกินเด็ก ปกติเขาไม่ค่อยยุ่งกับคนอายุน้อยกว่าเพราะมันน่ารำคาญแต่เค้กเป็นข้อยกเว้นเพราะเธอต่างจากคนอื่น ตางจากคนอายุเยอะกว่าบางคนที่เขาเคยควงด้วยซ้ำ
แต่ก็นะ…ไม่รู้จะอยู่ด้วยได้นานเท่าไรเพราะเขายังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่เธอยังไม่เลิกกับแฟนแล้วมาคุยกับเขาเลย เรื่องแฟนของเธอเขาน่ะพอรู้แต่ไม่รู้ว่าตอนคุยกับเขาสาวเจ้ายังไม่เลิกกับแฟนหนุ่มดี บอกไว้เลยว่าไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ผู้หญิงเองก็เช่นกัน ไม่ชอบคนมีเจ้าของแล้ว
แต่นอกจากเค้กแล้วกำลังคิดว่ามีเด็กอีกคนหนึ่งน่าสนใจ…
ทอม…เด็กนั่นน่ะชื่อทอมอีกสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเจ้าตัว
อย่าให้เจอครั้งที่สามก็แล้วกัน
ใช่มันต้องสามครั้ง
…
หกโมงเช้าโดยประมาณ คุณนิวตื่นขึ้นมาทั้งที่ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ด้วยความที่ชอบตื่นเช้าเป็นปกติเลยสะดุ้งตื่นขึ้นมาซะได้เขาใช้เวลาอาบน้ำประมาณสิบห้านาที และแต่งตัวอีกสิบนาที
โชคดีหน่อยที่มีน่านคอยเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ไม่งั้นก็คงเสียเวลาอีกนิดหน่อย จากนั้นก็ได้เวลาของอาหารเช้า กาแฟดำรสเข้มถูก
เสิร์ฟพร้อมกับครัวซองค์ของโปรดมันเป็นเบเกอรี่ ชนิดเดียวที่เขายอมกิน พร้อมกับข้าวต้มหมูกลิ่นหอม น้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว หนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับ
แน่นอนว่าทั้งหมดนี่ถูกจัดเตรียมโดยเด็กน่าน เจ้าตัวน่ะมีพรสวรรค์ในเรื่องของการทำอาหารมาก
“น่านขอตัวไปเรียนก่อนนะครับคุณนิว” เด็กหน้าซื่อวิ่งออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงมือไม้ก็หอบอะไรไม่รู้พะรุงพะรัง
“สายเหรอ?” คิ้วหนาลิกขึ้นน้อยๆในเชิงถาม
“นิดหน่อยครับ” เจ้าตัวตอบแล้วยิ้มแห้งๆ “เมื่อเช้านอนเพลินไปหน่อย แหะๆ” พร้อมกับใส่รองเท้านักเรียนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง
“ทันมั้ย? ให้ไปส่งหรือเปล่า?”
คุณนิวของเขาน่ะใจดีที่สุดในโลก แต่ไม่หรอก ไม่กล้ารบกวนคุณนิวหรอกแค่นี้ก็ให้มาเกินกว่าเจ้านายกับคนใช้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ” และตอบปฏิเสธไป
“ตามใจ” เขากลับไปสนใจหนังสือพิมพ์ตรงหน้าต่อ ไม่ใช่แค่น่านที่รู้จักคุณนิวดีพอ คุณนิวเองก็รู้จักน่านเหมือนกัน ในเมื่อเด็กคนนี้ปฏิเสธก็อย่าไปบังคับ เพราะน่านน่ะขึ้นชื่อของเรื่องคนขี้เกรงใจสุดๆ
ช่วงบ่ายของวันนั้นลูกชายเจ้าของห้าง The KNK กำลังเดินสำรวจสิ่งต่างๆภายในของห้างตน ไม่ว่าจะบริการ ความพึงพอใจของลูกค้า และอีกหลายๆเรื่องที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของห้างเขา ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย
แต่การได้ลงพื้นที่สำรวจด้วยตัวเองครั้งนี้ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากนักเพราะคุณนิวแต่งตัวค่อนข้างปกปิด กางเกงสีดำขายาวห้าส่วนและพับขาขึ้นรับกับส่วนสูงร้อยแปดสิบของเขามาก เสื้อยืดสีขาวที่สวมทับลงบนร่างกายพาดผ่านไหล่กว้างๆแผ่นหลังตึงๆ
คุณนิวคือนิยามของคำที่ว่า
ถ้าไม้แขวนดีเสื้อผ้าที่ใส่ออกมาก็ดี เพราะเขาค่อนข้างเป็นคนสมาร์ท ส่วนสูง ท่าเดิน คุณนิน่ะน่ามองทุกอิริยาบถ
พร้อมกับหมวกแก๊บสีดำและแมสปิดปากหนึ่ง วันนี้อยู่ในธีมขาวดำซึ่งมันเข้ากับเขาสุดๆ อันผมสีน้ำตาลอ่อนไม่ได้ถูกเซ็ตขึ้นเหมือนอย่างเคยยิ่งขลับให้ใบหน้านั้นดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
แต่ก็นะ…ไม่มีใครได้เห็นเพราะเจ้าของห้างเล่นปลอมตัวเป็นวัยรุ่นทั่วไป ปกปิดหน้าตาไม่ให้ใครจำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าออร่าความหล่อมันพุ่งออมานอกแมสจนสาวๆบางคนที่เดินผ่านถึงกับเหลียวหลังตาม
ทุกๆเดือนคุณากรจะชอบทำอย่างนี้เสมอ เดือนละสองสามครั้งก็ว่ากันไปแล้วแต่ความว่างไม่ว่าง เหตุผลที่ไม่ชอบป่าวประกาศให้พนักงานในนี้ได้รู้ก็เพราะว่าเขาไม่ชอบการสร้างภาพ บางครั้งสิ่งที่เห็นก็อาจจะไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่เป็นอยู่ ภาพแต่ละภาพมันสร้างขึ้นได้เสมอ
เขาใช้เวลาอยู่ในห้างของตัวเองประมาณสองถึงสามชั่วโมงได้ นี่แค่สาขาแรก ถ้าหากมีเวลาว่างอีกสองสาขาในจังหวัดนี้ก็ว่าจะไป
นี่ยังไม่นับรวมที่ไปขยายสาขาอยู่ที่ต่างจังหวัดถ้าได้ไปคงใช้เวลาทั้งวันแต่ก็นะ…เขาจะหาเวลาว่างให้พวกมันเสมอเพราะอีกหน่อยคุณพ่อก็จะเกษียณตัวเองไปพักผ่อน แต่นี่ขนาดวัยกำลังจะเกษียนเขาก็ยังไม่หยุดทำ คือปล่อยให้ตัวเองว่างไม่ได้ถ้าไม่เล่นหุ้นก็จะหาโครงการอื่นมานำเสนอโดยมีคุณากรเป็นที่ปรึกษา แต่เจ้าตัวก็ต้องเบรกพ่อไว้ตลอดเวลาเพราะแค่ทุกวันนี้ก็ดูแลจนไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
สองเท้าที่กำลังเดินไปเรื่อยๆ คิดไว้ว่าจากนี้กลับคอนโด
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีเรื่องมาให้ทำอีกแล้ว…
ความบังเอิญครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อตาคมดันไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่กำกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสตาร์บัคคนเดียว เด็กปีสองตัวใหญ่ๆ ผมสีดำสั้น สวมช็อปสีน้ำเงินเข้มบ่งบอกถึงสถาบัน กางเกงยีนส์สีซีดขาดๆที่ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเซอร์มากยิ่งขึ้น
เป็นคนเดียวกับที่ฝากรอยช้ำไว้ตรงมุมปากเขานั่นแหละ
หึ…
เขายกยิ้มขึ้นตรงมุมปากหนึ่งครั้งภายใต้แมสสีดำ
โลกใบนี้น่ะมันกลมนะ…แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลมขนาดนี้ เพิ่งเจอกันเมื่อวานแท้ๆและวันนี้กลับได้เจออีก
ดี…อย่าให้เจออีกครั้งเดียวก็พอ
มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป คุณากรได้กาแฟมาหนึ่งแก้วก่อนจะมองหาที่นั่ง และสุดท้ายก็คิดว่าได้หนึ่งที่
“ขอนั่งด้วยได้มั้ยครับพอดีโต๊ะเต็มหมดเลย” โต๊ะที่ว่าก็คือโต๊ะของเด็กคนนั้นที่ต่อยเขานั่นแหละ มันเข้าแผนของเขาพอดีเมื่อไม่มีที่ไหนให้นั่งเลยแสร้งทำเป็นขอเด็กยักษ์นี่นั่งด้วย รู้สึกขอบคุณตัวเองในใจเงียบๆที่วันนี้สะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คมา
ข้ออ้างชั้นเยี่ยมเลยล่ะ…
ทอมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบๆร้านแล้วก็พบว่ามันไม่มีที่นั่งจริงๆ เจ้าตัวเลยพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เขานั่งด้วยได้
ดีนะที่เพื่อนอีกสองคนมันกลับไปแล้วไม่งั้นก็ไม่ได้นั่งหรอก
จากนั้นก็หันไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ โทรศัพท์ที่วางไว้ก็ถูกนำมาเปิดเพลงก่อนจะเสียบหูฟังเข้าไปและยัดมันเข้าหูเพื่อกลบเสียงทั้งหมดในร้านโดยเพลงโปรดของตน
คุณากรลอบสำรวจคนตรงหน้าเงียบๆ แกล้งทำเป็นเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นและทำงานแต่ที่จริงนั้นไม่ใช่ เด็กนี่เป็นคนผิวละเอียดมากแต่ดูจากท่าทางแล้วคงไม่ชอบดูแลตัวเอง
เด็กคนนี้มีขี้แมลงวันตามใบหน้าอยู่นิดหน่อย แก้มซ้ายอยู่สองที่ ขมับขวาอยู่หนึ่งจุด และที่ปลายจมูกโด่งๆนั่นอีก เขาเคยมองว่าพวกนี้มันน่าเกลียดแต่พอมายอยู่กับเด็กคนนี้แล้วน่ามองเหี้ยๆ
จะว่าเขาสองมาตรฐานก็ได้นะ
ทอมรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองเลยเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นก็แค่คนตรงหน้าที่กำลังนั่งก้มหน้าทำงานงกๆ
คงจะรู้สึกไปเอง
ทอมคิดอย่างนั้น
จะว่าไปไอ้นี่มันหน้าตาดูคุ้นมาก…
วินาทีที่ทอมกำลังมองคนตรงหน้าอยู่บ้าง แน่นอนว่าคุณนิวรู้ตัวอยู่เลยแกล้งช้อนตามองขึ้นไป พร้อมกับถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า?” คนหลบตาไม่ทันก็ทำตัวไม่ถูกเพราะโดนจับได้ว่าแอบมองอยู่
“อ เอ่อ…”
Rrrrr
แต่รู้สึกโชคดีขึ้นมากระทันหัน เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนว่ามีคนโทรเข้า
“โทษทีครับ” เด็กหนุ่มเลยพูดขอโทษไป จากนั้นก็เนียนเปลี่ยนเรื่องเป็นรับสาย
‘ว่าไงมึง’ ทอมเอ่ยถามปลายสาย
‘เออ’
‘วันนี้เหรอ?’
‘ก็ได้ๆ ค่ำๆนะ’
‘เออ! กูรู้แล้ว แค่นี้แหละ’
บทสนทนาที่เป็นกันเองจบลง คงจะเป็นคนสนิทที่โทรหา
ดูจากสถานการณ์แล้วทอมคิดว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้นาน เพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาแปลกๆที่กำลังมองมา
“ขอตัวก่อนนะครับ” เลยเอ่ยขอตัวกับคนแปลกหน้าที่มาขอร่วมโต๊ะ หนังสือถูกยัดใส่กระเป๋าลวกๆพร้อมกับเดินถือแก้วกาแฟออกไปจากร้าน
คุณนิวแอบมองไอ้เด็กทอมนั่นจนสุดสายตา
แปลกจริงๆ เด็กนี่น่าสนใจจนขนาดที่ทำเอาเขามองตามจนใจสุดสายตาถึงสองรอบ
บอกได้อีกครั้งและคำเดียวว่าอย่าให้เจอกันด้วยความบังเอิญจนถึงครั้งที่สาม…
หึ…
…
สี่ทุ่มโดยประมาณ
ช่วงเย็นของวันนี้ตอนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสตาร์บัค น้องเทคสุดที่รักของเขามันก็โทรมาบอกว่าวันนี้ให้ไปดูมันขึ้นเวทีด้วย พร้อมกับมันอยากสัมภาษณ์เรื่องที่เขาเลิกกับเค้กเลยเป็นเดือดเป็นร้อนให้ต้องลากตัวเพื่อนร่วมขบวนการอีกสองคนอย่างแดนและออยให้มาด้วย
น้องที่ว่านี้มันชื่อว่าศรศิลป์ เป็นมือกลองของวงดนตรีวงหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควรในสายใต้ดิน และสาวๆในมหาลัยค่อนข้างชอบมันมากเพราะนอกจากจะเก่งแล้วหน้าตายังดีใช้ได้ ง่ายๆก็คือไอ้ศรเป็นเดือนวิศวะต่อจากเขานั่นแหละ แถมยังพ่วงด้วยการเป็นเดือนมหาลัยอีกต่างหากเพราะหน้าตามันดีฉิบหาย
ไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างเฉพาะตัวดูดิบๆเถื่อนๆสาวๆชอบนักแล หุ่นสูงอย่างกับนายแบบ ผมสั้นสีดำสนิท ผิวขาวจั๊วะชนิดที่ว่าเดินออกไปตากแดดข้างนอกแล้วสะท้อนออกมาเป็นแสง และดวงตาที่แสนคมคายของศรน่ะเป็นเครื่องหน้าชั้นยอดที่เหมาะเจาะจะอยู่บนนั้น เพราะเจ้าตัวเป็นคนขอบตาเข้มที่เหมือนคนเขียนตลอดเวลาแต่นั่นไม่ใช่ ไม่ได้ได้มาเพราะสักแต่ได้มาตั้งแต่เกิด
ศรศิลป์เป็นคนตาคมมาก
“หวัดดีพี่” เมื่อดนตรีจบลงพร้อมกับเสียงกรี้ดกราดของบันดาสาวๆในร้าน รุ่นน้องปีหนึ่งก็เดินมาที่โต๊ะของพี่เทคตัวเองทันที
“เออ” ทอมตอบรับ เพื่อนสองคนเองก็เช่นกัน “เล่นเก่งนะมึงเนี่ย” ก่อนจะเอ่ยชมรุ่นน้องตัวเองด้วยความคิดที่ผุดขึ้นมา
“แล้วอะไรทำให้มึงอยากเจอพวกกูได้ล่ะเนี่ย?” แดนเอ่ยถาม หลังจากที่กระดกเหล้าเข้าปากไปเกือบครึ่งแก้ว ก็ร้อยวันพันปีน้องเทคของไอ้ทอมที่ค่อนข้างสนิทกับกลุ่มเขามันจะโผล่หน้ามาให้เห็น ทั้งทีเรียนมหาลัยเดียวกันก็ยังไม่ค่อยได้เจอ
“ก็เห็นพี่ทอมมันโดนบอกเลิก เลยอยากรู้” หนุ่มตาคมพูดออกมาหนึ่งประโยคแบบไม่มีอ้อมค้อม เขาไม่ใช่คนเฟค อยากรู้ก็คือยากรู้ไม่ได้อะไร แต่ความอยากรู้มันก็ผสมความเป็นห่วงเข้าไปนิดหน่อย
“โห...สะกิดแผลสัดๆ!” ออยว่า “เลิกกันยังไม่ถึงอาทิตย์เลยน้องเอ๋ย”
“อยากรู้กูไม่ว่าหรอก แต่ทำไมไม่ถามที่มหาลัยเอาวะ?” ทอมขมวดคิ้ว
โอเค จริงๆแผลมันยังสดอยู่ มาโดนสะกิดอย่างนี้ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่อยากทำตัวให้เศร้ามากเพราะมันไม่ใช่วิสัยทัศน์ของเสือทอมในตำนาน
เมื่อวานที่เผลอไปต่อยหน้าแฟนใหม่ของเค้กก็ไม่รู้ว่าทำลงไปได้ยังไง เขาอาจจะใจร้อน ขี้โมโห แต่ก็ใช่ว่าจะชอบต่อยตี
“ก็ไม่ค่อยได้ไปมอ” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเหมือนไม่สะทกสะท้านกับการที่ไม่ค่อยเข้าเรียนของตัวเอง
“อะไรของมึง? ทำไมไม่รู้จักเข้าเรียน” ทอมโวยวาย “ถึงว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้า”
“ไม่อยากไปเฉยๆ ต้องมีเหตุผลอะไรอีกวะ?” น้องเทคเองก็ตอบเหมือนกับเป็นแค่เพื่อนกัน
แต่พวกเขาไม่ถือหรอก คนอย่างศรน่ะ ถึงจะปากร้ายไปหน่อยแต่เป็นคนจริงใจ มันเป็นพวกเข้าถึงยาก เรียกง่ายๆก็หยิ่งนั่นแหละแต่ถ้าทำลายกำแพงนั้นได้แล้วจะได้พบความจริงใจที่มีให้เต็มร้อย แต่กำแพงหนานั้นกว่าจะผ่านเข้าไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องหมูๆ พวกเขาเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว
“มึงตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้หน่อยดิวะ อย่าเกเรให้มันมาก” ทอมว่า ก็พอจะรู้อยู่ว่าน้องมันมีปัญหาอะไรอยู่ แต่ก็ไม่อยากให้กระทบถึงเรื่องเรียนแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน
“อย่าสนเรื่องของผมเลย” ศรยักไหล่ “เล่าเรื่องพี่เค้กให้ฟังหน่อยดิ”
“ก็กูโดนบอกเลิก เหตุผลที่ว่ากูไม่เคยดูแลเขา” ทอมอธิบาย แต่ก็ไม่ได้เล่าถึงทั้งหมดเพราะไม่อยากให้อดีตแฟนสาวดูไม่ดี
“แน่เหรอ?” คนนั่งฟังถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ เพราะก่อนได้ยินข่าวว่าพี่เทคของตัวเองถูกแฟนบอกเลิกเขาได้เห็นอะไรที่มันเด็ดกว่านั้น
“ก็ส่วนหนึ่ง แต่มันมีมากกว่านั้น” ออยต่อ เตรียมตัวจะเล่าในเรื่องที่เพื่อนไม่ค่อยอยากพูดถึงสักเท่าไร
แต่ก็ถูกพูดขึ้นมาเพราะไอ้เพื่อนตัวดีจนได้
“เค้กมันได้คนคุยใหม่เว้ย” แดนที่พูดต่อ เขาสองคนผลัดกันเล่าเรื่องอย่างเข้าขา โดยมีเจ้าของประเด็นฮอตที่นั่งฟัง “หล่อ ดูดี แล้วก็ดูรวยด้วย”
“เหรอ…?” ศรเอ่ยเสียงเอื่อยๆ ในใจก็คิดแล้วว่าตัวเองมาถูกทาง
“พี่มึงเลยมีสภาพอย่างที่เห็นนี่ไง” ออย “อย่าถามมันมากเลยรู้แค่นี้ก็พอละ เพราะมันก็มีแค่นี้แหละดีเทลไม่เยอะ”
“ตามใ--”
“
ไอ้เหี้ยศร!”
พลั่ก!
ยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำรุ่นน้องคนหล่อก็ถูกใครก็ไม่รู้ เข้ามาประชิดตัวจากนั้นก็โดนกระชากคอเสื้อขึ้นจนตัวลอยจากเก้าอี้ และไม่มีใครได้ทันตั้งตัวอะไรด้วยซ้ำกำปั้นหนักๆก็ตั๊นเข้าที่หน้าศรศิลป์อย่างแรงหนึ่งครั้งทำให้ร่างใหญ่ๆเซจนเกือบล้มลงบนพื้นแข็งๆในร้านเหล้า
นักท่องราตรีที่นั่งอยู่ในร้านก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย พากันตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ศรมึงเป็นไรมั้ย?” ทอมวิ่งเข้าไปดูรุ่นน้องตัวเอง พร้อมกับพยุงให้น้องมันยืนดีๆ
“ไอ้เหี้ยบอย!” คนโดนต่อยตะโกนเสียงดังลั่น เลือดในกายร้อนผ่าว อารมณ์โมโหกำลังเดือดปุดได้ที่ เสี้ยววินาทีหลังจบประโยค เด็กตัวสูงก็วิ่งเข้าใส่คู่อริทันที ทอมที่รั้งไว้ก็รั้งไม่อยู่เพราะศรแรงเยอะเกินไป ยิ่งเลือดขึ้นหน้าแล้วยิ่งห้ามไม่ได้
ไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรกัน แต่ตอนอยู่ในมหาลัยเคยได้ยินข่าวมาบ้าง มันไม่ค่อยพ้นเรื่องไหนหรอกนอกจากผู้หญิง
หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้
ผลัวะ!
พลั่ก!
เสียงกระทบกระแทกของการต่อยตีเสียงดังลั่น เพลงในร้านถูกปิดลง ทอมและเพื่อนพยายามเข้าไปห้ามไม่ให้มีเรื่องกันมากกว่านี้ พี่ๆเพื่อนๆของมันที่อยู่ในวงดนตรีก็รีบมาดูมันเช่นกัน ไม่มีใครห้ามศรศิลป์ในตอนนี้ที่กำลังโมโหถึงขีดสุดได้
ศรไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย เป็นบอยต่างหากที่อยู่ในสถานะนั้น
สองสามนาทีได้ที่มะรุมมะตุ้มกันอยู่อย่างนั้น ศรมีรุ่นพี่อย่างทอมคอยห้ามจนโดนลูกหลงไปด้วย หนึ่งหมัดของใครก็ไม่รู้ ไม่ศรก็บอยประทับที่หน้าเขาเต็มๆ
สัดเอ้ย!
นี่สินะรสชาติของการโดนต่อย เมื่อวานไอ้หมอนั่นมันคงรู้สึกแบบนี้ รู้สึกเหมือนเวรกรรมกำลังตามสนองจริงๆ
“หยุด!” เสียงการ์ดจากหน้าร้านวิ่งเข้ามาพรึบพรับประมาณสี่คนได้ การ์ดหุ่นยักษ์ทั้งสี่จับสองคนแยกออกจากกันได้ในที่สุดถึงมันจะยากมากก็ตามที ศรดูไม่เจ็บอะไรมาก ต่างจากบอยที่สภาพย่ำแย่เกินทน…
หยอดน้ำข้าวต้มอีกนานเลยน้องเอ๋ย…
อีกด้านหนึ่ง…
Rrrrrr
สี่ทุ่มโดยประมาณ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขณะที่คุณนิวกำลังนั่งจมอยู่กับงานตรงหน้า เด็กหน้าซื่อที่กำลังนั่งเฝ้านายของตัวเองอยู่ใกล้ๆก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่งัวเงีย ผมเผ้าชี้ฟูไปหมด
“ไปนอนในห้องเถอะน่าน” เป็นเพราะสงสารเลยไล่ให้เข้าไปนอนในห้องก่อนที่จะกดรับสาย เจ้าตัวเลยลุกจากพื้นเดินเข้าไปในห้องด้วยสภาพเซซ้ายเซขวาของคนเพิ่งตื่นนอน
เด็กน่านชอบมานั่งเงียบๆเฝ้าเขาตอนทำงานเพราะกลัวว่าคุณนิวจะเรียกใช้ หรือขาดเหลืออะไรจะได้ทำให้ ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่ต้องแต่เด็กมันดื้อด้านผลเลยเป็นอย่างที่เห็นนี้ ก็นะ…ไม่รู้จะทำยังไง
‘ครับน้าออง?’ เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรมา เซนส์บางอย่างของเขามันก็ร่ำร้องว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ
‘ได้ครับ…เดี๋ยวผมจัดการให้’ เสียงของปลายสายที่โทรมาขอร้องอ้อนวอนพร้อมกับการสะอื้นไห้ เป็นเดือดเป็นร้อนให้เขาต้องรีบคว้ากุญแจรถที่วางไว้ข้างๆมาถือไว้ในมือ ก่อนจะหยิบฮู้ดที่ถูกเก็บไว้อย่างดีอยู่ในตู้เสื้อผ้ามาสวมใส่ทับสภาพที่เตรียมพร้อมจะเข้านอนของตัวเอง
ปอร์เช่คันสวยถูกเหยียบเร่งความเร็วในระดับหนึ่งจากที่เคยใช้ แต่ก็ไม่อยากจะเร็วกว่านี้เพราะกลัวโดนใบสั่งจะส่งตามหลังมา เป็นเพราะถนนตอนกลางคืนค่อนข้างโล่งเยลมาถึงที่หมายในเวลาไม่ถึงสิบหานาที
ที่หมายที่ว่านี้ก็คือสถานีตำรวจ
ช่วงขายาวก้าวเดินฉับๆด้วยความเร่งรีบ สีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด รอบกายเหมือนกำลังแผ่ไอเย็นของความน่ากลัวออกมาจนน่าขนลุก
“ผมเป็นพี่ชายของศรศิลป์” เสียงทุ้มพูดขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาข้างในแล้วเจอเจ้าหน้าที่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ในโรงพักพร้อมกับเพื่อนของเขาอีกสองคนที่เจอในเมื่อวาน ที่พูดขอโทษแทนเพื่อนก่อนจะลากออกไป
หึ… คุณากรยกยิ้มที่มุมปาก
เมื่อวานที่ร้านเหล้า วันนี้ที่สตาร์บัค และวันเดียวกันอีกที่โรงพัก
เจอกันครั้งที่สามจนได้นะทอม
แต่เดี๋ยวก่อน… ขอสะสางเรื่องของน้องชายตัวเองก่อนแล้วเรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง เพราะเจอกันถึงสามครั้งแล้วเขาจะได้ทำอะไรๆ อย่างที่คิดไว้สักที
ทอมที่เพิ่งเห็นว่าใครที่พรวดพราดเข้ามาใหม่ก็ตกใจจนลุกขึ้นจากเก้าอี้ หน้าตาดูอึ้งๆ เพื่อนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็ไม่ต่างพากันสะกิดขากันไปมายิกๆ คิดว่าตัวเองฝันไปหรือไม่ก็ตาฝาด เพราะว่าคนที่สวมฮู้ดสีดำมีรอยม่วงๆช้ำอยู่ตรงมุมปาก เขาอยู่ในชุดพร้อมนอนนั้นดันเป็นคนเดียวกับที่ไอ้เพื่อนบ้าพลังไปมันต่อยหน้าเขาเมื่อวาน
และเป็นแฟนใหม่เค้ก…
ซวยแล้วถ้ามันเอาเรื่องขึ้นมาล่ะก็… พ่อรู้เข้าก็ซวยแน่ๆความฉิบหายก็จะมาเยือนแบบเต็มรูปแบบแถมยังเป็นคนเริ่มก่อนอีกด้วย ความฉิบหายมีกี่ครั้งก็คูนสองมันเข้าไป
แต่ยังไงก็ช่าง…คนอย่างไอ้ทอมไม่เคยกลัวใครเว้ย!(นอกจากพ่อกับแม่)
เพราะงั้นทอมเลยเลือกที่จะอยู่ก่อนรอดูน้องเทคของตัวเอง เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่เคยทิ้งพี่ทิ้งน้องทิ้งเพื่อนนะพูดเลย
แต่เรื่องเหี้ยๆที่สอดแทรกกับความตกใจเกิดขึ้นหลังจากนั้น เมื่อทอมรู้ว่าน้องเทคของตัวเองเป็นน้องชายของไอ้หน้าหล่อคนนั้น ทอมแทบล้มทั้งยืน เอามือกุมหน้าอกพร้อมกับดมยาดมแต่ก็ยังคงพยายามเชิดหน้าสู้เหมือนไม่กลัวความผิดของตัวเอง
ศรถูกประกันตัวออกมา พี่ชายเจ้าตัวโทรเรียกทนายให้มาเคลียร์ทุกอย่างให้และก่อนที่ศรมันจะเดินออกไปจากโรงพักได้ยินเสียงทะเลาะกันกับพี่ชายคนนี้ด้วย
อืม...รุนแรงพอตัว
ทอมไม่ได้ถามอะไรมากนักเขากับเพื่อนอีกสองคนรับหน้าที่ขับรถพาน้องมันส่งที่บ้านก็เท่านั้น แต่ก่อนออกมาจากโรงพักเขาดันเจอกับสายตาแปลกประหลาดนั่นของพี่ชายไอ้ศรจนมาถึงตอนนี้ทำให้ทอมรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างช่วยไม่ได้
เซนส์มันบอกกว่าเหมือนกำลังจะมีความฉิบหายเข้ามาเยือนในชีวิตยังไงก็ไม่รู้…
โปรดติดตามตอนต่อไป...
นาทีนี้อยากได้น้องศรเป็นผัวมาก เดือนวิศวะไม่เอาจะเอาเดิือนมหาลัย เจ้าของห้างก็ไม่เอาจะเอาน้องศร!!