ตอนที่สิบ : คืนร้อน…เพราะไฟดับ !
เมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจากจบสงครามเเล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็ล้มตัวลงนอนเเผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างหมดแรง ส่วนคุณนิวนั้นได้แผลมาเต็มๆเพราะเล่นกันเเรงเกินไป เจ้าเด็กยักษ์บ้าจี้เลยเผลอถีบเข้าเสียเต็มรักทำเอาคุณนิวถึงกับตกเตียง
ทีเเรกก็คิดว่าคุณนิวจะโกรธ เเต่ก็เปล่าเลย เมื่อเจ้าเด็กยักษ์รีบลงไปดูคนโดนถีบตกเตียงด้วยเร็วรี่ เเละช่วงจังหวะหนึ่งที่เขาทั้งคู่ได้สบตากัน แค่เพียงเสี้ยววินาที เสียงหัวเราะจากคนทั้งคู่ก็ดังลั่นห้อง
นั่นเป็นอีกครั้งที่คุณนิวได้ร่วมเตียงเดียวกับเจ้าเด็กยักษ์ และเป็นอีกครั้งที่เขาหลับไปโดยมีใครสักคนอยู่ข้างๆ คนข้างๆก็เป็นคนที่เขาถูกใจ
เช้านั้นที่ตื่นขึ้นมาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดีมากกว่าวันไหนๆ ไม่ต้องข่มตาหลับเหมือนทุกคืน เพราะอาการนอนไม่หลับที่มีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ถ้าเปรียบชีวิตให้เหมือนสี ของคุณนิวคงไม่พ้นเฉดสีเทา ความเทานั้นเกือบขาว มันเป็นความจือชืดไม่มีสีสรรค์ และคุณนิว… ไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าตั้งเเต่มีทอมเข้ามาในชีวิต สีเทาเกือบขาวแสนจืดชืดของเขากำลังถูกสีสันสดใสแปดเปื้อนที่ละนิดที่ละน้อย
เเรกเริ่มเดิมทีอาจจะเพราะถูกใจ เเต่เขาไม่เคยรู้ใจตัวเองเลยว่ามันกำลังจะรู้สึกมากกว่านั้นเข้าไปทุกที
แต่สุดท้ายแล้วเขาจะไม่มีวันได้รู้เลยถ้ายังปล่อยให้ความคิดบ และความรู้สึกบางอย่างครอบงำจิตใจอยู่อย่างนี้
ใช่…
จะไม่มีวัน
“น้องทอม” หลังจากที่คุณนิวออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่หยดน้ำเกาะตามลำตัวเขาก็ตรงดิ่งมาที่เตียงพร้อมทั้งเอ่ยปากเรียกคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องตรงหน้า
ที่ต้องออกมาในสภาพนี้ก็เพราะว่าเมื่อคืนเขาเผลอหลับเเบบจริงจัง ทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ ว่าจะมาขอยืมเสื้อผ้าเจ้าเด็กยักษ์ใส่ก่อน
คิดเเล้วก็น่าอาย… เพราะความคิดที่ผุดขึ้น เลยทำให้คุณนิวหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ในความน่าอายของตัวเองที่เผลอหลับไปง่ายๆทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ
“น้องทอมครับ” เมื่อปลุกเจ้าเด็กยักษ์ครั้งแรก แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา คุณนิวก็เลยต้องเรียกเจ้าเด็กยักษ์อีกเป็นครั้งที่สอง
“อือออออ” เจ้าเด็กยักษ์ส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอด้วยความขัดใจ พร้อมกับพลิกตัวไปมาราวกับว่าขี้เกียจเต็มที แม้แต่ลืมตาก็ทำให้ไม่ได้
ไม่ถึงสามนาที ท้ายที่สุดก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาแม้ว่าจะง่วงขนาดไหนก็ตาม เพราะหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามร่างกาย ตามศีรษะของคุณนิวที่กำลังหยดลงตามตัวเเละใบหน้าของทอม ปลายจมูกของพวกเขาปัดป่ายกันไปมาเนื่องจากว่าระยะห่างนั้นมีน้อยมากและทั้งหมดนั้นก็มาจากความจงใจของคุณนิวล้วนๆ แต่ที่ทำเพราะแค่อยากจะเเกล้งเจ้าเด็กยักษ์ก็เท่านั้น
“เหี้ยยยยยยย” ทันเท่าความคิด เมื่อสมองประมวลผลเสร็จเเล้ว สวนสัตว์จึงเปิดทำการทันที เเละประเดิมด้วย ‘เหี้ย’ เป็นตัวเเรก
เท่านั้นยังไม่พอ ทอมต้องออกเเรงผลักอกคุณนิวด้วยเเรงทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกันขนาดนี้
คนขี้เเกล้งยอมผละออกมาอย่างง่ายดาย เพราะไม่อยากถึงเนื้อถึงตัวเจ้าเด็กยักษ์มากนัก เดี๋ยวไก่จะตื่นเอาได้ เเค่นี้มันก็มากพอเเล้ว
คุณนิวเผลอระบายรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความสุข เเต่กลับกันทอมนั้นหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะการกระทำของอีกคน เป็นเพราะว่าไม่เคยได้เข้าใกล้ผู้ชายคนไหนในลักษณะเเบบนี้มาก่อน เเม้เเต่ไอ้เพชรที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันก็ไม่เคยอย่างน้อยก็แค่กอดคอ ออยเเดนยิ่งเเล้วใหญ่ เพราะมีเเต่มันสองคนที่ใกล้ชิดกันเอง
“ทำเหี้ยไรเนี่ย?” ทอมถามด้วยความไม่พอใจ เเต่เจ้าตัวจะรู้มั้ยนะว่าผิวขาวๆบนใบหน้ากำลังขึ้นสีเเดงระเรื่ออย่างกับลูกตำลึงสุก
“ก็ปลุกไงครับ” เสียงทุ้มตอบกลับไปด้วยความราบเรียบเเต่ก็ยังคงระบายรอยยิ้มน้อยๆออกมาด้วยความชอบใจ เพราะท่าทางของเจ้าเด็กยักษ์ในตอนนี้ ขี้แมลงวันที่ปลายจมูกนั้นน่ากัดให้จมเขี้ยวเสียจริง
“ปลุกบ้านมึงเขาปลุกกันเเบบนี้เหรอ” ครั้งนี้ทอมลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับเผชิญหน้ากับคุณนิวที่ตอนนี้กำลังยืนยิ้มค้ลายกับคนบ้าอยู่ข้างเตียง
หนำซ้ำคนบ้าในตอนนี้ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอีกด้วย เขามีเเค่เพียงผ้าขนหนูที่พันรอบเอว
รู้หรอกว่าเว้ยว่าหุ่นดี! เรียนจบเมื่อไรเดี๋ยวจะไปฟิตหุ่นให้เเซ่บกว่าคอยดู
พอเห็นร่างกายคุณนิวแบบเต็มๆตาเจ้าเด็กยักษ์เลยอดเปรียบเทียบกับตัวเองที่ไม่ได้ เพราะตอนนี้หุ่นของอตัวเองนั้นเริ่มจะเหมือนหมีเข้าไปทุกวัน
“ทีเมื่อคืนน้องทอมยังปลุกพี่เเบบนี้เลย”
ไอ้ฉิบหายยยยยย
ทอมถึงกับร้องโอดครวญอยู่ภายในใจเพราะความหน้ามึนของคนอายุเยอะตรงหน้า
“เเล้วมีไร ปลุกกูเเต่เช้าเลยมันใช่เวลาตื่นมั้ย?” ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นล่ะน่าดูเเน่!
“พี่เเค่จะขอยืมเสื้อผ้าเปลี่ยนไปก่อน”
ไอ้ห่าเอ้ยยยยย อยากใส่ตัวไหนก็ใส่ไปสิวะ จะมาขอทำสากกะเบืออะไรเล่า !
“เออ ตามสบายอยากทำไรก็ทำ” เมื่อจบประโยคเเล้วเจ้าของห้องก็กำลังจะล้มตัวลงนอนต่อ
“เเล้วจะออกไปพร้อมพี่เลยมั้ยครับ” เพราะกลัวว่าเจ้าเด็กยักษ์ของเขาจะเจอเข้ากับอดีตเพื่อนรัก คุณนิวเลยอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความใส่ใจ
เเถมมันยังเป็นความใส่ใจเล็กๆน้อยๆที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังยิบยื่นไปให้น้องทอม เเละไม่รู้ว่าให้ไปตั้งเเต่เมื่อไร เพราะนอกจากเพื่อนเเละคนในครอบครัวเเล้ว เขาก็ไม่เคยให้ใครอีกเลย
“ทำไมต้องออกไปพร้อมกัน ? เดี๋ยวเจอกันตอนเย็นก็ได้”
“ไม่กลัวเจอหน้าเพื่อนคนนั้นเหรอครับ?”
พอได้ฟังคุณนิวพูดเจ้าเด็กยักษ์ถึงกับทำหน้าครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาว่า “เอออ ไปกับมึงก็ได้
เเละนอกจากคุณนิวจะห่วงเจ้าเด็กยักษ์เเล้วเขายังห่วงอีกว่า เด็กจะเบี้ยวข้อตกลง เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าเเก้ เขาเลยต้องพาเจ้าเด็กยักษ์ไปส่งไว้ที่คอนโดตัวเอง ถึงเเม้ไม่ว่ายังไงทอมก็หนีเขาไม่พ้นก็ตาม
: )
.
เมื่อเช้าขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ เจ้าเด็กยักษ์ตัวแสบถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองก็มีรถ ทำไมต้องทำให้อื่นให้ลำบากด้วย เนื่องจากคุณนิวเขาก็มีหน้าที่ที่ต้องทำเหมือนกัน ตอนนั้นเลยเกิดอาการเปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะเจ้าเด็กยักษ์บอกว่าเดี๋ยวจะขับรถไปเอง
และคุณนิวก็ขัดไม่ได้อีกต่างหาก เลยปล่อยให้เจ้าตัวทำตามใจชอบเพราะไม่ว่ายังไงน้องทอมก็ต้องไปอยู่กับเขาที่คอนโดอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กยักษ์จะอยู่กับเขาไปถึงเมื่อไร เพราะน้องมีสิทธิ์เลือกทุกเมื่อเชื่อวันว่าจะกลับมาอยู่ห้องตัวเองเมื่อไรก็ได้ และยิ่งถ้าน้องทำใจ ปลงเรื่องเพื่อนคนนั้นได้เมื่อไร ก็ยิ่งจะโนสนโนแคร์และกลับไปอยู่ที่ตรงนั้นได้โดยไม่ต้องคิดอะไร
แต่เชื่อเถอะ…เสือเจ้าเล่ห์อย่างคุณนิวไม่มีทางปล่อยให้เหยื่อชิ้นใหญ่นี้หลุดมือไปง่ายๆหรอก เพราะเขาคิดอยู่ในหัวตลอดเวลาว่าจะทำยังไงให้น้องอยากอยู่เพราะ ว่าอยากอยู่เอง
ทั้งคู่แยกกันตรงลานจอดรถที่หอของทอม เส้นทางของทั้งสอคือคนละทาง คุณนิวไปทำงานส่วนน้องทอมก็มีโปรแกรมว่าจะไปหาเพื่อนรักทั้งสอง ออยกับแดน ซึ่งทอมขอเดาว่าสองคนนั้นยังไม่ตื่น เพราะตอนนี้มันเป็นเวลาที่เช้ามากๆและมันก็เป็นเวลาที่ทอมยังไม่ตื่นเช่นกัน แต่เพราะใครบางคนที่ตื่นเช้ากว่าดันมาปลุกไม่รู้เวลาล่ำเวลา
วันหยุดใครเขาตื่นเช้ากัน เขาตื่นตอนเย็นนู๊นนนนนน ตอนแรกก็อยากด่าให้ใจขาดดิ้น แต่พอดึงสติ ตัวเองกลับมาแล้วก็คิดว่าดีเหมือนกัน เพราะถ้าเขาไม่ได้ออกไปพร้อมกับคุณนิวแล้วเจอกับอดีตเพื่อนรักเข้ามันคงไม่เวิร์คเท่าไร เพราะฉะนั้นเลยยกโทษให้แคเพียงครึ่ง อีกครึ่งเป็นความหงุดหงิดที่ต้องตื่นแต่เช้าก็แล้วกัน เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกเอาเรื่อง
ทอมเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคุณนิวถึงยังตื่นเช้าได้ขนาดนี้ ถึกจริงๆ ทั้งที่ดูจากสารรูปแล้วไม่น่าจะเป็นคนถึกได้ขนาดนี้ เนื่องจากท่าทางดูเป็นคนเหยาะแหยะ เป็นคุณชายเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างไรก็ไม่รู้ แต่ก็นะ… คนเราไม่ตัดสินกันแค่ภายนอกไม่ได้นี่นะ เพราะทอมชอบโดนคำสอนนี้กรอกหูมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโตจากพี่ทับทิมคุณแม่ว่าอย่าตัดสินคนที่ภายนอก เพราะเราไม่ได้เป็นบรรทัดฐานของโลกใบนี้
จะว่าไปคุณนิวเขาก็ดีเหมือนกัน ถ้าตัดเรื่องความหน้ามึน และเรื่องที่ชอบบังคับกันแบบนุ่มนวลออกไปได้มันจะดีมาก !
จนถึงตอนนี้ทอมรู้แล้วว่าคุณนิวเป็นพวกหว่านล้อมเก่ง บางครั้งก็ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกมาแต่ก็ตอบตกลงไปแล้วอย่างงงๆ
แล้วก็อีกเรื่องเลยที่ยังรู้สึกว่ายังไงก็ยอมตัดออกจากใจไม่ได้ นั่นก็คือเรื่องของเค้ก เพราะทอมรักเค้ก แต่ก่อนทอมมีคนคุยเยอะแยะ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแต่เค้กเป็นคนแรกที่ผ่านมาแล้วทอมไม่อยากให้ผ่านไป เพราะฉะนั้นมันเลยยากที่จะตัดใจ
เขาดูเหมือนไม่ได้คิดเรื่องเค้กแล้ว ใช่… เขาไม่คิด แต่มันก็ต้องผ่านการใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะไม่ให้ตัวเองคิด บางครั้งที่ความคิดเรื่องของเค้กผุดขึ้นมาเขาเเทบจะกระอักเลือดตาย เเต่ไม่ส่าจะรู้สึกเหมือนตายยังไงก็ต้องปกปิดไว้ไม่อยากให้ใครรู้
นี่เลยเป็นข้อสุดท้ายที่ติดอยู่ในใจ ทำให้ทอมไม่สามารถมองคุณนิวในแง่ที่ดีได้เลย เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทอมเองเริ่มเกิดความย้อนเเย้งในใจว่า คุณนิวก็ไม่ได้เเย่เสียทีเดียว เลยเกิดเป็นข้อถกเถียงขึ้นมาในใจเงียบๆว่า ‘สรุปเเเล้วจะมองเขาเป็นคนยังไงดี?’
นั่นเป็นหัวข้อที่ทอมเฝ้าถามตัวเองตั้งเเต่เช้าจนถึงตอนนี้ “ทอมเย็นนี้เเดกไรดี?” ตอนที่พระอาทิตย์ตกดิน เเละท้องของเพื่อนทั้งสองเริ่มประท้วงว่า ‘หิวเเล้ว’ ออยถึงได้เอ่ยปากชวน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเรียนเล่มหนาในรอบหลายชั่วโมง
“ไม่รู้ว่ะ…” ทอมพูดเสียงเบา ทั้งที่ยังคงจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้า
“เนื้อย่างมะ!” พอตอบไปว่า ‘ไม่รู้’ เเค่เพียงเสี้ยววินาที สมองก็นึกไอเดียดีๆออกมา ว่าจะไปกินเนื้อย่างกันดีหรือเปล่า?
“ก็ดีนะ เรียวลิ้นกูไม่ได้สัมผัสสามชั้นย่างหอมๆนานแล้ว” ออยว่าอย่างนั้น พร้อมกับทำท่าประกอบราวกับว่าทางโหยหามันมานานแสนนาน
“บุฟเฟต์มั้ย? หรือยังไงดี?” ออยตั้งคำถาม
“เนื้อย่างก็เนื้อย่างสิวะ ไม่ได้อยากกินบุพเฟต์” แต่ทอมก็เกิดคำค้าน เพราะสำหรับทอมแล้วเนื้อย่างก็คือเนื้อย่าง บุพเฟต์ก็คือบุพเฟต์ ถึงมันจะย่างเหมือนกัน ใช้กระทะเหมือนกัน แต่อรรถรสและรสชาติมันโคตรต่างกัน
“กูอยากกินบุพเฟต์ว่ะ…กลัวไม่อิ่ม” ออยหน้าหงอลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเจ้าตัวคิดว่าไปบุพเฟต์มันมีตัวเลือกให้เยอะกว่า
“แต่กูอยากกินเนื้อย่าง” ทอมว่าเสียงแข็ง และศึกครั้งนี้เขาไม่เป็นคนแพ้เด็ดขาด ถึงแม้ว่าออยมันจะมีแดนคอยเข้าข้างอยู่ตลอดเวลาก็ตาม !
“ไอ้เหี้ยทอมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
“เอออ กูเหี้ยทอมเอง มึงมีไรครับไอ้สัดออย” ความหยาบคายเริ่มเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองคนเริ่มจะมีความเห็นต่างในความคิดว่าจะกินอะไรดี
“แดนนนนนนนนนนมึงดูไอ้ทอมดิ” เพราะรู้ว่าตัวเองต้องสู้ทอมไม่ได้แน่ๆ เจ้าเตี้ยที่สุดในกลุ่มจึงต้องหันไปพึ่งเพื่อนรักหักสวาทที่นั่งเงียบๆ อย่างไม่คิดจะห้ามหรือมีความเห็นใดๆ
“ทอมมึงก็ตามใจมันหน่อยดิ…” ว่าจะไม่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูด จริงๆแล้วแดนยังไงก็ได้แต่ไอ้เตี้ยข้างๆนี่ดันทำหน้าตาเป็นหมาหงอจนน่าสงสาร
“ไม่ !” แต่มีเหรอที่ทอมจะยอม คนอย่างไอ้ออยน่ะทำหน้าหงอแล้วเห็นผลได้แค่กับแดนเท่านั้นแหละ เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นกับทอมแน่
“ไอ้สัด” ‘สัด’ คำใหญ่ๆหลุดออกมาจากปากออย พร้อมกับพุ่งกระแทกหน้าทอมเข้าอย่างจัง
“เออ กูสัด ! งั้นก็แยกกันแดกจะได้จบๆ” กินคนเดียวก็ได้วะ… ไม่ตายหรอก
“โว้ยยย ไอ้พวกเหี้ย แค่เรื่องกินหมูกระทะกับบุพเฟต์ก็เอามาเป็นประเด็นกัน ไอ้ฉิบหาย!” ก่อนที่เพื่อนจะโวยวายกันไปมากกว่านี้ แดนจึงต้องชิงพูดขึ้นก่อนเพื่อตัดความรำคาญที่กำลังก่อเกิด
“โอเคงั้นแยกกันกินนะ” ทอมสรุป
“ไม่เอาน่า” แดนพูดกับทอม ประโยคถัดไปเขาหันไปพูดกับแดน “ไอ้ออยมึงอย่าเรื่องมาก” จากตอนแรกที่เข้าข้างออย แต่ดูท่าแล้วคนหัวแข็งมากกว่าจะเป็นทอม แดนเลยต้องยื่นข้อเสนอ “ถ้ากลัวแดกไม่อิ่ม ตัวเลือกน้อยเดี๋ยวกูพาไปหาอะไรกินก็ได้”
เฮ้อ…อยากจะถอนหายใจวันละหลายล้านรอบกับเพื่อนคนนี้ ที่ต้องตามใจประหนึ่งว่าเป็นเมีย
“ตะ…”
“ไม่มีแต่ แล้วรีบใสหัวไปร้านเนื้อย่างกันสักที กูหิวจนจะแดกหัวมึงได้แล้ว” จากตอนแรกเป็นศึกระหว่างทอมกับออย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศึกของออยและแดนไปเสียแล้ว เพราะสองคนนี้กำลังจะแดกหัวกันอยู่รอมร่อ
เมื่อทุกอย่างเคลียร์แล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มถูกความมืดเข้าปกคลุมถึงเวลาที่สามหนุ่มต้องออกไปร้านเนื้อย่าง เพราะเสียงท้องร้องในกำลังร้องประท้วงประหนึ่งว่าฟ้าผ่า ทอมขับรถมาต่างหากเพราะเขาต้องกลับไปที่คอนโดของคุณนิว ส่วนออยและแดนนั้น แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกัน
“สวัสดีค่ะ ลูกค้ากี่ที่คะ?” เด็กเสิร์ฟสาวหน้าตาน่ารักเดินมาถาม เมื่อเห็นว่าลูกค้าโต๊ะใหม่กำลังเข้า
“สามครับ” ทอมตอบพร้อมกับเดินหาที่นั่ง และโต๊ะที่เขาเลือกก็เป็นโซนด้านหน้าร้าน บริเวณนี้เปิดโล่งไม่มีหลังคายื่นออกมา ทำให้รับลมเย็นๆที่กำลังพัดเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านร่างใหญ่สร้างความสบายตัวให้คนขี้ร้อนได้เป็นอย่างมาก
“รับชุดเล็กหรือชุดใหญ่ดีคะ?”
“เอาชุดใหญ่สอง แล้วก็ชุดแถมขอเป็นสามชั้นล้วน เครื่องดื่มเอาเป็นโค้กแล้วก็น้ำเปล่าสองขวด” ทอมสั่งอย่างรู้งาน เมื่อพนักงานเดินออกไปออยและแดนก็เดินเข้ามา
“สั่งยัง?” ทั้งสองนั่งลงฝั่งเดียวกัน เพราะเก้าอี้เป็นเก้าอี้แบบยาว ซึ่งทางฝั่งที่ทอมนั่งอยู่นั้นบอกเลยว่าเหลือพื้นที่เยอะมาก
“สั่งแล้วสิ รอมึงสองคนคงไม่ได้กินหรอก”
Rrrrrrr
ทอมว่าอย่างนั้น แต่ก่อนที่ออยหรือแดนจะได้เอ่ยปากพูดขึ้น เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยก็ส่งเสียงร้องเตือนว่ามีคนโทรมา
“ว่าไง?” ไม่ปล่อยให้ปลายสายรอนาน แค่เพียงเสี้ยววินาทีทอมก็กดรับ เพราะชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอนั้นขึ้นว่า ‘ไอ้ลูกหมา’
[น้องทอมอยู่ไหนครับ?]
“ทำไมอ่ะ มีไร ?” แทนที่จะตอบคำถาม แต่กลายเป็นทอมที่ถามกลับ
[พี่ว่าจะชวนทานข้าว]
“ไม่ได้ว่ะ ตอนนี้อยู่ร้านเนื้อย่าง”
[อืม…น่าเสียดายจังเลยนะครับ] ในประโยคนี้เสียงของคุณนิวอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ฟังแล้วดูหงอมากๆ จนอยากรู้ว่าหน้านิ่งๆอย่างเขา ตอนนี้กำลังหงอเหมือนกับเสียงที่เปล่งออกมาหรือเปล่า
“เออ โทษทีมึงม้าช้าอ่ะ ไปหาอะไรกินเองก็แล้วกัน”
[ครับ…] คุณนิวตอบรับแค่เพียงสั้นๆ และกดวางสาย และมันมีชั่วขณะหนึ่งที่ทอมรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็พยายามบอกตัวเองอยู่ในใจว่าคุณนิวโทรมาช้าเอง เราไม่ได้มีนัดกันมาก่อน เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย
“ใครวะมึง?” เป็นเพราะทนความสงสัยของตัวเองไม่ไหวออยเลยเอ่ยปากถามออกไปด้วยความอยากรู้
“เออ ไว้เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ไม่ใช่ว่าไม่อยากเล่า แต่เพราะขี้เกียจที่จะนั่งสาธยายทอมเลยขอเลี่ยงที่จะพูด และอีกอย่างทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าทอมต้องไปอาศัยที่คอนโดคุณนิว และถ้ารู้ทั้งสองคนก็จะเกิดคำถามขึ้นอีกมากมาเช่น ว่าทำไม? ไหนว่าไม่ชอบ? ไหนว่าคนนี้แฟนใหม่เค้ก? และอีกบลาๆๆ ซึ่งทอมขอไม่สู้ในการตอบคำถาม ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวโดนล้อหรืออะไร แต่มันขี้เกียจมากจริงๆ และนิสัยข้อนี้มันก็แก้ไม่หายเสียแล้ว
อ่านต่อข้างล่างนะคะ