JKL THE SERIES: LOVE 27.03.2018 (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: JKL THE SERIES: LOVE 27.03.2018 (END)  (อ่าน 20101 ครั้ง)

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
JKL THE SERIES: LOVE 27.03.2018 (END)
« เมื่อ07-01-2018 14:57:34 »

:อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะค
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2018 10:55:04 โดย justwind »

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; Prologue
«ตอบ #1 เมื่อ07-01-2018 14:59:22 »


‘เพียง...รัก’ เท่านั้นที่ลิขิตเส้นทางชิวิตแห่งเราสอง

‘เพียง...รัก’ เท่านั้นที่เป็นเหตุและผลแห่งการกระทำในทุก ๆ สิ่ง



โศกนาฏกรรมแห่งความรัก ที่มี ‘เพียง...รัก’ เท่านั้นที่จะสัมผัสได้







Prologue

 


 

 

วังศศิธร

เรียน หม่อมราชวงศ์ศศินกุล

 

หม่อมเจ้าศศินพงศ์และหม่อมแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ กลับบ้านด่วน

 

 

ด้วยความเคารพอย่างสูง

        อรุณ             









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2018 15:56:36 โดย justwind »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ๋JKL THE SIRIES: JUST; Prologue 07.01.2018
«ตอบ #2 เมื่อ07-01-2018 19:08:05 »

ตาม
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: ๋JKL THE SIRIES: JUST; RAIN 08.01.2018
«ตอบ #3 เมื่อ08-01-2018 16:00:13 »

Just…Rain;

๑.   ฝน




เรือลำใหญ่ ใจกลางมหาสมุทร

ถึง อรุณ



ครั้งนี้เป็นการเดินทางที่แสนจะยากลำบากอีกครั้งสำหรับพี่ ด้วยความจำเป็นที่ต้องกลับไปทำวิทยานิพนธ์ให้สำเร็จ เพื่อให้ท่านพ่อและแม่จ๋าจากไปอย่างไร้กังวล และภาคภูมิใจที่ลูกคนนี้ ได้เดินตามทางที่ท่านวางให้ไว้อย่างสมบูรณ์

แม้จะต้องต่อสู้กับความหวนหา ‘บ้าน’ ของเรามากมายเพียงใด ต้องต่อสู้กับความคิดถึงขนาดไหน ก็ทำได้แต่เพียรท่องจำให้จารเจียรหัวใจไว้ว่า ‘เหลือเพียงสามเทอม’ เพียงสามเทอมเท่านั้นนะอรุณ แล้วพี่จะรีบกลับบ้านของเราตามที่ ‘สัญญา’ ไว้

‘สัญญา’ นั่นทำให้การเดินทางครั้งนี้ของพี่มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน ชัดเจน และมีความหมายมากกว่าครั้งแล้ว ๆ มามากมายนัก

ครั้งแรกที่เดินทางมาอเมริกานั่นยังเล็กมาก อายุตอนนั้นไม่เกินสิบสามปีเห็นจะได้ เล็กเกินกว่าจะจำรายละเอียดอะไรได้มากนัก จำได้เพียงราง ๆ ว่าท่านพ่อมีรับสั่งให้ไปล่องเรือเล่นกับท่านอา ‘ท่านอาจะพาไปเที่ยว’ รู้ตัวอีกครั้งก็หลงเที่ยวอเมริกาอยู่เกือบสิบห้าปี จนกระทั่งได้รับจดหมายฉบับนั้น

ในอดีตตลอดมาจดหมายที่ได้รับทุกฉบับเป็นของแม่จ๋าซึ่งเขียนมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในเมืองไทย เชื่อมโยงสายสัมพันธ์ตอกย้ำคำว่า ‘บ้าน’ ที่ต้องหวนกลับ แม้ต้องยอมรับว่านับวันดูจะมีความสำคัญน้อยลง ๆ ไปตามกาลเวลา เพราะเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะต้องได้รับจดหมายอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ เดือน และนาน ๆ ครั้งถึงจะมีจดหมาย ‘สั่งการ’ จาก ท่านพ่อในเรื่องการศึกษาเล่าเรียนบ้าง

จนกระทั่งจดหมายฉบับสุดท้ายที่ถูกส่งจากวังศศิธร เปลี่ยนสรรพนามเรียกผู้รับ เมื่ออ่านปราดก็พบนามผู้ส่งที่ไม่ใช่แม่จ๋า และเมื่อเริ่มตีเนื้อความได้ก็ยิ่งตระหนกถึงความนัยจากจดหมาย มันต้องถูกลดทอนความเป็นจริงกว่าครึ่งเพื่อพยายามปลอบประโลมหัวใจของผู้รับอย่างแน่นอน ถึงเพียงนั้นก็ยังเฝ้าหลอกตัวเอง แม้จะเห็นเพียงความหวังอันพร่าเลือนน้อยนิดก็ตาม

ระยะเวลาในการเดินทางกลับอย่างกระทันหันครั้งก่อนกินเวลาพอสมควร หากมันได้ทำหน้าที่สองประการไปพร้อม ๆ กัน ประการแรกคือ ประวิงเวลาทำใจให้พร้อมรับกับความจริงที่จะต้องประสบได้มากขึ้น ประการที่สองคือ ยื้อยุดฉุดเวลาอันสุดแสนทรมานที่ต้องฝืนทนต่อสู้กับลางสังหรณ์ที่ว่า ท่านทั้งสองอาจลาจากโลกนี้ไปแล้ว เสมือนดังดวงใจถูกตากลมตากแดดอยู่บนดาดฟ้าเรือค่อย ๆ แห้งผากลงทุกขณะจิต

เมื่อเดินทางมาถึงที่ท่าเรือก็พบเพียงนายกรอบที่ถูกส่งมารับแต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งเอ่ยได้เพียงแต่ว่า  ‘คุณอรุณสั่งไม่ให้กระผมพูดอะไรครับ’ อีกด้วย เพียงเท่านั้น พี่ก็พอจะคาดเดาความจริงที่จะประสบได้อย่างราง ๆ ดวงใจที่ไร้ความหวังหล่อเลี้ยงเหมือนกำลังจะแตกแหลกสลาย รู้ตัวอีกครั้งก็เมื่อนายกรอบจอดรถด้านหลังตึก และนำมาที่ห้องพักเพื่อเปลี่ยนชุดสูทสีดำที่ถูกเตรียมไว้ ตอนนั้นหัวใจที่ด้านชาก็ไร้ซึ่งความรู้สึกรับรู้ใด ๆ อีกต่อไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เดินออกไปกราบท่านพ่อ และแม่จ๋า ตอนไหน อย่างไร

แม้ผู้คนรอบข้างจะเข้ามาพูดคุยปลอบใจมากมายเพียงใด ก็รู้สึกเหมือนเพียงหูแว่วไป ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้จริง ๆ สมองเฝ้าแต่คิดวนเวียน

ชีวิตนี้คงไม่เหลือใครอีกแล้ว สายเกินไปแล้ว

กลับบ้านมาเมื่อ ‘บ้าน’ ไม่มีทางเป็นบ้านได้อีกต่อไป ไม่มีอีกแล้วท่านพ่อที่ทรงนิ่งเงียบ เรียบเฉย หากจะยกยิ้มให้เพียงแม่จ๋าที่แสนใจดีอ่อนหวานแต่เพียงผู้เดียว ท่านทั้งสองรักกันมากจนทำให้บ้านเล็ก ๆ ของเรา เต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่นที่อบอวลตลอดเวลาในความทรงจำครั้งวัยเยาว์

แต่ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว เหลือเพียงตัว ‘คนเดียว’ แล้ว
อดีตไม่มีวันหวนย้อนกลับ แล้วหัวใจจะทนไหวได้อย่างไร

จนกระทั่งใครคนหนึ่ง เดินผ่านเข้ามากระชากความรู้สึกด้านชาที่มีในหัวใจไปทั้งหมด ใครคนนั้นที่มองผ่านมาเพียงชั่ววินาที และไม่มีทีท่าจะให้ความใส่ใจ ความสนใจกับคนที่นั่งไร้เรี่ยวแรงกำลังใจเลย คนคนนั้นช่างเป็นคนที่ ‘ใจร้าย’ มากจริงในความรู้สึกตอนนั้น ไม่แม้แต่จะแยแสกัน แต่กลับกระซิบสั่งการเบา ๆ และรวดเร็วจนคนรอบข้างที่เคยรุมล้อมค่อย ๆ กระจายหายไปทำหน้าที่ของตนกันจนหมด

“คุณชายมีเวลาพักผ่อนอีกสามชั่วโมง ก่อนที่แขกจะมาฟังสวด” ประโยคคำสั่งประโยคแรกที่ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นประโยคบอกเล่าลอย ๆ หากเหมือนจะประเมินผู้ฟังได้ทันทีเช่นกัน ว่ายังเกินกว่าจะรับรู้สิ่งใด จึงหันไปสั่งคนติดตามให้ทำหน้าที่

“นายกรอบพาคุณชายไปพักก่อน ไปที่ห้องฉันก่อนก็ได้ แล้วให้โรงครัวส่งสำรับขึ้นไป ให้รับประทานอะไรรองท้องเสียหน่อย” ก่อนที่จะหันกลับมามองกันอีกครั้ง

“ขอโทษจริง ๆ ยังไม่มีเวลาจัดห้องใหม่ให้คุณชาย ไปพักห้องผมก่อนแล้วกันครับ” รอยยิ้มบาง ๆ คลี่ออกจากใบหน้าที่เรียบเฉยก่อนที่จะเดินจากไป

‘อรุณ’ อรุณ สินะ

เหมือนฝนที่ตกตอนหน้าแล้ง ลงกลางหัวใจที่แห้งผาด
ใช่สิ ไม่ได้เหลือเพียง ‘คนเดียว’ แต่ยังมีใคร ‘อีกคน’

‘หยาดฝน’ ที่โอบอุ้มดวงใจที่เคยแตกสลาย
‘บ้าน’ ที่กลับมามีความหมายชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
 
รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่สะท้อนความรู้สึกหลายอย่าง ช่างเหมือนทั้งท่านพ่อและแม่จ๋า

นิ่งเฉย เด็ดขาด และเป็นเสาหลัก ใครบ้างไม่เกรงท่านพ่อ
ใส่ใจ อบอุ่น และอ่อนหวาน ใครบ้างไม่ตกหลุมรักแม่จ๋า

ไม่น่าเชื่อว่าใครคนหนึ่งคนนั้นจะสามารถรวมรวบประสานอัตตาลักษณ์ตัวตนของท่านทั้งสองไว้ในตัวเองได้อย่างหมดจดครบถ้วนเช่นนี้ หาก ‘รอยยิ้ม’ เพียงชั่วแวบนั่นทำให้รู้

คนที่เจ็บปวด มิใช่มีเพียงคนเดียว คนที่ฝืนเก็บ มิใช่มีเพียงคนเดียว
ถ้าพี่เจ็บ อรุณต้องปวดยิ่งกว่า ถ้าพี่ฝืน อรุณต้องเก็บมากทับทวี

ตลอดสิบห้าปีที่พี่จากไป ไม่คาดคิดว่า ‘อีกคน’ กลับซึมซับถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่ง ‘ท่านทั้งสอง’ ที่รักและเทิดทูนมาได้มากมายถึงขนาดนี้ รวมทั้งย่อมต้องรักและพันผูกต่อกันและกันมากกว่าคนที่ไกลห่างเช่นพี่

แม้ความเจ็บปวดมิได้บรรเทาเบาบาง หากเมื่อมี ‘อีกคน’ ที่เจ็บยิ่งกว่า และคนคนนั้นยังทำหน้าที่ของตนได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์งดงามหมดจดถึงเพียงนั้น มันก็ทำให้ความเข้มแข็งที่ฝังกลบภายในหัวใจอันบอบช้ำ ถูกปลุกออกมาให้ทำหน้าที่ของตนเองและด้วย ‘อีกคน’ ที่ยืนหยัดเคียงคู่ ทำให้การกระทำที่ต้องดำเนินต่อไป ไม่ได้ยาก ลำบากเกินกว่าที่เคยคาด เพียงหยาด ‘ฝน’ เล็ก ๆ ที่สาดกระเซ็นมาที่เนื้อหัวใจ
ช่างสรรค์สร้างให้แรงใจกลับคืน

ขอบคุณมาก ขอบคุณเหลือเกิน

พี่ชาย







วังศศิธร

เรียน คุณชาย

ตอนนี้ที่วังมีเพียง ‘คนเดียว’ อีกครั้งเมื่อคุณชายจากไป หลายคนบ่น ๆ กันว่าวังดูเงียบลง นับตั้งแต่ท่านพ่อและแม่จ๋าจากไป และยิ่งเงียบลงเมื่อบุตรชายคนเดียวของท่านทั้งสองกลับไปเรียนต่ออีกครั้ง

แต่คนใน ‘บ้าน’ หลังนี้ยังคงน่ารักอยู่เสมอ ทุกคนดูเหมือนจะแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาคอยเฝ้าคอยดูแล จนถึงขั้นต้องออกปากปฏิเสธความหวังดีกันในบางครั้งที่ต้องการอ่านหนังสือ หรือเมื่อต้องการอยู่เงียบ ๆ ลำพังเพียงคนเดียว

ท่านชายศศธรก็ดูเหมือนจะคิดเฉกเช่นเดียวกัน ยังแวะมาชวนไปเที่ยวเล่นนอกวังร่ำไป เมื่อเพียรปฏิเสธไป ท่านก็กลับเป็นมาเที่ยวเล่นในวังเสียอย่างนั้น และเนื่องด้วยท่านอาเธอมีความคิดริเริ่มจะทำโน่น กินนี่ อยู่เนือง ๆ จึงทำให้คนอื่น ๆ ในบ้านพลอยคลายหายคิดถึงคุณชายไปได้บ้าง

ทำให้ตัวผมเองเริ่มมีความคิดอยากออกไปเรียนงานที่ห้างจากคุณก๋งเสียที เมื่อบ้านเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง และหลังจากที่คุณก๋งมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามหลายครั้ง จริงแล้วตั้งแต่ทำหน้าที่เป็นเลขานุการส่วนตัวให้ท่านพ่อมาสักระยะ ก็เคยได้ไปช่วยงานคุณก๋งมาบ้างในช่วงที่งานคดีความต่าง ๆ ในศาลของท่านพ่อไม่ยุ่งมากนัก แต่เมื่อได้เริ่มต้นลงมือทำจริงจังในครั้งนี้ ก็ต่างจากครั้งก่อน ๆ ไม่น้อย เพราะคุณก๋งตั้งใจจะถ่ายทอดงานทุกอย่างให้ทั้งหมด ท่านพร่ำบ่นว่าอยากวางมือเสียแล้ว คงรอแต่หลานชายของท่านจะกลับมารับหน้าที่ดูแลกิจการต่อไป

งานที่ห้างมีความแตกต่าง ๆ จากงานแปลเอกสาร เรียบเรียงรายงาน หรือจดชวเลขของท่านพ่ออย่างมากมายเหลือเกิน ทำให้เวลาทั้งหมดที่มีหมดไปกับการเรียนรู้งาน จนกระทั่งท่านอาเริ่มเอ่ยปากว่าขาดเพื่อนเล่นดนตรีด้วย รวมทั้งธุระเรื่องที่ดินของท่านพ่อ และธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านจิปาถะที่เคยเป็นของแม่จ๋าเริ่มรุมเร้า ทำให้ต้องจัดสรรเวลาใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ทุกฝ่ายพึงพอใจเท่า ๆ กัน

หากเพียงแต่คุณชายจะกรุณากลับมาโดยเร็วจักเป็นพระคุณอย่างมากเลยทีเดียว ถึงกระนั้นในช่วงยุ่ง ๆ ก็ยังมีเรื่องให้วุ่นวายเพิ่มขึ้น เมื่อหลานชายนายกรอบถูกส่งมาเรียนในพระนครเป็นครั้งแรก ด้วยพ่อแม่เจ้าตัวที่ฝากฝังไว้อยากให้ลูกได้เรียนต่อในเมืองหลวง จึงยึดตามดำริของท่านพ่อในการชุบเลี้ยงคน โดยเฉพาะในเรื่องการสนับสนุนด้านการศึกษา
 
หากมาถึงวังวันแรกก็ก่อเรื่อง จะหนีตามพ่อกับแม่กลับบ้านแต่ท่าเดียว ต้องสั่งให้คนจับยึดไว้ จนต้องปิดห้องคุยกัน ปรากฏว่ากว่าจะเปิดปากบังคับให้ยอมพูดคุยด้วยก็ต้องใช้น้ำเย็นประโลมกันมากเหลือเกิน พอยอมพูดก็เกิดน้ำตาแตกขึ้นมา พูดไปสะอื้นไห้ไป ต้องปลอบกันอีก จึงไม่ได้ถามไถ่ให้ได้ความอะไรมากนัก รู้เพียงอายุเพิ่งจะเข้าเกณฑ์เรียนได้ และพ่อเรียกว่า ‘ไอ้จ้อย’
 
เมื่อปลอบกันเสร็จ ซักกันจนได้ความ แทนที่จะไปพักกับลุงของตัว กลับเกาะติดแจ จนต้องบริจาคที่หน้าเตียงให้นอน และจำต้องดูแลลูกหมาน้อยเพิ่มอีกหนึ่งตัว แต่ก็พอคลายความเหงาไปได้ดีเหมือนกัน

‘เจ้าจ้อย’ แลดู แจ่มใส บริสุทธิ์ดี ติดที่ยังหวาดกลัวคนอื่น ๆ อยู่มาก จึงตกเป็นภาระให้ต้องควบคุมการขัดคราบไคล ลอกคราบพ่อสังข์ก่อนที่จะพาไปฝากเรียน กว่าจะกลับไปทำงานได้ก็กินเวลาเกือบอาทิตย์จนคุณก๋งเริ่มบ่น ๆ แต่เมื่อได้เห็นเด็กน้อยใส่ชุดนักเรียนโก้ ไปโรงเรียนเป็นวันแรกก็อดภูมิใจดีไม่หยอก ความรู้สึกเยี่ยงนี้เองที่ทำให้ท่านพ่อหมั่นชุบเลี้ยงคนนัก และก็ทำให้หวนนึกถึงตัวเองขึ้นมา

วันแรกที่มาถึงวังศศิธร คงมีสภาพไม่ต่างจาก ‘เจ้าจ้อย’ เท่าไหร่นัก แม้จะมีศักดิ์เป็นหลานหม่อมไหม แต่ก็เป็นเพียงญาติห่าง ๆ ที่ดองกัน เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่วิ่งเล่นในโรงครัวบ้านเจ้าสัว ความทรงจำยังแจ่มชัดคลับคล้ายเกิดขึ้นเมื่อวันวาน

ในวันที่ ‘ฝน’ ตกปานฟ้ารั่ว แม่ครัวและคนงานในโรงครัวต่างหลบฝนอยู่กันในห้องหับมิดชิด หลงลืมเด็กซึ่งกำลังหาที่หลบฝน และหวาดกลัวเสียงฟ้าร้อง วิ่งหกล้มหกลุกขะมุกขะมอม พยายามที่จะกลับไปยังตึกใหญ่ของเจ้าสัว
 
ถ้าหากเพียงคุณชายไม่เล่นซนฝ่าสายฝนผ่านมาพบพอดี และฉุดลากคนหวาดกลัวออกมาจากใต้โรงครัวนั่น วันนั้นก็คงไม่ได้พบแม่จ๋า คงไม่ได้ถูกรับมาที่วังเฉกเช่นทุกวันนี้ และชีวิตก็คงต่างจากวันนี้มากมายทีเดียว
 
ถ้าเพียงแม่จ๋าไม่เอ็นดูรับชุบเลี้ยง
ถ้าเพียงท่านพ่อไม่รับอุปการะส่งเสียให้เล่าเรียน
ถ้าเพียงวันนั้นคุณชายไม่ไปขุดมาจากท้ายครัวเพื่อหาเพื่อนเล่นด้วย

แม้ ‘อีกคน’ เมื่อโตขึ้นมาอาจจะแลดู ‘ใจร้าย’ ไปบ้างในบางครา แต่เพียงปรารถนาให้คุณชายได้รับรู้ว่าคนคนนั้นยังสำนึกบุญคุณมากมายที่ประทานให้ตราบเท่าทุกวันนี้

ด้วยความระลึกในพระคุณยิ่ง

อรุณ

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; RAINBOW 09.01.2018
«ตอบ #4 เมื่อ09-01-2018 11:47:47 »

Just…Rainbow;

๒. สายรุ้ง



เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา
ถึง อรุณ

ตอนนี้พี่เดินทางกลับมาถึงแมนชั่นที่พักเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือการถามหาจดหมายจากเมืองไทย และดีใจอย่างยิ่งที่สมปรารถนา ขอบใจจริง ๆ ที่รักษาสัญญาที่ให้ไว้เสมอ พี่รู้ว่าอรุณจะทำอย่างนั้นเสมอ

เมื่อได้อ่านจดหมายพี่ก็ทั้งเข้าใจ และซึ้งใจเป็นอันมาก เข้าใจว่าระหว่างคนที่เดินทางจากมา กับคนที่ต้องหยัดยืนอยู่ ณ สถานที่แห่งเดิม ความเหงามักจะโหมโจมตีคนที่อยู่ในบรรยากาศเดิม ๆ มากกว่า จึงไม่แปลกใจว่าทำไม คนทั้งวังถึงเป็นห่วงมากถึงขั้นผลัดเวรกันมาเฝ้าดูแล

ตลอดระยะเวลาเกือบสามเดือนที่ได้กลับบ้าน พี่ก็พอจะทราบได้ว่าอรุณเป็นที่รักของคนรอบข้างมากมายเพียงใด รวมถึงไม่แปลกใจว่าทำไมท่านอาจึงไม่เสด็จนิวัตวังที่เชียงใหม่เสียที ส่วนที่ซึ้งใจก็คงเป็นเรื่องที่น้องต้องปฏิบัติภาระกิจหน้าที่แทนมากมายหลายอย่างเหลือเกิน จนพี่รู้สึกละอายแก่ใจว่าไม่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระนั้นได้เลย

รอนิดนะคะคนดี พี่สัญญาว่าจะรีบกลับไป ‘บ้าน’ ของเรา และพี่เชื่อมั่นเสมอว่าอรุณจะทำทุกอย่างออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนที่แล้ว ๆ มา
 
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ไม่เคยคิดว่าเรื่องที่พี่พบอรุณที่บ้านคุณก๋ง หรือเรื่องที่ท่านพ่อและแม่จ๋ารับอรุณเข้ามาในครอบครัวของเราเป็นเรื่องของบุญของคุณแต่อย่างใด

แม่จ๋าเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านทั้งสองมีความตั้งใจจะมีน้องให้กับพี่แต่เก่าก่อน แต่เนื่องด้วยตอนที่คลอดพี่นั้นใช้เวลามากเกินไปจนแม่จ๋าไม่สามารถมีลูกได้ และอย่างที่เรารู้เสมอว่าท่านพ่อไม่มีวันจะรับใครเป็นหม่อมได้อีก เพราะความรักที่ท่านพ่อมีให้แม่จ๋านั้นมากมายเหลือคณานับ จึงทำให้ทั้งครอบครัวได้แต่ทำใจว่า คงหมดหวังที่จะมีน้องเล็ก ๆ สักคนเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวแล้ว จนพี่ได้พบอรุณ ดังนั้นอย่าเรียกว่าเป็นบุญคุณอะไรอีกเลย

อรุณ เข้ามาทำให้ครอบครัวของเราถูกเติมเต็ม มีความสุขสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งพี่แน่ใจว่าท่านพ่อ และแม่จ๋าก็จะกล่าวเช่นเดียวกันกับพี่

จริงแล้วต้องขอบคุณอรุณมากกว่าด้วยซ้ำที่ทำให้ ท่านพ่อและแม่จ๋าได้มีลูกชายคนเล็กที่แสนน่ารัก อ่อนหวาน เชื่อฟังมากกว่าลูกชายคนโต และทำให้ลูกชายคนเดียวได้มีน้องน้อย คอยยิ้มเยือนชื่นชม และได้เป็นพี่สมใจ
 
เมื่อเดินทางกลับมาศึกษาต่อ อย่างแรกที่ต้องเร่งสะสาง คือ การวางแผนการจัดทำโครงร่างวิทยานิพนธ์อย่างจริงจัง แม้จะผ่านขั้นตอนการอภิปราย และได้รับการอนุมัติหัวข้อในการทำการวิจัยเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อระยะที่ถูกเลื่อนออกมาก็ทำให้การจัดเก็บข้อมูล การสรุปผลวิจัยต้องกลับมาทบทวน และจัดทำแผนอย่างรัดกุมอีกครั้ง เพื่อให้ได้กลับ ‘บ้าน’ ของเราอย่างเร็วที่สุด

เพื่อน ๆ จึงเริ่มสงสัยกันว่าทำไมพี่ถึงเร่งวันเร่งคืนนัก ทั้งที่ก่อนนี้ออกจะดูสบาย ๆ ทำงานบ้าง เที่ยวบ้าง จนเรียกได้ว่าถึงขั้นเฉื่อยเลยทีเดียว

ตัวพี่เองยอมรับว่าก่อนนี้ ‘หัวใจ’ ไม่เคยมีจุดหมายที่แน่นอน ด้วยมิรู้ความต้องการแท้จริงของตัวเอง ตลอดมาจึงแปรเปลี่ยนไปเรื่อย ทั้งเรื่องการศึกษา และเรื่องอื่น ๆ จึงมีคนแวะเวียนเข้ามา และเดินจากไปเสมอ ๆ อาจเพราะด้วยหัวใจรักยังไม่พบกับเจ้าของที่แท้จริงก็เป็นได้ ซึ่งแตกต่างจากการกลับมาครั้งนี้ของพี่ที่มีจุดมุ่งหมาย และมีความหมายยิ่งสำหรับหัวใจ

ดังเคยเล่าในจดหมายฉบับก่อนหน้า คนอื่น ๆ ที่เคยผ่าน ๆ มาที่นี่ จึงไร้ซึ่งความหมายอีกต่อไป จึงเป็นเหตุให้เร่งวันเวลาทุกวินาทีที่จะได้กลับ ‘บ้าน’ เพราะ ‘หัวใจ’ รู้ว่ามีเจ้าของเฝ้ารอคอยอยู่ ณ ที่แห่งใด และเมื่อยิ่งได้รู้ว่ายังคงรอคอยอยู่เสมอ แรงใจในการศึกษาเล่าเรียนจึงเหมือนโหมทับทวีเท่า
 
หวังเพียง ‘อีกคน’ คงไม่ ‘ใจร้าย’ ล้มเลิกการรอคอยครั้งนี้ไปเสียก่อน
 
อีกเรื่องที่ต้องปรับตัวอย่างมาก เมื่อกลับมาถึงอเมริกา คือเรื่องอาหารการกิน พี่ต้องกลับไปกินแบบลิ้นจระเข้อีกครั้งอย่างที่แม่แพรว แม่ครัวใหญ่แห่งวังศศิธรค่อนขอดให้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ระยะเวลากว่าสิบห้าปีทำให้ลืมเลือนรสอาหารของที่ ‘บ้าน’ เสียสิ้น บำเพ็ญเพียรตนเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามมาตั้งแต่เล็ก ลิ้นจึงเหมือนไร้ความรู้สึกการรับรสอร่อยกลมกล่อมไปเสียแล้ว แต่หลังจากที่ได้กลับ ‘บ้าน’ ของเราครั้งนี้ทำให้ต้องมาฝืนทนปรับตัวปรับใจกับอาหารอันไร้รสชาติของที่นี่อีกครั้ง

จำได้ว่าวันแรกที่ได้กลับ ‘บ้าน’ แม่แพรวจัดอาหารไทยชุดใหญ่ขึ้นโต๊ะเกินกว่าสิบอย่าง ทั้ง ๆ ที่ทั้งโต๊ะอาหารมีแค่เราเพียงสองคน แต่ด้วยความเกรงใจแม่ครัวคนเก่าคนแก่ที่บรรจงปล่อยฝีมือปลอบใจคนเดินทางไกลให้หายเศร้า จึงค่อย ๆ ละเลียดอาหาร

อรุณยังดีที่ต้องฝืนต่อสู้เพียงเพราะความอิ่ม แต่มื้อนั้นสำหรับพี่นอกจากต้องต่อสู้กับปริมาณอาหารอันมหาศาลแล้ว ยังต้องต่อสู้กับรสชาติความเผ็ดร้อนที่ไม่ได้พบพานเกือบสิบปี แต่ที่ทำให้อิ่มใจ คือได้เห็นรอยยิ้มกึ่งขบขันจากผู้ร่วมโต๊ะ ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่สังเกตเห็นความผิดปกตินั่น

แต่คาดไม่ถึงว่าจะกรุณาถึงขั้นเข้าครัวปรุงอาหารเองในมื้อถัดไป จนอาหารที่ออกมากลายเป็นอาหารไทย-จีนกึ่งประยุกต์ สำหรับคนที่ต้องปรับรสสัมผัสของการกินใหม่  ทำให้รับรู้ถึงรสชาติความอร่อยได้ชัดเจนอีกครั้ง รวมทั้งทำให้พี่ติดใจรสมือของพ่อครัวจำเป็นตราบเท่าทุกวันนี้ จำต้องเพียรหักห้ามความหวนหาที่มีมากมาย และเพิ่มขึ้นทุกลมหายใจ

ตลอดงานของท่านพ่อ และแม่จ๋า มีญาติมิตรคนรู้จักมากมายที่มาแสดงความรัก ความอาลัย และความเสียใจ คงเป็นกุศโลบายของคนยุคก่อนที่พยายามผ่อนคลายความรู้สึกสูญเสีย ผ่อนปรนความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจของผู้อยู่เบื้องหลัง ให้ยอมรับความเป็นจริงที่ต้องเผชิญ แข็งแกร่งพอที่จะยอมรับ และยืนหยัดดำเนินชีวิตต่อไปได้

เรื่องที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง เมื่อผู้คนที่มาร่วมงานต่างพากันสรรเสริญถึงความเป็นคนดี มั่นคง ซื่อตรง หนักแน่นของท่านพ่อ และความนุ่มนวล อ่อนหวาน เมตตา กรุณาปราณีของแม่จ๋า ทำให้บุตรหลานญาติมิตรของท่านพลอยปลื้มปิติยินดีที่มีคนรัก และนับถือท่านทั้งสองมากมายเพียงนี้

นอกจากนี้เสียงชื่นชมที่ได้ยินสม่ำเสมอคงไม่พ้นเรื่องของบุตรชายคนเล็กของท่าน ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่หลายต่อหลายคนเกือบคิดว่าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของท่านทั้งสอง อีกทั้งแปลกใจยิ่งกว่าที่มาพบลูกชายอีกคนที่งาน หลายเสียงจึงแว่ว ๆ เข้าหูโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อิฉันถึงว่า ทำไมคุณอรุณถึงไม่ได้เป็นคุณชาย”

“อ้าวนี่หล่อนไม่รู้หรอกหรือ”

“ก็เคยสงสัย แต่เห็นท่านชายกับหม่อมท่านเลี้ยงดูอุ้มชูเหมือนบุตรในอุทร”

“ก็คุณชายเธอไปเรียนต่างประเทศ จึงมีแต่คุณอรุณที่ดูแลรับใช้ใกล้ชิด”

“แล้วอย่างนี้ตัวจริงกลับมา ไม่สงสารลูกเลี้ยงแย่ ยิ่งท่าน ๆ สิ้นแล้วด้วย ตอนท่านอยู่ก็เห็นมีแต่คุณอรุณดูแลรับใช้ เห็นว่าทำทั้งงานราษฎร์งานหลวง ทั้งงานที่ศาล งานที่ห้าง ไหนจะงานของหม่อมไหมอีก นี่เห็นว่าคนที่ดูแลวังศศิธรหลัง ๆ มานี่ก็เธอทั้งนั้น”

“เขาลือกันว่าอาหารคาวหวาน ครัวไทย ครัวจีน ครัวฝรั่ง ที่ขึ้นชื่อของวังเธอ ก็รับครอบวิชามาจากหม่อมไหมโดยตรง เห็นว่าหลังจากท่าน ๆ สิ้น ภัตตาคารหรู ๆ ในเมืองก็ทาบทามเธอไม่ขาด คนมีวิชาติดตัวคงไม่อาภัพนัก”

“พูดไปพวกหล่อนนี่ ไม่รู้หรือว่าท่านชายท่านเป็นอย่างไร”

“ท่านรับคุณอรุณเป็นบุตรบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมาย เห็นว่าพินัยกรรมก็เปิดเผยไว้ตั้งแต่นั้นว่าแบ่งให้บุตรชายสองคนเท่าเทียมกันทั้งส่วนของท่าน ของหม่อมไหม รวมถึงของเจ้าสัวด้วย”

“ขนาดนั้นเลยหรือ”

“วังนี้ก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว จะหาสายไหนมีทั้งเชื้อสาย ทั้งทรัพย์สมบัติเท่าสายนี้เห็นจะมีไม่มากนัก ลูกหลานที่สืบเชื้อสืบสายก็มีไม่มาก เพราะขึ้นชื่อเรื่องรักเดียวใจเดียว อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินเรื่องขัดแย้งกันเรื่องเงินเรื่องทองเลย ตั้งแต่สมัยท่านชายท่านก็มีมามาก ที่ดินแถบนี้ก็ของท่านทั้งนั้น ไหนจะของหม่อมไหม ดองกับลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวห้างดัง คุณ ๆ เธอคงไม่มาขัดแย้งกันเพราะเรื่องนี้หรอก”

“ถึงว่าสาว ๆ ทั้งพระนครถึงหลงใหลได้ปลื้มคุณอรุณนัก นี่คุณชายก็กลับมาอีกคน วังศศิธรคงมีแม่สื่อเดินเข้าเดินออกกันจนหัวกระไดไม่แห้ง”

“ว่ากันว่าคุณอรุณเธอเก็บตัวไม่ชอบงานสังคมมากนัก ขนาดนั้นสาว ๆ ยังตามกันเกรียว นี่ดูท่าคุณชายกลับมาจากต่างประเทศโก้กว่าเป็นกอง คงเข้าถึงตัวยากเป็นแน่แท้”

“เห็นว่าคุณชายเธอต้องกลับไปศึกษาต่ออีก นี่คงกลับมาเฉพาะงานท่านพ่อกับหม่อมแม่”

“อิฉันสงสารทั้งคู่ เสียท่านทั้งสองพร้อม ๆ กัน”

“ก็ยังมีเจ้าสัว เป็นเสาหลักมั่นคงอยู่นั่นไง ไหนจะท่านชายศศธรอีก”

“เจ้าสัวก็อยู่แต่ที่ห้างไม่เข้ามายุ่มย่ามเรื่องในวังศศิธรหรอก ท่านชายท่านก็เทียวไป เทียวมาพระนครกับเมืองเหนือตามอารมณ์ศิลป์ของท่าน”

“พอคุณชายกลับไปเรียนทั้งวังก็เหลือคุณอรุณคนเดียวสิจ๊ะ อย่างนี้ต้องหาคู่มาเธอคลายเหงาบ้างน่าจะดี”

“แม่สาว ๆ คงวี้ดว้าดกันละทีนี้ ลองแม่สื่อตัวฉกาจจะเดินหน้าออกโรงขนาดนี้”

เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักจะงดงามเสมอ พี่มาเชื่อสนิทใจก็ครั้งนี้

เมื่องานของท่านที่รักทั้งสองได้ผ่านพ้นไป ตัวเองก็ได้พบจุดหมายที่หัวใจของตนต้องการ ดั่งในวันที่สายฝนแห่งความเศร้าเสียใจได้สร่างซาลง ทิ้งไว้เพียงไอน้ำจาง ๆ เบาบาง เมื่อความอบอุ่นของแสงแรกแห่งดวงอาทิตย์สาดส่อง ก็ได้พบ ‘สายรุ้ง’ ทอประกายงดงามพิไลลักษณ์ ทำให้ทุกคนที่พบต่างชื่นชม ถวิลหา แล้วรู้ว่าตัวเองก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในคนมากมายที่เฝ้าหมายปอง ‘สายรุ้ง’
 
จึงเริ่มหวั่นใจว่าในตอนนี้ ‘คนรอ’ ยังคงรอคนไกลห่างอยู่หรือไม่
ความห่างไกลบางครั้งก็สร้างความทรมานได้อย่างยิ่งยวด

ทำได้แต่ภาวนามิให้ใคร ‘อีกคน’ ไหวหวั่น
พี่สัญญาจะรีบกลับ ‘บ้าน’ ของเราให้เร็วที่สุด

คิดถึงเหลือเกิน
พี่ชาย










วังศศิธร
เรียน คุณชาย

ดูเหมือนเพียงไม่นานที่คุณชายกลับมาพระนครจะรับฟังเรื่องราวได้มากมาย หลายหลาก ต่อติด ครบถ้วนจนน่าแปลกใจ เสมือนตั้งใจที่จะจดจำมากกว่าเพียงแต่แว่ว ๆ เข้าหูโดยมิได้ตั้งใจ

‘เรื่อง’ บางเรื่องก็เป็นเพียงเค้ารางที่ถูกพูดต่อ ๆ กันปากต่อปาก มิใช่ความสัตย์จริงเสมอ อาทิเช่นเรื่องการทำครัวนั้น เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าวังศศิธรมีชื่อเรื่องการทำครัว ทั้งเครื่องคาว และของหวาน ด้วยครัวไทยที่มีแต่ดั้งเดิมสืบต่อกันหลายยุคหลายสมัยแต่เก่าก่อน อีกทั้งครัวจีน และครัวฝรั่งที่แม่จ๋าขึ้นชื่อเรื่องรสมือมาตั้งแต่ยังอยู่กับคุณก๋ง ดังนั้นไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่ในหมู่สหายญาติมิตรของท่านพ่อ จึงได้รับไหว้วานให้ช่วยออกโรงรับดูแลเรื่องอาหารอยู่เนือง ๆ
 
แม่จ๋าที่รัก และเอ็นดูเด็กผู้หญิงนัก แต่เมื่อมีลูกชายเพียงสองคน หนึ่งในนั้นจึงต้องจำใจเข้าครัวเป็นเพื่อนให้ท่าน เพื่อทำหน้าที่ทดแทนให้คลายเหงาไปบ้างก็เท่านั้น

เมื่อแรกที่แม่จ๋าพาเข้าครัวยังจำได้ดี ลูกชายคนโตของท่านยังเข้ามาช่วยเหลือน้องคนเล็ก ด้วยข้ออ้าง ‘ไม่มีคนเล่นด้วย’ ทำให้แม่จ๋ายอมปล่อยให้ไปเล่นเป็นเพื่อน ด้วยทนเสียงโวยวายของเด็กอีกคนที่เข้ามาซุกซนในครัวไม่ไหว

ระยะเวลาอาจทำให้คุณชายลืมเลือนอดีตที่มิได้ใส่ใจจำจด
ในขณะที่ ‘อีกคน’ ยังระลึกถึงเสมอ

แต่เมื่อเด็กชายซุกซนไม่อยู่ เพื่อนเล่นจึงต้องจำเข้าครัวอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ทำได้เพียงช่วยเหลือแม่จ๋าเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้วิชามาจริง ๆ ก็เพียงขั้นตอนการทำ การควบคุมคนครัว และเน้นหนักไปในเรื่องการลองลิ้มชิมรสเสียมากกว่า
ถ้าให้ลงมือจัดเตรียมเครื่องปรุง หรือปรุงเองคงทำได้เพียงอาหารไทย-จีนกึ่งประยุกต์ตามที่คุณชายเรียก ซึ่งรสชาติไม่จัดนัก และก็ทำนับอย่างได้ คงไม่ถึงขั้นมีภัตตาคารมาทาบทามไปทำงาน หรือถึงมีฝีมือจริงก็คงไม่สามารถปลีกตัวจากภารกิจมากมายหลายด้านที่รับหน้าที่ดูแลแทนตอนนี้ได้

แต่หากว่าวันหนึ่ง คุณชาย ‘ไม่โปรด’ ให้อยู่เป็นเพื่อนแล้ว
ก็อาจจะพอไปทำที่ภัตตาคารอาหารจีนได้บ้าง กระมัง

จึงเล่ามาพอเป็นตัวอย่างว่า ‘เรื่อง’ บางเรื่องที่คนอื่นพูด ๆ กัน ก็มิได้เป็นความจริงที่ต้องเก็บมากังวลใจเสียทั้งหมด ปรารถนาให้คุณชาย ‘เชื่อมั่น’ ในสิ่งที่คุณชายสัมผัสรับรู้ได้ด้วยตนเอง และฟังเสียงจากความรู้สึกภายในของคุณชายที่พร่ำบอกมากกว่าสิ่งที่คนอื่น ๆ เขาพูดกัน

ตอนนี้ที่วังศศิธรกลับมายุ่ง ๆ กันอีกครั้ง เมื่องานใหญ่ประจำปีของวังทุก ๆ ปีครบรอบวนเวียนกลับมา ซึ่งเห็นจะไม่พ้นงานวันเกิดคุณก๋ง แม้ตัวงานจะจัดที่สนามหญ้าหน้าตึกใหญ่บ้านคุณก๋งเช่นเดิม แต่เครื่องคาวหวานต่าง ๆ กลับถูกส่งตรงไปจากวังศศิธรตั้งแต่ที่แม่จ๋าย้ายมาอยู่กับท่านพ่อที่วัง

แม้ตอนนี้แม่จ๋าจะนอนหลับสบายไปแล้ว คุณก๋งก็ยังไหว้วานให้วังศศิธรทำหน้าที่เดิมในเรื่องอาหารจัดเลี้ยงต้อนรับแขก ก็เพียงยุ่ง ๆ แต่ไม่ได้ยากมากมายอะไร เมื่อแม่แพรวหัวเรือใหญ่ยังคงขยันขันแข็งเป็นกำลังหลักอยู่ หากมีข้อดีอยู่บ้างเหมือนกันที่จะได้มีข้ออ้างแอบกลับบ้านเร็ว มาช่วยดู ๆ แล ๆ ในครัว ไม่ต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์ทางการค้าที่มักจัดขึ้นกันอยู่เนือง ๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่จะยกคืนให้คุณชายเป็นหน้าที่แรกเมื่อกลับมาพระนคร

วันนี้จึงถือโอกาสบังคับให้เจ้าจ้อยที่แวะรับจากโรงเรียนกลับมาวังพร้อมกัน มาช่วยงานในครัว แม่แพรวคงเห็นแววของมันที่ดูน่าจะซุกซนอยู่ไม่นิ่งคล้ายเด็กบางคน เจ้าจ้อยหัดเป็นลูกมือขูดมะพร้าว ซึ่งเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะชื่นชอบไม่น้อย

เมื่อเจ้าตัวยุ่งมีหน้าที่ประจำก็ทำให้พอมีเวลาลองทำอะไรเล่น เมื่อช่วงเย็นตอนแวะไปรอเด็กซนหน้าโรงเรียน เห็นพ่อค้ากำลังเคี่ยวน้ำตาลปั้นเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ขายให้เด็กนักเรียน จึงไปยืนดู ๆ มา ลองทำเล่นบ้าง ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่ก็ขอแบ่ง ๆ น้ำตาลในครัวมามากเหมือนกันจนแม่แพรวแอบค้อนเล็ก ๆ ครั้งแรกอาจจะยังไม่ดูดีนัก แต่เจ้าจ้อยบอกว่าพอกินได้ ไว้วันหลังจะลองทำดูอีก ทำไปเล่นไปเพลิน ๆ ดีเหมือนกัน

เห็นด้วยกับคุณชายว่าฟ้าหลังฝน หลังจากที่พายุผันผ่านมักจะสวยสดงดงามเสมอ แต่มิใช่ทุกครั้งที่จะเกิดปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำ มันต้องมีองค์ประกอบทั้งสองสิ่งเกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง ไอน้ำและแสงอาทิตย์ ดังที่คุณชายเล่า

ทำให้บางสิ่งต้องมี ‘สอง’ ประกอบกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปมิได้
หากมีเพียงแต่ ‘ไอน้ำ’ ขาดซึ่ง ‘แสงอาทิตย์’ สว่างสาดส่องก็คงไม่สามารถเห็น ‘สายรุ้ง’ ขึ้นกลางแจ้งได้

ส่วนเรื่องใครจะ ‘รอคอย’ ใครนั้นก็สุดหารู้ไม่ แต่เท่าที่พอจะทราบ ๆ บ้างก็เห็นว่าคนในวังศศิธรทุกคนต่างก็ตั้งตารอคอยการกลับมาของคุณชายทั้งสิ้น เพราะเมื่อเสาเอกของบ้านกลับมา 'บ้าน' คงจะกลับมาเป็น 'บ้าน' ที่อบอุ่นดังเดิม
 
ด้วยความเคารพยิ่ง
อรุณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2018 14:18:16 โดย justwind »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: JKL THE SIRIES: JUST; RAINBOW 09.01.2018
«ตอบ #5 เมื่อ09-01-2018 21:48:40 »

ภาษาลื่นไหล สวยงาม ชอบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; WIND 10.01.2018
«ตอบ #6 เมื่อ10-01-2018 09:20:42 »

Just…Wind;

๓.   ลมหนาว


เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา
ถึง อรุณ

การได้รับจดหมายจากเมืองไทยฉบับนี้สำหรับพี่เปรียบประดุจดังได้รับ ‘ไอน้ำ’ ฉ่ำเย็นที่ติดมากับเนื้อความในจดหมาย หอบเอาความชุ่มชื่นมาให้กับหัวใจอันแห้งแล้ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันหนึ่งเมื่อ ‘แสงอาทิตย์’ กลับบ้าน จะพบ ‘สายรุ้ง’ ทอประกายอวดสีสดใสอยู่ ณ วังศศิธร

เพียงได้รู้ว่า ‘ทุกคน’ ที่วังยังคงรอคอย ตัวพี่ก็ยิ่งปรารถนากลับไปหาหัวใจที่ทิ้งไว้ที่วังก่อนเดินทางจากมาด้วยความ ‘เชื่อมั่น’ ในคนที่ได้ครอบครองหัวใจดวงนั้น ว่ายังคงเฝ้าถนอมดูแล รักษาไว้เป็นอย่างดีเสมอ

จดหมายสองฉบับสุดท้ายที่ถูกส่งมาจากวังศศิธร พี่ใช้เวลาในการอ่านทวนแล้วทวนเล่า ย้ำซ้ำ เพื่อซึมซับเนื้อความในจดหมาย ใจความที่อรุณต้องการสื่อสารให้พี่รับรู้ และก็นึกสะดุดใจนัก เมื่อตระหนักว่ามีเพียงแค่พี่ ที่คิดว่าตัวเองยังคงเป็น ‘พี่ชาย’

ยิ่งมาทวนอ่านจดหมายก็พบว่าทุกถ้อยคำที่กล่าวถึงพี่
ยังคงเป็นเพียง ‘คุณชายศศินกุล’ อยู่นั่นเอง

ยิ่งทำให้นึกย้อนกลับไปถึงช่วงแรกที่ได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านของเราอีกครั้ง แม้รู้ดีว่า ‘อีกคน’ ซึ่งการแสดงออกภายนอกไม่ได้ใส่ใจนำพาคนที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงมากนัก แต่ก็ยังมีแก่ใจเผื่อแผ่เวลาที่มีค่า แม้เพียงน้อยนิดมาจัดการธุระส่วนตัวให้ หรืออาจจะเป็นเพียงแค่กลัวว่าพี่จะไปแย่งห้องนอนก็สุดคาดเดา
 
ห้องนอนเล็ก สุดทางเดินด้านขวา ปีกทางเหนือชั้นสองของตัวตึก ยังคงเป็นห้องนอนเดิมของเจ้าของที่อนุญาตให้พี่ไปพักผ่อนชั่วคราว ภายในห้องที่ยังคงมิได้แตกต่างไปจากภาพในความทรงจำเมื่อสิบห้าปีก่อนมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็เห็นจะมีเพียงเตียงสี่เสาที่ขยายขนาดให้รองรับเจ้าของที่เจริญวัยขึ้นเป็นหนุ่มพราวเสน่ห์แห่งพระนคร มุมหนังสือที่ดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวจนคลับคล้ายห้องสมุดเล็ก ๆ และโต๊ะทำงานที่มีกองเอกสารมากมาย
 
ระยะเวลาที่มีช่วงสั้น ๆ หลังจากล้างหน้าล้างตา ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ จึงทำได้แต่เพียงนั่งทอดสายตาออกไปยังบริเวณระเบียงเฉลียงเล็ก ๆ ที่อวดโฉมศาลาทรงไทยที่อยู่ท่ามกลางสวนฝรั่งเขียวขจีหลังวังศศิธร ปลดปล่อยความคิดต่าง ๆ ระหว่างเฝ้าคอยงานของท่านพ่อและแม่จ๋าในช่วงค่ำ
 
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาเถอะ” บานประตูสีเขียวทรงสูงถูกเปิด คนเคาะประตูค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามา

“มีอะไรหรือนายกรอบ”

“ขอประทานโทษครับคุณชาย ห้องพักของคุณชายจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วครับ เรียนเชิญคุณชายทางนี้ครับ”

นายกรอบนำทางไปยังห้องนอนเดิมที่ติดริมโถงกลางตัวตึก ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าห้องที่จากมาเล็กน้อย ห้องนอนสองห้อง ด้านขวา ณ ปีกทางเหนือที่แม่จ๋าจัดไว้ให้เป็นห้องนอนของสองพี่น้องตั้งแต่วัยเยาว์ และยังมีอีกสองห้องฝั่งตรงกันข้ามเป็นห้องนอนสำหรับรับรองแขก

“คุณอรุณสั่งให้จัดเตรียมห้องเดิมไว้ให้กับคุณชายก่อนที่คุณชายจะเดินทางมาถึงแล้วครับ แต่ของใช้บางส่วนเพิ่งถูกส่งมาจากห้างของเจ้าสัวเมื่อสักครู่”

“เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของคุณชาย ผมให้เด็กจัดให้เรียบร้อยแล้ว และจัดของว่างไว้ที่โต๊ะอาหารริมระเบียง คุณชายต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกเด็กที่เฝ้าอยู่ที่ชานพักโถงกลางได้นะครับ”

“ไม่มีอะไรแล้วนายกรอบไปพักเถิด”


เหมือนเดิมสินะ
แม้เวลาจะล่วงเลยมานาน แต่วังศศิธรก็ยังคงเป็นเฉกเช่นเดิม

นานมากแล้วที่เคยมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ การไปใช้ชีวิตต่างแดนทำให้ต้องช่วยเหลือตัวเองซะเป็นส่วนมาก จริงแล้วนิสัยการดูแลตัวเองช่วยเหลือตัวเอง ท่านพ่อได้ปลูกฝังไว้ให้แต่เก่าก่อน

ตัวตึกชั้นบนจะมีเพียงเด็กขึ้นมาทำความสะอาด เก็บเสื้อผ้าไปซักวันละครั้งในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน นอกเหนือจากนั้นจะไม่มีใครย่ำกรายขึ้นมาบนตัวตึก เนื่องด้วยความต้องการความเป็นส่วนตัวของท่านพ่อ โดยเฉพาะที่ตัวตึกปีกทางใต้ที่มีห้องนอนใหญ่ของท่านพ่อ และห้องนอนเล็กของแม่จ๋า ห้องทำงาน และห้องหนังสือ จะมีเพียงครอบครัวของเราเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าออกได้โดยสะดวก
 
จึงทำให้ระเบียบดังกล่าวแผ่ขยายมายังปีกทางเหนือของตึก บังคับใช้กับบุตรชายทั้งสอง เป็นที่มาว่าต้องช่วยเหลือดูแลตัวเองในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าต้องการอะไรเป็นพิเศษจริง ๆ ถึงจะเรียกเด็กที่เฝ้าอยู่ที่ชานพักบันไดที่โถงกลาง
 
ช่วงเดือนแรกที่ได้กลับมาพำนักที่บ้านนอกจากงานเลี้ยงพระเพลในช่วงสาย และงานสวดในช่วงค่ำ ช่วงเวลากลางวัน ทั้งวังก็ยังคงสงบเงียบเช่นเดิม จนเฝ้าสงสัย ‘อีกคน’ ไปหลบอยู่ที่ไหน

เวลาที่จะได้เห็นหน้าคร่าตาบ้างนอกเหนือจากช่วงเวลางาน ก็เฉพาะบนโต๊ะอาหารสามมื้อที่มักมีแขก หรือท่านอามาร่วมโต๊ะด้วยเสมอ ยากนักที่จะได้คุยกันเพียงสองคน ทั้ง ๆ ที่ห้องนอนก็อยู่ติดกัน แต่แม้จะเฝ้าคอยสังเกตหรือเงี่ยหูฟังกลับไม่พบ ‘ใคร’ สักคนเดินผ่าน
ไปไหนของเขา หรือออกไปทำธุระนอกวัง

จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่งซึ่งเดินสวนกับนวลที่ห้องโถงกลาง

“อ้าวนวล ฉันบอกเด็กไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าบ่ายนี้ไม่รับของว่าง”

“ขอประทานโทษค่ะคุณชาย ของคุณอรุณค่ะ”

“ไม่อยู่มิใช่หรือ”

“อยู่นี่ค่ะ เธอสั่งเด็กให้ไปตั้งของว่างที่ห้องหนังสือ จะอยู่ที่นั่นตลอดบ่าย”

“ฉันก็เดินผ่านมาไม่เห็นนะ”

“คุณชายไม่ได้เข้าไปข้างในใช่ไหมคะ คุณอรุณเธอชอบนั่งเล่นที่ริมระเบียง”

“งั้นหรือ” แล้วความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมาเลือนราง

“อรุณยังรับของว่างทุกวันไหม”

“ค่ะ เธอชอบของหวาน”

“อย่างนั้นเธอก็อยู่บ้านทุกวัน”

“เธอไม่ได้ออกไปไหน ตั้งแต่มีงานท่านชายกับหม่อมแล้วนี่ค่ะ”

“อย่างนั้นหรือ เห็นเธอไม่อยู่ที่ห้อง”

“คุณอรุณเธอย้ายไปนอนที่ห้องหม่อมไหมทางปีกใต้ตั้งแต่วันแรกที่หม่อมเสียแล้วนี่ค่ะ” อย่างนี้นี่เองเส้นทางจึงไม่เคยบรรจบพบพาน

“รบกวนนวลช่วยอะไรฉันที ขอของว่างเพิ่มอีกที่ได้ไหม ฉันจะรอที่นี่ เดี๋ยวจะเอาขึ้นไปให้เธอเอง”

“ค่ะ คุณชาย”



ในความทรงจำ ครั้งหนึ่งเมื่อน้องน้อยมักชอบแอบซ่อนตัวเมื่องอนพี่ชาย

‘ชายเกิ้งไปแกล้งอะไรอรุณน้อยของแม่’

‘เปล่านี่ครับ’

‘งั้นเกิ้งก็ตามหาน้องเอง’

‘เกิ้งหาทั่ววังมาสามรอบแล้ว’

‘ก็ถ้าเกิ้งไม่บอกแม่ แม่ก็ไม่ช่วยตามหาอรุณ’

‘แค่ เกิ้งลงมากินขนมเมื่อคืนวาน แล้วอรุณไม่ยอมมา’

‘อรุณบอกว่า แม่จ๋าไม่ให้กินอาหารตอนกลางคืน’

‘แล้วอย่างไรอีกคะ’

‘เกิ้งก็เลยลงมาจากตึกคนเดียว’

‘เกิ้งเลยทิ้งน้องไว้อย่างนั้นสิ’ แม่จ๋ามักรู้ทันเสมอ

‘.........................................’

‘ชายเกิ้งว่าเรื่องนี้มีใครทำผิดไหม มีใครต้องขอโทษไหม’

‘…………………………………….’ 

‘ว่าอย่างไรคะ’

‘เกิ้งผิดครับ เกิ้งขอโทษ’

‘ลูกเกิ้ง รักน้องไหมลูก’

‘รักครับ’

‘ถ้ารักน้อง ลูกเกิ้งของแม่อย่าทิ้งน้องนะลูก’

‘ครับ’ แม่จ๋าส่งรอยยิ้มหวานพร้อมกระซิบ

‘ถ้าจะตามหา ‘มด’ ต้องแกะจากรอยน้ำตาล’ แม่จ๋าเก่งที่สุดเสมอ สิ่งที่ต้องทำก็เพียงวิ่งไปคอยที่โรงครัว รอดูว่าของว่างของอรุณน้อยจะยกไปตั้ง ณ ที่ใด เป็นอย่างนี้มานานและมิเคยเปลี่ยน


“ขอบใจมากจ้ะนวล วางไว้ก่อนเถอะ” เสียงเบาเอ่ยทักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าอีกคนเข้ามา คงเป็นเรื่องประจำ ๆ ทุกวัน จึงไม่แม้แต่จะหันมามองคนถือของว่างเข้ามา

ระเบียงห้องหนังสือเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาทางด้านขวาของตัวตึกติดกับสวนสวยหลังวัง ร่มรื่นด้วยต้นปีบต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเขียวขจีปกคลุม แซมด้วยดอกสีขาวพราวทั่วต้น ส่งกลิ่นหอมจาง ๆ อรุณมักจะหาสถานที่สงบซ่อนตัวได้ดีจริง ๆ

เสื่อสีน้ำตาลอ่อนถูกปูเต็มทั่วพื้นที่ หมอนเล็กใหญ่สีครีมหลายขนาดวางกระจาย โต๊ะไม้ตัวขนาดย่อมวางกองหนังสือไว้มุมหนึ่ง และพื้นที่ว่างบนโต๊ะที่เหลือไว้คงใช้สำหรับวางของว่างที่เพิ่งนำเข้ามา

เจ้าตัวยังคงนอนเอนทับหมอนนุ่มหลายใบหนังสือเล่มใหญ่ปิดหน้าไว้ ดูท่าบ่ายวันนี้หนังสือน่าจะอ่าน ‘คนอ่าน’ ซะมากกว่า จึงวางของว่างที่โต๊ะ แล้วทิ้งตัวนั่งเอนลงบนหมอนอีกมุมหนึ่ง

“มาอยู่ที่นี่เองหรือ หาเสียนาน”

“.......คุณชาย” หนังสือถูกดึงออก ก่อนที่ดันตัวจะลุกขึ้นหันมามองตามเสียง

“พี่เอง”

“คุณชาย มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ สั่งนายกรอบมาก็ได้”

“ใจคอ จะไม่คุยกันบ้างเลยหรือ”

“......มิได้”

“อยากคุยด้วย ตั้งแต่กลับบ้านมาเรายังไม่ได้คุยกันบ้างเลย”

“ก็ยุ่ง ๆ อยู่”

“พี่เห็นแล้ว จึงขอกวนเวลาพักเสียหน่อย ได้ไหม”

“ครับ คุณชาย”

“เรื่องแรกเมื่อไหร่จะเลิกเรียกพี่ว่า ‘คุณชาย’ คะ”

พี่จำต้องใช้กลยุทธ์ตามหา ‘มด’ ตามหาคนที่แอบซ่อนตัวไปทั่ววัง กว่าจะได้มีโอกาสคุยกันแต่ละครั้งช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียนี่กระไร และกว่าเรื่องแรกที่พูดกันจะเกลี้ยกล่อมให้ยอมตามกันได้ก็อาทิตย์สุดท้ายที่จะเดินทางกลับ
 
ในวันพระราชทานเพลิงพระศพท่านพ่อและแม่จ๋า แม้ว่าจะผ่านระยะเวลาแห่งการทำใจมายาวนานเพียงใด แต่เมื่อถึงวันที่ท่านทั้งสองที่เรารักยิ่งต้องลาจาก โดยเฉพาะเมื่อมิมีวันได้หวนคืนกลับอีกตลอดกาล ก็ยากเหลือเกินที่จะบังคับจิตใจไม่ให้สั่นไหว

อีกทั้งเมื่อต้องเก็บกดไว้ภายใน และจำฝืนแสดงออกไปให้คนภายนอกรับรู้ว่าเข้มแข็งพอที่จะต้องดำรงชีวิต และเป็นเสาหลักให้กับครอบครัวต่อไปได้ จึงทำได้เพียงนิ่งเงียบไร้คำพูดใด
 
มีเพียงกำลังใจเดียวจากคนที่ยืนเคียงข้าง ซึ่งต่างก็รับรู้ว่าดวงใจทั้งสองแสนเจ็บปวดรวดร้าวเพียงไหน แม้จะไร้ซึ่งคำปลอบโยนใด ๆ แต่สายตาที่ทอดมองมาก็ทำให้รู้ซึ้งว่าเรายังคงมีกันและกันอยู่เสมอ

ไม่ได้มีเพียง ‘คนเดียว’
แต่มี ‘อีกคน’ ที่จะยืนหยัดเคียงข้าง

เมื่องานสิ้นสุดแขกเหรื่อผู้คนมากมายที่มาร่วมอำลาอาลัยแสดงความเสียใจก็เริ่มทยอยกลับ วันอันแสนยาวนานทำให้แรงกายที่มีเริ่มเหือดหาย แรงใจที่เหลือน้อยนิดจึงได้แต่ค่อย ๆ ประคองตัวเองให้ทรุดนั่งลงมองเหม่อ สายลมโชยเอื่อยที่พัดพากลุ่มควันสีขาวบางเบาล่องลอย สู่สรวงสวรรค์
 
“พี่ชาย เรากลับบ้านกันเถิดครับ” เสียงกระซิบเพียงแผ่วเบากับรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวานในวันนั้น ยังติดตราตรึงใจตราบเท่าทุกวันนี้

เหมือน ‘ลมหนาว’ ที่พัดผ่านมาในช่วงหน้าร้อน
เหมือน ‘สิ่งมหัศจรรย์’ ได้บังเกิด

และวินาทีนั้นเอง

เป็นวินาทีแรกที่รับรู้ว่ารักที่แท้จริงนั้น เป็นเช่นไร

เป็นวินาทีแรกที่มั่นใจว่าควรฝากหัวใจไว้ ณ ที่ใด

เป็นวินาทีแรกที่จุดมุ่งหมายแห่งชีวิต ชัดเจนอีกครา

แม้ในตอนนี้พี่เองแสนน้อยใจนัก เพราะเพียงระยะเวลาไม่นาน ใครบางคนก็หลงลืม ‘พี่ชาย’ อีกแล้วกระนั้นหรือ ถึงทำให้จดหมายทั้งสองฉบับที่ส่งมาจึงเขียนถึงแต่คุณชายศศินกุล
 
จึงเริ่มหวั่นใจว่าหัวใจของใครบางคนอาจจะแปรเปลี่ยน

และได้แต่เฝ้าวิงวอน...อีกเพียงไม่นาน

ไม่นานหรอกนะคนดี พี่จะรีบกลับ

กลับไปหาเจ้าของหัวใจ


ด้วยความคิดถึงอย่างยิ่ง
พี่ชาย






วังศศิธร
เรียน คุณชาย

คำนิยามถึง ‘สิ่งมหัศจรรย์’ สำหรับแต่ละคนนั้นอาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามการตีความและบริบท แต่บางครั้งก็ด้วยความมหัศจรรย์อีกเฉกเช่นเดียวกันที่ทำให้คนสองคนเห็นพ้องต้องกัน

ครั้งหนึ่งในอดีต เด็กชายมอมแมมคนหนึ่งได้รับความกรุณาจากท่านพ่อและแม่จ๋ารับมาเลี้ยงดูอุ้มชูดุจดังบุตรชาย อีกทั้งยังได้รับความรักความเมตตาจากครอบครัวใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

แม้จะสมบูรณ์พูนสุขจากความรักอันเปี่ยมล้นเพียงใด แต่เมื่อบุคคลที่รายล้อมยังคงเฝ้าพูดถึงประวัติที่มาอย่างกันเนือง ๆ โดยเฉพาะเพื่อนใหม่ที่โรงเรียนซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยนักเกินกว่าผู้ใหญ่จะสังเกตได้ ก็ทำให้เด็กน้อยที่แสนอ่อนแอในวันนั้น อดที่จะน้อยใจในกำเนิดของตัวเองมิได้

แล้ว ‘ความมหัศจรรย์’ ก็บังเกิด เมื่อใครบางคนลุกขึ้นประกาศตัวเองว่าเป็น ‘พี่ชาย’เน้นย้ำปกป้องดูแลน้องน้อยของตนตลอดมา ทำให้ ‘ปม’ ของเด็กน้อยบรรเทาเบาบาง

คำว่า ‘พี่ชาย’ คำสั้น ๆ เพียงคำเดียวที่อยู่ในใจ จึงมีความหมายยิ่งนักสำหรับหัวใจเด็กน้อยคนนั้นตราบเท่าถึงทุกวันนี้

ได้โปรดกลับไปย้อนความในจดหมายของคุณชายเองเถิด แม้ใจความในจดหมายที่พยายามสื่อ จะตีความได้หลายหลากมากมายนัก แต่น้องน้อยในวัยเยาว์วันนั้น กลับถูกกาลเวลาอันยาวนานลบเลือนออกจากความทรงจำของคุณชายจนเกือบหมดสิ้น

ทั้งที่ ‘มด’ ตัวเล็กยังคงเป็นเพียงมดตัวเดิม

หากปัจจุบันก็เป็นได้เพียง ‘อรุณ’ ใน ‘ความรู้สึกใหม่’ ฉาบฉวยชั่วคราวที่คุณชายพบพานในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้นเอง

น้องน้อยกับพี่ชายในอดีตคงเป็นได้เพียงความทรงจำสีจางเลือนรางของใครบางคน
แต่กลับชัดเจนแจ่มชัดสำหรับใคร ‘อีกคน’ เสมอ

ดังนั้นจึงเป็นเรื่อปกติของ ‘สิ่งมหัศจรรย์’ ที่คงไม่ได้พบพานกันได้บ่อยครั้ง
เฉกเช่น ‘ลมหนาว’ กลางเดือนเมษา

จึงเรียนมาขอยืนยันที่จะคงสงวนคำว่า ‘พี่ชาย’ ของน้องน้อยในวันนั้น เก็บระลึกไว้ใน ความทรงจำไว้แต่เพียงผู้เดียว

ด้วยความเคารพยิ่ง
อรุณ


#JKLTHESERIES
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2018 14:18:52 โดย justwind »

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; STRENGTH 11.01.2018
«ตอบ #7 เมื่อ11-01-2018 09:38:09 »

Just…Strength;

๔. แข็งแกร่ง



เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา
ถึง อรุณ


พี่ขอโทษอรุณ
‘ขอโทษ’ คำนี้คงเป็นเพียง ‘คำ’ คำเดียวที่สามารถบรรยายความรู้สึกทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ภายในหัวใจตอนนี้ เพราะมันเป็นความสัตย์จริงที่ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา วันเวลาทำให้อดีตเป็นเพียง ‘ความทรงจำสีจาง’ สำหรับพี่ และคงจะไม่สามารถกล่าวโทษใครอื่นได้

แม้ตัวพี่เองจะมิได้เต็มใจเลือกเส้นทางที่ต้องเดินจาก ‘บ้าน’ ของเรามาก็จริง แต่ก็ยังผิดอย่างเต็มประตูเมื่อปล่อยให้ความทรงจำครั้งเยาว์วัยครั้งที่มี ‘ของรัก’ อยู่เคียงคู่เจือจางเลือนหาย

จดหมายจากเมืองไทยฉบับสุดท้ายที่แม้จะแสนสั้น แต่ช่างสะท้อนความรู้สึกที่มีของผู้เขียนจดหมายอย่างชาญฉลาด เสมือนฉุดกระชากคนที่กำลังล่องลอยอยู่ในความฝันให้ลงมาพบกับโลกแห่งความเป็นจริง

พี่รู้แล้วว่า ‘อีกคน’ น้อยใจมากเพียงไร
และอยากเพียงให้ ‘อีกคน’ รู้ว่าพี่เสียใจมากเพียงใด

พี่สัญญาว่าจะไม่ร้องขอ ‘ของรัก’ ที่พี่คิดเสมอว่าเป็นของ ๆ พี่ ในอดีตให้หวนกลับมาอีกต่อไป แต่ขอเพียงให้มั่นใจ และเชื่อใจเถิดว่าความรู้สึกที่มีในปัจจุบันมิเคยเป็น ‘ความรู้สึกใหม่’ ที่ฉาบฉวยชั่วคราวได้เลย พี่ยังขอยืนยันว่าตอนนี้จุดมุ่งหมายพี่แน่ชัดแล้ว และตระหนักแล้วว่าเจ้าของหัวใจดวงนี้ยังคงเฝ้ารออยู่ ณ ที่ใด

แม้กาลเวลาจะผันผ่านมานานเท่าใด

แม้อดีตจะไม่มีวันหวนกลับ

แม้อะไรอะไรจะแปรเปลี่ยน

แต่พี่ขอให้คำมั่นว่าจากวันนี้ และตลอดไปพี่จะกระทำทุกวิถีทางที่ทำให้ได้ ‘ของรัก’ กลับคืน แม้จะต้องกลับไปเริ่มจากก้าวแรกอีกครั้ง กลับไปเริ่มจากศูนย์ พี่ก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

เพียงวิงวอน ขอโอกาสสำหรับพี่อีกสักครั้งเถอะนะคะ คนดี

ยังโชคดีอยู่บ้างที่จดหมายฉบับก่อนหน้านี้จากเมืองไทยส่งมาถึงมือพี่ในช่วงปิดภาคการศึกษา จึงทำไม่ต้องนำร่างที่เสมือนไร้ซึ่งวิญญาณไปให้คนอื่น ๆ ได้พบเห็นมากนัก ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งเทอม เหลืออีกเพียงสองเทอมเท่านั้น ที่พี่เฝ้านับวันนับเวลาแทบจะทุกลมหายใจเข้าออกที่จะได้กลับ ‘บ้าน’ ของเรา

การปิดภาคเรียนแรกนี้ เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหน ได้แต่นั่งเฝ้าแต่อ่านทบทวนถ้อยความในจดหมายทั้งสามฉบับวนไปเวียนมา แล้วจึงทำให้ตระหนักถึงความจริงอีกสองเรื่อง เรื่องแรก พี่แน่ใจเหลือเกินว่าจดหมายจากแม่จ๋าทุก ๆ ฉบับที่ถูกส่งมาจากเมืองไทย นับตั้งแต่ฉบับแรกจวบจนฉบับสุดท้ายว่าแท้จริงแล้ว ‘ใคร’ เป็นคนเขียน

แม้เนื้อหาใจความของจดหมายส่วนมากจะเล่าเรื่องราวความเป็นไป สารทุกช์สุขดิบของบ้านเราในมุมมองของแม่จ๋า แต่ในสำนวนการเขียน รูปประโยค และลายมือชี้ชัด ช่างไม่ต่างกับจดหมายสามฉบับสุดท้ายเมื่อแม่จ๋าล่วงลับไปแล้ว

เป็นอรุณมาตลอดสินะ ในจดหมายตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา

ทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นในความคลับคล้ายอย่างยิ่งระหว่างคนสองคน ซึ่งราวกับว่า ‘อีกคน’ จะซึมซับมุมมอง ความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนความอ่อนหวานของแม่จ๋าไว้ได้อย่างหมดจดครบถ้วน จึงไม่แปลกใจว่าทำไมตัวพี่เองถึงได้รู้สึกดังว่า สายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงตัวพี่กับบ้านของเรา ยิ่งนับวันยิ่งพันผูกแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่เกาะเกี่ยวเชื่อมโยงจิตใจนั่นยังคงเป็นความรักความห่วงหาอาทร จากครอบครัว ‘ของเรา’ เสมอมา และจาก ‘ผู้เขียน’ คนเดิมตลอดมา

เรื่องที่สอง เมื่อตีเนื้อความของจดหมายทั้งสามฉบับแล้ว ทำให้พี่กระจ่างชัด และเต็มตื้นในหัวใจอีกเรื่องหนึ่ง ว่า ‘อีกคน’ ยังคงเป็น

คนคนเดิม

น้องน้อยคนเดิม

มดตัวเล็กตัวเดิมเสมอ

ได้เฝ้าแต่ภาวนาให้มันเป็นความจริงที่ ‘ของรัก’ ยังคงเป็นของเจ้าของคนเดิมอยู่เช่นกัน
ทั้งสองเรื่องจึงทำให้พี่กลับมามี ‘แรงใจ’ เพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง กลับมา ‘แข็งแกร่ง’ ได้ดังเดิม

พี่จะ ‘เชื่อมั่น’ ในสิ่งที่พี่สัมผัสรับรู้ได้ด้วยตนเอง และฟังเสียงจากความรู้สึกภายในของตัวเอง ดังที่ ‘อีกคน’ ได้เคยกล่าวไว้ และขอเพียง ‘โอกาส’ อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

‘โอกาส’ ที่จะพิสูจน์ตัวเอง ‘โอกาส’ ที่จะได้เริ่มต้นใหม่
‘เกิ้ง’ จะไม่ร้องขอให้ ‘อรุณ’ เรียกว่าพี่ชายอีก

และ ‘เกิ้ง’ ก็จะไม่เรียก ‘อรุณ’ ว่าน้องน้อยอีกต่อไป

เพราะความรู้สึกภายในหัวใจตอนนี้มันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และอยากบอกย้ำซ้ำให้รับรู้ว่า ความรู้สึกในครั้งนี้ไม่มีวันเป็นได้เพียง ‘ความรู้สึกใหม่’ แต่เป็นความรักที่ลึกซึ้งและผูกพันที่มีแต่ครั้งอดีต ประกอบกับความประทับใจ เต็มตื้น ชื่นใจ หลงใหล ห่วงหาในปัจจุบัน

ที่ทำให้หัวใจรักแปรเปลี่ยน
และตราบเท่ายังมีลมหายใจมันจะมิมีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้อีกเลย

จะไม่ขอให้เชื่อด้วยเพียงคำพูดหรือตัวอักษร
แต่จะพิสูจน์ด้วยหัวใจรักและการกระทำ

ด้วยหัวใจรัก
เกิ้ง












วังศศิธร
เรียน คุณชายเกิ้ง

ช่วงนี้ที่เมืองไทยเริ่มย่างเข้าสู่หน้าหนาว ถ้าเป็นเมืองที่คุณชายอยู่คงเรียกว่าฤดูใบไม้ร่วงกระมัง เพราะต้นไม้ใบไม้บางส่วนในสวนหลังวังที่เป็นต้นไม้ฝรั่ง ดังที่ท่านพ่อเคยเปรียบ เริ่มผละใบร่วงกราวกระจายเต็มทั่วสวน ทำให้สนามหญ้าเขียวชอุ่มมีสีเหลือง ส้ม แดง ตัดกันอย่างน่าชม

จึงได้ขอร้องให้คนดูแลสวนเก็บบรรยากาศที่ปีหนึ่งจะพบเห็นได้สักครั้งนี้ไว้ และจึงลองสเกตภาพดูเล่น ๆ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้น เจ้าของสวนคนใหม่ ‘เจ้าจ้อย’ ที่ยึดเอาสวนสวยเป็นที่บัญชาการกองทัพเล็ก ๆ ในช่วงปิดเทอม จึงตั้งใจบ่นให้ได้ยินดัง ๆ ว่า ‘งูจะกัด’ จึงต้องยอมให้คนสวนเก็บใบไม้ทิ้งเสีย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มลงสี ตั้งใจว่าถ้าลงสีเสร็จจะส่งมาให้คนไกลบ้าน ได้ดูเล่นเผื่อช่วยบรรเทาอาการคิดถึง ‘บ้าน’

อีกทั้งช่วงนี้งานต่าง ๆ ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง ดูจะลงตัวมากขึ้น ไม่แน่ใจว่าเพราะช่วงนี้ปริมาณงานซาลง หรือเริ่มจะปรับตัวได้ จึงทำให้มีโอกาสแอบหนีมาทำอะไรอะไรเล่น ๆ ตามใจตัวได้บ้าง แต่ดูเหมือนคุณก๋งจะมีหน่วยสืบราชการลับที่วัง พอท่านเห็นว่าเริ่มกลับมาวาดภาพ ทำลูกอมเล่น ท่านก็ถือโอกาสลาพักร้อนท่องเที่ยวช่วงปลายปีเสียอย่างนั้น จึงจำต้องกลับไปรับหน้าที่ดูแลห้างเต็มตัว และทำให้ภาพวาดที่ตั้งใจจะลงสีจึงยังไม่ได้เริ่มลงมืออยู่นั่นเอง

เมื่อกลับมาพบอีกครั้งภาพวาดที่สเกตโครงร่างไว้ ก็กลับกลายเป็นภาพพิมพ์ใบไม้หลากสี ด้วยฝีมือเจ้าเด็กที่ปิดเทอม พอจับมาซักก็ได้ความว่า

‘ขอโทษ’

‘เห็นยุ่ง ๆ อยากจะช่วย’

‘เสียใจหรือ สัญญานะต่อไปจะไม่ทำแล้ว’

พอเห็นเจ้าตัวคนผิดน้ำตาคลอรื้นปรี่เต็ม จึงจำต้องยกให้ จนใจจะเอาความผิดอะไรกับเด็ก คงได้แต่ปลอบตัวเองว่าก็คงผิดเหมือนกันที่ไม่เก็บ ไม่ได้บอก ไม่ได้กำชับให้ดีเอง

จะหลากใจก็เพียงว่าช่วงนี้เห็นจะได้รับคำ ‘ขอโทษ’ มากเสียจริง
และอ่อนใจที่ตัวเองโกรธไม่ลงแม้สักเรื่องเดียว

จึงได้แต่เพียงส่งใบไม้ที่ปลิดปลิวจากสวนมาให้แทนภาพวาดที่ตั้งใจ และสีที่เห็นหลังใบไม้ก็เป็นอย่างที่เล่ามา เป็นใบที่เจ้าเด็กซนใช้พิมพ์ลงในภาพวาดนั่นเอง

เมื่อคุณก๋งกลับมาจากท่องเที่ยว ก็คิดว่าคงจะพอมีเวลาว่างบ้าง ยังอยากทำลูกอมน้ำตาลปั้นที่เคยลอง ๆ ทำ ดังที่เคยเล่ามาในจดหมายฉบับก่อนหน้า เพราะอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่แอบฝากแผนกจัดซื้อของห้างสั่งมาจากต่างประเทศได้ส่งมาถึงวัง

เมื่อช่วยกับลูกมือรายเดิมแกะห่ออุปกรณ์ เจ้าตัวยุ่งถึงกับถามว่า ‘จะเปิดร้านขนมหรือ’ จึงทำให้ฉุกคิดว่าในเมื่อลงทุนกันถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าสำเร็จก็อยากลองเปิดกิจการทำขนมหวานน่าจะดี

ในเมื่อก็เป็น ‘มดตัวเดิม’ อยู่แล้ว ทำอะไรจะดีไปกว่าทำขนมหวาน

ไม่แน่ใจว่าคุณก๋งจะยอมให้เซ้งพื้นที่ในห้างท่านเปิดร้านขนมหรือไม่ แต่ก็น่าลอง เพราะมีลูกมืออาสามาสมัครเป็นผู้ร่วมหุ้นรายแรก ‘ช่วยลงแรงอย่างไรล่ะ’ และมีนาย กรอบมาสมัครเป็นรายที่สอง ‘กระผมช่วยชิมให้’

เมื่อมีกองทัพ ‘มด’ มาเพิ่มเติม ดูเหมือนว่ากิจการน่าจะเริ่มต้นได้ดี

แต่เมื่อจะเริ่มต้นออกไปหาซื้อน้ำตาล (คงขอปันจากครัวของแม่แพรวมาไม่ได้แล้ว เห็นครั้งก่อนที่ทำเสียไปแกดูจะเคือง ๆ อยู่) ท่านอาก็มาทาบทามให้ช่วยเล่นดนตรีให้ในงานแสดงดนตรีของเธอ โครงการที่จะเปิดกิจการของกองทัพ ‘มด’ จึงเป็นต้องพับเก็บไป เมื่อต้องกลับไปซ้อมเปียโนอย่างจริงจังอีกครั้ง และเวลาว่างที่พอจะมีบ้างก็คงจะหมดลงโดยปริยายด้วยเช่นกัน

แต่ก็ยังคงเก็บความคิดและอุปกรณ์ไว้เป็นอย่างดี ในเมื่อมุ่งมั่นตั้งใจจะทำจริงก็จะลองใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกซักนิดแล้วกัน

เพียงแต่ต้องทำใจว่า ‘โอกาส’ มักไม่ได้มาง่าย ๆ ดังใจคิดเสมอ
แต่ถ้ายังคงอดทนรอและตั้งมั่นจริงสักวันหาก ‘โอกาส’ มาถึงก็คงได้สมใจ

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนได้ไปงานกับคุณก๋งที่สมาคมหอการค้า จึงได้พบกับเพื่อนเก่าสมัยวัยเยาว์ ไม่แน่ใจว่าคุณชายยังคงจำคุณหญิงแพร (หม่อมราชวงศ์แพรพิลาส) ได้หรือไม่ คุณหญิงตัวเล็กน่ารักดังตุ๊กตาปั้นที่เธอเคยมาวิ่งเล่นกับเราเสมอ ๆ เมื่อมารดาของเธอหม่อมป้าพรรณรายเพื่อนสนิทแม่จ๋ามาเยี่ยมเยียนที่วัง

หญิงแพรเพิ่งกลับมา หลังเรียนจบจากปีนัง เธอไปเรียนที่นั่นหกปีเห็นจะได้กลับมาเธอก็ยังคงเรียบร้อย ขี้อายเหมือนดังเดิม พบกันครั้งแรกที่งาน ชวนเธอคุยไปเกือบสิบประโยคเธอจะตอบกลับมาไม่เกินสองสามคำ

หม่อมป้าเธอมาฝากให้คุณก๋งช่วยรับเธอเข้ามาลองช่วยงานที่ห้างดู เพื่อได้เปิดหูเปิดตา เห็นว่าอยู่แต่ที่วังกลัวจะเหงา จึงทำให้ได้เพื่อนในวัยเด็กมาเป็นผู้ช่วยดูแลเอกสาร การพิมพ์ การแปล และเป็นเลขานุการส่วนตัวให้

เธอมาเริ่มงานได้เกือบอาทิตย์แล้ว เรื่องงานดูจะไม่ใช่ปัญหา ภาษาของเธอใช้ได้ดีทีเดียว เมื่อเอ่ยชมไปก็อายหน้าแดงไม่ต้องพูดกันไปอีกเป็นชั่วโมง แต่ที่เห็นจะมีปัญหาก็คงเป็นความอายของเธอเช่นเดียวกัน

วันแรกที่เธอมาทำงานก็พยายามให้เธอรู้จักกับสาว ๆ แผนกต่าง ๆ เผื่อจะได้ประสานงาน หรือเป็นเพื่อนไปทานข้าวพูดคุยกันบ้าง แต่ที่ผ่านมาเธอยังคงไม่กล้าชวนใครคุยด้วยอยู่นั่นเอง

จึงทำให้มีหน้าที่ใหม่ต้องเป็นเพื่อนคุยเพื่อนกินข้าวกับคุณหญิงเธอ เพราะนึกเอ็นดู อาจเพราะคงไม่ต่างจากตัวเองเมื่อตอนเด็กเท่าไหร่นัก

จำได้ว่าปีแรก ๆ ที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่วังศศิธร นอกจากแม่จ๋าแล้วก็ไม่กล้าพูดคุยกับใครมากนัก ถ้าไม่ได้เด็กชายแสนซนที่ฉุดกระชากลากจูงออกไปจากอกแม่จ๋า พาไปวิ่งเล่นหยอกล้อคนโน้น กระเซ้าคนนี้ไปทั่ววัง ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีความกล้าจะพูดคุย ทำความรู้จักผู้อื่น ยืนหยัดในสังคมมาได้เหมือนทุกวันนี้หรือไม่

เมื่อนึกย้อนกลับจึงต้องขอบคุณเด็กชายคนนั้นมากนักที่ช่วยเติม ‘ความแข็งแกร่ง’ ให้ โดยการทำตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับ ‘อีกคน’ เสมอมา และทำให้ทุกวันนี้ไม่รู้สึกแปลกแตกต่างเหมือนที่แล้ว ๆ มา จึงอยากลองเผื่อแผ่ ‘ความแข็งแกร่ง’ ไปให้กับหญิงแพรเธอดูบ้าง เผื่อสักวันเธอจะแข็งแรงขึ้น นี่เองคงเป็นเหตุผลที่หม่อมป้านำเธอมาลองช่วยงานกระมัง แต่ทุกอย่างเมื่อครั้งเริ่มต้นมักจะยากยิ่งเสมอ ยิ่งต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ก้าวแรก ตั้งแต่ทุก ๆ อย่างที่เป็นศูนย์

แต่ก็เชื่อมั่นว่าคนเราหากมุ่งมั่น ตั้งใจจะทำอะไรจริง ๆ ก็คงไม่ยากเกินกว่าความพยายาม ไปได้ จึงได้แต่เฝ้าเป็นกำลังใจให้การย่างก้าวครั้งแรกในทุก ๆ เรื่องเสมอ  หวังว่าคุณชายคงจะสบายดี

ด้วยความเคารพยิ่ง
อรุณ


#JKLTHESERIES

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; FALL IN LOVE 12.01.2018
«ตอบ #8 เมื่อ12-01-2018 09:08:59 »

Just…Fall in love;

๕. มีรัก



เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา
ถึง อรุณ


พี่สบายดีครับ

ขอบใจมากสำหรับใบไม้ที่ปลิดปลิวจากสวนหลังบ้านของเราที่ส่งมาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ แม้มันจะไม่สามารถผ่อนคลาย หรือบรรเทาความคิดถึง ‘ของรัก’ ของพี่ได้แต่อย่างใด หากก็ทำให้รับรู้ถึงน้ำใจของอีกคนที่ตั้งใจรักษาสัญญาที่ให้ไว้ อีกทั้งใบไม้แห้งใบเล็ก ๆ ใบนั้น ยังคงเร้าเร่งความปรารถนาให้กลับคืนไปชื่นชมวิวทิวทัศน์และภาพวาดนั้นด้วยตาของตัวเอง

แต่ในเมื่อตอนนี้ ‘โอกาส’ นั้นยังมาไม่ถึง จึงเข้าใจ และยอมรับว่า ‘โอกาส’ มักไม่ได้มาง่าย ๆ ดังใจคิด เพียงแต่ขอให้รู้ไว้ว่ายังมีคนไกลที่ยังคงเฝ้ารอ ‘โอกาส’ นั้น ทุกลมหายใจเข้าออก

เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมาย แม้ไม่พบคำตอบที่เฝ้าวิงวอนไถ่ถาม พบแต่เพียงแต่ความนัยในใจความของจดหมาย และหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสิ่งที่ได้ตระหนักรับรู้นั้นมิได้เพียงตีความเข้าข้างตัวเอง

ขอบคุณอีกครั้ง

สำหรับ คนใจอ่อนที่ยอมรับคำ ‘ขอโทษ’

สำหรับ ‘โอกาส’ ที่ให้สำหรับคนที่เฝ้ารอ ‘โอกาส

สำหรับ กำลังใจในการเริ่มต้น ‘ย่างก้าวครั้งแรก’ เพื่อเดินไปเส้นทางแห่งปรารถนา


แต่ยังคงหวั่นใจยิ่งนักว่า ‘โอกาส’ ที่เฝ้ารอนั้นจะกลับกลายเป็นของผู้อื่นไป ยิ่งมีน้ำตาลอันแสนอ่อนหวานรายล้อมชิดใกล้ ยิ่งกลัวใจ ‘มดตัวน้อย’ อาจแปรเปลี่ยน และกริ่งเกรงใจยิ่งนัก ว่าเป็นด้วยน้ำตาลที่เมืองไทยหรือไม่ ที่ทำให้ใครบางคนปฏิเสธคำชวนของพี่ในตอนนั้น

ตอนที่ ‘มดตัวน้อย’ ของพี่ช่างตามหาตัวพบได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะเมื่องานของท่านพ่อและแม่จ๋าเสร็จสิ้น แม้ใครบางคนจะยอมเอื้อนเอ่ย สิ่งที่ดวงใจหวนหามาโดยตลอด

‘พี่ชาย เรากลับบ้านกันเถิดครับ’ แต่หลังจากนั้นน้องน้อยของพี่ชายกลับหลบหลีกซ่อนเร้นกายยิ่งกว่าเดิม


จำต้องใช้วิธีสุดท้าย

“นายกรอบ ช่วยตามอรุณมาพบฉันที่ห้องหนังสือที ฝากบอกว่ามีธุระจะคุยด้วย”

“ขอรับคุณชาย”

“ช่วยขอของว่างจากแม่นวลให้สองที่ด้วยนะ” ในเมื่อตามหาเจ้าตัวไม่พบ เห็นทีต้องใช้คำสั่งบังคับกันบ้าง แล้วจึงไปนั่งรอจิบน้ำชายามบ่ายที่เฉลียงระเบียงห้องหนังสือ ฐานทัพเดิมของมดตัวเล็กที่เจ้าตัวได้ทอดทิ้งไว้เมื่อถูกค้นพบ

“คุณชายให้พบมีธุระอะไรหรือครับ” ใช้เวลาเพียงไม่นานเจ้าของร่างโปร่ง ก็มาพบตามคำสั่ง

“ถ้าไม่มีธุระอะไร พี่คงไม่ได้พบหน้าอรุณเลยกระมัง”

“มิได้ ถ้าคุณชายมีเรื่องอะไร ก็เรียกให้ ‘รับใช้’ ได้เสมอ”

“อรุณ ถ้าพี่ไม่อยากให้ ‘รับใช้’ อะไร เราคุยกันบ้างมิได้หรือ”

“.............” เด็กดื้อเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเช่นเดิม

“นั่งก่อนสิอรุณ คุยเป็นเพื่อนพี่หน่อย”


เจ้าตัวจึงยอมทิ้งตัวนั่งลงที่เสื่อฝั่งตรงข้าม จึงรินน้ำชาลงในแก้วกระเบื้องเคลือบสีขาว และส่งให้คนที่นั่งทอดมองวิวเบื้องล่าง เพื่อยึดเพื่อนคุยไว้ให้ได้นานที่สุด

“น้ำชาค่ะ ทานของว่างด้วยกันนะคะ”

“ขอบคุณครับ” เมื่อเจ้าตัวหันกลับมารับแก้วน้ำชา จึงรีบถามต่อ

“ทำอะไรอยู่ ยุ่งมากหรือ”

“ช่วงนี้ไม่ค่อยยุ่งมากแล้วครับ เหลือเพียงลงบัญชีรายรับรายจ่ายรายเดือน หลังจากงานท่านทั้งสองมีรายจ่ายมากพอควร ถ้าเสร็จแล้วจะส่งให้คุณชายตรวจดู”

“ไม่ต้องหรอกอรุณ พี่เชื่อ พี่รู้ว่าอรุณทำบัญชีช่วยท่านพ่อมานานแล้ว พี่เชื่อว่าทุกอย่างจะถูกต้องสมบูรณ์ดังเดิม”

“.......................................” ถามคำตอบคำสินะ

“แล้วต่อจากนี้ อรุณจะทำอะไรต่อหรือ” ใบหน้าเรียบเฉยเริ่มครุ่นคิด จนหัวคิ้วเริ่มมาขมวดติดกันอีกครั้ง

“คงพักสักระยะครับ แล้วคงต้องไปช่วยงานคุณก๋งที่ห้างสักที ท่านตามตัวมานาน”

“อรุณอยากเดินทางท่องเที่ยวบ้างไหม ไปอเมริกากับพี่ไหม” เป็นครั้งแรกที่คนข้าง ๆ เหลียวมามองคนถามเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหลบสายตา และตอบเบา ๆ

“คงไม่ได้หรอกครับ ไหนจะงานที่วัง ไหนจะงานที่ห้าง คุณก๋งท่านอายุมากแล้ว ไม่มีใครดูแล”

“อรุณพูดเหมือนพี่เป็นคนเห็นแก่ตัว ทิ้งน้อง ทิ้งบ้าน ทิ้งครอบครัว”

“ก็คุณชายต้องไปเรียน ไม่เหมือนกันหรอกครับ”

“ตอนนั้นพี่ได้ข่าวมาว่าท่านพ่อก็จะส่งอรุณไปเรียนต่อกฎหมายที่อังกฤษมิใช่หรือ”

“ครับ แต่แม่จ๋าไม่ค่อยแข็งแรง”

“เลยเลือกอยู่บ้าน” คนตรงหน้าจึงพยักหน้า พี่จึงได้แต่ทอดถอนหายใจ

“บางทีพี่ก็อิจฉานะ ท่านพ่อยอมให้อรุณเลือกได้ แต่ตัวพี่เองไม่เคยได้เลือก”

“ผมก็อิจฉาคนที่ได้เดินทางไปใช้ชีวิตต่างแดนครับ” เป็นรอยยิ้มกึ่งขำครั้งแรกที่ได้เห็น ก่อนที่เจ้ามดตัวน้อยจะหยิบของว่างเคี้ยวตุ้ย ๆ

“เลยอยากให้ไปด้วยกัน ไปเที่ยวเล่นหรือเรียนภาษาก็ยังดี ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่แค่เก้าเดือน”

“................................”

“ว่าอย่างไรคะ”

“คุณชายไปเถอะครับ ผมคงต้องอยู่ที่นี่ ธุระของวังมากเหลือเกิน คุณก๋งท่านก็ไม่มีใคร”


คำตอบปฏิเสธที่พี่มิอาจทัดทานได้ แต่เมื่อได้อ่านเรื่องเล่าจากจดหมายฉบับล่าสุด ก็อดนึกน้อยใจไม่ได้ว่าเด็กดื้อที่ปฏิเสธการเดินทางในครั้งนั้น อาจด้วยธุระส่วนตัวที่ยุ่ง ๆ ด้วยกระมัง

จดหมายฉบับนี้จึงปรารถนาเพียงทวงถามถึง ‘คำมั่น’ ที่ได้ให้ไว้ ในคืนสุดท้ายก่อนวันเดินทางที่ตัดใจบุกเข้าไปอ้อนวอน ร้องขอ คำสัญญานั่นด้วยตัวเอง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“กรอบเข้ามาสิ ประตูไม่ได้ล็อก” คงคิดว่าเป็นต้นห้องคนสนิท คนเดิมกระมัง

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรีบ ค่อยเอามาให้พรุ่งนี้ก็ได้ ตอนเช้าต้องไปส่งคุณชายเธอ ยังไม่ได้ลงสีหรอก” เจ้าตัวพูดโดยไม่ละมือจากดินสอที่สเกตภาพวาดบนผืนผ้าที่ตรึงไว้ที่กรอบไม้

“งานอดิเรกหรือ”

“คุณชาย” หนุ่มน้อยในชุดนอนสีขาววางดินสอหันมาทันทีเมื่อได้ยินเสียง

“ไม่นึกว่านอกจากทำอาหาร เล่นดนตรี แล้วยังวาดภาพอีกด้วย” จึงเดินมาชื่นชมภาพวาดศาลาทรงไทยในสวนฝรั่งที่ถูกวาดโครงร่างคร่าว ๆ ไว้

“ครับ วาดเล่น ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร”


คงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หาตัวยากเหลือเกิน เพราะนอกจากกิจธุระมากมาย ยังมีงานอดิเรกที่เหลือล้น แสดงให้เห็นชัดถึงความซุกซนในวัยเด็ก

“ไม่เลวเลยนะ วาดให้พี่สักภาพได้ไหม”

“ครับ ถ้าพอมีเวลาจะวาดแล้วส่งไปให้”

“สัญญานะ พี่จะรอ”

“ครับ”

“เอ่อ คุณชายมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“พี่นอนไม่หลับ เห็นไฟยังเปิดอยู่เลยเดินมาหาเพื่อนคุย”

“คุยกับพี่สักนิดได้ไหมคะ” คำถามที่ไม่ได้คำตอบเช่นเดิม แต่กลับเดินนำออกมาที่ระเบียงของห้องปลายสุดทางทิศใต้ของตัวตึก


ห้องนอนห้องนี้เป็นห้องนอนเดิมของแม่จ๋า ซึ่งเป็นห้องสุดท้ายของตึกฝั่งปีกใต้ ตรงกันข้ามกับห้องหนังสือ และติดกับห้องนอนใหญ่ของท่านพ่อ ซึ่งมีประตูเชื่อมกันภายในห้อง


“ทำไมถึงย้ายมานอนปีกใต้คนเดียว ไม่บอกพี่บ้าง” ปล่อยให้เรารอเก้อ คอยเฝ้าฟังเสียงฝีเท้าผ่านผนังกันห้องนอนที่ตึกปีกเหนืออยู่นานสองนานทีเดียว

“......................”

“คิดถึง แม่จ๋า”



แม้คนตอบพยายามปิดบังอารมณ์ความรู้สึกไว้ในใบหน้าที่นิ่งเรียบเฉย แต่นัยน์ตาโศกกลับฉายชัดความอ่อนไหวของอารมณ์ จึงได้แต่เอื้อมมือไปกุมมือบางที่เกาะอยู่ริมขอบระเบียง และบีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจน้องน้อย

“ยังมีพี่อีกคนนะอรุณ”

“ครับ”

“พรุ่งนี้พี่จะเดินทางแล้ว”

“ครับ”

“อีกเก้าเดือนนะถึงจะกลับ”

“ครับ”

“รอได้ไหม รอพี่นิดได้ไหมคะ”
 
“อรุณ พี่สัญญาว่าจะรีบกลับ ขอเพียงอรุณรับปากว่าจะรอพี่”

“...................................”

“ครับ ผมจะรอคุณชาย”


พี่ยอมรับว่าก่อนหน้าความผูกพันที่มีให้น้องน้อย เป็นเพียงความเอ็นดูในความอ่อนโยน น่ารักสดใสของ ‘มดตัวเล็ก’ ที่เฝ้าคอยตามติดเป็นเพื่อนเล่นสมัยเยาว์วัย

ก่อนหน้าที่ใช้ชีวิตอยู่โดยลำพังในต่างแดน แม้จะมีคนอื่น ๆ ที่ผันผ่านเข้ามาในชีวิต ให้ได้รู้จัก และเรียนรู้ความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ

แต่หัวใจก็ไม่เคยประสบพบ ‘ความรัก’ อันเที่ยงแท้
จนกระทั่งได้กลับบ้าน จึงได้ตระหนักถึง


สายตา ที่หัวใจรักเฝ้าหลงใหลใฝ่หา

น้ำใจ ที่เปี่ยมล้นประทับจิตตรึงตรา

หัวใจ ที่แสนอ่อนโยน ละมุนละไม


ทั้งหมดนั้นได้หล่อรวมกับความรักความพันผูกที่ยึดเหนี่ยวหัวใจไว้ จึงได้รู้ว่าคนคนนั้นที่เฝ้าใฝ่ฝันถึงคะนึงหา กลับกลายเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด และเป็น ‘ของรัก’ ของตัวเองที่เฝ้าถนอมอยู่ตั้งแต่ต้น

ความรักน้องน้อยแต่ดั้งเดิม จึงแปรเปลี่ยนเป็น ‘ความรัก’ ที่เปี่ยมล้นอยู่ภายในหัวใจ
ถึงตอนนั้น ‘คำมั่น’ ที่ให้ไว้ ว่าจะรอคอย ในใจของใคร ‘อีกคน’ อาจมิได้หมายความรวมถึงรอคอย ‘ความรัก’ ของผู้ชายคนนี้
 
แต่ในวันนี้ เวลานี้ พี่อยากเฉลยความนัยของคำวิงวอน ร้องขอในวันนั้น
 
‘ขอให้อรุณรอคอยความรักของพี่ได้ไหม’

ความรักที่เสมือน ‘ฝน’ ที่ตกตอนหน้าแล้ง โอบอุ้มดวงใจที่เคยแหลกสลาย และทำให้ตระหนักว่ามิได้เหลือเพียงตัว ‘คนเดียว’ แต่ยังมีใคร ‘อีกคน’ ที่ให้รัก

จึงปรารถนาเพียงถามว่า
‘หัวใจอีกดวงนั้น มีกันและกันบ้างหรือไม่’

ความรักที่เสมือน ‘สายรุ้ง’ ทอแสงหลากสีสดใสงดงาม ผ่อนคลายความเศร้าเสียใจให้เบาบางลง เติมเต็มความอบอุ่นลงในเนื้อหัวใจ

จึงปรารถนาเพียงถามว่า
‘หัวใจอีกดวงนั้น มิพร้อมจะยอมรับการเติมเต็มจากหัวใจที่ฝากไว้บ้างหรือ’
 
ความรักที่เสมือน ‘ลมหนาว’ ที่พัดผ่านมาในช่วงหน้าร้อน ความมหัศจรรย์ของเสียงกระซิบเพียงแผ่วเบากับรอยยิ้มอันแสนอ่อนหวานที่ติดตราตรึงใจ

จึงปรารถนาเพียงถามว่า
‘หัวใจอีกดวงนั้นตระหนักรู้ถึงความรัก ห่วงหา อาทร ที่เฝ้าเพียรส่งไปมากน้อยเพียงใด’

ความรักที่เสมือน ‘ความแข็งแกร่ง’ ที่หวนกลับมาเพิ่มเติมแรงใจ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นกลับคืน โดยจะพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยหัวใจรักและการกระทำ

จึงปรารถนาเพียงถามว่า
‘หัวใจอีกดวงนั้น พร้อมที่จะเปิดรับการพิสูจน์ครั้งนี้หรือยัง’
 
ตอนนี้ตัวพี่เองเหมือนคนกำลัง ‘มีรัก’ ซึ่งนับวันยิ่งถลำลึกลงสู่ห้วงความปรารถนาอันลึกซึ้ง และไม่ว่าวันใดก็มิอาจมีสายตาทอดมองเห็นผู้ใดได้อีกต่อไป ในหัวใจรักดวงนี้

จึงปรารถนาเพียงถามว่า
‘หัวใจอีกดวงนั้น ยังพอปันแบ่งเสี้ยวเล็ก ๆ ให้กับคนคนนี้ได้บ้างไหม’
 
เมื่อปิดผนึกซองและส่งจดหมายฉบับนี้ ทุกลมหายใจเข้าออกคงเต็มไปด้วยความคาดหวัง ‘คาดหวัง’ แม้ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไรก็ตาม

เมื่อเลือกแล้ว เลือกที่จะสัตย์ซื่อกับความรู้สึกของตัวเอง

เพราะมันไม่สามารถปกและปิด เก็บและกด หัวใจที่ ‘มีรัก’ นี้ได้อีกต่อไป จึงยอมรับผลแห่งการกระทำครั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าของหัวใจจะตัดสินตอบรับความรักนี้ไว้ หรือปฏิเสธหัวใจรักคืนมาก็ตาม แต่ขอเพียงตระหนักว่าดวงใจที่ฝากไว้นั้น ยังจงรักและภักดีต่อเจ้าของเพียงคนเดียวเสมอ... ชั่วนิรันดร์

ด้วยรักและเฝ้ารอ
เกิ้ง


#JKLTHESERIES
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2018 09:13:14 โดย justwind »

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; LOST 13.01.2018
«ตอบ #9 เมื่อ13-01-2018 12:56:29 »

Just…Lost;

๖. หลงทาง




เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา
ถึง อรุณ
 
พี่รู้แล้วว่าการรอคอยที่สุดแสนจะทรมานนั้นเป็นอย่างไร

ชั่วระยะเวลาเพียงเดือนเศษที่เฝ้ารอคอยจดหมายตอบกลับด้วยความคาดหวัง คาดหวังเพียงจะได้รับคำตอบ และตั้งมั่นว่าไม่ว่าคำตอบนั้นจะเป็นอย่างไรตัวพี่ก็น้อมรับเสมอ

แต่เมื่อไม่มีคำตอบใด ไม่มีแม้แต่จดหมายที่เคยส่งมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่ ‘บ้าน’ ยิ่งทำให้พี่ยิ่งตระหนักชัดแจ้ง

คงสายไปแล้วสินะ... สายไปที่จะมาวิงวอน ร้องขอ ‘ความรัก’ ของใคร ‘อีกคน’

ในตอนนี้ ตอนที่อะไร อะไร คงจะแปรเปลี่ยนไปสิ้นแล้ว
ชายหนุ่มที่ภาคภูมิทรงเสน่ห์คนนั้น คงมิใช่ ‘มดตัวน้อย’ ตัวเดิมของพี่อีกแล้ว

‘ของรัก’ ที่คงมิมีวันเป็นของของพี่อีกต่อไป

คงทำได้แต่โทษตัวของตัวเองที่ปล่อยปละเวลาให้ล่วงเลย มาพบ ‘ของรัก’ ตอนที่สายเกินไป

คงทำได้แต่โทษตัวของตัวเองที่ละเลยหัวใจตัวเอง ไม่กล้าแม้จะสารภาพความในใจที่ใจตัวเอง ทั้งที่แน่ชัดตั้งแต่วันแรกที่ได้พบหน้า

คงเหมือนคน ‘หลงทาง’ ในทะเลทรายที่แห้งแล้งยิ่งนัก ‘ขาดน้ำ’ เป็นระยะเวลายาวนาน จนหัวใจ และสมองเริ่มไม่รับรู้ เฉยชากับความรู้สึกต่าง ๆ เมื่อมาพบกับบ่อน้ำ กลางทะเลทราย เพียงแค่ได้กลิ่นไอแห่งความชุ่มฉ่ำ แม้ตระหนักในหัวใจว่าตัวเองต้องการเพียงใด แต่เมื่อเห็นว่าอยู่ไกลลิบสุดสายตาก็ทำให้มิกล้าคาดหวัง

จนเดินทางเข้ามาใกล้ชิด ยิ่งเพิ่มความหลงใหล โหยหา ปรารถนา ยิ่งเห็นคนอื่นชิดใกล้ รายล้อม ยิ่งทุรนทุราย กระหายความเย็นฉ่ำชื่นใจ ให้มาบรรเทาดับความร้อนรนในหัวใจ

จึงใช้แรงกาย และแรงใจที่มีเหลือเพียงน้อยนิดทุ่มเทไขว่คว้าเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของ แต่เมื่อรู้ตัวอีกครั้ง ทุกอย่างที่เห็น ทุกอย่างที่คาดหวัง ก็มลายสิ้นลงไปตรงหน้า คงโทษใครไม่ได้จริง ๆ นอกจากตัวเอง

พี่ตระหนักแจ้งแก่ใจแล้ว ว่าควรจะยืนอยู่ ณ ตำแหน่งใดในชีวิตของคนที่พี่รัก
พี่รู้แล้วว่ามิได้รับความรักตอบ

แต่ขอเพียงให้รู้ว่าหัวใจดวงนี้ก็ยังคงจงรักต่อเจ้าของอย่างสัตย์ซื่ออยู่นั่นเอง และขอเพียงฝากเอาไว้เพียงเท่านั้น

มิต้องตอบคำถามใด ๆ ของคนขลาดเขลาคนนั้นแล้ว คนคนนั้นยอมแล้วทุก ๆ อย่าง
ขอเพียงความสัมพันธ์ที่จะคงไว้ ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตามแต่จะกรุณา

จึงได้แต่วิงวอน
 
แม้ทุก ๆ อย่างสายเกินไป แม้มิมีวันได้สมดังใจปรารถนา
ขอเพียงตอบจดหมายของพี่นะคะ อรุณ

ตัวพี่คงคล้ายคน ‘หลงทาง’ จริง ๆ เพราะก่อนนี้ ก่อนที่จะได้กลับบ้านของเรา เคยมีความคิดว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะระยะเวลาเกือบสิบห้าปี และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามความศิวิไลซ์ รวมถึงวัฒนธรรมการดำรงตนในสังคมที่กลืนกินความรู้สึกนึกคิดในแบบฉบับของ ‘บ้าน’ เราเกือบหายไปสิ้น
 
แต่แรกมาก็ได้มาพักพิงกับท่านอา เรียนรู้การใช้ชีวิตที่แตกต่าง เรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมแบบตะวันตก และเข้าสู่การเรียนรู้ในระบบการศึกษาเฉกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่นี่

เมื่อท่านอาเธอเสด็จนิวัตเมืองไทยก็ต้องเข้มแข็งยืนหยัดโดดเดี่ยว แต่ด้วยมิตรสหายที่มี เริ่มก่อเกิดมิตรภาพที่ดีต่อกัน ก็ทำให้เริ่มมีสังคม ได้เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมตะวันตก ได้ท่องเที่ยว ได้ทำงาน และซึมซับความเป็นตะวันตกมากขึ้น

แต่อย่างไรเราก็ยังคงเป็นคนอื่นที่เพียง ‘หลงทาง’ ผ่านเข้ามาก็เท่านั้น แม้ได้รับการยอมรับในสังคมอย่างเท่าเทียมในโลกเสรี แต่ในใจกลับรู้สึกขาดหายความเป็นตัวตนของตนเอง

จนได้กลับบ้านของเรา
จึงได้รู้ว่าจิตวิญญาณของตัวเองที่หายไปนั้นอยู่ที่ใด

นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบพื้นแผ่นดินแม่ ในความรู้สึกก็เต็มตื้นยิ่งนัก ยิ่งได้สัมผัสผู้คนชิดใกล้ถึงความโอบอ้อมอารี มิตรไมตรีที่อ่อนโยนประทับจิต ในรูปแบบความสัมพันธ์ต่าง ๆ นานา ที่พันผูกหลอมรวมจิตใจในแบบฉบับของคนไทย
 
แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาเพียงไม่นานที่ได้อยู่บ้านเกิด แต่ก็ทำให้เลือดที่อยู่ในกายสัมผัสได้ว่าตัวเองนั้นเป็นคนแห่งแผ่นดินผืนใด

แม้ชาติศิวิไลซ์จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ศิลปวิทยาต่าง ๆ ให้
แต่ชีวิตที่เหลือนั้นกลับพร้อมยอมพลีเพื่อทำนุบำรุงสร้างประโยชน์ ณ ผืนแผ่นดินเกิด ซึ่งจะเป็นแผ่นดินที่จะพลีกายฝังร่าง เพื่อทดแทนคุณแห่งแผ่นดินแม่
 
แม้ตอนนี้หัวใจจะอ่อนแรงนักเนื่องจากประจักษ์ว่าสิ่งที่ปรารถนาคงมิได้เป็นดังหวัง แต่จุดหมายปลายทางแห่งชีวิตนั้นนับวันยิ่งแจ่มชัด เริ่มเห็นหนทางกลับแผ่นดินแม่ แผ่นดินของเรา ซึ่งตัวพี่ยังคงเฝ้านับวันรอคอยที่จะหวนกลับไปตอบแทนคุณแผ่นดิน

หวังว่าทุกคนที่ ‘บ้านเรา’ จะสบายดี
ปรารถนาให้ ‘มดตัวน้อย’ มีความสุข สดใสดังเดิม

ขอเพียงแบ่งปันรอยยิ้มเสียงหัวเราะของน้องน้อยของพี่ ผ่านตัวอักษรบอกเล่าเรื่องราวมาบ้าง แม้จะเป็นเรื่องราวของคนที่อรุณ ‘พึงใจ’ พี่ก็ยินดีที่จะรับรู้ ว่ามีน้ำตาลอันชิดใกล้นั้นทำให้ ‘มดตัวน้อย’ ของพี่ อิ่มเอม ติดใจในความอ่อนหวานพียงใด

ขอเพียงเศษเสี้ยวแห่งความกรุณาที่ขอแบ่งปันให้คนไกลได้บรรเทาคลายความคิดถึงที่กัดกร่อนเนื้อหัวใจ จวนเจียนจะสิ้นแรง
 
ด้วยรักและคิดถึง
เกิ้ง









วังศศิธร
เรียน คุณชายศศินกุล
 
ทุก ๆ คนที่วังศศิธรสบายดีครับ

ชีวิตความเป็นอยู่แห่งแผ่นดินแม่ที่เรียบง่าย สบาย ๆ ดุจเดิม คงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยหลงรักประเทศนี้ จึงไม่น่าแปลกที่คนไกลบ้านจะหวนคำนึงคิดถึงบ้านมากนัก ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ความรู้สึกบางอย่างอาจเกิดความสับสนไปบ้าง

ตอนนี้ที่วังก็ดูวุ่น ๆ เมื่อท่านอาขอให้ช่วยดูแลเรื่องอาหารเลี้ยงแขกในงานแสดงดนตรีของท่าน ที่เลี้ยงรับรองแขกบ้านแขกเมืองจำนวนไม่น้อย หากแต่แม่แพรวก็เต็มใจจะรับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ในครั้งนี้

เห็นทีก่อนคุณชายกลับมา อาจลองศึกษาเรื่องธุรกิจการจัดเลี้ยงมาบ้างน่าจะเป็นประโยชน์ เพราะดูเหมือนรากฐานทางด้านนี้ที่แม่จ๋าวางเอาไว้กลายเป็นทักษะความสามารถซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปของวังศศิธรเลยทีเดียว
 
หากแขกที่จะรับเลี้ยงในงานครั้งนี้เป็นชาวต่างชาติโดยส่วนใหญ่ จึงทำให้ต้องเข้าไปช่วยในโรงครัวปรับเรื่องรสชาติอาหารให้ถูกปากลูกค้ากันบ้าง แต่หน้าที่ในการชิมก็ส่งผลทำให้น้ำหนักดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นไปด้วยในตัว

โชคยังดีที่คู่หูคู่เดิมที่เป็นหุ้นส่วนเปิดกิจการร้านขนม เจ้าจ้อยและนายกรอบยังไม่ทิ้งกัน เมื่อแบ่งกันชิม หารสามกันไปก็ทำให้น้ำหนักยังไม่เพิ่มมากมายนัก เพราะคงไปทดแทนส่วนที่ต้องเหนื่อยหนักไปกับการซ้อมดนตรีหามรุ่งหามค่ำกับท่านอา จนคุณก๋งแอบเคือง ๆ ที่ต้องกลับมาซ้อมดนตรีก่อนเวลาเลิกงาน แต่เพราะเกรงพระทัยท่านอาจึงไม่ได้เอ่ยอะไรมากนัก

อีกทั้งในช่วงหลัง คนที่คุณชายคิดว่าควรจะ ‘พึงใจ’ เธอก็มาช่วยแบ่งเบาภาระงานได้มากขึ้นพอสมควร เธอค่อนข้างเรียนรู้ได้รวดเร็ว ยิ่งสนิทกันมากขึ้นก็ดูเหมือนเธอจะช่างเจื้อยแจ้วเจรจามากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อคุยกันไปกันมาเธอดูเหมือนจะมีความสนใจในเรื่องอาหารอยู่พอตัวจึงได้เพื่อนชิมอาหารของแม่แพรวเพิ่มอีกหนึ่งคน

ถ้าจะให้เล่าเรื่องของเธอก็คิดว่าคงเล่าได้พอสังเขปดังที่กล่าวมา แต่ถ้าคุณชายโปรดที่จะทราบรายหยาบ รายละเอียดอื่น ๆ อีก ก็ขอให้รอกลับบ้านมาพบเธอด้วยตัวเองเถิด

ภาคการเรียนที่สองของเจ้าจ้อยเริ่มเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อสองเดือนที่แล้ว กว่าจะเกลี้ยกล่อมลูกพี่ใหญ่ให้กลับไปเรียน ก็ต้องใช้วิธีทั้งปลอบทั้งขู่กันอยู่เป็นนาน เนื่องด้วยเจ้าตัวติดใจการปิดเทอมเป็นอย่างมาก

อาจเป็นเพราะเมื่อเทอมก่อนตอนพ่อแม่มาส่งเรียนที่เมืองหลวงยังไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรู้จักในวังมากนัก เมื่อให้ไปโรงเรียนจึงตื่นเต้นยอมตามโดยง่าย แต่เมื่อเจ้าแสบเคยคุ้นผู้คนทั่วทั้งวัง แผ่ขยายแวดวงเพื่อนฝูงมากขึ้นจนกลายเป็นกองทัพเด็กเล็กวิ่งกราว ๆ ในสวนช่วงปิดเทอม จึงทำให้เจ้าตัวเกิดเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้ไปโรงเรียน ร้องไห้อืด ๆ อยู่นานกว่าจะเกลี้ยกล่อมกันได้ ถึงกระนั้นเมื่อไปเรียนได้เพียงไม่กี่วันก็ทำเรื่องให้ได้ปวดหัวอีก เมื่อเจ้าตัวอ้างว่าไม่สบายไม่ยอมออกจากห้องนอนเกือบอาทิตย์กันเลยทีเดียว กว่าจะสืบได้ความต้องรื้อค้นห้องหับกันเสียจนทั่ว กว่าจะเจอว่าเจ้าแสบแอบเอาลูกแมวมาเลี้ยงซ่อนไว้ในห้องนอน

“ไปได้มาจากไหน มันยังไม่ลืมตาด้วยนะ พรากแม่พรากลูกเขาทำไม” เจ้าแมวตัวสีเหลืองคลานสะเปะสะปะอยู่ในผ้าห่ม ร้องเสียงแหบแห้ง

“เปล่านะ แม่มันทิ้ง เจอมันที่หลังโรงครัว ร้องแทบแย่” เจ้าตัวดีหน้าเสีย เข้าไปอุ้มไว้ แมวตัวเล็กนึกว่าแม่จึงซุกไซ้หานม

“แล้วเราเป็นแม่มันหรือ เลี้ยงเป็นหรือไง ให้มันกินอะไร”

“ก็น้ำกับขนมหวาน แต่มันไม่ค่อยกิน” ถึงว่าตัวมันผอมกะหร่องปล่อยนานกว่านี้คงจะไม่รอด

“จะเลี้ยงก็ไม่ว่า มีอะไรก็บอกกันก่อน”

“เลี้ยงได้จริง ๆ หรือ” คนฟังหน้าเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ได้ เอามานี่ มีใครในวังมีลูกเล็กไหม”

“มีแม่แก้วเพิ่งคลอด เจ้ามะพร้าว น้องเจ้ามะขาม” รู้จักคนกว้างขวางจริง

“ไปขอปันนมเขามาสักถ้วยเถิด แล้วไปขอให้นายกรอบช่วยไปซื้อหลอดฉีดยาฝรั่งจากหมอฝรั่งมาด้วย”

“เอามาทำไมหรือ”

“ต้องป้อนนมมันนะ ตัวเล็กแค่นี้ยังกินอะไรไม่ได้หรอก”

“งั้นเดี๋ยวมานะ” เจ้าตัวส่งแมวน้อยมาให้และวิ่งออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว

เมื่อเจ้าตัวเล็กได้กินนมจนท้องใสก็หลับปุ๋ย จึงเริ่มสะสางคดีกันต่อ

“ขอโทษ”

“ถือว่าอย่างน้อยก็จิตใจดีรู้จักช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก”

“แต่เรื่องไม่ไปโรงเรียนคงต้องลงโทษกันบ้าง”

“ตัดค่าขนมเดือนนี้แล้วกัน จะเอาไปซื้อนมผงให้เจ้าตัวเล็กนี่” จำเลยได้แต่พยักหน้ายอมความแต่โดยดี

“แล้วมันมีชื่อหรือยัง ให้เรียกว่าอะไร”

“เจ้าเสือน้อย” เสือเลยกระนั้นหรือ คงเพราะสีขนของมันสีเหลืองสลับกับสีขาวเป็นแนวยาวตามลำตัว แลไปก็คล้ายเสือจริง ๆ จึงได้เลี้ยงเสือในวังกันเลยทีเดียว

“อย่างไรคราวหน้าคราวหลังมีอะไรก็บอกกันก่อน อย่าคิดไปเอง ทำไปเอง รู้ไหม”

“จากที่ดูเหมือนช่วยก็อาจจะไปทำร้ายคนอื่นได้”

“เราอยู่บ้านเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน”

“ถ้าช่วยกัน ทุกอย่างมันจะไม่สายเกินแก้ไขหรอก รู้ไหม”

“ครับกระผม” และในใจก็เชื่อมั่นศรัทธาอย่างนั้นจริง ๆ



‘ทุกปัญหามีทางออกเสมอ มิมีอะไรที่สายจนเกินไป’
แค่เพียงแต่ว่า

พยายามมากพอแล้วหรือยัง
ให้เวลากับมันมากเพียงพอแล้วหรือยัง

บางปัญหา บางความรู้สึก บางความสัมพันธ์ มิอาจแก้ได้เพียงแค่ถ้อยคำในตัวอักษร
หากคงต้องอาศัยเวลา และการกระทำเพื่อพิสูจน์ความสัตย์ซื่อบ้างก็เท่านั้น

เมื่อเขียนจดหมายฉบับนี้เจ้าเสือน้อยก็โตขึ้นมากแล้วเริ่มเล่นซนไปทั่ววังกับเจ้าของของมัน การเลี้ยงสัตว์ก็เป็นการสอนเด็กให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นในทางหนึ่ง เจ้าจ้อยก็ดูจะโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งความคิดความอ่าน และมีเหตุผลมากขึ้น

จนกระทั่งวันนี้เองเจ้าเสือน้อยได้ ‘หลงทาง’ หนีหายไป เจ้าของออกตามหาแล้วหาเล่าก็ยังไม่พบ ดีที่พูดกันรู้เรื่องให้หยุดตามหาตอนพลบค่ำ โดยรับปากไว้ว่าพรุ่งนี้จะเกณฑ์คนช่วยกันค้นหาให้ทั่ววังอีกรอบ

แต่เจ้าของก็ยังคงแอบร้องให้น้ำตาซึม จึงให้ขึ้นมานอนหน้าเตียงที่ห้องนอนชั่วคราว และให้กำลังใจกันพักใหญ่ กว่าจะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

บางครั้งที่เจ้าแมวตัวน้อยที่ ‘หลงทาง’ หนีหายไป อาจมีเหตุ
เพราะตามธรรมดา มิมีใครอยากพรากจากเจ้าของของตน

เพียงแต่
อีกฝ่ายอาจมีเหตุผลของการกระทำดังกล่าว

เรามักคิดว่า
ฝ่ายที่เฝ้าคอยเฝ้าตามหานั้นจะต้องทนเจ็บปวดเสียน้ำตาที่ ‘ของรัก’ ห่างหายไป

โดยหลงลืมไปว่า
ฝ่ายที่ 'หลงทาง' หายหนีไปนั้น ต้องเจ็บปวด อ้างว้าง รวดร้าวเพียงใด เมื่อต้องเป็นฝ่ายจำฝืนลาจาก

เพราะเรื่องบางเรื่อง แม้หัวใจจะจงรักและภักดีปานใด
แต่เมื่อเห็นเส้นทางระหว่างเรา

ด้วยความเคารพยิ่ง
อรุณ
 


#JKLTHESERIES

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: JKL THE SIRIES: JUST; LOST 13.01.2018
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-01-2018 12:56:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; FOUND 14.01.2018
«ตอบ #10 เมื่อ14-01-2018 10:26:41 »

Just...Found;

๗. เจอของสำคัญ



เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา
ถึง อรุณ


ขอบคุณครับ
พี่ดีใจมากที่ได้รับจดหมายจากเมืองไทยอีกครั้ง เสมือนได้เจอของสำคัญยิ่งในชีวิตที่หล่นหายไป

อรุณรู้ไหม เพียงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ร้อยเรียงเป็นตัวอักษรเขียนลงมาในจดหมายก็สามารถปลอบประโลมหัวของคนไกล ให้มีแรงใจที่จะต่อสู้ฝ่าฟันกับอุปสรรคมากมายหลายหลากในต่างแดน และเฝ้ารอคอยเพียงวันเวลาที่จะได้กลับ 'บ้านของเรา'
 
เรื่องคิดถึงบ้านมากมายนั้นพี่ไม่ปฏิเสธ จะเรียกว่า Home Sick ตามแบบฝรั่งก็ได้ แต่อาการนี้ได้ห่างหายไปนาน สำหรับคนที่เสมือนจะเคยคุ้นชีวิตต่างแดนมากกว่าบ้านเกิดของตนเช่นพี่ จึงมิได้ส่งผลต่อหัวใจเท่าใดนัก เพียงแต่เฝ้าเร่งวันเร่งคืนเพื่อจะกลับไปพบ 'ของรัก' เสียมากกว่า

ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า มิใช่ความรู้สึกสับสนในหัวใจแน่ชัด
หากแต่เป็น 'ความรัก' อันลึกซึ้งที่พร้อมรอการพิสูจน์นั่นเอง

ระยะเวลาเกือบสามเดือนที่กลับบ้านของเรา แม้เป็นเพียงระยะเวลาอันสั้น และแทบนับครั้งที่ได้พบ แทบจะนับถ้อยคำที่ 'อีกคน' เอื้อนออกมาได้

แต่พี่ก็มั่นใจนักว่าความรู้สึกที่มี มิมีวัน และไม่มีทางเป็นเพียงความสับสนไปได้

ด้วยสายตาคู่นั้นที่ทอดมองมาตั้งแต่วินาทีแรก
ด้วยถ้อยคำเพียงไม่กี่คำแต่ชี้ชัดถึงความห่วงหา อาทร
ด้วยความเอาใจใส่ที่รับรู้ได้ด้วยการกระทำมิใช่เพียงคำพูด
ด้วยแรงใจที่ส่งมาให้อย่างสม่ำเสมอ และแรงกายที่ยืนหยัดเคียงคู่

ทำให้พี่ 'รู้' ว่าความทรมานเพราะอาการ Home Sick ช่างเล็กน้อยเบาบาง ถ้าเปรียบกับความทรมานเพราะความคิดถึง 'ดวงใจอันเป็นที่รัก' ของพี่

แม้ตลอดสามเดือน โอกาสที่จะก้าวข้ามผ่านกำแพงที่มดตัวน้อยคอยหลบซ่อน ก็เห็นจะมีเพียงคืนสุดท้ายก่อนลาจากนั่นเอง
 
แม้ไม่มีถ้อยคำใดเป็นคำมั่นนอกจาก
"ผมจะรอคุณชาย"

แต่

ด้วย 'ภาษากาย'
ที่สื่อตรงผ่านดวงจิต

ด้วย 'สายตา' หน้าต่างแห่งดวงใจ
ที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก ห่วงหา อาวรณ์

ด้วย 'สองมือ' สื่อสัมผัสอันอบอุ่น
ที่เกาะกุมส่งผ่านแรงกาย แรงใจ ให้กล้าแกร่ง เข้มแข็ง

ด้วย 'สองร่าง' อิงแอบแนบชิดกันจวบจนฟ้าสาง
ที่แบ่งปันรสสัมผัสแห่งไออุ่น ที่เฝ้าคะนึงหามาตลอดภายในหัวใจ

ด้วย 'จุมพิต' หวานล้ำรับอรุณรุ่งที่ฝากฝังไว้ก่อนลาจาก
ที่จารเจียร ตราตรึงลงในเนื้อหัวใจ ให้ยิ่งหลงใหลใฝ่ฝันหา

ทั้งหมดผูกมัดให้พี่ยังคงตั้งมั่นในคำสัญญาที่ได้ให้ไว้
'พี่จะรีบกลับให้เร็วที่สุดนะคะ คนดีของพี่'

เนื้อความบางส่วนในจดหมายสื่อสารความน้อยใจที่ชัดแจ้ง คนดีพี่มิได้อยากได้ใคร่รู้เรื่องราวของคนหนึ่งคนใดเป็นพิเศษจริง ๆ แต่ยอมรับโดยดีว่า อยากทราบเพียงมีใคร คนอื่น คนใด ที่จะมาสั่นคลอนหัวใจรักที่พี่ฝากไว้หรือไม่ เนื่องด้วยตัวอยู่ไกลแสนไกลนัก จึงหวั่นน้ำตาลมากมายที่รายล้อมชิดใกล้

พี่ผิดหรือที่หึงและหวง 'ของรัก' ยิ่ง
พี่คงไม่เห็นแก่ตัวถึงขั้นจะหวงห้าม กีดกันความสัมพันธ์กับใครอื่น
 
ขอเพียง...ตระหนักรับรู้ถึงหัวใจรักที่พี่ฝากไว้
ขอเพียง...อย่าด่วนตัดสิน มอบหัวใจรักให้แก่ผู้ใด
ขอเพียง...ยืดตามคำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะรอคอยผู้ชายคนนี้
ขอเพียง...โอกาสให้ ผู้ชายคนนี้ได้กลับไปพิสูจน์ถึงหัวใจรัก

แล้วเมื่อถึงเวลานั้น
ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร
ไม่ว่ามดตัวน้อยของพี่จะเลือกใคร

พี่ก็พร้อมที่จะยอมรับ

และไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปเช่นไร
หัวใจรักที่เฝ้าฝากฝังไว้ ก็จะคงจงรักและภักดีตลอดกาล

ย่างเข้าสู่ภาคการเรียนสุดท้าย ตอนนี้พี่อยู่ในช่วงการเตรียมตัวรับการสอบทานความรู้ และนำเสนอวิทยานิพนธ์ในครั้งสุดท้าย จะว่าง่ายก็ง่าย เพราะผ่านช่วงการจัดทำข้อมูล รวบรวมวิเคราะห์ สรุปเนื้อหาความรู้ทั้งหมดแล้ว จะว่ายากก็ยากยิ่งที่ต้องประมวลทั้งหมดลงในสมอง โดยมิใช่เพียงแต่ความจำ หากแต่เป็นความเข้าใจลึกซึ้ง ที่ต้องสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง กับบริบทใด ๆ ก็ตามที่จะประสบพบเจอในภายภาคหน้า

ยิ่งเรียนสูงขึ้นเพียงใด การเรียนก็จะเป็นเพียงการศึกษาวิจัยถึงกรอบวิธีคิด ถ้าจะอธิบายให้กระจ่างมากขึ้น ก็เป็นเพียงการเรียนรู้วิธีการที่จะได้มาซึ่งความรู้นั่นเอง เรียนรู้ว่าถ้าวันหนึ่งวันใดเราเกิดมีความสงสัยใคร่รู้เรื่องราวใดมากเป็นพิเศษ จะสามารถเรียนรู้ ค้นคว้า พินิจพิเคราะห์ ตัดสิน และสรุปความรู้ใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้โดยวิธีการใด

ในช่วงเวลานี้ จึงต้องใช้เวลา และความพยายามอย่างมากในการทบทวนความรู้ความเข้าใจที่มีทั้งหมด แต่ด้วยแรงใจที่ถูกส่งมาจากดินแดนอันห่างไกล ประกอบกับความคิดถึง และคะนึงหายิ่งนัก จึงเป็นทั้งกำลังใจ และแรงผลักดันอย่างดีให้พี่ก้าวเดินต่อไปสู่จุดหมายที่ฝันไว้
 
เพื่อให้สักวันหนึ่งจะได้ก้าวไปสู่หลักชัย ที่หัวใจปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องการศึกษากิจการจัดเลี้ยงของวังศศิธรนั้น พี่คิดว่าน่าสนใจดีเหมือนกัน จึงแอบเลียบ ๆ เคียง ๆ ศึกษาจากภัตตาคารที่นี่ไปบ้าง ถ้าพอมีเวลาจะลองไปลงคอร์สสั้น ๆ ดูสักครั้ง เพราะด้วยความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะทำให้ใครบางคนได้มีความสุข และได้ทำในสิ่งที่มดตัวเล็กชื่นชอบจริง ๆ

ดังนั้นถ้าจะเปิดกิจการร้านขนมจริงดังที่เล่ามา ก็ขออย่าได้ลืมหุ้นส่วนอีกคนที่อยู่ห่างไกล พี่ขอสมัครงานไว้ล่วงหน้า โดยพร้อมจะรับหน้าที่ขอดูแลหัวใจเจ้าของกิจการ ด้วยคุณสมบัติในด้านของความรักที่มีให้ ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครแน่ ๆ พี่รับรองด้วยชีวิต

โดยปกติเส้นทางแห่งการดำเนินชีวิตนั้น มักมีทางแยกมาให้เราเลือกเดินอยู่เสมอ ตัวพี่ก็เช่นกันที่เคยเสมือนหลงทางอยู่นาน จนกระทั่งได้ 'เจอของสำคัญ' ที่ตัวเองเคยทำหล่นหาย ก็เสมือนได้พบจุดมุ่งหมายและทางกลับ 'บ้าน'

คำว่า 'บ้าน' สำหรับใครหลายคนอาจจะเป็นเพียงคำธรรมดา ๆ แต่คำว่า 'บ้าน' สำหรับพี่ไม่ได้หมายถึงเพียงเรือนพักกาย เรือนพักใจเท่านั้น แต่หมายรวมถึงที่ ที่มีคนที่เรารัก มีครอบครัวของเราอยู่ร่วมกัน และรู้ไว้เถิดว่า 'บ้าน' ของพี่นั้นมิใช่เพียงสถานที่ แต่เป็นทุกที่ ที่จะมีคนรักอยู่อยู่เคียงใกล้

ดังนั้นในหัวใจของพี่ 'อรุณ' จึงเป็นบ้าน 'บ้าน' ของเราสองเสมอมา

แม้พี่รู้แจ้งว่ามิง่ายนักที่จะได้ 'บ้าน' หลังนี้มาครอบครอง ยิ่งเส้นทางที่จะก้าวเดินยิ่งดูเหมือนยากยิ่งที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะชีวิตจริง ที่มิได้มีเพียงเราสอง

เมื่อประจักษ์แจ้งในดวงใจว่า 'ของรัก' 'ของสำคัญ' ของชีวิต คือสิ่งใด และคือใคร
ก็ขอให้เชื่อมั่นในตัวพี่

แม้เส้นทางระหว่างเรา อาจมิได้บรรจบพบกันง่ายดายเหมือนดังคู่อื่น ๆ
แต่ขอให้มั่นใจว่า พี่จะสมัครคอยอยู่เคียงข้าง ก้าวเดินอยู่เคียงคู่
ตราบจนลมหายใจสุดท้ายที่มี

รอพี่นะคะคนดี
เกิ้ง







วังศศิธร
เรียน คุณชาย

ในที่สุดก็พบ 'เจ้าเสือน้อย'
หลังจากที่ตามหากันอยู่ครึ่งค่อนวัน จนทุกคนเริ่มอ่อนระโหยโรยแรงต้องนั่งพักเหนื่อยกันใต้ร่มไม้ แล้วอยู่ ๆ แมวตัวเล็กก็เดินเฉิดฉายออกมาจากที่ใดไม่มีใครทราบ เจ้าตัวน้อยส่งสายตามองอย่างประหลาดใจว่าคนเกือบทั้งวังมากมายมานั่งรวมตัวกันทำไม
ไม่รู้ว่ามันบริสุทธ์เสียจนไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือเจ้าเล่ห์เหลือคณา ที่หลอกให้เราเฝ้าห่วงเสียเหลือเกิน แต่ที่แน่ ๆ คือ เจ้าจ้อยถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างลืมอาย

จึงได้รู้ว่าความรู้สึกที่ได้ 'เจอของสำคัญ' อีกครั้งคงมีความรู้สึกเฉกเช่นนี้เอง กระมัง
เจ้าของที่ดูเหมือนเก็บอาการ และแข็งแกร่งอย่างยิ่งในขณะคอยเฝ้าตามหา กลับอ่อนไหวอย่างยิ่งเมื่อได้พบสิ่งที่ปรารถนาสมใจ จึงทำให้ยิ่งอัศจรรย์ใจ ในความซับซ้อนหัวใจของมนุษย์

เรื่องที่ทำให้ประหลาดใจอีกประการ คือ ทั้ง ๆ ที่ 'เจ้าเสือน้อย' ห่างหายไปไม่ถึงวันด้วยซ้ำ แต่เมื่อกลับบ้านมากลับดูเติบโต และแข็งแกร่งขึ้นมากมายนัก เหมือนมิใช่ลูกแมวที่ขี้เล่นซุกซน ช่างอ้อนช่างประจบคนโน้น หยอกล้อคนนี้เช่นเดิม ไม่คาดคิดว่าเวลาเพียงคืนเดียวจะทำให้อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปได้มากมายเพียงนี้เชียวหรือ

เมื่อกลับมา 'เจ้าเสือน้อย' มันยอมให้เจ้าของแท้จริงเพียงคนเดียวของมัน สามารถโอบอุ้ม ปลอบประโลมได้แต่เพียงคนเดียว มันมิยอมเข้าใกล้ใครอื่น ได้แต่ขู่ฟ่อใส่ผู้คนที่รายล้อม ต้องใช้เวลาพักใหญ่ทีเดียวในการทำความคุ้นเคย ถึงจะลูบหัวมันเบา ๆ ได้อีกสักครั้ง

แต่ถึงกระนั้น ในทีท่าที่แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวของเจ้าแมวตัวเล็ก กลับพบอาการสั่นไหว ตื่นกลัว และหวาดระแวงอย่างที่มิเคยพบก่อนหน้า คงจะเป็นจริงอย่างที่เคยเล่า
มิใช่เพียงเจ้าของที่ต้องฝืนทนเพียงผู้เดียว หากแต่อีกฝ่ายคงเจ็บปวดทรมานมิแพ้กัน

เวลานำมาทั้งการพบพาและลาจาก
เวลานำพามาทั้งความสุขและทุกข์ใจ
เวลามักทำให้อะไร ๆ หลายอย่างแปรเปลี่ยน

และเวลาก็ทำให้เจ้าแมวตัวเล็กเปลี่ยนแปลงไป ไม่รู้ว่าเพียงคืนเดียวที่ผ่านพ้น มันประสบพบเจออะไรมาบ้าง

เฉกเช่นเดียวกันกับหนทางบางเส้นทางที่แยกจากกันมานาน และห่างกันแสนไกล ใครเลยจะรู้ว่า เวลาที่ผันผ่านจะทำให้แต่ละคนประสบพบสิ่งใดมาบ้าง

แม้ตลอดมาเรามักตะหนักและเชื่อมั่นในดวงหทัยของตน แต่วันเวลา ก็ผันแปรความรู้สึกบางอย่างเข้ามาปะปน ความเหงา ความว้าเหว่ ความน้อยใจ และความทรมาน บางครั้ง บางทีมันห้ามความรู้สึกอ่อนไหวพวกนี้ได้ยากยิ่ง มันทำให้ความรู้สึกบางส่วนในหัวใจอ่อนแอ ในขณะเดียวกันก็สร้างให้บางส่วนในหัวใจนั้นแข็งกร้าวขึ้น ลึกลับซับซ้อนมากจน จนใจตัวเอง

จึงมิกล้า ให้คำสัตย์สัญญาใด ๆ กับความรู้สึกแท้จริงในหัวใจตน เพราะคงยากยิ่งที่จะบังคับ ฉุดรั้ง ผูกมัดไว้กับความรู้สึกใด ความรู้สึกหนึ่งได้ เมื่อวันเวลาแปรเปลี่ยน และยิ่งมิกล้าจะวาดหวังให้ความรู้สึกฉาบฉวยของใครอื่นให้คงทนอยู่ได้ เพราะเหลือคาดเดาว่ากาลเวลาอาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดไปบ้าง

คุณก๋งเธอเพียรถามมาหลายต่อหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาของคุณชาย และเปรยเสมอ ๆ ว่าอยากวางมือให้หลานชายของเธอได้สืบทอดกิจการเสียที จึงอยากให้คุณชายรู้ว่าคนทางนี้เฝ้าเป็นกำลังใจให้เสมอ แต่ถ้าเหนื่อยนัก หนักนัก ก็ขอให้พักผ่อนเสียบ้าง

ในเรื่องกิจการร้านขนมนั้นก็เพียงแต่เล่าให้ฟังเล่น ๆ ด้วยนึกสนุกแต่เพียงเท่านั้น มิได้หวังอะไรจริงจังมากมาย แต่ถ้าเพียงคุณชายจะศึกษาเล่นเพื่อการพักคลายบ้างก็ฟังดูน่าสนุกมิใช่น้อย

ดังเช่นตอนนี้หลังจากงานแสดงดนตรีของท่านอาเสร็จสิ้น ก็มีกิจกรรมเข้ามาให้ได้รับบทบาทใหม่เพิ่มเติมอีก เมื่อหม่อมพรรณรายเธอชื่นชมฝีมือการเล่นดนตรีซึ่งอันที่จริงแล้วจะเรียกว่าพอได้บ้างก็เท่านั้น แต่เธอก็ยังมาทาบทาม และฝังฝากคุณหญิงแพรมาฝึกปรือทักษะเพิ่มเติม เพื่อเตรียมแสดงในงานวันเกิดของเธอเอง
 
เธอจึงมาเป็นแขกประจำที่วังในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในผ่านมา ซึ่งดูเหมือนเจ้าจ้อยและเสือน้อยก็ดูจะเข้ามาเป็นเพื่อนเล่นเพื่อนคุย และเข้ากันได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างนี้กระมังเธอจึงดูสดใสขึ้นมากในช่วงนี้ และทำให้วังอันสงบเงียบ ดูสดใสตามเธอไปด้วย

หากเพียงแต่คนอื่นยังเข้ามาเติมชีวิตชีวาให้กับวังได้มากมายขนาดนี้ จึงคิดว่าถ้าวันหนึ่งเจ้าของกลับ 'บ้าน' เสียที 'บ้าน' ก็คงเต็มไปด้วยความหมายมากยิ่งขึ้น

แต่ดังที่เรียนไว้ก่อนหน้า แม้มิกล้าให้สัตย์สัญญาว่าทุก ๆ อย่างจะเหมือนเดิม อีกทั้งมิได้คาดหวังในหัวใจของใครคนอื่น เฉกเช่นเดียวกัน แต่จะยังคงรักษาสัจวาจาที่ให้ไว้

ถ้าจะให้รอก็จะเฝ้ารอ
เพราะไม่ว่าอย่างไร 'บ้าน' นั้น ก็ยังคงเฝ้ารอเจ้าของอยู่ ณ ที่เดิมเสมอ

ด้วยความเคารพยิ่ง
อรุณ



#JKLTHESERIES

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; BECOME 15.01.2018
«ตอบ #11 เมื่อ15-01-2018 09:48:22 »

Just…Become;
๘. กลับกลาย
 
เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา
ถึง อรุณ

‘วันเวลาที่ผันผ่านทำให้หลายสิ่งแปรเปลี่ยน’ สำหรับตัวพี่เอง ครั้งหนึ่งวันเวลาก็เคยทำให้ภาพความทรงจำบางส่วนในอดีตนั้นรางเลือน และปล่อยปละละเลยให้สายสัมพันธ์ในครั้งเยาว์วัยระหว่างเราให้เบาบางลงทุกที
 
อย่างที่เคยเล่าไว้ในฉบับก่อนหน้า ว่าพี่มิได้คิดจะโทษใครนอกจากตัวของตัวเอง แม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ดังใจนึก จึงได้แต่เฝ้าปฏิญาณไว้ในใจว่าจะไม่มีทางปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นได้อีก

ขอย้ำอีกครั้งว่า พี่มิได้ต้องการให้ ‘คาดหวัง’ ให้เชื่อในถ้อยคำหรือตัวอักษร แต่วิงวอนขอเพียงให้เฝ้ารอ พี่จะรีบกลับไปพิสูจน์ทุก ๆ คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ด้วย ‘การกระทำ’

เรื่องบางเรื่อง ความรู้สึกบางความรู้สึก ขอเพียงใช้หัวใจรับฟังเสียงภายในของตัวเอง ก็จะพบว่าความรักและความจริงใจนั้นสามารถถ่ายทอดผ่านได้โดยตรงจากใจถึงใจ และพี่เองก็เชื่อมั่นว่าเจ้าของที่ได้ครอบครอง ‘หัวใจรักที่พี่ฝากไว้’ นั้น ยังคงรักษาคำมั่นที่ให้ไว้โดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ทุกครั้งที่ได้รับจดหมายที่เล่าเรื่องราวความเป็นไปในวังศศิธรไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของท่านอา คุณก๋ง เจ้าจ้อย เจ้าเสือน้อย หรือคุณหญิงตุ๊กตานั่น ก็ตระหนักซึ้งในหัวใจว่าจุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้คือ ‘บ้านของเรา’ เท่านั้น และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เดินทางจากไปไหนไกลอีกแล้ว ถ้าไม่ได้นำ ‘ของรัก’ ที่บ้านไปด้วย

ในความคิดเห็นส่วนตัวของพี่ ที่คุณหญิงตุ๊กตาจากที่เคยนิ่งเงียบ ‘กลับกลาย’ เป็นสดใสนั้น คงมิใช่ด้วยใครอื่น หากแต่เป็นด้วยมดตัวน้อยของพี่ เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ชิดใกล้ ก็คงรับรู้ถึงความอบอุ่น อ่อนหวาน ร่าเริง สดใส ของเธอเป็นแน่แท้ จึงอดจะอิจฉาคุณหญิงตุ๊กตาเธอเล็ก ๆ มิได้
แต่พี่เชื่อมั่นในคนที่พี่รักว่าเธอจะไม่แปรเปลี่ยน

เมื่อเขียนจดหมายฉบับนี้จบ คงเห็นทีต้องเตรียมตัวการนำเสนอวิทยานิพนธ์ต่อคณาจารย์ และถ้าเป็นไปตามแผนก็คงจะได้เดินทางกลับ ‘บ้านของเรา’ ในเร็ววันนี้

อีกไม่นานแล้วนะคะคนดี

ก่อนที่จะจบจดหมายฉบับนี้ จึงกวาดตาหาความนัยในจดหมายฉบับสุดท้ายที่ส่งมาจากบ้านของเราอีกครั้ง คำตอบทุกอย่างที่ใจพี่ต้องการเสมือนจะแฝงมาในตัวอักษรที่เรียงร้อยอย่างหมดจด เหลือเพียงประเด็นเดียว
‘ในค่ำคืนสุดท้าย’ ที่ถูกละเว้น

คืนที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ คืนที่ใครคนนั้นยอมที่จะเปิดใจเป็นครั้งแรก อาจจะเพราะค่ำคืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายระหว่างเราสองก่อนพรากจากกัน หรืออาจจะเพราะความรู้สึกหวนหา ความรัก ความผูกพันอันลึกซึ้งของครอบครัว ที่ตระหนักแท้แก่ดวงใจ ว่าต่อไปนี้จะเหลือเพียงเราสองคนที่ต้องแยกจากห่างไกล และต่างต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว มือทั้งสองที่เกาะกุมเหมือนถ่ายทอดแรงใจอันมีเหลืออยู่น้อยนิด และมีเพียงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

“อรุณ พี่สัญญาว่าจะรีบกลับ ขอเพียงอรุณรับปากว่าจะรอพี่”

“ครับ ผมจะรอคุณชาย”

พี่ยังคงจดจำตราตรึงดวงหน้าสวยล้ำ และดวงตาคู่หวานที่มองสบประสานกัน สายตาอ่อนโยนที่ถ่ายทอดความอารมณ์ ความรู้สึก ที่เสมือนจะล้นทะลักออกมาจากหน้าต่างแห่งดวงใจ ความเจ็บช้ำ น้อยใจ ตัดพ้อ หวาดกลัว และไหวหวั่นที่จะต้องยืนหยัดโดยลำพังฉายชัด แม้จะเป็นเพียงชั่วนาทีที่สบตา

ก่อนที่ดวงใจของพี่จะเบือนหน้าหลบเลี่ยงสายตา พยายามปกปิดความในใจอีกครั้ง หัวใจของพี่พร่ำบอกกับตัวเองว่า จะไม่ปล่อยโอกาสให้ล่วงเลยผ่านพ้นไปอีกครั้ง จึงได้กระซิบเพรียกหา

“อรุณ” และตัดสินใจรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด

“พี่สัญญา พี่จะรีบกลับ ไม่นานหรอกนะคนดี พี่จะรีบกลับมา” ร่างเล็กในอ้อมแขนสั่นไหว เมื่อกำแพงที่กั้นกลางความรู้สึกถูกทลายลง จึงพบดวงใจดวงเล็กที่แสนบอบช้ำ น้องน้อยคนเดิมของพี่จึงกลับมาอย่างสมบูรณ์ น้ำตาที่ไม่เคยได้เห็นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาล้นทะลัก

“พี่ชาย....” เสียงสะอื้นร่ำไห้ของคนตัวเล็กช่างบาดใจ คนที่ฝืนเข้มแข็งมาตลอด

“ร้องเถอะนะคนดี ร้องไห้กับพี่ไม่เป็นไร อย่าเก็บไว้เลย”

“ท่านพ่อกับแม่จ๋า”

“ค่ะ พี่รู้ ท่านไปสบายแล้ว”

“ไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีใครแล้วจริง ๆ”

“อรุณ”

“อรุณ ยังมีพี่อีกคน”

“พ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พี่ชาย ก็จะ”

“พี่จะรีบกลับ พี่สัญญานะคะคนดี”

“ตอนนั้นก็สัญญาอย่างนี้ แต่ก็ไม่กลับ” ใบหน้าหวานที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาเงยขึ้นตัดพ้อ

“พี่ขอโทษ ขอโทษนะคะคนดี” จึงได้แต่ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาให้กับเด็กขี้แยเอาแต่ใจคนเดิม ที่ข้างในไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่นิด
 
“อรุณก็รู้ ว่าพี่ต้องทำตามคำสั่งท่านพ่อ”

“ไม่อยาก อยู่ คน เดียว อีกแล้ว” เสียงสะอื้นไห้ครวญคร่ำ ทำเอาดวงใจเกือบปลิดปลิว

“อรุณก็รู้ พี่ไม่เคยทิ้งน้อง พี่ไม่มีวันปล่อยให้อรุณต้องอยู่คนเดียว”

“ครั้งนี้พี่สัญญา”

“พี่สาบาน”

“ด้วยตัวพี่”

“ด้วยหัวใจพี่”

“พี่จะรีบกลับ พี่จะรีบกลับ ‘บ้านของเรา’ นะคะคนดี”

อ้อมแขนกระชับส่งผ่านความอบอุ่น และพร่ำตอกย้ำความมั่นใจเพื่อปลุกปลอบคนในอ้อมกอด จนร่างบางคลายความสั่นไหว จึงโอบร่างบางพาเข้าสู่ภายในห้องที่มีตั่งไม้ตัวยาวปูด้วยฟูกหนาสีขาวที่ตั้งอยู่ใกล้กับระเบียงที่แม่จ๋าใช้เอนหลังอ่านหนังสือให้ฟังเสมอ ๆ ก่อนจะฉุดรั้งให้อีกคนนั่งลงด้วยกัน และช้อนใบหน้าหวานให้เงยขึ้นเพื่อเช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลือ

“อรุณ” เสียงกระซิบเบา ๆ ที่ออกไปจากหัวใจ

“ครั้งนี้พี่จะไป แต่จะไปเพียงร่างกาย” จึงเกาะกุมมือบางนำมามาประทับที่หัวใจ และเฉลยความในใจที่ปรี่ล้น

“อรุณสัญญาแล้วใช่ไหมคะ ว่าจะเฝ้ารอพี่”

“พี่ขอฝากหัวใจของพี่ไว้ที่นี่ได้ไหมคะ”

“อรุณดูแลรักษาหัวใจดวงนี้ไว้ให้พี่ได้ไหม”

“พี่ชาย” แม้ไม่มีคำตอบใดแต่ แต่ใบหน้าหวานที่หลบสายตาก็เจือสีกุหลาบระเรื่อ

“พี่ยังไม่คาดคั้นขอคำตอบใด ๆ ในตอนนี้ แต่พี่ขอเห็นแก่ตัวสักครั้งเถิด”

“พี่กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะมีใครมาตอแยคนที่ครอบครองดวงใจของพี่”

“พี่คงไม่สามารถยืนอยู่เพียงลำพังคนเดียวได้อีกต่อไปแล้ว”

“ขอฝากหัวใจของพี่ไว้ที่นี่”

“ตอนนี้ และตรงนี้” จึงกระชับมือบางแล้วเลื่อนไปฝังฝากไว้กลางอก ณ จุดแห่งดวงใจของใครอีกคน

“อรุณ”

“ขอเพียงให้น้องรู้ไว้ แม้ตัวพี่จะอยู่ห่างไกล แต่หัวใจของพี่ยังอยู่กับอรุณเสมอ” คนที่ตัดสินชะตากรรมของหัวใจของพี่ยังคมก้มหน้าหลบสายตา และเหมือนกำลังครุ่นคิด

“รับปากพี่สักนิดนะคะคนดี”

ก่อนที่เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ทำให้ความรู้สึกแทบจะหลุดลอย

“ครับ”

ในคืนนั้น ‘คืนแห่งความทรงจำ’ ความรู้สึกต่าง ๆ เต็มตื้น เหลือจะเอื้อนเอ่ยออกไปให้ใครได้รับรู้ถึงความดีใจ ความสุขที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้น พี่ยังจดจำทุกช่วงเวลา ทุกวินาทีที่เหลือเพียงน้อยนิดอันแสนมีค่ามากมายที่สองร่างแนบชิดถ่ายทอดความรู้สึก ความห่วงหา ผ่านสัมผัสในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นที่แอบอิง

แม้จะเป็นเพียงบทสนทนา พูดคุย สอบถามถึงเรื่องราวต่าง ๆ ถึงวันที่ไกลห่างในอดีต แต่ก็ทำให้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกห่วงหาที่มีให้กันมาโดยเสมอ และรู้ว่าน้องน้อยยังคงเฝ้ารอพี่ชายคนนี้ตลอดมา

แม้ใครบางคนจะเฝ้าเพียรแต่ผลักไสให้ไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเดินทาง แต่ก็ใจอ่อนยอมตามให้แก่คำร้องขอวิงวอน ที่ขอพียงได้อยู่เคียงข้างจวบจนรุ่งอรุโณทัย และนาฏกรรมอำลาก็มาเยือน

“อรุณ พี่ขออะไรอีกสักอย่างได้ไหม”

“อะไรหรือครับ” คนที่ถูกร้องขอพยายามเรียกสติของตัวเอง หลังจากที่อดนอนมาทั้งคืนและเริ่มระแวงระวังขึ้น เมื่อเจ้าตัวถูกกักไว้ในอ้อมกอดจนฟ้าสาง

“พี่จะเขียนจดหมายกลับมาทุกเดือน อรุณเขียนตอบกลับพี่นิดนะคะ”

“เล่าเรื่องราวอะไรก็ได้ เรื่องของอรุณ เรื่องของที่บ้าน หรือเขียนตอบกลับสักนิดว่าสบายดีก็ยังได้”

“ครับ” คนตอบโดนกล่อมเสียยืดยาว จึงเลิกตื่นกลัว และเริ่มตอบกลับด้วยอาการมึนงงเช่นเดิมด้วยความเพลีย

“แล้วอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่นะคะ”

“ครับ”

“พี่จะรีบไปรีบกลับนะ รีบกลับมาหาอรุณ กลับมา ‘บ้านของเรา’ ”

“ครับ”

“เช้าแล้ว” ร่างบางครางออกมาคล้ายเพ้อ

เมื่อแสงอรุณฉายสาดส่อง เหมือนเตือนว่าต้องเตรียมตัวเดินทางจากไกล

“พี่ขออะไรอีกสักอย่างได้ไหม”

“ครับ”

จึงขอโฉบฉวยโอกาสในช่วงสุดท้ายก่อนลาจาก ประทับรอยจุมพิตลงที่กลีบปากบางอันแสนนุ่มละมุน อ่อนหวาน ทั้งที่ความตั้งใจแต่แรกเพียงจะบดเบียดแนบชิดแผ่วเบา หากเมื่อได้ลองลิ้มรสสัมผัสแห่งรัก จึงกลับกลายทำให้มึนเมาลุ่มหลง ฉุดลึกลงไปอย่างถอนตัวไม่ขึ้น รู้เพียงแต่ต้องการเรียกร้องมากขึ้นและมากขึ้นอีก

ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าผู้รองรับจุมพิตนั้นมีสติหลงเหลือเพียงน้อยนิด และกำลังถูกฉุดรั้งให้ล่องลอยด้วยความอ่อนประสบการณ์อย่างชัดแจ้ง มิมีแม้กำลังที่จะฝืนหรือต่อต้าน จึงประคองดวงหน้าหวานก่อนรุกเร้าเร่งร้อนกวาดต้อนรสหวานล้ำ กดลึกฝากประทับจุมพิตฝากรัก ย้ำ และซ้ำ ตีตราติดตรึง เพื่อมิให้กาลเวลาลบเลือนรอยจูบนี้ได้ กว่าจะหักห้ามฝืนใจตัวเองถอนจุมพิตหวานออกมาได้ ก็แทบขาดใจ ใบหน้าหวานแดงก่ำหอบหายใจอย่างหนัก ถูกรัดรึงลงในอ้อมอกอีกครา

“รอพี่นะคะคนดี” ดวงตาหวานช้อนมองค้อน ก่อนจะพยายามแข็งขืนผละจากอ้อมกอด จึงถูกฉุดรั้งไว้ให้จมลึกลงในแผ่นอกหนา

“คุณชาย...” เสียงตัดพ้อ เมื่อถูกกอดรัด

“อย่างอนนะคะ พี่ไม่รังแกแล้ว” ก่อนจะกุมมือบางอีกครั้งและสอดลงตรงกลางระหว่างดวงใจของเราสอง

“พี่สัญญาว่าจะรีบกลับ”

“ฝากหัวใจของพี่ไว้ด้วยนะคะคนดี”

แก้มนวลออกสีระเรื่อยวนเย้า เกินหักห้ามใจอีกครั้งจึงกดปลายจมูกซุกไซร้ เคล้าคลึงไปทั่วใบหน้าหวาน เก็บกักความหอมหวนให้จำติดตรึงหัวใจมิลืมเลือน
กระทั่งกำปั้นเล็กทุบเบา ๆ

“ไหนว่าไม่แกล้ง”

“ค่ะไม่แกล้งแล้วค่ะ แต่อีกนิดได้ไหม” จึงฝากรอยจูบบางเบาลงบนนวลปราง

“พี่ชาย” น้ำเสียงแสนงอนเริ่มประท้วง

“ค่ะ ค่ะ คราวนี้ไม่แกล้งแล้วจริง ๆ สัญญา”

“อรุณไปส่งพี่นะคะ” จึงรีบชิงพูดและฉุดรั้งร่างบางให้ลุกขึ้นเดินตาม เป็นครั้งแรกที่คนทั้งวังได้เห็นภาพพี่ชายจูงน้องน้อยอีกครั้ง สองมือที่เกาะกุมไม่ห่าง จวบจนกระทั่งเวลาที่ต้องพรากจากกัน ค่ำคืนสุดท้ายแห่งความทรงจำ อันหวานล้ำตราตรึงในดวงจิต ทำให้คิดคะนึงถึง และหวนหา ซึ่งความหอมที่อิงแอบแนบอุรา ดั่งนำพาให้หัวใจหลงละเมอ เฝ้าพร่ำเพ้อดวงใจรักมิสร่างซา
จึงขอเพียงถาม...คำถามสุดท้ายว่า

‘สุดที่รักลืมแล้วหรือไร โปรดเห็นใจขอให้สมจิตชิดเชย

หวานซึ้งอันใดจงอย่าร้างเลย ขออย่าเฉยเมยรักเอยขอให้เหมือนเดิม’
 


ด้วยรักและคิดถึง
เกิ้ง









วังศศิธร
เรียน คุณชาย

ท่านอา คุณก๋ง เจ้าจ้อย เจ้าเสือน้อย ทุกคนที่ ‘บ้านของเรา’ สบายดี รวมถึงคุณหญิงตุ๊กตาของคุณชายเธอก็คงสบายดี และทุก ๆ อย่างก็คงเหมือนเดิม

ด้วยความเคารพยิ่ง
อรุณ



#JKLTHESERIES


https://www.youtube.com/watch?v=JKNIPpgJJtA

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SIRIES: JUST; DESTINY 16.01.2018
«ตอบ #12 เมื่อ16-01-2018 08:34:22 »

Just…Destiny;

๙. พรหมลิขิต



เมืองเคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา
ถึง อรุณ


พี่ดีใจที่ได้รู้ว่าทุกคนที่ ‘บ้านของเรา’ สบายดี และดีใจอย่างยิ่งที่ได้รู้ว่าทุก ๆ อย่างยังคง ‘เหมือนเดิม’ พี่ไม่เคยคิดเลยว่ากระดาษเพียงแผ่นเดียว ตัวอักษรเพียงสองสามบรรทัด กลับทำให้มีความสุขได้มากมายขนาดนี้ พี่จึงขอเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้กับตัว ณ ตำแหน่งแห่งหัวใจโดยตลอด เพื่อเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าดวงใจดวงนี้มีเจ้าของที่ครอบครองเฝ้าดูแลรักษาและมี ‘บ้าน’ ที่ยังคงรอคอยเสมอ

ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริง ๆ สำหรับ ‘คำตอบ’ ที่ทำให้คนไกลบ้านเช่นพี่ มีพลังใจอย่างแรงกล้าที่จะนำพาตัวเองผ่านช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิต
 
ช่วงเวลาแห่งการตัดสินความพยายามมาตลอดสิบห้าปี แต่กลับผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วและเป็นที่พึงพอใจยิ่ง ด้วยแรงใจที่ถูกส่งตรงมาจากอีกฟากของ ‘ขอบฟ้า’

‘ขอบฟ้า’ ที่พี่ส่งความรักข้ามผ่านไปยังดวงใจรักที่เฝ้ารอคอย

‘ขอบฟ้า’ สีน้ำเงินเข้มที่ตัดกับแสงสีเหลืองแกมทองทอประกาย แสงสุดท้ายแห่งดินแดนที่เคยเป็นที่พำนักพักพิงมามากกว่าครึ่งชีวิต ขณะนี้ห้องพักทั้งห้องที่เหลือเพียงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบ กับผู้ชายที่นั่งเหม่อมองส่งความรักไปยังอีกฟากของ ‘ขอบฟ้า’


คืนสุดท้ายในต่างแดน เป็นคืนแรกที่ได้อยู่เพียงลำพังคนเดียวตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการเลี้ยงส่งอันยาวนาน เพื่อนฝูงมากมายผลัดเปลี่ยนแวะเวียนมาอำลา หลายคนสงสัยและซักถาม ว่าทำไมถึงรีบกลับนัก ทำไมไม่อยู่ท่องเที่ยวต่อตามที่เคยคุย ๆ กันไว้ จึงได้แต่เพียงยิ้มตอบกลับ แต่ดวงใจของพี่คงรู้ว่าด้วยเหตุผลประการใด

ยอมรับว่าครั้งหนึ่ง ตัวพี่เองเคยคิดจะอาศัยพำนักพักพิง และทำงานที่นี่ต่อ ด้วยติดกับชีวิตอิสรเสรีแห่งโลกตะวันตกยิ่ง และคิดว่าคงจะใจหายมากนักเมื่อถึงคราต้องลาจากชีวิตศิวิไลซ์

แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงจริง ๆ กลับต่างกันยิ่ง
ด้วยดวงใจที่ฝากฝังไว้ในอีกฟากของ ‘ขอบฟ้า’ เฝ้าร่ำร้องให้ร่างกายเดินทางกลับมาอยู่เคียงคู่กับดวงใจ

เส้นทางแห่งชีวิต บางทีก็พลิกผันยิ่งนัก เกินกว่าที่จะคาดคิดถึงได้ เสมือนมีใครมาขีดเส้น ลิขิตไว้แต่ต้น ใครจะคิดว่าวันนั้น พี่จะค้นพบสิ่งที่ครอบครัวต้องการ และรอคอยมาตลอดมา เด็กชายตัวเล็กมอมแมมที่หกล้มหกลุกอยู่ท่ามกลางสายฝน น้องน้อยที่พันผูกเหลือคณา เพราะเป็นทุกอย่างในความรัก ความรู้สึก และความทรงใจในวัยเยาว์
 
‘แม่จ๋า ให้อรุณไปอยู่กับเราที่บ้านนะครับ เกิ้งอยากมีเพื่อนเล่น อยากมีน้อง’

‘ถ้าอรุณไปอยู่บ้านเรา เกิ้งต้องเป็นคนดูแลน้องเองนะ’

‘ครับ เกิ้งจะดูแลน้องเอง’


‘ของรัก’ ชิ้นแรกที่ได้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว


‘คุณอรุณ เหอะก็แค่เด็กเก็บมาเลี้ยง’

‘ไม่นะ เรา.....’

‘ใครว่า อรุณเป็นน้องเรา สงสัยอะไรอีกมาถามชาย ใครมีปัญหาว่ามา’


‘ของรัก’ ชิ้นแรกที่ได้ปกป้องดูแลโอบอุ้มด้วยความรักยิ่ง


‘พี่ชาย พี่ชาย จะไปไหน อรุณกลัว’

‘พี่ไปลงเรือเล่นเป็นเพื่อนท่านอานะ เดี๋ยวพี่ก็กลับมา’

‘เดี๋ยวพี่ชายก็ทิ้ง อรุณอีก เหมือนคืนนั้น’

‘คืนนั้นพี่ขอโทษ พี่สัญญาแล้วนะคะ ว่าพี่ไม่มีวันทิ้งน้องอีก’

‘พี่ชายจะรีบกลับใช่ไหม’

‘พี่สัญญาค่ะ พี่จะรีบกลับ’


แล้วเส้นทางแห่งชีวิตก็ถูกขีด ให้พรากจาก
วันเวลาลบเลือนความสัมพันธ์พี่ชายกับน้องน้อยเกือบหมดสิ้น
 

แล้ว ‘พรหมลิขิต’ จึงเล่นตลกกับหัวใจรัก เพียงวินาทีแรกที่ได้พบ


‘คุณชายมีเวลาพักผ่อนอีกสามชั่วโมง ก่อนที่แขกจะมาฟังสวด’

‘นายกรอบ พาคุณชายไปพักก่อน ไปที่ห้องฉันก่อนก็ได้ แล้วให้โรงครัวส่งสำรับขึ้นไป ให้รับประทานอะไรรองท้องเสียหน่อย’

‘ขอโทษจริง ๆ ยังไม่มีเวลาจัดห้องใหม่ให้คุณชาย ไปพักห้องผมก่อนแล้วกัน’ เพียงรอยรอยยิ้มบาง ๆ ที่คลายออกเพื่อปลุกปลอบคนเดินทางมาไกล ฉุดกระฉากดวงใจของเจ้าของ ออกจากร่างตั้งแต่วินาทีแรก


ความรัก ลุ่มหลง ลึกซึ้งถาโถมโจมตีดวงใจ จนกระทั่งเกินที่จะเก็บและกดได้อีกต่อไป จึงขอยอมเห็นแก่ตัวที่จะโฉบฉวยทุก ๆ โอกาส
 

‘อรุณ พี่สัญญาว่าจะรีบกลับ ขอเพียงอรุณรับปากว่าจะรอพี่’

‘ครับ ผมจะรอคุณชาย’

‘พี่ขอฝากหัวใจของพี่ไว้ที่นี่ได้ไหมคะ’

‘อรุณดูแลรักษาหัวใจดวงนี้ไว้ให้พี่ได้ไหม’

‘พี่ชาย...’


สองร่างที่ชิดแนบแอบอิง อบอุ่นนุ่มนวลตราตรึง
ปรางนวลเนียนนุ่มกรุ่นกลิ่น ติดตราตรึงใจ
จุมพิตหวานล้ำ หาอื่นใดเปรียบ


“พี่จะเขียนจดหมายกลับมาทุกเดือน อรุณเขียนตอบกลับพี่นิดนะคะ”

“ครับ”


จึงทำให้ ‘จดหมาย’ ที่เสมือนเส้นใยบาง ๆ ที่เป็นสื่อกลางส่งผ่าน ภาษาสวรรค์ ความรักความคิดถึงข้ามขอบฟ้า เพื่อให้ทำหน้าที่ดังโซ่ตรวนผูกมัดดวงใจทั้งสองไว้ให้เป็นดวงเดียว

ตอนนี้จดหมายทั้งเจ็ดฉบับที่ถูกส่งมาจาก ‘บ้านของเรา’ และจดหมายฉบับนี้ เป็นสิ่งเดียวที่จะถูกเก็บติดตัวตลอดการเดินทางครั้งนี้

การเดินทางข้ามขอบฟ้า
การเดินทางที่มี ‘สุดที่รัก’ เป็นจุดหมาย

จดหมายฉบับนี้คงจะเป็นฉบับเดียวที่จะได้ส่งให้แก่ผู้รับด้วยตัวเอง เพื่อเป็นข้อพิสูจน์แรกที่ได้กระทำตามที่สัญญาไว้ว่า

‘พี่จะรีบกลับ’ และต่อไปนี้ พี่จะพิสูจน์หัวใจรักทั้งหมด ด้วยการกระทำ


ด้วยความรักยิ่ง
เกิ้ง







‘ลมตะเภา’ สายลมแห่งฤดูร้อนพัดอ่อน ๆ ในช่วงกลางดึก หอบความชุ่มชื้นจากท้องทะเลขึ้นมาช่วยบรรเทาคลายความร้อนอบอ้าวให้ผืนแผ่นดินอันแห้งแล้ง หน้าต่างบานยาวที่กรุด้วยผ้าม่านสีเขียวอ่อนที่ถูกรวบไว้ด้วยเกลียวไหมสีขาวทั้งสองด้าน กระเพื่อมเล็กน้อยตามแรงสายลมเบา ๆ ที่พัดผ่านมายังโต๊ะอ่านหนังสือมิขาด

ร่างบางได้แต่นั่งเหม่อปลดปล่อยความคิดอยู่นาน รู้ตัวอีกครั้งจดหมายที่เพิ่งอ่านไปสักครู่ ก็ปลิวไปเกือบสุดความยาวของโต๊ะ จึงรีบหยิบมาบรรจงพับเก็บรวมกับอีกแปดฉบับในลิ้นชักของโต๊ะหนังสือนั่นเอง

ฉบับนี้ไม่ต้องตอบแล้วมั้ง ในเมื่อ
อดมิได้ที่จะกวาดตารอบห้องอีกครั้ง เจ้าจ้อยขยับตัวเล็กน้อยอยู่ที่พรมหน้าเตียง ขณะที่เสือน้อยที่ตัวไม่น้อยแล้วนอนซุกอยู่ในอกของนายของมัน ส่วนคนที่เดินทางรอนแรมข้าม ‘ขอบฟ้า’ มานั้นกำลังนอนหลับสนิทที่ตั่งไม้ริมระเบียง

ใครรู้เข้าคงนึกขำ
วังศศิธรแม้ไม่ได้กว้างใหญ่นัก เพราะแม่จ๋าปรารถนาเพียงบ้านเล็ก ๆ สำหรับครอบครัวเล็ก ๆ อันอบอุ่น แต่ถึงกระนั้นตัวตึกใหญ่ก็มีห้องนอนกว่าสิบห้อง ไฉนเลยทุกคนในวังกลับมานอนกระจัดกระจายกันเต็มห้องนอนเล็กของแม่จ๋า ทำเอาเจ้าของที่ครอบครองห้องนี้อยู่นอนไม่หลับ
 
ก็ปกตินอนคนเดียวนี่นา
นอนเพียงคนเดียวมาเกินกว่าสิบห้าปีแล้ว แม้ช่วงปีก่อน เมื่อตอนรับเจ้าจ้อยมาดูแลใหม่ ๆ เคยลากเจ้าตัวมาคุมไว้ให้นอนด้วยกัน เพราะกลัวหนีตามพ่อแม่กลับบ้าน แต่ก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็หัดให้ลงไปนอนคนเดียวที่ห้องนอนเล็กชั้นล่างนานแล้ว

แต่จะให้ทำอย่างไร
อย่างน้อยเจ้าจ้อยกับเจ้าเสือน้อยอยู่ด้วย ก็ดีกว่าต้องอยู่เพียงลำพังกับเจ้าของ ‘บ้าน’ ที่นัยน์ตาแวววับเป็นประกายคนนั้น

วังศศิธรที่เคยเลี้ยง ‘เจ้าเสือน้อย’ แต่ตอนนี้เสมือนมี ‘เสือตัวใหญ่’ เพิ่มขึ้นอีก ต่อไปชีวิตคงหาความเงียบสงบได้ยากยิ่ง จนอดทอดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้

แต่ก็จะไม่เงียบเหงาเหมือนเดิมอีกแล้วใช่ไหม คำถามที่ถามตัวเองเงียบ ๆ ภายในใจ ด้วยความกริ่งเกรงนัก
‘พี่ชาย’ จะกลับมาอยู่ได้นานเพียงไร

แม้เธอจะย้ำเสมอในจดหมายว่าปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกลับ ‘บ้าน’ เพียงใด หาก ‘บ้าน’ อาจมิใช่บ้านหลังเดิมในความทรงจำอันลางเลือนของเธอ อีกทั้งคนที่เคยชินกับชีวิตอิสรเสรีต่างแดน ถึงขั้นเคยมีความคิดจะไม่กลับบ้านนั้น จะปรับตัวให้คุ้นชินกับสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมอีกแบบได้ดีเพียงใด ยังหวั่นใจนัก
 
หากเจ้าตัวดูจะกระตือรือร้น และมีชีวิตชีวาผิดกับการเดินทางกลับครั้งก่อนมาก

“คนทยอยลงเรือกันมาแล้ว ยังไม่เห็นคุณชายเธอเลย เธอมาเรือเที่ยวนี้จริง ๆ หรือขอรับ”

นายกรอบยืนนอกตัวรถชะเง้อชะแง้มองหา และเวียนถามด้วยความกังวล จึงละสายตาจากหนังสืออ่านเล่นในมือ ช่วยกันมองหาอีกแรงผ่านหน้าต่างของตัวรถออกไปยังทางเดิน กวาดตามองจวบจนสะพานที่เชื่อมแผ่นดินกับเรือ เพียงครู่เดียวก็พบ
‘รอยยิ้ม’ อันเจิดจ้าฉายชัดความรู้สึกดีใจอันล้นพ้นที่ได้เดินกลับบ้าน เหมือนยิ้มตั้งแต่ก้าวลงเรือได้กระมัง


“นั่นไง เธอน่าจะเห็นรถแล้วกระมัง เดินตรงมาแล้ว”

“ไหนครับ” เจ้าจ้อยเขย่งยืดตัวมองตามทิศทางที่มองไปอยู่ข้างนายกรอบ

“เอ่อ กระผมเห็นแล้ว” นายกรอบรีบเดินตรงไปรับเจ้านาย

“ไหนคนไหน” เจ้าจ้อยดูตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้พบเจ้าของวังศศิธร


จึงปิดหนังสือในมือวางไว้ที่เบาะรถ และเปิดประตูมายืนข้างเจ้าเด็กที่ยืดคอมองตามนายกรอบแต่ละล้าละลังไม่กล้าเดินไปตามด้วยยังเกรงผู้มาใหม่ที่ไม่เคยพบหน้า
 

“คนขาว ๆ สูง ๆ นั่นเหรอ”

“ใช่”

“หล่อนะ หล่อกว่าคุณอีก” เปรียบเทียบให้พร้อมสรรพ จึงได้แต่ทอดถอนใจ และหันมามองคนวิจารณ์

“แต่คุณสวยกว่า”

“ขอบใจนะ รู้สึกดีขึ้นมากเชียว” จึงหันกลับไปมองนายกรอบที่กำลังไปถึงตัวเจ้านาย ดูเหมือนจะทักทายกันอยู่สองสามคำ ก่อนที่จะรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาช่วยถือ

“เธอดุไหม”

“ไม่รู้สิ” ก็ไม่รู้จริง ๆ ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ดุนะ แต่ตอนกลับมาครั้งก่อนก็น่ากลัวอยู่

“อ้าวพี่คุณ ไม่ใช่หรือ”

“ก็ไปต่างประเทศนาน”

“ก็เห็นเขียนจดหมาย” อดหันมามองมันอีกครั้งไม่ได้

“มีเรื่องอะไรในวังที่ไม่รู้บ้างไหม” เจ้าตัวไม่รู้ร้อนเช่นเคย และยังคงชะเง้อ

“มองมาทางนี้ตลอดเลยนะ มองคุณตลอดเลย”

“ก็พี่ฉัน จะให้มองเธอหรือ”

“ก็มองแปลก ๆ”


ประเด็นนี้จริงอย่างที่เด็กมันว่า
พี่ชายเขามองน้องชายอย่างนี้หรือ สายตานั่นสื่ออะไร ๆ ได้ชัดเจนจนเกินไป จึงได้แต่ถอนใจอีกหน ก่อนคนที่ถูกวิจารณ์จะก้าวมาถึง จึงก้มลงสวัสดี

“อรุณ...ไม่คิดว่าจะมารับ ดีใจมาก” จริง ๆ แล้วรอยยิ้ม ยังดีกว่าประกายตาระยิบนั่น

“เมื่อครั้งก่อนที่คุณชายกลับ ยุ่ง ๆ เรื่องงานท่านพ่อเลยไม่ได้มารับ”

“ครั้งนี้หนีงานมาไม่อยากไปห้าง” เสียงเล็ก ๆ ฟ้องหน้าตาเฉย

“เราชื่อ ‘จ้อย’ สินะ”

“ครับ คุณชาย” มันไหว้สวยประจบนายใหม่ทันที จำไว้เลยนะ

“เรียนเป็นอย่างไรบ้าง เสือน้อยล่ะ”

“คุณไม่ยอมให้มันมาด้วย” มันคงเลือกข้างชัดเจน คนมาใหม่หัวเราะและลูบหัวด้วยความเอ็นดู

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับ ‘บ้าน’ ก็ได้เจอ”

“‘บ้าน’ นี่วังหรือ ทำไมคนอื่นเรียกว่าวัง แล้วทำไมเรียก ‘บ้าน’ กันสองคน” นั่นไง คนฟังอมยิ้มเหลือบสายตากลับมามอง ทำเอาหัวใจเต้นแรง จึงรีบตัดบทก่อนจะเข้าตัว

“นายกรอบเก็บของเสร็จแล้ว ไปซักกันต่อบนรถเถอะ อีกยาว”



ดังนั้นตลอดทาง และมื้อเย็นที่แวะกินกันที่ร้านอาหารระหว่างทางกลับบ้าน จึงมีแต่คำถาม และคำตอบ ปกติ ‘พี่ชาย’ ชอบเด็กอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงดูเหมือนสนุกไม่น้อยที่ต้องรับมือกับเจ้าตัวปัญหานี่

“เดี๋ยวไปตามเจ้าเสือน้อยก่อน” คนที่นั่งมาข้างคนขับรีบหันมาบอก ก่อนจะผลักประตูรถออกไปทันทีที่รถจอดสนิทด้านหน้าตึกใหญ่ และวิ่งหายลับไปหลังตึกอย่างรวดเร็ว

“ผมนำกระเป๋าของคุณชายไปไว้ที่ห้องนอนเดิมนะขอรับ” นายกรอบถามก่อนที่จะยกกระเป๋าเดินทางออกจากท้ายรถ

“อรุณยังนอนห้องแม่จ๋าอยู่ใช่ไหม”

“ครับ”

“พี่ก็นอนปีกเหนือคนเดียว งั้นพี่ย้ายไปห้องท่านพ่อแล้วกัน”

“แต่ห้องนั้นถูกปิดไว้ ยังไม่ได้ทำความสะอาด”

“ถ้าอย่างไรคุณชายนอนห้องเดิมก่อนได้ไหมครับ วันพรุ่งจะให้คนเตรียมห้องใหม่ให้”

“ไม่เป็นไรไม่อยากย้ายไปย้ายมา”

“คืนนี้พี่นอนที่ตั่งริมระเบียงห้องแม่จ๋าก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ทำความสะอาดห้องท่านพ่อเสร็จได้ย้ายไม่ไกลนัก”

“.............................................”

หมายความว่า?
“จะนอนห้องคุณหรือ ดีเลย เราได้ไปนอนด้วย นี่ไงเสือน้อย” เจ้าตัวร้ายทำลายความเงียบ แล้วส่งแมวตัวอ้วนกลมให้คนมาใหม่ทำความรู้จัก

“ช่วงนี้มันกินจุ เลยอ้วน ให้เสือน้อยนอนด้วยนะ นอนกันเยอะ ๆ สนุกดี” แม้จะมองไม่เห็นว่าจะสนุกไปได้อย่างไร แต่ก็ดีกว่า ‘มิใช่หรือง จึงต้องหันกลับไปสรุปให้นายกรอบ

“นายกรอบเอากระเป๋าคุณชายไปไว้ห้องฉันก่อนก็แล้วกัน”

“ขอรับ”


ดูเหมือนทางนี้จะเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย ใครบางคนยิ้มอยู่ในหน้าขณะที่อุ้มเจ้าแมวตัวอ้วนไว้ จึงได้แต่ปลอบใจตัวเอง ก็ดีกว่านอนกันแค่สองคน อาทิตย์นี้จะแอบเพิ่มเงินค่าอาหารกลางวันเป็นพิเศษให้เจ้าตัวร้ายก็แล้วกัน

เมื่ออาบน้ำเสร็จ สองคนกับหนึ่งตัวยังคงปุจฉา วิสัชนา กันอยู่ที่ระเบียงห้อง จึงต้องไล่ให้หัวหน้าแก๊งคนใหม่ไปอาบน้ำ ลูกสมุนถึงยอมวิ่งหายวับไปอาบเช่นเดียวกัน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาเถอะ”

“แม่นวลหรือ”

“ค่ะ เครื่องนอนคุณชายค่ะ”

“วางไว้ที่ตั่งเถอะ ขอบใจมาก”

“นวลฝากบอกแม่แพรวด้วยว่าพรุ่งนี้อาหารเช้าขอเป็นข้าวต้มเครื่องเถอะ”

“พี่ชาย เธอบ่น ๆ อยากทานอาหารไทย”

“ชุดอาหารฝรั่ง ตั้งเฉพาะท่านอาเธอท่านเดียวก็พอ”

“ค่ะ”

“ขอบใจมากนะนวล” จึงเดินมาส่งที่ประตู

“ค่ะ คุณ” ก่อนที่จะปิดประตูห้องอีกครั้ง


“ขอบใจมากนะคะ” เสียงดังมาจากข้างหลัง ประโยคที่ทำให้รู้ว่าคงฟังอยู่สักพักแล้ว

จึงหันกลับไปตอบ

“เห็นต้องขอบใจแม่แพรวหรอกครับ”

“ขอบใจคนห่วงด้วยน่ะถูกแล้ว” สายตาที่ชัดเจนเช่นเดิม จนน่าอิจฉา

“ท่านอามารับของเช้าด้วยตลอดหรือ”

“ครับ ก็พบเธอทุกวันที่อยู่รับของเช้า คงมาหาเพื่อนคุย”

“นึกว่าท่านนิวัตเชียงใหม่หลังงานแสดงดนตรี ซะอีก”

“คงมีธุระกระมังครับ” คนฟังครุ่นคิด เหมือนอยากถามอะไร แต่กลับเก็บคำพูดไว้ และเดินเช็ดผมไปนั่งที่ตั่ง ก่อนที่รื้อของจากกระเป๋าเดินทาง

“คุณชายนอนที่เตียงเถอะครับ ให้ผมนอนที่ตั่งเอง” แม้ตั่งไม้นั่นไม่เล็กนัก แต่คนตัวโต กว่าคงจะนอนลำบากกว่าอยู่นั่นเอง

“ไม่ได้หรอก พี่จองแล้ว ไม่ยอมให้ใครหรอก” คนพูดดุจดังเอาแต่ใจเช่นวัยเยาว์ แต่ก็เหมือนตั้งใจจะสื่อนัยความหมายลึกซึ้ง


ไม่ใคร่จะตอแยต่อไป เลยลือกเดินไปยังกรอบไม้ที่ร่างภาพเรือนไทยกลางสวนฝรั่งที่ร่างขึ้นมาใหม่ และลงมือวาดต่อ


“อรุณ” รู้ตัวอีกครั้งร่างสูงก็มายืนชิดด้านหลัง

“ภาพนี้ของพี่หรือ”

“ไม่ค่อยมีเวลา ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จเมื่อใด” ไม่มีเวลา เพราะมีอะไรให้ทำมากมายจริง ๆ อดใจไม่ค่อยจะอยู่ แต่มีคนกลับมาแบ่ง ๆ งานไปบ้าง ก็คงมีเวลาทำอะไรเล่น ๆ ได้มากขึ้นกระมัง

“ไม่เป็นไร พี่เฝ้ารอได้ รอได้ตลอดชีวิต ขอเพียงเป็นของพี่ก็พอ”

“ว่าอย่างไรคะ”

“ครับ ‘ภาพนี้’ ของคุณชาย”


คงเพราะตั้งใจเน้นย้ำสิ่งของที่ยกให้ คนฟังจึงหัวเราะอย่างรู้ทัน ใครว่าคนที่จากบ้านไปนาน ๆ จะลืมเลือนภาษาบ้านเกิด ดูเหมือนพี่ชายจะเข้าใจ และซ่อนเร้นความนัยแห่งภาษาแม่ได้ดีเช่นเดิม
 

“ ‘จดหมายนี้’ ของอรุณค่ะ” ซองจดหมายที่จ่าหน้าผู้รับ ที่เป็นชื่อตนเอง แต่ฉงนตรงที่ชื่อผู้ส่งก็คือคนที่ยื่นให้

“เขียนก่อนเดินทางกลับ อยากให้อ่าน” จึงได้รับคำอธิบายโดยพลัน

“ครับ ไม่ต้องเขียนตอบกลับแล้วใช่ไหมครับ” ยังนึกขำ เมื่อก้มมองซองจดหมาย

"ไม่ต้องเขียนแล้วค่ะ แต่ถ้าอยากให้ตอบคำถามเมื่อสักครู่ของพี่จริง ๆ มากกว่า"

"....................................." คำถามอะไร? จึงเงยหน้าขึ้นสบตา

"ว่า ยังเป็น 'ของของพี่' อยู่หรือเปล่า"


โอ้... กว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมพราง สายตาก็ถูกตรึงด้วยแสงทอระยิบจากดวงตา จนรู้สึกว่าอากาศภายในห้องร้อนระอุขึ้นโดยฉับพลัน แล้วบทสนทนาก็จบลงเพียงเท่านั้นด้วยเจ้าตัวแสบที่เปิดห้องวิ่งแข่งกับแมวอ้วนเข้ามา

“มาเร็วเข้าเจ้าเสือน้อย ไปนอนกัน”

จึงทำให้คืนนี้เป็นคืนแห่งการรวมตัวกันอย่างไม่เป็นทางการของสมาชิกในครอบครัวเก่า และใหม่ของวังศศิธร อีกทั้งเมื่อไม่ต้องตอบจดหมายแล้ว ก็คงต้องรีบเข้านอนกระมัง เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาอัญเชิญแขกทั้งสามให้กลับห้องของตนเองให้จงได้ เพื่อความสงบสุขดังเดิม
 
เพียงแต่เมื่อหลับตา
ทำไมรอยยิ้ม และสายตานั่นยังคงติดตา
ทำไมประโยคนั้นยังคงตามวนเวียนในสมอง


"ว่า...ยังเป็น 'ของของพี่' อยู่หรือเปล่า" คำตอบแห่งคำถามนั่นคือสิ่งใด


จึงได้แต่พร่ำถามหัวใจตัวเอง

บางครั้งก็ยากยิ่งที่จะบอกได้ว่า เส้นทางเดินของชีวิตนั้น
เลือกได้ด้วยหัวใจตัวเอง หรือ พระพรหมท่านได้ลิขิตไว้แต่ต้นแล้ว





#JKLTHESERIES


https://www.youtube.com/watch?v=kRMF4saWH6Y

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SIRIES: JUST; DESTINY 16.01.2018
«ตอบ #13 เมื่อ16-01-2018 10:38:22 »

ชอบภาษาที่ใช้จังเลยค่ะ อบอุ่น อ่อนหวาน
ติดตามตั้งแต่คนเดียวกับคนธรรมดาแล้วค่ะ

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; LIVE 17.01.2018
«ตอบ #14 เมื่อ17-01-2018 10:57:41 »

Just...Live;

๑๐. ชีวิต


แสงสีแสดเรืองรองลุกไล่คืบคลานผ่านช่องประตู และหน้าต่างโปร่ง อากาศเมืองร้อนช่างผิดแผกแตกต่างจากเมืองที่เขาจากมา จึงทำให้สถาปัตยกรรมที่อยู่อาศัยต่างกันยิ่ง เพียงมองผ่านประตูทรงสูงผ่านระเบียงออกไปก็พบสวนสีเขียวขจี ซึ่งสายลมกำลังพัดพาความสดชื่นของกลิ่นดอกไม้ใบหญ้าแห้งเข้ามา เมื่อลุกขึ้นจากตั่งอ่านหนังสือของแม่จ๋าซึ่งยึดอาศัยไว้เป็นที่หลับนอนมาทั้งคืนก็พบว่าอยู่ลำพังในห้องแต่เพียงคนเดียว

คงสายพอสมควรแล้วสินะ จึงไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว ทั้งเจ้าของห้อง และเพื่อนใหม่  จึงค่อย ๆ เดินสำรวจห้องนอนเล็ก ๆ นี้ โดยรวมก็มิได้ต่างจากภาพในความทรงจำในอดีตแต่อย่างใด แสดงให้เห็นถึงความตั้งมั่นของเจ้าของห้องคนใหม่ ที่เพียรเก็บรักษาให้ทุกอย่างคงอยู่ดังเดิม

อรุณรักแม่จ๋ามาก และแม่จ๋าก็รักอรุณมากเช่นกัน เขาสองคนผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง แม้คนอยู่ไกลห่างเช่นเขายังรับรู้ น้องปฏิเสธที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะความรัก ความห่วงใยที่มีต่อแม่จ๋า เขายังคงจำถ้อยคำในจดหมายของแม่จ๋าที่รู้ชัดภายหลังว่าอีกคนเป็นคนเขียนได้เป็นอย่างดี

'ท่านชายเธอพรากลูกชายจากอกของแม่ไปแล้วคนหนึ่ง แม่จึงได้แต่ร้องขอให้อีกคนนั้นอยู่เป็นเพื่อนแม่ ท่านจึงยอมให้อรุณเป็นคนเลือกเอง และลูกน้อยของแม่เธอก็ยอมเสียสละเพื่อแม่ และเพื่อลูก'
 
'บ้านเรา' ไม่มีเด็กผู้หญิง น้องน้อยจึงจำยอมเสียสละมาโดยตลอด ยอมเข้าครัว ยอมเรียนรู้งานต่าง ๆ ที่แม่จ๋า ถ่ายทอด แต่น้อยคนที่จะรู้ มิใช่ด้วยใจเธอรัก เพราะความจริงเด็กคนนั้นออกจะซนแก่นแก้วนัก แต่ทำไปด้วยความรักเพียงเท่านั้น
เมื่อมาหยุดชื่นชมภาพร่างศาลาไทยที่คนเขียนบอกยกให้ กลับมาคราวนี้จึงตั้งใจอย่างยิ่งที่จะดึงภาระงานหลายอย่างนั้นกลับคืนมา แม้เจ้าตัวจะมิเคยปริปากบ่น หากเพื่อหวังเพียงเด็กน้อยจะได้กลับมามีความสุข รอยยิ้มที่สดใสดังวันวานอีกครั้ง

ท่านชายศศธรนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมจิบกาแฟอยู่ที่หัวโต๊ะอาหาร ขณะใครอีกคนที่นั่งข้าง ๆ กำลังใช้มีดทาเนยลงบนขนมปังปิ้งอย่างตั้งอกตั้งใจ

"ไงชายเกิ้ง"

"ท่านอา" ขณะกำลังก้มตัวลงกราบ หากท่านกลับลุกขึ้น และดึงตัวมากอดตามธรรมเนียมฝรั่ง

"ถึงคราวกลับถ้ำแล้วสิ ไอ้เสือ" ท่านอาตบหลังเบา ๆ และผละตัวออกก่อนกลับมานั่งที่เดิม

"นั่งก่อน" จึงนั่งลงตรงข้าม ใครอีกคนที่เหลือบตาขึ้นมามองผู้มาใหม่ชั่วครู่ก่อนที่จะเลื่อนจานขนมปังให้ท่านอา

"อรุณให้ตั้งข้าวต้มได้แล้วกระมัง ตื่นสายนะเรา มีคนหิ้วท้องรอ"

"ก็พูดเกินไปครับ กินขนมปังไปแล้วต่างหาก" แล้วหันกลับไปสั่งเด็ก

"นวลจ๋า ตั้งข้าวต้มเถอะ" ก่อนที่จะดึงหนังสือพิมพ์ข้างท่านอามาอ่านแทน

"นึกว่าจะไม่ยอมกลับซะแล้ว" คนที่เคยอยู่ต่างแดนนานกว่าเอ่ยทักอย่างรู้ใจ

"ครับ"

"แล้วนี่ สาว ๆ ที่โน่น ไม่โอดครวญกันแย่หรือ" จึงลอบมองคนที่ตั้งใจอ่านหนังสือพิมพ์เป็นพิเศษก่อนตอบ

"เคลียร์หมดแล้วครับ"

"ให้เชื่อจริง ๆ หรือว่า พ่อคาสโนวาจะยอมวางมือง่าย ๆ" จึงได้แต่ยิ้มตอบ

"ตอนแรกคุยกับอรุณว่าให้เตรียมห้องไว้เผื่อเจ้าของวังจะหนีบแหม่มกลับมาด้วยสักคนสองคน"

"ห้องทางปีกด้านใต้เห็นจะพอ กระมังครับ" คนตั้งใจอ่านหนังสือมีทักษะตอบโต้ผสมโรงอย่างฉะฉาน

"อรุณ ย้ายมาปีกเหนือแล้วนี่ สี่ห้องคงพอ"

"ว่าไงไอ้เสือ" ทั้งสองคน จึงยิ้มกรุ่มกริ่มหันมาช่วยกันรุม

"ไม่มีจริง ๆ ครับ" จึงหันไปตอบท่านอา ก่อนหันมาบอกใครอีกคน

"ตอนนี้ผมรักเดียวใจเดียว" และคนที่กำลังยกยิ้มก็ส่งสายตาดุกลับมา แต่มั่นใจว่าใบหน้าหวานนั้นเริ่มมีสีระเรื่อ

"จริงหรือ สาวที่ไหน" ท่านอาวางถ้วยกาแฟเริ่มถามจริงจัง

"ไม่ใกล้ ไม่ไกลนี่ล่ะครับ แต่เขายังไม่รับรักผมเลย" เพียงเสี้ยววินาที เจ้าตัวก็กลับมาเก็บสีหน้าได้ดียิ่ง

"ไอ้เสือพูดขนาดนี้ ไม่นานหรอก ฉันคงได้เป็นเถ้าแก่ขอสาวเร็ว ๆ นี้แน่"

"ถ้าถึงวันนั้นจริง"

"เห็นทีฉันคงต้องขออรุณขึ้นไปอยู่ด้วยกันที่เชียงใหม่แล้วกระมัง" ท่านอาเปรยอย่างมีนัย

"ให้ผมไปอยู่ตึกคุณก๋งดีกว่าครับ" คำตอบของใครอีกคนทำเอาหัวใจที่กำลังตกวูบ ค่อยใจชื้นขึ้นมา

"คนนี้ก็น่ากลัวหัวใจจะไม่อยู่กับตัวแล้วกระมัง ทั้งหม่อม ทั้งคุณหญิงเธอ แวะเวียนมาเยี่ยมมิได้ขาด"

"ผมจะอยู่ดูแลคุณก๋งต่อไปหรอกครับ ท่านอารับข้าวต้มเพิ่มไหมครับ" คนตอบยิ้มเสมือนขำ แต่หลบเลี่ยงได้แนบเนียนนัก เพียงมื้อเช้ามื้อเดียวก็สุดจะรู้ว่า มิได้มีแต่เพียงตัวเองที่หมายปอง 'ของรัก' ที่เคยเป็นของเขา

แม้ตอนนี้จะสุดหยั่งลึกถึงดวงใจของเจ้าของ ว่าโอนเอียงไปในทางเลือกใดบ้างหรือไม่
แต่ก็ได้รู้ว่าเธอวางตัวได้ดียิ่ง ฉลาดตอบรับ และปฏิเสธ รวมทั้งกดเก็บความรู้สึกของตัวเองได้อย่างแนบเนียน

น้องน้อยเปลี่ยนไปมากจริงอย่างที่เธอเคยเปรย
แต่เจ้าตัวรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่แปรเปลี่ยน ยิ่งทำให้ทรงเสน่ห์

"แล้ววันนี้จะไปไหนกัน" ท่านอาถามหลังจากร่างบางรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย และสั่งให้ตามนายกรอบ

"ไปบ้านคุณก๋งก่อนครับ และคงตระเวนบ้านญาติ ๆ ต่อ" คนตอบแทนโดยไม่ถามความเห็น คนที่เพิ่งทราบภารกิจของตน

"ดีแล้วอรุณดูแลให้เรียบร้อย ไปลามาไหว้ดีแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่จะได้เอ็นดู"

"ว่าจะอยู่ดูงานเลี้ยงเสียหน่อย" คนวางแผนทิ้งกันเสียกลางคันจึงรีบท้วง

"อ้าว ไม่ไปด้วยกันหรอกหรือ"

"ไปเป็นเพื่อนพี่เขาก่อนเถอะอรุณ ทางนี้สั่งไว้ก่อนก็ได้สุดสัปดาห์หน้ามิใช่หรือ"

"เอ่อ ครับ"

จึงใช้เวลาเกือบทั้งอาทิตย์เข้าบ้านนี้ออกบ้านนั้น เพื่อรายงานตัวถึงการกลับมาบ้านเกิดอีกครั้ง ซึ่งเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย กว่าจะได้พักผ่อนจริง ๆ ก็ช่วงปลายอาทิตย์แล้ว

การพบปะญาติมิตรครั้งนี้ ก็เห็นจะมีข้อดีถึงสองประการคือ ข้อแรกดังที่ท่านอาได้กล่าวไว้ข้างต้น ผู้หลักผู้ใหญ่จะได้รับรู้ว่ากลับมาบ้านแล้ว และยังได้เรียนรู้ค่านิยม วัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ห่างหายไปนาน รวมทั้งได้เรียนรู้การวางตัวในสังคม ในสายตาอันแหลมคมของบุคคลอื่น ซึ่งดูแบบอย่างดียิ่งได้จากคนข้าง ๆ ที่ได้ยึดไว้เคียงคู่ตลอดสัปดาห์ และนี่ก็คือข้อดีประการที่สอง

แต่หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในทุก ๆ วัน อีกคนยังคงต้องกลับมาทำงานต่าง ๆ และเช็คความเรียบร้อยของงานเลี้ยงอีกด้วย จึงทำให้ระยะเวลาเพียงชั่วอาทิตย์ กลับได้เห็นถึงความอุตสาหะอย่างยิ่งในการรับผิดชอบงานอันหลากหลายมากมาย ที่เจ้าตัวขู่ไว้ว่า
 
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวงานพวกนี้ก็จะยกคืนให้คุณชายทั้งหมดแล้ว"
ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของใครอีกคนที่เจ้าตัวพยายามพร่ำบอกในจดหมาย น้องน้อยที่เคยแก่นแก้ว สดใสเริงร่า อ่อนหวานละมุนละไมในวันวาน บัดนี้กลับแข็งแกร่งด้วยความรับผิดชอบอันมากล้น บุคลิกที่เจ้าตัวแสดงออก จึงดูทั้งสุขุมเฉียบขาด และสุภาพอ่อนโยนไปพร้อม ๆ กัน ด้วยรากฐานเดิมของเจ้าตัว และมรดกทางอารมณ์ที่ท่านพ่อและแม่จ๋าได้ทิ้งไว้

รวมทั้งยังช่างสังเกตถึงสิ่งที่ต้องระแวงระวังของบุคคลต่าง ๆ ที่ต้องไปพบปะพูดคุย และถ่ายทอดแนะนำให้จดจำเพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจในภายภาคหน้า

แม้น้องน้อยจะยังช่างพูดช่างเจรจากับญาติสนิทเช่นท่านอาหรือคุณก๋ง แต่กลับดูเงียบขรึมมากนักในสายตาบุคคลภายนอก อีกทั้งเจ้าตัวยังกักเก็บสายตา อารมณ์ ความรู้สึกภายในไว้ได้มิดชิดเหนือการคาดเดา และวางตัวได้ดียิ่ง เวลาทำให้ทุกอย่างแปรเปลี่ยน ข้อนั้นยอมรับ

แต่...ความรู้สึกบางอย่างในหัวใจ เปลี่ยนได้จริงหรือ
อยากรู้สักนิด เพียงสักนิด
 
ระยะเวลาอันสั้น ที่อีกคนใช้ตัวเองเป็นแบบอย่าง สอนคนมากอาวุโสกว่าให้เรียนรู้อย่างแนบเนียน ทำให้ยอมรับที่จะต้องปรับ และเปลี่ยนตัวของตัวเองให้กลับมาเข้ากับสังคม และวัฒนธรรมของแผ่นดินเกิด

แต่การปรับเปลี่ยนสิ่งใด ก็ไม่ยากยิ่งเทียมเท่าเรื่องหัวใจรัก จะกัก จะเก็บ ได้จริงหรือ
ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกคนพยายามบอกโดยนัย 'เป็นไปไม่ได้'

แต่หารู้ไม่ มิมีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้
อีกฟากหนึ่งของโลก สอนเขามาอย่างนั้น

เพียงแต่อาจจะต้องอาศัยความตั้งใจจริง มุ่งมั่น และพยายาม
ซึ่งมันไม่ยากเลย ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

เพียงแต่กระซิบ... ให้รู้สักนิด...
 
งานเลี้ยงต้อนรับกลับบ้าน จัดที่ศาลาทรงไทยในสวนฝรั่งของวังศศิธร ซึ่งเป็นงานใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก แสงไฟไสวสว่างทั่วทั้งงาน เครื่องประดับตกแต่งใช้สีแดงสดของหน้าร้อนเป็นสีหลักทั้งงาน เสียงเครื่องดนตรีไทยบรรเลงไพเราะเสนาะหู อาหารหลายหลากอวดโฉมความงดงาม และการันตีด้วยรสชาติ
 
"อย่างที่เคยเล่า 'งานจัดเลี้ยง' เป็นความสามารถพิเศษของวังศศิธร" คนเปรยหารู้ตัวไม่ว่าเป็นความสามารถพิเศษของตนเองโดยแท้

"ขอบคุณมากอรุณ"

ใบหน้าหวานหันกลับมา มอบรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น อ่อนหวาน ละมุนละไม ประกายตาที่ฉายชัดถึงความรู้สึกภายในที่แสดงออกให้เห็นถึงความจริงใจ และยินดีที่ทำให้ผู้รับมีความสุข

"ยินดีต้อนรับกลับ 'บ้าน' ครับ คุณชาย" ถ้อยคำเอื้อนเอ่ยยกยิ้ม ก่อนที่จะแฝงตัวหนีหายไปในงานที่คลาคล่ำไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย

เจ้าตัวหารู้ไม่อีกเหมือนกันว่า 'รอยยิ้ม' นั่น ทำให้คนฟังเกือบตอบคำถามมิตรสหายที่เข้ามาทักทายปราศรัยไม่รู้เรื่องไปนาน กว่าจะดึงสติกลับมาได้ และเชื่อว่ายังไม่สามารถดึงหัวใจกลับมาอยู่กับร่างกายได้ดังเดิมอีกต่อไป

จะทำอย่างไร...
ใกล้เที่ยงคืน งานเลี้ยงสนุกสนานเพลิดเพลินด้วยรสมือของแม่ครัว การแสดงดนตรีไทย และดนตรีสากลสลับเป็นช่วง ๆ ทำให้ญาติสนิทมิตรสหายกลุ่มสุดท้ายเพิ่งลากลับ

"ไอ้เสือ งานเรียบร้อยดีนะ อากลับไปพักผ่อนก่อน"

"ครับ ขอบพระคุณมากครับ" ขณะที่ไหว้ลา ท่านอาจึงตบบ่าเบาแล้วหันกลับก้าวยาว ๆ ไปทางเรือนเล็ก

ในที่สุดแขกคนสุดท้ายก็กลับ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววใครอีกคนที่เฝ้าแอบมองหาตลอดงาน คนในวังกำลังช่วยกันเก็บงานอย่างขะมักเขม้น จึงเดินขอบคุณให้กำลังใจไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพบเจ้าตัวแสบที่กำลังจัดการกับขนมหวานอยู่กับกองทัพเด็กกลุ่มเล็ก

"เจ้าจ้อย"

"ครับคุณชายเกิ้ง"

"เห็น 'คุณ' บ้างไหม ตามหาไม่เห็นทั้งงาน"

เริ่มชินกับสรรพนามที่คนในวังใช้เรียก ส่วนมากตัวเองมักถูกแทนว่า 'คุณชาย' และอีกคนคือ 'คุณอรุณ' แต่สำหรับคนเก่าคนแก่มักจะเรียก 'คุณคนโต' และ 'คุณคนเล็ก' ส่วนเจ้าจ้อยเรียกเขาว่า 'คุณชายเกิ้ง' หลังจากได้รับการสถาปนาเป็นแม่ทัพของกองกำลังเด็ก ส่วนอีกคนถูกเรียกว่า 'คุณ' เฉย ๆ ด้วยเหตุแห่งความสนิทสนม และเพื่อความเร็วในการต่อล้อต่อเถียง

"รายนั้นไม่ชอบคนเยอะ แต่ชอบจัดงาน"

"หนีไปเล่นเปียโนที่เรือนเล็กด้วยกัน แล้วกลับมาช่วยเก็บงาน เห็นเดินไปทางศาลาไทยกระมัง" คำตอบฉลาดนั่นตีความได้ว่าแอบหนีงานเลี้ยงไปเล่นกันเพียงสองคน แล้วคนพูดก็กำลังเก็บงานด้วยการยกกองทัพมากินต่อ ส่วนอีกคนที่ชอบจัดงานคงชอบเก็บงานด้วย จึงน่าจะคุมงานอยู่ที่ไหนสักแห่ง

คงต้องสั่งซื้อเปียโนมาไว้ที่ตึกใหญ่สักหลัง

อากาศร้อนจัดในช่วงกลางวันของฤดูร้อน ทำให้ตกดึกเมื่ออากาศเย็นลงเริ่มมีละอองฝนพรมประปราย จึงเร่งรุดมุ่งตรงไปตามหาคนที่ศาลาไทย งานส่วนใหญ่ที่ศาลาไทยถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว จึงเดินสวนกับคนงานสองสามคนสุดท้าย และกล่าวขอบคุณไป
 
กวาดตามองโดยรอบก็ยังไม่พบคนที่ตามหา ไฟเริ่มปิดลงเหลือเพียงแสงสลัวจากตัวตึกใหญ่ คงขึ้นนอนไปแล้วกระมัง จึงมุ่งหน้าหันกลับไปยังตึกใหญ่ หากไม่พบเงาไหว ๆ ของใครคนหนึ่งก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านนอกศาลาไทย
 
เพียงเงาก็รู้ว่าเป็นคนที่ตามหา

"ทำอะไรอยู่หรือคะ"

"คุณชาย" คนถูกทักยืดตัวขึ้น

"เอ่อ เก็บดอกปีบเล่น ไปไว้ที่หัวนอนหอมเย็น ๆ ดีครับ" อย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือเด็กชายตัวเล็กที่ยังคงหาเรื่องเล่นซนเช่นเดิม

"พี่ช่วย" เพื่อนเล่นคนเดิมจึงก้มหยิมดอกไม้สีขาวที่ร่วงกราวใต้ต้น ส่งกลิ่นหอมละมุนทั่วบริเวณ

"ไม่เป็นไรครับ คุณชายพอแล้ว เก็บได้เยอะแล้ว"

"ทำไมต่อหน้าคนอื่นเรียกพี่ว่าพี่ชายได้ แต่อยู่กันสองคน พี่ถึงกลายเป็นคุณชายเสียทุกทีล่ะคะ"

"..................."

"ว่าอย่างไรคะ"

"สุดแล้วแต่ จะให้เรียกว่าอย่างไรเถิดครับ"
 
ด้วยแสงไฟอันริบหรี่ทำให้ยากยิ่งจะเห็นได้ว่าคนพูดมีสีหน้าอย่างไร แต่จากประสบการณ์ตลอดอาทิตย์ที่ทำให้ตระหนักว่าไม่สามารถจะตีความจากน้ำเสียงของอีกคนได้เลย น้องน้อยคนเดิมนั้นเติบใหญ่แข็งกล้า ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจได้ง่าย ๆ ดังเดิม ความเงียบงันจึงปกคลุมอีกครั้ง

สุดแล้วแต่...ใช่ไหม
จึงขอพูด สุดแล้วแต่...หัวใจสักครั้ง

"อรุณ"

"พี่ยอมรับว่า พี่ต้องเริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง"

"พี่รู้แล้วว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ใจคิด"

"และการกระทำนั้นยากกว่าตัวอักษรมากมายนัก"

"แต่เพียงอยากให้รู้ไว้ว่าทุกคำที่เคยบอก ทุกตัวอักษรที่เคยเขียนเล่ามาในจดหมายนั้น" "ตั้งใจ"

"พี่ตั้งใจจริง ๆ ดังคำมั่นทุกคำที่ให้ไว้"

"พี่จะไม่ยอมท้อถอย ไม่ว่าอุปสรรคที่พบจะเป็นอะไร"

"พี่รู้แล้วว่าหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป"

"รวมถึง 'ของรัก' ของพี่เธอก็มิใช่คนเดิม"

"พี่ไม่ร้องขอคำถามเดิมที่เคยถามเฝ้าเพียรถามไว้" เพราะตอนนี้พี่รู้แล้ว ว่ามันคงยากมากมายเกินกว่าที่จะตอบได้ และพี่ก็พร้อมที่จะรอคอย พร้อมที่จะพิสูจน์ทุกอย่างดังที่เคยบอก หาก

"เพียงแต่"

"พี่เพียงอยากรู้"

"อยากรู้ว่าดวงใจที่พี่เฝ้าคอย เธอยังคงเชื่อมั่นในตัวพี่ชายคนนี้อยู่หรือไม่"

มิใช่ความเคลือบแคลงใจอันใดที่ทำให้เอ่ยถาม แต่ขอเพียงกำลังใจได้ไหม

"......................................" ไม่มีคำตอบ


"พี่ยังมีโอกาสนั้นอยู่หรือไม่"

มิใช่ท้อแท้แต่ประการใด ขอแต่เพียงเพื่อนร่วมหนทางที่จะฝ่าฟันไปได้หรือไม่

"............................................." และยังคงไม่มีคำตอบอยู่ดี

"ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ค่ะ"

"ดอกไม้ของพี่" ยื่นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์สองสามดอกที่เก็บมาให้ไป ยังดีที่ใครอีกคนยังยอมรับมันไว้

"ฝนลงเม็ดแล้ว รีบขึ้นตึกเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่สบาย" เมื่อร่างเล็กก้าวเดินจากไป จึงหันกลับมาถอนหายใจ พร้อมเหม่อมองไปใน
ความมืดมิด

คงต้องให้เวลาบ้าง
 
เวลาสำหรับหัวใจดวงน้อย ที่ต้องคิดใคร่ครวญ
เวลาสำหรับหัวใจตัวเอง ที่ต้องเดินผ่านจุดเริ่มต้น

บางครั้งจุดเริ่มต้นก็ยากยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจุดหมายช่างเลือนลาง
จึงเพียงแต่ต้องการ คนเข้าใจคอยเคียงข้าง และกำลังใจในที่จะเริ่มต้นก้าวแรก
 
คงต้อง.....

"พี่ชาย ก็ต้องรีบเข้านอนนะคะ" เสียงแผ่วเบาที่แว่วมาจากด้านหลังทำให้รีบหันกลับไป แล้วพบว่าคนที่คิดว่าเดินจากไปแล้ว กำลังยืนอยู่ตรงหน้า

"อรุณ" มือเล็กแบ่งดอกไม้สีขาวยื่นให้กลับคืน

"ถ้าเก็บไปเยอะ ๆ กลิ่นมันจะฟุ้งจัดจนนอนไม่ไหว แบ่ง ๆ กันไปนะครับ" จึงรับดอกไม้กลับมาด้วยความมึนงง

“พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่ห้างแต่เช้านะครับ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ‘พี่ชาย’.”

แล้วคนที่ทำให้ใจปั่นป่วนก็หันหลังกลับวิ่งปรื๋อจากไป ดั่ง 'น้องน้อย'

สู่จุดเริ่มต้นครั้งใหม่อีกครั้งสินะ 'พี่ชาย' และ 'น้องน้อย'

จุดเริ่มต้นสู้ก้าวแรกบนหนทางแห่ง 'ชีวิต'

หนทางที่จะนำพา 'ชีวิต' กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ด้วย 'บ้าน' 'ครอบครัว' และ 'สุดที่รัก'



#JKLTHESERIES

https://www.youtube.com/watch?v=-QwCq3ZT8BU
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2018 10:46:37 โดย justwind »

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: JKL THE SERIES: JUST; LIVE 17.01.2018
«ตอบ #15 เมื่อ17-01-2018 13:08:06 »

สนุกค่ะ...ชอบมากๆ...จะรอติดตามต่อไปนะค่ะ!!!หลงรักคุณอรุณ :impress2:

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; THANKS 18.01.2018
«ตอบ #16 เมื่อ18-01-2018 10:50:48 »

Just…Thanks;

๑๑. ขอบคุณ


‘งานเสร็จแล้ว เราก็ไปเล่นได้แล้วน่ะสิ’ มีหลายคนชื่นชมว่าผมขยัน จริงแล้วเปล่าเลยที่ทำไปเพราะขี้เกียจต่างหาก

‘ก็ทำงานให้เสร็จก่อนสิ จะได้ไปเล่น’

‘พี่ชาย’ เคยสอนไว้


อากาศเย็นชุ่มฉ่ำด้วยละอองฝนบาง ๆ ตกพรมประปรายไปทั่วทั้งสวนฝรั่ง ใต้ไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา ดอกปีบสีขาวร่วงพราวเต็มสนามหญ้า ส่งกลิ่นหอมยวนเย้า เก็บไว้ในห้องนอนน่าจะทำให้นอนหลับสบาย จึงก้มตัวลงเก็บดอกสดสวยหอมกรุ่น ดอกแล้วดอกเล่าอย่างเพลิดเพลินจนเกือบเต็มสองมือ

“ทำอะไรอยู่หรือคะ”

“คุณชาย...” นึกว่าเขาขึ้นตึกไปแล้วซะอีก

‘เรา’ทำอะไรน่ะหรือ...อะไรล่ะ ก็

“เอ่อ...เก็บดอกปีบเล่น ไปไว้ที่หัวนอนหอมเย็น ๆ ดีครับ”

“พี่ช่วย” ร่างสูงก้มตัวลงเก็บดอกไม้ดอกเล็ก ทำไมคลับคล้ายใครบางคนในความทรงจำ

“ไม่เป็นไรครับ คุณชายพอแล้ว เก็บได้เยอะแล้ว” เก็บไปเยอะ ๆ จากหอมมันจะเหม็นนะครับพี่ชาย

"ทำไมต่อหน้าคนอื่นเรียกพี่ว่าพี่ชายได้ แต่อยู่กันสองคน พี่ถึงกลายเป็นคุณชายเสียทุกทีล่ะคะ"

“...........................................................” อะไรล่ะ อยู่ ๆ ก็มาถามแบบนี้

“ว่าอย่างไรคะ”

“สุดแล้วแต่ จะให้เรียกว่าอย่างไรเถิดครับ” จะให้เรียกอย่างไร เขาก็รู้ว่าในใจของตัวเองมีเพียง ‘พี่ชาย’ คนเดียวเสมอ


เพียงแต่ผู้ชายแปลกหน้าที่กลับเข้ามาในชีวิตหลังจากห่างหายไปกว่าสิบห้าปี กับคนในความทรงจำที่ชัดเจนดังวันวาน เป็นคน...คนเดียวกันจริงหรือ

แม้สมองจะบอกว่าใช่
แต่หัวใจกลับ ไม่แน่ใจเลย



"อรุณ"

"พี่ยอมรับว่า พี่ต้องเริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง"

"พี่รู้แล้วว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ใจคิด"
 
"และการกระทำนั้นยากกว่าตัวอักษรมากมายนัก"

"แต่เพียงอยากให้รู้ไว้ว่าทุกคำที่เคยบอก ทุกตัวอักษรที่เคยเขียนเล่ามาในจดหมายนั้น" "ตั้งใจ"

"พี่ตั้งใจจริง ๆ ดังคำมั่นทุกคำที่ให้ไว้"

"พี่จะไม่ยอมท้อถอย ไม่ว่าอุปสรรคที่พบจะเป็นอะไร”


ทำไมจะไม่รู้ แต่...


"พี่รู้แล้วว่าหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป"

"รวมถึง 'ของรัก' ของพี่เธอก็มิใช่คนเดิม"

"พี่ไม่ร้องขอคำถามเดิมที่เคยถามเฝ้าเพียรถามไว้"

คำถามนั้นที่เฝ้าเวียนถามตัวเองในสมอง ‘ยังเป็น 'ของของพี่' อยู่หรือเปล่า’
หากแต่เพียง ‘พี่ชาย’ คนเดิมคนนั้นถาม หัวใจคงตอบได้ทันที
แต่ใช่หรือ...คนเดิมหรือเปล่า

"เพียงแต่"

"พี่เพียงอยากรู้"

"อยากรู้ว่าดวงใจที่พี่เฝ้าคอย เธอยังคงเชื่อมั่นในตัวพี่ชายคนนี้อยู่หรือไม่"

“..............................................” ‘พี่ชาย’ คนเดิมจริงหรือ

“พี่ยังมีโอกาสนั้นอยู่หรือไม่”

“.............................................” ‘พี่ชาย’ คนเดิมจริง ๆ หรือเปล่า

“ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ค่ะ”

“ดอกไม้ของพี่” ดอกไม้ที่ถูกส่งมาให้ ในขณะที่สมองยังเฝ้าคิดวนเวียน


เป็นคนเดียวกันมิใช่หรือ เงาสะท้อน ‘พี่ชาย’ ชัดเจนในผู้ชายคนนี้


“ฝนลงเม็ดแล้ว รีบขึ้นตึกเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่สบาย”

‘พี่ชาย’ สั่งให้กลับ ขาก็เดินกลับเอง ในขณะที่สมองยังคงคิดต่อไป แต่หัวใจทักท้วง ภายในความรู้สึกนึกคิด และจิตวิญญาณ


เธอเรียกผู้ชายคนนั้นว่า ‘พี่ชาย’ มาเสมอหรือมิใช่
แล้วเขาจะเป็นใครไปได้

ไม่คุ้น ไม่ชิน ไม่ได้แปลว่าไม่ใช่
ไม่ได้แปลว่า ‘เขา’ มิใช่คนที่ปรารถนาและเฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิต

ไม่มีแล้ว
ไม่มีวันได้เด็กผู้ชายอายุสิบสามขวบในความทรงจำนั่นคืนมา

แต่เขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชายคนนั้น ถ้าต้องการ ‘พี่ชาย’ กลับคืน
อาจจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ไม่ปล่อยไปอีกแล้ว เมื่อตัดสินใจได้จึงหันหลังกลับ

“พี่ชายก็ต้องรีบเข้านอนนะคะ” รู้ตัวอีกครั้ง ก็เมื่อได้ยินเสียงของตัวเองที่เอื้อนเอ่ยออกไป

“อรุณ” เขาคนนี้คือ ‘พี่ชาย’ ของเราสินะ จึงแบ่งดอกไม้สีขาวยื่นให้กลับคืน

"ถ้าเก็บไปเยอะ ๆ กลิ่นมันจะฟุ้งจัดจนนอนไม่ไหว แบ่ง ๆ กันไปนะครับ" คนฟังยังดูเหมือนจะไม่เข้าใจ

“พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่ห้างแต่เช้านะครับ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ‘พี่ชาย’.” เราก็ไม่ค่อยเข้าใจหัวใจตัวเอง ทำไมหัวใจมันเต้นแรงอย่างนี้ล่ะ ก็ ‘พี่ชาย’ คนเดิมมิใช่หรือ

ไม่ไหวแล้ว
สองขาพาตัวเองวิ่งจนกลับมาถึงห้องนอนแม่จ๋า แล้วทำได้เพียงยืนหอบหายใจพิงอยู่ภายในประตูห้องที่ปิดสนิท

ไม่ใช่ไม่รู้...
เวลาทำให้...ตัวเองเปลี่ยน
แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่า ‘พี่ชาย’ ที่เปลี่ยนแปรไป

ตัวเองเปลี่ยน เพราะหน้าที่ ความรับผิดชอบ บทบาทในสังคม แต่ตัวตนข้างในนั้นยังคงเป็นคนเดิม แตกต่างจาก ‘พี่ชาย’ ที่กลับมีเพียงเงาจาง ๆ และความทรงจำบางส่วนที่ลางเลือน

มิใช่เขาไม่รู้ ความรู้สึกของ ‘พี่ชาย’ ที่มีให้ มิใช่ ‘ความรัก’ แบบเดิม แม้ยอมรับ รากฐานของความรักนั้น มีบางส่วนมาจากความผูกพันในอดีต บวกรวมกับความเสน่หา ความลุ่มหลง ในครั้งใหม่

‘พี่ชาย’ จึงกำลังจมลึกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
แล้วตัวเขาเองเล่า ถามหัวใจตัวเองอีกครั้ง
 
ไม่เคยมีความรักครั้งใหม่ มีแต่เพียงความรักพิสุทธิ์ ครั้งแรก ครั้งเดียว ตลอดมา
เพียงเพราะ

ดวงใจดวงเดียว ที่ฉุดรั้งเด็กอ่อนแอคนนั้นให้ลุกขึ้น
ดวงใจดวงเดียว ที่ทำให้ชีวิตสามารถยืนหยัดก้าวเดิน

คนเดียวที่... เปลี่ยนแปลง ‘ชีวิต’ ทั้งชีวิตในอดีต
คนเดียวที่... ทำให้รู้จักการเป็น ‘ผู้รับ’ ครั้งแรก และได้รับอย่างมากมาย
คนเดียวที่... อยู่ ‘เคียงข้าง’ และให้ ‘ความอบอุ่น’ ในหัวใจที่ไม่เคยพานพบ
คนเดียวที่... ทำให้ทุก ๆ วัน กลายเป็น ‘วันที่ยิ่งใหญ่’
คนเดียวที่... เป็น ‘จุดมุ่งหมาย’ หนึ่งเดียวตลอดมาในชีวิตของเขา
คนเดียวที่... ทำให้มี ‘แรงใจ’ ให้ยืนหยัดเฝ้ารอคอยการกลับมา
 
ความรักทั้งสอง คลับคล้าย แต่มิได้ใกล้เคียง
ถ้าเรารอคอยใครมาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิต ใจจะกล้าปฏิเสธได้จริงหรือ
 
‘ขอเริ่มต้นใหม่อีกสักครั้งได้ไหม’ วิงวอนร้องขอหัวใจตัวเอง
กับเหตุผล เหตุผลเดียวเพียงเพราะ ‘พี่ชาย’ คือดวงใจอันเป็นที่รัก

ดวงใจยังคงสั่นไหว แต่ความตั้งใจแน่วแน่ขึ้น เมื่อได้คำตอบให้แก่หัวใจตัวเอง ดอกปีบสีขาวกำใหญ่จัดใส่แก้วทรงเตี้ยใบเล็กที่โต๊ะหนังสือ มีเพียงดอกขาวบางสามดอกที่ ‘พี่ชาย’ เก็บให้ วางไว้บนหมอนใบเล็กข้างหมอนหนุนตลอดคืน

วันเวลาแห่งการพิสูจน์เริ่มต้นขึ้น ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ‘พี่ชาย’ พยายามอย่างยิ่ง งานที่ตัวเองต้องใช้เวลาเรียนรู้นานเกือบครึ่งปี แต่ ‘พี่ชาย’ กลับใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนในการเรียนรู้จนหมดสิ้น และทำได้ดีกว่า เพราะจริงจังมากกว่ามาก และรับผิดชอบมากกว่ายิ่ง จนคุณก๋งเอ่ยปากชม และเริ่มวางมือจากกิจการอย่างเต็มตัว

ภาระงานต่าง ๆ ที่เคยมีมากล้น ถูกแบ่งเบาไปเกินครึ่ง เหลือเพียงงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายของห้าง เรื่องที่ดินของท่านพ่อ และธุระเดิมของวังที่เป็นของแม่จ๋าเพียงเท่านั้น

เวลาว่างที่เคยหาได้ยากยิ่งจึงเริ่มกลับคืนมา ความจริงแล้วไม่ต้องไปที่ห้างเลยก็ยังได้ หากแต่ใครบางคนยังคงตามมาเคาะห้องปลุกด้วยตัวเองทุก ๆ เช้า เพื่อตามตัวไปห้างด้วยกันดังเดิมทุกวัน
 
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ และเสียงเคาะประตูที่เชื่อมภายในห้องนอนดังขึ้น จึงจำใจลุกขึ้นเหมือนดั่งเช่นทุกเช้า หลับตาก้าวไปเปิดประตูห้องด้วยความเคยชิน ก่อนกลับมาทิ้งตัวล้มลงนอนซุกหน้าลงกับหมอนที่เตียงเช่นเดิม

คนที่เดินผ่านประตูเข้ามานั่งลง พิงหัวเตียงข้าง ๆ และช่วยลูบผมชี้น้อย ๆ ให้คนนอนต่อเบา ๆ และนอนต่อได้อีกนิดนึง เช่นเดิม

‘พี่ชาย’ ตื่นมาอ่านหนังสือทุกเช้า แต่ชอบมาอ่านในห้องคนอื่น วันแรก ๆ ข้ออ้างคือหนังสือที่เธอสนใจอยู่ในห้องนี้ วันหลังเมื่อยกหนังสือที่เธอสนใจไปไว้ให้ในห้อง เธอก็ยังหยิบหนังสือมาอ่านในห้องคนอื่นเช่นเดิม ด้วยเหตุผลว่า อ่านที่ห้องตัวเองแล้วง่วง
 
“ตื่นได้แล้วเด็กขี้เซา”

“อืม...”

“อรุณ”

จึงส่งเสียงกรนเล็กน้อยในคอแถมให้ไป แล้วจึงมีสัมผัสเบา ๆ ที่หู ดอกปีบดอกเล็กที่เจ้าตัวเก็บมาให้ก่อนนอนทุกคืน ถูกปั่นลงแกล้งเช่นเดิม จนตอนนี้เริ่มชิน ผ้าห่มถูกดึงออกจึงเป็นมาตรการต่อไป และตามมาด้วยหมอนหนุนที่ต้องฉุดกระชากกันทุกเช้า

“ถ้าไม่ตื่น อย่าหาว่าพี่รังแก” ไม้สุดท้ายที่ใช้ได้ผลทุกเช้า จึงหลับตา และใช้ประสาทสัมผัสฝืนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ แล้วจึงได้ยินเสียงคนได้รับชัยชนะเปิดประตูกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองเช่นเดียวกัน

อย่าถามว่าเคยเพิกเฉยต่อคำขู่นั่นไหม
คำตอบคือ เคย และพบว่าเกือบครึ่งค่อนวันที่ไม่ได้ออกจากห้อง

กว่าจะวิงวอนกันได้ แก้มแทบจะช้ำ
ดังนั้น จงฝืนความง่วงเสียยังดีกว่า

เคยโอดครวญขอทำงานอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อคนที่ต้องไปทำงานที่ห้าง สั่งให้คนหอบเอกสารมากมายมานั่งทำที่บ้านด้วยกันเสียอย่างนั้น ก็ออกจะเกรงใจคนอื่น ๆ
 
มื้อเช้าที่เคยเงียบสงบ กลายเป็นสนามรบแย่งชิงอาหารจากคนนั่งตรงข้าม จนท่านอาเธอระอา หรืออย่างไรมิทราบ จากที่เคยมาทุกเช้า กลายเป็นว่านาน ๆ ทีที่ท่านอยากจะปวดหัวด้วยเสียงสองพี่น้องถกเถียงกัน ท่านถึงจะแวะมารับอาหารเช้าด้วย เช่นวันนี้

“อรุณ เอาขวดเกลือมา”

“ใครบอกว่าเอาไป”

“อยู่ข้างหลังส่งมา”

“เปล่าไม่มี”

ร่างสูงยิ้มร้ายกาจให้พร้อมเตรียมลุก ใครจะยอม ตัวเล็กกว่าก็ย่อมได้เปรียบในที่เล็ก ๆ เช่นห้องอาหาร จึงไหวตัววิ่งฉิวพร้อมขวดเกลือ เมื่อจวนตัวคนที่เป็นที่พึ่งคือ

“อายุเท่าไหร่กันแล้ว” แอบด้านหลังท่านอา แน่จริงเข้ามาสิ อีกคนจึงส่งสายตาอาฆาต

“พี่ชายยี่สิบเก้าแล้ว”

“อรุณก็จะยี่สิบหกแล้วเถอะ”

“พอกันทั้งคู่ อายแม่นวล แม่หวาน ไอ้กรอบบ้างไหม เจ้าของวังวิ่งไล่กันเป็นเด็กห้าหกขวบ”

“อรุณ อาขอขวดเกลือ” จึงยอมส่งให้ ก่อนที่ท่านอาจะวางไว้บนโต๊ะเช่นเดิม จึงจำต้องเดินกลับไปนั่งที่เดิม

“เกิ้ง ก็อย่ากินเค็มมาก มันไม่ดี น้องเขาเป็นห่วง” เปล่าสักหน่อยนะ ขณะที่อีกคนยิ้มร่าหน้าบาน

“ช่วงอาทิตย์หน้าอรุณว่างไหม”

“ครับ มีอะไรหรือครับ”

“เพลงใหม่เสร็จแล้ว จะให้ช่วยลองเล่นให้ฟังหน่อย เดี๋ยวส่งโน้ตมาให้ซ้อมก่อน จะอัดกับวงกลางเดือนหน้า"

“ครับ”

“ไปซ้อมที่เรือนเล็กก็ได้ ถ้าดึกมากก็นอนที่โน่น เดี๋ยวอา ให้คนจัดห้องไว้ให้”

“ครับ”


ตลอดการเดินทางขามาห้าง เพื่อนคุยนิ่งเงียบคล้ายดังกำลังคิดหนักเรื่องอะไรอยู่ และเงียบหายไปตลอดช่วงเช้า
‘เป็นอะไรของเขา’ แค่แย่งขวดเกลือเอง จะว่าห่วงอย่างท่านอาว่าก็จริง แต่มากกว่านั้นคือสนุกซะมากกว่า แต่แค่นี้ไม่น่าโกรธ ตอนแรกก็ยังยิ้มแย้มดีอยู่ แค่นี้งอนหรือ
ต้องง้อไหม ทำอย่างไรไง เคยแต่เป็นฝ่ายงอน
 
“นั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่คะ” ก็จะใครล่ะ

“เปล่าครับ”

“ไปกินข้าวกัน น้องแพรรออยู่”

เมื่อเช้ายังงอนอยู่ แต่ทำไมตอนนี้ยิ้มร่าเริงเชียว อาจเพราะคุณหญิงแพรเธอช่วยไว้กระมัง เลขาส่วนตัวซึ่งถูกแย่งตัวไปตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานที่ห้าง โชคดีที่คุณหญิงปรับตัวได้ดีขึ้นมาก และไม่ต้องห่วงอีกคน คนทั้งห้างให้ความรัก และความปราณีอย่างมากด้วยบุคลิกสุภาพอ่อนน้อม พี่ชายเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว ใช้เวลาไม่นานสองคนก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี

“น้องแพร แบ่งผัดไทยพี่สักนิดไหมคะ กลมกล่อมกำลังดีเชียว” คำท่านอาที่ว่าเห็นจะไม่ผิด คุณชายคาสโนวา ตำแหน่งนี้คงมิใช่เพียงข่าวลือ แต่กลับมาม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ในจานคนอื่นไปกินเฉยโดยไม่เอ่ยขอ ต่อหน้าคนอื่นจึงไม่อยากให้เป็นเรื่อง

“วันนี้พี่อรุณ ทานน้อยจังค่ะ”

“ค่ะ พี่ไม่ค่อยหิว” ไม่อยากบอกว่าโดนแย่งต่างหาก ถ้าเป็นที่บ้านคงแย่งผัดไทยนั่นคืน แต่วันนี้รักษาภาพให้คุณชายเธอเสียหน่อย รอกินของว่างช่วงบ่ายก็ได้

“ตั้งแต่วันเกิดแพร พี่อรุณไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่วังเลยค่ะ คุณแม่บ่นคิดถึง”

“ครับ พอดีช่วงนี้พี่ยุ่ง ๆ เรื่องวาดภาพ อยากทำให้เสร็จเสียที เจ้าของเขาทวงมานาน แล้วอาทิตย์หน้าต้องซ้อมเปียโน เพลงใหม่ให้ท่านชายด้วย”

“หรือคะ หญิงก็ไม่อยากรบกวนหรอกค่ะ แต่คุณแม่เธอฝากมาว่าแวะไปเยี่ยมเธอบ้าง”

“ค่ะ พี่ฝากเรียนหม่อมป้าด้วยว่าเสร็จธุระแล้วพี่จะรีบแวะไปกราบนะคะ”

“อะ เอิ่ม น้องแพรหม่อมป้าไม่คิดถึงพี่บ้างหรือคะ พี่ฝากเรียนหน่อยว่าพี่น้อยใจนะคะ”

“คุณชายลืมแล้วหรือคะ หญิงเรียนเมื่อเช้าว่าเสาร์นี้ที่คุณแม่เชิญคุณชายไปทานน้ำชา”

“เธอว่ามีเรื่องจะเรียนปรึกษา” เรื่องอะไร

“ค่ะ ก็เห็นว่าเป็นธุระ หม่อมป้าคงไม่โปรดพี่ คิดถึงพี่ เหมือนใครบางคนนี่คะ” เท่านั้นคุณหญิงตุ๊กตาเธอก็อายม้วนเช่นเดิม แต่ธุระอะไรกันนะ เพราะธุระนั่นกระมังที่ทำให้ พี่ชายอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา


ของว่างมาตั้งได้ไม่นาน ร่างสูงก็เดินมาตาม

“วันนี้กลับบ้านเร็วหน่อยได้ไหม พี่มีธุระ”

“ครับ พี่ชายจะออกกี่โมงครับ”

“ตอนนี้เลย” คนใจร้อน เอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยน

“พี่ชายกลับก่อนก็ได้ครับ แล้วให้นายกรอบแวะมารับผมอีกครั้งช่วงเย็น ๆ ”

“ติดธุระอะไรอยู่หรือ ไปด้วยกันกับพี่เถอะ”

“ก็สัญญาเช่าพื้นที่ ที่ส่งมาให้เมื่อเช้า” พอเป็นงานของตัวก็ทำหน้าเก้อ

“เอาไว้ก่อนงานนั้นไม่รีบ”

“ยังกินขนมอยู่ เมื่อกลางวันกินไม่อิ่ม มีคนแย่ง”

“งั้นไปกินต่อบนรถ ไปกันเถอะ” คนพูดคว้าจานขนม และฉุดแขนออกไป ไม่ทันได้ประท้วงใด และยังตะโกนดังลั่น

“กรอบ นายกรอบ ออกรถจะกลับบ้าน”


เมื่อนายกรอบขับรถผ่านประตูวังเข้ามา ก็พบคนงานกลุ่มใหญ่เกือบสิบคนมุงลังไม้กล่องใหญ่ด้านหน้าตึกใหญ่

“มาแล้วหรือ” อะไรกัน หากพี่ชายเธอดูเหมือนจะทราบมาก่อน เมื่อลงจากรถได้ จึงรีบมุ่งตรงไปสั่งการ

“คุณชาย ให้ตั้งในห้องไหนครับ”

“ยกขึ้นไปไว้ที่ห้องนอนฉันแล้วกัน ห้องอรุณเล็กไป นะอรุณ”

“อะไรหรือครับ”

ไม่ทราบจริง ๆ ว่าของในกล่องนั่นคืออะไร แต่คงมีขนาดใหญ่มาก ห้องแม่จ๋าคงไม่มีที่พอให้ของชิ้นใหญ่ขนาดนั้นตั้งอยู่ได้ ห้องท่านพ่อใหญ่กว้างกว่ามากนัก เนื่องด้วยห้องหนังสือ และห้องทำงานของท่านถูกแยกออกไป ผิดจากห้องแม่จ๋าที่มีโต๊ะทำงาน และมุมหนังสือเล็ก ๆ ครบครันภายในห้อง

“ไว้ห้องพี่ก็แล้วกัน” พี่ชายยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ไม่ตอบคำถาม เพียงแต่ของชิ้นนี้ทำให้อารมณ์เธอดีขึ้นเป็นคนละคนกับช่วงเช้า คนงานช่วยกันยกกล่องขึ้นไปชั้นสองด้วยความยากเย็น


ในเมื่อเจ้าของคอยคุมอย่างใกล้ชิด จึงปลีกตัวไปจัดการกับของว่างที่พี่ชายหยิบมาจากที่ห้างทั้งจาน รวมทั้งของว่าง และน้ำหวานที่แม่นวลยกมาให้เพิ่มในห้องหนังสือ จนกระทั้งมีคนมาตามไปให้ช่วยดู
 

“อรุณ ไปดูหน่อยว่าอยากให้วางมุมไหน”

“กินของว่างอยู่ครับ” อะไรก็ไม่บอก ของใครก็หาที่วางเองสิ จึงหยิบขนมปังหน้าหมูเข้าปาก และก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
 
“นะคะคนดี ไปช่วยพี่ดูหน่อย เดี๋ยวนวลช่วยยกของว่างเข้าไปในห้องฉันที” ใช้มุกเดิมแย่งขนมกับน้ำไปหน้าตาเฉย จึงต้องจำใจเดินตาม

ตามขนมไปหรอก


นานทีเดียวที่ไม่ได้เข้ามาในห้องท่านพ่อ ห้องกว้างโล่งด้วยมีเครื่องเรือนเพียงไม่กี่ชิ้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ชุดเก้าอี้บุนวมที่มุมห้อง ชุดโต๊ะน้ำชาเล็ก ๆ ติดริมระเบียงที่แม่นวลนำของว่างไปวางไว้ให้ และของชิ้นใหม่ที่ตั้งอยู่มุมห้องใกล้ระเบียงอีกฟาก แกรนด์เปียโนหลังใหญ่

“พี่ชาย” หนังสือในมือถูกวางไว้ที่เตียงทันที มุ่งตรงไปยังเปียโนหลังใหญ่ที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง สีน้ำตาลเข้มเคลือบเงางดงาม

“ชอบไหมคะ” พูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นของที่อยู่ในกล่อง คนพูดยิ้มพราย


นี่หรือคือของที่ทำให้อารมณ์ดี
ไม่เข้าใจ


“ไว้ซ้อมดนตรี”

“จะได้ไม่ต้องไปกวนท่านอา” คำพูดสะดุดหู จึงต้องหันกลับไปมองใบหน้าคมเริ่มเจือสีระเรื่อ แต่นัยน์ตายังคมเป็นประกายจนต้องหลบสายตา

เหตุผลนี้เองสินะที่ทำให้หงุดหงิดแต่เช้า แต่ทำไมต้องตั้งในห้องนี้

“แล้วจะไม่รบกวนพี่ชายหรือครับ” เมื่อครั้งแรกไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งนี้ จึงแย้งกลับไป

“ตั้งไว้ที่ห้องอื่นเห็นจะสะดวกกว่า” แต่คนงานที่ช่วยขนย้ายกลับหายกันไปหมดเสมือนจัดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่นวลก็ออกไปแล้ว

“ไว้เล่นให้พี่ฟังไงคะ ไม่รบกวนหรอก พี่อยากฟัง”

“อรุณอยากเล่นก็เดินเข้าประตูเชื่อมมานิดเดียว” ก็จริง ดีกว่าต้องเดินไปเรือนเล็กของท่านอา

“ถ้า ซ้อมหนักแล้วอยากนอนพักที่ห้องนี้ก็ยังได้” ก็ไหนว่านิดเดียว กลับไปนอนที่ห้องน่าจะดีกว่า แต่เพราะอย่างนี้นี่เองจึงตั้งเปียโนที่นี่

ชัดเจน เพื่อประโยชน์แด่ตัวเธอเองโดยแท้


“ยังไม่ตอบคำถามพี่ ชอบหรือเปล่าคะ”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” เอ่ยออกไปได้เพียงเท่านั้น แต่ความรู้สึกในดวงใจกับเต็มตื้นเปี่ยมล้น รอยยิ้มแห่งความสุขที่ส่งให้กัน ความสัมพันธ์ลึกซึ้งผูกพันดังวันวาน หวนย้อนกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม


‘บ้าน’ ที่ไม่ได้มีเพียงคนเดียว อีกต่อไป
‘เสาหลัก’ แห่งบ้านกลับมาทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์
ความมั่นคง อบอุ่น ค่อย ๆ ซึมซาบเข้ามาแทนที่ความโดดเดี่ยว อ้างว้างที่มีในหัวใจ

เพียงเท่านี้จริง ๆ ที่หัวใจ ต้องการ
เพียงเราอยู่ด้วยกันตลอดไป...




#JKLTHESERIES

https://www.youtube.com/watch?v=UFZA-pt8lSE

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: JKL THE SERIES: JUST; THANKS 18.01.2018
«ตอบ #17 เมื่อ18-01-2018 22:06:59 »

คุณชายสายเปย์.....!!! :-[

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; HOW 19.01.2018
«ตอบ #18 เมื่อ19-01-2018 14:20:36 »

Just…How;

๑๒. อย่างไร



‘เกิดอะไรขึ้น’ คำถามที่ได้แต่เฝ้าวนเวียนถามอยู่เพียงภายในใจ
‘ทำสิ่งใดผิดไปหรือ’ สมองยังคงใคร่ครวญหาคำตอบ
เป็นครั้งที่สองแล้วที่รู้สึกถูกทอดทิ้ง

‘พี่จะรีบกลับ’ อารมณ์ความรู้สึกของเด็กผู้ชายที่เฝ้ารอชะเง้อหาคนที่สัญญาไว้ย้อนหวนคืน

จากหนึ่งชั่วโมง... เป็นหนึ่งวัน
จากหนึ่งอาทิตย์... เป็นหนึ่งเดือน
จากหนึ่งปี.... เป็นสิบปี
จากความซึมเศร้า...เป็นร่างปราศจากวิญญาณ

ความสดใสเริงร่าแสนซนในอดีตถูกปก และปิด ถูกเก็บ และกดอย่างมิดชิด สร้างคนอีกคนให้ถือกำเนิด ‘คุณอรุณ’
 
‘เธอเงียบขรึมเก็บตัว’
‘เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว’
‘เด็กตัวแค่นั้น ทำไมโตไว’

มีคำถาม มีข้อสงสัย มีเพียงแม่จ๋าคนเดียวที่รู้คำตอบ และเป็นที่ยึดมั่นหนึ่งเดียวที่ทำให้ยังมีแรงใจ ท่านรัก เอ็นดู และปรานีนัก ต้องตอบแทนพระคุณ

ครั้งแรกยังพอมีข้ออ้างให้กับตัวเอง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพียงเพราะทำตามหน้าที่ หน้าที่ทำให้ ‘พี่ชาย’ ไม่กลับมาตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้
กาลเวลาผันผ่านทำให้กล้าแกร่งยืนหยัด

จนกระทั่งที่แม่จ๋าลาจาก
จากร่างไร้วิญญาณถูกกระชากดวงใจอันเป็นที่รัก

อยู่ไปเพื่อใคร อยู่ไปเพื่อสิ่งใด
ไม่มีใครอีกแล้ว จึงจำใจ ฝืนทน ทำหน้าที่ในวาระสุดท้าย
 
หากแต่ต้องบอกใครอีกคน คนที่กาลเวลาลบเลือน ‘น้องน้อย’ สิ้น
ทำไมจะไม่รู้

จดหมายหลายปีหลังไม่มีเคยมีตัวตน ไม่มีแม้แต่เงาในเนื้อความจดหมาย ทั้งที่คนเขียนจดหมายทุกฉบับ ถ่ายทอดทุกถ้อยความทุกคำพูด เป็นคนคนเดียวตลอดมา
 
รู้ดี ไม่มีแล้ว ‘พี่ชาย’ รู้ดี ไม่มีแล้ว ตัวตนในสายตา
ดวงใจใคร่ครวญ เมื่อไม่มีแม่จ๋า
เมื่ออีกคนลืมสิ้น คงได้เวลาแล้วต้องเดินจากไปเสียที

ใยสวรรค์เล่นตลก

ทำไมจะไม่รู้ สายตาใครที่แปรเปลี่ยน
ยิ่งมองด้วยความพึงใจ ยิ่งกรีดลึก ‘ตัวเอง’ เป็นอะไร

จึงทำได้เพียงหลีกหนี ซ่อนเร้น กลไกปกป้องตัวเอง แล้วยิ่งตระหนก เมื่อรู้ซึ้งความในใจตน ทำไม ‘ยอม’ เป็นทุกอย่างไม่ว่าอะไร
 
ขอ ‘เพียง...รัก’

ไม่ว่าจะแบบไหน ไม่ว่าจะอย่างไร ทำให้ทรยศความตั้งใจเดิมที่จะลาจาก เลือกที่จะเชื่อ และเลือกที่จะเฝ้ารอ จดหมายทำให้รู้ว่าอีกคนลุ่มหลง ลึกซึ้ง จนรู้สึกขลาด หวาดระแวง จะสนองตอบความรักเช่นนี้ได้จริงหรือ

ในใจตัวเอง ขอเพียง ‘พี่ชาย’ คนเดิมเสมอมา แต่อีกคนกลับยอมรับการลืมเลือนอดีต และร้องขอการเริ่มต้นใหม่ ก็ยัง ‘ยอม’ เก็บอดีตไว้เพียงในใจคนเดียว
‘ยอม’ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

แล้วครั้งนี้คืออะไร

ตลอดสามเดือนที่ผ่านคืออะไร เพียงค่ำคืนที่ผ่านพ้นเพียงชั่วพริบตา ทำไมอีกคนเปลี่ยนแปร เกิดอะไรขึ้น

ทำไมถึงปิดบัง ทำไมถึงไม่บอก ทำไมถูกทิ้งอีกครั้ง
ทำไมถึงทำเหมือนไม่มีตัวตน ไม่มีชีวิตจิตใจ

มองเห็นเป็น ‘ตัว’ อะไร  แล้วทำไม ‘ยอม’ ทน
ทรมาน

ยิ่งเคยมีความทรงจำที่หวานชื่นยิ่งทรมาน เคยเจ็บแต่ไม่ใช่แบบนี้ เพราะมิใช่ความสัมพันธ์เช่นนี้ ‘ปวดร้าว’ ในดวงใจ ทำไมคนคนเดิม จึงทำให้ดวงใจแหลกสลายซ้ำ ๆ ทำไมตัวเอง ถึงได้ทนเจ็บช้ำทับทวี

‘รัก’
‘เพียง...รัก’
ฤา มิเพียงพอ
ตัดใจฝืนลุกจากที่นอนเพียงลำพัง ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีใครบางคนมาปลุก และลงมารับอาหารเช้าโดยลำพัง

“คุณอรุณ จะไปห้างเลยไหมครับ” นายกรอบย้อนกลับมารับ

“ขอบคุณมาก วันนี้คงไม่ไป”

“รบกวนช่วยเก็บเอกสารงานเข้าในตะกร้ามาให้ด้วย ต่อไปจะทำงานที่บ้าน”


วันแรกๆ เข้าใจว่าอาจเป็นด้วยงานหนัก หรือความจำเป็นบางอย่าง จึงไปก่อนโดยมิบอกกล่าว หากเมื่อเวลาผ่านไป จึงรู้เป็นเพราะความจงใจ

แล้วเราจะไปทำไม เมื่อไปก็ไม่ได้อยู่ในสายตา ไปให้เขาลำบากใจ ไปให้ตะขิดตะขวงใจตัวเอง แม้หน้ายังไม่แลมอง แม้ถ้อยคำยังไม่เอื้อนเอ่ย แม้สั่งงานยังมาเป็นจดหมาย ลำคอแห้งผาก แม้ข้าวต้มสีขาวหอมกรุ่นยังฝืนทานไม่ลง

“นวลเก็บเถอะ” เลื่อนชามข้าวต้มออก

ดูเอาเถิดน้ำเปล่ายังคงขมคอ ทรมาน

“ช่วยตั้งของว่างกับขอน้ำหวาน ๆ ที่ห้องท่านพ่อนะ จะซ้อมดนตรี”

ตึกหน้าไร้ซึ่งชีวิต เหมือนอยู่เดียวดายอีกครั้ง เสียงเปียโนบรรเทาความปวดร้าวในหัวใจ ช่างอ่อนหวานเยือกเย็นจับใจ หากขาดช่วง ดังลมหายใจติดขัดของคนบรรเลง ดึงสมาธิกลับมาได้ยากยิ่ง สติรู้ตัวยิ่งกว่าน้อย

จนทนความเหงากัดกร่อนดวงใจไม่ไหว
เล่นดนตรีต่อไปมิได้

จึงหยิบหนังสือเล่มโปรด เดินมุ่งตัดตรงลงสู่ร่มไม้ในสวนร่มรื่น ทรุดตัวลงใต้โคนต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กระจายกิ่งก้านสาขาเขียวชอุ่ม ดอกสีขาวร่วงพราวพร่าง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ช่วยบรรเทาผ่อนคลายได้เพียงร่างกาย หากสมองยังคงวนเวียน

มิใช่ ไม่พยายาม
แต่สุดจะหาคำตอบใดไม่ เมื่อไม่ยอมเอื้อนเอ่ยสิ่งใด

ย้อนทวนหวนกลับ ‘พี่ชาย’ เปลี่ยนไปนับตั้งแต่กลับจากวังคุณหญิงแพร จะตีความสิ่งใดได้ นอกจากดวงใจที่แปรเปลี่ยน การแสดงออกชัดแจ้ง มิได้ต้องการอีกต่อไป มิได้มีความหมายอีกต่อไป

ความตั้งใจเดิมจึงย้อนหวนกลับ คงต้องไปจริง ๆ
ถ้าหากเพียงแต่รั้งรอ สักวันหนึ่งเราคงเป็น ‘ส่วนเกิน’

“คุณ คู้น คุณ” เสียงเล็กดังขึ้นข้าง ๆ

“ทำไมมานอนที่นี่” จึงดึงหนังสือที่ปกปิดใบหน้า ช่วยบดบังแสงสว่าง ก่อนที่จะกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสายตา

“กลับมาแล้วหรือ”

“คงกำลังไปโรงเรียนกระมัง” คำตอบยอกย้อน

“....................................”

“ไม่สบายหรือ”

“ทำไม”

“ก็ไม่เถียง ไม่สนุก”

“ขอบใจ” สมองไม่แล่นพอให้ต่อล้อต่อเถียง แต่เมื่อเห็นเจ้าจ้อยหน้าเริ่มสลด จึงรู้สึกผิด

“มีการบ้านไหม”

“มี แต่ยังไม่ทำ ไว้ทำเสาร์อาทิตย์ก็ได้” จะครบอาทิตย์แล้วสินะ ทนพอแล้ว

“ช่วยเก็บของหน่อยได้ไหม”

“ไปไหนหรือ ไปด้วย”

“เปล่า ย้ายกลับห้องเดิมที่ปีกเหนือ”

“ทำไมล่ะ”

“......อยากกลับ” คงต้องหักใจ ตัดใครสักคน

“เอาแต่ใจนะ” อะไรนะ เจ้านี่ร้ายจริง ๆ เหมือนถูกแทงใจดำ

“แล้วจะช่วยไหม”

“ไปสิ ตามเสือน้อยก่อน แล้วจะตามไป”

“แล้วคุณ จะรับของว่างบ่ายหรือยัง” อดไม่ได้ที่จะกลั้นยิ้มแรกของวัน

“ฝากบอกนวลให้ด้วยแล้วกัน ขอสองที่เผื่อเราด้วย”

“ขอบคุณ” นั่นล่ะที่เจ้าตัวร้ายต้องการ

เด็กดูออกง่าย ต่างจาก... คนชิดใกล้
ทั้งที่เคยเชื่อว่า...น่าจะรู้ใจ
 
แต่ตอนนี้ไม่รู้สิ่งใด...เสมือนคนไม่รู้จักเคยคุ้น

“มีแต่หนังสือ ของนิดเดียวเอง” คนช่วยเก็บของออกความเห็น

“เดี๋ยวหนังสือพวกนี้ จะเอาไปคืนห้องหนังสือ เอาไปแต่ของใช้”

“เหมือนจะหนีไปไหน”

“ก็ไปอยู่ปีกเหนือไง”

“เหมือน จะไม่อยู่แล้ว” ถามด้วยความซื่อ แต่แสดงถึงความห่วงหานัก

“ถ้าไปจริง จะอยู่ที่นี่ต่อ หรือไปด้วย”

“ไปด้วยสิ พ่อแม่เราฝากคุณไว้ไม่ใช่หรือ จะให้ทิ้งกันได้ไง” แล้วทำไมใครอีกคนถึงทิ้งกันได้ง่ายดาย

“แต่พ่อแม่เขาฝากไว้กับที่วัง ไม่ใช่ฉันหรอก”

“ก็อยากอยู่กับคุณ”

“คงไม่สบายเหมือนอยู่ที่วัง”

“ขออยู่ด้วยคนเถิด ไปไหนไปกัน”

“ขอบใจ”

“แต่ ขอเสือน้อยไปด้วยนะ” ไปด้วยกันสามชีวิต คงต้องหาลู่ทางก่อน แต่อย่างน้อยก็ไม่เหงา

ห้องเก่าริมสุดอีกฟากฝั่งของตึก ปิดไว้ตั้งแต่แม่จ๋าลาจากไป

“ฝุ่นเต็มเลย” คนเดินนำบ่นเสียงดัง คงต้องสั่งให้คนทำความสะอาดก่อน จึงตัดสินใจ

“งั้นไว้ย้ายพรุ่งนี้” อย่างไรอยู่ใกล้ก็เสมือนดังอยู่แสนไกล ไม่เป็นไร

“ให้เราทำความสะอาดให้นะ”

“สั่งคนอื่นก็ได้”

“อยากทำ”

“ทำไมล่ะ”

“อยากมีประโยชน์ จะได้ไม่ทิ้ง”

“ไม่ทิ้งหรอก สัญญา”

“สัญญาแล้วนะ” คนเคยถูกทอดทิ้งย่อมรู้ดี ถึงความเจ็บปวด จะไม่มีวันผิดสัญญา

หรือเราคงหมดประโยชน์ จึงถูกทอดทิ้ง
คงจะจริง

แต่ถ้า ‘รัก’ จะทิ้งกันได้ง่าย ๆ หรือ
แล้วที่ผ่านมาเป็นเพียงคำลวงหรอกหรือ

“ทะเลาะกันหรือ”

“อะไรนะ” คำถามที่ไม่มีใครกล้าถาม กลับถูกถามหน้าตาเฉย

“จะเหม่อไปไหน ถามว่าทะเลาะกันหรือกับพี่ชาย” คนถามยังคงเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ

“เปล่า”

“ไม่จริง ไม่เห็นพูดกัน”

“เขาไม่พูดด้วย ก็ไม่มีอะไรจะพูด”

“พี่ชายคุณเขาก็เหม่อเหมือนคุณ”

“...........................”

“ไม่กินอะไรเหมือนคุณ”

“เปล่านะก็กิน” จึงฝืน หยิบขนมเข้าปากบ้าง

“กินแค่แมวดม เสือน้อยยังกินมากกว่าเลย จริงไหม” แมวลายสีส้มโตเกินเป็นเพียงเสือน้อย นั่งเลียทำความสะอาดตัวเองอย่าง
สบายอารมณ์ หลังจากที่จัดการของว่างที่แบ่งให้เรียบในพริบตา

“น่าจะพูดกันนะ ไม่พูดกันแล้วเงียบ เงียบไปทั้งวังเลย”

“เดี๋ยวก็คงไม่เงียบแล้ว”

“ทำไม” คนถามหน้าสงสัยจริงจัง

“คงมีคนมาอยู่เพิ่ม”

“ใคร”

“ชอบคุณหญิงแพรไหม”

“น่ารักดี จะมาอยู่หรือ”

“ไม่รู้ เดาเอา”

“เธอชอบคุณไม่ใช่หรือ”

“ถูกแย่งหรือ” จะเรียกว่าถูกแย่งได้หรือเปล่า

“คล้าย ๆ อย่างนั้น แต่ไม่ใช่ของของฉันตั้งแต่ต้น เรียกว่าถูกแย่งไม่ได้หรอก”

“คนชอบคุณเยอะ”

“งั้นหรือ”

“จริง เรายังชอบ” แรงใจเล็ก ๆ ที่มีคุณค่ามหาศาล

“ขอบใจ เดี๋ยวขอเอนหลังสักหน่อย”

“งั้นจะไปทำความสะอาดห้องให้”

“จ้อย ขอบใจจริง ๆ”

“อย่าลืมสัญญา”

“ไม่ลืมหรอก เราไปไหนไปกัน สัญญาแล้วจะไม่ทิ้งกัน” ความจำดี ดีเกินไปด้วยซ้ำ

จึงจำได้ทุกคำสัญญา


แต่ไฉน บางคนกลับลืมเลือน

อยากพักผ่อน แต่ยังคงนอนไม่หลับ แม้สมองจะวิงเวียนด้วยความอ่อนล้า จึงทำได้แต่เพียงทอดตัวตามความยาวบนฟูกหนาของตั่งไม้ริมระเบียง ความจำดีเกินไป ความทรงจำเยอะเกินไป จึงทำได้แต่หลับตา ปล่อยให้ภาพในวันวานหวานชื่นไหลย้อนกลับมาปลอบประโลม
 
คืนแรกที่ชัดแจ้งว่าความรู้สึกของ ‘พี่ชาย’ ที่เคยมีต่อตัวเองนั้นแปรเปลี่ยนไปก็คือ คืนสุดท้ายก่อนลาจาก เกือบหนึ่งปีเต็มที่ผ่านมาความรักที่ลุ่มหลงเสียจนน่าตระหนกตกใจ เพราะไม่เคยถูกใครร้องขอ ไม่เคยได้รับสัมผัสดังเช่นค่ำคืนนั้น ทั้งอ้อมกอดที่อบอุ่นกระชับ ทั้งจุมพิตที่อ่อนโยน ทั้งรอยจูบที่เร่าร้อน ทั้งหมดรสสัมผัสยังคงตรึงตรา ดังเหมือนเพิ่งผันผ่านไปเมื่อวันวาน

ทุกสัมผัสที่ต้องเฝ้าถามตัวเองอยู่นานว่าแท้จริงรู้สึกอย่างไร
ทุกถ้อยคำที่ตอกย้ำมาในจดหมายทำให้รู้ถึงความนัยของอีกคนที่เฝ้าเฉลย

เวลาเก้าเดือนที่ห่างหาย จึงประมวลได้ว่าใจจำยอมรับ ‘ความรัก’ ในทุก ๆ รูปแบบ ขอเพียงแค่ ‘ความรัก’ นั้นมาจากเขาคนนั้น

ยอมเสี่ยง แม้จะรู้ว่าเป็นไปได้ยากยิ่งเพียงไร
ยอมไว้ใจ แม้รู้ว่าอาจจะเป็นเพียงเพราะอารมณ์ที่ฉาบฉวย
หากขอเพียงฉุดรั้ง ‘ความรัก’ ของเขาไว้
 
เวลาสามเดือนที่ผ่านมา เป็นดั่ง ‘ฝันหวาน’ ความสนิทชิดใกล้ ทำให้สัมผัสบางอย่างล่วงเลย แม้จะเฝ้าระวังระไวอย่างไร แต่ดวงใจกลับยินยอม ความสนิทชิดใกล้ ทำให้สัมพันธ์แปรเปลี่ยน ยอมรับสถานะ ‘คนรัก’ ที่ต้องหลบซ่อนอย่างเต็มหัวใจ

จนลืมคาดคิดถึงช่วงเวลาที่ต้องตื่นจากฝัน เพียงชั่วพริบตา การปรับเปลี่ยนอีกครั้งก็ทำให้รู้ว่า ‘ความฝัน’ ยังคงเป็นได้เพียง ‘ความฝัน’ เมื่อตื่นลืมตาขึ้นทุกอย่างก็มลายหายสิ้นไป ดังสายน้ำเย็นฉ่ำที่มิสามารถโอบอุ้มไว้ด้วยสองมือ แม้จะยังคงหลงเหลือเพียงความเย็นที่ยังติดตรึง แต่มันก็เพียงตอกย้ำให้ได้รับรู้ว่า ‘ความรัก’ เป็นได้เพียงภาพฝันหาเป็นจริงไม่
 
รู้แล้ว ยอมรับแล้ว รักมากปานนี้ หักใจลาจากมิได้
แม้ต่อไปจะต้องอยู่ในสถานะอะไรอีกก็ตาม
ทุกอย่างเพราะ ‘เพียง…รัก’ คำเดียว

แต่ ยังคงมีคำถาม แล้วความรู้สึกข้างในดวงใจ แล้วความรักที่มีอยู่เปี่ยมล้น
จะทำ ‘อย่างไร’
 
ค่อย ๆ ลืมตามองเลื่อนลอยออกไปยังสวนสวย ความมืดที่เข้ามาปกคลุมเมื่อพระอาทิตย์ลาลับ ดันตัวเองให้ลุกจากฟูก อย่างน้อยร่างกายก็ได้พักบ้าง ท้องเริ่มร้องหาอาหารที่ทั้งวันแทบไม่ได้ตกถึงท้อง ร่างกายเริ่มเรียกร้องคงต้องหาอะไรรองท้องก่อนกลับมานอน ขณะเบือนหน้ากลับเข้ามาในห้องเพื่อจะลุกขึ้นยืน ก็พบร่างสูงยืนตระหง่านในความืด

“พี่ชาย”

“เก็บข้าวของจะไปไหน”




#JKLTHESERIES

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SERIES: JUST; HOW 19.01.2018
«ตอบ #19 เมื่อ19-01-2018 14:52:59 »

เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่คุยกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: JKL THE SERIES: JUST; HOW 19.01.2018
« ตอบ #19 เมื่อ: 19-01-2018 14:52:59 »





ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: JKL THE SERIES: JUST; HOW 19.01.2018
«ตอบ #20 เมื่อ20-01-2018 01:25:10 »

นั่นไง...งานเข้าล่ะ!!!!..

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; WHICH 20.01.2018
«ตอบ #21 เมื่อ20-01-2018 09:56:46 »

Just…Which;

๑๓. สิ่งไหน



ทรมาน ทำได้เพียงถอนหายใจก่อนฝืนก้าวขึ้นตึกหน้าที่ร้างไร้ผู้คน ‘ทำอะไรอยู่นะ’ หากเป็นดังวันวาน คงเดินตามเสาะหามดตัวน้อยจนทั่วตึก หากแต่ว่าวันนี้คงต้องหนีห่าง เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดภายในดวงใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

สิ่งที่ตั้งมั่นมาโดยตลอด จะเก็บ ‘ของรัก’ ไว้ข้างเคียงกาย หากแต่วันนี้หวาดกลัวความสูญเสียยิ่งนัก เพราะเพียงพริบตาเดียวการเปลี่ยนแปลงก้าวเข้ามาอย่างกะทันหัน ด้วยสมองที่ครุ่นคิดใคร่ครวญตลอดเวลา จึงทำให้ชนกับร่างเล็กที่วิ่งสวนลงบันไดมา เจ้าจ้อยเกือบกระเด็นล้ม ดีที่คว้าตัวไว้ทัน

“ขอโทษครับ คุณชายเกิ้ง”

“จะรีบไปไหนกัน นั่นหอบอะไรมา”

“ถุงขยะครับ จะเอาไปทิ้ง”

“ขยะที่ไหน แล้วไปทำอะไรบนตึกมา ห้ามขึ้นจนกว่าจะได้รับอนุญาตไม่รู้หรือ” ระเบียบของวังที่สืบเนื่องยาวนาน และยังคงอยู่

“คุณ อนุญาตแล้วครับ ไปทำความสะอาดห้องนอนเก่าคุณมา”

“ห้องนอนปีกเหนือนะหรือ ปิดไว้นี่”

“ทำไปทำไม หรือใครมาพักทำไมไม่ใช้ห้องนอนแขก” ไปใช้ห้องอรุณทำไม ดวงใจยังคงหวงแหนทุกสิ่งของ ‘ของรัก’ แห่งตน

“วันนี้ช่วยคุณเก็บของ คุณบอกว่าจะกลับไปนอนห้องนอนเดิม”

“คุณว่า คุณหญิงแพรจะมาอยู่ด้วย คุณต้องย้ายกลับ” รู้แล้วหรือใครบอก หรือบอกกันเองแล้ว

“คุณของเราอยู่ที่ไหน”

“เอนหลังอยู่ที่ห้องนอนปีกใต้ครับ”

“ขอบใจไปเถอะ”

“ครับ”


สองขาก้าวยาวผ่านประตูเชื่อมภายในห้องนอน ประตูที่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาหวนหาที่จะข้ามผ่านอย่างยิ่ง เตียงนอนว่างเปล่าไหนว่าอยู่ที่ห้อง ภายในห้องมืดสนิทเงียบสงัด จนได้ยินเสียงถอนใจยาวเบาแผ่ว คนนอนยังคงไม่รู้ถึงการมาของใครอีกคน ใบหน้าหวานที่ยิ่งพิศยิ่งชัดเจนขึ้นในความมืด และยังคงนอนหลับตา แต่คนนอนหลับจะไม่ทอดถอนหายใจ คิดอะไรอยู่นะ

คำถามนั้นไม่ได้ถามออกไป หากทำได้แต่เพียงเฝ้ายืนมองคนที่แสนคิดถึงอยู่เนิ่นนาน จนร่างบางเริ่มขยับลุกขึ้นจากฟูก และยังคงมองเหม่อออกไปยังสวน ขอเพียงเก็บภาพนี้จรดลึกในความทรงจำ อีกนานเท่าใดกัน หรืออาจจะไม่มีโอกาสได้เฝ้ามองอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว หากแล้วใบหน้าหวานก็เบือนกลับมาเห็นคนที่เฝ้ามอง
 

“พี่ชาย”

“เก็บข้าวของจะไปไหน”

“..................................”

“พี่ถามว่าอรุณเก็บข้าวของจะไปไหน” ความเคืองใจที่ยังคงติดค้าง

“จ..จะย้ายไปอยู่ห้องนอนเดิมครับ”

“ไม่รอให้เธอแต่งเข้ามาก่อน”

“............................................”

“ตามใจแล้วกัน”



รังเกียจกันเพียงนั้นเชียวหรือ เมื่อเดินจากมาจึงหวนคิด ถ้อยคำที่กรีดลึกในวันนั้น ที่ยังเจ็บช้ำในหัวใจตราบเท่าวันนี้

“เด็กสองคนเขารักกัน คุณชายเป็นพี่ ก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายชาย”


ทำไมถึงไม่รู้มาก่อน ทำไมไม่บอก
จะได้ไม่หลงเฝ้าเพ้อ งมงาย ‘ลวงกัน’ เหมือนดังเรื่องตลก


“จริงแล้ว ถ้าคุณไหมเธอยังไม่เสีย คงได้ตบได้แต่ง ตั้งแต่น้องกลับมาจากปีนัง”

“เพราะผู้ใหญ่คุยกันมาสักพักแล้ว ไม่ใช่ทางน้าเพียงฝ่ายเดียว หวังว่าคุณชายคงเข้าใจ”

“ครับ” ต้องทำอย่างไร

“อายุหญิงแพรควรจะออกเรือนได้แล้ว น้าจึงอยากเรียนปรึกษาคุณชาย”

“ทางผมคงต้องถามเจ้าตัว กับเรียนคุณก๋งก่อน” จะปฏิเสธได้หรือ ถ้าเขารักกันจริงดังคำกล่าว เป็นเพียง ‘พี่ชาย’ เขารักกับใครยังไม่เคยบอก

“ทางน้าก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร ต้องดูฤกษ์ผานาทีเตรียมงานกันอีกมาก ไหนจะงานหมั้น งานแต่ง”

“เรื่องจัดงาน น้าคงไม่รบกวน ทางคุณชายอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมานาน น้าเข้าใจ ทางนี้เห็นจะถนัดกว่า เห็นจะรบกวนก็เรื่องของคาวของหวานของวังศศิธร”

“และอย่างไรก็ฝากคุณชายเป็นธุระ เรื่องทางฝ่ายชายด้วยแล้วกัน”

“ครับ”

“น้าดีใจที่คุณชายเข้าใจทางน้า”

“เห็นหญิงแพรว่าพ่ออรุณยุ่ง ๆ เรื่องซ้อมเพลงให้ท่านชาย”

“วานคุณชายช่วยบอก ถ้าอย่างไรอาทิตย์หน้ารบกวนเธอแวะมาเยี่ยมน้าบ้าง”

“ทางนี้น้าจะให้น้องทำขนมไว้ เห็นว่าฝึกทำไว้อวดพี่ชายนานแล้ว”

“ครับ”


ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่กล้าเอ่ยถาม เพราะกลัวคำตอบ แต่ตอนนี้เจ้าตัวคงรู้แล้วสินะ

 
คงรู้อยู่นานแล้ว คงมีแต่เราที่ไม่เคยรู้ โทษใครมิได้นอกจากตัวเอง


ทำไมอีกคนจะไม่เปรย ‘เส้นทางระหว่างเรา’ คงไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะหัวใจรักของเจ้าตัวคงแปรเปลี่ยนไปเสียนานแล้ว ความสัมพันธ์ที่ตอบรับกลับมาให้เพียง ‘พี่ชาย’ ก็แน่ชัด แต่ไม่เคยคิดว่า ‘ดวงใจ’ จะมีเจ้าของครอบครองแล้ว เพราะเพียงเขาคนนั้นไม่เคยเอ่ย เฉลยความนัยใด ๆ ไม่ได้หมายว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดด้วยความเต็มใจ
ไม่เคยรู้


“วันนี้ชายตื่นแต่เช้า”

“ครับ” ไม่กล้าบอกว่าไม่ได้นอนทั้งคืนต่างหาก

“กาแฟก่อนไหม รอไว้รับของเช้าพร้อมกัน”

“ครับ” ท่านอาจึงรินกาแฟจากกาแบ่งให้

“งานที่ห้างเป็นอย่างไรบ้าง”

“โอเค แล้วครับ”

“ช่วงนี้ อรุณก็ว่าง ๆ แล้วสินะ”

“ครับ งานด้านกฎหมายไม่ค่อยหนักนัก”

“ปลายปีอาว่าจะกลับเชียงใหม่ กลับไปแต่งเพลงจริง ๆ จัง ๆ สักที”

“จะเดินทางเมื่อไหร่หรือครับ”

“น่าจะหลังหน้าฝน ครั้งนี้ว่าจะชวนอรุณไปด้วย”

“ชายไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้ามีงานก็ส่งไปให้ที่โน่นก็คงได้”

“..........แล้วแต่เจ้าตัวเถอะครับ”

“อยากให้เขาได้พักผ่อนบ้าง เหนื่อยหนักมานาน”

“ครับ”

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

“อ้าวกำลังนินทาเลย” ร่างบางเดินเข้ามาที่ห้องอาหาร และนั่งลงฝั่งตรงข้ามเช่นเดิมรวมทั้งยังคงจงใจมองผ่านเลย

“นวลตั้งของเช้าได้เลย”

“ค่ะคุณ”

“ขอโทษที่ลงมาช้าครับ”

“ไม่สายหรอก แต่เพิ่งตื่น หรือไม่ได้นอน ทำไมขอบตาคล้ำๆ”

“อ่านหนังสือเพลินไปหน่อยน่ะครับ”

“คงต้องแยกออกจากห้องหนังสือบ้างกระมัง”

“ว่าจะย้ายกลับไปปีกเหนือแล้วล่ะครับ” ข้ออ้างช่างแนบเนียนเหลือเกิน

“อ้าวทำไมล่ะ แต่ห่าง ๆ ห้องหนังสือบ้างก็ดีนะเรา”

“เพิ่งบอกพี่ชายเราไป ว่าจะชวนอรุณไปเที่ยวเชียงใหม่ปลายปี เปลี่ยนบรรยากาศบ้างดีไหม”

“......ขอคิดดูก่อนครับ ถ้าไม่ติดงานอะไร” งานนั้นสินะที่จะติด

“อืม ว่าอย่างไรก็บอกแล้วกัน”

“ผมขอตัวก่อน”

“อ้าวชายไม่ทานของเช้าด้วยกัน”

“เพิ่งนึกได้ว่ามีงานนิดหน่อยครับ”

“อรุณทานเสร็จแล้วช่วยตามพี่มาที่ห้องทำงานด้วยแล้วกัน”

“......ครับ” คงต้องคุยกันเสียก่อนถึงจะเรียนปรึกษาผู้ใหญ่

ในที่สุดก็คงไม่สามารถประวิงเวลาได้แล้ว คงต้องแล้วแต่เจ้าตัวว่าจะเลือก ‘สิ่งไหน’


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาเถอะ” ถึงเวลาแล้วจริง ๆ หรือ

“ขอโทษที่รบกวนครับ ที่คุณชายให้หา” ‘คุณชาย’ อีกแล้วหรือ

“นั่งก่อนสิ”

“ไม่เป็นไรครับ” สายตาเย็นชาดังเช่นวันวานกลับคืน จึงได้แต่ลอบถอนใจก่อนที่ตัดใจจะเริ่มเล่า

“...คุณน้า คุณแม่ของคุณหญิงตุ๊กตานั่น”

“เธอให้ฝากมาบอกให้อรุณแวะไปเยี่ยมที่วังอาทิตย์นี้”

“ครับ”

“เธอคงอยากได้คำตอบ”

“คำตอบ?”

“อาทิตย์ ที่แล้วเธอให้ตามพี่ไปปรึกษาเรื่องธุระ” คนฟังก้มหน้ารับฟังเงียบ ๆ

“เธอว่าแม่จ๋าทาบทามลูกสาวเธอไว้ให้อรุณ”

“...............................” ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบสายตาครั้งแรก แววตาสงสัยฉายชัด


สงสัยสิ่งใด...ไม่รู้อยู่แล้วหรือ


“แต่แม่จ๋ามาด่วนจากไปเสียก่อน จึงเรียกพี่ในฐานะผู้ใหญ่ฝ่ายชายไปสอบถาม”

“แล้วคุณชายตอบเธอไปว่า”

“คงต้องกลับมาถามอรุณ กับเรียนปรึกษาคุณก๋งก่อน”

“.................................”

“แล้วอรุณจะว่าอย่างไร”

“ค...คงสุดแล้วแต่ ‘ผู้ใหญ่’ จะเห็นควรเถอะครับ ผมไม่ขัด” แววตานั่นหมายความว่าอย่างไร

“เธอว่าเด็กสองคนรักกัน”

“อย่างนั้นหรือครับ” รอยยิ้มที่แย้มเยือนเสมือนตัดพ้อ

“อรุณ.....................”

“.............................”

“............ผมถามบ้างได้ไหมครับ”

“แล้ว...ถ้าเป็นคุณชาย คุณชายจะทำอย่างไร”

“ถ้าเป็นพี่ ถ้าพี่รักคุณหญิงตุ๊กตานั่น ก็คงตอบรับไป” ถ้าพี่เป็นอรุณก็คงเลือกตอบรับ แต่หากเป็นพี่ที่ความรักมีให้เพียงคนตรงหน้า คงปฏิเสธไปแน่นอน

“......อย่างนั้นหรือครับ”

“แล้วในฐานะตัวคุณชายเองตอนนี้ ก็คิดเช่นนั้นใช่ไหมครับ” จะให้ตอบอย่างไร อย่าเห็นแก่ตัว



รักนั้น...อาจ ‘เพียง...รัก’

และเฝ้ามองคนที่รักมีความสุขเท่านั้นคงเพียงพอ

ฤามิใช่


“......เธอก็เรียบร้อย น่ารัก เหมาะสมทุกอย่าง”

“ขอบคุณครับ ผมได้คำตอบแล้ว” น้ำตาตกใน หัวใจดังถูกกรีดซ้ำย้ำรอยเดิม

“ผมขอให้คำตอบกับคุณน้าเอง” ตัดสินใจแล้วสินะ

“ตามใจแล้วกัน แล้วถ้าตัดสินใจอย่างไรก็ว่ามา พี่จะคุยกับคุณก๋งให้”

“หรือหาก อยากไปเที่ยวเชียงใหม่กับท่านอาก็สุดแล้วแต่แล้วกัน” จึงได้แต่กลั้นใจพูดไปทั้งที่ดวงใจร้าวราน

“ครับ อย่างนั้นผมขอตัวก่อน” ร่างบางหันหลังกลับเตรียมก้าวเดิน ดังดวงใจถูกกระชาก


จะปล่อยไปอย่างนี้จริง ๆ หรือ? หัวใจประท้วง


“อรุณ........พี่.........” หากแต่มิสามารถเอื้อนเอ่ยคำใดได้

“ผมทราบแล้วว่าผมมีทางเลือกเพียงสองทาง คุณหญิง หรือท่านอา” คนพูดหยุดแต่ไม่แม้เพียงหันกลับมามอง

“ถ้าตัดสินใจได้อย่างไรแล้ว จะรีบมาเรียนให้คุณชายได้ทราบโดยเร็ว”

“ผมขอตัว”


อรุณ..................... ไร้ซึ่งแรงกายหมดสิ้นแรงใจ
ทำถูกแล้วใช่ไหม

เมื่อไม่ได้รัก จะฉุดรั้งไว้เพื่อประโยชน์อันใด
การอยู่กับคนที่มิได้รักยิ่งจะทรมานมากว่า

ขอเพียงคนรักมีความสุข ไม่ว่าเขารักใคร ถ้ารักเธอคนนั้น ก็ควรลืมฉันคนนี้
แม้ว่าต้องเจ็บช้ำเพียงไร...ก็พร้อมยอมหักใจ

‘เพียง...รัก’
เพราะเป็นเธอไม่ว่า...อย่างไร เพราะเป็นเธอไม่ว่า...สิ่งไหน
ผู้ชายคนนี้ทนได้เสมอ

เพียงแต่ติดใจ...สายตา
ตัดพ้อนั่นคืออะไร ตัดพ้อสิ่งใด


“คุณชายเกิ้งครับ อาหารเย็นตั้งแล้วครับ” เสียงตะโกนเบาจากภายนอกหลังจากเสียงเคาะประตูเบา ๆ

“จ้อยหรือ เข้ามาสิ”

“อาหารเย็นตั้งแล้วครับ” เด็กน้อยยื่นหน้าเข้ามาก่อนค่อย ๆ แทรกตัวผ่านประตูมายืนเรียบร้อย

“คุณ ให้มาตามหรือ”

“คุณออกไปแล้วครับ เห็นว่าจะไปหาคุณหญิง”

“แม่นวลให้ขึ้นมาตาม แม่แพรวแกบ่นว่าช่วงนี้คงทำอาหารมาถูกปากทั้งคุณ ทั้งคุณชาย”

“สำรับเมื่อกลางวันที่ยกมาไม่มีใครแตะเลย วันนี้ถึงลงมือตั้งแต่เตรียมเครื่องเองเลย แต่คุณก็มาหนีไปข้างนอกก่อน คุณชายลงไปหน่อยเถอะครับ หาไม่ในครัวคงหูแฉะกันทั้งคืน”

“คุณออกไปแล้วหรือ” จึงลุกขึ้นยืนเดินตรงไปที่หน้าต่าง ทอดสายตาไปยังประตูวัง

“ครับ”

“ฉันไม่หิว ให้ในครัวแบ่งกันกินเถอะ”

“แต่.....”

“จ้อย ก่อนไปคุณสั่งว่าอย่างไรไหม” จึงหันกลับมาถาม

“เห็นบอกว่าจะไปทานข้าวเย็นที่วังโน้น ไม่ต้องรอ คงกลับค่ำ ๆ ”

“อย่างนั้นหรือ.....”

“ขอบใจมากจ้อย”

“ไปเถอะ” และหันกลับเหม่อมองทางเดิม


ตัดสินใจแล้วสินะ
เลือก ‘สิ่งไหน’ หรือ



#JKLTHESERIES



https://www.youtube.com/watch?v=RYcm5UHSn1A

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SERIES: JUST; WHICH 20.01.2018
«ตอบ #22 เมื่อ20-01-2018 18:34:35 »

ไปกันใหญ่แล้ว

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: JKL THE SERIES: JUST; WHICH 20.01.2018
«ตอบ #23 เมื่อ20-01-2018 21:54:32 »

โอ้ยยยยย...แต่ละคนปากหนักจัง!!!

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; GREATER 21.01.2018
«ตอบ #24 เมื่อ21-01-2018 11:09:04 »

Just…Greater;

๑๔. ควรค่า



“คำตอบ ?” คำตอบสิ่งใด

“อาทิตย์ ที่แล้วเธอให้ตามพี่ไปปรึกษาเรื่องธุระ”

“เธอว่าแม่จ๋าทาบทามลูกสาวเธอไว้ให้อรุณ” อะไรนะ เป็นไปได้อย่างไร

“...............................” จึงเงยหน้าขึ้นสบสายตา ไม่ใช่อย่างที่เคยคิด คุณหญิงมีความรู้สึกกับตนอย่างไร เรื่องนั้นพอจะรู้ แต่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ว่าเรื่องจะล่วงเลยมาถึงปานนี้

“แต่แม่จ๋ามาด่วนจากไปเสียก่อน จึงเรียกพี่ในฐานะผู้ใหญ่ฝ่ายชายไปสอบถาม”

แล้วใยอีกคนถึงเชื่อปักใจ

“แล้วคุณชายตอบเธอไปว่า”

“คงต้องกลับมาถามอรุณ กับเรียนปรึกษาคุณก๋งก่อน”

“.................................” นี่หรอกหรือคือความตั้งใจที่จะกลับมาถาม

“แล้วอรุณจะว่าอย่างไร” ต้องกลับมาถามสิ่งใด ถามใน ‘ฐานะ’ ผู้ใหญ่ฝ่ายชายน่ะหรือ

“ค...คงสุดแล้วแต่ ‘ผู้ใหญ่’ จะเห็นควรเถอะครับ ผมไม่ขัด” ชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าเป็นของตนตั้งแต่วันที่ใครบางคนฉุดรั้งขึ้นมาจากโคลนตมในวันนั้น


ถ้าเพียงแต่ปรารถนาสิ่งใด ก็พร้อมยอมสนองตอบในทุกสิ่ง
ถ้าไม่ต้องการอีกแล้ว จะไสส่งไปที่ใดก็พร้อมยอมตาม

“เธอว่าเด็กสองคนรักกัน”

“อย่างนั้นหรือครับ”


เรื่อง ‘ความรัก’ ของคนอื่นนั้นสุดจะรู้แจ้ง
แต่ความรู้สึกในใจของคนที่พร่ำบอกว่ารัก ไม่เคยรู้เลยจริง ๆ หรือ

“อรุณ.....................”

“.............................” ไม่เคยรู้เลยหรือว่า ‘จงรัก’ เพียงผู้ใด ดวงใจร้องถามด้วยความสงสัยเกินสุดกลั้น

“............ผมถามบ้างได้ไหมครับ”

“แล้ว...ถ้าเป็นคุณชาย คุณชายจะทำอย่างไร”

“ถ้าเป็นพี่ ถ้าพี่รักคุณหญิงตุ๊กตานั่น ก็คงตอบรับไป”


นี่หรือคำตอบของคนที่พร่ำเพ้อว่ารักคงมั่น มั่นคงกับสิ่งใด
ในเมื่อภายในดวงใจยังคงสงสัยในคนที่รักยิ่ง


“......อย่างนั้นหรือครับ” ‘พี่ชาย’ คิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ

“แล้วในฐานะตัวคุณชายเองตอนนี้ ก็คิดเช่นนั้นใช่ไหม”


ครุ่นคิดสิ่งใด เรรวนสิ่งใด


“......เธอก็เรียบร้อย น่ารัก เหมาะสมทุกอย่าง”

“ขอบคุณครับ ผมได้คำตอบแล้ว” เพียงพอแล้วที่จะต้องตัดสินใจ

“ผมขอให้คำตอบกับคุณน้าเอง” เหนื่อยหัวใจเหลือเกินกว่าจะกล่าวสิ่งใดได้ต่อไป

“ตามใจแล้วกัน แล้วถ้าตัดสินใจอย่างไรก็ว่ามา พี่จะคุยกับคุณก๋งให้”

“หรือหาก อยากไปเที่ยวเชียงใหม่กับท่านอาก็สุดแล้วแต่แล้วกัน” อย่างนั้นหรือ


ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่ผันผ่าน ที่พร้อมยอมตามทุกสิ่ง
ตีความได้ถึงสิ่งใด หรือไม่เคยเห็นความภักดีที่มีให้กระนั้นหรือ


“ครับ อย่างนั้นผมขอตัวก่อน” จึงตัดใจหันหลังกลับก้าวเดิน ดังคนหมดหนทาง

“อรุณ........พี่.........” จะรั้งเพื่อสิ่งใด

“ผมทราบแล้วว่าผมมีทางเลือกเพียงสองทาง คุณหญิงหรือท่านอา”


ไม่มีทางเลือกใดเลยที่ปรารถนา


“ถ้าตัดสินใจได้อย่างไรแล้ว จะรีบมาเรียนให้คุณชายได้ทราบโดยเร็ว”

“ผมขอตัว”


ความรู้สึกหนาวเย็นจับหัวใจ สัมผัสต่าง ๆ ค่อย ๆ รางเลือน สองทางเลือกที่มิใช่คำตอบใดที่หัวใจต้องการ ความปรารถนาส่วนลึกค่อย ๆ เลือนราง

ทำไมไม่รู้ ทำไมไม่เห็น ดวงใจรักและภักดีที่ให้ไป
หรือที่ทำไปนั้นยังไม่ ‘ควรค่า’ เพียงพอ

เพราะ ถ้ามันพอคงไม่มีวันเป็นอย่างนี้ ใช่หรือไม่
ตลอดมาที่ยอมชิดใกล้ มิเคยรู้เลยหรอกหรือ

หรือไม่ได้มีใจจริงแต่แรก หรือหมดซึ่งหัวใจรักที่ให้กันแล้ว
ไม่สามารถตอบคำถามใด ๆ ได้
 
รู้เพียงถ้ามิได้ต้องการกันอีกต่อไปแล้ว ก็คงไม่สามารถฝืนหัวใจรักใครได้กระมัง
ตัดสินใจ คงต้องตัดใจแล้วจริง ๆ
 

“คุณจะไปไหน” เด็กน้อยถามขึ้น เมื่อเดินสวนกันที่เฉลียงบันได

“จะไปวังโน้น แล้วคงรับอาหารเย็นเลย ฝากบอกว่าไม่ต้องคอย คงกลับค่ำ”


จบแล้ว
เรื่องแรกผ่านไปด้วยความลำบากใจยิ่ง เรื่องต่อไปคงยากลำบากไม่แพ้กัน ทำได้เพียงผ่อนปรนลมหายใจ ก่อนฝืนใจก้าวเดินห่างจากตัวตึกใหญ่ของวังมาที่รถ


“พี่อรุณคะ”

“น้องหญิง”

“หญิง หญิงขอเวลาสักนิดเถอะค่ะ”

“ได้สิคะ ไปคุยที่ศาลาในสวนดีไหมคะ” ตรงนี้ลับสายตาผู้คน ใครมาเห็นคงไม่งามนัก

“ค่ะ” หญิงชายสองคนนั่งเคียงข้างกันที่ม้านั่งตัวยาวในศาลาเล็กหน้าเฉลียงตึก

“น้องหญิงมีอะไรหรือคะ”

“....................................”

“น้องหญิง” เด็กหญิงตัวเล็กแสนบอบบางสะอื้นไห้เช็ดน้ำตา

“อย่าร้องนะคะ คนดี น้องแพรเป็นอะไรคะ” จึงได้แต่ส่งผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวเสมอให้ และส่งสายตาปลอบโยนด้วยความเห็นใจยิ่ง

“หญิงไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน”

“ถ้าหญิงทราบ.....................” เด็กหญิงที่เรียบร้อยยิ่ง เธอต้องพยายามฝืนใจอย่างยิ่ง

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่รู้ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่นะคะ” จึงทำได้เพียงปลอบโยนเด็กน้อยที่แสนอ่อนโยน

“แต่หญิงได้ยินคำตอบ...ข..ของพี่อรุณแล้ว”

“ไม่ดีนะคะ แอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน” ใจจริงอยากให้เธอรู้โดยตรงมากกว่าเพียงได้ยินจากบทสนทนากับผู้ใหญ่ แต่คงต้องปล่อยเลยตามเลย

“ค่ะ หญิงทราบแต่......................”

“หญิงคงทราบคำตอบของพี่แล้ว”

“ค..ค่ะ” น้ำตายังหยดหยาดมิขาดสาย

“หญิง....หญิง” เหมือนเธอกำลังรวบรวมความกล้าอย่างมาก

“หญิง...อ..อิจฉา คนคนนั้น”

“น้องหญิง”

“หญิงขอโทษค่ะ หญิงเข้าใจพี่อรุณ แต่ขอหญิงพูดสักครั้งนะคะ แค่ครั้งเดียว”

“หญิงไม่รู้หรอกค่ะว่าเธอเป็นใคร หญิงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพี่อรุณเห็นหญิงเป็นแค่น้องสาว”

“แต่หญิงอิจฉาเธอ เพราะหญิงไม่เคยรู้เลยว่าเธอคนนั้นเป็นใคร หญิงไม่เคยเห็นเธอเลย แต่ก็รู้ว่าพี่อรุณรักเธอมาก รักมากจนไม่มีสายตามองเห็นหญิงหรือใครคนอื่นอีก” ความในใจที่ถูกปกปิดมานานพรั่งพรู

“อิจฉาว่าเธอแทบไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย แต่ได้หัวใจพี่ชายที่แสนดีของหญิงไปครอบครองง่าย ๆ ทั้งที่คนอื่น ทั้งที่หญิงพยายามอย่างมาก”

“หญิงแพร.....พี่” ความรักช่างเล่นตลกกับหัวใจคนนัก

“หญิงไม่ได้ต้องการให้พี่อรุณสงสาร หรือเห็นใจหรอกค่ะ”

“หญิงรัก และเข้าใจพี่อรุณเสมอ ยอมรับในการตัดสินใจของพี่ทุกอย่าง แต่...”

“ถ้าวันหนึ่ง ถ้าเพียงหากหญิงทราบว่าเธอเป็นใคร หญิงอยากบอกกับเธอเหลือเกินว่าเธอโชคดีเหลือเกินที่ได้หัวใจรักของพี่ชายของหญิงไป ชาตินี้หญิงยอมเธอ เพราะหญิงรู้ตัวเองดีว่าหญิงขี้ขลาดเกินไป อ่อนแอเกินไป หญิงคงไม่หาญกล้ามากไปกว่านี้”

“แต่หากเพียงภายภาคหน้าต่อไปไม่ว่าอย่างไรหญิงจะเข้มแข็งค่ะพี่อรุณ และหญิงจะไม่มีวันยอมเธอง่าย ๆ ดังเช่นวันนี้ และหญิงขอภาวนาให้เธอคนนั้นไม่ได้โชคดีกับเรื่องของความรักง่ายดายดังเช่นนี้ตลอดไป” สิ้นเสียงความในใจเด็กหญิงตัวเล็กก็ร้องให้เหมือนจะขาดใจ

“หญิงแพร หญิงกล้าหาญที่สุดค่ะในสายตาพี่ และพี่ก็ชื่นชมหญิงด้วยความจริงใจ”

“พี่อยากให้หญิงรู้ไว้ว่าพี่รักน้องแพรมากนะคะ น้องสาวคนดีของพี่”


เราทำได้เพียงนั่งในความเงียบเป็นกำลังใจให้กันสักพักใหญ่ จนสายฝนเริ่มโปรยปราย หญิงแพร จึงขอตัว และเดินจากไป เป็นความแข็งแกร่งที่น่านับถือ และเป็นดวงใจรักที่บริสุทธิ์หาใดเปรียบได้ไม่

หากแต่ถ้าดวงใจมิเคยมีใครอื่น
ทำไม เฝ้าแต่เพียรถามตัวเอง

รถจอดเทียบหน้าตึกใหญ่ละอองฝนเบาบางเริ่มซัดสาด ความตั้งใจแรกที่จะขึ้นตึกเพื่อพักผ่อนถูกพับเก็บไป เมื่อบังเอิญสบสายตาของใครบางคนที่ส่งมาจากห้องทำงานชั้นสองของตัวตึก

คำถามที่ชัดแจ้งส่งมาจากสายตาเว้าวอน
ถึงตอนนี้อยากร้องขอสิ่งใด
มิสายเกินไปหรือ

จึงละสองสายตาที่เชื่อมโยงถึงกัน และหันหลังเดินกลับไปยังหลังตัวตึกเดินผ่านสวนมุ่งตรงไปยังเรือนหลังเล็ก
‘คืนนี้เห็นทีต้องไปขออาศัยนอนที่เรือนเล็กกับท่านอาสักคืน’

แสงสว่างรำไรจากโคมไฟที่โต๊ะหนังสือที่ศาลาเล็กกลางชานเรือนกว้าง

“ว่าไงเรา”

“ท่านอา”

“ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้”

“หลานมาซ้อมเปียโน”

“พี่ชายเราเขาตั้งตัวใหม่ให้ที่ตึกใหญ่แล้วไม่ใช่หรือ”

“ครับ”

“ทะเลาะกันมาอีกกระมัง เห็นเงียบสงัดกันทั้งตึก” แม้จะแยกมาอยู่ที่เรือนเล็ก แต่ก็หามีสิ่งใดที่ท่านมิทราบ

“......................................” จึงได้แต่เงียบ เนื่องด้วยมิอาจกล่าวเท็จต่อผู้สูงวัยกว่าได้

“เข้าไปอาบน้ำอาบท่าสระผมก่อน เดี๋ยวให้คนเตรียมของไปให้ที่ห้องนอนเดิม”

“ครับ”

เมื่อเสร็จธุระ จึงมุ่งหน้าสู่แกรนด์เปียโนในห้องดนตรี ห้องที่ใหญ่ที่สุดในเรือนเล็ก อารมณ์ยังคงสับสนคุกรุ่นดนตรีช่วยบรรเทาเบาบางความสับสนในใจ หากแต่รวบรวมสมาธิได้ยากยิ่ง เสียงดนตรีจึงขาด ๆ เป็นท่อน และแผ่วหายไปกับสายลม


“ดนตรีบางทีมิใช่คำตอบหรอก เด็กน้อย” ท่านอาเดินตามมาสมทบ

“ไม่เช็ดหัวให้แห้ง เดี๋ยวไม่สบายเป็นอะไรไป พี่ชายเราจะมาถอนหงอกอา” ด้วยความรีบร้อน ผ้าเช็ดผมที่ตกลงมาคลุมที่ไหล่จึงถูกหยิบขึ้นมาเช็ดผมให้อย่างเบามือ

“ขอบคุณครับ” ด้วยความสนิทสนมในช่วงปีหลัง ด้วยเสียงดนตรี ทำให้เคยคุ้นกับท่านอา และเรือนหลังเล็ก คล้ายดังบ้านที่สอง หากตั้งแต่ใครบางคนกลับมา ก็ถูกยึดตัวไว้ที่ตึกใหญ่ จนยากจะปลีกตัว

“ได้บอกเขาไว้หรือเปล่า ว่าจะมาค้างที่นี่”

“ไม่ตามหาเสียทั่ววังแล้วหรือ”

“คงทราบแล้วครับ”

“หนีปัญหา บางทีก็ไม่ใช่คำตอบหรอกนะ คุยกันดี ๆ น่าจะดีกว่า”

“ครับ” แต่ยังไม่พร้อมจริง ๆ ตอนนี้

“เราน่ะดื้อเงียบ บางทีใจร้อนพูดโพล่ง ๆ แบบชายเกิ้งอาจจะดีกว่า”

“.......มีอะไร คิดอะไร บางทีต้องพูดออกไปบ้าง”

“คนเราไม่ได้ฉลาดทางอารมณ์เท่าเทียมกัน ยิ่งคนที่เคยผ่านโลกที่แสดงออกอย่างชัดแจ้งอย่างวัฒนธรรมตะวันตก ไม่เข้าใจความนัยที่ซับซ้อนมากนักหรอกนะอรุณ”

“แต่...........................” ก็การกระทำมิได้เพียงพอหรอกหรือ

“อย่าเอาตัวเป็นบรรทัดฐาน เราน่ะ ละเอียดอ่อนต่ออารมณ์เกินคาดเดา ลุ่มลึกเกินไป เหมือนคุณไหมเธอ”

“การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูดก็จริง แต่บางครั้งการสร้างความเชื่อมั่นก็ต้องอาศัยคำพูด”

“มิเคยเห็นหรือ ท่านพี่กับคุณไหมยังต้องหาเวลาทานน้ำชาด้วยกันทุกบ่ายเพื่อคุยกัน”

“...............................................” ทำไมจะมิทราบวังศศิธรแม้จะเงียบนัก แต่ก็สดใสอบอุ่นมาตลอดด้วยความรักของท่านทั้งสอง

“ลองไปคิดดูก่อนแล้วกัน” มือที่สัมผัสบนบ่าเบา ๆ สร้างความอบอุ่นลึกลงไปใจหัวใจที่เหนื่อยล้า


เหนื่อยหัวใจเหลือเกิน


บางที....การอยู่กับคนที่เข้าใจเราลึกซึ้งอาจดีเสียกว่าคนที่เราปักใจรัก

“ท่านอาจะเดินทางขึ้นเหนือเมื่อไหร่หรือครับ”




#JKLTHESERIES

https://www.youtube.com/watch?v=To-FFKFT9vk

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: JKL THE SERIES: JUST; GREATER 21.01.2018
«ตอบ #25 เมื่อ21-01-2018 12:04:28 »

สนุกมากกกกก  ละมุนละไมมาก  ภาษาสวยงามมากค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: JKL THE SERIES: JUST; GREATER 21.01.2018
«ตอบ #26 เมื่อ21-01-2018 13:34:55 »

ปากหนักแท้หนอทั้งคู่เลย ส่วนหญิงแพรให้ท่านอาเธอดูแลเถอะ จะได้สืบสกุลต่อไป

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: JKL THE SERIES: JUST; GREATER 21.01.2018
«ตอบ #27 เมื่อ21-01-2018 18:03:46 »

เมื่อไหร่จะคุยกันน้อ....ต่างคนต่างคิดไปไกล!!!

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; FOR YOU 22.01.2018
«ตอบ #28 เมื่อ22-01-2018 09:05:21 »

Just…From You;
๑๕. จากเธอ



ฝนแรกของปีโปรยปรายอย่างไม่ลืมหูลืมตา สายลมเยือกเย็นพัดพาละอองฝนเข้ามากระทบร่างสูงแผ่วเบา ยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าใดแล้วหารู้ไม่ ด้วยหัวใจมิได้อยู่เคียงคู่กับร่างกาย ประสาทสัมผัสทั้งหมดจึงเหมือนถูกปิดลง ความชาชินเริ่มเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งร่าง มีเพียงดวงตาที่ยังคงเฝ้าสอดส่ายแลหา
 
จนในที่สุดคนที่แอบฝากหัวใจรักไปด้วยนั้นเดินทางกลับมา เพียงชั่ววินาทีที่สายตาประสบพบกันดังเวลาผันผ่านชั่วกัลป์ ดวงตาหวานหากไม่เคยตีความสิ่งใดในดวงหทัยแห่งเธอออก รู้สึกอย่างไร

คำพูดที่มิกล้าเอื้อนเอ่ยยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก หากแต่พูดไปแล้วได้อะไร ด้วยไม่เคยรู้ถึงความนัยในดวงใจของอีกคน หากความรักในหัวใจที่เปี่ยมล้นยังคงเฝ้าวิงวอน ให้ทำตามความในใจของตัวเอง
แม้จะสายไปแล้วก็ตาม

ร่างบางละสายตา หันกลับไปในทิศทางตรงกันข้าม
ไปที่ใด...สมองบัญชาการให้ร่ายกายติดตาม ทางเดินผ่านสวนฝรั่ง ก้าวเดินยาวทุกก้าว นำความเจ็บปวดแปลบปลาบมาให้หัวใจ และหยุดยั้งเพียงต้นร่มไม้ใหญ่ใกล้ศาลาไทย เมื่อเห็นดวงใจก้าวย่างสู่เรือนเล็ก
‘หวง’ ความรู้สึกนี้คือหึงหวงแน่ชัด

แล้วอย่างนี้จะตัดใจได้อย่างไร จะทำได้อย่างไร หากเพียงเท่านี้หัวใจยังร้าวระบม รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่เคยรู้สึกอ่อนแอมากมายเท่านี้มาก่อน มิใช่ไม่เคยมีความรัก หากแต่รักครั้งนี้ไม่เคยประสบพบมาก่อน

รู้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบสายตา ว่าหัวใจตัวเองมิเป็นของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
รู้ ว่าคงไม่มีสายตา จะมองหาผู้ใดได้อีกต่อไป
รู้ ว่าตัวเองมีหนึ่งคนล้ำค่าอยู่ข้างกาย

ยิ่งใกล้ชิด ยิ่งห่วงหา ยิ่งหวงแหน ยิ่งกังวลนักที่ต้องไกลห่าง
หัวใจนำทางสมองสั่งให้ร่างกายให้ไขว่คว้า ทำทุกทางมาตลอดที่จะเหนี่ยวรั้งของรักแห่งตนในอดีต ให้หวนย้อนกลับคืนมาเป็นดังคนรักในปัจจุบัน
 
แล้วก็ตระหนัก
น้องน้อยมิเคยปฏิเสธ เป็นอย่างนี้มาแต่เก่าก่อนมิเคยลืม ไม่ว่าต้องการสิ่งใดคุณชายคนเดียว ลูกชายคนโตได้รับทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์เสมอ หากแต่เพียงต้องการเพื่อนเล่นคลายเหงาก็ได้ตุ๊กตาที่เป็นคนจริง ๆ มาให้เล่นเป็นพี่ชาย บทบาทที่ถูกสร้างขึ้นจากความต้องการของตนในวัยเด็ก มิได้ลึกซึ้งซับซ้อน

หารู้ไม่ มันกลับจรดลึกหยั่งรากลงไปในดวงใจใครอีกคน
จนได้รู้ เมื่อกลับมารักของเล่นของตัวเอง

หากแต่ครั้งนี้ไฉนจะไม่รู้ ด้วยความเอาแต่ใจ ตีตรา ยึดโยง ผูกรั้ง ‘น้องน้อย’ คนเดิมให้พร้อมยอมตาม ด้วยรักอีกเช่นกันจึงรู้ที่น้องยอม เพียงเพราะขาด เพียงเพราะต้องการความสัมพันธ์ฉันท์ ‘ครอบครัว’ ในครั้งอดีตกลับคืน

หาใช่ความรักดังคนรักอย่างเช่นที่ตนมีไม่
ผิดหรือถูก กันแน่ที่เห็นแก่ตัวเองมาตลอด

ชัดแจ้งเมื่อ ‘ความรัก’ ในหัวใจที่แน่แท้ลึกซึ้ง
บังคับหรือไม่ เต็มใจหรือเปล่า

เมื่อกลับมาอีกครั้ง จึงยอมถอย แม้จะมิสามารถหักห้ามความรักของตัวเองได้ แต่ก็น่าจะเริ่มใหม่ได้ ขอเพียงเวลาอาจจะทำให้ใครอีกคนกลับมารักได้เฉกเช่นเดียวกัน

วันเวลาที่ผ่านพยายามรักษาระยะห่าง สะกดใจไม่ให้รังแกตามแต่ใจตน เฝ้าสบนัยน์ตา ตามหาความจริงภายในใจของอีกคน ถึงความเปลี่ยนแปลง หากแต่มิเคยพบ ความไหวหวั่นลึกซึ้ง แต่กลับมั่นคงฝังลึกดังเดิมเหมือนเช่นครอบครัว

เมื่อได้รู้ทางเลือกทั้งสอง
แม้มิได้ปักใจ หากแต่สมเหตุสมผล
ตลอดมาเธอมิเคยหวั่นไหวต่อสิ่งเร้าใด หากเพียงรั้งไว้อีก ก็เกินกว่าความละอายแก่ใจ วันเวลาที่ผ่านมามิได้พิสูจน์หรอกหรือ ว่าเธอมิอาจมีใจในฐานะคนรักได้ บทบาทพี่ชายที่ต้องยอมปกป้องเสียสละเฝ้าถาม ครั้งนี้อาจต้องยอมสละตัวเองบ้าง

ได้รับ ‘จากเธอ’ มากมายเหลือคณานับ
เพียงแต่ให้โอกาสเธอเลือกทางเดินเอง

ผิดหรือถูก
ไม่รู้

หากแต่หัวใจต้องทำ
แม้ว่าจะชอกช้ำเพียงใด คงทำได้เพียงแต่เก็บความสุข ความทรงจำนี้ไว้ตราบลมหายใจสุดท้าย

เสียงเปียโนแผ่วเบาสอดประสานมากับสายลม ได้แต่สดับรับฟังเงียบ ๆ ช่างอ่อนหวานเย็นเยือกดังคนบรรเลงที่ประทับจับหัวใจ สายฝนเย็นชุ่มฉ่ำทั่วร่าง หนาวเหน็บไปจนถึงขั้วหัวใจ สมองเริ่มพร่าเลือน ความรู้สึกเริ่มขาดหาย
หากสติสัมปชัญญะ สุดท้ายกลับประทุ

แล้วหากมีทางเลือกที่สาม ขอเป็นเพียงทางเลือกที่สาม
แล้วจะเลือกสิ่งใดก็พร้อมยอมตาม เพียงเท่านั้นจะได้หรือไม่







เสียงนกกำลังเตรียมออกจากรังเจื้อยแจ้ว หากแต่ด้วยเมฆฝนที่ปกคลุมตั้งแต่ราตรีวานทำให้ยังคงมืดครึ้ม ด้วยดวงอาทิตย์ยังมิสามารถทอแสงเล็ดลอดกลุ่มเมฆออกมาได้ เมื่อไม่อาจข่มสายตาให้หลับลงได้ ก็มิได้มีประโยชน์อันใดที่ต้องฝืนทนนอนอีกต่อไป คงแปลกที่กระมัง

ฝนหยุดตกแล้ว หากระหว่างทางเดินกลับหญ้ายังชุ่มชื้นไปด้วยร่องรอยแห่งน้ำฝนที่ตกกระหน่ำเกือบตลอดคืน น้ำค้างหลอมรวมกับละอองฝนในวันวานยังหยดหยาดจากกิ่งไม้ไหว ก้าวเล็กหากแต่มั่นคง ด้วยเพราะความซุกซนในวัยเยาว์ทำให้รู้ทุกซอกทุกมุมของวัง หลับตาเดินยังได้ ความมืดมิดจึงมิใช่ปัญหา
 
เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางฟ้าจึงเริ่มสาง แม้แสงอาทิตย์ยังมิสามารถสาดส่องลงมาสู่พื้นพสุธาได้แต่อย่างใด แต่แม้จะมืดครึ้มเพียงใด เช้าวันใหม่ก็ยังคงต้องดำเนินมาเสมอ วันเวลามิเคยหยุด ใยใครจะเหนี่ยวรั้งแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์มิให้ทำงานได้ไม่

ใคร ใครกัน
หัวใจเต้นระรัวเมื่อเหลือบเห็นร่างสูงที่นอนฟุบแน่นิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่ไกลลิบ
 
“พี่ชาย” ไม่นะ ไม่ใช่นะ

จากก้าวเดินแปรเปลี่ยนเป็นความเร็วสุดชีวิตเมื่อแน่ชัดว่าคนคนนั้นคือเจ้าของดวงใจ

“พี่ชาย พี่ชาย” ร่างสูงเย็นเฉียบ เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนซีดขาวราวกับไร้ลมหายใจ ถูกยกตะแคงพลิกขึ้น และดึงรั้งสู่อ้อมอก

“พี่ชายครับ” แม้เขย่าเพียงนี้ยังไม่รู้สึกตัว หากแต่ลมหายใจแผ่วเบา เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าเจ้าของร่างยังคงมีชีวิต

เกิดอะไรขึ้นน้ำตาไหลหลั่งสุดกลั้นด้วยความตกใจ สลบอยู่ตรงนี้นานเท่าใด
โอ เสียงฝีเท้าที่ตามติดเมื่อคืน หรือมิใช่
โอ สวรรค์ได้โปรด

ยอมแล้ว
ยอมทุกอย่าง

มิอาจฝืนรับความสูญเสีย
ไม่อาจยอมทนเสียใครได้อีกแล้ว

แรงมหาศาลไหลหลั่งร่างสูงถูกประคองอย่างง่ายดาย และถูกโอบอุ้มฉุดรั้งตลอดทางเดิน จนถึงตัวตึกใหญ่

“คุณ คุณชาย” แม่นวลคุมเด็กทำความสะอาดโถงบันไดร้องด้วยความตระหนก

“คุณชายเธอ เป็นอะไรคะ” ได้ยินคำถามหากมิได้สนใจที่จะเอ่ยตอบ ได้เพียงแต่บอกความต้องการ

“นวล ช่วยหน่อย ขอน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัว ที่ห้องคุณชาย แล้วให้คนตามหมอฝรั่งด่วน”

“ค..ค่ะ ค่ะ คุณ วางมือก่อนพวกหล่อนช่วยคุณประคองคุณชายเธอ”

“ไม่เป็นไรนวลฉันดูเธอเอง”




‘Influenza ไข้หวัดใหญ่ครับ ร่างกายอ่อนแอมาก’

‘ถ้าช้ากว่านี้อีกนิด’ หากช้าแล้วอย่างไร ไม่นะ ไม่แล้วใช่ไหม

‘อาจมีปอดบวมแทรกซ้อน ต้องดูแลใกล้ชิด’

‘ผมฉีดยาลดไข้ให้แล้ว และจัดยาไว้ให้’

‘ขอบคุณหมอมากครับ นายกรอบไปส่งคุณหมอด้วย’

‘เมื่อวานคุณชายไม่ได้กินข้าวเลย’ เจ้าตัวร้ายยื่นหน้ามาฟ้อง

‘ทำงานแทบไม่ได้นอนตลอดอาทิตย์ด้วยค่ะ’ แม่นวลช่วยเฉลย

‘นวลเดี๋ยวขอข้าวต้ม ยา และน้ำไว้เผื่อเธอตื่น’

‘แล้วจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ เราด้วยไปทำการบ้านซะ เดี๋ยวเฝ้าเอง’


ตอนนี้รู้แล้วเพราะเหตุใด
เหตุใดที่ทำให้พี่ชายเหินห่าง แปรเปลี่ยน

หากแต่ได้รู้เพิ่มคนที่ทรมาน หาใช่เพียงแต่ตนคนเดียวไม่

วันเวลาแสนสั้นเพียงนี้
ทำตามเสียงหัวใจตัวเองบ้างได้หรือไม่ ไม่อยากคิดเรื่องผิดหรือถูกอีกต่อไป

กำพร้าตั้งแต่เล็ก ขาดครอบครัวและคนที่รักตั้งแต่นั้น
โหยหาความรักมากมายมาโดยตลอด

ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานเกี่ยวดอง คุณก๋งจึงอุปการะเลี้ยงดูไว้ในบ้าน
หากแต่ความอบอุ่น มิเคยได้รับจากใคร

จนมีคนมาเปลี่ยนชีวิต จาก...เธอ
เพียงคนเดียวที่พลิกชีวิต คนเดียวที่นำพาครอบครัวอบอุ่นมาให้

แม่จ๋า มอบความรัก ความเอาใจใส่
ท่านพ่อ ปรานีเปี่ยมล้น เทียมเท่าลูกชายคนเดียว

หากทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกจุดเริ่มต้น
จากเธอ...เพียงคนเดียว

จากคนที่ขาด ได้รับการเติมเต็ม ได้รับการดูแล ปกป้อง

เมื่อไกลห่าง คนเคยได้รับ ‘น้อยใจ’ นัก ไฉนใยลืมเลือน แต่ด้วยรักจึงยอมทุกสิ่ง
หากหลากใจ ‘ความรัก’ แบบใหม่ ไม่ผิดหรอกหรือ จะรักเช่นนี้ได้หรือ

หาได้รู้ตัวไม่ มิใช่เพียงเขาที่เปลี่ยนแปลง
ตอนนี้รู้ชัด ใจตัวเองก็หาได้รักมั่นเช่นครอบครัวแบบเดิม

ผิดหรือถูกกันแน่ ขัดแย้งในใจมาโดยตลอด
ก็มันเป็นไปไม่ได้ ในสังคมนี้ ในวัฒนธรรมนี้

เก็บกด ปกปิดดวงใจรักของตนเอง ปัดป้อง บ่ายเบี่ยง มิให้ตัวเองถลำลึก
คิดเพียง ‘พี่น้อง’ ครอบครัวน่าจะเพียงพอ ไม่เคยเฉลยสิ่งที่คิด ไม่เคยเฉลยความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงภายในดวงใจ แล้วจะให้เขาตีความเอง ทั้ง ๆ ที่มิเคยแปรเปลี่ยนสิ่งใดให้เห็นได้ภายนอก

หากแต่ไม่คาดคิดว่าความไม่ชัดเจนของตน ทำร้ายใครอีกคนเช่นกัน
แม้ยอม ก็เป็นตัวเองอีกที่เลือกจะ ‘ยอม’ ให้คนเอาแต่ใจมาตั้งแต่ยังเยาว์ จึงเลือกที่จะตอบรับสัมผัสเกินกว่าความสัมพันธ์ เพราะความหวาดกลัวความสูญเสีย เสียคนที่รักไปแล้วถึงสองคน หากต้องเสียอีกคน คงอยู่ต่อไปไม่ได้

หรือความจริง
แม้เพียงขาด ‘เขา’ เพียงคนเดียวชีวิตก็ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้อีกแล้ว

ทำให้ตอนนี้รู้แล้ว ชัดแจ้งแล้วในใจตน
ยอมแล้วในทุกสิ่ง

ไม่ว่าจะผิดหรือถูก
เพราะไม่มีใครเหมือนเธอ
 
คนรักคนเดียว ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
และต่อไปก็ไม่มีวันรู้สึกกับใครได้อย่างนี้อีก

ขอเพียงเขาปลอดภัยจะไม่ฝืนกล้ำกลืนความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไป
ได้โปรดเถิดสวรรค์ ขอแลกกับทุกสิ่ง

ถ้าใครต้องไปก่อน ขอให้เป็นตัวเอง

ขอเอาแต่ใจ ขอเห็นแก่ตัว เพียงครั้งเดียว
เพราะถึงแม้เป็นตัวเอง ที่ต้องลาจาก เพราะสิ่งที่ได้รับ จากเธอ

เกินกว่าสิ่งใดจะเท่าเทียม

‘ที่รัก’ ตื่นเถิดคนดี
‘ที่รัก’ ตื่นมาฟังกันสักนิด คนตรงนี้มีเรื่องที่ต้องการให้รับรู้

ยอมรับ
แม้บางสิ่งบางอย่างอาจจะไม่มีวันหวนกลับไปได้ดังเดิม อดีตไม่เคยแก้ไขได้
ก็ขอเพียงได้เปิดเผยความในใจ

เพราะ 'สัญญา' ที่ได้ให้ไว้กับท่านอาเมื่อคืนผูกมัด
ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องแปรเปลี่ยน ยอมรับในการกระทำของตน
 
ยอม... เพราะเธอคนเดียว




#JKLTHESERIES


https://www.youtube.com/watch?v=OL90hD6JkhA

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: JKL THE SERIES: JUST; FOR YOU 22.01.2018
«ตอบ #29 เมื่อ22-01-2018 10:15:02 »

มาแล้วววววว.... :ling1: :ling1:

บอกพี่เขาไปเถอะลูก...พี่เขาตรอมตรมแล้วววว!!!

เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เลย!!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด