คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คลินิกรัก(ษ์) บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ ห้องตรวจพิเศษ ตามติดชีวิตพี่สาว UP. 20/11/61  (อ่าน 37023 ครั้ง)

ออฟไลน์ earthhhs

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านเรื่องของหมอสามคือไม่ชอบเลยอะ นี่มันข่มขืนชัดๆเลยนะเพื่อนสองตัวนั้นก็เห้ออยากจะให้เลิกคบจริงๆเป็นตอนที่อ่านแล้วอยากปาโทรศัพท์ทิ้งมากโกรธแทนบาสอะ หมอสามรักบาสก็จริงแต่สิ่งที่คุณทำมันผิดคุณไม่สมควรทำแบบนั้นอะเหอะๆ อยากให้บาสเกลียดหมอสาม  :katai4: :katai4: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ห้องตรวจที่๔. น.พ อธิป

             ท้องฟ้าสดใสกับบรรยากาศอันชุลมุลวุ่นวายของกรุงเทพฯมันช่างเป็นภาพที่ดูเร่งรีบและดูธรรมดากับสายตาใครๆ แต่ไม่ใช่กับโอบอุ้ม เมื่อคืนเขาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนนักข่าวด้วยกันที่โทรมาเล่าเรื่องของคลินิกมารงมารักษ์อะไรนี่แหละ บอกว่าเป็นคลินิกแปลกๆที่เปิดรับรักษาแค่โรคทางเพศ ตอนได้ยินครั้งแรกเขาเองยังขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ว่าไอคลินิกพิลึกพิลั่นนี่มันเปิดบริการได้ยังไง ไม่ผิดกฎหมายหรืออะไรเลยเหรอ แถมไอเพื่อนตัวดียังชมนักชมหนาว่าหมอหล่ออย่างนั้นหมอหล่ออย่างนี้ คนไข้ส่วนใหญ่เข้าไปกลับมาหายหมดทุกคน จนโอบอุ้มแอบสงสัยถึงวิธีการรักษาของที่นั่น และด้วยประการนี้เอง จึงทำให้โอบอุ้มคิดหนักยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องของคุณอิ่มผู้เป็นบรรณาธิการหนังสือที่โอบอุ้มได้ทำงานอยู่ โอบอุ้มเป็นเด็กกำพร้ามีแค่น้าอิ่มเท่านั้นที่เลี้ยงโอบอุ้มมา ที่ทำงานโอบอุ้มต้องเรียกน้าอิ่มว่าคุณอิ่มเพราะเดี๋ยวเขาจะถูกเขม่นเอา หน้าตาโอบอุ้มไม่ได้ดี กระเดียดมาทางธรรมดามองแล้วไร้ความรู้สึกที่เรียกว่าหล่อหรือน่ารัก ตอนสมัยเรียนโอบอุ้มมักจะถูกเพื่อนๆรังแก เรียกโอบอุ้มว่าตุ๊ดบ้าง เรียกว่าลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่บ้าง ทุกครั้งที่ได้ยินโอบอุ้มได้ยินก็มักจะร้องไห้กลับบ้านทุกครั้ง พอน้าอิ่มเห็นก็จะถูกดุว่าไม่ยอมสู้เขา ปากมีก็ด่าเขาไป แต่โอบอุ้มไม่ชอบว่าคนอื่นน้าอิ่มไม่เคยเข้าใจจุดนี้ โอบอุ้มจึงได้แต่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ พอเข้ามัธยมจากที่หน้าตาธรรมดามอมแมมก็ถูกฮอร์โมนหนุ่มทำให้ผิวผ่องขึ้นตาโตขึ้นปากแดงขึ้นแก้มเองก็เช่นกัน ผิวค่อนข้างขาวขึ้นเมื่อมาอยู่ในเมืองกรุงแต่ตัวโอบอุ้มก็ยังคงเล็กเช่นเดิม ดีหน่อยที่พอจะหาเพื่อนได้ไม่อย่างนั้นคงทรมานกับการไปโรงเรียนน่าดู พิมพ์พาเป็นเพื่อนที่ยอมคบโอบอุ้มทั้งๆที่ไม่มีอะไรดีเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่โอบอุ้มพูดคุยได้ทุกเรื่อง แม้ว่าตอนนี้พิมพ์พาจะแต่งงานไปแล้วก็ตามที แต่กระแสดังๆเรื่องแปลกๆที่โอบอุ้มทำสกรู๊ปก็ได้พิมพ์พาเป็นสายเสาะแสวงหามาให้จนแทบจะบูชาพิมพ์พาขึ้นหิ้ง พอจบมัธยมพิมพ์กับเขาก็สอบติดคณะเดียวกันที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ทำให้โอบอุ้มใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานได้เมื่อมีเพื่อนที่สนิทกันมาเรียนด้วย พิมพ์พาเป็นสาวป๊อบจนโอบอุ้มเองบางครั้งก็ถูกมองด้วยแววตาเกลียดชังจากหนุ่มที่มาขายขนมจีบให้พิมพ์พา แต่พวกนั้นไม่รู้เลยว่าพิมพ์พาคนนี้มีคนที่ชอบอยู่แล้ว แฟนของพิมพ์พาเป็นหนุ่มหล่อดีกรีเดือนคณะวิศวะที่คบกันมาจนแต่งงานแต่งการ ดีหน่อยที่พิมพ์พาเปิดตัวพี่เขาเพราะทนไม่ได้ที่โอบอุ้มโดนรังแก พิมพ์พาคือที่สุดของคำว่าเพื่อ คือที่สุดของคำว่าครอบครัว และคือที่สุดของคำว่า ‘รัก’ แม้จะไม่มีหวังแล้วก็ตาม โอบอุ้มยินดียืนอยู่ในเฟรนด์โซนยินดีที่เป็นอยู่ตอนนี้แม้จะไม่ใช่ที่รักก็ตาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา” โอบอุ้มสูดหายใจลึกๆก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตู

“คุณอิ่มครับ....” แม้จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่เขาก็เกรงใจอยู่ดี

“อ้าว! ว่าไงเรา มีอะไรหรือเปล่า” โอบอุ้มหลบสายตาไม่กล้ามองหน้าคุณอิ่มด้วยความลังเล แม้จะรู้ว่าข่าวที่พิมพ์พาให้มาไม่เคยพลาดก็เถอะ

“คุณอิ่มครับ....ผมได้ยินข่าวเรื่องคลินิกมารักษ์มา คุณอิ่มเคยได้ยินชื่อบ้างไหมครับ” คุณอิ่มกรอกตาขึ้นพยายามนึกว่าเคยได้ยินมาไหม

“อืม......เหมือนจะมีเพื่อนน้าเคยพูดถึงอยู่ เห็นว่าเป็นคลินิกที่เปิดรักษาโรคทางเพศโดยเฉพาะ........แถมหมอล่อมาก” เดี๋ยวนะ ทำไมอันหลังตาน้าอิ่มต้องเป็นประกาย

“ครับ เอ่อ ผมเลยอยากจะทำสกรู๊ปเรื่องนี้ อยากนำเสนอวิธีการรักษาของที่นั่น ได้ยินเพื่อนบอกมาว่าที่นั่นรักษาใครก็หาย” น้าอิ่มจ้องผมพร้อมกับพิงเก้าอี้จนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก

“เอาสิ แน่ใจนะว่าไหว” ไหวครับ อยากจะตอบแบบนี้ แต่สิ่งที่ทำได้คือยืนนิ่งๆไม่พูดอะไร คนแบบผมไม่มีความมั่นใจขนาดนั้นหรอกครับ

“ถ้าไหวก็ลองทำดู น้าไม่เคยบอกเหรอว่าให้มั้นใจในตัวเองเอาไว้ ยังไงเราก็คือหลายน้า ถ้าน้าทำมันได้ เราก็ทำมันได้เหมือนกัน มั่นใจในตัวเองหน่อย”

หัวใจของเขาฟูจนแทบจะคับอก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดีแบบนี้ น้าอิ่มแม้จะดุเขาบ่อยๆกับบุคลิท่าทางแต่ไม่มีสักครั้งที่จะดุด่าด้วยเรื่องไร้สาระ น้าอิ่มรักเขาเหมือนลูก เพราะน้าอิ่มไม่มีลูกเป็นของตัวเองแถมเขายังเป็นลูกแม่เอิบที่เป็นพี่สาวน้าอิ่มด้วย แม้ว่าท่านจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตามที

เขาส่งยิ้มอ่อนๆให้น้าอิ่ม มีความสุขจนเผลอยืดตัวขึ้นอย่างดีใจ น้าอิ่มมองผมด้วยสายตาวาววับ จับจ้องผมทุกส่วนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"พอยืนดีๆแล้วเราดูดีมานะโอบอุ้ม ต่อไปก็ยืนแบบนี้ล่ะ จะได้มีแฟนกับเขาสักที” เขาเขินอายใบหน้าแดงก่ำเพราะเห็นมาตลอดกับสายตาแบบนี้ น้าอิ่มจะมองด้วยสายตาแบบนี้กับคนที่ดูดีถูกใจ แต่นี้เป็นครั้งแรกที่น้าอิ่มมองเขา และแน่นอนว่าโอบอุ้ม ชอบมาก!!





‘สรุปแล้ว มึงจะไปขอสัมภาษณ์หมอที่คลินิกมารักษ์?’

“ใช่ ว่าจะทำสกรู๊ปเรื่องนี้ ก็มึงบอกว่าเขารักษาหายทุกคนไม่ใช่เหรอวะ เรื่องแบบนี้มันก็ต้องเผยแพร่ให้โลกรู้ดิ” โอบอุ้มส่งเสียงผ่านโทรศัพท์เครื่องสวย บอกเพื่อนด้วยความมั่นใจ

‘เฮ้อออ......ไอโอบ มึงไม่รู้ใช่ไหมว่า คลินิกนี้เขามีกฎห้ามเปิดเผยข้อมูลการรักษา’ โอบอุ้มขมวดคิ้วนึกสงสัยทำไมจะต้องหวงวิธีขนาดนั้น

“กูจะลองคุยกับหมอดู เผื่อว่าเขาจะยอมให้กูสัมภาษณ์ลงหนังสือ” แม้เขาจะไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่เท่าที่พบเจอมาหลายๆคนที่ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยพอได้รู้ว่าเขาจะเอาไปลงหนังสือก็ยอมกันทั้งนั้น ชื่อเสียง.....ใครเล่าจะไม่ต้องการ

‘เอาเถอะ แต่อย่าไปมีเรื่องอะไรล่ะ’ เขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อปลายสายพูดออกมาอย่างห่วงใย พิมพ์พาก็ยังเป็นพิมพ์พา น่ารักเสมอไม่เคยเปลี่ยน

“คร๊าบๆ” โอบอุ้มยิ้มออกมาเหมือนคนบ้า

‘พิมพ์ครับ ไปกันเลยไหม / ค่า ไปเดี๋ยวนี้แล้วค่า’ เขาชะงักรอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้าเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อเพื่อนตัวเอง

‘ไอโอบ กูไปก่อนนะ ไว้กูจะโทรหาไหม’

“อ้าว!! มึงไม่ได้จะไปคลินิกกับกูเหรอ” อะไรกัน แล้วเขาจะกล้าไปที่แบบนั้นคนเดียวได้ยังไง

‘โทษทีวะ กูต้องบินไปแอลเอกับพี่คีย์วันนี้ ไว้กลับมากูจะชดเชยให้นะ’ แม้จะอยากห้ามแต่สิ่งที่ทำได้ก็แค่ส่งเสียงสดใสกลับไป

“เฮ้ย!! ไม่เป็นไร มึงไปเถอะ เดี๋ยวกูจะลองไปคุยกับทางคลินิกดูเอง สบายมาก” เจ็บจี๊ด ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วแต่ใจมันไม่รักดี เจ็บทุกทีที่เขาอยู่ด้วยกัน

‘ถ้างั้น เดี๋ยวไว้กูซื้อของมาฝาก แค่นี้ก่อนนะมึง บาย’

“บาย รีบกลับมานะ กูคิดถึง” มันก็แค่เสียงของเขาที่แผ่วเบาไปตามสายลม ไม่มีวันที่อีกฝ่ายจะได้ยิน พิมพ์พาวางไปแล้ว เขาเองต่างหากที่ยังยืนถือโทรศัพท์แนบไว้ที่หูไม่ยอมเลิกรา สายตาทอดยาวไร้จุดหมาย หวนนึกถึงวันเก่าๆที่เราเคยมีด้วยกัน

“หยุดๆไอโอบอุ้ม ต้องทำงานๆ” มือของเขาถูกใช้ตบแก้มเรียกสติอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บๆชาๆที่บริเวณผิวแก้ม ซึ่งป่านนี้คงแดงเป็นปื้นไปแล้ว



เขาเดินไปตามทางที่มีป้ายบอกระยะทางเพื่อเข้าไปหาตัวคลินิก รอบด้านเต็มไปด้วยบ้านเรือน ผู้คนทำมาหากินเรียงรายไปตามฟุตบาท เขามองแล้วก็ดูไม่แปลกไปจากที่อื่นๆ รถราก็เข้าออกอย่างง่ายดายไม่ลำบากอะไร พอเดินมาถึงคลินิกสิ่งแรงที่โอบอุ้มเห็นคือลานจอดรถขนาดใหญ่ จนโอบอุ้มต้องหันมองป้ายอีกครั้งว่ามันไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าใช่ไหม กลัวเหลือเกินว่าตนเองจะเดินหลงมาไกล แต่ป้ายก็ยืนยันได้ดีว่าที่นี่คือคลินิกมารักษ์ เป็นคลินิกจำเป็นต้องมีลานจอดรถใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ โอบอุ้มตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน

โอ้ แม่ เจ้า!!!!!

ลานจอดที่ว่าใหญ่ยังไม่เท่ากับจำนวนคนที่มานั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจเลย แถมแต่ละคนก็ใช่ว่าจะป่วยหนักหนาอะไร ส่วนใหญ่ก็นั่งแต่งหน้าทาปากจัดทรงผมให้ดูดี เพื่ออะไร อย่าถามเขาเลย เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“ให้ช่วยอะไรไหมคะ” อาจจะเพราะเขายืนอึ้งอยู่นานพอถูกทักก็ตกใจสะดุ้งโหยงจนคนทักหัวเราะน้อยๆ

“เอ่อ คือผมมา เอ่อ ติดต่อ อ่า..” พูดสิวะไอโอบ พูดสิ ลืมที่น้าอิ่มบอกมึงเหรอ มึงต้องทำได้

“คะ??” คนสวยตรงหน้ามองเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ กับอาการอึกอักพูดไม่ออกของเขา

“คือ เอ่อ คือผม อยากจะขอพบ คุณหมอเจ้าของคบินิกนี้น่ะครับ” เธอทำหน้าไม่เข้าใจในคำพูดโอบอุ้ม หรือว่าเขาพูดอะไรผิด

“ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” อา นั้นสินะ การขอพบแพทย์ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิก ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรคนทั่วไปก็คงไม่ขอพบสินะ

“เอ่อ ครับ ผมมีเรื่องที่จะต้องคุยกับคุณหมอเจ้าของคลินิกโดยตรงครับ เอ่อ นี่ นามบัตรของผมครับ” เธอรับนามบัตรที่เขาส่งให้ไปดู ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นราวกับถามว่า เอาจริงหรือ

“ค่ะ ถ้างั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวขอดิฉันโทรถามคุณหมอก่อนนะคะ”

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” เธอยิ้มรับก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายไปยังคุณหมอ โอบอุ้มกวาดสายตามองไปรอบๆตัวคลินิกอย่างชื่นชม ความสะดวกสบายดีเยี่ยม รสนิยมการตกแต่งก็สุดยอด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคลินิกที่รักษาคนไข้จะมีลักษณะแบบนี้ โอบอุ้มจับจ้องไปยังห้องตรวจต่างๆซึ่งมีเหล่าผู้ป่วยนั่งรอคิวกันอยู่มากมาย ทั้งสาวน้อยและหนุ่มน้อยต่างก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อ แต่แปลก........บรรยากาศหน้าห้องกลับดูไม่ชวนเดินไปใกล้เลยสักนิด ราวกับบรรยากาศก่อนจะเกิดสงคราม ให้ตายเขาก็ไม่มีทางเดินไปตรงนั้นแน่ๆ

“เอ่อ คุณคะ คุณ”

“อ๊ะ!! ครับ!! ขอโทษนะครับผมมัวแต่เหม่อไปหน่อย” เขาเกาหัวด้วยความเขินอายจนเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนตรงหน้าได้

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคุณหมออธิปจะออกมาพบคุณนะคะเพราะคุณหมอท่านอื่นไม่ว่างเลย” โอบอุ้มพยักหน้าตาวาวด้วยความดีใจ

“ไม่เป็นไรครับ ขอแค่ได้คุยกับคุณหมอ ท่านไหนผมก็ไม่มีปัญหาครับ” เขาชวนเธอคุยอีกเล็กน้อยระหว่างที่ยืนรอคุณหมออธิปของเธอออกมาพบ เธอเป็นคนสวย ชื่อสาวและดูเธอเอ็นดูเขาอย่างไม่น่าเชื่อ โอบอุ้มชอบใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของคุณสาวเพราะมันทำให้โลกสดใสไปทันตา แค่เธอยิ้มทุกๆอย่างรอบๆตัวก็น่าดูไปหมด โอบอุ้มเชื่อเลยว่าถ้าหากน้าอิ่มเห็นคุณสาว น้าอิ่มต้องมองด้วยสายตาชื่นชมแน่ๆ

“อ้าว!!......คุณหมอ มาแล้วเหรอคะ” โอบอุ้มหันไปมองข้างหลังตามสายตาของคุณสาวที่มองไปและเอ่ยทัก แล้วโอบอุ้มก็ต้องตะลึง เมื่อบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ช่างดูหล่อเหลาจนตัวโอบอุ้มเองสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า ไม่เคยเห็นใครหล่อเท่าเขาคนนี้มาก่อน

“สวัสดีครับ ได้ยินว่าคุณต้องการพบหมอเจ้าของคลินิก ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” โอบอุ้มได้สติเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยทักทายขึ้นมา ใบหน้าต้องแดงซ่านเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจ้องอีกฝ่ายนานเกินไป

“ครับ คือผมอยากรบกวนขอ เอ่อ สัมภาษณ์คุณหมอหน่อยได้ไหมครับ” หมอเลิกคิ้วมองหน้าผม ไม่รู้ทำไม แต่เขาแทบจะถอยหลังเมื่อสบสายตาคู่นั้น อะไรกัน ทำไมถึงมองเขาแบบนั้น ทั้งชีวิตไม่เคยถูกใครมองแบบนี้มาก่อน มันทำให้เขา......กลัว โอบอุ้มจึงไม่กล้าแม้แต่จะสบตาของหมอ

“สัมภาษณ์ผมเรื่องอะไรครับ?”

“เอ่อ....เกี่ยวกับ เรื่องการรัษาของที่นี่ หรือวิธีรักษาให้คนไข้ส่วนใหญ่ของพวกคุณ เอ่อ หายดี” นี่เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่ารอยยิ้มเทพบุตรบนใบหน้าของคุณหมออธิป มันดูแปลกๆชอบกล

“หือ?? คงไม่ได้หรอกครับ ที่นี่มีกฎห้ามให้ข้อมูลการรักษากับคนภายนอก”

ให้ข้อมูลกับคนภายนอกไม่ได้ หมายความว่า.....

“งั้นถ้าผมเป็นคนไข้ที่นี่ ก็จะสามารถรู้ข้อมูลการรักษาได้ใช่ไหมครับ” โอบอุ้มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนถูกอีกคนมองด้วยแววตาเอ็นดู

“ก็.........คงใช่..........ครับ” หมอยกยิ้มอย่างถูกใจเมื่อได้ยินโอบอุ้มพูดเช่นนั้น สาวมองการสนทนาของโอบอุ้มกับหมอด้วยรอยยิ้ม โอบอุ้มจะรู้ไหมหนอว่ากำลังติดกับดักของหมอเสือเข้าอย่างจัง โอบอุ้มเอ้ย จะน่าเอ็นดูอะไรขนาดนี้นะ

“ยังไงผมว่าคุณ.....” หมออธิปลากเสียงเพื่อจะถามชื่อ โอบอุ้มแทบจะตบหัวตัวเองที่ลืมแนะนำตัวก่อนการสนทนาจะเริ่มขึ้น

“ขอโทษครับ ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อโอบอุ้มครับ มาจากหนังสือ......ครับ” รอยยิ้มของหมอยังไม่จางหายไปจากใบหน้า ยิ่งแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับหมอแบบนี้ โอบอุ้มยิ่งรับรู้ถึงอันตรายที่สัญชาตญาณร้องเตือน ทำไมหมอมองเขาแบบนั้นนะ มองแบบนั้นโอบอุ้มกลัว

“เอ่อ......ถ้ายังไง.....วันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” วันนี้ขอตัวกลับก่อน แค่ได้ยินมันก็ทำให้เขาเผลอตัวกระตุกริมฝีปากขึ้นกับท่าทางหวาดกลัวราวกับลูกแมวแบบนั้น ก็ได้ ในเมื่อวันนี้กลับก่อน เขาก็จะปล่อยให้ออกไปก่อน

“ครับผม.......แต่ถ้าอยากเป็นคนไข้.......ผมประจำห้องตรวจที่สี่นะครับ”

“อะ เอ่อ ครับ งะ งั้นผมลาก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณสาว สวัสดีครับคุณหมอ” โอบอุ้มยกมือขึ้นไหว้ลาทั้งสองก่อนที่จะสาวท้าวออกจากคลินิกอย่างเร่งรีบจนเรียกเสียงหัวเราะจากสาวได้อย่างดี กลัวจนลนลานแบบนั้น จะไหวไหมนั่น แต่อย่างว่าล่ะ ใครเห็นสายตาจ้องจะจับตัวเองกินก็คงลนลานเหมือนกัน แสดงออกมานอกหน้า เหยื่อจะยอมให้กินเหรอคะคุณหมอ

“คุณสาวครับ”

“คะหมอ” แม้เขาจะเรียกอีกคนแจ่สายตาของหมออธิปไม่ได้ละออกจากประตูที่โอบอุ้มเพิ่งจะเดินออกไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มกับแววตาของเขามันมักจะปิดไม่มิดเมื่อเจอคนที่ถูกใจ

“ถ้าเขามาในฐานะคนไข้เมื่อไหร่......ให้ประจำห้องสี่นะครับ” สาวได้แต่ยิ้มล้อเลียนพลันเอ่ยถามอย่างที่ใจคิด

“เขาจะมาอีกเหรอคะหมอ ก็หมอเล่นจะจับเขากินจนออกนอกหน้าแบบนั้น” เห็นไหมบอกแล้วว่าเขามีปัญหา เก็บอาการทางสีหน้าและแววตาไม่ค่อยได้เวลาเจอคนถูกใจ และบังเอิญว่า.....โอบอุ้มดันถูกใจเขาสุดๆเสียด้วยสิ

“มาสิครับ.......เขาอยากได้ข้อมูลจากที่นี่.......เขาต้องมาแน่ครับ” หมออธิปพูดอย่ามั่นใจ ต้องมาแน่ อย่างโอบอุ้ม......ต้องมาอีกแน่ๆ

        โอบอุ้มเดินไปเดินมาอย่างคิดหนัก ไม่รู้ว่าตัวเองควรไปที่นั่นอีกครั้งดีไหม ข้อมูลโอบอุ้มก็อยากได้อยู่หรอก แต่ปัญหาคือเขากลัวหมออธิปนี่สิ ขนาดยืนเผชิญหน้ากันวันก่อน ตัวโอบอุ้มยังสั่นไปด้วยความกลัว ถ้าหากไปเจออีกครั้ง เขาได้ร้องไห้ออกมาเป็นเด็กแน่ๆ ทำไงดีนะ ไม่อยากไปเลยสักนิด ถ้ามีวิธีอื่นก็คงดี วิธีที่คิดออกคือลองสอบถามจากคนไข้ของคลินิกมารักษ์ แต่ผลปรากฏว่า ทุกคนไม่ยอมเอ่ยถึง ไม่ยอมเปิดเผยวิธีการรักษาเลยสักคน มันทำให้เขาต้องมากุมขมับเคร่งเครียดและอับจนหนทาง
“เหมออะไรของเราน่ะโอบ” โอบอุ้มหันไปมองน้าอิ่มที่เดินเข้ามาในตัวห้องนอนของเขาโดยที้ขาไม่รู้ตัวเลย สงสัยจะเหม่อลอยจนลืมสังเกต

“ผมไปลองสัมภาษณ์คนไข้ของคลินิกมาน่ะครับ”

“เหรอ.....แล้วเป็นไงบ้าง ได้ข้อมูลไหม” เขาได้แต่ถอนหายใจ

“ไม่เลยครับน้าอิ่ม ทุกคนไม่มีใครยอมพูดสักคน” เขาแปลกใจมากเมื่อเล่าไปแล้วสีหน้าของน้าอิ่มกลับไม่มีแววตาหรือความแปลกใจที่ฉายบนสีหน้าสักนิด

“อ่า.......จริงๆน้าก็เคยได้ยินมา ว่าถ้าเซ็นสัญญาทางคลินิกแล้วเกิดเอาเรื่องการรักษาไปพูด จะต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนสิบล้านบาท”

“...!!!” มิน่าล่ะ ถึงไม่มีใครยอมพูดอะไรเลย

“แต่น้าคิดว่า.......ที่ไม่ยอมพูดอะไรกัน เพราะกลัวจะไม่ได้ไปเจอหมออีกมากกว่า”

“ทำไมล่ะครับ” ทำไมถึงอยากเจอกันขนาดนั้น ทั้งที่หมอก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากคนอื่น โอเค......หมออาจจะหล่อกว่าคนอื่น แต่ก็แค่นั้น

“หึหึ.......ไม่รู้สิ แต่ก็คงไม่มีใครอยากทำให้ตัวเองถูกตัดออกจากการได้พบบรรดาหมอหล่อๆจากที่นั่นหรอก แต่ถ้าอยากจะรู้ชัดๆ มันก็ต้องลองด้วยตัวเอง” ลองด้วยตัวเองเหรอ น้าอิ่มทิ้งท้ายเอาไว้ให้เขาคิดและเขาเองก็จบอยู่กับความคิดโดยที่ไม่รู้เลยว่าน้าอิ่มเดินกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าโอบอุ้มจะรู้สึกตัวน้าอิ่มก็หายไปจากข้างๆตัวเองเสียแล้ว

โอมอุ้มพยายามเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยายามบลในอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่พบสิ่งเกี่ยวข้อนอกจากกระทู้จากพื้นที่สีน้ำเงินที่มีหลายๆคนตั้งขึ้นเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความหล่อเหลาของหมอทุกท่าน ซึ่งโอบอุ้มเองยังแปลกใจที่บางกระทู้เป็นผู้ชายเหมือนกับเขาที่ตั้งมันขึ้นมา โดยหัวกระทู้จั่วขึ้นว่า บรรดาเทพบุตรสุดหล่อแห่งคฤหาสน์มารักษ์ บอกเล่าถึงความหล่อวัวหายควายล้ม หล่อจนกระชากมดลูกทิ้งแทบจะแดดิ้นไปแห_ขาให้ พระเจ้า อ่านเองยังขนลุกเลย นี่ถ้าบรรดาหมอๆมาอ่าน ไม่รีบปิดคลินิกหนีหรือ โอบอุ้มได้แต่ส่ายหน้ากับความเลอะเทอะของคนพวกนี้ ไม่ไหว วันๆคุยแต่กับเรื่องผู้ชาย โอบอุ้มกดย้อนกลับไปยังหน้าค้นหาเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เจาพยายามนึกว่าจะค้นอะไรเกี่ยวกับคลินิกมารักษ์ดี สมองนึกคิด แต่มือเจ้ากรรมกลับกดแป้นพิมพ์ไปเอง

    น.พ อธิป แห่งคลินิกมากรัษ์ เสิร์ช!!
บ้าจริง!! พอรู้ตัวอีกทีมือเจ้ากรรมกลับกดEnterไปเสียแล้ว มันเป็นเพียงความคิดชั่ววูบเท่านั้น โอบอุ้มได้แต่บอกตัวเองไปแบบนั้น ใครจะบ้าคนหาชื่อผู้ชายคนนี้กัน ไม่สิ!! มันต้องเป็นเพราะเขาเป็นหมอของที่นั่น ใช่!! ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้นโอบอุ้มก็เบาใจ ตัดสินใจดูผลจากการค้นหา ซึ่งมีเพียงแค่รูปหมอเสียส่วนใหญ่ สุดท้ายเลื่อนไปเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมเลยสักนิด โอบอุ้มได้แต่ถอนหายใจ มันคงหนีไม่พ้นการที่เขาต้องเข้าไปเป็นคนไข้ของที่นั่นแล้วล่ะ



            แล้วเขาก็มาที่นี่อีกครั้งจนได้..........ทั้งๆที่คิดเอาไว้แล้วเชียวว่าจะไม่กลับมา แต่สุดท้ายความอยากรู้มันก็ทำให้เขาอดทนไม่ไหว ต้องกล้ำกลืนฝืนใจกลับมาอีก แต่พอโอบอุ้มได้มายืนอยู่หน้าคลินิก ขามันก็สั่น ร่างกายก็อ่อนแรงไปเสียดื้อๆ จะก้าวขาเข้าไปก็ชะงักไอขาไม่รักดีก็ดันถอยห่างเสียอย่างนั้นแทนที่จะเดินเข้าไป เขาได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สูดลมหายใจลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจของตัวเอง เอาวะ มาถึงนี่แล้ว ต้องลองสักตั้ง!!

โอบอุ้มตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไป มือบางผลักประตูออกให้เปิดกว้างสอดส่องสายตาไปจนพบร่างของคุณสาวยืนยิ้มรับอยู่ที่จุดเดิมเหมือนคราวก่อน โอบอุ้มยิ้มให้คุณสาวก่อนจะเดินเข้าไปใหล้ร่างของเธออย่างช้าๆ เธอยังคงยิ้มสดใสและฉายแววความสวยออกมาเช่นเคย น่าหลงใหลจริงๆ

“สวัสดีค่ะคุณโอบอุ้ม วันนี้มาทำอะไรคะเนี่ย” คำทักทายธรรมดาแท้ๆ แต่โอบอุ้มกลับรู้สึกแพ้รอยยิ้มของเธอจนหน้าร้อนผ่าวและยกมือขึ้นเกาศีรษะแก้เก้อ

“เอ่อ ผมว่าจะมา ขอเป็นคนไข้ของที่นี่ครับ” บ้าจริง โอบอุ้มรู้สึกอยากจะตบปากตัวเองที่ดันพูดอะไรแบบนั้นออกไป มาขอเป็นคนไข้ คนสติดีที่ไหนเขาทำกัน

“คิกๆ อย่างนี้เอง จะมาทดลองเป็นคนไข้สินะคะ แล้วจะลงห้องไหนละคะ” เอ.....ห้องไหนนะ

‘ครับผม.......แต่ถ้าอยากเป็นคนไข้.......ผมประจำห้องตรวจที่สี่นะครับ’

“เอาห้องที่หนึ่งครับ!!” น้ำเสียงที่ตอบออกไปอย่างมั่นใจทำให้คุณสาวถึงกับต้องกลั้นขำ

“ไม่ได้หรอกค่ะ คิวห้องหนึ่งยาวไปจนถึงปีหน้าโน้นนนนนนนนนเลยนะคะ” ครับ ยาวจริงๆ เสียงของคุณสาวนี่แหละครับที่ยาว

“งั้นห้องสอง”

“ติดเมียค่ะ หมอไม่ค่อยเข้า”

“เอ่อ ห้อง ห้องสาม” เขาต่อรอง

“หมอลาไปฮันนีมูลค่ะ”

“เอ่อ ห้องห้า”

“ปิดค่ะ กำลังตามจีบแฟน” อะไรอ่ะ ไม่ว่างเลยสักห้อง

“โอ้ย!!! แล้วมีห้องไหนว่างละครับเนี่ย” โอบอุ้มยืนขยี้หัวตัวเองอย่างแรงดเวยความหวุดหงิด เดี๋ยวห้องโน้นก็เต็ม ห้องนี้ก็ไม่ว่าง ห้องนั่นก็ปิด แล้วจะเปิดคลินอกกันไว้ทำไมครับ!!!

“ห้องที่ว่างเหรอคะ เอ....... อ๋อ ห้องสี่ค่ะ!! ว่างพอดี ว่างย๊าวยาว” รอยยิ้มหวานกับน้ำเสียงที่สูงเกินปกติทำเอาโอบอุ้มคิ้วกระตุกเตือน คงไม่ใช่วางแผนกันไว้หรอกนะ โอบอุ้มถึงจะโง่ แต่ก็เชื่อนะครับ เมื่อเห็นท่าทางสงสัยของโอบอุ้ม คุณสาวจึงหยิบสมุดตารางเวลาให้เขาดู

“เช็คได้นะคะ ถ้าไม่เชื่อใจ” น้ำเสียงอ่อนๆกับสายตาเว้าวอนคืออะไร คนอย่างโอบอุ้มกล้าดูไหม!! ก็ไม่กล้า!! ได้แต่ทำหน้ารู้สึกผิดที่ไม่เชื่อใจเธอ แกมันเลวจริงๆเลยโอบอุ้ม สงสัยผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้ได้ยังไงกัน

“ไม่ครับ ผมเชื่อคุณสาว ขอโทษด้วยนะครับถ้าแสดงท่าทีให้เข้าใจผิดว่าไม่เชื่อใจ”

“ไม่หรอกค่า แล้วคุณโอบจะเข้าไปพบหมอวันนี้เลยไหมคะ หมอว่างพอดี จะได้คุยเรื่องการตรวจด้วย” หือ.....หูผมกระดิกพยักหน้ารับแทบจะทันทีที่ได้ยินว่าคัยเรื่องการตรวจ คุยเรื่องการตรวจ=ข้อมูล เยี่ยม!! คิดถูกจริงๆที่ยอมมาเป็นคนไข้ของที่นี่

“ถ้างั้น......เชิญทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวสาวจะพาไปห้องตรวจที่สี่เองนะคะ”

ผมเดินตามหลังคุณสาว เราสองคนเดินผ่านห้องต่างๆที่สลับฝั่งกันไปมา ยิ่งเดินผ่านคนยิ่งมากเหลือเกิน แต่ทุกคนที่มานั่งรอกลับไม่มีท่าทีเบื่อหน่าย แถมยังแต่งองทรงเครื่องมาพร้อมจนผมไม่แน่ใจว่าคนพวกนี้มารักษาจริงๆหรือเปล่า พอเห็นการแต่งตัวของคนอื่นๆแล้ว ผมอดก้มลงมองสภาพตัวเองไม่ได้ กางเกงแสลคดำกับเสื้อยืดเก่าๆที่ผ่านการใช้งานมาหลายปี ก็แหม....นี่มันเสื้อตัวโปรดของเขานี่ แม้ว่าตอนนี้มันจะหดลงจนเล็กและคับแนบตัวก็ตามที แต่เขาไม่ทิ้งหรอก ก็เป็นเสื้อที่พิมพ์พาพาเขาไปซื้อทั้งที คุณสาวหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องตรวจหมายเลขสี่ ไม่ยอมเคาะประตูจนเขาคิดจะไปนั่งรอคิวเหมือนคนอื่นๆ ถ้าไม่มีเสียงดังลอดออกมา.....








ต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ต่อค่า


“อ๊ะ หมอขา ตรงนั้น จีจี้ชอบ”

เสียงอะไร?? นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจจนชะงักขาที่กำลังก้าวเดิน

“ซี๊ด หมอ หมอดูดเก่งจัง อูย จี้จะเสร็จแล้ว โอ๊ย หมอออ อ๊ายยย”

เดี๋ยวๆๆๆๆๆ ดูด ดูดอะไร!! แล้วเสียงเมื่อกี้มันผู้ ผู้ชายไม่ใช่เหรอ!!!

คุณสาวหันมานิ้มแหยๆให้เขา ที่ตอนนี้ยืนตัวสั่นเหมือนลูกนกอยู่ ซึ่งตัวเขาเองมั่นใจเลยว่า ไม่ใช่สั่นสู้แน่ๆ อยากกลับบ้าน น้าอิ่ม โอบอยากกลับบ้าน ฮืออออออ

แกรก........

ไม่ต้องเคาะให้เสียเวลาเมื่อตอนนี้ประตูถูกมือหนาของหมอเสือเปิดอ้าออกจนเห็นภายใน ผู้ชายคนนั้น คนที่ส่งเสียงร้อง นะ นะ น่ารักอ่ะ!! ให้ตายเถอะ เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหน้าหวานเหมือนผู้หญิงขนาดนี้ เรียวขาขาว ยาวสูง ผมสีน้ำตาลทองเป็นประกายเมื่อต้องแสงไฟ ริมฝีปากแดงเจ่อ กับแก้มแดงๆนั่น มันดูลงตัวเมื่อมีดวงตากลมโตประดับอยู่บนใบหน้าด้วย โอ้ย!! โอบอุ้มใจเต้นกับผู้ชาย!!

“อ้าว....คุณสาว ว่าไงครับ” เขากำลังจะเดินออกมา ทำไงดี ทำตัวยังไงดี

“คนไข้คนใหม่ของคัณหมอค่ะ สาวพามาให้แล้ว” อื้อหือ เลียปสกแบบนั้น โอบอุ้มจะละลายแล้ว

“อ่า ครับ ผมเสร็จพอดี คุณโอบอุ้มเชิญด้านในครับ” สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างผอมบางภายใน ใจเต้นดังจนแทบจะทะลุออกมา อยากเดินเข้าไปหาแล้วทำความรู้จัก ถ้าไม่ติดว่า.......

“งั้นจี้ไปก่อนนะครับ แล้วจะมาตรวจใหม่”

จุ้บ!!

อิจฉา!!! ริมฝีปากแดงๆเจ่อๆนั่นกดลงบนแก้มหมอต่อหน้าต่อตาเขา อยากได้บ้าง คนอะไรน่ารักขนาดนี้ ขนาดตอนเดินผ่านยังอุส่าส่งยิ้มหวานให้เขาด้วย น่ารัก!!! จะน่ารักเกินไปแล้ว!!!!

“อะแฮ่มๆ”

“อ๊ะ เอ่อ ขอ ขอโทษครับ” โอบอุ้มก้มหน้าหลบสายตาอย่างเขินอาย เมื่อเขาเอาแต่มองคนที่จากไปไม่วางตา

“ครับ เชิญ” หมะ หมอโกรธล่ะ เขาทำให้หมอโกรธ โอบอุ้มเดินตามคนที่ทำหน้าบึ้งเข้าไปข้างในโดยมีอีกฝ่ายยืนรอเพื่อปิดประตูห้อง ภายในมีโต๊ะ เก้าอี้ และเตียงเตียงที่ใหญ่มาก!!! ผ้าปูดูยับยู่ยี่จนไม่ต้องถามเลยว่าเป็นเพราะอะไร

“เชิญนั่งครับ”

นั่งเหรอ ตรงไหนล่ะ เขาหันซ้ายหันขวาหาเก้าอี้แต่ไม่เจอเลยสักตัว

“นั่งเถอะครับ บนเตียงนั่นล่ะ” โอบอุ้มสะดุ้งโหยง แอบตกใจเบาๆเมื่อได้ยินเหมือนหมอจะเน้นคำว่าบนเตียงเกินจำเป็น ยิ่งวันนี้หมอดูแผ่รังสีฆ่าฟันออกมา โอบอุ้มไม่อยากอยู่ใกล้ๆเลย

“คะ ครับ” หรือหมอจะโกรธที่โอบอุ้มแอบมองแฟนหมอนานเกินไป แน่เลย ไอโอบนะไอโอบ ไม่น่าเลยมึง

“หมอครับ คือผม....// คุณมาทำอะไร....”

“เอ่อ หมะ หมอพูดก่อนเลยครับ” หมอเสือพยักหน้าเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ

“คุณมาทำอะไรครับ คุณโอบอุ้ม”

“มา เอ่อ มาเป็นคนไข้ครับ” โอบอุ้มเห็นหมอแอบยกยิ้มเล็กน้อยจนนึกสงสัยว่ามีอะไรน่าขำกันนะ

“ตัดสินใจดีแล้วสินะครับ......ตอนนี้” เอ่อ ตัดสินใจดีหรือยังไม่รู้ แต่ตอนนี้อยากเปลี่ยนใจแล้วอ่ะ หมอหน้าตาไม่น่าไว้ใจเลย งื้อออออ

“ปะ เปลี่ยนใจ ทะ ทันไหมครับ” ปากหนอปาก อยากจะได้ข้อมูลแต่ใจมันดันไม่กล้า

“คงไม่ทันแล้วครับ เมื่อก้าวเข้าห้องตรวจมา หมายความว่าคุณโอบอุ้มเป็นคนไข้ของผม” ว่าแล้วเชียว โอบอุ้มได้แต่ถอนหายใจ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อเขาเลือกที่จะมาเอง เอาวะ ท่องไว้ เพื่อโลก!! เพื่อโลก!! เพื่อโลก!!!!!

“คุณโอบอุ้มเคยทราบข่าวเรื่องที่นี่จากที่ไหนมาบ้างครับ” เอ๊ะ ถามแบบนี้ เขาจะตอบยังไงละเนี่ย

“เอ่อ อิน อินเตอร์เน็ตครับ ละ แล้ว แล้วก็ เพื่อนผมเขาเล่าให้ฟัง” ถึงส่วนใหญ่มันจะแค่กรี๊ดหมอ และบอกแค่ว่าหมอหล่อก็เถอะ

“อ๋อ.......ทราบจากบุคคลที่สาม”

“ครับ” เขาพยักหน้ารับ มองหมอด้วยแววตาซื่อๆ

“แล้วทราบไหมครับ ว่าที่นี่มีการเซ็นสัญญาก่อนการรักษา”

กึก!! เขาชะงักเลย ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะรู้อยู่แล้วเลยทำได้เพียงแค่หลบสายตาคม ไม่อยากเซ็นสัญญา เพราะในสัญญาระบุว่าห้ามเผยแพร่การรักษา แล้วแบบนี้โอบอุ้มต้องทำยังไง เสียค่ารักษา ยอมมาเป็นคนไข้ เพื่อให้ได้ข้อมูลไปทำสกรู๊ป แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็เสียเวลาเปล่านะสิ โอบอุ้มได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ แต่หมอเสือกลับยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นท่าทีที่แสดงออกมาทางใบหน้าขอโอบอุ้ม ไม่อยากเซ็นสัญญาสินะ ได้สิครับ เดี๋ยวพี่เสือจะช่วยน้องโอบเอง

“แต่เราก็มีวิธีเลี่ยงการเซ็นสัญญาอยู่นะครับ”

พรึบ!! ใบหน้าของโอบอุ้มเงยขึ้นมาแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงสวรรค์ รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเล็กจนทำให้หมอเสือชะงักค้างไปเล็กน้อย จู่โจมกันด้วยรอยยิ้มแบบนี้ อัตรายเกินไปแล้ว เกือบไปแล้วไอเสือ เกือบขยับเข้าไปจับน้องกินแล้วไหมล่ะ

“เอายังไงครับ จะเซ็นสัญญา หรือว่าจะเลี่ยงดี”

“เลี่ยงครับ!!” โอบอุ้มตอบโดยที่ไม่ต้องคิดให้มากมายอะไร อย่างหลังมันเอื้อประโยชน์กับเขาเห็นๆ ในใจของโอบอุ้มตื่นเต้นจนลิงโลดโดยไม่รู้เลยว่า แววตาของหมอนั้น.......ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้

“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้น หมอขอเบอร์โทรของคัณโอบด้วยนะครับ”

“ครับหมอ ได้เลยครับ” เพราะมีความสุข จะขออะไรโอบอุ้มก็ให้ทั้งนั้น หมอยื่นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดมาตรงหน้าของเขา และเขาก็รับมันมา

“เอ่อ หมอครับ ช่วยปลดล็อคให้ผมหน่อยครับ”

“รหัส 090632 ครับ” อ่ะ อ่า ปกติเขาให้รหัสผ่านกับคนแปลกหน้าด้วยเหรอ แต่โอบอุ้มก็คือโอบอุ้ม ผู้ไม่คิดมากอะไรกับเรื่องพวกนี้ มือบางจิ้มหมายเลขตามที่หมอบอก หย้าจอถูกปลดล็อคจนทำให้สามารถกดเข้าไปที่การโทรได้ เขาใส่หมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองลงไปก่อนจะยืนมันคืนให้หมอ

“เรียบร้อยแล้วครับ ถ้าอย่างนั้น วันนี้คุณโอบอุ้มกลับได้เลยครับ ยังไงผมจะติดต่อไปอีกที ว่าจะรัดกันที่ไหน” หือ.....นัดไปไหนกัน โอบอุ้มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หมอจะไปไหน ทำไมต้องนัดเขา

“ไปไหนอะไรครับ??”

“ก็การตรวจไงครับ จะเลี่ยงสัญญา คุณต้องตรวจกับผมนอกสถานที่เท่านั้นนะครับ” อะ อ้าว อย่างนี้นี่เอง งั้นก็ช่วยไม่ได้สินะ

“อ๋อ โอเคครับ ถ้างั้น หมอโทรมานัดผมล่วงหน้านะครับ ผมจะได้เคลียร์งานไว้” หมอเสือส่งยิ้มใจดีให้ทำให้เขาเบาใจไปได้หน่อย

“งั้น......ผมกลับก่อนนะครับหมอ สวัสดีครับ”

“ครับ แล้วเจอกันนะครับ”

ผมยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป เมื่อกี้เหมือนเห็นหมอทำตาวิบวับ หรือเจาจะคิดไปเอง ช่างเถอะ โอบอุ้มเลิกสนใจในเรื่องนั้น เขาเดินผ่านคุณสาวกล่าวลาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากคลินิกไป ในที่สุดก็สำเร็จ อีกนิดเดียวก็จะได้เขียนสกรู๊ปเรื่องนี้แล้ว ไม่ต้องเซ็นสัญญา ก็หมายความว่าเขาไม่ผิด ใครว่าหมอของคลินิกมารักษ์เจ้าเล่ห์กัน หมอเสือออกจะใจดี เข้าใจหัวอกของคนที่ทำงาน ถึงขนาดหาวิธีให้เขาไม่ต้องเซ็นสัญญานั่น หึหึ โลกเอ๋ย ต่อจากนี้จะต้องจดจำชื่อของโอบอุ้มเอาไว้ให้ดีๆล่ะ




      โอบอุ้มนั่งเซ็งอยู่นอกบ้าน นี่ก็สามวันแล้วนะ ทำไมหมอยังไม่โทรมาอีกล่ะ คอยแล้วคอยเล่า คอยจนเผลอหลับไปทุกคืน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าหมอจะติดต่อมา หรือหมอจะลืม โธ่......รู้แบบนี้เขาขอเบอร์หมอไว้ก็ดีหรอก ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งเซ็ง ได้แต่มองโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น มือก็กดปลดล็อคสลับกับล็อคไปมาอย่างเบื่อหน่าย
~ ฮู ฮู้ว ฮา ฮ๊า ฮืมมม ~

“ฮะ ฮัลโหล”

‘สวัสดีครับ โอบอุ้มใช่ไหม’

“อ๊ะ ใช่ครับ” เสียงคุ้นจัง

‘ผมเองนะ หมอเสือ’ หมอเสือ!!!

“คะ ครับๆ” ทำตัวไม่ถูกเลย เขาตื่นเต้นมากๆ ทั้งๆที่ตัวเองรออยู่แท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก

‘ผมมีปัญหานิดหน่อย ที่อยากจะถามคุณให้เคลียร์’ ถามเหรอ? โอบอุ้มได้แต่สงสัย อะไรกันนะที่หมออยากจะถาม

“ครับหมอ ถามได้เลยครับ”

‘อา.....คุณพร้อมและต้องการที่จะรับรู้การตรวจและการรักษาของคลินิกเราใช่ไหมครับ’

“ครับผม” นึกว่าหมอจะถามอะไรเสียอีก

‘แน่ใจนะครับ เพราะมันมีบางอย่าที่คุณต้องทำก่อนจะมาตรวจและรักษากับผม’

“มันคืออะไรเหรอครับ” เสียงถอนหายใจจากปลายสายเริ่มทำให้เขารู้สึกกังวล

‘ถ้าคุณมั่นใจ ก็......’

ก็??? ก็อะไรล่ะ โอบอุ้มนึกรอคำตอบจากอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ ลุ้นจนแทบจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปหลายรอบแล้วด้วย

‘เอ่อ เอาเป็นว่า วันพรุ่งนี้ รบกวนคุณมาหาผมที่บ้านนะครับ เดี๋ยวผมจะส่งที่อยู่ไปให้ทาง SMS’

“ได้ครับ พรุ่งนี้กี่โมงดีครับ ผมจะได้เตรียมตัวถูก”

‘สักช่วงค่ำๆแล้วกันนะครับ ช่วงเช้ากับเย็นผมอยู่คลินิก’

“ได้ครับๆ งั้นพบกันหนึ่งทุ่มนะครับ”

‘อีกเรื่องหนึ่ง......’ ยังมีอีกงั้นเหรอ? โอบอุ้มเลิกคิ้วสงสัย

“ครับ?”

‘เอ่อ เปล่าครับ’

“......”

‘คืนนี้.......ฝันดีนะครับโอบอุ้ม’

“ชะ เช่นกัน คะครับ”

แก้มเขาเห่อร้อนขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองไว้ สายตาเหลือบไปมองกระจกแล้วก็ต้องตกใจ เขายิ้ม!! เป็นไปได้ไง ทำไมเขาถึงกำลังยิ้มล่ะ หรือมีอะไรไม่ปกติเกิดขึ้นกับเขา มือเลื่อนขึ้นมาจนถึงหน้าอก รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นที่รุนแรงจนตัวเองได้ยิน แค่นึกถึงเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกฝันดี หัวใจเจ้ากรรมก็แทบจะทะลุออกมา บ้าจริงโอบอุ้ม ก็แค่เขาบอกฝันดี จะใจเต้นไปทำไม มาถึงตอนนี้ เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย............



     ในที่สุดก็มาถึง โอบอุ้มยืนมองบ้านหลังใหญ่โตเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าหมอจะมีบ้านหลังใหญ่จนแทบจะเรียกว่าวังก็ได้ สองขาของเขาแข็งจนก้าวไม่ออก ไม่รู้ตื่นเต้นหรือกลัวกันแน่ แต่ที่รู้ๆคือโอบอุ้มทำตัวไม่ถูก ประตูหน้าถูกเปิดออกนั่นเท่ากับเชิญให้เข้าไปใช่ไหม ขาทั้งสองก้าวเข้าไปในตัวบ้านที่ด้านข้างเป็นสวนที่มีน้ำพุประดับอยู่กลางสวน ถ้าเขาได้มาเห็นตอนกลางวันมันคงจะสวยน่าดู หมอเสือยืนส่งยิ้มรอผมอยู่ที่ประตู ความกังวลทำให้โอบอุ้มกระชับกระเป๋าของตัวเองมากยิ่งขึ้น รู้สึกหายใจไม่ทั้วท้องเลย
“มาแล้วเหรอครับ”

“ครับหมอ” โอ่อ่าดีจัง ทั้งงานศิลป์และของตกแต่งในตัวบ้าน ราคาคงไม่น้อยเลย

“ทานอะไรมาหรือยังครับ”

“อ่า ผมเรียบร้อยแล้วครับ แล้วเอ่อ เราจะเริ่มกันที่ไหนดี”

“งั้น......ไปที่บนห้องผมดีกว่า” หมอใช้มือโอบเอวเขาให้เดินไปคู่กัน โอบอุ้มที่มัวแต่สนใจรอบข้างจึงไม่ทันสังเกตว่าตนถูกมือหนาลูบไล้เอวบางอย่างสนุกมือ

“ไม่ตรวจที่คลินิกแบบนี้หมอมีอุปกรณ์พร้อมหรือครับ” ด้วยความสงสัยทำให้เขาต้องถามออกไป ในคลินิกย่อมมีเครื่องมือครบถ้วนอยู่แล้ว การมาตรวจส่วนตัวแบบนี้เขาไม่คิดว่าหมอจะมีอุปกรณ์พร้อม ใบหน้าหล่อเพียงส่งยิ้มหวานให้เท่านั้น

“อย่าห่วงเลยครับ.....”

“......”

“อุปกรณ์ของผม........พร้อมใช้งานอยู่แล้ว” โอบอุ้มพยักหน้าพร้อมเดินตามร่างสูงไป เอาน่า หมอบอกว่าพร้อมก็พร้อมนั่นล่ะ คงไม่มีทางโกหกหรอก หมอเปิดประตูห้องในสุดชั้นสองให้เขาเข้าไป ภายในห้องดูเรียบง่าย เตียงใหญ่ที่มีผ้าปูสีเลือดนกกับผ้าห่มชุดเดียวกัน ห้องเกือบจะว่างเปล่ามีเพียงตู้เสื้อผ้า เตียงนอน และชั้นหนังสือ ซึ่งเขาไม่เห็นว่าจะมีอุปกรณ์การตรวจอยู่ตรงไหนเลย นี่เขาสอดส่องสายตาไปจนทั้วทั้งห้องแล้วนะ

ปัง แกร็ก.....

โอบอุ้มสะดุ้งเฮือกเมื่อความเงียบภายในบ้านทำให้หูของเขาได้ยินเสียงปิดประตูลงกลอนของหมออย่างชัดเจน ทำไมเขาเพิ่งสังเกตนะว่าหมอแต่งตัวไม่เรียบร้อย มันดูยั่วยุอารมณ์ปราถนาแปลกๆ ยิ่งแผ่นอกที่โผล่พ้นเสื้อออกมาล่อสายตานั้น ยิ่งทำให้โอบอุ้มทำตัวไม่ถูก หมอเดินเข้ามาใกล้จนแผงอกห่างจากสายตาเพียงคืบเดียว กลิ่นโคโลญจ์นแตะจมูกจนเขาเผลอสูดดมมันเข้าไปเต็มปอด

หอม ตัวหมอหอมจัง

โอบอุ้มตาลอยมัวเมาอยู่กับกลิ่นกายของอีกฝ่ายอย่างไม่อาจต้านทาน ไม่รู้ตัวเวยซ้ำว่าถูกมือหนาช้อนใบหน้าขึ้นมารับจุมพิศเมื่อไหร่

“อืม..”

โอบอุ้มส่งเสียงครางอย่างแผ่วเบากับสัมผัสที่ประทับบนริมฝีปาก มันหวานและอุ่น จนทำให้ตัวของโอบอุ้มล่องลอยราวกับอยู่ในความฝัน รสสัมผัสแบบนี้เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน นี่หรือที่เรียกว่าจูบ จูบเหรอ

จูบ!!!!

โอบอุ้มเบิกตากว้างเมื่อสติกลับมาจนครบถ้วน นี่เขาเผลอตัวจูบกับหมอได้ยังไงกัน มือทั้งสองทั้งผลักทั้งดันให้คนตัวโตปล่อยริมฝีปากบางที่ดูดดึง หมออธิปผละออกมองใบหน้าหวานอย่างไม่เข้าใจ นี่เขานึกว่าโอบอุ้มยินยอมพร้อมใจเสียอีก สงสัยจะหลงตัวเองมากไป แต่ไม่เป็นไร........ตะล่อมเอาทีหลังก็ได้ หึหึ......โอบอุ้มตัวน้อยที่สั่นอยู่ในอ้อมแขนเขาไม่มีทางรอดไปจากเสืออย่างเขาได้หรอก









๕๐%



TBC









  งื้อออ หมอคะ หมอจะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ น้องโอบของเรากลายเป็นกระต่ายน้อยในมือเสือหิว หุหุ  แล้วพบกันครึ่งหลังของห้องนี้เนอะ หายไปไม่ใช่ไม่มา ยังคิดถึงตลอดเวลา สัญญาว่าจะมาอัพจนจบค่าา ใครเล่นทวิสก็มาพูดคุยกันนะคะ @little_kittensY หรือแฮชแทกคลินิกมารักษ์นะคะ ทวิสแมวเงียบเงาและวังเวงมาก กวาดหยักไย้เล่นทุกวันเลย 555555+ สู้ไหมแมว สู้ๆ สู้ตายเพื่อทุกคนค่า

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
หมอเสือมาแรงแซงทางโค้งมากกกก
จู่โจมน้องขนาดนี้ เด็กตกใจหมดนะคะหมอ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หมอเสือร้ายกาจ ร้ายกาจ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Flower

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อิหมอเสือจู่โจมเร็วมาก

ออฟไลน์ bangkeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-4
หมอเสือ ล่อลวงน้องงงง

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
“หมะ หมอ จูบผมทำไม” หมออธิปไม่ตอบ ทำเพียงแค่กอดเอวเขาไว้ไม่ขยับไปไหนกับสายตาคมที่จับจ้องผมจนแทบจะกลั้นหายใจ

“คุณไม่รู้เหรอ” นี่เขาควรจะรู้เหรอ

“มะ ไม่” หมอยิ้มมุมปากพร้อมกับใบหน้าที่โน้มลงมาใกล้

“ผมกำลังตรวจ......ด้วยปากของผมไงครับ”

“...!!!!” บะ บ้าไปแล้ว!! ตรวจด้วยปากนี่นะ เขาตาค้างกับคำพูดที่ออกมาจากปากของหมดจนลืมดิ้นรน กว่าจะรู้ตัวร่าของเขาก็สัมผัสกับความเย็นและนุ่มของเตียงเสียแล้ว โอบอุ้มพยายามกระถดกายหนีคนด้านบน แต่กลับถูกหมอทาบทับเอาไว้แทนจนตอนนี้เขาไม่สามารถขยับไปที่ไหนได้เลย โอบอุ้มมองหน้าหมออย่างหวาดๆ พยายามหาทางเอาตัวรอดอย่างรนราน

“หมอ หมอครับ ผะ ผมว่าเราไปตรวจที่คลินิกดีกว่า” หมออธิปเลิกคิ้วขึ้นเมื่อโอบอุ้มที่แทบไม่อยากจะจะเซ็นสัญญาเกิดอยากกลับไปตลินิกแทน

“ทำไมละครับ”

“ผมว่า เอ่อ อุปกรณ์การตรวจอะไรที่โน้นน่าจะมีครบกว่านะครับ” น้ำเสียงร้อนรนของโอบอุ้มทำให้หมออธิปอดขำไม่ได้

“อุปกรณ์ที่นี่ก็มีนะครับ ใหญ่ดีด้วยนะ อีกอย่าง......ไปที่นั่นต้องเซ็นสัญญานะครับ” คำพูดดูปกติแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องหน้าแดงกับคำพูดนั้นด้วย

“ไม่ ไม่เป็นไรครับ ผมยอมเซ็น งั้นเราไปคลินิกกันเถอะครับ หรือ หรือให้ผมกลับบ้านแล้วไปพบหมอที่คลินิกพรุ่งนี้ก็ได้” อะไรก็ได้ทั้งนั้น แค่ให้เขาไปให้พ้นจากสถานะการณ์ตอนนี้เป็นพอ แต่หมออธิปดูเหมือนจะไม่เข้าใจ เพราะหมอเอาแต่ลูบไล้ผิวหน้าของเขาเล่นอย่างสนุกมือ โอบอุ้มตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อรู้ว่าอีกไม่ช้าตัวเขาจะเจอกับเรื่องใด เขานึกโทษตัวเองที่โง่เอาตัวเองมาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ไม่น่าเลย เขาไม่น่ามาที่นี่เลย

“แต่ผมไม่อยากให้คุณเซ็นนี่ครับ......”

“.....” โอบอุ้มเบี่ยงหน้าหนีสัมผัสจากปลายนิ้วร้อนที่เกลี่ยไปบนแก้มใส

“ผมอยากให้คัณหึงหวงผม อยากให้คุณเป็นของผม อยากให้คุณ ‘รัก’ ผม”

“ไม่ ไม่ ไม่มีทาง ผม ผมไม่ได้รักคุณ” คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาทำให้หมออธิปไม่พอใจอย่างมาก จากการลูบไล้จึงกลายเป็นตรึงใบหน้าให้หันมารับริมฝีปากร้อนที่กดลงมาแทน

“อื้อ!!! อ่อย!!!” แม้จะพยายามสะบัดหน้าหนีเพียงใด กลีบปากบางก็ยังถูกดูดดึงจนช้ำอยู่ดี มือทั้งสองคอยทุบตีให้คนตัวใหญ่เจ็บปวด แต่หมออธิปกลับไม่สะทกสะท้าน เขายิ่งชอบใจกับการขัดขืนที่ดูน่าเอ็นดูนี่เสียอีก ยิ่งโอบอุ้มขยับเท่าไหร่ ร่างกายของทั้งสองก็ยิ่งเสียดสีกันมากเท่านั้น และนั่น.......ก็ทำให้บางอย่างเบื้องล่างตื่นตัวขึ้นมา

“อย่าห่วงเลยครับ.....” หมออธิปยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่แววตากลับดุดันจนน่ากลัว

“......”

“คุณจะไม่ได้ลงจากเตียงจนกว่าจะรับความรักจากผมจนอิ่มเลยล่ะ” โอยอุ้มเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว พยายามจะตะโกนร้องให้คนช่วย แต่กลับถูกปิดปากด้วยจุมพิศร้อนแรง เขาเม้มปากแน่นไม่ยินยอมให้อีกคนสอดแทรกปลายลิ้นเข้ามา

“อ๊ะ อื้ออ!! อ่า!!!!!” แต่เมื่อเป็นสิ่งที่หมอเสือต้องการมีหรือที่โอบอุ้มจะขัดขืนได้นาน ปลายคางมนถูกบีบด้วยมือใหญ่อย่างแรงจนต้องยอมเปิดปากออก ทันทีที่ริมฝีปากเล็กแยกออกจากกันหมอเสือก็สอดลิ้นมาเกี่ยวกระหวัดแทบจะทันที โอบอุ้มอยากจะกัดลิ้นอีกคนให้ขาดแต่ก็ติดที่ถูกมือใหญ่ที่ยังคงบีบปลายคางเอาไว้ อกกว้างถูกกำปั้นน้อยๆทุบตีอย่างแรงแต่คนตัวใหญ่กลับไม่รู้สึกอะไรราวกับแรงที่กำลังทุบตนนั้น เป็นเพียงมดตัวเล็กๆที่คอยกัดให้รู้สึกรำคาญใจเท่านั้น เสียงจุมพิตดังไปทั้วทั้งห้อง สมองของเขามึนงงจนแรงดิ้นรนค่อยๆหายไป เมื่อเห็นว่าโอบอุ้มเลิกดิ้นรนมือที่ยึกปลายคางเล็กเอาไว้ก็เปลี่ยนมาดึงเสื้อตัวน้อยให้ออกจากคนตัวเล็กแทน ผิวขาวผุดผ่องปรากฎสู่สายตาคมจนทำให้หมออธิปต้องถอนริมฝีปากออกมาชื่นชม หมออธิปเลียปากของตนเองอย่างกระหายในตัวโอบอุ้มที่บัดนี้ นอนหอบหายใจถี่ด้วยความมึนงง

“อ๊ะ!”

ยอดอกสีสวยถูกดูดดึงและขบเม้นจนชุ่มไปด้วยน้ำลาย เสียงดูดดึงดังจนน่าอายแต่โอบอุ้มกลับทำได้เพียงกดศีรษะของหมอเอาไว้พร้อมกับแอ่นอกขึ้นอำนวยความสะดวกให้กับคนตัวสูง ปลายลิ้นฉกชิมความหวานอยากตะกละตะกลาม มืออีกข้างก็บีบบี้ยอดอกที่ว่างอยู่ โอบอุ้มแหงนหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงครวญครางดังออกมาจนหวานหู หมอละมือจากยอดสวยลูบไล้ลงไปจนถึงกลางกาย

    จุ้บ จ๊วบ

ระหว่างที่ปากยังคงดูดดึง มือก็ทำหน้าที่ปลดเปลื้องกางเกงออกจากคนใต้ร่างจนโอบอุ้มเปลือยเปล่า ตัวตนของโอบอุ้มตั้งชันท้าทายฝ่ามือร้อนที่จับและรูดรั้งมันจนขยายพองแทบระเบิด ความเสียวซ่านทำให้โอบอุ้มบิดกายไปมา นั่นยิ่งเพิ่มการเสียดสีระหว่างแกร่นกายของตนกับมือของหมอ

“อื้อ หมอ อย่าจับแบบนั้น” ทั้งๆที่ปากร้องห้าม แต่สะโพกเล็กกลับขยับตามแรงชักนำของหมอ อธิปอย่าไม่อาจจะห้ามได้ สุขก็สุข แต่อีกด้านของจิตใจกลับร้องให้เขาหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มือเล็กจึงดันอกกว้างทั้งๆที่มันสั่น

“อย่ะ อย่า อื้อ!!”

ใบหน้างามถูกช้อนให้รับจูบเร่าร้อนจากหมออธิป ขาทั้งสองข้างถูกแยกออกจนเผยให้เห็นช่องสีสวยที่ปิดสนิทก่อนที่ร่างใหญ่โตจะแทรกเข้าไปอยู่ตรงกลาง

“อื้อ จะทำอะไร อย่านะ”

“สีชมพูน่ากินจัง ขอผมชิมสักคำเถอะ”

หมอมองแก่นกายเล็ดด้วยสายตาพราวระยับราวกับถูกอกถูกใจอย่างมาก ลิ้นร้อนไล้เลียไปตามตวามยาวก่อนจะวนตรงส่วนปลายจนเจ้าของถึงกับดิ้นพล่าน หมออธิปก้มลงครอบครองดูดแท่งรักเข้าปากจนแก้มตอบ ขยับปากครอบครองจนมันผลุบเข้าออกจนสุด ยิ่งได้ลิ้มลองมากเท่าไหร่มันยิ่งทำให้รู้สึกเสพติดจนห้ามใจไม่อยู่ อยากจะดื่มดำ กลืนกินร่างเล็กตรงหน้าไปทั้งตัว หว่นยิ่งกว่าน้ำตาล หอมยิ่ฃกว่าน้ำผึ้ง รสสัมผัสช่างนุ่มลิ้นชวนให้ลิ้มลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงครวญครางที่ดังเข้าหู มันช่างไพเราะกว่าฟังบทเพลงใดๆ ความหวานพวยพุ่งออกมาจนล้นปากทำให้หมออธิปถอนปากร้อนออกจากแกร่นกายของโอบอุ้มทั้งที่ในปากยังเต็มไปด้วยน้ำรัก

“แฮ่ก พอ แฮ่กๆ แล้ว”

หมอไม่ตอบกลับคายน้ำรักลงใส่มือตัวเอง โอบอุ้มมองการกระทำนั้นด้วยความเหม่อลอย สมองมึนงงได้แต่พูดพร่ำคำเดิมซ้ำๆทั้งที่สติยังไม่กลับมาครบถ้วน

“อย่าห่วงไปเลย ผมจะเอ็นดูคุณอย่างดี บอกแล้วว่าผมจะรักคุณจนอิ่มเชียวล่ะ”

“อ๊า เจ็บ!!!”

ทันทีที่ปลายนิ้วที่ถูกน้ำรักชโลมจนชุ่ม หมออธิปก็สอดแทรกเข้าไปยังช่องทางที่ปิดสนิท ค่อยๆกดนิ้วเข้าไปจนสุด แต่โอบอุ้มที่รับรู้ถึงความเจ็บแปลบเริ่มดิ้นรนหนีนิ้วร้อนที่รุกราน

“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็มีความสุขแล้วล่ะ”

“ไม่ อื้อ เจ็บ อย่า อ๊ะๆ”

แต่จู่ๆความเจ็บปวดกลับแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านจนร่างเล็กแอ่นกายขึ้นอย่างลืมตัว ช่องทางสั่นระริกขมิบตอดรัดจนคนตัวโตยิ้มอย่างถูกใจ ตรงนี้สินะ

“อะไรน่ะ อ๊ะ อื้อ ทำไมร้อนแบบนี้”

ความต้องการของโอบอุ้มถูกนิ้วร้อนกระตุ้นจนแทบจะทนไม่ไหว แกร่นกายที่ถูกรีดน้ำรักไปก่อนหน้ากลับมาชูชันท้าทายสายตาอีกครั้ง

“ชี้หน้าแบบนี้ อยากโดนกินอีกหรือครับ หืม?”

“มะ ไม่ ไม่นะ”

แม้จะปฏิเสธเท่าไหร่ แต่ก็ถูกกลืนกินอีกครั้งอย่างปากหมออธิปว่าอยู่ดี โอบอุ้มที่ไร้เรียวแรงจะตอบโต้เพราะถูกความเสียวซ่านเล่นงานได้แต่นอนหอบหายใจส่งเสียงครวญครางกับสิ่งที่หมอธิปปรนเปรอให้ สมองขาวโพลนรับรู้เพียงว่าร่างกายของตนล่องลอยขึ้นไปสูงจนมือบางเผลอกำผ้าปูเตียงแน่น

“หึหึ หวานจริงๆ จะกินสักกี่ครั้งก็ยังหวาน ตรงนี้เองก็ดูจะพร้อมแล้ว ได้เวลา กิน จริงๆเสียที” โอบอุ้ทผวาตามนิ้วที่ถูกถอนออก เพราะหมออธิปที่ผละออกมาจัดการกับเสื้อผ้าตนเองก่อนที่ร่างเปลือยเปล่าของหมอจะทาบทับมาบนร่างกายเปลือยเปล่าของเขา

“เอาล่ะนะ....” บางสิ่งที่ใหญ่โตและร้อนถูกจับมาจ่อที่ปากทางรักก่อนจะถูกเจ้าสิ่งนั้นสอดใส่เข้าไป

“โอะ โอ๊ย!! เจ็บ!!”

ยิ่งถูกความเจ็บปวดเล่นงานมือบางก็ยิ่งทุบตีจนแผ่นอกแดง แต่คนด้านบนกลับไม่ตอบโต ได้แต่หยุดแน่นิ่งกัดฟันระงับความเจ็บปวดรอให้ร่างเล็กได้เคยชินกับความใหญ่โตของเขา แต่การรัดแน่นของช่องทางรักทำให้ยากเหลือเกินที่จะอดทนต่อความเย้ายวนนี้

“อื้อ อยะ อย่าขยับนะ อ๊า”

เสียงหวานเผลอส่งเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว เมื่อความใหญ่โตค่อยสอดลึกเข้ามามากกว่าเดิม แต่ความเจ็บกลับมีความรู้สึกอื่นปะปนมาด้วย หมออธิปที่อดทนไม่ไหว หยัดกายเข้าไปจนสุดความยาว

“แน่นเหลือเกิน อา คุณทำให้ผมแทบคลั่ง”

“อื้อ ไม่เอา อ๊า มัน อี๊ จุก”

ยิ่งหมออธิปขยับเขายิ่งทั้งจุกและเสียววาบจนส่งเสียงครางออกมาไม่เป็นภาษา ยิ่งเขาหยัดกายเข้ามาลึกเท่าไหร่ โอบอุ้มยิ่งร้อนรุ่มจนดิ้นพล่านไปด้วยไฟปรารถนา ความรู้สึกล่องลอยกลับมาอีกครั้งและทุกครั้งที่หมออธิปดันเช้ามาจนสุดมันมักจะทำให้โอบอุ้มร้องครางเสียงหวาน แผ่นอกที่เคลื่อนไหวเพราะแรงกระแทกจากร่างใหญ่มันช่างยั่วยวนใจจนหมออธิปอดไม่ได้ต้องก้มลงไปดูดดึงเม็ดทับทิมมาไว้ในปากร้อน

“อื้อ อ๊า อื้ม”

เสียงหวานร้องตามจังหวะการกระแทกเข้ามาของหมอยิ่งเขาเร่งจังหวะมากเท่าไหร่ โอบอุ้มยิ่งส่งเสียงร้องจนแทบจะหมดแรง สายตาคมพลันเห็นยอดทับทิมที่แดงก่ำจากแรงดูดของตน กับลำคอขาวผ่องที่เนียนจนเกิดความหมั่นเขี้ยว หมออธิปอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปขบเม้นให้มันเกิดร่องรอยที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้านี้เป็นของเขา เหล่าแมลงและพวกมดปลวกทั้งหลาย อย่าได้หวังจะเข้ามายุ่งย่ามกับเมียเขา ยิ่งคิดแรงกระแทกก็ยิ่งเร่งจังหวะจนคนตัวเล็กสั่นไปตามแรง

“อ๊า ไม่ อื้อ ไม่ไหวแล้ว อ๊าๆ”

“อา อีกนิดเดียว ซี๊ด ใกล้แล้วครับ”

หมออธิปยิ่งเร่งโหมแรงขยับเข้าออกจนโอบอุ้มแทบจะลอยขึ้น ยังดีที่แขนเล็กโอบรอบคอของหมออธิปเอาไว้ ไม่อย่างนั้นศีรษะคงได้กระแทกกับหัวเตียงเป็นแน่ ความเสียวซ่านถูกดันมารวมอยู่ตรงส่วนปลายเป็นสัญญาณบอกให้หมออธิปเร่งจังหวะขึ้น ไม่นานร่างทั้งสองก็ปลดปล่อยเสียงและสายธารแห่งความสุขออกมา

ทั้งสองหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มือใหญ่ลูบไล้ไปตามไรผม สายตาคมหวานหยาดเยิ้มมองคนใต้ร่างอย่างเอ็นดู โอบอุ้มยังคงตาลอยสติยังไม่กลับมาครบถ้วน อีกทั้งช่องทางรักเองก็เต้นตุบๆไม่ยอมหยุด หมออธิปถอดถอนกายออกจนเกิดเสียง หยาดน้ำที่อยู่ภายในค่อยๆไหลออกมาจนเปรอะที่นอน ขาของโอบอุ้มสั่นไม่สามารถเอามันเข้ามาแนบชิดกันได้


เจ็บเหลือเกิน


นั้นคือสิ่งที่โอบอุ้มคิดเป็นสิ่งสุกท้ายก่อนจะสิ้นสติไป หมออธิปนอนลงข้างกายคนตัวเล็ก มองแล้วนึกถึงวันที่เขาได้เห็นใบหน้าหวานนี้ ต้องใจหรือต้องมนต์ใดไม่อาจจะรู้ แต่ที่เขามั่นใจคือเขาไม่สามารถลบเรื่องของโอบอุ้มไปจากหัวได้ นิ้วมือเกลี่ยหยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าสวยออก ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมผ้าและน้ำอุ่นมาเช็ดตัวและทำความสะอาดให้ อีกทั้งยังใช้นิ้วนำสิ่งที่เขาปชดปล่อยไว้ภายในออกมา พอมาเห็นตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่า มันทั้งบมและช้ำอย่างหนัก อีกทั้งน้ำสีขุนที่ถูดนำออกมายังมีเลือดผสมอยู่ด้วย แย่แน่ๆ แบบนี้ ดีไม่ดีนอนซมเพราะพิษไข้แน่ๆ

    หมอได้แต่ถอนหายใจ การรวมรัดให้โอบอุ้มเป็นของเขามันก็ดีอยู่หรอก แต่การที่เขายั้งตัวเองเอาไว้ไม่ได้จนทำให้อีกคนเจ็บนี่เป็นความผิดเขาจริงๆ ไม่เป็นไร.......ก็เขาเป็นหมอนี่ เมียเจ็บแค่นี้ เขาดูแลได้สบายอยู่แล้ว หมออธิปยกยิ้มก่อนจะเช็ดตัวให้โอบอุ้มต่อไป









       มีต่อนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
            >>>>>ต่อกันนะคะ<<<<<<

           เสียงนกร้องและแสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้า ทำให้โอบอุ้มย่นคิ้วด้วยความหงุดหงิด อาการปวดเมื่อยตามตัวทำให้ไม่อยากจะตื่นลืมตาขึ้นมา แต่เมื่อขยับตัวความเจ็บแปลบเบื้องล่างก็ปลุกเขาตื่นเต็มตา โอบอุ้มกระพริบตาให้ชินกับแสง สมองประมวลผลถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เพดานสีขาว กับเตียงนอนสีเลือดนก มันไม่ใช่ห้องของเขานี่ พลันสมองน้อยๆก็นึกขึ้นมาได้ บ้าจริง!! นี่เขานอนกับหมอเสืองั้นเหรอ แม้จะเกิดความเศร้าสร้อยแต่หัวใจกลับเต้นระรัวโดยไม่ฟังที่สมองสั่งการ เขาไม่ควรที่จะมาดีใจกับเรื่องนี้ เขาควรจะเสียใจ ควรจะผิดหวัง ควรจะโทษหมอสิ ไม่ใช่กลั้นยิ้มทั้งที่ความเจ็บเบื้องล่างยังไม่หายไป

“อ้าว.....อรุณสวัสดิ์ครับ” หมอเสือเอ่ยคำทักทายด้วยรอยยิ้ม ในมือของร่างสูงถือชามใบพอดีที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืออะไร กลิ่นลอยมาจนน้ำย่อยในกระเพาะร้องเรียกหาแบบนี้ ข้าวเช้าแน่ๆ แต่......ของใครล่ะ

“ครับ.....”

“มาครับ ตื่นแล้วก็มาทานข้าวเช้ากัน จะได้ทานยาต่อ” หมอยิ้มอย่างใจดี ราวกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น โอบอุ้มพยุงตัวขึ้นนั่งแม้มันจะลำบากแต่เขาก็ไม่ปริปากบ่น อย่างที่น้าอิ่มสอนเอาไว้.....เป็นลูกผู้ชาย ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น
หมอเสือนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนจะวางข้าวต้มลงบนโต๊ะใกล้ๆ มือหนาจับช้อนขึ้นตักข้าวในชามมาเป่าก่ออนที่มันจะถูกจ่อที่ปากของเขา ซึ่งโอบอุ้มมองด้วยความไม่เข้าใจ

“ทานสิครับ ผมให้แม่บ้านทำให้เป็นพิเศษเลยนะ”

“เอ่อ ผม ผมทานเองดีกว่าครับ” มือเล็กๆพยายามจะแย่งชิงช้อนในมือหมอ แต่หมอที่รู้ตัวดึงช้อนหลบและนำมาจ่อที่ปากเขาเช่นเดิม โอบอุ้มจำใจต้องอ้ารับมันเข้าปากอย่างไม่อาจจะเลี่ยง หมอเสือคอยป้อนเขาอยู่เรื่อยๆ ไม่มีครั้งไหนเลยที่มันจะร้อนจนเกินไป ทุคำที่หมอป้อน มันมักจะอุ่นพอดีๆ ไม่เย็นจนเกินไป จนโอบอุ้มต้องเหลือบมองอย่างสงสัย นี่หมอใช้ปรอทวัดอุณหภูมิหรือเปล่า ปากเล็กเคี้ยวไปสมองก็นึกไปตาม จนท้องเริ่มตึงศีรษะเล็กๆจึงได้ส่ายหน้าปฏิเสธ

“อิ่มแล้วครับ”

“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้น.....น้องโอบทานยานะครับ พี่เสือจัดยาให้แล้ว”

   อะ อะ อะไรนะ!! นะ น้องโอบ!! พะ พี่เสือ!! นี่มันวันโลกาวินาศหรือยังไง สรรพนามที่ไม่คุ้นหูถึงหลุดออกมาจากปากหมอง่ายๆแบบนี้ โอบอุ้มนิ่งค้างจนแข็งทื่อ ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมา คนที่ไม่เคยได้ยินคำเช่นนี้ถึงกับขนลุกซู่ ราวกับจะบอกว่าอันตรายเกินไป โอบอุ้มรีบส่ายหน้าหวือ พยายามจะลุกจากเตียงเพื่อเดินออกไป

“น้องโอบจะไปไหนครับ?” น้องโอบอีกแล้ว

“ผม ผมจะกลับบ้านเลยน่ะครับ ปะ ปะ ป่านนี้ ที่บ้านคงเป็นห่วงผมแย่แล้ว” ผมเงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่ตอนนี้ฉายความไม่พอใจออกมาจนเด่นชัด มันทำให้เขาสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาถอยหลังหนีหมอด้วยซ้ำ

“ใครรออยู่ที่บ้านหรือครับ สำคัญขนาดที่อยู่กับพี่ไม่ได้เลยหรือ”

“....” หมอเสือค่อยก้าวเข้ามาช้าๆโดยที่เขาได้แต่ยืนยิ่งอยู่ที่เดิม

“ว่าไงครับ แฟน หรือคนรักครับ ที่รอน้องโอบอยู่ เขารู้ไหมครับ ว่าเมื่อคืนน้องโอบโดนพี่เสือรักไปหนักแค่ไหน”

“....” ยิ่งได้ยินแก้มทั้งสองข้างของโอบอุ้มก็แดงปลั่ง ภาพการร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนของเขาและหมอก็ฉายขึ้นมาในหัว

“เขาเคยได้ยินเสียงครางของน้องโอบไหม เคยพาน้องโอบให้ปลดปล่อยทั้งๆที่แค่สอดใส่ไหมครับ”

“พะ พอ” เขาได้แต่ยกมือขึ่นปิดหูแน่น ไม่อยากฟังเรื่องลามกแบบนี้

“ทำไมล่ะ ไหนจะรสชาติหวานๆจากตรงนั้น ยอดเล็กนี่ที่โดนพี่ดูดกินจนมันแดงช้ำ เขาเคยได้ทำแบบพี่ไหม”

“นะ น้าอิ่มไม่ทำแบบนั้น!!!” เมื่อมันเรื่องมันเริ่มบานปลาย โอบอุ้มก็ทนไม่ได้จนต่องตะโกนออกมา

“หืม......น้าอิ่ม?” หมอเสือเลิกคิ้วมองโอบอุ้มที่ยืนตัวสั่นแก้มแดงทั้งที่มีมือปิดหูเอาไว้ น่สเอ็นดูจนอยากจะรักให้หนักๆ

“ชะ ใช่ นะ น้าอิ่ม”

“ใครครับ.....แฟน หรือว่า....” ความคลางแคลงใจยังคงทำให้หมอเอ่ยถามต่อ

“นะ น้า!! น้าอิ่มเป็น น้าของผม” หากไม่ยอมพูดความจริงออกไป มีหวังได้ยืนฟังเรื่องลามกต่อทั้งวันแน่ๆ แค่นี้ เจ้าตัวน้อยใต้กางเกงก็แทบจะตื่นขึ้นมาแล้ว

“หึหึ แล้วแฟนละครับ”

“มะ ไม่มีครับ” แก้มใสถูกปลายนิ้วเกลี่ยเล่นอย่างเอ็นดูเมื่อได้ฟังคำตอบที่พอใจ

“แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะครับ เพราะน้องโอบเป็นเมียพี่ และพี่คงไม่ยิ้มใจดีถ้าเมียพี่บอกว่ามีแฟน”

อึก!!

น้ำเสียงของหมอเสือไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่น้อย ทั้งบรรยากาศและหลายๆอย่างบอกให้เขารู้ว่า หมอพูดจริง แม้ว่าสีหน้าที่แสดงออกมาจะยิ้มตามแบบฉบับของหมอแต่แววตาที่ใช้มองเขานั้น เล่นเอาเขาหนาวไปถึงกระดูก

“เอ่อ แต่......ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วนะครับ” มันคือความจริง เรื่องนี้......ผมคง ต้องพูดออกไป

“ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ ใช่ว่าเขาจะชอบน้องโอบด้วยเสียหน่อย”

     
    ฉึก!!


เจ็บจนจุก...ใครสั่งสอนให้หมอพูดกับคนแอบรักแบบนี้กัน คำพูดคมดั่งใบมีด คำพูดหมอคงเป็นเลื่อยไฟฟ้า ที่หั่นใจเขาจนแหลกสลาย อยากมุดดินหนี อยากบินหายไป วันนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่า อย่ารออาจพูดถึงคนอื่นให้หมอฟัง เพราะนอกจากจะไม่ยอมรับง่ายๆแล้ว ลูกศรที่ยิงไปมันดันเลีเยวกลับมาแทงตัวจนตายได้เลย หมอนะหมอ เขาอยากจะร้องไห้ชะมัด

“ยังไงเสีย น้องโอบก็ต้องอยู่บ้านพี่อยู่แล้ว พี่มีเวลาทำให้น้องโอบรักพี่เสืออีกนาน” ก็จริงนะ
แต่เดี๋ยว!!! ใครจะอยู่ที่นี่นะ

“ผม ผมเหรอ”

“ครับ จะใครล่ะครับ” โอบอุ้มส่ายหน้าหวือ จนหมอเสือขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“ไม่ๆๆ ผมต้องกลับบ้านผมสิครับ ผมจะอยู่ที่นี่กับหมอได้ไงกัน!!” ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ

“ทำไมจะอยู่ไม่ได้ละครับ นี่บ้านพี่เสือ พี่เสือเป็นผัวน้องโอบ น้องโอบอยู่บ้านผัว ไม่ถูกตรงไหน”

พูดมีเหตุผล นี่บ้านผัว ทำไมจะอยู่ไม่ดะ ดะ ได้ที่ไหนเล่า!!!!! สมองไอโอบมันช้า คิดอะไรไม่ค่อยจะทันแต่ก็ไม่ได้โง่ขนาดที่เออออห่อหมกไปกับหมอแบบนี้แน่ๆ

“ไม่ใช่ๆๆๆๆ ไม่ช๊ายยยยยยยยย”

“ทำไมไม่ใช่”

“ผะ ผม เอ่อ ใช่คือ ผมต้องกลับไปเขียนสกรู๊ปของหมอด้วยนะ ผะผมต้องรีบกลับแล้ว” แต่ยังไม่ทันที่โอบอุ้มจะได้ก้าวขา มือหนาก็ยึดแขนเล็กๆเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“หมะ หมอ”

“น้องโอบจะเขียนยังไงครับ....”

“เอ่อ....”

“จะบอกเขาเหรอครับว่าพี่รักษาน้องโอบยังไง” หะ!! มะ ไม่ได้ๆ

“หรือจะอ้างอิงจากแหล่งที่มาว่าไงครับ ในเมื่อพี่ไม่ได้พูด....”

“....”

“ก็พี่ลงมือทำให้ดู น้องโอบจะบอกว่ามาจากประสบการณ์โดยตรง......อย่างนั้นเหรอครับ”

“!!!” จะ จริงด้วย!! งะงั้นก็เขียนไม่ได้นะสิ!! แล้วที่เขาเสียเวลามาที่นี่ ทำทุกๆอย่างมันก็ไม่มีความหมายนะสิ เมื่อเห็นว่าโอบอุ้มช็อคและมีสีหน้าราวกับจะร้องไห้ออกมา หมอเสือก็โอบกอดคนตัวเล็กเอาไว้

“ไม่เป็นไรๆ ถ้าน้องโอบถูกไล่ออก พี่เสือยินดีเลี้ยงดูทั้งชีวิตเลย แค่เมียคนเดียวพี่เลี้ยงไหว”

 เขาที่ยังอึ้งอยู่เบลอจนคิดอะไรไม่ออก จนสัมผัสอุ่นๆปัดผ่านผิวแก้มไป ที่นิ่งช็อคจากข้อมูลที่ได้มาแต่เขียนไม่ได้กลับมาตกใจเพราะโดนหมออธิปขโมยหอมแก้มหน้าตาเฉย สายตาคมที่มีรอยหวานอยู่ในนั้นสะกดโอบอุ้มให้นิ่งเฉย ยอมรับริมฝีปากร้อนที่ประทับลงมา ตัวของโอบอุ้มสั่งระริก แม้คิดจะดิ้นรนหลีกหนีจากสัมผัสอุนหวาบหวามนี้ หลีกหนีจากคนตรงหน้านี้แค่ไหน แต่ร่างกายก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เสียงร้องห้ามดังขึ้นไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานหูที่แทบจะฟังไม่เป็นภาษา โอบอุ้มถูกมอบความรักให้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนท้วมทนไปทั้งตัวโดยที่หมอปล่อยให้คนใต้ร่างได้นอนพัก ทานข้าวเท่านั้น ทุกที่ภายในห้องนี้ถูกใช้เป็นจุดแสดงความรักของทั้งคู่จนแทบไม่เหลือที่ว่าง ขนาดในห้องน้ำโอบอุ้มก็ถูกรักจนแทบจะครบทุกท่าเลยก็ว่าได้ หมออธิปหลงมัวเมากับร่างกายหอมหวานจนไม่สามารถปล่อยให้เมียของตนได้ออกไปไหนจากบริเวณบ้าน หากจะว่ากันตามจริง ไม่ยอมให้โอบอุ้มได้ออกจากห้องเลยมากกว่า เจอขนาดนี้โอบอุ้มเองคงต้องยอมรับแล้วล่ะว่า ‘รัก’ ที่หมอมีให้เขานั้น นับไม่ถ้วนจริงๆ รวมถึงจำนวนครั้งของการแสดงความรักด้วย




             มือถือเครื่องสวยถูกส่งคืนเจ้าของหลังจากถูกยึดมานานทัเงสัปดาห์ โอบอุ้มรีบรับและกดเปิดเครื่องเพื่อนเช็คดูสายโทรเข้าและข้อความต่างๆ นี่เขายังเคืองไม่หายที่วันก่อนตัวเขาโทรไปหาน้าโอบเพื่อจะบอกว่าไม่ค้องเป็นห่วง แต่หมอตัวดีดันคว้าเอาไปคุยเองเสียอย่างนั้น พอเขาถามว่าคุยอะไร กลับได้รับเสียงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลับมาเฉยๆ น่าโมโหๆ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโห หมอที่แสนดีและสุภาพหายไปไหน คนที่เขาเจออยู่ตอนนี้คือหมอบ้าตันหาที่ไม่รู้จักอิ่มเอม ตักตวงจากเขาราวกับไม่เคยลิ้มลอง เขาสิที่ตื่นมาทุกครั้งปวดเมื่อยตัวจนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ แล้วรู้ไหมว่าหมอเสือพูดกับเขาว่ายังไง เจ้าหใอบ้าตันหานั่นบอกเขาว่า พี่เป็นหมอนะครับ รู้ดีว่าน้องโอบรับพี่ได้แค่ไหน อย่ากลัวไป พี่ไม่ทำให้เมียช้ำหรอก ดูสิ แทนที่จะสำนึก ไม่มีหรอก

“ฮัลโหล.....”

‘โอบหรือลูก’ เสียงของสาววัย40ปลายๆเรียกรอยยิ้มจากเขาได้เป็นอย่างดี

“น้าอิ่ม ผมคิดถึงน้าอิ่มครับ” ไม่ได้เสเสร้งหรือพูดเอาอกเอาใจใดๆเลย พอลองห่างจากน้าอิ่มมาแบบนี้ เขาก็อดคิดถึงไม่ได้จริงๆ

‘หึๆ นึกว่าอยู่กับแฟนจนลืมน้าไปแล้วเสียอีก’ แฟน....แฟนที่ไหน?

“ใครครับแฟนผม”

‘นี่เราหลงๆจนลืมแฟนตัวเองแล้วเหรอ ก็ตาเสือไงล่ะ วันก่อนยังบอกน้าอยู่เลยนะว่าจะมาสู่ขอเราให้เป็นเรื่องเป็นราว’ เขาอ้าปากค้าง นี่ไอหมอบ้ามันไปพูดอะไรไว้กันแน่

“ไม่ใช่ๆ น้าอิ่มไม่ใช่นะครับ” แทนที่เขาจะแก้ตัวแล้วน้าอิ่มจะชะงัก กลับหัวเราะใส่เขายกใหญ่

‘จะไม่ใช่ได้ยังไง เด็กสมัยนี้นี่แปลก อดเปร้ยวกันไม่เป็นหรือยังไงนะ ถึงไวไฟกันแบบนี้’

“.....” ยิ่งได้ยินน้าอิ่มพูดเขาก็ยิ่งช็อค ไอหมอบ้ากามนั่น มันไปเป้าหูอะไรน้าอิ่มของเขา!!!!!

‘เอาเถอะๆ ต่อไปโอบก็ไม่ต้องเข้ามาทำงานกับน้าแล้วล่ะ’

“ทะ ทำไมละครับ” หรือจะเป็นเพราะเขาเอาข้อมูลไปเขียนไม่ได้

‘อ้าว......เป็นถึงคุณนายหมอแล้วนี่ จะมาทำงานนั่งโต๊ะอยู่ทำไมล่ะจ๊ะ’ ใบหน้าขาวนวลแดงซ่านเมื่อถูกแซวเรื่องสถานะ แม้จะยังไม่ยอมรับก็ตาม

“แต่ แต่ผมอยากทำนะครับน้าอิ่ม”

‘น้าว่าเราไปคุมแฟนเราจะดีกว่านะ เพราะเท่าที่น้าได้ยินมาเนี่ย หมอของคลินิกมารักษ์ ขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์ไม่ใช่เหรอ’

“.....” มันก็ใช่ ตอนที่ฟังคำเล่าจากปากเพื่อนตัวเอง เขาก็ไก้ยินแต่คำป้อยอถึงความหล่อน่าซั่มของหมอ

‘เห็นว่า สาวๆสวยๆ หนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยหน้าตาดีๆพากันไปรักษาทั้งๆที่ไม่ได้ป่วย ขนาดยอมจ่ายแพงเสียด้วยนะ ไม่รู้ว่าอย่างหมอจะทนไหวหรือเปล่านี่สิ’ เขากำโทรศัพท์แน่น ในหัวจินตนาการไปต่างๆนาๆ ทุกๆบทรักถ้าหากคนใต้ร่างของหมอไม่ใช่เขาล่ะ ถ้าเป็นคนอื่นหมอจะทำไหม ถ้าเป็นคนอื่นหมอจะ..... ฮึ่ม!!!! ไม่ได้ เขาจะยอมให้คนอื่นมาชุบมือแย่งหมอของเขาไปไม่ได้ เขาต้องไปดูด้วยตาตัวเอง!!!

คิดได้ดังนั้น โอบอุ้มก็อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่หมออธิปเป็นคนไปเลือกซื้อมาให้เขาแถมยังจัดเอาไว้เป็นชุดๆให้ได้รู้ว่าควรใส่ตัวไหน โอบอุ้มรีบแต่งตัวด้วยความร้อนใจก่อนจะวิ่งลงมายังชั้นล่าง

“คุณหนูโอบคะ คุณหนูโอบจะไปไหนคะ คุณหมอสั่งไว้ว่าจะไปไหนให้โทรไปบอกคุณหมอก่อน” ป้านิ่มถามด้วยความตกใจเมื่อไม่เคยเห็นเขารีบร้อนขนาดนี้

“ไปคลินิกของหมอเสือครับป้านิ่ม”

“ไปคลินิกหมอ ไปทำไมคะ หรือว่าคุณหนูโอบไม่สบาย” ป้านิ่มดูร้อนใจมาก แต่เขาไม่มีเวลาแล้ว สัญญาณบางอย่างเตือนให้เขาไปจัดการที่นั่น

“อย่าเรียกคุณหนูสิครับป้า เรียกโอบเฉยก็ได้ ผมฟังแล้วมันแปลกๆ”

“ค่ะๆ แล้วตกลงหนูโอบจะไปทำไมคะ”

“ไปจัดการแมวที่ชอบแอบไปกินข้างนอกครับ!!”

เขาตอบอย่างมั่นใจ โอบอุ้มกับสาวเท้าวิ่งไปที่รถแทกซี่ที่เขาเรียกบริการเอาไว้ หึหึ!! เดี๋ยวเจอโอบอุ้มแน่หมอ เดี๋ยวเจอกันแน่!!!!!
ทันทีที่รถจอดหน้าคลินิก โอบอุ้มก็รีบลงจากรถโดยเร็วเท้าทั้งสองแทบจะวิ่งเข้าไปข้างในจนคัณสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าตกใจที่เห็นผม

“คุณโอบอุ้มสวัสดีค่ะ วันนี้มาทำอะไรคะเนี่ย” โอบอุ้มยิ้มให้เธอทั้งที่ใบหน้าและสายตายังชะเง้อมองไปยังห้องของหมอเสือ

“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังนะครับคุณสาว เดี๋ยวผมจะจับแมวไม่ได้” เธอมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

“แมว?? แมวที่ไหนคะ ในนี้มีแมวด้วยเหรอคะคุณโอบ” เขายิ้มจนตาปิด ในใจร้อนลุ่มอยากจะถลาไปยังจุดหมาย แต่เขาต้องการให้คุณสาวไปด้วย

“มีสิครับ ไปไหมครับผมจะพาไปดูแมวที่ชอบแอบมากินข้างนอก”

“ไปค่ะๆ ดิฉันชอบแมวมากๆเลย” โอบอุ้มและคุณสาวเดินตางไปยังห้องตรวจหมายเลข4อย้างไม่รอช้า และเมื่อมายืนอยู่เบื้องหน้าห้องตรวจคุณสาวเองก็เริ่มตั้งคำถามขึ้นมา

“คุณโอบคะ แมวอยู่ในนี้เหรอคะ”

“ใช่ครับ อยู่ในนี้แหละครับ เดี๋ยวคุณสาวรอฟังเสียงนะครับอย่าเพิ่งเข้าไป” เขาบอกและยืนรออยู่หน้าห้องตรวจอยู่พักนึง และแล้วเสียงก็ดังขึ้นจริงๆ

“หมอ อูย ดีจังครับ อ๊ะ อ๊า” เขาเหลือบมองใบหน้าสวยที่เริ่มซีดเดาว่าตอนนี้คุณสาวคงรู้แล้วว่า แมวที่เขาหมายถึงคือใคร

“ลึกๆครับ อื้อ ลึกเลยครับ อ๊า อย่างนั้นแหละครับ!! ซี๊ดดด”
ทนฟังไม่ไหวแล้วโว๊ย!!!!!!!!!!!!

     ปัง!!!!!!!

“นะ น้องโอบ มะ มาได้ยังไงครับ” โอบอุ้มกวาดสายตาไปจนทั่ว บนเตียงมีหนุ่มร่างเล็กอยู่ในท่าที่ยกก้นหันมาทางหมอเสือ ส่วนมือของหมอเสือก็กำลังคว้านอยู่ในรูของคนตรงหน้า ภาพที่น่ารังเกียจแบบนี้มัน มัน มันทำให้โอบอุ้มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

    พรึบ........สวบ!

“โอ้ยย!!! เจ็บๆๆ อย่า อ๊า!!!”

“ลึกๆใช่ไหม ห้ะ!!! แบบนี้ลึกพอไหม นี่แหน่ะๆๆๆๆ” เสียงร้องโหยหวนของร่างเล็กบนเตียงดังลั่นห้อง หมอและคุณสาวยืนอึ้งมองเขาที่หยิบเอาปากกาบนโต๊ะหมอมาสามด้านก่อนจะยัดมันเข้าไปแทนที่นิ้วของหมอ

“น้องโอบๆๆ ไม่เอาแล้วพอแล้วครับ พอแล้วๆๆ” โอบอุ้มถูกคนตัวใหญ่รวบไว้ในอ้อมแขน ส่วนคุณสาวช่วยดึงปากกาออกจากรูเล็กๆของคนๆนั้น

“ปล่อยเลยนะ ปล่อยๆๆๆๆๆ”

“ฮื่อออ เจ็บอ่ะ หมอครับ ผมเจ็บจังเลย ดูสิครับ มันบวมเลย” ยัง ยังไม่เลิกร่านใช่ไหม

“แค่ปากกามันไม่แหกหรอก ลองให้ผมยัดขาตัวเองเข้าไปให้ไหมครับ จะได้เช็คได้ว่าหลวมหรือเปล่า” ขนาดโดนเขาทำขนาดนี้ คนๆนั้นก็ยังคงส่ายก้นยั่วยวนตาให้หมอเสืออยู่ดี

“ไม่ต้อง!!! เดี๋ยวผมให้หมอยัดของหมอเข้ามาก็รู้แล้วว่าหลวมหรือคับ!!”

“เฮ้ย!!!” หมอเสือร้องอุทานลั่นเมื่อคนไข้ตัวดีของตัวเองพูดออกมาหน้าตาเฉยแบบนั้น

“หมอลองใส่มาสิครับ”

“ไม่ๆๆ น้องโอบอย่าฟัง พี่ไม่เคยทำแบบนั้น ไม่คิดทำด้วย โอ๊ย!!!!!” ใบหูของหมอถูกใอบางดึงจนแทบจะหลุดติดมืออกมา ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ตอบโต้ใดๆให้โอบอุ้มต้องเจ็บ

“หนอย!!!! ถ้าไม่เคยมันจะพูดออกมาไหม หา!!!!”

“ไม่ๆๆ ไม่เคยเลยจ้าเมียจ๋า พี่ไม่เค๊ยไม่เคยยุ่งกับเขาเลยนะ” เสียงสูง มีการเสียงสูงตอบแบบนี้ ไว้ใจไม่ได้

“แน่ใจ........” มือบางบิดหูแรงขึ้นเพื่อเค้นความจริงออกมา

“โอ๊ยๆๆๆ สองจ้าสองครั้ง แค่ใช้ปากไม่เคยเข้าไปจ้า” ความรู้สึกจุกและเสียใจมันตีขึ้นมาจนมือไม้อ่อนแรง ใบหูถูกปล่อยจนหมอเสือร้อนใจรีบดึงร่างเล็กๆเขเมากอดไว้ ในขณะที่คุณสาวลากพาอีกคนออกไปขากห้องพร้อมปิดประตูให้

“โอบ โอบจ๋า พี่ไม่เคยนอกใจโอบนะ กันคนนั้นอาจจะเคยเกิดขึ้นจริง แต่นั่นก็ก่อนพี่จะเจอโอบ”

“......” โอบอุ้มยืนนิ่งไม่เครื่อนไหว มีเพียงลมหายใจและน้ำตาที่ไหลรินออกมา

“พี่มีแค่โอบอุ้มคนนี้คนเดียวนะครับ มีแค่เมียคนเดียว ที่น้องโอบเห็นพี่กำลังตรวจเขา”

“แล้วทำไมต้องครางจนดังลั่นห้องขนาดนั้น” ถ้าเขาได้ยินคนอื่นหรือจะไม่ได้ยิน

“ไม่รู้สิ เขาคงต้องการยั่วพี่ล่ะมั้ง”

“....” โอบอุ้มเม้นปากแน่น นึกขุ่นเคืองในใจกับเรื่องแบบนี้

“แต่ไม่มีใครน่ารักน่ากอดเท่าน้องโอบแลเวล่ะ”

ฟอด!!!!

“ไม่มีใครหอมเท่าเมียพี่ด้วย ไม่เชื่อลองจับดูสิ” เขาถูกหมอเสือคว้าข้อมมือไปจับกลางลำตัวที่กำลังโป่งพอง ก่อนหน้านี้ที่ลำตัวเขาสัมผัส ไม่เห็นรู้เลยว่ามันตื่น

“เห็นไหม.......มันตื่นก็เพราะโอบนะครับ”

“อย่ามาพูดดี หมออาจจะขึ้นเพราะเขาแต่มาโบ้ยให้ผมก็ได้ใครจะไปรู้” ของแบบนี้มันเชื่อยากจะตาย

“งั้นให้พี่ทำไหมจะได้รู้ว่าพี่เรียกชื่อใครเวลาคราง”

“ไม่ อื้อ!!!!”

คุยกันทีไรทำไมชอบงกมาจบที่เรื่องนี้ทุกที เขาไม่เข้าใจเลย สรุปแล้ว หใอก็ทำให้ผมเห็นว่า ปากหมอไม่ว่าง และเวลาครางก็มักจะครางชื่อเขา แล้วไงล่ะ เจาก็เสียพลังงานต้องให้หมอเสืออุ้มกลับแถมตลอดทางยังโดนเพื่อนๆหใอแซวอีก ชีวิตอันสุขสงบของโอบอุ้มไปไหน ฮื่อ....อยากกลับไปตอนยังไม่เจอหมอจัง ผมจะได้นอนพักอย่างสบายใจบ้าง ไม่ใช่แบบนี้

“อ๊า หมอ พอ อื้อ แล้ว อ๊ะ!”

“อีกรอบเดียวนะครับ อีกรอบเดียว ซี๊ด เมียพี่รัดแน่นจังเลย อ๊า” ผมก็ยังคงไม่ได้พัก เช่นเดิม




      แถมท้ายเรื่อง

   พิมพ์พากดโทรออกหาเบอร์ที่คุ้นเคยแต่กลับต้องขมวดคิ้วเมื่อเสียงสัญญาณตอบกลับมาว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง นี่มันก็ตั้งหลายวันแล้วนะ ทำไมถึงยังติดต่อไม่ได้อีกล่ะ ความกังวลใจและเป็นห่วงเริ่มทำให้สมองของเธอคิดไปต่างๆนาๆ หรือโอบจะเกิดอุบัติเหตุ หรือโอบจะมีปัญหา เมื่อเริ่มคิดไปไกลมือบางยิ่งพนายามติดต่อหาโอบอุ้มอีกครั้ง จนในที่สุดก็ติดเสียที
 
‘ฮัลโหล....’

“ไอโอบ!! เกิดอะไรขึ้นวะ มึงอยู่ไหน ทำไมปิดเครื่อง!!” คำถามดังขึ้นจากปากเล็กๆไม่หยุดหย่อน

‘เอ่อ.....พิมพ์ โทษทีนะที่ทำให้เป็นห่วง พอดีกูมีปัญหานิดหน่อยน่ะ’

“ปัญหาอะไรวะ ให้กูช่วยไหม” เธอเองพอกลับจากแอลเอก็รีบติดต่อไปทันที แต่กลับได้ยินแค่เสียงฝากข้อความเท่านั้น ยิ่งข่าวลือที่ว่ากันว่าคลินิกมารักษ์จะไม่ยอมให้ข้อมูลรั่วไหล เพราะภ้าหากว่ามีคนยำเรื่องไปเผยแพร่จะถูกฟ้องร้องเป็นเงิน10ล้านบาท

‘ไม่ๆ ไม่มีอะไรแล้วตอนนี้ อ๊ะ!!’

“อะไร!! เกิดอะไรขึ้น” เสียงแปลกๆทำให้พิมพ์พาร้อนใจ

‘ปะ เปล่า อื้อ // ก็บอกเพื่อนไปสิครับว่าอยู่กับแฟน’ พิมพ์ที่ได้ยินนิ่งจนตาค้าง โทรศัพท์เครื่องแพงเกือบหลุดจากมือ ใบหน้าหวานแดงซ่าน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร

“มึงมีแฟนแล้วเหรอวะ ไอโอบ ใครวะแฟนมึง” แม้จะรู้ว่าไม่ใช่เวลา แต่ตวามอยากรู้สั่งให้ปากเอ่ยถามออกไป

‘พี่เขาเป็นหมอ อื้อ หมอ หยุดก่อน’

“หมอที่ไหน กูรู้จักไหม เดี๋ยวนะ หระ หรือว่า.......”

‘ชะใช่ อ๊า หมอ อยะ เพิ่งสิ อ๊ะ ติ๊ด’ สายถูกตัดไป แต่สิ่คำถามในใจของเธอถูกตอบจนหมดแล้ว

“กะ กรี๊ด!!!!!!!! ไอโอบมีผัวแล้ว กรี๊ด!!!!!!”

“อะไรไ เกิดอะไรขึ้น” สามีของเธอเดินออกมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาตัวเอง

“พี่คีย์ ไอโอบมันมีผัวแล้วพี่!!!”

“หา!!!” คีย์อ้าปากค้าง ก็รู้อยู่หรอกว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้น ก็แม่ภรรยาตัวดีของเขาดันเอาเพื่อนตัวเองไปจิ้นกับหนุ่มหลายๆคนตอนที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แต่ใครจะไปคิดว่า จะเป็นแบบนั้นจริงๆ

“โอ๊ย!!! แบบนี้ต้องเอาไปเขียนนิยายต่อ หึหึ พวกรีดเดอร์ต้องชอบแน่ๆ น้องโอบอุ้มกับคุณหมอ ฟินค่า!!!” เอวัง คีย์ได้แต่ยืนไว้อาลัยให้กับชีวิต หวังเพียงว่าแม่ตัวดีของเขาคงไม่เอาเขาไปติ้นกับใครนะ กลัวเหลือเกินว่าสักวันจะกลายเป็นเขาอีกคนที่มีแฟนเป็นผู้ชาย
 
 
 




The End
[/b][/size]





   
                โอ๊ย ถ้าจะแซ่บขนาดนี้ แมวจะลบหนูโอบทิ้งแล้วใส่พานถวายตัวเองเข้าไปแทน แมวอยากได้ ดิ้นด้วยความไม่พอใจ งื้ออออ ขอโทษที่หายไปนะคะ แต่แมวไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ แมวต้องมาต่อจนจบเก้าห้องแน่นอน ทุกคนก็อย่าทิ้งแมวกันนะค๊า พลีส

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อิจฉาหมอได้ไหม น้องโอบน่ารักจัง

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตายๆๆๆๆคุณหมอแต่ละคนเลือดหมดตัวแล้วค่ะะะ รอติดตามห้องตรวจห้องต่อไปค่ะอยากรู้ว่าจะแซ่บแค่ไหน :pighaun:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
คุณหมอคลินิกนี้โซฮ็อตกันจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ MonsterYY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากเจอหมอห้องต่อๆไปแล้วสิ จะแซ่บ :hao6:เท่าสี่ห้องนี้หรือเปล่า :pighaun: :pighaun:

ออฟไลน์ punpunn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ห้องตรวจที่๕. น.พ กวินทร์
           






           มนุษย์เรามักจะมองหาสิ่งที่ตัวเองต้องการเสมอ และเพราะเราเอาแต่มองจึงไม่เคยเห็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ผมชื่อสองเป็นน้องชายของพี่สามและมีน้องสาวอีกหนึ่งคน น้องสาวผมเธอชื่อหนึ่งส่วนใหญ่เธอจะไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ช่วงนี้ผมเห็นว่า น้องหนึ่งมักจะไปหาเด็ดข้างบ้านเสมอ แถมพี่ชายตัวดีของผมเองก็ไปกับน้องด้วย ผมได้แต่แปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมเขาทั้งสองไม่บอกผม ไม่ชวนผมไปบ้าง ผมจึงแอบตามเขาไปเพื่ออยากจะรู้ว่าเด็กคนนั้นที่แย่งพี่ชายและน้องสาวผมไป หน้าตาจะเป็นอย่างไร

“พี่ฉามมาแย๊วววววว!!!” ร่างเล็กๆของเด็กตัวน้อยที่แก้มแดงปลั่งกับตากลมโตและปากจิ้มลิ้มที่ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจนั้น สะกดสายตาของผมที่แอบมองอยู่หลังต้นไม้จนเผลอใจเต้น เด็กอายุเพียงสามขวบตรงหน้าดูจะมีอิทธิพลกับหัวใจของผมเสียเหลือเกิน ใครกัน นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจของผม

“อ้าว สาม!! มีอะไรหรือเปล่า” ผมไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวเข้ามาเมื่อไหร่ รู้แค่ว่ารอยยิ้มเมื่อครู่หายไปแล้ว มีเพียงสีหน้าสงสัยเท่านั้น

“เอ่อ ปละ เปล่า นี่ใครครับพี่ ใครอ่ะหนึ่ง”

“นี่พี่บ๊าด พี่บ๊าดใจดี ให้หนึ่งกินหนมด้วย” เจ้าหนึ่งยิ้มจนแก้มปริดูปลื้มกับเพื่อนใหม่สุดๆ

“งื้อ พี่ฉาม ใคร ใครอ่ะ” คนตัวเล็กหลบหลังพี่สามเอ่ยถามอย่างสงสัย

“นี่สองครับ สองเป็นน้องชายของพี่เอง สองนี่น้องบาส” ผมกวาดตามองใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความสนใจ ใบหน้าเล็กยิ้มกว้างเมื่อมือของพี่สามลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู

“น้องฉอง น้องฉอง นี่พี่บ๊าดน๊า” ผมได้แต่ขำในความน่าเอ็นดูของบาส มีแต่พี่สามที่ส่ายหัวน้อยๆ

“ไม่ใช่นะตัวแสบ เราน่ะต้องเรียกพี่เขาว่า พี่สอง ส่วนบาสน่ะเป็นน้อง”

“อ๋อๆ น้องบ๊าด พี่ฉอง ป๋มจำได้ฮับ”

“ดีแล้วครับ.....”

ตั้งแต่วันนั้นผมและพวกพี่น้องก็มักจะไปเล่นด้วยกันบ่อยๆ พี่สามเอ็นดูและดูแลน้องบาสดีจนไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผมหรือน้องบาสกันแน่ที่เป็นพี่น้องคลานตามกันมา ทุกวันที่ไปเรียนผมมักจะเห็นพี่ชายตัวเองซื้อขนมเจ้าอร่อยมาเก็บเอาไว้ ถามทีไรก็ไม่ยอมให้ผมกิน จนพอเลิกเรียนกลับบ้าน ผมจึงได้รู้ว่าที่แท้ ขนมที่พี่สามซื้อมาก็เพื่อเอามาฝากน้องบาสนั่นเอง เจ้าตัวแสบที่ได้รับขนมยิ้มแก้มปริแถมกระโดดกอดพี่สามเสียแน่นจนผมนึกอิจฉา ร่างกายเล็กๆนั่น ถ้าได้กอดบ้างก็คงดี น้องบาสชอบขนมสินะ ดีล่ะ ผมจะซื้อมาฝากน้องบ้าง

“บาสครับ” น้องหันมามองผมพร้อมกับยิ้มหวานก่อนจะวิ่งตรงมาหาผมทันที

“คร๊าบบบบบ”

“พี่ซื้อขนมมาฝาก อยากได้ไหมครับ หืออออ” ผมเก็บความตื่นเต้นเอาไว้แทบไม่ไหว เมื่อเห็นแววตาตื่นเต้นของน้อง

“อยากครับๆ บาสชอบขนมที่สุดเลย” พี่ก็ชอบครับ.......ชอบน้องบาสน่ะ

“ถ้างั้น.......ทำไงก่อน” ผมย่อตัวลงเพื่อรอการตอบแทนจากน้อง แต่กลับได้สิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน

“ขอบคุณคร๊าบ” น้องยกมือไหว้ผมที่ยิ้มค้างอยู่ที่เดิม ฮ่าๆ น่ารักจริงๆ

“ไม่ใช่สิครับ มาๆ มากอดพี่สองก่อนนะ”

“ทำไมอ่ะ” เอ่อ ทำไมเหรอ เพราะ เพราะอะไรดีวะ

“เพราะว่า......พี่เดินไปซื้อมาเหนื่อยมากไงครับ เลยอยากได้อ้อมกอดจากน้องบาส”

“โอเคคร๊าบ กอดน๊า” น้องโผเข้ากอดผมจนเต็มอ้อมแขน กลิ่นหอมๆของน้องแตะจมูกจนผมเผลอสูดดมมันเข้าไปจนสุดปอด หอม น้องตัวหอมมาก

“คิกๆ พี่สองอย่าจิ บาสจั๊กจี้”

“อ่า ขอโทษครับ นี่ขนมนะครับ” ผมเผลอ เผลอกดจมูกลงไปที่ซอกคอหอมๆนั่น ยังได้กลิ่นไม่พอเลย กลิ่นหอมของเด็กอายุ8ขวบ มันทำให้ร่างกายที่เริ่มโตของผมเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งๆที่อยากคุยกับน้องต่อแท้ๆ

“ขอบคุณมากครับ บาสจะกินๆ กินให้หมดเลย เย้” น้องรับขนมแล้ววิ่งออกไปไกลจากผม ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว ผมกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะเผลอ ทำน้องบอบช้ำ

กลิ่นหอม ยังติดอยู่สินะ

ผมยกเสื้อที่มีกลิ่นตัวของน้องติดอยู่ขึ้นมาสูดดมอีกครั้ง หอม หอมจริงๆ กลิ่นน้องมันช่างยั่วยวนอารมณ์ผมจริงๆ ผมพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำในห้องนอนของตัวเอง จัดการปลดกางเกงออกเล็กน้อยให้สามารถพาลูกชายที่พองตัวของผมออกมาได้

“อื้อ น้อง อา”

ผมจินตนาการถึงหน้าน้อง กลิ่นที่ติดอยู่กับเสื้อช่วยให้ผมนึกมันออกได้ไม่ยากเลย มือเร่งสาวในขณะที่ภาพในหัวผมกลับเห็นน้องกำลังกินตัวของผมเข้าไปในปาก อมมันเข้าไปจนสุด

“อา ซี๊ด บาสครับ อื้อ อ๊า”

 ผมมองคราบขาวที่ล้นทะลักออกมาจากรอยหยักของตัวเองด้วยแววตาว่างเปล่า อยากกอดน้องจัง อยากจะจับน้องนอนลงบนเตียง อยากถอดเสื้อผ้าน้องออกแล้วดอมดมไปทั่วทั้งตัว อยากได้กลิ่นมากกว่านี้ ผม.....อยากรักน้องแรงๆ
         


      ผมเรียนอยู่ม.5ตอนที่พี่สามเข้ามหา’ลัย แม่กับพ่อดีใจมากตอนที่รู้ว่าพี่สามสอบติดหมอ และเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่า ไม่มีวันสอบหมอแน่ๆ เพราะพี่ผมเรียนหนักมา แถม.....มันทำให้น้องเหงาที่ไม่ได้เจอมันอีก จนวันหนึ่งที่ผมกำลังอยู่ในห้องตัวเอง เสียงครางของคนสองคนดังออกมาจากห้องของพี่สาม มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าเสียงที่ว่า ไม่ใช่ของผู้ชายสองคน ผมเดินไปที่ประตูห้อง แง้มมันออกเพื่อจะดูให้เห็นกับตาว่าพี่สามพาใครเข้ามาในห้องกันแน่ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้ผมช็อค พี่สามกับน้องกำลังบรรเลงบทเพลงรักกันอยู่ ถึงแม้ที่ผมเห็นจะเป็นเพียงแค่การออรัลให้น้องก็ตาม ผมถอยห่างจากประตูอย่างอึ้งๆ บอกตัวเองว่ามันไม่จริง ผมเพียงแค่ตาฝาดไป แต่เสียงที่ยังคงดังออกมามันทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้ ผมรู้ดีว่าพี่สามรักน้องขนาดไหน พี่สามก็รู้ดีว่าผมรักน้องแค่ไหน เราสองคนต่างรู้กันและกัน แต่สิ่ฃที่ผมไม่รู้คือ ใจของน้อง แต่วันนี้ผมรู้แล้ว การที่น้องยอมให้ทำแบบนั้น น้องต้องมีใจให้พี่สาม

ไม่!!!! มันต้องไม่เป็นแบบนั้น

ในใจผมขัดแย้งกัน สมองสั่งการให้พิสูจน์นั่นคือทุกอย่างที่สอนผมให้รู้ว่าอันไหนคือความจริง ใช่ ถ้าไม่พิสูจน์ผมไม่มีวันยอมรับ บางทีพี่สามอาจจะแค่ล่อลวงน้องมา น้องยังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ มันต้องเป็นแบบนั้น พี่สามเดินออกมาจากห้องมองผมอย่างตกใจ หึ!! คงไม่คิดละสิว่าผมจะยืนอยู่ตรงนี้

“พี่ทำอะไรวะ” พี่สามหลบตาผม ไม่ยอมมองหน้าผมสักนิด

“สองมีอะไร”

“ผมถามว่าพี่ทำอะไรน้อง!!” ผมได้รับเพียงแค่เสียงถอนหายใจ ก่อนที่สายตาคมของพี่สามที่ฉายชัดความแน่วแน่จะหันมามองผม

“พี่จริงจัง!! พี่ชอบบาส และพี่จะไม่ยอมถอย” ผมกำหมัดแน่น ใจจริงอยากจะชกพี่สามสักครั้งให้สาสมกับที่ทำให้ใจผมเจ็บ แต่ผมก็ทำไม่ได้

“มันไม่แฟร์ พี่แม่ง.....ไม่แฟร์เลย” ผมเจ็บ จนไม่อยากจะยอมรับ พี่สามขี้โกง ผมเองก็จริงจังกับน้อง

“เฮ้อ......แล้วสองจะเอายังไง”

“ผมไม่ยอมรับ ไม่เชื่อหรอกว่าน้องจะรักพี่สาม น้องต้องรักผมแน่ถ้าน้องได้อยู่ใกล้ๆผมมากกว่าพี่!” มันต้องเป็นแบบนั้น ผมมั่นใจ

“ถ้าสองคิดแบบนั้น ก็เอาสิ” ผมมองหน้าพี่สามอย่างไม่แน่ใจว่าจะเชื่อได้ไหม พี่สามนะเหรอจะยอมให้ผมอยู่ใกล้ๆน้อง

“นี่พี่....”

“ครับ พี่จะถอยออกมาให้ แต่......” เมื่อเห็นว่าผมแสดงความดีใจออกมาพี่สามก็ขัดขึ้นมา

“แต่อะไรครับ” นาทีนี้ จะอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น

“พี่จะยอมถอยออกมาแค่ช่วงเวลาที่พี่เรียนอยู่เท่านั้น แต่จากนั้น......มันเป็นเวลาของพี่!!” ผมไม่สนใจหรอกว่า จากนั้นมันจะเป็นเวลาของพี่สามหรือเปล่า เพราะผมมั่นใจเลยว่า น้องจะต้องยอมรับผมเข้าไปในหัวใจแน่นอน

“หึ.....ได้เลย”

ทุกอย่างมันเหมือนจะดี พี่สามเดินกลับเข้าไปด้านในด้วยแววตาว่างเปล่า แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก เพราะตอนนี้ มันจะเป็นเวลาของผมที่จะอยู่กับน้อง สายตาของผมเห็นพี่สามที่กำลังแต่งตัวให้น้อง จูบซับไรผมอย่างหวงแหน ใบหน้าที่หลับพริ้มช่างน่ารักแต่แค่ไม่นานพี่สามก็อุ้มน้องขึ้น ผมรู้ดีว่าเห็นแก่ตัว แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยน้องไปโดยไม่พยายามอะไรเด็ดขาด น้องต้องรักผมแน่ พี่คอยดูได้เลย พี่สาม!!!!!



        แต่ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมหวัง พอพี่สามเอาแต่เรียนจนไม่มีเวลา น้องก็ยิ่งเงียบแววตาฉายชัดถึงความเศร้าใจ ตอนแรกน้องเพียงถามหา พอนานวันเข้าน้องแทบไม่อยากจะคุยกับใครเลย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองผิด เหมือนความรักของผมทำให้น้องต้องเจ็บปวด แม้ผมจะซื้อขนมมาให้เท่าไหร่น้องก็ไม่เคยยิ้มรับด้วยความดีใจเลยสักครั้ง ตะมีเพียงรอยยิ้มตามมารยาทและคำขอบคุณที่ออกมาจากปากเล็กๆเท่านั้น ใจผมปวดร้าวไปหมด ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกมันจะทำให้น้องต้องทรมานขนาดนี้ ผมเคยแวะไปหาพี่สามครั้งนึง ตัวพี่สามเองก็โทรมจนผมแทบไม่เชื่อสายตา ข่าวจากเพื่อนๆพี่สามเขาว่า พี่สามไม่ไปไหน ไม่เที่ยวที่ไหน ไม่สนใจใครเอาแต่หมดตัวอ่านหนังสือทั้งคืน วันไหนว่างก็เพียงแค่มานั่งคุยกับเพื่อนๆเท่านั้น ทั้งๆที่สาวสวยเยอะแยะมากมายมาชอบพอ แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจจะสานสัมพันธ์กับใคร ราวกับว่า กำลังอดทนรอบางสิ่งอยู่ เพียงแค่ได้ยินใจผมก็หายวาบ อาการของพี่สาม มันช่างเหมือนกับน้องเสียจริง ผมเดินกลับบ้านทั้งๆที่เหม่อลอย คิดวนเวียนไปแต่เรื่องเดิมๆ

 ถ้าหากว่า......วันนั้นผมไม่เรียกร้องออกไป

 ถ้าหากว่า......ผมตัดใจตั้งแต่เห็นภาพนั้น

 ถ้าหากว่า......ผมยอมรับความจริง พี่สามกับน้องในวันนี้ ก็คงจะรักกัน

 ทุกอย่าง มันเป็นเพราะความเห็แก่ตัวของผม

ปี๊น!!!!!!!

“ระวัง!!!” เสียงและแรงดึงผมให้รอดพ้นจากรถคันใหญ่คือใครผมไม่ได้มองหรอก เพราะแค่พอรู้สึกตัว ตัวผมก็สั่นไปหมด กลัว ใช่อาจจะใช่ แต่เพราะอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขาต่างหากที่ทำให้ผมอ่อนแอจนปล่อยให้น้ำตารินไหล มือของคนที่เพิ่งช่วยชีวิตผมไว้ลูบประโลมศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา เขาปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้น เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะมองเขาแบบไหน

“ฮึก ฮืออออ”

ยิ่งผมร้องไห้มากเท่าไหร่ อ้อมแขนที่กอดรัดเอาไว้ก็ยิ่งแน่นขึ้น ความอบอุ่นของเขาแผ่ซ่านไปจนทั่วทั้งตัว หัวใจของผมปล่อยแล้วทุกอย่าง ความอัดอั้นที่กักเก็บมานานละลายจนกลายเป็นสายธารที่รินไหล พี่สามครับ น้องบาสครับ สองของโทษ

“โอเคแล้วใช่ไหม”

ฟืดดดดด!

“ครับ ขอโทษนะครับ ขอบคุณมากครับพี่วิน” ผมพูดเสียงอู้อี้อยู่กับผ้าเช็ดหน้าของพี่วินที่เขาส่งมาให้ผมเช็ดน้ำตา

“ไม่เป็นไร......แล้วนี่ ตกใจขนาดไหนถึงร้องไห้หนักแบบนี้” ผมมองพี่วินเพื่อนพี่สามก่อนจะหลบสายตาไป ไม่กล้าบอกความจริงว่า ผม......เป็นคนทำให้พี่ชาย กลายเป็นคนไร้หัวใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดตัวเองเหลือเกิน ทำไมผมถึงทำเรื่องเลวร้ายได้ขนาดนี้ เพราะผมดึงดัน เพราะผมมันดื้อด้าน ทั้งหมดมันเป็นเพราะผม
โอ๊ย เจ็บชะมัด

“กัดปากตัวเองทำไม มีอะไรพูดกับพี่ก็ได้นะ” ผมสบตาที่ทอดมองมาด้วยแววตาห่วงใย ผมซาบซึ้งใจ ที่พี่วินเป็นห่วงแต่เรื่องนี้ จะให้พูดไป มันก็คงไม่ได้

“เปล่าครับ ผมสบายดี” เก็บเอาไว้ในใจคนเดียวคงดีกว่า ถ้าผมพูดไป พี่คงจะเกลียดผม

“อย่าคิดมาสิ ไม่ว่าเรื่องอะไร แค่สองเล่า พี่ก็พร้อมจะฟัง” พี่วินกุมมือผมเอาไว้ สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความห่วงใยจริงๆ ผมเคยได้รับสายตาแบบนี้ ตอนที่พี่สามยังอยู่บ้าน ตอนที่พี่สาม ไม่ได้ยกน้องให้ผม

“ผมทำเรื่องเลวร้าย มันเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผม ถึงทำให้เขาทั้งสองคนเจ็บ” ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอ พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก ทั้งๆที่ขอบตาร้อนผ่าว

“เล่ามาเถอะ ถือว่าระบายมันออกมาบ้าง ต่อให้มันร้ายแรง พี่จะช่วยหาทางแก้” ยิ่งพี่วินดีกับผมเท่าไหร่ อาการจุกอกมันก็มีมากขึ้น ความผิดของคนเห็นแก่ตัว มันช่างทรมานเหลือเกิน

“ผม......ชอบน้องข้างบ้านของตัวเอง”

“ครับ.......แล้ว” เสียงพี่วินเบาลงแต่ผมกลับไม่ได้สังเกต

“พี่สามเอง ก็ชอบน้องเขาเหมือนกัน” ผมกัดปากระงับอาการสั่นของตัวเอง แค่พูด น้ำตามันก็รื้อขึ้นมาแล้ว

“.....”

“แต่ผมมันเหี้ย ผมมันเห็นแก่ตัว ผม.....ทำให้พี่สามต้องถอยห่างจากน้อง”

“หมายความว่าไวครับ ทำไมสามถึงถอยห่างจากน้อง”

“เพราะผม......บอกพี่สามว่า มันไม่แฟร์”

“.....”

“ผมนึกว่า ผมจะสามารถเปลี่ยนใจน้องได้ ผมนึกว่าแค่ไม่มีพี่สามน้องจะหันมารักผม” ทุกอย่างตรงหน้ามันพร่าเลือน ผมรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ผิวแก้ม รสชาติของมันเค็มจนขม

“แล้วเป็นยังไงครับ น้องเขารักสองหรือเปล่า”

“ไม่ ไม่เลยครับ น้องแทบไม่พูดกับใคร น้องเอาแต่เงียบ เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ผม ผมมันเป็นคนเห็นแก่ตัว ผมทำให้น้องกับพี่สามต้องเจ็บ” มือของพี่วินค่อยปาดไล่หยาดน้ำตาให้ออกจากแก้มของผมอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเหมือนยาที่บรรเทาความเจ็บปวดของผม

“คิดเสียว่า มันเป็นบทพิสูจน์ความรักของน้องกับไอสามมันก็แล้วกันนะครับ แค่สองคอยดูแลน้องห่างๆก็พอ”

“.....” มันจะพอจริงๆนะหรือ ผมมองพี่วินอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก

“แต่ยังไงก็ต้องบอกไอสามมันนะครับ และเรื่องนี้ องต้องเป็นคนบอกมันเอง”

“ครับ ผมจะบอกพี่สองเอง” ผมสูดลมหายใจลึกๆ ดีแล้ว ผมตัดสินใจถูกแล้ว ผมสมควรจะทำให้มันถูกต้องเสียที





>>>>>>>>มีต่อค่ะ<<<<<<<<<

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
>>>>>>>ต่อเลยนะคะ<<<<<<<<


       พี่วินไปส่งผมที่บ้าน ผมตัดสินใจได้แล้วว่าตัวเองจะทำให้มันถูกต้องซะที ความรู้สึกผิดในตัวผมจะได้หมดๆไป แม้ว่าจะเจ็บที่เห็นน้องเป็นของพี่สาม แต่ก็ยังดีกว่าที่จะต้องเห็นคนที่ผมรักสองคนเจ็บเพราะผมคนเดียว แต่แค่ผมคิดจะทำ มันก็เป็นได้แค่สิ่งที่ผมคิดเท่านั้น

“คนนั้นเหรอครับที่สองกับไอสามชอบ” สายตาของพี่วินมองตรงไปยังเก็กชายหัวเกรียนในชุดนักเรียนที่ตอนนี้เดินเคียงข้างมากับสาวสวย

“ใข่ครับ.....สงสัยเขาจะมากับเพื่อน” ผมขมวดคิ้ว ทำไมผมไม่เคยเห็นเพื่อนน้องคนนี้กันนะ แต่พี่วินกลับยกยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องตลก

“หึ!! พี่ว่าคงไม่ใช่เพื่อนหรอกครับ ถ้าเป็นเพื่อนคงเป็นแค่ในห้องนอนแล้วล่ะ”

“ไม่จริง น้องไม่ใช่คนแบบนั้น” ถึงแม้ผมจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นธรรมดาของเด็กผู้ชายก็ตาม ภาพที่น้องโอบเอวสาวน้อยคนนั้นเข้าไปในบ้านยังติดตาตรึงใจผม มันน่าใจหาย แบบนี้แย่แน่ๆ แบบนี้.....มันจะมีทำให้พี่สามและตัวน้องเองเสียใจ

“ผมจะไปคุยกับน้อง!!” แต่ตัวผมกลับถูกพี่วินรั้งเอาไว้ ก่อนจะส่ายหน้าให้ผมราวกับว่ามันเปล่าประโยชน์

“ไม่มีประโยชน์แล้วครับสอง ปล่อยให้น้องเรียนรู้โลกไปดีกว่า สองเข้าไปตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้น้องโกรธ เชื่อพี่สิ ให้ไอสามมันจัดการเองดีกว่า อย่างน้อยๆ เขาสองคนก็รักกัน”

อึก!!

เหมือนถูกเข็มพันเล่มทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ คำพูดที่พี่วินพูดมันจริงทุกอย่าง ผมมันคนนอกพูดไปน้องก็คงไม่ฟัง รังแต่จะทำให้น้องเกลียดผม แต่กับพี่สาม ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่น้องคงจะฟังพี่สามมากกว่า เจ็บจนแทบไม่อยากหายใจ ผมหมดแรง แค่จะลงจากรถแล้วเข้าไปในบ้านผมยังทำไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนออกมาพี่วินถึงได้เอาแต่ลูบแก้มผมแบบนี้

“ให้พี่อุ้มไปส่งไหม”

หะ????

“อะ อะไรนะ” ผมแทบกัดลิ้นตัวเองตาย ไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า แต่พอสบตาหวานของพี่วิน มันก็ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก

“ให้พี่......อุ้มสองไปส่งดีไหมครับ”

“อะ เอ่อ เอ่อ”

“สัญญาเลยครับ ว่าจะส่งให้ถึงเตียง” บะ บะ บ้าไปแล้ว ผมขยับตัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทำไมหน้าผมร้อนแบบนี้ละ

“ผะ ผม ผมไปเองได้ครับ ขอบคุณครับที่มาส่ง”

ผมรีบวิ่งลงจากรถไปในบ้าน วิ่งขึ้นไปบนห้องนอนตัวเองอย่างรวดเร็ว ไอพี่วินบ้า เล่นอะไรบ้าๆ

   ตึกตัก    ตึกตัก    ตึกตัก

ไอหัวใจไม่รักดี แค่เห็นเขาอ่อยก็เต้นซะแรงเลยนะ ใช้ได้ที่ไหน อย่าหวั่นไหวสิวะไอสอง แกชอบน้องไม่ใช่เหรอ อย่าถูกชักจูงง่ายๆสิ แต่ทำไมเตือนเท่าไหร่หัวใจก็ไม่ยอมฟัง สมองยังคงนึกแต่ภาพของพี่วิน ยิ่งสัมผัสแผ่วเบาที่แก้ม แค่นึกถึงผิวแก้มก็ร้อนแทบไหม้แล้ว

  โหดร้าย.........มาทำให้ผมหัวใจจะวายแบบนี้ได้ยังไง
     



จากนั้นผมก็ไม่ได้คุยกับน้องอีกเลย น้องดูเฮฮาไม่เก็บตัวเหมือนเก่าจนผมแปลกใจ น้องเปลี่ยนไปมากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่คุยกับผม น้องยังไปมาหาสู่ผมเสมอ เพียงแต่ไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในบ้านผมอีกเลยแค่นั้น พี่วินเป็นตัวกลางคุยให้ผม ผมขอโทษและยอมรับผิดกับพี่สามไป แต่แทนที่พี่สามจะโกรธกลับเอาแต่ลูบหัวผมเหมือนจะปลอบใจ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมเล่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของน้องให้พี่สามฟัง พี่สามเพียงแค่ส่งเสียงรับในบำคอไม่พูดอะไรออกมาอีก สีหน้าที่เคยเศร้าหมองตอนนี้มีเพียงความครุ่นคิดที่ชวนให้สงสัยว่าอะไรที่พี่สามกำลังคิดอยู่ ทุกอย่างมันเหมือนจะดีแต่ก็ไม่สุด พี่สามยังคงเก็บตัวอ่านหนังสือเหมือนเดิมแต่ดีหน่อยที่ยังกลับบ้านบ้าง ทุกครั้งที่พี่สามกลับมา สายตามักจะมองไปที่ข้างบ้านเสมอ ผมเคยคิดว่าตัวเองรักน้องมากกว่า แต่พอได้ปล่อยน้องไป ยอมรับความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมกลับไม่ได้เจ็บอย่างที่กลัว พอลองมองย้อนดูแล้ว ถ้าผมกล้าในวันนั้นที่จะยอมรับความจริง พี่สามกับน้องก็คงจะรักกันไปแล้ว



แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ......



“พี่จะพกพี่วินมาทำไมวะ” ผมกระซิบถามพี่ชายตัวดีที่นั่งอยู่ข้างๆ

“เอ้า......ก็มันอยากมา”

อยากมาก็มา บ้านกูเป็นสวนสัตว์เหรอวะ

“แล้วจำเป็นต้องให้มาไหมพี่”

“ชู่!! อย่าเสียงดังดิ เดี๋ยวมันได้ยินจะเสียใจเอานะ” ทำไมผมต้องไปกลัวด้วย

“ไม่เห็นจะกลัวเลย”

“หึ.....แล้วสองปิดปากทำไม” ผมชะงัก ไม่ได้ตั้งใจจะปิดปากซะหน่อย แค่เผลอไปเองเท่านั้น ผมได้แต่ขมุบขมิบปากบ่นไร้เสียงจนพี่สามต้องยกมือขึ้นเขกหัวผมด้วยความหมั่นใส้

“สองสบายดีนะ” ผมเหลือบมองใบหน้าหล่อของพี่วินที่มีรอยยิ้มประดับอยู่

“ครับ ก็.....สบายดี” จะไม่ดีก็ตรงที่พี่แม่งมานี่แหละ

“ดีแล้ว พี่เป็นห่วงมาตลอดเลย”

“หึหึ” พี่สามแม่งจะหัวเราะทำไมวะเนี่ย ใช่เรื่องตลกเหรอ

“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับพี่ ผมไม่ได้เป็นอะไร” รู้สึกร้อนๆที่ก้นจนอยากลุกหนียังไงไม่รู้สิ

“นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจ พี่จะอุ้มไปดูแลที่บ้านแล้วนะเนี่ย”

 กะ กะ กรี๊ดดดดดดดดดดด อยากจะร้องให้บ้านแตก พี่วินมันบ้าไปแล้วแน่ๆ

“โอ๊ะๆ เหมือนกูจะไม่ควรอยู่ตรงนี้ มดแม่งเยอะฉิบหาย” ไหนมดพี่สามวะ ทำไมผมไม่เห็นสักตัว

“อย่าลุกเชียวนะ ไม่งั้นผมจะหาบาส” ได้แต่กัดฟันบอกพี่ชายตัวเองเบาๆ จับเสื้อของพี่มันไว้ไม่ให้ไปไหน

“อ๋อ.....ลืมไปว่ากูฉีดไบกอนไว้แล้ว” กลับลำเชียวนะไอพี่เวร ก็นึกภาพตามแล้วกันนะครับ ถ้าพี่สามลุกไป โซฟาก็จะเหลือแค่ผมกับไอพี่วิน และผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่าพี่มันต้องขยับมาแน่ๆ

“แล้วสองเรียนเป็นไงบ้างครับ ให้พี่สอนพิเศษให้ไหม ยังไงพี่ก็เรียนหมอ” เกี่ยวอะไรกับเรียนหมอวะ

“ไม่เป็นไรพี่ ครูที่โรงเรียนมีเยอะแยะ เดี๋ยวผมจ้างเอาก็ได้ จะไม่ได้ไม่ลำบากพี่ด้วย”

“เฮ้ย......พี่เต็มใจ เรียนกับพี่ครบสูตร ในตำราก็ดี นอกตำราพี่ก็เก่ง”

เดี๋ยวๆ กูคิดไปเองหรือเปล่าว่าประโยคมันแปลกๆ

“จริง!! ไม่เชื่อลองถามสาวๆในมหา’ลัยได้ เมียมันทั้งนั้น”

ป๊าบ!!!

“ไอสัสสาม!!!” ผมสะดุ้งกับเสียงฟาดฝ่ามือลงมาที่ไหล่พี่ชายผม แต่เหมือนหนังพี่สามจะหนาเกินมนุษย์เพราะนอกจากจะไม่ร้องโอเครวญแล้วยังหัวเราะอีก

“ฮะๆ” ตอบอะไรไม่ได้ก็หัวเราะแม่ง

“อย่าไปเชื่อมันนะสอง พี่เป็นคนรักใครแล้วรักคนนั้นแค่คนเดียว”

“อ่า ครับ ก็.....มันเป็นชีวิตพี่อ่ะ ไม่ต้องบอกผมก็ได้ครับ ฟันหญิงเป็นเรื่องปกติ ผมก็ทำ” อันนี้ผมพูดจริง หน้าตาผมก็ใช่ว่าจะไม่หล่อ พอไม่มีไอพี่สามอยู่ในโรงเรียน สาวๆในโรงเรียนจึงหันเหถ่ายเทใจมาทางผมซะส่วนใหญ่ไป

“แล้วอย่างพี่ มีสิทธิ์ฟันน้องไหมครับ”

“อุ แค่กๆๆๆ” ผมถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองจนแสบจมูกไปหมด ลำบากพี่สามมันต้องช่วยลูบหลังให้ทั้งๆที่ยังกลั้นขำเอาไว้

“ฮ่าๆ ไอสัส มุขมึงได้ กูชอบ” ไม่ถงไม่ถามกูเลย ไอพี่เลว

“มึงชอบแล้ว........”

“...???”

“น้องมึงจะชอบกูไหม”

เกลียด พี่แม่งกล้าและหน้าด้านมาก เกลียดความอ่อย เกลียดคำพูด เกลียดน้ำเสียง เกลียดพี่มันที่ทำให้ผมหน้าแดง เกลียดที่ทำให้ใจเต้นแรง ทั้งๆที่ไม่ควร




“วินลองทานนี้นะลูก แม่ลงมือเข้าครัวเองเลย” ผมนั่งเขี่ยข้าวในจานเล่น มองดูภาพแม่ผมที่กำลังเห่อลูกชายคนใหม่จนออกนอกหน้า

“นั่นสิเจ้าวิน วันหลังมาบ่อยๆสิ พ่อกับแม่ค่อยจะอยู่บ้าน ถ้าว่างๆก็มานั่งเล่นนั่งคุยกับเจ้าสองมัน”

หะ???

“ไม่ต้องหรอกพ่อ แม่ ผมมีเพื่อนเยอะแย๊ะ!!!!!” เสียงสูงไว้ก่อนปลอดภัยดี แต่สายตาของพวหท่านที่มองมายังไม่เท่ากับสายตาไอพี่วินที่มองอย่างรู้ทัน

“ถ้าไม่รบกวนน้อง ผมก็อยากจะมาอีกครับ คิดเอาไว้ว่าจะมาช่วยติวให้อะไรแบบนี้”

“จริงเหรอลูก แหม.....เป็นคนดีอะไรแบบนี้คะ ขนาดตัวเองเรียนหนักยังนึกถึงน้อง” เออ เอาเถอะครับ เอาเข้าไป

“เบ้หน้าทำไมเจ้าสอง พ่อเห็นนะ” ก็ตาดีเกิ๊น แต่ผมก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตากิน อยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่สมองเล็กๆกำลังหาวิธีอยู่

จริงด้วย!!!

“ไม่ได้หรอกแม่ พี่วินต้องสับรางรถไฟ ไม่ค่อยจะว่างเท่าไหร่ ไม่เชื่อถามพี่สามสิครับ ใช่ไหมพี่”

“เกี่ยวไรกับกูวะ อุก!” ผมศอกใส่ท้องที่เต็มไปด้วยอาหารอย่างแรง

“ใช่ไหมพี่สาม!!!”

“เออๆ ใช่ก็ได้วะ”

“สับรางอะไรกัน เราทำงานพิเศษด้วยเหรอวิน” พี่วินมองผมตาวาววับก่อนจะหันไปส่งยิ้มบางๆให้แม่ของผม

“เปล่าครับ ไม่ได้ทำ”

“หือว่าเราติดแฟน จริงสินะ เวลาก็ไม่คอยจะมี เราต้องไปอยู่กับแฟนสิ จะมาสอนเจ้าสองได้ไง ขอโทษทีนะ แม่ไม่รู้” หึ!! เข้าทางผมล่ะ

“ฮ่าๆ มีที่ไหนครับ มีแต่จีบๆอยู่นั่นแหละครับ” พี่วินหันมาสบตาผมอย่างสื่อความหมาย แต่ผมเลือกจะเบนสายตาไปที่อื่นมากกว่า

“ใครล่ะ อย่างเราต้องจีบด้วยเหรอ ถ้าเป็นแม่นะ แค่วินบอกว่าชอบแม่ก็ยอมเป็นแฟนด้วยแล้ว”

อึก! เหมือนถูกสะกิดด้วยคำพูด แต่คำพูดไม่เท่าสายตาพี่วินที่มองมาอย่างสื่อความหมาย แต่ผมมันไม่อยากตีความหมายนั้นไง เลยได้แต่เหล่มองแจกันข้างๆตัวแทน

“ไม่เป็นไรครับ กับคนนี้.......ให้รอทั้งชีวิต ผมก็ยอม” เกลียดความอ่อยของพี่วินมาก

“กรี๊ดดดดดดด คุณคะ เราหย่ากันเถอะ” เวร แม่ผมแย่แล้ว

“จะบ้าเหรอคุณ!! ห่ามนะวิน นี่เมียพ่อ” เอากับบ้านผมสิ ยังไงดีล่ะ จากที่เริ่มหน้าร้อนๆตอนนี้ผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางของพ่อกับแม่มากกว่า พี่สามไม่พูดไม่จาอะไร เอาแต่มองออกไปทางหน้าต่างที่สะท้อนให้เห็นบ้านหลังสวยของใครบางคน แววตาที่หลากหลายอารมณ์ดูปะปนกันจนผมที่เห็นแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันฉายสิ่งใดชัดเจนที่สุด ครั้นผมจะถามออกไปก็ไม่ได้ กลัวจะทำให้พี่สามเจ็บกว่าที่เป็นอยู่ ทุกวันนี้เวลาจะพูดถึงน้องผมต้องกรองแล้วกรองอีกว่าควรไหม ว่าอันไหนต้องเงียบไว้ สถานการณ์ของพี่สามกับน้องดูย่ำแย่ ทุกวันนี้แค่เดินผ่านน้องยังไม่มองพี่สามมันเลยด้วยซ้ำ ขนาดว่าพี่สามยืนอยู่ข้างๆผมแท้ๆ น้องยังเลือกทักแค่ผมเท่านั้น

“แม่ครับ....”

“ว่าไงคะลูกสาม”

“สัญญาของแม่กับน้าฉาย มันยังอยู่ไหมครับ” ผมชะงัก สัญญาอะไรกัน??

“สัญญาอะไรอ่ะแม่”

“สัญญาที่ว่าจะให้น้องบาสแต่งกับพี่สามไงคะลูก” ทะ ทำไมผมไม่เห็นเคยรู้เรื่อง ผมได้แต่นั่งอ้าปากพะงาบๆอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครสนใจ

“ยังอยู่ไหมครับ”

“เอ.......”

“.........” แม่คิดอยู่สักพักใหญ่ โดยที่พวกผมนั่งรอฟังคำตอบนั้น

“อืมมม เหมือนว่าแม่กับน้าฉายจะพับมันเก็บไว้ชั่วคราวนะคะ ทำไมเหรอลูก” พี่สามยกยิ้มที่มันอาจจะดูหล่อ แต่ผมร็ดีว่ามันแฝงตวามชั่วร้ายเอาไว้

“ผมแค่ถามเอาไว้...”

“......”

“เพราะถ้าหากเกิดอะไรขึ้น”

“.....”

“แม่จะได้ไปขอน้องให้ผมได้”

ทุกคนมองตามร่างของพี่สามที่เดินขึ้นห้องไปโดยไม่สนใจจะอธิบายใดๆเพิ่ม ปล่อยให้ต่างคนต่างคิดไปกันเอง ผมหันไปมองหน้าแม่ที่นั่งเหวออยู่ก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างไม่ถือสา เดี๋ยวนะแม่ พี่มันอาจจะไปฉุดคร่าน้องมาก็ได้ ไม่คิดห้ามหน่อยเหรอ ส่วนพ่อเอาแต่นั่งจ้องกับข้าวที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะราวกับชั่งใจว่าจะกินจานไหนดี พ่อครับ พ่อกินไปเลยครับ ทุกจานเลยก็ได้ครับ พอผมเบนสายตาก็ไปปะทะกับพี่วินเข้าพอดี ทำไมทุกครั้งที่ผมสบตาพี่เขาจะต้องแฝงไปด้วยความวับวาวอยู่เรื่อยเลย

“คุณแม่ครับ”

“ว่าไงจ๊ะลูกวิน” พี่วินยกยิ้มเอาใจแม่ผม

“ถ้ามีคนมาขอสอง แม่จะทำยังไงครับ” แม่ผมปล่อยเสียงหัวเราะราวกับมันคือเรื่องตลก เหรอ???

“แม่คงยกให้ฟรีๆ แถมรถให้หนึ่งคันด้วยมั้งคะ”

“แม่!!!!” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ทำไมแม่ไม่หวงผมเลย น้อยใจ~

“จริงเหรอครับ แล้วแบบนี้ ค่าสินสอดน้องจะเท่าไหร่ครับ” แม่ผมยังคงไม่รู้ตัว ยังสนุกราวกับว่าพี่วินพูดล้อเล่น ส่วนพ่อผมนั่งหรี่ตามองไปที่พี่วินอย่างต้องการวิเคราะห์

“ฮ่าๆ อย่างสอง ขอแค่มาขอ แม่เอาแค่สองล้านก็พอค่ะ” พี่วินยิ้มกว้างอย่างพอใจ มองผมด้วยสายตาโลมเลียอย่างเปิดเผย

“ถ้าอย่างนั้น แล้วผมจะมาใหม่นะครับ วันนี้คงต้องกลับไปคุยกับแม่ผมแล้ว”

“จ้า แล้วแวะมาอีกนะคะลูก” พี่วินยกมือไหว้แม่กับพ่อผม ก่อนจะหันมายกยิ้มให้ผม

“พี่ไปนะครับ แล้วจะมาให้เร็วที่สุด” ผมนั่งก้มหน้ากัดปากตังเองเอาไว้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบสายตาคู่นั้น กลัวจะแสดงสีหน้าน่าอายออกไป จนพี่วินเดินออกไปแล้วผมถึงกล้าเงยหน้าขึ้น พ่อมองผมด้วยแววตาอ่านไม่ออก แต่รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของพ่อ ทำให้ผมร้อนรนแปลกๆ

“ผะ ผม ขึ้นห้องไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ” ผมรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องด้วยความอาย ใบหน้าเห่อร้อนจนไม่ต้องแตะก็รู้ดี

“คุณคะ วินถามเราแปลกๆหรือเปล่าคะ”

“ยังไงครับ”

“ก็....ลูกเราต้องไปขอสาวไม่ใช่เหรอคะ ทำไมวินถามเหมือนลูกเราจะแต่งออกไป”

“หึหึ อาจจะใช่ล่ะมั้งคุณ.....”

“.....” แม่สบตาด้วยความงุนงง

“บางที.....เราอาจจะได้ลูกเขยแทนก็ได้นะ ใครจะไปรู้” แค่ได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยกันไล่หลังมาผมก็ยิ่งอายจนแทบมุดดินหนี พี่วินบ้า!! มาพูดอะไรบ้าๆแบบนี้ได้ไง
     



     หลังจากวันนั้นมา ผมก็ไม่ค่อยได้เจอน้องบาสเท่าไหร่ แต่คนที่ผมเจอบ่อยที่สุดก็คือพี่หมอวิน เพราะตั้งแต่วันนั้น พี่หมอวินก็แวะมาหาผม พาผมออกไปข้างนอกบ่อยๆ สาวนใหญ่ก็จะไปกินข้าว ดูหนังกัน แต่มันไม่ใช่การเดทนะ พี่เขาก็แค่ว่างแล้วบังเอิญผมก็ว่างเหมือนกัน เลยไปกับพี่เขาหน่อย มันก็บ่อยนะ ถ้าถามผม จะเรียกได้ว่า ถ้าพี่หมอวินไม่ติดเรียนก็มาอยู่กับผมมากกว่า ผมกับพี่หมอวินก็เป็นแบบนี้จนพี่หมอวินเรียนจบหมอแล้วตัดสินใจร่วมกันเปิดคลินิกกับพวกพี่สามนั่นล่ะ ผมรู้สึกห่างๆกับพี่หมอวินออกมา อาจจะด้วยว่าผมเองก็ต้องไปมหา’ลัย ชีวิตของผมมีเวลาน้อยลง ทำอะไรกับเพื่อนมากขึ้น มีรุ่นพี่รุ่นน้องแทนการมีพี่หมอวิน ถามว่าผมรู้สึกยังไง มันก็โหวงๆเนอะ คนเคยเจอกันมาก่อน มาวันนี้ไม่ค่อยได้เจอกันมันก็เลย วูบๆโหวงๆแปลกๆ สายตาผมมันก็มักจะมองหาร่างของพี่หมอวินแบบไม่รู้ตัว จนผมยังเคยถูกทักถามเลยว่า รอใคร

หึหึ.......นั่นสินะ ผมรอใครกัน

ขนาดผมที่นั่งรอยังไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังรออยู่ แล้วเขาจะรู้ไหม ความเคยชินกลายเป็นความไม่ชิน พี่หมอวินแค่เดินเข้ามาแล้วหายไป มันไม่เห็นมีอะไรยาก แต่ทำไมกับผมมันถึงยากจัง แค่การจดจ่อกับสิ่งอื่นๆแค่นี้ ทำไมพี่หมอวินทำมันง่ายๆ แต่กลายเป็นผมทำมันไม่ได้ก็ไม่รู้ ตื่นมาทุกเช้ามองจอ เผื่อจะมีเมสเสจอะไรเข้ามาให้เห็นบ้าง แต่มันก็แค่หน้าจอที่ว่างเปล่า มีเพียงแค่รูปของผมที่ยิ้มแย้มอยู่บนหน้าจอ

 เขาคงไม่มาอีกแล้วล่ะ

ผมคิดแบบนั้นจริงๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ผมก็พอจะชินกับการไม่มีพี่หมอวินเข้ามาในชีวิตบ้างแล้ว ตอนนี้ผมเองก็จบออกมาทำงานของตัวเอง ฝากเตือนน้องๆที่คิดจะรัก อย่ารักจนลืมดูแลตัวเอง เรื่องหัวใจมันห้ามไม่ได้ แต่อย่าทำเรื่องที่วันพรุ่งนี้ต้องมานั่งเสียใจ ความรักของเราจะต้องไม่ทำร้ายใคร เพราะถ้ามันทำร้ายคนอื่นเมื่อไหร่ มันไม่ได้เรียกว่าความรัก มันจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวทันที ผมพูดจริง! ถ้าให้พูดมันก็คงยาว และคิดว่าน้องๆจะเกลียดผมเสียเปล่าๆ


 

    พี่สามกลับมาบ้านเสมอ แต่ผมจะเห็นสายตาที่ยังคงทอดมองออกไปยังบ้านหลังข้างๆไม่แปรเปลี่ยน ทุกครั้งที่เห็น ความรู้สึกผิดมันก็จุกอกผม น้ำตาแทบจะไหลอยู่รอมร่อ ผมเป็นห่วงเรื่องของพี่สามและน้องมาก บางครั้งยังคิดเลยว่าจะทำอะไรไถ่โทษ แต่ทุกครั้งที่คิด ภาพของพี่หมอวินก็มักจะผุดขึ้นมาในหัว คำพูดของพี่หมอวินเองก็ก้องดังอยู่ในใจ ปล่อยให้พี่สองจัดการเองดีกว่า ผมมันคนนอก รังแต่จะทำให้น้องไม่พอใจเปล่าๆ เผลอๆเรื่องมันอาจจะยุ่งมากขึ้นก็ได้ ช่วงนี้ไปทำงานผมได้ยินแต่คนพูดถึงเรื่องของคลินิกมารักษ์ ซึ่งผมจำได้ดีว่ามันเป็นคลินิกของพี่สามและเพื่อนๆที่เปิดด้วยกัน แต่คำพูดแต่ละคนนี่สิ ทำผมสงสัยว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่

“ได้ยินว่าคลินิกมารักษ์เปิดรับรักษาเฉพาะโรคทางเพศล่ะ”

“ใช่ๆ ที่เด็ดกว่านั้นนะแก......”

“ทำไมย่ะ”

“หมอหล่อและอร่อยมาก” ผมเบิกตากว้างแทบไม่เชื่อหูว่านี่คือการสนทนากันของสองสาวในชุดนักศึกษา

“ต๊าย พูดแบบนี้ แกได้กินแล้วเหรอ!!” สาวอีกหนึ่งคนเพียงยิ้ม สายตาเพ้อฝันไปไกล

“ฉันยังไม่ลืมเรื่องวันนั้นเลยล่ะ หมอไม่ใช่แค่หล่อนะคะ เก่งด้วย”

“จริงเหรอ!!! โอ้ยฉันอยากไปบ้าง!! ใครรักษาแกย่ะ”

“หมอกวินทร์ หล่อและอร่อยสุดๆ รับรองเลย”

!!!!

พะ พี่หมอวิน เหรอ มะ เมื่อกี้ เธอบอกว่า พี่หมอวิน เป็นคนรักษาเธอ

ผมเผลอกำมือตัวจนแน่น ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพียงแต่จู่ๆความไม่พอใจก็แล่นขึ้นมาก่อนที่จะถูกแทรกด้วยความผิดหวังที่จุกอยู่ภายในอก หึหึ.....ผมนึกแล้วเชียว นึกแล้วว่าอย่างพวกพี่ๆเจาจะเปิดคลินิกแบบนี้ทำไม สุดท้ายก็แค่แอ้มสาว ก็แค่ได้นอนกับใครก็ได้โดยที่ไม่ผิด นี่สินะงานที่ยุ่งของพี่หมอวิน นี่สินะสิ่งที่ดึงไว้ไม่มห้มาหาผม ตอนนี้ทุกอย่างมันกระจ่างแล้ว ผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยล่ะ ผมผิดหวังในตัวพี่หมอวินมาก และมันก็คงกลับมารู้สึกดีแบบเดิมไม่ได้ ผมมั่นใจ!!

๕๐%



TBC







          คนที่เกลียดหมอสามในห้องตรวจที่สอง แมวเอาปมมาแก้แล้วนะคะ น้องสองเองก็รักหนูบาสมากเช่นกัน เพราะฉะนั้น ความรักไม่ผิดนะคะ สิ่งที่ผิดคือการตัดสินใจ แมวไปไล่อ่านในห้องตรวจแรกของหมอทายมา ปรากฎว่าแมวใส่ชื่อหมอที่เข้าห้องมาเจอน้องกังหันผิดนั่นหมอสามนะคะ ที่ห้องตรวจมีเก้าห้อง ไม่มีหมอชื่อสอง แมวจะไปแก้ไขให้ค่ะ (ไม่มีใครท้วงแมวเลย โฮ~) และด้วยความที่ว่ามันเป็นเรื่องสั้นโน๊ะ มันเลยอาจจะถูกตัดจบแบบ เฮ้ย!!! ได้เหรอแก แบบนี้ก็ได้เหรอ ได้ค่าาาา ต้องได้ เดี๋ยวมันไม่จบ 555555555 จริงๆคือ ความรักมันอาจจะเกิดขึ้นแบบฉับพลันกับใครก็ได้ในหลายๆสถานะการณ์(ซึ่งแมวยังไม่เคยมีรัก) อาจจะบรรยายความรักออกมาไม่สวยงามและคนอ่านของแมวอาจจะไม่เข้าใจที่แมวสื่ิอ สำหรับบางคู่แค่รู้ตัวว่ารักมันก็เพียงพอ สำหรับบางคน แค่รักก็สามารถให้อภัยได้ และสำหรับหลายๆคน การได้ครอบครองคนรักคือทุกสิ่งทุกอย่าง อยากให้ทุกคนอ่านด้วยความสนุกนะคะ ติเตียนแมวได้เลยค่ะ แมวชอบ(อีโรคจิต!!!) แล้วแมวจะนำไปแก้ไข

ปล. ทุกคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจ แมวได้อ่านหมดนะคะ อ่านไปก็ยิ้มไปเหมือนคนบ้า สิ่งที่ทุกคนเขียนมา จะด่าตัวละคร จะว่าหมอ ได้หมดค่ะ เขียนมาเลย แมวจะนั่งขำสมน้ำหน้าหมอ เผลอๆจะร่วมด้วยช่วยกันปาขี้ใส่หน้าหมอด้วยเอ้า!!! ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอบพระคุณมากนะคะ แล้วพบกันต่อในพาร์ทหลังเนอะ



Twitter : little_kittensY

Facebook : ขีดเขียนวาย by llมวน้oe หรือ นักเขียน ผู้ชื่นชอบวาย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตอนแรกเหมือนจะจริงจัง ทำไมพี่วินถึงทิ้งช่วงไป..เข้าใจคู่ของหมอสามกะบาสมากขึ้น รอ..ออออออ  :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
หมอวินเป็นอะไรทำไมไม่มาหาน้อง :m16:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จริงใจไม่จริงจังหรอหมอวิน

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
กลับมาแล้วเหรอพี่สาม เป็นไงบ้าง” ผมมองพี่ชายที่กลับเข้ามาด้วยท่าทางอ่อนแรง

“เหนื่อยมาก ไม่ไหววะ พี่อยากพัก” เอาไงดี คาใจจัง เอาวะ ถามก็ถาม

“พี่สามผมมีเรื่องอยากจะถามครับ” สายตาของพืสามฉายแววสงสัย เพราะปกติแล้วผมไม่มาถามอะไรพี่สามแบบนี้หรอก

“ผมได้ยินจากเพื่อนที่ทำงานมาว่า....”

“......”

“คลินิกพี่เอ่อ แบบ ยังไงดีล่ะ เอาใหม่..”

“.......”

“พี่สามนอนกับคนไข้จริงหรือเปล่าครับ!!” ความนิ่งเงียบทำให้ผมเดาทางไม่ออก โกรธ เสียใจ หรือผิดหวัง ผมไม่รู้

“จริง...”

“พะ พี่ นี่พี่!!!”

“เฮ้ออ.......มันเป็นธรรมดานะสอง คนไข้ก็คือมนุษย์ มีเนื้อมีหนัง และพี่ก็เป็นปตุชน มีความต้องการเหมือนคนอื่นๆ”

“คนอื่นๆ ทึ่ว่า ใช่พวกเพื่อนๆ พี่ที่ร่วมกันเปิดคลินิกหรือเปล่า” ผมยิ้มเยาะตัวเอง

“สองถามพี่ว่า เหมือนไอวินหรือเปล่าน่าจะตรงกว่านะ” ผมหน้าชา เมื่อพี่ชายตัวดีจับได้ว่าผมอยากจะสื่ออะไร แต่คนอย่างผมไม่มีวันยอมรับอยู่แล้ว

“ผมไม่ได้อยากจะเจาะจงใครครับ ที่ถามเพราะเป็นห่วงเรื่องพี่กับบาสเท่านั้น แต่ดูท่าทาง คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง พี่ก็มีบรรดาสาวสวยหนุ่งน้อยน่าตาดีๆ มาให้เลือกเยอะแล้ว”

“.......”

“พี่คงไม่สนใจบาสแล้วล่ะ จริงไหม!” ไม่เคยสักครั้งที่จะอยากกระแนะกระแหนหรือจิกกัดพี่ชายตัวเอง แต่มันทนไม่ได้ สายตาและท่าทางบ่งบอกได้ชัดว่ารักน้องมาก แต่การกระทำกลับ.......

“เรื่องพี่กับบาส เป็นเรื่องของเราสองคน สองไม่ต้องมายุ่งหรอก”

“แต่น้องก็เป็นน้องของผมเหมือนกันนะ!! ถ้าพี่ไม่จริงใจ ก็ปล่อยน้องมันไป ทุกวันนี้ ไม่มีพี่สามน้องมันก็ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว พี่เองก็มีคนไข้ตั้งมากมายให้เลือก คงไม่จำเป็นต้องมีน้องหรอก” สาบานได้ว่าผมพูดไปเพียงแค่เพราะโมโหเท่านั้น แค่หงุดหงิดผมจึงพูดไม่คิด

“พี่ไม่ได้เห็นน้องเป็นที่ระบายนะสอง สองต้องแยกแยะคนที่รักกับของข้างทางด้วย” ของข้างทาง

“ก็รู้ว่ามันเป็นของข้างทาง พี่จะเก็บมากินทำไมวะ!!” พี่สามส่ายหัวกับคำพูดของผม หึ มันจริงใช่ไหมล่ะ

“พี่ว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ พี่ว่าสองไปคุยกับไอวินมันตรงๆ ดีกว่า” ผมสะอึก ชะงักไปวูบหนึ่ง

“ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขา แต่ที่ผมมาคุยกับพี่ เพราะพี่เป็นพี่ผม”

“สอง.......อย่าใช้อารมณ์ รอฟังมันก่อน”

“อย่างที่ผมบอก มันไม่มีอะไรที่จะต้องคุย เพราะงั้น ผมก็จะไม่คุย”

ผมเลือกที่จะเดินหนีเสียเอง ไม่อยากได้ยินคำพูดใดๆ ต่อจากนี้ ยอมรับว่าพี่สามมองผมทะลุจนต้องใช้อารมณ์โกรธมากลบเกลื่อน แต่ผมพูดจริง ที่บอกพี่สามไปว่า เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก ถึงผมจะรู้สึกแย่ แต่ไม่มีวันยอมแพ้หรอกครับ ผมจะสู้ สู้กับหัวใจตัวเอง ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมจะเอาชนะหัวใจของผมเองไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าจะเอาชนะความเจ็บที่เกิดขึ้นไม่ได้ ผมไม่เชื่อ!!









 ผมเอาเวลาไปทุ่มเทกับงานของตัวเองทั้งหมดเพื่อที่สมองจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน ไม่ยอมให้ตัวเองมีเวลาว่างมานั่งเพ้อเจ้ออะไร สายโทรเข้ามากว่าสิบสายจากชื่อของคนๆ เดียว ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าพี่สามคงไปพูดกับพี่หมอวินแล้ว ผมทำเพียงแค่ยกมันขึ้นมาดูบ้างเป็นครั้งคราวก่อนจะว่างมันเอาไว้ที่เดิมโดยไม่สนใจอีก บอกแล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน และผมไม่มีอะไรจะคุย ก็ดีครับ ทุกอย่างมันก็เรียบง่ายเลยล่ะ ถ้าไม่ติดว่า คืนนั้นพี่สามโทรเข้ามาหาผมให้ผมรีบไปหา แต่พอไปถึง.......คนที่รอผมอยู่หน้าคลินิก กลับเป็นพี่หมอวิน ซึ่งผม.......ไม่อยากจะเจอเขาเลยสักนิด

“สอง.....”

ผมมองอีกฝ่ายด้วยหางตา ให้เขารู้ว่าผมไม่อยากจะเสียเวลามองเขาด้วยซ้ำ ผมเดินผ่านตัวเขาไปด้วยความมั่นใจ ไม่เคยมั่นใจอะไรขนาดนี้มาก่อน แต่ถ้าหากใครมานั่งเล่นในร่างกายผม คงต้องได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดังและแรงบีบของหัวใจที่มันทำให้รู่สึกเจ็บ กระนั้น.....มือของพี่หมอวินก็คว้าแขนผมเอาไว้ ไม่ยอมให้ผมเดินเข้าไปข้างในง่ายๆ

“สอง......พี่อยากคุยด้วย” ผมไม่รู้ว่าตอนนี้แววตาของเขาสื่อความหมายอะไร เพราะผมไม่สนใจจะมองและรับรู้มัน เพียงแค่ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่สัมผัสแขนผมอยู่ตอนนี้ก็ทำให้ขอบตาแทบจะร้อนผ่าว

“ขอโทษนะครับ.......ผมรีบ” ทั้งที่ผมคิดว่าสะบัดออกอย่างแรงแล้วนะ แต่มันก็ไม่หลุดออกจากมือของพี่หมอวินอยู่ดี

“แต่พี่อยากคุยกับเรา” ผมถอนหายใจก่อนจะทำสีหน้าเรียบตึงมองอีกคนที่มีแววตาตัดพ้อส่งมาให้ผม เหอะ! ตลกน่า คนที่ต้องมีสีหน้าแบบนั้นมันต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ

“ผมว่าพี่คงไม่ได้ยิน ผมบอกว่าผมรีบ......ครับ”

“แค่แป๊บเดียวก็ได้ พี่อยากอธิบาย” ผมขมวดคิ้วทั้งๆ ที่ริมฝีปากเผลอยกยิ้มเยาะออกไป

“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่เข้าใจว่าพี่ต้องการจะอธิบายอะไร” พี่หมอวินยืนนิ่ง อาจจะเพราะคิดไม่ถึงว่าผมจะแสดงออกไปแบบนั้น แน่ล่ะ.......ปกติผมทำหน้าแบบนี้ที่ไหน การขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้ามันสวนทางกันไง มันเลยดูขัดแย้งกันจนไม่รู้ว่าควรจะคิดว่าผมรู้สึกแบบไหนอยู่ พอเห็นว่ามือของเขาผ่อนแรงลงไป ผมจึงดึงออกมาอย่างรวดเร็วและหันหลังเดินไปโดยไม่สนใจพี่หมอวินอีก ยอมรับว่าเจ็บ ยอมรับว่าที่เดินออกมามีแค่ฝีเท้าและตัวเปล่าๆ โดยที่หัวใจของผม.......ยังจดจ่ออยู่กับเขาไม่ห่างไปไหน มันไม่ยอมเดินตามผมมาเลยครับ นี่แหละหนา หัวใจไม่ยอมเชื่อฟัง

“พี่สาม! เกิดอะไรขึ้นครับ” พี่สามปรายตาไปยังร่างเล็กๆ ที่นอนสลบอยู่บนเตียง น้องบาส!!

“สอง....”

“พี่ทำอะไรน้อง!!!!” ผมแทบจะผวาเข้าไปหาน้อง แต่ก็ถูกพี่สามขวางเอาไว้

“พี่.......” ผมฟังพี่สามเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แต่มันไม่ได้ช่วยให้ความคุกรุ่นที่ระอุอยู่ในใจของผมลดลงแม้แต่น้อย พวกพี่สามเห็นเขากับน้องเป็นอะไร ของเล่นงั้นเหรอ จะมาเล่นเมื่อไหร่ก็ได้งั้นเหรอ คิดว่าเขากับน้องไม่มีหัวใจเลยใช่ไหม ผมกัดปากที่สั่นระริกเอาไว้ น้ำตาปริ่มๆ จะไหลแต่ผมก็พยายามจะฝืน ทุกคำบอกเล่ามันล้วนแต่ทรมานแชะหดหู่หัวใจผมเหลือเกิน

“พี่สามทำแบบนี้ได้ไง สองผิดหวังมาก”

“มันเป็นของพี่ สองก็รู้ดี” ผมสบตาที่จริงจังของพี่สาม รู้ดี รู้ทุกอย่างว่าพี่สามมั่นคงกับน้องมาตลอด จริงใจกับน้องมาตลอด แต่ผมคิดว่า แผนที่พี่สามทำมันขึ้นมา มันดูจะเห็นแก่ตัวเกินไป มันดูไม่ยุติธรรมกับน้องเลย ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเริ่มปัญหาทั้งหมด แต่ก็ไม่อยากให้มันจบแบบนี้

หางตาของผมเห็นน้องขยับตัวตื่น ผมรีบขยับดันร่างของพี่สามออกให้ห่างไม่ยอมให้มาขวางผมได้อีก น้องบาสใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บจากเบื้องล่าง

“โอ้ย!!!”

“เป็นไงบ้าง อย่าเพิ่งรีบลุกสิ” พี่สามถลารีบไปพยุงน้องขึ้นมานั่งด้วยความเป็นห่วง เห็นแววตาผมก็พอจะรู้แล้ว แต่น้องกลับตวัดสายตาเขียวปั๊ดมามองด้วยความไม่พอใจ ไหนจะแรงสะบัดตัวออกจากความช่วยเหลือของพี่สามอีก เล่นเอาคนเป็นพี่ของเชาชะงักไปเลย

“ปล่อย!! อย่ามาจับ!!”

“อย่าดิ้นมากสิครับ เดี๋ยวก็เจ็บกว่าเดิมหรอก” ยังเนียนไม่รู้สึกรู้สาอะไรได้อีก ผมจึฃต้องแทรกเข้าไปกลางวงเพราะเป็นห่วงน้องเหลือเกิน

“พี่สามถอยไป!! สองจะพาน้องกลับบ้าน” พี่สามตวัดสายตามองผมด้วยความไม่พอใจ

“ไม่ต้อง สองกลับบ้านไป พี่จะพาน้องกลับเอง” ผมได้แต่มองแววตาขุ่นเคืองของพี่สามด้วยความหนักใจ นี่ไม่รู้เลยเหรอว่าทำน้องมันกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว แววตาของน้องที่ส่งมาให้ผม มันราวกับกำลังขอร้องและ อ้อนวอนให้ผมพาเขาออกไปจากที่นี่เสียที

“แต่น้องกำลังเจ็บ สองจะพากลับเอง!!”

“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ” เหมือนพี่สามผู้แสนจะฉลาดของผมจะคิดอะไรได้ ถึงทำทีท่าว่ายอมแพ้ให้ผมพาน้องกลับไปได้ มันตะหงิดๆ คันยุบๆ ยิบๆ ในหัวใจยังไงไม่รู้สิ มันต้องมีอะไรแน่ๆ

หมับ!!

“พี่สอง ผมอยากกลับบ้าน พาผมกลับบ้านนะครับ” เสียงน้องอู้อี้อยู่กับแผ่นหลังของผม แขนทั้งสองยังคงโอบกอดผมเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไปตัวเล็กๆ ที่สั่นระริกทำให้ผมต้องหันไปลูบหัวเขาอย่างปลอบประโลม

“ครับ เดี๋ยวพี่จะพาเรากลับบ้านนะ”

ผมค่อยๆ ดึงน้องขึ้นและพยุงน้องให้เดินออกจากห้องตรวจของพี่สามออกมา น้องเจ็บถึงได้เดินช้า และผมไม่เร่งรีบอะไร แม้ว่าจะมีสายตาคู่นั้นของพี่หมอวินจับจ้องไม่วางตาก็ตามที ผมพาน้องขึ้นรถขับออกไปจุดหมายปลายทางของเราคือ บ้านของบาส ตลอดทางน้องตาแดงก่ำ จมูกเองก็แดงจนน่าสงสาร ผมรู้เวลาอยากร้องไห้ มันก็ต้องร้องออกมา ผมเหลือบมองน้องเป็นพักๆ ขยับมือไปลูบหัวทุยๆ เบาๆ เพียงแค่ผมสัมผัสน้อง น้องก็ร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น นานแล้วที่น้องไม่ได้ร้องไห้ขนาดนี้ ผมจำได้ดีวันนั้นที่น้องถูกเพื่อนรังแก เดือดร้อนผมต้องไปจัดการให้ น้องบาสตัวนิดเดียว อีกคนตัวใหญ่กว่าแต่มารังแกน้องแบบนี้ ผมยอมไม่ได้







 ผมค่อยๆ ชะลอรถจนมันจอดสนิทอยู่หน้าบ้านน้อง แต่น้องยังคงเหม่อลอยพร้อมกับคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มใสๆ ผมอยากรู้ว่าน้องคิดอะไร แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ น้องคงไม่มีทางบอกผมแน่ๆ

“ถึงบ้านแล้วล่ะ” น้องหันมามองผมก่อนจะหันออกไปมองบ้านตัวเอง

“นั่นสินะครับ” ไม่อยากกลับบ้ายเหรอ ทำไมผมรู้สึกว่าน้องไม่ดีใจเลย เหมือนน้องคาใจอะไรสักอย่างแต่ไม่พูดออกมา

“พี่สอง....” น้องเรียกผมด้วยเสียงเรียบๆ

“ครับ ว่าไง” น้องกัดปากตัวเองแน่น ราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดดีไหม

“อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ผม ได้ไหมครับ” ผมนิ่งเมื่อได้ยินคำขอร้องของน้อง ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มันอดไม่ได้ที่จะถาม จึงถอนหายใจออกไป

“ถ้างั้น.....เราบอกพี่มาสิว่า ทำไมไม่ให้พี่บอกท่านทั้งสอง”

“ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ตัวผมเองก็เป็นผู้ชาย ไม่เสียหายอะไรขนาดนั้น ให้เรื่องมันจบๆ ไปเถอะครับ”

ผมพยายามจับอาการน้อง แต่น้องมีแต่ความไม่เข้าใจและไม่แน่ใจ กับความรู้สึกที่บ่งบอกว่า มันคงจบแล้วเหมือนการเยาะเย้ยตัวเองที่แผ่ออกมานี่แหละที่ผมไม่เข้าใจ เพราะดูยังไงๆ พี่สามคงไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ แน่

“กลับมาแล้วเหรอคะลูก อ้าว!! หนูสอง ทำไมมาด้วยกันได้ละคะ” ผมเดินลงมาส่งน้องให้แน่ใจว่าปลอดภัยจนมาเจอคุณแม่ของน้องเข้า น้องมองผมด้วยแววตาขอร้องแกมบังคับไม่ให้ผมบอกความจริงออกไป ผมขึงยิ้มบางๆ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“สวัสดีครับน้าฉาย พอดีผมไปเจอน้องที่คลินิกพี่สามน่ะครับ เลยรับกลับมาพร้อมกัน” ผมพยายามเลี่ยงรายละเอียดที่เหลือ ผมช่วยน้องได้แค่นี้ที่เหลือน้องคงต้องข่วยเหลือตัวเอง

“แล้วเราไปทำอะไรที่คลินิกพี่สามเขาละลูก กลับไปมนิทกันแล้วเหรอ” คุณแม่น้องถามออกมาด้วยความสงสัย ก็แปลกหรอกครับ น้องไม่คุยกับพี่สามมานานหลายปี อยู่ๆ มีคนบอกไปเจอที่คลินิกพี่สามใครบ้างจะไม่สงสัย

“เปล่าครับแม่ พอดีเพื่อนผมมันแกล้งเอาผมไปทิ้งไว้ที่คลินิกพี่สาม ผมเลยติดรถพี่สองกลับบ้านมาด้วย” เหมือนน้าฉายจะเชื่อ เพราะเห็นคุณแม่ตัวเองวางใจไม่สงสัยอะไรอีก น้องบาสถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ถ้างั้นคุณน้าฉายครับ ผมลากลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้ลาน้าฉายอย่าฃนอบน้อม

“อ๊ะ สวัสดีจ้ะ ว่างๆ ก็มาเล่นที่บ้านน้าบ้างนะคะ น้าคิดถึ๊งคิดถึง” ผมอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ความรักและความเอ็นดูที่น้าฉายมีให้ครอบครัวผมก็เคยเปลี่ยนแปลง

“ครับน้าฉาย”

“พี่ไปก่อนนะบาส” น้องพยักหน้าส่งยิ้มให้ผมบางๆ เหมือนทุกครั้ง แววตาที่มองมาเหมือนจะเอ่ยขอบคุณทุกๆ อย่าง

“ครับพี่สอง ขับรถดีๆ นะครับพี่” ผมถึงกับหัวเราะเสียงดังกับคำกล่าวลาของน้อง สงสัยเจ้าน้องชายผมคนนี้จะลืมไปว่าบ้านอยู่อยู่ติดกับบ้านของตัวเอง

“ฮ่าๆ แค่บ้านข้างๆ พี่คงไม่ต้องขับดีๆ ก็ได้มั้ง” น้องหน้าแดงซ่านเมื่อนึกขึ้นได้ น้องในวันนั้นน่ารักยังไงก็ยังน่ารักเหมือนเคย แค่ตอนนี้สายตาที่ผมมองน้องมันต่างออกไป ดีแล้วล่ะ ดีแล้วที่พี่ไม่ได้รักบาสแบบนั้นอีกแล้ว

“ทุกคนแกล้งผม!!”







>>>>>>>>มีต่อค่าาาา<<<<<<<<<

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ผมละไม่เข้าใจจริงๆ วันก่อนน้องบอกผมว่าอย่าบอกพ่อกับแม่ พอวันนี้กลับคืนดีกับพี่สามง่ายๆ ซะงั้น อะไรเนี่ย!! ผมงงกับน้องจริงๆ แต่ถึงจะสงสัยอะไรมากมาย แต่ผมก็ได้แต่ยิ้มให้กับทั้งคู่อย่างจริงใจ เฮ้อ.......ลงเอยกันสักที นี่แม่ผมยิ้มหน้าบานมากเมื่อรู้ว่าจะได้น้องมาเป็นสะใภ้ ทั้งกอดทั้งโอ๋ มีหันไปดุพี่สามที่ไม่ยอมปล่อยให้น้องมานั่งข้างแม่ด้วย น้องก็แสนจะน่าเอ็นดู ส่งยิ้มเขินๆ ให้กับสายตาล้อเลียนของพ่อที่มองมาจนคนขี้หวงอย่างพี่สามกอดน้องจนจมหายไปกับอก อะไรมันจะหวงขนาดนั้น

พอคุยเรื่องสินสอดงานต่งงานแต่งกันเสร็จ พี่สามก็ไปส่งน้องที่บ้าน กว่าจะส่งกันเรียบร้อยผมเห็นพี่สามมันล่ำลาเหมือนจะจากกันไปอีกสักสิบยี่สิบปี อ้อยอิ่งเหลือเกินจริงๆ หมั่นใส้มากครับ

“ไงพี่สาม พร้อมไปรบยังครับ”

“รบอะไร พี่ไม่ได้ไปรบสักหน่อย” ผมเบ้ปากด้วยความหมั่นใส้

“เห็นอ้อยอิ่งลาน้องเหมือนจะไปออกรบสักยี่สิบปี” พี่สามได้แต่ยิ้มมองผมด้วยแววตาล้อเลียน

“หึหึ......อิจฉา?”

“จะบ้าเหรอพี่สาม!!! ผมจะไปอิจฉาพี่ทำไม” โว๊ะ ผมเหมือนอิจฉาตรงไหนเนี่ย

“เออๆ ไม่อิจฉาก็ไม่อิจฉา วันนี้ไปคลินิกกับพี่หน่อยสิ” ผมรีบหันขวับไปมองหน้าพี่สามด้วยแววตาขุ่นเคือง

“ไปทำไม!!” ผมไม่ธุระอะไรที่นั่นด้วยซ้ำ คงไม่ได้คิดจะหลอกผมให้ไปเจอพี่หมอวินหรอกนะ

“ก็รู้ใช่ไหมว่าคนไข้ของพี่ แต่ละคนจ้องแต่จะ.......กับพี่ทั้งนั้น” ผมชะงักมองสบสายตาของพี่ชายที่เต็มไปด้วยความจริงจัง

“ก็รู้ครับ” ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงสภาพพี่สามที่จะต้องบริการทางเพศให้คนพวกนั้น สรุปนี่หรือคลินิกหรือซ่องของผู้ชายขายน้ำเนี่ย!

“นั่นล่ะ........พี่เลยอยากให้สองไปช่วยกันคนไข้แบบนั้น ให้พี่หน่อย”

“......” ไม่อยากไปอ่ะ ปฏิเสธได้ไหมเนี่ย

“หรือเรากลัวว่าจะเจอไอวิน”

“ผมไม่ได้กลัว”

“ไม่ได้กลัวแล้ว..........”

“เออ!! ผมไปก็ได้ ไม่เห็นจะกลัวตรงไหนเลย!” ผมเดินปั้นปึ่งขึ้นไปนั่งรอพี่สามบนรถ อารมณ์ไม่ดี ไม่อยากขับรถ กลัวชนใครเขาตาย เพราะงั้น ให้พี่สามขับไปแล้วผมนั่งไปด้วยคือวิธีแก้ที่ดีที่สุด แต่พี่สามนะพี่สาม พูดมาได้ไงว่าผมกลัวพี่หมอวิน คนแบบนั้นน่ากลัวตรงไหน ไอสองคนนี้ ไม่มีทางกลัวอยู่แล้ว!!!! เดี๋ยวจะเดินชิวๆ ผ่านหน้าให้ดูเลยก็ได้



 



 พอตัวรถจอดลงหน้าคลินิก ผมก็ลงจากรถแล้วเดินไปพร้อมพี่สาม

“คุณหมอสาม สวัสดีค่ะ มาแต่เช้าเลยนะคะ” ใครอ่ะ สวยจัง

“ดีครับคุณสาว สวยทุกวันเลยนะครับเนี่ย” ว้าว ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณสาวจะสวยได้ขนาดนี้ แฟนเพื่อนพี่สามคนไหนหรือเปล่าน๊า~ พอเผลอคิดแบบนั้น หน้าของพี่วินก็ลอยเข้ามา หรือเธอคนนี้จะเป็นผู้หญิงของพี่หมอวินอีกคน ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ มองใบหน้าสวยของคุณสาวที่ยังคงส่งรอยยิ้มให้พี่ชายผม ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอีกคน

“สวัสดีค่ะ น้องชายของคุณหมอสามใช่ไหมคะเนี่ย” ผมฝืนยิ้มส่งกลับไปให้เธอ

“ครับ สวัสดีครับ พี่สาว” ผมควรจะเรียกแบบนี้สินะ เพราะดูเธอเองก็ชอบดูจากใบหน้าที่ฉายแววเอ็นดูผมออกมา

“จะมานั่งกับพี่ไหมคะ ยังไงก็คงเข้่ไปร่วมตรวจกับคุณหมอไม่ได้อยู่แล้ว ดีไหมคะ จะได้ไม่เบื่อ” ผมเลิกคิ้วถามด้วยสวยตาขุ่นเคือง เมื่อรู้ตัวแล้วว่าถูกหลอกให้มาที่นี่ แถมถูกพี่สาวดึงไว้แบบนี้ผมจะกลับมันก็ดูจะน่าเกลียด จึงได้แต่แยกเขี้ยวให้ตัวการที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม

“ครับ เอาแบบนั้นก็ได้ครับ พี่สาว”

“ดีเลยค่ะ มีน้องชายน่ารักๆ อยู่ด้วยแบบนี้ พี่คงไม่เหงาแล้ว”

สรุปแล้วผมอยู่กับพี่สาวครับ ส่วนพี่สามก็กลับเข้าไปยังห้องตรวจตัวเอง ผมเห็นพี่หมอแต่ละคนเดินเข้ามา รัศมีความหล่อนี่ฉายมาตั้งแต่ก้าวเข้ามาเลย อิจฉาจริงๆ นะ ผมอยากจะตัวสูงให้ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ภพ สมาร์ทให้ได้เหมือนพี่เสือ และยิ้มจนสาวๆ ละลายได้อย่างพี่เดล โอ้ยยยย ผมอยากได้!!!!!!!

“สอง........” ผมหลุดออกจากความเพ้อฝันก่อนจะหันไปมองตามเสียงคุ้นเคยที่เรียกชื่อผม

พี่หมอวิน

“ครับ” ผมแค่ตอบรับเสียงเรียกเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจพี่หมอวินมากไปกว่านั้น ดูจากสีหน้าก็รู้ คงตกใจที่ผมอยู่ที่นี่ หรือตกใจที่ผมอยู่ข้างผู้หญิงของเขากันแน่นะ ผมเองก็เดาไม่ออก

“เอ่อ......คุณหมอมีอะไรให้สาวช่วยหรือเปล่าคะ” หือ?? ทำไมพี่สาวพูดกับแฟนตัวเองแบบนี้อ่ะ

“ไม่ครับ ผมเพียงสงสัย ว่าทำไมสองถึงมาอยู่ที่นี่” คิ้วผมกระตุกกับคำถามที่ออกมาจากปากพี่หมอวิน นี่คือจะสื่อว่าผมไม่ควรจะมาสินะ

“เดี๋ยวอีกสักพักผมคงกลับอ่ะครับ ไม่ได้คิดจะอยู่นาน” ผมปรายตามองสื่อความหมายให้รู้ว่าผมไม่ได้อยากจะมาอยู่ที่นี่จริงๆ ความไม่พอใจเกิดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยรองเท้าจนหน้าชา อับอายขายขี้หน้ามาก

“เปล่า......พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หึ......แก้ตัวไปมันก็เท่านั้น

“อ่า.....ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกเฉยๆ ว่า ผมคงไม่อยู่นาน” พี่สาวข้างๆ ผมเธอลุกลี้ลุกลนราวกับว่าการที่ผมสองคนเถียงกันมันเป็นหายนะที่จะมาถล่มคลินิก ผมเห็นพี่หมอวินถอนหายใจพยายามจะมองตาผม แต่ผมไม่อยากมองแววตาคู่นั้น กลัวใจตัวเองจะสั่นไหวเพราะมันอีก

“พี่ขอโทษครับ ถ้าทำให้สองเข้าใจผิด”

“......”

“แต่พี่ดีใจที่เห็นสองที่นี่ จะดีใจมากกว่านี้ ถ้าเห็นสองทุกวัน”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น กลัวว่าจะเผลอยิ้มออกมาจนอีกฝ่ายได้ใจ พี่สาวมองผมสลับกับพี่หมอวินด้วยแววตาพราวระยับจนพี่หมอวินเดินไปเข้าประจำห้องตรวจของตัวเอง

“อะไรครับพี่สาว” ผมถามเพราะเห็นแววตาที่พราวระยับมองผมไม่วางตา เขินนะ เจอคนสวยๆ มองแบบนี้

“ยังไงเอ่ย.......กับหมอวินนี่ยังไงคะน้องสอง” ผมหลบสายตาของพี่สาวด้วยความเคอะเขิน

“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ พี่หมอวินเป็นเพื่อนพี่ชายผม แค่นั้น”

“แค่นั้น???”

“แค่นั้นสิครับ” พี่สาวไม่ได้ถามอะไรต่อแค่เพียงยิ้มล้อเลียนเท่านั้น ผมได้แต่อายจนหน้าแดง ทำทีมองไปนอกคลินิกที่คนไข้ทยอยเข้ามา

โอ้แม้เจ้า!!!!!

แต่ละคนที่เดินเฉิดฉายเข้ามานี่ เหมือนมาหาผัว ไม่ได้มารักษา ไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายผมจะเคยนอนกับคนไข้ เป็นผมนะ แต่งตัวมาขนาดนี้ ผมฉุดเข้าข้างทางตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วครับ ยั่วเสียเหลือเกินแต่ละคน กางเกงถ้าจะสั้นขนาดนั้น ถอดออกแล้วแก้ผ้าเถอะ บางคนแค่สั้นไม่พอ รัดจนนูนออกมา หือ ก็ผู้ชายไงครับ คิดว่าผู้หญิงเหรอ โน้นเลยครับ ผู้หญิง เธอนุ่งสั้นขนาดที่อย่าให้เธอก้มเพราะมันก็คงไม่เหลือ ผมถึงบอกไงครับ แต่ละคนเหมือนแต่งตัวมาเพื่อหาผัว ไม่ใช่มารักษาโรค

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมอยากจะฝากขนมให้คุณหมอสพลหน่อยได้ไหมครับ” หือ?? ให้พี่สามเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่น่าเอ็นดู แต่การแต่งตัวไม่ต่างจากพวกนั้น พี่สาวเอื้อมมือไปรับมาแทนผม

“ค่ะ จะบอกคุณหมอให้นะคะ” อีกฝ่ายยิ้มให้พอเป็นพิธี ผมไม่เข้าใจเลย ในเมื่อเอามาให้พี่สามแล้วทำไมไม่ให้เองล่ะ

“ทำไมเขาต้องมาฝากไว้ด้วยละครับ ให้เองง่ายกว่าอีก” ผมไม่เข้าใจเลย

“เพราะมันเป็นกฎค่ะ ที่นี่มีกฎอยู่นะคะถึงจะรักษากับหมอ ตอดนิดตอดหน่อยได้ แต่ก็มีกฎที่ต้องทำตามอยู่” ผมพยักหน้าเข้าใจ กฎสินะ ของแบบนี้ก็มีด้วยแหะ

ผมมองขนมสีสวยในกล่องใสที่เขาเอามาฝากไว้ ทำไมท้องผมร้องก็ไม่รู้ แต่สีของมาการองทำให้กระเพาะผมทำงานอย่างหนัก ข้าวที่กินมาก่อนหน้านี้ย่อยหมดแล้วครับ น้ำลายแทบจะไหล เอาน่า ของพี่ชายผมเอง คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

ง่ำๆ หูย อร่อย นุ่มลิ้น หวานกำลังดี

“ตายแล้ว!!!! น้องสอง!!! ทานไม่ได้นะคะ!!” ผมถูกกระชากเอาขนมออกไปไกลจนหน้าเหวอ

“ตะ แต่ เขาเอามาให้พี่สามนี่ครับ ผมกินนิดหน่อยพี่สามไม่ว่าหรอก”

“ไม่ได้ค่ะๆ ที่พี่ไม่ให้ทานไม่ใช่เพราะกลัวหมอสามจะมาว่าน้องสองนะคะ แต่เพราะ.......” พี่สาวทำหน้าลำบากใจก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปยังห้องตรวจของพี่สาม

“อะไรอ่ะ นิดหน่อยเอง” ผมได้แต่บ่นกระปริบกระปอย นั่งอยู่คนเดียว ตากแอร์เล่นมองสาวๆ และหนุ่มๆ แต่ฃตัวเตรียมเข้าตรวจกับหมอหน้าห้องตรวจต่างๆ

ทำไมร้อนอย่างนี้วะ หรือแอร์จะเสีย

เหงื่อค่อยๆ ผุด ร่างกายเริ่มร้อนจากข้างใน เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ผมกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดเก้าอี้ เห็นพี่สาวและพี่สามรีบเดอนมาทางผม

“สอง เป็นไงบ้าง!!” ผมรู้สึกตาพร่าเลือนไปหมด พยายามดึงสติกลับมาให้มากที่สุด ทรมาน ร้อน ผมอย่กถอดเสื้ออ่ะ

“อื้อ สองร้อน พี่สาม ทำไมร้อนอ่ะ แอร์เสียเหรอ” มือของผมป่ายไปตามตัวเพื่อจะปลดกระดุมเสื้อออก แต่มือของพี่สามจับผมไว้แน่น

“สองอย่า หยุดก่อน อย่าถอด ตรงนี้ไม่ได้!!” ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันร้อนจนพยายามจะถอดออกให้หมด เผื่อมันจะคลายร้อนได้บ้าง

“คุณสาว รบกวนเรียกไอวินให้ผมหน่อย” อื้อ เรียกทำไมอ่ะ ผมไม่อยากเจอ

“ไม่เอา พี่สาม สองไม่อยากเจอเขา สองร้อน สองอยากถอดเสื้อ”

“เกิดอะไรขึ้นวะไอสาม สองเป็นอะไร” มาทำไม ไม่อยากเห็นหน้า

“กลับ กลับบ้าน สองอยากกลับบ้าน”

“สงสัยโดนวางยา เห็นคุณสาวบอกว่ามีคนฝากขนมให้กูแล้วสองมันเอาไปกิน มึงไปเคลียร์ห้อง เคลียร์คนไข้ให้เรียบร้อย”

“ได้ๆ เดี๋ยวกูมา”

ในหัวผมมันเบลอไปหมด รู้แค่ตัวผมเองดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของพี่สามด้วยความทรมาน ไม่ไหวแล้ว ทำไมลูกชายผมตั้งขึ้นมา มันปวดจนแทบจะนะเบิดอยู่แล้ว

อยากปลดปล่อย

“เรียบร้อยแล้ว ส่งน้องมา กูอุ้มเอง”

ร่างผมลอยขึ้นจากพื้น ถ้าเป็นปกติผมคงลงไม้ลงมือกับพี่หมอวินไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมร้อนไปทั้งตัว อยากปลดปล่อย อยากจะถอดเสื้อผ้าออกให้ผม รู้สึกแปลกจน.........อยากร่วมรักกับคนตรงหน้า ผมหอบหายใจยิ่งขึ้นเมื่อได้กลิ่นหอมจากคนที่โอบอุ้มร่างของผมอยู่ ฝีเท้าของพี่หมอวินเร่งมากขึ้น เหมือนพี่หมอจะรู้ว่าผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ตัวตนใต้กางเกงของผมดันจนคับแน่นไปหมด เสียววูบไปทั่วทั้งท้องน้อย

“กูฝากน้องด้วย หวังว่ามึง......จะไม่ทำให้กูผิดหวัง”

“กูสัญญา!” หูผมได้ยินเสียงของพี่สามและหมอวินอย่างชัดเจน แต่ทุกอย่างเลื้อหน้าเบลอไปหมด เพียงแต่หูผมยังได้ยินเสียงปิดและลงกลอนประตู พี่หมอวินทำอะไร ถึงแม้จะเกิดคำถาม แต่ความทุรนทุรายที่เกิดขึ้นกับร่างกายทำให้ผมเลิกสนใจ มือป่ายไปทั่ว ปลดกระดุมออกจนหมดแต่ก็ไม่หายร้อน ความต้องการพวยพุ่งขึ้นมาจนผมต้องปลดเข็มขัดกางเกงออกพร้อมชั้นใน ใช้มือทั้งสองข้างกอบกุมตัวตนของตัวเองเอาไว้รูดรั้งมันเป็นจังหวะ

“อ๊ะ อื้ม”

“สอง.......” ผมไม่สนใจ นาทีนี้ต่อให้คนอยู่ในห้องเป็นสิบ ผมก็คงจะยั้งตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

“สองครับ อย่ายั่วพี่”

อยากจะลืมตาขึ้นมองแต่ที่ทำได้คือแค่ปรือตาเท่านั้น ความร้อนแผ่กระจายไปทั้งร่าง ทรมานเหลือเกิน ยิ่งความรู้สึกมีมากขึ้นเท่าไหร่ ความเร็วที่ขยับมืออยู่ยิ่งเร่งมากขึ้น

“อื้อ อย่า ทำอะไร!!”

พี่หมอวินปัดมือผมออกก่อนจะรวบเจ้าหนูน้อยที่ตื่นขึ้นมาผงกหัวทักทายเข้ามาไว้ในมือแทน ผมว่าทำเองเสียวแล้วนะ พี่หมอวินทำให้ยิ่งโคตรเสียว

“พี่ทำให้นะ ให้พี่ช่วยสองนะครับ”

ไม่!!

เสียงในหัวใจสั่งให้พูดออกไป แต่ร่างกายกลับขยับตอบรับอย่างพอใจ มือทั้งสองของผมกำแขนเสื้อพี่หมอวินแน่น กัดปิดฝีปากระงับเสียงครางที่น่าอายเอาไว้ จนพี่หมอวินต้องก้มลงมาดูดดึงมันเอาไว้เอง เพราะกลัวว่าผมจะเผลอกัดจนเลือดไหล

“อื้อๆ อ๊ะ เร็วอีก จะไปแล้ว อ๊า”

“สอง.....พี่รักสองนะครับ รักมาก”

ผมหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนเมื่อปลดปล่อยออกไปจนเลอะมือใหญ่ของพี่หมอวิน ถามว่าผมได้ยินไหม แน่นอนครับ ผมได้ยินอย่างชัดเจน แต่ที่ไม่ยอมตอบกลับไปเพราะผมเบลอจนคิดไม่ออกเลยว่า พี่หมอวินพูดมันจริงๆ หรือยังไงกันแน่ แต่จู่ๆ ปลายนิ้วก็ล่วงล้ำเข้ามาในร่างของผมจนผมเกร็งด้วยความตกใจ

“ทะ ทำอะไร อย่านะ!! อ๊ะ อ๊า”

มันมาอีกแล้ว

ความรู้สึกร้อนวูบวาบที่แสนทรมานอย่างเมื่อครู่จู่โจมผมอีกแล้ว จากดิ้นรนจึงกลายเป็นตอบรับ ขยับสะโพกเป็นจังหวะตามที่ปลายนิ้วชักนำ

“ยังเปียกไม่พอ แบบนี้พี่เข้าไม่ได้แน่ๆ” เข้า?? เข้าอะไร

“อ๊ะ หยุดนะ ทำอะไร ไม่!!!”

ความชื้นและความสากจากปลายลิ้นของพี่หมอวินทำให้ผมสะดุ้งเผลอแอ่นตัวขึ้นด้วยคสามรู้สึกแปลกใหม่ พี่หมอวินกำลังเลียที่นั้น ไม่จริง มันสกปรกนะ ผมอยากจะขยับหนี แต่ทำได้แค่ส่ายสะโพกหนีปลายลิ้นที่ช่างตื้อนั่น มันไม่ช่วยเลย สุดท้ายจากที่ไล่เลียเพียงด้านนอกกลายเป็นสอดแทรกลิ้นร้อนเข้ามาข้างในจนผมต้องจิกทึ้งผ้าปูด้วยความเสียวซ่าน

ปากหอบหายใจและเปล่งเสียงครางหวานไม่หยุด สะโพกยังคงทำหน้าที่ตอบรับทั้งปากและลิ้นของคนตรงหน้า ขนาดตัวตนของผมยังชูชันขึ้นอีกครั้งทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไปไม่นาน ใกล้แล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะปลดปล่อยเต็มที

“อา หวาน อร่อยไปหมด แบบนี้ก็คงได้ที่แล้วล่ะ”

“อื้อ อ๊า!!!!”

บางอย่างที่ใหญ่โต บุกรุกเข้ามาในร่างผมทีละน้อย แต่มันก็เจ็บอยู่ดี ฤทธิ์ยามันกลับทำให้ผมเลิกสนใจความเจ็บและส่งเสียงครางหวานราวกับถูกใจ ยิ่งสะโพกของผมที่ยกขึ้นเหมือนต้องการให้พี่หมอวินเข้ามาลึกกว่านี้ทั้งที่มันสั่นไปเวยความเจ็บ พี่หมอวินปาดน้ำตาผมที่ไหลรินจากหางตาออกอย่างเบามือ เจายังคงปล่อยความใหญ่โตนั้นเอาไว้นิ่งเพื่อให้ผมชินกับมัน

“ไม่ร้องนะครับ พี่จะทำเบาๆ ฮึ่ม ซี๊ด สองจ๋า อย่ารัดพี่สิคนดี” ผมไม่ได้ทำนะ ผมไม่รู้ตัวว่าทำแบบนั้นเมื่อไหร่ แต่ที่รู้สึกได้ตอนนี้คือความอึดอัดจนแทบจะระเบิด ทำไมช้า ทำไมทรมานผม ผมตัดสินใจผลักพี่หมอวินให้นอนลงกับเตียงโดยที่มีผมคล่อมอยู่บนตัวและตัวตนของเขากับช่องทางของผมยังคงเชื่อมต่อกัน

“ซี๊ด ทำอะไรครับ อยากออนท็อปให้พี่เหรอ หืม”

“อ๊ะ ช้า ผะ ผมจะทำเอง”

ผมกัดริมฝีปากขามความเจ็บแล้วกดตัวลงไปจนสุดความยาว ตัวผมสั่นไปหมดเผลอสะอื้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว พี่หมอวินลูบหลังอย่างปลอบประโลมก่อนจะวนมาจับสองน้อยที่อยู่เบื้องหน้าขยับชักนำให้ความเสียวซ่านทำให้ผมลืมเลือนความเจ็บ มันได้ผล และที่ได้ผลกว่าคือมันทำให้ผมต้องขยับกายขึ้นลงเพื่อให้ช่องทางเสียดสีกับความใหญ่โตด้านใน

“ซี๊ด อา สอง”

พี่หมอวินร้องครางอย่างถูกใจทำให้ผมที่อยู่ในฤทธิ์ยายิ่งหยัดกายขึ้นลงอย่างแรง แม้ว่าจะรู้สึกจุก แต่แรงปรารถนาเรียกร้องให้ตัวเองขยับสะโพกมากขึ้น แท่งรักที่ขยายตัวจนพอคับช่องทางของผมเสียดสีเข้ากับจุดเร้าจนผมต้องแหงนหน้าขึ้น ปากก็พร่ำร้องคราง สายตาเบลอไปหมด หูแทบฟังสิ่งใดไม่รู้เรื่อง ได้แต่ปล่อยกายและใจไปตามกามอารมณ์

“ไม่ไหว จะ อื้อ แรงๆ”

“สอง อา สองของพี่ ซี๊ด”

มือทั้งสองข้างของพี่หมอวินจับเอวผมเอาไว้ก่อนที่พี่หมอวินจะสวนสะโพกขึ้นมาอย่างแรงและเร็ว จนผมร้องครางไม่เป็นภาษา ใช้มือยันอกแกร่งด้านล่างเอาไว้ยิ่งพี่หมอวินสวนสะโพกขึ้นมาเร็วเท่าไหร่ ความเสียวซ่านที่ผมได้รับก็จะถูกระบายด้วยการจิกเล็บลงบนแผ่นอกนั้นจนเกิดรอย

“อ๊า.....แล้ว อื้อ ออกแล้ว อ๊า!!”

“สอง ขอสองเสร็จบ้าง อื้อๆ ๆ”

พี่หมอวินรูดรั้งตัวตนของผมด้วยความเร็ว หวังให้ผมและเขาปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน สะโพกหนายังไม่หยุดกระแทกขึ้นมา เสียงดังจากการกระทบกันดังระงมจนน่าอาย ความเฉอะแฉะเกิดขึ้นเมื่อพี่หมอวินปลดปล่อยเข้ามาในร่างของผม และผมเองก็ปลดปล่อยออกไปจนแทบจะเวลาเดียวกัน แต่ความต้องการมันยังไม่หมด เมื่อร่างกายผมร้อนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากปลดปล่อยไปเพียงไม่นาน ทำให้ผมและพี่หมอวินต้องใช้เวลารักษากัรอยู่นานแสนนาน จนผมหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อยาหมดฤทธิ์ สัมผัสแผ่วเบาบริเวณผิวแก้มทำให้ผมขมวดคิ้วแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาสนใจ ตอนนี้ แค่นอนพักเท่านั้นคือสิ่งที่ผมต้องการ

“อื้อ!”

ความเย็นจากบางสิ่งที่ถูกนำมาสัมผัสกับผิวกายของผมมันช่างรบกวนการนอนเสียจริง ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมามอง

เพดานห้องผมทำไมแปลกๆ

ผมพยายามนึกย้อนเหตุการณ์ กระพริบตาถี่ๆ เมื่อทุกสิ่งเริ่มกลับเข้ามาในสมอง ภาพเหตุการณ์นั้นไม่ใช่ฝันไป ผมกับพี่หมอวินมีอะไรกัน แถมผมขึ้นให้ด้วย!!!

ตายๆ ตายแน่ๆ ไอสอง อับอายขายขี้หน้าจริงๆ

“สอง โอเคไหม” คนที่ผมไม่อยากจะเจอที่สุดนั่งลงข้างๆ ผมพร้อมกับผ้าขนหนูที่เปียกน้ำ สิ่งนี้สินะที่ปลุกผม ผมดึงแขนออกจากการเกาะกุมจนอีกฝ่ายชะงัก มองสบตากับผมอย่างไม่เข้าใจ

“เป็นอะไรครับ โกรธอะไรพี่ ถ้าเรื่องนั้นพี่แค่ต้องการจะ.....”

“ช่างมันเถอะครับเรื่องนั้น...” พี่หมอวินยิ้มบางๆ อย่างดีใจ

“หมายความว่า”

“หมายความว่า ผมไม่ติดใจอะไร มันก็แค่เซ็กส์เท่านั้น ผมไม่คิดอะไรมาก” สีหน้าพี่หมอวินดูขรึมขึ้นทันตา รอยยิ้มที่เคยมีอยู่บนใบหน้าหายไปจนไม่มีเหลือ

“ทำไมพูดแบบนี้ พี่รักสองนะ”

“หึ......ง่ายดีนะครับคำว่ารักที่ออกมาจากปากพี่หมอเนี่ย”

“ง่ายเหรอ.......กี่ปีที่พี่เก็บมันเอาไว้ กี่ครั้งที่พี่พยายามจะจีบเรา สองไม่เคยเห็นมันเลยเหรอ” พี่หมอวินมองผมด้วยแววตาตัดพ้อ

“เห็นสิครับ......”

“......”

“ทำไมผมจะไม่เห็นละ การกระทำที่พี่ทำให้ผมคิดแล้วเฉดหัวผมทิ้งเอาไว้กลางทางน่ะ ผมโคตรจะรับรู้ได้เลย โทรหาสักนิดก็ไม่มี มาหาสักนิดก็ไม่ ไหนจะข่าวที่ว่าพี่หมอวินนอนกับคนไข้ตัวเอง แหม......แบบนี้เรียกว่าจีบผมสินะครับ ผมนี่ตื้นตันใจจริงๆ” พี่หมอวินหน้าเสีย สายตากำลังสับสน ผมรู้ดีเลยล่ะเรื่องต่างๆ ของพี่หมอน่ะ เพราะเพื่อนๆ ผมมันเอามาเล่ามาเม้าท์กันไม่หยุด ไอผมแม้จะไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วย แต่ก็ได้ยินมาจนแทบจะท่องให้ฟังหรือเอาไปเขียนนิยายได้เลยนะ เรื่องคลินิกเวชกามน่ะ

“สอง พี่อยากให้สองฟังพี่สักนิด”

“เอาสิครับ พูดเลยครับ ถ้าคิดว่ามันทำให้อะไรๆ มันเปลี่ยน” พี่หมอได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะขยับมานั่งจ้างๆ ผมบนเตียง

“สองอาจจะคิดว่าพี่มาให้ความหวังแล้วทิ้งขว้างสองไป แต่จริงๆ แล้วพี่แค่อยากให้เวลาสองได้ลองคิด ลองเจอผู้คน ลองอะไรใหม่ๆ”

“เหมือนที่ให้กับตัวเอง” พี่หมอวินสะอึก เมื่อเจอผมสวนกลับทันควันด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

“ไม่ใช่!!” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างต่องการจะถามว่า แล้วใส่อารมณ์ทำไม ผมคิดว่าคำพูดผมคงไปสะกิดอะไรเข้าถึงทำให้โกรธจนหน้าแดงแบบนี้

“สองจะเอาไง อยากคุยเรื่องนี้จริงๆ ใช่ไหม!! ก็ได้!!”

“.......”

“ที่พี่ห่างไป พี่อยากให้สองเรียน จริง! แต่เหตุผลหลักเพราะพี่ควบคุมตัวเองไม่ได้!!”

“หะ??” ผมหน้าเหวอ งงกับสิ่งที่พี่หมอกำลังบอก ควบคุมตัวเองอะไร เกี่ยวอะไรกับผม

“ที่พี่นอนกับคนอื่น ก็เพราะไม่ต้องการทำร้ายสอง”

“อันนี้คงไม่ใช่หรอก ความต้องการของพี่ อย่ามาโยนขี้ให้ผม” ผมเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างเมื่อพี่หมอเอาแต่โทษว่าผมผิด มันเป็นเพราะผม เขาทำเพราะผม นอนกับคนอื่นมันจะเพื่อผมได้ยังไง โกหกไม่เนียนเลยสักนิด

“ทำไมจะเกี่ยวกับสอง!! สองจะให้พี่บอกเหรอ!!” พี่หมอจับแขนของผมเอาไว้แน่น ในตาสีดำวาววับจนผมหวาดหวั่น

“อะ อะไร บอกอะไร ปล่อยผมนะ!”

“จะให้พี่ไปเจอทุกวัน แล้วหักเลี้ยวรถเข้าโรงแรม แบบนั้นใช่ไหมที่สองต้องการ!!”

“...!!!!” บะ บ้าไปแล้ว พี่หมอวินบ้าไปแล้ว!!!!

“หรือจะให้บอกว่า สองครับ.....พี่อยากจะถอดเสื้อผ้า อยากเอาของๆ พี่ยัดเข้าไปในตัวสองให้ลึกที่สุด อยากทำรอยรักเอาไว้ให้ใครๆ ได้เห็น เอาแบบนี้ใช่ไหม!!!” ตาผมเบิกกว้าง เผลอส่ายหัวอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัว พี่หมอวินแบบนี้ผมไม่รู้จัก แววตาที่เต็มไปด้วยราคะมันทำให้ผมสั่นไปทั้งตัว

“มะ ไม่ๆ” ผมถูกคนตัวโตรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้ แม้ว่าผมจะขืนตัวและเกร็งเอาไว้ก็ไม่เป็นผล ฝ่ามืออุ่นๆ ของพี่หมอวินลูบศีรษะผมเบาๆ ราวกับปลอบขวัญ ผมได่ยินเสียงพี่หมอวินถอนหายใจอยู่หลายครั้ง แม้กระทั่งสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก็ได้ยิน ผมคิดว่าพี่หมอคงกำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่แน่ๆ

“ไม่เป็นไร สองอาจจะไม่พอใจพี่คนเก่าก็ไม่เป็นไร”

“......” ผมผละออกมองสบสายตาที่ทอดมองมาที่ผมด้วยความรักใคร่

“แค่ตอนนี้ สองเข้าใจพี่แล้วใช่ไหมครับ” หือ อะ เอ่อ ควรเข้าใจไหมอ่ะ แต่ดูรูปการณ์แล้ว ถ้าผมบอกว่าไม่เข้าใจ คงโดนกดลงบนเตียงแล้วแสดงให้ดูมากกว่าพูดแน่ไ เอาเป็นว่าเข้าใจก่อนก็ได้

“คะ ครับ เข้าใจ (ก็ได้) ครับ” ปลายนิ้วของพี่หมอเกลี่ยลงบนแก้มของผมเบาๆ ริมฝีปากจรดลงบนหน้าผากอย่างรักใคร่ ไม่ใช่ไม่ขัดขืน แต่มันอึ้งจนขยับไม่ได้ ผมแพ้รอยยิ้มนี้ แพ้สายตาคู่นี้ แพ้สัมผัสของคนๆ นี้

“ถ้างั้นจากนี้ไป......”

“.......” ผมเผลอกลั้นหายใจเพื่อรอฟังคำพูดของพี่หมอวิน

“พี่ขออนุญาต......จีบสองใหม่อีกครั้งนะครับ” ผมละลายกับรอยยิ้มเทพบุตรที่ถูกพี่หมอวินส่งมาให้ตรงหน้า แข้งขาอ่อนไปหมด (แต่อยู่บนเตียง) มือไม้สั่น (ถูกพี่หมอจับเอาไว้) ตัวผมทั้งร่างแทบจะละลายกลายเป็นน้ำอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ ไม่ต้องส่องก็เห็น ใบหน้าของผมมันคงแดงก่ำไปถึงใบหูแน่ ทำไมนะ ทำไมชอบยิ้มแบบนี้ทุกที ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว แล้วไงล่ะ........มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ใช่ว่าผม

“ครับ” ผมตอบรับเสียงเบา ไม่กล้าสบตาของพี่หมอวินสักนิด ไม่อยากรู้ว่ามันพราวระยับขนาดไหน เอาเถอะ แค่จีบเอง ผมจะลองพิสูจน์ความจริงใจจากพี่หมออีกครั้ง และผมหวังว่า ครั้งนี้ พี่หมอคงไม่ทำให้ผมผิดหวัง คงไม่ทิ้งๆ ขว้างๆ หัวใจผมเล่นเหมือนหนก่อน อวยพรผมด้วยนะครับ ให้พี่หมอวิน รีบๆ จีบผมให้ติดในเร็ววัน เฮ้ออ แพ้อีกแล้วสิเรา

แพ้ความหล่อของเขาจนต้องยกให้ทั้งหัวใจ









The End
[/b][/size]





        มาแล้วๆๆๆๆ บทสรุปความรักของน้องสองกับพี่วินมาแล้ว อาจจะดูแบบ จบง่ายเนอะ ก็ใช่แหละ 55555 มันจบง่ายไปจริงๆแมวยอมรับ แต่พี่วินเขารักน้องสองจริงๆนะคะ แมวเป็นพยานได้ ที่ห่างหายจากน้องไปเพราะเป็นห่วงกลัวจะแปลงร่างเป็นเสือแล้วลากร้องเข้าห้องนั่นเองงงง โฮ๊ะๆๆๆ รักแมวอย่าทิ้งแมวนะคะ แมวจะมาต่อเรื่อยๆจนครบทุกห้องเลยค่าาา

Twitter : แมวเป็นสัตว์ตัวเล็กๆที่ชอบความวาย

Facebook : ขีดเขียนวาย by llมวน้oe


ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
 :katai2-1:  :hao6:  น้องสองก็เสร็จสมหวัง

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เหลือกี่ห้องนะ 5555555 ร้อยห้องเลยได้ไหม

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อยากให้ต่ออีก..คู่นี้น่ารัก  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด