บทที่ 5ไดโนเสาร์/สีเหลือง ทั้งๆ ที่เป็นเฟรชชี่ไนต์แท้ๆ แต่พวกผมกลับยังไม่ได้เข้าไปเต้นกับวงดนตรีของมหาลัยเหมือนคณะอื่นๆ ไม่รู้อะไรเข้าฝันให้พวกพี่ๆ มาเรียกแถวพวกผมเอาเวลานี้ แงงง อยากฟังเพลงแล้วอะ
“ใครที่ของประจำตัวผ่านวันนี้ก็ยินดีด้วย” พี่วิน พี่ว้ากเคราแพะสุดเซอร์เจ้าประจำประกาศลั่น “เหลือแต่ดาวกับเดือน ถ้าพวกคุณได้ตำแหน่งในคืนนี้ อย่าลืมว่าสายสะพายคือของประจำตัวของคุณ เข้าใจมั้ย?”
“เข้าใจค่ะ/ครับ” ทั้งหยากไย่คนสวยและไอ้ฟิวส์ขี้เก๊กตอบฉะฉานสมกับตำแหน่ง แม้เวลานี้มันควรจะอยู่หลังเวที แต่มันก็ยืนกรานที่จะมารวมแถวเหมือนกับเพื่อนๆ ซึ้งใจที่สุดเลยอ่า
“ส่วนชื่อรุ่น…” พี่ว้ากกางกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ประธานรุ่นอย่างไอ้อู๋ส่งรายชื่อที่พวกเราช่วยกันคิดไปก่อนหน้านี้ “ผมว่ามีหลายชื่อที่น่าสนใจ แต่ผมค่อนข้างตกใจนิดหน่อยกับชื่อ… มงกุฎ”
เอ่อ…
“ผมเข้าใจที่คุณจะตั้งให้พ้องกับเลขสิบแปด แต่สิบแปดมงกุฎฟังแล้วทะแม่งๆ” พี่ว้ากเงยหน้า “ใครเป็นคนคิดชื่อนี้”
ทุกคนเงียบสนิท ในขณะที่ผมค่อยๆ ชูมือขึ้นฟ้า
ครับ ผมคิดเอง ฮือออออ
“กูว่าแล้วเชียว” พี่วินคนเซอร์ส่ายหน้า ย่นจมูกอย่างกะเหม็นขี้ “ทำไมครับคุณกุ้ง อยากจะให้เพื่อนๆ เป็นโจรกันทั้งก๊กเลยเหรอ”
“ผมว่ามันเท่ดีออกครับ นึกภาพว่ารุ่นพวกเราเป็นแก๊งเจ๋งๆ ยืนโพสสมาร์ทๆ ออกแนวหนังโจรกรรม โอเชี่ยนอีเลฟเว่นอะไรเงี้ย”
“ฟังที่พูดมาแล้วยังไม่เห็นมีอะไรดีเลย”
“ง่า…” ผมก้มหน้า ตัวหดเหลือนิดเดียว
“รู้ว่ามันเท่ แต่ผมไม่อยากให้อนาคตสิบปียี่สิบปีผ่านไปพวกคุณแก่แล้วมานั่งส่ายหัวว่ามีชื่อรุ่นที่มีความหมายว่าแก๊งโจร”
ป๊าดโธ่ แค่เท่ก็จบแล้วมั้ง ไม่เห็นต้องคิดไปไกลขนาดนั้นเลยนี่หว่า
“คุณคิดชื่อนี้ก็ไปหาชื่อมาเปลี่ยน แล้วยังไงส่งมาอีกรอบ คราวหน้าเรามาตรวจชื่อรุ่นกัน”
โอย… แค่ฟังก็นึกภาพความเดือดออกแล้ววว ส่งงานรุ่นแต่ละทีเลือดตาแทบกระเด็น ขี้เกียจจะไฟท์แล้วนะคร้าบบบ ปล่อยผมไปซักที จบๆ ได้แล้วการรับน้องเนี่ยยยย
“คุณพูดมาก็ดีแล้ว ผมว่าเรามีอะไรต้องเคลียร์กันหน่อยนะครับน้องนมเย็น”
ผมหันซ้ายหันขวา ใครวะนมเย็น รับน้องมาจนจะเปิดเทอมยังไม่เคยได้ยินเพื่อนชื่อนี้เลย
“จะมองอะไรครับ คุณนั่นแหละ!”
ผมหน้าเหวอตอนที่พี่วินชี้มา อะ…อะไรอะ ทำไมอยู่ดีๆ มาเรียกผมว่านมเย็น
“เชิญออกมาหน้าแถว”
ถึงจะค่อนข้างงงๆ แต่ผมก็ทำตามที่พี่ว้ากสั่งอยู่ดี ตอนนี้พวกพี่ๆ ปีโตๆ รุมล้อมผมกันหมดแล้วววววว
“คุณทำอะไรมาครับคุณกุ้ง!”
ผมงงซ้ำสอง อะไรวะ ทำอะไรมาอะ มีเด็กมาอ้างตัวว่าผมเป็นพ่อเหรอ ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนะโว้ยยย
“เอ่อ…”
“ได้ข่าวว่าคุณสร้างความภูมิใจให้คณะเหรอ…”
“ตอนไหนเหรอครับ” ผมย่นคิ้ว
“เอ๊า ก็วีรกรรมแนะนำตัวพร้อมชื่อพรีเซ้นท์ และการเต้นแบบแว๊นพระประแดงของคุณไง”
อ๋อออออออออออออออออออ เชี่ยเอ๊ย ใจหายวาบ พูดมาแต่แรกก็หมดเรื่อง
“ในฐานะตัวแทนของรุ่นพี่ ผมขอบอกว่าพวกเราภูมิใจ และขอบคุณที่สร้างสีสันได้ไม่แพ้รุ่นพี่ปีก่อนๆ และหวังว่าในอนาคตพวกคุณจะสั่งสอนรุ่นน้องให้เข้าใจในเอกลักษณ์ของคณะเราและดันให้พวกเขาโดดเด่นเหมือนพวกคุณ เข้าใจมั้ย!!”
โห… น้ำตาซึมเลยอะ ดีใจจัง
…จริงๆ นะ เหมือนผมได้ทำอะไรถูกที่ถูกทางซักที
“เข้าใจครับ” ผมส่งเสียง
“แต่ถึงยังไงเราก็ต้องเอาความจริงมาคุยกัน” พี่ว้ากเข้ามายืนใกล้ๆ “ผมได้รับการแจ้งจากพี่เทคของคุณ ว่าเขาไม่ค่อยพอใจที่คุณถอดเสื้อและทำชื่อพรีเซ้นท์ต่อหน้าคนทั้งมหาวิทยาลัย และผมก็เห็นด้วย”
ผมมองหน้าพี่วิน รู้สึกได้เลยว่าสายตาที่พี่เขามองมาแม่งจริงจังสุดๆ
“ในฐานะหัวหน้าพี่ว้าก ผมคือผู้รับผิดชอบและดูแลความปลอดภัยของพวกคุณ รวมทั้งควบคุมไม่ให้เกิดเรื่องอะไรที่จะส่งผลกระทบกับอนาคตของเด็กปีหนึ่งทุกชีวิต”
“…”
“คุณรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่ครับ” ผมส่ายหัว สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
“พี่สันครับ ขอของที่เตรียมมาด้วย”
หลังจากพี่วินหันไปสั่ง พี่คนสวยหน้าหมวยเจ้าเดิมก็หอบหิ้วถุงดำขนาดใหญ่ชนิดที่ต้องใช้คำว่าเบ้อเร้อออกมาด้วยความทุลักทุเล ผมเกือบจะเข้าไปช่วยแล้วแต่ติดตรงที่ว่าเจ๊แกมองไม่เห็นทาง เดี๋ยวเดินซ้ายทีขวาทีจนผมหาจังหวะเข้าไปช่วยไม่ถูก และสุดท้าย…
ปัก! “โดนหัวผมครับพี่…”
“ว๊าย ขอโทษทีลูกพี่มองไม่เห็น”
แต่ถึงจะยากลำบากยังไงถุงขนาดใหญ่นั้นก็ถูกวางลงตรงหน้าอย่างเรียบร้อย แถมผมก็เจ็บหัวเฉย ฮือ
“คุณรู้มั้ยว่านี่คืออะไร?”
ผมหรี่ตามองถุงตรงพื้น ค่อนข้างกลัวๆ จนต้องถอยหลังมาหนึ่งก้าว “ไม่มีใครนอนอยู่ในนั้นใช่มั้ยครับ”
“เฮ้อ” พี่วินก้มลงไปแก้มัดที่ปากถุง “ทั้งหมดนี่เป็นของจากแฟนคลับคุณ มาจากทุกคณะทุกชั้นปี! ถูกวางไว้หน้าตึกสินกำที่กรุงเทพ”
“โอ้….ใช่เหรอครับ?”
“งั้นเรามาดูกัน” พี่วินควานหาของในถุงแบบสุ่มๆ จากนั้นก็มีเสื้อกันฝนติดมือมา โง้ยยยย มันน่ารักจนอยากจะใส่ซะเดี๋ยวนี้เลย ถ้าเป็นสีเหลืองจะรักเลย
“ถึงน้องกุ้ง เสื้อตัวนี้จะทำให้น้องไม่ต้องตากฝนกลับหอ พี่ไม่อยากให้น้องเป็นหวัด ถ้าอยากจะขอบคุณพี่ แอดไลน์มาที่ lukcyman98” “…” ผมนี่ถึงกับยืนอึ้ง
“เอาไง สนใจแอดกลับเลยตอนนี้เลยมั้ย?”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมยอมเป็นคนไร้มารยาทก็ได้”
“มาดูอีกอันแล้วกัน” คราวนี้เป็นหมอนหมีน้อย โง้ยยย นี่ก็น่ารักกกก “
หลับตาทีไรฝันเห็นแต่เธอ เลยอยากให้หมอนเธอเผื่อจะได้ฝันถึงกันบ้าง… อันนี้ไม่มีชื่อแต่มีเบอร์โทรเลยแฮะ”
เชี่ยยย น่ากลัวเกิ๊นนนน
“พี่ไม่ต้องหยิบออกมาแล้วก็ได้น้า เดี๋ยวผมจัดการเอง” ผมบอกพี่ว้าก กลัวว่าถ้าปล่อยให้เขาค้นไปเรื่อยๆ จะเจอข้อความฮาร์ดคอกว่านี้เข้า อายเพื่อนๆ ตายเลย
“ก็ตามใจ ของคุณนี่นะ” พี่วินหันมาจ้องหน้า “แล้วคุณสงสัยมั้ยว่าทำไมผมเรียกคุณว่าน้องนมเย็น”
พอได้ยินผมก็ได้แต่ส่ายหัวดิก
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าที่นี่มีเพจไนซ์บอย คล้ายๆ คิ้วบอยของม.อื่นๆ นั่นแหละ ตอนนี้กระทู้ที่โดนปักหมุดเอาไว้คือ…” พี่วินก้มกดมือถือยุกยิกก่อนจะยื่นมาให้ “นี่!”
ผมหรี่ตามองหน้าจอที่ส่องสว่างนั้น แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายเมื่อเห็นรูปตัวเอง มันเป็นตอนที่ผมถอดเสื้อบนเวทีวันปฐมนิเทศ!!
‘กุ๊ง นมเย็น – ฉายานี้ไม่ได้มาเพราะชอบกินน้ำแดง’ ผมยกมือไหว้ขออนุญาตหยิบมือถือมาดูใกล้ๆ ค่อยๆ ใช้นิ้วลากไปทีละรูปๆ
ผมก็เห็นตัวเองจากทุกมุม จากมุมที่นั่ง จากมุมหน้าเวที จากกล้องสภาฯ ส่วนกลาง และที่สำคัญมีรูปแอบถ่ายบนเวทีอีกตะหาก!!
ไอ้บ้าเอ๊ยยย รูปอื่นยังพอเข้าใจนะ แต่รูปบนเวทีนี่ใครมันจะถ่ายได้ถ้าไม่ใช่พวกตัวแทนคณะกับดาวเดือน อย่าให้รู้เชียวนะ จะไปข่วนหน้าใส่ซะให้เข็ด ฮึ่ยยยยยย
แต่ยังไงก็เหอะ ทั้งหมดทั้งมวนต้องเลิกคิดไปให้หมดเมื่อเห็นจำนวนไลค์ที่มีจำนวนห้าหมื่น!! บ้าไปแล้ววว เยอะกว่ายอดไลค์ในไอจีตั้งแต่รูปแรกถึงรูปสุดท้ายรวมกันซะอีก
“รู้สึกยังไงครับคุณ” พี่วินคว้ามือถือกลับไป
“ก็… เขินๆ อะครับ”
“คุณเขินกว่านี้อีกแน่ถ้าเห็นคอมเม้นท์ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟัง” พี่วินใช้นิ้วเลื่อนไปมา “ขออนุญาตพูดคำหยาบนะ…
ไอ้สัส เกิดมายี่สิบห้าปี เพิ่งสับสนรสนิยมตัวเองก็วันนี้ น้องน่ารักจนอยากจะไปฟัดถึงนครนายก”
“…”
“ต่อนะ
ไม่อยากเชื่อว่าน้องดูดีขึ้นขนาดนี้ ผิดจากสมัยเรียนเซนต์เจมส์อย่างกับคนละคน ไม่รู้ว่าน้องเขาจะจำได้มั้ย แต่พี่คือคนที่โดนน้องลากกลับคอนโดวันที่น้องหนีเที่ยวทองหล่อตอนวันปัจฉิม ห้าๆๆ …คุณจำเขาได้หรือเปล่า?” พี่วินเหล่มองมาถาม
“จำไม่ได้ครับ” ผมตอบตามตรง ก็มันนึกไม่ออกแล้วอะ เหยื่อแถวทองหล่อไม่ได้มีแค่คนเดียวนะ
“มีเม้นท์นึงน่าสนใจแต่ผมคงต้องเซ็นเซอร์ บอกว่า
…แม่งชมพูกว่า ตู๊ด ตู๊ดดดดด ของกูอีก น้องน่ากอดมาก อยากคว้ามาเขย่าแรงๆ …อะอันนี้เด็ดสุด
น้องชื่อกุ้ง แต่ตอนนี้น้องทำให้ผมตัวงอเป็นกุ้งไปหมดแล้ว”
“พี่ครับ!”
“หืม?” พี่วินสงสัยเมื่ออยู่ดีๆ ผมก็โพล่งขึ้น
“ไม่ต้องอ่านแล้วก็ได้ครับ ผมจั๊กจี้” ผมยิงฟันทำหน้าแหยๆ
แล้วไอ้ตู๊ดตู๊ดดดดนั่นคืออะไร หวังว่าจะเป็นหัวแม่โป้งนะ พยายามไม่คิดว่าจะมีอวัยวะส่วนไหนที่เป็นสีชมพูได้อีก…
“งั้นก็ไปอ่านต่อเองแล้วกัน”
“ผมไม่เล่นเฟสบุ๊คครับ”
“ถือว่าโชคดีไป” พี่วินเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า “คุณว่าการที่ได้ของพวกนี้กับโดนเม้นท์อย่างนั้นในโซเชียลมันเป็นเรื่องดีหรือเปล่า”
ยังไงดีวะ คือถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงจะชอบที่มีแต่คนชื่นชม แต่พอตอนนี้มาคิดอีกทีแม่งน่ากลัวสุดๆ ไปเลย
“ผมว่าไม่ครับ”
“เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมพวกผมถึงเป็นห่วง”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก โหยยย ชอบแววตาพี่วินตอนนี้มาก เหมือนพ่อปกครองลูกไม่มีผิด อยากจะซบอกแรงๆ ออดอ้อนซื้อของเล่น
“ส่วนชื่อรำแก้บนต้นเหตุ ผมมั่นใจว่าคุณไม่ได้คิดเองแน่ๆ …ไปเอามาจากไหน”
เอ๊า เลิกซึ้งแม่งละ อย่ามาดูถูกสมองผมแบบนี้เซ่ะ ในสายตาคนอื่นผมดูโง่ขนาดนั้นเลยหรือไงเล่า
“ขออนุญาตตอบค่ะ” หยากไย่ยกมือ “หนูเป็นคนให้ชื่อนั้นกับกุ้งเอง”
“คุณไม่ได้คิดจะแกล้งเพื่อนใช่มั้ยครับ?”
“ไม่ใช่ค่ะ ตอนนั้นหนูแค่อยากจะให้บรรยากาศมันสนุก หนูขอโทษจริงๆ” หยากไย่ลุกขึ้นมายกมือไหว้จนฝ่ายผมต้องรับไหว้เป็นพัลวัน หน้าดาวแม่งรู้สึกผิดมากๆ “กูขอโทษนะกุ้ง กูไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้”
“มะ…ไม่เป็นไร” ผมโบกมือ “มึงไม่ผิดเลยไย่ กูรู้ว่ามึงเจตนาดี มันเป็นเรื่องเกินควบคุม”
“จำไว้นะคุณดาว ผมอยากให้คุณคิดเยอะๆ กว่านี้ ลองคำนวณนึกถึงผลที่จะตามมา คุณคือคนสวยและเป็นหน้าตาของคณะ แต่นอกจากรูปลักษณ์ที่ดีแล้ว ผมอยากให้คุณมีความคิดที่ดีด้วย” พี่วินเท้าเอว จ้องไปที่หยากไย่ด้วยแววตาที่ไม่มีอารมณ์ดุเลย ออกแนวสั่งสอนมากกว่า
แต่พี่เขาพูดแรงไปปะเนี่ย รู้ว่าเป็นพี่ว้ากแต่มันไม่ต้องรักษาลุคโหดแบบนี้ก็ได้มั้งงงง
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ” โอ๊ยยยย ไย่ร้องไห้แล้ว
“ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่พูดไปเพราะผมเป็นห่วงนะ …ส่วนคุณกุ้ง” ผมหันไปตามเสียงเรียก “ผมรู้ดีว่าคุณเป็นคนยังไง มีชื่อเสียงในด้านไหน ในฐานะรุ่นพี่ผมจะปกป้องคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
โอ้โห ซาบซึ้งสัสๆ จริงๆ นะ
“ขอบคุณนะครับ” ผมระบายยิ้มออกมา และผมก็ต้องอึ้งเมื่อพี่ว้ากที่กำลังกอดอกอยู่ก็ฉีกยิ้มกลับมาให้ด้วยเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่เห็นเลยนะเนี่ย…
“ดาวเดือนขอเชิญมาตรงนี้หน่อยครับ” พี่วินหุบยิ้มและออกคำสั่งต่อ
ทั้งหยากไย่และฟิวส์เดินออกมานอกแถว ฝ่ายเดือนประคองไหล่ของดาวเอาไว้ด้วย เป็นมุมสุภาพบุรุษของไอ้ขี้เก๊กที่เพิ่งเคยได้สัมผัสเลยนะเนี่ย
“ผมรู้ว่าพวกคุณมีของ เอามันออกมาโชว์” พวกพี่ๆ มารุมมันทั้งสองเพื่อให้กำลังใจ “ไม่ต้องหวังตำแหน่ง แค่คุณทำเต็มที่พวกผมก็ภูมิใจแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ” หยากไย่พยักหน้า
“ไย่” ผมส่งเสียงเรียก ไอ้ดาวเดินเข้ามาหาทันที “มึงไม่ต้องนอยด์นะเข้าใจมั้ย มึงไม่ผิดอะไรเลย เรื่องพวกนี้กูเจอมาบ่อยมาก เล็กน้อยนิดเดียวเอง”
หยากไย่ที่โดนผมจับแก้มถึงกับยิ้มออกมา “กูรู้ว่ามึงไม่โกรธกูหรอก แต่กูรู้สึกผิดเอง กูจะเอาตำแหน่งมาไถ่โทษนะ”
โอ๊ยยย น้ำตาผมจะไหลแทน ทำไมรับน้องวันนี้มันเศร้าขนาดนี้วะเนี่ย
“พวกคุณรีบไปเตรียมตัวได้ ขอให้โชคดี!!”
ดาวเดือนทั้งสองยกมือไหว้ก่อนจะจูงมือวิ่งกันเข้าไปยังอาคารซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน
“วันนี้แม่งดราม่าพอแล้ว ลืมๆ มันไปซะ สนุกกับเฟรชชี่ไนต์ให้เต็มที่!” พี่วินเอามือไพล่หลัง “พี่ๆ ทุกคนเตรียมอุปกรณ์ด้วย!!”
ผมตาโตเมื่อเห็นว่าพี่ๆ ทุกคนกรูกันเข้าไปประชิดตัวน้องๆ ส่วนผมที่ยังยืนอยู่หน้าแถวก็ได้ประจันหน้ากับพี่วินขาโหด ซึ่ง
ตอนนี้ในมือมีกิ๊บดำตัวเล็กและแป้งเด็ก
“คุณรู้มั้ยว่าอะไรใหญ่กว่ากุ้ง”
ฮะ? ปริศนาธรรมเหรอ “มะ…ไม่รู้ครับ”
พี่วินแยกเขี้ยว “กุ้งชุบแป้งทอดไง!”
ก่อนจะได้มีโอกาสขำแห้งๆ รู้ตัวอีกทีก็โดนมือหนาๆ ป้ายป๊าบเข้าให้ที่หน้า ลิ้นรับรสชาติแป้งเต็มๆ
แค่กๆ ไอ้สัสนี่มันมุกควาย
แชะ แชะ ผมล่ะเซ็งจริงๆ ที่จะต้องมาโดนแอบถ่ายทั้งๆ ที่ตั้งใจจะดูโชว์บนเวที รู้นะว่าสภาพทุเรศ หน้าที่เคยหล่อๆ กลับต้องขาวโพลนไปด้วยแป้ง แต่อย่ามาทำเหมือนผมเป็นจระเข้เผือกในสวนสัตว์ได้ม้ายยยย ยกมือถือมาแอบถ่ายกันระวิงขนาดนี้ก็โยนเหรียญมาให้งับเลยเซ่ะ
โชว์ของสินกำได้เสียงกรี๊ดแบบไม่ขี้ริ้วขี้เหร่เลย ไอ้ไย่ออกมาในชุดสาวเปรี้ยวคาแรคเตอร์แรงๆ พร้อมจะตบ (เหมือนตัวจริงสัสๆ) โดยมีไอ้ฟิวส์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นหนุ่มฮอตไล่จีบอีกฝ่ายด้วยการสีไวโอลิน แหม่ ก็เขาเป็นเดือนจากดุริยางค์อะเนอะก็ต้องโชว์สกิลกันหน่อย สุดท้ายก็จบด้วยการเต้นเบบี้ชาร์ก เรียกติ่งให้กรี๊ดกันม้ามจะแตก เพิ่งจะรู้ว่าทั้งสองคนนี้มันมีฐานแฟนคลับไม้แพ้ใครเหมือนกัน
“เหลือคณะอะไรวะ” ไอ้อู๋หันไปถามเมีย ซึ่งอีมุนินดูเริงร่าสุดๆ
“คณะพละไง กรี๊ดดดด ทักของกู ตื่นเต้นสุดๆ” ออกนอกหน้าจนหมั่นไส้
“น้องกุ้ง…
เฮ้ย!” คนมาใหม่เรียกชื่อผม แต่ก็ต้องตกใจทันทีเมื่อผมหันไปหา
“อ้าวพี่โน่” คุณหมอสุดแซ่บนี่เอง นึกว่าใคร แงงง คงตกใจที่ผมหน้าวอกกับมีกิ๊บห้าตัวติดอยู่ที่หัวงั้นสิ
แล้วมาเจอคนเท่ในสภาพนี้ เอาโขกขอบเวทีแม่งดีมั้ยเนี่ย ฮือออ
“นึกว่าแคสเปอร์”
จะบ้าตาย เปรียบเทียบได้น่ารักไปปะ
“หน่อมแน้มไปมั้งพี่ เหมือนลูกกรอกมากกว่า” ผมยกยิ้ม
“ไม่ได้ดิ ลูกกรอกมันน่ากลัวไป กุ้งไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย”
โอเค… โชคดีที่สภาพเหมือนผีเด็กในจูออน หน้าวอกแบบนี้จะได้ไม่รู้ว่ามีคนกำลังเขิน
“พี่มาดูน้องเหรอครับ”
“อื่อ พี่ต้องมามอบตำแหน่งไง”
ผมนี่หูผึ่งทันที…
พี่โน่เห็นผมนิ่งไปเลยพูดต่อ “พี่เป็นรองอันดับหนึ่งนะ ต้องมาอยู่แล้ว”
จะบ้าตาย รอยยิ้มนั้นไม่ได้ดูโชว์เหนือเลย แค่เหมือนรุ่นพี่ใจดีอยากจะอธิบายให้ฟังก็เท่านั้น
“ว่าแล้วเชียว ก็พี่เท่ขนาดนั้น”
“ขอบคุณนะครับ” พี่โน่แยกเขี้ยว “แล้วคราวก่อนใครน้าที่เบี้ยวนัดไม่ไปกับพี่”
“อ่า…” อย่ามาพูดตรงนี้เซ่ ดีนะเสียงพิธีกรดังจนไอ้สองตัวข้างๆ ไม่ได้ยิน “ขอโทษทีนะพี่ ตอนนั้นมีปัญหานิดหน่อย”
“พี่ก็แค่แซว” พี่หมอโปรไฟล์ดีทำเป็นขรึม “แต่ยังรออยู่นะ…”
ในใจอยากจะตอบไปว่า ‘ผมก็รอจังหวะดีๆ อยู่พี่’ แต่ก็กลัวจะแรดไป ก็เลยตอบไปแค่ว่า
“ครับ”
“งั้นพี่ไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า ไว้เจอกัน”
“เดี๋ยวผมจะโบกมือให้พี่บนเวทีนะ”
“จะรอดูเลย” พี่โน่ขยิบตาแล้วหายลับไปกับฝูงชน
“มาแล้วๆๆๆๆ” เสียงระริกระรี้ของมุนินมาพร้อมกับไฟในฮอลล์ที่ค่อยๆ หรี่ลง เล่นเอาผมต้องชะโงกผ่านผู้คนไปหน้าเวทีด้วยความอยากรู้
ไอ้ทักปรากฏตัวขึ้นมาคนแรก มันสวมชุดวอร์มอย่างกับเทรนเนอร์ พุ่งตรงมายังเครื่องออกกำลังกายที่มีดาวจากคณะมันเล่นอยู่ก่อนแล้ว
อ้าวไอ้ไดโนเสาร์ ไม่เจอกันนานเลยนะมึ้งงงง
“เจอกันอีกแล้วนะครับคุณ” เสียงนั้นเข้มขรึมปราศจากการกวนตีน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” โว๊ยตกใจหมด! กรี๊ดกันซะนึกว่ามีระเบิด! รอให้ถึงกลางเรื่องก่อนมั้ยค่อยร้อง อวยกันจัง
จากนั้นทั้งคู่ทำเป็นพ่อแง่แม่งอนอย่างกับละครหลังข่าว ดูแล้วได้แต่หาววอดๆ เหมือนว่าฝ่ายหญิงใจแข็งมาก จนสุดท้ายฝ่ายชายเลยต้องงัดไม้เด็ดออกมา
ผมเกือบจะหลับคอพับอยู่แล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงกีตาร์ซะก่อน ถึงตาเริ่มจะปิดแต่ก็ยังพอเห็นว่าไอ้ทักกำลังเตรียมจะร้องเพลง…
“เห็นเธอดินมาไกลๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หน้าเธอสวยที่สุดเลย…” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเนื้อเพลงคุ้นๆ นั้นผ่านหู
เดี๋ยวก่อนนะ นี่มัน…
“แว๊กกกกกกก” ผมยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินเพลงนี้ที่ไหน
ไอ้อู๋ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ตกใจจนต้องถาม “เป็นห่าอะไรของมึงเนี่ย?”
“ไม่มีอะไร!” ผมส่ายหน้า พยายามซ่อนอารมณ์ตัวเองสุดๆ
โอ๊ยยยย ไหนมึงบอกว่าจะไม่ใช้เพลงนี้ไงไอ้ทัก!
“ไหวปะอีกุ้ง” อีมุนินก็มองมาด้วยสายตาจับผิด ผมนี่เกร็งหน้าไม่ให้ยิ้มจนแก้มจะระเบิดแล้ว ฮืออออออ ช่วยด้วย
“อยากจะมอง อยากจะมอง อยากมองลึกเข้าไป อยากจะรู้ในใจเธอนั้นคิดอะไร เธอจะเหงา เธอจะเหงา เธอจะเหงาเหมือนกันบ้างไหมเธอ…” แล้วไอ้เดือนขี้กวนบนเวทีก็แจกรอยยิ้มมั่วซั่วไปหมด ไอ้บ้าเอ๊ย กะจะให้คนอยู่นอกอาคารเห็นเลยละมั้งน่ะ
ขณะที่ผมจ้องหน้ามันอยู่นั้น ผมก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกว่าไอ้ทักแม่งเท่ มาดดี แถมยัง…หล่อสุดๆ หล่อแบบในด้านที่ผมไม่เคยคิดจะมอง หรือเป็นเพราะไม่เคยตั้งใจมองก็ไม่รู้
เพิ่งรู้ว่ามันมีผิวแทนสุขภาพดีน่าหยิก
เพิ่งรู้ว่ามันมีคิ้วเข้มๆ เหนือดวงตาคมๆ ชวนละลาย
เพิ่งรู้ว่าริมฝีปากสีชมพูเข้มเป็นธรรมชาตินั้นน่ามองขนาดไหน
เพิ่งรู้ว่า…
พอ! ช่างแม่ง เอาแค่ตอนนี้มันดูฮอตสุดๆ แล้วกันครับ ที่สำคัญ พอมองท่าทางของมันผมกลับใจเต้นสั่นอีกตะหาก
โอ๊ย เป็นบ้าอะไรของกู ทำอย่างกะ…
เดี๋ยวนะ
“แย่แล้ว…” ผมอยากจะร้องไห้เมื่อทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็น
นี่ผม… อยากนอนกับมันอย่างนั้นเหรอ อาการแบบนี้มันเป็นเฉพาะตอนเจอคนถูกใจไม่ใช่หรือไงเล่า!!
ไม่อยากจะพูดเลย แต่สงสัยเวลานี้มันต้องงัดคำเด็ดออกมาใช้
จาอาวววว จาอาวววว จาอาวววว อยากจะบ้าตาย ผมทำได้แค่ลูบหน้าอกปลอบใจตัวเอง
ผิดคนแล้วลูกกกก ผิดคนแล้วจ้าาาาา ผมตัวแข็งทื่อเมื่อไอ้คนดีดกีต้าร์จ้องมา โว้ยยย หน้าวอกเป็นนางรำถวายตัวแบบนี้ยังหากูเจออีกเนอะ
ผมพยายามสุดความสามารถในการเม้มปากซ่อนอารมณ์เอาไว้ แต่ไอ้ทักนี่ดิ จะยิ้มหาพระแสงโสมเหล้าไทยอะไรนักหนาห๊า!! เดี๋ยวกูก็กลั้นไม่ไหวแย้มแป้นใส่มึงเข้าหรอก!
“แค่อยากให้เธอได้รู้ อยากให้เธอลอง เธออาจจะยังไม่พร้อม จะยอมรักใครจริงสักคน โอกาสดีๆ อย่างนี้จะมีอีกกี่หน จะเป็นไปได้ไหม ให้เราสองคนได้มาคุยกัน…” “อะไรของมึงวะเนี่ย!?” ไอ้อู๋ฟึดฟัดอีกรอบเมื่อผมเบียดไปซ่อนตัวเองที่ด้านหลังไหล่กว้างๆ ของมัน
“กูว่าเพี้ยน” มุนินเสริม
เงียบๆ ดิ๊ พวกมึงไม่เคยเขินกันหรือไงเล่า บ้าที่สุด
หลังจากที่การแสดงความสามารถจบไปก็ถึงคิวตอบคำถาม หยากไย่กับฟิวส์เข้ารอบห้าคนสุดท้ายทั้งคู่ตามความคาดหมาย และแน่นอนว่าต้องมีไอ้ทักด้วยเช่นกัน แหม่ คนมันเป็นตัวเก็งจะไม่เข้ารอบได้ไงล่ะครับ
“…ผมไม่เชื่อว่าความแตกต่างจะทำให้เราอยู่รวมกันไม่ได้ การได้เป็นตัวแทนของคณะที่คนอื่นๆ มองว่าเป็นแหล่งรวมคนเพี้ยน ผมกลับเห็นสิ่งที่แตกต่างออกไปนั่นก็คือครอบครัวครับ” “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
“ไม่แย่มึง!” มุนินวิพากษ์วิจารณ์อย่างกับกูรู เออ แต่ผมก็เห็นด้วยนะ วันนี้ไอ้ฟิวส์แม่งทำดีจริง ต้องยกนิ้วให้เลย
“มากันที่คนสุดท้ายของฝ่ายหญิงแล้วนะคะ ขอเชิญน้องหยากไย่ ภัทราพร อ่อนมากจากศิลปกรรมศาสตร์ค่า”
เอาละโว้ยยยย ใจมันมา ใจมันมา!!
“คำถามค่ะ… ถ้าคุณติดอยู่ในตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์เป็นเวลาหนึ่งเดือน คุณจะทำอะไร”
เงียบกริบ… ทันทีที่พิธีกรอ่านคำถามจบไม่มีใครพูดเลย เสียงแอร์นี่ดังหึ่งชัดเจนเชียว
“ค่ะ ก็…” แม้จะมีความตื่นเต้นฉายบนใบหน้าดาวคณะอยู่พักหนึ่ง แต่หยากไย่ก็แก้เกมด้วยการกับมายิ้มยืนตัวตรงอย่างมั่นใจอีกครั้ง
“ไย่คิดเสมอว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดคือเวลาที่ได้อยู่กับตัวเราเอง เพราะฉะนั้นไย่จะลองหาสาเหตุว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ จะใช้เวลาที่มีอยู่ทบทวนและปรับปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพื่อจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกครั้ง…” ผมจับความสั่นคล้ายคนสะอื้นผ่านการตอบคำถามนั้นได้ เด็กสินกำทุกคนที่ยืนฟังอยู่จับมือน้ำตาคลอกันหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมุนิน รายนั้นร้องไห้โฮแบบไม่อายใคร
“แต่ถ้าไย่ได้ติดอยู่ในตึกศิลปกรรมจริงๆ เชื่อว่าเพื่อนๆ ในคณะทุกคนจะต้องมาช่วยไย่ออกไปอย่างแน่นอนค่ะ”
“เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ” เสียงโห่ร้องครั้งนี้ดังกว่าครั้งไหนๆ หยากไย่ยิ้มพร้อมๆ กับน้ำตาที่เอ่อล้นลงมาอาบแก้ม ฮือออ ทำดีมากแม่ดาวน้อยของกู ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ !!
“และก็ถึงหนุ่มหล่อคนสุดท้ายของเรา ทัก โรหิตจันทร์จากคณะพละศึกษา!”
ไอ้ทักยิ้มอย่างมั่นใจขณะที่ก้าวออกมาข้างหน้า รอยยิ้มนั้นไม่หายไปไหนแม้กระทั่งตอนที่พิธีกรเริ่มอ่านคำถาม
เดี๋ยวนะ… ชื่อจริงกับชื่อเล่นเหมือนกันเลยเหรอ ง่ายดีจัง เอาความเท่ไปลงกับนามสกุลหมดแล้วล่ะสิ
“คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนมุมมองในชีวิตของคุณตั้งแต่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย?”
เดือนพละไม่มีทีท่าประหม่าแม้แต่นิดเดียว แถมยังตอบเสียงดังฟังชัด
“สีเหลืองครับ” สิ่งที่ออกจากปากไอ้ทักแทรกทะลุความเงียบจนดังไปทั่วทั้งฮอล์ล ทำให้ผมที่ตอนแรกตั้งใจจะเฉไฉมองไปที่อื่นแล้วแท้ๆ ยังต้องหันกลับมาสนใจ
สีเหลืองเนี่ยนะ!? จะบ้าปะเนี่ย! ตอบอะไรของมึงฮะไอ้โง่เอ๊ยยยยย
ปากน่ามองเหนือไมค์นั้นยังคงพูดต่อ
“ผมเคยมองว่าสีเหลืองเป็นสีปลายแถวที่มักจะลืมนึกถึง ตอนยังเด็กผมเคยมีกล่องสีไม้ และสีเหลืองจะเป็นแท่งที่ยาวกว่าใครเพราะไม่เคยคิดจะหยิบมาใช้ ผมมองว่ามันเห็นแล้วหดหู่ รู้สึกถึงพลังแง่ลบตลอดเวลา…” ผมได้ยินเสียหายใจของตัวเอง ให้ตายดิ สุดท้ายผมก็ลุ้นไปกับมันจนได้
“แต่ใครบางคนทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่” ไอ้ทักคลี่ยิ้มบางๆ
“การได้มาที่นี่ทำให้ผมมองสีเหลืองได้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” ตึกตึก… และหัวใจของผมก็เต้นแรงเอาดื้อๆ ราวกับว่าต้องการขานรับไอ้คนบนเวที
“ต่อจากนี้ สีเหลืองจะเป็นตัวแทนความสดใส จะทำให้นึกถึงเสียงของใครสักคนที่ทำให้ผมยิ้มเมื่อได้ยิน จะเป็นสิ่งที่คอยเตือนถึงเป้าหมายในการตื่นมาแต่ละวันอย่างที่ไม่เคยเป็น…” ‘โธ่กุ้ง มีเวลาไหนบ้างฮะที่กูไม่แกล้งมึง’ เสียงหนึ่งแวบเข้ามาในหัว “และมันจะคอยสอนผมว่าอย่าเพิ่งด่วนสินใครจากสิ่งที่ได้ยิน ให้ลองเปิดใจทำความรู้จักด้วยตัวเอง” “…”
ผมกอดอกยิ้มแป้นให้กับคนบนเวที ถึงแม้มันจะกำลังใช้สมาธิจนไม่สามารถรับรู้ได้ว่าผมกำลังมองอยู่ตรงนี้ก็ตาม แต่ผมก็อยากจะขอบคุณมันจริงๆ
ขอบคุณนะไอ้ทัก มันเป็นคำพูดที่น่ารักและดูเห็นอกเห็นใจซึ่งกูไม่เคยได้ยินจากใครมาก่อนเลย
ครับ… ผมจะไม่เข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่มั่นใจเลยว่า ‘สีเหลือง’ ที่มันว่าหมายถึงผม
เพราะมันคือคนแรกที่รู้ว่าผมชอบสีนี้ยังไงล่ะ…
ราวกับมีผีเสื้อนับล้านตัวกระพือปีกอยู่ในท้องเมื่อเห็นไอ้ทักอวดรอยยิ้ม แม้สีหน้าจะฉายแววความสับสน แต่สุดท้ายแล้วมันก็จบประโยคอย่างสวยงาม
“หึ… ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงตอบแบบนี้ แต่มันเป็นสิ่งแรกที่แวบเข้ามาในใจ และผมเลือกที่จะเชื่อมันครับ”
TBC* วันสุดท้ายของปี ก่อนจะออกไปเมา เลยแวะมาต่อบทที่ 5 ก่อน
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะครับ
ยังไงก็ฝากบวกเป็ด คอมเม้นท์ เป็นกำลังใจให้ได้น้า <3
พูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/thene0classicหรือ #อย่ามาอยู่กับกุ้ง นะครับ