Just…Thanks;
๑๑. ขอบคุณ
‘งานเสร็จแล้ว เราก็ไปเล่นได้แล้วน่ะสิ’ มีหลายคนชื่นชมว่าผมขยัน จริงแล้วเปล่าเลยที่ทำไปเพราะขี้เกียจต่างหาก
‘ก็ทำงานให้เสร็จก่อนสิ จะได้ไปเล่น’
‘พี่ชาย’ เคยสอนไว้
อากาศเย็นชุ่มฉ่ำด้วยละอองฝนบาง ๆ ตกพรมประปรายไปทั่วทั้งสวนฝรั่ง ใต้ไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา ดอกปีบสีขาวร่วงพราวเต็มสนามหญ้า ส่งกลิ่นหอมยวนเย้า เก็บไว้ในห้องนอนน่าจะทำให้นอนหลับสบาย จึงก้มตัวลงเก็บดอกสดสวยหอมกรุ่น ดอกแล้วดอกเล่าอย่างเพลิดเพลินจนเกือบเต็มสองมือ
“ทำอะไรอยู่หรือคะ”
“คุณชาย...” นึกว่าเขาขึ้นตึกไปแล้วซะอีก
‘เรา’ทำอะไรน่ะหรือ...อะไรล่ะ ก็
“เอ่อ...เก็บดอกปีบเล่น ไปไว้ที่หัวนอนหอมเย็น ๆ ดีครับ”
“พี่ช่วย” ร่างสูงก้มตัวลงเก็บดอกไม้ดอกเล็ก ทำไมคลับคล้ายใครบางคนในความทรงจำ
“ไม่เป็นไรครับ คุณชายพอแล้ว เก็บได้เยอะแล้ว” เก็บไปเยอะ ๆ จากหอมมันจะเหม็นนะครับพี่ชาย
"ทำไมต่อหน้าคนอื่นเรียกพี่ว่าพี่ชายได้ แต่อยู่กันสองคน พี่ถึงกลายเป็นคุณชายเสียทุกทีล่ะคะ"
“...........................................................” อะไรล่ะ อยู่ ๆ ก็มาถามแบบนี้
“ว่าอย่างไรคะ”
“สุดแล้วแต่ จะให้เรียกว่าอย่างไรเถิดครับ” จะให้เรียกอย่างไร เขาก็รู้ว่าในใจของตัวเองมีเพียง ‘พี่ชาย’ คนเดียวเสมอ
เพียงแต่ผู้ชายแปลกหน้าที่กลับเข้ามาในชีวิตหลังจากห่างหายไปกว่าสิบห้าปี กับคนในความทรงจำที่ชัดเจนดังวันวาน เป็นคน...คนเดียวกันจริงหรือ
แม้สมองจะบอกว่าใช่
แต่หัวใจกลับ ไม่แน่ใจเลย
"อรุณ"
"พี่ยอมรับว่า พี่ต้องเริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง"
"พี่รู้แล้วว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ใจคิด"
"และการกระทำนั้นยากกว่าตัวอักษรมากมายนัก"
"แต่เพียงอยากให้รู้ไว้ว่าทุกคำที่เคยบอก ทุกตัวอักษรที่เคยเขียนเล่ามาในจดหมายนั้น" "ตั้งใจ"
"พี่ตั้งใจจริง ๆ ดังคำมั่นทุกคำที่ให้ไว้"
"พี่จะไม่ยอมท้อถอย ไม่ว่าอุปสรรคที่พบจะเป็นอะไร”
ทำไมจะไม่รู้ แต่...
"พี่รู้แล้วว่าหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป"
"รวมถึง 'ของรัก' ของพี่เธอก็มิใช่คนเดิม"
"พี่ไม่ร้องขอคำถามเดิมที่เคยถามเฝ้าเพียรถามไว้"
คำถามนั้นที่เฝ้าเวียนถามตัวเองในสมอง ‘ยังเป็น 'ของของพี่' อยู่หรือเปล่า’
หากแต่เพียง ‘พี่ชาย’ คนเดิมคนนั้นถาม หัวใจคงตอบได้ทันที
แต่ใช่หรือ...คนเดิมหรือเปล่า
"เพียงแต่"
"พี่เพียงอยากรู้"
"อยากรู้ว่าดวงใจที่พี่เฝ้าคอย เธอยังคงเชื่อมั่นในตัวพี่ชายคนนี้อยู่หรือไม่"
“..............................................” ‘พี่ชาย’ คนเดิมจริงหรือ
“พี่ยังมีโอกาสนั้นอยู่หรือไม่”
“.............................................” ‘พี่ชาย’ คนเดิมจริง ๆ หรือเปล่า
“ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ค่ะ”
“ดอกไม้ของพี่” ดอกไม้ที่ถูกส่งมาให้ ในขณะที่สมองยังเฝ้าคิดวนเวียน
เป็นคนเดียวกันมิใช่หรือ เงาสะท้อน ‘พี่ชาย’ ชัดเจนในผู้ชายคนนี้
“ฝนลงเม็ดแล้ว รีบขึ้นตึกเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่สบาย”
‘พี่ชาย’ สั่งให้กลับ ขาก็เดินกลับเอง ในขณะที่สมองยังคงคิดต่อไป แต่หัวใจทักท้วง ภายในความรู้สึกนึกคิด และจิตวิญญาณ
เธอเรียกผู้ชายคนนั้นว่า ‘พี่ชาย’ มาเสมอหรือมิใช่
แล้วเขาจะเป็นใครไปได้
ไม่คุ้น ไม่ชิน ไม่ได้แปลว่าไม่ใช่
ไม่ได้แปลว่า ‘เขา’ มิใช่คนที่ปรารถนาและเฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิต
ไม่มีแล้ว
ไม่มีวันได้เด็กผู้ชายอายุสิบสามขวบในความทรงจำนั่นคืนมา
แต่เขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชายคนนั้น ถ้าต้องการ ‘พี่ชาย’ กลับคืน
อาจจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ไม่ปล่อยไปอีกแล้ว เมื่อตัดสินใจได้จึงหันหลังกลับ
“พี่ชายก็ต้องรีบเข้านอนนะคะ” รู้ตัวอีกครั้ง ก็เมื่อได้ยินเสียงของตัวเองที่เอื้อนเอ่ยออกไป
“อรุณ” เขาคนนี้คือ ‘พี่ชาย’ ของเราสินะ จึงแบ่งดอกไม้สีขาวยื่นให้กลับคืน
"ถ้าเก็บไปเยอะ ๆ กลิ่นมันจะฟุ้งจัดจนนอนไม่ไหว แบ่ง ๆ กันไปนะครับ" คนฟังยังดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
“พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่ห้างแต่เช้านะครับ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ‘พี่ชาย’.” เราก็ไม่ค่อยเข้าใจหัวใจตัวเอง ทำไมหัวใจมันเต้นแรงอย่างนี้ล่ะ ก็ ‘พี่ชาย’ คนเดิมมิใช่หรือ
ไม่ไหวแล้ว
สองขาพาตัวเองวิ่งจนกลับมาถึงห้องนอนแม่จ๋า แล้วทำได้เพียงยืนหอบหายใจพิงอยู่ภายในประตูห้องที่ปิดสนิท
ไม่ใช่ไม่รู้...
เวลาทำให้...ตัวเองเปลี่ยน
แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่า ‘พี่ชาย’ ที่เปลี่ยนแปรไป
ตัวเองเปลี่ยน เพราะหน้าที่ ความรับผิดชอบ บทบาทในสังคม แต่ตัวตนข้างในนั้นยังคงเป็นคนเดิม แตกต่างจาก ‘พี่ชาย’ ที่กลับมีเพียงเงาจาง ๆ และความทรงจำบางส่วนที่ลางเลือน
มิใช่เขาไม่รู้ ความรู้สึกของ ‘พี่ชาย’ ที่มีให้ มิใช่ ‘ความรัก’ แบบเดิม แม้ยอมรับ รากฐานของความรักนั้น มีบางส่วนมาจากความผูกพันในอดีต บวกรวมกับความเสน่หา ความลุ่มหลง ในครั้งใหม่
‘พี่ชาย’ จึงกำลังจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
แล้วตัวเขาเองเล่า ถามหัวใจตัวเองอีกครั้ง
ไม่เคยมีความรักครั้งใหม่ มีแต่เพียงความรักพิสุทธิ์ ครั้งแรก ครั้งเดียว ตลอดมา
เพียงเพราะ
ดวงใจดวงเดียว ที่ฉุดรั้งเด็กอ่อนแอคนนั้นให้ลุกขึ้น
ดวงใจดวงเดียว ที่ทำให้ชีวิตสามารถยืนหยัดก้าวเดิน
คนเดียวที่... เปลี่ยนแปลง ‘ชีวิต’ ทั้งชีวิตในอดีต
คนเดียวที่... ทำให้รู้จักการเป็น ‘ผู้รับ’ ครั้งแรก และได้รับอย่างมากมาย
คนเดียวที่... อยู่ ‘เคียงข้าง’ และให้ ‘ความอบอุ่น’ ในหัวใจที่ไม่เคยพานพบ
คนเดียวที่... ทำให้ทุก ๆ วัน กลายเป็น ‘วันที่ยิ่งใหญ่’
คนเดียวที่... เป็น ‘จุดมุ่งหมาย’ หนึ่งเดียวตลอดมาในชีวิตของเขา
คนเดียวที่... ทำให้มี ‘แรงใจ’ ให้ยืนหยัดเฝ้ารอคอยการกลับมา
ความรักทั้งสอง คลับคล้าย แต่มิได้ใกล้เคียง
ถ้าเรารอคอยใครมาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิต ใจจะกล้าปฏิเสธได้จริงหรือ
‘ขอเริ่มต้นใหม่อีกสักครั้งได้ไหม’ วิงวอนร้องขอหัวใจตัวเอง
กับเหตุผล เหตุผลเดียวเพียงเพราะ ‘พี่ชาย’ คือดวงใจอันเป็นที่รัก
ดวงใจยังคงสั่นไหว แต่ความตั้งใจแน่วแน่ขึ้น เมื่อได้คำตอบให้แก่หัวใจตัวเอง ดอกปีบสีขาวกำใหญ่จัดใส่แก้วทรงเตี้ยใบเล็กที่โต๊ะหนังสือ มีเพียงดอกขาวบางสามดอกที่ ‘พี่ชาย’ เก็บให้ วางไว้บนหมอนใบเล็กข้างหมอนหนุนตลอดคืน
วันเวลาแห่งการพิสูจน์เริ่มต้นขึ้น ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ‘พี่ชาย’ พยายามอย่างยิ่ง งานที่ตัวเองต้องใช้เวลาเรียนรู้นานเกือบครึ่งปี แต่ ‘พี่ชาย’ กลับใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนในการเรียนรู้จนหมดสิ้น และทำได้ดีกว่า เพราะจริงจังมากกว่ามาก และรับผิดชอบมากกว่ายิ่ง จนคุณก๋งเอ่ยปากชม และเริ่มวางมือจากกิจการอย่างเต็มตัว
ภาระงานต่าง ๆ ที่เคยมีมากล้น ถูกแบ่งเบาไปเกินครึ่ง เหลือเพียงงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของห้าง เรื่องที่ดินของท่านพ่อ และธุระเดิมของวังที่เป็นของแม่จ๋าเพียงเท่านั้น
เวลาว่างที่เคยหาได้ยากยิ่งจึงเริ่มกลับคืนมา ความจริงแล้วไม่ต้องไปที่ห้างเลยก็ยังได้ หากแต่ใครบางคนยังคงตามมาเคาะห้องปลุกด้วยตัวเองทุก ๆ เช้า เพื่อตามตัวไปห้างด้วยกันดังเดิมทุกวัน
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ และเสียงเคาะประตูที่เชื่อมภายในห้องนอนดังขึ้น จึงจำใจลุกขึ้นเหมือนดั่งเช่นทุกเช้า หลับตาก้าวไปเปิดประตูห้องด้วยความเคยชิน ก่อนกลับมาทิ้งตัวล้มลงนอนซุกหน้าลงกับหมอนที่เตียงเช่นเดิม
คนที่เดินผ่านประตูเข้ามานั่งลง พิงหัวเตียงข้าง ๆ และช่วยลูบผมชี้น้อย ๆ ให้คนนอนต่อเบา ๆ และนอนต่อได้อีกนิดนึง เช่นเดิม
‘พี่ชาย’ ตื่นมาอ่านหนังสือทุกเช้า แต่ชอบมาอ่านในห้องคนอื่น วันแรก ๆ ข้ออ้างคือหนังสือที่เธอสนใจอยู่ในห้องนี้ วันหลังเมื่อยกหนังสือที่เธอสนใจไปไว้ให้ในห้อง เธอก็ยังหยิบหนังสือมาอ่านในห้องคนอื่นเช่นเดิม ด้วยเหตุผลว่า อ่านที่ห้องตัวเองแล้วง่วง
“ตื่นได้แล้วเด็กขี้เซา”
“อืม...”
“อรุณ”
จึงส่งเสียงกรนเล็กน้อยในคอแถมให้ไป แล้วจึงมีสัมผัสเบา ๆ ที่หู ดอกปีบดอกเล็กที่เจ้าตัวเก็บมาให้ก่อนนอนทุกคืน ถูกปั่นลงแกล้งเช่นเดิม จนตอนนี้เริ่มชิน ผ้าห่มถูกดึงออกจึงเป็นมาตรการต่อไป และตามมาด้วยหมอนหนุนที่ต้องฉุดกระชากกันทุกเช้า
“ถ้าไม่ตื่น อย่าหาว่าพี่รังแก” ไม้สุดท้ายที่ใช้ได้ผลทุกเช้า จึงหลับตา และใช้ประสาทสัมผัสฝืนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ แล้วจึงได้ยินเสียงคนได้รับชัยชนะเปิดประตูกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองเช่นเดียวกัน
อย่าถามว่าเคยเพิกเฉยต่อคำขู่นั่นไหม
คำตอบคือ เคย และพบว่าเกือบครึ่งค่อนวันที่ไม่ได้ออกจากห้อง
กว่าจะวิงวอนกันได้ แก้มแทบจะช้ำ
ดังนั้น จงฝืนความง่วงเสียยังดีกว่า
เคยโอดครวญขอทำงานอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อคนที่ต้องไปทำงานที่ห้าง สั่งให้คนหอบเอกสารมากมายมานั่งทำที่บ้านด้วยกันเสียอย่างนั้น ก็ออกจะเกรงใจคนอื่น ๆ
มื้อเช้าที่เคยเงียบสงบ กลายเป็นสนามรบแย่งชิงอาหารจากคนนั่งตรงข้าม จนท่านอาเธอระอา หรืออย่างไรมิทราบ จากที่เคยมาทุกเช้า กลายเป็นว่านาน ๆ ทีที่ท่านอยากจะปวดหัวด้วยเสียงสองพี่น้องถกเถียงกัน ท่านถึงจะแวะมารับอาหารเช้าด้วย เช่นวันนี้
“อรุณ เอาขวดเกลือมา”
“ใครบอกว่าเอาไป”
“อยู่ข้างหลังส่งมา”
“เปล่าไม่มี”
ร่างสูงยิ้มร้ายกาจให้พร้อมเตรียมลุก ใครจะยอม ตัวเล็กกว่าก็ย่อมได้เปรียบในที่เล็ก ๆ เช่นห้องอาหาร จึงไหวตัววิ่งฉิวพร้อมขวดเกลือ เมื่อจวนตัวคนที่เป็นที่พึ่งคือ
“อายุเท่าไหร่กันแล้ว” แอบด้านหลังท่านอา แน่จริงเข้ามาสิ อีกคนจึงส่งสายตาอาฆาต
“พี่ชายยี่สิบเก้าแล้ว”
“อรุณก็จะยี่สิบหกแล้วเถอะ”
“พอกันทั้งคู่ อายแม่นวล แม่หวาน ไอ้กรอบบ้างไหม เจ้าของวังวิ่งไล่กันเป็นเด็กห้าหกขวบ”
“อรุณ อาขอขวดเกลือ” จึงยอมส่งให้ ก่อนที่ท่านอาจะวางไว้บนโต๊ะเช่นเดิม จึงจำต้องเดินกลับไปนั่งที่เดิม
“เกิ้ง ก็อย่ากินเค็มมาก มันไม่ดี น้องเขาเป็นห่วง” เปล่าสักหน่อยนะ ขณะที่อีกคนยิ้มร่าหน้าบาน
“ช่วงอาทิตย์หน้าอรุณว่างไหม”
“ครับ มีอะไรหรือครับ”
“เพลงใหม่เสร็จแล้ว จะให้ช่วยลองเล่นให้ฟังหน่อย เดี๋ยวส่งโน้ตมาให้ซ้อมก่อน จะอัดกับวงกลางเดือนหน้า"
“ครับ”
“ไปซ้อมที่เรือนเล็กก็ได้ ถ้าดึกมากก็นอนที่โน่น เดี๋ยวอา ให้คนจัดห้องไว้ให้”
“ครับ”
ตลอดการเดินทางขามาห้าง เพื่อนคุยนิ่งเงียบคล้ายดังกำลังคิดหนักเรื่องอะไรอยู่ และเงียบหายไปตลอดช่วงเช้า
‘เป็นอะไรของเขา’ แค่แย่งขวดเกลือเอง จะว่าห่วงอย่างท่านอาว่าก็จริง แต่มากกว่านั้นคือสนุกซะมากกว่า แต่แค่นี้ไม่น่าโกรธ ตอนแรกก็ยังยิ้มแย้มดีอยู่ แค่นี้งอนหรือ
ต้องง้อไหม ทำอย่างไรไง เคยแต่เป็นฝ่ายงอน
“นั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่คะ” ก็จะใครล่ะ
“เปล่าครับ”
“ไปกินข้าวกัน น้องแพรรออยู่”
เมื่อเช้ายังงอนอยู่ แต่ทำไมตอนนี้ยิ้มร่าเริงเชียว อาจเพราะคุณหญิงแพรเธอช่วยไว้กระมัง เลขาส่วนตัวซึ่งถูกแย่งตัวไปตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานที่ห้าง โชคดีที่คุณหญิงปรับตัวได้ดีขึ้นมาก และไม่ต้องห่วงอีกคน คนทั้งห้างให้ความรัก และความปราณีอย่างมากด้วยบุคลิกสุภาพอ่อนน้อม พี่ชายเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว ใช้เวลาไม่นานสองคนก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี
“น้องแพร แบ่งผัดไทยพี่สักนิดไหมคะ กลมกล่อมกำลังดีเชียว” คำท่านอาที่ว่าเห็นจะไม่ผิด คุณชายคาสโนวา ตำแหน่งนี้คงมิใช่เพียงข่าวลือ แต่กลับมาม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ในจานคนอื่นไปกินเฉยโดยไม่เอ่ยขอ ต่อหน้าคนอื่นจึงไม่อยากให้เป็นเรื่อง
“วันนี้พี่อรุณ ทานน้อยจังค่ะ”
“ค่ะ พี่ไม่ค่อยหิว” ไม่อยากบอกว่าโดนแย่งต่างหาก ถ้าเป็นที่บ้านคงแย่งผัดไทยนั่นคืน แต่วันนี้รักษาภาพให้คุณชายเธอเสียหน่อย รอกินของว่างช่วงบ่ายก็ได้
“ตั้งแต่วันเกิดแพร พี่อรุณไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่วังเลยค่ะ คุณแม่บ่นคิดถึง”
“ครับ พอดีช่วงนี้พี่ยุ่ง ๆ เรื่องวาดภาพ อยากทำให้เสร็จเสียที เจ้าของเขาทวงมานาน แล้วอาทิตย์หน้าต้องซ้อมเปียโน เพลงใหม่ให้ท่านชายด้วย”
“หรือคะ หญิงก็ไม่อยากรบกวนหรอกค่ะ แต่คุณแม่เธอฝากมาว่าแวะไปเยี่ยมเธอบ้าง”
“ค่ะ พี่ฝากเรียนหม่อมป้าด้วยว่าเสร็จธุระแล้วพี่จะรีบแวะไปกราบนะคะ”
“อะ เอิ่ม น้องแพรหม่อมป้าไม่คิดถึงพี่บ้างหรือคะ พี่ฝากเรียนหน่อยว่าพี่น้อยใจนะคะ”
“คุณชายลืมแล้วหรือคะ หญิงเรียนเมื่อเช้าว่าเสาร์นี้ที่คุณแม่เชิญคุณชายไปทานน้ำชา”
“เธอว่ามีเรื่องจะเรียนปรึกษา” เรื่องอะไร
“ค่ะ ก็เห็นว่าเป็นธุระ หม่อมป้าคงไม่โปรดพี่ คิดถึงพี่ เหมือนใครบางคนนี่คะ” เท่านั้นคุณหญิงตุ๊กตาเธอก็อายม้วนเช่นเดิม แต่ธุระอะไรกันนะ เพราะธุระนั่นกระมังที่ทำให้ พี่ชายอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา
ของว่างมาตั้งได้ไม่นาน ร่างสูงก็เดินมาตาม
“วันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยได้ไหม พี่มีธุระ”
“ครับ พี่ชายจะออกกี่โมงครับ”
“ตอนนี้เลย” คนใจร้อน เอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยน
“พี่ชายกลับก่อนก็ได้ครับ แล้วให้นายกรอบแวะมารับผมอีกครั้งช่วงเย็น ๆ ”
“ติดธุระอะไรอยู่หรือ ไปด้วยกันกับพี่เถอะ”
“ก็สัญญาเช่าพื้นที่ ที่ส่งมาให้เมื่อเช้า” พอเป็นงานของตัวก็ทำหน้าเก้อ
“เอาไว้ก่อนงานนั้นไม่รีบ”
“ยังกินขนมอยู่ เมื่อกลางวันกินไม่อิ่ม มีคนแย่ง”
“งั้นไปกินต่อบนรถ ไปกันเถอะ” คนพูดคว้าจานขนม และฉุดแขนออกไป ไม่ทันได้ประท้วงใด และยังตะโกนดังลั่น
“กรอบ นายกรอบ ออกรถจะกลับบ้าน”
เมื่อนายกรอบขับรถผ่านประตูวังเข้ามา ก็พบคนงานกลุ่มใหญ่เกือบสิบคนมุงลังไม้กล่องใหญ่ด้านหน้าตึกใหญ่
“มาแล้วหรือ” อะไรกัน หากพี่ชายเธอดูเหมือนจะทราบมาก่อน เมื่อลงจากรถได้ จึงรีบมุ่งตรงไปสั่งการ
“คุณชาย ให้ตั้งในห้องไหนครับ”
“ยกขึ้นไปไว้ที่ห้องนอนฉันแล้วกัน ห้องอรุณเล็กไป นะอรุณ”
“อะไรหรือครับ”
ไม่ทราบจริง ๆ ว่าของในกล่องนั่นคืออะไร แต่คงมีขนาดใหญ่มาก ห้องแม่จ๋าคงไม่มีที่พอให้ของชิ้นใหญ่ขนาดนั้นตั้งอยู่ได้ ห้องท่านพ่อใหญ่กว้างกว่ามากนัก เนื่องด้วยห้องหนังสือ และห้องทำงานของท่านถูกแยกออกไป ผิดจากห้องแม่จ๋าที่มีโต๊ะทำงาน และมุมหนังสือเล็ก ๆ ครบครันภายในห้อง
“ไว้ห้องพี่ก็แล้วกัน” พี่ชายยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ไม่ตอบคำถาม เพียงแต่ของชิ้นนี้ทำให้อารมณ์เธอดีขึ้นเป็นคนละคนกับช่วงเช้า คนงานช่วยกันยกกล่องขึ้นไปชั้นสองด้วยความยากเย็น
ในเมื่อเจ้าของคอยคุมอย่างใกล้ชิด จึงปลีกตัวไปจัดการกับของว่างที่พี่ชายหยิบมาจากที่ห้างทั้งจาน รวมทั้งของว่าง และน้ำหวานที่แม่นวลยกมาให้เพิ่มในห้องหนังสือ จนกระทั้งมีคนมาตามไปให้ช่วยดู
“อรุณ ไปดูหน่อยว่าอยากให้วางมุมไหน”
“กินของว่างอยู่ครับ” อะไรก็ไม่บอก ของใครก็หาที่วางเองสิ จึงหยิบขนมปังหน้าหมูเข้าปาก และก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
“นะคะคนดี ไปช่วยพี่ดูหน่อย เดี๋ยวนวลช่วยยกของว่างเข้าไปในห้องฉันที” ใช้มุกเดิมแย่งขนมกับน้ำไปหน้าตาเฉย จึงต้องจำใจเดินตาม
ตามขนมไปหรอก
นานทีเดียวที่ไม่ได้เข้ามาในห้องท่านพ่อ ห้องกว้างโล่งด้วยมีเครื่องเรือนเพียงไม่กี่ชิ้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ชุดเก้าอี้บุนวมที่มุมห้อง ชุดโต๊ะน้ำชาเล็ก ๆ ติดริมระเบียงที่แม่นวลนำของว่างไปวางไว้ให้ และของชิ้นใหม่ที่ตั้งอยู่มุมห้องใกล้ระเบียงอีกฟาก แกรนด์เปียโนหลังใหญ่
“พี่ชาย” หนังสือในมือถูกวางไว้ที่เตียงทันที มุ่งตรงไปยังเปียโนหลังใหญ่ที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง สีน้ำตาลเข้มเคลือบเงางดงาม
“ชอบไหมคะ” พูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นของที่อยู่ในกล่อง คนพูดยิ้มพราย
นี่หรือคือของที่ทำให้อารมณ์ดี
ไม่เข้าใจ
“ไว้ซ้อมดนตรี”
“จะได้ไม่ต้องไปกวนท่านอา” คำพูดสะดุดหู จึงต้องหันกลับไปมองใบหน้าคมเริ่มเจือสีระเรื่อ แต่นัยน์ตายังคมเป็นประกายจนต้องหลบสายตา
เหตุผลนี้เองสินะที่ทำให้หงุดหงิดแต่เช้า แต่ทำไมต้องตั้งในห้องนี้
“แล้วจะไม่รบกวนพี่ชายหรือครับ” เมื่อครั้งแรกไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งนี้ จึงแย้งกลับไป
“ตั้งไว้ที่ห้องอื่นเห็นจะสะดวกกว่า” แต่คนงานที่ช่วยขนย้ายกลับหายกันไปหมดเสมือนจัดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่นวลก็ออกไปแล้ว
“ไว้เล่นให้พี่ฟังไงคะ ไม่รบกวนหรอก พี่อยากฟัง”
“อรุณอยากเล่นก็เดินเข้าประตูเชื่อมมานิดเดียว” ก็จริง ดีกว่าต้องเดินไปเรือนเล็กของท่านอา
“ถ้า ซ้อมหนักแล้วอยากนอนพักที่ห้องนี้ก็ยังได้” ก็ไหนว่านิดเดียว กลับไปนอนที่ห้องน่าจะดีกว่า แต่เพราะอย่างนี้นี่เองจึงตั้งเปียโนที่นี่
ชัดเจน เพื่อประโยชน์แด่ตัวเธอเองโดยแท้
“ยังไม่ตอบคำถามพี่ ชอบหรือเปล่าคะ”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” เอ่ยออกไปได้เพียงเท่านั้น แต่ความรู้สึกในดวงใจกับเต็มตื้นเปี่ยมล้น รอยยิ้มแห่งความสุขที่ส่งให้กัน ความสัมพันธ์ลึกซึ้งผูกพันดังวันวาน หวนย้อนกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม
‘บ้าน’ ที่ไม่ได้มีเพียงคนเดียว อีกต่อไป
‘เสาหลัก’ แห่งบ้านกลับมาทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์
ความมั่นคง อบอุ่น ค่อย ๆ ซึมซาบเข้ามาแทนที่ความโดดเดี่ยว อ้างว้างที่มีในหัวใจ
เพียงเท่านี้จริง ๆ ที่หัวใจ ต้องการ
เพียงเราอยู่ด้วยกันตลอดไป...
#JKLTHESERIES
https://www.youtube.com/watch?v=UFZA-pt8lSE