พิมพ์หน้านี้ - #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: lucifer miumiu ที่ 14-01-2018 15:13:13

หัวข้อ: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 14-01-2018 15:13:13
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ อัพบทนำ+ตอนที่1 {14/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 14-01-2018 15:14:28
                                                       Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ

                                                                          บทนำ

หลายทศวรรษมาแล้วที่พวกมนุษย์ถูกปกครองด้วยราชวงศ์ปิศาจ เหตุผลที่ว่าคือเหล่ามนุษย์เต็มไปด้วยพวกเบต้าต่างกับปีศาจที่ล้วนแล้วแต่เป็นอัลฟ่าเสียส่วนใหญ่ ถึงอย่างนั้นพวกปีศาจก็ยังต้องพึ่งพวกมนุษย์เพราะพวกปีศาจจะให้กำเนิดทายาทด้วยการสมสู่กับโอเมก้าซึ่งมีอยู่ในหมู่มนุษย์กับพวกลูกครึ่งเท่านั้น

อัลฟ่าด้วยกันหรือเบต้าไม่สามารถให้กำเนิดทายาทแก่เหล่าปิศาจได้ ดังนั้นโอเมก้าจึงเป็นกลุ่มชนชั้นล่างที่สำคัญมีมูลค่ามากและบ่อยครั้งมักจะถูกบังคับจับไปขายในตลาดมืดหากไม่ได้รับความเอาใจใส่จากผู้ปกครอง

ในปีที่3xxxจูปิเตอร์อยู่ภายใต้การปกครองของราชินีปิศาจเดียร์น่ากินระยะเวลาหลายพันปีแล้ว แม้ว่าทุกอย่างจะดูเหมือนสงบสุขแต่ตระกูลขุนนางถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายแวมไพร์และเหล่าอสูรกลายร่าง

เดียร์น่าซึ่งเป็นอัลฟ่าต้องการจะสงบศึกจึงรับเอาโอเมก้าจากเผ่าแวมไพร์และโอเมก้าจากเผ่าอสูรกลายร่างมาเป็นชายาซ้ายขวา แต่โดยไม่รู้ตัวชายาลีฟาโอเมก้าจากเผ่าอสูรกลายร่างริษยาเอลล่าโอเมก้าจากเผ่าแวมไพร์

ถึงแม้ตนเองจะให้กำเนิดทายาทน้อยๆ ให้ราชินีปิศาจแต่นางก็วางแผนฆ่าเอลล่า โชคร้ายนางถูกราชินีปิศาจจับได้ เดียร์น่าปลิดชีพนางทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุรัชทายาทตัวน้อยหายสาบสูญไปจากปราสาท

ราชินีปิศาจเดียร์น่าตรอมใจจึงเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยอมพบผู้ใดง่ายๆ เป็นผลให้รอยซีฟัสมือขวาวางแผนทรยศ ราชินีปิศาจต้องลงมือด้วยตัวเองแต่ไม่สามารถกำจัดแวมไพร์ผู้ทรยศตนนี้ได้

รอยซีฟัสหายสาบสูญไป จากนั้นเพราะไร้รัชทายาทสืบทอดเดียร์น่าจึงเลือกทายาทแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์จากตระกูลของเอลล่าอดีตชายาซึ่งเสียชีวิตไปขึ้นเป็นรัชทายาท

ส่งผลให้เผ่าอสูรกลายร่างเกิดความไม่พอใจการแต่งตั้งจึงต้องหยุดเอาไว้ สภาขุนนางเสนอบุตรชายคนโตจากเผ่าอสูรกลายร่างอีกหนึ่ง เพราะเหตุนี้ความบาดหมางของเผ่าแวมไพร์และอสูรกลายร่างจึงมีมากกว่าเก่า

ลึกๆ แล้วเผ่าอสูรกลายร่างไม่เชื่อคำพูดของราชินีปิศาจเรื่องที่ลีฟาวางแผนฆ่าเอลล่าด้วยเหตุผลที่ว่าลีฟานั้นมีทายาทให้แก่ราชินีปิศาจส่วนเอลล่าป่วยหนักจนไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้อีก

เรื่องที่เล่าจนถึงตอนนี้มาจากเรื่องจริงในหนังสือประวัติศาสตร์ซึ่งทุกคนในจูปิเตอร์ทราบดีเพราะเหตุการณ์ยังผ่านไปไม่นานนัก แม้ว่าจะเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญแต่สำหรับดีทริชแล้วเป็นเรื่องชวนง่วงและก็ไม่น่าสนใจ

โลกของดีทริชนอกจากแม่และกลุ่มอันธพาลวัยประถมแล้วทุกอย่างอยู่นอกเหนือความสนใจของเขาโดยสิ้นเชิง แต่ก็มีเจ้าหนอนน้อยสูงศักดิ์น่ารักๆ ดึงดูดเข้าจนได้

เอฟเว่น รูค เพื่อนร่วมชั้นที่แสนอ่อนโยนและอ่อนแอ หมอนี่เข้ามาอยู่ในสายตาของเขาเพราะว่ามีหลายสิ่งคล้ายกับแม่ผู้น่าสงสาร ดังนั้นเมื่อคนคนนี้ถูกรังแกดีทริชจึงยื่นมือเข้าช่วย แน่นอนด้วยอำนาจเส้นสายไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งเอฟเว่นอีก

ดีทริชกับเอฟเว่นกลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่ความต่างระหว่างฐานะและกลุ่มเพื่อนรอบข้างก็ทำให้อยู่ในสภาพที่ดีทริชมักจะพูดอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นเพื่อนแอบคบ สำหรับเอฟเว่นแล้วสร้างความเสียใจและลำบากใจมากทีเดียว

เอฟเว่นทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้เป็นเพื่อนกับดีทริชต่อถึงจะถูกพวกผู้ใหญ่กีดกันหรือถูกเด็กคนอื่นๆ ขัดขวาง ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนดำเนินมาจนถึงประถมหก

เรื่องราวแสนเศร้ามันเริ่มต้นขึ้นในวันที่พวกผู้ใหญ่ตรวจเพศที่สองของเด็กประถมหกซึ่งอยู่ในวัยที่สมควรและล่อแหลมโดยเฉพาะโอเมก้ากับอัลฟ่าที่จะทำเมินเฉยทั้งสองเพศนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ อัพบทนำ+ตอนที่1 {14/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 14-01-2018 15:17:38

บทที่1

ดีทริช ไอแวน มองดูปานรูปดอกไม้ที่กลางอกของตนเองอย่างเพ่งพินิจแม่บอกเขาว่ามันสวยงามแต่จะให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด เขาทั้งรักและเชื่อฟังแม่อย่างที่สุดเพราะฉะนั้นในชั่วโมงว่ายน้ำเขาจะโดดเรียน กับอีแค่ว่ายน้ำเขาว่ายได้คล่องตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบด้วยซ้ำ

ดีทริชมีแขนขายาวเก้งก้างเพราะตัวสูงกว่าเด็กประถมในวัยเดียวกัน เส้นผมสีน้ำตาลทองดวงตาสีเขียวใสรูปลักษณ์ที่เหมือนเทวดานี้บ่อยครั้งที่คนในสลัมมักจะพูดว่าเขาเป็นลูกชู้

“แม่แกสวยนะทริชบางทีแกอาจจะได้เชื้อความงามมาจากแม่ แต่พ่อกับแม่แกผมสีดำนี่ แกไปเอาผมสีน้ำตาลทองมาจากไหนกันวะ”

ลุงแก่ขี้เมาเพื่อนปากเสียของพ่อที่แสนจะเกลียดพูดบ่อยครั้งที่เห็นเขา แต่ก็เป็นทุกทีที่พ่อซึ่งเอาแต่เมาจะหัวเราะก่อนบอกปัดแล้วอาละวาดสั่งให้แม่เอาเงินไปซื้อเหล้ามาให้

ดีทริชไม่เข้าใจซักนิดเพราะอะไรผู้หญิงอย่างแม่ถึงได้จมปลักกับผู้ชายเลวแบบพ่อ แม่ยอมทำงานงกๆ เพื่อเลี้ยงเขาและปล่อยให้พ่อเอาแต่เมา ยอมจมอยู่ในสลัมทั้งที่หน้าตาสะสวยสามารถจับผู้ชายดีดีซักคนก็ย่อมไม่ยาก

แม่มีผู้ชายมาจีบมากแต่ก็ปฏิเสธไป ถึงคนเหล่านั้นจะบอกว่าเต็มใจดูแลเขากับแม่และสามารถจัดการพ่อเลวให้ถึงที่สุดได้ แม่ไม่รับข้อเสนอพวกนี้หลายต่อหลายครั้งจนดีทริชสิ้นหวัง

ดีทริชมีหนทางหาเงินมากมายจากการช่วยเหลือของเด็กจากกลุ่มอันธพาลที่ตนเป็นหัวหน้า เขาลงแรงไปมากในการตั้งกลุ่มขึ้นมา วิธีการหาเงินหลักๆ คือการล้วงกระเป๋าจากแขกที่เข้ามาเป็นลูกค้าโสเภนีชั้นต่ำในย่านสลัม

แน่นอนว่ามันไม่ง่ายแต่กลุ่มก้อนของเขาทำงานเป็นระบบจึงไม่เคยถูกจับได้ซักครั้ง ดีทริชหาเงินด้วยวิธีนี้เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ แม่ไม่เคยรู้ท่านทราบแต่ว่าเขาตั้งใจเรียนในฐานะนักเรียนทุน มันก็เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งที่ติดตัว

ดีทริชเป็นเด็กที่หัวดีมากๆ จึงทำให้สามารถเข้าไปเรียนในโรงเรียนชั้นสูงได้ ถึงแม้จะแปลกถิ่นแต่เขาก็สามารถสร้างกลุ่มก้อนอันธพาลในนั้นชักจูงให้พวกเด็กๆ ออกมาทำเรื่องไม่ดีด้านนอกได้

เพราะอย่างนี้ละมั้งดีทริชในวัยสิบเอ็ดขวบจึงลำพองใจมาก เขาฉลาดและเป็นที่หนึ่งในทุกที่มั่นใจว่าตัวเองต้องเป็นเบต้าที่มีพรสวรรค์ที่สุด จนบางครั้งก็ฝันเลยเถิดว่าที่แท้แล้วเขาคืออัลฟ่าเสียด้วยซ้ำไป

วันที่เป็นวันหยุดเรียนดีทริชมักจะชวนกลุ่มอันธพาลของตัวเองออกล้วงกระเป๋า สำหรับเด็กที่บ้านมีฐานะพวกเขาแค่ต้องการความท้าทายในขณะที่เด็กในสลัมดีทริชจำต้องแบ่งสรรปันส่วนอย่างเป็นระบบ

หลังจากมองดูปานรูปดอกไม้ตรงกลางอกจนเบื่อดีทริชก็สวมเสื้อผ้าจัดแต่งผมเผ้าสวมหมวกผ้าปกปิดหน้าตาการแต่งตัวรัดกุมมิดชิดเพื่อธุรกิจล้วงกระเป๋าของกลุ่มที่ตนตั้งมา

เขาเปิดประตูห้องเดินตรงไปหาแม่ที่นั่งซักผ้าให้ลูกค้าในสลัม แม่ทำอาชีพนี้มาตั้งแต่เขาจำความได้เงินส่วนใหญ่ที่ได้มาเป็นกอบกำหมดไปกับค่าเหล้าค่าอาหารอีกนิดหน่อย โชคดีจริงๆ ที่บ้านหลังนี้ไม่ต้องเสียเงินเช่า

“แม่ฮะผมไปก่อนนะฮะ” ดีทริชเข้าไปกอดแม่จากด้านหลัง

“ทานขนมปังบนโต๊ะก่อนสิ”

“มันไม่กินหรอกน่าเอามาให้ข้าสิวะ ข้าหิวจะแย่แล้ว”

คนเมาโงหัวขึ้นจากพื้น แม่ปลายตามองเหยียดหยามดีทริชเองก็เหมือนกัน ทำไมมันไม่ตายเพราะพิษสุราเรื้อรังเสียทีนะ

“ของคุณฉันแบ่งเอาไว้ในครัวแล้ว ตรงโต๊ะเป็นของดีทริช” แม่รีบตรงไปคว้าขนมปังบนจานมายื่นส่งให้เขา

“รีบทานซะนะดีทริชถ้าไม่ทานจะหน้ามืดระหว่างออกไปเล่นนะจ๊ะ”

ดีทริชใช้มือถูจมูกไปมาแล้วรับขนมปังมากัดกร้วมๆ ขนมปังราคาถูกแสนแข็ง ส่วนใหญ่เขาจะไม่กินมันเก็บเอาไว้ให้แม่แล้วไปหาลักขโมยเอาจากข้างนอก เงินเหล่านั้นไม่สามารถนำมาให้แม่ได้เขาทำแค่ใช้กับเรื่องส่วนตัวแบ่งเบาภาระของแม่

นั้นเพราะไม่อยากให้แม่รู้ ส่วนค่าขนมของแม่จริงๆ เขาก็อ้างว่าเป็นเงินเหลือนำมาซื้อข้าวของกับอาหารให้กับแม่แทน แม่มักจะบ่นบ่อยๆ ว่าค่าขนมที่ให้ไปควรใช้ให้เต็มที่แต่แค่ช่วงแรกเท่านั้นหลังๆ มีแต่คำชม

“หัวหน้า” เสียงอึกทึกของกลุ่มเด็กในอาณัติดังที่หน้าบ้าน ดีทริชบอกลาแม่แล้วออกไปด้านนอก

“มีอะไรไอ้พวกโง่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้มาจับกลุ่มหน้าบ้านของฉัน” ดีทริชปลายมองเย็นชา

“แย่แล้วหัวหน้าลูกน้องเราโดนจับได้ตอนล้วงกระเป๋าแขกคนหนึ่งของมาม่าเหลียน”

ดีทริชตกใจแต่ยังรักษาอาการ

“แล้วถูกจับส่งตำรวจหรือเปล่า”

“ถ้าส่งตำรวจคงจะดีกว่านี้ แต่เจ้าพวกนั้นทำท่าจะซ้อมเจ้าอ้วนน่ะสิหัวหน้ารีบไปเร็ว”

ดีทริชวิ่งตามลูกน้องทั้งฝูงไป เมื่อมาถึงพวกเขาหลบมองอยู่ที่หัวมุม

“ไอ้หนูมึงรู้ไหมว่าล้วงกระเป๋าใคร” ชายในชุดสูทสีดำหน้าตาหน้ากลัวขู่ฟ่อ มันไม่ได้มาคนเดียวยังมีคนในเครื่องแบบเหมือนกันรายล้อมเจ้าอ้วนอีกห้าหกคน

ดีทริชสังเกตดูกลุ่มคนที่ล้อมรอบ ในกลุ่มนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดยืนพิงรถยนต์คันหรูมองดูเหตุการณ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ใครกันนะดูจากรูปร่างหน้าตาไม่น่าจะใช้คนในสลัม ด้วยรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาเส้นผมสีเงินส่องสว่างและดวงตาสีม่วงแม้ว่าจะอยู่ในสูทดำแบบเดียวกับคนอื่นๆ แต่ก็ยังโดดเด่นจนไม่น่าจะเป็นผู้คนทั่วๆ ไป

พวกปีศาจต้องเป็นพวกปีศาจที่เป็นอัลฟ่าอย่างแน่นอน มาทำอะไรในย่านโสเภนีของสลัมแบบนี้นะ ด้วยรูปร่างฐานะน่าจะหาโสเภนีชั้นสูงได้ไม่ใช่หรือไง แปลก...แปลก...มากๆ

“เงินอยู่ที่ไหนวะก่อนจะฆ่ามึงกูต้องได้เงินไปคืนนาย” พวกสูทดำตะคอก เจ้าอ้วนตัวสั่นงันงก

“เงินอยู่ไหน” ดีทริชหันไปถามลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง เจ้าคนที่เก็บกระเป๋าเงินหรูหราเอาไว้ยื่นส่งของมาให้เขา

“ถ้าเอามาคืนไม่ได้กูจะตัดมือมึงนะ”

เป็นเรื่องแล้วไง แต่ดีทริชไม่เชื่อหรอกว่าพวกมันจะกล้าลงมือกับเด็ก จนเมื่อไอ้คนขู่กลายร่างเป็นแวร์วูฟขู่คำรามน้ำลายฟูมปาก

“ว๊าก....” เจ้าอ้วนกรี๊ดร้องด้วยความกลัว ดีทริชทนดูต่อไปไม่ได้อีกถลาออกไปนอกที่ซ่อน

“ถ้ากระเป๋าเงินของพวกแกล่ะก็อยู่นี่” ไม่ทันขาดคำแวร์วูฟกระโจนคล่อมดีทริชทันทีกรงเล็บจิกเข้าที่เนื้ออ่อนจนเลือดซิบ กลิ่นหมาเหม็นฟุ้งเข้าจมูกน้ำลายของมันไหลหยดลงมาบนใบหน้า

“คืนของมาก็ใช่ว่ากูจะไว้ชีวิตพวกมึงนะ” เจ้าแวร์วูฟพูดด้วยเสียงเหี้ยม

“เดี๋ยว...” ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไรจากที่ที่อยู่ห่างกันถึงขนาดนั้น แต่เด็กหนุ่มผมเงินยืนตระหง่านค้ำร่างของดีทริชกับแวร์วูฟ

“ถอยออกไปฉันจะพูดกับหมอนี่” แวร์วูฟถอยออกตามคำสั่ง ดีทริชเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ดูท่าจะแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าดีนะ” เด็กหนุ่มผมเงินหัวเราะเสียงต่ำ

“ขอถามหน่อยสิตามจริงจะปล่อยเจ้าเด็กอ้วนนั่นทิ้งไปก็ได้ทำไมถึงกระโจนออกมาคืนของ”

“เป็นพี่ใหญ่ก็ต้องปกป้องลูกน้องสิ” ดีทริชตอบไปตามที่คิด นอกจากที่พูดไปเขาไม่สามารถดูดายปล่อยให้ใครตายต่อหน้าได้ด้วยเช่นกัน

“งั้นถ้าฉันจะบอกว่าจะปล่อยเจ้าอ้วนนั่นไปก็ได้ แต่นายต้องถูกลงโทษแทนจะยอมหรือเปล่า”

สมองน้อยๆ ประมวลผลคำพูดทันที เจ็บตัวแทนคนอื่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย เขาไม่เอาด้วยแน่ เจ้าอ้วนส่งเสียงแผดร้องขอความเมตตาจากเขา พอเบนสายตากลับมาพบว่าเด็กหนุ่มผมเงินกระตุกยิ้มหยามหยันคล้ายกับจะตอกหน้า

“นึกอยู่แล้วว่าต้องเลือกตัวเองไว้ก่อน เอาเจ้าอ้วนมา”

 สิ้นคำสั่งหนึ่งในชายชุดดำก็ลากเจ้าอ้วนมาตรงหน้าดีทริช เด็กหนุ่มผมสีเงินถีบเข้าที่ใบหน้าเจ้าอ้วนตามจริงควรจะล้มกลิ้งแต่ถูกพวกชุดดำจับให้ทรงตัวเพื่อที่เจ้านายของมันจะได้เล่นงานถนัดมือ

“ไม่เห็นต่างกันตรงไหนระหว่างออกมาหรือไม่ออกมาช่วย” เด็กหนุ่มผมเงินถีบเข้าที่ร่างกายของเจ้าอ้วนครั้งแล้วครั้งเล่าเสียงร้องโหยหวนทำให้ดีทริชไม่กล้าหันไปมอง

เขากลัว แต่ถ้าเจ้าอ้วนตายไปความผิดบาปครั้งนี้จะตรึงอยู่ในใจไปตลอดชีวิต ร่างกายมันไปก่อนที่จะตัดสินใจเสียอีกดีทริชโถมกอดเจ้าอ้วนรับฝ่าเท้าของเด็กหนุ่มผมเงินแทนเสียเอง

“เอ๊ะ...แปลกดีจัง....อยู่ๆ อยากทำตัวเป็นฮีโร่” ดีทริชถูกระชากผมจากด้านหลัง สายตาแข็งกร้าวประสานเข้ากับดวงตาของเด็กหนุ่มผมเงิน

“ใช้ได้นี่นา” ถูกกระชากคอให้ยืนขึ้นแล้วถูกตบจนใบหน้าสะบัดหันแต่ทุกครั้งที่ถูกกระทำดีทริชส่งสายตาเคียดแค้นไปให้เด็กหนุ่มผมเงิน ไม่นานนักเลือดก็หลั่งรินจากปากที่โดนเล่นงานจนช้ำ

“เกินคาดจริงๆ ฉันชอบสายตาของนาย บอกชื่อมาสิ”

อีกฝ่ายรามือไปแล้วแต่ดีทริชยังอยู่ในอ้อมแขนของคนกระทำ เขาไม่อยากบอกชื่อของตัวเองให้หมอนี่ทราบดังนั้นจึงกัดฟันถลึงตาใส่ดุดันกว่าเดิม

“อยากฆ่าก็ฆ่าเลย ชีวิตฉันไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว”

“น่าเสียดายจริงๆ ที่ฉันต้องไปศึกษาเล่าเรียนที่เมืองอื่น ไม่อย่างนั้นคงได้มาเล่นสนุกด้วยทุกวัน” ดีทริชถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

“กลับ” เด็กหนุ่มผมเงินออกคำสั่ง ฝ่ายนั้นใช้ดวงตาสีม่วงจ้องมองดีทริชตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ยังไม่ได้ตรวจเพศที่สองสินะ ถ้าเป็นโอเมก้าคงจะสนุกน่าดู”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” ดีทริชตะโกนไล่หลังอย่างหัวเสีย ไอ้หมอนั่นมันพูดเหมือนกับว่าเขาต้องเป็นโอเมก้าแน่ๆ แล้วมันอะไรกันวะคำพูดล่อแหลมที่เหมือนกับจะเก็บเกี่ยวนั่น ไอ้เลวใครมันจะยอมวะ

คนอย่างดีทริชนะหรือจะเป็นโอเมก้าเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างนั้น แค่คิดก็ตลกแล้ว



คุยท้ายเรื่อง

จัดหน้ากระดาษในเล้าไม่เป็นเลยคนอื่นเขาสวยงามกันขอโทษที่อาจอ่านยากนะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ อัพบทนำ+ตอนที่1 {14/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 14-01-2018 16:23:44
 :mc4:ชอบโอเมก้า
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ อัพบทนำ+ตอนที่1 {14/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 15-01-2018 08:19:58
 :mc4:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ อัพบทนำ+ตอนที่1 {14/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 15-01-2018 09:08:41
คนเขียนมาต่อเรื่อยๆเน้อออออออ


 :katai2-1:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ อัพบทนำ+ตอนที่1 {14/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 15-01-2018 09:49:00
บทที่2

               “สืบเรื่องของเจ้านั่นมาทีซิ” หลังจากเข้ามานั่งในรถก็ออกคำสั่งกับลูกน้องของตนทันที โนเอลยังจำรูปรสกลิ่นเสียงโดยเฉพาะแววตาสีเขียวแข็งกร้าวนั้นได้

ถูกใจ

ไม่ใช่แค่ธรรมดานะแต่ค่อนข้างมากเสียด้วยสิ โนเอลชอบทั้งรูปร่างหน้าตาและความพยศราวกับสัตว์ป่า นอกเหนือไปจากนั้นลางสังหรณ์มันบอกว่าเจ้าหมอนั่นต้องเป็นโอเมก้าแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะอธิบายแรงดึงดูดที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร

คู่ในพรหมลิขิตของตนเอง คิดอย่างนั้นได้เพราะฆานสัมผัสถูกกระตุ้นเร้าอย่างรุนแรง

แต่ยังไม่มั่นใจนักเป็นเพราะตนเองคนเดียวที่รู้สึกถึงสิ่งนั้น การที่อีกฝ่ายไร้ปฏิกิริยาตอบสนองคงเพราะเจ้านั่นยังไม่ถึงวัยเจริญพันธ์เลยไม่เกิดแรงดึงดูดเหมือนๆ กัน ไม่อย่างนั้นเพศที่สองของเจ้านั่นคือเบต้าและโนเอลคิดเพ้อไปเองด้วยรูปโฉมที่ต้องตาโดนใจ

ถึงจะเป็นเบต้าก็เถอะ แต่ลงว่าอยากได้มันก็คืออยากได้ด้วยอำนาจที่โนเอลมีการจะเอามาเป็นของตัวเองมันไม่ยากเลยและคงไม่มีใครขัดขวาง ลูกคนรองอย่างเขาสามารถทำตามใจชอบได้ไม่เหมือนกับแม็กซิมพี่ชายคนโต

นึกถึงพี่ชายก็จริงแต่คนที่ปรากฏเป็นภาพในห้วงความคิดกลับเป็นสัตว์ป่าตัวจ้อยนั่น อายุยังน้อยมากหากให้กะเอาน่าจะห่างจากโนเอลไม่เกินสี่ปี โนเอลอมยิ้มด้วยความสนุกสนานการได้ฟูมฟักบ่มเพาะเจ้าสัตว์แสนพยศตัวนี้คงทำให้ชีวิตที่มีแต่ความเบื่อหน่ายมีสีสันขึ้นเป็นแน่

คู่พรหมลิขิตงั้นหรือถ้าเป็นโอเมก้าคงอธิบายแรงดึงดูดอันหอมหวานที่เชิญชวนเมื่อกี้ได้ แม้แต่ตอนนี้ภายในใจยังกระวนกระวายกับการที่ต้องทิ้งระยะห่างโนเอลไม่เคยเป็นแบบนี้กับโอเมก้าที่ไหนมาก่อน แน่นอนว่ามันคือแรงดึงดูดที่อยู่นอกเหนือจากอาการฮีท

ไม่ใช่ฮีทหื่นกระหายอย่างขาดสติตามสัญชาติญาณ แต่มันมีแรงกระตุ้นจากภายในรูปรสกลิ่นเสียงปลุกเร้าฆานวิญญาณของโนเอลได้ทั้งหมด มันช่างน่าตื่นเต้นที่พบว่าพรหมลิขิตหนึ่งในล้านดันกลายเป็นเจ้าหัวโขมยป่าเถื่อนในสลัม

ตัดสินใจเด็ดขาดลงไปถึงไม่ใช่โอเมก้าเจ้าสัตว์ป่าตัวนั้นก็ต้องมาอยู่ในกำมือของโนเอลไม่มีสิ่งไหนจะแน่นอนไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

โลกใบเล็กของเอฟเว่น รูค นอกจากพ่อแม่แล้วก็มีเพื่อนอีกไม่กี่คน แต่ถึงแม้จะมีเพื่อนอยู่บ้างคนที่สามารถพูดทุกเรื่องได้จริงๆ กลับมีเพียงดีทริชคนเดียว

ดีทริชเป็นเพื่อนคนเดียวที่เอฟเว่นสามารถเปิดอกพูดทุกอย่างที่คิดได้ ทั้งเรื่องครอบครัวเรื่องไร้สาระเพราะว่าเพื่อนสนิทจะรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ดูถูกเหยียดหยามความเป็นตัวเขาเหมือนที่คนอื่นทำ

เอฟเว่นเกิดมาในตระกูลที่มีเชื้อสายแวมไพร์ผู้นำตระกูลรูคทุกรุ่นล้วนแต่เป็นอัลฟ่าทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เอฟเว่นจึงถูกตั้งหวังเอาไว้สูงเรื่องเพศรองของเขารวมไปถึงผลการเรียนและเส้นทางชีวิตทุกๆ ด้าน เพราะเป็นลูกคนเดียว

หลายต่อหลายครั้งที่ถูกพ่อแม่ต่อว่าเรื่องที่จิตใจอ่อนแอ มีเพียงดีทริชเท่านั้นที่ระบุเอานิสัยไม่ได้เรื่องได้ราวของเขาเป็นความอ่อนโยน ดังนั้นเอฟเว่นจึงกลายเป็นเพื่อนรักกับดีทริช

ดีทริชแตกต่างจากตนเองอย่างที่สุด ดีทริชกล้าหาญ เรียนเก่ง ในขณะที่เอฟเว่นอ่อนแอ ไร้ซึ่งความกล้าในทุกสิ่ง เอฟเว่นเบื่อทุกอย่างที่พ่อแม่ยัดเยียดให้แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่ทำตามอย่างว่าง่ายจนทุกวันกลายเป็นมนุษย์ที่ขาดสีสันในชีวิต มีเพียงดีทริชและคนที่แอบมองคอยหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื่นใจ

งานถนัดของเอฟเว่นคือวาดรูป ในเวลาชมรมของทุกวันจะต้องปลีกตัวออกมาแอบนั่งวาดรูปเพื่อนร่วมโรงเรียนคนหนึ่งจนเป็นนิสัย มาเรี่ยน ครอส เด็กชายผมดำนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม เด็กชายที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์และหน้าตามีชื่อเสียงพอๆ กับดีทริชซึ่งต่างกับเขาที่มีดีเพียงหน้าตาและชาติตระกูล

มาเรี่ยนจะออกมาดูแลดอกกุหลาบในสวนของโรงเรียนทุกวัน ด้วยกิจวัตรที่สม่ำเสมอมันจึงเอื้อประโยชน์ให้เอฟเว่นสามารถแอบวาดรูปของคนคนนี้ได้ตลอดเท่าที่ต้องการ

ยิ่งวาดรูปของอีกฝ่ายมากขึ้นเอฟเว่นก็พบว่าตนเองหลงใหลในตัวมาเรี่ยนจนยากที่จะถอนตัว เรื่องนี้ไม่เคยปริปากบอกใครแม้แต่กับเพื่อนสนิทที่สุดอย่างดีทริช

“วาดอะไรอยู่” ดีทริชชะโงกหน้าจากด้านหลัง การที่เอฟเว่นสะดุ้งสุดตัวเพราะตกใจดูแล้วช่างน่าขำสุดๆ ดังนั้นจึงหัวเราะยกใหญ่

“อย่า...อย่าหัวเราะเสียงดังสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”

“กลัวอะไร...หรือกลัวนายแบบจะรู้ว่าแอบวาดรูปเขาอยู่”

 ดีทริชเดาได้ไม่ยากจากเส้นสายชัดเจนที่อยู่ในกระดาษกับระยะสิ่งมีชีวิตที่มองเห็นตอนนี้ เข้าใจหานายแบบวาดเสียด้วยอดยิ้มไม่ได้เมื่อมองดูเด็กชายรูปงามที่ยังตั้งอกตั้งใจดูแลกุหลาบโดยไม่สนใจเสียงเอะอะจากทางนี้

“ทำไมไม่ไปขอวาดใกล้ๆ ว่าแต่ขนาดอยู่ห่างขนาดนี้ยังวาดซะเกือบเหมือนนะ”

ดีทริชคว้ารูปมาจากมือเอฟเว่น ใบหน้าของมาเรี่ยน ครอส เห็นจนเคยชินเพราะหนุ่มหล่อคนนั้นมักจะได้รับรางวัลจากโรงเรียนสม่ำเสมอพอๆ กับตนเอง

“ฉันไปบอกให้เอาไหม”

“ไม่ต้องหรอก...ฉันแค่อยากวาดเขาขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้ต้องการให้มาเป็นนายแบบจริงจัง” เอฟเว่นกลัวเหลือเกินเขาไม่ต้องการให้คนอื่นจะรู้ว่าตัวเองชมชอบในตัวมาเรี่ยนแม้จะเป็นดีทริชก็ตาม

“งั้นก็ตามใจนะ” ดีทริชยิ้มกว้างไม่ได้เป็นคนชอบแกล้งกดดันให้ใครลำบากใจอยู่แล้ว ในขณะที่เอฟเว่นลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แล้วนี่ไม่ไปหลบนอนบนดาดฟ้ากับกลุ่มเพื่อนหรือ” เอฟเว่นถาม

“ก็นะ...เบื่อๆ นะ นี่คิดว่าจะไปห้องสมุดไปทบทวนบทเรียนซักหน่อย ไปด้วยกันไหมล่ะ”

“ม..ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันจะกลับเข้าห้องชมรมแล้ว”

“งั้นไว้เจอกันนะ” ดีทริชไปแล้วดังนั้นเอฟเว่นจึงก้มลงเก็บอุปกรณ์วาดภาพโดยไม่รู้ตัวมีเงาของคนคนหนึ่งพาดอยู่เหนือศีรษะ เงยหน้ามองเพราะคิดว่าคงเป็นดีทริชย้อนกลับมา

“อ๊ะ...” หัวใจแทบหลุดลงไปกองที่ตาตุ่ม มาเรี่ยนอยู่ตรงหน้าแล้วกำลังมองดูรูปที่เขาแอบวาดโดยใช้ฝ่ายนั้นเป็นต้นแบบ

“วาดเก่งดีนี่ ผมขอนะ”

อีกฝ่ายเอารูปไปโดยที่เอฟเว่นไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ ใจเต้นตึกตักจนแทบหลุดจากอกเขาสุดแสนจะดีใจที่มาเรี่ยนพูดคุยกับตนเอง วันนี้เป็นวันดีที่สุดในรอบปีเลยหลังจากแอบวาดรูปอีกฝ่ายมาเป็นปี เฝ้าจินตานาการว่าได้พูดคุยกับคนคนนั้นเสียหลายครั้ง โอกาสมันมาถึงโดยไม่ต้องลงมืออย่างกับทวยเทพดลบันดาล

“ปีนี้ต้องเป็นปีที่ดีแน่ๆ เลย” เอฟเว่นยิ้มกริ่มเดินฮัมเพลงไปตลอดทางหลังจากเลิกเรียนเขาก็ไปเจอกับดีทริชอีกครั้ง

“วันนี้ไปซื้อสีใหม่ด้วยกันนะทริช”

ปฏิกิริยาตอบรับจากเพื่อนสนิทคือเอียงคอและกระพรือขนตายาวงอนส่งมาอย่างน่ารัก ดีทริชสวยงามเหมือนพวกเทวทูตและนิสัยส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ เช่นกัน ถ้าไม่จับกลุ่มตั้งแก๊งทำเรื่องกวนเมืองจุดด่างพล้อยจะไม่มีแม้แต่ข้อเดียว

“พ่อแม่จะยอมให้นายไปกับเพื่อนแอบคบอย่างฉันหรือ พ่อแม่จะส่งคนเอารถมารับทุกครั้งนี่”

คำว่าเพื่อนแอบคบมันทำให้เจ็บปวด แต่ไม่โกรธที่ดีทริชเหน็บมาเพราะการกระทำของเขามันสมควรจริงๆ ตนเองหดหัวในรูแอบพบพูดคุยกับเพื่อนคนนี้อย่างลับๆ ไม่ให้พ่อแม่รู้

“วันนี้เราเลิกเร็วนี่นา ยังมีเวลาอีกหน่อย นะไปด้วยกันเถอะทริช”

“ใครจะปฏิเสธนายลงล่ะ”

จากนั้นดีทริชก็หันไปร่ำลากับเพื่อนหัวโจกในแก็งของตัวเอง เอฟเว่นมองดูแฟรงค์ กิลเลน คนที่เคยขับเคี่ยวกันมากับดีทริชก่อนจะยอมเป็นรองปล่อยให้เพื่อนของเขาเป็นหัวหน้าฝูงเด็กเกเรไป

ดูก็รู้ว่าแฟรงค์ชอบดีทริชและมักจะมองด้วยสายตาวาววับผิดวัยเสมอ แม้ว่าดีทริชจะตัวโตกว่าวัยก็ตามแต่ยังไม่เท่ากับแฟรงค์ นั่นเพราะหมอนี่ซ้ำชั้นและอายุมากกว่า

ด้วยนิสัยอันธพาลเกเรทำให้ต้องซ้ำชั้นและย้ายโรงเรียนมา ทั้งอย่างนั้นเพราะฐานะที่บ้านร่ำรวยมากจึงสามารถเข้ามาในโรงเรียนชั้นนำอย่างที่นี่ได้ แถมแฟรงค์เองก็เป็นอัลฟ่าที่มีเชื้อสายปีศาจดังนั้นจึงได้รับการปฏิบัติต่างจากเด็กทั่วไป

เอฟเว่นรู้สึกเป็นห่วงดีทริช บ่อยครั้งที่แฟรงค์มองเพื่อนสนิทด้วยสายตานักล่า ยิ่งใกล้เวลาตรวจเพศที่สองเพราะจะถึงวัยเจริญพันธ์เอฟเว่นยิ่งกังวล ตามปกติมนุษย์ทั่วไปมากกว่า95เปอร์เซ็นจะเป็นเบต้าอีก3เปอร์เซ็นคืออัลฟ่าและที่เหลือคือโอเมก้าตามลำดับ

เปอร์เซ็นที่ดีทริชจะเป็นเบต้ามีมากแต่ก็มีโอกาสจะเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะมองยังไงเพศโอเมก้าก็ไม่มีทางจะกลายเป็นของดีทริชไปได้ แต่เอฟเว่นยังคงกังวลไม่เลิกถ้าเกิดกลายเป็นโอเมก้าขึ้นมาจริงๆ แฟรงค์เป็นตัวอันตรายสำหรับดีทริชอย่างที่สุด

ดีทริชเล่าว่าแฟรงค์เคยทำรักกับผู้หญิงอายุมากกว่ามาก่อน เพื่อนสนิทเล่าอย่างไม่คิดอะไรเป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไปอย่างแกนๆ ที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังเพราะเอฟเว่นเรียกร้องอยากจะรู้เรื่องของดีทริชอยู่บ่อยครั้ง เขาเป็นห่วงกลัวเพื่อนจะได้รับอันตราย

อีกไม่นานก็จะตรวจสอบเพศกันแล้วเพราะอายุขนาดพวกเขาส่วนใหญ่จะเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ ยิ่งใกล้วันนั้นเท่าไหร่เอฟเว่นยิ่งกังวลเรื่องของดีทริชมากเท่านั้น ไม่ได้ห่วงตนเองซักนิดถึงเขาจะกลายเป็นโอเมก้าพ่อแม่ก็คงไม่ทอดทิ้งเขาอย่างไม่ดูดำดูดี

“งั้นไปกันเถอะเอฟเว่น” ดีทริชคล้องคอเอฟเว่นแล้วพากันเดินจากมา เอฟเว่นอดที่จะหันไปมองแฟรงค์กับกลุ่มเด็กที่เหลือไม่ได้ สายตาวาววับที่มองไล่หลังดีทริชยังเป็นสายตาที่น่ารังเกียจไม่สมวัยเหมือนเดิม


มาเรี่ยนจะออกมาดูแลดอกกุหลาบในสวนของโรงเรียนทุกวัน ด้วยกิจวัตรที่สม่ำเสมอมันจึงเอื้อประโยชน์ให้เอฟเว่นสามารถแอบวาดรูปของคนคนนี้ได้ตลอดเท่าที่ต้องการ
ยิ่งวาดรูปของอีกฝ่ายมากขึ้นเอฟเว่นก็พบว่าตนเองหลงใหลในตัวมาเรี่ยนจนยากที่จะถอนตัว เรื่องนี้ไม่เคยปริปากบอกใครแม้แต่กับเพื่อนสนิทที่สุดอย่างดีทริช

“วาดอะไรอยู่” ดีทริชชะโงกหน้าจากด้านหลัง การที่เอฟเว่นสะดุ้งสุดตัวเพราะตกใจดูแล้วช่างน่าขำสุดๆ ดังนั้นจึงหัวเราะยกใหญ่

“อย่า...อย่าหัวเราะเสียงดังสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”

“กลัวอะไร...หรือกลัวนายแบบจะรู้ว่าแอบวาดรูปเขาอยู่”

 ดีทริชเดาได้ไม่ยากจากเส้นสายชัดเจนที่อยู่ในกระดาษกับระยะสิ่งมีชีวิตที่มองเห็นตอนนี้ เข้าใจหานายแบบวาดเสียด้วยอดยิ้มไม่ได้เมื่อมองดูเด็กชายรูปงามที่ยังตั้งอกตั้งใจดูแลกุหลาบโดยไม่สนใจเสียงเอะอะจากทางนี้

“ทำไมไม่ไปขอวาดใกล้ๆ ว่าแต่ขนาดอยู่ห่างขนาดนี้ยังวาดซะเกือบเหมือนนะ”
ดีทริชคว้ารูปมาจากมือเอฟเว่น ใบหน้าของมาเรี่ยน ครอส เห็นจนเคยชินเพราะหนุ่มหล่อคนนั้นมักจะได้รับรางวัลจากโรงเรียนสม่ำเสมอพอๆ กับตนเอง

“ฉันไปบอกให้เอาไหม”

“ไม่ต้องหรอก...ฉันแค่อยากวาดเขาขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้ต้องการให้มาเป็นนายแบบจริงจัง” เอฟเว่นกลัวเหลือเกินเขาไม่ต้องการให้คนอื่นจะรู้ว่าตัวเองชมชอบในตัวมาเรี่ยนแม้จะเป็นดีทริชก็ตาม

“งั้นก็ตามใจนะ” ดีทริชยิ้มกว้างไม่ได้เป็นคนชอบแกล้งกดดันให้ใครลำบากใจอยู่แล้ว ในขณะที่เอฟเว่นลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แล้วนี่ไม่ไปหลบนอนบนดาดฟ้ากับกลุ่มเพื่อนหรือ” เอฟเว่นถาม

“ก็นะ...เบื่อๆ นะ นี่คิดว่าจะไปห้องสมุดไปทบทวนบทเรียนซักหน่อย ไปด้วยกันไหมล่ะ”

“ม..ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันจะกลับเข้าห้องชมรมแล้ว”

“งั้นไว้เจอกันนะ” ดีทริชไปแล้วดังนั้นเอฟเว่นจึงก้มลงเก็บอุปกรณ์วาดภาพโดยไม่รู้ตัวมีเงาของคนคนหนึ่งพาดอยู่เหนือศีรษะ เงยหน้ามองเพราะคิดว่าคงเป็นดีทริชย้อนกลับมา

“อ๊ะ...” หัวใจแทบหลุดลงไปกองที่ตาตุ่ม มาเรี่ยนอยู่ตรงหน้าแล้วกำลังมองดูรูปที่เขาแอบวาดโดยใช้ฝ่ายนั้นเป็นต้นแบบ

“วาดเก่งดีนี่ ผมขอนะ”

อีกฝ่ายเอารูปไปโดยที่เอฟเว่นไม่มีโอกาสได้โต้ตอบ ใจเต้นตึกตักจนแทบหลุดจากอกเขาสุดแสนจะดีใจที่มาเรี่ยนพูดคุยกับตนเอง วันนี้เป็นวันดีที่สุดในรอบปีเลยหลังจากแอบวาดรูปอีกฝ่ายมาเป็นปี เฝ้าจินตานาการว่าได้พูดคุยกับคนคนนั้นเสียหลายครั้ง โอกาสมันมาถึงโดยไม่ต้องลงมืออย่างกับทวยเทพดลบันดาล

“ปีนี้ต้องเป็นปีที่ดีแน่ๆ เลย” เอฟเว่นยิ้มกริ่มเดินฮัมเพลงไปตลอดทางหลังจากเลิกเรียนเขาก็ไปเจอกับดีทริชอีกครั้ง

“วันนี้ไปซื้อสีใหม่ด้วยกันนะทริช”

ปฏิกิริยาตอบรับจากเพื่อนสนิทคือเอียงคอและกระพรือขนตายาวงอนส่งมาอย่างน่ารัก ดีทริชสวยงามเหมือนพวกเทวทูตและนิสัยส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ เช่นกัน ถ้าไม่จับกลุ่มตั้งแก๊งทำเรื่องกวนเมืองจุดด่างพล้อยจะไม่มีแม้แต่ข้อเดียว

“พ่อแม่จะยอมให้นายไปกับเพื่อนแอบคบอย่างฉันหรือ พ่อแม่จะส่งคนเอารถมารับทุกครั้งนี่”

คำว่าเพื่อนแอบคบมันทำให้เจ็บปวด แต่ไม่โกรธที่ดีทริชเหน็บมาเพราะการกระทำของเขามันสมควรจริงๆ ตนเองหดหัวในรูแอบพบพูดคุยกับเพื่อนคนนี้อย่างลับๆ ไม่ให้พ่อแม่รู้

“วันนี้เราเลิกเร็วนี่นา ยังมีเวลาอีกหน่อย นะไปด้วยกันเถอะทริช”

“ใครจะปฏิเสธนายลงล่ะ”

จากนั้นดีทริชก็หันไปร่ำลากับเพื่อนหัวโจกในแก็งของตัวเอง เอฟเว่นมองดูแฟรงค์ กิลเลน คนที่เคยขับเคี่ยวกันมากับดีทริชก่อนจะยอมเป็นรองปล่อยให้เพื่อนของเขาเป็นหัวหน้าฝูงเด็กเกเรไป

ดูก็รู้ว่าแฟรงค์ชอบดีทริชและมักจะมองด้วยสายตาวาววับผิดวัยเสมอ แม้ว่าดีทริชจะตัวโตกว่าวัยก็ตามแต่ยังไม่เท่ากับแฟรงค์ นั่นเพราะหมอนี่ซ้ำชั้นและอายุมากกว่า

ด้วยนิสัยอันธพาลเกเรทำให้ต้องซ้ำชั้นและย้ายโรงเรียนมา ทั้งอย่างนั้นเพราะฐานะที่บ้านร่ำรวยมากจึงสามารถเข้ามาในโรงเรียนชั้นนำอย่างที่นี่ได้ แถมแฟรงค์เองก็เป็นอัลฟ่าที่มีเชื้อสายปีศาจดังนั้นจึงได้รับการปฏิบัติต่างจากเด็กทั่วไป
เอฟเว่นรู้สึกเป็นห่วงดีทริช บ่อยครั้งที่แฟรงค์มองเพื่อนสนิทด้วยสายตานักล่า ยิ่งใกล้เวลาตรวจเพศที่สองเพราะจะถึงวัยเจริญพันธ์เอฟเว่นยิ่งกังวล ตามปกติมนุษย์ทั่วไปมากกว่า95เปอร์เซ็นจะเป็นเบต้าอีก3เปอร์เซ็นคืออัลฟ่าและที่เหลือคือโอเมก้าตามลำดับ

เปอร์เซ็นที่ดีทริชจะเป็นเบต้ามีมากแต่ก็มีโอกาสจะเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะมองยังไงเพศโอเมก้าก็ไม่มีทางจะกลายเป็นของดีทริชไปได้ แต่เอฟเว่นยังคงกังวลไม่เลิกถ้าเกิดกลายเป็นโอเมก้าขึ้นมาจริงๆ แฟรงค์เป็นตัวอันตรายสำหรับดีทริชอย่างที่สุด

ดีทริชเล่าว่าแฟรงค์เคยทำรักกับผู้หญิงอายุมากกว่ามาก่อน เพื่อนสนิทเล่าอย่างไม่คิดอะไรเป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไปอย่างแกนๆ ที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังเพราะเอฟเว่นเรียกร้องอยากจะรู้เรื่องของดีทริชอยู่บ่อยครั้ง เขาเป็นห่วงกลัวเพื่อนจะได้รับอันตราย

อีกไม่นานก็จะตรวจสอบเพศกันแล้วเพราะอายุขนาดพวกเขาส่วนใหญ่จะเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ ยิ่งใกล้วันนั้นเท่าไหร่เอฟเว่นยิ่งกังวลเรื่องของดีทริชมากเท่านั้น ไม่ได้ห่วงตนเองซักนิดถึงเขาจะกลายเป็นโอเมก้าพ่อแม่ก็คงไม่ทอดทิ้งเขาอย่างไม่ดูดำดูดี

“งั้นไปกันเถอะเอฟเว่น” ดีทริชคล้องคอเอฟเว่นแล้วพากันเดินจากมา เอฟเว่นอดที่จะหันไปมองแฟรงค์กับกลุ่มเด็กที่เหลือไม่ได้ สายตาวาววับที่มองไล่หลังดีทริชยังเป็นสายตาที่น่ารังเกียจไม่สมวัยเหมือนเดิม

หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ อัพบทนำ+ตอนที่1 {14/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 15-01-2018 15:40:20
รอนะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่3 {16/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 16-01-2018 10:30:52


บทที่3

หลังจากเอฟเว่นและดีทริชเลือกซื้อสีเป็นที่เรียบร้อยแล้วระหว่างเดินทางกลับพบร้านขนมหวานชื่อดังที่มาเปิดใหม่ในย่านการค้า

“ดีทริชเราเข้าไปดูขนมที่ร้านนั้นเถอะนะ”

“ก็ได้”

ทั้งสองคนตรงเข้าไปในร้านซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนแออัด เอฟเว่นละลานตากับขนมหวานชนิดต่างๆ เซนต์ฟีโอเร่เป็นร้านขายขนมชื่อดังที่มีสาขาไปทั่วทุกมุมเมืองของจูปิเตอร์ ด้วยขนมหวานที่มีจำนวนมากมายหลายชนิดจึงไม่แปลกใจเลยที่ลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายจะได้ขนมติดไม้ติดมือกันไปทุกคนแม้ไม่ชอบของหวานก็ตาม

ดีทริชเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเอฟเว่นสังเกตเห็นว่าดีทริชตื่นตะลึงกับบรรยากาศของร้านและขนม เขารู้ดีกว่าใครด้วยสภาพทางการเงินของเพื่อนคนนี้คงไม่มีทางซื้อขนมเหล่านี้ได้ ดังนั้นจึงเสนอตัวซื้อขนมให้

“อันนั้นก็ดูน่ากินนะ อยากได้หรือเปล่าฉันซื้อให้ก็ได้นะ”

ดีทริชนิ่งงันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเผลอแสดงความอยากเกินจำเป็นต่อหน้าเพื่อนสนิทไปเสียได้

“ฉันไม่ชอบของหวาน แค่มองมันเฉยๆ แปลกตาดี”

ดีทริชโกหกและเอฟเว่นก็รู้ทัน สำหรับดีทริชการที่ปฏิเสธไม่รับของจากเพื่อนเป็นเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนนั่นแหละ พวกเขาคบหากันโดยไม่คิดถึงฐานะทางสังคมและสายตาคนอื่น แต่ใช่ตนเองจะไม่รับรู้ไอ้พวกปากดีมักนินทาลับหลัง

หาว่าเขาคบกับเอฟเว่นเพื่อหลอกเอาเงินทองหาผลประโยชน์ จริงๆ ไม่สนใจซักนิดเพราะมันไม่ใช่เลยเขาคบหาด้วยเนื่องจากชอบพอในนิสัยและนับตั้งแต่เป็นเพื่อนก็ตัดสินใจว่าจะสานสัมพันธ์แบบเท่าเทียมโดยไม่พึ่งพาเงินทองหรือเส้นสายของเอฟเว่นใดๆ ทั้งนั้น

 เป็นความยึดมั่นที่ถือดีจนน่าหมั่นไส้ แต่ดีทริชยังต้องการที่จะทำแบบนั้นต่อให้ตายเขาจะไม่เบียดเบียนเอฟเว่นโดยเด็ดขาด ในขณะที่เอฟเว่นกลับเห็นว่าดีทริชออกจะหัวแข็งเกินไปพวกเขาเป็นเพื่อนกันแค่ขนมเล็กๆ น้อยๆ ทำไมเขาจะซื้อให้ไม่ได้

“น่านะ...ให้ฉันซื้อให้เถอะน่า”

“อย่าไร้สาระน่าฉันเกลียดขนมหวาน”

“แค่เอาไปลองชิมนิดเดียวเอง เอาไปฝากคุณน้าก็ได้นี่”

เอฟเว่นกอดแขนออดอ้อนสุดความสามารถที่มี ขณะที่ดีทริชกำลังจะใจอ่อนแฟรงค์ กิลเลนก็ปรากฏตัวพร้อมผองเพื่อน

“ไง ดีทริช” ร่างสูงของแฟรงค์ตระหง่านเหนือศีรษะเอฟเว่น เขาไม่ชอบหมอนี่ดังนั้นจึงปลีกตัวไปยืนห่างๆ

“อ้าวมาด้วยหรือแฟรงค์” ดีทริชเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางทะมัดทะแมง

“นายต่างหากที่จะมาที่นี่ไม่บอกซักคำ ว่าแต่อยากได้ขนมนี่เหรอ ทำไมไม่บอกล่ะ”

ดีทริชเบ้ปาก พึ่งปฏิเสธเอฟเว่นไปหยกๆ คงไม่ใช่ว่าหมอนี่จะเสนอตัวซื้อให้เขาด้วยนะ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดแฟรงค์กระซิบลงมาที่ข้างหู

“เหมือนทุกครั้งแหละถ้านายต้องการ” แฟรงค์พยักเพยิดไปยังกลุ่มลูกน้องวัยประถมที่เริ่มต้นขโมยอย่างละเล็กละน้อย

“จะเอามาเผื่อนายด้วยนะเจอกันที่หน้าร้าน” แฟรงค์กระซิบอ้อยอิ่งที่ริมหูของดีทริช

เอฟเว่นแทบจะอยากจับทั้งสองคนแยกออกมา ไม่ไว้ใจแฟรงค์อย่างที่สุดไอ้หมอนั่นต้องชวนดีทริชทำเรื่องไม่ดีอีกแน่ ลักขโมยเขารู้พฤติกรรมของแก็งที่ดีทริชกับแฟรงค์ตั้งขึ้นมาดี แต่ว่าไม่กล้าก้าวก่ายตักเตือนเพื่อนสนิทเพียงเพราะกลัวว่าจะถูกโกรธแล้วตัดขาดจากกัน

หลังจากแฟรงค์ผละไปเอฟเว่นจิตใจไม่สงบถึงจะร่าเริงต่อหน้าดีทริชที่เอาแต่ยิ้มอ่อนโยน ถึงจะจ้อไม่หยุดชวนเชิญหรือหลอกล่อให้ดีทริชรับขนมที่ตนซื้อแล้วก็ผิดหวังเพราะดีทริชไม่รับไป ห้วงความคิดกลับนึกถึงผลเสียที่เพื่อนสนิทจะได้รับหากนำขนมที่แฟรงค์กับแก็งเด็กเกเรขโมยมากลับบ้าน

“เฮ้...ดีทริช” แฟรงค์ที่ตามหลังออกจากร้านมาติดๆ เรียกดีทริช

 “เอ้าของนาย” แฟรงค์ยื่นกระเป๋าเป้ใบหนึ่งมาให้ ดีทริชเปิดดูของข้างในเอฟเว่นไม่พลาดรีบชะโงกดูแล้วพบว่าเป็นขนมในร้านอย่างที่คิด

“กินขนมให้อร่อยนะที่รัก” แฟรงค์กระซิบข้างหูดีทริชก่อนจะพาพรรคพวกจากไปตามทาง โดยไม่คาดคิดจู่ๆ เอฟเว่นก็ฉุดลากเขาวิ่งไปด้วยกัน

เอฟเว่นพาวิ่งไม่หยุดดีทริชไม่เหนื่อยซักนิดแต่คนนำทางนี่สิหอบแฮ่กจนดูน่าสงสาร อยากรู้นักว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็เฝ้ารอให้เพื่อนสนิทพร้อมพูด ดังนั้นจึงปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบพวกเขาสองคนวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงเรียน

“ใบเสร็จล่ะดีทริช” เอฟเว่นคว้ากระเป๋าเป้ที่แฟรงค์ให้มาค้นหาใบเสร็จด้านในดูแล้วช่างวุ่นวายและน่าขำ ขนมในนั้นถูกนำออกมาวางกองเป็นจุดๆ เมื่อเพื่อนสนิทไม่พบของที่หาใบหน้าก็ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด

“มันต้องมีสิ...” เอฟเว่นทำท่าจะค้นต่อ ดีทริชตบไหล่เพื่อยสนิทของตนเบาๆ

“พอเถอะน่า มันไม่มีหรอก ไม่มีมาแต่แรกแล้ว” เมื่อมั่นใจในสิ่งที่คิด เอฟเว่นก็รีบเก็บขนมทั้งหมดลงเป้แล้วกอดรัดไว้แน่น

“ให้ฉันเอามันกลับบ้านนะทริช จะได้ไม่มีหลักฐานว่านายเป็นพวกเดียวกับขโมย” ดีทริชใช้มือหยิกเข้าที่แก้มจนเอฟเว่นร้องโอดโอย

“อย่าพูดโง่ๆ ถ้าเกิดว่าเขาจะจับจริงการให้ของกลางไปอยู่กับนายมันจะร้ายแรงกว่าไม่ใช่หรือไง พ่อแม่นายจะว่ายังไงแล้วเกิดสืบสาวราวเรื่องจนกลายเป็นเรื่องใหญ่เราสองคนจะแอบคบกันเป็นเพื่อนไม่ได้อีกนะ เพราะอย่างนั้นเอามันมาให้ฉัน”

“แต่ดีทริชไม่รับของที่ฉันจะซื้อให้ทั้งอย่างนั้นกลับรับของที่แฟรงค์ขโมยมา” เอฟเว่นช้อนสายตามองดีทริชน้ำตาเอ่อคลอดวงตา “จริงๆ นะเลิกคบกับพวกแฟรงค์แล้วก็เลิกขโมยเถอะน่า มันไม่ดีกับตัวทริชเองนะ”

“นายนี่มัน...” ดีทริชมีสีหน้าเข้มขึ้น เอฟเว่นคิดว่าเพื่อนคงจะโกรธตัวเองที่ก้าวก่ายดวงตาดุๆ ที่มองจ้องมาทำเอาเขาหัวหดต้องก้มหน้าลงต่ำ

“เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ น้า” ดีทริชลูบหัวเอฟเว่นไปมาก่อนจะจัดการเชยคางให้เพื่อนเงยหน้าขึ้นมามอง เทวทูตกำลังยิ้มหวานมาให้คนที่ใจฟ่อจนหดเล็กยิ้มออกมาได้เสียที

“ของนี่แฟรงค์ซื้อมานะ ใบเสร็จน่าจะอยู่ที่หมอนั่นนะแหละ อย่ากังวลไปเลย”

“จริงนะ” เอฟเว่นกระพริบตาปริบๆ เอียงคอมองอย่างใสซื่อ

“จริง ฉันไม่โกหกนายหรอก” แต่ดีทริชโกหก จะอย่างไรก็แล้วแต่แค่ให้เจ้าหนอนตัวน้อยสบายใจเขาถึงจะหายใจทั่วท้องได้

“ดีจริงๆ “ เอฟเว่นยิ้มกว้างแต่ค่อยๆ หุบยิ้มลงตามลำดับ ไม่ขโมยคราวนี้ใช่ว่าคราวหน้าจะไม่ทำ

 ดีทริชพอเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทก็ชักเริ่มเป็นกังวลเขาไม่ต้องการเลิกขโมย เพราะว่าการขโมยเป็นหนทางหาเงินทางหนึ่งของเขามันทำให้ครอบครัวของเขาดีขึ้นรวมไปถึงยังสามารถช่วยเหลือพวกเด็กๆ ที่มีสถานะเดียวกันในสลัมได้ พวกเขาจำเป็นต้องจับกลุ่มช่วยเหลือตัวเอง

“เอฟเว่นน่าจะถึงเวลาที่รถของที่บ้านจะมารับแล้วนี่ นายรีบไปรอดีกว่านะ” ดีทริชกล่าวเตือนสติ เอฟเว่นเหมือนจะพึ่งรู้ตัว

“อือ..อื้อ...ฉันไปก่อนนะ”

เอฟเว่นออกเดินไปอย่างลังเล หลายครั้งที่หันกลับไปมองดูดีทริช ฝ่ายนั้นยืนยิ้มอยู่อย่างนั้นจนเขาเดินลับสายตาไป

หลังจากเอฟเว่นลับตาไปดีทริชก็ถอนหายใจรู้สึกว่าของในเป้ที่แฟรงค์ให้มาหนักอึ้ง เข้าใจดีว่าการขโมยเป็นเรื่องแย่ แต่หยุดตอนนี้ไม่ได้เอาไว้เขาโตกว่านี้ซักหน่อย ถ้าอายุของเขาสามารถสมัครทำงานพิเศษได้ล่ะก็ถึงตอนนั้นจะยุบแก็งลักขโมยไปเสีย

จะดีหรือ? เกิดคำถามนี้กับตัวเอง หากเขาเลิกไปแล้วพวกเด็กรุ่นหลังๆ จะหาเงินจากไหน อีกอย่างลึกๆ แล้วการได้เป็นหัวหน้ากลุ่มก้อนซึ่งรวบรวมจากทั้งในสลัมและโรงเรียนมันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ เหมือนกับได้ปลดปล่อยและได้ควบคุมการมีอยู่ของสิ่งนี้มันเติมเต็มสิ่งที่เขาขาด

ดีทริชต้องยอมรับกับตัวเองว่าเขาหลงใหลในอำนาจที่ได้รับมาจากการตั้งแก็งลักขโมยจนกลัวที่จะเสียไปเช่นกัน

“ฉันจะเลิกในซักวันนะเอฟเว่น แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

“เฮ้ย ไอ้หนู” โดยไม่ทันตั้งตัวดีทริชถูกคว้าจับจากด้านหลังเมื่อหันไปเผชิญหน้าก็ต้องขนลุกชันเพราะคนที่ยึดกุมเขาเป็นตำรวจจำนวนสองคน

“จับผมทำไมครับคุณตำรวจ” พวกตำรวจแค่นเสียงแล้วคว้ากระเป๋าเป้ที่แฟรงค์ให้มาไปเปิดดู

“หลักฐานคาตาเลยนะ ไปๆ โรงพัก”

ซวยแล้ว!! รู้อยู่หรอกว่าร้านนั้นน่าจะมีกล้องวงจรปิดแต่ไม่คิดว่าตำรวจจะตามสืบมาถึงเขาแทนที่จะไปจับพวกแฟรงค์ก่อน ประหลาดมากตำรวจพวกนี้ไม่ควรจะตามจับได้เร็วขนาดนี้และไม่ควรมาถึงเขาเป็นคนแรก แปลกๆ เกินไปแล้ว

“ไปขึ้นรถ” ดีทริชถูกบังคับให้ขึ้นรถตำรวจ ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าถ้าโรงเรียนรู้เรื่องที่เขาขโมยเข้าคงต้องถูกไล่ออก แม่ต้องเสียใจหากพบความจริงทุกอย่างจะพังไปหมด

บ้าเอ๊ย มันต้องไม่เป็นอย่างนี้สิ ดีทริชขอบตาร้อนผ่าวพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ เด็กชายขบริมฝีปากล่างเขาไม่ต้องการจะร้องไห้แต่น้ำใสดันเอ่อคลอทั่วดวงตา

“ไอ้หนูถ้าจะร้องไห้ ก็อย่าลักขโมยแต่แรกสิ นี่มันคือผลกรรมที่ควรได้รับนั่นแหละ”



คุยท้ายเรื่อง



ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในนิยายนะ ดีใจสุดๆ หวังว่าจะมีคนเข้ามาแสดงความเห็นเยอะๆ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่3 {16/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 16-01-2018 12:08:33
เอฟเว่นนี่น่าเอ็นดูจริงๆ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่3 {16/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-01-2018 16:50:56
น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่3 {16/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-01-2018 20:55:07
สนุกค่ะติดตาม o13
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่3 {16/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 16-01-2018 22:47:50
มารอ มีงงๆ บ้าง อยากให้เว้นบันทัดเวลาขึ้นตอนที่ไม่สัมพันกับบทก่อนหน้าให้มากกว่านี้อะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่3 {16/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 17-01-2018 07:22:57
รอนะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่4 {17/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 17-01-2018 08:23:54


บทที่4

เอฟเว่นวิ่งเข้าไปยังจุดที่เขายืนรอให้รถของที่บ้านมารับประจำ เมื่อไปถึงก็นั่งลงกับพื้นหยิบอุปกรณ์ในกระเป๋าแล้วเริ่มต้นวาดภาพระหว่างรอเหมือนทุกครั้ง เขาวาดภาพมาเรี่ยนจากความทรงจำใบหน้าสวยๆ นั่นจำได้ขึ้นใจพอๆ กับใบหน้าของดีทริช

“เก่งนะทั้งที่ไม่มีผมเป็นแบบเธอยังสามารถวาดรูปของผมได้”

เอฟเว่นสะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปมอง มาเรี่ยนชะโงกหน้าเข้ามาดูรูปของเขาในระยะประชิด ตึกตักๆ หัวใจเต้นเหมือนจังหวะรัวกลอง

“รูปนี้ขอได้ไหม”

“ม..ไม่ได้..ฉะ..ฉันอยากเก็บเอาไว้ดูเองบ้าง” เอฟเว่นกอดสมุดวาดภาพเอาไว้แน่น มาเรี่ยนหยิบสมุดภาพอันอื่นขึ้นมาเปิดดู ถึงไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นเอฟเว่นก็ห้ามเอาไว้ไม่ทัน

“เธอวาดรูปตัวผมออกเยอะแยะ แค่รูปใบนั้นใบเดียวทำไมจะให้ไม่ได้”

เห็นแล้ว เห็นหมดแล้ว เอฟเว่นหน้าแดงแปร๊ดก้มหน้าลงต่ำด้วยความอับอาย พฤติกรรมเหมือนสตอล์กเกอร์ถูกเปิดโปงต่อหน้าเจ้าตัว ถูกเกลียด...ต้องโดนต่อว่าอย่างหยาบคายแน่ๆ

“เธอต้องจ่ายผมมานะ ผมอนุญาตให้เธอแอบด่อมๆ เขียนรูปเหมือนของผมได้ แต่เธอต้องจ่ายค่านายแบบเอาแบบร่างตัวผมที่เธอวาดมาให้ผมดูทุกวัน ผมอยากรู้ว่าตัวผมในสายตาคนอื่นจะถูกวาดออกมายังไง”

“อะ..เอ่อ..ไม่ได้หรอก ฉันไม่อยากให้ใครเห็นเราสนิทกัน”

“ทำไม...”

ทำไมนะหรือ เพราะว่าแค่สนิทกับดีทริชก็ถูกคนในโรงเรียนนินทาว่าเขาเกาะคนดังพออยู่แล้ว ถ้าเกิดตามติดมาเรี่ยนด้วยคงไม่พ้นถูกวิจารย์แหลกเหลวทำนองตั้งใจหาผลประโยชน์ด้วยการเลือกคบแต่กับนักเรียนดีเด่นทั้งดีทริชทั้งมาเรี่ยน   

เอฟเว่นไม่ลืมหรอกว่าเขาเองก็มีโจทก์ที่คอยตามราวีอยู่ถึงดีทริชจะคุ้มกะลาหัวให้ได้แต่มันไม่ใช่ทุกครั้ง ถ้าเกิดมีประเด็นของมาเรี่ยนโผล่มาอีกเห็นทีจะโดนเล่นงานเพราะอิจฉาแน่ๆ

ก็มาเรี่ยนมีแฟนคลับทั้งชายและหญิงเยอะไปหมด ไม่แปลกอะไรเพราะมาเรี่ยนเคยได้รับการเสนอชื่อจากราชินีเดียร์น่าให้เป็นรัชทายาทมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนจะถูกพิษการเมืองปล้นตำแหน่งไป

ใครๆ ก็ชื่นชอบอยากจะเข้าไปชิดใกล้มาเรี่ยนทั้งนั้น มีแต่เจ้าตัวที่สลัดคนรอบๆ ออกไปจนหมด ทั้งรูปโฉมชาติตระกูลทุกอย่างดีพร้อมและยิ่งไปกว่านั้นพวกผู้ใหญ่กับใครหลายคนมั่นใจว่ามาเรี่ยนต้องเป็นอัลฟ่าแน่ๆ เพราะหมอนั่นเกิดมาในตระกูลปีศาจชั้นสูงทั้งยังเป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่หาได้ยากมากในจูปิเตอร์

“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ไหมหลังเลิกเรียนเธอเอาสมุดวาดภาพไปทิ้งไว้ในตู้เก็บของส่วนตัวของเธอแล้วผมจะไปเอามาเองโดยไม่ให้ใครรู้ มีกุญแจสำรองใช่ไหมเอามาสิ”

มาเรี่ยนยื่นมือรอรับของมาตรงหน้า เหมือนมีมนต์สะกดเอฟเว่นหยิบเอากุญแจสำรองส่งไป

“พรุ่งนี้หลังจากเธอแอบวาดรูปผมเหมือนทุกครั้งอย่าลืมเอาสมุดภาพไปใส่ไว้ในตู้เก็บของด้วยล่ะ ผมจะรอดูผลงานอย่างใจจดใจจ่อ”

เอฟเว่นทำแค่มองดูมาเรี่ยนจากไปพร้อมกับคนรถที่มารับ จากนั้นไม่นานเท่าไหร่คนขับรถของตัวเองก็มารออยู่เช่นกัน

เขากับมาเรี่ยนมีความลับ ความลับน่ารักๆ ที่ทำให้หัวใจพองโต เอฟเว่นไม่หวังอะไรมากไปกว่านี้ ขอแค่ได้มีช่วงเวลาสนิทสนมเล็กๆ เท่านั้นก็พอแล้ว

คนขี้ขลาดอย่างเขาสุดท้ายก็พอใจกับการเป็นเพียงเพื่อนแอบคบทั้งกับดีทริชและมาเรี่ยน รู้อยู่หรอกมันน่าสมเพชแต่เลือกที่จะไม่ใส่ใจ พรุ่งนี้เอฟเว่นจะสามารถวาดรูปมาเรี่ยนโดยไม่ตะขิดตะขวงใจแถมยังอวดให้เจ้าตัวเห็นได้อีกด้วย การก้าวหน้าแบบกระโดดจนสามารถมีความลับกับคนที่แอบชอบได้มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้หุบยิ้มไม่ได้เลย





ดีทริชถูกพามาที่ตึกแห่งหนึ่งดูยังไงก็ไม่น่าใช่กรมตำรวจอย่างที่คิดไว้ทีแรก แถมพอถามออกไปว่าทำไมไม่พาไปที่กรมตำรวจก็ถูกเยาะหยันแต่ไม่ตอบคำถาม

“ไปบอกนายท่านว่าพาตัวคนที่ต้องการมาให้แล้ว” ตำรวจในเครื่องแบบสองคนบอกกับชายในสูทดำที่เฝ้าหน้าประตู ดีทริชถูกคุมตัวให้รอกว่า 5 นาที ก่อนจะถูกพาตัวไปด้านในของตึก

พวกตำรวจได้รับเงินเป็นฟ้อนแล้วพากันจากไป ดีทริชถูกพาตรงไปยังห้องๆ หนึ่ง เขาไม่กล้าโวยวาย แต่คิดได้ว่าตนเองถูกขายให้กับใครซักคนและการถูกพามาคงไม่ใช่แค่เรื่องขโมยเล็กๆ น้อยๆ แน่แล้ว

“เข้าไป” ถูกตะคอกสั่ง ดีทริชเดินเข้าไปด้านในแล้วพบว่าคนที่รออยู่คือเด็กหนุ่มผมเงินเจ้าของกระเป๋าที่แก็งของเขาเคยขโมยไป

“แก..ทำไม” ถูกพวกในชุดสูทตบปากทันที ดีทริชส่งสายตาวาวไปให้คนกระทำ

“พูดให้มันดีๆ สวะอย่างมึงไม่มีสิทธิจิกหัวเรียกนายท่าน”

“คุณจับผมมาทำไม” แสร้งทำเป็นไม่กลัวแต่ดีทริชยอมรับกับตัวเองว่าร่างกายสั่นเทานิดๆ ยังจำเหตุการณ์คราวก่อนได้ดี ทั้งเรื่องที่ถูกทำร้ายแล้วก็คำพูดคุกคามทางเพศชวนหวาดหวั่น

“การที่สัตว์เลี้ยงของตัวเองไปก่อเรื่องจะไม่ให้เจ้าของอยากเห็นเจ้าตัวดี...มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ”

 โนเอลหัวเราะเสียงต่ำ ดวงตาสีเขียวยังคงความดื้อรั้นดุดันเช่นเดิม แต่อาการสั่นเทานิดๆ ไม่พ้นจากสายตาของเขา

“พูดบ้าอะไรใครเป็นสัตว์เลี้ยงของใครกันหะ”

ดีทริชตะคอก พวกชายในชุดสูทไหวกายจะลงมือ เด็กชายสาดสายตาวาววับเข้าใส่มั่นใจว่าตนเองคงไม่ถูกฆ่าแค่ถูกตบซ้ำอีกครั้งไม่ได้ทำให้กลัวมากเท่ากับการเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มผมเงิน

 แต่เพราะเจ้าปีศาจผมเงินนั่นแหละที่ส่งสัญญาณมือบอกให้ชายในชุดสูทรามือ ดีทริชจึงไม่ต้องเจ็บตัวอย่างที่คิด   

“ตั้งแต่เจอกันคราวก่อนฉันก็แปะน้ำลายไว้ที่ตัวนายแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้แล้วไม่รู้ตัวหรือ...”

“สกปรก” ดีทริชเบ้ปากถูกหยอกเย้าจนลืมความกลัว แต่มั่นใจว่าจับตนเองมาคงไม่ใช่แค่มาเล่นตลกให้ดู

“ฉันบอกนายไปหรือยังว่าเกลียดพวกหัวขโมย”

ต้องรู้ด้วยหรือไง?

 ดีทริชตอบทางสายตาแม้จะกลัวแต่ก็ยังส่งเสียงฮึดฮัดทั้งยังสะบัดหน้าเมินไปอีกทาง โนเอลกระตุกยิ้มมุมปากกับท่าทางอวดดีอย่างนั้น เขาสนุกสนานกับความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ ความกล้าที่ไม่รู้จักที่ทางอันเหมาะสมผสมกับความกลัวมันชวนให้นึกอยากขย้ำให้หายหมั่นเขี้ยว

“นายนี่ตลกนะกลัวแทบตายแต่ก็ยังอุตส่าห์ทำเป็นปากกล้า ไหนลองพูดขอร้องฉันซักคำซิแล้วฉันจะให้อภัย”

“จะให้ขอร้องอะไร” ดีทริชหันไปมองโนเอลด้วยสายตาขุ่นเคือง “นายพาฉันมาโดยไม่บอกสาเหตุ จู่ๆ ก็บอกว่าไม่ชอบขโมยแล้วจะให้ฉันทำยังไง”

โนเอลเดินตรงไปยังเบื้องหน้าดีทริชใช้นิ้วเกี่ยวปลายคางเพื่อจะมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวให้ถนัดๆ อีกฝ่ายไม่หลบตาเขาซักนิด จ้องมองมาอย่างท้าทายแม้ร่างกายจะสั่นเทา

“ฉันจะยุบแก็งขี้ขโมยของนายซะ เพราะฉันไม่ต้องการให้สัตว์เลี้ยงของฉันวิ่งซอกซอนเหมือนหนูสกปรก”

“หะ?” ดีทริชยิ้มเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันดูถูก “พูดอะไรของนาย นายไม่ใช่ตำรวจซักหน่อย พวกตำรวจไม่เข้าไปยุ่งในเขตนั้นอยู่แล้ว”

“เดี๋ยวนายก็จะรู้ ว่าฉันเป็นคนพูดจริงทำจริง” โนเอลส่งสัญญาณให้พวกชุดสูทออกไปก่อนจะรวบร่างเล็กกว่าเข้าไปกอด ดีทริชออกแรงดิ้นแต่ยิ่งทำแบบนั้นกลับจมหายไปในอ้อมแขนจนขยับไม่ได้

แรงเยอะเกินไปแล้ว ดีทริชเดาะลิ้นอย่างหัวเสีย

“ฉันชอบมากนะเวลาที่นายพยศ แต่จะชอบมากกว่าถ้านายจะออดอ้อนอ่อนหวานกับฉันบ้าง”

หมอนี่มันพูดบ้าอะไร ดีทริชงุนงงแต่เริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์เด่นชัดเอาตอนที่มือใหญ่บีบเค้นก้นกลมกลึงของตนไปมา

“อึก..ปล่อยนะ”

โนเอลยื่นหน้าเข้าไปใกล้รู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน แรงดึงดูดที่มหาศาลซึ่งเกิดจากคนอายุน้อยกว่าส่งผลให้เขาจัดการประกบจูบครอบครองริมฝีปากจิ้มลิ้ม ดีทริชเบิกตากว้างบ่งบอกว่าตกใจแค่ไหน

“ไม่เซ็กซี่เอาซะเลยหลับตาแล้วเอาลิ้นออกมาซะ” ผละออกชั่วครู่แล้วกระซิบข้างหู คราวนี้ตั้งใจจะจู่โจมอีกครั้งแต่ดีทริชขู่ฟ่อ

“ลองสอดลิ้นสกปรกนั่นเข้ามาอีกสิจะกัดให้ขาดเลย”

ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ้าคนผมเงินจะกัดลงมาที่ซอกคอ ดีทริชสะดุ้งเกร็งตัวด้วยความเจ็บเขาจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังของคนกระทำติดที่ว่าอีกฝ่ายสวมสูทดังนั้นจึงเจ็บใจที่ไม่สามารถฝากรอยทำร้ายร่างกายเป็นการเอาคืนได้

“ถ้านายทำฉันเจ็บ นายจะต้องเจ็บยิ่งกว่า”

โนเอลกระซิบ ดีทริชเล่นจ้องตากับอีกฝ่าย เขาตั้งใจสาดแววตาแข็งกร้าวเข้าขู่แม้ในใจจะรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะได้ในสถานการณ์นี้

กลัว...นี่เขาจะถูกทำเหมือนเป็นโสเภนีในสลัม ความคิดนั้นเด่นชัดมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายรูดซิปล้วงมือเข้าไปในกางเกงยีนส์

“อุ...อื้อ...” ฝ่ามืออุ่นร้อนนวดคลึงลงไปบนเครื่องเพศ ดีทริชกัดฟันสะอื้นด้วยความโกรธและอับอายผสมปนเป เลือดทั้งร่างไหลเวียนลงไปรวมอยู่ที่ตรงนั้นจนหมด

“อ้าวร้องไห้ซะแล้ว กัดฟันไปร้องไห้ไปนี่น่ารักไม่หยอกนะ”

“อ๊ะ...” สติของดีทริชลดน้อยลงไปทุกที ถึงจะถูกจูบถูกลิ้นร้อนคว้านเข้ามาในโพรงปากเขาก็ไม่มีแรงจะต่อต้าน มันดีรู้สึกดีจนร่างกายอ่อนระทวย

“....” ตัวเบาไปหมดหลังจากไปถึงฝั่งฝัน ดีทริชไม่โง่เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาปลดปล่อยเพราะมือของเจ้าผมเงินคนนี้

“นายต้องการอะไรกันแน่” ดีทริชมองดูเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาหวาดหวั่น เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะเล่นสนุกเพียงพอและปล่อยตนเองไปตามยถากรรม

“ฉันต้องการทั้งหมดแล้วนายก็ไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธ”

ดีทริชกัดริมฝีปาก ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมาเจอสถานการณ์เลวร้ายอย่างนี้

“ฉันเป็นแค่เด็กประถม โรคจิตหรือไงถึงได้มีอารมณ์กับเด็ก”

“พวกโอเมก้าไม่ได้ทำรักกันตั้งแต่อายุเท่านี้หรือไง” โนเอลกระซิบถามมือไม้ยังลูบจับตามเนื้อตัวดีทริชตามใจชอบ

“ฉันไม่ใช่โอเมก้า และไม่มีทางเป็น”

 ดีทริชตะคอกเสียงดัง มันเป็นระยะเวลายาวนานประมานหนึ่งแล้วที่เขามั่นใจว่าตัวเองน่าจะเป็นเบต้า คนที่เป็นผู้ชนะอยู่เสมอๆ อย่างตนเองไม่ควรจะเป็นโอเมก้าใครๆ ก็พูดแบบนั้นไม่ใช่แค่ตัวเขาเอง

“แต่กลิ่นนายมันหอมหวานขึ้นทีละนิดแล้วนะ คาดว่าเพราะใกล้วัยเจริญพันธ์ ฉันเป็นอัลฟ่าไม่มีทางคาดการผิดแน่ๆ “

“เพ้อเจ้อ โกหก”

 ดีทริชดิ้นอย่างแรงจนหลุดจากการจับกุมเขารีบแต่งตัวอย่างลวกๆ แล้ววิ่งหนีออกไปจากสถานที่นั้น การที่สามารถออกมาได้โดยไม่มีคนตามจับเด็กชายเข้าใจว่าฝ่ายนั้นคงออกคำสั่งไม่ให้พวกชุดสูทไล่ตาม

ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ไม่เข้าใจการกระทำทั้งหมดของหมอนั่นเลยซักนิด อยากได้เขาเพราะมั่นใจว่าเป็นโอเมก้าอย่างนั้นหรือ คิดจะใช้ดีทริชคนนี้เป็นแม่พันธ์แค่จินตนาการซักครั้งยังไม่เคย สุดท้ายเจ้านั่นจะต้องผิดหวังเพราะว่าเขาไม่ใช่โอเมก้า

“ปล่อยไปจะดีหรือครับนายท่าน”

 พวกลูกน้องถาม โนเอลกระตุกยิ้มจัดแจงเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่จากการนัวเนียกับดีทริชแล้วสาวเท้ากลับไปทำงานที่คั่งค้างต่อ

“แค่ชั่วคราวแล้วงานที่ฉันให้ไปจัดการกับพื้นที่ในสลัมเป็นยังไงบ้าง”

“คนของเราเข้าถึงคนในพื้นที่เกือบหมดแล้วครับรับรองว่าพวกเด็กเหลือขอจะไม่ออกมาจับกลุ่มวิ่งซอกซอนให้รำคาญตาอีก”

“ดี...ไปได้แล้ว”

หลังจากลูกน้องออกไป โนเอลก็คิดถึงดีทริชใบหน้ายามโกรธหรือเวลาที่ถึงจุดก็นึกแล้วบางทีก็อยากจะเห็นตอนที่ยิ้มบ้าง แต่คงไม่ง่ายอย่างที่คิดเขาเองก็ไม่ใช่คนอ่อนโยนหรือสุภาพบุรุษที่จะอดกลั้นต่อสัญชาติญาณดิบของตัวเองเสียด้วยสิ



คุยท้ายเรื่อง

พอดีจัดหน้ากระดาษในเล้าเป็ดไม่ค่อยเป็น แต่พยายามเว้นช่องว่างระหว่างฉากตามที่แนะนำแล้วนะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่4 {17/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 17-01-2018 09:27:08
สนุกมากค่า มาลงชื่อติดตาม  :katai2-1:
ภาษาใช้ได้เลย รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่4 {17/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 17-01-2018 11:46:07
อ่านง่ายขึ้นเยอะเลยคะ ขอบคุณมากจ้า
จะรออ่านตอนต่อไปเน้อ
ถ้าวรรคยังกลัวไม่เวิร์คแนะนำใส่ . (จุด) อันละบรรทัดก็ได้คะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่4 {17/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-01-2018 16:27:36
รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่4 {17/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-01-2018 17:22:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่4 {17/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 18-01-2018 19:47:16
สนุกแต่ตอนอ่านบทนำ อ่านแล้วยังงงๆอยู่ ต้องอ่านสองรอบ5555
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่5 {18/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 18-01-2018 22:24:05


บทที่5

ดีทริชวิ่งกลับมายังชุมชนแออัดที่เรียกได้ว่าสลัมอย่างทุลักทุเล พอมาถึงก็พบความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตุเห็นได้ชัดเจน ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เขาอยู่แห่งนี้มีชายชุดดำป้วนเปี้ยนเต็มไปหมด แถมยังเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้อย่างเปิดเผย

มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?

ดีทริชทำได้แค่สงสัยและเดินระแวดระวังกลับไปยังบ้านของตัวเอง

“กลับมาแล้วฮะแม่”

“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ”

 แม่หันมายิ้มขณะตั้งอกตั้งใจซักผ้าของลูกค้า ดีทริชสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติทันที

“ตาแก่ล่ะ” เพราะไม่เห็นพ่อขี้เมาปกติเจ้านั่นต้องนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนแต่วันนี้กลับหายตัวไป

“หัวหน้าหมู่บ้านเรียกพวกคนว่างงานไปชุมนุมนะสิเห็นว่ามีคนใหญ่คนโตหาคนทำงานให้อยู่”

คนใหญ่คนโต?

แวบหนึ่งดีทริชนึกถึงคำพูดของเด็กหนุ่มผมเงิน แต่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือ เจ้านั่นมีอำนาจขับเคลื่อนจนถึงกับสั่งให้หัวหน้าหมู่บ้านเรียกลูกบ้านออกไปได้เลยหรือไง แล้วอีกอย่างไหนจะเรื่องหาคนทำงานอีกมันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่จะมาหาพวกขี้แพ้ในสลัมไปทำงานให้

“เดี๋ยวผมมานะฮะแม่”

ดีทริชตัดสินใจจะออกไปสืบหาข้อมูล เพราะอย่างนั้นจึงเลือกไปบ้านของเด็กที่พูดคุยด้วยบ่อยครั้ง

“โจนี่” ดีทริชตะโกนเรียกที่หน้าบ้าน แต่คนถูกเรียกกลับโผล่มาทางด้านหลัง

“อ้าวหัวหน้า หายไปไหนมาพวกเราตามหาแทบแย่”

“มีเรื่องนิดหน่อย ว่าแต่รู้เรื่องหัวหน้าหมู่บ้านเรียกพวกผู้ใหญ่ไปสมัครงานไหม”

“รู้ซี้...” โจนี่ถูจมูกไปมา “พวกเขาจะจ้างพวกเด็กๆ อย่างเราด้วยนา”

“พวกเขาที่ว่าเป็นใครกัน” โจนี่ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบตอบคำถามดีทริช

“พวกแก็งมาเฟียอลองโซนะหัวหน้า เห็นว่ามาหาเด็กเดินข่าวกับแรงงานผลิตให้กับตัวยากระตุ้นชนิดใหม่”

“ยากระตุ้น หมายถึง alpha-xนะเหรอ”

alpha-x หมายถึงสารเสพติดที่มีส่วนผสมจากเลือดหรือน้ำลายของเผ่าปีศาจประเภทอัลฟ่า ที่จริงตัวยาประเภทมีส่วนผสมจำพวกนี้ขายอย่างแพร่หลายในฐานะยาบำรุงเพื่อพวกเบต้าอยู่แล้ว แต่ก็เป็นยากระตุ้นอ่อนๆ เทียบไม่ได้กับสารเสพติดระดับสูงที่พวกมาเฟียทำขายเลยซักนิดเดียว

เท่าที่ได้ยินมา alpha-x เป็นตัวยารุ่นล่าสุดของพวกอลองโซแก็งมาเฟียอันดับหนึ่งของจูปิเตอร์

“มันผิดกฎหมายนี่ ไม่ใช่หรือไง” ดีทริชไม่ลังเลเพราะตัวยาชนิดแรงมากพวกนี้ไม่น่าที่จะนำวางขายบนดินได้

“มันก็ใช่หัวหน้า แต่คนของอลองโซบอกเราว่า alpha-x จะถูกทำให้ถูกกฎหมายในอีกไม่นาน เหมือนว่าพวกตะกูลฟีโอเร่จะหนุนหลังแก็งอลองโซ”

ฟีโอเร่หมายถึงตระกูลขุนนางผู้นำของพวกเผ่าอสูรกลายร่างและอมนุษย์ พอจะได้ยินอยู่หรอกว่าพวกมาเฟียอลองโซทำงานด้านมืดให้กับตระกูลฟีโอเร่

“งั้นก็เป็นงานที่ดีเลยสิ”

“ต้องดีสิหัวหน้า พวกแม่ๆ พ่อๆ เราที่ว่างงานหรือพวกไม่ได้เรื่องในหมู่บ้านตื่นเต้นกันน่าดู ค่าตอบแทนสูงมาก แม้แต่เด็กส่งของอย่างเรายังได้บรรจุตำแหน่ง”

“เด็กประถมอย่างเรานะนะ” ดีทริชแทบไม่เชื่อ

“ตอนแรกก็สงสัยนะ แต่เป็นงานง่ายๆ เช่นเดินแจกใบปลิว ส่งเอกสารตามบ้านตอนเช้า หรือเดินเอกสารในโรงงาน งานมีพอสำหรับพวกเราทั้งหมู่บ้านเลยนะหัวหน้า หัวหน้าเองก็ควรไปสมัครนะ พวกเราจะได้ไม่ต้องลักขโมยเสี่ยงมือเสี่ยงเท้ากันอีก”

“หมายถึงยุบแก็ง” ดีทริชไม่รู้ว่าเขาพูดกับตัวเองหรือพูดกับโจนี่กันแน่ การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำเอามึนงงไปหมด

“หัวหน้าถึงไม่ยุบแก็งก็คงไม่มีเด็กในหมู่บ้านเรายอมหาเรื่องใส่ตัวไปลักขโมยอีก ตอนนี้พวกเด็กที่พอทำงานได้พากันสมัครงานกับพวกอลองโซกันหมดแล้ว ก็เหมือนจะผิดกับหัวหน้า แต่พวกเราคงไม่มีเวลาว่างรวมตัวกันอีก”

“ช่วยไม่ได้นะ” ดีทริชล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางยะโส

“ถ้ามันจะดีกว่าสำหรับทุกคนฉันเองก็ไม่ขัดขวางหรอก”

“ดีเลยหัวหน้า พ่อของหัวหน้าเองก็ไปสมัครงานกับพวกอลองโซเหมือนกัน เห็นว่าสมัครงานเผื่อหัวหน้าด้วยกลับบ้านไปพ่อของหัวหน้าคงจะบอกเองแหละ”

ตาแก่ขี้เมานั่นนะนะ

ดีทริชเบ้ปาก เริ่มประมาณการว่าคนไม่เอาอ่าวอย่างนั้นจะทำงานได้ซักกี่น้ำ

“ฉันต้องรีบไปทำอาหารให้ที่บ้าน หัวหน้าเองก็กลับบ้านเถอะ”

“โจนี่...นายไม่ต้องเรียกฉันว่าหัวหน้าอีกแล้ว ยังไงแก็งเราก็คงยุบตั้งแต่วันนี้”

“งั้นราตรีสวัสดิ์นะดีทริช”

 โจนี่เข้าบ้านไปแล้ว ดีทริชเดินกลับบ้านเพียงลำพังในหัวครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆ

มันจะเกี่ยวกับที่ชายผมเงินคนนั้นพูดหรือเปล่านะ ที่บอกว่าไม่ชอบขโมยแล้วก็จะจัดการบางอย่างกับแก็งของเขา แต่มันจะเป็นไปได้หรือ ไม่อยากเชื่อ...หมอนั่นเป็นคนของพวกมาเฟียอลองโซงั้นหรือ

แค่คิดว่าอาจจะใช่ดีทริชก็ขนลุกชัน เด็กชายเกิดความรู้สึกคล้ายถูกความมืดคลืบคลานเข้าหาอย่างเงียบงัน

“รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย” ดีทริชพึมพำ เมื่อกลับไปถึงบ้านก็พบว่าตาแก่ขี้เมาอารมณ์ดีมากๆ จัดเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่อย่างที่แม่กับเขาไม่เคยมีมาก่อน

“เอ้าๆ ไอ้หนูมากินสิวะ” ตาแก่หัวเราะร่วน หมูเห็ดเป็ดไก่วางอัดแน่นบนโต๊ะอาหาร แม่หันมายิ้มอ่อนใจกับดีทริช

“แม่ตาแก่เอาของพวกนี้มาจากไหน” ดีทริชกระซิบแต่ตาแก่กลับได้ยิน

“ซื้อมาสิวะไอ้หนู ข้านี่นะเว้ยเริ่มทำงานแล้ว แถมเงินจากงานแรกยังได้มาเป็นกอบเป็นกำ มาๆ มาเอาค่าขนม”

ดีทริชเห็นแม่ขมวดคิ้วแวบหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้เขา

“ไปเอาค่าขนมสิลูก พ่อเขามีเงินทั้งที”

 ดีทริชเดินไปรับมาอย่างไม่เต็มใจ เบื่อและรำคาญดังนั้นจึงทานอาหารนิดเดียวแล้วขอตัวกลับไปยังห้องนอน ได้ยินเสียงพ่อพูดคนเดียวไปตลอดทั้งคืนสลับกับแม่เป็นบางครั้ง

วันถัดมาดีทริชตื่นแต่เช้าวันนี้เป็นวันหยุดเขาตั้งใจว่าจะช่วยแม่ซักผ้าให้ลูกค้า แต่กลับถูกตาแก่เรียกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ไอ้หนูทุกวันหยุดเอ็งต้องไปทำงานกับข้านะ”

“แม่...” ดีทริชหันไปมองแม่

“เมื่อวานพ่อบอกแม่แล้วจ๊ะ แค่เด็กเดินเอกสารในโรงงาน อีกอย่างแม่ดูสัญญาจ้างงานร่วมอย่างละเอียดแล้ว”

“แต่ผมเป็นเด็กประถมนี่ ตามกฎหมายของจูปิเตอร์เขาไม่อนุญาตไม่ใช่หรือครับ”

“เพราะว่ามีผู้ปกครองคอยดูแลไงไอ้หนูถามโง่ๆ”

“ดีทริช” แม่กวักมือเรียกดีทริชให้เข้าไปหาพร้อมกับยื่นเอกสารจำนวนหนึ่งมาให้อ่าน

“นี่มัน” ดีทริชอ่านอย่างถี่ถ้วนแล้วพบว่าเป็นเอกสารรับรองการเข้าเรียนต่อของโรงเรียนชั้นนำในระดับที่สูงกว่ารวมไปถึงเอกสารทุนการศึกษาระยะยาวที่ดีทริชมุ่งมั่นจะสอบชิงทุนให้ได้มา

“พวกอลองโซจะไม่จ่ายค่าจ้างให้เด็ก แต่จะจ่ายเป็นเงินทุนการศึกษาให้ แม่กับพวกแม่ๆ คนอื่นเห็นว่ามันคุ้มค่า แม่ก็เลยคิดว่าทำงานให้เขาก็ดีเหมือนกัน แม่ขอโทษนะที่ไม่สามารถส่งเสียให้ลูกเรียนในโรงเรียนดีๆ ด้วยตัวเองได้”

ดีทริชไม่ใช่คนเข้าใจยาก อีกไม่นานเขาจะเรียนจบในระดับประถมถึงจะมั่นใจว่าตนเองจะสอบผ่านเข้าไปเรียนในระดับชั้นสูงกว่าได้ไม่ยาก แต่ทุนการศึกษากว่าจะได้มามันลำบากทีเดียวไม่เพียงแค่แข่งขันทางด้านสมองแต่ยังต้องมีเส้นสาย     

ดีทริชเคยได้ยินจากพวกรุ่นพี่ว่ามีพวกเงินหนาบางประเภทสอบแย่งทุนกับเด็กด้อยโอกาสเหมือนกัน เพราะทุนของสถานศึกษาชั้นนำมักการันตีตัวเด็กที่ได้รับ ประมานเด็กเรียนดีประพฤติดีกีฬาเด่นทำนองนั้น

ก็คิดอยู่อาจจะต้องใช้ความสามารถมากกว่าทุกทีเพื่อจะได้มา แต่ได้มาง่ายๆ แบบนี้มันก็ดี ถึงจะชวนให้สงสัยเอามากๆ ทั้งอย่างนั้นเมื่อเห็นรอยยิ้มของแม่ดีทริชก็ปัดความไม่สบายใจออกไปจนหมด

“ถ้าอย่างนั้น ผมไปนะฮะ”

“ไปดีมาดีนะจ๊ะ”

“เอ้าไอ้หนูเร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่ทันรถรับส่งของสำนักงาน” ตาแก่กวักมือเรียก ดีทริชเบ้ปากก่อนจะเดินตามไป

ถ้ามัวแต่คิดมากชีวิตก็ไม่ต้องทำอะไรพอดี

แต่ลางสังหรณ์มันคอยย้ำเตือนว่าทุกอย่างมันจะไม่ง่ายเพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ



คุยท้ายเรื่อง



ลงดึกเลยหวังว่าจะมีคนอ่านกันนะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่5 {18/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-01-2018 23:01:24
เดาว่าเจ้านายคือโนเอล
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่5 {18/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 19-01-2018 23:43:04
ติดตามค่า :katai5:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่6 {20/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 20-01-2018 13:46:59


บทที่6

“เอ้าเร็วๆ ไอ้หนู” ดีทริชเดินตามพ่อขี้เมาไปอย่างหน่ายๆ ไม่รู้จะกระตือรือร้นอะไรนักหนา เด็กชายสังเกตเห็นหลายคนในหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังรถบัสคันใหญ่เหมือนๆ กัน

“ไอ้หนูทางนี้” พ่อขี้เมากวักมือเรียก ดีทริชชักงงเพราะตาแก่เดินนำไปยังรถขนาดสี่ที่นั่งซึ่งจอดรออยู่ตรงจุดอื่น

“ทำไมเราไม่ขึ้นรถบัสเหมือนคนอื่นๆ ล่ะตาแก่” ดีทริชถามหลังขยับขึ้นไปนั่งบนรถ

“เอ็งจะไปรู้อะไร ข้านี่มีหน้าที่สำคัญมากๆ เพราะงั้นถึงได้รถประจำตำแหน่ง”

ชักไม่ชอบมาพากล คนขี้เมาอย่างนี่นะจะได้ตำแหน่งสำคัญ

“ฉันนึกได้ว่าลืมของ” ดีทริชเปิดประตูจะลงจากรถ แต่กลับถูกชายชุดดำดันกลับเข้ามา

“อะไรนี่...ไม่ได้ยินหรือว่ามีธุระ” เริ่มจะหัวเสียและกังวลมากขึ้น ชักจะแปลกมากขึ้นไปทุกทีแล้วรู้สึกเหมือนถูกวางกับดัก

“ลุงสัญญาว่าจ้างบอกว่ายังไง ถ้าเด็กนี่ไม่ไปต้องคืนเงินที่ได้ไปเมื่อวานนะ”

ดีทริชมองตาแก่หัวเราะแฮะๆ ความโกรธในใจค่อยๆ ลุกโชนอย่างช้าๆ

“ตาแก่...แกขายฉันหรือ”

“พูดอะไรบ้า” ตาแก่ยิ้มกว้างสายตาล่อกแล่กไม่น่าไว้ใจ “แค่ไปทำงานตามสัญญา อีกอย่างฉันรับเงินค่าจ้างส่วนของแกมาแล้วเขาต้องไม่ยอมให้ผิดสัญญาสิ อย่าโง่น่าไอ้หนู แค่ไปทำงานในวันหยุดทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”

“บ้าเอ๊ย” ดีทริชชกประตูรถดังโครม หากไม่ใช่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดจะชกหน้าแม่งให้เลือดกำเดาไหลเลย

“เงียบหน่อย” คนขับรถชุดดำตักเตือนเสียงเข้ม ดีทริชนั่งหายใจฝืดฝาดพยายามระงับอารมณ์คุกรุ่นที่อยากจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ตาแก่ใจแทบขาด

“ถ้าก่อเรื่องในรถ จะต้องชดใช้ค่าเสียหาย รถคันนี้ดูก็รู้ใช่ไหมว่าแพงระยับ”

ใช่สิ ดูก็รู้ว่ารถคันนี้หรูแค่ไหน ดีทริชนั่งกอดอกมองเมินไปนอกหน้าต่างตั้งใจจะจดจำทางกลับให้ได้เผื่อว่าอาจจะต้องหนีกลับบ้าน แต่ถ้าเกิดถูกเล่นงานจริงๆ ไม่คิดว่าจะหนีพ้นเพราะไอ้แก่บ้านี่ดันขายเขาให้คนอื่นไปเรียบร้อย

ภาวนาขอให้เป็นแค่งานที่โรงงานจริงๆ มันควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ ก็พวกมาเฟียอลองโซหาคนเพื่อไปทำงานที่นั่นนี่นะ ดีทริชพยายามคิดในแง่ดีเขาไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกคนเราจะไม่ดวงซวยซ้ำซ้อนติดๆ กันเชื่ออย่างนั้น

รถคันงามวิ่งออกจากหมู่บ้านไปจนถึงโรงงานแห่งหนึ่ง ถูกพามาที่โรงงานจริงๆ จึงโล่งใจจนคลายอาการเกร็งทั้งร่าง ดีทริชลงจากรถไปพร้อมพ่อคนชุดดำนำพวกเขาเข้าไปด้านใน ระหว่างที่เดินเท้าไปเห็นพวกคนในหมู่บ้านถูกพาไปอีกทาง

“คนพวกนั้นไปไหน” ดีทริชถามแต่คนชุดดำเงียบ เดินไปได้ซักพักตาแก่ก็ถูกแยกตัวไปอีกทาง

“ทำไมถึงแยกฉันกับตาแก่ล่ะไม่ได้ไปด้วยกันหรือ”

“นายต้องไปทำงานในส่วนเอกสาร ส่วนตาลุงนั่นไปทำงานส่วนอื่น”

ดีทริชหายใจไม่ทั่วท้องเขาถูกพาไปจนถึงหน้าห้องๆ หนึ่ง

“เข้าไป” ถูกดันเข้ามาด้านในแล้วพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเจ้าผู้ชายผมเงินคนนั้น ใบหน้าของดีทริชบิดเบี้ยวคล้ายกับคนบาดเจ็บ

“กลับมาหาเจ้าของได้เร็วดีนี่” โนเอลยิ้มหยัน ใบหน้าบูดเบี้ยวของดีทริชบอกได้ชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไร

“อารมณ์เสียหรือไง บอกแล้วใช่ไหมว่าจะยุบแก็งขี้ขโมยของนายซะ”

ดีทริชตั้งใจทำตัวนิ่งเฉย ถึงจะจนมุมแต่จะขอยืนยันอำนาจในการควบคุมตัวเองที่น่าจะยังมีอยู่น้อยนิดโดยเลือกที่จะไม่พูดซักคำ ความเงียบและดื้อแพ่งทำให้โนเอลหัวเราะหึหึรู้สึกสนุกที่ได้เห็นการแสดงออกแบบเด็กน้อย

“นายอาจจะคิดว่าการรวมฝูงเพื่อขโมยเงินไปจุนเจือครอบครัวเป็นเรื่องฉลาด แต่สำหรับฉันมันเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์”

“แล้วจะให้ทำยังไงทุกคนไม่มีเงินยังไงก็ต้องหาเงินมากินใช้” ดีทริชถามเสียงแข็ง หมอนี่มันมาจากโลกในอุดมคติหรือไง

“เรื่องหาเงินก็ให้พวกผู้ใหญ่ทำไปสิ เท่าที่สำรวจมาคนในหมู่บ้านก็ใช่ว่าจะเดือดร้อนจนไม่มีเงินหาเลี้ยงครอบครัวไม่ใช่หรือ แค่อยากสบายขึ้นแต่เอาเรื่องเดือดร้อนไปให้คนอื่น ถ้าเกิดว่าถูกตำรวจจับคงจะไม่สวย ความรู้สึกนั่นไม่ใช่ว่าเมื่อวานได้ลิ้มรสไปแล้วหรือไง”

นึกถึงความรู้สึกตอนที่ถูกตำรวจจับมันก็ย่ำแย่จริงๆ คิดอีกทีหากเจ้าคนผมเงินนี่ไม่ใช้เงินซื้อตนเองจากตำรวจเห็นทีชีวิตของเขาคงจะพังไปแล้ว แต่ใช่จะอยากขอบคุณเพราะยังไงจุดประสงค์ของหมอนี่ที่มีต่อเขาก็ไม่บริสุทธิ์

               “เฮอะ...ทำเป็นพูดดี ตัวเองเป็นมาเฟียทำธุรกิจผิดกฎหมายแท้ๆ”

               “ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องถูกต้องเมื่ออยู่ในมือของคนฉลาดและมีอำนาจ ไม่คิดอย่างนั้นหรือไง...”

               โนเอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวช้าๆ ไปหาเหยื่อ ดีทริชเกร็งตัวขยับหาทางหนีทีไล่แม้จะกลัวมากแต่ปากไม่หยุดต่อคำ

               “อ้อ...คนมีอำนาจจะทำผิดกฎหมายอะไรก็ได้อย่างเช่นยาเสพติดก็ทำให้มันถูกกฎหมายได้สินะ”

               ไม่มีทางหนีอีกแล้วถูกกดดันลุกไล่จนหลังติดกำแพง โนเอลยีนตระหง่านเหนือศีรษะมือสองข้างทาบลงบนกำแพงกักดีทริชเอาไว้ตรงกลาง

               “นั่นก็ใช่alpha-xจะถูกทำให้ถูกกฏหมายใช้สำหรับกองทัพและพวกตำรวจที่เป็นเบต้า คิดดูสิเบต้าจะมีพละกำลังพอฟัดพอเหวี่ยงกับพวกปีศาจได้ แบบนี้ก็จะสามารถจัดการกับอาชญากรรมที่เกิดจากพวกปีศาจและอมนุษย์ที่อยู่นอกลู่นอกทางได้โดยใช้พวกเบต้าที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนในจูปิเตอร์ ไม่คิดหรือว่าเป็นแผนการพัฒนากำลังพลที่ดี”

               “นายทำแบบนี้ไม่ทำให้ธุรกิจมืดของนายลำบากหรือไง” ดีทริชประสานสายตาเข้ากับโนเอล

               “ตั้งแต่ขึ้นกุมบังเหียนอลองโซมาก็มีความคิดที่จะฟอกธุรกิจมืดออกไปบ้างยังไงเส้นสายที่คอยช่วยเหลืออาจมีซักวันที่ช่วยไม่ได้”

               “แต่ก็ทำเรื่องไม่ดีเหมือนกัน นายไม่มีสิทธิมาวิจารณ์การกระทำของฉันว่าเปล่าประโยชน์”

               แย่แล้ว สัญชาติญาณส่วนตัวร้องเตือนเพราะใบหน้าของโนเอลเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จะถูกจูบ ถ้าสอดลิ้นเข้ามาล่ะก็จะกัดให้ขาดเลย แต่อีกฝ่ายแค่ใช้ปลายลิ้นไล้เลียลงมาบนแก้มของเขาเท่านั้นดีทริชเกร็งตัวจนแข็งค้าง

               “คิดจะกัดลิ้นเหมือนคราวก่อนสินะ อย่าดีกว่าถึงกัดไปลิ้นของฉันก็งอกใหม่ได้อยู่ดีมันเปล่าประโยชน์”

               “น่าขยะแขยง” ดีทริชใช้มือถูไปมาบริเวณที่ถูกเลีย ชั่วขณะที่ละสายตาจากกันอีกฝ่ายกระซิบที่ข้างหูอ้อยอิ่ง

               “มาเข้าเรื่องกันดีกว่า” จู่ๆ โนเอลก็ผละกลับไปนั่งเก้าอี้เหมือนเดิม ดีทริชตั้งตัวไม่ติด

               “ฉันจะให้นายฝึกเป็นผู้ช่วยเลขา ดูจากผลการเรียนก็น่าจะทำได้ใช่ไหม”

               “ฉันเป็นเด็กประถมไม่ได้เรียนบัญชีหรือการจัดการซักหน่อย”

               “โง่จังนะบอกแล้วว่าจะมีคนมาสอน มันดีกว่าไปขโมยไม่ใช่หรือไง หรือว่า...อยากจะเป็นแค่นางบำเรอของฉัน”

               ขนลุกซู่เมื่อถูกเจ้าผมเงินมองด้วยสายตาจาบจ้วงหยาบโลน ดีทริชขบฟันลงบนริมฝีปากล่างคิดไม่ออกเลยว่าจะหนีจากสถานการณ์นี้ยังไง

               “ฉันจะไม่เป็นนางบำเรอของใคร” โนเอลหัวเราะร่วนชอบใจ ไอ้ความโง่กับดึงดันนี่มันไปกันไม่ได้กับiQและผลการเรียนของดีทริชเอาเสียเลย

               “ได้ข่าวว่าฉลาดเรียนเก่งแต่eqนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ” ดีทริชประมวลผลแวบหนึ่งก่อนจะถลึงตาให้โนเอล ด่าว่าเขาไม่มีความฉลาดทางอารมณ์แค่กับแกเท่านั้นแหละที่ไม่อยากจะใช้เหตุผล

               “นายไม่มีสิทธิเลือกตั้งแต่ที่ฉันเจอนาย ยิ่งเดี๋ยวนี้พ่อของนายขายนายให้กับฉันแล้วเป็นจำนวนเงินที่จะได้จากนี้ทุกๆ เดือนโดยที่ไม่ต้องออกแรงทำงาน”

               ดีทริชหน้าซีดเผือด ไอ้แก่นั่น อยากจะฆ่าให้ตายนัก

               “แล้วก็อย่าคิดหวังว่าจะหนีหรือใครจะช่วยได้ เพราะถ้าหนีก็ตามเจอไม่ยาก อีกอย่างคงไม่อยากให้แม่ผู้น่ารักเดือดร้อนหรือบาดเจ็บใช่ไหม” ดีทริชกัดฟันกรอด

               “ที่ทำแบบนี้เพราะอยากจะนอนกับฉันแค่ครั้งเดียวหรือไง”

               “อาจจะมากกว่านั้น นายเดาอารมณ์ฉันไม่ถูกหรอก จะว่าปฏิกิริยาตอนนี้ของนายฉันถูกใจมากทีเดียว”

               “โรคจิต ฉันเป็นแค่เด็กประถมเท่านั้น”

               “คราวก่อนก็เรียนรู้แล้วนี่ว่าเด็กประถมก็ถึงจุดได้ ทำไมลืมง่ายจัง” โนเอลกระตุกยิ้มเอนหลังลงบนพนักเก้าอี้ก่อนจะกดกริ่งเรียกคนเข้ามา ไม่นานนักก็มีหนุ่มหน้าตาดีเข้ามาด้านใน

               “มีอะไรให้รับใช้ครับนาย”

               “ตามที่บอกคราวที่แล้วสอนงานผู้ช่วยให้หมอนี่ด้วย” ผู้มาใหม่ใช้สายตาจ้องมองดีทริชตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่ดีเลยซักนิด

               “ผมชื่อคาร์ล ฝากตัวด้วยนะ” คาร์ลยื่นมือมาให้จับ ดีทริชไม่ตอบสนองเพราะระแวง อีกฝ่ายไม่ได้ถือสาแค่หดมือกลับไปเท่านั้น

               “สอนพวกงานหลักๆ ให้เข้าใจให้มากที่สุด คราวหน้าฉันจะพาหมอนี่ติดสอยห้อยตามไปด้วย อย่าให้ผิดหวังนะคาร์ล”

               “ครับเจ้านาย”

               จากนั้นโนเอลก็ออกจากห้องไปทิ้งดีทริชไว้กับคาร์ล ทีแรกบอกว่าจะจับเขาทำนางบำเรอแต่ตอนนี้กลับปล่อยไว้ไม่ทำอะไร มันก็เป็นเรื่องดีที่ไม่ถูกลวนลาม ยังไงดีล่ะเดาทางเจ้าคนผมเงินไม่ถูกเลยไม่เข้าใจทำไมต้องลงทุนกับนางบำเรอมากขนาดนี้

               เล่นสนุกหรือ ความคิดของพวกอัลฟ่าคงจะประมาณใช้ประโยชน์จากคนรอบกายให้มากที่สุด คงไม่อยากให้พวกไม่ได้เรื่องมาอยู่รอบตัว ทีแรกคิดว่าจะแกล้งทำทุกอย่างแบบง่อยๆ ให้ผิดหวัง นั่นเป็นความคิดก่อนที่จะถูกขู่จากคนผมเงิน

               “ถ้าเกิดว่าฉันรู้สึกว่านายไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากร่างกายสวยงามที่มี ฉันจะจัดการกับนายให้สมกับคุณค่า พวกนางบำเรอที่ไม่มีความสามารถคงต้องใช้ระบายความใคร่อย่างเดียวและให้อยู่แต่ในห้อง ฉันมีมาตรฐานของตัวเองคงไม่สนุกแน่ๆ ถ้าจะให้คนอื่นเห็นว่าฉันมีคนข้างกายเป็นพวกสวยรูปแต่กลวงใน นายเองก็คงไม่ชอบแบบนั้นสินะ”

               นับว่าพับความคิดที่จะทำทุกอย่างแบบง่อยๆ ไปได้เลย ไม่เคยมีครั้งไหนที่ดีทริชจะกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เท่านี้ นั่นเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกเหนือไปจากนี้จริงๆ ยังไงก็ดีกว่าทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก

               แต่เจ็บใจนัก การที่ต้องมารู้สึกกดดันจนไม่มีทางออกมันทำให้ดีทริชเครียดและเกลียดทุกสิ่งไปหมด หลังจากตั้งใจร่ำเรียนจนได้เวลากลับบ้านทันทีที่พบหน้าตาแก่ขี้เมา เขาก็จัดการพุ่งเข้าใส่รัวหมัดระบายอารมณ์เท่าที่จะทำได้ก่อนจะถูกจับแยกไปนั่งสงบสติอารมณ์

 ระหว่างทางกลับบ้านมีหลายครั้งที่อยากจะซัดให้สลบแต่ก็สำนึกได้ว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเสียเรื่องที่ถูกขายจะยังให้แม่รู้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นแม่จะเดือดร้อนไปด้วย ทั้งที่ไม่อยากร้องไห้แต่กระบอกตาของเขาร้อนผะผ่าวดีทริชแอบปาดน้ำตาเงียบๆ

ไม่รู้เลยว่าอนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไร วันนี้ไม่ถูกข่มขืนแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชายที่ชื่อโนเอลนั่นจะเก็บเกี่ยว คิดแล้วก็กลัวหากว่าเขาเป็นโอเมก้าอาจจะต้องถูกย่ำยีจนตั้งท้อง เป็นครั้งแรกเลยที่กลัวการตรวจเพศรองมากมายขนาดนี้

เขาไม่อยากเป็นโอเมก้า ความมั่นใจที่มีมาแต่ก่อนหายไปครึ่งต่อครึ่งแต่ก็ยังหวังว่าตนเองจะเป็นเบต้าถ้าเป็นอย่างนั้นต่อให้ถูกย่ำยีก็จะไม่ท้องคลอดลูกของโนเอลออกมา

ถึงตรงนี้ดีทริชก็รู้สึกอับอายนี่เขามีความคิดแบบพวกโอเมก้าเสียแล้วดันครุ่นคิดว่าอย่างน้อยก็อยากจะคลอดลูกของคนที่ตัวเองรัก น่าละอาย น่าละอายจริงๆ



คุยท้ายเรื่อง

ช่วงนี้ไปทำงานที่สาขาอื่นต้องทำสลับสองสาขากลับดึกไม่มีเวลาแต่งนิยายแต่ยังพยายามเข็นนะ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ ขอบคุณทุกความเห็นน้า
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่6 {20/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 20-01-2018 15:57:41
ดีทรีชนับว่าเป็นเด็กฉลาดอยู่  แต่ก็ยังไม่สามารถชนะพระเอกเราได้  :mew5:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่6 {20/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 20-01-2018 18:55:00
อยากอ่านต่อล้าว
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่6 {20/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 21-01-2018 09:55:13
ชอบนะ อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่6 {20/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 21-01-2018 10:58:23
ดีทริชอาจจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อที่อยู่ด้วยก็ได้ ดูขายลูกตัวเองง่ายจัง
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 21-01-2018 11:32:51


บทที่7

เอฟเว่นตื่นเต้นไปหมดเขาเปิดตู้เก็บของส่วนตัวแล้วพบว่ามีสมุดวาดภาพที่มาเรี่ยนเอาไปเมื่อคราวก่อนวางอยู่ เขารีบคว้ามากอดเอาไว้ก่อนจะรีบวิ่งหาที่เงียบๆ เปิดดูว่าอีกฝ่ายทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้เห็นในสมุดบ้าง

เอฟเว่นเลือกเอาใต้ต้นไม้หลังโรงเรียนเป็นที่นั่ง ทันทีที่เปิดสมุดดูด้านในก็พบว่ามีกระดาษข้อความแปะเอาไว้เป็นลายมือที่สวยงามมากๆ สมกับรูปร่างหน้าตาของมาเรี่ยน

เนื้อหาใจความในกระดาษเป็นการกล่าวชมและชีแนะทั้งระบายความรู้สึกยามที่ได้เห็นภาพวาดของเจ้าตัว

<ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองในสายตาเธอดูอ่อนหวานขนาดนั้น จะรอดูผลงานของเธอต่อไปนะ อย่าลืมเก็บสมุดภาพเอาไว้ในตู้เก็บของเหมือนเดิม>

เมื่ออ่านข้อความถึงตรงนี้หัวใจก็พองโต หมายความว่าความลับระหว่างพวกเขาจะดำเนินต่อไป มาเรี่ยนอยากจะดูรูปวาดตัวเองที่เขาวาดเพิ่มขึ้นอีก ดีใจที่สุดความลับสำคัญอันนี้จะเก็บเอาไว้ไม่บอกใคร

หลังกริ๊งเข้าเรียนดังขึ้นเอฟเว่นสังเกตเห็นว่าดีทริชอยู่ในห้องเรียนแล้ว เขายิ้มเผลไปหาเพื่อนสนิทแต่ก็พบว่าอีกฝ่ายอารมณ์ขุ่นมัวจนเห็นได้ชัด

“เป็นอะไรหรือเปล่าทริช” ดีทริชยังคงหน้านิ่งแต่ก็เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วทีเดียว

“เปล่านะ นายต่างหากที่อารมณ์ดียิ้มไม่หุบเลย มีเรื่องดีๆ หรือไง”

“เปล่าๆ นะ ไม่มีอะไรหรอก”

“จริงนะ” ดีทริชทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แย่ล่ะเขาดูมีความสุขมากจนออกนอกหน้าเลยหรือไงนะ

“ไงเจ้าหนอนประจบดีทริชแต่เช้าเลยนะ” เอฟเว่นย่นคิ้วเจ้าของเสียงคือไรอันที่หไม่ชอบหน้าตนเองพอหันไปมองก็พบว่าฝ่ายนั้นกับผองเพื่อนยืนยิ้มหยัน

               “เขาจะประจบหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยไรอัน” เป็นดีทริชที่กางปีกปกป้องเอฟเว่น

ไรอันหน้าเสียเล็กน้อยท่าทางเอาเรื่องของหัวโจกอย่างดีทริชทำเอาเกือบหลุดท่าทางไม่น่าดูออกไป แต่ก็นั่นแหละเป็นหัวโจกแล้วไงดีทริชมันก็แค่เด็กยากจนในสลัมแค่เรียนเก่งแค่มีแฟรงค์ถือหาง

“แหม...อย่านึกว่าเราจะกลัวนะดีทริช เรามีกันตั้งสามคน นายคนเดียวกับหนอนอีกหนึ่งตัว”

พวกเพื่อนๆ ในห้องหันมามองกันเป็นจุดเดียว แถมเริ่มส่งเสียงอึกทึกประมาณว่าต่อยกันเลยหรือเอาเลยๆ เอฟเว่นหน้าซีดเผือดก่อนที่ดีทริชจะวางมวยกับพวกไรอันเขาก็จัดการใช้ความกล้าที่มีขู่ออกไป

“ฉันจะฟ้องอาจารย์ว่านายยั่วยุไรอัน”

“อะไรนะ” ไรอันไม่อยากจะเชื่อ ดีทริชเองก็ประหลาดใจเช่นกัน แน่นอนว่าถ้าเป็นปกติหรือตัวเองถูกรังแกเอฟเว่นคงปิดปากเงียบแต่นี่มันเป็นเรื่องของเพื่อนสนิทเขาจะไม่ยอมให้ใครมาแกล้เพื่อนตัวเอง

“จริงสิ เอฟเว่นพูดก็ถูกนะถ้าฉันไปบ่นให้อาจารย์ฟังว่านายยั่วยุฉันกับรังแกเอฟเว่น ระหว่างเด็กที่ดีแต่จับกลุ่มคุยไม่ตั้งใจเรียนกับเด็กดีเด่นนักเรียนทุนอย่างฉันแล้วก็เอฟเว่นที่มาจากตระกูลใหญ่ใครกันที่อาจารย์จะเชื่อ” ดีทริชขู่ออกไปบ้าง แต่แรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นงานอะไรไรอันเพราะเขาไม่โง่ชกต่อยในโรงเรียนแล้วก็แค่เศษหินเท่านี้สนใจไปก็เท่านั้น

“จริงๆ นายอิจฉาเอฟเว่นใช่ไหมไรอัน เพราะว่าเอฟเว่นน่ารัก นิสัยดี มาจากตระกูลสูงนายเลยทนไม่ได้ที่เห็นใครดีกว่าตัวเอง”

“พูดบ้าอะไรดีทริช ไอ้หนอนอย่างเอฟเว่นนี่นะที่ฉันต้องอิจฉาตลกแล้วฉันก็แค่...”

“ก็แค่ริษยาที่เอฟเว่นมีดีกว่าทุกอย่าง จริงๆ ในห้องนี้ไม่มีใครแกล้งเอฟเว่นจริงจัง คนที่คอยหาเรื่องเพื่อนของฉันมีแค่นายไรอัน นายเกลียดเอฟเว่นเพราะอะไรงั้นหรือ” พวกเพื่อนในห้องเริ่มจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของไรอันกับเอฟเว่นจนมีเสียงหนึ่งตะโกนออกมา

“ไรอันอาจจะขายหน้าที่เอฟเว่นจำตัวเองไม่ได้ จำได้ว่าไรอันเป็นคนแรกที่เข้าไปทักเอฟเว่นในช่วงประถมนิเทศ”

ดีทริชประมาณการในหัวเริ่มจะเข้าใจบางอย่างได้เพราะหัวไว ส่วนเอฟเว่นงงงันเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเคยถูกไรอันทักตอนประถมนิเทศ เขาเป็นคนขี้อายถ้ามีคนแปลกหน้ามาทักจะกลัวและอาจจะลืมไปง่ายๆ ด้วยเช่นกัน

“ไรอัน นายงอนที่เอฟเว่นจำนายไม่ได้งั้นหรือ นายแอบชอบเอฟเว่นสินะ” ดีทริชยิ้มเยาะหยันส่วนเอฟเว่นตกใจและหันไปมองไรอันที่หน้าแดงแปร๊ด

“พูดอะไรบ้าๆ คนอย่างฉันนี่นะ...”

“นายนี่มันเด็กมากๆ เลยนะ แกล้งคนที่ตัวเองชอบนี่ อ้อที่หนักข้อขึ้นคงไม่พอใจที่เอฟเว่นมาสนิทกับฉัน นายหึงฉันหรือไรอัน” ดีทริชล้วงกระเป๋าแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไรอัน สีหน้าท่าทางเจ้าเล่ห์ท้าทายอยู่ในทีทำเอาคนถูกมองกัดฟันกรอด

“เหี้ยเอ๊ย”

 ไรอันเตะโต๊ะจนล้ม เขาหันไปมองเอฟเว่นแวบหนึ่งอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เห็นสีหน้าตกใจก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคงกลัวที่ตัวเองทำเสียงดัง การถูกเปิดโปงมันน่าขายหน้าไรอันเจ็บใจนึกหมายหัวดีทริชเอาไว้ ต้องมีจังหวะเล่นงานแน่ๆ ยังไงต้องระบายความแค้นครั้งนี้ให้ได้

               “ฝากไว้ก่อนเถอะดีทริช”

               “แทนที่จะฝากควรเอาเวลาไปคิดดีกว่านะว่าจะทำยังไงให้เอฟเว่นหันไปมองนาย”

 ไรอันแยกเขี้ยวแล้วออกจากห้องไป ฝ่ายนั้นโดดเรียนตลอดช่วงเช้าก่อนจะขออนุญาตกลับบ้านไปโดยบอกว่าป่วย ซึ่งก็น่าจะทำได้เพราะไรอันเองก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะเช่นกัน

“ทริชไม่น่าสร้างศัตรูเพื่อฉันเลย” เอฟเว่นแสดงความเป็นห่วงปัดเรื่องที่ไรอันชอบตนเองทิ้งไปจากหัวจนหมด

“นายห่วงตัวเองเถอะ ไม่แน่นะว่าจากนี้เจ้าไรอันอาจจะเดินหน้าตามจีบอย่างไม่ลดละก็ได้”

เอฟเว่นลำบากใจขึ้นมาทันที ถ้าถูกไรอันตื้อจีบคงไม่ดีแน่ คนที่เขาชอบคือมาเรี่ยนแล้วพวกเขาสองคนเริ่มมีความลับด้วยกันเขาไม่อยากให้คนอื่นมาวุ่นวายเลยซักนิด

“ห่อเหี่ยวอะไรขนาดนั้น เอางี้นะถ้านายไม่ชอบหมอนั่นฉันจะกันท่าให้นายเองไม่ต้องห่วง”

“จะ..จริงหรือทริช” เอฟเว่นใจชื่นขึ้นมาหน่อย ดีทริชลูบหัวเขาไปมา

“แน่นอนสิเราเป็นเพื่อนกันนี่”

จากนั้นพอถึงชั่วโมงชมรมเอฟเว่นก็แยกจากดีทริชแล้วไปยังสวนกุหลาบมองหามาเรี่ยนไปรอบๆ ก่อนจะถูกสะกิดจากด้านหลังเขาสะดุ้งจนตัวโยน เสียงหัวเราะของมาเรี่ยนทำให้รู้ว่าใครกันที่เล่นงานตัวเอง

“รับไปสิ” เอฟเว่นรับถุงกระดาษมาในนั้นมีอะไรบางอย่างมาเรี่ยนไม่ได้พูดอะไรอีกเขาเดินไปยังแปลงกุหลาบทำในสิ่งที่ทำเป็นปกติทุกวัน จากนั้นเขาจึงเปิดดูของในถุง

“คุกกี้นี่ อ๊ะมีกระดาษโน้ต”

 กระดาษโน๊ตเขียนไว้ว่า<ชั่วโมงคหกรรมห้องของผมเขาสอนทำขนมนี่เป็นคุกกี้ที่ผมทำเธอเอาไปทานซะนะ>

เอฟเว่นยิ้มจนแกล้มปริเขาเริ่มต้นวาดภาพไปกินขนมไปเรื่อยๆ พอวาดจนพอใจเขาเขียนโน๊ตขอบคุณพรรณาถึงความอร่อยอย่างยาวเหยียดก่อนจะนำสอดไว้ในสมุดวาดภาพและนำทั้งหมดไปใส่ไว้ในตู้เก็บของส่วนตัวรอให้มาเรี่ยนมาเอาไป

“ไปหาดีทริชก่อนกลับดีกว่า” เดาว่าดีทริชน่าจะไปที่ห้องสมุดแล้วก็จริงด้วยเอฟเว่นเห็นเงาร่างในชั้นหนังสือแออัดแต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็ต้องหลบวูบที่มุมเพราะแฟรงค์ก็อยู่ด้วย ต้องแอบฟังอย่างช่วยไม่ได้

“เกิดอะไรขึ้นดีทริชได้ข่าวว่าพวกเด็กในสลัมออกจากแก็งเรากันหมดสินะ”

“ช่วยไม่ได้พวกเขามีหนทางหาเงินที่ดีกว่า” ดีทริชเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นอย่างไม่ยี่หระ

“เอาเถอะถ้านายไม่ใส่ใจเรื่องขนาดแก็งที่เล็กลงฉันก็ไม่ว่า ยังไงหัวหน้าก็คือนายรองอย่างฉันก็ทำได้แค่สนับสนุนเท่านั้น ว่าแต่...” แฟรงค์ขยับเข้าไปใกล้ดีทริช เอฟเว่นเกร็งตัวด้วยความเครียดเพราะแฟรงค์สัมผัสหน้าผากดีทริชด้วยมืออย่างเกินเลย

“นายไม่สบายหรือเปล่านี่ สีหน้าไม่ดีเลยนะ”

“เปล่าน่า” ดีทริชปัดมือแฟรงค์ออก “นายเป็นห่วงเกินไปแล้ว”

“ต้องเป็นห่วงสิคนน่ารักอย่างนายป่วยไปน่าสงสารแย่” ดีทริชเลิกคิ้วแฟรงค์ขยับเข้ามาใกล้อีกจนแทบจะเบียด เอฟเว่นรีบแสดงตัวให้ทั้งคู่เห็นเพื่อไม่ให้แฟรงค์รุกไล่ดีทริชไปมากกว่านี้ทั้งคู่หันมามอง

“อ้อ เอฟเว่นรูคนี่เอง” แฟรงค์เดาะลิ้น “หมู่นี้มีข่าวลือว่านายกับหมอนี่คบกันเรื่องจริงหรือดีทริช”

“อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ แต่นายจะรู้ไปทำไมไม่ใช่เรื่องของนายนี่ ขอตัวก่อนนะแฟรงค์วันนี้ฉันมีธุระ”

ดีทริชเดินมาคล้องคอเพื่อนสนิทให้เดินจากมา เอฟเว่นหันไปมองดูแฟรงค์ อีกฝ่ายยืนกอดอกจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชาจจนน่าขนลุก ถูกหมายหัวซะแล้ว แฟรงค์เข้าใจว่าเขาคบกับดีทริชแต่มันก็น่าจะดีเพราะอย่างน้อยตัวเองจะได้กันหมอนั่นออกจากดีทริช



คุยท้ายเรื่อง

สลับกับเอฟเว่นบ้างหวังว่าคงจะไม่เบื่อน้า บางทีก็อยากจะเขียนncแต่พวกนางเด็กไปหรือเปล่านะ

ฮ่าฮ่า เกิดมโนธรรมในใจดื้อๆ แสดงความคิดเห็นหลังอ่านจบกันบ้างน้า ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 21-01-2018 12:22:17
เอฟเว่นนี่น่ารักจริงๆนะ
น่าเอ็นดู๊วววววน่าเอ็นดู

พ่อดีทริชนี่เป็นพ่อแท้ๆหรือเปล่าเนี่ย
ขายลูกได้ไร้จิตสำนึกสุดๆ เลว
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: เฉื่อย ที่ 21-01-2018 12:30:56
ไม่อยากให้มีฉากNCแบบข่มขืนเลย
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: เฉื่อย ที่ 21-01-2018 12:43:04
ชอบดีทริชดีทริชเท๊เท่
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 21-01-2018 17:16:08
ปฐมนิเทศไม่ใช่ประถมนิเทศจ้า :hao5: ติดตามน้า
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 21-01-2018 18:52:12
มารออ่่าน :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 22-01-2018 00:09:08
มาติดตามด้วยคนค่าา
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 22-01-2018 08:06:23
สนุกอยากอ่านตอนต่อไปละ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่8 {22/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 22-01-2018 10:55:21


บทที่8

ผ่านมาเดือนแล้วสำหรับการทำงานในวันหยุด ช่วงเวลาที่ผ่านมาดีทริชไม่ได้มาฝึกงานกับคาร์ลแบบขอไปทีเพราะงั้นจึงอัดความรู้เข้าไปจนแน่น นอกจากนั้นการที่โนเอลหายหัวไปเลยมันทำให้เขาสบายใจขึ้นมากแม้จะรู้อยู่แก่ใจยังไงเจ้าผมเงินนั่นก็ต้องโผล่หัวมาซักวัน

ดีทริชได้เรียนรู้วิธีการทำบัญชีหรือแม้กระทั่งวิธีจัดการข้อมูลรวมไปถึงโปรแกรมพื้นทางต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ ก่อนหน้านั้นถึงจะพอใช้งานได้อยู่บ้างแต่ไม่ได้รู้ลึกขนาดปัจจุบันที่เป็นตอนนี้

มีหลายครั้งที่คาร์ลได้รับเป็นตัวแทนโนเอลให้เป็นประธานองค์ประชุม ดีทริชติดตามคนคนนี้ไปจดบันทึกการประชุมหลายครั้ง นานๆ เข้าก็คุ้นชินกับการทำงานในฐานะผู้ช่วยเลขาเขาคิดว่าคาร์ลคงไม่ใช่แค่เลขาส่วนตัวธรรมดาแต่อาจเป็นมือขวาของโนเอลก็เป็นได้

วันนี้ก็เหมือนทุกวันดีทริชออกเดินทางไปยังโรงงานด้วยรถที่โนเอลส่งมารับ ตาแก่ขี้เมาเองก็ขึ้นรถมาด้วยกันเวลาอยู่ที่บ้านเขาพยายามอดกลั้นไม่แสดงให้แม่รู้เรื่องที่ถูกขาย แต่เมื่อไม่มีแม่อยู่จึงตั้งใจเสียดสีไอ้คนเลวระบายความโกรธที่มี

“ไม่รู้จะมาทำไม ยังไงก็ไม่ได้ทำงานอะไรซักนิด ไปเมาหยำเปอยู่บ้านจะได้ประโยชน์กว่าหรือเปล่า”

ตาแก่ทำสายตาล่อแล่กก่อนจะหลุดปากพูดในสิ่งที่ชวนสงสัยออกมา

“จะได้ยังไงเกิดล่อร่ารู้ข้าก็ลำบากสิ” ตาแก่หน้าเสียคงสำนึกว่าหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ตั้งใจพูดออกมา

กลัวแม่ด้วยอย่างนั้นหรือ? มาคิดดูให้ดีแล้วมันก็แปลกพ่อเป็นคนที่ไม่เอาอ่าวถึงจะขี้เหล้าแต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายแม่ซักครั้ง มีแต่แม่เองนั่นแหละที่ประเคนทุกอย่างให้พ่อแล้วก็เขาเป็นคนช่างสังเกตุตั้งแต่จำความได้แม่ไม่เคยทำรักกับพ่อให้เขาเห็นเลยซักครั้ง

อาจจะทำลับหลังหรือเปล่านะ แต่เขาไม่รู้สึกเลยว่าพ่อกับแม่มีความสัมพันธ์แนบแน่นแบบสามีภรรยาสังเกตุให้ดีจะเหมือนเพื่อนร่วมบ้านกันมากกว่าแล้วนี่ยิ่งมาแสดงอาการกลัวด้วยน่าสงสัยมาก

“เฮ้ย...ที่ข้ากลัวไม่ใช่เรื่องอะไรนะ ถึงลอร่าจะรู้ว่าข้าบังคับขายแกมาทำงาน แต่แกก็ได้อยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของโรงงานที่มีอลองโซเป็นเจ้าของอนาคตมีแต่จะสดใสมีแต่ได้กับได้ ไอ้หนูเอ็งต้องขอบคุณข้านะ”

ดีทริชแค่นหัวเราะ ตาแก่นี้ไม่รู้จริงๆ หรือแสร้งทำเป็นไม่รู้กันแน่ ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับไอ้คนไร้ค่าถึงจะหาเรื่องไปเขาก็หนีพ้นจากอุ้งมือของโนเอลไม่ได้อยู่ดี

หลายวันมานี้คาร์ลพาเขาไปยังสถานประกอบการของธุรกิจปล่อยกู้ เขาได้เห็นวิธีการทวงหนี้แบบถึงลูกถึงคนหลายต่อหลายครั้งรวมไปถึงกระบวนการค้นหาลูกหนี้ที่รวดเร็วชี้ให้เห็นชัดว่าอลองโซมีอิทธิพลมากแค่ไหน ยิ่งมั่นใจได้ว่าถ้าเขาหนีจะเกิดอะไรขึ้น

จากนั้นดีทริชไม่ได้พูดอะไรกับตาแก่อีกเลยจนไปถึงโรงงานเมื่อพบหน้าคาร์ลอีกฝ่ายก็พาเขาไปขึ้นรถอีกคัน

“เราจะไม่ทำงานหรือครับคาร์ล” ดีทริชถาม

“วันนี้พักการเรียนรู้หนึ่งวันครับ ผมมีหน้าที่จัดการกับรูปลักษณ์ของคุณก่อนนำตัวไปส่งให้นายท่าน”

จัดการรูปลักษณ์ไม่นะ

ดีทริชหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ทำไมต้องจัดการเรื่องพวกนี้การทำให้ดูดีเพื่อให้โนเอลพอใจมันหมายถึงอีกฝ่ายจะพาเขาขึ้นเตียงหรือเปล่า

“คุณจะกังวลทำไม คุณเป็นของนายท่าน จะถูกเก็บเกี่ยวเมื่อไหร่ก็เป็นสิทธิของนายท่าน แต่วันนี้นายท่านอาจจะแค่อยากพาคุณไปไหนมาไหนด้วย คุณควรกังวลว่าจะทำอย่างไรไม่ให้นายท่านขายหน้า เพราะถ้านายท่านอารมณ์เสียขึ้นมามันจะส่งผลกับตัวคุณนั่นแหละ”

ดีทริชเม้มปากเข้าหากันเป็นคำปลอบหรือเปล่าเขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่เหมือนตอกย้ำมากกว่าว่าเขาเป็นสมบัติของโนเอล เกลียดๆ การที่ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้ เกลียดการที่ต้องตกเป็นของคนอื่นโดยไม่เต็มใจ

ดีทริชรู้สึกกดดันที่ต้องถูกควบคุมทุกย่างก้าวรวมไปถึงเรื่องการตรวจเพศที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน เขาไม่อยากยอมรับเรื่องที่ถูกซื้อมาเป็นนางบำเรอ ยิ่งถ้าเกิดเขาเป็นโอเมก้าการถูกบังคับให้จับคู่มันจะทำให้ไม่มีโอกาสได้สมหวังกับคนที่ตัวเองรักอย่างแท้จริง

ถึงจะเดาความคิดโนเอลไม่ออกแต่ฝ่ายนั้นยืนยันชัดเจนว่าต้องการอะไรจากเขา ก็บอกอยู่ว่าต้องการนางบำเรอไม่ใช่ว่ารักชอบเขาหรืออะไรที่โรแมนติก

 บ้าเอ๊ย!! เกลียดตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว ดีทริชกำหมัดแน่น

คิดอะไรบ้าๆ ทำไมถึงอยากจะให้โนเอลมีความรู้สึกแบบนั้นกับตัวเองได้นะ เขานี่มันช่างสมกับเป็นเด็กจริงๆ คนอย่างโนเอลหากจะรักใครซักคนคงเลือกเฟ้นเอาสิ่งที่ดีที่สุด แค่เด็กในสลัมคงเป็นได้เพียงหนึ่งในเมียเก็บเท่านั้นเอง

ดีทริชถูกพาเข้าร้านทำผมร้านสปาและร้านเสื้อผ้าถูกขัดสีฉวีวรรณจนแม้แต่ตัวเองยังตะลึงที่ได้เห็นรูปโฉมหลังทำทุกอย่างตามที่คาร์ลเห็นว่าดีจนครบ

“ใช้ได้ เท่านี้คุณก็สามารถไปยืนเคียงข้างนายท่านได้แล้ว” คาร์ลยิ้มจนตาหยีท่าทางจะพึงพอใจในผลลับมาก

“ผมจะพาคุณไปหานายท่านที่ห้องรับรองของงานเลี้ยง ผมจะสอนอะไรคุณซักอย่าง พูดให้น้อยที่สุดมันจะดีต่อตัวคุณเอง”

ถึงไม่บอกเขาก็เข้าใจดี อีกอย่างกับฝูงคนที่ไม่รู้จักเขาจะไปพูดกับใครได้ล่ะ ดีทริชถูกพาไปยังห้องรับรองของโรงแรมชั้นนำที่นั้นโนเอลรออยู่

ทันทีที่พบหน้ากันโนเอลจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เล่นเอาเกิดอาการประหม่าแต่แค่แวบเดียวเท่านั้นดีทริชประสานสายตากลับอย่างท้าทาย

“จุดเด่นทางนิสัยของนายคือความดื้นรั้นจริงๆ นั่นแหละ ตอนแรกที่โผล่เข้ามาด้วยรูปลักษณ์แบบนี้กับอาการประหม่ามันทำฉันนึกว่าได้เห็นนางฟ้าผู้ไร้เดียงสา แต่วินาทีถัดมากลับเปลี่ยนเป็นเจ้าคนหยิ่งยะโสคนเดิมในสลัมไปเสียได้”

ด่าเขาอย่างนั้นหรือ ดีทริชตีหน้านิ่งไม่รู้สึกเจ็บซักนิดแต่แค่สงสัยว่าในสายตาของโนเอลเขาดูเป็นนางฟ้าเลยเชียว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นประเภทปากหวานหรืออาจจะแค่ปะเหลาะเอาใจไปอย่างนั้นเอง

“มานี่สิ” โนเอลเรียกอาจเป็นเพราะความทะนงแบบโง่ๆ ทำให้เขาไม่ยอมทำตามง่ายๆ อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก

“จะเดินมาหาดีๆ หรือจะให้แม่ที่รออยู่ตกที่นั่งลำบาก...การกระทำดื้อแพ่งของนายทุกอย่างจะส่งผลต่อคนที่นายรัก แล้วก็ฉันยังใจดีไม่ไปยุ่งกับเวลาส่วนตัวของนายที่บ้านและโรงเรียนใช่ไหม แก็งลูกผู้ดีขี้ขโมยของนายยังไม่ถูกยุบ...อ้อ...เพื่อนแอบคบของนายที่มีข่าวว่าคบเป็นแฟนกับนายอยู่ เอฟเว่น รูคใช่ไหม เรื่องน่ารักๆ แบบนี้บางทีก็ทำให้ฉันนึกอยากจะเข้าไปมีเอี่ยวด้วยเหมือนกัน”

ดีทริชทำหน้าเหมือนถูกทำร้าย โนเอลยิ้มละไมเขาชอบสีหน้าแบบนี้ของอีกฝ่ายการได้จัดการพังความยะโสกับอัตตาจนหมอนี่เปลือยเปล่าเร้าอารมณ์เขาอย่างยิ่ง นี่แค่ขู่นะเขายังใจดีที่ไม่รุกคืบจริงตามที่พูด

เพราะว่านึกอยากจะถนอมเจ้าสัตว์ป่าตัวจ้อยเอาไว้ในบางอารมณ์ หนึ่งเดือนที่แล้วมาโนเอลสำรวจความรู้สึกของตนเองเป็นระยะสั้นๆ จนถึงตอนนี้โนเอลไม่ปฏิเสธหรือหลอกตัวเองซักนิดในเรื่องที่อยากจะเห็นหน้าดีทริชทุกครั้งที่มีโอกาส

เวลาที่ไม่เห็นหน้ากันยังไม่เท่าไหร่แต่ทันทีที่ได้พบกันอีกก็เกิดแรงดึงดูดอย่างมหาศาลถ้าหมอนี่ไม่ใช่โอเมก้าก็ไม่รู้จะอธิบายเจ้าแรงผลักดันนี่ยังไง เหมือนไม่ใช่ตัวเองเลย โนเอลให้เหตุผลว่าเพราะเป็นคู่แห่งพรหมลิขิตด้วยแล้วก็อีกนิดหนึ่งมันเกิดจากรสนิยมแปลกประหลาดของเขานั่นเอง

 ใช่ว่าจะไม่เคยเจอคนประเภทดีทริชแต่เห็นแล้วนึกอยากได้อย่างไม่มีสาเหตุเพราะต้องรสนิยมหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็แค่อยากให้มาเป็นของตัวเองนี่คือสิ่งผลักดันที่อยู่เหนือแรงดึงดูดของความเป็นอัลฟ่าที่มีต่อโอเมก้า

“มานี่เดี๋ยวนี่” ดีทริชเดินเข้ามาหาตามสั่ง โนเอลฉุดอีกฝ่ายให้นั่งลงมาบนตัก

“ตัวแข็งทื่อเชียว”

ใช่สิก็กลัวนี่ ดีทริชตั้งใจจ้องตาเพื่อค้นหาตัณหาที่ไม่รู้จะลุกโชติขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงจะไม่สามารถขัดขืนได้ก็ตามแต่การได้เตรียมใจก่อนมันดีกว่ากันมาก

“นายตัวหอมเป็นกลิ่นแบบที่ฉันชอบ” โนเอลใช้นิ้วมือคลึงริมฝีปากของดีทริชอย่างเบามือ จะถูกจูบเด็กชายมั่นใจว่าอย่างนั้น

“อย่ากัดเชียวล่ะ” โนเอลกระซิบ

“เพราะว่านายจะลงโทษให้ฉันเจ็บกว่าถ้าทำนายเจ็บใช่ไหม” ดีทริชต่อปากต่อคำ ที่ทำแบบนี้เพื่อคลายความกดดันที่มีออกไป โนเอลหัวเราะในลำคอแล้วประกบจูบลงมา

“อื้อ...” เกลียดการที่ต้องยอมรับในชะตากรรม แต่ความจริงก็คือความจริง นึกถึงชะตากรรมหลังจากนี้น้ำตาก็หลั่งรินออกมา

“ร้องไห้ซะแล้ว” โนเอลผละจูบแล้วใช้ปลายลิ้นซับน้ำตาแทนผ้าเช็ดหน้า ความอ่อนโยนนี่ทำเอาดีทริชตัวสั่น สับสนงุนงงไปหมดแค่นางบำเรอคนหนึ่งต้องดีด้วยขนาดนี้เชียว

“นายดีกับนางบำเรอของนายแบบนี้ทุกคนเลยหรือ”

“ไม่รู้สิ นายเป็นคนแรกที่ฉันจะเชื้อเชิญให้มาอยู่ข้างกายคงเทียบไม่ได้กับพวกที่เรียกมาตามอารมณ์ละมั้ง”

ดีทริชมองโนเอลด้วยสายตาไม่เชื่อถือ หมอนี่พูดเหมือนกับว่าเขาสำคัญ เข้าใจว่าเพราะยังไม่ได้เขาซักครั้งหากลองขึ้นเตียงดูแล้วอาจจะเบื่อในพริบตา คิดอีกทีก็เป็นการพนันที่น่าลองถ้าเกิดนอนด้วยแล้วเบื่อง่ายๆ เขาจะเป็นอิสระ

ไม่สิ นั่นมันในกรณีที่เขาไม่ใช่โอเมก้า หากตรวจเพศแล้วพบว่าเป็นโอเมก้าไม่มีอัลฟ่าตัวไหนทนต่ออาการฮีทได้ ยังไงอาจจะถูกกัดประทับความเป็นคู่ถึงตอนนั้นแม้โนเอลจะเบื่อหน่าย เขาก็ไม่สามารถไปรักหรือผูกพันกับใครได้อีก

“คิดอะไรอยู่ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแล้วนะ” โนเอลใช้นิ้วมือคลึงที่ตรงหว่างคิ้วของดีทริชไปมา เด็กชายสะดุ้งตัวเบาๆ

“ไปกันเถอะ พวกแขกในงานรอฉันอยู่” โนเอลนำดีทริชลงจากตักแล้วพาไปยังห้องจัดงาน

แขกเหรื่อในงานล้วนแล้วแต่เป็นพวกปีศ่าจและอัลฟ่าทั้งนั้น เกือบทุกคนในงานเดินเข้ามาทักทายโนเอล ระหว่างที่พูดคุยกันเรื่องธุรกิจบางคนก็หันมามองดีทริชอย่างสนใจใคร่รู้แต่บางคนก็ทำเป็นไม่สนใจ

หลังจากอยู่ในงานได้ระยะหนึ่งโนเอลก็พาเขาไปที่ห้องรับรองแขกเพื่อไปพบคนคนหนึ่ง

“โอ้...ในที่สุดก็มาได้ซักทีนะโนเอล” ชายแปลกหน้าคนนั้นเข้ามากอดทักทายโนเอลอย่างแนบแน่น

“แล้วผู้ติดตามที่พาเฉิดฉายไปตลอดงานนี่คือใคร”

“นี่คือโอเมก้าของฉัน” โนเอลตอบ

“โอ้ หนุ่มน้อยยินดีที่ได้รู้จักฉันชื่อรอย” รอยยื่นมือมาให้ดีทริชจับ เขาลังเลแต่อีกฝ่ายคว้ามือไปจับเสียแน่น

“อืมน่าสนใจ พื้นเพครอบครัวน่าสนใจ”

ดีทริชงงไปหมดจนเมื่อโนเอลเฉลยข้อสงสัย

“รอยเป็นแวมไพร์ที่มีความสามารถในการอ่านความทรงจำจากการสัมผัส” ดีทริชรีบชักมือกลับทันที รอยหัวเราะเสียงต่ำ

“แม่ของหนุ่มน้อยเป็นคนที่น่าสนใจมาก ฉันอยากจะไปเยี่ยมเยียนเสียแล้วสิ”

ดีทริชระแวงอย่างหนัก ทำไมต้องอยากไปพบแม่ด้วยคงไม่ใช่ตกหลุมรักแม่ผ่านทางภาพความทรงจำของเขาหรอกนะ

“เสียดายจริงๆ อยากจะอ่านความทรงจำหนุ่มน้อยเพิ่มอีกหน่อย ถ้าโนเอลจะกรุณา”

“แย่ตรงที่ฉันไม่ชอบให้ใครมารู้จักของๆ ฉันดีมากกว่าตัวฉันนี่สิ” ดีทริชโล่งใจขึ้นมาทันทีเป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีกับโนเอล

“ฉันเห็นภาพปานบนร่างกายของหนุ่มน้อยอย่างเลือนราง ถ้ายังไงช่วยบอกให้หนุ่มน้อยถอดเสื้อผ้าให้ตรวจได้หรือเปล่า ถ้าจะโนเอลจะกรุณา”

บ้าชัดๆ ดีทริชหันไปมองดูโนเอล

“บ้าหรือเปล่า นายกำลังขอดูเรือนร่างของสมบัติของฉันนะ ล้อกันเล่นสินะ”

“ฉันจะแลกด้วยโรงงานสร้างโฮมุนคิวลัสของฉันโนเอลจะว่ายังไง”

โนเอลนิ่งคิดก่อนจะหันไปจดจ้องดีทริชที่กัดริมฝีปากตนเองจนบวมช้ำ อันที่จริงโรงงานนั่นน่าสนใจและเย้ายวนมาก แค่สั่งให้ดีทริชเปลื้องผ้าตรวจดูปานเท่านั้นเอง แต่เพราะแววตาสิ้นหวังของดีทริชนั่นแหละที่ก่อกวนจิตใจเขา

“นายจะให้อะไรฉันเป็นการตอบแทนดีทริช”

ดีทริชหลุบตาลงต่ำ เขาจะมีอะไรแลกกับโรงงานของรอยได้ก็เขามันแค่เด็กในสลัมที่ถูกซื้อมาเป็นนางบำเรอ อยากร้องไห้แต่จะไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้น่าสมเพชอีก ทันทีที่จิตใจสงบลงเขาก็ใช้สายตาคมประสานเข้ากับดวงตาของโนเอล

ช่างมันจะถูกสั่งให้เปลื้องผ้าก็ช่างมัน ยังไงก็ขัดขืนไม่ได้ยอมรับชะตากรรมดีกว่าร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้นมันน่าอาย

“ว่าไง ดูเหมือนว่าหนุ่มน้อยจะยอมรับชะตาแล้วนะเหลือแต่โนเอลเป็นคนเลือก”

ดีทริชไม่เหลือแววความหวาดกลัวอีกต่อไป โนเอลนึกพอใจต่อปฏิกิริยาโต้ตอบของดีทริช

“จูบฉันสิ...แล้วฉันจะไม่สั่งนายให้เปลื้องผ้าให้ใครดู”

ดีทริชคว้าเอาความหวังนั่นไว้ทันที เด็กชายประทับจูบลงไปด้วยความต้องการของตัวเอง โนเอลกอดรัดร่างของเขาเอาไว้แน่นขาข้างหนึ่งสอดเข้ามาตรงหว่างขาในขณะที่มือทั้งสองข้างนวดคลึงก้นของเขาปลุกเร้าอารมณ์

“อึก...”

ดีทริชตั้งอกตั้งใจจูบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะกลัวโนเอลจะกลับคำเปลี่ยนใจให้เขาเปลื้องผ้าให้รอยดูแลกกับโรงงานโฮมุนคิวลัส ถึงก่อนหน้านั้นจะเตรียมใจแล้วแต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ใครมาสำรวจตรวจตราร่างกายตนเอง

หลังจากถอนจูบดีทริชหอบหายใจแรงเผลอเอนตัวซบอกของโนเอล ช่างร้อนแรงนักไม่คิดว่าตนเองจะจูบใครได้ดุเดือดถึงขนาดนี้

“หนุ่มน้อยช่างมีเสน่ห์” รอยหัวเราะในลำคอ “แล้วก็ประทับใจจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นโนเอลใจดีกับคู่ขาขนาดนี้มาก่อน” รอยลุกขึ้นจากโซฟา

“หนุ่มน้อยถ้าเขาจริงจังกับเธอก็คงจะดี แต่ถ้าเขาแค่เล่นๆ เธอคงจะช้ำใจ ขอเตือนนะเธอไม่ควรถลำลึกกับใครง่ายๆ ว่าแต่เธอยังไม่ได้ตรวจเพศที่สองสินะ..น่าสนใจๆ  อ้อ...ลืมไป...ฉันเป็นคนดื้อดึงอะไรก็ตามที่ฉันสงสัยฉันจะหาวิธีไขข้อเท็จจริงให้จงได้ โนเอลเรื่องความร่วมมือของเราฉันจะดำเนินการเต็มที่ ที่มาวันนี้ก็แค่อยากชวนดื่มเล็กๆ น้อยๆ แต่เห็นว่าคงจะขัดจังหวะดีๆ เพราะอย่างนั้นฉันคิดว่าฉันไปดีกว่า”

หลังจากรอยออกไปจากห้อง โนเอลก็จัดการดันตัวให้ดีทริชนอนลงไปบนโซฟา เด็กชายดิ้นรนขัดขืนด้วยความตกใจแต่ไม่สามารถสู้เรี่ยวแรงของคนอายุมากกว่าได้ซักนิด

“จะอยู่นิ่งๆ ให้ฉันเปลื้องผ้านายเพื่อดูปานที่รอยว่า หรือจะให้ฉันบังคับฉีกเสื้อผ้านายอย่างป่าเถื่อน จริงสิสถานการณ์แบบนั้นคงจะเร้าอารมณ์ฉันน่าดู ไม่รับประกันนะว่านายจะถูกฉันกอดเดี๋ยวนี้เลยหรือเปล่า”

“อยากทำอะไรก็ตามใจสิ ฉันขัดขืนได้ได้ด้วยหรือไง” ดีทริชสะบัดหน้าหนีไปอีกทางปล่อยให้โนเอลทำตามใจชอบ แค่ดูเฉยๆ ย่อมดีกว่าถูกข่มขืน

“อ๊ะ...ไม่ต้องถอดข้างล่างนะ ปานมันอยู่ตรงหน้าอก”

บ้าเอ๊ย!! ดีทริชสบถด่าในใจ คนบ้าที่ไหนเขาเปลื้องผ้าจากชิ้นล่างก่อนกันวะ

“เข้าใจล่ะ” โนเอลยิ้มกริ่ม “แต่ฉันอยากจะถอดท่อนล่างก่อน ไม่ได้หรือไง”

“ตามใจนายสิ” ดีทริชถลึงตาใส่ โนเอลจัดการรูดซิปกางเกงอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้าจนคนถูกกระทำชักหงุดหงิด

“ฉันจะถอดเอง” โนเอลเอียงคอมองปั้นหน้าใสซื่อจนน่าโมโห

“นั่นสิให้นายถอดเองก็ดีเหมือนกัน ถอดท่อนล่างก่อนนะ”

 โนเอลปล่อยดีทริชให้เป็นอิสระ ตั้งใจจะดื่มดำกับความอับอายหรือแววตาท้าทายซักอย่างก็ได้ แต่ดีทริชกลับไม่ทำทั้งสองอย่างดูตั้งอกตั้งใจถอดเสื้อผ้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

“ไง เห็นแล้วสินะ ปานของฉัน” โนเอลขยับเข้ามายืนตรงหน้าก่อนจะใช้มือไล้ลงมาบริเวณปานรูปดอกกุหลาบ

“ฉันชอบมันนะ มันสวยเข้ากับนายดี” กล่าวจบโนเอลก็รวบดีทริชเข้าไปกอด

“นายสัญญาแล้วว่าจะแค่ดูปานอย่างเดียว จะผิดคำสัญญาหรือไง”

“ฉันสัญญาด้วยหรือเมื่อไหร่กัน”

โนเอลยิ้มเยาะ เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะอดทนต่อความต้องการอยากทำรักก็จะทำมันก็แค่นั้น ทั้งอย่างนั้นสายตาตัดพ้อตำหนิติเตียนของดีทริชมันชวนให้จั๊กจี้ในอก ตัดสินใจบดขยี้ริมฝีปากอีกฝ่ายด้วยจูบทันที

“อึก...อย่า...” เปลี่ยนมุมประกบจูบนับครั้งไม่ถ้วน มือไม้เองก็อยู่ไม่สุขลูบคลึงไปทั่วอย่างถือดี

“นายมีอารมณ์นะ” จงใจชี้ให้เห็นความจริง ดีทริชหน้าแดงก่ำเพราะเครื่องเพศตั้งชันขึ้นมา

“ช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อย”

“ไม่...”

“เลือกเอาว่าจะทำตามที่สั่งหรือจะให้ฉันขืนใจ” แน่นอนว่าดีทริชเลือกอย่างแรกมันยังดีกว่าถูกขืนใจไม่ใช่หรือไง



คุยท้ายเรื่อง



อ่านจบตอนนี้คงมีหลายคนอยากได้nc ก็...ฮ่าๆๆๆๆ มีฉากอย่างนั้นเป็นน้ำจิ้มอีกแหละ



แต่ยังไม่ได้สอดใส่ เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับจังหวะด้วยน้า ขออภัยที่อาจต้องผิดหวังสำหรับบางคน



ร้องเพลงรอกันไปก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่8 {22/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 22-01-2018 12:03:33
เกือบจะชมโนเอลล่ะ แต่อ่านตอนท้ายก็แบบ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่8 {22/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 22-01-2018 16:36:50
ncเอาแค่หอมปากหอมคอพอนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่8 {หน้า2} {22/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 22-01-2018 18:23:22
คุกๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่8 {หน้า2} {22/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-01-2018 23:43:40
หือออออ เรื่องปานก็น่าสงสัย แต่เรื่องแม่น่าสงสัยกว่าอีก
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่9 {หน้า2} {23/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 23-01-2018 10:01:51


บทที่9

ถึงดีทริชจะช่วยตัวเองด้วยท่าทางเงอะงะและประหม่าแต่มันช่างเร้าอารมณ์โนเอลเสียเหลือเกิน ทีแรกตั้งใจว่าขอทำแค่นั่งมองเฉยๆ ทั้งอย่างนั้นในที่สุดเขาก็จัดการงัดเอาความใหญ่โตที่พองขยายออกมาเพื่อระบายความต้องการที่พุ่งขึ้นสูง

ดีทริชเบิกตากว้างเมื่อเห็นความเป็นชายของเขา โนเอลยิ้มเยาะเข้าใจว่าคงตื่นตระหนกเพราะขนาดตอนนี้ก็ไม่ธรรมดาเสียด้วย

“หยุดทำไมทำต่อไปสิ ฉันกำลังสนุกเลย” ดีทริชขบริมฝีปากล่างโนเอลรู้ดีว่าหมอนี่รู้สึกยังไง อีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองดูเขาอีกพยายามอย่างมากตั้งใจที่จะจัดการกับของๆ ตัวเอง

“อุ...” ดีทริชตั้งใจกลั้นเสียง โนเอลไม่ได้ขุ่นเคืองเขากำลังเพลินกับการมองดูและช่วยตัวเองไปพร้อมกัน

“เงยหน้าขึ้นมาเดี๋ยวนี้ดีทริช มองดูฉันไม่อย่างนั้นทางนี้จะเข้าไปใกล้ๆ”

ดีทริชกัดฟันกรอดไม่นึกอยากให้โนเอลเข้ามาใกล้ๆ ยิ่งเวลาอย่างนี้ที่ต่างคนต่างปรนเปรอตัวเองหากเผลอแตะเนื้อต้องตัวกันอาจเลยเถิดไปจนจบบนเตียง ถึงเขาขัดขืนก็คงสู้อะไรโนเอลไม่ได้แล้วก็คงไม่มีโอกาสได้สู้ด้วยเพราะอย่างไรอิทธิพลที่อีกฝ่ายมีสามารถทำเรื่องเลวๆ กับเขาและคนที่เขารักได้

ไม่ยุติธรรมเลย คนที่พยายามเพื่อที่จะไปอยู่ข้างบนอย่างเขากลับถูกถีบลงมาที่ด้านล่างจนต่ำกว่าเดิม เป็นนางบำเรอไม่มีอิสระ เขายังไม่เคยมีความรักด้วยซ้ำแต่กลับต้องมารองรับกามารมณ์ของพวกมาเฟีย ไม่มีความรักปะปนอยู่ในความสัมพันธ์นี้มีแค่ความใคร่กับความอยากเป็นแรงผลักดัน

แล้วเขาจะเรียกร้องอะไร โนเอลไม่จำเป็นต้องสนใความรู้สึกของใครหรือแม้แต่ของเขาหมอนี่อยากได้อะไรก็จะคว้าเอาไปเป็นของตัวเองเขาเองก็แค่ของอีกชิ้นหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจ

ระยะหลังนี้รู้สึกไข้ขึ้นอยู่บ่อยครั้งบางครั้งร่างกายขาดเรี่ยวแรงไปบ้าง ดีทริชกังวลกับอาการป่วยไร้เหตุผลอีกไม่กี่วันจะใกล้วันตรวจเพศรองประจำปีซึ่งมันจะชี้ชะตากรรมของเขา

 เบต้าหรือโอเมก้า

เขาภาวนาให้ฝันร้ายไม่มีวันกลายเป็นจริง หมู่นี้ดีทริชฝันร้ายในฝันเขากลายเป็นโอเมก้าเป็นหนึ่งในนางบำเรอของโนเอล ถูกย่ำยีจนตั้งท้องและถูกเขี่ยทิ้งให้กลับไปอยู่ในสลัมการที่ท้องตั้งแต่อายุยังน้อยสร้างความลำบากให้กับเขากับแม่   

แต่ทั้งอย่างนั้นในฝันก็ยังคงมีความสุขความรู้สึกที่ได้เลี้ยงลูกที่ตนให้กำเนิดไปพร้อมกับคนเป็นแม่มันอบอุ่น ถึงอย่างไรก็ยังเศร้ามากอยู่ดีนอกจากไม่สามารถส่งเสียลูกน้อยไปยังที่สูงได้ ตัวเขาเองก็หมดหนทางสานสัมพันธ์กับคนที่น่าจะชอบพอในอนาคต เพราะว่าถูกกัดที่คอถูกบังคับให้เป็นคู่แล้วเขี่ยทิ้ง

 เขาไม่อยากเป็นโอเมก้า แล้วก็เพราะถูกยึดเอาทุกอย่างไปแม้กระทั่งการตัดสินใจดีทริชจึงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีความรักหรือสานสัมพันธ์กับคนที่ตัวเองรักซักครั้งแค่ได้ลองซักครั้งในชีวิต

ขอแค่ได้รักใครจริงๆ และเขารักตอบซักครั้งก็พอแล้ว แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ เกลียดชะตาชีวิตแบบนี้จริงๆ เพราะโนเอลนั่นแหละ

การที่อยู่ๆ ดีทริชก็ส่งสายตาดุร้ายมายิ่งทำให้โนเอลรื่นรมย์กว่าเดิม แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นแหละคงเพราะใกล้ถึงจุดแล้วอีกฝ่ายกลับไปจดจ่อกับเรื่องของตัวเอง

“อ๊ะ” เสียงครางสั้นๆ ของดีทริชฟังดูน่ารัก ฝ่ายนั้นถึงจุดนั่งหอบหมดแรงในขณะที่โนเอลยังต้องการเวลาอีกหน่อย

“เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองฉันหรือว่าจะเข้ามาใกล้ๆ ตรงนี้ดีเลือกเอา”

ดีทริชถลึงตามองจิกที่ความเป็นชายของเขาราวกับจะกัดขย้ำ โนเอลหัวเราะในลำคอจงใจเลียริมฝีปากแสดงให้รู้ว่ามีอารมณ์กับการถูกจ้องมองแบบนี้

“โรคจิต”

 โนเอลไม่ได้สนใจคำต่อว่า ช่วงสุดท้ายของความหฤหรรษ์เขาเร่งขยับมือ เสียงจึ๊กๆ ลามกหยาบโลนดังไปทั่วห้องดีทริชก่นด่าในความสัปดนลามกของชายตรงหน้า

“อ้า...” เสียงครางของโนเอลฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ เจ้าตัวไม่ได้ส่งเสียงดังจนน่ารำคาญแต่เป็นเสียงแผ่วๆ ทุ่มต่ำ

ดีทริชไม่รู้จะนำไปเปรียบเทียบกับใครเพราะไม่เคยทำเรื่องลามกอย่างนี้ร่วมกับคนอื่นแต่เริ่มจะเกลียดตัวเองที่คิดว่าโนเอลมีเสน่ห์สมชายและยังมีในสิ่งที่เขาปรารถนาที่จะมีอีกด้วย

จบลงจนได้ในที่สุดอีกฝ่ายก็เลิกทำเรื่องลามกเสียที โนเอลรูดซิปแต่งกายตัวเองดังนั้นดีทริชจึงทำตามบ้าง

“จริงๆ ฉันยังไม่พอหรอกนะ แต่พอศึกษาเรื่องการเจริญวัยของโอเมก้ามาบ้าง ถ้าเกิดว่าฉันข่มขืนนายในช่วงก่อนวัยเจริญพันธ์มันคงจะไม่ดีกับร่างกายนาย การเจริญเติบโตอาจจะรวนไปหมดส่งผลเสียไม่มากก็น้อย นายโชคดีนะที่ฉันเป็นคนเอาใจใส่”

“ฉันไม่ใช่โอเมก้า” ดีทริชเถียงเสียงแข็งถึงแม้ในใจลึกๆ จะเริ่มมีความเอนเอียงและหวาดกลัว

“อะไรทำให้มั่นใจขนาดนั้น”

ดีทริชนิ่งงันไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดี เพราะเขาไม่มีเหตุผลมีแต่ความเชื่อส่วนตัวแค่นั้นเอง

“ดีทริช” โนเอลขยับเข้ามาใกล้เชยคางของเขาขึ้น

“ฉันอาจจะให้สัญญาอะไรไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ที่ฉันเป็นคนเริ่มต้นมันจะยืนยาวแค่ไหน แต่ถ้ามันจบลงหรือต้องจบลงมันจะไม่ทำให้นายขาดทุนเพราะฉันรู้สึกกับนายต่างไปจากคนอื่นๆ”

ดีทริชงุนงงกับคำพูดเขาใช้เวลาประมวลผลพักหนึ่ง

“นายพูดเหมือนกับนายพึงพอใจฉันมากกว่าคนอื่นๆ คงไม่ใช่ว่าชอบฉันหรอกใช่ไหม” ดีทริชรู้สึกว่าภายในใจมีบางอย่างแปลกไปนิดหน่อยแค่นิดเดียวเท่านั้น

“เวลาสำหรับเรายังอีกยาวนานไม่ใช่หรือ เราจะได้เรียนรู้กันอีกนานน่าสนุกใข่ไหม”

“แต่มันไม่เท่าเทียมกันและฉันไม่ได้เต็มใจ ฉันถูกนายนายบังคับแล้วฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะชอบคนที่ข่มขู่ตัวเองได้”

“โลกนี้มีอะไรเท่าเทียมด้วยหรือไง ยังไม่เข้าใจความเป็นไปของการมีชีวิตอีกหรือดีทริชฉันคิดว่านายเป็นเด็กที่ฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกันนะ”

หลังจากนั้นดีทริชก็ถูกส่งตัวกลับ เขาเหม่อลอยจนแม่จับสังเกตได้

“ดีทริชเป็นอะไรไปลูก”

“เปล่าฮะแม่ ผมแค่เรียนรู้งานได้ไม่ดีพอเท่านั้นเอง”

ตาแก่ขี้เมาสะดุ้ง คงกลัวว่าความลับของตัวเองจะถูกแม่รู้

“เอ่อแนะ ไอ้หนูเอ็งเอาเงินไปซื้อขนมสิมาๆ ข้าจะหยิบให้”

ดีทริชปลายมองด้วยหางตา เงินนั่นมันได้มาจากการขายเขาเพราะอย่างนั้นมันเป็นของเขาแต่แรกจึงเดินไปรับมาแล้วยื่นส่งให้แม่

“แม่เก็บไว้นะฮะ เงินของผมก็คือของแม่” แม่ยิ้มแล้วกอดจูบเขาหลายครั้ง

“ดีทริชเก็บไว้เถอะลูก แม่มีเงินพอแล้ว” แม่จัดการคืนเงินมาให้เขา

 เรื่องที่ไม่สบายใจตอนนี้นอกจากเรื่องของโนเอลยังมีการตรวจเพศที่สองที่จะมีขึ้นในโรงเรียนพรุ่งนี้ ระยะหลังมานี้ไข้ขึ้นบ่อยๆ ดีทริชเคยอ่านเจอว่าเด็กโอเมก้าที่เข้าสู่ช่วงเจริญพันธ์จะมีอาการไข้ขึ้นเป็นระยะๆ

บางทีอาจจะแค่เป็นหวัดธรรมดา ดีทริชพยายามปลอบใจตัวเอง แค่เป็นหวัดเพราะต้องเรียนหนักทำงานหนัก ใครๆ ก็มีอาการนี้กันทั้งนั้น

เขากำลังกลัว กลัวจนไม่กล้าปรึกษากับใครแม้กระทั่งแม่ ถ้าเกิดว่าเขาท้องลูกของโนเอลแม่จะรู้สึกยังไงกันนะ ตกใจ ดีใจ หรือเสียใจ นี่เขาเป็นอะไรไปแล้วทำไมถึงต้องคิดแต่เรื่องแย่ๆ แบบนี้ด้วยนะ

ควรจะคิดแต่เรื่องดีๆ สิ

ดีทริชรีบเข้านอนกว่าจะหลับตาลงได้เวลาก็ล่วงเลยผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว ในฝันคืนนั้นเขาได้หลงรักผู้ชายที่ไม่มีใบหน้าดีทริชตัดสินใจสารภาพรักกับคนๆ นั้นก่อนที่จะถูกโนเอลย่ำยีและถูกทำให้เป็นคู่

เป็นฝันที่น่าเศร้าชะมัด น่าเศร้าเกินไปจริงๆ



คุยท้ายเรื่อง



มีหลายคนติงเรื่องการละเมิดเด็ก แต่ที่เขียนลงไปตอนนี้มันเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยในการดำเนินเรื่อง

ของพล๊อตที่วางเอาไว้ไม่มากก็น้อยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะเราพยายามเกลาบทเผื่อไม่ให้เขาได้กันเร็วไปอยู่

แต่ทีแรกก็คิดว่าไม่ให้ได้กันเร็วอยู่แล้ว เห็นหลายคนเป็นห่วงเราเลยคิดว่าถ้าพอแก้ได้ก็จะแก้เนื้อหาเรื่องnc

ถ้าเราสามารถพอนะคะ

แล้วก็เราต้องไปอบรมบริษัท4วัน ถ้ามีเวลาว่างเราจะรีบแต่งนะคะ ถ้าครบตอนอาจจะลงเร็วแต่ถ้าไม่ถึงสี่หน้า

เราอาจจะลงอีกทีไม่27ก็28นะคะ รอกันหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่9 {หน้า2} {23/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 23-01-2018 10:31:42
วู้รอตั้ง4-5วัน รีบๆกลับมาแต่งต่อนะจ๊ะ :katai3:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่9 {หน้า2} {23/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-01-2018 12:06:37
เครียดไปกับดีทริชด้วยแล้วเนี่ย

ปล. สู้ๆค่ะ รอได้จ้าาา
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่9 {หน้า2} {23/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 23-01-2018 16:56:59
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากกกกกก เอาใจช่วยดีทริซสุดๆ แม่ของดีทริซต้องมีผมอะไรแน่ๆ เลยอะ
ปานนั่นอีก
จะเกี่ยวกับตำนานที่เกริ่นมาก่อนมั้ยนะ
ตื่นเต้นจังค่ะๆ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่9 {หน้า2} {23/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 23-01-2018 19:08:46
รอ....
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่10 {หน้า2} {24/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 24-01-2018 11:13:39


บทที่10

ที่คฤหาสน์หรูหราของตระกูลรูค เอฟเว่นนั่งรับประทานอาหารเช้ากับพ่อแม่ของเขาบรรยากาศระหว่างครอบครัวยังคงเคร่งเครียดและมีแบบแผนตายตัวเหมือนทุกๆ วัน

“วันนี้ที่โรงเรียนจะมีคนของกระทรวงมาตรวจเพศที่สองสินะเอฟเว่น”

“ครับท่านพ่อ”

“ฉันเคยเล่าให้แกฟังหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าคนตระกูลรูคของเราล้วนแล้วแต่เป็นอัลฟ่ากันทั้งนั้น ฉันหวังว่าแกจะไม่แตกต่างจากคนในตระกูลแม้ว่านิสัยใจคอจะไม่มีอะไรเหมือนฉันเลยก็ตาม”

“โถ่คุณคะเอฟเว่นยังไงก็ต้องเป็นอัลฟ่าแน่นอนอยู่แล้ว เขามีเชื้อสายของตระกูลรูคไม่ทางเป็นอย่างอื่นไปได้หรอกค่ะ”

พ่อถอนหายใจแล้วใช้สายตาคมจ้องมองมาที่เขา เอฟเว่นหลุบตาลงต่ำ

“อย่าเอาแต่ก้มหน้าหลบตา เพราะแกทำอย่างนี้ไงถึงไม่มีใครเชื่อว่าแกเป็นลูกของฉัน”

“เงยหน้าขึ้นมาสิจ๊ะเอฟเว่นพ่อกับแม่อยากเห็นหน้าลูกนะจ๊ะ”

“ครับ” เอฟเว่นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พ่อยังคงมีสีหน้าเย็นชาเหมือนทุกที แต่แม่ที่ใจดีเสมอต้นเสมอปลายยิ้มหวานมาให้

“รีบทานอาหารซะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายกันพอดี” พ่อออกคำสั่งเอฟเว่นตั้งหน้าตั้งตาทานอาหาร

หลังจากทานอาหารเสร็จพ่อออกไปที่กระทรวงเหมือนทุกวันส่วนเอฟเว่นไปยังรถที่คนขับรออยู่

“ลูกรัก”

“ฮะ” แม่เดินเข้ามาหาแล้วกอดเขาเอาไว้แน่น

“ไม่ต้องกลัวการตรวจเพศนะ ถึงลูกจะไม่ใช่อัลฟ่า แม่ก็ยังรักลูกอยู่ดีนะจ๊ะ”

“แต่ว่าท่านพ่อเขา...”

“คนคนนั้นเขาเย็นชาแค่เฉพาะภายนอกเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะดื้อดึงแต่งงานกับแม่ที่เป็นโอเมก้าไร้ชาติตระกูลหรือจ๊ะ”

“ท่านแม่ว่าพ่อจะโกรธไหมถ้าผมกลายเป็นโอเมก้า”

“โกรธแค่ภายนอกเท่านั้นแหละจะ จริงๆ มันก็เรื่องที่ถ้าลูกไม่ได้เป็นอัลฟ่าก็อาจจะต้องนำเด็กจากตระกูลรองมาเป็นผู้นำตระกูลต่อไป พ่อเขาก็อยากจะให้ลูกเป็นผู้นำตระกูลมันแค่นั้นเอง”

“ถ้าอย่างนั้นถ้าผมเป็นโอเมก้าพ่อคงจะผิดหวัง”

“ไม่เลยจะ พ่อไม่ได้พูดอย่างนั้นเวลาที่อยู่กับแม่เลย คนคนนั้นแค่ว่าถ้าเกิดลูกเป็นโอเมก้าขึ้นมาชีวิตข้างหน้าคงยุ่งยากเล็กน้อย แต่ยังไงตระกูลรูคของเราจะคอยดูแลลูกเสมอนะ”

ถ้าท่านพ่อมาพูดด้วยตัวเองจะดีกว่านี้มาก ปกติท่านพ่อก็เย็นชาเข้มงวดกับเขามากพออยู่แล้วถ้าเกิดกลายเป็นโอเมก้าคงจะ...

ไม่อยากคิดเลย แต่พอเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของแม่ก็คลายความกังวลไป อย่างน้อยท่านแม่ก็อยู่เคียงข้างเขาและไม่ทิ้งไปไหน ดังนั้นเอฟเว่นจึงฉีกยิ้มสดใสเหมือนทุกครั้ง

“แม่จะไม่เสียใจใช่ไหมฮะถ้าผมเป็นโอเมก้า”

“แน่นอนจะที่รัก แม่รักลูกนะ” แม่หอมแก้มซ้ายขวาของเขาฟอดใหญ่จากนั้นเอฟเว่นเดินทางไปโรงเรียน

เมื่อไปถึงโรงเรียนสิ่งแรกที่ทำคือไปยังตู้เก็บของส่วนตัว เอฟเว่นเอาสมุดวาดภาพที่มาเรี่ยนพึ่งนำมาใส่ไว้ออกมา ระยะหลังมานี้พวกเขาแลกบันทึกประจำวันกันเขียนโต้ตอบสิ่งที่คิดแทนการพูดคุยด้วยตรงๆ

               <ผมเข้าใจเรื่องที่เธอกังวลเกี่ยวกับการตรวจเพศ แต่ว่าถึงเธอจะเป็นโอเมก้าผมก็จะยังเป็นเพื่อนเธอตลอดไป เป็นโอเมก้าไม่ใช่ว่าไม่ดี เพราะสำหรับปีศาจอย่างพวกผมพวกโอเมก้าคือเจ้าสาวคนสำคัญที่จะมาให้กำเนิดทายาท ถ้าเธอเป็นโอเมก้าหมายความว่าเธอจะเป็นสิ่งมีค่าที่สุดสำหรับผม>

               เอฟเว่นอ่านข้อความในสมุดบันทึกแล้วต้องตีความหลายครั้ง พอเข้าใจสิ่งที่จะสื่อเขาก็หน้าแดงแปร๊ด

               แบบนี้มันเหมือนกับว่ามาเรี่ยนจีบเขาแล้วอีกฝ่ายจะดีใจถ้าเขาเป็นโอเมก้าหรือยังไง เขาเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่านะ น่าอายชะมัดที่คิดอะไรเข้าข้างตัวเองแบบนี้

               <พรุ่งนี้ขอให้เธอโชคดีในการตรวจเพศที่สองนะ จากคนที่หวังดีกับเธอเสมอ>

               ชุ่มชื่นหัวใจเหลือเกิน มาเรี่ยนเป็นเหมือนน้ำหวานหล่อเลี้ยงหัวใจของเอฟเว่นยิ่งได้พูดคุยกันยิ่งชอบมากขึ้นไปทุกที มาเรี่ยนไม่ต่างไปจากที่คิดเขาช่างอ่อนหวานและน่ารักเกินจะห้ามใจ

               กริ่งเข้าเรียนดังขึ้นเอฟเว่นวิ่งไปที่ห้องเรียนทันทีที่พบหน้าเพื่อนสนิทอีกฝ่ายหดหู่อย่างเห็นได้ชัดไม่เหมือนดีทริชคนเดิมเลยซักนิด

               “ทริชเป็นอะไรไป” ดีทริชสะดุ้ง แปลกประหลาดเหลือเชื่อดีทริชที่มักจะตื่นตัวตลอดเวลาเหม่อลอย

               “เปล่าๆ นะ” ดีทริชยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติซักนิด เจ้าเองก็รู้ดีว่าเอฟเว่นมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง

               “ฉันไม่เป็นอะไรน่าเอฟเว่น แค่มีเรื่องทะเลาะกับพ่อที่บ้าน”

               “อย่าบอกนะว่าพ่อขี้เมาคนนั้นเริ่มอาละวาดทำร้ายนายกับคุณน้าแล้ว” ดีทริชถอนหายใจ เขาไม่อยากเล่าว่ากังวลเรื่องอะไร โกหกก็เหมือนไม่เนียนอีกแย่ชะมัด

               “นายไม่ต้องใส่ใจหรอก เรื่องมันเล็กน้อยมาก”

               เล็กน้อยที่ไหนกัน ใบหน้าเคร่งเครียดของดีทริชบอกชัดว่าไม่สบายใจมากแถมขอบตาคล้ำชัดเจนคงอดนอน อยากจะซักไซ้ให้มากกว่านี้ แต่ถ้ากดดันกันมากเกินไปดีทริชอาจจะต่อต้านและซ่อนความลับลึกกว่าเดิม เอฟเว่นตัดสินใจจะรอคอยให้เพื่อนสนิทพูดออกมาเอง

               “เอาล่ะทุกคนเช้านี้จนถึงบ่ายเราจะเริ่มทยอยตรวจเพศที่สองกันตามลำดับ เอาล่ะเรียงแถวแล้วตามครูมา”

               พวกเพื่อนๆ ในห้องตื่นเต้นกันน่าดู แต่บางคนก็กังวลจนเห็นชัด เวลานี้อาการของดีทริชดูจะหนักขึ้น หรือว่าจะกังวลเรื่องเพศรองของตัวเอง เอฟเว่นเข้าไปจับมือเพื่อนสนิทบีบเบาๆ เป็นการปลอบโยน

               “ว้าวคู่รักปลอบโยนกันและกันหรือไง พวกนายอย่าประเจิดประเจ้อนักเลย”

 เอฟเว่นหันไปยิ้มแฮะๆ ให้เพื่อนที่แซวมา ตอนนี้ทั้งห้องพากันหยอกล้อพวกเขา กังวลว่าดีทริชจะโกรธแต่กลับนิ่งเฉยด้วยอาการเหม่อนิดๆ และหน้าซีด

               ร้ายแรงขนาดนั้นเลยดีทริชไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน

               “ทริชถ้าฉันเป็นโอเมก้านายจะยังคบฉันเป็นเพื่อนอยู่ไหม” ดีทริชสะดุ้งอีกแล้ว เอฟเว่นสงสารเพื่อนสนิทจับใจ

               “เพศรองของนายจะเป็นแบบไหนเราก็คือเพื่อนกัน” ดีทริชตอบ

               “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ”

               ดีทริชพึ่งรู้ตัวว่าเอฟเว่นเป็นห่วงเขามากแค่ไหน แต่ไม่สามารถปัดความกังวลทิ้งไปได้ซักที เขากลัวมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความมั่นใจที่เคยมีมันหายไปหมด

               “คนต่อไป”

“ ฉันเข้าไปก่อนนะทริช”

“อะ..อืม...”

น่าสงสารดีทริชตื่นเหมือนกระต่ายตัวจ้อย เอฟเว่นกังวลจนต้องหันมามองเพื่อนสนิทเป็นระยะๆ เมื่อไปถึงจุดตรวจหมอเจาะเลือดและนำน้ำลายของเขาไป เนื่องจากเทคโนโลยีบนจูปิเตอร์รุดหน้าไปไกลมากการตรวจที่เมื่อก่อนใช้เวลาเป็นสัปดาห์ตอนนี้แค่สามวันเท่านั้นเอง

หลังจากเก็บตัวอย่างเสร็จเอฟเว่นมองหาดีทริชพบว่าเพื่อนสนิทยืนเหม่อพิงกำแพงเพียงลำพัง เขารีบเดินเข้าไปหา

“เป็นยังไงบ้างทริช”

“ก็ดี”

“วันนี้เราเลิกเรียนเร็วก่อนที่รถจะมารับเราแวะไปเดินเล่นกันก่อนได้ไหม”

ตามจริงเขาต้องใช้เวลาเขียนสมุดบันทึกแลกกับมาเรี่ยนก่อน แต่เอฟเว่นเลือกดีทริชทั้งอย่างนั้นยังไม่ลืมเขียนคำอธิบายขอโทษมาเรี่ยนที่ไม่ได้ทิ้งข้อความอะไรไว้เลย

“ทริชชอบไอ้นี่ไหม” เอฟเว่นชี้ไอศกรีมถ้วยยักษ์ที่อยู่ในเมนูของคาเฟ่ จริงๆ เขาอยากจะสั่งมาคนละอย่างให้เพื่อนต่างหากแต่ดีทริชไม่ค่อยยอมให้เขาเลี้ยงหรือรับอะไรจากเขา ดังนั้นจึงทำได้แค่ทานจากจานเดียวกัน

“คือว่าฉันอยากทานน่ะ แต่คงทานไม่หมดทริชช่วยหน่อยได้ไหม” พยายามปั้นหน้าประจบเอาใจอย่างน่ารัก คิดว่าถ้าพามาทานของอร่อยดีทริชจะรู้สึกดีขึ้น แล้วก็ร้านคาเฟ่ชื่อดังอย่างฟีโอเร่ใครๆ ก็อยากมาทานที่นี่ทั้งนั้น

“ช่วยไม่ได้นะ” ดีทริชยิ้มเป็นครั้งแรกของวัน ในที่สุดก็ยิ้มจนได้นับว่าความพยายามได้ผล

แต่เอฟเว่นไม่รู้หรอกว่าดีทริชเข้าใจการกระทำของเขาดีทั้งหมด มันชัดเจนด้วยตัวเอง

ถ้าเกิดว่ายังปั้นหน้ากังวลอยู่อีกเอฟเว่นคงพยายามปลอบขวัญไม่เลิก เขาไม่ควรแสดงอาการกลัดกลุ้มต่อหน้าเพื่อนสนิทไม่อย่างนั้นเจ้านี่จะไม่สบายใจไปด้วย เพราะงั้นดีทริชจึงกลับมาสดใสแถมอาจจะมากกว่าปกติด้วยซ้ำ

“ว้าวน่าทานจัง” ไอศกรีมถ้วยใหญ่ถูกนำมาวางตรงหน้า ท่าทางน่ารักน่าชังของเอฟเว่นทำให้เขาผ่อนคลายลงมากทีเดียว

“นายนี่เหมือนเด็กๆ เลยดูสิเปื้อนปากแล้ว”

ระหว่างที่ทานขนมดีทริชก็ใช้มือเกลี่ยเศษครีมจากมุมปากเอฟเว่นก่อนจะเอาเข้าปาก เพราะพวกเขาสนิทกันมากเลยทำแบบนี้เป็นปกติธรรมชาติต่างคนต่างไม่ได้รังเกียจ

“ขอบคุณน้า” เอฟเว่นยิ้มแฉ่ง จังหวะนั้นบริกรก็นำขนมจำนวนมากมาวางลงบนโต๊ะของพวกเขา ขนมน่ากินทั้งนั้นทำเอาละลานตา

“เอ่อ...พวกผมไม่ได้สั่งนะฮะ” เอฟเว่นคุยกับบริกร

“นี่เป็นของที่เพื่อนของคุณดีทริชสั่งมาให้นะครับ โปรดรับข้อความจากท่านผู้นั้นไปด้วยครับ”

เอฟเว่นมองดูดีทริชรับกระดาษข้อความไป แวบหนึ่งเห็นเพื่อนสนิทหน้าขึงตึงก่อนจะกลับมายิ้มเหมือนเดิม

“เพื่อนคนไหนหรือ” ดีทริชไม่ตอบแต่อ่านข้อความเงียบๆ ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวเอฟเว่นเข้าใจดีว่าไม่ควรก้าวก่ายให้มาก

<ท่าทางน่าอร่อยจริงนะ นึกไม่ถึงว่านายจะยิ้มให้เจ้ากระต่ายนั่นได้น่ารักถึงขนาดนี้ ฉันเป็นคนขี้หวงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเด็กอย่างนายคงจะชอบขนมมาก เพราะอย่างนั้นทานให้อร่อยก็แล้วกัน>

ดีทริชหันไปมองรอบๆ และพบกับรถคันหรูที่ติดฟิล์มกระจกจนดำมืด โนเอลไม่ผิดแน่จะเป็นใครได้อีก บังเอิญหรือ หรือว่าแอบจับตาดูเขากันแน่

“รถคันนั้นเป็นของเพื่อนทริชอย่างนั้นหรือ” ดีทริชคลี่ยิ้มให้คนถาม

“อื้อ เรารู้จักกันตอนไปทำงานพิเศษ”

“อะไรกันฉันงอนนะ ที่เก็บเพื่อนคนนั้นทริชยังรับของตั้งมากมาย แล้วกับฉันล่ะ ถ้ารับขนมจากเพื่อนคนนั้นได้มากขนาดนี้ ครั้งต่อไปต้องทำให้เท่าเทียมกันนะ ฉันเองก็มีของที่อยากจะให้ทริชตั้งมากมาย”

เอฟเว่นพองลมในแก้มอย่างแสนงอน ดีทริชยิ้มเจื่อนสงสัยว่าจะปฏิเสธของจากเพื่อนคนนี้ไม่ได้อีกแล้ว

“เข้าใจแล้ว เจ้าชายอยากจะประทานอะไรมาให้กระผมก็นำมาได้เลยขอรับ”

“ค่อยยังชั่วหน่อย”

“นี่...เรารีบทานกันเถอะ เดี๋ยวจะได้เวลาที่รถของบ้านนายมารับซะก่อน”

เอฟเว่นตื่นตัวทันที ขนมมากมายขนาดนี้เป็นสวรรค์ชัดๆ แต่ต้องทำเวลาดังนั้นจึงสวาปามแบบสูบโดยไม่อายใครเลยทีเดียว ถึงดีทริชจะหัวเราะขบขันล้อเลียนเขาก็ไม่ได้อายซักนิด ก็มันอร่อยนี่นา



คุยท้ายเรื่อง

จริงเมื่อวานแต่งได้สองตอนเลยล่ะฮูเร่ แต่จะเก็บไว้ลงพรุ่งนี้ เพราะกลัวว่าจะหายไปนาน

ตอนนี้พยายามผูกปมใหม่ๆ เข้าหากัน ยากเลยแหละกลัวออกมาไม่ดีด้วย ถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหน

ชี้แนะได้นะคะ แต่อย่าวิจารย์แรงมากนะ คือเราเป็นคนขี้ใจน้อย ฮ่าๆๆๆๆ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาชี้แนะแสดงความคิดเห็นนะคะ เราจะพยายามนำไปปรับใช้

แต่ถ้าส่งผลกระทบกับพลอตเรื่องมาก เราจะขอเดินทางไปตามแนวทางของเรานะ

รักนักอ่านทุกท่าน แสดงความเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่10 {หน้า2} {24/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 24-01-2018 12:18:01
คุณคนเขียนไม่ต้องกังวลเลยน้าาา แต่งดีมากๆ เลยค่ะ
นี่เค้าลุ้นตามเด็กๆ ไปด้วยแล้วเนี่ย
 :ling3: :ling3:
แต่เดาว่าต้องเป็นโอเมก้าทั้งคู่แน่ๆ เลย
 :katai4:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่10 {หน้า2} {24/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: allegiant1994 ที่ 24-01-2018 14:45:09
ชอบเรืองนี้มากเลยคะ
ลุ้นแทน
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่10 {หน้า2} {24/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 24-01-2018 18:57:03
เริ่มจะเครียดแทนดีทริชแล้วเนี่ย :ling2:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่10 {หน้า2} {24/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 24-01-2018 23:08:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่10 {หน้า2} {24/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: เฉื่อย ที่ 25-01-2018 00:42:51
มาเรี่ยนกับเอฟเว่นจะน่าอิจฉากันเกินไปแล้วนะคะ ชิชิ

แอบเครียดแทนทริชแล้ว555555555
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่11 {หน้า2} {25/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 25-01-2018 11:19:10


บทที่11

โนเอลจงใจแวะมาดูดีทริชท่าทางน่ารักน่าชังขณะทานขนมทำให้เขาเพลิดเพลินไม่น้อยทีเดียวจนนึกอยากจะกอดจูบฟอนฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวตามที่ใจต้องการ

 ก่อนหน้านั้นหลายชั่วโมงเขาเดินทางไปเยือนคฤหาสน์ตระกูลฟิโอเร่เพื่อเข้าพบผู้เฒ่าคาร์ม่าผู้นำเผ่าพันธ์อสูรกลายร่างทั้งยังเป็นผู้นำตระกูลฟีโอเร่รวมถึงเป็นบิดาของเขาอีกด้วย

“ท่านคาร์ม่ารออยู่ด้านในขอรับท่านโนเอล”

โนเอลถูกนำไปยังห้องรับแขกของคฤหาสน์ อาทิตย์หนึ่งเขาจะมาเยี่ยมเยียนที่นี่ครั้งหรือสองครั้งการที่ไม่มาที่นี่บ่อยนักเพราะรำคาญที่จะต้องปะทะกับแม็กซิมพี่ชายซึ่งเกิดจากภรรยาคนแรกของพ่อ

กับแม็กซิมเหมือนเป็นคลื่นใต้น้ำที่ปั่นป่วนเป็นระยะๆ ฝ่ายนั้นเกรงว่าพ่อจะยกตำแหน่งผู้นำซึ่งถือครองอยู่ในปัจจุบันให้แก่เขา หลายต่อหลายครั้งที่เดียวที่มั่นใจว่าฝ่ายนั้นส่งนักฆ่ามาลอบสังหารถึงแม็กซิมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ตาม

“โอ้...ในที่สุดก็มาได้เสียทีนะโนเอลพ่อรอเจ้ามาเยี่ยมตั้งนานแล้วนะ” คาร์ม่ากอดโนเอลแนบแน่น

“ว่าไงเจ้าหนูมีเรื่องจะปรึกษาอะไรพ่อหรือไง”

ท่านพ่อยังฉลาดเหมือนเดิม โนเอลยื่นรูปให้คาร์ม่าดู

“ท่านพ่อคิดยังไงกับรูปใบนี้”

คาร์ม่ามีสีหน้าขรึมแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มกว้าง ผู้เป็นพ่อหยิบบรั่นดีราคาแพงจากตู้เก็บจัดการเทแล้วยื่นให้โนเอลอย่างไม่หวงแหนซักนิด

“เจ้าเจอคนที่มีสิ่งนี้อยู่หรือไง ทางที่ดีอย่ายุ่งเรื่องนี้จะดีกว่า”

               ดูเหมือนว่าพ่อจะไม่อยากเล่าในสิ่งที่เขาอยากทราบ ช่วยไม่ได้โนเอลไม่ใช่คนดื้อรั้นไม่รู้กาละเทสะเข้าใจว่าคงต้องเริ่มสืบเอาจากที่อื่น

“ไว้ผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับท่านพ่อ วันนี้ขอบคุณมากจริงๆ”

โนเอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตั้งใจจะเดินออกจากห้อง แต่ถูกเรียกไว้เสียก่อน

“โนเอล พ่อเองก็แก่แล้วจะให้ลุกขึ้นมาจัดการอะไรคงต้องคิดถึงลูกหลานให้มาก ไม่ได้มุทะลุดุดันมากเท่าแต่ก่อน” กล่าวจบคาร์ม่าก็หยิบเอาหนังสือออกมาจากช่องลับแล้วยื่นให้โนเอล “เอาไปศึกษานะ เจ้าชอบอ่านหนังสือไม่ใช่หรือ”

โนเอลไม่ได้พูดอะไรอีกเขารับของมาแล้วบ่ายหน้าออกจากห้องไปตามทางเดิน ปริศนาที่ท่านพ่อไม่ยอมเล่าอาจจะอยู่ในหนังสือเล่มนี้ละมั้ง ความลับของปานบนร่างกายดีทริชที่รอยสนใจนักหนาเขาต้องรู้ให้ได้

พอเป็นเรื่องของดีทริชเขาจะเกิดความกระหายใคร่รู้มากกว่าปกติ การที่ต้องมาตกหลุมเสน่ห์ของเด็กที่อายุน้อยกว่าแถมมาจากสลัมคิดแล้วก็น่าขำจริงๆ แถมตนเองยังไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องเสียหายที่ตรงไหนก็แค่ชอบถูกใจแถมเชื่อว่าเป็นโอเมก้าคู่พรหมลิขิตของตัวเองอย่างแน่นอน

ถ้าไม่อย่างนั้นจะอธิบายแรงดึงดูดที่ทำให้เขาอยากจะเข้าไปใกล้ชิดดีทริชตลอดเวลาได้อย่างไร 

 “ไงโนเอล” เสียงเรียกทำให้หยุดคิดเรื่องของดีทริช โนเอลพบว่าเจ้าของเสียงคือแม็กซิม

“มาป้วนเปี้ยนถามนั่นขอนี่จากท่านพ่ออยู่เรื่อยนะเจ้าลูกเมียน้อย”

“ท่านพี่รู้หรือครับว่าผมมาขออะไร” แม็กซิมฉีกยิ้มกว้าง ในบ้านหลังนี้พวกแม่บ้านเป็นสายให้เขาไม่น้อย ดังนั้นเรื่องที่โนเอลคุยกับท่านพ่อเขารู้หมดแล้วแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้

“คงมาขอให้สนับสนุนธุรกิจอะไรอีกล่ะสิ น้ำหน้าอย่างแกถ้าไม่พึ่งใบบุญตระกูลฟีโอเร่จะมีปัญญาทำอะไรได้”

“ท่านพี่คงไม่ได้แอบฟังเรื่องที่ผมพูดกับท่านพ่อใช่หรือเปล่า” โนเอลมั่นใจว่าในบ้านต้องมีสายของแม็กซิม แต่ถึงแอบฟังก็คงรู้อะไรไม่มาก

“กลับรังหนูของแกไปเถอะน่าโนเอลอย่ามาวุ่นวายกับฉันจะดีกว่า”

แม็กซิมหัวเราะ เรื่องที่มันแอบพูดกับพ่อคงเป็นเรื่องของคนซักคนแน่ๆ แต่ท่านพ่อก็ปฏิเสธจะให้ข้อมูลมัน เอาจริงๆ การที่โนเอลเคลื่อนไหวแสดงว่าไอ้คนปริศนานั่นต้องคนสำคัญ เขาจะลากมันออกมายืนตรงหน้าแค่คนคนหนึ่งค้นหามันจะยากอะไร

แค่สังเกตการณ์กระทำของโนเอลมันก็พอ ระยะนี้ไอ้หมอนี่มันลงทุนไปกับสลัมที่ซาเล็มอย่างไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เขาจะส่งคนไปสืบที่สลัมนั่น ไม่สิสืบดูจากพวกหน้าใหม่รอบๆ ตัวมันด้วยดีกว่า อะไรก็แล้วแต่ที่ได้มาถ้ามันจะใช้เล่นงานไอ้โนเอลให้ลำบากได้มีหรือแม็กซิมจะพลาด

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะท่านพี่”

แม็กซิมปล่อยให้โนเอลจากไป หลังจากโนเอลขึ้นรถเขาก็เปิดหนังสืออ่านดู คิดว่าต้องมีข้อมูลอะไรซักอย่างที่เป็นประโยชน์แล้วจริงเสียด้วย

“ปานรูปกุหลาบกับรัชทายาทที่หายสาบสูญ พลังวิเศษที่แสดงถึงขีดจำกัดทางสายเลือด”

 โนเอลพูดกับตัวเองขณะมองดูดีทริชทานขนมกับเอฟเว่นรูค ถ้าเกิดว่าข้อสันนิษฐานที่ได้มาจากการอ่านหนังสือในมือเป็นความจริง ดีทริชจะเป็นทั้งตัวอันตรายและหมากที่เป็นประโยชน์ในเวลาเดียวกัน แต่โนเอลเลือกจะไม่สนใจข้อเท็จจริงอันนั้น

ดีทริชเป็นสมบัติของเขาแล้วและต่อให้ข้อสันนิษฐานเป็นจริงเขาก็ไม่มีความรู้สึกอยากใช้ประโยชน์จากฐานะอันคลุมเครือของดีทริชซักนิด แต่คนอื่นอาจไม่คิดอย่างนั้นทั้งรอยทั้งแม็กซิมหากรู้เรื่องปานคงจะไม่ดีแน่นอน

แม็กซิมเองก็เคลื่อนไหวแล้วคงเอะใจอะไรบางอย่างถึงเริ่มส่งคนออกค้นหาตามเส้นทางการใช้ชีวิตของเขา ส่วนรอยโนเอลคิดหนักว่าควรจะจัดการอย่างไรดี รอยเป็นคู่ค้าที่ดีเก็บความลับเก่งแต่หมอนี่เป็นแวมไพร์ที่มีปริศนามากเกินไป

โผล่หน้ามาอย่างกะทันหันในฐานะนักธุรกิจชาวปีศาจที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง เหยียบย่ำผู้คนมากมายจนกลายเป็นคนมีหน้ามีตาอย่างตอนนี้ ที่สำคัญเจ้านั่นรู้ความลับของราชวงศ์ได้อย่างไรนอกจากสายสืบของตัวเองเขาคงต้องขอร้องให้ท่านพ่อช่วยอีกแรง

หลังจากตัดสินใจได้โนเอลก้าวลงจากรถสาวเท้าไปยืนอยู่เบื้องหน้าดีทริชและเอฟเว่น  หนุ่มน้อยทั้งสองคนน่าจะทานขนมเสร็จแล้ว ทันที่ที่เห็นเขาแต่ละคนแสดงสีหน้าแตกต่างกันไป

โนเอลสนใจแค่ปฏิกิริยาของดีทริชใบหน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัดมันช่างชวนให้นึกอยากขย้ำด้วยปากให้เต็มคำ ยังคงคิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนเหมือนเดิม

“เออ...คุณเป็นใครหรือครับ” เอฟเว่น รูคถาม โนเอลหันไปยิ้มและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

“ฉันเป็นเพื่อนและเจ้านายของดีทริช เธอคงเป็นเอฟเว่น รูค ดีทริชพูดถึงเธอให้ฉันฟังบ่อย” ดีทริชเบ้ปาก แกเองต่างหากที่ตามสืบซอกซอนไปทั่วฉันไม่ได้เล่าซักหน่อย

“เอ...คุณใช่เพื่อนที่ซื้อขนมมาให้เรากินเมื่อกี้นี้หรือเปล่าครับ” โนเอลยิ้มแทนคำตอบ

“ขนมอร่อยมากขอบคุณมากนะครับผมกับดีทริชชอบมันมาก เนอะดีทริช” เอฟเว่นหันไปพยักเพยิดกับดีทริช คนถูกถามแสร้งยิ้มเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ

“ถ้าพวกเธอชอบก็ดี แต่ว่าที่ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องงานจะคุยกับดีทริช”

“เอ๊ะ...เอ่อ...ถ้างั้นฉันกลับก่อนแล้วกันนะดีทริช” เอฟเว่นทำท่าจะลุกขึ้น

“ฉันเตรียมรถให้พาเธอไปส่งที่โรงเรียนแล้ว”

“จะดีหรือครับ” เอฟเว่นลังเลมองดูดีทริช

“ถ้าเธอจะกรุณาอย่าปฏิเสธความหวังดีของฉันเลย”

“ก็ได้ครับ” เอฟเว่นตอบตกลงเพราะรอยยิ้มเป็นกันเองของโนเอล เด็กชายรู้สึกว่าคนคนนี้น่าจะเป็นคนดี

“พาคุณรูคไปส่งให้ดี” โนเอลออกคำสั่งกับพวกชุดดำที่เป็นลูกน้อง เอฟเว่นเดินตามคนพวกนั้นไปยังรถที่รออยู่

“ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่” ดีทริชถลึงตาใส่โนเอล จริงๆ เริ่มจะกลัวการคุกคามสู่ชีวิตประจำวันของอีกฝ่าย ทำแบบนี้เท่ากับประกาศจะริดรอนอิสระของเขามากขึ้นชัดๆ

“ตามฉันไปที่รถ” ดีทริชเม้มปากเข้าหากัน อึดใจหนึ่งอยากเดินหนีไปให้พ้น แต่ไม่คิดว่าจะพ้นจากเงื้อมือของโนเอลจึงทำตามที่สั่ง

“หน้าบึ้งเชียวนะ” โนเอลหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของคนที่ขึ้นมานั่งบนรถ

“นายคิดว่าคนที่ถูกขายมาจะมีอิสรภาพได้มากแค่ไหน”

 ดีทริชกัดริมฝีปากอีกแล้ว หมอนี่ทำแบบนี้ทุกครั้งที่เข้าตาจน พอคิดว่าริมฝีปากน่ารักๆ นั้นอาจจะบวมช้ำโนเอลก็นึกเสียดาย จึงขยับตัวใช้ปลายนิ้วคลึงไปที่บริเวณนั้นจนอีกฝ่ายหยุดการทำร้ายตัวเอง เจ้าของดวงตาสีเขียวจ้องมองมาด้วยความสงสัย

ใช่สิ ดีทริชสงสัย อีกฝ่ายไม่ต้องการให้เขากัดริมฝีปาก ทำไม? เป็นห่วงกลัวเขาเจ็บอย่างนั้นหรือ คนอย่างโนเอลจะมาเป็นห่วงนางบำเรออย่างเขานะหรือ แปลกประหลาด

               “อ่านซะ” โนเอลยื่นส่งเอกสารมาให้ ดีทริชอ่านเอกสารทั้งที่ยังสงสัยในความอ่อนโยนของโนเอลไม่เลิก แต่พออ่านเอกสารไปได้ซักพักก็เริ่มระแวงเพิ่มขึ้น

               “นายอยากให้ฉันไปเข้าค่ายตั้งแค้มป์กับพวกบริษัทเอกชน นายอยากจะเป็นพ่อแม่ของฉันอย่างนั้นหรือ” ไอ้การสนับสนุนกิจกรรมมันเป็นเรื่องของพ่อแม่ชัดๆ คนอย่างโนเอลทำอะไรต้องมีแผนการซักอย่าง

               “ก็แค่บังหน้าเท่านั้น ช่วงระหว่างปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้นไปเรียนชั้นที่สูงกว่าฉันจะให้นายไปอยู่กับฉันที่คฤหาสน์ส่วนตัว”

               ใบหน้าที่คล้ายกับคนถูกทำร้ายของดีทริชยังน่าสนใจเหมือนเดิม โนเอลอมยิ้มน้อยๆ กล่าวสิ่งที่คิดเสียงเนิบนาบ

               “ฉันก็แค่อยากจะเห็นนายให้บ่อยขึ้นเท่าที่ต้องการ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวซักหน่อย”

               ดีทริชเปลี่ยนจากกัดริมฝีปากเป็นจิกเล็บเข้าที่แขน ไม่น่ากลัวที่ไหนหากเขายอมไปที่นั้นคงไม่แคล้วกลายเป็นนางบำเรอในห้องหับ โนเอลคงคิดเก็บเกี่ยวเขาแล้วจริงๆ

               “ดีทริช” โนเอลขยับกายเข้ามาใกล้ อีกฝ่ายคว้ามือที่ทำร้ายตัวเองไปนวดคลึง

               “ฉันไม่ชอบเท่าไหร่ที่นายทำร้ายตัวเอง แต่ก็คิดอีกทีคงเป็นเพราะนายรู้สึกกดดันที่ฉันรุกคืบเข้าหาสินะ”

               ใช่ ดีทริชตอบในใจในขณะหลบตาโนเอล เวลานี้เขารู้สึกหดหู่จนไม่อยากสนทนากับใครทั้งนั้นแล้ว

               “ถ้าฉันให้สัญญาว่าช่วงระยะสั้นๆ ที่นายจะมาอยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน ฉันจะไม่ร่วมรักกับนาย นายจะว่ายังไง”

               ดีทริชหันไปมองโนเอล ไม่อยากจะเชื่อเขาหูฝาดไปหรือไงนะ

               “นายนี่แสดงออกทางสีหน้าชัดเจนดีนะ”

               “นายจะให้คำสาบานไหมว่าจะทำตามที่พูด” ไม่สิคนประเภทนี้คำสาบานไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว ดีทริชยกหัวแม่มือขึ้นมากัด ดูแล้วช่างน่าสงสารในสายตาโนเอล

               “นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรือ” โนเอลรวบดีทริชเข้าไปไว้ในอ้อมกอด ดีทริชตัวแข็งทื่อแต่ยังสามารถโต้เถียงกับอีกฝ่ายได้

               “นายจะชอบคนที่คิดจะบังคับข่มขืนตัวเองไหมล่ะ”

               “นั่นสิน่าจะไม่ชอบ แต่ถ้าสามารถทำประโยชน์ได้ฉันจะหาทางให้ตัวเองได้ประโยชน์มากที่สุด...นายเป็นระเภทยะโสคงคิดไม่ออกละมั้ง”

               “ฉันควรจะทอดกายประจบนายเพื่อให้ได้ทรัพย์สินเงินทองอย่างนั้นหรือ” โนเอลนิ่งคิด ดีทริชมองสบตามา

               “ฉันไม่ค่อยชอบแบบนั้น คิดว่านายไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถ้านายทำมันคงจะน่าเอ็นดูดีเหมือนกัน นายกล้าทอดกายให้ฉันออดอ้อนเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ไหมละ” โนเอลกระซิบข้างหู ดีทริชนิ่งคิดอย่างมีนัยยะ

               “ถ้าเกิดว่านายจะไม่ไปมีคนอื่นอีกมันก็น่าคุ้ม...” ดีทริชกัดริมฝีปาก เขาพูดอะไรออกไปนี่ มันเหมือนจะบอกอีกฝ่ายว่าเขาต้องการเป็นตัวจริงเท่านั้นชอบกล

               “ฉันชอบความโลภของนายนะที่รัก เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่ไปอยู่คฤหาสน์ของฉันเรามาลองศึกษาซึ่งกันและกัน ฉันจะไม่แตะต้องนายไปมากกว่าจูบหรือกอดรัด ส่วนนายลองเล่นสนุกทำให้ฉันหลงรักหมดหัวใจท้าทายดีไหมล่ะ”

               “เอาจริงหรือ”

               “นายมีโอกาสได้ลองแล้วนะ ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะหมดโอกาสนั้น”

               “นายกำลังเล่นสนุก หมดช่วงเวลานั้นนายก็ยังจะบังขับขืนใจฉันอยู่ดี”

               “ดีทริชที่รักกับคนที่รักฉันจะปฏิบัติตัวด้วยเป็นอย่างดี แล้วนายจะได้รู้”

               “นายครับ เรามาถึงที่แล้ว” คนขับรถแจ้งให้ทราบโนเอลปล่อยให้ดีทริชเป็นอิสระ

               “เอ่าเอกสารไปให้แม่ลงนามซะ อย่าให้ผิดพลาดคงไม่อยากให้แม่ที่รักเดือดร้อนสินะ”

               ดีทริชใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยมองดูโนเอล ไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายหว่านล้อม แต่คิดได้อย่างเดียวว่าขัดขืนไม่ได้ เด็กชายก้าวลงจากรถทั้งที่ความคิดสับสนปนเปไปหมด



คุยท้ายเรื่อง

ตอนต่อไปจะพยายามหาเวลาว่างแต่งน้า ช่วงนี้้เริ่มอบรมแล้วฮ่าฮ่า มึนๆ งงๆ กับเนื้อหาการทำงานที่เพิ่มขึ้น

สำหรับนิยายเรื่องนี้ถ้าทุกคนชอบก็ช่วยแสดงความคิดเห็นกันบ้างนะ จะดีใจมั่กๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่11 {หน้า2} {25/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 25-01-2018 11:46:42
อยากให้ดีทริชพ้นวัยประถมเร็วๆ
จะได้ไม่รู้สึกถึงความเสียง
ถูกกินก่อนวัย

ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่11 {หน้า2} {25/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 25-01-2018 13:30:24
เหมือนจะเริ่มเฉลยปมละ :pig4:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่11 {หน้า2} {25/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 25-01-2018 17:01:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่12 {หน้า2} {26/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 26-01-2018 08:42:20


บทที่12

               ในที่สุดวันแห่งชะตากรรมก็มาถึงผลตรวจเพศที่ได้รับมาช่างทำร้ายจิตใจดีทริชเสียเหลือเกิน วินาทีที่ได้รู้ว่าเพศที่สองของตัวเองคือโอเมก้าก็ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดนิ่งลง

               “ดีทริชๆ” เสียงเอฟเว่นลอยเข้าหูมาแต่รู้สึกเหมือนอยู่ที่ไกลๆ

               “ฮ่าฮ่า นายเป็นโอเมก้าหรือวะดีทริช” เสียงหัวเยาะเย้ยหยันของไรอันทำให้ดีทริชกลับมามีสติ เจ้าตัวใช้สายตาเยียบเย็นจ้องมองอีกฝ่าย

               “อะไร เจ้าโอเมก้าอ่อนแอมองอย่างนี้เดี๋ยวสวยหรอก” ไรอันยิ้มเยาะไม่ได้กลัวสายตาของดีทริชเลยซักนิด ก็ไอ้หมอนี่มันแค่โอเมก้าในสลัม

               “อะไรมองอย่างนั้น วุ้ยกลัวนะนี่ มองแบบนี้ทอดสะพานหรือไงหะ พวกโอเมก้าแม่มจ้องจะจับผู้ชายด้วยวิธีเดียวกันนี้สินะ แหมได้ข่าวว่าพวกโอเมก้าชอบล่อลวงเพศอื่นด้วยฟีโรโมนจะว่าไปคนนิสัยอย่างนายก็เหมาะแล้วที่จะเป็นโอเมก้าที่มีวิถีชีวิตเหมือนโสเภนีนะดีทริช”

               “หยุดพูดซักทีนะไรอันไม่งั้นฉันจะฟ้องครู”

เอฟเว่นที่โกรธแทนเพื่อนสนิทตะคอกเสียงดัง ทว่าโดยไม่ไม่ใครคาดคิดดีทริชพุ่งเข้าใส่ไรอันเล่นงานด้วยกำปั้นอย่างหนักหน่วงหมัดแล้วหมัดเล่าจนคนถูกชกกล้มกลิ้ง

               “แกไอ้ดีทริช”

ถึงจะผวาไรอันยังปากกล้า ไม่ทันคาดคำดีทริชกระโดดขึ้นคร่อมรัวหมัดลงมาอีกแม้อาจารย์จะตามมาห้ามแต่ไรอันก็น่วมไปทั้งตัวชนิดที่เรียกได้ว่าเกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน

               

                                                          ...............



“ครูไม่เข้าใจเลยดีทริชทำไมนักเรียนดีเด่นอย่างเธอถึงกลายเป็นคนที่เริ่มทะเลาะวิวาทไปได้”

               อาจารย์ใหญ่ถามไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ลูกศิษย์คนนี้ไม่มีคำแก้ตัวทำเพียงยอมรับความผิดทั้งหมดซึ่งถ้าตามกฎโรงเรียนจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักถ้าเกิดว่าเอฟเว่นรูคไม่รวบรวมเพื่อนในห้องมาช่วยคงไม่จบแค่การตักเตือน

               “ครูเข้าใจว่าเธอถูกล้อเรื่องเพศที่สอง แต่ครูคิดว่าคนที่ฉลาดอย่างเธอจะควบคุมตัวเองได้มากกว่านี้ ไม่ต้องบอกเธอคงเข้าใจว่าครูรู้สึกผิดหวัง”

               ดีทริชเม้มมปากเข้าหากันแน่นอารมณ์ชั่ววูบทำให้อาจารย์ใหญ่ที่ดีต่อเขามาตลอดผิดหวัง รู้ว่าผิดแต่วินาทีที่ได้ออกหมัดเข้าใส่ไรอันมันเหมือนได้ระบายความอัดอั้นที่มีมาทุกเรื่องไม่ใช่ความผิดเขาซักนิดเป็นเจ้านั่นที่แส่หาเรื่องเองต่างหาก

               แต่ก็นั่นแหละขืนยังดื้อแพ่งอีกอาจารย์ใหญ่คงจะติดภาพลักษณ์แย่ๆ ของเขา ดีทริชพยายามอย่างมากที่จะปั้นหน้าให้ดูรู้สึกผิดในเมื่อแม่ของไรอันกับเจ้าตัวไปแล้วความทะนงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

               “ผมเสียใจฮะครูใหญ่”

อาจารย์ใหญ่ถอนหายใจ เขาเอ็นดูเด็กคนนี้มาแต่ไหนแต่ไรทั้งเรื่องเรียนเรื่องความประพฤติแถมเดี๋ยวนี้ผู้บริจาครายใหญ่ยังเสนอตัวช่วยดูแลทุนการศึกษาของดีทริชเห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้มีอนาคตที่สดใส ความผิดพลาดเดียวคือการปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเท่านั้น

“อย่าทำแบบนี้อีก ครูช่วยเธอได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”

 อาจารย์โกหก เพราะผู้บริจาคขาใหญ่ตอนนี้คอยปกป้องดีทริชอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอกนะแต่เพื่ออนาคตของดีทริชจะปล่อยให้การถูกให้ท้ายมาทำให้เด็กดีๆ นิสัยแย่ลงไม่ได้ ถึงแม้จะลงโทษไม่ได้มากยังไงก็ต้องลงโทษ

“เอาเป็นว่าครูจะให้เธอทำรายงานเรื่องการอยู่ร่วมในสังคมของโอเมก้า ส่งให้ครูก่อนปิดเทอมใหญ่นะ”

“ฮะ...ครูใหญ่” ยังไม่ทันขาดคำดีแม่ของดีทริชก็โผล่พรวดเข้ามา ล่อร่าหายใจหอบหนัก ดีทริชรอแม่ของตนอยู่นานแล้ว

“ขอโทษๆ นะคะครูใหญ่ที่ดิฉันมาช้า”

“ไม่ช้าหรอกครับ เรามาคุยกันเรื่องดีทริชจะดีกว่า”

หลังจากอาจารย์ใหญ่แจ้งเรื่องทะเลาะวิวาทให้แม่ฟังจนจบเขาก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านทันที แม่ไม่พูดเลยซักคำเกี่ยวกับการที่เขาชกไรอัน

               “แม่ไม่โกรธผมหรือ” แม่ยิ้มแล้วกอดเขาแน่น

               “ขอแค่ลูกปลอดภัยแม่ก็สบายใจแล้ว แต่คราวหน้าลูกต้องอดกลั้นกว่านี้นะ”

               “ฮะ” แม่ลูบหัวดีทริชอย่างอ่อนโยน แต่จู่ๆ ก็ไอโขลกๆ แม่เอามือปิดปากแวบหนึ่งเหมือนเขาเห็นเลือดบนฝ่ามือของแม่

               “แม่ขอตัวซักครู่นะทริช” แม่วิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ และอยู่ในนั้นนานทีเดียว

               “แม่ๆ เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ” ดีทริชชักกังวลอย่างบอกไม่ถูก แม่ป่วยหนักหรือเปล่าเลือดเมื่อกี้เขาตาฝาดใช่ไหม ถ้าเกิดว่าแม่ตายไปเขาจะอยู่ยังไง คิดถึงตรงนี้น้ำตาก็ไหลออกมา

               “แม่ๆ ฮะออกมาเถอะ”

ดีทริชร้องไห้สะอึกสะอื้น ทั้งเรื่องของโนเอลและเรื่องที่เป็นโอเมก้าถัดมายังมีอาการของแม่อีก เขาไม่เคยเห็นแม่แสดงอาการป่วยมาก่อนนี่เป็นครั้งแรก อาจจะตาฝาดเข้าใจผิดไปก็ได้แต่เวลานี้เขาคิดออกได้แค่เรื่องแย่ๆ

               “ดีทริชแม่ไม่เป็นไรหรอก แค่หน้ามืดนิดหน่อยเท่านั้น” แม่ออกมาจากห้องน้ำจนได้ ดีทริชปาดน้ำตา   

               “จริงๆ นะฮะ” แม่ยิ้มหวาน เวลานี้แม่ดูปกติทุกอย่างไม่เหมือนคนป่วย

               “ดีทริชไม่ต้องห่วงนะ แม่แข็งแรงดีออกจะตาย”   



                                                 ............................



หลังจากที่ลูกน้อยนอนหลับไปลอร่าเฝ้ามองใบหน้ายามหลับของดีทริชแล้วยิ้มกับตัวเอง ตั้งแต่รับเป็นแม่เลี้ยงดูขึ้นมาจนเติบใหญ่ลูกคนนี้ไม่เคยทำให้เธอต้องผิดหวัง

               ใบหน้าที่แสนงดงามน่ารักราวชนชั้นสูงหากมองให้ดีๆ จะรู้ว่ารับเอาส่วนที่ยอดเยี่ยมจากพ่อและแม่มาจนหมด ลูกคนนี้เหมือนเทวดาในความคิดของเธอและเธอก็มีความสุขที่ได้รับโอกาสของความเป็นแม่มาตลอดหลายปี

ทีแรกการที่รับเอาลูกน้อยมาเป็นภาระนั่นเพราะบุญคุณท่วมหัวที่พ่อแม่ของดีทริชมีต่อตนเอง ทั้งอย่างนั้นหลายปีมานี้เธอรักลูกคนนี้ด้วยใจการกระทำทุกอย่างที่ผ่านมามุ่งหวังให้ลูกน้อยอยู่อย่างเป็นสุข

               ทั้งเรื่องที่พามาอยู่ในสลัมหรือแม้แต่ทำสัญญาจ้างไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างดีน ไอแวนให้สมอ้างเป็นคู่แต่งงานและพ่อของลูก ถ้ามันจะหลบซ่อนจากเงื้อมือของไอ้ตัวปลอมที่อยู่ในพระราชวังได้เธอก็ยินดี

               ทว่าตอนนี้เธอเริ่มจะกลัวเหลือเกินเวลาของเธออาจจะเหลือไม่มากพิษร้ายซึ่งได้รับจากการหลบหนีมาพร้อมดีทริชนอกจากจะรักษาไม่หายยังรุนแรงขึ้นอีกด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธออาศัยหาส่วนผสมด้วยตัวเองมาปรุงยาบรรเทาอาการ

               แต่มันเริ่มจะไม่ได้ผลและเธอก็ไม่ต้องการที่จะไปโรงพยาบาลเพราะถ้าหมอตรวจอาการปริศนานี่จะต้องถูกลงบันทึกมันจะกลายเป็นเบาะแสให้เจ้าตัวปลอมตามเธอมาจนเจอดีทริช

               “แม่ไม่รู้ว่าจะปกป้องลูกไปได้นานเท่าไหร่ แต่แม่จะทำให้ถึงที่สุด ลูกไม่ต้องกังวลนะ”

               ลอร่าใช่ว่าจะไม่มีความหวังที่โรงงานโฮมุนคิวลัสใกล้ๆ นี่ได้ข่าวว่ามีส่วนผสมที่จะนำมาปรุงยารักษาเธอได้ เธอจะปลอมตัวแอบเข้าไปขโมยส่วนผสม เธอมั่นใจในความสามารถชั้นเยี่ยมของการเป็นองครักษ์ชั้นหนึ่งย่อมเป็นงานง่ายๆ เธอพร้อมเสี่ยงเพื่อที่จะได้อยู่ดูแลดีทริชจนกว่าจะถึงเวลานั้นซึ่งเธอเองก็ไม่แน่ใจว่ามันควรจะเป็นเมื่อไหร่



คุยท้ายเรื่อง

ตอนนี้มาสั้นเวลาเขียนมีแค่นี้จริงๆฮา ตั้งใจว่าจบตอนนี้จะพักซักสามสี่วันนั่งบิ้วอารมณ์

ไม่ได้ตันนะแต่ขี้เกียจ ฮา แต่จะพยายามแตะๆ พิมๆ ถ้าคครบตอนน่าจะเอามาลงนะ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่12 {หน้า2} {26/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 26-01-2018 11:36:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่12 {หน้า2} {26/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-01-2018 15:14:15
เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก ๆ จ้า สู้ ๆ น้าา
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่12 {หน้า2} {26/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-01-2018 22:59:26
โอ้ยยย ลุ้นมากกก
ในที่สุดเรื่องของคุณแม่ก็เริ่มเผยปมมาแล้ว
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่12 {หน้า2} {26/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 27-01-2018 10:04:25
รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่12 {หน้า2} {26/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 27-01-2018 10:42:45
อัพเร็วมาก เพิ่งมาตามอ่านทัน
สงสารแม่เลี้ยงของดีทีรสจริง
ของให้ได้ยาสูตรใหม่มาไวๆนะ
พอตอนที่12 เนื้อหาเข้มข้นขึ้นมาสุดเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 27-01-2018 12:57:53


บทที่13

               หลังจากรู้เรื่องเพศของตัวเองก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วแต่เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งที่บ้านและโรงเรียน เอฟเว่นสบายใจที่ท่านพ่อไม่ได้ต่อว่าดุด่าการที่เพศที่สองของเขาเป็นโอเมก้า ถึงอย่างนั้นใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ต้องการเขารู้อยู่แก่ใจ

               “ฉันจะหาคู่หมั้นให้แก” ท่านพ่อพูดขณะที่รับประทานอาหารด้วยกัน เอฟแว่นหม่นหมองแต่เพราะคิดไว้ก่อนแล้วว่าต่อให้ไม่ใช่โอเมก้าเขาก็ไม่มีสิทธิเลือกในเรื่องนี้

               “เตรียมใจไว้ได้เลยนะเอฟเว่น เพราะแกเป็นโอเมก้านั่นแหละ ฉันถึงต้องหาคู่หมั้นให้เร็วขึ้นอีก”

               ทำอย่างไรดีนะ เขาควรจะบอกมาเรี่ยนว่าอย่างไรดี ไม่สิจำเป็นต้องบอกด้วยหรือ เขากับมาเรี่ยนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นไม่ได้คบหากันเป็นแฟน ฝ่ายนั้นอย่างมากคงปลอบขวัญเขาก็แค่นั้นเอง

               เอฟเว่นหดหู่และเศร้าดังนั้นวันนี้ทั้งวันเขาสนใจแต่เรื่องของตัวเองพูดคุยกับดีทริชก็เหมือนคนไร้วิญญาณ เขาปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจนถึงเวลาอิสระสำหรับชมรม อยากจะวาดรูปมาเรี่ยนถ้าทำแบบนั้นคงสบายใจขึ้นแน่ๆ

               แล้วก็เป็นจริงเสียด้วยการได้นั่งมองวาดภาพคนที่ชอบมันทำให้เขาสบายใจถ้าไม่เกิดเรื่องรบกวนใจขึ้นเสียก่อนเพราะไรอันกับเพื่อนเดินมาทางนี้แถมพูดคุยเสียงดังพวกเขาไม่เห็นเอฟเว่น

               “ฮ่าฮ่า ป่านนี้ไอ้ดีทริชมันคงวุ่นวายน่าดูเลย” ไรอันยิ้มกว้างให้คนพูด

               “นั่นสิ สมน้ำหน้ามันยิ่งถ้ามันเกิดอาการฮีทก่อนกำหนดขึ้นมาจะดีมาก” ไม่พูดเปล่าไรอันยังโยนยาที่ขโมยไปมาเล่นไปมาในอากาศท่าทางสนุกสนานที่จะได้เห็นเรื่องเดือดร้อนของดีทริช

               “แล้วถ้าเกิดมันดันฮีทขึ้นมาก่อนกำหนดจริง แล้วถูกข่มขืนขึ้นมาล่ะไรอัน” คนพูดดูจะเริ่มกังวล

               “เราไม่ผิดสักหน่อยนี่ ใครจะไปรู้ว่าพวกเราขโมยยาของไอ้ดีทริชมันมา”

               เอฟเว่นไม่คิดอะไรอีกแล้วจัดการพุ่งเข้าชนไรอันด้วยร่างกายที่เล็กกว่าจนอีกฝ่ายล้มแล้วคว้ายามา พวกไรอันตะลึงงงันกันถ้วนหน้า

               “เอฟเว่น อย่าบอกนะว่าได้ยินหมดแล้ว” ไรอันคราง เอฟเว่นลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไม่ได้หวั่นกลัวใครหน้าไหนซักนิด

               “นายมันแย่มากไรอัน ไม่คิดเลยว่านายจะเลวขนาดนี้”

               “ไรอัน ถ้าเอฟเว่นมันเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอาจารย์ล่ะ”

               “จับเอฟเว่นไว้ก่อนสิ” ไรอันพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แต่ใครจะคาดคิดขณะที่ล้อมวงเข้าไปจับทุกคนกลับถูกดีดออกทั้งที่ยังเอื้อมไม่ถึงตัวเอฟเว่นด้วยซ้ำ

               “อ๊ากกก” พวกไรอันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ละคนถูกดีดจนล้มไปนอนหงายหลังกลิ้งโค่โล่   

               “มาเรี่ยน” เอฟเว่นยิ้มอีกฝ่ายเดินเข้ามายืนเอาตัวบังเขาเอาไว้

               “ผมไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คงรู้ใช่ไหมว่าผมเป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์แถมยังเป็นอัลฟ่า พวกเธอสู้ผมไม่ได้หรอก” ถูกขู่ด้วยสายตาเย็นเยียบแถมยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักหน่วงดังนั้นพวกไรอันจึงพากันหนีไป

               “เป็นอะไรหรือเปล่าเอฟเว่น”

               “ก่อนหน้านั้นเราแยกย้ายกันตามหาดีทริชกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกของเดือนที่พวกโอเมก้าจะฮีท ฉันกังวลว่าดีทริชจะออกอาการก่อนกำหนด”

               มาเรี่ยนเคยได้ยินมาบ้างว่าพวกโอเมก้าบางคนจะเกิดอาการฮีทก่อนกำหนดหนึ่งวัน ยิ่งเอฟเว่นกระวนกระวายยัดยาของโอเมก้ามาให้เขายิ่งเห็นเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อนสนิทของเอฟเว่นก็ถือเป็นเพื่อนของเขาเหมือนกัน

               “ถ้าเกิดเจอดีทริชช่วยเอายานี่ให้ทีนะ แยกกันตามหาน่าจะเจอเร็วกว่า”

               “เข้าใจแล้ว” ดังนั้นเอฟเว่นกับมาเรี่ยนจึงแยกย้ายกันตามหาดีทริช



                                                ............................





               “อึก...ปล่อยนะ แฟรงค์”

 เสียงคำรามของอัลฟ่าดังเหนือร่างกายของตัวเอง ดีทริชพยายามควบคุมสติแต่อาการฮีทที่เกิดขึ้นก่อนกำหนดเล่นงานจนเกือบจะพ่ายแพ้ต่อราคะหลายครั้ง

“ยะ..อย่า..” แฟรงค์ที่ฮีทเพราะกลิ่นฟีโรโมนพยายามถอดกางเกงของเขา เสียงหอบหายใจแรงด้วยความหื่นกระหายทั้งน่ากลัวและน่าขยะแขยง

เป็นครั้งแรกเลยที่ดีทริชกลัวอะไรขนาดนี้นี่เขากำลังจะถูกข่มขืน กลัวการถูกย่ำยีแต่ร่างกายกลับร้อนผ่าวต้องการให้ชำเราจนถึงที่สุด ไม่ๆ นะเขาไม่ต้องการอย่างนั้นแต่ร่างกายมันคล้ายจะไม่เชื่อฟังเท่าที่ควร

“นายผิดเองนะดีทริช แม่มเอ๊ยตัวนายหอมมาก” แฟรงค์ดูคลุ้มคลั่ง อีกฝ่ายฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเขาอย่างป่าเถื่อน

เลวร้ายที่สุด นี่คือชะตากรรมของโอเมก้าอย่างนั้นหรือ แต่ไม่ยอมแพ้หรอกดีทริชใช้มือปิดบังลำคอเพราะแฟรงค์พยายามอย่างมากที่จะขบกัดประทับรอยลงมา

“อึก...อื้อ...” เจ็บมือไปหมดแฟรงค์กัดขย้ำลงมาเต็มคำ ท่าทางหงุดหงิดเพราะฝากรอยลงมาไม่ได้เสียที

คิดๆ ดูแล้วแค่ไปเรียนพละแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นกลับมายาที่อยู่ในกระเป๋าก็หายไป ยังไงต้องมีคนจงใจแกล้งเขาแน่นอน อาจจะไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหนนอกจากพวกไรอัน เจ็บใจนัก

“อ๊ะ..อย่า...” แฟรงค์คว้าจับเครื่องเพศของเขาดีทริชแทบจะควบคุมสติไม่อยู่ ทว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็ถูกดีดออกไปจากตัว

“นาย...” มาเรี่ยน ครอสยืนอยู่เบื้องหน้าเขา อีกฝ่ายพยายามอดกลั้นอย่างยิ่งยวดต่ออาการฮีทเช่นกัน

“ฉีดยาซะ...” มาเรี่ยนโยนหลอดยาแบบฉีดมาให้ ดีทริชรีบจัดการกับตัวเองด้วยมือไม้สั่นเทา

“อึก...” เมื่อตัวยาเข้าไปในร่างกายแล้วอาการกระสันและกลิ่นฟีโรโมนค่อยๆ หายไป มาเรี่ยนกับดีทริชสงบสติอารมณ์ลงได้

ตอนนี้เขาเกือบเปลือยเสื้อผ้าถูกฉีกกระจัดการะจาย มาเรี่ยนถอดเสื้อนอกให้เขาใส่

“ขอบใจนะ”

 ดีทริชรับเสื้อทั้งที่มือยังสั่นก่อนจะจัดการใส่คลุมกายเอาไว้โชคดีที่นี่เป็นห้องพยาบาล ผลจากการพยายามตะเกียกตะกายมาขอยาแต่กลับไม่มีใครอยู่ ซ้ำร้ายแฟรงค์ยังตามตัวเขาจนพบอีก เรื่องมันก็เลยกลายเป็นแบบนี้

“กลัวไหม” ดีทริชเงยหน้าขึ้นมองดูมาเรี่ยน รู้สึกอุ่นใจขึ้นที่ได้รับการเอาใจใส่แม้จะเป็นคำพูดสั่นๆ ง่ายๆ ก็ตาม

“นายตัวสั่นไม่หายเลย ไม่ต้องระแวงหรอกฟีโรโมนของนายไม่มีผลต่อผมแล้วในตอนนี้”

“อ...อืม...”

กับมาเรี่ยนแม้จะเคยเจอหน้ากันบ่อยครั้งแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้พูดกันจริงจัง เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีกว่าที่คิดถึงแม้จะเป็นอัลฟ่าเชื้อสายปีศาจก็ตาม

 การที่ได้รับการช่วยเหลือทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ กับมาเรี่ยน คิดว่ากับหมอนี่น่าจะเป็นเพื่อนกันได้แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะไม่สนใจการมีอยู่ของอีกฝ่ายเลยซักนิด

“ขอบใจจริงๆ นะที่อุตส่าห์ช่วย”

“ไม่ต้อง...”

มาเรี่ยนตั้งใจจะพูดว่าไม่ต้องขอบใจ ที่ช่วยครั้งนี้เพราะดีทริชเป็นเพื่อนสนิทของเอฟเว่น แต่เอฟเว่นโผล่หน้าเข้ามาในห้องเสียก่อน

“ทริช” เอฟเว่นตกใจมากที่เห็นสภาพของเพื่อนสนิท เด็กชายรีบเข้ามากั้นกลางกางปีกคล้ายปกป้องเอาไว้แถมใช้สายตาหวาดระแวงมองไปยังมาเรี่ยนอีกด้วย

“ผมเปล่านะ” มาเรี่ยนมีสีหน้าลำบากใจ โชคดีที่ดีทริชช่วยอธิบาย

“นางคงไม่ได้เข้าใจผิดนะเอฟเว่น มาเรี่ยนเขาช่วยฉันจากการถูกแฟรงค์ข่มขืน”

“ก่อนอื่นต้องหาชุดสำรองมาใส่ก่อน ทริชแทบจะโป๊อยู่แล้ว” เอฟเว่นพยักเพยิดมาเรี่ยน

“เอ่อ..คุณครอส ช่วยหยิบเสื้อผ้าสำรองในตู้ตรงนั้นทีสิครับ”

เอฟเว่นแสร้งทำเป็นไม่รู้จักมาเรี่ยน อีกฝ่ายถอนหายใจแต่ไม่นึกโกรธที่คนที่ชอบพยายามปิดบังความสัมพันธ์แม้ว่าจะไร้สาระมากก็ตาม เขาเดินไปหาเสื้อผ้าในตู้ตามสั่งก่อนจะยื่นส่งให้

“ทริชใส่เสื้อแล้วนอนพักซักหน่อยนะ เรื่องอื่นเดี๋ยวฉันกับคุณครอสจะจัดการเอง”

“รวมถึงแฟรงค์ด้วยใช่ไหม” ดีทริชชี้ไปยังคนที่นอนสลบแน่นิ่ง

“คุณครอสถ้ายังไงเรามัดเขาไว้ดีไหม” เอฟเว่นขอความเห็น

“ก็ถ้าเธอเห็นว่าดีล่ะก็ผมจะสนับสนุน” ดังนั้นแฟรงค์จึงถูกมัดเป็นบ๊ะจ่าง

“ทริชพักผ่อนซะนะ” เอฟเว่นหันมากำชับ

หลังจากทุกคนออกไปดีทริชปรือตาหลับเพราะความเพลีย ก่อนขณะที่เข้าสู่ห้วงฝันรู้สึกขอบคุณมาเรี่ยนจากใจจริง ทำไมนะทั้งที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกันแต่กลับแตกต่างจากโนเอลมากมายถึงขนาดนี้ ถ้าโนเอลได้ซักครึ่งหนึ่งของมาเรี่ยนก็คงจะดี นึกอยากจะด่าตัวเองจริงๆ เขาไปเอาความคิดบ้าๆ นี่มาจากไหนนะ



                                       .............................................





“ตื่นแล้วหรือ” พอลืมตาขึ้นก็พบว่าโนเอลนั่งอยู่ข้างเตียง ดีทริชดีดตัวลุกขึ้นนั่ง

“นายมาทำไม”

“ฉันให้สัญญาว่าจะจัดการไอ้คนที่มันทำกับนายอย่างสาสม” กล่าวจบโนเอลก็รั้งร่างดีทริชเข้าไปกอด อาจจะเพราะว่าพึ่งผ่านเหตุการณ์แย่ๆ มา คนถูกกอดจึงตื่นตระหนก

ตัวสั่นเทาก็จริงแต่ไม่โวยวายดีทริชหลอนไปเองว่ากลิ่นฟีโรโมนยังคงมีผลอยู่และโนเอลเกิดอาการฮีทจะข่มขืนเขาเหมือนแฟรงค์

“ไม่ต้องกลัวนะ ขอโทษที่ฉันละเลยนายแล้วก็มาช้าไปมาก” โนเอลปลอบโยนดีทริชด้วยการลูบหลังแผ่วเบา เสียงกระซิบซ้ำไปซ้ำมาว่าอย่ากลัวค่อยๆ ทำให้ใจสงบลง

“หนึ่งอาทิตย์ให้หลังฉันจะมารับ อีกเดี๋ยวแม่ของนายคงเดินทางมาถึง”

 โนเอลคลายอ้อมกอด ดีทริชรู้สึกแปลกๆ ที่ในใจวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะยังคงกลัวอยู่จึงต้องการให้ใครซักคนมาปลอบขวัญไม่งั้นจะหาอะไรมาอธิบายความโหยหาในครั้งนี้

โนเอลจากไปแล้วปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพัง การที่อีกฝ่ายแสดงออกถึงความโกรธในระดับนี้ก็สร้างความประหลาดใจให้ดีทริชมากเกินพอ

สัญญาว่าจะจัดการกับคนที่ทำร้ายเขาด้วย ทำแบบนั้นเพราะว่าโกรธเพราะจะถูกชิงครั้งแรกของเขาไปหรือว่าเป็นห่วงจริงๆ กันนะ

“จะอย่างไหนก็ตามจะสนไปทำไมนะ” ดีทริชส่ายหน้าไปมา เป็นจังหวะที่แม่กระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง

“ทริช”

“แม่” แม่เข้ามาสวมกอดเขาแน่น

“ไม่เป็นไรๆ นะ แม่อยู่นี่แล้ว ทริชลูกไม่ได้ถูกข่มขืนหรือถูกกัดใช่ไหมลูก” แม่ลนลานไปหมดและพยายามตรวจดูร่างกายโดยเฉพาะหลังคอ เมื่อเห็นไม่มีอะไรผิดปกติแม่สีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่ง

“จริงๆ แม่ต้องเข้าไปรับฟังการสอบสวนของโรงเรียนอีก แต่แม่บอกว่าวันนี้ไม่สะดวก จึงขอให้พวกครูจัดการกันไป่ก่อน แม่คิดว่าลูกคงอยากให้ใครซักคนอยู่ใกล้ๆ โดยเฉพาะวันพรุ่งนี้โอเมก้าจะเริ่มฮีทอย่างจริงจังถึงเจ็ดวัน โรงเรียนอนุญาต ให้ลูกปิดเทอมได้ก่อน กลับบ้านของเรากันนะทริช”

“ฮะแม่”

ดังนั้นดีทริชจึงกลับบ้านไปพร้อมแม่

คุยท้ายเรื่อง



อ่าจะขอพักแต่งนิยายซํกสี่วันแล้วจริงๆนะ เจอกันอีกทีซักวันที่1/2/61นะคะ

เจอกันอีกทีคงมีตัวละครเพิ่มขึ้นอีก หวังว่าจะยังรออ่านกันอยู่นะ

ถ้าอ่านจบตอนนี้แล้ว ช่วยแสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ

นี่ไม่รู้เลยว่าชอบกันไหมTT ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 27-01-2018 14:24:23
ดีทริชเกือบไปแล้ว! รอนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 27-01-2018 17:01:55
ลุ้นมากก เกือบไปแล้วดีทริช โนเอลถ้าไปนับความเผด็จการไปบ้างก็ดูเป็นคนไม่เลวเลย
คู่ของมาเรี่ยมกับเอฟเว่นก็ดูน่าลุ้น คู่หมั้นของเอฟเว่นเป็นมาเรี่ยมได้ไหมนะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 27-01-2018 17:11:12
ชอบซิคะ จริงๆเข้ามาตามอ่านทุกสันเลยแต่ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้คอมเม้นอะไร รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 27-01-2018 20:18:34
แอบติดตามอยู่นะจ๊ะเธอไม่รู้บางเลย :katai3: รอนะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 27-01-2018 21:18:36
ชอบมากค่ะ รอนะคะมาต่อเร็วๆนะ o13
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 28-01-2018 02:45:45
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 28-01-2018 08:30:12
ตอนใหม่สนุกมากๆ
 :katai4: :katai4:
มาเรี่ยนนี่ดีจังเลย อยากไปอยู่ทีมมาเรียนแล้วสิ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 28-01-2018 09:08:42
แม่ความลับเยอะอ่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่13 {หน้า3} {27/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-01-2018 09:46:02
คู่หมั้นเอฟเว่น ขอเป็นท่ามาเรี่ยมได้มั้ยยย
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 28-01-2018 13:16:51


บทที่14

หลังจากเกิดกรณีดีทริชฮีทก่อนกำหนดจนเกือบถูกข่มขืน ทำให้ฝ่ายบริหารโดดลงมาเล่นคดีนี้ด้วยเป็นตัวอย่างเอฟเว่นอยู่ในเหตุการณ์พร้อมกับมาเรี่ยนพวกเขาช่วยกันยืนยันว่าไรอันขโมยยาของดีทริชไปซ่อนเป็นผลให้แฟรงค์มาพบดีทริชและนำไปสู่การพยายามข่มขืน

การสอบสวนครั้งนี้ดำเนินไปถึงสองวันเอฟเว่นไปแค่วันแรกที่เกิดเรื่องเท่านั้นเพราะวันถัดไปเขาก็มีอาการฮีทเหมือนพวกโอเมก้าคนอื่นๆ วันที่เขาให้ปากคำกับคณะอาจารย์และผู้บริหารก็พบกับคนที่คุ้นหน้าคนหนึ่ง

หนึ่งในผู้บริหารคนนั้นน่าจะเป็นเพื่อนและเจ้านายของดีทริช นี่คงเป็นสาเหตุที่คณะครูกับผู้บริหารมารวมกันอย่างพร้อมหน้า นับว่าเพื่อนของเขาโชคดีที่มีคุณโนเอลเป็นทั้งเพื่อนทั้งเจ้านาย

ผลของการสอบสวนในวันแรกคณะบริหารได้กำหนดเป็นกฏของสถานศึกษาเสียใหม่อนุญาตให้พวกเด็กนักเรียนที่เป็นโอเมก้าหยุดเรียนพร้อมกันในเวลาที่ฮีทเจ็ดวันหรือมากกว่าถ้าคลาดเคลื่อนเพื่อป้องกันการถูกข่มขืนและกรณีอื่นๆ ทั้งหมด

ด้วยเหตุนี้เอฟเว่นเองก็ได้ปิดเทอมก่อนกำหนดและเก็บตัวระหว่างที่เกิดอาการฮีท หลังจากพ้นเจ็ดวันเขาก็รีบติดต่อไปหามาเรี่ยนทางโทรศัพท์ทันที

<เอ่อ...ขออนุญาตเรียนสายคุณมาเรี่ยน ครอสหน่อยครับ ผมชื่อเอฟเว่น รูค เป็นเพื่อนที่โรงเรียนครับ>

ทีแรกเอฟเว่นลังเลอยู่นาน เพราะมันก็ค่อนข้างเสี่ยงที่เขาจะใช้สายจากที่บ้านโทรไปหามาเรี่ยน เพราะความเข้มงวดของท่านพ่อที่คอยกำกับควบคุมชีวิตของเขาทุกอย่าง คงไม่อยากให้ออกนอกลู่นอกทางแม้แต่โทรศัพท์มือถือยังไม่อนุญาตให้เขามี

<รอซักครู่นะครับท่านผมจะไปเรียนถามนายท่านมาเรี่ยนก่อน>

เอฟเว่นรอไม่นานก็ได้ยินเสียงมาเรี่ยนผ่านทางหูโทรศัพท์

<ดีใจจริงๆ ที่เธอติดต่อมา ทีแรกผมนึกว่าเธอจะไม่โทรหาผมซะแล้ว>

<คือว่า...ที่โทรมานี้ก็เรื่องของดีทริช>

<อืม...ถ้าเรื่องนั้นแฟรงค์กับพวกไรอันถูกไล่ออกไปหมดแล้ว>

<จริงหรือ>

น้ำเสียงดีอกดีใจของเอฟเว่นดังมาจากปลายสาย มาเรี่ยนรู้สึกอิจฉาดีทริชที่ฝ่ายนั้นได้รับความรักความห่วงใยจากเอฟเว่นมากมายถึงแม้จะทราบดีว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนแล้วก็ต่างเป็นโอเมก้า แต่ก็ใช่จะไม่เคยได้ยินเรื่องคู่รักที่เป็นโอเมก้าทั้งคู่มาก่อน

<เอฟเว่นเธอชอบดีทริชหรือ>

<แน่นอนสิฉันชอบทริชมาก> เอฟเว่นตอบไปตามความรู้สึกไม่ได้คิดลึกไปมากกว่านั้น

<ผมหมายถึงแบบคนรัก>

เอฟเว่นใช้เวลาประมวลผลคำพูดชั่วอึดใจหนึ่งก่อนจะปฏิเสธเสียงสั่น ทำไมนะมาเรี่ยนถึงเข้าใจเป็นอย่างนั้นไปได้

<ไม่ใช่นะ ฉันชอบเอฟเว่นแบบเพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้นเอง แล้วเราก็สนิทกันมาก>

<ตอนที่เธอใช้สายตาระแวงมองผมในเวลาที่พบว่าดีทริชเกือบเปลือยและมีผมอยู่ด้วย มันดูคล้ายกับชายหนุ่มที่กำลังปกป้องคนรักยังไงชอบกล>

<อย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วนะ>

ตายล่ะหลุดปากออกไปจนได้ เกลียดตัวเองจัง เอฟเว่นหน้าแดงไปจนถึงหู

<อยากรู้จังว่าคนที่เธอชอบคือใครบอกผมได้ไหม>

เอฟเว่นนิ่งงันเขาจะตอบมาเรี่ยนยังไงดีนะ เขาไม่อยากตอบคำถามนั้นตอนนี้จึงรีบเปลี่ยนเรื่องกลับมาที่ดีทริช

<มาเรี่ยนฉันไม่มีเบอร์ติดต่อของดีทริช แต่ฉันรู้จักบ้านของเขา ฉันอยากไปเยี่ยมดีทริชที่บ้าน แต่ฉันไม่สามารถหาข้ออ้างออกไปได้ คือว่า...ท่านพ่อคงไม่พอใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าฉันคบหากับดีทริช เพราะอย่างนั้นนายช่วยมาที่บ้านทำที่ชวนฉันออกไปทีได้ไหม ถ้าเป็นมาเรี่ยนล่ะก็ท่านพ่อคงไม่รังเกียจ>

               <หมายความว่าเธอกับผมเราจะเลิกเป็นเพื่อนแอบคบกันสินะ>

               ,มาเรี่ยนยิ้มกับตัวเอง ในที่สุดก็เลิกคิดอิจฉาดีทริชได้เสียทีถึงแม้จะอยากอยู่ในสถานะอื่นมากกว่าเพื่อนก็ตาม

               <อื้อ น่าจะเป็นอย่างนั้น>

               <กับดีทริชก็จะเลิกปิดบังเรื่องของเราด้วยเหมือนกันใช่ไหม>

               <อื้อ...น่าจะ...นะ>

               <เข้าใจแล้ว ผมจะไปรับเธอที่บ้านรออีกซักชั่วโมงนะ อ้อคราวหลังโทรมาที่เบอร์ส่วนตัวของผมนะ จำได้ว่าให้ไปสองเบอร์ แต่เธอยังอุตส่าห์เลือกโทรมาที่บ้าน>

               <อ๊ะ..อื้อ ฉันรีบไปหน่อยก็เลยลืมคิดไปนะ>

               <อื้อผมเข้าใจ รอผมอยู่ที่บ้านนะ>

               <อื้อ...ฉันจะรอ>

               มาเรี่ยนวางสายเอฟเว่นก่อนจะรู้ตัวว่ามีคนยืนฟังบทสนทนาของเขาอยู่

               “ท่านย่า นั่งฟังอยู่นานแล้วหรือครับ”

               หญิงสาวที่ดูแล้ววัยไม่น่าจะเกินยี่สิบต้นๆ หัวเราะเสียงใส ก่อนหน้านั้นเอ็ดเวิร์ดมาบอกเธอว่ามีเพื่อนโทรมาหาหลานชายคนโปรดเธอยังนึกแปลก หลานชายคนเดียวของเธอมีเพื่อนสนิทกับเขาด้วยแต่ไอ้ที่ได้ยินคำหวานๆ นี่ฟังยังไงก็เหมือนคุยกับคนรักชัดๆ

               “เด็กคนนั้นน่ารักไหม”

               มาเรี่ยนพอจะเข้าใจที่ท่านย่าถาม เขาระบายยิ้มอ่อนหวาน

               “น่ารักสิครับ มากๆ เลย น่ารักเหมือนพวกกระต่าย”

               “หลานชอบเขาอย่างนั้นหรือ”

               “ถ้าเป็นได้ก็อยากให้เขามาเป็นคู่”

               “คบกันมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ”

               มาเรี่ยนนิ่งคิด เขานึกย้อนไปช่วงที่ได้เจอเอฟเว่นครั้งแรก มันเป็นตอนพบว่าฝ่ายนั้นแอบวาดรูปเขามาได้ระยะหนึ่ง ทีแรกก็แปลกใจแต่คิดว่าสตอล์กเกอร์ของตนเองน่ารักกว่าที่คาด ไม่เหมือนพวกโรคจิตแบบตามข่าวเลยซักนิดเพราะว่าอีกฝ่ายแค่ต้องการวาดรูปของเขาเท่านั้นจึงทำเป็นวางเฉยไม่ได้ต่อว่าอะไร

               แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็พบว่าอีกฝ่ายทะเลาะกับเพื่อนนักเรียนในห้องเดียวกับเขาที่สวนกุหลาบซึ่งเขาดูแลจนเหมือนเป็นสมบัติส่วนตัว

               “มองอย่างนี้หมายความว่ายังไงวะ”

               คนตะคอกคือไอดริส เวอร์นอน เพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ชอบหน้าเขาเอามากๆ และมักจะชิงดีชิงเด่นอยู่ฝ่ายเดียวเสมอ

               “นายเองต่างหากที่ทำอะไร จู่ๆ ก็มาทำลายแปลงดอกกุหลาบแบบนี้ ดอกไม้พวกนี้สวยและได้รับการดูแลอย่างดี นายไม่ควรมาเด็ดหรือกระทืบมัน”

               “แล้วจะทำไมวะ ฉันอยากทำฉันก็จะทำ แกโง่หรือบ้าวะที่เขามาแส่” พวกไอดริสมากันสองคน เวลานี้สตอล์กเกอร์ของเขาถูกล้อมกรอบ

               ได้ยินมาว่าเป็นประเภทขี้ขลาดไม่กล้าสู้ใคร ได้แค่นี้ก็คงมากพอแล้วละมั้ง มาเรี่ยนตั้งใจจะออกหน้าไปช่วยแต่คิดไม่ถึงว่า

               “เอาอย่างนี้ไหมแกหลีกทางไปเงียบๆ แล้วปล่อยให้ฉันขยี้ดอกกุหลาบพวกนี้ต่อ หรือว่าจะเจ็บตัวเพราะแส่ไม่เข้าเรื่อง”

               “ก็ลองดูสิ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ”

               แล้วก็เป็นเรื่องจนได้ไอดริสกับเพื่อนรุมชกสตอล์กเกอร์ของเขา แต่เจ้านั่นสู้สุดฤทธิ์จนมาเรี่ยนรู้สึกแปลกๆ หมอนี่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าแปลงดอกเป็นของเขา การที่ดื้อดึงปกป้องกุหลาบถึงขนาดนี้มันเพื่อเขาใช่หรือเปล่านะ

               ชอบเขามากเลยต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ?

               มาเรี่ยนเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆ เจ้าสตอล์กเกอร์สู้ยิบตาจนไอดริสยอมแพ้ ท่าทางที่ไม่ห่วงอาการบาดเจ็บของตัวเองแล้วมัวแต่นั่งเครียดว่าจะเอาอย่างไรกับดอกไม้ที่ถูกเหยียบกระทืบดีมันทำให้เกิดความพอใจจนนึกอยากจะลองแอบดูพฤติกรรมของอีกฝ่ายกลับดูบ้าง

               หลังจากวันนั้นโดยที่เจ้าสตอล์กเกอร์ไม่รู้ตัวกระหยิ่มยิ้มย่องกับการแอบมองเขาตลอดหนึ่งปี มาเรี่ยนเองก็เฝ้ามองอีกฝ่ายในระยะเวลาที่เกือบจะเท่าเทียมกัน

               เขาทราบรายละเอียดส่วนตัวของเอฟเว่นทีละนิดและมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เรียกได้ว่ารู้จักอีกฝ่ายดีไม่แพ้เจ้าตัวและมากกว่าดีทริชที่ประกาศตนเป็นเพื่อนสนิทเสียด้วยซ้ำ

               ทั้งเรื่องทางบ้านทั้งของที่ชอบเขารู้หมดทุกอย่าง นานวันก็ยิ่งเพิ่มความชอบพอมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นคิดว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นโอเมก้าเขาจะไม่รีรอขอให้ทางบ้านไปหมั้นหมายเอาไว้เสียก่อนที่จะทำให้เป็นคู่ แล้วสิ่งที่หวังก็เป็นจริงเสียด้วยสิ

               “ซักพักหนึ่งแล้วครับท่านย่า”

               “ถ้าชอบเขามากก็พามาเที่ยวที่บ้านให้พวกย่ารู้จักด้วยสิ หรือว่าคนนี้ไม่ได้เล็งมาเป็นสะใภ้ให้พวกย่าเลยเก็บเอาไว้ไม่พามา”

               “ผมจะพาเขามาพบท่านย่าอีกไม่นานนี้แหละครับ”

มาเรี่ยนยิ้มละไม ดูเหมือนท่านย่าจะเปิดโอกาสให้เขาง่ายๆ เพียงแต่เอฟเว่นกับเขายังไม่ได้คบหากันเป็นคนรักนี่สิ เขาอยากจะรู้ว่าฝ่ายนั้นจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่



คุยท้ายเรื่อง



ตอนหน้าจะยังคงอยู่ที่เอฟเว่นกะมาเรี่ยนนะจ๊ะ นี่จะหายไปจริงๆ ละนะ เจอกันวันที่1/2/61เลยน้า



ถ้าชอบแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันบ้างน้า ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็น
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 28-01-2018 14:52:51
โอ๊ยตายมดขึ้นแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-01-2018 15:09:54
รีบๆเร็วเข้ามาเรี่ยนเดี๋ยวมีคนหมั้นเอฟเว่นก่อนนะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 28-01-2018 16:23:51
คู่เอฟเว่นมาเรี่ยนน่ารักอะ แอบชอบแอบมองกันไปมา
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 28-01-2018 18:08:27
หวานเกินหน้าคู่ดีทริชปะละฮา
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 28-01-2018 18:27:43
ชอบดีทรีชตอนแรกๆมาเลย แอบอยากให้น้องเจ้าเล่ห์กว่านี้ เพราะว่าเราหมั่นไส้โนเอล 5555
แต่เรายังรู้สึกสนุกอยากติดตามอยู่นะคะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่3 {16/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-01-2018 23:55:23
 :pig4: สนุกมากค่ะ  ว่าแต่ดีทริชเกี่ยวข้องอะไรกับราชินีหรือเปล่านะ

ไหนจะโนเอลอีก ใครเป็นพระเอกนะ โนเอลหรือเปล่า

แต่แน่ๆคงไม่ใช่แฟรงค์ แล้วแฟรงค์คงคิดชั่วๆกับทริชชัวร์!

และเอฟเว่นเป็นโอเมก้าแน่เลย คู่กับมาเรี่ยนแน่เลย


โอ๊ย สนุกอ่ะ ชอบๆ 
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 28-01-2018 23:59:04
คู่รองดูโรยด้วยกลีบกุหลาบ อย่าได้มีอุปสรรคเลยน้า ส่วนคู่หลัก เราว่าไม่ต้องยืดเวลาหมูฉึกๆออกไปมากหรอก โชตะค่อนไง ฟินอีกแบบบบบบ เอ้วววว
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่4 {17/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-01-2018 00:18:26
 :katai1: โนเอลลลล ดีทริชอายุแค่ 11 ปีเองเด้อ ใจเย็นนนน

ถึงแม้เราจะชอบมากๆก็เถอะ (อุ้ยพิมพ์อะไรออกไป)  :-[

แต่ก็อยากให้โตไวๆจังน้า หุหุ  :hao7:
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่5 {18/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-01-2018 00:26:17
โนเอลก็มีดีอยู่บ้างล่ะน้า แต่เราระแวงแฟรงค์อ่ะ

ไม่ไว้ใจเลย ยิ่งจะถึงช่วงตรวจเพศแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่7 {21/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-01-2018 00:57:56
โหย อย่าว่างั้นงี้เลยค่ะ เราก็อยากอ่านนะ  :z1:


ตอนนี้เอฟเว่นกับเมเรี่ยนมุ้งมิ้งกันเชียว

ส่วนดีทริชนั้น ระวังหน่อยลูก แฟรงค์มันน่ากลัวเหมือนโนเอลเลยนะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่8 {22/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-01-2018 01:24:22
หืดดดด หาดดด ฟืดดด ขอปรับลมหายใจแป้บค่ะ  :o8:

เหิกกก มาแค่นี้เราก็ฟินจิกมือแล้วเด้อ  เข้าเรื่องเลยละกัน

แม่ของทริชนี่ต้องเกี่ยวกับราชินีไหมนะ

โนเอลก็อย่าล้อเล่นกับทริชมากไปเถอะ แถมปากอย่าแข็งมากนะ

เดี๋ยวน้องก็คิดมากและเข้าใจผิดไปมากกว่านี้หรอก
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 29-01-2018 01:52:33
ทางบ้านมาเรี่ยนผ่านฉลุยแล้ววว เหลือแต่ทางบ้านเอฟเว่นสินะ
 :ling3: :ling3:

ปล. จำได้ว่ามาเรียนเป็นแวมไพร์ที่เคยได้คัดเลือกชิงบัลลังก์ด้วยนี่นา..
มันจะเกี่ยวกับดีทริซมั้ยนะะ
หัวข้อ: Re: #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่11 {หน้า2} {25/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-01-2018 01:56:41
เฉลยปมเรื่องปานและแง้มเรื่องแม่มาแล้ว

แต่ก็มีแววว่าจะมีตัวการใหญ่สร้างความวุ่นวายมาเพิ่ม

ต่อไปถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหนักสุดคงไม่พ้นจากแม็กซิมแน่เลย

แค่คิดถึงดราม่าในวันข้างหน้าเราก็ปวดหัวแล้ว  :katai1:  :ling2:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-01-2018 02:39:53
 :z3: ลอร่าไม่ใช่แม่จริงๆของดีทริช แล้วแม่จริงๆคือใครในสองคนนั้นกันนะ

พ่อเราไม่สงสัยหรอก ไหนจะตัวปลอมที่ว่านั่นอีก ทำไมถึงอยากฆ่าทริช

หวังว่าไรอันกับแฟรงค์จะไปแล้วไปลับ ไม่นำพาความวุ่นวายมาอีกนะ

และภาวนาให้คู่หมั่นเอฟเว่นเป็นมาเรี่ยน พร้อมกับสวดมนต์ไม่ให้

ในภายภาคหน้าเมเรี่ยนกับดีทริชต้องมาเกี่ยวข้องกันในส่วนราชวัง

แล้วก็เอาใจช่วยโนเอลให้หาคำตอบในส่วนของความรู้สึกที่มีต่อทริชเจอเร็วๆ

เพราะในอนาคตดราม่าคงไม่เบาทีเดียว :katai1:

ขอให้เราไม่อินเกินไปจนร้องไห้ :monkeysad:

ป.ล. ถึงผู้แต่ง คุณแต่งดีแล้วค่ะ สนุกมากเราชอบค่ะ ลงนิยายเร็วด้วย

ส่วนจะแต่งออกมาทางไหนก็ตามสบายเลย ไม่ต้องคิดมาก

เราแค่แสดงความคิดเห็นตามเรื่องที่อ่านค่ะ เอาตามพล็อตที่วางไว้เลย

และก็สู้ๆ กับงานนะคะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-01-2018 10:51:45
รอจ้าาาา
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 29-01-2018 15:43:32
สนุกมาก. ไม่ขอดราม่านะ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่14 {หน้า3} {28/1/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 29-01-2018 19:16:52
งือออ มาเรี่ยนนน พ่อหนุ่มละมุนของเจ้ ><
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่15 {หน้า3} {1/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 01-02-2018 22:39:46


บทที่15

“นายน้อยเอฟเว่นนายท่านเรียกขอรับ”

หลังจากวางสายมาเรี่ยนได้ครู่เดียวเอฟเว่นก็ถูกท่านพ่อเรียกให้ไปพบ เรื่องอะไรกันแน่นะ เขากังวลจนแต่ละย่างก้าวไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย

“มาจนได้นะ”

ทันทีที่ไปถึงท่านพ่อพยักเพยิดไปยังกองแฟ้มปริศนา

“แฟ้มพวกนี้แต่ละอันมีรูปและประวัติของคนที่อยากจะดูตัวกับแก เอฟเว่นหลังจากนี้ฉันจะอนุญาตให้แกสามารถเลือกเฟ้นคนที่ชอบภายใต้ความเหมาะสม จากเหล่าลูกผู้ดีที่ฉันหามา”

เอฟเว่นหน้าซีดเผือด จริงอยู่ว่าเตรียมใจมาบ้างแล้วเรื่องการถูกบังคับ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วอย่างนี้

“เอฟเว่น” ท่านพ่อใช้มือตบลงมาบนบ่าของเขาคล้ายกับการปลอบโยน “พ่อทำเพื่อแกนะ การคัดสรรเด็กหนุ่มเหล่านี้ พ่อศึกษานิสัยพวกเขามาเป็นอย่างดี ฐานะ ชาติตระกูลไม่ด้อยกว่าเรา แค่นิสัยขี้ขลาดของแกก็ทำให้พ่อเป็นห่วงมากแล้วแถมยังมาเป็นโอเมก้าอีก พ่อคิดว่ากับเด็กหนุ่มพวกนี้มั่นใจว่าจะไปด้วยกันได้ดี ศึกษาพวกเขาแล้วเลือกออกมาคนหนึ่ง”

“แล้วถ้าเกิดว่า…” เอฟเว่นอยากบอกว่าถ้าเกิดเขาไม่ต้องการจะเลือกหรือมีคนที่ชอบแล้วล่ะ

“เอฟเว่นพ่อเข้าใจความคิดจากสีหน้าแกดี แต่พ่อจะบอกความจริงกับแกนะ บ้านเรากำลังประสบปัญหาการลงทุนหลายครั้งจากมติคนในตระกูลทำให้เราขาดทุน เราไม่มีทางเลือกนอกจากให้แกแต่งงานกับคู่ค้า ถ้าจะให้ดีแกควรเลือกลูกชายนายธนาคารใหญ่คนนี้เพราะเราต้องการที่จะกู้เงินให้ผ่านในการลงทุนครั้งต่อไป” ท่านพ่อหยิบแฟ้มยื่นมาให้เอฟเว่นเปิดดู

“พ่อขอโทษแกนะ ไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับโอเมก้าคงเข้าใจนะ”

“ฮะท่านพ่อ”

เอฟเว่นเข้าใจทุกอย่างที่ท่านพ่อกำลังจะสื่อ ยิ่งเกิดมาในตระกูลใหญ่ด้วยแล้วการเสียสละถือเป็นเรื่องปกติ โชคดีที่ตนเองยังไม่ได้สารภาพรักกับมาเรี่ยน ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องน่าเศร้าเกินไปกับการที่ต้องแอบคบ ทั้งที่ไม่สามารถมีอนาคตร่วมกันได้

อยากจะร้องไห้จริงๆ

“นายท่านขอรับ ท่านมาเรี่ยนครอสมาขอเข้าพบขอรับ” เอฟเว่นสะท้านร่างเฮือกหนึ่งก่อนจะเก็บอาการ เขาไม่ต้องการให้ท่านพ่อทราบความรู้สึกของตนที่มีต่อมาเรี่ยน

“แกรออยู่ที่นี่ก่อนนะเอฟเว่น” พ่อออกจากห้องไป เอฟเว่นนั่งอยู่ตามลำพังในห้องอย่างหม่นหมอง

“นายน้อยขอรับนายท่านให้มาตาม” เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่นั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง ในที่สุดพ่อบ้านก็มาตามเอฟเว่นตรงไปยังห้องรับแขก ที่นั่นท่านพ่อกับมาเรี่ยนรออยู่

“แกนี่ยังไงเอฟเว่นไม่บอกพ่อเลยว่ารู้จักคบหากับท่านมาเรี่ยน”

“ขอโทษฮะ” เอฟเว่นทำหน้าเจื่อนแต่สีหน้ายิ้มแย้มของท่านพ่อทำให้รู้สึกดีขึ้น

“ท่านมาเรี่ยนมาชวนแกไปเที่ยวนอกบ้าน อย่าทำให้ขายหน้าเชียวล่ะ”

“ฮะ” เอฟเว่นเดินไปหามาเรี่ยนหลังจากกล่าวคำลาท่านพ่อ เอฟเว่นก็ขึ้นไปนั่งบนรถที่มาเรี่ยนนำมา

“ผมชอบท่านพ่อของเธอท่านเป็นคนอัธยาศัยดีมาก”

เอฟเว่นชักสงสัยคนเข้มงวดพูดน้อยไว้ตัวอย่างท่านพ่อนะหรือ

“ท่านพ่อของเธอชวนให้ผมไปเที่ยวเล่นที่บ้านเธอ”

“เอ๊ะ…อืม…” ถึงจะสนิทกันมากกว่านี้แต่ความรักไม่มีทางสมหวัง

“สีหน้าเธอดูไม่ดีนะ”

“คือ…ฉันเป็นห่วงดีทริชน่ะ” กล่าวจบมาเรี่ยนก็จับมือเขากุมเอาไว้ เอฟเว่นมองดูใบหน้าอ่อนโยนของฝ่ายนั้น ถึงจะต้องตัดใจแต่ไม่อยากสูญเสียความเป็นเพื่อน

“ไม่ต้องเป็นห่วงไป ผมคิดว่าดีทริชไม่น่าจะเป็นอะไร”

“อื้อ”

หลังจากนั้นต่างคนก็นั่งเงียบไปจนถึงบ้านของดีทริช ที่หน้าบ้านพบว่าเพื่อนสนิทกำลังกล่าวคำร่ำลาคุณน้าลอร่า

“ทริช” เอฟเว่นดีใจจนรีบเข้าไปกอดดีทริชเสียแน่น คนถูกกอดแปลกใจที่เพื่อนโผล่มาแถมยังพร้อมหน้าด้วยมาเรี่ยนครอส

“…พวกนายอุตส่าห์มาเยี่ยมนะ ขอบใจมาก”

“แล้วนี่ทริชจะไปไหน” เอฟเว่นคลายอ้อมกอด

“ฉันจะไปเข้าค่ายช่วงปิดเทอม”

“อะไรกันทำไมไม่ชวนฉันบ้างละ ฉันเองก็”

“ก็ไม่คิดว่าพ่อนายจะอนุญาตนะสิ” เอฟเว่นยิ้มจืดเจื่อน จริงอย่างที่ดีทริชพูดท่านพ่อคงไม่อนุญาตง่ายๆ

“แล้วก็ขอบใจมาเรี่ยนนะที่อุตส่าห์มาเยี่ยมฉันซาบซึ้งใจพอดูเลยล่ะ” มาเรี่ยนทำแค่ยิ้มรับ

“ฉันต้องไปแล้วนะเอฟเว่น” ดีทริชตบบ่าเอฟเว่น เด็กชายมองเพื่อนเดินไปยังรถคันหรูที่มาจอดรับ

“อื้อ…บ๊ายบาย ไว้เจอกันตอนเปิดเทอมนะทริช”

“ถ้าเป็นไปได้คงได้อยู่ห้องเดียวกันอีกนะ” ดีทริชโบกมือพร้อมส่งยิ้ม เอฟเว่นรู้สึกแปลกๆ เพื่อนของเขาดูร่าเริงผิดวิสัยเหมือนปิดบังอะไร แต่ไม่ทันได้ถามอีกฝ่ายก็เข้าไปอยูในรถเสียก่อน

“หนูเอฟเว่นน้าขอบใจนะที่มาดูทริช เสียใจจริงที่ชวนเข้าไปดื่มชาในบ้านไม่ได้”

เอฟเว่นเข้าใจดี ถ้ามีสามีขี้เมาก็ต้องลำบากที่จะชวนใครไปเยี่ยมบ้านแน่ๆ

“คุณน้ารับของฝากไว้ด้วยนะครับ” เอฟเว่นยื่นของฝากให้ลอร่า

“ขอบใจหนูมากนะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะฮะ” เอฟเว่นคอยจนล่อร่าเข้าบ้านไป พอจะหันกลับไปหามาเรี่ยนก็พบว่ามีเด็กตัวเล็กๆวิ่งชนตัวเอง

“น้องสาวเป็นอะไรไหม” เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่แต่งตัวดีไม่เข้ากับแหล่งเสื่อมโทรมเอาเสียเลย

“เอฟเว่นเราไปกันเถอะ”

“แต่…” จะไปได้อย่างไรในเมื่อสาวน้อยตั้งต้นร้องไห้

“จะหาแม่” เอฟเว่นลนลานทำอะไรไม่ถูก

“เดี๋ยวพี่จะช่วยตามหาแม่ให้นะ เนอะมาเรี่ยน” มาเรี่ยนมองดูเด็กหญิงแล้วขมวดคิ้ว

“ถ้าเธอจะช่วยผมก็ไม่ว่า แต่ผมสัญญากับท่านพ่อของเธอว่าจะพาเธอไปส่งก่อนเย็น”

เอฟเว่นนึกขึ้นได้ หากกลับบ้านช้าท่านพ่ออาจจะหมายหัวมาเรี่ยนเอา

“น้องสาวพี่จะพาเธอไปหาตำรวจเขาจะได้ช่วยหาแม่นะ” เอฟเว่นหาวิธีช่วยแต่เด็กน้อยกลับแผดเสียง

“ไม่เอาไม่ไปแอนนี่ไม่ไปหาตำรวจ แอนนี่จะทานขนม” ว่าแล้วก็เริ่มต้นโยเย

“เอ๋..เอ่อ..” เด็กหญิงงอแงหนักขึ้นทุกขณะ เอฟเว่นหันไปขอร้องมาเรี่ยนด้วยสายตา เห็นแววตาเย็นชาของอีกฝ่ายก็รู้สึกไม่สบายใจ

“เอ่อ ถ้ามันเป็นการรบกวนฉันจะบอกให้รถที่บ้านมารับ…”

“เธอนี่น้า ยอมให้ท่านพ่อดุเพื่อช่วยเด็กหญิงเอาแต่ใจที่ไมรู้จัก ผมไม่รู้จะทำยังไงกับเธอดี”

“แค่พาไปทานขนมเอง”

“เข้าใจแล้ว”

ดังนั้นพวกเขาจึงพาเด็กหญิงไปที่ร้านขนมของฟีโอเร่ แอนนี่เป็นเด็กร้ายกาจเอาแต่ใจพอดู แต่เอฟเว่นยังอดทนยิ้มได้ตลอด

“ทำไมถึงเอานี่มาล่ะแอนนี่ไม่เอาอันนี้” ไม่รู้ว่าบริกรนำของมาให้ผิดหรือแอนนี่ลืม แต่สาวน้อยเขวี้ยงของกินใส่จนเสื้อบริกรเปื้อนไอศกรีม

“ขอโทษนะครับ” เอฟเว่นขอโทษแทนแอนนี่ มาเรี่ยนทำเพียงหรี่ตามองดูเหตุการณ์

“แอนนี่ ขอโทษพี่บริกรเขาเดี๋ยวนี้นะ แอนนี่จะเอาแต่ใจกับพี่พี่ก็ไม่ว่าแต่ถ้าเธอทำอย่างนี้กับคนอื่นคุณแม่รู้เข้าจะต้องโกรธและอับอายแน่”

แอนนี่นิ่งคิดหลายนาทีก่อนจะกล่าวขอโทษบริกร เอฟเว่นโล่งใจที่เด็กหญิงว่าง่าย ถ้าดื้อกว่านี้เห็นทีคงต้องลงโทษโดยการงดขนมหยุดเอาใจกันบ้าง

“แอนนี่อยากเจอคุณแม่แล้ว” แอนนี่เริ่มสะอึกสะอื้น เอฟเว่นเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้

“จริงสิพี่ลืมไปเลยคุณแม่อาจจะทิ้งข้อความซักอย่างไว้ที่แอนนี่ เอากระเป๋ามาให้พี่ดูที”

แอนนี่ยื่นกระเป๋าสะพายสีหวานมาให้ เอฟเว่นเปิดดูครู่หนึ่งก็พบกระดาษจดเบอร์โทรและข้อความให้โทรกลับเมื่อพบว่าแอนนี่หลงทาง เขารีบยืมโทรศัพท์เคลื่อนที่จากมาเรี่ยนโทรหาแม่เด็กทันที

“เดี๋ยวคุณแม่ก็มารับแล้วนะแอนนี่” เอฟเว่นยิ้มหลังจากคุยกับคุณแม่แอนนี่เสร็จ ไม่นานนักคุณแม่ของเด็กหญิงก็มารับ

“ขอบใจหนูมากนะ เอาอย่างนี้นะน้าจะให้ของตอบแทนหนูอยากได้อะไรบอกน้ามาเลยนะ”

“ไม่ต้องหรอกฮะช่วยกันแค่นี้เอง ผมไม่ได้ทำอะไรแค่ดูแลแอนนี่รอคุณน้ามารับเท่านั้น”

“ขอบคุณนะคะพี่ชาย” แอนนี่จูบปากเขาหลังขอบคุณ เอฟเว่นตกใจนิดหน่อยแต่ไม่ได้ถือสาอะไร

“เอฟเว่นผมว่าน่าจะได้เวลาที่เธอจะต้องกลับบ้านแล้วนะ” มาเรี่ยนเตือนสติ

“อะ…อื้อ…”

“คราวหน้าผมจะติดต่อไปขอเยี่ยมเธออีกนะหวังว่าเธอคงไม่ว่าอะไร”

เขาจะดีใจด้วยซ้ำจะว่าอะไรได้ แค่ช่วงเวลาก่อนที่จะมีคู่หมั้นเท่านั้นเขาอยากอยู่ใกล้ๆ มาเรี่ยนให้บ่อยที่สุด

“แล้วเจอกันนะ” เอฟเว่นกล่าวคำลา

หลังจากส่งเอฟเว่นถึงบ้าน มาเรี่ยนก็เดินทางกลับคฤหาสน์ เมื่อเข้าไปถึงด้านในแอนนี่ตัวน้อยนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก

“กลับมาแล้วเหรอ…” แอนนี้ทักด้วยเสียงระรื่น

“ท่านย่าคงสนุกสินะครับ” เด็กหญิงแอนนี่หัวเราะเสียงใส แล้วร่างกายก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ

“ย่าสนุกมากเชียวล่ะ แล้วก็ย่าชอบนะเด็กคนนั้น”

มาเรี่ยนถอนหายใจ ความเอาแต่ใจของท่านย่าใครก็จัดการไม่ได้ทั้งนั้น

“คราวหน้าถ้าจะทำแบบนี้อีกช่วยบอกผมล่วงหน้าด้วยนะ”

“จะอนุญาตให้ย่าไปสนุกกับหนุ่มน้อยคนนั้นได้อีกหรือ”

“คราวหน้าเอาแบบเป็นทางการดีไหมครับท่านย่า”

“นั่นสินะ” มาเรี่ยนถอนหายใจ ทำเสียงเจ้าเล่ห์แบบนี้สงสัยวางแผนอะไรอีกแน่ๆ แล้วก็จริงเสียด้วย ท่านย่าต่อสายโทรไปยังบ้านเอฟเว่นและได้พูดคุยกับผู้นำตระกูลรูค

เนื้อหาใจความคือจะไปเยี่ยมเยียนแสดงความขอบคุณที่ได้รับการช่วยเหลือจากเอฟเว่นซึ่งประมุขตระกูลรูคตอบรับอย่างยินดี

“จะไปในสถานะไหนครับท่านย่า”

“แน่นอนว่าต้องแอนนี่ตัวน้อยสิ ย่าสนุกที่จะได้เห็นท่าทางน่ารักน่าชังสมวัยมากกว่าอาการเกร็งเพราะต้องเจอหน้าแขกแก่ๆ แปลกหน้า” แอนนี่ขยิบตาให้มาเรี่ยน

หยุดยั้งอะไรคนแก่เอาแต่ใจไม่ได้แล้วจริงๆ มาเรี่ยนยิ้มกับตัวเอง รู้สึกโล่งใจที่ท่านย่าชอบเอฟเว่นและไปกันได้ดีมากกว่าที่คิด



คุยท้ายเรื่อง



ถูกส่งไปช่วยงานที่รังสิต ที่นั่นใช้คอมไม่ได้ต้องเขียนนิยายทางมือถือแล้วกลับมาอัพนิยายที่บ้าน งานเลิกดึกมาก

เลยต้องอัพนิยายเกือบจะวันใหม่เลยทีเดียว ถ้าเกิดว่ามีคำผิดเยอะอย่าแปลกใจนะคะ

ยังไม่ชินกับการพิมนิยายในมือถือ

ตอนหน้าเนื้อเรื่องจะกลับไปที่ดีทริชแล้ว ฝากติดตามด้วยนะคะ

 ถ้าคิดว่าชอบนิยายเราฝากแสดงความคิดเห็นด้วยน้า อยากรู็ว่าที่พิมไปมันดีไหม

ติชมได้แต่อย่าด่าแรงนะขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่15 {หน้า4} {1/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 01-02-2018 23:29:48
ไปลุ้นคู่รักต่อ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่15 {หน้า4} {1/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: mholic ที่ 01-02-2018 23:39:18
มาอัพก็ดีใจแล้วค่ะ   :3123:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่15 {หน้า4} {1/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 02-02-2018 00:16:55
คุณย่าคิดลองใจหลานสะใภ้หรอ แต่หนูเอฟเว่นน่ารักเสมอไม่น่ามีปัญหาอะไร
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่15 {หน้า4} {1/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 02-02-2018 08:35:18
จะกลับไปที่ดีทริชละรึยังรู้สึกค้างนิดๆ กับคู่เอฟเว่น รอนะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่15 {หน้า4} {1/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 02-02-2018 09:13:55
ท่านย่านี่แอบเอาเรื่องเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่15 {หน้า4} {1/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-02-2018 15:00:44
ท่านย่าแซ่บบบ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่15 {หน้า4} {1/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 02-02-2018 21:13:20
โอ้ย กำลังหัวร้อนกับเด็กน้อยแอนนี่ แต่พอรู้เป็นท่านย่าค่อยโล่งใจหน่อย แล้วก็ภาวนาขอให้มาเรี่ยนกับเอฟเฟ่นผ่านไปด้วยดีนะ ให้ได้เป็นคู่หมั้นกัน
     
ส่วนทริชนั้น... เราเอาใจช่วยให้รอดพ้นจากเงื้อมมือท่านโนเอลให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่16 {หน้า4} {2/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 02-02-2018 22:41:16


บทที่16

รถคันหรูพาผ่านประตูรั้วเข้าสู่ภายใน เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่พาหนะซึ่งเขาโดยสารมาเคลื่อนผ่านป่ารกและอาคารต่างๆ

ภายในพื้นที่หลังประตูรั้วกินอาณาบริเวณกว้างเสียจนดีทริชไม่คิดว่านี่จะเป็นพื้นที่ใช้สอยของครอบครัวเดียว

ต้องร่ำรวยขนาดไหนกันนะถึงจะสามารถมีพื้นที่อันกว้างใหญ่ขนาดนี้ไว้ในครอบครองได้ ดีทริชสัมผัสได้ถึงความต่างทางชนชั้นระหว่างโนเอลกับตนแทบจะในทันที

“ถึงแล้วขอรับท่าน” คนขับรถเตือนให้ลงจากรถ ที่หน้าประตูคฤหาสน์มีคนในชุดเครื่องแบบยืนรออยู่

“นายท่านดีทริชสินะขอรับ เชิญทางนี้ขอรับ” ดีทริชคว้ากระเป๋าจะเดินตาม แต่มีคนมาช่วยถือไปเสียก่อน

“นายท่านให้ท่านดีทริชไปพักผ่อนรอนายท่านในห้องสันทนาการไปก่อนขอรับ หรือว่าท่านดีทริชจะไปรับประทานอาหารว่างก่อนที่จะร่วมรับประทานอาหารกับนายท่านก็ดีนะขอรับ”

“แล้วกระเป๋าของผม” ดีทริชมองตามกระเป๋าที่ถูกนำไป

“เราจะนำไปเก็บเอาไว้ให้ที่ห้องครับ”

“ถ้าอย่างนั้นผมควรจะไปรอในห้องที่ว่าสินะ เข้าใจแล้ว”

“กระผมเป็นหัวหน้าพ่อบ้านชื่อเดเรียสขอรับจะคอยรับใช้ดูแลท่านในเรื่องต่างๆ ตลอดเวลาที่ท่านดีทริชอาศัยอยู่ที่นี่” จากนั้นเดเรียสก็นำเขาไปจนถึงห้องสันทนาการ “อีกเดี๋ยวกระผมจะนำของว่างมาให้นะขอรับ”

ดีทริชถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวภายในห้องที่กว้างเกือบจะเป็นห้องประชุมได้ ภายในถูกแบ่งเป็นห้องเล็กๆ หนึ่งห้องเมื่อเข้าไปดูจะพบว่าเป็นห้องฉายภาพยนต์

ดีทริชกลับออกมาที่ด้านนอก ข้างนอกมีทั้งโต๊ะบิลเลียต เครื่องเล่นต่างๆ รวมไปถึงเปียโนหนึ่งหลัง ดูจากการจัดวางน่าจะมีไว้สำหรับให้เล่นอวดเพื่อนฝูงที่มาเยี่ยม

ดีทริชสามารถเล่นได้อยู่บ้าง แต่ระยะหลังร้างราไปนาน พอได้มาเห็นเปียโนสวยๆ หลังนี่ก็เกิดอยากรื้อฟื้นความจำ   

ดีทริชนั่งลงบนเปียโน มือเรียวเคาะแป้นไล่ตัวโน๊ตเป็นจังหวะก่อนจะเริ่มเล่นเพลงคลาสสิคที่มีชื่อเสียงในจูปิเตอร์

พอได้เล่นก็นึกถึงวันเก่าของตัวเองกับแม่ ดีทริชต้องหยุดเล่นเพราะเปียโนพังไปในปีที่แล้ว จะได้มีโอกาสแสดงฝีมือก็ต่อเมื่ออยู่ที่โรงเรียนเท่านั้น

“นายกำลังเล่นเปียโนของฉันอยู่นะเจ้าคนแปลกหน้า”

ดีทริชหยุดมือหันไปก็พบเด็กผู้หญิงผมสีเงินหน้าตาสวยงามคมคายดูแล้วคล้ายคลึงกับโนเอลห้าหกส่วน

น้องสาวของโนเอลหรือเปล่านะ?

“งั้นก็ขอโทษแล้วกัน” ดีทริชลุกจากเก้าอี้เปียโนแล้วเดินหนี ตั้งใจว่าจะกลับไปหมกตัวในห้อง

“เดี๋ยวนายเป็นแขกของท่านพี่หรือเดี๋ยวสิ” คนถามไล่ตามจะคว้าแขน แต่ทันทีที่แตะตัวมาดีทริชก็เผลอตอบโต้

“อ๊ายยยย!!” เด็กหญิงผมเงินหงายหลังจากแรงสลัดกะทันหันกระโปรงถูกถลกขึ้นมาจนเห็นชั้นใน

“เธอ…” จุดสายตาของดีทริชหยุดอยู่ที่กางเกงในสีหวาน ทว่าความนูนได้มิติบ่งบอกถึงเพศสภาพเจ้าตัวเป็นอย่างดี

“นายเป็นผู้ชายหรือ”

“ไม่นะ…” เด็กชายในชุดกระโปรงฟูฟ่องหวีดร้องก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งและจัดชายกระโปรงให้เขาที่

“เห็นแล้วสินะ” เจ้าตัวมองมาด้วยแววตาเคียดแค้นเนื้อตัวสั่นเทาบอกชัดว่าโกรธจัด

ช่วงชีวิตสิบสองปีที่ผ่านมาของเซซิลคนที่กล้าดูถูกซึ่งๆ หน้ามีไม่กี่คน นั่นเป็นเพราะบารมีของพี่ชายอย่างโนเอล ดังนั้นการที่เขามีเพศที่หนึ่งเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงจึงไม่มีใครกล้าเอามาเป็นหัวข้อวิจารย์อย่างโจ่งแจ้ง

แต่ว่าใช่จะไม่มีคนพูดให้ได้ยิน หลายครั้งที่เซซิลคิดว่าตนเองเป็นจุดด่างพล้อยของพี่ชาย ยิ่งหลังจากตรวจเพศที่สองแล้วพบว่าเขาเป็นโอเมก้ายิ่งเป็นเรื่องน่าขายหน้า

ทั้งอย่างนั้นเพราะพี่โนเอลอีกนั่นแหละพวกคนในตระกูลจึงไม่มีใครกล้านินทาหรือตำหนิอีก มันทำให้ระยะหลังเซซิลลืมความเป็นจริงที่ตนเองแปลกประหลาดกว่าคนอื่นไป

การถูกทักเป็นว่าเด็กผู้ชายจากเจ้าคนแปลกหน้าในคฤหาสน์ที่เขาอาศัยอยู่กับท่านพี่ เป็นเหมือนการเตือนสติและตีแสกหน้าจนเซซิลกลับสู่ความเป็นจริง

เขาเป็นเด็กผู้ชายที่มีจิตใจเป็นหญิง คนรอบข้างมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสมเพช ในฐานะน้องของโนเอลและลูกชายคนรองผู้สืบทอดอันดับสองของอลองโซเขาเป็นจุดด่างพล้อย

วันนี้ไอ้คนแปลกหน้าแสนหยาบคายล่วงเกินเขาอย่างรุนแรง ความเป็นเพศที่หนึ่งที่เขาพยายามปกปิดลืมมันไปโดยตลอด ถูกรู้เห็นด้วยวิธีน่าอับอายแถมไอ้นี่ยังใช้คำพูดทิ่มแทงให้รู้สึกหดหู่อย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน

ชังน้ำหน้ารู้สึกแบบนี้ท่วมท้นจนอย่างจะชกอีกฝ่ายหลายๆ หมัด

“เซซิลไปทำอะไรที่พื้นน่ะ”

“ท่านพี่” ท่านพี่กลับมาจนได้ เซซิลเข้าไปออดอ้อนออเซาะเหมือนทุกครั้งที่เป็นมา

ดีทริชแทบไม่อยากเชื่อสายตา ที่ตรงหน้าโนเอลกำลังยิ้มอ่อนโยนทั้งยังใช้มือลูบหัวคนที่น่าจะเป็นน้องชาย

ประโยคสนทนาระหว่างพี่น้องก็ดูเหมือนการพูดคุยของครอบครัวทั่วๆ ไป แต่พอเป็นโนเอลดีทริชกลับเห็นว่าเป็นเรื่องพิลึกพิกล เจ้าหมอนี่มีมุมมองแบบนี้ด้วยเหมือนกันแฮะ

“ท่านพี่ ท่านพี่ต้องล้างแค้นให้เซซิลนะ” เซซิลชี้นิ้วมาทางดีทริช โนเอลใช้สายตายิ้มได้มองมา ดูเหมือนวาต่อหน้าน้องชายจะแสดงออกถึงความอ่อนโยนตลอดเวลา

“ท่านพี่ต้องลงโทษหมอนี่อย่างสาสมเพื่อน้องนะคะ”

ดีทริชเม้มปาก สงสัยว่าโกรธเกลียดตัวเองเพราะอะไร ใช้สมองคิดอีกซักหน่อยก็ได้ความว่า เพราะเขาเห็นกางเกงในของฝ่ายนั้นหรือเปล่า

“ดีทริชไหนลองเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังทีซิ” โนเอลเปิดโอกาสให้อธิบายแต่เซซิลร้องเสียงแหลม

“จะฟังเจ้านี่อธิบายทำไมละคะท่านพี่” โนเอลเอียงคอมองน้องชายก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนหวาน

“เซซิลดีทริชเป็นโอเมก้าของพี่ พี่ต้องให้ความยุติธรรมกับเขาสิ อีกอย่างความมีเมตตาและให้อภัย มันเป็นคุณสมบัติที่ดีของเลดี้ที่ดีอย่างหนึ่งนะ”

“ที่ท่านพี่พูดมาก็ถูก แต่เอ๊ะ” จู่ๆ เซซิลก็ขยุ้มมือไปที่แขนของโนเอล

“ที่ท่านพี่บอกว่าหมอนี่เป็นโอเมก้าของท่านพี่มันจริงหรือคะ”

โนเอลพยักหน้าแทนคำตอบ

“โถที่แท้แล้วก็พวกนางบำเรอโอเมก้า ท่านพี่เดี๋ยวนี้อนุญาตให้พวกนี้เขามาอยู่ในคฤหาสน์หลักแล้วหรือคะ น้องอึดอัดนะที่ต้องทนอยู่กับคนประเภทนี้”

“ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องขอร้องให้น้องยอมทน เพราะว่าคนคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น”

เซซิลงุนงง ไม่เหมือนคนอื่นหรือว่ามีอะไรน่าสนใจกว่านั้น เขาใช้สายตาพินิจพิเคราะห์จ้องดีทริช

สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือความสวยที่บาดตากว่าอะไรทั้งหมด เซซิลเกลียดนักพวกที่ใช้ร่างกายล่อลวงพี่ชายเพื่อผลประโยชน์ คนก่อนหน้านั่นยังไม่มีใครถูกพามารกหูรกตาเธอ

แต่เจ้าหมอนี่กลับสามารถ แสดงว่าลูกไม้มารยาต้องแพรวพราวที่สุด จริงสิตอนที่สลัดเธอจนล้ม คงตั้งใจทำให้เธอขายหน้าแน่ๆ

เจ้าโอเมก้าตัวร้าย

“ท่านพี่เซซิลหิวแล้วนะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นเราไปทานอาหารกันนะคะ”

“ดีคะน้องหิ้วท้องรอท่านพี่ตั้งนานแล้ว” เซซิลคล้องแขนพี่ชายออกเดินแต่โนเอลยังไม่ขยับหันไปพูดกับดีทริช

“นายคงหิวแล้วสินะ เพราะอย่างนั้นไปทานอาหารค่ำพร้อมกันเลยดีกว่า”

ดีทริชตั้งใจจะปฏิเสธ แต่พอเห็นเซซิลตีหน้ายักษ์ ส่งสายตาเคียดแค้นมาก็ตัดสินใจจะเล่นตลกทำให้น้องชายของโนเอลคับข้องใจเล่น

ก็ไม่รู้ทำไมถึงเกิดความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ กับน้องชายของโนเอล

“ท่านพี่ใจดีเกินไปแล้วนะคะ” เซซิลกระเง้ากระงอดใส่พี่ชาย

“แต่ถ้าท่านพี่ต้องการน้องก็ไม่ขัดหรอก” ว่าแล้วสองพี่น้องก็ควงแขนเดินนำไป หงุดหงิดกับความอ่อนโยนและรอยยิ้มของโนเอล คนอย่างหมอนี่มีรอยยิ้มที่ขัดกับภาพลักษณ์ปกติแบบนี้ได้เชียวหรือ



คุยท้ายเรื่อง



นึกว่าทำไมใ้เรามาช่วยที่รังสิต มาฝึกงานให้น้องใหม่ค่า อ่อยน้องชวนคุยตลอดแต่งแบบไม่ค่อยมีสมาธิเลย

ถ้าเนื้อเรื่องแปร่งคำผิดเยอะๆ อ่านแล้วประโยคงง ไม่ต้องแปลกใจนะ

เด๋วพรุ่งนี้ถ้ามีเวลาว่างพอแต่งจบตอนจะเอามาลงเวลานี้แหละค่า
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่16 {หน้า4} {2/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-02-2018 22:49:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่16 {หน้า4} {2/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 02-02-2018 23:50:54
เซซิลช่างมโนจัง
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่16 {หน้า4} {2/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 03-02-2018 07:14:45
สู้ๆนะคะ นู้สึกที่ลงล่าสุดนี้สั้นนี๊ดแต่มาเร็วก็โอเคค่ะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่16 {หน้า4} {2/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 03-02-2018 07:36:14
เด็กเซซิลนี่.....  :z6: นี่แน่ะ  :beat:

ทำเป็นรังเกียจ  :fire: ปั๊ดเหนี่ยวให้หรอก

เหมือนจะเป็นตัวมารอีกตัวหรือเปล่าเนี่ยทริช ชีวิตวุ่นวายแท้
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่16 {หน้า4} {2/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 03-02-2018 07:47:09
นี่ว่าเด็กเชซิลไม่ใช่อุปสรรคของทริซ
อุปสรรคจริงๆ ยังไม่มาแน่เลยยยย
 :ling1: :ling1:
อยากให้ทริซโตเร็วๆ จัง
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่17 {หน้า4} {3/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 03-02-2018 22:31:34


บทที่17

ดีทริชนั่งลงบนโต๊ะอาหารอันสวยงามอาหารที่นำมาวางเรียงรายก็หรูหราจนชวนตะลึง

“ไม่เคยกินละสิท่า ถ้าไม่รู้วิธีหยิบจับหรือใช้ช้อนจะแยกไปกินคนเดียวในครัวก็ได้นะ”

เซซิลเยาะหยันมั่นใจว่าดีทริชต้องมาจากบ้านป่าเมือนเถื่อนแน่เดาได้จากปฏิกิริยาตอบโต้ที่ไวเหมือนลิงกัง

ขณะเดียวกันโนเอลมองสบตามาดีทริชยิ้มกว้างจนดูเจิดจ้า เซซิลมองอย่างกังขาในใจค่อนแคะว่าทำเป็นยิ้มอยู่ได้ จนกระทั่งดีทริชแสดงวิธีการกินอันสมบูรณ์แบบให้ดู

เซซิลอ้าปากค้างท่าทางการกินของดีทริชดูเป็นผู้ดีอย่างมาก คิดอีกทีมันก็แน่ล่ะนางบำเรอที่พี่ถูกใจจะไม่รู้มารยาทได้อย่างไร

“เชอะก็ดีกว่าพวกแม่บ้านหน่อยหนึ่งแหละ”

ดีทริชอมยิ้มรู้สึกพึงพอใจนิดๆ ที่เป็นฝ่ายชนะ จริงๆ เรื่องมารยาทบนโต๊ะแม่สอนเขาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว เหตุผลคือหากต้องถึงเวลาจะได้ไม่อับอายขายหน้า ระหว่างนั้นก็เผลอสบตาเข้ากับโนเอลอีกครั้งรู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่าอีกฝ่ายทำสีหน้าชื่นชมเขาอยู่

“ถึงจะพอรู้มารยาทอยู่บ้างแต่พวกนางบำเรอก็คงไม่มีความรู้มากหรอกเนอะท่านพี่” เซซิลพูดจาฉอเลาะกับโนเอลก่อนจะหันมาตั้งคำถามดีทริช

“ได้เรียนหนังสือหรือเปล่าหะ นายทำประโยชน์อะไรได้บ้าง” เสียงพึมพำเบาๆ ท้ายประโยคแม้กระซิบแต่ตั้งใจให้ดีทริชได้ยิน “พวกนางบำเรอคงทำอะไรไม่เป็นหรอกเนอะ”

ดีทริชโกรธแต่ไม่ยักกะตีหน้าดุดัน เขายิ้มหวานให้โนเอลพลางร้องถามด้วยเสียงที่ฟังดูน่ารักอ่อนหวาน

“โนเอลผมยังต้องไปช่วยงานคาร์ลในฐานะผู้ช่วยเลขาหรือเปล่าครับ”

โนเอลยกยิ้มมุมปากรู้สึกสนุกที่ดีทริชประจบเอาใจ ทำไมจะไม่รู้ว่าเซซิลไม่ชอบดีทริช คงเกิดเรื่องอะไรซักอย่างระหว่างที่เขาไม่เห็น

ไม่มีความคิดที่จะสืบสาวเรื่องนี้เพราะไม่อยากดุด่าน้องชาย แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกำกับขีดเส้นการกระทำของดีทริช

เรื่องของพวกเด็กๆ หากยังไม่ร้ายแรงเขาจะนั่งดูเฉยๆ ที่จริงเขารื่นรมย์อย่างมากเมื่อดีทริชจงใจใช้คำพูดอ่อนหวานถึงแม้จะแค่เพื่อหาเรื่องเซซิลก็ตาม

“นั่นสินะ ช่วงก่อนหน้านั้นคาร์ลรายงานว่านายทำได้ดีจริงๆ” เซซิลมองโนเอลสลับกับดีทริชอย่างไม่อยากจะเชื่อ คนอย่างท่านพี่มีหรือจะยอมให้นางบำเรอเข้ามาก้าวก่ายในส่วนธุรกิจ เจ้าลิงกังนี่มีอะไรดีนะ

จะว่าไปคำพูดคำจากระเดียดไปทางดัดจริต คิดอีกทีคงใช้มารยายั่วให้ท่านพี่หลงใหล

เลวร้ายมากพี่ชายอยู่ในสถานะการย่ำแย่ที่สุด เพราะไม่เคยหน้ามืดตามัวขนาดนี้มาก่อน ทั้งยอมให้เข้าบ้านใหญ่ทั้งยอมให้ไปวุ่นวายกับงานที่ทำ

ในขณะที่เขาเป็นน้องแท้ๆ ถึงแม้จะขอเรียนรู้งานท่านพี่กลับบอกว่ารอให้โตกว่านี้เสียก่อน ความรู้สึกนี่มันช่าง

เซซิลกัดหัวแม่มือตัวเอง เด็กชายคิดว่านางบำเรอคนนี้เป็นภัยต่อพี่ชายที่เคารพไปโดยสมบูรณ์

“แต่ฉันจะให้นายพักงานไว้ก่อน ช่วงที่มาอยู่ที่นี่ฉันอยากให้นายเรียนเป็นเพื่อนเซซิล”

“อะไรนะท่านพี่” เซซิลใช้เสียงสูงกว่าปกติสีหน้าชัดเจนว่ารังเกียจคำสั่งนี้ของพี่ชาย ส่วนดีทริชนะหรือแสยะยิ้มร้ายๆ เซซิลหันไปมองแล้วสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะถลึงตาให้

ไอ้ลิงกังกล้าใช้สายตาแบบนี้จ้องมาที่เขาเชียวหรือ

“เข้าใจแล้วครับโนเอล งั้นผมขอตัวก่อนนะครับผมอิ่มแล้ว”

โนเอลพยักหน้า ดีทริชสงสัยว่าอีกฝ่ายยอมปล่อยตัวเขาไปง่ายๆ ขนาดนี้เชียวหรือ แต่ก็ดีเหมือนกัน

“ผมจะนำท่านดีทริชไปที่ห้องเองขอรับ” หัวหน้าพ่อบ้านเดเรียสเดินนำดีทริชไปยังห้องส่วนตัว เมื่อไปถึงเขาก็ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับทันที

หนัก!! รู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีอะไรกดลงมา เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าโนเอลใช้ร่างกายทาบทับบนตัวเขาอย่างแนบแน่น

“ทำอะไรนะ” ดีทริชตื่นตระหนก โนเอลใช้นิ้วจรดฝีปากตัวเองแล้วส่งเสียงดังชู่เป็นการบอกให้เงียบ

“ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ นายสัญญาแล้วนะ”

“ฉันสัญญาแค่ว่าจะไม่ร่วมรักกับนายไม่ได้หมายรวมถึงกอดจูบหรือลูบคลำนี่”

ดีทริชเม้มปากแน่นแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง คร้านที่จะโต้เถียงด้วยยังไงหมอนี่ก็จะทำตามใจชอบอยู่ดี

โนเอลหัวเราะเสียงต่ำต่อปฏิกิริยาจำยอมที่ไม่ได้มาจากใจจริง ใบหน้าน่ารักบูดเบี้ยวชวนให้นึกอยากจูบ ดังนั้นจึงใช้นิ้วเกี่ยวปลายคางบังคับให้หันมารับจูบ

“อื้อ…” ดีทริชเบิกตาโพลง ตื่นตัวระวังระไวเพราะกลัวว่าจะถูกทำมากกว่าจูบ แล้วก็จริงเสียด้วยมือไม้หยาบอยู่ไม่สุขลูบคลำไปทั่วเนินเนื้อ

“อื้อ…อึก…” ดีทริชพยายามไม่ร้องออกมาในตอนที่โนเอลขบริมฝีปากล่างของเขา ทำตัวเหมือนพวกสัตว์ชอบกัดชอบขบไปทั่ว เพราะหลังจากจูบจนพอใจก็งับลงมาเบาๆ ที่แก้มข้างขวา

“นายผอมมากเกินไป น่าจะกินมากอีกนิดให้แก้มยุ้ยๆ นุ่มๆ กว่านี้”

“นายชอบคนอ้วนหรือไง” ถ้าอย่างนั้นจะกินให้อ้วนฉุเลย คิดในใจและรู้สึกว่าความคิดนี้ดีเหมือนกัน โนเอลหรี่ตามองมา

“ถ้านายอ้วนจนดูไม่ได้ฉันจะลงแส่แห่งความเมตตา จับนายอดข้าวออกกำลังกายแต่ถ้านายดื้อแพ่งไม่ทำอีก เห็นทีคงต้องใช้แม่ของนายมาเป็นตัวประกัน”

ดีทริชกัดริมฝีปาก เกลียดการถูกบังคับ เกลียดที่ไม่สามารถตอบโต้โนเอลได้อย่างใจ

“กัดริมฝีปากอีกแล้วนะ” โนเอลใช้นิ้วนวดคลึงริมฝีปากดีทริชจนอีกฝ่ายต้องเลิกทำร้ายตัวเอง

“ฉันเป็นคนรักษาสัญญานะ แต่ที่ฉันพูดเอาไว้ชัดเจนแต่แรกไม่ใช่หรือ”

โนเอลใช้จมูกคลอเคลียแก้มนิ่มไปพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของดีทริช

“อึก…” ดีทริชหลับตาแน่นทนดูภาพอนาจารของตัวเองไม่ไหว เพราะอย่างนั้นตอนที่โนเอลแตะลิ้นลงมาบนยอดอกจึงรู้สึกถึงรสสัมผัสอย่างชัดเจน

“อ๊ะ…” ดีทริชลืมตาจนได้ โนเอลยิ้มสมใจ ระหว่างสบตากันก็ลงมือบดบี้ส่วนสีชมพูอย่างสนุกสนาน

“แค่ปลุกเร้านิดหน่อยไม่ผิดสัญญาใช่ไหม” ดีทริชเม้มปากและถลึงตาใส่โนเอล

“อ๊ะ…หยุด…” ถูกดูดและเลียหนักๆ จนต้องใช้มือปิดปาก ดีทริชเสียวซ่านเขาชาหนึบตั้งแต่บริเวณที่ถูกขบกัดไปจนถึงปลายเท้าทีเดียว

“ชอบไหม” ดีทริชไม่ตอบแต่กัดฟันกรอดและใช้สายตาดุดันมองโนเอล

“แสดงว่ายังไม่ถึงใจสินะ” โนเอลยิ้มละไม “ถ้างั้นให้ฉันใช้มือกับข้างล่างด้วยดีไหม”

“มะ…ไม่เอา” คนอย่างโนเอลหรือจะฟังคำค้าน จัดการถอดล้วงควักเครื่องเพศน่ารักๆ ออกมานวดคลึง

“อื้อ…อึก…” สัมผัสของตัวเองเมื่อคราวก่อนเทียบกับครั้งนี้ไม่ติด ถึงแม้ในใจจะต่อต้าน แต่ร่างกายตอบสนองความสุขอย่างเต็มที

“ดูเหมือนนายจะชอบนะ”

“ก็..แค่..ร่างกาย…เท่านั้น..อึก…”

“แค่ร่างกายเท่านั้นสินะ” โนเอลหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะจัดการกับเครื่องเพศของดีทริชหนักหน่วงกว่าเดิม

“อึก…” จะถึง…ดีทริชรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นในตอนที่ฝนแห่งราคะพรำลงมาเขาก็หมดแรงนอนหอบ รู้สึกดีจนคิดอะไรไม่ออกเลย

จนเมื่อดวงตาปรือปรอยสังเกตุเห็นความคับแน่นบริเวณเป้ากางเกงของโนเอลก็ขยับตัวกระถดหนีด้วยความหวาดเกรง

โนเอลใช้สายตาที่คาดเดาไม่ได้มองจ้องมา ดีทริชตัวแข็งทื่อ ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกฝ่ายหายเข้าไปในห้องน้ำนานกว่าครึ่งชั่วโมง

ช่วยตัวเอง? มั่นใจว่าอย่างนั้นเขาได้ยินเสียงครางแผ่วๆ ในห้องน้ำ

อัศจรรย์ใจมากไม่คิดว่าจะได้เห็นคนอย่างโนเอลอดกลั้นจนต้องยอมช่วยตัวเอง

ไม่อยากจะเชื่อว่าจะรักษาสัญญา

ดีทริชใช้มือลูบหน้าตนเองรู้สึกอบอุ่นและโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่ไม่คิดว่าจะเกิดจากโนเอลแต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว

เสียงเปิดประตูทำให้ดีทริชตื่นตัว โนเอลยังอยู่ในสภาพเนี้ยบทุกกระเบียด อีกฝ่ายเดินไปหยิบกล่องบางอย่างที่หัวเตียง ดีทริชเพิ่งสังเกตุเห็น

“ของขวัญจากฉัน” โนเอลเปิดกล่องออก ดีทริชพบว่ามันคือปลอกคอสำหรับโอเมก้า

ดีทริชนิ่งเงียบปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการสวมมันลงมาบนคอ ถึงแม้จะอยากต่อต้านก็ตาม

“นี่กุญแจ ฉันอนุญาตให้นายถอดออกแค่ตอนอาบน้ำเท่านั้น”

“ผมต้องขอบคุณไหมครับที่คุณอนุญาต” ดีทริชประชดประชัน โนเอลยิ้มละไมเป็นรอยยิ้มที่ชวนมองมากทีเดียว

“ฉันชอบที่นายพูดเพราะกับฉัน”

โนเอลลุกจากเตียงยืนเต็มความสูง

“พรุ่งนี้เดเรียสจะแจ้งตารางการเรียนและเรื่องต่างๆ ให้นาย ทำตัวให้ดีๆ เวลาที่ฉันไม่อยู่”

โนเอลออกจากห้องไป ดีทริชทิ้งตัวลงนอนมองดูกุญแจที่ใช้ปลดปลอกคอออก

ทั้งที่นึกว่าโนเอลจะเก็บมันเอาไว้เอง แต่กลับนำมันมาให้เขา จู่ๆ มาทำใจดีด้วยแบบนี้ บอกตรงๆ ตั้งตัวไม่ทัน

แถมนึกว่าช่วงที่อยู่คฤหาสน์จะถูกจัดการถึงขั้นเด็ดเพราะแต่ไหนแต่ไรก็คิดว่าโนเอลคงไม่รักษาสัญญา

ถูกกอดจูบลูบคลำอย่างหยาบโลนแบบนี้ใช่ว่าจะชอบแต่ยังดีกว่าถูกข่มขืนมาก ทั้งอย่างนั้นดีทริชก็ไม่ลดความระแวง

การเล้าโลมอย่างหนักหน่วงแบบนี้ถ้าทำบ่อยๆ ครั้งเข้าก็ไม่แน่ซักวันโนเอลอาจจะอยากผิดสัญญาก็ได้ใครจะรู้

รู้สึกเครียดอย่างบอกไม่ถูก แต่ดีทริชคิดว่าจะให้ความอ่อนแอครอบงำตัวเองมากเกินไปไม่ได้ เรื่องที่ตนเองเป็นโอเมก้ายังทำใจยอมรับยังผ่านมาได้

“เราต้องเข้มแข็งขึ้นอีก”

ดีทริชนึกถึงคำพูดของโนเอล ฝ่ายนั้นบอกว่าถ้าเกิดเป็นตัวเองจะหาผลประโยชน์ให้มากที่สุด

หรือว่าเราควรจะคิดแบบนั้นให้ได้กันนะ

ดีทริชเหม่อมองไปข้างหน้า นานทีเดียวกว่าจะตัดสินใจนอนหลับอีกครั้ง



คุยท้ายเรื่อง

วันนี้วันเกิดเราเองค่า พรุ่งนี้เลยว่าจะพักแต่งซักหน่อยแล้วไปเที่ยวได้หยุดทั้งทีเนอะ

แต่หายไปไม่นานน้า เด๋วจะกลับมาแต่งต่อ

ถ้าชอบช่วยแสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่17 {หน้า4} {3/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 03-02-2018 23:36:30
 :hao6:ฟินนิดๆ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่17 {หน้า4} {3/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 04-02-2018 01:20:05
สุขสันต์วันเกิดนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่17 {หน้า4} {3/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 04-02-2018 07:19:30
รำคาญเซซิลอ่ะตอนนี้บอกเลย

แล้วสงสัยคงต้องรำคาญไปอีกนานแน่ๆ จนกว่านางจะดีกับทริช

ป.ล. สุขสันต์วันเกิดนะคะ  :กอด1: มีความสุขมากๆน้า :mew1:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่17 {หน้า4} {3/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-02-2018 10:33:27
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะค๊า
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่17 {หน้า4} {3/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 04-02-2018 10:45:24
พึ่งมาตาม คู่แอฟเว่นนี่แนวใสๆเลยนะ ใสจริงหรือเปล่าาา(?) แหมๆมีการมาจองตัวไว้ตั้งแต่ยังไม่รู้เพศรอง :hao3: ส่วนคู่ดีทรีทนี่ปนโหมดดาร์ก :laugh: แต่เค้าก็แอบสุภาพบุรุษ(?) อยู่หน่อยๆ ติดตามๆ :3123:
ปล.1 งงในตอนแรกว่าราชินีปีศาจขึ้นครอง แต่ดันมีชายา :m28: อย่างงั้นไม่ใช่ราชาปีศาจหรอ หรือยังไง ไม่มีการกล่าวถึงราชา :m28:

ปล.2 แฮปย้อนนะคะ มีความสุขมากๆ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่17 {หน้า4} {3/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 04-02-2018 17:20:02
สุขสันต์วันเกิดนะคะ เที่ยวให้สนุกน้าาาาา
 :mew3: :mew1:

หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่18 {หน้า4} {5/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 05-02-2018 15:57:50
บทที่18

ดีทริชลืมตาตื่นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง เพราะเป็นคนกระฉับกระเฉงจึงรีบอาบน้ำเพิ่มความสดชื่น รู้สึกกระปรี้กระเปร่าสุดๆ แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่จะลืมความไม่สบายใจไปได้

หลังจากแต่งตัวเสร็จได้ยินเสียงเคาะประตูสามครั้ง “ใครครับ”

“เดเรียสเองขอรับท่านดีทริช นายท่านโนเอลให้มาเชิญไปรับประทานอาหารเช้า”

นี่พึ่งหกโมงเช้าเองแถมตรงเป๊ะ

“ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” ดีทริชออกไปนอกห้อง เดเรียสเดินนำพาเขาไปยังห้องอาหาร ที่นั่นโนเอลกับเซซิลนั่งรออยู่แล้ว

“มาแล้วหรือ นั่งลงสิ” โนเอลสั่ง

ดีทริชทำตามเพราะเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ปกติเวลาอยู่ที่บ้านเขาตื่นเช้าอย่างนี้เป็นประจำเพราะต้องช่วยแม่ซักผ้าให้ลูกค้า กิจวัตรประจำวันของเขามักจะรีบกินรีบทำงานเพื่อให้มีเวลาว่างช่วยเหลือแม่มากที่สุดเท่าที่ทำได้

“ตื่นเช้าดีเหมือนกันนี่”

“นายเองต่างหาก ฉันนึกว่าพวกคนมีเงินจะตื่นสายกันมากกว่านี้เสียอีก”

“เสียมารยาท” เซซิลตอบโต้เมื่อรู้สึกไม่พอใจ “นายพูดเหมือนฉันกับท่านพี่เป็นพวกขี้เกียจ แล้วอีกอย่างนายอย่ามาตีเสมอเรียกนายเรียกฉันกับท่านพี่ ต่ำต้อยกว่าก็ควรจะสำนึกบ้างนะ”

ดีทริชยิ้มกว้าง เลือกที่จะไม่สนใจเซซิล โนเอลเองก็เหมือนกันสองคนพูดคุยกันโดยทำเมินเสียงงุ้งงิ้งของบุคคลที่สาม

“ฉันมีงานมีการต้องทำไหนจะต้องไปเรียนให้จบในระดับมหาวิทยาลัยอีก ถึงแม้จะไม่ต้องเข้าเรียนเลยแต่ก็มีหลายเรื่องที่ทำให้ต้องเยี่ยมหน้าไปเข้าคลาสบ้าง”

ดีทริชเผลอทำช้อนหล่นจากมือ มองหน้าคนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายยังไม่แก่อย่างนั้นหรือ อายุเท่าไหร่กันแน่” จะว่าไปก็คิดอยู่เหมือนกันว่าโนเอลดูอ่อนเยาว์แต่ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์และรัศมีกดดันที่แผ่ออกมาตลอด เลยทำให้คิดไปว่าน่าจะอายุมากแล้วเพราะพวกปีศาจมักมีรูปลักษณ์กับอายุสวนทางกัน

“เสียมารยาทอีกแล้วนะ” เซซิลตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน “ท่านพี่พึ่งจะอายุ17ปีเท่านั้นเอง” ดีทริชนิ่งงันไม่คิดว่าจะอายุเพียงแค่นี้เท่านั้น โนเอลหัวเราะเบาๆ

“นายคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่” ในเมื่อท่านพี่ยังใจเย็นอยู่ได้เซซิลเลยต้องเก็บอาการ เด็กชายในชุดกระโปรงฟูฟ่องนั่งลงด้วยท่าทางฮึดฮัด

“ซัก40ถึง50อะไรทำนองนี้” ดีทริชยักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารตรงหน้าต่อ เซซิลเคี้ยวฟันกรอดๆ ชักไม่ชอบเจ้าลิงกังนี่มากขึ้นไปทุกทีแล้วนะ ท่านพี่เองก็เถอะทำไมถึงไม่โกรธเลย ถูกกล่าวหาว่าแก่ขนาดนั้น

“แสดงว่าฉันดูทรงภูมิและมีอำนาจเกินอายุสินะ” เซซิลเริ่มจะเห็นด้วยเปลี่ยนอารมณ์พยักหน้าเออออกับพี่ชาย

“เจ้าเล่ห์หื่นกามเหมือนลุงโรคจิตด้วยนะ” ดีทริชเสริมส่วนที่ขาดไปให้อีกนิด เซซิลเออออตามน้ำแต่พอคิดตามอย่างละเอียดก็แยกเขี้ยวโวยวายจะเอาเรื่องให้ได้

“ดูสิท่านพี่ ดูความไร้มารยาทของเจ้าหมอนี่” โนเอลยิ้มหวานให้เซซิล

“เซซิลถ้าเราถือสาคนที่ด้อยกว่าไปทุกเรื่อง จะอกแตกตายเปล่าๆ นะ” เซซิลทำท่าไม่เห็นด้วย แต่คิดอีกทีคำว่าด้อยกว่าไปทุกเรื่องโดนใจสุดๆ จึงอารมณ์ดีขึ้นทันที

“นั่นสินะถือสาคนด้อยกว่าน่าอายจะตายไป” เซซิลยิ้ม โนเอลส่ายหน้าไปมาเบาๆ น้องชายของเขายังต้องเรียนรู้สังคมอีกมาก

“แต่...ถ้าเลดี้อย่างน้องไม่ระวัง คนด้อยกว่าที่มีความพยายามก็จะวิ่งนำหน้าน้องไปอย่างรวดเร็ว อย่าลืมข้อนี้ไปเสียล่ะ”

ดีทริชแสยะยิ้มเซซิลหันมาเห็นอีกแล้ว บอกตามตรงรอยยิ้มแบบนี้ชวนผวาเป็นที่สุด เจ้าลิงกังนี่ต้องมาจากองค์กรมืดที่ไหนซักแห่งแน่ๆ รอยยิ้มไม่ต่างจากฆาตกรซักนิด

สำหรับดีทริชแล้วตั้งใจให้เซซิลเห็นรอยยิ้มเหมือนสัตว์นักล่าอย่างนี้ ทีแรกอาจเป็นเพราะสะใจที่ตอบโต้น้องของโนเอลได้ แต่ครั้งที่สองเขาทำเพื่อขู่เนื่องจากคราวก่อนสาวดุ้นคนนี้แสดงสีหน้าหวาดเกรงเสียจนน่ารังแก

หลังจากทานอาหารเสร็จ โนเอลก็ตรงออกจากคฤหาสน์แต่ก่อนจะได้ไปเซซิลพูดจาร่ำลาพี่ชายอย่างอ้อยอิ่ง ทำราวกับอีกฝ่ายไปแล้วไปลับอย่างไรอย่างนั้น

“มองอะไร” เมื่อโนเอลออกไปแล้วเซซิลหันมาทำตาขวางใส่ดีทริช เขาทำแค่ยิ้มบางๆ แต่เซซิลกลับเห็นเป็นรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์

“ยิ้มให้พอก็แล้วกัน ฉันอยากจะรู้ว่าจะยิ้มได้อีกนานแค่ไหน”

แน่ล่ะถ้าต้องมาเรียนแบบที่เธอเรียนทุกอย่าง พวกที่ด้อยกว่าอย่างเจ้าลิงกังนี่ต้องลำบากแน่ เพราะก็ไม่น่าจะได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้คิดแล้วก็อารมณ์ดีขึ้นทันตา อยากจะเห็นท่าทางน่าเกลียดๆ ของเจ้านี่เต็มทีแล้ว

“คุณหนูเซซิล ท่านดีทริช อาจารย์สอนพิเศษรออยู่แล้วขอรับ”

“ดีมาก รออยู่นานแล้ว” เซซิลฮึกเหิมกว่าทุกวัน การได้เห็นคนขายขี้หน้าคงสนุกแน่ๆ ทว่ามันดันไม่เป็นอย่างที่คิด

วิชาช่วงเช้าคือการเรียนเปียโน ก็คิดอยู่หรอกว่าเจ้าลิงกังน่าจะทำได้ เพราะเจอกันครั้งแรกหมอนี่เล่นเปียโนอยู่ในห้องสันทนาการ แต่ว่านี่มันดีเกินคาดไปไหม

“เยี่ยมๆ มาก” เมื่อดีทริชเล่นทำนองตามโน๊ตที่ได้รับไป ถูกชี้แนะแค่ไม่กี่ครั้ง ครูสอนดนตรีที่แสนจะเข้มงวดก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก แบบนี้มันไม่น่าเชื่อซักนิด

ไม่หรอกวิชาต่อไปคือการขี่ม้า เจ้าลิงกังนี่ต้องไม่เคยขี่ม้าแน่ๆ คนทั่วไปไม่สนใจของพวกนี้กันหรอก มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะเรียนกัน เซซิลหมายมั่นจะเยาะเย้ยดีทริชแต่ก็เหมือนจะคาดไม่ถึงอีก

เจ้าลิงกังขี่ม้าได้ บ้านี่มันบ้าชัดๆ แถมในขณะที่เธอยังต้องขี่ม้าแคระไปก่อน เจ้าหมอนี่ดันได้ขี่ม้าจริงวิ่งควบไปทั่วอาณาเขตของตระกูลอลองโซ แต่มันไม่จบแค่นี้หรอกยังมีวิชาป้องกันตัวอีก มั่นใจว่าคนอย่างดีทริชคงรู้จักแค่มวยวัดเท่านั้นแหละ

แล้วก็จริงเสียด้วยหมอนี่ไม่เคยได้เรียนอะไรทำนองนี้มา แล้วมันอะไรวะ!! ทำไมเจ้านี่ถึงเรียนรู้ไวนักจับเธอเหวี่ยงลงไปกองที่พื้น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังถูกเธอล็อคทุ่มไปมาอยู่เลย

ไม่ยอมแพ้หรอกนี่ถ้าเป็นเรื่องเรียนยังไงเธอก็ต้องชนะอยู่แล้ว ทว่าพวกวิชาทางวิชาการเจ้าลิงกังก็แสดงความสามารถออกมาได้อย่างงดงาม

นี่มันไม่ใช่ลิงกังอย่างที่คิด เซซิลไม่กล้าดูถูกดีทริชอีก แต่เริ่มมองอย่างประเมินเสียใหม่ ความคิดที่ว่าอีกฝ่ายเหมือนลิงกังถูกปัดทิ้งไปจนหมด

               ดีทริชรู้สึกสนุกวันนี้เขาได้ทำกิจกรรมหลายอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน อย่างเช่นเล่นเปียโนหรือขี่ม้า ทั้งสองอย่างนี้แม่ของเขาฝึกมาให้ตั้งแต่ยังเด็ก ยกเว้นวิชาการต่อสู้บางชนิดเรื่องชกต่อยแม้เขาจะทำได้ดี แต่ไม่เคยเรียนตามแบบแผนซักครั้ง นี่คือครั้งแรกเลยจึงรู้สึกขอบคุณโนเอลอย่างจริงจัง หากฝ่ายนั้นไม่เจ้ากี้เจ้าการคงไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ฟรีๆ แน่

               หลังจากนั้นยังมีวิชาว่ายน้ำและวาดภาพ ฝีมือวาดภาพของดีทริชไม่ขี้เหร่เพราะมีเอฟเว่นที่เชี่ยวชาญด้านนี้คอยชี้แนะบ่อยครั้ง โดยรวมแล้วเป็นการใช้เวลาทั้งวันจนคุ้มค่า หากเป็นอย่างนี้ไปจนครบกำหนดคงจะดีมากทีเดียว ใครล่ะจะไม่ชอบเรียนรู้เพิ่มประสบการให้ตัวเอง

               “คุณหนูเซซิล ท่านดีทริช นายท่านโนเอลกลับมาแล้วขอรับ นายท่านให้ท่านดีทริชไปรอที่ห้องทำงาน ส่วนคุณหนูนายท่านต้องการพบหน้าตอนนี้เลยขอรับ”

               ดีทริชมองตามเซซิลวิ่งออกไปอย่างกะตือรือร้น ส่วนตัวเองเดินตามเดเรียสไปยังห้องทำงานของโนเอล เขารออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงอีกฝ่ายก็เข้ามาในห้อง

               “รอนานแล้วหรือ”  โนเอลเดินไปนั่งเก้าอี้นวมไม่ห่างไปจากดีทริช

               “นายมีอะไรจะพูดกับฉันงั้นหรือ” ดีทริชก็น่าจะเดาได้ คงอยากถามความคืบหน้าในการเรียนวันนี้ แล้วก็คนหื่นกระหายอย่างโนเอลคงไม่พ้นอยากหาเศษหาเลยกับร่างกายของเขา

               “วันนี้สนุกไหม” ไม่จำเป็นต้องโกหก ดีทริชตอบไปตามตรง

               “ฉันสนุกมาก” โนเอลเคลื่อนกายเข้ามาหาวางมือเท้าคร่อมบนแขนเก้าอี้ปิดกั้นการหลีกหนีของดีทริชที่นั่งอยู่ตรงนั้น

               “ฉันดีใจที่นายสนุก ถ้าอย่างนั้นควรให้สิ่งตอบแทนฉันนะ”

               “จำเป็นต้องให้ด้วยหรือ”

               “นั่นสิ” โนเอลยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าไม่มีอาจถูกพรากความสนุกแล้วแทนที่ด้วยอย่างอื่น”

               ดีทริชเบ้ปาก นึกอยู่ว่าอาจจะมาไม้นี้

               “นายสัญญากับฉันแล้วนะ”

               “ก็บอกแล้วว่านอกจากร่วมรักฉันมีสิทธิ” กล่าวจบโนเอลก็หอมแก้มดีทริช ทีแรกนึกว่าจะจูบปาก แค่หอมแก้มแบบนี้มันจั๊กจี้ยังไงไม่รู้ จากนั้นอีกฝ่ายก็อุ้มเขาขึ้นแล้วจับนั่งตักปล่อยให้ทำตามใจชอบเพราะยังไงก็ขัดขืนไม่ได้อยู่แล้ว

               “นายไม่คิดจะลองล่อลวง ใช้ประโยชน์จากฉันหน่อยหรือ บางทีอาจจะดีกว่าการถูกบังคับก็ได้นะ”

               “หมายถึงให้ยั่วยวนด้วยร่างกายสินะ ทำไมฉันจะต้องเอาตัวเข้าแลกขนาดนั้น”

               “นั่นเพราะว่าเป็นหนทางเดียวที่เลือกได้และนายจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ยังไงล่ะ”

               “อย่างเช่นว่า...”

               “นั่นสินะ” โนเอลใช้หัวแม่มือคลึงริมฝีปากของดีทริช “ต้องบอกว่าแล้วแต่ความโลภของนาย”

               ดีทริชนิ่งคิด หากว่าต้องทุ่มเทร่างกายขนาดนั้นเขาเองก็คาดหวังเอาไว้สูง บอกตามตรงโนเอลไม่มีข้อด้อยตรงไหนซักนิด เพียบพร้อมทั้งหน้าตาฐานะ ถ้าเกิดขัดขืนไม่ได้ไม่มีหนทางเขาก็อยากจะลองวิ่งไปข้างหน้าให้สุดทางเหมือนกัน

               “ถ้านายสาบานว่าจะมีฉันแค่คนเดียว ฉันจะยอมมอบร่างกายของฉันให้นายก็ได้”

               พูดออกไปจนได้ ดีทริชนิ่งงันเพราะจู่ๆ โนเอลก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากเงียบลงอีกฝ่ายใช้แววตาที่ราวกับจะยิ้มได้มองมา

               “ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับฉันมาก่อน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียกร้องความสนใจเท่านั้น ไม่มีใครที่พูดจากใจจริงซักคน”

               “แต่ฉันพูดจริง” โนเอลยิ้มรอให้ดีทริชพูดต่อ “ถึงแม้ว่าฉํนจะไม่มีโอกาสต่อรอง แต่ได้ลองพูดมันก็ดีเหมือนกัน”

ดีทริชยักไหล่ ก็รู้อยู่แล้วมันเป็นไปไม่ได้ แต่แค่ได้พูดจากใจจริงก็นับว่าคุ้มเหมือนกัน

               “นายเป็นโอเมก้าคนแรกที่ฉันยอมเสียเวลาขนาดนี้” โนเอลนิ่งคิด

 ทีแรกเพราะแรงดึงดูดมหาศาลจากการเป็นคู่ในพรหมลิขิคเขาเชื่ออย่างนั้น แต่ว่าคิดดูแล้วระยะเวลาสั้นๆ ดีทริชทำให้เขาตื่นเต้นได้ตลอด เขาไม่เคยกะตือรื้อร้นที่จะเข้าหาใครมากขนาดนี้มาก่อน

               “คิดๆ ดูแล้วข้อเสนอเมื่อครู่ก็ไม่แย่นัก ถึงแม้จะรู้สึกเสียเปรียบมากก็ตาม”

               “นายไม่มั่นใจสินะว่าจะมีฉันแค่คนเดียวได้”

               “แล้วนายมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าสาบานแล้วฉันจะทำตามที่พูด”

               “ไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้นแหละ แต่คิดว่าถ้าต่างคนต่างรักกันอย่างมาก การที่จะมีคนอื่นเข้ามาแทรกมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้”

               “แล้วนายรักฉันหรือยัง” โนเอลกระซิบข้างหู

               “ไม่” ดีทริชตอบได้ในทันที “แต่ ถ้านายสาบานว่าจะรักฉันคนเดียวฉันจะตอบแทนอย่างเท่าเทียม”

               “ก็ต้องดูกันว่านายมีความสามารที่จะให้ฉันรักนายจนไม่อยากมีคนอื่นได้อีกไหม เริ่มจากอะไรดีล่ะ เราสองคนมาลองคบหาเป็นคนรักกันดูดีไหม”

               “คนรักแบบไหน แบบที่ยังไงนายก็จะบังคับกอดจูบลูบคลำอยู่ดีใช่ไหม” โนเอลหัวเราะเสียงต่ำ

               “คนรักเขาก็ทำกันอย่างนั้นไม่ใช่หรือ เพียงแต่ฉันจะให้เกียรตินายมากกว่าเดิม แล้วก็ตามสัญญาเดิมฉันจะไม่ร่วมรักกับนายในช่วงนี้”

               “นายบอกว่าจะให้เกียรติอธิบายเป็นรูปธรรมทีสิ”

               “ตั้งแต่นี้ไปนายจะไม่ใช่โอเมก้านางบำเรอของฉันอีก ทุกคนจะรู้ว่านายเป็นคนรักของฉัน ฉันจะตามใจนาย ให้เกียรตินายเท่าที่ฉันจะทำได้” ดีทริชนิ่งอึ้ง ไม่นึกว่าโนเอลจะกล้าพูดแบบนี้ออกมา

               “แน่ใจนะ” ดีทริชมองหาคำโกหกจากแววตาของโนเอล แต่กลับพบแค่แววตาที่ราวกับจะยิ้มแค่นั้นเอง

               “ที่รักยังไม่รู้อีกหรือว่าฉันคลั่งไคล้นายจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วนะ”

               เป็นตามที่พูดจริงๆ ขนาดโนเอลยังตกใจกับความยึดติดของตัวเอง ถึงขนาดที่ว่าเลือกจะเมินเฉยน้องสาวที่เขาแสนเอ็นดูแล้วเอาอกเอาใจดีทริชมากกว่า

               กลิ่นของเซซิลโชยตลบจนรู้สึกได้สำหรับอัลฟ่าที่เป็นปิศาจซึ่งจมูกไวมากเป็นพิเศษอย่างเขาการจะแอบหลบซ่อนไม่ใช่เรื่องเป็นไปได้เลย แม้จะรู้ตัวว่าน้องสาวแอบฟัง ถึงจะมั่นใจว่าการเชิดชูดีทริชจะทำให้น้องไม่พอใจ แต่โนเอลก็ยังเลือกเมินเฉย

เป็นครั้งแรกเลยที่เขาให้ใครอื่นมาเบียดบังความสำคัญของน้องรัก ลืมเลือนแม้กระทั่งความน่าจะเป็นไปได้ของการต่อต้านอย่างหนักจากเซซิลที่ควรจะเกิดขึ้น นั่นก็เพราะเป็นการวางเดิมพันที่โนเอลรู้สึกว่ามันคุ้มที่จะทุ่มทุนลงไป


คุยท้ายเรื่อง

พยายามจะเขียนให้ยาวขึ้นแต่ยังได้เท่านี้เองค่ะ ที่สำคัญกลัวจะน้อยกว่าปกติเพราะนั่งเขียนในมือถือมันจอเล็ก

ถ้าเจอคำผิดประโยคงงให้อภัยเรานะ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจให้เราบ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ ส่วนเรื่องเนื้อหานิยายที่สงสัย

เราจะค่อยๆ หาวิธีแก้ปมเฉลยไปทีละนิดค่ะ ถ้ามีจุดงงชีแนะได้นะคะ แต่อย่าด่าเราเลย

เราขี้ใจน้อย ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่18 {หน้า4} {5/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 05-02-2018 17:35:05
เป็นคนรักกันแล้ววั๊ย :katai3:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่18 {หน้า4} {5/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-02-2018 17:59:26
หลงหนักมากกก
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่18 {หน้า4} {5/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 05-02-2018 18:37:17
เป็นกำลังใจให้นะคะสู้ๆ  เราตามอ่านตลอดเลยค่ะ แต่ไม่ได้เม้นขออนุญาตบอกนะคะ จริงๆเข้าใจนะว่าคนเขียนอยากได้คอมเม้นเป็นฟีทแบล็ก   แต่ก็มีหลายตอนเลยที่เราเองก็ไม่ได้เม้นอะไร  เพราะเป็นช่วงติดตามเนื้อเรื่องไปซึ่งแต่ละตอนมันค่อนข้างสั้น เหตุการณ์เลยมีไม่มาก ตอนอ่านอารมณ์มันก็จะเรื่อยๆ ปกติเวลาเม้นก็จะวิารณ์เหตุการณ์ ปม เนื้อเรื่องไรแบบนี้ แต่ด้วยความที่สั้นเลยทำให้เหมือนต้องอ่านไปสักพักแล้วรวมๆเม้นอะค่ะ  เวลาเห็น talk ท้ายตอนแล้วก็อยากจะเม้นมากเลยนะคะแต่เราไม่มีประเด็นเลยค่ะ บางทีอาจจะต้องแบบทิ้งเหตุการณ์น่าสนใจชวนสงสัย นิดๆหน่อยๆในเเต่ละตอนเพื่อที่คนจะได้รู้สึกแบบเห้ยย จะเป็นยังไงต่อนะ อยากรู้ว่ะ ไรแบบนี้ค่ะ  ส่วนตัวเราตามอ่านตลอดเพราะรอปมใหญ่ของเรื่องที่ปูไว้ค่ะ  เพราะอันนั้นน่าสนใจจริงๆ ซึ่งหลายคนอาจจะรอให้แต่งได้หลายๆตอนเเล้วค่อยอ่านก็ได้นะคะ  คอมเม้นเลยอาจจะยังไม่ค่อยมี ตอนนี้อยู่ในช่วงเรื่อยๆอะค่ะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่18 {หน้า4} {5/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 05-02-2018 19:20:36
มาไวมากกกกกก ยังไม่ทันอ่านก็ออกตอนใหม่ละ55555
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่18 {หน้า4} {5/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 06-02-2018 00:53:31
รีบมาต่อน้า
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่18 {หน้า4} {5/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-02-2018 07:00:34
น้องสาวคงจะไม่เท่าไหร่ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่18 {หน้า4} {5/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 06-02-2018 15:48:54
แบบนี้ต้องหาคนมาช่วยคุมคุณน้องสาวแล้วสินะ
 :hao7:

ทริซเนี่ยเก่งสุดยอดไปเลย โตขึ้นกว่านี้อีกนิดต้องเนื้อหอมสุดๆ แน่ๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่19 {หน้า4} {7/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 07-02-2018 16:20:04


บทที่19

               “ฉันตกลง” ทันทีที่ดีทริชตอบตกลงคบหากันเป็นคนรัก โนเอลก็คลี่ยิ้มออกมา

               “แล้วอย่าลืมละว่านายสัญญาจะให้เกียรติฉัน”

               “แน่นอนถึงแม้ว่าจะรู้สึกเสียเปรียบมากก็ตาม”

“และ...ตอนนี้ฉันอยากใช้เวลาส่วนตัวตามลำพังที่ห้องของฉัน” ดีทริชเริ่มทดสอบว่าโนเอลจะตามใจเขาได้มากแค่ไหน

               “ได้สิฉันจะไปส่งนายที่ห้อง” ก็เป็นตามโนเอลพูดอีกฝ่ายมาส่งถึงหน้าห้อง แต่ทันทีที่ดีทริชจับลูกบิดประตูก็คว้าจับมือของเขา เด็กชายหันไปมองหน้าเป็นเชิงถามว่าต้องการอะไร

“ฉันขอจูบได้ไหม”

               “นายบอกว่าจะให้เกียรติฉัน ถึงเป็นคนรักกันก็ต้องให้คนรักยินยอมพร้อมใจสิ” โนเอลยิ้มก่อนดึงมือดีทริชไปแล้วจุมพิตที่หลังมือเบาๆ

“นายทำตัวเหมือนหญิงสูงศักดิ์เลยนะ” โนเอลไม่ปล่อยมือดีทริชง่ายๆ เขาลูบคลึงมันไม่เลิก

               “อีกเดี๋ยวจะเป็นเจ้าหญิงด้วย ปล่อย” โนเอลปล่อยมือง่ายๆ ทีแรกนึกว่าจะดึงดันเอาแต่ใจกว่านี้เสียอีก กลายเป็นว่าดีทริชต้องมองดูแผ่นหลังอีกฝ่ายเดินจากไป

รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เดาการกระทำของโนเอลผิดไป แต่ดีทริชปัดความคิดนั้นทิ้งรีบกลับเข้าห้องส่วนตัว ภายในห้องมีโทรทัศน์พร้อมเครื่องเสียงชุดใหญ่ เขานึกอยากดูข่าวจึงกดปุ่มบังคับ ทันทีที่เครื่องฉายภาพก็ได้ยินรายงานข่าวที่ชวนให้สนใจ

นักข่าวสาวรายงานข่าวเกี่ยวกับเด็กชายเพศเบต้าถูกอัลฟ่าซึ่งเสพยาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโอเมก้ารุมข่มขืน มีเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย ดีทริชเวทนาเหยื่อ แต่แค่จนถึงได้ยินชื่อผู้ถูกกระทำเท่านั้น เมื่อรู้ว่าคนคนนั้นคือไรอันจิตใจก็เยือกเย็นเป็นน้ำแข็ง

ไม่ใช่เรื่องของเขา ดีทริชไม่มีทั้งความเวทนาทั้งสมน้ำหน้า มีความแค้นด้วยกันอยู่ก็จริงแต่ไม่เคยคิดล้างแค้น เขาไม่ได้เป็นพ่อพระที่จะให้อภัยแต่ก็ซักเสี้ยวเดียวก็ไม่มีความสงสาร

 ดีทริชนั่งดูข่าวต่อไปแวบหนึ่งนึกถึงคำพูดของโนเอล ที่ว่าจะจัดการคนที่รังแกเขาให้สาสม

“ไม่น่าแค่บังเอิญเท่านั้น” ทว่าคนที่เป็นข่าวต่อไปดันเป็นแฟรงค์ นักข่าวสาวรายงานว่าจับแก็งค์ลักเล็กขโมยน้อยได้ที่เป็นข่าวใหญ่โตเพราะคนขโมยเป็นลูกคนมีหน้ามีตา

               จะว่าไปคิดแล้วก็ประหลาด ปกตินักข่าวจะปกปิดชื่อเหยื่อถูกทำร้ายและถึงจะเป็นคนผิดถ้าเป็นเยาวชนจะไม่มีทางหลุดชื่อออกมาแน่นอน ถ้าไม่เป็นเพราะถูกกลั่นแกล้ง

               ฝีมือโนเอลหรือ?

               ดีทริชปิดโทรทัศน์ เขาไม่สนใจซักนิดเรื่องที่ถูกกลั้นแกล้งเอายาไปซ่อนนั่นเขาก็ทำพลาดเอง ถ้าจะล้างแค้นมันควรจะเป็นเขาตะบันหน้าไรอันด้วยตนเองมากกว่า โนเอลมาลงมือโดยพละการแบบนี้ นอกจากไม่รู้สึกขอบคุณแล้วยังเฉยชาอีกด้วย จะทำอะไรกันก็แล้วแต่อย่าทำให้เขาเดือดร้อนด้วยก็เป็นพอ

               แต่แค่นิดหน่อยเท่านั้น รู้สึกถึงความจริงจังในการคบหากับโนเอลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อครู่ก็ด้วยคนที่มีทุกอย่างเหนือกว่าจะบังคับเอาหรือผิดสัญญาก็ย่อมได้ แต่โนเอลก็ไม่ทำ

               อาจจะเล่นสนุก? อีกไม่นานก็คงเบื่อ แปลกที่เกิดความหงุดหงิดเมื่อคืดถึงตรงนี้ โนเอลเป็นใครคิดจะเข้ามาในชีวิตเขาก็มาบังคับนี่นั่นทุกสิ่งอย่าง แล้วพอเบื่อก็เดินออกไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ อย่าหวังว่าเขาจะเป็นยอมคน แบบนั้น

               “เอ๊ะ...” ดีทริชตกใจกับความคิดแบบนั้นของตัวเอง ถ้าโนเอลหายไปจากชีวิตเขามันควรจะดีสิ

               “บ้าเอ๊ย...เป็นความผิดของหมอนั่นคนเดียว ที่ทำเราเพี้ยนไปหมด” ทิ้งตัวลงนอนพลันนึกถึงเวลาที่โดนโนเอลล่วงเกิน ภาพความร้อนแรงผ่านมาวาบเข้ามาในความทรงจำ ดีทริชกัดริมฝีปาก

               “เลิกคิด เลิกคิดให้หมด อย่าไปคิดถึงหมอนั่น”

 ดีทริชเปิดโทรทัศน์อีกครั้ง นั่งดูข่าวไปเรื่อยแล้วก็พบข่าวที่น่าสนใจบางอย่างเกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนถนนใกล้ๆ กับโรงงานโฮมุนคิวลัสแห่งหนึ่ง ข่าวนำภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเห็นหน้าคนที่ต่อสู้กันเมื่อคืนก่อนจนสร้างความเสียหายเป็นอย่างดี

               คนหนึ่งคือผู้หญิงในชุดดำส่วนอีกคนคือรอย รอยคนที่พยายามจับเขาแก้ผ้าเพื่อขอดูปานบนร่าง ทำไมช่วงนี้ถึงได้มีแต่ข่าวของคนรู้จักนะ

ดีทริชนั่งดูข่าวต่อไปเงียบๆ ก่อนจะขอให้เดเรียสนำอาหารว่างมาส่งถึงห้อง เขาปฏิเสธการทานอาหารค่ำกับโนเอล ไม่นึกอยากกินอะไรมากมายนัก

 

ร่างแบบบางในชุดสีดำลอบผ่านยามเข้าไปถึงหน้าอาคาร แม้ว่าจะปกปิดใบหน้าด้วยผ้าดำแต่ดวงตาคู่สวยทำให้เดาได้ว่าภายใต้ชุดโม่งจะต้องเป็นหญิงงามคนหนึ่ง

เมื่อไปถึงหน้าอาคารคนชุดดำจัดการแสกนรอยนิ้วมือและม่านตาปลอม ความสามารถพิเศษในฐานะอัลฟ่าเผ่าปีศาจของเธออย่างหนึ่งคือการปลอมแปลงร่างกาย เธอสามารถเปลี่ยนร่างเป็นใครก็ได้ที่ตาเห็น ก่อนหน้านั้นล่อร่าต้องใช้ความสามารถสืบค้นเพื่อเข้าใกล้ต้นแบบหลายครั้งกว่าจะลอกเลียนได้หมดจด

หลังจากประตูเปิดล่อร่าลอบเข้าไปในห้องทดลองลับ นักวิจัยทุกคนกลับไปหมดแล้ว ดังนั้นในห้องจึงเหลือร่างทดลองในแท่งแก้วเท่านั้นและเงียบสงัด เริ่มต้นลงมือค้นหาสารสะกัดชนิดพิเศษที่ได้ยินข่าวจากทางโทรทัศน์

โรงงานโฮมุนคิวลัสแห่งนี้นอกจากวิจัยการสร้างร่างมนุษย์เทียมเพื่อนำอวัยวะมาเปลี่ยนทดแทนผู้ซื้อแล้ว ยังวิเคราะห์ต้นพืชและสกัดตัวยาออกมาผสมสร้างยาตัวใหม่ๆ ขายในท้องตลาด

หลังจากฟังข่าวแถลงการของหัวหน้าวิจัยโครงการลอร่าเชื่อมั่นว่าสารสกัดน่าจะใช้ขจัดพิษในร่างตนเองไปได้ ร่างแบบบางค้นหาสิ่งนั้นนานทีเดียวก่อนจะพบตู้แช่เย็นซึ่งถูกเก็บไว้ด้วยระบบสแกน

 ไม่ยากซักนิดเธอเก็บข้อมูลของคนในห้องวิจัยนี่ไว้หมดแล้วและมีความมั่นใจว่าการลอกเลียนของเธอต้องไม่ผิดพลาด ลอร่าเปลี่ยนแปลงแก้วตาของตัวเองในที่สุดเธอก็เปิดตู้เย็นได้สำเร็จ

ภายในตู้ลับพบหลอดยาสีเขียวจำนวนมาก ลอร่านำทั้งหมดมาใส่ในกล่องเก็บความเย็นที่ตัวเองนำมา ขณะที่หมุนตัวกลับก็พบว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ รอยสมิธเจ้าของโรงงานผู้มีชื่อเสียงทั้งดีทั้งแย่ในรอบสิบปีมานี้

“แหม ถ้าฉันไม่ลืมของคงไม่กลับมาเห็นหนูสกปรกสินะ” ลอร่าไม่สนใจคนพูดเธอใช้ความสามารถพิเศษวิ่งผ่านร่างรอยไปเหมือนวิญญาณ รอยพยายามคว้าจับแต่ก็พบความว่างเปล่า

 ลอร่าวิ่งโจนทะยานหนีการตามจับของรอย ทุกครั้งที่รอยตามทันจะไม่สามารถคว้าจับร่างของเธอได้ แต่ก็ไม่ลดละตามมาจนถึงสี่แยกที่เงียบสงัด

ดูเหมือนว่าคงจะรำคาญที่จะต้องวิ่งไล่ดังนั้นรอยจึงเรียกบริวารซึ่งเป็นค้างคาวจำนวนมากเข้าโจมตี แล้วลอร่าก็พลาดท่าจนได้ เจ้าค้างคาวหากมันตามทำร้ายร่างของเธอที่วิ่งหนีมันคงจะดีกว่านี้

แต่ค้างคาวจำนวนมหาศาลบินว่อนไปทั่วจนพบร่างจริงของเธอที่หลบอยู่โดยการหายตัวแล้วสร้างภาพลวงตาหลอกล่อรอย เจ้าค้างคาวเมื่อพบตัวล่อร่าพวกมันจิกทึ้งอย่างรุนแรง ดังนั้นเธอจึงควักมีดสั้นออกมาฟาดฟันส่งผลให้ไม่สามารถหายตัวได้อีก

รอยมองดูเธอต่อสู้กับค้างคาว คาดว่าน่าจะเป็นพันธ์พิเศษเพราะการเฉือนมันออกจะทำให้พวกมันงอกตัวเพิ่มขึ้น ลอร่าเดาะลิ้นแล้วเริ่มตนแสดงเพลงดาบที่ฝึกปรือมาเพื่อเป็นองครักษ์โดยเฉพาะ

ลอร่าสร้างคลื่นเสียงเฉพาะแบบที่ค้างคาวเข้าใจด้วยการทำให้มีดสั่นสะเทือนแล้วขว้างออกไปทุกทิศทาง เธอเตรียมจะหนี ต่อสู้กับศัตรูที่งอกได้ตลอดเวลารั้งแต่จะทำให้เสียเปรียบ

คลื่นเสียงทำให้ค้างคาวสับสนพวกมันบินสะเปะสะปะเปิดโอกาสหนี ทว่าอาการกำเริบเสียก่อนลอร่าไอโขลกๆ ออกมาเป็นเลือดสภาพร่างกายที่ปลอมแปลงเปลี่ยนไปกลับเป็นร่างเดิมโดยไม่รู้ตัว

“อ้าวๆ หมดท่าเสียแล้วหรือ” รอยหัวเราะชอบใจ ร่างสูงเดินอย่างช้าๆ ไปหาลอร่า ทว่าเธอยังไม่หมดฤทธิ์หันไปขว้างมีดใส่อีกฝ่าย ไม่รู้ทำไมรอยชะงักไปชั่วครู่มันเปิดโอกาสให้หนีไปจากตรงนั้น

ล่อร่าหายตัววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อพบว่าไม่มีใครตามเธอโล่งใจจนลดความระวังลง ไม่จำเป็นต้องวิ่งเต็มแรงอีกต่อไป ดังนั้นจึงชะลอความเร็วลงจนไปถึงบ้านในที่สุด

เมื่อไปถึงบ้านสิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือเธอไม่ได้อยู่ในสภาพลอร่า ไอแวน แต่กลายเป็นลิลี่ ทวีค ร่างต้นของเธอที่ไม่ได้ใช้มานาน ลิลี่รีบเปลี่ยนร่างกลับเป็นลอร่าอย่างเดิม

 

รอยไม่ได้ไล่ตามคนร้ายชุดดำไป ใบหน้าของคนร้ายรอยจำได้ดีผู้หญิงคนนี้คือองครักษ์ของชายาลีฟา ผู้ที่หายสาปสูญไปพร้อมกับรัชทายาทตัวน้อย

แถวนี้มีกล้องวงจรปิด ผู้หญิงคนนั้นช่างโง่นัก นอกจากจะปิดบังตัวตนให้พ้นเงื้อมือจากตัวปลอมเอาไว้ไม่ได้ยังเป็นเบาะแสให้เขาตามตัวพบง่ายๆ อีกด้วย

“หึหึ” รอยหัวเราะเสียงต่ำถึงไม่มีวงจรปิดเขาก็ตามหาได้ง่ายๆ เจ้าฝูงค้างคาวตัวโปรดมีเลือดของผู้หญิงคนนั้นติดอยู่จากการโจมตี ตัวอย่างเลือดจะนำไปหาเจ้าตัวเองถึงต้องใช้เวลาซักหน่อยก็ตาม

รอยลูบปลายคาง คิดว่าตัวเองน่าจะหาตัวหล่อนเจอก่อนที่เรื่องคราวนี้จะไปถึงหูเจ้าตัวปลอมในพระราชวัง

 

“อรุณสวัสดิ์” เสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้ดีทริชตื่นตัว เด็กชายยันตัวขึ้นมาและพบว่าโนเอลนั่งอยู่ริมเตียงและกำลังส่งยิ้มมาให้

“นาย...” ดีทริชไม่โง่เขาย่อมรู้ตัวเองดีถ้าถูกทำอะไรแม้จะหลับลึก เชื่อว่าตัวเองปลอดภัยแต่อดหรี่ตามองอีกฝ่ายไม่ได้

“นายบอกจะให้เกียรติฉัน การเข้าห้องคนอื่นโดยพละการถือเป็นการล่วงเกินหมิ่นเกียรตินะ”

“ยกเว้นกับคนรักที่ต้องการปลุกสุดที่รักให้ตื่น นายไม่คิดอย่างนั้นหรือ” โนเอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง การได้มองดีทริชขู่ฟ่อเหมือนแมวถือเป็นเรื่องบันเทิงใจอย่างหนึ่ง

“ไปทานอาหารเช้ากัน” โนเอลยื่นมือมาให้จับ ดีทริชขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมองดูนาฬิกาในห้องนอน

“อย่างแรกนี่มันตีห้า อย่างที่สองฉันยังไม่ได้อาบน้ำ เพราะงั้นนายออกไปซะ”

 โนเอลยิ้มและยืนอยู่อย่างนั้น จงใจทำบ้าใบ้สินะ เขาไม่มีทางถอดเสื้อผ้าต่อหน้าหมอนี่เด็ดขาด

“จะอยู่นี่ก็ตามใจ” ดีทริชลุกจากเตียงเลือกเสื้อผ้าออกมาพร้อมผ้าขนหนูก่อนเดินเข้าห้องอาบน้ำลงกลอนอย่างแน่นหนา แต่ว่าคิดอีกทีประตูแค่นี้ไม่น่าขวางกั้นอัลฟ่าสายเลือดปีศาจอย่างโนเอลได้

ดีทริชอาบน้ำอย่างหวาดระแวงแต่จนแล้วจนรอดโนเอลก็ไม่เข้ามา สุดท้ายเขาออกจากห้องน้ำโดยไม่มีใครกวน โนเอลนั่งไขว่ห้างประสานมือไว้เหนือหัวเข่า วิธีการนั่งและเดินโดยเหยียดหลังตรงตลอดเวลาดีทริชก็ถูกสอนมาแบบนั้น เพื่อนสนิทอย่างเอฟเว่นก็เหมือนกัน

แต่พึ่งสังเกตุว่าโนเอลที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน มองดูแล้วรู้สึกว่าการที่ฝ่ายนั้นเดินเหินนั่งด้วยวิธีนี้มันทำให้ดูสง่างามเพลินตา

“ฉันเขินนะ” โนเอลอมยิ้ม ดีทริชพึ่งรู้สึกตัวว่าจ้องมากเกินไป เขาแก้ประหม่าด้วยการเดินไปแขวนผ้าขนหนูที่ราวตาก ทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน

“ฉันชอบนะที่นายมองด้วยสายตาหลงใหลแบบเมื่อกี้”

“นายมันหลงตัวเอง” หลังจากตากผ้าขนหนูเสร็จดีทริชก็หันมายืนกอดอก โนเอลเดินมาที่ตรงหน้ายื่นมือมาให้จับ

“นายไม่ต้องทำกับฉันเหมือนเป็นสุภาพสตรีได้ไหม”

“นี่เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติกับคนรักของฉัน หากนายไม่ชอบยกเลิกแล้วกลับไปสถานะเดิมก็ได้นะ”

ดีทริชเบ้ปากก่อนจะวางมือลงไป โนเอลนำทางเขาไปราวกับพาสตรีสูงศักดิ์ รสชาติของการถูกพะเน้าพะน้อเป็นแบบนี้นี่เอง

“บรรทัดฐานการปฏิบัติกับคนรักของนายคงไม่มีอย่างอื่นอีกใช่ไหม”

“แล้วนายจะได้รู้” โนเอลคลี่ยิ้ม

พึ่งสังเกตุเหมือนกัน หมอนี่ยิ้มสวยจนละสายตาไม่ได้เลย


คุยท้ายเรื่อง

ช่วงนี้ต้องจัดเวลาดีดีเลย นี่เราพึ่งได้เกมส์civilizationมาโอ้ยอยากบอกว่าติดงอมแงม
               มันเป็นเกมส์ดูดวิญญาณมาก เกี่ยวกับเราการบริหารประเทศตั้งแต่อารยธรรมโบราณ

นี่เล่นญี่ปุ่นจนสร้างหุ่นยนต์ได้แล้ว ตั้งใจจะจบเกมส์แบบชนะด้วยเทคโนโลยี ฮ่าๆๆๆๆ

ติดมากจนไม่ได้แต่งนิยายเลยรู้สึกตัวอีกที หะ ตีหนึ่งครึ่ง โอ๊ยตายแหล่ว

ตอนนี้ก็เรื่อยๆ ตอนหน้าอาจจะเข้าบทสำคัญนิดหนึ่งหรืออาจจะตอนถัดไปไม่เกินนี้ค่า

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่19 {หน้า4} {7/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 07-02-2018 19:29:09
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่19 {หน้า4} {7/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 07-02-2018 20:53:14
รออยูน้า
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่19 {หน้า4} {7/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: minibusez ที่ 07-02-2018 23:05:22
ชอบฉากกุ๊กกิ๊กกันแต่ดีทรีสก็ยังยับว่าเด็กมากจริงๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่19 {หน้า4} {7/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 08-02-2018 19:32:50
รอยนี่จะมาดีหรือมาร้ายกันนะ
 :ling1:

แล้วเจ้าตัวปลอมในพระราชวังล่ะ
วางปริศนาได้น่าติดตามตอนต่อไปมากๆ เลยค่ะ
เก่งมากๆ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่20 {หน้า5} {8/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 08-02-2018 22:08:34
บทที่20

เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ ดีทริชกับเซซิลถึงได้หยุดพักการเรียน โนเอลบอกว่าเสาร์และอาทิตย์จะเป็นวันปล่อยสบาย

ในทางกลับกันโนเอลแทบไม่มีวันหยุด แต่ว่าวันนี้ช่วงเช้าอีกฝ่ายว่างพอที่จะใช้เวลาร่วมกับเขา

ตอนแรกคิดว่าโนเอลจะเข้ามาวุ่นวาย แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลยหมอนี่พาเขาไปร้านหนังสือ พร้อมกันกับเซซิลนั่นแหละ

ร้านที่พามาชื่อว่าcartoon maniaเป็นร้านหนังสือชั้นนำที่อยู่ทุกมุมเมืองบนจูปิเตอร์ ทันทีที่เข้าไปในร้านดีทริชเดินไปหาแบบเรียนสำหรับมัธยมต้น

เขาอยากจะศึกษาล่วงหน้าก่อนที่จะเลื่อนชั้นไปเรียนในอีกไม่กี่เดือน การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งที่ดีทริชทำอยู่เสมอ

“ขยันดีนี่” โนเอลยื่นหน้ามาจากด้านหลัง “ฉันจะซื้อให้ แล้วก็มีหนังสือแนะนำให้นายอ่าน เราสองคนจะได้รู้จักกันมากขึ้น”

โนเอลลากดีทริชไปยังจุดวางหนังสือ มองให้ดีๆ ตรงนั้นเป็นจุดรวมหนังสือการ์ตูนจำนวนมาก เซซิลหยิบเลือกหลายเล่มส่งให้ลูกน้องชุดดำรับไป

“มาทางนี้” โนเอลลากดีทริชไปข้างๆ เซซิลจัดการยัดเยียดหนังสือการ์ตูนภาพสีมาให้เล่มหนึ่ง

เปิดดูอย่างเสียไม่ได้ ข้างในมีเนือหาเกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นเพศเบต้าพลังตื่นขึ้นมาด้วยการถูกจับทดลองด้วยองค์กรลับของตัวร้ายที่เป็นอัลฟ่าเผ่าปีศาจ

“นายอ่านของแบบนี้หรือโนเอล” โนเอลยิ้มพลางหยิบหนังสือทุกเล่มในซีรีย์ยื่นส่งให้ลูกน้อง

ตกลงว่าบังคับให้เขาอ่านสินะ

“เรื่องนี้สนุกนะฉันซื้อผ่านแอ๊ปคิดว่านายน่าจะชอบ”

“ฉันไม่ชอบอ่านการ์ตูน”

“ทำไม” โนเอลตั้งคำถาม ดีทริชนิ่งคิดที่ไม่ชอบเพราะมันเป็นของฟุ่มเฟือย อีกอย่างเอฟเว่นเองก็ไม่อ่านเหมือนกันเพราะพ่อของเพื่อนสนิทไม่ชอบหนังสือประเภทนี้ เขาเลยไม่รู้สึกว่าควรต้องขวนขวายหาอ่านเหมือนคนรุ่นเดียวกัน

“มันเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แม่ไม่ได้มีเงินให้ฉันขนาดนั้น”

“ถามหน่อยสิความบันเทิงในชีวิตนายคืออะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่นดูละครเข้าโรงหนังฟังโอเปร่า”

ดีทริชขมวดคิ้ว

“มันจะเป็นไปได้ยังไงใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายขนาดนั้น แค่ละครทางโทรทัศน์ยังไม่ว่างดูเลยฉันดูแต่ข่าวเท่านั้นแหละ”

ก็เวลาว่างส่วนใหญ่นำไปใช้หาเงิน ถ้าว่างจริงๆ จะทบทวนบทเรียนดูข่าวมีแค่นี้จริงๆ

“นายใช้ชีวิตได้แห้งแล้งมาก” คำพูดของโนเอลชวนให้หงุดหงิดนิดหน่อย เขาไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตตัวเองขาดอะไรไปนี่นา

“เหมือนคนแก่” เซซิลทำเสียงเยาะหยันไม่รู้ฟังนานเท่าไหร่แล้ว

“นี่ถือว่าเอาบุญร้านหนังสือนี่เป็นของฉันทุกสาขา ถึงแม้ว่าท่านพี่จะเป็นคนบริหารก็ตาม ฉันอนุญาตให้นายหยิบหนังสือได้ตามใจชอบ”

“ท่านพี่ขา มาดูนี่สิคะ น่ากรี๊ดมากเลย” เซซิลยื่นหนังสือมาให้โนเอล สองพี่น้องสุมหัวกันเหมือนเด็กๆ ยิ่งกว่าจินตนาการไว้เสียอีกไม่คิดเลยว่าสองพี่น้องจะเป็นพวกcartoon mania

“ดีทริชมาดูตรงนี้สิ” โนเอลกวักมือเรียกไปสุมหัว ไม่คิดว่าจะได้รับการเผื่อแผ่ขนาดนี้ แต่เซซิลยังเหมือนเดิมดูฮึดฮัดไม่พอใจ

“ไม่รู้ว่าตาแก่หัวโบราณจะชอบไหมนะ” ยังแขวะเหมือนเดิม

แต่จะว่าไปเมื่อได้ฟังโนเอลเล่าด้วยเสียงเรียบเรื่อยพร้อมภาพประกอบดีทริชก็สนใจเจ้าหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา

“สนใจสินะ” โนเอลยกยิ้มมุมปาก ดีทริชตอบตามความจริง

“ก็น่าสนใจอยู่นะ” เซซิลทำหน้ายี้ ดีทริชเดาว่าคงไม่พอใจ แต่สนที่ไหน

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาไปสามชุดนะ”

“ฉันอ่านกับนายก็ได้ ถึงจะเป็นกิจการของบ้านนายก็เถอะ แต่มันเป็นของขายนะ”

โนเอลยิ้มนิดๆ สีหน้าดูพึงพอใจ ในขณะที่เซซิลแทบไม่อยากเชื่อ ท่านพี่เป็นคนหวงของมากแม้กระทั่งหนังสือ ถึงกับเธอจะไม่ออกอาการแบบนั้นแต่เธอยังต้องเกรงใจ ดีทริชใช้อภิสิทธิอะไร เพราะว่าได้เป็นคนรักของท่านพี่แล้วนะหรือ

“แต่ว่าท่านพี่หวงของมากนี่คะไม่กลัวหนังสือชำรุดหรือคะ”

“ประหยัดขึ้นอีกนิดผลกำไรจะมากขึ้นนะเซซิล”

“ถ้าอย่างนั้นน้องก็จะอ่านชุดเดียวกับท่านพี่เหมือนกัน” โนเอลเอียงคอมองน้องสาว

“เอาอย่างนั้นหรือ”

“ใช่ค่ะ”

“ดีเลยตั้งแต่คราวหน้าเราเอากลับบ้านชุดเดียวแล้วผลัดกันอ่านนะ”

“อื้อ” เซซิลพยักหน้าถี่รัวก่อนจะสั่งลูกน้องชุดดำให้ทำตาม จากนั้นเริ่มหมกมุ่นกับหนังสือเล่มต่อไป

“ขอบใจนะ” โนเอลกระซิบ ดีทริชทำสีหน้างุนงง

“ฉันขอบใจที่ช่วยจัดการน้องสาวให้ ระยะหลังมานี้เธอเกรงใจที่จะหยิบยืมของฉัน ฉันจนปัญญาที่จะพูด”

“เพราะว่านายแสดงออกว่าหวงของมากไปหรือเปล่าเซซิลถึงได้ต้องทำแบบนี้”

“ใช่ฉันเป็นคนหวงของมาก ทุกอย่างที่เป็นของฉัน” ดีทริชยักไหล่

“งั้นก็โทษใครไม่ได้”

“นายไม่เคยเข้าโรงหนังสินะ” โนเอลถามขณะมองดูเซซิลเลือกหนังสือ

“ต้องบอกว่าไม่บ่อยต่างหาก”

“อย่างนั้นไปดูหนังกัน”

เพราะอย่างนั้นจึงมาที่โรงหนัง เรื่องที่เลือกดูเป็นหนังดราม่า ดีทริชไม่เชิงว่าไม่ชอบ แต่เอาจริงๆ ไม่ค่อยสนใจซักเท่าไหร่มากกว่า

หลังจากดูไปได้ระยะหนึ่งก็ถูกดึงดูดจนจับจด เมื่อไปถึงฉากสำคัญที่ตัวเองต้องตายดีทริชซาบซึ้งใจจนร้องไห้ออกมา

ชีวิตที่ต้องสู้ตลอดเวลาของตัวเอกในเรื่องทำให้นึกถึงตัวเองเพราะสภาพทางสังคมใกล้เคียงกัน

ตอนที่พยายามจะปาดน้ำตาโนเอลใช้ผ้าของตนซับออกให้อย่างเบามือ ดีทริชกล่าวขอบใจเสียงแผ่ว

หลังจากนั้นสมาธิของตนก็ถูกแบ่งเป็นสอง เพราะโนเอลปฏิบัติอย่างอ่อนโยนด้วย

นี่คือบรรทัดฐานในการปฏิบัติกับคนรักของโนเอลหรือ หางานอดิเรกทำด้วยกันและเอาใจใส่กัน ดีทริชคิดว่าแบบนี้ก็ไม่เลวเลย

“พอนายร้องไห้แบบนี้ ก็สงสัยว่าตอนอยู่บนเตียงจะแสดงสีหน้าแบบเดียวกันนี่ไหม ฉันสนใจจริงๆ นะ”

โนเอลพูดกับดีทริส ไม่ได้กระซิบด้วยคงคิดว่าเสียงในโรงภาพยนต์ดังอยู่แล้ว แต่เซซิลก็นั่งอยู่ข้างขวาไม่ใช่หรือ

“โรคจิต” ก่นด่ายังไม่ทันขาดคำโนเอลก็จับมือเขาที่วางบนแขนเก้าอี้

ดีทริชเม้มปาก อีกฝ่ายจับมือเขาไปตลอดจนจบเรื่อง รสชาติการคบหาอย่างคนรักเป็นแบบนี้นี่เอง

ไอ้ความรู้สึกประหม่าและปั่นป่วน ดีทริชไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขายอมรับกับตัวเองได้ว่ารู้สึกดีกับโนเอลแล้วก็พึงพอใจกับการเดตช่วงเช้านี้ ถึงแม้จะมีเซซิลอยู่ด้วยก็ตาม

 

วันนี้เซซิลไม่พอใจไปเสียทุกอย่าง ท่านพี่เอาอกเอาใจดีทริชจนลืมนึกถึงสายตาเธอไปเลย

ดีทริชเป็นตัวอันตรายสำหรับพี่ชายแน่ๆ ปกติท่านพี่จะเยือกเย็นอยู่เสมอเมื่ออยู่กับคนอื่น

แต่นี่กลับเปิดเผยความรู้สึกกับความคิดมากเกินจำเป็น ไม่เหมือนท่านพี่เลย

ต้องไล่ดีทริชออกไป

เซซิลไม่เชื่อหรอกว่าท่านพี่จะรักดีทริชจริง ต้องเป็นเพราะยังไม่ได้ซักครั้งแน่ๆ

“ไง…เซซิล”

 เซซิลสะดุ้ง เมื่อหันไปก็พบไอดริส เวอร์นอนญาติพี่น้องจากตระกูลรอง หมู่นี้ตระกูลสาขาส่งหมอนี่มาประจบท่านพี่บ่อย ท่านพี่บอกว่าให้อย่าไปใส่ใจ

“นายดูอารมณ์ไม่ดีนะ”

เพราะว่าทักได้ถูกจังหวะละมั้งเซซิลผู้อ่อนต่อโลกจึงพลั่งพรูเรื่องที่คิดอยากจะขับไล่ดีทริชออกไป

“ฉันมีแผนน่าสนใจอยู่นะ ลองไหมล่ะ”

“ไหนลองเล่าให้ฟังทีสิ”

เซซิลคิดว่าขอให้ขับไล่ดีทริชออกไปจากพี่ชายได้ ต่อให้เป็นแผนการณ์จากปากไอดริสก็นับเป็นเรื่องน่าสนใจ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่20 {หน้า5} {8/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 08-02-2018 22:40:44
ก่อเรื่องแหงๆเลยงานนี้
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่20 {หน้า5} {8/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-02-2018 06:42:40
ไม่กลัวพี่ชายเลยรึ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่20 {หน้า5} {8/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 09-02-2018 07:10:17
เป็นน้องสาวที่จุ้นจ้านมากอ่า น่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่20 {หน้า5} {8/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 09-02-2018 07:28:39
เด๋วยัยน้องหนูต้องร้องไห้น้ำตาไหลพรากแน่เลยค่ะ  ง้อวววคิดจะมำอะไรดีทริส!!
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่20 {หน้า5} {8/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 09-02-2018 12:30:09
น้องสาวที่ไม่สาว เดี้ยวจะศพไม่สวย :z6:  o18 :pigangry2: อยากอ่านต่อแล้วววว รอจ้าาา
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่21 {หน้า5} {10/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 10-02-2018 22:19:06

บทที่21

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนทีแรกนึกว่าจะวางยาดีทริชไม่สำเร็จแล้ว สุดท้ายก็สามารถนำตัวอีกฝ่ายมาเพื่อจัดการข่มขู่ให้กลัวได้ตามใจต้องการ

เซซิลมองดูผลงานการมัดเชือกและปิดตาของตัวเอง มั่นใจว่าถูกจองจำขนาดนี้ยิ่งสามารถลงมือขู่ให้กลัวได้ง่ายๆแน่

 

ดีทริชตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองถูกมัดและปิดตาเอาไว้ด้วยผ้า แต่เพราะได้ยินเสียงคนพูดคุยกันจึงนิ่งเงียบไว้ก่อน

“จัดการเรียกพวกมาข่มขืนแล้วทำให้เป็นคู่ดีกว่าไหม”

ดีทริชเกร็งตัวทันที เริ่มพยายามขยับข้อมือเพื่อหาวิธีแก้มัดและรู้สึกว่าคนลงมือผูกปมได้ห่วยอย่างบัดซบ

“ไม่…แค่ขู่ก็พอแล้ว อีกเดี๋ยวพอหมอนี่ตื่นฉันจะลงมือเอง”

เป็นเสียงของเซซิล ดีทริชคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น จำได้ว่าพวกเมดนำคำสั่งจากโนเอลมาและให้เขาไปรอที่สวน

เมื่อไปถึงพวกเมดก็นำขนมกับน้ำชามาให้เพราะหิวอยู่บ้าง หลังจากทานไปได้นิดหนึ่งดันง่วงนอนจึงซบหน้าลงงีบกับโต๊ะแล้วก็ดันมาถูกมัดอย่างนี้

จะว่าไปเซซิลก็สมเป็นมือสมัครเล่น มัดมือก็ไม่แน่น ผ้าปิดตาก็บางพอจะเห็นคนได้ลางๆ นับเป็นช่องโหว่ให้หาทางหนีได้

ในห้องมีแค่เซซิลกับอีกคนถือว่าดีเลยทีเดียว แถมทั้งสองคนมัวแต่คุยกันไม่สนใจเขาเลย

“นี่เราจะรอให้มันตื่นสินะ”

ถึงตอนนั้นฉันก็แก้มัดได้แล้ว ดีทริชหัวเราะในใจ ไม่เคยเจอโจรลักพาตัวที่ไหนอ่อนหัดขนาดนี้เลย

“นี่ เรามาหาอะไรสนุกๆ ทำแก้เบื่อดีไหม”

จู่ๆ เด็กอีกคนก็กอดเซซิล ดีทริชไม่ค่อยอยากเห็นฉากรักของใครนัก ดังนั้นจึงรีบฉวยโอกาสแก้มัด

“ปล่อยนะ”

เหมือนว่าเซซิลจะไม่ชอบและพยายามดิ้นรน สุดท้ายก็ตบหน้าคู่สนทนากังฉาด คาดไม่ถึงอีกฝ่ายตบกลับเช่นกัน

ตบได้ดี

ดีทริชไม่นึกเห็นใจเซซิลซักนิด ถ้าเกิดว่าพวกนี้ทะเลาะกันยิ่งเป็นโอกาสให้เขาหนี

“คิดอยู่นานแล้วว่าจะฉวยโอกาสนี้ทำให้นายเป็นคู่เลยดีไหม ท่านพ่อท่านแม่ก็เอาแต่พร่ำบอกถ้าได้เป็นน้องเขยของโนเอลมันจะดีกับฉันมาก”

“ลองเข้ามาดูสิฉันจะซัดนายให้หมอบ”

“โอ้ย…ฉันไม่ชอบใช้กำลังหรอก แต่ไอ้พวกลูกน้องข้างนอกก็ไม่แน่ เซซิลคนดีเลือกเอานะว่าจะแค่ถูกทำให้เป็นคู่หรือจะถูกฉันกัดแล้วแถมไอ้พวกข้างนอกข่มขืนไปด้วย”

ไอ้โง่เอ๊ย ลองแกพาพวกมาข่มขืนเซซิลสิโนเอลไม่ให้แกได้เป็นน้องเขยหรอก มีแต่จะถูกฆ่าล้างโคตร ใครมันจะไปกลัววะ

ดีทริชรู้สึกว่ามันสมองของคนขู่น้อยสมเป็นเด็กรุ่นเดียวกัน แต่ไม่คาดว่าเซซิลจะไร้สติยิ่งกว่า

เหมือนว่าเซซิลจะกลัวจนตัวแข็งทื่อ เปิดโอกาสให้คนขู่เข้าไปใกล้

“ยอมแล้วสินะรับรองว่าฉันจะถนอมนายอย่างดี”

คู่สนทนากอดรัดเซซิลเป็นจังหวะเดียวกับที่ดีทริชแก้มัดได้พอดี เขาถอดผ้าปิดตาที่มีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกันออก

พอเห็นทุกอย่างถนัดก็พบว่าเซซิลยืนหลับตาตัวสั่นทั้งยังขบริมฝีปากจนห้อเลือด

คงจะกลัวมาก สมน้ำหน้าชะมัด ดีทริชประเมินการว่าข้างนอกมีลูกน้องส่วนข้างหลังเขาเป็นหน้าต่างด้านล่างรอกหน้าต่างตรงกับสระน้ำ นอกจากนั้นความสูงยังไม่มาก การโดดลงไปถือว่าปลอดภัย

“ไม่ต้องกลัวน่า พวกโอเมก้าที่เป็นเหมือนโสเภนีก็มีค่าแค่ให้เป็นคู่กับอัลฟ่าเท่านั้นแหละ”

เซซิลอยากตีอกชกหัวตัวเองนัก ทั้งที่ตั้งใจจะสั่งสินดีทริช แต่กลายเป็นตัวเองถูกเล่นงานและโดนตอกย้ำว่าผิดเพศแถมยังเป็นโอเมก้าที่มีค่าไม่ต่างจากชนชั้นต่ำ ทั้งๆ ที่เป็นน้องชายของโนเอลเป็นทายาทอันดับสองของอลองโซ

ในขณะเดียวกันดีทริชไม่เห็นด้วยกับคำเหยียดหยามนั้น โอเมก้าแล้วไง ไม่มีโอเมก้าคนไหนอยากเป็นโสเภนีอย่างที่มันว่าซักคน รู้สึกคุกรุ่นเพราะตัวเองก็เป็นโอเมก้าเหมือนกันดังนั้นจึงตรงดิ่งไปคว้าคอเสื้อกระชากให้คู่หูตัวเลวของเซซิลหันมา

“ฉันไม่เห็นด้วยว่ะ”

ชกไปเต็มเหนี่ยวจนคู่ต่อสู้ล้มกลิ้ง

“นายจะไปกับฉันไหมเจ้าโง่”

“นายจะช่วยฉันหรือ” เซซิลดูงุนงง ประโยคที่ว่าไม่เห็นด้วยสำหรับเธอคล้ายได้รับการปลุกปลอบ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นโอเมก้าด้วยกันอีก

ทำไมถึงมาช่วยกันนะ อุตส่าห์ช่วยทั้งที่ถูกลักพาตัวมาแบบนี้ นอกจาดไม่อยากเชื่อ แม้เพียงเล็กน้อยก็เกิดความรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา

 แต่ดีทริชไม่ใจดีกับคนวางแผนทำร้ายตัวเองถึงขั้นจะพูดหวานๆ ด้วยหรอกนะ

“อยากอยู่ให้ถูกข่มขืนก็ตามใจนะ”

เซซิลรีบเดินตามดีทริชไปที่หน้าต่างทันที ตอนนี้เองที่ไอดริสตะเกียกตะกายเรียกลูกน้อง

“นายอย่าบอกนะว่าจะโดด ฉันไม่…” ดีทริชแสยะยิ้มผลักเซซิลออกนอกหน้าต่างก่อนโดดตามติดลงไป

เสียงกระแทกน้ำดังตูม ดีทริชลากคอเซซิลขึ้นจากน้ำ อีกฝ่ายไอโขลกๆ

“ฉันไม่ใช่ลิง..แค่กๆ…เหมือนนายนะ” ดีทริชสะใจจนไม่รู้จะยังไง แต่ได้ไม่นานเพราะแวร์วูฟหนึ่งตนกับพวกโดดตามลงมา คิดว่าน่าจะเป็นปีศาจเหมือนกัน

“หนีเร็ว” ฉุดให้ลุกขึ้นยืน แต่ก็หนีไม่ทันแล้ว พวกศัตรูล้อมกรอบเข้ามา

“จัดการมันให้หนัก ยกเว้นเซซิลอย่าให้บาดเจ็บนะ” ไอดริสร้องสั่ง

เพราะอยางนั้นแวร์วูฟจึงเข้ามาทำร้ายดีทริช เหมือนมันจะเล่นสนุกกับเขา

เจ้าแวร์วูฟตั้งรับหมัดของดีทริชและสวนกรงเล็บสร้างรอยแผลคืนกลับมา ไอดริสหัวเราะชอบใจ

“ดีมาก ต้องให้มันเจ็บหนักๆ”

ดีทริชถึงจะรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้แต่ก็กัดฟันสู้สุดท้ายกรงเล็บแวร์วูฟแทงทะลุไหล่เจ็บจนเกือบสิ้นสติ เขาเซถอยหลังและทรุดลงนั่ง

“พอเสียที” เซซิลทนมองไม่ไหวในที่สุด คิดไปคิดมาไม่ได้อยากให้มันเป็นขนาดนี้ แค่ต้องการจะขู่ให้กลัวเท่านั้น

“นายจะเอาอะไรไอดริส ฉันยอมแล้วแค่อย่าทำร้ายดีทริชไปมากกว่านี้เลย” ถึงจะไม่ชอบหน้าแต่ทำแบบนี้มันเกินไป ยิ่งอีกฝ่ายปกป้องช่วยเหลือตนเองด้วยแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองนี่ช่างเลวเหลือเกิน และดีทริชเป็นคนดีเสียจนเกลียดตัวเอง

“ไม่เอาน่าเซซิลจะไม่ให้ฉันล้างแค้นเลยหรือถอยไปน่า”

เซซิลผวากอดรัดดีทริช แวร์วูฟกระชากเซซิลออกไปง้างกรงเล็บหมายจ้วงแทงลงมา

ก็เอาสิเขากลัวที่ไหน ตอนนี้ดีทริชรู้สึกร้อนไปทั้งตัวและดวงตา เมื่อคิดว่าไม่ยอมแพ้แม้จะต้องตายก็ใช้สายตาดุดันจ้องไปทีแวร์วูฟ

ประทับใจในความกล้าหาญแต่ก็ตื่นตะลึงอย่างในเรื่องอื่นเช่นกัน คงจะไม่รู้ตัวแต่เซซิลเห็นว่าดวงตาสีเขียวของดีทริชเปลี่ยนเป็นสีเลือด แล้วจู่ๆ เจ้าแวร์วูฟก็กรีดร้องโหยหวนลงไปเกลือกกลิ้งและค่อยๆ กลับร่างเป็นมนุษย์

ดีทริชเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เดาดูมันอาจเป็นเพราะเขาเอง คราวนี้ลูกน้องอีกคนที่เหลือรีบโจมตีเขาด้วยเปลวไฟที่สร้างขึ้นมาแม้จะงุนงงกับอาการของพวกพ้องอยู่มาก

ทว่าดีทริชแค่ยืนอยู่นิ่งๆ เปลวไฟที่เข้ามากระทบร่างสูญสลายไปส่งผลให้คู่ต่อสู้พุ่งเข้ามาโจมตีทางกายภาพ

ทันทีที่กำปั้นโดนตัวดีทริชนอกจากจะไม่รู้สึกเจ็บฝ่ายตรงข้ามต่างหากที่ดีดเด้งออกไปด้วยแรงสะท้อนบางอย่าง

“มันเกิดบ้าอะไรกันวะ” ไอดริสงงไปหมด

ดีทริชก็ไม่รู้เหมือนกันแต่สะใจมาก จังหวะถัดมาจู่ๆ ขามันก็หมดแรงดื้อๆ พวกศัตรูเตรียมจะเล่นงานอีกครั้ง

 ที่พวกมันไม่กลัวอาจจะเพราะว่าดวงตากลับเป็นสีเขียวตามเดิมแล้วเซซิลคิดอย่างนั้น

สงสัยว่าจะเจ็บตัวหนักแน่คราวนี้ ดีทริชถอนหายใจ ทว่าทันทีที่ปลงตกไคมีร่ารูปร่างสิงโตปีกค้างคาวและมีหางของแมงป่องก็ปรากฏตัวขึ้นจากท้องฟ้าพร้อมกับจัดการพวกศัตรูแทนเขา

เจ้าไคมีร่าตัวนั้นขย้ำแล้วกลืนกินศัตรูเข้าไปในพริบตา ส่วนไอดริสนั้นตื่นตกใจจนสลบไปเลย

“ท่านพี่” เซซิลจะวิ่งเข้ามาหาไคมีร่าแต่ถูกคำรามใส่จึงต้องหยุดชะงัก

“ขอโทษที่มาช้าอีกแล้วนะ”

“นาย...โนเอลหรือ” ดีทริชถามเสียงแผ่วเขาเจ็บมากและใกล้จะหมดแรง ไคมีร่าจัดการเลียแผลบริเวณไหล่ซึ่งอาการหนักที่สุด

เรียกได้ว่าตกใจก็ไม่แปลก ไม่คิดว่าน้ำลายของไคมีร่าจะรักษาแผลได้  เซซิลฉวยโอกาสขยับเข้ามาใกล้

“ท่านพี่น้องยอมรับความผิดทั้งหมด น้องอิจฉาที่ท่านพีเอาใจใส่ดีทริชมากกว่าน้อง” โนเอลไม่ตอบยังตั้งหน้าเลียรักษาแผลให้ดีทริช

“ฉันขอโทษนะดีทริช ฉันรู้ว่านายคงไม่ให้อภัย ถ้าเป็นฉันโดนคงจะเกลียดมากเหมือนกัน”

จู่ๆ ดีทริชก็ลุกขึ้นยืน แม้จะยังรักษาไม่เสร็จแต่มีเรี่ยวแรงมากเพียงพอ

เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังฉาด หากเป็นเวลาปกติเซซิลถูกใครตบอย่างนี้โนเอลคงไม่นิ่งเฉย แต่เพราะคราวนี้น้องผิดเต็มๆ

ถ้าเกิดว่าเขาไม่ติดเครื่องติดตามผ่านทางปลอกคอของดีทริชไม่แน่ว่าจะเลวร้ายกว่านี้

แต่เพราะเหตุการณ์นี้มันทำให้โนเอลมั่นใจมากกว่าเดิม ขีดจำกัดทางสายเลือดความสามารถที่มีแต่ในเชื้อพระวงศ์เท่านั้น

การสะท้อนกลับการโจมตีทั้งหมดไม่ว่าจะทางกายภาพหรือเวทย์มนต์ไม่มีใครในจูปีเตอร์ทำได้นอกจากราชินีเดียร์น่า

นอกเหนือไปจากนั้นดวงตาสีเลือดซึ่งจำแนกไม่ได้ว่ามีความสามารถอะไร

สิ่งนี้เป็นความพิเศษที่อยู่นอกเหนือความสามารถทางสายเลือดของเชื้อพระวงศ์

โนเอลไม่ชอบใจนักที่ความสามารถทั้งสองสิ่งนี้ตื่นขึ้นมา เพราะเขาไม่มีความคิดที่จะช่วยเรียกร้องหรือคืนสถานะให้ดีทริช

เขาเห็นแก่ตัวกว่านั้นมาก เพราะว่าคนระดับอย่างเขาคงไม่อาจไขว่คว้าดีทริชมาไว้ในมือได้ เขาอาจสูญเสียคนที่รักไปให้แม็กซิมหรืออาจจะเป็นทายาทของตระกูลครอส

“นี่ยังไม่พอหรอกนะ” ดีทริชง้างมือจะตบอีกครั้ง เซซิลยอมรับการล้างแค้นโดยไม่ตอบโต้ คราวนี้ถูกตบที่แก้มอีกข้างด้วยแรงที่มากเอาการ

“นายจะตบฉันอีกก็ได้นะ” เซซิลคิดว่าโดนแค่นี้มันคงจะน้อยไป เข้าใจว่าถ้าโดนหนักๆ ทั้งดีทริชและท่านพี่คงจะให้อภัย

“เสียดายที่ฉันไม่ใช่พวกชอบทำร้ายใคร แต่นายต้องสาบานว่าจะไม่แว้งกัดฉันอีก” ถึงแม้จะรู้ว่าก็เป็นสิทธิของเซซิลอีกที่จะไม่ทำตาม แต่พอเห็นแววตากับท่าทางสำนึกแล้วก็ก่อนหน้านั้นอุตส่าห์เข้ามาปกป้องเลยคิดว่าพอจะพูดกันรู้เรื่องอยู่

“ฉันสาบานนอกจากจะไม่คิดร้ายนายแล้วฉันจะยอมเป็นเพื่อนกับนายด้วย” ดีทริชเผลอทำหน้ารังเกียจ เซซิลลนลานหรือว่าเขาจะพูดผิดไป จริงๆ มันก็ฟังดูผยองมากสำหรับความผิดของเขาจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่อยากถูกท่านพี่เกลียด แล้วก็ยิ่งเป็นผู้มีคุณยิ่งไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น อะไรก็ได้ขอแค่ให้ทั้งสองคนหายโกรธ

“ฉันจะยอมเป็นลูกน้อง” สีหน้าดีทริชไม่ได้ดีกว่าเดิม เซซิลมองโนเอลเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ได้การนิ่งเฉยแทน ยิ่งทำให้ลนลานหนักกว่าเดิมอีก

“ฉันยอมเป็นข้ารับใช้ให้นายก็ได้” เซซิลเสียงอ่อย ใบหน้าสวยของดีทริชนิ่งสนิท

“นายไม่ต้องเป็นขี้ข้าหรืออะไรทั้งนั้นแหละ แค่เป็นตัวของนายเองแล้วก็อย่าทำเรื่องแบบนี้อีกก็พอ”

“นายพอใจกับการตบฉันแค่สองทีหรือ” เซซิลแทบไม่อยากเชื่อ เริ่มรู้สึกแปลกๆ กับดีทริช แบบว่าใจเต้นนิดๆ

“ฉันแค่กลัวว่าถ้ารังแกนายมากไปโนเอลจะเอาคืนก็เท่านั้นฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”

“นายจะไม่โดนท่านพี่ลงโทษเพราะฉันแน่ แล้วก็ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของท่านพี่กับนายอีก” อันที่จริงการแสดงออกของท่านพี่ที่มีต่อดีทริชและดีทริชมีต่อเขาจากเหตุการณ์เมื่อครู่ มันทำให้เซซิลมองดีทริชในรูปแบบใหม่ เซซิลรู้สึกว่าดีทริชดีกว่าพวกนางบำเรอโอเมก้าคนอื่นของท่านพี่ ยอมช่วยเขาแถมไม่เอาผิดตบแค่สองทีกับความผิดตั้งขนาดนี้

เท่จัง ท่าทางเชิดๆ และหยิ่งในศักดิ์ศรี แล้วยังสายตาดุดันไม่ยอมแพ้สู้ยิบตาทั้งที่บาดเจ็บมันช่าง…

“เออถ้าไม่รังเกียจ เราเพื่อนกันได้ไหม” เซซิลเอ่ยตะกุกตะกัก กลัวว่าดีทริชที่ดูไปดูมาแล้วเท่บาดใจจะปฏิเสธ

“นายแน่ใจนะ” ดีทริชสงสัยนิดหน่อย แต่พอเห็นท่าทางไม่เป็นธรรมชาติแถมแก้มทั้งสองข้างยังเป็นสีแดง อับอาย เขินอายหรืออาจจะแค่เพราะถูกตบ

“แน่นอนสิ” เซซิลบิดมือไปมาแก้ประหม่า “ฉันรู้สึกว่านายเท่มากและนิสัยดี…”

เซซิลช้อนตามองดีทริช หายใจไม่ทั่วท้องเท่าไหร่นัก

“ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งถ้านายผ่านการทดสอบจากเขาฉันจะยอมคบกับได้”

“แล้วฉันจะได้พบกับเขาเมื่อไหร่”

“ไม่รู้ เอาเป็นว่าระหว่างนี้เราเป็นแค่คนรู้จักกันไปก่อน”

เซซิลไหล่ตก โนเอลเดินเข้ามาใกล้ๆ

“เพราะเหตุการคราวนี้มันมากเกินไป คงต้องลงโทษน้องบ้างแล้วนะ”

“ค่ะ น้องยอมทุกอย่าง”

“พี่จะให้ดีทริชตัดสินใจเลือกวิธีแล้วก็อย่าคิดเล่นงานดีทริชอีก เขาเป็นคนรักของพี่”

ดีทริชหน้าร้อนผ่าว ไม่คิดว่าโนเอลจะกล้าป่าวประกาศกับน้องสาวจอมเอาแต่ใจแบบนี้ แถมยังตั้งใจให้เขาจัดการลงโทษเซซิลได้อีก

 สรุปว่าจริงจังกับการคบหากันไม่ได้หลอกเล่น

“น้องเข้าใจค่ะ น้องคิดว่าถ้าเป็นดีทริชน้องจะสนับสนุน”

หลังจากนั้นดีทริชก็ถูกบังคับให้ขี่หลังโนเอล แผลตามตัวยังไม่สมานดี ดังนั้นอีกฝ่ายจึงพาเขากลับไปที่ห้องเพื่อรักษาแผลต่อไป


คุยท้ายเรื่อง


เรายังไม่ได้แก้คำผิดกับตรวจทานนะคะ เจออะไรแปลกๆ บอกได้น้า
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่20 {หน้า5} {8/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 05:28:24
เซซิลลลลล  :z6: นี่แน่ะ ก่อเรื่องอีกแล้ว  :ling1:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่21 {หน้า5} {10/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 05:35:47
โง้ยยย อยากจับเซซิลมาเขย่าๆๆๆให้มึนหัวตายไปเลย

เป็นยังไงล่ะ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นเกือบถึงตัวเลยไหม

ดีนะรอดมาได้ แม่คุณตัวดี! ป.ล. ต่อไปคงม่ามากแน่ๆ

ถึงตอนนั้นต้องเอาใจช่วยและสงสารโนเอลไปเท่าไรกัน
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่21 {หน้า5} {10/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 11-02-2018 06:01:42
 o13
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่21 {หน้า5} {10/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 11-02-2018 08:51:29
โนเอล นายมันร้าย :laugh: รู้ว่าดีทริชเป็นราชวงศ์แต่ไม่ยอมช่วยกลับเพราะกลัวไม่ได้เมีย :m20: รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่21 {หน้า5} {10/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 11-02-2018 12:20:04
โนเอลนายร้าย
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่21 {หน้า5} {10/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 11-02-2018 14:41:11
เซซิล เป็นแค่เด็กที่ถูกตามใจจนนิสัยเสีย โดยเนื้อแท้นางยังเป็นคนดีนะ
โดยส่วนตัวชอบนิยายแนวนี้ โดยเฉพาะถ้านายเอก เป็นโอเมก้าที่แมนๆเท่ๆอ่ะ
เรื่องนี้อ่านสนุก น่าติดตามมากๆ
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่21 {หน้า5} {10/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 12-02-2018 09:11:09
สนุกมากกกก นี่ฉันไปอยู่ไหนมา ปกติไม่ชอบอ่านแนวนี้ เพราะไม่ชอบฉากข่มขืน แต่เรื่องนี้ดีอะ ให้เขาค่อยๆรักกันอะเนอะ เขินนน  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่21 {หน้า5} {10/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-02-2018 12:33:02
โนเอล ร้ายยยย
หัวข้อ: Re: {omegaverse} #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่22 {หน้า5} {12/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 12-02-2018 14:34:44
บทที่22

ดีทริชถูกพามาที่ห้องนอนของตัวเอง บาดแผลที่ไหล่ยังไม่สมานดีนักและที่ตามตัวก็เช่นกัน ทีแรกงุนงงกับการถูกพามายังห้องนี้แต่เมื่อโนเอลในร่างไคมีร่าออกคำสั่งก็ระลึกได้ว่าอีกฝ่ายรักษาแผลได้ด้วยการเลีย

“ถอดเสื้อผ้าสิจะรักษาแผลให้” เจ้าไคมีร่าสีเงินกล่าว ดีทริชเจ็บไปทั้งตัวก็จริงแต่ยังมีแรงต่อต้าน

“พาฉันไปรักษาที่โรงพยาบาลก็ได้นี่”

“ฉันไม่อยากให้นายเหลือรอยแผลเป็น” เกิดความเงียบขึ้นระหว่างดีทริชและโนเอล ไม่อยากให้เขาเหลือแผลเป็นอย่างนั้นหรือ เอาใจใส่เพราะว่าชอบมากหรือว่าแค่เวลาทำเรื่องลามกแล้วจะขัดลูกตากันแน่นะ

“ดีทริชเราเป็นคนรักกันใช่ไหม เราตกลงกันแล้ว ถ้านายจะคิดซักหน่อย คนที่เขารักกันย่อมไม่อยากให้คนรักบาดเจ็บหรือบาดแผลใช่ไหม”

 ดีทริชลังเลแต่เพราะความเจ็บที่เสียวแปล็บขึ้นมาตอนขยับกายนั่นแหละทำให้ยอมแพ้ จะคิดเล็กน้อยไปทำไมรักษาแผลก็คือรักษา โนเอลอยู่ในร่างไคมีร่าก็ไม่น่าทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว ยังไงก็แค่เลียเท่านั้นเอง ดังนั้นจึงถอดเสื้อผ้าออกตามคำขอ

“ถอดให้หมดเลยสิ เสื้อผ้ามันเกะกะ” ดีทริชถลึงตาให้แต่ก็ทำตาม “นอนลงบนเตียง”

“สั่งจังนะ” อดไม่ได้จริงๆ ที่จะพูดประชด แต่โนเอลไม่โต้เถียงด้วย ไคมีร่าตามติดขึ้นไปบนเตียงเริ่มต้นเลียบริเวณไหล่ที่บาดแผลรุนแรงที่สุด

ถึงแม้บาดแผลตรงนั้นจะดีขึ้นมาแล้วแต่ยังสาหัส โนเอลรู้สึกทึ่งในตัวดีทริชที่สามารถทนต่ออาการเจ็บได้ถึงขนาดนี้ จะว่าไปไม่ส่งเสียงโอดครวญว่าเจ็บซักแอะ สมชายชาตรีจนนึกไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายเปราะบางมากเหลือเกินเมื่อครั้งที่ถูกเขากดดันเรื่องทางเพศ

จะว่าไปแล้วดีทริชมีความคิดและปฏิบัติตัวเป็นผู้ใหญ่เกินอายุอยู่เสมอ หากเป็นเด็กในวัยเดียวกันถูกเขารุกไล่ถึงขนาดนี้คงร้องไห้โยเยจนน่ารำคาญ แต่ดีทริชต่างออกไปแม้จะจนแต้มหรือเครียดมากแค่ไหนหัวใจเหล็กของหมอนี่ก็ผลักดันให้มีแรงต่อสู้กับแรงกดดันอยู่ร่ำไป ตรงจุดนี้แหละที่โนเอลชอบมันมาก ไม่สิหลงใหลเลยทีเดียว

“อ๊ะ..” ดีทริชสะดุ้งวาบเมื่อปลายลิ้นของไคมีร่าลากเลียไปทั่วแผล คราวก่อนคงเป็นเพราะอยู่ในสถานะการณ์ล่อแหลมเลยไม่รู้สึกอะไร แต่เวลานี้เจ้าลิ้นของสัตว์ปีศาจกระตุ้นเร้าจนต้องจิกเล็บลงบนผ้าปูเตียง

“อึก...เร็วๆ เข้า ฉันอยากให้แผลหายแล้ว”

 ไคมีร่าไม่ตอบได้แต่บรรจงเลียรักษาแผลอย่างช้าๆ ไปทีละจุด ดีทริชมีแผลเล็กบ้างใหญ่บ้างไปทั่ว ยิ่งรู้ว่ามีรอยแผลมากเท่าไหร่อารมณ์ฉุนเฉียวก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ต้องให้ไอดริสชดใช้อย่างสาสม

แต่...เขาไม่สามารถจัดการมันได้ตอนนี้ เพราะแม็กซิมเข้ามาป้วนเปี้ยนรอบตัวดีทริชได้ระยะหนึ่งแล้ว โนเอลวางแผนสำหรับเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ต้น เขาเลือกที่จะทำร้ายจิตใจดีทริชแต่จะไม่ยอมปล่อยหมอนี่ไปเด็ดขาด เรื่องชาติตระกูลของอีกฝ่ายก็เหมือนกันเขาจะกลบฝังมันให้ลึกหากทำได้ เริ่มจากเขี่ยแม็กซิมไปให้พ้นทาง

“อือ...” ทีแรกเสียวซ่านมากต่อการถูกกระตุ้นเร้า แต่ซักพักหนึ่งกลับผ่อนคลายอย่างมาก แถมยังนึกอยากให้ไคมีร่าเลียต่อไปเรื่อยๆ เสียอีก

“นาย...ทำอะไรกับฉันกันแน่” ดีทริชกระพริบตามองเพดาน นอกจากร่างกายจะเบาสบายจิตใจยังสงบเย็นมากอีกด้วย

“น้ำลายของฉันนอกจากจะรักษาแผลได้ ยังกระตุ้นให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อซึมเข้าไปในบาดแผล นายไม่รู้ตัวจริงๆ สินะ ว่านายต่อต้านฉันน้อยลงเวลาที่เราจูบแลกน้ำลายกัน”

ไม่รู้ตัวเลย แต่หลายๆ ครั้งที่คิดจะกัดลิ้นของโนเอลให้ขาด ถึงแม้รู้ว่าอีกฝ่ายงอกคืนได้แน่ๆ ทั้งอย่างนั้นกลับลืมเลือนความตั้งใจกับรสจูบที่ถูกปรนเปรอ

“ฉันไม่เห็นรู้สึกผ่อนคลายเท่าตอนนี้ ตอนที่ถูกนายรุกไล่ก็ยังเครียดมากอยู่ดี”

“ก็แสดงว่านายเครียดมากไงล่ะ” โนเอลยังคงตั้งอกตั้งใจเลียรอยแผลต่อไป

“ก็เพราะพฤติกรรมเลวทรามของนายนั่นแหละ” ดีทริชสูดลมหายใจเข้าแล้วหลับตาพริ้ม รู้สึกสบายตัวเหมือนอยู่บนปุยนุ่น ถ้าเกิดว่าถูกมีดจ้วงแทงตอนนี้ก็คงไม่เจ็บปวดแน่ๆ คิดอย่างนั้นจริงๆ

“แปลก...ฉัน แก้ผ้านอนให้นายทำตามใจชอบขนาดนี้ แต่นายก็ไม่ล่วงเกินฉันซักนิด” ดีทริชลืมตาขึ้นและพบว่าโนเอลคืนร่างมนุษย์แล้วและกำลังคร่อมร่างเขาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาห่างกับระยะสายตาแค่คืบ

“เพราะฉันอดใจอยู่ไงล่ะ นายคิดว่าคนที่รักมานอนเปลือยเปล่าจะมีผู้ชายคนไหนทนได้หรือไง”

“นายจะอดทนเพื่อฉันไหม นายรักฉันหรือเปล่า” เพราะผ่อนคลายอย่างมากจึงสามารถพูดเรื่องน่าละอายออกไป ดีทริชถามสิ่งที่อยู่ในก้นลึกของหัวใจ เขาอยากได้รับคำตอบจากโนเอลเดี๋ยวนี้

โนเอลจุมพิตที่หลังมือแล้วคลึงมือเขาไปมา “ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ถ้าบอกว่ามันคือรัก...” อีกฝ่ายนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ดีทริชใจเต้นระทึกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำไมถึงตื่นเต้นขนาดนี้นะ

“ใช่ฉันรักนาย”

“เพราะอย่างนั้นนายจะอดทนรอจนกว่าฉันจะพร้อมสินะ”

“ใช่ฉันจะรอจนกว่านายจะพร้อม”

ดีทริชคลี่ยิ้มหวาน “ไม่รู้ว่านายจะทำได้เหมือนที่พูดไหมนะ”

“นั่นสิ นายออกจะเย้ายวนขนาดนี้” โนเอลจูบลงไปบนริมฝีปากของดีทริช ตอนแรกแม้จะดูตกใจแต่ต่อมาก็ตอบสนองจูบเขาได้ดีทีเดียว

“เราจะแค่จูบกันเฉยๆ สินะ” ดีทริชช้อนตามองมา โนเอลพลุ่งพล่านในอก อยากฟอนฟัดทำรักให้หนำใจ แต่คิดอีกทีการอดเปรี้ยวไว้กินหวานก็ไม่เลวเหมือนกัน

“ฉันขอตัวไปจัดการกับตัวเองซักครู่นะ” ดีทริชทำตาโต ในที่สุดก็สังเกตุเห็นความคับแน่นของเขาเสียที

“นอนรอไปก่อนนะ”

 โนเอลลงจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำ เมื่ออยู่ตามลำพังเขาระบายลมหายใจร้อนผ่าว เป็นครั้งแรกเลยที่ดีทริชยิ้มให้แถมยังเป็นรอยยิ้มที่อ่อนหวานอย่างไม่คาดคิดมาก่อน

“ร้ายนักนะ” โนเอลคำรามในคอ จัดการงัดเอาความใหญ่โตของตัวเองออกมา

ครั้งที่สองแล้วที่ต้องมาดับอารมณ์ใคร่ด้วยตัวเองอย่างนี้ บอกตามตรงเขาไม่เคยช่วยตัวเองเลยซักครั้ง ทำรักครั้งแรกของเขาเริ่มต้นเมื่อตอนอายุสิบสองกับครูสอนพิเศษหน้าแฉล่มที่ท่านพ่อส่งมา จากนั้นช่วยตัวเองคืออะไรก็ไม่รู้จักอีกเลย

“อื้อ...” แค่นึกถึงร่างเปลือยเปล่าของดีทริชโนเอลก็ชี้ตั้งขยายเต็มเหยียด ต้องใช้เวลาทีเดียวกว่าจะทำให้มันสงบลงได้ ระหว่างที่ลงมือปลอบโยนตัวเองก็จินตนาการว่าได้สอดใส่จนหนำใจ

เวลาที่ถูกทำรักอีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าแบบไหนเขาได้แต่มโนเอาเอง ดีทริชจะไร้เดียงสาหรือว่าร้อนแรงกันนะ ไม่ว่าจะเป็นแบบนี้ก็ดูเร้าใจทั้งนั้น แต่ทีนำมาประกอบกิจกรรมตอนนี้คือสีหน้าผ่อนคลายเย้ายวนด้วยรอยยิ้มที่รับมาเมื่อครู่ แค่ยิ้มนั่นก็ทำให้เขาช่วยตัวเองได้หลายครั้งแล้ว

ดีทริชนอนฟังเสียงครางวาบหวิวของโนเอลแล้วรู้สึกบอกไม่ถูก จะว่าสงสารก็สงสารแต่ประทับใจมากกว่า นี่มันเป็นครั้งที่สองแล้วกับการช่วยตัวเองของฝ่ายนั้น ยอมอดทนเพื่อเขาทั้งที่คนมีอำนาจอย่างหมอนั่นไม่จำเป็นต้องทำตามเลย

               โนเอลสัญญาอะไรมากมาย แถมท้ายที่สุดยังบอกรักเขาอีก แค่คิดถึงคำหวานๆ ดีทริชก็ขบริมฝีปากตัวเอง จะหลงระเริงกับคำพูดของฝ่ายนั้นไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจมันเต้นถี่ระรัวไม่หาย ยิ่งต้องมานั่งฟังเสียงครางหวะหวิวจากในห้องน้ำด้วยแล้ว

               “จงในสินะเจ้าคนลามก” หมอนั่นต้องจงใจให้เขาได้ยินเสียงแน่ๆ ดีทริชไม่ใช่เด็กที่เอาแต่คิดเรื่องลามกเกินวัยถึงจะรู้เรื่องเพศดีก็ตาม และพอจะตั้งสติไม่ให้เตลิดไปกับเสียงกระตุ้นจากโนเอลได้

               เสียงเงียบไปแล้ว ดีทริชเงียหูฟังอย่างตั้งใจ ใจเต้นถี่ระรัวสีหน้าของโนเอลจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ฝ่ายนั้นหายเข้าไปในห้องน้ำตั้งนาน คนอะไรจะอึดขนาดนั้น พยายามไม่คิดอะไร แต่ยังอุตส่าห์คิดถึงเรี่ยวแรงในการร่วมรักของโนเอลจนได้ เกลียดตัวเองชะมัด

               โนเอลเปิดประตูออก แก้มทั้งสองข้างของฝ่ายนั้นเป็นสีระเรื่อดูแล้วมันช่าง...น่ารัก ทำไมเขาถึงคิดอย่างนั้นไปได้นะ

               “ง่วงนอนหรือยัง” โนเอลนั่งลงบนเตียงข้างๆ

               “อืม นั่นสิ...” ดีทริชมองดูนาฬิกา “ยังไม่ถึงเวลานอนเลย”

               “แต่นายควรพักผ่อน จะได้มีเรี่ยวแรง”

               “นอนตอนนี้ก็หลับไม่ลงหรอก”

               “ฉันจะอยู่ข้างๆ จนกว่านายจะหลับ” ดีทริชเลิกคิ้ว มีคนอื่นอยู่ข้างๆ ใครมันจะหลับลงได้เล่า

               แต่โนเอลจัดแจงให้เขาเอนตัวนอนลง ดีทริชรอดูอีกฝ่ายจะทำอะไร คาดไม่ถึงโนเอลนอนกอดเขาเอาไว้หลวมๆ ที่สำคัญเจ้าบ้านี่พอหัวถึงหมอนก็หลับเลย

               “โนเอล...โนเอล....” คนบ้าอะไรทำไมหลับได้เร็วขนาดนี้ ไม่มีทางต้องแกล้งหลับแน่ๆ ดีทริชอยากจะหยิกอีกฝ่ายทดสอบดู แต่พอเห็นสีหน้าผ่อนคลายยามนอนก็เลิกความคิดนั้นไป เขาใช้เวลามองดูใบหน้าหล่อเหลานานทีเดียวในที่สุดก็งีบตามคนแน่นิ่งไปก่อนหน้าแล้ว

 

               เอฟเว่นมองดูแอนนี่ทานไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อย นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ออกมาเที่ยวกับสาวน้อยด้วยกันแบบนี้

               “แอนนี่อยากชิมไอศกรีมรสสตอร์เบอรี่ของพี่เอฟเว่นค่ะ” แอนนี่ทำตาหวาน

               “ได้สิลองชิมดูนะ”

               “แอนนี่ชอบจัง แอนนี่ขอแลกกับไอศกรีมของแอนนี่นะ”

               “เอาสิ” เอฟเว่นยอมแลกด้วยความยินดี ตอนนี้เองที่เด็กหญิงจ้องมองมาด้วยแววตาเคร่งขรึม

               “แอนนี่พึ่งสังเกตุว่า พี่ชายเป็นคนประเภทที่ยอมใครง่ายๆ ไปหมด งั้นถ้าแอนนี่มีคำถามพี่ชายจะตอบแอนนี่ได้ไหม”

               “เอ...” เอฟเว่นรู้สึกแปลกนิดๆ กับท่าทีที่ของแอนนี่แต่ก็ส่งยิ้มให้

               “ได้สิถามมาเลย”

               “จริงๆ เรามาเที่ยวกันสามคนก็สามสี่ครั้งแล้ว” แอนนี่ชำเลืองมองไปยังมาเรี่ยนที่ยืนซื้อน้ำที่จุดขาย “พี่เอฟเว่นชอบพี่มาเรี่ยนสินะ”

               “ทะ...ทำไมแอนนี่คิดอย่างนั้นล่ะ” เอฟเว่นพูดตะกุกตะกัก

               “พี่จะสารภาพรักเมื่อไหร่”

               “พี่...พี่...” เอฟเว่นมีสีหน้าลำบากใจ สารภาพแล้วจะได้อะไร ในเมื่ออีกหน่อยเขาจะต้องหมั้นกับคนที่ท่านพ่อหามาให้ “พี่ไม่ได้ชอบมาเรี่ยนแบบนั้น เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ”

               แอนนี่เอียงคอมองมา เอฟเว่นกลัวว่าสาวน้อยจะซักไซ้ไม่เลิก

“แอนนี่เข้าใจผิดไปหรือนี่ เอ๊ะถ้าอย่างนั้นแอนนี่ก็จีบพี่มาเรี่ยนได้สิ แอนนี่ชอบพี่มาเรี่ยน แต่เพราะชอบพี่เอฟเว่นมากเหมือนกันก็เลยว่าจะยอมแพ้ แต่ไม่ต้องแล้วสินะ”

               เอฟเว่นยิ้มเจื่อน ทำเอาแวมไพร์อาวุโสในร่างจำแลงเกิดอาการฮึดฮัด รักก็บอกว่ารักสิ เด็กคนนี้ทำไมปากแข็งจัง

               “พี่อย่าโกหกแอนนี่ แอนนี่เป็นผู้หญิงเรื่องใครรักชอบใคร แอนนี่รู้ดี”

               “แก่แดดจัง”

               “เอ๊าะ แน่นอนสิคะ” แอนนี่สะบัดผมบ็อบของเธอ เอฟเว่นมองจริตจะก้านของสาวน้อยแล้วอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก

               “จริงๆ พี่ก็...ชอบมาเรี่ยนนะ”

               “นั่นไงนึกแล้ว อยากอยู่กับเขาไปทั้งชีวิตไหมล่ะ” เอฟเว่นไม่ตอบ แต่จินตนาการถึงอนาคตแบบนั้นแล้วก็คลี่ยิ้มน่ารักๆ ออกมา แต่เมื่อนึกถึงความจริงก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นนิ่งเฉย

               “ถึงจะชอบมาเรี่ยนระหว่างพี่กับเขาไม่น่าจะเป็นไปได้นะ”

               “ผมพึ่งรู้นะว่าเธอชอบผม” เอฟเว่นสะดุ้งและหันไปมอง มาเรี่ยนยืนอยู่ข้างหลังพร้อมน้ำดื่มที่ซื้อมาให้ แอนนี่ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์

               “ผมเองก็ชอบเธอนะ”

               “เอ๊ะ...”

เอฟเว่นลนลานไปหมด ทำอะไรไม่ถูกนี่เขากับมาเรี่ยนใจตรงกันหรือนี่ แต่ยังไงก็ต่อต้านท่านพ่อไม่ได้แน่ๆ เพราะเมื่อวานพวกตระกูลสาขามาเกลี่ยกล่อมให้ท่านพ่อเลือกทายาทนายธนาคารให้เป็นคู่หมั้นของเขา และท่านพ่อก็ตกลงมันหมายความว่าจะไม่มีแม้แต่การดูตัวอีกต่อไป

               “คบเป็นคนรักกับผมได้ไหม”

               “ไม่ได้หรอก” เอฟเว่นตอบเสียตะกุกตะกัก ให้พวกเขาเจ็บและตัดใจตอนนี้เลยยังดีกว่าแอบคบกันแล้วถูกจับแยกที่หลัง

               “...มาเรี่ยน ฉันขอตัวกลับก่อนนะ” เอฟเว่นผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไป มาเรี่ยนได้แต่มองตามหลัง

               “ทำไมไม่ตามไปเล่าเจ้าหลานโง่” แอนนี่ยืนเท้าเอว ไม่เข้าใจความคิดของหลานชายจริงๆ

               “ถ้าผมตามไปคาดคั้น เอฟเว่นจะหนีและต่อต้านกว่าเดิม เพราะงั้นผมจะรอ แต่ท่านย่า ผมอยากจะให้ช่วยซักหน่อย”

               “ช่วยอะไรล่ะ” แอนนี่เชิดหน้าขึ้นอย่างยะโส มาเรี่ยนกระซิบที่ข้างหูเธอ

               “ท่านย่าพอจะช่วยได้ไหมครับ” แอนนี่ยิ้มน้อยๆ ชอบอกชอบใจในคำขอของหลานชาย

               “อันที่จริงตระกูลรูคก็ใหญ่โตไม่น้อย ตระกูลของเราเองก็มีหน้ามีตามีฐานะจนแทบไม่มีใครทัดเทียมเหมือนกัน”

               “ยังมีตระกูลฟีโอเร่อยู่นะครับท่านย่า ที่เท่าเทียมกับเรา” แอนนี่เบ้ปากเมื่อถูกหลานชายจี้ให้นึกถึงความเป็นจริง

               “คำของ่ายๆ แค่นี้ ย่าช่วยได้ แต่ต้องดูว่าตาแก่ผู้นำตระกูลรูคจะดื้อดึงมากแค่ไหน รอฟังข่าวดีไปนะ”

               “ขอบคุณมากครับท่านย่า”

 แผนการณ์ครั้งนี้เขาตัดใจจะลงมือมาได้ซักระยะแล้ว เพียงแต่รอดูท่าทีท่านย่าเท่านั้น ทันทีที่พบว่าท่านย่าไม่รังเกียจเอฟเว่นเขาก็เลือกจะคืบหน้าไปสู่เป้าหมาย

               “ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับท่านป้า”

 เสียงทุ่มต่ำที่ไม่คุ้นเคยซักนิดทำให้แอนนี่กับมาเรี่ยนหันไปมอง คนคนนี้มาเรี่ยนเห็นจากหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง รอย สมิธ แปลกไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นญาติ

               “โอ๊ะเห็นทีจะจำเสียงหลานคนนี้ไม่ได้” รอยจัดการกับเส้นเสียงของตัวเองเสียใหม่ แตกต่างจากเสียงเดิมมากนักเสียงคราวนี้ดูห้าวหาญและทรงอำนาจยิ่งกว่า

               “ผมเองไงครับท่านป้า”

               แอนนี่จำเสียงได้ดี รอยซีฟัส ไอ้หลานหน้าโง่ของเธอนั่นเอง

               “มาเรี่ยน หลานกลับไปก่อน ย่ามีเรื่องจะพูดกับเจ้านี่” มาเรี่ยนยอมล่าถอยไปง่ายๆ แม้จะสงสัยก็ตาม

               “แกมาทำอะไรที่นี่รอย แกไม่กลัวทหารของท่านราชินีตามจับแกรึ แหม...ช่างปลอมแปลงตัวได้แนบเนียนเหลือเกินหลายปีมานี่ฉันไม่รู้เลยว่าไอ้นักลงทุนหนูสกปรกนี่คือตัวแก”

               “หลานจะกล้ามาพบหน้า คนที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงอย่างท่านป้าได้ยังไง”

               “แกไม่มีหลักฐานรอย” แอนนี่รู้ดีว่ารอยซีฟัสหมายถึงเรื่องอะไร ยังคงหมกหมุ่นแต่สิ่งเดิม เรื่องที่ท่านราชินีเดียร์น่าเป็นตัวปลอม

               “หลักฐานคือความสามารถของหลานเอง ท่านป้ารู้ว่าหลานสามารถอ่านความทรงจำของคนที่สัมผัสตัวได้”

               “แกบอกฉันว่าคนที่ปลอมตัวเป็นราชินีคือเอลล่าแกเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิธีการคืออะไร” ถึงแม้จะพูดเรื่องสำคัญแต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของทั้งคู่เพราะพวกเขาใช้กระแสจิตพูดกันได้ระยะหนึ่งแล้ว

               “เพราะหลานสัมผัสร่างกายของเจ้าตัวปลอมแค่ชั่วครู่เท่านั้นถึงได้ความทรงจำมาแค่นี้”

               “งั้นแกอาจจะพลาดก็ได้ เท่าที่ฉันรู้มาความสามารถพิเศษของเอลล่าแค่พื้นๆ อย่างการเคลื่อนย้ายสิ่งของเท่านั้นความสามารถติดตัวนอกเหนือจากเวทย์มนต์ทุกคนมีได้แค่คนละอย่าง แกรู้ดี”

               “แล้วเวทย์มนต์ปลอมแปลงละท่านป้า”

               “รอย แกโง่หรือไง ตอนที่แกทรยศราชินี แกสู้กับพระนาง แกจำได้ใช่ไหมว่าการโจมตีของแกทั้งทางกายภาพและเวทย์มนต์ถูกสะท้อนกลับมาจนหมด”

               “นั่นแหละที่หลานพยายามหาความจริงอยู่” รอยยิ้มกว้าง

               “แล้วแกมาทำไมคงไม่ได้คิดให้ฉันช่วยหรอกนะ”

               “ผมว่าผมหาเจอแล้วนะ”

               “แกหาอะไรเจอ”

               “สมบัติที่หายสาปสูญไปของราชินี” แอนนี่มีสีหน้าตกใจ

               “ท่านราชินีบอกว่ารัชทายาทสิ้นชีวิตแล้ว ศพก็มีให้เห็นอยู่”

               “แล้วถ้าเกิดว่าหลานหาคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนออกมาได้ล่ะ” รอยซีฟัสแสยะยิ้ม แอนนี่เยือกเย็นลงทุกขณะ

               “แกทำไปเพื่ออะไรรอย ไม่ใช่ว่าแกรักท่านราชินีมาโดยตลอดรึ”

               “ก็เพราะรักนะสิท่านป้า เพราะอย่างนั้นหลานถึงได้พยายามล้างแค้นให้คนที่หลานรัก แล้วความรักของหลานก็เผื่อแผ่ไปให้ทายาทตัวจริงเสียด้วยสิ”

               “แกมันบ้ารอยซีฟัส” แอนนี่สบถอย่างหัวเสีย แต่ใช่ว่าจะไม่เชื่อสิ่งที่อดีตหลานชายคนโปรดพูดเสียทีเดียว รอยซีฟัสทำอะไรมักจะมีเหตุผลเสมอ

               “ถ้าอย่างนั้นหลานขอตัวก่อนนะท่านป้า มายืนนิ่งๆ จ้องหน้ากันแบบนี้น่าสงสัยจะตายไป” รอยซิฟัสในร่างรอยสมิธหัวเราะร่าก่อนจะเดินหายไปในฝูงชน


คุยท้ายเรื่อง

บทของเอฟเว่นตอนนี้สั้น แต่จะเริ่มมาอีกทีตอนดีทริชกับเอฟเว่นขึ้นมต้น ซึ่งอาจจะเป็นตอนหน้าเลย5555

ไทม์สคริปค่ะ มาเรี่ยนเริ่มจะมีแผนการณ์แล้ว ส่วนดีทริชก็มีใจให้โนเอลแล้วรู็สึกพวกเด็กๆๆ คืบหน้าไปเยอะ

ติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ ถ้ามีข้อผิดพลาดติชมได้น้า แต่อย่ารุนแรงมากนักเขียนจิตใจอ่อนไหว
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่22 {หน้า5} {12/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 12-02-2018 16:52:02
เหมือนจะเฉลยปม
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่22 {หน้า5} {12/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 12-02-2018 21:06:33
อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่22 {หน้า5} {12/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 13-02-2018 15:43:54
 สคริปไปถึงช่วงเรียนจบเลยได้มั้ยคะ  :hao7: เย้ยยย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่23 {หน้า5} {14/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 14-02-2018 22:25:46


บทที่23

ตลอดช่วงเวลาปิดเทอมมาเรี่ยนไม่ติดต่อเอฟเว่นมาอีกเลย เขาทั้งอ้างว้างเสียใจและโทษตัวเองว่าไม่น่าพูดความลับให้แอนนี่ฟัง มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่พวกเขาใจตรงกัน แต่อีกไม่นานเขาจะถูกจับหมั้น ทางที่ดีไม่ควรเข้าไปยุ่งกับมาเรี่ยนอีก

 ตัดสินใจได้ก็ออกจากห้องไปยังด้านล่างที่นั่นท่านพ่อท่านแม่รอรับประทานอาหารด้วย เหมือนทุกทีพวกเขาไม่ค่อยได้คุยกันเวลาทานอาหาร ถึงแม้เป็นวันปฐมนิเทศสำหรับการเลื่อนขึ้นไปมัธยมต้นก็ตาม

“พ่อกับแม่ขอโทษนะจ๊ะที่ไปร่วมงานไม่ได้” ท่านแม่พยายามขอโทษหลายครั้งเพราะปีนี้ท่านแม่ไปไม่ได้เหมือนคราวก่อนๆ

“ไม่เป็นไรฮะ”

“ดีแล้วเอฟเว่นแกโตแล้วนะควรทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง” เอฟเว่นก้มหน้าก้มตาทานหลังจากจบมื้ออาหารก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปขึ้นรถ

“อยากเจอหน้าทริชจังไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน” เอฟเว่นเอนหลังแล้วงีบชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อถึงสถานศึกษาเขาลงจากรถ คิดว่าน่าจะได้พบกับดีทริชที่ร้านคาเฟ่เล็กๆ หน้าโรงเรียนแล้วก็จริงเสียด้วย

“ทริช” เอฟเว่นวิ่งเข้าไปกอดออดอ้อนนัวเนีย ดีทริชทำสีหน้าละเหี่ยใจ

“เพราะแบบนี้ไงคนอื่นถึงเข้าใจผิดว่าเราคบกัน”

“ถ้าได้ทริชเป็นคนรักฉันคงมีความสุข”

“น้าก็ดีใจเหมือนกันที่จะได้เอฟเว่นมาเป็นสะใภ้นะ”

“โธ่..แม่ก็ อย่าพูดเล่นสิ ตระกูลรูคไม่มีทางปล่อยเอฟเว่นแต่งงานกับผมหรอก”

“งั้นฉันจะหนีตามทริช”

“เอางั้นหรือ” ดีทริชทำสีหน้าจริงจังส่วนคุณน้าอมยิ้ม จริงๆ ก็คิดอยู่ว่าหากรักไม่สมหวังอยู่บนคานกับดีทริชก็น่าจะดีเหมือนกัน แต่เป็นแค่จินตนาการเท่านั้น ยังไงเสียท่านพ่อไม่ยอมให้ทำตามใจชอบแน่ๆ

“อื้อ…รักทริชที่ซู๊ด…” ถูไถใบหน้าเข้ากับหัวไหล่ของดีทริช

“แต่เห็นจะไม่ได้เพราะตอนนี้ฉันมีคนที่สนใจอยู่แล้ว” ดีทริชหมายถึงโนเอลแม้จะเป็นคนรักที่ไปกันได้ดีมาระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่คิดจะป่าวประกาศหรือโอ้อวด

“เอ๊ะ…เขาเป็นใครกันทริช” เอฟเว่นโยเยเหมือนเด็กอยากจะรู้จริงๆ แต่ดีทริชอมยิ้มและไม่ยอมตอบ

“เด็กๆ แม่ว่าเราไปเข้าห้องประชุมกันดีกว่านะ” ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงพากันไปยังห้องประชุม

“นายรู้หรือยังว่าได้อยู่ห้องไหน” เอฟเว่นถาม

“แน่นอนสิฉันไปดูรายชื่อที่กระดานมาแล้ว นายล่ะดูหรือยัง” เหมือนนึกขึ้นได้ เอฟเว่นตื่นตกใจเขายังไม่ได้แวะไปดูที่กระดานเลย ตั้งท่าจะวิ่งไปแต่ถูกดีทริชดึงเอาไว้

“ไม่ต้องไปน่า เราอยู่ห้องเดียวกัน”

“จริงหรือ”

“ก็จริงนะสิ” เอฟเว่นยิ้มไม่หุบ แต่พอหันไปมองรอบๆ ก็พบว่ามาเรี่ยนอยู่ไม่ไกลจากตัวนักแถมฝ่ายนั้นยังจ้องมองมาที่เขาอีกด้วย จึงรีบหลบตาทันที

ไม่กล้าสู้หน้าเลย เอฟเว่นเกรงจะถูกมาเรี่ยนรุกเข้าหาเพราะเรื่องต่างๆ มันคาราคาซังตั้งแต่ช่วงปิดเทอม เจ็บตอนนี้ ดีกว่าเจ็บที่หลังมันดีกับทั้งเขาและมาเรี่ยน ก่อนอื่นควรแกล้งทำเป็นคบกับทริชเพื่อให้มาเรี่ยนตัดใจ

“รักทริชที่ซู๊ด….” ดีทริชยิ้มค้างจู่ๆ ก็ถูกโจมตีด้วยกอดอย่างหนักหน่วง ปกติก็ชอบออดอ้อนอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่คิดอะไรมาก

“นายนี่มันน่าอายชะมัด คนอื่นมองมาทางนี้กันหมดแล้ว โอ๊ะมาเรี่ยน ครอสก็มองมาทางนี้ด้วยนะ ถูกนักเรียนดีเด่นจ้องขนาดนี้นายควรอายได้แล้ว”  มองอยู่จริงๆ ด้วย ดังนั้นจึงจัดการหอมแก้มดีทริชเรียกเสียงเกรียวกราวจากเพื่อนรอบตัว

“พอได้แล้ว” ดีทริชจัดการเคาะกะโหลกเพื่อนสนิท เอฟเว่นอดไม่ได้ที่จะหันไปมองมาเรี่ยนแล้วก็หนาวเยือกบอกไม่ถูกเพราะสายตาเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งของฝ่ายนั้น

คงจะเกลียดเขาแล้ว เท่านี้มาเรี่ยนน่าจะเลิกยุ่งกับเขาเสียที เอฟเว่นถอนหายใจอย่างหดหู่ เป็นตัวเองแท้ๆ ที่วางแผนผลักไส แต่กลับต้องมาเสียใจแบบนี้ เอฟเว่นไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกของตัวเองดี

หลังจากอาจารย์ใหญ่เริ่มพูดเอฟเว่นก็ลืมมาเรี่ยนไปชั่วขณะ ระบบห้องเรียนที่เปลี่ยนใหม่ตั้งแต่ภาคการศึกษานี้เหมือนว่าจะจัดการจับเด็กโอเมก้าไปเรียนที่ห้องเดียวกันหมด รวมถึงพวกอัลฟ่าและเบต้าต่างก็แยกกัน เมื่ออาจารย์ใหญ่พูดจบ อาจารย์ที่ปรึกษาของห้องแต่ละห้องต้อนนักเรียนไปเพื่อพูดคุย

“สรุปว่าตัวแทนประจำห้องที่จะส่งไปสภานักเรียนคือดีทริชนะ “ ทุกคนเห็นด้วยกันทั้งหมดเอฟเว่นไม่แปลกใจซักนิดก็ดีทริชมีความสามารถนี่นะ

จังหวะนั้นเสียงเปิดประตูทำให้ทุกคนพุ่งความสนใจไป คนที่เข้ามาเป็นสาวงามผมสีเงิน แต่เด็กสาวคนนั้นกระโจนเข้าไปกอดดีทริชแนบแน่น

“คิดถึงทริชมากเลย” เด็กสาวกอดรัดฟัดเหวี่ยงดีทริช หรือว่านี่จะคือคนที่เพือนของเขาสนใจ ให้ตายสิมีสาวน้อยน่ารักแบบนี้เป็นเพื่อนแต่ไม่บอกกันเลย อย่างนี้ต้องบ่นซักหน่อยแล้ว

“พอก่อนนะ คุณอลองโซ” อาจารย์ที่ปรึกษากระแอมกระไอ เด็กสาวจึงคลายการกอดรัดอย่างช่วยไม่ได้

“ในเมื่อคุณสนิทกับคุณไอแวน คุณก็นั่งข้างๆ เขาเถอะ”  เอฟเว่นมองดูสาวน้อยอลองโซกับดีทริชมานั่งประจำที่ใกล้ตัวเอง

“ทริช” เอฟเว่นกระซิบ ดูเหมือนดีทริชจะมัวแต่กระซิบดุเด็กสาวจึงไม่ได้หันมาในทันที ก็น่าอยู่หรอกทั้งออเซาะทั้งเบียด เขาชักจะเริ่มหึงละนะ

“ว่าไงเอฟเว่น” ในที่สุดดีทริชก็หันมา

“แนะนำคุณอลองโซให้ฉันบ้างสิ เออเธอคนนี้เป็นแฟนนายหรือ”

“ไม่ใช่ค่า” ดีทริชหน้าบูดเขากำลังจะอธิบายให้เอฟเว่นฟัง แต่โดนเซซิลพูดแทรก

“ทริชมีคนรักอยู่แล้…โอ๊ย” เซซิลน้ำตาคลอเพราะดีทริชเขกกระโหลก

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ฟังครูบ้าง เอฟเว่นนี่เซซิลเพื่อนของฉันตอนไปเข้าค่ายช่วงปิดเทอม ส่วนเซซิลนี่เอฟเว่นเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน” จู่ๆ เซซิลก็เข้าไปจับมือเอฟเว่นแล้วเขย่าอย่างแรง ถูกเด็กสาวน่ารักถึงเนื้อตัวทำให้ประหม่าอย่างช่วยไม่ได้

“นายนี่เองเพื่อนสนิทของทริช ถ้ายังไงบอกทริชทีสิว่าให้รับฉันเป็นเพื่อนสนิทอีกคน นะน้า…”  จู่ๆ ก็เข้ามาออเซาะ เอฟเว่นหน้าแดงก่ำ เกิดมาไม่เคยมีใครถึงเนื้อตัวขนาดนี้

“ด..ดีทริช…” ไม่รู้ทำไมดีทริชแสยะยิ้มร้าย

“นะ เราสามคนเป็นเพื่อนกันนะ” เซซิลไม่เลิกถึงเนื้อตัวขนาดอาจารย์ยังหยุดยั้งเธอไม่ได้

“เข้าใจแล้วๆ พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอช่วยออกห่างจากตัวฉันที” เมื่อสมใจเซซิลก็ถอยห่าง

“นายยอมง่ายไปนะ” ดีทริชพูด

“ก็มีสาวน้อยน่ารักมาขอร้องทั้งทีนี่นา” เท่านั้นแหละเซซิลส่งยิ้มหวานมาให้แต่ดีทริชแสยะยิ้มอย่างน่าระแวงที่สุด

“เอาจริงๆ ถ้าพวกนายสองคนคบกันมันก็น่าสนใจอยู่นะ”

“ไม่..ไม่ดีกว่า…” เอฟเว่นปฏิเสธ

“แหมฉันเองก็ใช่ว่าเป็นคนชอบกินเพื่อนตัวเองนะ ไม่ต้องกลัวหรอก”

เมื่อได้รับคำยืนยันเอฟเว่นโล่งใจขึ้นเป็นกอง หลังจากเสร็จปฐมนิเทศ ดีทริชก็ถูกยึดพื้นที่ทั้งซ้ายและขวา เอฟเว่นจับมือขวาเขาส่วนเซซิลควงแขนข้างซ้าย

“รู้สึกดีจังเหมือนหอบดอกไม้เต็มสองมือ”

“ไม่คิดเลยว่าทริชเป็นคนเจ้าชู้ขนาดนี้” เอฟเว่นทำเสียงอ้อมแอ้ม เซซิลหัวเราะเสียงใส

“นั่นสิฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเอฟเว่นจะน่ารักขนาดนี้ นี่เรามาสนิทกันไว้น้า” เซซิลผละจากดีทริชไปหาเอฟเว่นใครจะคาดคิดว่าสาวน้อยดันสะดุดหกล้ม

“ระวัง” เอฟเว่นถลาเข้าไปรับผลที่ได้คือเซซิลนอนคว่ำอยู่บนตัวของเขา แปลกรู้สึกเหมือนถูกอะไรทิ่มแทง เป็นไปไม่ได้น่า เอฟเว่นหันไปมองดีทริช

“รู้ตัวไวจังนะ”

“ผู้ชายหรือนี่…” เซซิลทำสีหน้ากระเง้ากระงอด

“เพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วหรอกนะ ฉันถึงได้ให้อภัย”

พูดไม่ออกเลยทีเดียว “นายก็รู้อยู่แล้วหรือทริช” เอฟเว่นมองดูเซซิลเดินไปควงแขนดีทริชออเซาะเสียยิ่งกว่าคนรัก

“แน่นอนรู้นานแล้ว” เอฟเว่นรู้สึกว่าภาคเรียนปีนี้ต้องต่างไปจากปีก่อนๆ แน่ ทั้งเรื่องการปรากฏตัวของเซซิลและการตัดสัมพันธ์กับมาเรี่ยน ไม่รู้ว่าเขาจะปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงทันไหม


คุยท้ายเรื่อง

ตอนนี้เรื่อยๆ หวังว่าจะไม่เบื่อกันไปซะก่อนน้า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่23 {หน้า5} {14/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 14-02-2018 22:58:29
ร.ร. ต้องมันส์มากแน่ๆอะ  ขนาดเปิดวันแรกยังไม่ทันพักเที่ยงเลยยัฃวุ่นวายขนาดนี้ 55555555  รู้สึกเอฟเว่นดูเป็นคนสดใจขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่23 {หน้า5} {14/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 14-02-2018 23:19:34
ทำไมสามคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักจังเลยยยย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่23 {หน้า5} {14/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 15-02-2018 07:02:38
มาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่23 {หน้า5} {14/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 15-02-2018 09:45:11
รอจ้า หนูโตกันเร็วๆนะลูก 5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่23 {หน้า5} {14/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-02-2018 13:09:29
:m1: :m4: :haun5:

เขินจัง เฝ้ารอตอนโตค่ะ หุหุ  :hao7:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่23 {หน้า5} {14/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 15-02-2018 15:09:07
รออยู่น้า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่24 {หน้า5} {15/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 15-02-2018 21:30:18


บทที่24

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับก่อนนะ” ดีทริชกับเซซิลบอกลา จากนั้นเอฟเว่นเดินไปยังจุดประจำเพื่อนั่งรอรถของที่บ้าน แต่ไม่คิดว่าจะพบมาเรี่ยนที่นั่น

“ได้อยู่กันตามลำพังซักทีนะ” มาเรี่ยนยิ้มนิดๆ เอฟเว่นตั้งใจเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองกับฝ่ายนั้นไม่เดินเข้าไปใกล้

“ผมเคยถามเธอไปแล้วครั้งหนึ่งว่าเธอคบกับดีทริชอยู่อย่างนั้นหรือ คราวนี้ผมจะถามอีกครั้ง เธอคบหาเป็นคนรักกับดีทริชเลยปฏิเสธคำขอคบกันของผมใช่ไหม”

ก่อนหน้านั้นซักระยะหนึ่งแล้วมาเรี่ยนคิดว่าที่เอฟเว่นปฏิเสธตัวเองคงเป็นเพราะถูกวางตัวให้หมั้นกับคนอื่น แต่เพราะวันนี้ทั้งวันคนที่เขาชอบแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งถึงความรักชอบในตัวคนที่ก่อนหน้านั้นอ้างเป็นเพื่อนสนิท

               การได้เห็นภาพบาดตาสร้างความหึงหวงเดือดดาลอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน มาเรี่ยนไม่ใช่คนโง่เอฟเว่นมีใจให้ตัวเองแน่นอน การที่ปฏิเสธเขาคงเป็นเพราะต้องถูกบังคับให้หมั้นกับคนอื่น อยากให้เขาตัดใจจนถึงกลับกล้าเล่นละครแย่ๆ แบบนี้มันน่าขย้ำให้เป็นชิ้นๆ นัก

               “เอ่อ...” เอฟเว่นอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดไม่ทันในทีแรก หลังจากประเมินสถานการณ์ได้ก็รีบตอบคำถามทันที “ก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้ใจตัวเอง การที่ปฏิเสธนายก็เพราะว่ารู้ตัวแล้วว่าชอบดีทริช”

               กล่าวจบก็ต้องสะท้านกายวาบ เพราะรอยยิ้มร้ายกาจของมาเรี่ยนฝ่ายนั้นไม่เคยแสดงสีหน้าแววตาอย่างนี้ให้เขาเห็นมาก่อน คงจะโกรธแน่ๆ ก็ดีถ้าเกลียดเขาได้มันจะดีที่สุด

               “ฉันขอตัวก่อนนะ” ต้องหนีไปให้พ้นจากที่นี่ยิ่งคุยกันนานจะยิ่งแย่ ระหว่างที่จะหันหลังหนีกลับถูกกระชากรั้งเข้าไปในอ้อมกอด เอฟเว่นตกใจลนลานตัวสั่นเทาเพราะแววตาเย็นชาของมาเรี่ยน

               “ผมจะให้โอกาสเธอตอบอีกที บอกสิว่าเธอชอบผม”

               “มะ...ไม่คนที่ฉันชอบคือดีทริช” เอฟเว่นหลบตาจึงไม่เห็นว่ามาเรี่ยนยิ่งนานยิ่งมีรอยยิ้มที่ดุร้าย

               ท่าทางดื้อแพ่งของเอฟเว่นมันทำให้มาเรี่ยนนึกอยากสั่งสอนให้เข็ดหลาบ อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทนหลอกตัวเองไปได้นานแค่ไหนกันแน่ แต่ถึงยืนยันว่าไม่รักเขาหรือโยเยปากแข็งกว่านี้ยังไงเสียก็หนีพ้นมือไปไม่ได้

               “ผมไม่มีวันเลิกชอบเธอ อยากให้รู้เอาไว้ และผมจะทำทุกวิถีทางเขี่ยคู่แข่งของผมออกไป” กล่าวจบมาเรี่ยนก็บังคับจุมพิตบนริมฝีปากเอฟเว่น เป็นจูบแผ่วๆ แต่สร้างความตะลึงงันให้คนถูกจูบได้ชะงัด

               “นายตั้งใจจะทำอะไรกับดีทริช..” เอฟเว่นถามเสียงสั่น

 มาเรี่ยนกระตุกยิ้มร้ายแบบจงใจ เขาจะทำอะไรได้ล่ะไม่ได้คิดจะทำอะไรอยู่แล้ว แค่จะแสดงให้ดีทริชเห็นชัดๆ ว่าเอฟเว่นเป็นของเขา แต่เพราะหงุดหงิดกับความดึงดันของคนที่ชอบดังนั้นจึงแกล้งแสดงท่าทางข่มขู่ให้กลัว

               “นั่นสิมีหลายวิธีนี่นา ดีทริชเองก็ฐานะยากจน อัลฟ่าจากตระกูลใหญ่อย่างผมจะเหยียบย่ำยังไงก็ไม่มีใครว่าอยู่แล้ว”

               “ย..อย่าทำอะไรทริชนะ ฉันขอร้อง” เอฟเว่นไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่นึกกลัวมาเรี่ยนจับใจ

               “ถ้าอย่างนั้นก็มาเป็นคนรักของผมสิ”

               ไม่ได้ เอฟเว่นบอกกับตัวเอง ถ้าเกิดว่าดึงดันจะคบกันไปมีแต่จะต้องเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าดีทริชหรือมาเรี่ยนก็ไม่อยากให้ใครเสียใจทั้งนั้น ทำอย่างไรดี เขาตัดสินใจไม่ได้

               “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ ไว้เธอคิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาบอกผมก็แล้วกัน”

 มาเรี่ยนจากไปทิ้งให้เอฟเว่นยืนนิ่งงันอยู่แบบนั้น คนตัวเล็กจินตนาการถึงเรื่องร้ายกาจ แต่คนมีเกียรติอย่างมาเรี่ยนไม่น่าจะทำเรื่องพวกนั้นได้

               ยังไงก็แล้วแต่เขาจะทำทุกวิถีทางปกป้องดีทริชให้ได้ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะเขาไม่มีเส้นสายในมือแค่คบหาเป็นเพื่อนกันยังต้องปิดบังท่านพ่อท่านแม่เอาไว้ เอฟเว่นคิดมากจนนอนไม่หลับเมื่อเช้าวันใหม่ก็ไปเรียนโดยไม่สามารถเลิกคิดถึงคำขู่ของมาเรี่ยนได้เลย

               “นายเหม่อลอยทั้งวันเลย” เอฟเว่นสะดุ้งสุดตัว พึ่งจะรู้ว่าเซซิลกับดีทริชจ้องมองมาที่เขาเป็นจุดเดียว

               “ขอโทษนะทริชเซซิลฉันอยากทานขนมที่ร้านฟีโอเร่น่ะ” แก้ตัวมั่วซั่วไปหมดเลย ไม่เป็นธรรมชาติซักนิด เอฟเว่นหัวเราะแฮะๆ

               “ดีเลยๆ ฉันก็อยากไปทานเหมือนกัน” เซซิลตบมือดังแปะๆ “เย็นนี้พวกเราไปกันนะ”

               “ก็ดีนะ แต่เอฟเว่นจะไปได้หรือเปล่า” ดีทริชตั้งคำถาม เพราะปกติรถรับส่งที่บ้านของเอฟเว่นจะมาตรงเวลาเสมอ

               “เอ่อ...” เอฟเว่นยิ้มเจื่อน ท่านพ่อคงไม่อนุญาติแน่ๆ “ท่านพ่อคงไม่ยอมให้เถลไถลนะสิ”

               “อืม...จริงๆ ตระกูลรูคน่าจะทำการค้ากับท่านพี่อยู่นะ เอางี้ดีกว่าฉันจะโทรไปขอร้องท่านพี่ให้โทรไปขออนุญาติท่านพ่อของนายเอง” พูดแล้วก็ลงมือทันที เซซิลต่อสายหาโนเอลบอกเรื่องที่ต้องการ

               “ขอบคุณนะคะท่านพี่ น้องรักท่านพี่เหลือเกิน” เซซิลวางสายหันมายิ้มแฉ่ง “ที่นี้เราก็รอเนอะ ลุ้นจังเลย”

               “จะว่าไปมีเซซิลไว้บังหน้าก็ดีเหมือนกัน เท่านี้เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันโดยไม่ต้องระแวงแล้วล่ะมั้ง”

 ดีทริชพึมพำ แต่เอฟเว่นไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยในใจกังวลแต่เรื่องของมาเรี่ยน ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีมือถือของเซซิลก็ดังขึ้น

               “ท่านพี่โทรมาแหนะ” เซซิลรับสายเสียงเจื้อยแจ้ว ดีทริชกับเอฟเว่นรอบทสรุป

               “สรุปว่าท่านพ่อของเอฟเว่นอนุญาตแล้วน้า” เอฟเว่นไม่อยากจะเชื่อ ท่านพ่อที่เข้มงวดคนนั้น ยอมให้เขาไปเถลไถลกับเพื่อนตอนเย็น

               “นายทำหน้าตลกจังเอฟเว่น” ดีทริชหัวเราะเหนี่ยวคอเพื่อนเข้าไปกอด “ต้องขอบคุณเซซิลนะที่ทำให้เราไปเที่ยวด้วยกันโดยไม่ต้องหลบซ่อน”

               “เอ๊ะหมายความว่าไงที่ต้องหลบซ่อน” เซซิลถามดีทริชตอบทันที

               “เรื่องมันยาวน่ะ เอาง่ายๆ ก็ฐานะทางครอบครัวต่างกัน เท่านั้นเอง”

               “อันนี้เข้าใจดีเลย ถ้าเกิดว่าฉันไม่รู้จักนิสัยใจคอดีทริชแล้วล่ะก็ ให้คบด้วยคงจะยากนะ”

               “อ้องั้นหรือ...” ดีทริชแสร้งตีหน้าบึ้ง เซซิลรีบเข้าไปออดอ้อนทันทีด้วยการเกาะแขน

               “อย่าพูดเรื่องนั้นดีกว่าน่า เสียอารมณ์เปล่าๆ เราสนใจแต่เรื่องไปเที่ยวหลังเลิกเรียนดีกว่า”

               “นั่นสิ...นั่นสินะ” เอฟเว่นพึมพำกับตัวเอง

 ดีทริชใช้สายตาวิเคราะห์จ้องมองเพื่อนสนิท ต้องมีอะไรซักอย่างแต่เลือกที่จะไม่ถาม เอฟเว่นเองถึงจะเห็นว่าขี้กลัวขี้กังวลแต่เวลาดื้อแพ่งขึ้นมาจะไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ

“จริงสิฉันต้องไปรายงานตัวที่ห้องสภานักเรียนแล้ว พวกนายสองคนไปเลือกชมรมกันได้แล้วนะ”

“อืมแล้วเจอกันนะทริช”

ดีทริชสาวเท้าไปยังห้องสภานักเรียนเมื่อไปถึง คนแรกที่ได้พบคือมาเรี่ยน

“ยังไม่มีใครมาหรือ” ดีทริชถาม

“ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครมา”

“จะว่าไปเราสองคนเจอหน้ากันบ่อยตั้งแต่ชั้นประถมแล้วนะ ยังไงก็ขอบคุณที่นายช่วยฉันไว้คราวก่อนแล้วก็ฝากตัวด้วย”

“อืม..ผมก็ขอฝากตัวด้วยนะ” มาเรี่ยนยิ้มน้อยๆ

ทีแรกดีทริชนึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนเย็นชากว่านี้ เพราะทุกครั้งที่เจอจะตีหน้านิ่งเป็นก้อนหินเสมอ แต่เวลานี้กลับรู้สึกว่ามาเรี่ยนเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าที่คิด

จังหวะนั้นเสียงเรียกเข้ามือถือของเขาก็ดังขึ้น ดีทริชหยิบมาดูจึงพบว่าคนโทรมาคือโนเอล เจ้าบ้านี่พอซื้อมือถือให้ก็รีบใช้งานมันบ่อยๆ เลยทีเดียว

“ว่าไง”

<วันนี้จะไปทานขนมที่ฟีโอเร่กับพวกเซซิลสินะ>

“ยังจะถามอีกนายอนุญาติเองแท้ๆ “

<อยากให้ถึงวันหยุดของนายเร็วๆ จัง ฉันอยากเห็นหน้า>

°แต่ก็ต้องไปฝึกงานกับคาร์ลก่อนอยู่ดี นายต้องอดทนซักหน่อยนะ”

<อืม...ถ้าไม่ติดว่าอยากให้นายได้พัฒนาตัวเองฉันคงไม่ต้องทนทรมาณแบบนี้ ดีทริชไว้ขออนุญาตคุณแม่มาค้างที่คฤหาสน์ของฉัน บอกคุณแม่ว่ามาค้างบ้านเพื่อนดีไหมให้เซซิลไปขอให้>

“เอาแต่ใจนะ ฉันไม่ไปหรอกอยู่ใกล้กันมากเดี๋ยวนายจะทำเรื่องลามกเปล่าๆ ” ดีทริชไม่ได้ปิดบังสีหน้าอ่อนโยนยามที่คุยกับโนเอลเลย ดังนั้นทุกอย่างจึงอยู่ในสายตามาเรี่ยนตลอด

<ฉันให้สัญญากับนายแล้วนี่ มาเถอะนะหาเวลาว่างมานอนค้างที่บ้านฉัน มาบ่อยๆ>

“ไม่รับปากนะ เพราะว่าฉันต้องช่วยงานแม่ด้วย แค่นี้ก่อนนะเราคุยโทรศัพท์กันนานเกินไปแล้ว”

 ดีทริชวางสายแล้วยิ้มกับตัวเอง เขารู้สึกว่าทุกอย่างไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะเจ็บใจตัวเองที่ปล่อยให้จิตใจถลำลึกชอบโนเอลอย่างง่ายดายก็ตาม

ถ้าเกิดว่าระหว่างเขากับโนเอลเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็คงดี

“เมื่อกี้คุยกับคนรักหรือ” มาเรี่ยนอมยิ้ม ดีทริชเลิกคิ้วไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะสนใจเรื่องของคนอื่นด้วย ปกติใครๆ ก็เรียกกันว่าเจ้าชายน้ำแข็ง

“ก็ไม่เชิง เราคบหาดูใจกัน”

“ขอให้ความรักของนายกับคนรักยืนยงราบรื่นนะ ผมเอาใจช่วย”

 ดีทริชทำตาโต อวยพรให้มันก็ดีอยู่ แต่มาเรี่ยนกับเขายังไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกัน อวยพรขนาดนี้ก็แปลกๆ นะ ทั้งอย่างนั้นเขารู้สึกดีกับคำพูดของอีกฝ่ายแล้วคาดหวังเหมือนกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบคนรักระหว่างเขากับโนเอล อยากให้มันราบรื่นและยืนยาว

คิดอยู่เหมือนกันว่าระยะเวลาสั้นๆ ตัวเองก็ถลำลึกไปกับโนเอลมากมายทีเดียว เพราะว่าได้รับความรักและเอาใจใส่เป็นอย่างดี

“ขอบใจนะ”

 ดีทริชรู้สึกว่ามาเรี่ยนน่าคบหาเป็นเพื่อนด้วย ยิ่งอีกฝ่ายเคยช่วยเหลือเขาเอาไว้มาก ดังนั้นจึงพร้อมสานสัมพันธ์ฉันมิตรกับมาเรี่ยน เริ่มต้นพูดคุยเรื่องสัพเพเหระรวมไปถึงเรื่องเรียน ระหว่างรอคนอื่นๆ ในสภานักเรียนมาถึง


คุยท้ายเรื่อง


ถ้ามีประโยคงงซ้ำๆ ไม่ต้องแปลกใจจะคะเราแต่งในมือถือแถมยังไม่ได้เกลาดีนัก
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่24 {หน้า6} {15/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 16-02-2018 00:34:01
มาแล้วววว เอฟเว่น หนูอย่าปากแข็งสิลูก กล้าๆหน่อย มาเรี่ยนแอบร้าย ลุคดาร์กแจ่มมากค่ะลูก  :laugh: ตอนนี้โนเอลค่าตัวแพงแหะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่24 {หน้า6} {15/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-02-2018 07:31:38
มาเรี่ยนงานดาร์ค :mew1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่24 {หน้า6} {15/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-02-2018 17:03:06
 :mew1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่24 {หน้า6} {15/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-02-2018 21:18:07
มาเรี่ยนจะเปลี่ยนสายจากทุ้งมิ่งมาเป็นดาร์กโทนสินะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่24 {หน้า6} {15/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 17-02-2018 03:18:36
เอฟเว่นนี่ดื้อจัง
มาเรี่ยนเป็นใครทำไมท่านพ่อจะไม่อนุญาติถ้าจะคบกันน่ะ
อยากหยิกแขนจริงๆ

ทริชกับโนเอลไปได้ดีเลยแฮะ ดีๆ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่24 {หน้า6} {15/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 17-02-2018 09:54:29
หนูเอฟจะเกรงอะไรขนาดนั้นจ้ะ ฮึ่ยอยากตบหัวเด็ก
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่25 {หน้า6} {17/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 17-02-2018 22:05:47
บทที่25

“เดี๋ยวฉันมานะ” โนเอลพูด ดีทริชพยักหน้าวันนี้พวกเขาสองคนมาเที่ยวเล่นด้วยกัน ตัวเขาอยากใช้เวลาอันหอมหวานให้มากที่สุดก่อนจะเริ่มแผนการที่แน่นอนว่าต้องทำร้ายจิตใจคนรัก โนเอลเดินกลับไปคุยโทรศัพท์บนรถส่วนตัว ทันทีที่อนุญาตคาร์ลก็รายงานความคืบหน้า

“เข้าใจล่ะ แม๊กซิมส่งคนไปป้วนเปี้ยนที่โรงเรียนของดีทริชสินะ”

ดูเหมือนว่าไม่แค่ป้วนเปี้ยนแต่ยังสืบประวัติส่วนตัวอีกด้วย คิดว่าเขาคงเริ่มที่จะทำตามวัฏจักรเดิมๆ ของตัวเองได้แล้ว เพื่อให้แม๊กซิมเลิกสนใจดีทริชเสียที

(นายจะบอกคุณดีทริชเรื่องท่านแม็กซิมไหมครับ)

“ไม่” โนเอลไม่ต้องการให้แผนการณ์รั่วไหล เพราะแม้ดีทริชจะโตเกินวัย แต่เด็กวัยนี้ยังควบคุมความรู้สึกไม่ได้ นอกจากนั้นการไม่รู้ย่อมแสดงปฏิกิริยาที่แท้จริงออกมาเท่ากับว่าไม่มีพิรุธให้แม็กซิมระแคะระคาย

หลังจากตัดสายไปโนเอลกลับไปยังร้านอาหารกลางแจ้งอีกหน บรรยากาศดนตรีเบาๆ ถูกเปลี่ยนเป็นทำนองป็อปแดนซ์ซึ่งเขาไม่ใคร่จะชอบนัก

“ขอโทษทีให้รอนะ” ดีทริชแค่พยักหน้าไม่ได้พูดคุยอะไรมากเพราะมัวแต่มองไอดอลชายวัยเดียวกันทั้งร้องทั้งเต้นบนเวที

“ชอบแบบนี้หรือ”

“เปล่าเลยเพียงแต่นักร้องคนนั้นเรียนที่เดียวกับฉันแถมเป็นโอเมก้าเหมือนกัน อีกอย่างเซซิลดูจะให้ความสนใจมากเชียวล่ะ”

โนเอลหรี่ตามองดูไอดอลวัยเดียวกับดีทริชบนเวที คิดอยู่ว่าจะเลือกคนแบบไหนมาบังหน้าแม็กซิมดี ถ้าเลือกไอดอลวัยเดียวกันก็น่าจะกระตุ้นให้พี่ชายต่างมารดาเชื่อถือไปพร้อมกับเหยียดหยามเขาได้อย่างเต็มที่

ได้ข่าวว่าฝ่ายนั้นดูถูกเยาะหยันว่าเขาเป็นโรคจิตพรากผู้เยาว์ การตอกย้ำมันแล้วเลื่อนฐานะนางบำเรอขึ้นไปอีกระดับคงทำให้แม็กซิมไม่รู้สึกสงสัยทั้งยังสะใจที่รสนิยมของเขาน่าสมเพชก็เป็นได้

แม้จะต้องการความสมจริงแต่ลึกๆ แล้วมีความกังวลท้วมท้น หากดีทริชโกรธจนไม่อยากพบหน้าเขาแล้วจะเป็นอย่างไรกันนะ

“ดีทริช” โนเอลกุมมือดีทริชที่วางบนโต๊ะ คนรักหันมายิ้มให้

“นายจะเชื่อไหมว่าฉันไม่เคยรักใครมาก่อนนอกจากนาย”

“หมายถึงในแบบคนรักใช่ไหม” โนเอลพยักหน้า

“งั้นก็เชื่อได้ครึ่งหนึ่งว่านายไม่ได้โกหก” นั่นก็เพราะว่าเป็นของแน่อยู่แล้วที่โนเอลจะรักเซซิลรักผู้ให้กำเนิด

“ดีทริชนายสามารถให้อภัยคนรักที่วางแผนหลอกลวงได้มากแค่ไหน” ดีทริชนิ่งคิด “ก็ขึ้นอยู่กับเจตนา พูดแบบนี้วางแผนอะไรไว้หรือไง”

โนเอลไม่ตอบเขาหยิบแหวนทองคำขาวประดับพลอยสีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จับมือดีทริชอย่างนุ่มนวลแล้วสวมมันลงบนนิ้วนางช้างซ้าย

“นาย…” ดีทริชพูดไม่ออก อีกฝ่ายนัดเขามาเพื่อจะให้แหวนอย่างนั้นหรือ

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอยากให้รู้ว่านายเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันรักและหลงใหลได้มากขนาดนี้”

“ก็คิดอยู่หรอกนะว่าสักวันท่านพี่ต้องทำแบบนี้” เซซิลพูดขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นแหวนที่ถูกร้อยด้วยสายสร้อยบนคอขาวผ่องของดีทริช

“แหวนนี้เป็นแหวนที่ท่านพ่อมอบมันให้ท่านแม่ในวันแต่งงาน เป็นของรักของหวงและสมบัติสำคัญของท่านพี่” เซซิลกอดอกแล้วทำหน้ากระเง้ากระงอดเล็กน้อย

“ท่านพี่นีล่ะก็ทั้งที่ฉันเคยขอเอาไว้ว่าจะใช้ในวันแต่งงานของฉัน แต่ก็เอาเถอะถ้าเป็นดีทริชฉันยอมสละได้”

“แหวนวงนี้มันสำคัญขนาดนั้นเชียว” ดีทริชจับแหวนขึ้นมาคลึงในมือ

“แน่นอนสิเป็นของรักของท่านแม่ที่ตายไป แถมยังเป็นเครื่องหมายแสดงความรักที่ท่านพ่อมีต่อท่านแม่ ถึงแม้ว่าแม็กซิมมันจะชอบดูถูกเราว่าเป็นผลผลิตจากความเผลอเรอของท่านพ่อก็ตาม”

“แม็กซิมนี่ใคร”

“พี่ชายต่างแม่ เป็นคนเลวที่จ้องทำลายชีวิตเราสองพี่น้อง” เซซิลทำสีหน้าเคียดแค้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแป้น “อย่าไปสนใจเลยเนอะเอฟเว่น” ทว่าเอฟเว่นกลับเหม่อ จนต้องเรียกอีกหน คนถูกทักสะดุ้ง

“เหม่ออีกแล้วนะ” เอฟเว่นหัวเราะแฮะๆ เพราะมัวแต่คิดเรื่องมาเรี่ยนจึงแทบไม่ได้ฟังทั้งคู่พูดกันเลย

“ดีทริช มีคนมารอนายแหนะ” เอฟเว่นขมวดคิ้วพอมองตามไปที่คนพูดก็พบมาเรี่ยนยืนอยู่

ระยะหลังมานี่เหมือนดีทริชกับมาเรี่ยนจะสนิทกันมาก ฝ่ายนั้นมารับเพื่อนของเขาไปห้องสภานักเรียนทุกครั้งจนเอฟเว่นอดคิดไปในทางร้ายไม่เลิก

ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะมาเรี่ยน หรือว่าคิดจะทำดีให้ดีทริชตายใจ แต่ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วเขาไม่เห็นมาเรี่ยนลงมือซักที

“ฉันไปก่อนนะมาเรี่ยนมารับแล้ว” ดีทริชเดินไปหามาเรี่ยน เซซิลทำหน้าบูดไม่พอใจ

“อีตามาเรี่ยน ครอสนี่ยังไง ทำไมต้องมารับดีทริชถึงที่ทุกวัน คงไม่ใช่ว่าแอบชอบทริชหรอกนะ”

ถ้าใช่เธอคงต้องเขี่ยไปให้พ้นทางของท่านพี่ เซซิลคิด

“อืม…ไม่รู้สิ” ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงดีทริช แต่ก็ถูกเซซิลลากไปห้องชมรมเสียก่อน หลังจากมาเรี่ยนมาตามดีทริชก็เดินเคียงคู่มาเรี่ยนไปยังห้องสภานักเรียนก็พบว่ายังไม่มีใครมา

“เรามาถึงก่อนใครอีกแล้ว” ดีทริชเดินนำเข้าไปในห้อง “เพราะความขยันของนายนั่นแหละเราถึงมาก่อนใครทุกที”

“คนที่ขยันจริงๆ คือนายมากกว่ามั้ง พวกรุ่นพี่ให้ทำงานไหนไม่เคยปฏิเสธเลย”

“นายเองก็เหมือนกัน อย่ามาว่าคนอื่น”

ระยะหลังมานี้ดีทริชสนิทกับมาเรี่ยนค่อนข้างมาก คือเรียกได้ว่าคุยกันถูกคอทุกอย่าง จนบางครั้งเผลอพูดเรื่องโนเอลไป

“แหวนนั่น คนรักให้มาสินะ”

“อ๋อ…อืม…” ดีทริชคลึงแหวนไปมา ยิ้มกับตัวเองคนเดียว

“นายคงเป็นคนสำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ให้ของมีราคาขนาดนี้”

“นายคิดอย่างนั้นหรือ”

“ฉันได้ยินมาว่าเป็นของดูต่างหน้าแม่นี่”

“นายแอบฟังนานแล้วหรือ จากที่ไกลขนาดนั้น”

“เพราะเป็นแวมไพร์เลยหูดีกว่าคนทั่วไปน่ะสิ”

“อ้อฉันลืมไปเลยว่านายเป็นปีศาจ” เพราะมาเรี่ยนดูอ่อนโยนกว่าพวกปีศาจที่เป็นอัลฟาทั่วไป

“ถือเป็นคำชมได้ไหมนะ” มาเรี่ยนยิ้มก่อนจะเดินไปเปิดโทรทัศน์

“ดูข่าวแก้เบื่อไหมพวกรุ่นพี่คงไม่ว่าหรอก”

ข่าวในโทรทัศน์เป็นช่วงที่รายงานเกี่ยวกับวงการบันเทิงพอดี ดีทริชตั้งใจจะบอกให้มาเรี่ยนเปลี่ยนช่องถ้าไม่ติดว่าเห็นโนเอลอยู่ในนั้น

ภาพของโนเอลฉายแค่แวบเดียว ในข่าวเป็นงานแสดงเล็กๆ ของไอดอลวัยสิบสามที่ชื่อว่านานะเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกัน

โนเอลสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ จะว่าไปก็เป็นเวทีเปิดตัวสินค้าชนิดหนึ่งที่จ้างไอดอลไปสร้างความบันเทิง บางทีอาจเป็นคู่ค้าของโนเอล

“บางทีอาจจะแค่ไปเพราะงานก็ได้”

“นายรู้แค่ไหนกันนี่”

“หน้านิ่วคิ้วขมวดบอกชัดว่ากำลังหึง อีกอย่างอลองโซคนน้องมีพี่ชายคนเดียว ในข่าวก็ดันมีโนเอล อลองโซอีก ดังนั้นชัดเจนว่าคนรักของนายคือใคร”

“นายนี่มันน่าจะไปเป็นนักสืบนะ”

“เป็นคำชมสินะ” ดีทริชเบ้ปาก

“หน้าตาฉันเหมือนคนที่กำลังชมมากสินะ”

“นั่นสิ ดูแล้วก็ไม่น่าใช่”

สุดท้ายต่างคนก็ต่างยิ้มให้กัน ดีทริชลืมเรื่องที่โนเอลไปปรากฏตัวอยู่ในงานเปิดตัวสินค้าซึ่งมีไอดอลวัยเดียวกันไปเสียสนิท



คุยท้ายเรื่อง

แต่งในมือถือนี่คอดยากไปช่วยงานไกลอีก เฮ้อเหนื่อย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่25 {หน้า6} {17/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-02-2018 00:06:17
โอ้ยโนเอ๊ลลลลล
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่25 {หน้า6} {17/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 18-02-2018 01:30:24
 :L1: :3123:  :กอด1: คนเขียนมาต่อไวมาก รัก :กอด1: โนเอลแย่แน่ๆ ดีทริชน่าจะเป็นคนตรงๆ รู้สึกไม่ชอบก็คงแสดงออกมาแน่ๆ เฮ้อ สร้างปัญหาให้ตัวเองชัดๆ แถมไม่รู้ว่านานะอะไรนั่นจะมาแสดงอิทธิฤทธิ์ใส่ดีทริชรึเปล่า แต่ยังไงหนูดีทริชก็สตรอง ไม่น่ายอมให้แกล้ง :laugh:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่25 {หน้า6} {17/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-02-2018 07:53:54
หาเรื่องแท้ ๆ นะคุณโนเอล
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่25 {หน้า6} {17/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 18-02-2018 13:22:43
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่25 {หน้า6} {17/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-02-2018 16:20:35
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน สนุกมากเลยค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่25 {หน้า6} {17/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 19-02-2018 14:48:34
อรั้ยยยย
ติดตามคะ
กดสับตะไคร้อย่างแรง ชอบแนวพล๊อตเรื่องมากเลย

จะมาเม้นอ่านบ่อยๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้รอย แต่ท่าทางจะต้องเป็นตัวยุ่งยากของโนแอลแน่เลย รอยท่าทางจะอยากดันให้ดีทริชนั่งบัลบัง
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่26 {หน้า6} {19/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 19-02-2018 22:14:19


บทที่26

การเป็นไอดอลไม่ใช่เรื่องง่ายนานะรู้ดียิ่งกว่าใคร เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักทั้งยอมทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่คิดฝัน หนึ่งในนั้นคือการพลีกายให้ผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อให้มีอำนาจและน้ำเงินสนับสนุน

“อ่า...ดี...ดีมาก นานะ” เจ้าของร่างท้วมร้องครางเสียงหลง นานะแม้จะรำคาญแต่ยังตั้งอกตั้งใจปรนเปรอด้วยปาก ไอดอลวัยใสถนัดเรื่องพวกนี้มาก

สมัยที่ยังอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าก็มักถูกผู้ดูแลสั่งให้ทำแบบนี้เป็นประจำ นานะไม่รู้สึกรังเกียจเพราะทุกครั้งที่ทำแบบนี้ชีวิตเขาจะดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการได้มาเป็นไอดอลนี่ไง

“ดี....อ้า ดีมากนานะ” ปากและลิ้นของนานะทำงานอย่างหนัก แต่การที่ตนเองปรนเปรอได้สุดยอดกว่าทุกวันเพราะจินตนาการถึงเทพบุตรผมเงินคนนั้น

ผู้ชายคนนั้นจ้องมองเขาตลอดการแสดงด้วยสายตาอันร้อนแรง หลังจากลงจากเวทีก็รีบหาข้อมูลเท่าที่จะหาได้และพบว่าเทพบุตรผมสีเงินเป็นคนใหญ่คนโตแถมมีชื่อไพเราะเพราะพริ้งอีกด้วย

โนเอล อลองโซคนนั้นสนใจเขา แค่คิดว่าจะได้กลืนกินฝ่ายนั้นด้วยปากก็น้ำลายสอเสียแล้ว นานะภาวนาให้คนคนนั้นวิ่งเข้ามาหา อัลฟ่ากับโอเมก้าเป็นของคู่กัน

 มั่นใจในความดึงดูดทางเพศของตัวเองคนระดับนี้ถ้าจับไว้ได้อยู่มือแค่ไอดอลอันดับหนึ่งของประเทศยังน้อยไป นอนกระดิกเท้าเฉยๆ เงินยังไหลมาเทมา

“อ้า...” เจ้าหมูสกปรกปลดปล่อยออกมาเสียที นานะกลืนกินเข้าไปจนหมดก่อนจะลุกขึ้นจัดแต่งเสื้อผ้า เจ้าอ้วนหัวล้านก็เช่นกัน

“เสียดายจริงที่วันนี้ทำถึงที่สุดไม่ได้ แต่วันนี้นายน่ารักมาก ไว้ฉันจะโทรมานัดใหม่แล้วกัน” นานะเบ้ปาก

เหม็นเบื่อไปได้ซักที หลังจากเจ้าอ้วนออกจากห้องไป ไม่นานนักผู้จัดการก็เข้ามาพร้อมช่อดอกไม้

“มีคนฝากมาให้แน่ะ นานะ” สีหน้าผู้จัดการดูระริกระรี้ “เดาสิว่าใคร”

“เล่นทายปัญหาหรือ” นานะหัวเราะอ้อร้อไม่สมวัยและไม่เสียเวลาคิดซักนิด “ถ้าไม่ใช่ของเทพบุตรผมเงินล่ะก็เอาไปโยนทิ้งขยะดีกว่า”

“งั้นนายควรจะรับไว้” ผู้จัดการยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าเกิดว่าได้ดีแล้วก็อย่าลืมคนที่คอยส่งเสริมนายมาตลอดอย่างฉันล่ะ”

นานะรับช่อดอกไม้หรูหรามา มีการ์ดข้อความด้วยไม่รอช้าหยิบมันขึ้นอ่าน มันเขียนว่า(โทรหาฉัน)ตามด้วยเบอร์ติดต่อ ไอดอลวัยใสเลียริมฝีปากตัวเองด้วยท่าทางยั่วยวน

“จะโทรไปหาเลยหรือ” ผู้จัดการส่วนตัวถาม

“แน่สิ...จะรอช้าทำไม เทพบุตรมาทอดสะพานทั้งที”

“นี่มันอะไรกันเนี่ย” เซซิลโยนนิตยาสารดาราที่ชื่นชอบลงตรงหน้าดีทริช

ข่าวที่ทำให้เซซิลเดือดดาลเกี่ยวกับการที่เหยี่ยวข่าวถ่ายภาพความบังเอิญซึ่งโนเอลไปโผล่หน้าในงานแสดงของนานะทุกที่ แถมไอ้นักเขียนข่าวบัดซบยังให้หัวข้อว่ามาเฟียใหญ่ตื้อรักไอดอล

เซซิลทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดจนควันออกหู “ดีทริชต้องอย่าไปสนใจข่าวบ้าๆ นี่นะ ถ้านายไม่สำคัญท่านพี่ไม่มีทางยกแหวนของท่านแม่ให้หรอก”

หมู่นี้ท่านพี่ไม่ยอมกลับบ้านโทรไปก็ไม่รับ “วางใจเถอะนะทริชฉันจะทวงถามความจริงจากท่านพี่มาให้นายให้ได้”

ดีทริชเปิดนิตยาสารอ่านข้อความข่าว สีหน้าสงบนิ่งเยือกเย็น

“ถ้าโนเอลมีคนใหม่ฉันจะเป็นฝ่ายไปเอง”

“ไม่นะทริช ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด นายต้องสู้สิ ท่านพี่เป็นสมบัติของนายนะ”

ดีทริชยิ้มหยัน โนเอลไม่ใช่สมบัติของเขารู้ดีว่าไม่มีสิทธิและพลังพอจะเหนี่ยวรั้ง อีกอย่างคิดอยู่แล้วว่าคงมาถึงซักวันจึงไม่แปลกใจ ทั้งอย่างนั้นความอึดอัดใจที่เกิดขึ้นนี้มันช่างน่ารำคาญจริงๆ

“ทริชโทรหาท่านพี่เดี๋ยวนี้เลย” เซซิลคะยั้นคะยอ ในใจสับสนทั้งอยากโทรไปและไม่อยาก ติดต่อไปแล้วจะคุยอะไรล่ะ ตามจิกถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างโนเอลกับไอดอลนั่นหรือ น่าสมเพชยังไงไม่รู้

“โถ่…ทริชชักช้าเอามือถือมานี่” เซซิลคว้าไปจากมือและต่อสายหาโนเอล เชื่อมั่นว่าถ้าเป็นดีทริชท่านพี่ต้องรับสาย

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นระหว่างที่โนเอลปรนเปรอคู่ขาใหม่ซึ่งตั้งใจจะใช้มันหลอกล่อแม็กซิม

ระยะหลังนี้เขาทุ่มตื้อจีบทำตามนิสัยเดิมๆ สนใจคนใหม่ก็เขี่ยคนเก่าทิ้ง แบบนี้แม็กซิมจะละความสนใจจากดีทริชในเวลาไม่นาน

โนเอลมองดูเบอร์เรียกเข้าคนโทรมาคือดีทริชจึงรับสายขณะทอดมองไอดอลราคาถูกซื้อนั่นนี่ตามใจชอบ

(ดีใจที่นายโทรมานะ) ดีทริชรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีเมื่อได้ยินเสียงโนเอล

“ถามไปสิว่าทำอะไรอยู่ แล้วอยู่ที่ไหน” เซซิลกระซิบบงการ

“ใช่ว่าอยากจะโทรมาซักหน่อย เซซิลบังคับน่ะ”

(แต่ฉันดีใจนะ รักนะดีทริช) ดีทริชไม่รู้ตัวว่าตนเองยิ้มกว้างกว่าทุกที

“ตั้งใจทำงานนะ”

(อืม…)

ดีทริชวางสายไปเป็นจังหวะที่นานะเรียกโนเอลไปพอดี ชักจะเริ่มเบื่อหน่ายกับการต้องฝืนใจ

เอฟเว่นอมยิ้มไม่หุบเพราะว่าอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมต้องการจะส่งงานของเขาเข้าประกวด

ภาพวาดหมู่เทวดาที่เอฟเว่นใช้ดีทริชกับเซซิลเป็นแบบต้องตาต้องใจใครหลายคนมันสร้างความภูมิใจมากมายเหลือเกิน

กลับไปต้องอวดให้ดีทริชกับเซซิลฟัง เอฟเว่นเดินเขย่งก้าวกระโดด สุดท้ายไม่ระวังตัวชนเข้ากับคนอื่นที่หัวมุม

“อ๊ะ…” ถูกคว้าเอาไว้จึงไม่ลงไปกอง คนที่ช่วยและเดินชนคือมาเรี่ยนทำเอาเอฟเว่นดีดตัวออกแทบไม่ทัน

“เธอคิดคำตอบไว้แล้วหรือยัง” มาเรี่ยนกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนเสือร้าย ใจจริงไม่รีบร้อนอะไรเพราะทุกอย่างอยู่ในมือเขาแล้ว

“ฉัน…” เพราะความดีใจเรื่องภาพวาด จึงลืมเรื่องที่มาเรี่ยนหมายหัวดีทริชไปเสียสนิท

“ดีทริชเขาเห็นนายเป็นเพื่อน แต่นายกลับตั้งใจจะเล่นงานเขา ฉัน…”

เอฟเว่นสรรหาคำมาอธิบายความรู้สึกไม่ถูก มาเรี่ยนเหยียดยิ้มร้ายเดินเข้าหากดดันจนต้องถอยไปติดกำแพง

“เธอประเมินผมต่ำไปนะ ผมจะทำมากกว่ารังแกอีก จริงสิผมต้องไปหาดีทริชแล้ว”

มาเรี่ยนปล่อยให้เอฟเว่นยืนอึ้งก่อนจะวิ่งไล่ตามมาเรี่ยนไป

“หยุดก่อนเลิกวางแผนรังแกดีทริชเถอะนะ” คว้ามือของมาเรี่ยนเอาไว้

“หมายความว่าเธอจะยอมเป็นคนรักของผม”

“เอ้อ..คือ…” เอฟเว่นพูดไม่ออก เขาไม่อยากทำร้ายใคร แต่สุดท้ายตัดใจเลือกดีทริชเพื่อนสนิทที่แสนดี

“ถ้าฉันคบกับนาย นายต้องสัญญาว่าจะไม่ลงมือกับดีทริช”

“จูบผมสิ แล้วเราจะบรรลุสัญญา”

เอฟเว่นลนลานเพราะมาเรี่ยนหลับตาพริ้มรอคอยจูบ ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานทีเดียวจึงตัดสินใจจุมพิตแผ่วๆ ร่างกายร้อนผ่าวด้วยความอับอาย

“เธอเป็นคนรักของผมแล้ว ดังนั้นเพื่อนสนิทของเธอก็สำคัญกับผม อันที่จริงผมกับดีทริชเราก็สนิทกันมากอยู่แล้ว” มาเรี่ยนดึงรั้งเอฟเว่นเข้าไปกอดก่อนจะหอมแก้มคนตัวเล็กกว่า

“ผมรักเธอมากนะ จนบางครั้งก็คิดว่าตัวเองไม่ปกติ เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้ผมเพี้ยนไป”

แบบนี้มันจะดีที่สุดหรือไม่เอฟเว่นไม่รู้ แค่ขอแค่ปกป้องดีทริชได้เขาก็พอใจแล้ว

เอฟเว่นปล่อยให้มาเรี่ยนไปรับดีทริชส่วนตัวเองรอจังหวะไม่ให้โผล่ไปพร้อมกัน

จะให้ดีทริชรู้ไม่ได้ว่าเขายอมคบกับมาเรี่ยนเพื่อป้องกันไม่ให้มาเรี่ยนลงมือกลั่นแกล้งดีทริช

เอฟเว่นรอให้ดีทริชไปห้องสภากับมาเรี่ยนเสียก่อนแล้วเข้าไปรับเซซิลไปชมรมวาดภาพ

“หายไปไหนมา” เซซิลกระเง้ากระงอด “รอนานมากเลยนะ”

เอฟเว่นรีบเล่าเรื่องที่ได้รับโอกาสส่งภาพไปประกวดเพื่อกลบเกลื่อนทันที

ขณะเดียวกันดีทริชสังเกตุได้ว่ามาเรี่ยนอารมณ์ดี ปกติจะไม่ค่อยแสดงสีหน้าเท่าไหร่ ถึงสนิทกันได้พักใหญ่แต่กับเขาใช่ว่าจะยิ้มอ่อนโยนให้เห็นแบบนี้

“นายมีเรื่องดีดีสินะ” ดีทริชถาม

“กลับกันนายกำลังอารมณ์เสียใช่ไหม”

“นายรู้อะไรดีๆ หรือไง” ดีทริชเหยียดยิ้ม ไม่แปลกใจความสามารถในการสืบค้นระดับสุนัขตำรวจของมาเรี่ยนอีกแล้ว

“นายต้องมั่นคงให้มาก ผมไม่รู้หรอกนะว่าอลองโซคนพี่ดีกับนายจริงใจกับนายมากแค่ไหน แต่ข่าวเปลี่ยนคู่ขาบ่อยของเขาเป็นมานานแล้ว คนบางคนถึงจะมีตัวจริงแต่ไม่ได้คิดจะเลิกเจ้าชู้ เพราะนายเป็นเพื่อนผมจึงอยากเตือนนายให้เผื่อใจเอาไว้บ้าง”

ดีทริชนิ่งงันเข้าใจว่ามาเรี่ยนหวังดีไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น

“ผมคิดว่านายไม่ใช่คนที่จะอดทนปล่อยให้คนรักมีคนอื่น ผมไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม”

“ใช่นายเดาถูกทุกอย่าง”

ดีทริชรับไม่ได้หากว่าคนที่รักจะมีคนอื่นโดยที่คบเขาไปพร้อมกัน

นายจะมีแค่ฉันคนเดียวหรือเปล่านะโนเอล

เป็นครั้งแรกเลยที่ส่งข้อความไปหาโนเอล คิดว่าตัวเองทำโง่ๆ แต่ร่างกายมันเคลื่อนไหวตามใจชอบ

ดีทริช: นายคงไม่ได้โกหกอะไรฉันอยู่ใช่ไหม

โนเอล: ยกตัวอย่างเช่น

ดีทริช: เช่นนายหมดรักฉันแล้ว

ดีทริชคิดว่าการที่อีกฝ่ายมีคนอื่นคือการหมดรัก ไม่อย่างนั้นจะปันใจไปได้อย่างไร

โนเอล: คนที่ฉันรักคือนายคนเดียว ไม่เคยคิดมีคนอื่น

ดีทริชไม่รู้ตัวว่าตนเองยิ้มจนมาเรี่ยนเอ่ยทัก “นายเองก็ยิ้มไม่หุบเหมือนกัน ผมจะไม่ถามนะว่าเพราะอะไร”

“ถึงถามก็ไม่บอก”

ดีทริชเก็บมือถือลงกระเป๋าก้าวเดินอย่างสบายๆ ไปห้องสภานักเรียนพร้อมมาเรี่ยน



คุยท้ายเรื่อง

เคยคิดจะเขียนncนะแต่สงสัยว่าคงตอนจบแน่ๆ เลย 5555

รอดีทริชกับเอฟเว่นโตวนไปนะคะ

เราอาจจะลืมระบุรายละเอียดแต่น้องขึ้นมต้นกันแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่26 {หน้า6} {19/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-02-2018 23:23:42
โนเอลลลล ควรคุยกับดีทริส นะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่26 {หน้า6} {19/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 19-02-2018 23:26:08
อยากให้ทุกคนเติบโตพ้นวัยประถม
เวลาเข้าฉากNC เวลาอ่านจะรู้สึกดีหน่อย
ไม่เป็นการพรากผู้เยาว์ก่อนวัยอันควร :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่26 {หน้า6} {19/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 20-02-2018 00:01:55
อยากให้ทุกคนเติบโตพ้นวัยประถม
เวลาเข้าฉากNC เวลาอ่านจะรู้สึกดีหน่อย
ไม่เป็นการพรากผู้เยาว์ก่อนวัยอันควร :katai2-1:
เราอาจจะลืมเขียนลงไปแต่น้องขึ้นมต้นกันแล้วค่า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่26 {หน้า6} {19/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-02-2018 00:26:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่26 {หน้า6} {19/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 20-02-2018 07:03:01
นานะไรนั่นแรดสะด้วย :katai1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่26 {หน้า6} {19/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 20-02-2018 16:15:32
เหมือนจะบอกแล้วนะว่าขึ้นมต้น รอนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 20-02-2018 16:26:04


บทที่27

อาทิตย์หนึ่งเต็มๆ ที่เซซิลเอาแต่บ่นไม่หยุดว่าไม่ได้พบท่านพี่เลย ดีทริชต้องนั่งฟังแถมยังคอยปลอบ นอกจากนั้นเขาต้องพลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วยเพราะข้อมูลเกี่ยวกับโนเอลที่เพิ่มมากขึ้นจากปากของเพื่อนสาว

“ดูนี่สิ” เซซิลโยนหนังสือนิตยาสารเล่มล่าสุดมาตรงหน้า “พวกเหยี่ยวข่าวถ่ายภาพท่านพี่กับนานะบังเอิญออกมาจากโรงแรมเดียวกัน

“แค่บังเอิญหรือเปล่า” ดีทริชคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลไม่รู้ว่าตั้งใจทำแบบนี้เพื่อนเตือนสติไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านหรือเปล่า

“แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่ฉันคิดล่ะ ถ้าไอดอลราคาถูกนั่นตั้งใจดักเจอยั่วยวนท่านพี่ล่ะ” เซซิลกล่าวเสียงแหว ไม่เข้าใจดีทริชทำไมถึงยังนิ่งสงบอยู่ได้

“อันที่จริงจากในนิตยาสารเหมือนโนเอลเป็นฝ่ายไปตื้อมากกว่านะ” ดีทริชเปิดอ่านข่าวเกี่ยวกับนานะและโนเอล

ก่อนหน้านั้นโนเอลเคยพูดว่ารักเขาคนเดียวและไม่คิดมีคนอื่น ประโยคคำพูดเช่นนี้ทำให้ดีทริชเลือกจะไว้วางใจ ก็พวกเขาเป็นคนรักกัน หากเอาแต่หึงหวงไร้เหตุผลแบบนั้นแล้วเขาควรเลิกคบกันไปเสียดีกว่า

“ถ้าอย่างนั้นนายจะไม่ถามพี่ชายเลยหรือทริชว่าเรื่องมันเป็นยังไง”

ดีทริชนิ่งคิด ตามจริงเขากับโนเอลก็พึ่งคบหากันไม่เท่าไหร่ ทั้งอย่างนั้นกลับได้รับของสำคัญจากคนรักมา อดไม่ได้ที่จะจับแหวนซึ่งห้อยอยู่กับสร้อยคอคลึงไปมา เขาเลือกจะเชื่อใจถึงแม้นิตยาสารดาราชี้ให้เห็นเป็นอีกอย่าง

“ดีทริช มาเรี่ยนมารับแนะ”

เพื่อนร่วมห้องตะโกนเรียก พอหันไปพบว่าเอฟเว่นมาพร้อมกับมาเรี่ยน แปลกสองคนนี้มาพร้อมกันได้ยังไง แถมวันนี้ก็ไม่ได้จำเป็นต้องไปรวมตัวที่ห้องสภานักเรียน ดังนั้นการโผล่หน้ามาของอีกฝ่ายจึงนับว่าประหลาดไม่น้อย

“พอดีฉันได้เจอเอฟเว่นกลางทางเลยมาเจอนายด้วยกันเลย” ดีทริชเลิกคิ้วให้คนพูดอย่างมาเรี่ยน

“นายนอกจากเป็นนักสืบแล้วยังเป็นนักเดาใจด้วยหรือ ความสามารถรอบด้านไปมั้ง”

จากนั้นเบนสายตาไปหาเอฟเว่น เพื่อนสนิทสะดุ้งนิดๆ ดีทริชหรี่ตามองดูมาเรี่ยนกับเอฟเว่นสลับไปมา นี่เราพลาดอะไรไปหรือเปล่านะ

“จริงๆ ที่มานี่ว่าจะมาชวนไปดูงานนิทรรศการภาพวาด ได้ตั๋วจากคนรู้จักมาสี่ใบ คิดว่าไงดีทริช”

“นั่นสิอย่างน้อยคนแถวนี้สองคนก็สมควรที่จะไป” ดีทริชหมายถึงเอฟเว่นกับเซซิลที่อยู่ชมรมวาดภาพ

“ว่าไงเซซิล เอฟเว่นจะไปไหม” ดีทริชถาม

“ฉันยังไงก็ได้ ถ้าดีทริชกับเอฟเว่นไปฉันก็ไป” ถึงก่อนหน้านั้นจะไม่ชอบหน้ามาเรี่ยนแต่จากการสังเกตุดูดีทริชมาระยะหนึ่งเซซิลพบว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจึงเลิกเขม่นเจ้าหมอนี่ไปนานแล้ว

“เอฟเว่นล่ะ” ดีทริชกับเซซิลหันไปมองเอฟเว่น

“เธอจะไปใช่ไหม คงไม่ปฏิเสธคำชวนของผมสินะ”

 เอฟเว่นสีหน้าหม่นหมอง เหมือนไม่เต็มใจซักเท่าไหร่ เรียกได้ว่ากลัวดีทริชจะรู้ความจริงเรื่องที่เขาคบกับมาเรี่ยนเพื่อกันไม่ให้แกล้งเจ้าตัวนั่นเอง

ในขณะเดียวกันดีทริชกลับรู้สึกอย่างแรงกล้า คำพูดคำจาและสายตาคมกริบทว่าแฝงความเอ็นดูที่มาเรี่ยนทอดมองเอฟเว่น เจ้าหมอนี่ไม่เคยแสดงสีหน้าแววตาอย่างนี้กับใครให้เขาเห็นเลย

มาเรี่ยนกับเอฟเว่นคบกันอย่างนั้นหรือ? ดีทริชตัดสินใจจะเงียบเอาไว้ก่อน

“อื้อ...ฉันคิดว่าไปก็ดีเหมือนกัน” เอฟเว่นเสียงอ่อย

ดีทริชรู้สึกได้ว่าเอฟเว่นดูจะกลัวๆ มาเรี่ยน ดังนั้นตลอดเวลาที่อยู่ในงานนิทรรศการที่ทางโรงแรมจัดขึ้น จึงเอาใจใส่เพื่อนคนนี้และจับตาดูมาเรี่ยนไปพร้อมกัน เซซิลยังคงเป็นคนที่รู้สึกช้าแต่เห็นได้ชัดว่ามีบรรยากาศสีชมพูหม่นๆ ระหว่างทั้งสองคน

“ทริชไปห้องน้ำกันดีไหม” เอฟเว่นเอ่ยชวน

               ก็พอดีเลยดีทริชอยากอยู่สองคนกับมาเรี่ยน เขาต้องการจะถามอีกฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัย

               “นายไปเถอะฉันยังไม่อยากไป”

               เอฟเว่นหน้าเสีย สงสารอยู่หรอกแต่ถ้าเสียโอกาสนี้ไปคงต้องรออีกสองวันเพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดแล้วด้วยสิ

               “งั้นฉันไปเป็นเพื่อนเองนะเอฟเว่น ไปกัน”

 เซซิลลากคนอยากเข้าห้องน้ำไป เอฟเว่นหันมามองดีทริชตลอดทาง เขาไม่อยากให้เพื่อนสนิทอยู่กับมาเรี่ยนสองต่อสอง ถึงจะได้รับคำสัญญาแล้วก็เถอะ

               “นี่เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วช่วยไปซื้อน้ำมาด้วยนะ”

 ดีทริชตะโกน ตั้งใจจะถ่วงเวลาให้มากเพื่อจะคุยได้นานๆ ทว่ายังไม่ทันได้คุยก็เห็นคนคุ้นเคยแวบๆ โนเอลนั่นเอง ดีทริชเสียสมาธิเพราะคนที่มาด้วยคือนานะคนนั้น

“ตามไปดีไหม” มาเรี่ยนเห็นโนเอลกับไอดอลที่เป็นข่าวด้วยกันชัดเจนเขาเป็นแวมไพร์หูตาจมูกย่อมดีกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว

 คิดอยู่เหมือนกันว่าคาสโนว่าอย่างอลองโซคนพี่ถึงมีตัวจริงก็คงไม่พ้นแอบหาเศษหาเลยเป็นครั้งคราว แต่ที่คาดไม่ถึงคือการที่ดีทริชหลั่งน้ำตาต่อหน้า

“ดีทริช...”

 เสียงเรียกของมาเรี่ยนทำให้เขาสะดุ้ง ภาพบาดตาเมื่อครู่มันทำให้เขาเจ็บ ทั้งๆ ที่เคยมั่นใจว่าสามารถไปจากโนเอลได้ทันทีหากทราบความจริงเรื่องนอกใจ แต่พอประสบกับตัวกะทันหันดีทริชทำอะไรไม่ถูกแถมร้องไห้ออกมาอย่างน่าอาย

นี่เรารักโนเอลขนาดนี้เชียวหรือ อยากปฏิเสธความจริงแต่การต้องมาหลั่งน้ำตาเพื่อคนโกหกมันชัดเจนอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันเอฟเว่นพยายามเร่งให้เซซิลรีบทำธุระให้เสร็จ เพื่อนสาวตัวดีเอาแต่ชวนเถลไถลระหว่างทางไม่เลิก กว่าจะกลับมาเจอดีทริชได้ก็นานโข ทว่าเมื่อมาถึงก็พบว่าเพื่อนสนิทร้องไห้ด้วยสีหน้าปวดร้าวอย่างที่สุด ดังนั้นจึงปรี่เข้าไปผลักมาเรี่ยนออกแล้วกางปีกปกป้อง

“นายทำอะไรทริชกันแน่มาเรี่ยน” เอฟเว่นยืนบังดีทริชจนมิด ท่าทางห้าวหาญพร้อมปกป้องเพื่อนมันทำให้มาเรี่ยนนับถือแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอิจฉาอย่างท้วมท้น

“เธอก็เห็นตำตาแล้วว่าผมทำอะไร” มาเรี่ยนจงใจกวนโมโห จุดประสงค์เพื่อให้เอฟเว่นปูดเรื่องระหว่างพวกเขาออกมาให้หมด

“นายผิดสัญญา นายสาบานแล้วว่าถ้าฉันยอมคบด้วย นายจะไม่รังแกดีทริช”

“พวกนายคบกันอยู่หรือ” เซซิลงุนงงไปหมด แถมดีทริชยังมาร้องไห้อีก ไม่รู้จะทำอะไรดีนอกจากใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้ดีทริช

“ฉันเกลียดตัวเองจริงๆ ที่รู้สึกชอบนาย คิดไม่ถึงเลยว่านายจะเป็นคนเลวร้ายแบบนี้”

“ผมเป็นคนเลวร้ายเพราะความคิดและการกระทำของเธอนั่นแหละ”

ยิ่งมาเรี่ยนโยนความผิดมาให้เอฟเว่นยิ่งควบคุมสติไม่อยู่ ลืมหมดสิ้นทั้งยางอายและเหตุผล

“ฉันผิดตรงไหน อย่ามาใส่ร้ายกันนะ”

“ผิดที่ชอบผมแต่ก็ยังโกหก เธอหลอกทั้งผมทั้งตัวเองมันทำให้พวกเราต่างเจ็บปวด”

“ที่ฉันทำลงไปทั้งหมดก็เพราะยังไงเราก็ไม่มีทางรักกันได้ ฉันมีคนที่ถูกวางตัวให้หมั้นด้วยอยู่แล้ว”

เอฟเว่นพูดความในใจออกไปจนหมด รู้สึกตัวอีกทีก็ไม่ทันเสียแล้ว คนตัวเล็กหันไปมองดูคนรอบตัวไม่ว่าจะดีทริชที่หยุดร้องไห้แล้วมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง หรือแม้แต่เซซิลที่แววตาแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์เพราะเจอเรื่องสนุก

“ก็ถ้าใจตรงกันก็คบกันไปสิ” เซซิลยืนเท้าเอวด้วยท่าทางก๋ากั่น

“แต่ว่า อีกหน่อยก็ต้องแยกกัน” เอฟเว่นเถียงเสียงอ่อย รู้สึกอับอายขายหน้าที่พ่นความลับไปจนหมด

“ทำไมล่ะ ถึงจะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิตไม่ได้ แล้วทำไมไม่ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า จริงสิถึงจะถูกบังคับ แต่นายจะแอบคบหามาเรี่ยนอย่างลับๆ ต่อไปก็ได้นี่ นายมีสิทธิที่จะเลือก”

“ทำแบบนั้นมันเป็นการทรยศทั้งว่าที่สามีทั้งทำร้ายจิตใจมาเรี่ยนด้วย ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

“เป็นฉันจะไม่สนใจซักนิด เอฟเว่นนายเก็บเรื่องนี้ไว้นานเท่าไหร่แล้วนี่” เซซิลเดินเข้าไปกอด ดีทริชเองก็ส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ เมื่อได้รับการปลอบโยนอย่างอบอุ่นน้ำตามันก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว

“รักใครก็บอกว่ารักสิ นายจะคิดมากทำไม” ดีทริชลูบหัวเอฟเว่นปลอบโยน คนตัวเล็กยิ่งสะอึกสะอื้น

“เธอชอบผมไหม” มาเรี่ยนไม่ยอมเสียโอกาส เขาเลือกที่จะกระหน่ำตีให้แตก เอฟเว่นพยักหน้าแทนคำตอบขณะที่จมในอ้อมกอดของเซซิล

“ไปพูดกับมาเรี่ยนให้ดีๆ “ เซซิลผลักไสเขาไปตรงหน้ามาเรี่ยน เอฟเว่นเริ่มจะประหม่าเพราะพึ่งรู้ตัวว่า ผู้คนในนิทรรศการมองมาเป็นจุดเดียว

“ฉัน...ฉันอยากกลับบ้าน..” เอฟเว่นหันไปมองขอความช่วยเหลือจากดีทริช เพื่อนสนิททำเพียงยักไหล่

“บอกผมอีกทีสิว่าเธอรักผม แล้วต่อให้มีท่านพ่อของเธอหรือขวากหนามอีกเป็นร้อยผมก็พร้อมจะต่อสู้กับมัน”

“จริง...หรือ” เอฟเว่นมองเข้าไปในดวงตามุ่งมั่นของมาเรี่ยน ไฟในแววตาซึ่งลุกโชนทำให้รู้สึกเหมือนตกหลุมรักอีกครั้ง

เขาชอบมาเรี่ยนที่อ่อนโยนใจดี เวลาที่ฝ่ายนั้นดูแลดอกกุหลาบในแปลงอย่างทนุถนอมช่างอ่อนหวานเหลือเกิน และตอนนี้ดวงตาอันแน่วแน่มุ่งมั่นมันทำให้เขาเกิดความชอบพอมากยิ่งขึ้นไปอีก เชื่อมั่นว่าคนที่มีแววตาเช่นนี้จะสามารถทำทุกอย่างที่พูดออกมาได้แน่นอน

“ฉันชอบนาย ชอบมานานแล้ว” เมื่อได้ยินคำตอบมาเรี่ยนก็คุกเข่าลงตรงหน้าจับมือเอฟเว่นแล้วจุมพิตลงไปบนหลังมือ

ภาพน่ารักๆ ของทั้งคู่ทำให้คนในนิทรรศการตบมือให้ เอฟเว่นอับอายจนหน้าแดงไปหมด มาเรี่ยนจัดการลากคนตัวเล็กกว่าพาไปยังหน้าห้องรับรองของโรงแรมที่ไม่ห่างจากห้องจัดนิทรรศการ ที่นั่นพ่อบ้านตระกูลรูคซึ่งควรจะประจำการที่คฤหาสน์ยืนรออยู่

 “คุณหนู ท่านมาเรี่ยน นายท่านรออยู่แล้วขอรับ”

เอฟเว่นหน้าซีดเผือด ท่านพ่อรออยู่แล้ว คงไม่ใช่ว่ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับมาเรี่ยนหมดแล้วจึงมาดักรอลงโทษเขาหรอกนะ

“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะอยู่ข้างๆ เธอ” มาเรี่ยนบีบมือเอฟเว่นเบาๆ

“ไปกันเถอะ” มาเรี่ยนเดินนำเอฟเว่นเข้าไปในห้องรับรอง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เมื่อเข้าไปด้านในก็พบว่ามีสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่กับท่านพ่อ

“มาพอดีเลย เท่านี้เราก็ตกลงเรื่องหมั้นหมายของเอฟเว่นกับมาเรี่ยนได้แล้วสินะคะ”

ท่านพ่อยิ้มให้สาวสวยคนนั้น เอฟเว่นมองท่านพ่อกับผู้หญิงคนนั้นสลับกันก่อนจะหันไปจ้องมองมาเรี่ยนด้วยสายตางงงัน

“ยังจะงงอะไรอีกล่ะ ผมพาท่านย่ามาขอหมั้นเธอเอาไว้ก่อน ขอโทษนะที่ปล่อยให้รอนาน”

ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องดีๆ แต่เอฟเว่นก็ยังงงงันจบต้นชนปลายไม่ถูก เขาไม่เข้าใจเลยไม่เข้าใจซักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น



คุยท้ายเรื่อง

จะขอหายไปซักสามวันนะคะ ตั้งใจว่าจะรีบปั่นงานพิเศษซักหน่อย

ฝากแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันบ้างนะคะ ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 20-02-2018 16:34:47
  :serius2: ว่าแล้วเชียว นานะต้องตัวร้าย ได้กลิ่นตัวขี้อิจฉามาแต่ไกล เดี้ยวก็มาแนวเข้าข้างตัวเองว่าโนเอลชอบอีกล่ะสิ เชียร์ให้ดีทริชรู้แผนการโนเอลแล้วแกล้งกลับเลย o18 จู่ๆก็ทำอะไรไม่คิดให้รอบคอบ มันน่าจะมีวิธีอื่นป่ะะะ  :m31:
มาเรี่ยนกับเอฟเว่นเค้ากุ้งกิ้งกับมาก  :katai2-1: :impress2: ฉันชอบคู่นี้ ชงมาเยอะๆ ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 20-02-2018 17:33:36
ท่านมาเรียนนนนนนนน
ทำดีมากๆ ปรบมือ
 :-[

หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 20-02-2018 18:57:49
สองอารมระหว่างกิ๊ก๊าวกับสลด :katai1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 20-02-2018 19:17:40
คือหลอกให้กลัวว่างั้น
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-02-2018 20:09:16
เฮ้อออ สงสารดีทริส
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 20-02-2018 20:22:06
คู่มาเรียนเอฟเว่น ดูดีแล้ว แล้วคู่พระเอกนางเอกนี่สิ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 20-02-2018 21:36:24
โอ๊ยยยดีทริส รีบมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-02-2018 09:14:13
มาเรี่ยนกับเอฟเว่นจะได้หมั้นกันแล้ว แต่ดีทริชกับโนเอลยังอึมครึมกันอยู่เลย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่27 {หน้า6} {20/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 21-02-2018 11:01:30
โนเอล กบับมาง้อทริช เดี่ยวนี้!!
เดี่ยวจะหลุดมือไปก่อนนะ!
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่28 {หน้า7} {21/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 21-02-2018 13:20:52


บทที่28

หลังจากมาเรี่ยนพาเอฟเว่นหายไป เซซิลก็หันมาพูดคุยกับดีทริช “ทำไมนายถึงร้องไห้ล่ะทริช”

ดีทริชเงียบไม่ยอมตอบ เขากำลังครุ่นคิดบางอย่างและตัดสินใจได้แทบจะในทันที “ฉันจะเอาแหวนไปคืนโนเอล”

“อะไรนะ” เซซิลร้องเสียงหลง “ไม่ได้เด็ดขาดนะ เอาอย่างนี้ดีกว่าเราไปพูดกับท่านพี่ให้รู้เรื่อง ฉันจะโทรหาท่านพี่ว่าท่านพี่อยู่ที่ไหน”

“ไม่ต้องโทรหรอกฉันเห็นเขาอยู่ในโรงแรมนี้กับนานะ” ดีทริชยิ้มหยัน

อยู่ในโรงแรมป่านนี้คง.... โนเอลอาจจะเบื่อที่เขาบอกให้ต้องรอ คนที่สามารถปลดเปลื้องราคะตามใจชอบมาตลอดกลับต้องมาอดทนอย่างนี้ไม่แปลกใจที่จะนอกใจไปกับคนอื่น

มันเป็นความผิดของเขาหรือที่ไม่ยอมให้โนเอลทำตามใจชอบ คำตอบในใจคือไม่ใช่แน่นอน ฝ่ายนั้นต่างหากที่พูดแล้วไม่รักษาสัญญา อดทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทน เขาไม่สามารถคบกับคนหลอกลวงได้อีก

“อะไรนะ นายเจอท่านพี่ที่โรงแรมนี้งั้นหรือ” เซซิลกัดฟันกรอด โรงแรมแห่งนี้มีอลองโซเป็นเจ้าของ ไม่ยอมกลับบ้านแต่มาขลุกกับเจ้าไอดอลชั้นต่ำที่นี่เชียวหรือ เห็นทีเธอต้องเตือนสติท่านพี่เสียหน่อยแล้ว

“ไปที่จุดรับบริการของโรงแรมกัน ฉันจะไปถามเองว่าท่านพี่พักอยู่ห้องไหน”

 เซซิลลากบังคับดีทริชไปตามทาง ทีแรกเขาขัดขืนแต่พอเห็นแววตาเอาจริงเอาจังของเพื่อนสนิทจึงยอมตาม อีกอย่างเขาอยากจะรู้ว่าโนเอลจะทำอย่างไรถ้าเขาโผล่หน้าไป

ภายในห้องรับรองใหญ่โตข้างกายของโนเอลมีนานะคลอเคลียอยู่ด้วย ไอดอลตัวน้อยเสียดสีร่างกายเข้ากับร่างสูงพยายามปลุกราคะให้ลุกโชน

บอกตามตรงว่าเจ็บใจ มันตั้งหนึ่งเดือนมาแล้วนะที่ได้ใกล้ชิดกับโนเอล ทว่านานะไม่เคยได้เกินเลยกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่จูบ มันแปลกอีกฝ่ายเข้าหาเขาไม่ได้ต้องการเนื้อหนังมังสาของเขาหรือ จะว่าทนุถนอมเพราะมีรักอันบริสุทธิ์ก็ไม่น่าใช่

แบบนี้มันไม่สนุก นานะเลิกออดอ้อนแล้วแสร้งทำงอนให้ง้อลงจากตักโนเอลไปนั่งกอดอกไม่พูดไม่จา

“เป็นอะไรไป” นานะรอให้โนเอลถามอยู่แล้วแต่ยังแสร้งไม่พอใจ

“คุณไม่กอดผมเลย แถมไม่ยอมจูบด้วย” โนเอลเหยียดยิ้มเย็นชา ไอดอลตัวน้อยมัวแต่กระเง้ารกระงอดจึงไม่ทันเห็นสีหน้าของเขา ที่ไม่กอดไม่จูบก็เพราะทุกครั้งที่ต้องทำแบบนี้เขาจะนึกถึงดีทริช

“อะไรกันๆ นี่มันรักบริสุทธิ์หรือไงหะ”

โนเอลหันไปมองคนที่บุกเข้ามาทางประตูเป็นแม็กซิมนั่นเอง อีกฝ่ายทำท่าทางเขื่องโขเดินวางก้ามผ่านลูกน้องของเขา อันที่จริงได้สั่งเอาไว้ว่าระหว่างที่อยู่กับนานะหากพี่ชายต่างมารดาเข้ามาก่อกวนให้ปล่อยมาเจอเขาไม่ต้องขัดขวาง

“แหม รสนิยมดีกว่าคราวที่แล้วเยอะนะ ไอ้คนที่แล้วแววตามันแข็งกร้าวจนไม่น่ารักซักนิด แต่คนนี้นี่สุดยอดไปเลย”   

 แม็กซิมจ้องมองนานะด้วยสายตาร้อนแรงทำเอาเขินอายเลยทีเดียว แม็กซิม ฟีโอเร่ ใครๆ ก็รู้จักทั้งนั้น คนคนนี้เป็นบุตรชายคนโตของผู้บริหารประเทศฝั่งขวาท่านคาร์ม่า ไอดอลตัวน้อยชม้ายมองทอดเสน่ห์

“ว่าไงส่งมาให้พี่ชายลิ้มลองซักหน่อยดีไหม” แม็กซิมประสงค์ร้ายคิดว่าโนเอลต้องจริงจังกับนานะมากพอดู ถึงขนาดอดเปรี้ยวไว้กินหวานไม่ยอมแตะต้อง ดังนั้นจึงคิดจะแย่งมาให้เจ็บใจเล่น คนอย่างโนเอลมีหรือจะกล้าขัดใจ

ขณะเดียวกันนานะหันไปมองดูสีหน้าโนเอล ไอดอลตัวน้อยคิดสะระตะในหัว โนเอลก็ดีอยู่หรอกแต่ดันน่าเบื่อกว่าที่คิด ยิ่งพอชายตาไปยังแม็กซิมฝ่ายนั้นกลับใช้สายตาร้อนแรงจ้องมองมา ฐานะดีกว่ารูปร่างหน้าแต่แม้ด้อยไปนิดแต่เชื่อว่าคงได้รับการปรนเปรอทั้งทางกายและอำนาจจนหนำใจแน่ๆ

โนเอลมีสีหน้าเยือกเย็นคนอื่นอาจเห็นว่าเขาโกรธที่ถูกแย่งนานะ แต่ที่จริงแล้วกลิ่นกายของดีทริชลอยอวลอยู่รอบตัวเขาและมันน่าจะอยู่ตรงหน้าห้อง แถมกลิ่นของเซซิลเองก็ผสมปนเปด้วยกัน เป็นอย่างที่คาดเซซิลบุกเข้ามาในห้อง ไม่เห็นตัวคนรักน่าจะแอบฟังอยู่ด้านนอกนั่นแหละ

“ท่านพี่ทำไมมาเกลือกกลั้วกับไอดอลราคาถูกนี่ละคะ” เซซิลกวาดตาไปทั่วก็พบกับแม็กซิม เธออุทานดัง “อ้อ” คำเดียวก่อนจะพุ่งความสนใจไปที่ท่านพี่

“ท่านพี่ทำอย่างนี้กับเพื่อนของน้องได้ยังไง ท่านพี่คิดอะไรอยู่กันแน่ ท่านพี่เคยจริงใจกับใครบ้างไหม คิดจะเล่นๆ กับดีทริชแค่นั้นหรือ”

นานะเดาว่าดีทริชคงเป็นเด็กคนก่อนเขา แต่ก็รู้สึกนับถือเจ้าคนก่อนถึงขนาดล่อลวงให้น้องสาวของโนเอลออกหน้าแทนได้ด้วย ส่วนแม็กซิมนะหรือจัดการชงเหล้าด้วยตัวเองมองดูความสนุกตรงหน้า พี่น้องทะเลาะกันเพราะอะไรก็แล้วแต่มันบันเทิงดีชัดๆ ขอให้พวกมันพินาศย่อยยับก็พอแล้ว

“ถ้าเป็นคนสำคัญตัวจริงล่ะก็พี่จะมอบของดูต่างหน้าแม่อย่างแหวนที่แม่สวมติดตัวไว้ตลอดให้ พี่เคยบอกน้องแล้วนี่”

“ก็ใช่นะสิ...” ยังไม่ทันที่เซซิลจะพูดจบโนเอลส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องเข้ามา “จะทำอะไรน่ะหะ”

“พาน้องสาวของฉันกลับบ้าน” ถึงแม้จะสั่งด้วยเสียงเยือกเย็น แต่โนเอลได้กลิ่นของความสับสนจากตัวคนรักที่ด้านนอก ใช่แล้วดีทริชกำลังสับสน โนเอลบอกรักเขาทั้งยังมอบแหวนต่างหน้าแม่มาให้ แล้วเมื่อกี้ก็ยืนยันว่าหากเป็นตัวจริงแหวนวงนี้ต้องไปอยู่ที่คนนั้น

มอบแหวนมาให้เขาเพราะเขาคือตัวจริง แต่ทำไมถึงยังต้องเข้าหานานะ ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยตอนที่มาถึงหน้าประตูห้องได้ยินเสียงแม็กซิมขอตัวนานะจากโนเอล เรื่องจะยกให้หรือไม่ให้ดีทริชไม่สนใจ

แต่ว่าการกระทำของโนเอลทำให้เขาไม่มั่นใจ ดังนั้นตราบใดที่อีกฝ่ายไม่มาอธิบายซึ่งๆ หน้าเห็นทีคงจะรับแหวนของแม่เอาไว้ไม่ได้ จำเป็นต้องถือแหวนไปพร้อมกับรออย่างทุกข์ใจและกระวนกระวายด้วยหรือ เขาไม่ใช่คนแบบนั้น

“ขอโทษนะครับ” ดีทริชหันไปคุยกับลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านนอก “ฝากคืนให้โนเอลด้วย” ยื่นแหวนให้แล้วเดินจากไปเงียบๆ เป็นเวลาเดียวกับที่เซซิลถูกพาตัวออกมา

“ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย ดีทริชล่ะ...” เซซิลถามลูกน้องชุดดำที่ด้านนอก

“ไปแล้วครับคุณหนู”

“บ้าเอ๊ย...พาฉันไปหาดีทริช”

“ไม่ได้ครับนายท่านโนเอลบอกให้พาคุณหนูกลับบ้าน”

“บ้าๆๆๆ” เซซิลหวีดร้องแต่ไม่สามารถขัดขืนแรงมหาศาลของพวกลูกน้องชุดดำได้เลย สุดท้ายแม้จะอาละวาดจนเหนื่อยเธอก็ต้องกลับบ้านอยู่ดี

“ตัววุ่นวายไปหมดแล้วนะ” แม็กซิมยิ้มกว้าง “ว่าไงจะยกหนุ่มน้อยนี่ให้ฉันไหม”

“ทำไมพี่ต้องบังคับฉัน” เขาร้อนใจไปหมดอารมณ์ที่แสดงให้เห็นซึ่งเหมือนหวาดกลัวการสูญเสียตอนนี้มาจากดีทริชล้วนๆ ไม่ได้เป็นเพราะนานะ

แต่แม๊กซิมเข้าใจผิด แบบนี้ยิ่งต้องแย่งมาให้ได้

“เอาอย่างนี้ไหม แลกกับร้านขนมฟีโอเร่สาขาที่ฉันเป็นเจ้าของอยู่ น่าจะสมน้ำสมเนื้อ”

โนเอลทำสีหน้านิ่งขรึม ร้านขนมนี่แลกไม่ได้กับดีทริชเขาอยากแล่นไปหาคนรักเสียเดี๋ยวนี้

“อย่าโลภมากน่าโนเอล แล้วก็อย่าทำให้มันเป็นเรื่องยุ่งยาก ส่งหมอนี่มาให้ฉันซะคงไม่อยากให้ท่านพ่อรู้ว่าเราผิดใจเรื่องผู้ชายกันใช่ไหม”

เมื่อเห็นโนเอลนิ่งเงียบ แม็กซิมจึงถือว่าตกลงแล้ว เขาเรียกนานะให้ไปหา แน่นอนว่าคนถูกเรียกลังเลแต่เมื่ออีกฝ่ายไม่รั้งเอาไว้ก็ทำตามที่คุณชายตระกูลฟีโอเร่สั่ง แบบนี้มันก็ไม่เสียหาย สำหรับนานะแม็กซิมอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ

“มามะคนดี” แม็กซิมรวบเอานานะเข้าไปกอดฟัด นานะแสร้งใช้จริตทำเป็นหวาดกลัว

“กลัวหรือ...ไม่ต้องกลัวฉันจะทำให้นายขึ้นสวรรค์” แม็กซิมตั้งใจทำร้ายจิตใจโนเอล คิดจะทำรักกับนานะให้น้องชายต่างมารดาดู กระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของคนมอง

รีบทำเข้าเถอะ โนเอลคิด เขากระวนกระวายใจจนแทบคุมสติไม่อยู่ กลิ่นของดีทริชห่างออกไปเรื่อย กลิ่นของความสับสนขุ่นมัวบอกชัดถึงอารมณ์ที่มี คงจะผิดหวังแล้วก็โกรธมาก อยากรีบไปอธิบายทุกอย่างแต่กลับต้องมาเล่นละครตอกย้ำหัวตะปูให้แม็กซิมคิดว่านานะเป็นของสำคัญชิ้นหนึ่ง

“เยี่ยม...” เสียงคำรามชมเชยระหว่างสอดแทรกกายเข้าหานานะ แม็กซิมจงใจทำให้มันถึงอารมณ์มากกว่าปกติ สายตาปวดร้าวของโนเอลสร้างความสะใจให้อย่างที่สุด

“อรั๊ง...ผมไม่ไหวแล้ว..อ๊ะ...”

โนเอลหรี่ตามองสองคนที่ก่ายกอดกันตรงหน้า กับแม็กซิมเพราะคิดว่าเป็นพี่น้องดังนั้นจึงอดทน ท่านพ่อท่านแม่สอนเอาไว้ว่าพี่น้องต้องรักกันเกื้อหนุนกัน แต่ในขณะที่เขาประนีประนอมแม็กซิมกลับยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ บางทีคิดว่าอาจจะต้องขยับทำอะไรเสียบ้างแล้ว

คนอยากแม็กซิมถ้าเกิดว่าพลาดหวังจากการเป็นผู้นำตระกูลและชนเผ่า คงจะทั้งอับอายและเสียใจมากสินะ อาจจะเคียดแค้น ถ้าเกิดว่าคราวนี้วางแผนฆ่าเขาอีกคิดว่าจะจัดการขั้นเด็ดขาดเสียที ความอดทนเขาหมดลงแล้วจากเหตุการณ์ครั้งนี้

“ฮ่าๆ เด็กนี่เยี่ยมจริงๆ นะ”

หลังจากจัดการจนนานะสลบไปแม็กซิมก็จัดแต่งเสื้อผ้าตนเอง พร้อมกับเขียนเช็คเงินสดระบุจำนวนเงินมหาศาลโยนลงบนตัวนานะ ตั้งใจแสดงให้เห็นว่าคนที่นอนหมดแรงเป็นของราคาถูกซื้อได้ด้วยเงิน

“เอาล่ะเดี๋ยวฉันจะส่งคนของฉันไปหานายนะจะได้ลงนามในเอกสารมอบร้านฟีโอเร่ที่ฉันถืออยู่เอาไว้ จริงสิเห็นแก่ที่นายทนุถนอมหมอนี่มาก ฉันคืนให้นายก็แล้วกัน” แม็กซิมหัวเราะเยาะหยันพลางจิบเหล้าในแก้ว

“ไม่จำเป็น” โนเอลยืนขึ้น ไม่ได้มีท่าทีสนใจนานะอีกมีแต่สีหน้าเยือกเย็นที่ชัดเจน

“โอ๊ะ จะบอกว่าถ้าไม่บริสุทธิ์แล้วก็ไม่มีค่างั้นสิ นายนี่มันใจร้ายนะ”

แม็กซิมหัวเราะ การได้แย่งและทำลายของที่โนเอลสนใจถือเป็นเรื่องปกติของเขา แต่คราวนี้โนเอลจริงจังมากกว่าทุกที คราวก่อนๆ มักจะยกให้ด้วยสีหน้าเฉยชาไม่ได้แสดงแววตาตาดุดันจนเห็นได้ชัดอย่างนี้

“คงไม่ได้โกรธใช่ไหม เราพี่น้องกันนี่ ท่านพ่อคงเสียใจนะถ้าเราทะเลาะกัน” แม็กซิมใช้ข้ออ้างเดิมๆ มาเหยียบย่ำโนเอล คิดว่ายังไงไอ้หมอนี่มันก็ต้องยอมตนเองเหมือนทุกครั้ง แค่ลูกเมียน้อยจะมาทำอะไรเขาได้ล่ะ

“ขอตัวนะครับท่านพี่” แ

ม็กซิมยิ้มหยัน ปล่อยให้โนเอลออกจากห้องไป คิดๆ ดูแล้วเสียเงินทองทรัพย์สินไปตั้งมาก ขอสนุกกับสินค้าอีกซักหน่อยแล้วกัน ดังนั้นจึงปลุกนานะขึ้นมาทำรักอีกครั้ง สะใจจริงๆ ที่ได้เห็นสีหน้ารวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของน้องชายต่างมารดา

“นายครับมีคนฝากไว้ให้”

 เมื่อออกมาหน้าห้อง ลูกน้องชุดดำยื่นแหวนคืนมาให้ โนเอลกำมันเอาไว้แน่น

 ดีทริช...นายจะให้อภัยฉันไหมนะ ถึงแม้อธิบายช้าเกินไปแต่ผลจากการหลอกลวงครั้งนี้แม็กซิมไม่มีทางชายตาแลนายอีกอย่างแน่นอน หมายความว่านายจะปลอดภัย

โนเอลหวนนึกถึงวันที่ไปเข้าพบท่านพ่อเป็นครั้งที่เจ็ด เพื่อขอให้เป็นพ่อสื่อของเขากับดีทริชเมื่อสองวันก่อน

“โฮ่...” พอหัวเราะชอบใจตอนที่เห็นรูปของดีทริชซึ่งโนเอลยื่นให้

“แววตาเข้าทีดีนี่ นึกอยู่แล้วว่าลูกต้องตกหลุมรักคนประเภทนี้”

“ท่านพ่อพูดเหมือนไปสืบมา” คาร์ม่าหัวเราะเสียงดัง

“คนของแม็กซิมก็ลูกน้องพ่อทั้งนั้น ไอ้ลูกคนนั้นจะขยับทำอะไรมันต้องเข้าหูพ่อบ้างแหละ ยกเว้นว่ามันจะเลิกใช้อำนาจและคนของพ่อ”

“ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อก็ต้องรู้สิครับว่าผมร้อนใจ”

“ขอโทษนะโนเอลที่พ่อถ่วงเวลา อยากจะสืบดูให้แน่ใจว่าเด็กน้อยนี่ไม่ได้มาหลอกลวงเจ้า”

โนเอลเงียบ แต่ในใจคิดว่าเพราะท่านพ่อนิ่งเฉยนี่แหละมันทำให้เขาต้องเสียเวลาวางแผนหลอกล่อแม็กซิม ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากจะรีบหมั้นแล้วฉวยโอกาสกัดดีทริชเพื่อทำให้เป็นคู่ไปเสียแต่เนิ่นๆ หากทำตามประเพณีคนรักคงจะอนุญาตให้เขาทำสัญลักษณ์อย่างแน่นอน

“ไม่ต้องห่วงนะโนเอล อีกอาทิตย์พ่อจะไปหาเด็กนั่นกับแม่ของเขาถึงบ้าน”

ทุกอย่างมันเลยวุ่นวายไปหมดอย่างนี้

โนเอลโทรหาดีทริชหลายต่อหลายครั้ง อีกฝ่ายไม่รับโทรศัพท์ มันยิ่งทำให้เขาร้อนใจ “ขับให้มันเร็วกว่านี้ได้ไหม” สั่งลูกน้องเสียงขุ่นเมื่อไม่ได้ดั่งใจจึงลงจากรถออกวิ่งด้วยกำลังของตนเอง

 วิ่งไปด้วยขาน่าจะเร็วที่สุด ความเร็วฝีเท้าของโนเอลอยู่เหนือความไวของสายลมมาก ดังนั้นจึงไปถึงในเวลาไม่นาน เมื่ออยู่หน้าบ้านของดีทริชโนเอลกดกริ่งเรียกให้คนในบ้านรับทราบ ทว่ามีแต่ความเงียบแถมภายมืดมากเพราะไม่เปิดไฟซักดวง

เกิดอะไรขึ้น?

ตัดสินใจพังประตูเข้าไป แล้วพบว่าภายในบ้านไม่มีแววผู้คน โนเอลคนหาห้องทุกห้องสุดท้ายก็เห็นแต่ความว่างเปล่า

ดีทริชไปไหน? เป็นครั้งแรกเลยที่โนเอลปวดร้าวในอกไปพร้อมกับกระเพราะปั่นป่วน แค่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนรักเขาก็นึกอยากเอามีดแทงตัวเองซักหลายๆ แผล

ไม่ได้เขาต้องเยือกเย็น

โนเอลหยิบมือถือขึ้นมากดหาคาร์ล ทว่ามือเขาสั่น จนต้องใช้เวลาพักหนึ่ง ดีทริชฉันยังไม่ได้อธิบายความจริงให้นายฟังเลย นายจะหนีหายไปหรือจะตายไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม

“คาร์ลสืบเรื่องคนรอบตัวดีทริชที” โนเอลสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง ต้องเยือกเย็นกว่านี้ ในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นปกติ “สืบเรื่องรอยสมิธด้วยนะว่าระยะสามสี่เดือนมานี้หมอนั่นทำอะไรบ้าง”

เห็นจะมีรอยนี่แหละที่น่าสงสัยที่สุด เพราะว่าเป็นคนเพียงคนเดียวที่พอจะรู้ความลับของดีทริชแม้แค่เล็กน้อยก็ตาม   



คุยท้ายเรื่อง

ว่าจะขอกบดานเก็บข้อมูลซักน้อย พล๊อตมีแล้วจ้า แต่ขอเวลาเขียนๆ แก้ๆ นิดหนึ่ง ถ้าคิดว่าพอใจ

อาจจะลงเร็ว แต่เนื้อเรื่องมันจะเข้าสู้บทท้ายๆ แล้ว ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการอะไรหรอกค่ะ

อย่าคาดหวังมากกกกกกก 5555 แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ

พล๊อตอาจมีช่องโหว่หรือไม่สมเหตุสมผล ขอโทษด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่28 {หน้า7} {21/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 21-02-2018 14:43:34
ดีทริสไปไหนอะ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่28 {หน้า7} {21/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 21-02-2018 17:58:35
สมน้ำมะหน้า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่28 {หน้า7} {21/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-02-2018 18:28:22
เตลิดไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่28 {หน้า7} {21/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-02-2018 21:44:09
ดีทริชหายไปไหนล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่28 {หน้า7} {21/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 21-02-2018 22:57:23
ค้างอ่ะ แงงงง  :hao5: มาต่อเร็วๆน้าาา ติดเรื่องนี้มากกกก เข้ามาเช็ควันสี่ห้ารอบ :กอด1: :3123:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่29 {หน้า7} {28/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 28-02-2018 11:42:14


บทที่29

ในที่สุดก็ตามหาจนพบ

รอยเหยียดยิ้ม เวลานี้เขายืนอยู่หน้าบ้านของเหยื่อที่มีชื่อว่าลอร่า ไอแวน ไม่สิต้องเรียกว่าลิลี่ ทวีค ถึงจะถูก เขาไม่รอช้ากดกริ่งหน้าบ้านเรียกให้คนข้างในมาเปิดประตูอย่างสุภาพ

“ใครวะ” คนเปิดประตูพูดจาเสียงอ้อแอ้แบบคนเมา ทันทีที่อีกฝ่ายเยี่ยมหน้ามารอยซัดผงสะกดจิตเข้าใส่หน้าเจ้านั่น ผลที่ได้ทำให้เกิดอาการมึนงงเหม่อลอย

“ลอร่าอยู่ที่ไหน” รอยถาม

“ปรุงยาบางอย่างอยู่ในครัว” ดีนไอแวนตอบอย่างเลื่อนลอย รอยก้าวไปยืนกลางห้องออกคำสั่งกับคนถูกสะกดจิต

“เรียกลอร่ามาใช้ดีทริชเป็นข้ออ้าง”

“ลอร่า ไอ้หนูมันกลับมาแล้วนะ”

กลับมาแล้วหรือ

ล่อร่ารีบเก็บเครื่องมือทั้งหมดกันไม่ให้ดีทริชเห็น ช่วงเวลาตั้งแต่โขมยตัวยามาได้จนถึงตอนนี้เธอลงมือทดลองนับครั้งไม่ถ้วนแต่ไม่มีสูตรตัวไหนแก้พิษได้นอกจากบรรเทาอาการเจ็บปวด

“กลับมาแล้วหรือทริช” ลอร่าเดินยิ้มออกมาจากครัวแต่พอพบหน้ารอยเธอก็ชะงัก เมื่อหันไปมองดีนที่เหม่อลอยจึงเข้าใจได้ทุกอย่าง

“ช้าก่อน ถ้าสู้กันเราสองคนมีแต่จะเดือดร้อน เรามาคุยกันอย่างมิตรสหายดีกว่าไหม”

ลอร่าใช้สายตาหวาดระแวงมองดูรอยเริ่มหาทางหนีทีไล่ อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องสีหน้ายิ้มแย้ม

“ตายล่ะฉันก็ลืมไปว่านี่ก็ปลอมตัวมา ใบหน้านี้เธอคงเห็นเป็นครั้งแรก อืมสงสัยว่าต้องให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงล่ะมั้ง”

 รอยเปลี่ยนรูปหน้าจากเดิมเป็นรอยสมิทแวบหนึ่ง ลอร่าเกร็งตัว เวลาถัดมารูปโฉมก็ถูกแปลงไปอีกรวมไปถึงร่างกาย ตรงหน้าคือบุรุษผู้สง่างามหน้าตาคมสันหนวดเคราซึ่งถูกจัดแต่งอย่างดีขับเน้นให้ดูสมชาย เรือนร่างสูงใหญ่กำยำในชุดสูทหรูหรารวมถึงกิริยาบอกชัดถึงความเป็นผู้ดี

“ท่านรอยซีฟัส” ลอร่าแสดงสีหน้ากังขา วิชาปลอมแปลงตัวแพร่หลายในหมู่ปีศาจเธอจะเชื่อในแรกเห็นไม่ได้

“ลอร่าเธอเองก็รู้ความสามารถประจำตัวของฉันสินะ” รอยกวักมือเรียกดีน ไอแวนที่ยืนเหม่อให้เข้ามาหาแล้วสัมผัสตัวอีกฝ่าย เท่านี้ความทรงจำจำนวนมากก็ถ่ายทอดมาเหมือนดูละคร

“ดีน ไอแวน เป็นพวกขี้เมาไม่เอาไหน พบหน้าลอร่าที่ร้านเหล้าในสลัมพร้อมเด็กแรกเกิด อืมพูดถึงทารกแรกเกิด ในพระราชวังก็มีศพของรัชทายาทหนึ่งพระเองค์ ถ้าให้ฉันเดา ชายาลีฟาคลอดทารกเป็นฝาแฝดใช่หรือเปล่า”

รอยซีฟัสยิ้มกว้าง ลอร่าเลิกกังขาในทันที คนที่สามารถอ่านความทรงจำได้จากการสัมผัสทั้งยังฉลาดเฉลียวเช่นนี้มีเพียงคนเดียว แต่ใช่ว่าเธอจะไว้ใจ

“ท่านตามหาพวกเราทำไมกันคะ เราสองแม่ลูกไม่น่าทำประโยชน์อะไรให้ท่านได้” รอยซีฟัสฟังแล้วหัวเราะ ความระแวดระวังของลิลี่สร้างความพอใจให้เขา

“เธออยู่ข้างกายราชินีเดียร์น่ากับชายาลีฟาเสมอยังดูไม่ออกอีกหรือว่าฉันคิดอย่างไร”

“แน่นอนค่ะฉันเห็นความริษยาในแววตาของท่านยามที่มองชายาลีฟา ไม่ต้องบอกก็รู้ท่านชอบท่านราชินี แต่นั่นมันอดีตไม่เกี่ยวอะไรกับท่านดีทริชผู้เป็นบุตร”

“เกี่ยวสิ หากเป็นเรื่องของเดียร์น่าฉันพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเขา”

“ท่านจะทำอย่างไรคะ”

“ทวงบัลลังค์คืนให้ทายาทที่แท้จริงกำจัดราชินีตัวปลอม”

“ท่านรู้แล้ว” ลิลี่ในร่างลอร่าเริ่มอยากจะรู้ว่ารอยซีฟัสคิดอย่างไรแล้วจะทำอะไรต่อ

“รู้สึกว่าเธอจะถูกพิษสินะ จากการสืบที่ได้มาทั้งหมด ความพยายามในการเสาะหาตัวยาชัดเจนทีเดียว แล้วตัวยาที่ได้จากฉันไปปรุงยาแก้ได้ไหม”

คู่สนทนานิ่งเงียบ รอยซีฟัสเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสัมผัสตัวลอร่าดำดิ่งสู่ความทรงจำ

“อย่างนี้นี่เอง” รอยซีฟัสแสยะยิ้ม ความทรงจำของลิลี่บอกความจริงได้ทั้งหมด

“ท่านเองก็รู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้ท่านบอกว่าจะทวงบัลลังค์ให้ท่านดีทริช วางแผนไว้อย่างไรคะ”

“เธอกับฉันเราจะแต่งงานกันแล้วรับดีทริชเป็นลูกบุญธรรม” ลิลี่ทำหน้าฉงน

“แต่งงานกับฉันนะหรือคะ แค่บังหน้าสินะคะ” รอยยิ้มยิ้มกว้างแทนคำตอบ

หลังจากฝากคืนแหวนต่างหน้าของแม่ไปกับลูกน้องชุดดำของโนเอลดีทริชก็นั่งรถประจำทางกลับบ้าน ภายในใจว้าวุ่นไปหมด เขายังชอบโนเอลอยู่มากแต่หากไม่ได้คำอธิบายก็ไม่คิดจะยอมนิ่งเฉยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ

“แม่ฮะผมกลับมาแล้ว”

 ดีทริชเปิดประตูเข้าไปในบ้านและพบว่าแม่ไอค่อกแค่กเป็นเลือดแถมมีชายแปลกหน้ายืนอยู่ใกล้ๆ จะยังไงก็แล้วแต่การมีคนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับแม่ที่กระอักเลือดคิดได้อย่างเดียวว่าอาจถูกทำร้าย ดังนั้นจึงชักมีดพกออกมาข่มขู่

“ถอยออกไปจากแม่ฉันนะ” คนถูกขู่ยิ้มกว้าง ทำท่าเหมือนจะถอยห่างแต่กลับซัดฝ่ามือใส่ล่อร่าจนกระเด็นไปติดกำแพง ดีทริชรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของแม่

“แม่เป็นยังไงบ้างฮะ” ล่อร่าไอเป็นเลือดไม่หยุดและพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ดีทริชเห็นคนร้ายย่างสามขุมเข้ามา ดังนั้นจึงตั้งท่าสู้ด้วยมีดพกในมือ

ดีทริชเรียนรู้การใช้อาวุธมาจากอาจารย์ที่โนเอลจัดหามาให้ ดังนั้นจึงโจมตีได้คล่องแคล่วแต่คนร้ายหลบได้ทุกครั้ง จังหวะที่เขาโหมแทงก็ถูกถีบเข้าที่สีข้างจนล้มกลิ้มโค่โล่

“อะไรกันพลังยังไม่ตื่นอีกรึ” ดีทริชไม่เข้าใจว่าคนร้ายพึมพำอะไร แต่พยายามรีบลุกเพราะอีกฝ่ายเริ่มสร้างเปลวไฟเป้าหมายชัดเจนคือแม่ของเขา

ดีทริชเข้าไปขวางรับเปลวไฟแทนแม่เขายอมเจ็บ แต่วินาทีที่เปลวไฟเข้ามาสัมผัสมันก็สูญสลายไป คนร้ายยิ้มชอบใจ เริ่มสร้างลูกไฟเพิ่มเป้าหมายเป็นแม่เขาอีกนั่นแหละ

ดีทริชขยับเคลื่อนกายพลิกไปวิ่งมารับการโจมตีหลายครั้งจนหอบแฮ่กๆ ไม่ไหวเขาวิ่งไม่ไหวแล้วแต่คนร้ายยังสามารถสร้างลูกไฟได้โดยไม่เหนื่อย

 ดีทริชมองไปที่มือซึ่งสร้างเปลวไฟด้วยสายตาเคียดแค้น หากสามารถทำให้อีกฝ่ายหยุดใช้เวทมนต์ได้คงดี ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าตาทั้งสองข้างเจ็บมีน้ำตาไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง ทั้งอย่างนั้นยังไม่หยุดมองดูมือที่สร้างลูกไฟของคนร้าย

รอยแสดงสีหน้าประหลาดใจวงจรเวทย์ของเขาถูกตัดขาด ไม่สามารถสร้างลูกไฟในมือได้ ส่วนดีทริชเริ่มจะมั่นใจว่าต้องเป็นเพราะตัวเองแน่ๆ คราวก่อนที่ถูกเล่นงานก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันแบบนี้

“ลิลี่ช่วยบอกท่านดีทริชทีว่าเกิดอะไรขึ้น” คนร้ายยอมรามือ ดีทริชหันไปมองแม่และพบว่าท่านดูสบายดี

“ทริชท่านผู้นี้ไม่ใช่คนร้ายหรอกนะ”

“แต่ว่าแม่กระอักเลือดนะฮะ”

“มันเพราะพิษที่อยู่ในร่างแม่ต่างหาก มานี่มาหาที่นั่งลงให้สบาย แล้วฟังสิ่งที่แม่จะเล่า”

ลอร่ายกเก้าอี้ขึ้นตั้ง ลากดีทริชไปนั่งแล้วเริ่มต้นเล่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเธอดีทริชและรอยซีฟัส

“เรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างนี้...”

ดีทริชทำสีหน้างุนงง แม่ของเขาแสดงชัดว่ารู้จักคนแปลกหน้านี่ดี แถมยังทำตัวแปลกๆ ไป เขาทำได้แค่นั่งฟังเรื่องที่แม่จะเล่า



คุยท้ายเรื่อง



ตอนนี้มาสั้นมากกกกก แถมทิ้งช่วงนานกว่าปกติ คือทำงานพิเศษเสร็จแล้วจ้า

ส่วนตอนต่อไปวางพลอตไว้แล้วว่าจะย้อนอดีตแน่นนอน ขอเวลาซักนิดนะ

เพราะอาจจะต้องแบ่งเวลาไปทำนิยายเรื่อง vampire kiss ที่จะวางขายอีบุ๊คด้วย

ส่งสนพไปสองที่แล้วไม่ผ่านเลย เลยคิดจะทำเองค่า

ที่นี้ถึงช่วงปรึกษา ช่วยตอบกันบ้างน้า

เรื่องที่เราอ่านกันอยู่ตอนนี้ มีความคิดที่จะทำเล่มหรือส่งให้สนพลองอ่านดู

เลยมีความคิดว่าจะเขียนแก้เรื่องอายุดีทริชเอฟเว่นแล้วก็มาเรี่ยน ช่วงเริ่มต้นอาจจะแก้จากอายุ12เป็นสิบห้า่

ส่วนช่วงปัจจุบันอาจจะแก้เป็นขึ้นมาเรียนชั้นมปลายแทน คิดยังไงช่วยแสดงความเห็นกันทีน้า

เห็นหลายคนบอกว่าดีทริชเกินเด็กไปหน่อย ความคิดการกระทำเหมือนผู้ใหญ่มากกว่า แนะนำกันทีน่อ

แสดงความคิดเห็ฯเป็นกำลังใจกันบ้างน้า รักจ้า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่29 {หน้า7} {28/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 28-02-2018 14:58:34
รอนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่29 {หน้า7} {28/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 28-02-2018 19:41:34
 :hao5: จะรอนะคะ หวังว่าจะมาต่อเร็วๆ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่29 {หน้า7} {28/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-02-2018 21:25:27
เราเห็นด้วยควรแก้ไขอายุในเมื่อไม่ใช่แนวโชตะส่วนตัวเราตอนอ่านไม่คอย
เห็นด้วยกับอายุ12แต่แรกมันตะหงิดๆปรับแก้เป็น15-16  ปีแล้วไปช่วงอายุมัถยมปลายเลยก็ดีค่ะ
เราติดตามอ่านตลอดนะเราดีใจที่คุณนักเขียนคิดปรับเปลี่ยนช่วงอายุใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่29 {หน้า7} {28/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 28-02-2018 23:41:34
สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่29 {หน้า7} {28/2/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-03-2018 00:18:43
เรื่องปรับอายุขึ้นเราเห็นด้วยนะคะ เพราะตอนนี้อายุมันดูเด็กมากจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่30 {หน้า7} {1/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 01-03-2018 12:21:20


บทที่30

“ยินดีด้วยนะลิลี่ เจ้าเองก็เป็นลูกแม่นมของลีฟา การได้เป็นองครักษ์ส่วนตัวคงทำให้เจ้าเหมือนได้กลับบ้านสินะ”

“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วค่ะฝ่าบาท” ลิลี่ทำความเคารพราชินีเดียร์ตามแบบอย่างของทหารที่ดี สำหรับเธอจะเป็นองครักษ์ส่วนตัวของราชินีหรือถูกเปลี่ยนไปรับใช้ชายาลีฟาก็มีความสุขดีไม่ต่างกัน

เพียงแต่น้องน้อยร่วมน้ำนมเดียวกันได้รับแต่งตั้งให้เป็นถึงพระชายาสร้างความปลาบปลื้มให้แก่เธอไม่น้อยทีเดียว ถ้าเป็นลีฟาก็นับว่าสมควรแล้ว ทั้งรูปโฉมนิสัยใจคอฐานะการศึกษา โอเมก้าจากตระกูลฟีโอเร่ถึงแม้จะมาจากตระกูลรองแต่ก็ถือเป็นญาติสนิทชิดเชื้อของผู้นำตระกูลอย่างท่านคาร์ม่าคนหนึ่ง

ส่วนอีกคนนั้น...

ลิลี่เบนสายตาไปยังสตรีผมสีดำซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลา ชายาเอลล่าโอเมก้าจากตระกูลครอส หลานคนหนึ่งของท่านแอนนี่ครอสแม้เป็นญาติห่างๆ แต่ก็ยังถือว่าเหมาะสมกับท่านราชินีเดียร์น่า

แม้จะเข้าใจความลำบากใจของท่านเดียร์น่าที่ต้องรับเอาหญิงสาวจากผู้บริหารประเทศฝ่ายซ้ายและขวามาเป็นชายาแต่นับว่าเหมาะสมเพราะถึงเพศแรกจะเป็นหญิงแต่เพศที่สองของท่านคืออัลฟ่า ดังนั้นจึงสามารถสืบพันธ์กับสตรีได้เหมือนอัลฟ่าทั่วๆ ไป

แต่ก็นับว่าแปลกประหลาดนัก

ลิลี่อดมองไปยังที่ปรึกษาส่วนพระองค์อย่างท่านรอยซีฟัส ครอสไม่ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าความเสน่หาที่รอยซีฟัสมีต่อราชินีมากน้อยแค่ไหน ทั้งอย่างนั้นคนเสนอให้แต่งตั้งลีฟากับเอลล่าเป็นชายากลับเป็นเขาผู้นี้เอง แต่ใช่จะไม่เข้าใจการกระทำ

หากท่านราชินีตบแต่งคนจากทั้งสองตระกูลเข้ามามันจะทำให้ความสัมพันธ์ทางสายเลือดแนบแน่น แม้ขีดจำกัดทางสายเลือดของราชวงศ์จะไร้ผู้เทียมทาน แต่ถ้าหากไม่มีผู้หนุนหลังอย่างฟีโอเร่และครอสก็อาจจะมีผู้กระด้างกระเดื่องคิดทรยศปรากฏตัวขึ้นมา

ก็จะใครเสียอีกเล่าก็ทั้งสองตระกูลที่ใหญ่คับฟ้าคับดิน แค่ขยับตัวนิดหน่อยก็สามารถสั่นแผ่นดินทั้งจูปิเตอร์ให้สะเทือนได้ แม้แต่ราชินีเดียร์น่ายังต้องเกรงใจ

“เอาล่ะเราต้องการพักผ่อนแล้ว” ราชินีลุกขึ้นจากบัลลังค์ทำให้ชายาทั้งสองลุกขึ้นตาม แต่ก่อนที่จะเดินไปก็หันกลับมาออกคำสั่งกับลิลี่

“ลิลี่เจ้าตามเราไปที่ห้องหนังสือ เรามีเรื่องจะพูดด้วย”

“ค่ะฝ่าบาท”

ลิลี่เดินไปยังห้องหนังสือพร้อมฝ่าบาทและรอยซีฟัส เมื่อเข้าไปด้านในสหายสนิทตั้งแต่เยาว์วัยทั้งสองคนละทิ้งความเป็นนายบ่าวไปจนหมด

“เฮ้อ...เรานี่เกร็งไปหมด ออกว่าราชการที่ไรเป็นอย่างนี้ทุกที”

“เธอควรจะชินได้แล้วนะเดียร์น่า” รอยซีฟัสหัวเราะเบาๆ กับการนอนแผ่บนโต๊ะเหมือนสัตว์หน้าขน มาดราชินีอะไรไม่มีทั้งนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนสนิทแต่เยาว์วัย

“ถ้าอยากทำให้ชินฉันจะแต่งตั้งนายเป็นที่ปรึกษาทำไม การที่แต่งตั้งนายขึ้นมาดำรงตำแหน่งนี้เพื่อที่จะผลักไสให้นายรับหน้าทั้งหมดไงล่ะ” ราชินีแลบลิ้นปลิ้นตา รอยซีฟัสมองด้วยสายตารักใคร่จนแม้แต่ลิลี่ยังรู้สึกได้

“ขี้เกียจตัวเป็นขนเหลือเกินนะ” ไม่พูดเปล่ายังกล้าเคาะกะโหลกท่านราชินี มีเพียงรอยซีฟัสคนเดียวที่สามารถจาบจ้วงท่านได้โดยไม่ถูกโกรธ

“ว่าแต่ ลีฟากับเอลล่าเป็นอย่างไรบ้าง”

“เป็นอย่างไรคืออะไรล่ะ” ราชินีเดียร์น่าย้อนถาม

“ก็...เธอรู้สึกว่าพวกหล่อนงามไหม หรือน่ารักอะไรทำนองนี้”

นี่คือ...ถามเพราะอยากรู้ความคิดของราชินีสินะ แววตาขี้อิจฉาวาววับมีแต่ราชินีนั่นแหละที่ไม่รู้ตัวเอาเสียเลย รอยซีฟัสท่านช่างแปลกนัก หากเป็นเธอคงรีบใช้โอกาสของความสนิทชิดเชื้อรุกฆาตไขว่คว้ามาให้เป็นของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นอัลฟ่าเหมือนกันก็ตาม

“อืม...” ราชินีทำท่าครุ่นคิด “งามมากนะ สวยน่ารักกันไปคนละแบบ” รอยซีฟัสขมวดคิ้วไม่ชอบใจแวบเดียวแต่ลิลี่สังเกตเห็น

“สวยก็จริงแต่ก็จำต้องระวัง ผู้หญิงสองคนนี้เป็นเหมือนมือเท้าให้ฟีโอเร่และครอส สองตระกูลอาจใช้นางเป็นหมากเชิดเธอตามใจชอบหรือแย่งชิงอำนาจระหว่างกันและกัน ต้องระวังไว้ให้ดีนะ”

“จะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะหรือ...”

เดียร์น่าพูดกับตัวเองแต่รอยได้ยิน ราชินีนึกถึงชายาทั้งสอง คนแรกคือเอลล่าที่งดงามแต่เย็นชา ตามด้วยลีฟาซึ่งสดใสร่าเริงแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานชวนให้รู้สึกสดชื่น เธอสึกชอบลีฟามากกว่าเอลล่าเสียอีก

“เดียร์น่า” คนถูกเรียกยิ้มหวาน ถึงแม้รอยซีฟัสจะถึงเนื้อตัวโดยการวางมือทั้งคู่บนบ่าแล้วเล่นจ้องตา เธอก็ไม่รู้สึกรังเกียจซักนิด ก็เป็นเพื่อนที่ไว้วางใจได้มาตลอดตั้งแต่ยังเยาว์และก็เป็นเสมอมาไม่เคยทรยศกันเลยซักครั้ง

“เธอต้องระวังเอาไว้ให้มาก อย่าลืมคำเตือนฉันไปล่ะ”

“ใครกันที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ” รอยซีฟัสกับเดียร์น่าพูดขึ้นพร้อมกัน ชายหนุ่มเลิกคิ้วส่วนราชินีหัวเราะเสียงใส

“ฉันรู้แล้วน่าว่าทั้งชีวิตคงหาเพื่อนที่ดีอย่างนายไม่ได้อีกแล้ว” เดียร์น่าตบบ่ารอยซีฟัสดังป๊าบๆ ลิลี่หรี่ตามองดูทั้งคู่ ภายในใจเห็นด้วยกับคำพูดของราชินี

คงไม่มีใครยอมสละคนรักให้ไปแต่งงานกับคนอื่นเหมือนอย่างรอยซีฟัสผู้นี้แน่ๆ เพื่อความมั่นคงทางการเมืองของคนที่ตัวเองปรารถนายอมอยู่เป็นแค่เงาเฝ้ามองด้วยความหลงใหลและริษยา ช่างเป็นผู้ที่มีความรักยิ่งใหญ่เสียจริง

“อา...จริงสิ ฉันคงต้องไปแล้ว” รอยซีฟัสกล่าวลาแล้วตบบ่าลิลี่เบาๆ “ฝากดูแลรับฟังเดียร์น่าด้วยนะ”

หลังจากรอยซีฟัสออกจากห้องไป ราชินีเดียร์น่าก็ลิงโลดยกใหญ่ กิริยาท่าทางไม่สมกับเป็นราชินีซักนิด

“เรามีเรื่องจะปรึกษาเจ้าลิลี่”

“รอฟังอยู่นานแล้วค่ะฝ่าบาท”

“เจ้า...” ราชินีทำท่าครุ่นคิด “คิดว่าลีฟากับเอลล่าจะชอบตุ๊กตาไหม”

“ถ้าเป็นชายาลีฟาต้องชอบมากแน่ๆ ค่ะ แต่ท่านเอลล่าหม่อมฉันเองก็ไม่รู้เช่นกันฝ่าบาท”

“เอลล่าดูเป็นคนนิ่งๆ เย็นชาเสียด้วย ไม่ใช่แบบที่เราชอบเลย...จริงสิเจ้าช่วยบอกทีซิว่าลีฟามีของที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า” ดวงตาของราชินีเป็นประกายอย่างมากเวลาที่พูดถึงลีฟา ลิลี่รู้สึกถึงความยุ่งยากที่กำลังก่อตัว

“ชายาลีฟา ชอบขนมหวาน ดอกไม้และของน่ารักๆ ค่ะ”

“อื้อๆ” ราชินีผงกหัวหงึกๆ

“ฝ่าบาทไม่คิดว่าชายาลีฟาธรรมดาเกินไปหรือคะ” เพราะว่าสนิทชิดเชื้อกับราชินีดีไม่แพ้รอยซีฟัส เธอเองก็รับใช้ในฐานะองครักษ์ฝึกหัดส่วนพระองค์มาตั้งแต่อายุสิบสี่จึงกล้าพูดเช่นนี้

“เทียบกับชายาเอลล่าที่งดงามสุขุมเป็นผู้ใหญ่อาจจะทำให้จิตใจฝ่าบาทสงบได้มากกว่าม้าดีดกระโหลกอย่างชายาลีฟาก็ได้นะคะ”

“ชายาลีฟาเธอซุกซนมากหรือ”

“ค่ะ ภาพลักษณ์อ่อนหวานเรียบร้อยที่ท่านเห็นลวงตาทั้งนั้น”

เธอรู้นิสัยลีฟาดีกว่าใคร คิดว่าหากราชินีกับลีฟาจับคู่กันเมื่อไหร่ พวกมหาเล็กคงไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่ๆ นอกเหนือจากนั้นเธอพยายามชี้ให้เห็นถึงความดีงามของชายาเอลล่า อย่างน้อยๆ อยากให้แบ่งความรักอย่างไม่เลื่อมล้ำมากเกินไป

แต่ความรักความปรารถนามันบังคับกันไม่ได้ เหมือนอย่างที่ฝ่าบาทตอนนี้ให้ความสนใจในตัวลีฟาผู้สดใสมากกว่าเอลล่าที่แสนเงียบขรึมเย็นชา ก็ทำอย่างไรได้ท่านเดียร์น่าเองก็ยังเยาว์จะคิดอ่านอะไรคงไม่รอบคอบ

ยิ่งท่านรอยซีฟัสทนุถนอมราวไข่ในหิน ทรงถูกประคบประหงมไว้ในผ้านวมอุ่นๆ แสนสบายมานานจะไร้เดียงสาเรื่องความรักก็ไม่แปลกอะไร

“อืม...ตัดสินใจแล้วเราจะส่งตุ๊กตาตัวโตๆ ไปให้ลีฟากับเอลล่า เพราะว่าเราคิดว่ายังไงผู้หญิงด้วยกันต้องชอบของแบบนี้แน่”

“ฝ่าบาทเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานสินะคะ” ราชินีหัวเราะร่วน

“ขอบใจเจ้ามากนะลิลี่ เจ้าออกไปเถอะ เราจะอ่านหนังสือซักหน่อย”

“แล้วฝ่าบาทจะเลือกค้างแรมกับใครเป็นคนแรกคะ” ลิลี่รุกถาม ราชินีนิ่งคิด

“เจ้าว่าเราควรไปค้างกับใครก่อนดี”

“ควรเป็นชายาเอลล่าดีกว่าค่ะ”

“อื้อ..ขอบใจนะ เจ้าไปได้แล้ว”

โชคดีที่ฝ่าบาทไม่ถามว่าเพราะอะไร แต่ที่เสนอชายาเอลล่าไปเพราะเริ่มรู้สึกว่าจิตใจฝ่าบาทเอนเอียงรักชอบลีฟามากกว่า ลิลี่กังวลว่าจะเกิดการริษยาระหว่างชายาทั้งสอง ซึ่งไม่เป็นผลดีในภายภาคหน้า ที่จริงแล้วเธอแค่ห่วงลีฟาน้องสาวร่วมน้ำนมเท่านั้นเอง

เมื่อออกมาด้านนอกเธอก็พบว่ารอยซีฟัสยืนอยู่ ท่านส่งสัญญาณให้เธอเงียบแล้วเดินตามไป หลังจากห่างจากห้องหนังสือมากพอดูเขาก็เปิดบทสนทนา

“ขอบใจเธอมากนะที่ช่วยให้คำปรึกษาเดียร์น่าเสมอมา แล้วก็ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกพระชายา ฉันเองก็คิดถึงเรื่องสำคัญพวกนี้อยู่เหมือนกัน” รอยซีฟัสถอนหายใจ

“ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าฟีโอเร่กับครอสส่งพวกเธอมาเพื่อเป็นมือเป็นเท้าของตระกูล การชิงดีชิงเด่นหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว”   

“แต่ไม่ใช่กับลีฟาแน่นอนค่ะ”

“เจ้าแน่ใจขนาดนั้นเชียว”

“น้องสาวคนนี้ข้าเลี้ยงมากับมือค่ะ” เธอยืนยันความมั่นใจ รอยซีฟัสทำแค่ตบบ่าเธอสองสามครั้งแล้วจากไป

ถัดมาอีกสามวันดูเหมือนว่าการคาดเดาของเธอจะไม่ผิดพลาดซักนิดคืนที่ราชินีเดียร์น่าไปค้างกับเอลล่า พระชายาสร้างความกระอั่กกระอ่วนใจให้ฝ่าบาทด้วยคำพูดและรสนิยมซึ่งไม่ตรงกัน

“เอลล่าบอกว่าไม่ชอบตุ๊กตาแล้วก็บอกว่าเราช่างเหมือนเด็กสาวตัวน้อยที่ชื่นชอบของแบบนี้” ราชินีเดียร์น่าทำหน้าคับข้องใจ เห็นได้ชัดว่าขุ่นเคือง

“การที่เราชอบตุ๊กตามันเกี่ยวอะไรกับการที่เพศแรกเราเป็นผู้หญิง”

“ข้าเองก็ชอบตุ๊กตานะเดียร์น่า” ท่านรอยซีฟัสปลอบราชินีที่ทำสีหน้ากลุ้มอกกลุ้มใจ แถมสงสัญญาณให้ลิลี่ออกไปรอด้านนอก นานทีเดียวกว่าที่ราชินีจะออกมานอกห้องพร้อมกับที่ปรึกษา

“เราจะไปหาเอลล่า เราคิดว่าจะเอาหนังสือที่ชอบไปแบ่งเธออ่าน” สีหน้าของราชินีดูร่าเริง

แต่ผลที่ได้นะหรือ แม้แต่ลิลี่เองยังไม่คิดว่าจะมีคนกล้าวิจารย์ความชอบของฝ่าบาทด้วยการบอกว่าควรอ่านหนังสือที่มีประโยชน์มากกว่าอ่านพวกนวนิยาย

“เราคิดว่า ถ้าเอาหนังสืออ่านง่าย อ่านแล้วสนุกสนานไปแนะนำเธอจะชอบ รอย...ลิลี่ เรารู้สึกงงไปหมด”

ราชินีเดินวนไปวนมาพยายามหาวิธีเอาชนะเอลล่า

“อืม...เป็นผู้หญิงที่เรียกร้องความสนใจเก่งนะ แต่ถ้ามากกว่านี้เกรงว่าคนหัวทึบอย่างเดียร์น่าจะไม่เข้าใจ”

ลิลี่มองดูท่านรอยซีฟัสพึมพำ

“เดียร์น่าถ้ายังไงคราวนี้เธอแวะไปหาลีฟาบ้างดีไหม ปล่อยให้ชายาลีฟาเหงาหงอยหลายวันแล้วนะ” รอยซีฟัสเสนอ

“นายว่างั้นรึ”

“ใช่น่ะสิ เธอไปหาเอลล่าติดต่อกันเป็นอาทิตย์แล้วนะ”

สีหน้าของฝ่าบาทดูลิงโลด คงรอที่จะพบหน้าชายาลีฟานานแล้ว



คุยท้ายเรื่อง



กะว่าจะย้อนอดีตซักสามสี่ตอนหรือน้อยกว่านั้นซักตอนค่ะ 5555 หวังว่าจะไม่เบื่อกันก่อนนะ

แล้วก็จากคำปรึกษาคราวที่แล้วก็คิดว่าตัดสินใจจะแก้อายุพวกดีทริชเพิ่มขึ้น

แต่คงรอรีไรททีเดียวหลังเขียนจบ คือให้รีไรทใหม่ไปเขียนตอนใหม่ไปด้วยกลัวมันตีกัน

เพราะงั้นระหว่างอ่านก็รบกวนจินตนาการถึงอายุกันไปเองก่อนนะคะ

เราขอโทษ........ แค่แต่งนิยายไปด้วย งานหลักงานรอง ทำเล่มที่จะวางอีบุ๊คเราก็ไม่มีเวลาแล้วค่า

ถ้าให้รีไรท์ตอนนี้เลยเราจะมึนมั่กๆ เพราะงั้นขอเขียนตามเดิมไปก่อน แต่จะไม่ท้าวถึงอายุพวกนางมาก

เวลารีไรท์ใหม่จะได้ไม่ต้องแก้มาก

ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจบ้างนะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่30 {หน้า7} {1/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 01-03-2018 18:00:02
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่30 {หน้า7} {1/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 02-03-2018 12:34:17
ไม่ได้ตอบของคราวที่แล้ว เราว่าเปลี่ยนช่วงอายุก็ดีนะ เอาจริงๆเราจินตนาการว่าพวกดีทรีชสัก17 18 เลยหล่ะ555 เพราะคนเขียน เขียนแต่ตัวละครแสดงออกเกินอายุทั้งนั้นเลย ไม่รู้ว่าเรารู้สึกคนเดียวหรือเปล่านะ อย่างที่โนเอลลักพาตัว กับช่วงมองหาคนรักมันน่าจะเหมาะกับวัยรุ่นต้นๆถึงกลาง ถึงจะมีความคิดช่วงนี้ล่ะมั้ง แล้วก็ความคิดบางอย่างก็เกินวัยไปหน่อย อย่างมาเรี่ยน ยังงี้ แบบเกินอายุ12มากกก

ตอนล่าสุด ในที่สุดก็ได้รู้ ราชินีเป็นผญ.นี่เองงง เอลล่าเธอเข้มไปรึเปล่า555 รอตอนต่อปายย :pig4:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่30 {หน้า7} {1/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: owlseason ที่ 03-03-2018 03:33:51
เริ่มงงแล้วว่าสครคือแม่ของทริซนะ
 :really2:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่31 {หน้า7} {8/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 08-03-2018 11:48:23


บทที่31

ความสัมพันธ์อึมครึมระหว่างราชินีเดียร์น่ากับชายาเอลล่าดำเนินมาได้ซักระยะ ความมึนตึงไม่ได้เกิดเพราะชายาลีฟากลั่นแกล้งแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเมื่อต้นปีชายาเอลล่าป่วยหนักส่งผลให้ไม่สามารถมีทายาทได้

 ลิลี่ไม่ใช่คนสนิทแต่ก็เข้าใจความเศร้าโศกของเอลล่าได้ดี ถึงแม้ราชินีจะไปปลอบโยนชายาหลายครั้งแต่ก็ถูกผลักไสออกมาสุดท้ายราชินีเดียร์น่าจึงหันไปเอาใจใส่ลีฟามากกว่าเพราะพระนางตั้งท้องอ่อนๆ มาระยะหนึ่งแล้ว

การที่ไม่สามารถมีบุตรได้แถมยังไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าเดิม คงทำให้เอลล่าเจ็บแค้นและริษยา ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเอลล่าจะมาหาลีฟาเพื่อพูดคุยทั้งที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน

ลิลี่เฝ้ามองชายาทั้งสองพูดคุยกันและโดยไม่ทั้นตั้งตัวชายาลีฟาปวดท้องจะคลอดราชบุตรเวลานั้นชายาเอลล่าช่วยทำคลอดด้วยอย่างฉุกละหุก

เรื่องตื่นเต้นยินดีเช่นนี้ทำให้ลิลี่ออกไปเชิญราชินีมายังตำหนักของลีฟาด้วยตนเอง ไม่มีใครรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อกลับมาถึงก็พบลีฟานอนจมกองเลือด ราชบุตรคนหนึ่งสิ้นชีพ ลิลี่รีบเข้าไปดูลีฟาและได้เห็นรัชทายาทอีกคนอยู่ในอ้อมกอดของพระนาง

ลีฟาใช้ชีวิตของตัวเองปกป้องทายาทคนสุดท้ายเอาไว้ เรื่องร้ายแรงเช่นนี้ไม่มีใครคาดว่ามันจะเกิดขึ้น มีอะไรกันแน่ระหว่างที่เธอไปตามราชินีมา

“เจ้าเป็นคนทำอย่างนั้นหรือเอลล่า” ราชินีถามด้วยสีหน้าตกตะลึง ทว่าจู่ๆ เอลล่าก็ใช้มีดแทงตนเองร่างระหงล้มลงไปกอง จากนั้นกลุ่มควันสีดำก็ลอยจากร่างของนางและพุ่งเข้าหาราชินีเดียร์น่า

“ท่านเดียร์น่า” ลิลี่ร้องเตือนแต่ไม่ทันเสียแล้วกลุ่มพลังงานลึกลับจมหายเข้าไปในร่างราชินีเหมือนเข้าไปสิ่งสู่

“อึก...ออกไปนะ...” ราชินีเดียร์น่าลงไปดิ้นทุรนทุราย

ลิลี่ตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่สิ่งแรกที่เธอเลือกทำคือใช่ลูกแก้วเวทมนต์ดูดกลืนรัชทายาทเข้าไปด้านในเพื่อปกป้องจากอันตรายทั้งปวง รัชทายาทที่เหลือถือเป็นหลานคนสุดท้ายของเธอ

“หลับไปเถอะน่าฝ่าบาท....ยอมหม่อมฉันเสียดีๆ” แม้เป็นเสียงของราชินี แต่ลิลี่พอจะเดาได้ ชายาเอลล่าใช้วิธีบางอย่างสิงและควบคุมร่างของผู้อื่น

ต้องรีบทำอะไรซักอย่าง

ลิลี่ตัดสินใจจะตามผู้คนมาช่วย โชคร้ายที่รอยซีฟัสไปงานราชการที่เมืองอื่น ทั้งอย่างนั้นขณะที่ตะโกนเรียกทหารก็ถูกราชินีเดียร์น่าจู่โจมกัดเข้าที่แขน เพื่อให้หลุดจากการทำร้ายเธอยกขาขึ้นถีบโดยลืมไปว่าร่างของราชินีต่อต้านการโจมตีทั้งกายภาพและเวทมนต์

แรงดีดสะท้อนทำให้ร่างของเธอกระเด็นไปกระแทกกำแพง ส่วนแขนที่ถูกกัดนั้นฉีกขาดเว้าแหว่ง เจ็บเหลือเกินแต่ลิลี่พยายามอดทน

“ใครก็ได้เข้ามาที มีคนร้าย” เอลล่าที่สิงในร่างราชินีตะโกน

แย่ล่ะสิ ลิลี่คิดว่าตนเองจะอยู่รอรับโทษจากเอลล่าที่สิงสู่ราชินีไม่ได้ จึงใช้วิชาภาพลวงตาหลอกล่อแล้วพลางตัวหนีออกจากปราสาทพร้อมกับรัชทายาท

ลิลี่ต้องรักษาตัวระหกระเหินไปพร้อมรัชทายาท ด้วยวิชาปลอมแปลงเหนือชั้นทำให้รอดจากการตามจับได้ จากนั้นไม่นานราชินีตัวปลอมประกาศข่าวให้ประชาชนทราบจากทุกช่องทางสื่อสาร

ใจความว่าราชินีลีฟาและองครักษ์วางแผนปลิดชีพชายาเอลล่า และคนลงมืออย่างลิลี่ทวีคหนีไปได้ แน่นอนความไม่สมเหตุผลนี้สร้างความบาดหมางกับตระกูลฟีโอเร่ คาร์ม่า ฟีโอเร่ ไม่เชื่อสิ่งที่ราชีนีพูดทั้งหมด

ตะกูลฟีโอเร่แสดงความเป็นศัตรูกับตระกูลครอสอย่างเปิดเผยคิดว่าทั้งหมดคือแผนการของตระกูลครอส ส่วนแอนนี่ ครอสผู้ที่เป็นญาติของเอลล่าสงวนท่าทีไม่พูดหรือวิจารย์ใดๆ ทั้งนั้น แม้ว่าหลานคนหนึ่งจะต้องตายไปจากเหตุการณ์นี้ก็ตาม

หรือว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแผนการณ์ของตระกูลครอสกันนะ ถึงแม้ว่าแอนนี่ ครอสผู้นำตระกูลจะไม่แสดงความกระหายในอำนาจแต่ใครจะรู้ว่าเธอคนนั้นคิดอะไรอยู่

แถมจะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไรในเมื่อจากนั้นไม่นานราชินีตัวปลอมประกาศให้ทารกเกิดใหม่จากตระกูลครอสเป็นรัชทายาท ความวุ่นวายจึงแผ่ไปทั่วทุกมุมเมืองของจูปิเตอร์ ตระกูลฟีโอเร่ตอบโต้อย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้ราชินีตัวปลอมจึงไม่มีเวลามาสนใจลิลี่กับรัชทายาท

ลิลี่ปลอมตัวเป็นล่อร่าหนึ่งในโฉมหน้าปลอมที่ไว้ใช้สอดแนมของเธอ ตามด้วยว่าจ้างคนขี้เมาซึ่งเป็นที่รังเกียจของสังคมให้แต่งงานและรับลูกน้อยไว้เป็นบุตร

ราชินีต้องวุ่นวายกับตระกูลฟีโอเร่ ทั้งยังรอยซีฟัสซึ่งทรยศ หลายปีที่ผ่านมาราชินีตัวปลอมวุ่นวายกับการกำจัดผู้คนที่สงสัยตนเองมากมาย คงจะอยู่อย่างไม่เป็นสุข นั่นเป็นเรื่องดีแพราะมันทำให้เธอกับลูกรอดมาจนถึงทุกวันนี้

หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมด ดีทริชนิ่งอึ้ง ภายในใจสับสนปนเปไปหมดเรื่องของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอะไรนั่น สถานะเจ้าชายอะไรนั่นไม่สนใจซักนิด เขากังวลแค่เพราะอะไรแม่ถึงกระอักเลือด

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะฮะแม่ แม่ป่วยต้องไปรักษาตัวนะ”

ความเป็นห่วงเป็นใยในตัวเธอเหนือทุกสิ่งของลูกน้อยทำให้ลิลี่ในร่างลอร่ารู้สึกตื้นตัน เธอส่งยิ้มอ่อนใจไปให้รอยซีฟัส

“รัชทายาทถ้ารักท่านแม่ผู้นี้ท่านควรจะให้ความร่วมผู้กับกระหม่อม กลับไปทวงบัลลังค์ของฝ่าบาทล้างแค้นให้บิดามารดาเสียเถอะ”

“ฉันมีแม่คนเดียว แล้วอยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดีแล้ว”

“อยู่รอให้แม่ป่วยจนตายแล้วย้ายบ้านไปเป็นนางบำเรอของโนเอลนะหรือที่มีความสุข”

รอยซีฟัสหัวเราะเยาะหยัน ดีทริชใช้สายตาเย็นเยียบมองไปที่อีกฝ่าย

“นายสืบเรื่องของฉันตลอดเลยหรือ”

“โนเอลดีกับฝ่าบาทมากนักหรือ ไม่ใช่ว่าเพิ่งทำร้ายฝ่าบาทไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้หรือไง”

ดีทริชเม้มปากเข้าหากัน เรื่องที่เกลียดมากกว่าถูกบังคับคือการที่มีใครมาสอดรู้สอดแนมเรื่องส่วนตัว

“ฝ่าบาทคำสาปของท่านแม่ไม่มีตัวยาไหนรักษาได้ กระหม่อมตรวจดูแล้ว มีแค่วิธีของกระหม่อมเท่านั้นที่จะรักษาได้ ขอเพียงยอมทำตามกระหม่อมกลับไปทวงบัลลังค์และล้างแค้นให้ผู้ให้กำเนิด”

ดีทริชหันไปมองตาแม่ ลอร่ายิ้มจับมือลูกชายมากุมไว้

“แม่ไม่รู้ว่ามันจะดีที่สุดสำหรับลูกไหม แต่แม่ไม่เห็นทางอื่นจริงๆ ถ้าแม่ตายไปโดยทิ้งลูกเอาไว้ ปานดอกกุหลาบของลูกจะนำภัยมาหาลูกไม่ช้าก็เร็ว”

“นับว่าเป็นโชคมหาศาลใช่ไหมที่ราชินีไม่สนใจใยดีจะตามหาเด็กที่มีปานรูปกุหลาบ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่หรอก มันเป็นเพราะว่า ตัวปลอมอาจจะแค่รอเวลาให้ฝ่าบาทโผล่ไปเองในซักวัน”

“ถ้าอย่างนั้นฉันกับแม่เก็บตัวเงียบใช้ชีวิตตามเดิมก็ดีแล้วนี่”

“แต่แม่ของฝ่าบาทกำลังจะตายกระหม่อมไม่ได้พูดหรือว่าข้อแลกเปลี่ยนในการรักษาแม่ของฝ่าบาทคือให้ฝ่าบาทร่วมมือกับกระหม่อม”

“ท่านรอยซีฟัส ขอเวลาให้ฉันได้พูดตามลำพังกับ ดีทริชหน่อยเถอะค่ะ”

รอยซีฟัสพยักหน้าแล้วออกจากบ้านไป เมื่ออยู่กันตามลำพังลอร่าสวมกอดดีทริช

“จริงหรือที่แม่กำลังจะตาย” ดีทริชกอดตอบแม่หลวมๆ

“แม่ขอโทษนะทริช แต่เวลาของแม่เหลือไม่นานแล้ว”

“เขาจะรักษาแม่ได้จริงๆ นะ”

“ถึงรักษาแม่ไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาจะดูแลลูกต่อจากแม่ เป็นคนเดียวที่พอจะช่วยเหลือเราได้”

“แม่เชื่อใจเขาหรือฮะ”

ลอร่าคลายอ้อมกอด ประสานสายตากับดีทริช “เพราะอย่างนี้ไงแม่ถึงพยายามอยู่กับลูกให้นานที่สุด แม้หนทางจะไม่เรียบง่ายก็ตาม”

“เข้าใจแล้วฮะ”

“เยี่ยม ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มขยับทำอะไรซํกทีเถอะ” รอยซีฟัสเข้ามาในห้อง คำพูดคำจาแสดงชัดว่าแอบฟังแต่ต้น

“ฝ่าบาทหลังจากนี้คงยุ่งยากอยู่ซักหน่อย แต่เชื่อกระหม่อมเถอะว่ามันจะดีกับฝ่าบาทแน่นอน”

ดีทริชไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เวลานี้การรักษาแม่ให้หายสำคัญที่สุด ความเจ็บปวดจากการเลิกลากับโนเอลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงกลายเป็นเรื่องที่ห่างไกลออกไป



คุยท้ายเรื่อง

ย้อนอดีตนี่เขียนยากเป็นบ้า แต่ยังมีสิ่งที่ต้องเฉลยย้อนอีกในส่วนตัวละครอยู่ ตอนนี่กับตอนที่แล้วเป็นแค่มุมมอง

ของลิลี่ ทวีค เท่านั้น เลยมาแค่สองตอน แต่อาจจะยาวเยิ้นเย้อไปเนอะ ขออถัยจ้า

แถมตอนนี้มาสั่น คือพลอตมันมีแต่ทิ้งไปเป็นอาทิตย์มันเลยต่อกันไม่เนียนหน่อยๆ

 เพราะมัวแต่ทำไฟล์นิยายที่จะขายเอง ยังไม่เสร็จด้วยคาดว่าจะอีกซักพัก

 แต่ตอนต่อไปจะรีบเอามาลงนะ คิดว่าอาทิตย์หนึ่งนี่คือช้าสุด

แอบสงสารโนเอลนิดๆ นะ เพราะดีทริชสนใจแต่คุณแม่ขาแล้วนะนี่ ลืมโนเอลไปแล้วมั้ง55555

ขอบคุณที่ติดตามกันตลอดนะคะ ตอนหน้าจะเป็นส่วนของดีทริชกับโนเอลแล้ว

แสดงความคิดเห็นให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่31 {หน้า7} {8/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 08-03-2018 13:28:33
ไม่สงสาร :hao7: สมน้ำหน้าโนเอลลลลล :m14: ราชินีผู้น่าสงสาร รอยนี่น่าสงสารกว่าใคร หวังว่านางคงไม่ได้เป็นตัวร้ายอีกตัวนะ
รอจ้าา :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่31 {หน้า7} {8/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-03-2018 17:30:46
เราว่าโนเอลเลือกที่จะทำแบบนั้นก็ต้องมาง้อดีทริชเอง
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่31 {หน้า7} {8/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 08-03-2018 19:46:40
ตอนต่อไปมาเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่31 {หน้า7} {8/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-03-2018 10:22:05
รอ... :mew1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่31 {หน้า7} {8/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-03-2018 14:29:01
รอเด้อ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่31 {หน้า7} {8/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 10-03-2018 20:11:44
อ่านรวดเดียวยังค้างเลยอ่าาา สนุกกกก
เห็นด้วยว่าควรแก้อายุค่ะ รอนะคะะะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่32 {หน้า7} {11/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 11-03-2018 12:34:13


บทที่32

โนเอลตามหาตัวดีทริชเจอไม่ยากเพราะว่า รอย สมิธ ก็ไม่ได้ปิดบังตัวตนแม้แต่นิดเดียว เขารู้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วเรื่องดีทริชไปอาศัยอยู่กับรอยด้วยการสอบสวน ดีน ไอแวน ซึ่งเมาหยำเปอยู่ไม่ห่างจากบ้านในคืนนั้น

สองอาทิตย์ที่ไม่แล่นไปหาคนรักโนเอลไม่ได้อยู่เฉยๆ เขาใช้เส้นสายมากมายสืบเสาะตัวตนของรอยให้มากกว่าเดิม แต่กลับไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องที่รู้อยู่แล้ว

โนเอลเคยไปขอร้องให้ท่านพ่อช่วย ท่านรับปากและหายเงียบไปถึงจะขอเข้าพบก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยกับเขา มันต้องมีอะไรซักอย่าง รอย สมิธ คนนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก

แม้แต่ท่านพ่อคงรู้สึกถึงอันตราย ไม่อย่างนั้นทำไมต้องปิดบังข้อมูลไม่ให้เขารู้ด้วยการหลบหน้าตลอดหนึ่งสัปดาห์ ยิ่งเป็นแบบนี้โนเอลยิ่งยอมแพ้ไม่ได้ ก่อนหน้านั้นแม้ไม่บอกก็ทราบดีท่านพ่อไม่ยินยอมให้เขากับดีทริชอยู่ร่วมกัน

เห็นได้ชัดจากการส่งรูปดูตัวจำนวนมากมาให้เมื่อวันก่อน ท่านพ่อคงรู้เรื่องชาติกำเนิดของดีทริชไม่มากก็น้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา และคำอธิบายไม่เท่าการกระทำท่านพ่อแสดงชัดว่าไม่ยินดีให้เขาผูกสัมพันธ์กับดีทริชถึงจะเคยรับปากเป็นพ่อสื่อเมื่อก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม

ถึงแม้จะถูกกัดกันและมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน แต่โนเอลไม่คิดจะเลิกรักดีทริช ความคิดถึงห่วงหาเสียใจทำให้เขาแล่นมาหาดีทริชถึงคฤหาสน์ของรอยโดยไม่สนใจซักนิดว่ามีกับดักหรือแผนการณ์อะไรรออยู่

ดีทริชนั่งมองดูแม่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับไปไหนประมาณยี่สิบนาทีได้ หนึ่งอาทิตย์มาแล้วที่พ่อบุญธรรมใช้เวทย์มนต์โบราณทำให้แม่นอนหลับเพราะอาการทรุดหนักจนน่าเป็นห่วง เวทย์มนต์บทนี้จะทำให้พิษไม่กำเริบแทรกซ้อนกว่าเดิมทั้งยังรักษาชีวิตแม่เอาไว้ได้จนกว่าจะแก้คำสาปเรียบร้อย

ท่านพ่อบุญธรรมรอยซีฟัสวางแผนไว้มากมาย ถึงไม่ได้บอกให้ทราบในคราวเดียวแต่ก็รู้ว่าโนแอลกับมาเรี่ยนเองก็เป็นหนึ่งในหมากตัวนั้น ดีทริชกุมมือแม่ที่แม้จะนอนหลับไปด้วยเวทย์มนต์แต่ยังอบอุ่น

 กับมาเรี่ยนเขาไม่อยากหลอกใช้เพื่อนคนนี้ซักนิดแต่มันไม่มีทางเลือก ส่วนโนเอลเขาอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก ลึกๆ ภายในใจดีทริชคิดว่ายังมีผู้ชายคนนั้นหลบซ่อนอยู่ เขาเลือกที่จะเมินเฉยเพราะตัวตนของแม่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมากนัก

จะมัวคิดถึงเรื่องของโนเอลไม่ได้ แม่ที่อยู่ตรงหน้าเขานี่สิที่สำคัญ คนช่างวางแผนคนนั้นทำอะไรหรือคิดไรเก็บเอาไว้คนเดียวไม่สนใจความรู้สึกของเขาซักนิด

 เรื่องที่โนเอลวางแผนอะไรไว้ตอนที่ดีทริชรู้จากพ่อบุญธรรมเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะนั่นเป็นสิ่งที่โนเอลเลือกเองและเขาก็มีสิทธิที่จะโกรธเช่นกัน

แต่ทั้งอย่างนั้นเขาไม่มีเวลาคิดถึงโนเอลหรือคนอื่นๆ ได้มากนัก พ่อบุญธรรมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกฝนพลังพิเศษของเขาตลอดเวลา จนได้รู้ว่าเขามีความสามารถพิเศษติดตัวถึงสามอย่าง

ตามปกติพลังพิเศษซึ่งแสดงถึงขีดจำกัดทางสายเลือดทำให้คนในราชวงศ์มีความสามารถถึงสองอย่างมากกว่าคนทั่วไปที่มีติดตัวเพียงหนึ่งเท่านั้น นั่นคือสะท้อนกลับการโจมตีทางกายภาพและเวทย์มนต์ เพียงสองสิ่งนี้ก็ทำให้เชื้อพระวงศ์ไร้เทียมทานอยู่แล้ว

แต่พ่อบุญธรรมพบว่าความสามารถที่สามของเขาอยู่ที่ดวงตา ท่านพ่อบุญธรรมตั้งชื่อความสามารถนั้นว่าดวงตาจักรพรรดิ์ ดวงตาของเขาในยามที่ใช้พลังจะเปลี่ยนเป็นสีเลือดและไม่ว่าจ้องมองไปที่ใครคนคนนั้นจะไม่สามารถใช้ความสามารถพิเศษหรือเวทย์มนต์ได้

ทันทีที่ท่านพ่อบุญธรรมรู้ข้อเท็จจริงอันนี้ท่านดีใจมาก ยิ่งมุ่งมั่นฝึกฝนให้เขาสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเพราะความตั้งใจอย่างแรงกล้าของเขากับท่านพ่อบุญธรรมทุกอย่างคืบหน้าไปด้วยความรวดเร็ว

“ดีทริช พ่อขอเข้าไปนะ” เสียงเคาะดังหน้าประตูสามครั้ง เมื่อดีทริชอนุญาตรอยเปิดประตูเข้ามา

“มีอะไรหรือครับท่านพ่อ”

“โนเอลมาขอพบแล้วนะ ลูกรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”

“เขาจะทำตามที่ผมขอหรือครับ”

“ถ้าเขารักลูก คำขอเล็กๆ แค่นี้ ทำไมจะทำไม่ได้ เอาจริงๆ ถ้าตาแก่คาร์ม่าไม่เอาแต่หลบหน้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปขอร้องโนเอลซักนิด”

“เข้าใจแล้วครับ” ดีทริชก้มหน้าครุ่นคิด รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยที่ใช้โนเอลเหมือนเป็นเครื่องมือ จังหวะนั้นพ่อบุญธรรมเชยคางให้เขาเงยหน้าขึ้น

“พ่อรู้สึกว่าเจ้ายังมีใจให้เขาอยู่ ขอให้คิดว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากว่าทั้งคู่ชะตาต้องกันซักวันจะบรรจบเข้าหากันเอง แต่อย่าลืมว่าด้วยฐานะของลูก สามารถเลือกคู่ครองที่เหมาะสมได้มากกว่านี้อีกไม่รู้เท่าไหร่”

“ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ตอนนี้แค่เรื่องของแม่ก็หนักหนาเกินพอแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นจะคิดมากทำไม โนเอลไม่มีค่าพอหรอกนะ หรือถ้าจะมีก็เพื่อให้ลิลี่หายดีใช่ไหม”

“ครับ” รอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อดีทริชรับคำ

พ่อบุญธรรมอย่างเขาถึงแม้จะใกล้ชิดลูกคนนี้ไม่นานนักแต่ก็รู้ว่าลูกน้อยรู้สึกอย่างไรกับโนเอล สายสัมพันธ์นี้มันจะเป็นบ่วงที่รัดสองคนเอาไว้ด้วยกัน เพราะมันมีประโยชน์จึงไม่คิดทำลายลงไป

“ไปหาโนเอลเถอะ”

วินาทีที่ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกโนเอลส่งยิ้มอ่อนโยนอันแสนคุ้นเคยมาให้ มันทำให้ดีทริชชะงักการก้าวเดินไปข้างหน้าเพราะว่าไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานะการณ์อย่างนี้

เขามาเพื่อโกหกหลอกใช้โนเอล เพื่อแม่ที่นอนหลับอยู่บนเตียง จะรู้สึกสงสารหรือเสียใจต่อการกระทำจากนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด คิดดังนั้นก็ก้าวเดินไปหยุดตรงหน้าอดีตคนรัก

“กอดได้ไหม” โนเอลถาม ดีทริชลังเลนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้า เมื่อได้รับอนุญาตคนตัวโตกว่าสวมกอดเขาอย่างทนุถนอม

“ฉันรู้ว่านายจะไม่ให้อภัยในสิ่งที่ฉํนทำ ฉันเองก็จะไม่ขอนายให้อภัย เพราะว่าฉันเป็นคนเลือกทำในสิ่งที่ทำร้ายจิตใจนายเอง”

ดีทริชคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่ตนเองร้องไห้เพราะพบว่าโนเอลเดินหายไปกับนานะในโรงแรม เพราะเจอแบบนั้นถึงได้รู้ว่าเขาเองก็รักโนเอลมากเช่นกัน

“ดีทริช” โนเอลคลายอ้อมกอดลงไปคุกเข่าตรงเบื้องหน้า สภาพแบบนี้ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากโนเอล

“จะขอมากไปไหมถ้าเกิดอยากจะมาพบหน้านายให้บ่อยขึ้น”

“มันจะมีประโยชน์อะไร” ดีทริชพึมพำ

 จิตใจเกิดความลังเลสับสนประโยชน์ของโนเอลในตอนนี้คือเป็นหมากในแผนการณ์ของท่านพ่อบุญธรรม แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับการให้ตนเองไปชิดใกล้หลอกลวงความรู้สึกของโนเอล เพื่อเอาคืนเรื่องคราวก่อนหรือ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นและมันอาจจะเสียเวลาด้วยซ้ำ

แต่ลึกๆ แล้วประโยคคำถามที่คล้ายบ่นเมื่อครู่มีสาเหตุเพราะเขาต้องการคำอธิบายจากปากของโนเอล เขาได้รับคำบอกเล่าจากพ่อบุญธรรมเรื่องแผนการณ์อันนี้มาแล้ว แต่ก็ยังอยากฟังของอดีตคนรัก คิดอีกที่มันจะมีประโยชน์อะไรนะ ความคิดในใจหลุดออกไปเป็นคำพูด

 “หากนายอยากใช้ประโยชน์จากฉัน ฉันจะยอมทุกอย่างขอเพียงนายอนุญาตให้ฉันมาพบหน้านายได้”

ดีทริชจ้องมองโนเอลอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดถึงขนาดนี้

“นายจะยอมเป็นเครื่องมือให้ฉันอย่างนั้นหรือ แลกกับแค่ได้มาพบหน้าฉันเท่านี้นะหรือ”

“นายก็รู้ว่าแค่พบหน้ามันเพียงข้ออ้างเท่านั้น ฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อให้นายกลับมาเป็นคนรักอีกครั้งอยู่แล้ว”

ดีทริชไม่กล้าจ้องมองแมวตามุ่งมั่นของโนเอล รู้สึกว่าตัวเองอาจจะเลวมากถ้าหลอกใช้อีกฝ่าย แต่ว่าเมื่อนึกถึงแม่ที่หลับสนิทบนเตียงก็คิดขึ้นได้ว่า การกระทำทุกอย่างของเขาจะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของแม่

“ช่วยฉันสิโนเอล ถ้านายช่วยแม่ของฉันจะให้อภัยนาย”

“จะให้ช่วยยังไง”

ดีทริชก้มลงไปกระซิบข้างหูโนเอล บอกสิ่งที่พ่อบุญธรรมอยากให้พูดกับลูกชายคนรองของผู้นำตระกูลฟีโอเร่

“นายต้องการแค่นี้หรือ” ดีทริชพยักหน้าตอบคำถามโนเอล

“อย่างเร็วสุดอีกสามวัน ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง”

โนเอลจุมพิตลงบนหลังมือดีทริชแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขากล่าวคำอำลาด้วยเสียงและใบหน้าอ่อนโยน

“จะไปแล้วหรือ” ดีทริชถาม

“อยากอยู่ต่อให้นานกว่านี้ แต่การนัดท่านพ่อให้พบใครซักคนมันต้องใช้เวลา ฉันรับปากแล้วว่าภายในสามวันก็ต้องทำให้ได้ ฉันจะใช้การกระทำของฉันยืนยันว่าฉันต้องการนายมากแค่ไหน”

“นายจะเล่าเรื่องของนานะให้ฉันฟังไหม” เผลอหลุดปากออกไปจนได้ ดีทริชเม้มปากเข้าหากัน

“คืนนี้ฉันจะโทรมาหา จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้นายฟัง ได้โปรดรับสายฉันนะ”

หลังจากโนเอลเดินออกไปพ่อบุญธรรมก็เดินเข้ามาในห้อง รอยยิ้มที่เกลื่อนใบหน้าบอกชัดว่าอารมณ์ดีมากแค่ไหน

“ทำได้ดีมากลูกรัก เท่านี้เราก็ดำเนินแผนการณ์ขั้นต่อไปได้เสียที” พ่อบุญธรรมตบมือลงบนบ่าดีทริชเบาๆ

“แต่...ดืทริชพ่อขอเตือนเอาไว้หน่อยนะ ลูกกำลังหลอกใช้โนเอล การไปสนิทสนมกับเขามากมันจะทำให้เราเจ็บปวด ทางที่ดีรักษาระยะห่างเอาไว้นิดหน่อยจะดีกว่า”

เพราะคำพูดของรอยทำให้ดีทริชลังเลที่จะรับโทรศัพท์ คืนนั้นโนเอลโทรหาสามครั้งและเขาก็ไม่ได้รับสาย เพราะอย่างนั้นโนเอลจึงส่งข้อความมาบอกให้เขาหลับฝันดี

“ทำไมฉันถึงได้ยังรู้สึกชอบนายอยู่นะ” ดีทริชมองดูข้อความนั้น นานทีเดียวก่อนจะทิ้งตัวลงนอนโดยวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว



คุยท้ายเรื่อง

จริงๆ อยากจะมาให้ถี่เท่าเดิม แต่ช่วงนี้ยุ่งๆ หลายอย่าง จะมาลงให้เร็วที่สุดนะคะ

อย่างช้าสุดไม่เกินอาทิตย์

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่32 {หน้า7} {11/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 11-03-2018 15:23:12
ทำไมอุปสรรคเยอะจังฟร๊ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่32 {หน้า7} {11/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 11-03-2018 16:38:10
เรื่องมันเริ่มปมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เราเอาใจช่วยนะดีทริช
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่32 {หน้า7} {11/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-03-2018 17:08:00
ดีทริชสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่32 {หน้า7} {11/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 11-03-2018 20:08:52
ทำไมต้องกีกกันตาหนูของเจ้ด้วยยย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่32 {หน้า7} {11/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 12-03-2018 20:46:48
 :hao5:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่32 {หน้า7} {11/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-03-2018 20:57:46
ชักจะไม่ชอบรอยซีฟัสแล้วน่ะ
กีดกันดีทริชกับโนแอล
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่33 {หน้า8} {13/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 13-03-2018 13:49:15
บทที่33

“ท่านพ่อจะไปไหน”

คาร์ม่าส่งยิ้มให้ลูกชายคนโต “พ่อจะไปเยี่ยมโนเอล นานทีปีหนจะป่วยหนักขนาดนี้ ยังไงก็ต้องไปดูแลเขาบ้าง”

แม็กซิมเบ้ปาก เขาคิดว่าคนอย่างโนเอลมันอาจจะแกล้งเรียกร้องความสนใจอะไรซักอย่าง แต่ถ้ามันป่วยจริงก็อยากไปดูน้ำหน้ามันซักหน่อยเพื่อความสะใจ

“ถ้าอย่างนั้นผมขอไปด้วยนะท่านพ่อ รู้สึกว่าไม่ได้เจอมันมาซักพักแล้ว”

“จะเอาอย่างนั้นรึ” คาร์ม่าอมยิ้ม คนเป็นพ่อทำไมจะไม่รู้ว่าสองพี่น้องเกลียดชังกันมากแค่ไหน

“เอ้า...อยากไปก็ไป”

จากนั้นสองพ่อลูกก็พากันขึ้นรถ ระหว่างการเดินทางแม็กซิมว่าร้ายโนเอลเป็นปกติทุกครั้ง คาร์ม่าฟังแล้วก็เห็นด้วยเป็นเรื่องๆ ไป เวลาที่ไม่เห็นด้วยก็จะยิ้มเพียงอย่างเดียว

พูดถึงโนเอลแล้วก็ให้นึกสงสาร ทำไมคนอย่างเขาจะไม่รู้ว่าลูกชายแต่ละคนวางแผนอะไรไว้บ้าง ยิ่งคราวนี้เจ้าตัวแสบแกล้งป่วยเพื่อเรียกเขาไปพบ คาร์ม่ารู้อยู่แล้วว่าใครกันที่รออยู่

นึกถึงหน้ารอยซีฟัสเพื่อนสนิทคนเก่าคนแก่ก็รู้สึกเหนื่อยใจ ปีศาจตนนี้หากไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนคงไม่ปล่อยให้เดินเล่นไปทั่วจูปิเตอร์

อุตส่าห์ให้ความช่วยเหลือมอบที่หลบซ่อนให้เป็นอย่างดี แต่เหมือนไม่ยอมอยู่เฉยง่ายๆ ต้องออกมาแสดงปาฏิหาริย์ก่อเรื่องให้มันลุกลามไปใหญ่

ดูเหมือนว่า ดีทริช ไอแวน จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เจ้านั่นกลับมามีไฟอีกครั้ง แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเดี๋ยวนี้ราชินีก็ไม่ต่างจากลูกไก่ในมือของฟีโอเร่

ราชินีผู้เอาแต่เก็บตัวแล้วโยนงานบริหารและอำนาจในมือมาให้ไม่ว่าจะเป็นตัวปลอมหรือตัวจริง ตระกูลฟีโอเร่ก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น คาร์ม่าคิดว่าสมดุลทางการเมืองตอนนี้ก็ดีเยี่ยมมากอยู่แล้ว

อยากจะรู้จริงๆ ว่ารอยซีฟัสจะใช้อะไรโน้มน้าวให้เขาเคลื่อนไหวสนับสนุนการกระทำของตนเองกันแน่ ถ้าต้องการลากให้เขาลงเรือด้วยคงต้องมีผลประโยชน์ที่คิดว่าสมควรหน่อยล่ะ

ไม่นานนักคาร์ม่ากับแม็กซิมก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลอลองโซ ที่หน้าประตูเซซิลยืนคอยต้อนรับอยู่ สาวน้อยโผเข้ากอดบิดาทันทีที่พบหน้า

“คิดถึงท่านพ่อเหลือเกินค่ะ” เซซิลออดอ้อนฉอเหลาะ พอเห็นแม็กซิมก็มองด้วยหางตาก่อนจะลากจูงคาร์ม่าเข้าไปด้านใน

ไอ้ตุ๊ดเอ๊ย

แม็กซิมด่าในใจ ท่าทางร่าเริงดีแบบนี้ไม่เหมือนคนที่ต้องดูแลพี่ชายซึ่งนอนป่วยซักนิด หรือว่าพวกมันวางแผนอะไรกันแน่

“ท่านพ่อคะ ท่านพี่ป่วยหนักมากคงให้ใครเข้าพบเยอะๆ ไม่ได้ ท่านพ่อเข้าไปคนเดียวเถอะค่ะ”

เซซิลบอกหลังจากลากท่านพ่อมายังหน้าห้องๆ หนึ่ง แม็กซิมฮึดฮัดไม่พอใจ

“พวกผิดเพศไม่มีสิทธิห้ามให้ฉันเข้าไปนะเว้ย” แม็กซิมพูดและทำท่าจะเดินตามคาร์ม่าเข้าไปแต่ถูกห้ามไว้เสียก่อน   

“เจ้ารอข้างนอกเถอะ แม็กซิม”

               แม็กซิมแยกเขี้ยวรับ ถูกห้ามมันก็ช่วยไม่ได้ หรือว่าไอ้โนเอลมันจะป่วยอาการหนักจริงๆ ถึงพยายามปิดบังไม่ให้เขารู้ คำตอบนั้นเค้นเอาจากเจ้าผิดเพศนี่ก็ได้

               “เฮ้ย ไอ้ตุ๊ด ไหนมาบอกมาซิว่าโนเอลมันป่วยอะไรกันแน่”

               “อยากรู้ไปทำไมล่ะคะ” เซซิลยิ้มหวาน จงใจกวนโมโหแม็กซิม

               “อย่ามาเล้นลิ้นนะไอ้ตุ๊ด จะบอกดีๆ หรือจะให้ตบ”

               “กล้าก็ลองสิคะ ท่านพ่อก็อยู่ที่นี่ ฉันไม่กลัวคุณหรอกค่ะ”

               “หน็อยนังนี่” แม็กซิมสาวเท้าเข้าหา ยกมือขึ้นหมายจะตบแต่ถูกคว้าจับมือเอาไว้ บอกตรงๆ ว่าเจ็บข้อมือจนเกือบร้องออกมาเชียวล่ะ

               “ปล่อยไอ้โนเอล” แม็กซิมคำรามกลบเกลื่อนความเจ็บ โนเอลยอมปล่อยมือก่อนจะเดินไปยืนบังเซซิลเอาไว้

               “หน็อย...นึกอยู่แล้วต้องมีลูกไม้อะไร แกหลอกท่านพ่อมาทำอะไรกันแน่วะ” ไม่พูดเปล่าแม็กซิมเดินไปที่ประตูตั้งใจจะพังเข้าไปด้านใน ทว่าวินาทีที่แตะถูกบริเวณนั้นม่านพลังบางอย่างก็ดีดเขาออกมา

               “ท่านพ่ออยู่ข้างในหรือเปล่าครับ ออกมาเองได้ไหมหรือจะให้ผมไปเรียกพวกมาช่วย” แม็กซิมตะโกนถามระหว่างนั้นก็หันมาข่มขู่โนเอลกับเซซิล “แกเสร็จแน่โนเอล โทษฐานวางแผนฆ่าผู้นำตระกูล แกต้องตายสถานเดียว”

               พูดจบก็หยิบมือถือเตรียมเรียกกำลังรบพิเศษของฟีโอเร่มา

               “แม็กซิม พ่อกำลังคุยกับเพื่อนเก่าอยู่เจ้าช่วยอยู่อย่างสงบได้ไหม”

               แม็กซิมเดาะลิ้น กำลังจะตามกองกำลังพิเศษมาจัดการโนเอลมันอยู่แล้ว โอกาสอย่างนี้ไม่มีมาง่ายๆ

               “แกเป็นใครกันแน่ ข้าจะเชื่อได้ไงว่าแกคือท่านพ่อ”

               “จะลองเรียกมาดูก็ได้ แต่พ่อจะถือว่าเจ้าเป็นกบฏคิดล้มล้างอำนาจพ่อ คงรู้ตัวสินะระหว่างพ่อคนนี้กับเจ้าคนในตระกูลจะเชื่อฟังใคร”

               แม็กซิมกัดฟันกรอด ใจหนึ่งก็อยากลอง แต่คิดอีกทีหากท่านพ่อตัวจริงพูดแล้วเขาขัดคำสั่งนอกจากถูกลงโทษหนัก ไอ้โนเอลอาจจะได้โอกาสดีๆ ไปมากทีเดียว เสียดายจริงๆ อุตส่าห์มีข้ออ้างกำจัดมันแล้วแท้ๆ

               “ไปนั่งรอที่ห้องอื่นดีกว่าไหม ท่านพี่” โนเอลเชิญชวน แม็กซิมยอมตามอย่างเสียไม่ได้

               “แกวางแผนอะไรกันแน่วะโนเอล” แม็กซิมเปิดประเด็นหลังจากถูกพามาห้องรับรอง

               “ผมไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้น แค่นัดให้ท่านพ่อมาพบเพื่อนเก่า”

               “เพื่อนเก่านี่นะ แล้วทำไมมันไม่ไปหาท่านพ่อด้วยตัวเอง ต้องให้แกโกหกนัดท่านพ่อมาพบ บอกความจริงมาดีกว่าน่าโนเอล”

แม็กซิมเขวี้ยงแก้วเหล้าในมือไปปะทะยังใบหน้าของโนเอล แก้วแตกกระจายคนถูกทำร้ายมีแผลแต่ในเวลาไม่กี่วินาทีเลือดก็หยุดไหลอาการบาดเจ็บถูกความสามารถพิเศษรักษาจนหายดี

               ความสามารถอันน่าชิงชัง เพราะแบบนี้ถึงได้จัดการฆ่ามันให้ตายไม่ได้ซักที แม็กซิมขบเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด

               “ทำเกินไปแล้วนะคะ ท่านพี่ไปทำอะไรให้คุณ”

               “แค่พวกแกมีชีวิตอยู่ก็เหมือนเป็นหนามยอกสร้างความรำคาญให้มากพอแล้ว เป็นตุ๊ดก็อยู่ส่วนตุ๊ดอย่ามาสะเออะพูดด้วย”

               เซซิลทำท่าผุดลุกขึ้นเอาเรื่อง แต่ถูกโนเอลรั้งให้นั่งลงเสียก่อน สองพี่น้องมองตากัน เธอเกือบจะลืมไปเลยเรื่องแผนการณ์ของท่านพี่

               จริงๆ เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรซักอย่าง แต่เมื่อเช้าได้มีโอกาสพบหน้าดีทริชเธอดีใจที่สุด อดนึกถึงเรื่องที่ได้พบหน้ากันหลังจากเพื่อนสนิทหายหน้าไปเกือบเดือนไม่ได้

               วินาทีที่เธอเห็นดีทริชเธอก็เดินเข้าไปหาแล้วตบหน้าเพื่อนสนิททันที เธอบรรยายความรู้สึกไม่ถูกเพราะลงมือกับเพื่อนสนิทด้วยความโกรธก็จริง แต่ต่อมาก็ร้องไห้ไม่หยุดจนคนเจ็บต้องมาปลอบ

               “ฉันเป็นคนเจ็บแท้ๆ เลยนะ” ดีทริชกอดปลอบเซซิลลูบหลังอีกฝ่ายไปมาเบาๆ อยู่ในสภาพนั้นจนสาวน้อยหยุดร้องไห้

               “เรามีเรื่องต้องพูดกัน”

               ดีทริชดูลำบากใจ เซซิลเห็นเพื่อนสนิทส่งสายตาไปหาคนที่พามา ผู้ชายคนนี้ เธอเคยเห็นในนิตยาสารเป็นครั้งคราว น่าจะชื่อรอยนามสกุลอะไรซักอย่าง

               “ไปเถอะดีทริชพ่อจะคุยกับโนเอลซักหน่อย”

               “ขอบพระคุณมากค่ะ” เซซิลถอนสายบัวก่อนจะลากดีทริชไปยังห้องของเธอ

               “นี่มันอะไรกันแน่หะ ทริช นายบอกเลิกคบท่านพี่ แถมหายตัวไปเป็นอาทิตย์ โรงเรียนก็ไม่มา ที่บ้านก็ไม่อยู่ แล้วนี่อะไรไหงกลายเป็นลูกของผู้ชายคนนั้นไปได้ บอกมาให้หมดเดี๋ยวนี่นะ บอกมาเลย”

               ดีทริชยิ้มขมขื่น เซซิลตระหนักทันทีว่าเรื่องคงไม่ใช่เล็กๆ

               “บอกมาเถอะน่าทริช ฉันสัญญาว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง แม้แต่เอฟเว่น”

               “นายไม่รู้เรื่องจะดีกว่า การไม่รู้มันจะดีกับนาย แล้วก็ฉันสัญญากับโนเอลเอาไว้ว่าจะไม่ลากนายเข้ามาเกี่ยว”

               “อะไรกันเล่า” เซซิลกอดอกฮึดฮัด เธอไม่ใช่คนโง่ที่พูดไม่รู้ความ หากว่าท่านพี่เห็นดีงามในเรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้

               “นายจะกลับมาคืนดีกับท่านพี่ไหม”

               ดีทริชไม่กล้ามองตาเซซิล เพราะการกลับมาของเขาในครั้งนี้มาเพื่อใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของโนเอล จริงๆ ลึกๆ ลงไปแล้วเขาสงสารโนเอล ไม่อยากทำแบบนี้แต่มันไม่มีทางเลือก หนทางเดียวที่จะช่วยแม่ของเขาคือทำตามคำสั่งท่านพ่อบุญธรรม

               “นายว่าโนเอลจะเกลียดฉันไหม”

               “ถ้าท่านพี่จะเกลียดนาย คงไม่ยอมให้นายเข้าบ้านมายืนลอยหน้าลอยตาอย่างนี้หรอก”

               ท่านพี่รักดีทริชแค่ไหน มีแต่เซซิลเท่านั้นที่รู้ ภายนอกท่านพี่ยังบริหารงานของตระกูลได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ไม่เคยเลยที่ท่านพี่จะนั่งเหม่อลอยมองอะไรซักอย่างนานๆ โดยเฉพาะเข้าไปอยู่ในห้องซึ่งดีทริชเคยหลับนอน

               ท่านพี่ย้ายไปอยู่ที่ห้องของดีทริช จมอยู่กับกลิ่นกายหอมหวานที่ยังฟุ้งไปทั่วตามสิ่งของ ชัดเจนว่าทั้งรักทั้งคิดถึงจนไม่เป็นตัวของตัวเอง

               “ท่านพี่เป็นถึงขนาดนี้ นายยังใจดำกับท่านพี่ได้เชียวหรือ”

               เมื่อได้ยินคำบอกเล่าถึงสภาพของโนเอล ดีทริชก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไรดี

               เขากำลังหลอกใช้โนเอลเพื่อให้แม่มีชีวิตต่อไป มันเป็นการกระทำที่โหดร้าย คนที่เขารักกันจะไม่ทำกันแบบนี้ ดีทริชรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปมันช่างแสนร้ายกาจ

               “ถ้าบอกว่าฉันกำลังหลอกใช้พี่ชายของนายล่ะเซซิล”

               “ถ้าเป็นนายท่านพี่คงไม่โกรธ แต่แววตากับสีหน้าอมทุกข์แบบนี้ ถ้าบอกว่าเล่นละครหลอกฉันละก็ ต้องถือว่าเป็นนักแสดงระดับแนวหน้าเลยล่ะ”

               ดีทริชนิ่งอึ้ง นี่เขาแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปนะ อดที่จะใช้มือลูบเสี้ยวหน้าตัวเองไม่ได้

               “ถ้าจะเสียใจล่ะก็สู้อย่าทำเสียแต่แรกสิ”

               “ที่ต้องหลอกใช้โนเอลก็เพราะ...” เซซิลใช้มือปิดปากดีทริชเบาๆ ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป

               “ไหนว่าจะไม่เล่าไง ไม่อยากให้ฉันปลอดภัยแล้วหรือสัญญากับท่านพี่แล้วนี่”

               “ขอโทษนะเซซิล” ดีทริชยิ้มด้วยสีหน้าเศร้าของเห็นได้ชัด             

  “ฉันทำได้แค่ดูเท่านั้น ได้แค่นั้นจริงๆ “ เซซิลพึมพำ ดีทริชสวมกอดเพื่อนสนิทกอดกันอยู่อย่างนั้นจนหัวหน้าพ่อบ้านมาตามตัวดีทริชออกไป



คุยท้ายเรื่อง

ช่วงนี้โทนเรื่องดูหม่นๆ ทนกันหน่อยน้า

วุ้ยอีกไม่นานคิดว่ามาเรี่ยนกับเอฟเว่นน่าจะโผล่ ตอนหน้าขอเวลาหน่อยน้า

ยังทำไฟลนิยายไม่เสร็จงานหลางงานราชก็มารอเป็นกองสูง

แต่หาจะหาเวลาว่างรีบกลับมานะ ไม่น่าจะเกินอาทิตยหรอก

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่33 {หน้า8} {13/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 13-03-2018 15:54:47
อึดอัดวุ้ย :serius2:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่33 {หน้า8} {13/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 13-03-2018 23:30:09
 :mew6:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่33 {หน้า8} {13/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 14-03-2018 03:52:08
เมื่อไหร่โนเอลจะได้กินเด็กละเนี่ย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่33 {หน้า8} {13/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 14-03-2018 07:34:30
ตอนนี้เรื่อยๆสินะ พี่ชายของโนเอลนี่น่าหาคนมาปราบให้สิ้นฤทธิ์ :hao6:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่33 {หน้า8} {13/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: NORMOR ที่ 14-03-2018 22:05:29
อ่านรวดเดียวจนหมดเลยค่ะ
สนุกมากเลย ลุ้นมากเลยค่ะ
ตอนนี้ไม่รู้จะสงสารใครดี ถ่อวว ทำไมความรักมันมีอุปสรรคอย่างนี้
ไม่รู้ว่าแผนการของรอยจะเป็นยังไงอีก คงไม่ได้คิดจะทำร้ายทริชใช่มั้ยคะเนี่ย
หวังดีกับทริชจริงๆ หรือเปล่า โอยยยย
โนเอลเอ้ย สู้ๆ แล้วกันนะ5555
คิดถึงมาเรี่ยนกับเอฟเว่นแล้วค่ะ แอบชอบคู่นี้ น่ารักดี เขินมาเรี่ยน5555

รอนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่34 {หน้า8} {16/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 16-03-2018 19:27:27
บทที่34

               นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้าพ่อของโนเอลตัวเป็นๆ  ดังนั้นดีทริชจึงเผลอจ้องมองนานเกินไป

               “พ่อหนูจ้องฉันนานขนาดนั้น มีอะไรหรือเปล่า”

               “เปล่าครับ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าท่านคาร์ม่าตัวจริง ปกติจะเห็นจากทางTVมากกว่า”

               คาร์ม่าอมยิ้มแล้วหันไปเปิดบทสนทนากับรอย “ว่าไง มีอะไรถึงกับต้องเล่นลูกไม้เพื่อให้ได้คุยกันแบบนี้”

               “ก็ถ้าใครบางคนไม่เอาแต่หลบหน้า ทางนี้คงไม่ต้องลำบากแบบนี้”

               “คงไม่ใช่ว่าจะพูดเรื่องเดิมๆ ใช่ไหม” คาร์ม่ายิ้มละมุนละใม ดีทริชรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างทั้งสองคน

               “บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เลิก เอาเดียร์น่าเป็นจุดศูนย์กลางเสียที แล้วเป็นยังไงชีวิตของนายวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น เสียดายหรือยังที่ไม่ได้ตกลงปลงใจกับฉัน”

               ดีทริชตัวแข็งทื่อ ไม่กล้ามองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคน ท่านพ่อบุญธรรมกับท่านพ่อของโนเอลเหมือนมีความสัมพันธ์ซับซ้อนบางอย่าง

               “เรื่องระหว่างเรา มันก็แค่ความหลงผิด เท่านั้น อย่ารื้อฟื้น”

               “แต่เป็นหลงผิดที่ยาวนานเหลือเกินนะ รู้ไหมว่าฉันก็เจ็บเหมือนกันที่ถูกนายใช้เป็นเครื่องมือทำให้ลืมเดียร์น่า”

               คาร์ม่าหัวเราะเสียงดัง ดูเหมือนยิ้มก็จริงแต่แววตานั้นเต็มไปด้วยการตัดพ้อ รอยซีฟัสต้องมองเมินไปทางอื่นชั่วครู่ก่อนจะหันกลัลมาประสานสายตาอีกครั้ง

               “เพราะว่าจนถึงตอนนี้ฉันยังรู้สึกรักนายอยู่ จะบอกตามตรงก็แล้วกัน ราชินีจะเป็นตัวจริงหรือไม่ อำนาจบริหารก็อยู่ในมือของฉันโดยไม่ต้องแก่งแย่งกับใคร”

               “ก็พอจะรู้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ทั้งลิลี่ทั้งฉันจะอยู่รอดโดยไม่ถูกตามล่าได้ยังไง” คาร์ม่ายิ้มหวาน

               “เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าหากอยากให้ช่วยเหลือคราวหน้านายต้องเอาร่างกายนายมาแลก”

               “แค่นั้นนะหรือ” รอยซีฟัสยิ้ม ของมันเคยๆ มาก่อนเรื่องแค่นี้ถือว่าจิ๊บจ๊อยมากทีเดียว

               “ไม่แค่นั้นสิ” คาร์ม่ายังคงยิ้มและอมพะนำ

               “หรือนายกลัวว่าฉันจะหลอกเอาตัวปลอมมาหลอกนาย จะว่าไปนายบอกว่าราชินีเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือสินะ นี่คงรู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวปลอมหรือไม่ใช่”

               “ฉันสนุกที่จะได้เห็นนายเข้ามากราบกรานทอดกายให้ฉันด้วยความเต็มใจหรือจะเพราะยอมแพ้อะไรซักอย่างก็ได้นายก็รู้นี่ว่าฉันยอมเจ็บยอมเสียเปรียบเพื่อนายมากแค่ไหน หากไม่หลงใหลนายคงไม่ทำถึงขนาดนี้”

               รอยซีฟัสแค่นยิ้ม ขนาดบอกว่ารักชอบเขามาก แต่ก็ยังมีผู้หญิงอีกตั้งสองคน “ช่างเป็นความหลงใหลที่น่าเชื่อถือเสียจริงนะ”

               “เราเป็นผู้ใหญ่กันแล้วยังต้องมานั่งอธิบายเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกหรือ” คาร์ม่าหัวเราะอีกครั้ง

               “เข้าเรื่องดีกว่า นายยังมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีก จะว่าไปคนหูตาไวอย่างนายคงสืบดูแล้วใช่ไหมว่าดีทริชคือรัชทายาทตัวจริง”

               เป็นอย่างที่รอยซีฟัสพูดทุกประการ เขารู้ทั้งเรื่องปานทั้งเรื่องขีดจำกัดทางสายเลือด เขามีเส้นสายอยู่ทั่วจูปิเตอร์ดังนั้นเหตุการณ์อะไรแม้เล็กน้อยหากอยากรู้ก็ทำได้ไม่ยาก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในมือขาดแค่คนที่อยู่ในใจเขามานานมากกว่าสิบปีแล้วเท่านั้น

               “จริงอยู่ว่าการได้นายมาครอบครองอีกครั้งมันก็แสนจะคุ้ม แต่ฉันต้องการมากกว่านั้น คงรู้สินะว่าฉันจะโง่ยกดีทริชขึ้นเป็นผู้ครองบัลลังค์เพื่ออะไร หากควบคุมไม่ได้”

               “อยากได้อะไรก็พูดมา”

               “ฉันต้องการให้ดีทริชหมั้นและแต่งงานกับลูกชายคนโตของฉัน โอเมก้าไม่สามารถเป็นกษัตริย์ได้ ดังนั้นให้ลูกชายของฉันเป็นกษัตริย์แล้วดีทริชจะเป็นราชินีเคียงคู่กัน”

               ดีทริชนิ่งอึ้งกับคำขอของคาร์ม่า นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ต้องถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทางใดก็ทางหนึ่ง แถมยังกับคนที่ไม่รู้จัก ในใจลึกๆ เขาอยากให้คนคนนั้นเป็นโนเอล

               นี่เท่ากับว่าเขากับโนเอลจะยิ่งห่างไกลกันออกไปอีก เจ็บที่อกจนต้องยกมือขึ้นมาสัมผัสบริเวณนั้น เขายังรักโนเอลอยู่จริงๆ นั่นแหละ ยังไงก็แล้วแต่ถ้ามันสามารถทำให้ท่านแม่หายจากอาการป่วยได้เขายอมทั้งนั้น

               “ก่อนหน้าที่เราจะตกลงกัน ฉันยังมีสิ่งที่ต้องการอีกหนึ่ง นายต้องยกราชินีตัวปลอมให้ฉันกับดีทริช”

               “ก็เอาสิ นางจะหมดประโยชน์แล้วนี่ แต่ต้องเป็นหลังจากที่ดีทริชหมั้นแล้วนะ”

               ดีทริชค่อยโล่งใจหน่อย ในที่สุดก็จะได้จัดการกับราชินีตัวปลอมตามใจชอบ พ่อบุญธรรมหันมายิ้มให้เขาจึงส่งยิ้มตอบกลับไป

               “ถ้าอย่างนั้นให้ว่าที่คู่หมั้นเขาพบหน้ากันหน่อยดีไหม”

               “มาด้วยหรือ” ตอนนี้เองที่พ่อบุญธรรมกุมมือของเขาเอาไว้ ดีทริชคิดว่าคงกำลังพยายามปลอบใจเขาอยู่เรื่องของโนเอล

               “ใช่ เดี๋ยวจะให้ตามมาทั้ง แม็กซิมทั้งโนเอลนั่นแหละ”

               “นายท่านขอรับ ท่านคาร์ม่าให้มาตามท่านแม็กซิมกับนายท่านขอรับ” หัวหน้าพ่อบ้านมารายงาน เป็นจังหวะที่บรรยากาศขุ่นมัวเต็มที่พอดี

               “ท่านพ่อคุยเสร็จแล้วหรือ” โนเอลถาม

               “ขอรับนายท่าน”

               แม็กซิมออกเดินนำไปก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นโนเอลจึงเดินตามไปบ้าง เพราะไม่ได้ถูกเรียกเซซิลจึงนั่งรอในห้องรับรองต่อไป

               “มาจนได้” คาร์ม่ากวักมือเรียกลูกชายสองคนให้มายืนใกล้ๆ

               “นี่คือรอยซีฟัสเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อ ส่วนนี่ลูกชายของเขา”

               แม็กซิมเลิกคิ้ว นี่มันไม่ใช่ไอ้นางบำเรอในสลัมที่โนเอลฟันแล้วเขี่ยทิ้งหรอกหรือ ไหงกลายมาเป็นลูกชายของเพื่อนเก่าท่านพ่อไปได้

               “แม็กซิมฉันจะให้เจ้าหมั้นกับเด็กคนนี้”

               “อะไรนะ” แม็กซิมตวาดอย่างแข็งกร้าว เรื่องอะไรคนอย่างเขาต้องรับเศษเหลือเดนของโนเอลด้วย

               “ไม่มีทางท่านพ่อ ไอ้นี่มันเป็นนางบำเรอของโนเอล เป็นของเหลือเดินมาก่อน อย่ามาบังคับผมเลย จริงสิ เดนของใครก็ให้คนนั้นรับไป”

               กล่าวจบก็เดินปึงปังออกไป ใครมันจะไปทนรับเดนไอ้โนเอลได้ คืนให้มันนั่นแหละดีที่สุด การที่หนีออกมาเพื่อยืนยันความต้องการของตัวเอง ส่วนไอ้โนเอลก็จงรับผิดชอบเดนของมันไปเสีย

               เพราะว่ารีบเดินออกไปและใช้อารมณ์แบบคนโง่จึงไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของคนในห้อง โนเอลยิ้มกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเขากับดีทริชประสานสายตากันราวกับไม่มีใครอื่นอยู่ในห้อง ส่วนรอยกับคาร์ม่านะหรือทำเพียงหัวเราะในความเขลาของแม็กซิม

“จะเอายังไงคาร์ม่า ลูกชายคนโตของนายปฏิเสธเงื่อนไขเองนะ” รอยซีฟัสมองดูเด็กสองคนที่ส่งสายตาให้กัน ทำให้นึกถึงความสัมพันธ์หวานและขมของตัวเองกับคาร์ม่า

“นั่นสิ โนเอล เจ้าอยากจะหมั้นกับดีทริชแทนพี่ชายเจ้าหรือเปล่า”

“แน่นอนครับท่านพ่อ” ไม่มีอะไรที่จะน่าดีใจไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว

“ดีถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเด็กๆ เขาคุยกันไป โนเอลพ่อขอยืมห้องของเจ้าซักห้องนะ” คาร์ม่าลุกขึ้นยืนจากโซฟา สะบัดคางเป็นสัญญาณบอกให้รอยตามไป

“ดีทริชอยู่คุยกับโนเอลไปก่อนนะ” ดีทริชพยักหน้า เขามองตามพ่อบุญธรรมกับคาร์ม่าไป ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเพราะความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ชัดเจนมากจากบทสนทนา

“ดีทริช” โนเอลสวมกอดเขาทันทีที่พวกพ่อออกจากห้องไป

“ฉันพอจะเป็นประโยชน์ให้นายหรือยัง”

“นายเป็นยิ่งกว่านั้นอีก โนเอล...ฉัน...” ดีทริชไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เรื่องที่ผ่านมาระหว่างเขากับโนเอลมันมากเหลือเกิน ทั้งทะเลาะ ทั้งหลอกใช้ เขาไม่ใช่คนหน้าด้านพร้อมรุกเข้าหาหรือเอาเปรียบโนเอลได้ในทันที

“ไม่ต้องพูดอะไร เราสองคนจะหมั้นกันแล้ว ยังต้องเก็บเรื่องน่ารำคาญพวกนั้นมาคิดอีกหรือ จริง สิฉันจะเล่าเรื่องของนานะกับแม็กซิมให้นายฟัง”

โนเอลคลายอ้อมกอด ขยับตัวนั่งลงข้างๆ ดีทริช

“นายไม่โกรธที่ฉันหลอกใช้นายเพื่อแม่หรอกหรือ” ดีทริชถามเขาจ้องมองไปในแววตาที่ยิ้มได้ของโนเอล ตั้งใจหาความเกลียดชังในนั้น

“เลิกพูดเรื่องนั้นเถอะ จะสนใจทำไม” โนเอลกุมมือดีทริชเอาไว้ สุดท้ายคนที่น้ำตาคลอเต็มสองตาคือดีทริชนั่นเอง การได้รับความรักมากขนาดนี้มันตื้นตันใจเหลือเกิน

“อย่าร้อง มันทำให้ฉันปวดใจนะ” โนเอลซับน้ำตาด้วบริมฝีปากของตนก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตนเองให้ดีทริชฟัง



คุยท้ายเรื่อง

แบบมีความอยากเขียนถึงรอยกะคาร์ม่า555 แต่เกรงจะออกทะเล5555

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ

ตอนหน้ารอกันหน่อยน้า งานคอดจะยุ่งมั่กๆ แต่ไม่เกินอาทิตย์นึแน่ๆจ้า

รักนะจุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่34 {หน้า8} {16/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 16-03-2018 20:15:20
เอาอีกตอนได้มั๊ย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่34 {หน้า8} {16/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 16-03-2018 20:39:35
คุณพ่อนอกจากนังจะมีสัมพันธ์แบบแอบมองห่างๆกับราชินีแล้วยังมีกับพ่อของโนเอล อันนี้พีคไปอี๊กกกกกกก  :katai1: แถมเค้ายังอะไรๆ กันมาก่อนด้วย อุแม่เจ้า เดาทางไม่ถูกเลย 55555
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่34 {หน้า8} {16/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-03-2018 22:17:09
จะได้หมั้นกันแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่34 {หน้า8} {16/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 17-03-2018 07:48:55
อยากอ่านรุ่นพ่อแฮะ :katai5:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่35 {หน้า8} {18/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 18-03-2018 11:34:50


บทที่35

ถึงแม้ว่าอีกไม่นานงานหมั้นของเขากับมาเรี่ยนจะถูกจัดขึ้นแต่เอฟเว่นกลับไม่มีความสุขเต็มทีเท่าใดนัก เพราะเพื่อนซึ่งควรร่วมมียินดีไปกับเขาด้วยหายตัวไป

เอฟเว่นไม่สามารถใช้เส้นสายของตนเองสืบหาได้ ทำแค่รอให้เซซิลลงมือช่วยเหลือเท่านั้นเอง เดือนกว่าที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างนิ่งสนิทไม่มีข่าวคราวใดใด เขารู้เพียงว่าดีทริชลาพักการเรียนชั่วคราว ข้อมูลเท่านี้ยิ่งทำให้ความเป็นห่วงเป็นใยเพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ

“นายน้อย ท่านมาเรี่ยนครอสมารอแล้วขอรับ” เสียงบอกจากด้านนอกทำให้เอฟเว่นตื่นตัว เขาหยิบกระเป๋าตรงไปหาคนที่รออยู่

“ขอบคุณที่มารับทุกวันเลยนะ” คำทักทายแรกของเอฟเว่นเรียกรอยยิ้มจากมาเรี่ยน

“ขอบคุณทำไมมันเป็นหน้าที่ของว่าที่คู่หมั้นอย่างผมอยู่แล้ว” มาเรี่ยนคว้ามือของเอฟเว่นมาจับแล้วจูงเดินไปยังรถที่รออยู่ จากนั้นเปิดประตูเชิญให้คนรักขึ้นรถก่อนจะตามเข้าไปติดๆ

“เธอดูสีหน้าไม่ดีเลย คงเป็นเรื่องของดีทริช” เอฟเว่นก้มหน้าลงต่ำตอบรับด้วยเสียงที่เบาเหลือเกิน

“เป็นอะไรไป” มาเรี่ยนกุมมือของเอฟเว่นเอาไว้

“ฉันกังวลเรื่องของดีทริชมากจริงๆ นี่เขาหายไปเดือนกว่าๆ แล้ว”

“อย่างนี้มันทำให้ผมหึงนะ”

เอฟเว่นตื่นตัวลนลานทันที ก็คิดอยู่หรอกว่ามาเรี่ยนอาจจะหึงได้ ดังนั้นจึงพยายามไม่แสดงออก แต่ว่าวันนี้มันสุดๆ ของเขาแล้วจริงๆ

“ขอโทษนะ” เอฟเว่นคอตก มาเรี่ยนยิ้มอ่อนใจในท่าทางของคนรัก นิสัยขี้เกรงใจแม้แต่กับเขาอย่างนี้ ถึงจะบอกให้เอาแต่ใจได้เอฟเว่นกลับไม่เคยแสดงอาการนั้นซักครั้งเดียว

“เธอจะขอโทษทำไม ผมดูเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้นเชียวหรือ” เอฟเว่นช้อนตามองหวาดๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนจึงกล้าเงยหน้าขึ้นมามองเต็มสายตา

“ฉันเป็นห่วง ดีทริชจริงๆ นะ เขาหายไปนานมาก ฉันไม่รู้ว่าเขามีอันตรายหรือไปลำบากที่ไหน”

เอฟเว่นน้ำตาคลอ มาเรี่ยนใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้คนรัก

“อย่าร้องสิ ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ดีทริชจะกลับมาเรียนนะ”

“จริงนะหรือ”

“จริง” เอฟเว่นนึกด่าตัวเองภายในใจ ทำไมเขาถึงได้เป็นคนงี่เง่าอย่างนี้นะ มาเรี่ยนถึงขนาดต้องกลายเป็นคนโกหกเพื่อปลอบโยน เขาจะยิ้มแล้วเลิกกวนใจคนรักด้วยเรื่องของดีทริช ดังนั้นเอฟเว่นจึงส่งยิ้มให้มาเรี่ยน

“เธอยิ้มได้ผมก็ดีใจ” มาเรี่ยนใช้มือลูบเส้นผมเอฟเว่นไปมา ระหว่างการเดินทางไปยังโรงเรียน เอฟเว่นชวนคุยนั่นนี่ แต่ภายในใจเขากลับนึกถึงเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อน

การที่เขาบอกว่าอีกไม่นานดีทริชจะกลับมานั่นไม่ได้แค่โกหก เพราะเขาได้เจอเพื่อนคนนั้นมาแล้วกับตัวพร้อมกับพ่อบุญธรรมของฝ่ายนั้น รอย สมิธ

ในวันนั้นใครจะไปคาดคิดล่ะว่า รอย สมิธ จะใช้ให้ตระกูลฟีโอเร่หลอกเขากับท่านย่าให้ออกมาพบยังโรงแรม

“ได้พบกันอีกแล้วนะครับท่านป้า แล้วก็ยินดีที่ได้พบมาเรี่ยน”

มาเรี่ยนยังเก็บอารมณ์ได้ดี แต่ท่านย่าตกใจจนร้องเสียงประหลาดออกมา ความสนใจของเขาตอนนี้มุ่งไปที่

ดีทริชซึ่งมาพร้อมกับรอยสมิธ

               “แกนี่นะ ถ้าอยากพบฉันไม่เห็นต้องอ้อมค้อมขนาดนี้ จริงสินัดพบครั้งนี้ไอ้เจ้าคาร์ม่ามันเรียกฉันออกมา ไม่คิดเลยว่าแกจะมีสัมพันธ์อันดีกับหมอนั่นด้วย”

               “ดีจนท่านป้าต้องคิดไม่ถึงแน่ๆ ครับ”

               “แกต้องการอะไรก็รีบพูด แต่ก่อนอื่นให้เด็กๆ สองคนนี่ออกไปก่อน” แอนนี่ชี้นิ้วไปที่ดีทริชและมาเรี่ยนตามลำดับ รอยยักไหล่

               “เห็นจะไม่ได้ครับท่านป้า เด็กสองคนนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่หลานจะพูดด้วย” แอนนี่สีหน้านิ่งเย็น ใบหน้าจริงจังของท่านย่าที่ไม่ได้เห็นนานแล้วทำให้มาเรี่ยนตื่นตัวเป็นพิเศษ

               “พูดมาสิฉันรอฟังอยู่”

               “ถ้างั้น” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรามาพูดถึงความสามารถพิเศษที่ติดตัวมาเรี่ยนก่อนจะดีไหมท่านป้า”

               แอนนี่เอามือทาบอก เธอกับหลานรักมองตากัน ทั้งๆ ที่ปิดบังไม่ให้ใครรู้แล้วแท้ๆ แต่รอยยังอุตส่าห์สืบค้นจนได้

               “ความสามารถในการควบคุมวิญญาณของสิ่งมีชีวิต ถ้าให้ใครรู้เข้าคงไม่ดีแน่ๆ สินะครับท่านย่า”

               แอนนี่เม้มปาก เธอมองดูรอยหัวเราะเสียงเจ้าเล่ห์ “ต้องการอะไรจากหลานคนโปรดของฉันรอยซีฟัส”   

               เมื่อได้ยินชื่อมาเรี่ยนก็นึกออกทันที รอยซีฟัสคือท่านอาน้องชายของท่านแม่ เขายังเห็นรูปเหมือนของท่านอาอยู่ในห้องรวมรูปของตระกูล แต่หน้าตาตอนนี้ไม่เหมือนกันซักนิด ปลอมตัวสินะ ก็ไม่แปลกเพราะสถานะของรอยซีฟัสคนทั่วไปรับรู้ว่าเป็นกบฏที่พยายามจะฆ่าราชินี

               “จริงๆ ต้องการให้ช่วยหลายอย่าง แต่ตอนนี้ เอาแค่ให้ท่านป้า เชื่อในสิ่งที่ผมบอกเล่ามาตลอดก็พอแล้ว”

               “ยังไง”

               “ผมขอพูดกับ หลานชายที่น่ารักจะดีกว่า”

               มาเรี่ยนส่งสายตาเป็นคำถามไปที่แอนนี่ พอท่านย่าอนุญาตเขาก็พร้อมที่จะคุย

               “มาเรี่ยนความสามารถในการควบคุมวิญญาณของหลาน มันทำให้หลานสามารถถอดวิณญาณและเห็นวิญญาณของคนที่มองด้วยใช่หรือไม่”

               “ใช่ครับ”

               “ถ้าอย่างนั้น ถ้าอาอย่างจะให้เรามองดูวิญญาณที่อยู่ในร่างของคนคนหนึ่งหลานจะช่วยอาได้ไหม”

               แอนนี่เดาได้ทันทีว่าหมายถึงใคร “แกจะใช้เหตุผลอะไรให้มาเรี่ยนเข้าพบราชินีได้ ท่านเอาแต่เก็บตัวอยู่ในปราสาทมาหลายปีแล้วและไม่มีทางพบคนแปลกหน้านอกจากฉันกับคาร์ม่า”

               “ท่านป้าถ้าคาร์ม่าและท่านป้าช่วยกันขอร้องยังไงท่านราชินีย่อมไม่ขัดแน่ๆ อีกอย่างงานหมั้นแสนยิ่งใหญ่ของมาเรี่ยน สมเหตุสมผลที่สุดในการใช้เป็นข้ออ้าง”

               แอนนี่นิ่งคิด ถ้าเป็นเธอชวนคนเดียวล่ะก็ราชินีไม่มาแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคาร์ม่าที่ราชินีเอนเอียงเข้าหาตลอดในช่วงหลายปี โอกาสสำเร็จมีมากทีเดียว

               “แกต้องการแค่จะพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าราชินีเป็นตัวปลอมแค่นั้นนะหรือ มันต้องมีมากกว่านั้นสิ” รอยหัวเราะชอบใจ

               “แน่นอนครับท่านป้า ท่านป้าดูเด็กคนนี้สิครับ นี่คือดีทริชลูกบุญธรรมของผม”

               แอนนี่เอียงคอมองดูดีทริช รูปร่างหน้าตา ดูคล้ายกับใครบางคนแต่เธอยังนึกไม่ออก “เด็กนี่สำคัญตรงไหนรอยซีฟัส”

               “ลูกรักแสดงปานบนร่างกายของลูกให้ท่านย่าดูทีสิ”

               ดีทริชค่อยๆ จัดการปลดกระดุมเสื้อเปิดเผยให้เห็นปานรูปกุหลาบที่หน้าอก เป็นอีกครั้งที่แอนนี่ยกมือขึ้นทาบอก มาเรี่ยนมองดูสิ่งนั้นเช่นกันแต่ไม่เข้าใจว่ามันสำคัญตรงไหน

               “เรื่องนี้จะล้อเล่นกันไม่ได้นะรอยซีฟัส”

               “ผมไม่ล้อเล่นแน่ และหลังจากที่พิสูจน์แล้วว่าราชินีเป็นตัวปลอม ผมจะให้ท่านป้าเรียกร้องให้ราชินีพิสูจน์ความเป็นเลือดเนื้อของดีทริช”

               “แล้วถ้าเกิดเด็กนี่ไม่ใช่เชื้อสายของราชินีล่ะ”

               “ผมจะไม่มารบกวนท่านป้าอีก”

               “แกคิดว่าแค่นั้นมันจะจบหรือ ราชินีจะปล่อยแกไปง่ายๆ หรือไง”

               “ผมยอมเดิมพันทุกสิ่ง ขอแค่ช่วยเดียร์น่ากับลูกได้ก็พอ”

               “แก...บอกว่าต้องพึ่งความสามารถในการควบคุมวิญญาณของมาเรี่ยน ถ้าให้ฉันเดา แกจะบอกว่าเอลล่าใช้วิธีบางอย่างสิงสู่ร่างของราชินีสินะ” รอยยิ้มแทนคำตอบ

               “ถ้าแกจะให้ถอดวิญญาณเอลล่าออก มาเรี่ยนทำไม่ได้แน่ เพราะความสามารถของเชื้อพระวงศ์ต่อต้านความสามารถพิเศษรวมถึงเวทย์มนต์ทุกชนิด แล้วการสะท้อนกลับการโจมตีทางกายภาพด้วยอีกล่ะ มาเรี่ยนช่วยแกได้แค่พิสูจน์ความจริงเท่านั้นนะ”

               “เรื่องขับไล่วิญญาณของเอลล่าออกไปหลานมีวิธีอยู่แล้ว”

รอยมองไปที่ดีทริช แอนนี่เดาวิธีการไม่ถูกแต่คิดว่าดีทริชมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ๆ

               “แล้วแกไม่คิดหรือว่า พอถอดวิญญาณของเอลล่าออก ราชินีอาจจะตายไปเลยก็ได้”

               “มันต้องลองสิครับท่านป้า สำหรับผมไม่ว่าจะทางไหนก็ได้ล้างแค้นให้เดียร์น่าอยู่ดี อาจจะต้องพึ่งความสามารถของมาเรี่ยนอีกครั้งในตอนที่ได้ราชินีตัวปลอมมาไว้ในมือ”

               “แกหมายถึงการทำลายวิญญาณให้สิ้นซากใช่ไหม”

               “ใช่ครับท่านป้า ถ้าเกิดข้อสันนิษฐานของหลานถูก หากเอลล่าถอดวิญญาณสิ่งร่างใครๆ ได้ ถึงไล่นางออกไปด้วยวิธีของหลาน นางก็ไปสิงร่างคนอื่นต่ออีก มีแต่ต้องให้มาเรี่ยนทำลายทิ้งเท่านั้น”

               “แกมั่นใจได้ยังไงว่าฉันจะให้ความร่วมมือกับแก ฉันอาจจะเข้าหาเอลล่าเพื่อใช้หล่อนเดินทางไปสู่อำนาจก็ได้ใครจะรู้”

               “ท่านป้าไม่ทำหรอกครับ” รอยอมยิ้ม

รอยยิ้มรู้ทันแบบนี้แอนนี่เคยชอบที่จะเห็นมันมาก่อน แต่เวลานี้เธอเกลียดมันนัก

               “หากท่านป้าแสวงหาอำนาจ ท่านป้าต้องผลักดันมาเรี่ยนให้เป็นรัชทายาททุกวิถีทาง และไม่มีทางหลีกให้คาร์ม่าควบคุมราชินียึดเอาอำนาจบริหารประเทศส่วนใหญ่ไปถือครองจนถึงตอนนี้

ท่านป้าไม่อยากแก้ไขให้ทุกอย่างมันถูกต้องหรือครับ เอลล่าเป็นคนของตระกูลเรา ทำผิดให้เสื่อมเสีย ท่านป้าสามารถร่วมมือกับหลานแก้ไขมันได้นะครับ”

               มาเรี่ยนมองดูท่านย่านิ่งคิดอยู่นานทีเดียว เขาไม่รู้ว่าท่านย่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่อดส่งสายตาไปหาดีทริชไม่ได้ ฝ่ายนั้นทำแค่ยิ้มลำบากใจเท่านั้น

               ใครจะไปคาดคิดว่าเพื่อนของเขามีชาติกำเนิดที่ซับซ้อนอย่างนี้ มาเรี่ยนยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว แต่ถ้าท่านย่าอนุญาตเขาก็อยากพิสูจน์ความจริงทั้งหมดเหมือนกัน

               “ถึงตอนนี้แกยังรักราชินีอีกหรือรอย” แอนนี่จ้องมองไปในดวงตาของรอยซีฟัส “แกอยากให้ราชินีรักแกตอบอย่างนั้นหรือถึงต้องทำขนาดนี้”

               “หลานไม่ต้องการให้เดียร์น่ามารักตอบ ความรักของหลานไม่ได้ต้องการการตอบแทน ขอให้ให้เดียร์น่ามีความสุขหลานก็พอใจแล้ว”

               “เข้าใจล่ะ ฉันจะให้ความร่วมมือก็ได้ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะตามใจแกอย่างไร้ข้อกังขาอย่างนี้”

               “ขอบคุณมากครับท่านป้า”

               “จริงสิ แกใช่วิธีไหน ให้คาร์ม่าช่วยเหลือแกกันแน่ จิ้งจอกที่คอยแต่จะแว้งกัดนั่นได้ผลประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้กัน” รอยซีฟัสอมยิ้ม

               “ท่านป้าไม่อยากรู้หรอกครับ”

               “หึ ถ้าแกไม่อยากบอกฉันก็ไม่ถาม แค่คิดว่าความบาดหมางของตระกูลครอสกับฟีโอเร่ที่มีมานาน คนอย่างแกทำแบบไหน คาร์ม่าถึงได้โน้มตัวลงมาทำตามความเอาแต่ใจของแกได้แบบนี้”

               “ถ้าอย่างนั้นผมกับลูกชายขอตัวกลับก่อนนะครับท่านป้า” แอนนี่แม้จะหงุดหงิดแต่ก็โบกมือไล่รอยกับลูกชายออกไป มาเรี่ยนฉวยโอกาสนั้นร้องถามดีทริช

               “นานจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่ดีทริช”

               ดีทริชส่งสายตาไปยังพ่อบุญธรรม เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับไปเรียนที่เดิมหรือเปล่า

               “ดีทริชจะกลับไปเรียนที่โรงเรียนเดิมในอีกไม่นานหลานชาย ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ”

               “ขอบคุณสำหรับคำตอบครับท่านอา”

               จากนั้นห้วงความคิดก็สะดุดลง เพราะเอฟเว่นเขย่าแขนเขาเบาๆ

               “ไม่สบายหรือเปล่ามาเรี่ยน”

               “เปล่าผมกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องงานหมั้นของเรา นี่เธอได้เอาบัตรเชิญไปให้เซซิลด้วยหรือเปล่า”

               “อื้อ...”

               มันแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเอามา แถมเขายังมีบัตรเชิญในส่วนของดีทริชติดมาด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะให้เจ้าตัวได้เมื่อไหร่

               “ถ้าผมเดาเธอคงเตรียมมาให้ดีทริชด้วยสินะ” เอฟเว่นพยักหน้า

               “นำมันติดตัวไว้ตลอดล่ะ ผมมั่นใจว่าเธอต้องได้พบดีทริชเร็วๆ นี้แน่”

               “นั่นสิเนอะ ดีทริชแค่พักการเรียนนี่นะ ยังไงก็ต้องกลับมาเรียนต่อแน่ๆ”

               เอฟเว่นดูสบายใจขึ้นนิดหน่อย ถึงแม้จะยิ้มได้ไม่เต็มที่ก็ตาม มาเรี่ยนอยากให้ดีทริชกลับมาเรียนให้เร็วขึ้นเพราะไม่อยากเห็นสีหน้าเศร้าใจของคนรักอีกแล้ว



คุยท้ายเรื่อง

คิดว่าถ้ามีโอกาสอยากจะเขียนตอนพิเศษของรอยกับคาร์ม่านะ แต่คงรอให้เรื่องหลักจบก่อน

โอ๊ยยยช่วงหลังๆ นี่เขียนยากมากกกก พลอตมันมี แต่วิธีคลายปมนี่ทำเอามึนไปหมดและ55555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันตลอดนะค้าาาาาาาาา

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้าง

ตอนหน้าเด๋วขอหาเวลาว่างแต่งก่อน งานคนเขียนเยอะมากกกกกกก

จะกองทับตัวอยู่แล้วนิ

รักนะจุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่35 {หน้า8} {18/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 18-03-2018 13:52:52
อยากอ่านคาม่ากับรอย ใครรุกใครรับเดาว่าคาม่ารุกนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่35 {หน้า8} {18/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-03-2018 16:55:03
อยากให้ไรท์ลงถี่ๆเลยกำลังลุ้น
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่35 {หน้า8} {18/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 20-03-2018 02:09:45
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
บอกได้แค่ว่าตอนนี้คนอ่านง่วงมาก 5555555
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่36 {หน้า8} {20/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 20-03-2018 14:35:59
บทที่36

“ท่านไม่พูดกับฉันเลยตลอดสิบปีเต็มนะ”

เอลล่ามองดูเดียร์น่านั่งกอดเข่าอยู่ในมุมเล็กๆ เธอคนนั้นถูกขังอยู่ในที่คับแคบของภายในจิตใจไม่สามารถออกมานอกอาณาเขตได้

“เราอยู่ร่วมกันมาในร่างนี้เกินสิบปีแล้ว ท่านยังทำใจไม่ได้อีกหรือ”

เอลล่ายิ้มเยาะ ทุกครั้งที่เธอหลับฝันเธอจะสามารถเข้ามาพูดคุยกับเดียร์น่าในจิตใต้สำนึกได้ แต่มันก็น่าเบื่อที่คนคนนี้ไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์กับเธอเลย

“เป็นความผิดของท่านเองนะที่เมินเฉยฉัน ฉันอุตส่าห์มอบความรักและฝากความหวังให้ท่านตั้งเท่าไหร่”

เดียร์น่ายังคงนิ่งเงียบ เอลล่ายังจดจำความรู้สึกของเธอเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ดี ความเสียใจที่ไม่สามารถมีบุตรได้บวกกับความริษยาที่สวามีให้ความรักไม่มากพอ ดังนั้นเมื่อมันถึงขีดจำกัด เธอจึงไปหาลีฟาตั้งใจจะสิงร่างแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแทนที่นังผู้หญิงที่ช่วงชิงทุกอย่างไป

ใครจะไปคาดว่าผู้หญิงที่พึ่งคลอดใหม่ๆ จะมีแรงสู้เธอได้ เห็นได้ชัดว่าถูกฝึกมาให้เป็นนักรบผิดกับเธอ เพราะงั้นทุกอย่างถึงพลาดไปหมด สุดท้ายเพราะเกรงกลัวโทษทัณฑ์จึงลงมือสิงร่างเดียร์น่าอย่างฉุกละหุก

“ใครจะไปอยากพูดกับคนที่ใช้ร่างของเราทำเรื่องโสมม”

ในที่สุดก็เปิดปากพูดจนได้ เอลล่าแสยะยิ้ม ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรเธอก็ตื่นนอนเสียก่อน เมื่อลืมตาตื่นขึ้นเธอพบว่าคาร์ม่า ฟีโอเร่ ยืนแต่งตัวอยู่ข้างเตียง

“ท่านจะไปแล้วหรือคะ”

“ใช่”

“นานแล้วที่ท่านไม่ได้มาพบหน้าฉัน ท่านจะไม่อยู่สนทนากับฉันหน่อยหรือคะ”

“กลายเป็นคนขี้เหงาตั้งแต่เมื่อไหร่”

คาร์ม่าส่งยิ้มทรงเสน่ห์มา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เธอตกอยู่ในความลุ่มหลงคนคนนี้

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นหลายปียังกลัวบุรุษผู้นี้อย่างหนูกลัวงู ยังจดจำครั้งแรกที่คาร์ม่าเข้ามาข่มขู่ใช้กำลังกับเธอได้เป็นอย่างดี จากตอนนั้นด้วยความกลัวก็เลือกจะทำตามคำสั่งทุกอย่าง เดี๋ยวนี้แม้จะฝากฝังชีวิตไว้ในมือ แต่ใช่ว่าไม่หาหนทางเผื่อไว้ให้ตัวเอง

เธอเข็ดกับการทุ่มเทความรักให้มากเกินไปตั้งแต่ครั้งเดียร์น่าแล้ว ดังนั้นจึงแอบซ่องสุ่มคนไว้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้สอยทำงานส่วนตัวโดยไม่ให้คาร์ม่ารู้

“จริงสิ ยังจำเรื่องที่แอนนี่เชิญเธอให้ไปงานหมั้นของหลานชายได้สินะ”

คาร์ม่าแต่งตัวเสร็จแล้ว เอลล่าในร่างราชินีมองดูอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม อดนึกถึงการร่วมรักที่กินเวลายาวนานเมื่อครู่ไม่ได้ เธอคิดว่าเข้ากับเขาได้ดีในด้านนี้แต่ส่วนความรู้สึกเธอรู้มานานแล้วว่าเป็นแค่หมากตัวหนึ่งของเขา

จะใส่ใจทำไมในเมื่อยังไงเธอเป็นหมากสำคัญที่จะทำให้อำนาจคงอยู่ในมือ ยังไงเสียเขาจะไม่มีวันเขี่ยเธอทิ้ง

“จำได้ค่ะ”

“เธอตอบตกลงไปซะ”

“จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือคะ” เอลล่าลุกขึ้นแต่งตัวบ้าง

“เพราะว่าฉันต้องการให้เธอไปไงล่ะ” คาร์ม่ายิ้มกว้างก้าวออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก

สัญชาติญาณของเธอเชื่อว่ามันต้องมีอะไรซักอย่าง เอลล่าเรียกเงาลับของเธอออกมาทันทีที่คาร์ม่าจากไป

“มีอะไรให้รับใช้ฝ่าบาท”

ช่วยตามสืบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้ฉันที” ประโยคต่อมาเธอกระซิบเสียงแผ่ว เงาจากไปทันทีที่ได้รับคำสั่ง

ใครจะไปคิดล่ะว่าในที่สุดก็ได้เจอกับดีทริชจนได้ เอฟเว่นดีใจจนพูดไม่ออกสิ่งที่ทำอย่างแรกคือวิ่งเข้าไปกอดรัดแน่นๆ

“นายหายไปไหนมาทริช”

“เอ่อ เรื่องมันยาวน่ะ” ดีทริชคิดไว้แล้วว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี เรื่องนี้มาเรี่ยนมาขอร้องไว้ แต่ถึงฝ่ายนั้นไม่พูดเขาก็ไม่คิดลากเอฟเว่นมาเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน

“พอดีว่าแม่ของฉันแต่งงานใหม่น่ะ แล้วจากนั้นท่านก็ป่วยหนักกะทันหัน ฉันก็เลยต้องดูแลท่านจนกว่าจะทุเลาขึ้น”

ถึงกับต้องขาดเรียนเป็นเดือนเลยนะหรือ เอฟเว่นคิดว่าอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่านั้น แต่ถ้าดีทริชเลือกจะไม่บอก เขาก็ทำได้แค่ทำเป็นไม่รู้

“แล้วนี่มาพร้อมกันกับเซซิล แสดงว่าสองคนเจอหน้ากันก่อนแล้วใช่ไหม น่าจัดการให้หายแค้นมากเลยนะ”

เอฟเว่นสะบัดหน้ากอดอกรอให้เพื่อนทั้งสองง้องอน เขาไม่เคยแสดงกิริยาอย่างนี้มาก่อน แต่เพราะมันสุดๆ จริงๆ น้อยใจที่ทั้งสองคนแอบปิดบังอะไรไว้แน่ๆ

“น่าๆ อย่าโกรธเลยนะ ที่จริงฉํนกับทริชพึ่งจะเจอกันเมื่อสามวันก่อนเอง แล้วมันก็ยุ่งๆ เลยลืมบอกนายน่ะ”

เซซิลแก้ตัวเข้าไปกอดเอฟเว่นจากด้านหลัง คนถูกกอดไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยจึงหายโกรธในทันที

“จริงสิ รอเดี๋ยวนะ ทริช” เซซิลคลายอ้อมกอด เอฟเว่นไปยังกระเป๋าหยิบเอาบัตรเชิญสองใบมาหาเพื่อนๆ

“นี่ บัตรเชิญงานหมั้นของฉัน” เอฟเว่นยื่นให้ดีทริชและเซซิลตามลำดับ

“หมั้นกับมาเรี่ยนงั้นหรือ” ดีทริชยิ้มเจ้าเล่ห์

“เร็วจังเลยนะ ความรักสายฟ้าฟาดหรือไง ไหนช่วยเล่ามาให้ฟังทีสิ” ไม่พูดเปล่ายังเหนี่ยวคอเอฟเว่นมากอดรัด กระซิบเย้าแหย่ข้างหู

“ถ้าไม่เล่าล่ะก็จะทำอะไรดีน้า...” ดีทริชยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทีละนิด

จะจูบลงมาอย่างนั้นหรือเอฟเว่นหลับตาปี๋ ดีทริชจัดการหอมแก้มลงมาฟอดใหญ่ ที่ทำอย่างนี้เพราะเห็นมาเรี่ยนเดินมานั่นแหละ

“ฉันเป็นคนแรกที่จูบเอฟเว่นใช้หรือเปล่ามาเรี่ยน” เอฟเว่นสะดุ้งเมื่อพบว่ามาเรี่ยนมาหาถึงห้อง

“ใช่ที่ไหน นายน่าจะรู้ดีนี่ดีทริช”

“งั้นรึ” ดีทริชโคลงศีรษะไปมา สายตาซุกซนที่มองมาทำเอาเอฟเว่นหน้าแดงไปหมด

“มาเรี่ยนมาทำอะไรที่ห้องเรียนของโอเมก้าหรืออีกเดี๋ยวจะเข้าเรียนแล้วนะ” ดีทริชถามยังคงกอดรัดเอฟเว่นอยู่

“ผมเดาว่านายน่าจะมาโรงเรียนวันนี้แน่ๆ ก็เลยคิดจะมาแจ้งเรื่องงานสภานักเรียนน่ะ”

“อ้อเข้าใจแล้ว ฝากบอกประธานด้วยนะว่าฉันจะเข้าไปช่วยงานตั้งแต่วันนี้เลย”

มาเรี่ยนพยักหน้ารับ เอฟเวนมองสลับไปมาระหว่างดีทริชกับคนรัก เริ่มจะรู้สึกว่านอกจากเซซิล มาเรี่ยนก็เป็นอีกคนที่น่าจะรู้ความลับของเพื่อนสนิท

หลังเลิกเรียนเอฟเว่นเดินทางกลับบ้านด้วยรถของมาเรี่ยน ระหว่างอยู่บนรถเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจน

“เธอโกรธอะไรผมอยู่สินะ”

“ใช่”

“มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูดออกมาเลยล่ะ”

“ถึงพูดไปนายก็อาจจะไม่บอกฉันน่ะสิ” สีหน้าของเอฟเว่นดูหม่นหมอง มาเรี่ยนยิ้มอ่อนใจ

“ถ้าให้ผมเดาคงเป็นเรื่องดีทริช” เอฟเว่นตอบรับเสียงอ้อมแอ้ม ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่

“ผมจะไม่โกหกเธอนะ ผมเองก็ได้เจอดีทริชเมื่อไม่กี่วันก่อน”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่บอกกันล่ะ” เอฟเว่นหันมามองหน้าจนได้ และกำลังงอนอย่างเห็นได้ชัด

“ก็แค่ลืม ผมยอมรับผิดทั้งหมดนี่เลย”

ใครจะไปคาดคิดว่าจู่ๆ มาเรี่ยนก็แนบจูบลงมา เอฟเว่นแข็งค้าง หลังจากผละออกไปใบหน้าก็แดงซ่านทั้งเขินทั้งงอน

“ผมขอโทษด้วยการจูบแล้วนะ”

“แบบนี้มันขอโทษที่ตรงไหน” เอฟเว่นถามเสียงตะกุกตะกัก

“ก็เธอชอบให้ผมจูบไม่ใช่หรือ ทุกครั้งที่เราจูบกันสีหน้าเธอจะดูดีเคลิบเคลิ้มเป็นพิเศษ”

มาเรี่ยนยิ้มเจ้าเล่ห์ เอฟเว่นไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของคนรักได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

“ให้ผมจูบเธออีกทีไหม คราวนี้มาลองจูบล้ำลึกแบบผู้ใหญ่ ว่าไง...”

มาเรี่ยนขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น เอฟเว่นรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม แต่ก็ยอมให้คนรักประทับจูบตามใจชอบ

จูบแบบผู้ใหญ่ให้ความรู้สึกเปียกชื้น ลิ้นร้อนๆ เข้ามาพัวพันภายในปากรุกเร้าอย่างเอาแต่ใจจนไล่ตามไม่ทัน หลังจากถอนจูบเอฟเว่นเอนซบมาเรี่ยนด้วยดวงตาปรือปรอย คิดอะไรไม่ออกลืมเลือนเรื่องของดีทริชไปจนหมด

“ชอบไหม”

เอฟเว่นไม่ตอบคำถามได้แต่ซุกใบหน้าแดงก่ำจมหายเข้าไปในอกของมาเรี่ยน

“ผมชอบมันนะ ถ้าเธอจะอนุญาต เราจะจูบกันแบบนี้บ่อยๆ”

“อะเอ่อ ถึงบ้านของฉันแล้วขอตัวก่อนนะ”

จังหวะดีทีเดียว เอฟเว่นรีบลงจากรถไปทั้งที่เนื้อตัวร้อนผ่าว จริงๆ ไม่อยากปล่อยคนรักไปง่ายๆ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการทำให้ลืมเลือนเรื่องดีทริชไป คราวหน้าต้องคิดดูให้ดีว่าควรจะใช้วิธีไหน สิ่งที่อยู่ในหัวทำให้มาเรี่ยนอมยิ้มไปตลอดทาง

เมื่อมาถึงคฤหาสน์ตระกูลครอส ทันที่ที่ย่างเท้าเข้าสู่ภายใน หัวหน้าพ่อบ้านก็มาเชิญเขาไปพบท่านย่าทันที

“ราชินีตอบรับคำเชิญแล้วนะ”

“อย่างนั้นหรือครับ” มาเรี่ยนนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามแอนนี่

“ท่านย่า ถ้าหากว่าผมมองดูแล้วพบว่าในร่างราชินีไม่ได้มีวิญญาณสิงสู่เราจะทำอย่างไรต่อไปครับ”

แอนนี่มีสีหน้าขรึม ไม่บ่อยที่ท่านย่าซึ่งร่าเริงจะเป็นแบบนี้

“ย่าอาจจะยังไม่ทำอะไรรอยซีฟัส ยังไงก็ตามอยากจะตรวจเลือดเนื้อของเด็กดีทริชนั่นก่อน”

แอนนี่เคยคิดว่าใบหน้าเด็กนั่นคลับคล้ายคลับคลาใครบ้างคน ตอนนี้พอดูรูปเก่าๆ ถึงได้จำได้ เด็กนั่นอาจเป็นญาติทางฝั่งไหนซักทางของราชินี หรือไม่ก็คือรัชทายาทตัวจริง ทุกสิ่งต้องได้รับการพิสูจน์





คุยท้ายเรื่อง



ช่วงนี้ไม่มีฉากหวานๆ ของโนเอลกับดีทริชเลยน่อ มีแต่เรื่องเคลียปมล้วน ถ้าน่าเบื่อขออภัยนะคะ

จะว่าไปมีคนส่ง แฟนอาร์ตมาให้เรา เป็นรูป คาร์ม่ากับ รอยซีฟัส น่ารักมาก ฟิินเลยค่า

เราลงรูปที่นี่ไม่เป็นเลยไปลงในช่องทางการลงที่เว็บอื่นนะคะ สามารถไปหาดูได้

555555 เริ่มจะมีพลอตคู่นี้ในหัวละค่ะ คิดไว้แล้ว แต่ต้องทำเรื่องหลักให้สุดความสามารถก่อน

อยากจะกลับมาแต่งรัวๆ ทุกวัน แต่ยังมีงานอีกเยอะเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่36 {หน้า8} {20/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 20-03-2018 15:36:46
 จิ้ม :z13: :z13: บวกเป็ดจ้าาา :L1: ใกล้ถึงงานหมั้นรึยังนะอยากรู้แล้วจะเป็นยังไงต่อออ

ปอลิง. แอบไปดูแฟนอาร์ตมา โฮกกกก วาดดีเฟร่อ งานดีขนาดไม่ได้ลงเส้นหลัก เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากวาดบ้าง แต่ไม่น่าจะได้อย่างเค้า :undecided: :hao5: :katai1: :mew5:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่36 {หน้า8} {20/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 20-03-2018 16:48:12
เอลล่าแม่งมั่วมาก เดี๋ยวจะโดนเขี่ยแหล่วนะแก
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่36 {หน้า8} {20/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 20-03-2018 23:20:59
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่36 {หน้า8} {20/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 21-03-2018 03:48:57
งงคาร์ม่า ไหนบอกว่าหลงรอย แต่ไปนอนกับเอลล่าเนี่ยนะ?? ผู้ชายมักมากกก เบื่ออ สมแล้วที่รอยไม่เอา เอลล่าก็ปากบอกรักเดียร์น่า สามีแบ่งความรักไม่เท่ากันเลยทำแบบนั้น โทษคนอื่นไปอีกกก ขี้อิจฉาเองแท้ๆ แถมยังไปมั่วกับคาร์ม่าอีก นิสัยอยู่ด้วยกันๆด้นะสองคนนี้ เหมาะสมกัน เหอออะ//อิน 55555
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่36 {หน้า8} {20/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 21-03-2018 12:58:08
คาม่าร้าย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่37 {หน้า8} {22/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 22-03-2018 12:07:17


บทที่37

          หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยมาเรี่ยนก็เดินไปยังห้องนั่งเล่นตั้งใจจะรอพูดคุยกับท่านย่าก่อนออกไปรับเอฟเว่นไปยังงานหมั้นของดีทริช

               เขากับเอฟเว่นรู้เรื่องนี้เมื่อสามวันก่อน ตอนที่คนรักได้ข่าวจากดีทริชก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขายังจำเหตุการณ์ได้ชัดเจน

               “เอ๊ะ...ทริชไหนพูดใหม่อีกทีสิ” เอฟเว่นงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกถึงจะได้รับบัตรเชิญมาจากดีทริชแต่ยังสับสนหนัก

               “ก็นี่ไงบัตรเชิญไปงานหมั้นของฉัน” ดีทริชหัวเราะท่าทางเอ๋อๆ ของเอฟเว่นก็คิดอยู่หรอกว่าต้องมีปฏิกิริยาประมาณนี้

               “เซซิล นายไม่ตื่นเต้นเลย อย่าบอกนะว่ารู้อยู่แล้ว” เอฟเว่นหันไปถาม เซซิลหัวเราะชอบใจพลางชี้ให้ตัวหนังสือบนบัตรเชิญ

               “ในบัตรเชิญก็บอกอยู่ว่าเป็นงานหมั้นระหว่าง ดีทริชกับโนเอล อลองโซ นั่นน่ะมันพี่ชายของฉันนะ”

               “เอ๊ะ...เอ่อ...ล..เหลือเชื่อจังเนอะ...มาเรี่ยน...” เอฟเว่นหันไปหาคนรัก มาเรี่ยนยิ้ม

               “ผมรู้อยู่แล้ว” เพราะนึกอยากเห็นสีหน้าเอ๋อๆ น่ารักๆ ของคนรักให้มากขึ้นจึงบอกความจริงออกไป เอฟเว่นอ้าปากพะงาบๆ ต่อมาก็ไหล่ตกหดหู่จนน่าสงสาร

               “มีฉันคนเดียวหรือที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

               “เราไม่ได้คิดจะปิดบังนะ แต่...ขอโทษนะเอฟเว่นที่บอกนายช้าไป”

เอฟเว่นรู้สึกดีขึ้นทันทีที่ดีทริชขอโทษ เขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ดีทริชกลับมาอยากปลอดภัยก็ดีแล้ว แถมยังมีเรื่องน่ายินดีอีกด้วย เขาไม่ควรหาเรื่องให้เพื่อนสนิทเสียใจ

               “ช่างเถอะฉันไม่โกรธซักนิด”

               นึกๆ ดูแล้วมิตรภาพของโอเมก้าทั้งสามช่างแน่นแฟ้น มาเรี่ยนดีใจที่คนรักมีเพื่อนสนิทที่ดี มันทำให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก

               “นายน้อยนายหญิงกลับมาแล้วขอรับ” หัวหน้าพ่อบ้านเข้ามารายงาน มาเรี่ยนคิดว่าอีกเดี๋ยวท่านย่าต้องมายังห้องนี้จึงนั่งจิบชารอเงียบๆ

               “อ้า..เตรียมตัวเสร็จแล้วรึ มาเรี่ยน”

               “ครับท่านย่า”

               มาเรี่ยนมองดูท่านย่าลดตัวนั่งบนโซฟา สีหน้าท่าทางดูนิ่งขรึมเป็นการเป็นงาน

               “การตรวจเลือดเนื้อของดีทริชเป็นอย่างไรบ้างครับท่านย่า”

               “ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ลงตัวทั้งหมด ดีทริชคือเลือดเนื้อเชื้อไขของราชินีโดยไม่มีข้อกังขา”

               “ถ้าอย่างนั้น...”

               “เหลือแค่ให้เจ้าดูว่าในร่างราชินีมีวิญญาณของเอลล่าสิงสู่จริงหรือเปล่าเท่านั้น ย่าเหนื่อยเหลือเกิน คิดๆ ดูแล้วถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่รอยซีฟัสพูด ก็เป็นย่าเองที่ปล่อยให้คาร์ม่าเล่นลูกไม้ทำตามใจชอบมานานแสนนาน”

               “ก็ท่านย่าไม่ได้แสวงหาอำนาจเหมือนท่านรุ่นก่อนๆ นี่ครับ”

               “ถึงไม่แสวงหาอำนาจ แต่ตระกูลครอสก็เป็นหนึ่งในสองตระกูลที่ปกป้องราชวงศ์มานานแสนนาน ใครจะไปคิดว่าไอ้เจ้าคาร์ม่าที่สืบทอดเจตนารมณ์มาเช่นกันจะกล้าทำกับราชินีแบบนี้”

               “หลังจากช่วยราชินีและดีทริชแล้วเราจะไม่ทำอะไรกับคาร์ม่า ฟีโฮเร่เลยหรือครับ”

               “จะทำอะไรได้เล่า” แอนนี่ถอนหายใจ “ท่านดีทริชกำลังจะหมั้นหมายกับโนเอล อลองโซลูกคนหนึ่งของคาร์ม่า”

               นี่เป็นเงื่อนไขที่คาร์ม่ายื่นมาสำหรับการร่วมมือทางการเมือง ตามจริงหากเรื่องมันเป็นอย่างที่รอยซีฟัสพูดหลังกำจัดราชินีตัวปลอม เธออาจสามารถเล่นลูกไม้ตลบหลังคาร์ม่าได้ แต่เธอไม่รู้ว่ารอยซีฟัสคิดอย่างไร นอกจากนั้นความรักใคร่กลมเกลียวของท่านดีทริชกับโนเอล อลองโซ ชัดแจ้งจนเธอรู้สึกเกรงกลัวต่อบาป

               การแยกคนรักออกจากกันไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบ ตามจริงเธอเองก็แก่แล้ว มีความคิดว่าอีกไม่นานจะลงจากตำแหน่งปล่อยให้มาเรี่ยนกุมบังเหียนตระกูลและเผ่าแวมไพร์ต่อจากตน เห็นทีคงได้เวลาแล้วล่ะมั้ง

               “เจ้าว่า ย่าควรทำอย่างไรกับสถานะการณ์ตอนนี้ดี”

               “ตระกูลเรามีหน้าที่ปกป้องเชื้อพระวงศ์ ตอนนี้ดีทริชอาจเป็นเชื้อพระวงศ์ที่เหลือเพียงคนเดียว หากดีทริชต้องการพวกเราเมื่อไหร่เราค่อยเคลื่อนไหวกันในตอนนั้นเถอะครับ”

               “อ้า...จริงสิ ย่าเองก็ต้องเตรียมตัวไปงานหมั้นของท่านดีทริชกับเด็กอลองโซนั่นเหมือนกัน ไม่ได้ออกงานมงคลหรือสังสรรค์นานแล้ว ตื่นเต้นเหมือนกันนะ”

               “อย่างนั้นก็รีบเตรียมตัวเถอะครับ เราจะได้ออกไปรับเอฟเว่นด้วยกัน”

               แอนนี่พยักหน้าก่อนจะไปยังห้องส่วนตัวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่

               จริงๆ แล้วคนที่มางานเลี้ยงทุกคนควรจะสนุกและร่วมยินดีไปกับเจ้าของงาน แต่แม็กซิมกลับไม่คิดอย่างนั้น เขาตามติดมาในงานเพื่อดูหน้าไอ้โนเอลที่ต้องถูกบังคับให้หมั้นหมายกับของเหลือเดินที่มันเองทิ้งไปแล้วครั้งหนึ่ง

               ทีแรกมั่นใจว่ามันจะต้องอารมณ์เสียมากแน่ๆ แต่ไอ้สีหน้าเปี่ยมสุขนี่มันคืออะไรไม่มีอาการของคนถูกบังคับเลยแม้แต่นิดเดียว

               “มันยังไงกันแน่วะ” แม็กซิมขบเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด ไม่ว่าไอ้หน้าไหนในงานก็ต่างพูดชื่นชมความเหมาะสมของเศษเหลือเดนกับโนเอลกันไปทั่ว มันน่าหมั่นไส้ อยากอ้วกออกมาให้หมดพุงเลยทีเดียว

               กลับดีกว่า แม็กซิมเหม็นเบื่อที่จะมองดูความสุขของไอ้โนเอล จังหวะที่หมุนตัวกลับก็ชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง

               “เดินยังไงวะ” แม็กซิมโวยวายแต่พอเห็นหน้าตาสวยๆ ของผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนท่าที

               “สาวน้อย อยากไปสนุกกับฉันไหมล่ะ” หญิงสาวยิ้มยั่วยวน พลางลากจูงแม็กซิมไปยังที่ลับตา

               เมื่ออยู่ในที่เงียบสงัด สองร่างก่ายกอดฟัดเหวี่ยงกันอย่างหนักหน่วง ขณะที่กำลังแลกจูบดูดดื่มแม็กซิมเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มที่หลังคอ กว่าจะรู้ตัวว่าโดนเล่นงานสติสตางค์ก็ค่อยๆ มืดดับ

               “แก...นังผู้หญิง...โส...”

               แม็กซิมลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าตนอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย ดีดตัวลุกขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือคนชุดดำกับสตรีในชุดหรูหราแถมยังสวมหน้ากากปิดบังหน้าตาเอาไว้

               แม็กซิมไม่รอช้ากลายร่างเป็นแวร์วูฟ เข้าจู่โจมผู้หญิงที่น่าจะอ่อนแอที่สุดตรงๆ ทว่าวินาทีที่แตะถูกตัวเข้าก็ถูกดีดออกอย่างแรงไปกระแทกกำแพง

               “แกเป็นใครวะ” แม็กซิมตะคอกถาม ไม่กล้าโจมตีซ้ำได้แต่ยืนทำท่าขู่ดูเชิงศัตรูไปก่อน

               “ยังไม่รู้อีกหรือว่าเราเป็นใคร คนที่สามารถสะท้อนการโจมตีทั้งเวทย์มนต์และกายภาพได้ น่าจะมีแต่เราเพียงคนเดียวในจูปิเตอร์”

               ราชินีอย่างนั้นรึ?

               “จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นราชินีตัวจริง ไหนขอดูหน้าหน่อยสิ”

               วาจาสามหาวทำให้ลูกน้องชุดดำคิดจะสั่งสอน แต่สตรีในชุดหรูหราห้ามเอาไว้เธอปลดหน้ากากเผยให้เห็นรูปโฉม แม็กซิมเมื่อกระจ่างตาก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม

               “องค์ราชินีมีอะไรให้รับใช้พะยะค่ะ”

               “ก็ไม่มีอะไรมาก เราก็แค่ถูกใจความฉลาดเฉลียวของเจ้า ว่าไงมาตกลงธุรกิจกับเราดีไหม นั่งลงสิ”

               แม็กซิมนั่งลงตามสั่ง ในหัวครุ่นคิดว่ามีอะไรกันแน่ ราชินีถึงเรียกหาเขา ตามจริงมันควรจะเป็นท่านพ่อ หรือว่าเขาจะมีประโยชน์และความสามารถเหนือกว่าท่านพ่อกันราชินีถึงเรียกใช้เขาโดยตรง นึกลำพองใจอย่างที่สุด

               “เจ้านี่มันน่าสงสารนะ”

               “ยังไงฝ่าบาท” แม็กซิมงุนงง

               “ก็ถูกคาร์ม่าเขี่ยทิ้งอย่างไม่ใยดีแล้วนี่”

               “ฝ่าบาทพูดอะไรพะยะค่ะ”

               “เจ้าเองก็เป็นคนที่ถูกเขี่ยทิ้งเหมือนเรา โนเอลจะได้เป็นผู้สืบทอดแทนเจ้า และดีทริชก็จะมาแทนที่เรา พูดแค่นี้คงเข้าใจได้มั้ง”

               แม็กซิมก็ไม่ใช่คนโง่เง่า เขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในทันที

               “ฝ่าบาทจะบอกว่าไอ้เศษเดน เอ๊ย...ดีทริชนั่นเป็นเชื้อสายราชวงศ์”

               “ใช่เป็นลูกของเราเอง” เอลล่าในร่างเดียร์น่ายิ้ม

               “จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อรัชทายาทก็สิ้นพระชนแล้วมีพระศพให้เห็นอยู่”

               “เราก็อยากจะรู้เหมือนกัน แต่เพราะคาร์ม่ากับแอนนี่ ไม่ได้ตรวจสอบให้เราเห็นกับตา สองคนแอบวางแผนล้มล้างบัลลังค์เรา เราจึงหวังให้เจ้าช่วยจับตัวดีทริชมาอย่างลับๆ เพื่อให้เราพิสูจน์ด้วยตัวเอง”

               “กระหม่อมจะได้อะไรตอบแทนฝ่าบาท”

               “หากดีทริชเป็นบุตรเราจริง เราจะให้ดีทริชแต่งงานกับเจ้า แต่ยังมีงานใหญ่ที่เจ้าต้องทำอีกอย่าง”

               “อะไรฝ่าบาท”

               “เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าคาร์ม่านอกจากจะลำเอียง การคงอยู่ของเขายังเป็นอุปสรรคขวางทางเจ้า”

               คำพูดของราชินีเป็นสิ่งที่อยู่ในใจแม็กซิมมานานเต็มที พอถูกสะกิดเตือนไฟแห่งความแค้นคืองก็ลุกโชน ทำไมจะไม่คิด หลายๆ ครั้งที่ท่านพ่อไม่เห็นหัวเขา ทำเหมือนเขาเป็นไอ้โง่ ตามจริงมันน่าจะถึงเวลาที่ท่านพ่อจะลงจากอำนาจได้แล้ว

               แต่กลับต้องมาระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าไอ้โนเอลจะคว้าเอาทุกอย่างไปจากเขา แถมครั้งนี้ยังแสดงออกชัดแจ้งท่านพ่อผลักดันให้ไอ้โนเอลหมั้นหมายกับดีทริชที่อาจเป็นรัชทายาท นี่ไม่เท่ากับว่าอนาคตไอ้โนเอลจะกลายเป็นกษัตริย์

               ให้อภัยไม่ได้ ขีดจำกัดของแม็กซิมถึงที่สุดแล้ว

               “ฝ่าบาทจะให้หม่อมฉันทำยังไง” ราชินีแย้มยิ้มชวนมอง พร้อมกับยื่นส่งขวดแก้วเล็กมาให้

               “ในนั้นมียาพิษที่เราสร้างขึ้น จัดการกับคาร์ม่าเสียให้พ้นทาง แล้วทุกอย่างจะอยู่ในมือเรา เราสัญญาว่าจะให้เจ้าแต่งงานกับดีทริชหลังจากที่เราตรวจสอบแล้วว่าเขาเป็นเลือดเนื้อของเราจริง”

               “แล้วถ้ามันไม่ใช่ล่ะฝ่าบาท”

               “เจ้าจะได้เป็นผู้นำตระกูลฟีโอเร่ เป็นมือขวาของเรา ช่วยเหลือเรากวาดล้างพวกหนูสกปรก”

               “เข้าใจแล้วฝ่าบาท” แม็กซิมทำความเคารพ

               “ดี มีรถรอเจ้าอยู่ข้างนอกเจ้ากลับไปเถอะ”

               หลังจากแม็กซิมไป เอลล่าก็เดินทางกลับเช่นกัน ภายในใจหมายมาดต่อแผนการณ์ของตัวเอง เธอคิดว่าคงได้เวลาผลัดอำนาจใหม่เสียที ทั้งคาร์ม่าทั้งร่างนี้ เธอตัดสินใจจะกำจัดคาร์ม่าให้สิ้นซากและยึดเอาร่างที่อ่อนเยาว์กว่ามาไว้ครอบครอง

               เธอเบื่อที่จะอยู่ร่วมกับเดียร์น่าเต็มที เธอจะฆ่าตัวเองเพื่อให้ราชินีตายแล้วย้ายไปอยู่ในร่างของดีทริช เธอวางแผนไว้อย่างแยบยลรอแค่แม็กซิมทำตามเท่านั้น



คุยท้ายเรื่อง

ใกล้จบเนื้อเรื่องหลักไปทุกทีแล้วน้า ยิ่งใกล้จบยิ่งเขียนยาก แถมไม่มีโมเม้นหวานๆ ของโนเอลกับดีทริช

มีแต่การเมืองและคลายปมล้วนๆ อย่าเบื่อกันไปเสียก่อนนะคะ

อยากจะกลับมาปั่นรัวๆ รวดเดียวเลยจริงๆ แต่งานเยอะมากๆ

รอกันหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่37 {หน้า8} {22/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 22-03-2018 14:18:21
อ้าวเอลล่า ตกลงรักหรือไม่รักกันเนี่ย ทำตัวน่ารังเกียจยังงี้ป่าวเดียร์น่าถึงไม่เอา แถมยังไม่สำนึกอีก เอ่อ ร้ายไร้เหตุผลป่ะเนี่ย แค่มีลูกไม่ได้ แถมเอาร่างคนอื่นไปมั่วอีก เอิ่ม เอิ่ม เอิ่ม :mew5:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่37 {หน้า8} {22/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 22-03-2018 15:41:43
น่าจะเล่าเรื่องของนางให่มากกว่านี้นะเอลล่า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่37 {หน้า8} {22/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 24-03-2018 14:52:15
รออออออออ ตอนนี้ค้างมาก
อยากจะบ้าทั้งราชินี ทั้งแม็กซิม ไม่ได้มีสำนึกว่าตัวเองผิดกันเลยยยย
 :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่38 {หน้า8} {25/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 25-03-2018 12:08:40


บทที่38

               สาเหตุที่แม็กซิมเกลียดโนเอลและทรยศคาร์ม่าในวันนี้มันมาจากการที่เขาไม่ได้มีอะไรเหมือนท่านพ่อเลยแม้แต่นิดเดียว

               ไม่ว่าจะหน้าตาหรือแม้กระทั่งร่างสัตว์อสูร ทั้งที่เขามีสายเลือดชนชั้นสูงจากท่านพ่อและท่านแม่แต่ร่างอสูรของเขากลับเป็นแวร์วูฟธรรมดาหาใช่ไคมีร่าอย่างที่ท่านพ่อหรือไอ้โนเอลมันเป็น

               ใครๆ ต่างก็พูดกันว่าเพราะบุตรชายคนแรกอ่อนแอแต่กำเนิดแถมท่านแม่ยังป่วยออดแอดและตายไป ท่านพ่อจึงต้องเพิ่มทายาทคนใหม่ แล้วก็ได้ดั่งใจหวังไอ้โนเอลเป็นพันธ์พิเศษเหมือนท่านพ่อต้องการ

               ดังนั้นแม็กซิมจึงอยู่อย่างระแวงและริษยา การถูกเปรียบเทียบมีอยู่บ่อยครั้งมากกว่าสิบปี มันทำให้เขาส่งคนไปลอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วน แต่โนเอลมันก็รอดมาได้ตลอด แม็กซิมคิดว่าท่านพ่อยังเข้าข้างเขาอยู่บ้างเพราะถึงแม้รู้เลาๆ ก็ไม่สืบสาวราวเรื่องให้เขาเดือดร้อน

               คิดมาตลอดว่าตนเองแน่ๆ ที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำ แต่ถ้าไม่รู้จากปากราชินีคงถูกถีบหัวส่งไม่รู้ตัว

               “เป็นความผิดของท่านพ่อนะครับ” แม็กซิมกระซิบให้คนที่นอนป่วยบนเตียงได้ยิน เมื่ออาทิตย์ก่อนท่านพ่อป่วยอย่างกะทันหันด้วยยาพิษที่ราชินีให้นำมาใช้ และพวกผู้บริหารในตระกูลตัดสินให้เขาเป็นผู้นำชั่วคราวจนกว่าท่านพ่อจะหายดี

               เท่านี้ก็สามารถใช้คนของตระกูลจัดการตามแผนของราชินีได้

               เอฟเว่นกับมาเรี่ยนยืนต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเลี้ยงจำนวนมาก เมื่อเห็นดีทริชกับคณะมาถึงเจ้าของงานก็ยิ้มจนแก้มปริ

               “มาได้ซักที ฉันรอพวกนายจนร้อนใจไปหมดแล้ว”

               “จะร้อนใจทำไม กลัวอะไรหรือไง” ดีทริชยิ้ม ใช้มือยีหัวเอฟเว่นเบาๆ

               “คงกลัวทริชหายหัวไปโดยไม่บอกนั่นแหละ ทำเอาคนอื่นเขาห่วงกันไปทั่ว” เซซิลตอบแทนเอฟเว่น ดีทริชยักไหล่

               “ฉันว่าฉันคงอยู่กวนใจพวกนายอีกนานเลยล่ะ”

               “ดีๆ แล้ว จริงๆ มีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลย แต่ฉันคงต้องอยู่ต้อนรับแขกตรงนี้อีกซักพัก”

               “เอฟเว่นเธอเข้าไปในงานกับดีทริชเถอะ ผมจะอยู่รับหน้าตรงนี้เอง” มาเรี่ยนบอก เอฟเว่นลังเล

               “จะดีหรือ”

“ อื้อ...เธอไปเถอะ”

               พอได้รับคำยืนยันเอฟเว่นก็ยิ้มกว้าง เจ้าของงานจูงมือเพื่อนสนิททั้งสองคนไปยังโต๊ะจัดเลี้ยงที่เตรียมไว้เป็นพิเศษ โนเอลก็ตามไปด้วย ในขณะที่รอยไม่ไปไหนเขาใช้กระแสจิตพูดคุยกับหลานชายโดยตรง

               “เห็นราชินีแล้วหรือยังหลานรัก”

               ตอนนี้เองที่มาเรี่ยนมีสีหน้าเข้มขึ้น วินาทีแรกที่เขาเห็นราชินีเขาพบว่ามีวิญญาณสองดวงอยู่ในร่าง

               “มีดวงวิญญาณอยู่ในร่างราชินีถึงสองดวงครับท่านท่านอา”

               เมื่อได้ยินอย่างนี้รอยซีฟัสใจชื้นขึ้นเป็นกอง นี่เท่ากับว่าเดียร์น่ายังมีชีวิตอยู่นั่นเอง

               “หลานเลือกทำลายเฉพาะดวงวิญญาณของเอลล่าได้หรือไม่” มาเรี่ยนพยักหน้า

               “ผมได้ข่าวมาว่า ท่านคาร์ม่าป่วยและตอนนี้ลูกคนโตขึ้นเป็นผู้นำชั่วคราวนี่ครับ”

               รอยซีฟัสยิ้มหยัน “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ถึงไม่มีคาร์ม่าเราก็บรรลุเป้าหมายได้”

               มาเรี่ยนมองดูเสี้ยวหน้าของรอย เข้าใจว่าคงมีแผนสำรอง ถึงแม้การขึ้นเป็นผู้นำของแม็กซิม ฟีโอเร่ จะเป็นอุปสรรคใหญ่ก็ตาม

             

               ถึงราชินีจะออกจากงานเลี้ยงไป แต่แขกยังอยู่ในงานเป็นจำนวนมาก เวลานี้เกือบจะห้าทุ่มท่านย่าแอนนี่เสนอให้เอฟเว่นกลับไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ตระกูลรูคเสียก่อน

               “แต่ฉันยังไม่อยากกลับเลย” เอฟเว่นดื้อดึงเล็กน้อย แต่ก็พบว่า ดีทริชกับเซซิลเองก็ต้องกลับเหมือนกัน ดังนั้นจึงทำตามอย่างเสียไม่ได้

               ทว่าขณะที่จะเดินทางกลับคนขับรถก็แจ้งว่ารถเสีย ทำให้ไม่สามารถกลับได้ทันที โชคดีที่รถของดีทริชขับตามไล่หลังมาเพราะยังวิ่งในทางเดียวกัน

               “เกิดอะไรขึ้น” ดีทริชลงจากรถไปหาเอฟเว่น

               “รถของฉันเสียน่ะสิ”

               “ให้ตายสิ นี่ก็อยู่ห่างจากคฤหาสน์ตระกูลครอสมามากแล้ว เอาอย่างนี้เดี๋ยวให้คนขับรถของฉันไปส่งนายที่บ้านด้วย”

               “อื้อ...ขอบใจนะทริช”

               ทั้งสองคนพากันขึ้นรถ ทว่าใครจะไปคาดคิดละว่าเจ้าคนขับรถจะขับนำมายังที่ไม่ชอบมาพากล

               “ทริชทำไมคนขับรถถึงจอดรถในโกดังของท่าเรือล่ะ” เอฟเว่นตื่นตระหนก ดีทริชเม้มปากเข้าหากัน

               “ลงมาจะดีกว่ามั้ง อย่าให้ฉันต้องเสียเวลา” เสียงนี่ดีทริชคลับคล้ายคลับคลา น่าจะเป็นแม็กซิมพี่ชายของโนเอล

               เอฟเว่นและดีทริชจับมือกันแน่นแล้วค่อยๆ ลงจากรถ เขากวาดมองไปยังลูกน้องชุดดำ แม็กซิมและไปหยุดอยู่ที่ราชินีซึ่งน่าจะกลับพระราชวังไปนานแล้ว

               “ทำไมถึงมีเด็กตระกูลรูค ติดมาด้วย” ราชินีถามเสียงเยือกเย็น แม็กซิมหันไปตะคอกคนขับรถ

               “ทำงานยังไงวะ ถึงให้มีปลาซิวปลาสร้อยเข้ามากวนใจ”

               “ขออภัยครับนาย บังเอิญว่าเราเจอรถของมันเสียกลางทาง”

               “ช่างเถอะๆ เราขอทำธุระแค่แวบเดียวเท่านั้น” ราชินีพูด

โดยไม่มีใครขาดคิดจู่ๆ นางก็ใช่มีดแทงตัวเองจนล้มลง แม็กซิมตะลีตะลานเข้าไปรับร่างราชีนีเอาไว้ ถึงแม้จะตกใจกับกลุ่มเงาสีดำที่ออกจากร่างราชินีและกำลังลอยวนอยู่ในอากาศ

               ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าเอลล่าไม่สามารถเข้าไปสิงร่างของดีทริชได้ ไม่รู้เพราะอะไรแต่พอถูกมองด้วยดวงตาสีแดงดั่งเลือดคู่นั้น เธอก็อ่อนแรงลงจนไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้

               ไม่ดีแน่ขืนอยู่อย่างนี้ต่อไปคงแย่ ต้องหาร่างใครบางคนสิง เอลล่าเห็นว่าคนที่เหมาะที่สุดน่าจะเป็นเด็กตระกูลรูค ดังนั้นจึงพุ่งเข้าหาด้วยความเร็ว

               วินาทีที่วิญญาณร้ายพุ่งเข้าหาเอฟเว่น เป็นจังหวะที่มาเรี่ยนกับโนเอลมาถึงพอดี ตอนนี้เขานั่งอยู่บนร่างของโนเอลที่แปลงกายเป็นไคมีร่า การปรากฏตัวของสัตว์อสูรขนาดยักษ์ข่มขวัญพวกลูกกระจ๊อกจนแตกกระจายไปหมด

               นอกจากนั้นพวกที่พอมีฝีมือหน่อยเมื่อเห็นโนเอลจะหลีกทางให้เป็นอย่างดี บ่งชัดได้ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นน่าจะอยู่ในการควบคุมของพวกเขาทั้งหมด มันยน่าโมโหที่ไม่มีใครบอกเขาซักเรื่อง แถมยังนำเอฟเว่นเข้ามาเกี่ยว

               แม้จะอยู๋ไกลกันซักหน่อยแต่มาเรี่ยนก็ใช้พลังพิเศษของตัวเองทำลายวิญญาณของเอลล่าในพริบตา เสียงหวีดร้องโหยหวนทำให้แม็กซิมสะดุ้ง

               “ฝ่าบาทๆ ครับ” สิ่งที่ยังทำได้คือการปลุกราชินี คนในอ้อมกอดแม็กซิมลืมตาขึ้น

               “ปล่อยเรา” แม้จะอ่อนแรงแต่เสียงที่เปล่งออกมาช่างเย็นชานัก ราชินีใช้ดวงตาอ่อนโยนมองมาที่ดีทริช

               “เจ้าช่างน่ารักคล้ายลีฟามากทีเดียว”

               เอฟเว่นที่งุนงงต่อเหตุการณ์ทั้งหมดมองดูคนรอบข้าง มาเรี่ยนรีบเข้ามาบังตัวเขาเอาไว้จากสายตาของแม็กซิม

               “มาให้เราได้เห็นหน้าให้ชัดๆ หน่อยได้ไหม ถึงเราจะมีความสามารถสะท้อนการโจมตี แต่มันไม่ได้สะท้อนการโจมตีของตัวเองด้วยนี่นะ เราอาจเสียเลือดจนตายในอีกไม่นาน ขอร้องละบุตรเราให้เราได้เห็นหน้าชัดๆ”

               ถึงแม้ไม่มีความผูกพันธ์กันแต่ดีทริชเกิดความสงสารและเป็นห่วงราชินีขึ้นมา ดังนั้นจึงรีบสั่งให้โนเอลช่วยรักษา

               “ท่านจะไม่ตายครับ ท่านจะหายดี” ดีทริชบีบมือที่เย็นลงอย่างช้าๆ ของราชินีเอาไว้

               จังหวะนี้เอง โนเอลจึงใช้พลังวิเศษของตนรักษาราชินี ไคมีร่ายื่นอุ้งเท้าไปวางเหนือแผลวินาทีถัดมาแสงสีม่วงก็แผ่ออกมาจากอุ้งมือฉาบเคลือบร่างของราชินี บาดแผลสมานตัวอย่างรวดเร็ว

               ดีทริชขมวดคิ้ว ถ้ารักษาได้รวดเร็วขนาดนี้ไหงตอนที่เขาเจ็บกลับเอาแต่เลียทีละนิด เจ้าบ้าเอ๊ยฉวยโอกาสลวนลามเขานี่เอง

               หลังจากรักษาแผลจนหายก็เป็นเวลาเดียวกับที่แอนนี่กับรอยซีฟัสนำคนเข้ามา ราชินีออกคำสั่งกับทั้งสองคนทันที

               “จับแม็กซิม ฟีโอเร่เอาไว้”

               “อะ...อะไรกันครับ ฝ่าบาท ข้าทำอะไรผิด”

               แม็กซิมโวยวาย แต่ก็ถูกนักรบของตระกูลครอสใช้เชือกเวทย์มนต์พันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนาจับลากออกไปตามคำสั่ง

               “เรานึกว่าเจ้าจะตายไปแล้วเสียอีก” ราชินีกล่าวเมื่อเห็นคาร์ม่าเดินเข้ามา ดวงตาเย็นชาที่มองดูผู้นำตระกูลฟีโอเร่นั้น รอยเข้าใจความรู้สึกของแววตานั้นเป็นอย่างดี เขาตรงเข้าไปบีบมือของราชินีเบาๆ เพื่อปลอบโยน

“ไปพักผ่อนก่อนแถอะ” รอยซีฟัสบอก

               “เราพักมานานเกินพอแล้ว แต่ถ้าเจ้าเห็นว่ามันดีจะเอาอย่างนั้นก็ได้”

               ดังนั้นรอยซีฟัสจึงพาราชินีไปส่งยังปราสาท ทิ้งดีทริชกับคนอื่นๆ ให้จัดการเรื่องที่เหลือต่อไป



คุยท้ายเรื่อง



ยังมีปมอีกเยอะที่มันยังค้างคา แต่คิดว่าจะไปเขียนให้เคลียมากขึ้นในตอนพิเศษ ที่จะเอาลงนะคะ

ทั้งในส่วนความสัมพันธ์ของรอยคาร์ม่า เดียร์น่ารอย เอลล่า ลีฟา เอาไปขยายตอนนั้น

จริงๆ มันควรจะใส่ลงไปในเนื้อเรื่องหลัก แต่มีเสียงบ่นมาว่ามันจะออกทะเลเราเลยเบรคไว้

แต่มันควรเขียนละนะ จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่า

เพราะคิดว่าจะทำเล่มขายนั่นแหละฮา ถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนชี้แนะได้น้า

นี่กำลังคิดว่าจะเขียนให้เสร็จก่อนแล้วค่อยจัดการเรื่องปก

ตอนพิเศษส่วนของคาร์ม่ารอยน่าเจอเยอะอยู่ ยังไม่รวมตอนพิเศษของคู่หลักคู่รองที่คิดว่าจะเขียน

แต่ในส่วนของตอนพิเศษอาจจะลงบางส่วนเอาที่พอไม่ค้างนะคะ

เพราะว่าอาจจะเก็บไว้สำหรับคนที่ซื้อหนังสือเราบ้าง

ฮ่าฮ่า ราชินีดูท่าทางไม่ชอบคารม่ากับโนเอล มีอุปสรรคไหมนะ5555

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่38 {หน้า8} {25/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 25-03-2018 14:16:49
เอาตอนพิเศษเยอะๆ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่38 {หน้า8} {25/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-03-2018 21:37:09
จะรออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่38 {หน้า8} {25/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: shiroinu ที่ 26-03-2018 00:02:44
ร้อ รอ รอ รอ  :3123:  :pig4:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่38 {หน้า8} {25/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 26-03-2018 07:57:44
มาต่อเรวๆนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่39 {หน้า9} {29/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 29-03-2018 12:28:47


บทที่39­

          ดูเหมือนว่าหลังจากกำจัดเอลล่าไปได้แม่ของดีทริชก็หายจากอาการป่วยในทันที ลอร่าเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่านอกจากลูกชายแล้วยังมีชายแปลกหน้ารอคอยให้เธอตื่นเช่นกัน

          “แม่ฮะ” ดีทริชสวมกอดแม่แนบแน่น

          “ที่แม่สบายเนื้อสบายตัวอย่างนี้ คงหมายความว่ากำจัดราชินีตัวปลอมได้แล้วสิ” ดีทริชพยักหน้า

          “แล้วคนข้างหลังลูกคือใครกัน”

          “โนเอล อลองโซ ครับ ผมเป็นคู่หมั้นของดีทริชลูกชายของคุณ”

โนเอลแนะนำตัวอย่างสุภาพ ลิลี่มองดูอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า อลองโซไม่ใช่พวกมาเฟียหรอกรึ การหมั้นครั้งนี้เห็นทีท่านรอยซีฟัสจะเป็นคนจัดการ

“ลูกถูกบังคับให้หมั้นกับเขาอย่างนั้นหรือดีทริช” ดีทริชส่ายหน้า

“งั้นก็เต็มใจ” เมื่อรู้ว่าลูกชายไม่ได้เสียใจกับการหมั้นหมาย ลอร่าแย้มยิ้มให้ว่าที่ลูกเขยของตน

“ฝากดูแลลูกชายแม่ด้วยนะ”

“จะดูแลอย่างดีครับ” โนเอลตอบรับ ตอนนี้เองที่ลอร่านึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“แล้วท่านรอยซีฟัสล่ะ หลังจากกำจัดราชินีได้แล้วเป็นยังไง”

ดีทริชจึงเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลอร่าฟัง หลังจากฟังจบคนเป็นแม่ก็ถอนหายใจ

“น่าสงสารท่านเดียร์น่านัก แล้วที่นี้จะเอายังไงต่อไป”

ดีทริชนิ่งเงียบพักหนึ่ง “ท่านพ่อบุญธรรมไปคอยดูแลราชินีนานถึงหนึ่งอาทิตย์แล้วฮะแม่ ผมไม่รู้เลยว่าภายในเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าพ่อบุญธรรมกับราชินีเดียร์น่าคิดยังไง”

“ดีทริช อีกหน่อยลูกต้องเรียกฝ่าบาทว่าท่านพ่อแล้วนะ ส่วนแม่เรียกว่าแม่บุญธรรมจะดีกว่า”

ดีทริชส่ายหน้าไปมา “ผมก็จะยังเรียกแม่ว่าแม่อยู่ดี”

ถึงดีทริชจะไม่พูด แต่ลอร่าเข้าใจดีว่าลูกชายไม่รู้สึกผูกพันธ์กับผู้ให้กำเนิด

“มาอยู๋กันที่นี่เอง” เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้รู้ว่ารอยซีฟัสมาเยือน คนทั้งหมดหันไปจดจ้อง

“ดีทริช ลอร่า แล้วก็โนเอล ท่านเดียร์น่าอยากจะพบพวกเธอทั้งหมด”

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเดินทางเข้าสู่พระราชวัง โนเอลเยือกเย็นกว่าทุกครั้ง เพราะรู้ดีว่าต้องผ่านด่านราชินีเขาถึงจะสามารถอยู่ร่วมกันกับดีทริชได้

แต่คงไม่ใช่เรื่องง่าย จากการกระทำของท่านพ่อที่ผ่านมา ราชินีคงชิงชังท่านพ่อรวมถึงตัวเขาจับใจ

“เป็นอะไรไป” ดีทริชจับมือของโนเอลเอาไว้ รู้สึกว่าคนรักไม่ปกติ สีหน้าเครียดขึงที่ไม่ค่อยได้เห็นทำให้เขาไม่สบายใจไปด้วย

“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ร่วมกับนายไปตลอดกาล”

โนเอลกับดีทริชสบตากัน แววตาหวานซึ้งของคนรุ่นลูกชวนให้รอยซีฟัสเกิดความรู้สึกหลากหลาย

มันทำให้นึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ ระหว่างเขากับคาร์ม่า ยิ่งได้มองดีทริชซบศีรษะลงบนต้นแขนของโนเอล ก็ให้เกิดความคิดสงสาร

เดียร์น่าเวลานี้ไม่สดในไร้เดียงสาเหมือนเก่าก่อน ความนิ่งขรึมเยือกเย็นทำให้แม้แต่เพื่อนสนิทวัยเยาว์อย่างเขายังคาดเดาความคิดและการกระทำไม่ได้เลยซักอย่าง

หากว่าต้องการล้างแค้นคาร์ม่า สงครามกลางเมืองต้องเกิดขึ้น แม้เดียร์น่าจะกลับมาแต่อำนาจบริหารยังอยู่ในมือคาร์ม่า ตระกูลครอสเองก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงหรือต่อกรได้

สิบกว่าปีมานี้ อำนาจราชินีเป็นเพียงเรื่องลวงตาเท่านั้น เพื่อดีทริชที่จะสืบราชวงศ์ต่อไปภายภาคหน้าจำเป็นจะต้องจัดการกับคาร์ม่าให้ได้เสียก่อน

เรื่องนี้เดียร์น่าไม่ได้ปริปากออกมาแต่รอยซีฟัสคิดว่าเพื่อนวัยเยาว์คงเห็นด้วยทุกประการ แต่หากเป็นอย่างอื่นล่ะ ราชินีกับดีทริชไม่มีความผูกพันธ์กันแม้แต่นิดเดียว หากไม่ดูดำดูดีลูกคนนี้รอยก็ไม่แปลกใจ

หลังจากเดินทางไปถึงรอยนำคณะของตนเข้าพบราชินี วินาทีที่เดียร์น่าเห็นดีทริชพระองค์มองดูราชบุตรโดยไม่ปริปากเป็นระยะเวลายาวนาน

“เจ้าคล้ายลีฟา แต่ถ้าจะพูดตรงๆ คล้ายท่านแม่ของเรามากกว่า”

ในที่สุดดียร์น่าก็เปิดปากพูดเสียที

“ขอบใจเจ้ามากนะลิลี่ที่ดูแลบุตรของเรามาโดยตลอด เจ้าสมกับเป็นทั้งเพื่อนทั้งข้ารับใช้ที่ดี”

“เป็นพระมหากรุณาแล้วค่ะฝ่าบาท” ลิลี่ถอนสายบัว

“ดีทริชเข้ามาใกล้ๆ เราที” ดีทริชหันไปสบตากับลิลี่ แวบหนึ่งก่อนจะเดินไปหาเดียร์น่า

“นั่งลงข้างๆ เรา” เมื่อมหาดเล็กได้ยินจึงรีบนำเก้าอี้มาให้ดีทริช คนถูกสั่งนั่งลง

“ได้ข่าวว่าลูกเองก็ลำบากเหมือนกัน ชีวิตในสลัมคงไม่สุขสบายนัก จากนี้ไปพ่อจะทดแทนทุกสิ่งให้ลูกทั้งหมด”

รอยยิ้มอ่อนโยนทำให้ดีทริชคลายกังวล ที่แรกคิดว่าผู้ให้กำเนิดเป็นคนแบบไหน หยิ่งยะโส ชอบออกคำสั่ง คือภาพลักษณ์ที่ดีทริชคาดการณ์ไว้ แต่เห็นจะไม่ใช่

“ได้ข่าวว่าลูกหมั้นกับคนโนเอล อลองโซ เพราะอย่างนี้พ่อถึงเรียกเขามาพบด้วย”

เดียร์น่าปลายมองไปยังโนเอล จากข้อมูลที่เธอได้มาจากรอยซีฟัสเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่มีข้อด้อยใดให้ขัดเคือง เว้นแต่เป็นหมากทางการเมืองลูกที่คาร์ม่าใช้เพื่อรักษาอำนาจ

“เราไม่พอใจที่เจ้าเป็นบุตรชายของคาร์ม่า คงรู้สินะว่าเพราะอะไร”

“กระหม่อมพอทราบอยู่บ้างฝ่าบาท”

“ดี...ที่นี้เราพอรู้มาบ้างว่าเจ้าหมั้นกับบุตรเราด้วยความรัก แต่เลือดเนื้อของคนตระกูลฟีโอเร่เชื่อถือไม่ได้ เจ้ากล้าทำพันธะทาสกับบุตรของเราหรือเปล่า”

พันธะทาสเป็นอาคมโบราณที่เชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูงใช้ ผลของอาคมจะทำให้คนที่ผูกพันธะกับผู้เป็นนายมีชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกัน หากนายตายทาสก็ต้องตาย แต่ถึงแม้ว่าทาสตายจากไปผู้เป็นนายยังคงอยู่ดีทุกประการ

“เจ้ากล้าทำพันธะทาสกับบุตรเราหรือเปล่า”

ดีทริชเม้มปากเข้าหากันและปลายมองไปยังโนเอล แทบจะในทันทีคนรักตอบโดยไม่ต้องคิด

ดีทริชบรรยายความรู้สึกไม่ถูก มันทั้งตื้นตันที่อีกฝ่ายยอมเสียเปรียบเพื่อเขาขนาดนี้ ขณะเดียวกันก็สงสารโนเอลมากเหลือเกิน แต่ไม่สามารถขัดใจราชินีได้

“งั้นก็ผูกพันธะกันเลยแล้วกัน เราจะเป็นคนประกอบพิธีเอง”

ดีทริชกับโนเอลเดินไปยังเบื้องหน้าราชินี พิธีกรรมผ่านไปอย่างรวดเร็ว บนหน้าผากของโนเอลมีสัญลักษณ์บางอย่างผุดขึ้นมาบ่งบอกถึงความเป็นทาส

“จะไม่มีใครแก้พันธะนี้ได้ นอกจากเราและดีทริช” ราชินีพูดกับโนเอล

“เท่านี้เราก็รู้สึกโล่งใจขึ้นนิดหน่อย ลูกรักนี่เป็นสิ่งแรกที่พ่อจะทำเพื่อลูกนะ”

เดียร์น่าลูบศีรษะดีทริชเบาๆ แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูมา แต่ลูกก็ยังคงเป็นลูก เป็นเด็กเพียงคนเดียวที่จะปลดเปลื้องภาระรับผิดชอบของเธอ หลังจากนี้เธออยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เบื่อหน่ายกับการเมืองอันโสมมเหลือเกินแล้ว

“แต่ไม่ใช่ว่าเราจะยอมรับให้เจ้าอภิเษกกับลูกเราง่ายๆ เรามีคำฝากของเราไปบอกกล่าวกับคาร์ม่า ซึ่งจะให้รอยเป็นคนแจ้ง เจ้ามีหน้าที่เกลี่ยกล่อมให้พ่อของเจ้าทำตามข้อเสนอของเรา ไม่อย่างนั้นคนอย่างเจ้าก็เป็นได้แค่นางบำเรอของลูกเราเท่านั้น” กล่าวจบราชินีก็หันไปพูดกับดีทริช

“ลูกเราแม้ว่าตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์จะไม่ยอมรับโอเมก้าขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่มีบัญญัติพิเศษต่อท้ายด้วยเช่นกัน หากไม่มีผู้สืบสายเลือดคนอื่นอีกก็อะลุ่มอล่วยให้โอเมก้าอย่างลูกครองบัลลังค์ได้ หกร้อยปีก่อนก็มีกษัตริย์ที่เป็นโอเมก้าเช่นกัน” จากนั้นราชินีใช่แววตาวาววับจ้องมองโนเอล

“ที่เราต้องการจากคาร์ม่า คือให้วางมือจากการเมืองซะ แล้วยกอำนาจควบคุมทั้งหมดให้เจ้า เมื่อเจ้ามีฐานะเป็นผู้นำตระกูลฟีโอเร่รวมถึงเผ่าพันธ์อสูรกลายร่างเมื่อไหร่ เราจะจัดงานอภิเษกสมรสให้เจ้าในทันที”

โนเอลสูดลมหายใจเข้าลึก ท่านพ่อจะยอมอย่างนั้นหรือ เขาไม่สามารถเดาใจท่านพ่อได้

“แล้วก็แม็กซิม ฟีโอเร่ เราจะประหารซะ นี่เป็นเงื่อนไขอีกอย่าง เราเห็นแก่เจ้านะจึงกำจัดเสี้ยนหนามให้กับมือ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” โนเอลแสดงความเคารพ

“เจ้าสองคนไปยื่นข้อเสนอให้คาร์ม่าโดยเร็ว เราอยากจะพูดคุยกับลูกของเรา”

ดีทริชกับโนเอลประสายสายตากันก่อนจาก ต่อมาเขากับรอยซีฟัสก็โดยสารรถเดียวกันมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของตระกูลฟีโอเร่

“คุณจ้องหน้าผมนานแล้วนะรอย”

“แค่คิดว่า นายเป็นลูกของคาร์ม่าจริงๆ นะหรือเท่านั้นเอง”

จากนั้นต่างคนต่างก็นิ่งเงียบ รอยตระหนักดีว่าโนเอลไม่เหมือนคาร์ม่า การที่ยอมสละเพื่อคนรักก็แตกต่างกันมากแล้ว หากเป็นคาร์ม่าคงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ทั้งคนรักและอำนาจมาอยู่ในมือ ดีทริชช่างเป็นเด็กที่โชคดี

ไม่นานนักพวกเขาก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลฟีโอเร่ รอยไม่ต้องเสียเวลารอ คาร์ม่าอนุญาตให้เขาเข้าพบทันที   

“เจ้าออกไปก่อนโนเอล ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน”

โนเอลถูกไล่ออกมารอด้านนอก ท่านพ่อกางอาณาเขตครอบคลุมเอาไว้แม้หูเขาจะดีแค่ไหนก็ไม่ได้ยินที่ทั้งสองคนข้างในพูดกัน

เป็นเวลานานพอสมควรในที่สุดทั้งคู่ก็ออกมา รอยซีฟัสขอตัวกลับทันที ส่วนท่านพ่อเรียกเขาเข้าไปคุย

“บางทีก็คิดว่าเจ้านี่มันไม่ได้ความฉลาดของพ่อไปซักนิด หากมาขอร้องพ่อแต่แรก นอกจากจะได้ดีทริชเป็นเมียบัลลังค์ก็จะเป็นของเจ้าด้วย”

คาร์ม่าเดินมาหาแล้วสำรวจตรวจตราสัญลักษณ์ความเป็นทาสบนหน้าผาก

“เจ้าลูกโง่เอ๊ย อาจเป็นเพราะพ่อเองก็อายุมากเช่นกัน ถึงได้โง่เขลาตามเจ้าไปด้วย”

“ท่านพ่อยอมรับข้อเสนอ” โนเอลแปลกใจมากทีเดียวไม่คิดว่าท่านพ่อจะยอมถอยง่ายๆ

“ก็คิดมานานแล้วว่าอยากจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกับคนรัก เริ่มจะเบื่อกับเกมส์การเมืองแล้วเหมือนกัน เท่านั้นเอง” คาร์ม่าตบบ่าลูกชาย

“เรื่องของตระกูลและเผ่าฝากเจ้าดูแลแทนพ่อก็แล้วกัน”

โนเอลเดินทางกลับคฤหาสน์ของตนเมื่อไปถึงก็พบว่าดีทริชรออยู่ทีนั่นแล้ว

“นึกว่าวันนี้คงไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว” โนเอลยิ้มอ่อนหวาน เขาสวมกอดดีทริชไว้แนบอก

“จริงๆ คือร้อนใจจนท่านพ่อรู้สึกได้ เลยถูกปล่อยตัวมาน่ะ”

“อย่างนี้เอง” โนเอลพึมพำคลอเคลียริมฝีปากที่แก้มของดีทริชสูดดมกลิ่นหอมซึ่งชื่นชอบมาแต่แรก

“ท่านพ่อของนายยอมทำตามเงื่อนไขไหม ฉัน...ไม่อยากให้นายเป็นแค่นางบำเรอของฉันหรอก”

“จริงๆ ก่อนหน้านั้นก็เตรียมใจอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนฝัน ท่านพ่อยอมรับข้อเสนอทุกอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่ารอยไปพูดอะไร”

ดีทริชแค่นยิ้ม เรื่องของผู้ใหญ่เขาไม่อยากเดา แต่คิดว่าอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์แนบแน่นเกินงามของทั้งสองคน

“ต้องอีกกี่ปีกันนะ” โนเอลพึมพำ ดีทริชเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

“หมายถึงอะไร”

“ฉันหมายถึง” โนเอลกระซิบข้างหูดีทริช คนฟังเมื่อรู้ชัดก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาแฝงความรักใคร่

“นายสัญญาแล้วว่าจะรอ รอไม่ไหวแล้วอย่างนั้นหรือ”

โนเอลมองดีทริชด้วยสายตารักใคร่ไม่ต่างกัน

“มากกว่านั้นฉันยังทำได้ แค่รออีกไม่กี่ปี ทำไมจะทำไม่ได้ รักนายนะดีทริช”

“ฉันก็เหมือนกัน รักนายนะ”

หลังจากกล่าวคำรัก ทั้งสองคนก็แลกจูบหวานซึ้งดูดดื่ม

เพราะว่ารักและตัดสินใจจะอยู๋ร่วมกันไปชั่วชีวิต แค่เวลาไม่กี่ปีสำหรับโนเอลแล้วมันสั้นมาก เหมือนเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น



คุยท้ายเรื่อง



จบแล้วนะ5555 งงไหม5555 มีตอนพิเศษ แต่จะมีบางส่วนที่จะสงวนไว้ในเล่ม และบางส่วนเอามาลงให้อ่าน

ต้องขออภัยที่ต้องสงวนไว้ให้คนเสียเงินบ้าง อย่าโกรธเรานะ

ตอนพิเศษที่จะลงต่อไปเป็นอย่างแรกคือเรื่องคาร์ม่ากับรอย หวังว่าคงไม่ผิดหวังหรือเบื่อกันนะ

ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอมา รบกวนตามอ่านตอนพิเศษกันต่อนะคะ

แสดงความคิดเห็นกันบ้าง และขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ชี้แนะขอเสียนิยายให้

ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

อาจจะดูจบห้วนไปขออภัยนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนที่39 {หน้า9} {29/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 29-03-2018 13:14:23
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทนำ {หน้า9} {30/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 30-03-2018 12:39:10
ตอนพิเศษ

บทนำ

เพราะว่ามีแต่โอเมก้าเท่านั้นที่จะให้กำเนิดอัลฟ่าสายเลือดปีศาจได้ ดังนั้นโอเมก้าจึงเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ทั้งอย่างนั้นก็ยังไม่มีสิทธิเสียงอันเท่าเทียมกับพวกอัลฟ่าอยู่ดี

คาร์ม่าเกิดในตระกูลฟีโอเร่ซึ่งภายในมีความซับซ้อนอย่างที่สุด ผู้นำรุ่นก่อน รุ่นก่อน และรุ่นก่อน ล้วนตายไปด้วยศัตรูอย่างตระกูลครอสไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

พ่อของคาร์ม่าเองก็เช่นกัน ท่านพ่อเป็นอัลฟ่าที่มีจิตใจอ่อนแอ บ่อยครั้งที่ถูกท่านย่าทวดใหญ่คอยบงการ ไม่สิตั้งแต่รุ่นปู่แล้วที่ต้องรับคำสั่งจากท่านย่าทวดเป็นทอดๆ สืบกันมา

“เจ้าโอเมก้าหน้าโง่นี่”

คาร์ม่ามองดูไอเดนแม่ของเขาล้มลงไปกับพื้นเพราะถูกท่านย่าทวดตบ มิหนำซ้ำยังถูกน้ำสาดใส่อย่างไม่ปราณี

“ขอโทษครับท่านเรเวนน่า” เขามองดูท่านแม่โค้งคำนับหลายครั้งด้วยสีหน้าเยือกเย็นราวกับมองดูคนอื่น

“ถ้ารู้ว่าผิดแต่แรกคงไม่มาอวดเก่ง คอยสั่งให้ฉันทำนั้นทำนี่หรอกจริงไหม”

เรเวนน่ากล่าวดุดัน ไอเดนใช้ดวงตาแสนเศร้ามองไปยังคาร์ม่าบุตรชายซึ่งบาดเจ็บที่แขนจนเลือดอาบ บาดแผลนี้ได้รับมาจากการฝึกต่อสู้กับเคนผู้ที่มีสิทธิในการสืบทอดตำแหน่งเป็นอันดับสอง

“ขอให้แกจำไว้นะเจ้าโอเมก้าชั้นต่ำ คาร์ม่าไม่ต้องการความห่วงใยของแกหรอก ผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปต้องแข็งแกร่งกว่าใคร เป็นแผลแค่นี้ถ้าทนไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นผู้สืบทอด” ตอนนี้เองที่เรเว่นหันไปพูดกับคาร์ม่า

“เข้าใจใช่ไหมคาร์ม่า”

“เข้าใจครับท่านย่าทวด”

“เฮ้อ...เสียดายจริงๆ ที่เคนไม่ใช่อัลฟ่า พูดกันตามตรงความฉลาด พลิกแพลง เคนมีมากกว่าแกหลายขุมนักรู้ไหมคาร์ม่า”

“หลานทราบครับท่านย่าทวด”

ที่หางตาคาร์ม่าเห็นเคนกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะเวลาต่อมาเขาแอบปลายมองท่านแม่เดินออกไปอย่างเงียบๆ เหมือนทุกครั้งเขาทำได้แนบเนียนจนไม่มีใครสังเกตุ

“เอาล่ะเรามาฝึกกันต่อดีกว่า หวังว่าแกคงจะไหวนะคาร์ม่า แผลแค่นี้ไม่น่าเป็นอุปสรรคสำหรับอัลฟ่าสายเลือดปีศาจอย่างแกนี่”

รอยยิ้มแสยะของท่านย่าทวดยังน่ารังเกียจเหมือนเดิม “ครับ ผมพร้อมแล้ว”

          ถึงแม้ว่าคาร์ม่าจะเป็นเด็กวัยแค่สิบสอง แต่การฝึกฝนของย่าทวดนั้นช่างแสนเข้มงวด เป็นการสั่งสอนที่เหมือนกับจะให้ตายกันไปข้างหนึ่ง บางทีคงอยากให้เขาตายไปจริงๆ

          “โอ้กำลังคร่ำเครียดกันน่าดูเลยนะครับ ท่านย่าใหญ่เรเวนน่า”

          คนที่มาคือท่านลุงมิราจ ถ้าเคนเป็นเด็กที่มาจากตระกูลรอง ท่านลุงมิราจก็มาจากตระกูลอันดับสาม เขาเป็นหัวหน้าตระกูลแถมยังมีตำแหน่งสูงถึงผู้นำกองกำลังรบพิเศษของฟีโอเร่

          “ได้เวลาที่ผมจะนำตัวเขาไปฝึกที่หน่วยรบได้แล้วล่ะมั้งครับ”

          ท่านย่าทวดกับเคนมีสีหน้าขัดเคือง คาร์ม่ายังรักษาความเยือกเย็นเช่นเดิม

          “ก็ถ้ามันมีแรงฝึกกับแกล่ะก็นะ” รอยยิ้มแสยะอันแสนน่ารังเกียจอยู่บนใบหน้าของทั้งเคนและท่านย่าทวด คาร์ม่าทำได้แค่ปั้นหน้านิ่งเพียงอย่างเดียว

          “ไม่ไหวก็ต้องไหว ผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปของฟีโอเร่ต้องไปฝึกกับกองรบพิเศษของตระกูลทุกคน ท่านย่าทวดรู้ดี”

          “เอาล่ะๆ ไปให้พ้นหน้าไป๊”

          ทันทีที่ท่านย่าทวดโบกมือไล่ ท่านลุงมิราจก็สะบัดปลายคางสั่งให้เขาเดินตามไป เมื่อเดินเข้าไปในคฤหาสน์ท่านแม่รอเขาอยู่แล้ว

          คาร์ม่านั่งนิ่งๆ ให้ไอเดนผู้เป็นแม่ทำแผล เขามองดูแม่ของตนรักษาอาการบาดเจ็บทั้งน้ำตาด้วยสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง นึกอยากใช้มือซับน้ำตาบนใบหน้าของท่านแม่แต่ก็หดมือกลับ

          “เอาล่ะในเมื่อทำแผลเสร็จแล้วก็ไปได้เสียที” เขาเดินตามท่านลุงมิราจไป แอบมองดูท่านแม่ด้วยหางตา สีหน้าเศร้าสร้อยของแม่สร้างความปวดร้าวภายในอก

          “อ่อนโยนกับท่านแม่ซักนิดจะเป็นไรไป” เมื่อขึ้นไปนั่งในรถส่วนตัวเรียบร้อยท่านลุงมิราจก็เอ่ยเย้าแหย่

          “ถ้าสนิทสนมกันมากเกินไป ไม่เพียงแค่ผมที่แย่ ท่านแม่ก็จะถูกหมายหัวไปด้วย”

          “ดีแล้วปล่อยให้เรเวนน่าคิดว่าสามารถควบคุมเจ้าไว้ได้อย่างนั้นจะดีกว่า”

          “เรื่องที่ท่านลุงเล่าให้ผมฟังเมื่อสี่ปีก่อนผมจำได้ขึ้นใจ”

          มิราจยิ้มอ่อนใจ บางทีคิดถึงรอยยิ้มไร้เดียงสาที่เคยมีเมื่อเก่าก่อน หลังจากร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วนฝืนสู้ฝืนยิ้มเพื่อมารดา ในที่สุดก็เข้มแข็งอย่างแท้จริงในตอนที่เขาเล่าประวัติอันโสมมของตระกูลให้ฟัง

          “รู้ใช่ไหม ว่าถ้าย่าทวดคนนั้นกับคนเก่าแก่บางคนที่คอยให้ท้ายยังคงอยู่ เจ้าจะถูกแทนที่ด้วยเคนได้ทุกเมื่อ”

          คาร์ม่านิ่งเงียบ แต่มิราจเห็นแววตาวาววับดุดันคู่นั้นแล้วเกิดความมั่นใจในตัวหลานชายคนนี้

ตระกูลฟีโอเร่ต้องการสิ่งใหม่ ผู้นำที่มีหัวคิดใหม่ๆ ความบาดหมางระหว่างตระกูลครอสผู้นำเผ่าอันเดด และตระกูลฟีโอเร่ผู้นำเผ่าอสูรกลายร่างกินระยะเวลายาวนานเกินไป

มันสร้างความบอบช้ำและนำทางคนในเผ่าทั้งตระกูลไปในทางที่ผิด คนรุ่นใหม่มองเห็นวิธีการแสวงหาความมั่นคงอย่างอื่นได้ แม้ว่าจะต้องสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลครอสก็ตาม

และคนรุ่นไหมก็เล็งเห็นว่าคาร์ม่าเป็นเด็กที่เหมาะสมจะผลักดันขึ้นไป ทั้งความเข้มแข็ง แนวคิด รวมถึงสายเลือด ไม่มีผู้ใดดีไปมากกว่าหลานคนนี้ ขอเพียงไม่ถูกย้อมด้วยสีของเรเวนน่าก็เพียงพอ

แม้ว่าผลจากการดูคุณสมบัติของคาร์ม่ามันจะทำให้เด็กคนนี้ขาดสีสันในชีวิตไปเยอะก็ตาม แต่นับเป็นเรื่องดีเพราะทำให้เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ

คาร์ม่านั้นเพื่อให้แม่ที่เป็นโอเมก้ามีความสุข เขาพร้อมเหยียบย่ำปีศาจทุกตัวขึ้นไป ยอมแสร้งเป็นคนเลวร้ายเย็นชาเพื่อให้แม่อยู่ในที่ปลอดภัย

“เจ้าไม่พูดกับไอเดนนานเท่าไหร่แล้ว หมายถึงพูดคุยสัพเพเหระหยอกเย้ากันตามประสาแม่ลูก”

“ถ้าทำอย่างนั้นตอนนี้ ที่ผมพยายามมาทั้งหมดสี่ปีมันก็จะเปล่าประโยชน์”

ตอนนี้เองที่คาร์ม่าใช้ดวงตาราวกับสัตว์ร้ายประสานเข้ากับมิราจ

“ผมอยากรู้ว่าอีกนานเท่าไหร่เราถึงจะลงมือกำจัดมือเท้าของท่านย่าทวดได้เสียที”

“เรายังมีเวลาอีกนาน ค่อยๆ ทำอย่างแนบเนียนไปทีละคน อย่าใจร้อนสิ”

มิราจมองดูคาร์ม่าถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะ นึกเอ็นดูที่ได้เห็นความเป็นเด็กซึ่งไม่คิดว่าจะหลงเหลือในตัวเด็กคนนี้

คารม่ายังจดจำความวุ่นวายที่ท่านลุงมิราจเล่าให้ฟังได้ดี ทั้งเรื่องความบาดหมางระหว่างตระกูลฟีโอเร่กับตระกูลครอส

เรื่องท่านพ่อและเรื่องเลวร้ายที่เรเวนน่าย่าทวดใหญ่ทำกับตระกูลอย่างยาวนาน

ปัญหามันอยู่ที่เรเวนน่าเป็นอัลฟ่าจากตระกูลหลัก แต่อาจเพราะว่าเป็นสตรีจึงทำให้ผู้นำตระกูลในตอนนั้นไม่มั่นใจจึงนำเอาปู่ทวดซึ่งมาจากตระกูลรองสืบทอดตำแหน่งแทน

 สตรีที่เป็นอัลฟ่านั้นต่อให่สมสู่กับอัลฟ่าเผ่าปีศาจด้วยกันก็ไม่สามารถให้กำเนิดเด็กที่เป็นอัลฟ่าได้ ดังนั้นจึงต้องเลือกเฟ้นโอเมก้ามาเป็นภรรยาคนที่สอง

ภรรยาโอเมก้าให้กำเนิดอัลฟ่าสายเลือดปีศาจคือท่านปู่ของเขาซึ่งขึ้นมาเป็นผู้นำตามคำสั่งเสียของผู้นำคนก่อนที่ตายไป เรเวนน่าไม่สามารถให้ลูกชายที่คลอดมาด้วยตัวเองขึ้นเป็นผู้นำได้

จึงผลักดันให้ลูกชายของตนเป็นผู้นำตระกูลรอง จากนั้นเขี่ยสายเลือดของตระกูลรองให้ตกไปเป็นตระกูลอันดับสาม แล้วคอยควบคุมเลี้ยงดูผู้สืบทอดอัลฟ่าให้หัวอ่อนเชื่อฟังเธอเสมอมา

การปกครองของเรเวนน่าเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งท่านย่าทวดชักใยนานเท่าไหร่ตระกูลฟีโอเร่ก็ดำเนินไปทางเละเทะมากขึ้นทุกที บางทีการที่ผลักดันผู้นำทุกรุ่นให้ไปตายอาจเพราะต้องการให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตนจากตระกูลรองขึ้นมาเป็นผู้นำเสียที

จนมาถึงรุ่นเขาก็ยังสั่งสอนฝังหัวให้เกลียดชังคนตระกูลครอสเข้าใส้ สอนว่าหากมีโอกาสเมื่อไหร่ให้จัดการเสีย ฆ่าได้ฆ่าหาเรื่องได้คือหาเรื่อง แนะนำให้เขาไปตายก่อนใครเพื่อสนองความเกลียดชังที่ตัวเองมี

เขาถูกท่านย่าทวดเก็บเอาไว้ในตระกูลอย่างมิดชิด แม้แต่การศึกษายังให้อาจารย์มาสอนแล้วสอบเทียบเอาที่คฤหาสน์ ต่างกับเคนหลานแท้ๆ จากตระกูลรอง

เจ้าหมอนั่นได้ออกงานในฐานะผู้สืบทอดอันดับสอง คลุกคลีกับราชินีตัวน้อยรู้จักโลกภายนอก

ถึงตอนนี้คาร์ม่าจึงหัวเราะ สิ่งที่คนเก่าคนแก่ต้องการจากผู้นำตระกูลทุกรุ่น คือร่างอสูรกายที่แข็งแกร่ง คาร์ม่าเป็นไคมีร่าซึ่งเป็นพันธุ์พิเศษ

 เพราะอย่างนี้เรเวนน่าจึงกริ่งเกรงเขามากกว่ารุ่นก่อนๆ แล้วก็ต้องขอบคุณความเป็นพันธุ์พิเศษของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขากับท่านลุงมิราจเป็นญาติที่ใกล้ชิดกัน แต่หากไร้ความสามารถ ใครที่ไหนจะให้การสนับสนุน

คาร์ม่าเรียนรู้และจดจำตั้งแต่อายุได้แปดขวบเต็ม อำนาจเท่านั้นที่สามารถบันดาลทุกสิ่งให้สมประสงค์



คุยท้ายเรื่อง

ตอนพิเศษของคาร์ม่ารอยคิดไว้คร่าวๆ คือน้อยสุดคือแปดตอนถ้าลากยวมากก็ไท่เกิน20ตอนค่ะ

มีพลอตแบบหลวมๆ อาจจะเจอช่องโหว่บ้างจุดขออภัยนะคะ แต่ชี้แนะได้นะคะ เราจะได้ฉลาดขึ้น5555

ตอนพิเศษอาจจะยาวๆ รัวๆ ตอนพิเศษของเอฟเว่นกับดีทริชมีแน่นนอน

แต่เราขอครุ่นคิดก่อนว่าจะเอาไงดี คิดว่าตอนพิเศษของคู่หลักก็น่าจะยาวอยู่นะ คิดไว้เยอะ

อย่าด่าเราที่ไม่เอามาลงต่อนะคะ เราขอโทษTT

ถ้ารอยคาร์ม่าไม่สนุกขออภัยล่วงหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทนำ {หน้า9} {30/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 30-03-2018 15:02:01
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทนำ {หน้า9} {30/3/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 30-03-2018 16:46:56
ขอบคุณมากค่ะ   :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่ {หน้า9} {1/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 01-04-2018 11:51:26


บทที่1

ใครจะไปคิดล่ะว่ารถที่ตัวเองโดยสารมาดันชำรุดกลางทาง รอยซีฟัส ครอส จำต้องลงมายืนรอให้ลูกน้องเรียกรถมารับ แต่ก็นั่นแหละการจราจรซึ่งติดขัดทำให้ต้องยืนรอนานเป็นชั่วโมง จึงคิดได้ว่าวิ่งไปเองคงดีที่สุด

“นายน้อยจะไปเองหรือครับ”

รอยซีฟัสพยักหน้า ก่อนจะวิ่งปรี่ออกไปอย่างรวดเร็ว เขาโดดขึ้นไปวิ่งบนหลังคาข้ามรัวบ้านจำนวนมาก ตั้งใจว่าจะใช้ทางนี้ลัดผ่านไปยังคฤหาสน์ของตัวเอง

วันนี้มันก็ดึกมากแล้ว เขาใช้เวลาพูดคุยกับเดียร์น่ามากเกินไปนิด ทำอย่างไรได้ล่ะ การอยู่กับคนที่แอบชอบนานๆ ใครๆ ก็ต้องยินดีทั้งนั้น

รอยซีฟัสวิ่งผ่านมาจนถึงสวนสาธารนะแห่งหนึ่ง ที่นั้นเงียบสงัดไร้ผู้คน แม้แต่คนจรจัดยังไม่มีแม้แต่เงา

 <ตามปกติคนไร้บ้านต้องอาศัยนอนไปทั่วสิถึงจะถูก> เขาสงสัยแต่ก็ปัดความคิดนั้นไปเพราะไม่ใช่เรื่องน่าสนใจนัก

“อ๊าก...”

รอยซีฟัสได้ยินเสียงโหยหวนดังมาจากข้างหน้า กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เขาเป็นแวมไพร์กลิ่นเสียงภาพสามารถรับรู้ได้ชัดเจน ความกระหายใคร่รู้ทำให้เร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม

ภายใต้พระจันทร์เต็มดวง ภาพเด็กหนุ่มผมสีเงินรูปงามยืนอยู่เหนือร่างที่นอนจมกองเลือด มือและใบหน้าของเขาแปดเปื้อนโลหิตเพราะฉะนั้นตอนที่ยกมือขึ้นเช็ดเจ้าสีแดงบนใบหน้าแทนที่จะช่วยให้สะอาดกลับกลายเป็นทำให้เลอะเทอะกว่าเดิม

          “มีผ้าเช็ดหน้าไหม”

          เหมือนว่าเด็กหนุ่มรูปงามคนนั้นจะไม่สะทกสะท้าน ถูกคนแปลกหน้าเห็นความผิดของตัวเองยังยิ้มได้อีก รอยซีฟัสประหลาดใจแต่ยังยื่นผ้าเช็ดหน้าให้

          “ขอบใจนะ”

หลังเช็ดหน้าเสร็จเด็กหนุ่มคนนั้นก็กล่าวขอบคุณ ดูจากรูปร่างหน้าตาเยาว์วัย รอยซีฟัสเดาว่าวัยน่าจะใกล้ๆ เขาที่อายุสิบแปดปี

เมื่อกล่าวขอบคุณแล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้สนใจเขาอีก รอยซีฟัสประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

“จะไม่ฆ่าปิดปากฉันหรือนายฆาตกร”

“ฉันเป็นนักฆ่าไม่ใช่ฆาตกรหรอกนะ”

คนที่อ้างตัวว่าเป็นนักฆ่ายิ้มละไม ดูๆ ไปเป็นรอยยิ้มที่น่ารักน่าชังผิดกับการกระทำ

“อ้อ...งั้นเดียวคงจะกำจัดศพสินะ ตามสบายแล้วกัน”

รอยซีฟัสหมุนตัวกลับ ไม่รู้ทำไมนึกอยากหันไปมอง แล้วก็พบว่าเด็กหนุ่มผมเงินคนนั้นมองที่เขาด้วยสายตาวาววับ <มองอย่างนี้หมายความว่าไงวะ>

“นายไม่มีปัญญาฆ่าฉันได้หรอก ฝีมือของฉันไม่ใช่กระจอก อีกอย่างมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตอย่างฉันชีวิตนายลำบากแน่ๆ”

“รอยซีฟัส ครอส ฉันรู้จักนายดีผ่านโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์”

เด็กหนุ่มรูปงามยิ้มน้อยๆ รอยซีฟัสไม่แปลกใจที่ใครๆ จะรู้จักเขา เพราะตัวเองก็เป็นคนดังในวงสังคม

“หึ..งั้นก็รู้ตัวนะว่าไม่ควรแหยม”

รอยซีฟัสไม่ได้สนใจอีกเขาออกวิ่งมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลครอส

คาร์ม่ามองดูรอยซีฟัสวิ่งจนลับตาไป <ตัวจริงดูดีกว่าที่เคยเห็น> เขารู้สึกชอบรอยยิ้มยโสของฝ่ายนั้น มันทำให้เครื่องหน้าของหมอนั่นดูมีเสน่ห์

<จะได้เจอกันอีกไหมนะ> คาร์ม่าตกใจเล็กน้อยที่ตนเองคิดอยากพบหน้าฝ่ายนั้นอีก หมอนั่นไม่ใช่โอเมก้าแต่กลับดึงดูดอัลฟ่าด้วยกันอย่างเขาเสียนี่

ส่วนสูงกะคร่าวๆ น่าจะประมาณ178 ซ.ม. ลักษณะท่าทางผ่าเผย หน้าตาหล่อเหลา ผมสีแดงจัดจ้านดึงดูดชวนให้รู้สึกอยากเอาเข้าปาก

“สีเหมือนผลสตรอว์เบอรี่”

คาร์ม่าชอบสีแดงเป็นพิเศษ ยิ่งเป็นเลือดที่หลั่งออกมาจากศัตรูเขาจะยิ่งคึกคักมาก ส่วนเจ้าสตรอว์เบอรี่ก็เป็นผลไม้ที่เขาโปรดปราน

โรคคลั่งสีแดง เพราะอย่างนี้รอยจึงดึงดูดเขามากทีเดียว ผมสีแดงตัดกับผิวขาวกระจ่างนั่นมากแหลือเกิน แถมดวงตายังเป็นสีเดียวกันอีก รู้สึกเหมือนภาพในอุดมคติหลุดออกมาอย่างไรอย่างนั้น

<ทำยังไงถึงจะได้เจออีกนะ> คาร์ม่ายิ้มหยัน โอกาสนั้นคงไม่มีเร็วๆ นี้แน่ เพราะเรเวนน่าไม่ต้องการเปิดตัวเขาสู่สังคม ยัยแก่นั่นเก็บตัวเขาไว้อ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป

แท้ที่จริงแล้วแค่ไม่อยากให้เขามีอิทธิพลมากเกินไป แถมยังกล้าเอาเคนไปแนะนำให้คนอื่นรู้จักในฐานะผู้นำตระกูลคนถัดไปของฟีโอเร่เสียอีก

“ทำอะไรโง่ๆ ” คาร์ม่าใช้เท้าเขี่ยร่างไร้วิญญาณบนพื้น กีดกันเขาออกจากอำนาจและสังคม แถมยังส่งนักฆ่าลอบทำร้ายถี่ๆ

<คิดจะกำจัดกันมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก> คาร์ม่าหัวเราะเบาๆ จังหวะนั้นคนในชุดดำกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหา

“นายน้อย โปรดรับสายนายท่านมิราจด้วยครับ”

คนของท่านลุงมิราจนั่นเอง เมื่อถูกเตือนก็นึกขึ้นได้ว่ามีสายเข้าระหว่างที่จัดการกับนักฆ่า คาร์ม่าใช้มือถือต่อสายหามิราจ

< “โทรมาจนได้นะ เกิดอะไรขึ้นทำไมไม่รับสายลุง” >

“จัดการกับนักฆ่าที่ส่งมา”

< “งั้นรึ ลุงไม่แปลกใจ เพราะอีกไม่นาน เจ้าจะถูกเปิดตัวในฐานะผู้นำรุ่นถัดไป ผู้นำจากสายตระกูลทั้งสี่เห็นพ้องต้องกันแล้ว” >

“ตระกูลรอง กับตระกูลที่สี่เห็นพ้องด้วยหรือท่านลุง สองตระกูลนั้นถือหางเคนนี่ครับ”

< “หึ...ตระกูลรองก็แค่ทำตามน้ำ ส่วนตระกูลที่สี่ ผู้นำมันเป็นพวกกลับกลอกแสวงหาผลประโยชน์ พร้อมจะเปลี่ยนสีได้ทุกเมื่อนั่นแหละ มีแต่ยัยเฒ่าเรเวนน่าเท่านั้นที่โง่เชื่อว่าจะควบคุมไอ้จิ้งจอกผู้นำตระกูลที่สี่ได้” >

“ขอบคุณท่านลุงมากนะครับที่ส่งคนมาดูแล แถมยังทำให้ผมสบายทุกครั้งไม่ต้องจัดการกับศพเอง”

< “เรื่องเล็กน้อย แล้วเป็นยังไง การฝึกงานที่ยัยเฒ่าอสรพิษส่งเจ้าไปทำ” >

“ก็ดีครับ ได้ออกมาเรียนรู้โลกภายนอก แต่ก็แค่อยากหาจังหวะดีในการส่งคนมาลอบฆ่าผมเท่านั้น ชีวิตตอนนี้สนุกสนานมาก อยู่คนเดียว หาทานเอง ทำงาน ฆ่าคน ทำรัก” คาร์ม่าหัวเราะหึหึ เขาสนุกจริงๆ ตามที่พูดทุกประโยค

< “งั้นก็ดี แต่อย่าหาหลานสะใภ้ให้ลุงเร็วนัก อย่าลืมว่าเรเวนน่าไม่ยอมง่ายๆ คงไม่อยากให้คนโชคดีคนนั้นต้องลำบากเหมือนไอเดนแม่ของเจ้าใช่ไหม” >

“เข้าใจครับ”

< “พวกโอเมก้าน่ะน่าสงสารนะคาร์ม่า พวกเขาส่วนใหญ่เลือกคนรักเองไม่ได้ ขนาดที่เลือกอยู่กับคนที่รักได้อย่างแม่ของเจ้า ชีวิตยังไม่มีความสุข” >

“พวกที่ผมเล่นด้วยอยู่ตอนนี้ ไม่มีโอเมก้าซักคนครับ”

< “ดีแล้ว อย่าลากพวกเขามาเกี่ยวข้องเลย” >

คาร์ม่ารับคำ คนที่กระตุ้นความสนใจตอนนี้ไม่ใช่โอเมก้าแต่เป็นแวมไพร์สายเลือดอัลฟ่า ไม่จำเป็นต้องมีกลิ่นหอมดึงดูดอย่างฟีโรโมน แต่รอยซีฟัสก็มีเสน่ห์พอแล้ว

ริมฝีปากสีแดงที่กระตุกยิ้มหยันนั่นน่ามองเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้อย่างใช้นิ้วมือลูบคลึงซักรอบ คงนิ่มๆ หยุ่นๆ มือน่าดู

แล้วปฏิกิริยาหลังจากถูกเขากระทำอย่างอุกอาจล่ะ คงตอบโต้เขาด้วยหมัดสองหมัดก่อนตะคอกด่าอย่างหยิ่งยโสละมั้ง สนุกดีที่ได้คาดคะเนการกระทำของรอยซีฟัส

<สรุปว่าเขาชอบหมอนั่นตรงไหนกันนะ ปาก...ผมและตาสีแดง ท่าทางหยิ่งยโส รอยยิ้มหยัน เยอะนะ เยอะแยะไปหมดเลย>

< “สนุกอะไรหรือไง หัวเราะอารมณ์ดีหลายครั้งแล้วนะ” >

“ผมเจอคนน่าสนใจ”

< “คงไม่ใช่โอเมก้านะ” >

“เปล่าครับ ไม่ใช่เลย”

< “อ้อ...งั้นรึ ถ้าอย่างนั้นรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ลุงไม่กวนแล้ว เร็วๆ นี้ลุงจะไปหา มาทานอาหารด้วยกันหน่อย กินของดีๆ บ้าง อยู๋ในหอพักคงกินแต่อาหารขยะ หรืออาหารกล่องตามร้านสะดวกซื้อสินะ” >

“ผมว่ามันอร่อยใช่ย่อยนะ”

< “ที่อร่อยก็เพราะว่าไม่เคยกินมันมาก่อนน่ะสิ ทานอาหารดีๆ บ้าง ลุงไม่กวนแล้วกลับบ้านดีๆ ล่ะ” >

ลุงมิราจวางสายไปแล้ว คาร์ม่าปลีกตัวออกจากสวนสาธารณะปล่อยให้คนของลุงมิราจจัดการซากที่เขาทิ้งไว้ทั้งหมด



คุยท้ายเรื่อง

พวกเขาเจอกันแล้วนะ 5555 คาร์ม่ามีความสนใจรอยซีฟัส รอยเองก็น่าจะสนใจแล้วมั้ง5555

ฝากติดตามกันต่อนะคะ แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจบ้างนะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่ {หน้า9} {1/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 01-04-2018 12:57:57
มีความลุ้น :mew3:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่2 {หน้า9} {2/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 02-04-2018 12:47:30


บทที่2

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่รอยซีฟัสอยู่เคียงข้างเดียร์น่าในฐานะเพื่อนสนิท พวกเขาเข้ากันได้ดี แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้นถึงแม้ในใจของเขาจะนึกชอบเดียร์น่ามากเพียงใดก็ตาม

ปีนี้เขากับเดียร์น่าอายุสิบแปดปีด้วยกันทั้งคู่ เจ้าหญิงคนสวยใกล้ขึ้นครองราชในฐานะราชินี เมื่อเวลานั้นมาถึงคงไม่สามารถทำตามใจชอบได้อีก ดังนั้นจึงขอให้รัฐมนตรีฝ่ายซ้ายอย่างท่านป้าแอนนี่อำนวยความสะดวกให้ตนเองเข้าเรียนในระดับมหาลัยเหมือนประชาชนทั่วไป

ตามจริงเรื่องนี้ต้องมีความเห็นพ้องจากรัฐมนตรีฝ่ายขวาซึ่งมาจากตระกูลฟีโอเร่ด้วย แต่ทว่าภายในของฟีโอเร่ยังไม่นิ่ง ด้วยเหตุนี้การตัดสินใจทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ตระกูลครอสเป็นส่วนใหญ่

ผลจากการตัดสินใจของท่านป้าแอนนี่ทำให้รอยซีฟัสกับเดียร์น่าได้มาเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ตระกูลอลองโซผู้ก่อตั้งสถาบันให้การดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี

“รอย เราอยากลองกินพวกอาหารจานด่วนดูบ้าง อย่างพวกร้านเบอร์เกอร์”

เดียร์น่าส่งสายตาเป็นประกายมา เอาจริงๆ ถึงรอยซีฟัสจะรู้จักโลกภายนอกมากว่าเพื่อนคนนี้ แต่พวกร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเขาไม่เคยสนใจเข้าไปทานที่นั่นซักนิด <ถ้าอยากกินเบอร์เกอร์เขาจะไปที่ภัตตาคารชั้นนำแล้วสั่งให้ที่นั่นทำเป็นพิเศษ>

“เดียร์น่า ถ้าอย่างนั้นเราไปที่ภัตตาคารของโรงแรมรอยัลเอาไหม ที่นั่นมีเบอร์เกอร์ให้เลือกเยอะแยะเลย”

คิดว่าแก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่เดียร์น่ากลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“เราอยากทานที่ร้านปาป้าเบอร์เกอร์”

“เอาอย่างนั้นรึ” เดียร์น่าผงกหัวหงึกๆ

 ท่าทางน่าเอ็นดูนั่นน่ารักมาก โชคดีที่เดียร์น่าปลอมตัวตลอดเวลาที่ออกมาใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป ดังนั้นรอยซีฟัสจึงไม่กังวลซักนิด

“ถ้าอย่างนั้นก็เอา ไปกันเถอะ”

“สั่งอะไรดีครับ”

ใครจะไปคาดคิดว่าพนักงานที่รับออเดอร์ดันกลายเป็นเด็กหนุ่มรูปงามผมสีเงิน เจ้าฆาตกรที่อ้างตัวเป็นนักฆ่า

“ไหนว่าเป็นนักฆ่าไง”  รอยซีฟัสเลือกจะสื่อสารกับเด็กหนุ่มผมสีเงินทางจิต ไม่นึกอยากให้เดียร์น่ารู้เรื่องระหว่างเขากับหมอนี่ซักเท่าไหร่

“งานฆ่าคนไม่ได้มีมาทุกวันนี่”

อีกฝ่ายสื่อสารกลับมาทางจิตเช่นกัน

“เดียร์น่าเลือกที่ชอบเลย” เมื่อรอยซีฟัสสั่ง เดียร์น่าก็เริ่มบอกสิ่งที่ต้องการกับเด็กหนุ่มผมสีเงิน

“นายมีองค์กรคอยช่วยเหลือสินะ” ส่งกระแสจิตถามอีกครั้ง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดคุยกับเดียร์น่าแต่ยังตอบโต้กลับมาทางจิตได้อย่างฉะฉาน

“ลองเดาดูสิ”

รอยซีฟัสเชิดหน้าต่อคำตอบกวนโทสะของอีกฝ่าย เขามั่นใจว่าหมอนี่ต้องมีพรรคพวกอยู่เบื้องหลัง เพราะไม่ว่าเขาจะหาข่าวของหมอนี่จากช่องทางใดก็ไร้วี่แววทั้งนั้น

“รอยเราไปหาที่นั่งกันเถอะ”

“อืม”

เพราะเดียร์น่าเขาจึงหมดอารมณ์ที่จะซักไซ้ แต่ไม่วายชำเลืองมองด้วยหางตา เด็กหนุ่มผมเงินส่งยิ้มมาให้อย่างน่ารัก ตอนนี้เองที่เกิดความรู้สึกแปลกๆ <ยิ้มน่ารักเกินไปไหม กับคนที่มีโอกาสจะเอาเรื่องของตัวเองไปบอกตำรวจได้ทุกเมื่อ>

          หลังจากที่รอยซีฟัสออกจากร้านไปได้ซักพักก็ครบชั่วโมงในการทำงานพิเศษของเขาพอดี คาร์ม่าเดินทางไปยังสถาบันศึกษาเพื่อเข้าเรียนในชั้นระดับมหาลัย

          <เหมือนว่ารอยจะสนใจเขามาก> จะว่าไปใบหน้าเชิดๆ เวลาโมโหก็น่าสนใจมาก ความบังเอิญอย่างนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้แต่ก็ชวนตื่นเต้นอยู่ดี

          เมื่อเดินทางมาถึงสถาบันการศึกษา คาร์ม่าเข้าชั้นเรียนตามที่ได้เลือกเอาไว้ ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าชะตาดันหนุนนำให้เขากับรอยซีฟัสได้มีโอกาสเจอหน้ากันอีกเป็นครั้งที่สาม

          “เฮ้ยคาร์ม่า” หันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นโจแอล เพื่อนเที่ยวเพื่อนกินที่มักพาออกนอกลู่นอกทางเป็นประจำ

          “ไง โจแอล”

          “ไปปาร์ตี้ของหอแมคพายน์ด้วยกันไหม ถ้าเป็นนายละก็ต้องได้รับการต้อนรับแน่”

          “บอกมาตรงๆ เถอะน่าโจแอลว่านายต้องการอะไร”

          “พวกผู้หญิงในหอแมคพายน์บอกว่าจะให้ฉันเข้างานก็ได้แต่ต้องชวนนายไปให้ได้น่ะสิ”

          คาร์ม่ากระตุกยิ้ม “คนดังอย่างนายยังถูกปฏิเสธจากผู้หญิงอีกหรือ”

          “ก็แม่พวกนั้นดันบอกว่าฉันมีชื่อเสียสิวะ บอกว่าฉันเป็นนักฟันหญิง จริงๆ งานพวกนี้คนไปก็อยากไปมั่วให้สุดเหวี่ยงป่าววะ อีกอย่างแม่พวกที่ยอมให้ฉันขี่ก็เต็มใจทั้งนั้นนะเว้ย”

          คาร์ม่ามองดูโจแอลระเบิดอารมณ์ ทำเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัยเท่านั้น

          “เฮ้ยไปนะเพื่อนฉันมีสาวที่ไงก็อยากคลุกวงในให้ได้ที่นั่นนะเว้ย”

          “จะจ่ายด้วยอะไร” คาร์ม่าส่งยิ้มแบบนักธุรกิจไปให้โจแอล

          “เลี้ยงอาหารชุดใหญ่นายหนึ่งมื้อดีไหม”

          “นั่นสิ...” คาร์ม่านิ่งคิด “ผู้หญิงที่นายอยากได้นี่คงเด็ดน่าดู เอาไว้ถ้าฉันคิดของที่อยากได้ออกเมื่อไหร่ ฉันจะบอกนายแล้วกัน”

          “เฮ้...หวังว่าจะไม่ใช่รางวัลใหญ่อะไรนักใช่ไหม” โจแอลเริ่มกังวล

          “ไม่ใช่เรื่องยากอะไร บางทีอาจจะไม่ขออะไรเลยก็ได้”

          “งั้นตกลงไปนะเว้ย คืนนี้หนึ่งทุ่มเจอกันที่หน้าหอแมคพายน์”

          วันนี้ยังไงช่วงกลางคืนเป็นวันว่างงานของเขาอยู่แล้ว ไปผ่อนคลายที่งานปาร์ตี้ของหอพักนักเรียนหญิงก็ดีเหมือนกัน

          นี่ละมั้งที่เรียกว่าชะตากรรมเขาพบกับรอยซีฟัสในงานปาร์ตี้แบบไม่มีตัวแถมอย่างเมื่อเช้าให้ขุ่นใจ

          จริงๆ คนอย่างเขาไม่มีทางมาปรากฏตัวในปาร์ตี้มั่วสุมแน่นอน ถ้าเกิดว่าเดียร์น่าไม่อยากรู้อยากเห็นจนต้องกลายมาเป็นแบบนี้

          “ว่าไง เดียร์น่ากับรอยซีฟัสไปด้วยกันไหมจ๊ะ หอแมคพายน์ยินดีต้อนรับนักเรียนชั้นนำอย่างพวกเธอเสมอนะ”

          ตรงหน้าคือตัวแทนของหอแมคพายน์ที่ส่งมาชักชวนให้พวกเขาไปปาร์ตี้ จริงๆ ก็ไม่แปลกใจที่จะถูกเชิญ เพราะเขากับเดียร์น่าถือเป็นคนดังเรียนดีกีฬาเด่น

          “ถ้าพวกเธอไปก็เข้างานได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเข้าเลยนะจ๊ะ ชาวหอแมคพายน์จะรอน้า”

          หลังจากแม่สาวจากหอแมคพายน์ไปเดียร์น่าก็หันมาพูดกับเขาแววตามีประกายระยิบยับชัดเจนว่ากำลังตื่นเต้น

          “รอยฉันอยากไป ปาร์ตี้หอนักศึกษา ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”

          “ไม่ได้”

          “ทำไมล่ะ” เดียร์น่าเอียงคอมองมาด้วยความสงสัย ท่าทางไร้เดียงสาช่างน่ารักเสียเหลือเกิน

          “เพราะฉันควรจะไปสำรวจดูก่อน ตามจริงถ้าตรวจดูแล้วว่าปลอดภัยปาร์ตี้คราวหน้าฉันจะพาไปสนุกให้เต็มที่ทุกงาน”

          “อืม...นั่นสิ...เอาตามนี่แล้วกัน”

          โชคดีที่เดียร์น่าเป็นคนว่าง่าย การมาปาร์ตี้ในคราวนี้ไม่ได้มาเพื่อสำรวจแต่อย่างใด ก็แค่มาให้รู้ว่ามาจริงๆ เท่านั้น <ปาร์ตี้มั่วสุมของพวกเด็กใจแตกแบบนี้จะปล่อยให้เดียร์น่ามาได้ยังไง ข้ามศพรอยคนนี้ไปก่อนดีกว่า>



คุยท้ายเรื่อง

จริงๆ ตอนนี้จะยาวกว่านี้ แต่มีงานต้องทำอีกเยอะ มันเลยค้างๆ คาๆ ขออภัยนะ

มันมาค้างงี้เพราะเราแต่งไว้แค่นี้จิงๆ555 ไม่ได้กั๊กหรือแบ่งตอนแต่อย่างใดน้อ

รอยซีฟัสกับคาร์ม่าได้เจอกันในปาร์ตี้ ส่วนใครรุกใครรับคำตอบนั้นใกล้จะมาถึงสายตานักอ่านทุกท่านแล้วนะ

มีncอืม.....คิดไว้ว่าจะเร็วๆ นี้ เพราะเขาโตกันแล้วน่าจะได้แหละ ปกติเราไม่ใช่คนเน้นncเท่าไหร่

แต่ถือว่าพยายามชดเชยจากคู๋หลักก็ว่าได้ แต่ไม่ๆได้หมายคสามว่าจะncทุกตอนน้า

ไอเดียหื่นไม่กระฉูดขนาดน้าน

แสดงความเห็นให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่2 {หน้า9} {2/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 02-04-2018 15:00:51
 :mew1: :hao3:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่3 {หน้า9} {2/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 02-04-2018 20:10:03


บทที่3

          ตกคนนี่มันง่ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มาถึงงานได้ไม่นานคาร์ม่าก็ถูกเชิญขึ้นมาบนห้องส่วนตัว

          ผู้หญิงคนนี้ไวไฟเหลือเกินเป็นเบต้าที่กล้าได้กล้าเสียเชิญชวนเขาตั้งแต่พูดคุยกันไม่กี่คำเท่านั้น สำหรับคาร์ม่าเขาตัดสินใจว่าช่วงเวลาที่เป็นอิสระตอนนี้ตั้งใจจะใช้ชีวิตให้สนุกสนานที่สุด

          ดังนั้นจึงไม่ปฏิเสธไปยังห้องของหล่อนนัวเนียปลุกเร้ากันและกัน ใครจะไปคาดว่าคนที่เข้ามาขัดจังหวะกลับกลายเป็นรอยซีฟัส ครอส

          “อุ๊ย ว๊าย” เสียงร้องเบาๆ ทำให้คาร์ม่ากับคู่ขาหยุดนัวเนีย เมื่อหันไปมองพบรอยซีฟัสกับผู้หญิงคนหนึ่ง <อย่าบอกนะว่านี่ตั้งใจมาฟันสาวเหมือนกัน>

          รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคาร์ม่าชวนให้หงุดหงิดเหลือเกิน รอยซีฟัสเข้าใจไม่ผิดหรอกคงคิดว่าเขามาทำกิจกรรมแบบเดียวกันกับตัวเองล่ะสิ

          “เบลทำไมใช้ห้องของฉันทำอย่างนี้ล่ะ บ้าที่สุด”

          ดูเหมือนว่าผู้หญิงที่มากับรอยซีฟัสจะเป็นเจ้าของห้อง เจ้าตัววิ่งหนีไปทั้งที่ใบหน้าแดงจัด

          “ช่างหล่อนเถอะค่ะคาร์ม่า หล่อนมันเป็นเหมือนอาหารที่ค้างปีไม่มีใครชิมมาแต่ไหนแต่ไร นี่คงจะโกรธที่แอบพาผู้ชายขึ้นมาแต่ฉันดันรับรู้ละสิ ยัยจอมวางแผนเอ๊ย”

          “คุณผู้หญิง ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ พอดีผมรู้จักกับนาตาลีในฐานะเพื่อนร่วมคลาส นี่ตั้งใจขึ้นมาเอาหนังสือรายงานกลุ่มเท่านั้นเอง”

          เป็นไปตามที่พูดทุกประการ เขาไม่รู้มาก่อนเหมือนกันว่านาตาลีเพื่อนที่ทำรายงานในกลุ่มเดียวกันจะอยู่หอพรรคแมคพายน์ ก็เวลาเรียนพูดคุยกันแค่เรื่องเรียนเท่านั้น ส่วนใหญ่นาตาลีพูดคุยกับเดียร์น่ามากกว่าเขาเสียอีก

          “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ คุณก็เห็นนี่คะว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ได้โปรดให้เราอยู่ตามลำพังได้ไหม”

          รอยซีฟัสทำท่าจะหมุนตัวกลับออกจากห้อง แต่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ ของคาร์ม่าเลยชะงัก รอยยิ้มเยาะหยันของฝ่ายนั้นทำให้รู้สึกอยากขัดจังหวะ การต้องประสบปัญหาอารมณ์ค้างมันไม่สนุกเขารู้ดีเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน

          “คุณผู้หญิงถ้าผมจะบอกว่ามีเรื่องอยากสนทนากับเพื่อนของผมคุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

          ทั้งที่เป็นการขัดจังหวะที่ชวนหงุดหงิดที่สุดแต่คาร์ม่ากลับยิ้มกว้าง รอยซีฟัสจดจ้องดูอีกฝ่ายด้วยความสนใจ อยากรู้ว่าถูกเขาอ้างแบบนี้คนถูกอ้างจะทำอย่างไรต่อไป

          “เบลผมขอคุยกับรอยหน่อยแล้วกัน”

          ใครจะไปคิดล่ะว่าสาวเจ้าจะโมโหจนตบหน้าคาร์ม่าดังฉาด ไม่รู้ว่าทำไมถึงยอมโดนตบนะแต่รอยซีฟัสรู้สึกดีนิดๆ ที่เห็นอีกฝ่ายเจ็บตัว

          “เอาล่ะ นายมีอะไรจะพูดกับฉัน” คาร์ม่าถาม

          เป้าสายตาของรอยซีฟัสคือแก้มที่แดงปื้นคงเป็นเพราะว่าฝ่ายนั้นมีผิวขาวจัด รอยช้ำจึงดูน่ากลัวกว่าที่คิด

          “ก็ไม่มี” รอยซีฟัสยิ้มเยาะ นึกแปลกใจตัวเองจริงๆ ปกติเขาจะไม่เก็บคนอื่นมาเป็นอารมณ์ไม่ว่าจะดีหรือร้าย นับตั้งแต่รู้จักเดียร์น่าชีวิตของเขาก็เปรียบเสมือนดวงจันทร์บริวารซึ่งโคจรอยู่รอบดาวเคราะห์

          “นี่อย่าบอกนะว่าจะออกไปเฉยๆ” คาร์ม่าลุกขึ้นจากเตียงก้าวช้าๆ มาหารอยซีฟัส สองมือคล้องลงบนคอของคนที่สูงไล่เลี่ยกัน แววตางงงันของอีกฝ่ายกระตุ้นเร้าได้อย่างชะงัด

          “เห็นใช่ไหมว่าฉันต้องอารมณ์ค้างเพราะนาย นายจะชดเชยฉันยังไง”

          ไม่พูดเปล่ายังคลอเคลียริมฝีปากตนเองกับปากนุ่มนิ่มของรอยซีฟัส ดวงตาสีแดงคู่นั้นเบิกกว้าง <หรือว่าเป็นคุณชายผู้อ่อนต่อโลก แบบนี้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่>

          คาร์ม่าอยากเห็นท่าทางลนลานขัดเขินของรอยซีฟัส คิดว่าจะรุกหนักกว่าเดิม คาดไม่ถึงจู่ๆ อีกฝ่ายกลับชิงตัดหน้าจูบกลับอย่างดุดันมืออุ่นทั้งสองข้างจับใบหน้าของเขาแน่น <คงกลัวว่าเราจะหนีสินะ แต่ไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว เพราะว่าไม่เคยตื่นเต้นคึกคักกับใครขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต>

            คาร์ม่าสอดมือไปลูบไล้เส้นผมสีแดง ระหว่างที่จูบก็ประสานสายตาเข้ากับรอยซีฟัส ความดุดันของอีกฝ่ายทำให้นึกได้ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นอัลฟ่าเหมือนกัน

          <ยอมแพ้สิ> รอยซีฟัสส่งกระแสจิตเข้าไปหาคาร์ม่าโดยตรง แต่แทนที่อีกฝ่ายจะยอมแพ้กลับบดเบียดตัวเข้าหาเขา

แวบหนึ่งนึกอยากตรวจดูอดีตของคู่จูบ แต่แทนที่จะได้เห็นภาพความทรงจำกลับเป็นอะไรที่น่าตื่นตะลึง เขาเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสภาพเปลือยเปล่ากระดิกนิ้วเชิญชวนให้รุกเข้าหา รอยซีฟัสถอนจูบออกอย่างรวดเร็ว

“ความสามารถพิเศษของนายหรือเมื่อกี้”

คาร์ม่าหัวเราะคิกๆ กระซิบเสียงหวานข้างหูรอยซีฟัส “ฉันอุตส่าห์เชิญชวนขนาดนี้แล้ว อย่าทำให้ฉันอับอายด้วยการปฏิเสธสิ”

จังหวะนั้นเองภาพบางอย่างก็ถูกส่งเข้ามาในความคิดอีก เป็นภาพที่คาร์ม่าครอบครองเครื่องเพศของเขาด้วยปาก สีหน้าเย้ายวนนั้นทำเอารอยซีฟัสร้อนวูบวาบ

“ไม่รู้ว่าความสามารถของนายคืออะไรนะ แต่เชิญชวนกันขนาดนี้ เตรียมใจแล้วใช่หรือเปล่า”

“นายล่ะเตรียมใจแล้วหรือยัง” รอยยิ้มที่ประกาศว่าตัวเองเหนือกว่า มันทำให้รอยซีฟัสนึกอยากเอาชนะ <อยากขึ้นเตียงกับเขาหรือก็ได้จะทำให้สมใจปรารถนา>

รอยซีฟัสกับคาร์ม่าเปิดห้องในโรงแรมเล็กๆ ใกล้ๆ ถ้าเป็นตามปกติเขาจะไม่มีทางย่างกรายเข้าไปในสถานที่ที่ไม่สมฐานะแบบนี้ แต่ก็ดีคนรู้จักคงไม่คาดคิดแน่ๆ ว่าเขามั่วสุมกับคนแปลกหน้าในโรงแรมราคาถูกนี่

“นายต้องการแบบไหน ฉันไม่ชอบเอาเปรียบใคร ยังไงเราสองคนก็เป็นอัลฟ่าด้วยกันทั้งคู่ ทำรักระหว่างเพศชายด้วยกันเราต่างคนต่างรู้ว่าต้องมีฝ่ายที่ถูกกระทำ ฉันไม่ชอบถูกทำแบบนั้น ท่าทางนายก็คงไม่ชอบเหมือนกัน”

คาร์ม่าส่งยิ้มยั่วเย้ามาให้ คิดไปเองหรือเปล่านะหมอนี่ยั่วยวนเขาหนักมากขึ้นเรื่อยๆ

“ฉันยอมให้นายทำก่อนก็ได้ นายคิดว่ายังไง”

รอยซีฟัสหรี่ตามองดูคาร์ม่า “แน่ใจนะ”

แทนคำตอบอีกฝ่ายเปลื้องผ้าออกทีละชิ้น ร่างเปลือยเปล่าของคาร์ม่าไม่ได้นุ่มนิ่มบอบบางเหมือนผู้หญิงกลับเต็มไปด้วยมัดกล้ามสมส่วนสวยงามปานรูปหล่อ

มันทำให้รอยซีฟัสรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า เขาสูงก็จริงแต่ไม่ได้มีมัดกล้ามหรือหน้าทองเป็นลอนอย่างเหมือนอีกฝ่าย

“ให้ฉันถอดให้นายเอาไหม” คาร์ม่ายกยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่ต้องฉันจัดการเองได้”

          <ใหญ่>

          ระหว่างถอดเสื้อรอยซีฟัสพยายามทำเมินเจ้าความใหญ่โตตรงหว่างขาของคาร์ม่า ขนาดของเขาก็ใช้ว่าจะเล็กกว่ามาตรฐานแต่ไอ้คนตรงหน้านี่มันเกินกว่าปกติไปมาก

          ระหว่างที่ถอดเสื้อผ้ารอยซีฟัสมีความคิดจะล้มเลิกการละเล่นครั้งนี้ แต่ทันทีที่เสื้อผ้าหลุดจากกายจนหมด คาร์ม่ากลับทำสิ่งที่คาดไม่ถึง

          “จริงๆ ฉันไม่เคยเป็นฝ่ายรับมาก่อน เพราะอย่างนั้นขอเตรียมความพร้อมตัวเองดีๆ หน่อยก็แล้วกัน ฉันเองก็ไม่ชอบเจ็บ”

          คาร์ม่าใช้เจลที่โรงแรมเตรียมเอาไว้ชโลมบนมือก่อนจะจัดการนวดคลึงจุดเร้นลับบริเวณบั้นท้ายของตน

รอยซีฟัสเบิกตากว้างมองภาพวาบหวามอันนั้น ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่รูปร่างกำยำกว่าตนจะกล้าทำแบบนี้ด้วย

“เข้ามาดูใกล้ๆ สิ” คาร์ม่าเลียริมฝีปาก นี่เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตที่ทำตัวร่านเหมือนโสเภนีแบบนี้ ยิ่งเมื่อรอยซีฟัสขึ้นเตียงมาดูใกล้ๆ เขายิ่งยั่วเย้าด้วยการแหวกสอดและนวดคลึงให้เห็นจะๆ กับตา

“นี่....ช่วยเลียให้หน่อยสิ”

“อะไรนะ”

“ก็หมายถึงเจ้าลูกชายที่ชี้หน้านายอยู่ไง เลียมันให้ที ไม่ได้หรือ...”

เสียงเย้ายวนของคาร์ม่าเป็นดั่งมนต์สะกด รอยจรดริมฝีปากครอบครองสิ่งนั้นอย่างเผลอไผล



คุยท้ายเรื่อง

มีเวลาแต่งต่ออีกหน่อยเลยเอามาลง แบบก็ยังค้างอยู่ดี เอาจริงๆ ncยังไม่จบอะนะ

ถามว่าใครรุกรับต้องบอกว่าสลับกัน แต่ในความคิดนักเขียนคาร์ม่าเป็นรุกตัวเมนนะคะ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้าง สถานีถัดไปnc ต่ออีกนิด รอกันหน่อยนะ

เราเขียนncไม่เก่งต้องใช้ความพยายามหน่อย

ติชมกันได้แต่อย่าด่านะเออ เราขี้ใจน้อย
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่3 {หน้า9} {2/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 02-04-2018 23:59:26
 :z1: :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer miumiu ที่ 05-04-2018 12:11:49
บทที่4

“รอย” เสียงเรียกของเดียร์น่าทำเอารอยซีฟัสสะดุ้ง เขามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเหรอหรา ท่าทางแบบนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนสมัยเด็ก

“เป็นอะไรไปรอย”

“เอ่อเปล่า” ใบหน้าของรอยแดงก่ำ

“นาตาลีเขาถามนายว่าหลังจากแยกกันในงานปาร์ตี้แล้วหายไปไหน”

รอยซีฟัสระลึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอีกครั้ง เขาได้ล่วงล้ำเข้าไปในร่างของคาร์ม่าก็จริงแต่เมื่อปลดปล่อยจนหมดก็ทิ้งตัวลงนอนหอบ

ได้ยินเสียงหัวเราะทุ่มต่ำพอเหลือบมองไปก็พบว่าคนถูกกระทำนอนตะแคงและใช้มือลูบไล้ก้นของเขาขึ้นมาจนถึงแผ่นหลัง

“ที่นี้ตาฉันแล้วสินะ” รอยซีฟัดเบ้ปาก

เขาไม่ใช่คนผิดสัญญาแต่ว่าก่อนหน้านั้นตั้งใจทำจนสุดแรงกะว่าให้คู่ขาสุขสมหมดแรงไปข้างหนึ่งแท้ๆ แทนที่ควรเป็นอย่างนั้นคนที่นอนหอบกลับเป็นเขาเสียเอง <หรือว่าเทคนิคเรามันไม่ได้เรื่อง>

“ก..ก็ตามใจสิ” ไม่ทันขาดคำอีกฝ่ายก็แนบจูบลงมา รอยซีฟัสคิดว่าในบรรดาคนที่แลกลิ้นกับเขามีหมอนี่นี่แหละที่ชั้นเชิงเก่งกาจที่สุด

“นายไม่เคยทำรักกับผู้ชายมาก่อนสินะ”

“เออสิ...”

“ถ้าอย่างนั้นเรียนรู้ให้ดีแล้วกัน”

กล่าวจบอีกฝ่ายก็จัดท่าทางเขาเสียใหม่ก่อนจะแตะลิ้นลงมายังช่องทางเร้นลับบริเวณบั้นท้าย รอยซีฟัสรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดยิ่งตอนที่ถูกเล้าโลมรัวๆ เขายิ่งดิ้นพล่านเพียงแต่คนกระทำใช้เรี่ยวแรงมหาศาลจัดกดเขาเอาไว้ได้

“ชอบไหม” ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยถามหลังจากสำรวจภายในด้วยปลายลิ้นจนพอใจ บริเวณนั้นถูกทำจนชื้นแฉะ รอยซีฟัสไม่คิดมาก่อนว่าคนถูกทำจะรู้สึกดีอย่างนี้

“ฉันคงทำให้นายไม่ถึงใจสินะ” คิดๆ ดูแล้วอีกฝ่ายไม่ได้บังคับให้เขาเลียตรงจุดเร้นลับด้วยซ้ำ อันที่จริงถึงเชิญชวนรอยซีฟัสก็ไม่มีทางเลียตรงนั้นให้ใครง่ายๆ แต่หมอนี่กลับกล้าทำ

“นายเลีย...เอ่อ...ทำแบบนี้ให้คู่ขามาตลอดหรือไง”

“อาจดูเหมือนโกหก แต่ยังไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้ฉันทำแบบนี้ได้ซักคน”

อีกฝ่ายยิ้มจนตาหยี รอยซีฟัสไม่รู้สึกเลยว่าเป็นการแสร้งปั้นยิ้ม

“ทำไม”

“เพราะนายเป็นคนแรกที่ฉันตั้งใจจะจับให้อยู่มือน่ะสิ คิดดูนะ ฉันคนนี้ยอมให้นายขย่มเอาๆ หากเป็นคนอื่นฉันคงฆ่าทิ้งไปแล้ว”

รอยซีฟัสเบ้ปากตั้งใจจะตอบกลับไปว่า ‘อย่าปากหวานให้มาก’ แต่คู่ขากลับครอบครองเครื่องเพศของเขาด้วยปาก ดูดดุนเลาะเล็มทั้งส่วนยาวและส่วนกลมอย่างเอร็ดอร่อย

แถมไม่หยุดแค่นั้นยังสอดใส่นิ้วเข้ามาสำรวจภายในขยับเข้าออก เจ็บก็จริงอยู่แต่เครื่องเพศร้อนจนเยิ้มความรู้สึกทั้งดีและไม่ดีปนเปกันไปหมด

“อ๊ะ...” รอยซีฟัสร้องเสียงหวาน มันรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งจนต้องร้องออกมาแบบนั้นที่ปลายนิ้วสอดเข้าไปลึกพอ

“โดนจุดแล้วสินะ”

“โดนจุด นายหมายไอ้จุดจีสปอร์ทในก้นใช่ไหมล่ะ อึก...”

สติแทบเตลิด เพราะคู่ขาสอดนิ้วเน้นย้ำซ้ำๆ อย่างทารุณแต่ไม่รู้สึกว่าเป็นการถูกรังแกซักนิด

“รู้ดีนี่” คาร์ม่าหัวเราะหึหึ เป็นจังหวะเดียวกับที่รอยซีฟัสปลดปล่อยหยาดบริสุทธิ์ออกมา

“นายจะทำอะไร” รอยซีฟัสรู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจ อาจเพราะว่าก่อนหน้านั้นโจนทะยานเข้าใส่อีกฝ่ายต่อมายังมาถูกเล้าโลมโดยไม่ได้หยุดพัก เขามองดูคู่ขาหยิบของในกระเป๋าเงิน

“ถุงยางสิ” คาร์ม่ายิ้มหวานชูเจ้าสิ่งนั้นให้เขาดู ตอนนี้รอยซีฟัสถึงนึกขึ้นได้

“ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ใช้มันกับนาย แต่นายมั่นใจได้ฉันไม่มีโรคแน่นอน ไม่ใช่คนมั่วขนาดนั้น เอางี้นายเองก็ไม่ต้องใช้กับฉันหรอก”

อีกฝ่ายยิ้มกริ่มแต่ยังคงสวมถุงยางเข้ากับความใหญ่โตของตนเองอยู่ดี การกระทำแบบนี้มันทำให้รอยซีฟัสรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการทะนุถนอม

แปลกๆ คนที่ทำกับเขาแบบนี้มีแค่ท่านป้าเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ มักจะมองว่าเขาเป็นอัลฟ่าต้องกล้าหาญกล้าแกร่ง ดั้งนั้นส่วนใหญ่จึงคิดพึ่งพิงเขาไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเขาประหนึ่งของที่แตกหักง่ายอย่างนี้

“นายทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ นะ”

“งั้นรึ เพราะว่าฉัน...” คาร์ม่าครุ่นคิดแวบหนึ่ง “ฉันรู้สึกว่านายพิเศษกว่าที่คิดเลยปฏิบัติกับนายเป็นอย่างดีไง”

สำหรับคาร์ม่า รอยซีฟัสเป็นอะไรที่ตรงอุดมคติทุกอย่าง แม้แต่นิสัยใจคอยังน่าสนใจมากทีเดียว แต่ถามว่ารักไหมเขายังไม่มั่นใจขนาดนั้น มันเป็นความรู้สึกที่เข้าใจได้ยากและอธิบายไม่ถูกจริงๆ

ในขณะเดียวกันคำตอบของคู่ขาทำให้รอยซีฟัสรู้สึกดี <หมอนี่ตรงไปตรงมา เป็นปิศาจที่ดีกว่าที่คิด> เพราะคิดว่าถ้าอีกฝ่ายบอกรักเขาแม้แต่คำเดียว เขามั่นใจอย่างมาก ยังไงมันก็คือคำโกหกแน่นอน ใครมันจะจริงใจกับคนที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งล่ะ

“เรามาเริ่มกันเถอะ”

รอยซีฟัสไม่ขัดขืนยอมกลืนกินความใหญ่โตของอีกฝ่าย เจ็บมันก็เจ็บแต่เทคนิคของคู่ขาล้ำเลิศเสียจนหลังจากนั้นก็มีแต่เสียงครางเท่านั้น

“ดีไหม...” คาร์ม่าถามเสียงพร่าขณะค่อยสอดแทรกอย่างใจเย็น เข้าใจว่าเป็นครั้งแรกเลยอยากทะนุถนอมอีกฝ่าย อยากให้คนใต้ร่างมีความสุขสุดยอด

“อึก...ก็ดี..แต่...”

“อะไรหรือ”

รอยหน้าแดงก่ำ ใครจะกล้าบอกล่ะว่าเขาดันรู้สึกดีมากๆ กับการถูกสอดใส่

<บ้าเอ๊ย หากใครรู้ว่าเขาเกิดชอบใจการทำรักในลักษณะตั้งแต่ทีแรกคงถูกหัวเราะเยาะแน่ๆ> แต่ความหฤหรรษ์ที่สอดใส่เข้ามามันทำให้เขาตัดสินใจทำตามสัญชาติญาณ

“แรงอีกได้ไหม”

รอยซีฟัสไม่กล้ามองหน้าคู่ขา แต่ก็ชำเลืองมองนิดๆ เขาทันเห็นรอยยิ้มดีใจของอีกฝ่าย

“ได้ตามที่นายต้องการ”

คาร์ม่าไม่ได้รุนแรงป่าเถื่อนในทันที แต่ค่อยๆ รุกเร้าเพิ่มลำดับความดุดันทีละนิด ด้วยชั้นเชิงและประสบการณ์ที่มีมาสามสี่ปีเชื่อมั่นว่าต้องทำให้รอยซีฟัสพอใจได้แน่ๆ เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะงั้นมีไม้ตายอะไรเขาก็ควักออกมาใช้จนหมด

การทำรักของเขากับคู่ขากินระยะเวลาจนถึงเช้า รอยซีฟัสรู้สึกเหมือนว่ากามกิจที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นเทียบไม่ได้กับคืนวานทั้งคืนที่กกกอดกับเจ้านั่นเลยแม้แต่นิดเดียว

ทว่าเมื่อเช้าพอตื่นมาเขาก็รีบออกจากโรงแรมทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ตื่น แม้แต่ตอนนี้ยังเกิดความสับสนในตัวเอง มันเกิดบ้าอะไรขึ้นนะถึงได้ยอมทำรักอย่างถึงอกถึงใจกับคนแปลกหน้าอย่างนั้น

<ชอบไหมหรือก็เปล่าแค่อยากเอาชนะเท่านั้น แต่ว่า...>

ภาพใบหน้าชื่นเหงื่อ เสียงกระซิบแหบพร่า ความทรงจำแสนเร้าอารมณ์รอยซีฟัสสลัดมันไม่หลุดเสียที <เรากลายเป็นบ้าไปแล้วหรือไงนะ คิดถึงแต่เรื่องลามกอยู่ได้ อาจเป็นเพราะความเข้ากันได้ดีบนเตียงก็เป็นได้>

ที่ผ่านมารอยซีฟัสไม่เคยเจอใครที่สนองตอบเขาเข้าใจความต้องการทางเพศได้ดีเท่ากับหมอนั่นมาก่อน

<บ้าจริงลืมถามชื่อไปเสียได้> คิดถึงตรงนี้รอยซีฟัสก็ยิ้มขื่นๆ <นี่ติดบ่วงหมอนั่นจนถึงกับนึกอยากรู้ชื่อแล้วอย่างนั้นหรือ> เขาไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้เลยซักนิด

“ฉัน...พอดีเจอคนรู้จักน่ะเลยไปดื่มกับเขาต่อที่อื่น”

“อย่างนี้นี่เอง” เดียร์น่าพยักหน้าเข้าอกเข้าใจ “เออนี่ฉันว่าพรุ่งนี้จะไปธุระกับนาตาลีซักหน่อย” วินาทีต่อมาเดียร์น่าเข้ามากระซิบข้างหู “อยากไปกันแค่สองคน รอยไม่ต้องไปด้วยหรอกนะ” รอยซีฟัสขมวดคิ้ว

“ไปไหน”

“ไปซื้อของ ของผู้หญิงสิคะ” เดียร์หน้าหัวเราะ

“ก็ได้ แต่ฉันจะให้คนของเราแอบส่องดูแลเธอนะ”

“ขอบคุณมากนะรอย” เดียร์น่าโผกอดเขาแน่น รอยซีฟัสยิ้มจนแก้มปริ แค่เดียร์น่ามีความสุขเขาก็พอใจแล้ว แต่ทำไมไม่รู้ดันนึกถึงเปรียบเทียบรอยยิ้มของเจ้าคู่ขาคืนเดียวไปเสียได้

วันถัดมาเพราะยังไงก็เป็นห่วงเดียร์น่าอยู่ดีจึงแอบตามดูห่างๆ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะบังเอิญพบหน้าเจ้าคู่ขาคนนั้นอีกแล้ว ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไปที่ไหนก็พบหน้าหมอนี่ตลอดเลย



คุยท้ายเรื่อง

อืม....ทิ้งไปตั้งสามวันกลับมาแล้ว นี่กำลังจะเข้าสู่การจัดอาร์ตเล่มที่จะตีพิม อาจจะไม่ลงถี่เท่าเดิมนะคะ

แต่หาเวลาแต่งให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่างน้อยที่สุดอาทิตละตอน

แสดงความคอดเห็นให้กำลังใจกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 05-04-2018 14:55:22
ดักเจอรุุเป่าหะแกร๊
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Fern666 ที่ 05-07-2018 14:29:55
คนแต่งหายไปไหนน หรือย้ายไปเว็บอื่นแล้วงะ รอติดตามอยู่น้าาา :katai5:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 08-07-2018 05:26:04
เข้ามาส่องจ้า :m22:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: lostinthelight ที่ 19-06-2020 11:55:31
อยากอ่านต่อจังเลยค่า :hao5: :m15:
หัวข้อ: Re: #omegaverse #Alpha Omega สุดที่รักของปีศาจ ตอนพิเศษ บทที่4 {หน้า9} {4/4/61}
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-08-2021 08:20:05
 :call: :call: :call: