บทที่ 8มิตรภาพของเรามันเกินทน ถ้าคุณคิดว่าเมื่อผมเห็นข้อความชุดนั้นของไอ้ทักแล้วจะนอนหลับสบายเหมือนมีคนโดนวางยา คุณ…คิดผิดครับ!!
หลับลงก็อเมซซิ่งเกินไปแล้วโว้ยยยยยย ปังๆๆๆๆๆ! “ไอ้อู๋!! เปิดประตูหน่อย!!”
เงียบ…
“โว้ยยยย ไอ้อู๋เปิดประตู!”
ฮืออออ ทำไมมันช้าจังวะ นี่ถ้าซอมบี้บุกโลกป่านนี้กูได้โดนแดกตายคาลูกบิดไปแล้ววววววว
ผมเกือบจะถอดใจอยู่แล้วเชียว ดีนะในที่สุดประตูห้องก็เปิดออกจนได้ ไอ้อู๋หน้าเป็นยักษ์มาเลย
“เป็นเหี้ยอะไร! กี่โมงกี่ยามแล้วฮะ!!” ไอ้อู๋ขยี้ตาบวมๆ อารมณ์ครุกกรุ่นเต็มที่
“เอาเลย กูให้ด่าให้ตวาดเต็มที่ แต่ขอกูเข้าไปในห้องก่อนนะๆๆๆ”
ไอ้อู๋หรี่ตาก่อนจะชะโงกหน้ามาดูซ้ายขวาของโถงทางเดิน “ขโมยเหี้ยไรมาเปล่าเนี่ย”
“เปล่า”
“ฆ่าล่ะ?”
“จับมีดกูยังกลัวเลย”
“หรือหนีใครมา?”
ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก น้ำตาจะไหลอยู่แล้วสัส มึงเข้าใจถูกแล้วววว ทีนี้ก็ให้กูเข้าไปในห้องสักที!!
พอไอ้เพื่อนรักหลีกทางให้ผมนี่รีบวิ่งเข้าไปกระโดดลงบนเตียงของมันอย่างไม่คิดชีวิต นั่งสั่นดิกๆ อยู่ใต้ผ้าห่มลูกเจี๊ยบที่คุลมหัวมาเพื่อใช้เป็นของอำพรางตัว
ไอ้อู๋เปิดไฟจนสว่าง ทำให้รู้ว่าไม่มีรูมเมทอยู่บนเตียงสักคน
“ไปไหนกันหมดอะ”
“เที่ยวหลังม.กันมั้ง” น้ำเสียงของไอ้อู๋ยังคงมีความไม่พอใจ “จะบอกกูได้ยังว่าวิ่งหน้าตื่นมาทำเหี้ยอะไร”
“มึงช่วยกูด้วยๆๆ”
“กูให้บอกสาเหตุ ไม่ได้ให้ขอความช่วยเหลือไอ้สัส!” มันลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ยกขาขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อม “บอกก่อนเลยนะว่าถ้าแกล้ง มึงโดนถีบมึงอัดกำแพงแน่”
ฮือออออ ป่าเถื่อน นี่มหาลัยหรือสถาบันฝึกหน่วยสวาทวะ
“กูเจอเรื่องนิดหน่อย” ผมกระชับผ้าห่มสีเหลืองของตัวเอง “กูจะทำยังไงดี”
“ถ้าไม่พูดให้รู้เรื่องกูก็จะยังไม่เอาเท้าลง”
“อึก…” สีหน้าไอ้อู๋เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเห็นผมน้ำตาคลอ เห็นมั้ยบอกว่าจริงจัง! “กูจะทำยังไงดี”
ไอ้อู๋กระโดดมานั่งข้างๆ ผมอย่างร้อนลน “ไอ้กุ้งมึงเป็นอะไร เอาดีๆ กูเริ่มไม่สบายใจและ”
ผมปาดน้ำตากับแขนเสื้อ “กูสับสน”
“ใครทำอะไรมึง!”
ผมหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้มันดู “ไอ้ทักมันเมาแล้ว…”
“มันทำอะไรมึง!!!!”
“ฮือออ ฟังให้จบก่อนสิอีเหี้ย ถามจัง” ผมพูดทั้งๆ ที่เสียงสั่น ไอ้สัดเอ๊ยสื่อสารยากลำบากแท้ๆ
ไอ้อู๋ชะโงกหน้าเข้ามาดูหน้าไลน์ก่อนจะคว้าไป “เอามานี่”
“อย่ากดนะ!”
“ไหน…” นิ้วไอ้เพื่อนรักจิ้มลงไปที่แชทบนสุดทันที
“โว้ยยยยยยกูบอกว่าอย่ากด” โธ่ พูดอะไรฟังบ้างมั้ยเนี่ย เสียงของคนตัวเล็กๆ มันไม่มีความหมายเลยใช่มั้ยฮะ
ไอ้อู๋ไล่อ่านข้อความพวกนั้นอยู่นาน อ่านซ้ำไปซ้ำมา อ่านเหมือนมันเป็นความลับของนาซ่า บ้าเอ๊ยไม่ต้องจริงจังขนาดน้านนนน
“เอ่อ…”
“เห็นมั้ยเล่า” ผมรีบคว้ามือถือคืน ให้ไอ้นี่ยึดมือถือไว้นานๆ ไม่ได้หรอก แม่งชอบค้นรูปเอวี
“แล้วมันพิมพ์มาแบบนั้นทั้งๆ ที่คิดว่ามึงเป็นไอ้แรดมั่วไปทั่วอะนะ”
ผมอ้าปากค้าง แงงงง นั่นคือเรซูเม่กูเหรอ อนาคตใครจะรับเข้าทำงานวะน่ะ สัสเอ๊ย ขอเศร้าล่วงหน้าอีกเรื่อง
ผมพยักหน้าหงึกหงัก “กูจะทำยังไงดี”
“ใจเย็นๆ มึง” มันเข้ามาลูบแขน “ไม่ชอบก็อย่าเข้าไปสุงสิง มหาลัยนี้ก็ไม่ใช่จะกว้าง มันทำอะไรพวกกูรู้แน่ พวกกูช่วยมึงทันแน่นอน”
โอ้โหซาบซึ้ง สมกับการเป็นเพื่อนรักสิบปี “แต่มันมีอีกปัญหาอะสิ”
มันขมวดคิ้ว “อะไรวะ”
“กู…” ฮือออ อยากจะร้องไห้กับเขินไปพร้อมกัน “กูก็ชอบมันเหมือนกัน”
พอผมพูดจบไอ้อู๋แม่งนิ่งไปเลย ผมก้มหน้าเตรียมรับคำด่าอยู่แล้วเชียว แต่กลายเป็นว่าอยู่ๆ มันก็ยิ้มกว้าง ทำเป็นชูไม้ชูมือขึ้นฟ้าเหมือนเวลานักบอลยิงลูกเข้าประตู
“เย่สสสสส ในที่สุด”
“ดีใจเหี้ยอะไรเนี่ย”
“เอาเลยมึงเอาเลย” ไอ้อู๋เขย่าไหล่จนหัวแทบหลุด เอ๊า ไหงเป็นเงี้ย “ลองคุยกับมัน แล้วหยุดที่คนนี้ มึงจะไม่ได้ต้องไปแรดไม่ต้องแด๊ะแด๋กับใครอีก”
“ฮืออออ” สัสเอ๊ย เหมือนโดนหลอกด่า
“พอมึงกับมันได้กัน มึงก็ไม่ต้องแรด กูสบายใจ พ่อแม่กับน้ามึงก็สบายใจ สุดท้ายลงล็อค นี่คือชีวิตในฝันที่แท้จริงโว้ยยยย”
“มึงคิดอย่างนั้นเหรอ” ผมบุ้ยปาก “สำหรับกูมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะ”
“ทำไมวะ”
ผมนั่งกอดเข่าตัวเอง “มึงก็รู้ กูเคยโดนจีบที่ไหน”
“…”
“ที่เข้ามาก็แค่นอนกอด พอจบก็ผ่านไป มันเป็นความสัมพันธ์รูปแบบเดียวที่กูรู้จัก” สีหน้าไอ้อู๋เริ่มเห็นด้วย “พอรู้ตัวว่าจะโดนจีบแบบนี้ กูทำตัวไม่ถูกจริงๆ ว่ะ”
“ก็จริงของมึง” ไอ้เพื่อนรักพยักหน้า รู้สึกดีชะมัดที่มันมีอารมณ์ร่วมกับผมจนได้ “แต่มึงก็บอกว่าชอบมันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“อือ”
“งั้นก็ลองดูมั้ยวะ”
“คือกูต้องทำยังไงบ้างอะ” พูดน่ะมันง่ายนะโว้ยยย
ไอ้อู๋ทำหน้าเหมือนผมโง่ซะเต็มประดา “เปิดใจ”
“ฮะ?”
“ง่ายๆ เลยนะ มึงแค่เปิดใจ ทำตัวสบายๆ ปล่อยให้มันเป็นไป มึงอาจจะเล่นตัวหน่อยให้พอเป็นพิธี ทำเป็นอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้มันจัดการ”
“นอกจากนั้นกูก็ไม่ต้องทำอะไรเลยใช่มั้ย”
“ไม่เห็นจะต้องทำอะไร” ไอ้อู๋ยิ้ม “ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่มันชอบมึงในแบบที่มึงเป็น มึงก็แค่เป็นตัวเอง”
“แต่กูไม่ได้มั่วอย่างที่มันคิดนะ”
“นั่นก็ยิ่งดีสิ” ไอ้อู๋ถกเสื้อตัวเองขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ “มันทำให้รู้ว่าไอ้สัสนั่นจริงจังไม่ใช่เล่น พอมันรู้ความจริง ยิ่งกว่ากำไรอีกนะเว้ยยยย”
พูดบ้าอะไรของมัน
“งั้นเหรอ…” ผมพยักหน้า โอ๊ยยย หน้าร้อนผ่าวๆ “มันจะเวิร์คใช่มั้ยวะ”
“อันนี้ขึ้นอยู่กับมึงสองคนว่ะ กูไม่รู้” มันว่า “กูไม่รู้จักมันเป็นการส่วนตัวนะ แต่ดูๆ ไปมันก็ใช้ได้ สำหรับมึงมันน่ารักมั้ยล่ะ”
“ไม่น่ารักก็บ้าแล้ว” ผมพูดมุบมิบ
“ถ้างั้นก็จบ ไม่มีอะไรเสียหาย” ไอ้อู๋ยักไหล่ก่อนจะจับหัวผม “ทีนี้สบายใจยัง”
ผมพยักหน้า “เออ ขอบใจนะมึง”
ฮืออออ ไอ้อู๋มันช่วยผมได้เสมอจริงๆ
“โอเค ทีนี้กูจะได้นอน” มันหาววอด “กูก็นึกว่าเรื่องอะไร โธ่เอ๊ย”
“กูขอนอนด้วยได้มั้ยอะ” ผมส่งสายตาออดอ้อนไอ้เพื่อนรักเต็มที่ แต่มันทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ซะงั้น
“นอนอย่างเดียวนะ”
“อือออออ” ใครจะมีอารมณ์กับเพื่อนล่ะไอ้บ้า ศีลธรรมจรรยาก็มี
ไอ้อู๋หรี่ตามองผมก่อนจะเดินไปปิดไฟ แม้จะมืดสนิทแต่แสงจันทร์จากระเบียงที่ส่องผ่านบานเกร็ดยังพอทำให้เห็นทุกอย่างเป็นเงารางๆ อยู่บ้าง
ผมเอนตัวนอนลงหันหน้าเข้ากำแพง ไอ้อู๋โดดตามมาสมทบ ไม่นานนักผมก็รู้สึกว่าไอ้อู๋กลับไปฝันต่อเรียบร้อย ทิ้งให้ผมมองสีขาวๆ ของกำแพงห้องด้วยความเหงา แม่งเอ๊ยยย ไม่ชินจริงๆ
“อู๋…” ผมพลิกตัวไปสะกิดไหล่เพื่อนที่นอนหันไปอีกทาง
“อย่าแม้แต่จะคิด” อ้าวไม่ได้หลับหรอกเรอะ
แต่ผมก็ยังไม่ลดละ “นะๆ กูไม่ได้เอาปีเตอร์มาด้วยอะ”
“เฮ้อ มึงนี่นะสัส” ถึงมันจะบ่น แต่ก็ยอมหันมาอ้าแขนออกจนได้ พอเห็นอย่างนั้นผมก็รีบกระเถิบตัวเข้าไปนอนหนุนเลยครับ กลัวมันเปลี่ยนใจ
“อย่าลืมที่เคยตกลงกันไว้…”
“
กอดได้แต่ห้ามก่าย รู้แล้วน่า” ผมทวนข้อตกลงที่เคยทำกับมัน “ขอบใจมากนะมึง”
“มันดีตรงไหนวะไอ้นอนกอดกันเนี่ย ร้อนจะตายห่า”
“อย่างน้อยก็ทำให้กูหลับฝันดีได้แล้วกัน”
“เหรอ” ไอ้อู๋หันหน้าหนี “งั้นขอให้มึงได้นอนกอดกับไอ้ทักไวๆ แล้วกัน”
“…”
ไม่รู้ทำไม พอลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเปลี่ยนจากไอ้อู๋เป็นไอ้ทักจะเป็นยังไงน้ออออ โอ๊ยยย มันจะฟินหรือเปล่าวะ อยากรู้ใจจะขาดเลยนะแต่ก็ไม่กล้าจริงๆ และผมก็รู้ด้วยถ้ามันจะจีบผม การกอดมันจะกลายเป็นเรื่องเล็กแน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งจะดิ้น ฮืออออ
ช่างแม่ง ค่อยว่ากัน วันนี้นอนดมจั๊กแร้ไอ้อู๋ไปก่อน ฝันดีไม่แพ้กัน zZz
ผมผลักประตูห้องตัวเองออกไปให้เบาที่สุด...
มองซ้าย มองขวา
โอเค... ทางสะดวก วิ่งไปอาบน้ำได้!
ฮืออออ จ่ายค่าเทอมไปก็ไม่ใช่จะถูกๆ คิดจะสร้างโถส้วมให้รูมเมทนั่งฟังเสียงเบ่งกันในห้องนอนแบบนี้แล้ว ทำไมไม่สร้างฝักบัวให้เสร็จๆ ไปเลยวะ ต้องมาลำบากอุ้มตะกร้าหอบเสื้อผ้าวิ่งไปห้องอาบน้ำรวมอีก ทรมานเหลือเกิน ยิ่งไม่อยากเจอหน้าใครบางคนอยู่ด้วยนะโว้ยยย
ตั้งแต่เมื่อคืนที่เอาข้อความจากไอ้ทักให้อู๋ดู ผมยังไม่กล้าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเลยครับ แค่มองก็ไม่อยากจะมอง พอเผลอไปเห็นทีก็สะดุ้งอย่างกับแมวเจอแตงกวา ข้อความสุดท้ายของไอ้เดือนพละนั้นยังติดตาอยู่เลยแม้ไม่ต้องเปิดแอพฯ
T : แค่หยุดที่กูก็พอ
บ้าเอ๊ยยยย หยุดอะไรล่ะ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เดินไปไหน กูอยู่ตรงนี้ ที่เดิมนี่แหละ!!
ยอมรับนะว่าที่มันทำอะน่ารักมาก แต่ผมไม่ชิน ไม่ชินๆๆ ไม่ๆๆๆ ไม่สักนิด
“บ้าเอ๊ย” ผมบ่นกับตัวเองใต้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่คลุมหัวซ่อนตัวเองอย่างกับผู้อพยพ เฮ้อ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าเจอมันเวลานี้จะทำหน้ายังไง แกล้งสลบดีมั้ยอะ เอาให้หัวฟาดพื้นไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย หรือตื่นมาเป็นคนเลยก็ได้ เป็นโปรเจ็กต์อลิซในผีชีวะดีมั้ย
เสียงกลอนประตูทำให้ผมสะดุ้งระหว่างขัดจังหวะการคิดไม่ตก ใครบางคนเดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้านในสุด นุ่งผ้าสั้นจุ๊ดจู๋จนเห็นขาอ่อน มือก็กำลังเช็ดหัวด้วยผ้าอีกผืนอย่างบ้าคลั่ง เห็นแค่หุ่นก็รู้แล้วว่าเป็นใคร
ไอ้ทัก... ฮือออออ กูอยากให้คนที่สัตว์เลี้ยงหายตามหาเจอง่ายๆ เหมือนที่กูเจอมึงบ้างจัง
แล้วนั่นมันเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผ้าผืนใหญ่เขาเอาไว้นุ่งตะหาก นุ่งผ้าผืนเล็กจิ๋วแบบนั้นมันเห็นแล้วเสียวโว้ยยยย ทำอย่างกับเพิ่งแช่ออนเซ็นเสร็จไปได้
มันยังไม่เห็นผม ผมเลยทำเป็นค่อยๆ ถอยออกไปอย่างนิ่งที่สุด แต่ตาก็ยังจ้องไปที่ซิกแพคชัดๆ อย่างกับขนมปังปลานั้นแทบไม่กระพริบ หุ่นแบบนี้เวลาเปียกน้ำ ฮือออ เห็นแล้วแม่งต้องสะกดจิตตัวเองโดยไว...
หมาตายลอยน้ำ หมาตายลอยน้ำ แม้คิดจะหนี แต่กระดึ๊บไปได้ไม่ถึงสองก้าวไอ้คนข้างหน้ามันก็ดันเงยตามาเจอผมจนได้ ไอ้ทักชะงักไปทันที ทำเป็นเม้มปากขณะที่แววตาดูตกใจไม่แพ้กัน
“ไงมึง” ขอยิ้มไว้ก่อน... จำไว้นะ อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก ทำเหมือนทุกอย่างปกติ มึงยังไม่เห็นข้อความในไลน์ ใช้แผนนี้นะกุ้ง
“...” อุตส่าห์กลั้นใจโบกมือให้แท้ๆ มันก็ไม่คิดแม้แต่จะกระดิก
“เมื่อคืนมึงนอนกี่โมงอ่า กูถึงเตียงก็หลับเป็นตายเลย”
“...”
โดนสาปมาหรือไงวะ นิ่งอยู่ได้ “วันนี้ร้อนเนอะ สงสัยต้องอาบน้ำ”
ผมเดินผ่านมันเข้าไปยังห้องอาบน้ำด้านในสุด เวรเอ๊ยยย แล้วผมจะมาเข้าห้องเดิมของมันทำไม คิดแล้วก็ขอรีบปิดประตูซ่อนตัวเองในห้องสี่เหลี่ยมให้ไวด้วยใจที่ว้าวุ้น ฮึ่ยยยย ทำเป็นไม่พูดไม่จา หน้าช็อคแบบนั้นคงจะเมาจริงๆ ล่ะสิ ไม่คิดว่าจะพิมพ์อะไรแบบนั้นออกมาใช่มั้ยล่า คนอย่างมึงนี่มันเชื่ออะไรไม่ได้หรอก รู้อยู่แล้วววว
“เฮ้ยยยยย” ผมร้องลั่นเมื่ออยู่ๆ ประตูก็ถูกกระชากเปิด ผมที่กำลังถอดเสื้อยืดยืนค้างทันที มือไม้พันกันแทบจะเป็นปลาหมึก
เอ๊า ลืมล็อคประตูได้ไงวะเนี่ยยยยย
ไอ้ทักทำหน้านิ่งๆ ขณะที่ก้าวเข้ามาเท้าแขนกับกรอบประตูไว้ “มึงจะเอางี้ใช่มั้ย”
“ฮะ!?” ผมอ้าปากค้าง “เอางี้คืออะไร?”
“ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้” ไอ้คนเปลือยท่อนบนกอดอก “เปิดไลน์อ่านแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“อ่า...” ผมสวมเสื้อกลับเข้าที่เหมือนเดิมพร้อมกับทำเป็นตีหน้าซื่อ นี่มันนั่งเช็คหรือไงนะ “บ้ากูยังไม่ได้จับมือถือเลย สงสัยมือไปโดนแน่ๆ มีอะไรวะ”
ไอ้ทักจ้อง แหงะ มึงจะเค้นความจริงจากกูเรอะ “สาบาน?”
“...”
“กล้าสาบานมั้ย?”
โอ๊ยยย ยอมแพ้แล้ว สาบานไปเดี๋ยวฝนตกฟ้าร้องแม่ค้าด่าเอาอีก “เออ เห็น”
มันขำเมื่อเห็นผมคอตก “แล้วยังจะมาทำตัวห่างเหินกูอีกนะ เดี๋ยวปั๊ด!”
“อย่าาาาา” ผมปัดมือมันออก ไอ้นี่ก็ชอบจับหัวกูจัง
“แล้วเอาไง”
“เอาอะไรเล่า!?”
“ต้องให้พูดใช่มั้ย”
“เออ!”
“เฮอะ” ไอ้ทักกัดกระพุ้งแก้ม “จะให้กูจีบมั้ยฮะ”
ไอ้สัส ตรงเกิ๊นนนน รู้งี้ไม่น่าให้มันพูดตั้งแต่แรก
“เร็วๆ กูเขิน” สภาพนี้อะนะเขิน นี่! คนที่เขินอยู่นี่ มองมาที่กูสิ!!
“เมื่อคืนมึงเมาทัก” ผมกอดอกบ้าง “กูรู้ว่ามึงไม่ได้ตั้งใจจะพิมพ์มาแบบนั้นหรอก”
“ถึงไม่เมากูก็จะบอกอยู่ดี” ไอ้เด็กพละขมวดคิ้ว “แต่อาจจะช้ากว่านี้หรือไม่บอกเลย แย่กว่าอีก”
“...” พูดไม่ออกขึ้นมาเลยครับ
“คิดดีๆ นะ ไม่อยากนอนกับกูแล้วหรือไง?”
หืม หูผึ่งทันที
“ถ้าให้กูจีบ มึงได้นอนกับกูทั้งวันแน่” ไอ้ทักยิ้มมุมปาก “นอนแบบถูกกฎหมายด้วย”
โอ้โห ข้อเสนอโชว์รูมนี้น่าสนใจ ทำเรื่องผ่อนเลยดีมั้ยวะ ฮืออออ
“และกูบอกกี่ครั้งแล้วฮะ...” มันจับคางผมให้เงยขึ้น ตอนนี้ตาประสานกันจะๆ เลยครับ
“หน้ากูอยู่ตรงนี้” โอ๊ยยยย เอาไปเลย เอากูไปเลย เอากูไปเล้ยยยยยย
“กูไม่รู้...” ผมส่ายหัว ถือว่าเป็นการสลัดความเขินทิ้งไปในตัว “เคยโดนจีบซะที่ไหนกันเล่า”
เคยแต่จีบคนอื่นเขาตลอดเลยครับ ผมมันเป็นสายรุกอยู่แล้ว แค่ชี้ๆๆๆ ก็ตามมาเป็นพรวน
“อ๋อ เรื่องแบบนั้นไม่ต้องคิดมาก” ไอ้ทักแยกเขี้ยว “อยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
พูดเหมือนไอ้อู๋เด๊ะ…
“เราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ดี” ไอ้ทักเกาคาง
“จะไปรู้มึงมะ”
“งั้นตอนนี้เลยแล้วกัน” ไอ้ทักเดินเข้ามาประชิดตัว “อาบน้ำ แล้วไปกินข้าวที่โรงอาหารกับกู”
“เร็วไปมั้ยสัส”
“ช้าเดี๋ยวก็วิ่งไปนู่นไปนี่อีก ยิ่งจับตัวยากอยู่มึงอะ”
มันพูดถึงผมใช่มั้ยอะ? ทำไมคุณสมบัติเหมือนหนูตะเภา
“ไม่ได้ วันนี้รุ่นพี่เรียกแถว!” ผมโบกมือไล่
ไอ้ทักยิ้มมุมปากแล้วก็ถอยออกไปจากประตู “ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ สละมาให้กูก่อนดิวะ”
“สัส ไปไกลๆ ตีนนนน” ผมตั้งท่าจะถีบ อีกฝ่ายก็เลยวิ่งแนบหายไป
ผมรีบล็อคประตูให้ไว เฝ้าดูท่าทีให้ด้านนอกสงบอยู่พักใหญ่ พอคิดว่าไม่มีอะไรแล้วผมถึงกับบดหัวตัวเองกับกำแพงด้วยความงุ่นง่านเลยครับ ฮือออ จะบ้าตาย
“เปิดน้ำ!”
“โว๊ยยยย” ผมสะดุ้ง “ยังไม่ไปอีกเรอะ!!”
“ยัง” เสียงจากอีกฝั่งส่งกลับมา
“ทำบ้าอะไรอยู่!”
“ยืนยิ้ม” “…”
ผมรีบเปิดฟักบัวเพื่อให้มันสบายใจจะได้ไปไกลๆ สักที
ซ่า ซ่า ขณะที่กำลังยืนอยู่ใต้ฝักบัวและรู้สึกว่าเสียงฝีเท้าของไอ้ทักหายไปแล้ว อยู่ๆ ผมก็หลุดยิ้มออกมา
โอ๊ยยย ห้องสมุดจะมีคู่มือการโดนจีบให้ศึกษามั้ยเนี่ย อยากรู้วิธีรับมือจัง
ถ้าคุณคิดว่ากิจกรรมของมหาลัยจบสิ้นหมดแล้ว… คุณคิดผิดครับ!
วันนี้มีค่ายธรรมมะที่ต้องฟังพระอาจารย์เทศน์พร้อมกันทุกคณะ และก็เหมือนเคยครับ สินกำคอพับคออ่อนกันเป็นแถว พับแล้วพับอีก พับจนจะกลายเป็นโอริกามิด้วยซ้ำ แน่นอนผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ฮือออ ทำไงได้เมื่อคืนนอนไปไม่กี่ชั่วโมงเอง
“สินกำจัดแถว!” สิ้นเสียงพี่วินเรียกพวกเราก็วิ่งกรูไปตั้งแถวพร้อมกับถุงกับข้าวในมือ หลังจากที่ฟังธรรมเสร็จทุกคณะก็เคลื่อนย้ายมาสักการะหอพระกลางน้ำอันขึ้นชื่อวิทยาเขตนี้ พร้อมทั้งได้รับการแจกข้าวกล่องและแยกย้ายไปนั่งกินตามจุดต่างๆ ซึ่งน่าสงสัยตรงที่รุ่นพี่ของผมสั่งว่าเอาอาหารมาเองสองอย่าง หึ รู้สึกไม่ชอบมาพากลเท่าไหร่เลยบอกตรงๆ
สิ่งที่ทำให้พวกผมขนหัวลุกกับการโดนเรียกแถวในวันนี้ก็คือ นอกจากพี่ปีสองแล้วยังมีพี่ปีสามปีสีตามมาอีกด้วย จะบ้าตาย แค่พี่วินสุดโหดคนเดียวไม่พอใช่มั้ย จริงจังขนาดนี้ก็เอาไปปล่อยเกาะแข่งแบทเทิ่ลรอยัลให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเซ่ะ
“ทุกคนเอาของที่ผมสั่งมากันทุกคนแล้วใช่มั้ยครับ” พี่วินกวาดสายตามองทุกคน “ดี!”
“…”
ขอให้วันนี้ลูกอยู่รอดปลอดภัย สัญญาว่าจะตั้งใจเรียนเลย จะไม่หลับในวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์อีกแล้วววว
“ผมขอทวนอีกที อาหารสองอย่างที่พวกคุณเอามาในวันนี้ อันนึงเราจะเรียกว่าอาหารพรีเซ้นท์ คืออาหารที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ!” พี่วินเดินลาดตระเวน “และอีกอย่างนึงคือชื่อพรีเซ้นต์อาหารพรีเซ้นต์ คืออาหารที่เกี่ยวข้องกับชื่อพรีเซ้นท์ประจำตัวของคุณ…”
เวรกรรม ทำไมมายืนอยู่ข้างๆ ผมล่ะเนี่ย
“คุณกุ้ง!” นั่นไง! ละเบิดลงกูตลอดดด “คร้าบบบบ”
“คุณมีชื่อพรีเซ้นท์หรือยัง”
“เอ่อ…” สั่นเป็นลูกนกไปหมดแล้วพี่ “ชื่อล่าสุดก็รำแก้บนอะครับ…”
“หืม” พี่ว้ากที่ตอนนี้โกนหนวดเคราหน้าเกลี้ยงเกลานั่งยองๆ มาจ้องหน้า “เหมือนผมก็พูดไปแล้วนะว่าไม่โอเคกับชื่อนั้น”
“พี่ไม่ได้บอกครับ”
“หืม…”
ตาขวางเชียว “อะ…อาจจะบอกแล้วล่ะครับ ผมลืมเอง”
“แล้วทีนี้จะเอายังไง”
“ผมขอพรีเซ้นท์อาหารกับชื่อนี้ไปก่อนได้มั้ยอะครับ”
“ได้” พี่วินพยักหน้า “แต่ผมไม่ให้คุณถอดเสื้อ”
“แล้วมันจะเป็นรำแก้บนได้ไงอะครับ”
“…”
เงียบใส่กูอี้กกก “แต่ไม่ถอดก็ดีนะครับ หนาว”
“ตามนั้น” พี่วินลุกขึ้น “ปีหนึ่งและพี่ๆ คณะอื่นๆ ผมขอเชิญชวนให้ทุกคนดูโชว์ตลกๆ จากน้องผมทางด้านนี้นะครับ! มาดูกันว่าพวกมันจะได้กินข้าวหรือเปล่า!”
แงงงงงงง ไปเรียกคนอื่นทำม้ายยย เอาให้อายกันไปข้างเลยเหรอพี่
“พร้อมนะ”
“…”
“เฮ้ย!!!” แว้กกกก กระทืบเท้าอีกแล้ว ตกใจ! “ยังไม่ตื่นกันหรือไง อยากโดนสาดน้ำใช่มั้ยฮะ!!”
“ไม่อยากคร้าบบบบ” ผมนี่ตอบคนแรกเลย
“ถ้าเอื่อยเฉื่อย ผมยึดของพวกมีตำแหน่งแน่” โห… ข้อเสนอโหดสัสๆ “พรีเซ้นต์อาหารชายสลับหญิง ไม่ต้องแนะนำตัว เชิญ!”
“ขออนุญาตแนะนำตัวครับ!” นั่นไงไอ้อู๋คนแรกเช่นเคย วันนี้มันทุลักทุเลกว่าที่เคย เพราะนอกจากจะต้องถือดาบแล้วแม่งต้องเกี่ยวถุงแกงในมือให้มั่นด้วย “ผมชื่อนายอติรุจ นามสกุลสงวนสิทธิ์ ชื่อเล่นอู๋…”
“…” สู้ๆ ความหวังของรุ่น
“อาหารพรีเซ้นท์…
กุนเชียง!” มันชูของในมือ
“ทำไมถึงต้องเป็นกุนเชียง” พี่วินขมวดคิ้ว
ไอ้อู๋ทำตาวอกแวก “พูดไม่ได้ครับ”
“…” อูยยยย พี่วินถึงกับอึ้งไปเลย “…งั้นต่อได้เลย”
“ชื่อพรีเซ้นต์… สปอร์ตไลท์ ชอบเล่นกีฬาผมเลยเอา
เวย์โปรตีนมาครับ”
ก็ว่ามันเอาผงอะไรมาวะสีขาวๆ โอเค ถือว่ามีความคิด
“พี่สัน เชิญ” พอสิ้นเสียงพี่วิน พี่ผู้หญิงหน้าหมวยคนเดิมก็เข้าไปหยิบของทั้งสองอย่างออกไปจากมือไอ้อู๋ อ้าว ไม่ได้จะปล่อยให้ไปกินข้าวหรอกเรอะ
เราแนะนำอาหารสลับชายหญิงกันไปเรื่อยๆ มีน่ากินบ้าง มีอะไรที่งงๆ บ้าง เช่นยำไข่หมดแดง คืออะไรอะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นเลย มันกินได้จริงๆ ใช่มั้ย ฮือออ แล้วเมื่อไหร่จะได้กินข้าววะเนี่ย หิวจะตายอยู่แล้ววววว
“ดิฉันชื่อนางสาวภัทราพร นามสกุลอ่อนมาก ชื่อเล่นหยากไย่ เอา
ผัดขิงมาค่ะ!”
“ทำไมต้องขิง” พี่ว้ากถามเป็นรอบที่ร้อย
“เผ็ดค่ะ”
“คุณอะนะ? เผ็ดตรงไหนวะ”
ไอ้ไย่หันหน้าไปมองคนถาม “ลองดูมั้ยละค่ะ”
“…” พี่วินแม่งหน้าแดงไปเลย “ต่อเลย”
“ชื่อพรีเซ้นท์ กระสวยอวกาศ หนูเลยเอ
าอาหารแช่แข็งที่เหมาะกับอวกาศมาค่ะ”
“เดี๋ยวนะ!?” พี่วินลุกพรวด “เอาเข้าเวฟมายัง?”
ไอ้ไย่ส่ายหน้า “ยังค่ะ บนอวกาศคงไม่มีของพรรค์นั้น”
“เวรเอ๊ย…” พี่วินครางมุบมิบก่อนจะโบกมือ “พี่สันไปหยิบมา! เชิญคนสุดท้าย คุณกุ้ง!”
“มาแล้วครับบ” ทำไมวันนี้พี่วินแม่งขี้โมโหจังงงง
“ผมให้คุณขานรับเหรอ?”
เอ๊า ทำอะไรก็ไม่เห็นดี ทำอะไรก็ผิดทั้งนั้นนนนน
“แฮะๆ” ผมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่
“…” พี่วินจ้องผมเขม็ง “จะทำอะไรก็ทำสักที!”
โอ๊ยยย งอนพี่วินแม่งละ ดุจนไม่น่ารักเลยวันนี้ “ผมชื่อนายอิสระ นามสกุลปัจฉิมสะหะ ชื่อเล่นกุ้ง ผมเอา
กุ้งหวานมาครับ”
“ทำไมต้องกุ้งหวาน จะบอกว่าตัวเองหวานว่างั้น?”
“ไม่ได้บอกครับ” ผมส่ายหัว “คนอื่นบอก…”
“ใคร…”
พี่วินถามไม่ทันไร อยู่ๆ พวกคณะข้างๆ ที่นั่งกินข้าวอยู่รอบๆ ก็ค่อยๆ ยกมือกันทีละคน แหงะ คนคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งนั้น เคยใช้บริการมาหมดแล้ว เขินจัง อิๆ
“โอ้โห…” พี่วินผิวปาก “เหลือเชื่อจริงๆ เลยคุณเนี่ย”
“แฮะๆ” ผมเตรียมพูดต่อ “ชื่อพรีเซ้นต์รำแก้บน ผมเอา
ไข่ต้มมาครับ”
“ทำไมต้องไข่ต้ม”
“ก็ผมเห็นว่าคนชอบแก้บนด้วยไข่ต้มอะครับ” ผมอธิบาย
พี่วินเดินเข้ามาเปิดถุงด้วยใบหน้าวิตกกังวล “กี่ใบวะเนี่ย”
“ร้อยใบครับ”
“ร้อยใบ!!??” พอได้ยินพี่วินก็อึ้งไปเลย “เอามาทำบ้าอะไรเยอะขนาดนี้”
“บนหนักครับ ประมาณว่าขอให้ถูกหวย” ผมยิ้มร่า
“โว้ย” เอ๊า โมโหอีกแล้ว “พี่สันมาหยิบไป!! ปีหนึ่งทุกคน
ก้มหน้าหลับตา!”
พอพี่สั่ง พวกเราทุกคนก็ทำตาม ได้ยินฟึดฟัดกันอยู่สองสามทีและก็ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจของพวกพี่ๆ ปีสามปีสี่ ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงอะไรกุกกัก เอ… เริ่มระแวงแล้วนะ
“ปีหนึ่ง!” เสียงพี่วินทำให้ผมรู้ว่าเขาคงยืนอยู่ข้างๆ
“หิวข้าวมั้ย!” “หิวครับ/ค่ะ!!”
“คุณต้องสัญญากับผมว่าต้องกินไม่ให้เหลือ ทำได้หรือเปล่า!!”
อ่า… ใช่ที่กูคิดหรือเปล่าเอ่ย
“ลืมตาได้!!” สะ…สัส! นั่นมันอะไรวะน่ะ!!
ผมถึงกับเอามือป้องปากเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือพี่วิน…
อาหารที่พวกเราเตรียมมา บัดนี้ถูกคลุกรวมกันอยู่ในถาดสแตนเลสใบเดียว สภาพนี่… แงงงง แค่เห็นก็จะอ้วกแล้ว
“คุณกุ้ง ในฐานะที่คุณยืนข้างๆ ผม บอกเพื่อนหน่อยว่าหน้าตามันเป็นยังไง” ขนาดพี่วินยังทำหน้ารังเกียจเลยอะ
“พวกมึง…” ผมมองหน้าเพื่อนๆ ที่ล้วนแต่ทำสายตาคาดหวัง “อาหารไอ้ชินจังที่บ้านกูยังดูดีกว่าอีกอะ”
[อ่านต่อด้านล่าง]