[END] จีบนะครับ...รักผมที -จีบครั้งสุดท้าย- 05|07|2561 P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] จีบนะครับ...รักผมที -จีบครั้งสุดท้าย- 05|07|2561 P.4  (อ่าน 26780 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: จีบนะครับ...รักผมที -12- 06|02|2561
«ตอบ #30 เมื่อ06-02-2018 23:41:02 »

 :laugh:


สาแก่ใจจริงๆ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: จีบนะครับ...รักผมที -12- 06|02|2561
«ตอบ #31 เมื่อ06-02-2018 23:51:17 »

มันฟินนิดๆ นะนี่อิอิ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: จีบนะครับ...รักผมที -12- 06|02|2561
«ตอบ #32 เมื่อ06-02-2018 23:59:44 »

โคตรพีคไปเลย. 555

ออฟไลน์ Elizabeth_TonnY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: จีบนะครับ...รักผมที -12- 06|02|2561
«ตอบ #33 เมื่อ07-02-2018 01:55:47 »

พีคในพีคมากกกกกกกกกกกกกก
:hao6: :hao6: :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ NC Wanted

  • NC Wanted
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: จีบนะครับ...รักผมที -12- 06|02|2561
«ตอบ #34 เมื่อ08-02-2018 23:50:14 »

 :mc4:

ออฟไลน์ мıınta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
    • TW
จีบพิเศษ

ชีวิตคนเป็นหัวหน้าแผนกทั้งๆ ที่อายุยังไม่สามสิบดีนี่ก็กดดันดีนะครับ เป็นแค่ตัวเสียบเพราะหัวหน้าแผนกในตอนนั้นลาออกกะทันหัน แล้วไม่มีใครอยากจะเป็นแทนผมก็เลยโดนดันขึ้นแบบงงๆ

ไอ้ข้อดีของการเป็นหัวหน้ามันก็มีอยู่เยอะ ข้อเสียก็มีอยู่แยะเพราะผมชอบโดนแผนกอื่นที่วัยใกล้ๆ กันนินทาหาว่าใช้เส้นบ้างใช้ เลียแข้งเลียขาบ้าง ไม่ก็พวกพนักงานใหม่ๆ ในแผนกมันไม่เกรงใจผมเพราะเห็นวัยใกล้ๆ กัน จนบางครั้งอยากจะตะโกนใส่หน้าพวกมันว่าลองมาเป็นกูไหมครับจะรู้ว่างานแม่งหนักฉิบหาย...

อย่างตอนนี้ผมก็หมดพลังงานจากการไปไฟท์กับพวกคนแก่หัวแข็งแผนกอื่นโคตรๆ

“คิก พี่หลงละก็พูดอะไรก็ไม่รู้” เสียงหัวเราะใสๆ ของนักศึกษาฝึกงานดังเล็ดลอดให้ได้ยิน ตามด้วยมุขหยาบโลนที่แปรเปลี่ยนคำให้เป็นดูดี... ผมที่พักสายตาจากการคิดอะไรไปเรื่อยทิ้งตัวไหลไปกับเก้าอี้ และหมุนไปมาอย่างคนไม่มีอะไรทำทั้งที่งานก็กองเต็มโต๊ะ

จู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น... สงสัยใกล้เข้าวัยทอง

ก็อกๆ

“พี่ทศ ไอ้เจ้าฝากแฟ้มมาให้” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงของบุคคลที่หยอกล้อกับเด็กฝึกงานเมื่อสักครู่นี้ ผมที่หมุนเก้าอี้หันหลังให้ประตูอยู่ขี้เกียจขยับตัวกลับเลยเอนหัวผิงกับพนักผิง ภาพที่กลับหัวกลับหางเห็นเป็นมันที่ยืนชูแฟ้มสีสดไปมา

ไอ้หลง... อดีตรุ่นน้องร่วมคณะที่ไม่ค่อนจะสนิทกันมากแต่ดันจับพลัดจับพลูมาเป็นพนักงานใต้บัญชาจนสนิทกัน

“อ่า... เอาวางไว้บนโต๊ะเลย” ชี้ไปมั่วๆ ไอ้เด็กนั่นถอนหายใจแล้วเอาแฟ้มมาวางไว้ พอเห็นมันหมดธุระผมก็หลับตาลงเพื่อพักสายตาต่อ ความเงียบที่ล้อมรอบทำให้ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตู ก่อนลอบถอนหายใจออกมาเพราะคิดว่ามันคงจะออกไปแบบทุกๆ ครั้ง... แต่ทว่ามันไม่ใช่กับครั้งนี้

“นั่งดีๆ ดิพี่ แบบนี้ปวดคอตายห่า” แรงดันเบาๆ ที่หัวทำให้ผมค่อยลืมตาขึ้น มันบ่นยาวพร้อมนวดขมับผมไปด้วย... เออ สบายแฮะ “เออพี่ ไปกินข้าวเที่ยงกันป่ะ?”

“เอาดิ มึงจะเลี้ยง?”  มันเบ้ปากให้ผมขำ “น่าๆ เลี้ยงกูมื้อเดียวเองมึงไม่จนหรอก เดี๋ยวเย็นนี้กูเลี้ยงคืนก็ได้”

“เย็นนี้ไม่ได้ว่ะพี่ มีนัดกับจ๋า”

“...อ้อ” นึกถึงหน้าของลูกน้องผู้หญิงในแผนกอีกคนที่มีศักดิ์เป็นแฟนของไอ้คนตรงหน้าแล้วก็ได้แค่แค่นยิ้มออกมา... ทำไมรู้สึกหงุดหงิดอีกวะ? “ไว้วันหลังก็ได้ ส่วนตอนนี้ป่ะกูหิวแล้ว”

ลุกจากเก้าอี้คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วเดินไปล็อกคอมันมาชิดตัว ความหงุดหงิดก่อนหน้านี้หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหลือบมองคนที่เอาแต่พูดจ้อตลอดทางไปร้านอาหารก็ได้แต่ยกยิ้มออกมา... รู้สึกสบายใจแปลกๆ
แต่ช่างเถอะ


“ฮ้าววว” เพราะดันตื่นก่อนเวลาเกือบชั่วโมงก็เลยได้ออกจากหอเร็ว ยังไม่เจ็ดโมงเช้าดีผมก็ถึงบริษัท ยกมือขึ้นปิดปากหาวแล้วคลี่ยิ้มให้แม่บ้านที่สวนทางไป สาวเท้าอย่างเอื่อยๆ ไปยังแผนกการตลาดที่รักที่ยังคงมืดมิด... เวลานี้ใครมันจะมาวะยกเว้นไอ้คนตื่นผิดเวล่ำเวลาอย่างกูเนี่ย

นึกแล้วก็ยกแก้วกาแฟร้อนๆ ที่เพิ่งซื้อมาขึ้นดื่มพร้อมกับใช้สะโพกดันประตูให้เปิด เดินลิ่วๆ ไปหาสวิตซ์ไฟที่อยู่ไม่ไกลจากประตูเท่าไหร่แต่หูกลับได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังแว่วเบาๆ

หืม... เสียงอะไร ผีหรอ? อย่าเข้ามานะกูมีพระ

หมุนเท้าเปลี่ยนทิศทางจากที่จะไปเปิดไฟไปยังต้นตอของเสียง... มันดังมาจากแถวๆ โต๊ะไอ้หลง พอเดินเข้าใกล้ก็เจออะไรบางอย่างเป็นก้อนสีดำๆ อยู่ตรงหน้า นั่นทำให้ผมหยิบแฟ้มใกล้ๆ มือมาถือไว้แล้วยกง้างสูง เวลานี้คงยังไม่มีใครมาแน่ๆ ถ้าเป็นโจรตูจะฟาดไม่เลี้ยง ถ้าเป็นผี...ตูจะเผ่นกลับบ้าน!

พรึ่บ
ก้อนดำๆ ตรงหน้านั่นเงยขึ้นมามอง ผมที่กำลังจะฟาดแฟ้มลงรีบชะงักมือก่อนที่สันแฟ้มจะโดนหัวอีกฝ่าย “...ไอ้หลง?”

“อือ... พี่ทศ?” มันปรือตามามองผมแล้วก้มไปดูนาฬิกา “อ่า พี่มาเช้าขนาดนี้เลยหรอ”

“ตื่นผิดเวลาอ่ะดิ จะว่าไปมึงดูหน้าหมองๆ นะ” เอ่ยทักคนที่มาเร็วกว่าปกติมาก ไอ้หลงที่กำลังบิดขี้เกียจถึงกับชะงักและยกยิ้มจางๆ ให้ผม... แปลก “เกิดอะไรขึ้นรึไง”

“ก็ไม่นะพี่ ผมคงนอนไม่พอมั้ง พอดีตื่นเช้าเลยมาไว ฮะๆ” ตอบพลางหลบตาผม... การที่คนเราจะหลบตาคนอื่นมีสองอย่างคือกำลังโกหก หรือบิดบังอะไรสักอย่าง

และถ้าให้ผมเดามันคงเป็นข้อแรกมากกว่า

“แล้วจะหลบตากูทำไมวะฮะ” ว่าเสียงนิ่งให้อีกคนหันมามอง “ที่ถามเพราะกูห่วง เพราะกูเห็นมึงเป็นรุ่นน้อง แต่ถ้ามึงบอกว่าไม่มีอะไรกูก็จะเชื่อ งั้นมึงนอนไปเถอะใกล้เข้างานเดี๋ยวให้ไอ้เจ้ามาปลุก”

แปลกง่ายๆ กูจะเสือกแต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ช่างแม่ง... แต่ไอ้ที่บอกว่าห่วงนั่นพูดจริง

“...พี่ทศ” หลงว่าเสียงแผ่วให้ผมที่กำลังจะเดินไปห้องชะงักเท้า “คือ... ก่อนหน้านี้ผมทะเลาะกับจ๋าเรื่องที่ผมไปเต๊าะอิงกับอร เมื่อวานผมเลยนัดเขาคุยให้รู้เรื่อง...ที่บอกพี่อ่ะ ทีนี้ผมก็เล่าว่าไม่ได้อะไรกับน้องมันจริงๆ จ๋าก็ไม่ตอบอะไรแต่เขากลับเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องแต่งงานแทน แต่ผมยังไม่อยากแต่งเลยบอกไปว่าไม่พร้อม แล้วนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกไงที่คุยเรื่องนี้กัน จ๋าก็เลยถามผมถึงแผนในอนาคต...”

มันพูดรัวๆ ดวงตาหมองก้มหน้ามองมือที่ประสานกันแน่น

“พอผมบอกว่ายังไม่มี เธอก็ทำหน้าตึงแล้วก็บอกว่าเธอไม่อยากอยู่กับผู้ชายที่ไม่คิดถึงอนาคตแล้วก็เดินหนีไปเลย... ผมผิดหรอพี่ที่ยังไม่คิดไปถึงเรื่องนั้น ผมเพิ่งจบได้สองปีกว่าๆ เองนะพี่ เงินเก็บก็ยังไม่มี... ผมผิดหรอ”

ผมยื่นมือไปบีบหัวไหล่ของรุ่นน้องที่ห่อไหล่ซะจนดูตัวเล็ก ไอ้หลงเงยมองผมแล้วยิ้มอย่างฝืนๆ ให้ก่อนส่ายหน้าเชิงว่าไม่เป็นไร

รู้ไหมว่าตอนนี้หน้ามึงโคตรเป็นอะไรอ่ะไอ้หลง

“เอาน่ามึง” ว่าปลอบมันไป “มึงไม่ผิดที่มึงยังไม่พร้อม เขาก็ไม่ผิดที่เร่งมึง... ความรักมันไม่มีใครผิดหรอก ไว้มึงค่อยไปคุยกับเขาดีๆ แล้วกัน”

มันเงยหน้าขึ้นมามองผม ใบหน้าหมองๆ เมื่อครู่นี้หายไปแล้ว กลายเป็นไอ้หลงที่ฉีกยิ้มแป้นให้... เออ ค่อยเป็นมันหน่อ---

“ไม่น่าเชื่อว่าพี่ทศจะพูดเรื่องนี้เป็นด้วย”

เดี๋ยวนะมึง เดี๋ยว


เรื่องของไอ้หลงไม่ได้เป็นปัญหาให้กับชีวิตผมสักเท่าไหร่ นั่นมันเรื่องของมันส่วนผมก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษา แต่ระยะหลังนี่รู้สึกจะตัวติดมันไปสักหน่อย... วันดีคืนดีมันถึงกับหอบเหล้าหอบเบียร์ขึ้นมาที่ห้องผม (ผมกับมันอยู่ที่เดียวกันแต่คนละชั้น) ชงกันจนสนิทกว่าเดิมละครับ

ก็เคยถามไปว่าทำไมไม่ไปปรึกษาไอ้เจ้าเรื่องนี้บ้าง มันบอกว่า...

“พี่จะรู้อะร๊ายยย เรื่องรักๆ ใคร่ๆ เนี่ยอย่าไปคุยกับมันเลย แนะนำแต่ละทีนี่โคตรเดือดร้อน อีกอย่างปล่อยไว้มันกับไอ้ติณณ์นั่นแหละ ผมลุ้นอยู่ว่าเมื่อไหร่มันจะได้กัน ฮ่าๆๆ”

ก็ตามนั้นล่ะครับ... แต่ที่แปลกไปกว่าปกติคงเป็นผมมากกว่า เวลามันมาปรึกษาเรื่องมันกับจ๋าผมรู้สึกหงุดหงิดแบบแปลกๆ ทุกครั้ง แล้วก็ชอบที่เวลากวนตีนมันแล้วมันโมโหใส่ สงสัยจะเข้าใกล้วัยทองจริงๆ แล้ว

ถ้ามันเป็นผู้หญิงหรือตัวเล็กๆ อย่างไอ้เจ้านะ ผมคงคิดว่าผมชอบมันละมั้ง...  เผลอขมวดคิ้วกับความคิดนั้น เดี๋ยวนะ... ชอบหรอ?

ไม่ม้างงง ไอ้หลงมันผู้ชายมีอะไรคือๆ กัน คงจะช่วงนี้ตัวติดกันมากเกินไปหน่อย...ละมั้ง ใช่ๆ คงจะแค่ตัวตะ---

ปังๆๆๆ
เสียงทุบประตูทำให้ผมหลุดจากความคิดที่เริ่มไปไกล เสียงนั่นเงียบไปครู่ใหญ่จนผมคิดว่าคงเป็นเสียงจากห้องข้างๆ เลยไม่สนใจ แต่ไม่นานก็ได้ยินอีก

“ใครวะ!” ตวาดพร้อมเปิดประตูออกไป ไม่ทันได้แหกปากด่าออกไปไอ้ตัวการก็ทิ้งตัวใส่ผมทันที

“อึ่ก เพ่ทศศศศ” เสียงยานมาเชียว กลิ่นละมุดหึ่งเลยมึง “พี่ทศใช่ป่าววว”

“เออๆ กูเอง” ตอบไปปุ๊บมันก็เงยหน้ามามองผม ตาบวมแดงของมันที่ฉ่ำน้ำอยู่ก่อนแล้วค่อยๆ ไหลลงมาช้าๆ “หลง?”

“พี่... เลิกกับจ๋าแล้วว่ะ” มันว่าแล้วสอดมือมากอดรอบเอวผม รัดแน่นจนรู้สึกได้ “ฮึ่ก เลิกแล้วจริงๆ”

“ปล่อยกูแล้วเข้าห้องก่อน จะปิดประตู” ไอ้ดื้อที่เกาะผมเป็นลิงส่ายหน้าจนผมถอนหายใจ เอื้อมมือไปปิดประตูแล้วพาตัวเองกับอีกหนึ่งชีวิตเข้าห้องอย่างยากลำบาก

“ปล่อยกูได้ยัง” ไม่ว่าเปล่า ผมพยายามแกะมือไอ้ลิงที่รัดอยู่ออกแต่ไม่เป็นผล “กูแค่จะไปเอาน้ำให้มึง ปล่อยกูก่อน กูไม่ทิ้งมันหรอกน่า”

น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่คิดว่าจะออกจากปากตัวเองทำให้ผมและไอ้คนอกหักชะงัก แต่ถึงอย่างนั้นไอ้หลงก็ยังไม่ปล่อยผมจนต้องทิ้งตัวลงกับโซฟาโดยมีไอ้ลิงนั่นขยับไปกอดหมอนอยู่ข้างๆ

เห็นมันร้องไห้แล้วรู้สึกไม่ดีเลยแฮะ

“เล่าไหม” คำถามแรกหลังจากที่เราเงียบกับไปครู่ใหญ่ มันนิ่งไปก่อนกดหน้าลง

“ก็... คำถามเดิมๆ กับคำตอบเดิมๆ อ่ะพี่ ... ที่ไม่เหมือนเดิมคงเป็นเธอบอกเลิกผม เลิกจริงๆ” ว่าเสียงแผ่วจนน่าสงสาร หันมองไอ้หลงที่นั่งชันขากอดเข่า เหตุการณ์ก่อนหน้าที่มันจะมาหาผมถูกถ่ายทอดออกจากปากมัน

“แล้วมึงจะเอาไงต่อ” ถามเมื่อมันทิ้งกลุ่มผมดำมาซบไหล่อย่าคนไม่มีแรง “ยังไงมึงกับเขายังอยู่ในแผนกเดียวกันนะ”

กลุ่มผมนั่นขยับไปมาช้าๆ ให้ผมได้ถอนหายใจออกมา

เข้าใจทั้งสองฝ่าย... แต่ก็สงสารทั้งคู่

“เอาเถอะ คืนนี้นอนห้องกูใช่ไหม”

“...” ไร้เสียยงตอบรับ

“หลง? เฮ้ ไอ้หลง”

ตุ๊บ
หลุดหัวเราะออกมาเมื่อไอ้คนเมาหลับไม่รู้เรื่องไปแล้ว ซ้ำยังไหลจากไหล่ผมไปที่ตักอีกเห็นอย่างนั้นก็วางมือบนหัวมันแล้วลูบเบาๆ... เอาเถอะถือว่าปลอบมันแล้วกัน

ตอนน้องกูถูกหักอกกูยังไม่ปลอมมันเลยนะเฮ้ย

“ตื่นมาก็หายเศร้าสักที” ได้แต่พูดแล้วยกยิ้มจางให้ไอ้คนหลับไม่รู้เรื่อง เศร้าแล้วทำกูเศร้าไปด้วยนะมึง

ก็ว่าจะรอมันหลับสนิทแล้วกลับไปนอนในห้อง... สุดท้ายก็หลับไปทั้งๆ ที่มันหนุนตักนี่ล่ะ

 “พี่ทศ อยากเมาไปกินเหล้ากัน” หรี่ตามองไอ้คนอยากเมา เชื่อไหมว่าตั้งแต่มันเลิกกับจ๋ามันก็ตัวติดกับผมยิ่งกว่าเดิม เดี๋ยวนี้มันแทบจะมากินนอนที่ห้องผมแล้วครับเนี่ย ไล่ก็ไม่ไปแถมยังชอบทำตัวแอ๊บแบ๊วไม่สมวัย... ลำบากให้กูใจสั่นอีก

เออครับ ยอมแล้วว่าใจสั่นไม่ใช่เข้าวัยทองอย่างที่เข้าใจ

เหลือบมองมันแล้วถอนหายใจ ถ้าไซส์แบบไอ้เจ้ากูจะไม่อะไรเลยแต่นี่... อีกนิดก็เท่ากันแล้วครับ

“ไปชวนไอ้เจ้าดิ” พอพูดปัดๆ ไป ไอ้หลงแทบจะมาก

อดขาผม ทำตาปริบๆ ที่นัยน์ตามีแต่รูปขวดเหล้าอยู่... แทบจะเอามือก่ายหน้าผากตัวเอง

“พี่ทศชวนให้หน่อยดิผมว่าจะบอกเจ้าเรื่องจ๋าด้วย ไปที่เก่าเวลาเดิมก็ได้นะๆ พี่ทศเลี้ยงนะครับ นะๆ”

“เออๆ ทำไมไม่ไปร้านมึงวะลำบากไปที่อื่นอีก”

“โธ่ ผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างนี่ ตกลงตามนั้นนะผมไปทำงานล่ะ จุ๊บ” กลอกตาเมื่อไอ้หลงทำท่าส่งจูบมาให้แล้วก็วิ่งหนีออกจากห้อง เออตามใจมันไง ตามจนเสียคนละแม่ง... จะโทษใครละโทษตัวเองไปดิ

ประชุมอันแสนยืดเยื้อจบลงไปแล้ว คนในห้องประชุมต่างก็ทำหน้าตายินดีเมื่อผมจบคำพูดสุดท้าย หันมองไอ้หลงที่ลันล้าแบกกระเป๋ากลับไปแล้วก็ได้แต่เอือม มันแวบมาบอกผมว่าจะไปรอที่ห้องแล้วให้ผมไปรับ... ก็เอากับมันเถอะ

“ยังไงพี่ก็ฝากเจ้าเรื่องแผนการตลาดด้วยนะ” ผมหันไปทิ้งงานให้เจ้าที่ยืนคุยกับติณณ์ มันพยักหน้ารับคำ “เออเจ้า เย็นนี้ว่างป่ะไอ้หลงชวนที่เก่าเวลาเดิม”

ไอ้เจ้ายิ้มร่าเมื่อผมถามออกไป

 “ไปครับพี่!” ยกยิ้มขำเพราะเห็นคนอยากเหล้า สายตาเห็นเด็กฝึกงานที่ควบตำแหน่งที่เพิ่งแอบรู้มาอย่างหลานชายเจ้าของบริษัททำหน้างุนงงเลยเอ่ยถาม

“ไปไหมติณณ์?” มันพยักหน้า เลยส่งข้าวเจ้าเข้าปากเสียโดยการ... “งั้นให้เจ้าพาไปนะ นัดเวลากันเอง พี่เลี้ยงเอง”

พูดจบก็เดินออกมาทันที ปล่อยให้เขาถามกันเองแล้วกันเนอะ


“หูยยยย ไม่ได้มานานสาวๆ แจ่มเยอะเลยว่ะพี่” เหลือบตามองคนตาเป็นประกายก็ได้แต่ถอนหายใจ เห็นไอ้เจ้าทำท่ามองหาเราอยู่ก็เลยโบกมือให้ ศึกแย่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อยสุดท้ายไอ้ติณณ์ก็ได้นั่งข้างเจ้าสมใจ ไม่นานเกินรอคนคออ่อนอย่างไอ้ข้าวเจ้าก็สลบไปแล้ว มีแต่ไอ้หลงนี่ละที่ปากมากเผาเพื่อนตัวเองให้ติณณ์ฟัง และไม่นานเกินรอ... ไอ้หลงก็ตามเพื่อนสนิทมันไปก็สมควรอยู่ ทั้งเหล้าทั้งเบียร์

พอเห็นว่าสองคนนั่นเงียบไปแล้วผมเลยหันไปคุยกับไอ้ติณณ์เรื่องที่รู้มา คำตอบของมันก็พอสมเหตุสมผลอยู่นะผมว่า... อยากโดนดุมากกว่าโดนโอ๋ แต่คือหมั่นไส้มันไงที่ปิดมาตั้งนาน เลยหลุดปากหย่อนระเบิดที่บังเอิญรู้ไปให้หนึ่งลูกย่อมๆ ก่อนจะหันไปหาไอ้คนที่หลับปุ๋ยแล้วยิ้ม

เอาละ...ได้เวลาพาเด็กกลับบ้านกันแล้ว

To be continued...?

―――――――――――――――――――――――――――

แวบมาส่งกดสองค่ะ ไม่นึกว่าจะมีคนเล่นด้วยเยอะขนาดนี้ แงงง คือยอมรับว่าคู่นี้มาแบบเมาๆทั้งไรท์และตลค. พล็อตด้นสดก็มาค่ะ เมาๆ หน่อยอย่าว่าเรานะ 55555
ส่วนใครรอเนื้อเรื่องหลัก เราลงคืนวันอาทิตย์ ไม่ก็วันจันทร์นะคะ //กอดรอบทิศ

ปล. หวังว่าในอนาคตคงเจอคู่นี้กันอีก 55555555

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
โอ๊ะ ไม่จบ. ใาต่อเร็วๆนะคระบ. ค้างงงงง

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ชอบจังเลย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ мıınta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
    • TW
Re: จีบนะครับ...รักผมที -13- 12|02|2561 P.2
«ตอบ #39 เมื่อ12-02-2018 00:52:45 »

13

ผมเดินฮัมเพลงอย่างมีความสุขตลอดทางไปแผนก... บางทีก็แปลกใจตัวเองนะครับ จูบคนอื่นมาตั้งเยอะไม่เห็นจะเคยเป็นอย่างนี้ แต่นี่แค่พี่ข้าวจูบเบาๆ แค่ริมฝีปากแตะกันผิวเผินเท่านั้นผมกลับยิ้มแป้นเหมือนคนบ้าได้ทั้งวัน ขนาดเมื่อกี้เจอน้านพ ผมก็ทักทายแกพร้อมรอยยิ้มแต่ทำไมน้าแกต้องผงะด้วยก็ไม่รู้
ก็คนมันมีความสุข~

ก้าวเท้าข้ามผ่านประตูแผนกด้วยความสุข แจกจ่ายรอยยิ้มให้คนในแผนกอย่างไม่เคยทำจนเห็นสาวน้อยสาวใหญ่ในแผนกหน้าแดงกันไปเป็นแถว สายตาเห็นว่าคนที่ขโมยจูบ(?)ผมเมื่อวานมาถึงแล้วผมก็สาวเท้าไวๆ ไปหาทันที

“พี่ข้าวครับ พี่ข้าว---- เฮ้ย!”

“งืมม แหกปากหาเหี้ยอะไรรรร คนจะหลับจะนอนนนนน” เจ้าของชื่อว่าเสียงยานให้ผมได้แต่ทำตาปริบๆ คือ...ใครพาพี่ข้าวมาร์กหน้าวะครับ! ตอนนี้สภาพคนพี่เป็นงี้ครับ พี่ข้าวที่มัดผมหน้าเป็นจุกกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้ตรงโต๊ะเจ้าตัว บนหน้ามีแผ่นมาร์กสีขาวแบบเต็มหน้าแปะอยู่บน แถมด้วยแตงกวาฝานบางๆ ปิดตาอีกชั้น

ถ้าเจอตอนดึกๆ คงแอบสะดุ้งครับบอกเลย...

“เอ่อ... ทำไมพี่ข้าวถึง...” ถึงมามาร์กหน้าเวลานี้ อยากจะถามต่อแต่คนพี่เอาแตงกวาที่ปิดตาอยู่ออก หันหน้ามองผมแล้วชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ พอผมนั่งปุ๊บพี่แกก็ถลามาหา... พร้อมกับขาที่พาดยาวบนตักผม ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมากครับทุกคน

“ไว้ค่อยถาม ถ้าได้เวลางานแล้วปลุกด้วย”

“...ครับ” ผมมองพี่ข้าวที่เอาแตงกวาปิดตาและหลับไปอีกครั้งสลับกับน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ตรงหน้า... คือหิวอ่ะ

ก็ได้แต่เป็นเบาะรองเท้าให้พี่ข้าวจนอีกคนตื่นล่ะครับเช้านี้ เอาเถอะมีความสุข


“ก็... อย่างที่เล่าไปนั่นแหละ”

“สรุปว่าเมื่อคืนพอหนีผมไปก็ไปกินเหล้ากับพี่หลงแล้วก็เมาจนต้องค้างห้องพี่หลง?” ถามย้ำกับคนที่เล่าว่าทำไมไม่ได้นอนให้ผมฟัง “เมาหลับแล้วไม่ได้นอนยังไงอ่ะพี่”

คนที่แย่งน้ำเต้าหู้ผมไปสำลัก ยกหลังมือเช็ดปากตัวเองลวกๆ แล้วตวัดตาไปมองด้านหลังเยื้องขวามือจนผมต้องมองตาม ห้องพี่ทศ?

“พี่ข้าวมองอะไรครับ?”

“ติณณ์ รู้เรื่องสองคนนั้นไหม” จู่ๆ พี่แกก็พูดขึ้นเสียงเบาให้ผมเลิกคิ้วสงสัย “ก็เรื่องไอ้หลงกับ...”

“พี่ทศ?” พี่ข้าวหันขวับมามองผม หรี่ตามองเหมือนจับผิดจนผมได้แต่หัวเราะเก้อ “ก็พอรู้บ้างครับ”

จริงๆ ไม่บ้างอ่ะ... รู้แม่งเกือบทุกอย่างอ่ะครับ ผมที่พอจะเดาเรื่องได้บ้างตอนเห็นไอ้รอยที่คอพี่ทศเมื่อวันก่อน จากนั้นพี่ทศแม่งก็เริ่มมาปรึกษาราวกับผมเชี่ยวมาก...

เชี่ยวบ้าอะไรล่ะ! คนตรงหน้านี่ยังจีบไม่ติดเลยเถอะ!

“แต่ก็ปล่อยเขาสองคนนั่นเถอะพี่ แล้วจะบอกผมได้ยังว่าทำไมพี่เมาหลับแต่กลับบอกผมว่านอนไม่พอ” ปัดเรื่องสองคนนั่นทิ้งแล้วยื่นหน้าเข้าใกล้พี่ข้าวที่ยังคงหันคอไปด้านหลัง แก้มใสๆ อยู่ห่างปลายจมูกผมไม่ถึงคืบ

จะหอมมากไหม... ถ้ากดจมูกไปจะโดนพี่ข้าวว่าไหมนะ...

“ก็แฮงค์ ใช่ๆ แฮงค์ไงเลยนะ...” พี่ข้าวเงียบไปเมื่อหันหน้ามาตอบผม ความใกล้ชิดทำให้ปลายจมูกของเราเกือบชนกันจนเห็นหน้าตัวเองในตาพี่ข้าว “เอ่อ... ถอยไปหน่อยได้ไหม”

คนตรงหน้าว่าเสียงติดสั่น ใบหน้าเริ่มมีสีแดงจางประดับ พอผมแกล้งขยับเข้าใกล้กว่าเดิมคนพี่ก็แทบจะลุกหนีผม แต่ติดที่ว่าเก้าอี้พี่แกชิดผนังแล้วมีผมกักไว้อีกทีน่ะสิ หึๆ

“ตะ... ติณณ์ ถอยก่อนนะ ใกล้ ใกล้ไปแล้ว” พี่ข้าวละมือที่ถือแก้วมาดันตัวผมให้ออกห่าง ซ่อนหน้าแดงๆ ด้วยการซบต้นแขนและก้มหน้าก้มตามองพื้น

“พี่ข้าว~~” แกล้งเรียกชื่อให้คนเขินยิ่งก้มหน้าก้มตาลงกว่าเดิม “พี่ข้าวครับ โอ๊ย!”

ของหนักๆ ถูกฟาดลงมากลางหัวทำให้ผมหันขวับไปมองคนทำร้าย ชะอุ้ย...พี่ทศล่ะ

“นี่ถือว่าตัวเองเป็นหลานคุณชัยแล้วไม่ต้องทำงานหรือไงฮะติณณ์” พี่แกว่าเสียงเอือม ขยับท่าทางเป็นยืนกอดอกพิงที่กั้น “งานที่พี่ให้ไปแก้เมื่อวานเสร็จหรือยังเจ้า”

“เอ่อ เสร็จแล้วพี่ หาแปบๆ” เจ้าของชื่อหันไปหาของในกองงาน “อยู่ไหนวะ”

“เห็นหลงบอกว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนหรอเจ้า หืม”

โครม

สิ้นเสียงติดล้อที่เอ่ยถามจากพี่ทศทำให้พี่ข้าวที่ลนหาของให้หัวหน้าแผนกอยู่นั้นปัดมือไปโดนกองงานที่วางไว้จนมันล่วงไปทั้งตะกร้า ก่อนจะหันหน้ามามองพี่ทศที่ยืนทำหน้ากรุ่มกริ่มด้วยตาขวางๆ

“ก็เพราะใครละวะ!” พี่ข้าวโวยใส่พี่ทศที่ยืนขำ

“อ้าวๆ ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะอยู่ห้องด้วยล่ะ ไอ้หลงก็ไม่ได้บอกไว้ก่อน” พี่ทศส่ายหัวไปมา “พี่เข้าไปได้ก็ขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย”

เสียงของพี่ข้าวที่โวยวายใส่พี่ทศเกี่ยวกับพี่หลงยังดังออกมาเรื่อยๆ แต่ผมที่ก้มไปเก็บเอกสารชะงักมือเมื่อได้ยินสิ่งที่สองคนนั่นคุย เดี๋ยวนะ...เมื่อคืนพี่ข้าวเมาไปนอนห้องพี่หลง มาวันนี้พี่ข้าวบอกว่านอนไม่พอ แล้วตอนนี้ได้ข้อมูลใหม่คือพี่ทศน่าจะเข้าไปในห้องพี่หลง

นี่กูพลาดอะไรหรือเปล่าวะ...

“พี่ทศๆ เมื่อวานมีอะไรป่ะครับ?” ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น หัวหน้าแผนกหันมามองผมสลับกับพี่ข้าวที่ยืนหน้าดำหน้าแดงจากการเถียงกับอีกคน รอยยิ้มสนุกสนานติดที่มุมปากพี่ทศ

“ก็เมื่อคืนไอ้เจ้ามันได้ดูนะ---” “ไม่มีอะไรเว้ยยยยย!”

พี่ข้าวโวยวายลั่นแทรกพี่ทศที่กำลังตอบ เสียงดังจนคนในแผนกต่างก็ลุกมามองพวกเราอย่างสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนพี่ข้าวต้องเอ่ยขอโทษคนถึงยอมแยกย้ายกัน

เหมือนจะประติดประต่อเรื่องราวได้แล้วแฮะ...หึ

“อ๋อ ที่พี่ข้าวไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ฟังเสียงหนังสดที่แสดงนำโดยที่ทศกับพี่หลงหรอครับ?” กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นพี่ข้าวอ้าปากเหวอขณะที่พี่ทศยกมือลูบหน้าตัวเองอย่างไม่คิดว่าผมจะพูดขึ้นมาพล่อยๆ อย่างนี้

นั่นหมายความว่าสิ่งที่ผมพูดคือเรื่องจริง

“เจ้า...  เอางานไปให้พี่ที่ห้องแล้วกันนะ” พี่ทศเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินไปตบบ่าพี่ข้าวที่ยังอ้าปากค้างอยู่ จากนั้นก็ทำท่าจะเดินออกไปแต่กลับชะงักเท้ามองผมเหมือนคิดอะไรได้ “เออ ติณณ์”

“ครับ”

“เราฝึกงานเสร็จสิ้นเดือนนี้ใช่ไหม? ใบฝึกงานพี่ต้องให้ติณณ์หรือให้ส่งไปมหาลัยล่ะ” มองพี่ทศที่หมุนตัวกลับมาถามสลับกับมองพี่ข้าวที่เม้มปากแน่นแล้วหันกลับไปหางานที่หัวหน้าแผนกถามหาต่อ

 “ให้ผมครับ เดี๋ยวเอาไปให้อาจารย์เอง” คนเป็นหัวหน้าพยักหน้ารับรู้แล้วเดินกลับห้องไปจริงๆ เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ

สิ้นเดือนนี้แล้วหรอ อ่า... อีกไม่กี่วันแล้วสิ

“พี่ข้าวหาแผ่นไหนอยู่ครับ” เอ่ยถามคนที่ยังง่วนหาของไม่เจอสักที เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยแล้วตอบผมเสียงเบา ลากเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ พี่ข้าวที่ก้มหน้างุดแล้วหยิบกองเอกสารขึ้นมาช่วยหาอีกแรง

รอบข้างเรามีแต่เสียงกดแป้นคีย์บอร์ดและเสียงกรีดกระดาษให้ได้ยิน ถึงจะไม่พูดอะไรกันแต่หางตาเห็นว่าคนข้างๆ เงยหน้ามองผมหลายครั้งแล้ว พอหันไปสบตาอีกฝ่ายก็แสร้งหาของต่อ

“พี่ข้าว”

“อ๊ะ เจอแล้ว เดี๋ยวพี่มานะ” พี่ข้าวชูเอกสารปึกหนึ่งขึ้นโบกไปมาตรงหน้าผม จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ไปทางห้องพี่ทศทันที ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังนั่นไป กว่าพี่แกจะออกมาอีกครั้งก็เกือบสิบห้านาทีได้ แต่... พอคนพี่เห็นผมจ้องอยู่ก็ชะงักฝีเท้า ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะคลายออกเหมือนอยากพูดอะไร พี่ข้าวก็ถอนหายใจออกมาก่อนกลับมานั่งที่ของตัวเอง

สุดท้ายก็ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากพวกเรา...

“พี่คิดมากเรื่องที่ผมเคยขอหรอครับ” เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ท่ามกลางความเงียบ พี่ข้าวหยุดมือแล้วหันมามองผมตรงๆ “อ่า คือเห็นว่าพอพี่ทศพูดเรื่องที่ผมจะฝึกเสร็จพี่ข้าวก็ทำหน้าเหมือนลำบากใจ ผมก็เลยคิดว่าพี่คงคิดมากเรื่องนี้”

“...ก็ใช่” พี่ข้าวพูดเสียงเบา “ถ้าสุดท้ายคำตอบคือไม่...ติณณ์จะไม่มาให้เห็นจริงหรอ”

“ครับ” ตอบหนักแน่น แพลนไว้ว่าถ้าหากพี่ข้าวตอบอย่างนั้นจริงผมก็คงไปเรียนต่อ... ไม่ก็กลับไปทำที่สาขาที่โคราชตามที่พ่อเคยขอไว้ ง่ายๆ ก็หนีไปทำใจ “ผมรอคำตอบตอนสิ้นเดือนครับไม่ใช่ตอนนี้”

ตอบพร้อมหันไปยิ้มให้พี่ข้าว อีกฝ่ายก็ยกยิ้มฝืนๆ มาให้แล้วหันกลับไปพิมพ์งานต่อ เหลือบมองใบหน้าด้านข้างของคนพี่... มองนัยน์ตาที่วูบไหวและริมฝีปากที่เม้มแน่น ไล่ลงไปยังมือซ้ายที่คีย์งานแต่มือขวากลับกุมเม้าส์แน่น

ไสตัวเลื่อนเก้าอี้เข้าอีกไปชิดโต๊ะอีกฝ่าย ถือวิสาสะยกมือตัวเองขึ้นไปกุมทับมือข้างที่กุมเม้าส์ของพี่ข้าวไว้หลวมๆ ยกมือคนพี่ให้หลุดจากการกุมเม้าส์แล้วกุมเต็มมือ

พี่ข้าวเคยบอกว่ารู้สึกดีกับผมก็จริง... แต่ก็ไม่ว่าไอ้ความรู้สึกดีนั้นเป็นในรูปแบบไหน ไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากไป

อย่างน้อยๆ ยังมีเวลาเหลือเกือบอีกสองอาทิตย์นี่ จริงไหม

“พี่ข้าวครับ เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ”

เจ้าของมืออุ่นที่กุมอยู่พยักหน้า

“แล้วพรุ่งนี้วันหยุด...”

“อื้อฮึ”

เหลือบมองใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีของอีกคน เผลอยกยิ้มได้ใจ

“งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ”

“...อื้อ”

“ผมชอบพี่ข้าวนะครับ”

“งะเงียบได้แล้วน่า!... ทำงานไปเลยไป๊!”

หัวเราะร่าเมื่อพี่ข้าวหันมาแยกเขี้ยวใส่ผมด้วยใบหน้าแดงๆ จากนั้นก็หันไปทำงานตัวเองต่อ... โดยที่ฝ่ามือของเรายังคงกุมกันอยู่อย่างนั้น


ตกเย็นผมก็พาพี่ข้าวไปร้านของพี่หลง... ที่ๆ เจอพี่ข้าวครั้งแรกนั่นแหละครับ ดีที่วันนี้พี่แกไม่ได้เอาไอ้เศษเหล็กลูกรักพี่แกมาด้วยผมเลยหิ้วเข้ารถง่ายๆ โดยไม่มีอิดออด โชคดีที่โต๊ะเดิมที่เคยนั่งมันยังว่างอยู่

“พาพี่มาร้านที่พี่เป็นหุ้นส่วนเนี่ยนะ” พี่ข้าวว่าติดขำขณะดูเมนู “คิดไงถึงพามานี่ล่ะ”

“ก็” ผมเงียบเมื่ออีกฝ่ายหันไปสั่งอาหาร รอพี่ข้าวหันมาถึงพูดต่อ “ก็ผมเจอพี่ข้าวครั้งแรกที่นี่นี่ครับ พี่ข้าวนั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ส่วนผมก็อยู่ตรงนี้”

คนฟังมองตามนิ้วที่ผมชี้แล้วระบายยิ้มออกมา “แล้วติณณ์ก็ไปแกล้งเป็นแฟนพี่ งงโคตรๆ อ่ะตอนนั้น กำลังมึนๆด้วย ฮ่าๆๆ”

“แล้วพี่ข้าวก็ใจร้ายกับผมที่ไปช่วยออกมาด้วยการทำให้อยากแล้วจากไป พี่รู้ไหมว่าผมโดนเจ้าของนามบัตรนั้นด่าซะเสียคนเลย”

“ก็ตอนนั้นติณณ์แสดงออกว่าสนพี่ แต่พี่คิดว่าจะไม่เจออีกเลยหยิบนามบัตรส่งๆ ไปให้” พี่ข้าวว่าติดขำให้ผมเบ้หน้า นี่ทำให้อยากแล้วจากไปของจริง “แล้วยังเก็บไว้ไหมน่ะนามบัตรนั่น พี่จะโทรไปขอโทษเขาสักหน่อย”

“โหย ไอ้อาร์ตทิ้งไปแล้วมั้งพี่ ขอบคุณครับ” หันไปยิ้มให้บริการที่เอาอาหารมาเสิร์ฟ “วันนี้พี่ไม่กินเหล้าหรอ พี่เมาแล้วน่ารักดีออก”

“จะบ้าหรือไง เมื่อวานก็กินวันนี้จะให้กินหรอ” คนพี่บ่นอุบ ไม่วายเผื่อแผ่มาให้ผมด้วย “ติณณ์ก็อย่ากินนะ ขับรถมานี่”

“ถ้าผมเมา พี่ก็ขับให้ไงครับ” ขยิบตาส่งวิ้งค์ให้คนพี่หน้าเหวอเล่น

“ติณณ์...” ขานรับคำเรียก “พี่ขับรถยนต์ไม่เป็นว่ะ”

ทำตาปริบๆ มองคนตรงข้ามที่ยิ้มจืด มิน่าล่ะเห็นขับแต่ไอ้แก่... “ไว้เดี๋ยวผมสอนนะ เผื่อไว้จะได้ขับไปไหนมาไหนเวลาอยู่ด้วยกันไง”

ไม่วายส่งคำแซวคำหยอดให้พี่ข้าว หัวเราะเก้อๆ เมื่อเห็นคนพี่สำลักข้าวเปล่าจนหน้าดำหน้าแดง

“ประโยคหลังผมพูดเล่นน่า แต่ถ้าขับเป็นก็ดี... ไอ้แก่มันเก่าแล้วผมห่วง”

“อื้อ... ไว้สอนพี่ด้วยนะ”

รีบเงยหน้ามองเจ้าของประโยคนั้นทันที พอถามซ้ำพี่ข้าวก็เฉไฉไม่ยอมตอบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วมองไปทางอื่นทันที ใบหูแดงๆ ที่ปิดไม่มิดนั่นก็ทำให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ

“ครับ เดี๋ยวสอน...สัญญาเลย”

อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วทำเหมือนจะเลิกสนใจผมโดยการสนใจอาหารตรงหน้า...

ตอนนี้ผมขอเข้าข้างตัวเองว่าผมยังพอมีหวังนะครับพี่ข้าว

Tbc.

――――――――――――――――――――

ง่วงง่ะ... ฝันดีค่ะทุกคน---

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จีบนะครับ...รักผมที -13- 12|02|2561 P.2
« ตอบ #39 เมื่อ: 12-02-2018 00:52:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ мıınta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
    • TW
***หมายเห็ด***
ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก จะใช้ไทม์ไลน์เดียวกับเรื่องกลิ่นสีและกาวน์หมอค่ะ (มีภาคแยกของพี่หมอกับหนูฝุ่นด้วยนะคะ---)
ส่วนสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านกลิ่นกาวน์ ว่าง่ายๆก็หลังคบกันแล้ว แหละค่ะ ถถถ

――――――――――――――――――――――――

วาเลนไทน์ เดย์กับติณณ์และพี่ข้าว

13 Feb 20xx
“ไม่เห็นบอกว่ามีประชุม” เอ่ยถามคนที่กำลังสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อน

“ก็ผมเพิ่งรู้เหมือนกันว่ามี” มันเดินมาจะหอมแก้ม แต่ผมโยกหัวหลบก่อนจนอีกคนหน้าเอ๋อ “โธ่ข้าวไม่งอนผมสิครับ ผมก็เพิ่งรู้พร้อมข้าวนี่ไง”

“...ก็วันหยุดติณณ์ไม่ใช่หรอ” ว่าเสียงหงอยจนโดนหมียักษ์รวบตัวไปกอดแล้วโยกเบาๆ “ไม่ไปได้ไหม”

“ผมไปแปบเดียวนะ เดี๋ยวข้าวไปอยู่กับสีฝุ่นก่อนนะครับตอนเย็นผมจะไปรับเนอะ แล้วจะได้ไปกินข้าวกัน”

“อื้อ...”

สุดท้ายก็โดนพามาทิ้งไว้หน้าร้านบ้านศิลป์จนได้...

“พี่ข้าวอยากลองทำขนมไหมล่ะ พรุ่งนี้จะได้เอาให้พี่ติณณ์ไง” ละสายตาจากเครื่องคิดเงิน เงยหน้ามองคนที่รู้สึกเหมือนเห็นน้องชายอีกคนที่เอ่ยถาม

ถามว่าโกรธไหมก็ไม่ เข้าใจว่าทำงานแต่ก็อุตส่าห์ได้หยุดพร้อมกันทั้งทีแต่มันก็แอบนอยด์ๆ แต่จะทำตัวไม่มีเหตุผลก็จะเกินไปหน่อย แก่ปูนนี้แล้ว... ตั้งแต่มานี่ก็ถูกสีฝุ่นพาทำนู่นทำที่จนลืมติณณ์ไปชั่วคราว ตอนนี้ก็หลวมตัวเข้ามาอยู่ในโซนครัวของร้านแล้วล่ะครับ

เอาเถอะ ว่าง... อีกอย่างพรุ่งนี้ก็วาเลนไทน์ทำอะไรให้มันหน่อยก็ดี

“อ้าวๆ คุณข้าวนี่ มาช่วยน้าทำขนมหรอคะ” น้าศรเอ่ยทักผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หันไปรับผ้ากันเปื้อนจากสีฝุ่นมาใส่จากนั้นก็โดนจูงไปตรงกะละมังแป้งเค้กที่ผสมเสร็จแล้ว

“พี่ข้าวใช้ไอ้นี้ตักนะ ถ้วยละช้อนพอ” มองกรวยตักไอติมในมือสลับกับคนตรงหน้า “มันจะได้เท่าๆ กันไงครับ ถ้วยละช้อนพอนะ เยอะไปอบมาจะล้น”

“คร้าบคุณฝุ่น” ยิ้มกวนจนคนเด็กกว่าขำ สีฝุ่นยืนคุมอยู่ไม่กี่ถ้วยก็ออกไปหน้าร้าน กลับมาอีกทีก็ผมเสร็จนั้นแหละ ได้ทั้งนวดแป้ง ผสมแป้ง บีบครีมก็สนุกดี

หลังจากที่เมนูของพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อยฝุ่นก็ถือช็อกโกแลตบาร์มาให้ผมพร้อมถ้วยแสตนเลสที่มีหม้อน้ำอุ่นอุ่นข้างล่าง... หางตาเห็นไอ้อาร์ตยืนพิงขอบประตูอยู่

“พี่ข้าวค่อยๆ กวนนะ รอเป็นเนื้อเดียวค่อยใส่พิมพ์” พยักหน้าอย่างแข็งขัน ก้มหน้าก้มตาคนเจ้าช็อคโกแลตที่เริ่มละลายเพราะความร้อน แต่คงหนักมือไป...

เคร้งงง!

ถ้วยเด้งได้ล่ะครับทุกคน...

“หย๋า พี่ข้าวระวังหน่อยสิ ใจเย็นๆ นะฮะ” ยิ้มแหยใส่แฟนของเพื่อนแฟนที่เดินมาหา น้องบ่นที่ผมไม่ระวังเล็กน้อยจนน้าศรยิ้มขำก่อนจะชะโงกหน้ามามองช็อกโกแลตข้นๆ ในถ้วย

หืม คราบอะไร

“ฝุ่น แป้งติดหน้าอ่ะ” ยกมือขึ้นเช็ดคราบสีน้ำตาลบนแก้มคนน้องเบาๆ หยิกแก้มคนหน้าเหวออย่างหมั่นไส้คนได้ยินเสียงหัวเราะดังมา พอได้ที่ก็ตักใส่พิมพ์ที่ฝุ่นเตรียมไว้ให้...รูปหัวใจเชียวนะ

ได้ยินเสียงน้องบอกจะไปหาพี่อาร์ต สักพักน้าศรเรียกให้ผมไปตามสีฝุ่นให้มาช่วยพับคุกกี้... เมนูวาเลนไทน์ก็คุกกี้เสี่ยงทายไงครับ พอออกมานอกครัวถึงเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูถึงรู้ว่าเกือบสามทุ่ม

เผลอเม้มปากแน่นเมื่อไม่เห็นมิสคอลหรือข้อความจากคนที่รอ จึงเลือกเดินไปหาคนน้อง

“ฝุ่นอยู่ไหน...อ๊ะ” อุทานออกมาเมื่อเห็นสีฝุ่นกับอาร์ตยืนจูบกันอยู่หลังร้าน เอ่ยล้อขำๆ ให้ฝุ่นหน้าแดงเล่นทั้งที่ใจห่อเหี่ยว “พี่มาขัดจังหวะหรือเปล่าเอ่ย แต่น้าศรให้มาตามล่ะ”

ผมหันหลังทันทีที่พูดจบ ได้ยินเสียงฝีเท้าของสีฝุ่นวิ่งตามมาก็ได้แต่ยิ้มจางให้ตัวเอง... แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมามองอีกครั้ง
ไหนบอกจะพาไปกินข้าวไง...


สองสาย...

สามสาย...

กระทั่งเข้าหลักสิบ ปลายสายที่โทรออกก็ไม่มีการตอบกลับมา... ก้มมองจานข้าวตรงหน้าที่แทบไม่พร่องก็ได้แต่เค้นยิ้ม ก่อนจะกดโทรออกอีกครั้ง

‘ครับข้าว’ เผลอเม้มปากเมื่อได้ยินเสียงดนตรีคลอมาเบาๆ จากปลายสาย ‘ขอโทษครับที่ไม่ได้บอก พอดีผมออกมากินข้าวกับลูกค้าน่ะ’

“หรอ”

‘ครับ คงจะกลับดึกหน่อยไม่ต้องรอผมนะ ให้อาร์ตไปส่งที่คอนโดเลยก็ได้’

“อื้อ...”

‘ไว้เจอกันครับ’

ปลายสายตัดไปนานแล้วแต่ผมยังถือโทรศัพท์ค้างไว้อย่างนั้น รู้สึกตัวก็ตอนสีฝุ่นเดินผ่านนั่นแหละ รู้สึกร้อนๆ ที่ขอบตาเลยเดินไปกอดน้องแน่นเพื่อซ่อนหน้าตาตัวเอง เอ่ยปากให้สองคนนั่นไปส่งที่คอนโดอย่างง่ายดาย

“ฝุ่นกลับไปเถอะ อาร์ตรออยู่นะ” บอกกับน้องที่เดินมาส่งถึงหน้าห้อง สีฝุ่นทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดมันออกมา “พี่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปหาที่ร้านนะ”

บอกไปอย่างนั้นสีฝุ่นถึงยอมไปแต่ก็ไม่วายบอกให้ผมเข้าห้องก่อนอีกล่ะ ยิ้มจางๆ ให้อีกฝ่ายก่อนเปิดประตูห้อง แก่ป่านนี้แล้วจะอะไรให้ห่วงอีกเนี่ย

พอก้าวเข้ามาในพื้นที่ของตัวเองได้รอยยิ้มที่มีก่อนหน้าก็หุบลง จะโทษใครได้ล่ะในเมื่อไอ้ติณณ์ทำให้ติดเองนี่... สลัดความคิดบ้าๆ ออกจากหัวแล้วเดินลากเท้าไปยังห้องน้ำ ทำให้หัวเย็นก่อนจะนอนก็น่าจะดี

พรึ่บ!

“อ๊ะ...”

ช่อดอกกุหลาบสีแดงสดแซมด้วยดอกอะไรสักอย่างสีขาวๆ ช่อโตถูกยื่นมาตรงหน้าทันทีที่ผมเปิดประตูห้องน้ำออกไป ส่วนไอ้คนให้กำลังยืนยิ้มกว้างอยู่ข้างหลังช่อนั้น

“ติณณ์...หรอ”

“ครับผมเอง” ติณณ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ “เซอร์ไพรส์ครับข้าว สุขสันต์วาเลนไทน์ครับ”

“วาเลนไทน์มันพรุ่งนี้นี่ ไม่ใช่วันนี้” ทักท้วงไปแต่ไม่ยอมรับช่อนั้น เงยมองหน้าอีกฝ่ายที่ยิ้มแย้มก็ได้แต่เม้มปากแน่น

อาการน้อยใจยังคงอยู่... แต่อาการดีใจก็ยังมีจนเกิดรอยยิ้มน้อยๆ

“คุณข้าวเจ้าแก่แล้วลืมวันลืมคืนหรือไง” ใบหน้าที่กำลังจะยกยิ้มอยู่หุบฉับ ตวัดตามองเจ้าของช่อดอกไม้นั้นทันที “นี่เข้าวันที่สิบสี่แล้วครับ ผมรอข้าวอาบน้ำตั้งนานเกือบจะได้บุกเข้าไปแล้วไหมล่ะ”

ดันคนที่หายไปทั้งวันที่ขวางประตูให้พ้นจากทาง เงยมองนาฬิกาที่ขึ้นเวลาว่าเลยเที่ยงได้ไม่กี่นาที พอหันไปมองคนที่ยังหอบกุหลาบช่อโตไว้ ก็ได้แต่เม้มซ่อนรอยยิ้มเขินๆ เอาไว้

“ขอโทษครับนะที่ไม่ได้ทำตามที่บอก พอดีลูกค้าเขาชวนพ่อไปกินข้าวแล้วผมปฏิเสธพ่อไม่ได้” ติณณ์ว่า “แล้วผมเห็นข้าวกำลังสนุกกับทำขนมเลยไม่อยากขัด”

“เอ๊ะ”

“ผมแวบไปแปบเดียวครับ บอกอาร์ตไว้ว่าห้ามบอกข้าวเพราะจะแวะเอาไอ้นี้” ติณณ์ยื่นเจ้าช่อนั้นมาให้ผม “มาให้ข้าวด้วยครับ รับไปสิครับ”

ผมยังนิ่ง

“ติณณ์ขอโทษนะครับข้าว หายโกรธติณณ์นะ”

จุดยิ้มน้อยๆ ขึ้นพร้อมกับยื่นมือออกไปข้างหน้า ติณณ์ที่ยิ้มกว้างอยู่แล้วนั้นก็กว้างขึ้นไปอีกเมื่อมือผมไปโอบกอดคนที่ถือเจ้าช่อดอกไม้นั่นอยู่

“คิดถึงนะ... รักติณณ์นะ”

เหมือนจะพลาดที่พูดคำนั้นออกไป ดอกไม้ในมือถูกโยนทิ้งทันทีเพราะเจ้าของมันก้มมาจูบปากผมแรงๆ แล้วอุ้มผมขึ้นไปบนห้อง...

.
.
.
“เจ้า...ข้าวเจ้า อืมม”

เจ้าของตัวตนที่ถูกฝากฝังภายในกายครางเบาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าชิดใบหูอย่างพึงพอใจ ฝ่ามือหนาบีบเค้นช่วงสะโพกและทั่วแผ่นหลังกระแทกที่ตอกย้ำตัวตนอย่างรุนแรงจนสั่นคลอน ก่อนที่จะรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ถูกปล่อยเข้ามาเติมเต็ม

“อึ่ก... ติณณ์ เอามันออกได้แล้ว” เค้นเสียงว่าพลางตีมือของไอ้หมีหื่นที่ยังไม่ถอดถอนตัวตนทั้งที่สิ้นสุดบทรักรอบที่...เท่าไหร่ก็ไม่รู้ “อึดอัด”

“ออกทำไมเดี๋ยวก็ต่ออีกรอบ” มันว่าติดขำ จับตัวผมที่คว่ำหน้าอยู่หมุนตัวให้หันไปประชันหน้าแล้วโน้มตัวมาคลอเคลียใบหน้า “นะครับ นะ ให้ติณณ์ง้อข้าวต่ออีกหน่อย”

ถลึงตามองคนง้อ ก่อนจะหวีดร้องออกมาเพราะไอ้คนง้อนั้นแหละ!!

“อ๊ะ... อย่าขยับสิติณณ์!!” ตวาดใส่คนหน้ามึนที่ขยับเอวไปมา แววตามันพราวระยับเมื่อเห็นผมทำหน้าเหยเกด้วยความทรมาน “ไม่เอาแล้ว พี่ปวดตัวแล้วนะ”

“งั้นขอผมสิ” ไอ้หมียักษ์ใช้ปลายจมูกคลอเคลียแก้มผม ช่วงล่างยังคงขยับอย่างเนิบๆ “ถ้าอ้อนแล้วถูกใจผม... ผมจะปล่อย”

สิ้นเสียงไอ้หมีหื่น... ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นคล้องคอคนตรงหน้า หลุดร้องครางจนต้องตวัดตามองค้อนเมื่อถูกคนด้านบนแกล้งขยับแรง รู้สึกถึงความแข็งขืนที่เริ่มขยายขึ้นอีกรอบจนต้องกัดฟันแน่น... รู้สึกเสียดวูบที่ช่องท้อง

“ติณณ์...” มันหยุดกึกคล้ายรอคำผม โน้มแขนรั้งคอให้มันลงมาใกล้และเอ่ยติดใบหู “ติณณ์ช่วยข้าวหน่อย...นะ”

มันนิ่งไปเพราะคงไม่นึกว่าผมจะเอ่ยอย่างนั้น ฝ่ามือใหญ่แกะแขนที่คล้องคอผมอยู่แล้วก้มมองด้วยใบหน้านิ่ง แต่แค่ชั่วพริบตายิ้มร้ายก็ประดับบนใบหน้าของไอ้ลูกเสี้ยว

“ตามบัญชาครับ... ที่รัก”

.
.
.

สองขาต่างความยาวถูกสอดเกี่ยวกันไปมา สองร่างที่ก่ายกอดกันภายใต้ผ้าห่มผืนหนา... ผมขยับตัวเพราะรู้สึกถึงท้องที่ร้องประท้วง ยกแขนที่พาดเอวออกเบาๆ พอลุกขึ้นก็รู้สึกเสียดที่ด้านหลังจนอยากจะนอนต่อแต่ความหิวก็ไม่เข้าใครออกใคร ฝืนกัดฟันลุกขึ้นหยิบๆ เสื้อของไอ้หมีที่ยังนอนอยู่มาใส่จากนั้นก็เดินลงไปหาของกิน

พอกลับขึ้นมาอีกครั้งก็ยังเห็นติณณ์นอนแผ่หลาเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย ไม่นานนักคนตัวโตก็เริ่มขยับเมื่อแสงกระทบเข้ามาในห้อง ลอบขำเมื่อเห็นมือหนากวาดไปข้างตัวอย่างสะเปะสะปะพร้อมกับเรียวคิ้วที่ขมวดเมื่อหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ ก่อนที่นัยน์ตาสีอ่อนจะค่อยลืมขึ้น... เจ้าหมียักษ์ที่ทำหน้าไม่บอกบุญกวาดตาไปรอบห้องคล้ายกำลังหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะหยุดลงตรงที่ๆ ผมนั่งอยู่

“ลุกไหวหรือไงข้าว” เสียงแหบเอ่ยถามแล้วขยับตัวจนพร้อมผ้าห่มหล่นลงไปจนเห็นไลน์กล้ามเนื้อสวย ยกมือลูบหน้าขยี้หัวตัวเองแล้วหาววอดออกมา...

ผมรีบกดหยุดคลิปที่กำลังถ่ายอยู่เมื่อมันลุกขึ้นเดินโตงเตงมาหาผม... เพราะเมื่อคืนพอเสร็จกิจรอบสุดท้ายก็นอนกันอย่างเปลือยๆ นั่นแหละ

“ไม่ตอบผมอีกนะ” ยู่ปากเมื่อถูกบีบแก้มเบาๆ “ลุกไหวได้ไง?”

“ก็หิว... ปวดตัวแต่หิวเลยต้องลุก ปลุกแล้วติณณ์ไม่ตื่น” รีบบอกก่อนที่หมียักษ์จะโดนพูดบ่นอะไร ติณณ์ส่ายหัวอย่างปลงๆ แล้วเดินลงไปข้างล่างแล้วถือเอาช่อดอกไม้มาวางบนตักผม พอได้ยินคนตัวโตบอกว่าจะไปอาบน้ำเลยยกมืออ้าแขนให้คนตรงหน้าแล้วเอ่ยอ้อน “อาบน้ำให้ข้าวหน่อย นะๆ”

ลูกอ้อนที่ใช้ได้ประจำคือการแทนตัวเองด้วยชื่อ... ไอ้ติณณ์ยิ้มรับแล้วจัดการช้อนตัวผมขึ้นพาเดินลงไปห้องน้ำ ถูกเรียกค่าจ้างเป็นการแตะนิดตอดหน่อยจนหมดแรงอีกรอบ

สุดท้ายเลยได้ให้อีกฝ่ายจับอาบน้ำแต่งตัวเหมือนตุ๊กตานั่นละ สบายไปดิ...

ประโยคท้ายนั่นประชดครับ

“เออติณณ์” เรียกเจ้าของตักที่นั่งไถหน้าจอโทรศัพท์อยู่

“หืม”

“ลืมบอกว่าต้องไปช่วยฝุ่นที่ร้าน สัญญากับน้องมันไว้”

“....” ติณณ์หันขวับมามองผมทันที

“ช็อกโกแลตวาเลนไทน์ก็ยังอยู่ที่ร้านฝุ่นนะ แต่พี่คงเดินเสิร์ฟไม่ไหวแฮะ ขัดๆอยู่เลย”

“... ความหมายคือจะให้ผมไปช่วยแทนว่างั้น” ยิ้มกว้างแล้วจับคางคนหรี่ตาจนแทบจะเป็นเส้นตรงไว้ จากนั้นยื่นหน้าไปจุ๊บเบาๆ

“รักติณณ์นะ คนเก่งของข้าว”

“ครับๆ รักข้าวเหมือนกัน งั้นลุกจากตักได้แล้วติณณ์จะไปแต่งตัว”

มองตามหลังคนที่เดินขึ้นไปชั้นสองแล้วยกยิ้มขำ ต้องเอาให้คุ้มกับที่เมื่อวานหายหัวไปทั้งวันสักหน่อยครับงานนี้

END – วาเลนไทน์ เดย์ของติณณ์และพี่ข้าว

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
จริงๆอยากได้NCมากกว่านี้555เราสายหื่น แต่แบบนี้ก็หวานแล้วนะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานซะ,,,

ออฟไลน์ мıınta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
    • TW
Re: จีบนะครับ...รักผมที -14- 20|02|2561 P.2
«ตอบ #43 เมื่อ20-02-2018 22:50:40 »

14

ถ้านาทีนี้ถามผมว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณกณิศ... หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของข้าวเจ้านั้น บอกได้เลยว่าบางทีผมอาจจะเลยคำว่าชอบไปไกลแล้ว

ยิ่งได้อยู่ใกล้... ยิ่งได้ดูแล ยิ่งไม่อยากให้เขาหายไป เพราะหลังจากที่เข้าค่ายละลายพฤติกรรมกับพี่ข้าวไปเมื่อวันอาทิตย์ก่อนตั้งแต่เช้าตรู่จรดส่งคนพี่เข้านอน จนถึงตอนนี้สถานการณ์ระหว่างผมกับพี่ข้าวค่อนข้างจะดีกว่าเดิมครับ เห็นได้ชัดคือจากที่ผมจะเป็นฝ่ายเข้าหาพี่เขาก่อนกลายเป็นว่าพี่ข้าวเริ่มขยับเข้าใกล้ผมทีละเล็ก รับรู้เรื่องผมทีละน้อย จนถูกพี่หลงที่บังเอิญมาเห็นแซวเข้า

มันก็เหมือนว่าพวกเราก็ต่างปรับตัวเข้าหากันแหละครับ นั่นทำให้คิดว่าพี่ข้าวคงเปิดใจให้ผมไปแล้วบ้างไม่มากก็น้อย... ก็ยังดีกว่าไม่มีความหวังเลยนี่นา แต่ก็นะพี่ข้าวยังคงเป็นพี่ข้าวคนเดิมพอเขินนิดเขินหน่อยก็หมัดมา ศอกมาแก้เก้อ แล้วแถมยังมีข้อห้ามจากคนพี่ว่าไอ้สองอาทิตย์ที่เหลืออยู่เนี่ย ผมห้ามฉวยโอกาสตอดนิดตอดหน่อยเหมือนก่อนหน้านี้อีกด้วย ถึงจะเสียดายไปหน่อย... แต่อย่างน้อยถ้ามีพี่ข้าวเป็นรางวัลความพยายามมันก็คุ้มเชียวล่ะ

หนึ่งอาทิตย์หลังจากขยับเข้าหาพี่ข้าวมากขึ้นก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก... และแล้วก็นับถอยหลังเข้าสู่การฝึกงานอาทิตย์สุดท้ายแล้วครับ

เช้าวันจันทร์ที่สดใสสำหรับผมตั้งแต่ที่เริ่มฝึกงานเหมือนจะโคตรมาคุสำหรับพี่เลี้ยงของผม เพราะตั้งแต่ที่พี่เขาเข้ามาก็เอาแต่ก้มหน้างึมงำอะไรที่ผมจับใจความไม่ได้ พอลุกไปสะกิดก็เจอแววตาดุๆ ตวัดมามองจนได้แค่นั่งย้อนอดีตว่าตัวเองไปทำอะไรพลาดตรงไหน

เสาร์ก็แค่หอมแก้มพี่ข้าวฟอดใหญ่ๆ ตอนไปส่งคนพี่ ... พออาทิตย์ก็ไปฟัดคนขี้เซาจนพี่เขาตื่นมาดุ ก็เท่านั้นเอง

“นี่ติณณ์...” เสียงแผ่วเบาของพี่ข้าวทำให้ผมที่กำลังย้อนระลึกถึงความผิดของตัวเองอยู่หลุดจากภวังค์ทันที และรีบไสเก้าอีกไปนั่งข้างคนพี่อย่างไม่รีรอ

“ครับ”

อีกฝ่ายยังคงเงียบไม่พูดจา เอาแต่มองผมอย่างครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปม

“วันนี้... ตอนนี้งานค้างไม่มีใช่ไหม” ผมพยักหน้าลง “ดี งั้นมากับพี่หน่อย”

สิ้นคำพูดนั้นผมก็ได้แต่เดินตามคนพี่ต้อยๆ ออกจากแผนกลงไปถึงชั้นแรกสุด เดินเลยมินิมาร์ทไปยังที่จอดรถและเลยไปหายามที่เฝ้าอยู่ พี่ข้าวหันมาชี้นิ้วลงกับพื้นและขยับปากไม่มีเสียงว่าให้ผมยืนรอตรงนี้ก่อน ส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปหายามคนนั้นพูดคุยกันสองสามประโยคก่อนยามคนนั้นจะยื่นกล่องอะไรสักอย่างมาให้ แววตาและรอยยิ้มอ่อนโยนของพี่ข้าวที่ก้มมองของในกล่องทำให้ผมขมวดคิ้วแน่น

อะไรคือสิ่งที่ทำให้พี่ข้าวยิ้มอย่างนั้นออกมาได้

“ติณณ์... ถ้าพี่จำไม่ผิดเพื่อนติณณ์คนนั้นเรียนสัตวแพทย์ใช่ไหม” พี่ข้าวถามขึ้น ผมนึกเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเมื่อคิดได้ว่าคนที่คนตรงหน้ากำลังพูดถึงคงเป็นไอ้อาร์ต

“ไอ้อาร์ตหรือเปล่าครับ”

“เออนั้นแหละ” อีกครั้งที่พี่ข้าวทอดแววตาอ่อนโยนให้เจ้าสิ่งในกล่อง มือนุ่มน่าจับเปิดฝากล่องให้อ้าขึ้นกว่าเดิมแล้วยื่นมาตรงหน้าผม “งั้นถ้าพี่ฝากเจ้านี่ไปให้เพื่อนติณณ์ดูได้ไหมอ่ะ พอดีพี่เจอหน้าที่คอนโดเมื่อเช้าแล้วไม่รู้จะพาไปไหนดี ก็ไม่ได้อยากจะรบกวนติณณ์หรอกนะแต่ว่าหอพี่มันเลี้ยงไม่...”

“แมวหรอครับ?” ผมขมวดคิ้วมองเจ้าตัวเล็กที่มีหูมีหางสีขาวมอมๆ ที่อยู่ในกล่อง เงยหน้าเอ่ยขัดคนที่กำลังพูดอยู่จนคนพี่ชะงักกึก “ไอ้นี่หรอที่ทำให้พี่ยิ้มได้อย่างเมื่อกี้”

“ห๊ะ” พี่ข้าวร้องเสียงหลงรีบเงยขึ้นมองผมที่ยังคงขมวดคิ้วด้วยใบหน้าเหวอๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนจะรู้แล้วว่าผมกำลังอิจฉาไอ้แมวนี่

ก็แหงดิ... รอยยิ้มแบบเมื่อกี้ผมยังไม่เคยเห็นเลยนะเว้ย! !

“โธ่ติณณ์ นี่แมวนะครับ แมวเหมียวๆ ไง” พี่ข้าวอุ้มไอ้แมวตัวขาวผอมออกจากลัง ยื่นมาจนเกือบถึงหน้าจนผมผงะแต่คนอุ้มกลับจับขาสั้นๆ แล้วเอาอุ้งตีนแมวตัวนั้นแตะจมูกผมเบาๆ ก่อนผละออกแล้วพูดด้วยเสียงงุ้งงิ้งแบบที่ไม่เคยได้ยิน “ติณณ์จะหึงน้องไม่ได้นะครับ”

ราวกับคำพูดนั้นสะท้อนวนไปวนมาอยู่ในหัว ได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองพี่ข้าวที่เอาแต่เล่นกับแมวอยู่ พอตั้งสติจากการโดนดาเมจจนHPลดฮวบได้ปุ๊บก็ก้าวชิดคนพี่ ก้มตัวจนใบหน้าเสมอกันแล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้คนพี่มีสีแดงอ่อนแซมบนแก้มนิ่ม

“นี่คุณครับ... เมื่อกี้ผมแค่อิจฉาแมวนะ ไม่ได้หึงสักนิดเลย หึ”

สุดท้ายก็ทนลูกอ้อนของคนตัวเล็กกว่าที่ไม่รู้ไปเรียนวิชาออดอ้อนจากใครมาไม่ไหวจนต้องโทรขึ้นไปลางานครึ่งเช้ากับพี่ทศเพื่อที่จะพาเจ้าแมวตัวปัญหาไปหาเพื่อนสนิทผมที่อยู่ในช่วงเบรคพอดี

ตลอดทางนี่เอาซะผมอยากเป็นแมวชะมัด ก็มันเล่นคลอเคลียพี่ข้าวไม่ห่างเลยนี่!

พอถึงมหาลัยผมก็ไปตามตึกที่ไอ้หมอหมาอยู่ ไม่วายที่มันจะส่งสายตาล้อๆ ตอนที่เห็นผมเอาแต่แยกเขี้ยวใส่ไอ้แมวในอ้อมแขนของคนพี่ ก่อนไอ้อาร์ตจะตกปากรับดูแลไอ้แมวตัวขาวจนกว่าจะมีคนมารับไปดูแลต่อให้ นั่นล่ะพี่ข้าวถึงยอมกลับบริษัทได้

“นี่... ติณณ์เลี้ยงไม่ได้จริงๆ หรอ มันน่ารักนะ”

“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่ชอบแมว อีกอย่างผมไม่ได้มีที่อยู่เป็นแหล่งด้วยนี่”

คำตอบเดิมหลังๆ ที่ตอบคนพี่หลังจากที่ไอ้อาร์ตพาแมวนั่นไปคลินิกสัตว์เพื่อหาคนรับเลี้ยง พี่ข้าวที่ชอบสัตว์ตัวเล็กๆ ก็เอาแต่รบเร้าให้ผมเอามันไปเลี้ยงให้ได้ คือไม่ได้รักสัตว์ขนาดนั้นนี่ครับ อีกอย่างถ้าเป็นหมาผมยังพอโอเคแต่กับแมวนี่ผมไม่ค่อยถูกกับมันตั้งแต่เด็กแล้ว เคยเล่นกับมันแล้วเจอฟ้อนเล็บใส่ทีเดียวเข็ด รอยแผลเป็นยังอยู่ที่แขนเลยครับเนี่ย

ใครจะเหมือนไอ้หมอหมาเพื่อนผมล่ะ รายนั้นคงรักสัตว์มากขนาดมาเรียนเป็นสัตวแพทย์เนี่ย

“งืมมม ไม่ได้จริงๆ สินะ” เสียงลากยาวและเสียงถอนหายใจของตุ๊กตาหน้ารถจำเป็นดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นผมไม่รับไอ้แมวนั่นดูแลจริงๆ “จะว่าไป... พี่ทศบอกหรือยังว่ามีเลี้ยงส่งของเด็กฝึกงานไหม”

ส่ายหน้าแทนคำตอบ พี่ข้าวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“....งั้นถ้าพี่ทศไม่ได้นัด เดี๋ยวเราไปกันสองคนนะ”

ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำพูดนั้นไป ผมทำเพียงหันไปยกยิ้มให้คนพี่ที่หน้าขึ้นสีจางๆ ก็เป็นอันรู้กัน แต่พอมาถึงที่ทำงานอีกครั้ง... หัวหน้าแผนกการตลาดที่เห็นผมเดินเข้าไปก็ปรี่เข้ามาหาทันที

“ติณณ์ เสาร์นี้หลังเลิกงานพี่จะจัดเลี้ยงส่งให้นะ”

หันมองพี่ข้าวที่ยิ้มแห้งให้แล้วหันกลับมามองหัวหน้าแผนกที่ยิ้มไม่รู้เรื่อง... โคตรจะเป็นมารชีวิตเลยนะครับพี่ทศ


เหมือนถูกหัวหน้าแผนกกลั่นแกล้งด้วยการยัดงานมาให้จนลนโต๊ะ แทบไม่มีเวลาตอดพี่ข้าวทั้งที่โต๊ะอยู่ใกล้กันแถมวันนี้พี่แกยังถูกพี่ทศลากไปประชุมที่บริษัทแม่อีก... เรียกได้ว่าตั้งแต่เช้ามาเจอพี่ข้าวแค่ตอนเข้างาน จากนั้นงานก็เทมาที่ผมจนกระดิกตัวไม่ได้...

งานเช็คความถูกต้องก็จริงแต่แบบ... มันเยอะนะเฮ้ย!

“ติณณ์ พี่ว่าไหมพี่ฝากอันนี้ไปให้บัญชีหน่อย” สันแฟ้มโขกลงมาที่หัวไหล่ผมเบาๆ เรียกให้ผมหมุนเก้าอี้กลับไปมอง “นะ”

“โธ่พี่จ๋า งานผมเต็มโต๊ะเลยอ่ะ พี่ทศแกล้งผมแน่ๆ” โอดครวญใส่หญิงสาวตรงหน้าจนพี่แกยิ้มจางๆ ให้ ตั้งแต่รู้ว่าพี่หลงเลิกกับพี่จ๋าแล้วก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย มีวันนี้แหละที่พี่แกเดินมาหาก่อน

“หัวหน้าบัญชีเขารีเควสมาว่าต้องเป็นติณณ์น่ะ ช่วงพี่หน่อยนะเดี๋ยวพี่แบ่งงานไปให้อิงกับอรเอง”

รีบพยักหน้ารับข้อเสนอทันทีจนได้สันแฟ้มตีเบาๆใส่ อย่างหมั่นไส้ ช่วยพี่จ๋ายกงานไปแบ่งอิงอรที่มีงานน้อยกว่าผมเป็นเท่าตัวก็แทบจะเบะปากใส่ประตูห้องหัวหน้าแผนกจากนั้นก็เดินลงมาชั้นเป้าหมาย โชคดีที่ลงมาปุ๊บก็เจอน้านพที่เดินออกจากห้องพอดี

“เห็นทศบอกน้องติณณ์ฝึกเสร็จอาทิตย์หน้านี่” น้านพถาม “จะทำต่อที่นี่หรือไปที่บ้านเราละ”

“ก็...ดูก่อนครับ”

คำถามที่ได้แต่ยิ้มจางให้เพราะตอนนี้ชีวิตมีสองทางเลือกที่ขึ้นอยู่กับคำตอบของพี่ข้าว เลยเลือกที่จะตอบกว้างๆ ไปแล้วรีบเฟดตัวเองออกมา พอกลับขึ้นมาอีกทีก็เห็นคนที่อยากเจอกลับมาแล้ว นึกสนุกอยากแกล้งคนที่นั่งฮัมเพลงอยู่ที่โต๊ะตัวเองเลยย่องเบาไปด้านหลังแล้วก้มหอมแก้มคนพี่ไว้จนได้เสียงโวยวายหน้าแดงกลับมา ก็แค่ตอดนิดตอดหน่อยให้พอชื่นใจ

หลังจากเลิกงาน... ตอนนี้พวกเราสี่คนมาอยู่กันที่ร้านของพี่หลงครับ ตอนแรกกะจะมาแค่ผมกับพี่ข้าวสองคนแต่พี่หลงดันได้ยินตอนชวนเลยจะมาเป็นกขค. และพอพี่ทศรู้เรื่องเลยตามมาด้วย...

เออดี มารชีวิตกันเข้าไปอีก

“ติณณ์กับไอ้เจ้าไปถึงไหนกันแล้วล่ะ หืมม” หรี่ตามองพี่หลงที่พูดขึ้นอย่างล้อๆ ทันทีที่คนในประโยคคำถามลุกไปห้องน้ำหลังจากอิ่มแล้ว

“...แล้วพี่กับพี่ทศล่ะครับ ตั้งแต่ข้ามขั้นตอนมานี่ไปถึงไหนกันแล้วครับ” ตอบคำถามด้วยคำถามจนทั้งสองคนสำลักอากาศ พี่ทศที่สติกลับมาก่อนส่ายหัวแล้วพึมพำด่าผมออกมาเบาๆ ส่วนพี่หลงหันมองหน้าพี่ทศแล้วนั่งเงียบไม่ถามไม่ไถ่ผมต่อกระทั่งพี่ข้าวกลับมา

และความอยากแอลกอฮอล์ก็ไม่เข้าใครของใครทั้งที่เพิ่งวันจันทร์ จากอยู่ร้านพี่หลงเราก็ย้ายถิ่นฐานมาที่คอนโดของพี่หลงกันพร้อมสิงสาราสัตว์หลากหลายขวด สาเหตุแรกคือไม่อยากดื่มที่ร้านเพราะขับรถมากัน สองคอนโดพี่หลงมันใกล้บริษัทมากกว่า ถ้าตื่นสายยังไงก็ไปทัน... นั่นพี่ทศบอกมา

“ติณณ์... Truth or Dare”

“Truth”

เกมส์ในวงเหล้าก็มา หรี่ตามองพี่ทศที่ยิ้มกริ่มอย่างไม่ไว้ใจเพราะรอบก่อนเล่นถามผมว่าถ้าได้ครั้งแรกของคนนี้(ชี้พี่ข้าว)จะทำท่าไหน... เอาซะพี่ข้าวลุกหนีออกจากห้องไปเลย

“หลังจากฝึกเสร็จติณณ์จะทำอะไรต่อ”

“ไม่รู้ครับ อนาคตผมขึ้นอยู่กับคำตอบของคนนี้” ชี้นิ้วไปที่คนข้างๆ ที่เจ้าตัวขมวดคิ้วแน่นเหมือนอยากรู้คำตอบเหมือนกัน

“เห” พี่ทศลากเสียงยาวก่อนจะถามคำถามที่พี่แกก็รู้คำตอบอยู่แล้ว “ทำไมต้องแล้วแต่เจ้าล่ะ”

หันมองพี่ข้าวที่เบือนหน้าหนี ก่อนจะตอบออกไป

“ถ้าคำตอบคือใช่ พี่คงได้เห็นผมเดินอยู่ในบริษัทนี้ต่อ” เงียบไปครู่ใหญ่จนคนที่เบือนหน้าหนีหันกลับมามอง “แต่ถ้าคำตอบคือไม่... พวกพี่คงไม่เห็นผมอีก”

ใครจะหาว่าทำไมต้องให้คนๆ หนึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตเราขนาดนี้ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ แต่คำตอบของพี่ข้าวเป็นตัวแปรในชีวิตผมจริงๆ

เจ้าของคำถามพยักหน้าพอใจในคำตอบผมก่อนขวดเหล้าจะถูกหมุนอีกครั้ง และคราวนี้ปากขวดชี้ไปที่พี่ข้าว

“กูขอถามเองๆ บังคับให้มึงเลือกTruth” พี่หลงเอ่ยขัดผมขณะที่พี่ทศพุ่งตัวมาเอามือปิดปากไม่ให้ผมปฏิเสธได้ นี่ก็ทำงานกันเป็นทีมจริงเชียว

“แม่งบังคับฉิบหาย” พี่ข้าวสบถแล้วหมุนแก้วน้ำอัดลมในมือไปมา คนนี้ผมห้ามแตะเหล้าครับเมาแล้วไม่อยากให้เมาสักเท่าไหร่ กลัวอดใจตัวเองไม่ไหว

“แล้วมึงละไอ้เจ้า อยากให้น้องมันอยู่หรือไป” พี่ข้าวเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคำถามแล้วหันมามองผมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

 “...กู”

ผมพยายามทำตัวนิ่งไม่ให้แสดงอาการอยากรู้ออกไป... ขัดกับหัวใจที่เต้นแรงอยากคาดหวังในคำตอบของพี่ข้าว ส่วนพี่ทศพี่หลงนี่ลุ้นตัวโก่งอย่างกับกำลังลุ้นบอล

“กู... ” พี่ข้าวลากเสียงแล้วกลอกตาไปมา ผิวแก้มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนๆ ให้ผมยิ้มเอ็นดู

“กูอะไรวะไอ้เจ้า”

“...กูจะลงไปซื้อข้าว หิว!” ว่าจบพี่ข้าวก็จ้ำอ้าวข้ามขวดเหล้ากลางวงไปที่ประตูแล้วออกจากห้องไปทันที เราสามคนที่เหลืออยู่หันมองประตูที่ปิดดังลั่นแล้วหันกลับมามองหน้ากันอย่างขำๆ ก่อนพี่หลงจะยื่นกุญแจห้องมาให้พลางชี้นิ้วไปที่ประตูคล้ายจะให้ผมตามคนเขินออกไป

“ไอ้เจ้ามันชอบติณณ์แน่ๆ เชื่อพี่ดิ”

รับกุญแจมาแล้วส่ายหัวอย่างปลงๆ กับคำพูดของพี่ๆ ตรงหน้า ก่อนจะเดินตามรอยคนเขินออกไป ส่วนพี่ข้าวก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอครับ แค่เปิดประตูห้องพี่หลงออกมาก็เจอคนนั่งยองๆ เอาแขนปิดหน้าปิดตาอยู่กับพื้นแล้ว

“พี่ข้าว พี่ข้าวครับ” ผมเรียกคนที่ยังก้มหน้าอยู่ พี่ข้าวสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อผมยื่นมือไปแตะแขน ออกแรงง้างจนเห็นหน้าคนหน้าแดงชัดๆ

“ติณณ์... ปล่อยพี่นะ” พี่ข้าวว่าเสียงแผ่ว พยายามดึงท่อนแขนมาปิดหน้าตัวเองให้ได้ ได้ยินอย่างนั้นก็เลยปล่อยตามที่เจ้าตัวขอ พี่ข้าวที่ถูกผมปล่อยแขนกะทันหันเสียหลักหงายหลังไปกระแทกผนังห้องดังตุ๊บ

ฉวยโอกาสที่พี่ข้าวกำลังอึ้งยกมือแนบแก้มทั้งสองข้างของคนพี่แล้วงัดขึ้นทันที

“ติณณ์...”

“พี่ข้าวชอบผมบ้างหรือยัง” ใบหน้าที่อยู่ใบอุ้งมือผมปากเหวอเมื่อผมถาม “ไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ถ้าชอบก็พยักหน้าหรือส่ายหน้าก็ได้”

“เดี๋ยว! ทำไมมีคำตอบเดียว!” ผมยิ้มขำพอเห็นคนพี่ที่กำลังจะพยักหน้าชะงักกึกก่อนจะแผดเสียงหลงออมาเมื่อทวนคำพูดผมเมื่อกี้ได้

“ก็ผมอยากให้มีคำตอบเดียวนี่ครับ”

“มัดมือชกกันนี่หว่า”

คนพี่บ่นอุบแล้วเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบ เห็นอย่างนั้นเลยกดหน้าลงไปจูบปากที่เม้มอยู่นั่นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว

“...ติณณ์!”

“ก็พี่ไม่ยอมตอบผมนี่ครับ”

“ก็จะให้... อื้อออ!” พอพี่ข้าวกำลังจะโวยวายเลยฉกหน้าไปอีกจุ๊บ

“ติณณ์! อื้ออ!” และอีกจุ๊บ

“ไอ้ติณณ์! พอ!” จนพี่แกยกมือมาปิดปากผมไว้ผมถึงเลิกแกล้งคนที่หอบแฮ่กหน้าแดง ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายพรมจูบฝ่ามือพี่เล่นต่อ

“ชอบผมยัง” ถามซ้ำแล้วขบเม้มปลายนิ้วคนพี่ พี่ข้าวจะดึงมือกลับแต่ติดที่ผมจับข้อมือไว้อยู่ “ผมชอบพี่ข้าวนะ”

“...ไหนบอกจะเอาคำตอบวันฝึกเสร็จไง อ๊ะ” คนพี่ตอบเสียงเบาแล้วหันหน้าหนี ก่อนจะร้องออกมาแล้วไล่สายตาขึ้นองด้วยใบหน้าขึ้นสีกว่าเก่า นั่นทำให้ผมมองตามทันที

พี่ทศกับพี่หลงยืนเกาะประตูกันอยู่...

“โทษที ไม่ได้ตั้งใจขัดแต่ได้ยินเสียงโวยวายอยู่หน้าห้องเลยออกมาดูน่ะ งั้นไปละหึๆ”

“ไอ้หลง!”

อ่า... มารพจญเป็นอย่างนี้เองสินะ

Tbc.

――――――――――――――――――――

จะคุยอะไรดี... แต่ใกล้จะพ้นฝึกงานละ แถมดูท่าเรื่องนี้จะยาวกว่ากลิ่นกาวน์อยู่แฮะ...

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: จีบนะครับ...รักผมที -14- 20|02|2561 P.2
«ตอบ #44 เมื่อ20-02-2018 23:27:19 »

คำตอคือ ชอบ ใช่ป่ะล่ะ??

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: จีบนะครับ...รักผมที -14- 20|02|2561 P.2
«ตอบ #45 เมื่อ21-02-2018 00:48:11 »

 :-[

ออฟไลน์ мıınta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
    • TW
Re: จีบนะครับ...รักผมที -15- 25|02|2561 P.2
«ตอบ #46 เมื่อ25-02-2018 02:29:02 »

15

และแล้วก็เข้าสู่วันสุดท้ายของการฝึกงานตามหน่วยกิตของมหาลัย วันนี้ผมเลยเลือกที่จะขับรถมาเพราะขี้เกียจกลับไปเอาที่ห้องตอนเลิกงาน ซึ่งความคิดนั้นทำให้ผมถึงบริษัทช้ากว่าปกติเล็กน้อยเนื่องจากการจราจรที่ติดขัด ปกติถ้าเดินมาจากห้องก็สิบถึงสิบหน้านาทีแต่พอเอารถมานี่ครึ่งชม.ยังไม่ถึงเลยครับ ในหัววานแผนไว้ว่าไปถึงจะงอแงขอคำตอบจากพี่ข้าวให้ได้ แต่พอมาถึงที่แผนกก็ต้องผงะเพราะกองขนมหลากหลายยี่ห้อที่ถูกวางไว้เต็มโต๊ะผมจนลืมเลือนสิ่งที่คิดไว้ก่อนหน้านี้

“เอ่อ นี่...” ผมชี้นิ้วไปที่กองขนมนั้นแล้วหันไปมองพี่เลี้ยงฝึกงานที่ทำหน้าเอือมใส่

“สาวๆ ทั้งในและนอกแผนกเอามาให้ไง” พี่ข้าวหันมาตอบ พอพูดเสร็จก็สะบัดหน้าใส่ผมทันทีและเหมือนผมจะได้ยินเสียงคนพี่พึมพำกับตัวเองแผ่วเบาลอยตามลมมา “เหอะ เสน่ห์แรงจริ๊งง”

พอผมได้ยินอย่างนั้นก็กระตุกยิ้มขึ้น ด้วยความอยากแกล้งคนซึนเลยเดินอ้อมไปทางด้านหลังเก้าอี้คนพี่ ดันเก้าอี้จนคนที่นั่งอยู่ตัวติดกับโต๊ะจากนั้นก็โน้มตัวลงเท้าทั้งสองมือกับโต๊ะที่มีแต่งานโดยที่มีเจ้าของโต๊ะนั่นแหละอยู่ตรงกลาง ฉวยโอกาสกดจมูกลงกับไหล่คนพี่ก่อนจะกระซิบเบาๆ ข้างหู

“หึงหรอครับ หืม”

“จะบ้าเรอะ ใครมันจะไปหึง!” พี่ข้าวว่าพลางยกมือปิดแก้มปิดปากไว้ก่อนจะหมุนตัวหันมาหาผมแถมยังใช้ศอกตีๆ กับอกผมอีก... โธ่ ป้องกันซะแน่นหนาเชียวครับ(ว่าที่)ที่รัก “ถอยไปเลยนะ ถอย!”

แต่ไม่ทันได้แกล้งโวยวายหน้าแดงต่อก็มีเสียงมารตนใหญ่แทรกขัดขึ้นพร้อมเสียงเกาะกระจกที่กั้น “เกรงใจที่ทำงานหน่อยติณณ์ไม่ได้อยู่กันสองคนนะ นี่ชะเง้อกันทั้งแผนกแล้ว”

กลอกตากับมารผจญที่มาทั้งอาทิตย์แล้วผละจากพี่ข้าวที่ตั้งท่าจะถวายศอกให้ พอผมยืนเต็มความสูงก็เห็นคนในแผนกที่กำลังชะเง้อคอมองมาทางนี้อย่างที่พี่ทศว่าเขาก็รีบก้มหลบกันทันทีเมื่อผมสบตา ได้แต่ยิ้มขำๆ ให้แล้วหันไปหาหัวหน้าแผนกหนวดเฟิ้มที่ยืนกอดพิงที่กั้นอยู่พร้อมกับม้วนกระดาษในมือ

“วันสุดท้ายแล้วพี่ อย่าเพิ่มงานให้ผมเลย” โอดครวญไปก่อนเมื่อเห็นจำนวนปึกกระดาษในมือนั้น พี่ทศเลิกคิ้วมองผมก่อนจะหัวเราะหึๆ ออกมา

“ไม่เอาแล้วเนาะไอ้ใบผ่านฝึกงานเนี่ย” พี่ทศว่าแล้วชูซองสีขาวที่แทรกๆ อยู่ในประดาษปึกหนานั้นขึ้นโบกไปมา พอผมเอื้อมมือจะไปหยิบแต่พี่ทศดึงซองนั่นกลับไปแล้วยื่นส่งให้พี่ข้าวแทน “พี่ให้เจ้าเก็บไว้นะ เย็นนี้เจอกันร้านไอ้หลง”

หันมองซองสีขาวที่มีตราประทับของบริษัทในมือพี่ข้าวสลับกับคนถือด้วยตาละห้อย ถลาเข้าไปหาพี่ข้าวที่ยิ้มเหี้ยมขัดกับแก้มที่ขึ้นสีจางที่ยกซองนั่นโบกไปมาแล้วเก็บลงในลิ้นชัก “เลิกงานค่อยเอา เก็บขนมนั่นลงก่อนแล้วมาช่วยพี่ตรวจตรงนี้หน่อย”

“โธ่พี่ครับ วันสุดท้ายแล้วปล่อยผมเถอะ”

“งั้นเย็นนี้ไม่ต้องเอา....”

“อันไหนครับที่จะให้ทำ” รีบพูดขัดทันที พอพี่เลี้ยงได้ยินอย่างนั้นก็ขำก๊ากออกมาอย่างไม่แคร์รอบข้าง สุดท้ายก็ได้งานจากมือของพี่ข้าวมาสามสี่แฟ้มไปวางที่โต๊ะตัวเองแล้วยิ้มแห้งให้มัน หันไปโต๊ะข้างๆ ด้วยตาละห้อยก็เห็นว่าคนพี่กลั้นขำจนไหล่ไหวระริก มีแววเกียมัวนะไอ้ติณณ์...

ไม่รู้ว่านาฬิกาหมุนเร็วไปหรือว่ายังไงเพราะเผลอแปบเดียวก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว หลังจากเคลียร์งานเสร็จและพี่ทศมาย้ำว่าเย็นนี้ห้ามเบี้ยว ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นเมื่อคนต่างแผนกดักเจอผมพร้อมกับขนมในมือ ไม่รู้ว่ามากันได้ไงทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้ไปแผนกไหนเลย แต่คนที่เป็นตัวการอย่างหัวหน้าแผนกการตลาดก็เฉลยให้ฟังว่าตัวเองไปโม้กับคนอื่นว่ามีเด็กฝึกงานหล่อๆ ในแผนก พอมีคนได้ยินอย่างนั้นก็เลยแห่มาส่อง... แหม่ เอาซะรู้สึกว่าตัวเองเป็นของแปลก

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้พี่ข้าวหน้างอแล้วล่ะครับทุกคน

“พี่ข้าวงอนอะไรผมหรือเปล่าครับ”

“....”

ผมเดินถือถุงขนมที่ได้รับจากคนไม่รู้จักเดินตามพี่ข้าวต้อยๆ พยายามพูดกับคนที่ทำหน้าบูดหน้าบึ้งก็ไร้คำตอบกลับ “ก็พี่ๆ เขาให้มาจะให้ผมปฏิเสธน้ำใจเขายังไงล่ะ”

“...งั้นได้เยอะแล้วของพี่ก็คงไม่ต้องเอาแล้วสิ” พี่ข้าวหยุดกึก หมุนตัวมามองผมและพูดด้วยเสียงแข็งๆ แล้วเดินหนีไปที่ลูกรักของตัวเองก่อนจะขึ้นคร่อมแล้วขับออกไป เห็นอย่างนั้นก็รีบโยนขนมที่ได้มาไว้หลังรถแล้วรีบขับตามมอเตอไซค์คันเก่าไปที่คอนโดคนพี่ทันที

สุดท้ายไอ้ขนมที่ได้มาก็ถูกส่งมอบให้กับสาวๆ ตรงหน้าฟร้อนท์ที่คุ้นหน้าคุ้นตาเพื่อเป็นใบผ่านทางในการเข้าห้องพี่ข้าวเขาล่ะครับ


“เฮ้ยๆ ไอ้ติณณ์ไอ้เจ้ามาแล้ว ไมมาช้ากันวะ” พี่หลงทักขึ้นทันทีที่เราทิ้งตัวนั่งลง อิงกับอรที่เปลี่ยนจากชุดนักศึกษาเป็นชุดธรรมดาส่งยิ้มทักทายพวกเราเล็กน้อยก่อนหันไปเม้าท์กับพี่ผู้หญิงในแผนกที่มาด้วยต่อ

“ก็พี่ข้าวแหละครับไม่ยอมให้ผมเข้าห้องสักที งอนอะไรก็ไม่รู้” คนถูกพาดพิงหรี่ตามองผมก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปคุยกับเพื่อนตัวเองที่ยัดแก้วน้ำสีอำพันใส่มือให้เสร็จสรรพ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มขำล่ะครับก็ก่อนหน้านี้พี่ข้าวแกโวยวายที่ติดสินบนจนได้คีย์การ์ดห้องพี่แกมา แถมยังเข้าห้องได้ถูกจังหวะตอนคนพี่อยู่ในสภาพสบายสุดขีดด้วยบ็อกเซอร์ตัวเดียวเดินรอบห้องอีก ผลที่ได้คือหมัดตรงที่รับไว้ทันกับคำบ่นยาวเหยียดมาตลอดทางจนไม่ได้ถามเรื่องคำตอบที่พอจะเดาได้... เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน

“แล้วงอนอะไรเด็กมันวะ” พี่ข้าวทำเป็นเมินไม่สนใจคนถามด้วยการตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก แต่เพื่อนเขาก็ไม่ยอมแพ้ล่ะครับเซ้าซี้พี่ข้าวซะจนเจอชักสีหน้าใส่

ผมเอนหลังกับพนักพิงแล้วกวาดตามองไปทั่ว บรรยากาศในร้านพี่หลงก็เหมือนทุกครั้งที่มาแต่วันนี้จะแลดูคึกครื้นไปหน่อยเพราะจำนวนสมาชิกในโต๊ะ ได้ยินเสียงพี่ในแผนกบางคนถามว่าผมจะทำอะไรต่อบ้าง รับปริญญาเมื่อไหร่บ้าง จะมาทำที่นี่ต่อไหม... ก็ได้แต่ยิ้มๆ ทั้งทีใจจริงอยากจะบอกครับว่ายังต้องไปทำรายงานฝึกงาน ทำเรื่องจบอีกกว่าจะพ้นสภาพนักศึกษาก็อีกสองสามเดือนนู่นละครับ

เสียงพี่ข้าวที่เริ่มเมาทะเลาะกับพี่หลงที่เมาพอกันเรื่องของกินดังเข้าหูจนได้แต่รวบเอวพอดีมือให้มาชิดตัวเพื่อกันพี่แกออกหมัดใส่เพื่อน คนเมาหันมามองผมด้วยสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานให้แล้วเอนหัวพิงไหล่ผมอย่างผิดปกติซ้ำด้วยการเอาหน้ามาถูๆ ไหล่ผมแล้วพูดอะไรอู้อี้คนเดียวอย่างไม่สนสายตาพี่ทศที่นั่งอยู่ตรงข้าม เห็นอย่างนี้แล้วอยากจะขอจับพี่ข้าวมอมทุกวันเลยได้ไหม?

“อาร์ตมาที่นี่บ่อยหรอ?”

“อื้อปกติก็มากับเพื่อนน่ะ แต่มันไปฝึกงานเลยไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่”

เสียงพูดคุยของชายหญิงที่ชื่อในบทสนทาและน้ำเสียงของฝ่ายชายแสนคุ้นหูที่แว่วเข้ามาทำให้ผมเอี่ยวตัวหันไปมอง แล้วก็แจ็คพอตเมื่อเห็นว่าเป็นไอ้เพื่อนรักมานั่งกินข้าวกับสาวที่ผมไม่คุ้นหน้า

“พี่ข้าวครับ เดี๋ยวผมไปทักทายเพื่อนก่อนนะ” บอกกับคนที่กึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วดึงแก้วเหล้าในมือพี่แกออก พี่ข้าวช้อนตาขึ้นมามองเพราะโดนขัดใจ “กินพอแล้วเนอะ เดี๋ยวเมามาก”

“...” พี่ข้าวไม่ตอบแต่ขยับตัวเข้าไปหาพี่หลงแทนไม่ต้องบอกก็รู้ว่างอนผมเข้าแล้ว ได้แต่ส่ายหัวขำๆ กับท่าทางคนพี่แล้วหันไปบอกพี่ทศที่ดูยังมีสติอยู่แทนจากนั้นก็ขอตัวลุกขึ้นไปยังโต๊ะที่หมายตา ไอ้อาร์ตทำหน้าเหมือนเห็นผีเมื่อผมทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ที่ว่างอยู่ กวาดตามองไอ้หมอหมาที่เหมือนผีบ้าเวลาอยู่ห้องกลายเป็นผู้เป็นคนเมื่อออกท่องราตรีแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก

“มาได้ไง?” ไอ้หมอถามเสียงหลงก่อนหันไปยิ้มแหยให้สาวเจ้าแล้วเอ่ยแนะนำตัวให้ผมรู้จักกับผู้หญิงตรงหน้าที่ชื่อฟิล์ม

“ก็มากับบริษัท พามาเลี้ยงที่ฝึกงานเสร็จ” ผมตอบคำถาม “แล้วนี่มาเดทกันหรอครับ”

ไอ้อาร์ตทำหน้าเอือมขณะที่ฟิล์มยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก น่ารักดีแต่ไม่ใช่สเปค “เปล่าค่ะ อาร์ตเป็นเพื่อนเก่าเราพอเรารู้ว่าอยู่นี่เลยนัดเจอกันสักหน่อย” เธอหัวเราะ “อีกอย่างอาร์ตมันเล็งน้องเราไว้น่ะ ไม่ใช่เราหรอก”

ผมเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินอย่างนั้น เด็กข้างบ้านที่มันเคยพูดถึงสินะ... ถ้าคนเป็นพี่สาวหน้าตาแบบนี้คนน้องจะน่ารักแค่ไหนไอ้อาร์ตมันถึงชอบเนี่ย พอหันไปมองเพื่อนสนิทก็เห็นว่ามันถลึงตาใส่สาวตรงหน้าแบบไม่สนมาดตัวเอง นั่งคุยกันได้ไม่นานผมก็ได้ฤกษ์กลับโต๊ะเพราะพี่สักคนเดินมาบอกว่าอิงกับอรจะกลับก่อน ดีที่ทั้งคู่โทรหาแฟนตัวเองไว้ก่อนหน้านี้เลยไม่ลำบากเราสักเท่าไหร่ แต่ที่ลำบากจริงคงเป็นผมกับพี่ทศครับ

ก็ดูคนของเราที่เมาคอพับนั่นสิ

“ติณณ์จะอยู่ต่อได้นะ พี่จะพาหลงมันกลับก่อน” พี่ทศว่าแล้วยกแขนพี่หลงพาดไหล่ส่วนอีกข้างโอบรอบเอวคนเมาเอาไว้กันล้ม

“คงกลับเลยล่ะครับ ผมยังไม่ได้คำตอบเลยแล้วดูพี่ข้าสิ” ว่าขำๆ แล้วก็พยุงคนพี่ขึ้นในท่าเดียวกับพี่หลง... ขอย้ำอีกครั้งว่าเอวพี่ข้าวพอดีมือจริงๆ “ชิงเมาก่อนซะงั้น”

“ทำไมถึงรอฝึกงานเสร็จวะติณณ์ ดูก็รู้ว่าเจ้ามันรู้สึกยังไงกับติณณ์”

“ก็... ถ้าผมยังอยู่ในชื่อเด็กฝึกงานพี่ข้าวจะดูไม่ดีนี่ครับ ใครรู้จะว่าได้ว่าพี่แกกินเด็กที่ตัวเองเป็นพี่เลี้ยงเนี่ย” พี่ทศขำพรืดออกมา “อีกอย่างผมอยากให้พี่ข้าวมั่นใจจริงๆ ครับไม่ใช่แค่หวั่นไหวกับผม”

“ตำแหน่งหลานผู้บริหารค้ำคอแบบนี้ใครจะกล้าว่าคนของติณณ์ได้หึ”

“ก็ใครที่ว่านั่นไม่รู้เหมือนพวกพี่นี่ว่าผมเป็นหลานลุงวัช” ผมเงียบเสียงลงเมื่อถึงรถ เปิดประตูเอาคนนั่งประจำที่จนเสร็จสรรพก่อนจะเดินมาหาพี่ทศที่จอดรถข้างๆ กัน “สามเดือนไม่มากไปสำหรับการรักใครสักคนหรอก”

พี่ทศหัวเราะออกมาหลังจากที่จัดการพี่หลงเสร็จ “แต่สำหรับไอ้คนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองชอบใครสักคนมันก็ช้าไปนะ”

ได้แต่ส่งยิ้มน้อยๆ ให้พี่ทศที่ย่อตัวนั่งมองพี่หลงที่หลับไม่รู้เรื่อง พอได้ยินเสียงครางอื้อจากคนในรถก็เอ่ยปากขอตัวกับคนแก่กว่า

“หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะติณณ์”

“เจอกันอยู่แล้วครับพี่”


พาคนเมากลับมาห้องได้โดยสวัสดิภาพ ถึงจะแปลกใจกับที่คนเมาว่าง่ายผิดวิสัยไปหน่อยก็ไม่ได้ติดใจอะไร หลังจากส่งพี่ข้าวลงเตียงผมก็ออกไปหากะละมังมาใส่น้ำเพื่อเช็ดตัวคนเมา กลับเข้าห้องมาก็เจอพี่ข้าวที่น่าจะนอนซุกผ้าห่มกับกองนุ่มนิ่มของเขานั่งจ้องผมเขม็ง เอาละ... พี่ข้าวจะเมายังไงล่ะคราวนี้

ครั้งแรกที่พี่ข้าวเมาหนักๆ ก็เจอเมาแล้วอ้อนกอด ครั้งที่สองเจอเมาแล้วงอแงใส่ ครั้งที่สามเมาหลับสนิทขนาดที่ว่าผมจับหอมแก้มยังไม่ตื่น แล้วครั้งที่สี่นี้พี่แกจะมาไม้ไหนกันนะ

“ไม่นอนหรอครับ จะเที่ยงคืนแล้ว” เอ่ยถามคนที่มองตามผมตลอด พี่ข้าวไม่ตอบรับแต่หันไปมองนาฬิกาแทน เห็นอย่างนั้นเลยทิ้งตัวนั้นข้างๆ พี่แก “งั้นขออนุญาตเช็ดตัวหน่อยนะครับ”

พี่ข้าวเม้มปากแน่นเมื่อผมค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ น่าแปลกที่คราวนี้คนพี่ดูไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการเช็ดตัวเหมือนครั้งก่อนๆ สักเท่าไหร่ และยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ที่เปล่งออกมาเบาๆ ทุกครั้งที่ผ้าชุบน้ำลากผ่านเนื้อตัว

ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ในใจเมื่อคิดอะไรได้แล้วเอื้อมมือไปปลดกระดุมกางเกงที่พี่ข้าวใส่อยู่ เท่านั้นล่ะมือพี่แกรีบตะปบลงกับมือผมที่จะรูดซิปลงทันที

“ติณณ์!!”

“อ้าว คราวนี้ไม่ให้ผมถอดให้หรอครับ” แสร้งทำมึนใส่คนแกล้งเมา “ทุกทีมีแต่อ้อนให้ผมถอดให้นี่ครับ”

“จะบ้าหรอ!”

ยิ้มขำใส่คนโวยวายจนหน้าแดงจัด มือพี่แกยังพยายามจะดันมือผมที่อยู่ตรงเป้ากางเกงออกให้ได้ เห็นอย่างนั้นเลยโน้มตัวเข้าไปหาคนพี่จนจมูกเกือบชนกัน “แกล้งเมาหรอครับ หืมม”

“...ฮึ่ยยย” พี่ข้าวสะบัดหน้าหนีเพราะหาข้อแย้งไม่ได้ ได้ทีเลยกดจมูกลงไปคลอเคลียกับแก้มนุ่มติดกลิ่นเบียร์ “ติณณ์ไม่เอา”

“แกล้งเมาเพราะไม่อยากตอบคำถามที่ผมเคยถามหรอครับ” ผละออกแล้วแสร้งว่าเสียงอ่อย “หรือพี่ไม่ชอบผมหรอครับ”

“มะ...!” พี่ข้าวที่หลุดคำออกมายกมือปิดปากตัวเองแน่น หน้าที่แดงอยู่แล้วแดงขึ้นไปอีกจนน่าเอ็นดู

“ผมชอบพี่ข้าวนะ”

“....”

“ถ้างั้นผมขอตัวแล้วกันครับ”

ผมลุกขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าๆ แล้วหันหลังทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง แอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกึกกักตามหลังมาพร้อมเสียงเรียกชื่อดังลั่น

หมับ

“ติณณ์! เดี๋ยว!!”

แรงกระชากที่ข้อมือทำให้ผมหยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวไปหาคนพี่ ตีหน้าเศร้าสร้อยแบบที่สมควรได้รางวัลสาขานักแสดงดีเด่นมองพี่ข้าวที่ทำท่าอึกอัก “คือพี่ไม่ได้...”

“ผมไม่ได้ฝืนใจพี่ให้ชอบนะครับ” กุมมือทับมือที่จับอยู่ “แค่ผมได้ชอบพี่ก็ดีแล้...”

เสียงผมหายไปเมื่อคนตรงหน้ากระชากคอเสื้อผม ตามด้วยสัมผัสนุ่มๆ ที่แตะลงที่ริมฝีปากของผมแค่แวบเดียวก่อนจะละผละออก

“หยุดมโนแล้วฟังกันก่อนสิเฮ้ย!!”

เกือบหลุดขำเมื่อคนตรงหน้าตะโกนออกมาแต่ก็ต้องเก๊กหน้านิ่งไว้ อยากจับคนตรงหน้าจูบจนหนำใจก็ทำไม่ได้

“คือ... โว้ย! รอตรงนี้ห้ามไปไหน!!” พี่ข้าวชี้นิ้วสั่งแล้ววิ่งเข้าไปในห้องก่อนจะออกมาพร้อมอะไรสักอย่างในมือ พี่แกขมวดคิ้วแล้วตึกมือผมไปจับและวางสิ่งที่ถือมาลงในมือผม “ฟังนะ พี่ไม่ได้ไม่ชอบติณณ์หรืออะไรต่างๆนานาอย่างที่ติณณ์คิดในหัว ติณณ์ไม่ได้ฝืนใจพี่เลยสักนิดแล้วพี่ก็ไม่ได้จะแกล้งเมาเพื่อที่ไม่ได้ตอบ แต่... แต่แม่งมันเขินเว้ย”

พี่ข้าวหอบแฮ่กหลังจากที่พูดจบ ผมก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือสลับกับคนหน้าแดง

“คีย์การ์ด?”

“...ก็จะได้ไม่ต้องลำบากติดสินบนฟร้อนท์อีก” พี่ข้าวยืนกอดอกหันหน้าแดงๆ หนีผม ก่อนพูดเสียงเบา “นั่น...พอเป็นคำตอบได้ไหม”

“พี่ข้าวให้ผมทำไมครับ” ยังคนแกล้งทำหน้ามึนแล้วชูคีย์การ์ดในมือโบกไปมา “หมายความว่ายังไงครับ”

“ก็เอาไว้เข้าห้อง...พี่ไง”

“แล้ว...”

“พี่ชอบติณณ์พอใจยัง!”

“งั้นเป็นแฟนผมนะ”

“เออ! เป็...” พี่ข้าวชะงัก แล้วค่อยๆ หันมามองผมที่ฉีกยิ้มกว้าง “เดี๋ยวนะ... ติณณ์...”

“ครับแฟน”

“หลอกพี่หรอ?” พี่ข้าวกดเสียงเย็นแต่ไม่ได้ผลกับผมในตอนนี้สักเท่าไหร่ ไม่รอให้คนพี่พูดอะไรต่อก็รวบตัวคนที่ยืนเปลือยส่วนบน และกางเกงถูกปลดซิปจนเห็นชั้นในสีเข้มขึ้นพาเข้าห้องแล้วระดมฟัด “ติณณ์ปล่อย! ติณณ์พี่บอกให้ปล่อย!!”

“ผมอยากนอนกอดแฟน นอนกันนะครับจุ๊บ”

ฉวยโอกาสที่คนพี่เอ๋อๆ จับซุกหน้าลงกับอกแล้วพาดแขนพาดขาล็อกตัวพี่ข้าวจนได้รอยฟันกัดๆ แทะๆ มาที่อกผมเหมือนลูกหมาลูกแมวคันฟัน ก็ได้แต่นอนลูบหัวลูบหลังคนพี่แกที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์จนพี่แกหลับไป

บอกแล้วไงครับพี่ข้าวไม่รอดผมหรอก หึๆ

Tbc.

――――――――――――――――――――

โอเคค่ะเขาเป็นแฟนกันแล้วนะคะ ปิดเรื่องได้--- //เดี๋ยวๆ ก็สงสารพี่ข้าวที่ต้องรับมือคนเจ้าเล่ห์อย่างนี้นะคะ 555555555 แต่เดี๋ยวพี่แกก็ซึมซับนิสัยแฟนตัวเองไปนั่นแหละ
ตอนนี้มีแขกรับเชิญมาด้วยนะใครเอ่ยยยย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: จีบนะครับ...รักผมที -15- 25|02|2561 P.2
«ตอบ #47 เมื่อ25-02-2018 20:51:54 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: จีบนะครับ...รักผมที -15- 25|02|2561 P.2
«ตอบ #48 เมื่อ25-02-2018 23:20:41 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: จีบนะครับ...รักผมที -15- 25|02|2561 P.2
«ตอบ #49 เมื่อ26-02-2018 00:17:36 »

ไม่รอดฝีมือติณจริงๆด้วย,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จีบนะครับ...รักผมที -15- 25|02|2561 P.2
« ตอบ #49 เมื่อ: 26-02-2018 00:17:36 »





ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: จีบนะครับ...รักผมที -15- 25|02|2561 P.2
«ตอบ #50 เมื่อ26-02-2018 02:42:00 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ мıınta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
    • TW
Re: จีบนะครับ...รักผมที -16- 28|02|2561 P.2
«ตอบ #51 เมื่อ28-02-2018 00:33:58 »

16
ข้าวเจ้า


เสียงหมัดกระทบกระสอบทรายและเสียงตะโกนโหวกเหวกที่ดังอยู่รอบข้างนั้นบ่งบอกได้ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ไหน ผมสูดลมหายใจมองกระสอบทรายหนังเทียมสีแดงดำตรงหน้าที่มีรูปใครบางคนติดอยู่ก่อนจะออกหมัดชกมันอย่างแรงจนได้ยินเสียงโซ่เอี๊ยดอ๊าด ตามด้วยตวัดขาเตะสูงระดับคอของคนในรูปที่ติดอยู่ดังปุ!

“ข้าว... น้าถามจริงเอ็งไปโกรธใครมา ช่วงนี้เห็นหน้าบ่อยเกินไปแล้วนะ” ผมเหวี่ยงหมัดระบายอารมณ์เป็นครั้งสุดท้ายจับกระสอบทรายที่แกว่งอยู่ให้นิ่งแล้วถอดนวมพลางหันมองน้าชายที่ยืนกอดอกมองผมอยู่ ก่อนแกจะชายตามองรูปที่ติดอยู่บนกระสอบ “โดนแฟนเด็กเอ็งทิ้งหรือไงถึงเอารูปเขามาติดประสอบเนี่ย”

“เออ!” ผมตอบกลับไปอย่างเหวี่ยงๆ เพราะไอ้คนที่น้าชายแกพูดถึงมันปรี่มาฝากเนื้อฝากตัวกับครอบครัวผมตั้งแต่วันแรกที่ผมตกลงเป็นแฟนกับมัน ตอนแรกเหมือนจะดราม่าแต่บ้านผมกลับฝากฝังไอ้หมีนั่นให้ดูแลผมซะงั้น แล้วพอหลังจากที่มันก็มาคลุกอยู่กับผมเกือบทั้งเดือนมันก็หายไปจากวงจรชีวิตผมเลยครับ แล้วมาบอกวันไหนไม่บอกมาบอกวันที่มันจะไปนั่นแหล่ะ

“พี่ข้าวครับ” เสียงรบกวนกระซิบข้างใบหูผม ตามมาด้วยริมฝีปากที่กดลงมาบนหน้าผากแผ่วเบา

“...หืม” ปรือตามองคนร่วมห้องที่อยู่ในชุดนักศึกษาเต็มระเบียบ

“เดี๋ยวผมจะได้ไม่มาหาพี่สักสองสามเดือนนะ”

“อือออ” ผมที่ยังไม่ตื่นดีครางรับรู้ ได้ยินเสียงถอนหายใจและประตูเปิดปิดก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเข้าใจว่ามันไปเรียนตามปกติ แต่พอสมองเริ่มประมวลผลกับคำพูดมันได้ปุ๊บผมก็เบิกตาโพลงกับความว่างเปล่าในห้องทันที

“ห๊ะ!


ก็ตามนั้นแหละครับ... จากนั้นมีแค่ข้อความที่ส่งมาบอกชีวิตความเป็นอยู่ให้รู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่กับโผล่หน้ามาให้เจออยู่แค่สองครั้ง คือเข้าใจครับว่ามันยังต้องไปเรียนต่ออีกหลายเดือน แต่... ถ้าแม่งจะออกงานกับลุงวัชให้คนในแผนกแตกตื่นมาถามผมจนตอบไม่หวาดไม่ไหวได้ แต่ดันโผล่หัวมาหาคนที่เป็นแฟนไม่ได้นี่ก็น่าถีบนะเว้ย!

น้าชายหัวเราะลั่นกับท่าที่หัวฟัดหัวเหวี่ยง ก่อนผมจะเดินตามน้าชายไปนั่งเก้าอี้ไม่ใกล้ไม่ไกล “ก็เด็กนั่นก็บอกอยู่นี่ว่ายังต้องไปทำเรื่องจบอีก ติดแฟนหรือไงเรา”

หันไปชักสีหน้าใส่น้าตัวเองทันที... ผมไม่ได้ติดแฟนนะแต่ถ้าคุณไม่ได้เจอหน้าคน(ที่เพิ่งจะคบ)เป็นแฟนกันเป็นสองสามเดือนนี่มันก็น่าหงุดหงิดป่ะครับ? คิดแล้วก็อยากไประบายอารมณ์กับกระสอบอีกสักรอบ แต่นั่น...สมศักดิ์ ปักตะไคร้ศิษย์เอกของค่ายมีเดินเข้าไปแล้วครับ สมศักดิ์... เอ้า สมศักดิ์แยบหมัดซ้าย สวนด้วยมัดตรงขวาที่โดนไปเต็มๆ คงได้นับดาวแน่ๆ ฮึ่ย! เอาละครับตอนนี้สมศักดิ์เข้าไปคลุกวงในแล้วครับท่านผู้ชม! โอ้ว สมศักดิ์ล็อกคอไว้แล้วนั่นเข่าลอยก็มาครับดังปุ! จนรูปหลุดเลยครับท่านผู้ชม!! อุ๊บ ขอโทษครับเพลินไปนิด... ก็อยากจะลุกไปชกต่อนะแต่พี่สมศักดิ์เด็กปั้นตั้งแต่รุ่นลุงผมเดินเข้าไปใช้กระสอบทรายต่ออย่างที่พากย์ไปนั่นแหละ...

“น่าๆ สงบสติอารมณ์แล้วกลับคอนโดไปซะ เดี๋ยวไอ้นั่นมันก็มาเอง” น้าชายว่าขำๆ ฝ่ามือตีลงที่หลังผมเสียงดังเต็มแรงจนแสบก่อนที่แกจะลุกหายไปเด็กใหม่ที่ซ้อมเตะเบาะอยู่ไม่ไกล

สุดท้าย... เพราะโดนเจ้าของค่ายมวยไล่ออกมาเลยจำใจต้องกลับคอนโดทั้งที่ยังไม่หายหงุดหงิด อาบน้ำไล่เหงื่อจากที่ค่ายแล้วก็ควบลูกรักที่ไอ้ติณณ์ย้ำนักย้ำหนาว่าให้เลิกใช้ไปหาซื้อของกินที่ร้านข้าวต้มข้างทางก่อนถึงคอนโด เอ่ยทักทายคนตรงฟร้อนท์ที่ส่งยิ้มให้พอเป็นพิธีแล้วเดินเข้าลิฟต์ไป พอถึงห้องก็สะบัดเสื้อผ้าบนร่างกายทิ้งจนเหลือแค่บ็อกเซอร์สีเข้มกับเสื้อกล้ามทิ้งตัวลงกับโซฟาอย่างหมดสภาพ

แคว่ก

ซองเอกสารสีน้ำตาลที่พี่ทศยื่นให้ตั้งแต่เลิกงานถูกแกะออกอย่างไม่ใยดี ข้างในเป็นเรซูเม่กับทรานสคริปของว่าที่เด็กฝึกงานที่ผมต้องดูแลต่อ ตอนติณณ์นั่นเหตุสุดวิสัยครับเลยไม่ได้เตรียมตัวก่อน มาครั้งนี้ไอ้คุณพี่ทศเลยให้ผมแสกนตั้งแต่ยื่นสมัครเข้ามาเลย

ผู้ชายอีกแล้ว... ถอนหายใจยาวเมื่อได้เห็นรูปที่ติดอยู่ ผมเก็บเอกสารลงในซองคืนเมื่อได้ยินเสียงไมโครเวฟร้องเตือน ผัดคะน้ากับยำไข่ดาวพร้อมด้วยข้าวต้มร้อนๆ ที่ซื้อจากร้านข้าวต้มโต้รุ่งถูกวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวี พอมองรอบห้องก็รู้สึกว่าห้องที่อยู่มานานมันกว้างแปลกๆ ผมทรุดตัวนั่งกับพื้นหน้าโซฟา รายการตลกมุขบาทสองบาทในจอถูกเปลี่ยนเป็นหนังซอมบี้ยิงกันหัวขาดไส้ทะลัก

ข้าวอร่อยขึ้นเยอะเลยล่ะครับ... ผมประชด

ครืดดดด

มองตามเสียงโทรศัพท์สั่นครืดไปกับโต๊ะ พอเอื้อมแขนไปหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์ไม่คุ้นจึงกดรับ

“เจ้าครับ”

‘เอ่อ...’ ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ ‘พี่ข้าวครับ ผมอาร์ตเพื่อนติณณ์นะ’

“อ้อ ว่าไง”

‘คือว่าผม---’ ก๊อกๆๆๆๆ

“แปบนะอาร์ต มีคนมา” ผมบอกปลายสายเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ลุกขึ้นเดินไปส่องตาแมวดูก็ไม่เห็นใครอยู่หน้าห้อง พอจะเดินกลับเข้าห้องเสียงเกาะประตูก็ดังอีกระลอกใหญ่ ได้ยินอาร์ตที่ยังอยู่ในสายพูดอะไรสักอย่างแต่ความสนใจผมไปอยู่กับเสียงรบกวนที่ดังไม่หยุด กระชากประตูออกไปอย่างหงุดหงิดก็เจอกับคนที่ไม่ได้เจอมาเกือบๆ สามเดือนยืนยิ้มกว้างพร้อมกระเป๋าเดินทางอีกสองใบข้างตัว

“คิดถึงจัง” มันว่า ก้าวเข้ามารวบตัวผมไปกอดเต็มรักและเอ่ยคำข้างหู ไม่ปล่อยให้ได้ถามอะไรผมถูกชิงลมหายใจจนต้องบิดเนื้อที่แขนมันจนอีกฝ่ายหยุดจูบ “เจ็บๆๆๆ ปล่อยครับปล่อย อูย...”

“มาทำไม” ผมถามเสียงเขียว ยกมือป้องปากกันคนฉวยโอกาสที่ทำหน้าตาละห้อย

“ก็มาอยู่กับแฟนครับ” มันตอบทันที “พี่ข้าวคิดถึงผมไหม”

“มาอยู่? ไม่มีที่อยู่หรือไง” ผมไม่ตอบมันแต่ถามมันกลับ ไอ้หมียักษ์หัวเราะหึในลำคอแต่ไม่พูดอะไร ฉวยหยิบโทรศัพท์ในมือผมไปเปิดลำโพงและพูดกับปลายสาย

“เออ กูถึงแล้ว” ได้สินเสียงถอนหายใจดังออกมาจากอีกฝั่ง

‘พี่ข้าว... ผมจะบอกว่าพอดีน้องสาวผมมันจะมาอยู่กับผม ไอ้ติณณ์เลยต้องย้ายออกน่ะครับ’ เสียงที่ตอบมาดูติดเกรงใจ แต่หน้าของคนมีชื่อในบทสนทนาแม่งบานยิ่งกว่าดอกทานตะวัน ‘คือ... ผมฝากเพื่อนผมไปอยู่ด้วยนะพี่ ไอ้ติณณ์มันเลี้ยงง่ายขับถ่ายเป็น ให้อาหารเป็นเวลาให้ความใส่ใจก็อยู่ได้ทั้งวันแล้วครับ ถ้าดื้อจับฟาดได้เลย ...อ้ะ แม่ผมโทรมาล่ะแค่นี้ก่อนนะครับพี่ข้าว’

“ห๊ะ เดี๋ยวอาร์ต!” ผมตะโกนใส่โทรศัพท์ที่อีกฝ่ายตัดสายทิ้งไปแล้ว จะกดโทรกลับไปก็ถูกไอ้คนที่ยังกอดผมอยู่แย่โทรศัพท์ไป ติณณ์กระตุกยิ้มเอาโทรศัพท์ผมยัดใส่กระเป๋าตัวเองทันที “แล้วนี่หมายความว่าไง?”

“ก็อย่างที่ไอ้หมอมันพูดล่ะครับ น้องสาวคนสวยของอาร์ตเข้ามาติวค่ายอะไรสักอย่างเพื่อเตรียมสอบปีหน้า ผมเลยต้องย้ายถิ่นฐานมาอยู่กับแฟน”

ว่าจบมันก็จกหน้าลงมาอีกครั้ง เพราะรู้ว่ามันเล็งที่ไหนเลยเบี่ยงหน้าออกทำให้ปากมันประทับแก้มแทน... รู้ตัวครับว่าหน้าเริ่มร้อนใจเริ่มสั่นเพราะไม่ได้เจอมันมาพักใหญ่ แต่ถ้ายังไม่เคลียร์เรื่องหายหัวไปไม่ได้ก็ไม่ต้องมาหวั่นไหวกันเลย!

ผมผลักมันออกเต็มแรงแล้วยืนกอดอกมองไอ้หมีตรงหน้านิ่งๆ ติณณ์ที่รู้ตัวถึงความผิดหลากหลายกระทงของตัวเองอยู่แล้วได้แต่ยิ้มแห้งแล้วเข้ามากอดผมอย่างออดอ้อน

“พี่ข้าวครับ ติณณ์ทำรายงานจบเหนื๊อยเหนื่อย” นั่น เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวไอ้หมี “แถมยังถูกลุงวัชลากออกงาน ถูกเพื่อนไล่ออกจากห้องอีก... ติณณ์น่าสงสารออก”

ผมยกมือขึ้นกุมขมับกับไอ้หมีตัวยักษ์ที่มโนว่าตัวเองเป็นลูกแมวน้อยคลอเคลียเจ้าของ คำบอกเล่าช่วงที่มันหายไปดังเข้าโซนประสาทจนได้แต่ถอนหายใจรับคำขอโทษของมัน

ก็ติณณ์มันมีเหตุผลของมัน ไม่ใช่ไม่มีนี่ครับ

“ปล่อยพี่แล้วเอากระเป๋าเข้าห้อง” สั่งปุ๊บเจ้ากระเป๋าใบโตทั้งสองก็ถูกเข็นเข้าห้องปั๊บ บอกให้ไอ้ติณณ์จัดการเก็บส่วนตัวเองก็มานั่งกินข้าวมื้อดึกต่อ ติณณ์ที่คาดว่าเก็บของเสร็จแถมด้วยอาบน้ำเรียบร้อยเดินมานั่งซ้อนหลังกอดเอวผมวิจารณ์หนังซอมบี้ว่าไม่สมจริงก็ทำให้ผมได้แต่ส่ายหัวเอือมๆ

“ซองอะไรอ่ะพี่ข้าว” มันพูดพร้อมกับหยิบซองขึ้นมาดูโดยไม่รออนุญาต “อินเทิร์นชิพส์?”

ผมกดหน้าลงแทนคำตอบเพราะปากไม่ว่าง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าเสียงสบถที่ได้ยินนั่นด่าพี่ทศไม่ใช่ผม “ตอนติณณ์ต้องเป็นหลงดูแลนั่นแหละ แต่มันคงรับสามคนไม่ไหวเลยโยนมาให้พี่”

“โหย ทำยังกับผมเป็นผักปลาจะได้โยนง่ายๆ” มันหัวเราะแล้วโยนซองไว้ที่เดิม “พี่ข้าวเป็นพี่เลี้ยงผมคนเดียวก็พอแล้ว หวง”

“คนเดียวที่ไหน ก่อนติณณ์มาพี่ก็ดูแลเป็น” ว่าติดขำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้หมีด้านหลังมันตีหน้ายุ่งเพราะมันก้มมากัดคอผมเต็มๆ นี่ละ

พอไอ้ติณณ์เห็นว่าผมอิ่มมันก็ไล่ให้ไปอาบน้ำ บอกจะล้างจานให้ซึ่งผมก็ทำตามอย่างไม่มีอิดออดเพราะตรงซิงค์ล้างจานยังมีจานของเมื่อเช้าแช่อยู่เลย อันที่จริงมีติณณ์อยู่ก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอกครับเกือบหนึ่งเดือนที่อยู่กับมันทำให้รู้ว่ามันดีเกินไปจนไม่คิดว่ามันจะมาชอบด้วยซ้ำ งานบ้านก็เป็นทำกับข้าวก็ได้ จะแย่ก็ตรงมือปลาหมึกที่จ้องจะล้วงลงไม่ก็สอดเข้าเสื้ออยู่ตลอดนี่สิครับ

ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นไอ้หมียักษ์ที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยนั่งอยู่ปลายเตียง พอมันเห็นผมเดินไปใกล้ก็ฉุดลงตักแล้วกอดแน่นทันที

“ติณณ์ ไม่ซนครับ” เอ่ยปราบกับเจ้าของมือที่สอดสูงเข้ามาในเสื้อนอนพร้อมกับริมฝีปากที่กดเม้มลงมาหลังลำคอจนรู้สึกแปลกๆ แต่เสียงปรามผมคงเหมือนลมพัดผ่านเมื่อมือของมันสะกิดเข้าที่ยอดอกขณะที่มืออีกข้างไล้ตามขอบกางเกงและทำท่าจะสอดมือลงไป

“ติณณ์...” กดเสียงต่ำเมื่อเห็นท่าว่าชักไม่ดี ติณณ์ยอมเอามือออกจากการสัมผัสผิวกายแต่ก็ไม่วายโอบเอวผมแล้วเอาหน้าซุกหลังผมไว้

“โธ่ ผมไม่ได้เจอพี่ข้าวตั้งนานนะ” มันโอดครวญ “ขนาดตอนนั้นยังยอมผมอยู่เลย”

“ติณณ์!!” ผมหน้าขึ้นสีเมื่อมันพูดถึงเรื่องนั้น หันขวับกลับไปจ้องตัวการที่กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์... มันไม่มีอะไรมากอย่างที่คุณคาดหวังหรอกครับก็แค่หมียักษ์มันมาลูบๆ คลำๆ ผมอย่างนี้และคุณก็คงรู้นะว่าธรรมชาติของผู้ชายมันเป็นยังไง พอสะกิดนิดสะกิดหน่อยอารมณ์ก็กระเจิง สุดท้ายก็โลกสวยเพราะมือ...มัน

“พี่ยกโทษให้ไม่ใช่จะยอมทุกอย่างนะ”

“นิดเดียวก็ได้” ติณณ์รั้งเอวผมที่เงียบไปชิดตัวมัน “แค่จูบ... นะครับข้าวครับ”

หรี่ตามองคนที่เรียกชื่อผมห้วนๆ ที่จ้องปากผมตาวาว ผมถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะขยับตัวยื่นหน้าไปจูบปากมันเบาๆ “จูบแล้ว ปล่อยพี่ได้ยะ...”

เสียงผมขาดหายไปเมื่อคนเจ้าเล่ห์กดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง กดย้ำหนักๆ พร้อมลิ้นชื้นที่ไล้รอบขอบปากเมื่อผมไม่ยอมเปิดปากให้อีกคน แต่ความเจ้าเล่ห์ของไอ้ติณณ์มันมีมากกว่านั้น ความเจ็บที่สะโพกเพราะถูกหยิกทำให้ผมเผลอเปิดปากจนมันสอดลิ้นเข้ามาได้

กว่าไอ้หมียักษ์จะพอใจผมก็แทบหมดลม มันจูบหนักๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนผละออก ได้แต่ตวัดตามองติณณ์ที่หัวเราะกับอาการหอบของผมเพราะไม่มีแรงที่จะทำร้ายมันอย่างที่ใจคิด

“อ่ะๆ ให้กัดแก้แค้น” ว่าแล้วมันก็ดึงคอเสื้อออกกว้าง ขมวดคิ้วเมื่อเห็นมันยักคิ้วท้าทายและผมก็ตอบการท้าทายนั่นด้วยการยื่นหน้าไปใกล้ลำคอจนได้กลิ่นครีมอาบน้ำกลิ่นเดียวกันจางๆ

ก่อนจะกัดไปจมเขี้ยว

กึด!

“โอ๊ย! เจ็บๆๆๆ พี่ข้าวปล่อยผมมมมมมมม”

และแล้วผมก็ได้ครองเตียงแต่เพียงผู้เดียวครับ ส่วนไอ้ติณณ์น่ะหรอ...โซฟาก็มีนะครับทุกคน

Tbc.
―――――――――――

ไทม์สคิปกันเล็กน้อยกับตอนนี้เนอะ อุอิ เดี๋ยวจะมีสคิปอีกตอนหน้าๆ บอก... เรื่องนี้ตอนเยอะกว่ากลิ่นกาวแน่นอน /ร้องไห้
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ จุ๊บ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: จีบนะครับ...รักผมที -16- 28|02|2561 P.2
«ตอบ #52 เมื่อ28-02-2018 00:46:16 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: จีบนะครับ...รักผมที -16- 28|02|2561 P.2
«ตอบ #53 เมื่อ28-02-2018 02:36:41 »

 :hao5:


ใจร้าย

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: จีบนะครับ...รักผมที -16- 28|02|2561 P.2
«ตอบ #54 เมื่อ28-02-2018 23:50:46 »

สุดหวานมากครับ. สนุกมากๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: จีบนะครับ...รักผมที -16- 28|02|2561 P.2
«ตอบ #55 เมื่อ01-03-2018 04:26:28 »

 :pig4:

ออฟไลน์ мıınta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
    • TW
Re: จีบนะครับ...รักผมที -17- 04|03|2561 P.2
«ตอบ #56 เมื่อ04-03-2018 23:05:30 »

17


ผมจะไม่ขอแก้ตัวเรื่องที่ผมหายไปครับเพราะทุกอย่างมันคือความจริง... นอกจากงานหลวงอันแสนยิ่งใหญ่ที่มาในรูปแบบรายงานเดี่ยวนั่นแล้ว นั่งทำพรีเซ้นต์ข้ามวันข้ามคืนแล้วยังต้องมาเจองานราษฎร์อย่างน้องๆ สภาของคณะมางอแงให้ช่วยเพราะต้องเร่งทำสรุปประจำปี แล้วไหนจะเรื่องลุงวัชที่มาหาผมถึงห้องไอ้อาร์ตแล้วลากผมไปออกงานเป็นเพื่อน... แต่แลกกับการที่ลุงวัชจะไปคุยกับพ่อแม่ผมว่าให้ผมทำงานให้ทางนี้ต่ออีกสักสามสี่ปีก็คุ้มอยู่ เรียกได้ว่าก่อนหน้านี้งานชุมจนแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลยครับ

หลังจากที่จัดการส่งรายงานและทำพรีเซ้นต์อะไรเสร็จเรียบร้อย แทนที่จะได้กลับมาหาพี่ข้าวผมก็ดันโดนลุงวัชเรียกใช้งานต่ออย่างปฏิเสธไม่ได้ สุดท้ายพอจบทุกอย่างผมเลยหอบข้าวหอบของมาที่คอนโดของพี่ข้าวทันที โชคดีที่น้องสาวของไอ้อาร์ตมันมาหาผมเลยมีเหตุผลสนับสนุนแน่นและพี่ข้าวก็ยอมให้อยู่ห้องโดยดี

น่ารักใจดีอย่างนี้ไม่ให้ผมรักได้ยังไง

“...พี่ข้าวครับ เช้าแล้วนะ” ผมเคาะประตูห้องเรียกคนที่ไล่ให้ผมออกมานอนโซฟาตั้งแต่เมื่อคืน ถือวิสาสะเปิดห้องเข้าไปหาก้อนกลมๆ นอนขดอยู่บนเตียง พอเอื้อมมือไปปลุกจนพี่ข้าวตอบงัวเงียกลับมาอย่างไม่เป็นคำพูดก็ได้แต่ยกยิ้มขำ แอบลักหลับคนยังไม่ตื่นดีไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆ ก่อนจะออกไปเตรียมข้าวเช้าให้คนพี่ต่อ

เห็นอย่างนี้ผมก็พ่อศรีเรือนนะครับ... ตอนทำให้พี่ข้าวชิมครั้งแรกเจอบอกว่าผมต้องไปสั่งร้านมาแน่ๆ แต่พอได้กินบ่อยๆ เลยกลายเป็นว่าคนพี่ติดรสมือผมไปซะแล้ว

กึก

ชะงักมือที่กำลังตอกไข่ลงกระทะเมื่อได้ยินเสียงคนเดินลากเท้ามาด้านหลัง จะหันไปมองก็ไม่ได้เพราะไม่สามารถละมือจากการดาวไข่ได้เลยได้แต่บอกอีกคนว่ากำลังทำข้าวเช้าให้รอก่อน ได้ยินเสียงพี่ข้าวครางรับคำแผ่วๆ คลอไปกับเสียงน้ำมัน แต่เพราะความรู้สึกที่เหมือนมีใครจ้องมองอยู่เลยทำให้รู้เจ้าตัวก็ยังคงอยู่ที่เดิมไปไหน

“ติณณ์”

“หืม” ขานรับน้ำเสียงเจืองัวเงียของคนพี่ พอดีกับไข่ดาวเริ่มสุกเลยจัดการปิดเตาจากนั้นก็หมุนตัวไปหาคนที่เรียกชื่อผมแล้วเงียบยาว

“ว่าไงครับพี่ข้าว”

ตุ้บ

“คิดถึงเหมือนกันนะ”

หลังจากที่ผมหันไปเผชิญหน้ากับคนงัวเงีย พี่ข้าวที่หาววอดอยู่ก็เดินมาทิ้งตัวหาผมพร้อมกับสองมือที่ยกขึ้นกอดรอบเอวแน่นจนผมได้แต่นิ่งเพราะคาดไม่ถึง... แต่นั่นไม่เท่ากับคำที่คนพี่พูดออกมาพร้อมส่งรอยยิ้มหวานๆ ที่ประดับบนใบหน้ามาให้ผม เสียงหัวเราะคิกคักน้อยๆ ดังให้ได้ยินก่อนที่พี่ข้าวจะผละออกและเดินกลับไปในห้องนอนอีกรอบโดยทิ้งให้ผมยืนค้างนิ่งอยู่ตรงนั้นจนพี่เขาเดินออกมาอีกครั้งนั่นแหละผมถึงรู้สึกตัว

...ถ้าคนปากแข็งที่ง้างเท่าไหร่ก็ไม่ยอมพูดยอมบอก จู่ๆมาทำอย่างนี้มันยิ่งกว่าโดนหมัดน็อกอีกครับคุณเอ๊ย!


“โธ่ลุง ให้ผมพักสักครึ่งปีไม่ได้หรอ” ผู้ใหญ่หน้านิ่งที่นั่งตรงหน้าผมหลุดออกมาเมื่อเห็นผมที่ซุกหน้าลงกับกองกระดาษเริ่มจะงอแง ตอนนี้ผมได้ตำแหน่งเลขา(จำเป็น)ประธานครับและคงดำรงตำแหน่งนี้อีกสักพักใหญ่ๆ

“ก็ลุงบอกแม่แกว่าแกจะทำงานที่นี่ต่อ แกก็ควรมาทำไม่ใช่หรือไงฮึไอ้หลายชาย” ลุงวัชหัวเราะลั่นทันทีเมื่อพูดจบประโยค ที่จริงผมขอลุงวัชหยุดไปพักสักปี แต่เพราะคุณฟ้าเลขาส่วนตัวของลุงวัชเขาลาคลอดไปเมื่อสองเดือนก่อน ผมที่เพิ่งจบมาดๆ และว่างงานเลยถูกจับยัดลงตำแหน่งนี้แบบพอดีเป๊ะ ก็ทำจนกว่าคุณฟ้าจะกลับมาแหละครับถึงจะได้พักอย่างที่ใจคิด หรือต่อให้ทำงานจริง... ตอนนี้ผมควรไปอยู่ที่เดียวกับพี่ข้าวด้วยซ้ำ!

ได้แต่กลอกตาใส่ผู้ใหญ่คนเดียวในห้องจนเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังลั่นห้อง ผมเบนสายตาจากด้านข้างกองกระดาษเป็นหน้ากระดาษแทน สายตาไล่ตามตัวอักษรจัดการแยกประเภทเอกสารรอการอนุมัติต่างๆ ที่กองเต็มโต๊ะเพราะไม่มีคนทำมาเกือบเดือนและไม่มีท่าทีที่จะลดลงไปสักนิดอยู่ค่อนวัน ลุงวัชก็เอ่ยปากชวนออกไปทานมื้อเที่ยงพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผมมองข้ามไป

รู้ตัวอีกทีก็นั่งให้นักข่าวได้สัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วครับ...

“ได้ยินคุณชัยธวัชบ่นให้นักข่าวอย่างพวกเราฟังหลายครั้งแล้วว่ามีหลานชายหล่อแต่ไม่ยอมออกงานเป็นเพื่อนเลยสักครั้ง อยากจะอวดแต่ก็ทำไมได้... บังเอิญได้เจอกันอย่างนี้ผมขอถามได้ไหมครับว่าทำไม” เกิดเสียงหัวเราะขำขันดังมาจากคนข้างตัวเมื่อได้ยินนักข่าวถามขึ้นมาอย่างนั้น  ผมหันมองคนเผาหลานกับนักข่าวจนคอแทบเคล็ดจ้องจนตาแทบถลนจากเบ้า มีอย่างที่ไหนเอาหลานตัวเองไปเผาอย่างนั้นได้ยังไงกันครับ!!

เสียงกระแอ้มไอเบาๆ กับแววตาที่หรี่ลงเล็กน้อยของลุงคล้ายจะดุเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมตอบคำถามนักข่าวสักที ผมหันมามองนักข่าวชายหญิงตรงหน้าก่อนจะสูดหายใจยาว

คีพลุคเฮ้ยติณณ์ คีพลุค...

“...ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างครับ กิจกรรมของมหาลัยปีสุดท้ายก็เยอะแล้วไหนจะงานที่ผมช่วยคุณลุงอีก กว่าจะได้นอนก็ดึกแล้วครับ”

ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ รอยยิ้มปั้นแต่งถูกฉาบบนใบหน้าเมื่อฝ่ายตรงข้ามขอเก็บภาพผมคู่กับลุงวัช ได้แต่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อสองนักข่าวหันไปสัมภาษณ์ลุงต่อ ความจริงที่ผมไม่พูดไปคือผมขี้เกียจปั้นหน้าต่อหน้าใครๆ ครับ ขี้เกียจมาตอบคำถามนู่นนี่อีก

“ขอถามคุณติณณ์อีกคำถามได้ไหมคะ” ผมพยักหน้าและส่งรอยยิ้มให้นักข่าวสาว ใบหน้าขาวของเจ้าหล่อนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย “เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณติณณ์มีแฟนหรือยังคะ?”

หันขวับมองผู้อาวุโสสุดในที่นี้ทันทีอย่างขอความช่วยเหลือ ลุงวัชที่นั่งไขว่ห้างวางมือประสานบนเข่ามองผมด้วยสายตายิ้มๆ คล้ายจะรอคำตอบของผมเช่นกัน

“เอ้าๆ ตอบไปสิว่ามีไม่มี” คำพูดเร่งติดขำของลุงทำให้นักข่าวทั้งสองหัวเราะออกมาน้อยๆ “หรือกลัวอะไร?”

จี้ใจกันชะมัด... บ้านผมกับบ้านลุงเหมือนกันซะที่ไหนละ อยากจะตะโกนออกไปอย่างนั้นแต่ที่จริงทำได้แค่โวยวายอยู่ในใจ คิ้วผมแทบจะขมวดหากันจนเป็นเส้นตรงก่อนจะหันมองนักข่าวที่ตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ ก็แน่สิ... ไอ้ข่าวอย่างนี้ขายได้ดีนี่

แต่เอาเถอะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

“ผมมีแฟนแล้วครับ”


กว่าที่ผมจะได้ออกมาท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว... ก่อนหน้านี้ส่งข้อความไปบอกเจ้าของห้องที่ไปค่ายมวยว่าอย่าลืมหาของกินด้วยแต่ไม่วายที่จะซื้อของเข้าไปให้คนพี่ด้วยความห่วงว่าอีกคนจะยังไม่ได้กิน สองทุ่มกว่าผมก็มายืนอยู่หน้าห้องของพี่ข้าว ก้มมองคีย์การ์ดสองใบในมือและถอนหายใจออกมา

คืออย่างนี้ครับวันก่อนลุงวัชให้คีย์การ์ดคอนโดที่ลุงแกซื้อไว้เพื่อลูกๆ มาเพราะไปรู้จากไอ้อาร์ตว่าผมไม่ได้อยู่กับมันแล้ว แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะคนที่อยู่ด้วยตอนนี้น่าสนใจกว่า จนมารู้เมื่อกี้นี้ล่ะครับว่าไอ้คีย์การ์ดที่ได้มาเนี่ยมันคือคอนโดเดียวกับพี่ข้าวเลยเพียงแต่จะอยู่เหนือห้องพี่ข้าวไปสองชั้น... ถ้าพี่ข้าวรู้ว่ามีคงไล่ให้ผมไปแน่ๆ

“เพิ่งกลับหรอ?” เสียงของคนในความคิดดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมสะดุ้งตัวน้อยๆ ด้วยความตกใจแล้วรีบยังคีย์การ์ดที่ได้จากลุงวัชเก็บเข้ากระเป๋าก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ให้พี่ข้าวที่เพิ่งกลับมาถึงห้อง “แล้วทำไมไม่เข้าห้องล่ะ”

“กำลังจะเข้าครับแต่พี่ข้าวมาพอดี” อีกฝ่ายหรี่ตามองเหมือนจับผิดก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นผมยิ้มแหยให้ เจ้าของห้องเดินมาข้างผมใช้สะโพกดันผมให้พ้นจากหน้าประตูแล้วแตะคีย์การ์ดเปิดเข้าไป

ผมวางของไว้บนเคาน์เตอร์และยังคงเดินตามคนพี่ต้อยๆ จนอีกคนหยุดเดินหันมอง ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วจากนั้นก็ก้มไปจุ๊บปากพี่ข้าวเบาๆ ผละออกแล้วยักคิ้วข้างเดียวให้คนที่หน้าเริ่มขึ้นสีแดงจากการจู่โจม

“กลับมาแล้วครับ”

“...ไอ้ติณณ์!”

หลังจากที่ต่างคนต่างจัดการตัวเองเสร็จก็มานั่งกองกันอยู่ตรงหน้าทีวีที่ฉายซีรีย์เลือดสาดที่คนพี่อยากดู พี่ข้าวที่ทำหน้าบูดบึ้งนั่งอยู่กับพื้นหลังพิงโซฟาค้อนตามองผมที่นั่งบนโซฟาอย่างเคืองๆ เพราะถูกผมปล้ำจูบไป อยากจะยกมือไปลูบหัวหยิกแก้มอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยวแต่ก็ทำได้แค่นั่งจินตนาการเพราะยังไม่อยากอายุสั้นตอนนี้ บทพี่ข้าวจะอ้อนคืออ้อนแบบคาดไม่ถึงแต่บทไม่เอาคือเล่นไม่ได้เลย

ก็หวงตัวเหมือนแมวจริงๆ นั่นแหละ

“วันนี้ลุงวัชพาผมไปหานักข่าวล่ะ” เปิดหัวเรื่องสนทนาให้คุณกณิศที่กำลังยกเบียร์กระป๋องในมือขึ้นจรดปากปรายตามามองเล็กน้อยก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับซีรีย์ตรงหน้าต่อ

“เขาถามผมว่าทำไมถึงไม่ออกงานกับลุงวัช เลยตอบไปว่างานยุ่งแต่จริงๆ คือไม่อยากปั้นหน้า”

“...”

“แล้วเขาก็ถามต่อว่าผมมีแฟนหรือยัง”

“...” ดูท่าหัวข้อนี่จะเรียกความสนใจจากพี่ข้าวได้ดีเพราะสายตาที่มองจอโทรทัศน์เปลี่ยนมาเป็นมองหน้าผมแทน

“พี่ข้าวอยากรู้ไหมว่าผมตอบว่าอะไร”

“ติณณ์จะตอบอะไรก็เรื่องของติณณ์สิ” ตอบเสียงเขียวไม่พอ...นั่น มีสะบัดหน้าหนีอีก ส่ายหัวน้อยๆ ให้กับความงอนของอีกคน เขินก็บอกเขินสิไม่ใช่ทำงอน...

ผมขยับไปนั่งเหนือคนพี่และสไลด์ตัวลงจนกลายมาเป็นนั่งซ้อนหลังของพี่ข้าวไว้ แย่งกระป๋องเบียร์เปล่าๆ ในมือของอีกคนไปวางบนโต๊ะแล้วกอดรวบแขนกันอีกฝ่ายหนีหรือยกฟาดใส่ผม กดจมูกลงกับผมชื้นของคนตรงหน้าและลากยาวลงไปที่ลำคอจนได้ยินเสียงโวยวายของคนในอ้อมแขนนั่นละถึงยอมปล่อย

“ไม่อยากรู้จริงหรอ หืม”

“...ไม่”

“แต่ผมอยากบอกพี่ว่ะ” พี่ข้าวเอียงหน้าที่มีคิ้วขมวดกันแน่นมามองผม

“ผมตอบว่ามีแฟนแล้ว” กระชับอ้อมแขนที่กอดอีกคนให้แน่นกว่าเดิมเล็กน้อย “แล้วก็รักแฟนมากด้วย”

“...”

คนขี้งอนกลายเป็นมะเขือเทศสุกไปแล้วล่ะครับ อยากฟัดว่ะเฮ้ย

“แล้วแฟนผมล่ะ รักผมมากไหม หืม”

แกล้งเซ้าซี้กับคนเขินจนตัวแดงที่อยู่ไม่สุขในอ้อมกอดผมโดยคำพูดและฝ่ามือที่เริ่มซุกซน เชื่อไหมว่าตั้งแต่คบกันมาได้ยินคำว่าชอบออกจากปากพี่ข้าวไม่กี่ครั้งเองแถมยังเป็นตอนอีกคนเผลอด้วย... ผิดกับผมที่อยากจะบอกให้คนพี่รู้สามเวลาหลังอาหารแต่ก็กลัวมันน่าเบื่อไปสำหรับพี่ข้าว

“ติณณ์! หยุดนะ!”

มือข้างที่เป็นอิสระของพี่ข้าวยกขึ้นกันมือที่เลื้อยไปตามผิวเนื้อของเจ้าตัว ใบหน้าแดงจากอาการเขินอายและฤทธิ์ของเบียร์หนึ่งกระป๋องหันมาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่ว เสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากที่เม้มกันแน่นของพี่ข้าวเมื่อนิ้วมือของผมแตะเข้าที่ยอดอก นั่นทำให้เจ้าตัวยกมือตะครุบปากตัวเองแล้วหันมาส่งค้อนวงโตๆ ให้ผมทันที

แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นพลาดมากเพราะตอนนี้มือของพี่ข้าวไม่ว่างแล้ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมาเมื่อผมพลิกตัวให้หลังของอีกคนไปติดกับโซฟาก่อนจะตามไปประกบจูบคนพี่ที่เผลอลดมืออ้าปากโวยวาย เสียงที่เกิดจากการแลกลิ้นสลับกับเสียงครางประท้วงในลำคอดังให้ได้ยินเป็นระยะ คนต่อต้านเริ่มอ่อนข้อและระทวยเมื่อผมผละจากจูบยาวนาน

“เด็กดีของพี่ไม่ซนนะครับ”

มือที่ไล้ตามขอบกางเกงและเตรียมที่จะสอดลงไปเพื่อรั้งมันออกชะงักค้าง ใบหน้าที่ซุกอยู่ข้างลำคอเพื่อขมเม้มแสดงความเป็นเจ้าของรีบผละออกเพื่อเงยขึ้นมองพี่ข้าวที่เอ่ยประโยคนั่นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดหอบ

เด็กดี...ของพี่

ของพี่ข้าว...

“ไม่ซนนะครับ” ฝ่ามือของอีกคนยกขึ้นลูบหัวผมที่ยังค้างกับคำพูดของเจ้าตัวเบาๆ ริมฝีปากที่บวมเจ่อจากการจูบขยับเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนจนผมถอยห่างคนพี่ไปเล็กน้อยให้พี่ข้าวได้เกาคางลูบหัวต่อ “เด็กดีๆ”

นาทีนี้ให้เป็นหมาก็ยอมครับถ้ามีเจ้าของชื่อข้าวเจ้า

Tbc.

―――――――――――

มาแล้วค่ะ ตอนนี้มาช้านิดนึงเพราะมัวแต่ไปแก้กลิ่นกาวน์ TwT

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: จีบนะครับ...รักผมที -17- 04|03|2561 P.2
«ตอบ #57 เมื่อ04-03-2018 23:20:02 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: จีบนะครับ...รักผมที -17- 04|03|2561 P.2
«ตอบ #58 เมื่อ04-03-2018 23:28:01 »

 :hao7:


สงสารติณณ์ อย่าเป็นเลยเด็กดี บางทีก็น่ะ

ออฟไลน์ мıınta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
    • TW
Re: จีบนะครับ...รักผมที -18- 10|03|2561 P.2
«ตอบ #59 เมื่อ10-03-2018 02:24:27 »

18

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าช่วงนี้พี่ข้าวดูเครียดๆ เหมือนมีอะไรในใจ ตอนที่ออกไปข้างนอกด้วยกันก็ดูลอกแลกแปลกๆ เดินก็ห่างเป็นวา ผมลองถามไปว่าอะไรหรือเปล่าพี่แกก็เอาแต่ยิ้มและบอกว่าไม่มีอะไรๆ ไปถามพี่หลงรายนั้นก็เอาแต่อึกอักไม่ยอมตอบ สุดท้ายเลยไปเค้นคอพี่ทศถึงรู้ว่าพนักงานที่สาขานั้นเขารู้กันแล้วว่าผมที่เคยไปฝึกงานเป็นหลานชายของประธานอย่างคุณชัยธวัช แล้วมันดันมีคนบังเอิญเจอตอนผมอยู่กับพี่ข้าวเขาเลยหาว่าคนพี่เข้าหาผมเพราะจะเอาตัวเข้าแลกกับตำแหน่ง อดีตพี่ๆ ในแผนกที่รู้ว่าเรื่องจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นก็แก้ตัวแทนแต่ทางนั้นไม่เชื่อ แล้วดันกลายเป็นว่าถ้าพี่ข้าวก้าวขาออกจากแผนกเมื่อไหร่เสียงซุบซิบและสายตาแปลกๆ จะถูกส่งมาให้คนพี่ทันที

เรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณกณิศไม่ยอมบอกผมสักคำ

และตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าบริษัทสาขาที่เคยมาฝึกงานอีกครั้งพร้อมกับลุงวัชในฐานะเลขา ครั้งนี้ผมไม่ได้บอกพี่ข้าวหรอกครับว่ามีประชุมที่นี้ คนที่รู้ก็จะมีพวกหัวหน้าแผนกผู้จัดการแผนกเท่านั้น สาเหตุหลักของลุงวัชคือประชุม ส่วนสาเหตุหลักของผมคือมาแก้ข่าวให้พี่ข้าวว่าคนพี่ไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น

“นี่ไม่ได้ตั้งใจมาประชุมกับลุงใช่ไหม” ลุงวัชเอ่ยติดขำขึ้นมาหลังจากที่เราเดินพ้นพนักงานที่ออกมาต้อนรับ เรื่องของพี่ข้าวลุงแกรู้ครับเพราะผมเล่าเอง “เอาเถอะจะทำอะไรก็ทำ ยังไงถ้าไปอยู่นู่นแกก็จะเอาหลานสะใภ้ลุงไปทำเลขาส่วนตัวอยู่ดีนี่”

“ถ้าเขายอมน่ะนะลุง” สิ้นเสียงถอนหายใจของผม ลุงวัชที่เลิกคิ้วสูงก็หัวเราะออกมาลั่นลิฟต์พร้อมกับคำที่ผมปฏิเสธไม่ได้

“ผู้ชายบ้านนี้กลัวเมียกันทุกคนหรือไงวะ”

บรรยากาศในห้องประชุมค่อนข้างอึมครึมเมื่อลุงวัชหยิบหน้ากากประธานบริษัทผู้เคร่งขรึมขึ้นมาสวมใส่ ผมกวาดตามองรอบห้องก็เจอแต่พี่ทศกับพี่จ๋าที่เข้าประชุม ตอนที่พี่ๆ แกเห็นผมมากับลุงก็เลิกคิ้วสูงก่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งให้ ส่วนคนอื่นก็เอาแต่ยิ้มหวานใส่ผมกับลุง เวลากว่าสี่ชั่วโมงในห้องประชุมทำเอาผมแทบหมดพลังงานแต่บทสรุปที่ได้ถ้าวัดจากสีหน้าลุงก็ค่อนข้างดี

ทันทีที่เลิกประชุมผมก็แทบจะถลาไปหาพี่ข้าวถ้าไม่ติดว่าถูกมือลุงวัชดึงไว้ หันไปมองชายวัยเฉียดหกสิบแต่สุขภาพยังแข็งแรงที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ติดบนใบหน้าก็ได้แต่เสียวสันหลัง ได้แต่เดินตามลุงที่เดินเข้าแผนกนู้นออกแผนกนี้จนกระทั่งเรามาหยุดอยู่หน้าแผนกการตลาดที่ผมเคยฝึกงาน

ฝ่ามือที่เหี่ยวย่นตามวัยผลักเข้าประตูแผนกเข้าไป เสียงคนจอแจก่อนหน้านี้เงียบกริบเมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้มาใหม่ คนแก่วัยผู้ถอดหน้าการผู้บริหารออกผู้เคร่งครึมออกเหลือเพียงรอยยิ้มประดับริมฝีปาก ลุงวัชเอ่ยทักทายพนักงานที่มีอยู่ไม่ถึงสิบคนอย่างเป็นกันเองจนกระทั่งหยุดฝีเท้าลงตรงโต๊ะของพี่ข้าวที่เบิกตากว้าง

“หนูเจ้าอยากไปทานมื้อเที่ยงกับลุงไหม?”

สิ้นเสียงทุ้มนุ่มของคนสูงวัยที่เอ่ยประโยคแกมบังคับ คนในแผนกก็ต่างยิ้มน้อยๆ ออกมาเมื่อผมหันไปมอง พี่ข้าวที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกหันขวับมองผมสลับกับลุงวัชที่เอ่ยคำชวนออกมาซ้ำจนต้องกดหน้าลงอย่างเสียไม่ได้

รู้สึกได้เลยว่าตลอดทางที่เดินผ่านแต่ละแผนกไปนั้นมีคนมองมาที่พวกเรา...ไม่สิ มองมาที่พี่ข้าวด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น อีกทั้งเสียงซุบซิบฟังไม่ได้ความที่ได้ยินจนคนข้างๆ ผมได้แต่ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง

ยื่นมือไปกุมมืออีกฝ่ายแต่กลับโดนดึงออก...

“หนูเจ้า” จู่ๆ ลุงวัชก็หยุดฝีเท้าและหันมาหาพวกเราพร้อมกับรอยยิ้ม “อยู่กับติณณ์มันดูแลดีไหม”

พี่ข้าวหลุดเสียงร้องแปลกใจพร้อมเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายถามอย่างนั้น เสียงรอบข้างต่างเงียบลงคล้ายจะรอคำตอบเช่นกัน

“เอ่อ...ครับ”

“หรอ ถ้าบอกว่ามันดูแลดีก็ดีแล้ว ลุงละกลัวว่ามันดูแลหนูไม่ดี” เสียงนุ่มทุ้มราวกับผู้ใหญ่ใจดีเอ่ยขึ้น “แต่หนูเจ้ารู้ไหมว่าที่หนูเจ้าเครียดเพราะถูกคนอื่นนินทาในเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงนี่ทำหลานชายลุงเครียด ตีหน้ามุ่ยหน้ายักษ์จนลุงไม่อยากเห็นหน้ามันมานั่งเป็นเลขาแล้ว”

หนึ่งก้าวที่ลุงวัชขยับเข้ามาหาพี่ข้าว ฝ่ามือใหญ่และย่นตามวัยวางลงบนเส้นผมของคนพี่เบาๆ

“อะไรที่เป็นเรื่องจริงเราก็รู้อยู่แก่ใจ แต่อะไรที่ไม่ใช่เรื่องจริงลุงก็อยากให้เราปล่อยมันไปไม่ต้องเครียดกับมันเกินจำเป็นนะ”

“...ครับ”

“ดีแล้ว ไปกันเถอะลุงหิวแล้ว”

พี่ข้าวยิ้มกว้างให้เห็นเป็นครั้งแรกของวัน ผมมองตามหลังคนพี่ที่กดหน้ารับคำของลุงวัชและเดินเสมอลุงคุยกันหงุงหงิงๆ อย่างมีความสุขไปตลอดทาง... เดี๋ยวนะลุง นี่มันควรเป็นบทผมป่ะครับ?

แล้วไอ้แผนที่ผมวางมามันคืออะไรวะ!!


ความเครียดของพี่ข้าวจางหายไปตั้งแต่วันที่ลุงวัชไปบริษัท พี่ทศโทรมาเล่าว่าคนเริ่มเลิกนินทาพี่ข้าวในทางเสียๆ หายๆ กันแล้วนั่นก็เป็นเรื่องดีอยู่ แต่ไอ้ที่ไม่ดีก็คงจะเป็น...

“ติณณ์... คุณลุงบอกพี่ว่าให้คีย์การ์ดคอนโดไว้แล้วทำไมไม่ไปอยู่ล่ะ”

เรื่องที่พี่ข้าวแทบจะกลายเป็นหลานรักคนใหม่ของลุงวัชนี่ล่ะครับ ไม่รู้ว่าลุงติดใจอะไรพี่ข้าวหรือแค่อยากแกล้งผมกันแน่ ไม่รู้ว่าคู่นี้เขาไปคุยกันตอนไหนยังไงแต่พอผมกลับจากทำงานทีไรพี่ข้าวก็ทำหน้ามุ่ยรับผมกับเรื่องที่ลุงเอามาเล่า และวันนี้ก็เช่นกัน

“ก็ผมอยากอยู่กับพี่ข้าวไม่ได้หรอ มีผมอยู่ด้วยประหยัดไฟนะ หารสองๆ”

“เออนั่นประหยัดก็จริง แต่พี่เปลืองตัวไง”

“เปลืองตัวยังไงครับ?” ผมถามพลางหันคอไปเลิกคิ้วมองคนที่ใช้ขาพาดบ่าผมอยู่ ไม่ใช่คนพี่นั่งเองหรอกครับแต่ผมลงไปนั่งพื้นตรงหน้าแล้วยกขาพี่แกขึ้นพาดบ่าเอง ยกมือล็อกข้อเท้าของคนที่บอกว่าตัวเองเปลืองตัวไว้ ออกแรงดึงให้คนพี่ขยับเข้าใกล้ก่อนกดปากลงกับน่องเบาๆ พี่ข้าวที่โวยวายตั้งแต่ถูกผมยึดข้อเท้าไว้ชะงักตัวเมื่อผมไล่จูบขึ้นมาถึงต้นขา

กลายเป็นว่าตอนนี้ผมหันไปหาคนพี่ที่อยู่บนโซฟาทั้งตัว... ซึ่งสภาพของอีกฝ่ายคือกึ่งนั่งกึ่งนอนกับโซฟาโดนสองขายังอยู่ที่บ่าผม

ไม่ต้องบอกเนอะว่าตอนนี้หน้าผมอยู่ส่วนไหน

“ก็ อึก เปลืองอย่างนี้ไง!” เสียงของคนพี่เริ่มสั่นเมื่อผมขยับริมฝีปากขึ้นไปเรื่อยๆ ขาที่ถูกจับไว้แน่นพยายามจะถีบผมแต่ทำไม่ได้ เกิดเสียงครางแผ่วและแรงจิกทึ้งเส้นผมเมื่อผมจงใจปัดจมูกไปโดนอะไรๆ ที่มันนอนหลับในกางเกงตรงหน้า ขบกัดสลับดูดเม้มผิวเนื้อที่โผล่พ้นขากางเกงอย่างมันเขี้ยวจนเกิดรอยแดงและรอยเขี้ยวประปราย

แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับการทำให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันตื่น

“ข้าวน้อยตื่นแล้วนี่ครับ” เอ่ยแซวคนหอบแฮ่ก หน้าแดงก่ำจนได้สายตามองค้อนกลับมา ริมฝีปากที่กำลังอ้าปากโวยวายเปลี่ยนเป็นครางแผ่วเมื่อผมงับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและขยับขึ้นลงเบาๆ เอาจริงๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมายังไม่เคยใช้อย่างอื่นนอกจากมือเลยครับ... แต่นั่นก็ไม่กี่ครั้งเองด้วยซ้ำ

สองมือที่ยึดขาน่องไว้เปลี่ยนเป็นสอดรั้งใต้ต้นขาขยับให้คนพี่เข้าใกล้กว่าเดิม ผมครอบปากลงกับส่วนปริ่มน้ำผ่านกางเกงนอนตัวบางจนมันเปียกเป็นวงกว้าง เสียงเอ่ยห้ามดังสลับกับเสียงครางทำให้ผมขยับศีรษะเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่นานนักคนไม่ได้ปลดปล่อยมาพักใหญ่ก็ปล่อยออกมาจนชุ่ม เงยมองคนตัวแดงหน้าแดงที่ยกมือปิดหน้าตัวเองไว้สลับกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนตัดสินใจรั้งกางเกงเปื้อนๆ ออกจากตัวอีกฝ่ายทันที

“ติณณ์!!”

“...ให้ผมทำได้ไหมครับ” เอ่ยขัดเสียงโวยวายของพี่ข้าวและขยับขึ้นไปคร่อมคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอน ดึงแขนที่ยกปิดหน้าแดงๆ ของพี่ข้าวออกและกดจูบลงกับริมฝีปากที่บวมแดงจากการเม้มกลั้นเสียง “ผมไม่อยากเป็นเด็กดีแล้ว”

“...ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี”

ยกยิ้มมองคนที่เอ่ยต่อว่าเสียงแผ่วที่ผินหน้าไปทางอื่น ก้มไปหอมแก้มแดงๆ ตรงหน้าฟอดใหญ่และอ้าปากงับอย่างมันเขี้ยว รอจังหวะคนที่ตามความเจ้าเล่ห์ไม่ทันหันมาโวยวายและใช้จังหวะนั้นจูบลงกับกลีบปากบวมแดงของคนข้างใต้อย่างรวดเร็ว สอดลิ้นทักทายอีกฝ่ายที่ไม่ได้ตั้งตัวจนเกิดเสียงแลกน้ำลายดังก้อง

ผมเคลื่อนตัวเข้าแทรกระหว่างขาทั้งสองของคนพี่และจับให้เกี่ยวเอวตัวเองไว้ ขยับฝ่ามือลากตามสะโพกเปลือยเปล่าลงไปยังบั้นท้ายพอดีมือ อดไม่ได้ที่จะขย้ำมือลงกับบั้นท้ายคนตรงหน้าจนคิดว่าน่าจะเกิดรอยแดงก่อนจะลากนิ้วลงไปทักทายช่องทางด้านหลังของอีกคนพร้อมกับหยอกล้อกับส่วนด้านหน้าที่ตื่นขึ้นอีกครั้งจากการถูกปลุกเร้า

“อื้อ...ฮึก”

เสียงครางเล็ดลอดออกมาผ่านฝ่ามือที่ปิดกั้นเมื่อผมกดนิ้วลงกับช่องทางคับแคบสลับกับนวดคลึงจนรู้สึกว่ามันกระตุกถี่ เงยสบตากับคนที่หอบหายใจหนักและมีน้ำตาคลอเต็มหน่วยก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบหลังฝ่ามือที่ปิดกั้นเสียงและเคลื่อนหน้าหาลำคอขาวน่าฝากรอยแสดงความเป็นเจ้าของ ขบเม้มแรงๆ จนเกิดรอยจนเป็นที่พอใจ ตั้งท่าจะสอดนิ้วมือเข้าไปเบิกทางแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนพี่เอ่ยเรียกเสียงพร่า

“...ติณณ์”

“ครับ”

“ไม่เอาตรงนี้...ไปในห้อง”

เลิกคิ้วมองคนเอ่ยประโยคนั้นที่เม้มปากแน่นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ และอุ้มคนพี่ขึ้นพาไปในห้องตามที่อีกฝ่ายร้องขอ หลังจากวางพี่ข้าวไว้กลางเตียงผมก็ผละออกหาหยิบคอนดอมและเจลหล่อลื่นที่เคยซื้อมาไว้ กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งก็เห็นคนพี่นอนตัวแดงเอาซุกหน้าลงกับหมอนคล้ายลืมว่าท่อนล่างของตัวเองไม่ได้ใส่อะไรไว้

ริมฝีปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นอย่างนั้น ขยับเข้าหาคนที่ยังปิดหน้าปิดตาเพราะความเขิน กดจูบหนักๆ ลงกับลำคอ ลาดไหล่ และหยอกล้อกับยอดอกที่แข็งชันผ่านเสื้อผ้า ผมจับขาอีกฝ่ายตั้งชันขึ้นจนเห็นส่วนที่ตื่นขึ้นตามแรงอารมณ์ชัดเจนและวางมือลงกับส่วนแข็งขืนปริ่มน้ำออกแรงขยับรูดรั้งเบาๆ จนพี่ข้าวหลุดร้องครางออกมา มืออีกข้างวางลงกับสะโพกและไล้มือลงไปยังส่วนที่ต้องเตรียมพร้อม

“เจ็บหน่อยนะครับพี่ข้าว”

“อื้อ... อึก เจ็บ”

“ชู่ นิ้วเดียวครับ”

เผลอกลั้นหายใจเมื่อสอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางคับและตอดรัดแน่นจนสุด การเตรียมความพร้อมสำหรับครั้งแรกของคนตรงหน้าเป็นไปอย่างนาบเนิบเพราะต้องการใช้อีกฝ่ายเจ็บน้อยที่สุด... ผมโน้มตัวไปจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากบวมเจ่อและลาดไหล่ของคนตรงหน้าพลางเอ่ยปลอบให้อีกฝ่ายผ่อนคลายแต่เหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ เจลสีใสถูกเทลงเพิ่มกับช่องทางจนได้ยินเสียงเหนอะหนะทุกครั้งที่ขยับนิ้ว

จากหนึ่งเป็นสอง... และเป็นสามเพื่อขยายเตรียมรับในสิ่งที่ใหญ่กว่า

“...อื้ออ”

เสียงร้องครางดังขึ้นเมื่อผมงอนิ้วครูดกับผนังภายใน ผมเงยขึ้นมองคนตรงหน้าที่มีน้ำตาจากแรงอารมณ์ ไล่สายตาลงไปยังเสื้อยืดที่ถูกกองไว้เหนืออก ยอดอกที่บวมแดงจากการขมเม้ม รอยสีสดตามลำตัวของคนสุขภาพดี ก่อนจะหยุดลงที่ส่วนกลางตัวปริ่มน้ำทั้งที่ผมยังไม่ได้แม้แต่จะแตะ และนิ้วของตัวเองที่ยังแช่อยู่ในตัวของคนพี่

“พี่ข้าวพร้อมนะ”

“อึก... ติณณ์?”

เสียงพร่าไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่กลับเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยเมื่อผมถอนนิ้วทั้งสามออก เจ้าของเสียงดันตัวขึ้นมามองผมก่อนจะรีบหันกลับทันทีเมื่อเห็นว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ซองสีเงินถูกโยนทิ้งไปกับพื้นเมื่อสิ่งด้านในถูกเอาออกมาใช้เรียบร้อย ผมสอดนิ้วเข้าขยายช่องทางอีกครั้งก่อนจะดึงออกเพื่อแทรกตัวตนที่ถูกห่อหุ้มเข้าไปแทน

“อึก ติณณ์เจ็บ... ไม่เอาแล้ว ฮื่ออออ”

“ชู่ ผมจะทำช้าๆ นะ”

เอ่ยปลอบและปลุกปั่นตัวตนของคนพี่พร้อมขยับแก่นกายของตัวเองเข้าไปในช่องทางตอดรัดทีละน้อย สองมือของคนพี่ที่กอดรอบคอผมเปลี่ยนเป็นจิกเจ็บลงกับแผ่นหลังระบายความเจ็บปวดที่ได้รับ ก้มไปจูบซับน้ำตาของอีกฝ่ายที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อผมดันเข้าไปสุด

“พี่ข้าวไหวไหม ติณณ์ขยับได้ไหม”

นิ่วหน้ากับช่องทางที่ตอดรัดสิ่งแปลกปลอมจนปวดหนึบ พี่ข้าวครางฮื่อและผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะกดหน้าลงกับคำถามของผม ทันทีที่ได้รับคำอนุญาตผมก็ถอนตัวตนที่อยู่ภายในออกมาและขยับเข้าออกอย่างนาบเนิบจนเสียงครางจากความเจ็บกลายเป็นเสียงครางจากแรงอารมณ์

จากนาบเนิบแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นเมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายพร้อมสำหรับบทรักครั้งแรก

“ติณณ์... อือออ ติณณ์แรงไป”

คนที่อารมณ์ขึ้นสูงเอ่ยประท้วงหลังจากที่ผมถอนตัวตนออกเกือบสุดและกระแทกกลับไปเต็มแรง เสียงหอบหายใจปะปนกับเสียงเสียดสีของผ้าปูที่นอนและกายของทั้งสอง ผมชันตัวจากลำคอและใบหน้าชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายขึ้นมา ภาพตรงหน้าของคนพี่ที่หลับตาพริ้ม ขนตาชุ่มไปด้วยน้ำ มือข้างหนึ่งรูดรั้งส่วนแข็งขืนกับสะโพกที่ขยับประสานกับผมอย่างลืมตัวสะท้อนในสายตาจนได้แต่ขบฟันแน่นเพื่อยั้งตัวเอง

“อึก อือออออ...”

แรงตอดรัดของช่องทางที่มากขึ้นทำให้รู้ว่าคนพี่ใกล้จะถึงปลายทางแล้ว ผมก้มตัวไปประกบริมฝีปากบวมเจ่อของพี่ข้าว สอดลิ้นเข้าเกี่ยวจนอีกฝ่ายประท้วงคล้ายหายใจไม่ออก และไม่นานนักคนพี่ก็ปลดปล่อยออกมาจนเปื้อนหน้าท้องของเราทั้งคู่

ช่องทางที่ตอดถี่หลังจากคนที่ปรือตามองผมทำให้ผมที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยขยับกายแรงและเร็วขึ้น ก่อนจะปลดออกมาตามอีกฝ่ายไป

“อืม...” ก้มลงไปจูบปากคนพี่หนักๆ ถอนตัวตนออกมาจนได้ยินเสียงครางแผ่วจากคนใต้ร่าง ปล่อยให้คนพี่ที่ยังเหนื่อยหอบจากกิจกรรมเมื่อครู่นอนพัก ก่อนจัดการดึงถุงยางออกจากแก่นกายของตัวเองและทิ้งลงถังขยะในห้อง คว้ากางเกงขึ้นมาสวมลวกๆ เพื่อไปเอาผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดให้คนพี่

อยากจะขออีกรอบแต่เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน


แผละ

“ไอ้เด็กไม่รักษาสัญญาอย่าเข้ามานะ!!”

ผมดึงผ้าชุบน้ำที่เอามาเช็ดตัวคนโวยวายหน้าแดงก่ำออกจากใบหน้า ยกยิ้มกริ่มมองคนที่เอาผ้าห่มม้วนตัวจนเป็นก้อนอะไรสักอย่าง ก้าวเท้าไปหาคนที่เบ้หน้าเพราะความเจ็บมองซ้ายขวาหาของปาใส่ผมอย่างไม่เกรงกลัว

“ไอ้ติณณ์ ไหนบอกพี่ว่ารอบเดียวไง! แล้วถุงยางทำไมไม่ใช่!!”

“โธ่พี่ข้าว ก็ผมเอาเข้ามาแค่อันเดียวนี่ครับ จะให้ออกมาเอาอีกทีมันก็ขาดตอนนี่” ว่าพร้อมโอบกอดก้อนกลมหน้าแดง ไล่นิ้วตามข้อเท้าที่โผล่พ้นผ้าห่ม “เดี๋ยวติณณ์เอาออกให้นะ”

“ไปไกลๆ เลยนะไอ้ติณณ์! อ๊ะ อื้อ...” จูบปากคนพี่อย่างมันเขี้ยว คนที่โวยวายกลบเกลื่อนอาการเขินจนตัวแดงทุบไหล่ประท้วงจนต้องผละออกอย่างเสียไม่ได้

“...อีกสักรอบได้ไหมครับ”

“ไอ้เวรติณณ์!”


ผมลอบมองคนพี่ที่หลับปุ๋ยจากกิจกรรมเรียกเหงื่อเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ จากที่ดูๆ แล้วพรุ่งนี้พี่ข้าวอาจจะป่วยเลยให้กินยาดักไว้ก่อน กดจมูกลงกับผมที่ยังคงชื้นเหงื่อและเอี่ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดเบอร์ใครบางคน

‘...โทรมาหาอะไรตอนนี้ครับเลขาคุณชัยธวัช’ ปลายสายถอนหายใจและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือหงุดหงิด

“เอาพี่หลงอยู่?”

‘เอาเหี้ยไรล่ะไอ้ติณณ์ ตอนนี้แค่หน้ากูมันยังไม่อยากมอง’ หัวเราะให้กับรุ่นพี่คนสนิทที่เปลี่ยนมาใช้กูมึงอย่างไม่ถือสา ‘ว่าแต่โทรมาตอนตีสามนี่มีอะไรให้รับใช้ครับคุณติณณ์’

“จะโทรมาลางานให้ข้าวเจ้า ป่วย”

‘หืม? เจ้าเป็นอะไรอีก?’ พี่ทศเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะโหวกเหวกโวยวายออกมา ‘ไอ้ติณณ์! อย่าบอกนะว่ามึง!’

“ก็อย่างที่พี่คิดนั่นแหละ”

‘หึ ไอ้เจ้าโดนแน่’

“คุณทศกัณฑ์ครับ ถ้าผมรู้ว่าคุณล้อคุณกณิศแม้แต่น้อย...”

‘ผมไม่ล้อไม่แซวแน่นอนครับคุณติณณ์’ ปลายสายว่าอย่างหัวเสีย ‘แม่งใช้อำนาจในทางที่ผิด’

“เออ ผมถือว่าลาให้พี่ข้าแล้วนะ แค่นี้ล่ะ”

ว่าจบผมก็กดวางสาย กดปิดเสียงและโยนโทรศัพท์ทิ้งทันที ก่อนนะกอดคนที่ซุกอยู่กับอกอย่างฝันดี

....เพื่อเตรียมพร้อมที่จะหูชาเมื่อตื่นมา
Tbc.

―――――――――――――――――――――――

กลับมาแล้วค่ะะะ หายไปอย่างไม่มีข้อแก้ตัวค่ะ งื้อออ
ถ้าใครตามจากกลิ่นกาวคงจะรู้แล้วว่าทำไมพี่ข้าวถึงแนะนำหนูฝุ่นไปอย่างนั้น  55555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด