Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]  (อ่าน 17453 ครั้ง)

ออฟไลน์ มายซินนี่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Episode 25





กลิ่นหอมฉุยของอะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งมันหอมมากเสียจนกระเพาะเขาทำงานตั้งแต่เขายังไม่ลืมตา

ผาควานมือสะเปะสะปะไปทั่วเตียงกว้างเพื่อจะคว้าเอาร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด แต่ที่ว่างข้างกายที่ควรมีอีกคนนอนอยู่กลับเย็นชืดแสดงให้เห็นว่าอีกคนคงลุกไปนานแล้ว

ผาลืมตาขึ้นมา มองไปที่นาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง เก้าโมงครึ่ง...เขาตื่นสายขนาดนี้เชียวหรือ? แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะกลับจากบริษัทและการนัดดูตัวของม้าเสร็จก็ปาไปดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว



เขาลุกออกจากเตียงไปทั้งที่มีแต่กางเกงนอนขายาวตัวเดียว เปิดประตูห้องอย่างเบามือ ค่อยๆเดินไปยังส่วนของครัวที่ตอนนี้มีร่างนุ่มนิ่มของน้ำกำลังยืนทำกับข้าวอยู่... เสื้อเชิ้ตสีเข้ม ยาวปิดก้นงอนๆลงมาไม่ถึงคืบ หากแต่ข้างล่างนั้นมีกางเกงบ็อกเซอร์ปิดอยู่ แต่ก็พอให้อภัยได้เพราะมันยาวลงมาไม่ถึงครึ่งขาขาวด้วยซ้ำ 



ผายืนกอดอกพิงขอบประตูมองการเคลื่อนไหวนั้นอย่างเพลินตาและคนถูกมองเองก็ไม่รู้เลยว่าถูกเอาไปจินตนาการถึงไหนต่อไหน ผากะว่าจะยืนมองอยู่อย่างนั้นไม่เข้าไปรบกวนอะไร แต่สุดท้ายคนถูกมองก็รู้ตัว...

"พี่ผาตื่นแล้วหรอ" น้ำหันมาหาเขาพร้อมกับคำถามที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสวยส่งมาให้

"ช่าย...ตื่นมาก็เพราะลิ่นหอมๆพวกนี้นี่แหละ" ผาเดินเข้าไปยืนข้างๆน้ำพร้อมกับโอบรอบเอวเอาไว้หลวมๆ ก่อนละเลื่อนลงมาลูบก้นงอนไปมาเบาๆอย่างเพลินมือ

"หิวมั้ยครับ" น้ำเอ่ยถาม พยายามไม่สนใจมือที่ลูบเบาๆอยู่ที่ก้นของตัวเอง

"หิวค่ะ"

"งั้นไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนครับ ใกล้เสร็จแล้ว"

"หิวน้ำ..." คำตอบนั้นเกือบทำให้ทัพพีที่อยู่มือน้ำหล่น หิวน้ำแบบนี้ คงไม่ใช่น้ำดื่มแน่ๆ

"กะ ก็กินสิครับ" เสียงตะกุกตะกัก มือไม้เริ่มทำอะไรไม่ถูก ผาเข้ามากอดเขาทางด้านหลังกอดเขาแนบชิดเสียจนอะไรๆที่มันตื่นตัวดันก้นเขาอยู่ น้ำกัดริมฝีปากล่างแน่นเพราะรู้สึกว่า...คงไม่รอดแน่ๆ



พูดเชิงอนุญาต ที่ผาคิดเอาเองว่าคนตัวเล็กคิดเรื่องเดียวกันระยะเวลาเป็นเดือนใช่ช่วงที่คนตัวเล็กต้องสอบไฟนอล เขาทั้งสองคนไม่ได้ทำอะไรที่มันเกินเลยไปกว่าหอม กอด จูบเลย เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลาและก็เกรงใจน้ำด้วย...แต่ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว เขาไม่ต้องฝึกงาน น้ำเองก็ว่างทุกวันเป็นเดือนๆ...จะได้กินจนอิ่มทุกวันก็คราวนี้ นึกขอบคุณตัวเองที่รออดเปรี้ยวไว้กินหวาน...และแน่นอน น้ำขวดนี้หวานสมใจ



"กินแน่...เพราะหิวมาก" ผากดจูบหนักๆลงแถวๆหลังใบหู สองมือสอดเข้าไปใต้ตัวผ้ากันเปื้อน ค่อยๆบรรจงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนหมด



น้ำวางทัพพีลงก่อนจะปิดเตาแก๊สและยืนกัดปากอยู่เช่นนั้น ผายกยิ้มพอใจที่คนตัวเล็กยอมตามใจเขา

ผาค่อยๆแหวกสาบเสื้อออกจนเห็ลาดไหล่เปลือยเปล่าและแผ่นหลังเนียนสวย ...และในที่สุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มก็หลุดออกไปจากตัวเหลือเพียงผ้ากันเปื้อนสีดำที่ผูกคอ ผูกหลังกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋ว

เขาจับตัวน้ำพลิกให้หันหน้ามาก่อนจะก้มลงจูบหนักๆที่ริมฝีปากสีสดที่เผยอรอการช่วงชิมความหวานเอาไว้อยู่แล้วเสียงจ๊วบจ๊าบดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ จากความละมุนละไลแปลเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนเสียนร่างกายร้อนวูบ น้ำที่เริ่มหายใจไม่ทันส่งเสียงประท้วงจนผาต้องยอมผละออกมาอย่างแสนเสียดาย...แต่จมูกคมก็ไม่ยอมผละห่างไปไหน

สองมือทำหน้าที่อย่างดี ลูบไล้ก้นสวยอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆเกี่ยวขอบบ็อกเซอร์ลงไปพร้อมกับอันเดอร์แวร์จนลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า

ร่างกายที่เปล่าเปลือยที่มีเพียงผ้ากันเปื้อนผืนยาวปกปิดส่วนหน้าเอาไว้...ทำให้น้ำรู้สึกแปลกๆ ใบหน้าแดงแจ๋เพราะเขินอายกับสายตาที่บ่งบอกความต้องการอย่างแรงกล้า

...มันเซ็กซี่มากสำหรับผา สองเม็ดเล็กสีชมพูอ่อนผลุบๆโผล่ๆออกมาอย่างเชิญชวนเวลาที่เจ้าของเขาขยับตัวไปมา

ผาไม่อยากทำอะไรให้มันยืดเยื้ออีกแล้ว อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา จนคนตัวเล็กผวากอดคอเขาเอาไว้เพราะกลัวตก เขาวางน้ำลงให้ยืนอยู่ตรงปลายเตียง เม็ดเล็กสีอ่อนที่โผล่พ้นมาข้างหนึ่งมันเชิญชวนเขาเสียจนต้องครอบครองมันเสียเดี๋ยวนั้น



"อ้าา~" เสียงใสครางผะแผ่วออกมาให้ได้ยิน สองมือยกขึ้นจิกขยุ้มกลุ่มผมของผาเอาไว้อย่างหาที่ระบาย...ลิ้นสากทำงานได้ดีมากจนคนตัวเล็กครางกระเส่าไม่หยุด...

หน้าขาแกร่งขยับเข้ามาตรงหว่างขาขยับขึ้นลงจนกลางกายสวยตื่นตัว...ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยชินกับสัมผัสวาบหวามที่ร่างสูงมอบให้นี่เสียที ร่างกายยังคงสั่นสะท้าน อ่อนยวบยาบไม่มีแรงจะยืน...คนอะไรร้ายกาจชะมัด



จ๊วบ!

ผาละจากการดูดดึงเม็ดเล็กขึ้นมากดจูบหนักๆที่ปากเขา ก่อนจะดูดเม้มริมฝีปากล่างของเขาจนมันเกิดเสียงอันน่าอาย...เขามีความสุขจนตัวจะแตกกับความวาบหวามที่ผามอบให้จนน้ำนึกอยากจะมอบให้แก่อีกคนได้รับบ้าง

ไวกว่าความคิด ก่อนที่ผาจะผละหน้าออกห่าง น้ำเอื้อมมือขึ้นมารั้งคอของร่างสูงเอาไว้ก่อนจะทำกลับคืนเช่นเดียวกัน

น้ำค่อยๆดูดเล็มไปทั่วริมฝีปากทั้งบนและล่างอย่างไม่ประสา...ผาไม่ได้ไม่พอใจ แต่กลับใจเต้นแรงเสียจนมันจะกระดอนออกมา เพียงแค่จูบไม่ประสานั้นประกบลงมากลางกายก็ตื่ตัวเต็มที่จนปวดหนึบ

คนตัวเล็กไม่ได้ทำเพียงแค่นั้นแต่กลับค่อยขบเม้มเบาๆไล่ลงมาตามลำคอจนถึงแผงอกแข็งแกร่ง คนตัวเล็กคงเขินจัดเป็นแน่เพราะตอนนี้แดงแจ๋ไปทั่วทั้งตัว

เขายืนให้คนตัวเล็กทำอะไรตามใจ เขาอยากให้คนตัวเล็กทำให้เขาบ้างแต่ก็ไม่อยากเอ่ยขอเพราะมันจะกลายเป็นการทำให้โดยไม่เต็มใจ

ทุกอย่างถูกดำเนินไปโดยที่คนตัวเล็กเป็นคนนำพา น้ำขบเม้มต่ำลงไปเรื่อยๆ จนไปถึงหน้าท้องแกร่งเป็นลอนสวย ในที่สุดน้ำก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา เพียงตรงนั้นก็ทำให้ผารู้ทันทีว่าอีกคนจะทำอะไร

"คนดี...ลุกขึ้นมาก่อนเร็ว" ผาจับแขนของน้ำดึงรั้งขึ้นมาแต่น้ำกลับยื้อเอาไว้



"ห ให้น้ำทำให้นะครับ" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมอง สายตาและคำพูดเหมือนออดอ้อนอยู่ในที ทำให้ผายอมตามใจ ปล่อยมือลง

น้ำกัดปากแน่น สองมือค่อยๆเกี่ยวขอบกางเกงลงจนส่วนแข็งขืนดีดผึงออกมา  มือข้างหนึ่งกำรอบส่วนนั้นเอาไว้ก่อนจะค่อยๆชักรูดมันขึ้นลงช้าๆและทวีความเร็วเพิ่มมากขึ้น จนส่วนหัวมีน้ำสีขุ่นปริ่มออกมา



"อ่าาห์~ ที่รักพอ... อึก!" ผายังไม่ทันจะพูดมันจบด้วยซ้ำ ลิ้นเล็กก็ตวัดเลียลงมายังส่วนปริ่มน้ำ จนผาต้องเกร็งหน้าท้องเพราะความเสียววูบที่แล่นไปทั่วร่างราวกับโดนไฟช็อต และในวินาทีต่อมาส่วนกลางกายของเขาก็เข้าไปอยู่ในโพรงปากนุ่มนั่นเสียแล้ว

"อ่าาห์~ คนดี อึก ดี ค่ะ อืมมม..." คนตัวเล็กกระหยิ่มยิ้มพอใจ พร้อมกับห่อปากรูดขึ้นลงเร็วๆ เจอแบบนี้เขาจะทนไหวได้ไง...จะเสร็จตั้งแต่มือนุ่มนิ่มนั่นขยับรูดให้อยู่แล้ว และแบบนี้...

"อึก! ที่รักออกก่อน อ่าาาห์..." ไม่ฟังคำพูดของเขาแถมยังรูดรั้งถี่มากขึ้นจนความอดทนหมดลงเผลอกดหัวน้ำเอาไว้แทนที่จะดึงออหแล้วฉีดน้ำรักเข้าเต็มโพรงปาก

"คนดีคายมันออกมา" ผาสั่งเสียงเข้มแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว

"อึก...แฮกๆ" น้ำกลืนมันลงไปแล้วก่อนจะค่อยๆผยุงตัวยืนขึ้น ปากคอแดงแจ๋ เผยอปากหายใจหอบถี่ สบมองเขาด้วยสายตาปรือปรอยเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง คราบน้ำที่เลอะอยู่ตรงมุมปาก น้ำใช้หลังมือเช็ดมันออกลวกๆ แต่ภาพนั้นมันโคตรจะเซ็กซี่ จนเส้นอารมณ์ดิบขาดผึง



ผาจับน้ำเข้ามาบดจูบอย่างรุนแรงและดุดันกว่าครั้งไหนๆ ผาถอนจูบออกหันหลังไปหยิบเอาขวดเจลมามาชะโลมไปทั่งแก่นกาย จับคนที่ยืนเขินตัวแดงให้หันหลัง ดันตัวให้น้ำโน้มตัวลงไปใช้มือค้ำยันพื้นเตียงเอาไว้

ผาจับเจ้าหนูของเขาไปจ่อไว้ที่ช่องทางสีสวยก่อนจะค่อยๆดันมันเข้าไปโดยที่ยังไม่เบิกทางอะไรเลย...



"เจ็บมั้ยคะ อืมม..." ผาถามเพราะมือเรียวที่จิกขยุ้มผ้าปูเตียงเสียจนยับยู่ยี่

"มะ ไม่ อ๊าา~" ผาดันรวดเดียวจนสุด น้ำผวาเฮือกเพราะว่ากระแทกโดนจุดนั้นเข้าอย่างจัง...ผาแช่ค้างไว้เพียงครู่เดียว ก็เริ่มขยับเอวเข้าออกช้าๆ สองมือดันขาเรียวให้แยกออกจากกันกว้างกว่าเดิม

"อ๊าา~ ระ เร็ว" คำขอที่ผารอคอยก็หลุดออกมาจากลำคอระหงส์ ผาไม่ตอบ แต่กลับขยับเอวสอบถี่รัวเสียจนคนตัวเล็กสั่นคลอน



พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ

"ฮื่อออ~ ละ ลึก อื้อออ~" คนตัวเล็กครางกระเส่า แขนที่เคยค้ำยันไว้ก็อ่อนแรงลง ปล่อยตัวฟุบลงไปกับเตียงอย่างอ่อนแรง ก้นสวยยังคงลอยเด่นรับแรงกระแทกที่ส่งมาอย่างดี...



แผ่นหลังเนียนแอ่นโค้งลงอย่างจงใจจะยั่วกันก็ไม่ปาน...สายผ้ากันเปื้อนสียังถูกผูกไว้ที่เอวคอด ตัดกับผิวขาวอย่างล่อตา...ทำไมเซ็กซี่แบบนี้

แรงกระแทกที่ส่งเข้ามาถี่รัวต่อเนื่องจนขาเรียวแทบยืนไม่อยู่จึงต้องยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางเข่าไว้บนขอบเตียง...แทนที่มันจะช่วยบรรเทาความเสียวซ่านได้บ้างมันกลับส่งผลตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง...ผากลับสอดได้ลึกขึ้นกว่าเดิมแถมเน้นหนักกว่าเมื่อครู่นี้หลายเท่านัก...เขาจะทนไม่ไหวแล้ว

"อ๊าาา~ มะ ไม่ไหว ...พี่ผา ฮื่ออ~ น้ำไม่ไหว" น้ำชันตัวขึ้นมา มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับมือผาที่จับประคองสะโพกตัวเองไว้ กัดเม้มปากล่างไว้แน่นเพื่อคลายความเสียวซ่านก่อนจะหันไปมองผา



สายตาฉ่ำปรือ น้ำตาคลอน้อยๆ แก้มแดงปลั่งนั่นมันส่งผลกระทบทั้งจิตใจและร่างกายของผาอย่างจังทำให้เขาไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกต่อไป

"อื้อออ~ พะ พี่ผา ฮื่ออ แรงไป สะ เสียว น้ำเสียว อ๊าา!..." คนตัวเล็กกระตุกเกร็งหวีดร้องออกมาลั่นห้อง ปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะหน้าท้องและผ้ากันเปื้อนทั้งที่ผาไม่ได้แตะต้องส่วนกลางกลายของเขาเลยแม้แต่น้อย ผาซอยถี่อีกสามสี่ทีก็ปลดปล่อยตามไปติดๆ

"อ่าาาห์~" เขาแช่ไว้อย่างนั้นก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบซับหลังเนียนขาวพร้อมกับขบเม้มทำรอยรักไว้เต็มไปหมด มือข้างหนึ่งยื่นไปแก้ปมผ้ากันเปื้อออกทั้งที่เอวคอดแล้วที่คอออก คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ทำให้ส่วนเชื่อมประสานหลุดออกจากกันจนคนตัวเล็กส่งเสียงครางออกมา



จุ๊บ!

ผาก้มลงจุ๊บแก้มคนตัวเล็กที่หลับตาพริ้มอยู่หนักๆหนึ่งที

"ร้ายนักนะตัวแสบ" ผากัดฟันพูดอย่างหมั่นเขี้ยว

"งื้ออ~ ใครร้าย น้ำไม่ได้ร้ายสักหน่อย คิก" น้ำว่าออกมาเสียงยานๆ ก่อนจะหลุดขำออกมาในตอนท้ายประโยค...มันน่าจับมาตีก้นซะให้เข็ด ไปหัดยั่วกันแบบนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

"คราวหลังถ้ายั่วกันแบบนี้ เจอหนักกว่านี้แน่ตัวแสบ" ผาเอ่ยออกมาอย่างคาดโทษก่อนจะพลิกตัวน้ำให้นอนหงายแล้วอุ้มเดินเข้าห้องน้ำไป...อยากจะรังแกคนขี้ยั่วอีกสักรอบ แต่วันนี้เขาว่าเขาทำรุนแรงกับคนตัวเล็กไป...แล้วอีกอย่าง มีเวลากินอีกเป็นเดือน ค่อยๆกินดีกว่าจะได้ไม่สำลักจนหัวใจวายตาย



เขาทั้งคู่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็มาอุ่นกับข้าวที่เย็นชืดให้กลับมาน่ากินเหมือนเดิม จัดเตรียมข้าวขึ้นโต๊ะกำลังจะลงมือทาน แต่เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนของผาก็หยุดกิจกรรมทุกอย่างลงไป

"เดี๋ยวพี่มานะคะ หนูกินก่อนได้เลย" ผาลุกขึ้นมาหอมหัวเชาแล้วพูดออกมาแบบนั้นก่อนจะออกไปรับโทรศัพท์แล้ว ปล่อยน้ำเอาไว้กับสรรพนามใหม่ที่ผาใช้เรียกเมื่อครู่  ...'หนู' เนี่ยนะ แค่คะขาทุกวันนี้เขาก็หัวใจจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แล้วนี่เรียกเขาว่า 'หนู' ได้ตายกันพอดี ฮื่ออ~ เขินง่าา >///<



"ผาขอทานข้าวก่อนได้มั้ยครับม๊า เดี๋ยวผากลับ... ครับ ก็ได้ครับ ผมจะรีบกลับ" ผาวางสายพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายกับหนักใจกับเรื่องอะไรบางอย่าง...

"มีอะไรรึเปล่าครับ" น้ำเอ่ยถามเพราะเห็นสีหน้ากังวลของผาจนลืมอาการเขินเมื่อครู่ไปเสียสนิท

"พี่ต้องกลับบ้านค่ะ ม๊าโทรตาม" ผาเดินเข้ามาผาเขา กอดเขาเอาไว้หลวมๆจนหน้าสวยซุกลงกับหน้าท้องเป็นลอน

"งั้นก็รีบไปแต่งตัวสิครับ" น้ำเงยหน้าส่งยิ้มไปให้ ผายกมือขึ้นกอบกุมแก้มนิ่มเอาไว้ ไล้เกลี่ยมันอย่างหลงใหล ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากมน...น้ำหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นทั้งหลายไว้ให้มากที่สุดก่อนที่ผาจะผละออกไป

"พี่ขอโทษนะคะ ที่ได้ได้อยู่กินข้าวด้วย..."

"ไม่เป็นไรครับ น้ำกินได้ พี่ผารีบไปเถอะครับ...ปล่อยให้ม๊ารอทานข้าวด้วยมันไม่ดีน้า" น้ำพูดไปยิ้มไป ปกปิดความกังวลเอาไว้ให้มิดชิด ก่อนจะดันหลังร่างสูงให้เดินเข้าไปยังห้อง เข้าห้องน้ำไปหยิบเลือกชุดไปรเวทออกมาให้ผาหนึ่งชุด...น้ำกำลังจะเดินหลบฉากออกไปแต่ผากลับเข้ามาคว้าเอวเขาไว้เสียก่อน

"โอเครึเปล่า หื้ม" ผาถามออกมาอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของน้ำ

"โอเคครับ พี่ผาไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วนะครับ...กลับไปหาท่านบ้าง" น้ำยิ้มตอบออกไป ทั้งๆที่ในใจมีความกังวลอยู่ไม่น้อย ผาทำหน้าเครียด ไม่เชื่อสิ่งที่เขาบอกจนน้ำต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นประกบเข้ากับแก้ม มองสบตาคมตรงๆ

"น้ำไม่เป็นอะไรจริงๆ ไปเถอะครับเย็นๆก็เจอกันแล้ว..."



จุ๊บ!

น้ำยืดตัวขึ้นไปจุ๊บปากของผาไวๆก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ ทำให้ผาเผยรอยยิ้มหล่อออกมา ก่อนจะโอบกระชับเอวเขาให้แน่นขึ้น

"พี่เชื่อน้ำก็ได้ว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ"

"ครับ"

"เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมาหาหนูนะคะ" น้ำอ้าปากค้างตัวแข็งท่อคล้ายกับสติหลุดไปกับคำพูดนั้นแล้ว...ใบหน้าขาวค่อยๆซับสีเลือดจนกลายเป็นสีชมพูลามไปถึงใบหู

"นะ หนูเหนออะไรครับ ไม่ต้องเรียกน้ำแบบนี้เลยนะ" น้ำทำเป็นพูดดุกลบเกลื่อนความเขิน ขยับตัวยุกยิก มือไม้เกิดวางไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

"ทำไมคะ"

"ก็..."

"หื้ม อะไรคะ" ผาถามอย่างเร่งเร้า พร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่แกล้งคนตัวเล็กได้

"คือ..."

"ว่าไง"

"ก็มันเขินง่ะ!" พอถูกจี้มากๆเข้าก็หลุดสารภาพออกมาซะเสียงดังจนผาอดขำกับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนี้ไม่ได้ น้ำแกะแขนเขาออกก่อนจะรีบเดินไวๆหายออกไปจากห้อง เขาไม่ได้ตามคนขี้เขินออกไปหันกลับมาแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านตามคำบรรชาของม้า พอเปิดประตูออกมาก็เห็นคนตัวเล็กกำลังนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย...เห็นแบบนี้ก็สบายใจว่าคนตัวเล็กไม่ได้โกรธเคืองหรือไม่พอใจอะไรเขา

"พี่ไปก่อนนะคะที่รัก" ผาเดินเข้าไปบอกคนตัวเล็กพร้อมกับก้มลงหอมหัวทุยหนึ่งที ก่อนจะเดินละออกมาก้มใส่รองเท้าก่อนจะโบกมือบ้ายบายให้ คนตัวเล็กก็โบกมือกลับมาให้เขาพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน...เขาไม่อยากอยู่ลาน้องใกล้ๆนานนักหรอกเดี๋ยวจะกินเวลานานเป็นชั่วโมงเอาได้





ผาขับรถออกมาไม่นานนักก็ถึงบ้านของยนแล้ว เขาจอดรถเอาไว้หน้าบ้านเห็นผู้เป็นแม่ยืนกอดอกคอยท่าอยู่แล้วจึงรีบเปิดประตูลงไปหาทันที

"สวัสดีครับม้า คิดถึงจังเลย" ผาเดอนเข้าไปกอดพร้อมกับหอมแก้มทั้งสองข้างอย่างเอาใจ

"คิดถึงแต่ก็ไม่เคยกลับมาหา"

"ก็กลับมาแล้วนี่ไงครับ...ไปทานข้าวกันเถอะครับหิวจะแย่" ผาพูดอ้อนๆก่อนจะเดินโอบมารดาเดินเข้าไปข้างในบ้าน ซึ่งป๊ากำลังเดินลงมาจากชั้นสองพอดีเขายกมือไหว้ก่อนจะยืนรอเดินไปทานข้าวพร้อมกัน

"ฟ้ายังไม่ตื่นหรอครับ" ผาเอ่ยถามหาน้องสาวทันทีที่นั่งประจำที่แล้ว

"ออกไปไหนแต่เช้ากับเพื่อนแล้วก็ไม่รู้" คนเป็นพ่อบอกก่อนจะส่งสัญญาณให้แม่บ้านตักข้าวได้เลย

"แล้วม้าเรียกผากลับมามีเรื่องอะไรจะคุยเป็นพิเศษรึเปล่าครับ"

"ม้าแค่อยากรู้ว่าทำไมผาถึงปฏิเสธผู้หญิงที่ม้าหาให้ทุกคนเลย" ม้าตักกับข้าวให้ป๊าไปพลางถามเขาไปพลาง

"ผมมีแฟนแล้วนี่ครับ" ผู้เป็นแม่วางช้อนลง

"น้องเป็นใคร มาจากไหน...บอกม้าได้รึเปล่า" ผานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งกับคำถามนั้น...ไม่รู้ว่าถ้าบอกไปม้าจะรับได้รึเปล่า แต่ยังไงก็ต้องบอกให้รู้อยู่ดี

"...น้องเป็นแค่เด็กกำพร้าครับม้า" ม้ากับป๊าไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรให้เห็นมากนัก มีเพียงสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปก็เท่านั้น...แต่เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

"แน่ใจแล้วหรอ" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามคำถามเดิมที่เคยถามไปแล้ว...และเขาก็ยังคงคำตอบเดิม

"ครับ" ผาตอบออกมาอย่างมั่นใจ

"ลูกเอาอะไรมาแน่ใจ เขาไม่มีอะไรเลยสักอย่างในขณะที่บ้านเรามี เขาจะเข้ามาปอกลอกลูกรึเปล่าก็ไม่รู้"

"ตั้งแต่ผมคบกันน้องไม่เคยขออะไรจากผมเลย และไม่เคยขอเงินจากผม...เงินเก็บน้องมีมากกว่าเงินเก็บผมอีกมั้งครับ"

"ม้าไม่เข้าใจ..."

"น้องทำงานเก็บเงินมาตลอดตั้งแต่อยู่ปฐมฯ" ผาบอกเรื่องที่รับรู้มาจากโจ้กับธามให้ผู้เป็นพ่อและแม่ฟัง...เผื่อจะยอมรับกันได้บ้าง

"ไม่ใช่เรื่องนั้น...แต่ม้าไม่เข้าใจทำผาถึงเลือกคนนี้ต่างหาก" ม้าทำหน้าผิดหวัง แม้แต่ป๊าเองก็มองเขาด้วยสายตาที่ผิดหวังเช่นกัน...ตั้งแต่โตมาในครอบครัวนี้ไม่เคยมีเลยสักคราเดียวที่เขาจะเห็นพ่อกับแม่ผิดหวังในตัวเขา...แต่ทำไมกันนะ ทำไมแค่เขาเลือกทำตามหัวใจ ป๊ากับม้าถึงต้องผิดหวังในตัวเขาถึงขนาดนี้...

"ป๊ากับม้าผิดหวังมากเลยหรอครับ ที่ผาเลือกคนนี้ คนที่ไม่มีอะไรเลย...แต่เขากลับดูแลใส่ใจลูกของป๊ากับม้าเป็นอย่างดี...ไม่ได้เข้าหาเพราะผามีเงินแบบคนอื่นๆที่ผ่านมา...นี่คือสิ่งที่ป๊ากับม้ากำลังผิดหวังในตัวผมอยู่ใช่รึเปล่าครับ" ผาถามออกมาอย่างเสียใจ เขาทำให้ป๊ากับม้าผิดหวังเพราะแค่นี้เองหรอกหรือ? 

"ไม่ใช่อย่างนั้นผา ฟังม้าก่อน...ม้าขออะไรผาได้มั้ย..." ม้ากำลังจะเอ่ยขอบางสิ่งบางอย่างแต่ก็ถูกลูกชาย

"ขอให้ผมทิ้งหัวใจตัวเองใช่มั้ยครับ...ผมทราบดีครับว่าตลอดเวลาที่ม้าเลี้ยงดูผมมาม้าไม่เคยขออะไรผมเลย ปล่อยให้ผมทำอะไรที่อยากจะทำมาโดยตลอด ครั้งนี้ม้าก็เลยจะขอเรื่องนี้กับผมใช่มั้ยครับ...ผมขอโทษนะครับ แต่ผมทำให้ม้าให้ไม่ได้" เขากลายเป็นลูกอกตัญญูไปเสียแล้ว

"ทำไมลูกพูดแบบนี้...ลูกเปลี่ยนไปมากเลยรู้ตัวรึเปล่า ถ้าลูกยังดึงดันที่จะทำแบบนี้แม้สังคมจะว่ายังไงลูกก็ไม่สนมันงั้นหรอ" 

"ผมแคร์คนทั้งโลกไม่ได้ แต่ผมแคร์คนที่ผมรักได้"

"แล้วแกคงไม่รักพ่อกับแม่แกงั้นสิ" เหมือนรู้สึกโดนตบหน้าก็ไม่ปาน...มันชาหนึบไปทั่ว หัวใจเขาปวดร้าวแน่นไปหมดคล้ายกับมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ...เขาลืมไปได้อย่างไรว่าคนที่เขาควรแคร์และใส่ใจมันไม่ได้มีแค่น้ำ...แล้วพ่อแม่เขาล่ะ เขาเอาพวกท่านไปไว้ที่ไหนกัน



"ฉันชักอยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้ลูกฉันอกตัญญูได้ขนาดนี้เสียแล้วสิ" ผู้เป็นพ่อว่าออกมาเช่นนั้น

ผากำมือแน่นจนมันสั่นไปหมด ทำไมกันนะ ทำไมจะต้องเป็นแบบนี้...มีทางไหนบ้างที่ทำให้ไม่ต้องจบแบบนี้...ทางไหนก็ได้ขอสักทาง ต่อให้มันแคบเล็กหรือเต็มไปด้วยขวากหนามเขาก็จะเดิน

"ผม...ทำอะไรได้บ้าง" เสียงสั่นเครือที่เปล่งออกมาอย่างสิ้นหวังในหนทางจะไปต่อนั้น เรียกความสนใจจากมารดาได้ไม่น้อย...ลูชายเขาเป็นถึงขนาดนี้เชียวหรือ



"แค่แกลองห่างออกมา...ความรู้สึกทั้งหมดที่แกมีอยู่มันก็จะหายไปเอง" ผู้เป็นพ่อยังคงเชื่ออยู่ว่าสิ่งที่ลูกชายเป็นมันแค่ความลุ่มหลง ถึงจะไม่ใช่ความลุ่มหลงก็คงจะไปด้วยกันได้ไม่นาน...

"ผมห่างไม่ได้ ตอนนี้น้องย้ายมาอยู่กับผมแล้ว"

"คุณพระ! ไหนบอกไม่ได้มาปอกลอกอะไร ทำไมถึงต้องย้ายเข้ามาอยู่แบบนี้" ม้ายกมือขึ้นทาบอกเพราะตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ลูกชายเพิ่งจะบอก...หวังว่าคงไม่เกินเลยไปไกล

"ผมขอให้น้องมาอยู่กับผมเอง"

"เรื่องนั้นป๊าว่าปล่อยให้ลูกเขาตัดสินใจเองเถอะม้า นั่นมันที่ของเจ้าผาเค้า...แล้วแกจะทำตามที่ป๊าขอได้รึเปล่า" ป๊าหันมาถามเอาคำตอบจากเขา

"และถ้าผมยังรู้สึกเหมือนเดิมล่ะครับ" 

"ตอนนั้นป๊ากับม้าจะตามใจแกเอง...ทานข้าวต่อเถอะ" ป๊าว่าเช่นนั้นก่อนจะลงมือทานข้าวต่อ แต่เขาไม่สามารถทานมันต่อไปได้จริงๆ

"ผมขอตัวก่อนนะครับ" ผาค้อมหัวให้ก่อนจะลุกออกมาจากที่ตรงนั้น

เขาจะทำยังไงดี...เขาจะต้องห่างออกมาจริงๆอย่างนั้นหรอ...

ผาลุกออกไปแล้ว เหลือเพียงผู้เป็นบิดามารดาเท่านั้นที่ยังคงนั่งทานข้าวกันต่อ

 

"ตอนนั้นที่ขอ...ม้าจะขออะไรลูก" ป๊าถามอย่างสงสัย เพราะทั้งชีวิตตั้งแต่เลี้ยงผามาผู้เป็นแม่ไม่เคยเอ่ยปากร้องขออะไรจากลูชายเลยสักอย่างเดียว

"ม้าจะขอเจอเด็กคนนั้น...แต่ตาผาเขาดันสติแตกไปเสียก่อน" ม้าว่าออกมาพร้อมอมยิ้มพอๆกับป๊าที่นั่งอมยิ้มอยู่เช่นเดียวกัน

"ตอนนี้ลูกชายคนเดียวของเสียใจ" 

"ม้าว่าป๊าพูดกับลูกแรงไปนะ" ม้าเอ็ดเบาๆอย่างไม่จริงจังนัก

"ไม่หรอก...นี่คำพูดของพ่อของแม่นะ" ป๊ารวบช้อนวางไว้กลางจาน ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง

"ป๊า มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ที่เราให้ลูกทำแบบนี้" ม้ากุมมือป๊าเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงความรู้สึกกันส่งรอยยิ้มสวยที่ป๊าตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นมาให้

"ไม่หรอกม้า...เราไม่เคยขออะไรเลย นี่จะเป็นครั้งแรก...และเขาก็ต้องทำ เพื่อตัวเขาเอง" ป๊ากุมมือม้าแน่น ทั้งสองยิ้มให้กัน แต่มันเต็มไปด้วยความกังวลใจเพราะเจ้าลูกชายของเขาคงทุกข์อยู่ไม่น้อย



คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนไม่ได้อยากจะทำให้ลูกต้องทุกข์ใจแบบนี้หรอก...แต่เพื่อความสุขในอนาคตของลูกเขาก็ต้องทำ...ไม่ใช่เพื่อใคร มันเพื่อตัวของผาเองทั้งนั้น กระแสสังคมก็แรง...ถ้าให้ออกไปเผชิญมันแบบนั้น คงรับไม่ไหว...และเขาจะทำอย่างไรดีกับเด็กคนนั้นดีนะ...









100%

...To Be Continued...

talk

เอาน้ำมาเสิร์ฟฟ~ บอกแล้วว่าไม่ม่า มันอุ่นละมุนจะตัยยย ฮรี่ๆ ทิชชู่บอกให้เตรียมวั้ยๆ

บางที่ก็น่าจับป๊ากับม้ามาตีนะคะ *กำไม้เรียวแน่น*

ม้านี่ก็ช่างสรรหาจริงๆเลยนะคะ เดะม้าจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกมั้ยมาลุ้นกัน

ปล.เดะถ้าอิพี่ผาแกทำให้น้องเสียใจ บอกเลยชั้นจะให้พี่ดินมาเก็บแก!! อุ๊บส์!!




ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องน้ำของเราโพรไฟล์ดีนะจะบอกให้

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาละซิ พี่ผาจะทำอย่างไรดี กลัวน้ำจะเสียใจจังเลย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ มายซินนี่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Episode 26







ตอนนี้เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มแล้ว แต่คนที่บอกเขาเอาไว้ว่าเย็นก็จะกลับมา ก็ยังไม่กลับมาเลย แม้แต่โทรหรือส่งข้อความก็ไม่มี...หรือวันนี้ผาจะนอนกับครอบครัวกันนะ



น้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลังเลอยู่นานสองนานว่าจะโทรไปถามอีกฝ่ายดีมั้ย แต่ก็ตัดใจไม่โทรเพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลาของครอบครัว พอคิดได้แบบนั้นก็ลุกขึ้นไปปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าห้องนอนไป



น้ำปัดความคิดที่ฟุ้งซ่านอยู่ในหัวมาตลอดทั้งวันทิ้งไป...ผาก็แค่กลับบ้านไม่มีอะไรที่ต้องกังวลมากกว่านั้น...เขาต้องเชื่อใจผาอย่างที่เขาเคยบอกกับอีกคนไว้ น้ำค่อยๆหลับตาลงผ่อนคลายตัวเองก่อนจะจมดิ่งสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด



เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเกือบจะตีหนึ่ง น้ำหลับไปแต่อีกคนเพิ่งจะกลับมา...



ไฟทั้งห้องที่ปิดสนิทเป็นตัวบอกได้ดีว่าอีกคนที่คิดถึงคงนอนหลับไปแล้ว...แอบเสียใจเล็กน้อยที่อีกคนไม่นั่งรอเขากลับมา แต่ก็อย่างว่ามันดึกขนาดนี้แล้วใครจะทนมานั่งรอ อีกอย่างหนึ่งถ้าเขาเห็นน้ำมานั่งรอเขาแล้วหลับอยู่ที่ไหนสักที่ในห้องนี้ เขาคงบ่นไม่เลิกเป็นแน่...ผายิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอน ที่ร่างนุ่มนิ่มน่ากอดนอนหลับอยู่



ผาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงที่ว่างข้างๆตัวคนตัวเล็ก จ้องมองใบหน้าน่ารักหลับสนิทที่วันนี้ดูเหมือนเขาจะคิดถึงแต่คนๆนี้ทั้งวัน



ผาท้าวศอกลงไปข้างๆหมอนใบโตก้มลงจุ๊บที่ริมฝีปากที่เขาอยากจูบอยู่ตลอดเวลาอย่างแผ่วเบา แต่ดูเหมือนว่าจะจูบหนักไปมากจนทำให้คนที่นอนหลับอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมา สองมือยกขึ้นขยี้ตาหนุบหนับไปหมดจนผาต้องจับมือคู่นั้นเอาไว้ไม่ให้ขยี้



"กลับมาแล้วหรอครับ"



"ค่ะ พี่กลับมาแล้ว น้ำจะนอนต่อมั้ยคะ" ผาถามยิ้มๆมองดูคนที่เอ่ยปากถามแต่ตาก็ยังไม่ยอมลืมขึ้นมามองหน้ากัน



"ดื่มมาด้วยหรอครับ" คำถามนี้มาพร้อมกับตากลมโตที่ลืมขึ้นมามองหน้ากัน



"นิดหน่อยค่ะ พี่ขอโทษนะคะที่ไม่ได้โทรบอก เมื่อคืนพี่ไม่ได้ชาร์ตแบตน่ะมันเลยหมดตั้งแต่บ่ายแล้ว" ผาอธิบายให้น้ำฟังโดยไม่รอให้อีกคนถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะกังวลเรื่องที่เขาไม่โทรมาบอก



"ไม่เป็นไรครับ" น้ำส่งยิ้มให้พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบแก้มผาเบาๆ ผากอบกุมมือเล็กนั่นไว้ก่อนจะดึงมาประทับจูบหนักๆลงที่กลางฝ่ามืออย่างหวงแหน



"กำลังไม่โอเคใช่มั้ยครับ" น้ำดันตัวลุกขึ้นนั่งเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างนึกเป็นห่วงด้วยคำถามที่เหมือนจะเรียบง่ายแต่กลับเป็นคำถามที่ทั้งคู่ใช้ถามแทนความรู้สึกเป็นห่วงเวลาที่อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจ



"นิดหน่อยค่ะ" ผารวบตัวน้ำเข้าไปกอดไว้แน่นจนตัวน้ำเองนั่งเกยอยู่บนตักแกร่ง ก่อนจะวาดแขนกอดตอบร่างสูงเช่นกัน



คำตอบที่ได้รับกับแววตาที่ส่งออกมา มันช่างสวนทางกันเหลือเกิน



"บอกน้ำได้มั้ยคะ" ถ้อยคำวาจาที่อ่อนหวานอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยคิดว่าอีกคนจะเอ่ยออกมาเช่นนี้ ...มันช่างดูห่วงใยกันเสียจนใจผามันเจ็บแปลบไปหมด...ไม่อยากเสียคนตัวเล็กนี่ไป ควรทำยังไงดี เขาควรทำยังไงดี



ผานิ่งเงียบไปเพื่อทบทวนความรู้สึกหลายฟอย่างที่ผ่านเข้ามาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้มันมีแต่เพิ่มขึ้นๆ และเขาก็มั่นใจมากพอแล้วที่จะตัดสินใจ...และลองเสี่ยงดู



"...ขอแค่น้ำเชื่อใจพี่ ได้มั้ยคนดี...อย่าพูด อย่าพูดว่าเราไม่เหมาะสมกัน อย่าพูดว่าจะไปจากกันได้มั้ย...อย่าปล่อยให้พี่ต้องมั่นใจที่จะทำเพื่อเราคนเดียว..." ผาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำกัดปากแน่นน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาเจียนจะไหล



"พี่ผา..."



"พี่ได้ยินที่น้ำพูดวันนั้น...พี่ได้ยินทุกคำที่น้ำพูด..." วันนั้นที่ผาหมายถึง เป็นวันเดียวกับที่น้ำพูดออกไปเพราะคิดว่าผาหลับแล้ว... ผาได้ยินมันชัดเจนทุกคำ คำที่ว่าพร้อมจะไปจากกันทุกเมื่อ คำที่ทำให้ฟังแล้วใจมันเต้นในจังหวะที่หน่วงขึ้นจนแทบจะหยุดเต้นไป แต่เขาก็ทำอะไรมากไม่ได้ไปกว่าการจะทำทุกอย่างให้คนตรงหน้ามั่นใจที่จะเดินไปพร้อมกันกับเขา...



"ได้โปรด...อย่าพูด..."



"น้ำ...รักพี่ผา... น้ำจะอยู่กับพี่ผาจนกว่าพี่ผาจะไม่ต้องการ น้ำขอโทษนะครับ ที่น้ำพูดไปแบบนั้น...ไม่ใช่น้ำไม่มั่นใจพี่ผา แต่น้ำไม่มั่นใจตัวเองต่างหาก น้ำไม่มั่นใจเลยว่าน้ำมีความเหมาะสมกับความรักที่พี่ผามอบให้รึเปล่า..." 



ประโยคที่ถูกเอ่ยออกมาแทรกเขาทำเอาหัวใจของผาพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากที่ในอกเคยเจ็บแปลบก็กลายเป็นเต้นรัวเร็วเพราะความดีใจ...ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาที่เป็นแฟนกัน เขาบอกรักไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งคนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะบอกเขาคืนกลับมาบ้างเลย...ถึงแม้จะรับรู้ได้จากการกระทำก็ตามที แต่ของแบบนี้เขาก็อยากได้คำยืนยันเหมือนกัน ว่าที่ทำอยู่คือเรารู้สึกตรงกันจริงๆ...



"รักกันจริงๆใช่มั้ย" ผาถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้มดีใจด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้



"ครับ..." ตอนนี้น้ำรู้แล้วว่าการยอมรับความรู้สึกตัวเองแล้วบอกออกไผให้อีกฝ่ายได้รับรู้มันดีต่อใจมากแค่ไหน...



"...ขอบคุณ" ผายกมือทั้งสองข้างขึ้นประคองแก้มนิ่มไว้ก่อนจะจรดหน้าผากเข้าหากัน



"น้ำก็ต้องขอบคุณพี่ผา อื้อ" ยังไม่ทันที่น้ำจะได้พูดขอบคุณอีกฝ่ายจบ ริมฝีปากสีสดก็ถูกครอบครองโดยคนตรงหน้า



สัมผัสอ่อนนุ่มละมุนที่แลบเลียดูดดึงอยู่ทำเอาหัวใจดวงน้อยสั่นไหว เสียงของการสัมผัสดังไปทั่วทั้งห้องจนคนตัวเล็กใบหน้าร้อนวูบและสัมผัสนั้นก็ค่อยๆผละออกไปโดยที่ไม่มีการรุกล้ำใดๆแต่กลับรู้สึกดีจนไม่อยากให้จบลงแค่นี้...



"เราจะผ่านมันไปด้วยกันใช่มั้ยคะ" น้ำเสียงนุ่มทุ่มที่เปล่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม และสองมือที่ประสานเข้าหากันมันสร้างความอบอุ่น อบอวลอยู่รอบกายให้เผยรอยยิ้มสวยตามอย่างมีความสุข...



"ค่ะ..." น้ำตอบรับด้วยความเขินอาย ก่อนจะเอนตัวเข้าซบอกแกร่งเพื่อหลบซ่อนแก้มเนียนที่กำลังขึ้นสีแดงปลั่ง



...น้ำจะไม่ดูถูกตัวเองอีกแล้ว น้ำจะทำให้พี่ผาภูมิใจที่มอบความรู้สึกนี้กับน้ำ และน้ำก็จะสู้เพื่อให้พี่ผาอยู่กับน้ำไปนานๆ น้ำสัญญา...



"ปะ ไปอาบน้ำได้แล่ว เหม็นเหล้า" เสียงหัวเราะหึๆที่ดังอยู่ตลอดนั่นทำให้น้ำสลัดความคิดต่างๆออกไปจากหัวแล้วพลิกตัวลงจากตักแกร่งก่อนจะเบี่ยงประเด็นโดยการไล่ให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำ



ผามองน้ำด้วยสายตาล้อๆพร้อมกับหัวเราะหึกับท่าทางน่าหมั่นเขี้ยวนั่น...เขินแล้วชอบโวยวาย ชอบกลบเกลื่อนนี่ยกให้เลย



"โอเค อาบเสร็จแล้วเดี๋ยวจะออกมาให้หอมนะคะ" ผาพูดแหย่อีกคนก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาหอมแก้มอีกคนไปฟอดใหญ่แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างไวจนน้ำทำได้แค่ยกมือขึ้นกุมแก้มอ้าปากพงาบๆเพราะทำอะไรไม่ถูก...ไม่ชินสักทีกับการที่อีกคนสัมผัสแบบนี้



ครืดดด ครืดดด

เพียงไม่กี่นาทีที่อีกคนคล้อยหลังเข้าห้องน้ำไปเสียงสั่นของสมาร์ทโฟนที่ว่างอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น น้ำลังเลนิดหน่อยที่จะเดินเข้าไปดูว่าใครโทรเข้ามาเอาป่านนี้ แต่ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดูเผื่อว่าคนที่โทรมาจะมีธุระเร่งด่วน พอหยิบขึ้นมาดูแล้วเบอร์นั้นไม่ได้โชว์ชื่อ เป็นเพียงตัวเลขสิบตัวเท่านั้น



"พี่ผา มีคนโทรมาครับ" น้ำเดินถือโทรศัพท์ไปยังหน้าห้องน้ำแล้วตะโกนบอกอีกคนไป เสียงน้ำหยุดลงพร้อมกับคำตอบรับ



"ใครคะ" แม้แต่เวลานี้ก็ยังจะคะขาให้เขินกันได้



"ไม่มีชื่อครับ"



"งั้นน้ำรับให้พี่หน่อย" น้ำได้ยินแบบนั้นก็เลือนสไลด์รับสายทันที



"ฮ..."



"ผา...พรุ่งนี้มาเอาเสื้อด้วยนะคะ ส่งซักให้แล้ว" คำพูดที่น้ำเตรียมไว้ว่ากะจะบอกปลายสายว่าอีกฝ่ายไม่สะดวกรับถูกกลืนลงคอไป เพราะเสียงหวานหูสำเนียงฟังดูแปล่งๆของปลายสายที่ดังแทรกเข้ามาก่อน พร้อมกับประโยคบอกเล่าแบบแปลกๆที่ทำให้น้ำคิดตีความไปได้หลายอย่าง



"เอ่อ..."



"ไม่ใช่ผาหรอ"



"ครับ..."



"แล้วใครคะ..."



"ผม..."



"เพื่อนผาใช่มั้ยคะ ...ดีเลยฝากบอกผาด้วยนะคะ ว่าให้มาเอาเสื้อที่ถอดทิ้งไว้ด้วย หรือถ้าไม่สะดวกบอกก็ให้ผาโทรกลับมาก็ได้ค่ะ"



"ครับ..." น้ำตอบรับเสร็จปลายสายก็วางสายไปแล้ว เหลือเพียงความสงสัยทิ้งไว้กับน้ำที่มันยากจะคาดเดาหรือตีความไปเองได้ สิ่งที่เขาตีความได้จากประโยคนั้นและพอจะใช้มันไขข้อข้องใจไปได้บ้างคือเสื้อ...



น้ำเดินไปยังตะกร้าที่เอาไว้ใส่เสื้อผ้าที่ใส่แล้วที่ตั้งอยู่ในห้องเสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตตัวบนสุดที่เจ้าของเพิ่งถอดออกเมื่อครู่ขึ้นมาดู



เสื้อเชิ้ตสีขาวสีเดียวกับเมื่อเช้าที่ผาใส่ไปเขาทั้งรีดทั้งซักและก็เตรียมให้เองกับมือ เขาย่อมรู้ดีว่าผาใส่ตัวไหนยี่ห้ออะไรไป...สีน่ะใช่ แต่ยี่ห้อกับกลิ่น...ไม่ใช่



กลิ่นประจำตัวของผาคือกลิ่นอ่อนๆของน้ำหอมที่เจ้าตัวใช้อยู่...ซึ่งมันเป็นน้ำหอมผู้ชาย แต่ที่ได้กลิ่นอยู่ตอนนี้มันออกฉุนๆหวานๆในแบบของน้ำหอมผู้หญิง...



น้ำวางเสื้อไว้ในตะกร้าแบบเดิมแล้วเดินออกไปนั่งที่เตียง ความง่วงงุนที่มีก่อนหน้านี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง คิ้วทั้งสองข้างเริ่มขมวดเข้าหากันเพราะกำลังคิดไปเรื่อยว่าทำไมเสื้อที่ผาใส่ไปกับใส่กลับ มันคนละตัวกัน ก็จริงอยู่ว่าผาอาจจะมีเสื้อหลายตัวหลายยี่ห้อ แต่กลิ่นน้ำหอม มันไม่ใช่...แต่แล้วความคิดทั้งหลายก็ต้องหยุดลงไปเพราะคนที่อยู่ในความคิดกำลังเปลือยท่อนบนเดินออกมาจากห้องน้ำ






[มีต่อนะจ้ะ]


ออฟไลน์ มายซินนี่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
[ต่อนะจ้ะ]







"ยังไม่นอนอีกรึไง" ผาสาวเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกัน น้ำไม่ตอบอะไรแต่หยิบผเาขนหนูผืนเล็กที่ร่างสูงพาดคอเอาไว้มาเช็ดผมที่เปียกอยู่ให้



"ตกลงเมื่อกี้ใครโทรมา" ผาถามพร้อมกับกดเช็คมือถือนู่นนี่นั่นไปเรื่อย...



"ไม่รู้เหมือนกันครับ...เขาบอกให้พี่ผาโทรกลับ" น้ำว่าไปอย่างนั้น...แต่ไม่ได้บอกเรื่องเสื้ออะไรนั่น...ยังไม่อยากรู้ตอนนี้ ยังไม่อยากฟังคำแก้ตัวที่จะทำให้อีกฝ่ายดูไม่น่าจะได้รับความเชื่อใจจากเขาอีกต่อไป...ถ้าผาจะมีใครอีกคน เขาก็ขอปิดตาผิดหูไปก่อนแล้วกัน...ขออย่างเดียวว่าอย่ามาลุกล้ำเส้นเขาเป็นพอ...



"งั้นเดี๋ยวค่อยโทรละกัน...ตอนนี้อยากนอนมากกว่า" ผาวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะขยับตัวออกห่างไปแล้วล้มตัวลงนอน ทิ้งหัวไว้บนตักของน้ำ



"ผมยังไม่แห้งเลยครับพี่ผา" น้ำบอกก่อนจะค่อยๆสางเส้นผมนั่นอย่างเบามือ



"ต่อไปนี้ห้ามพูดครับ"



"ทำไมล่ะครับ" น้ำขมวดคิ้วแน่น ไม่เข้าใจอีกฝ่ายว่าทำไมห้ามเขาพูด...ถ้าไม่มีหางเสียงมันก็จะดูห้วนๆไปหน่อยรึเปล่า



"ห้าม..." 



"จะพยายามแล้วกันครับ" ผาไม่ตอบอะไรเขากลับมา แต่คว้ามือเขาไปกุมวางไว้บนหน้าอก



"...พี่ไปคุยกับป๊าม้ามา"



"..." น้ำเงียบรอฟังสิ่งที่ผาจะพูดอย่างตั้งใจ



"ท่านยังไม่เชื่อในเรามากพอ..." 



"..."



"...ท่านขออะไรบางอย่างซึ่งพี่ไม่อยากทำ..." คำบอกเล่านั้นดูเหมือนจะเข้าใจยาก...แต่มันกลับเข้าใจได้ง่ายนิดเดียวคือท่านทั้งสองคงต้องการกันคนทั้งคู่ออกจากกัน...เขารู้แล้วว่าทำไมผาถึงดูเครียดขนาดนั้นแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป...



"แต่ถ้าพี่ไม่ทำ...ท่านก็จะยังไม่ยอมรับ" ...บางทีน้ำก็ไม่เข้าใจ ว่าการที่คนเราจะมีความรักสักครั้งหนึ่ง จะต้องพิสูจน์อะไรเยอะแยะมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ...ปล่อยให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ปล่อยให้เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองไม่ได้ถึงขนาดต้องสร้างแบบทดสอบขึ้นมาแบบนี้เชียวหรือ...แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้...เขาก็แค่คนธรรมดา ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย...



"...ทำตามที่ท่านบอกเถอะครับ ถ้ามันจะเป็นสิ่งเดียวที่พวกท่านจะยอมรับน้ำอย่างเต็มใจ..." ผาลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา มองลึกลงไปข้างในค้นหาความรู้สึกที่อยู่ภายใต้ดวงตาคู่สวยคู่นั้น...แต่มันไม่มีอะไรแอบแฝงเลยนอกจากความเข้าใจและจริงใจ



"...โอเคใช่มั้ย" ผาถามด้วยความเป็นห่วง



"โอเคครับ...น้ำไม่เป็นไร" น้ำยิ้มตอบพร้อมกับยกมือขึ้นลูบแก้มคนบนตักเบาๆ



"นอนกันเถอะเนอะ ดึกมากแล้ว" ผาบอกยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วเขยิบไปนอนที่ตัวเอง เห็นแบบนั้นน้ำจึงลุกเอาผ้าไปตากแล้วกลับมานอนที่ตัวเอง ทันทีที่หัวทุยถึงหมอนอ้อมแขนก็ตวัดกอดเอาร่างนุ่มนิ่มเข้าไปแนบอกอย่างหวงแหน ก่อนจะจูบเบาๆที่หน้าผากมนหนึ่งที



"ฝันดีนะคะ...คนดี"



"ครับ...ฝันดี" น้ำส่งยิ้มไปให้ก่อนจะหลับตาลงเพื่อหลบสายตาคมคายที่มองมา...คราวนี้ที่หลบไม่ใช่เพราะความเขินอายเป็นหลัก แต่เป็นเพราะความกังวลสงสัยกับสายสาวปริศนาคนนั้นมากกว่า อยากถามแต่ไม่กล้าถาม...



ถึงแม้ว่าน้ำจะหลบซ่อนความผิดปกติไว้ยังไงมันก็ไม่พ้นสายตาของคนช่างสังเกตคนรักอย่างผาไม่ได้หรอก...สีหน้าและแววตาที่ดูกังวลอย่างปิดไม่มิดนั่นมันทำให้เขาเป็นห่วงอยู่เนืองว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาจะคิดมากเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า แต่เขาก็เลือกที่จะไม่เค้นถาม เพราะดูจากอาการแล้ว อีกฝ่ายยังคงไม่พร้อมถามเขาในตอนนี้...

ในค่ำคืนที่แสนยาวนานมันควรจะเป็นฝันอันแสนหวานของน้ำ แต่เปล่าเลย...ในฝันนั้นเจ้าตัวกลับมีแต่คราบน้ำตาของความเสียใจ ที่ทำได้เพียงมองคนที่ตัวเองรักเดินเคียงคู่กันไปกับคนที่เหมาะสมและคู่ควร ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือหน้าตา ก็ดูเหมาะสมกันเป็นที่สุด และฝันร้ายนั้นก็ถูกทำลายลงไปเพราะเจ้าของฝันสะดุ้งตื่น ทั้งที่ยังไม่ตื่นเต็มตา แต่สิ่งแรกที่ทำคือควานหาเจ้าของอ้อมกอดอันอบอุ่นและปลอดภัยนั่น แต่ก็เจอแค่เพียงความเย็นชืดของเตียง บ่งบอกว่าอีกคนคงลุกออกไปนานแล้ว



น้ำกระพริบตาเพื่อปรับโฟกัสในความมืด สายตาหันไปอ่านเลขดิจิตอลที่แสดงโชว์บอกเวลากว่าตีห้าครึ่งแล้ว น้ำหย่อนขาวเองลงเหยียบบนพื้นก่อนจะเดินสะลึมสะลืออกไปยังห้องนั่งเล่น



ถึงจะตื่นไม่เต็มตาแต่ก็รู้ดีว่าคนที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ตรงนั้นคือผา น้ำไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเดินเข้าไปก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปนั่งบนตักแกร่ง สองแขนเรียวกอดรอบลำคอเอาไว้แน่นใบหน้าสวยซุกซบอยู่ตรงลาดไหล่แข็งแรงอย่างออดอ้อน จนผายังตกตะลึงกับการกระทำที่คนบนตักไม่เคยทำถึงขั้นนี้มาก่อน



"คนดีเป็นอะไรรึเปล่าคะ" ผาถามออกไป ก่อนจะเอียงหน้าไปจูบหน้าผากมนพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู



"ตื่นแล้ว...แต่ไม่เจอ" เสียงงัวเงียงู่งี่ทำให้ผารู้ได้ทันทีว่าคนบนตักเขายังคงมีความง่วงงุนอยู่เต็มเปี่ยม สองมือแกร่งยกขึ้นโอบประคองรอบเอวบางเอาไว้อย่างหวงแหน ปลายจมูกคมก็มิเคยห่างจากกลุ่มผมนิ่มเลยแม้แต่น้อย



"ยังง่วงอยู่ใช่มั้ยคะ...หืม" 



"อืมม...ง่วง" เสียงงู่งี่แต่แสนจะน่ารักนั่นทำให้ผายิ้มไม่คลายไปจากใบหน้าหล่อเลย



"ง่วงก็นอนสิคะ" ผาบอกแบบนั้นพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวทุยเบาๆ ตัวน้ำเองก็ยังคงมีความง่วงงุนอยู่แต่ไม่อยากห่างร่างสูงไปไหน จึงทำแค่ขยับตัวหามุมสบายบนตักนั่นเล็กน้อยซุกตัวหลับตาอยู่กับอกแกร่งแสนอุ่น...ซึ่งผาเองก็ไม่คิดจะผลักไสให้อีกคนไปนอนที่อื่น เพราะเขาเองก็ชอบ...ชอบที่จะโดนอ้อนหนักๆแบบนี้



"หนักมั้ย..."



"ไม่หนักค่ะ...หลับเถอะ" ริมฝีปากร้อนก้มประทับลงบนกลุ่มผมนิ่มอย่างต้องการบอกแทนคำฝันดี ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหัวทุยสวยไปมาเพื่อเป็นการขับกล่อมให้อีกคนนอนหลับฝันดี เพียงแค่ชั่วพักเดียวร่างนุ่มนิ่มก็หายใจสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าอีกคนได้จมเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว...



นิสัยขี้อ้อน งอแง น้ำมีติดตัวมาค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ค่อยแสดงอาการเหล่านี้กับผาสักเท่าไหร่ด้วยเหตุที่ว่ากลัวอีกฝ่ายจะรำคาญ...แต่น้ำหารู้ไม่เลยว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่รำคาญยังชอบมากเสียด้วย...เรียกได้ว่าแค่ออดอ้อนกันเพียงนิด อยากได้บ้านก็จะซื้อบ้าน อยากได้รถก็จะซื้อรถให้ล่ะนะ





...ระหว่างผากับน้ำ ทุกอย่างดูรวดเร็วจนมันไม่น่าจะใช่ความรักได้ เขาเริ่มต้นมาด้วยความรู้สึกที่สนใจและชอบคนตัวเล็กนี่เท่านั้น หลายๆอย่างร้องบอกว่าลองดูคงไม่เสียหาย เลยเลือกที่จะเข้าหาและสานสัมพันธ์จนอยู่ในสถานะนี้...โดนคำถามจากเพื่อนและคนรอบข้างโจมตีมากมายว่าอะไรยังไง...จนบางทีเขาก็ดูกลายเป็นเสือร้ายไปในสายตาของหลายๆคนไปแล้ว ทั้งที่จริงๆเขาไม่ได้ร้ายอะไรแบบนั้นเลยสักนิด...แต่เขาไม่สนหรอกคนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง ขอแค่คนข้างเขาไม่ได้คิดแบบนั้น ไว้ใจ เชื่อใจเขาเป็นพอ...



ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาไม่คิดจะปล่อยคนๆนี้ไป...ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องราวธรรมดาๆที่ผ่านมาแล้วผ่านไป...แต่เขากลับผูกมัด และจมดิ่งลงไปเรื่อยๆจนตอนนี้ถอนตัวถอนใจจากไปไหนไม่ได้อีกแล้ว...เขาคงรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ตอนนั้นสินะ...ตอนที่เขาเห็นสร้อยสีเงินเส้นสวยนั่น



ก่อนที่ความคิดของผาจะล่องลอยกลับไปยังเรื่องราวของสร้อยสีเงินนั่นสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างตัวก็สั่นขึ้นมาดึงเขาออกมาจากห้วงภวังค์ความคิด



'ป๊า'



"ครับป๊า..." ผารับสายด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบากว่าเดิมเพราะมีร่างนุ่มนิ่มหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา



'ตื่นรึยัง'



"ครับ...ตื่นแล้วครับ"



'ดี...วันนี้มีประชุมกับบอร์ดบริหารรู้ใช่มั้ย'



"รู้ครับ...ป๊าจะให้ผาเข้าด้วยรึเปล่าครับ" 



'ตามนั้นแหละ'



"โอเคครับ...ป๊ามีอะไรอีกมั้ยครับ" ผาถามออกไปเพราะสัมผัสได้ถึงเรื่องที่ป๊าเขาอยากจะพูดคงไม่ใช่มีแค่เรื่องที่โทรบอกเขาให้เข้าประชุมบอร์ดบริหารเป็นแน่



'ไว้ประชุมเสร็จค่อยคุย' เขารับคำป๊าแล้วต่างวางสายไป ก่อนจะทันคิดว่าป๊าจะคุยอะไรกับเขาร่างนุ่มนิ่มที่นั่งบนตักนอนหลับแนบอกเขาก็ขยับตัวยุกยิกๆ หัวทุยสวยเฝือไปมาอยู่กับอกจนผมนิ่มยุ่งดูไม่เป็นทรง...อาการงัวเงียน่ารักจนทำให้ผาเผยยิ้มเอ็นดูออกมาอยู่เต็มใบหน้า



หัวทุยสวยหยุดเฝือ ผละออกมานั่งสลึมสลือนิ้วเรียวยาวยกขึ้นขยี้ตาเพื่อปรับแสงกันหนุบหนับนัวเนียไปหมด จนผาต้องจับมือสวยเอาไว้ไม่ให้ขยี้ แล้วค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยลูบเบาๆที่ดวงตาสวยที่ยังปิดอยู่อทน หลังจากผละมาไม่นานคนที่นั่งงัวเงียอยู่ก็ลืมตาขึ้นมองกัน...อย่างแรกที่สายตาสวยเห็นเป็นสิ่งแรกของวันคือใบหน้าหล่อคมคายที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างน่ามองจนทำให้น้ำขยับยิ้มตามได้ไม่ยาก ก่อนจะทำอะไรที่ผาคาดไม่ถึงมาก่อน...



จุ๊บ~



"มอนิ่งคิสครับ" เสียงพูดแหบพร่าอู้อี้ๆอยู่ตรงอก...ทำไมขี้อ้อนจังน้า ผาคิดในใจพร้อมรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเดิมอย่างชอบใจที่อีกคนแสดงมุมที่แสนจะขี้อ้อนแบบนี้ออกมา



ผาก้มหน้าลงไปจุ๊บหน้าผากของอีกคนคืนบ้าง จริงๆก็อยากจะจุ๊บปากนิ่มๆนั่นแหละ แต่ติดว่าอีกคนรีบจุ๊บรีบซุกหน้าลงไปแบบนี้เลยทำให้จุ๊บปากนิ่มไม่ได้



"กี่โมงแล้วครับ" น้ำเงยหน้าขึ้นมาถาม สายตาหลุบต่ำเพราะกำลังเก็บซ่อนความเขิน...ดูจากแก้มกับใบหูที่กำลังแดงอยู่ตอนนี้ก็พอจะรู้



"เจ็ดโมงกว่าแล้วค่ะ" 



"ห๋า แล้วทำไมไม่ปลุกน้ำ น้ำขอโทษ...ปวดขามั้ย" น้ำทำหน้าตกใจ รีบกุลีกุจอลงจากตักผา มือนุ่มจับๆแตะๆไปยังบริเวณต้นขาแกร่งที่เป็นตำแหน่งรองรับน้ำหนักตัวเอง...ทั้งๆที่ความเป็นห่วงแสนห่วงนั้นน่าจะเป็นความหวังดี แต่มันกลับทำร้ายผากันอย่างสิ้นเชิง...ก็ใครใช้ให้มือนิ่มคู่นี้มาลูบๆคลำๆจับๆแตะๆแถวนี้กันล่ะ



"เอ่อ ...คนดีหยุดก่อน พี่ไม่เป็นไร" ผาจับมือเรียวให้หยุดจับต้นขาเขาไว้



"เดี๋ยวน้ำนวดให้...พี่ผาคงปวดขาแย่เลย น้ำตัวหนักจะตาย" คนตัวเล็กบ่นออกมาหน้ายุ่งๆ ตอนตื่นนอนนี่เป็นอะไรที่ดีมากเลยที่ผาจะได้เห็นนิสัยหลายๆด้านของน้ำ...ทั้งขี้อ้อน ขี้งอแง และก็น่าจะขี้บ่นด้วย



"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องนวด"



"แต่พี่ผาปวดขานะ...ให้น้ำนวดให้เถอะ"



"...ขืนที่รักนวดให้พี่ มีหวังน้ำคงโดนพี่ 'นวด' คืนเป็นแน่" ผาพูดด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างสื่อความหมายบางอย่าง ซึ่งทำให้น้ำรู้ทันทีว่าคำว่า 'นวด' ที่ผาพูด...มันไม่ใช่นวดอย่างเดียวกันกับเขา ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อล่วงรู้ความหมายของคำๆนั้นที่ผาสื่อออกมา...จะหื่นอะไรตั้งแต่เช้าเล่า



"หึหึ...พี่ล้อเล่นน่า" ผาหัวเราะในลำคอพร้อมกับยื่นนิ้วแกร่งไปเขี่ยปลายจมูกเชิดรั้นเล่นอย่างหยอกล้อ



"...คนอะไรไม่รู้ ขี้หื่น" น้ำก้มหน้าบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังหนัก ก่อนจะโดนจมูกคมฝังลงมาที่แก้มนิ่มแรงๆหนึ่งที



"พี่ไปหื่นกับใครที่ไหนล่ะ พี่ก็หื่นกับเมียคนเดียวนี่แหละ"



"กะ ก็ลองหื่นกับคนอื่นดูสิ" น้ำเชิดหน้าขึ้นบอกเสียงแข็ง...ไม่ได้มีเจตนาจะก้าวร้าวแต่อย่างใด แค่อยากจะกลบเกลื่อนความเขินที่มีอยู่จนล้นนี่ต่างหาก...และมันก็ไม่ได้ทำให้ผานึกเคืองโกรธอะไรคนตรงหน้านี่เลย มันน่ารักเสียจนน่าจับมาฟัดเสียให้จมเขี้ยวไป



"ไม่หื่นกับคนอื่นหรอกค่ะ ฟอด!... คนดีไปเตรียมชุดให้พี่หน่อย สิบโมงพี่ต้องเข้าประชุมใหญ่กับป๊า"



"คะ ครับ" ถึงจะถูกหอมถูกจูบบ่อยแค่ไหน น้ำก็ยังไม่ชินต่อสัมผัสวาบหวามนั้นเสียที



"เช้านี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย..." ผาเอ่ยถามอีกคนหลังจากที่น้ำลุกแยกออกไปทางห้องนอน



"พี่ผาจะทำหรอครับ" คนตัวเล็กหันมาถามตาวาว...เขาเคยบอกรึยังว่าเขาชอบทานกับข้าวฝีมือผาน่ะ



"ช่ายยย..." ผาพยักหน้าตอบรับช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มหล่อ



"อืมม...ข้าวผัดกุนเชียงครับ" 



"โอเค..." ผารับคำเท่านั้นก่อนจะลึกเดินเข้าไปยังโซนทำครัว ส่วนน้ำเองก็เดินหายเข้าไปในห้อง ไปยังส่วนของห้องแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าออกก็เจอกับเสื้อเชิ้ตและสูทมามายที่แขวนเรียงรายตามสีและยี่ห้อ



น้ำเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวยี่ห้อโปรดออกมา...ซึ่งทำให้ความคิดวนไปถึงเรื่องเมื่อคืนกับสายสาวปริศนา พลันให้สายตาหันไปมองตะกร้าที่ใส่เสื้อผ้าใส่แล้วที่มีเสื้ออีกตัววางอยู่...แต่ตอนนี้กลับไม่มี



เสื้อที่น้ำหยิบออกมาถูกแขวนไว้หน้าตู้ เพราะตอนนี้สิ่งที่หายไปจากที่ที่มันควรจะอยู่มีความน่าสนใจมากกว่าสิ่งที่เขาจะต้องตระเตรียม...น้ำเดินเข้าไปดูหากแต่เสื้อผ้าทั้งหมดที่อยู่ในตะกร้าหายไปหมด ในหัวพาลคิดไปว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นฝันที่เหมือนจริง...แต่ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกลอะไรบางอย่างก็ดลใจให้เขาเดินไปยังเครื่องซักผ้าเครื่องหรูที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในช่องที่ทำมาพอดีสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า...น้ำชะโงกมองผ่านฝาถังสีใส ซึ่งข้างในมีเสื้อผ้าอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งน่าจะซักเสร็จแล้ว...เชิ้ตขาวตัวนั้นที่มันควรจะอยู่ในตะกร้าผ้ากลับมานอนอยู่ในนี้ก่อนจะถึงเวลาที่จะทำการซัก...มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ผามีความลับอะไรกันแน่ที่ปกปิดเขาไว้...ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ภายในใจก็พลันจะเจ็บแปลบไปก่อนแล้ว



น้ำเลิกสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะหันกลับไปตั้งใจทำสิ่งที่จะต้องทำการตระเตรียม เมื่อจัดการเสร็จแล้ว สิ่งแรกที่มองหาคือสมาร์ทโฟน น้ำหยิบมันขึ้นมากะว่าจะโทรหาธามไม่ก็โจ้เพราะอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แต่กลับเห็นข้อความจากคนทั้งสองเสียก่อนว่าจะเข้ามาหาตอนสายๆ...เขากดเปิดอ่านและตอบตกลงไป



เมื่อทำธุรส่วนตัวเสร็จแล้ว น้ำก็เดินออกมาเพื่อที่จะทานข้าวเช้า เพราะตอนนี้ก็เกือบแปดโมงเข้าไปแล้ว พ่อครัวคงรอแย่...พอเดินออกมาแทนที่จะได้เจอกับอีกคนแต่ห้องนั่งเล่นกลับว่างเปล่า มองเลยไปยังห้องครัวก็ไม่มีใครอยู่แล้ว...ไปไหนกันนะ



ก่อนที่จะขบคิดไปมากกว่านี้ว่าอีกคนหายไปไหน...เสียงนุ่มทุ้มที่น้ำจำได้ดีว่าเป็นเสียงของคนที่เขามองหาอยู่ น้ำเดินตรงไปทางระเบียงที่เป็นต้นเสียงนั้น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นการรบกวนเวลาส่วนตัวของอีกคนหรือเปล่า จึงหันหลังกลับ...แต่แล้วขาเจ้ากรรมก็ดันหยุดชะงัก เพราะหูดันได้ยินประโยคๆหนึ่งที่เจือเสียงหัวเราะแบบที่ใช้คุยกับเขา...



"เดี๋ยวผาเข้าไป...ใช่ ซักไว้ให้ด้วย เดี๋ยวเข้าไปเอา แล้วก็จะเอาเสื้อตัวนี้ไปคืนด้วย... ครับๆ บายครับ" เสียงสนทนาสิ้นสุดลงไปทำให้น้ำได้สติว่าควรออกห่างจากตรงนี้แล้วไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่นแทน...



"หิวรึยังคะ ฟอด!...หอมจัง" ผาเดินเข้ามากอดเขาจากด้านหลังแล้วหอมแก้มน้ำหนักหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว น้ำยิ้มรับก่อนจะลุกตามผาไปเพื่อทานมื้อเช้าด้วยกันก่อนที่ผาจะออกไปทำงานอย่างที่เจ้าตัวบอกไว้...



เมื่อร่างสูงออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่น้ำคนเดียวที่อยู่ภายในห้อง ในหัวก็คิดสะระตะไปเรื่อยพาลให้ใจดวงน้อยปวดแปลบขึ้นมา...แต่เขาก็ต้องสลัดมันทิ้งไป...เพราะเขาจะมานั่งเจ็บปวดกับอะไรที่มันยังไม่ชัดเจนแบบนี้ไม่ได้...ความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ มันมาจากการที่เขาคิดเองเออเองทั้งนั้น...บางทีความเจ็บปวดที่หลายๆคนรู้สึก อาจจะเป็นเพราะความคิดของตัวเองก็ได้...ทั้งๆที่ยังไม่รู้อะไรเลย สมองก็คิดไปก่อนแล้ว จริงๆมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเลยก็ได้...และเขาเองก็ได้แต่ภาวนา ขอให้มันเป็นเพียงสิ่งที่ที่เขาคิดไปเอง....













100%

...To Be Continued...

talk

ฮูเล่~ กลับมาแล้วววว หลังจากที่หายไปนานกว่าสิบชาติเห็นจะได้ ฮรี่ๆ

หลบไปเลียแผลใจมา...พ่ามม!!

ตอนนี้จะยาวไปมั้ยนะ? เบื่อมั้ย? 555555 ทนเบื่อไปเท๊อะะ

...ไม่ม่าหรอกก อย่าเพิ่งเสียน้ำตาช่วงๆนี้โลยยย ....เก็บเอาไว้ตอนหน้าดีก่า แฮ่!! ล้อเล่นน่าาา ตอนหน้าจะเอาพี่ดินมาเสิร์ฟ...พี่แกทุ่มเงินมากว่าแปดหลัก ขอออกมาพบปะกับผู้คนรัวๆ *ปรบมือรอ*

...ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่มันเยียวยาอาการดาวน์ของซินได้ดีมากกกก ยังไงก็ฝากแวะเข้ามาทิ้งคำติชมไว้ได้นะคะ เจอกันตอนหน้าค่าาา~




ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชะนีนั้นคือใคร เสื้อตัวนั้นเป็นของใคร  :m16:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เขาคือใคร? น่าตีมากทำให้น้องเสียใจ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
น้องน้ำอย่าเพิ่งคิดมานะลูก

ออฟไลน์ มายซินนี่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Episode 27







"ธามล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันหรอ" น้ำเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องตามที่นัดกันไว้...ทั้งที่น่าจะมาพร้อมกัน แต่โจ้กลับมาคนเดียว



"ไม่รู้มัน..."



"โจ้ไม่ได้คุยกับธามหรอ"



"เปล่า..."



"..."



"มันไม่คุยกับโจ้มากกว่า...กินมื้อเที่ยงยัง ซื้อของมาเพียบเลย" โจ้ตอบน้ำแค่นั้นก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไป...น้ำจะปล่อยเรื่องนี้ไปก็ได้ แต่นี่มันนานเกินไป จนน้ำเองก็รู้สึกว่าจากที่สนิทกันมันเริ่มห่าง โจ้เองก็คงรู้ข้อนี้ดี ยังไม่ทันที่น้ำจะเดินเข้าไปช่วยโจ้จัดการกับบรรดาอาหารต่างๆเสียงออดก็ดังขึ้นมาเรียกความสนใจให้น้ำเปลี่ยนเส้นทางไปยังประตูเพื่อเปิดให้คนที่อยู่ในการสนทนาเมื่อสักครู่เข้ามา สีหน้าอิดโรยและร่างกายที่ดูผอมลงกว่าเดิมทำให้น้ำแปลกใจไม่น้อย...แม้แต่โจ้เองก็ยังอดแปลกใจกับสภาพของคนตรงหน้าไม่ได้



...ระยะเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์ ที่ทำได้แค่เดินผ่านกันไปมาภายในคณะ...แม้แต่คาบเรียน ธามก็แทบไม่เฉียดเข้ามาในสายตาของโจ้เลยแม้แต่น้อย จนอดคิดไม่ได้ว่าความห่างไกลนี้มันเกิดมาจากอะไรกัน และทำไม่ในใจเขาถึงได้รู้สึกวูบโหวงแบบนี้...มันจะรู้สึกแบบเดียวกันกับที่เขากำลังรู้สึกรึเปล่า



ธามเดินเข้าห้องมาะร้อมกับถุงข้าวของเต็มสองมือ ส่งยิ้มจางๆให้กับน้ำก่อนจะเดินผ่านโจ้เข้าไปวางของไว้บนโต๊ะเดียวกันแต่ห่างออกไปคนละมุม...สิ่งที่ธามทำ ราวกับโจ้เป็นอากาศธาตุ...ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ทำไมกันวะ ทำไมแม่งกลายเป็นแบบนี้ไปได้...



"น้ำกินไรยัง...ธามหิวละมากินกัน" ธามเอ่ยชวนคนตัวเล็กพร้อมกับรอยยิ้มบางๆก่อนจะหันหลังเดินเข้าครัวไปหยิบถ้วยจาน น้ำมองหน้าโจ้ที่แสดงสีหน้าชัดเจนว่าอึดอัดและสับสน ก่อนจะเดินตามเข้าไปช่วยธามหยิบเตรียมของออกมาวาง



ทั้งสามคนช่วยกันหยิบกับข้าวออกมาจากถุงแกะใส่จานทีละอย่าง สิ่งที่น้ำเห็นคือกับข้าวจานโปรดที่ทั้งธามและโจ้ซื้อมาให้เขา...กับข้าวสามอย่างที่ถูกแกะใส่จานน้ำคิดว่ามากพอแล้วสำหรับสามคน แต่น้ำกลับเห็นถุงกับข้าวที่อยู่ในมือของโจ้กับธามอีกคนละถุง



กับข้าวในมือธามคือ...ของโปรดโจ้

กับข้าวในมือโจ้คือ...ของโปรดธาม



ทั้งโจ้และธามเหลือบตามองกันก่อนที่ทั้งคู่จะเบนสายตาหลบกันไปแล้วแกะกับข้าวอย่างสุดท้ายใส่จาน ตักข้าวแล้วนั่งกินกันไปท่ามกลางความเงียบที่ไร้ซึ่งบทสนทนาใดใด...จนน้ำเองเริ่มทนกับความอึดอัดนั่นไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามทำลายความเงียบนั้น



"เอ่อ...เรื่องงาน ที่บอกว่าจะชวนไปทำ ตกลง รายละเอียดว่าไงบ้าง" ธามรวบวางช้อนลงแล้วเอ่ยตอบออกมา



"เป็นร้านอาหารรุ่นพี่ธามเอง เขาเพิ่งเปิดร้านใหม่เลยอยากได้พนักงานไปช่วย...เห็ว่าน้ำอยากทำเลยมาชวนดู...สนมั้ย" น้ำวางช้อนลงอย่างนึกสนใจ...ทีแรกนึกว่าร้านรุ่นพี่ของธามจะเป็นพวกผับบาร์เสียอีก



"สนสิ เมื่อไหร่หรอ..."



"ถ้าพร้อมก็พรุ่งนี้เลย... เริ่มงานสิบโมงเช้า เลิกก็ประมาณสี่ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน...เป็นบางวัน" น้ำพยักหน้าเข้าใจ...สำหรับคนตัวเล็กแค่นี้สบายมากอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ หนักกว่านี้ยังทำมาแล้ว



"โอเค งั้นก็เริ่มพรุ่งนี้เลย โจ้กับธามก็ทำด้วยกันใช่มั้ย..." โจ้กับธามพยักหน้ารับ ไม่มีใครพูดต่อบทสนทนาของน้ำอีก จึกทำให้ทั้งโต๊ะกลับมาเงียบและอึดอัดเหมือนเดิม...



น้ำแอบนอยด์ทั้งสองคนอยู่หน่อยๆตรงที่ว่าดันมาทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่คนเดียวก็รู้สึกอึดอัดในใจมากพออยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...



"โอเครึเปล่า..." เสียงทุ้มที่แฝงความเป็นห่วงใยเจือเอาไว้ของธามทำให้น้ำเงยหน้าจากการจ้องจานข้าวขึ้นสบตา ส่วนโจ้ที่นั่งเงียบมานานก็ให้ความสนใจมองคนตัวเล็กด้วยอีกคน...



น้ำส่ายหน้าให้ทั้งสองคนไปมาช้าๆแทนการตอบด้วยคำพูด



"พี่ผาหรอ..." เป็นโจ้ที่พูดถามออกมาบ้าง



"ก็...มีส่วน" น้ำหน้าหงอยลงไปทันทีที่ถูกถามถึงอีกคน



"ไหนว่ามาสิ" น้ำยู่ปากให้ทั้งสองคน...ทีเวลาแบบนี้เข้าขากันขึ้นมาเชียวนะ



"ก็..." น้ำลังเลไปนิด แต่สุดท้ายก็ยอมเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำรู้สึกเป็นกังวลและอึดอัดออกมาให้เพื่อนสนิททั้งสองฟัง...จริงๆเขาเองก็ไม่ได้กังวลหรือคิดมากอะไรขนาดนั้น คิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าผากลับมาก็คงจะถามให้หายคาใจ คงไม่เก็บเอามานั่งคิดเองเออเองให้เจ็บเล่นแบบนี้...แต่ที่หยิบเอาสิ่งไม่สบายใจขึ้นมานี้ เพื่ออยากลดช่องว่างระหว่างเพื่อนเขาทั้งสองให้น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่นี่...น้ำรู้ดี ถ้าหากเป็นเรื่องเขาทั้งสองคนจะเข้าขากันได้ดีและพูดคุยกันมากขึ้นเพราะความเป็นห่วงที่มีให้กับเขามันมากเหมือนกัน...



"และทำไมไม่ถามไปตรงๆล่ะ โจ้ว่าน้ำเอาเก็บมาคิดเองแบบนี้ก็ไม่ดีนะ..." 



"ไอ้โจ้พูดถูก...นั่นอาจจะเป็นเพื่อนเขาก็ได้ มันอาจจะไม่เป็นแบบที่เราคิดเสมอไปหรอก" ...และแล้วสิ่งที่น้ำอยากให้เป็นก็เกิดขึ้นแล้ว ทั้งสองคน โจ้กับธามหันมามองหน้าและพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วย กับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด



"เพื่อนผู้หญิง ใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชายด้วยหรอ" เป็นคำถามที่ทั้งโจ้และธามก็ต่างหันมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะตอบว่าไง ก่อนจะเบือนหย้าหนีไปคนละทาง...



"อันนี้ธามก็ตอบให้ไม่ได้หรอกนะ...ทางเดียวที่จะหายคาใจคือถาม อย่าหนี อย่ากลัวความจริง อย่าเก็บเอามาคิดเองคนเดียว...เพราะมันไม่ดีทั้งกับตัวน้ำเองและพี่ผา" โจ้พยักหน้าเห็นด้วยแต่ไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นใดๆออกมา



"...บอกให้น้ำอย่าหนี บอกให้น้ำถามไปตรงๆ แล้วโจ้กับธามล่ะ...ได้เอ่ยถาม หรือกำลังหันหลังหนีให้กับปัญหานั้นอยู่รึเปล่า" น้ำเงยหน้ามองเพื่อนสนิททั้งสองสลับไปมา สลัดความเศร้าสร้อย คิดมากเมื่อกี้ทิ้งไปจนโจ้กับธามตกใจ...ติดกับคนร้ายกาจเข้าให้อย่างจังเลยสิน่า



"...ทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้"



"..."



"...รู้สึกเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ..."



"รู้สึก...อะไร" โจ้ถาม



"...อย่าให้น้ำต้องพูด"



"..."



"คิดว่าน้ำไม่รู้หรือไง..." น้ำถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่อย่างปลงตก...เขาจะทำอย่างไรกับคนปากแข็งใจแข็งตรงหน้านี้ดีเนี่ย



"ไหนบอกว่ามีอะไรให้พูดให้คุยกันตรงๆไง...ที่น้ำเห็นอยู่นี่ ไม่ใช่การคุยเลย มันคือการหนี...หยุดหนีแล้วหันหน้ามาเผชิญกับมันเถอะครับ...มันไม่ได้แย่แบบนั้นหรอก เชื่อน้ำเถอะ"



"...มันไม่คุยกับโจ้หรอก" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา มันเบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ แต่ทั้งห้องที่เงียบสงัด ทำให้ได้ยินประโยคนั้นชัดเจน



"มึงรึเปล่าที่ไม่อยากคุยกับกู"



"กูเคยบอกมึงรึยังไอ้ธาม"



"มึงไม่บอกกูก็รู้..."



"อย่ามาคิดแทนกู..."



"..."



"มึงเป็นฝ่ายหนีกู หลบกู หายไปจากกู...มึงอย่าลืม" เสียงของโจ้ที่เปล่งออกมามันเจือไปด้วยความโกรธเคือง น้อยใจและตัดพ้ออยู่ในที



"...กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูทำอะไรผิด มึงถึงได้หายออกไปแบบนั้น"



"กู...ไม่อยากทำแบบนั้น"



"หรอวะ...แต่มึงดูมีความสุขดีนี่ ควงคนนู้คนนี้เป็นว่าเล่น ดูสบายใจกว่าตอนอยู่กับกูซะอีก" โจ้ยิ้มเยาะ มองธามด้วยหางตา..บทสนทนาที่เดือดระอุทำให้น้ำนึกต่อว่าตัวเองในใจว่าไม่น่าเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเลย



"มึงจะสนกูทำไม" ธามถามโจ้ออกมานิ่งๆ แต่แววตาไหววูบที่ปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววิที่โจ้เองคงไม่ได้สังเกตเห็น...



โจ้เสยผมขึ้นลวกๆ ก่อนจะลุกออกไปยืมอยู่หน้าระเบียง ธามเองก็ค่อยๆลุกตามไปเหมือนกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...เคลียร์มันให้จบๆไปเลยดีกว่า...จะดีขึ้นหรือแย่ลง ก็สุดแต่โชคชะตา น้ำมองตามหลังธามไปอย่างเป็นห่วง ถึงแม้ลึกๆจะกลัวว่าทั้งคู่คู่จะเคลียร์กันไม่ได้ก็เถอะ



"โจ้..." ธามเอ่ยเรียกคนข้างตัวเบาๆ



"..."



"กูไม่ได้อยากจะออกมาแบบนั้น...แต่กูก็ไม่อยากทำให้มึงรู้สึกแย่เพราะกูอยู่กับมึง..."



"มึงถามกูรึยังว่ากูรู้สึกแย่รึเปล่า เคยถามกูมั่งปะวะว่าแบบไหนที่มึงทำแล้วกูรู้สึกแย่กว่ากัน!" โจ้หันมาถามเสียงเข้ม



"กูไม่อยากให้มึงสับสนเพราะกู..."



"มึงหยุดคิดแทนกูสักทีได้ปะวะ! แม่ง! ไม่เคยถามกูสักคำ"



"ก็มึงเป็นคนบอกกูเองไม่ใช่รึไงว่ามึงสับสน! แล้วจะให้กูหน้าด้านอยู่ทำซากอะไรให้มึงคิดไม่ปกติแบบที่กูคิดวะ!" ธามเองก็เหลืออดแล้วเหมือนกัน...ทั้งๆที่จะคุยดีๆ แต่กลับเป็นการสาดอารมณ์ร้ายใส่กันเสียจนพัง



"มึงเองไม่ใช่รึไงที่ยัดเยียดให้ความรู้สึกกูมันแค่สับสน! มึงเองไม่ใช่รึไง ที่รู้สึกแย่เพราะกูดันสับสนเพราะมึง!" ธามนิ่งเงียบไปเพราะไม่สามารถเถียงออกไปได้...ใช่ เป็นเขาเอง ที่ยัดเยียดบอกให้โจ้คิดว่าความรู้สึกทั้งหมดนั่นเป็นเพียงแค่อีกคนสับสนและความเมา



"กู...ไม่เคยรู้สึกแย่ กูแค่คิดว่ามึงเมาเลยทำให้มึงคิดแบบนั้น ...กูรู้สึกแย่ก็จริง แต่ไม่ใช่เพราะมึงสับสนเพราะกู แต่มึงดันรู้สึกแบบนั้นตอนที่มึงกำลังเมาต่างหาก"



"มึงไม่เคยได้ยินหรอวะ สิ่งที่คนเมาพูดหรือกระทำมันมักจะมาจากจิตใต้สำนึกที่เก็บเอาไว้..." 



"..." ธามมองหน้าโจ้นิ่ง แววตาคมไหววูบด้วยความรู้สึกบางอย่างตีขึ้นมา โจ้พ่นลมหายใจทิ้งเพื่อำระงับอารมณ์ร้อนของตนลงก่อนจะเอ่ยต่อ



"...กูคิดดูแล้ว กูไม่เคยสับสนเลย จะมีก็แต่มึงนั่นแหละ..." โจ้พูดออกมาเสียงเบาก่อนจะเบือนหน้าหนีธามไปมองวิวเบื้องหน้าแทน ประโยคเมื่อครู่ที่โจ้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้คนฟังอย่างธามใจเต้นผิดจังหวะไปอย่างห้ามไม่อยู่



"มึง...หมายความว่าไง"



"..."



"..."



"มึงคิดอะไรกับกูปะวะ" คำถามที่เคยได้ยินมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่คราวนี้มันกลับต่างออกไปจากครั้งก่อนๆที่เคยถาม ครั้งนี้มันจริงจังผิดไปจากคราวที่แล้วที่ถาม คราวที่แล้วมันเจือไปด้วยความอยากรู้และไม่มั่นใจ แต่คราวนี้มันกลับเป็นคำถามที่เต็มไปด้วยความคาดหวังในคำตอบ



"ทุกครั้งที่กูถาม มึงอาจจะคิดว่ากูถามเล่นๆ แต่เปล่าเลย กูจริงจังกับคำตอบที่มึงตอบมาทุกครั้ง ถึงมึงจะบอกว่าล้อเล่นก็เถอะ..." ท้ายประโยคมันแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับสายลมที่พัดผ่าน แต่สำหรับคนที่ตั้งใจฟังทุกคำที่เอื้อนเอ่ยแล้ว...มันกลับชัดเจน



"..."



"แต่คราวนี้กูอยากรู้คำตอบจริงๆ ตอบกูทีเถอะ...ตอบกูทีว่ามึงคิดอะไรกับกูรึเปล่าไอ้ธาม"



"คิด..." โจ้หันกลับมามองหน้าคนที่ตอบเขาโดยที่ไม่เว้นจังหวะให้ขบคิด



"กูขอโทษ ...ขอโทษที่กูเห็นแก่ตัวมาตลอด ...ใช้ความไว้ใจของมึงเป็นตัวเข้าหาด้วยความรู้สึกที่ไม่บริสุทธิ์ใจ..."



"..."



"กูคิดไม่ซื่อกับมึง กูไม่เคยมองมึงเป็นเพื่อนเลย...แต่กูไม่อยากแสดงออกอะไรเพราะถ้าทำมากกว่านั้น มึงคงอึดอัดและรู้สึกแย่ เพราะมึงไม่ได้คิดเหมือนกู..." โจ้ขมวดคิ้วหันมามองธามด้วยความไม่พอใจ...พาลให้ธามคิดไปว่าคงโดนอีกคนเกลียดจริงๆก็คราวนี้



"มึงแม่ง เมื่อไหร่จะเลิกคิดแทนกูวะ ถามกูรึยัง เคยถามกูรึเปล่า..." ธามนิ่งไปเพราะจริงอย่างที่โจ้ว่ามาทั้งหมด เขาไม่เคยถามคนตรงหน้าเลยสักครั้ง ไม่เคยบอก ไม่เคยแสดงออกอะไรที่ชัดเจนเลยสักอย่าง...



"และถ้า...กูถามมึงตอนนี้ทันมั้ยวะ" 



"อะไร" 



"มึงคิดเหมือนกันกับกูใช่มั้ย" 



"เออ!" โจ้ตอบออกมาห้วนๆแต่มีนชัดเจนและได้ใจความจนธามเผยรอยยิ้มหล่อในรอบหลายอาทิตย์



"แต่กูรักมึงนะ" คำถามที่ยิงไปเพียงต้องการจะหยอกเย้าอีกคนเท่านั้น...



"กูก็รักมึงมั้ยล่ะ" แต่คำตอบที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำเอาคนที่กะจะแค่แกล้งให้อีกคนคล้อยตามเขาชะงักนิ่งไป...ก็ไม่คิดว่าอีกคนจะตอบกลับมาด้วยท่าทีที่จริงจังขนาดนี้



"มึงจะอึ้งอีกนานมะไอ้ธาม...รึมึงแค่แกล้งกู" ประโยคที่ถามเอาเรื่องทำให้ธามเรียกสติและระงับหัวใจที่เต้นถี่รัวของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ



"กูเปล่าแกล้ง..." ใครจะกล้าเอาความรู้สึกมาแกล้งเล่นกันล่ะวะ



"และจะอึ้งทำซากอะไรวะ"



"กูก็แค่ตกใจ ไม่คิดว่ามึงจะ...รักกู"



"ไม่ให้กูรักมึง แล้วจะให้กูไปรักหมาที่ไหนวะ" โจ้ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ทั้งๆที่ก็หูแดงเรื่องเพราะความเขินก็เถอะ เสียงดังกลบเกลื่อนไปก่อน เดี๋ยวรู้จะแซ็วอีก อายตายห่า



"อย่าโหดดิวะ ...ตอนนี้เคลียร์แล้วใช่มะ" ธามถามก่อนจะขยับเข้าไปใกล้โจ้ที่ยืนพิงสะโพกอยู่กับราวระเบียง สายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมาไม่ได้ทำให้โจ้เขินตัวม้วนเหมือนคนริมีรักแรกแต่อย่างใด...เขาไม่ใช่เด็กน้อยซะหน่อย เขาก็เป็นผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ...คำว่าเกเรเขาก็สะกดเป็นล่ะนะ



"เออ...สันดาร ชอบคิดเองเออเอง ไม่ถามไม่พูดไม่บอก" 



"เออๆ กูผิดเองแหละ ...เคลียร์แล้วก็มากอดก่อน กูคิดถึง" ธามยิ้มขำโถมตัวกอดคออีกคนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เขารู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงยังงั้น



"คิดถึงห่าไรของมึง..." โจ้ตอบกลับมาเสียงแข็งแต่ก็ยอมยืนนิ่งให้อีกคนกอดไว้อย่างนั้น



ธามกอดคออีกคนไว้แน่นพลางคิดไปว่า ตัวเองก็ผิดจริงๆนั่นแหละ เลือกที่จะหันหลังให้กับความเป็นจริงที่ต้องเผชิญเพราะความกลัว กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง กลัวไปเองทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่าง...ทั้งๆที่บอกไปตั้งแต่ตอนนั้น มันอาจจะไม่เกิดช่องว่างแย่ๆแบบนี้ขึ้นมาก็ได้...เขาแย่ชะมัด ที่ดันปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานขนาดนี้



"ดีใจว่ะ ที่เคลียร์ทุกอย่างแล้วผ่านไปได้ด้วยดี" ธามว่าก่อนจะผละออกมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก



"ใครว่าเคลียร์ทุกอย่าง" โจ้ขมวดคิ้มถาม ยกสองแขนขึ้นกอดอก มองหน้าธามอย่างคาดโทษ



"อะไรของมึงอีกวะ"



"หญิงที่มึงควงไง..." โจ้เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม นั่นทำให้ธามหลุดยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย



"หึ เมียกูขี้หึงขนาดนี้เลยหรอวะ" ธามแค่นหัวเราะในลำคอ โจ้ที่ได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วแน่นกับประโยคแม่งๆนั่น ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก จนทำเอาคนมองอยู่อย่างธามขนลุกซู่...บ้าเอ๊ย แม่งยิ้มน่ากลัวจังวะ



"มีเมียขี้หึงดีจะตาย ...แต่จะว่าไป กูก็อยากมีเมียขี้หึงแบบมึงเหมือนกันนะ" โจ้ขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบชิดริมหูที่ขึ้นสีแดงเรื่องไม่ต่างกันของธาม...ดีที่ส่วนสูงเขาทั้งคู่ต่างกันไม่ถึงสามเซนเลยไม่ต้องเขย่งหรือก้มให้ปวดคอ ...พูดเสร็จแล้วก็ยกมือขึ้นตบแก้มธามเบาๆสองที ก่อนจะผละเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก หลังจากที่ยืนอึ้งกับคำพูดของโจ้อยู่นานธามก็เดินตามเข้ามาบ้างพร้อมกับรอยยิ้มหล่อ





น้ำที่คอยมองเหตุการณ์อย่างห่วงๆอยู่ในห้องก็รู้สึกโล่งใจที่ทั้งคู่คงเคลียกันลงตัวแล้ว...รู้ได้ไงน่ะเหรอ ยิ้มหน้าบานมาขนาดนั้น อยู่บนดาวเนปจูนยังเห็น บรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัดในคราแรกได้จางหายไปราวกับไม่เคยมีบรรยากาศนั้นอยู่เลย...การสนทนาที่หาสาระไม่ค่อยจะได้จากทั้งสามคนล่วงเลยมาจนถึงสองทุ่ม เสียงก๊อกๆแก๊กๆจากทางหน้าประตูทำให้ทั้งสามคนที่กำลังคุยกัยอยู่หันไปมอง ก่อนที่ร่างสูงคุ้นตาจะก้าวเข้ามาพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่สองถุง โจ้กับธามยกมือไหว้ทำความเคารพรุ่นพี่ก่อนจะเดินเช้าไปช่วยผาเอาของไปเก็บ



"ยังไม่กลับอีกหรอวะพวกมึง" ผาเอ่ยถามพร้อมกับค่อยๆคลายเนคไทออก ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับลวกๆขึ้นไปถึงศอก ก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มเขาหนักๆหนึ่งที โดยไม่คำนึงถึงอีกสองคนที่อยู่เห็นเหตุการณ์ด้วยเลย



"ว่าจะกลับพอดีครับ" ธามตอบออกมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มล้อเลียนไปยังน้ำที่นั่งหน้าแดงอยู่ที่โซฟา



"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนดิ กูซื้อมาเยอะ" ผาเอ่ยชวนก่อนจะเดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำออกมาดื่มดับกระหาย



"ผมนัดเพื่อนไว้แล้วอ่ะดิพี่" โจ้บอกพร้อมกับเดินกลับมาหยิบกระเป๋าสัมพาระที่คนตัวเล็กนั่งอยู่



"เออๆ แล้วแต่พวกมึง" ผาไม่สนใจอะไรรุ่นน้องอีก หยิบถุงกับข้าวสองถุงใหญ่ไปจัดการ



"กลับก่อนนะน้ำ... มีอะไรก็เคลียร์ซะ" โจ้ขยี้หัวเขาเบาๆก่อนจะเดินออกไปตามด้วยธามที่ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ น้ำเดินตามออกไปส่งเพื่อนที่หน้าประตูโบกมือให้ ยืนส่งเพื่อนสองคนจนหายเข้าไปในลิฟต์ถึงได้ปิดประตูเดินเข้าไปในครัว เพื่อช่วยผาจัดเตรียมกับข้าวใส่จาน



แต่ในระหว่างที่น้ำเดินผ่านหลังของร่างสูงไป กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดียวกันกับเสื้อตัวนั้นก็ทำให้สองขาเรียวหยุดชะงัก หยุดมองอยู่ที่แผ่นหลังกว้าง...กลิ่นน้ำหอมนี่ ไม่ใช่ของผาแน่นอน...ขวดน้ำหอมยังเป็นขวดเดิมไม่ได้เปลี่ยน...แล้วมันกลิ่นของใครกัน



"อ่าวน้ำ...เข้ามาทำไมคะ พี่เตรียมเสร็จแล้ว ออกไปรอข้างนอกเนอะ" ผาหันหลังมาบอกเขาก่อนจะจุ๊บปากเขาหนึ่งที...น้ำไม่ได้โต้ตอบอะไรไป แม้แต่อาการเขินที่ควรจะมีให้ร่างสูงเห็นก็ไม่มี น้ำหันหลังเดินออกไปจากส่วนของครัวอย่างเหม่ลอยเพราะมัวแต่คิดอะไรบางอย่างอยู่...



...ยิ่งเข้ามาใกล้เมื่อกี้ กลิ่นหอมฉุนนั่นก็ยิ่งชัดเจน...เห็นทีคงจะเก็บไว้ให้คลางแคลงใจไม่ได้อีกแล้ว



ผายกจานกับข้าวออกมาวางจนครบ พร้อมกับน้ำเปล่าเย็นๆสองแก้ว...เขาบอกให้คนตัวเล็กลงมือทานอาหารไป ทั้งๆที่ยังสงสัยกับอาการที่แปลกไปของคนตัวเล็ก...แต่ก็ยังไม่คิดจะถาม เพราะอยากให้ผ่านช่วงเวลาอาหารไปก่อน เผื่อเป็นเรื่องเครียดจะพาลให้คนตัวเล็กไม่ทานข้าวเอาได้



มื้อค่ำผ่านไปด้วยความสงสัยของผา คนตัวเล็กอาสาเก็บล้างจานเองทั้งหมด พอเสร็จจากตรงนั้นแต่คนตัวเล็กของเขาก็ยังไม่ดีขึ้นจนเขาก็รีบดักเอาไว้



"เป็นอะไรไป หื้ม" ผากอดเอวของน้ำเอาไว้หลวมๆ ...ผาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ยืนคุยกันดีๆก็ได้ แต่กลับอยากจับอยากกอดร่างนุ่มนิ่มอยู่ร่ำไป



ผาก้มมองหน้าคนตัวเล็ก ที่เอาแต่ก้มหน้ากัดริมฝีปากล่างแน่นไม่ยอมพูดจา จนผาต้องเชยคางให้อีกคนมองหน้ากัน...



แววตาไหววูบนะคนกังวลใจของน้ำที่พยายามปกปิดมันเอาไว้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผาไปได้



น้ำเบือนหน้าหนีนิ้วแกร่งที่เชยคางเขาอยู่เข้าซุกซบที่อกแกร่ง...กลิ่นน้ำหอมที่เขาได้กลิ่นยิ่งตอกลึกให้เขามั่นใจที่จะถาม...



"บอกพี่สิ วันนี้คนดีเป็นอะไร...ไม่โอเคอะไร บอกพี่หน่อยได้มั้ยคะ" ผาก้มลงจูบซับขมับน้องเบาๆอย่างเริ่มเป็นกังวล เพราะว่าคนในอ้อมกอดกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ ที่สาเหตุน่าจะมาจากเขา...



"กลิ่น..." คนในอ้อมกอดที่เงียบไปนานยอมเปิดปากบอกเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะผละหน้าออกมา ช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยแววตาเรียบนิ่งอย่างต้องการคำตอบ



"กลิ่นน้ำหอม...ไม่ใช่ของพี่ผา" ผาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย



"นี่มันกลิ่นน้ำหอม...ผู้หญิง" คนตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพร้อมกับสายตาที่จ้องมานิ่งๆ



"จำกลิ่นน้ำหอมพี่ได้ด้วยหรอ...พี่ยังไม่ค่อยได้กลิ่นเลย" 



"อย่าเปลี่ยนเรื่อง..." น้ำเสียงที่นิ่งลงไปอีกทำให้ผาต้องกลืนน้ำลายลงคอ...คล้ายกับโดนสอบสวนอยู่ก็ไม่ปาน ทั้งๆที่ผาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกกดดันได้ขนาดนี้...ให้ตายเถอะ ร้ายนักนะตัวแสบ



"...พี่ไม่เข้าใจ" ไหนๆก็เปลี่ยนเรื่องไม่สำเร็จแล้วก็ถามมันอย่างนี้นี่แหละ...กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงที่ไหนกัน เขาไม่ได้ไปมั่วผู้หญิงที่ไหนเสียหน่อย



คนตัวเล็กจับมือแกร่งที่โอบรอบเอวเขาอยู่ออก ก่อนจะเดินออกห่างไป กอดอกจ้องหน้าผานิ่งเพราะเริ่มจะโกรธขึ้นมานิดๆที่ผาเอาแต่เลี่ยงตอบไปมา...



"กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง คนไหนครับ?" น้ำถามออกมานิ่งๆ...ถ้าผาจะสารภาพว่าหวั่นๆกับน้ำลุคนี้จะเป็นไรมั้ย มันไม่ได้น่ากลัวแบบนั้น แต่มันกดดันขั้นสุด ให้มาในรูปแบบของเหวี่ยงๆวีนๆ ยังจะรีบมือง่ายกว่าอีก



ร่างสูงยกแขนเสื้อตัวเองขึ้นมาดมๆดู ก็ไม่พบเจอกับกลิ่นแปลกๆอย่างที่คนตัวเล็กว่า



"พี่ไม่ได้กลิ่น"



"แล้วเสื้อเชิ้ตที่ใส่กลับมาเมื่อวานล่ะครับ..." ตายห่า



"เมื่อวานพี่ไปไหนมาครับนอกจากกลับบ้านกับไปดื่มกับเพื่อน...เสื้อตอนใส่ไปกับใส่กลับมันถึงได้เป็นคนละตัวกัน ไปสลับกับเพื่อนคนไหนใส่กลับมาล่ะครับ...แถมกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนั่นอีก ของเพื่อนคนไหนครับ" น้ำเพิ่มเลเวลจากถามเรียบเรื่อยเริ่มรัวเร็วมากขึ้นเพราะเริ่มจะโกรธและน้อยใจอยู่นิดๆที่อีกคนยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง



ร่างสูงที่ได้ฟังคำถามที่เจือความไม่พอใจอยู่นั่นก็ถึงกับยกยิ้มพอใจ...มันเป็นคำถามที่ดูยังไง คนตัวเล็กนี่ก็หึงเขาชัดๆ ...สงสัยต้องกลับมาแบบผิดกลิ่นบ่อยๆซะแล้ว



"ยิ้มอะไรครับ...มีอะไรน่าดีใจตรงไหนครับ" คนตัวเล็กที่เห็นผายืนยิ้มอยู่ก็ตีหน้าบึ้งทันที จนผาต้องรีบขยับเข้าไปกอดเอวไว้หลวมๆ



"น่าดีใจสิ...เมียพี่หึงทั้งที" 



"น้ำไม่เล่นด้วยนะ" เสียงที่แข็งขึ้นทำให้ผาหุบยิ้มทันที จากโอบเอวไว้หลวมๆก็เปลี่ยนเป็นกอดคนตัวเล็กเอาไว้ทั้งตัวแทน



"โอ๋ๆ คุณเมียไม่โกรธนะคะ...ฟังก่อนเนอะ จะตอบให้ฟังทีละคำถาม" ผายิ้มดีใจไม่คลายเพราะว่า หนึ่ง...อีกคนหึงเขา สอง...น้ำใส่ใจทุกรายละเอียดของเขาแม้แต่ยี่ห้อเสื้อ หรือกลิ่นประจำตัว สาม...ดีใจที่คนที่เขารัก มีเหตุผล...ไม่เหวี่ยงไม่วีนทั้งๆที่เป็นขนาดนี้จะวีนจะเหวี่ยงก็ได้แท้ๆ



"...เรื่องเสื้อเมื่อวานเป็นของเพื่อนผาเองชื่อแซม ลูกครึ่งอังกฤษเรียนไฮสคูลด้วยกัน มันมาไทยก็เลยนัดดื่มมีกลุ่มพี่ไปด้วยแต่ไอ้พุ่มเสือกทำเหล้าหกใส่ แซมด็เลยให้ยืมเสื้อใส่กลับ ส่วนเรื่องกลิ่นน้ำหอม...น่าจะของแซนดี้..." พอพูดมาถึงตรงนี้คนที่อยู่ในอ้อมกอดก็ดิ้นขลุกขลักทันที...



"แซนดี้เป็นภรรยาของแซมค่ะที่รัก...วันนี้พี่ก็ไปเจอทั้งสองคนมา เรื่องโรงแรม ที่จะจัดงานแต่ง...ส่วนกลิ่นที่ติดมา คงเป็นตอนที่กอดทักทายกัน...ไม่หึงเค้าเนาะ" น้ำเสียงออดอ้อนที่หยอดไว้ท้ายประโยคทำเอาความร้อนแล่นวูบขึ้นไปรวมอยู่ที่ใบหน้า



"ส่วนที่โทรคุยเมื่อวานก็แซนดี้นั่นแหละค่ะ...โทรมานัดคุยเรื่องโรงแรมจัดงานแต่งที่คุยไปวันนี้" คำตอบที่ผาค่อยๆเอ่ยบอกออกมาทีละอย่างอย่างใจเย็น มือแกร่งลฟุบอยู่ที่แผ่นหลังบางไปมาเบาๆเพื่อให้ผ่อนคลายอารมณ์ลง...และเพราะคำตอบที่ดูมั่นคงน่าเชื่อถือนั่นทำให้ความอึดอัด กังวลใจก่อนหน้ามลายหายไปจนสิ้น...



จริงๆแล้วมันก็ไม่มีอะไรเลยสักนิดเดียว...ถ้าไม่ถามตอนนี้ คงเก็บเอาไปคิดเป็นตุเป็นตะเองแน่ๆ ...บางทีคำตอบมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด



"ต่อไปนี้ พี่จะกลับมาผิดกลิ่นทุกวันเลย..." น้ำผละออกมามองด้วยท่าทางที่สงสัย จนผาต้องก้มลงไปงับปลายจมูกรั้นนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว



"งืออ น้ำเจ็บน้า" คนตัวเล็กยกมือคลำจมูกตัวเองป้อยๆ



"..จำได้ด้วยหรอว่าพี่ใส่เสื้อยี่ห้ออะไร ใช้น้ำหอมกลิ่นไหน" ผาถามอย่างสงสัย เพราะนอกจากฟ้ากับม้าก็ไม่มีใครใส่ใจเขาขนาดนี้



"ก็...น้ำจัดชุดให้อยู่ทุกวัน ทำไมน้ำจะจำไม่ได้ น้ำหอมก็มีอยู่ขวดเดียว..." น้ำอ้อมแอ้มตอบ



"พี่ก็จำกลิ่นเมียพี่ได้นะ..." น้ำขมวดคิ้วเอียงคอมองอย่างสงสัย มันน่าหมั่นเขี้ยวจนผาต้องก้มลงไปฟัดแก้มนิ่มให้ชื่นใจ



"ทำหน้าสงสัยอะไรหื้ม...ก็หอมก็ฟัดกันอยู่ทุกวัน จำกลิ่นไม่ได้ก็แปลกแล้ว" ผาว่ายิ้มๆ จมูกคมก็ยังไม่หยุดฟัดหอมแก้มนิ่ม ไรหนวดที่โผล่ขึ้นมาเป็นตอสั้นๆนั่นเป็นตัวชวนให้จักจี้ดีๆนี่เอง



"ฮ่าๆ ฮื่ออ จักจี้ คิกๆๆ แฮก..คิกๆ"  เสียงหัวเราะแห่งความสุขของคนทั้งคู่ดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง...หากใครมาเห็นหรือได้ยินก็คงจะยิ้มตามไปด้วยไม่ยากนัก



"ต่อไปนี้มีอะไรให้ถาม...อย่าเก็บไปคิดเอง บางทีพี่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำมันทำให้เราไม่สบายใจ" ผาหยุดแกล้งน้ำ โอบรัดร่างเล็กให้เข้ามาซุกแนบอก...



"ครับ...น้ำจะถามทุกอย่างเลย พี่ผาคงไม่รำคาญน้ำใช่มั้ย"



"เมียทั้งคน...ไม่รำคาญหรอกค่ะ" ...พอคำว่าเมียหลุดออกมาจากปากร่างสูงพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มเท่านั้นแหละ เหมือนความร้อนทั่วร่างกายวิ่งแล่นไปรวมกันที่แก้มนวลทั้งสองข้าง...ทำไมไม่ชินสักทีนะ เจอแบบนี้ทีไรเป็นเขินทุกทีสิน่า









100%

...To Be Continued...
talk

มาล้าวววว~ ขอโทษนะคะที่ช้าอีกแล้ววว มิดเทอมรุมเร้า จะตายแล้วค่ะคนอ่านทั้งหลายยยย*หร่องห้ายย*

- ตอนนี้ก็เคลียร์กันไปแล้ว(แบบงงๆ) ของโจ้กับธาม...บอกรักกันแมนกว่านี้มีอีกมั้ยคะ ฮ่าๆ ซินกำลังคิดอยู่ว่า...จะจัด nc ให้เขาสองคนดีมั้ย แหะ

- ตอนนี้ซินเก็บเงินพอจะจ้างพี่ดินแล้วนะคะ จะให้พี่แกไปไถ่เธอคืนมาแล้วค่ะ  ฮรี่ๆ

- ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆโลยยย ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่าาา





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
น้ำควรจะหึงและจับผิดพี่ผาให้มากกว่านี้นะ คนมันหล่อมาก ต้องทำจายยยยยย  :laugh:

ออฟไลน์ เปลว แว๊บแว๊บ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
น้องน้ำ เข้มแข็งไว้ลูก ดูเหมือนผาจริงๆก็ยังจัดการตัวเองไม่เรียบร้อยเลย เอาจริงๆไปเคลียร์ให้เสร็จก่อนไป สู้ๆนะคะคนเขียน นิยายสนุกมากติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โอ้ยยย คู่นี้น่ารักมากค่ะคุณขา

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
สนุกดีค่ะ แต่บางครั้งบางเหตุการณ์ทำให้เรางง บางอย่างไม่สัมพันธ์กัน พี่ผาทำกับข้าวเป็นแต่จ่ายตลาดไม่เป็นเนี่ยนะ ตอนแรกใหม่บอกชอบน้องน้ำอยากได้ แต่รักเพื่อนอยู่แล้ว บางทีตัวละครย้อนแย้งมาก
ผากับฟ้าก็ไปกินเลี้ยงกันตอนแรกน้ำก็อยู่ แต่ฟ้าเจอน้ำอยุกับผาแล้วถามว่ารู้จักกันด้วยหรอ เอ้าตอนนั้นก้ไปกินเลี้ยงกันนี่ บางทีสับสนน่ะค่ะ เนื้อเรื่องสนุกดีนะ พัฒนาต่อไป สู้ๆ รอติดตาม

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาต่อเถอะนะ จะเซ่นด้วยไก่สองตัว555 :call: :call:

ออฟไลน์ มายซินนี่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
​Episode 28​





"ไม่ต้องทำไม่ได้หรอ...เมียพี่คนเดียวพี่เลี้ยงไหวอยู่แล้ว" คำพูดที่คล้ายกับออดอ้อนอยู่ในทีมาพร้อมกับอ้อมแขนแข็งแกร่งที่สอดโอบเอวบางของน้ำเอาไว้ทำให้ความร้อนแล่นวูบขึ้นมารวมที่ใบหน้าจนแทบไหม้ เสตามองต่ำอย่างไม่กล้าสบสายตาคมกล้าที่แฝงความออดอ้อนนั่นไว้



"มะ ไม่เอาหรอกครับ...น้ำอยากทำงาน" คนตัวเล็กเอ่ยตอบตะกุกตะกักแต่ก็แฝงไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคง จนผาต้องลอบถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ เพราะคงห้ามความตั้งใจของอีกฝ่ายไม่ได้...รู้ดีว่าน้องคงไม่อยากนั่งกินนอนกินอย่างสุขสบายแบบนี้หรอก...แต่ก็ไม่อยากให้เมียต้องไปลำบากนี่หว่า



"โอเคๆ ทำก็ทำ แล้วเลิกกี่โมงคะ" 



"เห็นธามบอกว่าสี่ทุ่ม บางวันถ้าคนเยอะอย่างศุกร์เสาร์อาทิตย์ก็เที่ยงคืน" เวลาที่คนตัวเล็กบอกกับผามันค่อนข้างดึกจนผานึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย...ร้านอะไรวะ ปิดดึกดื่นขนาดนั้น



"ร้านอะไร" ผาขมวดคิ้วถาม



"ก็ร้านอาหารธรรมดานี่แหละครับ แต่เป็นของรุ่นพี่โจ้กับธาม"



"หื้ม ใคร"



"แหะ ไม่รู้ครับ น้ำไม่ได้ถาม" น้ำยิ้มให้แหยๆ เพราะก็ลืมถามจริงๆนั่นแหละ



"ไม่รู้อะไรเลยแล้วจะไปทำเนี่ยนะ...เกิดเขาหลอกไปขายขึ้นมาทำไง" ผาเอ็ดขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนักแต่ก็ทำให้น้ำมุ่ยหน้าไปอย่างรู้ตัวดี...จะไปทำงานแต่ไม่รู้ว่าต้องไปทำงานกับใครใช้ได้ที่ไหนกัน



"ดุง่ะ" น้ำพึมพำออกมาเบาๆ ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก มือไม้อยู่ไม่สุกจับๆลูบๆที่รังดุมเสื้อของร่างสูงไปมา...เป็นกิริยาที่คนมองเองก็นึกเอ็นดูสุดใจ



"พี่ไม่ได้ดุ...แค่เตือน คราวหลังจะได้รอบคอบกว่านี้...เข้าใจมั้ย" ผากอดกระชับเอวบางให้แน่นขึ้นกว่าเดิม



"อื้อ...เข้าใจแล้ว" น้ำพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มบางๆส่งไปให้ร่างสูงที่มองมา...ไม่ได้นึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียวที่อีกฝ่ายทำท่าทีดุเขาแบบนั้น...ดีใจด้วยซ้ำไป ที่อีกคนดุเขา มันแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายก็ใส่ใจและเอ็นดูเขา



"งั้นเลิกแล้วพี่ไปรับเนอะ" น้ำส่ายหน้าพรืด



"ไม่เอา พี่ผากลับจากงานมาเหนื่อยๆก็พักบ้างเถอะครับ...เดี๋ยวน้ำกลับเอง" 



"ไม่ได้ ดึกแบบนั้นพี่จะปล่อยให้เรากลับเองได้ไงคะ...พี่ไปรับนั่นแหละ"



"ลำบากเปล่าๆครับ...เดี๋ยวน้ำให้โจ้กับธามแวะมาส่งก็ได้" ผานิ่งไปนิดทำหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างได้ก่อนจะผละออกไปต่อสายหาใครบางคน...



"...วันนี้มึงจะไปทำงานใช่มั้ย...ออกรึยัง ...เออ แวะเข้ามาหากูหน่อย เออ" ผากดวางสายไปหันกลับเข้ามายืนโอบเอวบางไว้อย่างเดิม...ไม่รู้ว่าเรียกว่าโรคอะไรรึเปล่า แต่เขาชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ ชอบจับ ชอบกอด ชอบหอม...



"โทรหาใครหรอครับ..."



"เดี๋ยวก็รู้..." ผาว่าออกมาเช่นนั้น ยักคิ้วให้น้ำสองทีก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ แล้วเดินหายเข้าห้องทำงานไป...ปล่อยให้น้ำยืนหน้าแดงอยู่อย่างนั้น ผ่านไปเกือบสิบนาทีที่น้ำนั่งดูโทรทัศน์ จนน้ำคิดว่ามันจวนจะได้เวลาที่เขาจะต้องออกไปหาโจ้กับธามที่นัดกันไว้เมื่อวานนี้ ว่าจะไปทำงานวันแรกพร้อมกัน...แต่ยังไม่ทันที่น้ำจะขยับตัวจากโซฟาเสียงออดจากหน้าห้องก็ดังขึ้น ทำให้น้ำต้องเปลี่ยนความสนใจไปยังผู้มาเยือนยามเช้าแทน...



"โจ้ ธาม...ทำไมมานี่อ่ะ" น้ำเอ่ยถามระหว่างที่เปิดประตูกว้างเพื่อให้ทั้งสองคนเข้ามาในห้องก่อน



"พี่ผาโทรหา...บอกให้เข้ามานี่ก่อน ตกลงมีเรื่องไรอ่ะ" โจ้ว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวหน้าโทรทัศน์... น้ำส่ายหน้าหวือเป็นคำตอบ เพราะไม่รู้จริงๆว่าผาโทรตามเพื่อนทั้งสองคน



"อ่าว ...พี่หวัดดีครับ" ธามเอ่ยทักทายร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องทำงานตามมาด้วยโจ้ ที่เพิ่งหันมายกมือไหว้



"เออหวัดดี อ่ะ.." ผารับคำแล้วยื่นบางอย่างมาตรงหน้าเขาทั้งสองคน



"กุญแจรถ? ให้พวกผมทำไมครับ" โจ้ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ...ก็รู้ว่าแกรวย แต่ถึงกะซื้อรถให้พวกเขาเนี่ยนะ? ไม่ใช่ม้างงง



"กูไม่ได้ให้มึงไอ้โจ้"



"อ่าว ผมก็หลงนึกว่าพี่จะป๋าซื้อรถให้ผม..." "พวกมึงนี่ เดี๋ยวกูโบกหัวทิ่ม ...กูให้พวกมึงเอาไว้ขับรับส่งเมียกู เวลากูไม่ว่าง...เช่นวันนี้" น้ำที่ได้ฟังคำสั่งนั้นถึงอ้าปากค้าง...เพราะไม่คิดว่าผาจะทำเช่นนี้

ละ และ..ไอ่ มง เมียอะไรนั่นด้วย พูดมาได้ไงไม่อายปาก



"คือ...ไม่ต้องก็ได้ครับ น้ำไม่ได้ลำบากขนาดนั้น นั่งรถเมล์แค่สามป้ายก็ถึงแล้ว"



"ก็พี่เป็นห่วงน้ำนี่"



"แต่..."



"ตามนี้...ถ้าไม่ งานก็ไม่ต้องทำ ยูโนว?" น้ำมุ่ยหน้าลงอย่างขัดใจ...ก็เข้าใจว่าเป็นห่วง แต่ทำแบบนี้มันก็เกินไป ให้รถคันละเป็นล้านมาขับนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย โจ้กับธามที่รู้หน้าที่ดีก็ค่อยๆเดินเลี่ยงหลบฉากเข้าห้องครัวมา ให้ทั้งสองคนเคลียร์กันไปตามลำพัง



"น้ำ...ไม่ทำหน้าแบบนั้น พี่เป็นห่วง ที่เดินกลับมืดๆคนเดียวคราวนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...ลืมแล้วหรอ" ผาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มดุ จนน้ำต้องช้อนตาขึ้นมอง เพราะกลัวว่าอีกคนจะโกรธที่เขาจะขัดคำสั่ง แต่มันไม่มีแววของความโกรธเลยสักนิด แววตาคมกล้านั่นมีแต่ความเป็นห่วงส่งมาจนน้ำรู้สึกผิด 



ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...มันแทบจะทำให้เขาตายทั้งเป็น หากร่างสูงมาช่วยเอาไว้ไม่ทัน



"น้ำขอโทษ...น้ำแค่ไม่อยากรบกวนพี่ผา รถคันนึงราคาก็ไม่ใช่บาทสองบาทเสียหน่อย...ถ้าเกิดน้ำทำพังขึ้นมามันไม่คุ้มเลยนะครับ" 



"ทำไมมันจะไม่คุ้ม...ถ้าเพื่อให้คนที่พี่รักปลอดภัยแล้ว จะเสียอะไรพี่ก็ไม่สน" ยิ่งผาพูดด้วยความเป็นห่วงและใส่ใจแบบนี้ ใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มอบอุ่นแบบนี้มันทำให้ใจของคนฟังอย่างน้ำสั่นไหวรุนแรง...สองขาเรียวค่อยๆก้าวเดินเข้าหาร่างสูง เอนหัวทุยซบกับอกแกร่งอย่างออดอ้อนขอลุแก่โทษ วงแขนแข็งแกร่งไม่ยอมอยู่เฉยเช่นกัน ทันทีที่คนตัวเล็กเดินเข้ามาก็โอบกอดเอาไว้อย่างหวงแหน...ตอนนี้ ถ้าหากจะอยู่ไกลจากเขาอย่างน้อยก็จะได้สบายใจไปเปราะนึงที่อีกคนมีคนที่ไว้ใจคอยดูแล







"เอาล่ะ ทำไหวใช่มั้ยเธอน่ะ ตัวเล็กกว่าใครเพื่อนไม่ใช่มาเหยาะๆแหยะๆนะยะ ถึงจะเป็นรุ่นน้องบอสก็เถอะ ฉันก็จะแจ้งความประพฤติให้บอสรู้...ไป ทำงานค่ะ" หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟสาวประเภทสองร่างท้วม กล่าวต้อนรับพนักงานน้องใหม่ด้วยวาจาที่เจ็บแสบเหน็บแนมไปทางคนตัวเล็กอย่างน้ำเสียส่วนใหญ่...สายดูถูกตาเหยียดหยามถูกส่งมาตั้งแต่คนตัวเล็กก้าวย่างเข้ามาในร้าน...แต่จะทำไงได้ เราเป็นน้อยเขาก็ต้องก้มหน้ารับคำไปอย่างจำนน



โจ้กับธามเองที่พอได้ฟังก็ถึงกับหน้าตึงไป เพราะไม่คิดว่าหัวหน้าพนักงานที่นี่จะมีนิสัยแบบนี้...ด่าว่าเขาไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เล่นลามไปถึงคนตัวเล็กนี่สิพวกเขารับไม่ได้...สงสัยคงต้องรายงานเสียแล้ว



เมื่อฟังการแจกแจงงานทุกอย่างเสร็จแล้วทั้งสามคนก็เดินเข้าไปทางหลังร้านส่วนที่เป็นห้องล็อคเกอร์พนักงานเพื่อนเปลี่ยนมาใส่ชุดทำงานเสื้อเชิ้ตขาวคอจีนพร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีดำ



ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีพื้นที่กว้างขวางตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ให้กลิ่นอายของยุโรปวินเทจ ภายในร้านถูกจัดไว้หลากหลายมุม ด้านบนจะเป็นในส่วนของร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เอาไว้ตอบสนองกับชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการนั่งดริ้ง ชั้นล่างด้านในสุดจะเป็นโซนวีไอพี สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือมากันเป็นครอบครัว ลึกเข้าไปด้านใน มีสวนหย่อมเล็กๆที่มีทั้งบ่อปลาคาฟแล้วน้ำตกจำลองซึ่งในส่วนนี้จะเป็นส่วนของคอฟฟี่ช็อป ด้วยความที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวมีผู้คนพลุกพล่านจึงเป็นร้านๆหนึ่งที่ตอบสนองทั้งนักดื่มนักกินนักชิวได้เป็นอย่างดี จึงมีลูกค้าแน่นร้านตั้งแต่เริ่มเปิด



"น้องน้ำ โต๊ะสิบกับสิบเจ็ดได้แล้ว"



"ครับ..." น้ำตอบรับพี่สาวที่เป็นเชฟอยู่ในส่วนของครัวอย่างแข็งขันก่อนจะรีบเอาเล่มเมนูมาเก็บแล้วยกอาหารไปเสิร์ฟตามที่หญิงสาวบอก



ช่วงสายที่เริ่มเปิดร้านว่าคนเยอะแล้ว ยังเทียบกับช่วงเที่ยงของวันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...คนเยอะจนแทบไม่มีเวลามองหน้าใครหรือสนใจใครทั้งนั้น รับออเดอร์ ส่งออเดอร์ ยกอาหารเสิร์ฟ วนลูปอยู่อย่างนี้จนเวลาล่วงเลยมาเกือบบ่ายสอง คนเริ่มซาบางตาลงไปมากกว่าช่วงเที่ยง จึงทำให้มีเวลานั่งพักหายใจหายคอบ้าง...ถึงจะเหนื่อยแต่เขาว่ามันก็สนุกดี...เมื่อก่อนเขาก็ทำทุกวัน ทำเพื่อให้ได้เงินมาเยอะๆ ในอนาคตจะได้ไม่ลำบาก หากมีกิจที่ต้องใช้เงินเยอะอย่างเช่นเรื่องเรียนก็คงจะหาที่พึ่งพาไม่ได้เพราะเกิดมาตัวคนเดียว...ไม่ดิ้นรนอดทนมานะ ชีวิตก็ไม่มีทางดีได้...



ชีวิตของการทำงานหาเงินของน้ำผ่านล่วงเลยไปจนเกือบจะสองอาทิตย์ ที่ผ่านมาก็มีบ้างที่วุ่นวายเพราะลูกค้าเอาแต่ใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้างหรือบางรายถูกใจคนตัวเล็กเสียจนก่อความวุ่นวายเล็กๆ จนน้ำโดนเอ็ดไปหลายวันจากหัวหน้าว่าเป็นตัวสร้างปัญหา...แต่น้ำก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วเพราะนั่นไม่ใช่ความจริง...และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เกิดความวุ่นวายขึ้น เพราะเจ้าของร้านและครอบครัวจะยกกันมาทานอาหารที่นี่ ทุกอย่างจึงต้องสะอาดเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว



ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเห็นเจ้าของร้านที่เป็นรุ่นพี่ของโจ้กับธามเลย...พอถามก็บอกว่าให้รอวันนี้ทีเดียว



"วันนี้บอสจะเข้ามาที่นี่...อย่าทำตัวให้มันผิดหูผิดตา อยู่ให้มันเป็นที่เป็นทาง อย่าเจ๋อไปยุ่งเพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเธอ" หัวหน้าสั่งกำชับอย่างถือดี...ปากจิกกัด แต่มือไม่ยอมหยิบจับอะไรสักอย่างจนพนักงานคนอื่นๆเอือมระอา...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ที่นี่งานดีเงินดี...หากโดนเด้งออกก็คงแย่



วันทั้งวันพวกเขาสามคนก็คอยเสิร์ฟคอยต้อนรับลูกค้าอย่างแข็งขัน โดยไม่ได้สนใจทางห้องวีไอพีที่ตอนนี้กำลังมีเจ้านายของตัวเองนั่งทานอาหารอยู่ในนั้นกับครอบครัวเลย...



"ธาม น้ำขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" 



"ต้องไปเข้าข้างนอกนะ...ห้องข้างในไม่ว่างแล้ว" น้ำพยักหน้ารับก่อนจะถอดหมวกกับผ้ากันเปื้อนวางเอาไว้แล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำสำหรับพนักงานที่อยู่ข้างนอกใกล้กันกับห้องน้ำสำหรับลูกค้า



ปึก! โอ๊ยย!

"อ้ะ ขอโทษครับ เป็นไรรึเปล่าครับ" น้ำที่รู้สึกเจ็บที่บริเวณแขนด้านขวาเอ่ยขอโทษออกมาเพราะเดินชนเข้าอย่างจังกับใครบางคนที่เพิ่งเดินสวนออกมาจากห้องน้ำ



"ไม่เป็นไรครับ เอ่อ..นาย" คำที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาทำให้น้ำที่กำลังไล่สายตาสำรวจการบาดเจ็บต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ตนเองเพิ่งเดินชน...



คิ้วสวยขมวดแน่นทันที...เพราะคนตรงหน้านี้ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตาน้ำซะเหลือเกิน "เราเคยเจอกันมาก่อนใช่มั้ย..." อีกฝ่ายถาม



"...ผมคิดว่าเคยครับ..."



"พี่ผา!... แฟนพี่ผาใช่ปะ" อีกฝ่ายถามเขาตาโต จำให้น้ำต้องพยักหน้ารับช้าๆอย่างเลี่ยงไม่ได้...น้ำนึกหน้าออกแล้วว่าน่าจะใช่คนๆนั้น คนที่เจอกันตอนที่ผามารับเขาวันที่เขาขาแพลง



"เราเต้ย...จำได้ใช่ปะ มาทำอะไรที่นี่อ่ะ..."



"เรามาทำงานน่ะ"



"โห...ขยันชะมัดเลย" "ก็ปิดเทอม มันว่างน่ะ แล้วนี่เต้ย..."



"อ๋อ...เต้ยมาทานอาหารที่นี่กับที่บ้านน่ะ" น้ำยิ้มรับน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยลากันตรงนั้น แม้จะรู้สึกติดใจกับสายตาแปลกๆที่มองมาแต่ก็ปล่อยไป เพราะว่าเรื่องนี้เคลียร์กันจบไปแล้ว...



เขาคุยทักทายกันอีกสองสามประโยคแล้วก็เอ่ยลากันไปทำหน้าที่ของตน



"นี่...พนักงานใหม่สามคน มานี่หน่อยซิ" หัวหน้าสาวสองยืนกอดอกจิกตาใส่เรียกเขาทั้งสามคนเข้าไปหา



"ครับ.." เป็นน้ำที่ตอบรับด้วยท่าทีที่สงสัย



"บอสอยากพบพนักงานใหม่..ตามฉันมา สำรวมกิริยาของพวกเธอด้วยล่ะ เดี๋ยวจะโดนเด้งเอาง่ายๆ" เบะปากเชิดใส่พวกเขาทั้งสามคนอย่างถือดีก่อนจะเดินนำออกไปโดยมีน้ำเดินตามอย่างไม่ถือสาติดใจกับกิริยาน่าเกลียดนั้นของหัวหน้า



"ถือดีชะมัด เดี๋ยวพ่อก็ฟ้องซะให้โดนเด้งสมคำซะหรอก ฮึ่ย!" โจ้บ่นกะปอดกะแปด หน้าบูดบึ้งอย่างไม่ชอบใจหัวหน้าพนักงานคนนี้เสียเต็มประดา



"เอาน่า..ไม่ต้องฟ้องหรอก เผลอๆโดนเด้งวันนี้เลยด้วยซ้ำ" ธามว่าพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ทั้งสองคนมองหน้าอย่างรู้กันก่อนจะโดนขัดด้วยเสียงที่ดัดแหลมเล็กว่าให้เดินตามไปเร็วๆ



..ก๊อกๆๆ...

"เชิญครับ" เสียงตอบรับที่เป็นการอนุญาตให้พวกเขาเข้าไปได้

เขาทั้งสามคนก้มหน้าเดินตามหัวหน้าสาวสองเข้าไปอย่างสำรวมกิริยา



"พนักงานใหม่ค่ะบอส...แต่น้องทำพาร์ททามนะคะเพราะช่วงนี้น้องปิดเทอมกัน" หัวหน้าสาวสองจีบปากจีบคอรายงาน



"ผมรู้แล้ว..เชิญคุณไปพักผ่อนเถอะ" ชายหนุ่มเสียงนุ่มทุ้มหน้าฟังเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าเชิงว่าให้ออกไปก่อน สองหนุ่มที่ยืมขนาบข้างน้ำต่างก็กลั้นขำสุดฤทธิ์ที่ว่าหัวหน้าสาวสองปากดีผู้นี่เหมือนโดนบอสตอกกลับไปเบาๆ



"ว่าไงเราสามคน..ไม่คิดจะเงยหน้าทักทายกันหน่อยหรอ" ชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อว่าเจ้าของร้านเอ่ยถาม จนน้ำต้องรีบเงยหน้าขึ้นมายกมือกระพุ่มไหว้ด้วยท่าทางที่อ่อนน้อมเสียจนคนมองเอ็นดู..แต่พอน้ำเงยหน้าขึ้นมามองอย่างเต็มตา ก็ต้องตกใจ...



ก็ว่าอยู่หรอก น้ำเสียงที่พูดออกมามันคุ้นหูแปลกๆ เหมือนเคยได้ยินมาก่อนที่แท้ก็...



"...พี่ดิน" น้ำเอ่ยออกมาเสียงเบาพร้อมกับรอยยิ้มดีใจ...ไม่รู้ว่าดีใจอะไร แต่อยู่ใกล้พี่คนนี้ทีไรเขารู้อบอุ่นปลอดภัยแปลกๆ



"ครับ... อ่อ...นี่ พ่อ แม่...ครอบครัว ของเรา..." ดินผายมือไปยังหญิงชายวัยกลางคนที่นั่งประคองกันอยู่ข้างตัว น้ำหันไปมองท่านทั้งสองก่อนจะยกมือขึ้นไหว้



สายตาที่ทั้งคู่ทอดมองน้ำ มีแต่ความอ่อนโยนและเอื้อเอ็นดูอยู่เต็มเปี่ยม รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นที่ส่งมายังคนตัวเล็กมันทำให้เขาน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะตั้งแต่เขาเกิดมา รอยยิ้มอบอุ่นแบบนี้ก็เห็นจะมีก็แต่แม่ดาเท่านั้นแหละ...เด็กกำพร้าอย่างเขา จะมีสักกี่คนกันเชียวที่จะมองกันด้วยสายตาแบบนี้



ท่าทางที่น้ำกระพริบตาถี่ๆแล้วเสหลบมองไปตังทางอื่น ทำให้คนที่มองอยู่น้ำตาคลอเบ้าตาม จนดินต้องเอื้อมมือไปกุมมือของมารดาตนไว้แล้วบีบเบาๆ...ก่อนจะหันกลับไปหารุ่นน้องทั้งสามคน สอบถามสารทุกข์สุขดิบตามประสาของคนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกัน หลังจากที่คุยกันเพียงไม่นานเขาก็ปล่อยให้ทั้งสามคนไปทำงาน...ก่อนที่จะโดนเพื่อนร่วมงานคนอื่นเขม่นเอาได้

"ไปไหนมาซะนานเลยหื้อเรา" ดินเอ่ยปากถามคนที่เพิ่งเดินเข้ามา "ไปเข้าน้ำมาสิครับ ท้องไม่ค่อยดี" เด็กหนุ่มตอบก่อนนั่งลงที่ของตัวเอง พลางกวาดสายตามองพ่อกับแม่และพี่ชายของตนที่มีท่าทางแปลกไป...



"นี่ผมพลาดอะไรไปรึเปล่าครับ"



"พลาดอย่างแรง" ดินยักคิ้วตอบผู้เป็นน้องอย่างกวนๆ จึงทำให้ผู้เป็นน้องนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะรู้สึกว่าตนได้พลาดบางสิ่งที่สำคัญไปอีกแล้ว



"หึๆ ดูทำหน้าเข้า..ไม่ต้องอยากรู้ขนาดนั้น" ผู้เป็นเอ่ยแซวเด็กหนุ่มผู้น้องยิ้มๆ ทำให้ได้เสียงหัวเราะจากทั้งโต๊ะ ถึงแม้ตัวเด็กหนุ่มจะไม่รู้เรื่องอะไรแต่ก็พอรู้อยู่บ้างว่าคงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน...

"ดินว่าพ่อกับแม่ไม่ต้องรออะไรแล้วล่ะครับ..เท่าที่ดูมา ไม่ได้มีใครคิดจะทำร้ายอะไรน้องอยู่แล้ว ถ้าเขาจะทำ..คงไม่ปล่อยมาจนทุกวันนี้หรอกครับ" ทันทีที่ทุกคนเข้ามานั่งพร้อมหน้ากันอยู่ภายในห้องผู้เป็นแม่ฟังลูกชายคนโตพูดพลางคิดตามก่อนจะหันหน้ามองกันกับสามีอย่างต้องการความเห็น...



"พ่อว่าก็ดีเหมือนกัน..ไม่ต้องรออะไรแล้วทั้งนั้น"



"เอาเลยพี่ดิน...ถ้ากลัวใครจะมาทำร้ายน้อง ปู่คงไม่ยอมแน่นอน" เด็กหนุ่มพูดออกมาตามความคิด พร้อมกับจินตนาการถึงสิ่งที่มีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้ของตระกูลบวรวัชรศิริกุลที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้...



หากเหตุการณ์มันไม่เป็นแบบนี้ คงเป็นเขาเองล่ะมั้งที่ต้องเป็นแบบนั้น..แต่ต่างกันตรงที่ว่า เขาคงไม่มีคนคอยตามหาให้เขาคืนสู่อ้อมกอดหรอก...



"...เต้ย คิดอะไรอยู่ลูก" เสียงผู้เป็นแม่..ที่เขาเรียกมาตั้งแต่จำความได้เอ่ยถาม เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้แล้วซบลงบนตัก



"เต้ยแค่คิดแทนแม่น่ะครับ..ว่าจะมีความสุขขนาดไหน..และคนๆนั้นคงมีความสุขมากแน่ๆหากเขาได้อยู่ในที่ๆเขาควรจะอยู่มาตั้งแต่แรก"



"อย่าคิดมาก..เต้ยก็ลูกแม่" คุณพิชรัตน์ยกมือลูบหัวเต้ยอย่างรักใคร่เอ็นดู ประหนึ่งลูกในไส้คนหนึ่ง...



ใช่..เต้ยไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นเพียงลูกบุญธรรม









"เออน้ำ อีกสองวันไปหาแม่ดากัน" ธามเอ่ยชวนคนตัวเล็กขึ้นมาระหว่างที่กำลังขับรถกลับ

"น้ำว่าจะชวนโจ้กับธามอยู่เหมือนกัน..งั้นเราก็ไปวันเสาร์นี้เลยมั้ย เราหยุดกันวันนั้นพอดี" น้ำหันไปเสนอความคิดเห็นซึ่งคนทั้งสองก็พยักหน้ารับอย่างดีเป็นอันว่าตกลงตามที่คนตัวเล็กเสนอมา..ถ้าไปวันเสาร์ ก็อีกแค่วันเดียวเท่านั้น..รีบไปก็ดีเหมือนกัน อะไรๆจะได้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นเสียที









"เหนื่อยมั้ย...ฟอดด" ทันทีที่น้ำก้าวเข้ามาในห้องก็ได้รับการต้อนรับจากคนรักด้วยการหอมแก้มไปฟอดใหญ่



"ไม่เหนื่อยเลย.." คนตัวเล็กตอบพร้อมกับเอนหัวซบกับบ่ากว้างเฝือหัวไปมาคล้ายกับอ้อนกันจนผาอดยิ้มไม่ได้พร้อมกับยกแขนโอบรอบเอวบางเอาไว้



"แล้วทำไมถึงอ้อนกันขนาดนี้ หื้ม" พูดไปก็หอมหัวไปอย่างชอบใจ นานๆทีมีหนที่คนตัวเล็กจะเขามาอ้อนมาเฝือเขาแบบนี้



"ถ้าไม่ให้น้ำอ้อนแฟน ผาจะให้น้ำไปอ้อนใคร.." เสียงเล็กตอบอู้อี้อยู่กับอกแต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม สายตาคมลอบมองใบหน้าด้านข้างของคนที่ซบบ่ากว้าง..ถึงไม่เห็นเต็มดวงหน้าแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนขี้เขิน ยังไงก็ต้องเขินกันอยู่วันยังค่ำ เพราะใบหูเล็กที่แดงแจ๋นั่นแหละที่เป็นตัวยืนยันได้ดี



"ไปอาบน้ำก่อนไป..เหม็น" ผาแกล้งดันตัวน้ำออกพร้อมกันย่นจมูกเพื่อประกอบคำที่บอกว่าเหม็น คนตัวเล็กยู่หน้าใส่ก่อนจะก้มดมตัวเองก็พบว่ามันเหม็นเหนื่อยเหม็นกลิ่นอาหารจริงๆนั่นแหละ



"ไปก็ได้..แบร่" น้ำแลบลิ้นให้ก่อนจะวิ่งปรู๊ดหายเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำ คนมองอย่างผาก็ได้แต่ส่ายหัวตาม ไม่ใช่ไม่ชอบ..แต่ชอบมากต่างหาก ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่จับมาฟัดให้จมเขี้ยวตั้งแต่เข้ามาอ้อนกันก็บุญเท่าไหร่แล้ว



'ต่อมานะคะเป็นข่าวของตระกูลมหาเศรษฐีเก่าแก่อย่างบวรวัชรสิริกุล ข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ที่สุดแห่งปีเลยก็ว่าได้นะคะท่าผู้ชม เพราะว่าคุณชัชพร้อมด้วยภริยาได้ออกมาบอกกับผู้สื่อข่าวแล้วนะคะว่าเขาพบตัวลูกชายที่หายตัวไปกว่า 20 ปีเจอแล้ว...'



เสียงผู้ประกาศดังแว่วๆมาพอให้คนตัวเล็กที่เดินเช็ดหัวออกมาหันไปมอง..อย่างแรกเลยคือแปลกใจ เพราะตั้งแต่อยู่มาเขาไม่เคยเห็นผาสนใจข่าวบันเทิงหรืออะไรทำนองนี้เลย เห็นดูก็แต่ช่องหนังไม่ก็ข่าวเกี่ยวกับธุกิจ ตลาดหุ้นอะไรพวกนั้น.. แต่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาสนใจก็คงจะเป็น ความดีใจเล็กๆล่ะมั้ง ที่คนๆจะได้กลับไปสู้อ้อมอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เขาจากมาเป็นสิบๆปี คนนั้นเขาโชคดีจัง..





"เป็นอะไร หื้ม..เงียบเชียว" ผาถามขึ้นมาหลังจากที่คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน แต่ก็เอาแต่มองข่าวที่อยู่บนหน้าจอเงียบเชียบจนผิดวิสัย



"..จากพ่อแม่มาตั้งเป็นยี่สิบปี เขาคงดีใจมากแน่ๆเลยที่เขาจะได้กลับไปหาพ่อแม่เขา.." ประโยคที่คนตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มทำให้ผาต้องวาดแขนไปโอบกอดอีกคนมาแนบชิดกัน..



เขารู้ดีว่าน้ำเองก็อยากมีโมเม้นท์แบบนี้เหมือนกัน..แต่มันก็เป็นไปได้ยากเหมือนกันที่มันจะเกิดขึ้นกับใครสักคนที่ถูกบุพการีทอดทิ้งแบบนี้



"พี่ก็ดีใจ..ที่คุณอาเขาจะได้เจอลูกชายของเขาสักที"



"พี่ผารู้จักด้วยหรอครับ" น้ำทำตาโต



"ใช่..พ่อกับแม่ไอ้ดินมันน่ะ" น้ำหันกลับไปมองหน้าจออีกครั้งที่ปรากฎร่างของคนทั้งคู่ที่เขาเพิ่งเจอไปเมื่อบ่ายพร้อมด้วยผู้อาวุโสอีกคนที่นั่งตรงกลาง..ทำไมเขาถึงจำไม่ได้กันล่ะเนี่ย ทั้งๆที่เพิ่งเจอท่านทั้งสองมาแท้ๆ



"..น้ำเพิ่งเจอท่านทั้งสองเมื่อกลางวันนี้เอง"



"หืม...เจอที่ไหน"



"ร้านอาผารที่น้ำทำ..ร้านพี่ดิน แล้วเมื่อกลางวันนี้พวกท่านมาทานอาหารกันที่ร้าน"



"อ๋อ.."



"..น้ำอยากรู้จัง ว่าทำไมท่านทั้งสองถึงพึ่งเจอกับลูกตัวเองตอนนี้" คนตัวเล็กพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง แต่ผาก็ได้ยินมันชัดเจนก่อนจะยกยิ้มบางๆ



"อยากรู้มั้ย..พี่จะบอก"



"บอกได้หรอครับ..ถ้ามันเป็นความลับ ไม่ต้องเล่านะ.." น้ำห้ามปรามออกมาอย่างกังวลเพราะกลัวว่าจะไปอยากรู้อะไรที่ไม่ควรรู้เข้า



"ไม่ได้เป็นความลับอะไร..คุณอากะจะแถลงข่าวรายละเอียดอยู่แล้ว..พี่บอกน้ำตอนนี้ก็ไม่ใช่เชิงลึก แค่ทั่วไปที่หลายๆคนก็คงพอรู้กัน.."



"อย่างงั้นหรอครับ.."



"ใช่..ยังอยากรู้อยู่มั้ยว่าทำไมน้องหายไปตั้งยี่สิบปี"



"ถ้า..น้ำรู้ได้ น้ำก็อยากรู้" น้ำอ้อมแอ้มตอบด้วยความเกรงใจ แต่ความอยากรู้ก็มีมากกว่า 



[มีต่อนะจ้ะ]

ออฟไลน์ มายซินนี่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

"..น้องโดนลักพาตัวออกมาจากโรงพยาบาลตั้งแต่เกิดได้แค่สองวัน..คุณอาทั้งสองรวมถึงคุณปู่ออกตามหาทันทีที่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไร...ไปย้อนดูข่าวก็ได้นะ แวดวงธุรกิจตอนนั้นก็ร้อนกันหมด เพราะว่าต่างฝ่ายต่างกลัวโดนป้ายสี.." น้ำที่ได้ฟังก็ตกใจนิ่งไป..พลางคิดไปถึงคนที่ลักพาตัวว่าจิตใจทำด้วยอะไรถึงทำกันได้ลงคอ..แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะเคยเกิดเรื่องแบบนั้นมาแต่ตอนนี้ก็กำลังจะได้กลับสู่อ้อมอกผู้เป็นพ่อเป็นแม่แล้ว..



"พี่ดินคงดีใจมากแน่ๆเลยใช่มั้ยครับ"



"คงได้รู้กันภายในอาทิตย์นี้นี่แหละ..ว่ามันจะดีใจแค่ไหน เพราะวันอาทิตย์นี้มีงานจัดเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของน้องมัน"



"พี่ผาต้องไปด้วยใช่มั้ยครับ" น้ำถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น



"ช่าย~ งานสังคม งานเพื่อนสนิทต้องไปอยู่แล้ว ว่าจะบอกอยู่เหมือนกันว่าต้องไปตั้งแต่พรุ่งนี้..กลับอีกทีก็คงวันอังคาร"



"ไปนานจัง.." หน้าที่เคยยิ้มแย้มสดใสก็หุบลงทันใด ท่าทางน่ารักนั่นทำให้คนมองหมั่นเขี้ยวจนต้องบีบจมูกรั้นนั้นเบาๆ



"ไปดูงานด้วยค่ะ..อยู่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะรู้มั้ย...เออ เดี๋ยวพี่ให้โจ้กับธามมันมาอยู่ด้วยดีกว่า.."



"เอ่อ..."



"โอเค ตามนี้เนอะ"



"พี่ผาง่ะ! น้ำยังไม่ทันได้ตกลงอะไรเลยนะ" คนตัวเล็กน้องท้วงขึ้นมาอย่างขัดใจในความเผด็จการของร่างสูงที่รวบรัดให้เขาเสร็จสรรพ



"ตามนั้นแหละ ปลอดภัยไว้ก่อน..ไม่เหงาด้วย"



"อ้อ พี่ผา..วันเสาร์น้ำกลับไปเยี่ยมแม่ดากับน้องๆที่บ้านนะครับ" น้ำบอกกิจธุระที่ตัวเองต้องไปทำให้อีกฝ่ายรับทราบ



"รับทราบขอรับกระผม" อีกคนตะเบ๊ะรับอย่างแข็งขัน ทำให้น้ำขำพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ผาเองก็หลุดขำออกมาเช่นกัน..ก็ไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะกล้าเล่นกับอีกคนแบบนี้



ทั้งคู่นั่งเล่นนั่งคุยกันไปตามประสาคนมีความรักที่กำลังหอมหวาน..ก่อนที่ทั้งสองจะเหนื่อยอ่อนแล้วพากันเข้านอน..บอกฝันดีและมอบจูบให้กันเพื่อคลายความเหนื่อยล้าให้อีกคนหลับฝันดี..อีกคนหลับไปด้วยความฝันที่เป็นภาพวาดของอนาคตที่มีคนที่นอนซุกอกอยู่ในภาพวาดนั้นทุกวินาที



...ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับตาวนลูปอย่างนี้ทุกวันไปเป็นสิบปียี่สิบปี..ส่วนอีกคนก็หลับไปด้วยภาพฝันที่ตัวเองไปยืนแสดงความยินดีกับใครหลายๆคนที่ได้เดินกลับเข้าสู่อ้อมกอดแสนอบอุ่นของครอบครัวที่ห่างหายกันไปนานแสนนาน...พาลให้คิดจินตนาการไปยังฝันที่ตัวเองว่าไกลแสนไกลว่าเป็นตัวเขาเองที่ได้ยืน ณ จุดๆนั้น...ในฝันไม่ได้เลิศหรู ใส่สูท ใส่เครื่องประดับ ขึ้นรถหรูอยู่คฤหาสน์อะไรอย่างที่ไปยืนยินดีกับเขา...



...แต่ในภาพฝันนั้นมันเป็นเพียงแค่ชายหญิงคู่หนึ่ง แต่งตัวแสนธรรมดา มายืนเรียกเขาอยู่หน้าประตูรั้วบ้านเด็กกำพร้า...เขาตะโกนออกไปว่า 'แม่' 'พ่อ' ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาแขนทั้งสองข้างที่อ้ารับของมารดา...เขาได้กอดแม่ และพ่อกำลังลูบหัวเขา พร้อมกับคำแค่ไม่กี่คำที่เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม...แต่มันแสนกินใจจนน้ำตาไหลอาบสองแก้ม 'กลับบ้านเรากันลูก' เขาพยักหน้าตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลก่อนจะเดินจูงมือกันไปพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเราสามคน พ่อ แม่และตัวเขา..



ภาพฝันที่เขาวาดมันขึ้นมาดั่งวิมารบนสรวงสรรค์ทำให้เขาไม่อยากลืมตาตื่นจากนิทราเพื่อมาเจอความจริงอันแสนเจ็บปวดที่ว่า..เขาไม่มีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั่น..มีแต่อ้อมกอดของตัวเองที่คอยกอดปลอบยามเศร้าและท้อใจ ถึงแม้มันจะเจ็บปวดเพียงใด...แต่เขาก็ไม่เคยนึกเคืองโกรธท่านทั้งสองเลย...อย่างที่เขาบอก เขานึกขอบคุณเสียด้วยซ้ำไปที่ทำให้เขาเผชิญโลกใบกว้างนี้ด้วยตัวเอง..ได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมายที่ทำให้เขาเข้มแข็งได้อย่างทุกวันนี้



...ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะครับ...ถึงจะไม่มีในชีวิตจริง อย่างน้อยๆก็ยังอยู่ในฝัน ช่วยต่อเติมกำลังใจของเขาไปได้อีกหน่อย...









100%

...To Be Continued...



Talk
กลับมาแล้ววววว​


**ก่อนอื่นเลยต้อง ขอโทษคนอ่านทั้งหลายอย่างแรงกล้า ที่หายไปนานแรมปีขนาดนี้...**



ไม่ได้หายไปเพราะขี้เกียจหรือจะทิ้งกันแต่ประการใด... หาแต่ตัวคนเขียนเองเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นิดหน่อย เลยทำให้ไม่ได้แตะโน้ตบุ๊คและโทรศัพท์เลย เพราะมันแหลกไปพร้อมๆกันในตอนนั้น...และตอนนี้ก็เพิ่งได้ใหม่มา พร้อมกับสภาพร่างกายที่โอเค 100%

...ถึงตอนนี้อาจจะไม่มีคนอ่านอยู่อ่านแล้ว แต่ก็จะลงให้จบฮะ 55555 อีกประมาณ 2-3 ตอนก็จบแล้ว แล้วก็จะมาลงตอนพิเศษให้อ่านกัน ทั้งคู่หลัก และคู่รอง ถ้ายังไง...ฝากติดตามไปจนจบด้วยนะคะ :)


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องจะได้พบครอบครัวแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
บุญรักษานะหลานคนแต่ง ถึงว่าฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน  :กอด1:

น้ำจะได้พบพ่อกับแม่ในตอนหน้าแล้วชิมิ ดีใจ ๆ  :m11:

ปอลอ   ผู้ใดเอา + เป็ด ไป รบกวนเอามาคืนด้วยจ้า   :m5:

ออฟไลน์ มายซินนี่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Episode 29









"ไอ้ธามตื่น!" โจ้ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียก่อนจะยื่นมือไปเขย่าอีกคนที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างกัน



"อือ..ธามขออีกห้านาที" ธามไม่พูดเปล่า ยื่นมามาตวัดกอดโจ้ให้ลงไปนอนอย่างเดิม



"ไม่ได้ วันนี้ต้องเข้าไปหาแม่ดา มึงอย่าลืม" โจ้ว่า ก่อนจะพยายามงัดแขนแงะขาของธามที่พาดมาก่ายมากอดกันแน่น



"อือ..ไม่ได้ลืม พูดเพราะๆไม่เป็นง๊ะ" ธามลืมตาขึ้นมาข้างนึงมองคนที่ตัวเองกอดอยู่ด้วยสีหน้าติดจะงอนๆ



"จะให้เพราะเพื่อ? อย่ามาเรื่องมากอ่ะมึง" 



"แฟนกันแล้วก็เปลี่ยนหน่อยดิวะ"



"กูต้องเปลี่ยน?"



"เออๆ...ไม่เปลี่ยนก็ไม่ต้องเปลี่ยน งั้นกูไปอาบน้ำละ" ธามลุกพรวดขึ้นมาคำพูดไม่ได้สะบัดหรือมีแววโมโหอะไร..แต่นี่แหละคือมันนอยด์เขาล่ะ และแม่งง้อยากยังห่า..ไอ้นี่แม่งเล่นแง่ ขี้นอด์ยก็ปานนั้น เห้ออออ~





ปังๆ!



"เปิดดิ" โจ้บอก



"จะเสร็จแล้ว" ธามตอบ



"เร็วๆ"



"..."



"ธาม..เปิดให้โจ้หน่อย..โจ้ขออาบด้วย"



ปังๆ!

แกร๊ก!




ธามเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังตัวเปลื่อยเปล่าเปียกซกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า...ไอ้บ้าเอ้ย จะเดินมาเปิดประตูทั้งทีไม่คิดจะหยิบผ้าขนหนูมาพันปิดไว้ซักหน่อยหรอวะ

"ถอดดิ..ข้างในไม่มีที่แขวน" ถึงจะสงสัยอยู่ว่าชุดมันเมื่อกี้เอาไปแขวนที่ไหนแต่โจ้ก็ยอมถอดแต่โดยดีโดยมีสายตาของธามเฝ้ามองอยู่ทุกการกระทำ แต่โจ้ทำเป็นไม่สนใจทั้งๆที่แดงไปหมดทั้งตัวแล้วตอนนั้น ธามหันหลังเดินเข้าไป โจ้ก็ก้าวตามอีกคนเข้าไปในส่วนของห้องฝักบัว...อย่าคิดภาพไปไกลว่าเขายืนถูหลังให้กัน...เขาแค่ยืนซ้อนกันและต่างคนต่างอาบไป..แต่แล้วก็เป็นธามเสียเองที่ทนมองหลังขาวๆของโจ้ไม่ไหวจนต้องก้มไปฝากรอยไว้ที่หลังคอขาว



"ธาม..."



"โจ้..อย่ายั่ว"



"กูไม่ได้ยั่ว" โจ้หันกลับมาพูดแต่ยิ่งพูดก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบในตัวธามให้ลุกฮือ...แม่งแค่เสียงก็เตลิดไปไกลยิ่งกว่าไฟลามทุ่มอีก ตอนนี้



"มึงยั่ว...มึงยั่วกู"



"กู..." 



"ถ้ามึงอยากอาบน้ำอย่างเดียวก็หยุดพูด แล้วอาบไป" ธามพูดตัดบทขึ้นมาดื้อๆแล้วเดินหายออกไปจากห้องน้ำ ปล่อยให้โจ้ยืนงงอยู่ตรงนั้น บทจะพูดก็พูด พูดแล้วก็ไป...





ตั้งแต่เปลี่ยนสถานะกันเขากับถามก็ไม่เคยเกินเลยอะไรกันมากว่ากอดก่ายกันปกติ...มากกว่านั้นยังไม่มีใครกล้าล่วงเกินกัน...เขามันก็ผู้ชาย มันก็ผู้ชายในจุดๆนี้ต่างรู้ดีถ้าหากไปแล้วกู่กลับยาก...อารมณ์มันไปไว ถ้าหากมีถึงขั้นจริงฝ่ายที่รองรับอาจจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัว ซึ่งข้อนี้เราต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวเพราะตัวเอง



..เขาก็ไม่อยากให้มันต้องเจ็บ...

...มันเองก็ไม่อยากให้เขาเจ็บ...



แต่ถ้าถามว่าเขาเป็นฝ่ายรองรับได้มั้ยเขาก็ตอบอย่างเต็มใจว่าเป็นให้ได้...ซึ่งตัวธามเองก็คิดเช่นเดียวกัน..หากมันจะเป็นมันก็เต็มใจรรับเขาเหมือนกัน...เราก็เลยตกลงกันแล้ว ว่าจะปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น...เขาจะเจ็บหรือมันจะเจ็บ ถึงตอนนั้นมันก็คงรู้สึกดีมากจนลืมเจ็บไปเองนั่นแหละ...และอีกอย่าง เขากับมันก็ยังรู้สึกต่อกันเช่นเดิม...





"เสร็จนานแล้วหรอ" ธามเอ่ยถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่โซฟากลางห้อง ตั้งแต่เมื่อวานนี้เขาสองคนก็เข้ามาอยู่คอนโดกับน้ำตามคำสั่งของรุ่นพี่เขาอย่างผา..ก็งี้แหละน้าคนห่วงแฟน



"ไม่นาน.." คำตอบมันช่างตรงข้ามกับรอยยิ้มล้อเลียนนั่นเสียเหลือเกิน...มาอยู่กับพี่ผาแค่แปปเดียวกลายเป็นคนกวนแบบนี้ไปแล้วหรอเนี่ยเพื่อนเขา..



"งั้นก็ไปกันได้แล้วไป" โจ้บอกก่อนจะเดินนำออกไปก่อน ธามกับน้ำถึงได้ตามออกไป



วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันที่เขาจะเข้าไปหาแม่ดาที่บ้านเด็กกำพร้า เขาน่ะไม่อะไรหรอกแต่สองคนนั้นดูตื่นเต้นแปลกๆ



เขาขึ้นนั่งรถของผาที่ให้ไว้ใช้เวลาไปไหนมาไหน..ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยใช้มันเลยนอกจากเวลาทำงานซึ่งมีธามเป็นคนขับโจ้านั่งข้างและเขานั่งอยู่ข้างหลังและวันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่เขาต้องหยิบเอารถของผามาใช้ซึ่งมีธามเป็นคนขับเช่นทุกวัน...



ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนกว่าครึ่งชั่วโมง รถคันสวยก็แล่นเข้ามาจอดยังบริเวณบ้านเด็กกำพร้าที่เขาเคยอยู่มาสิบแปดปี ยังไม่ทันได้ลงจากรถพวกเขาก็เห็นหญิงสาวมีอายุคนหนึ่งออกมายืนอยู่ตรงประตูด้วยรอยยิ้มอบอุ่นที่คุ้นเคย เขารีบลงจากรถไปสวมกอดหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เขาเรียกว่าแม่อย่างเต็มปาก..ทั้งชีวิตที่ผ่านมาก็มีเพียงบุคคลท่านนี้ที่คอยค้ำจุนเขา



"..เข้าข้างในกันก่อนมาลูกมา" ดาริณกวักมือเรียกอีกสองคนที่กำลังเดินตรงมาให้ตามเข้าไปข้างในก่อนจะหันไปหาพี่เลี้ยงคนหนึ่งให้เตรียมของว่างมาให้เขา



ที่นี่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาจนเขาเติบโตพอที่จะต้องออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเองตามกฎของบ้าน..ที่นี่ยังดูอบอุ่นเหมือนเดิมสำหรับเขา 



"เป็นไงกันบ้าง หื้ม" ดาริณเอ่ยถามไถ่เรื่องราวของน้ำที่นั่งอยู่ข้างกันไม่ห่าง...



เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกไปให้ผู้เป็นดังแม่แท้ๆได้ฟัง ตั้งแต่เรื่องเรียนจนถึงเรื่องราวต่างๆมากมายที่เผชิญในแต่ละวัน ในระหว่างที่นั่งพูดคุยกันอยู่นั้นเสียงรถหลายคันที่แล่นเข้ามาจอดก็ทำให้น้ำหันไปมอง..รถหรูหลายคันเข้ามาจอดตรงลานจอดก่อนจะมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำเดินลงมาเปิดประตูให้ บุคคลที่ก้าวลงมานั้นทำให้น้ำตกใจอยู่ไม่น้อย..



ดาริณหันมองโจ้กับธามก่อนจะพยักหน้าให้ส่งเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างก่อนที่ทั้งสองจะขอตัวออกไป ดาริณจึงชวนน้ำกับพี่เลี้ยงอีกสองคนออกไปต้อนรับตระกูลบวรวัชรสิริกุลที่ยกกันมาทั้งบ้าน ..ผู้อาวุโสที่สุดที่กำลังลงจากรถมาคือคุณเดช หรือที่รู้กันว่าเป็นพ่อของคุณชัชที่กำลังยืนรออยู่ด้านข้างรถพร้อมกับคุณพิชรัตน์ภริยาของท่าน และอีกคนที่คนตัวเล็กจำได้ดีคือดินที่เดินเข้าไปประคองผู้ที่เป็นปู่ของเขา แต่คนที่เขาตกใจที่สุดคงจะเป็น...เต้ย



คนตัวเล็กพยายามเอาทุกอย่างมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน...ทั้งๆที่อยู่ในมหาลัยและก็เคยเจอทั้งดินและเต้ยอยู่บ่อยครั้งก็ไม่เคยรู้เลยว่าทั้งสองฝ่ายเป็นพี่น้องกัน..จนนึกได้ว่าวันนั้นเจอเขาเจอทั้งสองที่ร้านอาหารของดินแล้วก็เจออีกทีในวันนี้ หรือว่า...น้องชายที่หายไปเกือบยี่สิบปีจะเป็น...



"น้ำ..ไปช่วยพี่เขาเตรียมของว่างหน่อยไปลูก"



"ครับ" คนตัวเล็กรับคำก่อนจะเดินตามพี่เลี้ยงหายเข้าไปในส่วนของครัว เพียงเวลาไม่นานน้ำก็เดินออกมาพร้อมพี่เลี้ยงในมือถือถาดน้ำเดินมาวางน้ำบนโต๊ะรับแขกที่ตอนนี้มีบุคคลทั้งห้านั้งกันอยู่



"น้ำ..อยู่ด้วยกันก่อนสิลูก" คนตัวเล็กที่กำลังจะคลานเข่ากลับออกไปต้องชะงักกับคำเชิญชวนของดาริณ คนตัวเล็กหันหน้ากลับไปหาดาริณอย่างสงสัย แต่ก็ได้รับรอยยิ้มพร้อมกับการพยักหน้ากลับมาเท่านั้น เขาจึงต้องนั่งลงข้างๆกับดาริณ..



"เข้าเรื่องเลยได้มั้ยคะพี่ดา.." คุณพิชรัตน์เอ่ยออกมาเจือความสั่นเครืออยู่เล็กน้อย ดาริณพยักหน้ารับก่อนจะหันมามองหน้าเขาด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยน



"น้ำไม่ได้ใส่สร้อยเส้นนั้นแล้วเหรอลูก"



"ไม่ได้ใส่ครับ..แต่น้ำพกติดตัวตลอด"



"ขอแม่ดูหน่อยได้มั้ย" ถึงคนตัวเล็กจะสงสัยว่าทำไมดาริณถึงขอดูสร้อยเส้นเดียวที่เป็นเครื่องแทนใจที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยอมหยิบออกมาให้



พอสร้อยเส้นนั้นปรากฎแก่สายตาของบุคคลทุกท่านที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันก็ถึงกับตกใจอ้าปากค้าง..ยิ่งคุณพิชรัตน์ยิ่งแล้วใหญ่ ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นั่นยิ่งสร้างความแปลกใจให้แก่น้ำมากขึ้นกว่าเดิม



"น้ำรู้มั้ยว่าสร้อยเส้นนี้สำคัญยังไง" ดาริณเอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม แต่เขาไม่รู้จึงได้แต่ส่ายหน้าตอบกลัยไป...



"มันเป็นสิ่งยืนยัน...ให้คนที่ให้สร้อยเส้นนี้กับน้ำมาได้รับรู้ว่าน้ำยังอยู่..."



"..."



"น้ำรู้มั้ย...ว่าใครเป็นคนให้สร้อยเส้นนี้กับน้ำมา" คำถามนี้...มันอาจจะเป็นคำถามธรรมดาสำหรับใครหลายๆคนที่ถ้าถามมาก็ตอบออกไปเลย...แต่กับคนตัวเล็กที่พอได้ฟังคำถามนี้แล้วก็มีก้อนบางอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ที่เขาเรียกมันว่า...ความหวัง หวังว่าสักวันเขาจะได้เจอกับคนที่เป็นคำตอบ..



"พ ..พ่อ กับแม่" น้ำเสียงที่ขาดห้วงไปพร้อมกับสายตาของทุกคู่ที่จ้องมองมาอย่างรอคอยในคำตอบ...เขารู้สึกอึดอัด แต่ในใจลึกๆแล้วมันกลับลิงโลดอย่างน่าประหลาด



"น้ำอยากกลับไปหาพ่อกับแม่มั้ย.." เพียงแค่คำถามเดียวที่ทำให้น้ำใสๆร่วงหล่นลงมาจากดวงตากลมโตอย่างเงียบๆ...



"เป็นไปได้หรอครับ...ผมไม่อยากมีความหวัง"



"ไม่ต้องหวังหรอกลูก... น้ำห่างจากพวกเขามาสิบแปดปีเต็ม ...ตอนนี้เขามานั่งรอรับลูกกลับบ้านกับเขาอยู่ตรงหน้าน้ำแล้วนะ..." 



สิ้นประโยคอันยาวเหยียดของดาริณ น้ำตาที่ไม่เคยไหลมานานก็มาเอ่อคลอรวมกันที่ดวงตาคู่สวย สมองประมวลผลไปอย่างช้าๆ ว่าที่แม่ดาพูดมานั้นหมายความว่าอย่างไร...ก่อนที่ดวงตากลมโตที่วาวไปด้วยน้ำตาจะหันไปมองบุคคลทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกับเขาอย่างช้าๆ...สิ่งที่เห็นผ่านความพร่าเบลอเพราะมีม่านน้ำใสๆเคลือบอยู่คือรอยยิ้มอันอบอุ่นที่ส่งมายังเขา



...พี่ดิน ที่เขาเจอเพียงครั้งเดียวก็รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

...พ่อกับแม่ของพี่ดิน ที่เจอกันคราวก่อนก็ทำให้เขารู้สึกโหยหาอ้อมกอดที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานานแสนนาน

...ทำไมกันนะ...

...มันเป็นไปได้จริงหรือ ที่ความฝันเขาจะเป็นจริง...

...ถ้าเขาเป็นลูกชายที่เขาตามหา...แล้วเต้ยล่ะ?



ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรอื่นไกล...ซองเอกสารสามซองก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเขาโดยฝีมือของโจ้กับธาม...อะไรกัน ทำไมเป็นโจ้กับธาม?



"อ่านเอกสารทั้งหมดก่อนนะลูก...อาจจะสงสัยอะไรน้อยลง" ดาริณเอ่ยกับเขาพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวอย่างแผ่วเบา



คนตัวเล็กปาดน้ำตาทิ้งไปก่อนจะหยิบเอกสารซองแรกขึ้นมาเปิดอ่านอย่างงงๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวไปจนเขาประมวลผลมันไม่ทันแล้วตอนนี้...สมองมันว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ถึงจะยังคงมึนเบลอและตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้...แต่ก้อนเนื้อภายในอกมันก็เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง...ลิงโลดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน



เขาค่อยๆไล่สายตาอ่านเอกสารใบนั้นซึ่งน่าจะเป็นบันทึกการแจ้งความอะไรสักอย่าง เขาตั้งใจอ่านมันทีละตัวอัษร ทำความเข้าใจมันทีละบรรทัดจนสิ่งที่ค้างคาในใจกระจ่างชัดเจน...



...ที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด เป็นเพราะเขาถูกลักพาตัวมา...โดยคนที่ขึ้นชื่อเป็นอาแท้ๆของเขาเอง สิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในตระกูลมหาเศรษฐีแบบนี้ คงไม่พ้นเรื่องการมีส่วนได้ส่วนเสียในทรัพย์สมบัติ...แทนที่ครอบครัวของคุณอาของเขาจะได้รับสมบัติในส่วนของลูกชายเพิ่มแต่กลับต้องลดน้อยลงไปเพราะต้องแบ่งสรรปันส่วนมาให้เขาที่เกิดแบบเหนือความคาดหมาย...



ความอิจฉาริษยาไม่เข้าใครออกใคร ความโลภมากของคนมีแต่เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ...มันมืดมนบังตาจนทำให้มนุษย์คนหนึ่งไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ จิตนึกคิดใช้การไม่ได้จนทำให้ไม่เหลือสติพอที่จะยับยั้งชั่งใจในการที่จะทำร้ายชีวิตของคนผู้หนึ่งอย่างเลือดเย็น...เป็นญาติสายเลือดเดียวกันแท้ๆยังทำกันได้ขนาดนี้...คิดมาถึงตรงนี้ก็นึกเจ็บใจในโชคชะตาตัวเองที่มีคนโลภมากแบบนั้นมาพรากเขาออกมาจากครอบครัว จนทำให้มือเล็กกำเอกสารแน่นจนมือสั่น...น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ อาของเขาปลอมแปลงเอกสารทุกอย่าง กระทั่งนามสกุล วันเวลาที่เกิด หรือภูมิลำเนาเขาที่จริงๆแล้วคือจังหวัดเชียงใหม่ แต่เขาถูกอาแท้ๆ นำเขามาทิ้งอยู่ที่บ้านเด็กกพร้าแห่งนี้ในกรุงเทพฯ...



อย่างต่อมาที่เขาได้รับรู้และไขความกระจ่างให้แก่เขาคือเต้ย...คนผู้นี้ไม่ใช่น้องชายของดินที่หายตัวไปอย่างที่เขาเข้าใจในคราแรกแต่เป็นลูกชายของ...อาแท้ๆของเขา และเหตุผลที่ต้องรับเต้ยมาเป็นบุตรบุญทำนั้นก็ทำเอาคนเป็นหลานอย่างเขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที



ท่านกลายเป็นผู้ที่มีอาการทจิตอย่างรุนแรง ถึงขั้นทำร้ายตัวเองและคนรอบข้าง...เพราะตัวเองต้องตกเป็นบุคคลล้มละลาย และยังถูกจับได้ในเรื่องที่ลักพาตัวลูกชายตัวน้อยของพี่ชายแท้ๆของตัวเองมา...ภรรยาที่รักก็พรันมาจากไปเพราะว่ารับไม่ได้กับสิ่งที่อาเขาได้ทำ...



...นี่หรือเปล่านะที่เขาบอกกันว่า เวรกรรมตามติดทันตาเห็น...





เอกสารฉบับสุดท้ายถูกหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน...เป็นเอกสารฉบับสุดท้ายที่ทำให้เขาใจแกว่งและเต้นอย่างบ้าคลั่งจนมันแทบจะกระเด็นออกมานอกอก ...เพราะที่เขาถืออยู่ในมือมันคือเอกสารผลตรวจดีเอ็นเอ...ซึ่งมันเป็นตัวยืนยันได้ดี...ว่าเขาเป็นลูกชายที่หายไปของคุณชัชและคุณพิชรัตน์จริงๆ



ซึ่งผลตรวจของทั้งเขา...คุณชัช และคุณพิชรัตน์...ตรงกัน



ณ ตอนนี้เขาทำอะไรไปกว่าการนั่งอ่านผลตรวจนั้นซ้ำไปซ้ำมาไม่ได้อีกแล้ว ภาพในหัวมันขาวไปหมด...น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงอาบแก้มอย่างสุดกลั้น





...ความจริงใช่มั้ย? หรือว่าเขากำลังฝัน ถ้ามันคือฝันเขาขอไม่ตื่นได้หรือเปล่า...เขาขอแลกชีวิตกับความฝันนี้ได้มั้ย เอาชีวิตเขาไปเพื่อให้เขาได้อยู่กับฝันดีนี้ไปตลอดกาล...ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่คงเป็นฝันที่ดีที่สุดในชีวิตเขา...แต่สิ่งที่เขาขอมันไม่เป็นจริง...



"น้ำลูก..."



...เพราะมันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป...



"มาหาแม่มา.." น้ำเสียงสั่นเครือร้องเรียกเขาให้ตื่นจากภวังค์ที่เขาคิดว่านี่คือความฝัน...แต่เสียงเรียกและภาพตรงหน้าที่หญิงสาวอ้าแขนรออยู่พร้อมกับชายวัยกลางคนที่นั่งข้างกันมองมา ก็ทำให้เขารีบปรี่เข้าไปหาแล้วสวมกอดนั้นไว้แน่น...เพราะกลัวว่าอ้อมกอดตรงหน้าจะหายไป



"ฮือ...น้ำไม่ได้ฝันใช่มั้ย ฮึก ฮืออ...แม่จริงๆใช่มั้ยครับ..ฮืออ" คนตัวเล็กซุกแน่นอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ที่เขาโหยหามาโดยตลอด...ร้องไห้ตัวโยนราวกับจะขาดใจ ตัวสั่นจนน่ากลัว คนมองอย่างคนเป็นพ่อ พี่ชาย และคุณปู่มองด้วยความเจ็บปวดใจ...



"ไม่กอดพ่อบ้างหรอเรา...หื้ม" คุณชัชพูดแหย่ขึ้นมาบ้างหลังจากที่มองภาพลูกชายกอดผู้เป็นแม่อยู่นาน เพียงแค่เขาพูดจบประโยค...ลูกชายตัวน้อยก็โถมเข้าใส่ กอดเขาไว้เสียแน่นอย่างโหยหา...ไม่ใช่เพียงลูกชายตัวน้อยของเขาหรอกที่โหยหาเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน...



น้ำซึมซับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของทุกคนในที่นี้อย่างไม่รู้เบื่อ...ก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าของผู้ที่เป็นครอบครัวทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ คุณปู่ยกมือขึ้ลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยนแล้วเป็นเขาเองที่โผเข้ากอดผู้เป็นปู่เอาไว้...



"ปู่ขอโทษนะลูก...ที่ปู่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาขนาดนี้" คุณเดชเอ่ยขอโทษคนเป็นหลานอย่างไม่ถือ



ตระกูลบวรวัชรสิริกุลทุกคน รอคอยการเกิดมาของหลานชายตัวน้อยอย่างใจจดใจจ่อนั่นก็รวมถึงเจ้าดินที่ตอนนั้นอายุได้สามขวบด้วย...พอเกิดมาให้ทุกคนเห็นหน้าได้เพียงสองวัน ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเขาเองช็อคไปเลยเหมือนกัน



กว่าจะรู้ต้นตอก็ปาไปเกือบสิบปี ตามหากันทั่วทุกซอกทุกมุมบนจังหวัดบ้านเกิดและจังหวัดข้างเคียง จนมันขยายกว้างเป็นการตามหาคนๆหนึ่งทั้งภาคเหนือ...แทบพลิกแผ่นดินจนหมดหวังเพราะว่าไม่พบเบาะแสอะไรเลย



จนกระทั่งเจ้าดินต้องเข้ามาเรียนมัธยมต้นที่กรุงเทพ เจอเข้ากับน้องน้อยคนหนึ่งในบ้านของเด็กกำพร้าที่ผู้เป็นป้าแท้ๆของเขาดูแลอยู่ .. ใส่สร้อยคอทองทำขาว มีจี้ห้อยคล้ายกันกับเขา...เจ้าตัวจึงเฝ้าตามติดเด็กคนนั้นเรื่อยมา...จนมั่นใจแล้วว่าใช่น้องชายของตัวเองจริงๆถึงได้มาบอกเขา



เรื่องทั้งหมด...คงจะสำเร็จไม่ได้หากไม่มีดาริณ พี่สาวของพิชรัตน์ที่ผันตัวเองมาเป็นพี่เลี้ยงอยู่สถานสงเคราะห์ ดาริณช่วยกันกับเจ้าดินในการรวบรวมหลักฐานยืนยันตัวตน เอาหลักฐานปลอมทุกอย่างให้ทางตำรวจตรวจสอบ เก็บชิ้นส่วนของเส้นผมและเล็บเอาไปตรวจดีเอ็นเอ จนกระทั่งรู้ชัดแน่แล้ว ...ใช้เวลารวบรวมหลักฐานอยู่นาน...เพื่อจะไปเอาผิดกับอาตัวเอง



ทุกคนเฝ้ารอมาตลอดสิบแปดปี...เพื่อรอให้หลานรักกลับสู่ที่ๆเคยจากมา...ในที่สุดวันที่ทั้งเขา และหลานรอคอยมันก็สิ้นสุดลงแล้ว...



"บ้านบวรฯ รอต้อนรับหลานปู่อยู่เสมอ... กลับบ้านเรากันนะลูก" ภาพความประทับใจไม่ได้ถูกปล่อยผ่านเลยไปโดยไม่มีการเก็บบันทึก...



โจ้กับธามที่ยืนมองอยู่มุมหนึ่งของห้องยกกล้องของแม่ดามาถ่ายเอาไว้ทุกช็อตความปลื้มปิตินี้ เขาทั้งสองคน...ก็คอยดูแลและเป็นเพื่อนกับคนตัวเล็กตลอดมาตั้งแต่จำความได้จนมาเข้าตอนมัธยมปลาย...ถึงได้รู้ว่าคนตัวเล็กนี้เป็นใคร จึงคอยดูแลปกป้องคนตัวเล็กไม่ห่าง...ตามคำขอของดินและผู้เป็นแม่



"ทุกคนจะต้องรู้ว่าหลานปู่กลับมาแล้ว...หนูจะเป็น ธารา บวรวัชรสิริกุล"







...ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนคนตัวเล็กตามแทบไม่ทัน แม้แต่เรื่องของงานเลี้ยงต้อนรับที่จะจัดขึ้นยังเป็นพรุ่งนี้เลยเพราะฉะนั้นวันนี้เขาจะต้องเตรียมตัวนั่งเครื่องขึ้นเหนือกลับไปยังบ้านเกิดตัวเองอย่างช่วยไม่ได้...เหลือเวลาก่อนขึ้นเครื่องอีกสี่ชั่วโมง คนตัวเล็กเลยขอมาเก็บของที่จำเป็นที่ห้องของผาเสียก่อนโดยคนพามาก็คือดิน...พี่ชายของเขาเอง



"นี่มันคอนโดไอ้ผานิ" ดินหันกลับมาถามน้ำเสียงดุ...ทำเอาน้ำสะดุ้งโหยงเพราะลืมไปว่าคนข้างๆเป็นพี่ชายแท้ๆของเขาแล้ว...



"อ่า...คือ เอ่อ..."



"กะอยู่ถาวรเลยรึไงหื้อเรา" 



"ม ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยพี่ดิน" คนตัวเล็กลนลานอธิบาย ปัดมือไปมาส่ายหัวจนผมแทบปลิว ...และนั่นถือเป็นภาพที่น่ามองมากสำหรับคนเป็นพี่ชายอย่างดินที่เฝ้ามองน้องชายตัวเองอยู่ห่างๆมาโดยตลอด...



"เดี๋ยวจะโดน..." คนเป็นพี่ชี้หน้าคาดโทษน้องชายตัวน้อยอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะกอดคอพากันเดินขึ้นห้องไป...





ติ๊ด!

เอ๋?

...นี่เขาลืมปิดไฟปิดแอร์หรอ...ค่าไฟเดือนนี้พุ่งจนน่าตกใจเป็นแน่...แต่



"ส สวัสดีครับ" น้ำยกมือขึ้นอย่างตกใจกับผู้หญิงที่เห็นอยู่ตรงหน้า

หญิงวัยกลางคนที่ดูคับคล้ายคับคลาเจ้าของห้อง...ไม่ต้องสงสัยให้ยากว่าเป็นใคร ถ้าไม่ใช่...แม่



"กลับมาแล้วหรอ ...อ่าวตาดิน"



"ครับ สวัสดีครับม้า"



"ทำไมถึงมาด้วยกันได้ล่ะตาดิน" พอจบคำถาม ดินก็ก้มหน้ามองน้องชายตัวน้อยของตัวเองทันทีว่าจะให้บอกมั้ย...เรื่องที่เขาเป็นพี่น้องกัน แต่จากสายตานั่นแล้ว...คนตัวเล็กคงไม่อยากให้บอกเป็นแน่



"ผมขึ้นมาเอาหนังสือน่ะครับ...เจอน้องเขาพอดีเลยเดินมาด้วยกัน"



"อ่อจ้ะ...งั้นเชิญตามสบายนะ เดี๋ยวม้าขอคุยกับน้องหน่อย" แม่ของผาส่งยิ้มใจดีมาให้ก่อนที่ดินจะเดินหลบฉากออกไปอย่างรู้งาน พอในส่วนโถงกว้างนี้เหลือเพียงแค่เขากับแม่ของผาเพียงสองคนก็เริ่มจะทำตัวไม่ถูก...



"ฉันขอแทนตัวเองว่าป้าแล้วกันนะ..."



"ครับ.."



"เป็นยังไงบ้าง...กับตาผา" น้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ได้เร่งหรือเข้มดุอะไรทำให้น้ำผ่อนคลายลงได้บ้าง แต่ก็แอบกังวลกับคำถามนั้นอยู่เหมือนกัน



"ก็...ปกติดีครับ"



"มานั่งข้างๆป้ามา..." คำเชิญชวนพร้อมสายตาอ่อนโยนที่ทอดมองมานั้นทำให้น้ำกล้าที่จะขยับตัวเข้าไปหา



"ตาผารักหนูมาก...หนูรู้ใช่มั้ย"



"เอ่อ...ครับ.."



"แต่ด้วยความเหมาะสม...มันจะทำให้สังคมโจมตีเอาได้..." ท่านกำลังจะพูดอะไรออกมากันแน่



"..."



"ตาผารับได้อยู่แล้ว...และตัวหนูล่ะ จะรับได้มั้ย กับกระแสโจมตีเหล่านั้น"



"..."



"..ป้าไม่ได้มาบอกให้หนูเลิกกัน หรือขัดขวางอะไร...แต่ที่มาพูดกับหนูวันนี้ เพราะอยากให้คิดดีๆ ว่าจะทนกับกระแสสังคมนั้นได้มั้ย..."



"..." ไม่พูดให้เลิกกัน..แต่จะพูดบีบให้เขาเดินออกไปเอง...แบบนั้นใช่มั้ย?...



แต่ประโยคถัดมา...มันไม่ใช่อย่างที่คิด...



"...ถ้าทนได้ ก็จับมือกันให้แน่นแล้วเดินฝ่ามันออกมา...ปลายทางจะมีม้าคอยสนับสนุนอยู่แน่นอน"



เขายิ้มรับกับประโยคนั้น...ถ้าท่านพูดแบบนี้ ก็เท่ากับว่าท่านยอมรับความสัมพันธ์ของเขากับพี่ผาแล้ว...ใช่มั้ย



"ม้ารู้ว่าอะไรที่ลูกชายของม้าต้องการที่สุด ลูกม้ารักใครม้าก็รักด้วย... เขาคงมาเล่าให้หนูฟังทุกเรื่องใช่มั้ย"



"ครับ...พี่ผาเขาค่อนข้างที่จะเครียด เขาคิดว่าคุณป้า...ไม่ยอมรับและก็...เอ่อ ไม่พอใจที่พี่เขาตัดสินใจแบบนั้น"



"ที่ม้าพูดแบบนั้น...มันก็เป็นเหมือนด่านทดสอบนั่นแหละ ...แรงกดดันที่มากที่สุดและทำให้เราเครียดมากที่สุดก็คือครอบครัว...ถ้าหากว่าผ่านมันมาได้...อย่างอื่นมันก็ไม่สำคัญหรอกสำหรับลูกชายม้า" ประโยคที่ฟังแล้วแสนอบอุ่นนั่นเขาอยากให้ผามาฟังมันด้วยตัวเองเสียจริง



แม่คนนึงต้องรักลูกมากขนาดไหนกันเชียว ถึงได้ทำกับลูกแบบนี้...ทำให้ลูกเข้มแข็งโดยใช้จุดอ่อนของลูกเป็นตัวสร้างเกราะป้องกันให้แก่ตัวเอง



น้ำยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณความหวังดีและการยอมรับของท่านจากใจ...ที่เปิดโอกาสและไม่ขัดขวางเด็กกำพร้าอย่างเขาโดยไม่นึกรังเกียจหรืออะไรเขาเลยแม้แต่น้อย



"ขอบคุณคุณป้ามากนะครับ"



"ป้าอะไรกันล่ะลูก...ไม่ให้เรียกป้าแล้วตอนนี้ ...เรียกม้าเหมือนพี่เขาสิ"



"เอ่อ...ครับม้า"



"น่ารัก... วันนี้เข้าครัวกับม้าสักมื้อมั้ย"



"เอ่อ..."



"มีธุระเหรอลูก..."



"ครับ...ผมต้องไปเก็บของออกจากที่นี่แล้ว" แม่ของผามีสีหน้าตกใจไม่น้อยกับคำพูดที่คนตัวเล็กเพิ่งบอกออกมา...หมายความว่าไงกัน



"ทำไมกัน...ม้าพูดอะไรผิดไปรึเปล่า" 



"ไม่ครับม้า...ไม่เลย"



"แล้วทำไมต้องเก็บของไปล่ะลูก" ม้าถามเขาด้วยน้ำเสียงเว้าวอน...แล้วเขาจะบอกยังไงดี ทำยังไงดี?



"น้ำจำเป็นจริงๆครับม้า"



"..น้ำรอพี่เขากลับมาก่อนดีมั้ยลูก" ม้าเอื้อมมือจับแขนเขาไว้...



"เอ่อ...ไม่ดีกว่าครับม้า ...ยังไง น้ำขอตัวเก็บของก่อนนะครับม้า" คนตัวเล็กเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนจะขอตัวลุกเดินเข้าห้องไปเก็บของอย่างคนเสียมารยาท เพราะคนตัวเล็กเห็นดินชูนาฬิกาข้อมือส่งสัญญาณว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว...





...น้ำขอโทษนะครับม้า เอาไว้อีกเดี๋ยว ม้าก็จะเจอกับผมแล้ว...ถึงตอนนั้น ม้าก็จะรู้ความจริงแล้วนะครับว่าผมเหมาะสมแล้ว...ที่จะยืนเคียงข้างลูกชายของม้า

ถึงแม้วันนี้ม้าจะเข้ามาพูดกีดกันผมเรื่องความไม่เหมาะสม ..ยังไงผมก็จะสู้แน่นอน







"ผาลูก..ผาทะเลาะอะไรกับน้องมารึเปล่า"

(เปล่านะครับแม่...แต่วันนี้ทั้งวันน้องยังไม่รับโทรศัพท์ผาเลย)

"..."

(เกิดอะไรขึ้นครับแม่)

"ม้าขอโทษนะผา..."

(..ม้าขอโทษผาทำไม เกิดอะไรขึ้นครับ)

"น้อง...เก็บของออกไปแล้ว..."

(......)









100%

...To Be Continued...





Talk


แงงง~ ตอนนี้ยากอ่ะ อารมณ์เยอะ ความรู้สึกเยอะ ทางการเยอะ ฮืออ จากความรู้สึกคิดว่ามันไม่ดีอ่ะ ยังไงติชมกันมาเน้อออ เค้าอยากรู้...เค้าอยากปรับปรุง แต่ถ้าดีแล้วก็ให้กำลังใจได้ จะได้มีกำลังใจเขียนเรื่องต่อไป

- มาถึงตอนที่ต้องเขียนให้น้องรู้ว่าใครเป็นคนพรากชีวิตน้องให้มาลำบาก ก้คิดอยู่ว่า จะให้ตัวน้ำเนี่ยรู้สึกยังไงดี ...แต่ไรท์ก็เลือกแล้วโดยการเอาความรู้สึกตัวเองใส่ไปนิดนึง...คือเอาจริงๆไม่มีใครโอเคหรอก กับการที่เราถูกใครสักคนเอาเรามาทิ้ง...ไรท์จึงไม่เลือกให้น้ำรู้สึกอะไรมา แต่รู้สึกเจ็บใจกับเห็นใจก้น่าจะพอแล้ว

- ส่วนในเรื่องของการที่พี่ดินไปตามอะไรยังไง พี่ผาแกมีเอี่ยวด้วยมั้ย เดี๋ยวจะปล่อยมาเรื่อยๆ เผลอๆ ต่ออีก 2 ตอน ไม่ก็จะเอาไว้ตอนพิเศษ คริๆ





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สงสารม้านะ คงคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โถ คุณม๊า คุณม๊าไม่ผิดอะไรเลย
 แค่น้องยังบอกม่ายด้ายยย

ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด