★☆ คุณากร ★☆ตอนที่สิบ :คืนร้อน...เพราะไฟดับ!(UP 28/7/61)อัพเเร้วมาอ่านกันเร้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★☆ คุณากร ★☆ตอนที่สิบ :คืนร้อน...เพราะไฟดับ!(UP 28/7/61)อัพเเร้วมาอ่านกันเร้ว  (อ่าน 8879 ครั้ง)

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 









:mew3:      :mew3:      :mew3:      :mew3:      :mew3:      :mew3:





★ ☆คุ ณ า ก ร★ ☆





start : 29/1/61



Matcha_Latte :)

twitter: @blueeyesismine
     

#คนของคุณากร
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2018 01:24:44 โดย Matcha_Latte »

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

บทนำ




     “ทอม…”  เสียงน่ารักที่มักจะได้ยินบ่อยๆดังขึ้นขณะที่เจ้าของชื่อมัวแต่เล่นโทรศัพท์ ไม่ได้ให้ความสนใจคนข้างๆสักเท่าไร อาจจะเพราะเนื้อหา หรืออะไรบางอย่างในโทรศัพท์เครื่องนั้นมันน่าสนใจไปหน่อย และมันคงต้องน่าขำมากแน่ๆ เพราะคนที่อ่านมันก็เอาแต่อ่านไปยิ้มไป


     “อะไรเค้ก?”  เลยถามกลับไปทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยสักนิด เสียงหัวเราะในลำคอก็ดังออกมาขณะที่แฟนสาวกำลังจะอ้าปากพูด ทำให้เธอรู้สึกเสียอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าแฟนหนุ่มที่โคตรจะชอบละเลยเธอไม่เคยรู้ และไม่คิดจะรู้อะไรเลย 


     ง่ายๆคือเขาไม่สนใจใครนอกจากเพื่อน เที่ยว และดูบอล 

     และอยากถามมานานแล้วว่าถ้าทำอย่างนี้จะคบเธอไว้ทำไมกัน ถ้าจะปล่อยให้เหงาขนาดนี้ไม่ต้องมีมันก็ได้แฟนน่ะ! ไอ้รักมันก็รัก

     แต่ถ้ายังไม่เลิกนิสัยนี้คงไปกันไม่รอด



     และวันนี้เธอได้ตัดสินใจแล้วว่าคงถึงเวลาที่ต้องแยกทางกันสักที จบความสัมพันธ์แสนน่าเบื่อและทรมานนี่ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป

ไม่ใช่ว่าเพิ่งคิดได้แต่เพราะคิดมาก่อนหน้านี้แล้ว คงจะประมาณหนึ่งเดือนได้ แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจว่าจะพูดมันออกไป


     ไอ้คำว่าเลิกเนี่ย!


     ไหนๆก็ไม่เคยสนใจกันอยู่แล้ว ครั้งนี้เขาก็คงไม่ใส่ใจมันเท่าไรหรอก หนำซ้ำคงไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ
     หญิงสาวคิดในใจ


     “เราเลิกกันเถอะ!”  เธอพูดเสียงดังฟังชัด จนทำให้แฟนหนุ่มที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่กับบ้าบออะไรก็ไม่รู้ในโทรศัพท์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามอง


   

     เขาดูอึ้งๆหน่อย


     คงจะรู้สึกอยู่บ้างล่ะสิ  ก็ดี…เธอไม่ใช่คนที่จะบอกเลิกใครง่ายๆหากแต่ได้ลองพูดออกไปแล้วมันก็ยาที่จะรีเทิร์น  ง่ายๆเลยคือเธอง้อยากเป็นบ้า



     เดือนวิศวะที่อยู่ในเสื้อช็อปถึงกับอ้าปากหวอด้วยความงุนงง กับคำพูดเมื่อครู่ 

     คือก่อนน้านี้ประมาณเดือนที่แล้วได้ ไม่สิ… อาทิตย์ที่แล้ว เอ๊ะ!? รึจะไม่ใช่วะ

     ช่างแม่ง! วันไหนก็ช่างมันแต่คือรู้แค่ว่าก่อนหน้านี้เธอยังดีๆอยู่เลยแล้วไงวันนี้ถึงมาบอกเลิกกันได้ คบกันมาก็เกือบจะหนึ่งปีแล้ว ซึ่งก็อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เอง


     ถึงจะเป็นแฟนที่ชุ่ยแต่ก็จำวันคบรอบได้นะโว้ยยย! และยังคิดจะทำเซอร์ไพรส์ให้เธออีกด้วย


     แล้วทำไม…


     “ทำไมล่ะเค้ก” เดือนวิศวะเอ่ยถามแฟนสาวที่เป็นถึงดาวมหาลัยเมื่อปีที่แล้ว


     “ถามได้ว่าทำไม…ลองถามตัวเองดูนะทอมว่าทำไมเค้กถึงอยากเลิก”  ดาวมหาลัยขึ้นเสียงใส่ด้วยความฉุนเฉียว ที่ตอนนี้มันเริ่มประทุเข้าให้แล้ว

 

     จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักสันดานตัวเองอีกหรือไง!?



     “ถามตัวเองไปทอมก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนหรอก”  เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะกดล็อคหน้าจอโทรศัพท์และเอายัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ขาดๆของตัวเอง  เพราะตอนนี้เนื้อหาในนั้นมันไม่ได้สนุกเหมือนอย่างเดิมอีกต่อไป “สู้เค้กบอกมาเลยดีกว่า ทอมไม่ดีตรงไหนก็พูดมาจะได้ปรับปรุง” 


     “ไม่ได้หรอก…ทอมทำไม่ได้หรอก!” เธอขึ้นเสียง

     ทีก่อนหน้านี้ขอให้ทำเพื่อเธอบ้างเขายังทำไม่ได้ และไม่คิดจะทำด้วยซ้ำ! ทำไมพอตอนนี้เธอจะไปถึงได้พูดมันออกมา?


     “ไม่เอาน่าเค้ก…”  เสียงเขาอ่อนลง มันเป็นไปในทางขอร้อง


     เขารักเธอนะไม่ใช่ไม่รัก… ไม่ดีตรงไหนก็บอกกันมาสิ
     ทอมเว้าวอนอยู่ในใจ


     หัวใจเต้นแรงตุบตับเพราะความกลัว… กลัวว่าเธอจะไปจริงๆ ได้แต่เฝ้าภาวนาให้แฟนสาวแค่หาเรื่องแกล้งเขาเล่น

     โอเคว่ามันอาจจะเป็นการแกล้งที่แรงไปหน่อย แต่เชื่อเถอะเขาไม่โกรธหรอก


     “ไม่…เค้กไม่อยากทนแล้วอ่ะทอม”  เธอปฏิเสธ และสะบัดข้อมือแรงๆหนีแฟนหนุ่ม ไม่สิ…อดีตแฟนหนุ่มตรงหน้าที่กำลังจับไว้หลวมๆ “ให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะ”  เธอว่าเสียงแข็ง ก่อนจะสะบัดก้นเดินออกไปพร้อมกับความเจ็บ แต่ก็รู้สึกโล่งที่จัดการเรื่องนี้ได้



     พอกันทีความรักห่วยแตกของคนห่วยๆ!


      แต่ถึงแฟนเก่าคนนี้จะห่วยยังไง…ครั้งหนึ่งเธอก็เคยรัก


     สำหรับทอมแล้ว…ถึงเขาจะห่วยยังไงเขาก็รักเธอ


     เพราะฉะนั้น… เขาจะไม่ยอมให้เธอมาบอกเลิกเอาดื้อๆแบบนี้แน่!






     TBC.





     มันเป็นนิยายวายนะคะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด  :hao3:

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่หนึ่ง : กรุณ ก้องเกียรติ


ไม่ว่าจะสิ่งของ คน หรืออะไรก็ตามแต่ ทุกอย่างมีคุณค่าในตัวมันเสมอ

เมื่อได้มาแล้ว ควรเห็นค่าและรักษามันไว้

เพราะกฎของเวลาไม่สามารถย้อนกลับไปได้

และ โอกาสแม้จะมีให้ได้แต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะได้รับตลอดเวลา





     เกิดมาร้อยวันพันปีเพิ่งเคยจะโดนผู้หญิงบอกเลิก แถมผู้หญิงคนนี้ยังเป็นคนที่ทำให้เขาหยุดนิสัยเจ้าชู้ตัวพ่อ กะล่อนยิ่งกว่ามะม่วง (มะม่วงกะล่อน) ลื่นยิ่งกว่าปลาไหลทาน้ำมันอีกต่างหาก


     ทำไมนะทำไม…หรือผู้หญิงจะชอบคนเลว


     “ไอ้เหี้ยทอมโว้ยยยยยย!”  เสียงเอะอะดังขึ้นอยู่หน้าห้อง พร้อมกับเสียงเคาะประตูปั้งๆ เลยทำให้เจ้าใครบางคนที่กำลังนอนเป็นผักเฉาอยู่บนเตียงจำเป็นต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ เพราะถ้าพวกมันยังเคาะอยู่แบบนี้ถ้าไม่โดนไล่ออกจากหอก็อาจจะได้เมนูอร่อยๆมาทานสักสองอย่าง เช่นยำหมัดสลัดตีน!


     ห่าเอ้ย! เคาะกันอยู่นั่นแหละกลัวกูไม่รู้รึไง!?


     “มาแล้ว! จะเคาะเอาโล่เหรอ?”


     “เออก็ดี กูขอโล่แบบกัปตันเมกานะ”  ไอ้หน้ามึนประจำกลุ่มพูดก่อนจะแทรกเจ้าของห้องเข้ามาทั้งที่เขายังไม่หลบให้ ประหนึ่งว่ากลัวไม่ได้เข้า


     “ไอ้เชี่ยแดน!”  เจ้าของห้องโวยวาย เพราะโดนชนจนเกือบล้ม


     ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สักหลายชั่วโมงบอกเลยว่ามันทำอะไรผู้ชายถึกๆแบบเขาไม่ได้หรอก แต่เพราะวันนี้มันเป็นวันน้ำใบบัวบกแห่งชาติ เพราะช้ำใจจากคนรัก แข้งขาเลยอ่อนแรงเหมือนคนไม่ได้กินข้าว


     แม๊ะจ๋า… ช่วยไอ้ทอมด้วย


     มันเจ็บ


     “เป็นไงมึง”  ออยคือไอ้เกรียนประจำกลุ่ม เขาตบไหล่ๆคนที่เพิ่งอกหักมาปุๆ ก่อนจะเดินสะพายกระเป๋าเข้าไปในห้อง


     “อาการเป็นไงไหนบอกหมอสิ?”  ประตูปิดลงและเจ้าของห้องเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนขนาดหกฟุตที่บัดนี้มีเพื่อนสันดานเสียสองคนกำลังยึดครองอยู่ 
เป็นแดนที่ถามก่อนคนแรก เพราะดูจากอาการเพื่อนแล้วต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน 

     “ให้ภาพมันฟ้อง”  ไม่ใช่คนอกหักหมาดๆที่ตอบ แต่เป็นออยที่พูดขึ้น


     “แล้วมึงไปทำอิท่าไหนให้เขาบอกเลิกวะ?”  แดน


     “ไม่รู้…กูทำทุกท่า”  คนอกหักตอบเสียงอ่อย แถมยังตอบไม่ตรงประเด็นอีกต่างหาก


     “สาระ?”  ออยถามย้ำ กับมันนี่หาสาระไม่ได้เลย เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานละยังกระแดะเล่นอยู่ได้


     “ร้อยท่าห้านาทีเลยป้ะ?”  แล้วไอ้พวกห่ามหื่นด้วยกันนั้นก็ตอบโต้อย่างกับเป็นเรื่องตลก นี่มันอกหักจริงหรือจ้อจี้กันแน่วะ ก่อนหน้านี้ก็โทรไประบายอย่างกับเพื่อนสองคนนี้เป็นโถส้วม ยังไม่พอนะ  มันยังหน้าด้านอ้อนวอนขอให้พวกเขามาอีก ละดูสิ มาแล้วเป็นไง?


     “ไม่… ร้อยยี่สิบท่าห้านาที”   เจ้าตัวก็ยังคงต่อมุขให้เพื่อนเหมือนมีอารมณ์มากนัก
   
     แต่ก็เปล่าหรอก ปากพูดแต่สภาพน่ะเหมือนผักเฉาๆที่กำลังจะเน่าตาย 


     “เหยดดดด! ที่เด็ดขนาดนี้แล้วเค้กมันยังทิ้งมึงลงอีกเหรอวะ?”  แดนถาม

   
     คือจะสงสัยอะไรหนักนา? เลิกก็คือเลิกมันไม่มีเหตุผลอะไรมากหรอกนอกจากหมดรัก
     ทอมก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ เพราะแรงจะพูดออกไปยังไม่มี


     “โหไรว้า… ไอ้เสือทอมในตำนานคนนั้นมันหายไปไหนแล้ว!” เป็นออยที่พูด

     ก็เสือมันถอดเขี้ยวตั้งแต่สอยดาวจากฟ้ามาได้แล้วเว้ย!


     “กูไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทั้งที่กูไม่ได้ไปเหล่สาวที่ไหนแล้วนะ”  ทอมตัดพ้อ

      นั่นสิ…ปัญหาคืออะไร?


      “เอาจริงๆนะ…”  ออยเปรย “กูว่าเป็นเพราะมึงไม่ค่อยดูแลไม่มีเวลาให้เขารึเปล่า”


      “เออใช่…” แดนสมทบ พลางทำท่าขบคิด “ผู้หญิงน่ะนะนอกจากจะชอบคนเลวแล้วยังชอบให้ดูแลเทคแคร์อีกด้วย”


     เดี๋ยวนะ?  ไอ้ข้อหลังที่บอกว่าชอบคนดูแลเทคแคร์ข้อนั้นพอเข้าใจ แต่ที่บอกว่าผู้หญิงชอบคนเลวมันก็ไม่เสมอไปหรือเปล่าวะ?   


     กับเค้กยิ่งไม่ใช่ เพราะไม่งั้นเธอคงไม่อยากให้เลิกหน้าหม้อหรอก


     โอเค…ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เขามันคนเหี้ยจริงๆ   


     “ไม่รู้ดิ กูก็มีเวลาให้เขาตลอดนะ จนไม่มีเวลาไปร้านเหล้า ดูบอลหรือทำอะไรแล้ว” ทอมอธิบาย


     “มึงแน่ใจเหรอ…?”  ออย
 

     “ทำไมมึงถามงี้?”  ทอมเหล่ตามองเพื่อนที่นั่งข้างๆ


      “กูถามจริงๆนะ  ที่มึงบอกว่ามีเวลาให้เขาเนี่ยมันเท่าไรกัน?”


     “ก็…วันสองวันเจอกันทีก็ประมาณสามสี่ชั่วโมง”


     “แล้วมึงได้คุยโทรศัพท์กับเขาหรือตอบแชทบ้างรึเปล่า?” ออย


     “มีบ้างแต่ไม่บ่อย มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบอะไรแบบนี้แต่กับเค้กเนี่ยกูยอมสุดๆแล้วนะเว้ย!”    เจ้าตัวแย้งขึ้น


     “นี่มึงไม่รู้ตัวจริงๆเหรอวะ?”  เพื่อนคนเดิมยังคงเป็นคนถาม อีกคนก็นั่งเท้าคางฟัง ส่วนทอมก็มีแค่หน้าที่ตอบและคิดทบทวนการกระทำของตัวเองเท่านั้น


     “ทำไมวะ?”  เขานึกไม่ออก เอาจริงๆเรื่องไม่ดีมันก็มีแค่ความเจ้าชู้ลื่นเหมือนปลาไหลของเขานี่แหละ ถ้านอกจากข้อนี้แล้วก็คิดว่าไม่น่าจะมีข้อไหนอีก


     “ก็มึงไม่เคยดูแลหรือสนใจเขานี่ไง…เอาจริงๆมึงก็เที่ยวก็ดูบอลหรือไม่ก็ไปกับพวกกูบ่อยจนเหมือนไม่มีเวลาให้เค้กแล้วเนี่ย”


     “กูเป็นงั้นเหรอวะ?”  สีหน้าของทอมจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด 

     ไม่น่าล่ะทำไมหลังๆมานี้ถึงได้ทะเลาะกันบ่อยนักเรื่องไปเที่ยว เรื่องตั่งต่าง เค้กชอบขัดเสมอเวลาบอกว่าจะไปนู่นนี่นั่น 


      “ไม่เชื่อมึงก็ถามไอ้แดนดิ” ออยบุ้ยหน้าไปทางแดนที่กำลังนั่งเท้าคางตั้งใจฟัง เพราะคนอย่างเขาแล้วเรื่องความรักคงปรึกษาอะไรไม่ได้ ทำเป็นแค่รับฟังอย่างเดียว


     “จริงเหรอวะแดน?”  เหมือนคนผิดจะไม่รู้ตัว เขาถามเพื่อนเหมือนไม่เชื่อ


     “เยปปปป!”  และไอ้เพื่อนที่ไม่เคยมีความรักมันก็ตอบอย่างเสียงหนักแน่น

     ทอมเงียบไปพักหนึ่ง เพื่อนทั้งสองก็ไม่มีใครพูดเพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าไม่ใช่การทบทวนตัวเองจากเรื่องในอดีต
ภาพในหัวฉายย้อนกลับไป เขานั่งคิดว่าการกระทำนั้นๆถูกผิดมากน้อยขนาดไหน… จนครู่ใหญ่ๆผ่านไปเขาก็เริ่มทำใจยอมรับแล้วว่าเรื่องทั้งหมดนั้น ตัวเองผิดไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นได้

     และจะไม่โทษใครทั้งนั้นนอกจากตัวเอง


     เหมือนคิดได้ก็สายไป


     “มันไม่สายไปหรอก ถ้ามึงอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม”  เหมือนรู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไร ออยถึงได้พูดขึ้น
แต่จะไม่ให้รู้ใจได้ยังไงในเมื่อเป็นเพื่อนกันมาก็ตั้งนาน  แค่มองตาก็รู้ใจแล้ว 


     “แล้วกูต้องทำยังไงวะ…?”  “ถึงกูจะละเลยเขาไปบ้างแต่ก็มีแค่เขาคนเดียวในใจนะเว้ย”  ดูท่าแล้วเดือนวิศวะคงจะลืมไม่ได้จริงๆ


และไอ้ที่พบรักได้ก็ตอนประกวดดาวเดือนนั่นแหละ ตอนแรกความเจ้าชู้ก็ยังมีอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานที่เริ่มคบกันจริงๆจังๆเค้กก็เอาเขาซะอยู่หมัด

เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นแฟนที่ดี ไม่เคยนอกอลู่นอกทาง จนมาวันนี้ถึงได้รู้ว่าแค่เรื่องนั้นมันไม่พอ เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เค้กเลย


     เขานี่มันเป็นแฟนที่ชุ่ยจริงๆเลย…



     …


     วันต่อมา



     เมื่อเดือนวิศวะเดินเข้ามาในมหาลัยพร้อมกับดอกไม้ในมือแทบไม่ถึงห้าวินาที ก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนละแวกนั้นทันที
จริงๆไอ้การที่ถือดอกไม้ช่อโตมาแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไร แต่ที่แปลกและกำลังตกเป็นหัวข้อสนทนานั่นก็คือการที่ทอมเลิกกับเค้กต่างหาก


ส่วนมากก็ดีใจทั้งคู่ได้เลิกกัน เพราะเดือนสุดหล่อคนนั้นของสาวๆในที่สุดก็ไม่มีเจ้าของ และหนุ่มๆเองก็ดีใจที่ดาวมหาลัยซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของพวกเขานั้นเป็นโสด     


     ในเมื่อเขารู้ตัวว่าผิดหัวใจมันก็ร่ำร้องออกมาว่าจะต้องง้อ ส่วนเพื่อนทั้งสองเองก็ไซโคจนเมื่อคืนเขาแทบอยากจะวิ่งจากห้องพร้อมกับไปตะโกนของโทษเค้กที่หน้าหอ

     สองเท้าก้าวฉับๆ ไปยังที่ที่คิดว่าแฟนสาวจะต้องอยู่ ไม่กี่นาทีชายหนุ่มพร้อมกับดอกไม้ในมือก็เดินมาถึง

      และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เค้กกำลังนั่งสนทนากับเพื่อนๆของเธอ แน่นอนว่าทอมรู้จักหมดทุกคนที่นั่งอยู่ในวงนั้น
สองเท้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่แฟนสาวที่เพิ่งบอกเลิกเขาไปเมื่อวาน ทอมเดินเข้ามาจากทางด้านหลังเธอ
เลยยังไม่รู้ว่ามีคนมายืนอยู่ เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตรงนั้นก็ดูอึ้งๆจากที่กำลังจะพูดก็เงียบลงก่อน พร้อมกับสะกิดบอกให้เค้กหันไปมองคนที่มาใหม่


     ดอกกุหลาบช่อโตที่ทอมซ่อนไว้อยู่ทางด้านหลังถูกยื่นให้ผู้หญิงตรงหน้า หัวใจเขาเต้นตุบตุบๆเพราะความตื่นเต้นระคนกับความกลัว จริงๆมันก็นานมาแล้วที่ไม่เคยซื้อดอกไม้ให้เค้กแบบนี้ ตอนนั้นเธอจะน้อยใจมากขนาดไหนกันวะ…

     ตอนนี้เธอยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ทำเพียงแค่มองดอกไม้ในมือกับคนที่ยื่นให้เงียบๆเพียงเล็กน้อย


     ทอมภาวอยู่ในใจ ขอร้องให้เค้กรับมันไป


     แต่ก็ยังไม่มีคำใดเล็ดลอดออกมาจากปากเธอ



     “ทอมขอโทษนะเค้ก…”  ทอมพูด “ทอมรู้แล้วว่าทอมผิด” น้ำเสียงและท่าทางนั้นมันคือเรื่องจริง เขาสำนึกผิดจริงๆ


     หากแต่…


     “พวกแกเดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ปวดท้องยังไงก็ไม่รู้”



     เค้กไม่ได้ตอบกลับมา เธอเลือกที่จะเพิกเฉยทำเหมือนคนรักเก่าคนนี้เป็นเพียงธาตุอากาศ นักศึกษาไม่ว่าจะรุ่นพี่หรือรุ่นน้องแถวนั้นที่ได้มองอยู่ก่อนแล้ว ก็พากันซุบซิบนินทาไปตามประสาเรื่องที่ได้เจอ บางคนถึงกับถ่ายคลิปไว้


ทอมมองกุหลาบช่อโตในมือที่ยื่นไปให้อดีตแฟนสาวตาปริบๆเมื่อเธอเดินผ่านมันไป  ไม่คิดว่าเค้กจะเย็นชาได้ขนาดนี้ 
และเขาเพิ่งตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าเจ็บกว่าโดนด่าคือการถูกมองว่าไร้ตัวตน…
 


     …


     “ดูท่าเพื่อนกูแล้วไม่น่าจะรอด”  ทอมทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนในห้องของเพื่อนรัก วันนี้เขาไม่ได้ให้เพื่อนทั้งสองคนมาหาแต่กลับมาหาเพื่อนของตนแทน 


     เมื่อทอมเดินเข้ามาด้วยสภาพเหมือนคนลืมเอาวิญญาณมาจากร่าง ก่อนหน้านี้ที่มหาลัยเจ้าตัวก็นั่งหน้าหงอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนขณะที่กำลังฟังบรรยาย จริงๆไม่ใช่แค่นั้นแต่มันเป็นทั้งวันจนถึงตอนนี้เลยต่างหากและคาดว่าน่าจะเป็นอีกสักพัก

ทีแรกมันก็บอกว่าอยู่ได้ แต่เชื่อเถอะว่าคนติดเพื่อนอย่างทอมจะอยู่คนเดียวได้จริงๆ ถ้าไม่โทรมาบอกให้ไปหาสุดท้ายก็คงจะนั่งรถมาหาเอง   


     “กูก็ว่างั้นแหละ”  ออยพูดเสริม

     โชคดีหน่อยที่ออยกับแดนแชร์ห้องอยู่ด้วยกัน ไม่อย่างนั้นคงจะเวลาเดินทางมาหากันอีก


     “ทำไมเค้กเย็นชาได้ขนาดนี้วะ…”  ทอมพูด ขณะที่นอนมองเพดานโง่ๆอยู่อย่างนั้น 


     “เฮ้อ…” ออยถอนหายใจ “ถ้าเขาไม่อยากกลับมามึงก็ทำอะไรไม่ได้และแหละอย่าฝืนเลย”


     “แต่มันเพิ่งง้อแค่ครั้งแรกเองนะเว้ย! ทำไมไม่ลองอีกสักครั้งวะ? มันอาจจะสำเร็จก็ได้”  แดนเถียง  ดูเหมือนว่าเจ้าตัวอยากให้เพื่อนกลับไปคืนดีกับเค้กมาก


     “นี่ขนาดครั้งแรก…มึงดูดิมันมีผลต่อฟังก์ชันขนาดไหน ไอ้ทอมนี่อย่างกับจะตายให้ได้”

     แต่มันก็จริงๆอย่างที่ออยว่า


     ทอมนอนฟังเพื่อนทั้งสองเถียงเรื่องของตัวเองเงียบๆ สมองก็คิดตามที่เพื่อนพูดออกมาจนตอนนี้ความคิดมันแบ่งออกเป็นสองฝ่าย หนึ่งคือตื้อเท่านั้นที่ครองโลก สองคือตัดใจและก้าวออกมาซะ  จนตอนนี้ความคิดทั้งสองฝั่งมันกำลังตีกันให้วุ่น เหมือนที่ออยกับแดนกำลังถกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร


     “พวกมึง…”และสองเสียงที่กำลังเถียงกันก็เงียบลงเมื่อทอมพูดขึ้น


     “ไปแดกเหล้ากัน…” 


     และเอ่ยชวนไปหาอะไรดื่มย้อมใจสักหน่อย เมื่อคิดแล้วมันปวดหัวก็ขอดื่มเหล้าสักหน่อยให้มันลืมๆไปบ้างสักหน่อยก็ยังดี 

 



BANANA



     ทั้งสามมาหยุดอยู่ตรงหน้าบานาน่าผับชื่อดังที่อยู่แถวๆหอของแดนในเวลาแค่ไม่กี่นาที

     มันเป็นผับชื่อดังแถวย่านนั้นเลยก็ว่าได้ และเป็นผับที่ค่อนข้างมีระดับ และคนอย่างทอมเลยเข้าได้สบายๆ ถึงบางครั้งเขาจะชอบทำตัวไม่เหมือนคนมีเงินก็เถอะแต่ทางบ้านทอมน่ะ รวยอย่าบอกใครเชียว เพราะด้วยความเป็นคนไม่ชอบรักษาภาพลักษณ์เป็นคนห่ามๆที่ไม่ชอบดูแลตัวเอง แต่ออร่าความรวยมันก็ยังปิดไม่มิดถึงบางครั้งจะชอบทำตัวสะถุนมากขนาดไหนก็เถอะนะ


ช่วงขายาวกาวเข้าไปในผับที่มีแสงสีเสียงเป็นส่วนประกอบอยู่ข้างใน พวกเขาได้โต๊ะในส่วนของชั้นบนมุมหนึ่งที่ค่อนข้างเหมาะ เหล้าพร้อมกับมิกซ์เซอร์ถูกนำมาเสิร์ฟ ประมาณชั่วโมงได้เหล้าก็พร่องไปเกือบครึ่งเพราะคนคนเดียว โดยมีออยกับแดนคอยนั่งดู และรับฟังเพื่อนของเขาตัดพ้อเรื่องของอดีตแฟนสาว ก่อนจะวกเข้าเรื่องที่ตัวเองไม่เคยดูแลเธอและสุดท้ายก็จบด้วยการโทษตัวเอง



      นี่แหละหนา…ไม่เคยรักษาไว้แต่พอเสียไปกลับอยากได้คืน

     “เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน”  คนเมาเอ่ยขอตัว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ


     คล้อยหลังทอมไปไม่ถึงสองนาทรี “เฮ้ยมึง…” แดนสะกิดเรียกออยเมื่อสายตานั้นดันไปประทะเข้ากับกลุ่มนักท่องราตีโต๊ะหนึ่ง ที่ค่อนข้างจะอยู่หลบมุมและมืดนิดหน่อย หากไม่สังเกตคงไม่เห็นว่าเป็นใครแต่เพราะความตาดีของแดนเลยเห็นเข้าให้ และพอจะมองออกว่าคนในกลุ่มนั้นมีใครบ้าง


     มีผู้ชายอยู่สามคน และผู้หญิงอีกหนึ่ง

     ผู้ชายอีกสองคนนั่งหันหลัง อีกคนนั่งหันหน้ามาทางเขาเลยทำให้เห็นหน้าได้ชัดและผู้หญิงที่วานั้นก็คือเค้ก… เธอนั่งข้างคนที่หันหน้าออกมาทางโต๊ะของแดน ไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไรแต่ดูแล้วหน้าตาค่อนข้างอ่อนกว่าวัย แต่ก็เหมือนไม่ใช่นักศึกษา น่าจะเป็นพวกวัยทำงานมากกว่า 


     เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วเพื่อนทั้งสองก็มองหน้ากันเงียบ พร้อมกับร่ำร้องว่า ‘ฉิบหายแล้ว…’ ไอ้เพื่อนหัวรุนแรงที่ชอบใช้กำลังมันต้องมีเรื่องแน่ๆถ้าหากรู้ว่าเค้กอยู่ที่นี่ และนั่งอยู่กับใคร เพราะดูจากท่าแล้วคงไม่ใช่แค่เพื่อนค่ะพ่อ หรือแค่พี่ค่ะแม่แน่ๆ เพราะนั่งเธอเล่นนั่งสิงเขาจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกันอยู่แล้ว และไม่นานคนที่นั่งโต๊ะนั้นก็ลุกขึ้นมาจากโต๊ะทิ้งไว้แค่เพียงแฟนเก่าเพื่อนเขากับผู้ชายอีกสองคน


     วินาทีที่ชายร่างสูงคนนั้นเดินผ่านแดนกับออยไปออร่าความหล่อและกลิ่นน้ำหอมก็ฟุ้งเข้าที่พวกเขาสองคนอย่างจัง


     “เชี่ย…มองไกลๆว่าหล่อแล้ว”  แดนว่า


     “มองใกล้ๆนี่หล่อจนต้องร้องขอชีวิตเลยสัด”  ออยต่อประโยคให้จบ


     ถ้าเขาคนนี้มีซัมทิงกับแฟนเก่าเพื่อนเขาจริงๆก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้กถึงทิ้งทอมไป หล่อฉิบหายวายวอดขนาดนี้แถมยังหน้าเด็กเหี้ยๆ และความรวยนี่คงไม่ต้องพูดเพราะที่เดินผ่านมาเมื่อครู่นี้พอจะรู้อยู่หรอกอว่าเสื้อผ้าที่ใส่มันแบรนด์เนมมากขนาดไหน


     ตายแน่ๆเพื่อนกู…


     ถึงกับชิดซ้ายไปเลยครับ ถ้าเทียบกับไอ้เดือนวิศวะคนนั้นแล้วที่ค่อนข้างปล่อยตัวและชอบทำตัวสะถุนแล้วก็น่ะนะ



     อีกด้านหนึ่ง…


     คนเมาที่ว่าจะมาเข้าห้องน้ำที่จริงแล้วไม่ได้จะมาเข้าห้องน้ำอย่างที่ว่าแต่เป็นเพราะต้องการมาโทรศัพท์หาเค้กต่างหาก เลยมาหยุดอยู่ตรงโซนหนึ่งของผับที่เป็นพื้นที่โล่งมีระเบียงยื่นออกเพื่อรับลม 


     บุหรี่ตัวหนึ่งถูกจดสูบโทรศัพท์ก็กดโทรหาใครคนนั้นที่พยายามง้อ มือข้างที่จับบุหรี่ดูดก็ยกขึ้นลูบเกียร์ที่ห้อยอยู่กับคอไปมา ในใจก็ล่องลอยไปไกล เขาอยากขอโทษอยากบอกให้รู้ว่าใจจริงแล้วรู้สึกผิดมากขนาดไหน ถ้าได้โอกาสอีกครั้งเขาจะรักษามัน
ไว้อย่างดี


     แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่รับสายจนบุหรี่เริ่มหมดมวล

     กระทั่งใครคนสักคนที่เพิ่งเดินเข้าเดินมาทำแบบเดียวกับทอมที่กำลังจะจุดบุหรี่ตัวที่สองสูบ




     ไม่ได้ตั้งใจจะมอง…

     แต่สายตามันดันไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเขาจนได้

     ผู้ชายเหี้ยอะไรหล่อได้ฉิบหายขนาดนี้…
     ทอมคิดในใจ


     เพราะเขาหล่อมากจนทอมอดชื่นชมในใจไม่ได้

     สูง ขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกเซ็ตขึ้น หุ่นค่อนข้างดี เหมือนคนหุ่นลีนๆที่เข้าฟิตเนตกินอาหารคลีนๆ ผิดกับเขาที่กินมันทุก
อย่างเข้าฟิตเนตบ้างแค่อาทิตย์ละสองสามครั้ง มันเลยเป็นอย่างที่เห็น ทอมเป็นผู้ชายร่างหนาไปโดยปริยาเมื่อเทียบกับหุ่นคนข้างๆนี้แล้ว


     ขายาวฉิบ… เรียวด้วย


     กลิ่นตัวหอมอีกต่างหาก


     ไม่รู้ว่าอายุเท่าไรนะ…แต่หน้าโคตรเด็ก


     และวินาทีที่ริมฝีปากแดงติดคล้ำๆซึ่งกำลังอ้าสูบลมพิษเข้าปอด…


     เชี่ย…แค่สูบบุหรี่มึงจำเป็นต้องเท่ขนาดนี้มั้ย?  ทอมถึงกับสบถในใจ…


     ดูเหมือนว่าคนถูกแอบมองจะรู้ตัวเลยหันไปมองกลับคนข้างๆบ้าง จนทอมหันหน้าหนีแทบไม่ทันเจ้าตัวเลยแสร้งทำเนียนสูบบุหรี่ต่อไป มือข้างที่จับโทรศัพท์ก็ยกมันขึ้นแนบหูอีกครั้งเพื่อโทรหาอดีตแฟนเก่า แต่ก็เหมือนเดิมเธอไม่รับโทรศัพท์…
จนตอนนี้คนหล่อข้างๆมันเดินเข้าไปขนางในก่อนแล้ว 

หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาทีทอมก็เดินกลับเข้าไปข้างในเห็นเพื่อนสองคนบนโต๊ะกำลังนั่งคุยเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าพอเขาเดินเข้าไปเท่านั้นหัวข้อสนทนาที่กำลังพูดถึงก็ถูกเปลี่ยนไป


    อ่านต่อข้างล่างนะคะ

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต่อค่ะ







 “อะไรของพวกมึง พอกูเข้ามาแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย?” ทอมว่าอย่างนั้น พลันสายตาก็แอบไปเห็นไอ้หล่อที่เดินเข้ามาก่อนหน้านี้ เขานั่งอยู่โต๊ะหนึ่งที่หลบมุมนิดหน่อย เจ้าตัวยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม  มันให้ความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

     ก็แน่ล่ะนะ…เขาเคยมองและชมผู้ชายด้วยกันเองที่ไหนถ้าไอ้แดนกับไอ้ออยรู้นี่ต้องล้อเขาแน่ๆ


     แต่…


     วินาทีนั้นที่กำลังจะถอนสายตาออกจากไอ้หล่อมาดคุณชายคนนั้นใครคนหนึ่งที่แสนคุ้นตาก็เดินเข้ามาพอดี
เธออยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำ ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆไอ้หล่อที่เขาแอบชมเมื่อครู่ และแขนยาวๆของมันก็ยกขึ้นพาดกับพนักโซฟา เลยเหมือนเค้กกำลังโดนกอดอยู่กลายๆ


     เธอเอนตัวซบมัน


     เธอยิ้ม


     เธอหัวเราะ


     เธอกำลังมีความสุข มากกว่าตอนอยู่กับเขา


     ทันเท่าความคิดทอมลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยความรวดเร็ว ความโกรธ ความน้อยใจกำลังกัดกินหัวใจเขา

     ช่วงขายาวก้าวฉับๆอย่างไม่ค่อยมั่นคง ความมึนเมานั้นยังคงมีแต่เริ่มมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่แล้วต่างหาก 
แน่นอนว่าเค้กไม่ผิดหากเธอจะคบใครใหม่ แต่ทอมคิดว่ามันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?  เลิกกันไปแค่วันเดียววันต่อมาก็มีคนใหม่ เว้นเสียแต่ว่าจะคุยๆกับไอ้หล่อนี่อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว


     ออยและแดนที่คอยดูอยู่ก่อนแล้วมองหน้ากันพร้อมกับร้องฉิบหาย ดังๆหนึ่งรอบ

     ไอ้เพื่อนบ้าพลังของเขาคนนี้ยิ่งสติไม่เต็มร้อยอยู่ด้วย ถ้ามีเรื่องขึ้นมาล่ะก็โคตรซวย…

     ถึงพวกเขาจะชอบทำตัวกากๆไปบ้างแต่ฐานะและชื่อเสียงของครอบครัวแต่ละคนไม่ได้กากไปด้วยเลย เพราะฉะนั้นถ้ามีเรื่องแล้วถึงหูพ่อแม่เข้าล่ะซวยแน่
ออยและแดนเดินตามทอมไปแต่ก็ช้ากว่าหลายก้าวเพราะตอนนี้ไอ้บ้าพลังมันไปหยุดอยู่ตรงโต๊ะของแฟนเก่าเรียบร้อยแล้ว


     “เค้ก!” เดือนวิศวะเรียกชื่อแฟนเก่าเสียงดัง จนหญิงสาวที่กำลังนั่งซบไอ้หน้าเด็กอยู่ถึงกับเด้งตัวขึ้นจากตรงนั้น


     “ทอม…” เธอพูดเสียงเบา สีหน้าบ่งบอกว่าเธอกำลังตกใจมาก แต่มันก็แค่เสี้ยววินาทีเพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าทั้งคู่ได้เลิกกันไปแล้ว 


     ไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็อีกเรื่อง

     ไอ้หน้าหล่อที่ทอมได้เจอตอนไปสูบบุหรี่หันมามองเขานิดหน่อย วูบหนึ่งแววตานั้นฉายแววความสงสัย จากนั้นก็หายไปทิ้งไว้แค่สีหน้าและแววตาที่เรียบเฉย


     ผู้ชายอีกสองคนเองก็เช่นกัน พวกเขามองมาด้วยความสงสัย ว่าไอ้เด็กคนนี้มันเป็นใคร?


     “นี่ใช่มั้ยเหตุผลที่เค้กบอกเลิกทอม?” คนที่สติไม่เต็มร้อยนักเอ่ยถามด้วยความเกรี้ยวกราด

     ผู้ชายทั้งสามคนที่นั่งดูเหตุการณ์ตรงหน้าก็พอจะรู้แล้วว่าคนที่มาโวยวายตรงหน้านี้เป็นใคร
     คงจะเป็นแฟนเก่าของเค้ก ที่เคยเล่าให้ฟังว่าเพิ่งตัดสินใจเลิกไปเพราะไม่มีเคยดูแล และไม่สนใจกันเลย


     “เค้กไม่คุยกับคนเมานะทอม” เธอว่าเสียงเรียบพร้อมกับลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับทอม

     
     เจ้าตัวยกยิ้มขึ้นก่อนจะพูดประโยคหนึ่ง “ไม่คุยหรือไม่อยากคุยกันแน่เค้ก?” สิ้นประโยคเขาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กด้วยความรวดเร็ว


     “ไอ้ทอมอย่า!” เพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลังสองคนร้องห้ามเสียงหลง

     แต่คนเมาที่ไร้สติที่มีทั้งความโกรธและความน้อยใจไม่เคยฟังใครนอกจากเสียงความคิดของตัวเอง


     “ปล่อยนะทอม!” เค้กร้องเสียงดังลั่นพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดออกมา ทั้งออยและแดนก็พยายามจะห้าม
และทุกคนก็จะพยายามเข้าไปแยกทั้งสอง


     แต่…


     ยังไม่ทันได้ประชิดตัวด้วยซ้ำ


     ซ่า!!


แก้วใบหนึ่งที่บรรจุของเหลวอยู่ในนั้นจนเกือบเต็ม ถูกอดีตแฟนสาวนำมาสาดเข้าที่ใบหน้าของทอมด้วยความโมโห เพราะเขาพยายามที่จะลากเธอไปให้ได้

รีแอคชันทุกคนตรงนั้นต่างก็อึ้งไปกันหมดเพราะไม่คิดว่าเค้กจะกล้าทำถึงขนาดนี้
จะมีก็แต่คนคนเดียวที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆทั้งสิ้นนอกจากนั่งมองเหตุการณ์เงียบๆ


     “เค้ก…” ทอมเรียกชื่อหญิงสาวด้วยเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
     สติที่หายไปเริ่มกลับมาเพราะเหล้าแก้วนั้น


     “บอกแล้วไงว่าเค้กไม่คุยกับคนเมา” เธอต่อว่าเสียงดังลั่นแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดอยู่ในผับ  “เลิกก็คือเลิก! ในเมื่อตอนนั้นเค้กให้ทอมเต็มร้อยมาตลอดแต่ก็เป็นทอมนั่นแหละที่ทำให้มันลดลงเอง แล้วตอนนี้ยังจะมาเรียกร้องเอาอะไรอีก!?”


     “…”
     มันก็จริงอย่างที่เธอว่า


     “มาเห็นค่ากันตอนนี้มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอ!?”  เธอถามเสียงสูง
     โอเค…ข้อนั้นเขารู้ดีว่าตัวเองผิด


     แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาอยากถาม


     “แล้วไอ้นั่นมันเป็นใคร”  ทอมถามพร้อมกับชี้หน้าไปตรง ‘ไอ้นั่น’ ที่พูดถึง


     “…” คนถูกถามเงียบและไม่กล้าตอบ ต่างกับคนเมื่อครู่ลิบลับ เพราะจริงๆแล้วเธอก็ผิด
 
     ผิดที่เผลอใจไปให้ใครคนนั้นก่อนจะบอกเลิกทอม


     “บอกมาสิว่าเค้กไม่ได้คุยกับมันก่อนจะบอกเลิกทอม?”


     “…”


     เค้กยังคงเงียบและทุกคนตรงนั้นต่างก็เงียบกันหมด เธอเม้มริมฝีปากแน่น ครั้นจะให้โกหกมันก็น่าละอายเกินไปหากแต่จะให้พูดความจริงเลยก็ไม่กล้า


     “เค้ก…”  ทอมเรียกชื่อเธอเบาๆราวกับคนหมดแรง
     เหมือนความเงียบที่ได้มาเป็นคำตอบของทุกอย่าง

     ในใจร้องอ้อนวอนให้เธอโกหกมาว่าไม่ใช่


     หากแต่…


     “ใช่…คุณนิวดีกับเค้กมากกว่าทอมซะอีกแล้วมีเหตุผลอะไรที่เค้กจะไม่เลิกกับทอม” 


     หลังจากความเงียบยังคงมีการยอมรับด้วยเสียงเป็นเครื่องตอกย้ำว่าตอนนี้เขาได้เสียแฟนสาวไปแล้วจริงๆ
 
     เธอไม่รักเขาอีกแล้ว…



     “มึง!”  ราวกับเชือกฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลง อารมณ์เขาขาดสะบั้นเพราะประโยคนั้น คนบ้าพลังเข้าประชิดตัวไอ้หน้าหล่อด้วยความรวดเร็วขนาดคนที่คอยมองอยู่ตลอดอย่างแดนและออยยังห้ามไม่ทัน


     มันดูงี่เง่าที่เขาจะไปต่อยไอ้หน้าหล่อ…แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเลิกกับเค้ก!



     ผัวะ!


     มันเกิดขึ้นเร็วมาก


     ทอมกระชากคอเสื้อคนหน้าหล่อให้ลุกขึ้นมาจากโซฟาก่อนจะฝากหนึ่งรอยแผลไว้ที่มุมปากของเขา “ไอ้เชี่ยทอม!?” เสียงอุทานของเพื่อนทังสองดังลั่นและเข้าไปดึงรั้งเพื่อนให้ออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะมีเรื่องไปมากกว่านี้ เพราะคนอื่นๆต่างก็เริ่มให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ตอนนี้แล้ว


     “ไอ้นิว!” ผู้ชายอีกสองคนเข้าไปดูเพื่อนหน้าหล่อของเขา


     “คุณนิว”  เค้กเองก็เช่นกัน


     “ไม่เป็นไร?”  คนโดนต่อยตอบเสียงเรียบ  เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะช้อนตามองคนที่เข้ามาต่อยเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก


     “ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ”  แดนว่า


     “ขอโทษแทนไอ้ทอมด้วยนะเค้ก” ออยเสริม


     “แม่งจะไปขอโทษทำไมวะ!?”  ทอมโวยวาย พร้อมกับถูกเพื่อนลากตัวออกไป “สมควรโดน!”  และทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค



     คุณนิวมองตามคนตัวใหญ่ที่ถูกลากออกไปจนสุดสายตา  และความคิดหนึ่งกำลังผุดขึ้นเพราะเริ่มมีความสนใจใคร่รู้ว่าไอ้เด็กคนนี้นั้นเป็นใคร นอกจากเป็นแฟนเก่าของคู่ควงเขาแล้ว



     ดี…


     อย่าให้เจอครั้งที่สามก็แล้วกัน 
 



     โปรดติดตามตอนต่อไป...




     twitter : @blueeyesismyheart
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2018 19:45:46 โดย Matcha_Latte »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เจอกันอีกครั้งแล้วจะทำไมหนอ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่สอง : คุณากร เลิศพัฒน์


ถ้าความรักเปรียบเหมือนไฟ
คุณคงเป็นคนที่ชอบเล่นกับไฟมากเหมือนกัน


 
  คอนโดXXX


     “คุณนิวไปโดนอะไรมาครับ?” หนุ่มน้อยวัยสิบแปดเอ่ยถามนายตัวเองด้วยความเป็นห่วงขณะที่กำลังทำแผลให้ เวลาตอนนี้ก็ล่วงเลยไปจนเกือบวันใหม่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองเผลอหลับอยู่ตรงหน้าทีวีพอเจ้าของห้องกลับมาก็ดันสะดุ้งตื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าคุณนิวของเขาได้แผลกลับมาหลังจากออกไปเที่ยว


     “ไม่มีอะไรหรอก?”  เขาว่า “แล้วนี่ทำไมยังไม่นอน?”  ก่อนจะเอ่ยถามเด็กรับใช้ในบ้าน ที่แม่ส่งให้มาคอยดูแลเขาอยู่ที่คอนโด แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่ส่งให้มาดูแลเขาหรือให้เขาดูแลเจ้าเด็กนี่กันแน่ 

     เด็กคนนี้ชื่อน่าน เป็นหลานของคนรับใช้ที่บ้านใหญ่พ่อแม่เสียเลยได้มาอยู่กับป้าที่เป็นแม่บ้านอยู่ที่นั่น เขาเห็นน่านตั้งแต่เด็ก กี่ขวบเขาเองก็จำไม่ได้แต่ตอนนี้โตแล้วกลายเป็นเด็กมอปลายหน้าตาดีใช้ได้  น่านเป็นเด็กขยัน ตั้งใจเรียน นิสัยน่ารัก ถึงไม่มีครอบครัวที่เพียบพร้อมแต่ก็นิสัยดีมากๆ 

ไม่เคยเกเรหรือหาเรื่องมาให้ใครต้องปวดหัว แต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเด็กน่านน่ะ มันซื่อเกินไปไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมใครทัน อย่างตอนเรียนมัธยมต้นก็โดนเพื่อนแกล้ง โดนเพื่อนไถเงินแล้วไม่กล้าบอกใครเพราะโดนขู่ไว้ จนเดือดร้อนมาถึงคุณนิวที่ต้องไปตามเคลียร์ให้

     เขาจะไม่ยุ่งก็ได้ แต่ก็นะ…เขาเองก็เอ็นดูน่านเหมือนน้องชาย เหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง


     “ตอนแรกน่านเผลอหลับไปแล้วแต่คุณนิวกลับมาน่านเลยตื่น”  คนซื่อว่ามาอย่างนี้

 
     “เป็นฉันเองที่กวนนายว่างั้น?”  คุณนิวย้อนถาม แม้เสียงทุ้มจะเรียบนิ่งคล้ายกำลังดุ แต่นั้นคือเขาแค่พูดเล่นๆ น่านเองก็คลุกคลีอยู่กับผู้ชายคนนี้มานาน ก็พอจะรู้ว่าเขามีนิสัยอย่างไร


     “เปล่าครับ น่านแค่อธิบายให้ฟัง”  เด็กน่านพูด ปากก็อ้าหาววอดๆอย่างน่าเอ็นดู


     “ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ไปโรงเรียนสายไม่รู้ด้วยนะ”  คุณนิวเตือน พอเด็กหน้าซื่อที่เริ่มง่วงทำแผลให้เขาเสร็จก็เดินเข้าห้องไปทันที คล้อยหลังจากนั้นคุณนิวเดินปิดไฟภายนอกห้องนั่งเล่นแล้วก็เป็นเขาบ้างที่เดินเข้าห้องไป

     เห็นมั้ย…? เป็นเด็กน่านหรือเขากันแน่ที่ต้องดูแลใคร


     คุณากร เลิศพิพัฒน์ หรือที่ใครๆเรียกว่าคุณนิว เป็นลูกเจ้าของห้างชื่อดังอย่าง The KNK ที่มีหน้าตาและมันสมองเป็นอาวุธ เขาเป็นคนที่เพอร์เฟคในหลายๆระดับ  เรื่องแรกที่จะไม่พูดไม่ได้ก็คืออายุ  คุณนิวเป็นคนอายุสามสิบเอ็ดที่หน้าเด็กเหมือนคนอายุยี่สิบต้นๆ 
ถ้าให้เนียนใส่ชุดเป็นนักศึกษาก็ทำได้แบบไม่มีใครสงสัย และเรื่องความรวยคงไม่ต้องพูดถึงนามสกุล เลิศพิพัฒน์ ติดรายชื่ออันดับสองของคนที่รวยที่สุดในประเทศ 


     คุณนิวใช้เวลาอาบน้ำประมาณสิบห้านาที จากนั้นก็มาใช้เวลาอยู่กับการสูบบุหรี่ตรงระเบียงอีกยี่สิบนาที จนตอนนี้เวลาจะล่วงเลยเข้าตีสองอยู่รอมร่อ

     มือขาวไล้แผลตรงมุมปากตัวเองเบาๆ สมองก็พาลให้ขบคิดถึงหน้าตาของคนที่ฝากรอยแผลนี้ไว้  ไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะอายุเท่าไร แต่คงเท่ากันกับเค้กคู่ควงคนล่าสุดของเขา


     น่าจะปีสองได้…


     ไม่ได้มีรสนิยมกินเด็ก ปกติเขาไม่ค่อยยุ่งกับคนอายุน้อยกว่าเพราะมันน่ารำคาญแต่เค้กเป็นข้อยกเว้นเพราะเธอต่างจากคนอื่น ตางจากคนอายุเยอะกว่าบางคนที่เขาเคยควงด้วยซ้ำ

แต่ก็นะ…ไม่รู้จะอยู่ด้วยได้นานเท่าไรเพราะเขายังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่เธอยังไม่เลิกกับแฟนแล้วมาคุยกับเขาเลย เรื่องแฟนของเธอเขาน่ะพอรู้แต่ไม่รู้ว่าตอนคุยกับเขาสาวเจ้ายังไม่เลิกกับแฟนหนุ่มดี  บอกไว้เลยว่าไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ผู้หญิงเองก็เช่นกัน ไม่ชอบคนมีเจ้าของแล้ว


     แต่นอกจากเค้กแล้วกำลังคิดว่ามีเด็กอีกคนหนึ่งน่าสนใจ…


     ทอม…เด็กนั่นน่ะชื่อทอมอีกสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเจ้าตัว


     อย่าให้เจอครั้งที่สามก็แล้วกัน


     ใช่มันต้องสามครั้ง



     …


     หกโมงเช้าโดยประมาณ คุณนิวตื่นขึ้นมาทั้งที่ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ด้วยความที่ชอบตื่นเช้าเป็นปกติเลยสะดุ้งตื่นขึ้นมาซะได้เขาใช้เวลาอาบน้ำประมาณสิบห้านาที และแต่งตัวอีกสิบนาที
โชคดีหน่อยที่มีน่านคอยเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ไม่งั้นก็คงเสียเวลาอีกนิดหน่อย จากนั้นก็ได้เวลาของอาหารเช้า กาแฟดำรสเข้มถูก
เสิร์ฟพร้อมกับครัวซองค์ของโปรดมันเป็นเบเกอรี่ ชนิดเดียวที่เขายอมกิน พร้อมกับข้าวต้มหมูกลิ่นหอม น้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว หนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับ 
แน่นอนว่าทั้งหมดนี่ถูกจัดเตรียมโดยเด็กน่าน เจ้าตัวน่ะมีพรสวรรค์ในเรื่องของการทำอาหารมาก


     “น่านขอตัวไปเรียนก่อนนะครับคุณนิว”  เด็กหน้าซื่อวิ่งออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงมือไม้ก็หอบอะไรไม่รู้พะรุงพะรัง


     “สายเหรอ?” คิ้วหนาลิกขึ้นน้อยๆในเชิงถาม 


     “นิดหน่อยครับ” เจ้าตัวตอบแล้วยิ้มแห้งๆ “เมื่อเช้านอนเพลินไปหน่อย แหะๆ” พร้อมกับใส่รองเท้านักเรียนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง


     “ทันมั้ย? ให้ไปส่งหรือเปล่า?” 
      คุณนิวของเขาน่ะใจดีที่สุดในโลก แต่ไม่หรอก ไม่กล้ารบกวนคุณนิวหรอกแค่นี้ก็ให้มาเกินกว่าเจ้านายกับคนใช้แล้ว


     “ไม่เป็นไรครับ”  และตอบปฏิเสธไป


     “ตามใจ” เขากลับไปสนใจหนังสือพิมพ์ตรงหน้าต่อ  ไม่ใช่แค่น่านที่รู้จักคุณนิวดีพอ คุณนิวเองก็รู้จักน่านเหมือนกัน ในเมื่อเด็กคนนี้ปฏิเสธก็อย่าไปบังคับ เพราะน่านน่ะขึ้นชื่อของเรื่องคนขี้เกรงใจสุดๆ



     ช่วงบ่ายของวันนั้นลูกชายเจ้าของห้าง The KNK กำลังเดินสำรวจสิ่งต่างๆภายในของห้างตน ไม่ว่าจะบริการ ความพึงพอใจของลูกค้า และอีกหลายๆเรื่องที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของห้างเขา ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย

แต่การได้ลงพื้นที่สำรวจด้วยตัวเองครั้งนี้ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากนักเพราะคุณนิวแต่งตัวค่อนข้างปกปิด กางเกงสีดำขายาวห้าส่วนและพับขาขึ้นรับกับส่วนสูงร้อยแปดสิบของเขามาก เสื้อยืดสีขาวที่สวมทับลงบนร่างกายพาดผ่านไหล่กว้างๆแผ่นหลังตึงๆ
คุณนิวคือนิยามของคำที่ว่า ถ้าไม้แขวนดีเสื้อผ้าที่ใส่ออกมาก็ดี เพราะเขาค่อนข้างเป็นคนสมาร์ท ส่วนสูง ท่าเดิน คุณนิน่ะน่ามองทุกอิริยาบถ

พร้อมกับหมวกแก๊บสีดำและแมสปิดปากหนึ่ง วันนี้อยู่ในธีมขาวดำซึ่งมันเข้ากับเขาสุดๆ อันผมสีน้ำตาลอ่อนไม่ได้ถูกเซ็ตขึ้นเหมือนอย่างเคยยิ่งขลับให้ใบหน้านั้นดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

     แต่ก็นะ…ไม่มีใครได้เห็นเพราะเจ้าของห้างเล่นปลอมตัวเป็นวัยรุ่นทั่วไป ปกปิดหน้าตาไม่ให้ใครจำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าออร่าความหล่อมันพุ่งออมานอกแมสจนสาวๆบางคนที่เดินผ่านถึงกับเหลียวหลังตาม


     ทุกๆเดือนคุณากรจะชอบทำอย่างนี้เสมอ เดือนละสองสามครั้งก็ว่ากันไปแล้วแต่ความว่างไม่ว่าง เหตุผลที่ไม่ชอบป่าวประกาศให้พนักงานในนี้ได้รู้ก็เพราะว่าเขาไม่ชอบการสร้างภาพ บางครั้งสิ่งที่เห็นก็อาจจะไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่เป็นอยู่ ภาพแต่ละภาพมันสร้างขึ้นได้เสมอ


     เขาใช้เวลาอยู่ในห้างของตัวเองประมาณสองถึงสามชั่วโมงได้ นี่แค่สาขาแรก ถ้าหากมีเวลาว่างอีกสองสาขาในจังหวัดนี้ก็ว่าจะไป

นี่ยังไม่นับรวมที่ไปขยายสาขาอยู่ที่ต่างจังหวัดถ้าได้ไปคงใช้เวลาทั้งวันแต่ก็นะ…เขาจะหาเวลาว่างให้พวกมันเสมอเพราะอีกหน่อยคุณพ่อก็จะเกษียณตัวเองไปพักผ่อน แต่นี่ขนาดวัยกำลังจะเกษียนเขาก็ยังไม่หยุดทำ คือปล่อยให้ตัวเองว่างไม่ได้ถ้าไม่เล่นหุ้นก็จะหาโครงการอื่นมานำเสนอโดยมีคุณากรเป็นที่ปรึกษา แต่เจ้าตัวก็ต้องเบรกพ่อไว้ตลอดเวลาเพราะแค่ทุกวันนี้ก็ดูแลจนไม่หวาดไม่ไหวแล้ว


     สองเท้าที่กำลังเดินไปเรื่อยๆ คิดไว้ว่าจากนี้กลับคอนโด
     แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีเรื่องมาให้ทำอีกแล้ว…


     ความบังเอิญครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อตาคมดันไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่กำกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสตาร์บัคคนเดียว  เด็กปีสองตัวใหญ่ๆ ผมสีดำสั้น สวมช็อปสีน้ำเงินเข้มบ่งบอกถึงสถาบัน กางเกงยีนส์สีซีดขาดๆที่ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเซอร์มากยิ่งขึ้น

     เป็นคนเดียวกับที่ฝากรอยช้ำไว้ตรงมุมปากเขานั่นแหละ 



     หึ… :)


     เขายกยิ้มขึ้นตรงมุมปากหนึ่งครั้งภายใต้แมสสีดำ


     โลกใบนี้น่ะมันกลมนะ…แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลมขนาดนี้ เพิ่งเจอกันเมื่อวานแท้ๆและวันนี้กลับได้เจออีก


     ดี…อย่าให้เจออีกครั้งเดียวก็พอ


     มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป คุณากรได้กาแฟมาหนึ่งแก้วก่อนจะมองหาที่นั่ง และสุดท้ายก็คิดว่าได้หนึ่งที่


     “ขอนั่งด้วยได้มั้ยครับพอดีโต๊ะเต็มหมดเลย”   โต๊ะที่ว่าก็คือโต๊ะของเด็กคนนั้นที่ต่อยเขานั่นแหละ  มันเข้าแผนของเขาพอดีเมื่อไม่มีที่ไหนให้นั่งเลยแสร้งทำเป็นขอเด็กยักษ์นี่นั่งด้วย รู้สึกขอบคุณตัวเองในใจเงียบๆที่วันนี้สะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คมา 


     ข้ออ้างชั้นเยี่ยมเลยล่ะ…


     ทอมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบๆร้านแล้วก็พบว่ามันไม่มีที่นั่งจริงๆ เจ้าตัวเลยพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เขานั่งด้วยได้


     ดีนะที่เพื่อนอีกสองคนมันกลับไปแล้วไม่งั้นก็ไม่ได้นั่งหรอก

     จากนั้นก็หันไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ โทรศัพท์ที่วางไว้ก็ถูกนำมาเปิดเพลงก่อนจะเสียบหูฟังเข้าไปและยัดมันเข้าหูเพื่อกลบเสียงทั้งหมดในร้านโดยเพลงโปรดของตน


     คุณากรลอบสำรวจคนตรงหน้าเงียบๆ แกล้งทำเป็นเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นและทำงานแต่ที่จริงนั้นไม่ใช่  เด็กนี่เป็นคนผิวละเอียดมากแต่ดูจากท่าทางแล้วคงไม่ชอบดูแลตัวเอง 

เด็กคนนี้มีขี้แมลงวันตามใบหน้าอยู่นิดหน่อย แก้มซ้ายอยู่สองที่ ขมับขวาอยู่หนึ่งจุด และที่ปลายจมูกโด่งๆนั่นอีก เขาเคยมองว่าพวกนี้มันน่าเกลียดแต่พอมายอยู่กับเด็กคนนี้แล้วน่ามองเหี้ยๆ


     จะว่าเขาสองมาตรฐานก็ได้นะ


     ทอมรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองเลยเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นก็แค่คนตรงหน้าที่กำลังนั่งก้มหน้าทำงานงกๆ
คงจะรู้สึกไปเอง


     ทอมคิดอย่างนั้น


     จะว่าไปไอ้นี่มันหน้าตาดูคุ้นมาก…


     วินาทีที่ทอมกำลังมองคนตรงหน้าอยู่บ้าง แน่นอนว่าคุณนิวรู้ตัวอยู่เลยแกล้งช้อนตามองขึ้นไป พร้อมกับถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า?”  คนหลบตาไม่ทันก็ทำตัวไม่ถูกเพราะโดนจับได้ว่าแอบมองอยู่


     “อ เอ่อ…”


     Rrrrr 

 
     แต่รู้สึกโชคดีขึ้นมากระทันหัน เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนว่ามีคนโทรเข้า


     “โทษทีครับ” เด็กหนุ่มเลยพูดขอโทษไป จากนั้นก็เนียนเปลี่ยนเรื่องเป็นรับสาย


     ‘ว่าไงมึง’  ทอมเอ่ยถามปลายสาย
     ‘เออ’
     ‘วันนี้เหรอ?’
     ‘ก็ได้ๆ ค่ำๆนะ’
     ‘เออ! กูรู้แล้ว แค่นี้แหละ’

     บทสนทนาที่เป็นกันเองจบลง คงจะเป็นคนสนิทที่โทรหา
     ดูจากสถานการณ์แล้วทอมคิดว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้นาน เพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาแปลกๆที่กำลังมองมา
   
     “ขอตัวก่อนนะครับ”  เลยเอ่ยขอตัวกับคนแปลกหน้าที่มาขอร่วมโต๊ะ  หนังสือถูกยัดใส่กระเป๋าลวกๆพร้อมกับเดินถือแก้วกาแฟออกไปจากร้าน


     คุณนิวแอบมองไอ้เด็กทอมนั่นจนสุดสายตา


     แปลกจริงๆ เด็กนี่น่าสนใจจนขนาดที่ทำเอาเขามองตามจนใจสุดสายตาถึงสองรอบ 


     บอกได้อีกครั้งและคำเดียวว่าอย่าให้เจอกันด้วยความบังเอิญจนถึงครั้งที่สาม…


     หึ…



     …


     สี่ทุ่มโดยประมาณ


     ช่วงเย็นของวันนี้ตอนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสตาร์บัค น้องเทคสุดที่รักของเขามันก็โทรมาบอกว่าวันนี้ให้ไปดูมันขึ้นเวทีด้วย พร้อมกับมันอยากสัมภาษณ์เรื่องที่เขาเลิกกับเค้กเลยเป็นเดือดเป็นร้อนให้ต้องลากตัวเพื่อนร่วมขบวนการอีกสองคนอย่างแดนและออยให้มาด้วย


     น้องที่ว่านี้มันชื่อว่าศรศิลป์  เป็นมือกลองของวงดนตรีวงหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควรในสายใต้ดิน และสาวๆในมหาลัยค่อนข้างชอบมันมากเพราะนอกจากจะเก่งแล้วหน้าตายังดีใช้ได้ ง่ายๆก็คือไอ้ศรเป็นเดือนวิศวะต่อจากเขานั่นแหละ แถมยังพ่วงด้วยการเป็นเดือนมหาลัยอีกต่างหากเพราะหน้าตามันดีฉิบหาย

ไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างเฉพาะตัวดูดิบๆเถื่อนๆสาวๆชอบนักแล หุ่นสูงอย่างกับนายแบบ ผมสั้นสีดำสนิท ผิวขาวจั๊วะชนิดที่ว่าเดินออกไปตากแดดข้างนอกแล้วสะท้อนออกมาเป็นแสง และดวงตาที่แสนคมคายของศรน่ะเป็นเครื่องหน้าชั้นยอดที่เหมาะเจาะจะอยู่บนนั้น เพราะเจ้าตัวเป็นคนขอบตาเข้มที่เหมือนคนเขียนตลอดเวลาแต่นั่นไม่ใช่ ไม่ได้ได้มาเพราะสักแต่ได้มาตั้งแต่เกิด 
ศรศิลป์เป็นคนตาคมมาก


     “หวัดดีพี่”  เมื่อดนตรีจบลงพร้อมกับเสียงกรี้ดกราดของบันดาสาวๆในร้าน รุ่นน้องปีหนึ่งก็เดินมาที่โต๊ะของพี่เทคตัวเองทันที


     “เออ”  ทอมตอบรับ เพื่อนสองคนเองก็เช่นกัน “เล่นเก่งนะมึงเนี่ย” ก่อนจะเอ่ยชมรุ่นน้องตัวเองด้วยความคิดที่ผุดขึ้นมา


     “แล้วอะไรทำให้มึงอยากเจอพวกกูได้ล่ะเนี่ย?” แดนเอ่ยถาม หลังจากที่กระดกเหล้าเข้าปากไปเกือบครึ่งแก้ว ก็ร้อยวันพันปีน้องเทคของไอ้ทอมที่ค่อนข้างสนิทกับกลุ่มเขามันจะโผล่หน้ามาให้เห็น ทั้งทีเรียนมหาลัยเดียวกันก็ยังไม่ค่อยได้เจอ   


     “ก็เห็นพี่ทอมมันโดนบอกเลิก เลยอยากรู้”  หนุ่มตาคมพูดออกมาหนึ่งประโยคแบบไม่มีอ้อมค้อม เขาไม่ใช่คนเฟค อยากรู้ก็คือยากรู้ไม่ได้อะไร แต่ความอยากรู้มันก็ผสมความเป็นห่วงเข้าไปนิดหน่อย


     “โห...สะกิดแผลสัดๆ!”  ออยว่า “เลิกกันยังไม่ถึงอาทิตย์เลยน้องเอ๋ย” 


     “อยากรู้กูไม่ว่าหรอก แต่ทำไมไม่ถามที่มหาลัยเอาวะ?” ทอมขมวดคิ้ว

      โอเค จริงๆแผลมันยังสดอยู่ มาโดนสะกิดอย่างนี้ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่อยากทำตัวให้เศร้ามากเพราะมันไม่ใช่วิสัยทัศน์ของเสือทอมในตำนาน

     เมื่อวานที่เผลอไปต่อยหน้าแฟนใหม่ของเค้กก็ไม่รู้ว่าทำลงไปได้ยังไง เขาอาจจะใจร้อน ขี้โมโห แต่ก็ใช่ว่าจะชอบต่อยตี


     “ก็ไม่ค่อยได้ไปมอ”  เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเหมือนไม่สะทกสะท้านกับการที่ไม่ค่อยเข้าเรียนของตัวเอง


     “อะไรของมึง? ทำไมไม่รู้จักเข้าเรียน” ทอมโวยวาย “ถึงว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้า”


     “ไม่อยากไปเฉยๆ ต้องมีเหตุผลอะไรอีกวะ?”  น้องเทคเองก็ตอบเหมือนกับเป็นแค่เพื่อนกัน


     แต่พวกเขาไม่ถือหรอก คนอย่างศรน่ะ ถึงจะปากร้ายไปหน่อยแต่เป็นคนจริงใจ มันเป็นพวกเข้าถึงยาก เรียกง่ายๆก็หยิ่งนั่นแหละแต่ถ้าทำลายกำแพงนั้นได้แล้วจะได้พบความจริงใจที่มีให้เต็มร้อย แต่กำแพงหนานั้นกว่าจะผ่านเข้าไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องหมูๆ พวกเขาเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว


     “มึงตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้หน่อยดิวะ อย่าเกเรให้มันมาก”  ทอมว่า ก็พอจะรู้อยู่ว่าน้องมันมีปัญหาอะไรอยู่ แต่ก็ไม่อยากให้กระทบถึงเรื่องเรียนแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน   


     “อย่าสนเรื่องของผมเลย” ศรยักไหล่ “เล่าเรื่องพี่เค้กให้ฟังหน่อยดิ”


     “ก็กูโดนบอกเลิก เหตุผลที่ว่ากูไม่เคยดูแลเขา”  ทอมอธิบาย แต่ก็ไม่ได้เล่าถึงทั้งหมดเพราะไม่อยากให้อดีตแฟนสาวดูไม่ดี 


     “แน่เหรอ?”  คนนั่งฟังถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ เพราะก่อนได้ยินข่าวว่าพี่เทคของตัวเองถูกแฟนบอกเลิกเขาได้เห็นอะไรที่มันเด็ดกว่านั้น


     “ก็ส่วนหนึ่ง แต่มันมีมากกว่านั้น” ออยต่อ เตรียมตัวจะเล่าในเรื่องที่เพื่อนไม่ค่อยอยากพูดถึงสักเท่าไร
แต่ก็ถูกพูดขึ้นมาเพราะไอ้เพื่อนตัวดีจนได้


     “เค้กมันได้คนคุยใหม่เว้ย” แดนที่พูดต่อ  เขาสองคนผลัดกันเล่าเรื่องอย่างเข้าขา โดยมีเจ้าของประเด็นฮอตที่นั่งฟัง “หล่อ ดูดี แล้วก็ดูรวยด้วย”


     “เหรอ…?”  ศรเอ่ยเสียงเอื่อยๆ   ในใจก็คิดแล้วว่าตัวเองมาถูกทาง 


     “พี่มึงเลยมีสภาพอย่างที่เห็นนี่ไง”  ออย  “อย่าถามมันมากเลยรู้แค่นี้ก็พอละ เพราะมันก็มีแค่นี้แหละดีเทลไม่เยอะ” 


     “ตามใ--” 



     “ไอ้เหี้ยศร!



     พลั่ก!
 
     ยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำรุ่นน้องคนหล่อก็ถูกใครก็ไม่รู้ เข้ามาประชิดตัวจากนั้นก็โดนกระชากคอเสื้อขึ้นจนตัวลอยจากเก้าอี้  และไม่มีใครได้ทันตั้งตัวอะไรด้วยซ้ำกำปั้นหนักๆก็ตั๊นเข้าที่หน้าศรศิลป์อย่างแรงหนึ่งครั้งทำให้ร่างใหญ่ๆเซจนเกือบล้มลงบนพื้นแข็งๆในร้านเหล้า

นักท่องราตรีที่นั่งอยู่ในร้านก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย พากันตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น


     “ศรมึงเป็นไรมั้ย?”  ทอมวิ่งเข้าไปดูรุ่นน้องตัวเอง พร้อมกับพยุงให้น้องมันยืนดีๆ


     “ไอ้เหี้ยบอย!”  คนโดนต่อยตะโกนเสียงดังลั่น เลือดในกายร้อนผ่าว อารมณ์โมโหกำลังเดือดปุดได้ที่  เสี้ยววินาทีหลังจบประโยค เด็กตัวสูงก็วิ่งเข้าใส่คู่อริทันที ทอมที่รั้งไว้ก็รั้งไม่อยู่เพราะศรแรงเยอะเกินไป ยิ่งเลือดขึ้นหน้าแล้วยิ่งห้ามไม่ได้
ไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรกัน  แต่ตอนอยู่ในมหาลัยเคยได้ยินข่าวมาบ้าง มันไม่ค่อยพ้นเรื่องไหนหรอกนอกจากผู้หญิง 

     หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ 


     ผลัวะ!


     พลั่ก!


     เสียงกระทบกระแทกของการต่อยตีเสียงดังลั่น เพลงในร้านถูกปิดลง ทอมและเพื่อนพยายามเข้าไปห้ามไม่ให้มีเรื่องกันมากกว่านี้ พี่ๆเพื่อนๆของมันที่อยู่ในวงดนตรีก็รีบมาดูมันเช่นกัน ไม่มีใครห้ามศรศิลป์ในตอนนี้ที่กำลังโมโหถึงขีดสุดได้
ศรไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย เป็นบอยต่างหากที่อยู่ในสถานะนั้น


     สองสามนาทีได้ที่มะรุมมะตุ้มกันอยู่อย่างนั้น ศรมีรุ่นพี่อย่างทอมคอยห้ามจนโดนลูกหลงไปด้วย หนึ่งหมัดของใครก็ไม่รู้ ไม่ศรก็บอยประทับที่หน้าเขาเต็มๆ


     สัดเอ้ย!


     นี่สินะรสชาติของการโดนต่อย เมื่อวานไอ้หมอนั่นมันคงรู้สึกแบบนี้  รู้สึกเหมือนเวรกรรมกำลังตามสนองจริงๆ


     “หยุด!”  เสียงการ์ดจากหน้าร้านวิ่งเข้ามาพรึบพรับประมาณสี่คนได้ การ์ดหุ่นยักษ์ทั้งสี่จับสองคนแยกออกจากกันได้ในที่สุดถึงมันจะยากมากก็ตามที ศรดูไม่เจ็บอะไรมาก ต่างจากบอยที่สภาพย่ำแย่เกินทน…


     หยอดน้ำข้าวต้มอีกนานเลยน้องเอ๋ย…




     อีกด้านหนึ่ง…


     Rrrrrr


     สี่ทุ่มโดยประมาณ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขณะที่คุณนิวกำลังนั่งจมอยู่กับงานตรงหน้า เด็กหน้าซื่อที่กำลังนั่งเฝ้านายของตัวเองอยู่ใกล้ๆก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่งัวเงีย ผมเผ้าชี้ฟูไปหมด 

     “ไปนอนในห้องเถอะน่าน”   เป็นเพราะสงสารเลยไล่ให้เข้าไปนอนในห้องก่อนที่จะกดรับสาย  เจ้าตัวเลยลุกจากพื้นเดินเข้าไปในห้องด้วยสภาพเซซ้ายเซขวาของคนเพิ่งตื่นนอน

เด็กน่านชอบมานั่งเงียบๆเฝ้าเขาตอนทำงานเพราะกลัวว่าคุณนิวจะเรียกใช้ หรือขาดเหลืออะไรจะได้ทำให้ ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่ต้องแต่เด็กมันดื้อด้านผลเลยเป็นอย่างที่เห็นนี้  ก็นะ…ไม่รู้จะทำยังไง


     ‘ครับน้าออง?’   เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรมา เซนส์บางอย่างของเขามันก็ร่ำร้องว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ
     ‘ได้ครับ…เดี๋ยวผมจัดการให้’  เสียงของปลายสายที่โทรมาขอร้องอ้อนวอนพร้อมกับการสะอื้นไห้  เป็นเดือดเป็นร้อนให้เขาต้องรีบคว้ากุญแจรถที่วางไว้ข้างๆมาถือไว้ในมือ ก่อนจะหยิบฮู้ดที่ถูกเก็บไว้อย่างดีอยู่ในตู้เสื้อผ้ามาสวมใส่ทับสภาพที่เตรียมพร้อมจะเข้านอนของตัวเอง



     ปอร์เช่คันสวยถูกเหยียบเร่งความเร็วในระดับหนึ่งจากที่เคยใช้ แต่ก็ไม่อยากจะเร็วกว่านี้เพราะกลัวโดนใบสั่งจะส่งตามหลังมา เป็นเพราะถนนตอนกลางคืนค่อนข้างโล่งเยลมาถึงที่หมายในเวลาไม่ถึงสิบหานาที


     ที่หมายที่ว่านี้ก็คือสถานีตำรวจ


     ช่วงขายาวก้าวเดินฉับๆด้วยความเร่งรีบ สีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด รอบกายเหมือนกำลังแผ่ไอเย็นของความน่ากลัวออกมาจนน่าขนลุก   


     “ผมเป็นพี่ชายของศรศิลป์”  เสียงทุ้มพูดขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาข้างในแล้วเจอเจ้าหน้าที่  พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ในโรงพักพร้อมกับเพื่อนของเขาอีกสองคนที่เจอในเมื่อวาน ที่พูดขอโทษแทนเพื่อนก่อนจะลากออกไป



     หึ…   คุณากรยกยิ้มที่มุมปาก 


     เมื่อวานที่ร้านเหล้า วันนี้ที่สตาร์บัค และวันเดียวกันอีกที่โรงพัก


     เจอกันครั้งที่สามจนได้นะทอม 


     แต่เดี๋ยวก่อน… ขอสะสางเรื่องของน้องชายตัวเองก่อนแล้วเรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง เพราะเจอกันถึงสามครั้งแล้วเขาจะได้ทำอะไรๆ อย่างที่คิดไว้สักที


     ทอมที่เพิ่งเห็นว่าใครที่พรวดพราดเข้ามาใหม่ก็ตกใจจนลุกขึ้นจากเก้าอี้ หน้าตาดูอึ้งๆ เพื่อนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็ไม่ต่างพากันสะกิดขากันไปมายิกๆ คิดว่าตัวเองฝันไปหรือไม่ก็ตาฝาด เพราะว่าคนที่สวมฮู้ดสีดำมีรอยม่วงๆช้ำอยู่ตรงมุมปาก เขาอยู่ในชุดพร้อมนอนนั้นดันเป็นคนเดียวกับที่ไอ้เพื่อนบ้าพลังไปมันต่อยหน้าเขาเมื่อวาน

     และเป็นแฟนใหม่เค้ก…


     ซวยแล้วถ้ามันเอาเรื่องขึ้นมาล่ะก็… พ่อรู้เข้าก็ซวยแน่ๆความฉิบหายก็จะมาเยือนแบบเต็มรูปแบบแถมยังเป็นคนเริ่มก่อนอีกด้วย  ความฉิบหายมีกี่ครั้งก็คูนสองมันเข้าไป


     แต่ยังไงก็ช่าง…คนอย่างไอ้ทอมไม่เคยกลัวใครเว้ย!(นอกจากพ่อกับแม่)


     เพราะงั้นทอมเลยเลือกที่จะอยู่ก่อนรอดูน้องเทคของตัวเอง  เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่เคยทิ้งพี่ทิ้งน้องทิ้งเพื่อนนะพูดเลย
แต่เรื่องเหี้ยๆที่สอดแทรกกับความตกใจเกิดขึ้นหลังจากนั้น  เมื่อทอมรู้ว่าน้องเทคของตัวเองเป็นน้องชายของไอ้หน้าหล่อคนนั้น  ทอมแทบล้มทั้งยืน เอามือกุมหน้าอกพร้อมกับดมยาดมแต่ก็ยังคงพยายามเชิดหน้าสู้เหมือนไม่กลัวความผิดของตัวเอง


     ศรถูกประกันตัวออกมา พี่ชายเจ้าตัวโทรเรียกทนายให้มาเคลียร์ทุกอย่างให้และก่อนที่ศรมันจะเดินออกไปจากโรงพักได้ยินเสียงทะเลาะกันกับพี่ชายคนนี้ด้วย 

     อืม...รุนแรงพอตัว


     ทอมไม่ได้ถามอะไรมากนักเขากับเพื่อนอีกสองคนรับหน้าที่ขับรถพาน้องมันส่งที่บ้านก็เท่านั้น  แต่ก่อนออกมาจากโรงพักเขาดันเจอกับสายตาแปลกประหลาดนั่นของพี่ชายไอ้ศรจนมาถึงตอนนี้ทำให้ทอมรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างช่วยไม่ได้



     เซนส์มันบอกกว่าเหมือนกำลังจะมีความฉิบหายเข้ามาเยือนในชีวิตยังไงก็ไม่รู้…


     โปรดติดตามตอนต่อไป...




     นาทีนี้อยากได้น้องศรเป็นผัวมาก เดือนวิศวะไม่เอาจะเอาเดิือนมหาลัย เจ้าของห้างก็ไม่เอาจะเอาน้องศร!!
     

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2018 18:25:34 โดย Matcha_Latte »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ทั้งตอนที่อ่านมานี่สงสัยอยู่อย่าง ทำไมต้องสามครั้ง? แล้วหลังจากนั้นคุณพี่เขาจะทำอะไรล่ะนั่น

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ศรน่านไหมเนี่ย
อิอิ


แอบคิดไปแล้ววว

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 มันต้องมีอะไรเด็ดๆแน่ๆ :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่าสนใจดีค่ะ ติดตามนะคะ

 o13

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
น่าติดตามค่ะ
ว่าแต่ ครบสามครั้งแล้วจะทำอะไรหรอคะ  :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2018 11:17:59 โดย nu-tarn »

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พี่มันจะทำอารายยยยยย เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก สนุกมากเลย
เราชอบ อยากอ่านต่อแล้ว เราอยากรู้ววว
ตอนนึงอ่านยาวจุใจมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดูเหมือนน้องรหัส ศร ก็จะชอบทอมสินะ

แล้วคุณนิวล่ะ เหมือนถูกใจทอมอยู่เหมือนกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ตอนที่สาม : คุณคนเดิม เพิ่มเติมคือความรู้จัก




หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…



     16.35 pm 


     แอร์เย็นๆของห้าง The KNK ตอนนี้ช่วยคลายร้อนให้เดือนวิศวะเป็นอย่างดีเพราะอากาศข้างนอกที่เพิ่งหนีมานั้นบอกเลยว่ามันร้อนจนตับแทบแตก นี่ขนาดสี่โมงเย็นแล้วนะ ความร้อนยังทุเลาลงแค่เพียงเล็กน้อยเอง   


     ทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่านี่ความร้อนจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนจากนรกกันแน่!


     คนขี้ร้อนอย่างเขาเลยไม่พ้นที่จะหนีเข้าห้างเพื่อมาตากแอร์ ส่วนเพื่อนตัวดีสองคน ออยกับแดนดันมีธุระซะได้ ต่างคนต่างก็ต้องกลับบ้านไปหาครอบครัวในวันนี้  สุดท้ายทอมเลยต้องอยู่คนเดียวแบบเหงาๆ


จริงๆตอนแรกสองคนนั้นจะไม่กลับด้วยซ้ำเพราะเป็นห่วงเพื่อนที่อาการยังไม่ค่อยดีสักเท่าไร กลัวว่าถ้าอยู่คนเดียวแล้วจะฟุ้งซ่าน เพราะตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทอมก็ขลุกตัวอยู่แต่กับเพื่อนไม่ไปไหน

ถ้าเพื่อนไม่มาหาที่ห้องก็จะหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนกับเพื่อนเอง เรียกได้ว่าไปไหนมาไหนสามทหารเสือก็จะกระเตงกันไป  แต่วันนี้ทอมก็ยังยืนยันว่าอยู่ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มคิดถึงพวกมันมากขนาดไหนก็เถอะ


     เฮ้อ… ให้ได้อย่างนี้ดิวะ


     คนตัวสูงพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่สองเท้ากำลังก้าวเดินอย่างเอื่อยๆ และเป้าหมายก็คือสตาร์บัคตรงหน้าที่แค่เดินไม่ถึงสองเมตรก็จะได้สัมผัสประตูร้านแล้ว  หากแต่…



     หมับ!



     ความรู้สึกอุ่นร้อนเกิดขึ้นยังบริเวณที่ถูกสัมผัส ข้อแขนขาวๆก็ถูกคว้าไว้ด้วยมือใครสักคนที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ 
ทันเท่าความคิดทอมหันหน้าไปมองเจ้าของฝ่ามือที่กำลังจับข้อมือของตัวเองไว้



     มันไม่ได้แน่นมาก แต่ก็ไม่ได้หลวมไป


     เขาว่าเขาขาวแล้วนะ ไอ้เจ้าของมือนี้มันขาวกว่าเขาอีก 

     ทีแรกคิ้วเข้มขมวดมุ่นเล็กน้อยขณะที่กำลังมองไล่ขึ้นไปตั้งแต่ข้อมือยันใบหน้าของคนที่มาจับเขาอยู่


     หลังจากนั้นแค่เพียงเสี้ยววินาทีสีหน้าจากที่ดูงงๆก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความตกใจ



     (O_O)

     อะไรวะเนี่ย!?


     “คุยกันหน่อยมั้ย?”  เจ้าของคำถามยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยตรงมุมปาก


     จำได้ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เจอรอยยิ้มแบบนี้ มันเป็นแบบเดียวกันเป๊ะๆ 


     แน่ล่ะสิ…ก็เป็นคนคนเดียวกันนี่หว่า


     ชายหนุ่มวัยสามสิบสองที่หน้าเด็กกว่าอายุวันนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีแดงเลือดหมูที่ใหญ่กว่าตัวนิดหน่อย กางเกงยีนส์สีเข้ม ไม่รู้ว่าของแบรนด์อะไรเพราะทอมเองก็ไม่ค่อยสันทัด ที่รู้ก็เห็นมีแต่รองเท้าNIKE Air Maxที่เขากำลังใส่อยู่เพียงอย่างเดียว ด้านหลังสะพายกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คสีดำหนึ่งใบ 

ผมสีน้ำตาลอ่อนแนบลงกับหน้าผากขาวๆของเขาเพราะไม่ได้เซ็ตขึ้นอย่างที่ชอบทำในเวลาทำงาน แต่เนื่องจากว่าตอนนี้คุณากรไม่ได้ทำงานแต่กำลังหาเรื่องคุยกับทอมอยู่ 


     แม่ง…หล่อเหี้ยๆ


     ถึงแม้จะตกใจขนาดไหนที่ได้เจอคนคนนี้แต่ทอมก็ไม่ลืมที่จะอุทานในใจเงียบๆ 


     ไอ้สัด หน้าเด็กขนาดนี้แดกคอลาเจนหมดไปเท่าไรแล้ววะนั่น? 


     ไม่รู้อายุเท่าไร แต่หน้าเด็กขนาดนี้เป็นน้องกูเลยมั้ยไอ้ห่า!


 
     เดี๋ยวนะ?


     แล้วกูจะสนทำไมล่ะเนี่ยยยยยยยย?


     เสียงในสมองทั้งสองข้างของทอมตอนนี้กำลังทะเลาะกันนิดหน่อยเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องของผู้ชายตรงหน้า



     “คุยอะไรกูไม่คุย!”  ทอมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เหมือนกับสำนวนสุภาษิตที่เคยว่าไว้ มะนาวไม่มีน้ำ  พร้อมกับสะบัดข้อมือออกจากฝ่ามือของคนตรงหน้าอย่างแรง 


มันหลุดแล้ว…แต่ก็ช้ากว่าคนหน้าเด็กหลายปีแสง  เพราะแค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ข้อมือของทอมหลุดจากพันธนาการของคนตัวสูง เขาก็คว้าหมับ จับไว้ให้อยู่ในลักษณะเดิมด้วยความรวดเร็ว 


     “ไอ้เชี่ยหนิ”  เด็กยักษ์ที่เริ่มหัวร้อนต่อว่าเขาด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างเกรี้ยวกราด  แต่เหมือนว่าคุณากรจะไม่สะทกสะท้านกับคำพูดที่พ่นออกมาจากปากของคนตรงหน้าสักเท่าไร 


     หึ…

     อีกครั้งที่เขายิ้มเช่นเดิม จนทอมเริ่มขนลุกจนชันผิดกันกับสาวๆที่เดินผ่านไปมาแถวนี้ซึ่งกำลังเหลียวหลังมองเจ้าของรอยยิ้มนี้กันจนคอแทบเคล็ด



     “คุยกันนิดหน่อยเอง”  เขาว่าเสียงเรียบ ยักไหล่ขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่หยี่ระ ก่อนจะออกแรงลากเด็กยักษ์ให้เดินตามเข้าไปในสตาร์บัค


เขาเลือกที่นั่งเหมาะๆหนึ่งที่ ซึ่งติดอยู่ตรงกระจกของร้านมองเห็นผู้คนที่กำลังเดินไปมา “จะกินอะไรก็สั่ง”  ก่อนจะล้วงแบงค์พันในกระเป๋ากางเกงให้ทอม


     คิ้วเข้มของเดือนวิศวะขมวดมุ่น ดูงุนงงยิ่งกว่าเดิม เพราะการกระทำของคนคนนี้


     อะไรของมันวะ?


     เริ่มงงแล้วนะเว้ย!


     ถ้าจะเอาเรื่องที่เขาไปต่อยหน้ามันวันนั้นก็เอาเลย (แค่อย่าให้ถึงหูพ่อก็พอ) แต่ทำไมถึงลากเข้ามาในร้านกาแฟแบบนี้ได้แถมยังควักเงินตัวเองออกมาให้เขาเอาไปซื้อเครื่องดื่มอีก



     รวยมากหรือไงมึง?


     “กูไม่แดก จะเอายังไงก็พูดมา!”  ทอมปฏิเสธพร้อมกับยัดแบงค์พันใส่มือกลับคืนพร้อมกับถามเสียงห้วนๆเหมือนที่ใช้ก่อนหน้านี้ และคำพูดคำจาที่ค่อนข้างหยาบคาย



     “ไปซื้อ… แล้วมานั่งคุยกันดีๆ”    คุณนิวค่อนข้างใจเย็น เขาพยักพเยิดหน้าไปทางเคาท์เตอร์หนึ่งที พนักงานในร้านที่เห็นว่าเป็นใครที่เข้าร้านวันนี้ต่างก็กรี๊ดกร๊าดในใจกันเบาๆ บางคนก็ถึงกับแอบยืนบิดตัวไปมาน้อยๆด้วยความเขิน



     คนอะไรก็ไม่รู้แค่มองหน้าก็เขินแล้ว บ้าบอ!


     จะใครซะอีกล่ะ? 


     ก็นั่นน่ะ…คุณนิวลูกเจ้าของห้าง The KNK ไง!  เขาเคยเข้ามาในนี้ก็จริงแต่ก็แค่ไม่กี่ครั้ง สงสัยวันนี้สาวๆจะแต้มบุญถึง
ถึงได้ไม่นกกันถ้วนหน้า  เพราะได้มีโอกาสได้เห็นลูกชายสุดหล่อของเจ้าของห้างคนนี้สักทีหลังจากที่พนักงานในร้านพากันพูดปากต่อปากว่าแซ่บนักแซ่บหนา!



     และก็เป็นอย่างที่ข่าวลือว่าไว้!



     “ก็กูไม่กินอ่ะ! จะทำไม?”  ทอมช่างหยาบคายไม่ดูอายุตัวเองเลยสักนิดว่าห่างกับเขากี่ปี ถึงคุณากรจะหน้าเด็กก็ใช่ว่าอายุเขาจะเด็กสักหน่อย


     “โอเค ตามใจ”  และคุณนิวก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้  ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ “นั่งสิ” ผายมือเชิญชวนให้เด็กยักษ์นั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


     “มีอะไรก็พูดมาเร็วๆ!”  แต่คนดื้อรั้นมีเหรอจะทำตาม เขายืนตั้งคำถามพร้อมกับเท้าเอวรอฟังคำตอบ



     ขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังโดนสายตาของพนักงานในร้านประณามยังไงก็ไม่รู้…


     ไม่ใช่ว่าเรื่องไม่ได้สั่งเครื่องดื่มหรืออะไรนะ แต่ว่าด้วยเรื่องที่กำลังทำตัวหยาบคายกับหนุ่มหล่อตรงหน้าที่มีท่าทางโคตรคุณชาย


     อกผาย ไหล่ตึง หลังตรง 
     ท่าทางคุณชายฉิบหาย!   

     ทอมเบ้ปากเบาๆ กรอกตาหนึ่งครั้งด้วยความมันไส้ 


     แต่แล้วไง? เขามันพวกโนแคร์โนสนอยู่แล้ว ใครจะมองยังไงก็ช่าง



     “ก็แค่อยากคุยด้วย”  “คุยเรื่องทั่วๆไป”  มองหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่วางตา แม้เจ้าตัวจะยืนค้ำหัวคุยกับเขาก็เถอะนะ บอกได้เลยว่าถ้าเป็นศรศิลป์หรือเป็นคนอื่นมาทำตัวกับเขาแบบนี้คงต้องมีการสั่งสอนกันนิดหน่อย


     “คุยกับมึงแล้วปวดหัวว่ะ กูไปละ!”  ทอมพูดและกำลังจะเตรียมตัวเดินหนีออกไปจากจุดจุดนี้ ที่กำลังเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ


     “ก็แค่อยากคุยด้วยกันดีๆ”  และคำตอบของคุณนิวที่พูดออกมาก็ยิ่งทำเอาคนที่เข้าใจอะไรยากอย่างทอมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก


     แล้วมันจะอยากมาคุยดีกับกูทำไมวะ?



     ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย…


     แฟนใหม่ของแฟนเก่าที่ไหนเขาจะมาคุยกันดีๆได้ ถึงจะมีบ้างก็เถอะ แต่ทอมน่ะไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มน้อยๆนั่นแน่นอน

     เพราะงั้นเลยไร้ซึ่งเหตุผลที่จะตอบโต้หรือพูดคุยกันอีกต่อไป ทอมไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นเขาเดินหนีออกมาทิ้งไว้ให้ลูกชายเจ้าของห้างสุดหล่อนั่งเพียงลำพังอยู่ที่เดิมอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ท่ามกลางสายตาของคนในร้านที่แอบมองอยู่เป็นระยะๆ



     หึ…


     รอยยิ้มแบบเดิมๆที่ถูกยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง


     หัวดื้ออย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด


     นี่มันแค่เริ่มต้นนะทอม…


     วันนี้ถือว่าเวลาของเขาไม่เสียเปล่าเพราะอย่างน้อยก็ยังได้คุยกับไอ้เด็กยักษ์


     ครั้งแรกที่เจอกัน (วันที่เขาโดนต่อยนั่นแหละ) ก็รู้ตัวทันทีเลยว่าสนใจทอมในระดับหนึ่งอย่างไม่มีเหตุผล 
     ยอมรับว่ามันเป็นแค่ความสนใจ ไม่ใช่ความชอบ และเพราะความรู้สึกนั้นเลยส่งผลให้เขาเลือกที่จะทำอะไรอย่างในหลายๆวันที่ผ่านมา


     เช่นการหาประวัติของทอม และการเจียดเวลาอันน้อยนิดของตัวเองเพื่อตามดูว่าเด็กคนนี้ว่างแล้วจะไปไหน

     เขาดูเหมือนทุ่มเทมาก แต่ก็เปล่าหรอกมันเป็นนิสัยของคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและอยากได้อะไรก็ต้องต้องได้อย่างเขา 
กับทอมก็เหมือนกัน



     ไม่รู้ว่าจะอยากได้ทอมมาทำไม แต่สมองมันสั่งการไปแล้วว่าอยากได้




     และเขาก็ต้องได้…


   








   อ่านต่อข้างล่างนะคะ

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต่อค่ะ





   …



     วันต่อมา


     ช่วงเช้าของอีกวันทอมขับรถกลับบ้านที่อยู่ต่างอำเภอเพื่อมาหาพ่อกับแม่และพี่ทับทิมซึ่งทุกๆเดือนเราจะมีนัดของครอบครัวที่ต้องได้ทานข้าวด้วยกันสักครั้ง


     ทอมมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อว่าทับทิม เธอเป็นสาวโสดสวยลัเก่งที่อายุขึ้นหลักสามแล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะแต่งงานสักทีเพราะสาวเจ้าเอาแต่ทำงานๆแล้วก็ทำงานไม่ได้สนใจอะไรสักอย่าง ความรักก็เช่นกัน

มาสด้าสามสีขาวเลี้ยวเข้าไปจอดภายในตัวบ้านเมื่อประตูรั้วอัตโนมัติถูกสั่งงานด้วยรีโมทที่แม่ทิ้งไว้ให้เขาหนึ่งอัน ทอมมาถึงบ้านในเวลาประมาณสี่โมงเช้า 


พอลงจากรถได้แล้วคนตัวสูงก็หอบถุงขนมที่ติดชื่อร้านเจ้าโปรดของคนในบ้าน จากนั้นสองเท้าก้าวฉับๆเดินหายเข้าไปในตัวบ้าน
ทันที 

ทอมอยู่ในเสื้อผ้าสบายๆอย่างที่ชอบใส่ กางเกงขาสามส่วน เสื้อยืดตัวละร้อยเก้าๆที่ไปซื้ออยู่จตุจักรกับเพื่อน และรองเท้าแตะโนเนมที่ซื้อมาจากที่ไหนสักที่ซึ่งตอนนี้จำไม่ได้แล้ว


     “อ้าว! น้องทอมมาแล้วค่ะคุณผู้หญิง”  เสียงพี่แก้วสาวใช้ในบ้านดังขึ้นเมื่อเห็นว่าใครที่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถุงอะไรไม่รู้ ดูพะรุงพะรังไปหมด


     “แม่หวัดดีครับ พี่แก้วหวัดดีครับ”  เดือนวิศวะทำความเคารพคุณนายประจำบ้านพร้อมกับพี่แก้วสาวใช้ที่เป็นเหมือนคนในครอบครัว


     “สวัสดีค่ะน้องทอม ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะเนี่ย?”  พี่แก้วว่าพร้อมกับลุกขึ้นจากการที่กำลังช่วยคุณนายร้อยมาลัยไปเป็นช่วยน้องทอมของเธอถือถุงขนมแทน


     “ซื้อขนมเจ้าโปรดมาฝากน่ะครับ มีของพี่แก้วด้วยนะ”  เจ้าตัวว่าพร้อมกับยื่นถุงขนมให้พี่แก้ว


     “ไม่มาหาแม่เลยนะน้องทอม ก็คิดว่าแต่ลืมทางกลับบ้านซะแล้ว” คุณแม่แซวเล็กน้อยขณะที่ลูกคนเล็กทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ


     “โถ่แม่…ก็หนูเรียนหนัก”  ทอมว่าพร้อมกับเอาหน้าหล่อๆไปถูไถที่แขนของคุณแม่ไปมาอย่าออดอ้อน

     สรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองถูกเปลี่ยนไป ทอมมักจะใช้คำว่าหนู มันอาจจะดูขัดกับบุคลิกหากแต่ด้วยความเคยชินก็เลยไม่สามารถละทิ้งคำติดปากนี้ได้สักที 

แต่ก็แค่กับคนในครับครัวนะ ถ้าอยู่ข้างนอกแล้วใครมาได้ยินเขาแทนตัวเองว่าหนูแบบนี้มีหวังโดนล้อยันลูกบวช เสียภาพพจน์เดือนวิศวะสุดเท่ ที่โคตรกร๊าวใจสาวๆในมอหมด 



     “อย่าบอกนะว่าเรียนหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยเนี่ย?”  คุณแม่ถามและวางดอกไม้ในมือลงก่อนจะจับและลูบๆคลำๆที่ใบหน้าของลูกชาย “ทาครีมครั้งล่าสุดวันไหนเนี่ยลูก?” 

     “แล้วดูสิผมเผ้าเนี่ย! ไม่ได้ตัดตั้งแต่ตอนไหน? ใช่ครั้งล่าสุดที่กลับมาบ้านหรือเปล่า?” เพราะว่าสภาพของลูกชายตนตอนนี้อยากจะบอกกว่าย่ำแย่มาก ผิดกับช่วงในอดีตลิบลับที่เคยน่ารักอย่างกับเด็กผู้หญิง

     แล้วดูตอนนี้สิ หุ่นใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงผิวพรรณจะเนียนละเอียดแต่ถ้าไร้การใส่ใจดูแลมันก็ต้องแย่ลงมานิดหน่อย    ผมเผ้าที่ชอบตัดสั้นๆบัดนี้ยาวลงมานิดหน่อยจากเด็กที่เคยน่ารักเหมือนกับเด็กผู้หญิงตอนนี้ดูเป็นผู้ชายห่ามๆไม่ค่อยดูแลตัวเอง

      แต่ก็ยังไงก็ยังดูโซฮ็อตมากในสายตาสาวๆ


      แต่ถ้าในสายตาของคุณแม่แล้วก็นะ…ขัดใจเล็กน้อยก็แล้วกัน 


     จากเด็กบอบบางที่ป่วยบ่อยๆในวันนั้นได้กลายมาเป็นผู้ชายที่ดูแข็งแรงในวันนี้เสียแล้ว ถึงจะดูแปลกไปนิดหน่อยก็เถอะ 
ทุกวันนี้ยังคิดว่าน้องทอมเป็นเด็กตัวน้อยๆสำหรับเธอเสมอ ดูสิ…ขนาดโตแล้วนิสัยขี้อ้อนก็ยังไม่หายไปไหนเลย



     “แม่…เรียนมาก็เหนื่อยละหนูไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรอก”  เด็กยักษ์ขี้อ้อนบ่นอุบอิบ ท่าทางน่ารักๆแบบนี้น่ะน้อยนักจะได้เห็นถ้าไม่ใช่ตอนอยู่กับครอบครัวก็ไม่มีใครได้เห็นหรอกเชื่อสิ 


แต่เรื่องเรียนนั้นน่ะไม่ถึงกับทำให้ไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรอกมันก็แค่ข้ออ้าง แท้จริงแล้วเขาแค่ขี้เกียจและดื่มเหล้าบ่อยเท่านั้นเอง เลยเป็นสาเหตุให้ทอมมีสภาพแบบนี้ 

     แต่ใครจะกล้าพูดเรื่องจริงออกไปถ้าแม่รู้เข้ามีหวังโดนบิดหูหลุดแน่ๆ



     “เอาล่ะๆ ไปสวัสดีพ่อกับพี่ทิมข้างห้องทำงานก่อนไป แล้วเดี๋ยวเย็นๆพาแม่ไปจ่ายตลาดด้วยนะ”  คุณแม่ว่า 


     “ครับคุณนายยยยยย”  ทอมลากเสียงยาวก่อนจะไปก็แอบขโมยหอมแก้มคุณแม่ไปฟอดหนึ่งซะเต็มรัก




     ช่วงเย็นของวันนั้น



     ทอมพาคุณนายของบ้านมาจ่ายตลาดอย่างที่ชอบทำมาตลอด เจ้าตัวเดินตามหลังต้อยๆพร้อมกับช่วยถือของสดที่แม่เป็นคนเลือก ส่วนเขาก็มีแค่หน้าที่ถือ  ครั้งนี้เราเลือกที่จะทานอาหารด้วยฝีมือคุณแม่ ไม่ได้ออกไปทานที่ไหนเหมือนครั้งก่อนๆ

แอบได้ยินมาว่าจะมีแขกของพ่อมาร่วมโต๊ะมื้อนี้ด้วย แถมยังเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันอีกต่างหาก เพราะตอนวัยรุ่นเพื่อนกับพ่อคนนั้นสนิทกันมาก


     ก็คงจะเหมือนเขากับพวกแดนแล้วก็ออยล่ะมั้ง? 

     ไม่ได้รู้เพราะเคยเห็นนะ แต่รู้เพราะแม่เล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้เอง



     “น้องทอมเอาผักไปล้างให้แม่หน่อย”  คุณแม่สั่งงานทันทีเมื่อกลับมาจากตลาดและมุ่งตรงเข้ามาทางครัว บุคคลที่อยู่ในครัวตอนนี้มีแม่เป็นคนทำ และพี่แก้วกับเขาเป็นผู้ช่วย ส่วนพี่ทิมน่ะเหรอ…นั่งคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้อยู่กับพ่อ

     พี่ทิมน่ะเป็นผู้หญิงที่โคตรไม่เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด

     เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะให้พี่ทิมเข้าครัวไม่ต้องหวังเลยสักนิด เนื่องจากว่าเข้าครัวครั้งไหนครัวก็ไหม้ครั้งนั้น


     ถึงเรื่องงานบ้านจะไม่ได้เรื่องก็เถอะ แต่พี่สาวเขาน่ะทำงานเก่งมาก ฉลาดและหัวไวสุดๆ   
     ยิ่งแต่ก่อนตอนที่ยังคงเป็นเด็กใครๆที่พบเห็นต่างก็บอกว่าทอมกับพี่ทิมน่าจะสลับร่างกันซะ  เพราะทอมตอนนั้นเหมือนเด็กผู้หญิง ส่วนพี่ทิมเองก็แก่นแก้วซะเหลือเกินจนน่าจะเกิดเป็นผู้ชายซะให้รู้แล้วรู้รอด


     “น้องทอมอยู่ที่นั่นมีคนมาจีบบ้างมั้ยคะ?”  พี่แก้วชวนคุยขณะที่เจ้าตัวขะมักเขม้นกับการล้างผัก


     “มีแน่นอนดิ หนูหล่อซะขนาดนี้”  ทอมโม้ แต่มันก็แค่เมื่อก่อนน่ะนะ ตอนนี้เขาเบื่อที่จะทำอะไรแบบนั้นแล้ว เบื่อที่จะเจ้าชู้เบื่อที่จะลื่นเหมือนปลาไหลตั้งแต่ได้เจอเค้กจนกระทั่งเลิกกัน 


     “แต่คนหล่อที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองก็เท่านั้นนะน้องทอม”  คุณแม่พูด


     “โธ่แม่…”   



     ไม่วายที่จะวกกลับมาพูดเรื่องเดิม แม่น่ะเจอหน้ากันกี่ครั้งๆก็ชอบบ่นเรื่องการดูแลตัวเองของเขาเสมอ




     ก็คนมันขี้เกียจอ่า… 




     และบทสนทนาของลูกชายกับคุณแม่ก็เกิดขึ้นตลอดเวลาขณะที่ทำอาหาร และเมนูที่ทำในวันนี้ก็มียำผักบุ้งกรอบ ปูผัดผงกะหรี่ ต้มยำกุ้ง ปลาช่อนลุยสวน และแกงเขียวหวานไก่ที่เป็นเมนูโปรดของลูกชายคนเล็ก 


เรียกได้ว่าการทำอาหารครั้งนี้ทำให้แม่ครัวและผู้ช่วยเสียพลังไปไม่ใช่น้อย แถมของหวานยังเป็นข้าวเหนียวมะม่วงที่คุณแม่มูนข้าวเหนียวไว้รอตั้งแต่ตอนบ่าย

     อาหารที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่ผมพูดเลย…



     “นั่นไงท่าทางอาหารจะเสร็จแล้ว” คุณพ่อพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอาหารถูกยกออกมาโดยภรรยาของเขาและสาวใช้ในบ้าน
ขณะที่กำลังนังคุยอยู่กับหนุ่มใหญ่คนหนึ่งอย่างออกรสตามภาษาเพื่อนที่ไม่ค่อยได้มีเวลาเจอกัน ทับทิมเองก็เช่นกันที่กำลังคุยกันถูกคอกับลูกชายของเขาในเรื่องของการเล่นหุ้น



      ทอมช่วยพี่แก้วจัดแจงอาหารบนโต๊ะ ส่วนคุณแม่ก็ออกไปตามสามีและเพื่อนของเขา  เห็นว่าวันนี้เขาพาลูกชายมาด้วย เพราะจริงๆแล้วทั้งสองท่านเองก็ต้องการที่จะเป็นพ่อสื่อให้ลูกสาวกับลูกชายได้มีโอกาสได้คุยกัน 
คนวัยเดียวกันน่าจะคุยถูกคอกันบ้างไม่มากก็น้อย


     “สวัสดีครับคุณอา”  ลูกชายของเพื่อนสามีตนยกมือขึ้นไหว้และพูดทำความเคารพ


     “สวัสดีจ้ะลูก” คุณแม่รับไหว้  “จำอาได้มั้ยคะ?” ท่านถามขึ้นเพราะไม่ได้เห็นหน้าเด็กคนนี้มานานแล้วเหมือนกัน ล่าสุดนี่น่าจะเป็นตอนนี้น้องทอมยังไม่เกิดด้วยซ้ำ


     “จำได้ครับ อาวัน”  เขาตอบคำถามและยิ้มขึ้นหนึ่งครั้ง   


     “อาก็ถามดู กลัวว่าจะจำกันไม่ได้” “ไปค่ะ… เราเข้าไปข้างในห้องอาหารกันเถอะค่ะ” 


      ทอมที่เพิ่งช่วยพี่แก้วและคุณแม่จัดเตรียมอาหารตรงหน้าเสร็จก็หันหลังกลับไปเตรียมจะยกมือไหว้ผู้ที่เข้ามาใหม่ สองมือพร้อมที่จะยกไหว้ทำความเคารพเพื่อนของคุณพ่อที่ตัวเองยังไม่ได้ไปทำความเคารพเลย เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่ในครัว



     “สวัสดีครับคุณอา--”

     เสียงที่เปล่งขึ้นถูกตัดฉับแทบจะในทันที เพราะใครบางคนที่ปรากฏขึ้นในสายตาของตนเอง
 


     รู้สึกเหมือนกับผีหลอก รู้สึกเหมือนกับภาพม้วนเก่ากำลังฉายซ้ำ


     เพราะรอยยิ้มแบบเดิมที่เคยได้เห็นเมื่อวาน และเมื่ออาทิตย์ก่อน กำลังปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง 


     ไอ้หน้าเด็กนั่น? 


     ทำไมตอนนี้มันมาอยู่ในบ้านเขาได้วะ?



     “สวัสดี…เห็นตอนนั้นก็เพิ่งคลอด แป้บๆก็โตเป็นหนุ่มแล้วนะ”  หนุ่มใหญ่ท่าทางใจดีรับไว้และยิ้มตอบ พร้อมกับเอ่ยย้อนรำลึกความหลังที่เคยเจอกับเด็กคนนี้นิดหน่อย ซึ่งมันก็นานมากแล้ว ถึงท่านทั้งสองจะได้เจอกันบ้างเป็นบางครั้งบางคราวแต่ก็ใช่ว่าลูกๆพวกเขาจะได้มาเจอกันสักหน่อย


     “นี่ลูกอาเองนะ เขาชื่อนิวถ้าเห็นที่ไหนก็ทักได้เลยนะ”  คุณอาใจดีพูดแนะนำ   



     ทอมเองก็อึ้งๆนิดหน่อย เขารู้ว่าโลกมันกลมแต่ไม่คิดว่ามันจะกลมขนาดนี้


     ทำไมอยู่ๆคนที่ห่างกันเกินกว่าที่จะรู้จัก แท้จริงถึงได้เป็นคนใกล้ตัวอย่างน่าตกใจแบบนี้? 


     อืม…งงนิดหน่อยนะกับความบ้าบอของโลกใบนี้




     หนึ่งรอยยิ้ม พร้อมกับหนึ่งคำทักทาย “ สวัสดีครับ น้อง…?”  เป็นคุณนิวที่เอ่ยทักทายก่อน เขาตั้งใจจะกวนเจ้าเด็กยักษ์ตรงหน้านั่นแหละ ทั้งที่ก็รู้จักกันอยู่ก่อนแล้วถึงแม้ว่าจะมีแต่เขาที่รู้มากกว่าอยู่ฝ่ายเดียวก็เถอะ


     จำได้ว่าเด็กนั่นไม่เคยรู้ชื่อของเขามาก่อน


     “น้องทอมพี่เขาถามน่ะ”  พี่ทิมสะกิดเรียกทอมที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป อยู่ๆก็มีท่าทางแปลกๆ เขาพูดด้วยก็ไม่พูดกับเขา


     “อะ เอ่อ…”  เสียงทอมติดขัดนิดหน่อยเพราะเพิ่งหลุดออกจากภวังค์ของความตกใจ “สวัสดีครับ”  และจำใจยกมือไหว้คุณนิวทั้งที่ไม่ได้อยากทำเลยสักนิด


     มีอย่างที่ไหนต้องยกมือไหว้แฟนใหม่ของแฟนเก่า รู้ถึงไหนอายถึงนั่น เสียชื่อไอ้ทอมหมด!



     “ครับ… น้องทอม” เขาตอบรับ



     เดี๋ยวนะ!?


 
     ไอ้ฉิบหายเอ้ย!  ไม่ได้นะเว้ย! ห้ามเรียกน้องทอมเด็ดขาดเพราะมึงมันไม่ใช่คนในครอบครัว!


     ก็ได้แค่เกรี้ยวกราดในใจเพราะคุณนิวดันเรียกชื่อเขาแบบที่ไม่ค่อยชอบให้คนภายนอกเรียกเท่าไร



     เข้าใจมั้ย?ว่ามันไม่คูล!!



     ถึงข้างในจะเกรี้ยวกราดยังไงภายนอกก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมาเล็กน้อยอย่างไม่เต็มใจนัก เพราะไม่กล้าแสดงสิ่งที่กำลังคิดอยู่ออกไป



เนื่องจากตัวตนที่แท้จริงของเขาน่ะ…น้อยนักที่พ่อกับแม่หรือพี่ทิมจะได้เห็น เอาจริงๆแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้แสดงความเป็นตัวเองที่แท้จริงออกไปเท่าไร อยู่บ้านก็เป็นอีกแบบ ที่มหาลัยก็อีกแบบ


 หมายตอนอยู่บ้านเป็นน้องทอมของคุณแม่ ของพี่ทิม แต่พออยู่มหาลัยเป็นไอ้เหี้ยทอมของเพื่อนๆก็เท่านั้น



     รู้สึกเหมือนกิ้งก่ายังไงก็ไม่รู้ เปลี่ยนสีไปเปลี่ยนสีมา





     และอาหารมื้อเย็นก็เริ่มต้นขึ้น โดยทุกคนล้วนมีบทสนทนาภายในนั้นยกเว้นแค่ทอมเพราะเด็กมหาลัยอย่างเขาที่ไม่ประสาเรื่องการเรื่องงานก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะคุยอะไร


     แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ได้และเข้าใจในการสนทนาของพวกเขาก็คือ… อยากจะจับคู่ให้พี่ทิมกับไอ้คุณนิวนั่นฉิบหาย!


     ไม่ได้! เขายอมไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าไอ้คุณนิวนั่นมันร้ายขนาดไหนแถมมันยังคบกับเค้กอยู่ด้วย
ยอมไม่ได้หรอก!


     “นิวถ้าเห็นลูกชายอาไปมีเรื่องต่อยตีกับใครก็บอกอาได้เลยนะ หรือถ้าเห็นเจ้าทอมมันไปเกเรที่ไหนอาฝากดูด้วยนะยิ่งไม่ได้อยู่ในสายตาเหมือนแต่ก่อนอยู่ด้วย”  หนุ่มใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าบิดา ฝากฝังทอมไว้กับคุณนิว ยังไงถ้าเจอกันข้างนอกก็จะได้ช่วยเหลือกันไป


     คุณนิวยิ้มอีกแล้ว ยิ้มแบบที่ชอบยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นหนึ่งประโยค “น้องดูเป็นเด็กดีนะครับ…”  เขาเว้นจังหวะไปแค่เสี้ยววินาที “คงไม่มีเรื่องต่อยตีให้คุณอาปวดหัว” 






     หน็อยยยยยยย!



     ไอ้คุณนิว! มึงมัน…


     ทอมรู้ว่าไอ้คุณนิวคนนี้น่ะต้องการพูดใส่ใจตน เพราะตั้งแต่เจอกันครั้งแรกตัวเองก็ดันไปทำร้ายเขา ถึงจะไม่หนักหนาสาหัสแต่ถ้าพ่อรู้เข้ามันก็เป็นตัวทอมเองที่จะต้องเป็นคนที่โดนอย่างหนักหนาสาหัดแทน



     ถึงพ่อจะใจดี แต่ถ้าโหดก็โหดเอาเรื่อง!

     เพราะอย่างนี้ไงเลยกำลังหวั่นๆใจถ้าไอ้คุณนิวมันไปฟ้องพ่อเรื่องนั้น บอกได้คำเดียวว่า ฉิบหาย!


     ก็ได้แต่ภาวนาล่ะนะให้ไอ้หน้าหล่อนี่มันไม่พูดออกมา





     ทานคาวเสร็จก็ต่อด้วยทานหวาน


     พี่ทิมเลือกที่จะไปนั่งที่ศาลาตรงสวนในบ้าน และผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็พยายามให้เขาทั้งสองได้มีเวลาอยู่ด้วยกันและมันเป็นสิ่งที่ทอมยอมไม่ได้!


     ไอ้คนนั้นน่ะไม่เหมาะกับพี่ทิมของเขาเลยสักนิด จะมีดีก็แค่หน้าหล่อ! (แถมหน้าเด็กด้วย)  สูงยาวเข่าดี และบ้านที่โคตรรวยฉิบหาย และวันนี้ทอมเองก็เพิ่งรู้ว่าห้างที่ไปเดินเมื่อวาน หรือตลอดมานั่นเป็นของไอ้คุณนิว



     ตอนรู้แทบเอามือยกทาบอกและดมยาดมซะให้หายเวียนหัวกับความรวยนี้


     แต่ถ้ารู้เร็วกว่านี้สักอาทิตย์นะ สาบานได้ว่าจะไม่ไปเหยียบเลย!



     เห็นมั้ย? ไม่เหมาะกับพี่ทิมสักนิด ไม่เหมาะกับเค้กด้วย!

     หนึ่งความคิดดังขึ้นอย่างเอาแต่ใจ



     “พี่ทิมหนูเอาข้าวเหนียวมะม่วงมาให้” ทอมเดินเข้ามาในศาลาพร้อมกับถาดข้าวเหนียวมะม่วงสองที่ ซึ่งมีแค่ของตัวเองกับพี่สาวเท่านั้น  ส่วนไอ้คนนั้นน่ะไม่มีหรอก



     ฉิบหายละ!


     แค่เสี้ยววินาทีก็รู้ได้ว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ผิดมหันต์ลงไป



     ดันเผลอแทนตัวเองกับพี่ทิมว่าหนูซะได้


     เพราะความเคยชินแท้ๆเลยไอ้ทอมเอ้ย!


     เท่านั้นแหละรอยยิ้มแบบเดิมๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนหล่อ ถ้าสาวๆคนอื่นเห็นอาจจะหันมองจนคอเคล็ดแต่สำหรับทอมแล้วยิ่งเห็นยิ่งเหม็นเบื่อ ยิ่งมันไส้!



     หมดกันความลับของไอ้ทอม ขนาดเพื่อนอย่างแดนกับออยยังไม่รู้เลยแม้แต่น้อย


     “ทำไมเอามาสองจาน?”  พี่ทิมถาม เมื่อเห็นว่ามันควรเป็นสามสิ หรือทอมอาจจะไม่ทานนะ?


     “ก็ของหนูกับของพี่ทิมไง”  คำตอบของทอมยิ่งเอาพี่ทิมสงสัย วันนี้น้องทอมของเธอดูแปลกมาก อีกอย่างยังดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ชอบคุณนิวด้วยนะ 


     “ทำไ--”   




     Rrrrrrr



     ยังไม่ทันได้ตั้งคำถามด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยของพี่ทิมก็แผดเสียงดังขึ้น “เดี๋ยวทิมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”  เธอบอกขอตัวกับคุณนิว พร้อมกับมองน้องทอมอย่างคาดโทษ  สายตาบ่งบอกประมาณว่า ถ้าพี่กลับมาต้องได้คำตอบนะ อะไรประมาณนี้



     คล้อยหลังพี่สาวเดินไปได้ไม่ถึงนาที จากน้องทอมก็กลายเป็นไอ้ทอมที่ชอบแสดงกิริยาห่ามๆ และหยาบคาย


     “อย่าคิดจะจีบพี่กูเชียวนะเว้ย!”  มือหนึ่งข้าวเท้าเอว และยืนค้ำหัวพูดกับคุณนิวด้วยท่าทีไม่สุภาพทั้งที่เขาอายุมากกว่าตัวตั้งสิบสองปี


     “ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”   คนหล่อเอียงหน้าเป็นท่าทางประกอบ ในใจนึกสนุกที่ได้ตอบโต้กับเด็กยักษ์หัวร้อนคนนี้


     “กูรู้หรอกว่ามึงสนใจพี่ทิม!” 


     “เปล่า…”  คุณนิวปฏิเสธ ท่าทางเขาตอนนี้ดูไม่มีผลต่อการกระทำของทอมสักเท่าไร ไม่ว่าจะหยาบคายขนาดไหนเขาก็ยังดูใจเย็นอ่อนโยนและยิ้มให้



     ถ้าลองเป็นคนอื่นเถอะ ไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้ต่อหน้าหรอก


     “มึงมันเลว มีเค้กอยู่ทั้งคนยังมายุ่งกับพี่กูอีก!”  อีกครั้งที่ทอมต่อว่า ยิ่งเห็นว่าคุณนิวไม่มีอาการใดๆตอบโต้กลับมานอกจากนั่งใจเย็นอยู่เฉยๆก็ยิ่งรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ 



     “อะไรกัน… รู้จักกันดีแล้วเหรอถึงตัดสินกันแบบนี้?”  คุณนิวยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอก ขณะที่ตั้งคำถาม
เขาไม่ได้อยากยุ่งกับทับทิมสักหน่อย คนที่อยากยุ่งน่ะเป็นเจ้าเด็กยักษ์ตรงหน้าต่างหาก


     “ไม่รู้เว้ย! ”  ทอมโวยวาย
     ก็คงจะรู้อยู่หรอก เพราะในใจมันได้ตัดสินไปแล้วว่าไอ้คุณนิวมันนิสัยไม่ดี!


     “นี่…น้องทอม”

     และเมื่อสรรพนามที่ใช้เรียกเด็กยักษ์ตรงหน้านั้นเปลี่ยนไป ก็ยิ่งทำให้ทอมหัวร้อนมาขึ้นกว่าเดิม



     มึงกล้ามาก!


     “ใครให้เรียกกูแบบนั้น?”


     “ทีน้องทอมยังหยาบคายกับพี่เลย แสดงว่าน้องทอมไม่ได้สนใจความห่างของอายุเราเท่าไร”  คุณนิวเว้นจังหวะไปนิดหนึ่ง


     “แล้วทำไมพี่ต้องสนใจด้วยว่าจะเรียกน้องทอมว่ายังไง?” 


     “ไอ้เชี่ยหนิ!” ทอมพูดเสียงดังลั่น


     “หยาบคายแบบนี้พ่อแม่รู้จะเป็นยังไงนะ…?”   เสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างราบเรียบ


     “ทำไม แล้วมึงจะทำไม?”   


     “ก็ไม่ทำไม”  คุณนิวยกยิ้ม “แอบสงสัยเหมือนกันว่าระหว่างกิริยาของน้องกับเรื่องที่น้องทอมต่อยพี่วันนั้นอย่างไหนจะเป็นเรื่องน่าตกใจมากกว่ากัน”


     “ไอ้เหี้ย!!!”   หนึ่งคำด่าหลุดออกมาจากปากด้วยความเหลืออด แต่คนโดนด่าก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะโกรธเลยสักครั้ง


     เพราะรู้สึกว่ากำลังถือไพ่เหนือกว่า ถ้าหากเหยื่อเดินตามเกมส์แล้วล่ะก็นะ…


     “ไม่ด่านะครับ”


     “มึงจะเอายังไงว่ามาเลย!?”  จากทีแรกที่ต้องการขัดขวางเรื่องการจับคู่ของพี่ทิมกับไอ้คุณนิว ตอนนี้กลายเป็นว่ากำลังเข้าสู่ช่วงการต่อรองและตกลงเรื่องของทั้งคู่ซะงั้น 



     “ไม่รู้สิ…”  คุณนิวว่า

     คนหน้าหล่อเปลี่ยนจุดโฟกัสไปเป็นวิวรอบนอกศาลา เห็นแผ่นหลังเล็กของทับทิมที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เลยเลือกที่จะมองตรงนั้นแทน


     “อย่าลวดลาย จะเอายังไงก็พูดมา!”  ทอมทำเหมือนไม่ได้สนใจ เหมือนอยากตกลงกันเพื่อให้ปัญหามันจบๆไป
แต่ที่จริงแล้วทั้งหมดที่แสดงออกมานั้นคือความกลัว  เขากลัวว่าพ่อจะรู้


     คงไม่ต้องอธิบายนะว่าคนที่โคตรใจดีเวลาใจร้ายจะร้ายแค่ไหน?



     “งั้น… วันจันทร์ตอนสองทุ่มเจอกันที่ร้านXXXนะ”  คุณนิวนัดหมายสถานที่และเวลาให้เด็กตรงหน้า



     จริงๆก็คิดออกแล้วล่ะนะว่าจะเอายังไง


     เอาเป็นว่า..ค่อยคุยกันวันจันทร์ดีกว่า



     ให้เด็กมันเตรียมตัวเตรียมใจหน่อย




     “เออ! วันจันทร์ก็วันจันทร์”  “แต่อย่าให้เรื่องนี้ถึงหูพ่อกูเด็ดขาดนะไม่งั้นมีเรื่องแน่!”  ทอมคาดโทษไว้ หลังจากจบประโยคก็เดินปึงปังออกไปจากศาลา พี่ทิมที่เพิ่งคุยธุระเสร็จเดินสวนกันกับทอมยังเรียกไว้ไม่ทัน คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัย



     อะไรของน้องทอมนะ…?




     แต่กับอีกคนที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า


     ก็บอกแล้วว่าถ้าถูกใจสิ่งไหน เขาก็ต้องได้สิ่งนั้นมาเหมือนกัน



     ส่วนได้มาทำอะไรนั้นก็อีกเรื่อง เพราะตอนนี้ต้องการที่จะเอาชนะเจ้าเด็กยักษ์นั่นมากกว่า



     เจอกันวันจันทร์นะน้องทอม…




    โปรดติดตามตอนต่อไป...





     ความเปย์นี้ *เบะปาก*    เกลียดคามควักแบงค์พัน! นี่ขนาดถูกใจนะคะ ถ้าวันนึงชอบน้องทอมของคูมแม่เข้าให้แล้วคุณนิวของดิชั้นจะเปย์หนักขนาดไหน บอกเลยว่าน้องเลี้ยงยาก!  ถ้าวันไหนวันหนึ่งถึงขั้นรักบอกเลยค่ะ ว่าThe KNKของเขาคงหนีไม่พ้นเงื้อมมือของน้องทอมแน่ๆ ฮุๆ

     -จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละสองถึงสามครั้งนะคะ 
     -ขอบคุณที่ชอบนะคะ ได้อ่านคอมเม้นแย้ววววว ดีใจมากเลยค่ะ
     -ทำไมต้องสามครั้ง  มันมีที่มาค่ะ เดี๋ยวค่อยเฉลยโนะ
      หากอยากทราบช่องทางการติดตามการอัพนิยาย เข้าไปในทวิตมัทได้เลยจย้าาา @blueeyesismine   

       หรือไม่ก็ในแท็ก #คนของคุณากร ได้เลยนะคะ


      มัทฉะลาเต้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
น้องทอมอ้อนน่ารักมาก  :impress2:
อยากเห็นอ้อนพี่นิวเขาจัง

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้องทอมของพี่นิว

กร๊ากกกกกก

อยากรู้ว่าพี่นิวจะปราบน้องยังไงแล้วววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ความลับแตกเลยจ้าาา
ดันไปเรียกหนูต่อหน้าพี่เขา น่ารักเชียวววว

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่สี่ : เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน





     เฮ้อ…


     เขาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยและเบื่อหน่าย ช่วงขายาวสลัดรองเท้าผ้าใบคู่เก่าออกจากเท้าอย่างสะเปะสะปะ ไม่ได้สนใจว่ามันจะกระเด็นไปยังทิศทางไหน หรือเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบมั้ย? 

จากนั้นเดินตรงเข้าไปตรงเตียงนอนขนาดหกฟุตหยิบรีโมทแอร์ได้ก็กดเปิดเร่งระดับความเย็นให้มากกว่าเดิมแล้วก็ทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนทันที

เจ้าของห้องนอนมองเพดานโง่ๆอยู่อย่างนั้นราวกับว่าไม่คิดจะทำอะไรเลยแม้แต่นิด เช่นอ่านหนังสือ หรือไม่ก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ 

     เป็นเหนื่อยๆ


     เป็นเซ็งๆ

 
     เป็นเบื่อๆ



     นั่นคือความรู้สึกของเขาในตอนนี้



     ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังต้องการอะไรกันแน่ เคยติดบอล ติดเพื่อน ติดเที่ยวขนาดไหน แต่รู้สึกเหมือนความรู้สึกทุกอย่างนั้นมันได้หายไปพร้อมกับเค้ก

เขากลายเป็นคนไม่ค่อยอยากเที่ยวหรือดูบอลและอะไรอีกหลายๆอย่าง แต่มันก็เหงาเกินกว่าจะอยู่คนเดียวที่ห้องหรือนอนมองเพดานโง่ๆอยู่กับเพื่อนอีกสองคน เลยมีไปบ้างเพราะแสงสีเสียง และแอลกอฮอล์มันช่วยได้นิดหน่อย

ถ้าไม่มีออยกับแดนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงให้ชีวิตมันดูเป็นชีวิตขึ้นมากกว่านี้ ทุกวันนี้ใครที่เคยพบเจอต่างก็ถามว่า
ได้เอาวิญญาณมาด้วยหรือเปล่า? 

      ในแต่ละวันเวลานั้นช่างเดินช้า เหมือนความหน่วงถ่วงขาทั้งสองข้างไว้จนมันยากที่จะก้าวเดิน


     เมื่อไรวะ… เมื่อไรความรู้สึกพวกนี้จะหายไปสักที


     และล่าสุดนี้นะยังมีเรื่องมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก




     ก็ไอ้คุณนิวนั่นแหละ…


    ‘สิบข้อ…พี่ขอแค่สิบข้อแล้วคุณอาจะไม่รู้เรื่องของทอม’


     ‘สิบข้อเหี้ยอะไรล่ะ!?  ไม่ขอมากไปหน่อยเหรอวะ’




     ก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งชั่วโมง  ทอมไปตามนัดที่ไอ้คุณนิวมันบอกไว้ในเมื่อวาน แล้วก็มีเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรไม่รู้ มันเกิดขึ้นอย่างงงๆ


     ไอ้คุณนิวมันมีข้อเสนอมาให้ว่าขอแค่ สิบข้อ ถ้าเขาขออะไรไอ้ทอมคนนี้ก็ต้องทำให้อย่างไม่มีอิดออด ถ้าครบตามที่กำหนดแล้วเรื่องที่เขาต่อยมันจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเขาก็ตอบตกลงอย่างงงๆ ถึงแม้ว่าจะสาดซัดคำหยาบด้วยความเกรี้ยวกราดไปตั้งหลายหนก็เถอะ


     แต่เชื่อมั้ย?ว่าไอ้คุณนิวมันไม่แม้แต่จะโต้ตอบอะไรแรงๆกลับมาเลย นั่งใจเย็นแบบเย็นมาก  จนทอมที่หยาบคายกับเขามากถึงกับรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย



     เออ!…มันก็แค่นิดหน่อย


     ที่ตอบตกลงไปก็เพราะอยากให้เรื่องมันจบๆซะที จะได้ไม่ต้องติดค้างกันอีก  แต่ก็นะ…มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอวะ? ต่อยมันแค่ครั้งเดียวกลับต้องยอมทำตามมันทั้งหมดสิบข้อ


     สงสัยเหมือนกันนะว่าคนที่เพียบพร้อมไปซะหมดทุกอย่าง อย่างไอ้คุณนิวมันจะขาดอะไรที่ต้องการถึงสิบข้อ


     บ้าบอ ไอ้หน้าหล่อมันบ้าบอ!



     นั่นแหละ บางครั้งกับเรื่องบางเรื่องก็หาเหตุผลให้ไม่ได้หรอกนะ เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้คุณนิวมันกำลังคิดอะไรอยู่ ทุกความคิดตอนนี้เลยได้แต่ทิ้งคำว่า ช่างแม่ง! ไว้ข้างกายเหลือไว้ก็แต่ความรู้สึกโล่งๆ และการนอนมองเพดานโง่ๆนี้สักพัก



     แล้วพรุ่งนี้ กรุณ ก้องเกียรติ จะคัมแบ็ค!




.




     “กินให้มันดีๆหน่อย ดูดิหกหมดแล้ว!” เสียงเข้มๆของออยบ่นขึ้นหนึ่งประโยค พร้อมกับการหยิบทิชชูในกระเป๋าไปเช็ดที่ริมฝีปากของแดนแรงๆหนึ่งครั้งด้วยความมันไส้ 

ไม่รู้ว่าปากรั่วหรืออะไร แต่เวลากินอะไรแต่ละทีถ้าไม่หกไม่ใช่แดน ยิ่งเวลาไปดื่มเหล้าทีนะ คิดว่าแต่อาบไม่ใช่ดื่มเพราะแม่งดัน
ปากรั่วเหล้าหกแทบจะทุกแก้วที่ยกดื่ม


     “ก็กูไม่ได้ตั้งใจนิงายยยยย”   ไอ้แดนตอบกลับไปและยื่นหน้าให้เพื่อนเช็ดคราบโกโก้ออกให้


ทอมนั่งมองการกระทำของเพื่อนสองคนเงียบๆ จนทั้งสองคนที่ทำเหมือนไม่ได้สนใจใดๆรอบข้างถึงกับชะงักลงเมื่อเห็นว่ามีสายตาของทอมมองอยู่ก่อนแล้ว


      “พวกมึงนี่…?”  สีหน้าของทอมมีความสงสัยแสดงอยู่อย่างชัดเจน จริงๆมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอด และแทบจะทุกวันแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เคยชินเลยสักครั้ง 

คือออยกับแดนมันเป็นเพื่อนที่รักกันมาก มันสองคนคบกันมานานก่อนที่จะเจอเขาอีกด้วยซ้ำ เรียนมัธยมที่เดียวกันแล้ว แถมยังเรียนมหาลัยที่เดียวกันคณะเดียวกันอีก เรียกได้ว่าโคตรสนิทกันฉิบหาย อีกย่างหนึ่งที่ทุกคนต่างก็รู้คือไอ้ออยนี่หวงไอ้แดนอย่างกับหมา

หมาบ้าด้วย พร้อมกัดทุกคนที่เข้ามาหาเพื่อนมันเพราะผลประโยชน์หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องดี ชีวิตไอ้แดนนี่เหมือนมีเครื่องแสกนอัตโนมัติ ไม่ว่าจะมีอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิตต้องผ่านคิวซีอย่างไอ้ออยก่อน


     พวกมันน่ะ บ้าบอ!



     “กูแค่เช็ดปากให้มัน”  ออยว่าเสียงเข้ม  หน้านิ่งๆของมันกลบเกลื่อนทุกความรู้สึกได้เป็นอย่างดี  ส่วนแดนมันก็นั่งทำหน้าไม่รู้เรื่องอย่างที่ชอบทำนั่นแหละ



     “กูก็ไม่ได้--”




      Rrrrrrrrr



     พูดยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำโทรศัพท์เครื่องสวยของทอมก็แผดเสียงดังขึ้น เจ้าตัวหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่าคนที่โทรเข้านั้นเป็นใคร


     เบอร์แปลก?


     ใครอ่ะ…?  จำได้ว่าไม่เคยให้เบอร์ใครไปเลยนะ


     ไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำอยู่นานเกินไป ทอมเลยกดรับสายทันที


     “สวัสดีครับ”


     [นี่พี่เองนะ]   ทันทีที่ได้ยินปลายสายตอบกลับมา  จากที่เคยรู้สึกสงสัยก็กลายเป็นหงุดหงิดทันทีและค่อนข้างจะเห็นได้ชัด ทำเอาแดนหูผึ่งรีบสะกิดออยยิกๆ เพราะเห็นว่าเพื่อนแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานหลายวันเพราะว่าได้ทำตัวเป็นพวกไร้ชีวิตจิตใจมาสักพัก


     “กูมีพี่แค่คนเดียว!”


     [คืนนี้เจอกันหน่อยได้มั้ยทอม?] 


     “กูไม่เจอ”


     [อ่อ… ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ลองชวนทับทิมดู]



     ประโยคนี้ทำเอาทอมแทบควันออกหู รู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมขึ้นเป็นเท่าตัว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนน่าจะรู้ได้แล้วก็คือทอมหวงพี่ทิมมาก มากแบบ ก.ไก่ล้านตัว  ยิ่งกับไอ้คนเลวแบบคุณนิวแล้วทอมยิ่งหวง


     “ไอ้เชี่ย! กูบอกว่ายังไง?”  ทอมโวยวายยกใหญ่


     […]  แต่ปลายสายก็เงียบไม่ได้โต้ตอบอะไร หนำซ้ำเบื้องหลังที่ทอมไม่ได้เห็นคือคนหล่อกำลังยกยิ้มขึ้นอย่างได้ใจ เพราะสามารถทำให้เด็กยักษ์นั้นหัวร้อนได้


     “อย่าสะเออะโทรหาพี่กูนะ!”   


    [ก็ได้ๆครับพี่จะไม่โทรถ้าทอมมาน่ะนะ  แต่ถ้าทอมไม่ไปพี่ก็คงจะโทรชวนทับทิม] 


     “…”


     [ถ้ามา…ข้อตกลงของเราก็เหลืออีกเก้าข้อนะ  คิดดูดีๆ]  ดูเหมือนว่าคนเด็กดื้อจะไม่ยอมง่ายๆ คุณนิวเลยต้องเอาไม้ตายอย่างสุดท้ายมาใช้


     แรกๆมันก็จะต้องขอกันบ่อยแบบนี้แหละ


     ไม่แน่ว่าต่อไปถ้าอยากเจออาจจะไม่ต้องเอาสิบข้อมาแลก



     “เออ! อะไรยังไงก็ส่งข้อความมา!” 


     [ได้ครับ…แล้วอย่าลืมเมมเบอร์พี่ไว้ด้วยนะ]


     “เสือก!”


     หนึ่งคำด่าแรงๆถูกตอบกลับไป จากนั้นทอมก็กดตัดสายทันที แต่อีกด้านหนึ่งของคนที่โดนด่าด้วยคำว่า เสือก กลับยกยิ้มขึ้นอย่างชอบใจ ราวกับว่ามีความสุขเวลาโดนเด็กยักษ์มันด่า


     “ใครโทรมาวะ?”  เป็นแดนที่ถามขึ้นหลังจากเห็นเพื่อนเสร็จธุระจากการคุยโทรศัพท์แล้ว


     “เสือก!”  แล้วก็โดนตอบกลับไปแบบคนในโทรศัพท์เมื่อครู่นี้  แดนมันก็เลยหันหน้าไปฟ้องเพื่อนคนสนิทที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์


     “เกรี้ยวกราดจริงนะมึง”  ออยพูดขึ้นทั้งที่ไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอ เพราะทอมมันก็ปากหมาแบบนี้แค่อยากพูดให้พอเป็นพิธีก็เท่านั้น


     “เบื่อเว้ย!” ทอมสบถเสียงดังจนนักศึกษาที่นั่งโต๊ะรอบข้างได้หันมามองว่าเดือนวิศวะสุดหล่อคนนี้นั้นมันเป็นอะไรของมัน


     “แล้วเป็นอะไรของมึงอีกเนี่ย”  แดนถามอย่างไม่กลัวว่าเพื่อนจะพ่นคำหยาบอะไรออกมาจากปากให้เขาอีก 
ก็คนมันสันดานเดียวกัน  ไม่สะทกสะท้านหรอกพูดเลย


     “เรื่องมันยาว”  ทอมตอบปัดๆไป เพราะขี้เกียจที่จะเล่า


     “กูมีเวลาฟัง”  แต่แดนก็ยังดั้นด้นที่จะฟังให้จนได้


     “กูขี้เกียจเล่า! จบนะ” 


     “มันยาวมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”  แดนยังคงถามต่อ “งั้นเดี๋ยวคืนนี้กูไปนอนฟังที่ห้องมึงเอง หรือมึงจะไปห้องพวกกู”


     “กูขี้เกียจไปห้องมันว่ะแดน”  ยังไม่ทันที่ทอมจะได้อ้าปากตอบเพื่อน ไอ้คนที่นั่งสนใจโทรศัพท์อยู่ถึงขั้นกับวางลงและหันไปคุยกับเพื่อน



     มึงจริงจังเกินไปมั้ยออย? 


     “งั้นมึงก็ไม่ต้องไปดิ”  แดนสวนกลับ


     “แล้วกูจะนอนหลับได้ไง?”  ออยโวยวายยกใหญ่

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันตัวติดกันขนาดไหน ไอ้เขาที่เพิ่งมาทีหลังตอนแรกๆก็เคยสงสัยเหมือนกันแต่ตอนนี้น่ะรู้แล้ว  ว่าตัวของพวกมันติดกันอย่างกับเอากาวมาทาไว้ 


     จากที่กำลังถกเถียงกับแดนอยู่ก็กลายเป็นว่าตัวเองต้องมานั่งฟังมันสองคนเถียงกันเอง


     พวกมึงมันบ้าบอ!


     “โว้ยยยย!”  ทอมลุกขึ้นจากโต๊ะ “เลิกเถียงกันได้แล้ว! ไม่ต้องมีใครมาทั้งนั้น!” พร้อมกับก้าวเท้าเดินฉับๆออกมาจากตรงนั้น  คิดว่าจะไปหาอะไรเย็นๆดื่มสักหน่อย เพราะตอนนี้รู้สึกไม่สดชื่นเป็นอย่างมาก!





     กรุ้งกริ้ง!



     ทันทีที่เดือนวิศวะผลักประตูร้านกาแฟเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น ช่วงขายาวก้าวเข้าร้านอย่างเอื่อยๆ ต่างจากคนเมื่อครู่ลิบลับ เพราะโหมดของคนไร้วิญญาณกำลังจะเปิดขึ้นอีกครั้ง


     “เอสเพรสโซ่ปั่นแก้วนึงครับ”  เมื่อหยุดอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์   เขาก็เอ่ยสั่งเครื่องดื่มที่ชอบที่สุด



     กรุ้งกริ้ง!
     เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ก็คงจะเป็นลูกค้านั่นแหละ  แต่ทว่า…



    ‘เย็นนี้เหรอคะ?’

     ‘ว่างค่ะ’

     ‘ว่าแต่คุณนิวจะพาไปไหนคะ?’

     ‘โอเคค่ะ เจอกันตอนเย็นนะคะ’ 




     น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นทำร่างสูงชะงักไปนิดหน่อย แต่ก่อนเขามักจะได้ยินมันเสมอ
     เธอชอบพูดคำว่าคิดถึง
     ชอบพูดคำว่ารัก บางครั้งก็ชอบบ่น หรือบางครั้งก็ชอบดุที่เขาเอาแต่ไปเที่ยว ไม่ยอมอ่านหนังสือหรือดูแลตัวเอง

     ดาวมหาลัยชะงักเล็กน้อยขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟ แต่ดันพบคนรักเก่าที่เลิกกันยังไม่ถึงเดือน วินาทีที่ทั้งคู่สบตากัน นักศึกษาในร้านต่างก็พากันแอบมอง ว่าทั้งคู่จะทำยังไง

ส่วนตัวแล้วทอมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน จะทักได้มั้ยนะ? แล้วมันจะสมควรหรือเปล่า จนกลายเป็นว่าชายหนุ่มมีท่าทีอ้ำอึ้ง


     “เอสเพรสโซ่ปั่นได้แล้วครับ” 


     แต่ว่าริมฝีปากที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยเพราะคิดว่าจะลองทักดู และน้ำเสียงที่กำลังจะถูกเปล่งออกมาก็ต้องหยุดลงเพราะเสียงของบาริสต้าดันขัดขึ้นซะก่อน ทอมหันไปรับเครื่องดื่มจากนั้นก็เดินออกไปทันที นักศึกษาที่พากันรอลุ้นว่าทั้งคู่จะทำยังไงแทบจะหายใจกันไม่ทั่วท้องเพราะกำลังลุ้นในเรื่องของคนอื่น
บางคนถึงกับกั้นหายใจไว้ พอทอมเดินออกไปเท่านั้นแหละ เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นทันที
แต่ทอมไม่ได้สนใจมากนักหรอกเพราะตอนนี้มันมีเรื่องให้น่าหงุดหงิดมากกว่านั้น

ไอ้คุณนิวมึงมันบ้าบอ! นัดกูตอนค่ำแล้วตอนเย็นยังมีหน้าไปนัดแฟนเก่ากูอีก! คอยดูเถอะมึง! 




   อ่านต่อข้างล่างนะคะ

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต่อค่ะ



  9.15 pm


     BANANA


     ที่เดิมๆเพิ่มเติมคือไอ้คุณนิว 


     วันนี้ไม่ได้ชวนแดนกับออยมาเพราะขี้เกียจมานั่งต่อความยาวสาวความยืดให้เพื่อนฟังว่าเรื่องที่เขาออกมากับแฟนใหม่ของเค้กนั้นเป็นยังไง

ทอมเบื่อที่จะต้องมานั่งอธิบายอะไรยาวๆ ทั้งที่ตัวเองกก็เป็นคนพูดมากอยู่เหมือนกัน แต่พอจะให้อธิบายอะไรที่ไม่ค่อยอยากจะอธิบายมันเลยกลายเป็นความขี้เกียจไปโดยปริยา

เดือนวิศวะเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับไอ้คนหน้าหล่ออายุสามสิบสองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก เพราะมันไส้ไอ้คุณนิวที่ก่อนจะมานี่แล้วยังมีน้ำหน้าชวนเค้กไปข้างนอก 


     ขอเดาว่าต้องไปทานข้าวแน่ๆ


     ตอนแรกไอ้คุณนิวก็ไม่ได้บอกหรอกว่าจะพาไปไหนหรืออะไรยังไง ส่งข้อความมาบอกแค่ว่าให้มาหาที่คอนโดนี้ แล้วก็ขับรถมันมาที่ตรงนี้ 


     ไหนตอบกูมาดังๆสิ ว่าไอ้สิบข้อนี่มันคือสัญญาทาสใช่หรือไม่!


     คงกลัวว่าถ้าเมาแล้วจะไม่มีคนขับรถให้ล่ะสิ


     อี๋! ไอ้อ่อนเอ้ย!


     คุณนิวเดินนำหน้าทอมไปที่โต๊ะหนึ่ง ซึ่งได้มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว ดูจากอายุก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ไอ้คุณนิวมันดันหน้าเด็กแบบผ่าเหล่าผ่ากอเพื่อนฝูงไปนิดหน่อย

     ทันทีที่เพื่อนทั้งสองคนเห็นคนที่คุณนิวเพิ่งพาเข้ามาใหม่ เครื่องหมายเควสชันก็เด่นหราอยู่บนหน้าทันที

     ถ้าจำไม่ผิด… นั่นเป็นไอ้เด็กที่ต่อยหน้ามันวันนั้นนี่หว่า  สิงหาคิดในใจ และมองหน้าศักดิ์ดาที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างมีนัยยะ   


     อืม…เอาเป็นว่ารู้กันกับคำถามเกิดขึ้นแม้ไม่ได้พูด



     “นี่ทอม”  เขาเอ่ยแนะนำเด็กยักษ์ให้เพื่อนได้รู้จัก พร้อมๆกับการทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟานุ่ม “นั่นสิงหา กับ ศักดิ์ดา”  และแนะนำเพื่อนทั้งสองให้ทอมได้รู้จัก


     “หวัดดีครับ”  ทอมคิดว่าตัวเองกับพี่สิงหา และพี่ศักดิ์ดาไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เลยทำความเคารพไปตามระเบียบ
เห็นอย่างนี้ก็มีมารยาท และแยกแยะเป็นนะเว้ย!


     “ครับ…”  พี่สิงหายิ้มตอบรับ พี่ศักดิ์ดาก็ด้วย  แต่เชื่อเถอะว่าหน้าไม่ได้ยิ้มตามอย่างที่แสงดออกมา เพราะตอนนี้มันสงสัยมากเกินกว่าที่จะยิ้ม อยากจะยิงคำถามใส่เพื่อนตัวเองว่าไปรู้จักเด็กคนนี้ได้ยังไง แต่แค่ยังไม่ถึงเวลา


กลุ่มนี้นี่มันรวมตัวคนหน้าตาดีไว้หรือไงกัน?  สามคนนี้เรียกได้ว่าสไตลส์เฉพาะตัวมาก บอกไม่ได้หรอกว่าใครหล่อกว่าเพราะมันหล่อกันคนละแบบ  แต่พอมารวมกันแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่าออร่าความหล่อของพวกพี่มันลอยวิ้งคูณสามเข้าไปอีก 
จนเดือนวิศวะคนนี้คิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นเดือนดับเข้าไปทุกที


     “จะเอาอะไรดี? เบียร์ เหล้า”   พี่สิงหาถาม และดูท่าว่าพร้อมจะบริการให้เต็มที่ เนื่องจากว่าไม่ชอบให้เด็กเสิร์ฟทำให้ เรื่องชงๆ เทๆขอเขาทำเองดีกว่า   


     “เหล้--”


     “ไม่ต้อง เดี๋ยวขับรถกลับไม่ไหว”

     กำลังจะตอบว่าเหล้าก็ได้ครับ  ไอ้คุณนิวมันดันเสนอหน้าพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน

     เมื่อโดนห้ามเด็กยักษ์ก็มีท่าทางเกรี้ยวกราด และดูหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด


     เขาตั้งใจจะขัดเอง… 


     ไม่ใช่เพราะว่ากลัวขับรถไม่ไหวหรอกนะ แต่เด็กยักษ์ของเขาน่ะ เวลาทำหน้าไม่สบอารมณ์ เกรี้ยวกราด หรือ หงุดหงิด แม่งโคตรตลก


     ก็แค่อยากเห็น


     ให้มองทั้งวันก็ยังได้


     ไม่ได้โรคจิตนะ  เพราะนอกจากจะดูตลกแล้วไอ้เด็กยักษ์มันยังน่ารักเหี้ยๆอีกด้วย
   
     ทอมมองตาขวางใส่คนที่นั่งข้างๆตัวเอง  ในใจก็นึกก่นด่าเรื่องที่ชอบทำให้เขาอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา  ไอ้คุณนิวมึงมันบ้าบอคอแตก!


     แต่ดูเหมือนว่าสายตานั้นจะไม่ทำให้เขาหยี่ระแม้แต่น้อย กลับเปลี่ยนเป็นนั่งท่าสบายๆ พร้อมกับรับแก้วเหล้าจากสิงหา 
     จนเพื่อนทั้งสองเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้คนที่ไม่ชอบให้ใครมามองตาขวาง หรือทำกิริยามารยาทไม่ดีใส่นั้นทำไมถึงยังใจเย็นอยู่ได้   


     คุณนิวพาดแขนข้างหนึ่งไว้บนพนักโซฟา เหยียดจนสุดความยาวเลยดูเหมือนจะนั่งกอดเด็กยักษ์อยู่หน่อยๆ แต่เพราะระยะห่างมันมีมากไปหน่อยเลยไม่ได้ใกล้ชิดกันมากนัก และบทสนทนาบ้าบออะไรของพวกเขาก็เริ่มขึ้น โดยมีทอมที่นั่งฟังอย่างกับคนไร้ชีวิตชีวาอย่างเช่นเคย



     เย็นไว้…


     เย็นไว้…



     ท่องไว้ว่าเดี๋ยวก็กลับบ้าน ทอมท่องไว้อยู่อย่างนั้น  จนหนึ่งชั่วโมงผ่านไปคนไม่ได้ดื่มเหล้าอย่างทอมก็เริ่มหงุดหงิดเข้าไปทุกที เลยบอกคุณนิวว่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน
แต่ก็ไม่ได้ไปอย่างที่ว่า เจ้าตัวเลือกที่จะไปสูบบุหรี่เพื่อระบายความหงุดหงิดก็เท่านั้น   





     อีกด้านหนึ่ง


     “ไอ้นิว นั่นเด็กที่ต่อยมึงวันนั้นไม่ใช่หรือไงวะ?”  คล้อยหลังทอมไปได้ไม่นาน  สิงหาที่รู้สึกอัดอั้นก็เอ่ยถามขึ้นทันที
 
     ไม่ต้องบอกก็ดูออกว่าอยากรู้มากขนาดไหน  ส่วนดามันก็นั่งนิ่งๆ อยากรู้ใจแทบขาดแต่แค่ขี้เกียจถามก็เท่านั้น 


     “อือ”


     “แล้วทำไมวันนี้ถึงมากับมึงได้?”


     “สัญญาใจนิดหน่อย”


     “ปกติเพื่อนกูไม่ชอบที่จะรู้จักกับคนแบบนี้นี่หว่า”  คนขี้เกียจถามอย่างศักดิ์ดา ท้ายที่สุดก็เอ่ยถามขึ้น เพราะไม่เข้าใจจริงๆว่าไอ้คนที่ไม่ชอบเด็กกิริยามารยาทไม่ดีทำไมถึงรู้จักกันได้   

เพราะดูจากวันนั้นแล้วที่เพื่อนเขาโดนต่อยก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเด็กนี่น่าจะร้ายกาจพอตัว ไหนจะก่อนหน้านี้อีกที่มองตาขวางใส่เพื่อนเขาอีก   


     “ไม่รู้”  คุณนิวว่าอย่างนั้น

     ก็เขาไม่รู้จริงๆนี่นะ ว่าทำไมถึงยังใจเย็นได้ อาจเป็นเพราะว่ากำลังสนใจอยู่ล่ะมั้ง?


     “มึงคงไม่ได้กำลังสนใจเด็กนั่นอยู่ใช่มั้ยวะ?” 


     “น้องมันชื่อทอม ไม่ใช่เด็กนั่น”  คนหล่อพูดแก้เพราะว่าสิงหาเรียกชื่อเด็กยักษ์ของเขาไม่ถูกต้อง


     “เออ! น้องทอมก็น้องทอม!”  สิงหาเบะปาก ศักดิ์ดาเองก็ยิ้มๆให้กับประโยคแก้ของเพื่อนเมื่อครู่ 



     เป็นเอามากจริงๆว่ะ



     “มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะว่าสนใจน้องเขาอยู่ใช่มั้ย!?” 


     “ก็…”   คำหนึ่งคำถูกพูดขึ้นและเว้นจังหวะไปนิดหน่อย


     “…”   เพื่อนสองคนเองก็เงียบรอฟังอย่างลุ้นๆ


     “คงงั้น”   คุณนิวยักไหล่ ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเพื่อนเลยสักนิดเมื่อได้ยินคำตอบแล้ว และยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหนึ่งอึก 


     “เดี๋ยวนะ? นี่มึงไม่สบายหรือว่ายังไงวะนิว?”   สิงหาค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมรสนิยมของเพื่อนถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ มันน่ะชอบคนน่ารัก ชอบคนตัวเล็ก พูดเพราะ และเอาใจเก่ง  และไอ้น้องทอมอะไรนั่นก็ตรงข้ามโดยสินเชิง



     แล้วทำไม…



     “รสนิยมมึงหมดอายุหรือว่ายังไง?”  ศักดิ์ดาถึงกับตั้งคำถาม เพราะเขาก็ไม่เชื่อเหมือนกัน


     “ไม่รู้… รู้แค่ว่าสนใจ”  “มันต้องมีเหตุผลอะไรด้วยเหรอ?”


     “พวกกูก็แค่แปลกใ--”


     “ขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ?”


     สิงหาพูดยังไม่จบประโยคเลย อยู่ๆก็มีผู้หญิงหน้าตาโคตรสวยคนหนึ่งเดินขอมานั่งด้วย ไอ้คุณชายนิวของพวกเขาก็ไม่ปฏิเสธ หนำซ้ำยังขยับที่นั่งข้างๆตัวให้เธอได้นั่ง


     คนสวยใครที่ไหนมันจะอยากปฏิเสธวะ!?


     เรื่องที่สิงหากำลังจะพูดเลยถูกเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ เนื่องจากสาวสวยตรงหน้านี้กำลังชวนคุยเรื่องอื่นๆ ดูก็รู้ว่าถูกใจสิงหามากขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังสนใจคนข้างๆนี้ต่างหาก


เดือนวิศวะที่เพิ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะ ถึงกับต้องหยุดชะงักเพราะเห็นว่ามีใครคนหนึ่งมานั่งแทนที่ของตัวเอง  คนในโต๊ะมองหน้าเขาเล็กน้อย ราวกับลืมไปเลยว่ามีทอมอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย 



     “เดี๋ยวกูไปรอข้างนอกนะ” เนื่องจากดูแล้วว่าอยู่ไปก็ไม่สนุก สู้ให้ไปรอข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอ ไหนๆก็มีหน้าที่แค่ขับรถให้อยู่แล้วนี่นะ   


เหม็นเบื่อพวกนิสัยไม่ดี  ก่อนหน้านี้ก็ยังไปทานข้าวกับเค้ก หนำซ้ำยังมีท่าทีว่าสนใจพี่ทิม แล้วดูตอนนี้ดิไม่รู้พาสาวที่ไหนมานั่ง  บอกแล้วว่าไอ้คุณนิวมันเลว!

     คุณนิวไม่ได้ตอบอะไรเพราะเด็กยักษ์ของเขานั้นขยับ เคลื่อนย้ายตัวเร็วซะเหลือเกิน


     คำว่า เดี๋ยวกูไปรอข้างนอกนะ ของทอมทำให้สิงหาแทบหลุดเสียงร้อง ว้าว! ออกมาจากปาก  มึงกล้ามากเด็กน้อย!


     แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไกลเกินกว่านั้นเสียงเอะอะโวยวาย และกรีดร้องของคนในร้านก็ดังขึ้น เมื่อลูกค้าโต๊ะข้างๆคุณนิวกำลังมีเรื่องทะเลาะวิวาท ทอมเลยคิดว่าโอกาสนี้แหละจะไปลากคุณนิวกลับคอนโดให้ได้


     ทันเท่าความคิด เดือนวิศวะหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะเดิมที่เดินออกมา 



     แต่ทว่า…



     ด้วยความตาดีเจ้าตัวดันเหลือบไปเห็นผู้ชายในโต๊ะนั้นที่กำลังขว้างแก้วเหล้าใส่ใครบางคน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเมาจัดทิศทางของแก้วเลยไม่ตรงกับใครสักคนที่จะขว้างใส่ เพราะงั้นทิศทางมันเลยตรงมายังหญิงสาวที่มานั่งข้างๆไอ้คุณนิว ซึ่งขณะนี้กำลังลุกหนีออกห่างจากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท พร้อมกับ พี่ศักดิ์ดา พี่สิงหา แล้วก็ไอ้หน้าหล่อ

     แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน และผู้หญิงคนนั้นจะยังไม่รู้ตัวว่ามีแก้วใบหนึ่งกำลังพุ่งไปทางตัวเอง 


     เพราะฉะนั้น…



     ปึก!



     เพล้ง!


   
    ไอ้เหี้ยเอ้ย…  เจ็บฉิบหาย!


     “เหี้ย!”  ทอมสถออกมาเสียงดังลั่น  ตำแหน่งที่แก้วใบนั้นมันลงมาคือช่วงหัวไหล่ของเขาดังปึก!  และร่วงหลนลงพื้นจนแตกละเอียด 

ไม่รู้ว่าจะขอบคุณความสูงของตัวเองดีมั้ยที่มันทำให้โดนแค่ตรงนั้น ถ้าเป็นเธอคนนี้โดนคงโดนที่ศีรษะไปแล้ว หรือจะด่าความโง่ของตัวเองดี ที่ดันสะเออะเป็นพระเอกไปรับแก้วเหล้าแทนเธอ


     คุณนิวมองการกระทำของเด็กยักษ์อย่างตกใจ ทันทีที่ลุกออกจากโต๊ะได้คุณเขาก็รีบไปคว้าแขนของเดือนวิศวะให้เดินตามออกไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้ให้เพื่อนทั้งสองคนและอีกหนึ่งสาวสวยงงไปตามๆกัน
แต่ดูเหมือนจะเป็นสิงหามากกว่าที่อึ้งในการกระทำของน้องมันมากกว่าใครๆ   


     น้องแม่งใจว่ะ!




.




     “จะพากูไปไหน?”  คนเจ็บถามขึ้นทั้งที่มือก็ลูบๆคลำๆตรงบริเวณที่โดนแก้วขว้างใส่


     “จะพาไปโรงพยาบาล”  คุณนิวตอบ ขณะที่กำลังขับรถ 


     “ไม่ต้อง! กลับคอนโดมึงเลยกูจะไปเอารถ”  เพราะว่ารถของตัวเองนั้นดันจอดอยู่ที่คอนโดของคุณนิว ตอนที่ไปรับ เขาก็เร้าหรือให้ขับปอร์เช่คันหรูนี้มาให้ได้ บอกเลยว่าตอนขับน่ะเสียวสันหลังมากกลัวว่าจะไปชนใครเข้า  เพราะถ้ามันเกิดขึ้นเขารับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ


     “ไม่ได้นะครับ ต้องไป” 


     “ก็กูไม่ได้เป็นอะไรมาก อย่างมากก็แค่ช้ำ!”  ทอมตะวาดเสียงดังลั่น  เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ


     “ก็ได้ครับ ตามใจทอมเลย”   น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวาง เด็กยักษ์ของเขากำลังโมโหเลยไม่อยากขัด ไว้เดี๋ยวอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยตะล่อมๆให้ไปโรงพยาบาล


     รถสปอร์ตคันสวยเลี้ยวเข้าไปยังลานจอดรถของคอนโดหรู ทอมที่มีท่าทีเหนื่อยล้าเหลือเกินถึงกับนั่งสัพพะหงกในระหว่างทาง



     “น้องทอม”  คุณนิวสะกิดเรียกเด็กยักษ์ที่เผลอหลับไป เรียกแค่ครั้งเดียวเจ้าตัวก็งัวเงียขึ้นมา ท่าทางสะลึมสะลือนี้บอกเลยว่า


     น่ารักเหี้ยๆ!



     “อ๊ะ!”  แต่ความคิดไม่ดีก็ต้องหยุดลงเพราะขณะที่น้องมันกำลังขยับตัวออกจากรถ เจ้าตัวก็เผลออุทานออกมาเพราะความเจ็บบริเวณที่โดนแก้วขว้างใส่คงจะช้ำอยู่ไม่น้อย


     “มานี่ก่อนครับ”  เมื่ออกมาจากรถได้แล้วคุณนิวเลยต้องลากเด็กยักษ์ให้เดินตามเข้าไปในคอนโด เพราะจะไม่ปล่อยให้กลับไปเฉยๆแน่


     “อะไรอีก!”   ทอมนั้นเพิ่งตื่นสติเลยยังไม่เต็มร้อยนัก ก็เลยถูกลากไปไหนมาไหนโดยง่าย


     “…”  คุณนิวไม่ได้พูดอะไรแต่จับข้อมือขาวๆของเด็กยักษ์นั้นไว้แน่นขณะที่อยู่ในลิฟท์ 



     ไม่กี่นาทีลิฟท์ก็เปิดออกยังชั้นบนสุดของคอนโดหรู

     เขาดึงข้อมือเด็กยักษ์ให้เดินตามมา กว่าจะเข้าห้องได้เรียกว่าหมดแรงไปมากโขเลยทีเดียว


     “พากูมาทำไม!”  ทอมเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว คุณนิวเองก็ไม่ต่างกันถึงแม้ภายนอกจะดูใจเย็นมากขนาดไหนก็ตาม เพราะคนเจ็บนั้นดันทุรังที่จะออกจากห้องไปให้ได้  เลยทำให้เขาต้องออกแรงต่อกรกับเจ้าตัวอีกหน่อย ใช้แรงมากกว่าเดิมลากเด็กดื้อไปนั่งตรงโซฟา


     “คุณนิวมีแขกมาเหรอครับ?”  และการฉุดกระชากลากถูกของทั้งสองต้องหยุดลงเพราะเสียงใสๆของน่านดังขึ้น 
   
     ทันทีที่เห็นเด็กน่ารักคนนี้สมองทอมก็ดันคิดไปไกลว่าไอ้หน้าหล่อนี่มันพรากผู้เยาว์ถึงกับขั้นเลี้ยงอิหนูไว้ในห้อง!
เชี่ยนี่แม่งเลวคูณสามเข้าไปอีก!  อย่าหวังเลยว่าต่อจากนี้มึงจะได้คุยกับพี่ทิม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำให้แม่งเลิกยุ่งกับเค้กไปเลย!


     “น่านไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้หน่อย”  เจ้าของห้องเอ่ยสั่ง และเด็กที่เพิ่งตื่นนอนก็เดินไปหยิบมาให้อย่างว่าง่ายเพราะได้ยินเสียงดังอะไรก็ไม่รู้ดังอยู่ข้างนอก เลยลุกขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นคุณนิวกับใครก็ไม่รู้ที่ค่อนข้างหน้าตาดี


     “อะไรของมึงเนี่ย!?”  สุดท้ายทอมก็ยอมนั่งลงตรงโซฟา พร้อมกับพ่นคำถามออกมาอย่างไม่สบอารมณ์



     อยู่กับคุณนิวแล้วมีครั้งไหนบ้างที่เขาจะอารมณ์ดี 



     ไม่ถึงสองนาทีกล่องปฐมพยาบาลก็ส่งตรงมาถึงมือคุณนิว “ให้น่านช่วยอะไรมั้ยครับ?”  เด็กหน้าซื่อเอ่ยถาม

     
     “ไม่ต้อง ไปนอนได้แล้ว”  แล้วเด็กน้อยก็ทำตามอย่างว่างาย เจ้าตัวเดินหาววอดๆกลับเข้าห้องไปทันที
      คำพูดของคุณนิวทำเอาซะทอมอยากจะเบะปากแรงๆใส่หนึ่งครั้ง ที่แท้ก็เป็นพวกชอบเลี้ยงต้อยนี่เอง!


     “ถอดเสื้อออกครับ”  คุณนิวบอกคนที่กำลังนั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ


     “มึงเป็นหมอหรือไง?”  ทอมสวนกลับทันควัน


     “ทอมไม่ยอมไปหาหมอ ก็ต้องให้พี่ดูแผลก่อน”   และเขาก็ยังคงพูดอย่างใจเย็นเหมือนเดิมทุกครั้ง



     เฮ้อ…



     ที่ยอมไม่ใช่เพราะอะไร แต่เรื่องมันจะได้จบๆ เขาจะได้กลับห้องสักที!


     เสียงถอนหายใจดังขึ้นหนึ่งครั้ง เจ้าตัวนั่งหันหลังให้กับเขา พร้อมกับยอมถอดเสื้อยืดสีเข้มออกมาจากตัว แต่รอยช้ำมันส่งผลกระทบให้เขาขยับตัวอย่างปกติไม่ค่อยจะได้ เลยมีคุณนิวที่คอยช่วยถอดให้อีกแรง


     ความขาวของแผ่นหลังปรากฏอยู่ในสายตา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเผลอกลืนน้ำลายลงไปในคออย่างช่วยไม่ได้ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความรู้สึกนี้ขึ้นมาเพียงแค่เพราะว่าเห็นแผ่นหลังขาวๆของคนที่ตัวเองรู้สึกถูกใจ แต่ความคิดอกุศลก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นรอยช้ำสีเข้มตรงไหล่ด้านขวา


     “คิดยังไงเอาตัวเองไปบังให้เขาอย่างนั้น?”   คำถามหนึ่งผุดขึ้น  ค่อนข้างแปลกใจ ไม่คิดว่าทอมจะกล้าทำถึงขนาดนี้ทั้งที่แก้วใบนั้นมันอาจจะโดนศีรษะก็ได้   นับถือใจเด็กคนนี้จริงๆ คือจะไม่ทำก็ได้ แต่เด็กยักษ์ก็ยังเลือกที่จะทำ


     “แล้วมึงล่ะ คิดยังไงถึงไม่ยอมช่วยเขา?”  ทอมย้อนถาม


     “ไม่ได้จะไม่ช่วยครับ แต่ไม่เห็น”  คุณนิวอธิบาย  จริงๆถ้าเขาเห็นก็คงทำแบบที่ทอมทำนั่นแหละ 


     “ไม่รู้ กูแค่อยากช่วย จำเป็นต้องมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอ?”  ประโยคหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับความเย็นของยาทาแก้ฟกช้ำที่สัมผัสลงบนผิว จนทอมสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ตามด้วยสัมผัสที่ปลายนิ้วของคนด้านหลังที่ทำเอาเขาขนลุกขึ้นมานิดหน่อย 


     “ก็ได้ครับ อยากช่วยก็อยากช่วย”  และเขาก็ยอมเจ้าเด็กยักษ์นี่ตลอด  อารมณ์ประมาณว่า ทอมว่ายังไง พี่ก็ว่าอย่างนั้น แบบนี้ล่ะมั้ง?


และสัมผัสที่แผ่วเบา  ความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำ ทำเอาคนที่ง่วงอยู่ก่อนแล้วถึงกับสัพพะหงกอีกรอบคล้ายกับตอนอยู่บนรถ 



     ฟึบ!


     แค่เพียงเสี้ยววินาทีเด็กยักษ์ที่กำลังเคลิ้มหลับก็หงายหลังล้มตัวลงนอนบนตักของคุณนิวพอดี


     อืม…


     เสียงคำรามต่ำๆดังขึ้นเพราะรู้สึกสบาย


     รอยยิ้มบางๆระบายขึ้นบนใบหน้าของคนอายุเยอะกว่าอย่างชอบใจ 


     ไอ้เด็กยักษ์เอ้ย!

     นอกจากจะเป็นเด็กยักษ์ของเขาแล้ว  ตอนหลับยังเป็นโกลเด้น รีทรีฟเวอร์อีกต่างหาก 


     น่ารักซะจริง


     ยิ่งขี้แมลงวันที่ปลายจมูกโด่งรั้นนั่นยิ่งน่ารัก  อยากจะงับด้วยความมันเขี้ยวให้ขาดไปซะเลย


     ให้นั่งสำรวจทั้งวันก็ทำได้


     แต่ความรู้สึกหนึ่งก็ทำให้เขาสะดุดลงเพราะแผงอกเละหน้าท้องขาวๆนั่น  มันทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งอย่างฝืดคอ

     ยิ่งสีชมพูอ่อนไหวทั้งสองข้างตรงหน้าอกของเด็กยักษ์ยิ่งทำให้ความรู้สึกนั้นพวยพุ่งขึ้นมาอีกเป็นระรอก
ไม่ได้! นั่งนานกว่านี้ไม่ไหวแน่


     ทันเท่าความคิด คุณนิวก็จัดท่าทางของเด็กยักษ์ให้นอนในท่าที่สบายยิ่งขึ้น ก่อนจะหายวับเข้าไปในห้องกลับมาพร้อมผ้านวมผืนใหญ่เพราะคิดว่าถ้านอนเปลือยท่อนบนแบบนี้มีหวังจะเป็นปอดบวมตาย


     แต่พอตกตะก่อนของความคิดดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นเขามากกว่าที่จะตาย

     ขาวชมพูแบบนี้ บอกเลยว่าทนได้ไม่ได้นานหรอก


     เมื่อห่มผ้าห่มเสร็จแล้ว เจ้าของห้องที่กำลังเกิดความคิดอกุศลก็รีบเดินเข้าห้องไปทันที พร้อมกับขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ใบหน้าอ่อนกว่าวัยยืนระบายรอยยิ้มขึ้นมาบางๆอยู่ตรงหน้ากระจก


     นี่แค่ถูกใจนะ… ทำไมถึงรู้สึกได้ขนาดนี้


     แล้วการกระทำของน้องวันนี้ทำให้เขายิ่งประทับใจมากขึ้นกว่าเดิม ต่างกันกับเด็กที่ต่อยเขาในวันนั้นซะอีก

     ถูกใจซะจริง




     โปรดติดตามตอนต่อไป...




      พิ๊จะมามีความคิดอุศลบับเน้กับน้องโกลเด้น เด็กยักษ์ของหนูแบบนี้ไม่ได้! นั่นเด็กยักษ์ของนุนะ!
     
      #คนของคุณาร  twitter: @blueeyesismine

      มัท

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
นี่แค่ถูกใจ ยังเป็นขนาดนี้้ลยนะ คุณนิววววว
ถ้ารักนี่ ไม่ต้องขังทอมไว้ในห้องเลยหรอคะ?

ฉากทอมรับแก้ว โคตรเท่เลยอ่ะ

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 
ตอนที่ห้า: ความรู้สึกของวันนี้

สักครั้งในชีวิต มันก็ต้องมีสักคนที่มาแหกทุกกฎที่เราตั้งไว้
คุณจะรู้ตัวมั้ยนะ? ว่ากำลังทำผิดกฎ

 






     อากาศเย็นฉ่ำที่ได้จากแอร์คอนดิชันเนอร์ภายในห้องกว้างกระทบลงบนผิวขาวเนียนของเดือนวิศวะซึ่งกำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟาตัวใหญ่สีดำสนิท ผ้าห่มผืนหนาร่นลงไปกองอยู่ที่ช่วงเอวนั่นก็เพราะการนอนดิ้นของตัวเอง

และช่วงบนที่ไม่ได้มีเสื้อปกปิดเนื้อหนังเลยเริ่มทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมานิดหน่อยเพราะความหนาวมันเริ่มคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ ไหนจะเสียงการทำอาหาร เสียงกระทบกันของจานกับโต๊ะไม้ แม่แต่กระทั่งเสียงจามของใครสักคนซึ่งทอมก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร


     จำได้ว่าที่ห้องไม่เคยทำอาหารนี่หว่า…



     ถึงจะคิดได้อย่างนั้น แต่ความง่วงที่มีมากกว่าเลยไม่ได้ทำให้ฉุกคิดได้เลยว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง







     อือ…




     เด็กยักษ์ส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเล็กน้อย ขณะที่กำลังพลิกกายเปลี่ยนท่านอนให้สบายขึ้นกว่าเดิม
     มือข้างหนึ่งก็ควานหาผ้าห่มอย่างสะเปะสะปะเพื่อเอามาคลุมช่วงบนที่เปลือยเปล่าของตัวเองหวังจะบรรเทาความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่กระทบลงผิวกาย จนเริ่มรู้สึกเย็นยะเยือกเข้าไปทุกที



     อือ…




     อีกครั้งที่ทอมเปลี่ยนขยับตัวเปลี่ยนท่านอน



     แต่ทว่า…




     ตุบ!



     เสียงนั้นมาจากการที่ร่างของเดือนวิศวะกลิ้งหล่นลงพื้นเพราะว่าเขาขยับตัวผิดท่า เลยพลาดตกโซฟาซะได้
     จากที่กำลังหลับสบายเปลือกตาสีไข่ก็เปิดขึ้นทันควัน



     “โอย…”   เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นเบาๆเพราะมันค่อนข้างส่งผลต่อรอยช้ำตรงหัวไหล่ของตัวเองเป็นอย่างมาก เขาขยับตัวช้าๆเพื่อที่จะเปลี่ยนลักษณะการนอนคว่ำเป็นหงายขึ้น พลันเพดานห้องที่ไม่คุ้นตาก็ปรากฏ
 
     คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีเพราะสงสัยว่าที่นี่มันคือที่ไหน?

     ไม่เพียงแค่เพดานห้องพอมองไปรอบๆแล้วเฟอร์นิเจอร์เองก็แปลกตา แน่นอนว่ามันไม่ใช่แบบที่อยู่ในห้องเขาแน่



     ละ ละ แล้วที่นี่มันที่ไหนกันล่ะ?



     “ตื่นแล้วเหรอครับ?”   เสียงเล็กๆดังขึ้นจากที่ไหนสักที่ซึ่งตอนนี้ทอมมองหาตัวเจ้าของเสียงนี้ไม่เห็น แต่ยังไงถึงแม้ไม่ได้เห็นหน้าก็ขอฟันธงว่าคนพูดต้องน่ารักฉิบหายแน่ๆ


     “ทะ ทำไมไปนอนตรงนั้นล่ะครับ?”   เด็กคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักเรียนชะโงกหน้ามาจาทางด้านหลังพนักโซฟา เด็กหน้าซื่อเอียงหน้าน้อยๆด้วยความสงสัย



     อ่า…เขาเห็นหน้าคนพูดละ น่ารักอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด



     เดือนวิศวะไม่ได้ตอบคำถาม หากแต่กำลังนอนทบทวนภาพเหตุการณ์ต่างๆซึ่งกำลังไหลย้อนกลับมาราวกับแฟลชแบ็ค
ที่จำไม่ได้ไม่ใช่เพราะเมา แต่เป็นเพราะการนอนในที่ใหม่ๆมันเลยยังไม่ค่อยชิน

     อาการตอนนี้เรียกได้ว่าเซ่อนอนแบบสุดๆ และภาพต่างๆก็หยุดลงตรงที่คุณนิวเอายามาทาให้ จากนั้น…



     จากนั้นก็วูบเลย



     “อ๊ะ!” 


     เมื่อนึกได้แล้วเลยตั้งใจที่จะลุกขึ้น แต่ก็ลืมไปอีกว่าตัวเองโดนอะไรมา เวลาขยับตัวเลยรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเท่าไร


     “เป็นอะไรมากมั้ยครับ?”  ไอ้ตัวเล็กมันถามด้วยสีหน้าตื่นๆ พร้อมกับจะเข้ามาช่วยพยุงแขกของคุณนิวให้ลุกขึ้นจากพื้น 


     “ไม่ต้องๆ”  ทอมปฏิเสธกลับไป และจากนั้นก็ลุกได้ด้วยตัวเอง


     “เดี๋ยวผมไปตามคุณนิวให้ดีมั้ยครับ?” 


     “ไม่ต้องๆ” เขาปฏิเสธแล้วก็มองหาเสื้อยืดของตัวเองที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ไหน มองหาได้ไม่นานก็เห็นว่ามันถูกพาดอยู่ตรงพนักโซฟา “เดี๋ยวจะกลับเลย”  ทอมว่าอย่างนั้นพร้อมกับสวมเสื้อใส่กลับคืน


     “ตะ แต่”   


     “แต่อะไร?” ทอมเลิกคิ้วขึ้นในเชิงคำถามกับเด็กหน้าซื่อที่พยายามจะห้ามเขา


     “ผะ ผมทำอาหารเช้าไว้เผื่อคุณด้วยนะ จะไม่อยู่กินก่อนเหรอครับ?”



     เอ๊? เมียเด็กไอ้คุณนิวนี่มันเซ้าซี้จริงๆเว้ย!


     ตอนแรกก็งงว่าเด็กนี่เป็นใคร แต่เมื่อคืนจำได้ลางๆว่าเป็นเมียเด็กของไอ้ตัณหากลับ


     ไม่รู้หรอกว่าเป็นไม่เป็น แต่ทอมคิดว่ามันต้องใช่แน่ๆ



     “มะ…”  กำลังจะตอบปฏิเสธอยู่แล้วเชียว! แต่พอเห็นหน้าซื่อๆ พร้อมกับแววตาอ้อนๆก็ถึงกับปฏิเสธไม่ลงกันเลยทีเดียว “ก็ได้”


อยากให้อยู่ดีนัก! คอยดูเถอะเดี๋ยวจะยุให้หนีไอ้คุณนิวมันไปไกลๆเลย 


     เท่านั้นแหละ เด็กหน้าซื่อมันก็ยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาวๆทันที



     แค่ยอมทานมื้อเช้า ทำไมจะต้องดีใจอะไรขนาดนั้น?



     “ว่าแต่นี่กี่โมงแล้ว?”

     
     “หกโมงอยู่เลยครับ”  น่านตอบ ส่วนมือทั้งสองข้างก็กำลังสาละวนอยู่กับการพับเก็บผ้าห่มผืนหนา


     “แล้วตื่นมาทำอะไรแต่เช้า?”   


     “ก็…ทำอาหารเช้าแล้วก็เตรียมเสื้อผ้าให้คุณนิวครับ” 




     โห! นี่พรากผู้เยาว์ไม่พอมึงยังใช้แรงงานเด็กอีกเหรอ ดูดิเนี่ย! น้องมันยังเรียนอยู่เลย




     “ว่าแต่เราน่ะอายุเท่าไรแล้ว?” 


     “สิบแปดแล้วครับ”   


     “ชื่ออะไร?”  บทสนทนาแบบเรียบง่ายดังขึ้นตลอดทางสั้นๆที่ทั้งคู่เดินไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ตรงโซนครัว 


     “น่านครับ”  เด็กหน้าซื่อว่าอย่างนั้น  แล้วก็หันกลับไปทำงานตัวเองที่ค้างไว้อยู่ เพราะก่อนหน้านี้ได้ออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับแขกของคุณนิว


     “พี่ชื่อทอมนะ”  ทอมเป็นพวกสนิทง่าย ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม “ไม่ต้องจำก็ได้บอกไว้เฉยๆ”  เพราะเห็นว่าเด็กน่านทำหน้างง ทอมเลยแก้พูดแก้ประโยคเมื่อครู่


     “ไม่ใช่ครับๆ ผมจะจำไว้ครับคุณทอม” ที่ทำหน้างงไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะว่าแขกคนนี้ของคุณนิวนั้นง่ายๆเกินไป ดูสบายๆไม่คิดอะไรกับการที่จะรู้จักกับเด็กอย่างเขา   
เพราะส่วนมากแขกของคุณนิวทุกคนเลยล่ะที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาไม่เหมือนกับคนคนนี้   มันก็เลยอดแปลกใจไม่ได้

แต่แขกที่ว่านี้หมายถึงตอนอยู่บ้านใหญ่น่ะนะ เพราะตั้งแต่ย้ายมารับใช้คุณนิวที่คอนโดแห่งนี้ก็ไม่เคยเห็นใครได้เข้ามาแล้ว จะมีก็แต่สองเพื่อนซี้ คุณดากับคุณสิงหาเท่านั้น 


     จะว่าไปคุณทอมนี่ก็คนแรกเลยที่ได้เข้ามาในนี้ ปกติคุณนิวจะหวงพื้นที่ความเป็นส่วนตัวของตัวเองมาก ให้ตายก็ไม่มีใครได้เข้ามาถึงขนาดนี้หรอก




     “คุณทอมอะไร พี่ทอมก็พอ” 


     “ไม่ได้หรอกครับ คุณทอมเป็นแขกของคุณนิว”   เด็กน่านตอบปฏิเสธไปด้วยหน้าตาเหรอหรา



     ใครจะกล้าเรียกด้วยความสนิทสนมแบบนั้นกัน  น่านคนนึงล่ะที่ไม่กล้า…



     “พี่ทอมก็พอ นี่ไม่ได้ถือตัวอะไรขนาดนั้น โอเค๊?”  คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งข้าง  และคำถามนี้มีคำตอบเดียวที่จะตอบได้คือ ตกลงครับ เท่านั้น  และสายตาที่โคตรจะกดดันเลยทำให้เด็กซื่อพยักหน้าตอบรับแต่โดยดี


เขาไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าคุณสักเท่าไร  ก็รู้แหละว่ามันเป็นคำสุภาพ แต่พอได้ฟังทีไรมันจักจี้อย่างบอกไม่ถูกคุยกันแบบง่ายๆน่ะดีแล้ว สนุกกว่ากันเยอะ 



     บทสนทนาเรียบๆของทั้งคู่กำลังดำเนินต่อไป  คุยกันไปเรื่อยๆอย่างกับว่ารู้จักกันมานานแล้วทั้งที่ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ทั้งสองคนไม่มีใครรู้เลยว่าบทสนทนานี้กำลังสร้างรอยยิ้มให้กับใครบางคนได้เป็นอย่างดี


       ใครสักคนที่กำลังยืนแอบฟังอยู่เงียบๆ


ชอบความง่ายๆแบบนี้ของเด็กยักษ์ซะจริง 

       และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งความรู้สึกใหม่ที่ได้ผุดขึ้นมาในสมอง   





     “งั้นทอมก็กำลังว่าพี่ถือตัวเหรอครับ?”  ยืนแอบฟังไม่ถึงห้านาที เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเด็กยักษ์พร้อมกับคำถาม   

     น่านเองที่ไม่ได้เห็นคุณนิวในลักษณะแบบนี้มานานมากแล้วถึงกับอดแปลกใจไม่ได้

     และลักษณะที่ว่านี้ก็คือการที่คุณนิวดูอารมณ์ดี  และใบหน้าหล่อๆนั้นเปื้อนรอยยิ้มมากกว่าทุกวันเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้น่ามองเข้าไปอีก 


     ก็ได้แต่คิดสงสัย เพราะใครล่ะจะกล้าไปยุ่งเรื่องของเจ้านาย


     “…”


     เด็กยักษ์ไม่ได้ตอบคำถามของคุณนิว และตอนนี้กำลังทำตัวราวกับว่าเขาเป็นเพียงธาตุอากาศ ดูไร้ตัวตนในสายตามากๆ แต่ทุกอย่างก็เป็นเหมือนเช่นทุกครั้ง คุณนิวไม่ได้สนใจเท่าไรว่าทอมจะมีปฏิกิริยายังไง


     เพราะแค่นี้ก็ถูกใจจนจะตายอยู่แล้ว  ถ้าหากพูดเพราะถูกหูไม่ใช่ว่าจะถึงขั้นชอบจนโงหัวไม่ขึ้นเลยหรือไง?


     แต่ก็แอบใจแป้วนิดๆนะ ทีกับน่านรู้จักกันแค่ไม่เท่าไรก็เรียกกันทำเหมือนสนิทกันมาอย่างกับสิบปี  พี่อย่างนั้น พี่อย่างนี้                                     พอกับเขาแล้วก็นะ กูๆ มึงๆ


     แต่ก็นั่นแหละเขาไม่ยอมแพ้หรอก ไม่แน่อนาคตทอมอาจจะยอมเรียกเขาว่าพี่ หรือไม่ก็คุณนิว  และแทนตัวเองว่า หนู อย่างที่ใช้กับคนในครอบครัวก็ได้ 



     จะกี่วันหรือกี่เดือนก็ต้องรอดูกันต่อไป ถ้าเขาไม่เบื่อแล้วก็เลิกถูกใจน้องไปก่อนแล้วล่ะก็นะ


     “อาหารเสร็จยังล่ะน่าน?”   เมื่อเห็นว่าทอมไม่ตอบและเอาแต่เล่นโทรศัพท์ เลยเลือกที่จะถามถึงอาหารมากกว่า


     “เสร็จแล้วครับ”   เด็กหน้าซื่อตอบพร้อมกับยกถาดอาหารทั้งของคุณนิว และพี่ทอมที่เพิ่งเตรียมเสร็จไม่นานมานี้ยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ 
โจ๊กหมู กาแฟดำและครัวซองค์ของคุณนิว   โจ๊กหมูและน้ำสมเป็นของพี่ทอม


     “เดี๋ยวผมขอตัวไปโรงเรียนเลยนะครับ คุณนิวกับพี่ทอมอยากได้อะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ?”   เมื่อเสิร์ฟทุกอย่างให้เสร็จแล้ว เด็กน้อยก็เอ่ยขอตัวทันที ถ้าไม่กลัวว่าสายก็อยากอยู่เก็บจานให้อยู่หรอกนะเพราะไม่อยากให้คุณนิวทำเอง


เห็นอย่างนั้นน่ะ เขาชอบยกถ้วยยกจานไปเก็บไว้ให้ในครัวเลยนะ ถึงจะไม่ได้ล้างก็เถอะ แต่ไม่ต้องล้างน่ะดีแล้วเพราะแค่นี้น่านก็เกรงใจจะแย่   


     “ไม่กินมื้อเช้าด้วยกันก่อนล่ะ?”   หนึ่งประโยคของทอมดังขึ้น ทำเอาคุณนิวแอบขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เด็กหน้าซื่อเองก็ไม่ต่างกันถึงกับทำหน้างงกันไปแถบๆ


สำหรับคุณนิวแล้วไม่ได้ว่าอะไรที่จะเรียกน้องมาทานมื้อเช้าด้วยกันเพราะแต่ก่อนเขาเองก็บอกให้มาทานด้วยกันตลอด    แต่น่านก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะยอมทานข้าวกับเขา ถ้าไม่ไปแอบทานในครัวก็ชอบไปทานที่โรงเรียนเอา

     แต่ก็แค่แปลกใจในความง่ายๆของทอมซะมากกว่า เพราะมันก็ต่างจากใครหลายๆคนที่เขาเคยรู้จัก หรือไม่ก็เคยควงมาก่อน



     “มะ ไม่เป็นไรครับ”  และมันก็เป็นอีกครั้งที่น่านตอบปฏิเสธด้วยหน้าตาเหรอหรา


     “ทำไมอ่ะ?  กลัวสายเหรอ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง”  ทอมยิงคำถามใส่ซะจนตั้งตัวไม่ทัน  คนอายุเยอะที่สุดในตอนนั้นก็เอาแต่ยิ้มน้อยๆให้กับคำพูดของไอ้เด็กยักษ์


     “ไม่เป็นไรจริงๆครับ”  เจ้าเด็กหน้าซื่อก็ส่ายหน้าปฏิเสธเช่นเดิม จนทอมเริ่มจะรู้สึกหงุดหงิด



     ขัดใจซะจริง!



     ที่ชวนก็เพราะว่าเห็นน้องต้องตื่นตั้งแต่เช้ามาเตรียมทุกอย่างให้ไอ้คุณชาย น้องมันคงยังไม่ได้กินอะไรแล้วกว่าจะไปถึงโรงเรียนก็คงจะต้องทำเวลานิดหน่อยในการเตรียมตัวเองให้พร้อม



     นี่มันเลี้ยงเมียเด็กมันยังไงวะ ทำไมดูลำบาก!



     คิดสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเค้กได้มาอยู่แบบนี้กับมันจะเป็นยังไง ไหนจะพี่ทิมอีก ถ้าอนาคตไอ้คุณนิวมันมาสปาร์คกับพี่สาวเขาเข้าคงนึกสภาพแบบนี้ไม่ออกเลยจริงๆ เพราะเธอเล่นทำงานบ้านไม่เป็นอย่างเลยน่ะสิ


     “อย่าไปรั้งน่านสิ ถ้าเกิดไปสายขึ้นมาจะทำยังไง?”  คุณนิวเลยพูดเตือนขึ้นมา เพราะเห็นว่าเด็กยักษ์ของเขานั้นไม่ยอมให้น่านได้ไปโรงเรียนสักที


     ทอมปรายตามองคนที่พูดประโยคเมื่อครู่พร้อมกับยักไหล่หนึ่งครั้งเพื่อแสดงออกว่า ไม่ได้หยี่ระกับคำพูดนั้นหรอกนะ อะไรเทือกๆนี้


     “งั้นก็ไปเถอะ  อย่าลืมหาอะไรกินด้วย เคนะ?”  เป็นห่วงเมียเด็กของไอ้คุณนิวซะจริงๆ หน้าตาก็ซื่อ แถมตัวยังเล็กมากอีกต่างหาก กลัวว่าโหนรถเมล์ไปแล้วจะถูกเบียดจนล้มฉิบหาย


     “ครับ”   “งั้นน่านไปแล้วนะครับ… สวัสดีครับคุณนิว…สวัสดีครับพี่ทอม”  และก่อนจะเดินออกไป เด็กหน้าซื่อก็ทำความเคารพคนอายุเยอะกว่าอย่างนอบน้อม


     หลังจากที่น่านเดินออกจากห้องไปไม่ถึงนาที เดือนวิศวะก็ลุกขึ้นทันควัน หมายจะออกจากห้องนี้ไปอย่างไม่บอกไม่กล่าวเจ้าของห้อง
เพราะเด็กน่านเป็นคนร้องขอให้ทานมื้อเช้า ตอนแรกก็คิดว่าจะอยู่ด้วยกันแต่ตอนนี้น่านไปแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลที่จะอยู่


   

     แต่ก็นั่นแหละ… ไม่ว่าจะทำอะไรทอมก็ช้ากว่าคุณนิวหนึ่งก้าว 



     “จะไปไหนครับ?”   เขาจับช่วงแขนนั้นไว้ได้ทันก่อนที่ทอมจะลุกเดินออกไป


     “ก็กลับดิ! จะอยู่ทำไมล่ะ?”  เจ้าตัวว่าอย่างนั้นพร้อมกับสะบัดมือให้หลุดออกจากการเกาะกุมของคุณนิว


     แต่ก็ไม่เป็นผลหรอกนะ… ทอมน่ะสู้อะไรคุณนิวไม่ได้เลย


     “ไม่ให้กลับครับ อยู่ทานมื้อเช้ากับพี่ก่อน”



     น้ำเสียงทุ้มๆ คำพูดเพราะๆ และรอยยิ้มนี้ทำเอาซะทอมอยากจะทึ้งหัวเขาแรงๆสักครั้งสองครั้ง


     มันไส้นัก!



     “ใครน้องมึง?”  เด็กยักษ์ตอบกลับแทบจะทันที มันไม่มีครั้งไหนเลยที่ทอมจะพูดกับคนคนนี้ด้วยคำพูดเพราะๆ และทุกครั้งจะต้องมีคำหยาบคายปะปนอยู่ด้วยเสมอ 


     แต่ก็นั่นแหละ คุณนิวก็ไม่เคยสนใจอีกเช่นเคย 

     คนมันถูกใจ… ยอมให้เป็นข้อยกเว้นก็ได้นี่นะ



     “น้องทอมไงครับ”   คำตอบของเขาน่ะตั้งใจจะกวนอารมณ์เด็กยักษ์เอามากๆ รู้ทั้งรู้ว่าทอมไม่ชอบให้เรียกแบบนี้แต่ก็ยังคงเรียกอยู่ได้


     “ใครให้เรียกกูแบบนี้ คนในครอบครัวก็ไม่ใช่!”


     “อีกหน่อยก็ได้เป็นแล้ว…” 



     อือ…ก็อยากเป็นคนในครอบครัวนะ แต่ดูเหมือนคำพูดนั้นจะทำให้ทอมเข้าใจผิดค่อนข้างมาก



     “คนในครอบครัวเหี้ยไร มึงแย่งเค้กไปจากกูแล้วยังจะเสนอหน้ามาแย่งพี่ทิมไปอีกเหรอ!”  นั่นแหละที่ทอมกำลังคิดอยู่ 


     ไม่ได้หรอก ยอมได้ที่ไหนกัน!



     “ฮึ…”   คุณนิวยิ้มน้อยๆให้กับความคิดนี้   
     ขี้หวงซะจริงนะเด็กยักษ์ ไม่ได้หมายถึงทับทิมซะหน่อย หมายถึงตัวเองนั่นแหละ
     อีกอย่างนะ… เขาไม่ได้แย่งเค้กมานะ ใส่ร้ายกันจริงๆ


     “แล้วก็หยุดยิ้ม หยุดทำหน้าตาแบบนั้นได้แล้วกูขนลุก!”   อดพูดไม่ได้เลยนะ ทุกครั้งที่เห็นน่ะเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ 


     “ถ้าอยากให้พี่หยุดก็พูดกับพี่เพราะๆก่อนครับ”   เขาเสนอ


     “ไม่! แล้วก็ปล่อยได้แล้ว กูมีบ้านมีช่องต้องให้กลับ”
 

     “น้องทอมทานมื้อเช้ากับพี่ก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะปล่อย”


     “ไม่แดก! แล้วก็เลิกเรียกกูว่าน้องทอมซะที!”


     “ไม่เลิกครับ… ทีน้องทอมยังพูดกับพี่แบบไม่สนใจความห่างของอายุเราเลย  เพราะงั้นพี่จะเรียกแบบนี้จนกว่าน้องทอมจะพูดกับพี่ดีๆ”

      แม้ว่าเด็กยักษ์จะหยาบมา แต่เขาก็ไม่คิดจะหยาบกลับหรอกนะ



     “ไอ้--”


     “ทานข้าวด้วยกันนะครับ”  ก่อนที่สัตว์เลื้อยคลานจะออกมาเพ่นพ่านในคอนโด คุณนิวเลยพูดขึ้นมาก่อนพร้อมกับออกแรงดึงให้เด็กยักษ์นั่งลงที่เดิมข้างๆเขา

      รู้หรอกว่าไม่ได้ขัดขืน ไม่งั้นคงไม่ยอมนั่งลงง่ายๆแบบนี้
     “นะครับ…” 


     “เออ!”   เพราะเสียดายฝีมือเมียเด็กมันเฉยๆหรอก เลยยอมกินให้!



     มื้อเช้าจบลงพร้อมกับคำหยาบคายสารพัดที่ทอมพ่นออกมาแทบจะทุกห้านาที 
     ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นหรอก… แต่ก็นะ ไอ้หน้าเด็กมันกวนเขาตลอดเวลาเลย  จนอยากจะเอาครัวซองค์จับยัดปากให้มันรู้แล้วรู้รอด  ปากจะได้ไม่ว่างพูดอะไรที่มันกวนใจเขาอีก


     “ไม่ต้องเดี๋ยวกูเก็บเอง”  แม้จะเกรี้ยวกราดยังไง เขาก็ยังไม่ลืมที่จะยกถ้วยยกแก้วไปไว้ให้ตรงซิงค์ล้างจาน แต่คิดๆดูแล้วมันก็มีแค่ไม่กี่ใบ เดี๋ยวล้างให้ก็ได้

ก็แม่น่ะสอนตลอดแหละว่า อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควาย ให้ควายมันเล่น
       เอ้ย!  ให้ลูกเขาเล่นสิ




     เลยตอบแทนน้ำใจเล็กๆน้อยๆของอาหารมื้อนี้ด้วยการเก็บถ้วยเก็บจานไปล้างให้ อีกย่างนะสงสารเด็กน่านมันด้วย กลับมาจากโรงเรียนจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากเพราะเดี๋ยวก็ต้องดูแลไอ้คุณชายนี่อีก!


และนั่นก็เป็นอีกเรื่องของทอมที่ทำให้คุณนิวชอบใจมากยิ่งขึ้น… ไม่รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นมาเก็บจานไปล้างแล้วจะชอบใจแบบนี้มั้ย?
หรือเพราะนี่เป็นน้องทอม
     เด็กยักษ์ของเขาเวลาทำอะไรก็เลยถูกใจไปซะหมด

     ตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น… รู้แค่ว่าความรู้สึกมันอัพเลเวลเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม



     “มองเหี้ยไร?”   เมื่อเห็นว่ามีเจ้าของห้องยืนมองอยู่เลยอดที่จะถามไม่ได้ “ไม่มีการมีงานทำรึไง?”


     “มีครับ แต่รอออกไปพร้อมน้องทอม”  เขายืนกอดอดมองเด็กยักษ์ด้วยสีหน้าที่เปื้อนยิ้ม


     ถ้าคนรอบข้างมาเห็นเขาอย่างในตอนนี้ คงจะกดโหวตให้คุณนิวยิ้มเยอะๆ และยิ้มทั้งวันได้ยิ่งดี
     คนอะไรยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ยิ่งดูดี ขนาดเวลาอยู่ข้างนอกชอบตีหน้าเข้มยังทำเอาสาวๆแถวนั้นอ่อนปวกเปียกอย่างกับขี้ผึ้งลนไฟกันเป็นแถบๆ 
แล้วนี่ถ้าชอบโปรยยิ้มให้เหมือนที่ใช้กับเด็กยักษ์คาดว่าจะต้องมีคนไปพบแพทย์แบบด่วนๆสักคนสองคนในแต่ละวัน สาเหตุเพราะหัวใจมันทำงานหนักเกินไปเนื่องจากรอยยิ้มของเจ้านาย



     “เออกูรู้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะขโมยอะไรหรอก!”   และทอมก็ชอบตีความหมายของเขาผิดตลอดเลย 

     ไม่ได้จะกลัวขโมยอะไรสักหน่อย สำหรับทอมแล้วอยากได้อะไรก็หยิบไปได้เลยไม่คิดจะว่าเลยสักนิด ก็แค่อยากออกไปพร้อมกันเฉยๆ 




 



     “เดี๋ยวพี่โทรหานะครับ”  คุณนิวพูดขึ้นหนึ่งประโยคก่อนจะแยกทางกันขึ้นรถใครรถมัน


     “กูไม่รับ!”   ทอมหน้าบึ้ง และตอบกลับไปแบบที่ติดความเกรี้ยวกราดนิดหน่อย


     “เดี๋ยวพี่โทรหาคุณอาก็ได้ครับ” 


     “เดี๋ย--”   ยังไม่ทันจะแย้งอะไรด้วยซ้ำ คุณนิวก็เข้าไปนั่งอยู่ในรถซะแล้ว จากนั้นปอร์เช่คันสวยก็เคลื่อนตัวออกไป  เหลือไว้ก็แต่เด็กยักษ์กับการยืนอ้าปากค้างเพราะยังไม่พูดไม่จบ




     เดี๋ยวเถอะ…เดี๋ยวก่อนนะมึง
     อย่าพลาดเชียว!








   อ่านต่อข้างล่างนะคะ

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต่อนะคะ





  “เย็นนี้กินอะไรกันดีวะ?”    แดนเปิดประเด็นขึ้นหลังจากที่เดินออกจากชั่วโมงของความปวดหัว  อยากจะถามเหลือเกินว่าอะไรดลใจให้กูมาเรียนคณะนี้!   


     แต่จะว่าไปก็เป็นไอ้ออยนั่นแหละ มันไซโคเขาตั้งแต่ขึ้นมอสี่ใหม่ๆละ ว่ามึงต้องสอบเข้าวิศวะกับกูให้ได้นะ และอีกบลาๆ

     ไอ้หัวขวดเอ้ย!  ไม่น่าไปเชื่อมันเลย



     “ชาบูดีมั้ย? ร่างกายต้องการประทะเนื้อ”  ก็มีแต่มันแค่สองคนนั่นแหละที่ออกความคิดเห็น


     ส่วนทอมนั้นก็…
 เหนื่อยล้าเต็มที ไม่เห็นปลายทาง…


     ผิดละๆ   

      มันตื้อจนขี้เกียจพูดขี้เกียจออกความคิดเห็น เอาเป็นว่าถ้าใครลากไปไหนตอนนี้ก็ไปทั้งนั้น



     “มึงว่าไงทอม?”  แดนหันมาถามความคิดเห็นกับเพื่อนที่ตอนนี้ยังไม่เลิกทำตัวเหมือนผีตายซาก หมดกัน ราศีเดือนวิศวะ
นี่แหละนะปีแรกๆที่เข้ามามันก็จะฮ็อตหน่อยๆ พอขึ้นปีสองสภาพก็เริ่มย่ำแย่ไปตามๆกัน

     แต่ไม่เป็นไรหรอก ทอมเชื่อมั่นในเหง้าหน้าของตัวเอง!



     “ไม่รู้ยังไงก็ได้” 





     Rrrrrrrr

     พูดจบประโยคแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น  โทรศัพท์ก็แผดเสียงขึ้นจนทำให้เจ้าของมันกรอกตามองไปมาอย่างเบื่อหน่าย



     คงไม่มีใครหรอก…



   ‘ไอ้ลูกหมา’ 


     นั่นคือชื่อของคุณนิวที่เขาบันทึกลงในโทรศัพท์ 



     “อะไร?”   ทอมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ด้วยความเบื่อหน่าย เขาเดินรั้งท้ายออยกับแดนที่เดินนำไปก่อนนิดหน่อย 


     [พี่จะชวนไปทานข้าว]


     “ไม่กิน!”


     [ก็ได้ครับ… ถ้าเปลี่ยนใจยังไงก็โทรมานะ] 


     แล้วเขาก็ตัดสายไปดื้อๆ เล่นทำเอาทอมแปลกใจไม่น้อย


     ทำไมไม่เซ้าซี้ ?
     ทำไมไม่วอแว ?
     ช่างมันเถอะ แบบนี้แหละที่เขาต้องการ




     Rrrrrrr

     แต่ทว่า… ยังไม่ได้เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกระรอก   

     อะไรของมันอีกวะเนี่ย!?  เซ้าซี้จริงๆ



     ‘พี่ทิม

     แต่เมื่อดูหน้าจอแล้วชื่อที่ปรากฏไม่ใช่ไอ้ลูกหมาอย่างที่พิมพ์ไว้ กลับกลายเป็นพี่สาวตัวเองซะได้



     “ครับพี่ทิม” 

     [เย็นนี้น้องทอมว่างมั้ย?] 

     “หนูว่าจะอ่านหนังสือ พี่ทิมมีอะไรหรือเปล่า?”     อย่าชวนเขาไปไหนเลย ตอนนี้อยากไปหาอะไรกินเสร็จแล้วก็จะได้กลับห้องไปอ่านหนังสือเต็มทีแล้ว 


     ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนก็คงขอปฏิเสธแล้วล่ะนะ


     [ไม่มีอะไร งั้นน้องทอมอ่านหนังสือก็ได้ พี่แค่จะชวนไปทานข้าวกับคุณนิวเขาน่ะ… พ่อนัดให้พี่เลยไม่อยากปฏิเสธ]


     หืม?
     แบบนี้ไม่ได้นะ!  บอกแล้วไงว่าไม่ยอม


     “เดี๋ยวก่อนครับพี่ทิม!”  ทอมร้องห้ามปลายสายแทบจะทันที เมื่อรู้ว่าต้องไปไหน กับใครอะไรยังไง “เดี๋ยวหนูไปด้วย” 

     [ไม่ต้องอ่านหนังสือแล้วเหรอ?]

     “อยู่ๆหนูก็รู้สึกหิวขึ้นมา ยังไงเดี๋ยวหนูขับรถไปรับพี่ทิมนะ”

     [ก็ได้… ตามใจ งั้นแค่นี้ก่อนนะ]

     “ครับ สวัสดีครับ”




     ติ๊ด!


     “พวกมึง วันนี้กูไปกินชาบูด้วยไม่ได้แล้วนะ”  ทอมเพิ่มระดับการก้าวเท้าของตัวเองให้ทันเพื่อน


     “ทำไมอ่ะ?”  แดนถาม


     “ก็พี่ทิมชวนไปข้างนอก โทษทีนะมึง” 


     “เออๆไม่เป็นไร”  ก็นั่นแหละ… สุดท้ายออยก็ต้องไปกับแดนสองคนอยู่ดี  “เจอกันพรุ่งนี้นะมึง” 


     “โอเค”
     และทั้งสามคนก็แยกกันหลังจากนั้น




     ทอมในตอนนี้มีแต่ความหงุดหงิดเต็มไปหมด!   เพราะยิ่งนึกถึงตอนที่คุณนิวโทรมาหาแล้วก็ยิ่งโมโห
 
     มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ถึงได้โทรมาชวน พอเขาปฏิเสธก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ



     ร้ายนักนะ!





     19.15 pm



     บนโต๊ะอาหารที่มีแต่เสียงของพี่ทิมแล้วก็คุณนิวที่กำลังคุยกันอย่างออกรสในเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาคุยกัน ส่วนตัวทอมนั้นที่ไม่ได้เข้าใจอะไรมากนัก เลยไม่ขอร่วมด้วย 


     เหมือนกับระบบการรับฟังมันพังไปดื้อๆ   
 

     ไม่อยากได้ยินเสียงมัน 

     ไม่อยากเห็นหน้า

     จริงก็ไม่ได้อยากมาเลยแม้แต่น้อย! แต่เพราะยอมไม่ได้ที่จะให้พี่ทิมอยู่กับมันแค่สองคน เพราะงั้นเลยต้องขัดขวาง!





     แต่เด็กยักษ์ก็ช้ากว่าคนมากประสบการณ์อยู่หลายก้าว  คงยังไม่รู้ว่านั่นน่ะเข้าทางคุณนิวเลยนะ

     ทุกอย่างเป็นไปตามแผน 



     “ไหนบอกหิว ทำไมทานน้อยแบบนี้?”  พี่สาวถามขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องชายเอาแต่เขี่ยเสต็กในจานไปมาอย่างกับไม่อยากทาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนบอกเองแท้ๆว่าหิวมาก 


     “หนู--”  “ทะ ทอมอิ่มแล้วอ่ะพี่ทิม”   กำลังจะใช้สรรพนามที่ชินปากเวลาอยู่กับคนในครอบครัว แต่พอเห็นว่าใครนั่งอยู่ด้วยเลยรีบแก้ทันควัน


     “น้องทอมจะไปทำอะไรก่อนมั้ย? เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่โทรหา”   พี่ทิมเสนอ เพราะกลัวน้องจะเบื่อ เพราะเขากับคุณนิวเองก็เอาแต่คุยกันเรื่องทั่วๆไปของคนวัยทำงาน

     ยิ่งได้คุยกับลูกชายเจ้าของห้าง The KNK ด้วยแล้วทับทิมยิ่งอยากคุย  ใครๆเขาก็พูดกันว่าคนคนนี้น่ะ ทำงานเก่งมาก 
     และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาน่ะเป็นผู้ชายที่ทัศนคติดีๆคนหนึ่ง


     “ไม่ครับ”  ทอมปฏิเสธ แม้จะเบื่อขี้หน้าคุณนิวมากขนาดไหน ก็ไม่อยากปล่อยให้เขาได้อยู่กับพี่ทับทิมสองคนแม้แต่วินาทีเดียว


     จะเป็นก้างชิ้นใหญ่ๆคอยขวาง  กับเค้กถึงจะขัดไม่ได้แต่กับพี่ทิมจะขัดให้สุดหนทางเลยคอยดูสิ

     และไอ้อาการหน้าบึ้งนั้นก็อยู่ในสายตาคุณนิวเขาตลอดแหละ ไหนจะคำพูดคำจาที่ใช้พูดกับพี่สาวที่เขาได้ยินอีก 



     น่ารัก


     น่ารักจริงๆ!


     เด็กยักษ์นี่นะ… ทำอะไรก็น่ารักไปหมดเลย





     หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ทั้งสามก็เดินออกจากร้านอาหาร ทอมเดินรั้งท้ายทั้งคู่อยู่หลายก้าว ถึงจะอยู่เพื่อขัดขวางเขายังไงก็ไม่อยากทำให้พี่สาวตัวเองเสียหน้าด้วยการเดินไปแทรกกลาง ยังไงเขาก็เด็กกว่า มารยาทนั้นพึงมี


     ถึงแม้เวลาได้อยู่กับคุณนิวสองคนนั้นจะหยาบคายมากขนาดไหนก็เถอะ



     “อ๊ะ!”  หากแต่เสียงอุทานของทับทิมที่ดังขึ้น ทำให้ทอมต้องรีบถลากเข้าไปหาเธอแทบจะทันที   

     คุณนิวที่เดินเคียงข้างกับทับทิมน่ะดูช้าไปหลายปีแสงเลยเมื่อเจอความรวดเร็วของทอมเข้าไปแล้ว



     “พี่ทิมเจ็บตรงไหนมั้ย?”  เดือนวิศวะถามด้วยความเป็นห่วง เพราะรองเท้าส้นสูงขนาดสี่นิ้วที่พี่ทิมใส่อยู่ดีๆก็หักซะงั้น
และด้วยความที่ส้นมันสูงเลยกลัวว่าพี่ทิมจะมีปัญหาที่ข้อเท้า


     “ไม่เจ็บหรอก แต่รองเท้าพี่น่ะสิ…”  เธอทำหน้าเศร้า เพราะคู่นี้ดันเป็นคู่โปรดซะด้วยสิ


     “เดี๋ยวหนูเอาไปซ่อมให้”  เด็กยักษ์เผลอใช้สรรพนามที่น่ารักอีกครั้งอย่างลืมตัว พร้อมกับนั่งลงถอดรองเท้าทั้งสองข้างออกให้พี่สาวอย่างเบามือ  “พี่ทิมใส่รองเท้าหนูไปก่อน”  เพราะไม่อยากให้พี่เดินเท้าเปล่า เลยเสียสละถอด vans old school คู่โปรดให้พี่ทิมใส่แทน 


     แม้แค่อีกไม่กี่เมตรจะถึงที่จอดรถก้เถอะ แต่เขาก็ไม่อยากให้พี่ทิมเดินเท้าเปล่า เพราะอย่างน้อยเขายังมีถึงเท้าแต่พี่ทิมน่ะเท้าเปล่าล้วนๆ


     “ไม่เอาเดี๋ยวพี่เดินเท้าเปล่าก็ได้ ไม่เท่าไรก็ถึงรถแล้ว”  เธอปฏิเสธ แต่ก็สู้ไม่ได้หรอกนะ เพราะน้องชายกำลังจับเท้าพี่สาวให้สวมเข้าไปใน vans old school 


     “ไม่เป็นไรหนูใส่ถุงเท้าอยู่” 


     เด็กยักษ์ลุกขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับถือรองเท้าส้นสูงของพี่สาวไว้



     “น่ารักจริงๆ ไหนอยากได้ไรเดี๋ยวพี่ซื้อให้”  พี่ทับทิมถามและยิ้มให้กับการกระทำของน้องชายตัวเอง

     ไม่เสียแรงเลยที่คอยสั่งสอนตั้งแต่เด็กยันโต 



     “ไม่หรอก ก็พี่เป็นพี่หนูหนิ”  ทอมยิ้มตอบกลับไป และกลับไปเดินรั้งท้ายพี่สาวกับคุณนิวเช่นเดิม

   


     รอยยิ้มหนึ่งถูกระบายขึ้นน้อยๆบนใบหน้าหล่อเหลาเพราะการได้เห็นอีกด้านของคนที่ตัวเองถูกใจ  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดีกับการกระทำของเด็กยักษ์ต่อพี่สาวของเขามาก

ทั้งที่เจ้าตัวเลือกที่จะไม่ทำก็ได้ เพราะเดินไม่เท่าไรก็จะถึงรถแล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะเสียสละ ถอดรองเท้าให้พี่และตัวเองยอมเดินเท้าเปล่า




     หนึ่งวันนี้ ตั้งแต่เช้าที่ได้เจอกันจนกระทั่งตอนนี้ คุณนิวได้เห็นหลายๆมุมของทอมที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็น


     ทอมมีน้ำใจ


     เสียสละ


     เป็นกันเองไม่ถือตัว และพื้นฐานนิสัยนั้นคือดีมาก   



     ถึงแม้จะดีกับทุกคนแล้วยกเว้นเขาก็เถอะนะ…  แต่เชื่อมั้ย?  สักวันหนึ่งเถอะ  ในลิสต์รายชื่อที่เด็กยักษ์ปฏิบัติตัวด้วยแบบนั้นจะต้องมีชื่อเขาเป็นหนึ่งในนั้น 



     เพราะจะไม่ยอมแพ้หรอก… ตราบใดที่ยังถูกใจอยู่น่ะนะ 


     อีกอย่างความรู้สึกของวันนี้ที่มีต่อเด็กยักษ์นั้นถูกปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่า มากกว่าตอนเช้าซะอีก



     เพราะงั้น…
     เห็นทีว่าคงต้องเจอกันอีกนาน








     โปรดติดตามตอนต่อไป...









      สาบานสิคะคุณนิวว่านี่แค่ถูกใจ อยากจะแหมมมมมมมมไปให้ถึงดาวอังคารซะจริง



      #คนของคุณากร

     twitter : @blueeyesismine 


     มัทฉะลาเต้


ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แหมมมมม ด้วยคนค่าาาาา
ถูกใจอีกนิด นี่ก็น่าจะหลงน้องทอมแล้วนะคะ
55555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด