บทที่8
ผ่านมาเดือนแล้วสำหรับการทำงานในวันหยุด ช่วงเวลาที่ผ่านมาดีทริชไม่ได้มาฝึกงานกับคาร์ลแบบขอไปทีเพราะงั้นจึงอัดความรู้เข้าไปจนแน่น นอกจากนั้นการที่โนเอลหายหัวไปเลยมันทำให้เขาสบายใจขึ้นมากแม้จะรู้อยู่แก่ใจยังไงเจ้าผมเงินนั่นก็ต้องโผล่หัวมาซักวัน
ดีทริชได้เรียนรู้วิธีการทำบัญชีหรือแม้กระทั่งวิธีจัดการข้อมูลรวมไปถึงโปรแกรมพื้นทางต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ ก่อนหน้านั้นถึงจะพอใช้งานได้อยู่บ้างแต่ไม่ได้รู้ลึกขนาดปัจจุบันที่เป็นตอนนี้
มีหลายครั้งที่คาร์ลได้รับเป็นตัวแทนโนเอลให้เป็นประธานองค์ประชุม ดีทริชติดตามคนคนนี้ไปจดบันทึกการประชุมหลายครั้ง นานๆ เข้าก็คุ้นชินกับการทำงานในฐานะผู้ช่วยเลขาเขาคิดว่าคาร์ลคงไม่ใช่แค่เลขาส่วนตัวธรรมดาแต่อาจเป็นมือขวาของโนเอลก็เป็นได้
วันนี้ก็เหมือนทุกวันดีทริชออกเดินทางไปยังโรงงานด้วยรถที่โนเอลส่งมารับ ตาแก่ขี้เมาเองก็ขึ้นรถมาด้วยกันเวลาอยู่ที่บ้านเขาพยายามอดกลั้นไม่แสดงให้แม่รู้เรื่องที่ถูกขาย แต่เมื่อไม่มีแม่อยู่จึงตั้งใจเสียดสีไอ้คนเลวระบายความโกรธที่มี
“ไม่รู้จะมาทำไม ยังไงก็ไม่ได้ทำงานอะไรซักนิด ไปเมาหยำเปอยู่บ้านจะได้ประโยชน์กว่าหรือเปล่า”
ตาแก่ทำสายตาล่อแล่กก่อนจะหลุดปากพูดในสิ่งที่ชวนสงสัยออกมา
“จะได้ยังไงเกิดล่อร่ารู้ข้าก็ลำบากสิ” ตาแก่หน้าเสียคงสำนึกว่าหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ตั้งใจพูดออกมา
กลัวแม่ด้วยอย่างนั้นหรือ? มาคิดดูให้ดีแล้วมันก็แปลกพ่อเป็นคนที่ไม่เอาอ่าวถึงจะขี้เหล้าแต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายแม่ซักครั้ง มีแต่แม่เองนั่นแหละที่ประเคนทุกอย่างให้พ่อแล้วก็เขาเป็นคนช่างสังเกตุตั้งแต่จำความได้แม่ไม่เคยทำรักกับพ่อให้เขาเห็นเลยซักครั้ง
อาจจะทำลับหลังหรือเปล่านะ แต่เขาไม่รู้สึกเลยว่าพ่อกับแม่มีความสัมพันธ์แนบแน่นแบบสามีภรรยาสังเกตุให้ดีจะเหมือนเพื่อนร่วมบ้านกันมากกว่าแล้วนี่ยิ่งมาแสดงอาการกลัวด้วยน่าสงสัยมาก
“เฮ้ย...ที่ข้ากลัวไม่ใช่เรื่องอะไรนะ ถึงลอร่าจะรู้ว่าข้าบังคับขายแกมาทำงาน แต่แกก็ได้อยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของโรงงานที่มีอลองโซเป็นเจ้าของอนาคตมีแต่จะสดใสมีแต่ได้กับได้ ไอ้หนูเอ็งต้องขอบคุณข้านะ”
ดีทริชแค่นหัวเราะ ตาแก่นี้ไม่รู้จริงๆ หรือแสร้งทำเป็นไม่รู้กันแน่ ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับไอ้คนไร้ค่าถึงจะหาเรื่องไปเขาก็หนีพ้นจากอุ้งมือของโนเอลไม่ได้อยู่ดี
หลายวันมานี้คาร์ลพาเขาไปยังสถานประกอบการของธุรกิจปล่อยกู้ เขาได้เห็นวิธีการทวงหนี้แบบถึงลูกถึงคนหลายต่อหลายครั้งรวมไปถึงกระบวนการค้นหาลูกหนี้ที่รวดเร็วชี้ให้เห็นชัดว่าอลองโซมีอิทธิพลมากแค่ไหน ยิ่งมั่นใจได้ว่าถ้าเขาหนีจะเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นดีทริชไม่ได้พูดอะไรกับตาแก่อีกเลยจนไปถึงโรงงานเมื่อพบหน้าคาร์ลอีกฝ่ายก็พาเขาไปขึ้นรถอีกคัน
“เราจะไม่ทำงานหรือครับคาร์ล” ดีทริชถาม
“วันนี้พักการเรียนรู้หนึ่งวันครับ ผมมีหน้าที่จัดการกับรูปลักษณ์ของคุณก่อนนำตัวไปส่งให้นายท่าน”
จัดการรูปลักษณ์ไม่นะ
ดีทริชหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ทำไมต้องจัดการเรื่องพวกนี้การทำให้ดูดีเพื่อให้โนเอลพอใจมันหมายถึงอีกฝ่ายจะพาเขาขึ้นเตียงหรือเปล่า
“คุณจะกังวลทำไม คุณเป็นของนายท่าน จะถูกเก็บเกี่ยวเมื่อไหร่ก็เป็นสิทธิของนายท่าน แต่วันนี้นายท่านอาจจะแค่อยากพาคุณไปไหนมาไหนด้วย คุณควรกังวลว่าจะทำอย่างไรไม่ให้นายท่านขายหน้า เพราะถ้านายท่านอารมณ์เสียขึ้นมามันจะส่งผลกับตัวคุณนั่นแหละ”
ดีทริชเม้มปากเข้าหากันเป็นคำปลอบหรือเปล่าเขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่เหมือนตอกย้ำมากกว่าว่าเขาเป็นสมบัติของโนเอล เกลียดๆ การที่ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้ เกลียดการที่ต้องตกเป็นของคนอื่นโดยไม่เต็มใจ
ดีทริชรู้สึกกดดันที่ต้องถูกควบคุมทุกย่างก้าวรวมไปถึงเรื่องการตรวจเพศที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน เขาไม่อยากยอมรับเรื่องที่ถูกซื้อมาเป็นนางบำเรอ ยิ่งถ้าเกิดเขาเป็นโอเมก้าการถูกบังคับให้จับคู่มันจะทำให้ไม่มีโอกาสได้สมหวังกับคนที่ตัวเองรักอย่างแท้จริง
ถึงจะเดาความคิดโนเอลไม่ออกแต่ฝ่ายนั้นยืนยันชัดเจนว่าต้องการอะไรจากเขา ก็บอกอยู่ว่าต้องการนางบำเรอไม่ใช่ว่ารักชอบเขาหรืออะไรที่โรแมนติก
บ้าเอ๊ย!! เกลียดตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว ดีทริชกำหมัดแน่น
คิดอะไรบ้าๆ ทำไมถึงอยากจะให้โนเอลมีความรู้สึกแบบนั้นกับตัวเองได้นะ เขานี่มันช่างสมกับเป็นเด็กจริงๆ คนอย่างโนเอลหากจะรักใครซักคนคงเลือกเฟ้นเอาสิ่งที่ดีที่สุด แค่เด็กในสลัมคงเป็นได้เพียงหนึ่งในเมียเก็บเท่านั้นเอง
ดีทริชถูกพาเข้าร้านทำผมร้านสปาและร้านเสื้อผ้าถูกขัดสีฉวีวรรณจนแม้แต่ตัวเองยังตะลึงที่ได้เห็นรูปโฉมหลังทำทุกอย่างตามที่คาร์ลเห็นว่าดีจนครบ
“ใช้ได้ เท่านี้คุณก็สามารถไปยืนเคียงข้างนายท่านได้แล้ว” คาร์ลยิ้มจนตาหยีท่าทางจะพึงพอใจในผลลับมาก
“ผมจะพาคุณไปหานายท่านที่ห้องรับรองของงานเลี้ยง ผมจะสอนอะไรคุณซักอย่าง พูดให้น้อยที่สุดมันจะดีต่อตัวคุณเอง”
ถึงไม่บอกเขาก็เข้าใจดี อีกอย่างกับฝูงคนที่ไม่รู้จักเขาจะไปพูดกับใครได้ล่ะ ดีทริชถูกพาไปยังห้องรับรองของโรงแรมชั้นนำที่นั้นโนเอลรออยู่
ทันทีที่พบหน้ากันโนเอลจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เล่นเอาเกิดอาการประหม่าแต่แค่แวบเดียวเท่านั้นดีทริชประสานสายตากลับอย่างท้าทาย
“จุดเด่นทางนิสัยของนายคือความดื้นรั้นจริงๆ นั่นแหละ ตอนแรกที่โผล่เข้ามาด้วยรูปลักษณ์แบบนี้กับอาการประหม่ามันทำฉันนึกว่าได้เห็นนางฟ้าผู้ไร้เดียงสา แต่วินาทีถัดมากลับเปลี่ยนเป็นเจ้าคนหยิ่งยะโสคนเดิมในสลัมไปเสียได้”
ด่าเขาอย่างนั้นหรือ ดีทริชตีหน้านิ่งไม่รู้สึกเจ็บซักนิดแต่แค่สงสัยว่าในสายตาของโนเอลเขาดูเป็นนางฟ้าเลยเชียว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นประเภทปากหวานหรืออาจจะแค่ปะเหลาะเอาใจไปอย่างนั้นเอง
“มานี่สิ” โนเอลเรียกอาจเป็นเพราะความทะนงแบบโง่ๆ ทำให้เขาไม่ยอมทำตามง่ายๆ อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก
“จะเดินมาหาดีๆ หรือจะให้แม่ที่รออยู่ตกที่นั่งลำบาก...การกระทำดื้อแพ่งของนายทุกอย่างจะส่งผลต่อคนที่นายรัก แล้วก็ฉันยังใจดีไม่ไปยุ่งกับเวลาส่วนตัวของนายที่บ้านและโรงเรียนใช่ไหม แก็งลูกผู้ดีขี้ขโมยของนายยังไม่ถูกยุบ...อ้อ...เพื่อนแอบคบของนายที่มีข่าวว่าคบเป็นแฟนกับนายอยู่ เอฟเว่น รูคใช่ไหม เรื่องน่ารักๆ แบบนี้บางทีก็ทำให้ฉันนึกอยากจะเข้าไปมีเอี่ยวด้วยเหมือนกัน”
ดีทริชทำหน้าเหมือนถูกทำร้าย โนเอลยิ้มละไมเขาชอบสีหน้าแบบนี้ของอีกฝ่ายการได้จัดการพังความยะโสกับอัตตาจนหมอนี่เปลือยเปล่าเร้าอารมณ์เขาอย่างยิ่ง นี่แค่ขู่นะเขายังใจดีที่ไม่รุกคืบจริงตามที่พูด
เพราะว่านึกอยากจะถนอมเจ้าสัตว์ป่าตัวจ้อยเอาไว้ในบางอารมณ์ หนึ่งเดือนที่แล้วมาโนเอลสำรวจความรู้สึกของตนเองเป็นระยะสั้นๆ จนถึงตอนนี้โนเอลไม่ปฏิเสธหรือหลอกตัวเองซักนิดในเรื่องที่อยากจะเห็นหน้าดีทริชทุกครั้งที่มีโอกาส
เวลาที่ไม่เห็นหน้ากันยังไม่เท่าไหร่แต่ทันทีที่ได้พบกันอีกก็เกิดแรงดึงดูดอย่างมหาศาลถ้าหมอนี่ไม่ใช่โอเมก้าก็ไม่รู้จะอธิบายเจ้าแรงผลักดันนี่ยังไง เหมือนไม่ใช่ตัวเองเลย โนเอลให้เหตุผลว่าเพราะเป็นคู่แห่งพรหมลิขิตด้วยแล้วก็อีกนิดหนึ่งมันเกิดจากรสนิยมแปลกประหลาดของเขานั่นเอง
ใช่ว่าจะไม่เคยเจอคนประเภทดีทริชแต่เห็นแล้วนึกอยากได้อย่างไม่มีสาเหตุเพราะต้องรสนิยมหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็แค่อยากให้มาเป็นของตัวเองนี่คือสิ่งผลักดันที่อยู่เหนือแรงดึงดูดของความเป็นอัลฟ่าที่มีต่อโอเมก้า
“มานี่เดี๋ยวนี่” ดีทริชเดินเข้ามาหาตามสั่ง โนเอลฉุดอีกฝ่ายให้นั่งลงมาบนตัก
“ตัวแข็งทื่อเชียว”
ใช่สิก็กลัวนี่ ดีทริชตั้งใจจ้องตาเพื่อค้นหาตัณหาที่ไม่รู้จะลุกโชติขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงจะไม่สามารถขัดขืนได้ก็ตามแต่การได้เตรียมใจก่อนมันดีกว่ากันมาก
“นายตัวหอมเป็นกลิ่นแบบที่ฉันชอบ” โนเอลใช้นิ้วมือคลึงริมฝีปากของดีทริชอย่างเบามือ จะถูกจูบเด็กชายมั่นใจว่าอย่างนั้น
“อย่ากัดเชียวล่ะ” โนเอลกระซิบ
“เพราะว่านายจะลงโทษให้ฉันเจ็บกว่าถ้าทำนายเจ็บใช่ไหม” ดีทริชต่อปากต่อคำ ที่ทำแบบนี้เพื่อคลายความกดดันที่มีออกไป โนเอลหัวเราะในลำคอแล้วประกบจูบลงมา
“อื้อ...” เกลียดการที่ต้องยอมรับในชะตากรรม แต่ความจริงก็คือความจริง นึกถึงชะตากรรมหลังจากนี้น้ำตาก็หลั่งรินออกมา
“ร้องไห้ซะแล้ว” โนเอลผละจูบแล้วใช้ปลายลิ้นซับน้ำตาแทนผ้าเช็ดหน้า ความอ่อนโยนนี่ทำเอาดีทริชตัวสั่น สับสนงุนงงไปหมดแค่นางบำเรอคนหนึ่งต้องดีด้วยขนาดนี้เชียว
“นายดีกับนางบำเรอของนายแบบนี้ทุกคนเลยหรือ”
“ไม่รู้สิ นายเป็นคนแรกที่ฉันจะเชื้อเชิญให้มาอยู่ข้างกายคงเทียบไม่ได้กับพวกที่เรียกมาตามอารมณ์ละมั้ง”
ดีทริชมองโนเอลด้วยสายตาไม่เชื่อถือ หมอนี่พูดเหมือนกับว่าเขาสำคัญ เข้าใจว่าเพราะยังไม่ได้เขาซักครั้งหากลองขึ้นเตียงดูแล้วอาจจะเบื่อในพริบตา คิดอีกทีก็เป็นการพนันที่น่าลองถ้าเกิดนอนด้วยแล้วเบื่อง่ายๆ เขาจะเป็นอิสระ
ไม่สิ นั่นมันในกรณีที่เขาไม่ใช่โอเมก้า หากตรวจเพศแล้วพบว่าเป็นโอเมก้าไม่มีอัลฟ่าตัวไหนทนต่ออาการฮีทได้ ยังไงอาจจะถูกกัดประทับความเป็นคู่ถึงตอนนั้นแม้โนเอลจะเบื่อหน่าย เขาก็ไม่สามารถไปรักหรือผูกพันกับใครได้อีก
“คิดอะไรอยู่ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแล้วนะ” โนเอลใช้นิ้วมือคลึงที่ตรงหว่างคิ้วของดีทริชไปมา เด็กชายสะดุ้งตัวเบาๆ
“ไปกันเถอะ พวกแขกในงานรอฉันอยู่” โนเอลนำดีทริชลงจากตักแล้วพาไปยังห้องจัดงาน
แขกเหรื่อในงานล้วนแล้วแต่เป็นพวกปีศ่าจและอัลฟ่าทั้งนั้น เกือบทุกคนในงานเดินเข้ามาทักทายโนเอล ระหว่างที่พูดคุยกันเรื่องธุรกิจบางคนก็หันมามองดีทริชอย่างสนใจใคร่รู้แต่บางคนก็ทำเป็นไม่สนใจ
หลังจากอยู่ในงานได้ระยะหนึ่งโนเอลก็พาเขาไปที่ห้องรับรองแขกเพื่อไปพบคนคนหนึ่ง
“โอ้...ในที่สุดก็มาได้ซักทีนะโนเอล” ชายแปลกหน้าคนนั้นเข้ามากอดทักทายโนเอลอย่างแนบแน่น
“แล้วผู้ติดตามที่พาเฉิดฉายไปตลอดงานนี่คือใคร”
“นี่คือโอเมก้าของฉัน” โนเอลตอบ
“โอ้ หนุ่มน้อยยินดีที่ได้รู้จักฉันชื่อรอย” รอยยื่นมือมาให้ดีทริชจับ เขาลังเลแต่อีกฝ่ายคว้ามือไปจับเสียแน่น
“อืมน่าสนใจ พื้นเพครอบครัวน่าสนใจ”
ดีทริชงงไปหมดจนเมื่อโนเอลเฉลยข้อสงสัย
“รอยเป็นแวมไพร์ที่มีความสามารถในการอ่านความทรงจำจากการสัมผัส” ดีทริชรีบชักมือกลับทันที รอยหัวเราะเสียงต่ำ
“แม่ของหนุ่มน้อยเป็นคนที่น่าสนใจมาก ฉันอยากจะไปเยี่ยมเยียนเสียแล้วสิ”
ดีทริชระแวงอย่างหนัก ทำไมต้องอยากไปพบแม่ด้วยคงไม่ใช่ตกหลุมรักแม่ผ่านทางภาพความทรงจำของเขาหรอกนะ
“เสียดายจริงๆ อยากจะอ่านความทรงจำหนุ่มน้อยเพิ่มอีกหน่อย ถ้าโนเอลจะกรุณา”
“แย่ตรงที่ฉันไม่ชอบให้ใครมารู้จักของๆ ฉันดีมากกว่าตัวฉันนี่สิ” ดีทริชโล่งใจขึ้นมาทันทีเป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีกับโนเอล
“ฉันเห็นภาพปานบนร่างกายของหนุ่มน้อยอย่างเลือนราง ถ้ายังไงช่วยบอกให้หนุ่มน้อยถอดเสื้อผ้าให้ตรวจได้หรือเปล่า ถ้าจะโนเอลจะกรุณา”
บ้าชัดๆ ดีทริชหันไปมองดูโนเอล
“บ้าหรือเปล่า นายกำลังขอดูเรือนร่างของสมบัติของฉันนะ ล้อกันเล่นสินะ”
“ฉันจะแลกด้วยโรงงานสร้างโฮมุนคิวลัสของฉันโนเอลจะว่ายังไง”
โนเอลนิ่งคิดก่อนจะหันไปจดจ้องดีทริชที่กัดริมฝีปากตนเองจนบวมช้ำ อันที่จริงโรงงานนั่นน่าสนใจและเย้ายวนมาก แค่สั่งให้ดีทริชเปลื้องผ้าตรวจดูปานเท่านั้นเอง แต่เพราะแววตาสิ้นหวังของดีทริชนั่นแหละที่ก่อกวนจิตใจเขา
“นายจะให้อะไรฉันเป็นการตอบแทนดีทริช”
ดีทริชหลุบตาลงต่ำ เขาจะมีอะไรแลกกับโรงงานของรอยได้ก็เขามันแค่เด็กในสลัมที่ถูกซื้อมาเป็นนางบำเรอ อยากร้องไห้แต่จะไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้น่าสมเพชอีก ทันทีที่จิตใจสงบลงเขาก็ใช้สายตาคมประสานเข้ากับดวงตาของโนเอล
ช่างมันจะถูกสั่งให้เปลื้องผ้าก็ช่างมัน ยังไงก็ขัดขืนไม่ได้ยอมรับชะตากรรมดีกว่าร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้นมันน่าอาย
“ว่าไง ดูเหมือนว่าหนุ่มน้อยจะยอมรับชะตาแล้วนะเหลือแต่โนเอลเป็นคนเลือก”
ดีทริชไม่เหลือแววความหวาดกลัวอีกต่อไป โนเอลนึกพอใจต่อปฏิกิริยาโต้ตอบของดีทริช
“จูบฉันสิ...แล้วฉันจะไม่สั่งนายให้เปลื้องผ้าให้ใครดู”
ดีทริชคว้าเอาความหวังนั่นไว้ทันที เด็กชายประทับจูบลงไปด้วยความต้องการของตัวเอง โนเอลกอดรัดร่างของเขาเอาไว้แน่นขาข้างหนึ่งสอดเข้ามาตรงหว่างขาในขณะที่มือทั้งสองข้างนวดคลึงก้นของเขาปลุกเร้าอารมณ์
“อึก...”
ดีทริชตั้งอกตั้งใจจูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะกลัวโนเอลจะกลับคำเปลี่ยนใจให้เขาเปลื้องผ้าให้รอยดูแลกกับโรงงานโฮมุนคิวลัส ถึงก่อนหน้านั้นจะเตรียมใจแล้วแต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ใครมาสำรวจตรวจตราร่างกายตนเอง
หลังจากถอนจูบดีทริชหอบหายใจแรงเผลอเอนตัวซบอกของโนเอล ช่างร้อนแรงนักไม่คิดว่าตนเองจะจูบใครได้ดุเดือดถึงขนาดนี้
“หนุ่มน้อยช่างมีเสน่ห์” รอยหัวเราะในลำคอ “แล้วก็ประทับใจจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นโนเอลใจดีกับคู่ขาขนาดนี้มาก่อน” รอยลุกขึ้นจากโซฟา
“หนุ่มน้อยถ้าเขาจริงจังกับเธอก็คงจะดี แต่ถ้าเขาแค่เล่นๆ เธอคงจะช้ำใจ ขอเตือนนะเธอไม่ควรถลำลึกกับใครง่ายๆ ว่าแต่เธอยังไม่ได้ตรวจเพศที่สองสินะ..น่าสนใจๆ อ้อ...ลืมไป...ฉันเป็นคนดื้อดึงอะไรก็ตามที่ฉันสงสัยฉันจะหาวิธีไขข้อเท็จจริงให้จงได้ โนเอลเรื่องความร่วมมือของเราฉันจะดำเนินการเต็มที่ ที่มาวันนี้ก็แค่อยากชวนดื่มเล็กๆ น้อยๆ แต่เห็นว่าคงจะขัดจังหวะดีๆ เพราะอย่างนั้นฉันคิดว่าฉันไปดีกว่า”
หลังจากรอยออกไปจากห้อง โนเอลก็จัดการดันตัวให้ดีทริชนอนลงไปบนโซฟา เด็กชายดิ้นรนขัดขืนด้วยความตกใจแต่ไม่สามารถสู้เรี่ยวแรงของคนอายุมากกว่าได้ซักนิด
“จะอยู่นิ่งๆ ให้ฉันเปลื้องผ้านายเพื่อดูปานที่รอยว่า หรือจะให้ฉันบังคับฉีกเสื้อผ้านายอย่างป่าเถื่อน จริงสิสถานการณ์แบบนั้นคงจะเร้าอารมณ์ฉันน่าดู ไม่รับประกันนะว่านายจะถูกฉันกอดเดี๋ยวนี้เลยหรือเปล่า”
“อยากทำอะไรก็ตามใจสิ ฉันขัดขืนได้ได้ด้วยหรือไง” ดีทริชสะบัดหน้าหนีไปอีกทางปล่อยให้โนเอลทำตามใจชอบ แค่ดูเฉยๆ ย่อมดีกว่าถูกข่มขืน
“อ๊ะ...ไม่ต้องถอดข้างล่างนะ ปานมันอยู่ตรงหน้าอก”
บ้าเอ๊ย!! ดีทริชสบถด่าในใจ คนบ้าที่ไหนเขาเปลื้องผ้าจากชิ้นล่างก่อนกันวะ
“เข้าใจล่ะ” โนเอลยิ้มกริ่ม “แต่ฉันอยากจะถอดท่อนล่างก่อน ไม่ได้หรือไง”
“ตามใจนายสิ” ดีทริชถลึงตาใส่ โนเอลจัดการรูดซิปกางเกงอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้าจนคนถูกกระทำชักหงุดหงิด
“ฉันจะถอดเอง” โนเอลเอียงคอมองปั้นหน้าใสซื่อจนน่าโมโห
“นั่นสิให้นายถอดเองก็ดีเหมือนกัน ถอดท่อนล่างก่อนนะ”
โนเอลปล่อยดีทริชให้เป็นอิสระ ตั้งใจจะดื่มดำกับความอับอายหรือแววตาท้าทายซักอย่างก็ได้ แต่ดีทริชกลับไม่ทำทั้งสองอย่างดูตั้งอกตั้งใจถอดเสื้อผ้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
“ไง เห็นแล้วสินะ ปานของฉัน” โนเอลขยับเข้ามายืนตรงหน้าก่อนจะใช้มือไล้ลงมาบริเวณปานรูปดอกกุหลาบ
“ฉันชอบมันนะ มันสวยเข้ากับนายดี” กล่าวจบโนเอลก็รวบดีทริชเข้าไปกอด
“นายสัญญาแล้วว่าจะแค่ดูปานอย่างเดียว จะผิดคำสัญญาหรือไง”
“ฉันสัญญาด้วยหรือเมื่อไหร่กัน”
โนเอลยิ้มเยาะ เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะอดทนต่อความต้องการอยากทำรักก็จะทำมันก็แค่นั้น ทั้งอย่างนั้นสายตาตัดพ้อตำหนิติเตียนของดีทริชมันชวนให้จั๊กจี้ในอก ตัดสินใจบดขยี้ริมฝีปากอีกฝ่ายด้วยจูบทันที
“อึก...อย่า...” เปลี่ยนมุมประกบจูบนับครั้งไม่ถ้วน มือไม้เองก็อยู่ไม่สุขลูบคลึงไปทั่วอย่างถือดี
“นายมีอารมณ์นะ” จงใจชี้ให้เห็นความจริง ดีทริชหน้าแดงก่ำเพราะเครื่องเพศตั้งชันขึ้นมา
“ช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อย”
“ไม่...”
“เลือกเอาว่าจะทำตามที่สั่งหรือจะให้ฉันขืนใจ” แน่นอนว่าดีทริชเลือกอย่างแรกมันยังดีกว่าถูกขืนใจไม่ใช่หรือไง
คุยท้ายเรื่อง
อ่านจบตอนนี้คงมีหลายคนอยากได้nc ก็...ฮ่าๆๆๆๆ มีฉากอย่างนั้นเป็นน้ำจิ้มอีกแหละ
แต่ยังไม่ได้สอดใส่ เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับจังหวะด้วยน้า ขออภัยที่อาจต้องผิดหวังสำหรับบางคน
ร้องเพลงรอกันไปก่อนนะคะ