1
20.35
ท่ามกลางบรรยากาศเบาๆ ของร้านอาหารกึ่งบาร์ในเย็นวันศุกร์สิ้นเดือนเช่นนี้ ผู้คนทั้งหลายก็ต่างพากันออกมาพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูง บ้างก็นัดเจอถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับตามภาษา ร่วมถึงเพื่อนรักสองคนที่นั่งกันอยู่ที่มุมๆ หนึ่งของร้าน
“ไหนใครว่าเป็นหมอต้องรักสุขภาพ เหล้าบุหรี่นารีไม่แตะ” ผมยกยิ้มขำเมื่อเห็นเพื่อนรักต่างคณะรวมถึงตำแหน่งรูมเมทยกแก้วเหล้าขึ้นเหมือนน้ำเปล่า อันที่จริงสิ้นเดือนอย่างนี้ก็ไม่น่าออกมาแหละครับแต่จู่ๆ มันก็ชวนออกมาบอกว่าจะเลี้ยง ผมเทน้ำสีเหลืองใส่แก้วที่พร่องไปเกินครึ่งของเพื่อนก่อนจะยกแก้วตัวเองขึ้นบ้าง บนโต๊ะนอกจากเหล้าก็มีอาหารสองสามอย่างสำหรับฝากท้องเย็นวันนี้
“ใครที่ว่ามันไม่ใช่กูป่ะวะ? อีกอย่างหมอก็คนไหม หืม” ไอ้หมอตรงหน้าผมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกวนเบื้องล้าง “แล้วก็นะไอ้ติณณ์ กูหมอหมาไม่ใช่หมอคน” มันยกยิ้มหล่อให้ผม เออ ถ้ามึงยิ้มแบบนี้ตอนประกวดดาวเดือนเมื่อสองปีก่อน ป่านนี้มึงได้เป็นเดือนแทนกูไปแล้วไอ้หมา
ผมรู้จักไอ้หมอหมานี่เพราะประกวดดาวเดือนนี่แหละครับ หมออาร์ตเดือนสุดหล่อของคณะสัตวแพทย์ ตอนแรกก็ไม่ได้สนิทกับมันเท่าไหร่ ไอ้นี่มันนิ่งๆ เลยดูเข้าถึงอยาก แต่พอคุยไปคุยมาดันถูกคอกันซะงั้น คนบ้านเดียวกันแค่มองตากันก็เข้าใจดี ~
“ครับๆ ไอ้อดีตรองเดือน ลากกูมาแดกเหล้านี่มีปัญหาไรอีก”
“...ไม่มีไร แค่น้องมันไปเรียนต่อ” ไอ้หมอหมาตอบอ้อมแม
“น้องแอ๋ม? น้องมันขึ้นปีหนึ่งแล้วหรือวะ? ไม่ใช่ยังม.ปลายหรือไง?” ผมถามเพราะจำได้ว่ามันมีน้องสาวอีกคนที่หน้าตาน่ารักดี แต่มันกลับส่ายหัว
“เปล่า ไม่ใช่แอ๋ม”
“แล้วใครละว่ะครับ มึงมีน้องคนเดียวไม่ใช่หรือไง?”
“น้อง...ข้างบ้าน” มันว่าเสียงเบา ยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันขึ้นราวกับเลี่ยงคำตอบ นั่นทำให้ผมเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“อ้าว น้องข้างบ้านมันไปเรียนแล้วมึงเกี่ยวไร” นั่นก็บ้านเขาแล้วมึงเสือกอะไรด้วย
“ก็...กูแค่จะไม่ได้เจอน้องมันอีกนาน” ไอ้หมอก้มหน้าลงมองแก้วในมือแล้วหมุนไปมา แววตามันดูหม่นแสงลงไปแวบหนึ่ง
“แล้ว?”
“เสือก” อือหือ สอใส่เกือกมาเต็มหน้าเต็มตาเลยครับ
“ก็เรื่องมึงกระตุกต่อมเสือกกูนี่ บอกมาซะดีๆ” ผมเทเหล้าเพียวๆ ใส่แก้วมันจนเกือบล้น แค่นี้ไม่คณาคอคุณหมออินทัชหรอกครับ นั่นไงมันยกดื่มชิลๆ “หรือมึงชอบน้องมัน?”
พรวด!!
“แค่ก” ผมแสยะยิ้มทันทีที่เห็นอาการตอบสนองของมัน
“กูเดาถูกสินะ ก็ยังว่าอยู่ว่าทำไมคุณหมอสุดหล่อ สุดใจดีที่มีทั้งสาวๆ หนุ่มๆ มาแจกขนมจีบให้ตลอดเวลาถึงไม่ยอมควงใครเป็นตัวเป็นตนซะที ที่แท้ก็มีคนในใจอยู่แล้วนี่เอง” พอผมพูดจบไอ้หมอมันจ้องเขม็งเลยครับทุกคน
“แจกขนมจีบเหี้ยไรของมึง”
“15นาฬิกาของกู คนผมสั้น เสื้อสีฟ้าโต๊ะนั้นเขาจ้องมึงตั้งแต่เข้ามาแล้ว เชื่อไหมว่าถ้ากูลุกนะ เขาเข้ามาหามึงแน่” ผมว่าพร้อมชำเลืองมองไปที่โต๊ะนั้นพร้อมกับไอ้หมอที่หันตาม
คุณเธอที่มองมาอยู่แล้วยกแก้วที่มีน้ำสีสวยในมือขึ้นทักทาย แต่หมอหมาคนหล่อของเรากลับเบือนหน้าหนีครับคุณ
“แล้วไง?”
“ลองดูไหมเดี๋ยวกูจัดให้” ไอ้หมอส่ายหัวรัวเลยครับท่าน เห็นคุณอินทัชฮ็อตอย่างนี้นะแต่มันก็ไม่เคยควงใครจริงจัง ตั้งแต่รู้จักมันมาเคยเห็นมันมีวันไนท์สแตนด์อยู่แค่สองสามครั้งเอง
ก็เคยแอบคิดนะว่าเพื่อนมันนกเขาไม่ขัน...
ผมนั่งกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านที่ตอนนี้คนยังไม่เยอะเท่าที่ควร ลูกค้าส่วนมากก็คนในมหาลัยผมไม่ก็พนักงานที่ทำงานละแวกนี้จึงคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง ผมแจกรอยยิ้มให้ทุกคนที่มองผมกลับมา โปรยเสน่ห์เต็มที่จนไอ้หมอหมาอาร์ตส่ายหัว ก่อนจะไปสะดุดตากับผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ ข้างๆ กันเป็นผู้ชายตัวสูงผอมอีกคน ผมนั่งมองทั้งสองคนนั้นคุยกัน ไม่สิ... รู้สึกไอ้โย่งนั่นพูดอยู่คนเดียว ส่วนคนตัวเล็กนั่นก็ขยับหนีจนจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว
ผมสรุปไปเองว่าทั้งสองคนคงไม่ได้มาด้วยกันแน่นอน
“อาร์ตเดี๋ยวกูมา ถ้าผู้หญิงโต๊ะนั้นมาของเบอร์มึงก็ให้เบอร์กูไปแทนนะ” ผมว่า ก่อนลุกพรวดออกมาโดยไม่ฟังเสียงไอ้อาร์ตที่ตะโกนอะไรสักอย่างตามหลัง
ผมเดินไปจนเกือบถึงเคาน์เตอร์บาร์ ทั้งสองคนยังไม่รู้สึกตัวว่ามีบุคคลที่สามกำลังยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา ไอ้บ้านี่ก็ขยับมาใกล้อีกคนจนจะชิดแล้วนั่น
และนั่นทำให้ผมตัดสินใจ...
พรึ่บ!
“ติณณ์ขอโทษครับที่มาช้า ที่รักไม่โกรธกันนะ”
ผมเท้ามือทั้งสองข้างลงบนเคาน์เตอร์ กักให้คนตัวเล็กอยู่ตรงกลางระหว่างแขน ก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงที่คิดว่านิ่มและอ้อนที่สุด
นี่ผมบอกไปหรือยังว่าผมได้ทั้งชายหญิง?
“ที่รักอย่าเงียบสิ ไม่โกรธผมนะ” คนตัวเล็กหันหน้ามามองผมด้วยหน้าตางุนงง เหมือนยังตามสถานการณ์ไม่ได้จนผมต้องขยิบตาเป็นสัญญาณให้เล่นตามน้ำ
“เอ่อ...”
“ไหนคุณบอกว่าไม่ได้นัดใครไงครับ! เหอะ มีผัวแล้วก็ไม่บอก”
“ขอโทษแทนแฟนผมด้วยนะครับ พอดีเราทะเลาะกันมานิดหน่อย” ผมถือวิสาสะดึงคนตัวเล็กกว่าให้มาพิงชิดอกทันที และก้มหน้าจรดกับกลุ่มผมนิ่มราวกับแสดงความเป็นเจ้าของ
หอมว่ะ ใช้แชมพูยี่ห้ออะไรวะ
“หายโกรธติณณ์นะครับ นะ”
“ไม่.. ไม่โกรธแล้ว ปล่อยก่อน” เสียงใสของคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดดังขึ้น ดูท่าว่าจะตามเรื่องทันแล้วสินะ
“ถ้าผมโกรธบ้างจะได้ไหมครับ ที่คุณมานั่งให้คนอื่นจีบแบบนี้” ผมเน้นคำว่าคนอื่นและตวัดสายตามองคนด้านข้างที่ทำหน้าไม่พอใจ
“อย่า...”
“เออ ไปก็ได้วะแม่งเสียเวลา” ว่าเสร็จมันก็ลุกออกไปทันที ผมมองจนมันกลับโต๊ะไปแล้วถึงยอมปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ ก่อนนั่งลงข้างๆ คนตัวเล็กแทนมัน
“....” คนตรงหน้ายังคงส่งสายตางุนงงมาให้ ผมเท้าคางมองใบหน้าของอีกคนอย่างพิจารณา เขาน่าจะสูงราวๆ174-175 เซนต์ได้ ถือว่าไม่ได้เตี้ยไปและคงดูหล่อในสายตาของผู้หญิง แต่สำหรับผมคิดว่าคนตรงหน้าน่ารักและกะทัดรัดพกพาสะดวก--- ผมซอยยาวระต้นคอ มีไฝจุดเล็กๆ ช่วงหางตาซ้าย ปากไม่ได้อวบอิ่มแบบผู้หญิงแต่น่าสัมผัสด้วยปากผมเอง
อืม..ผมคงจะมองเขานานเกินไปจนคนตรงหน้าส่งเสียงเรียกอีกครั้ง
“เอ่อ ผมนั่งอยู่โต๊ะนั้น” ชี้ไปที่ไอ้หมอหมาที่มีสาวผมสั้นเสื้อฟ้านั่งแทนที่ผม “พอดีผมเห็นคุณน่าจะถูกมันตอแยมาสักพัก เห็นคุณขยับหนีคิดว่าคุณไม่ชอบก็เลย...” ผมเกาแก้มแล้วส่งยิ้มแห้งๆให้อีกคน
“ขอบคุณนะ” ยิ้มหวานของคนตรงหน้าส่งให้ผม เหี้ย น่ารักเหี้ยๆ
“ผมติณณ์ครับ ถ้าไม่รังเกียจไปร่วมโต๊ะกับผมไหมครับคุณ...เอ่อ” ผมยิ้มค้าง ไม่รู้ชื่อนี่หว่า
“ข้าว...”
“ครับ?”
“ผมชื่อข้าวครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เหี้ย ยิ้มแอคแทค จีบได้ไหม ตอบ!!!
ในที่สุดผมก็พาคนตัวเล็กกลับโต๊ะด้วยได้สำเร็จ ตอนนั่งผมว่าคุณข้าวตัวเล็กแล้วนะ พอยืนนี่หัวคุณเขาเลยไหล่ผมมาหน่อยเอง ตัวเล็กๆ เอวบางๆ บางจนไม่กล้าจับแรง กลัวหัก เอ...รึลูกเสี้ยวอย่างผมมันสูงและหนาเกินไปเองวะ?
พอมาถึงโต๊ะ ทันทีที่ไอ้หมออาร์ตเห็นผมมันก็ไล่ผู้หญิงเสื้อฟ้าคนนั้นกลับไปทันที
“งั้นเดี๋ยวคืนนี้เราโทรหาอาร์ตนะคะ จุ๊บ” สาวเจ้าว่า ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูประทับลงแก้มเพื่อนผมเบาๆ จนขึ้นเป็นรูป ในขณะที่ไอ้อาร์ตมันทำหน้าเบื่อโลก คว้าเอาทิชชูมาปาดหน้าแรงๆ เมื่อผู้หญิงคนนั้นลับตา
“แม่ไม่สอนหรือไงว่าให้ทำตัวเป็นกุลสตรี”
“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ” คนตัวเล็กหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินไอ้อาร์ตสถบ นี่ก็ไม่ชอบเวลาโดนผู้หญิงถึงเนื้อถึงตัว อยากรู้จริงๆว่าคนที่มันชอบเป็นคุณหนูเรียบร้อยหรือไง
“แล้ว...นี่ใคร?”
“นี่คุณข้าวที่กูไปช่วยเมื่อกี้ไง คุณข้าวครับนี่อาร์ต เพื่อนผมครับ” ผมแนะนำ ทั้งสองก็ยิ้มให้กันน้อยๆ ก่อนคุณข้าวจะทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ว่าง
“นี่เรายังเรียนกันอยู่หรอ?” คุณข้าวเปิดประเด็นคุย ตอนนี้ร้านเริ่มมีเสียงเพลงเบาๆ จากวงดนตรีสดที่มาเล่นได้สักพักแล้ว
“ครับ ผมเรียนหมอปีสาม ส่วนไอ้นี่เรียนบริหาร ปีเดียวกัน” หมอหมาตอบแทน
“โหย อย่างนั้นพี่ก็ดูแก่ไปเลยน่ะสิ”คนตัวเล็กเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้ พี่หรอ?
“ไม่หรอกครับ คุณข้าวดูไม่เห็นแก่สักนิด ผมเห็นครั้งแรกนึกว่ารุ่นน้องผมซะอีก” ผมว่า ไม่ได้ยอนะแต่คิดงั้นจริงๆ
“แหม ปากหวานเชียว” ผมยิ้มรับ “เห็นอย่างนี้อีกปีพี่ก็จะยี่สิบสี่แล้วครับ แก่กว่าพวกเราประมาณสี่ห้าปีได้มั้ง” คนตัวเล็กยิ้มอายๆ พวกผมอึ้งกับอายุที่คุณเขาพูดออกมา (ข้าว24 สองซี้20)
เชี่ย คิดว่าจะแก่กว่ากันแค่ปีสองปี “เอ่อ...”
“ไม่ต้องทำหน้าตกใจอย่างนั้นครับ มีแต่คนทักว่าพี่หน้าเด็ก” คุณข้าวพูดออกมาอย่างขำๆ “เวลาบอกไปคนไม่ค่อยเชื่อกันหรอก”
“งั้น... ตอนนี้คุณข้าวก็ทำงานแล้วสินะครับ”
“เรียกพี่ก็ได้พี่ไม่ว่า พี่เป็นพนักงานธรรมดาๆน่ะ ที่จริงร้านนี้พี่เป็นหุ้นส่วนอยู่นะ แต่ก็ไม่มีใครรู้เยอะหรอกเพราะนานๆ พี่จะได้เข้ามาเช็คแทนเจ้าของมัน อย่างวันนี้พอมาปุ๊บก็เจอแบบที่ติณณ์เห็น... แต่มาอย่างนั้นพี่ตกใจนะ ที่รงที่รักอะไรกัน” แก้มขาวของพี่ข้าวขึ้นสีแดงระเรือไม่รู้ว่าเขินหรือด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไป
“แฮะๆ ผมคิดอะไรไม่ทันนี่ครับ”
“ไม่เป็นไรๆ งั้นมื้อนี้พี่เลี้ยงขอบคุณเราแล้วกัน”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมกับอาร์ตที่พูดขึ้นพร้อมกันหันมองกันแวบหนึ่ง ก่อนหมอหมาจะเงียบให้ผมพูดต่อ “ผมเต็มใจช่วยครับ ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
“เอาอย่างงั้นหรอ”
“ครับ”
พวกผมนั่งคุยไร้สาระกันจนกระทั่งไอ้อาร์ตฟุบหน้ากับโต๊ะ ใบหน้ามันแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ก็แหงล่ะเจอผมเทแบบเพียวๆ ไปให้ตั้งกี่แก้วล่ะ
“เอ่อ... พี่ข้าวครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ดูท่าไอ้หมอไม่ไหวแล้ว”
“ก็ดูเรามอมเพื่อนสิ ใครมันจะไหวกัน” พี่ข้าวว่าแบบรู้ทัน
“โถ่พี่ ใครมอมกัน” ผมว่ายิ้มๆ ไอ้เรื่องมอมนี่มอมจริงครับ เผื่อรู้ว่ามันจะเพ้อถึงใครคนนั้นของมันไหม
“ให้พี่ช่วยไหม?” ผมปฏิเสธ แต่คนตัวเล็กกว่าดึงดันจะช่วยให้ได้ ผมเลยส่งกระเป๋าให้ถือให้แทน เมื่อถึงรถก็จับไอ้คนเมายัดเข้าเบาหลังทันที
“งั้นกลับกันดีๆ นะ”
“พี่ข้าวครับ...ผมจะได้เจอพี่อีกไหม” ผมตัดสินใจถาม ยอมรับว่าคนตรงหน้านี่สเปคผม ตัวเล็กหิ้วสะดวก หัวเราะง่าย กินง่าย ไม่เรื่องมากแบบนี้ผมชอบ...ก็ว่าไป
พี่ข้าวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยกยิ้มสวย มือเล็กเอื้อมจับมือผมไปส่งให้นามบัตรสีขาวครีมถูกวงบนลงมือผม
“ได้สิ ถ้าอยากเจอพี่อีก ติดต่อมานะครับ” คนตัวเล็กก้าวเข้ามา เขย่างตัวกระซิบข้างหูผมก่อนผละออก “งั้นพี่ไปก่อนนะครับติณณ์ ฝากลาอาร์ตแทนพี่ด้วย”
คนตัวเล็กเดินจากไปโดยให้ผมยืนค้างอยู่ตรงนั้น...
คนอะไรวะตัวโคตรหอม
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ไม่กี่วันหลังจากนั้น
“ติณณ์คะ เลิกเรียนไปไหนต่อหรือเปล่า” เสียงใสๆ ของใครบางคนเอ่ยขึ้น พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็น อ่า...อดีตคู่ควงกำลังยืนตรงหน้า
“อืม ไม่ได้ไปไหนครับ บีมีอะไรหรือเปล่า?” ผมยกยิ้มถามทั้งๆ ที่รู้สึกเบื่อหน่าย มาอย่างนี้คงไม่พ้นจะชวนไปดูหนังไม่ก็ไปเดท ไม่ก็..บนเตียง
“งั้นเราไป...”
Rrrrr
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขัดหญิงสาวที่กำลังพูด ผมโคลงหัวให้เธอเล็กน้อยก่อนเดินหนีออกมากดรับสายจากเพื่อนสนิท
“ว่า”
‘ของห้องหมด’ ปลายสายตอบกลับมาห้วนๆ
“แล้ว?”
‘มึงเลิกเรียนละไปซื้อของเข้ากัน มาม่าหมด’ กลอกตากับคำของเพื่อน มาแบบนี้มันขี้เกียจขับรถแน่ ผมหันมองบีที่ยืนรออยู่ไม่ไกลก่อนตอบเพื่อนสนิทด้วยคำที่ทำให้เธอทำหน้างอนและเดินหนีไป
“เอาดิกูว่าง”
พอผมเลิกเรียน เดินออกจากตึกไม่ถึงสามก้าวดี รถญี่ปุ่นคันคุ้นตาก็ขับมาจอดข้างหน้า พร้อมกับคนขับจะเปิดประตูออกมาให้คนแถวนั้นกรี๊ดกร๊าด สะบัดขนสองสามครั้งก่อนไอ้หมอหมาหน้านิ่งเดินอ้อมตัวรถมาหาผม
“มองเหี้ยไร ไปขับรถดิ”
ไอ้หมาอาร์ตทิ้งตัวที่นั่งฝั่งข้างคนขับเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมยืนนิ่ง ผมกลอกตาก่อนจะเดินไปฝั่งคนขับโดยดี เป้าหมายของเราวันนี้คือห้างใกล้ๆ มหาลัยครับ
หลังจากไปเหมาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากหลายยี่ห้อ กับของปรทังชีวิตและของใช้บางอย่างเสร็จก็ได้เวลากลับไปนอนต่อ ระหว่างที่เราเดินไปที่จอดรถเพื่อเก็บของ ไอ้หมอก็กระชากคอเสื้อผมไว้ ยกนิ้วชี้ไปอีกทาง
“มึง นั่นพี่ข้าวไหม?”
“ไหนวะ” พอมองตามนิ้วมันก็เห็นคนตัวเล็กที่เจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้กำลังเดินผ่านหน้าไปในระยะห่างๆ ข้างกายเขามีผู้ชายตัวสูงอยู่ด้วย
“มากับแฟนป่ะวะ เพื่อนกูจะกินแห้วหรอ” มันว่าติดขำ ผมหรี่ตามองเพื่อนซี้
“...เดี๋ยวกูมา” ผมเมินเสียงร้องเฮ้ยจากไอ้อาร์ตดังขึ้นไล่หลัง ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินไปหาอีกคน
“บ่นอะไรนักหนา ก็เห็นบอกว่าอยากดูหนังเลยพามาไง” ใกล้จนได้ยินเสียงทั้งสองคุยกัน แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่รู้ตัวว่ามีคนเดินตาม
“ขอบใจมากกกก เอ๊ะ..” พี่ข้าวหันมามองเมื่อรู้สึกว่ามีคนยื่นมือไปแตะไหล่เขา
“พี่ข้าวครับจำผมได้ไหม ที่เจอวันก่อน” ผมฉีกยิ้มถามคนตรงหน้า พี่ข้าวอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขาสามส่วน มีเสื้อแขนยาวพาดท่อนแขน เผินๆ ดูเหมือนเด็กมหาลัยมากกว่าคนวัยทำงาน
“คนรู้จักมึงหรือเจ้า?” คนข้างๆพี่ข้าวถาม ผมขมวดคิ้วกับชื่อที่ได้ยินจากปากอีกคน แต่คนตัวเล็กส่ายหัว
“ทักผิดคนหรือเปล่าครับ ผมไม่ได้ชื่อข้าว”
“ครับ?”
“ขอตัวก่อนนะครับ” คนตัวเล็กดึงมือผมที่อยู่ที่ไหล่ออก “ไปหลง หนังจะฉายแล้ว”
และคนตัวเล็กก็เดินจากไปโดยทิ้งผมไว้ตรงนี้
What the fu*k !!——————————————————————————————————————
สวัสดีค่ะมีนเองค่ะ แวบมาลงเรื่องใหม่ เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทของพี่หมอหมาในกลิ่นกาวน์แหละค่ะ ///ตั้งใจเขียนเป็นเรื่องสั้นนะ... แต่ยาวไป ยาวไปปป
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ