ตอนที่ 1
“เฮ้ย ธันว์จะกลับยังวะ ไม่กลับกู กูกลับก่อนนะมึง” ผมเดินตรงเข้าไปทักธันว์ตอนที่มันกำลังสวมร่างเป็นเทรนเนอร์หนุ่มสอนสมาชิกคลับรายใหม่อยู่ในมุมเล่นเวท ส่งยิ้มนิดๆ ให้คนที่อยู่ข้างกายมันเมื่อฝ่ายนั้นหันมามองหน้าผม
“มึงอย่ามายิ้มใสไอ้ไนท์ น้องซีนี่ของกู คิดจะแย่งมีเรื่องแน่ไอ้น้อง” ธันว์หยุดสอนชี้หน้าผมแล้วเปลี่ยนไปโอบไหล่น้องใหม่ที่ชื่อซี
“หวงก้างยังกะหมานะมึง หวัดดีซี อย่าไปบ้าจี้เชื่ออะไรมันมากไอ้ธันว์มันเจ้าชู้ตัวพ่อเลยล่ะ” ผมว่ากลับ หันไปทักทายซี ซึ่งทักทายผมกลับเช่นกัน พร้อมถาม
“หวัดดีครับพี่ไนท์ นัดกับพี่ธันว์ไปไหนต่อหรือเปล่าครับ”
“นัดให้มันถีบหัวส่งตอนมันเจอหน้ากิ๊กมันอ่ะดิซี เห็นคนอื่นดีกว่าพี่ตลอด” ธันว์ตอบซีแต่ส่งแววตาบางอย่างมาให้ผมซะงั้น เอากะมันสินั่น มันเป็นอะไรของมันขึ้นมา
“เอ๊า อย่างมึงนอกจากหน้าตากะหุ่นแล้วมีดีอะไรให้กูเห็น ไปล่ะ ไม่กลับก็อย่ากลับ ไว้เจอกันซี” ผมว่าให้พร้อมบอกลาซี ก่อนแยกตัวไปยังห้องล็อกเกอร์เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำจะกลับห้อง
กว่าจะถึงห้องล็อกเกอร์ก็ใช้เวลามากอยู่ เพราะผมต้องหยุดพูดคุยทักทายกับคนรู้จักหลายคนเช่นกัน จะว่าการที่ผมเป็นสมาชิกที่คลับฟิตเนสแห่งนี้จนครบสามปีก็ทำให้ผมรู้จักใครต่อใครไม่น้อยกว่าไอ้ธันว์เท่าไหร่นัก ด้วยนิสัยผมเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยมีฟงมีฟอร์มอะไรกะใครเท่าไหร่ล่ะมั้ง เลยทำให้ผมทำคะแนนนิยมตีตื้นไอ้ธันว์มัน ใครยิ้มมาก็ยิ้มตอบ ใครทักมาก็หยุดคุย ใครขอไลน์ขอเบอร์ ถ้าดูแล้วไม่น่าจะเป็นพวกก่อกวนก็ให้ไปซะหมด เฮ้อ แต่ก็มีหนึ่งคนที่ผมพยายามใช้ความเฟรนด์ลี่เข้าจีบ แต่จนแล้วจนรอด ผ่านเวลามาสามปีแล้วก็ยังไม่ยอมใจอ่อนที่จะคบผมเป็นแฟนอย่างเปิดเผยซะที ใครที่ว่านั่นก็คือคนที่ทำให้ผมหันมาออกกำลังกายเพื่อฟิตหุ่นไว้มัดใจนั่นล่ะ
ใครคนนั้นชื่อโชน แรกเริ่มรู้จักกันโชนเป็นนิสิตปีสองของมหาวิทยาลัยมีชื่อที่หนึ่ง ส่วนผมเพิ่งเรียนจบในอีกสถาบันและเพิ่งเข้าทำงานฝ่ายไอทีในบริษัทเอกชน เราสองคนเป็นศิษย์ต่างสถาบันกันแต่ที่ได้เจอกันวันนั้นเพราะต่างคนต่างไปร่วมงานประเพณีกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์กันอย่างที่ผมเล่าผ่านมาแล้วตอนต้น
โชนไม่ใช่คนหล่อมาก แต่หน้าตาแลดูมีเสน่ห์ให้ผมเข้าหา ต่างจากธันว์ซึ่งถือได้ว่าเป็นคนหล่อจัด แต่ทำไมผมถึงเฉยๆ กับมันก็ไม่รู้ อาจจะเพราะอุปนิสัยเจ้าชู้ของมันล่ะมั้งที่ทำให้ผมมองข้ามหน้าตาที่คมใสของมัน ส่วนผมก็แค่คนธรรมดา ไม่กล้าพูดหรอกว่าตัวเองหน้าตาดี แต่ความเฟรนด์ลี่ที่มีก็เรียกใครต่อใครให้เข้าหาได้ไม่ยาก ว่าไปนั้น เง้อ
ผมตามจีบโชนตั้งแต่แรกเจอ โชนเพียงตอบรับมิตรภาพให้แค่คำว่าเพื่อน และลองคุย ลองคบดูแบบเปิดใจเผื่อเลือก ซึ่งข้อตกลงที่โชนยื่นมาคือห้ามมีการผูกมัด เรียกร้อง หรือแง่งอนกันในเชิงคนรัก หากว่าเขาจะคุยกับใครต่อใครไปด้วย หากผมรับได้ การคบหาดูใจจากเจ้าตัวก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
ด้วยความที่ผมเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยอะไรนัก จึงไม่ได้ซีเรียสเรื่องข้อผูกมัด ยืดอกยอมรับข้อตกลงที่ว่าและเดินหน้าสานสัมพันธ์กับโชนเรื่อยมา และจากที่รูปร่างหน้าตาแค่คนธรรมดาจึงเริ่มคิดหาทางปรับปรุงบุคลิกตัวเองด้วยการย่างกรายเข้าไปเป็นสมาชิกฟิตเนสคลับที่ธันว์เข้าๆ ออกๆ นี่ จนได้สานสัมพันธ์กับธันว์ในรูปแบบเพื่อนสนิทมาจนวันนี้
เริ่มต้นธันว์มันก็มาจีบผมจริงๆ น่ะแหละ แต่ผมมีเป้าหมายของหัวใจอยู่แล้วจึงไม่ได้ไหวเอนอะไรกับวาจาหว่านจีบ ตอนแรกก็คิดว่าธันว์มันจะถอดใจเลิกยุ่มย่าม และมองหาเหยื่อเสน่ห์รายใหม่ไปตามเรื่อง แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อธันว์มันยังคงสวมบทเทรนเนอร์ช่วยฝึกช่วยสอนผมอยู่ทุกครายามที่ผมก้าวเข้ามาเจอมันในสถานออกกำลังกายนี่ บทบาทการหว่านจีบผ่านไปในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อดอกรักไม่สามารถเบ่งบานขึ้นมาได้ตอนรู้ไส้รู้พุงกันหลายๆ เรื่อง ผมกับธันว์จึงกลายเป็นคู่ซี้ตัวติดกันในรูปแบบของการเป็นเพื่อนแทน แต่มีบ้างหลายครั้งที่ธันว์มันเทียวหยอกเทียวเหย้าว่าจะรวบหัวรวบหางผมยามที่เราสองคนนัดเที่ยวด้วยกัน การที่ผมรู้ว่ามันก็หว่านเสน่ห์เกย์หล่อแบบนี้ไปเรื่อยจึงไม่คิดจะถือสาอะไร รู้ว่ามันแค่คงหยอกเหย้าไปอย่างนั้น เพราะยามที่มันเห็นใครเข้าตาทั้งที่ฟิตเนสคลับ หรือที่เที่ยวอื่นๆ มันก็หว่านเสน่ห์ไปเรื่อย ไม่ได้ใส่ใจนักหรอกว่ามันจะไปสานต่อกับใครที่ไหนอย่างไร แต่มันคงยังไม่คิดจริงจังและหยุดที่ใครล่ะมั้ง เพราะมันไม่เคยเอ่ยถึงใครในกรณีพิเศษให้ผมฟังสักที มีก็แต่หลายครั้งที่รถไฟชนของมันชนกันสนั่น ร้อนถึงผมนั่นล่ะที่เคยรับบทแสดงตัวว่าเป็นคนรักมันตัวจริงเพื่อให้มันหลบหลีกการโดนราวีได้แบบพอเอาตัวรอดไปวันๆ ก็เคยปรามให้มันเพลาๆ ลงบ้างในเรื่องคบซงคบซ้อน แต่มันก็ย้อนตลอดว่า
“มึงมาเป็นเมียกูดิ แล้วกูจะหยุด”
“เรื่องไรกูมีคนที่กูตามจีบอยู่แล้ว”
ประโยคนี้ล่ะที่ผมปิดปากในเชิงหมาหยอกไก่มันลงได้ แน่นอนว่าคนที่ผมตามจีบคือโชน
ผมเคยปรึกษาธันว์ในเรื่องโชนว่าการมาฟิตหุ่นแบบนี้จะทำให้โชนสนใจผมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่หรือเปล่า
ธันว์มันบอกแค่ว่าการมาออกกำลังกายถึงใครไม่สนใจแต่อย่างน้อยมันก็ได้สร้างสุขภาพที่ดีๆ ให้ตัวเอง
ก็ไม่น่าเชื่ออ่ะนะ ว่าคนเจ้าชู้เจ้าเล่ห์อย่างมันจะมีมุมมองความคิดแบบนี้ก็เป็น
นึกถึงโชนใช่สิ ผมเคยนัดธันว์ไปวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะกลางกรุงในวันหนึ่ง บังเอิญที่วันนั้นโชนเองก็ไปวิ่งด้วย ทั้งธันว์และโชนเจอกันครั้งแรกในวันนั้น สองคนทักทายทำความรู้จักกันพอประมาณ
โชนบอกเริ่มล้าขอตัวแยกกลับ ผมจึงขอตามติดโชนไปด้วย
โดยแยกจากธันว์ในทันที นี่หรือเปล่าที่สาเหตุไอ้ธันว์มันว่าผมเมื่อครู่
………………………………………………….
“ไหนว่าจะกลับไงไอ้ไนท์ มายืนอ่อยใครแถวนี้วะ”
เสียงธันว์ทักมาในตอนที่ผมเพิ่งคุยกับคนรู้จักที่บังเอิญเดินสวนกันเสร็จ
น้ำเสียงและหน้าตามันดูไม่เข้าท่าเลยสักนิดจึงว่าสวน
“ปากหมานะมึง กูมาออกกำลังกายไม่ได้มาเช็คเรตติ้งเหมือนมึง”
“เดี๋ยวต่อยหน้าแหก กูก็มาออกกำลังกาย”
“หรา…แต่กูเห็นมันไม่ใช่อย่างนั้นนี่หว่า แล้วน้องซีอะไรนั่นของมึงไปไหนซะล่ะ” ผมลากเสียงล้อเลียนในตอนแรกแล้วถามถึงคนที่ธันว์มันคั่วล่าสุด
“เห็นบอกเจอคนรู้จัก แยกไปทักแล้วก็หายไปเลย เลยไม่รู้ทักถึงไหนละ”
ธันว์มันตอบกลับมาหน้าขรึม ผมจึงอดหัวเราะไม่ได้ เข้าใจละว่าทำไมมันถึงเดินมาปากหมากับผมแบบนี้
“ไงล่ะเรตติ้งตกอ่ะดิมึง ถึงว่ามาพาลเอากะกู จะอยู่ต่อหรือจะกลับล่ะทีนี้”
“อยู่ทำไม แล้วก็หยุดหัวเราะ ไปกลับ กูกลับด้วย”
ธันว์เดินกอดคอผมเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ ไปถึงด้วยความเหนียวตัวอยากล้างคราบเหงื่อเต็มทนผมจึงผลักมันออกจากร่าง จัดการถอดเสื้อเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำ
“หุ่นดีเข้าหน่อยรีบโชว์ใหญ่เลยนะมึง”
ธันว์เดินมาว่ายกกำปั้นชกที่อกแข็งของผมเป็นเชิงผลัก
เม้มปากมองตาขวางก่อนจะเดินผ่านผมไปไอ้นี่พาลใหญ่แฮะ
สงสัยจะถูกใจนายซีนั่นซะล่ะมั้ง โดนทิ้งปล่อยเกาะถึงกับกร่างว่าผมแบบนี้
……………………………………………..
หลังอาบน้ำชำระตัวและแต่งกายกันเสร็จผมกับธันว์เดินออกมาหาอะไรกินริมถนนใกล้ๆ สถานออกกำลังกาย
วันนี้เป็นวันศุกร์ต้นเดือน ร้านอาหารในศูนย์การค้าซึ่งสถานออกกำลังกายของเราตั้งอยู่ล้วนแต่ดูหนาตาจึงไม่อยากเข้าไปเพิ่มความแออัดให้อีก เราสองคนมีไลฟ์สไตล์คล้ายกันในเรื่องกินง่ายอยู่ง่ายจึงเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำเป็นที่ฝากท้อง
“ออกกำลังกายแล้วมายัดห่าเส้นใหญ่ชามพิเศษ กูล่ะเชื่อมึงเลยไอ้ไนท์”
ธันว์มันว่าผมตอนผมสั่งรายการก๋วยเตี๋ยวที่ต้องการไป
ส่วนธันว์มันขอแค่เกาเหลาต้มยำชามธรรมดาลูกชิ้นปลาล้วน
“เผือกไรล่ะ เรื่องของกู” ผมว่า ก็คนมันหิว ไม่ได้จะฟิตหุ่นไปประกวดนายแบบที่ไหน
อะไรที่พอจะยัดเข้าปากเพื่อให้ท้องหายร้องผมทำได้หมดแหละ เว้นเสียจากอะไรที่เกี่ยวกับกุ้ง
“ปากดี อย่างงี้ไงก่อนมาเจอกูหุ่นถึงดูไม่ได้”
“ได้ไม่ได้ก็ทำให้คนบางคนเข้ามาจีบล่ะว้า”
ธันว์ถึงกับสำลักน้ำเปล่าที่เพิ่งยกดื่มตอนผมเอ่ยสวนกลับ
เห็นภาพผมล่ะอดหัวเราะไม่ได้ คิดจะมาว่าผมโดนผมสวนเข้าให้ ไปไม่เป็นเลยสิมึง
“เดี๋ยวๆ คืนนี้กูจะมอมเหล้าจับทำเมีย”
มันเช็ดปากเช็ดคอชี้หน้าคาดโทษผม
ซึ่งผมชินซะแล้ว จึงถือเป็นเรื่องตลกไปเอ่ยหยอกเหย้าไปกับมันระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวมาส่ง
“อารมณ์ค้างมาจากน้องซีขนาดจะมอมเหล้าเพื่อนเลยเหรอจ๊ะที่รัก”
“โหย พูดงี้คืนนี้ไปนอนกะกูเลยดีกว่ามั้ย ยั่วนะมึง”
“มึงแม่งก็หยอดกูอยู่ได้ทุกวัน วันไหนกูหื่นขึ้นมาจริงๆ จะรู้สึก”
“วันนี้ล่ะ ไม่ต้องวันไหนหรอกกูรออยู่”
“รออีกหนึ่งปีสิ หากเข้าปีที่สี่กูจีบโชนไม่ติด มึงอาจเป็นตัวเลือกเพื่อทำการพิจารณา”
“น้อยๆ หน่อย ไอ้น้อง มีคนรอให้พี่เลือกเป็นแถว เรื่องอะไรกูจะไปรอมึง หยอดหน่อยเอาใหญ่เลยนะเรา”
“ว้า แย่จัง เสียใจนะเนี่ย”
“จ้า เสียใจ ไอ้สัตว์” ธันว์ยื่นมือมาตบหัวผมหลังพูดจบ
“เชี่ย ตบหัวกูทำไมเนี่ย” ผมว่ามัน งงใจว่าพูดอะไรผิดไป
สักพักเด็กเสิร์ฟเอาก๋วยเตี๋ยวที่สั่งมาส่ง แปลกใจกับลูกชิ้นกุ้งซึ่งอยู่ในชาม ก็บอกไปแล้วว่าไม่เอา ใส่มาทำไมน๊อ
“เป็นไรวะ” ธันว์มันเอ่ยถาม มันคงเห็นสายตาฉงนที่มองชามก๋วยเต๋ยวของผมนั่นล่ะ
“กูบอกเขาไม่ใส่ลูกชิ้นกุ้ง แต่มึงดูดิ เต็มชามกูเลย” ผมบอก แต่เอาวะ แค่ไม่จับเข้าปากก็หมดปัญหา
ในจังหวะที่กำลังจะปรุงรสชาติ ธันว์มันก็ยื่นช้อนมาตักลูกชิ้นกุ้งออกจากชามผมไปใส่ชามเกาเหลามันซะหมดทุกก้อน
ผมเงยขึ้นมองมัน มันดันส่งสายตาเจ้าเล่ห์ตอบกวน
“ไม่แดกกูแดกเอง ของโปรดเว้ย”
“โปรดเชี่ยอะไร มึงสั่งลูกชิ้นปลาล้วน” ผมด่ามัน ซึ่งมันก็ลอยหน้าสวนกลับ
“กูแค่ไม่อยากแดกเยอะมึงมีปัญหามั้ย แต่ตอนนี้กูได้มาฟรี แดกสักวันคงไม่ตาย”
“นิสัยนะมึง” ผมว่ามัน มันไม่ตอบอะไรได้แต่ผิวปากปรุงเกาเหลาไปอย่างอารมณ์ดี
ใช่สิ ได้ของฟรีเพิ่มล่ะกินได้ขึ้นมาทันที
ผมส่ายหน้าให้กับความเจ้าเล่ห์ของมัน ก่อนจะลงมือจัดการกับก๋วยเตี๋ยวชามโตจนเกลี้ยง
ทานกันเสร็จ ธันว์มันขอแยกตัวออกขอกลับก่อน เห็นท่าทางรีบๆ ของมันจึงอดแซวไม่ได้
“ไม่เที่ยวกันต่อเหรอ ไหนบอกจะมอมเหล้ากูไงจ๊ะที่รัก”
“มึงอย่ามาปากดีตอนนี้ไอ้ไนท์ วันไหนกูชวนล่ะอ้างไม่ว่าง วันไหนกูรีบล่ะเอาใหญ่เชียว” มันชี้หน้าว่าผม
“แล้วมึงจะรีบไป นัดใครว่าอีกล่ะ อย่าจ้ำจี้กันจนเช้าล่ะมึง เกรงใจกูบ้าง” ผมไม่วายแซว
“เรื่องของกู” ธันว์มันบอกหน้าตึงก่อนรีบเดินจากไป ผมได้แต่ยิ้มน้อยๆ มองตามหลัง
เชื่อเหอะวันศุกร์แบบนี้มันคงนัดใครไว้เที่ยวดื่มกินน่ะแหละ ถึงได้รีบหนีหน้าผมแบบนี้
เฮ้อ ถ้ามันจะเลิกเจ้าชู้สักนิดก็คงดี
ว่าแต่ผมจะไปคาดหวังในเรื่องนี้ทำไมล่ะ ก็ผมไม่ได้ชอบมันนี่นา แปลกๆ แฮะใจ
ผมติดต่อพูดคุยกับโชนในระหว่างเดินทางกลับบ้านโดยรถเมล์ปรับอากาศสาธารณะ
อย่างว่าล่ะนะ ชีวิตของคนเพิ่งเริ่มต้นทำงาน จะให้มีรถขับหรูๆ เท่ๆ ก็คงยากอยู่
ต่างจากธันว์กับโชน สองคนนั่นภาษีทางสังคมของชีวิตดูต่างจากผมเยอะ มีรถขับ มีคอนโดอยู่
ส่วนผมอาศัยอยู่แค่ในอพาร์ทเม้นธรรมดา ซึ่งไม่ได้ติดหรูมากมาย แต่ก็เงียบสงบสบายใจ
ภาษีสังคมที่ดีหน่อยของผมก็แค่ดีกรีเด็กต่างจังหวัดที่สอบติดและเรียนจบจากมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ด้วยเกรดเฉลี่ยที่พาตัวเองสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานในแผนกไอทีของบริษัทเอกชนมีชื่อของประเทศได้เท่านั้นล่ะ
ส่วนโชนกับธันว์ สองคนยังคนว่างงานอยู่ โชนให้เหตุผลว่าเพิ่งจะเรียนจบมาเลยขอเวลาผ่อนคลายสมองสักหน่อย แล้วค่อยคิดไปต่อในเรื่องอนาคต ผมคิดว่าทางบ้านคงจะช่วยซับพอร์ตโชนในเรื่องการเงินน่ะแหละ ถึงได้มีความคิดเช่นนี้ได้
ไม่แปลกหรอก ฐานะทางบ้านก็ธรรมดาซะที่ไหน
ส่วนธันว์ให้เหตุผลว่ายังไม่เจองานที่ใช่เลยยังไม่อยากทำ
ฐานะทางบ้านมันก็ใช่ย่อย มีอันจะกินซะจนทำตัวล่องลอยได้จนน่าอิจฉา
แต่หากคนไม่รู้จักมันเข้าขั้นลึกซึ้งอย่างผม ก็คงมองมันเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปน่ะแหละ
เพราะอย่างที่บอกว่าไลฟ์สไตล์ของมันดันมาคล้ายกับผมในการดำเนินชีวิตในสังคมคนเมืองซะอย่างนั้น
มันสามารถร่วมหัวจมท้ายไปกับผมบนรถเมล์ แท็กซี่ BRT BTS ได้ทุกที่หากว่าสถานที่ที่เราสองคนจะไปกันรถสาธารณะเหล่านี้เข้าถึง ต่างจากโชนซึ่งวิธีการเดินทางส่วนใหญ่ไปกับการขับรถหรูส่วนตัวเสียมากกว่า
ซึ่งบางครั้งบางคราวการนัดเจอกับโชนก็ทำให้ผมเกร็งไปไม่น้อยกับการวางตัว
ต่างจากธันว์ ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกเกร็งใดๆ เลยในการพบเจอ
แต่ทำไมผมเลือกที่จะบอกหัวใจนะว่าโชนคือคนที่ผมสนใจและต้องการในเรื่องความสัมพันธ์ด้านคนรัก อืม แปลกดี
ผมกลับถึงห้องก็ดึกมากหน่อย อาจเป็นเพราะเป็นศุกร์ต้นเดือนด้วยล่ะมั้งรถราบนท้องถนนถึงแน่นมากกว่าทุกๆ วัน
ธันว์มันขาดการติดต่อไปจากผมตั้งแต่แยกกันจนป่านนี้มันยังไม่ไลน์มาหยอดหรือกวนประสาทอะไรผมอย่างเช่นทุกวันที่มันเคยทำ หรือว่ามันแอบนัดซีเอาไว้แล้วไปเที่ยวด้วยกันก็ไม่รู้แฮะ ถึงได้ลืมกิจวัตรที่มักจะทำกับผมบ่อยๆ ไปซะอย่างนั้น
“ร้ายนะมึงไอ้ธันว์” ผมเอ่ยว่าในตอนเช็คอ่านไลน์แต่ไร้ซึ่งข้อความจากธันว์
คิดเลยเถิดไปว่าป่านนี้มันคงสนุกอยู่กับซี หรือใครๆ จนลืมผมเข้าให้แล้ว
แต่เอ ผมก็ไม่ใช่แฟนมันจริงๆ นี่นา จะมารู้สึกน้อยอกน้อยใจและถวิลหาการติดต่อกลับมาจากมันทำไมหว่า คนที่ผมควรคิดถึงตอนนี้ควรเป็นโชนสิ ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวก็บอกเล่าว่ากำลังเที่ยวแฮงต์เอ้าท์อยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่เช่นกัน
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
มองดูหน้าจอ นี่มันจะตีสองแล้วนี่นา และคนที่โทรเข้ามาก็คือธันว์ นั่นไง ผับบาร์ใกล้จะปิด นึกถึงกูเลยนะมึง
“ว่าไง ร้านไม่ปิดไม่คิดจะกลับบ้านนะมึง” ผมด่าธันว์มันออกไปตอนกดรับสาย ซึ่งมันก็หยอกเหย้ากับมาตามนิสัย
“หวงหรือห่วงละจ๊ะที่รัก”
“มึงเมามากป่ะเนี่ย ดื่มไปเท่าไหร่ไอ้ธันว์ ขับรถระวังเจอด่านตรวจนะมึง”
ผมเอ่ยออกไป เชิงห่วงใยมันจริงๆ คิดว่ามันน่าจะขับรถไปในการออกเที่ยวครั้งนี้ ซึ่งมันก็จริงเมื่อมันตอบกลับมา
“แล้วทำไมกูต้องขับเอง เมาไม่ขับโว้ยไม่ต้องห่วง”
“แล้วมึงจะให้ใครที่ไหนขับให้มึง” ผมถาม ใจกระตุกนิดๆ ตอนมันตอบมา
“มาเที่ยวกับใครก็คนนั้นแหละขับกลับให้ ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ”
“ห่าเอ้ย เจ้าเล่ห์ชิบ” ผมว่ากลับ
“พูดไม่เพราะเลยนะที่รัก” ธันว์ว่าเชิงหยอกเหย้า เราสองคนจึงปั่นประสาทกันอีก
“ให้กูพูดเพราะกับคนขี้เมาเจ้าชู้อย่างมึง กูยอมกัดลิ้นตายซะยังดีกว่า แล้วเรียกกูที่รักแบบนี้ ไม่กลัวคนข้างๆ แหกอกเอาเหรอ”
“กูมันขั้นเทพขนาดไหนมึงก็น่าจะรู้ จะให้ใครจับได้ไงว่าแอบมาคุยโทรศัพท์กับที่รัก”
“ขั้นเทพบ้านมึงดิ รถไฟชนกันทีไรลำบากให้กูต้องช่วยทุกที”
“อ้าว ไม่ให้ที่รักช่วยแล้วจะให้ใครที่ไหนมาช่วย พูดไม่คิดนะเรา”
“พอๆๆ เลิกเพ้อ ท่าจะเมาหนักนะมึง ยังไง มีอะไรอีกมั้ย ไม่มีกูจะนอน”
“โหย อุตส่าห์หลบตัวมาโทรคุย ไล่กูซะละ ถ้าเป็นน้องโชนโทรมาล่ะคงคุยถึงเช้าเลยนะมึงน่ะ”
“อันนั้นมันแน่นอนสิวะ ว่าแต่โชนเขามีมารยาทมากกว่ามึง ดึกดื่นขนาดนี้เขาไม่มาโทรศัพท์ป่วนชาวบ้านเหมือนมึงหรอก”
“รีบออกตัวให้กันเลยนะ พูดจาไม่รักษาน้ำใจกูบ้างนะเว้ย”
“รักษาทำไม มึงไม่ได้เป็นอะไรกะกูนี่ แค่เพื่อนห่างๆ อย่ามาทำตัวเรียกร้องไอ้น้อง”
“เออ ปากดีเข้าไว้ วันไหนกูหายไปอย่าร้อนรนก็แล้วกัน”
“เรื่องเหอะ คนอย่างมึงอ่ะนะจะกล้าหายไปจากกู นอกจากกูแล้วมึงจะเหลือใครให้มึงโทรหายามตีหนึ่งตีสองแบบนี้บ้างครับไอ้คุณธันว์ ที่คบๆ คุยๆ แบบน้ำแตกแยกทางคิดเหรอว่าพวกนั้นจะฟังมึง”
“มั่นใจขนาดนั้น เดี๋ยวสักวันกูเปิดตัวแฟนขึ้นมาแล้วมึงจะช้ำหนักไอ้ไนท์”
“หากเป็นงั้นจริงกูจะยอมบวชไม่ศึกเลยเหอะ เจ้าชู้เจ้าเล่ห์แบบมึง ใครที่ไหนมันจะมาคบจริงจัง”
“จ้า พ่อคนดีของน้องโชน แล้วยังไง วันนี้เซย์ไฮกันหรือยัง”
“คุยกันแต่หัววันแล้ว ว่าแต่มึงเหอะ หาเหยื่อไม่ได้แล้วหรือเปล่าถึงต้องโทรมาหากูแบบนี้”
“ดูถูกไปหน่อยมั้ง ที่โทรมาก็แค่คิดถึงว่าที่รักจะนอนไม่หลับหากว่ายังไม่รายงานตัว เห็นปากดีแบบนี้ ไม่ห่วงซะก็ดี”
“หรา…ห่วงกูหรา… โทรมาเอาตอนร้านจะปิดแบบนี้ กูคงชื่นใจตายล่ะ”
“ทำประชด แล้วโทรศัพท์มึงตังค์หมดไง ทำไมไม่โทรหากูเอาเองล่ะถ้าอยากคุยแต่ค่ำๆ หรือมัวแต่คุยกับสุดที่รักของมึงจนลืมกูเนี่ย”
“อ้าว กูก็บอกแล้วมึงมันแค่เพื่อนห่างๆ แยกย้ายกันมา ก็ต่างคนต่างไป ทำไมกูจะต้องเอาเวลาพักผ่อนกูไปโทรหามึง”
“เสียดายโว้ย ขับรถไม่ไหว ไม่งั้นกูจะขับไปจับมึงกดทำเมียซะตอนนี้เลยไอ้ห่า ว่ากูตลอด”
“ขับไม่ไหวหรือเกรงใจใครจ๊ะ อย่ามาตีเนียน แค่นี้ก่อนนะกูจะนอนต่อแล้ว ร้านปิดจะไปไหนยังไงก็ดูแลตัวเองบ้าง ไว้เจอกัน”
“อืม ฝันดี”
ธันว์วางสายไปแล้ว ตลอดเวลาที่คุยกันแม้จะพูดจากวนส้นเท้ากันยังไงสุดท้ายก่อนตัดสายสัญญาณถ้อยคำเชิงห่วงใยของผมและน้ำเสียงเชิงอ่อนโยนของมันก็ส่งผ่านไปให้กันและกันอยู่ดี
โปรดติดตามตอนต่อไป
ห่างหายไปจากที่แห่งนี้ไปนานพอสมควร สวัสดีปีใหม่เพื่อนนักอ่านครับ
ปี 2018 นี้ ขอกลับมาวิ่งเล่นในบอร์ดนี้ด้วย Love Story เรื่องนี้นะครับ
เนื่องจากหายไปนาน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย และขอคำแนะนำไว้ที่นี่ด้วยครับ