#omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}  (อ่าน 38208 ครั้ง)

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2018 12:09:51 โดย lucifer miumiu »

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
                                                       Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ

                                                                          บทนำ

หลายทศวรรษมาแล้วที่พวกมนุษย์ถูกปกครองด้วยราชวงศ์ปิศาจ เหตุผลที่ว่าคือเหล่ามนุษย์เต็มไปด้วยพวกเบต้าต่างกับปีศาจที่ล้วนแล้วแต่เป็นอัลฟ่าเสียส่วนใหญ่ ถึงอย่างนั้นพวกปีศาจก็ยังต้องพึ่งพวกมนุษย์เพราะพวกปีศาจจะให้กำเนิดทายาทด้วยการสมสู่กับโอเมก้าซึ่งมีอยู่ในหมู่มนุษย์กับพวกลูกครึ่งเท่านั้น

อัลฟ่าด้วยกันหรือเบต้าไม่สามารถให้กำเนิดทายาทแก่เหล่าปิศาจได้ ดังนั้นโอเมก้าจึงเป็นกลุ่มชนชั้นล่างที่สำคัญมีมูลค่ามากและบ่อยครั้งมักจะถูกบังคับจับไปขายในตลาดมืดหากไม่ได้รับความเอาใจใส่จากผู้ปกครอง

ในปีที่3xxxจูปิเตอร์อยู่ภายใต้การปกครองของราชินีปิศาจเดียร์น่ากินระยะเวลาหลายพันปีแล้ว แม้ว่าทุกอย่างจะดูเหมือนสงบสุขแต่ตระกูลขุนนางถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายแวมไพร์และเหล่าอสูรกลายร่าง

เดียร์น่าซึ่งเป็นอัลฟ่าต้องการจะสงบศึกจึงรับเอาโอเมก้าจากเผ่าแวมไพร์และโอเมก้าจากเผ่าอสูรกลายร่างมาเป็นชายาซ้ายขวา แต่โดยไม่รู้ตัวชายาลีฟาโอเมก้าจากเผ่าอสูรกลายร่างริษยาเอลล่าโอเมก้าจากเผ่าแวมไพร์

ถึงแม้ตนเองจะให้กำเนิดทายาทน้อยๆ ให้ราชินีปิศาจแต่นางก็วางแผนฆ่าเอลล่า โชคร้ายนางถูกราชินีปิศาจจับได้ เดียร์น่าปลิดชีพนางทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุรัชทายาทตัวน้อยหายสาบสูญไปจากปราสาท

ราชินีปิศาจเดียร์น่าตรอมใจจึงเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยอมพบผู้ใดง่ายๆ เป็นผลให้รอยซีฟัสมือขวาวางแผนทรยศ ราชินีปิศาจต้องลงมือด้วยตัวเองแต่ไม่สามารถกำจัดแวมไพร์ผู้ทรยศตนนี้ได้

รอยซีฟัสหายสาบสูญไป จากนั้นเพราะไร้รัชทายาทสืบทอดเดียร์น่าจึงเลือกทายาทแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์จากตระกูลของเอลล่าอดีตชายาซึ่งเสียชีวิตไปขึ้นเป็นรัชทายาท

ส่งผลให้เผ่าอสูรกลายร่างเกิดความไม่พอใจการแต่งตั้งจึงต้องหยุดเอาไว้ สภาขุนนางเสนอบุตรชายคนโตจากเผ่าอสูรกลายร่างอีกหนึ่ง เพราะเหตุนี้ความบาดหมางของเผ่าแวมไพร์และอสูรกลายร่างจึงมีมากกว่าเก่า

ลึกๆ แล้วเผ่าอสูรกลายร่างไม่เชื่อคำพูดของราชินีปิศาจเรื่องที่ลีฟาวางแผนฆ่าเอลล่าด้วยเหตุผลที่ว่าลีฟานั้นมีทายาทให้แก่ราชินีปิศาจส่วนเอลล่าป่วยหนักจนไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้อีก

เรื่องที่เล่าจนถึงตอนนี้มาจากเรื่องจริงในหนังสือประวัติศาสตร์ซึ่งทุกคนในจูปิเตอร์ทราบดีเพราะเหตุการณ์ยังผ่านไปไม่นานนัก แม้ว่าจะเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญแต่สำหรับดีทริชแล้วเป็นเรื่องชวนง่วงและก็ไม่น่าสนใจ

โลกของดีทริชนอกจากแม่และกลุ่มอันธพาลวัยประถมแล้วทุกอย่างอยู่นอกเหนือความสนใจของเขาโดยสิ้นเชิง แต่ก็มีเจ้าหนอนน้อยสูงศักดิ์น่ารักๆ ดึงดูดเข้าจนได้

เอฟเว่น รูค เพื่อนร่วมชั้นที่แสนอ่อนโยนและอ่อนแอ หมอนี่เข้ามาอยู่ในสายตาของเขาเพราะว่ามีหลายสิ่งคล้ายกับแม่ผู้น่าสงสาร ดังนั้นเมื่อคนคนนี้ถูกรังแกดีทริชจึงยื่นมือเข้าช่วย แน่นอนด้วยอำนาจเส้นสายไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งเอฟเว่นอีก

ดีทริชกับเอฟเว่นกลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่ความต่างระหว่างฐานะและกลุ่มเพื่อนรอบข้างก็ทำให้อยู่ในสภาพที่ดีทริชมักจะพูดอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นเพื่อนแอบคบ สำหรับเอฟเว่นแล้วสร้างความเสียใจและลำบากใจมากทีเดียว

เอฟเว่นทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้เป็นเพื่อนกับดีทริชต่อถึงจะถูกพวกผู้ใหญ่กีดกันหรือถูกเด็กคนอื่นๆ ขัดขวาง ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนดำเนินมาจนถึงประถมหก

เรื่องราวแสนเศร้ามันเริ่มต้นขึ้นในวันที่พวกผู้ใหญ่ตรวจเพศที่สองของเด็กประถมหกซึ่งอยู่ในวัยที่สมควรและล่อแหลมโดยเฉพาะโอเมก้ากับอัลฟ่าที่จะทำเมินเฉยทั้งสองเพศนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1

บทที่1

ดีทริช ไอแวน มองดูปานรูปดอกไม้ที่กลางอกของตนเองอย่างเพ่งพินิจแม่บอกเขาว่ามันสวยงามแต่จะให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด เขาทั้งรักและเชื่อฟังแม่อย่างที่สุดเพราะฉะนั้นในชั่วโมงว่ายน้ำเขาจะโดดเรียน กับอีแค่ว่ายน้ำเขาว่ายได้คล่องตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบด้วยซ้ำ

ดีทริชมีแขนขายาวเก้งก้างเพราะตัวสูงกว่าเด็กประถมในวัยเดียวกัน เส้นผมสีน้ำตาลทองดวงตาสีเขียวใสรูปลักษณ์ที่เหมือนเทวดานี้บ่อยครั้งที่คนในสลัมมักจะพูดว่าเขาเป็นลูกชู้

“แม่แกสวยนะทริชบางทีแกอาจจะได้เชื้อความงามมาจากแม่ แต่พ่อกับแม่แกผมสีดำนี่ แกไปเอาผมสีน้ำตาลทองมาจากไหนกันวะ”

ลุงแก่ขี้เมาเพื่อนปากเสียของพ่อที่แสนจะเกลียดพูดบ่อยครั้งที่เห็นเขา แต่ก็เป็นทุกทีที่พ่อซึ่งเอาแต่เมาจะหัวเราะก่อนบอกปัดแล้วอาละวาดสั่งให้แม่เอาเงินไปซื้อเหล้ามาให้

ดีทริชไม่เข้าใจซักนิดเพราะอะไรผู้หญิงอย่างแม่ถึงได้จมปลักกับผู้ชายเลวแบบพ่อ แม่ยอมทำงานงกๆ เพื่อเลี้ยงเขาและปล่อยให้พ่อเอาแต่เมา ยอมจมอยู่ในสลัมทั้งที่หน้าตาสะสวยสามารถจับผู้ชายดีดีซักคนก็ย่อมไม่ยาก

แม่มีผู้ชายมาจีบมากแต่ก็ปฏิเสธไป ถึงคนเหล่านั้นจะบอกว่าเต็มใจดูแลเขากับแม่และสามารถจัดการพ่อเลวให้ถึงที่สุดได้ แม่ไม่รับข้อเสนอพวกนี้หลายต่อหลายครั้งจนดีทริชสิ้นหวัง

ดีทริชมีหนทางหาเงินมากมายจากการช่วยเหลือของเด็กจากกลุ่มอันธพาลที่ตนเป็นหัวหน้า เขาลงแรงไปมากในการตั้งกลุ่มขึ้นมา วิธีการหาเงินหลักๆ คือการล้วงกระเป๋าจากแขกที่เข้ามาเป็นลูกค้าโสเภนีชั้นต่ำในย่านสลัม

แน่นอนว่ามันไม่ง่ายแต่กลุ่มก้อนของเขาทำงานเป็นระบบจึงไม่เคยถูกจับได้ซักครั้ง ดีทริชหาเงินด้วยวิธีนี้เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ แม่ไม่เคยรู้ท่านทราบแต่ว่าเขาตั้งใจเรียนในฐานะนักเรียนทุน มันก็เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งที่ติดตัว

ดีทริชเป็นเด็กที่หัวดีมากๆ จึงทำให้สามารถเข้าไปเรียนในโรงเรียนชั้นสูงได้ ถึงแม้จะแปลกถิ่นแต่เขาก็สามารถสร้างกลุ่มก้อนอันธพาลในนั้นชักจูงให้พวกเด็กๆ ออกมาทำเรื่องไม่ดีด้านนอกได้

เพราะอย่างนี้ละมั้งดีทริชในวัยสิบเอ็ดขวบจึงลำพองใจมาก เขาฉลาดและเป็นที่หนึ่งในทุกที่มั่นใจว่าตัวเองต้องเป็นเบต้าที่มีพรสวรรค์ที่สุด จนบางครั้งก็ฝันเลยเถิดว่าที่แท้แล้วเขาคืออัลฟ่าเสียด้วยซ้ำไป

วันที่เป็นวันหยุดเรียนดีทริชมักจะชวนกลุ่มอันธพาลของตัวเองออกล้วงกระเป๋า สำหรับเด็กที่บ้านมีฐานะพวกเขาแค่ต้องการความท้าทายในขณะที่เด็กในสลัมดีทริชจำต้องแบ่งสรรปันส่วนอย่างเป็นระบบ

หลังจากมองดูปานรูปดอกไม้ตรงกลางอกจนเบื่อดีทริชก็สวมเสื้อผ้าจัดแต่งผมเผ้าสวมหมวกผ้าปกปิดหน้าตาการแต่งตัวรัดกุมมิดชิดเพื่อธุรกิจล้วงกระเป๋าของกลุ่มที่ตนตั้งมา

เขาเปิดประตูห้องเดินตรงไปหาแม่ที่นั่งซักผ้าให้ลูกค้าในสลัม แม่ทำอาชีพนี้มาตั้งแต่เขาจำความได้เงินส่วนใหญ่ที่ได้มาเป็นกอบกำหมดไปกับค่าเหล้าค่าอาหารอีกนิดหน่อย โชคดีจริงๆ ที่บ้านหลังนี้ไม่ต้องเสียเงินเช่า

“แม่ฮะผมไปก่อนนะฮะ” ดีทริชเข้าไปกอดแม่จากด้านหลัง

“ทานขนมปังบนโต๊ะก่อนสิ”

“มันไม่กินหรอกน่าเอามาให้ข้าสิวะ ข้าหิวจะแย่แล้ว”

คนเมาโงหัวขึ้นจากพื้น แม่ปลายตามองเหยียดหยามดีทริชเองก็เหมือนกัน ทำไมมันไม่ตายเพราะพิษสุราเรื้อรังเสียทีนะ

“ของคุณฉันแบ่งเอาไว้ในครัวแล้ว ตรงโต๊ะเป็นของดีทริช” แม่รีบตรงไปคว้าขนมปังบนจานมายื่นส่งให้เขา

“รีบทานซะนะดีทริชถ้าไม่ทานจะหน้ามืดระหว่างออกไปเล่นนะจ๊ะ”

ดีทริชใช้มือถูจมูกไปมาแล้วรับขนมปังมากัดกร้วมๆ ขนมปังราคาถูกแสนแข็ง ส่วนใหญ่เขาจะไม่กินมันเก็บเอาไว้ให้แม่แล้วไปหาลักขโมยเอาจากข้างนอก เงินเหล่านั้นไม่สามารถนำมาให้แม่ได้เขาทำแค่ใช้กับเรื่องส่วนตัวแบ่งเบาภาระของแม่

นั้นเพราะไม่อยากให้แม่รู้ ส่วนค่าขนมของแม่จริงๆ เขาก็อ้างว่าเป็นเงินเหลือนำมาซื้อข้าวของกับอาหารให้กับแม่แทน แม่มักจะบ่นบ่อยๆ ว่าค่าขนมที่ให้ไปควรใช้ให้เต็มที่แต่แค่ช่วงแรกเท่านั้นหลังๆ มีแต่คำชม

“หัวหน้า” เสียงอึกทึกของกลุ่มเด็กในอาณัติดังที่หน้าบ้าน ดีทริชบอกลาแม่แล้วออกไปด้านนอก

“มีอะไรไอ้พวกโง่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้มาจับกลุ่มหน้าบ้านของฉัน” ดีทริชปลายมองเย็นชา

“แย่แล้วหัวหน้าลูกน้องเราโดนจับได้ตอนล้วงกระเป๋าแขกคนหนึ่งของมาม่าเหลียน”

ดีทริชตกใจแต่ยังรักษาอาการ

“แล้วถูกจับส่งตำรวจหรือเปล่า”

“ถ้าส่งตำรวจคงจะดีกว่านี้ แต่เจ้าพวกนั้นทำท่าจะซ้อมเจ้าอ้วนน่ะสิหัวหน้ารีบไปเร็ว”

ดีทริชวิ่งตามลูกน้องทั้งฝูงไป เมื่อมาถึงพวกเขาหลบมองอยู่ที่หัวมุม

“ไอ้หนูมึงรู้ไหมว่าล้วงกระเป๋าใคร” ชายในชุดสูทสีดำหน้าตาหน้ากลัวขู่ฟ่อ มันไม่ได้มาคนเดียวยังมีคนในเครื่องแบบเหมือนกันรายล้อมเจ้าอ้วนอีกห้าหกคน

ดีทริชสังเกตดูกลุ่มคนที่ล้อมรอบ ในกลุ่มนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดยืนพิงรถยนต์คันหรูมองดูเหตุการณ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ใครกันนะดูจากรูปร่างหน้าตาไม่น่าจะใช้คนในสลัม ด้วยรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาเส้นผมสีเงินส่องสว่างและดวงตาสีม่วงแม้ว่าจะอยู่ในสูทดำแบบเดียวกับคนอื่นๆ แต่ก็ยังโดดเด่นจนไม่น่าจะเป็นผู้คนทั่วๆ ไป

พวกปีศาจต้องเป็นพวกปีศาจที่เป็นอัลฟ่าอย่างแน่นอน มาทำอะไรในย่านโสเภนีของสลัมแบบนี้นะ ด้วยรูปร่างฐานะน่าจะหาโสเภนีชั้นสูงได้ไม่ใช่หรือไง แปลก...แปลก...มากๆ

“เงินอยู่ที่ไหนวะก่อนจะฆ่ามึงกูต้องได้เงินไปคืนนาย” พวกสูทดำตะคอก เจ้าอ้วนตัวสั่นงันงก

“เงินอยู่ไหน” ดีทริชหันไปถามลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง เจ้าคนที่เก็บกระเป๋าเงินหรูหราเอาไว้ยื่นส่งของมาให้เขา

“ถ้าเอามาคืนไม่ได้กูจะตัดมือมึงนะ”

เป็นเรื่องแล้วไง แต่ดีทริชไม่เชื่อหรอกว่าพวกมันจะกล้าลงมือกับเด็ก จนเมื่อไอ้คนขู่กลายร่างเป็นแวร์วูฟขู่คำรามน้ำลายฟูมปาก

“ว๊าก....” เจ้าอ้วนกรี๊ดร้องด้วยความกลัว ดีทริชทนดูต่อไปไม่ได้อีกถลาออกไปนอกที่ซ่อน

“ถ้ากระเป๋าเงินของพวกแกล่ะก็อยู่นี่” ไม่ทันขาดคำแวร์วูฟกระโจนคล่อมดีทริชทันทีกรงเล็บจิกเข้าที่เนื้ออ่อนจนเลือดซิบ กลิ่นหมาเหม็นฟุ้งเข้าจมูกน้ำลายของมันไหลหยดลงมาบนใบหน้า

“คืนของมาก็ใช่ว่ากูจะไว้ชีวิตพวกมึงนะ” เจ้าแวร์วูฟพูดด้วยเสียงเหี้ยม

“เดี๋ยว...” ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรจากที่ที่อยู่ห่างกันถึงขนาดนั้น แต่เด็กหนุ่มผมเงินยืนตระหง่านค้ำร่างของดีทริชกับแวร์วูฟ

“ถอยออกไปฉันจะพูดกับหมอนี่” แวร์วูฟถอยออกตามคำสั่ง ดีทริชเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ดูท่าจะแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าดีนะ” เด็กหนุ่มผมเงินหัวเราะเสียงต่ำ

“ขอถามหน่อยสิตามจริงจะปล่อยเจ้าเด็กอ้วนนั่นทิ้งไปก็ได้ทำไมถึงกระโจนออกมาคืนของ”

“เป็นพี่ใหญ่ก็ต้องปกป้องลูกน้องสิ” ดีทริชตอบไปตามที่คิด นอกจากที่พูดไปเขาไม่สามารถดูดายปล่อยให้ใครตายต่อหน้าได้ด้วยเช่นกัน

“งั้นถ้าฉันจะบอกว่าจะปล่อยเจ้าอ้วนนั่นไปก็ได้ แต่นายต้องถูกลงโทษแทนจะยอมหรือเปล่า”

สมองน้อยๆ ประมวลผลคำพูดทันที เจ็บตัวแทนคนอื่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย เขาไม่เอาด้วยแน่ เจ้าอ้วนส่งเสียงแผดร้องขอความเมตตาจากเขา พอเบนสายตากลับมาพบว่าเด็กหนุ่มผมเงินกระตุกยิ้มหยามหยันคล้ายกับจะตอกหน้า

“นึกอยู่แล้วว่าต้องเลือกตัวเองไว้ก่อน เอาเจ้าอ้วนมา”

 สิ้นคำสั่งหนึ่งในชายชุดดำก็ลากเจ้าอ้วนมาตรงหน้าดีทริช เด็กหนุ่มผมสีเงินถีบเข้าที่ใบหน้าเจ้าอ้วนตามจริงควรจะล้มกลิ้งแต่ถูกพวกชุดดำจับให้ทรงตัวเพื่อที่เจ้านายของมันจะได้เล่นงานถนัดมือ

“ไม่เห็นต่างกันตรงไหนระหว่างออกมาหรือไม่ออกมาช่วย” เด็กหนุ่มผมเงินถีบเข้าที่ร่างกายของเจ้าอ้วนครั้งแล้วครั้งเล่าเสียงร้องโหยหวนทำให้ดีทริชไม่กล้าหันไปมอง

เขากลัว แต่ถ้าเจ้าอ้วนตายไปความผิดบาปครั้งนี้จะตรึงอยู่ในใจไปตลอดชีวิต ร่างกายมันไปก่อนที่จะตัดสินใจเสียอีกดีทริชโถมกอดเจ้าอ้วนรับฝ่าเท้าของเด็กหนุ่มผมเงินแทนเสียเอง

“เอ๊ะ...แปลกดีจัง....อยู่ๆ อยากทำตัวเป็นฮีโร่” ดีทริชถูกระชากผมจากด้านหลัง สายตาแข็งกร้าวประสานเข้ากับดวงตาของเด็กหนุ่มผมเงิน

“ใช้ได้นี่นา” ถูกกระชากคอให้ยืนขึ้นแล้วถูกตบจนใบหน้าสะบัดหันแต่ทุกครั้งที่ถูกกระทำดีทริชส่งสายตาเคียดแค้นไปให้เด็กหนุ่มผมเงิน ไม่นานนักเลือดก็หลั่งรินจากปากที่โดนเล่นงานจนช้ำ

“เกินคาดจริงๆ ฉันชอบสายตาของนาย บอกชื่อมาสิ”

อีกฝ่ายรามือไปแล้วแต่ดีทริชยังอยู่ในอ้อมแขนของคนกระทำ เขาไม่อยากบอกชื่อของตัวเองให้หมอนี่ทราบดังนั้นจึงกัดฟันถลึงตาใส่ดุดันกว่าเดิม

“อยากฆ่าก็ฆ่าเลย ชีวิตฉันไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว”

“น่าเสียดายจริงๆ ที่ฉันต้องไปศึกษาเล่าเรียนที่เมืองอื่น ไม่อย่างนั้นคงได้มาเล่นสนุกด้วยทุกวัน” ดีทริชถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

“กลับ” เด็กหนุ่มผมเงินออกคำสั่ง ฝ่ายนั้นใช้ดวงตาสีม่วงจ้องมองดีทริชตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ยังไม่ได้ตรวจเพศที่สองสินะ ถ้าเป็นโอเมก้าคงจะสนุกน่าดู”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” ดีทริชตะโกนไล่หลังอย่างหัวเสีย ไอ้หมอนั่นมันพูดเหมือนกับว่าเขาต้องเป็นโอเมก้าแน่ๆ แล้วมันอะไรกันวะคำพูดล่อแหลมที่เหมือนกับจะเก็บเกี่ยวนั่น ไอ้เลวใครมันจะยอมวะ

คนอย่างดีทริชนะหรือจะเป็นโอเมก้าเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างนั้น แค่คิดก็ตลกแล้ว



คุยท้ายเรื่อง

จัดหน้ากระดาษในเล้าไม่เป็นเลยคนอื่นเขาสวยงามกันขอโทษที่อาจอ่านยากนะ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :mc4:ชอบโอเมก้า

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คนเขียนมาต่อเรื่อยๆเน้อออออออ


 :katai2-1:
 :katai2-1:

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่2

               “สืบเรื่องของเจ้านั่นมาทีซิ” หลังจากเข้ามานั่งในรถก็ออกคำสั่งกับลูกน้องของตนทันที โนเอลยังจำรูปรสกลิ่นเสียงโดยเฉพาะแววตาสีเขียวแข็งกร้าวนั้นได้

ถูกใจ

ไม่ใช่แค่ธรรมดานะแต่ค่อนข้างมากเสียด้วยสิ โนเอลชอบทั้งรูปร่างหน้าตาและความพยศราวกับสัตว์ป่า นอกเหนือไปจากนั้นลางสังหรณ์มันบอกว่าเจ้าหมอนั่นต้องเป็นโอเมก้าแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะอธิบายแรงดึงดูดที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร

คู่ในพรหมลิขิตของตนเอง คิดอย่างนั้นได้เพราะฆานสัมผัสถูกกระตุ้นเร้าอย่างรุนแรง

แต่ยังไม่มั่นใจนักเป็นเพราะตนเองคนเดียวที่รู้สึกถึงสิ่งนั้น การที่อีกฝ่ายไร้ปฏิกิริยาตอบสนองคงเพราะเจ้านั่นยังไม่ถึงวัยเจริญพันธ์เลยไม่เกิดแรงดึงดูดเหมือนๆ กัน ไม่อย่างนั้นเพศที่สองของเจ้านั่นคือเบต้าและโนเอลคิดเพ้อไปเองด้วยรูปโฉมที่ต้องตาโดนใจ

ถึงจะเป็นเบต้าก็เถอะ แต่ลงว่าอยากได้มันก็คืออยากได้ด้วยอำนาจที่โนเอลมีการจะเอามาเป็นของตัวเองมันไม่ยากเลยและคงไม่มีใครขัดขวาง ลูกคนรองอย่างเขาสามารถทำตามใจชอบได้ไม่เหมือนกับแม็กซิมพี่ชายคนโต

นึกถึงพี่ชายก็จริงแต่คนที่ปรากฏเป็นภาพในห้วงความคิดกลับเป็นสัตว์ป่าตัวจ้อยนั่น อายุยังน้อยมากหากให้กะเอาน่าจะห่างจากโนเอลไม่เกินสี่ปี โนเอลอมยิ้มด้วยความสนุกสนานการได้ฟูมฟักบ่มเพาะเจ้าสัตว์แสนพยศตัวนี้คงทำให้ชีวิตที่มีแต่ความเบื่อหน่ายมีสีสันขึ้นเป็นแน่

คู่พรหมลิขิตงั้นหรือถ้าเป็นโอเมก้าคงอธิบายแรงดึงดูดอันหอมหวานที่เชิญชวนเมื่อกี้ได้ แม้แต่ตอนนี้ภายในใจยังกระวนกระวายกับการที่ต้องทิ้งระยะห่างโนเอลไม่เคยเป็นแบบนี้กับโอเมก้าที่ไหนมาก่อน แน่นอนว่ามันคือแรงดึงดูดที่อยู่นอกเหนือจากอาการฮีท

ไม่ใช่ฮีทหื่นกระหายอย่างขาดสติตามสัญชาติญาณ แต่มันมีแรงกระตุ้นจากภายในรูปรสกลิ่นเสียงปลุกเร้าฆานวิญญาณของโนเอลได้ทั้งหมด มันช่างน่าตื่นเต้นที่พบว่าพรหมลิขิตหนึ่งในล้านดันกลายเป็นเจ้าหัวโขมยป่าเถื่อนในสลัม

ตัดสินใจเด็ดขาดลงไปถึงไม่ใช่โอเมก้าเจ้าสัตว์ป่าตัวนั้นก็ต้องมาอยู่ในกำมือของโนเอลไม่มีสิ่งไหนจะแน่นอนไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

โลกใบเล็กของเอฟเว่น รูค นอกจากพ่อแม่แล้วก็มีเพื่อนอีกไม่กี่คน แต่ถึงแม้จะมีเพื่อนอยู่บ้างคนที่สามารถพูดทุกเรื่องได้จริงๆ กลับมีเพียงดีทริชคนเดียว

ดีทริชเป็นเพื่อนคนเดียวที่เอฟเว่นสามารถเปิดอกพูดทุกอย่างที่คิดได้ ทั้งเรื่องครอบครัวเรื่องไร้สาระเพราะว่าเพื่อนสนิทจะรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ดูถูกเหยียดหยามความเป็นตัวเขาเหมือนที่คนอื่นทำ

เอฟเว่นเกิดมาในตระกูลที่มีเชื้อสายแวมไพร์ผู้นำตระกูลรูคทุกรุ่นล้วนแต่เป็นอัลฟ่าทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เอฟเว่นจึงถูกตั้งหวังเอาไว้สูงเรื่องเพศรองของเขารวมไปถึงผลการเรียนและเส้นทางชีวิตทุกๆ ด้าน เพราะเป็นลูกคนเดียว

หลายต่อหลายครั้งที่ถูกพ่อแม่ต่อว่าเรื่องที่จิตใจอ่อนแอ มีเพียงดีทริชเท่านั้นที่ระบุเอานิสัยไม่ได้เรื่องได้ราวของเขาเป็นความอ่อนโยน ดังนั้นเอฟเว่นจึงกลายเป็นเพื่อนรักกับดีทริช

ดีทริชแตกต่างจากตนเองอย่างที่สุด ดีทริชกล้าหาญ เรียนเก่ง ในขณะที่เอฟเว่นอ่อนแอ ไร้ซึ่งความกล้าในทุกสิ่ง เอฟเว่นเบื่อทุกอย่างที่พ่อแม่ยัดเยียดให้แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่ทำตามอย่างว่าง่ายจนทุกวันกลายเป็นมนุษย์ที่ขาดสีสันในชีวิต มีเพียงดีทริชและคนที่แอบมองคอยหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื่นใจ

งานถนัดของเอฟเว่นคือวาดรูป ในเวลาชมรมของทุกวันจะต้องปลีกตัวออกมาแอบนั่งวาดรูปเพื่อนร่วมโรงเรียนคนหนึ่งจนเป็นนิสัย มาเรี่ยน ครอส เด็กชายผมดำนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม เด็กชายที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์และหน้าตามีชื่อเสียงพอๆ กับดีทริชซึ่งต่างกับเขาที่มีดีเพียงหน้าตาและชาติตระกูล

มาเรี่ยนจะออกมาดูแลดอกกุหลาบในสวนของโรงเรียนทุกวัน ด้วยกิจวัตรที่สม่ำเสมอมันจึงเอื้อประโยชน์ให้เอฟเว่นสามารถแอบวาดรูปของคนคนนี้ได้ตลอดเท่าที่ต้องการ

ยิ่งวาดรูปของอีกฝ่ายมากขึ้นเอฟเว่นก็พบว่าตนเองหลงใหลในตัวมาเรี่ยนจนยากที่จะถอนตัว เรื่องนี้ไม่เคยปริปากบอกใครแม้แต่กับเพื่อนสนิทที่สุดอย่างดีทริช

“วาดอะไรอยู่” ดีทริชชะโงกหน้าจากด้านหลัง การที่เอฟเว่นสะดุ้งสุดตัวเพราะตกใจดูแล้วช่างน่าขำสุดๆ ดังนั้นจึงหัวเราะยกใหญ่

“อย่า...อย่าหัวเราะเสียงดังสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”

“กลัวอะไร...หรือกลัวนายแบบจะรู้ว่าแอบวาดรูปเขาอยู่”

 ดีทริชเดาได้ไม่ยากจากเส้นสายชัดเจนที่อยู่ในกระดาษกับระยะสิ่งมีชีวิตที่มองเห็นตอนนี้ เข้าใจหานายแบบวาดเสียด้วยอดยิ้มไม่ได้เมื่อมองดูเด็กชายรูปงามที่ยังตั้งอกตั้งใจดูแลกุหลาบโดยไม่สนใจเสียงเอะอะจากทางนี้

“ทำไมไม่ไปขอวาดใกล้ๆ ว่าแต่ขนาดอยู่ห่างขนาดนี้ยังวาดซะเกือบเหมือนนะ”

ดีทริชคว้ารูปมาจากมือเอฟเว่น ใบหน้าของมาเรี่ยน ครอส เห็นจนเคยชินเพราะหนุ่มหล่อคนนั้นมักจะได้รับรางวัลจากโรงเรียนสม่ำเสมอพอๆ กับตนเอง

“ฉันไปบอกให้เอาไหม”

“ไม่ต้องหรอก...ฉันแค่อยากวาดเขาขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้ต้องการให้มาเป็นนายแบบจริงจัง” เอฟเว่นกลัวเหลือเกินเขาไม่ต้องการให้คนอื่นจะรู้ว่าตัวเองชมชอบในตัวมาเรี่ยนแม้จะเป็นดีทริชก็ตาม

“งั้นก็ตามใจนะ” ดีทริชยิ้มกว้างไม่ได้เป็นคนชอบแกล้งกดดันให้ใครลำบากใจอยู่แล้ว ในขณะที่เอฟเว่นลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แล้วนี่ไม่ไปหลบนอนบนดาดฟ้ากับกลุ่มเพื่อนหรือ” เอฟเว่นถาม

“ก็นะ...เบื่อๆ นะ นี่คิดว่าจะไปห้องสมุดไปทบทวนบทเรียนซักหน่อย ไปด้วยกันไหมล่ะ”

“ม..ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันจะกลับเข้าห้องชมรมแล้ว”

“งั้นไว้เจอกันนะ” ดีทริชไปแล้วดังนั้นเอฟเว่นจึงก้มลงเก็บอุปกรณ์วาดภาพโดยไม่รู้ตัวมีเงาของคนคนหนึ่งพาดอยู่เหนือศีรษะ เงยหน้ามองเพราะคิดว่าคงเป็นดีทริชย้อนกลับมา

“อ๊ะ...” หัวใจแทบหลุดลงไปกองที่ตาตุ่ม มาเรี่ยนอยู่ตรงหน้าแล้วกำลังมองดูรูปที่เขาแอบวาดโดยใช้ฝ่ายนั้นเป็นต้นแบบ

“วาดเก่งดีนี่ ผมขอนะ”

อีกฝ่ายเอารูปไปโดยที่เอฟเว่นไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ ใจเต้นตึกตักจนแทบหลุดจากอกเขาสุดแสนจะดีใจที่มาเรี่ยนพูดคุยกับตนเอง วันนี้เป็นวันดีที่สุดในรอบปีเลยหลังจากแอบวาดรูปอีกฝ่ายมาเป็นปี เฝ้าจินตานาการว่าได้พูดคุยกับคนคนนั้นเสียหลายครั้ง โอกาสมันมาถึงโดยไม่ต้องลงมืออย่างกับทวยเทพดลบันดาล

“ปีนี้ต้องเป็นปีที่ดีแน่ๆ เลย” เอฟเว่นยิ้มกริ่มเดินฮัมเพลงไปตลอดทางหลังจากเลิกเรียนเขาก็ไปเจอกับดีทริชอีกครั้ง

“วันนี้ไปซื้อสีใหม่ด้วยกันนะทริช”

ปฏิกิริยาตอบรับจากเพื่อนสนิทคือเอียงคอและกระพรือขนตายาวงอนส่งมาอย่างน่ารัก ดีทริชสวยงามเหมือนพวกเทวทูตและนิสัยส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ เช่นกัน ถ้าไม่จับกลุ่มตั้งแก๊งทำเรื่องกวนเมืองจุดด่างพล้อยจะไม่มีแม้แต่ข้อเดียว

“พ่อแม่จะยอมให้นายไปกับเพื่อนแอบคบอย่างฉันหรือ พ่อแม่จะส่งคนเอารถมารับทุกครั้งนี่”

คำว่าเพื่อนแอบคบมันทำให้เจ็บปวด แต่ไม่โกรธที่ดีทริชเหน็บมาเพราะการกระทำของเขามันสมควรจริงๆ ตนเองหดหัวในรูแอบพบพูดคุยกับเพื่อนคนนี้อย่างลับๆ ไม่ให้พ่อแม่รู้

“วันนี้เราเลิกเร็วนี่นา ยังมีเวลาอีกหน่อย นะไปด้วยกันเถอะทริช”

“ใครจะปฏิเสธนายลงล่ะ”

จากนั้นดีทริชก็หันไปร่ำลากับเพื่อนหัวโจกในแก็งของตัวเอง เอฟเว่นมองดูแฟรงค์ กิลเลน คนที่เคยขับเคี่ยวกันมากับดีทริชก่อนจะยอมเป็นรองปล่อยให้เพื่อนของเขาเป็นหัวหน้าฝูงเด็กเกเรไป

ดูก็รู้ว่าแฟรงค์ชอบดีทริชและมักจะมองด้วยสายตาวาววับผิดวัยเสมอ แม้ว่าดีทริชจะตัวโตกว่าวัยก็ตามแต่ยังไม่เท่ากับแฟรงค์ นั่นเพราะหมอนี่ซ้ำชั้นและอายุมากกว่า

ด้วยนิสัยอันธพาลเกเรทำให้ต้องซ้ำชั้นและย้ายโรงเรียนมา ทั้งอย่างนั้นเพราะฐานะที่บ้านร่ำรวยมากจึงสามารถเข้ามาในโรงเรียนชั้นนำอย่างที่นี่ได้ แถมแฟรงค์เองก็เป็นอัลฟ่าที่มีเชื้อสายปีศาจดังนั้นจึงได้รับการปฏิบัติต่างจากเด็กทั่วไป

เอฟเว่นรู้สึกเป็นห่วงดีทริช บ่อยครั้งที่แฟรงค์มองเพื่อนสนิทด้วยสายตานักล่า ยิ่งใกล้เวลาตรวจเพศที่สองเพราะจะถึงวัยเจริญพันธ์เอฟเว่นยิ่งกังวล ตามปกติมนุษย์ทั่วไปมากกว่า95เปอร์เซ็นจะเป็นเบต้าอีก3เปอร์เซ็นคืออัลฟ่าและที่เหลือคือโอเมก้าตามลำดับ

เปอร์เซ็นที่ดีทริชจะเป็นเบต้ามีมากแต่ก็มีโอกาสจะเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะมองยังไงเพศโอเมก้าก็ไม่มีทางจะกลายเป็นของดีทริชไปได้ แต่เอฟเว่นยังคงกังวลไม่เลิกถ้าเกิดกลายเป็นโอเมก้าขึ้นมาจริงๆ แฟรงค์เป็นตัวอันตรายสำหรับดีทริชอย่างที่สุด

ดีทริชเล่าว่าแฟรงค์เคยทำรักกับผู้หญิงอายุมากกว่ามาก่อน เพื่อนสนิทเล่าอย่างไม่คิดอะไรเป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไปอย่างแกนๆ ที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังเพราะเอฟเว่นเรียกร้องอยากจะรู้เรื่องของดีทริชอยู่บ่อยครั้ง เขาเป็นห่วงกลัวเพื่อนจะได้รับอันตราย

อีกไม่นานก็จะตรวจสอบเพศกันแล้วเพราะอายุขนาดพวกเขาส่วนใหญ่จะเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ ยิ่งใกล้วันนั้นเท่าไหร่เอฟเว่นยิ่งกังวลเรื่องของดีทริชมากเท่านั้น ไม่ได้ห่วงตนเองซักนิดถึงเขาจะกลายเป็นโอเมก้าพ่อแม่ก็คงไม่ทอดทิ้งเขาอย่างไม่ดูดำดูดี

“งั้นไปกันเถอะเอฟเว่น” ดีทริชคล้องคอเอฟเว่นแล้วพากันเดินจากมา เอฟเว่นอดที่จะหันไปมองแฟรงค์กับกลุ่มเด็กที่เหลือไม่ได้ สายตาวาววับที่มองไล่หลังดีทริชยังเป็นสายตาที่น่ารังเกียจไม่สมวัยเหมือนเดิม


มาเรี่ยนจะออกมาดูแลดอกกุหลาบในสวนของโรงเรียนทุกวัน ด้วยกิจวัตรที่สม่ำเสมอมันจึงเอื้อประโยชน์ให้เอฟเว่นสามารถแอบวาดรูปของคนคนนี้ได้ตลอดเท่าที่ต้องการ
ยิ่งวาดรูปของอีกฝ่ายมากขึ้นเอฟเว่นก็พบว่าตนเองหลงใหลในตัวมาเรี่ยนจนยากที่จะถอนตัว เรื่องนี้ไม่เคยปริปากบอกใครแม้แต่กับเพื่อนสนิทที่สุดอย่างดีทริช

“วาดอะไรอยู่” ดีทริชชะโงกหน้าจากด้านหลัง การที่เอฟเว่นสะดุ้งสุดตัวเพราะตกใจดูแล้วช่างน่าขำสุดๆ ดังนั้นจึงหัวเราะยกใหญ่

“อย่า...อย่าหัวเราะเสียงดังสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”

“กลัวอะไร...หรือกลัวนายแบบจะรู้ว่าแอบวาดรูปเขาอยู่”

 ดีทริชเดาได้ไม่ยากจากเส้นสายชัดเจนที่อยู่ในกระดาษกับระยะสิ่งมีชีวิตที่มองเห็นตอนนี้ เข้าใจหานายแบบวาดเสียด้วยอดยิ้มไม่ได้เมื่อมองดูเด็กชายรูปงามที่ยังตั้งอกตั้งใจดูแลกุหลาบโดยไม่สนใจเสียงเอะอะจากทางนี้

“ทำไมไม่ไปขอวาดใกล้ๆ ว่าแต่ขนาดอยู่ห่างขนาดนี้ยังวาดซะเกือบเหมือนนะ”
ดีทริชคว้ารูปมาจากมือเอฟเว่น ใบหน้าของมาเรี่ยน ครอส เห็นจนเคยชินเพราะหนุ่มหล่อคนนั้นมักจะได้รับรางวัลจากโรงเรียนสม่ำเสมอพอๆ กับตนเอง

“ฉันไปบอกให้เอาไหม”

“ไม่ต้องหรอก...ฉันแค่อยากวาดเขาขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้ต้องการให้มาเป็นนายแบบจริงจัง” เอฟเว่นกลัวเหลือเกินเขาไม่ต้องการให้คนอื่นจะรู้ว่าตัวเองชมชอบในตัวมาเรี่ยนแม้จะเป็นดีทริชก็ตาม

“งั้นก็ตามใจนะ” ดีทริชยิ้มกว้างไม่ได้เป็นคนชอบแกล้งกดดันให้ใครลำบากใจอยู่แล้ว ในขณะที่เอฟเว่นลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แล้วนี่ไม่ไปหลบนอนบนดาดฟ้ากับกลุ่มเพื่อนหรือ” เอฟเว่นถาม

“ก็นะ...เบื่อๆ นะ นี่คิดว่าจะไปห้องสมุดไปทบทวนบทเรียนซักหน่อย ไปด้วยกันไหมล่ะ”

“ม..ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันจะกลับเข้าห้องชมรมแล้ว”

“งั้นไว้เจอกันนะ” ดีทริชไปแล้วดังนั้นเอฟเว่นจึงก้มลงเก็บอุปกรณ์วาดภาพโดยไม่รู้ตัวมีเงาของคนคนหนึ่งพาดอยู่เหนือศีรษะ เงยหน้ามองเพราะคิดว่าคงเป็นดีทริชย้อนกลับมา

“อ๊ะ...” หัวใจแทบหลุดลงไปกองที่ตาตุ่ม มาเรี่ยนอยู่ตรงหน้าแล้วกำลังมองดูรูปที่เขาแอบวาดโดยใช้ฝ่ายนั้นเป็นต้นแบบ

“วาดเก่งดีนี่ ผมขอนะ”

อีกฝ่ายเอารูปไปโดยที่เอฟเว่นไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ ใจเต้นตึกตักจนแทบหลุดจากอกเขาสุดแสนจะดีใจที่มาเรี่ยนพูดคุยกับตนเอง วันนี้เป็นวันดีที่สุดในรอบปีเลยหลังจากแอบวาดรูปอีกฝ่ายมาเป็นปี เฝ้าจินตานาการว่าได้พูดคุยกับคนคนนั้นเสียหลายครั้ง โอกาสมันมาถึงโดยไม่ต้องลงมืออย่างกับทวยเทพดลบันดาล

“ปีนี้ต้องเป็นปีที่ดีแน่ๆ เลย” เอฟเว่นยิ้มกริ่มเดินฮัมเพลงไปตลอดทางหลังจากเลิกเรียนเขาก็ไปเจอกับดีทริชอีกครั้ง

“วันนี้ไปซื้อสีใหม่ด้วยกันนะทริช”

ปฏิกิริยาตอบรับจากเพื่อนสนิทคือเอียงคอและกระพรือขนตายาวงอนส่งมาอย่างน่ารัก ดีทริชสวยงามเหมือนพวกเทวทูตและนิสัยส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ เช่นกัน ถ้าไม่จับกลุ่มตั้งแก๊งทำเรื่องกวนเมืองจุดด่างพล้อยจะไม่มีแม้แต่ข้อเดียว

“พ่อแม่จะยอมให้นายไปกับเพื่อนแอบคบอย่างฉันหรือ พ่อแม่จะส่งคนเอารถมารับทุกครั้งนี่”

คำว่าเพื่อนแอบคบมันทำให้เจ็บปวด แต่ไม่โกรธที่ดีทริชเหน็บมาเพราะการกระทำของเขามันสมควรจริงๆ ตนเองหดหัวในรูแอบพบพูดคุยกับเพื่อนคนนี้อย่างลับๆ ไม่ให้พ่อแม่รู้

“วันนี้เราเลิกเร็วนี่นา ยังมีเวลาอีกหน่อย นะไปด้วยกันเถอะทริช”

“ใครจะปฏิเสธนายลงล่ะ”

จากนั้นดีทริชก็หันไปร่ำลากับเพื่อนหัวโจกในแก็งของตัวเอง เอฟเว่นมองดูแฟรงค์ กิลเลน คนที่เคยขับเคี่ยวกันมากับดีทริชก่อนจะยอมเป็นรองปล่อยให้เพื่อนของเขาเป็นหัวหน้าฝูงเด็กเกเรไป

ดูก็รู้ว่าแฟรงค์ชอบดีทริชและมักจะมองด้วยสายตาวาววับผิดวัยเสมอ แม้ว่าดีทริชจะตัวโตกว่าวัยก็ตามแต่ยังไม่เท่ากับแฟรงค์ นั่นเพราะหมอนี่ซ้ำชั้นและอายุมากกว่า

ด้วยนิสัยอันธพาลเกเรทำให้ต้องซ้ำชั้นและย้ายโรงเรียนมา ทั้งอย่างนั้นเพราะฐานะที่บ้านร่ำรวยมากจึงสามารถเข้ามาในโรงเรียนชั้นนำอย่างที่นี่ได้ แถมแฟรงค์เองก็เป็นอัลฟ่าที่มีเชื้อสายปีศาจดังนั้นจึงได้รับการปฏิบัติต่างจากเด็กทั่วไป
เอฟเว่นรู้สึกเป็นห่วงดีทริช บ่อยครั้งที่แฟรงค์มองเพื่อนสนิทด้วยสายตานักล่า ยิ่งใกล้เวลาตรวจเพศที่สองเพราะจะถึงวัยเจริญพันธ์เอฟเว่นยิ่งกังวล ตามปกติมนุษย์ทั่วไปมากกว่า95เปอร์เซ็นจะเป็นเบต้าอีก3เปอร์เซ็นคืออัลฟ่าและที่เหลือคือโอเมก้าตามลำดับ

เปอร์เซ็นที่ดีทริชจะเป็นเบต้ามีมากแต่ก็มีโอกาสจะเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะมองยังไงเพศโอเมก้าก็ไม่มีทางจะกลายเป็นของดีทริชไปได้ แต่เอฟเว่นยังคงกังวลไม่เลิกถ้าเกิดกลายเป็นโอเมก้าขึ้นมาจริงๆ แฟรงค์เป็นตัวอันตรายสำหรับดีทริชอย่างที่สุด

ดีทริชเล่าว่าแฟรงค์เคยทำรักกับผู้หญิงอายุมากกว่ามาก่อน เพื่อนสนิทเล่าอย่างไม่คิดอะไรเป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไปอย่างแกนๆ ที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังเพราะเอฟเว่นเรียกร้องอยากจะรู้เรื่องของดีทริชอยู่บ่อยครั้ง เขาเป็นห่วงกลัวเพื่อนจะได้รับอันตราย

อีกไม่นานก็จะตรวจสอบเพศกันแล้วเพราะอายุขนาดพวกเขาส่วนใหญ่จะเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ ยิ่งใกล้วันนั้นเท่าไหร่เอฟเว่นยิ่งกังวลเรื่องของดีทริชมากเท่านั้น ไม่ได้ห่วงตนเองซักนิดถึงเขาจะกลายเป็นโอเมก้าพ่อแม่ก็คงไม่ทอดทิ้งเขาอย่างไม่ดูดำดูดี

“งั้นไปกันเถอะเอฟเว่น” ดีทริชคล้องคอเอฟเว่นแล้วพากันเดินจากมา เอฟเว่นอดที่จะหันไปมองแฟรงค์กับกลุ่มเด็กที่เหลือไม่ได้ สายตาวาววับที่มองไล่หลังดีทริชยังเป็นสายตาที่น่ารังเกียจไม่สมวัยเหมือนเดิม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2018 17:02:14 โดย lucifer miumiu »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1


บทที่3

หลังจากเอฟเว่นและดีทริชเลือกซื้อสีเป็นที่เรียบร้อยแล้วระหว่างเดินทางกลับพบร้านขนมหวานชื่อดังที่มาเปิดใหม่ในย่านการค้า

“ดีทริชเราเข้าไปดูขนมที่ร้านนั้นเถอะนะ”

“ก็ได้”

ทั้งสองคนตรงเข้าไปในร้านซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนแออัด เอฟเว่นละลานตากับขนมหวานชนิดต่างๆ เซนต์ฟีโอเร่เป็นร้านขายขนมชื่อดังที่มีสาขาไปทั่วทุกมุมเมืองของจูปิเตอร์ ด้วยขนมหวานที่มีจำนวนมากมายหลายชนิดจึงไม่แปลกใจเลยที่ลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายจะได้ขนมติดไม้ติดมือกันไปทุกคนแม้ไม่ชอบของหวานก็ตาม

ดีทริชเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเอฟเว่นสังเกตเห็นว่าดีทริชตื่นตะลึงกับบรรยากาศของร้านและขนม เขารู้ดีกว่าใครด้วยสภาพทางการเงินของเพื่อนคนนี้คงไม่มีทางซื้อขนมเหล่านี้ได้ ดังนั้นจึงเสนอตัวซื้อขนมให้

“อันนั้นก็ดูน่ากินนะ อยากได้หรือเปล่าฉันซื้อให้ก็ได้นะ”

ดีทริชนิ่งงันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเผลอแสดงความอยากเกินจำเป็นต่อหน้าเพื่อนสนิทไปเสียได้

“ฉันไม่ชอบของหวาน แค่มองมันเฉยๆ แปลกตาดี”

ดีทริชโกหกและเอฟเว่นก็รู้ทัน สำหรับดีทริชการที่ปฏิเสธไม่รับของจากเพื่อนเป็นเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนนั่นแหละ พวกเขาคบหากันโดยไม่คิดถึงฐานะทางสังคมและสายตาคนอื่น แต่ใช่ตนเองจะไม่รับรู้ไอ้พวกปากดีมักนินทาลับหลัง

หาว่าเขาคบกับเอฟเว่นเพื่อหลอกเอาเงินทองหาผลประโยชน์ จริงๆ ไม่สนใจซักนิดเพราะมันไม่ใช่เลยเขาคบหาด้วยเนื่องจากชอบพอในนิสัยและนับตั้งแต่เป็นเพื่อนก็ตัดสินใจว่าจะสานสัมพันธ์แบบเท่าเทียมโดยไม่พึ่งพาเงินทองหรือเส้นสายของเอฟเว่นใดๆ ทั้งนั้น

 เป็นความยึดมั่นที่ถือดีจนน่าหมั่นไส้ แต่ดีทริชยังต้องการที่จะทำแบบนั้นต่อให้ตายเขาจะไม่เบียดเบียนเอฟเว่นโดยเด็ดขาด ในขณะที่เอฟเว่นกลับเห็นว่าดีทริชออกจะหัวแข็งเกินไปพวกเขาเป็นเพื่อนกันแค่ขนมเล็กๆ น้อยๆ ทำไมเขาจะซื้อให้ไม่ได้

“น่านะ...ให้ฉันซื้อให้เถอะน่า”

“อย่าไร้สาระน่าฉันเกลียดขนมหวาน”

“แค่เอาไปลองชิมนิดเดียวเอง เอาไปฝากคุณน้าก็ได้นี่”

เอฟเว่นกอดแขนออดอ้อนสุดความสามารถที่มี ขณะที่ดีทริชกำลังจะใจอ่อนแฟรงค์ กิลเลนก็ปรากฏตัวพร้อมผองเพื่อน

“ไง ดีทริช” ร่างสูงของแฟรงค์ตระหง่านเหนือศีรษะเอฟเว่น เขาไม่ชอบหมอนี่ดังนั้นจึงปลีกตัวไปยืนห่างๆ

“อ้าวมาด้วยหรือแฟรงค์” ดีทริชเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางทะมัดทะแมง

“นายต่างหากที่จะมาที่นี่ไม่บอกซักคำ ว่าแต่อยากได้ขนมนี่เหรอ ทำไมไม่บอกล่ะ”

ดีทริชเบ้ปาก พึ่งปฏิเสธเอฟเว่นไปหยกๆ คงไม่ใช่ว่าหมอนี่จะเสนอตัวซื้อให้เขาด้วยนะ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดแฟรงค์กระซิบลงมาที่ข้างหู

“เหมือนทุกครั้งแหละถ้านายต้องการ” แฟรงค์พยักเพยิดไปยังกลุ่มลูกน้องวัยประถมที่เริ่มต้นขโมยอย่างละเล็กละน้อย

“จะเอามาเผื่อนายด้วยนะเจอกันที่หน้าร้าน” แฟรงค์กระซิบอ้อยอิ่งที่ริมหูของดีทริช

เอฟเว่นแทบจะอยากจับทั้งสองคนแยกออกมา ไม่ไว้ใจแฟรงค์อย่างที่สุดไอ้หมอนั่นต้องชวนดีทริชทำเรื่องไม่ดีอีกแน่ ลักขโมยเขารู้พฤติกรรมของแก็งที่ดีทริชกับแฟรงค์ตั้งขึ้นมาดี แต่ว่าไม่กล้าก้าวก่ายตักเตือนเพื่อนสนิทเพียงเพราะกลัวว่าจะถูกโกรธแล้วตัดขาดจากกัน

หลังจากแฟรงค์ผละไปเอฟเว่นจิตใจไม่สงบถึงจะร่าเริงต่อหน้าดีทริชที่เอาแต่ยิ้มอ่อนโยน ถึงจะจ้อไม่หยุดชวนเชิญหรือหลอกล่อให้ดีทริชรับขนมที่ตนซื้อแล้วก็ผิดหวังเพราะดีทริชไม่รับไป ห้วงความคิดกลับนึกถึงผลเสียที่เพื่อนสนิทจะได้รับหากนำขนมที่แฟรงค์กับแก็งเด็กเกเรขโมยมากลับบ้าน

“เฮ้...ดีทริช” แฟรงค์ที่ตามหลังออกจากร้านมาติดๆ เรียกดีทริช

 “เอ้าของนาย” แฟรงค์ยื่นกระเป๋าเป้ใบหนึ่งมาให้ ดีทริชเปิดดูของข้างในเอฟเว่นไม่พลาดรีบชะโงกดูแล้วพบว่าเป็นขนมในร้านอย่างที่คิด

“กินขนมให้อร่อยนะที่รัก” แฟรงค์กระซิบข้างหูดีทริชก่อนจะพาพรรคพวกจากไปตามทาง โดยไม่คาดคิดจู่ๆ เอฟเว่นก็ฉุดลากเขาวิ่งไปด้วยกัน

เอฟเว่นพาวิ่งไม่หยุดดีทริชไม่เหนื่อยซักนิดแต่คนนำทางนี่สิหอบแฮ่กจนดูน่าสงสาร อยากรู้นักว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็เฝ้ารอให้เพื่อนสนิทพร้อมพูด ดังนั้นจึงปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบพวกเขาสองคนวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเรียน

“ใบเสร็จล่ะดีทริช” เอฟเว่นคว้ากระเป๋าเป้ที่แฟรงค์ให้มาค้นหาใบเสร็จด้านในดูแล้วช่างวุ่นวายและน่าขำ ขนมในนั้นถูกนำออกมาวางกองเป็นจุดๆ เมื่อเพื่อนสนิทไม่พบของที่หาใบหน้าก็ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด

“มันต้องมีสิ...” เอฟเว่นทำท่าจะค้นต่อ ดีทริชตบไหล่เพื่อยสนิทของตนเบาๆ

“พอเถอะน่า มันไม่มีหรอก ไม่มีมาแต่แรกแล้ว” เมื่อมั่นใจในสิ่งที่คิด เอฟเว่นก็รีบเก็บขนมทั้งหมดลงเป้แล้วกอดรัดไว้แน่น

“ให้ฉันเอามันกลับบ้านนะทริช จะได้ไม่มีหลักฐานว่านายเป็นพวกเดียวกับขโมย” ดีทริชใช้มือหยิกเข้าที่แก้มจนเอฟเว่นร้องโอดโอย

“อย่าพูดโง่ๆ ถ้าเกิดว่าเขาจะจับจริงการให้ของกลางไปอยู่กับนายมันจะร้ายแรงกว่าไม่ใช่หรือไง พ่อแม่นายจะว่ายังไงแล้วเกิดสืบสาวราวเรื่องจนกลายเป็นเรื่องใหญ่เราสองคนจะแอบคบกันเป็นเพื่อนไม่ได้อีกนะ เพราะอย่างนั้นเอามันมาให้ฉัน”

“แต่ดีทริชไม่รับของที่ฉันจะซื้อให้ทั้งอย่างนั้นกลับรับของที่แฟรงค์ขโมยมา” เอฟเว่นช้อนสายตามองดีทริชน้ำตาเอ่อคลอดวงตา “จริงๆ นะเลิกคบกับพวกแฟรงค์แล้วก็เลิกขโมยเถอะน่า มันไม่ดีกับตัวทริชเองนะ”

“นายนี่มัน...” ดีทริชมีสีหน้าเข้มขึ้น เอฟเว่นคิดว่าเพื่อนคงจะโกรธตัวเองที่ก้าวก่ายดวงตาดุๆ ที่มองจ้องมาทำเอาเขาหัวหดต้องก้มหน้าลงต่ำ

“เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ น้า” ดีทริชลูบหัวเอฟเว่นไปมาก่อนจะจัดการเชยคางให้เพื่อนเงยหน้าขึ้นมามอง เทวทูตกำลังยิ้มหวานมาให้คนที่ใจฟ่อจนหดเล็กยิ้มออกมาได้เสียที

“ของนี่แฟรงค์ซื้อมานะ ใบเสร็จน่าจะอยู่ที่หมอนั่นนะแหละ อย่ากังวลไปเลย”

“จริงนะ” เอฟเว่นกระพริบตาปริบๆ เอียงคอมองอย่างใสซื่อ

“จริง ฉันไม่โกหกนายหรอก” แต่ดีทริชโกหก จะอย่างไรก็แล้วแต่แค่ให้เจ้าหนอนตัวน้อยสบายใจเขาถึงจะหายใจทั่วท้องได้

“ดีจริงๆ “ เอฟเว่นยิ้มกว้างแต่ค่อยๆ หุบยิ้มลงตามลำดับ ไม่ขโมยคราวนี้ใช่ว่าคราวหน้าจะไม่ทำ

 ดีทริชพอเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทก็ชักเริ่มเป็นกังวลเขาไม่ต้องการเลิกขโมย เพราะว่าการขโมยเป็นหนทางหาเงินทางหนึ่งของเขามันทำให้ครอบครัวของเขาดีขึ้นรวมไปถึงยังสามารถช่วยเหลือพวกเด็กๆ ที่มีสถานะเดียวกันในสลัมได้ พวกเขาจำเป็นต้องจับกลุ่มช่วยเหลือตัวเอง

“เอฟเว่นน่าจะถึงเวลาที่รถของที่บ้านจะมารับแล้วนี่ นายรีบไปรอดีกว่านะ” ดีทริชกล่าวเตือนสติ เอฟเว่นเหมือนจะพึ่งรู้ตัว

“อือ..อื้อ...ฉันไปก่อนนะ”

เอฟเว่นออกเดินไปอย่างลังเล หลายครั้งที่หันกลับไปมองดูดีทริช ฝ่ายนั้นยืนยิ้มอยู่อย่างนั้นจนเขาเดินลับสายตาไป

หลังจากเอฟเว่นลับตาไปดีทริชก็ถอนหายใจรู้สึกว่าของในเป้ที่แฟรงค์ให้มาหนักอึ้ง เข้าใจดีว่าการขโมยเป็นเรื่องแย่ แต่หยุดตอนนี้ไม่ได้เอาไว้เขาโตกว่านี้ซักหน่อย ถ้าอายุของเขาสามารถสมัครทำงานพิเศษได้ล่ะก็ถึงตอนนั้นจะยุบแก็งลักขโมยไปเสีย

จะดีหรือ? เกิดคำถามนี้กับตัวเอง หากเขาเลิกไปแล้วพวกเด็กรุ่นหลังๆ จะหาเงินจากไหน อีกอย่างลึกๆ แล้วการได้เป็นหัวหน้ากลุ่มก้อนซึ่งรวบรวมจากทั้งในสลัมและโรงเรียนมันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ เหมือนกับได้ปลดปล่อยและได้ควบคุมการมีอยู่ของสิ่งนี้มันเติมเต็มสิ่งที่เขาขาด

ดีทริชต้องยอมรับกับตัวเองว่าเขาหลงใหลในอำนาจที่ได้รับมาจากการตั้งแก็งลักขโมยจนกลัวที่จะเสียไปเช่นกัน

“ฉันจะเลิกในซักวันนะเอฟเว่น แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

“เฮ้ย ไอ้หนู” โดยไม่ทันตั้งตัวดีทริชถูกคว้าจับจากด้านหลังเมื่อหันไปเผชิญหน้าก็ต้องขนลุกชันเพราะคนที่ยึดกุมเขาเป็นตำรวจจำนวนสองคน

“จับผมทำไมครับคุณตำรวจ” พวกตำรวจแค่นเสียงแล้วคว้ากระเป๋าเป้ที่แฟรงค์ให้มาไปเปิดดู

“หลักฐานคาตาเลยนะ ไปๆ โรงพัก”

ซวยแล้ว!! รู้อยู่หรอกว่าร้านนั้นน่าจะมีกล้องวงจรปิดแต่ไม่คิดว่าตำรวจจะตามสืบมาถึงเขาแทนที่จะไปจับพวกแฟรงค์ก่อน ประหลาดมากตำรวจพวกนี้ไม่ควรจะตามจับได้เร็วขนาดนี้และไม่ควรมาถึงเขาเป็นคนแรก แปลกๆ เกินไปแล้ว

“ไปขึ้นรถ” ดีทริชถูกบังคับให้ขึ้นรถตำรวจ ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าถ้าโรงเรียนรู้เรื่องที่เขาขโมยเข้าคงต้องถูกไล่ออก แม่ต้องเสียใจหากพบความจริงทุกอย่างจะพังไปหมด

บ้าเอ๊ย มันต้องไม่เป็นอย่างนี้สิ ดีทริชขอบตาร้อนผ่าวพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ เด็กชายขบริมฝีปากล่างเขาไม่ต้องการจะร้องไห้แต่น้ำใสดันเอ่อคลอทั่วดวงตา

“ไอ้หนูถ้าจะร้องไห้ ก็อย่าลักขโมยแต่แรกสิ นี่มันคือผลกรรมที่ควรได้รับนั่นแหละ”



คุยท้ายเรื่อง



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในนิยายนะ ดีใจสุดๆ หวังว่าจะมีคนเข้ามาแสดงความเห็นเยอะๆ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เอฟเว่นนี่น่าเอ็นดูจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
น่ารัก :mew1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
สนุกค่ะติดตาม o13

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอ มีงงๆ บ้าง อยากให้เว้นบันทัดเวลาขึ้นตอนที่ไม่สัมพันกับบทก่อนหน้าให้มากกว่านี้อะ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
รอนะ

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1


บทที่4

เอฟเว่นวิ่งเข้าไปยังจุดที่เขายืนรอให้รถของที่บ้านมารับประจำ เมื่อไปถึงก็นั่งลงกับพื้นหยิบอุปกรณ์ในกระเป๋าแล้วเริ่มต้นวาดภาพระหว่างรอเหมือนทุกครั้ง เขาวาดภาพมาเรี่ยนจากความทรงจำใบหน้าสวยๆ นั่นจำได้ขึ้นใจพอๆ กับใบหน้าของดีทริช

“เก่งนะทั้งที่ไม่มีผมเป็นแบบเธอยังสามารถวาดรูปของผมได้”

เอฟเว่นสะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปมอง มาเรี่ยนชะโงกหน้าเข้ามาดูรูปของเขาในระยะประชิด ตึกตักๆ หัวใจเต้นเหมือนจังหวะรัวกลอง

“รูปนี้ขอได้ไหม”

“ม..ไม่ได้..ฉะ..ฉันอยากเก็บเอาไว้ดูเองบ้าง” เอฟเว่นกอดสมุดวาดภาพเอาไว้แน่น มาเรี่ยนหยิบสมุดภาพอันอื่นขึ้นมาเปิดดู ถึงไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นเอฟเว่นก็ห้ามเอาไว้ไม่ทัน

“เธอวาดรูปตัวผมออกเยอะแยะ แค่รูปใบนั้นใบเดียวทำไมจะให้ไม่ได้”

เห็นแล้ว เห็นหมดแล้ว เอฟเว่นหน้าแดงแปร๊ดก้มหน้าลงต่ำด้วยความอับอาย พฤติกรรมเหมือนสตอล์กเกอร์ถูกเปิดโปงต่อหน้าเจ้าตัว ถูกเกลียด...ต้องโดนต่อว่าอย่างหยาบคายแน่ๆ

“เธอต้องจ่ายผมมานะ ผมอนุญาตให้เธอแอบด่อมๆ เขียนรูปเหมือนของผมได้ แต่เธอต้องจ่ายค่านายแบบเอาแบบร่างตัวผมที่เธอวาดมาให้ผมดูทุกวัน ผมอยากรู้ว่าตัวผมในสายตาคนอื่นจะถูกวาดออกมายังไง”

“อะ..เอ่อ..ไม่ได้หรอก ฉันไม่อยากให้ใครเห็นเราสนิทกัน”

“ทำไม...”

ทำไมนะหรือ เพราะว่าแค่สนิทกับดีทริชก็ถูกคนในโรงเรียนนินทาว่าเขาเกาะคนดังพออยู่แล้ว ถ้าเกิดตามติดมาเรี่ยนด้วยคงไม่พ้นถูกวิจารย์แหลกเหลวทำนองตั้งใจหาผลประโยชน์ด้วยการเลือกคบแต่กับนักเรียนดีเด่นทั้งดีทริชทั้งมาเรี่ยน   

เอฟเว่นไม่ลืมหรอกว่าเขาเองก็มีโจทก์ที่คอยตามราวีอยู่ถึงดีทริชจะคุ้มกะลาหัวให้ได้แต่มันไม่ใช่ทุกครั้ง ถ้าเกิดมีประเด็นของมาเรี่ยนโผล่มาอีกเห็นทีจะโดนเล่นงานเพราะอิจฉาแน่ๆ

ก็มาเรี่ยนมีแฟนคลับทั้งชายและหญิงเยอะไปหมด ไม่แปลกอะไรเพราะมาเรี่ยนเคยได้รับการเสนอชื่อจากราชินีเดียร์น่าให้เป็นรัชทายาทมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะถูกพิษการเมืองปล้นตำแหน่งไป

ใครๆ ก็ชื่นชอบอยากจะเข้าไปชิดใกล้มาเรี่ยนทั้งนั้น มีแต่เจ้าตัวที่สลัดคนรอบๆ ออกไปจนหมด ทั้งรูปโฉมชาติตระกูลทุกอย่างดีพร้อมและยิ่งไปกว่านั้นพวกผู้ใหญ่กับใครหลายคนมั่นใจว่ามาเรี่ยนต้องเป็นอัลฟ่าแน่ๆ เพราะหมอนั่นเกิดมาในตระกูลปีศาจชั้นสูงทั้งยังเป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่หาได้ยากมากในจูปิเตอร์

“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ไหมหลังเลิกเรียนเธอเอาสมุดวาดภาพไปทิ้งไว้ในตู้เก็บของส่วนตัวของเธอแล้วผมจะไปเอามาเองโดยไม่ให้ใครรู้ มีกุญแจสำรองใช่ไหมเอามาสิ”

มาเรี่ยนยื่นมือรอรับของมาตรงหน้า เหมือนมีมนต์สะกดเอฟเว่นหยิบเอากุญแจสำรองส่งไป

“พรุ่งนี้หลังจากเธอแอบวาดรูปผมเหมือนทุกครั้งอย่าลืมเอาสมุดภาพไปใส่ไว้ในตู้เก็บของด้วยล่ะ ผมจะรอดูผลงานอย่างใจจดใจจ่อ”

เอฟเว่นทำแค่มองดูมาเรี่ยนจากไปพร้อมกับคนรถที่มารับ จากนั้นไม่นานเท่าไหร่คนขับรถของตัวเองก็มารออยู่เช่นกัน

เขากับมาเรี่ยนมีความลับ ความลับน่ารักๆ ที่ทำให้หัวใจพองโต เอฟเว่นไม่หวังอะไรมากไปกว่านี้ ขอแค่ได้มีช่วงเวลาสนิทสนมเล็กๆ เท่านั้นก็พอแล้ว

คนขี้ขลาดอย่างเขาสุดท้ายก็พอใจกับการเป็นเพียงเพื่อนแอบคบทั้งกับดีทริชและมาเรี่ยน รู้อยู่หรอกมันน่าสมเพชแต่เลือกที่จะไม่ใส่ใจ พรุ่งนี้เอฟเว่นจะสามารถวาดรูปมาเรี่ยนโดยไม่ตะขิดตะขวงใจแถมยังอวดให้เจ้าตัวเห็นได้อีกด้วย การก้าวหน้าแบบกระโดดจนสามารถมีความลับกับคนที่แอบชอบได้มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้หุบยิ้มไม่ได้เลย





ดีทริชถูกพามาที่ตึกแห่งหนึ่งดูยังไงก็ไม่น่าใช่กรมตำรวจอย่างที่คิดไว้ทีแรก แถมพอถามออกไปว่าทำไมไม่พาไปที่กรมตำรวจก็ถูกเยาะหยันแต่ไม่ตอบคำถาม

“ไปบอกนายท่านว่าพาตัวคนที่ต้องการมาให้แล้ว” ตำรวจในเครื่องแบบสองคนบอกกับชายในสูทดำที่เฝ้าหน้าประตู ดีทริชถูกคุมตัวให้รอกว่า 5 นาที ก่อนจะถูกพาตัวไปด้านในของตึก

พวกตำรวจได้รับเงินเป็นฟ้อนแล้วพากันจากไป ดีทริชถูกพาตรงไปยังห้องๆ หนึ่ง เขาไม่กล้าโวยวาย แต่คิดได้ว่าตนเองถูกขายให้กับใครซักคนและการถูกพามาคงไม่ใช่แค่เรื่องขโมยเล็กๆ น้อยๆ แน่แล้ว

“เข้าไป” ถูกตะคอกสั่ง ดีทริชเดินเข้าไปด้านในแล้วพบว่าคนที่รออยู่คือเด็กหนุ่มผมเงินเจ้าของกระเป๋าที่แก็งของเขาเคยขโมยไป

“แก..ทำไม” ถูกพวกในชุดสูทตบปากทันที ดีทริชส่งสายตาวาวไปให้คนกระทำ

“พูดให้มันดีๆ สวะอย่างมึงไม่มีสิทธิจิกหัวเรียกนายท่าน”

“คุณจับผมมาทำไม” แสร้งทำเป็นไม่กลัวแต่ดีทริชยอมรับกับตัวเองว่าร่างกายสั่นเทานิดๆ ยังจำเหตุการณ์คราวก่อนได้ดี ทั้งเรื่องที่ถูกทำร้ายแล้วก็คำพูดคุกคามทางเพศชวนหวาดหวั่น

“การที่สัตว์เลี้ยงของตัวเองไปก่อเรื่องจะไม่ให้เจ้าของอยากเห็นเจ้าตัวดี...มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ”

 โนเอลหัวเราะเสียงต่ำ ดวงตาสีเขียวยังคงความดื้อรั้นดุดันเช่นเดิม แต่อาการสั่นเทานิดๆ ไม่พ้นจากสายตาของเขา

“พูดบ้าอะไรใครเป็นสัตว์เลี้ยงของใครกันหะ”

ดีทริชตะคอก พวกชายในชุดสูทไหวกายจะลงมือ เด็กชายสาดสายตาวาววับเข้าใส่มั่นใจว่าตนเองคงไม่ถูกฆ่าแค่ถูกตบซ้ำอีกครั้งไม่ได้ทำให้กลัวมากเท่ากับการเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มผมเงิน

 แต่เพราะเจ้าปีศาจผมเงินนั่นแหละที่ส่งสัญญาณมือบอกให้ชายในชุดสูทรามือ ดีทริชจึงไม่ต้องเจ็บตัวอย่างที่คิด   

“ตั้งแต่เจอกันคราวก่อนฉันก็แปะน้ำลายไว้ที่ตัวนายแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้แล้วไม่รู้ตัวหรือ...”

“สกปรก” ดีทริชเบ้ปากถูกหยอกเย้าจนลืมความกลัว แต่มั่นใจว่าจับตนเองมาคงไม่ใช่แค่มาเล่นตลกให้ดู

“ฉันบอกนายไปหรือยังว่าเกลียดพวกหัวขโมย”

ต้องรู้ด้วยหรือไง?

 ดีทริชตอบทางสายตาแม้จะกลัวแต่ก็ยังส่งเสียงฮึดฮัดทั้งยังสะบัดหน้าเมินไปอีกทาง โนเอลกระตุกยิ้มมุมปากกับท่าทางอวดดีอย่างนั้น เขาสนุกสนานกับความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ ความกล้าที่ไม่รู้จักที่ทางอันเหมาะสมผสมกับความกลัวมันชวนให้นึกอยากขย้ำให้หายหมั่นเขี้ยว

“นายนี่ตลกนะกลัวแทบตายแต่ก็ยังอุตส่าห์ทำเป็นปากกล้า ไหนลองพูดขอร้องฉันซักคำซิแล้วฉันจะให้อภัย”

“จะให้ขอร้องอะไร” ดีทริชหันไปมองโนเอลด้วยสายตาขุ่นเคือง “นายพาฉันมาโดยไม่บอกสาเหตุ จู่ๆ ก็บอกว่าไม่ชอบขโมยแล้วจะให้ฉันทำยังไง”

โนเอลเดินตรงไปยังเบื้องหน้าดีทริชใช้นิ้วเกี่ยวปลายคางเพื่อจะมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวให้ถนัดๆ อีกฝ่ายไม่หลบตาเขาซักนิด จ้องมองมาอย่างท้าทายแม้ร่างกายจะสั่นเทา

“ฉันจะยุบแก็งขี้ขโมยของนายซะ เพราะฉันไม่ต้องการให้สัตว์เลี้ยงของฉันวิ่งซอกซอนเหมือนหนูสกปรก”

“หะ?” ดีทริชยิ้มเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันดูถูก “พูดอะไรของนาย นายไม่ใช่ตำรวจซักหน่อย พวกตำรวจไม่เข้าไปยุ่งในเขตนั้นอยู่แล้ว”

“เดี๋ยวนายก็จะรู้ ว่าฉันเป็นคนพูดจริงทำจริง” โนเอลส่งสัญญาณให้พวกชุดสูทออกไปก่อนจะรวบร่างเล็กกว่าเข้าไปกอด ดีทริชออกแรงดิ้นแต่ยิ่งทำแบบนั้นกลับจมหายไปในอ้อมแขนจนขยับไม่ได้

แรงเยอะเกินไปแล้ว ดีทริชเดาะลิ้นอย่างหัวเสีย

“ฉันชอบมากนะเวลาที่นายพยศ แต่จะชอบมากกว่าถ้านายจะออดอ้อนอ่อนหวานกับฉันบ้าง”

หมอนี่มันพูดบ้าอะไร ดีทริชงุนงงแต่เริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์เด่นชัดเอาตอนที่มือใหญ่บีบเค้นก้นกลมกลึงของตนไปมา

“อึก..ปล่อยนะ”

โนเอลยื่นหน้าเข้าไปใกล้รู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน แรงดึงดูดที่มหาศาลซึ่งเกิดจากคนอายุน้อยกว่าส่งผลให้เขาจัดการประกบจูบครอบครองริมฝีปากจิ้มลิ้ม ดีทริชเบิกตากว้างบ่งบอกว่าตกใจแค่ไหน

“ไม่เซ็กซี่เอาซะเลยหลับตาแล้วเอาลิ้นออกมาซะ” ผละออกชั่วครู่แล้วกระซิบข้างหู คราวนี้ตั้งใจจะจู่โจมอีกครั้งแต่ดีทริชขู่ฟ่อ

“ลองสอดลิ้นสกปรกนั่นเข้ามาอีกสิจะกัดให้ขาดเลย”

ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ้าคนผมเงินจะกัดลงมาที่ซอกคอ ดีทริชสะดุ้งเกร็งตัวด้วยความเจ็บเขาจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังของคนกระทำติดที่ว่าอีกฝ่ายสวมสูทดังนั้นจึงเจ็บใจที่ไม่สามารถฝากรอยทำร้ายร่างกายเป็นการเอาคืนได้

“ถ้านายทำฉันเจ็บ นายจะต้องเจ็บยิ่งกว่า”

โนเอลกระซิบ ดีทริชเล่นจ้องตากับอีกฝ่าย เขาตั้งใจสาดแววตาแข็งกร้าวเข้าขู่แม้ในใจจะรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะได้ในสถานการณ์นี้

กลัว...นี่เขาจะถูกทำเหมือนเป็นโสเภนีในสลัม ความคิดนั้นเด่นชัดมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายรูดซิปล้วงมือเข้าไปในกางเกงยีนส์

“อุ...อื้อ...” ฝ่ามืออุ่นร้อนนวดคลึงลงไปบนเครื่องเพศ ดีทริชกัดฟันสะอื้นด้วยความโกรธและอับอายผสมปนเป เลือดทั้งร่างไหลเวียนลงไปรวมอยู่ที่ตรงนั้นจนหมด

“อ้าวร้องไห้ซะแล้ว กัดฟันไปร้องไห้ไปนี่น่ารักไม่หยอกนะ”

“อ๊ะ...” สติของดีทริชลดน้อยลงไปทุกที ถึงจะถูกจูบถูกลิ้นร้อนคว้านเข้ามาในโพรงปากเขาก็ไม่มีแรงจะต่อต้าน มันดีรู้สึกดีจนร่างกายอ่อนระทวย

“....” ตัวเบาไปหมดหลังจากไปถึงฝั่งฝัน ดีทริชไม่โง่เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาปลดปล่อยเพราะมือของเจ้าผมเงินคนนี้

“นายต้องการอะไรกันแน่” ดีทริชมองดูเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาหวาดหวั่น เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะเล่นสนุกเพียงพอและปล่อยตนเองไปตามยถากรรม

“ฉันต้องการทั้งหมดแล้วนายก็ไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธ”

ดีทริชกัดริมฝีปาก ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมาเจอสถานการณ์เลวร้ายอย่างนี้

“ฉันเป็นแค่เด็กประถม โรคจิตหรือไงถึงได้มีอารมณ์กับเด็ก”

“พวกโอเมก้าไม่ได้ทำรักกันตั้งแต่อายุเท่านี้หรือไง” โนเอลกระซิบถามมือไม้ยังลูบจับตามเนื้อตัวดีทริชตามใจชอบ

“ฉันไม่ใช่โอเมก้า และไม่มีทางเป็น”

 ดีทริชตะคอกเสียงดัง มันเป็นระยะเวลายาวนานประมานหนึ่งแล้วที่เขามั่นใจว่าตัวเองน่าจะเป็นเบต้า คนที่เป็นผู้ชนะอยู่เสมอๆ อย่างตนเองไม่ควรจะเป็นโอเมก้าใครๆ ก็พูดแบบนั้นไม่ใช่แค่ตัวเขาเอง

“แต่กลิ่นนายมันหอมหวานขึ้นทีละนิดแล้วนะ คาดว่าเพราะใกล้วัยเจริญพันธ์ ฉันเป็นอัลฟ่าไม่มีทางคาดการผิดแน่ๆ “

“เพ้อเจ้อ โกหก”

 ดีทริชดิ้นอย่างแรงจนหลุดจากการจับกุมเขารีบแต่งตัวอย่างลวกๆ แล้ววิ่งหนีออกไปจากสถานที่นั้น การที่สามารถออกมาได้โดยไม่มีคนตามจับเด็กชายเข้าใจว่าฝ่ายนั้นคงออกคำสั่งไม่ให้พวกชุดสูทไล่ตาม

ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ไม่เข้าใจการกระทำทั้งหมดของหมอนั่นเลยซักนิด อยากได้เขาเพราะมั่นใจว่าเป็นโอเมก้าอย่างนั้นหรือ คิดจะใช้ดีทริชคนนี้เป็นแม่พันธ์แค่จินตนาการซักครั้งยังไม่เคย สุดท้ายเจ้านั่นจะต้องผิดหวังเพราะว่าเขาไม่ใช่โอเมก้า

“ปล่อยไปจะดีหรือครับนายท่าน”

 พวกลูกน้องถาม โนเอลกระตุกยิ้มจัดแจงเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่จากการนัวเนียกับดีทริชแล้วสาวเท้ากลับไปทำงานที่คั่งค้างต่อ

“แค่ชั่วคราวแล้วงานที่ฉันให้ไปจัดการกับพื้นที่ในสลัมเป็นยังไงบ้าง”

“คนของเราเข้าถึงคนในพื้นที่เกือบหมดแล้วครับรับรองว่าพวกเด็กเหลือขอจะไม่ออกมาจับกลุ่มวิ่งซอกซอนให้รำคาญตาอีก”

“ดี...ไปได้แล้ว”

หลังจากลูกน้องออกไป โนเอลก็คิดถึงดีทริชใบหน้ายามโกรธหรือเวลาที่ถึงจุดก็นึกแล้วบางทีก็อยากจะเห็นตอนที่ยิ้มบ้าง แต่คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเขาเองก็ไม่ใช่คนอ่อนโยนหรือสุภาพบุรุษที่จะอดกลั้นต่อสัญชาติญาณดิบของตัวเองเสียด้วยสิ



คุยท้ายเรื่อง

พอดีจัดหน้ากระดาษในเล้าเป็ดไม่ค่อยเป็น แต่พยายามเว้นช่องว่างระหว่างฉากตามที่แนะนำแล้วนะ

ออฟไลน์ lalitalx

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-3
สนุกมากค่า มาลงชื่อติดตาม  :katai2-1:
ภาษาใช้ได้เลย รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
อ่านง่ายขึ้นเยอะเลยคะ ขอบคุณมากจ้า
จะรออ่านตอนต่อไปเน้อ
ถ้าวรรคยังกลัวไม่เวิร์คแนะนำใส่ . (จุด) อันละบรรทัดก็ได้คะ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สนุกแต่ตอนอ่านบทนำ อ่านแล้วยังงงๆอยู่ ต้องอ่านสองรอบ5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1


บทที่5

ดีทริชวิ่งกลับมายังชุมชนแออัดที่เรียกได้ว่าสลัมอย่างทุลักทุเล พอมาถึงก็พบความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตุเห็นได้ชัดเจน ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เขาอยู่แห่งนี้มีชายชุดดำป้วนเปี้ยนเต็มไปหมด แถมยังเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้อย่างเปิดเผย

มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?

ดีทริชทำได้แค่สงสัยและเดินระแวดระวังกลับไปยังบ้านของตัวเอง

“กลับมาแล้วฮะแม่”

“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ”

 แม่หันมายิ้มขณะตั้งอกตั้งใจซักผ้าของลูกค้า ดีทริชสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติทันที

“ตาแก่ล่ะ” เพราะไม่เห็นพ่อขี้เมาปกติเจ้านั่นต้องนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนแต่วันนี้กลับหายตัวไป

“หัวหน้าหมู่บ้านเรียกพวกคนว่างงานไปชุมนุมนะสิเห็นว่ามีคนใหญ่คนโตหาคนทำงานให้อยู่”

คนใหญ่คนโต?

แวบหนึ่งดีทริชนึกถึงคำพูดของเด็กหนุ่มผมเงิน แต่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือ เจ้านั่นมีอำนาจขับเคลื่อนจนถึงกับสั่งให้หัวหน้าหมู่บ้านเรียกลูกบ้านออกไปได้เลยหรือไง แล้วอีกอย่างไหนจะเรื่องหาคนทำงานอีกมันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่จะมาหาพวกขี้แพ้ในสลัมไปทำงานให้

“เดี๋ยวผมมานะฮะแม่”

ดีทริชตัดสินใจจะออกไปสืบหาข้อมูล เพราะอย่างนั้นจึงเลือกไปบ้านของเด็กที่พูดคุยด้วยบ่อยครั้ง

“โจนี่” ดีทริชตะโกนเรียกที่หน้าบ้าน แต่คนถูกเรียกกลับโผล่มาทางด้านหลัง

“อ้าวหัวหน้า หายไปไหนมาพวกเราตามหาแทบแย่”

“มีเรื่องนิดหน่อย ว่าแต่รู้เรื่องหัวหน้าหมู่บ้านเรียกพวกผู้ใหญ่ไปสมัครงานไหม”

“รู้ซี้...” โจนี่ถูจมูกไปมา “พวกเขาจะจ้างพวกเด็กๆ อย่างเราด้วยนา”

“พวกเขาที่ว่าเป็นใครกัน” โจนี่ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบตอบคำถามดีทริช

“พวกแก็งมาเฟียอลองโซนะหัวหน้า เห็นว่ามาหาเด็กเดินข่าวกับแรงงานผลิตให้กับตัวยากระตุ้นชนิดใหม่”

“ยากระตุ้น หมายถึง alpha-xนะเหรอ”

alpha-x หมายถึงสารเสพติดที่มีส่วนผสมจากเลือดหรือน้ำลายของเผ่าปีศาจประเภทอัลฟ่า ที่จริงตัวยาประเภทมีส่วนผสมจำพวกนี้ขายอย่างแพร่หลายในฐานะยาบำรุงเพื่อพวกเบต้าอยู่แล้ว แต่ก็เป็นยากระตุ้นอ่อนๆ เทียบไม่ได้กับสารเสพติดระดับสูงที่พวกมาเฟียทำขายเลยซักนิดเดียว

เท่าที่ได้ยินมา alpha-x เป็นตัวยารุ่นล่าสุดของพวกอลองโซแก็งมาเฟียอันดับหนึ่งของจูปิเตอร์

“มันผิดกฎหมายนี่ ไม่ใช่หรือไง” ดีทริชไม่ลังเลเพราะตัวยาชนิดแรงมากพวกนี้ไม่น่าที่จะนำวางขายบนดินได้

“มันก็ใช่หัวหน้า แต่คนของอลองโซบอกเราว่า alpha-x จะถูกทำให้ถูกกฎหมายในอีกไม่นาน เหมือนว่าพวกตะกูลฟีโอเร่จะหนุนหลังแก็งอลองโซ”

ฟีโอเร่หมายถึงตระกูลขุนนางผู้นำของพวกเผ่าอสูรกลายร่างและอมนุษย์ พอจะได้ยินอยู่หรอกว่าพวกมาเฟียอลองโซทำงานด้านมืดให้กับตระกูลฟีโอเร่

“งั้นก็เป็นงานที่ดีเลยสิ”

“ต้องดีสิหัวหน้า พวกแม่ๆ พ่อๆ เราที่ว่างงานหรือพวกไม่ได้เรื่องในหมู่บ้านตื่นเต้นกันน่าดู ค่าตอบแทนสูงมาก แม้แต่เด็กส่งของอย่างเรายังได้บรรจุตำแหน่ง”

“เด็กประถมอย่างเรานะนะ” ดีทริชแทบไม่เชื่อ

“ตอนแรกก็สงสัยนะ แต่เป็นงานง่ายๆ เช่นเดินแจกใบปลิว ส่งเอกสารตามบ้านตอนเช้า หรือเดินเอกสารในโรงงาน งานมีพอสำหรับพวกเราทั้งหมู่บ้านเลยนะหัวหน้า หัวหน้าเองก็ควรไปสมัครนะ พวกเราจะได้ไม่ต้องลักขโมยเสี่ยงมือเสี่ยงเท้ากันอีก”

“หมายถึงยุบแก็ง” ดีทริชไม่รู้ว่าเขาพูดกับตัวเองหรือพูดกับโจนี่กันแน่ การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำเอามึนงงไปหมด

“หัวหน้าถึงไม่ยุบแก็งก็คงไม่มีเด็กในหมู่บ้านเรายอมหาเรื่องใส่ตัวไปลักขโมยอีก ตอนนี้พวกเด็กที่พอทำงานได้พากันสมัครงานกับพวกอลองโซกันหมดแล้ว ก็เหมือนจะผิดกับหัวหน้า แต่พวกเราคงไม่มีเวลาว่างรวมตัวกันอีก”

“ช่วยไม่ได้นะ” ดีทริชล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางยะโส

“ถ้ามันจะดีกว่าสำหรับทุกคนฉันเองก็ไม่ขัดขวางหรอก”

“ดีเลยหัวหน้า พ่อของหัวหน้าเองก็ไปสมัครงานกับพวกอลองโซเหมือนกัน เห็นว่าสมัครงานเผื่อหัวหน้าด้วยกลับบ้านไปพ่อของหัวหน้าคงจะบอกเองแหละ”

ตาแก่ขี้เมานั่นนะนะ

ดีทริชเบ้ปาก เริ่มประมาณการว่าคนไม่เอาอ่าวอย่างนั้นจะทำงานได้ซักกี่น้ำ

“ฉันต้องรีบไปทำอาหารให้ที่บ้าน หัวหน้าเองก็กลับบ้านเถอะ”

“โจนี่...นายไม่ต้องเรียกฉันว่าหัวหน้าอีกแล้ว ยังไงแก็งเราก็คงยุบตั้งแต่วันนี้”

“งั้นราตรีสวัสดิ์นะดีทริช”

 โจนี่เข้าบ้านไปแล้ว ดีทริชเดินกลับบ้านเพียงลำพังในหัวครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆ

มันจะเกี่ยวกับที่ชายผมเงินคนนั้นพูดหรือเปล่านะ ที่บอกว่าไม่ชอบขโมยแล้วก็จะจัดการบางอย่างกับแก็งของเขา แต่มันจะเป็นไปได้หรือ ไม่อยากเชื่อ...หมอนั่นเป็นคนของพวกมาเฟียอลองโซงั้นหรือ

แค่คิดว่าอาจจะใช่ดีทริชก็ขนลุกชัน เด็กชายเกิดความรู้สึกคล้ายถูกความมืดคลืบคลานเข้าหาอย่างเงียบงัน

“รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย” ดีทริชพึมพำ เมื่อกลับไปถึงบ้านก็พบว่าตาแก่ขี้เมาอารมณ์ดีมากๆ จัดเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่อย่างที่แม่กับเขาไม่เคยมีมาก่อน

“เอ้าๆ ไอ้หนูมากินสิวะ” ตาแก่หัวเราะร่วน หมูเห็ดเป็ดไก่วางอัดแน่นบนโต๊ะอาหาร แม่หันมายิ้มอ่อนใจกับดีทริช

“แม่ตาแก่เอาของพวกนี้มาจากไหน” ดีทริชกระซิบแต่ตาแก่กลับได้ยิน

“ซื้อมาสิวะไอ้หนู ข้านี่นะเว้ยเริ่มทำงานแล้ว แถมเงินจากงานแรกยังได้มาเป็นกอบเป็นกำ มาๆ มาเอาค่าขนม”

ดีทริชเห็นแม่ขมวดคิ้วแวบหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้เขา

“ไปเอาค่าขนมสิลูก พ่อเขามีเงินทั้งที”

 ดีทริชเดินไปรับมาอย่างไม่เต็มใจ เบื่อและรำคาญดังนั้นจึงทานอาหารนิดเดียวแล้วขอตัวกลับไปยังห้องนอน ได้ยินเสียงพ่อพูดคนเดียวไปตลอดทั้งคืนสลับกับแม่เป็นบางครั้ง

วันถัดมาดีทริชตื่นแต่เช้าวันนี้เป็นวันหยุดเขาตั้งใจว่าจะช่วยแม่ซักผ้าให้ลูกค้า แต่กลับถูกตาแก่เรียกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ไอ้หนูทุกวันหยุดเอ็งต้องไปทำงานกับข้านะ”

“แม่...” ดีทริชหันไปมองแม่

“เมื่อวานพ่อบอกแม่แล้วจ๊ะ แค่เด็กเดินเอกสารในโรงงาน อีกอย่างแม่ดูสัญญาจ้างงานร่วมอย่างละเอียดแล้ว”

“แต่ผมเป็นเด็กประถมนี่ ตามกฎหมายของจูปิเตอร์เขาไม่อนุญาตไม่ใช่หรือครับ”

“เพราะว่ามีผู้ปกครองคอยดูแลไงไอ้หนูถามโง่ๆ”

“ดีทริช” แม่กวักมือเรียกดีทริชให้เข้าไปหาพร้อมกับยื่นเอกสารจำนวนหนึ่งมาให้อ่าน

“นี่มัน” ดีทริชอ่านอย่างถี่ถ้วนแล้วพบว่าเป็นเอกสารรับรองการเข้าเรียนต่อของโรงเรียนชั้นนำในระดับที่สูงกว่ารวมไปถึงเอกสารทุนการศึกษาระยะยาวที่ดีทริชมุ่งมั่นจะสอบชิงทุนให้ได้มา

“พวกอลองโซจะไม่จ่ายค่าจ้างให้เด็ก แต่จะจ่ายเป็นเงินทุนการศึกษาให้ แม่กับพวกแม่ๆ คนอื่นเห็นว่ามันคุ้มค่า แม่ก็เลยคิดว่าทำงานให้เขาก็ดีเหมือนกัน แม่ขอโทษนะที่ไม่สามารถส่งเสียให้ลูกเรียนในโรงเรียนดีๆ ด้วยตัวเองได้”

ดีทริชไม่ใช่คนเข้าใจยาก อีกไม่นานเขาจะเรียนจบในระดับประถมถึงจะมั่นใจว่าตนเองจะสอบผ่านเข้าไปเรียนในระดับชั้นสูงกว่าได้ไม่ยาก แต่ทุนการศึกษากว่าจะได้มามันลำบากทีเดียวไม่เพียงแค่แข่งขันทางด้านสมองแต่ยังต้องมีเส้นสาย     

ดีทริชเคยได้ยินจากพวกรุ่นพี่ว่ามีพวกเงินหนาบางประเภทสอบแย่งทุนกับเด็กด้อยโอกาสเหมือนกัน เพราะทุนของสถานศึกษาชั้นนำมักการันตีตัวเด็กที่ได้รับ ประมานเด็กเรียนดีประพฤติดีกีฬาเด่นทำนองนั้น

ก็คิดอยู่อาจจะต้องใช้ความสามารถมากกว่าทุกทีเพื่อจะได้มา แต่ได้มาง่ายๆ แบบนี้มันก็ดี ถึงจะชวนให้สงสัยเอามากๆ ทั้งอย่างนั้นเมื่อเห็นรอยยิ้มของแม่ดีทริชก็ปัดความไม่สบายใจออกไปจนหมด

“ถ้าอย่างนั้น ผมไปนะฮะ”

“ไปดีมาดีนะจ๊ะ”

“เอ้าไอ้หนูเร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่ทันรถรับส่งของสำนักงาน” ตาแก่กวักมือเรียก ดีทริชเบ้ปากก่อนจะเดินตามไป

ถ้ามัวแต่คิดมากชีวิตก็ไม่ต้องทำอะไรพอดี

แต่ลางสังหรณ์มันคอยย้ำเตือนว่าทุกอย่างมันจะไม่ง่ายเพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ



คุยท้ายเรื่อง



ลงดึกเลยหวังว่าจะมีคนอ่านกันนะ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
เดาว่าเจ้านายคือโนเอล

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ติดตามค่า :katai5:

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1


บทที่6

“เอ้าเร็วๆ ไอ้หนู” ดีทริชเดินตามพ่อขี้เมาไปอย่างหน่ายๆ ไม่รู้จะกระตือรือร้นอะไรนักหนา เด็กชายสังเกตเห็นหลายคนในหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังรถบัสคันใหญ่เหมือนๆ กัน

“ไอ้หนูทางนี้” พ่อขี้เมากวักมือเรียก ดีทริชชักงงเพราะตาแก่เดินนำไปยังรถขนาดสี่ที่นั่งซึ่งจอดรออยู่ตรงจุดอื่น

“ทำไมเราไม่ขึ้นรถบัสเหมือนคนอื่นๆ ล่ะตาแก่” ดีทริชถามหลังขยับขึ้นไปนั่งบนรถ

“เอ็งจะไปรู้อะไร ข้านี่มีหน้าที่สำคัญมากๆ เพราะงั้นถึงได้รถประจำตำแหน่ง”

ชักไม่ชอบมาพากล คนขี้เมาอย่างนี่นะจะได้ตำแหน่งสำคัญ

“ฉันนึกได้ว่าลืมของ” ดีทริชเปิดประตูจะลงจากรถ แต่กลับถูกชายชุดดำดันกลับเข้ามา

“อะไรนี่...ไม่ได้ยินหรือว่ามีธุระ” เริ่มจะหัวเสียและกังวลมากขึ้น ชักจะแปลกมากขึ้นไปทุกทีแล้วรู้สึกเหมือนถูกวางกับดัก

“ลุงสัญญาว่าจ้างบอกว่ายังไง ถ้าเด็กนี่ไม่ไปต้องคืนเงินที่ได้ไปเมื่อวานนะ”

ดีทริชมองตาแก่หัวเราะแฮะๆ ความโกรธในใจค่อยๆ ลุกโชนอย่างช้าๆ

“ตาแก่...แกขายฉันหรือ”

“พูดอะไรบ้า” ตาแก่ยิ้มกว้างสายตาล่อกแล่กไม่น่าไว้ใจ “แค่ไปทำงานตามสัญญา อีกอย่างฉันรับเงินค่าจ้างส่วนของแกมาแล้วเขาต้องไม่ยอมให้ผิดสัญญาสิ อย่าโง่น่าไอ้หนู แค่ไปทำงานในวันหยุดทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”

“บ้าเอ๊ย” ดีทริชชกประตูรถดังโครม หากไม่ใช่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดจะชกหน้าแม่งให้เลือดกำเดาไหลเลย

“เงียบหน่อย” คนขับรถชุดดำตักเตือนเสียงเข้ม ดีทริชนั่งหายใจฝืดฝาดพยายามระงับอารมณ์คุกรุ่นที่อยากจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ตาแก่ใจแทบขาด

“ถ้าก่อเรื่องในรถ จะต้องชดใช้ค่าเสียหาย รถคันนี้ดูก็รู้ใช่ไหมว่าแพงระยับ”

ใช่สิ ดูก็รู้ว่ารถคันนี้หรูแค่ไหน ดีทริชนั่งกอดอกมองเมินไปนอกหน้าต่างตั้งใจจะจดจำทางกลับให้ได้เผื่อว่าอาจจะต้องหนีกลับบ้าน แต่ถ้าเกิดถูกเล่นงานจริงๆ ไม่คิดว่าจะหนีพ้นเพราะไอ้แก่บ้านี่ดันขายเขาให้คนอื่นไปเรียบร้อย

ภาวนาขอให้เป็นแค่งานที่โรงงานจริงๆ มันควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ ก็พวกมาเฟียอลองโซหาคนเพื่อไปทำงานที่นั่นนี่นะ ดีทริชพยายามคิดในแง่ดีเขาไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกคนเราจะไม่ดวงซวยซ้ำซ้อนติดๆ กันเชื่ออย่างนั้น

รถคันงามวิ่งออกจากหมู่บ้านไปจนถึงโรงงานแห่งหนึ่ง ถูกพามาที่โรงงานจริงๆ จึงโล่งใจจนคลายอาการเกร็งทั้งร่าง ดีทริชลงจากรถไปพร้อมพ่อคนชุดดำนำพวกเขาเข้าไปด้านใน ระหว่างที่เดินเท้าไปเห็นพวกคนในหมู่บ้านถูกพาไปอีกทาง

“คนพวกนั้นไปไหน” ดีทริชถามแต่คนชุดดำเงียบ เดินไปได้ซักพักตาแก่ก็ถูกแยกตัวไปอีกทาง

“ทำไมถึงแยกฉันกับตาแก่ล่ะไม่ได้ไปด้วยกันหรือ”

“นายต้องไปทำงานในส่วนเอกสาร ส่วนตาลุงนั่นไปทำงานส่วนอื่น”

ดีทริชหายใจไม่ทั่วท้องเขาถูกพาไปจนถึงหน้าห้องๆ หนึ่ง

“เข้าไป” ถูกดันเข้ามาด้านในแล้วพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเจ้าผู้ชายผมเงินคนนั้น ใบหน้าของดีทริชบิดเบี้ยวคล้ายกับคนบาดเจ็บ

“กลับมาหาเจ้าของได้เร็วดีนี่” โนเอลยิ้มหยัน ใบหน้าบูดเบี้ยวของดีทริชบอกได้ชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไร

“อารมณ์เสียหรือไง บอกแล้วใช่ไหมว่าจะยุบแก็งขี้ขโมยของนายซะ”

ดีทริชตั้งใจทำตัวนิ่งเฉย ถึงจะจนมุมแต่จะขอยืนยันอำนาจในการควบคุมตัวเองที่น่าจะยังมีอยู่น้อยนิดโดยเลือกที่จะไม่พูดซักคำ ความเงียบและดื้อแพ่งทำให้โนเอลหัวเราะหึหึรู้สึกสนุกที่ได้เห็นการแสดงออกแบบเด็กน้อย

“นายอาจจะคิดว่าการรวมฝูงเพื่อขโมยเงินไปจุนเจือครอบครัวเป็นเรื่องฉลาด แต่สำหรับฉันมันเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์”

“แล้วจะให้ทำยังไงทุกคนไม่มีเงินยังไงก็ต้องหาเงินมากินใช้” ดีทริชถามเสียงแข็ง หมอนี่มันมาจากโลกในอุดมคติหรือไง

“เรื่องหาเงินก็ให้พวกผู้ใหญ่ทำไปสิ เท่าที่สำรวจมาคนในหมู่บ้านก็ใช่ว่าจะเดือดร้อนจนไม่มีเงินหาเลี้ยงครอบครัวไม่ใช่หรือ แค่อยากสบายขึ้นแต่เอาเรื่องเดือดร้อนไปให้คนอื่น ถ้าเกิดว่าถูกตำรวจจับคงจะไม่สวย ความรู้สึกนั่นไม่ใช่ว่าเมื่อวานได้ลิ้มรสไปแล้วหรือไง”

นึกถึงความรู้สึกตอนที่ถูกตำรวจจับมันก็ย่ำแย่จริงๆ คิดอีกทีหากเจ้าคนผมเงินนี่ไม่ใช้เงินซื้อตนเองจากตำรวจเห็นทีชีวิตของเขาคงจะพังไปแล้ว แต่ใช่จะอยากขอบคุณเพราะยังไงจุดประสงค์ของหมอนี่ที่มีต่อเขาก็ไม่บริสุทธิ์

               “เฮอะ...ทำเป็นพูดดี ตัวเองเป็นมาเฟียทำธุรกิจผิดกฎหมายแท้ๆ”

               “ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องถูกต้องเมื่ออยู่ในมือของคนฉลาดและมีอำนาจ ไม่คิดอย่างนั้นหรือไง...”

               โนเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวช้าๆ ไปหาเหยื่อ ดีทริชเกร็งตัวขยับหาทางหนีทีไล่แม้จะกลัวมากแต่ปากไม่หยุดต่อคำ

               “อ้อ...คนมีอำนาจจะทำผิดกฎหมายอะไรก็ได้อย่างเช่นยาเสพติดก็ทำให้มันถูกกฎหมายได้สินะ”

               ไม่มีทางหนีอีกแล้วถูกกดดันลุกไล่จนหลังติดกำแพง โนเอลยีนตระหง่านเหนือศีรษะมือสองข้างทาบลงบนกำแพงกักดีทริชเอาไว้ตรงกลาง

               “นั่นก็ใช่alpha-xจะถูกทำให้ถูกกฏหมายใช้สำหรับกองทัพและพวกตำรวจที่เป็นเบต้า คิดดูสิเบต้าจะมีพละกำลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับพวกปีศาจได้ แบบนี้ก็จะสามารถจัดการกับอาชญากรรมที่เกิดจากพวกปีศาจและอมนุษย์ที่อยู่นอกลู่นอกทางได้โดยใช้พวกเบต้าที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนในจูปิเตอร์ ไม่คิดหรือว่าเป็นแผนการพัฒนากำลังพลที่ดี”

               “นายทำแบบนี้ไม่ทำให้ธุรกิจมืดของนายลำบากหรือไง” ดีทริชประสานสายตาเข้ากับโนเอล

               “ตั้งแต่ขึ้นกุมบังเหียนอลองโซมาก็มีความคิดที่จะฟอกธุรกิจมืดออกไปบ้างยังไงเส้นสายที่คอยช่วยเหลืออาจมีซักวันที่ช่วยไม่ได้”

               “แต่ก็ทำเรื่องไม่ดีเหมือนกัน นายไม่มีสิทธิมาวิจารณ์การกระทำของฉันว่าเปล่าประโยชน์”

               แย่แล้ว สัญชาติญาณส่วนตัวร้องเตือนเพราะใบหน้าของโนเอลเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จะถูกจูบ ถ้าสอดลิ้นเข้ามาล่ะก็จะกัดให้ขาดเลย แต่อีกฝ่ายแค่ใช้ปลายลิ้นไล้เลียลงมาบนแก้มของเขาเท่านั้นดีทริชเกร็งตัวจนแข็งค้าง

               “คิดจะกัดลิ้นเหมือนคราวก่อนสินะ อย่าดีกว่าถึงกัดไปลิ้นของฉันก็งอกใหม่ได้อยู่ดีมันเปล่าประโยชน์”

               “น่าขยะแขยง” ดีทริชใช้มือถูไปมาบริเวณที่ถูกเลีย ชั่วขณะที่ละสายตาจากกันอีกฝ่ายกระซิบที่ข้างหูอ้อยอิ่ง

               “มาเข้าเรื่องกันดีกว่า” จู่ๆ โนเอลก็ผละกลับไปนั่งเก้าอี้เหมือนเดิม ดีทริชตั้งตัวไม่ติด

               “ฉันจะให้นายฝึกเป็นผู้ช่วยเลขา ดูจากผลการเรียนก็น่าจะทำได้ใช่ไหม”

               “ฉันเป็นเด็กประถมไม่ได้เรียนบัญชีหรือการจัดการซักหน่อย”

               “โง่จังนะบอกแล้วว่าจะมีคนมาสอน มันดีกว่าไปขโมยไม่ใช่หรือไง หรือว่า...อยากจะเป็นแค่นางบำเรอของฉัน”

               ขนลุกซู่เมื่อถูกเจ้าผมเงินมองด้วยสายตาจาบจ้วงหยาบโลน ดีทริชขบฟันลงบนริมฝีปากล่างคิดไม่ออกเลยว่าจะหนีจากสถานการณ์นี้ยังไง

               “ฉันจะไม่เป็นนางบำเรอของใคร” โนเอลหัวเราะร่วนชอบใจ ไอ้ความโง่กับดึงดันนี่มันไปกันไม่ได้กับiQและผลการเรียนของดีทริชเอาเสียเลย

               “ได้ข่าวว่าฉลาดเรียนเก่งแต่eqนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ” ดีทริชประมวลผลแวบหนึ่งก่อนจะถลึงตาให้โนเอล ด่าว่าเขาไม่มีความฉลาดทางอารมณ์แค่กับแกเท่านั้นแหละที่ไม่อยากจะใช้เหตุผล

               “นายไม่มีสิทธิเลือกตั้งแต่ที่ฉันเจอนาย ยิ่งเดี๋ยวนี้พ่อของนายขายนายให้กับฉันแล้วเป็นจำนวนเงินที่จะได้จากนี้ทุกๆ เดือนโดยที่ไม่ต้องออกแรงทำงาน”

               ดีทริชหน้าซีดเผือด ไอ้แก่นั่น อยากจะฆ่าให้ตายนัก

               “แล้วก็อย่าคิดหวังว่าจะหนีหรือใครจะช่วยได้ เพราะถ้าหนีก็ตามเจอไม่ยาก อีกอย่างคงไม่อยากให้แม่ผู้น่ารักเดือดร้อนหรือบาดเจ็บใช่ไหม” ดีทริชกัดฟันกรอด

               “ที่ทำแบบนี้เพราะอยากจะนอนกับฉันแค่ครั้งเดียวหรือไง”

               “อาจจะมากกว่านั้น นายเดาอารมณ์ฉันไม่ถูกหรอก จะว่าปฏิกิริยาตอนนี้ของนายฉันถูกใจมากทีเดียว”

               “โรคจิต ฉันเป็นแค่เด็กประถมเท่านั้น”

               “คราวก่อนก็เรียนรู้แล้วนี่ว่าเด็กประถมก็ถึงจุดได้ ทำไมลืมง่ายจัง” โนเอลกระตุกยิ้มเอนหลังลงบนพนักเก้าอี้ก่อนจะกดกริ่งเรียกคนเข้ามา ไม่นานนักก็มีหนุ่มหน้าตาดีเข้ามาด้านใน

               “มีอะไรให้รับใช้ครับนาย”

               “ตามที่บอกคราวที่แล้วสอนงานผู้ช่วยให้หมอนี่ด้วย” ผู้มาใหม่ใช้สายตาจ้องมองดีทริชตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่ดีเลยซักนิด

               “ผมชื่อคาร์ล ฝากตัวด้วยนะ” คาร์ลยื่นมือมาให้จับ ดีทริชไม่ตอบสนองเพราะระแวง อีกฝ่ายไม่ได้ถือสาแค่หดมือกลับไปเท่านั้น

               “สอนพวกงานหลักๆ ให้เข้าใจให้มากที่สุด คราวหน้าฉันจะพาหมอนี่ติดสอยห้อยตามไปด้วย อย่าให้ผิดหวังนะคาร์ล”

               “ครับเจ้านาย”

               จากนั้นโนเอลก็ออกจากห้องไปทิ้งดีทริชไว้กับคาร์ล ทีแรกบอกว่าจะจับเขาทำนางบำเรอแต่ตอนนี้กลับปล่อยไว้ไม่ทำอะไร มันก็เป็นเรื่องดีที่ไม่ถูกลวนลาม ยังไงดีล่ะเดาทางเจ้าคนผมเงินไม่ถูกเลยไม่เข้าใจทำไมต้องลงทุนกับนางบำเรอมากขนาดนี้

               เล่นสนุกหรือ ความคิดของพวกอัลฟ่าคงจะประมาณใช้ประโยชน์จากคนรอบกายให้มากที่สุด คงไม่อยากให้พวกไม่ได้เรื่องมาอยู่รอบตัว ทีแรกคิดว่าจะแกล้งทำทุกอย่างแบบง่อยๆ ให้ผิดหวัง นั่นเป็นความคิดก่อนที่จะถูกขู่จากคนผมเงิน

               “ถ้าเกิดว่าฉันรู้สึกว่านายไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากร่างกายสวยงามที่มี ฉันจะจัดการกับนายให้สมกับคุณค่า พวกนางบำเรอที่ไม่มีความสามารถคงต้องใช้ระบายความใคร่อย่างเดียวและให้อยู่แต่ในห้อง ฉันมีมาตรฐานของตัวเองคงไม่สนุกแน่ๆ ถ้าจะให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีคนข้างกายเป็นพวกสวยรูปแต่กลวงใน นายเองก็คงไม่ชอบแบบนั้นสินะ”

               นับว่าพับความคิดที่จะทำทุกอย่างแบบง่อยๆ ไปได้เลย ไม่เคยมีครั้งไหนที่ดีทริชจะกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เท่านี้ นั่นเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกเหนือไปจากนี้จริงๆ ยังไงก็ดีกว่าทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก

               แต่เจ็บใจนัก การที่ต้องมารู้สึกกดดันจนไม่มีทางออกมันทำให้ดีทริชเครียดและเกลียดทุกสิ่งไปหมด หลังจากตั้งใจร่ำเรียนจนได้เวลากลับบ้านทันทีที่พบหน้าตาแก่ขี้เมา เขาก็จัดการพุ่งเข้าใส่รัวหมัดระบายอารมณ์เท่าที่จะทำได้ก่อนจะถูกจับแยกไปนั่งสงบสติอารมณ์

 ระหว่างทางกลับบ้านมีหลายครั้งที่อยากจะซัดให้สลบแต่ก็สำนึกได้ว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเสียเรื่องที่ถูกขายจะยังให้แม่รู้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นแม่จะเดือดร้อนไปด้วย ทั้งที่ไม่อยากร้องไห้แต่กระบอกตาของเขาร้อนผะผ่าวดีทริชแอบปาดน้ำตาเงียบๆ

ไม่รู้เลยว่าอนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไร วันนี้ไม่ถูกข่มขืนแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชายที่ชื่อโนเอลนั่นจะเก็บเกี่ยว คิดแล้วก็กลัวหากว่าเขาเป็นโอเมก้าอาจจะต้องถูกย่ำยีจนตั้งท้อง เป็นครั้งแรกเลยที่กลัวการตรวจเพศรองมากมายขนาดนี้

เขาไม่อยากเป็นโอเมก้า ความมั่นใจที่มีมาแต่ก่อนหายไปครึ่งต่อครึ่งแต่ก็ยังหวังว่าตนเองจะเป็นเบต้าถ้าเป็นอย่างนั้นต่อให้ถูกย่ำยีก็จะไม่ท้องคลอดลูกของโนเอลออกมา

ถึงตรงนี้ดีทริชก็รู้สึกอับอายนี่เขามีความคิดแบบพวกโอเมก้าเสียแล้วดันครุ่นคิดว่าอย่างน้อยก็อยากจะคลอดลูกของคนที่ตัวเองรัก น่าละอาย น่าละอายจริงๆ



คุยท้ายเรื่อง

ช่วงนี้ไปทำงานที่สาขาอื่นต้องทำสลับสองสาขากลับดึกไม่มีเวลาแต่งนิยายแต่ยังพยายามเข็นนะ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ ขอบคุณทุกความเห็นน้า

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ดีทรีชนับว่าเป็นเด็กฉลาดอยู่  แต่ก็ยังไม่สามารถชนะพระเอกเราได้  :mew5:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อยากอ่านต่อล้าว

ออฟไลน์ junpa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ชอบนะ อยากอ่านอีก

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ดีทริชอาจจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อที่อยู่ด้วยก็ได้ ดูขายลูกตัวเองง่ายจัง

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1


บทที่7

เอฟเว่นตื่นเต้นไปหมดเขาเปิดตู้เก็บของส่วนตัวแล้วพบว่ามีสมุดวาดภาพที่มาเรี่ยนเอาไปเมื่อคราวก่อนวางอยู่ เขารีบคว้ามากอดเอาไว้ก่อนจะรีบวิ่งหาที่เงียบๆ เปิดดูว่าอีกฝ่ายทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้เห็นในสมุดบ้าง

เอฟเว่นเลือกเอาใต้ต้นไม้หลังโรงเรียนเป็นที่นั่ง ทันทีที่เปิดสมุดดูด้านในก็พบว่ามีกระดาษข้อความแปะเอาไว้เป็นลายมือที่สวยงามมากๆ สมกับรูปร่างหน้าตาของมาเรี่ยน

เนื้อหาใจความในกระดาษเป็นการกล่าวชมและชีแนะทั้งระบายความรู้สึกยามที่ได้เห็นภาพวาดของเจ้าตัว

<ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองในสายตาเธอดูอ่อนหวานขนาดนั้น จะรอดูผลงานของเธอต่อไปนะ อย่าลืมเก็บสมุดภาพเอาไว้ในตู้เก็บของเหมือนเดิม>

เมื่ออ่านข้อความถึงตรงนี้หัวใจก็พองโต หมายความว่าความลับระหว่างพวกเขาจะดำเนินต่อไป มาเรี่ยนอยากจะดูรูปวาดตัวเองที่เขาวาดเพิ่มขึ้นอีก ดีใจที่สุดความลับสำคัญอันนี้จะเก็บเอาไว้ไม่บอกใคร

หลังกริ๊งเข้าเรียนดังขึ้นเอฟเว่นสังเกตเห็นว่าดีทริชอยู่ในห้องเรียนแล้ว เขายิ้มเผลไปหาเพื่อนสนิทแต่ก็พบว่าอีกฝ่ายอารมณ์ขุ่นมัวจนเห็นได้ชัด

“เป็นอะไรหรือเปล่าทริช” ดีทริชยังคงหน้านิ่งแต่ก็เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วทีเดียว

“เปล่านะ นายต่างหากที่อารมณ์ดียิ้มไม่หุบเลย มีเรื่องดีๆ หรือไง”

“เปล่าๆ นะ ไม่มีอะไรหรอก”

“จริงนะ” ดีทริชทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แย่ล่ะเขาดูมีความสุขมากจนออกนอกหน้าเลยหรือไงนะ

“ไงเจ้าหนอนประจบดีทริชแต่เช้าเลยนะ” เอฟเว่นย่นคิ้วเจ้าของเสียงคือไรอันที่หไม่ชอบหน้าตนเองพอหันไปมองก็พบว่าฝ่ายนั้นกับผองเพื่อนยืนยิ้มหยัน

               “เขาจะประจบหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยไรอัน” เป็นดีทริชที่กางปีกปกป้องเอฟเว่น

ไรอันหน้าเสียเล็กน้อยท่าทางเอาเรื่องของหัวโจกอย่างดีทริชทำเอาเกือบหลุดท่าทางไม่น่าดูออกไป แต่ก็นั่นแหละเป็นหัวโจกแล้วไงดีทริชมันก็แค่เด็กยากจนในสลัมแค่เรียนเก่งแค่มีแฟรงค์ถือหาง

“แหม...อย่านึกว่าเราจะกลัวนะดีทริช เรามีกันตั้งสามคน นายคนเดียวกับหนอนอีกหนึ่งตัว”

พวกเพื่อนๆ ในห้องหันมามองกันเป็นจุดเดียว แถมเริ่มส่งเสียงอึกทึกประมาณว่าต่อยกันเลยหรือเอาเลยๆ เอฟเว่นหน้าซีดเผือดก่อนที่ดีทริชจะวางมวยกับพวกไรอันเขาก็จัดการใช้ความกล้าที่มีขู่ออกไป

“ฉันจะฟ้องอาจารย์ว่านายยั่วยุไรอัน”

“อะไรนะ” ไรอันไม่อยากจะเชื่อ ดีทริชเองก็ประหลาดใจเช่นกัน แน่นอนว่าถ้าเป็นปกติหรือตัวเองถูกรังแกเอฟเว่นคงปิดปากเงียบแต่นี่มันเป็นเรื่องของเพื่อนสนิทเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแกล้เพื่อนตัวเอง

“จริงสิ เอฟเว่นพูดก็ถูกนะถ้าฉันไปบ่นให้อาจารย์ฟังว่านายยั่วยุฉันกับรังแกเอฟเว่น ระหว่างเด็กที่ดีแต่จับกลุ่มคุยไม่ตั้งใจเรียนกับเด็กดีเด่นนักเรียนทุนอย่างฉันแล้วก็เอฟเว่นที่มาจากตระกูลใหญ่ใครกันที่อาจารย์จะเชื่อ” ดีทริชขู่ออกไปบ้าง แต่แรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นงานอะไรไรอันเพราะเขาไม่โง่ชกต่อยในโรงเรียนแล้วก็แค่เศษหินเท่านี้สนใจไปก็เท่านั้น

“จริงๆ นายอิจฉาเอฟเว่นใช่ไหมไรอัน เพราะว่าเอฟเว่นน่ารัก นิสัยดี มาจากตระกูลสูงนายเลยทนไม่ได้ที่เห็นใครดีกว่าตัวเอง”

“พูดบ้าอะไรดีทริช ไอ้หนอนอย่างเอฟเว่นนี่นะที่ฉันต้องอิจฉาตลกแล้วฉันก็แค่...”

“ก็แค่ริษยาที่เอฟเว่นมีดีกว่าทุกอย่าง จริงๆ ในห้องนี้ไม่มีใครแกล้งเอฟเว่นจริงจัง คนที่คอยหาเรื่องเพื่อนของฉันมีแค่นายไรอัน นายเกลียดเอฟเว่นเพราะอะไรงั้นหรือ” พวกเพื่อนในห้องเริ่มจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของไรอันกับเอฟเว่นจนมีเสียงหนึ่งตะโกนออกมา

“ไรอันอาจจะขายหน้าที่เอฟเว่นจำตัวเองไม่ได้ จำได้ว่าไรอันเป็นคนแรกที่เข้าไปทักเอฟเว่นในช่วงประถมนิเทศ”

ดีทริชประมาณการในหัวเริ่มจะเข้าใจบางอย่างได้เพราะหัวไว ส่วนเอฟเว่นงงงันเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเคยถูกไรอันทักตอนประถมนิเทศ เขาเป็นคนขี้อายถ้ามีคนแปลกหน้ามาทักจะกลัวและอาจจะลืมไปง่ายๆ ด้วยเช่นกัน

“ไรอัน นายงอนที่เอฟเว่นจำนายไม่ได้งั้นหรือ นายแอบชอบเอฟเว่นสินะ” ดีทริชยิ้มเยาะหยันส่วนเอฟเว่นตกใจและหันไปมองไรอันที่หน้าแดงแปร๊ด

“พูดอะไรบ้าๆ คนอย่างฉันนี่นะ...”

“นายนี่มันเด็กมากๆ เลยนะ แกล้งคนที่ตัวเองชอบนี่ อ้อที่หนักข้อขึ้นคงไม่พอใจที่เอฟเว่นมาสนิทกับฉัน นายหึงฉันหรือไรอัน” ดีทริชล้วงกระเป๋าแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไรอัน สีหน้าท่าทางเจ้าเล่ห์ท้าทายอยู่ในทีทำเอาคนถูกมองกัดฟันกรอด

“เหี้ยเอ๊ย”

 ไรอันเตะโต๊ะจนล้ม เขาหันไปมองเอฟเว่นแวบหนึ่งอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เห็นสีหน้าตกใจก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคงกลัวที่ตัวเองทำเสียงดัง การถูกเปิดโปงมันน่าขายหน้าไรอันเจ็บใจนึกหมายหัวดีทริชเอาไว้ ต้องมีจังหวะเล่นงานแน่ๆ ยังไงต้องระบายความแค้นครั้งนี้ให้ได้

               “ฝากไว้ก่อนเถอะดีทริช”

               “แทนที่จะฝากควรเอาเวลาไปคิดดีกว่านะว่าจะทำยังไงให้เอฟเว่นหันไปมองนาย”

 ไรอันแยกเขี้ยวแล้วออกจากห้องไป ฝ่ายนั้นโดดเรียนตลอดช่วงเช้าก่อนจะขออนุญาตกลับบ้านไปโดยบอกว่าป่วย ซึ่งก็น่าจะทำได้เพราะไรอันเองก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะเช่นกัน

“ทริชไม่น่าสร้างศัตรูเพื่อฉันเลย” เอฟเว่นแสดงความเป็นห่วงปัดเรื่องที่ไรอันชอบตนเองทิ้งไปจากหัวจนหมด

“นายห่วงตัวเองเถอะ ไม่แน่นะว่าจากนี้เจ้าไรอันอาจจะเดินหน้าตามจีบอย่างไม่ลดละก็ได้”

เอฟเว่นลำบากใจขึ้นมาทันที ถ้าถูกไรอันตื้อจีบคงไม่ดีแน่ คนที่เขาชอบคือมาเรี่ยนแล้วพวกเขาสองคนเริ่มมีความลับด้วยกันเขาไม่อยากให้คนอื่นมาวุ่นวายเลยซักนิด

“ห่อเหี่ยวอะไรขนาดนั้น เอางี้นะถ้านายไม่ชอบหมอนั่นฉันจะกันท่าให้นายเองไม่ต้องห่วง”

“จะ..จริงหรือทริช” เอฟเว่นใจชื่นขึ้นมาหน่อย ดีทริชลูบหัวเขาไปมา

“แน่นอนสิเราเป็นเพื่อนกันนี่”

จากนั้นพอถึงชั่วโมงชมรมเอฟเว่นก็แยกจากดีทริชแล้วไปยังสวนกุหลาบมองหามาเรี่ยนไปรอบๆ ก่อนจะถูกสะกิดจากด้านหลังเขาสะดุ้งจนตัวโยน เสียงหัวเราะของมาเรี่ยนทำให้รู้ว่าใครกันที่เล่นงานตัวเอง

“รับไปสิ” เอฟเว่นรับถุงกระดาษมาในนั้นมีอะไรบางอย่างมาเรี่ยนไม่ได้พูดอะไรอีกเขาเดินไปยังแปลงกุหลาบทำในสิ่งที่ทำเป็นปกติทุกวัน จากนั้นเขาจึงเปิดดูของในถุง

“คุกกี้นี่ อ๊ะมีกระดาษโน้ต”

 กระดาษโน๊ตเขียนไว้ว่า<ชั่วโมงคหกรรมห้องของผมเขาสอนทำขนมนี่เป็นคุกกี้ที่ผมทำเธอเอาไปทานซะนะ>

เอฟเว่นยิ้มจนแกล้มปริเขาเริ่มต้นวาดภาพไปกินขนมไปเรื่อยๆ พอวาดจนพอใจเขาเขียนโน๊ตขอบคุณพรรณาถึงความอร่อยอย่างยาวเหยียดก่อนจะนำสอดไว้ในสมุดวาดภาพและนำทั้งหมดไปใส่ไว้ในตู้เก็บของส่วนตัวรอให้มาเรี่ยนมาเอาไป

“ไปหาดีทริชก่อนกลับดีกว่า” เดาว่าดีทริชน่าจะไปที่ห้องสมุดแล้วก็จริงด้วยเอฟเว่นเห็นเงาร่างในชั้นหนังสือแออัดแต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็ต้องหลบวูบที่มุมเพราะแฟรงค์ก็อยู่ด้วย ต้องแอบฟังอย่างช่วยไม่ได้

“เกิดอะไรขึ้นดีทริชได้ข่าวว่าพวกเด็กในสลัมออกจากแก็งเรากันหมดสินะ”

“ช่วยไม่ได้พวกเขามีหนทางหาเงินที่ดีกว่า” ดีทริชเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นอย่างไม่ยี่หระ

“เอาเถอะถ้านายไม่ใส่ใจเรื่องขนาดแก็งที่เล็กลงฉันก็ไม่ว่า ยังไงหัวหน้าก็คือนายรองอย่างฉันก็ทำได้แค่สนับสนุนเท่านั้น ว่าแต่...” แฟรงค์ขยับเข้าไปใกล้ดีทริช เอฟเว่นเกร็งตัวด้วยความเครียดเพราะแฟรงค์สัมผัสหน้าผากดีทริชด้วยมืออย่างเกินเลย

“นายไม่สบายหรือเปล่านี่ สีหน้าไม่ดีเลยนะ”

“เปล่าน่า” ดีทริชปัดมือแฟรงค์ออก “นายเป็นห่วงเกินไปแล้ว”

“ต้องเป็นห่วงสิคนน่ารักอย่างนายป่วยไปน่าสงสารแย่” ดีทริชเลิกคิ้วแฟรงค์ขยับเข้ามาใกล้อีกจนแทบจะเบียด เอฟเว่นรีบแสดงตัวให้ทั้งคู่เห็นเพื่อไม่ให้แฟรงค์รุกไล่ดีทริชไปมากกว่านี้ทั้งคู่หันมามอง

“อ้อ เอฟเว่นรูคนี่เอง” แฟรงค์เดาะลิ้น “หมู่นี้มีข่าวลือว่านายกับหมอนี่คบกันเรื่องจริงหรือดีทริช”

“อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ แต่นายจะรู้ไปทำไมไม่ใช่เรื่องของนายนี่ ขอตัวก่อนนะแฟรงค์วันนี้ฉันมีธุระ”

ดีทริชเดินมาคล้องคอเพื่อนสนิทให้เดินจากมา เอฟเว่นหันไปมองดูแฟรงค์ อีกฝ่ายยืนกอดอกจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชาจจนน่าขนลุก ถูกหมายหัวซะแล้ว แฟรงค์เข้าใจว่าเขาคบกับดีทริชแต่มันก็น่าจะดีเพราะอย่างน้อยตัวเองจะได้กันหมอนั่นออกจากดีทริช



คุยท้ายเรื่อง

สลับกับเอฟเว่นบ้างหวังว่าคงจะไม่เบื่อน้า บางทีก็อยากจะเขียนncแต่พวกนางเด็กไปหรือเปล่านะ

ฮ่าฮ่า เกิดมโนธรรมในใจดื้อๆ แสดงความคิดเห็นหลังอ่านจบกันบ้างน้า ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เอฟเว่นนี่น่ารักจริงๆนะ
น่าเอ็นดู๊วววววน่าเอ็นดู

พ่อดีทริชนี่เป็นพ่อแท้ๆหรือเปล่าเนี่ย
ขายลูกได้ไร้จิตสำนึกสุดๆ เลว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด