★☆ คุณากร ★☆ตอนที่สิบ :คืนร้อน...เพราะไฟดับ!(UP 28/7/61)อัพเเร้วมาอ่านกันเร้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★☆ คุณากร ★☆ตอนที่สิบ :คืนร้อน...เพราะไฟดับ!(UP 28/7/61)อัพเเร้วมาอ่านกันเร้ว  (อ่าน 8855 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหมค่ะแหม... มีการพ่วงท้ายว่า ตราบใดที่ยังถูกใจ ตลอดเลยนะ ไม่ใช่ว่าชอบมาก ๆ ไปแล้วหรือไง
ถ้าน้องทอมได้รู้ความคิดอิคุณนิวนี่คงอยากทึ้งหัวตัวเอง แล้วสยองไปอีกนานสำหรับประโยคสุดท้าย ฮา

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พี่นิวมันร้าย

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกครับ หนูทอมรู้ตัวเมื่อไหร่คงจะบันเทิงน่าดู

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อยากให้หนูทอม เรียกตัวเองว่าหนูกับพี่นิวแล้วววววว

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0


ตอนที่หก : ทำไมน้องต้องน่ารักขนาดนี้






     ห้องสักห้องภายใต้คอนโดหรูที่เป็นของคุณากร ลูกชายเจ้าของห้าง The KNK ตอนนี้กำลังถูกก่อกวนด้วยเพื่อนรักหักสะบั้นทั้งสองคนที่อยู่ๆก็พรวดพราดเข้ามาขณะที่เขากำลังนั่งทำงานที่ค้างไว้อยู่ซึ่งได้หอบเอากลับมาทำที่ห้อง


     ว่าไปแล้วจะพูดเหมารวมศักดิ์ดาด้วยก็ไม่ได้เพราะศักดิ์ดาเองก็ถูกลากมาเหมือนกัน ถ้าจะบ่นใครก็นั่นแหละ… ไอ้สิงหา

     ไอ้เพื่อนตัวดีที่ชอบทำตัวเหมือนตอนกำลังเรียนมหาลัย ทั้งที่อายุก็ปาเข้าเลขสามแล้ว  แต่ก็นะ…จะทำยังไงได้ ก็คบกันอยู่แค่สามคน ถึงจะบ่นได้ยังไงสุดท้ายก็เปิดประตูต้อนรับมันอยู่ดี


     คบกันมาก็นาน เลยพอจะรู้ว่าไอ้นิสัยติดเพื่อนของสิงหานั้นแก้ไม่หายสักทีขนาดว่าทำงานงานแล้วเวลาไปไหนมาไหนก็จะต้องโดนสิงหาลากไปด้วยตลอด


     ถ้าถามว่าสิงหาชอบทำตัวว่าง  ชอบทำตัวไร้สาระแบบนี้ นั้นจะมีงานมีการทำหรือเปล่า…?
     บอกเลยว่ามี ยิ่งตอนนี้ได้รับช่วงต่อไปบริหาร บริษัท X ของพ่อเขาที่ผลิตเครื่องปริ้นท์  และเครื่องคิดเลขส่งออกนอกประเทศด้วยแล้ว เรียกได้ว่างานล้นมือสุดๆ

     ขอเดาว่าถ้ามันไม่ได้แอบโดดงานมาก็คงจะเก่งจนเคลียร์งานทุกอย่างจนเสร็จนั่นแหละ


     แต่กับคุณนิวตอนนี้แล้วเรียกได้ว่าวุ่นวายพอสมควรเพราะกำลังจะมีโครงการขยายสาขา The KNK ไปต่างประเทศ อย่างสิงคโปร์ ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังเริ่มโครงการ เขาเองก็วุ่นวายพอตัวเหมือนกัน



     “ตัวเล็กกูไปไหนวะนิว?”  นั่งได้ไม่ถึงห้านาที สิงหาก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง และพอนึกขึ้นได้เลยถามขึ้นทันที
ตัวเล็กที่ว่านั่นก็คือน่านน้ำน่ะแหละ



     “วันนี้โทรมาขออนุญาตกลับดึกหน่อยเพราะต้องอยู่ทำซุ้มกิจกรรมสำหรับวันพรุ่งนี้”  คุณนิวพูดไปพร้อมกับจดจ่อสายตาอยู่กับแม็คบุ๊ค



     “โห…งี้ก็อดกินของอร่อยเลยอ่ะดิ”  สิงหาบ่นอย่างเซ็งๆ เพราะวันนี้ที่มาบุกห้องเพื่อนไม่ได้ต้องการที่จะมาดื่มอย่างเดียวเท่านั้น  เขาตั้งใจจะมาลิ้มรสชาติฝีมือของน้องตัวเล็ก เด็กที่แม่ไอ้นิวส่งมาให้คอยดูแลที่คอนโดด้วยน่ะสิ



     “อย่าเรื่องมากน่า แค่นี้ก็กวนไอ้นิวมันจะตายอยู่แล้ว”  ศักดิ์ดาปราม “ดูดิ จะดื่มทั้งที่มันก็ยังต้องหอบงานมานั่งทำด้วยเลย แล้วดูมึงดิ?”



     “เออ! ว่ากูเข้าไปเดี๋ยวขาดกูสักวันแล้วจะรู้สึก!”



     “รู้สึกดีน่ะสิ ดูดิเนี่ย! กูเองก็ยังเข้าไปดูร้านไม่ครบห้าสาขาเลย”   ได้ทีพูด ศักดิ์ดาเลยบ่นเพื่อนงี่เง่าของตัวเองยกใหญ่ พร้อมกับตบเข้าที่ศีรษะทุยนั้นแรงๆหนึ่งที


     แต่ก็นะ… บ่นไปก็ไร้ค่า เหมือนไข่กระทบหิน เพราะสุดท้ายยังไงก็ยอมมันอยู่ดี



     “เอาน่า… เดี๋ยวกูเหมาร้านนมมึงทั้งห้าสาขาไปเลี้ยงพนักงานที่โรงงานกูเลยเอ้า!”  สิงหายิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาว ดูไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเองแม้แต่นิด
     จริงๆเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาของศักดิ์ดาหรอกนะ แต่แค่กลัวว่าปัญหาจะเกิดขึ้นกับตัวปัญหาที่อยู่ในร้านซะมากกว่า 



     “นี่มึงยังติดต่อกับน้องคนนั้นอยู่มั้ยวะนิว?”  ดาเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากจะทะเลาะกับไอ้เพื่อนงี่เง่า



     “น้องทอมน่ะเหรอ?”   แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาคุยกับเพื่อน แต่คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันหน่อยๆกับคำถามของศักดิ์ดาว่าได้หมายถึงน้องทอมมั้ย? 



     “แหมมมมมมม น้องทอม”  สิงหาเบะปาก “แล้วน้องเค้กมึงไปไหนซะล่ะ?” และเป็นคนรับหน้าที่ถามต่อเพื่อนดาที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นผู้ฟังที่ดีแทน


     สิงหาล่ะเหม็นเบื่อความเลี้ยงต้อยของเพื่อนคนนี้ซะจริง ทีแต่ก่อนนี่ไม่แม้แต่กระทั่งจะวอแวกับเด็ก
     พอเดี๋ยวนี้ล่ะ…   น้องทอมอย่างนั้น น้องทอมอย่างนี้



     ไอ้คนสับปลับ!



     “กับเค้กไม่ได้คุยแล้ว”   



     “งั้นมึงกำลังจะบอกว่าคุยกับน้องทอมอยู่งั้นดิ?” 

     เอาจริงๆแล้วสิงหารู้สึกเหลือเชื่อในตัวเพื่อนตอนนี้มาก… อะไรที่ทำให้รสนิยมมึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้วะนิว?
 
     ไม่ใช่ว่าน้องมันขี้ริ้วขี้เหร่  เพราะในสายตาของสิงหาแล้วน้องทอมก็คือเด็กปีสองที่น่ารักมากคนหนึ่ง ตัวขาวจั๊ว! อย่างกับหลอดไฟเดินได้ แต่เพียงแค่ลุคน้องมันดูเซอร์ไปหน่อยก็เท่านั้น อีกอย่างน้องมันก็เป็นผู้ชายห่ามๆคนหนึ่งเลยนะ 

     แล้วไอ้เพื่อนเขาที่ชอบคนเอาใจ พูดเพราะ ตัวเล็ก น่ารัก อย่างนั้นทำไมถึงไปถูกใจน้องเขาได้ก็ยังงงจนถึงทุกวันนี้
และน้องทอมก็ไม่ได้ตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย น้องไม่ได้อ้วนหรือตัวใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก แต่แค่หุ่นนี่เกือบสูสีกับไอ้นิวก็เท่านั้น  แต่ขอเดาว่าเพื่อนเขามันต้องกล้ามแน่นกว่า



     “ไม่เชิงว่าคุย” 
     พอพูดถึงเรื่องเด็กยักษ์เข้าหน่อย คุณนิวก็ผละสายตาออกจากหน้าจอพร้อมกับบิดขี้เกียจน้อยๆเพื่อนขับไล่ความเมื่อยล้า


     “แล้ว…?”  สิงหาเว้นจังหวะไว้ให้เพื่อนได้ตอบ



     “กำลังจีบ” 



     “หืม?”  ศักดิ์ดาที่นั่งฟังมานานก็ส่งเสียงขึ้นบ้าง



     จีบ…  ไอ้นิวกำลังใช้คำว่าจีบ
     มันเป็นคนกลัวการใช้ชีวิตคู่มากนะหลังจากเรื่องตอนนั้น แล้วทำไม…



     “อย่ามองแบบนั้น ที่บอกว่าจีบ หมายถึงจีบให้มาเป็นเหมือนคนอื่นนั่นแหละ”   คุณนิวรีบพูดแก้
      อือ… มันก็นานแล้วแหละที่ไม่เคยใช้คำว่าจีบกับใคร เลยไม่แปลกใจว่าทำไมเพื่อนทั้งสองถึงสงสัยกันขนาดนี้



     “คนอย่างมึงนี่ต้องจีบใครด้วยเหรอวะ?”  สิงหาถาม เพราะเขารู้ดีว่ามันไม่เคยจีบใครเลย  เนื่องจากได้มาก็ไม่ค่อยยากเท่าไร ทุกคนก็พร้อมจะดีลกับข้อเสนอของมันทั้งนั้น 


     คุณนิวเป็นประเภทที่เปลี่ยนคนคุยหรือคู่ควงนั้นค่อนข้างบ่อย แต่ก็ว่าไม่ได้เลยนะเพราะไม่เคยคบซ้อนใคร
     อย่างกับเค้ก เขาก็ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ที่มีชื่อเรียกว่า คนคุย ไป เพราะอยากจะสานสัมพันธ์กับคนที่เป็นแฟนเก่าเค้กมากกว่า





     ดูเลวใช่มั้ยล่ะ?
     แต่ก็ดูเลวน้อยลงนิดหน่อยนะ ตรงที่ไม่ได้คุยซ้อน 





     “กับคนนี้ต้องใช้คำว่าจีบ… เพราะไม่ได้ง่ายเหมือนคนอื่น”   เรียกได้ว่างานหินเลยทีเดียว  หินที่โบกเหล็กไว้อะไรประมาณนี้



     “แต่คนอย่างมึงนี่ถ้าเจออะไรยากๆก็ไม่ยุ่งแล้วไม่ใช่หรือไงวะ… แล้วทำไม?”



     “ก็กูอยากได้…เลยต้องจีบ ”  และรอยยิ้มเจ้าเลห์ก็ถูกแต่งแต้มบนใบหน้าหล่อเหลา สิงหาที่ได้เห็นถึงกับเบะปากด้วยความมันไส้อีกระรอก




     งานนี้พี่บอกเลยแหละว่าน้องทอมไม่รอดแน่… เพราะถ้าไอ้นิวมันบอกว่าอยากได้อะไรแล้วล่ะก็นะ…




  มันก็ต้องได้







     คุยเรื่องน้องทอมได้ไม่นานก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นพร้อมกับทำงานตรงหน้าต่อ  สิงหาถึงกับเบะปากขึ้นรอบที่สาม พร้อมกับทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่คุณนิวว่า ‘ถ้าไม่ใช่เรื่องของน้องทอมก็คงไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกันสินะ’


     คุณากรไม่ได้โกรธกับคำพูดของเพื่อน  แต่รู้สึกตลกตัวเองมากกว่า
     เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นได้ถึงขนาดนี้

     จะว่าไปแล้วก็คิดถึงน้องทอมเหมือนกันนา… ไม่ได้เจอกันสองวันได้แล้วเพราะงานเยอะมากจริงๆ รอปลดแอกตัวเองจากงานได้ก่อนเถอะ คงจะตามเฝ้ากันทั้งวันทั้งคืน



      พวกเขาทั้งสามคนยังคงคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนคุณนิวก็ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกทำงานตรงหน้า  เขายังคงทำมันพร้อมๆกับการดื่ม และเวลาก็เลยผ่านไปได้ชั่วโมงกว่าๆ  จนกระทั่ง…   





     Rrrrrr





     เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เครื่องหรูของคุณนิวก็ดังขึ้น  มือใหญ่คว้ามันขึ้นมากดรับอย่างไม่ใส่ใจนัก ไม่แม้แต่จะดูรายชื่อด้วยซ้ำว่าใครที่โทรมา



     [มึงอยู่ไหน?]  และเสียงของปลายสายก็ทำให้เขาแปลกใจเป็นอย่างมาก ถึงกับเอาโทรศัพท์มาดูหน้าจออีกครั้งว่าเป็นใครกันแน่ที่โทรมา



     ‘น้องทอม
     นั่นแหละคือชื่อของปลายสายที่โชว์อยู่บนหน้าจอขณะนี้ 

     จริงๆแค่ได้ฟังเสียงและคำพูดก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะนอกจากศักดิ์ดากับสิงหาก็ไม่มีใครอีกแล้วที่พูดกูๆ มึงๆ กับเขา
     “อยู่คอนโดครับ มีอะไรเหรอ?”   



     พอได้ฟังประโยคแรกของเพื่อนที่ตอบปลายสายไป ศักดิ์ดากับสิงหาก็ถึงบางอ้อทันทีว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนคนนี้หลุดยิ้มออกมาได้ และวางงานตรงหน้าไว้ก่อนที่จะเลือกเดินออกไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงของคอนโด พร้อมกับจุดบุหรี่สูบไปหนึ่งมวล


     สิงหาล่ะอยากจะคว่ำปากให้เบี้ยวกันไปข้างกับคำพูดของเพื่อนที่บอกว่าแค่ถูกใจ
     
     เชื่อมั้ย? ว่าถ้าน้องทอมลองทำตัวน่ารัก อ้อนๆไอ้นิวสักหน่อยนะ… ไอ้สิงหาคนนี้ขอฟันธงเลยว่าไอ้นิวนี่แทบจะยก The KNK ทุกสาขา ใส่พานไปถวายให้น้องมัน



     ไม่ว่าน้องจะอยากได้อะไรพี่ก็จะหามาให้ ขอแค่บอกมา จะดวงเดือน จะดวงดาว หรือแม้แต่ชีวิตของพี่ก็ให้น้องได้ สิงหาคิดว่าเพื่อนเขาต้องเป็นแบบนั้นแหละ   



     ถ้าไม่ใช่นะให้เอาตีนมาลูบหน้าแรงๆเลยเอ้า!




     [อะ ออกมาหากูหน่อยดิ?]    น้องทอมพูดไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เพราะเจ้าตัวน่ะไม่เคยอยากเจอคุณากรเลยแม้แต่น้อย และยังไม่เคยโทรหากันด้วย 


     แน่นอนว่าคนถูกสั่งให้ออกไปหาถึงกับหลุดยิ้มขึ้นมาหนึ่งครั้ง ในใจก็นึกสงสัยว่าเรื่องอะไรกันนะที่ทำให้น้องยอมโทรหาเขาได้ แถมยังบอกให้ออกไปหาอีก

     ควันสีเทาหม่นถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสวยได้รูป ควันนั้นลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศพร้อมกับความรู้สึกดีหน่อยๆของตัวเอง


     “หืม…? จะให้พี่ออกไปหาทำไมไม่พูดดีๆนะ”  คุณนิวก็พูดแกล้งไปเท่านั้น เชื่อเถอะว่าตอนนี้ใจเขามันลอยไปอยู่ข้างๆน้องแล้ว 
     ไม่ว่าจะพูดเพราะหรือไม่เพราะคุณากรก็พร้อมจะไปหาตลอดแหละ ขอแค่ให้น้องบอกมา



     [จะมาไม่มา?]  เจ้าโกลด์เดน รีทรีฟเวอร์เริ่มเกรี้ยวกราดแล้วแฮะ



     : )



     “ไปครับไป  พี่ขอเวลาสักเดี๋ยวได้มั้ยครับ?” 



     [เออ! เร็วๆด้วย]  ปลายสายพูดย้ำก่อนจะตัดสายไป

     บุหรี่ราคาแพงที่สูบไปได้แค่ครึ่งมวลถูกดับไฟลงและโดนทิ้งให้นอนแอ้งแม้งอยู่ในจานเขี่ยบุหรี่
 
     ถึงมันจะเป็นของโปรดยังไง แต่คนที่เขากำลังโปรดปราญกว่านั้นกำลังรออยู่
     ขอโทษนะที่ต้องเลือกอย่างหลังมากกว่า



     “มึงจะไปไหนวะ?”  สิงหาถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินควงกุญแจรถอกไปด้วยใบหน้าที่โคตรจะเปื้อนยิ้ม 



     แหม… ทำอย่างกับน้องโทรมาบอกรักนะมึง!



     “ไปหาคนถูกใจ”  เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่เท่านั้น และเดินออกจากห้องไป
 
     โชคดีที่งานทำจนเกือบเสร็จหมดแล้วเลยเจียดเวลาออกไปหาน้องได้
     คนเรามันก็อย่างนี้แหละน้า… มีเวลาให้กับเรื่องอื่นๆได้เสมอ แม้ปากจะบอกว่าไม่ว่างขนาดไหนก็ตาม 

     เขาเองก็เช่นกัน

     มีเวลาให้นองทอมเสมอแหละ ขอแค่น้องบอกมาว่าอยากเจอ

     ถ้าน้องบอกให้ไปหา พี่ก็จะรีบไปให้เร็วที่สุด

     และถ้าโดนน้องบ่นว่ามาช้า พี่ก็จะซื้อเครื่องบินไว้ขับไปหาน้องเดี๋ยวนั้นเลย





     : )
 








50%


โปรดติดตามตอนต่อไป


เหม็นเบื่อคนปากแข็งซะจริง!  มาค่ะ! เรามาแหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม  ไปให้ถึงดาวอังคารพร้อมๆกัน    55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555


ต่อไปนี้จะอัพครั้งละ 50% นะคะ  ตอนนึงจะอัพสองครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อนกันการดองมะม่วงของตัวเองจ้า

#คนของคุณากร

twitter : @blueeyesisnime

มัทฉะลาเต้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2018 17:09:49 โดย Matcha_Latte »

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ค่ะ!!!!!! เอาที่สบายใจเลยค่ะ คุณนิวววววว

แค่ถูกใจเฉยๆนะ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าหลงน้องแล้วอ่ะ

รอตอนที่เหลือเด้อออ

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่หก : ทำไมน้องต้องน่ารักขนาดนี้ {PART2   100%  }













  21.34 pm.



     สวนสาธารณะใกล้กับหอของทอม บรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยความมืด  ความสว่างที่มีให้ได้ก็แค่หลอดไฟสูงๆที่อยู่ข้างทาง และแสงจากไฟรถจักรยานยนต์หรือไม่ก็รถยนต์บ้างเป็นบางครั้ง 



     ขณะนี้เดือนวิศวะกำลังเดินวนไป วนมาราวกับหนูติดจั่นอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ก่อนจะตัดสินใจโทรหาคนที่ไม่อยากคุยด้วยที่สุดในโลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นะว่าหน้าของคุณนิวนั้นลอยมาอย่างดื้อๆตอนที่กำลังคิดหาทางออกให้กับสิ่งที่อยู่ตรงตรงหน้านี้




     และสิ่งตรงหน้าที่ว่าก็คือสัตว์ตัวเล็กๆที่ทอมตกเป็นทาส




     ทอมน่ะเป็นทาสแมวตัวจริง  จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่แค่แมว ทว่าทอมเป็นคนรักสัตว์เพราะฉะนั้นปัญหาตอนนี้ที่คนรักสัตว์ไม่สามารถแก้ไขได้ก็คือ จะเอายังไงกับเจ้าเหมียวนี่ดี?


เขาเจอมันตอนที่กำลังเดินซื้อของกินอยู่ถนนคนเดิน มันเป็นลูกแมวตัวน้อยๆที่ไม่รู้ว่ามีอายุกี่เดือน เห็นว่าเดินไปเดินมาอยู่ตัวเดียวไม่มีพวกตัวไหน ทอมเลยคิดว่าน่าจะหลงกลุ่มกับแม่ของมัน ยืนดูเจ้าตัวน้อยอยู่นานสองนาน จะตัดใจเดินจากไปแต่ก็ใจไม่แข็งพอ 

ยิ่งตอนที่มันร้องแง๊วๆ พร้อมกับเดินเอาหัวมาถูไถขาเขานั้นมันทำให้ใจเขาสั่นไหวยิ่งกว่าสิ่งใด


     โธ่… ไอ้เหมียวลูก T.T




     และสุดท้ายเลยพ่ายแพ้ให้กับความรักสัตว์ของ ตัวเองเลยอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นรถพร้อมกับพาไปโรงพยาบาลสัตว์จัดการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย และซื้อของที่ไว้ใช้เลี้ยงแมว  (ที่คิดว่าน่าจะมีน่ะนะ) 


ทอมน่ะเป็นคนรักสัตว์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยากเลี้ยงสักเท่าไร เพราะยิ่งเลี้ยงก็ยิ่งรักและถ้าวันหนึ่งเขาตายจากไปทอมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ 
ที่คิดได้อย่างนี้เพราะตอนเด็กๆที่บ้านใหญ่เลี้ยงหมาพันโกลด์เดน รีทรีฟเวอร์ไว้หนึ่งตัว มันชื่อว่า เต้าหู้ เมื่อถึงเวลาเต้าหู้ที่อายุเยอะเข้ามากๆมันก็ต้องจากไปตามอายุขัย


ทอมในตอนนั้นที่อายุแค่สิบสามร้องไห้จะเป็นจะตายสามวันเต็มๆ แถมยังกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะคิดถึงเต้าหู้อีกต่างหาก
หลังจากนั้นมาเลยคิดว่าจะไม่ขอเลี้ยงสัตว์อะไรอีกก็แล้วกัน เพราะเขาทนไม่ได้จริงๆ


     เค้กทิ้งยังไม่ร้องไห้ แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงมาจากไปขอบอกเลยว่าน้ำตาของทอมน่ะต้องไหลท่วมบ้านแน่ๆ



     แต่บางอย่างที่ฉุกคิดขึ้นมาได้หลังจากที่กำลังจะพาเจ้าตัวเล็กขับรถกลับไปอยู่ด้วยกันคือ 
     หนึ่ง...ตัวเองน่ะแพ้ขนแมวมากๆ ขนาดนั่งรถมาด้วยกันยังต้องลงไปซื้อแมสปิดปากมาใช้เลยทีเดียว เพราะเล่นจามมาตลอดทางจนตอนนี้


     สอง… ก็ที่ห้องเขาน่ะห้ามเลี้ยงสัตว์ ข้อนี้รู้ตอนที่กำลังจะพาน้องเข้าไปในห้องนั่นแหละ เพราะคิดไว้ว่าเรื่องแพ้ขนแมวเดี๋ยวค่อยหาทางออก แต่ทางออกดันตันซะงั้นเพราะยามที่คอยเฝ้าหอนั้นบอกว่าห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไป




     ก็ตอนย้ายเข้ามาแรกๆไม่ได้อ่านกฎนี่หว่า…



     นั่นแหละนะ…สาเหตุที่ทำให้เดือนวิศวะกับน้องเหมียวระเห็จมาอยู่ตรงสวนสาธารณะใกล้ๆหอพัก  จะโทรไปขอความช่วยเหลือไอ้สองตัวบาทพวกมันก็ช่วยไม่ได้เพราะแดนมันกลัวแมว 
กลัวด้วยเหตุผลอะไรนั้นไม่รู้หรอก แต่ไอ้ออยที่รักสัตว์พอๆกันกับเขาก็เลยต้องยอมตัดใจไปเพราะมันสองคนดันอยู่ด้วยกัน 


     จะเอาไปไว้ที่บ้านก็ไม่ได้แน่ๆเพราะตั้งแต่เต้าหู้ตายไปแล้วทอมร้องไห้สามวันสามคืนข้าวปลาไม่ยอมกิน คุณแม่เลยไม่ให้ใครเอาสัตว์มาเลี้ยงในบ้านอีกหลังจากนั้น



     ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ไม่มีใครสะดวกเลยสักคน ก็เลยอุตส่าห์ใช้ความหล่อ ความฮ็อตของตัวเองที่เป็นถึงเดือนวิศวะหาบ้านให้น้องเหมียวแล้วก็…ยังไม่ได้อยู่ดี





     -_-




     สุดท้าย…และท้ายสุดหน้าของคนที่เขาไม่ค่อยอยากจำก็แวบเข้ามาในหัว
     ชั่งใจอยู่นานสองนานทอมก็เลยตัดสินใจโทรไปหาเจ้าของชื่อ ‘ไอ้ลูกหมา’ ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์จนได้




     “น้องทอม?”  คุณากรเรียกชื่อน้องออกมาเมื่อเห็นว่าใครบางคนท่าทางคุ้นๆกำลังเดินไปเดินมาตรงหน้าเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง 
     เด็กปีสองในเสื้อยืดสีดำและกางเกงผ้าร่มสีเดียวกับเสื้อหันขวับไปทางด้านหลังทันทีที่ได้ยินเสียง แม้จะขัดใจที่ตอนนี้คุณนิวยังไม่หยุดเรียกตัวเองว่า น้องทอม
     
     ด้วยความปากไวก็เลยกำลังจะด่ากลับว่า ใครเสือกให้เรียกกูแบบนี้ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้อีกนั่นแหละว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเขา งดด่าสักแป้บนึงก็ได้


     คนตัวสูงพอได้เห็นน้องในอีกลุคนึงก็รู้สึกชอบใจอย่างบอกไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่อยากยิ้มมากเพราะเดี๋ยวไก่ตื่นขึ้นมาแล้วจะซวย  น่องขาขาวๆอย่างนั้นน่ะ ได้เห็นบ่อยๆซะที่ไหนกัน เพราะเจอกันทีไรน้องก็ใส่แต่ขายาว 


    แล้วดูตอนนี้สิ น้องอยู่ในชุดเล่นสบายๆ ออลแบ็คแทบทั้งตัว  สีดำนั้นขลับผิวน้องทอมจริงๆ และผมม้าที่ชอบเสยขึ้นลวกๆตอนนี้ก็ลู่ลงไปตามทรง



     เอาจริงๆก็… น่ารักมากเลยนะ ถึงแม้ว่าจะมีแมสปิดอยู่เกือบครึ่งหน้าก็เถอะ
     ไม่ได้เห็นหน้าตั้งสองวัน ปฏิเสธไม่ได้เลยแฮะว่าคิดถึง



     “กะ กูมีเรื่องให้ช่วยหน่อย”   เด็กยักษ์พูดเสียงตะกุกตะกักนิดหน่อย ส่วนคนที่ได้ฟังประโยคแรกออกจากปากน้องก็ถึงกับขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะความสงสัย



     เรื่องไหนกันนะ…ที่เจ้าเด็กยักษ์อยากให้ช่วย
     “หืม…เรื่องอะไรครับ?”   
     สิ้นประโยคเด็กยักษ์ก็เบี่ยงตัวเองออกนิดหน่อยให้คนตัวสูงได้เห็นเจ้าเหมียวที่อยู่ในกรงอยู่ทางม้านั่งด้านหลังตน


     “แมว?” 


     “ก็แมวสิวะ! เห็นเป็นนกเหรอ?”  แต่ก็นั่นแหละ… ทอมก็ยังพูดดีๆกับคุณนิวได้ไม่ถึงหนึ่งนาที


     “พูดแบบนี้พี่ควรกลับสินะ?”   
     คุณนิวก็แค่พูดเล่น  จะกลับได้ยังไงน้องอุตส่าห์ขอความช่วยเหลือ


    “ดะ เดี๋ยวดิ”  เจ้าเด็กยักษ์รีบร้องห้ามเมื่อคนตรงหน้านั้นทำท่าจะหันหลังกลับไป
คุณนิวยอมหยุด แต่ไม่ยอมพูด ทำแค่เพียงยืนกอดอกรอคำพูดที่จะหลุดออกมาจากปากน้อง ท่าทางเขาเหมือนกำลังจะบอกเป็นนัยๆว่า ถ้าพูดไม่ดีอีกพี่จะกลับแล้วนะ



     “ชะ ช่วยผมหน่อยนะ”  ไม่ใช่ว่าเป็นพวกหยาบคายไม่เคยพูดดีๆ ที่พอพูดแล้วมันติดๆขัดๆเหมือนไม่เคยพูด 
     แต่เป็นเพราะด้วยความเคยชินกับคนคนนี้ที่ทอมชอบพูดกับเขาด้วยภาษาเป็นกันเองจนเกินไป  มันเลยกระดากปากนิดหน่อยที่จะพูดด้วยดีๆ อีกอย่าคุณนิวน่ะแย่งเค้กไปจากเขา ถ้าไม่มีเรื่องนั้นก็อาจจะยอมได้อยู่หรอก


     ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเหมียวบอกเลยนะว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด!



     “ให้ช่วยยังไงล่ะครับ?”  คุณนิวถามเสียงเรียบมือทั้งสองข้างก็ล้วงเข้าที่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง  จนตอนนี้ก็ยังอยู่ในชุดทำงานไม่ได้เปลี่ยนสักที   

และตอนนี้คุณากรก็กำลังตีสีหน้านิ่งเรียบ ความหน้าเด็กที่มีก็ดูเข้มขรึมลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะตอนนี้กำลังทำการแสดงที่ได้รางวัลระดับออสการ์อยู่ยังไงล่ะ 


     นี่ขนาดแค่ทำหน้านิ่งๆ น้องมันยังดูหวั่นๆเลย แถมยังพูดดีอีกด้วย 
     เจ้าเด็กยักษ์น่ะ เวลาไม่รั้นนี่น่ารักมากกว่าเดิมล้านเท่าเลยนะ



     “ช่วยดูแลลูกแมวตัวนี้ให้ผมหน่อย”    คุณนิวมองตรงไปยังน้องแมวตัวเล็กในกรงที่วางไว้ตรงม้านั่งข้างหลังเด็กยักษ์ และเขาไม่ได้ตอบกลับไปว่าตกลงหรือไม่

 
     ก็ยังอยากจะได้ยินเสียงทุ้มๆนั่นพูดเพราะๆอีกหน่อย เล่นละครอีกสักนิดจะเป็นอะไรไป
     เขาคิดอย่างนั้นพร้อมกับการคิดบวกลบคูณหารผลประโยชน์ที่จะได้จากเหตุการณ์นี้

     หนึ่งแหละก็คงจะได้ใจน้องมาบ้าง ไม่มากก็น้อย (ก็แค่หวังน่ะนะ ถ้ายังไม่ได้ก็ไม่เป็นไร)

     แต่ข้อสองที่แน่ๆเลยเรื่องนี้คงจะช่วยให้เขาได้เจอเจ้าเด็กยักษ์มากขึ้น เพราะจะเอาเรื่องนี้มาอ้างให้น้องมาหาเขา



     ดีล!



     ถึงแม้จะคิดบวกลบคูณหารผลประโยชน์ที่ได้แล้ว เขาก็ยังอยากรู้อีกว่าทำไมน้องไม่เลี้ยงเอง ทำไมน้องต้องใส่ใจอะไรขนาดนี้



     “นะ…”   เจ้าเด็กยักษ์ในตอนนี้ก็เริ่มถอดใจแล้วนิดหน่อย รู้สึกเหมือนชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เนื่องจากคุณนิวจะไม่รับไปดูแลให้ก็ได้เพราะไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาเลย ข้อนั้นทอมเองก็รู้ดี 


     แต่จะให้ตัดใจปล่อยน้องเหมียวไปจริงๆทอมก็ทำไม่ลง


     “ดูให้แค่สักพักก็ได้ เดี๋ยวจะรีบหาบ้านให้น้องเลย” 
     
     

     คุณนิวยังไม่ได้เอ่ยถามอะไรด้วยซ้ำ เจ้าเด็กยักษ์ที่ชอบคิดเองเออเองก็พูดๆไม่ยอมหยุดสักที ไม่มีช่องว่างให้แทรกเลย
     “แล้วทำไมน้องทอมไม่ดูเองล่ะครับ?” 



     “แพ้ขนแมว แล้วที่หอไม่ให้เลียงสัตว์”  สีหน้าเจ้าเด็กยักษ์ดูเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนคุณนิวแทบจะหลุดยิ้มให้กับปฏิกิริยาของคนตรงหน้านี้ 
ตั้งแต่เห็นหน้ามาก็ชอบทำแต่หน้าบึ้ง หน้าไม่สบอารมณ์บ้างแหละ แล้วพอมาตอนนี้ได้เจอน้องในเวอร์ชันโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์กำลังหงอยิ่งตลก



     ไอ้เด็กยักษ์เอ้ย!
     : )





     ที่น้องยอมทำขนาดนี้คงเพราะความรักสัตว์สินะ  เพราะจริงๆแล้วจะปล่อยไปตามยถากรรมของมันก็ได้แต่น้องก็ยังเก็บมันมา
น่ารักซะจริง



     “แล้วพี่จะได้อะไรตอบแทน?”  นอกจากผลประโยชน์ที่บวกลบคูณหารดูแล้วคุณากรก็ยังอยากได้อะไรที่มันมากกว่านั้น


     ก็เป็นนักธุรกิจนี่นา… เรื่องแบบนี้มันก็ติดเป็นนิสัยไปแล้ว
     กับเจ้าเด็กยักษ์น่ะ เดี๋ยวจะหาผลประโยชน์ให้เยอะๆเลย



     “โห!? นี่ช่วยเพราะหวังผลเหรอวะ? ช่วยๆกันแค่นี้ก็ไม่ได้!”   น้องเริ่มเกรี้ยวกราดอีกแล้ว ถึงใส่แมสก็ช่วยปกปิดไม่ได้หรอกนะ เพราะทุกอย่างมันแสดงออกทางสายตา



     “พี่ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนหรอกครับ แต่ในเมื่อพี่มีน้ำใจแล้ว ทำไมเราไม่มีน้ำใจตอบกลับพี่บ้าง?” 
     ประโยคนี้มันมีทั้งความจริงและไม่จริงปะปนกันอยู่ เอาเป็นว่าห้าสิบๆแล้วกัน

   

     เด็กยักษ์ยืนเงียบอยู่นานสองนานสุดท้ายก็ยอมเปิดปากพูด “ละ แล้วอยากได้อะไร?” 


 
     นั่นแหละ!   ประโยคที่ฟังแล้วรู้สึกดีของวันนี้



     “อืม… อาหารสักมื้อได้มั้ยครับ?” 
     


     นั่นทำเอาทอมขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย
      เงินก็มีนี่หว่า… จะมาของข้าวสักมื้อทำไมวะ? 
     แต่ถึงความรู้สึกสงสัยมันมีอยู่ยังไง ตอนนี้ก็ถูกปัดเป่าไปหมดแล้ว เพราะคิดแค่ว่าทำๆไปเถอะจะได้ไม่ต้องมาเซ้าซี้อีก  เลี้ยงอาหารสักมื้อขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เว้นเสียแต่ว่าจะเข้าร้านหรูๆ  แบบนั้นก็ค่อยต่อรองกันอีกที



     “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” 



     “เปล่าครับ พี่หมายถึงวันนี้”   : )



     “ ? ”    อะไรของมันล่ะเนี่ย



     “พอดีพี่กับเพื่อนกำลังดื่มอยู่ที่ห้อง น่านเองก็ไม่อยู่”  เห็นหน้าเด็กยักษ์ที่กำลังแสดงออกว่างงมากกับคำพูดของเขาที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก เห็นแล้วก็รู้สึกเอ็นดู เลยชี้แจงให้เข้าใจเพราะกลัวจะหลุดยิ้มออกมาทั้งที่กำลังสร้างภาพหน้านิ่งๆอยู่ 

     ไม่รู้หรอกว่าเจ้าเด็กยักษ์จะทำเป็นมั้ย?  ก็แค่อยากหาเรื่องให้ไปที่คอนโดเขาก็เท่านั้น



     “จะให้ไปทำอะไรให้กินว่างั้น?”  เมียเด็กของมันคงไม่อยู่สินะ
 

     แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมไม่ซื้อกิน  แบบนี้มันไม่ง่ายกว่าเหรอ? 
     คุณากรพยักหน้าหนึ่งครั้งเป็นคำตอบ 


     “แต่นี่คือจะเอาน้องแมวไปดูให้ได้ใช่มั้ย?”   ก่อนจะตอบอะไรไปเจ้าเด็กยักษ์ก็ถามย้ำอีกครั้ง เผื่อว่าเล่นตุกติกอะไรจะได้จัดการให้น่วมนอนหยอดน้ำข้าวต้มสักสามวัน   


     “ครับ พี่จะดูให้” 


     “ก็ได้” 





     : )
   


     “แต่ถ้ากินไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้นะ” 
     เจ้าเด็กยักษ์พูดเตือน
     ก็ไม่ได้ทำอาหารเก่งขนาดนั้นนี่หว่า…






     .






     ว่าจะไม่หงุดหงิดแล้วเชียวเพราะไม่อยากทำตัวไม่ดีต่อหน้าคุณนิวในเวลานี้ เนื่องจากกำลังขอความช่วยเหลือจากเขา
แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ เพราะต้องไปคอนโดของคุณนิวไง ตอนแรกว่าจะเอารถตัวเองไปแต่ไอ้หน้าเด็กนี่ก็เรื่องมากซะจริง


     จะลากเขาขึ้นรถให้จนได้  และมันก็ได้อย่างที่ตั้งใจ
     ขี้เกียจที่จะขัด ขี้เกียจที่จะแย้ง



     -_-



     ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเหมียวนะ!  เอาเงินมาวางตรงหน้าก็ไม่ทำเว้ย!  (แต่ถ้าเงินเยอะก็อีกเรื่อง)




     ขณะที่เดินเข้าไปในคอนโดของคุณนากร คนขี้ห่วงก็แย่งกรงน้องแมวไปถือเองเพราะเห็นน้องบอกว่าแพ้ขนแมว และทันทีที่กดออดหน้าห้อง สิงหาก็เดินมาเปิดประตูให้กับเพื่อนที่หายไปประมาณชั่วโมงนึงได้
     และภาพตรงหน้าทำเอาเพื่อนคนนี้อยากจะเบะปากแรงๆให้สักรอบแต่ก็ต้องคีพลุคไว้เพราะเดี๋ยวไก่ของเพื่อนจะตื่นเอาได้



     “สวัสดีครับ”  เพื่อนของเขาสองคนนี้ทอมเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง 
     ไม่สิ…..   สองครั้งต่างหาก นี่ครั้งที่สาม



     เจ้าเด็กยักษ์ในยกมือทำความรพคนอายุเยอะว่า คนที่เดินตามหลังเข้ามาในห้องก็แอบลอบยิ้มอยู่คนเดียว สิงหาที่เหลือบไปเห็นก็เลยรู้สึกมันไส้ไอ้คนปากแข็งอย่างบอกไม่ถูก


     ตั้งแต่ที่มันย้ายมาอยู่คอนโดไอ้เพื่อนตัวดีของเขาก็ไม่เคยพาใครมาเหยียบแม้แต่น้อย แล้วนี่อะไร? 
     ไหนบอกแค่อยากได้  ไหนบอกแค่ถูกใจน้องไง  แล้วจะเป็นต้องพามาถึงห้องด้วยเหรอ?


     ชิชะ!   มึงมันคนปากแข็ง


     ทอมไม่ได้คุยอะไรกับพี่สองคนนั้นมากนัก เพราะไม่ได้รู้จักอะไรกันขนาดนั้น แต่เลือกที่จะเดินไปตรงครัวของห้องนี้เพื่อที่จะได้ทำให้มันจบๆกันไปสักที รู้สึกดีหน่อยที่พอเปิดตู้เย็นดูแล้วก็พบของสดอยู่ในตู้เต็มไปหมด  จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดเยอะว่าจะทำอะไร



     คงเพราะน้องน่านเมียเด็กมันซื้อไว้นั่นแหละ



     ทอมเป็นเด็กที่ทำอาหารไม่ค่อยเก่งแต่ก็ทำได้มากกว่าที่พี่สาวตัวเองจะได้ทำนิดหน่อย เพราะอาศัยการเข้าครัวไปเป็นลูกมือช่วยแม่บ่อยๆ





     เขาทำต้มยำทะเลน้ำข้นรสจัดๆ แบบที่ตัวเองชอบทาน รสชาติก็ทำแบบที่ตัวเองชอบทาน ไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะทานได้หรือไม่

ตอนแรกคิดว่าจะทำเท่านี้เพาะคิดไม่ออกอีกแล้วว่าจะทำอะไร แต่พอเหลือบไปเห็นกุ้งสดที่เหลืออยู่ เลยคิดว่าจะทำกุ้งแช่น้ำปลาให้ก็แล้วกัน

     พวกเขาจะทานได้ไม่ได้ทอมก็ไม่สนใจอีกเช่นเดิม


     ทำๆไปจะได้จบๆ




     คุณากรไม่ได้เข้าไปกวนทอมมากนักเพราะกำลังนั่งตอบคำถามสิงหาที่ถามเอาๆจนเริ่มจะขี้เกียจตอบ ถ้าพูดน้อยๆได้แบบศักดิ์ดาบ้างก็คงจะดี


     พอเบื่อที่จะคุยเลยเลือกที่จะออกไปสูบบุหรี่ตรงระเบียงแค่สองสามนาที จากนั้นก็คิดว่าจะไปหาเจ้าเด็กยักษ์สักหน่อย เพราะก็หายไปนานแล้วเหมือนกัน



     ทันทีที่เดินเข้าไปตรงโซนครัว ภาพใหม่ๆก็ของน้องก็บันทึกลงในความทรงจำเขาทันที นั่นคือน้องกำลังยืนแกะกุ้งอย่างขะมักเขม้น ดูจากท่าทางแล้วแค่น่าจะพอทำได้ แต่อร่อยมั้ย?  นั่นอีกเรื่อง 


     ทีแรกก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเจ้าเด็กยักษ์จะทำได้ถึงขนาดนี้ 


     “ยังไม่เสร็จเหรอครับ?”   เสียงทุ้มๆและคำพูดสุภาพๆของคุณากรไม่ได้ทำให้ทอมรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะยังตั้งใจอยู่กับการแกะกุ้งในมือ พยายามจะไม่ลงแรงเยอะเพราะกลัวกุ้งจะเละคามือ ไหนจะผ่าเอาเส้นดำๆตรงหลังกุ้งนั้นออกอีก



     “อ๊ะ!” 
     เจ้าตัวเลยอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะอยู่ๆก็มีบางอย่างสัมผัสเข้าที่หน้า  เจ้าเด็กยักษ์ตกใจจนเกือบทำกุ้งหลุดมือ



     “เล่นไรของมึง--”  คำหยาบหนึ่งคำหลุดออกไปแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะตอนนี้คุณากรกำลังสวมหน้ากากไร้ความรู้สึกอีกรอบ พอทำหน้านิ่งๆก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน

 

     รอพ้นวันนี้ไปก่อนเถอะมึง! 



     “เห็นว่าเหงื่อไหลจนจะเข้าตาอยู่แล้ว” 


     คุณากรว่าอย่างนั้นและนำทิชชูในมือเช็ดหน้าให้เจ้าเด็กยักษ์ต่อ  ทอมไม่ได้ขัดขืนเพราะมันก็จริงอย่างที่คนข้างๆบอก 
     

     ได้โอกาสคุณนิวก็ลอบสำรวจหน้าเจ้าเด็กยักษ์อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
     ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก


     เบื่อขี้แมลงวันตรงปลายจมูกโด่งๆนั่นซะจริง  และยังขอยืนยันคำเดิมนะว่า… มันน่ากัดให้จมเขี้ยวมากๆเลยล่ะ



     “ว่าแต่น้องทอมทำอะไรให้พี่กับเพื่อนทานล่ะครับ?”  เขาถามพร้อมกับยืนเท้าเค้าเตอร์ครัวอยู่ข้างๆเจ้าเด็กยักษ์ 
ทอมล่ะเบื่อกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกทอมฉิบหาย อยากจะเอากุ้งดิบๆนี่ยัดใส่ปากให้รู้แล้วรู้รอดซะจริง!



     แต่ก็นะ…จะว่าไปวันนี้คุณนิวมันนิสัยดีกว่าทุกๆวันนะ  (เพราะเรื่องน้องแมวหรอกน่า)

     ยังไงซะ… จะยอมพูดดีๆด้วยหนึ่งวันก็แล้วกัน



     “ทำต้มยำทะเล กับกุ้งแช่น้ำปลา”    บอกว่าจะพูดดีก็ดีอย่างที่ว่าไว้จริงๆนั่นแหละ  ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยดูกันอีกที




     หน้าตาหน้าทานซะด้วย
     คุณากรไม่ได้พูดชมออกมาย่างที่ใจคิด ไว้เดี๋ยวลองได้ชิมแล้วค่อยว่ากัน


     จะว่าไปแล้ว…วันนี้น่ะ เจ้าเด็กยักษ์มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอีกแล้วนะ


     หนึ่งรักสัตว์ สองทำอาหารได้   ตอนแรกไม่คิดด้วยซ้ำว่าน้องจะมีมุมแบบนี้กับเขา 

     อย่างว่าละนะ… ดูคนอย่าดูที่ภายนอกจริงๆ


     ตัวตนของน้องช่างเป็นอะไรที่สร้างความประหลาดใจให้กับเขามากๆ


     ในใจก็นึกชมพร้อมกับสายตาที่ยังคงติดอยู่ที่ใบหน้าของคนเด็กกว่า   มองแล้วก็อยากมองอีก


     อยากมองไปเรื่อยๆให้น้องเขิน




     พูดถึงเรื่องความเขินแล้ว…  เขาก็อยากเห็นมันเหมือนกันนะ และก็ต้องเป็นเขาคนนี้เท่านั้น ที่ต้องเป็นคนทำให้เจ้าเด็กยักษ์รู้สึกแบบนั้น
 

     มันต้องน่ารักมากแน่ๆ  ตอนที่เจ้าเด็กยักษ์กำลังเขินน่ะ
     เพราะแค่นี้ก็น่ารักจะแย่อยู่แล้วล่ะ


     เห้อ…ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยนะ



     “ลองชิมดิ พอได้มั้ย?”    เด็กยักษ์ว่าอย่างนั้น พร้อมกับพยักพเยิดไปทางหมอต้มยำ



     แน่นอนว่าคุณากรก็ทำตามอย่างว่าง่าย  เขาใช้ช้อนตกน้ำต้มยำขึ้นจากหม้อ เป่าไล่ความร้อนเล็กน้อยก่อนจะค่อยนำไปสัมผัสที่ริมฝีปากที่พร้อมกับลิ้มลอง


     เจ้าเด็กยักษ์ที่เป็นคนสรรค์สร้างต้มยำหม้อนั้นก็แอบลอบมองด้วยความตื่นเต้นนิดหน่อย ถึงแม้จะบอกกับตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจมากนักก็เถอะ



     แต่ว่า…
     ถ้าเขาชอบสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย







     “อร่อยครับ…”   เจ้าเด็กยักษ์กลั้นหายใจแทบตายตอนที่คุณนิวกำลังจะอ้าปากพูด  “ทำอร่อยแบบนี้ทำให้ทานอีกนะ” 




     “พี่ชอบ”   











     โปรดติดตามตอนต่อไป...


     พาร์ทสองมาแล้วจ้าาาาาาาาา   ถ้ารักถ้าชอบคุณากรหรือเอ็นดูเจ้าเด็กยักษ์บ้างไม่มากก็น้อย อย่าลืมติดแท็ก #คนของคุณากร ด้วยนะคะ   

     พาร์ทนี้ไม่รู้จะทอล์คอไรเยอะเลยค่ะ หนึ่งง่วง สองเหม็นเบื่อคนปากแข็ง 5555555555555555555555555555555 


     ขอบคุณที่อ่าน และคอมเม้นนะคะ 
 

     รัก



     twitter : @blueeyesismine

 


 

 

 
 
 
   
 
 
 
 
 

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หลงเด็กมากอะไรมากกกกก และก็ปากแข็งมากด้วยนะคุณนิว

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อยากกินต้มยำด้วยอ่ะ อ่านแล้วหิวเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Altasia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ชอบอะไร ต้นยำหรือคนทำ โปรดระบุด้วยค่ะคุณพี่

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น่าร้ากกกกกกกก
ชอบที่น้องทอมพูดแบบนี้กับคุณนิว ดูเป็นเด็กน่ารักขึ้นมาทันที พี่นิวหลงมากกว่าเดิมอี๊กกกก

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น้องทอมน่ารักกกกกก แงงงง ชอบความน่ารักที่แผ่ออกมาเรื่อยๆ

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่เจ็ด : เพื่อนคนนั้น {part1   60%}






เพลงสากลในกระแสที่ทอมมักได้ยินเสมอ เวลาได้ไปไหนไม่ว่าจะตามห้างฯ ร้านกาแฟ หรือที่ไหนก็ตาม กำลังถูกเปิดคลอให้เข้ากับบรรยากาศในตอนนี้ ที่มีผู้ชายอายุเข้าหลักสามทั้งสามคนกำลังนั่งดื่มกันไปมากพอสมควร 


แต่เห็นทีว่าคนที่อาการเมามีมากที่สุดจะเป็นสิงหา เพราะผิวขาวๆสุขภาพดีตรงช่วงใบหน้านั้นกำลังขึ้นสีแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกสองคนทอมเองก็ไม่รู้จริงๆ คุณศักดิ์ดา กับ คุณนิวมันนิ่งเกินไปเลยดูไม่ค่อยออก ว่าเมาอยู่หรือเปล่า?





ตอนแรกว่าจะกลับแล้วหลังจากที่ทำกลับแกล้มให้คนขี้เมาเสร็จ ไปบอกลาน้องเหมียวนิดหน่อยพอกำลังจะกลับก็โดนรั้งไว้ และทอมเองก็ขัดไม่ได้  คุณสิงหาเป็นคนเอ่ยปากรั้ง ส่วนคุณนิวไม่ได้พูดใช้แค่เพียงสายตาเท่านั้นที่มองมา







ไม่ได้อ้อนหรือขอร้องนะ…







มันคือการบังคับ!







สุดท้ายทอมก็เลยยอม







เพราะจะทำอะไรได้บ้าง?  ในเมื่อเขามีลูกแมวในกำมือนี่หว่า







ก็นะ… ช่วงนี้อะไรยอมได้ก็ยอมไปหน่อยแล้วกัน



ตอนนี้เวลาล่วงเลยใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เมียเด็กของคุณนิวก็เพิ่งกลับมาพอเห็นว่าทอมได้ทำหน้าที่แทนตัวเองก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่ที่ทำให้ลำบาก พูดเหตุผลซะยืดยาวว่าเพราะอะไร ทำไมวันนี้ถึงกลับดึกเหมือนว่าทอมเป็นเจ้านายของตัวเอง ไม่ใช่คุณนิว





พอทอมได้เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้เลยไล่ให้เมียเด็กของคุณนิวมันไปนอนซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก ยังไงเดี๋ยวดูแลตรงนี้ให้ก็ได้







ส่วนคุณสิงหานี่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมาหรือคิดถึงเด็กน่าน พอเห็นหน้าเมียเด็กของเพื่อนตัวเองเข้าหน่อยก็แทบจะเข้าไปกระโดดกอดซะให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดีหน่อยที่คุณศักดิ์ดาห้ามไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีเจ็บตัวกันไปข้างแน่ ก็คนเมาตัวใหญ่อย่างกับยักษ์พุ่งไปหาน้องน่านที่ตัวเล็กอย่างกับมดขนาดนั้น มันต้องล้มกันไปข้างล่ะวะ!







     “ง่วงยังครับ?”  คุณนิวเอ่ยถามเด็กยักษ์ของเขาที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน ตอนนี้กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อย่างไม่ได้สนใจรอบข้างเท่าไร พร้อมกับเพื่อนทั้งสองคนออกไปสูบบุหรี่ตรงนอกระเบียงก็เลยมีช่องไฟให้ถามเจ้าเด็กยักษ์ซะหน่อย



เพราะก่อนหน้านี้ไอ้สิงหามันชวนน้องคุยจนเขาแทบไม่ได้คุยด้วยเลยสักคำ แล้วมันก็ยังชมเรื่องฝีมือทำกับข้าวของน้องอีก เชื่อเถอะว่าครั้งหน้าสิงหามันต้องเรื่องมากอยากที่จะกินอีกแน่ๆ





แถมศักดิ์ดาเข้าไปอีกคน ไม่ยักจะรู้ว่าคนอย่างมันจะคุยกับน้องด้วย  อาจจะเป็นเพราะคุยเรื่องที่ถูกคอกันด้วยล่ะมั้ง?   อย่างเช่นเรื่องดนตรี เพราะจากที่ฟังแล้วศักดิ์ดากลับน้องทอมน่าจะชอบแนวเพลงเดียวกัน   





เพิ่งรู้อีกเรื่องนะ ว่าน้องชอบฟังเพลง แถมตอนมอปลายเคยฟอร์มวงดนตรีกับรุ่นพี่อีกต่างหาก ต้องขอบคุณเพื่อนมากๆที่ทำให้เขารู้เรื่องเกี่ยวกับน้องทอมมากกว่าเดิมอีกหนึ่งอย่าง







     เพื่อนสองคนนี้มันชอบน้องเขาเองก็ดีใจ อย่างน้อยจะได้ไม่มีคนขัดถึงแม้ว่ายังไงก็ขัดไม่ได้น่ะนะ

     เพราะมันก็คงรู้สึกไม่ดีถ้าเพื่อนจะไม่ชอบ ฉะนั้นเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว…







     “ไม่ แต่อยากกลับห้อง”  ตอบแบบนั้นทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างของน้องทอมเริ่มเยิ้มเข้าไปทุกที  ถ้าไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกันก็ไม่รู้เลยนะ







คุณนิววางท่าอย่างสบายๆด้วยการพาดช่วงแขนไปกับพนักโซฟา คล้ายกับกำลังโอบเจ้าเด็กยักษ์อยู่กลายๆ 

แต่ก็นั่นแหละ  ทอมมักจะช้ากว่าคุณนิวอยู่หลายก้าว เจ้าตัวนั้นยังคงไม่รู้ตัวเพราะถ้ารู้คงต้องโวยวายแน่ๆ







     “ไม่นอนนี่เหรอ?”  คนเข้าเล่ห์ถามพร้อมกับค่อยขยับตัวเข้าใกล้เด็กยักษ์เรื่อยๆ จนตอนนี้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำยาปรับผ้านุ่มของน้องเข้าไปทุกที









     หอมซะจริง…







เดี๋ยวบอกให้น่านตีสนิทกับทอมแล้วถามว่าใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อไหน และกลิ่นอะไร เพราะจะให้ซื้อมาใช้กับเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง









     “เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ”    จริงๆจะบังคับให้นอนนี่ก็ได้ แต่คนอย่างเขาน่ะ…มีแผนการตลอดนั่นแหละ แล้วไอ้การที่ไปส่งน้องด้วยเช่นกัน







     เขากำลังหาผลประโยชน์…

   





    เจ้าเด็กยักษ์พยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ



สงสัยคงต้องเลิกดื่มซะแล้วล่ะ เพราะดูท่าแล้วน้องทอมคงจะง่วงมากๆ  ดูสิอ้าปากหาววอดๆตั้งหลายรอบละ


คุณนิวเลยลุกขึ้นจากโซฟาไปหาเพื่อนสองคนที่กำลังสูบบุรี่อยู่ตรงระเบียง







     “กูว่าเลิกดื่มเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูลุกไม่ไหว”  ใช่ที่ไหนล่ะ เขาโกหกเพราะตั้งใจจะไปหาผลประโยชน์ต่างหาก  : )







     “ใช่เร้ออออออ คนถึงอย่างมึงน่ะต่อให้นอนดึกขนาดไหนก็ลุกไปทำงานได้นี่หว่า”  สิงหารู้จักนิสัยของเพื่อนคนนี้ดี  คนอย่างไอ้นิวน่ะนะ จะมีความกลัวในเรื่องแบบนี้









ยังจำตอนเรียนอยู่ปีสองได้เลย ตอนที่ไอ้เพื่อนตัวดีมันลากไปเที่ยวกลับตั้งตีสี่เมาอย่างกับหมา และวันต่อมาน่ะมีเรียนตอนเช้าอีกต่างหาก  เชื่อมั้ย…?  ว่ามันยังลุกไปเรียนได้  เป็นสิงหากับศักดิ์ดานี่ดิที่นอนแฮงค์อยู่ห้อง







     นี่คงเพราะว่ามันจะพาน้องทอมเข้านอนล่ะสิ…

     แหมมมมมมมๆ  อยากจะเบะปากให้เบี้ยวกันไปข้าง









     “ไม่ต้องมองกูแบบนั้น  จะกลับไม่กลับ?”  คุณนิวพูดไปก็ยิ้มน้อยๆให้กับความรู้ทันของเพื่อน

      เออ…รู้ก็ดี  ถ้าจะให้พูดตรงก็เดี๋ยวเพื่อนจะมันไส้

 





     “เออ เดี๋ยวพวกกูกลับเลย ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”  ศักดิ์ดาว่าอย่างนั้น พร้อมๆกับการจี้ปลายบุหรี่ที่อีกนิดเดียวจะสูบหมดลงไปยังที่เขี่ยบุหรี่







     “เอ้า! กูยังไหว”  สิงหาพูดแกล้ง จริงๆก็จะกลับแล้วล่ะ เพราะเริ่มไม่ไหวอย่างที่ศักดิ์ดาบอกนั่นแหละ







     “แต่กูอยากให้มึงกลับ โอเคนะ?”  คุณนิวพูด







     “แหมมม… ไล่กันเลยนะ”  คนถูกไล่กระแหนะกระแหนเพื่อนด้วยความมันไส้







     “มันก็ต้องไล่อยู่แล้ว  มึงดูหน้ามันด้วยพร้อมออกรบขนาดไหน”   เพื่อนอีกคนพูดปนตลก ก็แซวไปงั้นแหละน่า… ถ้าไม่มีโอกาสมันก็ไม่ทำ แต่ถ้ามีเมื่อไรนะ… ไม่น่ารอด







     “รบอะไรแค่ไปส่งน้อง”  คุณนิวแย้ง







     “จ้า…ส่งก็ส่ง”   สิงหาล่ะไม่อยากจะเชื่อ บอกเลยนะว่าในบรรดาพวกเขาสามคนน่ะ ไอ้นิวมันร้ายที่สุดแล้ว!   เจ้าเล่ห์มีแผนการตลอด ชอบหลอกล่อเหยื่อด้วยภาพลวงตาเป็นคุณชายสุภาพบุรุษ  ถึงเวลาเข้าจริงๆนะน้องทอมที่ว่าห่าม ก็ยังสู้เพื่อเขาที่ทั้งห่ามทั้งหื่นไม่ได้เลยจริงๆ







     ถ้าไม่เป็นจริงอย่างที่ว่าก็กระโดดขาคู่แล้วเอาตีนมาลูบหน้าไอ้สิงหาคนนี้ได้เลยเอ้า!







     “งั้นพวกกูกลับแล้วนะ”  ศักดิ์ดา







     “เออขับรถกันดีๆล่ะ”  คุณนิวบอกเพื่อน









คล้อยหลังเพื่อนไปเจ้าของห้องก็ยกถ้วยจานไม่กี่ใบไปเก็บไว้ที่ซิงค์ ถ้าเด็กน่านเห็นก็คงจะบ่นเขานิดหน่อยล่ะว่าทำไมไม่ไปเรียกน่านให้มาเก็บอย่างนั้นอย่างนี้ 







ก็นะ…เขาไม่ได้เห็นน่านเป็นเด็กรับใช้สักหน่อย เห็นเป็นน้องชายคนนึงเหมือนกับศรศิลป์นั่นแหละ

สิบนาทีหลังจากนั้นได้คนหน้าเด็กก็เดินไปปลุกเจ้าเด็กยักษ์ที่ตอนนี้เผลอหลับไปพร้อมๆกับโทรศัพท์อยู่บนโซฟาที่เดิม







     “น้องทอม…”  เขาสะกิดเรียกน้องพร้อมกับเสียงทุ้มๆที่เปล่งออกมา







     “…”  เหมือนจะยังไม่รู้สึกตัวนะ







     “น้องทอมครับ…”  ครั้งนี้ใกล้มากกว่าเดิม คุณนิวกระซิบเสียงเบา หากแต่มันชิดใบหูขาวๆของคนหลับจนลมหายใจอุ่นร้อนนั้นกระทบลงบนผิวอ่อนที่ใบหู ทำให้เดือนวิศวะสะดุ้งตัวแทบจะในทันที





หน้าตาดูเหรอหราไม่บูดบึ้งหรือเกรี้ยวกราดอย่างที่ชอบทำ ผมเผ้าก็ชี้ฟูไปคนละทิศละทาง

เฮ้… จะมาทำตัวน่ารักบ่อยๆแบบนี้ไม่ได้นะ





เพราะ…

 

 











พี่คิดดีด้วยไม่ได้จริงๆ 

 

 









     “เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอครับ”





เพราะเห็นว่าเจ้าเด็กยักษ์ยังไม่เซ่อนอนไม่หายก็เลยบอกจุดประสงค์ที่ปลุก คุณนิวยื่นมือไปให้น้องด้วยความเซ่อนอนเจ้าตัวเลยส่งมือให้คุณนิวอย่างว่าง่ายไม่มีการต่อต้านหรือปฏิเสธใดๆ



คุณนิวออกแรงดึงน้องลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับเดินนำหน้าจูงมือเจ้าเด็กยักษ์ให้เดินตามออกไป

เจ้าเด็กยักษ์ที่กำลังเซ่อนอนก็เริ่มมีสติเต็มร้อยขึ้นมาเรื่อยๆเพราะความรู้สึกอุ่นๆที่กำลังโอบอ้อมฝ่ามือของตัวเองไว้อยู่







แผ่นหลังกว้างใหญ่ของคนอายุเยอะกว่าประมาณสิบปีได้ปรากฏชัดขึ้นในสายตาของทอมชัดเจนมากกว่าเดิม อยู่ๆความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นอย่างหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้







เพราะเมื่อมองจากมุมนี้แล้ว… มันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก  มันรู้สึกปลอดภัยเหมือนกับว่าแผ่นหลังนี้จะคอยปกป้องใครสักคนเวลาที่กำลังโอบกอดคนๆนั้นให้พ้นจากอันตราย







นั่นแหละคือความรู้สึกนี้ทอมหาเหตุผลมาตอบตัวเองไม่ได้









     “มึง- เอ้ย! คุณขับไหวเหรอ”  ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คำหยาบๆเกือบจะหลุดออกมาจากปาก ถ้าไม่ใช่เพราะตาคมๆนั้นที่หันมามองก็คงเผลอหลุดไปทั้งประโยค







     “ไหวครับ…”







     เด็กยักษ์เลยพยักหน้าหนึ่งรอบเป็นการตอบรับ  และเดินตามคนตัวสูงไปอย่างว่าง่าย ส่วนฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้สะบัดออกอย่างที่ควรจะเป็น







     เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสจากใครมาก่อน ครั้งนี้… ขอหน่อยก็แล้วกันเวลาใครถามว่าเคยรู้สึกอบอุ่นเพียงเพราะฝ่ามือของใครหรือเปล่า?   ทอมจะได้ตอบได้ยังไงล่ะ

 







     ปอร์เช่คันสวยเลี้ยวเข้าซอยหอพักของเด็กยักษ์ที่เจ้าตัวเป็นคนบอกทาง จริงๆน้องบอกว่าให้ส่งแค่ทางเข้าพอ แต่คนอย่างคุณากรน่ะเหรอจะยอม?

มันเป็นหอธรรมดาๆที่คุณนิวเห็นแล้วก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมน้องต้องอยู่แบบนี้ เพราะดูจากฐานะทางบ้านแล้วก็ไม่ได้ธรรมดาเลยนะ ถึงจะไม่ได้รวยเท่าเขาก็เถอะ แต่อย่างน้อยน้องน่าจะอยู่คอนโดมากกว่านะ







     “ขอบคุณ”  เด็กยักษ์บอกขอบคุณเจ้าของรถก่อนที่จะเปิดประตูออกไป “อย่าลืมดูไอ้เหมียวให้ดีๆด้วย แล้วเดี๋ยวจะรีบหาบ้านให้น้อง  ถ้าแวะเข้าไปดูแล้วเห็นมันไม่มีความสุขนะ… ระวังจะโดน”

และก่อนจะได้ลงไปจริงๆเจ้าเด็กยักษ์ก็พูดฝากฝังและคาดโทษไปพร้อมๆกัน







     “แล้วมึง-  เอ่อ..คุณจะตามมาทำไมวะ?”   แต่ลงจากรถไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที คนตัวสูงก็เดินลงมาจากรถเดินตรงมาทางตัวเอง







     “พี่รู้สึกง่วงๆมึนๆ กลัวว่าจะหลับในน่ะ อีกอย่างพี่เห็นด่านตำรวจอยู่ฝั่งทางขากลับด้วย”   คุณากรอธิบาย  “มันคงไม่ดีแน่…ถ้าพี่โดนจับหรือเกิดอุบัติเหตุ” 







     “แล้ว…?”  ทอมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี  ไหนตอนแรกบอกว่าไหวไง?







     “คืนนี้ให้พี่ค้างด้วยนะครับ”  นั่นแหละเหตุผลที่เขามาส่งเจ้าเด็กยักษ์  : )







     “บ้าเหรอ!”   ทอมโวยวาย







     “งั้นพี่ไม่ขอฟรีๆหรอกครับ… แต่เปลี่ยนเป็นใช้สิทธิ์เก้าข้อที่เหลือได้มั้ย?” 







     “…”  ทอมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หากแต่กำลังชั่งใจในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังบอก



จริงๆมันก็ไม่เป็นอะไรนี่หว่า นอกจากเกลียดขี้หน้ามันแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก… อีกอย่างเขาก็ผู้ชาย มันก็ผู้ชาย จะเป็นอะไรไปวะ? 





      “เหลือแปดข้อเลยนะครับ”  เพราะมีเสียงของคุณนิวที่บอกข้อเสนอช่วยเป็นแรงผลักดัน เลยทำให้เจ้าเด็กยักษ์ตอบไปว่า







     “เออ…ก็ได้”

     และทอมก็ยอมเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง แต่มันเป็นการยอมแบบงงๆและยอมแบบไม่ได้ตั้งใจ









ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับผู้ชายต่างวัยแต่ตัวสูงไล่เลี่ยกัน  เจ้าของห้องเดินนำเข้าไปก่อนและมีคุณากรตามหลังผ่านเข้าไปยังห้องที่ไม่ได้กว้างมากสักเท่าไร ถ้าหากเทียบกับคอนโดของเขาน่ะนะ แต่มันก็พอดีมากสำหรับเด็กนักศึกษาอย่างเขา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแคบลงไปถนัดตาเมื่อผู้ชายย่างคุณากรเข้ามาอยู่ในที่นี้ด้วย





คุณนิวมองห้องเล็กนี้ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนเจ้าเด็กยักษ์อย่างเต็มตา   ธีมของห้องถูกตกแต่งด้วยสีม่วงอ่อนๆกับสีเทา ผ้าปูที่นอนก็เป็นสีม่วงอ่อนๆ สลับกับสีเข้ม บนฝาผนังห้องมีโปสเตอร์นักร้องวงร็อคอย่าง Linkin Park  วงนี้คุณากรเองก็พอที่จะรู้จักอยู่บ้าง เพราะจำได้ว่าตอนเรียนมหาลัยศักดิ์ดามันเปิดฟังตลอด



อีกวงนั่นเป็น… Gun N Rose  ไม่เคยฟังหรอกนะ แต่ที่รู้เพราะเห็นชื่อวงอยู่ในภาพต่างหาก

นั่นก็เห็นชื่อวงในภาพว่า Oasis  อีกวงชื่อก็ The 1975  นั่นก็ Black eyes peas อย่างหลังนี้ก็พอรู้อยู่หน่อยๆ 

แต่ก็สารภาพว่าที่แต่ละวงที่ติดอยู่ตรงผนังห้องเขารู้จักแค่อยู่แค่สองวงจริงๆ





แอบเห็นตรงข้างๆหัวเตียงน้องทอมมีกีตาร์ตัวหนึ่งวางไว้อยู่ด้วยนะ  ก็น้องเคยพูดว่าตอนมอปลายเคยฟอร์มวงแต่ตอนนี้ไม่ได้เล่นแล้ว





แต่ก็ยังอยากได้ยินน้องเล่นให้ฟังอยู่นะ   







ห้องนี้เล็กไว้อย่างที่คิดจริงนั่นแหละ แต่ก็ดูอบอุ่นไม่ได้รู้สึกอึดอัดสำหรับคนไม่ชอบที่แคบๆอย่างเขาน่ะนะ… ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโทนสีของในห้องนี้ หรือว่าเป็นเจ้าของห้องนี้กันแน่  : )





     ทุกอย่างไม่ได้จัดเป็นระเบียบสักเท่าไรตามประสาเด็กผู้ชาย

     “ห้องรกหน่อยนะ”  เจ้าตัวว่าอย่างนั้นพร้อมกับเลื่อนโต๊ะญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่กลางห้องให้ไปอยู่ตรงมุมห้องแทน  ไหนจะรองเท้าที่ถอดระเกะระกะ แล้วก็…

บ๊อกเซอร์ เสื้อผ้า ชุดนักศึกษาที่ซักแล้วอยู่ตรงปลายเตียง 







     “ไม่เป็นไร”  คุณากรไหวไหล่ “พี่ขอออกไปดูดบุหรี่นะ”  คุณนิวปล่อยให้เจ้าเด็กยักษ์จัดการเสื้อผ้าซักแล้วที่กองอยู่ตรงปลายเตียง





ส่วนเขาเองก็เริ่มลิ้มรสชาติของนิโคตินไปพร้อมๆกับความสุขที่ก่อเกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ช่วงนี้รู้สึกตัวเองได้เลยว่ายิ้มได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลังจากที่ไม่ได้ยิ้มมานานพอสมควร



แล้วยังรู้สึก… ไม่รู้สิ มันรู้สึกดี?



อือ… จะเรียกว่าดีก็ได้แหละ



เพราะมันดีจริงๆ  ต้นสายปลายเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกนะ คุณากรรู้ตัวดีว่าคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้น่ะเป็นใคร

ก็เจ้าของห้องนี้ยังไงล่ะ…





ถ้าความสุขแบบนี้อยู่ตลอดไปก็คงจะดี

ไม่ต้องมีใครมาพรากไปอีกเหมือนครั้งก่อน 







     “คุณจะอาบน้ำมั้ย?”   ไม่รู้ว่าเวลาที่คุณากรใช้อยู่กับการสูบบุหรี่ และจมอยู่ในห้วงของความสุข ที่เกิดขึ้นทั้งตอนนี้และในอดีตนั้นนานขนาดไหน







     แต่พอเห็นเจ้าเด็กยักษ์ตรงหน้าที่อยู่ในเสื้อผ้าพร้อมนอน และปลายผมม้าที่เปียกหน่อยๆก็พอจะรู้ว่านานพอสมควรที่น้องทอมจะอาบน้ำเสร็จ







     “อาบครับ… เหนียวตัวเหมือนกัน”







     “งั้นเอาไป”  เจ้าเด็กยักษ์พูดพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวผืนสีม่วงอ่อนให้คนตัวสูง

     เอ…ท่าทางน้องทอมจะชอบสีม่วงจริงๆด้วย





     “ผ้าเช็ดตัวนี่เองแหละ แต่ซักแล้วไม่ต้องกลัว”   สรรพนามจากคำว่า ผม เปลี่ยนไปเป็นคำว่า นี่ ที่ใช้แทนตัวเอง เพราะทอมรู้สึกว่ามันไม่ได้หยาบคายมากแต่ก็ไม่ได้สุภาพอย่างคำว่าผม  ออกจะง่ายๆซะมากกว่า

เลยคิดว่าใช้ประมาณนี้น่าจะเวิร์ค







     “ขอบคุณครับ”  : )









ใช้เวลาไม่นานเจ้าของห้าง The KNK ก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อผ้าของเจ้าเด็กยักษ์กางเกงผ้าร่มสีเทากับเสื้อยืดสีม่วงอ่อนพ่วงด้วยกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆที่น้องใช้





อยากขโมยกลับบ้านซะจริง







     “ปิดไฟให้ด้วยนะ”  เจ้าเด็กยักษ์พูดเสียงดังให้คนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำได้ยิน ส่วนตัวเองก็นอนขดอยู่ในผ้านวมผืนหนาอย่างเคลิ้มๆ







     “น้องทอมครับ…”  พอเดินไปปิดไฟแล้วคุณากรทิ้งตัวลงบนที่นอนสปริงของเจ้าเด็กยักษ์ หากแต่ยังไม่ได้ล้มตัวลงนอน เขาก็เรียกชื่อน้องที่นอนหันหลังให้อยู่ 







     “เมื่อไรจะเลิกเรียกนี่ว่าน้องทอมสักทีวะ?” ถึงกำลังจะเคลิ้มหลับไป แต่สรรพนามที่ทอมไม่ชอบให้คนนอกครอบครัวเรียกก็ถูกนำมาใช้โดยคนอื่นให้ได้ยินอีกแล้ว

เลยทำให้ตาทั้งสองข้างเปิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้







     “ก็…”







     “นี่ไม่ได้พูดไม่เพราะกับคุณแล้วนะ”  ทอมพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่คุณนิวยังไม่ได้อธิบายด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าตั้งใจนะ บอกเลยว่าถ้าไม่มีเจ้าเหมียวคุณนิวก็ไม่ได้ยินอะไรแบบนี้หลุดออกมาจากปากทอมหรอก







     “ก็พี่ชิน”    แต่เขาก็ลืมตัวจริงๆนั่นแหละ เรียกซะจนชินเลย







     “เลิกเรียกแบบนั้นสักที นี่ไม่ได้หน่อมแน้มขนาดนั้น”   ทอมหันหน้าไปทางคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง   

เป็นเพราะปิดไฟแล้วต่างหากถึงได้กล้าหันไปน่ะนะ



ไม่รู้สิ… ไม่ชอบให้ใครมาเห็นตัวเองตอนที่กำลังเข้านอน เพราะพี่ทิมเคยบอกว่ามันน่ารัก  อีกอย่างนะ… ก็เป็นตอนที่ตื่นนอน





น่ารักตรงไหนทอมเองก็ไม่รู้หรอกเพราะไม่ได้ส่องกระจกเวลาตื่นนอนกับก่อนนอน แต่ด้วยความที่ไม่ชอบให้ใครมามองว่าน่ารัก เลยไม่อยากให้ใครเห็น นอกจากเพื่อนกับคนในครอบครัวก็ไม่มีใครแล้ว





แล้วตอนนี้ก็เพิ่มคุณนิวเข้ามาอีกหนึ่งคน

อย่างน้อยก็เห็นตอนตื่นนอนล่ะน่า…







     “แล้วจะให้พี่เรียกว่าอะไรครับ?  ‘หนู’ ดีมั้ย?  พี่ว่าก็น่ารักเหมาะกับหนูดี”  เอาจริงคุณากรก็ไม่เคยเรียกใครแบบนี้เลยนะ เจ้าเด็กยักษ์นี่คนแรกเลยก็ว่าได้ 







     “หนูบ้าหนูบออะไร” ทอมโวยวาย ถึงแม้ว่ากับที่บ้านเขาจะแทนตัวเองว่าหนูก็เถอะ “จะเรียกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช้ น้อง กับ หนู เคมั้ย?”







     “ก็ได้ๆ โอเคครับ”  และสุดท้ายคุณนิวก็ยอมเหมือนเดิม





น้องจะขออะไรเขาก็ยอมหมดนั่นแหละ

รอก่อนเถอะ… รอว่าสักวันจะทำให้น้องยอมให้เขาพูดคำเหล่านั้นอย่างไม่อิดออดเลย

ขอแค่ไม่รู้สึกเบื่อไปซะก่อนนะ









     “นอนได้แล้ว ต้องตื่นเช้าไม่ใช่รึไง?”  น้องทอมเตือนพร้อมกับนอนหันหลังให้อีกคน







     : )

คุณนิวยกยิ้มขึ้นท่ามกลางความมืดอย่างชอบใจ



นี่ถ้ามาคอยเตือนเขาแบบนี้ทุกคืนนะ จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วรีบเข้านอนอย่างที่เจ้าเด็กยักษ์บอกเลย

คุณากรสอดแทรกตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเจ้าของห้อง แถมตรงกลางมีหมอนข้างคั่นกลางด้วยอีกต่างหาก







ไม่ทำอะไรหรอกน่า… คิดเยอะซะจริง

เพราะว่าแค่อยากกอด…







ครึ่งชั่วโมงผ่านไปคุณากรก็ยังคงไม่หลับ เพราะรู้สึกแปลกที่ อีกอย่างพอรู้ว่าคนข้างๆเป็นคนที่เขาถูกใจความรู้สึกมันยิ่งตื่นจนข่มตาหลับไม่ลง  ผ่านไปสักพักก็รู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนข้างๆ





คนชอบหาผลประโยชน์จากทุกเรื่องอย่างเขาเลยไม่รอช้าที่เตะหมอนข้างเจ้าปัญหาออกไป และเหลือพื้นที่แค่เพียงน้อยนิดสำหรับตัวเองและเด็กยักษ์





และมันก็ค่อยๆเหลือน้อยเข้าไปทุกทีจนท้ายที่สุดก็ถูกเติมเต็มด้วยร่างกายของเขา

พื้นที่ตรงนั้นไม่เหลืออีกต่อไป







คุณนิวพาดช่วงแขนยาวๆไปที่ตัวของน้องทอม ก่อนจะซุกซบใบหน้าลงที่ศีรษะของน้องราวกับว่าต้องการพักพิงความรู้สึกทั้งหมด เผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้นสักหน่อย



และมันก็รู้สึกดีอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย

นั่นอาจจะเป็นเพราะกลิ่นตัวหอมๆของน้อง ไหนจะน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ตอนนี้เขาเองก็มีกลิ่นแบบเดียวกัน และความรู้สึกอุ่นๆจากตัวของคนในอ้อมกอดอีกทำให้คุณากรเริ่มเคลิ้มหลับเข้าไปทุกที







รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนที่จะค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด

แบบนี้สิค่อยทำให้การนอนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกต่อไป













60%









Talk 1.



ช่างเป็น 60% ที่ลากเลือดมากกกกกกก.

-อยากจะแหมให้กับประโยคที่บอกว่า 'ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน' *ทำท่าเบะปากเหมือนคุณสิงหา*

-จริงๆนิยายเรื่องนี้มันง่ายๆนะคะไม่มีอะไรให้คิดเยอะ ถ้ารู้สึกว่ามันเบาไปต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะเหนื่อยกับความเครียดเลยอยากมีอะไรมาฮีลตัวเองนี่แหละค่ะ และคุณากรเองก็ตอบสนองความต้องการเราได้เป็นอย่างดี ทำให้เราหายเครียดได้มากเวลาหมกมุ่นอยู่กับการเขียน

-ถ้าชอบใจนิยายเรื่องนี้บ้างไม่มากก็น้อยอย่าลืมติดแท็ก #คนของคุณากร หรือคอมเม้นให้กันก็ได้นะคะ



เจอกันสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือนะคะ



รักค่ะ



มิทฉะลาเต้



#คนของคุณากร

twitter : @blueeyesismine   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2018 03:38:54 โดย Matcha_Latte »

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
  :hao5:  อบอุ่นถึงหัวใจเลย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

เราก็ชอบเรื่องเบาๆ

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ยังงี้แล้ว ก็ไม่น่าจะเบื่อนะคะ คุณนิว

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่เจ็ด : เพื่อนคนนั้น {part2 120%}









     อากาศเย็นสบายในตอนเช้า ฝูงนกเริ่มบินออกจากรังเพื่อหาอาหารมาหล่อเลี้ยงชีวิต คล้ายกันกับมนุษย์ที่ยังคงต้องทำมาหากินเพื่อปากท้องตัวเองและคนในครอบครัว รถยนต์ทั้งราคาถูกและแพงก็เริ่มโลดแล่นอยู่ตามท้องถนน

หากเป็นรถสองแถวหรือรถเมล์ก็จะออกเช้ากว่านี้หน่อย  แม่ค้าที่ขายอาหารเช้าก็คงกำลังตะโกนร้องเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน  นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกๆวัน การเริ่มต้น และสิ้นสุด  วนเวียนอยู่อย่างนั้นในแทบทุกๆวัน หรือสำหรับบางคนก็มีสิ่งใหม่ๆเข้ามาเยือนในชีวิต 


ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าตะวันจะต้องลาลับฟ้า แสงสว่างเริ่มถูกความมืดเข้าปกคลุม บางอย่างที่ถูกเริ่มต้นตอนที่พระอาทิตย์มาเยือนนั้นก็กำลังจะจบลงไปพร้อมกับพระอาทิตย์ดวงเดิม  ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณากรก็ชอบช่วงเวลาในตอนเช้ามากที่สุด



     เพราะพระอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ 
     เขาชอบที่จะดูการเริ่มต้นของแต่ละสรรพสิ่งบนโลกใบนี้และจบลงไปในที่สุดด้วยกาลเวลาที่ถูกกำหนดมา  เลยไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไรที่ว่าคนนอนดึกอย่างเขาจะตื่นเช้าทุกวันขนาดนี้   



     หากแต่ตอนนี้มันต่างออกไปจากเดิมเช่นทุกวัน
     เขาไม่ได้ตื่นมาบนเตียงขนาดคิงไซส์อีกคนเดียวอย่างเมื่อวาน วันก่อน หรือตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่กลับตื่นขึ้นแล้วพบคนถูกใจที่ยังคงนอนหลับสบายอย่างไม่รู้สึกตัวในอ้อมแขนของเขา

ตัวของเจ้าเด็กยักษ์ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น เหมือนได้กอดก้อนอุ่นๆสักก้อนที่ช่วยผ่อนคลายทำให้ยากที่จะแงะตัวเองออกจากที่นอนได้ในเวลานี้  เพราะไม่ได้หลับแบบเต็มตาเหมือนกับเมื่อคืนก็นานพอสมควร  ไม่แน่ใจว่าเท่าไร… แต่อาจจะสักสาม หรือสี่ หรือเจ็ดปีเห็นจะได้ 



     กลิ่นหอมๆของเจ้าเด็กยักษ์ที่ว่าหอมแล้ว ในตอนเช้ากลับหอมยิ่งกว่าเดิมซะอีก
     เป็นกลิ่นที่หอมสะอาดๆ และให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะกลิ่นหอมของเสื้อผ้าที่ทั้งคุณากรและเจ้าเด็กยักษ์ของเขากำลังสวมใส่อยู่  มันเป็นกลิ่นเดียวกันก็ยิ่งตลบอบอวลเข้าไปอีก


     รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้วงอะไรสักอย่าง  เพราะรอบกลายมีกลิ่นหอมๆละฟุงอยู่เต็มไปหมด เหมือนโดนห้อมล้อมด้วยกลิ่นกลิ่นนั้น



     คนที่นอนหลับอย่างไม่รู้สึกตัวตอนนี้เปลี่ยนจากพลิกหันหลังให้คุณากรมาเป็นหันหน้าเข้าไปหาเขา ด้วยสัดส่วนความสูงที่พอๆกันปลายจมูกโด่งๆที่มีขี้แมลงวันประทับอยู่ก็เลยเสียดสีเข้ากับปลายจมูกโด่งของอีกคุณากรเข้า





     : )




     นักธุรกิจที่ชอบผลประโยชน์ ที่ชอบได้กำไรเยอะๆถึงกับระบายรอยยิ้มลงบนใบหน้าอย่างชอบใจ ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งน่ารัก ผิวนี่เนียนละเอียดซะอยากลองประทับริมฝีปากลงไปจะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างที่ตาเห็นจริงๆหรือเปล่า
ส่วนขี้แมลงวันที่ประปรายอยู่บนใบหน้านั้นก็เยอะซะจนอยากจูบลงตรงตำแหน่งนั้นๆเพื่อจะนับให้รู้ว่ามีอยู่มากน้อยแค่ไหน



      ไม่ไหวแล้ว…   



     เจ้าเด็กยักษ์ของเขาทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ แค่นอนหลับจำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยเหรอ หรือว่าเป็นเพราะตอนไร้สติน้องเลยดูไร้พิษสง ดูไร้เดียงสาซึ่งมันตรงข้ามกับตอนที่น้องตื่นมาก แต่ก็นะ…ไม่ว่าแบบไหนคุณากรก็ชอบหมดนั่นแหละ 

และตอนนี้ก็ชอบ… ชอบริมฝีปากบางๆที่มักจะพูดคำหยาบใส่เขา บัดนี้มันกำลังเผยอออกนิดหน่อยมันแดงๆคล้ายเชอร์รี่ น้องคงไม่สูบหนักเท่าไรเลยไม่ขึ้นสีคล้ำ 

ชอบคิ้วเข้มๆที่กำลังขมวดเข้าหากันน้อยๆเหมือนกับว่าในความฝันมีเรื่องให้คิดเยอะแยะ
อย่าให้รู้เชียวว่าฝันถึงใครไม่อย่างนั้นล่ะจะเจอแบบในหนังเรื่อง inception แน่ๆ เพราะเขาจะตามเข้าไปทำลายคนในความฝันเจ้าเด็กยักษ์ให้รู้แล้วรู้รอด  : )




     ท้ายที่สุด…



     เมื่อยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหลงใหลในตัวเจ้าเด็กยักษ์  ความมันไส้ที่ก่อเกิดมาได้สักครู่หนึ่งถูกระบายออกไปด้วยการจุ๊บที่ปลายจมูกน้องเบาๆ



     ก็กล้าทำได้เท่านี้ ทั้งที่จริงแล้วอยากจะงับ อยากจะกัดผิวขาวๆให้จมเขี้ยว ให้ขึ้นสีช้ำเป็นรอบฟัน อยากจะกอดเจ้าก้อนอุ่นๆให้จมอก ให้ร้องงอแง





     “อือ…” 
     ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงแรงสัมผัสเบาๆที่ปลายจมูก เจ้าเด็กยักษ์ถึงกับร้องอื้ออึงในลำคอทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในอ้อมแขนของคุณนิวไปมา




     และ…
     เปลือกตาสีไข่ก็เปิดขึ้นในที่สุด คนฉวยโอกาสเลยแกล้งหลับตาลงอย่างรู้ทัน… 



     และนั่นเลยทำให้คุณนิวไม่ทันได้เห็นใบหน้าของเด็กยักษ์ที่กำลังขึ้นสีแดงแปร๊ดเนื่องจากพอตื่นขึ้นมาแล้วก็ดันอยู่ในอ้อมแขนของคุณนิวซะได้ ซึ่งมาอยู่ได้ยังไงน่ะไม่รู้หรอก  ครั้นจะโวยวายก็กลัวจะเสียหน้าเพราะมันก็แค่กอดอีกอย่างไอ้เรามันก็ผู้แมนๆคุยกันทั้งคู่




     ไม่มีอะไรเสียหายเว้ย!



     ปัญหาเรื่องแรกจบไป และเรื่องที่สองก็ตามมาติดๆ



     เพราะว่า…




     คิดได้อย่างนั้นเดือนวิศวะก็รีบลุกขึ้นจากที่นอนแทบจะทันที หมายจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความรวดเร็วเพราะผู้ชายน่ะ… เช้าๆแบบนี้มันก็จะ…



     จะ…



     นั่นแหละ!



     ไม่ต้องอธิบายให้มากความเพราะไม่ถึงสองโมงตรงอะไรบางอย่างมันก็จะเคารพธงชาติก่อนเวลาอยู่แล้ว
หากแต่ด้วยความซุ่มซ่ามเจ้าเด็กยักษ์เลยเผลอเตะเข้ากับขอบประตูห้องน้ำเข้าจังๆ  จนเผลอร้องเสียงหลงออกมาดังๆหนึ่งรอบพร้อมกับยกเท้าขึ้นมากุมด้วยใบหน้าเหยเก


คนแกล้งหลับอยู่บนเตียงไม่ได้ลุกขึ้นไปช่วยแต่ทว่ากำลังระบายรอยยิ้มให้กับความซุ่มซ่ามของน้องทอม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขินหรืออะไรกันแน่ 



     ชอบทำตัวน่ารักอยู่เรื่อยเลย




     ผ่านไปสิบห้านาทีเจ้าเด็กยักษ์ก็ยังไม่ออกจากห้องน้ำ คุณากรที่แกล้งหลับตอนอยู่ต่อหน้าน้องทอมขณะนี้ได้ลุกขึ้นจากที่นอนแล้ว และกำลังสะบัดผ้าห่มนวมผืนหนาให้คลุมเตียงไว้อย่างเป็นระเบียบคล้ายกับที่น่านชอบทำให้ 
จากนั้นก็เดินไปหาน้ำเย็นๆดื่มสักขวด ก่อนจะออกไปสูบบุหรี่ต้อนรับเช้าแรกของวัน พร้อมกับกดโทรศัพท์ต่อสายหาเลขาคนสนิทว่าวันนี้จะเข้าสำนักงานช้า และโทรบอกน่านว่าไม่ต้องทำอาหารให้ โชคดีหน่อยที่มีชุดสูทอยู่ในรถเพราะงั้นเลยจะเอามันมาเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำเสร็จ





     ก๊อก ๆ !!




     บุหรี่ถูกสูบไปได้เพียงแค่ครึ่งมวลเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นคุณากรเลยต้องจำใจจี้ปลายบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่และปล่อยให้อีกครึ่งตัวที่เหลือนอนตากลมอยู่อย่างนั้น



     แต่ก่อนจะเดินไปเปิดประตูก็คิดชั่งใจอยู่นิดหน่อยว่าจะเรียกเจ้าเด็กยักษ์ก่อนดีมั้ย? หรือถือวิสาสะเปิดให้เลย แต่พอได้ยินเสียงสายน้ำกระทบลงพื้นก็เลยเลือกทำอย่างหลังมากกว่า



      คงไม่เป็นไรหรอกน่า…



     คิดได้อย่างนั้นช่วงขายาวเลยก้าวเท้าอย่างเอื่อยๆตรงไปที่ประตูอย่างไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว  ฝ่ามือใหญ่ก็เอื้อมไปหมุนลุกบิดคลายล็อคของห้อง พอเปิดประตูออกไปก็พบกับเด็กผู้ชายสองคนที่หน้าเลือนๆลางๆอยู่ในความทรงจำ


แต่ลักษณะท่าทางดูแล้วคล้ายกับเพื่อนสองคนของน้องทอมในวันนั้น
อีกคนสูงร้อยแปดสิบล่ะมั้ง?  แต่อีกคนน่าจะสูงสักร้อยเจ็ดสิบ

ถ้าอยู่คนเดียวก็ดูสูงอยู่หรอก แต่ว่ามาอยู่กับเจ้าไททั่นทั้งสองคนในกลุ่ม อย่างทอมกับออยเลยไม่แปลกใจถ้าแดนจะกลายเป็นคนตัวเล็กไปโดยปริยา




     “อะ เอ่อ…”  แดนพูดเสียงตะกุกตะกัก ยกมือที่กำลังเคาะประตูอีกรอบค้างไว้อยู่อย่างนั้นเพราะตอนนี้มันได้เปิดขึ้นแล้วแถมยังมี… มีแฟนใหม่ของแฟนเก่าเพื่อนเขาอีกที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ทะ โทษทีครับเข้าห้องผิด”   



     “ถูกแล้ว!”  ออยที่มีสติมากกว่าแดนแทบจะรั้งเพื่อนไว้ไม่ทันเพราะมันตั้งท่าจะเดินหนีอย่างเดียวเลย



     “คุณ?”  ออยเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างในเชิงถาม หลังจากที่จัดการเพื่อนจอมเด๋อของตัวเองให้ไปมายืนอยู่ที่เดิม  จนตอนนี้แดนก็ยังไม่เลิกทำหน้าตาเด๋อด๋าสักที



     “ใครมาวะ!?”   


     O.O!



     ทันทีทีร่างสูงของเดือนวิศวะเดินออกมาจากห้องน้ำที่สภาพมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว ใบหน้าของเพื่อนทั้งสองคนก็ฉายชัดด้วยความตกใจแทบจะทันที  ไม่ใช่แค่สอง แต่เป็นสี่ เพราะทอมก็ตกใจไม่แพ้กันว่าทำไมไอ้เพื่อนรักสองคนนี้ถึงมาอยู่ตรงหน้าห้องได้ ถ้าเป็นเวลาปกติคงไม่มีอะไรหรอกหากแต่… มีแฟนใหม่ของเก่าตัวเองที่สองคนนั้นรู้ดีว่าทอมไม่ชอบมากขนาดไหนมาอยู่ด้วยนี่สิ



     -.-
     คงต้องนั่งให้พวกมันสัมภาษณ์อีกยาวแน่ๆเลยกู



     และคนที่ตกใจคนที่สี่ที่ว่านั้นก็คือคุณนิว ตกใจกับความขาวที่น้องทอมมีน่ะสิ  เอาจริงๆก็ขาวพอๆกับเขาเลยนะนั่น


     ขาวชมพูอีกต่างหาก…
     ไม่ต้องบอกนะว่าอะไรชมพู


     รู้สึกเหมือนเลือดจะหมดตัวเลยแฮะ 
     โชคดีที่เป็นคนซ่อนความรู้สึกเก่ง ไม่อย่างนั้นถ้าน้องเห็นคุณากรในตอนนี้น่ะนะ ขอบอกเลยว่า… ไม่ดีแน่ๆ
     แล้วถ้ายิ่งได้ยินความคิดของเขาอีก บอกเลยว่าเละ!
     แต่ก็นั่นแหละ…จ้างให้ก็ไม่โดน เพราะน้องจะไม่มีทางรู้เด็ดขาด…
 


     : )





     “กะ กูคิดว่าเข้าห้องผิดซะอีก”  แดนว่าอย่างนั้นเมื่อเห็นหน้าเพื่อนรักที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เพราะมันช่วยยืนยันได้ดีเลยว่านี่เป็นห้องของไอ้ทอมจริงๆนะ  ไม่ใช่ห้องของไอ้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ ที่ใส่เสื้อยืดสีม่วงกับกางเกงผ้าร่มสีเทา และแดนก็จำได้ว่าเป็นของไอ้ทอมเพราะเห็นมันใส่บ่อยจนชินตา 




     “เข้ามาก่อนดิ”  ไม่อยากให้เสียเวลานานกับการตกใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องของเพื่อนและของตัวเองเลยเรียกให้เพื่อนเข้ามา คุณนิวหลีกทางให้เพื่อนตัวเล็กกับเพื่อนตัวโตของเจ้าของห้อง

สายตาของออยกับแดนที่มองมาขณะที่เดินผ่านเพื่อนตัวเปลือยช่วงบนไปก็แสดงออกมาได้อย่างชัดเจนเลยว่า ‘มึงอธิบายมาเดี๋ยวนี้!’ 



     “งั้นพี่ขอลงไปเอาของที่รถก่อนนะ”   คุณากรเอ่ยขอตัวสักครู่เพราะต้องลงไปเอาชุดทำงานที่ห้อยไว้ในรถ อีกอย่างก็พอจะรู้ว่าเด็กสามคนนั้นต้องมีอะไรคุยกันแน่ๆ



แหงล่ะ…ในสายตาของเด็กพวกนั้นเขาก็คือแฟนใหม่ของแฟนเก่าน้องทอมนี่นา แถมเจ้าเด็กยักษ์ยังเหม็นขี้หน้าอีกมากด้วย พอเห็นว่าอยู่ด้วยกัน แถมยังอยู่ในห้องเดียวกันอีก จะตกใจก็คงไม่แปลก



แต่ก็นะ… เจ้าเด็กยักษ์คงยังไม่รู้ว่าเขากับเค้กไม่ได้คุยกันอีกต่อไปแล้ว ตอนแรกว่าจะอธิบายให้เข้าใจเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาถ้าเกิดน้องทอมรู้ว่าแฟนเก่าของตัวเองเป็นโสดแล้วจะกลับไปง้อน่ะสิ คุณากรก็เลยเลือกที่จะไม่บอกใดๆทั้งสิ้น



     “มึงเล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ทอม!”  คล้อยหลังที่คุณนิวเดินออกไป ไอ้เพื่อนตัวเล็กมันก็สาดซัดคำถามใส่เดือนวิศวะอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าจะมีใครพูดแทรก ทั้งที่ก็อยู่กันแค่สามคน



     “เรื่องมันยาว…”  ทอมตอบเสียงเหนื่อยๆ ถ้าจะให้เล่าทั้งหมดก็ขอเหล้าสักหนึ่งกลมแล้วกัน หนำซ้ำเหล้ายังจะหมดก่อนที่จะเล่าจบเรื่องด้วยซ้ำ



     “ไม่ได้!”  แดนคัดค้าน 



     “เดี๋ยว รอกูแต่งตัวเสร็จก่อน”  ทอมว่าอย่างนั้นพร้อมกับสวมกางเกงยีนส์สีซีด ตามลำดับแล้วก็สวมเสื้อสีเทาสวมช็อปทับอีกที



     “กูมีเวลาฟัง”  ไอ้แดนมันก็แบบนี้ทุกที เรื่องเรียนตั้งใจให้ได้เหมือนเรื่องที่อยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาบ้างนะมึง!



     “ก็เดี๋ยวก่อนสิวะ มึงจะให้กูนินทาระยะเผาขนเลยหรือไง!?” 



     “ก็---”





     ก๊อก ๆ ! 




     แดนยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นซะก่อน  แต่ทอมคิดว่าคงไม่ใช่คุณนิวแน่ๆ เพราะเขาคงจะเดินเปิดประตูเข้ามาเองเลย



     เอ… แล้วใครกันวะ?
     เจ้าเด็กยักษ์ไม่ยืดเยื้ออยู่นาน เดินไปเปิดประตูห้องตัวเองทันที เพราะก็อยากรู้นั่นแหละว่าใครที่มาเคาะ




     “ขอโทษนะครับ พอดีจะขอรบกวนยืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ย---” 




     แต่ทว่า…




     คนตรงหน้าประตูกลับทำให้ทอมเงียบลงไปโดยปริยา สีหน้าตอนแรกฉายชัดความตกใจแค่เพียงเสี้ยววินาที จากนั้นก็ถูกฉาบฉวยไว้ด้วยความเรียบเฉย



     คนตรงหน้าเองก็เช่นกัน…
     ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่างจากทอมเท่าไรนัก

     “ไง…ไม่คิดว่านายจะอยู่หอนี้เหมือนกันนะทอม” เขาเอ่ยทักเสียงเรียบ  และยกยิ้มขึ้นเหมือนกับในอดีตครั้งก่อน






     แต่ทว่า…



     ผัวะ!




     เดือนวิศวะตอบรับคำทักทายนั่นด้วยหมัดลุ่นๆไปหนึ่งทีจนคนตรงหน้าถึงกับล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในห้องก็รีบวิ่งออกไปดูเหตุการณ์หน้าห้องอย่างรวดเร็วเพราะได้ยินเสียง



     “ไอ้ทอม! มึงทำอะไรของมึ๊งงงง!?”  เสียงแดนกับออยร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษาเมื่ออยู่ๆทอมมันเป็นอะไรของมันก็ไม่รู้ ถึงได้ไปต่อยคนอื่นได้อย่างนั้นแถมตอนนี้ยังเป็นต่อเพราะกระโดดขึ้นไปคร่อมร่างผู้ชายคนนั้นไว้อีกต่างหาก


     แล้วไอ้คนนั้นก็ยังไง?  ทำไมไม่รู้จักตอบโต้หรือไม่ก็หาทางดิ้นหนีไป   
     บอกเลยว่าออยกับแดนในตอนนี้ไม่สามารถห้ามไอ้เพื่อนรักที่ไม่รู้ว่าไปตกมันมาจากไหนได้เลย 



     “น้องทอม!” 


     รู้สึกเหมือนกับเสียงสวรรค์กำลังดังยังไงอย่างนั้น เมื่อคุณากรที่เดินมาจากทางบันไดพอได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็รีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าเด็กยักษ์อย่างรวดเร็ว  ชุดสูทที่ถือมาก็โยนทิ้งไปตรงไหนไม่ได้สนใจสักเท่าไร เพราะสิ่งที่เขาสนใจมีแค่น้องทอม 
น้องดูน่ากลัวมาก มากกว่าตอนที่ต่อยเขาวันนั้นอีก



     “น้องทอมใจเย็นๆ”  คนที่เพิ่งมาเห็นเหตุการณ์ใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพราะน้องทอมดูไร้สติมาก  ตอนที่เข้าไปห้ามโดนลูกหลงมาก็มากพอสมควร



     น้องตัวสั่นมากเมื่อตอนที่วางฝ่ามือลงบนไหล่น้อง เพื่อที่จะห้าม


     “หนู… หนูใจเย็นๆก่อนนะครับ”   คุณนิวใช้มือของตัวเองไปรองรับกำปั้นของน้องที่กำลังจะซัดลงบนหน้าของคนใต้ร่าง เพราะกลัวว่าเรื่องจะเลยเถิดไปมากกว่านี้



และพายุก็หยุดลกระทันหัน เมื่อเจ้าเด็กยักษ์ได้เห็นว่าเป็นใครที่เรียกตัวเอง และเป็นฝ่ามือของใครที่กำลังรองรับหมัดหนักๆของตัวเองไว้อยู่



     รู้สึกอบอุ่นเหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด…


     เจ้าเด็กยักษ์ขี้โมโหมองหน้าคุณนิวนิ่งๆ ดวงตาสีสวยสั่นระริกเมื่อได้สบตากับเขา

     ทั้งความโกรธ ความกลัว ความสับสนกำลังปะปนอยู่ในนั้นให้ได้เห็น 


     ฝ่ามือใหญ่ของคุณากรลูบหลังน้องไปสองทีก่อนจะดึงให้ลุกตามขึ้นมา


     “กูบอกแล้วไงว่าอย่าให้เห็นหน้ามึงอีก!”   เมื่อได้สติเจ้าเด็กยักษ์ก็ชีหน้า พร้อมกับตะโกนใส่ใครคนนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนรักกัน




     รักกันมาก



     แต่ก็…



     จบไม่สวยสักเท่าไร


     น้ำสีใสเริ่มคลอที่หน่วยตาจนภาพของเพื่อนเคยสนิทคนนั้นเริ่มพร่ามัว
      ก่อนจะจบสัมพันธ์เพื่อนรักกันวันนั้นทอมเคยบอกไว้ว่าอย่าให้ได้เห็นหน้าอีก…และตอนนี้ได้เห็นอีกจริงๆทอมก็ไม่รอชาที่จะทำตามคำที่เคยพูดไว้ ถึงเรื่องจะผ่านมานานแล้วก็เถอะ

   





     ‘มึง ถ้าวงเราชนะเนี่ยมันจะเป็นยังไงวะ?’   
     ‘ก็ดีสิไอ้เหี้ย…เพราะงั้นกูจะตั้งใจเล่นให้มากๆ มึงก็เหมือนกันนะทอม’




     ‘ทำไมมึงทำแบบนี้วะไอ้เหี้ยเพชร มึงทำพี่จูเสียใจทำไม!?  มึงทำกับวงเราแบบนี้ได้ไง!’ 
      ‘เพราะกูไม่อยากแพ้…’ 



     ยิ่งบทสนทนาทั้งดีและร้ายในอดีตหวนย้อนคืนกลับมา น้ำตาที่คลออยู่ก่อนแล้วถึงกับไหลลงมาหนึ่งหยดเพราะห้ามไม่สามารถห้ามมันไว้ได้จริงๆ   



     “น้องทอมเข้าห้องก่อนครับ…”  เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องกันไปมากกว่านี้คุณากรเลยดึงตัวน้องทอมให้เดินตามเข้าไปในห้อง ส่วนเพื่อนทั้งสองคนก็พุ่งเข้าไปดูคนเจ็บทียันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น



     
     “เราจะกับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เลยหรือไงวะ!?”  เสียงของเพชร อดีตเพื่อนรักของทอมถามขึ้นเสียงดังก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าห้องไป



     จากนั้นประตูก็ปิดลง… ไม่ได้แม้กระทั่งคำตอบกลับมา




     “กูขอยู่คนเดียวก่อน!” 
     เมื่อเห็นว่าคุณนิวอยู่ในห้องด้วยทอมเลยร้องห้ามทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรหรือเปล่า  จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำขังตัวเองอยู่ในนั้นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลอย่างไม่หยุดหย่อน


     สำหรับเรื่องนี้ทอมเคยคิดว่าตัวเองทำใจได้แล้ว จากแผลสดเหวอะหวะได้กลายมาเป็นแผลเป็นรอยใหญ่แทน


     แต่ว่า…


     มันไม่ใช่เลย


     ที่คิดไว้ทั้งหมดนั้นกลับไม่ใช่เลย



     แค่เพียงเพราะเห็นหน้าอดีตเพื่อนรักอารมณ์ทุกอย่างมันก็พุ่งถึงขีดสุดอย่างห้ามไม่ได้จริงๆ…


      ทอมยังคงรู้สึกเจ็บเหมือนเดิม เจ็บกับการที่โดนหักหลัง ซ้ำยังทำให้เขากลับไปทำอะไรที่ตัวเองชอบไม่ได้อีก
      สิ่งนี้แหละที่คอยฉุดรั้งทอมไว้อยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ไม่มีใครรู้ก็เท่านั้น…






     โปรดติดตามตอนต่อไป...







     Talk 2.
-งู้ยยยยย เบื่อความอ่อนโยน ความเอาน้ำเย็นเขาลูบของคูมนิวมากเฟ่อออออ คิดถึงตอนเขาเกรี้ยวกราดไม่ออกเลยจีจีข่ะ แหมๆ   
-แล้วบับ… นี่คงจะหลงเจ้าเด็กยักษ์ขั้นสุดแล้วสินะ โง้ยยยยยยย  -///-
-จริงแล้วน้อวทอมน่ะเป็นผู้ชายที่ถ้ามองด้วยกันเองก็ ไอ้เหี้ยทอม ไอ้คนห่ามหื่นอะไรแบบนี้แหละค่ะ แต่พออยู่ในสายตาคูมนิวแย้วก็จิลายเป็นน้อนนนนนนนนนนน  (อารมณ์ประมานนี้ เผื่อว่าจะสงสัยกันนะคะ แฮ่ะๆ) ก็คนมันชอบน่ะเนอะ ถึงจะเป็นไอ้เหี้ยทอมของใครแต่เป็นน้องทอมของผม เคนะ?
-นี่ไม่ใช่แค่ 40% เด้อ แต่มันคือ 60% ที่เหลือ ลากเลือดอีกแล้วจ้า
-รักน้อนนนชอบน้อนน หรือชอบคูมนิวอย่าลืมคอมเม้นให้เก๊าด้วยน้า  เดี๋ยวจะให้คูมนิวไปนอนด้วยคืนนึงเป็นรางวัล งิงิ
เจอกันตอนหน้านะคะ
รักค่ะ
มัทฉะลาเต้
#คนของคุณากร
Twitter : @blueeyesismine

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เกิดอะไรขึ้นในอดียย ทำน้องทอมขาดสติเลยอ่ะ
มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
น่าติดตามมากๆ ดูเปนคนมีปมทั้งคู่เลย
รอดูปมต่างๆคลี่คลายนะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
โอ๋เอ๋น้องทอมมมมม

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่แปด : เพราะเจ้าเด็กยักษ์ไม่คู่ควรกับน้ำตา












     ทองฟ้าวันนี้ดูอึมครึมมากกว่าปกติ คล้ายกับว่ากำลังตั้งเค้าพาสายฝนให้ลงมากระหน่ำ แต่ทว่ามันดูอึมครึมแค่ในสายตาของทอมเท่านั้น… จนช่วงหนึ่งก็แยกไม่ออกว่าที่จริงแล้วเป็นเพราะมุมมองของตัวเองหรือเพราะสภาพอากาศกันแน่


อาจจะเพราะวันนี้เริ่มต้นด้วยอะไรที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก สภาพอารมณ์ของทอมตอนนี้เลยค่อนข้างย่ำแย่  และคนที่ทำให้เป็นอย่างนี้ได้ก็คือเพชร อดีตเพื่อนเก่าคนเมื่อเช้านั้นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุทั้งหมด



     “ทอมมโว้ยยยยยย”  เสียงแหลมๆของแดนร้องเรียกเพื่อนรักด้วยความสดใสของตัวเอง หวังว่าจะเผื่อแผ่มันไปให้เดือนวิศวะคนนี้ได้บ้าง 


แต่ก็เปล่าเลย… นั่นกลับดูไร้ประโยชน์เหมือนขว้างหินลงแม่น้ำ หรือคล้ายกับไข่กระทบหิน เพราะไม่มีเสียงตอบใดหลุดออกมาจากปากทอมแม้แต่คำเดียว


     “ไอ้ทอมมมม ไปหาอะไรแดกกานนนนนน”  แดนพูดพร้อมกับดึงแขนเพื่อนตัวยักษ์ให้ลุกขึ้นจากโซฟา

     หลังจากเลิกเรียนมออยกับแดนก็พร้อมใจกันลากเพื่อนกลับมาที่ห้องด้วย เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าหากจะปล่อยให้เพื่อนกลับห้องทั้งอย่างนั้น แถมยังมีใครก็ไม่รู้ที่ทอมมีเรื่องด้วยเมื่อเช้า แถมยังพักอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามกันอีก  ออยกับแดนเลยขอไม่เสี่ยงดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าปัญหาของทอมนั้นคืออะไร


เนื่องจากว่าจนถึงตอนนี้ทอมก็ยังไม่ได้เล่าให้ทั้งสองคนฟังเลยว่าอะไรเป็นอะไร และเพราะอะไรทำไมถึงทำอย่างนั้น
แต่ก็อย่างว่า…ออยกับแดนก็พอรู้ใจเพื่อนอยู่เหมือนกันว่าเขาน่ะมันเป็นคนประเภทไหน นิสัยเป็นยังไง ไว้ทอมพร้อมเล่าเมื่อไร เชื่อเถอะเดี๋ยวมันก็หลุดออกมาจากปากมาเอง



     “ไม่เอา”   แต่ทอมเลือกที่จะปฏิเสธ “กูจะอ่านหนังสือ”  เขาหาข้ออ้างพร้อมกับหยิบหนังสือในเป้ขึ้นมาทำท่าอ่านไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงในตอนนี้แทบจะไม่มีอารมณ์ทำอะไรด้วยซ้ำเพราะกำลังถูกพิษแผลเก่าจากอดีตเข้าเล่นงาน



     “ไปเร็วๆน่า อย่าทำท่าเป็นคนขยัน” แต่เพื่อนรักก็ยังไม่ยอม แดนดึงช่วงแขนยาวให้ลุกขึ้นจากบนโซฟา แต่เพราะแดนตัวเล็กอย่างกับลูกหมา แรงที่ส่งออกไปเลยไม่มีผลต่อร่างยักษ์ๆของทอมสักเท่าไร


     “ฮือ…กูไม่ไป”   คนโดนเซ้าซี้ตอบปฏิเสธไปด้วยความเหนื่อยหน่าย และบิดแขนตัวเองเล็กน้อยให้หลุดจากการเกาะกุมของเพื่อน และทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม



     ก็คนมันไม่มีอารมณ์ไปนี่หว่า…



     “มึงอย่าไปเร้าหรือมันมาก”  ออยปราม เพราะรู้ว่าแดนน่ะดื้อด้านมากขนาดไหน “ไว้เดี๋ยวกูซื้ออะไรมาให้กิน”   จากนั้นก็เดินล็อกคอไอ้เพื่อนตัวเล็กให้เดินออกจากห้องไปพร้อมกัน  ถึงแม้จะยากเหมือนจับปูใส่กระด้งก็เถอะ


     แต่ก็นะ…ยังไงแดนก็สู้ไม่ได้อยู่ดี




     จากนั้นภายในห้องกว้างก็เหลือเพียงเดือนวิศวะเท่านั้นที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาพร้อมกับการจ้องมองเพดานอยู่แบบนั้นอย่างหาจุดโฟกัสไม่ได้ ในขณะเดียวกันสมองก็ดันคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาเป็นฉากๆ แล้วมันก็เริ่มมากขึ้นหลายฉากจนเบลอไปหมด เพราะเหตุการณ์นั้นยังไม่ทันฉายจบด้วยซ้ำ เหตุการณ์ใหม่ก็ลอยเข้าซ้อนทับ  และยังมีหลากหลายความรู้สึกปะปนกันไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ความรู้สึกไหนก่อนดี 






     Rrrrrrrr






     แต่ก่อนที่จะสับสนไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยที่วางไว้ตรงไหนสักที่บนโซฟาก็แผดเสียงดังขึ้น 
     ทอมใช้เวลาหาไม่ถึงยี่สิบวินาทีก็เจอ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเขาก็วางมันกลับลงไปที่เดิม และไม่นานเสียงนั้นก็เงียบหายไป





     ติ๊ง!


     แต่มันก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น  ระยะเวลาห่างกันไม่นานด้วยซ้ำเสียงข้อความก็ดังขึ้นหลังจากสิ้นเสียงโทรศัพท์ทันที แต่ก็เหมือนเดิม…ทอมไม่คิดที่จะเปิดมันอ่านเลยสักข้อความเดียว เพราะน่าจะเป็นคนคนเดียวกันกับสายเมื่อกี้นี้




     ติ๊ง!



 


     ติ๊ง!




     และเสียงข้อความก็ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนเพราะใครคนนั้นน่ะรู้ว่าทอมต้องไม่รับโทรศัพท์แน่ๆ แต่อย่างน้อยถ้าส่งข้อความมาถี่ๆเจ้าเด็กยักษ์ของเขาอาจจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านก็ได้ แล้วถ้าได้เห็นข้อความที่ส่งมานะทอมอาจจะรีบโทรกลับเลยทันที 

ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที เสียงก็ความยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและด้วยความรำคาญทอมเลยต้องนำโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูในที่สุด





     ‘รับสายพี่หน่อยครับ’   ข้อความที่หนึ่ง


     ‘เจอกันหน่อยมั้ย ?’ข้อความที่สอง


     ‘น้องแมวเราป่วยนะ ไม่มาดูมันหน่อยเหรอ?’ และข้อความที่สามทำเอาร่างสูงดีดตัวขึ้นจากโซฟาด้วยความรวดเร็วเมื่อรู้ว่าน้องแมวป่วย




     ทันเท่าความคิดเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบกดโทรออกไปยังเบอร์เมื่อครู่ด้วยความรวดเร็ว
     เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังยังไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ ปลายสายก็กดรับและเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบยิงคำถามใส่คุณนิวทันที




     “น้องเหมียวกูเป็นอะไร?”  สรรพนามที่ใช้คุยกับเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะทอมไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมานั่งปั้นหน้า ปั้นคำพูดสวยหรูให้คุณนิวอีกต่อไป

     ชินอันไหนก็เลือกอันนั้นแล้วกัน ถึงจะไม่เหมาะก็เถอะนะ





     [พี่ว่าน้องทอมมาดูเองดีกว่านะครับ]



     “แล้วมันเป็นอะไรเล่า!?”  เจ้าเด็กยักษ์เริ่มเกรี้ยวกราดขึ้นนิดหน่อย




     เวลาคุยกับคุณนิว ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทอมจะไม่ดูเป็นคนอารมณ์เสีย หรือหงุดหงิดง่ายตลอดเวลา เหมือนทุกคำที่คุณนิวพูดออกมานั้นไม่เข้าหูเดือนวิศวะสักประโยค หรือแม้แต่คำคำเดียว



     “นี่ดูให้กูยังไงเนี่ย แมวเป็นอะไรยังไม่รู้เลย!?”   ทอมถามด้วยความเกรี้ยวกราด ซึ่งผสมผสานด้วยความหงุดหงิด



     ให้มันได้อย่างนี้สิน่า…อะไรก็ไม่ถูกใจเลยสักอย่าง




     [ใจเย็นๆ] 



     แต่เสียงทุ้มๆที่ตอบกลับมาทำให้คนที่กำลังอยู่ในสภาวะหงุดหงิดถึงกับเงียบลงและปล่อยใบหน้าที่กำลังบูดบึ้งของตัวเองกลับมาอยู่สภาพปกติ ถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองกำลังทำหน้าบึ้งตึง



     “เออๆ” ทอมตอบรับแบบส่งๆ “แต่ตอนไปไม่ได้นะ อยู่ห้องไอ้แดนอ่ะ ไม่ได้เอารถมาด้วย”    ถ้ามีรถสาบานเลยว่าจะรีบขับไปหาน้องเหมียวด้วยความรวดเร็วเลย



     [ให้พี่ไปรับมั้ยครับ?] 



     คนเจ้าเล่ห์เสนอ แน่ล่ะจะไม่ให้เสนอได้ไง ก็เหยื่อกำลังติดกับนี่นา แต่เหยื่อดันไม่มีรถซะได้

     เพราะเรื่องรถไม่ใช่ปัญหา ต่อให้น้องทอมอยู่ห่างกับเขาไกลมากขนาดไหน ถ้าบอกให้ไปรับ ก็จะรีบขับรถไปรับอย่างเร็วรี่ 



     “ไม่ทำงานทำการรึไง?”   จริงๆก็อยากไปน่ะนะ ถ้าว่างจะมารับก็ได้ไม่ปฏิเสธ



     [ก็มีครับ…แต่พี่เคลียร์ใกล้เสร็จแล้ว]   



     “เออๆ จะมาก็มาเดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้” 




     เยี่ยม…เหยื่อติดกับแล้ว
     : )




      หลังจากวางสายแล้ว ทอมก็กดส่งโลเคชั่นไปให้คุณนิวตามที่บอกไว้ จำได้ว่าตอนที่บันทึกชื่อคุณนิวไว้ในเครื่องไลน์เขาก็เด้งขึ้นมาให้แอดเฟรนด์แต่ก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไร เพราะคิดว่าคงไม่มีประโยชน์ จนกระทั่งตอนนี้ถึงคิดได้ใหม่ว่ามันก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง 



และเมื่อครู่ที่ส่งข้อความมาก็ยังงงใจว่าไลน์มาไม่ดีกว่าเหรอ? อย่างน้อยแอคของทอมก็น่าจะเด้งให้แอดเฟรนด์เหมือนกันบ้างสิ  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่เขาไม่เข้าไลน์หรือไม่เล่นไลน์กันแน่






     สิบห้านาทีผ่านไป…



     Rrrrrrrr



     เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของเครื่องวางหนังสือเรียนในมือลงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครที่โทรมา




     ‘ไอ้ลูกหมา’
   
     คนดีคนเดิม



     “ว่าไง?”  ทอมกรอกเสียงถามปลายสาย


   
     [ไหนจะส่งโลเคชั่นให้พี่ไงครับ?]



     “ก็ส่งไปแล้วไง”



     [พี่ไม่เห็น] 



     “ส่งให้แล้วในไลน์อ่ะ!” 



     [ไลน์?]   




     เหยดเข้…อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักไลน์จริงๆน่ะ




      “อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก?”



     [ครับ…]




     นั่นไง! 
     ไอ้ฉิบหายเอ้ยยยยยยย! กูว่าแล้วไม่งั้นจะส่งข้อความมาทำไมตั้งแต่แรกทั้งที่ไลน์ก็มี


     ขอต่ออีกสักนิดนะว่า
     ไอ้ลูกหมาคนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือไม่รู้จักไลน์






     .





     “น้องทอมกินอะไรรึยังครับ?”  คุณากรถามขึ้นขณะที่เจ้าเด็กยักษ์ของเขาทิ้งตัวลงบนเบาะในรถ



     “ยังอ่ะ”



     แม้สรรพนามที่คุณนิวใช้เรียกทอมจะใช้ว่า ‘น้อง’ นำหน้าซึ่งเป็นการเรียกที่ค่อนข้างขัดใจทอมมากพอสมควร แต่ ณ ตอนนี้เจ้าตัวกลับคิดอย่างเดียวว่าช่างแม่ง!แล้ว เพราะขี้เกียจที่จะพูดอะไรให้มากมาย เนื่องจากว่าตัวเองก็เรียกคุณนิวแบบตามใจปากเหมือนกัน



     “จะกินอะไรก่อนมั้ยครับ?  หรือจะซื้อเข้าไปกินที่คอนโดดี?”



     คุณนิวว่าอย่างนั้น ใบหน้าก็คงราบเรียบเหมือนไม่ได้มีความคิดอะไรอยู่ในหัว แต่เชื่อเถอะว่าภายในใจก็ยังนึกเขินเจ้าเด็กยักษ์เรื่องการเล่นไลน์  อย่าว่างั้นงี้เลยนะเฟซบุ๊คอัพเดตข่าวล่าสุดก็เมื่อปีที่แล้ว  โทรศัพท์ถ้าไม่กดโทรเข้าโทรออกหรือเช็คอีเมลล์ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกแล้ว เรียกได้ว่าโลวเทคขั้นสุดเลยก็ได้



     “ไม่รู้…ไม่หิวอ่ะ” 



     “หรือน้องทอมจะทำกินเอง?” 



      “โอ้ยยย! จะถามอะไรเยอะแยะวะ? เดี๋ยวหิวก็หากินเองนั่นแหละ!” 



     หนึ่งดอกได้ไปแบบงงๆ



     “เปล่าพี่ก็แค่ถามดูกลัวว่าจะมีคนโมโหหิว”  คุณนิวยกยิ้มน้อยๆ 


     





     คุณนิวนี่ก็ยังไง อารมณ์แบบนี้ก็ยังยิ้มได้อยู่อีก
     แล้วเจ้าเด็กยักษ์นี่ก็ขี้หงุดหงิดซะเหลือเกิน




 

     “ขับรถไปเถอะ”   ทอมว่าอย่างนั้นและปิดเปลือกตาลงเพราะขี้คร้านที่จะคุย ตอนนี้ควรที่จะห่วงน้องแมวมากกว่าห่วงปากท้องตัวเองนะ



     “ก็ได้ครับก็ได้” 
 


     ปกติจะมีแต่คุณนิวเท่านั้นที่คอยหลีกหนีการสนทนาของคนอื่น  ไม่รู้ทำไมตอนนี้กลายเป็นเขาได้ที่โดนปฏิเสธการสนทนา น่าตลกชะมัด



ราวๆเกือบชั่วโมงกว่าจะฝ่ารถติดมาได้ทอมถึงกับงีบหลับไปแล้วหนึ่งรอบ ทั้งที่จริงตอนแรกจะแกล้งหลับตาเพื่อหนีคนข้างๆ แต่เพราะมันนานเกินไปบวกกับแอร์เย็นๆในรถเลยเผลอหลับเข้าจริงๆ


ประตูไม้ถูกเปิดออกหลังจากทาบคีย์การ์ดลงไป “ไหนอ่ะ”  ทอมเดินเข้าไปอย่างรู้ทางว่าน้องเหมียวอยู่ตรงไหนของคอนโดนี้
ในใจก็นึกคิดว่าอย่าให้เป็นอะไรมากกว่านี้เลยเพราะไม่งั้นเห็นทีจะจัดการกับไอ้คนที่รับฝาก เนื่องจากไม่ยอมดูแลให้ดีๆ





     “อ้าว! สวัสดีครับพี่ทอม”   พอเดินไปหยุดตรงที่ที่เจ้าเหมียวอยู่แล้วก็พบเจ้าเด็กน่านกำลังเอาอาหารให้เจ้าเหมียวกินอยู่ ตรงระเบียงดูท่าว่าน่านเองก็จะชอบเจ้าเหมียวเองไม่ใช่เล่น




     แต่เดี๋ยวนะ ?   
     ไหนว่ามันไม่สบาย ?




     “ไอ้เหมียวมันไม่สบายเป็นยังไงบ้าง?”  ทอมยืนพิงอยู่กับกรอบประตูตรงระเบียง



     “เอ๋?”  เด็กน่านร้องออกมาหนึ่งคำ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองทอมด้วยความสงสัย 



     “ทำไม!เป็นหนักเลยเหรอ?”



     “เปล่าครับ เปล่าๆ”  น่านปฏิเสธพัลวัน  ที่จริงก็แอบสงสัยกับคำถามของพี่ทอมนิดหน่อย



     “แล้ว..?”



     “คือเจ้าเหมียวมันไม่ได้เป็นอะไรเลยนะครับ”  และคำตอบของน่านก็ทำเอาเดือนวิศวะล่ะถึงบางอ้อทันที 




     ทันเท่าคำตอบที่ได้ยิน เจ้าเด็กยักษ์หันขวับไปทางคนเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้ทำเนียนเดินหนีออกไปหาน้ำดื่ม 

     “โกหกกูทำไม?”  แต่ก็นั่นแหละ ทอมไม่ยอมหรอก เขาตั้งใจจะเอาเรื่องให้ได้ เลยเดินตามร่างสูงไปติดๆ



     ร้ายนักนะมึง!



     “พี่ไม่ได้โกหก”  คุณากรปฏิเสธหน้าตาย ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม



     “มึงโกหก”  นั่นไงล่ะ เจ้าเด็กยักษ์เริ่มเกรี้ยวกราดแล้ว



     “พี่ว่าแล้วต้องมีเด็กโมโหหิว”   คุณนิวทำเนียนเปลี่ยนเรื่องไปตามความถนัด เขาวางขวดน้ำที่ยกขึ้นดื่มเมื่อครู่ลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินไปกอดคอเจ้าเด็กยักษ์ “ไปหาอะไรกินกันเถอะ”  และหมายจะทำให้ทอมเดินตามออกไป แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ



     “กูไม่ไป!”  ทอมดิ้นขลุกขลักพยายามดิ้นออกจากช่วงแขนขยาวของคุณนิวที่ล็อคคอตัวเองอยู่ 





     ขณะเดียวกันก็มีเด็กน่านที่แอบดูอยู่เงียบๆ และยืนลอบยิ้มให้กับพฤติกรรมของคุณนิว เพราะไม่เคยเห็นคุณเขาทำตัวแบบนี้มาก่อนเลย นอกจากชอบรักษาภาพลักษณ์ และตีสีหน้านิ่งๆเรียบๆ

     อยากให้คุณนิวยิ้มแบบนี้ทุกวันจังเลย ขนาดว่าหน้านิ่งแล้วยังน่ามอง ยิ้มแล้วน่ามองยิ่งกว่าเดิมซะอีก


     นานมากแล้วนะที่ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้





     “เชี่ยแม่งหลอกกู!” 





     แล้วพี่ทอมของเขาเนี่ยดูท่าจะพิเศษกว่าใครคนอื่นนะ ขนาดพูดคำหยาบกับคุณนิวแบบนั้นแล้วก็ยังไม่เห็นว่าคุณนิวจะมีทีท่าอะไรเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังดูยิ้มชอบใจ ลองเป็นคนอื่นมาพูดสิ มีหวังคอขาดกันไปข้าง


จำได้ว่าตอนเป็นเด็กคุณศรที่เป็นน้องชายคนละแม่ของคุณนิวเผลอพูดไม่เพราะกับพี่ชายไปหนึ่งครั้ง ตอนนั้นโดนทำโทษไปซะยกใหญ่เลย






     “ไม่ได้หลอก ก็ตอนแรกเห็นว่าเจ้าเหมียวมันมีน้ำมูกไหลออกมาพี่เลยกลัวว่าไม่สบาย”   คุณากรก็แถไปเรื่อย  เขามันจอมวางแผนแถมยังเจ้าเล่ห์มากด้วยไม่รู้หรือไง?





     “เหรออออออ!”   ทอมลากเสียงยาว “ปล่อยเลยกูจะกลับห้อง!”  เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรต้องอยู่แล้วเลยว่าจะกลับห้องไปหาออยกับแดนน่าจะดีกว่า



     “ถ้าไม่กินข้างนอกก็กินที่นี่ก็ได้”



     “ไม่กิน!” 



     “ทำไมล่ะครับ?”



     “เบื่อขี้หน้ามึงอ่ะ!”   เจ้าเด็กยักษ์สวนกลับทันควัน  พร้อมกับแงะแขนคุณนิวออกจากต้นคอตัวเองได้สำเร็จ



     “อยู่ก่อนเถอะ  นานๆทีจะได้ทานฝีมือน่านนะ คุณแม่พี่จะมาเอาตัวกลับวันไหนยังไม่รู้เลย” 



     ใช่ซะที่ไหนล่ะ…เขาโกหกอีกนั่นแหละ
     แต่ก็ดูท่าว่าจะได้ผลนะ เพราะเจ้าเด็กยักษ์ถึงกับยืนครุ่นคิดอยู่ประมาณห้าวินาทีกันเลยทีเดียว 




     “อยู่เถอะนะครับพี่ทอม”   และเสียงของเจ้าเด็กน่านก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างผมกะหร่องที่โผล่มาจากทางด้านหลัง เหมือนเป็นตัวช่วยให้ทอมตัดสินใจได้เร็วขึ้นกว่าเดิม



     เจ้าเด็กยักษ์ชำเลืองมองหน้าเจ้าของคำพูดเมื่อกี้นิดหน่อย “เออ”   สุดท้าย…ก็ตอบตกลงไป


     



     เห็นแก่น่านเฉยๆหรอกน่า…
     นั่นแหละก็คือความคิดของทอม
     ว่าแต่ว่าทำไมต้องมาพาน่านกลับด้วยวะ? 



     ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา  แต่พอกำลังจะเอ่ยปากถามไอ้เด็กหน้าซื่อมันก็เดินหนีไปทำอาหารซะแล้ว ส่วนคนอายุเยอะที่สุดในตอนนี้ก็ยืนอยู่ที่เดิมยังไม่ได้ไปไหน




     “กูอยู่ก็เพราะน่านหรอกนะ” 



     คุณากรยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบกลับ “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”






     อ่านต่อข้างล่างนะคะ

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ต่อค่ะ





     : )





     จบประโยคทอมก็เดินหนีเจ้าของห้องออกไปหาไอ้เหมียวทันที ซึ่งตอนนี้มันโดนขังไว้ในกรงเหมือนเมื่อคืนและถูกวางไว้ตรงประตูกระจกที่แค่เปิดออกไปก็เป็นระเบียง  ช่วงแขนยาวเลยเอื้อมไปเลื่อนประตูออกให้เปิดกว้าง เพื่อจะได้รับลมและชมวิวสวยๆตรงหน้า







     “ไอ้เหมียว”  ทอมไม่ได้เข้าไปใกล้เท่าไรนัก ทั้งที่อยากเล่นด้วยมากกว่านี้แท้ๆ เพราะไม่งั้นอาจจะได้จามกันทั้งคืนแน่ เจ้าตัวเลยทำได้แค่เพียงเปิดกรงให้เจ้าเหมียวมันออกมาเดินเล่นก็เท่านั้น ลูบหัวเกาคางมันหน่อยสองสามทีมันก็ทิ้งตัวลงนอนหลับปุ๋ย





     “อยากดื่มมั้ย?”  อยู่เงียบๆกับไอ้เหมียวยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำคุณากรก็โผล่มากจากทางไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนจากชุดทำงานมาเป็นชุดลำลองอย่างสบายๆในสไตลส์ของตัวเองที่น้อยคนนักจะได้เห็น อย่างเช่นเสื้อยืดสีดำ กางเกงผ้าร่มสีเดียวกับเสื้อ ออลแบล็คทั้งตัวเลย



     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณนิวเป็นคนที่เหมาะกับสีดำมากๆ  แถมมันยังขลับให้ผิวขาวๆนั้นขาววิ๊งยิ่งขึ้นอีกต่างหาก






     โห…






     ต้อคอขาวฉิบหายเลย






     อยู่ๆความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นแบบงงๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปยังคนที่ยื่นกระป๋องเบียร์ให้เขาที่ยังคงยืนค้ำหัวยังไม่ได้ทิ้งตัวนั่งลงสักที





     ไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากนั้นเลย…นอกจากคิดว่าผิวของคุณนิวขาวมากจริงๆ




     “เอามั้ย?”   เขาถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กยักษ์ไม่มีปฏิกิริยาอะไรหลังจากที่เงยหน้าขึ้นมามองเขา   



     “อะ เออ”   ทอมว่าอย่างนั้นและเผลอแลบเลียริมฝีปากตัวเองหนึ่งครั้งด้วยความประหม่าก่อนรับกระป๋องเบียร์มาไว้กับตัวเอง จากนั้นก็เปิดกระป๋องและยกเบียร์ขึ้นจิบไปหนึ่งอึกใหญ่ๆ 

และก่นด่าตัวเองเงียบภายในใจหนึ่งประโยคว่าเป็นบ้าอะไรไปมองต้นคอคุณนิวอย่างนั้น





     “นั่งด้วยคนนะ”



     ไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรคุณากรก็ทิ้งตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าเด็กยักษ์โดยมีกรงเจ้าเหมียวขั้นกลางระหว่างทั้งคู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าเหมียวมันเดินไปทางไหนแล้ว ขณะนี้เลยเหลือแต่คุณนิวและเจ้าเด็กยักษ์แค่สองคน



     ความเงียบเริ่มโรยตัวเข้าปกคลุม ครั้งนี้ไม่มีเสียงของคุณนิวเอ่ยถาม และไม่ได้มีเสียงของทอมที่ชอบพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด เพราะเจ้าตัวเอาแต่ยกเบียร์ขึ้นดื่มติดกันแบบถี่ๆ จนตอนนี้คิดว่าน่าจะเหลือเกือบครึ่งกระป๋อง

     ทอมขยับตัวหันหน้าเปลี่ยนทิศทางไปเป็นวิวข้างนอกระเบียงแทน คุณนิวเองก็เหมือนกัน 

     พวกเขากำลังมองท้องฟ้าผืนเดียวกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจุดหมายนั้นคือที่เดียวกันหรือเปล่า…





     “ท้องว่าง อย่าดื่มเยอะนะ”  เจ้าของใบหน้าอ่อนกว่าวัยพูดปรามเมื่อเห็นว่าคนข้างๆเล่นยกกระป๋องเบียร์ไม่ยอมวาง



     ก็นะ…ลืมไปว่าน้องยังไม่ได้ทานอะไรเลย



     “ไม่ห้ามกูตอนแดกข้าวเลยล่ะครับ?”  ทอมเอียงหน้าหันไปถามคุณากร ที่ได้มองมาที่ตัวเองอยู่ก่อนแล้ว



     “โทษทีครับ พี่ก็ลืม”  เขาว่าอย่างนั้นพร้อมกับแย่งกระป๋องเบียร์ในมือเจ้าเด็กยักษ์มาถือไว้กับตัว แต่ก็ช้าไปกว่าหนึ่งก้าวเพราะในกระป๋องนั้นไม่มีอะไรเหลือแล้ว



     ไม่น่าล่ะ…แกมเนียนที่มีขี้แมลงวันประปรายอยู่ถึงขึ้นสีระเรื่อนิดหน่อย
 


    “ไม่ต้องห่วงกูมันกระเพาะสกกระปรก ไม่เป็นอะไรหรอก”  พูดแล้วเจ้าเด็กยักษ์ก็แย่งกระป๋องเบียร์ส่วนที่เป็นของคุณนิวมาเปิดดื่มอย่างไม่เกรงใจ 


ตอนแรกก็คิดว่าอยากดื่มเพื่อคลายเครียด เผื่อว่าจะลืมเรื่องแย่ๆลงไปบ้าง แต่พอหมดกระป๋องแรกแล้วรู้สึกติดลมเลยคิดว่าถ้าไม่ได้ต่อกระป๋องที่สองจะเสียอารมณ์มากๆ



     ไม่ได้ขี้เมานะ…แค่มันหยุดดื่มไม่ได้




     “พูดไปเรื่อย”   คุณนิวหัวเราะน้อยๆ ตลกให้กับคำพูดของเจ้าเด็กยักษ์



     “มีปากก็ต้องพูดสิ”



     “นี่ถามอะไรหน่อย….? ทำไมต้องขยันยอกย้อนพี่ขนาดนี้?”   มันเป็นเรื่องที่เขาก็พอจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็แค่อยากได้ยินว่าน้องทอมจะตอบกลับตัวเองว่ายังไงก็เท่านั้น 



     เบียร์อึกที่สองของเบียร์กระป๋องที่สองซึ่งกำลังจะยกดื่มถึงกับชะงักค้างอยู่อย่างนั้น



     นั่นสิ… ทอมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน



     ปกติก็ไม่ได้หยาบคายตลอดเวลาสักหน่อย



     อาจจะเพราะ…



     “ก็แม่งชอบพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ไง”   อาจจะเพราะอย่างนี้มั้ง  ไม่ก็… เรื่องของเค้ก



     คุณากรไม่ได้ตอบหากแต่ระบายรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าแทน   
     อือ…ตามใจก็แล้วกัน กับน้องทอมน่ะ ยังไงก็ได้



     “แล้วยังชอบพูดไม่เพราะกับพี่อีก” คำพูดอีกหนึ่งประโยคถูกเอ่ยออกมา 



     “ก็กูชิน”  เจ้าเด็กยักษ์ว่าอย่างนั้นพร้อมกับไหวไหล่หนึ่งครั้งเมื่อเห็นว่าคนข้างๆนั่งเป็นบ้าเป็นบออมยิ้มให้ลมฟ้าอากาศ



     “ก็ได้ๆ” คุณนิวเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “แต่รู้อะไรมั้ย?  กับคนอื่นน่ะ จะมาทำอย่างนี้กับพี่ไม่ได้นะ” 



   
     “ไร้สาระ”  เมื่อได้ฟังประโยคที่เขาพูดทอมถึงกับมองแรงให้เพราะไม่เข้าใจและพูดตอบกลับไปด้วยประโยคเจ็บๆ แต่คนได้ฟังอย่าคุณนิวไม่ได้รู้สึกเจ็บกับคำว่า ‘ไร้สาระ’ ของน้องทอมเลยแม้แต่น้อย  กลับกันยังดูชอบใจ



     ท่าจะบ้าจริงๆแฮะ : )



     “เป็นบ้าเหรอ? ยิ้มอยู่นั่นแหละ”    แต่พอคุณนิวยังไม่หยุดยิ้ม ทำหน้าทำตาเหมือนคนมีความสุขทอมเลยอดแขวะไม่ได้



     “มั้งครับ” 




     กับน้องทอมเขาอาจจะยิ้มเรี่ยราด แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นน้องคงไม่เชื่อแน่ว่าคุณากรคนนี้จะมีหน้าตาที่บอกบุญไม่รับแทบจะตลอดเวลา บางครั้งมันก็ดูไร้ความรู้สึก สงบ เรียบนิ่ง  หน้าตายไร้อารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ… สาวน้อยสาวใหญ่ก็พากันกรี้ดกร้าดจนคอแทบแตก สาบานได้เลยว่าถ้าลองคุณเขาแจกยิ้มไปสักหนึ่งครั้งนะ… ขี้คร้าน The KNK จะแตก เพราะแม่ยกเขาเยอะ 




และที่มันเป็นแบบนี้ได้ไม่ใช่เพราะอะไรเลย ถ้าหากไม่ใช่เพจ  คนนิยมผู้ชายหลักสาม แอบเอารูปเขาไปลง พร้อมกับแคปชั่นว่า #สามสิบยังหล่อบอกต่อด้วย  คงไม่มีคนพร้อมใจกันแชร์ พร้อมใจกันเต๊าะ และตามกรี้ด (บ้างเป็นบางครั้งบางคราว)  บางครั้งชีวิตเลยไม่ค่อยสงบสักเท่าไร และคุณากรยิ่งไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วยเลยเลือกที่จะไม่พูดถึงทั้งที่ศักดิ์ดากับสิงหาชอบเอามาเป็นประเด็นแซวอยู่ตลอดเวลา 








     นาทีที่ห้าสิบเดินทางมาเยือน ในตอนนี้บรรยากาศรอบตัวไม่ได้ปกคลุมด้วยความเงียบเหมือนห้านาทีแรกอีกต่อไป หลังจากที่บทสนทนาเรื่อยเปื่อยของทั้งคู่เกิดขึ้นอย่างงงๆ แบบที่ไม่คิดว่าจะได้มีโมเม้นแบบนี้ 

อาจจะเพราะเบียร์สองกระป๋อง ไม่สิ ตอนนี้มันถูกเพิ่มอีกสามเลยเป็นห้ากระป๋อง เลยช่วยทำให้บรรยากาศในตอนนี้ไม่ได้ดูอึดอัดไปมากกว่าที่ควร



เจ้าเด็กยักษ์หน้าเริ่มแดง สติเริ่มไม่เต็มร้อยนำหน้าคุณนิวไปหลายก้าวเพราะตัวเองก็ดื่มไปห้ากระป๋องแล้วส่วนคุณนิว ยังหยุดอยู่แค่กระป๋องเดียวเท่านั้น 

อาหารที่เพิ่งทำเสร็จถูกเปลี่ยนที่วางนิดหน่อย จากโต๊ะอาหารเป็นโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่คุณเจ้าของห้องยกมาตั้งไว้เพื่อวางกระป๋องเบียร์ไหนจะขนมกินเล่นที่น่านชอบซื้อมาติดห้องไว้อีก


เคยบ่นน่านไปหลายครั้งว่าอย่ากินขนมให้มากนัก เพราะมันไร้ประโยชน์ แต่ก่อนหน้านี้รู้สึกขอบคุณของพวกนี้มากๆที่มีไว้ให้เจ้าเด็กยักษ์ขบเคี้ยวรออาหารไปก่อน เพราะดูท่าว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นมาเข้าปากแล้วคงจะเป็นศีรษะของคุณากรนั่นแหละที่เจ้าเด็กยักษ์จะเคี้ยวเล่นแทนไปก่อน


เพราะเห็นบ่นว่าหิวจนจะแดกหัวคนได้แล้วน่ะนะ
 




เมื่อเห็นอย่างนั้นเจ้าเด็กน่านเลยคิดว่าน่าจะทำกับแกล้มมาให้คุณนิวกับพี่ทอมสักหน่อยอย่างเช่นเอ็นไก่ทอด หรือลาบทอดสักจานเพราะดูท่าแล้วว่าจะยาว

ก็ดูพี่ทอมตอนนี้สิ เริ่มพูดมากเข้าไปทุกที




     “กินข้าวรองท้องสักหน่อยมั้ยครับ?”  คุณนิวถาม และเลื่อนจานข้าวหอมมะลิร้อนๆให้เข้าไปใกล้น้องทอมมากกว่าเดิม



     “แดกตอนนี้ก็อ้วกสิค้าบบบบบบบ”   อย่าบอกนะว่าเมา เพราะปกติถ้าสติเต็มร้อยน้องจะไม่พูดแบบนี้เด็ดขาด
     
     ถึงจะบอกว่ากลัวอ้วกแต่เจ้าเด็กยักษ์ก็ยังตักยำผักบุ้งกรอบเข้าปาก



     “ฮือ…อร่อย”  พร้อมกับทำหน้าฟินๆแบบที่คุณากรไม่เคยเห็นมาก่อน  จนคนที่สติครบถ้วนถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ



     หึ… เด็กยักษ์นี่มันน่ารักจริงๆ



     ชอบแบบที่น้องเป็นแบบนี้มากกว่าเมื่อตอนเช้าหรือก่อนหน้านี้อีกนะ


 
     ไม่อยากให้ความน่ารักนี้หายไปเลย   



     “ไหนบอกกลัวอ้วกไง?”   



     “กูแดกเป็นกับแกล้ม ไม่ใช่มื้อเย็น”  พูดอย่างนั้นพร้อมกับเบียร์กระป๋องที่… หก ไม่สิ ห้า ถูกเปิดดื่มอีกครั้ง



     “เบาหน่อย เมาแล้วกลับห้องไม่ได้นะ” 



     เป็นห่วงน่ะเป็นห่วง แต่เรื่องกลับไม่ได้ก็แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้น



     “กลัวเหี้ยไร เพื่อนกูเยอะเดี๋ยวให้แม่งมารับก็ได้” 



    แล้วยังไงครับน้อง… ถ้าพี่ไม่ให้ไปซะอย่าง ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ใครก็พาไปไม่ได้




     “โอเค… น้องทอมอยากทำอะไรก็ทำเลย”   ไอ้ความคิดที่กำลังผุดขึ้นมาน่ะ เขาไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ


     เดี๋ยวเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์จะตื่น




     “อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย?”   เงียบไปพักหนึ่งกว่าคุณนิวจะพูดออกมา เพราะกำลังปล่อยให้เจ้าเด็กยักษ์ลิ้มรสชาติของอาหารอยู่




      จริงๆไม่อยากจะถามถึงเรื่องนี้เท่าไร แต่มันก็อดไม่ได้เพราะคาใจจริงๆ  ฉะนั้นน้องจะด่าเขาก็ยอม



     ต้องขอโทษในความอยากรู้ของพี่ด้วยนะครับน้องทอม



     “ทำไมวะ กูก็เป็นงี้อยู่แล้วนะ?”  คิ้วเข้มเลิกขึ้นถามในเชิงสงสัย



      “พี่หมายถึงเรื่องเมื่อเช้าครับ”  โทนเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังถูกนำมาใช้ตะล่อมหลอกล่อเจ้าเด็กยักษ์



     “ไม่ตอบได้มั้ยวะ?”  ว่าแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นซดรวดเดียวจนเกือบหมดกระป๋อง



     “ไม่เป็นไรครับ พี่เป็นห่วงก็เลยถามดู”  สุดท้ายคุณากรก็ยอมตัดใจ เพราะถึงจะอยากรู้ยังไงแต่ถ้าน้องทอมลำบากใจเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงก็ต้องยอมอยู่แล้ว



     ยอมไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ถึงแม้ว่าในใจจะอยากรู้มากก็เถอะนะ 




     บรรยากาศตอนนี้เลยถูกความเงียบเข้าปกคลุมไปโดยปริยา


     ทอมเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดบางอย่างออกมา อย่างเหม่อๆ “ไอ้คนนั้นมันชื่อเพชร” 



     “…”  คุณนิวเงียบตั้งใจฟังในสิ่งที่เจ้าเด็กยักษ์กำลังเล่าออกมา


และที่อยากให้น้องเล่าไม่ใช่แค่เพราะอยากขจัดความคาใจของตัวเองอย่างเดียวหรอกนะ แต่เป็นเพราะเขาอยากให้น้องพูดมันออกมาบ้าง เงียบอย่างนี้มันคงอึดอัดน่าดู อีกอย่างก็คือเขาอยากอยู่กับเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ในวันที่มีเรื่องไม่สบายใจแบบนี้





     “เราเคยเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ตั้งแต่มอต้น… กูกับมันนิสัยแตกต่างกันแบบฉิบหายแต่สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดเราเข้าหากัน และทำให้เรามาเป็นเพื่อนที่โคตรรักกันนั่นก็คือดนตรี  กูชอบฟังเพลงและเล่นดนตรี มันเองก็เหมือนกัน”




     “ความฝันของกูมีหลายอย่างมันเองก็เหมือนกัน แน่นอนว่าก็ต้องต่างกันลิบลับเหมือนกับนิสัยและไลฟ์ไสตลส์กูกับมัน แต่มันมีอย่างนึงที่เหมือนกันอยู่บ้าง…นั่นก็คือการอยากฟอร์มวงดนตรี…” 



     “กูกับมันฝันว่าอยากมีวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อค และก็ไม่รู้ว่าจะมีใครบ้างในวงอาจจะแค่กูกับมันหรือมีคนอื่นด้วยก็ได้… จนกระทั่งตอนมอห้า กิจกรรมวันครบรอบสี่สิบปีของโรงเรียนที่จัดขึ้นในปีนั้น จำได้ว่ามันเป็นปีที่ค่อนข้างพิเศษเพราะมีการแข่งขันวงดนตรี…”



     “และตอนนั้นวงของรุ่นพี่กูก็ลงแข่งด้วย แต่ดันมีปัญหานิดหน่อยเพราะสองคนที่เป็นตำแหน่งมือกีตาร์และมือกลองดันทะเลาะกันเข้า  เลยทำให้ขาดสองตำแหน่งนั้นไปอย่างกะทันหันเพราะแม่งต่างก็ลั่นวาจากันออกมาว่า ถ้ามีมันก็ต้องไม่มีกู ในตอนนั้นเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะขึ้นโชว์แล้ว…ด้วยความที่พี่กูไม่รู้จะพึ่งใครนอกจากพวกกูสองคน ก็เลยได้เข้าไปเล่นตำแหน่งนั้นอย่างงงๆ
และเพราะเรามีเวลาซ้อมกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เลยทำได้แค่รองชนะเลิศเท่านั้น แต่พวกพี่กูมันไม่อะไรหรอกนะ  มันบอกว่าได้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว… เพราะสิ่งที่มันตั้งความหวังมากกว่านั้นคือเพลงที่กำลังจะเขียนแต่ก็ยังเขียนไม่เสร็จสักที เพราะอยากที่จะลองส่งให้ค่ายเพลงเอาไปพิจารณาบ้าง  พี่สองคนนั้นมันไม่ได้กลับเข้ามาในวงอีกเลย เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ขาดสะบั้น อีกคนบอกไปต่อไม่ได้ อีกคนบอกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันยังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง”





     “สองตำแหน่งนั้นเลยตกเป็นของกูกับไอ้เพชรไปอย่างงงๆ  เราเลยสัญญากันว่าจะช่วยกันทำให้เต็มที่ ทำให้เพลงนั้นมันเสร็จสมบูรณ์อย่างสวยงาม… นักร้องนำวงเป็นรุ่นพี่กูหนึ่งปี เขาชื่อจู…พี่จูเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยมีความรักแต่อยากเขียนเพลงรัก…จนวันหนึ่งพี่แม่งเดินมาบอกกูว่ารู้แล้วว่ารักเป็นยังไง  ไม่รู้ว่าต้นรักของพี่มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน แต่คนที่มาทำให้พี่จูรู้จักคำคำนั้นก็คือเพชร… เรื่องนั้นกูไม่ได้อะไรเลย

แต่แล้ววันหนึ่งวันที่พี่จูกับพวกกูช่วยกันสร้างเพลงขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์  และกำลังจะส่งให้ค่ายเพลง มันเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างของพวกกูในตอนนั้น ซึ่งก็คือพี่จู กู ไอ้เพชร แล้วก็พี่นัน ที่เป็นสมาชิกอีกคนในวง…”




     “ถ้ามึงเคยฟังเพลงของวง bae บ้าง มึงจะได้รู้ความจริงว่าเพลงที่เปิดตัววงนั้นคือเพลงที่พี่จูแต่ง และไอ้เพชรมันขโมยไปให้พวกนั้น พวกที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนที่จะเจอกูและวง xy ของพวกเรา”



     “จากนั้น…ความสัมพันธ์ของพวกเราก็จบลง และเรื่องราวในตอนนั้นมันทำให้กูเข็ดขยาดกับดนตรีไปเลย”



     “จริงๆมันก็ไม่อะไรขนาดนั้นหรอกนะ… แต่แค่จับกีตาร์หรือไม่ก็หยิบไม้กองขึ้นมาเหตุการณ์ในตอนนั้นมันก็ซ้อนทับจนทำให้กูไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไร  ฟังดูอาจจะเวอร์ไปหน่อย  นั่นคงเพราะตอนนั้นวงเป็นทุกอย่างสำหรับกูล่ะมั้ง? เพื่อน พี่ เสียงดนตรี กูโคตรแคร์ และกูรักมาก กูเสียความรู้สึก เสียใจและผิดหวังในตัวไอ้เพชรฉิบหาย นั่นเพราะมันเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว เลยคิดว่าตลอดห้าหกปีที่คบกันมามันคืออะไร มันจริงใจกับกูแค่ไหนก็เท่านั้น”



     “พอกูเสียศูนย์ พี่จูเองก็ไม่ต่างกัน โดนแฟนทรยศมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ xy ของพวกเราเลยล่มไม่เป็นท่าพร้อมกับความสัมพันธ์ที่แตกร้าวกู่ไม่กลับ เส้นทางเดินของพวกเราเลยแตกแขนงออกไปทางใครทางมัน ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยจนถึงตอนนี้”






     เรื่องราวน่าเศร้าถูกเล่าออกมาจนจบ จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกครั้ง จนกระทั่งคุณนิวพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค“อย่าร้องครับ”  เพราะเห็นว่าดวงตาของเจ้าเด็กยักษ์กำลังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาซึ่งกำลังจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ 




ความรู้สึกพวกนี้มันตกตะกอนอยู่นาน พอถึงเวลาที่มีคนมาทำให้มันกลับมาลอยฟุ้งอยู่ภายในจิตใจอีกครั้งก็ทำให้ได้รู้ว่ามันยังคงรู้สึกไม่ต่างกันกับในอดีต





     “มึงแหละ” 




     ฟืดดดดดดดดดดด! 
     เจ้าเด็กยักษ์โยนความผิดไปให้คุณนิว  ขณะที่พูดน้ำตาก็เริ่มไหลไปพร้อมๆกันกับน้ำมูกเลยสูดเข้าไปฟืดหนึ่ง




     “ครับพี่ขอโทษครับ…” 



     “กูแค่บอกว่ามึงแหละ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยจะขอโทษเพื่อ?” ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเงยขึ้นมามอง ดวงตาแดงๆก็ช้อนขึ้นมองเขาอย่างสงสัย



      “ก็ขอโทษสำหรับทุกๆเรื่องครับ”  คุณนิวว่าอย่างนั้น พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่นมาเช็ดคราบน้ำตาให้เจ้าเด็กยักษ์อย่างเบามือ จนคนที่ไม่เคยโดนใครทำอะไรด้วยอย่างนั้นถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาแดงๆที่คลอน้ำสีใสเบิกกว้างด้วยความตกใจ 



     จริงอยู่ที่มันคนละเรื่องกัน แต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีโอกาสได้ขอโทษน้องสักทีสำหรับเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะผิดหรือถูกก็ตาม




     “อย่างเรื่องเค้ก” คุณนิวทั้งพูดและทำสองอย่างไปพร้อมๆกัน



     “ไม่ให้อภัย”  เจ้าเด็กยักษ์ตอบกลับทันควัน



     “ไม่เป็นไร พี่รอได้”



     “…”



     เดดแอร์กำลังเกิดขึ้น




     “ได้ระบายออกมาแล้วสบายใจขึ้นบ้างมั้ย?”  คุณนิวถามไปพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาเปียกชื้นให้หายออกไปจากใบหน้าเจ้าเด็กยักษ์ ที่เงียบไปประมาณห้าวินาที ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักสองรอบเป็นการตอบคำถาม   



     เขาช่วยอะไรน้องมากไม่ได้หรอกสำหรับเรื่องแบบนี้  แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำได้คือรับฟัง และแนะนำน้องบ้างในบางอย่างสำหรับสิ่งบางสิ่งที่ไม่เหมาะสม



     และที่แน่นอนที่สุดคือไม่ว่าจะมีอะไรคุณนิวก็จะอยู่ข้างๆน้องแบบนี้



     “แล้วก็อย่าร้องไห้อีกนะ พี่จะยอมให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”



     เดี๋ยวนะ…? เกี่ยวอะไรกันวะ น้ำตาก็น้ำตากูมั้ยล่ะไอ้ฟายยยยยยยย
 


     “เพราะเราน่ะไม่เหมาะกับน้ำตาเลย”




     ตู้มมมมมม!

     แล้วทำไมทุกอย่างก็ตื้อไปหมดแบบนี้วะ?  เกือบลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เคยร้องไห้ 



     “แต่พี่ขอพูดอะไรนิดหน่อยนะ สำหรับวันนี้”  และใบหน้าอ่อนกว่าวัยของเขาก็เริ่มเข้าสู่โหมดเข้มขรึมโดยทันที



     “อะไรอีก?”



     “ก่อนที่จะทำอะไรน่ะ พี่อยากให้ทอมคิดเยอะๆทำใจเย็นๆเข้าไว้  ถ้าเจอเรื่องร้อนใจก็ให้นับหนึ่งถึงสิบรอไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี… เพราะสิ่งไหนที่เราลงมือทำไปแล้วมันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้นะครับ”



      “แต่---”  เจ้าเด็กยักษ์อ้าปากกำลังจะเถียง “ห้ามแต่ครับ”  แต่คุณนิวแย้งไว้ก่อน เพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงอบรม


     “…”


     “เราน่ะโตแล้วนะทอม ต้องหัดควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ว่ารู้สึกแบบไหนก็แสดงออกไป เพราะถ้าวันหนึ่งบุ่มบ่ามทำอะไรลงไปแล้วผลที่ตามมามันไม่ได้ดี เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้นะ”


     “…”


     “ดูอย่างวันนี้สิ ถ้าเพื่อนเราเป็นอะไรไปมากกว่านี้ล่ะ? จะรับผิดชอบยังไงไหว?”


     “…”   ประโยคนี้ทำเอาเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์เริ่มรู้สึกผิด และเริ่มหน้าหงอไปตามระเบียบ


     “อย่าลืมว่าขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่ พ่อแม่เขาเลี้ยงมากว่าจะโตไม่เคยแตะไม่เคยต้อง แล้วเราล่ะเป็นใครไปทำลูกเขา”


     “…”  พูดอีกก็ถูกอีก


     “ก่อนจะทำอะไรก็คิดให้เยอะๆ”    คุณนิวว่าอย่างนั้นพร้อมกับยื่นมือไปยีหัวเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ไปมาให้ผมยุ่งๆ  ยิ่งทำหน้าแบบนี้ยิ่งน่าแกล้ง  “เข้าใจมั้ย?”  จากหน้าขรึมๆก็เริ่มมีรอยยิ้มมาแต่งแต้ม


     “เออ กูรู้แล้ว!  ขอบคุณนะครับพ่อออออออออออออออออออออออออ”   


     “หืม…เห็นพี่เป็นพ่อเลยเหรอ?”   


     “เอออ… ทำตัวไม่ต่างจากพ่อกูเล้ยยยยยยย”   


     “ก็ได้พี่เป็นพ่อให้ก็ได้… แต่ต้องพ่อทูนหัวอย่างเดียวนะ”





     O.O
     “ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”






     .






      เวลาล่วงเลยไปเกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่คุณนิวพูดอะไรก็ไม่รู้ออกมา จนทอมถึงกับต้องรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว และอยู่ในนั้นประมาณห้านาทีได้ 



     ในตอนนั้นก็ปลอบใจตัวเองไปว่าคุณนิวมันก็แค่พูดออกมาเฉยๆไม่มีอะไร

     และมันก็ไม่มีอะไรจริงๆด้วย เพราะหลังออกมาจากห้องน้ำเราสองคนก็กลับเข้าสู่โหมดปกติ จนตอนนี้เบียร์หมดไปแล้วเป็นสิบกระป๋อง เจ้าเด็กยักษ์เริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อย แถมยังพูดมาก ลิ้นพันกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เวลาอยู่กับคุณนิว 




      “มาเล่น don’t sing along challenge กัน”  คนสติไม่เต็มร้อยพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะญี่ปุ่น จากนั้นก็กดเข้าไปในยูทูป 



     “พี่เล่นไม่เป็น”   คุณนิวปฏิเสธ


ก็เดี๋ยวนี้กับตอนมหาลัยเขาไม่เหมือนเดิมแล้วนะ  ตอนที่ยังพากันปาร์ตี้อยู่พวกเกมส์ที่ใช้เล่นเอาฮาในวงเหล้าน่ะ จะถูกยิบยกขึ้นมาเล่นตลอด  แต่ตอนนี้พอโตขึ้นอายุแตะหลักสาม เวลาที่ดื่มเหล้ากับเพื่อนเลยมีแค่เรื่องงาน เรื่องทั่วไป เรื่องการใช้ชีวิตของแต่ละวันก็เท่านั้นที่ถูกเอามาพูดในวงเหล้า 




     “ไม่ยากหรอก เดี๋ยวกูจะกดเปิดเพลงแล้วระหว่างนั้นห้ามแสดงท่าทีอะไรออกมา เช่นห้ามร้องตามเพลง ห้ามยิ้ม ห้ามเต้น”  คนชวนเล่นอธิบายยาวเหยียด สายตาก็จดจ้องอยู่กับหน้าจออย่างตั้งใจเพื่อกดหาชาแนลที่เอาเพลงต่างๆมามิกซ์รวมกัน



     “แล้วถ้าใครเต้น ใครร้องหรือทำผิดกฏิกาแบบที่น้องทอมบอก จะเป็นยังไงเหรอ?”



     “โดนตบ” ทอมตอบ “ส่งมือมา”   คนชวนเล่นเกมส์ยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อขอมือคุณนิว ไม่รู้ว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่เป็นโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ พอเจ้าเด็กยักษ์บอกว่ายื่นมือมา เขาก็รีบทำตามอย่างไม่ขัดแย้งเพราะจะได้จับมือน้อง 


แต่ก็คงจะมีแค่เขานั่นแหละที่คิดเกินจริงไปคนเดียว เพราะทอมกำลังคิดแค่ว่าถ้าต่างคนต่างจับมือกันไว้ เวลาใครทำผิดจะได้ตบง่ายๆหน่อย  และตบที่ว่าก็คือตบที่หลังมือของคนผิด ฉะนั้นการจับมือแบบนี้เลยค่อนข้างสะดวกเพราะถ้าผิดปุ้บก็ตบแม่งเลย!




     งานนี้ล่ะมึงโดนแน่…




อะๆ ยังไม่หมดจ้า



   

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สุดท้ายแล้วจ้าาา







  แต่…   
      ฉิบหายเอ้ยยยยย!  พวกคนรักเสียงดนตรีแบบกูนี่มันเสียเปรียบจริงจรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงง
 

     คนเริ่มเมาบ่นอุบอิบเพราะครึ่งแรกยังไม่ทันผ่านไปเท่าไรเลยหลังมือขาวๆของตัวเองก็เริ่มขึ้นสีแดงชัดเพราะโดนตีโดยคนที่ไม่ค่อยชอบฟังเพลง เพราะฉะนั้นไม่ว่าเพลงอะไรจะเปิดมา คุณากรก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย

ผิดกับเจ้าเด็กยักษ์ที่เผลอร้องตามบ้าง พอพยายามกลั้นก็ทำไม่ได้เพราะเห็นหน้าคุณนิวที่โคตรจะนิ่งได้ใจ บางครั้งก็เผลอโยกตัว
ตามจังหวะเพลงอย่างอดไม่ได้


แต่ทอมก็ไม่ได้คิดจะโทษตัวเองเลยแม้แต่น้อย หลักๆก็เอาแต่ว่าคุณนิวเอาเปรียบ แถมยังบอกอีกว่าเป็นเพราะเบียร์ที่ดื่มเข้าไป เลยทำให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้





     “กูไม่เล่นละ!”    เพลงยังเล่นไม่จบตามนาทีที่อยู่ในคลิปด้วยซ้ำ เจ้าเด็กยักษ์เลยโวยวายพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุม



คุณากรเลยแอบเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้จับมือนุ่มนิ่มนั่นอีก โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายๆซะที่ไหน เชื่อสิถ้าไม่เมาก็อย่าหวังว่าปลายนิ้วก้อยเขาจะได้แตะ



     เขาให้เกียรติน้องทอมนะ แต่ถ้าน้องเป็นคนเข้าหาเขาก่อนนั่นก็อีกเรื่อง



     จ้างให้ก็ไม่ปฏิเสธหรอก…   




     :  )






     “โธ่…กำลังสนุกเลย”  คุณนิวยิ้มออกมาหนึ่งครั้ง และเจ้าเด็กยักษ์ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนหัวเราะเยาะอย่างบอกไม่ถูก



     “มึงเยาะเย้ยกูเหรอ?” 



     “พี่เปล่า”



     “มึงทำ!”



     “ก็บอกว่าเปล่า”



     “อย่าเถียง”



     “ไม่ได้เถียง”



     “นั่นแหละที่เถียง”



     “นี่…อย่าแพ้แล้วพาลสิ”   ยิ่งคุณนิวกำลังระบายรอยยิ้มออกมายิ่งสร้างความหงุดหงิดให้เจ้าเด็กยักษ์เป็นอย่างมาก

แต่ก็นั่นแหละ…ต่างคนก็ต่างหมายความไปกันคนละแบบ เจ้าเด็กยักษ์ก็เข้าใจว่าคุณนิวเยาะเย้ย ส่วนเจ้าของรอยยิ้มก็แค่รู้สึกพอใจกับอะไรที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เท่านั้น




     “ไม่ได้พาลเว้ย!”



     “โอเคครับ ไม่พาลก็ไม่พาล”  ว่าแล้วก็พยายามจะหยุดยิ้มหยุดขำ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆเพราะหน้าบูดบึ้งของเจ้าโกลด์รีทรีฟเวอร์ที่แสดงออกมา



     “ยังอีก!”   จากหน้าตาบูดบึ้งก็เปลี่ยนเป็นชักสีหน้าใส่ทันควัน “มาแก้มือใหม่เลย แต่ครั้งนี้ต้องเปลี่ยนเป็นทายเพลง!”
คนแพ้แล้วพาลประกาศกร้าวขอแก้มือ ก่อนจะยกเบียร์อีกครึ่งกระป๋องขึ้นดื่มจนหมดรวดเดียว




     “ครั้งนี้ถ้ามึงไม่โดนตบจนมือแดงอย่ามาเรียกกูว่าทอม!”



     “งั้นให้พี่เรียกหนูแบบนี้ได้มั้ย?”   




     “เหี้ย”  ทันเท่าความคิดเจ้าเด็กยักษ์ก็พูดออกมาแบบไม่มีเสียงแต่สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นคำว่าอะไร ใส่หน้าคุณนิวเต็มๆ






     ก็นะ…กับน้องทอมน่ะ เขายังไงก็ได้ จะยอมเป็นเหี้ยให้ก็แล้วกัน   : )






     “มือมา!” 




     ทันเท่าคำสั่ง ฝ่ามือหนาก็ยื่นไปข้างหน้าเพื่อจับมือของเจ้าเด็กยักษ์



     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชอบเกมส์นี้มาก


     ถึงแม้จะแลกมากับการเจ็บตัวเล็กๆน้อยๆก็เถอะนะ



     อือ…ก็ยอมนั่นแหละ



     “shape of you!”   แค่เพียงโน้ตไม่กี่ตัวที่ดังขึ้นไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ เจ้าเด็กยักษ์ก็ตอบขึ้นด้วยความเร็วรี่




     เพี๊ยะ!
     พร้อมกับการออกแรงตีที่ฝ่ามือใหญ่นั่นหนึ่งครั้ง




     “someone that loves you!”
     เพี๊ยะ!




     “wild thoughts!”
     เพี๊ยะ!




     “that’s what I like!”
     เพี๊ยะ!




     “we don’t talk anymore!”
     เพี๊ยะ!





     และเสียงตีมือก็ดังติดต่อกันตลอดมา  จะทำยังไงได้ ถึงจะรู้ว่าตัวเองตอบไม่ได้แน่เพราะไม่ได้ฟังเพลงมากเท่าไร แต่ก็ยังยอมที่จะเล่นแม้จะตอบไม่ได้และโดนตีมือก็เถอะ




     “ยอมแพ้ยัง?”  จบเกมส์แรกไปอย่างชอกช้ำเพราะมือของคุณนิวนั้นแดงเถือกอย่างช่วยไม่ได้


     กระป๋องเบียร์ที่เท่าไรไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าสิบสามหรือสิบสี่ถูกเปิดขึ้นดื่มอีกครั้ง




     “ยอมแล้วๆ”




     “ดี!” เจ้าเด็กยักษ์ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความพอใจ



     ยอมง่ายซะจริงๆ บอกอะไรก็ทำตาม




     “น้องทอมเองก็เหมือนกัน พอได้แล้วนะ”  เขาว่าอย่างนั้นพร้อมกับแย่งกระป๋องเบียร์ในมือเจ้าเด็กยักษ์มาไว้กับตัวเอง



     “โอเคๆ นี่ป๋องสุดท้ายแล้ว”  ว่าอย่างนั้นพร้อมกับเข้าไปยื้อแย่งของในมือคุณนิว



     “พอแล้วครับ” เพราะเห็นว่าน้องเมามากแล้ว  กลัวตื่นมาแล้วจะแฮงค์เอาได้ 



     “ไม่ได้เสียดายของ”  แต่ไม่ว่ายังไง เจ้าเด็กยักษ์ก็ไม่ยอมอีกเช่นเคย



     “เดี๋ยวพี่จัดการให้”



     “จะยอมไม่ยอม!?”    ไม่รู้ว่าเพราะเบียร์หรือเพราะอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเอาแต่ใจกับคุณนิวได้มากขนาดนี้




     เอ๊ะ!  หรือว่าจะเป็นเพราะนิสัยนะ



     ไม่หรอก เพราะเบียร์นั่นแหละ ปกติไม่ใช่คนแบบนี้เลย



     ถึงจะแอบมีบ้างก็เถอะ




     “ไหนดูดิว่ามือน้องทอมแดงมากหรือเปล่า?”   คนเจ้าเล่ห์แกล้งเปลี่ยนเรื่อง เขาวางกระป๋องเบียร์ให้ไว้ห่างพิกัดที่มือของเจ้าเด็กยักษ์จะเอื้อมถึง  จากนั้นก็คว้ามือข้างที่โดนตีของคนตรงหน้ามาดู



     ไม่ได้แดงมากแล้ว  แต่คุณากรก็ยังทำเนียนจับมือเจ้าเด็กยักษ์ขึ้นมาดู



     “ไกลหัวใจ”   และแผนนี้ก็ได้ผล เจ้าของฝ่ามือไม่ได้ยื้อแย่งกระป๋องเบียร์กับเขาอีก



     “แต่พี่ว่าไม่ไกลนะ”   : )



     อยู่ๆสมองมันก็คิดตอบสนองกับคำพูดที่เพิ่งบอกออกมาว่า ‘ไกลหัวใจ’




     “พูดเหี้ยอะไรเนี่ย  มึงเมาเหรอ?”  ใครกันแน่ที่เมา



     คุณากรส่ายหน้าไปมา เป็นการตอบปฏิเสธ “นี่ไงครับ…”  ก่อนจะเอามือของเจ้าเด็กยักษ์มาทาบไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง “ใกล้หรือยัง” 






     ตู้มมมมม!




     ผิวขาวเนียนบนใบหน้าที่ประปรายไปด้วยขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อมากขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายเท่า
     ไม่รู้ว่าเพราะแอลกอฮอล์หรือเพราะเขินกันแน่


     ถ้าคุณนิวจะคิดแบบเข้าข้างตัวเองก็คืออย่างหลังนั่นแหละ

    และเขาก็เป็นพวกชอบเข้าข้างตัวเองซะด้วยสิ



     เจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ต้องเขินมากแน่ๆ ดูสิหน้าแดงแจ๋เลย




     “เมามากแล้วนะเรา…”   ไม่ว่าเปล่า เขาเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้คนกำลังเขินมากขึ้นจนปลายจมูกเกือบชนกัน



     “…”



     “หน้าแดงแจ๋เลย”   : )



     “กะ กูไปเข้าห้องน้ำแป้บนะ…ปวดเยี่ยวฉิบหายเลย!”   ไม่แน่ใจว่านี่ตั้งใจจะพูดหรือตั้งใจจะแร็ป เร็วซะจนลิ้นพันกัน   
และที่พูดออกมาน่ะมันก็เป็นแค่ข้ออ้างที่พูดขึ้นมาเพื่อที่จะได้เอาตัวรอดออกไปจากสถานการณ์ตอนนี้



     สายตา



     รอยยิ้ม



     ไหนจะจังหวะการเต้นของก้อนเนื้อภายใต้หน้าอกด้านซ้ายของคุณนิวอีก



     บอกเลยว่ามันรู้สึกแปลกมากจนทนไม่ได้



     ว่าอย่างนั้นแล้วเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบวิ่งปรู๊ดไปเข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้ก็แต่คุณนิวที่นั่งอมยิ้มให้กับการกระทำบ้าๆของตัวเอง




     ไม่ได้ทำกับใครแบบนี้มานานมากแล้ว  นานจนลืมไปว่ามันรู้สึกยังไง 





     : )




     เอ… วันนี้เขายิ้มไปกี่ครั้งกันแล้วนะ



     ถ้าจะนับนิ้วคงต้องยืมนิ้วเท้ามานับแล้วล่ะ…






     โปรดติดตามตอนต่อไป...









     ขอโทษน้าาาา ที่หายไปนาน ข้ามิมีเวลาจริงTwwwwwwT   



     ไม่รู้จะเม้าอะไรแล้ว ง่วงนอนมากกกก ฮือออ ช่วยข้าด้วยนะ เพราะแผ่นดินไหวแต่ข้ามิไหวแร้วววววววววว


     #คนของคุณากร


     twitter : @blueeyesmine
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2018 14:37:54 โดย Matcha_Latte »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :o8:  :-[  :impress2: งานหยาบแบบน้องทอม ต้องเจองานละเอียดแบบคนพี่   :hao3: น่ารักกกก

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ดีจายยยย ตอนแรกนึกว่าตาฝาด อัพจริงๆด้วยย

ตอนยาวได้ใจมากค่าาา สนุกมากๆ
น้องทอมมีความเขินคุณนิวแล้ว

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
น้องทอมลูกกกกกก
โดนอิพี่เค้าแต๊ะอั๋งไปเยอะมากกกกกกก รู้ตัวไหมเนี่ย 5555555

ออฟไลน์ Matcha_Latte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนที่เก้า : คำขอข้อที่สาม







          ความเย็นฉ่ำที่ได้จากแอร์คอนดิชันเนอร์กระทบลงผิวขาวเนียนของใครบางคนที่กำลังนอนหลับพริ้มอยู่บนโซฟา ร่างสูงขยับตัวยุกยิกเพราะเริ่มหนาว แต่ไม่นานเปลือกตาสีไข่ก็ต้องเปิดขึ้นมาในที่สุด เพราะร่างกายนั้นประท้วงมาว่าเขาได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว


เจ้าเด็กยักษ์นอนกะพริบตาปริบๆอยู่อย่างนั้นประมาณห้านาทีได้เพื่อให้ดวงตาได้ปรับแสงกับความสลัวในตอนนี้ และให้สมองประมวลผลว่าสิ่งที่เห็นอยู่ ณ ตอนนี้มันคืออะไร เพราะพอมองจากรอบๆห้องแล้วแต่เฟอร์นิเจอร์แต่ละอย่างมันไม่ได้มีอยู่ในห้องเขาเลย  หลังจากที่นอนนึกคิดไปได้ครู่หนึ่งทอมก็ร้อง อ๋อ… ออกมาด้วยความกระจ่าง



           คอนโดไอ้คุณนิวนี่หว่า…


          เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วเจ้าเด็กยักษ์เลยลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความรวดเร็ว แต่แค่เพียงเสี้ยววินาทีทอมก็ต้องยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองไปมาเพราะอาการปวดหัวที่เข้าเล่นงาน บอกได้เลยว่าตอนนี้โลกของเขามันทั้งหมุนและเอนเอียงจนแทบจะอ้วก 

กระทั่งสามนาทีผ่านไป เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วเจ้าตัวก็เลยหันหน้าออกไปมองท้องฟ้าว่าช่วงนี้คือเวลาไหน แต่ฟ้ามืดๆที่มองเห็นทำเอาเจ้าเด็กยักษ์ถึงกับแปลกใจ ว่าทำไมดื่มหนักขนาดนี้แล้วตัวเองยังตื่นเช้าได้อีก

จำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองดื่มถึงตีสอง แล้วนี่เพิ่งตีห้าทำไมไม่นอนต่อ ทันเท่าความคิดเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบลุกขึ้นไปเปิดไฟรอบๆห้องเพื่อเพิ่มความสว่าง เจ้าตัวมองหาโทรศัพท์ตัวเองสุดท้ายก็พบว่ามันนอนแอ้งแม้งอยู่ที่โต๊ะตัวน้อยๆตรงโซฟาที่ตัวเองนอน เลยหยิบมันขึ้นมาเช็คตามดูนิดหน่อยว่ามีใครโทรหาบ้างหรือเปล่า

ป่านนี้ไอ้ออยกับไอ้แดนคงจะถามหากันน่าดู แต่ปลดล็อคหน้าจอยังไม่ทันไรด้วยซ้ำ หน้าจอที่บ่งบอกเวลาและวันที่ก็ทำเอาทอมถึงกับเบิกตาขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกว่าตัวเองมองผิดหรือเปล่า แต่จนแล้วจนรอดทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม





          ฉิบหาย !



          สองคำแรกที่หลุดออกมาจากปากหลังจากที่เขาตื่นนอน นั่นคือคำว่า ‘ฉิบหาย’  เพราะว่าตอนนี้มันไม่ใช่ตีห้าอย่างที่ทอมคิด เนื่องจากตอนนี้มันเป็นเวลา 19.31 นาฬิกาต่างหาก



         โห… นี่กูนอนเหี้ยอะไรขนาดนี้วะเนี่ย ! นอนตั้งแต่ตีสองถึงทุ่มครึ่ง เหี้ยแล้ววววว 

และหน้าจอโทรศัพท์เขามันก็ขึ้นโชว์ว่าสองเพื่อนรักมันโทรหาเขาบ่อยแค่ไหน โชคดีที่นี่มันวันหยุดเพราะฉะนั้นเลยไม่ต้องไปเรียน ไม่อย่างนั้นล่ะมีหวัง….





          Rrrrrrrrrrrr


          ยังไม่ทันได้วางโทรศัพท์ดีด้วยซ้ำ ใครคนหนึ่งก็โทรเข้ามา และคนที่ว่าก็คือไอ้แดน

          แหม…เร็วจังนะไอ้สันขวานนนนน  ไม่ปล่อยให้เพื่อนรอนนานทอมจึงกดรับทันทีและต่อจากนั้นเขาก็ต้องตอบคำถามของเพื่อนอีก หลายคำ พอวางสายได้ไม่นานก็มีบางสิ่งที่เขาเอะใจขึ้นมาโดยอัตโนมัติ



          เจ้าของห้องมันไปไหนวะ… ?  ไม่เห็นทั้งไอ้คุณนิวแล้วก็เมียเด็กของมันเลย แต่ก็ดีละ เพราะจะได้ชิ่งแบบทางสะดวกหน่อย ทันเท่าความคิดเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา หมายจะรีบเผ่นออกจากคอนโดคุณนิวให้เร็วที่สุดก่อนที่เขาจะกลับมา  แต่เมื่อเข้าไปในห้องน้ำแล้วสิ่งที่เห็นตรงหน้ากระจกทำเอาเจ้าตัวถึงกับหัวร้อน เพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่มันไม่ใช่ชุดนักศึกษาอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเป็นชุดลำลองของใครสักคนซึ่งทอมเองก็มั่นใจว่าต้องเป็นของคุณนิวเพราะถ้าเป็นของเด็กน่านเขาคงใส่ไม่ได้ เนื่องจากไซส์ตัวก็ต่างกันพอสมควร


และสิ่งสำคัญเลยคือคนเมาไม่รู้เรื่องอย่างเขาน่ะเปลี่ยนชุดให้ตัวเองไม่ได้แน่ๆ หรือบางคนอาจจะได้แต่สำหรับทอมแล้วมันไม่ได้ เพราะถ้าทอมเมาสิ่งเดียวที่จะทำคือล้มตัวลงนอน เพราะฉะนั้นทอมคิดว่าคนที่มาเปลี่ยนเสื้อให้ตัวเองคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก


          ไอ้ลูกหมา !


          แต่ก็ช่างมันเถอะ !  ยังไงเรามันก็ผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีอะไรเสียหายหรอก


คิดได้ดังนั้นเขาก็จัดการธุระของตัวเองให้เสร็จ จากนั้นก็คิดว่าเขาจะออกตามล่าหากระเป๋าและเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ทุกอย่างก็เป็นได้แค่เพียงความคิด เพราะเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงโซฟาที่ใช้นอนเมื่อครู่นี้ เจ้าของห้องก็ปรากฏอยู่ในสายของตาทอมทันที คนที่คิดจะหนีกลับห้องอย่างไม่บอกไม่กล่าวถึงกับมีท่าทางที่แปลกไป ดูเลิ่กลั่กๆ คล้ายกับคนทำผิดมาอย่างไรอย่างนั้น   




          “ตื่นแล้วเหรอครับ ?”  คุณนิวเพิ่งกลับมาจากทานอาหารมื้อค่ำกับลูกค้า เขาเอ่ยถามเจ้าเด็กยักษ์ที่เพิ่งออกมาจากห้อง พร้อมกับสองเท้าของตัวเองก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าน้องทอม


          “ไม่ตื่นกูจะยืนอยู่นี่เหรอ ?”   เจ้าเด็กยักษ์สวนกลับทันควัน และคุณนิวก็เป็นเหมือนกับทุกครั้งที่ไม่เคยโต้ตอบอะไรกลับไป ทำแค่เพียงยิ้มให้และตอบกลับอย่างคนใจเย็น


          “อะ…งั้นพี่ถามใหม่”  คุณนิวว่าอย่างนั้น “น้องทอมกำลังจะทำอะไรครับ ?”   


          เจ้าเด็กยักษ์ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “หากระเป๋า ชุกนักศึกษาด้วย” 


          “ชุดนักศึกษาพี่เอาไปซักให้ครับ ส่วนกระเป๋าอยู่ในห้องพี่” 



          แล้วแม่งจะเอาไปเก็บไว้ในห้องตัวเองทำซากอะไรวะ ! บ้าบอ 



          “เอามาให้กู กูจะกลับแล้ว”  ตอนนี้อารมณ์ของเจ้าเด็กยักษ์เริ่มจะหงุดหงิดเข้าไปทุกที เพราะทั้งแฮงค์และหิวข้าวจนอยากจะแดกหัวคุณนิวเข้าไปทุกที   


          “เดี๋ยวค่อยกลับครับ อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน”   คุณนิวเสนอ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดหรอก เพราะเขากำลังคิดที่จะทำอะไรที่มันดีๆต่างหาก เลยต้องตะล่อมให้เจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์อยู่ก่อน เพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่กำลังคิดอยู่






          ทีแรกทอมก็อยากปฏิเสธแต่เพราะท้องไม่รักดีมันดันร้องโครกครากออกมาตอนอยู่ต่อหน้าไอ้คุณนิวเจ้าตัวก็เลยต้องอยู่ทานข้าวกับเขาก่อนเพราะโดนบังคับ

แพลนในตอนแรกก็คือจะสั่งอาหารมาทานกันที่ห้อง แต่เพราะนิสัยของทอมที่อยากจะเอาคืนคุณนิวเพราะอยากบังคับทอมดีนัก เลยแกล้งลากเขาออกไปหาอะไรทานกันข้างนอก คุณนิวเองก็คิดว่าเป็นร้านอาหารที่โรงแรมหรู แต่ก็เปล่าเลย เจ้าเด็กยักษ์กลับลากเข้ามาที่ร้านอาหารอีสานข้างทาง ครั้นเจ้าของห้าง เดอะเคเอ็นเค จะอ้าปากปฏิเสธก็ดูท่าว่าจะยาก เพราะคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยน่ะคือเจ้าเด็กยักษ์ไม่ใช่ตัวเอง เพราะฉะนั้นน้องทอมจะพาขับรถไปไหนเขาเลยขัดไม่ได้ 



          “น้องทอมอยากทานร้านนี้เหรอครับ ?” คุณนิวถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในตัวน้องทอม แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก และอีกอย่างสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้เลยคือ เขาไม่กินเผ็ด


          “กูจอดตรงนี้คงจะเดินไปแดกที่อื่นหรอก”  ทอมว่าอย่างนั้น เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ตัวเองทำนั่นคือการแกล้งพาคุณนิวมาทานอาหารที่นี่



          เชื่อหัวไอ้ทอมเท้อออออ ว่าไอ้คุณนิวมันต้องไม่เคยกินอาหารอิสานแน่ๆ เสร็จโจร !
          บังคับกันนักใช่มั้ย ได้!  เดี๋ยวเจอกู 

          ความคิดร้ายๆผุดขึ้นยิ่งทอมได้เห็นสีหน้าท่าทางของคุณนิวเจ้าตัวก็ยิ่งได้ใจ



          “เอ้า! ลงมาดิ กูหิว” 


          “พี่ว่า--”


          “ว่าอะไร ?  นี่กูหิวจนจะแดกหัวคนได้แล้วเนี่ย”  ทอมโวยวาย  “จะนั่งอยู่ในรถก็ตาใจ” คนขี้แกล้งทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะลงจากรถไปเพื่อไม่ให้คุณนิวได้มีสิทธิ์ต่อรอง



ท้ายที่สุดคุณนิวจำเป็นต้องยอมตามเจ้าเด็กยักษ์ลงไป  เพราะเขาคงไม่ทานมากเท่าไร เนื่องจากว่าทานมาแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นแผนการที่คิดมามันจะไม่ดำเนินต่อไป



          บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างเย็นสบาย ท้องฟ้ามืดมิด แต่รถราก็ยังคงวิ่งอย่างพลุกพล่าน 


          “รับอะไรดีคะ”  เด็กเสิร์ฟเข้ามาถามเมื่อเห็นว่ามีลูกค้าโต๊ะใหม่ แต่เป็นเพราะว่าดีกรีเดือนวิศวะที่ฟรุ้งกระจายรอบๆตัวสาวเจ้าเลยค่อนข้างขัดเขินเมื่อเดินเข้ามารับออเดอร์


          “เอา…” ทอมเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง เพราะกำลังเหลือบตามองคนที่เพิ่งลงมาจากรถ “เอาส้มตำปูปลาร้า ยำคอหมูย่าง ต้มแซ่บ ไก่ทอดน้ำปลา แล้วก็ข้าวเหนียวครับ” 


          “คะ…” เด็กเสิร์ที่กำลังจดรับออเดอร์กำลังจะอ้าปากถามว่า ‘เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ’  ถึงกับสะดุดในคำพูดของตัวเอง เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากการเขียนเมนูลงในกระดาษแล้วพบกับลูกค้าอีกคนที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน แต่ที่รู้ๆคือแซ่บมาก !

เมื่อเห็นอย่างนั้นเจ้าเด็กยักษ์ขี้แกล้งถึงกับใช้เท้าสะกิดคนอายุเยอะกว่า ว่ากำลังมีสาวพูดไม่ออกเพราะตัวเอง พร้อมกับยิ้มล้อเลียนอย่างที่คุณนิวไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะฉะนั้นเจ้าเด็กยักษ์เลยโดนคนตรงหน้าใช้สายตามองอย่างคาดโทษ


          “อะเอ่อ… เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ ?”  ดูท่าทางสาวเจ้าจะเขินจริงเขินจังเพราะถึงขั้นไม่กล้ามองหน้าคุณนิว เธอเลยหันไปทางเจ้าเด็กยักษ์แทน

          แต่ไม่ว่าทางไหนเธอก็คิดว่าหัวใจกำลังทำงานหนักไม่แพ้กัน


          “โค้กแล้วก็น้ำเปล่าครับ”   

คล้อยหลังเธอเดินไปได้ไม่นานทอมก็เอ่ยปากแซวคนตรงหน้า “เสน่แรงจังนะพ่อรูปหล่อ” 
คุณนิวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “อารมณ์ดีขึ้นแล้วหรือไง ?”  เป็นเพราะว่าเห็นเจ้าเด็กยักษ์ดูมีท่าทีปกติไม่เหมือนกับเมื่อวานคุณนิวเลยกล้าเอ่ยปากถาม



          “ก็…” ทอมเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “คงดี”  พร้อมกับไหวไหล่หนึ่งครั้งอย่างไม่ใส่ใจนัก

ที่รู้สึกดีขึ้นไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะได้พูดสิ่งที่ไม่เคยพูดให้ใครได้ฟังออกไป หรือเป็นเพราะความรู้สึกมันกำลังตกตะกอนไปยังก้นบึ้งของความรู้สึกกันแน่  หรือไม่…มันก็เป็นทั้งสองอย่าง
แต่ทอมไม่แน่ใจเลย ว่าถ้ากลับไปเห็นหน้าเพชรอีก ตัวเองจะอดทนกับความเสียใจได้มากแค่ไหน หรือเขาจะย้ายห้องอยู่ดีนะ ?



          “ก็ดีแล้วครับ”   : )   


          อีกครั้งที่คุณนิวส่งรอยยิ้มไปให้กับคนตรงหน้า และครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งไหนๆเพราะความรู้สึกที่ทอมกำลังได้รับมันคล้ายกับความอบอุ่นที่เข้ามาขับไล่ความหนาวเย็นออกจากก้นบึ้งของความรู้สึก

และก็เป็นเพราะรอยยิ้มเมื่อครู่นี้ที่ทำให้เจ้าเด็กยักษ์ถึงกับเขินทำตัวไม่ถูก เพราะฉะนั้นเจ้าตัวเลยผินหน้ามองไปทางอื่น เนื่องจากไม่กล้าสบตาคุณนิว 





          “ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ”   ความเงียบกลืนกินคนทั้งคู่เข้าไปได้ไม่นาน เสียงของเด็กเสิร์ฟคนเดิมก็ดังขึ้นพร้อมกับอาหารที่นำมาเสิร์ฟ และครั้งนี้สาวเจ้าจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อในความหล่อของลูกค้าโต๊ะนี้เด็ดขาด! เธอเลยไปซื้อแมสปิดปากมาใส่เพื่อปิดบังอาการที่มันจะแสดงออกมาทางสีหน้า


          เมื่ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะแล้ว คุณนิวถึงกับนั่งมองตาไม่กะพริบเพราะดูจากสีสันแล้ว บอกเลยว่า… เผ็ดแบบกินน้ำได้เลยสามลิตร



          “กินสิวะ นั่งมองแล้วมันจะอิ่มเหรอ?” ทอมเอ่ยปากพูดเมื่อตักนู่น ตักนี่ชิมเสร็จแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ยังทำแค่เพียงนั่งดู





          เสร็จกูแน่ไอ้ลูกหมา !

          ทอมคิดด้วยความสะใจ





          “พอดีพี่ทานมาแล้วครับ”  คุณนิวว่าอย่างนั้น



          “โห ไร้ว๊า….”  “คิดว่าจะมากินเป็นเพื่อนกัน เสียใจจริงๆ”  เจ้าตัวถึงขั้นกับแกล้งตัดพ้อ


          “พี่ไม่--”  คุณนิวกำลังจะบอกว่า ‘พี่ไม่ค่อยถนัดอาหารพวกนี้’  แต่ยังพูดไม่ทันจบเจ้าเด็กยักษ์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน


         “ตามใจ…”  ทอมไหวไหล่หนึ่งครั้งอย่างไม่สนใจ แต่ก็แอบหวังว่าไอ้คุณนิวมันจะรู้สึกผิดที่เขาตัดพ้อเลยตักอาหารขึ้นมากินบ้าง


          “…”


          “ก็ได้…”  และสุดท้าย คุณนิวก็ยอม 
 





          “น้องครับขอน้ำเปล่าสองขวด”   ครึ่งชั่วโมงผ่านไปตอนนี้คุณนิวขอยกธงขาว วางช้อนลงเพราะไปต่อไม่ไหวเนื่องจากมันเผ็ดจนควันออกหู เลยต้องเอ่ยปากสั่งน้ำเปล่าเพิ่ม


          “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ากินเผ็ดไม่ได้”   เจ้าเด็กยักษ์พูดพร้อมกับกลั้นขำสุดชีวิต ตอนนี้หน้าเขาแดงเหมือนมีใครเอาสีมาทาหน้าอย่างไรอย่างนั้น


          “…”  คนเผ็ดจนควันออกหูไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะกำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างกับคนไม่เคยกินน้ำ   


          “หัวเราะพี่เหรอ ?”   เมื่อดื่มน้ำขวดเล็กจนหมด คุณนิวก็เลยถามคนตรงหน้ากลับ 


          “เปล๊า”   เจ้าเด็กยักษ์ตอบเสียงสูง


          “ระวังจะหัวเราะไม่ออก”  คุณนิวว่าไว้อย่างคาดโทษ พร้อมกับสีหน้าที่นิ่งเฉยจนน้องทอมของเขาถึงกับสีหน้าเจื่อนลงเพราะกลัวจะหัวเราะไม่ออกจริงๆ   



          “กูขอโทษษษษษษษษษษษษษ”    ทอมลากเสียงยาวเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิดไป ถึงมันจะไม่ได้ร้ายแรงมาแต่ดูท่าว่าคุณนิวจะอารมณ์เสียจริงๆ เพราะเขาดูนิ่งเฉยๆไปเลย ดูไม่ใช่คนเดียวกันเหมือนก่อนหน้านี้ที่ชอบพูดกวนหรือยิ้มแย้มเวลาอยากับทอม 



          “ไม่หายครับ” คุณนิวปฏิเสธ  “มื้อนี้จ่ายเองแล้วกันนะครับพี่ไม่เลี้ยง” 


          โหหหหห  ไอ้ลูกหมามันโกรธจริงๆเหรอวะเนี่ย!



          “ไม่เลี้ยงเหี้ยอะไร?  ก็เป๋าตังกูอยู่กับมึงอ่ะ”  เป็นทอมที่เริ่มงอแงบ้าง


          “พี่โกรธครับ”


          “…”  เจ้าเด็กยังเงียบไปครู่หนึ่ง  “เออ! จะเอายังไงก็ว่ามาเลย” ก่อนจะวางช้อนลงเพราะมันหมดอารมณ์ที่จะทานต่อ เขานั่งกอดอกรอฟังว่าคนตรงหน้าว่าจะพูดอะไรออกมา


          “พี่มีข้อแลกเปลี่ยน” 


          “ข้อแรกเปลี่ยนอะไรอีก ?” 


          “มาอยู่กับพี่สิ”


          “…”


          “นอกจากจะหายโกรธแล้ว ข้าวพี่ก็จะเลี้ยงทุกมื้อเลย…”



          เหี้ยยยยยย!






          “ทำไมชอบพูดอะไรไร้สาระ ?” เจ้าเด็กยักษ์ถามด้วยหน้าตาหาเรื่อง


          “พี่ไม่เคยไร้สาระครับ”  แต่คุณนิวก็ยังคงความนิ่งเฉยไว้ได้อย่างเช่นเคย และไม่สะทกสะท้านต่ออารมณ์ของน้องทอมเลยแม้แต่นิด   


          “ไม่คุยกับมึงละ! รีบจ่ายค่าอาหาร แล้วก็ไปส่งกูสักที”  เป็นเพราะว่าท่าทางของคุณนิวตอนนี้มันบอกว่า ‘พูดจริง ทำจริง’  ทอมเลยเปลี่ยนเรื่องคุย 

          บ้าเหรอ ! ใครจะย้ายไปอยู่กับมันบ้าบอ

 
          “น้องครับคิดเงินด้วย”   จบประโยคที่คุยกับคุณนิวเมื่อครู่ เจ้าเด็กยักษ์ก็รีบเรียกเด็กเสิร์ฟให้มาคิดเงิน


          “ทั้งหมด สามร้อยห้าสิบบาทค่ะ”  สาวเจ้าใช้เครื่องคิดเลขยืนคิดอยู่ตรงนั้นประมาณครึ่งนาทีได้ จำนวนเงินค่าอาหารทั้งหมดในโต๊ะนั้นก็ถูกคำนวนออกมา 



ถึงจะยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่เพราะโดนมัดมือชกให้จ่ายค่าอาหารคุณนิวเลยต้องนำเงินออกมาจ่ายค่าอาหาร แต่ยังไม่ทันได้เงินทอนเจ้าเด็กยักษ์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะไปก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่รอช้าที่จะตามไป ก่อนจะหันไปบอกคนคิดเงินว่า ‘ไม่ต้องทอน’




          “พี่จริงจังนะหนู ทำไมเดินหนีกันแบบนี้” ช่วงขายาวก้าวเดินตามเดือนวิศวะไปติดๆ จากนั้นก็ท่อนแขนล็อกคอเจ้าเด็กยักษ์ไว้อย่างหลวมๆเพื่อกันไม่ให้น้องทอมเดินนำหน้าไปเสียก่อน


แต่นั่นก็แค่ข้ออ้าง… คนที่รู้ดีที่สุดน่ะก็คือตัวเขาเองนั่นแหละ เพราะลึกๆแล้วคนเจ้าเล่ห์แค่อยากจะหาเรื่องใกล้เจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ก็เท่านั้น




: )






          “จะมาเกาะกูทำไมเล่า !”  แต่การหาเรื่องใกล้เจ้าเด็กยักษ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทอมร้องโวยวายทันทีเมื่อคุณนิวล็อคคอตัวเองไว้หลวมๆขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ สองมือก็พยายามแกะพันธนาการนั้นออก แน่นอนว่าการล็อคไว้หลวมๆมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่ทอมจะนำมันออกไป  แต่เป็นเพราะว่าเมื่อเขาทำอย่างนั้นแล้วคุณนิวก็ยังคงเอาแขนมาล็อคคอเขาไว้เช่นเดิม



          ไอ้ลูกหมา !
          เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะโว้ยยยย
          เป็นบ้าเป็นบออะไรมาบังคับให้คนอื่นเขาไปอยู่ด้วย ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ !




          “ที่เกาะก็เพราะต้องการคำตอบ” 


          “คำตอบอะไรอย่าเพ้อเจ้อ !”  จนถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็เดินมาถึงรถสปอร์ตคันหรูในที่สุด


          “นี่พี่พูดจริงๆ อีกอย่างที่พี่ชวนก็เพราะหวังดี” 


          “หวังดีอะไรของมึง ?”  ทอมถึงขั้นกับขมวดคิ้ว เพราะไม่เข้าใจเหตุผลของคุณนิวที่พูดออกมา 


          “เพราะพี่ไม่รู้ไง ว่าถ้าเรากลับไปอยู่ห้องตัวเองแล้ว ถ้าเห็นเพื่อนเก่าคนนั้นเราจะยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อยู่มั้ย ?”  และนั่นก็คือความหวังดีทั้งหมดที่เขามีให้เจ้าเด็กยักษ์ เพราะคุณนิวไม่อยากให้ทอมโมโหจนฟิวส์ขาดไปทำร้ายใครอีก และถ้าโชคร้ายกว่านั้น คือถ้าเพื่อนคนนั้นของน้องทอมต้องการเอาคืน มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ ถึงแม้ว่ามันจะมีผลพลอยได้อย่างอื่นด้วยก็เถอะ



          แต่เขาหวังดีจริงๆนะ…


เมื่อคำพูดของคุณนิวตรงกับความคิดก่อนหน้านี้ของตัวเอง เรื่องที่ว่าจะทนได้มั้ย ถ้าหากได้เผชิญหน้ากับเพชรอีกครั้ง  เจ้าเด็กยักษ์เลยเงียบลงกะทันหัน เพราะหนึ่งแทงใจดำ และสองกำลังใช้ความคิดว่าจะเอาอย่างไรดี

แต่…  เขาไปอยู่กับไอ้แดนไอ้ออยก็ได้นี่นา ทำไมต้องอาศัยที่อยู่ของคนอื่นด้วย



          “ก็ถูกของมึงนะ”  ทอมว่าอย่างนั้นและเงียบไปครู่หนึ่ง  “แต่กูไม่อยู่กับมึงอ่ะ จะไปอยู่กับเพื่อน”  ก่อนหน้านี้แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่คุณนิวแอบลอบยิ้มอย่างได้ใจ แต่เมื่อได้ฟังประโยคถัดไปแล้วเขาเกือบจะหุบยิ้มแทบไม่ทัน


          “จะไปอยู่กับเพื่อนทำไมให้อึดอัดครับ? คอนโดพี่ออกจะกว้าง หรือถ้ามันกว้างไม่พอพี่ซื้ออีกห้องไว้เลยก็ได้นะ” 





          ว้อท ? 
          เหี้ยอะไรเนี่ย ? 

เดือนวิศวะถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก็พอจะเข้าใจนะว่าบ้านรวย ว่าตัวเองเป็นลูกชายของเจ้าของห้างชื่อดัง แต่คือ… นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นที่จะต้องถอยห้องใหม่เพียงแค่เพราะว่าเขาย้ายเข้าไปอยู่ด้วย



          “ไม่ว่ะ ขอปฏิเสธ ไม่อยากแย่งที่นอนน่านมัน”   


          “ไม่แย่งหรอกครับ เพราะน่านต้องกลับไปอยู่บ้านใหญ่อยู่แล้ว”


          เฮ้อ… ทอมล่ะอยากจะถอนหายใจแรงๆใส่หน้าพวกข้ออ้างเยอะเสียจริง “ไม่ว่ะ ยังไงกูก็ยืนยันคำเดิม”


          “…”   ครั้งนี้คุณนิวเงียบ ไม่ได้หาข้ออ้างมาพูดอีกต่อไป 



          เพราะ…


          เขากำลังคิดว่า ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ก็คงต้องงัดไม้ตายออกมาใช้




ส่วนของเจ้าเด็กยักษ์ก็คิดว่าหัวข้อสนทนานี้คงจะจบลงแล้ว เขาก็เลยเปิดประตูรถออกมาพร้อมกับพาตัวเองเข้าไปนั่งข้างใน คุณนิวเองก็เช่นกัน และครั้งนี้คนที่อยู่หลังพวงมาลัยก็คือเจ้าของรถตัวจริง ทันทีที่สตาร์ทรถได้ไม่นาน คุณนิวก็เลยพูดออกมาว่า “งั้นพี่ขอใช้สิทธิ์นั้นได้มั้ย?”

ทอมถึงกับหันหน้าไปมองคนข้างๆ  โอเค…สรุปคือจะให้เขาไปอยู่ด้วยให้ได้เลยใช่มั้ย ?





          “สรุปคือจะให้เข้าไปอยู่ด้วยให้ได้เลยใช่มั้ย ?”   


          “พี่เป็นห่วงเรา”   



          โอเค…ห่วงก็ห่วง
          กูจะพยายามเชื่อก็แล้วกัน 



          “ก็ได้” ทอมว่าเสียงสูง “แต่… ถ้ามันไม่เวิร์คกูจะย้ายออกมานะ”   ก็ได้ ! ในเมื่อชอบเร้าหรือนัก ไอ้ทอมคนนี้ก็จะจัดให้ เคยได้ยินมั้ย ?  คำว่าล่มจมน่ะ   ต่อจากนี้ไปมึงจะได้รู้จักคำนี้มากขึ้นกว่าเดิมแน่ไอ้ลูกหมา !


          “ยังไงก็ได้ครับ” 


          “งั้นก็พากูกลับไปเอาเสื้อที่ห้องด้วย”






         : )

          ดีล



          สุดท้ายคนเจ้าเล่อย่างคุณากรก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ…
          เห็นมั้ย…?  ไม่มีสิ่งไหนที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้





          .




          ในตอนแรกทอมบอกให้คุณนิวพามาเอาเสื้อผ้าที่อพาร์ทเม้นของตัวเอง แต่ทำไมคนที่พาเขาขับรถมา ถึงชิ่งหลับไปซะได้ ทอมแค่ขอตัวไปอาบน้ำแป้บเดียวเอง 



       “เห้ย !”  เจ้าเด็กยักษ์ที่เพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จมาหมาดๆเดินเข้ามาปลุกคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังนอนอย่างสลบไสลอยู่บนเตียงตัวเอง




          ไรว้า… เข้าไปอาบน้ำยังไม่ถึงสิบนาทีเลย



          “ไอ้คุณนิว !”  ทอมเรียก ด้วยน้ำเสียงที่เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่มีท่าทีที่จะลุกขึ้นแม้แต่น้อย



          ไม่ตื่นใช่มั้ย ? 


           ได้ !



ทอมพึมพำกับตัวเองประโยคสองประโยค จากนั้นก็กระทำการปลุกคนบนเตียงอีกวิธีหนึ่งที่แตกต่างจากเมื่อครู่ นั่นก็คือการที่สะบัดหยดน้ำจากศีรษะที่เพิ่งผ่านการทำความสะอาดมาหมาดๆ เลยทำให้ละอองน้ำกระเด็นโดนหน้าคนที่นอนอยู่บนเตียงจนในที่สุดเขาต้องลืมตาขึ้นมา 




          แต่…



          “เหี้ยยยยย” 



          ทอมถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อคุณนิวรวบตัวเขาด้วยแขนทั้งสองข้างให้ล้มลงไปบนที่นอนทั้งอย่างนั้น 

          คิดเหรอ ? ว่าคนที่นอนหลับยากอย่างคุณนิวจะเผลอหลับไปทั้งที่แค่ไม่กี่นาที

          : )

          มันก็แค่แผนการ…



          ช่วงแขนยาวทั้งสองข้างก็รัดรอบลำตัวทอมแน่น ขาทั้งสองข้างก็ล็อคช่วงล่างของทอมไว้เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการโต้ตอบ

          “ปล่อยยยยยยยโว้ยยยยย!”   



          “คนผิดไม่มีสิทธิ์พูดครับ”  คุณนิวกระซิบเสียงเบาชิดที่ใบหูของเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ ขณะนี้ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับซอกคอขาวจนได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่ติดตัวมา


          “กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย !”  ทอมโวยวาย พร้อมกับออกแรงดิ้นอีกครั้งเพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆตอนที่โดนกอด ไหนจะริมฝีปากของคุณนิวที่กระซิบใกล้ๆกับใบหูเขาอีก


          “แน่ใจนะครับ…ว่าไม่ได้ทำอะไร”  “แล้วใครกันน้า…ที่สะบัดน้ำใส่พี่”


          “โว้ยยยย อันนั้นกูแค่ปลุก !” 


          “อะๆ อย่าลืมครับว่าคนผิดไม่มีสิทธิ์เถียง”   


          “ปล่อยกูวววววววววววววว”  ครั้งนี้ทอมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาพยายามเค้นแรงที่มีทั้งหมดออกมา และมันก็ได้ผล เพราะทอมไม่ใช่ผู้ชายบอบบาง ร่างกายปวกเปียกคุณนิวก็เลยทำอะไรเขาได้ไม่มากนัก


          “มึงตาย!  เมื่อหลุดออกจากพันธนาการได้ทอมก็คว้าหมอนได้ใบหนึ่ง และเขากำลังจะยกมันขึ้นมาปาดใส่คุณนิว

แต่ทอมก็ช้ากว่าเป้าหมายไปหลายปีแสง เมื่อคุณนิวพุ่งเข้าชาร์ตตัวเองด้วยการกอดช่วงเอวอย่างเต็มรัก
และเป็นเพราะว่าตรงนั้นคือจุดอ่อนของทอม เจ้าตัวก็เลยเสียการทรงตัว ทำให้ตัวเองกับคุณนิวล้มลงบนที่นอนอีกครั้ง คนเจ้าเล่ห์ยิ่งได้ใจ เมื่อเห็นว่าน้องทอมมีจุดอ่อนก็คือบ้าจี้ เขาเลยจี้ลงไปตรงเอวหนาๆของคนใต้ร่างซ้ำเพราะต้องการเอาคืน


          “ฮ่าๆๆ พะ พอ แล้วไอ้ ฮ่าๆๆๆๆๆ”   

เพราะทอมบ้าจี้จริงๆ พอจะเอ่ยปากร้องห้ามคำพูดมันเลยไม่ออกมาเป็นคำพูด
ผ้าปูที่นอนจากที่เคยเรียบตึงก็ย่นยับยู่ยี่ หมอนและผ้าห่มก็ตกลงพื้นกองระเนระนาดเนื่องจากแรงดิ้นของเจ้าของเจ้าเด็กยักษ์


ภายในห้องหมายเลข 3112 มีเสียงหัวเราะของผู้ชายสองคนดังลั่นไปทั่วห้อง เรียกได้ว่าความสุขกำลังก่อเกิดขึ้นมาช้าๆในหัวใจของคนทั้งคู่




และพวกเขา…ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด 
 
 




โปรดติดตามตอนต่อไป...



-งานการไม่ทำเต๊าะเด็กไปวันๆก็มีความสุข 
 
   
   
   

 

 


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด