:L3:Chapter X: MY Love
ผ้าม่านสีเขียวจาง ๆ ไม่สามารถปิดบังแสงสว่างเริ่มสาดส่องรุกไล่เข้ามาห้องนอนที่เย็นจัดด้วยเครื่องทำความเย็น วันนี้ต้องรีบเดินทาง แต่ยังไม่อยากผละออกจากอ้อมแขนนี้จริง ๆ
แม้เป็นเวลาสามเดือนกว่าแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเวลาตลอดสิบกว่าปีที่ผมต้องตื่นมาโดยลำพัง หัวใจจึงยังโหยหาอาวรณ์อ้อมกอดของเจ้าของผู้รุ่งยที่อยู่ข้าง ๆ กายคนนี้เหลือเกิน
อาการเมื่อยล้าจากการนอน และกิจกรรมที่หัวใจยอมตามคนข้าง ๆ มากมายนัก ร้องบอกให้ร่างกายต้องตัดใจพลิกตัวออกจากอ้อมกอด ขยับตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อย เพื่อปลุกเร้าตัวเองให้พร้อมตื่นรับการเดินทางในวันใหม่ สัมผัสของมือใหญ่ที่ค่อย ๆ กดนวดเบาที่หลัง ตื่นแล้วเหรอ จึงพลิกตัวหันกลับมาพบใบหน้าคมที่นอนยิ้มหวานสว่างไสว
“เขนตื่นนานแล้วเหรอ”
“ค่ะ ตื่นสักพักแล้วค่ะ”
“ทำไมไม่ปลุกล่ะ เดี๋ยวก็ออกสายกันพอดี ยิ่งร้อน ๆ ด้วย” จึงแบะปากเหวี่ยงไปเล็ก ๆ แต่จริงแล้วไม่ได้งอนเรื่องนั้นหรอก กลบเกลื่อนความเขินต่างหาก ตื่นสักพักแล้ว งั้นแสดงว่าเขานอนมองผมหลับมาสักพักแล้วนะสิ
จึงลองหลับตาลงอีกครั้ง ให้อย่างไรก็ยังสบสายตาคมกริบนั่นนาน ๆ ไม่ไหว ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่แล้วก็ตาม และจริง ๆ แล้วก็ยังง่วงด้วยแหละขอนอนอีกนิดแล้วกัน อยากมองนักก็มองต่อไป แล้วสัมผัสริมฝีปากแผ่วเบาที่บดเบียด และหนักหน่วงขึ้นเรื่อยก็ทำให้ความง่วงหนีหายกระเจิดกระเจิงไปหมดสิ้น
ไม่ได้การล่ะ ถ้าปล่อยไปอย่างนี้วันนี้คงไม่ได้เดินทางแน่ จะได้ออกจากห้องหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำ จึงพยายามเบือนหน้าหนีและส่งเสียงประท้วง
“อะ...อืมม ข เขน” แล้วก็ทำพลาดปล่อยให้ลูกแมวที่เพียงขบเม้มชิมรสริมฝีปากอยู่ภายนอกในตอนแรก ส่งปลายลิ้นเรียวลุกล้ำ กดจูบแนบชิดย้ำซ้ำอยู่เนิ่นนาน
จึงได้แต่ถอนหายใจไว้อาลัยให้ตัวเองเบากับความใจอ่อน ขณะที่ความพยายามที่จะห้ามปรามเริ่มขาดลอยด้วยสติที่กำลังพร่าเลือน จูบเก่งจริง ๆ สิให้ตาย ความรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่างทำให้ใจรู้สึกหวิว ๆ เคลิบเคลิ้มเพลินเพลิดดังลิ้มรสไวน์ชั้นดี จนไม่รู้ว่าตัวเองแทบหมดลมหายใจ
กระทั่งคนนำทางปลดปล่อยริมฝีปากให้เป็นอิสระอีกครั้ง และซุกไซร่ไล่เรียงลงไปที่ซอกคอ จึงทำได้เพียงหอบหายใจ ด้วยประสบการณ์ที่ต่างกันมากมายนัก จูบหวานนั่นแทบทำให้ผมตายได้โดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เพียงเพราะด้วยลืมวิธีการหายใจ
“เขน อย่านะ เดี๋ยวสาย” นึกข้ออ้างได้เพียงเท่านี้ พยายามดึงสติของตัวเองกลับมาให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลแต่เพียงน้อยนิด
ในเมื่อห้ามไม่ได้ หาข้ออ้างไม่ได้ ไม้ตายสุดท้ายจึงถูกงัดมาใช้ จึงดึงใบหน้าคมของเขาขึ้นมาสบสายตา
“อย่าซนนะเขนนะ เดี๋ยวค่อยไปต่อที่หัวหินก็ได้” ก็ต้องอ้อนนะสิ แม้จะผูกมัดตัวเองกลาย ๆ แต่ตอนนี้ต้องเอาตัวรอดก่อน ไปแก้ปัญหากันข้างหน้าแล้วกัน อย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาคิด
“นะที่นั่นอากาศดี บรรยากาศดีกว่าที่ห้องนี้ ไปนะเขน” ส่งสายตาอ้อนวอนไป
“ไปแต่เช้า จะได้ไม่ร้อน ขับรถไกลจะได้ไม่เพลียมากนะ รีบไปกันนะ” ปกติใช้ได้ผลนะ แต่ครั้งนี้เริ่มไม่แน่ใจ จึงได้ส่งรอยยิ้มให้ไปทั้งที่ในใจยังคงลุ้น แล้วก็...
ได้ผล เขนแพ้ลูกอ้อนของผมเสมอ
พายุเพิ่งผันผ่านรุ่งยฝั่งทะเล ก้อนเมฆครึ้มค่อยลอยจางหาย เหลือเพียงแต่ท้องฟ้าใสสีสดสวยที่เจือสีส้มแสดสะท้อนพื้นน้ำทะเลด้วยเลียบไล้รุ่งยหาด ด้วยใกล้เวลาพลบค่ำทำให้ลมทะเลที่โบกพัดเข้ามาขณะนี้ยังคงเย็นสดชื่นด้วยละอองฝนที่เพิ่งลาจากไป
“หนาวไหมครับ” คนพูดกระชับมือ เหมือนต้องการส่งผ่านไออุ่นและความห่วงใยมาให้
“ไม่หนาวหรอก” เราใส่เสื้อสีขาวเบาบางมาเหมือนกันก็จริง แต่ผมโดนบังคับใส่เสื้อเชิ้ตลายสีแดงทับมาด้วยตั้งแต่ที่บ้าน คนที่ควรหนาวจึงควรเป็นเขามากกว่าผมนี่
“หายงอนแล้วเหรอ” ผมจึงล้อกลับ ก็ตลอดการเดินทาง จนถึงเวลานี้มีผมฝ่ายเดียวที่ชวนคุย ลูกแมวขี้งอน
“ก็รุ่งขี้โกง” คนตัวโตที่นาน ๆ ทีจะงอนสักที แต่ก็น่าหมั่นไส้มากกว่าน่ารักมากมายจริงๆ
“ขี้โกงอะไร พูดมาดี ๆ”
“ก็สัญญาเมื่อเช้า”
“ไหนใครบอกว่าสัญญาตอนไหน” ร่างสูงปล่อยมือ หันหลังเตรียมเดินหนี
“เขน... ” จึงต้องฉุดแขนไว้
“ดีกันนะ อุตส่าห์หนีออกมาสองคนได้ จะรีบกลับไปหาเฟรมเหรอ”
“ทั้งทริปคงได้อยู่กันสองคนแค่ตอนนี้ใช่ไหม”
ใช่ครับ พอลงจากห้องมาก็พบว่าเฟรมมารอที่บ้านพร้อมที่จะเดินทางไปด้วย เขนก็เริ่มงอนตั้งแต่ตอนนั้น และยังมาพบว่าผมนัดกับพี่เชนพี่บลูที่นี่ด้วย แถมเมื่อมากันห้าคน ก็ต้องมีเตียงเสริม และก็ไม่แปลกที่เด็กร้ายนั่นต้องมานอนห้องผมแน่นอน คนรักของผมจึงออกอาการงอนถึงขนาดนี้
“ตอนนั้นที่ลำปางเฟรมก็อยู่ด้วยนี่นา”
“ก็ตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้”
“ใช่ ตอนนั้นรุ่งนอนคนเดียว แล้วเขนนอนกับเฟรม ตอนนี้น้องมันก็ยอมนอนเตียงเสริมแล้วนะ”
“หรือเขนจะให้รุ่งแยกไปนอนเตียงเสริมแทน”
“ไม่ ไม่มีทาง”
“นะเขนนะ นานๆ ทีว่างพร้อมกัน ได้มาพักผ่อนแล้ว อย่าอารมณ์เสียเลย”
“น้องมันจะเสียใจ” ผมรู้ว่าจริง ๆ เขนก็รัก และแคร์เฟรมไม่ต่างจากผมหรอก
“แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคน”
“ใครว่า ไม่ว่าเวลาไหนเราก็อยู่ด้วยกันสองคนตลอดนั่นแล่ะ” ผมดึงมือสองเราที่เกาะกุมไปวางทาบทับตำแหน่งแห่งดวงใจของเขา
“ไม่ใช่เหรอ” และส่งยิ้มให้ มุกเดิมครับ มุกเดิมที่ได้ผลเสมอ
“ยิ้มหน่อยน่า เดี๋ยวไม่หล่อนะ”
“ไม่หล่อ แล้วรุ่งจะเปลี่ยนใจเหรอ” คนมั่นใจในความหล่อยักคิ้ว ผมจึงปล่อยมือและทำหน้าครุ่นคิด หันหลังให้เดินช้า ๆ ออกมา คนมั่นใจเริ่มใจเสีย
“ก็ไม่แน่” จึงแลบลิ้นแถมให้แล้ววิ่งไม่คิดชีวิต ใช้เวลาสักพักเด็กเอ๋อนั่นจึงจะเข้าใจ แล้ววิ่งกวดตามมา เห็นอย่างนี้ผมปราดเปรียวพอตัว อย่าหวังเลยว่าจะยอมให้จับได้ง่าย ๆ
เมื่อดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เราเดินกลับมาที่หาดส่วนตัวของที่พักในสภาพเปียกปอน ทรายเต็มหูเต็มหัวพอกันทั้งคู่ เพราะเล่นวิ่งไล่จับกันอยู่เกือบชั่วโมง เคยมีใครยอมใครซะที่ไหนละครับ
“โห พี่ไปเล่นน้ำกันไม่ชวนผมสักคำ” เฟรมโวยวาย และบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“เอ... แต่สภาพขนาดนี้ก็ไม่ไหว เล่นอะไรกันมาน่ะพี่ ไม่ห่วงหล่อกันเลย”
“อ่ะ ลืมไปพวกพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้อยู่แล้วนี่ ใครจะดูดีกว่าอีกในสายตา” ผมจึงหนีหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำก่อน เจ้าเฟรมแซวซะ ทำเอาขนาดเขนก็ไม่กล้าเถียง จึงได้ยินแค่เสียงทำร้ายร่างกายกัน
“พี่รุ่ง... พี่บลู พี่เชน ทำบาร์บีคิวที่ชายหาด ผมลงไปเป็นลูกมือก่อน”
“เคลียร์กันให้เรียบร้อยนะพี่” แล้วเสียงปิดประตูและเดินจากไป ส่วนอีกคนก็คนก็เปิดประตูห้องน้ำเข้ามา นี่คือข้อเสียของที่พักราคาสูง ห้องน้ำมักเป็นระบบเปิดไม่มีล็อก
“รุ่งจ๋า สระผมให้เขนที” ผมพึ่งล้างโฟมล้างหน้าเสร็จก็พบว่าคนพูดกำลังโอบเอวจากข้างหลัง ดูจากสายตาที่สะท้อนจากกระจกเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ส่งมาอ้อนวอนร้องขอขนาดนี้ คงต้องใช้เวลาเคลียร์กันอย่างที่เฟรมว่าสักครู่ใหญ่ทีเดียว
เกือบทุ่มกว่าที่เราจะตามมาสมทบกับพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ชายหาด คนข้างผมเขาอารมณ์ดีขึ้นมาก จนใคร ๆ ก็สังเกตได้ คนชัดเจนมักเก็บสีหน้าไม่อยู่ แม้ไม่ต้องพูดอะไรไป สายตาทุกคู่ที่มองมาก็ยิ้ม ๆ แบบเข้าใจกันดี
โชคดีที่ผม ‘เก็บ’ เก่ง แม้เรื่องนี้จะคนละอารมณ์กับที่ต้องเก็บความปวดร้าวดังในอดีต แต่ก็พบว่าความเคยชินทำให้สามารถเก็บความเขินได้ดีเช่นกัน
บาร์บีคิวซีฟู้ด ริมทะเล ที่มีแอลกอฮอลล์คู่เคียงพอให้อาหารอร่อยลื่นคอ พร้อมด้วยเสียงกีตาร์เบา ๆ ขับกล่อม ทำให้การมาพักร้อนในช่วงสุดสัปดาห์ครั้งนี้สมบูรณ์จริง ๆ
หลังจากมื้ออาหาร เฟรมกำลังเล่นกีตาร์ขับกล่อม เขนกับพี่เชนกำลังร้องไปพลาง และช่วยกันเปิดหนังหนังสือเพลงเพื่อหาเพลงต่อไปกันไปพลาง ผมจึงมีโอกาสได้นั่งคุยเบา ๆ ในเรื่องสัพเพเหระ ที่ไม่ใช่เรื่องงานกับพี่บลูบ้าง
ตอนอยู่อังกฤษเหงา ๆ พี่บลูกับผมมักมีเวลาคุยกันอย่างนี้เสมอ ๆ เพื่อนคุยบรรเทาความเหงา ความคิดถึงบ้าน และความคิดถึงใครบางคนของเราที่มีเหมือนกันแม้จะต่างคนกันก็ตาม เพราะไม่ได้คุยกันอย่างนี้นาน จึงลืมเพลิดเพลินเสียจน รู้ตัวอีกที่เมื่อพี่เชนเริ่มแซว
“นี่ถ้ารุ่งยังไม่มีเขน พี่ก็ยังอดหึงไม่ได้นะ”
“พี่เชนยังไม่ลืมอีกเหรอครับ เรื่องกว่าสิบปีแล้ว” ผมยิ้มตอบ
“พี่รู้ว่ารุ่งคลีน แต่ความรู้สึกอีกคนน่ะ ทุกวันนี้พี่ก็ยังแอบหวั่นใจ”
“น้อย ๆ หน่อยเชน” พี่บลูส่งสายตาดุ ขณะที่คนฟังเงียบ ๆ ส่งสายตรงมาบอกว่ากำลังสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกเขน เชนมันเมาแล้วเพ้อ” พี่บลูพยายามตอบปัดคำถามของสายตานั่น
“อ้าว... เขนไม่รู้เหรอ พี่บลูเขาเคยจีบน้องรหัสตัวเอง”
“พี่รุ่งน่ะ เหรอพี่” เสียงเจ้าเฟรมตื่นเต้นมากเมื่อได้รู้เรื่องใหม่ ในขณะที่หน้าอีกคนเริ่มซีดเห็นได้ชัดเจน
“อืม คบกันด้วยนะ ถึงสามเดือนหรือเปล่า” พี่เชนตอบ
“เชนพอแล้ว” พี่บลูร้องห้ามเพราะเห็นอาการผู้ชายอีกคน ขณะที่พี่เชนไม่ได้สังเกต จึงทำท่าเหมือนจะเล่าต่อ จนกระทั่งเขนเอ่ย
“ผมขอตัวก่อน”
“เฮ้ย... เขน” แต่ไม่ทันเมื่อร่างสูงเดินหนีลิ่วไปตามรุ่งยหาด
“ไงล่ะเชน” พี่บลูเริ่มเอาเรื่อง
“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมเคลียร์เอง” ผมต้องรีบห้ามทัพก่อนจะทำให้วงแตกกันไปก่อน
“รายนี้เขามีเหตุผล โกรธง่ายหายเร็ว” ผมยิ้มให้กำลังใจพี่เชน และเดินตามคนน้อยใจไป
“เขน”
“เขน รอก่อนสิ” คนที่ถูกเรียกชื่อไม่แม้จะกันมามอง พึ่งง้อได้แท้ ๆ จะใช้มุกไหนกันล่ะทีนี้
“โอ๊ย” ผมทรุดตัวลงนั่ง ร่างสูงหันกลับรีบวิ่งมานั่งประคอง
“รุ่งเป็นอะไร”
“เปล่า” ผมตีหน้าเรียบที่สุด สกัดกั้นขำไว้แทบแย่
“อ้าว”
“ไม่ใช้มุกนี้ จะวิ่งตามเขนทันไหม” คนประคองทำท่าจะผละออก แต่ผมคิดไว้ก่อนแล้วจึงใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดฉุดเขาให้นั่งลง
“จะหนีไปไหน ไม่อยากรู้เรื่องเหรอ” จึงกระเซ้าคนหน้าบูด
“ก็นึกว่าไม่อยากเล่า ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟัง”
“ก็ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไร ไม่เล่าก็ปล่อย” คนตัวโตพยายามสะบัด
“ไม่... รุ่งบอกแล้วว่า ว่าจะไม่ปล่อยเขนไปไหนแล้ว” ต้องใช้ไม้นี้จึงจะสงบได้ จริงแล้วอีกนิดเดียวผมก็รั้งไม่อยู่แล้วเถอะ
“เขน ไม่มีอะไรจริง ๆ” ผมต้องเริ่มเล่าแล้วสินะ
“แค่ตอนปีหนึ่ง ตอนรุ่งเข้ามหาลัยมาใหม่ ๆ น่ะ สายรหัสรุ่งขาดช่วงไปปีนึง พี่บลูเขาเลยต้องลงมาดูแลรุ่งเอง ตอนนั้นพี่บลูกับพี่เชนเขายังไม่ได้คบกัน”
“แล้วรุ่งกับพี่บลูก็มีอะไรหลาย ๆ อย่างคล้ายกัน เลยสนิทกันมาก พี่บลูเขาก็สับสนบ้าง”
“แล้วก็คบกัน”
“จะเรียกว่าคบกันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนนั้นที่คุยกันก็ลองศึกษาดู ๆ กันไป”
“ตอนนั้นรุ่งก็อยากรู้ว่าจะรักใครได้อีกไหม...” ผมยิ้มให้กับท้องทะเลสีดำ
“แล้ว...”
“ก็หัวใจของรุ่งมันได้อยู่กับรุ่งนานแล้ว จะรักใครได้อีกเหรอ”
“ก็เลยบอกพี่บลูไปว่ายังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับใคร แกก็เข้าใจ”
“พี่บลูรู้เรื่องเราเหรอ”
“เปล่าหรอก แกไม่รู้ว่าใคร อะไร ยังไง แค่รู้ว่าหัวใจรุ่งไม่น่าจะรักใครได้อีก จริง ๆ คิดแล้วสงสารแกนะ เหมือนรุ่งเล่นกับหัวใจคนอื่น เหมือนให้ความหวัง ถ้าพี่เชนไม่เข้ามา รุ่งต้องรู้สึกผิดมากเหมือนกัน” ผมยิ้มให้กับอดีตที่ไม่มีวันหวนย้อนกลับ
“เรื่องก็แค่นี้เอง ไม่มีอะไรเลย” และส่งยิ้มให้กำลังใจคนข้าง ๆ
“ยิ่งตอนนี้พี่เขารู้แล้ว ว่าคนที่รุ่งรอเป็นใคร” ตาทั้งสองคู่ถูกดึงดูดให้มองเพียงกันและกันเหมือนมนต์สะกด
“ใครที่รุ่งรอมานาน”
“ใครที่หัวใจรักของรุ่งฝากไว้ที่เขาตลอดมา”
“ใครที่ทำให้รุ่งกลับมามีความสุขและยิ้มได้เหมือนวันนี้อีกครั้ง”
“ใครที่เป็นรักแรก รักเดียว รักสุดท้าย”
“เขนรู้ไหมเขนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตรุ่ง มันเกินพอแล้วกับวันเวลาที่ต้องทนทรมาน มีแต่ร่างกายแต่ไร้หัวใจ มีแต่ลมหายใจแต่ไร้วิญญาณ”
“พอแล้วนะเขน” เพียงแค่คิดถึงความเจ็บปวดในวันวานน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย และความรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกก็กลับคืนมาอีกครั้ง
“รุ่ง....” ร่างสูงรวบผมเข้าสู่อ้อมกอดของเขา พร้อมกับโยกตัวเบาปลุกปลอบเด็กขี้แย
“รุ่งเป็นคนเดียวที่เขนรัก ใจหนึ่งดวงดวงนี้ จะไม่มีวันทิ้งรุ่งไปไหนอีกแล้ว”
“จะไม่มีวันนั้นอีกแล้วรุ่ง ไม่มีอีกแล้ว เขนสัญญา” ผมดันตัวออกเล็กน้อยเผื่อเงยหน้าขึ้นสบสายตาเพื่อยืนยันสิ่งที่จะพูดเอ่ยไป ถ้อยคำที่ค้างอยู่ในใจให้เขาได้รู้
“เขนก็เป็นคนเดียวที่รุ่งจะรัก รุ่งไม่รู้หรอกว่าจะมีอีกกี่คนที่ผ่านเข้ามา แต่อยากให้เขนเชื่อ ไม่มีวันที่รุ่งจะรักใครได้อีกแล้ว เพราะหัวใจรักขอรุ่งมีแค่เขนได้เพียงคนเดียวจริง ๆ มีแต่เขนทั้งหัวใจ มีแต่เขนจริง ๆ รุ่งสัญญา”
เรานั่งฟังเสียงคลื่นทะเลในอ้อมกอดของกัน และกันอีกสักพักใหญ่ จึงนึกได้ว่าการ์ดเข้าห้องนอนทั้งสองใบอยู่ที่เรา เฟรมจะเข้าห้องนอนอย่างไร จึงรีบเดินกลับ แล้วพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่บริเวณที่เรานั่งเล่นกันแล้ว
“รุ่งลองโทรหาพี่บลูสิ”
“ไม่หึงแล้วแน่นะ” ผมอดหยอกเขาไม่ได้ เขาจึงขยี้หัวของผม และยิ้มให้แทนคำตอบ ผมจึงรีบกดโทรศัพท์โทรออก
“รบกวนหรือเปล่าครับ”
“ผมไม่รู้ว่าเฟรม...”
“อ้าวเหรอครับ ไม่รบกวนพวกพี่แน่นะครับ”
“โอเคครับ เคลียร์เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณพี่บลูมากครับ” จึงวางสาย ก่อนที่จะหันกลับมาเล่าให้อีกคนที่บอกว่าไม่หึงแล้วแต่ตั้งใจฟัง และอยากรู้มากว่าคุยอะไรกันให้ได้รับรู้
“เฟรมเมาฟุบหลับไป พี่เชนแบกขึ้นไปนอนที่โซฟาที่ห้องพวกพี่เขาแล้ว”
“พี่บลูเลยให้นอนที่นั่นเลย แกจะดูแลเฟรมให้เองไม่ต้องห่วง” คนฟังยิ้มกว้าง
“งั้นเราไปนอนกันบ้างดีกว่า เขนง่วงแล้ว” คนพูดหาวโชว์ให้หนึ่งทีด้วย
ให้มันจริงเถอะเขน ดีใจมากไปไหม แต่ผมจะทำอย่างไรได้ก็รับปากไว้แล้ว และตัวช่วยก็ไม่อยู่แล้วด้วย ก็ได้แต่เดินตามคนจูงมือขึ้นห้องไปอย่างจำยอม รู้อย่างนี้เมื่อตอนเย็นไม่ยอมหรอก
เอาน่าเลยตามเลย อดีตไม่มีทางย้อนกลับ อนาคตคาดการณ์ไม่ได้ อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็ตื่นสายหน่อยก็ได้นี่นะ ใจอ่อนอีกแล้ว แต่ทำอย่างไรได้
ก็ใจผมมันก็มีแต่เขานี่นา
#JKLTHESERIES