ตอนที่15
ฟรานกำลังเขิน ขนาดยังไม่ทันร้องเพลงให้ผมฟังฟรานก็เขินจนหน้าแดงเถือกไปหมด
แบบนี้ขอคิดเข้าข้างตัวเองได้ปะว่าฟรานก็แอบมีใจให้ผมอะ ดูสิ่งที่เจ้าตัวทำสิ นัดทานข้าวเอย มาส่งที่ห้องเอย โทรหาเอย กรีสส งุ้ย ยิ่งคิดยิ่งหุบยิ้มไม่ได้เลย โฮ่ๆๆ จะกลั้นไชโยไม่อยู่แล้วด้วย ปกติเวลาแบบนี้มันต้องฉีกหมอนระบาย!
“ฟรานนน”ผมเดินสืบเท้าเข้าไปหาร่างสูงตรงโซฟา ทิ้งตัวลงนั่งโดยเว้นระยะห่างไว้เพียงสามมิลหรือจะพูดให้ชัดก็คือนั่งแบบไหล่ชนกัน สายตาโฟกัสอยู่ที่จอทีวีแสร้งทำเป็นเฉยเมย”ไหนๆช่วงสอบเราก็คงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ยังไงคืนนี้อยู่กับพี่ดึกๆหน่อยถือเป็นการชดเชย...ได้ป๊ะ”
ถ้าตอบว่าได้แปลว่าชัวร์ครับ เด็กปากหนักคนนี้ต้องชอบผมแน่!
“สีครามอยากอยู่กับผมเหรอ”
“...”ใครใช้ให้ย้อนถามแบบนี้!? ตีปากตัวเองแล้วตอบให้ตรงคำถามซะ!
“อยาก”เอาวะ ในเมื่อเด็กมันไม่ยอมตอบผมตอบเองก็ได้
“อืม...แต่ฝนกำลังจะตก”ฟรานไม่พูดเปล่า เขาเพยิดหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าตอนนี้มืดสนิทก็จริงแต่ก็เห็นเงาลางๆของก้อนเมฆขนาดใหญ่ได้ แถมพยากรณ์อากาศยังบอกว่าช่วงนี้ฝนจะตกชุกอีกต่างหาก
“ผมคงต้องรีบกลับ”
“...”
“สีครามไม่โกรธนะ”
“อืม ฟรานขี่มอ’ไซค์มานี่ถ้าตากฝนเดี๋ยวเป็นหวัดเอา”ซึมเลยกู เมื่อกี้หัวใจเพิ่งพองฟูไปหมาดๆกลับมาแห่งเหี่ยวเป็นลูกโป่งโดนเจาะรูซะงั้น ผมก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองจ๋อยๆ อยากกลับก็ลุกออกไปเอง ไม่เปิดประตูส่งหรอกนะ
“สีคราม...”
“ยุ่งน่า รีบกลับไปได้แล้วเกิดฝนตกลงมาจริงๆจะทำยังไง”
“นั่นสิ...ถ้าตกลงมาจริงๆคงต้องค้างที่นี่”
“!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
โอ้ มาย ก็อด
ซาวน์คำว่าเด็กนี่มันร้ายนะคะหัวหน้า!ลอยมาวูบตึงเลย
เจอประโยคนี้เข้าไปผมถึงกับสูญเสียสติสัมปะชัญญะไปร่วมนาที เมื่อวิญญากลับเข้าร่างผมก็อ้อมแอ้มตอบกลับไปด้วยความเคอะเขินว่า”แบบนี้ก็ไม่ต้องรีบกลับแล้วสิ ต่อให้ฝนตกฟรานก็ไม่เปียกเพราะค้างห้องพี่ได้ ฮ่ะๆๆ เรามาดูหนังกันสักเรื่องเถอะ”
หนังเรื่องนึงตั้งสองชั่วโมงกว่าถ้าฝนไม่ยอมตกลงมาในช่วงเวลานี้ผมจะโกรธพระพิรุณ
ผมกระหยิ่มยิ้มในใจอย่างมีความสุข เปิดดีวีดีที่ตั้งประดับห้องไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไหร่และกลับมานั่งข้างๆร่างสูงที่โซฟา ระหว่างนั้นพวกเราก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อยและผมก็ทราบข้อมูลสำคัญหนึ่งอย่างคือพ่อของฟรานเป็นผู้กำกับหนังค่ายดัง ส่วนคุณแม่เป็นอดีตดาราเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวสายบันเทิงขนานแท้
“แต่น้องผมทำท่าจะชอบสายวิทย์มากกว่าล่ะนะ...”
“ฟรานมีน้องด้วยเหรอคิดว่าเป็นลูกคนเดียวซะอีก”
“ผมมีน้องชายคนนึง เพิ่งอายุ7ขวบเอง ความจริงผมเกือบเป็นลูกคนเดียวแล้ว ฮ่ะๆ...”ผมคิดไปเองรึป่าว เวลาฟรานพูดถึงน้องแววตาของเขาอ่อนโยนขึ้นมาก ดูท่าจะรักน้องคนนี้มากเลยสินะ น้องของฟรานจะหน้าเหมือนฟรานตอนเด็กๆรึป่าวชักอยากเจอแล้วสิ
“ว่าแต่...เพิ่ง7ขวบก็รู้แล้วเหรอว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร...”ตอน7ขวบผมยังนั่งดูโมเดิร์นไนน์การ์ตูนอยู่เลย
“อย่างน้อยตอนผม7ขวบก็ชนะการแข่งเปียโนครั้งแรกแล้วนะ แต่น้องปานไม่เอาอะไรเลย แค่ขึ้นเวทีก็ร้องจ้า ผมต้องปีนขึ้นไปปลอบกว่าจะสงบก็หมดเวลาโดนปรับตกรอบพอดี...”
“น้องชื่อปานเหรอ”
“อื้ม ชื่อปานตะวันเพราะเกิดวันอาทิตย์”
“ฟรานดูรักน้องมากเลยนะ”
“ผมเป็นพี่ชายที่ดีใช่มั้ย”
“ฟังจากที่เล่าก็ดีนะ แต่ดีสู้พี่ของพี่ไม่ได้หรอก”ได้โอกาสแล้วก็ขออวดพี่สักหน่อย”แม่พี่เป็นซิงเกิลมัมที่ทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลามาดูพวกเรา ตั้งแต่เด็กคนที่เลี้ยงพี่มาก็คือพี่ฟ้า! ทั้งรีดชุด จัดกระเป๋า ป้อนข้าว พาเข้าห้องน้ำตอนดึก อะไรที่แม่ควรทำพี่ฟ้าทำให้พี่ทุกอย่างเลย!”
“เห...พี่ฟ้าแก่กว่าสีครามกี่ปีเหรอ”
“4”
“โฮ่ โตกว่านิดเดียวเอง ทำไมสีครามถึงทำตัวเป็นภาระพี่เขาขนาดนั้นล่ะ”
“เดี๋ยวเถอะ!”อวดพี่อยู่ดีๆผมกลับโดนแซะว่าเป็นก้อนภาระซะงั้น
แต่จะว่าไป...คิดๆดูแล้วพี่ฟ้าก็อายุมากกว่าผมไม่เท่าไหร่
”ความจริงตอนนั้นพี่ฟ้าเองก็อาจจะอยากได้คนดูแลแบบนั้นบ้างก็ได้”พูดก้มหน้าพูดเสียงเรียบ
“สีครามไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เริ่มดูแลวันนี้ก็ยังไม่สาย”
“ไม่หรอก มัน...สายไปแล้ว”
“!?”
“พี่ฟ้าไม่อยู่แล้ว...”
“...”
“...”
“ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไร พี่เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาเองฟรานไม่ต้องคิดมากหรอก ที่จริงกับเรื่องที่ยังทำใจไม่ได้ก็ไม่น่ายกขึ้นมาเล่นเลยเนอะ ช่างมันๆ เรามาดูหนังกันต่อเถอะ!”ผมพยามยิ้มให้เหมือนยิ้มที่สุด สะบัดมือไปมาให้เด็กที่กำลังทำหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆเลิกรู้สึกผิดและเปลี่ยนประเด็น
แม้ว่าบทสนทนาจะจบลงทว่าบรรยากาศชวนอึดอัดยังคงลอยอบอวลอยู่รอบกาย ผมรู้สึกเสียใจมากผมไม่น่าโง่พูดถึงเรื่องชวนเครียดแบบนั้นขึ้นมาเลยสักนิด
“สีคราม”
ผมต้องทำอะไรสักอย่างให้ฟรานไม่กังวลไปด้วย
“สีคราม”
จะเปลี่ยนหนังดูดีมั้ย เอาเรื่องที่มันตลกๆ...
“สีคราม!!”
“ฮะ!? เรียกพี่เหรอ”ผมสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อมือหนาเลื่อนมาเขย่าไหล่ ฟรานไม่ได้ตอบเขาทำเพียงยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ชื่อบนหน้าจอทำให้ผมใจหายวาบ พี่กาจน์โทรมา ปกติเวลามีธุระไม่สำคัญนิทานจะเป็นคนโทรหาผมซะมากกว่า ร้อยวันพันปีพี่กาจน์ไม่เคยติดต่อมาเลย
แสดงว่าเรื่องที่จะคุยต้องเป็นธุระสำคัญ
“ไม่รับเหรอ”ผมเผลอกำโทรศัพท์แน่นฟรานที่นั่งอยู่ข้างๆจึงเริ่มเป็นห่วง
พี่กาจน์เป็นแฟนเก่าของพี่ฟ้า คนที่เล่นเกมพระราชาแพ้จนต้องคบกับพี่ผมเล่นๆ7วันคนนั้นไง การที่เขาจะโทรหาผมก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอก
“หวัดดีครับ”ผมพยามปรับเสียงให้ดูปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้”แอบโทรมาหาผมแบบนี้นิทานไม่หึงแย่เหรอ คิกคิก”เสียงหัวเราะจืดสนิท ความกระอักกระอ่วนพุ่งทะลุปรอทมาก ทั้งคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมทั้งพี่กาจน์ก็คงสัมผัสได้
พี่กาจน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนถามเสียงเรียบว่า[พี่ได้กำหนดวันขึ้นศาลมาแล้ว แม่ของเราบอกว่าจะมาฟังแต่ท่านไม่กล้าถามครามเองว่าจะมาด้วยกันมั้ย...]
“ผมไม่ไป”
[อืม พี่ก็ว่างั้น]
“ฝากพี่เรื่องคดีด้วย แล้วก็ขอบคุณมากนะครับที่ยังใส่ใจพี่ฟ้าจนถึงทุกวันนี้”
[ครามเองก็...ขอให้ปล่อยวางได้เร็วๆนะ]ไม่มีคำอวยพรอะไรจะเรียบง่ายและทำได้ยากขนาดนี้อีกแล้ว
ผมกดวางสายและนั่งก้มหน้าซึมเซื่องอีกครั้ง พี่กาจน์เป็นคนที่รู้สึกผิดกับการตายของพี่ฟ้าที่สุดแต่รู้สึกผิดก็ส่วนรู้สึกผิด ทุกวันนี้พี่กาจน์มีความสุขอีกครั้งเพราะนิทาน ผมเคยสงสัยว่านิทานมีเวทมนต์อะไรถึงคลายคำสาปในใจของพี่กาจน์ได้ ผมพยามเข้าหานิทานเพราะคิดว่านิทานก็จะช่วยผมได้เหมือนกัน
แต่มันไม่ถูกต้อง
สิ่งที่ช่วยพี่กาจน์ไว้ก็คือความรัก
น้ำเน่ามากแต่ก็เป็นเรื่องจริง
“ฟราน...คืนนี้ต่อให้ฝนไม่ตก...ช่วยค้างที่นี่ได้มั้ย”ผมยังไม่มีแรงเงยหน้าขึ้นมาผมเลยไม่รู้ว่าฟรานทำหน้าแบบไหนอยู่ รู้แค่ว่าเสียงที่เปล่งออกไปมันแสนเบาโหวง”น่ารำคาญรึป่าว คนที่จมปลักกับอดีตไม่เลิกราแบบนี้น่ะ ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ถ้าเลือกได้ก็อยากให้ตัวเองคนเดิมกลับมาเร็วๆเหมือนกัน”
สัมผัสได้ถึงการขยับตัวของคนข้างๆ ฟรานเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์จากมือผมไปวางไว้บนโต๊ะข้างหน้า
“สีคราม มาโอ๋เร็ว”
“โอ๋...?”ผมรีบเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดทันที แล้วก็ต้องใจกระตุกเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้าแขนออกแล้วก็พยักหน้าเบาๆเป็นสัญญาณให้ผมโผเข้าไปซบ ตกใจได้ไม่นานก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ ผมกระเถิบตัวเข้าไปพิงอกของฟรานจากนั้นเขาก็ลูบหลังผมเบาๆแล้วก็โยกตัวไปมา
ตรงตามคำที่เจ้าตัวประกาศไว้
โอ๋กัน
“พี่ไม่ใช่น้องชายเรานะ”ดูวิธีปลอบใจเข้าสิ คิดว่าผมเป็นน้องน้อยขึ้นไปยืนร้องไห้บนเทวีประกวดดนตรีอยู่รึไง
“เหมือนกันล่ะน่า”
“ไม่เหมือนเหอะ”
“ผมไม่อยากเห็นสีครามร้องไห้ ถึงผมจะทำให้สีครามร้องมาแล้วสองครั้งก็เถอะ”
“วันนี้ไม่ได้ร้องสักหน่อย”ผมตอบเสียงอู้อี้ ปกติไม่ใช่คนขี้แงจริงๆนะสาบานได้!
----------------------------------
นี่ต่างหากสิ่งที่สีครามรอคอยมานาน~~
คำว่าโอ๋กันนะที่ชวนใจบางจากปากของผู้ชายคนนี้
สีครามเป็นคนขี้เหงา ดีแล้วที่ได้เจอกับเด็กอึนที่อบอุ่นคนนี้ 555