พิมพ์หน้านี้ - Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 01:11:44

หัวข้อ: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 01:11:44
 :m15:***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ

       บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3755891#msg3755891)   episode1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3755895#msg3755895)  episode2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3755897#msg3755897)  episode3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3755900#msg3755900)  episode4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3755901#msg3755901)  episode5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3755903#msg3755903)  episode6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3755906#msg3755906)  episode7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3756106#msg3756106)  episode8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3756826#msg3756826)  episode9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3757131#msg3757131)  episode10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3757166#msg3757166)
episode11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3757246#msg3757246)
episode12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3757407#msg3757407)
episode13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3757590#msg3757590)
episode14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3757625#msg3757625)
episode15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3757901#msg3757901)
episode16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3758180#msg3758180)
episode17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3758407#msg3758407)
episode18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3759085#msg3759085)
episode19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3764587#msg3764587)
episode20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3765249#msg3765249)
episode21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3771287#msg3771287)
episode22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3773405#msg3773405)
episode23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3779638#msg3779638)
episode24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64523.msg3781540#msg3781540)











[บทนำ]


"แม่ดาครับ!! แม่ดา!!" เด็กชายผิวสองสี ผมตัดสั้นทรงนักเรียนวิ่งกระหืดกระหอบโกนโหวกเหวกมาจากด้านนอก

"มีอะไรโต้ง โวยวายเสียงดังเชียว" ดาริณสาววัยกลางคนเอ่ยเอ็ดเด็กชาย

"ที่หน้าบ้านมีเด็กมาอีกแล้วครับ" โต้งบอกพร้อมกับชี้ไปทางประตูรั้ว

"ไหน นำไปสิ้" ดาริณว่าแล้วเดินตามเด็กชายโต้งไปอย่างไม่ตกใจกับการที่จะมีเด็กๆมาถูกทิ้งที่หน้าประตูรั้ว ก็ที่นี่คือบ้านเด็กกำพร้าทอตะวัน ไม่แปลกหรอกที่มีเด็กๆถูกทิ้งไว้ที่นี่ไม่เว้นแต่ละวัน แต่วันนี้กลับแปลกออกไป...

"มีซองเอกสารนี่มาด้วยครับแม่ดา" เด็กชายโต้งยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับดาริณ ดาริณหยิบมันมาแล้วเปิดดู แล้วเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่อยู่ในซอง

'สูติบัตร'



ในเอกสารนั้นบอกข้อมูลทั้งหมดที่ควรจะมีอยู่ มีทั้งชื่อพ่อแม่ และชื่อโรงพยาบาล



...แปลก แปลกที่จะเอาลูกมาทิ้งพร้อมกับเอกสารสำคัญขนาดนี้...



ดาริณกำลังจะเก็บเอกสารเข้าซองก็พบว่าในซองนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กๆที่มีข้อความไม่ยาวนักเธอจึงหยิบมันออกมาอ่าน



'ฉันรู้ว่าเธอต้องตามหาฉันจากข้อมูลในสูติบัตร อย่าตามหาให้เหนื่อยเปล่าเลย...ยังไงก็ไม่เจอฉันหรอก หวังว่าเอกสารฉบับนี้จะเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนของเด็กคนนี้ได้ดี...ว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า เพราะฉันจะไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว'



ดาริณรู้สึกว่าครั้งนี้มันแปลกกว่าครั้งก่อนๆมาก ทั้งเอกสาร ทั้งกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กนี่ เธอพยายามไม่คิดอะไรต่อ อุ้มเด็กน้อยที่หลับสนิทมาไว้ในอ้อมกอดพลางพิจารณาหน้าตาผิวพรรณของเด็กน้อย

"น่ารักน่าชังเสียจริงเลยน้า" ดาริณเอ่ยขึ้นมาอย่างนึกเอ็นดูกว่าคนอื่นๆ หรือเป็นเพราะเธอรู้ดีว่าเด็กคนนี้มีอะไรไม่เหมือนคนอื่นกันแน่ ในระหว่างที่เธอคลี่ผ้าห่อตัวหนูน้อยออกให้พ้นก็ต้องสะดุดกับสร้อยเส้นเล็กๆที่มีจี้ห้อยติดพันอยู่กับข้อมือข้างขวาของเด็กน้อย ในทีแรกที่ไม่ทันสังเกตเห็นคงเป็นเพราะสายรัดข้อมือที่มาจากโรงพยาบาลบังเอาไว้...

"อยู่ที่นี่ด้วยกันนะครับหนูน้อย อยู่เป็นเพื่อนเล่นเจ้าสองคนนั้นเนอะ แม่จะเป็นมั้งพ่อและแม่ชั่วคราวให้หนูเอง" เธอกล่าวกับเด็กน้อยอย่างเอ็นดูและพาเดินเข้าไปด้านใน



ดาริณ...อาจารย์สอนภาษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่เธอเลือกที่จะออกมาเปิดบ้านทอตะวันให้กับเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีที่อยู่ เธอคิดว่าเธอทำอะไรได้มากกว่าการสอนเด็กมหาลัย เธอสามารถให้โอกาสกับเด็กพวกนี้ได้ เริ่มจากมีเด็กเพียงแค่สองสามคน มีเธอเป็นพี่เลี้ยงและสอนหนังสือเพียงคนเดียว ...หลายปีเข้าก็มีเด็กเพิ่มขึ้น มีพี่เลี้ยงเพิ่มขึ้น เด็กที่นี่เก่งภาษาเป็นอย่างมากเพราะเธอเป็นคนสอนเอง เธอส่งเสียให้เด็กพวกนี้ได้เรียนหนังสือจนสจบมีงานการที่ดีทำ จนมีกลุ่มเศรษฐีใจบุญเข้ามาบริจาคสิ่งของและให้ทุนการศึกษากับเด็กในบ้านทอตะวัน ...จากที่มีแค่สองสามคนก็กลายเป็นหลายสิบคน โต้งเองก็เป็นหนึ่งในสองสามคนนั้นที่ประสบความสำเร็จไปนานมากแล้ว ...ที่ผ่านตลอดเกือบยี่สิบปีเธอทำให้เด็กกำพร้าเหล่านั้นหลุดจากคำครหาและการถูกเหยียดหยามต่างๆนาๆจากสังคม เธอเป็นยิ่งกว่าผู้มีพระคุณของเด็กๆเหล่านั้น...เด็กทุกคนรักเธอ และเธอเองก็รักเด็กๆเหล่านั้นเช่นกัน...







สวัสดีเดือนสิ้นปีนะคะทุกคน

นี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่แต่ง แล้วก็เป็นครั้งแรกด้วยกับการลงในเล้าฯ
ยังไงก็ฝากงานเขียนเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-12-2017 01:15:04
รอติดตามนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 01:16:00
[Episode 1]




"หวัดดีครับแม่ดา...น้ำกลับมาแล้ว" เสียงใสเอ่ยคำทักทายพร้อมกับยกมือไหว้คนที่ตัวเองเรียกว่า 'แม่' 

"ทำไมวันกลับช้าจังเลยล่ะน้ำ" คนถูกเรียกว่าแม่เอ่ยถามเมื่อคนที่เป็นเหมือนดั่งลูกชายกลับช้า เพราะปกติธาราเองจะกลับมาไม่เคยเกินหนึ่งทุ่มเลย แต่นี่มันสองทุ่มครึ่งเข้าไปแล้วก็เลยอดที่จะถามไม่ได้

"ก็วันนี้ที่ร้านพี่เล็กเขาลูกค้าเยอะนิ่ครับ อีกอย่างพี่พนักเขาขอลากลับก่อน น้ำก็เลยต้องทำแทน" คนตัวเล็กวางกระเป๋าสัมภาระเสร็จก็ย้ายตัวเองมานั่งลงกับพื้นตรงหน้าดาริณแล้วก้มหน้าซบลงบนตัก

"เหนื่อยมั้ย หื้ม" ดาริณวางหนังสือในมือลงไว้ข้างตัวแล้วยกมือขึ้นลูบหัวทุยเบาๆ

"ไม่เท่าไหร่หรอกครับ สบายมาก" เขาเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มหวานให้กับดาริณ

"ยิ้มสวยจังน้าเรา" ดาริณส่งยิ้มกลับพร้อมกับเลื่อนมือลูบใบหน้าสวย

"สวยอีกแล้ว น้ำเป็นผู้ชายแม่ดาต้องชมน้ำว่าหล่อสิ่" คนถูกชมว่าสวยทำหน้ายู่น้อยๆอย่างน่ารัก ทำให้ดาริณหัวเราะออกมาเบาๆ

"ไปอาบน้ำได้แล้วไป เดี๋ยวต้องอ่านหนังสืออีกไม่ใช่หรอ หื้ม" ดาริณเอ่ยขึ้นมา

"ครับ ต้องอ่านอีกเยอะเลยครับ ...น้ำกลัวสอบเข้าคณะแพทย์ไม่ได้จังเลยครับ" คนตัวเล็กทำหน้าหงอยลงเมื่อคิดถึงเรื่องที่จะต้องสอบเข้าคณะแพทย์อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ 

"งั้นก็ไปอ่านหนังสือได้แล้ว เดี๋ยวไม่เก่งเอาน้า" ดาริณบอกอีกครั้ง ทำให้ธาราลุกขึ้นส่งยิ้มหวานให่ก่อนจะเดินหายเข้าไปข้างใน  ...ดาริณรู้ดี ว่าธาราต้องทำได้อย่างแน่นอน ธาราเป็นเรียนเก่ง หัวไว จบมัธยมปลายด้วยเกรดที่สูงมาก สูงถึง 3.83 แต่ถึงเกรดมากก็ไม่ทำให้ธาราลดความกังวลลงเลยสักนิดเดียว

"สู้หน่อยนะน้ำ อีกนิดเดียวก็จะได้เป็นนักศึกษาแพทย์แล้ว" หลังจากเข้ามาอาบน้ำเสร็จคนตัวเล็กจึงเดินมาที่โต๊ะหนังสือของตัวเองและเอ่ยให้กำลังใจตัวเองก่อนจะนั่งลงอ่านหนังสือ

หนังสือของเขามีหลายวิชามากทั้งคณิตฯ เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา จุลชีวะ กายวิภาคและสรีรวิทยา แถมยังมีหนังสือเกี่ยวกับภาษา มีทั้งอังกฤษ เยอรมัน และจีน ที่เขาอ่านได้ก็เป็นเพราะตอนเด็กๆแม่ดาจะเปิดหรือไม่ก็อ่านหนังสือการ์ตูนหลายๆภาษาให้เด็กๆฟัง ที่แม่ดาสามารถอ่านได้หลายภาษาก็เพราะแม่ดาเคยเป็นอาจารย์สอนภาษามา ก่อนจะผันตัวมาดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทอตะวัน ...ใช่ ธาราอยู่บ้านเด็กกำพร้า ตั้งแต่เขาจำความได้เขาก็อยู่ที่นี่มาตลอด เขาถูกทิ้งให้อยู่ที่นี่พร้อมชื่อที่ถูกพ่อแม่ที่แท้จริงตั้งไว้ และสร้อยคอ มีจี้ตัว 'N' ข้างหลังสลักอักษร 'BK' ตัวเล็กๆไว้ เขาไม่รู้ความหมายของมัน แม่ดาเองก็ไม่รู้ และเขาก็โตแล้ว เริ่มที่ไม่อยากจะรู้ไม่อยากจะถามแล้วว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาคือใคร

...ธาราถูกชมมาตั้งแต่เด็กๆว่าผิวพรรณดีมากขาวเนียนละเอียด หน้าตาน่ารักน่าชัง ยิ่งพอโตมากขึ้นเรื่อยๆเขาก็ยิ่งถูกชมว่าสวยบ้างล่ะ ว่าน่ารักบ้างล่ะ ทั้งจากพี่ๆในบ้านและพี่เลี้ยงบ้านทอตะวัน บางคนก็บอกว่าผมคงมาจากตระกูลผู้ดีแม้แต่แม่ดาเองก็ยังบอกเขาแบบนั้น แต่ถ้ามาจากตระกูลผู้ดีจริงพ่อแม่เขาคงไม่เอาเขามาทิ้งไว้แบบนี้หรอก ธาราได้แต่คิดในใจแบบนี้ ...แรกๆเขาก็ค้าน พอมาเดี๋ยวนี้เขาเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังแล้วเขาก็พบว่าตัวเองมีหน้าตาและผิวพรรณกระเดียดไปทางผู้หญิงซะมากกว่า เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาก็น้อมรับคำชมเหล่านั้นไว้แต่โดยดี จนบางทีเขาก็คิดนะว่าพ่อแม่เขาต้องหล่อและสวยมากแน่ๆ

เขาสะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆออกจากหัวและตั้งหน้าตั้งตาแลกเชอร์เนื้อหาสำคัญๆลงในสมุดเล่มหนา เขาอ่านหนังสือหนักทุกวันตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายมา เขาตั้งเป้าหมายไว้แล้วเขาก็ต้องทำให้ได้ด้วย

"ไปนอนได้แล้วนะน้ำ" เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วดาริณจึงเดินมาดูในห้องหนังสือที่ยังมีแสงไฟลอดออกมา เห็นธารานั่งอ่านหนังสืออย่างขมักเขม้น แต่กลัวว่าเจ้าตัวจะนอนไม่เต็มที่ เพราะตอนเช้าต้องออกไปทำงานอีก เขาจึงเอ่ยปากบอกธาราไป

"ครับ" ธารารับคำอย่างว่าง่าย เก็บหนังสือเข้ากระเป๋าของตนเอง บางเล่มที่ไม่ใช่ของเขาก็นำมันไปเก็บไว้ที่ชั้น หนังสือบางส่วนก็มาจากผู้บริจาคบางส่วนก็มาจากรุ่นพี่ที่ออกจากที่นี่ไปแล้วนำมาให้ เมื่อเห็นว่าธารารับคำเก็บของแล้วดาริณจึงเดินไปยังห้องพักของตนเอง

...สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ้านทอตะวันมีเด็กค่อนข้างเยอะแต่คนดูแล พี่เลี้ยงเด็กก็เยอะด้วยเช่นกัน ที่นี่ไม่เคยขาดการดูแล มีคนใจดีเข้ามาบริจาคไม่ขาดสาย เด็กที่นี่เลยถูกเลี้ยงดูอย่างดี มีความสุขเหมือนเด็กปกติทั่วไป

...ที่นี่จะมีห้องแยกออกไปอีกสำหรับรุ่นพี่ที่ขึ้นมัธยมปลายเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวสำหรับอ่านหนังสือ ห้องนึงจะนอนได้สองถึงสี่คนและตัวธาราเองก็นอนรวมกับเพื่อนๆอีกสองคน เด็กที่มาที่นี่ทุกคนจะได้เรียน เพราะมีโรงเรียนคอยรองรับอยู่ จะได้เรียนฟรีตลอดจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย บางคนที่จบแล้วก็เลือกเรียนต่อมหาลัย ส่วนบางคนไม่เรียนก็เลือกที่จะผันตัวมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กของที่นี่แทน

"ยังไม่นอนกันอีกหรอครับ" เมื่อธาราเดินเข้ามาในห้องเห็นเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนยังไม่นอนก็เลยเอ่ยทักไป

"ยังอ่านไม่รู้เรื่องเลยจะนอนได้ไง" เพื่อนร่วมห้องที่ชื่อโจ้บอกพร้อมกับยืดตัวบิดขี้เกียจ

"สู้ๆนะครับโจ้ ...แล้วธามไปไหนครับเนี่ย" น้ำบอกให้กำลังใจโจ้แล้วส่งยิ้มน้อยๆไปให้ แล้วเอ่ยถามถึงเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่น่าจะอยู่กลับไม่อยู่ เห็นแต่กองหนังสือวางเอาไว้ โจ้ยิ้มตอบพลางคิดไปด้วยว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังพูดเพราะตลอดแถมยังยิ้มน่ารักอีกต่างหาก

"มันออกไปต้มมาม่ามากิน นู่นๆมาพอดี" โจ้ตอบยังไม่ทันขาดคำก็พยักเพยิดหน้าไปทางประตูห้องที่มีอีกคนเดินถือถ้วยมาม่าเข้ามา

"กลิ่นหอมมาเชียวครับธาม" คนตัวเล็กเอ่ยแซวเพื่อนร่วมห้องพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

"แน่นนอน เออน้ำ เราขอยืมหนังสือฟิสิกส์หน่อยสิ่" ธามเอ่ยขอยืมหนังสือวิชาสำคัญกับน้ำ แต่มือก็ง่วนอยู่กับการคีบเส้นมาม่าเข้าปาก

"เอาเล่มไหนครับ" น้ำจึงเดินไปที่ชั้นหนังสือของตัวเองแล้วหยิบออกมาดูแล้วเอ่ยถามคนขอยืมไปเพราะตัวเองมีอยู่สามเล่ม

"เอามาทั้งหมดอ่ะ" ธามบอกเสร็จน้ำก็หยิบหนังสือมาให้ "ไปนอนได้แล้วน้ำ เดี๋ยวต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานอีกไม่ใช่หรอ" โจ้ว่า

"งั้นเราไปนอนก่อนนะ สู้ๆกันนะครับ" เขายิ้มส่งท้ายให้กับเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนก่อนจะเดินขึ้นเตียงแล้วหลับไปในที่สุด...



.



.



"น้ำ!! เข่งนี้ของป้าใจ ลังโฟมนั่นของตาน้อยตลาดปลา" เวลานี้เวลาเกือบๆจะตีห้าครึ่ง เสียงของคนวัยกลางคนตะโกนสั่งเด็กที่เรียกว่า 'เด็กเข็นผัก' ให้นำของไปส่งตามแผงขายต่างๆตามรายการ ...ใช่ และเด็กเข็นผักนี่ก็เป็นงานหนึ่งของน้ำ

"ครับ" น้ำรับคำเสร็จก็หันไปยกของตามที่สั่ง เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่ก็มีแรงใช่น้อย แรกๆมาหลายๆคนก็มองว่าเขาจะไหวหรอ เขาทำงานได้ขัดกับหน้าตาและร่างกายเป็นอย่างมาก พ่อค้าแม่ขายในตลาดต่างทึ่งไปตามๆกัน ดูคล่องแคล่วทะมัดทะแมง ส่งไวตามเวลาไม่เคยเลท พูดจาเพราะ เคารพผู้หลักผู้ใหญ่และอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นที่สุด ทำให้น้ำกลายเป็นขวัญใจเด็กเข็นผักของพ่อค้าแม่ขายในตลาดไปแล้วก็ว่าได้ "ไหวมั้ยเนี่ย" ชายวัยกลางคนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเกรงว่าคนตัวเล็กหุ่นแบบบางนี่จะยกไม่ไหวและทำข้าวของเสียหายเอาได้

"ไหวครับน้า" แต่เปล่าเลย คนตัวเล็กกลับยกลังได้สบายๆ

"โอเค งั้นน้าฝากด้วยละกัน" เขาพยักหน้ารับคำเสร็จเขาก็เข็นไปยังร้านป้าใจทันที

"ลงตรงไหนดีครับป้าใจ" เมื่อมาถึงคนตัวเล็กก็เอ่ยถามเจ้าของแผงผักทันที

"นี่ๆ ยกเข้ามานี่เลย" ป้าใจกวักมือเรียกให้ยกของเข้าไปข้างใน คนตัวเล็กไม่รอช้ารีบยกเข้าไปให้อย่างทะมัดทะแมง

"ขอบใจมากนะหนูน้ำ" เขารับเงินค่าแรงจากป้าใจมาก็เข็นไปยังอีกที่นึง ถึงแม้ป้าใจจะเรียกเขาอย่สงแปลกๆแต่เขาก็ชินไปเสียแล้ว

"มาแล้วครับลุงน้อย" เมื่อมาถึงอีกที่หมายก็เอ่ยบอกลุงเจ้าของแผงปลา

"ยกมาวางข้างบนเลย" ลุงน้อยบอกพร้อมกับชี้จุดที่จะให้วาง น้ำก็ไม่รีรอที่จะยกให้ตามคำบอก เสร็จปุ๊ปก็รับเงินค่าแรงแล้วเดินกลับทางเดิมเพื่อนำรถเข็ญไปเก็บเพราะนี่เป็นจ๊อบสุดท้ายของวันนี้ นี่ถือว่าเสร็จไวกว่าวันอื่นๆเพราะวันอื่นบางทีก็หกโมงกว่าบ้างเกือบเจ็ดโมงบ้าง แต่วันนี้แค่หกโมงเอง เสร็จแล้วเขาก็เดินออกมาทางหน้าตลาดเพื่อซื้อของกินสำหรับมื้อเช้า แต่พอเดินออกมาตรงหัวมุมเขาก็เจอกับผู้ชายร่างสูงคนนึงยืนเกาหัวพร้อมกับสบถอะไรสักอย่าง ก้มมองกระดาษแผ่นเล็กที่ถืออยู่ในมือแล้วก็มองเข้าไปยังตลาดสลับไปมา น้ำเห็นท่าทางเหมือนผู้ชายร่างสูงหน้าตาดีคนนั้นเหมือนจะมีปัญหาอะไรสักอย่างที่แก้ไม่ตกอยู่ จึงเดินเข้าไปเพื่อจะถาม แต่ดันได้ยินร่างสูงสบถขึ้นมาก่อน 

"เชี่ยเอ๊ย และกูจะซื้อยังไงวะ เคยเดินที่แบบนี้ซะที่ไหน ม้านะม้า" สบถเสร็จก็ทึ้งหัวตัวเองอย่างหัวเสีย หลังจากน้ำได้ยินคำที่ร่างสูงสบถออกมาก็แน่ใจทันทีว่าผู้ชายคนนี้กำลังมีปัญหา

"เอ่อ มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ" น้ำถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ พอร่างสูงได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมามอง

...น่ารักจังวะ...



"คุณครับ..." เมื่อน้ำเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องเขานิ่งเขาจึงออกเสียงเรียกอีกครั้ง

"ครับๆ" ร่างสูงรับคำสุภาพอย่างลืมตัว

"มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ" น้ำถามย้ำอีกครั้ง

"เอ่อ...พอดีแม่ฉันให้มาซื้อของที่นี่ แต่ฉันไม่เคยมาเลย ก็เลย..." ร่างสูงพูดไปพร้อมชูกระดาษที่จดรายการซื้อของให้ดู แต่พูดไม่ทันจบก็เหมือนกับเขาจะเขินกับการที่คนตัวเล็กตรงหน้าเขาเอาแต่จ้องหน้าเวลาเขาพูด จึงยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้ออย่างทำอะไรไม่ถูก น้ำเห็นเช่นนั้นว่าร่างสูงตรงหน้าคล้ายกับว่าจะเขินกับการที่เขาจะบอกว่าเขาเดินตลาดไม่เป็นเพราะดูจากผิวพรรณ รูปร่างหน้าตาที่ดูหล่อและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถู และการแต่งตัวที่ดูดีจนเหมือนกับนายแบบก็พอจะรู้ว่าคงเป็นลูกคนรวยแน่ๆแล้วก็ไม่แปลกเลยที่จะเดินตลาดไม่เป็นแบบนี้ คนตัวเล็กจึงยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยบอกอีกฝ่ายอย่างมีน้ำใจ 

"ให้ผมช่วยพาไปมั้ยครับ"

...อ่า ให้ตายสิ่ยิ่งยิ้มก็ยิ่งน่ารัก และกูจะเขินเขาทำห่าไรวะเนี่ย...



ร่างสูงคิดในใจแล้วเอามือขยี้หัวตัวเองแรงๆ

"งั้นรบกวนพาไปหน่อยแล้วกัน อ่ะ ตามรายการนี้เลย" คนตัวเล็กหยิบกระดาษรายการอาหารขึ้นมาดู ซึ่งมันเยอะมาก 

"งั้นไปกันเลยมั้ยครับ" ร่างสูงพยักหน้ารับแล้วก้าวเดินตามคนตัวเล็กไป ระหว่างเดินไปเขาก็เกิดหิวขึ้นมาเพราะเขายังไม่ได้กินอะไรเลยและนี่ก็เป็นเวลากินข้าวเช้าประจำของเขาด้วย

"คุณครับ ผมขอแวะซื้อน้ำเต้าหู้แปปนึงได้มั้ยครับ พอดีผม...ยังไม่ได้ทานอะไรเลย" ร่างสูงพยักหน้ารับ

"อืม ได้สิ" 

"คุณจะเอาด้วยมั้ยครับ" น้ำที่กำลังจะสั่งให้ตัวเองก็ไม่ลืมหันไปถามคนข้างหลัง

"เอา สั่งมาให้ผมด้วย" ร่างสูงบอกอย่างนึกอยาก เมื่อก่อนเขาก็กินบ่อยเพราะต้องตื่นไปเรียนเช้า พอมาตอนนี้ไม่ได้กินเลยเห็นก็เลยนึกอยาก

อ่า ให้เขาสั่งให้หรอและคนอย่างเขาจะกินแบบไหนกันนะ หวานน้อย หวานมาก แต่ดูแล้ว...แบบนี้แล้วกัน

"ของผมเอาธรรมดาหวานน้อยหนึ่ง แล้วก็...งาดำหวานน้อยไม่เครื่องหนึ่ง ซาลาเปาทอดสิบบาทครับ" คนตัวเล็กสั่งไปไม่เบานักพอที่ร่างสูงจะได้ยินแล้วก็แอบตกใจเล็กน้อย เมื่อกี้เขาลืมบอกไปว่าเขาจะเอาอะไร แต่หันมาอีกทีคนตัวเล็กก็สั่งไปซะแล้ว

...สั่งไปเหมือนรู้เลยแหะ ว่าเราชอบกินงาดำหวานน้อยไม่ใส่เครื่อง...



"ได้แล้วครับ" คนตัวเล็กบอกพร้อมกับยื่นถุงน้ำเต้าหู้งาดำมาตรงหน้าร่างสูงพร้อมกับหลอด ร่างสูงรับไปเจาะดูดแล้วเอ่ยถามคนตัวเล็กขณะที่กำลังออกเดินไปยังร้านแรกที่ต้องซื้อของตามรายการ

"ทำไมถึงสั่งแบบนี้ให้ผม" 

"เอ่อ คุณไม่ชอบหรือครับ" พอโดนถามแบบนั้นรนตัวเล็กก็อดที่จะหน้าเสียไม่ได้ ก็เขาเล่นสั่งไปแบบไม่ไถ่ไม่ถามคนกินเลยสักคำ

"เปล่า" ร่างสูงส่ายหัวแล้วดูดน้ำเต้าหู้ในถุงต่อ

"ก็ดูจากหุ่นคุณแล้วน่าจะเป็นคนรักสุขภาพ ก็เลยสั่งงาดำให้น่ะครับ แล้วอีกอย่างมันหอมดีด้วย ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ถามคุณก่อน" คนตัวเล็กบอกขอโทษไปพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆไปให้อย่างรู้สึกผิด

"ไม่เป็นไร ผมชอบกินงาดำพอดี"  "อ๋อครับ" บทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ก็จบลง เป็นเวลาเดียวกับที่เดินมาถึงแผงขายผักพอดี

"ถึงแล้วครับ คุณซื้อผักตามที่แม่คุณสั่งได้เลย" เขาเอ่ยเบาๆแล้วยื่นกระดาษใบเล็กไปให้คนร่างสูง

"จัดการให้หน่อยได้มั้ย ผมเลือกไม่เป็น" แล้วคนร่างสูงก็ตอบกลับมา

"อ่า...ได้ครับ" คนตัวเล็กรับคำก็จัดการเลือกผักอย่างคล่องแคล่ว เขาเดินซื้อมาเรื่อยๆ ทั้งผัก ผลไม้ เครื่องปรุง เนื้อสัตว์ และของทะเล พอเสร็จแล้วก็พากันหิ้วของกลับมาที่รถ

"คุณเดินตลาดเก่งจัง" ขณะที่ร่างสูงกำลังเก็บของเข้าท้ายรถก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

"อ๋อ ผมเข็นผักในตลาดน่ะครับ ก็เลยเดินคล่อง" คนตัวเล็กตอบและส่งยิ้มให้

...โม้ไปหน่อยแล้ว งานเข็นผักในตลาดหนักจะตายขนาดเพื่อนเขาตัวใหญ่กว่านี้ยังแทบตาย...



คนร่างสูงพยักหน้าตอบออกไป เปิดกระเป๋าตังหยิบแบงค์พันออกมายื่นไปตรงหน้าคนตัวเล็ก คนตัวเล็กทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะถาม

"ยื่นมาทำไมครับ" 

"ค่าเหนื่อยที่พาเดินกับค่าน้ำเต้าหู้" คนตัวเล็กเบิกตากว้างรีบปฏิเสธโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน

"ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยเอง" 

"คุณเหนื่อยมันก็ต้องได้ค่าเหนื่อยสิ่ รับไว้เถอะ" คนตัวสูงเอ่ยอย่างรู้ทันคน กี่รายๆก็บอกแบบนี้สุดท้ายก็รับไป คนตัวเล็กได้ฟังก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก

"ถ้าคุณจ้างผมก็จะรับไว้อย่างไม่อิดออด แต่เมื่อกี้มันคือน้ำใจของผม...ซึ่งคุณพึ่งดูถูกน้ำใจของผมไปด้วยแบงค์พันใบนี้" พูดจบเขาก็ส่งยิ้มหวานจ๋อยไปให้คนตรงหน้าอย่างจริงใจ

...รู้สึกเหมือนตบหน้าชะมัดเลย...



"ผม...ขอโทษ" เขารู้ว่าเขาผิดในเมื่อผิดเขาต้องขอโทษ

"ไม่เป็นไรครับ" คนตัวเล็กยิ้มรับ

"ยังไงผมก็ขอบคุณคุณมาก ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่"

"ยินดีครับ" คนตัวเล็กส่งยิ้มให้อีกครั้ง ร่างสูงก็ยิ้มตอบกลับมาให้อีกฝ่ายเช่นกัน ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป

...อ่า แค่เขายิ้มใจก็เต้นซะแรงเลยนะเรา...







...100%...

...To Be Continued...
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.2]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 01:20:20
[Episode 2]



"นี่ค่าแรงนะน้ำ วันนี้น้ำทำเลยเวลามาป้าให้สี่ร้อย" ป้าจุกเจ้าของร้านขายข้าวแกงยื่นเงินค่าแรงของวันนี้ให้กับน้ำ

"ขอบคุณมากครับป้าจุก" น้ำรับเงินนั้นมาด้วยรอยยิ้ม

...พนักงานเสิร์ฟร้านข้าวแกง เป็นอีกงานนึงของน้ำ ร้านนี้อยู่ใกล้ๆกับบริษัทหลายๆบริษัท และยังอยู่ใกล้กับโรงเรียนเขาอีกด้วย ทำให้ร้านนี้ขายดีคนแน่นตลอด หลังจากน้ำเข็นผักที่ตลาดเสร็จในตอนเช้า ช่วงสายของวันเขาก็จะเข้ามาทำงานที่ร้านนี้ ทำตั้งแต่เก้าโมงเช้ายันบ่ายสามโมง ถ้าช่วงที่โรงเรียนเปิดเขาทำเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ แต่ตอนนี้ปิดเทอมแล้วเขาเลยทำได้ทุกวัน ป้าเจ้าของก็ใจดี วันไหนที่เขาต้องอยู่ทำจนเกินเวลาป้าจุกก็จะเพิ่มค่าแรงให้ตามเวลาที่เกินมา

"น้ำจะกลับเลยรึเปล่าลูก" ป้าจุกเอ่ยถาม

"ครับ ป้าจุกมีอะไรให้น้ำช่วยรึเปล่าครับ" ก็เพราะน้ำเป็นแบบนี้ ใครหลายๆคนถึงได้เอ็นดูซะเหลือเกิน

"ไม่มีหรอก ป้าแค่ถามดู" ป้าจุกบอกด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า พลางคิดในใจว่า ถ้ามีลูกแบบน้ำสักคนคงดีไม่น้อย...

"งั้นน้ำลากลับก่อนนะครับ สวัสดีครับป้าจุก พี่ๆสวัสดีครับ" เขาไหว้ลาป้าจุกแล้วก็ไม่ลืมที่จะหันไปไหว้ลาพี่ๆพนักงานทุกคน ทุกคนก็ยิ้มส่งให้กับน้ำ ถึงแม้น้ำจะเป็นลูกรักของป้าจุกขนาดไหนก็ไม่มีใครเคยอิจฉา มีแต่คนบอกว่าสมแล้วที่ได้รับความเอ็นดูขนาดนี้ และทุกคนที่เห็นน้ำก็ต่างบอกเหมือนๆกันว่า ดูไม่เหมือนคนกำพร้าพ่อกำพร้าแม่เลย...

.


.


"หวัดดีครับพี่นุ่น แม่ดาไปไหนหรอครับ" กลับมาถึงสถานที่ที่เขาเรียกว่าบ้าน ก็เจอกับพี่นุ่นพี่เลี้ยงเด็ก แต่ไม่เจอแม่ดาก็เลยถามพี่นุ่นไป

"แม่ดาออกไปทำธุระที่ธนาคารจ้ะ พอดีมีเรื่องด่วนก็เลยต้องไป เดี๋ยวก็คงกลับ" นุ่นตอบด้วยรอยยิ้ม

"ขอบคุณมากครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" ยกมือไหว้ลานุ่นก็เดินมายังห้องพักของตัวเองกะว่าจะนอนสักงีบ ก่อนออกไปทำงานต่อที่ร้านชายสี่หน้าปากซอย

"อ้าวน้ำกลับมาแล้วหรอ" พอเปิดประตูห้องเข้ามาคนตัวเล็กก็เจอกับเพื่อร่วมห้องทั้งสองคน แต่โจ้เป็นเอ่ยทักเขาขึ้นมาก่อน

"ครับ" เขายิ้มตอบกลับไปให้ "ทำงานหลายอย่างขนาดนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรอน้ำ" เป็นธามที่เอ่ยถาม

"ไม่ล่ะครับ" เขาตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มเช่นเดิม ก่อนจะเข้าไปยังฝั่งเตียงนอนของตนแล้ววางสัมภาระเก็บเข้าที่

"วันนี้ได้มาเท่าไหร่" โจ้ถาม

"สี่ร้อยครับ" 

"เก็บอีกแล้วล่ะสิ่ ไม่เอาไว้ไปเที่ยวบ้างหรอ" ธามจากที่นอนๆอยู่ก็ผุดลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าถามเพื่อนตัวเล็กอย่างสงสัย เพราะเขาเห็นแบบนี้มาตั้งแต่น้ำขึ้นมอหนึ่งแล้ว น้ำจะมีกระปุกออมสินสองใบและสมุดหนึ่งเล่ม ทุกครั้งที่กลับมาจากโรงเรียนน้ำจะยอดกระปุกสีเขียวที่เป็นรูปกบ ส่วนเงินที่ได้มาจากการทำงานพิเศษ เขาจะเอาไปหยอดใส่กระปุกสีแดงพอเต็มก็เอาไปฝาก และทุกๆครั้งที่เงินเข้าหรือออกจากกระปุกไปเจ้าตัวจะจดลงสมุดเล่มเล็กนั่นทันที

"ก็อยากเที่ยวครับธามเลยนั่งเก็บตังไว้เที่ยวตอนอยู่มหาลัยไง" น้ำตอบออกไปยิ้มๆ

...ทำไมเขาจะไม่เคยเที่ยว เขาน่ะก็เที่ยวก็กินอย่างวัยรุ่นทั่วไปแต่ไม่ได้บ่อยอย่างมากก็เดือนหรือสองเดือนครั้ง ห้างเขาก็เคยไปเดินเล่น หนังเขาก็เคยไปดูสวนสนุกเขาก็เคยนั่งรถไปเที่ยวกันกับกลุ่มเพื่อนม.ปลาย คงมีอย่างสองอย่างที่เขายังไม่เคยทำแบบคนอื่นๆและคิดว่าคงไม่ทำแน่นอนถ้ายังไม่ถึงเวลา นั่นคือเรื่องแอลกอฮอร์และผู้หญิง แอลกอฮอร์นี่เพราะว่าไม่แตะเองมากกว่า สถานบันเทิงตัดไปได้เลยเพราะคนตัวเล็กอายุไม่ถึง ...ส่วนเรื่องผู้หญิงที่ไม่มีเข้าหาเขาเลยคงเป็นเพราะเขาดูน่ารักมากกว่าหล่อล่ะมั้งผู้หญิงเลยไม่ชอบ แล้วอีกอย่าง...เขาก็คิดว่าตัวเองคงไม่ได้ชอบผู้หญิง...มั้ง

"เราสงสัย ทำไมน้ำถึงมีกระปุกออมสินสองกระปุก" โจ้ถามออกมาแล้วเดินมาดูที่โต๊ะตัวเล็กเล็กที่มีสองกระปุกตั้งอยู่

"นั่นดิ่ เราก็สงสัย เห็นมาตั้งแต่ตอนมอหนึ่งแล้ว" ธามสมทบ

"สีเขียวนี่เงินที่เอาไว้ใช้เวลาฉุกเฉินน่ะครับ สีแดงผมเก็บไว้ใช้ตอนอยู่มหาลัยน่ะครับ เพราะค่าใช้จ่ายมันค่อนข้างสูง" คนตัวเล็กอธิบาย

"นี่คือเหตุผลที่ต้องทำงานตั้งแต่มอหนึ่งใช่ปะน้ำ" โจ้ถามออกมาอย่างตกใจ

"ใช่แล้วครับ" น้ำขำหน่อยๆกับท่าทางเพื่อนทั้งสองคน

"เรานี่ดูแย่ไปเลยอ่ะ จ้องแต่จะเอาทุนๆ" ธามถอนหายใจดังเฮือกพร้อมกับทิ้งร่างลงบนที่นอน

"เราก็อยากใช้ทุนนะ แต่เรากลัวเกรดต่ำกว่าเกณฑ์แล้วทุนจะเป็นโมฆะเอา" น้ำว่าไปอย่างนั้น ทำให้เพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

"ถ้าน้ำเรียนแล้วได้เกรดต่ำกว่าเกณฑ์พวกเราก็คงไม่ผ่านเกณฑ์ตั้งแต่ต้นแล้วล่ะน้ำ" โจ้ว่าอย่างเอื่อยๆ พลางคิดไปว่า...นี่น้ำไม่รุ้จริงๆว่าตัวเองเก่งมากแค่ไหนหรือเพราะน้ำรู้แต่น้ำถ่อมตัวกันแน่วะ

"ไม่จริงหรอก โจ้กับธามเก่งกว่าน้ำอีก" น้ำพูดอย่างถ่อมตัว

"เอาเถอะๆ แล้วเย็นนี้ไปทำงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยอีกป้าว" โจ้บอกปัดไป แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะชมเจ้าตัวไปก็เท่านั้น

"ครับ แต่ว่าจะงีบสักหน่อย โจ้กับธามจะไปไหนรึเปล่าครับ" น้ำถามเพื่อนทั้งสองคนที่ปกติแล้ว สองคนนี้ไม่ค่อยอยู่ติดห้องกันสักเท่าไหร่

"ว่าจะอ่านหนังสืออยู่ห้องนี่แหละ" ธามตอบขึ้นมา "งั้นตอนห้าโมงครึ่งช่วยปลุกเราทีนะครับ" น้ำบอกออกไปอย่างเช่นทุกวันที่กลับมางีบและสองคนนี้อยู่ห้องพอดี

"ได้เลย น้ำนอนเถอะ" โจ้บอกพร้อมกับส่งยิ้มให้ พอได้ยินเพื่อนร่วมห้องรับคำเสร็จเจ้าตัวก็ล้มตัวลงนอน ....ต้องนอนเอาแรงสักหน่อย เพราะต้องทำงานและกลับมาอ่านหนังสืออีก สู้หน่อยนะน้ำอีกนิดเดียว...

"น้ำ พักก่อนก็ได้ เราเห็นน้ำท่องไอ้นี่มาทั้งวันแล้วนะ" โจ้ว่าขึ้นมาพลางชี้ไปที่สมุดแล็กเชอร์เล่มหนา

"ครับ" น้ำเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นสายตาเป็นห่วงจากเพื่อนทั้งสองส่งยิ้มน้อยๆไปให้แล้วฟุบลงเอาหน้าแนบกันสมุดแล็กเชอร์อย่างเหนื่อยอ่อน ยิ่งใกล้วันสอบก็ยิ่งต้องอ่านให้มากๆ ที่เขาอ่านได้ทั้งวันแบบนี้เพราะเขาขอลาหยุดจากงานที่เขาทำอยู่ทั้งหมดด้วยเหตุผลที่ว่าขอเวลาเตรียมตัวเพื่อไปสอบหมอ นายจ้างแสนใจดีเหล่านั้นไม่ได้ว่าอะไรกับการที่เขาขอหยุดทั้งอาทิตย์ แถมยังอวยพรขอให้เขาได้เรียนเป็นหมอสมใจ

.


.


"แม่ดา อวยพรให้น้ำหน่อยสิ่ครับ" แล้วในที่สุดวันที่เขาต้องไปสอบก็มาถึง วันนี้เขาตื่นแต่เช้าเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างเพื่อที่จะไปสอบยังมหาลัยที่เขาจะเข้าเรียน เขาต้องไปก่อนเวลาเพื่อหาตึกคคะ ตรวจสอบรายชื่อและห้องที่จะสอบ แต่ก่อนออกไปเขาก็ไม่ลืมที่จะเข้ามาขอพรผู้ใหญ่ที่พอจะเป็นกำลังใจให้แก่เขาได้บ้าง

"เอาพรอะไรล่ะ หื้ม ...น้ำเก่งอยู่แล้วน้ำทำได้แน่นอนเชื่อในฝีมือของตัวเองหน่อยสิ่เรา" ดาริณเมื่อเห็นเด็กขี้กังวลทำหน้าหงอยก็ยื่นมือออกไปลูบหัวทุยเบาๆ อย่างให้กำลังใจพร้อมกับส่งยิ้มเอ็นดูไปให้

"ครับ น้ำจะเชื่อมั่นในตัวเอง งั้นน้ำไปก่อนนะครับ" เขายกมือไหว้แล้วเดินออกไป สวนกับเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนตรงสนามด้านหน้า

"สู้ๆนะน้ำ" โจ้บอกออกมา

"ทำได้อยู่แล้ว ไว้เจอกันตอนเปิดเทอมแล้วกัน" ธามบอกพร้อมกับส่งยิ้มจางๆมาให้ โจ้กับธามไปสอบมาก่อนน้ำแล้วเมื่อสามวันก่อนและเขาทั้งสองคนก็รู้ผลแล้ว คือพวกเขาได้ทุนคณะวิศวะกรรมมอเดียวกันกับน้ำ 

"ครับ หวังว่าคงจะได้เจอกัน" น้ำส่งยิ้มกลับไปให้ก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถเมล์หน้าปากซอย ในกรุงเทพถึงแม้จะรถติดคนเยอะ แต่เวลาเช้ามากแบบนี้คนไม่ค่อยมี รถก็ไม่ติด แต่ถ้าออกมาสายกว่านี้ รับรองเขาคงไปถึงที่หมายสายแน่นอน

.

.

มหาลัยกว้างเกินกว่าที่น้ำจะหาตึกคณะเจอ เดินเข้ามาก็ผ่านตึกคณะหลายคณะแล้วแต่ยังไม่เห็นว่าจะเดินเจอตึกคณะแพทย์เลย ชัตเติ้ลบัตหลายคันเริ่มวิ่งผ่าน แต่เขาขึ้นไม่เป็นเนี่ยสิ่ ตอนนี้เขาหยุดยืนอยู่หน้าคณะดังคณะนึงนั่นก็คือคณะวิศวะกรรม ภายในลานกว้างมีเด็กใส่ชุดมัธยมปลายเต็มไปหมดแทบทั้งหมดนั่นเป็นผู้ชาย บ้างมากับเพื่อนบ้างมากับครอบครัวบ้าง แต่เขามาคนเดียว

"จะเข้าวิศวะหรอ" เขายืนอยู่สักพักก็มีเสียงทุ้มเอ่ยถาม เขาหันกลับมามองเจ้าของเสียงแล้วห็ต้องตกใจ เพราะคนที่มาถามเขาคือผู้ชายร่างสูงที่เขาช่วยพาไปซื้อของในตลาดวันนั้น เขาอยู่ในชุดเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูกับกางเกงยีนส์ขาดเข้าพับขาเล็กน้อย รองเท้าคอนเวิร์สสีขาว

...อ่า...เขาเรียนวิศวะที่นี่งั้นหรอ...

ร่างสูงนามว่าผา เห็นคนคุ้นน่ายืนอยู่ที่หน้าคณะมาสักพักนึงแล้ว แต่คราวนี้แปลกตาไปเมื่อคนตัวเล็กที่เขาจำได้ดีอยู่ในชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีดำเลยเข่ามาหน่อย ยืนอยู่แบบนั้นแต่ไม่ยอมเดินเข้ามาด้านใน

...ยังน่ารักเหมือนเดิม มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ...

"เอ่อ คุณ" เขาเอ่ยได้เพียงเท่านี้จริงๆ การแต่งตัววันนี้กับเมื่อวันนั้น แต่งต่างกันโข แต่ก็ไม่ได้ลดความดูดีลงเลย

"ว่าไง" อีกฝ่ายถามย้ำ "เปล่าครับ คือผมจะไปคณะแพทย์ แต่ไม่รู้ว่า...ต้องไปทางไหน" ท้ายประโยคคนตัวเล็กเอ่ยออกมาเสียงอ่อย พร้อมกับส่งยิ้มแหยๆไปให้คนถาม กิริยานั้นมันช่างดูน่ามองสำหรับร่างสูงเหลือเกิน

...น่ารัก น่ารักอีกแล้ว...

"มาสอบใช่มั้ย" ร่างสูงสบัดไล่ความคิดออกแล้วเอ่ยถาม

"ครับ" คนตัวเล็กตอบ

"งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง" ร่างสูงบอกจบก็หมุนตัวจะเดินออกไปแต่คนตัวเล็กคว้าเข้าที่แขนเขาไว้ก่อน เขาหันกลับไปมาหลุบตามองไปยังแขนตัวเองที่มีมือคนตัวเล็กจับอยู่

คนตัวเล็กเห็นคนตรงหน้ามองมาก็นึกว่าร่างสูงไม่พอใจจึงรีบปล่อยมือออกแล้วเอ่ยขอโทษ

"ขอโทษครับ" 

"ไม่เป็นไร"  "คุณบอกทางผมมาก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเอง" คนตัวเล็กว่าต่ออยางเกรงใจ

"รออยู่นี่เดี๋ยวไปส่ง" คราวนี้พูดจบแล้วก็ไม่รอคำทักท้วงใดๆจากคนตัวเล็กอีกเลย  น้ำยืนรอร่างสูงอยู่ไม่ถึงห้านาที ซุปเปอร์คาร์คันสวยก็มาจอดเทียบฟุตบาทที่เขายืนอยู่ กระจกลดลงมากึ่งนึงทำให้เห็นว่าภายในมีคนขับคือคนร่างสูงเมื่อกี้

"ขึ้นมาสิ่ อีกชั่วโมงนึงก็จะถึงเวลาสอบแล้ว" พอได้ยินว่าเหลือเวลาเท่าไหร่คนตัวเล็กก็รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งทันที

"คุณมาคนเดียวหรอ" คนร่างสูงเอ่ยถามระหว่างที่ขับรถไปยังคณะแพทย์

"ครับ" น้ำพยักหน้ารับ ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรต่อทั้งรถก็เลยเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง...แต่ในความเงียบกลับไม่มีความอึดอัดของคนทั้งสองเลย

"ถึงแล้ว รีบไปสิ่" พอจอดรถร่างสูงก็ยกมือขึ้นดูเวลาแล้วเอ่ยเตื่นร่างเล็กออกไป

"ครับ ขอบคุณมากนะครับ" น้ำบอกร่างสูงรัวเร็วพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้อีกคนก่อนขะเปิดประตูลงแล้ววิ่งหายเข้าไปในตึกขนาดใหญ่ของคณะแพทย์

...ขอให้ได้สอบติดก็แล้วกัน...






...100%...

...To Be Continued...
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.3]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 01:32:45
[Episode 3]




ครืดด ครืดด ครืดด

เสียงสั่นครืดคราดของสมาร์ทโฟนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงร่างสูง เขาหยิบมันขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ

‘พุ่ม’

หน้าจอปรากฏชื่อเพื่อนสนิทในกลุ่มของเขา และเขารู้ดีว่าถ้าหากไม่กดรับสายของเพื่อนคนนี้ มันคงกระหน่ำโทรมาจนสายแทบไหม้

“ว่า” เมื่อกดรับแล้วก็กรอกเสียงไม่สบอารมณ์ส่งไปยังปลายสายทันที

“แหม รับสายกูนี่เสียงห้วนเชียวนะมึง” ปลายสายแซวออกมาอย่างไม่สนใจ

“มีไรล่ะ” ร่างสูงถาม

“กูก็จะถามมึงน่ะสิว่ามึงอยู่ไหน”

“คณะแพทย์” ร่างสูงตอบออกไปพร้อมกับถอนหายใจเฮือก

“ห้ะ!! มึงไปทำห่าไรวะผา’ ปลายสายถามออกมาอย่างตกใจ อย่าว่าแต่ปลายสายเลยที่ตกใจเขาเองก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกัน ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเปลี่ยนเสื้อช็อปเป็นเสื้อนักศึกษาเดินตามคนตัวเล็กเข้ามายังใต้ตึกคณะแพทย์ จนตอนนี้เขามายืนอยู่หน้าห้องสอบแล้วด้วยซ้ำ

“อย่าบอกนะ เด็กม.ปลายที่มึงพาขึ้นรถมาสอบแพทย์”  ปลายสายถามอย่างรู้ทัน ทำให้ร่างสูงจำใจตอบรับไป

“อืม”

“และมึงอยู่เฝ้าหรอวะ เพราะนี่แม่งสอบกันไปสองชั่วโมงละนะ” ปลายสายยังคงจี้คำถามออกอย่างต่อเนื่อง

“อืม”

“คุณพี่ผาครับ คุณพี่ผาจะไม่มาดูน้องดูนุ่งในคณะคุณบ้างหรอครับ”

“เออ เดี๋ยวกูกลับ” ผาตอบปัดๆไป

“เด็กมึงหรอวะ” ปลายสายยังถามต่อออกมา จนร่างสูงชักเริ่มรำคาญเพื่อนตัวดี

“ไม่ใช่ ...แค่นี้แหละเดี๋ยวกลับ” เขาบอกปลายสายเสร็จก็จัดการตัดสายทันที เพราะเขาเห็นเด็กที่อยู่เข้าไปสอบอยู่ในห้องทยอยเดินออกมาบ้างแล้ว ที่พุ่มโทรตามให้เขากลับไปช่วยก็เพราะวันนี้พวกเขาที่อยู่ปีสามจะต้องมาช่วยกันดูแลอำนวยความสะดวกให้กับเด็กที่จะมาสอบกับผู้ปกครอง …แต่เขากลับออกมาอยู่คณะแพทย์มารอคนตัวเล็กสอบ ซึ่งแม้แต่ชื่อยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาก็ยังไม่หายสงสัยตัวเองว่าจะตามมาทำไม...หรือบางทีอาจจะเพราะคนตัวเล็กนั่นมาคนเดียวก็ได้หรืออาจะเป็นเพราะว่าเมื่อคราวก่อนที่ตลาดที่คนตัวเล็กมาช่วยเหลือเขาไว้เขาก็เลยอยากแสดงน้ำใจตอบแทนบ้าง...ก็เท่านั้น ...เขาหยุดคิดเรื่องราวต่างๆในหัว เพราะเขาเห็นคนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องสอบแล้ว

...น้ำที่เดินออกมาจากห้องสอบ เห็นบรรยากาศหน้าห้องสอบที่เต็มไปด้วยญาติผู้ใหญ่ของเด็กนักเรียนที่มาสอบ เห็นแล้วก็อดที่จะนึกถึงตัวเองไม่ได้ว่าถ้าเขามีพ่อแม่หรือญาติสักคนมาคอยให้กำลังใจเขาบ้างก็คงดี แต่คิดได้เท่านั้นก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วหาที่นั่งรอเรียกชื่อเข้าสัมภาษณ์ต่อ

วันนี้เขาต้องสอบสองอย่างด้วยกัน คือสอบข้อเขียนที่พึ่งเสร็จไปเมื่อกี้แล้วก็สอบสัมภาษณ์ที่กำลังจะสอบอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เมื่อได้ที่นั่งแล้วเขาก็หยิบพอร์ตขึ้นมาเช็คความเรียบร้อย กิจกรรมหลากหลายที่เขาทำมันมีผลต่อการเรียนต่อในช่วงมหาลัยมากพอสมควร ที่เขามีอยู่ถ้าเทียบกับรุ่นเดียวกันที่มาสอบแฟ้มสะสมผลงานเขาถือว่าบางไปเลย ในแฟ้มของเขามีแค่เกียรติบัตรการแข่งขันวิชาการ มีทั้งได้เหรียญทองแดงยันเหรียญทอง และก็ภาพกิจกรรมที่ทำกับโรงเรียนอีกนิดหน่อย ตัวเล็กคงเพลินกับการตรวจเช็คดูภาพกิจจกรมในแฟ้มของตัวเองจนไม่ได้สังเกตเลยว่าเวลานี้มีร่างสูงมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

“นี่...” เสียงเรียกนั้นทำให้น้ำเงยหน้าขึ้นไปเพื่อจะมองไปยังต้นเสียงว่าคนๆนั่นเรียกใคร แต่ก็ต้องตกใจกับคนที่อยู่ตรงหน้า

“คุณ! ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ” น้ำเอ่ยถามร่างสูงออกออกไปอย่างตกใจ

“นั่งด้วยสิ” ร่างสูงไม่ตอบแต่กลับขอนั่งด้วย

“ครับ” น้ำยกกระเป๋าจากที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้างตัวขึ้นวางบนตัก ร่างสูงจึงนั่งลงที่เก้าอีกตัวนั้น

“เป็นไงบ้าง...สอบน่ะ” ร่างสูงหันมาถาม

“เอ่อ...ก็พอทำได้ครับ” ถึงจะแปลกใจเล็กน้อยที่เจอร่างสูงอยู่ที่นี่ทั้งๆที่เขาน่าจะไปอยู่ที่วิศวะ และไหนจะคำถามนั่นอีก ที่ถามออกมาเหมือนให้กำลังใจ

“แล้วนี่รออะไร” ร่างสูงยังคงถามต่อ

“รอสัมภาษณ์ครับ” น้ำตอบออกไปถึงแม้คนตัวเล็กอยากจะเปลี่ยนคำตอบเป็นคำถามก็ตามที

“อืม เต็มที่นะ ฉันไปละ” เมื่อร่างสูงเอ่ยให้กำลังใจคนตัวเล็กเสร็จก็กล่าวลาแล้วเดินออกมาทันที ปล่อยให้น้ำนั่งงงและสงสัยต่อไป ...ถ้าอยู่ใต้ตึกจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่นี่มันหน้าห้องสอบที่มีแต่ผู้ปกครองและก็เด็กนักเรียนที่มาสอบ ถึงแม้น้ำจะสงสัยมากแค่ไหน แต่น้ำก็อดที่จะรู้สึกดีกับคำพูดให้กำลังใจนั้นไม่ได้ ผาเองถึงแม้จะรู้สึกอยากอยู่ต่อแต่รู้ดีว่าอยู่ไม่ได้ เขารู้ว่าคนตัวเล็กก็ดูจะสงสัยที่เขามาอยู่ที่นี่ แต่เขาเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ความรู้สึกไหนกันที่พาเขามาอยู่ที่หน้าห้องสอบคณะแพทย์ได้...





“กว่าจะมาได้นะไอ้เสือ” ผาที่กลับมาคณะแล้วก็เดกินเข้ามายังโต๊ะประจำที่มีพวกเพื่อนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เสียงพูดอันดังแบบนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจากพุ่ม

“เห็นไอ้พุ่มบอกมึงมีเด็ก” ผานั่งได้ไม่ถึงห้าวินาทีเพื่อนเพื่อนเจ้าเนื้อของเขาก็ยิงคำถามใส่ร่างสูงทันที

“มึงเงียบไปเลยไอ้วัช” ผมว่าไปไม่เบานัก พร้อมกับมองหน้าพวกมันทีละตัว เอ้ยโทษๆ ทีละคนๆ

“ไม่ปฏิเสธแสดงว่าจริงอ่ะดิ่” ไม่เว้นแม้แต่ว่าน ชายเงียบของกลุ่มก็ยังเอ่ยแซวร่างสูงยิ้มๆ

“เปล่า” ร่างสูงเลือกที่จะปฏิเสธไป

“เปล่าอะไรมึง...ไอ้ว่านมึงต้องเห็นแบบพวกกูเวลาที่มันมองน้องคนนั้นนะ หืม...ตานี่อย่างเยิ้ม โอ๊ย!! ไอ้สัสผา ตบกูทำเชี่ยไรเนี่ย” แล้วร่างสูงก็หมดความอดทนกับความเผือกของเพื่อนตัวดี ยื่นมือไปไปโบกหัวเพื่อนไม่เบาแรงนักอย่างนึกหมั่นไส้

“หมั่นไส้” ผาพูดใส่หน้า

“แหมกูพูดเรื่องจริงล่ะทำเป็นรับไม่ได้” พุ่มที่ไม่ถือกับการตบหัวหยอกเล่นของเพื่อนนั้นว่าต่อ

“ถ้ากูเป็นไอ้ผากูก็เยิ้มวะ แม่งน่ารักชิบหาย” วัชเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าเคลิ้มตาม เมื่อนึกถึงคนตัวเล็กที่เขาเจอยืนคุยอยู่กับร่างสูงเมื่อเช้านี้

“ผู้หญิง?” ว่านที่นั่งฟังอยู่นานเอ่ยถามอย่างสงสัย ทำให้เพื่อนเขาทั้งสามคนส่ายหน้าไปมาพร้อมกัน

“ผู้ชาย” และเป็นผาที่เป็นคนพูดเฉลยให้หายข้องใจ ว่านดูตกใจเล็กน้อย เมื่อเช้าเขาไม่ทันเห็นหรอกเพราะเขามัวแต่ช่วยงานลงทะเบียนอยู่ใต้ตึก

“น้องเขาชื่อไรวะผา” พุ่มยื่นหน้ามาถามร่างสูงอย่างอยากรู้ชนิดปิดไม่มิด หรือไม่คิดจะปิดก็ไม่รู้

“ไม่รู้” ผาตอบออกไปเสียงอ่อย

“ถามจริง!!” อาการตกใจของทั้งวัชและพุ่มทำให้เสียงมันดังกว่าปกติ จนคนทั้งลานหันมามองที่กลุ่มเขาแล้วก็ผละไป ว่านเองก็ตกใจอยู่เหมือนกัน

“มึงจะเสียงดังทำเชี่ยไรเนี่ย เขามองมึงกันหมดแล้วเนี่ย” ผาหันไปถลึงตาใส่เพื่อนอย่างเอาเรื่อง

“มึงยังไม่ชิน ? มึงนั่งเฉยๆเงียบๆทั้งหญิงทั้งชายยังกรี๊ดกันให้รึ่ม” พุ่มว่าพร้อมกับเบะปากใส่ร่างสูงอย่างนึกหมั่นไส้

“เวอร์ๆ”

“ไม่เวอร์ล่ะ ทั้งหล่อ ทั้งเพอร์เฟค เจ้าของบริษัทส่งออกชิ้นส่วนซุปเปอร์คาร์ยักษ์ใหญ่ มึงนั่งเฉยๆเก้งกวางบ่างชะนีก็มากองตรงหน้ามึงหมดแล้วไอ้ผา” ชายเงียบอย่างว่านถึงกับเอ่ยประโยคยาวเหยียดถึงคุณสมบัติที่ใครๆก็อยากมีของร่างสูงออกมา

“นี่ไอ้ว่านพูดเลยนะมึงไอ้ผา ฮ่าๆ” พุ่มหันมาตบบ่าร่างสูงสองสามทีแล้วว่าอย่างขำๆและก็พากันขำให้ครืนกันทั้งกลุ่ม

...ผาเป็นชายหนุ่มร่างสูงผิวขาว ตาคมดูดุรับกับคิ้วเข้มเรียวสวย จมูกโด่งเป็นสันดูลงตัวกับปากหยักสีชมพูคล้ำจากการสูบบุหรี่ ภายใต้เสื้อยี่ห้อดีปิดบังกล้ามท้องที่มีแพ็คเรียงตัวอย่างสวยอยู่หกก้อนกับหลังแกร่งที่มีกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกาย ทุกอย่างดูลงตัวและเพอร์เฟค ทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะที่เป็นถึงทายาทบริษัทผลิตและส่งออกชิ้นส่วนซุปเปอร์คาร์ยักษ์ใหญ่ ...ยากเหลือเกินที่ทุกคนจะปฏิเสธ ทั้งๆที่มีข่าวว่าผามีแฟนแล้วแต่พวกเธอก็ไม่เคยหยุดเข้าหาร่างสูงเลยเพราะกี่ทีๆแฟนที่ใครๆเขาพูดกันไม่เคยออกมาแสดงตัวเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ยอมพลีกายให้กับเขาเพื่อให้ขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กของเขา ...แต่กับผาแล้ว ไม่มีใครได้เป็นเด็กของเขาทั้งนั้น สถานะที่เขาให้กับคนพวกนั้นก็แค่คู่นอน เขาให้เวลากับคนเหล่านั้นไม่ทันข้ามคืนด้วยซ้ำ...แต่พวกเธอก็ไม่บ่นเพราะได้ค่าตอบแทนหลังจากจบความร้อนแรงเหล่านั้นลงไป ผารู้ดี...แค่มีเงินทุกอย่างก็จบ แต่เขาก็รู้อีกว่ามันใช้แก้ปัญหาได้กับแค่บางเรื่องเท่านั้นโดยเฉพาะกับความรัก... เขาถูกพูดถึงต่างๆนาๆ ทั้งหยิ่งบ้าง เสือผู้หญิงบ้าง ฟันแล้วทิ้งบ้างอะไรบ้าง แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจกับอะไรที่มันไม่เป็นความจริงอยู่แล้ว เขาแค่คิดว่า ...ไม่รู้จักกันแต่อยู่ๆจะให้เดินเข้าไปทักไปทายมันคือสิ่งที่คนปกติเขาทำกันหรอ... เขาเป็นยังไงตัวเขาเท่านั้นรู้ดีที่สุด ครอบครัวและเพื่อนรู้จักตัวตนของเขา ...ส่วนคนอื่นจะคิดยังไงเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

‘เห้ยมึงแม่งเด็กที่ไหนวะ’

‘สัส น่ารักเหี้ยๆอ่ะ’

‘จะมาเรียนวิศวะหรอวะ กูจีบแน่มึง’

‘ผู้ชายอะไรจะน่ารักปานนี้วะ’

‘เอาจริงๆผู้ชายอย่างกูยังหวั่นไหวอ่ะสัส’

....บลาๆๆๆๆ....

อยู่ๆทั้งลานเกียร์ก็มีเสียงคุยกันจนเซ็งแซ่ไปหมดบางกลุ่มที่นั่งอยู่ถึงกับมองกันตาเป็นมัน 

“เห้ยพวกมึง แม่งน่ารักสัส” แล้วพุ่มก็กึ่งลุกกึ่งนั่งชะเง้อคอมองไปยังทางเดินของลานเกียร์

“เออไอ้เหี้ย ผู้ชายอะไรน่ารักได้ขนาดนี้วะ ไอ้ผาๆๆ” วัชลุกขึ้นยืน ส่งมือสะกิดร่างสูงให้หันไปมอง เพราะร่างสูงนั่งหันหลังให้กับทางเดินจึงไม่เห็นว่าใครกำลังถูกพูดถึงอยู่

“แม่งเดินมาทางนี้ด้วยว่ะ ฉุดได้มั้ยวะ” พุ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

“เหมือนน้องเขามองหาใครเลยว่ะ สงสัยมองหากู อิอิ” วัชว่าแล้วนั่งลง

“อะไรของพวกมึงวะ” ร่างสูงถามออกไปอย่างขำๆกับท่าทางของเพื่อนตัวแสบ

“มึงก็หันหลังไปมองสิ่ไอ้ห่า” พุ่มว่า ร่างสูงตัดสินใจหันกลับไปมอง แล้วก็แทบหยุดหายใจ


...ให้ตายเถอะ...


ร่างสูงสบถออกมาเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินออกไปหาเจ้าของเสียงแซวทั้งลานเกียร์ทันทีโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของเพื่อนๆในกลุ่ม

“มาทำไรที่นี่” พอถึงตัวก็เอ่ยถามทันทีอย่างไม่ดังนัก ทั้งลานเงียบกริบจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจ ร่างสูงเหลือบมองพวกที่นั่งอยู่ตามโต๊ะม้าหิน มองคนตัวเล็กนี่ให้ตาเป็นมันกันหมด วิศวะก็แบบนี้

“เห้อ...เจอสักทีนะครับ” คนตัวเล็กหันกลับมาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“หาฉัน?” ร่างสูงชี้นิ้วเข้าหาตัว

“ครับ” คนตัวเล็กส่งยิ้มให้

‘อ่า...ยิ้มทีแม่งกูแทบละลาย’

‘เอาใจกูไปเลย น่ารักชิบหาย’

‘เหมือนกูกำลังจะขาดใจตายเลยมึง’

‘รอยยิ้มแอคแทค’

.....บลาๆๆๆ.....

แล้วเสียงเพ้อของชายโฉดของวิศวะก็ดังขึ้นมาอีกระรอกคนตัวเล็กคนตัวเล็กรู้ดีว่าเป็นที่จับต่อมอง...แต่เขาไม่คิดจะสนใจอะไรอยู่แล้ว

“งั้นไปนั่งที่โต๊ะก่อแล้วค่อยคุย” ร่างสูงบอกไปพร้อมกับถือวิสาสะจับแขนให้คนตัวเล็กเดินตามมา


...คราวที่ก่อนมือว่านุ่มแล้ว แขนนี่ยิ่งนุ่มเข้าไปใหญ่ จะตะบะแตกมั้ยไอ้ผาเอ๊ย...


‘เชร้ดดดดด ไอ้สัสผาเอาไปแดก’

‘พี่ผ๊าาาาาาา!’

‘คนหล่อเอาไปแดก คนไม่ได้แดกคือคนไม่หล่อ’

‘พี่ผาครับ นิ่มมากมั้ยผมอยากรู๊!!’

...บลาๆๆๆ....


เสียงโหยหวนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ก็ไม่มีใครจริงจังกับการแซวกันเล่นๆครั้งนี้ แต่เรื่องน่ารักนี่ยอมรับจริงๆ

พอมาถึงโต๊ะ พวกเพื่อนนั้นก็มองกันตาปริบๆ พุ่มนี่เข้าขั้นเคลิ้มไปแล้ว

“นั่งก่อน” ร่างสูงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมแต่เขยิบชิดไปอีกฝั่งแล้วบอกให้คนตัวเล็กนั่งตาม คนตัวเล็กก็ว่าง่ายบอกปุ๊บนั่งปั๊บ

“ไอ้ว่านๆเนี่ยแหละคนเมื่อเช้า” พุ่มหันไปกระซิบกับว่านที่นั่งข้างกัน แต่เรียกว่ากระซิบก็คงผิดไปเพราะได้ยินกันทั้งโต๊ะ

“เชี่ย... เมื่อเช้าเห็นไกลๆกูว่าน่ารักแล้วนะ พอมาใกล้ๆนี่แม่งโคตร” วัชว่า

“อย่าไปสนใจพวกแม่งนี่เลย ...บอกว่าหาผมมีอะไรรึเปล่า” ร่างสูงหันไปถามคนตัวเล็กข้างๆ เพราะเห็นมองซ้ายทีขวาทีอย่างทำอะไรไม่ถูก

“อ้อครับ คุณทำกระเป๋าตังหายรึเปล่าครับ” ร่างสูงตบๆไปตามกางเกงยีนส์ตัวโปรดทันที แต่ก็ไม่เจอ

“สงสัย ทำไม?” ร่างสูงถาม ไม่คิดว่าคนตัวเล็กนี่จะมาหาเขาเพราะเรื่องแค่นี้

“ตอนที่ผมจะเข้าห้องสอบเห็นกระเป๋าตังใบนี้มันอยู่บนเก้าอี้ที่คุณนั่งอ่ะ ตอนแรกไม่แน่ใจก็เลยถือวิสาสะเปิดดู ขอโทษด้วยนะครับ” คนตัวเล็กว่าจบก็หยิบกระเป๋าตังหนังสีดำออกมายื่นให้ตรงหน้าร่างสูง แค่เป็นลักษณะภายนอกร่างสูงก็จำได้แล้วว่าใบนี้ของเขา

“ไม่เป็นไรขอบใจมาก” ร่างสูงรับมาแล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงด้านหลังทันที

“คุณไม่ดูหน่อยหรอครับ” คนตัวเล็กแย้ง

“ไม่ล่ะ” ร่างสูงบอกปัดไป

“คุณเก็บกระเป๋าตังแบบนั้นเดี๋ยวก็หล่นอีกหรอกครับ” คนตัวเล็กหลุบตามองไปยังกระเป๋ากางเกงด้านหลังของผม

“ก็ฉันไม่รู้จะเก็บมันไว้ไหน เก็บไว้กระเป๋าหน้ามันตุงน่าเกลียด” และอีกอย่างนั่งแล้วมันรู้สึกอึดอัด... ผาคิดในใจ

“ก็อย่าพกเงินสดเป็นฟ่อนขนาดนั้นสิครับ หายขึ้นมาจะเดือดร้อนเอา”

“คนอย่างมันไม่เดือดร้อนหรอกครับน้อง รวยล้นฟ้าขนาดนั้น” พุ่มบอกออกมา ทำให้คนตัวเล็กหน้าจ๋อยลงไปหน่อยอย่างรู้สสึกผิดที่จุ้นจ่านกับร่างสูงมากเกินไป

“อ่าขอโทษนะครับที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” คนตัวเล็กเงยหน้าบอกขอโทษร่าวสูงอย่างรู้สึกผิด

“ตายๆๆ เป็นกูโดนทำหน้ารู้สึกผิดใส่ขนาดนั้นกูตายแน่ๆ แม่ง” พุ่มพึมพำเบาๆกับว่าน วัชที่ได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย ร่างสูงเองก็อยากจะพยักหน้าอยู่เหมือนกัน เล่นทำหน้าใส่กันแบบนี้

...น่ารักเป็นบ้า มีแต่คำว่าน่ารักๆๆเต็มไปหมด...


“ไม่เป็นไร" ร่างสูงบอกปัดไปพร้อมกับเบือนหน้าหนี

“ชื่ออะไรล่ะเรา” เป็นว่านผู้นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยถาม

“น้ำครับ” คนตัวเล็กบอกพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้ แม้แต่ว่านเองยังเบือนหน้าหนีและกระแอมขึ้นมาเบาๆ

“อ่ะๆ ไอ้ที่นั่งข้างน้องอ่ะไอ้ผา ส่วนไอ้อวบนั่นชื่อวัช ไอ้เงียบนี่ชื่อว่าน ส่วนพี่สุดหล่อชื่อพุ่มจ้ะน้องน้ำ อ่อๆพี่อยู่วิศวะปีสี่กันนะ” คนตัวเล็กยิ้มรับก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ทุกคนรอบโต๊ะ

“สอบสัมภาษณ์เป็นไงมั่ง” ร่างสูงถามจบคนตัวเล็กก็หน้าหงอยลงทันที

“ยากมากเลยครับ ผมว่าไม่ติดแหงเลย” คนตัวเล็กว่าออกมาอย่างกังวล

“มั่นใจหน่อยสิ ...และจะกลับยัง” คนตัวเล็กยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วทำหน้าตกใจเล็กน้อย

“อ๊ะ เดี๋ยวรถหมด ขอตัวกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ” พูดออกมารัวเร็ว ยกมือไหว้เสร็จก็วิ่งออกไปทันที ไม่ฟังเสียงเรียกเสียงทัไกท้วงใดจากรุ่นพี่ร่วมโต๊ะเลย

“ไอ้ผา!! มึงไม่บอกไปส่งน้องเขาวะ” พุ่มผลักไหล่ร่างสูงแรงๆ พร้อมกับทำหน้าขัดใจ

“แม่งถ้าติดหมอนะ กูว่าคนขายขนมจีบตรึม” วัชว่า ร่างสูงเองก็คิดแบบนั้น ดูได้จากตอนทีเดินเข้ามา สายตาแต่ละคนที่มองคนตัวเล็กนั่น

“มึงก็จีบดิ่ไอ้ผา ถ้าเป็นมึงกูว่าได้” พุ่มว่าต่อ

“กูว่าเอาให้ติดก่อนเถอะ หมอที่นี่เขาว่ากันว่าเข้ายากชิบหาย” ชายเงียบแห่งกลุ่มพูดขึ้น ร่างสูงยิ้มให้กับคำพูดของมันอย่างเห็นด้วย


...ขอให้ติดก่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องจีบ...ค่อยมาว่ากันอีกที...




...100%...

...To Be Continued...
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.4]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 01:40:32
[Episode 4​]







"ยังไม่ประกาศผลอีกหรอน้ำ" ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังรีเฟรชหน้าเว็บคณะแพทย์เพื่อรอผลที่จะประกาศตอนสองทุ่มโจ้เพื่อนร่วมห้องก็เอ่ยถามออกมา

"ใช่ครับ ตอนสองทุ่มนี่แหละ" น้ำตอบโจ้ไปแต่ตาก็ยังคงเพ่งอยู่กับหนเาโน๊ตบุ๊คของธามที่ยืมมาใช้เพื่อดูผลการสอบ หลังจากที่ไปสอบนี่ก็ผ่านมาสองอาทิตย์ได้แล้ว บรรยากาศความกดดันในห้องสอบเป็นยังไงน้ำยังจำมันได้ดี...รวมถึงคนบางคนด้วย

"ประกาศแล้วๆๆ" น้ำที่รีเฟรชทุกๆนาทีก็ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นประกาศอันใหม่แปะอยู่บนบอร์ดหน้าเว็บ

"ไหนๆๆ เข้าไปดูเลยๆ" โจ้เองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย เจ้าของโน๊ตบุ๊คเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่เจ้าตัวดันขอไปอาบน้ำก่อนแม้จะบอกว่าจะอาบอย่างไวแต่ก็ยังไม่ทัน

...มือบางเลื่อนไปคลิกที่ประกาศการเป็นนักศึกษาแพทย์รุ่น xx ทันทีแล้วไล่อ่านลงมาไม่ไกลนัก

...อันดับ 4 นายธารา นันทปภากร...



"เย่!! มีชื่อน้ำด้วยโจ้ น้ำจะได้เป็นหมอแล้วๆ" คนตัวเล็กวางโน๊ตบุ๊คลงกับเตียงนอนแล้วกระโดดดีใจเป็นเด็กๆ

"เห้ยๆ เสียงดังไรกัน" ธามที่เดินเข้ามาเอ่ยถามอย่างงุนงงกับเสียงที่ดังทะลุออกไปข้างห้อง

"น้ำติดหมอแหละธาม" คนตัวเล็กเข้าไปเขย่าแขนธามอย่างดีใจ

"เห้ยจริงดิ่" เขาถามคนตัวเล็กออกมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน คนตัวเล็กพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ประดับอยู่บนใบหน้าสวย

"ดีใจด้วยนะน้ำ" ธามบอกคนตัวเล็กอย่างดีใจ

"ไม่รีบไปบอกแม่ดาหรอน้ำ" โจ้หันมาถาม

"เออใช่น้ำลืมเลย เดี๋ยวมาน้า" พอนึกขึ้นได้ก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที เพื่อนร่วมห้องสองคนส่ายหน้าให้กันยิ้มๆเกรงว่าเพื่อนข้างห้องจะออกมาโวยเอาได้

"แม่ดาครับ" เดินเข้ามาถึงในห้องโถงกว้างก็ส่งยิ้มไปให้ดาริณที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่

"ว่าไงเรา" ดาริณวางหนังสือลงแล้วหันมามองลูกชายคนโปรดอย่างเต็มตา

"น้ำจะได้เป็นหมอแล้วนะครับ" น้ำทิ้งตัวลงนั่งข้างๆดาริณพร้อมกับโถมตัวกอดแล้วเอ่ยออกมาเสียงสั่นเครือ

"เก่งมากๆเลยครับน้ำ" ดาริณเอ่ยพร้อมกับกอดตอบคนตัวเล็กเบาๆ ยกมือขึ้นลูบหัวทุยอย่างปลอบประโลม เพราะคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาเหนื่อยมามากจริงๆ

...เขาอยากให้วันนั้นมาถึงไวๆ วันที่เด็กดีในอ้อมกอดของเขาประสบความสำเร็จและมีทุกอย่าง...



ดาริณได้แต่ภาวนาในใจ ไหล่บางสั่นน้อยๆ แต่ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆหลุดออกมา

"น้ำดีใจมากเลยครับ น้ำดีใจ" คนตัวเล็กพร่ำบอกแต่ประโยคเดียววนไปวนมา

"อย่าร้องไห้สิครับเด็กดี ไปนอนพักผ่อนดีกว่าวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" ดาริณลูบหัวทุยไปด้วยบอกกับคนในอ้อมกอดไปด้วย หลังจากที่สอบเสร็จ น้ำก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม แทบไม่ได้หยุดพัก

"น้ำขอบคุณแม่ดามากเลยนะครับ ที่เลี้ยงน้ำมาอย่างดี ...ขอบคุณครับที่เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้น้ำ รักแม่ดานะครับ" คนตัวเล็กยังคงกอดดาริณแน่นพร่ำบอกความในใจให้คนในอ้อมแขนเล็กที่ตนเรียกว่าแม่อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยรัก ดาริณกอดตอบคนตัวเล็ก ลูบหัวทุยเบาๆอย่างปลอบประโลม

...ที่เขาร้องไห้มันไม่ใช่เพราะว่าเขาเสียใจแต่มันคือความดีใจและยินดี...

...ยินดีที่จะให้พ่อแม่ทิ้งเขาไปเพื่อให้ท่านมีชีวิตที่สุขสบายกว่าการที่จะมีเขาอยู่ เขายินดีที่จะให้พ่อแม่เขาสอนการใช้ชีวิตที่แข็งแกร่งด้วยการจากเขาไปและเขาดีใจที่พ่อแม่เขายังอยากให้เขามีชีวิตอยู่...

...เขาไม่เคยคิดจะโกรธจะเคืองพวกท่านเลยแม้แต่น้อย มีบ้างที่คิดน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้มีคุณค่าที่สุด

...เขามีความหวังเล็กๆว่าสักวันในที่แห่งหนึ่งเมื่อพ่อกับแม่เห็นเขาและจะจำเขาได้ อาจจะไม่ใช่เพราะหน้าตา แต่ก็ขอให้พวกท่านจำสร้อยเส้นนี้ที่พวกท่านให้ไว้กับเขาได้ ขอแค่ได้เจอ...สักครั้งก็ยังดี

.



.



.



"ไอ้โจ้มึงเสร็จยังเนี่ย!!" เสียงธามตะโกนขึ้นเรียกเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่แต่งตัวช้าเกินกว่าเหตุ

"เออๆเสร็จแล้ว มึงจะรีบไปไหนวะห้างมันไม่หนีมึงไปไหนหรอก" โจ้ที่แต่งตัวเสร็จทีหลังเพื่อนก็เดินหิ้วรองเท้าออกมานอกห้องหน้ามุ่ยพร้อมกับประโยคสวนกลับเพื่อนร่วมห้องที่มาเร่งเขา ...น้ำยังไม่เห็นบ่นสักคำ

...วันนี้พวกเขาสามคนตั้งใจว่าจะไปห้างกันเพราะมีหลายๆอย่างที่ต้องซื้อเพื่อใช้ในมหาลัย ทั้งเสื้อผ้า ของใช้จำเป็นอย่างเช่นโน๊ตบุ๊คและโทรศัพท์ที่น้ำยังไม่เคยมีเป็นของตัวเอง

"ทำไมซื้อแค่สามชุดเองน้ำ น้อยไปเปล่า" โจ้ถามขึ้นเมื่อพวกเขากำลังจ่ายตังอยู่ตรงหน้าเค้าท์เตอร์

"ใครจะไปซื้อครบห้าวันอย่างมึงวะโจ้" ธามที่จ่ายตังเสร็จแล้วพูดแขวะเพื่อนอย่างกวนๆ จริงๆพวกเขาสองคนก็สนิทกันนะ แต่ค่อนไปทางคู่กัดกันซะมากกว่า

"ก็กูขี้เกียจซักทุกวันนี่หว่า" โจ้โพร่งความจริงออกมาหน้าเค้าท์เตอร์ ทำให้พนักงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้นถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆ รวมทั้งเพื่อนอีกสองคนของเขาก็ด้วย

"เอาเถอะครับ เราว่าไปหาอะไรกินกันดีกว่าครับ" น้ำว่ายิ้มๆแล้วเดินนำออกไป ให้สองคนนั้นเดินตีกันตามหลังมา เขาชินซะแล้วล่ะ ก็สองคนนี้ตีกันประจำ พูดแหย่นู่นกวนนี่แกล้งนั่นแต่ก็ไม่เคยทะเลาะกันสักครั้ง แกล้งกันแต่ก็ขำๆกัน ในบ้านผมจะสนิทกับเขาสองคนนี้มากสุดเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ โตมาก็เป็นรูมเมทกันและคงสนิทขึ้นไปอีกเพราะได้อยู่มหาลัยเดียวกัน

"กินไรดีวะ เยอะแยะไปหมด" เมื่อมาถึงศูนย์อาหารธามก็บ่นออกมาอย่างอ่อนใจที่ไม่รู้ว่าจะเลือกกินอะไรดี ที่เขาเลือกมาศูนย์อาหารมันก็แน่นอนอยู่แล้วที่พวกเขาไม่อยากสิ้นเปลืองไปกับร้านอาหารหรูๆแพงๆพวกนั้น กินที่นี่ก็อิ่มได้เหมือนกัน...

"มึงยังคิดไม่ออกมึงไปนั่งจองโต๊ะตรงมุมนู้นไป เดี๋ยวกูซื้อเสร็จกูตามไป" โจ้ว่าพลางชี้มือไปที่โต๊ะทานข้าวตัวนึงติดกระจกที่มองเห็นชั้นล่างได้ ธามพยักหน้าแล้วเดินไปยังโต๊ะที่โจ้บอก

"น้ำ ได้ข้าวยัง" โจ้เดินไปหาน้ำที่ยืนอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว

"ได้แล้วครับ โจ้ล่ะครับ" น้ำหันมาตอบโจ้เสร็จก็หันกลับไปหาพนักงานเพื่อยื่นบัตรเงินสดของทางศูนย์อาหารให้

"ยังเลย ไอ้ธามก็ยัง" โจ้บอกพลางมองชามก๋วยเตี๋ยวที่น้ำรับมา

"งั้นก็ไปหาสิครับ หิวแย่เลย" แน่นอนพวกเขาหิวเพราะตั้งแต่เช้าจนตอนนี้เกือบเที่ยงเขายังไม่ได้กินอะไรกันเลยเพราะตกลงกันว่าจะมาหาอะไรทานกันที่นี่

"ไอ้นี่อะไรอ่ะ ดูน่ากินจัง" โจ้บอกพร้อมกับชี้ไปที่ชามก๋วยเตี๋ยวของน้ำที่กำลังปรุงอยู่

"อ่อ เล็กต้มยำหมูสับน้ำข้นไข่ยางมะตูมครับ" น้ำหันมาบอกยิ้มๆ

"เอาอันนี้สองชามครับ" แล้วโจ้ก็หันไปบอกกับพนักงานที่มองดูบทสนทนาอยู่ก่อนแล้ว พนักงานยิ้มรับน้อยๆก่อนจะลงมือทำ

"อ่ะของมึง" โจ้ดันชามก๋วยเตี๋ยวไปตรงหน้าธามที่นั่งจองโต๊ะเอาไว้พร้อมกับแก้วน้ำขนาดใหญ่

"น่ากินจังวะ" ธามว่าพร้อมกับยกชามมาวางตรงหน้าตน
"กินกันเถอะครับ" น้ำนั่งลงพร้อมกับแก้วน้ำขนาดใหญ่ที่พึ่งเดินไปซื้อมา พอได้ยินน้ำพูดแบบนั้นทั้งสองคนก็ลงมือกินกันทันทีแบบไม่ต้องรอให้พูดรอบสอง

"เออน้ำ จะอยู่หอในหรือหอนอก" ธามที่กินไปกว่าครึ่งเงยหน้าขึ้นถามคนร่างเล็กที่ก้มหน้าก้มตากินของตรงหน้าอยู่

"ว่าจะอยู่หอนอกนะครับ หอในต้องแชร์กับอื่นกลัวมีปัญหากันเรื่องเวลา" ที่พวกเขาต้องอยู่หอก็เพราะว่าจากบ้านทอตะวันกับมหาลัยมันค่อนข้างจะไกลกันพอสมควร ใช้เวลาเดินทางมากและก็ลำบากด้วย

"จะทำงานอีกล่ะสิ" โจ้ว่าขึ้นอย่างรู้ทัน

"ก็...ถ้าไหวก็จะทำดูน่ะครับ" น้ำยิ้มแหยๆไปให้ โจ้คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าคนตัวเล็กนี่จะต้องไปหางานทำแหงๆ

"เราว่านะ ไม่ไหวหรอกลำพังเรียนหมอเขาก็ว่าหนักพออยู่แล้วนะน้ำจะทำงานอีก การเรียนน้ำแย่แน่ๆเพราะน้ำคงไม่มีเวลาอ่านหนังสือทำการบ้านหรอก" ธามที่เป็นห่วงว่าเพื่อนตัวเล็กของเขาจะโหมทำงานไปด้วยจึงยกเรื่องเรียนแย่เพราะทำงานมาขู่ เห็นคนตัวเล็กมีท่าทีอ่อนลงก็พอใจ

"อืม เราก็เห็นด้วยกับไอ้ธามนะ เรียนให้เต็มที่ ปิดเทอมค่อยทำ" โจ้ว่าสมทบ

"เอางั้นก็ได้ครับ" คนตัวเล็กว่าอย่างจำยอม พอมาคิดดูจริงๆจังๆ ถ้าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเขาก็คงเรียนแย่จริงๆนั่นแหละ กว่าจะเลิกงานก็ดึกๆดื่นกลับมาต้องมาอ่านหนังสือทำการบ้าน กว่าจะได้นอนคงเช้าพอดี

"ดีมาก งั้นรีบกินดีกว่าอยากไปดูโน๊ตบุ๊คกับโทรศัพท์ให้น้ำและ" โจ้ว่ายิ้มๆแล้วหันไปสนใจกับก๋วยเตี๋ยวที่ถูกเมินมานานจนอืดเช่นเดียวกันกับธาม...

.



.



.



"ตัดสินใจได้ยังน้ำ" ธามถามขึ้นมาเพราะเห็นคนตัวเล็กจ้องโทรศัพท์เครื่องหรูสองรุ่นอยู่นานแล้ว จับๆดูๆแต่ไม่พูดอะไร...

"มันแพงมากเลยนะครับ" น้ำว่าเสียงอ่อยๆ ใจเขาก็อยากได้เพราะหลายๆอย่างทั้งสเปคเครื่องระบบการใช้งานมันดีกว่าเครื่องราคาถูกที่เขาจะเอาตั้งเยอะ แต่ที่ยังลังเลเพราะว่าราคาที่สูงมากของมัน

"มันแพงแต่มันใช้งานได้นานมันก็คุ้มนะน้ำ น้ำจะเอาเครื่องถูกแต่ใช้งานได้แปปเดียวน้ำก็ต้องซื้อใหม่อยู่ดีอ่ะเราว่า" โจ้ให้เหตุผล เพราะตัวเขาเองก็เก็บเงินซื้อยี่ห้อนี้มาใช้เหมือนกัน

"อืม เห็นด้วยกับโจ้มัน ตัดสินใจดีๆ" ธามเอ่ยสมทบ ทั้งสองคนช่วยคนตัวเล็กตัดสินใจเต็มที่ ตอนซื้อโน๊ตบุ๊คเมื่อกี้ก็แบบนี้ กว่าจะซื้อได้ตัดสินใจอยู่นาน ดีที่มีพี่พนักงานมาช่วยแนะนำน้ำก็เลยตัดสินใจได้ไว

"งั้น...เอาเครื่องนี้แหละครับ" น้ำบอกพนักงานไป

"ลูกค้าจะเอาสีไหนดีคะ ทางเรามีให้ลูกค้าเลือกทั้งหมดสี่สีด้วยกันค่ะ" พนักงานนำสมาร์ทโฟนทั้งสี่สีขึ้นมาวางตรงหน้าเพื่อให้คนตัวเล็กเลือกสีที่ถูกใจ

"สีนี้แล้วกันครับ" คนตัวเล็กชี้ไปที่ตัวเครื่องสีเทาสเปซเกรย์ พนักงานรับทราบแล้วก็หันไปจัดการให้ตัวเล็กทันที ชำระเงินเสร็จก็เดินนำออกจากร้าน สองคนที่เดินตามหลังมาก็ยังมีเรื่องให้ตีกันตลอดเวลา...อยู่ด้วยกันทีไรเป็นต้องหาเรื่องมารตีมาแกล้งกันตลอด แต่ก็ดีไปอย่าง...น้ำจะได้ไม่เหงา



ปึ้ก!!

"อ๊ะ! ขอโทษครับ" แม้จะเจ็บที่จมูกหน่อยๆที่เดินไปชนกับคนตรงหน้าแต่ก็ยังเอ่ยคำขอโทษไปให้

"ไม่เป็นไร" ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยขึ้นมาทีแรกก็คิดหงุดหงิดเล็กๆที่คนตรงหน้าเดินไม่ดู แต่พอเห็นว่าเป็นใคร ก็อมยิ้มทันที ทั้งๆที่ค่อนข้างเป็นคนยิ้มยากนะแต่ทำไมเจอกันทีไรเขาก็จะยิ้มออกมาง่ายๆตลอดเลย คนตัวเล็กรู้สึกว่าน้ำเสียงคุ้นหูจึงเงยหน้าขึ้นมอง ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ

"คุณ..." เอ่ยเสียงเรียกคนตรงหน้าเบาหวิว แต่ร่างสูงก็ได้ยินมันชัดเจน

"มาทำอะไร" ร่างสูงเอ่ยถาม แล้วหลุบตามองไปยังถุงของสองสามถุงที่คนตัวเล็กถืออยู่

"อ่อ ผมมาซื้อชุดนักศึกษากับของใช้นิดหน่อยน่ะครับ แล้วคุณล่ะครับ" ตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้มสวย

"มาซื้อโทรศัพท์น่ะ เครื่องเก่าพัง" ร่างสูงพูดพร้อมกับชูถุงที่มีกล่องสี่เหลี่ยมอยู่ข้างใน

"อ่อครับ"

"อ่าวพี่ผา สวัสดีครับ" ธามกับโจ้ที่เดินตามมาทีหลัง พอเห็นว่าเพื่อนกำลังยืนคุยกับใครก็ยกมือไหว้ทันที

"อืม หวัดดี ...ติดหมอแล้วล่ะสิ"  ในประโยคแรกพูดกับเพื่อนทั้งสองของคนตัวเล็ก แล้วเอ่ยถามกับตัวเล็กยิ้มๆ จนเพื่อนน้ำทั้งสองคนยังแปลกใจหันไปกระซิบกระซาบอะไรกันสองคนเพราะไม่อยากให้น้ำกับผาได้ยิน

"ครับติดแล้ว" คนตัวเล็กว่ายิ้มๆอย่างดีใจกับเรื่องที่สอบติดหมอ

"หึหึ จมูกแดงเชียว ขอโทษที" ร่างสูงหัวเราะออกมา พร้อมกับยกมือขึ้นมาจิ้มจมูกรั้นที่ขึ้นสีแดงเรื่อเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว คนตัวเล็กถึงกับชะงักไป...

"มะ ไม่เป็นไรครับ" น้ำยกมือขึ้นมาจับจมูกตัวเอง รู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองร้อนแปลกๆและก็รู้สึกด้วยว่าตอนนี้มันไม่ได้แดงแค่จมูกแต่มันกลับขึ้นสีชมพูระเรื่อไปทั่วทั้งหน้าลามไปถึงใบหูเล็กทั้งสองข้าง เป็นอาการที่ร่างสูงเห็นแล้วก็นึกเอ็นดูแปลกๆ

"หน้าแดงขนาดนี้ ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรได้ไง" ร่างสูงเอ่ยแซวคนตัวเล็กยิ้มๆ ผารู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กนี่คงจะเขินเขาอยู่แต่เขาก็ยังอยากจะแซวให้คนตัวเล็กได้เขิน...ก็พอเวลาคนตัวเล็กเขินมันน่ารักน้อยซะที่ไหน...

...อยากจะแซวให้เขินแบบนี้ทุกวันจัง..

"อะ เอ่อ..." คนตัวเล็กยกมือขึ้นจับแก้มตัวเอง ความรู้สึกบอกว่าหน้าเขามันกำลังร้อน และก็กำลังจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ

"ฉันชอบนะเวลาที่นายหน้าแดงแบบนี้...มันเหมือนกับว่านายกำลังเขินฉันอยู่ แล้วก็..." ร่างสูงก้มลงกระซิบข้างใบหูเล็ก แล้วหยุดไปในท้ายประโยค ...นั่นทำให้คนตัวเล็กสงสัยว่าร่างสูงกำลังจะพูดอะไร

"ละ แล้วก็อะไรครับ..." ถึงจะหน้าจะร้อนจนแทบจะระเบิด แต่ความอยากรู้มันก็มีมากกว่าจึงถามออกไป

"...น่ารักดี ฉันชอบ"



บึ้ม!!

คนตัวเล็กรู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นเร็วเกินไปจนมันระเบิดออกมา...มือที่ยังคงจับแก้มอยู่ก็รับรู้ได้ถึงไอความร้อนที่เพิ่มมากขึ้น

ร่างสูงพูดจบก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงส่งยิ้มไปให้กับคนตรงหน้าที่คงจะไม่เห็นที่เอาแต่ก้มหน้าหลบตาเขาอยู่

"งั้นฉันไปก่อนนะ...เจอกันเปิดเทอมนะมึงสองคนน่ะ" ร่างสูงบอกน้ำเสร็จก็เดินไปหาโจ้กับธามตบบ่าสองทีแล้วเดินออกไป...

"รู้จักพี่เขาด้วยหรอน้ำ" โจ้เดินเข้ามากอดคอน้ำที่เอามือขึ้นมาจับแก้มตัวเองพาเดินออกไป

"ก็...ไม่เชิงหรอกครับ" โจ้ได้ฟังก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ ระหว่างที่เดินก็มีบทสนทนาของคู่กัดให้ได้ยินตลอด แต่มันไม่ได้ทำให้น้ำละความสนใจไปจากสัมผัสที่ยังติดอยู่ตรงจมูกและคำพูดที่ร่างสูงพูดออกมานั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย คำพูดกับสัมผัสเพียงแค่นิดเดียวทำให้ใจเต้นเตลิดไปไกล รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

"น้ำ น้ำ! ไอ่น้ำ!!" ธามที่เห็นคนตัวเล็กเงียบไปนานก็เรียกขึ้นมาอย่างเป็นห่วง เห็นหน้าแดงๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วก็พาลคิดไปว่าคนตัวเล็กไม่สบาย

"หะ ห้ะ" คนตัวเล็กหลุดออกจากภวังค์แล้วหันมาหาธาม

"ไม่สบายหรอ หน้าแดงๆ" ธามถามพลางแตะมือไปที่หน้าเล็กเพื่อวัดอุณหภูมิพบว่ามันแค่อุ่นๆแต่ไม่ถึงกับร้อน

"ปะ เปล่าครับธาม เราแค่...แค่..." คนตัวเล็กอ้ำๆอึ้งๆอย่างไม่รู้จะตอบยังไง

"ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไรก็ดีละ กลับกันเถอะ ปะ" โจ้ขัดขึ้นมาพลางกอดคอน้ำเดินนำธามออกไป



...เราแค่...นึกถึงตอนที่เขาแตะลงมาตรงปลายจมูกเรา แล้วก็...ตอนที่เขาบอกว่า น่ารักดี...ฉันชอบ เท่านั้นเองครับธาม...ส่วนที่หน้าผมแดงก็คงเพราะ ธามไม่ต้องห่วงเราเลยครับ เราแค่...รู้สึกเขิน...มั้ง...







...100%...

....To Be Continued...
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.5]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 01:49:50
[Episode 5​]









"น้ำ ...อันนี้ให้เอาไว้ตรงไหน" โจ้ธามขึ้นมาทั้งๆที่ยังแบกลังหนังสือเอาไว้อยู่

"ตรงนั้นเลยครับโจ้" น้ำชี้ไปยังข้างเตียงที่มีชั้นวางหนังสือเตี้ยๆอยู่

"ไอ้ธาม! มาช่วยกูจัดหนังสือเข้าชั้นดิ้ ไม่ทำห่าไรเลยนะมึงน่ะ" โจ้ตะโกนเรียกเพื่อนอีกคนที่เอาแต่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ปลายเตียง

"อย่ากวนได้ปะล่ะโจ้ หนังสือแค่นั้นกูเชื่อมึงจัดเองได้" ธามหันมาส่งยิ้มกวนๆให้กับโจ้

"ไม่เป็นไรครับ โจ้ไปพักเถอะเดี๋ยวเราจัดเอง แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วครับ" น้ำบอกยิ้มๆพลางเดินเข้าไปดันเพื่อนให้เดินไปนั่งที่เตียงกับธาม โจ้ก็นั่งลงอย่างว่าง่ายเพราะขนของเข้าหาน้ำก็ใช่น้อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหนังสือเรียน เตรียมสอบ ติวเข้มอะไรพวกนี้ อีกไม่ถึงอาทิตย์พวกเขาก็จะเปิดเทอมกันแล้ว น้ำมาดูหอไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว เกือบไม่ได้ที่นี่เหมือนกันยังดีที่เหลือสามห้องสุดท้าย...ที่นี่ห้องใหญ่กว่าที่อื่นอยู่มาก ความปลอดภัยก็ค่อนข้างดี บรรยากาศก็ดี สะดวกสบายของกินหาง่ายและใกล้มหาลัย ราคาเกือบๆสี่พันอาจจะดูแพงไปแต่ก็ถือว่าคุ้ม ห้องเขาอยู่ชั้นสิบสองจากทั้งหมดสิบห้าชั้น ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์ให้พร้อม เปิดเข้ามาเตียงอยู่ทางขวามือแต่ไม่ชิดกำแพง ...ข้างๆเตียงสองข้างมีชั้นวางหนังสือเล็กๆอยู่ ปลายเตียงเป็นโต๊ะวางของขนาดกำลังพอดี โทรทัศน์ติดผนังขนาดยี่สิบสองนิ้ว ข้างๆโต๊ะเป็นตู้เย็นหลังเล็กสีดำ ถัดเข้าไปด้านในก็จะเป็นห้องน้ำและก็มีระเบียงเอาไว้ตากผ้า...มีที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าถ้าใครสะดวกเอามา แต่น้ำไม่มีเลยคงต้องไปซักเครื่องใต้หอแทน

"หิวแล้วอ่ะน้ำ ไปหาไรกินกัน" หลังจากนั่งดูหนังไปจนจะจบเรื่องธามก็บอกน้ำขึ้นมาเสียงอ่อยๆ พลางเอามือลูบท้องตัวเองป้อยๆ มองน้ำตาปริบๆ

"ไปครับ เราจัดเสร็จพอดี" น้ำบอกขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างมือ

"วันอาทิตย์โจ้กับธามจะมานอนกับเราใช่มั้ยครับ" ระหว่างที่นั่งรอข้าวที่ร้านข้าวให้หอน้ำก็ถามถึงเรื่องที่คุยกันไว้สองสามวันก่อนว่าวันแรกของการเปิดเรียนเขาสามคนจะไปมหาลัยพร้อมกัน

"เรามา มึงอ่ะไอ้ธาม" โจ้เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาบอกน้ำแล้วหันไปไปถามธามที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ

"มาดิ่ อยากมาสักอาทิตย์นึงเลยด้วยซ้ำ" ธามเงยหน้าขึ้นมาบอก

"เอาสิครับ เราไม่อยากไปมอคนเดียว" คนตัวเล็กพยักแรงๆอย่างดีใจที่มีเพื่อนคิดเหมือนกันกับเขา เพราะว่าอาทิตย์แรกคงยังไม่มีกลุ่มเพื่อนหรอก ให้ไปมอคนเดียวก็ต้องไปนั่งแกร่วแน่ๆ

"ไปพร้อมกันได้แค่สองวัน วันพุธเรามีแค่บ่ายพฤหัสกับศุกร์สิบโมงครึ่ง" โจ้บอกพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ที่เปิดตารางเรียนในเว็บไซต์ของมหาลัยมาให้คนตัวเล็กดู

"โหย เรามีเรียนเช้ายันเย็นตลอดเลย" น้ำบอกอย่างเซ็งๆ แล้วเปิดตารางเรียนของตัวเองส่งไปให้เพื่อนดูบ้าง;

"ตายแน่น้ำ และยังคิดจะทำงานอีกนะ" โจ้เอ็ดคนตัวเล็กเบาๆ

"สุกี้ทะเล กะเพราหมูย่าง ข้าวผัดกุนเชียง ได้แล้วครับ" เสียงเด็กเสิร์ฟดังขึ้นมา ทำให้บทสนทนาหยุดลง

"กินกันเหอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน" ธามว่าขึ้นมาลงมือคนสุกี้ในถ้วยตรงหน้าอย่างไม่รีรอ

"อดอยากมาจากไหนวะมึง" โจ้แขวะขึ้นมาอย่างนึกหมั่นไส้ คนตัวเล็กได้แต่มองเพื่อนสองคนตีกันขำๆ ก็ตีกันประจำ ตีกันเป็นกิจวัตร ถ้าวันไหนไม่ตีกันนี่วันนั้นคงมีใครสักคนไม่สบาย

"ไอ้ธาม! ตื่น! ไอ้สัสตื่นดิ้ แม่งเดี๋ยวสาย" โจ้ทั้งเขย่าทั้งถีบเพื่อนที่นอนอยู่บนพื้นข้างเตียง แต่คนนอนดึกเพราะเล่นเกมส์ก็ไม่ยอมตื่น"

"โจ้ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ เดี๋ยวธามเราปลุกต่อเอง" น้ำที่ตื่นอาบน้ำตั้งแต่หกโมงครึ่งเดินเช็ดหัวมาตรงปลายเตียงด้วยชุดนักศึกษาเกือบเรียบร้อย

"โอเคๆ ฝากมันด้วย แม่ง!" โจ้ว่าอย่างหัวเสียที่เพื่อนตัวดีจะทำตัวเองสายตั้งแต่คาบแรก ...เดี๋ยวถ้ามึงทำกูสายนะไอ้ธาม มึงเจอกูแน่ พอโจ้เดินเข้าไปในห้องน้ำ คนตัวเล็กก็เดินเข้ามาจะปลุกธามที่นอนนิ่ง



พรึ่บ!!

"แกล้งโจ้อีกแล้วนะครับ"คนตัวเล็กว่าอย่างขำๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าธามต้องแกล้งโจ้แน่ๆ

"รู้ทันๆ" ธามว่ายิ้มๆ

"ก็แกล้งโจ้แบบนี้ประจำ"

"มันก็ไม่เคยจำ" ธามว่า ในขณะที่เขาลุกขึ้นเก็บที่นอนเข้าตู้เสื้อผ้าโจ้ก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดนักศึกษา

"ไอ้สัสธาม แกล้งกูอีกแล้วนะมึง" โจ้ว่าออกมาหน้ายุ่งๆ

"หึๆ ก็มึงมันเป็นซะอย่างเงี้ย" ธามว่าออกมากลั้วหัวเราะ และเดินเลี่ยงจะเข้าไปอาบน้ำบ้าง โจ้ได้แต่นึกหงุดหงิดธามอยู่ในใจที่แกล้งเขาได้ทุกทีไปแล้วยิ่งมาแกล้งเขาเรื่องเวลาแบบนี้อีกเขาก็นึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ถึงจะแกล้งประจำก็เถอะ และเขาเองก็มักจะหงุดหงิดเป็นประจำเช่นกัน... ตัวธามเองพอเห็นคนโดนแกล้งหงุดหงุดก็หัวเราะลั่นอย่างคนมีความสุขที่ได้แกล้ง



.



.



"เดี๋ยวเดินไปส่งน้ำก่อน" โจ้หันไปบอกกับน้ำที่ทำหน้างงตอนที่กำลังจะเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง คณะแพทย์กับวิศวะอยู่ตรงข้ามเยื้องๆกันหน่อย ต้องเดินข้ามถนนไปทางฝั่งหอประชุมกลางน้ำ เดินตรงไปก็ถึงแล้ว จะนั่งชัตเติ้ลบัตก็อ้อมเกินไป เห็นทีว่าเดินคงเร็วกว่า

"ขอบมากนะที่เดินมาส่ง" น้ำเอ่ยขอบคุณเพื่อนทั้งสองคนที่อุตส่าห์เดินมาส่งถึงหน้าคณะ

"เออน้ำ ตอนเย็นพี่ๆเรียกรวมอ่ะ น้ำไปรอตึกคณะเราก็ได้นะ" ธามบอกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเรียนเสร็จรุ่นพี่เรียกรวม

"ราก็เรียกครับ ถ้าเราเสร็จก่อนเดี๋ยวเราเดินไปหาก็ได้ครับ" น้ำบอกออกมา โจ้กับธามพยักหน้ารับ โบกมือให้แล้วเดินออกไป เขาก็กำลังจะเดินขึ้นไปห้องเรียนเขาบ้างถ้าไม่ติดว่า...

"เห้ย! มีเสียงทุ้มเรียกใครไม่รู้ดังขึ้นมาเขาจึงหันไปมองยังต้นเสียงและก็พบผู้ชายร่างสูงหน้าตาดีคนนึงยืนมองคนตัวเล็กอยู่

"ผม?" คนตัวเล็กมองไปรอบๆก็ไม่พบใคร จึงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองและถามออกไป

"ก็มึงนั่นแหละจะใคร ปีหนึ่งปะ" เขาพูดพลางก้าวขาเข้ามาใกล้ๆแล้วถาม

"ครับ" เขาตอบออกไปอย่างงงๆ"

"รู้ปะว่าเรียนห้องไหน" ผู้ชายตรงหน้ายังคงถามต่อ

"ครับ"

"ครับเป็นอย่างเดียวรึไงวะ ...รู้ก็นำไปดิ่ไม่อยากสาย" ในประโยคแรกคนตัวเล็กได้ยินไม่ถนัดเหมือนจะพึมพำกับตัวเอง ได้ยินร่างสูงบอกแบบนั้นก็เดินนำออกไปยังห้องเรียน คนตัวเล็กไม่ถือสาอยู่แล้วกับพูดห้วนๆแบบนี้ ธามกับโจ้เองก็พูดกันแบบนี้ประจำอยู่แล้วไหนจะเพื่อนที่โรงเรียนอีก หยาบกว่านี้เขาก็มีถมไป

ตลอดทั้งวันตั้งแต่เรียนคาบเช้าพักกลางวันเรียนคาบบ่ายเขาอยู่กับผู้ชายร่างสูงนั่นตลอด ตอนเรียนคนตัวเล็กสังเกตเห็นคนร่างสูงนั่นแลคเชอร์ถี่ยิบจดแทบทุกคำพูด เขาเป็นคนพูดน้อยออกจะเงียบๆด้วยซ้ำ ถึงอยู่กันมาตลอดทั้งวันแต่ก็ยังไม่รู้จักชื่อกันเลย แต่เขาไม่ถือหรอกมาวันแรกมีเพื่อนเรียนเพื่อนกินข้าวก็ดีเกินคาด

"น้องๆมาครบกันยังครับ!" เสียงรุ่นพี่ดังขึ้นไปทั่วทั้งโถงของตึกๆหนึ่ง

"พี่ชื่อพี่ด้วง ปี 2 นะครับ ขอต้อนรับน้องๆนักศึกษาแพทย์ รุ่น xx ทุกคนเข้าสู่คณะแพทย์ของเรานะครับ!" รุ่นพี่ปีสองพูดจบทุกคนก็พร้อมใจกันปรบมือเสียงดัง แล้วรุ่นพี่ปีสองก็ทยอยกันแนะนำตัวไปเรื่อยๆ

"ที่พี่เรียกรวมในวันนี้ รู้มั้ยเอ่ยว่าพี่จะแจ้งเรื่องอะไร" ด้วงถาม น้องๆทุกคนส่ายหัวไปมาอย่างไม่รู้

"เรื่องที่หนึ่ง คือเราจะทำการจับสายรหัสกันวันนี้ และเรื่องที่สองเป็นเรื่องของการคัดดาวเดือนคณะแพทย์กัน โดยปีนี้เราจะให้น้องๆเลือกกันเองภายในสองอาทิตย์นี้น้องจะต้องได้ดาวกับเดือนให้พี่นะครับ ในสองอาทิตย์นี้น้องก็สังเกตกันเอานะครับว่าใครเหมาะกับตำแหน่งดาวเดือน" ทุกคนเริ่มฮือฮาและมองหน้ากันไปมา หลังจากที่รุ่นพี่ผู้ชายพูดเสร็จแล้วก็มีรุ่นพี่อีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาพูดถึงเรื่องระเบียบการแต่งกายให้ถูกระเบียบ ซึ่งรุ่นพี่กลุ่มนี้เป็นพี่ปีสามที่เรียกกันว่า 'พี่ระเบียบ' หลังจากที่พูดเรื่องระเบียบการเสร็จแล้วรุ่นพี่กลุ่มเดิมก็กลับมาพร้อมกับแจกป้ายคล้องคลอและปากกาเคมีให้เขียนชื่อตัวเองลงไปและให้ห้อยคอไว้ตลอดเวลายกเว้นตอนเรียน คนตัวเล็กเลยรู้ว่าเพื่อนโหดทค่นั่งข้างๆเขาชื่อ 'อิ่ม'

"เอาล่ะครับน้องๆ พี่ว่าตอนนี้เรามาจับสายรหัสกันดีกว่า ...พี่ให้เวลาน้องๆหนึ่งเดือนในการหาสายตัวเองให้เจอนะครับ" ด้วงพูดจบก็มีรุ่นพี่คนอื่นๆเข้ามาจัดแถวให้ไปจับโค๊ท

"มึงได้โค๊ทไรน้ำ" อิ่มเดินเข้ามาถามหลังจากไปจับโค๊ทมา

"เนี่ย" น้ำยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆไปให้เพื่อนใหม่ดู

'ที่ชื้นๆ แฉะๆ นะน้องนะ'

"หึ ง่ายจะตาย เรียนชีวะมามึงน่าจะรู้" อิ่มบอกขำๆ

"ตะไคร่น้ำ?" น้ำบอกอย่างกวนๆ

"หึ ตลก" อิ่มกระตุกปากขึ้นเล็กน้อย แค่ไม่ถึงวันเขาก็นึกเอ็นดูเพื่อนตัวเล็กขึ้นมาซะงั้น คนตัวเล็กที่พอเห็นอิ่มยิ้มก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ พาลให้คนรอบข้างหันมามองอย่างสนใจ มองมากเข้าๆจนคนตัวเล็กรู้ตัว จึงรีบเอ่ยขอโทษทันทีเพราะคิดว่าคงเสียงดังจนรบกวนคนอื่น

"หวัดดีน้ำ อิ่ม เราพราวนะ" ผู้หญิงร่างเล็กที่ส่งยิ้มหวานมาให้น้ำกับอิ่มเอ่ยทักและแนะนำตัว

"หวัดดีๆ เราเบทนะ" ยังไม่ทันที่น้ำจะตอบรับ ผู้ชายหน้าหล่ออีกคนก็เดินเข้ามาทัก

"หวัดดี เราน้ำ นี่อิ่ม คนตัวเล็กถือโอกาสแนะนำเพื่อนข้างตัวไปด้วยเพราะเพื่อนใหม่อย่างอิ่มคงไม่แนะนำเป็นแน่

"คงเป็นเพื่อนกันได้ใช่ปะ" เบทถามขึ้นมายิ้มๆ พราวเองก็พยักหน้าเห็นด้วย น้ำหันไปมองกหน้าอิ่มเล็กน้อย ก็เห็นอิ่มพยักหน้าให้

"ได้ครับ" น้ำตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ ทำให้พราวกับเบทถึงกับนิ่งไปหลายวิ พวกเขาสี่คนนั่งคุยทำความรู้จักเพื่อนใหม่กันสนุก ทุกคนก็ต่างคิดเหมือนๆกันว่าคงไม่มีเพื่อนแน่ๆ แม้กระทั่งอิ่มเองที่นิ่งๆยังคุยกับเพื่อนใหม่ตั้งเยอะ น้ำเองที่กังวลว่าจะไม่มีเพื่อนก็เบาใจไปเยอะ พวกเขานั่งเล่นคุยกันไป หัวเราะบ้างอะไรบ้าง แต่ที่รู้สึกได้คือคนตัวเล็กเป็นเป้าสายตาให้คนอื่นมองมาอยู่บ่อยๆแล้วก็อดที่จะชื่นชมน้ำในใจไม่ได้ รอยยิ้มของน้ำนั้นมักเผื่อแผ่ความสดใสไปถึงคนรอบข้างได้เสมอ เวลามองแล้วเหมือนต้องมนต์สะกดอะไรสักอย่างให้ยิ้มตามไปอย่างง่ายดาย



.



.



"ไปวันแรกก็ได้เพื่อนมาคุยแชทซะแล้วเพื่อนเรา" โจ้เอ่ยแซวแล้วส่งยิ้มล้อๆไปให้ ก็ตั้งแต่กลับห้องมาตัวเล็กแชทเด้งตลอด ...ก็ก่อนจะกลับบ้านพวกเขาสี่คนแลกเบอร์แลกไลน์กันเผื่อมีธุระจะได้คุยสะดวก และเบทก็เป็นคนสร้างกลุ่มแชทเอาไว้แล้วก็เป็นเบทที่สร้างบทสนทนาชวนคุยนู่นคุยนี่ไปเรื่อย

"และโจ้กับธามยังไม่มีเพื่อนหรอครับ" คนตัวเล็กถาม คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่โจ้กับธามจะนอนด้วยพรุ่งนี้ก็ขนของกลับไปอยู่หอตัวเองแล้ว"

"ก็มีแหละ แต่แม่งจะชวนแดกเหล้า" ธามว่า

"ไม่ไปล่ะครับ" น้ำถามขึ้นมา เขาก็พอได้ยินเขาพูดๆกันมาว่าสังคมวิศวะ มีเหล้าเป็นส่วนประกอบเสมอ ขึ้นชื่อเสือผู้หญิง ฌอฮาปาจิงโก๊ะ

"ยังไม่อยากเมาตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกน่ะ" ธามเงยหน้าขึ้นมาบอก น้ำส่ายหัวให้อย่างรู้ทัน พอคุ้นเคยกันแล้วทั้งสองคนก็คงไปทุกวันแหงๆ

'แม่ง พี่ผาแกนี่จริงๆเลยว่ะ เปลี่ยนหญิงเป็นว่าเล่น กูล่ะยอมใจ" โจ้พูดเปิดประเด็นใหม่ขึ้นมา พร้อมกับยื่นหน้าจอโทรศัพท์มาวางบนเตียง

"ใช่คนที่มานั่งเฝ้าเมื่อเย็นปะวะ" ธามถามแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วว่า น้ำเห็นว่าธามวางโทรศัพท์แล้วจึงหยิบขึ้นมาดูบ้าง"

"ไม่ใช่ว่ะ เมื่อเย็นผมสั้น นี่ผมยาว" โจ้ว่า

'The NewsZapp SSU : เอาอีกแล้วจ้า พี่ผาของชาว SS เมื่อตอนเย็นผมสั้น ตกกลางคืนผมยาวจ้า!! เสน่ห์แรงจริงจริ๊งงง!! ก็อย่างว่าอะนะ ทั้งรูปหล่อพ่อรวยแบบนั้น เป็นเจ๊เอง เจ๊ก็คงพลีกาย...พลีใจให้นั่นแหละ ป้องกันบ้างอะไรบ้างนะจ้ะพี่ผาของน้อง อ่ะเจ๊แซวเล่นน้าาา ฮิฮิ (*รูปนั่งหันหลังเห็นหน้าด้านข้างของทั้งคู่มือผาวางพาดกับพนักโซฟาเหมือนโอบผู้หญิงอยู่ในผับสักที่*)

likes 3,546 comments 1,324


พี่พุ่ม นะเออ : แหมเพื่อนกู เพลาๆบ้างไรบ้าง @Nakin Pha พวกมึงโุไอ้เสือมันควงเด็กไม่บอกเราว่ะ @Wan Wanin @วัช ตัวอ้วน

Bennzy : มึง..กูล่ะอยากเป็นหนึ่งในสต็อคของพี่เขาบ้าง  :sad4: @Giff ssu

หนูน้อย กลอยใจ : พี่ผาของน้องงง!!  :hao5:

เจ๊ฟ้า หน้าสวย : อิพี่ผา! มึงเอากูไปไว้ไหน กะเทยปวดใจ กระซิกๆ  :mew5:

วัช ตัวอ้วน : น้องนิเทศผมสั้นเมื่อเย็นไปไหนแล้วล่ะ หรือกินหมดแล้ว กิ๊วๆ

Nakin Pha :ไอ้พวกเชี่ยนี่แม่ง :ruready @พี่พุ่ม นะเออ @วัช ตัวอ้วน @Wan Wanin

Wan Wanin : อยู่เฉยๆกูยังโดน . . .

...บลาาาๆๆๆ...



"เรานอนก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย" น้ำยื่นโทรศัพท์คืนให้โจ้แล้วคลานไปนอนที่ตัวเอง"

"เป็นไรปะวะน้ำ" ธามถาม

"เปล่าครับ แค่ง่วงๆน่ะ ฝากปิดไฟด้วยนะครับ" คนตัวเล็กว่าแล้วล้มตัวลงนอน

"เคๆ ขอดูหนังอีกพักนึง ดังไปบอกนะ" โจ้ว่าพร้อมกับเดินไปปิดไฟรอบห้องเหลือเพียงแสงจากโทรทัศน์

"ครับ" เขาตอบรับออกไปแล้วหลับตาลง เหมือนว่าหลับแต่จริงๆแล้วไม่ได้หลับหรอก ในสมองคิดอะไรเต็มไปหมด...

...ทำไมจะต้องเก็บเอามาคิดให้รกสมองด้วยนะน้ำ แค่คนเจ้าชู้คนนึง และคนๆนั้นเราก็บังเอิญรู้จัก และคงไม่ได้เจออีกแล้ว ควรนอนนะน้ำนะ ไร้สาระถึงขนาดเก็บเรื่องคนอื่นมาคิดนี่ไปใหญ่แล้วนะ....



น้ำบอกตัวเองในใจ เพราะความที่เกลียดคนเจ้าชู้เข้าไส้เลยทำให้เผลอคิดอะไรที่มันไม่ควรออกไป เขาไม่ได้มีประสบการณ์ตรงหรอก แค่เห็นและรับรู้จากเพื่อน จากสังคมรอบข้างมาบ้างก็เท่านั้นเอง ...น้ำส่ายหัวเฝือกับหมอนใบนุ่มไปมาเพื่อไล่ความคิดที่ไม่ดีออกไป ...เขาจะไม่ตัดสินใครเพียงเพราะว่าได้เห็นแค่รูปแล้วอีกอย่างน้ำก็ยังไม่รู้จักผามากเกินพอที่จะไปตัดสินอะไรได้ น้ำพลิกซ้ายพลิกขวานอนคิดนู่คิดนี่อยู่นานกว่าจะหลับแต่ในที่สุดความง่วงก็ครอบงำจอบผล็อยหลับไปในที่สุด



.



.



"ที่พี่เรียกรวมรู้มั้ยครับว่าเรื่องอะไร..." พี่ด้วงที่รับหน้าที่พิธีกรเอ่ยถามเสียงดัง วันนี้หลังจากที่ร้องเพลงเชียร์เสร็จแล้วรุ่นพี่ก็เรียกรวมเพราะมีเรื่องจะแจ้ง

"จำได้มั้ยครับเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วพี่ขอคำตอบจากน้องเรื่องอะไร" รุ่นพี่ปีสองคนเดิมยังคงเอ่ยปากถามต่อ

"ดาวเดือนค่ะ/ครับ" ทุกคนตอบพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง ต่างคนมองหน้ากันเลิกลัก

"แล้วได้กันยังคะ" รุ่นพี่อีกคนถามขึ้นมา

"ขอประชุมกันก่อนได้มั้ยคะ" ผู้หญิงตัวเล็กยกมือขึ้นขอกับรุ่นพี่

"สิบนาทีค่ะ" รุ่นพี่บอกเวลาเสร็จ พวกปีหนึ่งทั้งหมดก็นั่งล้อมกันเป็นวงกลม คนตัวเล็กกับเพื่อนใหม่อย่างอิ่มยืนอยู่วงนอก เพื่อนๆว่าไงเขาก็ว่าตาม

"พี่ด้วงคะได้แล้วค่ะ" ผู้หญิงคนเดิมยกมือขึ้นแล้วพูดออกมา

"ครับ"

"ฟ้ากับน้ำค่ะ" คนตัวเล็กได้ยินชื่อนั้นก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะน้ำผู้ชายมีอยู่สามคน คงไม่ใช่เขาแน่ๆ

"น้ำไหนล่ะหญิง มีตั้งหลายน้ำ" พราวที่ยืนอยู่กลุ่มเดียวกับคนตัวเล็กถามขึ้น

"น้ำสวยกลุ่มพราวนั่นแหละ" หญิงว่า ทุกคนหันมามองหน้าคนตัวเล็กที่เหวอไปแล้ว"

"ระ เรา เราเนี่ยนะ" น้ำถามออกไปอย่างตกใจ

"ใช่!" ทุกคนตอบพร้อมกันและส่งยิ้มมาให้

"เราไม่เหมาะหรอก เลือกคนอื่นเถอะ" น้ำบอกปฏิเสธไปอย่างลำบากใจ แต่เขาว่าเขาไม่เหมาะจริงๆ

"น้ำนั่นแหละจ้ะ" หญิงบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแขนตัวเล็กไว้"

"พราวก็ว่าน้ำนั่นแหละ" พราวว่าออกมามองหน้าเพื่อนตัวเล็กยิ้มๆ"

"พราวก็รู้..." คนตัวเล็กหันไปโอดครวญ ที่ว่าก็รู้นี่คือ ก็รู้ว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า..."

"กูว่ามึงนั่นแหละ" อิ่มพูดขึ้นมานิ่งๆ

"อิ่มก็พูดได้นิครับ" คนตัวเล็กหันไปทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อนตัวเอง คนมองมาแม้แต่รุ่นพี่เองก็ยังว่าน่ารัก

"ตกลงว่าไงครับ" พี่ด้วงเดินเข้ามาถาม"

"คือ...ผมว่าพี่เลือกใหม่เถอะครับ" คนตัวเล็กว่าอย่างเกรงๆ

"ทำไมล่ะน้ำ" รุ่นพี่คนสวยเดินเข้ามาถาม

"น้ำไม่เหมาะหรอกครับ น้ำไม่มีอะไรเลย น้ำไม่มีอะไรเลยสักอย่างเดียว... น้ำเป็นตัวแทนคณะไม่ได้จริงๆครับ" คนตัวเล็กพูดไปก็นึกน้อยใจ จะให้เขาพาคณะไปขายขี้หน้าได้ยังไง เขาไม่มีอะไรเลย ฐานะ รูปร่างหน้าตา ชาติตระกูล...หรือแม้กระทั่งพ่อแม่

"ผิดแล้วน้ำ น้ำมีมากกว่าพวกเราเยอะ ความมีน้ำใจของน้ำเวลาเพื่อนเดือดร้อน ไม่ว่าจะงานกลุ่มงานเดี่ยวน้ำทำได้น้ำก็อาสามาช่วยทำอยู่ดึกๆดื่นๆทั้งๆที่ไม่ใช่กลุ่มตัวเอง แค่เอ่ยปากขอให้น้ำช่วยน้ำก็ช่วย ความรับผิดชอบน้ำก็สูง เรียนก็เก่งควิซได้ท็อปตลอด ...น้ำ น้ำเหมาะสุดแล้ว" หญิงร่ายความดีของคนตัวเล็กออกมา ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย แม้แต่รุ่นพี่ที่ยืนฟังอยู่ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่หญิงกล่าว

"ถ้าให้พวกพี่เลือกกันเองพี่ก็คุยกับพี่ปีสูงมาแล้วว่าน้ำเนี่ยแหละ เหมาะสมสุดแล้ว" ร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ก้าวเข้ามาพาดแขนบนไหล่บางแล้วเอ่ยออกมาพร้อมกับเสยผมไปข้างหลังทำให้เห็นใบหน้าชัดขึ้น

...ใช่ว่าพี่ปีสูงที่ไม่ค่อยได้ลงมาดูเพราะเรียนหนักแต่พวกเขาก็รู้เพราะรุ่นน้องปีสองปีสามมาเล่าให้ฟังตลอด และที่วันนี้ลงมาดูก็เพราะชื่อเสียงความน่ารักของเจ้าตัวเล็กนี่ถูกพูดถึงมากในหมู่พวกปีสูง วันนี้จึงพากันลงมาดู ทีแรกว่าจะแอบๆดูอยู่ห่างๆ แต่เหมือนกำลังจะมีปัญหาที่เคลียร์กันไม่ลงตัวก็เลยเข้ามาเผื่อช่วยให้คลี่คลายได้

"อ่าว 'พี่ใหม่' พี่ๆสวัสดีครับ/ค่ะ" รุ่นพี่ปีสองที่ยืนอยู่ต่างยกมือไหว้ปีสามที่เพิ่งเข้ามา ใหม่ส่งยิ้มส่งยิ้มหล่อไปให้ แต่ทุกคนรู้ดีเห็นยิ้มหล่อๆอย่างนี้ก็เถอะเนี่ยมันหมอเถื่อนคาสโนว่าตัวพ่อของชาว SS เชียวอย่าว่าแต่ SS เลย ตัวพ่อทุกสถาบันน่าจะถูกกว่า

"ว่าไงตัวเล็ก" ใหม่ที่รู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ก็หันกลับมามองสบตาคู่สวย คนตัวเล็กที่มองมาก่อนแล้วอยู่นานสองนาก็ถึงกับสะดุ้งน้อยๆ"

"อะ เอ่อ สวัสดีครับ" คนตัวเล็กยกมือไหว้

"ว่าไงตำแหน่งเดือนน่ะ" ใหม่ถามออกมาน้ำเสียงอ่อนโยน ที่พาลให้คนที่ได้ยินทั้งหลายจะละลาย

"ถ้าทุกคนเห็นว่าเหมาะ น้ำก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อนๆและพี่ๆครับ" น้ำพูดออกมาสีหน้าดูโล่งใจมากขึ้น

"ดีมากครับคนเก่ง" ใหม่ว่าอย่างอ่อนโยนแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวทุยเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วผละออกไป

...น่ารัก น่ารักมากกว่าที่ได้ยินมาซะอีก...



"ดูมึงจะสนใจน้องเขานะไอ้ใหม่" พอเดินออกมาจนพ้นโถงกลางเพื่อนสนิทในกลุ่มก็เอ่ยแซวขึ้นมา"

"ไม่สนใจสิบ้า" ใหม่ว่ายิ้มๆพลางนึกถึงหน้าคนตัวเล็ก

"แล้วมึงจะเอาไง"

"มึงก็รู้" ใหม่ว่ายิ้มชอบใจ

"มึงมันร้ายไอ้ใหม่" ใหม่ยักไหล่อย่างไม่แคร์

...หวังว่าคงจะจีบไม่อยากนะตัวเล็ก...





...100%...
...To Be Continued...
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.6]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 02:00:14
[Episode 6​]






ครืดดด ครืดดด ครืดดด

คนตัวเล็กรู้สึกได้ถึงแรงสั่งอย่างต่อเนื่องในกระเป๋าจึงขอตัวเพื่อนๆและรุ่นพี่ออกมาเพื่อรับสาย คงไม่ธามก็โจ้แน่นอน...

'โจ้'

"ครับ" คนตัวเล็กกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป

'น้ำเสร็จยัง' โจ้ตะโกนถาม เพราะปลายสายค่อนเสียงดัง

"ครับใกล้เสร็จแล้วครับ" น้ำบอกไป เพราะหลังจากที่เขายอมรับตำแหน่งเดือนคณะแต่โดยดี พวกรุ่นพี่ก็เตรียมตัวปล่อยกลับบ้านแล้ว

'เสร็จแล้วเดินมาที่ตึกเรานะ ท่าจะอีกนาน' โจ้บอก เสียงรอบข้างก็ยังคงดังโหวกเหวกโวย

"ครับ อีกสักพักพวกพี่เขาก็ปล่อยกันแล้วล่ะครับ"

'งั้นรีบมานะ จำได้ปะเนี่ยวันนี้มีนัด' โจ้ย้ำ

"ครับๆ จำได้ครับ" น้ำตอบกลับไป พลางนึกถึงเรื่องที่คุยกันเมื่อสองสามวันก่อนว่าวันนี้นัดกันไปทำอะไรกินกันที่หอเขา

'โอเคๆ เจอกัน' โจ้ตัดไปแล้วเขาก็เดินกับมาร่วมวงที่กำลังคุยกันอยู่ ผลสรุปเป็นเอกฉันท์คือน้ำถูกรับเลือกเป็นเดือนคณะ ส่วนดาวก็คือฟ้า สาวสวยตัวเล็กอัธยาศัยดี ก่อนจะปล่อยกลับ



"ก็ฟ้าอยากไป พาฟ้าไปด้วยไม่ได้หรอคะ" คนตัวเล็กกำลังจะก้าวออกจากตึก หูก็เกิดแว่วได้ยินชื่อเหมือนกับคนที่เขาเพิ่งรู้จักไปเมื่อไม่นานมานี้

"เดี๋ยวฟ้าไปก็งอแงกลับอีก" เสียงทุ้มนั่นทำให้คนตัวเล้กหันไปมอง เห็นเพียงข้างหลังแต่ก็รู้ได้ไม่ยากเลยเพราะเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูปักตัวอักษรสีเหลืองว่า 'วิศวะเครื่องกล' อะไรดลใจไม่รู้ให้คนตัวเล็กหยุดยืนอยู่ตรงนั้น

"ไม่งอแงแล้วฟ้าสัญญา" คนตัวเล็กมองดาวคณะแพทย์หมาดๆ ยื่นมือที่ชูนิ้วก้อยไปตรงหน้าร่างสูงอย่างออดอ้อน

"หึหึ ถ้างอแงต้องโดนทำโทษ รู้ใช่มั้ยคะ" ร่างสูงหัวเราะ ยื่นมือไปขยี้ผมสวยอย่างเอ็นดู...สาวร่างเล็กยิ้มรับอย่างร่างเริง น้ำที่ยืนดูอยู่นานก็ยิ้มให้กับภาพความรักตรงหน้าแล้วเดินออกมาก่อนที่สองคนนั้นจะเห็น

"อ้ะ น้ำนี่นา ดูรีบๆแหะ" ร่างสูงหันหลังกลับไปมองตามสายตาของฟ้าแล้วก็พบกับแผ่นหลังบางที่เขาจำได้ดี "รู้จักเขาด้วยหรอคะ" ผาหันกลับมาถามสาวร่างเล็กตรงหน้า

"รู้จักสิคะ น้ำนี่แหละที่เป็นเดือนแพทย์ปีนี้" ฟ้าบอกร่างสูงยิ้มๆ ร่างสูงหันกลับไปมองแผ่นหลังบางที่แทบจะลับสายตาอีกครั้ง

"แล้วจะกลับไงคะวันนี้" ร่างสูงหันกลับมาถาม

"วันนี้คนที่บ้านมารับค่ะ ผาไม่ต้องไปส่ง" สาวร่างเล็กยกมือขึ้นดูนาฬิกา

"โอเค งั้นเดี๋ยวสามทุ่มผาไปรับ ห้ามโป๊" ผาหันมาบอก น้ำฟ้าส่งยิ้มสวยมาให้แล้วพยักหน้ารับ ผาหันหลังขึ้นรถแล้วขับกลับคณะตัวเองไป



"เสร็จแล้วหรอ" น้ำที่มาถึงลานเกียร์ก็เข้ามาหาที่นั่ง สักพักโจ้กับธามก็เดินเข้ามา สภาพเหงื่อท่วมตัวดูมอมแมมไม่น้อยเลย วิศวะก็รับน้องหนักแบบนี้ตลอดแต่ก็คงจะสนุกน่าดู

"ยังหรอก นี่ให้พักรอพี่ปีสามมาวันนี้มีเฉลยสาย" ธามว่าออกมาหอบๆ

"ไปทำอะไรกันมาครับเนี่ย เหงื่อท่วมเลย" คนตัวเล็กเอ่ยถามพร้อมกับหยิบห่อทิชชูยื่นไปให้

"ไอ้โจ้ชวนคุยตอนประชุมเชียร์อ่ะดิ เลยโดนสั่งให้วิ่งรอบต้นไม้" ธามบอกพร้อมกับหันไปมองหน้าเพื่อนตัวดี

"มึงนั่นแหละไอ้ธามไม่ต้องมาโทษกู" โจ้เถียงกลับอย่างไม่ยอม และกำลังจะตีกันแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อน

"ปีหนึ่ง!!!" ได้ยินเพียงเท่านั้นโจ้กับธามก็รีบวิ่งไปทันทีไม่เอ่ยลาคนตัวเล็กสักคำ คนตัวเล็กได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆให้กับเพื่อนสองคน เขาเลยถือโอกาสนี้นั่งดูการประชุมของวิศวะไปในตัว...เขาอยากเห็นพี่ว้าก...

"สิบแถว!! ...ช้าครับ!!" น้ำได้แต่มองระบบว้ากอย่างทึ่งๆ แค่สองประโยคแต่ดูรุ่นน้องนับร้อยกระตือรือร้นที่จะทำมัน

"หนึ่ง! สอง! สาม! .... สิบ!" คนที่เป็นหัวแถวนับอยางไว ที่เหลือก็ทยอยกันเข้าแถวอย่างไวเช่นกัน

"ไวกว่านี้อีกได้มั้ยครับ!!" รุ่นปีไหนคนตัวเล็กไม่รู้แต่คนตัวเล็กรู้ดีว่าคนๆนี้เป็นพี่ว้ากชัวร์

"ครับ!!" ทุกคนตอบพร้อมกันเสียงดัง

"วันนี้จะเป็นวันเฉลยสาย ใครรู้แล้วก็แยกไปหาสายตัวเอง ใครที่ไม่รู้เดี๋ยวพี่คุณจะมาหาคุณเอง ทราบ!!" รุ่นพี่คนเดิมยังคงตะโกนบอก

"ทราบ!!" ตอบรับเสร็จทุกคนก็แยกย้ายออกไปหาสายปี่สองของตัวเอง เห็นโจ้กับธามแยกไปหารุ่นพี่ผู้ชายหน้ทหล่อตัวเล็กนึง พูดคุยกันแค่แปบเดียวก็วิ่งแยกออกมาทางที่คนตัวเล็กนั่งอยู่

"ทำหน้างสงสัยอะไรเบอร์นั้นน้ำ" ธามที่นั่งลงก่อนถาม เพราะเห็สีหน้าที่สงสัยแบบไม่ปิดบังนั่นมาตั้งแต่เขาผละออกมาจากพี่รหัส

"โจ้กับธามมีพี่คนเดียวกันหรอครับ" 

"อืม ปีนี้น้องเยอะกว่าพี่ พี่เขาบอกให้จับคู่กับเพื่อนเอา เรากับไอ้โจ้ก็เลยเลือกอยู่ด้วย" ธามอธิบาย

"อ๋อ" คนตัวเล็กพยักหน้าเข้าใจ

"ไปกันเถอะ หิวละ" โจ้ว่าหลังนั่งพักเหนื่อยมานานน้ำกับธามพยักหน้าเก็บสัมภาระแล้วสามคนก็ลุกเดินไป

"เดี๋ยว!" ทั้งสามคนหันไปทางต้นเสียง แล้วก็เห็นกลุ่มพวกผานั่งอยู่ ...นั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ยักจะเห็น คิดในใจอย่างสงสัย

"ครับ" ธามตอบ

"พวกมึงอ่ะ น้องไอ้ไผ่รึเปล่า" พี่คนที่พูดขึ้นมาถ้าจำไม่ผิดคงเป็นพี่วัชเพราะเขาจะเจ้าเนื้อหน่อยๆ

"ครับ!!" โจ้กับธามตอบออกมาพร้อมกัน

"ไอ้ไผ่มันบอกมึงรึเปล่าว่าสามทุ่มให้ไปเจอกันที่ซี๊ด" โจ้กับธามมองหน้ากันก่อนจะหลุบตามองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงกลางที่เหมือนจะมีอาการงงเล็กน้อย

"พี่เขาให้เราไปผับ" โจ้ที่เห็ว่าตัวเล็กงง ก็ก้มลงกระซิบข้างหูเล็ก ผาที่มองคนตัวเล็กอยู่ก่อนแล้วก็เหมือนจะหงุดหงิดขึ้นมาจนพุ่มสังเกตเห็น

"ยังไง ปรึกษาแฟนหรอมึง" พุ่มเอ่ยถามแซวๆ

"ครับ วันนี้ผมนัดกันกินข้าวไว้ด้วย" โจ้ตอบออกไปทำให้พุ่มหน้าเสียไปนิด ทุกคนในโต๊ะเงียบกันหมด โจ้ก้มมองคนตัวเล็ก นึกว่าคนตัวเล็กจะทำหน้าตกใจแต่เปล่าเลยคนตัวเล็กกลับส่งยิ้มบางๆมาให้เขา ตอนมัธยมก็แบบนี้ ใครเข้ามาจีบโจ้ก็จะออกตัวเป็นแฟนน้ำให้ตลอดเพราะน้ำไม่ชอบให้ผู้ชายพวกนั้นเข้ามายุ่ง ทุกครั้งที่โจ้บอกแบบนั้นไปน้ำจะมีสีหน้าลำบากใจให้เห็น แต่คราวนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น 

"งั้นมึงก็พาแฟนมึงไปด้วย" ผาที่นั่งเงียบอยู่นานพูดโพล่งขึ้นมา แล้วมองสบตาคนตัวเล็กตรงๆ คนตัวเล็กที่ถูกมองด้วยสายตาทรงเสน่ห์นั่นก็ถึงกับนิ่งไปชั่ววินาที โจ้แล้วหันมามองหน้าธาม

"พี่ๆนัดรวมสายกัน คงไม่ดีถ้าผมจะไปด้วยหรอกครับ" คนตัวเล็กบอกอย่างเกรงใจ เขาเองก็อยากไปนั่นแหละ แต่นี่เขาไปกับสายรหัสคนตัวเล็กก็กลัวว่าไม่เหมาะ

"พี่แค่อยากกินเหล้ากันเฉยๆเลยชวนสายไปด้วยกัน หลายๆคนสนุกดี เราก็ไปด้วยกันสิ เพื่อนก็ไปด้วยตั้งสองคนไม่ต้องกลัวพวกพี่หรอก" ชายเงียบของกลุ่มเอ่ยประโยคยาวเหยียดขึ้นมา ว่านอยากเห็นอีกมุมนึงของคนตัวเล็กนี่ ว่านแค่เกิดความสงสัยว่าคนอะไรจะพูดจะจาหรือทำอะไรก็ดูเรียบร้อยเจียมตัวไปหมด ...แอลกอฮอล์คงช่วยได้ น้ำเงยหน้ามองเพื่อนทั้งสองคนอย่างขอความเห็น

"อยากไปก็ไป ถือว่าเปิดประสบการณ์ครั้งแรกเมาได้เดี๋ยวแบกกลับเอง" โจ้แซวคนตัวเล็กอย่างขำๆ ทำคนตัวตัวเล็กยู่หน้าใส่

"อย่าเมาตั้งแต่สี่ทุ่มละกัน" ธามก็สมทบแซวด้วยอีกคน

"โอเคงั้นตกลงตามนี้ สามทุ่มเจอกันที่ซี๊ด" พวกเขาสามคนตอบรับพร้อมกัน ยกมือไหว้ลาพี่ๆทุกคนแล้วเดินออกไป





21.13 น. @ZeeD

ตอนนี้พวกเขาสามคนเขามาในผับแล้วเสียงเพลงบีทหนักๆดังขึ้นตังแต่อย่างก้าวเข้ามา แค่สามทุ่มคนก็เริ่มเยอะแล้ว ส่วนใหญ่ก็เด็กมหาลัย โจ้ต้องเดินกอดคอน้ำเอาไว้ตลอดเพราะน้ำเป็นเป้าสายตาตลอดตั้งแต่เดินเข้า ธามเดินนำเข้าไปด้านในแล้วพาขึ้นไปชั้นสองโซนวีไอพีตามที่พุ่มโทรแจ้งกับธามไว้

"มาแล้วครับ" ธามเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับรายงานตัวกับพี่ๆที่นั่งอยู่ พอคนตัวเล็กที่เดินตามเข้ามาทุกคนก็รวมสายตาไปที่น้ำคนเดียว ...ยีนส์ดำขาดเข่าสองข้างพับขากางเกงขึ้นโชว์ข้อเท้าขาว รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สแจ็คสีกรม เสื้อยืดสีขาวคอกว้างเล็กน้อย เผยผิวขาวและไหปลาร้าสวย ที่คอมีสร้อยเงินประดับไว้ทำให้คอขาวระหงส์นั่นดูหน้ามองเข้าไปอีก ผมที่ไม่ได้เซ็ตมาถูกเสยขึ้นในเวลานี้ ทำให้เจ้าตัวดูเซ็กซี่แบบไม่รู้ตัว ปากอิ่มกระจับแดงระเรื่อเผยอขึ้นน้อยๆเพื่อหายใจเอาอากาศเข้าปอด

...ผู้ชายอะไรจะเซ็กซี่ปานนี้วะ...

"เอ่อ สวัสดีครับพี่ๆ" น้ำที่สังเกตเห็นว่าพี่ๆที่นั่งอยู่ในห้องเงียบผิดปกติแล้วก็เอาแต่จ้องเขาก็เลยเอ่ยสวัสดีไปอย่างตะกุกตะกัก

"อืมๆ ไปนั่งๆ" ว่านตบโซฟาข้างๆตัวที่เป็นโซฟาตัวยาว แล้วน้ำก็ได้เห็นว่าโซฟาสำหรับสองคนนั่งมีชายหญิงคู่หนึ่งจับจองอยู่ ...พี่ผากับน้ำฟ้า... ผาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้มรองเท้าหนังหุ้มข้อ ...ดูดี ดูดีมาก จะใส่จะแต่งอะไรก็ดูดีไปหมด น้ำคิดในใจไปถึงทุกครั้งที่เจอกับร่างสูง ทุกชุดร่างสูงไม่เคยไม่ดูดีเลย

"เอาอะไรดีล่ะเรา" ว่านเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เข้ามานั่งข้างเขาถัดไปก็เป็นโจ้ธาม อีกฝั่งก็มีแค่วัชกับพุ่ม

"แบบพี่แล้วกันครับ" ว่านไม่รีรอที่จะชงให้ เพราะเหล้าที่เขาดื่มเข้มพอสมควร ทั้งๆที่มาครั้งแรกดูไม่ตื่นเต้นวางตัวดี มองสำรวจไปทั่วทั้งผับอย่างไม่น่าเกลียด

...วางตัวดีเกินไป ว่านคิดในใจ เขายื่นแก้วที่บรรจุน้ำแข็ง น้ำเมาสีอำพันเติมโซดาให้เพียงนิดเดียว คนตัวเล็กรับไปส่งเข้าปากตัวเอง ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ดื่มเจ้าน้ำเมาสีอำพันนี่แต่เขาก็ไม่ได้ยี่หระต่อรสชาติขมปร่าแต่นุ่มลึกของมันเลย

...เขากำลังหงุดหงุด หงุดหงิดกับอะไรก็ไม่รู้ และถ้าเขาหงุดหงิดเขาจะนิ่ง...นิ่งมาก นัยน์ตาว่างเปล่า... อาการที่แสดงออกมาหลายคนอาจจะไม่เห็นแต่กับว่านผู้ที่ชอบสังเกตเขาเห็นอาการที่แปลกไป...เขายกยิ้มน้อยๆอย่างชอบใจ เขาชอบดูนิสัยแต่ละด้านของคน บางคนเขาก็มองออกแค่ปรายตามอง...แต่กับรุ่นน้องข้างๆนี่ เขามองไม่ออกสักอย่าง เขาชอบที่น้ำเป็นคนจริงใจน่ารักแบบนี้...แต่เขาก็อยากเห็นอีกด้านนึงของคนตัวเล็กนี่ด้วย ...น่าค้นหาชะมัด หนุ่มเงียบคิดในใจ พลางรับแก้วที่คนตัวเล็กยื่นมาให้

"รบกวนอีกแก้วนะครับพี่ว่าน" คนตัวเล็กเอ่ยออกมา เขาแอบทึ่งนิดๆนะที่คนตัวเล็กไม่แสดงอาการมึนออกมาเลย 

"ไม่มีปัญหาครับ" ว่านบอกพร้อมกับยื่นแก้วคืนให้

"ไงพวกมึง" ผู้ชายหน้าตาดีจัดกลุ่มหนึ่งเปิดห้องเข้ามาแล้วเอ่ยทัก ผู้ชายกลุ่มนี้ มี 'ดิน' ที่เป็นเพื่อนสนิทกับผาอยู่

"หวัดดีครับพี่ดิน" พวกรุ่นพี่ปีสามยกมือไหว้ น้ำเองก็ยกมือขึ้นไหว้ตาม คนที่ตัวเล็กได้ยินคนในโต๊ะเรียกว่า พี่ดิน หันมาสบตากับเขา เขาชะงักไปนิดนึงกับสายตาเจ้าชู้ที่ส่งมาให้

"ไอ้ว่านกูขอนั่งด้วยนะ" ร่างสูงของดินเดินเข้ามานั่งแทรกระหว่างว่านกับน้ำทันทีที่พูดเสร็จ

"คิดจะทำอะไรอีกล่ะเพื่อนกู" เพื่อนในกลุ่มของดินที่มาด้วยกันพูดขึ้นมาอย่างรู้ทันเพื่อนจอมเจ้าชู้ของตัวเอง

"เงียบๆแล้วไปหาที่นั่งไปมึง" ดินหันไปบอกเพื่อนอย่างเอาเรื่อง แล้วหันกลับมามองคนตัวเล็กข้างๆนี่อย่างถูกชะตา

"ชื่ออะไรครับ" ดินถามออกไป น้ำหันกลับมามองร่างสูงที่เพิ่งเข้ามานั่งแทรกแล้วตอบไป

"น้ำครับ" คนตัวเล็กส่งยิ้มบางๆไปให้แล้วยกแก้วในมือขึ้นกระดกเป็นแก้วที่สามแล้ว

"ปีหนึ่งหรอ พี่ไม่เคยเห็นน้ำเลย" ดินถามออกมา

"น้ำเรียนแพทย์น่ะครับ พี่เลยไม่เคยเห็น" คนตัวเล็กตอบออกมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้   ดินมองสำรวจใบหน้าขาว แก้มแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ที่ดูสวยเกินชาย ปากกระจับแดงระเรื่อ สร้อยเงินเส้นสวยที่ทำให้คอขาวน่ามอง...คนข้างๆจะรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองเซ็กซี่และมีเสน่ห์ขนาดไหน

"ชื่อเล่นชื่อน้ำชื่อจริงนี่เกี่ยวกับน้ำด้วยมั้ยเนี่ย" ดินถามออกมาเพื่อจะชวนคนตัวเล็กคุย ถึงจะยิ้มจะตอบ แต่คนตัวเล็กก็ยังดูนิ่งมากอยู่ดี

"ครับ รู้ได้ไงครับ" คนตัวเล็กหันกลับมามองอย่างตกใจ

"อ่า... แค่เดาเอาน่ะ" ร่างสูงตอบออกมานิ่งๆ สายตาแพรวพราวยังส่งมาไม่หยุด เขาเผลอจ้องมองเข้ากับดวงตากลมโตตรงหน้าเข้าให้อย่างจัง แล้วมันก็ทำให้ยากที่จะดึงสายตาและสติกลับมา

"ผม...พูดอะไรผิดไปรึเปล่าครับ" คนตัวเล็กถามออกไปอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นว่าดินเอาแต่จ้องตัวเองนิ่ง

"เปล่า แค่...ตาสวยดี" ดินพูดออกมาเหมือนกับคนละเมอ คำพูดที่ดินพูดออกมาตรงๆแบบนั้น ไม่ยากเลยที่จะทำให้คนตัวเล็กของเราเขินจนหน้าขึ้นสี เสหลบตาอย่างช่วยไม่ได้

ผาที่มองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นก็นึกหงุดหงิดใจกับภาพที่เห็น...คุยกัน ยิ้มให้กัน แถมยังเขามือลูบหัว เขาดูก็พอจะรู้ว่าเพื่อนสนิทเขาสนใจคนตัวเล็กนี่ไม่น้อยเขายกแก้วกระดกเหล้าเข้าปากไม่ขาดพลางคิดในใจ

ดินเองรับรู้ได้ถึงอาการผิดปกติของเพื่อนสนิทที่นั่งฝั่งตรงข้ามมาสักพักแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนมาตอนนี้เขาเองก็พอจะรับรู้ได้แล้วว่าไอ้เพื่อนตัวดีของเขาเป็นอะไร ...ท่าทีที่ดูหงุดหงิดร้อนรนจนแทบปิดไม่มิดนั่น เขารู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร...แต่ก็อย่างว่าแหละนะเด็กมันเสน่ห์แรง ในห้องนี้ก็ไม่ใช่แค่เขาหรือผาหรอกที่คิดแบบนั้น ...ใครดีใครได้ ดินยิ้มให้กับตัวเองเล็กน้อยก่อนจะขอตัวลุกไปรมกลุ่มกับสายรหัสของตัวเอง ...วันนี้ปล่อยไปก่อนแล้วกัน ยังต้องเจอกันอีกนาน



...หึ เสน่ห์แรงจริงๆ ไหนจะไอ้โจ้ ไหนจะพี่ดินอีก เห็นว่าไม่ทำอะไรคงจะไม่ได้กาล...

"น้ำ พอได้แล้วมั้งเดี๋ยวเมาหรอก" โจ้หันมามองคนตัวเล็กที่ตอนนี้นั่งกระดกแก้วที่ห้าหรือหกไปแล้ว ก็ไม่รู้ แล้วแต่ละแก้วที่พี่ว่านชงให้เบาซะที่ไหน เขายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตัวเล็กนี่ไม่เคยดื่มมาก่อน ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันบอกให้ตายไงก็ไม่เชื่อ...

"ขอน้ำเหอะ สัญญาจะไม่เมา" คนตัวเล็กบอกนิ่งๆ โจ้กับธามเองสังเกตคนตัวเล็กมาตั้แต่มาถึงแล้วว่าคนตัวเล็กนี่นิ่งกว่าปกติ เขารู้ทันทีว่าคนตัวเล็กกำลังหงุดหงิดแต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปหงุดหงิดอะไรใครมา

"ไปหงุดหงิดใครมาล่ะ" โจ้ก้มลงไปกระซิบข้างหูคนตัวเล็กเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน และรู้ว่าคนตัวเล็กนี่กำลังหงุดหงิด "น้ำก็ไม่รู้เหมือนกัน" คนตัวเล็กยืดตัวขึ้นแล้วกระซิบข้างหูโจ้  การกระทำใกล้ชิดแบบนี้ผามองมันอยู่ตลอดและชักเริ่มที่จะรู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้เขาหงุดหงิด...



ปึก!!

"ชงดิ่" ผากระแทกเหล้าลงกับโต๊ะตรงหน้าว่านเสียงดังจนทุกคนในโต๊ะหันมามอง โจ้กับน้ำก็ผละออกมามอง ผามองสบตาคนตัวเล็กนิ่งๆ คนตัวเล็กเองก็มองกลับไม่ถอยเช่นกัน ว่านและเพื่อนของคนตัวเล็กสัมผัสได้ถึงความคุกรุ่นของคนทั้งสอง

"ไปโมโหใครมาไม่ทราบ" พุ่มที่เริ่มจะกรึ่มๆเอ่ยถาม

"นั่งกินไปเงียบๆเหอะมึง" เป็นวัชที่ตอบขึ้นมาแทน

"มองใครเกรงใจฟ้ามั่งสิคะ" น้ำฟ้าที่เห็นร่างสูงข้างๆมองเพื่อนเดือนของเธอก็ยืดตัวกระซิบเอ็ดข้างหูเบาๆ

"หวงหรอ" ผาถามยิ้มๆ

"หวงซี่" น้ำฟ้าทำหน้ายู่เชิดขึ้นอย่างน่ารัก การแสดงออกที่คนทั้งคู่กำลังทำต่อกันอยู่ใครที่มองมาก็ต่างมองว่ามันเป็นอะไรที่น่ารัก น่าอิจฉามาก ผาอยู่กับคนอื่นไม่เคยยิ้มและพูดขนาดนนี้...แต่กลับผู้หญิงคนนี้กลับทำให้ผายิ้มและพูดออกมาโดยไม่ฝืนเลยสักนิด ...จากที่คนตัวเล็กหงุดหงิดอยู่กลับยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก

"ไปเข้าห้องน้ำนะ" คนตัวเล็กหันไปบอกกับโจ้แล้วกำลังจะลุกขึ้น

"เดี๋ยวค่อยไปไอ้ธามมันเข้าอยู่" โจ้ว่า

"งั้นเดี๋ยวไปเข้าข้างนอก" ว่าจบตัวเล็กก็เดินออกไปทันที เขาไม่ได้รู้ทางดีอะไรขนาดนั้นแค่ตอนขึ้นมาแล้วบังเอิญเห็นว่าอยู่สุดทาง ห้องน้ำชั้นสองไม่ค่อยถูกใช้มากนักเพราะภายในห้องวีไอพีจะมีห้องน้ำอยู่ในตัวอยู่แล้ว ที่นี่จึงไม่มีคนเข้าเลย ทางเดินก็เปิดไฟสลัวๆเสียงเพลงบีทหนักๆดังลอดเข้าหู ร่างเล็กรู้ตัวดีว่าตัวเองเริ่มมึนแล้ว



ซ่าา!!

คนตัวเล็กเดินไปที่เค้าท์เตอร์อ่างล้างมือ เปิดน้ำแล้ววักลูบหน้าตัวเองเพื่อดับอารมณ์หงุดหงิด เขาไม่เข้าใจว่าจะหงุดหงิดทำไม...ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ เมื่อกำจัดอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองได้แล้วก็เดินออกมา

หมับ!

"อ๊ะ! คุณ!..." คนตัวเล็กร้องออกมาอย่างตกใจ ร่างสูงที่โอบเอวคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ก็มองพิจารณาใบน่าน่ารักที่กำลังตกใจอย่างเอ็นดู เขาเห็นคนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องเขาก็เลยตามออกมาบ้างอ้างกับเพื่อนว่าจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก แล้วก็มาดักรอคนตัวเล็กตรงทางเดินหน้าห้องน้ำนี่

"อืม ฉันเอง" ร่างสูงว่ายิ้มๆ นึกขำกับใบหน้าที่ตกใจของคนตัวเล็กนี่ขึ้นมา

"ปล่อยครับ" คนตัวเล็กพยายามดันออก ร่างสูงพิงกำแพงแล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นทำให้คนตัวเล็กขยับมายืนตรงหว่างขาของร่างสูงอย่างช่วยไม่ได้

"ผอมกว่าที่คิด" ร่างสูงไม่ว่าเปล่าแต่ยังเอามือมาจับเอวคนตัวเล็กเอาไว้อย่างถือวิสาสะ

"อ๊ะ! ปล่อยผมเถอะครับ" คนตัวเล็กพยายามดิ้นและหันซ้ายหันขวาอย่างกลัวใครมาเห็น

"ไม่มีใครมาหรอก" ร่างสูงว่า

"ปล่อยผมเถอะครับคุณผา" คนตัวเล็กขอดีๆ ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ

"ทำไมไม่เรียกฉันว่าพี่อย่างที่เรียกคนอื่น" ผาถามออกไป

"ไม่รู้ครับ" ร่างเล็กตอบพร้อมกับมองหน้าร่างสูง ผาเงียบไป น้ำเองก็หยุดดิ้นแล้วเพราะเหนื่อย แถมมึนๆหัวด้วย ...ผามองปากกระจับนั่นที่ขยับบอกให้เขาปล่อยอย่างชอบใจ 

"...อยากจูบ" ผาก้มลงไปกระซิบชิดข้างหูใบหูเล็ก สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่รดอยู่กับใบหู ทำให้คนตัวเล็กย่นคอหนี ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้าหนีสายตานั่นจนคางเกือบชิดอก แล้วเอ่ยถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ

"ทำไม"   ...ก็แฟนนั่งอยู่ในห้องนะ มาขอจูบคนอื่นแบบนี้ได้ไง...

"...อยากจูบ" ร่างสูงพูดออกมาอีกครั้งคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองหน้าร่างสูงอย่างไม่ชอบใจ

"แฟนคุณอยู่ในห้องนะครับ ปล่อยผม อื้อ!" ร่างสูงไม่รอให้คนตัวเล็กพูดจบก็ประกบปากลงไปที่ปากกระจับแดงระเรื่อนั่นที่ขัยบยั่วอย่างหมดความอดทน คนตัวเล็กเบิกตากว้างอย่างตกใจ กำลังจะผลักออก แต่ร่างสูงกลับดูดเม้มริมฝีปากล่างของเขาไปมาอย่างหยอกเย้า ทำให้คนตัวเล็กเผลอเคลิ้มตามไป แต่คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมเปิดปาก ร่างสูงจึงผละออกมา พูดชิดริมฝีปากน่าจูบนั่น

"อยากชิม.."

ฉ่า!

คนตัวเล็กรู้สึกได้ทันทีถึงเลือดที่สูบฉีดไปที่ใบหน้า เขาเขิน...เขินจนใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างหน้ามอง...ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรแต่ก็ยังจะรู้สึก

คนตัวเล็กไม่ได้ตอบอะไรแต่ช้อนตามองร่างสูง ไม่ได้มีเจตนาจะยั่วหรืออะไร แต่ร่างสูงคิดไปแล้ว ร่างสูงจัดการผลิกตัวเล็กติดกำแพงแล้วเริ่มประกบจูบอีกครั้ง เขากำลังจะหงุดหงิดเพราะคนตัวเล็กไม่ยอมตอบโต้และเปิดปากให้เขา เขากำลังจะผละออก แต่ก็ต้องตกใจ เพราะคนตัวเล็กยกมือขึ้นโอบรอบคอเขาไว้แล้วเม้มดูดปากเขาอย่างที่เขาเคยทำกับคนตัวเล็กไป ถึงมันจะเงอะๆงะๆแต่เขากลับชอบ  คนตัวเล็กเผยอปากออกเล็กน้อยเขาจึงสอดเรียวลิ้นเข้าไป ดูดดึงเกี่ยวกระหวัดจนน้ำสีใสไหลเลอะมุมปากสวย คนตัวเล็กจูบตอบอย่างไม่ประสา ทำตามที่ร่างสูงชักนำ...ทั้งๆที่ไม่ควรทำแต่ก็ยังทำ แต่ทำให้คนร่างสูงอารมณ์เตลิดไปไกล  ...หวาน หวานมาก...

ร่างสูงคิดในใจพร้อมกับมือที่ลูบวนอยู่ตรงเอวก็เลื่อนขึ้นมาหายเข้าไปในเสื้อยืดตัวบาง ร่างเล็กที่มีสติครบถ้วนเบือนหน้าหนีแล้วรีบตะครุบมือหน้านั้นไว้ 

"ทำไม" คนร่างสูงถามอย่างไม่เข้าใจ

"แฟนคุณ" ร่างเล็กว่า

"...ใครสน" ร่างสูงขมวดคิ้วและเงียบไปนานก่อนจะเลื่อนใบหน้าคมดุมากระซิบตอบชิดใบหูเล็ก คำตอบนั้นทำให้คนตัวเล็กตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะเป็นแบบนี้...

"ช่วยปล่อยผมด้วยครับ" น้ำพยายามดันร่างสูงออกแต่ก็ไม่เป็นผล

"ฉันจะจีบนาย..." น้ำไม่ได้รู้สึกเขินเลยกลับคำบอกเล่านั้นของร่างสูง แต่กลับรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

"ปล่อย!" ร่างเล็กที่เริ่มจะคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ก็เริ่มใช้เสียงที่ดังขึ้นมา ร่างสูงผละออกมามองหน้าคนตัวเล็ก แล้วก็พบกับสายตาว่างเปล่าที่ดูเย็นชาไร้ความรู้สึกนั่น



...ว่างเปล่าจนน่ากลัว...

ร่างสูงรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในอกอย่างไม่เคยเป็น มองสายตาว่างเปล่าของคนตัวเล็กนั่นอย่างทำอะไรไม่ถูกจึงปล่อยคนตัวเล็กออก

หลุดออกมาได้ก็กลับโต๊ะ นั่งดื่มต่อเงียบๆ ร่างสูงก็เดินตามกลับเข้ามาแล้วนั่งคุยกับน้ำฟ้าต่อราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างสูงมองหน้าคนตัวเล็กบ่อยจนรู้สึกอึดอัด แทบอยากจะเดินหนีหายออกไปแต่ก็ทำไม่ได้



...น้ำ แกมันน่าสมเพชชะมัดเลยนะรู้มั้ย...

คนตัวเล็กกระตุกยิ้มมุมปากให้กับตัวเองพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูง รอยยิ้มที่ให้ตัวเองถูกส่งไปยังอีกคน ไม่ใช่แค่ผาเท่านั้นที่เห็นรอยยิ้มนั้น ว่านและเพื่อนทั้งสองของตัวเล็กเองก็เห็นมันด้วยเช่นกัน และเขาก็คิดเหมือนกันว่ามันดูน่ากลัวแปลกๆ เพียงแค่แสงไฟหลากสีส่องกระทบเพียบวินาทีเดียวรอยยิ้มเย็นนั่นก็หายไปเหลือเพียงใบหน้าสวยยามปกติ ที่กำลังกระดกดื่มน้ำสีอำพันลงคอ





...100%...

…To Be Continued…



งุ้ยยยย~ วันนี้เอามาฝากก่อน 6 ตอน เป็นอะไรยังไงก็ติชมกันได้นะเจ้า บ่ต้องเกรงใจ แน่นอนว่าคนเขียนมือใหม่อย่างเราคงต้องการคอมเม้น คำติชม จากคนอ่านอยู่แล้ว เนอะ ขอให้สนุกกับการอ่านน้า~

ปล.  ตอนนี้เขาจูบกัน ฮริ๊งงงง เขิล  :oni2:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.6]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-12-2017 12:50:00
หื้มมม นายเอกเหมือนจะมีมุมดาร์กหลบซ่อนอยู่ข้างในนะเนี่ย ก็หวังว่านายเอกจะดาร์กในทางที่ดีไม่ใช่ดาร์กแบบสายยั่วไปล่อหลอกให้ใครๆมาหลงนะ ถ้าเป็นแบบนั้นเราคงผิดหวังแย่

เรื่องสนุกดีค่ะ คิดว่าผาน่าจะเป็นพระเอกนะแต่พฤติกรรมก็น่าตบมากเช่นกัน รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.6]
เริ่มหัวข้อโดย: หนูน้อยหมวกแดง ที่ 18-12-2017 13:40:00
เรื่องน่าสนใจดีค่ะ หวังว่าน้ำจะไม่หวั่นไหวง่ายๆนะ พี่ผาดูเจ้าชู้มากก  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.7]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 18-12-2017 14:22:44
[Episode 7​]





"เห้อ..." เสียงถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน สองสามวันมานี้เขาเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ผับคืนนั้นไม่หยุด เรียนก็ไม่มีสมาธิจนต้องยืมแลคเชอร์อิ่มมาลอก คนตัวเล็กดูนิ่งกว่าปกติ จนพราวกับเบทต้องคอยชวนคนตัวเล็กคุยตลอด อยากถามว่ามีปัญหาอะไร แต่ก็ยังไม่สนิทพอที่จะเข้าไปก้าวก่าย

"มีเรื่องเครียดอะไรกันน้ำ" โจ้กับธามมองหน้ากัน แล้วก็เป็นโจ้ถามออกมาอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเห็นน้ำมีอาการแบบนี้ตั้งแต่วันที่ไปผับ หลายวันมานี้เขาทั้งสองคนเป็นห่วงคนตัวเล็กมาก อยากจะถามแต่ก็ไม่กล้าแต่คิดว่าปล่อยให้นานกว่านี้คงไม่ดีแน่ๆ

"เปล่าครับ" น้ำตอบปัดไปแล้วกลิ้งตัวนอนคว่ำหน้าลงกับเตียง คนตัวเล็กรู้ดีว่าเพื่อนทั้งสองเป็นห่วงเขา ตั้งแต่วันอาทิตย์โจ้กับธามก็มาอยู่เพื่อนเขาตลอด ...ธามมองไปยังคนตัวเล็กที่นอนคว่ำหน้าอยู่พลางนึกถึงไปวันที่ไปผับ...แล้วพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวจากการที่เขาสังเกตเห็นความผิปกติมา เขาเป็นคนไม่ค่อยยุ่งเรื่องอะไรของใครอยู่แล้ว แต่กับเพื่อนตัวเล็กของเขานี่คือข้อยกเว้น

"เรื่องที่ผับเมื่อวันศุกร์ใช่มั้ย" ธามนั่งลงปลายเตียงแล้วถามเสียงจริงจัง คนตัวเล็กเงียบไม่ตอบอะไร...นั่นแสดงว่าใช่ ธามเป็นคนตรงๆอยากรู้อะไรก็ถาม ใครถามอะไรก็ตอบ...คนตัวเล็กก็เช่นกัน เขาสามคนมักคุยกันตรงๆตลอด จึงไม่แปลกถ้าธามจะถามอะไรไปตรงๆแบบนี้

"...พี่ผารึเปล่า" ธามยังคงว่าต่อ

"อือ" คนตัวเล็กครางรับเสียงอู้อี้ ...ข้อสันนิษฐานเขาคงไม่ผิด

"...ตอนที่น้ำออกไปเข้าห้องน้ำ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า" คนตัวเล็กที่ได้ยินคำถามนั้นก็ตกใจลุกพรวดขึ้นมา เห็นโจ้กับธามจ้องมาด้วยสายตาจริงจัง ...คนตัวเล็กเม้มปากแน่นก่อนจะหลบสายตาแล้วพยักหน้าลงตอบคำถามของธาม

"...เขาทำ ...อะไรน้ำ" โจ้ถามออกมาบ้าง เขาสามคนสนิทกันจึงไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่จะปิดบัง ...ถ้าไม่เต็มใจบอกเขาจะไม่บังคับกัน

"ไม่บังคับ..." ธามว่าต่อ คนตัวเล็กเม้มปากแน่นก้มหน้าจนคงแทบชิดอก

"...เขา คือ...เขา เขา...จูบเรา แล้วบอกว่าจะ... จะ จีบ" คนทั้งสองที่ได้ฟังมองหน้ากันทันที คิดไว้อยู่ว่าพี่ผามองน้ำแปลกๆแต่ก็ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้ แต่ก็ยังตกใจอยู่ดี

"...แล้วน้ำคิดไง" ธามถามเพราะเห็นท่าทีหลายวันมานี้คนตัวเล็กตัวเล็กคิดไม่ตกเลย

"น้ำ...ไม่ชอบเลยธาม ไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้กับเรา..." คนตัวเล็กว่าพลางเอาหัวมาพิงกับไหล่ของธาม เวลาเครียดคิดอะไรไม่ออกน้ำก็จะขี้อ้อนขึ้นมาเหมือนเด็กๆ...จะไม่ให้เอ็นดูยังไงไหว

"แล้วน้ำรู้สึกยังไงกับเขา" โจ้ถามแล้วเดินเข้าไปนั่งปลายเตียงข้างๆน้ำ

"...ไม่รู้" คนตัวเล็กเงียบคิดไปนิดนึงก่อนจะตอบออกมา ธามกับโจ้มองหน้ากันอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

"คิดดูแล้วหรอที่ตอบมาเนี่ย" โจ้ถาม

"น้ำไม่ได้คิดอะไรจริงๆ แค่ไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้ เขามีแฟนแล้วนะโจ้ก็เห็น แล้วแฟนพี่เขาก็เพื่อนในคณะ ฟ้าเป็นเพื่อนน้ำ โจ้จะให้น้ำรู้สึกดีหรอ จะให้น้ำดีใจหรอที่เขามาจูบและก็มาบอกว่าจะจีบเราเราแบบนั้น..." คนตัวเล็กโพร่งออกมาหมดเปลือกพร้อมกับเอาหัวทุยเฝือไปกับไหล่ธาม...พอบอกไปแล้วก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งสองคนได้ฟังก็นึกถึงวันที่ไปผับ...พี่ผาเอาผู้หญิงสวยไปด้วยคนนึง หรือว่านั่นจะเป็นแฟนตัวจริงที่เขาลือกันวะ

"งั้นก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว" ธามบอกพร้อมกับยกมือขึ้นขยี้หัวทุยเบาๆ

"ไม่คิดไม่ได้หรอก เจอหน้าฟ้าทุกวัยเลย...รู้สึกผิดยังไงไม่รู้" คนตัวเล็กบอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา

"ถ้าน้ำไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เขา น้ำไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก...หรือว่าน้ำรู้สึกอะไรกับพี่เขา" ธามบอกยังไม่ทันจบประโยคดีคนตัวเล็กก็ส่ายหัวทันที

"คนแบบนั้นน้ำไม่รู้สึกอะไรด้วยหรอก" คนตัวเล็กบอกอย่างจริงจัง...เขาไม่ชอบคนเจ้าชู้

"ดีมาก งั้นไปหาไรกินเหอะ หิวละเนี่ย" ธามยื่นมือไปขยี้หัวคนตัวเล็กแรงๆก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องเป็นคนแรก

"สงสัยจะหิวจัดนะมึง" โจ้ว่าพร้อมกับส่ายหัวเอือมๆส่งไปให้ เรื่องกินขอให้บอกไอ้ธามเถอะ



.



.



.



มาถึงร้านข้าวทุกคนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นระหว่างรอข้าวมาเสิร์ฟ คนตัวเล็กเองก็หยิบขึ้นมาเล่นบ้าง เขายังเล่นไม่คล่องนักหรอกแต่ธามกับโจ้ก็บอกว่าเล่นบ่อยๆจะได้คล่อง แต่เขาว่ามันจะติดมากกว่านะ ...พอเขาเปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ตสมาร์ทโฟนของเขาก็สั่นอย่างบ้าคลั่ง ทั้งเฟสบุ๊ค อินสตราแกรมและทวิตเตอร์ เขากดเข้าดูเฟสบุ๊คเป็นอันแรก เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าการแจ้งเตือนคำขอเป็นเพื่อนมากจนน่าตกใจ เขาเลื่อนดูแล้วกดเข้าแอพพลิเคชั่นอื่นต่อ ยอดฟอลโล่ในอินสตราแกรมก็พุ่งสูงขึ้นมากเหมือนกัน ในนั้นมีรูปเขาแค่สองสามรูปและมันก็มียอดถูกใจพุ่งทะลุพันไปแล้ว...อะไรกันเนี่ย!?

"น้ำ...เมื่อสิบกว่านาที" โจ้ว่าแล้วยื่นสมาร์ทโฟนมาให้ คนตัวเล็กหยิบขึ้นมาดูอย่างงงๆ


'The NewsZapp SSU : ข่าวใหม่ ข่าวสด ข่าวด่วนค่าาา~ เดี๊ยนพึ่งได้มาสดๆร้อนๆส่งตรงจากแพทย์เลยจ้า ดาวเดือนแพทย์ปีนี้แซ่บเวอร์ ดาวว่าแซบแล้วเดือนนี่แซ่บกว่า แอร๊ยยย! คนพูดถึงกันเยอะยะทั่ว SS ของเราเลยทีเดียวเชียวกับน้องน้ำ ธารา ว่ากันว่านางเป็นขวัญใจชาวแพทย์เด้อ เป็นที่รักที่เอ็นดู ที่สำคัญนางน่ารักมากกก ก.ไก่ล้านตัว นิสัยก็ดีเวอร์ เรียนก็เก่งเวอร์ รูปร่างหน้าตาผิวพรรณ โอ๊ย ดูดีไปโม๊ดดดด~ แต่สายสืบของเราบอกมาว่านางเป็นเด็กพี่ใหม่หมอเถื่อนนาจา เห็นกอดคอส่องหน้ายิ้มหวานให้กันอยู่เด้ อ่ะไปดูรูป ปล.รูปเมื่อวันศุกร์ที่แล้วนะคะลูกเพจ

*รูปข้างหลังใหม่กอดคอน้ำ, รูปเห็นหน้าน้ำมองใหม่อยู่, รูปใหม่กับน้ำมองหน้ากัน*

likes 5,501 comments 2,674

ญ.หญิง โสภา : เพื่อนเราเอง บอกเลยใครอยู่ใกล้ก็หลง

PinkProw : โอ้ย พึ่งจะเห็นสายตาพี่ใหม่ ละมุนอะไรเบอร์นั้นคะ มาดูเพื่อนสุดน่ารักของพวกเธอสิ @เบท ผู้น่ารัก @ไออิ่มเอม

ปุยฝ้าย : ช็อตนี้กะเทยยอมค่ะ*กระอักเลือด*

โกโก้ครั้น : สาบานว่านี่ผู้ชาย*ร้องไห้* อิผิงมึงมาดู @pingping
พี่พุ่ม นะเออ : ภาพสวยเนอะ ว่ามั้ย*กระตุกยิ้มมุมปาก* @วัช ตัวอ้วน @Wan Wanin

ปิงสุดหล่อเองครับ : นี่มันเพื่อนตัวเล็กสุดน่ารักของมึงปะวะ @Joejarukit @Time thanin

นี่ติ๊กไง จำไม่ได้หรอ : สายตามึงนี่นะ @MaiSarun

นางฟ้าตัวน้อย : แอดไม่มีเฟสน้องหรอ fc เลย *ร้องไห้*

เบท ผู้น่ารัก : @PinkProwไม่เรียกน้ำมาดู @Nam Thara

Mai Sarun : ยังไม่ใช่ แต่กำลังจะเป็น...  @นี่ติ๊กไง จำไม่ได้หรอ

วัช ตัวอ้วน : รีบๆมาดู @Nakin Pha

Nakin Pha : ก็ดูอยู่ตลอด @วัช ตัวอ้วน

นี่ติ๊กไง จำไม่ได้หรอ : เหยดดด จริงจังแค่ไหนถามใจมึงดู @Mai Sarun


.....บลาๆๆๆๆ......


คนตัวเล็กยื่นโทรศัพท์คืนให้โจ้ พลางคิดไปถึงสิ่งที่แอดมินโพสต์ และสิ่งที่คนอื่นๆเข้ามาเม้นกัน...รวมถึงคนๆนั้น

"เก็บเงียบเชียวนะ" คนตัวเล็กเงยหน้ามองโจ้ที่พูดมาเหมือนจะบอกว่างอนอยู่ แต่คนตัวเล็กรู้ดี โจ้แค่แกล้งเขาเล่นแค่นั้น

"แหะๆ ขอโทษครับ จริงๆก็กะจะบอกตั้งแต่วันศุกร์แล้ว...แต่แผนเปลี่ยน ก็เลย..." คนตัวเล็กเกาหัวแกรกๆ วันนั้นถ้าไม่เปลี่ยนแผนที่จะไปหอเขาเป็นไปผับแทนเขาก็คงจะบอกอยู่หรอก

"ช่างมันเหอะ ไม่ได้โกรธแค่ตกใจมีเพื่อนเป็นถึงว่าที่เดือนมหาลัย" โจ้ว่าออกมาขำๆ

'ได้ที่โหล่มากกว่า เราไม่ได้หวักซะหน่อย" คนตัวเล็กว่า ...แค่เดือนคณะนี่ก็เหนือความคาดหมายมากแล้ว

"หวังหน่อยก็ดี" ธามแซวออกมาอีกคน

"ไม่ดีหรอกครับ" ทำหน้ายู่ใส่

"นี่ต้องเก็บตัวด้วยปะ" โจ้ถามออกมาอย่างสงสัย เพราะเข้าประชุมวันนี้ได้ยินเพื่อนเดือนพูดแว่วๆ

"ครับ อีกสองอาทิตย์"

"นานปะ"

"เห็นพี่เขาบอกว่าอาทิตย์นึงนะธาม" ธามพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะข้าวที่พวกเขาสั่งไว้มาเสิร์ฟแล้ว

"ตอนนี้เขาจิ้นน้ำกับคนในรูปยกใหญ่เลยอ่ะ" โจ้บอกพลางตักข้าวเข้าปากอีกมือนึงก็เลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนเพื่อดูความเคลื่อนไหว ...คนตัวเล็กเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร

"ไม่ชอบเลยง่า" ยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าส่ายหัวไปมาอย่างกังวล...มีใครเขาอยากให้จิ้นกับผู้ชายบ้างเล่า

"ทำหน้างี้อีกและ ฮ่าๆ" โจ้ที่มองหน้าคนตัวเล็กที่เลิกเอามือปิดหน้าแล้วก็อดจะขำไม่ได้

"กินข้าวไปเลยโจ้น่ะ" คนตัวเล็กว่าขึ้นมาทั้งๆที่ยังหน้างออยู่

"หึๆ" ธามมองแล้วก็ต้องหัวเราะออกมา...น้อยครั้งที่จะหลุดลุคที่คีพมา นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนกันคงจีบอยู่

"ธามก็ด้วยครับ" ถ้าคนอื่นมาเห็นนี่คงไม่อยากเชื่อว่าคนตัวเล็กมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย แต่ทั้งสองคนเห็นมาทุกมุมแล้ว...ก็นะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด

"โอเคๆ ฮ่าๆ ไม่แกล้งแล้ว ไม่แกล้งๆ หึหึ"โจ้กลั้นขำเพื่อบอกคนตัวเล็กจนตัวเกร็ง

"ก็ถ้าโจ้จะขำขนาดนั้น" คนตัวเล็กว่าแล้วตักข้าวคำโตเข้าปากเคี้ยวจนแก้มตุ่ย และก็ไม่สนใจเสียงหัวเราะคิกคักๆของเพื่อนสองคนนั่นอีก...ใครว่าสองคนนี้ไม่แกล้งเขากันล่ะ อย่าให้มีโอกาสเชียว



.



.



.



หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วทั้งสามคนก็กลับขึ้นมาเล่นเกมส์ที่ห้องคนตัวเล็กเหมือนเดิม คนตัวเล็กที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงมองพวกเขาเล่นเกมส์ เขาก็เล่นเป็นนะแต่ไม่โปรเหมือนสองคนนี้หรอก ส่งบอลยังส่งให้ผิดทีมอยู่เลย

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เสียงพวกนั้นหายไปจากโสตประสาทของคนตัวเล็ก ธามเห็นว่าคนตัวเล็กเงียบไปผิดปกติพอดีที่จบเกมส์จึงหันกลับไปดูพบว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้ว หลับไปทั้งที่ยังไม่อาบน้ำ หลับไปทั้งที่ยังไม่ได้หันกลับไปนอนดีๆเลย

"หลับง่ายนี่แก้ไม่เคยหาย" ธามว่ายิ้มๆ ก็เพื่อนตัวเล็กของเขาหลับง่ายจริงๆนั่นแหละ บทจะหลับก็หลับถ้าเงียบไปนี่ไม่ต้องสงสัยว่าไปไหนเพราะหลับ หลับง่ายก็ตื่นง่ายเช่นกัน หรือถ้าเงียบอีกอย่างคือหงุดหงิดไม่ก็โกรธ

"ปลุกปะ ให้อาบน้ำก่อน" โจ้หันกลับมามองอีกคน

"นี่ยังไม่ทุ่มดีเลย สามทุ่มค่อยปลุก...ให้พักไปก่อน" ธามมองด้วยสายตาเอ็นดูพลางส่งยิ้มบางๆไปให้

"เอ็นดูจริงนะมึงน่ะ" โจ้แขวะเพือนข้างตัวอย่างหมัานไส้

"ว่าแต่กู...ทีมึงล่ะ จมูกดีเป็นหมา กลิ่นไม่ดีหน่อยนี่เห่าไม่หยุด" ธามว่ากลับ ถ้าเปรียบเพื่อนสองคนนี่ธามก็คงเป็นพ่อที่อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ส่วนโจ้นี่เรียกว่าจงอางหวงไข่เถอะ

"แหม่...มึงไม่ดูเพื่อนมึงมั่งล่ะ มันน่าหวงน้อยเสียที่ไหน หน้าก็สวยปานนั้น นิสัยก็ดีปานนี้ แถมโคตรระ อื้อ!!" ก่อนที่โจ้จะได้พูดจบประโยคก็โดนมือธามมาปิดปากเอาไว้ซะก่อน

"มึงจะพูดอะไรของมึงไอ้โจ้!" ธามกระซิบรอดไรฟันถาม

"อ่อยอูไอ้อัด" (ปล่อยกูไอ้สัด) โจ้พูดเสียงอู้อี้ๆอยู่ในลำคอ ธามที่พอฟังออกว่าเพื่อนตัวดีพูดว่าอะไรก็ปล่อยมือออก

"ปากหมาจริงๆ" ธามว่า

"กูขอโทษได้มั้ยล่ะ" โจ้ว่าออกมาหน้าบึ้ง

"มึงจะเล่นมั้ยเกมส์น่ะ พูดมากอยู่นั่น" ธามถอนหายใจฮือกใหญ่ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไป...

"น้ำอ่ะ ทำแลปได้ตลอดเลย" พราวผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มเดินบ่นหน้ายุ่งออกมาจากห้องเรียนแลป

"ไม่ขนาดนั้นหรอก" คนตัวเล็กว่าขึ้นขำๆเพราะสีหน้าของพราวที่ยู่เหมือนโดนใครขัดใจมา

"ไม่ต้องเลยน้ำ สองครั้งก่อนน้ำก็ทำได้" พราวยังว่าต่อ

"เถียงกันพอยัง กูหิว" แล้วก็เป็นอิ่มที่พูดขึ้นมายุติการเถียงของเพื่อนตัวเล็กสองคน พราวหันมาแลบลิ้นใส่น้ำแล้วเดินเข้าไปดึงแก้มคนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว

"นิ่มจังน้า แก้มน้ำเนี่ย หึ่ย! หมั่นเขี้ยว" พราวว่าก่อนจะผละออกไป

"ไหนๆๆ ขอจับมั่งดิ" เบทที่ยืนเล่นเกมส์อยู่ข้างๆอิ่มกำลังจะพุ่งเข้าไปหาน้ำแต่ดีที่อิ่มคว้าคอเสื้อไว้ได้ก่อน

"ไปแดกข้าวกับกูนี่" อิ่มว่าแล้วลากคอเสื้อเพื่อนเดินออกไป

"ไอ้อิ๊มมมม! ไอ้สัดปล่อยกู" เบทส่งเสียงร้องโหยหวนไปตลอดทาง ทำให้พราวกับน้ำที่เดินตามหลังไปหลุดขำกับภาพที่เห็นอย่างห้ามไม่อยู่



.



.



.



"น้องน้ำ! เจอพอดีเลย" ระหว่างที่คนตัวเล็กนั่งคุยอยู่กับเพื่อน ก็มีกลุ่มพี่ปีสองเดินเข้ามาทัก เขาจำได้ดีเพราะมีประธานรุ่นอย่างด้วงเดินเข้ามาด้วย

"สวัสดีครับพี่ๆ" เบทพูดทักทายรุ่นพี่ทั้งๆที่ยังเคี้ยวขนมอยู่เต็มปาก

"อี๋อิเบท มึงช่วยกลืนก่อนจะพูดได้มั้ยน่ะห้ะ" รุ่นพี่ใจสาวคนหนึ่งพูดขึ้นมา

"นั่งก่อนครับ" น้ำส่งยิ้มไปให้ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อให้พี่ๆนั่ง กลุ่มรุ่นพี่ก็อดที่ชื่นชมนิสัยน้ำไม่ได้ ที่มีมารยาทและสัมมาคาราวะกับรุ่นพี่เสมอ

"พี่จะมาคุยเรื่องโชว์อ่ะ ฟ้าเขาเสนอโชว์เขามาเองพี่ก็เลยอยากมาถามเราและอีกอย่างจะได้จัดหาอุปกรณ์ไว้ด้วย ถ้ามีน่ะนะ" ด้วงว่าออกมาอย่างไม่รีรอ น้ำลังเลนิดหน่อยว่าจะบอกรุ่นพี่ดีมั้ยว่าจะเขาพอร้องเพลงได้...แต่คนตัวเล็กก็กลัวเกินกว่าจะบอก

"น้ำร้องเพลงเพราะมากเลยครับ" แล้วก็มีเสียงคุ้นหูโพร่งออกมา น้ำหันไปดูก็พบว่าเป็นโจ้กับธามที่เดินเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้รุ่นพี่เขา

"โจ้ครับ" คนตัวเล็กปราม

"จริงหรอ" พี่ชายใจสาวชะโงกหน้ามาถามเขา

"จริงครับ ผมเคยอัดคลิปน้ำตอนร้องไว้ด้วย" โจ้ว่าออกมาอย่างกระตือรือร้นพลางหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดหาไฟล์ที่ว่ามาเปิดแล้วไปวางไว้กลางโต๊ะ

*And my mates are all there trying to calm me down ‘Cause I’m shouting your name all over the town I’m swearing if I go there now I can change her mind turn it all around

(เพื่อนๆฉันทุกคนพยายามทำให้ฉันใจเย็นลง เพราะฉันตะโกนเรียกชื่อเธอไปทั่วเมือง ฉันสาบานเลยว่าถ้าฉันออกไปตอนนี้ ฉันจะเปลี่ยนใจเธอได้… และเปลี่ยนเรื่องนี้ใหม่ทั้งหมด)

And I know that I’m drunk but I’ll say the words And she’ll listen this time even though they’re slurred Dialed her number and confessed to her I’m still in love but all I heard Was nothing

(ฉันรู้ว่าฉันยังเมาอยู่ แต่ฉันจะพูดมันออกไป แล้วเธอจะฟังฉัน ถึงฉันจะพูดไม่ชัดก็เถอะ ฉันโทรหาเธอ และสารภาพกับเธอไป ว่าฉันยังรักเธออยู่ แต่สิ่งที่ฉันได้ยินคือ…ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา)


ภาพที่ขึ้นแสดงบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเป็นคนตัวเล็กเองที่กำลังนั่งบนพื้นเอนหลังพิงปลายเตียงมีกีต้าร์วางอยู่บนตักคนตัวเล็กจำได้ดีว่ามันไม่กี่วันก่อนนี่เอง ...โจ้มานอนที่หอพร้อมกับธามที่แบกเอากีต้าร์คู่ใจมาด้วย น้ำเองที่พอเล่นได้บ้างก็เลยขอลองเล่นดู แต่ไม่รู้เลยว่าถูกถ่ายคลิปเอาไว้ ...เสียงเกากีต้าร์กับเสียงร้องที่เปล่งออกมาทำให้คนทั้งโต๊ะนิ่งไป สำเนียงภาษาอังกฤษที่เปล่งออกมาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสำเนียงมันดีมาก

"พี่ด้วง พี่กรีน พี่ทรายสวัสดีค่ะ" ขณะที่ทั้งโต๊ะกำลังอึ้งกับเสียงร้องของคนตัวเล็กอยู่นั้นเสียงใสๆของน้ำฟ้าก็เอ่ยทักทายรุ่นพี่ขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มร่าเริงมาให้ ...คนตัวเล็กที่เห็นว่าใครเป็นคนเข้ามาจากที่เขินกับการที่ทุกคนกำลังฟังตัวเองร้องเพลงอยู่นั้นก็ถึงกับหน้าเจื่อนลงไป...รู้สึกผิด

"กำลังดูอะไรกันอยู่หรอคะ ฟ้าดูด้วยได้เปล่า" น้ำฟ้าว่าขึ้นมาอย่างสดใสแล้วยื่นหน้าเข้ามาดูสมาร์ทโฟนที่วางอยู่กลางโต๊ะที่ยังคงเล่นวีดีโออยู่

"น้ำหรอ" น้ำฟ้าหันมามองหน้าคนตัวเล็กพร้อมกับส่งสีหน้าสงสัยสุดขีดมาให้

"อ่า ใช่ครับ" น้ำตอบออกไปตะกุกตะกัก

"น้ำร้องเพราะมากเลยรู้ตัวปะ" น้ำฟ้าฉีกยิ้มกว้างออกมาแล้วยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู

"อ่า ขอบคุณมากครับฟ้า" คนตัวเล็กเขินกับคำชมที่ได้รับ

"ใช่ พี่ก็ว่ามันเพราะมากเลยนะ แถมยังเล่นกีต้าร์เป็นอีก" ด้วงเอ่ยสมทบความคิดของน้ำฟ้า ทุกคนในโต๊ะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

"อิด้วงกูว่านะ...ให้น้องร้องเพลงเหอะ เสียงก็ดี สำเนียงก็ดี หน้าตาก็น่ารัก เพอร์เฟคสุดๆอ่ะ กูว่าคงจะได้มาสักตำแหน่งสองตำแหน่ง" กรีน พี่ชายใจสาวหนึ่งเดียวหันไปพูดกับด้วง ซึ่งด้วงเองก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

"งั้นการแสดงของน้ำก็เอาเป็นร้องเพลงนี่แหละเล่นกีต้าร์ด้วย โอเคมั้ย" ด้วงหันมาพูดกับน้ำ

"เอ่อ คือว่า...ผม" คนตัวเล็กอึกอัก อยากจะค้านแต่ก็ไม่กล้า อยากจะร้องแต่ก็กลัว

"มีอะไรรึเปล่าน้ำ" ด้วงเห็นคนตัวเล็กดูมีท่าทีกังวลก็เลยถามออกมากลัวว่าสิ่งที่เขาตัดสินไปเป็นการบังคับคนตัวเล็กให้ทำ น้ำเม้มปากแน่นหลุบตามองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่วางประสานกันอยู่บนโต๊ะอย่างกังวล

"คืออย่างงี้ครับพี่... น้ำอ่ะเคยร้องเพลงแล้วโดนเพื่อนล้อ เพื่อนแซวซึ่งมันก็ค่อนข้างรุนแรงแล้วหลังจากนั้นน้ำก็เลยไม่กล้าร้องให้ใครฟังอีกเลย มีแต่ตอนที่อยู่กับพวกผมนี่แหละครับ บางทีพวกผมก็ขอให้เขาร้องให้ฟังบ้างแบบในคลิป" โจ้โพร่งออกมาให้ทุกคนหายสงสัยกับอาการกังวลของคนตัวเล็ก ทุกคนพยักหน้าเข้าใจกับความรู้สึกนั้นดี พราวยื่นมือไปบีบมือคนตัวเล็กเบาอย่างให้กำลังใจ อิ่มเองที่นั่งเงียบๆฟังทุกอย่างก็ยกมือขึ้นลูบหลังพร้อมกับส่งยิ้มหาดูได้ยากไปให้

"พี่ไม่บังคับน้ำก็แล้วกัน เอาที่น้ำสบายใจดีกว่าพี่ไม่ได้บังคับอะไร...แต่ถ้าร้องได้ก็จะดีมากยังไงพรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบพี่ก็แล้วกัน ไม่ต้องเครียดเนาะ" ด้วงส่งยิ้มให้กำลังใจไปให้ พลางยื่นมือเข้าไปลูบหัวคนตัวเล็กฝั่งตรงข้ามอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กพยักหน้ารับ แล้วส่งยิ้มบางๆกลับไปให้...รู้สึกโล่งใจที่ทุกคนเข้าใจและไม่ว่าอะไรเขา

"ผมจะลองไปคิดดูนะครับ ขอโทษด้วยครับ" คนตัวเล็กยกมือขึ้นไหว้ขอโทษอย่างรู้สึกผิดที่เป็นเหมือนตัวปัญหาเพิ่มภาระความลำบากให้รุ่นพี่อีก

"ไม่เป็นไรๆ อย่าเครียดก็พอ พี่ไปก่อนนะ วันนี้ไม่ต้องเข้าประชุมรู้ใช่มั้ย" ด้วงลุกขึ้นแล้วหันมาถาม

"ครับ/ค่ะ" ทั้งโต๊ะตอบรับพร้อมกัน

"งั้นก็กลับบ้านได้แล้ว พี่ไปก่อน"

"สวัสดีครับ/ค่ะ" ทั้งกลถ่มยกมือไหว้ลารุ่นพี่

"จะกลับเลยมั้ยน้ำ" พราวถามอย่างเป็นห่วงเพราะเห็นสีหน้าที่ยังเป็นกังวลของเพื่อนตัวเล็กอยู่

"ครับ และพวกพราวล่ะ จะกลับเลยมั้ย" คนตัวเล็กสะพายกระเป๋าขึ้นหลังแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสามคน

"พราวว่าจะกลับเลย"

"กูลับเลย"

"เดี๋ยวเบทไปรับพี่สาวที่ห้างก่อนค่อยกลับอ่ะ"

"ครับ งั้นกลับดีๆนะครับ ...โจ้ ธามครับ" คนตัวเล็กว่าแล้วลุกขึ้นโบกมือส่งไปให้ก่อนจะหันไปเรียกเพื่อนที่กำลังยืนพิงต้นไม้เล่นเกมในมือถืออย่างเมามันส์ โจ้กับธามพยักหน้ารับแล้วเดินตามออกมา ส่วนน้ำฟ้ากลับก่อนพวกเขาไปสิบนาทีแล้ว

"ไอ้ธาม กูลืมแล็คเชอร์กับสมุดงานมึงไว้ที่ห้องเรียนเมื่อบ่ายว่ะ" โจ้โพร่งขึ้นมาเสียงดัง

"ไอ้สัดโจ้ มึงรีบไปเอาดิ่ป่านนี้ปิดห้องไปแล้วมั้ง" ธามว่าขึ้นมา...ไอ้เพื่อนตัวดี

"ไปกับกูหน่อย นะๆๆ" โจ้หันมาเกาะแขนเขย่าไปมาเหมือนเด็กๆ

"มึงนี่มันจริงๆเลย ...น้ำเดินออกไปรอหน้ามอเลยเดี๋ยวตามไป" ธามส่ายหัวเอือมให้กับไอ้เพื่อนตัวดีแล้วหันมาบอกคนตัวเล็กก่อนที่จะวิ่งออกไปยังตึกคณะตัวเอง คนตัวเล็กมองยิ้มๆแล้วเดินผละออกมาอีกทางที่จะออกไปหน้ามอ

"คุณ..." เดินมาได้เพียงแค่สามก้าวคนตัวเล็กก็เจอกับคนที่เขาไม่ค่อยอยากเจอ

"อ่าห้ะ" ร่างสูงส่งยิ้มมาให้

"ขอตัวนะครับ" คนตัวเล็กส่งยิ้มบางๆกลับไปให้แล้วกำลังจะก้าวเดินออกไป หมับ

"อ๊ะ!" คนตัวเล็กร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อโดนร่างสูงคว้าเข้าที่แขนแล้วออกแรงกระชากเบาๆให้เข้าไปใกล้

"ฉันอยากให้นายร้องเพลงนะรู้มั้ย... นายรู้ดีอยู่แล้วว่านายไม่ได้แย่นายรู้ดีอยู่แล้วว่านายทำได้...นายกำลังกังวลสิ่งที่มันไม่น่ากังวล..." ร่างสูงก้มลงกระซิบบอกเบาๆที่ข้างหู

"คุณรู้...ได้ยังไง" คนตัวเล็กถามออกไปเสียงเบาหวิว เขาตกใจไม่น้อยที่ร่างสูงพูดแบบนี้...พูดออกมาเหมือนกับรู้ว่าตอนนี้เขาต้องการกำลังใจ ...คนอื่นอาจจะมองว่าสำออยบ้างเรื่องแค่นี้ทำเป็นคิดมาก ทำเป็นจิตตก...แต่ถ้าทุกคนเป็นแบบเขาอยู่ในสถนะเดียวกันกับเขา ทุกคนก็จะรู้และเข้าใจว่าทุกอย่างมันเซ็นซิทีฟกับคนอย่างเขามากแค่ไหนกัน... คนตัวเล็กไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูง กลัวว่าร่างสูงจะเห็นน้ำตาที่กำลังปริ่มอยู่ขอบตาแล้วจะหัวเราะเยาะ...กลัวว่าสิ่งที่ร่างสูงพูดมามันคือสิ่งล้อเล่น...เขาเจอมาเยอะแล้วกับคำปลอบโยนให้กำลังใจแบบหลอกลวง

"พอดีมาทำธุระแถวนี้เลยได้ยิน" ร่างสูงยังคงกระซิบบอกอยู่ข้างหูเล็ก คนตัวเล็กที่ได้ยินร่างสูงบอกว่ามาทำธุระที่คณะแพทย์ก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

"ปล่อยผมก่อนครับ เดี๋ยวฟ้ามาเห็น" คนตัวเล็กกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาให้ไหลกลับไปแล้วพยายามบิดแขนออกจากการเกาะกุมจากมือใหญ่

"เกี่ยวอะไรกับฟ้า" ร่างสูงสบตาคนตัวเล็กทำหน้าไม่เข้าใจ

"ผมเป็นเพื่อนฟ้า ฟ้าเป็นแฟนคุณ...อย่าทำให้ฟ้าเข้าใจผมผิดเลย แค่เรื่อง...วันนั้นผมก็รู้สึกผิดกับฟ้าจะแย่อยู่แล้ว" คนตัวเล็กเป็นตรงไปตรงมาอยู่แล้วเลยไม่คิดที่จะปิดบังความคิดของตัวเองกับร่างสูงเลยแม้แต่น้อย

"ถ้าฉันไม่ปล่อย..." ร่างสูงก้มหน้าเข้ามากระซิบข้างหูเล็ก

"ทำอะไรกันอยู่คะ ...นี่น้ำกับผารู้จักกันด้วยหรอ" ผายังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงใสว่าขึ้นมา คนตัวเล็กได้ทีจึงบิดแขนออกมาจนหลุดจากการกอบกุมนั่น

"ใช่/เปล่า" ทั้งสองคนตอบออกมาพร้อมกันคงไม่ต้องบอกเลยว่าใครตอบอะไร

"ตกลงมันยังไงคะผา" สาวสวยไม่เข้าใจกับคำตอบของคนทั้งสองที่ไม่ตรงกันจึงเลือกที่จะหันไปถามคนที่สนิทสนมกันมานานมากกว่า

"น้ำไปก่อนนะฟ้า" คนตัวเล็กแทรกขึ้นมาโบกมือส่งไปให้น้ำฟ้าแล้ววิ่งออกไปทันที ปล่อยให้น้ำฟ้าไม่เข้าใจต่อไป หันกลับมาหาร่างสูงเห็นสายตาคมมองร่างเล็กไปจนแทบละสายตาอย่างแสนเสียดายก็พอจะเดาอะไรออก

"ผาคิดอะไรกับเพื่อนฟ้าหรอคะ" สาวสวยถามออกมาอย่างรู้ทัน ร่างสูงพยักหน้าให้แทนคำตอบ

"ไม่บอกฟ้าผาคิดว่าฟ้าโง่หรอ" น้ำฟ้าโวยออกมาเบาๆอย่างไม่ชอบใจนัก

"โอ๋นะคะคนดีไม่โกรธผานะฟังผาก่อน" ผายกมือขึ้นลูบผมสวย

"ว่าคำแก้ตัวมาค่ะ" หญิงสาวกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างงอนๆ

"ผาไม่ได้คิดว่าฟ้าโง่นะ" ร่างสูงว่ายิ้มๆ เขารู้ดีว่าน้ำฟ้าฉลาดกว่าใคร ดูเขาออกทั้งหมดแบบไม่ต้องบอก

"แล้วน้ำรู้มั้ยคะว่าเราเป็นอะไรกัน" คิ้วสวยยังขมวดแน่นอยู่ไม่คลาย

"แฟนค่ะ" ร่างสูงตอบน้าหงอยๆ

"นี่เพื่อนฟ้านะ"

"แล้วถ้าผาจะขอให้ช่วย..."

"ฟ้าก็ต้องช่วยสิ เห้อ...มีผาเป็นพี่ชายนี่ฟ้าเหนื่อยจริงๆเลย กลับมาจากเมกาแทนที่จะได้เรียนสบายๆก็ต้องมาช่วยพี่ชายตัวดีจัดการผู้หญิงผู้ชายเห็นแก่เงินพวกนี้อีก ...ให้แกล้งเป็นแฟนผาแต่ฟ้าไม่มีแฟนมันไม่ยุติธรรมเลยนะ คอยดูเถอะฟ้าจะให้น้ำแกล้งผาให้หนักๆเลย" คนตัวเล็กว่าอย่างคาดโทษ

"ไหนบอกจะช่วยไง" ผาโอดครวญ

"ไม่ได้บอกจะช่วยทั้งหมดซะหน่อย" น้ำฟ้าว่าออกมาอย่างเหนือกว่า

"มีน้องสาวกะเขาทั้งคนก็ใจร้ายซะเหลือเกิน" ร่างสูงแสร้งทำเป็นน้อยใจ

"โนสนโนแคร์ค่ะคุณพี่ชาย ...กลับบ้านฟ้าจะฟ้องป๊ากับม้า" น้ำฟ้าว่าจบก็กอดอกเชิดหน้าเดินนำออกไปที่รถ

ฟ้า น้ำฟ้า วัชรเดชากุล เป็นน้องสาวคนเดียวของผา เพิ่งกลับมาจากอเมริกาหลังจากไปอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่มอหนึ่ง น้อยคนนักที่จะรู้ว่าผามีน้องสาว ตัวน้ำฟ้าเองก็ไม่ค่อยออกสื่ออยู่แล้วก็เลยไม่เป็นที่รู้จัก พอน้องสาวกลับมาก็มาเป็นตัวกันท่าพวกเห็นแก่เงินทั้งหลายให้ ...เขาไม่ได้ใช้แต่น้องสาวเขาอาสาที่จะทำมันเองบอกแค่เพียงว่ารำคาญ อยากมีพี่สะใภ้ดีๆ เอาง่ายๆคือหวงพี่ชายสุดหล่ออย่างเขานี่เอง ...ทุกคนบอกว่าน้ำฟ้าคือแฟนเขาบ้างคือตัวจริงของเขาบ้าง เพราะว่าผาแสดงออกกับน้ำฟ้าไม่เหมือนกับที่แสดงออกกับคนอื่นสักนิด...เลยทำให้ทุกคนเข้าใจผิดกันไปหมดว่าเขามีแฟน เลยไม่ค่อยมีคนเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเขามากนักเหมือนเมื่อก่อน...นั่นถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ถ้าไม่ติดที่ว่าคนที่เขาสนใจเข้าใจผิดไปด้วย เข้าใจผิดธรรมดายังพอว่า แต่นี่น้องสาวเขากับคนที่เขาสนใจเป็นเพื่อนกันอีก...มันแย่มากเลยนะ

...งานยากแล้วมึงไอ้ผาเอ๊ย ภาวนาขออย่าให้น้ำใจแข็งนักเลย...

.


.


.




...100%...

…To Be Continued…
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.7]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-12-2017 17:55:49
ชอบตัวนายเอกอ่ะ เป็นตัวละครที่มีมุมหลายมุมดี ทำให้การดำเนินเรื่องมีมิติ +เป็ดให้จ๊ะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.8]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 19-12-2017 20:50:20
[Episode 8​]




"บ้าจริงๆเลย" คนตัวเล็กหยุดวิ่งเมื่อเห็นว่าไกลออกมามากพอแล้วสบถออกมาไม่เบานัก

"ตัวเล็ก!" น้ำได้ยินจึงหันไปมองทางต้นเสียง ถ้าเขาจำไม่ผิดคงเป็นเพื่อนผาที่ชื่อดินแน่ๆ ดิน ที่เจอคนตัวเล็กโดยบังเอิญก็ถึงกับดีใจอย่างปิดไม่มิด

"สวัสดีครับพี่ดิน" คนตัวเล็กเมื่อพิจารณาแล้วว่าใช่คนที่ตัวเองรู้จักก็ยกมือไหว้ทักทายทันที

"จำได้ด้วยหรอเรา" ดินว่ายิ้มๆ แล้วเดินเข้ามาหา...อะไรไม่รู้ทำให้น้ำรู้สึกสบายใจแปลกๆ

"ก็...ครับ"

"แล้วทำอะไรมาเหงือแตกพลั้กเชียว" ดินที่สังเกตเห็นอาการหอบน้อยๆเสื้อชื้นเหงื่อไหนจะไรผมที่เปียกชุ่มนั้นก็อดจะถามไม่ได้ว่าไปทำอะไรมา จะบอกว่าร้อนก็ไม่ใช่

"วิ่งมาน่ะครับ" คนตัวเล็กตอบ

"รีบไปไหนล่ะ" ดินยังคงถามต่อด้วยความสนใจ

"ไม่ได้รีบครับ แค่กะจะวิ่งออกไปรอเพื่อนหน้ามอ" คนตัวเล็กว่าพลางกระพือเสื้อระบายความร้อน ...หน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อผมหน้าม้าที่เปียกชุ่มถูกเสยขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ดินมองกิริยาของคนตัวเล็กอย่างไม่วางตา รอยยิ้มแห่งความดีใจเผยชัดขึ้นทุกขณะ



...ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก ไม่ว่ายังไงพี่ไม่ปล่อยเราแน่ๆตัวเล็ก...



"พี่ดินครับ พี่ดิน!" คนตัวเล็กที่เห็นว่าคนตัวสูงเอาแต่มองเขาแล้วก็ยิ้มอยู่อย่างนั้นจึงเรียกคนตัวสูงพลางส่งมือโบกไปมาตรงหน้าคนตัวสูง มองขนาดนี้ก็อดที่จะเขินไม่ได้

"ไปนั่งรอหาอะไรดื่มกันข้างในมั้ย ยังไงเพื่อนก็ต้องผ่านร้านนี้อยู่ดี" คนตัวเล็กหันไปมองด้านหลังคนตัวสูงก็เห็นว่าที่ที่ตัวเองหยุดพักเป็นคาเฟ่หน้ามอ เขาพยักหน้าแล้วเดินตามคนตัวสูงเข้าไปในร้าน...

"วันนี้รับอะไรดีคะดิน" พอเดินมาถึงหน้าเค้าท์เตอร์พนักงงานสาวก็เอ่ยถามคนตัวสูงอย่างสนิทสนม

"กินอะไรดีตัวเล็ก" ดินยกแขนขึ้นพาดบ่าคนตัวเล็กไว้แล้วถาม คนตัวเล็กไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุกคามแต่กลับรู้สึกสบายใจและรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และดินเองก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรือต้องการจะแต๊ะอั๋งลวนลามแต่อย่างใด

"ชาเขียวปั่นหวานน้อยครับ" น้ำเงยหน้าบอกกับคนตัวสูง ...เมนูโปรดเขาล่ะ

"อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ ของฉันก็เอาเหมือนเดิม" คนตัวสูงสั่งยิ้มๆ

"เอ่อ...ผมขอบลูเบอร์รี่ชีทเค้กชิ้นนึงด้วยครับ" พนักงานสาวยิ้ม

"โต๊ะเดิมยังว่างนะคะดิน" พนักงานสาวเอ่ยบอกแล้วผายมือไปยังโต๊ะที่ตั้งติดกระจกมุมในสุดของร้านที่ดูเป็นส่วนตัวกว่าโต๊ะอื่นๆ

"ขอบคุณมากครับ" คนตัวสูงยิ้มรับแล้วแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะตัวประจำทันที โซนนี้เป็นโซนที่เขาชอบนั่งเพราะเป็นส่วนตัวดี มีโต๊ะให้ลูกค้านั่งแค่สามตัวเท่านั้น พอคนตัวเล็กนั่งลงก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกเพื่อนว่าตัวเองอยู่ไหน และก็เป็นธามที่ตอบกลับมาว่าจะเข้ามาหาในร้าน

"ได้แล้วค่ะดิน" พนักงานสาวคนเดิมยิ้มยกถาดเข้ามาเสิร์ฟ

"ขอบคุณครับ" พนักงานสาวจัดวางของบนโต๊ะเสร็จก็ขอตัวออกไป

"ขนมมาแล้วอย่ามัวแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์สิ" เขาแกล้งแหย่คนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งจิ้มโทรศัพท์

"อ่า ...ขอโทษด้วยครับที่เสียมารยาท" คนตัวเล็กรู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาทบนโต๊ะอาหารกับรุ่นพี่ปีสูงก็รีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้งเอ่ยขอโทษทันที

"เห้ย พี่แค่แหย่เล่นอย่าซีเรียสดิ" คนตัวสูงที่เห็นน้ำทำหน้ารู้สึกผิดก็รีบบอกทันที

"แต่น้ำ อ่า...แต่ผมก็ต้องขอโทษอยู่ดี ...คือพอดีส่งข้อความบอกเพื่อนน่ะครับว่าอยู่นี่เดี๋ยวจะหากันไม่เจอ" คนตัวเล็กยังคงรู้สึกผิดอยู่ ที่เผลอคุยกันจนลืมตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ...แถมเขายังเผลอเรียกแทนตัวเองออกไปอีก...เด๋อจริงๆเลยเรา

"บอกว่าอย่าซีเรียส" ดินว่าออกมาขำๆมองดูอาการรู้สึกผิดของคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู

"ครับ" คนตัวเล็กรับคำแล้วหยิบแก้วชาเขียวขึ้นมาดูด

"ชอบกินบลูเบอร์รี่ชีทเค้กหรอ" คนตัวสูงชวนคุย

"ครับ เปรี้ยวๆหวานๆอร่อยดีครับ ลองชิมดูมั้ยครับ" คนตัวเล็กเลื่อนจานไปตรงหน้าของดินซึ่งทำหน้าแหยๆอยู่

"ไม่ล่ะพี่ค่อยไม่ค่อยชอบบลูเบอร์รี่อ่ะถ้าเป็นสตอเบอร์รี่จะดีกว่านี้"

"เหมือนกันเลยครับ แต่วันนี้มันหมดผมเลยเอาบลูเบอร์รี่มาแก้ขัดไปก่อน" คนตัวเล็กว่า พลางตักบลูเบอร์รี่ชีทเค้กเข้าปากไปยิ้มไป...คนตัวเล็กยอมรับว่าเวลาอยู่กับดินแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ที่ผับแล้ว...ไม่ได้รู้สึกในเชิงชู้สาวแต่รู้สึกอุ่นใจเหมือนอยู่กับธามกับโจ้มากกว่า

"จะแทนตัวเองว่าน้ำแล้วเรียกพี่ว่าพี่ดิน พี่ก็ไม่ว่านะ" คนตัวสูงว่าออกมายิ้มๆอย่างนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้คนตัวเล็กเผลอแทนตัวเองออกมาแบบนั้นจึงเอ่ยอนุญาต...อย่างที่ไม่เคยอนุญาตใครมาก่อน เขาค่อนข้างถือตัว กลุ่มเขาค่อนข้างเลือกคบคน ไม่ใช่ฐานะรวยหรือจนแต่พวกเขามักให้ความรู้สึกแรกตัดสินเสมอ...และคนตัวเล็กนี่ดินก็รู้สึกเอ็นดูมากเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเหตุผลบางอย่าง...ที่เขารอให้มันเป็นจริง และเขายิ่งได้เห็นยิ่งได้เข้าใกล้แบบนี้...ดินก็ยิ่งมั่นใจไปอีกว่าน้ำต้องเป็นคนนั้นของเขาแน่ๆ คนตัวเล็กพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มเต็มแก้มส่งไปให้...ทำให้ดินที่มองอยู่ถึงกับชะงัก ใจเขากระตุกไปวูบหนึ่งเมื่อคิดได้ว่า รอยยิ้มนี้เหมือนใคร เหมือนมากจริงๆ ...ดวงตาประกายสวยกับรอยยิ้มหวานแบบนี้...เหมือนกันมากกจริงๆ





ครืดดด ครืดดด ครืดดด

ดินหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูจึงกดรับทันที

"ครับปู่...เลิกแล้วครับ...ได้ครับ ดินจะรีบเข้าไป...ครับสวัสดีครับ"

"พี่ต้องไปก่อนนะตัวเล็ก นั่งรอคนเดียวได้ใช่มั้ยเรา" ดินถามคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง เพราะนี่ก็เริ่มจะเย็นมากแล้ว

"ได้ครับ" คนตัวเล็กรับคำ

"พี่ขอโทษด้วยนะชวนมานั่งแต่ต้องมาทิ้งให้นั่งคนเดียว" ดินว่าอย่ารู้สึกผิดและเสียดายที่ไม่ได้นั่งคุยกับน้ำต่อ

"ไม่เป็นไรครับพี่ดินสบายมาก" คนตัวเล็กส่งยิ้มไปให้

"โอเค พี่ไปและ เจอกัน" คนตัวสูงเก็บของแล้วผละออกไปไม่ทันที่คนตัวเล็กยกมือไหว้ลา คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลารอเพื่อนอีกสองคนที่ดูจะไปนานเกินเหตุ



"นั่งด้วยคนได้มั้ยครับ" คนตัวเล็กละจากหน้าจอมือถือเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียงแล้วชะงักไปเล็กน้อย

"คุณ..." เอ่ยเรียกคนตรงหน้าเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน

"ขอนั่งด้วย" ร่างสูงก็หย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามไม่รอคำอนุญาตจากคนตัวเล็กเลย

"ผมยังไม่ได้อนุญาตเลยนะครับคุณผา" คนตัวเล็กว่าออกมาหน้าบึ้ง...รู้สึกผิดอยู่บ้างที่ต้องทำนิสัยไม่ดีแบบนี้กับคนตรงหน้า...แต่เขาคงจะรู้สึกผิดกว่านี้แน่ถ้าทำให้เพื่อนสาวอย่างน้ำฟ้าเข้าใจเขาผิด

"ใจร้ายจังเลยน้า" ผาแสร้งพูดตัดพ้อคนตัวเล็ก พร้อมกับวางหนังสือลงบนโต๊ะ...และก็เป็นสิ่งที่เรียกสายตาของคนตัวเล็กได้ไม่น้อย

"ก็คุณนั่งแล้วนี่ครับ" คนตัวเล็กว่าออกมาอย่างยอมแพ้

"ก็จงใจมานั่ง ไม่ได้นั่งก็คงแปลก" ร่างสูงยักใหล่ส่งไปอย่างกวนๆ

"มีอะไรรึเปล่าครับ" คนตัวเล็กวางโทรศัพท์ลงแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"มันโดนไอ้พุ่มลากไปช่วยงาน ฉันจะมาคาเฟ่พอดีมันเลยฝากมาบอกว่าให้กลับก่อน แบตโทรศัพท์มันก็หมดเลยไม่ได้ตอบไลน์" ร่างสูงร่ายยาวพลางหยิบหนังสือเรื่องโปรดขึ้นมาเปิดอ่าน...เห็นเขาอย่างนี้เขาก็ชอบอ่านหนังสือนะ

"เอ่อ...ขอโทษนะครับ หนังสือนิยายฝรั่งเศษเล่มนั้นของคุณหรอครับ" คนตัวเล็กที่สนใจตั้งแต่ร่างสูงวางมันลงแล้วก็เอ่ยถามขึ้นมา

"อ่าใช่...รู้ภาษาฝรั่งเศสด้วยหรอ" ผาถามออกมาอย่างแปลกใจ

"ก็...รู้บ้างนิดหน่อยครับ" ตอบไปแต่สายตาก็ยังไม่ละออกจากหนังสือ เขาสนใจพวกวรรณกรรม นิยายหรือไม่ก็หนังของต่างประเทศอยู่แล้ว เขาเคยได้อ่านบ้างจากหนังสือของแม่ดาแต่ก็เคยอ่านแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น

"เรียนจากไหน ...พิเศษหรอ" ผาถามออกมาอย่างสงสัย

"ก็...ประมาณนั้นครับ" ตอบแบบนี้ก็คงไม่ผิดนักเพราะแม่ดาก็สอนเขามาเองกับมือ

"สนใจแนวนี้หรอ...มันค่อนข้างอ่านยากอยู่นะ" แม้ร่างสูงจะชอบแนวสืบสวนแต่บางครั้งก็ยังไม่เข้าใจเลย คนตัวเล็กอายุแค่สิบแปดเองนะ...

"ครับ" ร่างสูงสัมผัสได้ถึงความสุขที่สั่นระริกอยู่ในแววตาสวยนั่น...

"เล่มนี้เล่มโปรดฉันเลยนะ ...พิมพ์สองภาษา อังกฤษกับฝรั่งเศส เล่มนี้ซื้อให้เป็นของขวัญตัวเองเมื่อปีที่แล้วตอนที่ไปเที่ยวน่ะ...อยากลองอ่านมั้ย" ร่างสูงเห็นแววตาวาวทอประกายความสุขนั่นก็อดออกปากที่จะให้ยืมอ่านไม่ได้ คนตัวเล็กรับหนังสือเล่มหนามาจากร่างสูงด้วยรอยยิ้มเต็มแก้ม...เขาอยากอ่านเรื่องนี้ที่ตีพิมพ์ฝรั่งเศสไม่ไหวแล้ว

"ขอบคุณครับ" คนตัวเล็กยิ้มจนตาหยี เปิดหนังสืออ่านและจมอยู่กับมันไม่สนใจรอบข้างอีกเลย...แม้แต่ตอนที่ร่างสูงเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปคนตัวเล็กไปสิบกว่ารูปแล้วก็ยังไม่รู้ตัว



"น้ำ...กลับมั้ยมืดแล้วนะฝนก็จะตกแล้วด้วย" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือมองผ่านกระจกออกไปเห็นท้องฟ้าเริ่มมืดและยังมีเมฆสีดำทะมึนที่พร้อมตกตลอดเวลาลอยอยู่เหนือหัว

"คุณกลับก่อนก็ได้ครับ พวกโจ้ยังไม่มากันเลย" คนตัวเล็กว่าออกมาอย่างกังวลวันนี้ไม่มีใครพกร่มมาเลย

"เดี๋ยวไอ้พุ่มมันไปส่งที่คอนโดฉัน มันโทรมาเมื่อกี้" ร่างสูงว่าพลางเก็บเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะมาถือไว้

"แล้วผม..." คนตัวเล็กเก็บของลงกระเป๋าบ้าง

"ไปอยู่คอนโดฉันก่อน" ร่างสูงว่าจบก็ลุกขึ้นเดินออกขากร้านมายังรถคันหรูที่จอดอยู่แล้วขึ้นประจำที่นั่งคนขับทันที คนตัวเล็กเองก็ไม่รอช้ารีบตามขึ้นไปนั่ง ในทีแรกคนตัวเล็กก็สงสัยว่าทำไมถึงต้องไปคอนโดก่อนด้วย...แต่พอมาถึงปากซอยที่จะเข้าคอนโดของร่างสูงเขาก็รู้ทันทีว่าหอเขาแค่ข้ามสะพานลอยไปก็ถึงแล้ว

"ถึงแล้ว" ร่างสูงบอกเรียบๆเมื่อรถจอดสนิทในที่จอดรถของคอดโด คนตัวเล็กรวบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายแล้วลงเดินตามร่างสูงเข้าลิฟต์ไป ลิฟต์ตัวนี้พาเขามายังชั้นที่ยี่สิบเอ็ด เขาเดินตาร่างสูงออกมาจนมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง ร่างสูงจัดการรูดบัตรแล้วไขกุญแจเข้าไป

"เข้ามาสิ" ห้องถูกเปิดไฟขึ้นจนสว่าง คนตัวเล็กก้าวตามเข้าไปตกตะลึงกับความสวยของห้องหรูขนาดใหญ่ ตรงหน้าเขาคือชุดโซฟากำมะหยี่สีกรม มีทีวีจอใหญ่ติดผนัง ข้างกันมีประตูไม้สีขาวที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องๆหนึ่ง ขวามือเขาเป็นบาร์ห้องครัวขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีอุปกรณ์ครบมือ ข้างหลังชุดโซฟามีประตูสีขาวอยู่สองบานเขาเดาว่าน่าจะเป็นห้องนอนถัดจากห้องนอนเข้าไปเป็นพื้นที่โล่งกว้างพอสมควร มีโต๊ะคอมตั้งอยู่ อีกมุมหนึ่งเป็นโต๊ะขนาดกลางมีหนังสือและชีทกองเต็มไปหมด ตลอดแนวยาวของผนังอีกแถบเป็นกระจกใสแทบทั้งหมดที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงข้างนอกได้

"ตรงโต๊ะทำงานฉันมีชั้นวางหนังสืออยู่ ไปดูได้นะ" คนตัวเล็กมองตามสายตาร่างสูงไป

"ครับ" คนตัวเล็กที่ยังไม่เห็นมีชั้นวางหนังสือเลยก็เดินไปดูตามที่ร่างสูงบอก แล้วก็จอเข้ากับผนังห้องที่ถูกทำเป็นช่องยาวๆมีหนังสือวางอยู่เป็นไปหมด หนังสือถูกจัดออกเป็นหมวดๆเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา มีหลายภาษามากทั้งอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส ไทย ...ถึงว่าทำไมเขาถึงไม่เห็น

"หยิบเอามาอ่านได้นะ" ร่างสูงมองอาการดีใจนั้นด้วยความเอ็นดู

"ขอบคุณครับ" คนตัวเล็กหันกลับไปส่งยิ้มตาหยีให้อย่างน่ารักแล้วคนมองเองก็ว่ามันน่ารักมากเสียด้วยสิ



...จะน่ารักไปไหนวะ...





ครืดดด ครืดดด ครืดด

ร่างสูงเดินไปหยิบมือถือที่สั่นอยู่บนโซฟาขึ้นมากดรับ

"ว่าไงคะฟ้า" ร่างสูงกรอกเสียงถามปลายสายอย่างอ่อนโยน...น้ำที่กำลังหยิบหนังสือออกมาดูก็ถึงกับชะงักเก็บหนังสือเข้าที่ไปทันที แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ที่สุด...เมื่อคิดได้ก็รวบกระเป๋าขึ้นสะพาย เดินผ่านหน้าร่างสูงแล้วยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยเบาๆกับร่างสูง

"ขอตัวกลับก่อนนะครับ" คนตัวเล็กหันหลังแล้วเดินออกมา ...ทั้งๆที่ประตูอยู่ใกล้แค่นี้ทำไมมันดูเหมือนเดินไปไม่ถึงสักทีนะ...

"เดี๋ยวก่อนน้ำ! น้ำ!" ร่างสูงกดตัดสายไปแล้วเดินตามมาขวางหน้าจับแขนคนตัวเล็กไว้

"ครับ" คนตัวเล็กหยุดเดินแล้วเบี่ยงตัวออกจากมือร่างสูงนั่นเล็กน้อย

"จะรีบไปไหน" ร่างสูงยอมปล่อยแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อกี้ยังยืนอ่านหนังสือดีๆอยู่เลย

"กลับหอครับ" คนตัวเล็กว่าแล้วเดินเลี่ยงร่างสูงออกไปทางประตู



หมับ!



 "เป็นอะไรน้ำ" ร่างสูงจับเข้าที่แขนคนตัวเล็กก่อนจะเดินไปถึงประตู

"เปล่าครับผมแค่จะกลับห้องผมเฉยๆ" น้ำพูดออกมาทั้งๆที่ยังหันหลังให้ร่างสูงอยู่

"อยู่นี่ก่อนก็ได้" ร่างสูงว่าออกมาเสียงอ่อน...



...อยู่ดีๆคนตัวเล็กก็อยากจะกลับหอแบบนี้เขาทำอะไรผิดอีกแน่ๆเลย...



"มันใช่ที่ที่ผมควรจะอยู่หรอครับ" คนตัวเล็กดึงแขนตัวเองออกเบาๆแล้วหันกลับมามองร่างสูงอย่างจริงจัง

"ทำไมจะอยู่ไม่ได้" ร่างสูงยอมปล่อยมือออกจากแขนคนตัวเล็ก

"นี่คุณไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่ครับ" คนตัวเล็กถามออกมาอย่างเหลืออด

"รู้อะไร" ร่างสูงที่ยังไม่รู้จริงๆว่าตัวเองไปทำอะไรให้คนตัวเล็กโกรธถามออกมาอย่างสงสัย

"ช่างเถอะครับ ผมจะกลับห้อง" คนตัวเล็กหันหลังกลับไปเปิดประตูเตรียมจะเดินออก



ปัง!!



ร่างสูงตามมาปิดประตูลงเสียงดัง จับคนตัวเล็กให้หันกลับมาแล้วใช้แขนคร่อมคนตัวเล็กเอาไว้ ...เขาเองก็ชักเริ่มจะหงุดหงิดกับคนตัวเล็กนี่ขึ้นมาบ้างแล้ว

"อยู่คุยกันให้รู้เรื่องก่อนจะได้มั้ย" ร่างสูงเอ่ยออกมาเสียงเรียบ

"ทะ...ทำไมต้องคุยด้วยครับ ผมไม่เห็นความจำเป็นเลย" คนตัวเล็กพยายามคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นก็อยู่ใกล้กันจนลมหายใจแทบจะเป็นลมเดียวกันขนาดนี้ไม่สั่นก็แปลกแล้ว...

"เพราะฉันบอกว่าจะจีบนายไงมันถึงจำเป็น"

"คุณคิดรึเปล่าครับก่อนจะพูดออกมา... คุณพูดแบบนี้มากี่คนแล้วครับ บอกว่าจะจีบคนนู้นคนนี้มากี่คนแล้วครับ..." คนตัวเล็กว่าออกมาอย่างเหลืออด

"ฟังฉันก่อนได้มั้ย" ร่างสูงพยายามจะอธิบาย

"ไม่จำเป็นต้องฟัง ...คุณก็มีแฟนอยู่แล้ว แล้วบอกจีบคนอื่นไปทั่วแบบนี้ไม่กลัวแฟนคุณเขาเสียใจบ้างหรอครับ..."

"น้ำ..."

"แล้วแฟนคุณนั่นก็ฟ้าเพื่อนผมนะ ...คุณยังจะทำกับผมแบบนี้อีก ปล่อยผมกลับเถอะครับ...ผมไม่สบายใจเวลาอยู่กับคุณ ไม่สงสารผมก็สงสาร อื้อ!"
เส้นความอดทนของร่างสูงขาดลงไปพร้อมกับก้มลงประกบปิดปากคนตัวเล็กที่ขยับไปมาอย่างล่อตาล่อใจ... คนตัวเล็กเบิกตากว้างอย่างตกใจปากที่เผยออยู่เล็กน้อยนั่นก็เหมือนกับเปิดทางให้ร่างสูงสอดลิ้นเข้ามาฉกชิมความหวานไปอย่างง่ายดาย...คนตัวเล็กเล็กได้สติกลับคืนมาใช้กำปั้นน้อยๆทุบไปบนแผ่นอกแกร่งเพื่อให้ปล่อย แต่ร่างสูงไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ใช้มือข้างหนึ่งขึ้นมาประคองท้ายทอยเอาไว้ให้แหงนรับองศาที่ร่างสูงจู่โจมลงไปได้ถนัด มืออีกข้างก็จัดการรวบเข้าที่เอวเล็กกระชับแน่นเข้าหาตัวจนแทบจะรวมเป็นหนึ่งเดียว ...ปลายลิ้นไล่ความไปทั่วโพรงปากหวาน ไล่ต้อนดูดดึงปลายลิ้นเล็กอย่างหยอกล้อ คนด้อยประสบการณ์คล้อยตามไปไม่ยากนัก จากมือที่คอยทุกก็เปลี่ยนมาเป็นขยุ้มเข้าที่เสื้อของร่างสูงแทน ...ร่างสูงขบเม้มริมฝีปากนิ่มสลับกับดูดึงปลายลิ้นเล็ก น้ำเองก็ตอบรับอย่างไม่ประสา ทำให้ร่างสูงแทบจะไม่อยากหยุดอยู่แค่นี้ ...ร่างสูงผละออกมาช้าๆ มองดูริมฝีปากที่เจ่อบวมขึ้นกว่าเก่าด้วยฝีเขาเล็กน้อยอย่างภูมิใจ กดจูบย้ำๆซ้ำๆ จนคนตัวเล็กใจเต้นระรัวใบหน้าเห่อร้อนขึ้นสีชมพูระเรื่ออย่างน่ารัก ...ร่างสูงยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มนวลแผ่วเบาแล้วกดจมูกลงไปสูดเอาความหอมเข้าไปเต็มปอดเสียฟอดใหญ่

"ทีนี้จะฟังพี่ได้รึยัง"



...ฉ่า...

ร่างสูงกระซิบถามข้างใบหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนคนตัวเล็กแทบจะระเบิดอยู่แล้วไหนจะสรรพนามแทนตัวเองที่เปลี่ยนไปนั่นอีก

"...พี่กับฟ้าเป็นพี่น้องกัน" คนตัวเล็กได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างตกใจ

"พี่น้อง?" คนตัวเล็กถามออกมาอย่างสงสัยกับคำแก้ตัวของร่างสูง

"ใช่...พี่น้องแท้ๆพี่น้องท้องเดียวกัน พ่อแม่เดียวกันใช้นามสกุลเดียวกัน...ไม่เชื่อลองไปถามฟ้าดู" ร่างสูงเอ่ยออกมาพร้อมกับส่งยิ้มหล่อไปให้ ยิ่งทำให้ ...นั่นยิ่งทำให้น้ำสงสัยหนักเข้าไปใหญ่

"...แล้วทำไม"

"พี่ไม่เคยบอกใครเลยนะว่าพี่กับฟ้าเป็นแฟนกัน...มีแต่คนคิดไปเองทั้งนั้น คนอื่นปล่อยให้คิดแบบนั้นน่ะดีแล้ว...แต่กับน้ำพี่ว่าคงไม่ดีแน่นอน" ร่างสูงยังยิ้มไม่หยุด เพราะหน้าตาขี้สงสัยของคนตัวเล็กนี่มันน่ารักมากซะจนแทบอดใจเอาไว้ไม่อยู่...เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มพร้อมกับสายฝนที่โปรยลงมาอย่างบ้าคลั่งนั่นไม่อาจจะกลบเสียงหัวใจดวงน้อยๆของน้ำที่เต้นระรัวอยู่ในอก...เขาดีใจจนเผลอยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ

...ทำไมต้องดีใจขนาดนี้ด้วยนะน้ำ...



จุ๊บ

"ทีนี้จะให้พี่จีบได้ยัง" ร่างสูงก้มลงกดจูบริมฝีปากเจ่อน่าจูบหนึ่งที

"เอ่อ..."



จุ๊บ

"ได้มั้ยครับ..." ร่างสูงก้มลงกดจูบอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว ...คนตัวเล็กที่เขินจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอ้ำๆอึ้งๆ

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

"อ๊ะ! โอเคครับๆ" คนตัวเล็กยกมือขึ้นปิดปากร้ายกาจของร่าสูงทันทีที่กำลังจะก้มลงมาระดมจุ๊บเขาอีกครั้ง...จะให้เขินตายให้ได้เลยใช่มั้ย

"โอเคอะไรครับ หื้ม" ร่างสูงถามออกมากระชับกอดเอวบางเข้ามาชิดตัวก่อนจะจับมือเล็กที่ปิดปากเขาออก

"ก็...คือ ก็...ก็บอกว่าจะจีบไม่ใช่รึไงเล่า" คนตัวเล็กทำหน้ายู่ใส่เขาปกปิดอาการเขินของตัวเอง...แต่แก้มที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อนั่นร่างสูงก็ยังเห็นชัดเจนอยู่ดี

"คบเลยไม่ได้หรอ" ร่างสูงกระซิบถามเสียงพร่าข้างหูแล้วก้มลงกดจูบคนตัวเล็กอีกครั้ง

จุ๊บ

"งื้อออ~ อย่าแกล้ง" คนตัวเล็กยกมือขึ้นปิดหน้าเพราะทนเขินไม่ไหวแล้ว

"หึๆ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ไหนเงยหน้ามาดูหน่อยซิ" ร่างสูงหัวเราะชอบใจ ยกมือขึ้นจับมือนคนตัวเล็กที่ปิดหน้าอยู่ออก

"เขินพี่หรอ...หน้าแดงเชียว" ร่างสูงเชยคางคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมา แล้วเอ่ยแซวชิดใบหูเล็ก

"หื่ออ~บอกว่าอย่าแกล้งผมไง" คนตัวเล็กก้มหน้าลงอีกครั้งเพราะแก้มเห่อร้อนเจียนแทบจะระเบิด

"ต่อไปนี้แทนตัวเองว่าน้ำนะ...เรียกพี่ว่าพี่ด้วย" ร่างสูงกระซิบบอก...

"ค ครับ..." คนตัวเล็กเงยหน้าบอก



ติ๊งต่อง!

คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกหันหลังกลับไปมองทางประตู

"สงสัยไอ้พุ่มมา" ร่างสูงก่อนจะเปิดประตูออก ก็เห็นโจ้กับธามยืนอยู่กับเพื่อนของผาอีกสามคน พุ่ม วัช และว่านต่างส่งสายตาและรอยยิ้มกรุ้มกริ่มไปให้ผาที่ยืนยิ้มไม่หุบอยู่ในห้อง คนตัวเล็กยืนแอบอยู่ข้างหลังร่างสูงพอเห็นเพื่อนสองคนมาก็ส่งยิ้มดีใจไปให้ โจ้กับธามที่เห็นคนตัวเล็กโผล่หน้าออกมาก็ถึงกับต้องหันมามองหน้ากัน...ก็เพื่อนตัวเล็กของเขาหน้าแดงหูแดงขนาดนั้นแถมปากยังเจ่อๆผิดปกติอีก ไม่ต้องบอกเด็กอนุบาลยังรู่เลย

"เข้ามาก่อน" ร่างสูงถอยเข้ามาพร้อมกับเปิดประตูกว้างขึ้น

"ทำอะไรให้กินทีดิหิวไส้จะขาด ...กูแวะซื้อของสดมาแล้ว" พุ่มว่าแล้วกวักมือให้โจ้กับธามถือถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าไปวางในครัว

"ภาระกูอีก ...จะแดกอะไรล่ะ" ผาหันไปถาม พวกมันมาทีไรก็แบบนี้ทุกทีต้องเป็นพ่อครัวใหญ่จัดการเรื่องของกินให้พวกมันตลอด

"ต้มแซ่มกระดูกหมู" พุ่มว่า

"ผัดเปรี้ยวหวาน" ว่าน

"กระดูกหมูทอดกระเทียม กับผัดคะน้าน้ำมันหอย" สุดท้ายคือวัช พูดกันจบก็ยกโขยงกันออกไปนั่งรอที่โซฟา

"ให้ผม...เอ่อ ให้น้ำช่วยมั้ย" คนตัวเล็กที่ยืนฟังรายการอาหารที่ถูกสั่งเมื่อสักครู่ก็อาสาช่วย

"ทำเป็นหรอ" ร่างสูงเริกคิ้วถามอย่างแปลกใจ

"โหพี่ผา น้ำทำโคตรอร่อยอ่ะ" โจ้ที่จัดของเข้าตู้เย็นอยู่หันมาบอ

"ดีเลย ...งั้นมาช่วยพี่หน่อยนะ" ร่างสูงหันมายิ้มหล่อให้คนตัวเล็กที่มองมาก็ถึงกับเขิน ธามกับโจ้ที่ยังอยู่ก็ลอบมองปฏิกิริยาแปลกๆของสองคนนี้เงียบๆแล้วหันมาพยักหน้าให้กันแล้วพากันเดินออกไป

"ถ้ายังไงวันนี้พี่ขอเป็นลูกมือน้ำดีกว่า ไอ้พวกนั้นคงเบื่อฝีมือพี่แย่แล้ว" ร่างสูงเดินเข้ามาล้างมือ เปิดตู้ด้านบนหยิบผ้ากันเปื้อนสีดำออกมาแล้วใส่คล้องคอให้กับคนตัวเล็กแล้วเอื้อมไปมือไปผูกเชือกข้างหลังให้
"ข ขอบคุณครับ" ร่างสูงยิ้มตอบพลางมองแก้มของคนตัวเล็กที่ขึ้นสีชมพูระเรื่องอย่างน่ารักนั่นไม่วางตา
"แล้ว...คุณ เอ่อ...พี่ผา อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ" คนตัวเล็กที่หยิบวัตถุดิบออกมาตามเมนูอาหารที่สั่งไว้ออกมาพลางนึกถึงเมนูที่ร่างสูงอยากกิน...แต่ไม่มี

"ยำวุ้นเส้น" ร่างสูงมองการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วแล้วยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

"ครับ ...พี่ผาหุงข้าวได้มั้ยครับ เดี๋ยวสุกไม่ทัน" คนตัวเล็กรับคำแล้วหันกลับมาบอก ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะจัดการหุงข้าวตามที่น้ำบอก พอหุงข้าวเสร็จแล้วเขาก็มายืนพิงโต๊ะทานอาหารมองคนตัวเล็กที่หยิบนั่นจับนู่นดูคล่องแคล่วน่ามอง...แล้วเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมา ถ่ายรูปคนตัวเล็กที่หันหลังให้เขาอยู่





Nakin Pha : กับข้าวมื้อนี้อร่อย

*รูปน้ำชุดนักศึกษาใส่ผ้ากันเเปื้อผูกหลังสีดำยืนหันหลังให้กล้อง*

Likes 743 comments 92 . . .

พี่พุ่ม นะเออ : กับข้าวหรืออะไรครับมึงที่อร่อย ฮิ้ววววว @Nakin Pha

Wan Wanin : ยืนมองละยิ้ม...ยังไง*รูปด้านข้างผาที่กำลังมองคนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม* @Nakin Pha

วัช ตัวอ้วน : แม่งเอาจริงว่ะเห้ย @Nakin Pha




...ก็ไม่ได้บอกว่าจะเล่นซะหน่อย...







...100%...

…To Be Continued…


หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.8]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 19-12-2017 22:55:26
สนุกมากเลยค่ะ รอๆๆ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.9]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 20-12-2017 14:39:07
[Episode 9​]





...ตือดึ๊ง!...

เสียงแจ้งเตือนดังมาจากโทรศัพท์ของน้ำ หยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นผาที่ทักไลน์มาหาเขาแต่เช้า

ผา : เสร็จหรือยัง

ตั้งแต่หลังจากกลับมาจากคอนโดของผา จนเกือบจะได้อาทิตย์แล้วผาก็ทักเขามาแล้วบอกว่าจะมารับทุกเช้าแต่คนตัวเล็กก็ปฏิเสธ บ่ายเบี่ยงที่จะให้ผามารับตลอด ตอนแรกเขาก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ๆผาก็ทักมา แถมยังมีเบอร์เขาอีก พอถามว่าเอามาจากไหนผาก็ไม่ยอมบอกเขา

น้ำ : เสร็จแล้วครับ

ผา : เดี๋ยวพี่ไปรับ

น้ำ : ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ

ผา : อยู่หน้าหอแล้ว

น้ำอ่านข้อความนั้นแล้วก็ถึงกับคิดไม่ตก คิดหาทางออกว่าจะปฏิเสธผายังไงดี ก็ใครมันจะไปกล้าไปกับคนที่ประกาศว่าจะจีบเขากันเล่า

"เป็นอะไร หน้ามุ่ยแต่เช้าเชียว" โจ้ที่ตื่นมาพร้อมกันกับน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่นั่งหน้ามุ่ยใส่โทรศัพท์อยู่ น้ำไม่ตอบแต่ยื่นโทรศัพท์ให้โจ้ดู

"ถ่ายรูปหน้าหอส่งมาด้วย" โจ้ว่าแล้วยื่นโทรศัพท์คืนน้ำไป

"ทำไงดี" น้ำเงยหน้าขึ้นถามโจ้ที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ส่วนธามเพิ่งลุกเข้าไปอาบน้ำเมื่อกี้นี้เอง

"ทำไมถึงไม่อยากไปอ่ะ" โจ้หันหลังกลับมาถาม

"...ไม่รู้" เขาหมายความตามที่พูดจริงๆนั่นแหละ ไม่รู้จริงๆว่ารู้สึกยังไงเหมือนกัน...คงทำตัวไม่ถูกแหละ

"โจ้ว่าก็ดีนะ...พวกเราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงน้ำ ยิ่งช่วงนี้ต้องกลับดึกๆดื่นๆอีก" โจ้บอกกับคนตัวเล็กไป ที่ว่าต้องกลับดึกๆก็เพราะอาทิตย์นี้น้ำจะต้องอยู่ซ้อมอยู่เก็บตัวเดือนมหาลัยนู่นนี่นั่นอีก ถ้ามีใครสักคนมาดูแลก็คงจะดีพวกเขาจะได้ไม่ต้องห่วงน้ำมาก...พี่ผาคงไว้ใจได้ประมาณนึงแหละมั้ง

"มันจะดีหรอครับ" น้ำถามออกมาอย่างลังเล

"โตแล้ว น้ำตัดสินใจเองได้...แล้วอีกอย่างน้ำฉลาดพอที่จะรู้ความรู้สึกของตัวเอง ใช่มั้ย" โจ้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น

เขารู้ดีน้ำไม่ใช่คนที่ตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ น้ำไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้อะไรเลยน้ำเป็นคนตรงไปตรงมากับความรู้สึกตัวเองเสมอ...แต่น้ำเป็นเลือกที่จะพูดเลือกที่จะแสดงออก น้ำรู้ดีว่าสิ่งไหนเหมาะสมไม่เหมาะสม อะไรควรหรือไม่ควร น้ำไม่ได้มองว่าคำพูดของโจ้เมื่อกี้ดูแรงเกินไปแต่น้ำกลับเข้าใจมันได้เป็นอย่างดีว่าโจ้ต้องการจะสื่ออะไร เพราะพวกเขามักจะพูดกันตรงๆแบบนี้อยู่แล้ว

"ครับ" น้ำส่งยิ้มบางๆไปให้โจ้เป็นเชิงบอกว่าเข้าใจแล้ว

"ลองเปิดใจดูก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าเสียใจ...เดี๋ยวจัดการให้เอง" โจ้ยื่นมือไปลูบหัวทุยอย่างเอ็นดู

"กลัวมันจะไม่เวิร์ค ...แล้วยิ่งมีคนพูดถึงเขาในแง่แบบนั้น" น้ำบอกความกังวลของตัวเองออกมาให้โจ้รับรู้ ...ไม่ใช่ว่าน้ำไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง เพียงแต่ว่าเขากลัว...นี่เป็นครั้งแรกของเขา เขาเลือกที่จะกลัวการเริ่มต้นครั้งแรกแบบนี้ก็คงไม่ผิดสักเท่าไหร่

"โจ้ไม่รู้ว่าน้ำกลายเป็นคนตัดสินคนจากคำพูดของคนอื่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่" โจ้นั่งลงข้างๆน้ำแล้วพูดออกมา

"...ก็ทุกๆอย่างมันดูเป็นความจริงไปซะทุกอย่างเลย" น้ำว่าออกมาหน้างอ จริงๆเขาก็ไม่อยากจะคิดแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ผาถูกพูดถึงก็มีประเด็นที่เจ้าตัวเป็นคาสโนว่าเจ้าชู้ประตูดินอยู่ตลอด

"ของแบบนี้ลองหาคำตอบมันด้วยตัวเองคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดนะ เราว่า"

"...ลองเปิดใจดู ถ้ามันไม่ดี ไม่โอเคก็ปิดมันกลับมาอย่างเดิม" ธามที่เดินออกมาจากห้องน้ำพูดสมทบ บทสนทนาเขาก็ได้ยินมันทั้งหมดนั่นแหละ ก็อยู่กันแค่นี้ผนังห้องน้ำก็บางจะได้ยินก็คงไม่แปลก

"...ครับ" น้ำพยักหน้ารับคำธามแล้วก้มลงตอบไลน์ของผาที่รัวส่งสติ๊กเกอร์มาอย่างบ้าคลั่ง น้ำตัดสินใจแล้วว่าเขาจะลองเปิดใจดู...ถ้ามันไม่โอเคจริงๆก็แค่กลับมาที่เดิมแบบที่ธามบอก

"งั้น...น้ำไปก่อนนะ" น้ำบอกพร้อมกับสะพายเป้ เดินออกไปใส่รองเท้าหน้าประตู

"เย็นๆจะแวะไปหา นิเทศฯใช่มั้ย" ธามถามแต่ไม่ได้หันมามองเพราะสารวนอยู่กับการทาครีมอยู่

"ครับ" น้ำรับคำแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นลิฟต์เพื่อลงไปข้างล่าง พอออกมาหน้าตึกก็พบกับรถคุ้นตาที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ผาที่แทบจะถอดใจเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินออกมาจากตึกแล้วมองมาที่รถเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจ ผาจึงลดกระจกลงแล้วเอ่ยเรียกคนตัวเล็ก

"สวัสดีครับ" น้ำที่พอเห็นว่าผาลดกระจกลงเรียกตัวเองก็เปิดประตูรถขึ้นมานั่งทันทีก่อนจะกล่าวคำทักทาย

"นึกว่าจะไม่ยอมไปด้วยกันซะแล้ว" ผาว่าออกมายิ้มๆก่อนจะเคลื่อนรถออกไป

"..." น้ำไม่ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ก้มหน้าลงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองอะไรทั้งนั้น

"เรียนเช้าแบบนี้ทุกวันเลยหรอ" ผาหันมองคนด้านข้างที่ไม่ได้ตอบอะไรกับเขา แล้วเอ่ยถามเพื่อชวนคุยกลัวว่าถ้าหากปล่อยให้เงียบไปกลัวว่าคนตัวเล็กจะอึดอัดเปล่าๆ

"ครับ...ทุกวัน" คนตัวเล็กอ้อมแอ้มบอก เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผาที่สายตมจับจ้องไปยังถนน แต่คนตัวเล็กก็ต้องเบือนหน้าหนีหันออกมองวิวข้างทางแทน...ร้อนๆยังไงไม่รู้แหะ

"แล้ววันนี้เลิกกี่โมง" ผายังคงชวนคุยต่อ

"สี่ทุ่มครับ" คนตัวเล็กตอบออกมาทั้งๆที่ยังคงหันหน้ามองข้างทางอยู่อย่างนั้น ผาที่เห็นอาการแบบนั้นก็คิดว่าตัวเองคงทำให้น้ำอึดอัดและลำบากใจไม่น้อยที่ต้องมากับตนแบบนี้

"งั้นเดี๋ยวพี่มารับ" ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ยังคงพยายามชวนคนตัวเล็กคุยต่อเพื่อคลายความอึดอัดลง

"เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ" น้ำรีบหันมาปฏิเสธ มองหน้าผาได้เพียงแวบเดียวเรื่องราวครั้งก่อนที่ห้องของผาก็กลับย้อนขึ้นมาทำให้หน้าของคนตัวเล็กร้อนวูบจนทำให้ต้องเบือนหน้าหนีมองทางตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ผาที่เห็นอาการแบบนั้นจากทางหางตาก็ชะงักไปเล็กน้อย...ไม่คิดว่าการมากับเขาจะทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอึดอัดขนาดนี้

"อ่าหะ" ผาจึงตอบออกไปเพียงเท่านั้นแล้วไม่พูดอะไรต่ออีกเลย...ทำให้ตลอดทั้งทางในรถมีแต่เพียงความเงียบจนได้ยินเสียงแอร์ในรถที่กำลังทำงานอยู่ น้ำเองที่เห็นว่าผาเงียบไปก็เหลือบมองเห็นสีหน้าผาเรียบนิ่งสนิท แววตาดูว่างเปล่าแบบที่คนตัวเล็กไม่เคยได้เห็นมาก่อน พาลให้คิดไปว่าเขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่า น้ำนั่งคิดแบบนั้นมาตลอดทั้งทางจนรถจอดสนิทตรงหน้าตึกคณะของเขาก็ยังคิดไม่ออก ภายในรถก็ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น...จากตอนแรกที่ไม่ได้อึดอัดก็เริ่มมีขึ้นมาบ้างแล้วตอนนี้ ผาไม่ได้หันกลับมามองน้ำเลยแม้แต่น้อย เขาคงจะใจเสียเป็นแน่หากต้องหันมาเจอกับสีหน้าอึดอัดลำบากใจของคนตัวเล็ก



...ก็อย่างว่าจะไม่ให้อึดยังไงไหว วันนี้คนตัวเล็กมากับเขาก็จริง แต่เหมือนมาเพราะเขาบังคับมาซะมากกว่า เกมโอเวอร์แล้วผา...



"...พี่ผาครับ" คนตัวเล็กที่ทนกับเงียบน่าอึดอัดนี่ไม่ไหวหันกลับมามองผาก่อนจะเอ่ยเรียกเสียงไม่เบานัก

"พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้เราอึดอัดและลำบากใจที่ต้องมากับพี่แบบนี้" ผาหันมาส่งยิ้มบางๆให้กับน้ำ คนตัวเล็กที่ได้ยินก็อ๋อขึ้นมาในใจอย่างรู้ได้ทันทีว่าที่ผาเงียบไปคงเป็นเพราะตัวเองนิ่งก่อนเองต่างหาก



...เปล่าอึดอัดซะหน่อย แต่มันเขินต่างหากเล่า...



"...ผมไม่ได้อึดอัด" น้ำที่เงียบไปจนผาใจหาย...เขาคิดนะว่ามันอาจจะไปได้ไม่สวย แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะจบไม่สวยแบบนี้ด้วย...มันไม่สวยก็ตรงที่ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอึดอัดเวลาที่อยู่กับเขาเนี่ยสิ

"..." ผาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทำได้เพียงเอนหลังพิงเบาะรถแล้วมองหน้าคนตัวเล็กนิ่งๆ

"...ผมแค่เขิน" คนตัวเล็กตัดสินใจบอกออกไปว่าตลอดทางที่เขาเงียบมันเป็นเพราะอะไรก่อนจะเบือนหน้าหนีมองผ่านออกไปนอกกระจก ...ผาที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกใจเด้งตัวขึ้นมาเขานึกว่าเขาหูฝาดไปแต่หลักฐานชิ้นดีที่ทำให้เขารู้ว่าคนตัวเล็กพูดว่าเขินเขาเป็นเรื่องจริงนั้นมันอยู่ที่ใบหูเล็กที่แดงแจ๋นั่น คำพูดที่ดูตรงไปตรงมาจนทำให้ผาอดที่จะเผยรอยยิ้มกว่างออกมาไม่ได้

"จริงหรอ" ผาถามออกไปอย่างอยากได้ยินคำตอบนั้นชัดๆอีกสักครั้ง

"ถ้าอยากมารับ...ห้องประชุมนิเทศฯตอนสี่ทุ่มครับ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ" น้ำพูดออกมาอย่างรัวเร็วจนผาแทบจะฟังไม่ทัน พูดจบก็เปิดประตูรถลงมาแล้ววิ่งหายเข้าไปในตึกอย่างไว ขืนอยู่ต่อผาต้องเห็นหน้าเขาแดงแน่ๆ



...พูดอะไรออกไปวะเนี่ยน้ำ...



ผาที่นิ่งค้างไปแล้วกับคำพูดของคนตัวเล็กนั้นก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ คิดไปเองคนเดียวอยู่ตั้งนานสองนานว่าคนตัวเล็กคงจะอึดอัด แต่ที่ไหนได้คนตัวเล็กแค่...เขิน



...เขินอะไรกัน เขาสิ่ต้องเขิน คนอะไรตรงชะมัดเลย...



และนี่ก็คงเป็นนิสัยอีกอย่างของน้ำที่เขาพอจะรับรู้ได้ว่าเป็นคนตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเองมากๆคนนึง...นึกแล้วก็โล่งใจไปที่มันผ่านไปได้ด้วยดี

.



.



.



.



"น้องๆมากันครบทุกคณะแล้วเนาะ พี่ขอชี้แจงเลยแล้วกันนะว่าที่พวกเราต้องมีการเก็บตัว คือจะให้ดาวเดือนทุกคณะเนี่ยมีการแสดงละครด้วยกัน เพื่อให้ท่านผู้บริหารระดับสูงได้รับชม ส่วนเรื่องรายละเอียดของบทละครจะแจงให้ทราบกันอีกที" น้ำที่กำลังยืนฟังการชี้แจงรายละเอียดของกิจกรรมการเก็บตัวดาวเดือนอยู่ก็รู้สึกหิวขึ้นมาตะหงิดๆ เมื่อกลางวันเขากินข้าวไปได้นิดเดียวเองเพราะคาบเช้าปล่อยเลททำให้เวลาพักกินข้าวมีเพียงนิดเดียวก็ต้องขึ้นเรียนคาบบ่ายต่อ แถมเรียนเสร็จก็ต้องรีบมารายงานตัวที่ตึกนิเทศน์ฯอีก...



.



.



"เอาล่ะค่ะ รู้กันแล้วว่าเล่นเป็นอะไรก็มารับบทไปท่องก่อนได้เลยค่ะ" พี่ผู้หญิงปีสองของนิเทศฯคนหนึ่งพูดขึ้นมาหลังจากที่แคสตัวละครจบไปแล้วและเขาก็ได้รับบทเป็น...เพื่อนพระเอก ดีที่ได้บทไม่เด่นมา ทุกคนทยอยเดินเข้าแถวไปรับบทตามตำแหน่งตัวละครแต่แล้วเสียงฮือฮาของเหล่าพี่เลี้ยงปีสูงของนิเทศฯก็ดังขึ้นมาทั่วทั้งห้องประชุม คนตัวเล็กหันกลับไปมองประตูทางเข้าก็เห็นร่างสูงคุ้นตาของใครบางคนที่มาด้วยกันเมื่อเช้า ...เขาถือถุงอะไรบางอย่างมาด้วย น้ำยิ้มออกมา แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงไปทันทีเพราะร่างสูงของผาเดินเข้าไปหาพี่ผู้หญิงสวยคนหนึ่ง คนตัวเล็กหันกลับมามองแถวข้างหน้าของตนอีกครั้ง นึกไม่ชอบใจตัวเองขึ้นมาเสียดื้อๆ



...ดีใจอะไรของแกน้ำ เขาไม่ได้มาหาแกซะหน่อย ดีใจทำไม ยิ้มทำไม...

"น้องน้ำคะ มีคนมาหาน่ะค่ะ" พี่ผู้หญิงคนที่ผาเดินเข้าไปหาเดินมาสะกิดน้ำแล้วกระซิบบอก พร้อมกับชี้ให้น้ำมองไปยังผาที่ยืนส่งยิ้มบางๆมาให้เขา

"เขาบอกรึเปล่าครับว่ามาหาทำไม" ถึงคนตัวเล็กจะรู้สึกดีใจขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังเก็บอารมณ์เอาไว้

"รับบทแล้วไปถามเจ้าตัวเองดีกว่านะคะ" พี่ผู้หญิงคนนั้นพูดกับเขายิ้มๆแล้วเดินออกไป พอดีกับที่ถึงคิวคนตัวเล็กรับบท คนตัวเล็กยืนฟังรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยก็เดินตรงไปหาผาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหลังห้อง ผาส่งยิ้มมาให้คนตัวเล็กที่กำลังเดินเข้ามาหา

"มีอะไรหรือเปล่าครับ" พอเดินมาถึงตัวน้ำก็ถามออกมาทันที

"ก็มารับ" คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่น ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา...นี่พึ่งจะสองทุ่มครึ่งเอง

"ผม...น้ำเลิกสี่ทุ่มนะครับ" คนตัวเล็กที่กำลังพูดก็ต้องเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองใหม่แทบไม่ทันเพราะร่างสูงที่นั่งฟังอยู่ขมวดคิ้วส่งมาให้ ผาที่เห็นว่าน้ำเปลี่ยนสรรพนามตามที่ตนเคยบอกก็ยิ้มหล่อส่งไปให้อย่างพอใจ

"ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่รึไง" ผาไม่ตอบและยังถามกลับพร้อมกับยกถุงขึ้นมาตรงหน้า

"ผาคะ จะมาทำไมไม่บอกเหมยเลยละคะ" ยังไม่ทันที่น้ำจะได้พูดอะไรกับร่างสูง เหมยปีสามอดีตดาวคณะนิเทศฯก็เดินเข้ามากอดแขนผาแล้วพูดอย่างออดอ้อน ผาได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่รู้จะทำยังไง

"ก็ผ่านมาเลยแวะมาดูน่ะ เลยไม่ได้บอก" ผาตอบออกไป ...แต่ไม่ได้รู้เลยว่าคำตอบนั้นไปทำลายความรู้สึกของใครเข้าอย่างจังที่เมื่อเพิ่งจะรู้สึกดีใจที่ผามาหา...แต่สงสัยคนตัวเล็กคงคิดผิดไป...เขาคงคิดไปเอง

"อ้ะ มีขนมมาเต็มเลย เหมยกำลังหิวพอดีเลยค่ะ ...ผานี่รู้ใจเหมยดีจังน้า" เหมยยื่นมือไปหยิกแก้มผาไม่แรงนักก่อนจะหยิบถุงขนมจากมือผาแล้วเปิดดูอย่างถือวิสาสะ

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" น้ำส่งยิ้มบางๆให้ผา หยิบข้าวกล่องแล้วเดินไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนดาวเดือนด้วยกันอีกฟากนึงของห้อง

"โจ้กลับรึห้องรึยัง" พอน้ำกินข้าวเสร็จก็ต่อสายหาโจ้ทันที

'ยังๆ ทำไมน้ำมีอะไรรึเปล่า ได้กินข้าวยังเห็นพี่ผาซื้อข้าวไปบอกจะไปให้น้ำอ่ะ' โจ้ว่าออกมา เพราะอยู่ดีๆผาก็มาถามกับเขาว่าน้ำชอบกินอะไรแล้วก็ใช้ให้เขาไปซื้อมาแล้วก็ขับรถออกไปเลย

"อะ...เอ่อ เขาไม่ได้มาหาเราหรอกครับโจ้" คนตัวเล็กว่าแล้วชำเลืองตามองไปยังผาที่กำลังยืนคุยกับเหมยอยู่...ถึงจะบอกว่าแค่จีบแต่ก็อดเสียความรู้สึกรู้สึกไม่ได้

...เนี่ยนะที่บอกว่าจะจีบ...


'ทำไม'

"อ่อ ...เขามาหาพี่เหมยน่ะครับ"

'ไม่เป็นไรใช่มั้ยน้ำ' โจ้ถามอย่างเป็นห่วงเพราะน้ำเสียงดูจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

"ไม่เป็นไรครับ ถ้าเสร็จแล้วรอกลับพร้อมกันได้นะ ถึงตอนนั้นน้ำคงหิวอีกแน่ๆเลย" น้ำเปลี่ยนเรื่องไปเพราะไม่อยากให้โจ้จับได้ว่าตัวเองก็รู้สึกไม่ดีอยู่ตอนนี้...กลัวโจ้จะเป็นห่วงเขาอีก ส่วนโจ้เองเห็นเพื่อนตัวเล็กเปลี่ยนเรื่องก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อเพราะเจ้าตัวคงจะไม่พร้อมเล่าอะไรให้เขาฟังตอนนี้ พวกเขาคุยต่ออีกนิดหน่อยแล้วก็ขอวางสายไป

"แก พี่เหมยกับพี่ผานี่น่ารักเนอะ" พี่สตาฟคนนึงในโต๊ะเปิดประเด็นขึ้นมา"

"เออ ฉันว่านะพี่ผาคงหยุดที่พี่เหมยเนี่ยแหละ พี่เหมยทั้งสวยทั้งรวยโปรไฟล์เลิศอ่ะ" อีกคนเสริมสมทบ

"คนเจ้าชู้แบบพี่ผานี่จะหยุดได้จริงหรอวะ ยิ่งกว่าเสือซะอีก"

"ก็ถ้าเสือแบบนี้ฉันก็จะยอมเป็นเยื่อให้เขาล่าเอง" พูดไปก็ทำหน้าเคลิ้มไป... ทั้งการกระทำที่เห็นและทั้งจากคำพูดของคนอื่นอีก...ควรทำยังไง ควรทำยังไงดี

...ผารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังทำอะไรผิดเข้าสักอย่าง เขาไม่ได้เดินตามน้ำไปเพราะอยากให้คนตัวเล็กได้กินข้าวได้มีเวลาคุยเล่นกับเพื่อนต่างคณะบ้าง อีกอย่างก็ข้าวที่เขาซื้อมาให้ก็มีคนเอาไปแล้ว แถมยังเกาะแขนเขาหนึบแบบนี้อีก...

...เชี่ย! ชิบหายแล้วมึงไอ้ผา...



ผาสบถในใจสะบัดแขนออกจากเหมยไม่แรงนักแล้วรีบเดินเร็วๆไปยังโต๊ะที่น้ำนั่งกินข้าวอยู่อย่างร้อนใจ

หมับ!

เดินมาถึงก็จับแขนน้ำแล้วกระตุกเบาๆให้ลุกขึ้นมาก่อนจะหันไปพูดกับสตาฟที่นั่งอึ้งกันอยู่

"พี่ขอตัวน้ำแปบนึงนะครับ" พวกสตาฟในโต๊ะพยักหน้ารับอย่างงงๆ ส่วนนน้ำไม่ได้ตอบอะไรออกไปผาจึงดึงให้คนตัวเล็กตามตัวเองออกมานอกห้อง เมื่อเห็นว่าออกมาไกลมากพอแล้วจึงเดินผาหยุดเดินน้ำเลยถือโอกาสบิดแขนออกทันที

"น้ำโกรธพี่รึเปล่า" ผาถาม

"น้ำไม่ได้โกรธอะไรพี่เลย" ...น้ำเสียความรู้สึกต่างหาก คนตัวเล็กพูดประโยคนี้ต่อในใจ...เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดออกไปให้ร่างสูงตรงหน้าเขาได้ยิน

"ถ้าน้ำกำลังเข้าใจเรื่องระหว่างพี่กับเหมยในแง่อื่นที่มากกว่าเพื่อน...น้ำกำลังเข้าใจผิดอยู่นะ" ผาพยายามจะอธิบาย

"ผมเข้าใจอะไรผิดหรอครับ" น้ำตอบกลับไปเสียงเรียบสีหน้าและแววตาไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีอยู่และเริ่มกลับมาใช้สรรพนามเดิมดูห่างเหินจนผานึกไม่ชอบใจ

"พี่กับเหมยตอนนี้เราเป็นแค่เพื่อนกัน" ผาอธิบายต่ออีกอย่างใจเย็น

"ตอนนี้ ...แล้วตอนอื่นล่ะครับ" น้ำเริ่มตีรวน ผาเองที่เป็นคนใจร้อนรู้ดีว่าเขาจะใจร้อนกับคนตรงหน้านี่ไม่ได้

"ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น...พี่เคลียร์ทุกอย่างแล้ว มันจบไปนานแล้ว"

"ครับ...ผมเข้าใจ"

"เข้าใจว่าอะไร" ผารู้สึกเหมือนโดนคนตรงหน้านี่กวนอารมณ์ตัวเองอยู่ยังไงบอกไม่ถูก...ประโยคที่บอกว่าเข้าใจนั่นดูไม่เข้าใจเหมือนคำพูดเลยสักนิด

"เข้าใจว่าพี่เคลียร์แล้ว" น้ำหันกลับมาสบตากับร่างสูงตรงหน้า

"น้ำกำลังกวนพี่อยู่ใช่มั้ย" เข้าไปจับแขนคนตัวเล็กเอาไว้แล้วกระตุกเล็กน้อยทำให้คนตัวเล็กเซปะทะกับอกแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว ผาเริ่มยั๊วะที่เขาบอกไปคนตัวเล็กไม่เข้าใจเลยทั้งๆที่เขาพูดไปมันเป็นเรื่องจริงว่าเขากับเหมยจบกันไปแล้ว

"ผมไม่ได้กวน"

"...แต่น้ำไม่ได้ฟังที่พี่พูดเลย น้ำไม่มีเหตุผล" หลังจบประโยคนั้นเส้นอารมณ์โมโหของคนตัวเล็กก็ขาดผึง น้ำสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม แล้วจ้องตาร่างสูงเขม็ง

"อะไรที่บอกว่าผมไม่เข้าใจ อะไรที่มาบอกว่าผมไม่มีเหตุผล" น้ำเสียงนื่งเรียบแววตาเย็นชานั่นทำให้ผารู้สึกเกรงอยู่ไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะมีอีกด้านที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่ในตัวของคนตรงหน้านี่

...น้ำไม่เคยไม่มีเหตุผล ที่เขาพูดว่าเข้าใจเขาก็คิดที่จะเข้าใจกับสิ่งที่ร่างสูงพูดจริงๆในเมื่อเขาคิดจะเปิดใจให้กับคนตรงหน้านี่แล้วเขาก็อยากจะลองดูในทุกๆอย่าง...แต่ตอนนี้ที่โดนร่างสูงว่าออกมาแบบนั้นบอกไม่ถูกจริงๆว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่...ถึงคนตรงหน้าจะบอกเขาว่าแค่จะจีบ แต่เขาที่รู้สึกไปแล้วพอเจอแบบนี้ก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังและเสียความรู้สึกไม่ได้

"ผมบอกว่าผมเข้าใจคือเข้าใจ และผมมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อคำพูดคุณเพราะสิ่งที่คุณแสดงให้ผมเห็นมันทำให้ผมยากที่จะเชื่อ..." น้ำยังคงพูดออกมาด้วยท่าทีแบบเดิม

"มันจบไปแล้วน้ำ"

"คำพูดพี่ที่บอกกับผมว่ามันจบไปแล้วแต่การกระทำของพี่มันไม่ได้บอกผมเลยว่ามันจบไปแล้ว...ผมขอตัวนะครับ ที่บอกว่าจะมารอรับไม่ต้องแล้วนะครับผมกลับกับโจ้" พูดเสร็จคนตัวเล็กก็หันกลับเดินออกไปไม่รอฟังผาอีกเลย ...ผาฟังประโยคของคนตัวเล็กแล้วก็ลองนึกทบทวนการกระทำของตัวเองดูแล้วมันก็จริงอย่างที่คนตัวเล็กว่าออกมาว่าการกระทำเขามันบ่งบอกแบบนั้นจริงๆ...ความสัมพันธ์ของผากับเหมยตอนนี้มันเหลือแค่เพื่อนกันจริงๆ ถึงจะย้อนไปตอนนั้นเขาสองคนก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี เป็นเพราะกิจกรรมที่ต้องเก็บตัวการประกวดดาวเดือนด้วยกันเลยทำให้ใกล้ชิดกันและเป็นกระแสว่าคบกันในที่สุด เขาไม่คิดที่จะแก้ข่าวพวกนั้นตัวเหมยเองก็คิดแบบเขา เพราะยังไงเขากับเหมยคงได้แค่เพื่อนกันและก็คงไม่เป็นมากกว่านั้นแน่นอน...เพราะอะไรทำไมถึงมั่นใจว่าไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่นอนน่ะเหรอ...ก็เพราะว่าเหมยเป็นดี้น่ะสิ

"งานยากล่ะสิ" ผาหันไปทางต้นเสียงก็เจอเข้ากับว่านที่เดินล้วงกระเป๋าเดินมาทางเขา

"มาได้ไง" ผานั่งลงกับที่นั่งตามแนวระเบียง

"มาตามมึงนั่นแหละ" ว่านนั่งลงข้างกับผาแล้วตบบ่าให้กำลังใจสองสามที

"มึงเห็นใช่มั้ย" ผาหันไปถาม

"อืม" ว่านพยักหน้าตอบไป เขาเห็นทุกอย่าง เห็นแววตาสับสนนั่นแต่ก็อดทึ่งไม่ได้ที่เก็บอารมณ์ได้มิดชิดขนาดนั้น

"งานยากอย่างที่มึงพูดจริงๆว่ะ" ผาพูดออกมาแล้วถอนหายใจเฮือก

"จะถอยมั้ยล่ะ"

"ไม่ว่ะ" ผาส่ายหน้ายิ้มๆ

"มึงดูจริงจังนะ" ว่านขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย ก็แค่มันบอกว่าจะจีบน้องเขาก็ตกใจมากพอแล้ว...ทั้งชีวิตมันเคยจีบใครก่อนที่ไหนแล้วนี่โดนเมินโดนเย็นชาใส่ขนาดนี้อีก

"ก็จริงจังไง"

"..."

"กูถอยไม่ได้แล้วว่ะ...กูชอบไปแล้ว ไม่เหมือนใครและคงไม่มีใครเหมือน" ผาตอบไปยิ้มไป เขาไม่ได้นึกโกรธหรอกที่น้ำพูดกับเขาแบบนั้น ดีซะอีกที่ได้เรียนรู้ว่าคนตัวเล็กมีด้านไหนบ้าง...พร้อมที่จะเรียนรู้กันไปเรื่อยๆแบบนี้แหละ

"คนอย่างมึงเนี่ยนะ" ว่านพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ผาหันกลับมามองหน้าเพื่อนสนิท เตรียมจะเอาเรื่องแต่ก็ต้องเงียบไปเพราะสายตาไร้แววขี้เล่น เต็มไปด้วยความจริงจัง อย่างน้อยครั้งนักที่เพื่อนคนนี้จะใช้สายตาแบบนี้มองเขา

"..."

"มึงไปจัดการตัวมึงให้มันดีก่อน ...ถ้ามึงจัดการได้มึงค่อยลากน้องมันเข้ามาในชีวิตมึง" ​ว่านตบบ่าเพื่อนสองสามทีอย่างไม่เบาแรงนัก

...ว่านเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในกลุ่มที่มองเขาขาดที่สุด รู้ใจเขาดี รู้ความคิดเขาดี และยังมองคนอื่นทะลุปุโปร่งเหมือนกับมีญาณทิพย์ก็ไม่ปาน ว่านเตือนอะไรเขา เขามักจะนิ่งฟังและเก็บมาคิดทบทวนเสมอ

...ที่ผ่านมาเขาไม่เคยผูกสัมพันธ์กับใครอันนี้ทุกคนในกลุ่มรู้ดี แต่ว่านจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเขามันก็แค่ผู้ชายทั่วไปที่ตอบสนองต่อสิ่งสวยๆงามๆล่อตาล่อใจ แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่ว่าจะน้อยจนเอานิ้วนับได้ และเขาก็ได้ทั้งหญิงและชาย ขอให้คนๆนั้นถูกจริต ถูกใจเขาก็เป็นพอ

...และกับน้ำเขาก็รู้สึกว่าเขาถูกใจ...จนมันกลายเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เป็นอะไรที่เรียกว่า ชอบ...










...100%...

…To Be Continued…




ขอบคุณทุกเม้น และทุกคนที่กดเป็นให้ซินนี่น้า :impress2: ขอบคุณมากๆเลย ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยน้า~ รับรองว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง

หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.9]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-12-2017 15:22:29
ขอสมัครเป็นfcพี่ผา จ้าาา
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.10]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 20-12-2017 16:18:48


Episode 10​







"โว๊ยยยย!!" ผาตะโกนออกมดังลั่นไปทั้งลานเกียร์ ยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่ถ้าไม่ใช่เวลาเย็นแบบตอนนี้เขาคงตกเป็นเป้าสายตาไปนานแล้ว และที่เขาต้องมานั่งโวยวายอยู่แบบนี้ก็เป็นเพราะคนตัวเล็กที่เขาบอกจะจีบไง ก็เมื่อวานไปทำเรื่องไม่ดีเอาไว้กับเขา ตอนกลับก็รอรับกลับแต่คนตัวเล็กก็เอาแต่ปฏิเสธและกลับไปกับเพื่อนสนิททั้งสองคน ทั้งไลน์ไปก็ไม่ตอบเขาโทรไปก็ไม่รับแถมหนักๆเข้าก็ปิดเครื่องอีก ผามีอาการหงุดหงิดงุ่นง่านใจมาทั้งวัน ไม่รู้จะทำยังไงดี 

"มึงเป็นอะไรของมึงวะไอ้ผา" ผาเงยหน้าขึ้นมองพุ่มเพราะด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังกว่าทุกทีที่พูดกัน

"ป่าว..." ผาตอบแล้วเสตาหลบไป เขาไม่อยากให้เพื่อนรู้กลัวถูกหัวเราะเยาะ

"มันเป็นอะไรไอ้ว่าน ...มึงไม่ต้องโกหกช่วยมันนะ เมื่อวานมึงอยู่กับมันตลอด" พุ่มหันไปหาว่านพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษ ว่านที่เห็อย่างนั้นก็เลยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อวานให้พุ่มกับวัชฟังเพราะว่านเองก็นึกห่วงผาอยู่ลึกๆเหมือนกัน

"มึงนี่น้า...ให้ตายเหอะ" วัชว่าพร้อมกับส่ายหน้าเอือมๆ

"จะว่ากูไม่มีน้ำยารึไง" ผาว่าออกมาอย่างหัวเสีย

"นั่นก็มีส่วน...แต่กูจะบอกว่ามึงอ่ะใจร้อนเกินไป" พุ่มบอก ผาทำหน้างงขมวดคิ้วเป็นปม

"ยังไง"

"มึงรู้ปะว่าน้องมันไม่เคยมีแฟนมาก่อน" วัชถาม ผาส่ายหน้า...คิดว่าน่ารักเรียบร้อยดีแต่ไม่ได้คิดว่าไม่เคยมีแฟนมาก่อน

"มึงนี่มันมึงจริงๆ ...และมึงไปเอาเบอร์เอาไลน์น้องเขามาจากไหน" พุ่มถาม ผาทำหน้าสงสัยพุ่มรู้ดีว่าเพื่อนไม่ได้เรื่องนี่กำลังสงสัยอะไรจึงตอบไป

"กูถามไอ้โจไอ้ธามมา และมันก็เล่าให้กูฟังถึงวีรกรรมของมึง...จะตอบกูได้ยัง" พุ่มว่าก่อนจะหยุดไปพักนึกแล้วพูดเร่งเอาคำตอบจากผา

"...น้องกู" พากันถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความไม่ได้เรื่องของเพื่อนหน้าหล่อ 

"กูสมน้ำหน้ามึงได้มั้ยวะ" พุ่มว่าออกมายกมือนวดขมับ เขารู้ว่าผามันไม่เคยจีบใครมาก่อนแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะทำอะไรใจร้อนแบบนี้

"กูทำอะไรผิดวะ" ผาถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ เขาว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดไปนะ ...เบอร์กับไลน์ก็ขอมาจากน้ำฟ้าน้องสาวเขาเอง แถมยังเป็นเพื่อนกันด้วย

"โถ่ไอ้ผา ...มึงรุกน้องเขาหนักขนาดนั้นเป็นกูกูก็ตกใจตั้งตัวไม่ทัน ไลน์เขาเบอร์เขามึงก็ไม่ขอจากเขา แถมขอไปรับไปส่งเขาแบบแกมบังคับอีก ...และอีกอย่างน้องมันไม่เคยเปิดใจให้ใครเลย มึงก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปหน่อยไม่ได้หรอวะ" วัชว่า

"และที่ไอ้ว่านเล่าให้ฟังอีก ที่มึงไปว่าเขามึงรู้จักเขาดีแล้วหรอ อีกอย่างเมื่อวานมึงผิดนะไอ้ผา...เป็นกูกูต่อยหน้าแตกไปแล้ว มีอย่างที่ไหนบอกจีบเขาแค่ไม่มีความชัดเจนอะไรให้เขาเลย แม่ง!" พุ่มว่าออกมาอย่างเหลืออด ผาคิดตามที่เพื่อนๆตัวเองพูดมันก็จริง...เขารีบร้อนและเร่งรัดน้ำมากไปจริงๆนั่นแหละ

"กูควรทำไงดีวะ" ผาฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเหนื่อยอ่อน รู้ว่าคนตัวเล็กนั่นคงโกรธเขาอยู่ไม่น้อย ไม่รู้หรอกว่าโกรธอะไรยังไงบ้างแต่เขาสัมผัสได้ว่าคนตัวเล็ก...โกรธเขา

"สิ้นลายตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนเลยว่ะ หึ" ว่านว่าออกมาเสียงกลั้วหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปตบหลังเป็นเชิงให้กำลังใจอยู่สองสามทีอย่างไม่เบาแรงนัก

"มึงจะทำไงต่อนั่นคือมึงต้องคิดเอง ...น้องมันไม่เคยเจอแบบนี้ น้องมันอุตส่าห์เปิดใจให้มึง มึงก็ให้เวลาน้องมันปรับตัวกับมึงหน่อยดิ่วะ" พุ่มให้คำแนะนำ

"และมึงก็ต้องชัดเจนกับน้องเขานะ ...บรรดาเด็กเก่าๆมึงอ่ะจัดการหมดยัง" วัชว่า

"ทำอย่างกับกูมีเยอะ" ผาเบะปากมองไปยังเพื่อนตัวอ้วนอย่างกวนเส้น

"กูอยากจะแหมให้ถึงบ้านมึงจริงจริ๊ง อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะไอ้ผา กูแค่ไม่พูด ...คนอื่นกูไม่ห่วงหรอกแต่แฟนเด็กนิเทศฯมึงอ่ะ" วัชว่าต่ออย่างหมั่นไส้

"กูเป็นแค่พี่น้องกันเหอะ"

"จ้า...พี่น้อง พี่น้องเหี้ยไร อย่าให้กูพูด" วัชว่าออกมาอย่างหมั่นไส้ พุ่มกับว่านก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย

"เออนน่า มึงจะอะไรกับน้องมันวะ" ผาขมวดคิ้วมุ่นว่าออกมาอย่างไม่ชอบใจ

"เอ้า ก็น้องมันเป็นอย่างนั้นจริงๆใครเขาก็รู้กันทั้งนั้น มึงอย่ามาทำเป็นไม่รู้" วัชยังว่าต่อ

"ทำไมวะ ถูกใจขนาดนั้นเลยหรอวะ" พุ่มเสริม

"มึงสองตัวหุบปากไปเลย" ผายกมือขึ้นชี้หน้าวัชอย่างเอาเรื่อง

"ปกป้องกันจริ๊ง มึงก็เปิดเผยกันไปเลยดิ้ ไม่ต้องเสียเวลามาจีบน้องน้ำด้วย" พุ่มเอ่ยออกมาอย่างประชดประชัน กระตุกยิ้มมุมปากอย่างกวนเส้น

"กู จะ จีบ ใครจะทำไม" ผาพูดออกมากระแทกเสียงทีละคำ

"เออ และกูจะคอยดู" วัชเอ่ยขึ้นมาอย่างคาดโทษ ...ผาไม่สนใจที่จะตอบอะไรกลับไป กระแทกกระเป๋าลงแล้วลุกเดินฟึดฟัดออกไปมินิมาร์ทเพื่อหาอะไรกิน

"กูจริงจัง"

"แต่ถ้ามึงไม่จัดการของมึงให้ดีก่อน น้องมันจะลำบากนะกูขอเตือน" พุ่มมองหน้าเเพื่อน

"กูว่าน้ำต้องกระเด็นในอีกวันสองวันนี้แน่เลยว่ะ ภาวนาอย่างเดียวอย่าให้ถึงขั้นเจ็บเนื้อเจ็บตัวเล๊ย" วัชว่าพลางยกมือขึ้นไหว้เหนือหัวปลกๆ

"กูก็คิดไม่ตกเลย บอกไอ้สองคนนั่นไว้และว่าให้ดูแลน้ำดีๆ" พุ่มว่าเสริม

"...กูว่ากระเด็นยากว่ะ หึๆ" ว่านพูดกลั้วหัวเราะออกมาอย่างมั่นใจ

"ไมมึง...ดูมั่นใจจังวะ" วัชถามออกมาอย่างสงสัย มองหน้าว่านที่กำลังแสยะยิ้มอย่างหวาดๆ พุ่มที่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยในคำพูดของเพื่อน พยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วยกับคำถามของเพื่อนตัวอ้วน

"ถ้ามึงเห็นน้ำเมื่อวานด้วยตาของมึงเอง มึงก็จะพูดแบบกู" ว่านพูดออกมาเสียงเนิบพลางคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ตนเห็นมา ...แววตา สีหน้า คำพูด ทุกการกระทำ ทุกอิริยาบทดูร้ายกาจเย่อหยิ่งและเด็ดขาด ถึงอารมณ์จะปะทุขึ้นมากเพียงใดน้ำก็ยังเก็บอารมณ์ได้เป็นอย่างดีอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน...

"ยังไง" พุ่มถาม

"...ดูร้ายกาจและเด็ดขาดอยู่ในที ก่อนหน้านี้มึงเห็นเป็นแมวเมื่อวานก็คงจะเป็นเสือ" ว่านยกยิ้มมุมปากอย่างนึกชอบใจ สองคนที่ฟังอยู่ก็นึกภาพตามว่าลูกแมวน้อยอย่างน้ำจะกลายเแนเสือไปได้ยังไง

"หือ...ขนลุกเลยสัส' วัชพูดขึ้นมาหน้าตื่นพร้อมกับยกแขนขึ้นมาให้เพื่อนดูหลักฐาน

"มึง...กลัวน้องมันหรอวะ" พุ่มถามหน้าแหยๆ"

"กูปวดขี้ไอ้เหี้ย!"ว่าเสร็จก็ลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที

"ไอ้วัช! ไอ้เหี้ย! มึงแม่ง...หึ่ย!" พุ่มตะโกนด่าเพื่อนอย่างหัวเสียว่านก็ทำแค่นั่งมองแล้วขำออกมาเบาๆ ...กวนตีนแม่งให้ได้ตลอดเวลาสิน่า



.



.



.





"พักได้ค่ะทุกคน!" เสียงพี่ปีสูงจากนิเทศฯดังขึ้นท่ามกลางการวุ่นวายของการซ้อมการแสดงโชว์ในวันประกวดดาวเดือนที่จะถึงในอีกไม่กี่วันนี้ ทุกการกระทำหยุดลงอยู่แค่นั้นทยอยกันลงจากเวทีการแสดงไปยังหลังห้องโถงใหญ่เพื่อรับของว่างมารับประทาน

"น้ำ! น้ำลูก มีคนมาฝากของไว้ให้น่ะ" พี่ปีสูงสาวประเภทสองที่เรียกกันว่าพี่รี่ตะโกนเรียกเขาพร้อมกับกวักมือเรียกให้เข้าไปหา เขารับถุงนั้นมา หาที่นั่งแล้วเปิดดูข้างในถุง มันคือ...ขนม ขนมอีกแล้ว ใช่เลย มันมาอีกแล้ว

...ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเถียงกับผาไปก็ผ่านมาจนเกือบจะครบอาทิตย์แล้ว เขาก็ไม่เจอร่างสูงอีกเลย แต่ทุกๆเวลาพักเขาจะได้รับถุงขนมพร้อมกับโพสอิสที่เขียนข้อความสั้นๆแปะเอาไว้กับขนม และวันนี้ก็แปะไว้กับกล่องสตอเบอร์รี่ชีสเค้กของโปรดของเขา

...ตั้งใจซ้อมนะ...

...ผา...

ที่เขามั่นใจว่าของที่ส่งมาทุกวันเป็นของร่างสูงก็เพราะโพสอิสที่แนบมานี่แหละ ถ้าไม่แนบมาเขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมาจากใคร

...จากวันนั้นเขาก็ได้บทเรียนชิ้นสำคัญมา ประสบการณ์ด้านความรักของเขามันเป็นศูนย์ พอมีเข้ามาก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับอารมณ์ของตัสเองยังไง...วันนั้นเขายอมรับว่าเขาทำพลาดไปจริงๆ มีอะไรอีกหลายๆอย่างที่เขายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ และเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะให้ใครสอนมันให้กับเขา

...ประสบการณ์หรือสัญชาตญาณของแต่ละคนที่มีต่อแต่ละด้านมันมีไม่เท่ากันทุกคนหรอก บางคนอาจจะจัดการได้ดีในเรื่องนี้ แต่บางคนก็ไม่สามารถจัดการกับสิ่งนั้นได้เลย ...ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอการเข้าหาแบบเดียวกันกับผามาก่อนเลย แต่เป็นเพราะเมื่อก่อนโจ้กับธามจะออกโรงกันท่าให้ตลอด เพราะเขาก็ไม่คิดอยากจะอะไรกับใครแบบนั้นในตอนนั้น พอมาตอนนี้เขาเลือกที่จะเปิดใจให้กับใครสักคนดู เขาก็กลับจัดการอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง...แย่จริงๆเลย

"วันนี้มาลงคุมซ้อมเดือนเองเลยหรอจ้ะใหม่" เสียงของเชอร์รี่ดังขึ้นทำลายความคิดของคนตัวเล็กลงไปก่อนจะหันไปตามสายตาที่พี่เขามองอยู่ก็เห็นใหม่ที่เดินถือถุงอะไรพรุงพรังเข้ามา

"ก็เผื่อเดือนต้องการกำลังใจ" ใหม่ตอบก่อนจะส่งรอยยิ้มหล่อมาให้น้ำ น้ำไม่ได้โง่ขนาดที่ไม่รู้ว่าที่ใหม่กำลังพูดถึงตนเองอยู่ จึงทำได้แค่ยิ้มบางๆตอบกลับไป

"และแกจะหอบอะไรมาเยอะแยะ เอามาเลี้ยงพวกฉันรึไงยะ" เชอร์รี่กอดอกถาม

"เอามาฝากเดือน" ใหม่ตอบยิ้มๆ สายตาเจ้าเล่ห์ปิดไม่มิด

"แหม~ น้องน้ำเขาไม่เอารองเดือนอย่างแกหรอกนังใหม่ ต้องเดือนตัวจริงอย่างผาสุดหล่อนู้น" ใหม่ได้ยินเชอร์รี่พูดถึงคนที่เขาไม่อยากได้ยินชื่อมากที่สุดก็ถึงกับหันขวับกลับไปมองตาขวาง

"ใจเย็นไอ้ใหม่ ...รี่มึงก็รู้ จะแหย่มันก็เอาชื่ออื่นเหอะ" ต้นเพื่อนสนิทของใหม่ที่มาด้วยกันเข้าไปจับตัวใหม่เอาไว้ไม่ให้ทำอะไรวู่วาม เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนรักคนนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดไหน

"ฉันไม่ได้แหย่ย่ะ เรื่องจริงทั้งนั้น" เชอร์รี่เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้...จะแกล้งให้หัวปั่นเลยเถอะคอยดู เชอร์รี่แสยะยิ้มในใจอย่างนึกสนุก

"อะไร" ใหม่พยายามสะบัดตัวออกจากมือของต้นที่จับเขาอยู่แล้วเอ่ยถามออกมาอย่างสนใจ ต้นมองด้วยสายตาบอกไม่ถูกแต่ก็ยอมปล่อย

"ก็ผามันเทียวเอาน้ำเอาขนมมาส่งให้น้ำเป็นอาทิตย์และแต่มันบอกห้ามบอกใคร ฉันเห็นแกอยากรู้นะเนี่ยฉันเลยยอมผิดสัญญาบอกแก" เชอร์บอกจบก็เชิดกน้าเดินออกมาอย่างหมั่นไส้ ไม่สนใจใหม่ที่กำลังยืนอารณ์ขึ้นอีกเลย

"ไอ้เหี้ยผา หึ" ใหม่กำถุงขนมที่ตัวเองซื้อมาแน่น พร้อมกับแสยะยิ้มร้ายกาจออกมา...ก่อนจะหันกลับไปมองน้ำที่นั่งกินขนมอยู่ ...แววตาที่มองไปไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆ

"กูกลับเลยแล้วกัน" ใหม่หันกลับมาบอกกับคนที่ตัวเองนับเป็นเพื่อนสนิท วางถุงขนมลงที่โต๊ะใกล้ตัว แล้วเดินออกไปทันทีไม่หันกลับมามองต้นที่ยืนมองด้วยสายตาเดียวกันกับหลายปีที่ผ่านมา

"หาเรื่องอีกแล้วมึงไอ้ใหม่" ต้นว่ากับตัวเองเบาๆ พร้อมกับส่ายหัวยิ้มๆแล้วเดินตามใหม่ออกไปติดๆ



.



.



.



"เลิกกองค่า~" เสียงสวรรค์ของเชอร์รี่ตะโกนะบอกลั่นโถงประชุม ทุกคนพร้อมใจกันเฮดังลั่นแล้วแยกย้ายกันไปเก็บอุปกรณ์

"วันนี้ทุกคนทำดีมากเลย ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดีน้า ...เดินทางกลับหออย่างปลอดภัยนะคะคุณลูก" เธอบอกพร้อมโบกมือลา

"สวัสดีค่ะ/ครับ" ดาวเดือนต่างยกมือไหว้ลาพี่สตาฟนิเทศฯก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไป...และวันนี้น้ำต้องกลับคนเดียว ล่าสุดคุยกับธามกับโจ้ไว้ในกลุ่มก็บอกเขาไว้ว่าจะขอพักเอาแรงสักหน่อยถ้าเสร้จแล้วให้โทรไป...แล้วใครจะกล้าไปโทรกวน เดินกลับเองบ้างก็ดี คิดได้แบบนั้นก็ตรงดิ่งกลับห้องทันที

...เขาเดินไปตามทางบนฟุตบาทที่เคยเดินกลับกันสามคนกับธามกับโจ้ช่วงระหว่างมหาลัยจนเกือบถึงสะพานลอยข้ามไปหอเขามันจะเป็นเขตก่อสร้างมันก็เลยดูมืดๆเปลี่ยวๆ ทุกวันที่เขาเดินกลับกันสามคนก็รู้สึกสบายใจดีไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายอะไร แต่วันนี้เขารู้สึกแปลกๆไป เขารู้สึกเหมือนคนเดินตามเขาอยู่ตลอดเวลา เขาพยายามคิดแล้วนะว่าคงเป็นคนที่เดินสวนไปสวนมาตามปกติที่ควรจะเป็น...แต่เขาก็รู้สึกแปลกไปจริงๆนั่นแหละ .

..น้ำเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเพื่อให้ไปถึงสะพานลอยให้ไวขึ้น ถ้าไปถึงแถวนั้นก็จะมีคนพลุดพล่านหน่อย



ตึกตึกตึก ตึกตึกตึก

เสียงฝีเท้าหนักๆ เท่าที่จับใจฟังได้มีสองคู่ คือเขา...และไอ้คนที่เดินตาม เขารีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกหน่อยแต่ก็ไม่เร็วมากจนคนที่เดินตามรู้ตัวว่าเรารู้ตัวแล้วว่าโดนตามอยู่ ...สองมือกำสายกระเป๋าสะพายแน่น ในใจพลางคิดไปเรื่อยว่าจะทำไงดี

...โทรศัพท์ใช่โทรศัพท์! เมื่อนึกขึ้นได้เขาจึงรีบล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบมันขึ้นมาเตรียมจะปลดล็อค

หมับ! เคร้ง!

เฮือก!!

เขาถูกใครไม่รู้เข้ามาล็อคคอจากทางด้านหลัง สะดุ้งตกใจจรปล่อยโทรศัพท์ร่วงจากมือไปนอนหงายอยู่ที่พื้น แต่เขาก็ไม่ได้ละความสนใจไปจากวัตถุบางอย่างที่จ่ออยู่ชายโครงด้านหลังเขาอยู่

...กลิ่นเหงื่อเหม็นสาปคละคลุ้งตีขึ้นจมูก มือหยาบกร้านบีบเข้าที่คางไม่เบาแรงนักดันให้เอียงคอไปอีกทางก่อนจะก้มหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราลงมาแนบกับลำคอของเขาพร้อมกับสูดหายใจเพื่อสูดดมกลิ่นกายอย่างหยาบคาย...

"หอม อ่าห์~" เสียงแหบต่ำเปล่งเสียงออกมาอย่างน่าขยะแขยง

...เขากำลังจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแต่...เขาเห็นแสงสว่างจากสมาร์ทโฟนที่หล่นอยู่บนพื้นที่เขาหลี่แสงลงจนสุด...โจรหยาบนั่นไม่ทันสังเกต เขาตั้งสติพยายามเพ่งดูรายชื่อที่โทรเข้ามา

...พี่ผา...

เห็นรายชื่อนั้นเต็มตา ก็ทำให้ใจที่สั่นกลัวกลับเต้นระรัวด้วยความดีใจ แต่...จะทำยังไงถึงจะรับสายได้ เขาพยายามคิดอยู่พักนึงจนสายตัดไป ตอนนั้นน้ำหัวใจหล่นวูบไปอย่างหมดหวัง

...ไอ้โจรหื่นกามเริ่มไล้มือไปตามลำตัวเขาอย่างหยาบโลน พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล คนตัวเล็กน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างหมดหวัง

"ชะ..."

"อย่าตะโกนเชียวนะมึง" เขาตะโกนได้ไม่ถึงคำด้วยซ้ำวัตถุปลายแหลมที่จี้อยู่ที่ชายโครงด้านหลังก็ถูกกดลึกลงมาจนคนตัวเล็กรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งแถบ จนไม่กล้าตะโกน

...คนตัวเล็กกำลังจะหลับตายอมรับชะตากรรม เนื้อตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัวและเสียขวัญ แต่คนตัวเล็กก็เหลือบเห็นแสงหน้าจอสว่างขึ้นมาอีกครั้ง คนตัวเล็กใจเต้นระรัวอย่างดีใจอีกครั้ง...เขาตัดสินใจยืนนิ่งๆ ข่มอารมณ์และความกลัวเอาไว้ ตั้งสติให้คงที่ ปล่อยให้มันลวนลามได้ตามอำเพอใจ แม้ใจจะนึกสั่นกลัวเพียงใดก็ตาม

เขาค่อยๆถอดรองเท้าออกแล้วค่อยๆเอาเท้าแตะหน้าจอเพื่อสไลด์รับสายอย่างใจเย็น ยอมให้ไอ้โจรโรคจิตนี่ดมนู่นสูดนี่ไป หลังจากพยายามเลื่อนรับอยู่สองสามทีปรากฎว่ารับสายได้...พอรับสายได้เขาจึงเอาเท้าไปวางไว้บริเวณส่วนบนของจอเพื่อให้แสงหน้าจอดับลง น้ำได้ยินเสียงปลายสายดังแว่วๆเรียกชื่อเขาออกมา

"ปะ ปล่อยผมไปเถอะครับ!" น้ำรวบรวมความกล้าพูดออกมาเสียงดังตะกุกตะกักเพื่อให้คนปลายสายรับรู้ว่าตัวเองอยูในสถานะการณ์ที่ไม่ปกติ

"เงียบปากซะ!" โจรหยาบตวาดออกมาเสียงกร้าว แล้วกระชากตัวน้ำให้ถอยหลังตามมันไป

"ช่วยดะ อึก!" น้ำตัดสินใจตะโกนให้ปลายสายรับรู้ว่าต้องการความช่วยเหลือแต่ก็ต้องจุกจนพูดไม่ออกเพราะโดนต่อยเข้าที่ท้องอย่างจังจนล้มพับลงไป

...คนตัวเล็กยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองอย่างเจ็บปวด หน้าแดงก่ำ อ้าปากค้างเพราะที่โดนต่อยมานั้นมันจุกเสียจนคนตัวเล็กแทบขาดอากาศ ...น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป เขาไม่สามารถรอดจากตรงนี้ไปได้แน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งพาลน้ำตาไหลหนักกว่าเดิม  เนื้อตัวสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ ที่ชายโครงขวาด้านหลังก็ปวดหนึบขึ้นมาในฉับพลันที่พลิกตะแคงไปแถบนั้น ...ตอนนี้ในหัวเขามันคิดอะไรเต็มไปหมด คิดไปต่างๆนาๆ ยิ่งคิดถึงสิ่งที่จะเกิดก็ยิ่งพาลให้น้ำตาไหล



"น้ำ!!" ผาร้องเรียกคนตัวเล็กที่ล้มลงไปต่อหน้าเขาเสียงดัง

...น้ำที่สติแทบเตลิดไปไกลพอได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย น้ำตาที่ไหลมากอยู่แล้วก็พาลไหลออกมามากมายอย่างห้ามไม่อยู่...เขามา เขามาจริงๆ

"พะ พี่...ผา อึก!" คนตัวเล็กขดตัวเอามือกุมท้อง เอ่ยเรียกชื่อเขาทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ

...ที่เขามาถึงไวขนาดนี้ก็เพราะเขาขับตามดูคนตัวเล็กกลับหอทุกวัน แต่วันนี้เขามาช้าหรือเพราะคนตัวเล็กเลิกเร็วกันแน่เขาก็ไม่แน่ใจ...แล้วโจ้กับธามไปไหนอันนี้เขาก็ยังสงสัย เขามาจอดรถรออยู่หน้ามหาลัยสักพักได้แล้วแต่เห็นว่าไม่ออกมาสักทีก็เลยขับรถวนเข้าไปดูปรากฎว่าเชอร์รี่บอกว่าเลิกไปสักพักแล้วเขาก็เลยรีบโทรหาแต่คนตัวเล็กก็ไม่ยอมรับ...จนมารับสายเขาอีกทีก็ได้ยินเสียงคนตัวเล็กพูดแปลกๆเขาก็เริ่มเอะใจ ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ จึงรีบขับรถตามเส้นทางกลับหอของคนตัวเล็กเรื่อยๆหูฟังที่คนตัวเล็กพูด ตาคอยมองข้างทางตลอด เพราะค่อนข้างมืด และในที่สุดเขาก็เจอ...

"มึงเป็นใคร!!" ไอ้โจรหยาบหันวัตถุปลายแหลมชี้มาทางผาแล้วเอ่ยถามเสียงกร้าว

"ส่งคนของกูมา!" ผาไม่ตอบแต่กลับบอกไปเสียงเครียดอย่างไม่กลัว

"ไม่!!"

ฉึบ! ผลัก! ผลัวะ! ผลัวะ!

มันตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะกระโจนเข้าใส่ผาพร้อมกับจ้วงแทงมีดมาทางร่างสูงด้วย แต่ผาไวกว่าหลบได้แล้วเตะสวนเข้าที่ท้องก่อนจะตะบันหมัดใส่หน้าไปอีกหลายหมัดจนมันล้มนอนกองลงไป

"น้ำ! น้ำ!" เขาเดินเข้าไปหาน้ำ พยุงคนตัวเล็กขึ้นนั่งพิงตัวเขา คนตัวเล็กน้ำตาเปื้อนหน้าเลอะเทอะไปหมด เอาแต่ขดตัวมือกุมท้องตัวสั่นไปหมดทั้งตัว

...เขากอดน้ำเอาไว้หลวมๆพร้อมกับลูบหัวปลอบเบา

...เขาหันกลับไปหาไอ้โจรใจหยาบนั่นด้วยดวงตาลุกวาวประคองน้ำให้เอนตัวลงเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปซัดไอ้โจรนั่นไม่ยั้งจนไม่มีแรงจะผงกหัวขึ้นมา ก่อนที่เขาจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาตำรวจ ไม่นานเกินรอตำรวจก็แห่กันมาเขาให้ปากคำเพียงเล็กน้อยแล้วปล่อยให้ตำรวจเคลียไปเพราะไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเนื่องจากรู้จักกันกับคุณพ่อของเขาเอง หลังจากจัดการเสร็จก็ไม่รอช้า รีบอุ้มคนตัวเล็กเข้ารถแล้วขับเลี้ยวเข้าคอนโดของเขาไป

"กะ กลับ...ห้อง พี่ผา" เขาเตรียมจอดรถแล้วก็มีเสียงแหบเจือเสียงสะอื้นของคนนั่งข้างๆดังขึ้น เขาไม่ตอบแต่วนรถออกไปยังหอของคนตัวเล็กทันที ...จอดรถเสร็จเขาก็ลงมาอุ้มคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดแล้วเดินเข้าไปภายใน ถามเลขที่ห้องคนตัวเล็กก็ตอบออกมาแต่โดยดีไม่ได้ขัดขืนอะไร

"อยู่เฉยๆนะ" ร่างสูงวางน้ำลงบนเตียงแล้วบอกเบาๆก่อนจะผละออกไป กลับมาอีกทีพร้อมกะละมังใส่น้ำ ผ้าผืนเล็ก และกล่องปฐมพยาบาลวางจัดเตรียมไว้ที่โต๊ะข้างเตียงส่วนตัวผาเองนั่งตรงพื้นที่ว่างข้างๆคนตัวเล็กที่นอนอยู่

...ผาเอาผ้าจุ่มน้ำบิดพอหมาดแล้วเช็ดหน้าที่เลอะคราบน้ำตาของคนตัวเล็กเบาๆ

...ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากทั้งสองคน มีเพียงสองสายตาที่ประสานสบกันเนิ่นนาน ทำให้คนตัวเล็กน้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ ผาบรรจงค่อยๆไล้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตานั้นออกไปอย่างแผ่วเบาก่อนจะโน้มหน้าลงไปจุมพิตที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวทุยเบาๆเพื่อปลอบประโลมคนขวัญเสีย...คนตัวเล็กที่ถูกทำแบบนี้ก็รู้สึกอุ่นวาบในใจขึ้นมาเอียงเข้าหาสัมผัสอันอ่อนโยนที่ผามอบให้ คนตัวเล็กรู้สึกปลอดภัย รู้สึกอบอุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

"พี่ถอดเสื้อนะครับ" ผาพูดขออนุญาต ก่อนจะอื้มมือไปปลดเนคไทด์ และกระดุมออกทีละเม็ดจนหมด แวกเสื้อออกจนเห็นกายขาวผ่องอยู่ตรงหน้ามีรอยช้ำม่วงเป็นวงใหญ่อยู่กลางท้องขาว ...เม็ดเล็กๆอมชมพูกลางอกที่ชูชันเด่นหราเพราะความเย็นของแอร์และผ้าชุบน้ำที่เช็ดตัวนั่นทำให้ผาถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะเสตามองไปที่อื่น แต่ตาก็ไปสะดุดเข้ากับรอยเลือดที่ซึมจนเปื้อนทะลุเสื้อนักศึกษาออกมาทางแถบชายโครงด้านหลังทางขวา

"น้ำไปโดนไรมา" ผาถามออกมาอย่างตกใจพลางค่อยๆช้อนตัวน้ำขึ้นมาพิงอกตนไว้...คนตัวเ็กร้องซี๊ดออกมาเบาๆเพราะเจ็บระบมไปทั้งตัว

"น่าจะ...โดนมันเอา...มีดกดลงมา...ครับ" คนตัวเล็กตอบออกมาเสียงขาดๆหายๆ ร่างสูงจัดท่านั่งให้คนตัวเล็กหันหน้าเข้าหาเขาเอนหัวพิงไหล่เขาดีๆแล้วค่อยถอดเสื้อออก

...รอยแดงเป็นจ้ำๆตามแขนตามตัวอีกนับไม่ถ้วน บางจุดเป็นสีม่วงๆช้ำๆดูน่ากลัวเพราะไอ้ระยำนั่นไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อย

...เขาเอื้อมไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาแล้วบรรจงทำแผลให้น้ำอย่างอ่อนโยน เมื่อทำแผลเสร็จแล้วเขาก็เช็ดตัวให้จนเสร็จ แล้วทายาแก้ฟกช้ำตามจุดฟกช้ำที่มีประปรายอยู่ตามเนื้อตัว

...คนตัวเล็กยังคงใส่กางเกงสแล็คดำตัวเดิมอยู่ด้วยที่ร่างสูงไม่รู้จะเปลี่ยนให้ยังไงดี กะจะเปิดตู้เอาแค่เสื้อมาใส่ให้ แต่เขาก็ดันเห็นเสื้อเชิ้ตนักศึกษาตัวใหญ่โคร่งของใครไม่รู้แขวนอยู่ในตู้จึงหยิบออกมาใส่ให้คนตัวเล็กเพราะเขาจะได้เปลี่ยนกางเกงให้ด้วย

"พี่ถอดกางเกงออกนะครับ" ด้วยเสื้อที่ตัวใหญ่มากจึงปิดลงมาถึงหน้าขา ...เขาค่อยปลดกระดุมออกและค่อยๆรูดซิบลงมา

...ในตอนนี้ทั้งน้ำทั้งผาเองคงมีจะมีสีหน้าไม่ต่างกันนัก ผาที่เห็นขาขาวอยู่ตรงหน้าก็แทบกระโจนเข้าใส่สะกัดกลั้นอารมณ์ตัวเองจนเลือดพลุ่งพล่านร้อนไปทั่วตัว ใบหูที่แดงแจ๋ของผาน้ำเห็นมันได้อย่างชัดเจน ...น้ำเองก็อยากจะขัดขืนและปฏิเสธการกระทำของร่างสูงที่กำลังทำอยู่ แต่ก็รู้ดีว่าร่างกายตัวเองไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ และเพราะการกระทำแสนอ่อนโยนนั้นทำให้ใบหน้าหน้ารักขึ้นริ้วแดงไปทั่วทั้งปรางค์แก้มนวลอย่างเขินอาย...ที่ให้ทำแบบนี้เป็นเพราะเขาไม่มีแรงที่จะขยับทำอะไรจริงๆ

...เมื่อถอดกางเกงเสร็จแล้วหาก็เตรียมตัวลุกขึ้นเอาของไปเก็บที่

หมับ!

"หื้ม?" เขาหันมามองมือที่ถูกคนตัวเล็กจับเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ดวงตาสั่นระริก มีน้ำใสเอ่อคลอเต็มหน่วย

"ยะ อย่าเพิ่งไป...ได้มั้ยครับ" คนตัวเล็กว่าออกมาก่อนจะเสตาหลบไปทางอื่น ...ผาที่ได้ยินแบบนั้นก็เผยยิ้มกว้างออกมาในรอบหลายวันที่ไม่ได้เจอกับคนตัวเล็ก

"เดี๋ยวมาครับ เอาของไปเก็บก่อน" ผาบีบมือเล็กกลับไปเบาก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวทุยอย่างปลอบปละโลม แล้วผละออกไปเอาอุปกรณ์ไปเก็บแล้วกลับมานั่งที่ว่างบนเตียงที่เดิม ก่อนจะยกผ้าห่มคลุมคนตัวเล็กเอาไว้

จุ๊บ~

"ฝันดีครับ" ผาโน้มหน้าเข้าไปฝากจุมพิตที่หน้าผากมนก่อนจะผละออกมาบอกฝันดีพร้อมกับยังลูบหัวทุยยังไม่หยุด คล้ายจะขับกล่อมให้คนตรงหน้านี้ลืมเรื่องร้ายๆแล้วนอนหลับฝันดี

"คือ...ถ้าผมหลับ...พี่ผาจะกลับเลยรึเปล่าครับ" คนตัวเล็กถามออกมา

"แล้วน้ำอยากให้พี่กลับมั้ยครับ" ผาย้อมถาม คนตัวเล็กส่ายหัวช้าๆ

"โอเค งั้นนอนเนอะ" ผาว่าออกมาอมยิ้มอย่างเอ็นดูในความขี้อ้อนของคนตรงหน้า

...น้ำจับมือผาไว้ทั้งอย่างนั้นตลอดจนเข้าสู้ห้วงนิทราไปก็ยังไม่คลาย ...คนตัวเล็กไม่รู้เลยว่าผานั่งมองหน้าตัวเองแล้วยิ้มออกมานานนับชั่วโมงก่อจะทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วหลับตามคนตัวเล็กไปในที่สุด...

...บางทีก็ดูร้าย บางทีก็ดูน่ารัก และบางทีก็ขี้อ้อนแบบที่เจออยู่ตอนนี้ แต่ไม่ว่าแบบไหน...เขาก็คงชอบอยู่ดี หรือบางทีมันอาจจะมากกว่าชอบไปแล้วก็ได้...









...100%...

...To Be Continued...





หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.9]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 20-12-2017 16:20:25
เกลียดคนเจ้าชู้อะ ถ้าผายังเคลียร์ตัวเองไม่ได้ก็อย่าเพิ่งมายุ่งกับน้องเลย  น้องนำ้ก็ต้องใจแข็งไว้ก่อนนะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.11] [20.12.2017 : 16.25]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 20-12-2017 19:06:06
[Episode 11]





...เช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยจะสดใสสักเท่าไหร่สำหรับคนตัวเล็ก เจ็บร้าวระบมไปทั่วทั้งตัว จนไม่อยากจะขยับตัวตื่น แต่เป็นเพราะกลิ่นอะไรที่มันหอมมากๆ มากถึงกับทำให้เขาตื่น มากจน...ทำให้กระเพาะเขาทำงาน ส่งเสียงร้องประท้วงว่าหิวแล้ว ...ร่างสูงที่ยืนกอดอกมองคนตัวเล็กขยับจมูกดมกลิ่นฟุดฟิดๆแต่ไม่ยอมลืมตาหรือขยับแม้แต่น้อย อยู่ข้างเตียงก็ถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่

...อยู่ใกล้ทีไร กลายเป็นคนยิ้มง่ายทุกที ให้ตายเถอะ...

ผาอยากจะแกล้งยืนดูเงียบๆอย่างนี้อีกสักพักแต่นี่มันก็ปาไปจะเก้าโมงแล้ว เขามีเรียน 11 โมง ที่จริงก็ไม่ได้เรียนหรอก ไปเสนอความคืบหน้าโปรเจคจบซะมากกว่า ปีสี่แล้วก็แบบนี้ไม่ค่อยได้เรียนหรอก หัวหมุนอยู่แต่กับโปรเจค วันๆก็หมกตัวอยู่แต่กับโปรเจค  นอนก็ไม่ค่อยได้นอน...มีเมื่อคืนเนี่ยแหละที่ได้นอนเต็มอิ่มหน่อย

"อ้ะ! ซี๊ด~" สงสัยเขาคงคิดอะไรเพลินไปหน่อยเลยไม่ทันสังเกตว่าคนตัวเล็กที่นอนอยู่ขยับตัวตื่นแล้ว "เจ็บมากมั้ย ค่อยๆลุก" ผาเข้าไปจับแขนช่วยประคองน้ำให้ลุกขึ้นนั่ง เอาหมอนวางหนุนหลังให้พิงกับหัวเตียงสบายๆ ...น้ำผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่กำลังช่วยประคองเขาอยู่เป็นใคร เขานึกว่าจะเป็นโจ้หรือไม่ก็ธามซะอีก คนตัวเล็กนึกไปถึงเมื่อคืนตอนเกิดเรื่องแล้วความทรงจำทุกอย่างก็หลั่งไหลเข้ามา

'พี่ถอดเสื้อนะครับ'

'พี่ถอดกางเกงออกนะครับ'

จุ๊บ~

'ฝันดีครับ'


...เหตุการณ์เมื่อคืนไหลเข้ามาไม่มีหยุด ใบหน้าร้อนฉ่าเหมือนจะระเบิด น้ำนั่งนิ่งขืนตัวไม่ยอมขยับหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อไปทั่วทั้งปรางค์แก้มนวล จนคนมองนึกเป็นห่วงกลัวไม่สบาย

"ไม่สบายรึเปล่าน้ำ" ผาใช้หลังมืออังที่แก้มของน้ำแล้วเอ่ยถามออกมาเพราะมันร้อน

"อะ เอ่อ...ไม่ครับ" คนตัวเล็กตอบออกมาก่อนจะค่อยๆบิดแขนออกมาจากการกอบกุมของร่างสูง

...ผาที่เห็นปฏิกิริยาที่คนตัวเล็กมีต่อตอนเองนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนทำอะไรแย่ๆไว้กับคนตัวเล็กนี่ ...ทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าจัวเองทำอะไรแย่ๆไว้กับน้ำผาก็ปล่อยแขนคนตัวเล็กออกแล้วนั่งลงบนเตียงกับน้ำ ...ทั้งสองคนต่างก็เงียบใส่กัน ที่ผาเงียบเพราะเขารู้สึกผิดกับเรื่องที่เขาทำไว้ เขาอยากจะขอโทษอยากจะอธิบายทุกๆอย่างให้ฟังแต่มันก็ไม่ทีโอกาสเลยสักครั้ง...เห้อ ...คนตัวเล็กได้ยินผาถอนหายใจก็หน้าเสีย คิดไปว่าตัวเองทำอะไรผิดอีกรึเปล่า พาลทำให้นึกถึงเรื่องวันนั้นที่ตัวเองอารมณ์เสียใส่ร่างสูงไปแบบไม่มีเหตุผลจริงๆอย่างที่ร่างสูงว่าไว้

...พี่ผาคงโกรธเขาอยู่เป็นแน่...

พรึ่บ

"ยังไงก่อนไปพี่ขอทำแผลให้ก่อนก็แล้วกันถ้าไม่ทำตอนนี้มันจะอักเสบเอา เดี๋ยวพี่จะบอกให้โจ้กับธามมาอยู่เป็นเพื่อน" ผาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะว่าออกมาแล้วเดินไปหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลมา เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่จะใช้แล้วเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

"หันหลังมาหน่อยครับ" ผาบอกพร้อมกับช่วยประคองให้น้ำค่อยๆหมุนตัวหันหลังให้เขา  น้ำทำตามอย่างว่าง่ายแต่ก็ยังเงียบเหมือนเดิม หยิบหมอนขึ้นมาไว้บนตักแล้วกอดเอาไว้ ในหัวตีกันให้ยุ่งไปหมด ไม่รู้จะพูดกับร่างสูงยังไงดี

"ปลดกระดุมเสื้อออกหน่อย..." คนตัวเล็กสะดุ้งเบาๆ สงสัยอยู่เล็กน้อยว่าทำไมต้องให้ปลดกระดุมด้วย

"เอ่อ...คือ..."

"หรือจะให้พี่ ถกเสื้อเราขึ้นมาดี หื้ม?" พอคนตัวเล็กได้ยินร่างสูงบอกแบบนั้นก็คิดได้ว่าตังเองใส่เพียงแค่กางเกงในแค่ตัวเดียวถ้าถกหมดคงเห็นอะไรต่อมิอะไรของเขาหมดแน่ เลยรีบปลดกระดุมออกจนเกือบหมด

"ปะ...ปลดแล้วครับ"  ...ผาค่อยๆแหวกเสื้อให้ล่นลงมากองอยู่ตรงบริเวณข้อศอกคนตรง จนเห็นผ้าก็อตสีขาวมีเลือดซึมปิดทับแผลอยู่บริเวณชายโครงด้านขวา

...ลาดไหล่ขาว แผ่นหลังเนียนละเอียดที่กระทบกับแสงแดดที่ส่องเข้ามา ทำให้ผาลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ เอวคอดเล็กน้อยในแบบผู้ชายตัวเล็กหุ่นดี ผาสะบัดหัวไปมาเพื่อขับไล่อารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นมาก่อนที่จะห้ามไม่ได้ ...ผาค่อยๆแกะผ้าก็อตออก แล้วลงมือทำแผลอย่างเบามือ แต่สงสัยคงเบาไม่มากพอเพราะคนตัวเล็กสะดุ้งอยู่บ่อยๆ

"พี่ทำเจ็บหรอ" ผาหยุดมือแล้วเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง

"ก็...นิดหน่อยน่ะครับ" น้ำตอบเสียงเบา

"ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว" ผาบอกพร้อมกับค่อยๆแต้มยาฆ่าเชื้อลงไป ก่อนจะปิดแผลด้วยผ้าก็อตที่เตรียมไว้ ...ผาเลื่อนเสื้อขึ้นไปคลุมหัวไหล่เนียนไว้อย่างเดิมก่อนจะจับไหล่คนตัวเล็กไว้ทั้งสองข้าง

"หันหน้ามาหน่อยครับ" คนตัวเล็กค่อยๆหันมาอย่างว่าง่าย ...ก้มหน้าซ่อนริ้วแดงบนแก้มนวลเพราะความเขินอายกับความอ่อนโยนที่ร่างสูงมอบให้ ...ผาหยิบหมอนที่คนตัวเล็กกอดอยู่ไปวางอิงกับหัวเตียง แล้วค่อยๆดันตัวน้ำให้เอนตัวพิงหมอนใบนุ่ม ก่อนจะแหวกสาบเสื้อออกเพื่อจะทายาให้ที่รอยฟกช้ำวงใหญ่ที่ม่วงช้ำอยู่กลางหน้าท้องเรียบแบน ...แต่คนตัวเล็กที่ไม่ได้คิดว่าร่างสูงตรงหน้าจะทายาให้ก็ทำหน้าเหลอหรา ขยับตัวยุกยิก

"อยู่เฉยๆก่อน พี่จะทายาให้" คนตัวเล็กนิ่งไปทันที กัดปากล่างเพื่อเก็บอาการเขิน แต่หูกับแก้มนวลที่ขึ้นสีแดงเรื่อหนักกว่าเก่าก็ไม่อาจะพ้นสายตาผาไปได้ กิริยาที่คนตัวเล็กเป็นอยู่นี่ทำให้ผาหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

"ยิ้มอะไรครับ" คตัวเล็กขมวดคิ้วเชิดหน้าถาม

"ก็คิดอะไรอยู่ล่ะ" ผาว่าออกมายิ้มๆ พร้อมกับป้ายยาลงบนรอยฟกช้ำ

"ผม...ไม่ได้คิดไรสักหน่อย" คนตัวเล็กอ้อมแอ้มตอบ ก่อจะหลุบตามองมือผาที่กำลังทายาให้ตนอยู่ ...ความรู้สึกผิดที่มีอยู่แล้วก็เหมือนจะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นไปอีกเพราะการดูแลอย่างดี และความอ่อนโยนที่ร่างสูงมอบให้ คนตัวเล็กเม้มปากเข้าหากันแน่น พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าผาที่กำลังตั้งใจทายารอยฟกช้ำตามตัวเขา ...เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นมามันจะไวไปมั้ย เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง จะเริ่มต้นยังไง...ทำไมทุกอย่างถึงดูยากไปหมด ผิดไปหมด

"เป็นอะไรรึเปล่าน้ำ" ผาที่เห็นว่าคนตัวเล็กเอาแต่นิ่งเงียบมองหน้าเขามาสักพักแล้วเอ่ยทักขึ้นมา แต่คนตัวเล็กก็ยังนิ่งอยู่

...ถ้าเขาจะขอโทษเรื่องวันนั้นในวันนี้มันจะสายไปรึเปล่านะ...

"น้ำ..." ผาเรียกคนตัวเล็กอีกครั้งเพื่อที่จะเอ่ยขอโทษกับเรื่องราววันนั้น

"น้ำ...ขอโทษ" พูดจบก็หลุบตามองต่ำ ผานิ่งคิดไปสักพักก่อนจะถามออกมา

"ขอโทษเรื่องอะไร"

"ก็...เรื่องวันนั้น" ผามองหน้าคนตัวเล็กนิ่ง...ทั้งๆที่น้ำไม่ได้ผิดด้วยซ้ำ ยังเอ่ยคำขอโทษก่อนเขาที่เป็นคนผิดเสียอีก

"น้ำไม่ได้ผิด น้ำไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรพี่เลย" ผาเก็บหลอดยาเข้ากล่องแล้วหันกลับมาติดกระดุมเสื้อให้คนตัวเล็ก

"แต่น้ำพูดไม่ดี น้ำไม่มีเหตุผลจริงๆอย่างที่พี่บอก" น้ำเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผาแล้วเอ่ยออกมา

"น้ำมีสิทธิที่จะทำแบบนั้น เพราะพี่ไม่ชัดเจนเอง...พี่ไม่พูดให้เคลียร์ พี่ไม่ได้ให้ความมั่นใจกับเรา พี่ควรจะอธิบายตั้งแต่วันนั้น" ผามองสบดวงตาสวยด้วยแววตาจริงจัง

"น้ำมีสิทธิหรอ" น้ำถาม เพราะเขารู้สถานะดีว่ามันไม่ใช่สถานะของคนที่มีสิทธิที่จะทำอะไรแบบนั้นได้

"น้ำมีสิทธิในตัวพี่ทุกอย่าง" ผามองสบตาพร้อมกับจับมือคนตัวเล็กสอดประสานและบีบเบาๆ คล้ายกับบอกให้น้ำฟังและเชื่อในสิ่งที่เขาพูด

"ยังไง...ครับ" น้ำถามเพื่อความมั่นใจ

"ตั้งแต่วันนี้พี่จะไม่จีบน้ำแล้ว..." น้ำเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง คนตัวเล็กไม่เข้าใจในสิ่งที่ผาพูด เขาไม่เข้าใจกับสิ่งที่ผากำลังจะสื่อ ไหนบอกว่าเขามีสิทธิทุกอย่าง แล้วมาบอกกันแบบนี้...มันคืออะไร

"ผม...ไม่เข้าใจ" "คบกับพี่นะ" ทุกอย่างเหมือนหยุดอยู่กับที่ เวลาเหมือนหยุดเดินไปเสียดื้อๆ แววตาสั่นไหว เต็มไปด้วยความดีใจและกังวลใจไปพร้อมๆกัน ผายังไม่รู้ว่าเป็นใครอะไรยังไง ถ้าผารู้ว่าเขาเป็นแค่เด็กกำพร้าไม่มีอะไรเลย...ผาจะยังขอเขาคบแบบนี้อยู่หรือเปล่า แล้วถ้าคบกันแล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่งผาก็ต้องรู้ แล้วถ้ารู้แล้ว...เขากับผาจะยังคบกันอยู่มั้ย แล้วทางครอบครัวของผาจะรับได้หรือเปล่า

"มันอาจจะไวไป แต่พี่อยากให้เราเชื่อใจพี่ เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อย ตัวตนของน้ำพี่อยากจะเรียนรู้มันทุกอย่าง และพี่ก็อยากให้น้ำได้เรียนรู้ในตัวตนพี่ด้วยเหมือนกัน ...ได้หรือเปล่า" ผาบีบกระชับมือคนตัวเล็กเบาๆพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนไปให้ ...ที่ผ่านเขาไม่เคยคิดจะจริงจังกับใครเลย ไม่เคยคิดอยากให้ใครเข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว แต่กับน้ำเขากลับไม่ได้คิดแบบนั้น ความรู้สึกที่เขามีมันมากกว่าทุกคนที่ผ่านมา เขาก็ยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกว่าเขาสามรถรักน้ำได้จริงๆ ความรู้สึกลึกๆมันบอก ว่าลองดูก็ไม่เสียหาย เขาไม่รู้หรอกว่าความรักแบบนี้จะไปกันรอดรึเปล่า แต่เขามั่นใจว่าเขาจะไม่ทำให้น้ำเสียใจเพราะเขาแน่นอน... ...น้ำหลุบตามองต่ำ เม้มปากแน่น ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามาในหัวไม่หยุด หัวใจเต้นระรัว จนกลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยินมันหรือเปล่า

"พี่แน่ใจแล้วหรอครับ" น้ำถามเพื่อความมั่นใจ

"แน่ใจ..."

"เป็นแฟนพี่นะ" หลังจากได้ยินคำถามอีกครั้งก็เงียบไปอึดใจก่อนจะตอบออกมา

"ครับ..." คนรอฟังคำตอบถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ บีบกระชับมือแน่นยิ่งขึ้น ก่อนจะค่อยๆเอามือขาวนั้นขึ้นมาทาบตรงบริเวณหน้าอกด้านซ้ายของตน คนตัวเล็กที่สัมผัสได้ก็ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย...เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่ามันเต้นรัวเร็วแบบเขาไม่มีผิด

"พี่จะไม่สัญญาอะไรทั้งนั้น เพราะพี่จะทำมันให้เราเห็น และตัดสินใจเอง..."

"น้ำ เป็นไงบ้าง..." เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงของโจ้ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองจนคอแทบหัก น้ำรีบชักมือกลับมาไว้กับตัวอย่างเดิมทันที จากที่หน้าแดงอยู่แล้วก็แดงมากขึ้นไปอีกเพราะสายตาล้อเลียนที่โจ้ส่งมาให้นั่นแหละ ...ในขณะที่ผาก็กำลังนั่งสงสัยอยู่ว่าไอ้สองแสบสองตัวนี่มันเข้ามาได้ยังไง เพราะเขาว่าเขาล็อคห้องไว้ และก่อนที่จะสงสัยอะไรไปมากกว่านี้ไอ้แสบตัวที่หนึ่งนามว่าโจ้ก็ยกมือขึ้นมาเผยให้เห็น...กุญแจ นั่นสินะ ถ้าเขาล็อคไว้ ทางเดียวที่จะเข้ามาก็คือต้องมีกุญแจเท่านั้นแหละ เขาไม่คิดสงสัยอยู่แล้วว่าทำไมพวกมันถึงมีกุญแจ น้ำมีเพื่อนสนิทสุดๆก็สองตัวนี่แหละ

"กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าเดี๋ยวค่อยขึ้นมา ฟังกูมั่งสิ" ธามกระซิบเสียงลอดไรฟัน

"เออน่า ไหนๆก็มาแล้วเนี่ย แดกข้าวมั้ยล่ะมึงกูหิว" โจ้ไม่สนอะไรทั้งนั้น เดินดุ่มๆเข้ามาในห้อง กางโต๊ะญี่ปุ่นนั่งกันตรงพืืนที่ว่างหน้าโทรทัศน์แบบไม่เกรงใจแม้แต่พี่ปีสี่ที่มองอยู่ ...ผามองแล้วได้แต่ส่ายหัวเอือมๆกับพวกมันสองตัว

"วันนี้โจ้กับธามไม่ไปเรียนหรอ" น้ำถามด้วยความสงสัย ทีแรกที่ผาบอกจะให้โจ้กับธามมาอยู่เป็นเพื่อนก็คิดว่าคงจะใส่ไม่ก็เตรียมชุดนักศึกษามา...แต่นี่มัน ชุดพร้อมนอนชัดๆเลย

"อาจารย์ยกคลาส วันนี้เลยว่างทั้งวัน ...อ่ะ ของมึง" ธามหันมาตอบน้ำเสร็จก็หันกลับไปหยิบกับข้าวออกจากถุงส่งให้โจ้ที่นั่งฝั่งตรงข้าม 

"รู้ได้ไงวะ ของโปรดกูเลย" โจ้รับไปแกะอย่างดีใจ เพราะนานๆจะได้เป็ดย่างจากร้านนี้สักที...หนึ่งล่ะคนเยอะ สองล่ะตังไม่มี จบข่าว

"ของที่มึงอยากแดกมันจะมีอยู่สักกี่อย่างกันวะ" ธามว่าพร้อมกับแกะกับข้าวใส่จานไปด้วย

"ซื้อมาแต่ของชอบกู ...คิดอะไรกับกูปะเนี่ย" โจ้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างล้อดลียนคนตรงหน้าเต็มที่ ธามมองกลับนิ่งๆ สบสายตากลับด้วยแววตาจริงจัง ไร้แววขี้เล่นอย่างที่ควรจะเป็นจนโจ้เองรู้สึกได้

"อืม...คิด" เขแค่พูดเล่นแต่คำตอบและสายตาที่ส่งมาให้เขามันไม่มีแววล้อลเ่นเลยแม้แต่นิดเดียว อึ้ง ...แต่โจ้ก็อึ้งได้แค่นั้น ก่อนจะถูกธามใช้มือผลักหัวอย่างไม่เบานัก จนแทบหงายท้อง

"คิดว่าเมื่อไหร่จะหยุดกวนตีน แล้วแดกข้าวสักที กู! หิว!" พูดจบก็ตักข้าวเข้าปาก ตักนู่นกินนี่ไม่สนใจแม้แต่โจ้ที่มัวแต่นั่งคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ เสียงหัวเราะแว่วๆดังมาจากบนเตียงเลยหันไปส่งค้อนให้หนึ่งที ...แม่ง กูนี่ก็ขี้ลืมจริงเนาะ ไอ้ห่านี่ยิ่งขี้โมโหหิวอยู่ บุญละที่กูไม่โดนแม่งฆ่า... โจ้คิดในใจ ก่อนจะลงมือกินข้าวบ้าง

"งั้นพี่ไปก่อนนะ เรื่องซ้อมพี่บอกรี่มันไปและว่าเราจะหยุดสักสองสามวัน กินข้าวหมดแล้วอย่าลืมกินยาล่ะ จะได้หายไวๆ" ผายื่นมือไปยีผมตัวเล็กเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะลุกขึ้นเอากล่องยาไปเก็บ

"มึงสองตัวดูแลแฟนกูดีๆนะ ถ้าไม่ดี...มึงโดนกูซ่อมแน่" ก่อนจะไปก็ไม่ลืมที่จะหันมาสั่งไอ้เสือแสบสองตัวพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษ

"ค้าบๆ" สองซี้เงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมกัน ผาหันมาส่งยิ้มให้กับน้ำก่อนจะเดินออกจากห้องไป ...ทั้งโจ้และธามเพิ่งรู้เรื่องที่น้ำถูกทำร้ายจนบาดเจ็บก็เมื่อเช้าตอนที่ผาโทรไปตามเขามาดูนั่นแหละ คราแรกก็ตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะคิดว่าคงถูกทำร้ายจนเจ็บหนัก พอรู้ว่าแผลไม่ได้ใหญ่อะไรมากก็ค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อย อีกอย่าง...มีคนดูแลดีขนาดนั้นเขาก็เบาใจไปได้เยอะ ยิ่งตอนนี้เพื่อนตัวเล็กของเขามีสถานะแบบนี้ก็หายห่วงไปได้เลย "เป็นไงบ้าง" หลังจากที่กินข้าว เก็บของกันเสร็จแล้วก็เข้ามายืนถามไถ่คนไข้ที่กำลังหยิบยาขึ้นมากินอยู่ข้างๆเตียง

"ก็...ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ เหลือแต่แผลข้างหลังที่ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย" น้ำตอบ

"ก็พยาบาลดีขนาดนั้น ไม่ดีขึ้นก็บ้าแล้ว" โจ้อดแซวให้คนตัวเล็กเขินไม่ได้ และเพื่อนตัวเล็กของเขาก็เขินจริงๆ

"มึงก็ไปแซวน้ำ...ดูดิหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย" ธามว่าต่อ ประโยคดูเหมือนจะต่อว่าโจ้นะ แต่ถ้าดูที่เจตนาก็แซวเหมือนๆกันนั่นแหละ

"มึงอ่ะตัวดีเลย" โจ้ชี้หน้าธาม

"ทั้งสองคนนั่นแหละครับ ไม่ต้องแซวเลย" น้ำขมวดคิ้วหน้ามุ่ยอย่างน่ารัก จนโจ้ทนไม่ไหว หยิกแก้มไปทีจนคนโดนหยิกถึงกับซี้ดปาก

"คบกันแล้วอ่ะดิ" โจ้ถาม พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งตรงพื้นที่ว่างปลายเตียง น้ำก้มหน้าลง เม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ

"เคลียร์กันรู้เรื่องหมดแล้ว?" ธามถามต่อ

"...ครับ" น้ำอ้อมแอ้มตอบ

"ก้มหน้าทำไม...เราไม่ได้จะว่าอะไรน้ำซะหน่อย มองหน้ากันก่อนเร็ว" โจ้ว่า น้ำจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา มองหน้าโจ้กับธามที่ส่งยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว น้ำจึงส่งยิ้มกลับไปให้บ้าง

"โอเค พักผ่อนๆ จะได้หายไวๆ ตำแหน่งเดือนรออยู่" โจ้ลุกขึ้นจากเตียง ช่วยจัดที่นอน ส่วนธามก็ช่วยประคองให้น้ำนอนถนัดๆ จะได้ไม่ทับแผลเดี๋ยวจะอักเสบจนเป็นหนักกว่าเดิมเอา

"เดี๋ยวบ่ายๆพวกอิ่มมันจะเข้ามา" ธามบอก

"ไปอีกทีคงเรียนไม่รู้เรื่องแน่ๆเลย" น้ำว่าออกมาอย่างกังวล สีหน้าบ่งลอกถึงความเครียดที่มี

"จะกังวลทำไม น้ำซะอย่างสองสามวันสบายอยู่แล้วน่า ใช่มั้ยไอ้ธาม" ธามพยักหน้าเห็นด้วย

"นอนเถอะ พวกนั้นมาค่อยตื่นมาคุยกันใหม่" โจ้ว่าพร้อมกับยีหัวน้ำเบาๆ แค่ครู่เดียวที่ทั้งห้องไร้บทสนทนาคนตัวเล็กก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทราแสนหวานไป



"มึงว่า...จะไปกันรอดปะวะ" เป็นโจ้ที่เปิดประเด็นขึ้นมา

"ไม่รู้ว่ะ ขอซับพอร์ตอยู่ห่างๆแล้วกัน" ใช่ว่าธามไม่เป็นห่วงกับความสัมพันนี้นะ แต่ก็เข้าไปยุ่งอะไรมากไม่ได้ คนสองคนให้เขาตัดสินใจกันเองจะดีกว่า

"แต่ถ้าน้ำเสียใจนะ ปีสี่ก็ปีสี่เถอะ" 

"มึงจะไปทำไรเค้า เอาตัวมึงให้รอดก่อนเถอะโจ้" 

"กูดูแลตัวเองได้น่า พูดมาก เดี๋ยวนี้บ่นเป็นพ่อกูเลยนะมึง" โจ้ว่าพร้อมทำท่าเอานิ้วแคะหู

"ที่พูดไม่ใช่กูกลัวมึงไปเพิ่มภาระให้วัดพระบาทน้ำพุเขา" 

"ไอ้สัสธาม!" โจ้เผลอด่าออกมาเสียงดัง

"อ๊ะๆ ถ้าน้ำตื่นมาตอนนี้กูจะฟ้องน้ำนะว่าเมื่อคืนมึงไม่กลับหออ่ะ"

"ไอ้สัส มึงหุบปากไปเลย" โจ้ชี้อย่างเอาเรื่อง

"หึ กลัวหรอ" ธามกลั้วหัวเราะถาม

"ถ้ากูบอกมึงเป็นพ่อ นั่นก็แม่ปะวะ" โจ้ว่าพร้อมทำหน้าแหยๆ อย่าให้เพื่อนตัวเล็กเขาได้บ่นเชียว หูดับกันไปข้างนึงอ่ะเอาเถอะ








...100%...

...To Be Continued...



หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.11] [20.12.2017 : 19.12]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 20-12-2017 22:52:32
[Episode 12​​]







"หายดีแล้วหรอ ถึงมาเรียนเนี่ย" พราวเอ่ยทักน้ำและเพื่อนเขาทั้งสองคนที่เดินเข้ามายังโต๊ะประจำที่เขานั่งอยู่อย่างตกใจ เมื่อสองวันก่อนเขายังไปหาที่ห้อง ยังนอนป่วยอยู่เลย

"หายแล้ว" น้ำตอบ ส่งยิ้มหวานไปให้พร้อมนั่งลงที่ว่างข้างอิ่ม อิ่มหันมามองหน้าน้ำนิ่งๆ

"ฝากดูแลน้ำหน่อยนะพราว" โจ้ว่าขึ้นมายิ้มๆ ก่อนจะขอตัวกลับคณะไป ตลอดทั้งเวลาที่น้ำหยุดไปโจ้กับธามอยู่ดูแลเขาตลอดเลย ทั้งๆที่เขาก็ดูแลตัวเองได้แล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังดูแลไม่ห่าง ราวกับลูกก็ไม่ปาน

"เบทยังไม่มาหรอพราว" น้ำหันไปถามถึงสมาชิกอีกคนที่ยังไม่เห็นหน้า

"ใกล้ถึงละ" เป็นอิ่มที่ตอบขึ้นมาแทน พร้อมกับโชว์หน้าจอแชทล่าสุดที่เพิ่งเด้งขึ้นมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว ...สีหน้าน้ำดูดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันก่อนตอนที่พวกเขาเยี่ยมที่หออยู่มากโข ตอนนั้นทั้งดูซึมๆและก็ดูโทรมๆลงไปแต่ยังไงก็ยังดูดีมากอยู่ดี ตั้งแต่น้ำเดินเข้ามาไม่รู้เจ้าตัวรู้ตัวรึเปล่าว่าถูกสายตาหลายสิบคู่มองตามทุกก้าวอย่างชื่นชมอยู่ในใจ พราวเองยังแซวน้ำอยู่ทุกวันว่าเป็นผู้ชายที่น่ารัก ยิ้มสวยกว่าเธอทีทเป็นผู้หญิงซะอีก

...เสียงกรี๊ดกร๊าดดังแว่วๆมาจากทางหน้าคณะ พวกเขาทั้งสามคนหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน เห็นเบทเดินเข้ามาพร้อมถุงพะรุงพะรัง

"ไม่ต้องมองๆเขากรี๊ดเราเอง" เบทบอกพร้อมกับตบอกสองสามทีเก๊กท่าหล่อ พอเดินเข้ามาถึงโต๊ะก็โดนอิ่มฟาดหัวไปหนึ่งที

"พูดมาก" พราวยิ้มขำกับเพื่อนสองคนที่ต้องมีเรื่องตีกันทุกวัน

"งั้นไม่ต้องแดก" เบทพูดพร้อมกับจะเอื้อมมือหยิบถุงข้าวเช้าที่เอามาด้วยแต่ก็ช้ากว่าอิ่มที่หยิบไปได้ก่อน

"หึ แขนก็สั้นเท่านั้น" อิ่มแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างหน้าหมั่นไส้ 

"เชี่ยนี่ กวนตีนกูแต่เช้าเลยแม่ง" เบทสบถออกมาหน้าบูด มองค้อนไอ้คนกวนตีนไปที  แล้วหยิบข้าวของตัวเองออกมากิน เดี๋ยวอิ่มแล้วค่อยว่ากัน...

...เสียงกรี๊ดกร๊าดเงียบลงไปบ้างแล้ว และพวกเขาก็ไม่ได้สนใจอีก น้ำกำลังจะลุกไปซื้อขนมปังกินรองท้องไปก่อน แต่ก็ตกชะงักเพราะมีถุงผ้ายื่นมาตรงหน้าของตัวเอง  ...น้ำเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นผา

"ข้าวเช้า" ผาว่าพร้อมกับยกยิ้มมุมปากมาให้วางถุงลงข้าวลงพร้อมกับหย่อนตัวหันหลังใช้ศอกเท้าโต๊ะตรงพื้นที่ว่างข้างๆน้ำ

"เอ่อ...ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้ครับ" น้ำบ่นอุบอิบ

"ไม่ได้ลำบาก" 

"..."

"เอามาให้แฟน...ลำบากตรงไหน" คนตัวเล็กก้มหน้าหงุดเพื่อหลบซ่อนจากสายตาของคนทั้งโต๊ะที่กำลังพุ่งเป้ามายังตน ...ทั้งสามคนที่กำลังกินข้าวอยู่ ได้ยินประโยคเด็ดจากรุ่นพี่สุดฮ็อตก็ถึงกับชะงักค้างตาโต อิ่มที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากก็เป็นอันต้องชะงักกลางอากาศเอาไว้

"พี่ไปละนะ กินข้าวด้วย ...ตั้งใจเรียนล่ะ" ผาเอื้อมมือมาขยี้ผมคนตัวเล็กเบาๆ ยกยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมือทั้งสองซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อช็อป รอบข้างที่เห็นถึงการกระทำนั้นก็กับระทวย บ้างก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเก็บเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่ผาจะเดินออกไปพ้นโต๊ะด้วยซ้ำ ก็มีคนเดินตรงเข้ามาเหมือนกับจะมาทักทาย...แต่ผารู้ดีว่ามันไม่ใช่

"ไง...ลมอะไรผอบมึงมาคณะกูได้ล่ะเนี่ย" ใหม่และก็เพื่อนอีกสองคนเดินตรงเข้ามาดักทางผาไว้ ทั้งโต๊ะที่นั่งอยู่ยกมือไหว้รุ่นพี่ปีสูงของตัวเองอย่างเกรงๆ

"หึ" ผาทำเพียงกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วส่งเสียงในลำคอ "ไม่เจอกันนานกวนตีนเหมือนเดิมเลยนะมึง" เรียกได้ว่าทั้งตึกเงียบกันหมดเหมือนรอฟังบทสนทนาจากทั้งคู่ก็ไม่ปราน

"มีอะไรก็รีบๆว่ามา" ผาเอ่ยขึ้นมาเสียงเย็น

"แหม กูก็แค่อยากเข้ามาทักทายแค่นี้เอง ไม่ได้หรอวะ" ใหม่พูดออกมาอย่าต้องการจะกวนอารมณ์

"เสร็จแล้วก็ถอย"

"เห้ย ได้ไงกูยังไม่ได้ทักทายรุ่นน้องกูเลยนะ...น้ำของกูออกจะน่ารักขนาดนี้" ใหม่ว่าจบก็เอื้อมมือเข้ากอดคอน้ำ...แต่ผาที่ไวกว่าก็เอื้อมมือไปปัดแขนใหม่อย่างเบาแรงนัก ใหม่ที่โดนกระทำแบบนั้นก็หน้าตึงพุ่งตัวเข้ามาประชิดจนตัวแทบติดกัน จริงๆใหม่เองก็ไม่ได้จะเข้ามากวนมันแบบนี้หรอกเขาแค่จะเข้ามาทักคนน่ารักนี่​ ...ในคราแรกที่เห็น ใหม่นึกว่าผาเข้ามาหาพราว  ...แต่เขาคิดผิด! มันไม่ได้มาหาพราว แต่มันมาหาคนน่ารักที่เขาเล็งไว้อยู่ต่างหาก!



...หึ มึงอีกแล้วหรอไอ้ผา จะแข่งกับกูให้ได้ทุกเรื่องสินะ...



ไม่รู้ว่าถึงตึกเงียบสนิทไปตั้งแต่ตอนนไหน คงเพราะบรรยากาศมาคุที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของทัสองคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ตอนนี้ที่ทำให้ทุกคนต้องจับตามองไม่กล้าทำอะไร

"น่าสนุกชะมัด หึ" ใหม่เหยียดยิ้มบางๆ สายตาเกรี้ยวกราดที่ส่งมาอย่างต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างกับคนตรงหน้า...และผาก็รับรู้ได้ทันทีถึงสิ่งที่มันกำลังจะสื่อกับเขา

"อย่า ยุ่ง กับ น้ำ" ผาเค้นเสียงรอดไรฟันออกมาเน้นทีละคำอย่างชัดเจน สายตาดุดันที่คนมองอย่างน้ำหรือคนรอบข้างถึงกับรู้สึกว่ามันน่ากลัว

"หึ มึงรู้ดีอยู่แล้วผา...กูน่ะมันพวกเอาแต่ใจ ...พี่ไปก่อนนะ" ใหม่กระตุกยิ้มเหยียดส่งไปให้คนตรงหน้า ก่อนจะหันกลับมาบอกน้องๆในโต๊ะ ละสายตามาหยุดอยู่ที่น้ำ สายตาที่มองมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นเหมือนต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง...ก่อนที่ใหม่ขจะยกมือขึ้นขยี้ผมนุ่มเบาๆแล้วพละออกไป... แต่ก็ไม่วายหันไปส่งสายตาอาฆาตให้กับร่างสูงในเสื้อช็อปสีเข้ม

...ผาหันหน้ากลับมามองคนตัวเล็กที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าไม่สู้ดีนัก ผาเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผาก การกระทำที่สุดแสนจะอ่อนโยนที่ไม่มีใครเคยเห็นผาทำเช่นนี้กับใคร ทำเอาคนเห็นถึงกับระทวย แอบกรี๊ดอิจฉากันอยู่ห่างๆ



"อย่ายุ่งกับมัน อย่าให้มันยุ่งกับเรา" เสียงพูดที่เบาแต่หนักแน่นและจริงจัง เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ...แก้มใสขึ้นสีเป็นริ้วแดง ลามไปถึงใบ ถึงจะเขินแต่ไม่ได้ละสายตาไปไหนจากคนตรงหน้า ...ถึงจะไม่รู้เรื่องราวระหว่างคนตรงหน้ากับรุ่นพี่คณะตัวเองเลยแต่เขาไม่ใช่คนโง่ ที่ไม่รู้สถานการณ์อะไรเลย ...น้ำพยักหน้าตอบไปเพราะเห็นสีหน้าและแววตาที่ดูจริงจังกว่าปกติ ถึงเขาจะสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่แต่เขาก็เลือกที่ไม่ถาม

​...น้ำรู้ดี ว่าสายที่พี่ใหม่มองมายังเขานั้นมันหมายความอะไร แต่เขาเลือกที่จะไม่เก็บเอามันมาคิด เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาคงรู้สึกไม่สบายใจกับการที่เขากับพี่ใหม่เป็นสายรหัสกันแน่ๆ และท่าทางของสองคนเมื่อกี้นี้ ทำให้คนตัวเล็กคิดไปว่า ถ้าหากพี่ผารู้ว่าเขากับพี่ใหม่เป็นสายรหัสร่วมกัน...จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า





ผากลับไปได้สักพักแล้ว แต่เหมือนในโต๊ะเขายังไม่กลับสู่สภาวะปกติ จนน้ำเงยหน้ามองเจอทั้งสายตาล้อเลียนและเต็มไปด้วยคำถามที่ดูแล้วอยากรู้สุดๆ และถ้าเขาไม่บอกคงจะโดนฆ่าหมกคณะแน่ๆ

"ยังไงเรา มาทีก็เซอร์ไพรส์กันเลยนะ" เป็นพราวที่เอ่ยเปิดประเด็นก่อน น้ำทำปากยู่ก้มหน้าหลบสายตาจับผิดล้อเลียนของทั้งสามคน...แม้แต่อิ่มเองก็ยังเอากับเขาด้วยเลย

"เป็นอะไรกัน...กับพี่ผาน่ะ" เบทถาม คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองเพราะน้ำเสียงที่จริงจังที่เจ้าตัวเอ่ยมา...แต่น้ำคิดผิดไปถนัด พอเงยขึ้นมาเท่านั้นแหละ ไอ้หน้าตาล้อเลียนนั่นมันคืออะไรกัน ...เอาห้าวินาทีเมื่อกี้ของน้ำคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ...

"ก็...คือ ...เอ่อ..." น้ำอึกๆอักๆพูดไม่ออก แถมหูยังขึ้นสีแดงแจ ประจักแก่สายตาของเพื่อนทั้งโต๊ะ ต่อให้ไม่ตอบก็รู้มั้ยล่ะ

"โอเคๆ ไม่ต้องตอบ เรารู้แล้ว"

"ห้ะ!?" น้ำร้องออกมาอย่างงงๆกับคำพูดของเพื่อนสาวที่พูดออกมายิ้มๆ

"ก็พี่ผาแกเล่นพูดออกมาชัดเจนซะขนาดนั้นนี่นะ ฮ่าๆ" เบทก็ด้วยอีกคน

"แซวน้ำมันทำไมวะ ...ก็แค่มีแฟนแล้ว" อิ่มพูดออกมาบ้าง รูปประโยคเหมือนจะดี...แต่สายตาและรอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีว่าตั้งใจจะแซวเขา

"น่าอิจฉาเนอะ ดูดิ...มีเอาข้าวมาให้ด้วยอ่ะ" แพรวเอื้อมหยิบถุงข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดู

"ฮืออ~ เลิกแกล้งเราได้แล้วน่า" น้ำที่นั่งฟังอยู่นานก็เกิดทนไม่ไหว ทำหน้ายู่อย่างงอนๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วฟุบลงไปกับโต๊ะ หน้าเห่อร้อนขึ้นสีแดงเรื่อไปหมด รู้เลยว่ามันต้องแดงลามไปถึงใบหุแน่ๆ ฮือ~ เขิน



.



.



"ไปกินข้าวกานนน" เบทลุกขึ้นบิดขี้เกียจ หลังจากที่คาบเรียนในตอนเช้าจบไปแล้วเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

"ไปกินไหนดี โรงอาหารกลางมั้ย ตอนนี้คนน่าจะซาแล้ว แต่คณะเราเนี่ย คนคงเยอะ" พราวเสนอความคิดเห็นพร้อมกับสะพายกระเป๋าเตรียมพร้อม  ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว คณะเขาคนน่าจะเยอะอย่างที่บอกเพราะส่วนใหญ่ก็เลิกเรียนในเวลานี้ ส่วนคณะอื่นหมดคาบเช้ากันไปตั้งแต่ชั่วโมงก่อนแล้วถึงได้บอกว่าโรงอาหารกลางคนจะบาง

"ปะ" อิ่มเก็บของเสร็จแล้วก็ลุกเดินมากอดคอคนตัวเล็กเดินตามพราวกับเบทไปยังโรงอาหารกลาง

"เออน้ำ น้ำเข้าไปดูเฟสน้ำบ้างรึยัง" ระหว่างที่กำลังเดินไป เบทก็หันกลับมาพร้อมกับส่ายสมาร์ทโฟนตัวเองไปมา

"ยังอ่ะ" น้ำส่ายหน้าช้าๆ

"มีอะไรรึเปล่า" คนตัวเล็กเลิกคิ้วถาม เป็นกิริยาที่ดูแล้วน่ารักไม่หยอกจนอิ่มอดเอามือขร้นมาขยี้หัวทุยๆ ให้คนเตี้ยกว่าหันกลับมาทำหน้ายู่ใส่อย่างไม่ชอบใจ

"มันมีการโหวตคิวท์บอยประจำเพจมหาลัย และน้ำเป็นหนึ่งในคิวท์บอยที่แอดมินเลือก ตอนนี้ยอดไลค์น้ำตามเด็กนิเทศฯอยู่ไม่ถึงห้าสิบไลค์เอง" เบทยื่นโทรศัพท์ให้คนตัวเล็กดู ระหว่างที่เดินไปก็อธิบายให้คนตัวเล็กฟังไปด้วย



ซุป'ตาร์ cute boy'ss : และแล้วก็มาถึงการโหวตคิวท์บอยคนใหม่ประจำปีนี้กันแล้วนะคะทุกท่าน คนที่คุณคิดว่าเขาน่ารักนั้นจะมีอยู่ในลิสที่แอดเตรียมไว้รึเปล่า เราคัดสรรมาอย่างดี จากเฟรชชี่ทั่วทุกคณะ เตรียมกดไลค์กันไว้ให้ดีๆ ไปพบกับรายชื่อหนุ่มสุดคิวท์ประจำปีนี้กันได้เลยค่า~



คนตัวเล็กเลื่อนดูลงมาเรื่อยๆ มีจากทั่วทุกคณะอย่างที่แอดมินบอกจริงๆ แล้วก็เลื่อนมาจนถึงคณะนิเทศน์ฯ ที่ตอนนี้ได้ไลค์ปาไปพันสองร้อยไลค์แล้ว...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ไลค์ถึงเยอะขนาดนี้ รอยยิ้มธรรมชาติที่ส่งให้เจ้าของรอยยิ้มน่ารักแบบไม่มีใครเกิน ถัดมาจากนั้นก็เป็นคณะแพทย์ มีสองคนคือเขา และเพื่อนชั้นปีอีกหนึ่งคน รูปที่เอามาลงคือรูปที่ทางคณะจัดถ่ายให้เพื่อส่งรูปไปยังกองประกวดดาวเดือนมหาลัย เป็นรูปที่คนตัวเล็กใส่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบเรียบร้อย นั่งอยู่ที่ม้าหินหน้าคณะ ผมปล่อยให้ตกเป็นหน้าม้าตามธรรมชาติ มองและส่งยิ้มไปให้กล้องอย่างเขินๆ เผยให้เห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มเนียน...ยอดไลค์เขาห่างจากนิเทศน์ฯเพียงนิดเดียวเท่านั้น...แต่เขาไม่ได้อยากได้ไลค์เยอะ เขาไม่รู้จะชนะไปทำไม

"ขนาดลงไปแค่เมื่อคืนเองนะเนี่ย ดังใหญ่แล้วน้า~" เบทรับโทรศัพท์คืนจากเพื่อนตัวเล็ก ก่อนว่าออกมายิ้มๆ



.



.





'มึง...นั่นมันน้องน้ำเดือนแพทย์ปะวะ'

'เออ เนี่ยแหละตัวจริงเสียงจริง'

'เชี่ยย น่ารักโคตร'

'คิวท์บอยปีนี้ เดือนแพทย์แน่เลยว่ะกูว่า'

'ผู้ชายจิ้มลิ้มได้ขนาดนี้เลยหรอวะ'

'มึงก็จีบเลยดิ น้องเขายังไม่มีแฟน'

'น้องหมอเดือนแพทย์อ่ะแก'

'แก...น้องเขาน่ารักกว่าผู้หญิงอีกอ่ะ'

'ผู้หญิงอย่างฉัน คงต้องยอมแพ้ผู้ชายอย่างน้องหมดใช่มั้ย ฮืออ'



เสียงซุบซิบนินทา ดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณที่คนตัวเล็กเดินมาถึง ...เขาจะไม่อะไรเลย ถ้าคำพูดพวกนั้นมันไม่ได้หมายถึงเขา ไหนจะสายตาที่มองมายังเขา ส่วนใหญ่ที่เห็นก็มีแต่สายตาชื่นชม...เขามีอะไรให้ชมกันล่ะเนี่ย

"เป็นอะไร" อิ่มกระซิบถามคนที่อยู่ในวงแขนที่เอาแต่เดินก้มหน้า แทบจะเอาหัวเข้ามาซุกอกเขาเต็มแก่ ...ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่โรงอาหารกลางแล้วและกำลังมองหาที่นั่งกันอยู่ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ไอ้เพื่อนตัวเล็กของเขาเป็นแบบนี้ก็เพราะสายตาที่มองมาอย่างอยากรู้ และคำพูดคุยกันที่มันดังซะจนไม่ได้ยินกันแค่ในโต๊ะอีกต่อไป...ยังดี ที่มันมีแต่คำชม ลองด่าดูสิ...

"โอเค...งั้นเงยหน้ามามองกูก่อน" อิ่มบอกพร้อมกับเอามือดันหัวเบาๆ แต่คนตัวเล็กก็เอาแต่ส่ายหัว

"เร็ว" อิ่มย้ำด้วยเสียงดุๆ จนทำให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมอง ทำหน้ายู่ใส่อีกคนอย่างขัดใจ...



'อื้อหือไอ่เหี้ย กูอยากได้'

'โอ้ยย หน้าโคตรอ้อนอ่ะ'

'แค่มองกูก็หลงแล้วอ่ะ'

'น่ารักกว่าเมียกูที่เป็นผู้หญิงอีก'



"กูว่าแล้วเชียวว่าแม่งฮือฮาถึงดือนแพทย์กันทำไม ...นู่นมึง ยืนหาที่นั่งอยู่นู่น" พวกผาเองที่พึ่งจะเสนอโปรเจคเสร็จก็ลงมาหาไรกินกัน แต่นั่งได้แค่เพียงแป๊บเดียวเท่านั้น เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นมาจากทางหน้าโรงอาหาร เป็นเหตุให้พุ่มหันไปดูอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะพูดออกมาพาให้เพื่อนทั้งกลุ่มหันไปมอง

"เด็กมึงนี่หว่าไอ้ผา" วัชว่าออกมาแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ทั้งกลุ่มยังไม่มีใครรู้ว่าเลากับคนตัวเล็กเป็นแฟนกันแล้ว...แต่เขาก็จะบอกให้รู้เดี๋ยวนี้แหละ

"เคลียร์โต๊ะไว้ด้วยนะพวกมึง" ผาว่าพร้อมกับลุกออกจากโต๊ะ

"เคลียร์ทำไมวะ" วัชถามอย่างไม่เข้าใจ

"เดี๋ยวมีคนมานั่ง"

"ใครวะ"

"นู้น..." วัชมองตามมือที่ผาชี้ไป

"แฟนกู"





"น้ำ" เสียงเรียกของผาทำให้ทั่วทั้งบริเวณที่มีเสียงฮือฮาเมื่อสักครู่ลดลงไปถนัดตาและทำให้คนตัวเล็กนี่เงยหน้าขึ้นมามองน้ำเสียงคุ้นหู

"พี่ผา..." พอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มหวานไปให้อย่างลืมตัว อิ่มที่กอดคอคนตัวเล็กอยู่ก็ลดมือลงเพราะสายตาของคนตรงหน้าที่ส่งมาให้ตั้งแต่ลุกออกจากโต๊ะแล้ว

"อ่าวพี่ผา สวัสดีค่ะ" พราวกับเบทที่กำลังมองหาโต๊ะว่างด้านในโรงอาหารอยู่หันมายกมือไหว้ ผาหันไปมองพร้อมกับค้อมศรีษะรับไหว้เล็กน้อย

"ไปนั่งกับพี่ดิ" ผาใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางด้านหลังตัวเอง น้ำมองตามไปเห็นบรรดาเพื่อนๆของผานั่งโบกมือให้เขาอยู่ไกลนัก

"แต่...เพื่อนพี่นั่งอยู่" "ไม่เป็นไร ที่เหลือเฟือ" "รบกวนพวกพี่เค้าเปล่าๆ เดี๋ยวพวกน้ำนั่งแถวนี้เอาก็ได้ครับ" น้ำว่าออกมาอย่างเกรงใจ พลางมองไปรอบๆตัวที่ตอนนี้มีที่ว่างบ้างแล้วเนื่องจากคนก่อนหน้านี้ลุกไปแล้ว ...เมื่อผาเห็นว่าพูดกับคนตัวเล็กนี่คงจะไม่ได้การ จึงหันไปพูดกับเพื่อนน้ำแทนเพื่อขอความเห็น

"พวกเราไปนั่งโต๊ะเดียวกับพี่นะ ...โอเคมั้ย" ฟังดูเหมือนประโยคคำถามธรรมดาๆ แต่ถ้าอยู่ในเหตุการณ์จะรับรู้ว่ามีรังสีบังคับอยู่กลายๆ

"โอเคค่า" พราวตอบออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เบทกับอิ่มเองก็พยักหน้ารับน้อยๆอย่เห็นด้วย ไม่สนอะไรทั้งสิ้นแล้ว ตอนนี้หิวจนไส้จะขาด ...เมื่อทุกคนตกลงพร้อมใจกันจะนั่งกับเขาแล้ว เขาก็ชี้บอกจุดที่พวกเขานั่งอยู่ทันทีก่อนจะหันมายักคิ้วให้กับคนตัวเล็กสองทีกวนๆ

"ขี้โกง" คนตัวเล็กทำหน้ายู่พร้อมกับบ่นอุบอิบใส่ผา

"ไม่ได้โกงสักหน่อย ...ไปได้แล้ว" ผาบอกกับคนตัวเล็กปนขำเอ็นดูกับกิริยาขัดใจ ก่อนจะวาดแขนขึ้นกอดคอและพาเดินไปยังโต๊ะ ทำเอาคนตัวเล็กตกใจจนตัวเกร็งไปหมด

"ม..ไม่กอดคอ ได้มั้ยครับ" คนตัวอ้อมแอ้มถาม

"ทำไม... ทีเพื่อนเรายังทำแบบนี้ได้ตั้งนาน" ผาขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ พลางมองหน้าคนเตี้ยกว่าที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

"ก็นี่...แฟนนี่ครับ" คนตัวเล็กเสมองไปข้างหน้าก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาแต่ก็ทำให้ร่างสูงได้ยินเต็มสองหู...และถ้าน้ำยังมองเขาอยู่ก็คงได้เห็นรอยยิ้มกว้างอันมีเสน่ห์ของผาเป็นแน่

"ก็แฟนอยากกอดคอแฟนนี่ครับ ไม่ได้หรอ หื้ม" ผาถามยิ้มๆ

"ไม่ได้ครับ"

"ไม่ได้ แต่ก็จะกอด" คนตัวเล็กหันขวับมามองคนตัวสูงกว่าตาโต แต่ร่างสูงกลับยักคิ้ว ส่งยิ้มกวนๆให้เขา เป็นเชิงบอกกับน้ำว่า ยังไงเขาก็ไม่ปล่อย

"น้ำเพิ่งรู้อีกอย่างหนึ่งว่า ...พี่ผาเป็นคนเอาแต่ใจ" น้ำพูดออกมาไม่ได้จริงจังก่อนจะเสมองกลับไปทางเดิม

"แล้วรับได้รึเปล่าล่ะ" ผายังเหย้าต่อ

"...ไม่ได้" คำตอบนั้นทำให้ผาก้มมองคนตัวเล็กเพราะน้ำเสียงที่ดูจริงจังเกินจะล้อเล่น  ยิ่งมาเจอสายยาที่บ่งบอกว่าจริงจังในคำพูดก็พาลให้หัวใจเขาหล่นไปอยู่ตาตุ่ม แต่แล้วคนตัวเล็กก็พูดต่อ...

"ไม่ได้...รับไม่ได้ซะหน่อย" แล้วน้ำก็ส่งยิืมกว้างจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้มไปให้ ทำเอาผายกมือขึ้นทาบหน้าอกถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งใจ หันมามองคนเตี้ยกว่าที่ยังยิ้มขำเขาไม่หยุดจึงยื่นมือไปหยิกแก้มขาวๆนั่นเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

"พี่ก็พึ่งรู้ ว่าเราจะกวนได้ขนาดนี้...มันน่าหมั่นเขี้ยวนัก" 

"แบร่~" คนตัวเล็กยื่นหน้าขึ้นไปแล้วแลบลิ้นใส่อย่างน่ารัก ก่อนจะพละออกไปจากวงแขนเขาเพราะถึงโต๊ะแล้ว ผายืนส่ายหัวยิ้มๆ เอามือขึ้นเสยผมอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับตัวแสบแสนน่ารักน่าหยิกนั่นดี...เห็นทีคงจะลำบากแล้วว่ะผา



.



.





"เลิกกี่โมงครับวันนี้" ผาถามขึ้นมาหลังจากที่เดินมาส่งคนตัวเล็กที่ใต้ตึกคณะ

"เลิกห้าโมงครับ...พี่ผาล่ะ" น้ำถามกลับ เขากล้าพูดกล้าคุยมากขึ้นแล้ว...ถึงแม้จะมีเขินๆไม่กล้าสบตาอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ถือว่าดีขึ้น

"วันนี้ต้องเข้าประชุมเชียร์น่าจะเลิกหกโมงเดี๋ยวพี่แวะมารับเราก่อน" อีกอย่างที่คนตัวเล็กยังไมรู้...เขาเป็นพี่ระเบียบเรียกสั้นๆง่ายๆพี่ว้ากนั่นแหละ

"ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ" 

"มารับแฟน ลำบากที่ไหน" ผาพูดยิ้มๆ

"ต้องเข้าประชุมเชียร์ไม่ใช่หรอครับ" คนตัวเล็กถามแต่ตาเสมองไปทางอื่น แต่หูเล็กๆสองข้างขึ้นสีแดงแจ๋นั่นก็ไม่รอดสายตาคมไปได้

"เข้าครับ...แต่อยากมารับแฟน อยากอยู่กับแฟนเยอะๆ แฟนพี่จะได้เลิกเขินพี่สักที" ผาเอื้อมมือไปเขี่ยใบหูเล็กอย่างแซวๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกวนๆ

"ฮืออ อย่าแซวน้ำ" คนตัวเล็กยู่หน้าคิ้วขมวด แต่แก้มกลับขึ้นสีแดงเรื่อเป็นริ้ว...ปกติก็เขินอยู่ พอโดนแซวก็รู้สึกว่าหน้ามันเห่อมันร้อนมากขึ้นกว่าเดิม

"หึหึ เขินหรอ หื้ม" ผายังคงแซวไม่หยุด ค้อมตัวลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงอย่างกวนๆ นั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กหน้าแดงเข้าไปใหญ่และผาเองก็ชอบใจที่จะแกล้งให้คนตรงหน้าเขินเขาไม่หยุด...น่ารักดีออก

"ทำไมต้องเป็นคนขี้แกล้ง" น้ำพูดเหมือนต่อว่า แต่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก ทั้งๆที่เขินจนหน้าหูแดงไปหมด แต่ก็ยังทำพูดปกปิดอาการเขิน...แต่มันไม่มิดเอาซะเลย

"ก็แฟนพี่น่าแกล้งนี่ครับ" 

"ไม่คุยด้วยแล่ว แบร่~" คนตัวเล็กแลบลิ้นให้ก่อนจะเดินไวๆไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่

"เลิกแล้วไลน์มาด้วย" ผาตะโกนตามหลังไป

"ไม่ครับ" คนตัวเล็กหันกลับมาบอก แลบลิ้นใส่ให้อีกที แล้วก็วิ่งเข้าไปหากลุ่มเพื่อนตัวเองที่รออยู่ ...ผาส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากตัวคณะแฟน เพื่อกลับคณะตัวเอง ...ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก เขาว่าน้ำคงไม่เปิดรับเขาง่ายๆอย่างนี้ ที่เป็นอยู่อย่างตอนนี้มันก็ดีมากแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาจะทำได้ดีเท่าไหร่...แต่เขาก็จะทำมันให้เต็มที่ที่สุดก็แล้วกัน

"หน้าแดงมาเชียวมึง" อิ่มพูดมาพร้อมกับเอื้อมมือไปเสยผมหน้าม้าเปิดเหม่งคนตัวเล็ก ทำให้พราวกับเบทที่ยืนมองอยู่ก่อนแทบกลั้นขำไม่อยู่

"ฮื่ออ~ พอกันเลย ชอบแซว" น้ำบ่นอุบอิบ เอาหน้าผากไปอิงไว้กับไหล่อิ่มเฝือไปมาเพื่อกลบความเขิน อิ่มยกมือขึ้นขยี้หัวทุยอย่างหมั่นเขี้ยว...จะว่าเพื่อนเขาเหมือนเด็กก็คงไม่ผิด

"โอเคๆ ไปเรียนๆ" อิ่มว่าตัดบท ผลักหัวน้ำออกอย่างไม่แรงนักแล้วเดินกอดคอเบทเดินขึ้นบันไดไป ไม่สนคนที่ยืนตีหน้ายุ่งอยู่ข้าวหลัง

"ฮ่าๆ จะไม่ให้แกล้งน้ำก็แปลกแล้ว" พราวว่าออกมาพร้อมควงแขนน้ำเดินตามอิ่มขึ้นไป



.



.



.



"แหม~ มารับถึงที่ขนาดนี้ นี่เป็นไรกันมิทราบยะ" เชอร์รี่อดจะเอ่ยเหน็บแนมคนหล่อที่เทียวรับเทียวส่งหนุ่มน้อยน่ารักของเขาไม่ได้ เมื่อเย็นก็ไปรับกันมาจากคณะแพทย์ พามาส่งที่นิเทศน์ฯ ดีจริงๆ ...คนถูกพูดพาดพิงทำเพียงส่งยิ้มหล่อๆไปให้

"ผามาแล้วหรอคะ" เสียงหวานๆที่มาพร้อมกับร่างเพรียวบเดินเข้าไปเกาะแขนผา

"หนิหล่อน หยุดแสดงละครก่อนได้มะ เดี๋ยวคนหล่อเขาได้มีปัญหากับแฟนเค้าพอดี" เชอร์รี่ว่าให้เหมยก่อนจะเข้าไปแกะดึงตัวออกมาให้ห่างจากผา

"พูดอย่างกับผามีแฟน" เหมยสะบัดตัวออกหันไปพูดเย้ยๆใส่เชอร์รี่

"ก็เออน่ะสิ" เชอร์รี่ว่าเอือมๆ พร้อมกับทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เพื่อนหนึ่งที

"หา? ผามีแฟนหรอ" ตาโต อ้าปากค้างพร้อมกับค่อยๆหันไปถามผาที่ยืนส่งยิ้มหล่อมาให้ ก่อนที่คนถูกถามจะพยักหน้าน้อยๆ

"ไอ้บ้า! หนีฉันไปมีแฟนตั้งแต่ตอนไหนเนี่ยหา!" เหมยซึ่งไม่รู้เรื่องมาก่อนก็ถึงกับเท้าสะเอวแหวใส่ ต้องลำบากเชอร์รี่ยกมือขึ้นตะครุบปากเพื่อนตัวเองแทบไม่ทัน

"จะโวยวายทำซากอะไรเนี่ย ...หัดดูซะมั่งสิในเพจเขาลงกันให้รึ่ม" เชอร์รี่ปล่อยมือออก หยิบโทรศัพท์เปิดเข้าเพจแล้วส่งให้ดู เหมยเลื่อนดูเรื่อยๆก็เห็นถึงความน่ารัก ในภาพที่ปรากฎมีทั้งใต้ตึกแพทย์ ในโรงอาหารกลาง กำลังขึ้นรถ...แค่นี้มันก็ยืนยันได้เป็นอย่างดี คอมเม้นท์มีทั้งชอบและไม่ชอบแต่ส่วนใหญ่ไปในทางที่สนับสนุนคนทั้งคู่ มีคนติดแฮชแท็กเป็นทีมทั้งฝ่ายเพื่อนเขาและแฟนเพื่อนเขา ถ้าาเป็นคนอื่นเขาคงจะค้านไม่ก็เฉยๆไป แต่กับคนนี้ เขาเชียร์และก็ขออยู่ทีมนั้นด้วยคน

"น้ำกลับก่อนนะครับพี่ๆ สวัสดีนะครับพี่เชอร์รี่ พี่เหมย" คนที่เดินมาสวัสดีเขานี่ไงล่ะที่เขาจะขออยู่ทีมด้วย...เดือนคณะแพทย์ที่สุดจะน่ารัก ทั้งหน้าตา นิสัยและกิริยา ขอถวายตัวเป็น #ทีมธารา เลยแล้วกัน

"เป็นบ้างซ้อมวันนี้" หลังจากออกรถมาพ้นมหาลัยได้เพียงนิดเดียว ผาก็ถามถึงการซ้อมวันนี้เพื่อชวนคุยเพราะคนข้างๆดูเหมือนพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ

"เหนื่อยนิดหน่อยครับ" หันกลับมาตอบเสียงอ่อย ผาส่งยิ้มให้พร้อมกับเอื้อมไปลูบหัวทุยเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะกุมมือคนข้างตัวเอามาไว้บนตัก ทำให้ที่นั่งมาข้างๆกันเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็กระชับมือกลับไปเช่นเดียวกัน

"สู้ๆนะแฟน" เขาพูดเท่านั้นก็ทำหน้าที่ขับรถมือเดียวต่อด้วยรอยยิ้มบางๆ น้ำหันหน้าหน้าหนีมองออกไปยังข้างนอกเพื่อซ่อนความเขินที่กำลังพุ่งขึ้นก่อนจะพึมพำกับตัวเองหน้ายุ่ง แต่ก็ยังมีรอยยิ้มปรากฎอยู่บนดวงหน้าสวย

"...ชอบทำให้เขินอยู่เรื่อยเลย"



.


.


.



...100%...

...To Be Continued...



หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.12] [20.12.2017 : 22.59]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 21-12-2017 00:52:19
 เรื่องนี้น่ารักสุดๆ #ทีมธารา
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.12] [20.12.2017 : 22.59]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-12-2017 10:54:29
ตายค่ะตายช็อตนี้ตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.12] [20.12.2017 : 22.59]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 21-12-2017 12:29:30

[​Episode 13​]







"ไอ้สัส มึงมานี่เลย มาให้พวกกูซักฟอกซะดีๆ" ผาเดินเข้ามายังลานเกียร์ยังไม่ทันได้นั่งที่ดีๆพุ่มก็เข้ามาล็อคคอผาเอาไว้

"เออ ไอ้สัดซุ่มเงียบนะมึง" วัชพูดต่อ พร้อมชี้หน้าคาดโทษ

"อะไรของพวกมึง" ผาทำหน้างงๆส่งไป ก่อนจะแงะแขนหนักๆของพุ่มออกจากคอ...ไอ้พวกห่านิ

"เมื่อวาน...มึงทำอะไร" พุ่มหรี่ตาถามอย่างกับจ้องจับผิด

"หลายอย่าง...มึงถามทำไม" ผาตอบไปงงๆว่าพวกนี้มันจะถามเขาทำไม เมื่อวานเขาก็ทำหลายอย่าง 

"จะถามมันอ้อมๆทำไม มึงก็ถามไปสิว่ามันกับน้ำเป็นอะไรกัน" ว่านที่นั่งก้มหน้าเล่มเกมส์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าเหม็นเบื่อ...

"เออๆ ตามที่ไอ้ว่านพูดเลย ...มึงกับน้ำเป็นไรกัน" พุ่มเป็นคนถามย้ำอีกที

"แฟน" ...ถามมาตรงๆก็สิ้นเรื่องไปนานและไอ้พวกห่านี่

"เหยดดด"

"เชี้ยยย!" จะตกใจอะไรกันเบอร์นั้นวะ แต่อย่างว่าแหละตั้งแต่ผมคบกับน้ำมาผาก็ไม่ได้บอกอะไรพวกมันเลย...เมื่อวานก็ไม่ได้บอกไหนจะงานไหนจะกิจกรรมนู่นนี่นั่นสารพัดเลยไม่มีเวลาให้พวกนี้มันซักฟอกผมเท่าไหร่

"ตอนไหนวะ" ว่านที่ดูจะตกใจน้อยสุดถามขึ้นมา

"เมื่อวันศุกร์" 

"มึงแน่ใจแล้วหรอวะ" ไอ้ว่านยังถามผมต่อ

"อืม...กูแน่ใจแล้ว" หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ผาก็รู้แล้วว่าผาต้องการให้มันเป็นแบบไหน...ตอนที่เห็นสภาพน้ำเป็นแบบนั้น ในใจผามันแทบบ้าให้ได้...เขาทั้งห่วง ทั้งหวง ทั้งอยากดูแลและอยากปกป้องอย่างอธิบายไม่ถูก...มันอาจจะยังไม่รักก็จริงแต่เขาเชื่อว่าความรู้สึกที่เขามีอยู่ตอนนี้มันพัฒนาไปได้อีกแน่นอน...แต่จะพัฒนาไปในทางไหนก็ต้องรอดูต่อไป

 "เออ มึงแน่ใจแล้วก็จับให้มั่นแล้วกัน ...อ่ะ" วัชว่า พร้อมกับส่งมือถือของตัวเองมาให้

...หน้าจอแสดงเป็นรูปของน้ำที่ถูกถ่ายแบบที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว มันถูกอัพลงในอินสตราแกรมของใครสักคนที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของเจ้าตัวนั้นแหละ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า โพสนั้นถูกแคปมาโพสในเพจดังประจำมหาลัย ยอดไลค์พุ่งกระฉูด คอมเม้นอีกเป็นร้อยเป็นพัน แต่ละอย่างก็ทำให้ผมนี่เลือดขึ้นหน้า...ผู้หญิงมาเม้นยังไม่ค่อยเท่าไหร่...แต่นี่มีตัวผู้มาเม้นแซว คือยังไงวะ...พวกมึงแม่งต้องการเหี้ยไรจากแฟนกูกันวะเนี่ย

"และมึงดูนี่..." ไอ้พุ่มส่งมาให้ผมดูอีกคน

...อ่า ผมนี่สงสัยจะเจองานยาก เรียกว่าของสูงคณะแพทย์ก็คงไม่ผิดมั้งวะเนี่ย นั่นเพจมหาลัย นี่เพจคิวท์บอยของมหาลัย คนที่ได้เป็นนี่ก็คล้ายๆกับพวกเดือน พวกดาวเลยเถอะ และดูยอดไลค์ ยอดแชร์ดิ โห...30k ยอดแชร์อีกเป็นหลักหมื่น และดูเม้น...แม่ง


'ผมเป็นรุ่นพี่เขาน่ะครับ น้ำน่ารักมาก นิสัยดีสุด ไม่ถือตัวอะไรเลย #ของสูงคณะแพทย์'

'เนี่ยๆ วันนั้นเจออยู่หน้ามอ เรายิ้มให้ นางก็ยิ้มตอบ โอ้ยยยตอนนั้นนะ จะเป็นลม'

'น้องน้ำคือของสูงของแพทย์ปีนี้เลยนะครับ ใครคิดจะทำอะไรก็คิดดีๆน้า'

คิดดีแล้วเว้ย

'น้องเขามีแฟนและปะ?'


เออ...มีแล้ว

'เมื่อวานเห็นมาที่โรงหารกลาง น่าจะกำลังยืนหาที่นั่งกันอยู่มั้ง แต่น้องเขาหันไปงุ้งงิ้งๆใส่เพื่อนคนที่ยืนกอดคอ บอกเลยว่าเมื่อวานนะตายกันทั้งโรงหาร วิศวะผมตายเกลื่อน555555'

'ตายตอนนั้นยังพอว่า แต่มาตายตรงที่สุดหล่อวิศวะเดินกอดคอมาเนี่ยอ่ะดิ'




ผาอ่านไปคิ้วขมวดไป ...ทำไมคนถึงพูดถึงเยอะกันขนาดนี้วะ เฮ้อ...

"ถึงกับถอนหายใจเลยหรอวะ ฮ่าๆ" พุ่มพูดพากันหัวเราะกันทั้งกลุ่ม

"ไม่เครียดดิมึง ได้ของสูงคณะแพทย์เชียวนะมึง ฮ่าๆๆ" ไอ้เสริมขึ้นมาอีกคน ไอ้ว่านก็หัวเราะไปกับเขาด้วย เอาเหอะพวกมึง...เอาที่พวกมึงสบายใจกันที่สุดเลยครับเพื่อน ...แม่ง

...หลังจากที่นั่งคุยนู่นคุยนี่กันไปพวกเขาก็พากันขึ้นเรียน เรียนเสร็จก็เข้าคิวเสนอความคืบหน้าโปรเจ็ค แก้กันจนไม่รู้จะแก้ยังไง นี่ขนาดพึ่งเริ่มต้นนะ ไหนเดือนหน้าพวกต้องไปฝึกงานอีก...เพราะฉะนั้นภายในเดือนนี้โปรเจ็คพวกเขาต้องผ่าน และแน่นอนมันเหลือไม่ถึงสองอาทิตย์

...วันนี้ผาไม่ได้ไปรับน้ำเพื่อไปส่งที่ตึกนิเทศน์เพื่อฝึกซ้อมการเดิน การแสดงเหมือนเดิม พอเสร็จแล้วผาจะไปรับเขาไปส่งที่หอเอง และอีกสิบนาทีข้างหน้านี้แหละเขาก็ต้องไปรับแล้ว



...ผาขับรถมาถึงหน้าหอประชุมที่น้ำฝึกซ้อมแล้ว แต่ไม่ได้ลงเข้าไปข้างใน เบื่อสายตา เบื่อเสียงซุบซิบนินทา และตอนนี้ก็กำลังเบื่อ...เซ็งด้วย เป็นคุณ คุณไม่เซ็งหรอมีแฟนดัง มีแฟนเป็นเป้าสายตา อาจจะไม่มีใครรู้...เขามันพวกขี้หวง

...ผาไถหน้าจอแอพตัวเอฟไปเรื่อยๆ แล้วก็หยุดอยู่ที่โพสๆหนึ่งที่มาจากเชอร์รี่ ซึ่งเขาจะไม่อะไรเลยหากว่าคนในรูปไม่ใช่แฟนของเขา



Cherry yippy : พี่ขอโทษก็บอกไม่เป็นไรๆ ไม่เป็นไรที่ไหนข้อเท้าบวมขนาดนี้ ทำไมหนูต้องเป็นเด็กดีด้วยคะลูก เจ็บตัวเพราะความไม่ระวังของพี่แท้ๆ

*รูปน้ำนั่งบนเก้าอี้ กำลังมองผู้ชายคนนึงกำลังพันขาให้ตัวเองอยู่*



มันเป็นใครวะ!! ใส่ช้อปวิศวะสีเดียวกับกูอีก!! แม่ง!! กูไม่อยู่แป๊บเดียวใครมันมาดอดทำคะแนนกับกูวะ!! โว้ยยย

...เขาเก็บโทรศัพท์เดินจ้ำอ้าวเข้าไปในตัวตึกทันที ภาพที่เห็นทำเอาแทบอยากจะกระโจนใส่ ก็ไอ้ตัวผู้นั่นแม่งไม่ใช่ใครเลย...ไอ้ดิน ...และเขาก็จะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่มองน้ำแบบเดียวกับที่เขามอง และไอ้ดินเองก็รู้ว่าเขาคิดยังไงแต่มันก็เลือกที่จะมาทำแบบนี้เนี่ยนะ เพื่อนกันมั้ยวะแม่ง และนั่นแม่งทำไร ลูบหัวแฟนกูทำไม นั่นหัวแฟนกู กูลูบได้คนเดียวเว้ย

หมับ!

ผาเข้าไปจับมือดินลดลง ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา...สุดท้ายเป็นดินที่ยอมถอยให้ผาได้เข้าไป แต่ก็ยังมองไม่วางตา ไม่ได้มีมีแววโกรธเคืองกันแต่เป็นสายตาที่กำลังสำรวจปนเป็นห่วงคนตรงหน้า

"น้ำ...เป็นไงบ้าง ไปโดนไรมา" ผาถามพร้อมกับนั่งยองลงไปตรงหน้า ค่อยๆจับขาขึ้นมาวางบนเข่าตัวเอง เพราะเมื่อกี้ดินยังพันไม่เรียบร้อยดี

"คือ...น้ำซุ่มซ่ามไปหน่อยน่ะครับ ไม่ทันมอง ตอนเดินลงบันไดเวทีก็เลยพลัดตกลงมา" น้ำเอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้ม...แฟนผมนี่น้า โกหกไม่เนียนเลย ผาคิดในใจก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ ทำเอาเหล่าดาวทั้งหลายส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ ผาเงยหน้าขึ้นมองเชอร์รี้ที่ยืนสำนึกผิดอยู่ด้านหลังน้ำ พอเห็นผามองเข้าเจ้าตัวก็เลยรีบอธิบายให้ผาฟัง

"คือ...รี่ผิดเองแหละผา รี่เล่นมากไปหน่อยเลยไม่ทันดูว่าน้องกำลังลงบันได...รี่ก็เลยชน...จนน้องตกลงมา" ผาส่งสายตาดุๆไปให้เชอร์รี่ นางก็ก้มหน้าหงุดๆอย่างยอมรับความผิด

"ปะ กลับกับผาเนอะ" ผาส่งยิ้มไปให้ ส่งมือไปยีหัวทุยเบาๆ ก่อนจะช้อมร่างบางขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน

"เหวอ~" น้ำร้องขึ้นมาเบาๆพร้อมยกแขนเกี่ยวรอบคอเขาเอาไว้อย่างตกใจ ผาหันไปมองดินพยักเพยิดไปทางกระเป๋าของคนในอ้อมแขนเพื่อขอให้ช่วยถือไปส่งที่รถ





"กูกับน้ำ...คบกันแล้ว" หลังจากที่ผาอุ้มน้ำมาไว้ที่รถ เขาสตาร์ทรถเอาไว้ให้คนบนรถ แล้วหันกลับมาเปิดประเด็นกับเพื่อนตัวเอง ดินพยักหน้าขึ้นลงช้าๆสองสามทีเป็นเชิงบอกว่าเขารับรู้

"แล้ว?" เลิกคิ้วถามผา ถึงมันจะดูเหมือนกวนแต่ก็เปล่าเลย

"...มึงควรจะเลิกมองน้องแบบเดียวกันกับที่กูมอง" ผาสบตาเพื่อนตรงหน้านิ่งๆ เพื่อบอกว่าเขาไม่ได้มาพูดเล่นๆ

"ถ้ามึงมองดีๆ มันแตกต่างกันเยอะนะ" ดินว่าออกมายิ้มๆกอดอกแล้วเดินเข้าไปใกล้เพื่อนตัวเองมากขึ้นก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังไม่มีแววล้อเล่นเหมือนอย่างก่อนหน้านี้

"มึงจัดการตัวมึงเองเรียบร้อยดีแล้วใช่มั้ย" ผานึกงงกับคำถาม ทำไมมีแต่คนถามเขาแบบนี้...แม้แต่ไอ้ดินเองยังถาม เขาไม่ได้มีลูกมีเมียหรือคบกับใครอะไรอยู่สักหน่อย

"ทำไมแม่งมีแต่คนถามกูแบบนี้วะ" ผาขมวดคิ้วแน่น ถามออกไปด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

"กูก็แค่อยากแน่ใจ ว่ามึงจริงจังกับน้องเขาจริงๆ"

"กูจริงจัง"

"ก็ดี...อย่าให้เกิดเรื่องปวดหัวล่ะ" ดินตบบ่าเพื่อนสองสามทีก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเองแล้วขับออกไปก่อนจะต่อสายหาผู้อาวุธโสของตระกูล...



...ผาโล่งอกที่เพื่อนคนนี้เข้าใจอะไรได้ง่าย ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่ดินต้องการสื่อก็ตาม แต่เขาก็จะเก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาคอยเตือนตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแน่นอน

...เขากับดินสนิทกันพอสมควร อยู่กลุ่มเดียวกันนี่แหละไปไหนไปกันตลอด แต่พอมาปีสี่ เขากับดินก็ไม่ค่อยได้เจอกัน แล้วไหนมันจะต้องรับช่วงต่อธุรกิจที่บ้านอีกเลยทำให้ไม่ค่อยเห็นมันสักเท่าไหร่ พักกลางวันก็หายไปที่บริษัท เลิกเรียนถ้าไม่มีงานต้องทำที่มหาลัยมันก็หายเข้าบริษัท ...เขาเปิดประตูรถแทรกตัวเข้าประจำที่ เพราะนี่ก็ 2 ทุ่มกว่าเข้าไปแล้วคนตัวเล็กที่ทั้งขาเจ็บแล้วก็ยังไม่ได้ทานอะไรหิวแย่



ก็อกๆๆ

เสียงเคาะกระจกทางด้านเขาทำให้เขาต้องชะงักมือที่กำลังขาดเข็มขัดแล้วหันไปดู เขาลดกระจกลงให้คนนอกรถที่ยืนยิ้มสวยส่งมาให้เขา

"ว่าไงเรา..." ผาส่งยิ้มกลับไปให้

"เต้ยเอาขนมมาฝากพี่ผาครับ..." คนที่มาหาก้มตัวลงมาให้มองเห็นคนในรถ แต่ก็ต้องชะงักไปเพราะวันนี้...มีคนนั่งมาด้วย รอยยิ้มที่มีให้ค่อยๆเจื่อนลง เพราะว่าวันนี้เขากะว่าจะมาขอติดรถร่างสูงกลับด้วย

"ขนมอีกแล้ว...คราวหลังไม่ต้องก็ได้พี่เกรงใจ"

"ไม่คิดจะแนะนำคนข้างๆให้เต้ยรู้จักบ้างเลยหรอครับ" เขาเกาะประตูรถถาม พลางมองไปที่น้ำแล้วส่งยิ้มสวยไปให้ น้ำจึงหันมาส่งยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน

"นี่น้ำ แพทย์ ปี1...น้ำนี่เต้ย นิเทศน์ฯ ปี1 เหมือนกัน" น้ำยังคงยิ้มเหมือนเดิมค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย...เขาว่าเต้ยหน้าคุ้นๆนะ

"เดือนแพทย์นี่นา ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปอีกนะเนี่ย" เต้ยพูดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ว่าน้ำน่ารักมากจริงๆ เขาได้ยินคนในคณะเขาพูดถึงกันให้รึ่มไปหมด แถมยังดังไปทั่วโซเชียลอีกต่างหากว่าเป็นเด็กคนใหม่ของพี่ผา...และเขาก็ไม่พลาดหรอกที่จะมาทำความรู้จัก คนตัวเล็กตอบกลับพร้อมรอยยิ้มสวย

"น้ำดังมากเลยนะ มีแต่คนพูดถึงน้ำเต็มไปหมดเลยอ่ะ" เต้ยยังคงยิ้มให้

"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับเต้ย" คนตัวเล็กส่งยิ้มเขินๆ เขาก็พอรู้อยู่หรอกว่ามีคนพูดถึงเขาเยอะ...เขาไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรให้คนมาพูดถึงสักหน่อย

"ฮ่าๆ ถ่อมตัวจังน้า ...แล้วนี่ทำไมมาด้วยกันได้ครับเนี่ย" เต้ยหัวเราะออกมาก่อนจะเบนสายตาไปถามผาบ้าง...เขาได้ยินคนพูดมาบ้างว่าพี่ผาของเขาเทียวรับเทียวส่งเดือนแพทย์มาเป็นอาทิตย์แล้ว...ตั้งแต่เขารู้จักกับพี่ผามาก็หลายปีแล้ว เขายังไม่เคยเห็นพี่ผาสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย...จะมีก็แต่คนๆนี้ คนที่ยิ้มน่ารักคนนี้...

"ทำไมพี่จะมากับแฟนพี่ไม่ได้" ผายื่นมือไปยีหัวรุ่นนี้อย่างเอ็นดูก่อนจะขอตัวกลับ...น้ำกำลังโบกมือลาเต้ยที่ถอยออกไปยืนห่างรถชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่มันแปลกไปก่อนที่ผาจะปิดกระจก...คงไม่ใช่หรอกมั้ง

"กินไรดี" ผาหันมาถามน้ำหลังจากออกรถมาได้สักพัก แต่น้ำกลับนิ่ง คิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังมีเรื่องอะไรให้คิด

"เป็นอะไรรึเปล่า" เมื่อรถจอดติดไฟแดงผาก็เปิดประเด็นถามขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตั้งแต่ออกรถมาก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย เขาถามไปก็ยังไม่ได้คำตอบ

...น้ำหันกลับมามองหน้าผา คำถามอะไรต่างๆนาๆก็พุ่งเข้ามามากมาย อยากจะถามอะไรเยอะแยะไปหมดแต่ไม่รู้ว่าเขาจะถามมันได้มั้ย พี่ผาจะโกรธเขามั้ยถ้าเขาถามออกไป...มันจะดูงี่เง่าไปรึเปล่า ...แต่พอเขานึกถึงสายตาที่เปลี่ยนไปของเต้ย เขาก็ตัดสินใจถาม

"น้ำขอถามอะไรพี่ผาหน่อยได้รึเปล่าครับ"  น้ำเม้มปาก หลุบตาลงต่ำ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองผาอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ ผาพยักหน้ารับไป เขานิ่งรอฟังคำถามจากน้ำ ไม่ได้เร่งรัดอะไร เพราะดูน้ำค่อนข้างลำบากใจที่จะถามเขา

"พี่ผากับเต้ยรู้จักกันมานานแล้วหรอครับ" อ่า...ไม่คิดว่าน้ำจะถามแหะ  ...ความมั่นคงในน้ำเสียงที่เอ่ยถามเขาออกมานั้นไม่เหลือแววของความลังเล หรือไม่แน่ใจอะไรเลย ตากลมโตมองสบกับเขาเพื่อบอกให้รู้ว่าเขาต้องการคำตอบ

"สองสามปีได้" นึกๆไล่ย้อนกลับดู ก็คงราวๆสองสามปีก่อน 

"รู้จักกันได้ยังไงครับ" น้ำยังคงถามต่อ เขายังไม่ได้ตอบทันทีเพราะสัญาณไฟตรงหน้าเปลี่ยนสีเป็นสีเขียว

"เต้ยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับน้ำฟ้าตอนมัธยม เวลาทำงาน ช่วงสอบก็มาให้พี่ติว เลยมีโอกาสเจอกันบ่อย" ขับรถมาได้ไม่ถึงห้าสิบเมตรก็ต้องจอดสนิทเพราะการจราจรที่ติดขัดจากอุบัติเหตุ แถมตอนนี้ฝนก็ยังเริ่มโปรยเม็ดลงมาอีก

"พี่ผา...ไม่ได้คิดอะไรกับเต้ยใช่มั้ยครับ" ผาถึงกับเหวอ ใช่...ไม่ผิดหรอก เขาเหวอจริงๆ อะไรกัน...ทำไมถึงถามแบบนี้ น้ำกำลังจะเป็นคนไม่มีเหตุผลจริงๆใช่มั้ย ...นั่นรุ่นน้องเขานะ แถมยังเป็นเพื่อนกับน้ำฟ้าอีก ถึงตอนนี้จะห่างๆกันไปแล้วก็เถอะ...

"ทำไมถึงถามแบบนี้" เขาเอามือขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติเพราะเมื่อกี้เผลอทำเสียงแข็งแถมยังขมวดคิ้วใส่ไปอีก...แต่เขาไม่เข้าใจ เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรในทำนองให้คิดแบบนั้นเลย...

"ขอโทษด้วยครับ" น้ำเอ่ยขอโทษ เสหน้ามองออกไปนอกตัวรถ...เขาไม่คิดจะถามอะไรอีก เพราะท่าทีที่แสดงออกของผาเมื่อกี้มันดูหงุดหงิดอยู่ในที...แฝงความไม่ชอบใจในคำถาม...เขามีอะไรในใจถ้าเขาให้คำตอบตัวเองไม่ได้เขาก็เลือกที่จะถาม แต่ถ้าถามแล้วไม่ได้คำตอบเขาก็จะไม่ถาม...เขาไม่ใช่พวกถามอะไรเซ้าซี้ จู้จี้จุกจิกให้มากความ ถ้าตอบด้วยคำพูดไม่ได้...การกระทำมันก็เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ดีเช่นกัน...อย่างตอนที่จอดรถนั่นไง

...เขามองดูจากภายนอกเขาก็เห็นถึงความน่ารักขอกอีกคนนแล้ว ทั้งยิ้ม ท่าทางและคำพูด ไม่แปลกหรอกที่ใครๆก็จะมองด้วยสายตาเอ็นดูแบบนั้น...แบบที่ผามอง แต่เขาก็เห็นเพียงแค่นั้น แต่สายตาของอีกฝ่ายที่มองกลับมา...มันกลับไม่ใช่สายตาแบบที่น้องชายมองพี่ชายที่เป็นที่รัก แต่มันกลับเป็นสายตาของคนๆนึงที่กำลังมองคนที่ตนรัก...

...เขายังนั่งเถียงกับตัวเองเงียบๆว่าเขาอาจจะมองผิดไป แต่พอพี่ผาสถานะของเขาไป...สายตาที่มองเขาอย่างเป็นมิตรในคราแรกก็แปลเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิทราวกับเป็นสายตาจากคนละคน...นั่นก็เลยทำให้เขามั่นใจ ว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันคือเรื่องจริง ...เขาไม่ถามเต้ยหรอก เพราะเรื่องความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ และอีกอย่าง...คำตอบที่เขาต้องการคือจากแฟนเขา ...แต่กลับให้คำตอบไม่ได้...นี่แค่เริ่มต้นเองนะ ยังส่อแวววุ่นวายขนาดนี้ แต่ก็อย่างที่บอก...การกระทำมันจะบอกทั้งหมดเอง

"ขอบคุณมากนะครับ" เขากล่าวขอบคุณร่างสูงที่พาเขาส่งถึงหน้าห้อง

"ไม่ป็นไร ...พักผ่อนเยอะๆ อย่าลงน้ำหนักมาก เดี๋ยวจะหายไม่ทันวันงาน" ผาส่งยิ้มน้อยๆมาให้พร้อมกับส่งถุงกับข้าวที่แวะซื้อก้อนเข้าหอเมื่อกี้นี้...ต้องซื้อเผื่อโจ้กับธามด้วย สองคนนั้นเห็นบอกว่ากำลังมา

"ครับ...ขับรถกลับดีๆนะครับ" คนตัวเล็กเข้าไปในห้องแล้ว แต่ผาก็ยังไม่ได้เดินห่างออกไปจากที่ตัวเองยืนเลย ...เขาควรจะอธิบายไม่ใช่หรอ เขาควรจะตอบคำถามนั้นให้มันเคลียร์ไม่ใช่หรอ



ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้น้ำต้องละมือจากการแกะถุงกับข้าวลุกเดินไปที่ประตู...สงสัยโจ้กับธามคงจะมากันแล้ว

"พี่ผา..."

หมับ!

จู่ๆผาก็แทรกตัวเข้ากอดเขาเอาไว้หลวมๆ เพราะหน้าที่ซุกเข้าที่อกคนตัวสูงพอดี ทำให้ได้กลิ่นอาฟเตอร์เชพอ่อนๆ...ถึงไม่ใกล้ขนาดนี้ก็ได้กลิ่นทุกวัน กลิ่นประจำตัว ถึงจะผ่านมาทั้งวันกลิ่นก็ยังคงอยู่...คิดอะไรของแกวะเนี่ยน้ำ และมากอดกันแบบนี้ได้ไง เขินง่า~

"ปิดประตูก่อนสิครับ" เขาเตรียมจะผละออกเพื่อไปปิดประตู ผากลับยังกอดเขาไว้เหมือนเดิมแต่ใช้เท้าตวัดไปปิดประตูแทน...กอดแบบนี้นานๆเขาก็เขินแย่สิ เกิดใครผ่านมาเห็นอีก

...ผายังคงยืนกอดเขาอยู่แบบนั้นร่วมนาทีก็ยังไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมเอ่ยพูดอะไรออกมาทั้งสิ้นจนเป็นเขาเองต้องเอ่ยปากถาม "เป็นอะไรรึเปล่าครับ" เขาใช้มือแตะลงไปเบาๆที่แผ่นหลังกว้าง

"...ไม่โกรธพี่ใช่มั้ย" เงียบไปอึดใจก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา น้ำขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับที่ผาพูด...เขาไปโกรธพี่ผาตอนไหนกัน

"เรื่องอะไรครับ...ปล่อยแล้วมาคุยกับน้ำดีๆก่อน" เขาบอกไปก็พยายามจะผละออกมาแต่ผาก็ยังไม่ยอมปล่อย

"ยืนนานๆน้ำเจ็บขาแล้วนะ" เขาลองพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆดู...ผาเลยแล้วคลายกอดเปลี่ยนเป็นอุ้มเขาไปนั่งที่ปลายเตียง

"ตกลงมีอะไรครับ" เขาเงยหน้าถาม แววตากลมโตมองสบกับสายตาคม

"...พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเต้ย เต้ยเขาเป็นรุ่นน้องแค่นั้น ไม่มีอะไรทั้งนั้น" ผาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคงแววตาจริงจังพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของน้ำเอาไว้กระชับเบาๆคล้ายกับเป็นนัยให้เชื่อที่เขาพูด ทำให้คนฟังร้องอ๋อในใจ เขาไม่คิดว่าผาจะมาพูดเรื่องนี้อีก เพราะเขาเองเขาก็ไม่คิดจะถามอีกเช่นกัน...เพราะคำตอบของคำถามที่ดีที่สุดสำหรับเขาคงเป็นการกระทำมากกว่า

"พี่คิดว่าพี่ชัดเจนแล้ว...แต่พี่ชัดเจนแค่กับตัวเอง แถมยังหงุดหงิดใส่เราอีก...น้ำไม่โกรธพี่ใช่มั้ย" ผาย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า มือทั้งสองข้างกุมมือของคนตัวเล็กเอาไว้ไม่ปล่อย

"ไม่ครับ...น้ำไม่โกรธ ถ้าพี่ผาชัดเจนกับตัวเองการกระทำของพี่ก็จะเป็นคำตอบของน้ำเอง" เขาตอบร่างสูงไปพร้อมกับรอยยิ้มสวย

...ผาที่ได้ฟังคำตอบก็นึกทึ่งในใจ ทั้งๆที่การกระทำของเขามันน่าจะทำให้เป็นเรื่องทะเลาะกันได้แต่คนตรงหน้าเขาก็ไม่มีแม้แต่แววของความไม่พอใจออกมาเลย แถมยังมีเหตุผลอีก...หรือเป็นเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันเลยเข้าใจอะไรๆได้ง่ายแบบนี้กันนะ...

"แต่...พี่ผารู้ใช่มั้ยครับ ว่าเต้ยเค้าคิดกับพี่มากกว่าพี่ชาย" ที่เขาถาม เพราะสายตาคู่สวยที่มองมายังผา มันให้ความรู้สึกเหมือนเวลาที่เรามองใครสักคนที่เรารัก...อย่างปิดไม่มิด

...ผาที่ฟังคำถามก็ไม่แปลกใจหรอกที่คนตรงหน้าเขาจะสังเกตมันได้...เพราะเต้ยเองก็ไม่เคยคิดจะปิดบังอะไรใครอยู่แล้ว

"พี่รู้...แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรแล้ว เพราะตอนนี้พี่มีคนที่พี่คิดอะไรด้วยแล้ว" ผาตอบออกมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากและส่งสายตาพราวระยับไปให้คนตรงหน้าได้เขินเล่น...และแน่นอนไม่ต้องรอให้เสียเวลา แก้มใสก็ขึ้นสีแดงระเรื่อจนเห็นได้ชัด กัดปากล่างตัวเองเพื่อสะกัดกลั้นอารมณ์เขิน แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำนี้มันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวของผาเข้าให้อย่างจัง...น่าจับมาฟัดให้ช้ำเสียจริง ร่างสูงคิดในใจ

"ฝะ ฝนตกหนักแล้ว พี่ผารีบกลับเถอะครับ" น้ำหันหน้ามองออกไปข้างนอกห้อง เอ่ยเปลี่ยนเรื่องเสียงตะกุกตะกัก

"หึๆ เปลี่ยนเรื่องเก่งนี่ พี่ควรจะรู้ไว้ด้วยใช่มั้ย หื้ม" ผาว่าออกมาเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือไปดึงแก้มนิ่มทั้งสองข้างส่ายไปส่ายมา ส่วนตัวเองก็ทำหน้าหมั่นเขี้ยวไปด้วย

"ฮื่อ~ น้ำเจ็บ" ดึงจนพอใจแล้วก็ปล่อย คนตัวเล็กจึงเอามือขึ้นมาลูบแก้มทั้งสองข้างตัวเองเบาๆ...แดงแน่ๆเลย

"ก็อย่าทำตัวน่ารักนักสิ" ผายื่นมือไปเกลี่ยแก้มนิ่มที่ขึ้นรอยแดงเพราะฝีมือเขาเบาๆอย่างต้องการจะปลอบ...ส่วนคนที่โดนปลอบก็ได้แต่นั่งน่าแดง ไม่ใช่เพราะพี่ผาดึงแก้มเขาหรอกเป็นเพราะพี่ผาทำเขาเขินต่างหากเล่า...เขาเป็นผู้ชายนะ มาชมเขาว่าน่ารักได้ไงเล่า คิดในใจแต่ทำหน้ายู่ใส่ผาไปแล้ว 

"จะกลับแล้วนะ" ผายืนขึ้นเต็มคงามสูงพร้อมกับบอกออกมายิ้มๆ

"กะ ก็ไปสิครับ ดึกแล้ว" คนตัวเล็กเอ่ยบอกเสียติดๆขัดๆ สายตาลอกแลกๆ ผามองปฏิกิริยานั้นยิ้ม ก่อนจะก้าวเดินห่างออกมาแต่ก็ตัดสินใจหมุนตัวกลับไปหาคนตัวเล็กอีกครั้ง

ฟอดดดด!
อ่า...ชื่นใจชะมัดเลย


...คนตัวเล็กอ้าปากค้างตาโต ค่อยๆยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองอย่างตกตะลึง ...นะ นี่ นี่เราโดนพี่ผา หะ หอม หอมแก้ม หอมแก้ม!? หอมแก้ม!!

...ผาที่โน้มตัวลงมาใช้แขนทั้งข้างเท้ากับเตียงคร่อมตัวน้ำไว้ เห็นสีหน้าตกใจของคนตัวเล็กแล้วก็แทบจะกลั้นขำไม่อยู่ อะไรกันเนี่ย...สงสัยต้องทำบ่อยๆซะแล้ว น้ำจะได้ชินกับเขาสักที

"พี่ผาอ่า กลับไปเลย" ทำหน้ายู่ใส่ ชี้มือไปที่ประตู

"เขินอะไร มากกว่านี้กะ..." ยังไม่ทันพูดจบว่ามากกว่าหอมแก้มก็เคยมาแล้ว มือเล็กๆก็เข้ามาตะครุบปากเขาไว้เสียก่อน

"หยุดเลย! ไม่เอาไม่พูด ...พี่ผาอ่าเลิกแกล้งน้ำซักทีซี่~" ตอนแรกก็พดูเสียงเข้มอยู่หรอก แต่รู้ว่าสู้อะไรไม่ได้ก็ทำเสียงอ่อน ปล่อยมือออกก่อนจะทิ้งหัวไปพิงไหล่กว้างเพื่อซ่อนอาการเขินแทน...หนีไปไหนไม่ได้ก็ซุกมันตรงนี้นี่แหละ หอมดี ฮือ~ คิดอะไรของแกเนี่ยน้ำ

"หึๆๆ โอเคๆพี่ไม่แกล้งแล้ว กลับจริงๆแล้ว" ผาพูดกลั้วหัวเราะพลางลูบหัวทุยเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะผละออกไปไม่แกล้งอะไรน้ำอีกอย่างที่บอกเอาไว้...แต่ก็กว่าจะเลิกแกล้งเขาได้เล่นเอาซะเขาเขินจนเหนื่อย

...ผาหันกลับมายิ้มให้คนตัวเล็กที่นั่งหน้ายุ่งอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูออกไป ปล่อยให้คนขี้เขินยังนั่งเขินอยู่ที่เดิม กับคงกับข้าวเย็นชืดหมดแล้ว เห็นทีคงจะให้เพื่อนสองคนเขาอุ่นกันเอา...นึกถึงเพื่อนสองคน เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมเสียงพูดคุยกันเสียงดังของเพื่อนทั้งสอง...คงไม่พ้นเถียงอะไรกันแน่ๆ

"ก็กูบอกว่าเดี๋ยวกูถือๆ มึงก็ไม่ฟัง ผลสุดท้ายมึงก็เปียกแบบเนี้ย และมึงถูกกับฝนซะที่ไหน" เสียงโจ้ที่เดินนำเข้ามาก่อน วางสำภาระลงหน้าโทรทัศน์เสื้อผ้าเนื้อตัวเปียกหมด แต่คงไม่เท่าธามที่เปียกลงมาตั้งแต่หัว

"น้ำขอยืมผ้าเช็ดตัวหน่อย" โจ้หันมาขเสียงหงุดหงิด เขาจึงพยักหน้าให้ ก่อนที่โจ้จะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาผ้าขนหนูผืนใหม่

"มึงจะไรนักหนา บ่นกูมาตั้งแต่ข้างล่างละนะ" ธามทำหน้าเอือมๆ ใส่ โจ้เลยนิ่งไป

"โอเคๆ กูขอโทษ" จากที่จะเดินเอาผ้าขนหนูไปให้ก็เอาวางลงแค่บนเตียงข้างๆคนตัวเล็กแทน ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินเข้าห้องน้ำไป

"ไอ้โจ้หยุด" ธามสั่ง ทำให้โจ้หยุดเดินแต่ไม่ได้หันกลับมามองธามที่กำลังเดินเร็วๆเข้าไปหา ...อ่า บรรยากาศดูตึงๆชอบกลแหะ และเขากลายเป็นส่วนเกินตั้งแต่เมื่อไหร่กันละเนี่ยน้ำงง

"กูไม่ได้รำคาญมึง" ธามพูดออกมาเสียงนิ่ง

"โอเค มึงไปอาบน้ำไป กูเปียกไม่มากเดี๋ยวอาบทีหลัง" โจ้บอกพร้อมกับหันหลังเดินกลับเข้ามา แต่ธามดึงเอาไว้ก่อน

"มึงให้กูอาบก่อนได้ไง มึงไม่ชอบอาบต่อคนอื่นไม่ใช่รึไง"

"เออๆแม่ง กูอาบก่อนเอง มัวแต่เถียงกันอยู่นี่แหละแม่ง ปอดบวมตายกันพอดี" บ่นอุบอิบๆ มองค้อนให้ธามไปอีกทีก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางห้องน้ำ

"เดี๋ยว" ธามรั้งไว้

"อะไรของมึงอีก" โจ้หันมาทำหน้าเหม็นเบื่อเต็มทน

"มึงไม่ได้โกรธกูใช่มั้ย" 

"ปัญญาอ่อนปะไอ้ธาม กูจะโกรธมึงเพื่อ? ...ถ้ากูออกมาแล้วกับข้าวไม่พร้อมให้กูแดกนะ คราวนี้กูจะโกรธ โกรธแม่งทั้งสองคนนี่แหละ โมโหโว้ย! โมโหหิวอ่ะเข้าใจป้ะ!" ประโยคยาวเหยียดที่ถูกพ่นออกมาอย่างกวนๆก่อนจะปิดประตูห้องน้ำดังปั้งให้สองคนในห้องเกาหัวกันแกรก

"อยู่เฉยๆก็จะโดนโกรธเฉยเลย" น้ำทำหน้างงใส่ธาม ธามยักไหร่ไม่รู้เรื่องเพราะเขาเองก็งงไม่ต่างอะไรจากน้ำเลย..อะไรของมันวะ ที่บ่นๆมานี่คือโมโหหิวหรอก โถ่คนก็นึกว่าเป็นห่วง









...100%...

...To Be Continued...




หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.13] [21.12.2017 : 12.36]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-12-2017 12:41:10
โหหห พี่ผาไวเว่อร์ขอคบน้องแล้ว เพิ่งจะ 12 ตอนแต่คบกันแล้วแสดงว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องให้ทั้งคู่จับมือฝ่ากันไปแน่ ไหนจะอดีตกิ๊กของผาคนที่ว่าแรงนั่นอีก ไหนจะอิพี่ใหม่อีก ส่วนดินนี่เราว่าต้องเป็นพี่ของน้ำแน่ๆเลยอะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.13] [21.12.2017 : 12.36]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 21-12-2017 14:56:10


[Episode...14]






"มาค่ะลูก ซ้อมเสร็จแล้วจะได้ไปเตรียมตัวแต่งหน้า" เชอร์รี่ปรี่เข้ามาประคองคนตัวเล็กที่กำลังเดินลงบันไดของเวทีมา

"น้ำหายเจ็บแล้วนะครับพี่เชอร์รี่" น้ำยิ้มรับน้อยๆอย่างเกรงใจ 

...จากวันที่เขาเกิดอุบัติเหตุ ก็ผ่านมาถึงวันประกวดดาวเดือนมหาลัยแล้ว เขาต้องมาที่นี่ตั้งแต่เช้าเพื่อมาซ้อมใหญ่ ทั้งซ้อมละครที่จะแสดง และก็การเดินที่จะต้องมีการมาร์คจุดโพสจุดยืนต่างๆ จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบจะบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว เขาเหลือเวลาแต่งตัว เตรียมตัวในส่วนของตัวเองประมาณสองชั่วโมง 

...หลังจากที่เขาบาดเจ็บไปวันนั้นพี่สตาฟก็ดูแลเขาอย่างกับไข่ในหิน พี่ผาก็ตามรับตามส่งเขาแจ เฝ้าตลอดไม่ห่างเลย จนเขาจะเดินไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว เดินไปไหนก็มีแต่คนพูดถึงมีแต่คนมอง...น้ำไม่ชิน

"น้ำ...ชุดมาแล้ว" เสียงโจ้ดังมาตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าห้องพักดาวเดือน ตามหลังมาก็ธามนั่นแหละ พร้อมกับหอบถุงอะไรไม่รู้มาเต็มสองมือ

"ครับ ...แล้วธามถืออะไรมาเยอะแยะเลยเนี่ย" น้ำถามพลางเข้าไปช่วยโจ้ถือชุดของตนที่มีถุงคลุมสีเทาคลุมอยู่

"ก็ของกินน้ำนั่นแหละ" ธามตอบเขาก่อนจะเดินเข้าไปที่โต๊ะประจำของดาวเดือนคณะแพทย์  ซึ่งข้างหลังเวทีที่มีพื้นที่กว้างมาจะถูกจัดแบ่งเป็นโซนๆ เป็นคณะๆไป และโต๊ะนั้นก็มีน้ำฟ้ากับพี่ผานั่งอยู่ก่อนแล้ว เพราะต้องพาน้ำฟ้ามาแต่งหน้าแต่งตัวแล้วเหมือนกัน... พอเขาเดินมาถึงยังไม่ทันได้ทักทายใครก็ถูกลากตัวไปเปลี่ยนชุดทันที

...น้ำยังไม่ได้กินอะไรเลยนะพี่ด้วง ...ชุดแรกที่เขาจะต้องใส่คือชุดไปรเวทที่เหมือนชุดเที่ยวทั่วๆไปนั่นแหละ แต่มันก็ต้องดูดีกันนิดนึง

"คนดังวิศวะมานั่งเฝ้าอะไรตรงนี้จ้ะ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะโผล่มา" เสียงกระแนะกระแหนของเชอร์รี่ที่ดังมาก่อนตัวจะโผล่มา ทำให้ผาเหล่ตาไปมองอย่างเอือมๆ...จะมาเงียบหน่อยไม่ได้รึไงวะ

"แล้วจะทำไม" ผาเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ

"แหม ไม่ได้เลยนะเดี๋ยวนี้ ยอกย้อนๆ" เชอร์รี่กรอกตาปะหลำปะเหลือกใส่ ผาก็ยักใหล่ให้อย่างโนสนโนแคร์ 

...เมื่อก่อนไอ้หล่อนี่มันเคยจะโผล่หน้าไปกิจกรรมที่ไหน แต่พอมาตอนสิ...ไม่ต้องถามหรอก ไปยืนมองจากดาวอังคารยังรู้เลย ชัดเจนขนาดนี้...แต่เขาก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่รู้จักกันมา ผาเคยสนใจผู้ชายเสียที่ไหนกันล่ะ อ่า...แต่จะว่าไม่สนก็ไม่ใช่ซะทีเดียวสินะ เขาเข้ามาตามจีบมันเป็นปีๆ ถ้ามันไม่สนใจมันคงไล่ตะเพิดไปแล้ว และจะบอกว่าไม่รู้ ก็คงไม่ใช่...ผาฉลาดจะตาย แต่ก็เอาเหอะ ถึงกับขั้นเปิดเผยขนาดนี้ เขาก็หวังแค่เพียงว่า...ผาคงจะคิดมาดีแล้ว

...หลังจากที่หายไปนานเกือบสิบห้านาทีได้ด้วงก็จูงมือคนตัวเล็กออกมาจากห้องแต่งตัวทางด้านหลัง ชุดที่คนตัวเล็กใส่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอก กางเกงขายาวสกินนี่สีดำที่ถูกพับขึ้นมาเล็กน้อยพอให้เห็นข้อเท้าสวย รับกับรองเท้าหนังสีน้ำตาล

...คนตัวเล็กทรุดนั่งลงเพื่อให้ช่างเข้ามาแต่งหน้าทำผมให้ ผมถูกเซ็ตให้อยู่ในที่เป็นธรรมชาติ ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยรองพื้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลงลิปมันบนริมฝีปากอวบอิ่ม พอเสร็จแล้วคนตัวเล็กก็มายืนเช็คความเรียบร้อยที่กระจกเต็มตัว ช่างแต่งหน้าไม่ต้องเหนื่อยที่จะต้องทำอะไรกับคนตัวเล็กนี่เลย ผิวขาว เนียนละเอียดจนน่าอิจฉา...อยากจะรู้จริงๆว่ามีเคล็ดลับอะไร

...กิริยาที่หมุนไปหมุนมาอย่างไม่มั่นใจอยู่หน้ากระจกนั้น แต่เจ้าของร่างบางก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นจุดสนใจของคนในห้องนี้มากขนาดไหน ถ้าทั้งสามรางวัลจะตกเป็นของคนตัวเล็กนี่คนเดียวคงไม่มีใครแปลกใจอะไร ทั้งรูปร่างหน้าตา และนิสัยใจคอที่ได้สัมผัสตลอดการอยู่ร่วมกันมา...มันดีไปหมด

"ดูดีแล้ว" ผาที่ทนเห็นแฟนตัวเล็กเป็นเป้าสายตาได้ไม่นานก็เดินเข้ามาใกล้ๆพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ทำให้คนเหล่านั้นหลบตากันแทบไม่ทัน...ก็ผาน่ะเวลาโมโหก็เอาเรื่องใช่น้อยที่ไหน

"จริงหรอครับ" คนตัวเล็กหันมาเลิกคิ้วถาม ด้วยรอยยิ้มเขินๆ

...สายตาของคนรอบข้างก็ยังมองมาไม่มีหยุด จนผาจับมือแล้วกระตุกเบาๆให้คนตัวเล็กเดินตามเขามาจนมาถึงห้องแต่งตัวข้างหลัง...คนตัวเล็กขมวดคิ้วอย่างงงงวยว่าพี่ผาจะลากเขามาตรงนี้ทำไม ไม่ใช่คนตัวเล็กสงสัยหรอก ทั้งสตาฟทั้งเพื่อนร่วมห้องก็สงสัยกันทั้งนั้น แต่ไม่มีใครเอ่ยทักท้วงอะไร

"เป็นอะไรรึเปล่าครับ" หลังจากที่ผาปล่อยมือเขาแล้ว ก็อดที่จะถามไม่ได้เพราะสีหน้ายุ่งยากใจของร่างสูง

"ก็เรานั่นแหละ" ผาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด 

...ไม่ชอบเลยแม่ง ไม่ชอบเลยไอ้สายตาพวกห่านั่นน่ะ

"น้ำ? น้ำทำอะไรครับ" พอรู้สาเหตุว่าร่างสูงเป็นแบบนี้ก็งงหนักเข้าไปใหญ่...เขาไปทำอะไรให้ไม่พอใจเมื่อไหร่กัน หรือว่าเขาแต่งตัวแล้วดูแย่กันนะ พี่ผาถึงไม่พอใจเขาแบบนี้

"เฮ้อ...ก็เราน่ะ"

"..."

"อย่าน่ารักมากได้มั้ยเล่า" ผาดึงน้ำเข้าไปกอดไว้หลวมๆ



...โดนชมว่าน่ารักมาตั้งนานจนชิน แต่มันจะไม่ชินก็เพราะคนตรงชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้นี่แหละ แถมยังมากอดไว้อีก ฮื่อ หน้าร้อนจนจะไหม้อยู่แล้วนะ...



"รู้มั้ยว่ามีแฟนขี้หวง"

"..."

"มีแต่คนมองเต็มไปหมดไม่รู้เลยรึไง หื้ม แฟนผาผามองด้วยสายตาแบบนั้นได้คนเดียว แฟนผาผาก็หวงปะวะ" ...กะจะฆ่าให้ตายกันด้วยคำพูดเลยรึไงนะ

"มองยังไง...เขามองเพราะว่าน้ำดูไม่ดีมากกว่า" ถามมาได้ว่ามองยังไง ไอ้พวกเสือไบนี่มองกันเหมือนยังกะจะลากเข้าห้องไปปู้ยี่ปู้ยำ โว้ยยย...คิดแล้วน่าหงุดหงิดชะมัด

"ไม่รู้แหละ ไม่ต้องประกวดมันและเดี๋ยวไปบอกเชอร์รี่ให้ หาคนใหม่ตอนนี้ก็ทัน" ผาผละออกมาหันหลังเตรียมกลับเข้าไปคุยกับเชอร์รี่จริงๆ น้ำตกใจจนต้องรีบคว้าแขนเอาไว้เพราะพี่จะไปคุยให้เขาจริงๆแน่

"ดะ เดี๋ยวๆ ครับพี่ผา ไม่เห็นต้องขนาดนั้นเลยนี่ครับ" 

"มีแต่คนมองน้ำ พี่จะบ้าตายเอา" ไม่มีใครเข้าใจอารมณ์ของคนขี้หวงหรอกจริงๆ ลองคนเยอะๆมองแฟนคุณด้วยสายตาอยากลากแฟนคุณเข้าห้องดูสิ...

"เขามองก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิครับ" น้ำว่าเสียงอ้อนๆ เพื่ออยากให้พี่ผาเย็นลงกว่านี้หน่อย...คนพวกนั้นมองเขาก็จริง แต่ก็ได้แค่มองนิ

"เฮ้อ...ไม่ชอบเลยวะ" น้ำยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างน้อยคนตรงหน้าก็เย็นลงบ้างล่ะนะ

"รู้แล้วครับว่าไม่ชอบ..." น้ำเอียงคอมองสบกับนัยตาคมพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำให้ผาแทบจับมาฟัดให้จมเขี้ยว

"พวกเขามองน้ำ...แต่น้ำมองผาคนเดียวนะ"



...ดาเมจโคตรรุนแรง รุนแรงมากจริงๆ แค่ประโยคๆเดียวทุกอย่างหายวับไปกับตา ...เหมือนหัวใจมันหยุดเต้นไปชั่วขณะ ให้ตายสิ...



...ฮื่อ พูดอะไรออกไปวะเนี่ย พูดเองเขินเองหน้าร้อนวาบ...แต่พี่ผานี่สินิ่งไปเลยอ่ะ ทำไงดีๆๆ ฮื่อ~



"อะ เอ่อ..."



จุ๊บ~

"บอกแล้วไงว่าอย่าน่ารัก"
เขายังพูดไม่ทันจบผาก็ชิ่งจุ๊บปากเขาไวๆแล้วเอ่ยคำชมออกมา เลยเอาหัวทุยๆไปพิงไว้กับอกแกร่งอย่างไม่รู้จะเอาใบหน้าที่เห่อร้อนนี่ไปหลบซ่อนไว้ตรงไหน ผาไม่ได้ว่าอะไรกลับยกมือขึ้นลูบผมนิ่มแล้วหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู



...ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงรู้สึกกับคนตัวเล็กนี่ได้ขนาดนี้กันนะ...



.



.



.



...หลายวันที่ผ่านมาเขามีโอกาสได้อยู่ด้วยกันบ่อยมากขึ้น มีเวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันหลายอย่าง สำหรับน้ำความรู้สึกก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนมันกลายเป็นมากกว่าคำว่าชอบไปแล้วถึงมันจะเป็นเวลาเพียงน้อยนิดสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับน้ำมันนานมากเลยนะ...เพราะว่ามันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว

"สวัสดีค่ะชาว SS ทั้งหลาย และแล้ววันที่เรารอคอยกันก็มาถึง ดิฉันเชอร์รี่ กรกันต์ นิเทศศาสตร์ปี 4 และ แจง จิดาภา นิเทศศาสตร์ปี 4 ผู้ดำเนินการประกวดในวันนี้ค่า" เสียงกรี๊ดวี๊ดว๊ายดังไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่หลังจากที่พิธีกรที่ยืนอยู่กลางเวทีใหญ่แนะนำตัวเสร็จ

"วันนี้ทุกคนมาเชียร์ใครกันบ้างค้า~" พิธีกรหญิงอีกคนถาม พร้อมกับยื่นไมค์ไปข้างหน้า



"แพทย์ค่า"

"วิศวะ!"

"เกษตรรรร~"

"แพทย์"

"ผู้ชายย~"

"แพทย์"



เสียงขานรับดังอื้ออึงไปทั่วทั้งโถงใหญ่ น้ำที่อยู่ด้านหลังเวทีก็ชักจะตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อชื่อคณะตัวเองดังลอดมาเข้าหู

"ถามเลยดีกว่า ...ไหนใครเชียร์วิศวะคะ" เชอร์รี่เป็นคนถามพร้อมกับยื่นไมค์ออกไป เสียงกรี๊ดดังระงมจนกลัวว่ากระจกจะแตกเอา เชอร์รี่ยื่นไมค์ถามไปเรื่อยๆจนมาถึง...

"คณะนี้ได้ยินดังมากตอนที่แจงถาม... ใครเชียร์แพทย์ค้า~" เสียงกรี๊ดดังมาก ดังพอๆกับวิศวะเลยด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้คนที่ตื่นเต้นอยู่แล้วก็ตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก

...ในเมื่อกองเชียร์มาเชียร์คณะเขามากขนาดนี้ ในฐานะตัวแทนอย่างเขาและน้ำฟ้าจะกลัวว่าทำผิดพลาดจนเสียชื่อคณะก็ไม่แปลก เหมือนทุกคนฝากชื่อเสียงของคณะไว้ที่เรา กิจกรรมอื่นเขาไม่เคยกลัว...แต่การโชว์ความสามารถ เขาไม่มั่นใจเอาซะเลย...เพราะคิดแบบนี้เลยทำให้เผลอทำหน้าวิตกออกมาจนน้ำฟ้าและเพื่อนทั้งสองคนเห็น ส่วนพี่ผาออกไปตั้งแต่สิบนาทีก่อนแล้ว...บอกว่าจะไปคอยเชียร์เขาอยู่หน้าเวที ถ้าประกวดเสร็จแล้วจะรีบมาหา

"เป็นไรไปน้ำ" เป็นธามที่ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเขา เฉยคางเขาขึ้นมาสบตากัน เขาเม้นปากแน่น ความกังวลเริ่มมีมากขึ้น

"ไม่มั่นใจเลยธาม..." ยิ่งนึกถึงเสียงเชียร์เมื่อกี้ยิ่งกลัว

"ไม่มั่นใจอะไร" ธามจับมือข้างนึงเอาไว้ อีข้างน้ำฟ้าก็จับเอาไว้บีบกระชับเบาๆ ส่วนโจ้ก็เข้ามาบีบไหล่เขาอย่างให้กำลังใจ

"ทุกอย่าง...ทั้งเรื่องตัวเอง และเรื่อง...โชว์" เม้มปากแน่นหลุบตามองปลายเท้าตัวเอง...อยากจะถอนตัว

"เหมือนทุกคนฝากความหวัง ฝากชื่อเสียงของคณะไว้ที่น้ำ..." 

"ใช่...มันคือความหวัง มันคือชื่อเสียง แต่ทุ่ทุกคนมา ไม่ได้มากดดันน้ำนะ ทุกคนมาให้กำลังใจ ทุกคนมาบอกกับน้ำว่าให้ทำเต็มที่ ...น้ำจะดูถูกกำลังใจพวกเขางั้นเหรอ น้ำจะบอกว่าเสียงเชียร์พวกนั้นคือเค้ากำลังกดดันน้ำงั้นเหรอ...เสียงเชียร์ข้างนอกนั่นคือกำลังใจของน้ำนะ เค้าไม่ได้มีเจตนาจะกดดันน้ำ...ไม่กดดันตัวเองนะ เดี๋ยวกำลังใจหน้าเวทีเขาจะเสียใจ"

"..."

"รวมถึงผาด้วย"

"..."

"พี่จะเชียร์เราอยู่ข้างหน้านะ สู้ๆครับ" ไม่ใช่เสียงของโจ้ ไม่ใช่เสียงของธาม แต่เป็นเสียงของพี่ผา ที่ดังมาจากสมาร์ทโฟนของน้ำฟ้าที่เปิดสปีกโฟนแล้วยื่นมาตรงหน้าเขา ไม่รู้ว่าไปโทรหากันตั้งแต่ตอนไหน...แต่ที่แน่ๆตอนนี้กำลังใจมีขึ้นมาเป็นกอง เขาส่งยิ้มและเอ่ยขอบคุณปลายสายไปก่อนที่น้ำฟ้าจะกดวางสายไป เพราะพี่สตาฟเรียกคณะแพทย์ไปสแตนบายเตรียมขึ้นไปเดินโชว์ตัวบนเวที ทุกย่างก้าวที่น้ำเดินจับมือกับน้ำฟ้าไปมันเต็มไปด้วยความมั่นใจและไร้ความกังวล ก่อนจะขึ้นไปบนเวทีเขาหันกลับมาชูสองนิ้วให้กับเพื่อนทั้งสองคนแล้วเดินออกไปตามคำประกาศเรียก

"คณะต่อไป คณะแพทย์~" เขาเดินควงคู่กันไปยืนตรงกลางเวทีที่มีไมค์ตั้งอยู่ น้ำฟ้าเอ่ยแนะนำตัวไปพร้อมกับได้รับเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดกลับมา

"สวัสดีครับ น้ำ ธารา พงษ์ภากร คณะแพทย์ครับ" เสียงปรบมือ เสียงกรี๊ดดังมากจนคนตัวเล็กแอบตกใจ แถมยังมีคนเรียกชื่อเขาอีก...เขิน ทุกคณะก็จะได้รับเสียงกรี๊ดแบบนี้กันหมด ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเขินเฟมือนเขาไหม แต่เล่นเรียก 'น้องน้ำ' เสียงดังแบบนี้เขาเขินเหมือนกันนะ

...หลังจากที่ทุกคณะแนะนำตัวเสร็จกันหมดแล้ว ต้องมาเปลี่ยนชุดเพื่อทำการแสดงรวมของดาวเดือนเพื่อให้อธิบดีและคณะกรรมการทุกท่านได้ชมกัน แล้วนี่ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการให้คะแนนผู้เข้าประกวดดาวเดือน ...เขาไม่ได้หวังจะชนะอยู่แล้ว เรื่องนี้เขาพูดเอาไว้กับพวกรุ่นพี่ในคณะไว้แล้ว เรื่องโชว์ความสามารถ ใครๆก็ทำได้ ตอบคำถามเขาก็คงจะตอบได้ไม่ดีนักหรอก ส่วนการแสดงที่แสดงอย่ตอนนี้บทก็ไม่ได้ช่วยให้กรรมการให้คะแนนเขาขึ้นมาได้หรอก

...พอเสร็จจากการแสดงละครพวกเขาเหล่าดาวเดือน ก็ทะยอยกันมาเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักศึกษาถูกระเบียบตามคณะใครคณะมัน...และต่อจากนี้ก็เป็นการโชว์ความสามารถของผู้เข้าประกวดแต่ละคน คณะแพทย์ได้ทำการแสดงเป็ลำดับที่ห้า จากทั้งหมดสิบคณะ...ก็ถือว่ากลางๆ กำลังดี ไม่ต้นไปไม่ท้ายไป ...เขากับน้ำฟ้าไม่ได้แสดงร่วมกัน เพราะกรรมการอยากดูความสามารถของดาวกะบเดือนอย่างชัดเจนโดยที่ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายบดบังความสามารถซึ่งกันและกัน

...ระหว่างที่รอคิวก็หยิบกีต้าร์ขึ้นมาซ้อมดีดเพลงที่จะนำขึ้นโชว์ และนั่งคุยกับโจ้ธามไปพลางๆ ...แต่ก็นึกถึงคนที่บอกว่าจะออกไปเชียร์ตัวเองอยู่ข้างหน้าขึ้นมาดื้อๆ ก็จะไม่ให้นึกถึงได้ยังไงก็ตั้งแต่เขาบอกว่าจะออกไปดูอยู่ข้างหน้า...จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเลย หรือว่าเรามองไม่เห็น



...จะว่าไปเพลงนี้เขาก็อยากให้พี่ผาได้ฟังเขาร้องเหมือนกันนะ...



"ดาวคณะแพทย์สแตนบายด้วยครับ" เสียงสตาฟที่เรียกน้ำฟ้าให้ไปสแตนบายรอขึ้นโชว์ความสามารถก็ทำให้หลุดจากภวังค์ เขาหันไปจับมือกับน้ำฟ้าเพื่อให้กำลังใจ...น้ำฟ้าขึ้นไปแล้ว ต่อไปก็เป็นเขา...ว่าจะไม่ตื่นเต้น ใจก็เต้นโครมครามๆจนแทบจะกระดอนออกมา ...เขานั่งลงทำสมาธิอยู่พักเดียวก็มีเสียงจากสตาฟคนเดิมเรียกให้เขาขึ้นเวทีเป็นรายต่อไป

"สวัสดีครับ น้ำ จากคณะแพทย์ครับ" เสียงกรี๊ดเสียงปรบมือที่ดังขึ้นมาเล่นเอาใจสั่นมือสั่นไปหมด แต่เขาก็ต้องทำมันให้สำเร็จ

"วันนี้น้ำจะมาโชว์ร้องเพลงกับเล่นกีต้าร์ให้พี่ๆเพื่อนๆทุกคนได้ฟังกันนะครับ...ถ้าทุกคนร้องได้ คงไม่ลำบากใช่มั้ยครับถ้าจะให้ร่วมร้องไปกับน้ำด้วย" ทุกคนตอบรับกลับมาเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ ...น้ำนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูง จัดท่านั่งวางกีต้าร์ลงไปตามที่ถนัด และเริ่มดีดกีต้าร์ตามท่วงทำนองของเพลง น้ำหลับตาลงเพื่อไม่ให้ตัวเองมองภาพตรงหน้าจนตื่นเต้น



"วันหนึ่ง..."

กรี๊ดดดดดด~ เสียงนุ่มเอื้อนเอ่ยคำร้องออกมาอย่างไพเราะ จนได้รับเสียงกรี๊ดทั่งทั้งโถงใหญ่ พร้อมกันกับที่น้ำลืมตาขึ้นมาแล้วสบเข้ากับดวงตาคมของใครบางคนที่เขานึกค่อนขอดในใจ เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวตัว ก่อนจะร้องในท่อนต่อไป

"ตื่นขึ้นมา ด้วยความรู้สึกใหม่โลกที่มอง ช่างสวยกว่าเดิมมากมายตั้งแต่ เมื่อฉันได้เจอเธอ...
สายตาเมื่อเธมองมา มันทำให้ใจสั่น ดอกไม้ใบไม้เปลี่ยนสีจากเดิม ทุกอย่างรอบกาย ฉันมีแต่ความงดงาม"




เนื้อเพลงที่ถูกถ่ายถอดออกไปทำให้อดนึกถึงวันนั้นไม่ได้...วันที่เขาตื่นขึ้นมาพบกับพี่ชายใจดี



"สัมผัสของเธอทำให้ฉันกลายเป็นคนพิเศษ ไออุ่นของเธอ เทรกในส่วนลึกของวิญญาณ เธอคือฝัน ที่เป็นจริง ที่ใจของฉันคนนี้ใฝ่หามานาน เธอมีความรัก ที่คงอยู่ไปชั่วกาล จับมือฉันให้นาน...เพราะฉันเป็นของเธอ"



ท่วงทำนองและคำร้องยังคงถูกถ่ายทอดด้วยอารมณ์ความรู้สึกลึกๆของน้ำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เหตุการณ์ทั้งหมดวนเวียนเข้ามาให้นึกย้อนกลับไป เขาเผยยิ้มออกมาอย่างเปี่ยมสุขเมื่อนึกถึงมัน...เขาต้องตื่นขึ้นพบกับความอ้างว้างกี่วันกัน และเมื่อไหร่กันที่ความอ้างว้างเหล่านั้นถูกเติมจนเต็ม...โลกที่มืดมนของเขา ได้ถูกหยิบยื่นโอกาสมากมายจนมันกลายเป็นโลกที่สว่างสดใสแต่กระนั้น...มันก็ยังไม่สวยงาม จนกระทั่งมีสิ่งพิเศษเข้ามา...เมื่อได้เจอกับใครบางคน ในตอนนั้นมันเป็นแค่เพียงฝัน...และฝันในตอนนั้น มันก็กลายเป็นจริงในตอนนี้...แต่มันจะเป็นจริงได้นานแค่ไหนกันนะ

...เขาจะขอพรสักข้อหนึ่งได้หรือเปล่า...ขอให้มันเป็นแบบนี้ ขอให้ไม่ต้องกลับไปฝันอย่างตอนนั้นอีก จะได้รึเปล่า



"น้ำ! น้ำร้องเพราะมากเลยนะ"

​"ใช่ๆ นึกว่าต้นฉบับมาเอง"

​"ชนะแน่งานนี้"

​"ตอนอยู่บนเวที น้ำมีเสน่ห์โคตรๆอ่ะ"

​"ไปฝึกร้องมาตอนไหนเนี่ย ไม่เห็นรู้เลย"



เสียงตอบรับที่ดีทั้งจากผู้ที่มาเชียร์อยู่ทางด้านหน้า เพื่อนๆและสตาฟข้างหลังเวที ทำให้เขาลบล้างเรื่องในอดีตไปได้อย่างหมดจด เขามั่นใจมากขึ้นกล้าที่จะทำมันมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว

เขาได้พักหายใจอยู่ด้านหลังเวทีเพียงแค่สิบนาทีก็ต้องกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งเพื่อที่จะทำตามขั้นตอนสุดท้ายคือรับดอกไม้จากกองเชียร์เพื่อคัดเลือกอยู่ในตำแหน่งป๊อปปุล่าโหวตหรือขวัญใจมหาชนและตอบคำถามเพื่อชิงตำแหน่งดาวเดือนมหาลัย

"เอาล่ะค่ะ ในที่สุดก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายกันแล้วนะคะ แหมทุกคนก็ไม่ค่อยจะเตรียมพร้อมกันเลยนะคะ ในมือนี่ทั้งดอกไม้ทั้งลูกโป่งเลยนะคะ ...สตาฟคะพร้อมรับดอกไม้จำนวนมหาศาลรึยังคะ ถ้าพร้อมแล้ว...เชิญเลยค่ะ!!" หลังจากที่เชอร์รี่ให้สัญญาณว่าให้ทุคน นำดอกไม้และลูกโป่งมาให้ผู้เข้าประกวดที่ตัวเองเชียร์ได้แล้ว ทุกคนก็แทบจะรับดอกไม้และลูกโป่งไม่ทัน ตอนแรกน้ำไม่ได้คาดหวังไว้เลยว่าตัวเองจะได้มากขนาดนี้แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว...ว่าดอกไม้ ลูกโป่งเหล่านี้มาจากไหนกันเยอะแยะ เขาจำหน้าผิดกันรึเปล่า หันไปมองข้างๆกันที่มาจากคณะวิศวะก็ไม่ต่างกันเลย นิเทศก็อีกสตาฟแทบจะเข้ามารับไปไม่ทัน ข้างหลังวุ่นวายกันมากเพราะต้องมีการเรียกสตาฟมาช่วยกันขนไป เขาหันเอาดอกไม้ไปส่งให้กับสตาฟด้านหลังยังตกใจเลยที่คนมารับไปเป็นโจ้ ตอนนี้คนที่เข้ามาให้ดอกไม้เพื่อเป็นคะแนนป๊อปปุล่าโหวตเริ่มทยอยออกไปกันแล้ว ผมเลยลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปยังจุดยืนของตัวเอง แต่ก็ต้องชะงักไปกับกับเสียงเรียกชื่อของตัวเองที่ทแสนจะคุ้นหู

"น้ำ" ...พี่ผา เสียวเรียกที่พี่ผาเอ่ยออกมาทำให้ความวุ่นวายเมื่อกี้เงียบเสียงลงไปถนัดพร้อมใจกันแหวกทางให้ผาเดินมาถึงหน้าเวที ยิ่งใกลเวทีก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่าไม่ได้มาตัวเปล่า แต่ผามาพร้อมกับช่อกุหลาบขาวช่อเบอเร่อ มันไม่ได้มีการจัดช่อสวยงามอะไร เป็นแค่กระดาษสีน้ำตาลห่อมาแล้วผูกด้วยโบสีขาวเท้านั้นเอง ...ทั้งๆที่เรียกแค่ชื่อ ทั้งๆที่คนอื่นๆอาจจะชื่อเหมือนกัน...แต่ขาเขากลับก้าวไปยังจุดเดิมที่เขานั่งรับดอกได้เมื่อกี้นี้อย่างห้ามไม่ได้

...ดอกกุหลาบขาวช่อโตที่มีสัญลักษณ์ของการประกวดนี้ถูกยื่นออกมาตรงหน้าเขา มันยื่นมาพร้อมกับรอยยิ้มหล่อ ที่คนยิ้มยิ้มแบบเต็มที่ จนเห็นเขี้ยวและรอยบุ๋มข้างแก้ม...อ่า หน้าเขาต้องแดงมากแน่ๆเลย น้ำย่อตัวลงไปรับช่อนั้นไว้ในอ้อมแขน

"แหมๆ ช่อโตขนาดนี้ กี่ดอกคะเนี่ยคุณนคินทร์" เชอร์รี่เอ่ยแซวออกไม ทำให้ทุกคนเงียบรอฟังคำตอบ บ้างก็เอามหือถือมาถ่านยรูปบ้างก็เอามาถ่ายวิดีโอ คนที่อยู่ไกลๆมองไม่เห็นก็ยืนบนเก้าอี้บ้าง...

"...101 ดอก" ผายิ้มก่อนจะตอบพี่เชอร์รี่กัลบไป

"มีความหมายมั้ยคะเนี่ย" เชอร์รี่แกล้งแซวต่อ

"ฉันจะมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ค่า!!" เสียงตะโกนของผู้หญิงคนนึงที่ดังขึ้นอีกฟากนึงของโถงใหญ่ คำตอบนั้นทำให้เกิดเสียงวี๊ดวิ้ว กรี๊ดกันระงมจนน้ำเขินหน้าแทบไหม้

"พอๆ น้ำกลับมาที่ค่ะ ฉันล่ะหมั่นไส้จริงๆ" คราวนี้เป็นแจงบ้างที่เดินมาลากตัวน้ำกลับมาที่เดิมแล้วโบกมือไล่ผาให้ไปไกลๆ ทุกคนโห่ออกมาอย่างเซ็งๆที่ไม่ได้ดูคนจีบกันต่อ แต่ก็เป็นการแซวกันเล่นๆเท่านั้น

"เรามาต่อกันที่ช่วงตอบคำถามกันนะคะ คำถามปีนี้เราจะใช้ระบบคำถามคู่นะคะ คือดาวเดือนคณะนั้นๆจะต้องเลือกหนึ่งคำถาม และต้องตอบคำถามเดียวกันแยะตอบนะคะคำตอบใครคำตอบมัน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันที่คณะแรกกันเลยค่ะ คณะมนุษศาสตร์~" คำถามที่แต่ละคู่เจอก็มีแต่คำถามยากๆทั้งนั้นมีทั้งวิชาการ ทั่วไป ดินฟ้าอากาศหรือแม้แต่การนำเสนอเรื่องราวในชีวิตของตัวเอง ทุกคู่ทุกคณะตอบออกมาได้ดีทั้งนั้นจนคณะกรรมการเอ่ยชม และในที่สุดก็มาถึงคิวของคณะเขา และที่เขาได้มามันไม่ใช่คำถามแต่มันคือ



'ความรักที่ยิ่งใหญ่'

​น้ำฟ้าเป็นผู้ที่เริ่มตอบก่อน เธอเล่าถึงความรักในครอบครัวของเธอ ทั้งพ่อแม่ ปู่ย่า และพี่ชายของเธอ น้ำฟ้าเล่าออกมาได้อย่างอบอุ่นและนิ่งใหญ่จริงๆ จนเขากังวลและก็...กลัว ความกลัวเริ่มกลับเข้ามาเกาะกุมหัวใจเขาอีกครั้ง...น้ำก้มหน้ามองช่อกุหลาบช่อใหญ่ในอ้อมกอดที่สตาฟไม่ได้เอาไปเก็บก่อนจะเงยหน้ามองไปยังจุดที่พี่ผายืนล้วงกระเป๋าเสื้อช้อปอยู่ ตรงนั้นมีทั้งเพื่อนที่คณะแพทย์ของเขา ทั้งโจ้และธาม และเพื่อนๆของพี่ผา เขาได้รับรอยยิ้มแรกจากผา...และหลังจากนั้นก็ได้รับรอยยิ้มให้กำลังใจจากคนทั้งกลุ่ม...รชน่าประหลาดใจ แค่เพียงไม่กี่รอยยิ้มก็สามารถปัดเป่าความกลัวให้หายไปได้...ตอนนี้น้ำฟ้าพูดจบแล้วและเธอก็กำลังยื่นไมค์มาให้กับเขา...และเขาก็รับมันมา ถุงจะกลัวคำกล่าวหา ดูถูกเหยียดหยามมากมาย...แต่เขาก็ต้องเผชิญกับมัน



"ผม...เป็นเด็กำพร้า"

เสียงกรี๊ดในขณะที่เขารับไมค์เมื่อสักครู่นี้เงียบลง จนน้ำรู้สึกใจแป้วแต่เขาก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดต่อ

"ตั้งแต่ผมจำความได้ผมก็อยู่ที่บ้านเด็กำพร้ามาโดยตลอด ไม่มีมีพ่อแม่อยู่เคียงข้างผม ไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกนั้นเพราะฉะนั้นผมมิอาจตอบได้ว่าความรักของพ่อแม่ที่มีให้ลูกนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน ตลอด18ปีที่ผ่านมา ผมอยู่มาได้โดยไม่ได้เป็นเด็กมีปัญหาหรือทำตัวเป็นภาระของสังคม...เพราะผมรักตัวเอง รักมากพอที่จะดูแลชีวิตตัวเองให้ดีจนมาถึงจุดนี้ได้ เพราะถ้าตอนนั้นผมไม่รักตัวเองก็คงไม่มีผมในวันนี้...เพราะฉะนั้นความรักที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมนั้น คือการรักตัวเอง"

"อาจารย์มุทิตามีคำถามค่ะ"

"เคยคิดโกรธเกลียด หรือน้อยใจอะไรพวกท่านบ้างหรือเปล่า...ที่ท่านทิ้งคุณไว้แบบนี้"

"ผมอาจจะมีความคิดที่แปลกจากคนอื่นนะครับ ...ตอนเด็กๆผมก็รู้สึกแบบนี้อยู่ไม่น้อยเลยครับ ไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง และก็ไม่คิดจะทำความเข้าใจกับมันด้วย แต่พอโตมาประมาณนึงผมเข้าใจอะไรมากขึ้น ความรู้สึกพวกนั้นมันก็จางหายไป แต่กลับกลายเป็นความดีใจแทน... ดีใจที่ผมไม่ต้องไปเป็นตัวถ่วงชีวิตของพวกท่าน ไปเป็นภาระให้พวกท่านหนักใจ การที่พวกท่านไม่มีผมในชีวิตมันอาจจะทำให้ชีวิตพวกท่านดีขึ้น ...หรือบางทีพวกท่านอาจจะต้องการสอนผมก็ได้ สอนให้ผมเข้มแข็งสอนให้ผมอดทน สอนให้ผมรู้จักทำมาหากิน สอนให้ผมรู้จักใช้ชีวิตได้โดยไม่เป็นภาระของสังคม"

"ถ้าพวกท่านฟังอยู่ ...มีอะไรอยากจะฝากถึงพวกท่านมั้ย"

"ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะได้ยินผมมั้ย ถ้าพ่อกับแม่อยากให้ผมเป็นคนที่เข้มแข็งตอนนี้ผมเป็นให้แล้ว อยาให้ผมเป็นคนดีไม่เป็นภาระของสังคมผมเป็นให้แล้ว ทุกๆอย่างที่พ่อกับแม่จะหวังให้ลูกสักคนนึงเป็นให้ ผมทำได้หมดแล้ว แต่มีสิ่งนึงที่ผมยังเป็นไม่ได้...คือเป็นลูกของพ่อกับแม่ ผมเชื่อมาตลอดว่าพ่อกับแม่เฝ้าดูผมอยู่เพราะสร้อยเส้นนี้ที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ ...ขอบคุณครับ" เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางน้ำตาที่ไหลลงมาเพราะความทราบซึ้งและสงสารอยู่ในที แม้แต่คณะกีชรรมการและพิธีกรเองก็ถึงกับน้ำตาซึมไปด้วย และหนึ่งในผู้คนที่เสียน้ำตาให้กับเรื่องที่ได้ฟังนั้น มาจากผู้อาวุธโสท่านหนึ่งบนที่นั่งชั้นลอย ที่มีแต่ผู้บริหารระดับสูง



...เคยได้ยินไหมที่เขาว่ากันว่า มีพบ ก็ต้องมีพราก มีจาก ก็ต้องมีเจอ...




.



.



.


...100%...

...To Be Continued...




...มายซินทอล์ค...

ฮืออ~ ถูกใจกันมั้ยคะคนอ่านทั้งหลาย งงมั้ยอ่า555 แอบกังวล อะไรผิดพลาดโปรดบอก มือใหม่แห่งวงการนักเขียนจริมมๆ
จริงๆตัวคนเขียนเองมีสต็อคไว้ เลยลงได้รัวๆ
ที่คบกันเร็วอย่าตกใจไปว่ามายซินจะใส่ม่า ให้คนอ่านน้ำตานองหน้านะ มีนิดๆหน่อยๆ เรียกว่าพอให้ใจกระตุกดีกว่า555555
ยังไงก็ฝากติดตาม อ่านกันเยอะๆ เม้นให้กำลังใจก็จะดีมว๊ากกกก ขอบคุณทุกเม้นน้าค้าาา จะไม่ทำให้ผิดหวังค่า :a2:


หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.15] [21.12.2017 : 15.02]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 21-12-2017 22:35:01

[Episode 15]





"น้ำไม่ไปไม่ได้หรอธาม" คนตัวเล็กที่กำลังเกาะแขนธาม มองหน้าโจ้ให้ช่วยเห็นใจ

"ไม่ได้...ไปแต่งตัวเลย ทำไม...เป็นแล้วหยิ่งหรอ ห้ะ?" โจ้พูดแซวเพื่อนตัวเล็กขำๆ น้ำหันไปทำหน้ามุ่ยใส่โจ้อย่างขัดใจก่อนจะหันกลับมามองหน้าธามเพื่อขอความเห็น แต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มเอ็นดูและการส่ายหัวปฏิเสธกลับมา ทำให้คนตัวเล็กยู่หน้าใส่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัว ธามกับโจ้หันมามองหน้ากันยิ้มๆแล้วส่ายหัว...คนไม่สนิทน่ะ ไม่รู้หรอกว่าเดือนมหาลัยปีนี้น่ะ ขี้อ้อน ขี้งอแงขนาดไหน

...จากเมื่อวานที่มีการประกวดดาวเดือนกันไป ไม่ต้องถามไม่ต้องสงสัยกันก็คงรู้กันสำหรับตำแหน่งเดือนมหาลัย การตอบคำถาม การแสดงความสามารถ กิริยามารยาท ทุกคำพูดที่พูดออกมาด้วยความจริงใจ จนกรรมการและเหล่าบรรดากองเชียร์เห็นพ้องต้องกันว่าตำแหน่งปีนี้...น้ำ เดือนคณะแพทย์เหมาะที่สุดแล้ว

...เมื่อได้ตำแหน่ง แน่นอนพี่ๆเขาดีใจ และมันจะต้องมีการ...ฉลอง และน้ำไม่อยากไปเลย พอมีตำแหน่งแบบนี้มาค้ำคอ...การวางตัว การเข้าสังคมเขาก็ต้องมีมากขึ้น...เขาไม่เหมาะกับสังคมแบบนั้น แต่เลาก็รู้ว่าเขาควรจะวางตัวยังไง อะไรควรทำไม่ควรทำ เขาก็ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนไป พี่เชอร์รี่บอกกับเขาไว้ว่าอย่าเป็นเหมือนบางคน..ที่ได้ตำแหน่งไปแล้วเหลิง เพราะคิดว่าตัวเองดังตัวเองเด่น ...แต่สำหรับเขาก่อนหน้านี้เขาเป็นยังไง หลังจากนี้เขาก็ยังคงเป็นอย่างนั้น



"ไปเปลี่ยนเสื้อ" ธามเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เพื่อนตัวเล็กของเขาใส่เสื้อสีขาวคอกว้างมาใส่

"ทำไมอ่า" 

"บางก็บาง คอก็กว้าง เห็นไปถึงไหนต่อไหน" โจ้พูดขึ้นมาพลางเข้าไปดึงๆที่คอเสื้อของคนตัวเล็กจนมันกว้างออกเห็นทะลุลงไปยันปลายเท้า

"น้ำก็ผู้ชายเหมือนกันมั้ยล่ะ" น้ำเถียง

"อย่าให้โจ้ต้องพูดว่าทำไม" 

"ก็มันทำไมเล่า" ขมวดคิ้วใส่

"ถ้าไม่คิดว่าจะมีตัวผู้ตัวไหนมาทำอะไรรุ่มร่ามให้พี่ผาตามหวงก็ตามใจ" ธามถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา...ใครว่าเพื่อนเขาน่ารักกัน ดื้อก็เท่านั้น ธามคิดในใจ

...คนตัวเล็กที่ได้ยินธามพูดเช่นนั้นก็คิดตาม เมื่อวานเขาก็เห็นฤทธิ์ความขี้หวงของอีกฝ่ายไปแล้ว และน้ำก็รู้ดีนั่นน่ะเพียงแค่ส่วนนึงเท่านั้น พอคิดได้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ไปหยิบเสื้อตัวใหม่มาเปลี่ยนทันที จากเสื้อคอกว้างสีขาว คนตัวเล็กก็เปลี่ยนมาเป็นเสื้อคอปีนโอเวอร์ไซส์ลายขวางขาวดำแทน เข้ากันดีกับกางเกงยีนส์สีดำพอดีตัวมีรอยขาดเข่าสองข้างและรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สแจ็คสีขาวคู่เก่าที่เช้าตัวเก็บตังซื้อตั้งแต่อยู่มอหก



.



.





21.56 @ซี๊ด

"ไม่เห็นบอกกันก่อนเลยว่าจะมาด้วย" ทีแรกน้ำก็นึกว่าจะแค่นั่งแท็กซี่มาส่งที่ไหนได้ เดินเข้ามาด้วยกันซะงั้น

"ก็ไม่ได้ถาม"

"โจ้ก็กวนน้ำให้ได้ตลอดสิน่า" จบประโยคนั้นก็หันไปขำเบาๆกันสองคน

...จริงๆแล้วโจ้กับธามถูกพี่ๆนัดที่นี่ไว้เหมือนกัน เนื่องจากเป็นวันเกิดของพุ่ม เขาสองคนเดินเข้ามาส่งที่โต๊ะที่เป็นที่นัดหมายของน้ำก่อน...เขารู้ได้ไงน่ะเหรอ ก็เพราะพราวกับเบทโบกมือให้พวกเขาตั้งแต่เห็นกัน พอเห็นแบบนั้นก็เลยรีบเดินเบียดเสียดผู้คนเข้ามา ธามต้องกอดคอน้ำเอาไว้ตลอดทางโจ้เดินประกบอีกข้าง เพราะถ้าปล่อยให้เดินคนเดียว คงโดนฉุดไปตั้งแต่ประตูทางเข้า...จะมองอะไรกันขนาดนั้นธามเองก็ไม่เข้าใจ รู้ดีว่าเพื่อนเขาน่ารัก แต่บางทีก็แปลกใจว่าจะดึงดูดเพศเดียวกันได้ขนาดนี้เลยหรอ นี่ขนาดใส่เสื้อผ้ามิดชิดแล้วนะ ไม่อยากนึกสภาพเลยถ้าเพื่อนเขายังจะดึงดันใส่เสื้อตัวนั้นมา...ทีเวลาไอ้โจ้ไม่เห็นจะมีเพศผู้มองมันงี้มั่งวะ เอ๊ะ หรือว่าจะมี ธามคิดในใจ

พอมาถึงโต๊ะ เขาก็ยกมือไหว้บรรดารุ่นพี่กลุ่มประธานที่นั่งกันอยู่

"จะไปไหนบอกพี่เขาด้วย...มีอะไรก็บอกไอ้อิ่มมันไม่ก็โทรมา พวกธามจะนั่งอยู่ตรงนู้น" ธามชี้ไปยังโต๊ะมุมหนึ่งที่มีพวกวิศวะกำลังเฮฮากันอยู่

"ครับๆ...น้ำไม่ใช่เด็กสักหน่อย" น้ำยู่ปากใส่

"ไม่ใช่เด็กนี่แหละตัวดีเลย"

"โจ้เดินไปโต๊ะโจ้เลยก็ได้ครับ" น้ำชี้มือไปยังโต๊ะที่พวกเขาจะไปนั่ง...ไล่ได้สุภาพมาก โจ้คิดในใจ แต่ก็รู้ว่าน้ำกวนเขาไปอย่างนั้นเอง

"โอเคๆ อย่าดื่มเยอะ รู้ลิมิตใช่มั้ย" โจ้รับคำก่อนจะย้ำ

"รู้ครับ" รับคำเสร็จเพื่อนสองคนก็เดินเข้าไปคุยอะไรกับพวกอิ่มสองสามคำแล้วก็เดินออกไปยังโต๊ะตัวเอง

...อิ่มกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปนั่งข้างตัวเองที่ยังมีที่ว่างอยู่

"ดื่มมั้ย" อิ่มถาม เขาพยักหน้าตอบ ...ไม่ใช่ว่าเขาดื่มไม่ได้หรือว่ามาเพื่อที่จะดื่มเป็นหลัก แต่มาแบบนี้จะมานั่งสั่งนมปั่นมาดื่มก็คงไม่ใช่ และจากครั้งก่อนเขาก็ดื่มได้ไม่เป็นไรแต่ก็คงไม่ดื่มจนเมาเละเทะ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสายเรียกเข้าที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงมาสักพักนึงแล้ว เห็นชื่อปรากฎอยู่ก็กดรับทันที

"ครับ..." เขาป้องปากพูด ตอนนี้ยังพอคุยได้อยู่เพราะเพลงที่เปิดไม่ได้หนักมาจนถึงกับขั้นต้องลุกไปคุยข้างนอก แต่ถ้าดึกกว่านี้...คุยกันข้างนอกแน่นอน

'ถึงแล้วหรอ' ปลายสายถาม

"ครับ...พี่ผามารึยัง" ถามไปพลางเหล่ไปมองโต๊ะวิศวะไป

*'กำลังไป...ใกล้ถึงแล้ว เดี๋ยวไปหา'*

"พี่ขอนั่งด้วยคนสิ" 

"อ๊ะ.." น้ำผงะเอนตัวหลบใบหน้าหล่อของใหม่อย่างตกใจที่อยู่ๆก็ชะโงกเข้ามาพูดข้างหูเขา อิ่มจึงดึงตัวเขาเข้าไปชิดตัวจนเหลือที่นั่งข้างๆเขาพอที่อีกคนนั่งได้

...ปลายสายที่ได้ฟังประโยคและเสียงแปลกๆก็ถึงกับเหยียบเร่งความเร็วเพื่อที่จะได้มาถึงจุดหมายไวๆ

'อยู่กับใคร' ผาถามเสียงเข้มขึ้นจนน้ำจับอาการได้ จึงยกมือไหว้รุ่นพี่ที่มาใหม่แล้วหันไปบอกอิ่มว่าจะขอเข้าห้องน้ำ 'อยู่ไหน' พอเสียงเบาลงกว่าเดิมผาจึงเอ่ยถามขึ้นมา

"ห้องน้ำครับ"

*'เมื่อกี้นั่งอยู่กับใคร'* 

"นั่งอยู่กับอิ่ม และก็พวกเพื่อนๆ และก็พวกพี่ด้วงครับ" คนตัวเล็กอธิบาย

'และที่ได้ยินเมื่อกี้เสียงใคร'

"เสียง...พี่ใหม่ครับ" เขานึกย้อนไปเหตุการณ์ใต้ตึกคณะวันนั้น ท่าทางของคนทั้งสองคนที่ไม่น่าจะถูกแล่นวาบเข้ามาในหัว จนทำให้เขาลังเลที่จะบอกกับผาไปในตอนแรก

'จำที่พี่บอกวันนั้นได้รึเปล่า' ประโยคที่พี่ผาพูดที่ใต้ตึกวันนั้นเขายังจำได้ดี...แต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อเป็นสายรหัสเดียวกัน

"จำได้ครับ...แต่มันเลี่ยงได้ที่ไหนกัน" คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ...ก็มันจะเลี่ยงได้ยังไง สายรหัสเดียวกัน

*'โอเค งั้นออกมารับหน่อย'*

"หือ?" คนตัวเล็กทำหน้างง

'เลี้ยวซ้ายมาจะเห็ประตู เปิดมาก็เจอแล้ว'

"ครับ" รับคำเสร็จก็วางสายไปก่อนจะเดินแยกไปทางซ้ายมือ อยู่แค่ประตูกั้นจะให้เขาออกไปรับทำไม

เปิดประตูออกมาก็เจอคนหล่อวิศวะยืนพิงกำแพงหันข้างมาทางประตู ที่บอกว่าหล่อก็หล่อจริงๆนั่นแหละ เขาเคยบอกแล้วใช่มั้ย พี่ผาน่ะอยู่ในชุดไหนก็หล่อ วันนี้แต่งตัวเหมือนนัดกันมา...เขาใส่เสื้อโอเวอร์ไซส์อีกฝ่ายก็ใส่โอเวอร์ไซส์มาแต่เพียงของอีกฝ่ายเป็นสีดำ กางเกงยีนส์สีเข้มกับรองเท้าหนังหุ้มข้อสีน้ำตาล...น้ำมัวแต่ยืนมองพิจารณาคนตรงหน้าจนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ผาเข้ามาใกล้เขาเพียงแค่ฝ่ามือกั้น

"วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง" เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างใบหู แกล้งเอาจมูกเฉียดผ่านออกมา ทำให้ใบหูเล็กขึ้นสีแดงเรื่ออย่างน่ารัก...ทำไมเขาถึงมองว่าน่ารักได้มากขนาดนี้กันนะ

"...จริงๆไม่เห็นต้องให้น้ำออกมารับเลย" ผาส่ายหัวยิ้มๆกับการเปลี่ยนเรื่องดื้อๆเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง

"ก็อยากให้แฟนมารับ...ไม่ได้รึไง" 

"จะเข้ายังครับ" คนตัวเล็กทำหน้ายุ่งอย่างขัดใจ แกล้งให้เขินกันอยู่นั่นแหละ

"เขินพี่หรอ" ผายังแกล้งต่อ ยื่นมือไปเขี่ยๆแก้มนิ่มเบาๆอย่างหยอกล้อ

"ฮื่อ หยุดแกล้งน้ำได้แล้ว~" คนตัวเล็กจับมือผาหันหลังให้ก่อนจะออกแรกลากพี่ผาให้เดินกลับไปทางประตู...

"ไปไหน...มาเข้าข้างหน้านี่" ผากระตุกมือกลับเบาๆแล้วคว้ามือเล็กมาจับไว้แทน ก่อนจะพาเดินไปทางประตูหน้า...แล้วเขาจะค้านอะไรได้ล่ะเนี่ย



...พอเลยสี่ทุ่มมาบรรดานักท่องราตรีก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ และทางที่เขาต้องเดินไปนั้นมันต้องผ่านเคาท์เตอร์บาร์ ผ่านฟลอ แน่นอนว่าคนที่ออกมาแดนซ์ออนเดอะฟลอเยอะมากจนแทบจะเดินไปไม่ได้

...ตั้งแต่คนหล่อเดินเข้ามา ก็มีผู้หญิงอกตู้ม ร่างเพรียวเดินเข้ามาชวนพี่ผาไปดริ้งมาตลอดทาง เขาคงจะไม่ชอบใจถ้าพี่ผาไม่ปฏิเสธคำชวนเหล่านั้นไป

...พี่ผากอดคอเขาเข้ามาในตอนแรกแต่เพราะด้วยความที่คนมันเบียดเสียดกันผาจึงดันให้คนตัวเล็กขึ้นมาเดินข้างหน้าแทน...และเขาจะไม่อะไรเลยถ้าสองแขนแกร่งไม่โอบเอวเขาอยู่

"...มีคนมองเราเยอะเลย" ผาก้มลงไปพูดที่ข้างหู คนตัวเล็กจึงแหงนหน้าขึ้นมองแล้วเขย่งปลายเท้าเพื่อให้ตัวเองสูงขึ้นแล้วบอกอย่างหมั่นไส้

"มองพี่ผามากกว่า อ้ะ!" ผากระชับแขนแน่นขึ้นจนคนตัวเล็กตกใจร้องออกมา

"มองเรานั่นแหละ...พี่จะบ้าอยู่แล้ว" เสียงนุ่มทุ้ม ลมหายใจอุ่นรินรดอยู่ที่ใบหู ทั้งการกระทำ คำพูด...ทำให้ใจของคนตัวเล็กเต้นไม่เป็นส่ำ จากที่เต้นหนักหน่วงไปตามบีทหนักๆของเพลงก็กลายเป็นเต้นระรัวนำเพลงจนรู้สึกหนักในอก...ใจเต้นแรงจนมันจะกระดอนออกมานอกอกเขาอยู่แล้ว

...ยิ่งนับวัน ความรู้สึกมันกลับยิ่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงเลย ...เขาไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่แบบนี้ มันจะจบลงไปตอนไหน...เพราะน้ำรู้ดีว่าความรักในรูปแบบนี้มันไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบดอกไม้ มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ทุกเมื่อในขณะที่เราก้าวเดินไปด้วยกัน...ไม่รู้ว่าทั้งหมดจะจบลงเพราะตัวเขาเองหรือคนที่เดินไปด้วยกัน

...สาวๆมากมายที่เข้ามาทักทายพี่ผาอย่างคุ้นเคย มันเป็นเครื่องเตือนสติได้เป็นอย่างดี ว่าพี่ผาเป็นผู้ชาย และที่ผ่านมาพี่ผาก็มีแต่ผู้หญิงเข้ามาในชีวิตตลอด...น้ำยอมรับอย่างไม่อายว่าความเป็นจริงข้อนี้ทำให้เขานึกกังวลและหวั่นใจอยู่ไม่น้อย...ก็ในเมื่อเขาเป็นคนที่รู้สึก แต่ก็นั่นแหละ...มันเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง



.



.



"ไปนั่งกับพี่มั้ย" ผาถามขึ้นมาหลังจากที่หลุดออกมาจากพื้นที่คนเบียดเสียดแล้ว

"ไม่เอาหรอกครับ" คนตัวเล็กสายหน้าหวือ ขืนไปได้โดนพวกเพื่อนๆพี่ผาแซวตายแน่

"โอเค อย่าดื่มเยอะ" เขาบอกแค่นั้นวางมือบนหัวโยกไปมา พวกอิ่มที่เห็นว่ารุ่นพี่แฟนเพื่อนมาก็รีบยกมือไหว้ ผาพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้เตรียมจะเดินกลับไปโต๊ะตัวเอง แต่ติดตรงที่ใหม่เข้ามากอดคอดึงน้ำเข้าไปประชิดตัว

"ทำไมน้ำต้องไปนั่งกับมึงด้วยวะ" ใหม่ตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลงพร้อมกับส่งยิ้มเหยียด

"ไม่เสือกดิมึง" 

"ไอ้เหี้ยนี่!" ใหม่ผละออกจากคนตัวเล็กอย่างโมโหกับคำพูดกวนโมโหของผา เตรียมจะพุ่งเข้าใส่ผาเต็มที่ แต่น้ำก็มือไวพอที่จะคว้าแขนใหม่เอาไว้ได้ก่อนที่ใหม่จะพุ่งไปถึง 

ผาตีหน้านิ่งอย่างเคย...แต่ใครๆก็รู้ดีๆว่ามันสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะเข้า ถ้าหากโดนกวนประสาทจนความอดทนหมด คงได้รู้กัน ...สีหน้า ท่าทางและคำพูดของทั้งสองคนเรียกสายตาและความสนใจของผู้คนบริเวณใกล้ๆ รวมถึงดึงสายตาจากกลุ่มวิศวะที่มองมาตั้งแต่ทั้งสองคนเดินเข้ามากันแล้ว แต่น้ำก็ผิดคาดไปที่พวกนั้นไม่ได้ลุกฮือกันมาตะลุมบอนกันให้วุ่นวาย มีเพียงแค่พี่พุ่มที่ลุกขึ้นยืนและมองมายังเขาที่มองไปเพื่อขอความช่วยเหลือ...

ผาทำแค่เพียงแสยะยิ้มแล้วหันหลังเดินออกไปจากโต๊ะ เป็นเวลาเดียงกับที่อิ่มมาสะกิดเขาให้เข้าไปนั่งชิดกับพราวแล้วตัวเองเป็นฝ่ายนั่งกั้นระหว่างน้ำกับพี่ใหม่เอาไว้ จนพี่ใหม่หันกลับมามองหน้าอิ่มอย่างเอาเรื่อง...แต่อิ่มซะอย่างเคยสนอะไรใครที่ไหน

...น้ำนั่งดื่มไปคุยกับพวกพี่บ้าง คุยกับเพื่อนเขาบ้าง ตั้งแต่นั่งดื่มมาจนตอนนี้เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว มีผู้หญิงเดินเข้ามาขอชนแก้วกับเบทไม่ขาดสาย อย่าถามว่าทำไมอิ่มไม่เห็นจะมีทั้งๆที่ก็หล่อโคตรแบบนั้น...ก็เจ้าตัวเล่นเย็นชาซะขนาดนั้น สาวไหนเข้ามาถามก็ไม่ตอบ พอถามมากๆเข้าก็ถอนหายใจใส่อย่างเบื่อหน่าย แบบนี้ใครจะกล้าเข้ามากันล่ะ





"พราว เดี๋ยวน้ำไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ...อิ่มเดี๋ยวน้ำมานะ" เพื่อนทั้งสองคนพยักหน้ารับแล้วเขาจึงเดินเลี่ยงออกมาที่ห้องน้ำ หลังจากที่เขาเข้ามานั่งที่โต๊ะนั้งแล้ว

ตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ได้คุยกับใหม่เลย ทุกคนพยายามชวนใหม่คุย แต่ใหม่ก็ได้แต่ถามคำตอบคำ นั่งกรอกเหล้าเข้าปากยังกับน้ำเปล่าจนเขาเอง หรือแม้แต่พวกเพื่อนๆพี่ใหม่เอง ยังไม่อยากจะถามเพราะไม่อยากไปกวนอารมณ์เพิ่ม ...น้ำลุกออกไปได้สักพัก ใหม่ก็ลุกตามออกไปบ้างตั้งใจว่าจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอกเพื่อให้อารมณ์ขุ่นมัวภายในใจมันสงบลงแล้วค่อยกลับเข้ามาใหม่

"จะตามน้ำไปหรอครับ" เสียงเรียบๆที่ค่อนข้างคุ้นหูดังขึ้นระหว่างทางไปห้องน้ำ เนื่องจากว่าห้องน้ำอยู่ทางด้านหลังและมีประตูกระจกปิดไว้จึงทำให้เสียงเพลงอึกทึกกลายเป็นเสียงที่คล้ายกับดังมาจากที่ไกลๆ จึงทำให้ได้ยินเสียงได้อย่างชัดเจนโดยที่ไม่ต้องตะโกนให้เจ็บคอ ...ใหม่หันหลังกลับไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายหนึ่งเข้ามา จากอารมณ์ที่กำลังจะเงียบสงบก็โหมกลับเข้ามาใหม่เพราะฝีรุ่นน้องที่นั่งคั่นกลางเขากับน้ำ

"ไม่ใช่เรื่องของมึง!" ใหม่กัดฟันพูดอย่างโมโห...ทำไมพวกมันถึงต้องมายุ่งกับเขานักวะ

"เขาคบกันแล้ว ...คิดจะทำอะไรก็ทบทวนมันให้ดีๆนะครับ" อิ่มบอกนิ่งๆ ด้วยความที่มีส่วนสูงพอๆกัน อิ่มจึงมองเข้าไปในตาวาวโรจน์ได้พอดีอย่างไม่กลัว พร้อมกับค่อยๆปลดมือทั้งสองข้างของใหม่ที่กำคอเสื้อเขาออกแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านใน ไม่หันกลับมามองใหม่เลยแม้แต่น้อย...

ใหม่กำลังจะเดินออกไปสูบบุหรี่ด้านนอกเพื่อดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเอง แต่เสียงเหมือนคนกำลังร้องขอให้ช่วยที่ดังออกมาจากทางห้องน้ำหยุดขาของเขาเอาไว้ก่อน...เขาจะไม่สนใจหรอกถ้าเสียงนั่นไม่ใช่เสียงเดียวกับรุ่นน้องที่เขา...ชอบ ...ใหม่รีบก้าวเข้าไปยังที่เป็นต้นเสียง หากแต่เข้ามาใกล้ๆเสียงนั้นกลับเงียบไป เขาผลักประตูเข้าไปถึงกับทำอะไรไม่ถูก ...ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่พอๆกันกับตัวเขาดันให้รุ่นน้องของเขาติดกับกำแพงแล้วกำลังซุกไซร้ต้นคอขาวอย่างกระหาย แทนที่น้ำจะผลักไส กลับยืนเฉยหายใจหอบถี่ จนกระทั่งน้ำหันมาเห็นเขา...

"พี่ใหม่...ช ช่วยน้ำที" เสียงที่ดังออกมาราวกับเสียงกระซิบจนแทบจะกลืนหายไปกับอากาศ แต่นั่นมันก็ชัดเจนพออยู่แล้วว่าน้ำไม่ได้เต็มใจ...แต่น้ำกำลังถูกพิษของยาอะไรบางอย่างเล่นงาน

"มึงทำอะไรน้องกูวะไอ้เหี้ย!!" เสียงสบถดังลั่นไปทั่วห้องน้ำก่อนที่ใหม่จะพุ่งเข้าไปกระชากตัวผู้ชายคนนั้นออกมาจนเซออกไปแล้วปล่อยหมัดใส่อีกคนอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง

ผลัวะ! ผลัวะ!

เสียงหมัดหนักๆซัดเข้าที่ใบหน้าหล่อของอีกคนไม่ยั้ง... ใหม่คงจะไม่หยุดมือเป็นแน่ถ้าหากน้ำไม่ทรุดตัวลงไปเสียก่อน

"น้ำ!!" ใหม่รีบเข้าไปประคองน้ำเอาไว้ ตัวน้ำเริ่มร้อนขึ้นมา ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงเรื่อ ตาสวยปรือปรอยน้ำตาใสเอ่อคลอ ตัวสั่นน้อยๆพร้อมกับเสียงหอบหายใจ ...ไอ้ผู้ชายร่างสูงคนนั้นพอได้สติดีก็ลุกขึ้นมาจะเอาเรื่องแต่ก็ต้องชะงักก่อนจะรีบวิ่งหนีหายออกไปจากห้องน้ำ...ถ้าเป็นพี่หมอเถื่อนคนนี้ล่ะก็เขาจะถือว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน

...น้ำนั่งกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาเบาๆอย่างพยายามอดกลั้น

"น้ำ ค..ควรทำยังไงดี อึก" เสียงสั่นๆเอ่ยออกมาอย่างต้องการระบายความรู้สึกบางอย่างทีกำลังแล่นขึ้นมาทีละนิด ...เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ได้ยังไง เขาไม่ได้รับแก้วจากคนแปลกหน้าอย่างที่โจ้กับธามบอก

"น้ำ!!" เสียงเรียกคนตัวเล็กดังขึ้นเหนือหัว พร้อมกับแรงกระชากที่ไหล่ของใหม่ แล้วแทนที่ตัวเองเข้าไป ...ผาจับดูความผิดปกติไปทั่วตัวแฟนตัวเองอย่างร้อนใจ

"อิ่ม!!" เขาไม่ได้มาคนเดียวทั้งกลุ่มผากลุ่มน้ำมากันหมด เขาเรียกเสียงเข้มเจ้าของชื่อรู้ตัวก็รีบเข้ามาพาคนตัวเล็กออกไป

"มึงทำเหี้ยอะไร!" ผาเข้าไปกระชากคอเสื้อใหม่ขึ้นมาอย่างเดือดดาล

"กูว่าน้ำโดนยาตัวใหม่" ใหม่เอ่ยออกมาเรียบๆแต่นั่นทำให้คนฟังดวงตาวาวโรจน์

"มึงว่าอะไรนะ" ไม่ใช่ผา...แต่เป็นดินที่เดินตามเข้ามาทีหลัง ...ทุกคนเงียบหมด ไม่มีใครพูดอะไรออกมา...

...ยาตัวใหม่ที่ว่านี่จัดว่าเป็นสารเสพติด เพียงแค่ได้สูดดมกลิ่นเข้าไปตัวยาก็จะออกฤทธิ์กล่อมประสาท กระตุ้นอารมณ์ คล้ายกับยาปลุกเซ็กส์แต่จะไม่ออกฤทธิ์เทียบเท่ายาปลุกเซ็กส์แต่จะถูกนำพาอารมณ์ได้ง่าย ที่พวกเขารู้ไม่ใช่ว่าพวกเขาใช้ แต่ที่นี่เป็นสถานเริงรมณ์ เป็นที่ที่เหมาะกับเรื่องคาวโลกีทั้งหลายอยู่แล้ว ...ถึงจะมีข้อห้ามข้อบังคับมากมาย แต่มันก็ยังมีพวกชอบแหกกฎ ลักลอบเอายาพวกนี้เข้ามาขายและใช้กันเป็นบางกลุ่ม...ถ้าหากทางผับรู้ เจ้าของก็จะดำเนินการอย่างถึงที่สุด...

"หวังว่าคงไม่ใช่มึงไอ้ใหม่" ดินจ้องอีกฝ่ายไม่วางตาใหม่เองก็จ้องกลับไม่หลบเช่นกัน เห็นแบบนั้นดินจึงเดินเลี่ยงเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ซบอยู่กับอกของเพื่อนหน้าหล่อ...ถึงใหม่จะมีความคิดที่จะทำอะไรบางอย่าง แต่เชื่อเถอะว่าเขาไม่ได้คิดร้ายกับคนตัวเล็กนี่แน่นอน

...แม้คนตรงหน้าใหม่นั้นมันจะแสดงออกว่าโกรธแค้นเขามากสักแค่ไหนก็ตาม แต่ความเป็นห่วง ความเป็นกังวลจากสายตาคนตรงหน้าก็ปิดไม่มิด...

"มึงพาน้ำกลับไปเถอะ ...ทางนี้กูจัดการเอง" ใหม่แกะมือที่จับเสื้อเขาออกแล้วเดินออกไปเพื่อกลับเข้าไปจัดการไอ้สารเลวตัวนั้น พวกพุ่มหันมามองหน้าผาเชิงบอกว่าจะตามไปจัดการด้วย เขาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปหาคนที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของดินแทนอิ่ม



"น้ำ...ไหวมั้ย" น้ำตัวสั่นไม่หายตัวร้อนหนักขี้นกว่าเดิมมาก น้ำตารื้นคลอเบ้าใบหน้าขาวตอนนี้ขึ้นสีแดงเรื่อ...กัดปากแน่นพื่อระงับอารมณ์ การกระทำทุกอย่างผารู้ดีว่าคนตัวเล็กไม่ได้ตั้งใจ แต่มันจะผิดมากมั้ยที่เขาจะคิดว่ามันดู...เซ็กซี่ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะคิดแบบนี้แต่มันก็คิดไปไกลแล้ว ...น้ำพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินมาหาร่างสูงแล้วซบลงกับอกกว้างมือเล็กกำชายเสื้อผาไว้แน่น จนผาต้องยกมือขึ้นลูบหัวทุยเพื่อปลอบปะโลม

"อึก..น้ำอยากกลับ...พาน้ำกลับ ฮึก!" ร่างสูงช้อนตัวน้ำขึ้นในท่าเจ้าสาวก่อนจะเดินออกไป ...เพียงไม่นานรถยนต์คันหรูก็แล่นออกจากผับมุ่งหน้าไปยังคอนโดของเขา

...ถ้าถามว่าเขาไปเจอคนตัวเล็กได้ยังไง คงต้องตอบว่าความสนใจทั้งหมดอยู่ที่น้ำตั้งแต่เข้ามามากกว่า เขาแทบจะไม่ละสายตาไปจากน้ำเลย เขาจึงเห็นว่าคนตัวเล็กลุกออกไปจากโต๊ะตอนไหน มีใครตามไปบ้าง...จนอิ่มกลับมา เขาก็ยังไม่เห็นว่าน้ำจะกลับมาด้วย...จนมันนานผิดปกติ อิ่มเองก็รู้ว่ามันนานเกินไปจึงเดินเข้ามาบอกกับเขา...และที่สำคัญคนที่จ้องจะแทงข้างหลังเขาเมื่อที่มีโอกาสยังไม่กลับมา ...เขาคิดว่าใหม่เป็นคนทำแต่พอเขาลองคิดดูดีๆกลับคิดผิดไปเยอะ ...ถ้าเขาไม่ได้มันช่วยน้ำเอาไว้เขาก็ยังไม่รู้ว่าใจเขาจะบ้าขนาดไหน

...คนตัวเล็กที่นั่งข้างกันเริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้นทุกขณะ กัดปากแน่นไม่ยอมคลาย ความรู้สึกหวาดกลัว รังเกียจ ขยะแขยงผสมปนเปมั่วกันไปหมด เขาไม่รู้ว่าเขาเผลอไผลไปกับสัมผัสนั้นได้อย่างไร สัมผัสน่ารังเกียจยังติดแน่นอยู่ตามร่องรอยที่ผู้ชายคนนั้นสัมผัส 

...เขาควรทำยังไงดี เขาควรจะทำยังไงดี ...พี่ผาจะรังเกียจเขามั้ย พี่ผาจะเข้าใจเรื่องนี้ยังไง ในสมองคนตัวเล็กคิดสะระตะไปไกลกับท่าทางที่ผานั่งนิ่งคิ้วขมวดใบหน้าไม่สบอารมณ์มาตลอดทางไม่ยอมพูดจากับเขาเลยแม้แต่น้อย...

...เมื่อถึงคอนโดพี่ผาลงจากรถจะมาอุ้มเขา แต่เขาก็ปฏิเสธไปว่าเดินเองได้ น้ำเดินตามพี่ผาไปจนเข้ามาในห้องร่างสูง แต่น้ำไม่ยอมขยับเดินตามผาเข้าไป จนผาต้องหันกลับมาจูงมือคนตัวเล็กให้เดินตามเข้าไป



[มีต่อนะจ๊ะ]

หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.15] [21.12.2017 : 22.41]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 21-12-2017 22:36:46
[ต่อจ้า]



"ฮึก...อึก" เสียงสะอื้นเบาๆที่น้ำพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ดังเล็ดลอดออกไป จนทำให้คนที่เดินนำหน้าอยู่หลุดออกจากภวังค์หันกลับมามอง...ก็ต้องตกใจกับคราบน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย

...เขายื่นมือไปเช็ดคราบน้ำตาให้ แต่คนตัวเล็กึกลับผงะถอยหลังหนีสัมผัสเขา แล้วสะอื้นออกมาหนักกว่าก่อนหน้านี้จนตัวโยน พยายามบิดข้อมือออกจากฝ่ามือเขาที่จับอยู่...

"น้ำ...ร้องไห้ทำไมครับ" น้ำเสียงอ่อนโยนที่เปล่งออกไปทำให้ท่าทางขัดขืนของน้ำอ่อนลง ผาจึงยื่นมือไปเช็ดราบน้ำตาให้อีกครั้ง

"ป ปล่อย ฮึก...ปล่อยผมเถอะครับ" น้ำพูดขอร้องพร้อมกับพยายามบิดข้อมือจนขึ้นเป็นปื้นสีแดง

"ไม่เอาน้ำ น้ำเป็นอะไรบอกพี่ก่อน" 

"ฮึก...ม ไม่เอา อย่ากอด! ผมน่ารังเกียจ! ฮือ..ไม่เอา ปล่อยผมสิ ฮือๆ...อย่ากอดผมได้โปรด..." ผาดึงคนตัวเล็กเข้ากอดเอาไว้แน่น แต่คนตัวเล็กก็ขืนตัวพยายามดิ้นออกแต่สุดท้ายก็นิ่งไปเพราะหมดแรงที่จะดิ้น ความรู้สึกอุ่นชื้นตรงอกบ่งบอกได้ดีว่าคนตัวเล็กยังคงร้องไห้อยู่...ผายกมือขึ้นลูบหัวทุยเบาๆพร้อมกับโยกตัวไปมาอย่างต้องการจะปลอบประโลมคนตัวเล็ก ให้ใจเย็นลง...

"ฮึก น้ำน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ฮือ...มัน จ จูบน้ำ ฮือๆ มัน..อึก ฮือ... ทำไปทั่วตัว ฮือๆๆ น้ำเกลียด! ผมเกลียด! ผมเกลียดตัวเอง! ฮือๆ" น้ำตะโกนออกมาจนลั่นไปทั่วทั้งห้องกว้าง พยายามดิ้นหนีอีกครั้ง แต่ผากอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

"ชู่วว...ไม่เอาครับคนดี ฟังผาก่อน" ผายกมือลูบหัวลูบหลังให้ใจเย็นลง คนตัวเล็กค่อยๆหยุดดิ้นแล้วซุกหน้าลงกับอก ปล่อยน้ำตาของความผิดหวังในตัวเอง

"ให้ผากอดเนอะ...ผาอยากกอด ...คนดีไม่ได้น่ารังเกียจเลย คนที่น่ารังเกียจคือคนที่ทำกับน้ำมากกว่า..." เขาพูดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกอยากจะฆ่าไอ้คนที่มันอย่างนี้กับคนในอ้อมกอดเสียจริงๆ

"ผา...ฮึก ผาไม่เกลียดน้ำหรอ" จากที่ร้องไห้ก็หลงเหลือเพียงแค่เสียงสะอื้นเบาๆให้ได้ยิน

"ไม่ครับ...ผาไม่เกลียดแฟนตัวเองหรอก ผารู้ ว่าแฟนผาไม่ทำแบบนั้นหรอก ใช่มั้ยหื้ม?" ผาดันตัวน้ำออก เฉยคางขึ้นมาสบตา

"...ไหน มันทำอะไรตรงไหนบ้าง" ผาจับหน้าคนตัวเล็กให้เอียงเผยให้เห็นคอขาว ผาล่นคอเสื้อทรงคอปีนลงเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยแดงจางๆอยู่...พอมองสำรวจดีๆ ริมฝีปากบางก็เจ่อบวมอยู่หน่อยๆทำให้คิ้วผากระตุกยิกๆอยากจะฆ่ามันให้ตาย ทำให้หายสาปสูญแบบไม่มีใครพบเจอมันได้อีก...นี่แฟนกู กูยังไม่ได้ทำ มึงเป็นใครวะ!! ผาคิดอย่างคับแค้นอยู่ในอก

"ให้ผาลบให้นะ ...ได้มั้ยครับ" น้ำเสียงนุ่มทุ้มเปล่งออกมาอย่างอ่อนโยน สัมผัสแผ่วเบาที่ส่งผ่านปลายนิ้วโป้งมายังริมฝีปาก จนทำให้คนที่สบตาอยู่ถึงกับหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ ความรู้สึกไม่ดีมากมายที่ถั่งโถมเข้ามาหาเขาในคราแรกกลับถูกแทนที่ด้วยความเขิน...และแทนที่เขาจะปฏิเสธ แต่เขากลับพยักหน้าส่งไป หลับตาลงซบใบหน้าเข้ากับฝ่ามือใหญ่ที่ประคองใบหน้าเขาไว้ก่อนหน้านี้

...ผาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จนเห็นแพขนตายาวที่เรียงตัวสวย ลมหายใจอุ่นผสานกัน...กลิ่นตัวหอมอ่อนๆในแบบที่เขาอยากจะสูดดมเข้าไปให้หมดกลิ่น...ริมฝีปากหนาหยักลึกประกบลงกับกลีบปากนิ่มสีชมพูเรื่อของคนคนสุขภาพดีอย่างแผ่วเบา เขานิ่งค้างไว้ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆไล่ดูดดึงไปทั่วทั้งบนและล่าง ลิ้นร้อนค่อยๆแตะที่เรียวปากเบาๆเป็นเชิงขอก่อนทึ่รนตัวเล็กจะเผยอริมฝีปากออก ให้เรียวลิ้นร้อนเข้ามากวาดชิมความหวานได้อย่างถนัด เรียวลิ้นเล็กตอบโต้กลับไปอย่างเงอะๆงะๆ สติกระเจิงหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่อาจรับรู้ได้ ก้อนเนื้อในอกเต้นหนักหน่วงจนแทบจะกระดอนออกมานอกอกอยู่รอมร่อ เสียงครางต่ำในลำคอผาหลุดออกมาอย่างพอใจในการกระทำของน้ำ นั่นทำให้น้ำได้ใจไล่ต้อนกลับคืน ทำอย่างที่ผาทำให้กับเขาบ้าง เรียวแขนทั้งสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอเพื่อหาที่ยึด 

...สัมผัสอ่อนโยนเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นดุดันจนแทบหายใจไม่ทัน ผาปล่อยให้ผละออกแค่ชั่ววินาทีแล้วก็ไล่มางับปากเขาต่อ คนตัวเล็กเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบที่ผาป้อนให้จนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้นโดยอ้อมแขนของร่างสูง...ผาอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาทั้งๆที่ยังจูบอยู่แบบนั้น ทำให้น้ำเป็นฝ่ายที่อยู่สูงกว่าและคล้ายกับว่าเป็นฝ่ายจูบผาเสียเอง...แต่ก้มได้ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าหลังของเขามาติดอยู่กับพื้นที่นิ่มๆ

...ในจังหวะที่ผาละริมฝีปากออกทำให้น้ำรู้ทันทีว่าตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงกว้างของผาแถมอีกฝ่ายยังคร่อมทับอยู่บนตัวเขาอีก แต่น้ำก็รับรู้ได้แค่นั้นก่อนที่สติจะหายไปกับการกระทำวาบหวามของผา ...ลิ้นร้อนลากไล้ไปทั่วลำคอระหงส์ ก่อนจะค่อยๆดึงคอเสื้อลงมาเล็กน้อยแล้วขบเม้มซ้ำรอยสีอ่อนให้กลายเป็นสีกุหลาบ ฝากฝังร่องรอยของเขาเอาไว้แทนที่ไอ้ชั่วนั่น...ฝากเอาไว้เพื่อให้คนใต้ร่างนึกถึงแค่สัมผัสของเขาเพียงคนเดียว

"อ๊ะ!" เสียงครางหลุดออกมาเพราะความเจ็บจี๊ดที่ต้นคอแล่นริ้วขึ้นมา ถึงจะมีความรู้สึกเจ็บ...แต่น้ำกลับรู้สึกว่าชอบที่ผาทำกับเขาแบบนี้...เขาจะดูโรคจิตมากมั้ยนะ ถ้าเขาอยากให้ผาทำกับเขาแบบนี้บ่อยๆ

"เจ็บหรอ" ผาถามเสียงพร่า คนตัวเล็กส่ายหน้าช้าๆส่งไปอย่างขวยเขิน

"รังเกียจผารึเปล่า" น้ำกัดปาก หลุบตาลงต่ำมองหน้าอกแกร่งก่อนจะส่ายหัวให้ไปเหมือนเดิม ผายิ้มออกมาใช้มือเกลี่ยแก้มใสที่ขึ้นสีเรื่อเบาๆ ใช้นิ้วโป้งไล้ขอบตาบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ใบหู

"ชอบมั้ย" น้ำพยักหน้าตอบกลับไปช้าๆ

"คนดีจะไม่ตอบให้พี่ชื่นใจหน่อยหรอ หื้ม"



ปึก!

"แกล้งน้ำอีกแล้วนะ!" น้ำทุบอกแกร่งไปทีเมื่อรู้ตัวว่าถูกผาแกล้งเอา

"แล้วชอบมั้ยล่ะ" ผาถามยิ้มๆ

"ชอบ!" น้ำทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อกลบเกลื่อนความเขิน

"ฟอด! ...หึๆ คืนนี้นอนกับผาเนอะ" ร่างสูงฉกหอมแก้มไวๆข้างนึงก่อนจะเอ่ยขอแกมบังคับ จนน้ำต้องยกมือปิดแก้มตัวเองทั้งสองข้าง จนทำให้ปากยื่นออกมา...



จุ๊บ!

การกระทำที่แสนจะอ่อนโยนทั้งๆที่วันนี้เขาโวยวายงี่เง่าไปเยอะ และแถมยังถูกผู้ชายคนนั้นทำอะไรมาตั้งเยอะที่แฟนคนนึงจะโกรธหรือเกลียดไปเลยก็ได้...แต่ผากลับไม่โกรธ ไม่เกลียดเขา...

"พี่ผา...ไม่เกลียดน้ำหรอ" เขาตัดสินใจถามออกไป ถ้าเขาจะหวังคำๆนึงมันจะผิดรึเปล่านะ

"ไม่หรอก...พี่ไม่เกลียดน้ำหรอก ...ตรงข้ามกันเลยด้วยซ้ำ" ผาตอบพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

...คงจะไวไปสินะที่คิดหวังจะได้ยินคำๆนั้น

...สำหรับผาแล้วถึงมันจะยังไม่ใช่คำว่ารัก...แต่มันก็เข้าใกล้เข้าไปทุกขณะ เขาไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจากที่แค่คิดอยากจะลองกลับกลายเป็นว่าคนในอ้อมกอดเขาคนนี้กลับเป็นรนที่ทำให้เขารู้สึกมากกว่าคนไหนๆ ทำให้เขารู้สึกแตกต่างจากคนอื่นที่ผ่านมา...ทำให้เขารู้ว่าถ้าเขารักคนๆนี้ ความรักที่ผ่านมาในอดีตมันคงจะเทียบอะไรกันไม่ได้เลยกับรักครั้งนี้...



.


.


.



...100%...
...To Be Continued...


หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.15] [21.12.2017 : 22.41]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-12-2017 11:30:33
 :L2: :pig4:

ติดตาม
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.16] [22.12.2017 : 15.01]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 22-12-2017 14:56:06
[Episode 16​]






"ไอ้ใหม่...เมื่อไหร่มึงจะเคลียร์กันสักทีวะ"

"..."

"พวกกูอึดอัด เรียกรวมทีไรมันไปมึงไม่ไปมึงไปมันไม่ไป เล่นห่าอะไรกันเป็นเด็กๆ"

"..."

"มึงฟังกูอยู่ปะวะ!!" ไหล่คนที่เอาแต่เงียบถูกกระชากอย่างแรงให้หันกลับก่อนที่จะเอื้อมมือไปถึงประตูรถ

...เหตุการณ์ชุลมุนเมื่อคืนใหม่ไปจัดการรุ่นน้องต่างมหาลัยที่ลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาใช้ในผับเรียบร้อยแล้วโดยการแจ้งตำรวจจับมันไป และก็สาวไปจนถึงต้นตอของมัน...เรื่องนั้นน่ะจบไปแล้ว จบไปด้วยดีแต่เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องใหม่ จริงๆมันก็ไม่ใหม่ เรื่องมันผ่านมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว...เหมือนมันจะเลือนหายไปจากสมองแล้วแต่มันกลับฝังแน่นอยู่ภายในใจเขาแทน

...และตอนนี้เขาพยายามจะเดินหนีตัวการกำลังรื้อฝื้นเรื่องนี้ขึ้นมา

"แม่งมึงอย่าเล่นเป็นเด็กๆกันได้ปะวะ" 

"ทำไมมึงไม่ไปพูดกับมันมั่งวะ!! มึงถามถึงแต่มันที่อยู่อีกฟากนึงของโลก!! แล้วกูล่ะไอ้เหี้ย!! กูที่อยู่กับมึง มึงไม่เคยคิดจะถามกูเลยหรอวะไอ้พุ่ม!" คนถูกตะโกนใส่นิ่งไป เพราะมันก็จริงอย่างที่อีกคนพูดนั่นแหละ...ที่ผ่านมาพวกเขาเอาแต่เร้าหรือให้มันคุยกับอีกฝ่ายเคลียร์กับอีกฝ่าย แต่เขาลืม...พวกเขาลืมถามไถ่ความรู้สึกของเพื่อนคนนี้ไปเสียสนิท

"กู...ขอโทษ ...แต่มันก็กลับมาแล้วนี่ไง มันมาอยู่ใกล้มึง มึงไม่คิดจะเคลียร์หน่อยหรอวะ" ใหม่หันหลังให้เดินไปเปิดประตูรถแล้วสอดตัวเข้าไปนั่ง พุ่มเดินตามเข้ามารั้งประตูรถไม่ให้อีกฝ่ายปิดมันลง

"ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาพวกมึงอาจจะไม่รู้ว่ากูพยายามจะเคลียร์กับมันแค่ไหน...กูอุตส่าห์แบกหน้าบินไปหามันถึงที่ทุกเดือน แต่มันกลับไล่กูกลับมาอย่างไม่ใยดีทุกครั้ง...ที่ผ่านมามึงอาจจะยังไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้กูอยากจะขอร้องมึง ขอร้องพวกมึงทุกคนให้ช่วยคิด..."

"..."

"...คิดดูดีๆว่าเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อนมึงคนนี้ผิดมากนักหรอวะ!! กูผิดมากนักรึไงที่กูรู้สึก และกูใช่มั้ยที่เป็นคนผิดที่ปล่อยให้แม่งมาล้อเล่นกับความรู้สึกกู!!" ใหม่เข้าไปกระชากคอเสื้อของพุ่มเอาไว้แน่นอย่างโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ โกรธจนทำให้น้ำตารื้นขึ้นมาที่กระบอกตา...บ้าชะมัด ใหม่ปล่อยมืออกก่อนจะผลักพุ่มออกไปอย่างไม่เบาแรง เปิดประตูรถสอดตัวเข้าไปนั่งก่อนจะปิดลงอย่างแรง และออกรถไปไม่สนใจรถที่วิ่งสวนไปมา

...หลายคนอาจจะพอรู้แล้วจากเหตุการณ์เมื่อครู่  ...ใหม่มีกลุ่มเพื่อนสนิทที่คบกันมาจะเป็นสิบปีคน นั่นคือตัวเขาเอง ไอ้พุ่ม ไอ้วัช ไอ้ว่าน ไอ้ผา ไอ้ดิน และยังมีอีกคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนสนิทกันมากกว่าสิบปี ...แต่เขาไม่อยากจะพูดถึงมัน ...พวกเขามารวมกลุ่มสนิทกันตอนขึ้นมัธยมต้น ในช่วงมัธยมปลายตัวเขา ไอ้ดิน ไอ้ผา และมัน...ต้องไปเรียนไฮสคูลที่เมกาด้วยกันเพราะพ่อแม่พวกเขารู้จักกันและตัดสินใจร่วมกันว่าจะให้พวกเขานั้นไปเรียนที่นู่นและพวกท่านต้องการให้เรียนรู้ธุรกิจของครอบครัวที่นู่นไปในตัวด้วย ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้คิดอะไร คิดว่าได้ไปก็ดีเหมือนกันได้ประสบการณ์ใหม่ๆ

...แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะทำให้พวกเขากลับมาไม่พร้อมกัน ทำให้พวกเขาต้องแตกกันไปคนละทิศละทาง ต่อยกันปางตายเพราะปัญหามันหนักจนเกินจะแก้ แล้วมันก็ยิ่งแย่ลงไปทุกทีๆ...จนทำให้เขากับผาต้องแตกคอกันไปจริงๆ ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่มันต้องพังแบบนี้ก็เป็นเพราะเขากับ...มัน

...เขาพยายามจะเคลียร์เรื่องราวทั้งหมด เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา...จนเขาเลิกพยายามที่จะทำมัน และปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น



.



.



.



"ขอบคุณครับพี่ผา" คนตัวเล็กส่งยิ้มหยีไปให้คนขับรถสุดหล่อ ที่พักนี้ขับรถมารับมาส่งเขาทุกวันไป ทุกวันที่ว่านี่ก็ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องที่ผับนั่นแหละจนตอนนี้ก็สองอาทิตย์มาแล้ว ที่สำคัญพี่ผาก็ต้องฝึกงานอยู่ทุกวัน บอกว่าไม่ต้องมารับมาส่งก็ไม่ยอมท่าเดียวเพราะพี่ผาบอกว่าฝึกกับที่บริษัทของตัวเองใกล้กันนิดเดียว เห้อ...น้ำละเหนื่อยใจ ก็ดูสภาพตอนนี้สิ กางเกงนอนขายาวกับเสื้อยืดสีขาว ผมเผ้าไม่เป็นทรง ...งานที่บริษัทก็เยอะแถมยังงานที่มหาลัยอีกเวลาพักผ่อนก็แทบจะไม่มี ยังจะมารับมาส่งเขาอยู่ได้

"วันนี้ไม่มีรางวัลให้ผาหรอ" ผาพูดเสร็จก็ยื่นหน้าหลับตาพริ้ม...เป็นแบบนี้ทุกวันตั้งแต่วันแรก ขอรางวัลเขาบ้างล่ะ ให้เขาให้รางวัลบ้างล่ะ แรกๆเขาก็เขินจนตัวจะแตก กลัวคนเห็น แต่ตอนนี้เขาเริ่มจะชิน เขินน้อยลง และไม่ต้องกลัวคนจะเห็น เขามาส่งอใกล้ๆก็เห็นแค่เงาลางๆเอง...จะติดทึบไปไหน

*จุ๊บ!*

คนตัวเล็กยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่ริมฝีปากผาไวๆหนึ่งที

"มอนิ่งคิสครับ" ผาลืมตาขึ้นมามองคนขี้เขินตรงหน้าก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มหล่อออกมา เท่านั้นแหละคนขี้เขินที่เหมือนจะไม่เขินก็หูแดงจมูกแดงไปหมด น่ารักจริงๆ น่าจับฟัดซะให้จมเขี้ยว

"แฟนใครน่ารักจัง" ผาก้มลงจุ๊บที่ปลายจมูกที่ขึ้นสีแดงเรื่ออย่างหมั่นเขี้ยว

"ก ก็แฟนผานั่นแหละ" ผายิ้มกว้างอย่างพอใจ

...พอมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นอะไรๆมันก็ดีขึ้น ช่องว่างที่เคยมีในตอนแรกก็ถูกเติมเต็มขึ้นมาทีละนิดๆ จากที่ไม่ค่อยพูดคุยบยกัน จากที่เกร็งๆ ก็ค่อยๆปรับค่อยๆจูลจนมันดีขึ้นมาเป็นกอง ผารู้ดีว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน จากเมื่อก่อนที่ไม่เคยจะคิดจริงจังกับเรื่องแบบนี้อีก ก็เปลี่ยนไป...เขาเคยกลัวความรู้สึกแบบนี้ กลัวความสัมพันธ์แบบคนรักที่ทำให้เจ็บปวดเจียนตาย และกลัวว่าตัวเองว่าจะรู้สึกกับเพศเดียวกัน แต่ตอนนี้เขามิยักจะกลัวมันเลยแม้แต่น้อย เขากลับดีใจด้วยซ้ำว่าคนที่เขารู้สึกเป็นน้ำ ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าอะไรที่ทำให้ตัวเองมั่นใจกับความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาเชื่อว่าคนตัวเล็กนี่จะไม่ทำให้เขาเจ็บปวดอีกอย่างแน่นอน

...ตอนนี้เขาเริ่มฝึกงานแล้วเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน เวลาเจอกันก็แทบไม่มี เขาถึงต้องเจียดเวลาเช้าเย็นเพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับคนตัวเล็กบ่อยๆ ถึงจะได้แค่รับส่งก็เถอะ ถ้าเขาไม่ทำนี่คงหมาแน่ๆล่ะ ก็ตั้งแต่ได้เป็หนุ่มคิ้วท์บอยพ่วงเดือนมหาลัยมานี่ก็เนื้อหอมชะมัด ไอ้พวกตัวผู้ทั้งหลายก็ขยันขายขนมจีบกับแฟนเขาเสียจริง...น่าหงุดหงิดเป็นบ้า

...ดีที่เขาได้ฝึกงานกับบริษัทที่เป็นธุรกิจครอบครัวเขาเองที่อยู่ไม่ไกลมากนักเขาจึงไม่ต้องห่วงเรื่องการที่ต้องเร่งรีบอะไรมากนัก แต่ก็นะโดนป๊าใช้งานจนคุ้มเกินคุ้มเลยล่ะ...แต่เขาก็ต้องทำ เพราะนี่คือสิ่งที่ป๊าปูทางเพื่อให้เขาขึ้นแทนเป็นผู้บริหารในอนาคต ถึงจะเหนื่อย แต่ก็ไม่เคยบ่นเพราะคนที่เหนื่อยมากกว่าเขาคือป๊าม้านั่นแหละและอีกอย่าง...มีกำลังใจดีทำให้หายเหนื่อยทุกวัน

"ตั้งใจเรียนนะครับ เดี๋ยวเย็นนี้พี่มารับ" ผายกมือขึ้นลูบหัว คนตัวเล็กพยักหน้ารับอย่างเขินๆ แล้วเปิดประตูลงไป โบกมือบ๊ายบายแล้วหันหลังเดินเข้าตึก ผามองส่งคนตัวเล็กเดินเข้าตึกไปจนลับสายตาแล้วจึงขับรถออกไป

น้ำเองที่เดินเข้ามาก็ใช้เสาบังตัวเองเอาไว้มองดูผาขับรถออกไปจนลับตา ถึงได้หมุนตัวเดินเข้าไปกลุ่มเพื่อนตัวเองที่โต๊ะประจำ และวันนี้ก็คงโดนแซวอีกตามเคย จากที่สองอาทิตย์ก่อนเขาเขินจนตัวแทบระเบิด แต่มาตอนนี้เขาเหมือนกลายเป็นคนหน้าด้านเข้าไปทุกที...ประมาณว่า แซวมาเถอะ ก็เรื่องจริงอ่ะ ...ใกล้สัตว์สงวนเข้าไปทุกทีเลยเรา



.



.



.



"ปะ ไปกินข้าวกัน พราวหิวแล้วอ่า" พราวหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มออกแรงลากแขนเขากับเบทให้เดินออกจากห้อง หลังจากที่เรียนวิชาภาคเช้าเสร็จแล้ว อิ่มเดินตามหลังออกมาส่ายหัวให้อย่างเอือมๆ

เขาเลือกมาหาไรกินกันที่โรงอาหารกลาง เพราะว่าตอนนี้โรงอาหารคณะเขาคงแน่นขนัดไปด้วยนักศึกษาแพทย์ทั้งหลาย ที่พึ่งจะถูกปล่อยให้พักเวลาเดียวกัน

ทันทีที่เท้าเหยียบพื้นโรงอาหารกลางเสียงฮือฮาของนักศึกษาที่นั่งทานข้าวอยู่ก็ดังขึ้นมา มันไม่ง่ายสักนิดเลยที่น้ำจะใช้ชีวิตได้แบบปกติเหมือนก่อน...เหมือนตอนที่เขายังไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยกับตำแหน่งคิวท์บอยประจำปีนี้ เขาคิดมาตลอดว่าทุกคนที่คงจะไม่ชอบเขา รังเกียจเขาเป็นแน่...แต่เปล่าเลย ทุกคนรอบตัวดีกับเขามาก ไม่ได้แสดงท่าทีว่ารังเกียจในสิ่งที่เขาเป็น...เด็กกำพร้าและยากจนอย่างเขาน่ะ โดนดูถูก เหยียดหยามมาตั้งแต่เด็ก จนมันชินไปเสียแล้ว แต่ตอนนี้เขาเหมือนได้รับการยอมรับจากสังคมแล้ว แต่เหมือนจะได้รับการยอมรับมากไปหน่อย ผู้ชายทั้งหลายถึงเวียนเข้ามาขายขนมจีบคนตัวเล็กนี่ทุกวัน มีขนมนมเนยมากมายมาเสิร์ฟเช้ากลางวันเย็น...จนผาแทบจะเผามหาลัยทิ้งอยู่แล้วทุกวันนี้

"วันนี้จะมีหนุ่มคนไหนเอาขนมมาให้น้ำบ้างน้า" พราวพูดขึ้นมามองหน้าน้ำล้อๆ หลังจากที่หาที่นั่งกันได้แล้ว

"ไม่มีแล้วมั้ง เขาก็แค่เห่อกันเท่านั้นแหละน่า" คนตัวเล็กว่าอย่างนั้น วางของแล้วเดินตามอิ่มไปสั่งข้าว ระหว่างที่นั่งกินข้าวกันไปคุยกันไปก็เป็นอย่างที่พราวว่าไว้นั่นแหละ ผลัดกันเดินเอาขนมมาให้เขาบ้าง ขอถ่ายรูปบ้าง แวะมาขายขนมจีบบ้าง จนอิ่มต้องออกปากขอเวลาให้คนตัวเล็กได้มีเวลากินข้าวบ้าง ทุกคนก็ได้กินข้าวอย่างสงบสุขจนใกล้ถึงเวลาขึ้นเรียน ทุกคนเก็บของเตรียมลุกออกไปจากโต๊ะแต่ก็โดนขัดเอาไว้เสียก่อน

"อย่าเพิ่งไปสิคะ พี่ขอถ่ายรูปกับน้องน้ำก่อน" เสียงใสๆพร้อมกับใบหน้าสวยหุ่นเพรียวในชุดนักศึกษาฟิตเปรี๊ยะสามคน เดินเข้ามาหาคนตัวเล็กที่กำลังลุกขึ้นยืน

"อ่า ได้ครับ" คนตัวเล็กตอบรับเสร็จ หญิงสาวที่เป็นคนพูดขอในตอนแรกก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้เพื่อนแล้วเขยิบมายืนใกล้ชิดกับคนตัวเล็ก

"น้องน้ำน่ารักมากเลยนะคะ" หญิงสาวเอ่ยชม...แต่เขาว่ามันแปลกๆ

"อ่า ขอบคุณครับ" เขาก้มหัวให้เล็กน้อย หยิบสัมภาระขึ้นมาเตรียมจะออกไปจากโต๊ะ เขาก็ไม่อยากเสียมารยาทหรอกนะ แต่เหลืออีกแค่สิบห้านาทีคลาสบ่ายก็จะเริ่มแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันได้ขยับเท้าออกไปไหน...

"แต่ไม่น่าทำตัวแบบนี้เลยนะคะ" น้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับประโยคแปลกๆถูกพูดออกมาเบาๆจากคนเดียวกันกับที่ขอเขาถ่ายรูป

"อะไรนะครับ"

"เปล่าจ้ะ พี่ชื่อลูกหยีนะ ปีสามบริหาร บอกเอาไว้เผื่อน้องไม่รู้" รอยยิ้มหวานถูกจุดขึ้นมาบนใบหน้าสวยก่อนจะเดินจากไป พวกเขาทั้งสี่คนก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคนที่เข้ามาแบบนี้ก็มีเยอะอยู่เหมือนกัน



ในตอนเย็นหลังจากที่เลิกคลาสแล้วคนตัวเล็กก็มานั่งรอตรงม้าหินหน้าคณะเพื่อรอผามารับเช่นทุกวันที่ผ่านมา รอเพียงไม่นานออดี้สีขาวก็มาจอดเทียบฟุตบาทห่างจากที่เขานั่งไม่มาก

"จะพาน้ำไปไหนหรอ" หลังจากที่รถออกตัวมาสักพักน้ำก็เอ่ยถามสารถีสุดหล่อถึงจุดหมายปลายทางทันที

"ห้าง...พี่หิว" น้ำพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ได้สนใจอะไรต่อ คงอีกกว่าจะถึงเพราะการจราจรในตอนเย็นแบบนี้รถติดไม่ใช่เล่นๆเลย  คนตัวเล็กนั่งชวนผาคุยนู่นนี่บ้างเป็นบางครั้งก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างน่ารักเมื่อดีเจของคลื่นเพลงสากล จัดเปิดเพลงโปรดของคนตัวเล็กขึ้นมา

...คนตัวเล็กหลับตาพริ้มร้องเพลงตาม โยกตัวตามจังหวะเพลงไปมา การกระทำที่เป็นธรรมชาติ ทำให้คนข้างตัวยิ้มตามได้ไม่ยาก ความน่ารักนั้นทำให้ผาอดไม่ได้จะหยิบโทรศัพท์ตัวเองกดเข้าแอพพลิเคชั่นดังกดถ่ายวิดีโอแล้วอัพลงสตอรี่พร้อมแคปชั่น 'น่ารัก' เพลงเปลี่ยนไปแล้วแต่คนตัวเล็กยังคงร้องตามได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน จนผาเองนึกแปลกใจในสำเนียงที่ชัดเจนนั่น

ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงกว่าจะฝ่าด่านการจราจรในยามเย็นมาถึงห้างได้ แต่แทนที่ผาจะตรงไปยังร้านอาหาร แต่กลับเดินเข้ามายังโซนของสดแทน สีหน้าที่แสดงออกถึงความสงสัยทำให้ผาอยากจะขำออกมานัก แต่ก็เลือกที่จะยิ้มออกมาแทนแล้วหันไปบอกเพื่อไขความข้องใจ

"พี่อยากกินฝีมือเรา..." คำเฉลยที่ทำให้คนฟังร้องอ๋อในใจ คลายสีหน้าที่แสดงความสงสัยลง แล้วเอ่ยถามร่างสูงถึงเมนูที่อยากทาน

"พี่ผาคะ..." ระหว่างที่กำลังยืนเลือกของ อยู่ก็มีเสียงเล็กใสเอ่ยทักร่างสูง ทำให้คนทั้งสองต้องหันไปมองทางต้นเสียง

"...ลูกหยี" ผาเองเงียบไปนานก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าออกมา จนทำให้น้ำนึกแปลกใจ น้ำจำได้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าคือคนที่ขอถ่ายรูปกับเขาเมื่อกลางวันนี้

"พี่ผามาทำอะไรที่นี่คะ ลูกหยีโทรหาไม่เห็นรับสายเลย" น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับตรงเข้ามากอดแขนร่างสูงเอาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

"มีอะไรหรือเปล่า" ผาถามออกไปเสียงเรียบ พยายามแกะมือที่รัดแขนเขาออก หันไปมองคนตัวเล็กที่ขยับห่างออกไปเล็กน้อยแล้วมองมานิ่งๆ

"ทำไมคะ เดี๋ยวต้องมีอะไรถึงโทรหาได้เหรอคะ" หล่อนยอมปล่อยแขนออกแล้วเอ่ยออกมาไม่พอใจในน้ำเสียง

"เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องติดต่อมา" น้ำเสียงเรียบนิ่งยังคงเปล่งออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับขยับตัวเข้าหาน้ำที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่นิ่งๆ

หญิงสาวนึกโมโหอยู่ในใจที่ผาแสดงท่าทางปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใยแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็ยังดีอยู่แท้ๆ ..ที่เปลี่ยนไปขนาดนี้คงเป็นเพราะ...

"ถึงรสนิยมพี่ผาจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ แต่ลูกหยีก็ไม่คิดว่าพี่ผาจะคิดสั้นเอาไอ้เด็กกำพร้าไม่มีหัวปลายเท้านี่มา" น้ำเสียงเย้ยหยัน พร้อมกับท่าทางกอดอกเชิดหน้าอย่างดูถูกกันเต็มที่

"พูดจาให้มันดีๆหน่อยลูกหยี" ผากดเสียงต่ำเข้มขึ้นอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์กับคำพูดของหญิงสาว น้ำเองไม่ได้มีทีท่าตกใจกับคำพูดที่จงใจว่ากล่าวตัวเองนั้นแม้แต่น้อย 

"ก็มันจริงนี่คะ อีกไม่นานพี่ผาก็จะได้รับช่วงต่อจากคุณพ่อของพี่ หน้าตาทางสังคมต้องมีมากอยู่แล้ว พี่ผาไม่คิดบ้างหรอคะว่าคบคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้จะทำให้พี่ดูแย่ขนาดไหน และพ่อแม่ของพี่อีกล่ะคะ ลูกหยีแค่อยากเตือนน่ะค่ะ ลูกหยีหวังดี ขอตัวก่อนนะคะ" ในขณะที่เธอกำลังจะเดินผ่านร่างเล็กไปก็กระซิบบางอย่างทิ้งท้ายเอาไว้ให้คนตัวเล็กเริ่มคิดไม่ตก

"เด็กกำพร้าอย่างแกน่ะ คงไม่ได้เข้าไปทำให้ชีวิตใครเจริญขึ้นหรอก มีแต่ไปเป็นตัวถ่วง" หญิงสาวเดินจากไปพร้อมกับความคิดที่ว่าจะทำให้คนทั้งเลิกยุ่งกันไป ด้วยการใช้คำพูดบีบบังคับคนทั้งคู่

คำพูดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของคนตัวเล็กไม่มีหยุด หลังจากที่เขาพูดไปในงานวันประกวดดาวเดือนเขากะเอาไว้ว่าจะคุยกับผาจริงจังในเรื่องนี้ แต่มันก็มีหลายเรื่องที่เข้ามาทำให้เขายังไม่เคยเปิดใจคุยเรื่องนี้เลย แถมผาเองก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรทำให้ตัวเขาเองก็ลืมที่จะพูดเรื่องนี้ไปเสียสนิท จนมาถึงวันนี้...วันที่ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมา ทำให้เขาคิดได้...ครอบครัวผาร่ำรวย มีหน้ามีตาในสังคม แต่เขาเป็นแค่เด็กกำพร้า เป็นแค่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคม ...แม้แต่พ่อแม่ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำไป คิดแล้วก็พาลโกรธตัวเองที่คิดได้ใจจนลืมว่าตัวเองเป็นใคร มีฐานะต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหน ถึงแม้จะรู้อยู่ข้างในแต่ก็ยังพยายามกดเอาไว้จนลืมนึกถึงความเป็นจริงข้อนั้นไปเสียสนิท...แทนที่จะโกรธ กลับอยากขอบคุณคำพูดเหล่านั้นด้วยซ้ำไปที่เข้ามาเตือนสติ ทำให้เขารู้ว่าต่อจากนี้เขาควรจะทำอย่างไรต่อไป...

"น้ำอย่าไปสนใจคำพูดพวกนั้นเลยนะ..." ผาจับไหล่ทั้งสองข้างคนตัวเล็กเอาไว้ เขย่าเบาๆเพื่อเรียกสติของคนที่นิ่งเงียบไป สายตาที่เป็นห่วงและกังวลส่งผ่านมายังคนตัวเล็กด้วยตาคู่คมนั่น มันทำให้คนตัวเล็กต้องยิ้มกว้างๆตอบกลับไปเพื่อให้อีกคนสบายใจ

"น้ำไม่คิดมากหรอกครับ ไปจ่ายตังกันดีกว่าได้ของครบแล้ว...ขืนช้ากว่านี้พี่ผาหิวแย่เลย" คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง จนร่างสูงที่นึกกังวลพอคลายลงไปได้บ้าง

หลังจากที่มาถึงคอนโดผาแล้ว คนตัวเล็กก็ลงมือทำอหารเมนูง่ายๆที่ผารีเควสมาว่าอยากกิน นั่งกินกันจนอิ่มก็ย้ายตัวเองมาที่โซฟาหน้าโทรทัศน์เพื่อนั่งย่อย

"น้ำ" ร่างสูงเอ่ยเรียกคนตัวเล็กที่นั่งจ้องโทรทัศน์ ถึงจะจ้องแบบนั้นแต่ผาก็รู้ดีว่าความสนใจมันไม่ได้อยู่ที่หน้าจอเลย

"ครับ" คนตัวเล็กหลุดออกจากภวังค์หันกลับมามองคาต้นเสียง ...ผาประสานมือลงไปมองสบดวงตากลมโต อย่างต้องการจะค้นอะไรบางอย่าง

"คิดอะไรอยู่...บอกพี่ได้มั้ย" เมื่อไม่เจอสิ่งที่ต้องการจะรู้ เขาจึงเลือกที่จะถามมันออกไป ก่อนหน้านี้เคยตกลงกันไว้แล้วว่ามีอะไรให้พูด ให้ถามกันตรงๆ

"ก็...คิดเรื่องทั่วๆไปแหละครับ ไม่มีอะไรหรอก" คนตัวเล็กแย้มยิ้มจางๆ

"ไหนบอกว่ามีอะไรจะคุยกันตรงๆไง" 

"..." คนตัวเล็กเลือกที่จะไม่ตอบ เม้มปากแน่นสนิทก่อนจะเบือนหน้าหนีออกไป...ความคิดบางอย่างที่วนเวียนคิดมาอยู่พักใหญ่ยังไม่ตกตะกอนดี เขาจึงไม่อยากพูดมันออกไปในตอนนี้

"มองหน้าพี่หน่อย เร็ว..." ผาเชยคางมนที่เสหน้าหลบไปให้หันมามองหน้ากันตรงๆ คนตัวเล็กหันมา ยอมมองสบตากันตามคำบอก ปลายนิ้วแกร่งไล้เกลี่ยไปตามริมฝีปางแดงสดที่คนตัวเล็กขบเม้มไว้เพื่อบอกว่าให้คลายมันออก 

"มีอะไรจะถามกันมั้ย" สายตา น้ำเสียงหรือแม้กระทั่งการสัมผัสที่อ่อนโยนเสียจนคนตัวเล็กใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเหมือนเคย ความอ่อนโยนเหล่านั้นเป็นตัวช่วยกล่อมความคิดที่มันกำลังฟุ้งกระจายไปทั่วให้สงบลงได้อย่างน่าประหลาด และทำให้คนตัวเล็ตัดสินใจได้ว่าควรจะเปิดใจคุยกันจริงๆเสียที

"ตอนนี้พี่ผา...รู้สึกยังไงกับน้ำ" เป็นคำถามที่ทำให้คนตรงหน้าเผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา ก่อนจะขยับหันเข้าหากันทั้งตัว แต่ปลายนิ้วก็ยังคงประสานกันอยู่

"...ชอบ ชอบมาก ...เราน่ารัก พี่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ" สายตาที่ทอดมองมาสื่อสารได้เป็นอย่างดีว่าคนพูดรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ 

คำตอบที่ได้ไม่เกินไปกว่าที่คาดเดาไว้ ก็ทำให้คนตัวเล็กตกตะกอนความคิดที่ฟุ้งซ่านเมื่อกี้ลงได้ 

ภาพที่เห็นคนตรงหน้าที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆเคลื่อนเข้ามาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่น ความอุ่นร้อนของริมฝีปากที่ทาบทับลงมาอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน มือข้างหนึ่งช้อนเข้าที่ท้ายทอยเพื่อปรับองศาให้ทำการได้ถนัด ริมฝีปากสีเข้มค่อยๆเริ่มขยับดูดดึงริมฝีปากล่างสีสดเบาๆ ก่อนจะส่งลิ้นร้อนไล้เลียไปทั่วกลีบปากแดงเป็นเชิงขออนุญาตเข้าไปลิ้มรสความหวาน แขนเรียวที่รู้สึกว่ามันเกะกะจึงยกขึ้นโอบรอบคอร่างสูงเอาไว้  ลิ้นร้อนค่อยๆเข้าไปกวาดต้อนทุกมุมก่อนจะหันมาสนใจเรียวลิ้นเล็กที่หลบหลีกไปมา จากที่ตวัดดูดดึงอย่างนุ่มนวลก็แปลเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนรุนแรง จนเขาแทบละลายหายไปจากตรงนี้ เสียงชื้นแฉะดังขึ้นมาอย่างน่าอาย ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกร้อนขึ้นมาที่หน้าอย่างห้ามไม่ได้ อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่ารู้สึกดี...รู้สึกดีเกินไป

"...อื้อ" คนที่อ่อนประสบการณ์ร้องท้วงออกมาเมื่อตนเริ่มหมดอากาศจะหายใจ ร่างสูงจึงทำได้เพียงค่อยๆผละออกมาอย่างเสียดาย แต่ก็ยังแนบชิดอยู่เช่นนั้นกดจูบย้ำลงบนริมฝีปากสีสดที่เจ่อเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่พร้อมกับกดหอมแก้มนุ่มอีกฟอดใหญ่อย่างนึกหมั่นเขี้ยว

เขาอยากทำมากกว่านี้ แต่ก็รู้ดีว่าอีกคนยังไม่พร้อม และเขาก็อยากรอให้คนตัวเล็ก...รู้สึกรักในตัวเขาเสียก่อน ส่วนตัวเขาเอง เขาก็อยากจะมั่นใจในตัวเองว่าเขาทำไปเพราะความรักคนตรงหน้านี่จริงๆ ไม่ใช่ทำไปเพียงเพราะแค่ความอยากได้ตามอารมณ์ดิบภายในตัว ที่ผ่านเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรแต่เขาก็ไม่เคยบังคับฝืนใจใคร...

ความอ่อนโยนที่ได้รับเมื่อสักครู่ทำให้คนตัวเล็กนึกอยากเป็นคนเห็นแก่ตัวเก็บเอาไว้คนเดียวตลอดชีวิตให้พ้นจากมือของคนอื่น...แต่เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ และจะไม่มีวันเป็นไปได้

ด้านนอกฝนเริ่มโปรยลงมา จนคนตัวเล็กต้องเอ่ยขอตัวกลับหอ ก่อนที่ฝนจะลงเม็ดหนักมากกว่านี้

ผาต้องจำใจเดินกางร่มมาส่งคนตัวเล็กที่สะพานลอย เพราะเนื่องจากว่าคนตัวเล็กไม่ยอมให้ขับรถไปส่ง และสุดท้ายผาก็อดไม่ได้ที่จะเดินข้ามมาส่งคนตัวเล็กถึงหน้าหอ

"อย่าลืมอาบน้ำสระผมด้วยนะรู้มั้ย เดี๋ยวไม่สบาย" ผาเอื้อมมือไปโยกหัวทุยเบาๆ

"ครับ พี่ผาก็เหมือนกันนะ ดูแลตัวเองดีๆด้วย"

"อืม ...ฝันดีนะ" 

"เช่นกันครับ ...ขอบคุณมากๆนะครับ ขอบคุณทุกๆอย่าง" ผาเดินออกไปแล้ว แต่คนตัวเล็กยังยืนมองจนผาหายไปจากระยะสายตา จึงหันหลังเดินเข้าตึกไป

คนที่หยุดยืนอีกฝากถนนเพื่อมองไปยังตึกสูงที่เห็นอยู่ไกลๆ ที่เป็นที่พักของคนที่เขาเพิ่งเดินไปส่งมา ผารู้สึกได้ว่าอีกคนมีบางอย่างที่อยู่ภายในใจ แต่เขาก็ไม่อยากถามกลัวอีกฝ่ายจะรำคาญเอาได้ แต่เขาก็อยากรู้อยู่ดี ...เขาเดินมาจนถึงห้องตัวเอง ยังไม่ทันที่จะได้ถอดรองเท้าออกด้วยซ้ำ เสียงเตือนข้อความจากแอพพลิเคชั่นฮิตก็ดังขึ้นมา เขากดเปิดอ่านทันทีเมื่อรู้ว่ามันถูกส่งมาจากคนที่เขาเพิ่งจะไปส่งมา

ร่างสูงยิ้มออกมาไม่หยุดเมื่อข้อความดังกล่าวมีแต่ข้อความที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกคนเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

เขากำลังจะพิมพ์ตอบกลับไปว่าทำไมวันนี้ดูเป็นห่วงเขาเสียเหลือเกิน ก็มีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมาเสียก่อน 

เป็นข้อความที่มีไม่กี่คำ แต่เป็นคำตอบของคำถามทั้งหมด ว่าทำไมวันนี้คนตัวเล็กดูมีอะไรให้คิดอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีบางอย่างอยู่ในใจ เป็นเพียงไม่กี่คำที่ทำให้ผาถึงกับลืมภายใจไปชั่วขณะหนึ่ง



ตือดึ๊ง!!

'เราเลิกกันเถอะนะครับ'

.



.



.


...100%...

...To Be Continued...




หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.16] [22.12.2017 : 15.01]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-12-2017 15:50:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.16] [22.12.2017 : 15.01]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-12-2017 20:11:15
น้องลูกหยีเคยโดนดักตบมั้ยคะ ^^
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.17] [22.12.2017 : 21.35]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 22-12-2017 21:31:28

[Episode 17]







"มึงแน่ใจนะว่าทำแบบนี้แล้วจะเวิร์ค"

"เวิร์คไม่เวิร์คกูไม่รู้หรอก แต่กูเป็นห่วงน้ำ...หรือมึงไม่เป็นห่วงวะธาม"

"พูดมากอยู่นั่น รีบๆไขเถอะ"

ที่เถียงกันอยู่นี่ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโจ้กับธามที่กำลังยืนเถียงกันอยู่หน้าห้องเพื่อนตัวเล็ก...

เกือบสองอาทิตย์มานี้ คนตัวเล็กเงียบหายไป ขาดการติดต่อ พวกเขาสองคน เพื่อนในกลุ่มก็ไม่มีใครติดต่อได้ เจอกันแค่ในคาบเรียน แต่พอพักหรือหลังเลิกเรียนนั้นพวกกลุ่มเพื่อนของน้ำก็ไม่มีใครหาตัวน้ำเจอเลย จนอิ่มทนไม่ไหว โทรเล่าให้พวกเขาฟัง แล้วเขาก็ว่ามันแปลก เพราะแม้แต่พี่ผาเองยังไม่ได้เจอหรือติดต่อคนตัวเล็กนี่ได้เลย

โจ้กับธามเลยตัดสินใจกันว่าจะบุกเข้าไปรอในห้องของคนตัวเล็กนี่เสียเลย เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กเลี่ยง หรือหลบหายไปไหนอีก

ที่ผ่านมาผาก็เอาแต่คอยเฝ้าถามพวกเขาสองคนทุกวันว่าติดต่อหรือเจอน้ำบ้างหรือเปล่า ทั้งสองก็ได้แต่ปฏิเสธไปเพราะตัวทั้งสองเองไม่รู้จริงๆ ในตอนแรกเขานึกว่าคงจะงอนหรืออะไรกันปกติทั่วไป และที่น้ำไม่ติดต่อมาคงเป็นเพราะเรียนหนัก แต่ตอนนี้เขาคิดว่าคงไม่ใช่...ปัญหามันคงมีมากกว่านั้น เพื่อนตัวเล็กของเขาไม่เคยหนีปัญหา จะเจออะไรหนักหนาแค่ไหนก็ไม่เคยปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อย...แต่ครั้งนี้เขาว่าปัญหามันคงจะหนักเกินไปจริงๆ

"น้ำจะหายไปเงียบๆแบบไม่มีคนเห็นนี่เป็นไปได้หรอวะ" โจ้นึกสงสัย พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

"เป็นไปไม่ได้หรอก...มหาลัยก็มีอยู่เท่านี้"

"แต่ถามคนอื่นก็บอกเหมือนกันว่าไม่เห็น" ตั้งแต่รู้เรื่องจากกลุ่มเพื่อนของน้ำที่คณะแพทย์เขาก็เที่ยวไปถามจากคนนู้คนนี้บ้าง...แต่ก็ไม่มีใครเจอ ทั้งๆที่เป็นที่รู้จักของทุกคนแท้ๆ แต่กลับไม่มีใครเห็นเลย...มันจะเป็นไปได้ยังไง

"ต้องมีคนรู้สักคนนึงนั่นแหละ" ธามว่า โจ้พยักหน้าเห็นด้วย เขาจะรู้คำตอบได้ก็คงต้องรอเวลาที่น้ำจะกลับมาเท่านั้นแหละ



เป็นเวลานานเกือบสองชั่วโมง จนท้องฟ้าเปลี่ยนสีเหลือให้เห็นเพียงความมืดสนิท เม็ดฝนโปรยลงมาตามฤดูกาล ไม่นานหลังจากนั้นเสียงก็อกแก็กจากการไขลูกบิดประตูก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งสองคนเบนความสนใจจากหน้าจอมือมาเป็นประตูห้องแทน

เสียงประตูถูกปิดลง ตามด้วยแสงสว่างจากดวงไฟกลางห้องที่ถูกเปิดโดยคนที่เพิ่งเข้ามา ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องไม่ได้ทำการเปิดไฟเพราะไม่อยากให้เพื่อนตัวเล็กจับสังเกตได้ว่ามีคนอยู่ในห้อง 

สภาพของคนที่ยืนถอดรองเท้าอยู่หน้าประตูโดยไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในห้องแม้แต่น้อย เปียกซกไปด้วยน้ำ

ฮู้ดสีกรมแบบสวมหัวถูกถอดออกไปจากตัวใส่ตระกร้าที่วางไม่ห่างกัน หันกลับเข้ามาก็ต้องตกใจที่บุคคลทั้งสองยืนอยู่กลางห้อง...ทั้งๆที่ห้องมันก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น ทำไมเขาไม่สังเกตเห็นกันนะ

"ดูโทรมไปเยอะเลย ช่วงนี้เรียนหนักหรอ" ธามไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า พอเห็นสภาพแล้วก็อดที่จะยิงคำถามใส่ไม่ได้...ใต้ตาบวมช้ำและมีสีคล้ำขึ้นดูปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่เป็นเพราะนอนดึกอย่างเดียวแต่มาจากการร้องไห้อย่างหนักด้วย ร่างกายที่ผอมอยู่แล้วก็ดูเหมือนจะซูบลงไปอีกไม่น้อย...ถ้าทางนั้นรู้ คงไม่อยู่เฉยเป็นแน่

"อ อื้ม ใกล้มิดเทอมแล้วน่ะ" น้ำส่งยิ้มกลับไปให้คนตัวโตหน้านิ่งทั้งสอง ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปวางสัมภาระไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะรับผ้าขนหนูมาจากโจ้ที่ผละออกไปหยิบมาให้จากราวตาก

"คงจะหนักมากจริงๆ ถึงได้ขาดการติดต่อไปเลย" โจ้พูดออกมาน้ำเสียงตัดพ้อ ทำให้คนตัวเล็กหลบสายตาหลุกหลิก

"ไปอาบน้ำไป" น้ำพยักหน้าให้ธามแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้ากัน ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำไป



"กูรับไม่ได้ว่ะไอ้ธาม" โจ้เอ่ยออกมาเสียงแผ่ว

"กูก็ไม่ต่างจากมึงเลย" ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ที่ว่ารับไม่ได้ ไม่ใช่รับเพื่อนไม่ได้...แต่รับสภาพไม่ได้ ตั้งแต่อยู่กันมาทั้งสองคนไม่เคยเห็นน้ำดูหมดพลังชีวิตได้มากขนาดนี้มาก่อน ...นัยน์ตาที่เคยสุกใส กลับมีแต่ความหม่นหมอง ความกังวลและความไม่มั่นใจ ร่างกายผอมซูบลงกว่าเดิม จนแทบจะเรียกว่าก้างได้อยู่แล้ว...เขาทั้งสองน่าจะมาให้ไวกว่านี้ ทำไมชะล่าใจทิ้งไว้จนกลายเป็นแบบนี้กัน เขาทั้งสองนึกกล่าวโทษตัวเองอยู่ในใจ

เพียงไม่นานคนที่เข้าไปอาบน้ำก็เดินออกมาสวมเสื้อยืดคอย้วยและกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นสีฟ้าพร้อมนอนมาเรียบร้อยแล้ว ผ้าขนหนูถูกคลุมอยู่บนกลุ่มผมนิ่มแล้วขยี้เบาๆ เพื่อให้ผมที่เปียกจากการสระนั้นแห้งลง 

น้ำพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดแบบที่ผ่านมา เพราะไม่อยากให้เพื่อนสนิททั้งสองนึกเป็นห่วง...ไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากปิดบัถงเรื่องนี้ แต่เขายังไม่อยากเล่าให้ใครฟังในตอนนี้ก็เท่านั้น

"กินข้าวมารึยัง" ธามที่กำลังนั่งแกะถุงกับข้าวใส่จานอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นถามขึ้นมา กับข้าวพวกนี้โจ้เป็นคนออกไปมาเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่คนตัวเล็กจะกลับ และกับข้าวพวกนี้ก็ยังอุ่นๆอยู่ เลยไม่ต้องเอาเข้าไมโครเวฟให้เสียเวลา "ยังเลย เริ่มหิวแล้วเนี่ย" น้ำหย่อนตัวนั่งข้างกันกับธาม จัดเตรียมชามช้อนทำเหมือนกับว่าหิวเสียเต็มประดา...พยายามทำตัวให้เหมือนกับว่าตัวเองปกติดี แต่อาการที่พยายามจะปกปิดก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของทั้งสองไปหรอก...ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องเอ่ยปากถาม ถ้าไม่ถามคนตัวเล็กไม่มีทางบอกปัญหาออกมาแน่นอน...ไม่ใช่ว่าเขาอยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวอะไรขนาดนั้น แต่ดูสภาพตอนนี้ คงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหว...เพื่อนเขาทั้งคนนะ จะให้ปล่อยไปเฉยๆแบบนี้อย่างนั้นน่ะเหรอ

เขานั่งกินข้าวกันไป ถามนู่นถามนี่กันไปส่วนใหญ่คำถามบนโต๊ะกินข้าววันนี้มาจากคนตัวเล็กทั้งสิ้น พวกเขาทั้งสองได้แต่ผลัดกันตอบคำถาม และก็คอยตักอาหารใส่จานคนตัวเล็ก ถึงแม้จะพูดว่าหิว แต่ข้าวที่กินเข้าไปน้อยกว่สแมวดมเสียอีก ในเมื่ออิ่มแล้วก็ช่วยกันเก็บโต๊ะแล้วมานั่งเอนหลังพิงปลายเตียงดูหนังกันเพื่อย่อยอาหาร



ครืดด ครืดดด

แรงสั่งครืดคราดจากแรงสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างตัวธาม หยิบขึ้นมาดูก็ปรากฎชื่อของรุ่นพี่ในสาขาเขาคนหนึ่งที่ทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งใจเห็นตกใจจนสังเกตเห็นได้

"ครับพี่ผา" 

'มึง ...เจอน้ำรึยังวะ' เสียงปลายสายที่ฟังแล้วดูอ่อนแรงน่าสงสาร ธามหันมองหน้าคนตัวเล็กที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว...น้ำเอื้อมมือมาจับแขนเขาเอาไว้แล้วส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับน้ำใสๆที่เอ่อคลอตาสวยไหลลงมาอาบแก้ม

"ยังครับ ผมกับโจ้ยังไม่เจอเลย" ธามโกหกไปพร้อมกับบีบกระชับมือคนตัวเล็ก ส่วนโจ้ก็ลูบหัวเบาๆอย่างปลอบโยน

'ทำไมไม่มีใครเจอน้ำเลย กูไม่เข้าใจ...น้ำไม่อยากเจอกูมากขนาดนั้นเลยหรอวะ' เสียงปลายสายสั่นเครือเสียจนธามไม่อยากเชื่อหู...น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้

"คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ น้ำคงมีเหตุผล" คนตัวเล็กเริ่มสะอื้นออกมาเบาๆ จนธามต้องลุกออกมาคุยตรงระเบียง ปล่อยให้โจ้ปลอบไปก่อน

'กูไม่เข้าใจเหตุผลนี้เลยว่ะ น้ำไม่อธิบายอะไรกูเลย ถ้าจะไปจากกู อย่างน้อยกูก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ไม่ใช่หรอวะว่ากูผิดอะไร' เขาไม่รู้จะพูดให้อีกฝ่ายสบายใจอย่างไรดี ความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้มันยังใหม่และเปราะบางสำหรับน้ำมากและความสัมพันธ์ในรูปแบบรักเพศเดียวกันก็ยิ่งเปราะบางเข้าไปใหญ่ถ้าหากไม่เปิดใจคุยและยอมรับกันแน่นอนว่าทุกอย่างมันคงออกมาแย่ อย่างที่ทั้งคู่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

เขาไม่รู้จะพูดอะไร ก็ได้แต่รับฟังแล้วบอกให้อีกฝ่ายสบายใจได้ แล้วก็วางสายไปพลางคิดในใจไปว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นถึงขนาดนี้ ธามคิดแค่ว่าอีกฝ่ายคงจะเฟลๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะเรียกว่าเฮิร์ทได้ 

ธามเดินกลับเข้ามาข้างในเสียงสะอื้นเบาลงแต่ก็ยังคงมีอยู่ น้ำมองหน้าเขาเหมือนจะอ้อนเอาอะไรสักอย่าง ธามจึงเข้าไปนั่งยองๆตรงหน้าก่อนจะค่อยๆอ้าแขนออก เพียงเท่านั้นคนตัวเล็กก็พุ่งเข้าใส่จนเขาต้องนั่งราบลงไปกับพื้น แล้วลูบหลังลูบหัวไปมาอย่างปลอบโยนก่อนจะรับรู้ได้ถึงความอุ่นชื้นบริเวณอกที่คนตัวเล็กซบอยู่...เขามองหน้าโจ้ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหัวพร้อมกัน ก็เป็นซะอย่างนี้...ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่ทำให้น้ำร้องไห้ ก็จะมาอ้อนให้พวกเขากอดปลอบอยู่ตลอด ยิ่งตอนอยู่กับแม่ดายิ่งแล้วใหญ่ กอดไม่ยอมปล่อย อ้อนอยู่อย่างนั้นจนบางทีเขาก็นึกหมั่นไส้ในความขี้อ้อนขั้นสุดนั่น...แต่ใครจะรู้กันเล่าว่าน้ำนั้นขี้อ้อนขนาดไหนนอกจากพวกเขาเนี่ย จะว่าไป...อาจจะมีอีกสองคนล่ะมั้งที่รู้

"ไหน...จะเล่าให้ธามกับโจ้ฟังได้ยังว่ามีเรื่องอะไรกัน" ธามเป็นคนเอ่ยถาม ต่อให้โจ้จะเป็นห่วงมากขนาดไหน ถ้าเขารู้สึกว่าอีกคนไม่สบายใจที่จะเล่าเขาก็ไม่อยากถามให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจ น้ำพยักหน้าแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ธามกับโจ้ฟัง เพราะน้ำเองก็ไม่อยากเก็บมันไว้คนเดียวอีกแล้ว น้ำอยากระบายมันออกไปและน้ำก็รู้ดีว่าโจ้ ธามและน้ำก็รู้ว่าทุกคนเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

"ทำไมถึงหลบหน้าทุกคน รู้มั้ยมีคนเป็นห่วงเราเต็มไปหมด" น้ำพยักหน้าลงช้าๆก่อนจะก้มหน้ายอมรับผิดตามที่โจ้กล่าวมา อย่าว่าแต่พวกเขาเป็นห่วงเลยแม้แต่ในโซเชียลเองก็ตาม ที่ถึงขั้นตั้งแท็กว่าคิดถึงน้ำ ตามหาน้ำ

"และหลบไปอยู่ไหนมา ทำไมไม่มีคนเห็น"

"สระว่ายน้ำหลังมอ"

"อยู่คนเดียว?" ธามถามออกมาอย่างนึกแปลกใจ เพราะถ้าน้ำบอกว่าไปอยู่หลังมอ คงมีคนรู้เห็นเรื่องนี้มากกว่าสองแน่ๆ

"เปล่า ...น้ำเจอพี่ดินกับเพื่อน" ตอนแรกน้ำคิดว่าปลอดภัยจากคำถามจากคนมากมายเหล่านั้นแล้ว แต่ก็ดันมาเจอดินกับเพื่อนที่มาว่ายน้ำอยู่ น้ำจะเดินหนีออกไปก็ได้ แต่อะไรไม่รู้ทำให้เขาเลือกที่จะอยู่ ความรู้สึกข้างในลึกมันบอกว่าคนๆนี้ไว้ใจได้มากที่สุดแล้วในเวลานี้ ในทุกๆวันน้ำจะเข้าไปที่สระแล้วแต่เวลา แต่ดินก็จะเข้ามาพร้อมกับอาหารมากมายมาให้เขา ทุกๆวันผ่านไปแบบนั้นจนน้ำคิดว่าเขาสนิทใจกับคนๆนี้ง่ายกว่าคนอื่น และทั้งๆที่ดินกับเพื่อนจะบอกกับคนที่ตามหาว่าน้ำอยู่ที่สระก็ได้ แต่ดินก็ไม่ทำ ดินเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้และช่วยตามหาอย่างเนียนๆไป

"น้ำรู้มั้ยว่าน้ำกำลังหนีปัญหา" ธามว่าออกมาหน้าดุ เขาแอบไม่พอใจเล็กๆด้วยซ้ำที่น้ำเลือกที่จะหนีปัญหาแบบนี้

"รู้..."

"น้ำรู้มั้ยที่น้ำทำแบบนี้มันทำให้อีกคนนึงเสียใจ" น้ำเงยหน้าขึ้นมองหน้าธาม น้ำตาที่หายไปกลับมาเอ่อคลออีกครั้ง

"น้ำบอกเขารึเปล่า...ว่าเขาผิดอะไรถึงทำให้น้ำต้องบอกเลิกเขาและหายไปแบบนี้" ธามยื่นมือไปลูบหัว น้ำส่ายหน้าตอบช้าๆ พวกเขาสองคนไม่ได้เข้าข้างผาหรอก  แต่สภาพที่เห็นตอนที่ผาขับรถมามอทุกวันหลังฝึกงานเสร็จ เพื่อถามว่าเจอน้ำบ้างรึเปล่าก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย พวกเขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกของผานั้นมีให้น้ำมากแค่ไหน แต่ที่รับรู้ได้คือผาเสียสูญไปเยอะ

"น้ำผิดเอง..." คนตัวเล็กพูดออกมาพร้อมกับหยดน้ำสีใสที่ไหลลงมาบนแก้มเนียน ภาพที่เห็นสร้างความปวดใจต่อเพื่อนทั้งสองไม่น้อยเลย...น้อยครั้งนักที่น้ำจะร้องไห้หนักขนาดนี้ แต่ก็ต้องใจแข็งไว้เพราะถ้าน้ำผ่านเรื่องนี้ไปได้มันก็จะกลายเป็นบทเรียนสำคัญอีกหนึ่งบทเรียนในชีวิตของเจ้าตัว

"น้ำรู้...ว่าน้ำไม่ควรจะตัดสินใจไปเองคนเดียว น้ำรู้แล้วว่าที่น้ำทำแบบนี้มันดูถูกความรู้สึกของพี่ผามากขนาดไหน...น้ำงี่เง่า ไม่มีเหตุผลมากเลยใช่มั้ย" น้ำเอ่ยเสียงสั่นเครือ กลั้นก้อนสะอื้นเต็มที่พร้อมกับหันไปกอดโจ้ที่นั่งอยู่ข้างกัน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็คิดอยู่เสมอว่าที่เขาทำมันถูกต้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องถามไม่จำเป็นต้องปรึกษา แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว...ว่าที่เขาคิดมามันผิดทั้งหมด ทั้งๆที่เคยบอกกันไว้ว่ามีอะไรต้องพูดกันปรึกษากัน แต่เขากลับไม่ทำ เขากลับไม่เห็นความสำคัญของอีกฝ่ายเลยสักนิดเดียว เอาแต่งี่เง่าไร้สาระ ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต...ตัดสินเขาเพียงเพราะคำพูดของคนอื่น เชื่อมั่นคนอื่นมากกว่าคนข้างตัว...แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาไม่น่าได้รับการให้อภัยเลย

"เรางี่เง่าได้ ทำตัวไม่มีเหตุผลบ้างก็ไม่เสียหาย แต่เราต้องรู้ขอบเขต ทุกอย่างมันมีขีดจำกัด...และนี่มันแค่เริ่มต้นทางข้างหน้ายังอีกยาวเลย" โจ้พูดเตือนสติ ลูบหัวปลอบอย่างเอ็นดู

"ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องฝืน เป็นตัวของตัวเอง...ไม่ต้องกลัวใครว่าถ้าเราจะเป็นเรา ...เป็นอย่างไรแสดงออกไปอย่างนั้น บอกกันแล้วตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะศึกษากัน แต่เรากลับปิดกั้นตัวเอง ปิดกั้นเขาไม่ให้โอกาสเขา ...ตอนนี้ยังไม่สาย ถามใจตัวเองดูว่าจะยังไงต่อไปดี โอเคก็เดินหน้าต่อ ไม่โอเคก็ถอยกลับมา...ธามกับโจ้ก็อยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่ปล่อยให้ช้ำใจนานหรอก" พวกเขาพูดคุยกับคนตัวเล็กจนดีขึ้นมาก พวกเขาไม่ใช่คนที่มีความรักที่ดีหรือเชี่ยวชาญอะไรขนาดนั้น แต่เขาแค่แนะนำในสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตของคนตัวเล็กไปในทางที่ดีเท่าที่เพื่อนคนนึงจะทำได้ก็เท่านั้นเอง

เมื่อทุกอย่างดีขึ้น พวกเขาสองคนก็ตัดสินใจนอนกันที่นี่ เพราะตอนนี้มันก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว กว่าพวกเขาจะอาบน้ำกันเสร็จออกมาน้ำก็น้ำก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว



"มึงมานอนกับกูก็ได้มั้ง จะได้ไม่ต้องปูผ้า" ธามเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ตัวเองปูผ้าเสร็จแล้ว

"มึงจะให้กูนอนเบียดมึงเพื่อ?"

"ที่นอนตั้งกว้างไม่เบียดกูหรอก"

"แหม พูดยังกะกูตัวเล็กเท่ามด"

"ถึงไม่มดแต่มึงก็ตัวเล็กกว่ากู มานี่มา" ธามยักคิ้วให้กวนๆ พร้อมกับตบที่ว่างข้างตัว ทางแถบที่ติดเตียง...ก็เวลานอนมันไม่ใช่ให้รอบๆตัวมันว่าง

"คิดอะไรกะกูปะเนี่ย คะยั้นคะยออยู่นั่น" โจ้บ่นกะปอดกะแปด หยิบผ้าห่มแล้วล้มตัวลงนอนตรงที่ว่าง

"และถ้ากูบอกว่าคิด" โจ้ชะงักไปทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงที่ติดจะจริงจังนั่น

"ไอ้สัด มึงก็แกล้งกูจัง" 

"กูไม่ได้แกล้ง" ธามยังพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ไม่มีแววเล่น

"เอาจริงดิ..." โจ้หันไปถามหน้าแหยๆ เพราะน้ำเสียงที่มั่นคงไม่เปลี่ยนนั่นเริ่มทำให้นึกหวั่นๆขึ้นมากลัวว่าเพื่อนตัวเองจะพูดจริง

"หึหึ ...กูง่วงละ ฝันดีมึง" ธามส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มคลุมจนมิดหัว ปล่อยให้อีกคนนั่งตัวแข็งทื่อกับเสียงหัวเราะหึๆนั่นอย่างงงงวย...นี่โดนมันแกล้งอีกแล้ว ใช่...อีกแล้ว ก่อนหน้านี้มันก็แกล้งแบบนี้มาตลอด ทำไมไม่จำบ้างวะ ...ไม่จำแถมใจเต้นไปกับมันอีก...ควรหาแฟนนะโจ้นะ

บอกตัวเองในใจแล้วก็ถีบไอ้คนที่นอนคลุมโปงแรงๆไปที จนได้ยินคำด่าออกมาก็หัวเราะลั่นจนคนที่นอนบนเตียงขยับตัวอืออาอย่างนึกรำคาญ เขายกมือขึ้นปิดปากเอาไว้แทบไม่ทันชะเง้อหน้าขึ้นมองเห็นว่าหลับสนิทดีก็ล้มตัวลงนอนบ้าง แต่เขายังไม่ทันได้ปิดตาเลยด้วยซ้ำ เสียงสั่นครืดคราดของโทรศัพท์คนที่นอนอยู่ข้างๆกันก็ยังขึ้นมา เขามองดูชื่อและเวลาหน้าจอซึ่งตอนนี้ก็ตีหนึ่งแล้ว ส่วนชื่อนั้นก็เป็น 'พี่พุ่ม' เขาหยิบขึ้นมากดรับทันที เผื่อมีเรื่องด่วนอะไรที่จะให้ช่วย

"ฮัลโหลครับ ...ครับ ไอ้ธามมันหลับ ...ห้ะ! ...ครับๆๆ ...ได้ครับ" โจ้รับคำสั่งรุ่นพี่เสร็จก็ทำการปลุกคนข้างตัวทันที

"ไอ้ธามตื่น!  ไอเชี่ยตื่นดิวะ ...ตื่นไอ้สัด"

"เออๆ เชี่ยไรของมึงวะ" 

"อืม...มีเรื่องอะไรกันอ่ะ" เสียงปลุกของโจ้ไม่ใช่ปลุกแค่คนข้างตัวแต่ดันทำให้คนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงพลอยตื่นขึ้นมาด้วย

"ตื่นแล้วก็ดีเลย ลุกไปใส่เสื้อผ้าดีๆก่อนไปเร็วๆ จะได้ไปกัน" โจ้พับผ้าห่มวางบนหมอนแล้วลุกออกไปใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ลวกๆ

"เดี๋ยวมึงเดี๋ยว มึงจะให้พวกกูแต่งตัวไปไหนดึกดื่นป่านนี้" ธามถามอย่างไม่เข้าใจ คนตัวเล็กที่ยังไม่ตื่นเต็มตาแต่พอฟังแล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากันจนจะเป็นปม

"พี่พุ่มโทรมาเมื่อกี้ บอกให้ไปช่วยแบกพวกพี่เขากลับหน่อย ...ถ้าไม่ไปมึงโดนซ่อมแน่" คนที่ได้ฟังก็ถึงกับลืมตาโพลงกันทั้งสองคน ธามรีบพับผ้าห่มแล้วลุกขึ้นมาแต่งตัวบ้าง...ใครมันจะอยากโดนซ่อมกันมั่งเล่า

"พี่ผาด้วยรึเปล่า" น้ำลุกขึ้นนั่งก่อนจะถามอย่างนึกเป็นห่วง

"พี่พุ่มบอก ว่านั่นน่ะตัวอาการหนักเลย เมาสุดตั้งในรอบปี" น้ำได้ยินอย่างนั้นก็ลุกขึ้นมาบ้าง

"ขอไปด้วย" 

"ไปเปลี่ยนชุด" ธามบอก ที่ให้เปลี่ยนชุด ไม่ใช่ว่าเป็นชุดเที่ยวอะไรหรอก แต่เพียงแค่เปลี่ยนมาใส่ชุดที่มันสุภาพกว่าชุดนอนก็เท่านั้นเอง...





[ พาร์ทของพี่ผา ]


"วันนี้หนักละนะมึงอ่ะ เลิกๆๆ พอไอ้สัดพอ" เสียงไอ้พุ่มตะโกนโหวกเหวกแข่งกับเสียงเพลง พยายามจะยื้อแก้วในมือผมออกแต่ผมไม่สนใจมันหรอก ...เลิกอะไรของมึง กูไม่เลิกเว้ย!! ไม่้เลิกหรอก...ไม่ยอมเลิกเด็ดขาด...

'เราเลิกกันเถอะนะครับ'

หลังจากวันนั้น มันผ่านมาจนจะสองอาทิตย์แล้วแต่ประโยคนี้มันยังวนเวียนอยู่ในหัวผมไม่ไปไหน 

หลังจากวันนั้นที่น้องส่งประโยคนี้มา ผมก็ถึงกับลืมหายใจไปเลย พอตั้งสติได้ก็ส่งข้อความกลับไปแต่ก็ไม่มีแววว่าจะตอบกลับมา ผมจึงเปลี่ยนเป็นต่อสายหาเจ้าตัวแทน...แต่กลับได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติทุกสายไป

ผมไม่ได้ทำเพียงแค่โทรไป ตอนเช้าผมก็ไปดักรอตรงหน้าหอเขาตั้งแต่เช้าแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา ตอนเย็นผมก็ไปรออยู่ที่หน้าตึกแต่ก็ไม่เคยเจอ ผมไม่ได้ทำแค่วันเดียว แต่ผมทำมันมาโดยตลอดเกือบสองอาทิตย์นี้ แต่ก็ไม่เคยเจอไม่เคยติดต่อได้เลย 

จะเจอก็แต่กลุ่มเพื่อนน้อง ก็เลยถามข่าวคราวมาบ้าง ทุกคนก็ตอบเหมือนกันหมดว่าน้ำก็สบายดี แต่พอหลังๆมาเริ่มบอกผมว่าไม่เคยเจอตัวเลย ติดต่อก็ไม่ได้ ทางไอ้โจ้ไอ้ธามเองก็ตอบผมแบบนี้อีกเหมือนกัน ผมจนปัญญาแล้วจริงๆ

ไอ้พวกเพื่อนผมเองก็ไม่มีใครเคยเจอเลย มหาลัยก็มีอยู่เท่านี้ จะหายหน้าหายตาไปแบบไร้ร่องรอยเลยได้ยังไงกัน

ในตอนแรก ผมเอาแต่เฝ้าตามหาน้อง ติดต่อน้องจนไม่เป็นอันทำอะไร คอยเฝ้าถามคนนู้คนนี้ตลอดว่าเจอน้องบ้างรึเปล่า จนป๊าต้องเรียกเข้าไปพบ ถามผมว่ามีเรื่องไม่สบายใจอะไร จนถึงขั้นทำให้เสียงานเสียงการขนาดนี้ ผมก็เล่าทุกอย่างให้ท่าฟังจนหมดแบบไม่มีกั๊ก ตอนนั้นคงได้ราวๆหนึ่งอาทิตย์ ที่อยู่ๆคนตัวเล็กก็หายไปจากสารบบชีวิตผม ป๊าผมฟังท่านก็นิ่งไป ผมก็เลยกังวลไปต่างๆนาๆว่าท่านจะว่าอย่างไรบ้าง เพราะผมก็ลืมไปเสียสนิทว่าเรื่องที่เล่าให้ฟังมันไม่ใช่เรื่องแบบคนปกติทั่วไป เพราะคนที่ผมคบเป็นแฟนคนแรกจริงๆจังจนเก็บมาเครียดแบบนี้เป็นผู้ชาย...แถมยังไม่ใช่คนที่มีหน้ามีตาในสังคมอีก...แต่ป๊าผมท่านไม่ได้ว่าอะไรผมสักคำ ท่านถามผมมาคำถามนึงที่ทำให้ผมหยุดทุกอย่างแล้วทบทวนตัวเองใหม่...

'ลูกตามหาเขาเพราะเขาเป็นแฟนที่บอกเลิกไป หรือเพราะว่าเขาเป็นคนที่จากไปพร้อมหัวใจของลูก'



คำถามที่ฟังแล้วมันไม่ได้เข้าใจยากเลยสักนิดเดียว แต่คำตอบล่ะ คำตอบเป็นอะไรกันแน่ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ

ผมรู้ดีว่าอะไรที่ทำให้น้องต้องหนีหายไปจากผม ผมไม่แคร์เลยด้วยซ้ำว่าเขาจะเป็นใคร มาจากไหน แต่ก็อย่างที่เห็น เราไม่เคยคุยกันในเรื่องนี้เลย ผมไม่เคยบอกเขาให้เขามั่นใจที่จะอยู่กับผม...ผมนี่มันแย่จริงๆ

"เพ้อห่าอะไรของมึง" ไอ้วัชนี่ก็อีกคนถามอยู่นั่น

"กูไม่ได้เพ้อ แต่กูไม่อยากเลิก...กูผิดรึไง" ประโยคที่พูดออกไป ไอ้พวกนี้มันรู้ดีว่าผมไม่ได้เล่นๆเลย

"มึงจริงจังขนาดนั้นเลยหรอวะ" อยู่ๆไอ้ว่านก็วางแก้วแล้วถามผม ดูมันจริงจังแปลกๆ

"ตอนนี้กูมั่นใจแล้ว" 

"น้ำไม่เหมือนคนอื่น..." 

"กูรู้...กูรู้ดี ว่าน้ำไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เพราะงี้ไงถึงทำให้กูมั่นใจ...และรู้สึกไปแล้ว" ในประโยคสุดท้ายผมพูดแผ่วลงไปจนเสียงเพลงแทบจะกลบ แต่ผมรู้ว่าพวกมันคงได้ยิน

"มึงไม่ได้สร้างเรื่องจะหลอกน้องเขาใช่มั้ยไอ้ผา" สีหน้ายุ่งยากใจของไอ้พุ่มยามมันเอ่ยถาม ทำให้ผมต้องคิดทบทวนตัวเองว่าผมทำอะไรให้เพื่อนสนิทอย่างพวกมันคิดว่าผมจะทำเรื่องแบบนั้น

"กูดูเลว ดูร้าย...ขนาดนั้นเลยหรอวะ" ผมถามเสียงเครียด ตอนนี้เริ่มคิดไปถึงคำพูดต่างๆนาๆของคนรอบตัว ที่พูดว่าผมในแง่แบบนั้นมาตลอด

"ก็...ดูเป็นแบบนั้น" ไอ้วัชยักไหล่ไปที

"แต่กูไม่ได้เป็นแบบนั้น...พวกมึงก็รู้" 

"รู้ก็รู้แค่พวกกูปะวะ คนอื่นเขารู้กับมึงปะล่ะ ...ชัดเจนกับแค่ตัวเองมันไม่พอหรอกไอ้สัด หัดชัดเจน ปฏิเสธคนอื่นเด็ดขาดบ้าง ...และยิ่งน้องมันเข้ามา มึงทำอะไรให้น้องมันมั่นใจในตัวมึงมั่ง มึงนั่งบอกกับตัวเองว่ามั่นใจว่ารู้สึก บอกแค่ตัวเองว่ารับได้ในทุกๆอย่างที่น้องเขาเป็น...แต่มึงเคยบอกน้องเขาบ้างปะวะ น้องเขาเคยรู้กับมึงมั้ยว่ามึงคิดยังไง มึงเคยบอกว่าอยากได้คนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ไม่งี่เง่าเอาแต่ใจ พอมีเข้าจริง มึงไม่เห็นจะอยากรักษาไว้เลยวะ..." ผมไม่เถียงไอ้พุ่มสักคำ ...สิ่งที่มันพูด คือจริงทุกอย่าง...ผมไม่ได้เจ้าชู้ ผมไม่ได้ควงเขาไปทั่ว อย่างที่ทุกๆคนพูดกันอยู่ พวกมันรู้ดี และผมก็รู้ดีว่าผมไม่ได้มั่วอะไรกับใครอย่างนั้น

แต่ทุกอย่างที่ทุกคนเห็นว่สผมไปกับคนนู้นคนนี้ มันเป็นเพราะความสงสารและความเป็นลูกผู้ชายมากกว่า เขาขอติดรถผม ขอให้ผมช่วยถือของ ขอให้ผมไปส่งเขาที่คอนโดหรือบ้านเพราะเขาเมาและขอให้ผมไปส่ง ทุกอย่างมันมีแค่นั้น...บางคนขอสานความสัมพันธ์กับผม แต่ผมปฏิเสธพวกเธอบางคนก็เข้าใจ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจและไปปล่อยข่าวเสียๆหายๆว่าโดนผมเขี่ยทิ้งบ้าง โดนผมฟันแล้วทิ้งบ้าง...ผมอยากจะแก้ข่าวพวกนั้นจะตาย แต่ถ้าหากผมแก้ต่างให้ตัวเอง มันจะผิดอะไรกับเป็นไอ้หน้าตัวเมียที่ปัดความรับผิดชอบกันล่ะ เพราะฉะนั้นผมเลยเลือกที่จะปล่อยมัน จนมันเงียบไปเอง

...ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น จนมันลามมาถึงตอนนี้ที่ผมปล่อยให้คนอื่นมาว่าคนของผมจนเขาคิดมากและเลือกที่จะไปจากผม แต่มันจะโทษใครได้มันก็เป็นผมเองนี่แหละ ที่ไม่ปกป้องและไม่แก้ไขอะไรเลย...ผมรู้ว่าผมผิด ผมก็กำลังจะแก้ไขมัน ได้แต่ภาวนาว่าขอให้น้ำเลิกหลบผมสักที และหลังจากนั้นผมก็จะไม่มีวันปล่อยมือเขาไปอีกแน่...











...100%...

...To Be Continued...




หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.17] [22.12.2017 : 23.06]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-12-2017 01:19:31
โถๆๆงานนี้พี่ผาผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.17] [22.12.2017 : 23.06]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-12-2017 21:07:14
สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.18] [23.12.2017 : 23.06]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 23-12-2017 23:14:40
[Episode 18]









"จะเข้าไปยังไง...อายุยังไม่ถึงไม่ใช่หรอ" คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นมาอย่างกังวล

หลังจากที่โจ้ได้รับสายจากพี่พุ่มว่าให้มาหาที่ร้าน พวกเขาก็จัดการกับตัวเองแล้วรีบนั่งแท็กซี่กันออกมา จนตอนนี้ก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าแล้ว คนตรวจบัตรคุมเข้มขนาดนั้นจะเข้าไปได้อย่างไร

"รออยู่นี่ก่อน" ธามบอกออกมาก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับการ์ดที่ยืนคุมอยู่ หลังจากนั้นก็เรียกให้พวกเขาตามเข้าไป...

บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยนักท่องราตรีมากมายหลากหลายเพศ ที่ถึงแม้ว่าจะดึกดื่นป่านนี้แล้ว ที่นี่ก็ยังแน่นขนัดไปหมด เสียงเพลงบีทหนักๆทำให้ทุกคนโยกย้ายกันไปตามจังหวะอย่างเมามันส์ แสงสีสวยงามสลับกันไปอย่างน่ามอง ...เขาไม่เคยเข้ามาในที่แบบนี้เลย นี่เป็นครั้งแรก...

"เดินระวังหน่อยสิ" อยู่ดีๆธามก็เดินเข้ามาโอบไหล่เขาไว้ ทำให้เขาต้องละสายตามองไปตามผู้คนรอบๆตัว 

สายตาแต่ละคนที่มองคนตัวเล็กมันปกปิดไม่มิดเลยแม้แต่น้อยว่าต้องการจะสื่ออะไร...คนตัวเล็กหันมามองหน้าธามเดินเบียดเข้าใกล้อย่างนึกกลัวสายตา ก่อนจะเอื้อมไปจับชายเสื้อโจ้ที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเอาไว้

"ตามมาดีๆ" โจ้หันมาบอก แต่ถึงไม่บอกหลังจากนี้เขาก็จะเดินดีๆแล้วล่ะ



กว่าพวกเขาจะฝ่าดงนักเต้นทั้งหลายมาถึงโต๊ะก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน หลากหลายคนเข้ามาทักทายโจ้กับธามอย่างคุ้นเคย และตอนนี้ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาต้องหยุดมองและหยุดคิดเรื่องราวต่างในหัว...พี่ผา

ความรู้สึกอย่างแรกที่แล่นเข้ามาคือความ...คิดถึง ตลอดเวลาที่เขาพยายามหลบหน้าคนๆนี้ พยายามหนีความรู้สึกต่างๆมากมาย แต่ความรู้สึกหนึ่งที่เขาไม่เคยหนีมันได้เลยคือ...คิดถึง  และตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าความรู้สึกตอนนั้นมันเทียบกับตอนนี้ไม่ได้เลย

ความรู้สึกที่เขาพยายามหนีมาตลอดมันประเดประดังเข้ามา จนเขาอยากเห็นแก่ตัวดึงรั้งผาไว้ให้มาอยู่กับคนต่ำต้อยอย่างเขา ที่เขามาด้วย...ก็แค่อยากเจอ ถ้ามีโอกาสได้คุยหรือขอโทษ เขาก็พร้อมจะทำ ถ้ามันไม่สายเกินไป...

"น้ำ...มาด้วยหรอ" ว่านเป็นคนเอ่ยถามก่อนจะขยับออกห่างจากผาเพื่อให้คนตัวเล็กได้นั่งลงข้างเพื่อนตัวเอง

"พี่ผา..." คนตัวเล็กเอ่ยเรียกคนข้างตัวเบาๆ คนถูกเรียกหันมามองทางต้นเสียง และก็พาลคิดไปว่าตัวเองคงเมาจนเพ้อเห็นน้ำเป็นแน่

ผาวางแก้วลงไม่สนใจภาพตรงหน้า เอนหลังพิงกับโซฟาก่อนจะหลับตาลงและพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา

คนตัวเล็กที่มองอยู่ก็ถึงกับหน้าเสียไป...กับการกระทำที่ผาเพิ่งเมินเขาไป มันคงสายไปแล้วสินะ ...คนตัวเล็กคิดแบบนั้นก่อนจะขยับออกไปนั่งข้างโจ้ที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง...ถ้ามันจะเป็นแบบนั้น เขาก็คงต้องยอมรับสินะ ดีซะอีก ที่คนต่ำต้อยอย่างเขาจะไม่ไปทำให้ชีวิตใครต้องแปดเปื้อน

"มันไม่ได้ไม่อยากเจอหน้าเราหรอก...มันแค่เมาน่ะ มันเลยกำลังคิดว่าตัวเองละเมออยู่" ว่านเอ่ยบอกกับคนตัวเล็กยิ้มเพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดี และอีกอย่างเขาก็อยากพูดให้คนตัวเล็กที่นั่งจิตตกอยู่นี่เลิกคิดมากด้วย

ผาที่เรียกสติตัวเองอยู่นานก็ลืมตามองข้างตัว คิดแค่เพียงว่าขอให้คนตัวเล็กนั่นยังนั่งอยู่ข้างๆ...แต่มันก็ไม่ เขาคงจะเพ้อเพราะเหล้าจริงๆนั่นแหละ

"ไอ้สัดทำหงอย น้องมันนั่งอยู่นู่น" วัชที่นั่งอยู่อีกฝากตะโกนขึ้นมาพร้อมกับพยักเพยิดหน้าไปทางโซฟาอีกฝั่ง ที่มีคนตัวเล็กนั่งอยู่...ไม่ได้เพ้อไปจริงๆสินะ 

"สติมึงยังอยู่ใช่มั้ยเนี่ยไอ้ผา" เขาพยักหน้าตอบให้วัชซึ่งเป็นคนถาม

"จะทำไรก็ทำ น้องมันจะร้องอยู่แล้วเนี่ยที่มึงเมินเขาน่ะ" พุ่มยังไม่ทันจะพูดจบ ผาก็ลุกพรวดไปดึงตัวน้ำออกมาจนถึงลานจอดรถ ถึงแม้จะมึนจนแทบจะเดินไม่ตรงทางแต่เขาก็ต้องรีบพาคนตัวเล็กนี่เดินออกมาให้พ้นสายตาลวมลามพวกนั้นโดยเร็ว ขนาดใส่แค่เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นเหนือเข่ากับรองเท้าผ้าใบสีขาวยังโดนมองขนาดนี้...ไม่อยากคิดถึงตอนที่ใส่ชุดอื่นเลย

ผารู้สึกมึนหัวจนต้องเอนตัวพิงรถ คนตัวเล็กเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปประคอง...

"พี่ผา...ไหวมั้ยครับ" คนตัวเล็กถามอย่างร้อนใจ ดูท่าทางแล้วคงมึนไม่ใช่น้อยเลย...แค่เห็นปริมาณขวดที่วางอยู่บนโต๊ะก็คงเดาได้ไม่ยากว่าผากินมันเข้าไปเยอะมากขนาดไหน

"คงขับไม่ไหว...เราขับได้มั้ย" 

"พอได้ครับ" น้ำขับรถได้ ตั้งแต่ตอนที่อยู่กับแม่ดาแล้ว เวลาจ่ายตลาดเพื่อซื้อกับข้าวมาทำอาหารให้น้องๆทาน พวกพี่โตๆในบ้านจะรับหน้าที่ขับรถไปกับแม่ดา หรือกับพี่เลี้ยง ธามขับเป็นเพราะแม่ดาไว้ใจและสอนให้ ส่วนเขากับโจ้ได้ธามสอนให้ คนอื่นๆที่ออกไปกับพี่เลี้ยง เขาก็จะสอนให้ เพื่อให้ออกมาใช้ชีวิตภายนอกได้...เขารับกุญแจจากผา หลังจากช่วยพยุงผาไปยังฝั่งนั่งข้างคนขับแล้ว พอได้จับพวงมาลัยเข้าจริงๆก็อดตื่นเต้นไม่ได้...เคยขับก็จริง แต่ไม่ใช่รถหรูแบบนี้

ถึงจะตื่นเต้นหรือกลัวว่าจะขับชนนู่นชนนี่ขนาดไหน เขาก็ขับรถหรูมาถึงคอนโดของผาได้อย่างปลอดภัยในที่สุด...รู้สึกผิดตงิดๆที่ขับโดยไม่มีใบขับขี่ แต่ก็เอาเถอะดีกว่าให้คนเมามาขับก็แล้วกัน

พอจอดรถเรียบร้อยคนตัวเล็กก็ลงไปช่วยพยุงผาลงจากรถเพื่อขึ้นห้อง ผาส่งกระเป๋าตังค์ที่มีคีย์การ์ดมาให้เขาใช้สแกนเข้าไป...ทันทีที่เขาปิดประตูเสร็จและหันกลับมา คนตัวเล็กก็โดนสวมกอดจากร่างสูงเสียจมอก

...คนตัวเล็กกอดตอบร่างสูงไปพร้อมๆกับซบหน้าลงกับอกแกร่ง จมูกที่แทบจะจมหายไปกับอกแกร่งได้กลิ่นจางๆของน้ำหอมกลิ่นประจำตัวผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ทั้งๆที่มันน่าจะเหม็นแต่กลับหอมอย่างน่าหลงใหล

"พี่ขอโทษ/น้ำขอโทษ..." คำพูดที่เอ่ยออกมาพร้อมกันหลังจากที่นิ่งเงียบกันไปอยู่นาน ทำให้คนทั้งคู่แอบยิ้มให้กับตัวเองที่มีความคิดตรงกันขนาดนี้...

ผาคลายกอดออกมามองหน้าคนในอ้อมแขน ใบหน้าที่เคยสดใสกลับดูโทรม ตัวที่ผอมอยู่แล้วมาได้กอดคราวนี้กลับผอมไปกว่าเดิมมาก

ผาไล้มือแกร่งไปตามใบหน้าที่ที่เคยสดใสกว่านี้อย่างนึกโทษตัวเอง

"ที่เป็นแบบนี้...เพราะพี่ใช่มั้ย" คนตัวเล็กไม่ตอบได้แต่หลบตาคมที่มองมา

"พี่ขอโทษนะครับ..." คนตัวเล็กเงยหน้ามองสบกับดวงตาคม

"น้ำต่างหากที่ต้องขอโทษ...น้ำผิดเองที่งี่เง่าไร้สาระ..." 

"ถ้าพี่ทำให้น้ำมั่นใจ...มันก็คงไม่เป็นแบบนี้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะพี่ไม่ชัดเจนและไม่เคยทำให้เรามั่นใจที่จะยืนอยู่ข้างพี่เลย..."

"..."

"พี่ขออะไรหน่อยได้มั้ย..." ผาเอ่ยถามเสียงนุ่ม ทั้งๆที่ยังคงกอดเอวคนตัวเล็กเอาไว้หลวมๆ คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับคำขอนั้นช้าๆ...

"ต่อจากนี้ไปพี่อยากให้เรามั่นใจที่จะยืนข้างพี่ อยากให้แคร์แค่พี่ ฟังแค่ที่พี่จะพูด ดูในสิ่งที่พี่จะทำ และเปิดใจให้พี่คนเดียว...พี่ขอมากไปรึเปล่า" ผายกมือขึ้นเกลี่ยแก้มนิ่มไปพลาง

"ม ไม่ครับ" คนตัวเล็กเสตาหลบไปชั่วครู่หนึ่งเพื่อจะสลัดความเขินที่กำลังพุ่งขึ้นก่อนจะหันมาสบตาคมเช่นเดิม...

"...แล้วทำได้มั้ย" เสียงนุ่มทุ้มที่เอ่ยออกมากับสายตาคมกล้าที่มีแต่ความอ่อนโยนนั่นทำให้น้ำแทบทรุด

"ด ได้ ...ได้ครับ" คำพูดตะกุกตะกัก ไหนจะแก้มใสที่ขึ้นสีแดงเรื่อนั่นอีกทำให้คนมองอยู่อดที่จะยิ้มให้กับความน่ารักนี้ไม่ได้...ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ

"...ที่ผ่านไปแล้วให้แล้วไป เรามาเริ่มกันใหม่ ...เนอะ" เป็น 'เนอะ' ที่ดาเมจรุนแรงที่สุดในชีวิตของน้ำแล้ว สายตาอ้อนๆ น้ำเสียงอ้อนๆ ทำให้เขาเอ่ยตอบตกลงได้อย่างไม่ยากเย็นเลยสักนิด ท่าทางน่ารักของคนตัวเล็ก ทำให้ผาอดใจไม่ไหวก้มลงประกบปากสีแดงสดนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว มือที่กอดเอวหลวมๆในคราแรกก็กอดรัดแน่นขึ้นจนแนบชิดสนิทกัน 

ริมฝีปากร้อนค่อยขบแม้ม ลิ้มเลียริมฝีปากสีสดไปมาเบาๆ ก่อนจะส่งลิ้นเข้าโพรงปากที่เปิดรับเขาอย่างยินดี เพื่อให้เขาได้ฉกชิมความหวานอย่างเต็มที่

ลิ้นร้อนไล่ควานไปทั่วโพรงปากอย่างโหยหาและแสนคิดถึง คนในอ้อมแขนรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้ดี เพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน สองแขนเรียวถูกยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งอย่างหาที่ยึด เพราะเขาแทบจะยืนไม่อยู่กับจูบแสนเร่าร้อนที่ร่างสูงมอบให้กับเขา

สองแขนแกร่งยกตัวคนตัวเล็กขึ้นมา จนคนตัวเล็กเป็นฝ่ายต้องก้มลงไปจูบแทน...คนตัวเล็กผละออกมามองใบหน้าคมเข้มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเป็นฝ่ายก้มลงประกบปากเสียเอง

คนตัวเล็กไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเองนั้นถูกพาไปที่ใด จนกระทั่งแผ่นหลังบางสัมผัสได้ถึงความอุ่นนุ่ม นั่นก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าตัวเองนั้นถูกพามาที่ใด...ห้องนอน

ผาละจากริมฝีปากอิ่มสีสด ไปยังใบหูก่อนจะจุ๊บเบาๆจนเกิดเสียง ที่ทำให้คนตัวเล็กถึงกับสติกระเจิง ความเสียวแล่นปร๊าดไปทั่วร่าง ผาไล่ต่ำลงไปยังซอกคอหอมกรุ่น ลิ้นร้อนลากเลียชิมไปทุกตารางนิ้ว ทำให้คนตัวเล็กหลุดเสียงอันน่าประหลาดออกมา แต่สำหรับผาแล้วมันเซ็กซี่น่าฟังมากเสียจนกลางกายขยับตัวตื่น

ผากดจูบลงไป ก่อนจะขบเม้มเบาๆพอให้เกิดรอย แล้วผละออกมามองอย่างชื่นชม คนตีวเล็กกัดปากแน่นใบหน้าแดงแจ๋ จนเขาต้องเลื่อนตัวขึ้นประกบปากอย่างน่าหมั่นเขี้ยว

มือทั้งสองก็เริ่มทำหน้าที่...คอยเลิกเสื้อยืดสีดำขึ้นมาจนเผยหน้าท้องขาวแบนราบ เขาค่อยๆผละจากริมฝีปาก ไล่จูบลงมาจนถึงบริเวณหน้าท้องแบนราบ ที่พอมีกล้ามเนื้ออยู่นิดหน่อย ลมหายใจร้อนผ่าวที่ลากผ่านไปตามผิวเนื้อทำให้คนที่สัมผัสถึงมันถึงกับขนลุก ท้องน้อยบิดมวนอย่างไม่เคยเป็น...

ผาลอบมองปฏิกิริยาของคนตัวเล็กที่หลับตาพริ้มเชิดหน้าขึ้นอย่างพอใจ ค่อยๆก่มลงจุ๊บบริเวณรอยบุ๋มกลางท้องจนเกิดเสียง...

"อ๊ะ..." การกระทำนั้นเรียกเสียงจากคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี 

ร่างสูงจุ๊บสูงขึ้นเรื่อยๆ มืออีกข้างก็ทำหน้าที่เลิกเสื้อขึ้นไปด้วย จนในที่สุด ตุ่มไตสีชมพูอ่อนก็ปรากฎแก่สายตา /คนตัวเล็กที่ตื่นเต้นกับการกระทำนี้ก็เฝ้ามองอย่างลุ้นๆ ว่าผาจะทำอย่างไรต่อไป ผารู้ถึงการจ้องมองตนจากคนตัวเล็กจึงมองตอบกลับไปอย่างมีนัยแฝง จนคนตัวเล็กต้องเบนสายตาหนีเพราะทนเขินสายตาคู่คมนั่นไม่ไหว

ดวงตากลมโตคู่สวยสั่นระริกจนผาจับความรู้สึกกังวลมากมายได้ เขาเคลื่อนหน้าขึ้นไปให้อยู่ในระดับเดียวกันก่อนจะมองลึกลงไปในแววตา...

"กลัวรึเปล่า..." ผาถามคนตัวเล็กเสียงนุ่มพร้อมกับค่อยๆ ควบคุมอารมณ์ดิบที่ปะทุขึ้นไม่ให้มากขึ้นไปกว่าเดิม

คนตัวเล็กนิ้งเงียบไป เม้มปากแน่นอย่างใช้ความคิด...น้ำกำลังกลัว ว่าหลังจากเหตุการณ์ หลังจากที่เขาลืมตาตื่นในวันพรุ่งนี้ข้างกายของเขามันจะว่างเปล่า...ตลอดไป

"...พี่ขอโทษคนดี" ผาก้มลงจุ๊บปากอิ่มไวๆ ก่อนจะดึงเสื้อลงอย่างเดิมแล้วผละออกไปนั่งปลายเตียง คนตัวเล็กลุกขึ้นคุกเข่าสวมกอดผาเอาไว้จากทางด้านหลังใบหน้าสวยซบลงบนลาดไหล่

"ไม่เห็นต้องขอโทษเลย..." น้ำว่าเสียงอู้อี้

"ต้องขอโทษสิ พี่ทำคนดีอึดอัดนะ...พี่ไม่ทำหรอกเพราะคนดีไม่พร้อม เนอะ..." ผาว่าอย่างตัดใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พอใจอะไรแต่เขาแค่ไม่อยากบังคับฝืนใจ...เอาแต่อารมณ์ตัวเอง

ปึก!!

น้ำฟาดเข้าไปที่อกแกร่งหนึ่งทีก่อนจะผละออกมาหน้ามุ่ย ผาหันตามมาพลางลูบอกตัวเองป้อยๆ เพราะที่ฟาดมาเมื่อกี้ก็แสบอยู่เหมือนกัน ก่อนจะยืนแขนข้างหนึ่งไปกอดเอวเล็กเอาไว้หลวมๆ

"ไม่ต้องมานงมาเนอะกับน้ำเลย ...น้ำเคยบอกรึไงยังว่าไม่พร้อมอ่ะ เคยบอกรึไงว่าอึดอัดอ่ะ..." เป็นประโยคที่ผาต้องทวนอย่างอึ้งๆ

"รู้ใช่มั้ย ว่าพูดอะไรออกมา" ผายืดตัวขึ้นชิดใบหูพร้อมกับเอ่ยเสียงแหบพร่า ทำให้คนฟังขนลุกซู่ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก อย่างนึกขึ้นได้ว่าประโยคเมื่อครู่มันไม่ต่างอะไรกับเชิญชวนเลยสักนิดเดียว

ผาผละออกมามองกิริยาน่ารักๆนี่ให้เต็มตา ไม่อยากจะเชื่อเพียงแค่กิริยาน่ารักๆนี่ก็ทำให้กลางกายขยับตัวตื่นเต็มที่อย่างฉับพลัน...น่ากดให้จมเตียงจริงๆ!

แววตาพราวระยับอย่างเจ้าเล่ห์แบบที่น้ำไม่เคยเห็นมาก่อน เล่นเอาหนาวๆร้อนๆชอบกล แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วเขาก็ไม่ถอยหรอกน่า น้ำลดมือที่ปิดปากออกก่อนจะก้มลงจุ๊บปากร่างสูงหนึ่งทีแรงๆ แต่ยังไม่ทันได้ผละออกผาก็จับหน้าเขาไว้ เปลี่ยนมาคุกเข่าเหมือนเขาแทน

ลิ้นร้อนบุกรุกเข้ามาชิมความหวานอีกครั้ง เกี่ยวกระหวัดกันไปมาจนได้ยินเสียงของความชื้นแฉะ ...จากเร่าร้อนแทบแผดเผาให้เป็นจุลแปลเปลี่ยนเป็นอ่นโยนเสียจนเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ หวาบหวามจนมวลท้องน้อยไปหมดจนกลางกายคนตัวเล็กตื่นตัว...

ร่างสูงกดจูบลงต่ำมาเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งรั้งเสื้อขึ้นจนไปกองอยู่ที่คอ ตุ่มไตสีอ่อนที่เมื่อครู่มองสำรวจอยู่นาน มาคราวนี้ก็เลยไม่ต้องเสียเวลาสำรวจตรวจดูอะไร ...ปากร้อนจึงครอบครองลงไปอย่างไม่ลังเล ดูดดึงจนแข็งเป็นไตก็ผละมาอีกข้าง

...คนตัวเล็กที่โดนกระทำ รู้สึกเหมือนกระแสไฟแล่นไปทั่วทั้งตัว สติกระเจิดกระเจิงกันไป แอ่นอกขึ้นรับริมฝีปากร้อน นิ้วเรียวสวยสอดเข้าใต้เรือนผมจิกขยุ้มบางทีเพื่อระบายความเสียวซ่านที่วิ่งวนอยู่ทั่วร่าง...เสียงครางกระเส่าที่หลุดออกมาอย่างไม่ปิดกั้น ทำให้ร่างสูงเองแทบจะน่ามืดจับกดให้จมเตียงเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เขารู้ดีว่าต้องใจเย็น

เสื้อเริ่มจะเกะกะสำหรับผา จึงถอดออกไปจากร่างเล็ก แล้วค่อยๆให้น้ำนอนราบลงไป ...ร่างกายขาวสะอาด ทีบัดนี้มีรอยคิสมาร์คของเขาเต็มไปหมด ...คนตัวเล็กมือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข ลูบไปทั่วแผงอกแกร่งภายใต้เสื้อผ้าเนื้อดี...พลางคิดในใจว่าเมื่อไหร่จะถอดมันออกเสียที แต่ก็เขินเกินกว่าจะเอ่ย...

ผาเริ่มลงไปยุ่มย่ามกับกางเกง มืออีกข้างหนึ่งทำหน้าที่สะกิดตุ่มไตไปมาเพื่อสร้างความรัญจวนให้มิห่ากายเล็ก อีกมือก็ทำหน้าที่ปลดเปลื้องกางเกงให้พ้นทางจนเหลือเพียงอันเดอร์แวร์สีขาวตัวเดียว 

ผามองส่วนอ่อนไหวที่คับแน่นภายใต้อันเดอร์แวร์ด้วยสายตาพราวระยับ ก่อนจะเหลือบขึ้นมองคนขี้เขินและจุ๊บลงเบาๆตรงส่วนอ่อนไหวทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากกัน...การกระทำนั้นแทบทำให้น้ำหน้ามืด เนื้อตัวแดงแจ๋ เพราะความเขินขั้นสุด

ผาถอดรั้งอันเดอร์แวร์ออกไปจากตัว ทำให้เห็นส่วนสวยกลางกาย ...ผาจ้องมองสำรวจทั่งไปหมดจนคนตัวเล็กทนเขินสายตาผาไม่ไหวจึงยกมือขึ้นปิดหน้าเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อร่างสูงเพื่อขอร้อง...

"...พี่ผา" 

"ครับ ที่รัก"

ฉ่า!!

ผาผละออกมาขานรับเสียงแหบพร่า ที่ฟังแล้วเซ็กซี่สุดๆ ใครเขาให้เรียกแบบนี้กันเล่า ถ้าหัวใจวายตายใครจะรับผิดชอบ...ฮืออ~ เขินง่ะ >//<

"ม ไม่มอง...ได้มั้ยง่า" คนตัวเล็กเอ่ยขอเสียงอู้อีทั้งๆที่มือยังปิดหน้าอยู่ ร่างสูงอมยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วค่อยจับมือที่ปิดหน้าสวยออกและกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มหนักๆไปหนึ่งที ร่างสูงไม่ตอบอะไร พรมจูบไปทั่วใบหน้าแล้วลงมายังตุ่มไตสีอ่อน ขบเม้มดูดดึง จนคนใต้ร่างเสียวสะท้าน สองมือปัดป่ายไปทั่วกายขาว บีบเคล้นตามแรงอารมณ์ที่ประทุขึ้นยามเสียงครางกระเส่าถูกเปล่งออกมา

ผาผละออกมายืดตัวขึ้นก่อนจะค่อยปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองออกอย่าใจเย็น สายตาคู่คมมองสบดวงตาสวยที่บัดนี้ปรือปรอยเพราะแรงอารมณ์ 

เสื้อผ้าถูกปลดออกไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว ทำให้คนตัวเล็กมองสำรวจได้เต็มตาอย่างชะล่าใจ มองไล่ลงมาตั้งแต่ใบหน้าคม แผงอกแกร่ง หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเรียงเป็นลอนสวย...และส่วนที่ต่ำลงมานั้นคนตัวเล็กก็มองมันอย่างเขินอายจนตัวแดงแจ๋ แต่ก็ไม่ยอมละสายตาไปไหน

ผาที่มองดูอยู่นั้นก็ถึงกับเขินขึ้นมาเสียเอง จับมือเรียวให้มาวางที่กลางกายร้อนผ่าว ...คนตัวเล็กชะงักมือไว้ในคราแรกแต่ก็ยอมกอบกุมมันอย่างตามใจ ผาขยับมือเขาให้เลื่อนขึ้นลง ก่อนจะเปล่งเสียงครางต่ำออกมาคล้ายกับพอใจ

ผาปล่อยมือออกเปลี่ยนมากอบกุมส่วนอ่อนไหวของคนตัวเล็กแทน และทำเช่นเดียวกันกับที่คนตัวเล็กกำลังทำให้เขาอยู่ น้ำสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกกระตุ้นโดยฝ่ามืออุ่น ความเสียวซ่านเข้าทำงานอย่างเต็มที่ ความรู้สึกพลุ่งพล่านอย่างไม่เคยเจอมาก่อน เสียงอืออาฟังไม่ได้ศัพท์ถูกเปล่งออกมาจนทำให้สิ่งที่น้ำกำลังกอบกุมอยู่ขยายตัวจนกำไม่มิด

ขาเรียวทั้งสองข้างถูกช้อนใต้ข้อพับให้ตั้งขึ้น เผยให้เห็นส่วนอ่อนไหวด้านหลังสีสด ที่ขมิบเหมือนรออะไรบางอย่าง คนตัวเล็กที่เห็นว่าร่างสูงมองอยู่ก็หุบขาเข้าหากันอัตโนมัติ

ผาจับขาทั้งสองแยกออก ข้างหนึ่งถูกยกขึ้นพาดบ่าแกร่งเอาไว้ ก่อนที่ผาจะค่อยๆไล่จูบลงมาเรื่อยๆจนถึงขาอ่อน ก่อนจะขบเม้มสร้างรอยสีกุหลาบ

"อ๊า~" มือข้างที่ยังว่างอยู่กอบกุมส่วนอ่อนไหว รูดขึ้นลงอย่างใจเย็น ก่อนจะเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้น...

"อ๊ะๆ ...พ พี่ผา อึก อ๊ะ...น้ำ ไม่ไหว อ๊าา~" คนตัวเล็กกระตุกเกร็งสองสามครั้งก่อนที่น้ำสีขุ่นจะถูกฉีดพ่นออกมาจนเลอะหน้าท้องและมือของผาเต็มไปหมด

ผาใช้มือที่มีความเปียกชื้นน้ำรักคนตัวเล็กป้ายไปที่ช่องทางด้านหลัง ก่อนจะค่อยๆกดนิ้วแกร่งลงไปหนึ่งนิ้ว...ความคับแน่น จุกเสียดเล่นงานจนคนตัวเล็กผวาเฮือก ทำให้ผาก้มตัวลงไปจูบปลอบ...

"ไม่เกร็งนะคะคนดี..." ความเคยชินเวลาพูดคะขากับน้องสาวหลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจซึ่งนั่นทำให้คนตัวเล็กเขินและผ่ินคลายลง เขาจูบซับหน้าผากมนพลางค่อยๆขยับนิ้วมือ ผนังอ่อนนุ่มตอดรัดที่รัว ทำให้กลางกายแข็งขืนจนปวดหนึบไปหมด ...เขาเคลื่อนนิ้วจนช่องทางคุ้นชินจึงค่อยๆเพิ่มเข้าไปอีกนิ้ว และ...อีกนิ้ว ความจุกเสียดแล่นพล่านไปทั่วช่องทาง

"อ๊ะ อ๊า...เจ็บ" คนตัวเล็กร้องออกมาว่าเจ็บแต่เสียงครางกระเส่าที่นำมาก่อนนั้นเป็นตัวยืนยันได้ดีว่าเสียวมากกว่า ร่างสูงยิ้มเอ็นดูก่อนจะพรมจูบไปทั่วขาขาว พร้อมกับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น หมุนวนหาจุดเสียว

"อ๊า!" คนตัวเล็กกระตุกเกร็งจนผายิ้มกริ่ม กดย้ำๆที่จุดนั้นอีกสองสามที ก่อนจะค่อยๆถอนนิ้วออกมา

"ถ้าทนไม่ไหวบอกผานะคะ...ไม่ต้องฝืน" เสียงนุ่มทุ้มกระซิบบอกอย่างอ่อนโยน มอบจูบอันแสนอ่อนหวานนุ่มนวลจนคนใต้ร่างเคลิ้มไป ค่อยๆจับขาพาดบ่าแกร่ง...ก่อนจะค่อยๆสอดใส่ส่วนใหญ่โตเข้าไป 

"อ๊ะ!! ...อึก น้ำเจ็บ" ผาผละจูบออกมาเพื่อมองคนใต้ร่าง น้ำสีใสไหลลงเป็นทางที่หางตา นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เบาๆ

"ไหวมั้ย...พอแค่นี้ได้นะ พี่ไม่เป็นไร" เขาก้มลงจูบซับที่หางทั้งสองข้าง กำลังจะถอนตัวออก แต่คนใต้เอาขาตวัดเกี่ยวรอบเอวเขาไว้เสียก่อน

"น้ำ อึก...เชื่อใจพี่ผาได้ใช่มั้ย" คำถามที่ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับทำให้คนฟังใจเต้นไม่เป็นส่ำ ...ที่ผ่านมาเวลาเขามีอะไรกับใคร เขาไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของอีกคน เขาไม่เคยแคร์ว่าอีกคนจะเป็นอย่างไร...แต่กับน้ำ เขากลับแคร์ เขากลับกลัวว่าถ้าหากทำให้คนตัวเล็กเจ็บและฝังใจ จนกลัวรสสัมผัสของเขามันคงแย่กว่าอะไรทั้งปวง...ในขณะที่เขาแคร์ คนตัวเล็กกลับให้ความเชื่อใจในตัวเขา...ถ้าผมจะรักเขาคงไม่ผิดอะไรใช่มั้ยครับ

ผาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่จูบซับไปทั่วบริเวณใบหน้า เขาใช้มือข้างหนึ่งรูดชักส่วนอ่อนไหวนำพาอารมณ์คนตัวเล็กอีกครั้ง มอบจุมพิตอ่อนหวานให้ ....ก่อนจะค่อยๆดันส่วนกลางกายของตัวเองเข้าไปจนสุดความยาว

เสียงหอบหายใจหนักๆของคนทั้งคู่ ดังอยู่ทั่วทั้งห้อง น้ำตาสีใสไหลลงหางตาอีกครั้งด้วยความเจ็บ...ร่างสูงแช่นิ่งเอาไว้อย่างนั้นเพื่อให้คนตัวเล็กได้ปรับตัว...กรามแกร่งขบแน่จนขึ้นเป็นสันเพื่อสะกดกลั้นแรงอารมณ์ไม่ให้กระโจนจ้วงลงไปจนคนตัวเล็กเจ็บตัว ผนังนุ่มตอดรัดอย่างบ้าคลั่งจนเขาเองก็แทบจะคลั่งตามอยู่แล้ว

"พ พี่ผา..." น้ำเรียกก่อนจะเม้มปากตัวเองแน่น

"ข ขยับหน่อย" เขายิ้มให้กับคำขอของคนตัวเล็ก ก้มลงไปหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ ก่อนจะเริ่มขยับให้แทนคำตอบ มือข้างหนึ่งก็รูดรั้งแกนกายสวยไปด้วย

"อ่าาา...แน่นมากเลย" เขาพูดไปจ้องหน้าคนตัวเล็กไป จนแก้มใสขึ้นสีเรื่อน่ารักจนอดไม่ไหวก้มลงหอมทั้งสองข้างไปฟอดใหญ่ๆ

ผาสอดจับข้อพับทั้งสองข้างก่อนจะดันแยกออกจนแทบชิดอกแล้วขยับในจังหวะช้าๆ...เขาอยากจะใส่สุดแรงแต่ก็กลัวว่าคนตัวเล็กจะรับไม่ไหว

"อ เอ่อ...พี่ผา" 

"ครับ" ผมรับคำ เร่งจังหวะขึ้นอีกนิดอย่างทนไม่ไหวแต่ก็ไม่ได้เร็วหรือแรงอะไร

"เอ่อ คือ...อ๊ะ!" "อะไรคะคนดี" ก้มลงหอมแก้มนิ่มไปอีกฟอด

"ร เร็ว ...เร็วๆได้มั้ย" ผาได้ฟังถึงกับชะงักก่อนจะยิ้มออกมา ก้มลงจุ๊บใบหู

"ตามบัญชาครับที่รัก"



พั่บๆๆ ๆๆๆ

"อ๊ะๆ พ พี่ผา อื้อ~" คนตัวเล็กยังไม่ทันได้เขินกับคำพูดด้วยซ้ำไป แรกกระแทกจากสะโพกสอบก็ทำให้สติกระเจิงไปคนละทาง

ร่างบางสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก สองมือเรียวจิกครูดไปกับแผ่นอกแกร่งอย่างระบายความเสียวซ่าน

"อ่าา ที่รักแน่นมาก อืมมม..." แก้มใสขึ้นสีแดงเรื่อเพราคำพูดของผาอย่างหน้ารัก...คนอะไรขี้เขินเสียจริง

ผาหยุดขยับสะโพก แล้วค่อยๆจับตัวคนตัวเล็กให้พลิกคว่ำในท่าที่เรียกว่าด็อกกี้ สะโพกสวยลอยเด่น ช่องทางขมิบรออะไรบางอย่างเห็นแบบนั้นก็อดใจที่จะสอดเข้าไปรวดเดียวจนสุดไม่ได้

"อื้ออ!...ลึก ลึกเกินไป" คนตัวเล็กฟุบหน้าลงไปกับหมอนคล้ายกับหมดแรง ผาเลยจับแขนคนตัวเล็กให้ขึ้นมาจนแผ่นหลังขาวเนียนแนบชิดกับอกแกร่ง แล้วค่อยๆขยับซอยสะโพกเริ่มจากช้าๆ เป็นรัวเร็ว จนคนตัวเล็ครางไม่เป็นภาษาเพราะความเสียวซ่าน

มือทั้งสองข้างของร่างสูงก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี อีกข้างหนึ่งบีบขยี้ที่เม็ดทับทิบสีอ่อน อีกข้างก็ทำการรูดรั้งส่วนอ่อนไหว ผนังนุ่มตอดรัดเสียจนแทบจะทนไม่ไหว

"อ๊ะ!! ต ตรงนั้น" เสียงหวานแหบแห้งร้องครางสุดเสียง ร่างสูงกดจูบซอกคอหอมก่อนจะปล่อยน้ำให้ฟุบลงไปกับหมอนใบใหญ่ แล้วกระหน่ำซอยย้ำลงไปจุดเดิมอย่างรัวเร็ว

"อ๊ะ อ๊ะ จ จะเสร็จ พี่ผา..." 

"อีกนิดครับ อืมมม..." เขากระแทกซอยรัวเร็วอีกไม่กี่ที ทั้งสองคนตัวกระตุกเกร็งพร้อมกับปล่อยน้ำสีขุ้นออกมาพร้อมกัน

"อื๊อออ~ / อ่าาห์~" เสียงแห่งความสุขสมดังสอดประสานกันทั่วทั้งห้อง

คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนราบไปกับเตียงอย่างอ่อนแรง คนที่คร่อมอยู่ด้านบนก็ตามลงไปทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมติดกัน ผาก้มลงพรมจูบแผ่นหลังเนียนขาวพร้อมกับเม้มทำรอยสีกุหลาบเอาไว้อย่างหลงใหล สูดดมกลิ่นหอมไปทั่วทั้งตัวอย่างกับคนโรคจิต...

เสียงหอบหายใจยังคงดังอยู่ที่คนหายใต้ร่าง เขายังไม่ยอมถอนตัวออกไป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้คิดเอาไว้รอบเดียวคงพอ ไม่อยากรังแกเสียจนป่วยเอา...แต่มาตอนนี้ เปลี่ยนใจแล้ว ต่อให้ไม่สบายหนักแค่ไหน หรือลุกเดินไม่ได้ เขาจะดูแลเอง

"ไหวหรือเปล่าเบเบ้..." เขาพูดขำๆก่อนจะขบที่ใบหูเล็กเบาๆอย่างหยอกล้อ ก่อนจะขยับสะโพกเบาๆ ทำเอาคนใต้ร่างส่งเสียงอืออา

"คนแก่ขี้หื่น" น้ำบ่นกระปอดกระแปด...บ่นไปแบบนั้นแล้วรอดหรือ? ก็เปล่านี่

ผาจัดการเผด็จศึกไปอีกสี่รอบถ้วน ก่อนจะอาบน้ำ ล้างชำระคราบคาวออกเพื่อให้คนตัวเล็กนอนสบายตัวและให้กินยาแก้ไข้ดักไว้...จนตอนนี้คนตัวเล็กก็หลับไปแล้วเพราะความอ่อนเพลียจากการที่เขาเอาแต่ใจรังแกคนตัวเล็กมากไปหน่อย

เขารีบจัดการตัวเองบ้างเพื่อมานอนกอดคนตัวเล็ก ผาลูบหัวน้องก่อนจะก้มลงหอมแก้มใสไปฟอดใหญ่ ทำให้คนตัวเล็กร้องอืออาออกมาอย่างไม่พอใจที่มารบกวนการนอน...ผาล้มตัวลงนอนข้างกัน ดึงตัวน้ำเข้ามากอดเอาไว้แนบอกอย่างนึกหวงแหน พลางนึกไปถึงคำถามของป๊าที่ถามเขาไว้...วันพรุ่งนี้เขาจะกลับไปตอบคำถามของป๊าอย่างมั่นใจ...และคนในอ้อมกอดเขาจะต้องได้รับรู้มันในเร็วๆนี้แน่นอน


.



.



"ฝันดี...ที่รัก"








...100%..

...To Be Continued...

Talk
- แอร๊ยยยยยย~ ดีมั้ยไม่รู้ งงมั้ยไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยตอนนี้ แงงงง~
- เขาหมดสต็อคละนะตัวเอง จะเข้าสู่มิติการดองละนะ5555 อย่าเพิ่งหนีหายกันไปไหนนาจาาา


หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.18] [23.12.2017 : 23.21]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 24-12-2017 19:00:04
เดินเรืรองรวดเร็ว ดีมากเลยค่า อจ.สว.ท่านนั้นต้องเป็นคุณย่าคุณยายน้องน้ำแน่เลย
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.18] [23.12.2017 : 23.21]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 02-01-2018 21:58:56
Episode 19





...คนตัวเล็กขยับตัวตื่น เพราะว่าความรู้สึกอบอุ่นที่ซุกตัวอยู่ตลอดคืนนั้นหายไป แต่ก็ขยับได้เพียงเล็กน้อย เพราะความปวดร้าวที่สะโพกแล่นริ้วขึ้นมาอย่างฉับพลันทำให้ร่างเล็กต้องนอนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น มือเล็กปัดป่ายไปทั่วบริเวณที่เคยมีร่างแกร่งนอนกอดก่ายกันอยู่ ความเย็นชืดของพื้นผิวเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าคนที่เคยนอนอยู่ได้ลุกออกไปนานแล้ว

...ความร้อนผ่าวบริเวณกระบอกตา ทำงานเร็วพอๆกับความรู้สึก ทั้งที่เปลือกตายังไม่ทันได้เปิดขึ้นมา น้ำสีใสก็ไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ...หัวใจดวงน้อยปวดแปลบอย่างกับมีมือปริศนามาบีบเคล้น อย่างจะให้มันสลายไปคามือ ...เขาอยากให้ความเย็นชืดของที่ว่างข้างตัวเป็นแค่ความฝัน อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นสิ่งที่เขาแค่ฝันไป แต่ความเจ็บตรงสะโพกก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...มันคือเรื่องจริง ...และสิ่งที่เขากลัว กลัวว่าตื่นขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์นั้น ข้างตัวของเขามันจะมีแต่ความว่างเปล่า และมันก็ว่างเปล่าจริงๆ

...คนตัวเล็กกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสง ฝืนขยับตัวลุกขึ้นนั่งหัวเตียง กวาดสายตามองไปรอบห้อง โทรศัพท์และกระเป๋าตังที่เคยวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว...ถ้ามีเงินสดหรือเช็ควางอยู่หัวเตียง เขาคงไม่ต่างกับถูกพี่ผาซื้อมาระบายความใคร่เลยสักนิด ...คนตัวเล็กขยับตัวลงจากเตียง น้ำตาไหลอาบสองแก้มใส อย่างน่าสงสาร...ถึงตอนนี้จะสงสัยว่าผาหายไปไหน หนีเขา รังเกียจเขา หรือจะทิ้งไปเพราะว่าเขามันง่าย เขาก็ไม่คิดจะถามให้มากความ... ...ก้าวลงมายังไม่ทันที่จะก้าวเดินไปไหน แข้งขาที่อ่อนแรงจากกิจกรรมเมื่อคืนก็ทำให้ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นเพราะความไม่ระวัง



ตุ้บ!!


"น้ำ!!" น้ำเสียงนุ่มที้มที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกชื่อคนที่กองกับพื้นอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเข้ามาประคองคนตัวเล็ก...แต่น้ำตาที่ไหลเลอะสองแก้มใสก็ทำให้เขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก

"น้ำ...คนดี ร้องไห้ทำไม เจ็บหรอ..." ผาถามออกมาอย่างรนราน มือไม้เหมือนจะสั่นไปหมด ...อะไรวะ แค่น้ำตาโว้ยไอ้ผา ตั้งสติสิตั้งสติ

...คนตัวเล็กที่เห็นการกนะทำที่ดูแสนจะห่วงกันก็ยิ่งทำให้ร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ สะอื้นฮัก น้ำตาไหลพรากคล้ายจะไม่ยอมหยุดกันง่ายๆ นั่นยิ่งทำให้ผารนรานหนักเข้าไปอีก

"คนดี...ไม่เอาไม่ร้องได้มั้ย เป็นอะไรบอกผาหน่อยเร็ว..." ร่างสูงนั่งราบไปกับพื้นรวบตัวคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนตักแล้วสวมกอดเอาไว้แน่นอย่างใจเสีย ลูบหัวลูบหลัง โยกตัวคล้ายกับกล่อมเด็กน้อย กดจูบย้ำๆลงไปที่กลุ่มผมนิ่ม...ทำไมกัน ทำไมข้างในมันปวดหนึบขนาดนี้กันนะ

"..ฮึก พี่ผา...จะทิ้ง ฮึก .." หืม? 

"ใครบอก...หื้ม" ผาช้อนประคองแก้มนุ่มทั้งสองข้างให้เงยหน้ามองกัน ...ในใจก็พลางนึกสงสัยว่าคนตัวเล็กคิดได้ยังไงว่าเขาจะทิ้ง...

สองนิ้วโป้งแกร่ง ปาดไล้น้ำตาที่เลอะสองแก้มนุ่มออกให้อย่างเบามือ แต่ก็ยังไหลมาไม่ขาดสาย

"ตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว...ฮึก" พอได้ยินคำตอบ ผาก็กดจูบที่หน้าผากเนียนอย่างเอ็นดู...

"โอ๋นะคนดี ...คนดีร้องไห้เพราะคิดว่าผาจะทิ้งหรอคะ หื้ม" ผาพูดไปพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู สองมือประคองสองแก้มนุ่มที่ขึ้นสีแดงเรื่อเอาไว้ไม่ปล่อย

คนตัวเล็กพยักหน้าตอบช้าๆ หลุบสายตามองต่ำ นึกต่อว่าตัวเองในใจที่คิดอะไรไปเรื่อยอีกแล้ว...แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้อยู่ดี

"หึๆ พี่แค่ออกไปทำอาหารเอง ...ไม่ได้คิดจะทิ้งเสียหน่อย คิดไปเอง..." ร่างสูงยิ้มขำ ก้มลงจุ๊บเรียวปากสีสดที่เจ่อบวมหน่อยๆอย่างหมั่นเขี้ยว คนตัวเล็กซบหน้าลงกับอกแกร่งพร้อมกับกอดเอวสอบไว้แน่น การกระทำที่ดูแล้วเหมือนจะอ้อนอยู่ในทีทำให้อสูรกายน้อยที่หลับสนิทอยู่ตื่นตัวขึ้นมาได้ง่ายๆ 

...เสื้อเชิ้ตสีดำ ยาวปิดเพียงครึ่งเรียวขาสวยที่พาดเอวแกร่งเอาไว้ ทำให้สติแทบปลิวหาย...ยิ่งมาบวกกับความขี้อ้อนนี่เข้าไปอีก ยังดีที่เมื่อคืนเขาใส่อันเดอร์แวร์ที่เขาซื้อมาผิดไซต์ให้ด้วย ..เจอใครไม่รู้สึกอะไรให้เหยียบหน้าเลยจริงๆ

"น้ำขอโทษที่น้ำงี่เง่าอีกแล้ว มันไร้สาระมากเลย แต่...น้ำแค่ ไม่ชอบที่ตื่นมาแล้ว...ไม่เจอ" คนตัวเล็กพูดออกมาเสียงแผ่ว แต่ชัดเจนทุกคำ

มันก็สมควรที่คนตัวเล็กนี่จะร้องไห้เสียใจ หรือน้อยใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว...ใครๆก็ไม่อยากรู้สึกว่าถูกทิ้งหลังการร่วมรักหรอก จริงๆคนตัวเล็กอาจจะไม่ร้องไห้หรือคิดมากขนาดนี้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะพิษไข้ อุณหภูมิสูงกว่าปกติ ไหนจะลมหายยังอุ่นร้อนอีก ...เท่าที่รู้ผารู้จากโจ้ธามมาเวลาคนตัวเล็กไม่สบาย จะขี้อ้อนเอามากๆ แถมยังงอแงขั้นสุด

"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระเลย มันอยู่ที่ความใส่ใจของพี่ต่างหาก มีอะไรที่ชอบไม่ชอบก็บอกกันตรงๆเนอะ และอีกอย่าง...น้ำมีสิทธิ์งี่เง่าใส่พี่ได้ งอนได้ น้อยใจได้ จะหึงจะหวง จะวีนจะเหวี่ยงยังไงก็ได้ พี่ให้สิทธิ์เต็มที่..."

"และถ้าน้ำวีนใส่ล่ะ" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นถามตาใส ทำให้ผานึกหมั่นเขี้ยวก้มลงจุ๊บไปอีกหนึ่งที

"ได้ค่ะ" ดอกที่หนึ่ง

"และถ้าน้ำหึงล่ะ หึงกับทุกคนเลย..."

"นั่นพี่ชอบมากเลย อยากให้ที่รักหึงบ่อยๆ" ดอกที่สอง

"และถ้าน้ำงี่เง่าล่ะ พี่ผาจะรำคาญน้ำมั้ย" สายตาแบบนี้นี่ กำลังยั่วกันอยู่ใช่มั้ยเนี่ย...จับกดซะดีมั้ง

"ไม่รำคาญหรอกค่ะ ...เมียพี่ทั้งคน"  ตู้มม!!  ดอกที่สาม ระเบิดตัวตายไปเลย...มิทชั้นคอมพลีท ตายได้ตายไปแล้ว...

"บ บ้า ...ม เมีย เมออะไรเล่า" คนตัวเล็กพูดตะกุกตะกักอย่างขัดเขิน แก้มใสขึ้นสีแดงเรื่องอย่างน่ารัก จนผาอดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปฟัดให้ช้ำกันไปข้าง

"ก็จริง ...จำไม่ได้แบบนี้ต้องรื้อฟื้นซะแล้วมั้ง" ผาพูดก่อนจะก้มลงไปฟัดแก้มคนตัวเล็ก ไล่ลงมาที่ซอกคอหอมที่มีรอยรักของเขาเต็มไปหมด...เห็นแล้วมันก็ชื่นใจ

คนตัวเล็กหัวเราะคิกคัก เพราะจักจี้ไรหนวดที่กำลังขึ้นของร่างสูง สองมือปัดป่าย พยายามดันใบหน้าคมให้ออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผลเอาเสียเลย ในที่สุดก็หมดแรงเพราะว่าเหนื่อยกับการหัวเราะ จึงเปลี่ยนเป็นโอบรอบลำคอแกร่งไว้แทน

ร่างสูงแปลเปลี่ยนจากแกล้งฟัดเล่นๆ กลายเป็นทำเพราะอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นสูง สองมือแกร่งลูบไล้ไปตามเรียวขาสวย ไล่ขึ้นไปเรื่อยจนถึงเอวคอดก่อนจะหายเข้าไปในเสื้อสัมผัสกับผิวเนียนที่อุ่นกว่าอุณหภูมิปกติเล็กน้อย

เรียวปากได้รูปก็ฝากร่องรอยใหม่ ทับซ้ำลงไปรอยเดิมบ้าง สร้างรอยใหม่บ้าง...สองมือแกร่งยังทำหน้าที่ได้ดีโดยไม่ต้องกลัวว่าคนตัวเล็กจะเอนหงายหลังลงไป เพราะด้านหลังของคนตัวเล็กเอนพิงไปกับเตียง

สองมือลูบไล้สูงขึ้นเรื่อยๆ เสือตัวยาวเลิกขึ้นสูงตามไปด้วย นิ้วแกร่งลากไล้ไปรอบๆเม็ดทับทิมสีสด แต่ไม่ยอมขยับแตะมันเลยสักนิด คนตัวเล็กที่บิดส่ายไปมาเพราะความเสียวซ่านที่เริ่มโถมเข้าใส่ก็นึกหงุดหงิดในใจ อยากให้ร่างสูงครอบครองมันเสียที

ร่างสูงผละมือออกมา ปล่อยชายเสื้อลงก่อนจะปลดกระดุมออกเกือบหมดแผง แหวกสาบเสื้อออกกองลงที่ข้อศอก เผยให้เห็นไหล่เนียนทั้งสองข้างและตุ่มไตเม็ดเล็กสีสดทั้งสองข้าง ผาเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่ขมวดคิ้วเข้าหากัน ขบกัดปากล่างแน่นเหมือนกำลังสะกัดกั้นอะไรบางอย่าง

ร่างสูงค่อยๆก้มหน้าลงจนแทบชิดแผ่นอกเนียน แลบลิ้นเลียขบเม้ม ไปรอบๆตุ่มไตเม็ดเล็กที่ชูชันขึ้นมาเพราะแรงอารมณ์ สองมือเรียวสอดขยุ่มกลุ่มผมดำอย่างต้องการระบายความอัดอั้นภายใน

ร่างสูงรับรู้ได้ดีถึงความอึดอัดนั้น แต่เขาแค่อยากให้คนตัวเล็กพูดขอเขา พูดบอกความต้องการของตัวเองกับเขาออกมาก็เท่านั้น เขาต้องสงบสติตัวเองมากมายขนาดไหนเพื่อไม่ให้ครอบครอง

"พ พี่ผา อึก..." คนตัวเล็กเรียกเสียงแผ่ว

"หื้ม...ต้องการอะไรคะที่รัก"

"ผาใจร้าย..." คนตัวเล็กทำหน้าเบะ

"โอ๋ ไม่แกล้งละๆ ไปเข้าห้องน้ำกับผาเนอะ จะได้สบายตัว ฟอดดด!" ผาก้มลงหอมแก้มนิ่มไปฟอดใหญ่ ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปจัดการต่อในห้องน้ำ ซึ่งผาต้องอดใจไม่สอดใส่เข้าไปเพื่อให้คนตัวเล็กไม่สบายหนักไปมากกว่านี้



.



.



"หะ! อยู่กับไอ้ดินเนี่ยนะ!?" ผาวางช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากลงที่เดิม

หลังจากที่ทำภานกิจให้คนตัวเล็กเสร็จ เขาก็พากันออกมากินข้าวที่ผาอุตส่าห์ตื่นมาทำให้ตั้งแต่เช้า พอกินไปได้สักพัก เขาเลยได้โอกาสถามสิ่งที่เขาสงสัย...และก็นึกแปลกใจอยู่กับการที่คนตีวเล็กเขาว่า ช่วงที่หายไปอยู่ที่สระก็เจอกับพวกดินตลอด

"ช่าย..." คนตัวเล็กตอบทั้งๆที่ยังคงเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ดูน่าอร่อย

"โห มันทำตัวได้เนียนมาก ไม่บอกอะไรแถมยังทำเป็นช่วยหาอีก" ต้องมีเคลียร์ๆ ผาได้แต่นึกเข่นเขี้ยวไอ้เพื่อนตัวดีอยู่ในใจ ปล่อยให้เขาเป็นบ้าเป็นหลังตามหาอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ที่แท้ตัวมันก็รู้และไม่ยอมบอกกัน...

"ขอโทษครับที่ทำให้วุ่นวาย..."

"ช่างมันเถอะ ...พี่บอกแล้วไงว่าเริ่มใหม่ และหวังว่าคราวนี้คงไม่บอกเลิกพี่อีกนะ" ผาพูดพร้อมกับเริ่มยกถ้วยจานไปเก็บ เพราะเขากับคนตัวเล็กกินกันเสร็จแล้ว

"จะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว" คนตัวเล็กตอบเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะค่อยๆเดินตามเข้าไปยืนอยู่หน้าซิ้งค์ล้างจานเตรียมจะล้าง ร่างสูงที่เก็บกับข้าวเสร็จแล้วก็มายืนซ้อนด้านหลังก่อนจะหอมแก้มนุ่มไปฟอดใหญ่จนคนตัวเล็กต้องหดคอหนีเพราะรู้สึกจั๊กจี้หนวดที่เพิ่งขึ้นเป็นตอของร่างสูง

ผาจับตัวให้คนตัวเล็กหันหน้ามา ใช้แขนสองข้างยันกับซิ้งค์ล้างจานกั้นคนตัวเล็กเอาไว้ จ้องหน้าคนตัวเล็กไม่วางตา จนคนโดนจ้องหน้าร้อนวูบ

"จ จ้องน้ำทำไม" 

"เจ็บรึเปล่า" 

"จ เจ็บอะไรเล่า" ถึงจะรู้ว่าผาถามถึงอะไรแต่คนมันเขินเกินจะตอบได้ ก็กลบเกลื่อนทำเป็นไม่รู้เรื่องไปอย่างนั้น

ร่างสูงยิ้มเอ็นดูก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือมาลูบก้นกลมเบาๆ คนโดนจับถึงกับสะดุ้งตกใจตัวแข็งทื่อ 

"เจ็บมากรึเปล่า หื้ม" เสียงนุ่มทุ้มกระซิบถามย้ำข้างๆหู ที่ตอนนี้เป็นสีแดงแจ๋เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



เพี๊ยะ!

"ค ใครเขาให้ถามกันเล่า" คนตัวเล็กฟาดไปที่ไหล่คนถามหนึ่งทีแบบไม่เบาแรง

"เขินแล้วชอบทำร้ายพี่หรอ หื้ม ...พี่ก็แค่เป็นห่วงเห็นเขาบอกว่าครั้งแรกมันจะเจ็บมาก แล้วเมื่อคืนพี่ก็..." คนตัวเล็กมือขึ้นมาปิดปากร่างสูงอย่างไว กลัวว่าจะพูดอะไรออกมาที่จะทำให้เขาเขินมากไปกว่านี้ ผายิ้มขำคนตัวเล็กที่เอาแต่ทำหน้าตื่นๆ ไอ้ที่ฟาดมานั่นก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากนักหรอก 

"ก็...จ เจ็บ แต่..ไม่มากเท่าที่คิดไว้" ที่เขาเคยอ่านมา หรือฟังพวกเพื่อนผู้หญิงคุยกันมันเจ็บจนลุกเดินไปไหนไม่ได้..ถึงตอนนี้เขาจะเจ็บอยู่มากแต่ก็ไม่ได้แย่ถึงกับขั้นเดินไม่ได้

"แต่พี่ว่าน้ำมีไข้นะ...ไปนอนพักก่อนเนอะ" ร่างสูงพูดออกมาก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กขึ้นแล้วเดินตรงไปทางห้องนอน

"แต่จาน น้ำยังไม่ได้ล้างเลย"  "ตอนนี้คนดีต้องกินยาแล้วนอนพักก่อน เรื่องล้างจานเดี๋ยวคนดีจะได้ล้างมันทุกวันแน่นอน" ผาวางร่างเล็กลงบนเตียง แขนทั้งสองข้างค้ำเตียงคร่อมคนตัวเล็กไว้

"ล้างทุกวัน?"

"ช่าย ย้ายมาอยู่กับพี่นะ"

"ห้ะ?" คนตัวเล็กอุทานออกมา

"พี่โทรบอกไอ้ธามไว้แล้ว เดี๋ยวเย็นวันพรุ่งนี้มันจะเอาของสำคัญๆมาให้ก่อน"

"ไม่ย้ายมาได้มั้ย"

"ไม่ได้ครับ" ผาส่งยิ้มหวาน

"ทำไมน้ำต้องย้ายมาด้วยอ่า...รบกวนพี่ผาเปล่าๆ"

"ช่วงนี้พี่ฝึกงาน ไม่มีเวลาดูแลเราเลย...มาอยู่กับพี่อ่ะดีแล้ว พี่ดูแลคนดี ดนดีก็ดูแลพี่ไง...ดูดิพี่ผอมลงไปตั้งเยอะ" เอาจริงๆสำหรับน้ำ ผาก็ผอมลงไปจริงๆนั่นแหละ...แต่จะให้มาอยู่ด้วยแบบนี้ มันจะดีหรือ

"มันจะดีหรอครับ"

"ที่สุดครับ"

"แต่..." คนตัวเล็กแย้ง

"โอเคๆ ...ตอนนี้คนดีต้องกินยาแล้วนอนพักก่อน ส่วนเรื่องย้ายมาค่อยว่ากันเนอะ" ผาส่งยาให้คนตัวเล็กกิน ห่มผ้าให้ จุ๊บหน้าผากมนเบาๆหนึ่งที รอจนคนตัวเล็กหลับแล้วออกมานั่งเคลียร์เอกสารบางส่วนที่ป๊าให้เขาลองเอามาศึกษาดู

บางทีเรื่องที่เขาจะให้คนตัวเล็กมาอยู่กับเขาวันนี้พรุ่งนี้อาจจะเร็วไปมาก...เขาควรจะให้เวลาคนตัวเล็กมากกว่านี้ จะว่าไป...เขาก็ว่าเขาเป็นเอามากเหมือนกัน อยู่ดีๆก็นึกอยากให้คนตัวเล็กมาอยู่ด้วยกัน นึกหวง นึกห่วงสารพัด ..คิดจินตนาการไม่ถึงมื้อเช้า ที่ตื่นมาก็มีกับข้าวอร่อยๆจัดวางไว้เต็มโต๊ะกินก่อนไปทำงาน ...เป็นเอามากว่ะ เป็นเอามากจริงๆ กลายเป็นคนขี้มโนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะเรา



.

.





[รอง time.]

"กลับก่อนเว้ย ...พวกมึงก็กลับกันดีๆล่ะ อย่าตีกันอีกล่ะพวกมึงอ่ะ" เพื่อนในกลุ่มชื่อปาล์มเอ่ยลาเพื่อนอีกสองคน

"เออๆ มึงเถอะ ขับดีๆ เจอตำรวจและมึงจะยุ่ง" ธามบอกพร้อมกับพยุงตัวเพื่อนตัวดีที่ยืนเอาหัวพิงไหล่เขาอยู่

"พวกกูน่ะเคลียได้ พวกมึงผัวเมียเถอะ อย่าตีกันล่ะ กูไปละ" เขายิ้มให้กับคำพูดพวกนั้นอย่างไม่ถือสา ปาล์มสอดตัวขึ้นรถ พร้อมกับเพื่อนในกลุ่มที่มาด้วยกันอีกสามคนและขับออกไปเหลือเพียงเขาสองคนที่ยืนอยู่หน้าร้าน

วันนี้พวกเขานัดกันมาช่วยรุ่นพี่ทำงานกัน  พอเสร็จจากงานมีเวลาว่างเลยชวนกันมาร้านประจำจนดึกดื่นขนาดนี้ "ไหวมั้ยมึง" ธามถามคนข้างๆตัวที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดจา

"ไหวดิ กูไม่ได้เมาขนาดนั้น" โจ้ตอบออกมาเสียงเนือยๆ แต่ก็ยังไม่ยอมยกหัวออกไป

"เล่นไปเยอะนะวันนี้ ...เป็นไรอีกห้ะ?"

"หึ แสนรู้จังมึง ...ก็นิดหน่อยว่ะ"

"ถึงห้องค่อยว่ากัน" ธามบอกแค่นั้นก่อนจะโบกมือเรียกแท็กซี่เพื่อเข้าหอ โจ้หัวเราะหึๆในลำคออย่างชอบใจ...ไอ้ธามมันก็เป็นซะแบบนี้ ถึงแกล้งเขายังไง แต่มันก็เป็นคนเดียวที่รู้ใจเขาที่สุด อ่า...น้ำอีกคน



ทั้งสองคนมาถึงห้องอย่างปลอดภัย ตลอดทางเดินไม่มีเสียงพูดคุยจากคนที่เดินตามธามมาเลย จากคนที่เคยชวนคุย มีเรื่องให้พูดคุยตลอดกลับเงียบกริบ...สงสัยจะเครียดจริง

ธามหยุดยืนอยู่กลางห้องเพื่อรอให้อีกคนพูดเรื่องในใจออกมา แต่อีกคนทำแค่เพียงเดินเข้ามาข้างหลังเขาเอาหัวมาพิงไว้กับลาดไหล่

"ไม่เมื่อยหรอวะ" ธามยักไหล่ข้างที่อีกคนเอาหัววางเอาไว้ ที่ถามเพราะอดสงสัยไม่ได้ ก็ตัวเขาทั้งคู่สูงพอๆกัน

"ขออยู่แบบนี้แปปนึง" ธามไม่ตอบ ยืนล้วงกระเป๋านิ่งๆให้เพื่อนพิงหัวอยู่อย่างนั้น...ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้คนอย่างมันเก็บมาคิดถึงขนาดนี้

"มึงจะบอกได้ยัง กูเมื่อย" ธามยื่นมือไปตบหัวเพื่อนเบาๆ

"กูบอกมึงได้จริงๆหรอวะ" 

"งั้นไม่ต้องบอก กูไปอาบน้ำละ ง่วง" ธามว่าจบก็ก้าวขาเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักเท้าตัวแข็งทื่อเพราะสองแขนของอีกคนสอดมากอดรั้งเอวเขาเอาไว้จนแผ่นหลังแกร่งแนบไปกับอกคนข้างหลัง

"ไอ้สัด งอนกู" โจ้ว่าก่อนจะค่อยๆพิงหัวกับลาดไหล่แบบเดิม

"แล้วจะกอดกูเพื่อ? ค่าตัวกูแพงนะ" ถามว่าออกมาขำๆ ก่อนจะล้วงมือไปที่กระเป๋ากางเกงยีนส์ของคนข้างหลัง หยิบเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบ ส่วนโจ้ก็เงียบไปอีกครั้ง...จมอยู่กับความคิดตัวเองว่าจะบอกกับอีกคนดีมั้ย...เรื่องนี้เขาสามารถบอกอีกคนได้จริงๆหรือเปล่า โจ้คิดทบทวนกับตัวเองอยู่นาน...ทั้งเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้

"ไอ้ธาม..." 

"ว่า"

"กูสับสน" คนที่ยืนสูบบุหรี่นิ่งๆให้เพื่อนพิงชะงักค้างไปชั่วขณะ...ได้สติก็นึกถามตัวเองในใจว่ามันสับสนเรื่องอะไร ทำไมถึงทำให้มันดูเครียดได้ขนาดนี้ ถึงจะมีคำถามเต็มอยู่ในอกแต่ก็ยังคงเก็บเอาไว้

"วันนี้กูบอกเลิกเขามาอีกแล้ว" ดูจากสภาพการดื่มอย่างหนักของมันวันนี้ก็ทำให้ธามรู้ได้ว่ามันคงตัดใจทิ้งเขามาอีกตามเคย

โจ้เป็นคนที่หน้าตาดี อยู่ในแบบพิมพ์นิยม ตั้งแต่เข้ามาเป็นเฟรชชี่ ก็มีคนเข้าหามันมากมาย แต่ก็คบกันได้แค่พักเดียวมันก็ดันบอกเลิกเขาไปเสียหมด...คงเป็นเพราะมันสับสน แล้วมันสับสนอะไรของมัน

"กูไม่รู้ว่ะ กูสับสน...กูว่าตัวกูไม่มีความสุขว่ะเวลาคบกับเขา กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย กูไม่เป็นตัวเอง แล้วกูก็อึดอัด..." ธามยืนฟังเพื่อนเงียบๆ

"ไอ้ธาม..."



"..."



"...มึงคิดอะไรกับกูปะวะ"

น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาข้างหู ทำให้คนฟังได้ยินมันอย่างชัดเจน

คำถามนี้โจ้ถามธามบ่อยเพราะว่าธามชอบบ่นเขาเหมือนเป็นพ่อก็ไม่ปรานแต่ทุกครั้งที่ถามไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก และเขาเองก็ก็ตอบกลับไปแบบ...ไม่จริงจัง แต่มาครั้งนี้...น้ำเสียงและความรู้สึกจริงจังที่แฝงมาในคำถามมันต่างออกไป...มันจริงจังจนคนฟังไม่กล้าตอบไปอย่างเคย

"มึงจะไม่ตอบกูเหมือนทุกทีหรอวะ" ...ตอบอย่างทุกที ก็คงจะตอบว่า 'คิด' ...ในครั้งก่อนๆที่ถามเล่นๆ เขาตอบกลับไปจริงจังและสีหน้าของมันก็แสดงออกชัดเจนว่ารับไม่ได้จนเขาทำให้มันกลายเป็นเรื่องตลก โดยการตอบว่าล้อเล่นตามหลังทุกครั้งไป...แต่คราวนี้ มันถามเขาแบบนี้มันต้องการอะไรจากเขา

"มึงชอบกูหรอวะ" ธามตัดสินใจถามในสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในใจออกไป...การที่มันมาถามว่าเขาคิดอะไรทั้งๆที่ตัวเองกำลังสับสน มันไม่ใช่ใครหรอกที่ทำให้มันจมอยู่ในความรู้สึกนั้น...นอกจากเขา


"...และถ้ากูบอกว่าใช่" คำตอบที่ทำให้คนฟังใจกระตุก แกะมือที่พาดกอดเขาอยู่ออก ก่อนจะออกไปยืนนอกระเบียง...

"มึงคิดดีๆก่อนตอบดิวะ" 

"..." คนที่ฟังทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างคิดไม่ตก เขาคิดมาหลายต่อหลายครั้ง คิดจนปวดหัว...เขาเอาแต่นึกถึงคำพูดของมันที่ตอบเขากลับมาอย่างจริงจังเสมอเวลาเขาถามว่า 'มึงคิดอะไรกับกูปะเนี่ย' เขาใจเต้นกับคำพูดจริงจังของมันทุกครั้งที่มันตอบกลับมาว่า 'คิด...' ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดมันจะบอกว่า 'ล้อเล่น' ก็ตาม... เขาควรทำยังไงดี



"มึงก็แค่สับสนไอ้โจ้...มึงไม่ได้คิดแบบนั้นกับกูหรอก" ธามเดินกลับเข้ามายืนตรงหน้าโจ้ คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ

"กูกับมึงเป็นเพื่อนกันมานาน มึงอาจจะเขวไง...กูก็ผิดที่กูเล่นกับมึงแบบนั้น กูรู้สึกแย่ว่ะ ที่กูเป็นต้นเหตุให้มึงสับสน ให้มึงอึดอัดเวลาอยู่กับแฟนมึง...มึงก็รู้ดีว่าที่กูตอบมึงว่า 'คิด' ทุกครั้งตัวมึงเองก็อึดอัด เพราะคิดว่ากู 'คิด' จริง...แต่มึงสบายใจเถอะ กูไม่คิดกับมึงแบบนั้นหรอก" 



...ไม่เลยไอ้ธาม กูไม่สบายใจสักนิดเดียว...



โจ้นิ่งคิดทบทวนคำพูดที่อีกฝ่ายพูดมาอย่างช้าๆ

...ใช่ มันเป็นเพียงแค่การสับสนเว้ยโจ้ มึงจำไว้ มึงแค่สับสน...

"อืม กูอาจจะสับสนจริงๆ เพราะกูกับมึงสนิทกันมาก ห่วงกันมาก ผูกพันธ์กันมาก...โอเคกูเข้าใจ" โจ้พูดออกมาพร้อมกับส่งยิ้มไปให้เพื่อให้อีกคนสบายใจ ว่าเขาเข้าใจและไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น

"มึงไปอาบน้ำไปจะได้นอน ง่วงชิบหาย" ธามหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพาดอยู่กับเก้าอี้โยนให้คนที่นั่งบนเตียง ก่อนจะโถมตัวไปนอนแผ่หลาจนอีกคนต้องลุกออกไปอาบน้ำอย่างเสียไม่ได้...

หลังจากที่โจ้ลุกไปแล้ว คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงก็พลิกตัวมองไปที่ประตูห้องน้ำพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหนักใจกับความรู้สึกที่มีอยู่

ความรู้สึกที่มี มันเริ่มชัดเจนเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่เขาเริ่มโตขึ้นจนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร จนนึกย้อนกลับไปทบทวนก็พบว่ามันก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆหลายปีแล้ว

เขาเคยสงสัยในความรู้สึก จนมีผู้หญิงคนนึงเข้ามา เขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ก็อยากให้ความรู้กสึกตัวเองมันชัดเจน เขาจึงตัดสินใจลองคบกับผู้หญิงคนนั้นดู แต่ทุกสิ่งอย่างที่คอยวนเวียนอยู่ในความคิดกลับเป็นเพื่อนสนิทเขาที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะมีผู้หญิงอีกสักกี่คนที่เข้ามาความรู้สึกเขามันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

และความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้สึก ที่ผ่านมาเขาเคยลองหยั่งเชิงอีกฝ่ายมาแล้วทั้งทำตัวใกล้ชิดเกินเพื่อน หรือเลือกใช้คำพูดในเชิงของคนรักกัน...แต่ผลที่ได้กลับมาคือการต่อต้านที่แสดงออกมาทางสีหน้า...และเขาก็เลือกที่จะใช่คำว่า 'ล้อเล่น' มาแก้ต่างให้กับตัวเอง และจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นคนทำให้อีกฝ่ายอึดอัดและลำบากใจ 

ทุกอย่างเหล่านั้นมันชัดเจนสำหรับเขามากพอแล้ว เขาเลยเลือกที่จะกดมันเอาไว้ เพราะเขาไม่อยากกลายเป็นคนไม่น่าไว้ใจ หรือกลายเป็นเพื่อนแสนเลวที่แอบคิดอกุศลกับเพื่อนตัวเองมานานแสนนาน



...เขาจะไม่ให้อีกคนรับรู้ จะไม่มีใครรู้ และมันก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดไป...









100%

...To Be Continued...



สวัสดีปีใหม่นะจ้าว ขอให้มีความสุขมากๆนะจ้าว คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกสิ่งอย่างนะจ้าว
:mew1:


หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.19] [2.1.2018 : 22.05]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-01-2018 23:15:17
 :L2: :pig4:

สวัสดีปีใหม่
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.19] [2.1.2018 : 22.05]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 03-01-2018 19:05:38
อ่านรวด 19 ตอนเลยยยยย ชอบบบบบหนูน้ำน่าร้ากกกกกกก........
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.19] [2.1.2018 : 22.05]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-01-2018 21:58:44
มาต่ออีกเร้ววววว อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.19] [2.1.2018 : 22.05]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 03-01-2018 22:11:14

Episode 20







ขี้เซา...คนอะไรขี้เซาจริงๆเลย

น้ำ ที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับฝันหวานต้องหดคอหนีเพราะความรู้สึกจั๊กจี้ไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ แต่ไม่ว่าจะพยายามหนียังไงก็หนีไม่พ้นเสียที...มันตัวอะไรกันล่ะเนี่ยมากวนเวลาเขานอน

คนที่ระดมหอมแก้มหอมคอเพื่อปลุกคนตัวเล็กอยู่ก็ถึงกับหลุดขำคนตัวเล็กที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนไม่พอใจที่ถูกรบกวนเวลานอน

"น้ำคะ...ฟอดดดด" ชื่นใจจริงๆ

"คนดี ตื่นเร็ว...สายแล้วนะ ฟอดดด" หอมจริงๆเชียว

"ฮื่อออ~...น้ำขออีกห้านาทีน้าา~" คนตัวเล็กว่าออกมาเสียงงัวเงียๆทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นคลุมจนมิดหัว

คนมองก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มขำ ก่อนจะเลิกผ้าห่มลงมาแล้วกดจมูกลงไปที่แก้มใสสูดความหอมเข้าเต็มปอดอีกหนึ่งฟอดใหญ่ แล้วปล่อยให้คนตัวเล็กนอนพักผ่อนได้เต็มที่ อะๆ อย่าเข้าใจผิดกันน้า เมื่อคืนแค่ดูหนังกันดึกเฉยๆหรอกน่า

วันนี้คนตัวเล็กต้องกลับหอตัวเองแล้ว ใจจริงเขาก็ไม่อยากให้กลับเลย...เขาอยากให้น้ำมาอยู่กับเขาที่นี่เลยต่างหาก แต่ก็นะ...ลองคุยลองหาข้อตกลงร่วมกันแล้ว จะย้ายวันนี้พรุ่งมันก็เร็วไป ผาเลยให้สิทธิ์คนตัวเล็กตัดสินใจเองว่าจะย้ายมามั้ย

แล้วอีกอย่างวันนี้เขาเองก็ต้องกลับบ้านด้วย ม้าโทรมาบ่นจนหูชาไปหมดแล้ว ว่าลูกชายคนเดียวไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง

เขาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเกือบครึ่งชั่วโมงได้ พอเดินออกมาจาห้องน้ำก็เห็นคนขี้เซานอนกระพริบตาปริบๆมองเขาอยู่ ร่างสูงจึงส่งยิ้มไปให้พร้อมกับเดินเข้าไปหา เท้าแขนคร่อมร่างเล็กเอาไว้



จุ๊บ~

"มอนิ่งคิสค่ะที่รัก" ร่างสูบกดจูบลงไปเบาๆบนริมฝีปากน่าจูบสีสด

"งื้ออ~ น้ำยังไม่ได้แปรงฟันเลย" คนตัวเล็กบ่นออกมางุ้งงิ้ง ยกมือขึ้นปิดปาก

"ไม่เห็นเป็นไรเลย หอมออก" กดจมูกหอมแก้มไปทีเพื่อยืนยัน

"ฮื่ออ~ แล้วก็เลิกใช้คะ/ขากับน้ำด้วย" คนตัวเล็กว่าออกมาอย่างเอาแต่ใจ แต่ก็ยังทำให้ร่างสูงยิ้มได้อยู่ดี

"ทำไมคะ ไม่ชอบหรอ" ร่างสูงถามไปก็ใช้ปากงับแก้มงับหูคนตัวเล็กไป จนคนตัวเล็กต้องหดคอหนีแล้วหนีอีก

"ชะ ชอบ...แต่น้ำไม่ชินนี่นา ฮื่ออ~อย่างับซี่" คนตัวเล็กตอบไปพยายามดันหน้าผาให้เลิกกัดแก้มตัวเองไป แต่ก็ไม่เป็นผล

"ก็ใช้บ่อยๆคนดีจะได้ชินไง"

"มันไม่ชินสักหน่อย"

"มันไม่ชินแล้วมันทำไมคะ" 

"มันก็เขินไงเล่า!" คนตัวเล็กตอบออกมาเสียงดัง แก้มสองข้างขึ้นสีแดงเรื่อ คนขี้แกล้งก็สมใจอยากที่แกล้งได้สำเร็จ อดจะหัวเราะกับหน้าตาเอาเรื่องนี่ไม่ได้ เขินอยู่แท้ๆ แต่ทำเป็นกลบเกลื่อนไปงั้น



"หึหึ เขินก็น่ารักดีออก พี่ชอบ" บอกไปตามจริงพร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มนิ่มอีกฟอด น้ำยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้า ผาก็จุ๊บไปทั่วทั้งมือเล็กจนต้องเปลี่ยนจากมือเป็นพลิกตัวนอนคว่ำซุกหน้าไว้กับหมอนใบใหญ่แทน



...ให้ตายเถอะ ไม่อยากไปไหนเลย ไม่อยากกลับแล้วบ้าน ป๊าครับ ม้าครับผมอยากนอนกอดเมียยยยยย!!!



.

.

.





"หายหน้าหายตาไปนานเลยนะคะ" เสียงใสเอ่ยทักทายผาหลังลงจากรถอย่างเง้างอน คนมองเผยรอยยิ้มตรงเข้าไปหอมหัวอย่างเอ็นดู...ในที่สุดเขาก็ต้องกลับบ้าน เพราะคนตัวเล็กก็ต้องกลับหอเพื่อไปติวหนังสือสอบมิดเทอมกับเพื่อนเขา

"หอมแต่น้อง ไม่คิดจะมาหอมม้าบ้างหรอ" น้ำเสียงอ่อนโยนคุ้นหูทำให้เขารีบผละไปหาคนที่อ้าแขนรอรับ เขากอดร่างสมส่วนเอาไว้ก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาที่อีกคนคอยท่าอยู่แล้ว

หญิงสาวต่างวัยที่เขามอบความรักให้สุดหัวใจตรงหน้านี้ไม่ใช่ใครอื่น คนหนึ่งคือมารดา อีกคนหนึ่งคือน้องสาวสุดแสบ ที่ออกมารอต้อนรับการกลับบ้านของลูกชายในรอบหลายเดือน

"ปะ เข้าบ้านกันลูก...ม้าเตรียมของโปรดผาไว้ทั้งนั้นเลย" สามคนแม่ลูกพากันเดินเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า "ป๊าละครับ" เมื่อเข้ามาถึงโต๊ะอาหารแต่กลับไม่พบประมุขของบ้าน ลูกชายคนเดียวอย่างผาจึงเอ่ยถาม

"ห้องทำงานน่ะลูก" คนเป็นแม่ชี้ไม้ชี้ไปยังชั้นสองฝั่งขวาที่เป็นที่ตั้งของห้องทำงานของประธานบริษัท ผาพยักหน้ารับแล้วเดินขึ้นไปหาบิดาทันที...ดีเหมือนกันเขาเองก็มีอะไรอยากจะปรึกษาป๊าเขาอยู่เหมือนกัน





ก๊อกๆๆ

แกร๊ก!



ไม่ต้องรอให้ผู้ที่อยู่ในห้องอนุญาต เพราะป๊าเขาคงรู้อยู่แล้ว ว่าเป็นลูกชายแน่นอนที่ขึ้นมาหาเขาแบบนี้

"นั่งก่อนสิ" เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยบอก ทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ผาเห็นคนเป็นบิดากำลังยุ่งกับกองเอกสารจึงนั่งรอเงียบๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายอ่านรายละเอียดและตวัดลายเซ็นต์ลงไปในเอกสารชุดสุดท้าย

"ว่าไงไอ้เสือ ลมอะไรหอบมาถึงบ้าน หึ๊?" คนเป็นพ่อส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ลูกชายที่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยถึงแม้ว่าลูกชายจะมาฝึกงานอยู่ที่บริษัท

"ลมคิดถึงไงครับป๊า" 

"หึ อ้อนแบบนี้เอาไว้ใช้กับคนอื่นนู่นไป๊" เขายิ้มขำให้กับลูกชายคนเดียวของบ้าน

"โถ่ป๊า ผมจะอ้อนป๊าบ้างจะเป็นไร" เขาพูดหยอกล้อกับบิดาแบบนี้ประจำ

ผู้เป็นพ่อของเขาไม่ใช่คนใจดี แต่ก็ไม่ใช่คนใจร้าย ในด้านการใช้ชีวิตทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา ทั้งป๊าและม้าให้อิสระกับเขาทุกอย่าง...แต่ในหน้าที่การงาน ป๊ากับม้าไม่เคยละเลยเขาแม้แต่มิลเดียว โดยเฉพาะป๊า ที่จะเข้มงวดในการงาน ในการรับผิดชอบหน้าที่ทุกอย่าง จนเรียกได้ว่าเขาเก่งในระดับหนึ่ง...นั่นคือหน้าที่ในการงานที่เราต้องรับผิดชอบ พอนอกเหนือจากนั้นป๊าเขาก็คือพ่อที่ดีมากๆคนหนึ่ง...ที่รักเขาและครอบครัวมากที่สุด

"อ่ะ เอาไปดู" คุยกันไปกันมาสักพัก ป๊าเขาก็ยื่นแฟ้มแฟ้มหนึ่งมาให้เขาตรงหน้า...ดูทรงแล้วไม่น่าจะเป็นแฟ้มเอกสารแหะ

"ป๊า! นี่แกล้งกันปะเนี่ย" ร่างสูงร้องออกมาอย่างตกใจ ...ก็จะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไง ก็แฟ้มนี้มีแต่ลูกสาวนักธุรกิจ ในแวดวงของป๊าเขาทั้งนั้น เขาพลิกดูลวกๆกะด้วยสายตานี่คงประมาณสิบกว่าคนได้...อะไรกันละเนี่ย ป๊าก็รู้ไม่ใช่หรอว่าเขามีแฟนแล้ว

"ป๊าไม่แกล้งหรอก ของม๊าลูกนู่น ...แต่ว่าลูกเลือกๆไว้หน่อยก็ดีนะ" ผาหน้าเสียไปหน่อย เพราะประโยคท้ายป๊าเขาไม่มีแววล้อเล่นอยู่เลย

"ป๊าก็รู้ไม่ใช่หรอว่าผม..."

"ก็เพราะว่าป๊ารู้ไง ...ดูๆไปเผื่อเจอใครตรงสเป็ค"

"ป๊า...ผมมีแฟนแล้ว ผมไม่เอาครับ" ผาพูดกับบิดาอย่างชัดเจนหนักแน่น พร้อมกับยื่นแฟ้มคืนบิดาที่เดิม

"...แต่แฟนลูกเป็นผู้ชาย บางทีสาวๆพวกนี้อาจะช่วยให้หายสับสนก็ได้นะ" ...สับสน?

"ผมไม่ได้สับสน...และผมก็ไม่ดูผู้หญิงพวกนี้ด้วย ขอตัวครับ" ผาพูดดออกมาด้วยแรงอารมณ์เพราะสติที่ขาดผึง เพียงเพราะบิดากล่าวหาว่าเขาเกิดความสับสน เขาแฟ้มลงอย่างแรง ก้าวเท้าตึงตังออกไปยังไม่ทันได้ก้าวพ้นโต๊ะเสียด้วยซ้ำ...

"หยุดเดี๋ยวนี้นะนคินทร์!" เสียงทรงอำนาจที่เอ่ยเรียกชื่อจริงเขา ทำให้เจ้าตัวรู้ได้ทันทีว่าบิดาเขาเอาจริงแล้ว...

"ครับ" ร่างสูงหันหลังกลับไปยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ตอบรับเสียงเรียบพลางมองใบหน้าเงียบขรึมของบิดาที่แตกต่างจากแววขี้เล่นก่อนหน้านี้มากไปพอควร

"ความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ยั่งยืน จะไปได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้...สังคมยอมรับก็จริง แต่ความต่างล่ะ" ที่ป๊าเขาพูดมาก็ถูก...เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาทำให้เขารู้ว่าคนตัวเล็กของเขาคิดมากกับเรื่องความต่างนี้มากแค่ไหน...แล้วถ้ามันเป็นแบบนี้และเขาจะขอให้อยู่ด้วยกันแบบนี้เรื่อยๆไปน้องจะอยู่กับเขามั้ย...ในภายภาคหน้า เขาจะบอกเลิกแล้วหายไปจากชีวิตเขาอีกรึเปล่า...ผาอาจจะรั้งน้องเอาไว้ได้ แต่ความสุขของกันและกันล่ะ...มันจะมีรึเปล่า

"เรื่องนี้...ผมขอตัดสินใจเองได้มั้ยป๊า ...ผมรู้ว่าป๊ากับม้าไม่โอเคกับการที่ผมทำแบบนี้...แต่ผมขอลองก่อนได้มั้ย ถ้าน้องไม่โอเค...หรือในอนาคตผมกับน้องไปด้วยกันไม่ได้...ผมจะปล่อยน้องไปและผมจะรับข้อเสนอของป๊ากับม้า" 

"เอาแบบนั้นก็ได้...แต่ลูกรู้ใช่มั้ย ว่าที่ป๊ากับม้าทำมันเพื่อตัวเราเอง" ถึงตัวเขาจะอยู่ในสังคมแวดวงธุรกิจ เครือข่ายไฮโซมากมายแต่เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องหัวใจเขาไม่เคยเข้าไปบังคับให้ลูกต้องเดินตามทางที่เขาขีดไว้...เรื่องที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายเขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ด้วยความเหมาะสมทางสังคม ที่ในภายภาคหน้าจะกลายมาเป็นความกดดันที่ไม่ส่งผลดีต่อตัวของลูกชายเอง...เขาก็เป็นพ่อคนหนึ่งที่รักและห่วง...ที่เขาทำไปเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของคนทั้งคู่มากกว่าห่วงหน้าตาของวงศ์ตระกูล

ร่างสูงพยักหน้ารับ ส่งยิ้มให้บิดาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม เขาถือแฟ้มนั้นลงมาด้วยหลังจากที่ผู้เป็นแม่ขึ้นมาตามให้ลงไปกินข้าว

เสร็จจากการพบปะครอบครัวผาขับรถกลับมายังคอนโดตัวเอง นั่งมองแฟ้มอย่างเหนื่อยหน่ายใจ...ตอนทานข้าวเขาได้รู้รายละเอียดจากม้ามาว่า ม้านัดดูตัวให้เขาไว้แล้วสองคน...วันเวลานัดคือหลังจากที่คนตัวเล็กของเขาสอบมิดเทอมเสร็จพอดี ...ผาปฏิเสธไม่ได้ เพราะม้ารู้แค่ว่าเขามีแฟนแต่ยังไม่รู้รายละเอียดอะไร...ใจนึงเขาก็ไม่ได้อยากจะปิดบังเพราะคิดว่าม้าเขาเข้าใจได้ แต่อีกใจก็คิดว่ามันยังไม่สมควรบอก...เพราะกลัวท่านรับไม่ได้เช่นกัน

เรื่องนี้เขาคิดไว้แล้วว่าจะบอกน้ำ...น้องเป็นคนมีเหตุผลพอตัว และผาคิดว่าคนตัวเล็กของเขาต้องเข้าใจอย่างแน่นอน



.

.



.





สอบมิดเทอมของคนตัวเล็กผ่านไปแล้วสามวิชา ถึงเขาจะไม่มั่นใจในคำตอบที่ตัวเองทำลงไปแต่ก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง

ตัวต่อไปที่เขาจะสอบเนี่ยน่ะสิเขาว่าเขาไม่ถนัดที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือฟิสิกส์ตัวร้ายที่อาจารย์บอกแนวข้อสอบมาแค่ว่า 'ออกทุกชีท' และ 'อัตนัยสิบข้อ' ถึงวิชานี้เขาจะเคยติวให้โจ้กับธามบ่อยๆตอนสอบเข้า แต่ตอนนั้นมันเนื้อหาง่ายๆของมัธยม ไม่เหมือนตอนมหาลัยเลยสักนิดเดียว คนตัวเล็กบ่นให้ผาฟังจนผาบอกว่าจะช่วยติวให้เพราะเรียนอาจารย์คนเดียวกัน...และวันนี้เขาก็นั่งรอผามารับอยู่ที่ห้องสมุด



ครืดด ครืดด

แรงสั่นจากสมาร์ทโฟนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้คนตัวเล็กต้องผละสายตาออกมาจากตัวหนังสือ หยิบขึ้นมาดูรายชื่อที่โชว์ก่อนจะอมยิ้มน้อยๆออกมาและกดรับสายอย่างเร็วเพื่อไม่ให้อีกคนถือสายรอนาน

"ครับพี่ผา"

'อยู่ไหนแล้วคะ' ...แค่เสียงนุ่มทุ้มที่รอดออกมาจากโทรศัพท์ก็สามารถทำให้คนที่ถือสายฟังอยู่หน้าขึ้นสีแดงเรื่อได้ คนตัวเล็กต้องกัดเม้มริมฝีปากร่างเอาไว้เพื่อสกัดกั้นความเขินไม่ให้มันแผ่กระจายออกไปจนเพื่อนอีกสามคนรับรู้และเอามาล้อเขาได้

"น้ำยังอยู่ห้องสมุดอยู่เลยครับ" เพียงแค่ประโยคๆเดียวที่พูดออกไปก็เรียกสายตาจากคนทั้งสามให้หันมามองเขาได้แล้ว...เห็นอิ่มนิ่งๆแบบนั้นก็เถอะ แต่สายตาที่มองมานี่แซวเขาเต็มที่ เบทกับพราวไม่ต้องพูดถึงมองหน้ากันแล้วยิ้มกริ่มๆให้กันอยู่

'มีร่มรึเปล่า ข้างนอกฝนตกแล้ว...มันเพิ่งตกเมื่อกี้ตอนออกมาพี่ก็เลยไม่ได้เอาออกมาด้วย' คนตัวเล็กที่อยู่ในห้องสมุดอ่านหนังสือจนเพลินไปหน่อยเลยไม่ทันสังเกตว่าว่าข้างนอกฝนตกแล้ว

"น้ำก็ไม่ได้เอามาครับ" ก็ตอนออกมาแดดเปรี้ยงฟ้าโล่งขนาดนั้น ใครมันจะไปคิดกันว่าตอนหัวค่ำฝนจะตกลงมา

'งั้น...ลองถามเพื่อนดู เผื่อมีใครเอามาก็ให้เดินมาส่ง...น้ำจะได้ไม่เปียก' คนตัวเล็กลดโทรศัพท์ลงจากข้างหู

"เอ่อ...มีใครเอาร่มมามั้ย" น้ำเอ่ยถามเพื่อนทั้งสามคน เบทเป็นคนแรกเลยที่ส่ายหัว

"เบทไม่ได้เอามา...นู่น ไอ้อิ่มนู่นมันเอามา" เบทพนักเพยิดหน้าไปทางอิ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามตัวเอง

"น้ำขอยืมร่มหน่อยสิ"

"เดี๋ยวไปส่ง" อิ่มพูดแค่นั้น หยิบร่มออกมาและช่วยคนตัวเล็กเก็บของ เพราะว่าคนตัวเล็กยังต้องคุยโทรศัพท์ต่ออีกนิดหน่อย

เมื่อคุยเสร็จ เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็เอ่ยลาเบทกับพราว โดนแซวจนเขินหน้าแดงกันไปก็หลายทีกว่าจะหลุดออกมาได้







"พี่ผามาแล้ว" คนตัวเล็กเอ่ยบอกคนข้างตัวเบาๆ อิ่มลุกขึ้นกางร่มรอให้คนตัวเล็กมาเดินออกไปด้วยกัน อิ่มส่งเขาขึ้นรถแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับที่พี่ผานั่งอยู่ พี่ผาลดกระจกลงแล้วทั้งสองคนก็คุยอะไรกันสักอย่างซึ่งเขาไม่ได้ยิน ไหนจะเสียงเพลงในรถและเสียงฝนตกข้างนอกนั่นอีก...ช่างเถอะ คงฝากให้ดูเขาแบบทุกทีนั่นแหละ







"หิวรึยังคะ" ผาเอ่ยถามคนตัวเล็กหลังจากขับรถออกมาจากมหาลัยแล้ว ยื่นมือมาโยกหัวคนตัวเล็กเบาๆพร้อมกับส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้...อ่า รู้สึกร้อนๆยังไงชอบกลแหะ

"ก็...หิวแล้ว พี่ผาล่ะ หิวรึเปล่า" คนตัวเล็กจับมือผาไว้ก่อนที่จะประสานเข้าไว้ด้วยกันแล้วเลื่อนมือวางอยู่ที่หน้าขาตัวเอง

"หิว...อยากกินต้มจืดเต้าหู้" 

"ที่ห้องมีของรึเปล่าครับ...แวะซื้อมั้ย"

"มีๆ...วันนี้พี่บอกให้แม่บ้านซื้อเข้ามาให้แล้ว" คนตัวเล็กตอบรับไป แต่ตายังจ้องมองคนข้างตัวไม่วางตา

"มีอะไรรึเปล่า...จ้องแบบนี้พี่ก็เขินแย่"

"...แค่อยากมองแฟนไม่ได้หรอ" ร่างสูงแทบจะเหยียบเบรกไม่ทัน หน้าเริ่มร้อนแปลกๆ...หันมองคนข้างๆก็พบกับรอยยิ้มล้อๆที่ส่งมา พร้อมกับมือเล็กบีบเป็นจังหวะจนเขาต้องชักหนีมาลูบหน้าลูบตาตัวเองแก้เขิน แต่ก็ยังไม่วายที่คนตัวเล็กยื่นมือมาจิ้มแก้มเขาจึกๆ...หึ่ม! ตัวแสบเอ๊ย





คนตัวเล็กเห็นท่าทางของผาดูผ่อนคลายมากขึ้นก็เบาใจลงไปได้บ้าง...ตั้งแต่ขึ้นรถมา เขารับรู้ถึงความเครียดอะไรบางอย่างที่ผากำลังเผชิญอยู่...ทั้งการพูดถึงมันจะเหมือนทุกๆวันที่เคยพูดกันแต่วันนี้วันนี้มันแปลกๆไปจนเขาเองรับรู้ได้...ถึงเขาอยากถามแต่ก็เลือกที่จะไม่ถามเพราะอาจจะทำให้อีกคนรำคาญเอาได้







มื้อเย็นผ่านไปด้วยกับข้าวที่แสนจะอร่อยและเรียบง่ายในแบบที่ร่างสูงชอบ การเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆของคนตัวเล็กทำให้ผาคลายความกังวลจากเรื่องเมื่อกลางวันนี้ลงไปได้เยอะ...เขารู้ว่าที่น้ำทำก็เพราะรู้ว่าเขากำลังมีเรื่องกังวลใจอยู่ ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้เขาคลายความกังวลลงและมันก็ได้ผลดีมากๆเอาเสียด้วย

เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกกับวันนี้และก็หลายๆวันที่ผ่านมา...ถึงมันจะผ่านมาได้ไม่นานเป็นแรมปี แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าการกระทำที่อีกคนทำให้เขามันมีแต่ความตั้งใจ จริงใจ และใส่ใจ...จนเขารู้สึกว่ารักช่วงเวลาเหล่านั้น และเขาก็รู้สึกว่าเขารัก...คนที่ทำให้เขารักช่วงเวลาเหล่านั้นเข้าอย่างจัง







"ก่อนอื่นน้ำก็ต้องดูก่อนว่าโจทย์ให้อะไรมาบ้าง ดูว่าโจทย์ให้หาอะไรหรือไม่ได้ให้อะไรมา...แล้วเราจะเลือกสูตรใช้ถูก" คำพูดอธิบายของผาดังมาตลอดเกือบสองชั่วโมง...และตลอดเวลาน้ำเองก็ไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อย เพราะร่างสูงเองดูเครียดมากกว่าเสียอีก จนน้ำไม่กล้าวอกแวกทำอะไรนอกเหนือจากนั่งทำโจทย์ ถาม และฟัง





และในที่สุดมันก็ผ่านพ้นไปด้วยดี เขาเข้าใจมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้เข้ามันร้อยเปอร์เซ็นต์ ผานั่งพักอยู่ที่โซฟาตัวยาว ส่วนเขาขอตัวไปอาบน้ำ พอออกมาก็เห็นผาหลับตาหัวพิงพนักอยู่ เขาหย่อนตัวลงนั่งข้างๆเบาๆ แต่ผาก็รู้ตัวลืมตามามองกัน แววตาบ่งบอกถึงความกังวลอย่างปิดไม่มิด...จนน้ำเองอดใจไม่ให้ถามเพราะความเป็นห่วงไม่ได้

"พี่ผากังวลอะไรอยู่รึเปล่าครับ" ร่างสูงหลับตาลงเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา..

"น้ำช่วยหยิบแฟ้มสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะให้พี่ทีได้มั้ยคะ" ผาเปิดเปลือกตาขึ้นมองแล้วเอ่ยขอเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนระโหยอย่างเหนื่อยอ่อน เขาตอบรับคำแล้วเดินไปหยิบมาให้อย่างว่าง่ายแล้วกลับมานั่งที่เดิม

"เปิดดูสิคะ" เขาเปิดดูตามคำสั่งแล้วก็อต้องตกใจกับรูปผู้หญิงสวยพร้อมข้อมูลประวัติส่วนตัว...เขาไล่อ่านช้าๆ จับใจความคร่าวๆได้ว่าผู้หญิงสวยเหล่านี้ล้วนเป็นลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ทั้งนั้น...เหมือนเขาจะเข้าใจรางๆแต่ก็ยังไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง

"มานั่งกับผามา" ผาหยิบแฟ้มไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะช้อนตัวเขาขึ้นให้นั่งบนตักแกร่งหันหน้าเข้าหากัน

"คนพวกนั้นคือคนที่ป๊ากับม้าพี่หามาให้...มันมีผลต่อธุรกิจ"



"..."



"ป๊าหาคนพวกนี้มาให้เพราะคิดว่าพี่สับสน...และคิดว่าเราทั้งคู่อาจจะรับความกดดันในเรื่องของความต่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ได้..."

"..." เขาเลือกที่จะเงียบและคิดตามสิ่งที่ผาพูด นิ้วแกร่งไล้เกลี่ยไปทั่วแก้มเนียนอย่างหลงใหล



"ป๊ากลัวว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ยั่งยืน ป๊าพีี่ก็เลยจะจัดการเรื่องนี้ให้มันจบไวขึ้นโดยการหาคนมาให้เพื่อที่พี่จะได้เลิกกับเราไวๆ..."



"..." ...ฟังมาถึงตรงนี้น้ำตาสีใสก็อดจะเอ่อขึ้นมาไม่ได้



"...แต่พี่ไม่เลิกหรอก พี่ขอป๊าจัดการเรื่องนี้เองดูก่อน..."



"..."



"...ถ้าเราทำให้ป๊ากับม้าพี่เห็น ว่าเราเข้าใจกันดี พวกเราผ่านความกดดันต่างๆไปได้...ทุกอย่างมันก็จะลงตัว"



"..."



"พี่รู้ว่าเราคงไม่โอเคกับเรื่องที่ป๊าจัดหาคนมาให้..แต่พี่ก็เป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งที่อยากขอให้น้ำเข้าใจ..."



"..."



"แล้วพี่ก็รู้ว่าเราไม่มั่นใจกับตัวพี่เลยสักนิดเดียว...การกระทำน้ำอาจจะรับรู้ได้บ้างว่าพี่รู้สึกยังไง...แต่พี่ก็ยังไม่เคยพูดมันเลย"



ตึกตัก ตึกตัก หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ น้ำตาใสรินไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ จนร่างสูงต้องไล้นิ้วปาดเช็ดออกให้อย่างเบามือ...แววตาคมมองสบมาอย่างมุ่งมั่นและจริงจังจนเขาใจสั่นอย่างดีใจ



"พี่รักน้ำนะคะ...มาบอกเอาตอนนี้มันอาจจะกลายเป็นคำพูดที่ดูเห็นแก่ตัวเพื่อเข้าใจและอยู่ด้วยกัน....และถึงแม้มันจะเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน แต่ที่พี่พูดไปมันออกมาจาก...ตรงนี้" ผาพูดคำว่า 'ตรงนี้' พร้อมกับจับมือเล็กมาวางไว้ที่อกด้านซ้ายที่มีก้อนเนื้อกำลังกระหน่ำเต้นอยู่ ...น้ำตาสีใสก็ยังไหลออกมาเงียบๆไม่ขาดสาย แต่ข้อนิ้วแกร่งก็ยังคอยปาดเช็ดให้อย่างอ่อนโยนไม่ห่าง



"มันยากที่จะเข้าใจ แต่พี่ก็อยากให้เราเข้าใจ...มันยากที่จะเชื่อใจแต่พี่ก็อยากให้เราเชื่อใจกัน"



"..."



"พี่รู้ว่าทุกอย่างมันยากไปหมด..."



"..."



"จับมือไปกับพี่ได้มั้ยคะ จับมือไปกับพี่...ทำเรื่องยากๆเหล่านั้นให้เป็นแค่เรื่องง่ายๆไปด้วยกัน"



"..."



"เราจะเชื่อใจกัน...เข้าใจกัน เติมเต็มในส่วนที่ขาดให้กันและกัน..."



"..."



"ตกลงมั้ยคะ...โอเคมั้ย" คนตัวเล็กพยักหน้ารับรัวๆ พร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาลวกๆ



"...ตกลง ฮึก โอเค...น้ำโอเค น้ำจะเข้าใจทุกอย่าง น้ำจะเชื่อใจผา... น้ำจะอดทน ฮือ...น้ำจะจับมือผาแน่นๆ จะไม่ไปไหนจนกว่าผาจะไม่จับมือน้ำแล้ว..." คนตัวเล็กสะอื้นไห้เบาๆ คว้าเอามือผามาจับไว้แน่น



"ไม่มีทาง...ผาไม่มีทางปล่อยมือจากคนดีแน่นอน...ต่อให้น้ำจะไม่จับมือกันแล้วก็ตาม" ร่างสูงยอกออกมาอย่างหนักแน่น โอบรอบเอวกระชับให้ชิดกันมากขึ้น



"น้ำเชื่อใจนะ...แต่ความเชื่อใจของน้ำมีให้ผาแค่ครั้งเดียวนะ"



"รับทราบค่ะ ฟอดดด" ผาตอบรับด้วยรอยยิ้มเต็มใจ พร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ คนตัวเล็กโถมตัวกอดผาแน่น จนคนรับน้ำหนักหัวเราะออกมา



"ฮื่ออ~ ไม่ต้องหอมเลย...จะนอนแล้ว" คนตัวเล็กว่าออกมาเสียงอู้อี้ๆ เพราะเอาหน้าซุกกับอกแกร่งของร่างสูงเอาไว้



"จะนอนแบบนี้หรอคะ หื้ม?" ผาเอ่ยถามพร้อมกับกดจูบลงไปบนกลุ่มผมนิ่ม สองมือโอบกระชับเอวบางไว้แน่น



"ช่าย...น้ำจะนอนแบบนี้ อยากนอนแบบนี้ ห้ามขัดใจนะ.." ง่วงแล้วก็แบบนี้...ติดจะเอาแต่ใจ นิสัยเด็กๆ แต่โคตรน่ารักเลย...น่ารักจนอยากปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วกลืนลงท้องไปซะ หึ่ม! ถ้าเอาภาษาของเขาก็คือ น่ารักจนน่าจับกดเสียให้จมเตียง...



"หึๆ โอเคไม่ขัดค่ะไม่ขัด...ที่รักอยากนอนแบบนี้ทุกวันมั้ยคะ" 



"อื้ม...อยากนอนแบบนี้ทุกวัน" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองสบตากันตรงๆ



"งั้น...ย้ายมาอยู่กับพี่นะคะ...มาอยู่กับผา เนอะ ผาจะกอดทุกวันเลย" ผาเสนอ เน้นย้ำคำว่า กอด ชัดเจนกว่าคำอื่นๆ อย่างสื่อความหมาย



"กอดแบบไหนง่าา~" รู้ทันดีจริงๆ...ผาส่ายหน้ายิ้มๆ ส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้เต็มที่



"แต่คืนนี้เขาไม่ให้ผากอดหรอ แบร่~" คนตัวเล็กว่าจบก็แลบลิ้นมาให้ก่อนจะกระโดดลงจากตักเขาวิ่งปรู๊ดหนีเข้าห้องไป...ผาหัวเราะออกมาเต็มเสียงก่อนจะจะถอนหายใจออกมาแล้ววิ่งตามเข้าไป



"มานี่เลยนะตัวแสบ...มาให้สำเร็จโทษซะดีๆ" ผาพูดออกไปอย่างหมั่นเขี้ยว เข้าไปจับคนตัวเล็กอุ้มขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปวางที่เตียง ก่อนจะก้มลงไปประกบปากกับริมฝีปากสีสด



น้ำเปิดปากรอรับลิ้นร้อนอย่างรอคอย สองแขนเรียวโอบรั้งต้นคอแกร่งเอาไว้ สองงิ้นร้อนเกี่ยวพันกันไปอย่างต้องการจะเติมเต็มวางอย่างที่ขาดหาย จูบที่อ่นหวานนุ่มนวลและอ่อนโยนจนคนใต้ร่างอ่อนยวบไปหมด...จูบเติมพลังนี้กินเวลานานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมากว่าร่สูงจะผละออก...

"รักนะคะ" ร่างสูงบอกก่อนจะก้มลงไปมอบจูบแสนหวานให้อีกครั้ง จนสติเขาแทบจะหายไปและลงมือทำอะไรที่มันมากกว่านี้เขาก็ผละออกมาอย่างแสนเสียดาย...ดวงตาหวานปรือปรอยเพราะแรงอารมณ์



"วันนี้ไม่กอดหรอก...รวบยอดไว้หลังมิดเทอมทีเดียว พอถึงตอนนั้น...รับรองเลยว่ากอดไม่ปล่อยแน่" สายตาที่มองมามันระยิบระยับ แพรวพราวและแสนเจ้าเล่ห์เสียคนมองขนลุกซุ่ เสียวสันหลังวาบว่าคงโดน 'กอด' ไม่ปล่อยจริงๆอย่างที่อีกคนบอกแน่ๆ



คนทั้งคู่สอดตัวเข้าใต้ผ้าผ่ม ผากระชับกอดให้คนตัวเล็กแนบชิดเขามากขึ้น กดจูบหน้าผากมนด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย..ก่อนที่ทั้งคู่จะเอ่ยราตรีสวัสดิ์เพื่อส่งอีกคนเข้าสู่นิทราที่แสนสุข



ต่อไปนี้...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าแรงกดดันจะมากสัเพียงไหน เขาก็จะอดทนและผ่านมันไปด้วยกัน...ถ้าผาบอกว่าตัวเองเห็นแก่ตัว...เขาเองก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันที่ไม่ปล่อยผาให้ไปเจอชีวิตที่ดี...เขาเองที่เห็นแก่ตัวดึงผาให้ลงมาเกลือกกลั้วกับเขา



น้ำสัญญานะ...น้ำสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังเลยที่ผาเลือกที่จะจับมือเขาไปด้วยกัน...ขอบคุณนะครับที่เลือกน้ำ
[/i]













100%

...To Be Continued...



หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.19] [2.1.2018 : 22.05]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-01-2018 22:14:07
ขอบคุณค่ะ  สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.20] [3.1.2018 : 22.17]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-01-2018 01:52:09
สงสารน้ำจังเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.20] [3.1.2018 : 22.17]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-01-2018 02:26:59
น้องสาวผาน่าจะช่วยพี่ชายบ้างนะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.21] [14.1.2018 : 14.13]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 14-01-2018 14:07:47

Episode 21





"จริงหรือคะคุณพ่อ" คุณพิชรัตน์ที่ได้ฟังเรื่องบางอย่างจากปากของพ่อสามีถึงกับร้องไห้โห ทรุดนั่งลงกับโซฟาอย่างอ่อนแรงจนคนเป็นสามีอย่างคุณชัชชัยต้องประคองกอดเอาไว้...แม้ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกัน

"ฉันคงไม่สร้างเรื่องมาหลอกลูกตัวเองหรอก ...ไปรับกลับมาได้แล้ว ฉันคิดถึงหลาน" ผู้อาวุโสที่สุดในบ้านเอ่ยขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...

"ครับคุณพ่อ...ผมกับพิชจะรีบไปรับลูกกลับมา" ลูกชายคนโตของตระกูลเอ่ยออกมาอย่างยินดี น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่เคยไหลเลยตลอดสี่สิบกว่าปีกลับไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่ใช่เพราะความเสียใจแต่มันเป็นเพราะความดีใจมากที่สุดในชีวิต...

"คุณแม่! ร้องไห้ทำไมครับ" เสียงหนึ่งร้องดังขึ้นมาจากหน้าประตู รีบโผเข้าไปกอดผู้ที่ตนเรียกว่าแม่ เขาหันไปมองคุณปู่ของเขาที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ แต่พ่อกับแม่เขากลับนั่งร้องไห้...

"คุณปู่แกล้งอะไรพ่อกับแม่ครับเนี่ย" เด็กหนุ่มโวยวายใส่ผู้เป็นปู่อย่างไม่จริงจังนัก กิริยาน่ารักน่าเอ็นดูอย่างเป็นธรรมชาติจนผู้เป็นแม่ต้องยกมือขึ้นลูบหัวด้วยความเอ็นดู

"คุณปู่ไม่ได้แกล้งอะไรแม่หรอก ...แม่แค่มีเรื่องดีใจน่ะ" คนเป็นแม่ส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แววตาส่งประกายสวยอย่างที่ตัวเขาไม่เคยเห็นผู้เป็นแม่ดีใจแบบนี้มาก่อน

"ดีใจอะไรกันหรือครับ" ทุกคนไม่ตอบ เขาไล่สายตามองทุกคน พ่อ...แม่...ปู่ ทุกคนต่างมีรอยยิ้มยินดีอยู่บนใบหน้า...

"ร หรือ หรือว่า..." เขานึกอะไรไม่ออกแล้วนอกจากเรื่องนี้ ที่จะทำให้พ่อแม่ของเขาร้องไห้ด้วยความดีใจแบบนี้ ...เขาถามออกไปทุกคนพยักหน้าให้เขาพร้อมกัน

"แล้วพี่..."

"ไม่ต้องห่วงไปหรอก รายนั้นน่ะ รู้มาก่อนปู่อีกตามเรื่องเองอะไรเองจนแน่ใจแล้วถึงได้มาบอกให้ปู่ช่วย...แถมยังไปดูไปเฝ้าตลอดอีก" ผู้เป็นคุณปู่ของหลานพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีไม่คลาย ตัวเขาเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย 

"และทำไมพี่ดินไม่เห็นบอกผมเลยล่ะครับ กลับมาผมงอนซะดีมั้งเนี่ย" เด็กหนุ่มตัวเล็กว่าออกมาอย่างงอนๆ

"จะงอนอะไรพี่อีกล่ะ" คนที่ถูกพูดถึงเดินล้วงกระเป๋าเดินเข้ามากอดผู้เป็นแม่จากทางด้านหลัง แล้วกดหอมที่แก้มนิ่มอย่างแสนคิดถึง ผู้เป็นแม่เองก็ทำเช่นเดียวกันกลับไป ก่อนที่ดินจะผละไปกอดผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆบ้าง

"เพิ่งมากันเมื่อสองเดือนที่แล้วเองนะครับ คราวนี้ลงมาทำอะไรกันอีกครับเนี่ย...เดินทางบ่อยๆมันไม่ดีนะครับ" ดินแทรกตัวลงนั่งข้างพ่อตัวเองก่อนจะถามออกมา

"พ่อจะเข้ามาติดต่อธุรกิจนิดหน่อย"

"และก็มีเรื่องที่แม่ต้องเข้ามาจัดการด้วยจ้ะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"ปู่ไม่เห็นบอกดินเลย" 

"ทีพี่ดินยังไม่เห็นจะบอกน้องเลย ชิ" เด็กหนุ่มตัวเล็กว่าออกมาอย่างเคืองๆ ส่งค้อนให้คนเป็นพี่ไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้งอนอะไรจริงจังนัก

"ได้ข่าวมาว่าไปเจอมาแล้วนี่" ดินยื่นหน้าออกไปหาคนเป็นน้อง

"ใครครับ?!" เด็กหนุ่มถามออกมาตาโต

"ไม่รู้หรอ?" ดินแอบตกใจอยู่หน่อยที่อีกคนทำเหมือนไม่รู้ แต่คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้ารัวๆจากอีกคนนั่นทำให้เสียงหัวเราะหลุดออกมาอย่างห้ามไม่ได้...อะไรกันก็เขาเห็นว่าเจอกันไปแล้ว จะไม่รู้ได้ไงว่าใคร

"ไม่ต้องหัวเราะเลย...รู้ก็บอกน้องมั่งเซ่!" อีกคนแหวออกมา นั่นทำให้ทั้งหมดหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู



ตระกูลใหญ่และเก่าแก่อย่างบวรวัชรศิริกุลกำลังดีใจอย่างมากกับการที่จะได้รับหลานชายที่หายตัวไปกลับมา จริงๆตัวเขาเองอยากจะไปรับหลานอีกคนกลับมาตั้งแต่ที่รู้เรื่องแล้ว...แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ยังไม่ลงตัว แต่ตอนนี้บวรวัชรศิริกุลพร้อมต้อนรับการกลับมาของหลานรักที่จากไปนานแล้ว เจ้าหลานชายคนโตก็แสนจะเห่อ...จัดการตามหาเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทั้งๆที่ตัวเขาเองนั้นแทบจะตัดใจไปแล้ว แต่เจ้าหลานชายตัวดีก็ไฟแรงจนทำให้ทั้งบ้านฮึดขึ้นมาอีกครั้งจนในที่สุดก็เจอ...รอหน่อยนะหลานปู่







"โจ้ แล้วธามอ่ะ ไม่ได้มาช่วยขนด้วยหรอ" วันนี้คือวันที่สอบมิดเทอมเสร็จหมดแล้ว และแน่นอนนั่นหมายถึงเขาต้องย้ายเข้าไปอยู่กับพี่ผา...และคนที่มาช่วยเขาเก็บของก็คงไม่พ้นโจ้กับธาม เดี๋ยวอีกสักพัก พราวกับอิ่มจะตามมาช่วยด้วย

ติดใจอยู่กับสองคนนี้เนี่ยสิ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมายังไม่เคยเห็นสองคนนี้แยกกันเลยสักครั้ง ไปไหนมาไหนตัวก็ติดกันตลอด...จะตีกัน แกล้งกันยังไงก็ไม่เคยโกรธเคืองกันจริงๆจังๆสักที...แต่เห็นทีอาการแบบนี้คงไม่ใช่อาการของคนโกรธกัน

"คงไม่มาหรอก เมื่อคืนมันไม่ได้กลับห้อง" โจ้หันมาบอกเขายิ้มๆ แต่เป็นยิ้มแบบขอไปทีน่ะนะ

"แล้วไม่ได้คุยกันหรอ เห็นทุกทีคุยกันตลอด"

"ไม่ได้คุย...มันไม่รับสาย ไลน์ไปอ่านไม่ตอบ ก่อนออกไปมันบอกแค่ว่ามันจะไปหาแฟนมัน" ...แต่ธามไม่มีแฟน น้ำได้แต่ตะโกนตอบในใจ ตอนนี้เขาพอรู้แล้ว...ว่าระหว่างสองคนนี้ มันเกิดอะไรขึ้น

"น้ำว่า...โจ้ควรเคลียร์นะ อย่าปล่อยไว้เลย...มันไม่ใช่แค่โจ้หรือธามที่ไม่สบายใจนะ แต่น้ำเองก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย" 

"..."

"โจ้เคยบอกน้ำไม่ใช่หรอ ถ้าเป็นความรู้สึกให้ถามหัวใจ...มันจะบอกเราทุกอย่างเอง แต่ตอนนี้น้ำว่าโจ้ไม่ได้กำลังใช้ใจคิดนะ..." คนตัวเล็กว่าออกมาพร้อมกับจิ้มนิ้วลงไปบนแผงอกด้านซ้าย โจ้ทิ้งตัวแผ่หลาบนเตียงกร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

"ตอนนี้ใช้สมองคิด...มันบอกว่า มันเป็นแค่การสับสน ปล่อยไว้แบบนี้แหละ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง แต่หัวใจมันบอกว่า ความรู้สึกลึกๆแล้วมันไม่ใช่แค่สับสน แต่มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ไม่ควรปล่อยมันไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย..." โจ้พลิกตัวนอนคว่ำเอาหมอนปิดหน้าตัวเองเอาไว้อย่างไม่อยากคิดอะไรต่อ ...แต่เดี๋ยวนะ น้ำพูดเหมือนรู้ เห้ย! น้ำรู้ด้วยหรอวะ?

โจ้เด้งพรวดขึ้นมานั่งจ้องหน้าน้ำเขม็ง จนน้ำหลุดขำ กับท่าทางนั้น

"รู้ด้วยหรอ" โจ้ถามออกมาห้วนๆ

"ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นซะหน่อย คิกคิก" น้ำปิดปากขำ

"แสบนะเดี๋ยวนี้ ต้องบอกให้พี่ผาจัดการขั้นเด็ดขาดซะมั่งแล้ว" แววตาเจ้าเล่ห์ของโจ้ทำเอาน้ำหยุดขำไปเสียดื้อๆ 

"จะ จะ จัดการอะไรเล่า!" คนตัวเล็กพูดตะกุกตะกัก เสหลบตาโต้ ทำเป็นจัดของให้วุ่นไปหมด...

"จะว่าไป...ดูน่ารักขึ้นนะ ดูมีเสน่ห์ขึ้นด้วย...เขาเรียกว่าอะไรนะ เอ้อ! ดูมีน้ำมีนวล" โจ้ลุกพรวดไปยืนข้างๆน้ำ ก้มลงไปมองหน้าใกล้ๆ หรี่ตาข้างนึงอย่างสำรวจจนน้ำทนไม่ไหว หันหนีมาอีกทาง

"พะ พูดอะไร เพ้อเจ้อแล่ว เมาปะเนี่ยโจ้อ่ะ" ...โวยวาย งานนี้มีคนโวยวาย ต้องมีอะไรแน่ๆ มีพิรุธขนาดนี้ แบบนี้ต้องเค้น เสียดายไอ้ธามไม่อยู่

"ใครเมาแต่หัววัน" พูดถึงธาม ธามก็มา แถมเอาพราวกับอิ่มขึ้นมาด้วย...ได้จังหวะจริงๆ ได้แกล้งคนขี้เขินก็คราวนี้แหละวะ

"โจ้เลยธาม พูดอะไรไม่รู้เพ้อเจ้อ" น้ำขยับตัวไปยืนข้างๆธาม โจ้กอดอกมองยิ้มๆ

"ไม่ได้เพ้อเจ้อเว้ย ก็แค่...พูดไปตามที่เห็น"

"อะไรวะ" ธามหันมาถามโจ้หน้างงๆ

"มึงสังเกตปะวะ ว่าน้ำของเรา...ดูน่ารักขึ้น" ธามหันมองหน้าน้ำ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด  ดึงแก้มนิ่มทั้งสองข้างไม่เบานัก จนน้ำซี๊ดปากด้วยความเจ็บ

"จริงด้วยว่ะ ดูมีน้ำมีนวล...สวยขึ้นปะเนี่ย" ธามขยับตัวไปยืนข้างๆโจ้ กอดอกมองยิ้มๆ

"สวยอะไรเล่า อย่าแกล้งได้มั้ยล่ะ" น้ำขยับตัวไปยืนข้างพราวกับอิ่มอย่างต้องการคนช่วย

"แต่จะว่าไป...ช่วงมิดเทอมนี่มีแต่คนชมน้ำว่าน่ารักขึ้นนะ ดูดิ...หน้าใสเชียว ไปทำอะไรมาจ๊ะ~" น้ำยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองก่อนจะเอาหัวไปพิงกับแขนอิ่มที่ยืนข้างกัน

"หึๆ อย่ามาปกปิดความเขินแถวนี้ดิ" อิ่มผลักหัวเขาออกเบาๆ จนคนตัวเล็กทำหน้าตูมใส่ ส่งค้อนให้เพื่อนสองคนอย่างงอนๆ

ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ วันที่มาติวหนังสือกันรอยสีจางๆที่คอคงไม่ใช่รอยยุงกัดหรอกมั้ง...แต่ก็ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไรไป เพราะมิดเทอมมันกลบความอยากรู้ในตอนนั้นไปเสียหมด...แต่ตอนนี้ต่อมอยากรู้มันถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง...ถึงจะไม่ได้คำตอบเป็นคำพูด แต่การกระทำของคนขี้เขินที่แสนจะมีพิรุธนี่ก็เพียงพอที่จะเป็นคำตอบได้แล้ว



"กูว่าพี่ผาผ่านนะ ถ้าเป็นคนอื่นพอรู้ว่าแฟนตัวเองเป็นแบบน้ำ คงทิ้งไปนานแล้ว" โจ้ว่าออกมานิ่งๆ สายตามองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังนั่งเก็บของอยู่ตรงมุมห้องกับเพื่อนอีกสองคน

"อืม..." ธามตอบรับในลำคอ

"หรือว่าพี่แกรู้วะ" โจ้หันหน้ามาถามคนข้างตัว...ลืมเรื่องที่กังวลต่างๆนาก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท

"มึงก็บ้า พี่แกจะไปรู้ได้ไง" 

"พี่แกรวยจะตาย อาจจะจ้างนักสืบมาสืบก็ได้"

"พี่ผาไม่รู้หรอก"

"มึงเอาอะไรมามั่นใจวะ" โจ้ท้าวเอวถาม

"เออน่า ...เย็นนี้เข้าไปหาแม่ดากับกูด้วย" 

"ทำไมวะ"

"เห็นแม่บอกว่าพี่เขาจะเข้าไป"

"เออๆ และมึง...ไม่ไปนอนกับแฟนมึงหรอวะ" ธามนิ่งไปนิดก่อนจะยิ้มออกมา

"ทำไม...คิดถึงกู ว่างั้น" 

"ไอ้เชี่ยนี่ อย่ามั่ว ใครคิดถึงมึง" 

"ก็เห็นถาม" 

"กวนส้นตีนไอ้สัด" ด่าใส่หน้าธามไปคำ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเก็บของที่ระเบียง ส่วนธามเองก็ไม่ได้สนใจที่จะเดินตามไป จึงเดินเข้าไปช่วยน้ำเก็บของใส่ลัง

บรรยากาศตึงๆที่เขาสร้างขึ้นมาโดยการหลบหน้าโจ้ไป มันคลายลงไปบ้างแล้ว...เขาเห็นแก่ตัวใช้ความไว้ใจที่อีกฝ่ายมอบให้ในฐานะเพื่อนสนิทมามากพอแล้ว เขาเป็นฝ่ายรู้สึก เพราะฉะนั้นคนที่จะต้องรับผิดชอบไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างโจ้ เขารู้สึกได้...เขาก็ต้องจัดการกับมันได้ หัวใจเขา ถ้าเขาไม่จัดการให้มันหลาบจำเสียบ้าง...แล้วใครล่ะจะมาจัดการได้









"สวัสดีครับแม่ดา" ทั้งสองคนโจ้ธามยกมือไหว้ทำความเคารพผู้ที่เขาเรียกว่าแม่จนติดปากมาตั้งแต่เกิด 

"มานั่งนี่ก่อนมาลูก พี่เขาออกไปเอาเอกสารเดี๋ยวมาจ้ะ" ดาริณยิ้มรับอย่างอ่อนโยน พร้อมกับตบที่ว่างข้างตัวให้สองหนุ่มหล่อเข้ามานั่ง

ทั้งสามคนคุยแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบกันไปมา เพราะด้วยความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมาเหมือนขออนุญาติดึงความสนใจของคนทั้งสามให้หันไปทางต้นเสียงได้ "สวัสดีครับพี่ดิน" โจ้กับธามยกมือไหว้รุ่นพี่ในคณะที่แม่ดาของเขาได้ทำการนัดกันเอาไว้

"เออหวัดดี" ดินตอบรับแบบขอไปทีก่อนจะรีบร้อนเข้ามานั่งตรงข้ามกันกับทั้งสามคนเพราะเกรงว่าผู้ใหญ่จะรอนาน

"นี่ครับน้าดา เรื่องสร้อยที่ดินเคยบอก..."  ดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยื่นซองที่เป็นรูปภาพของตัวสร้อย และใบเสร็จการสั่งทำจากร้านจิวเวอร์รี่ โจ้กับธามหยิบไปดูบ้างก่อนจะมองหน้ากัน

"ใช่จริงๆด้วย...เส้นเดียวกันเป๊ะๆ" โจ้ว่าออกมาอย่างนึกทึ่ง ไม่คิดว่าจะมีครบขนาดนี้ มันไม่ใช่ผ่านมาแค่ปีสองปี แต่นี่มันเกือบยี่สิบปีเชียวนะ...ทุกอย่างยังอยู่ครบ

"แต่ช่วงนี้ไม่เห็นเจ้าตัวใส่" ดินว่าออกมาเสียงเครียด เพราะถ้าเกิดหายหรือว่าถูกขโมยมีคนเอาไปใช้สมอ้างเข้าจะแย่

"ครับ...เจ้าตัวเขากลัวทำหายน่ะครับเลยถอดเก็บไว้" ธามพอจะนึกออกอยู่บ้างว่าตั้งแต่เข้ามหาลัยเจ้าตัวก็ไม่ค่อยใส่มันออกไปไหนมาไหน มักจะถอดเก็บเอาไว้อย่างดี

"แล้วคุณพิชกับคุณชัชล่ะจ้ะ" ดาริณถามขึ้นมาบ้าง

"รายนั้นอยากมาอยู่แล้วครับ ถ้าเคลียร์เรื่องทางนั้นเสร็จคงมารับกลับบ้านแน่นอน คุณปู่เองก็อยากมารับใจจะขาด...อยากมารับไปตั้งแต่ที่รู้แรกๆแล้วครับ...แต่คุณน้าก็ว่าทำไม่ได้ ดินเองก็ทำได้แค่เทียวไปเทียวมาแบบนี้" ดินร่ายยาวออกมาอย่างหงุดหงิดในใจ ที่อะไรหลายๆอย่างมันไม่เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น แทนที่ทุกอย่างจะจบเร็วขึ้น กลับยืดเยื้อมานานแรมปี...แทนที่จะได้อยู่ร่วมกันก็กลับยิ่งต้องออกห่างจากกันมากขึ้น

"เรื่องความปลอดภัยคงไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกผมดูแลตลอดอยู่แล้ว...แถมตอนนี้ได้คนดูแลเพิ่มไปอีกคน" โจ้พูดประโยคท้ายยิ้มๆ เมื่อนึกถึงคนที่อาสามาดูแล

"ก็ดี" 

"พี่เขายังไม่รู้ใช่มั้ยครับ" โจ้ถาม

"ยังหรอก... แต่ก็ไม่แน่นะ มันมาที่นี่กับพี่บ่อยกว่าทุกคน มันก็รู้นะว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่..." 

"แบบนี้พี่เขาคงตงิดๆใจบ้างแหละครับ ผมว่า" โจ้ยังแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นห่วงและกังวล...ถ้าเกิดเรื่องมันถูกเปิดเผยขึ้นมาก่อนเวลาอันควร...ทุกอย่างที่ช่วยกันทำมาก็จบ

"อย่าคิดกับมันแบบนั้นดิ...พี่รู้นิสัยเพื่อนพี่ดี...ถึงจะหวงก็เถอะ" ดินว่าออกมาอย่างปลงๆ ถึงจะหวงแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ ทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ขออย่างเดียว...อย่างล่วงเกินน้องเขาก็พอ ไม่งั้นคงได้มีตายกันไปข้าง!


...และงานนี้คงได้มีคนตีกันตายแน่นอน...







100%

...To Be Continued...

Talk

มาแย้ววน้าาาาา~

กราบงามมๆ หงึ เค้าขอโทษที่ไปนานกว่าสิบชาติได้ รีดหายไปกันหมดแล้วมั้งเนี่ยยยย*กระซิกๆ* กลับมาหาไรท์ก๊อนนนนน*กวักมือเรียก*


หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.21] [14.1.2018 : 14.14]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-01-2018 07:41:29
ใครจะรับใครกลับบ้าน ใครที่มีคนคอยดูแลอยู่แล้ว ใครหน่า  :ruready
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.21] [14.1.2018 : 14.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-01-2018 20:39:00
งานนี้น่าจะมีคนโดนตีตาย555
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.22] [17.1.2018 : 23.02]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 17-01-2018 23:08:00
Episode 22




ฟอดด!

"หอมบ่อยไปแล้วนะครับ" คนตัวเล็กต่อว่าผาออกมาพร้อมมุ่ยหน้าใส่ไปอย่างไม่จริงจังนัก

ตั้งแต่คนตัวเล็กกลับมาจากมหาลัย เดินเข้าห้องมา ยังไม่ทันได้ปิดปรตูดีๆ ผาก็จับเขาฟัด หอมตรงนู้นจูบตรงนี้ จนน้ำว่าน้ำคงช้ำไปทั้งตัวแล้ว

"ก็คนมันคิดถึงแฟนนี่ครับ ฟอดด!" ผาว่าออกมาพร้อมกับฝังจมูกลงบนแก้มนิ่มอีกที

"อยู่ด้วยทุกวันแล้วยังจะคิดถึงอีกหรอครับ"

"เจอไม่เจอก็คิดถึง" ผายังคงกดจมูกลงไปทั่วใบหน้าเขาอยู่อย่างนั้น จะเบี่ยงหลบยังไงก็ไม่รอดพ้นจมูกซุกซนนี่สักที

"ฮื่อ หายคิดถึงได้แล่ว" น้ำจับหน้าผาเอาไว้ ยู่ปากใส่อย่างงอนๆ เลยโดนจุ๊บปากไปหนึ่งที ทำเอาหน้าที่แดงอยู่แล้วแดงขึ้นไปอีกจนลามไปถึงหู ...ภาพตรงหน้ามันน่ารักเสียจนผาอดใจไม่ไหวแล้ว...

"...หิว" ร่างสูงว่าออกมานิ่งๆ มองคนในอ้อมแขนไม่วางตา...หมั่นเขี้ยวชะมัด

"หิวก็ปล่อยน้ำซี่~ น้ำจะได้ไปทำอะไรให้กินไง"

"...หิว ฟอดด!" โดนหอมไปอีกหนึ่งที

"ถ้าพี่ผาไม่ปล่อยก็หิวอยู่แบบนี้นี่แหละ"

"...หิวน้ำ"

"ก็กำลัง..." น้ำหมุนตัวออกจากอ้อมกอดไป แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหน ตาสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ

คำพูดสองแง่สองง่ามที่ทำให้คนฟังถึงกับหน้าแดงซ่าน เพราะไม่รู้ว่าอีกคนหิวน้ำที่เป็นน้ำจริงๆหรือว่าหิว...เขากันแน่

...งื้อออ~คิดอะไรของเรากันละเนี่ย ลามกชะมัดเลย

"กำลังอะไรคะ หื้ม" ผาดึงรั้งเอวอีกคนที่ยืนตัวแข็งทื่อให้ขยับเข้าใกล้เหมือนเดิม แถมยังกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมคลาย

สายตาเจ้าเล่ห์พราวระยับ ทำให้คนถูกมองขนลุกซู่...ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากคนในอ้อมกอด ทำให้ผาย่ามใจยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจนเกือบหมด...ก่อนจะแหวกมันออกเผยให้เห็นลำคอขาวระหงส์ที่วันนี้มีสร้อยคอสีเงินวิบวับประดับอยู่ ไหปลาร้าวางพาดเฉียงขึ้น หัวไหล่มนขาวเนียนสะอาด ผิวเนียนละเอียดอย่างลูกผู้ดี จนหน้าฝากรอยเอาไว้ปกปิดผิวเนียนนี่ไม่ให้ใครเห็นนอกจากเขา...หรือใครที่มันกล้ามอง คนพวกนั้นจะได้รู้...ว่าผิวเนียนนี้มีเจ้าของแล้ว ซึ่งมันก็คือ...เขา

คนขี้เขินที่แทบทรุดลงไปกองเพราะสายตาอันเร่าร้อนนั้นที่จ้องมองมา ซุกตัวตัวเข้าหาอกแกร่งเพื่อหลบจากสายตาที่ส่งมานั่น...โดนจ้องแบบนี้ด้วยสายตาที่แสดงความต้องการออกมาอย่างชัดเจนแบบนี้...เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว แม้แต่เรี่ยวแรงจะปฏิเสธ ยกมือปิดสายตานั่นก็ยังทำไมได้เลย...ไม่ดีเลย ไม่ดีต่อใจเอาเสียเลย

"หิวน้ำจังเลย..." เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบอยู่ข้างหู พร้อมกับขบเม้มลงมาเบาๆ เล่นทำเอาขนอ่อนลูกซู่ไปทั้งตัว...เขาเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เพราะไม่รู้จะตอบอะไร...ใจมันเต้นแรงเสียจนแทบจะกระดอนออกมานอกอกอยู่รอมร่อ ความเขินที่พวยพุ่งอย่างต่อเนื่องนั้นจะให้เขาตอบว่าอย่างไร...

"คอแห้งหมดแล้ว...จะให้พี่กินน้ำได้รึยังคะ" เสียงนุ่มทุ้มกระเส่า กระซิบบอกันอยู่ข้างหู ร่างสูงกอดโยกตัวน้ำไปมาๆ คล้ายจะกล่อมให้อีกคนคล้อยตามกับสิ่งที่เขาเอ่ยขอ...มือหนาลูบไล้อยู่ที่ก้นสวยก่อนที่จะเลื่อนขึ้นสูงหายเข้าไปในเสื้อเชิ้ต สัมผัสกับผิวนิ่มมือ คนตัวเล็กสะดุ้งน้อยๆ เวลาที่ผาเริ่มบีบเคล้นก้นกลม อีกมือก็ยังทำหน้าที่ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนลื่น...คนตัวเล็กที่ถูกชักพาอารมณ์เริ่มหายใจถี่กระชั้นมากขึ้น เริ่มไม่อยู่สุก มือสวยกำเสื้อเขาไว้แน่น

"อยากกินใจจะขาดแล้วน้า..."

"ฮื่ออ~ ก็มัวแต่พูดง่ะ ไม่กินสักทีเล่า" พูดจบก็ฟาดบักเข้าที่อกแกร่งเต็มๆมือ คำพูดติดจะงอนๆและเอาแต่ใจอยู่ในทีนั่นผารู้ดีว่าอีกคนพูดกลบเกลื่อนความเขินของตัวเองก็เท่านั้นแหละ

"หึๆ โอเค งั้นจะกินละนะ จะกินให้หมดเลย" ผาไม่รอช้า ช้อนร่างบางขึ้นแนบอกพาเดินเข้าไปยังห้องนอน วางลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ บรรจงถอดอาภรณ์ทั้งหลายอย่างใจเย็น จนคนตัวเล็กเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย ส่วนเขาเหลือเพียงกางเกงแสล็คสีดำปกปิดส่วนตึงแน่นเอาไว้...

...ตั้งแต่น้ำย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ จนตอนนี้มันปาไปสองอาทิตย์แล้วเขายังไม่ได้ทำรักกับแฟนตัวเล็กนี่เลยสักครั้ง ...เขาเองก็งานยุ่งกว่าจะกลับห้องบางครั้งก็ดึกมาแล้ว น้ำเองก็เรียนหนัก...เพราะฉะนั้นวันนี้ผาเองก็ไม่อยากพิรี้พิไรอะไรให้มันมากความนัก...เขาอยากกินจะแย่อยู่แล้ว


เขามองสำรวจเนื้อตัวไปทั่วก่อนจะก้มลงไปตลัดลิ้นรัวใส่เจ้าเม็ดเล็กที่แข็งเป็นชูชันรอท่าเขาอยู่ที่แผ่นอกเนียนขาว...
"อ๊าา...ฮึก อ่ะ" เสียงครางเสนาะหูดังแว่วมาเวลาที่เข้าละเลงลิ้นลงไปและขบเม้มมันเบาๆ

"ชอบมั้ยคะ"

จ๊วบ

"อื้ออ พะ พี่ผา ...อ่าา" เสียงตอบรับอันน่าฟังนั้นเป็นคำตอบที่น่าพอใจมากแล้วสำหรับผา

เขาเลื่อนตัวลงต่ำ ลากลิ้นร้อนขบเม้มดูดึงไปทั่วแผ่นท้องเนียนเรียบ สองมือแกร่งก็บีบเคล้นตามลงติดๆ... จนมาถึงแอ่งสะดือบุ๋มน่ารัก เขากดจูบลงไปแผ่วเบาจนเสียงหวานหลุดครางออกมาอย่างเสียวซ่าน...สองมือเรียวสอดประสานเส้นผมของเขาจิกทึ้งบ้างเพื่อระบายอารมณ์

ผาหยุดมองแก่นกายสีสวยที่ตอนนี้มีน้ำปริ่มออกมา เขาช้อนตามองคนตัวเล็กที่กำลังกัดริมฝีปากมองเขาอยู่ ก่อนจะตวัดลิ้นเลียชิมน้ำสีขาวขุ่นนั่น ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงจัดแต่ก็ยังไม่ยอมผละสายตาหลบเข้าไปไหน

ผาเป็นส่ายผละสายตาออกมา มองไปยังส่วนสวยก่อนที่จะเคลื่อนริมฝีปากไปครอบครงมันเอาไว้

"อ๊าา ยะอย่า ฮื่ออ"
เสียงร้องห้ามปรามที่ดูจะขัดกับแรงกดที่หัวเขา

ผาออกแรงดูดและรูดรั้งแก่นกายสวยช้าๆ  จากนั้นก็เร่งจังหวะให้เร็วมากยิ่งขึ้น เพียงไม่นานร่างบอบบางก็กระตุกเกร็งพร้อมกับปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเต็มโพรงปาก เขากลืนมันลงไปบางส่วน และปล่อยออกมาเล็กน้อยชโลมไปจนทั่วส่วนแข็งขืนเพื่อใช้แทนสารล่อลื่น...

ผาเลื่อนตัวไปประกบปาก มอบจูบดูดดื่มให้กับคนตัวเล็กที่นอนหายใจหอบถี่อยู่

"ของเมียอร่อย"

"บ้า มันสกปรกนะ แฮ่กๆ"

"ก็อย่างที่บอก...ของเมียอร่อย" ยังไม่ทันที่น้ำจะนอนฟังให้จบประโยคดี ร่างเขาก็ลอยหวือขึ้นมานั่งทับส่วนแข็งขืนเสียแล้ว

ร่างสูงเอนหลังพิงหัวเตียงเอาไว้ใช้มือทั้งสองข้างลูบไล้สะโพกเนียนเล่นไปมา หน้าเหวอๆของน้ำเป็นอะไรที่น่าหมั่นเขี้ยวสำหรับผามาก จึงโน้มคอลงมาปล้นจูบไปเสียยกใหญ่

"ทำไม..." หลังจากผละออกมาแล้วคนตัวเล็กก็เอ่ยถามอย่างสงสัยว่าทำไมถึงให้เขานั่งแบบนี้...

"พี่อยากเห็นเมีย on top"

"แต่น้ำ ทะ ทำไมเป็น อื้ออ.." คนตัวเล็กอ้อมแอ้มตอบด้วยความขวยเขิน สองแขนโอบรอบลำคอแกร่งแน่นเมื่อนิ้วแกร่งกำลังสะกิดเบาๆอยู่ที่ตุ่มไตสีอ่อนทั้งสองข้างอย่างหยอกล้อ

"เดี๋ยวสอน... ยกตัวขึ้น แบบนี้" ผาพูดพร้อมกับเอามือประคองสะโพกเนียนให้ยกขึ้น

"แล้วจับมัน ไปไว้ตรงนี้..." ร่างสูงจับมือข้างหนึ่งของคนตัวเล็กไปยังส่วนแข็งขืน มือนิ่มกอบกุมส่วนร้อนนั่นไว้ ก่อนจะจับมันไปไว้ตรงช่องทางรักของตัวเอง

"ค่อยๆทิ้งตัวลงมา อ่าาห์...แบบนั้น"

"อ๊าา...ฮ่าห์" คนตัวเล็กโอบรอบลำคอแกร่งไว้เช่นเดิมก่อนจะค่อยทิ้งตัวลงมาตามที่ผาบอก...เขาเป็นคนคุมเอง ถึงไม่เจ็บเท่าครั้งก่อนแต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี...อดยอมรับไม่ได้ว่าการได้เป็นคนควบคุมเองแบบนี้ ก็รู้สึกดีไม่น้อย

"อ่าห์ เก่งมากค่ะที่รัก...เจ็บมั้ย" ผากดจูบย้ำๆไปที่ริมฝีปากบวมเจ่ออย่างให้รางวัลคนเก่ง

"มะ ไม่เท่าไหร่ครับ อ๊าา" และในที่สุด ส่วนแข็งขืนนั้นก็เข้าไปจนมิด...ผนังด้านในตอดถี่รัวเล่นเอาผาแทบคลั่ง อยากกระแทกสวนเข้าไปเต็มที่...แต่ก็ต้องอดใจไว้ เพราะวันนี้เขาอยากดูความเร่าร้อนของคนตัวเล็กนี่

"ขยับเลยมั้ย" คนตัวเล็กไม่ตอบแต่ค่อยยกสะโพกขึ้นจนเกือบหลุดก่อนจะทิ้งตัวลงมา

"อึก ลึก อ๊า..." จากช้าๆแปลเปลี่ยนเป็นจังหวะที่เร็วมากขึ้น สองมือเรียวค้ำพยุงตัวอยู่บนหน้าอกเขา หน้าสวยเชิดขึ้นส่งเสียครางกระเส่าออกมาไม่หยุด...เซ็กซี่เป็นบ้า

"ที่รักเก่งมาก อ่าห์...เยี่ยม" คำชมจากผาคล้ายกับสารกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน...มือเรียวข้างหนึ่งกอบกุมส่วนอ่อนไหวก่อนจะเริ่มทำการชักรูดให้ตัวเอง...มันเป็นภาพที่ทำเอาคนมองกักเก็บอารมณ์ดิบภายในตัวเอาไว้ไม่อยู่...และเขาจะไม่ทน

ผาล็อคสะโพกมนเอาไว้ให้ลอยเด่น ก่อนจะสวนกระแทกเข้าไปรัวๆ ช้อนจับใต้ข้อพับขาทั้งสองข้างให้อ้ากว้างมากขึ้น...จนเห็นถึงอะไรต่อมิอะไรที่มันส่งผลอย่างแรงกับอารมณ์ดิบขิงเขา..เสียงครางที่เริ่มจะแหบแห้งมีให้ได้ยินตลอดไม่ขาดสาย...

"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ...อื้อ มะ ไม่ไหว น้ำไม่ไหว ฮืออลึกไป" ผนังด้านในขมิบรัดถี่รัวจนทำเอาเขาแทบเสร็จ... ผาหยุดชะงักค้างกลางคัน ทำเอาคนด้านบนถึงกับต้องขมวดคิ้วแน่นอย่างทรมานในกายระคนสงสัย แต่ก็สงสัยได้ไม่นานนัก...

ผาจับให้คนด้านบนหันหลังมาทางตัวเอง...ส่วนนั้นยังเชื่อมติดกันอยู่ มันหมุนคงเสียจนคนตัวเล็กคนลุกซู่เพราะความเสียว

ผาดึงเขาลงไปให้นอนลงไปจนแผ่นหลังแนบชิดกับอกแกร่ง ผามอบจูบอันดูดดื่มให้ะร้อมกับที่กระแทกตัวสวนขึ้นมา

"อ๊ะ อ๊ะ พะ พี่ผา..."

"อ่าห์...ว่าไงคะ" ผาถามพร้อมกับกดจูบที่ใบหูเล็ก เอวสอบยังกระแทกกระทั้นเข้าไปไม่หยุด

"สะ...สะ เสียว อ๊ะ อ้ะ" ผาที่ได้ฟังคำตอบก็ยกยิ้มกริ่มอย่างพอใจ...ทำไมน่ารัก อย่างนี้ต้องให้รางวัล

ผากระแทกตัวสวนเข้าไปถี่กระชั้นเสียจนคนที่ทอดกายอยู่บนตัวเขาสั่นคลอนไปมาตามแรงกระทั้น

"อ๊ะ มะ ไม่ไหวแล้ว อื้ออ" เสียงแหบครางกระเส่าบอกออกมาอย่างนั้น เอวสอบที่เคยทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมก็หยุดลง

คนตัวเล็กหันหน้ามามองคิ้วขมวดเพราะขัดใจ เขาจูบให้หนึ่งทีก่อนที่จะค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่งทำให้คนตัวเล็กนั่งอยู่บนตักเขา เขาดันให้คนตัวเล็กโน้มตัวลงไปเล็กน้อย ใช้มือค้ำยันไว้กับเตียง...เอวสอบกลับมาทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง จากเชื่องช้าแต่หนักหน่วงแปลเปลี่ยนเป็นรัวเร็ว ถี่กระชั้น

ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย ความสุขสมจ่อใกล้เข้ามามาเรื่อยๆจนแทบขาดใจ

"ดีมั้ยคะ อ่าา...ชอบรึเปล่า" เขาถามพร้อมกับขยับเปลี่ยนท่าอีกครั้งเป็นด็อกกี้สไตล์...เขาเคลื่อนไหวเอวสอบอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่ง ก้มลงขบเม้มไปทั่วหลังเนียนขาว ช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอก จับใบหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ให้มองตรงไปยังปลายเตียงที่มีภาพของพวกเขาสะท้อนอยู่กับกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง...ทันทีที่เห็นใบหน้าสวยก็ขึ้นสีแดงจัดจนลามลงมาถึงลำคอขาว สงสัยคงต้องโมห้องใหม่ ติดกระจกให้รอบ

...ใบหน้าสวยเหยเก คิ้วสวยขมวดแน่นคล้ายกับถูกขัดใจอยู่ในที...ถึงแม้จะอยากแกล้ง แต่ถ้าแกล้งไปก็เหมือนกับทรมานตัวเองไปด้วย

เอวสอบเคลื่อนที่เร็วขึ้น ถี่ขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วทั้งห้องอย่างน่าอาย...แต่มันกลับเร้าอารมณ์คนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี...เอวสอบเสือกไสไม่นานนัก ความสุขสมก็พุ่งทะยานขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ร่างกายทั้งสองกระตุกเกร็งพร้อมกับปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นจนเต็มช่องทางด้านหลังและพื้นเตียง

คนตัวเล็กปล่อยตัวให้นอนราบไปกับเตียงอย่างหมดแรง โดยที่ร่างสูงทาบทับไปติดๆกัน...ผาถอดแกนกายออกจนเกิดเสียงอันน่าอาย น้ำสะดุ้งเฮือกกับความว่างเปล่าของช่องทางด้านหลัง...น้ำสีขาวขุ่นไหลตามออกมาจนเลอะขาวเรียวทั้งสองข้าง

"ที่รักเซ็กซี่มากเลย..."

"แฮ่ก ไม่ต้องมาพูดเลย แฮ่กๆ พี่ผาบ้า"

"ไม่งอนน้า มา...พี่พาไปอาบน้ำ จะได้มานอนกันเนอะ" ร่างสูงพูดจบก็ช้อนตัวอุ้มขึ้นมาแนบอก ก้มจูบหน้าผากมนไปหนึ่งทีแล้วพาเดินเข้าไปห้องน้ำ เสร็จภาระกิจในห้องน้ำที่ทำแค่อาบน้ำเฉยๆ เพราะพรุ่งนี้คนตัวเล็กมีเรียนเช้า
ร่างสูงแต่งตัวเสร็จก็มาจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ ก่อนจะพากันมาทิ้งตัวลงที่เตียงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน




"ยังไม่นอนหรอ หื้ม" ผาเห็นคนในอ้อมกอดยังนอนมองเขาตาแจ๋ว

"ยังครับ"

"ไม่เหนื่อยหรอ ต่อได้นะ จะได้หลับฝันดี" ร่างสูงยิ้มกริ่มก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมอย่างไว จนคนตัวเล็กฟาดเพี๊ยะเข้าให้ที่แขน

"พี่เจ็บนะเนี่ย" ผาลูบแขนตัวเองป้อยๆ แล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอนที่เดิม พร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแนบอก

"ก็ลากมก" ร่างสูงขำออกมากับหน้ามุ่ยๆนั่นอย่างเอ็นดู...เมื่อก่อนน่ารักยังไงเดี๋ยวนี้ก็น่ารักอย่างนั้น

"แล้วทำไมยังไม่หลับอีก หื้ม"

"วันนี้...เป็นยังไงบ้างครับ" คนตัวเล็กเงยหน้าถาม

วันนี้...ที่คนตัวเล็กหมายถึงไม่ใช่เรื่องงาน เรื่องเรียน แต่หมายถึงเรื่องการนัดดูตัว...กับลูกสาวนักธุรกิจที่ผู้เป็นแม่ของเขาจัดหามาให้

"ก็เหมือนที่ผ่านมา...พี่บอกเขา ว่าพี่มีแฟนแล้ว เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร"

"เธอไม่โวยวายเอาหรอครับ"

"ไม่นะ เธอเข้าใจ...แล้วเธอก็ไม่ได้ถูกใจอะไรพี่ด้วย" คนตัวเล็กพยักหน้ารับช้าๆก่อนจะเงียบไป

ผ่านมาสองอาทิตย์ตั้งแต่คนตัวเล็กย้ายเข้ามาอยู่หลังสอบมิเทอมเสร็จ เขาก็เริ่มถูกผู้เป็นแม่นัดลูกสาวบ้านนู้นบ้านนี้ให้ และทุกคนที่ผ่านมาเขาก็คุยกันด้วยความจริงใจและเปิดเผย...เขาบอกทุกคนอย่างตรงไปตรงมาว่าตัวเขานั้นมีคนรักอยู่แล้ว  พวกเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา ไม่ได้โวยวายอย่างที่นึกกังวล...ทุกคนที่ผ่านมา มันผ่านไปได้ด้วยดี และเขาก็ภาวนาให้หลังจากนี้มันผ่านไปได้ด้วยดีอีกเช่นกัน

เขาไม่อยากให้คนที่เขาแคร์ต้องเสียความรู้สึกเพราะเขา...และคนที่เขาแคร์ก็เข้าใจเขา ดูแลเขาเป็นอย่างดี...คนที่เขาแคร์มั่นใจในตัวเขาแล้ว เขาก็จะไม่ทำให้น้ำต้องเสียความมั่นใจนั้นไปเด็ดขาด...

"ยังเชื่อกันอยู่รึเปล่า..."

"ครับ...น้ำเชื่อ" น้ำตอบพร้อมกับวาดแขนกอดเอวสอบ

"ขอบคุณครับ" เขาจูบหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาแล้วกระชับกอดตอบคนในอ้อมแขน

"น้ำง่วงแล้วง่า" น้ำพูดออกมาเสียงงู่งี่ มือไม้ขยี้ตาหนุบหนับไปหมด จนผาต้องจับมือเอาไว้ไม่ให้คนตัวเล็กขยี้ตาอีก

"ง่วงก็นอนค่ะ ...อย่าขยี้เดี๋ยวตาช้ำหมด"

"อื้ม...คิสๆ" ผาก้มลงมองใบหน้าสวยที่แหงนคอขึ้นมาอย่างแปลกใจปนขำ...ง่วงแล้วจะงอแงขี้อ้อนกว่าปกติเป็นสิบเท่า จนเขาอยากจะให้เป็นแบบนี้ตลอดเวลาจริงๆ

"หึๆ กู๊ดไนท์คิสค่ะคนดี"


จุ๊บ~
ผาก้มลงไปจุ๊บปากบวมเจ่อหนึ่งทีก่อนจะผละตัวออกไปปิดไฟแล้วกลับมานอนที่เดิม

ฟอดดด!

"รักนะคะคนดี"

"...เหมือน กัน ค่ะ..." เสียงที่เปล่งออกมามันแผ่วเบาจนคล้ายกับว่ารำพึงรำพันกับตัวเองเสียมากกว่า...แต่ไม่ว่ามันจะแผ่วเบายังไง เขาก็ได้ยินมันชัดเจนอยู่ดี..

...เหมือนกันนี่ คือรักเหมือนกันใช่รึเปล่า? แค่คิดใจมันก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้...ถึงจะอยากฟังมันแค่ไหนว่าอีกคนรู้สึกเหมือนกันรึเปล่า แต่ก็ไม่อยากถาม...อยากได้ยินเพราะว่าอีกฝ่ายอยากบอกเอง...ความรู้สึกของการถูกบอกรักจากคนที่เรารัก มันจะรู้สึกดีแค่ไหนกันนะ...






100%
...To Be Continued...




หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! nc!! [YAOI] [ep.22] [17.1.2018 : 23.14]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-01-2018 23:28:34
โอ้ยยย อยากมีโมเม้นท์ แฟน คะ ขา แบบนี้บ้างจัง
ฮิตนะ รู้ไหม!!!
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! nc!! [YAOI] [ep.22] [17.1.2018 : 23.14]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-01-2018 23:57:08
อ่านแล้ว  ก็หิวน้ำเหมือนกันเลย  :pighaun:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! nc!! [YAOI] [ep.22] [17.1.2018 : 23.14]
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 22-01-2018 12:33:16
กำลังพยายาม  ตามอ่านอยู่นะน้องน้ำน่ารักมากเลย  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! nc!! [YAOI] [ep.22] [17.1.2018 : 23.14]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 23-01-2018 23:33:34
พ่อแม่จะมารับน้ำเมื่อไหร่น้า
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.23] [28.1.2018 : 21.02]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 28-01-2018 20:56:41
Episode 23




'ที่รัก ติวหนังสือใกล้เสร็จรึยัง' เสียงจากปลายสายที่โทรเข้ามาเมื่อครู่ดังขึ้นมาทันทีหลังจากกดรับสาย สรรพนามที่ใช้เรียกนั้นทำเอาน้ำหน้าแดงซ่านขึ้นมา...แต่ก็ต้องสะกดกลั้นความเขินเอาไว้

"เหลืออีกวิชาเดียวก็เสร็จแล้ว พี่ผาจะมารับน้ำหรอ"

'ใช่ค่ะ ไม่ไว้ใจใครให้มาส่งหรอก' คนที่ถือสายอยู่ถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ คำพูดที่แสนจะขี้หวงนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยๆพองโตอยู่เรื่อยไป...ไหนจะคำคะ ขานั่นอีก บอกให้หยุดพูดได้แล้วก็ไม่ฟัง...พูดทีไรเขาก็รู้สึกว่าอากาศมันจะร้อนๆขึ้นมายังไงทุกที

"คร้าบๆ งั้นสี่ทุ่มครึ่งเจอกันครับ" ปลายสายรับคำก่อนจะคุยกันอีกสองสามประโยคแล้ววางสายไป น้ำก็กลับเข้ามาติวต่อ ทำเป็นไม่สนใจสายตากรุ้มกริ่มพร้อมแซวของเพื่อนเขาทั้งสามคน

ตอนนี้เขาสี่คนมาหมกตัวอยู่ในห้องสมุดของคณะ เพราะตอนนี้มันคือมหกรรมสอบไฟนอลแล้ว ซึ่งมันก็หนักหนาเอาการอยู่เหมือนกันและพรุ่งนี้มันคือการสอบสองตัวแรกของตารางไฟนอล และเขาก็คงไม่อยากให้คะแนนออกมาไม่ดีด้วย จึงต้องคร่ำเคร่งอ่านๆจดๆกันอยู่อย่างนี้...ได้แต่บอกกับตัวเองว่าทนอีกหน่อยเดี๋ยวก็จะได้พักแล้ว

เวลาสี่ทุ่มกว่าทุกคนในโต๊ะปิดหนังสือลงก่อนจะค่อยๆฟุบหน้าลงบนหนังสือเล่มหนาอย่างเหนื่อยอ่อน

"ใช้พลังงานเยอะจังวะ" เบทเป็นคนบ่นออกมาเสียงอ่อนระโหย ทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

"นี่แค่ปีหนึ่งเองนะ เก็บไว้บ่นตอนปีสองเถอะเบท" พราวเอ่ยมาอย่างนั้น แต่ก็ฟุบหน้าอยู่เหมือนกัน แม้แต่อิ่มเองยังดูท่าจะไม่ไหวเอาเลย น้ำมองภาพนั้นอย่างยิ้มๆ ก่อนที่บทสนทนาจะดำเนินต่อไปแรงสั่นของสมาร์ทโฟนบนโต๊ะก็ทำให้ทุกคนรวมใจเบนสายตาไปมอง มันคือของน้ำเองและหน้าจอโชว์ชื่อหลาขึ้นมาทำให้น้ำต้องรีบกดรับสาย

"ครับ"

'ให้พี่ขึ้นไปรับมั้ย หนังสือเยอะรึเปล่า'

"ไม่เยอะครับ วันนี้น้ำยืมแค่สองเล่ม" เมื่อสองสามวันก่อน เขายืมหนังสือกลับไปอ่านห้าถึงหกเล่ม แต่ละเล่มใหญ่ๆหนาๆทั้งนั้นจนเขาขนไปไม่หมด จนต้องโทรให้ผาขึ้นมาช่วยถือลงไป อย่าถามถึงเพื่อนสามคนของเขาเลย...มีสภาพไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

ปลายสายตอบรับก่อนจะวางสายไป น้ำเก็บของใส่กระเป๋า อีกสามคนนั้นเก็บเสร็จตั้งแต่เขาคุยโทรศัพท์แล้ว

"ไปกันเลย หิวๆ หิวไส้จะขาดแล้ว" เบทว่าออกมาก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นเป็นคนแรก พากันเดินไปกับพราว เขากับอิ่มเดินตามไปกันทีหลัง มองสองคนนั้นตีกันอย่างขำๆ เห็นแล้วก็ทำให้นึกถึงโจ้กับธามขึ้นมา...สองคนนั้น อยู่ด้วยกันทีไร ก็มีเรื่องตีกันตลอด แต่ว่าพักนี้เขาไม่เห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันเลย มาหาน้ำที่คอนโดก็มักจะมาแยะกันโจ้มาอีกวัน ธามมาอีกวัน หรือบางทีมาวันเดียวกันแต่มาไม่พร้อมกัน...อยู่ด้วยกันความอึดอัดเล็กๆก็แผ่กระจายไปทั่ว จนบางทีน้ำเองก็ยังอึดอัดแทน...

"น้ำกลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้" น้ำหันกลับไปโบกมือให้กับทั้งสามคนที่เดินมาส่งตนที่รถขอผาจอด ทั้งสามคนโบกมือให้เขา เบทกับพราวเดินนำออกไปก่อนแล้ว แต่อิ่มกลับเดินตามเขามาตรงไปหาผาที่เปิดกระจกรออยู่ พี่ผาส่งยิ้มให้ น้ำเองก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกันก่อนที่เขาจะเดินอ้อมเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่ประจำ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผาเลื่อนปิดกระจกและอิ่มเดินออกไปแล้ว...ทั้งสองคนคุยกันแบบนี้บ่อยครั้งเวลาที่ผามารับน้ำ น้ำสงสัยจนเลิกสงสัยไปแล้วว่าทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกัน

"เหนื่อยมั้ยคะวันนี้" พอรถออกมาได้สักพัก ผาก็เอ่ยถามพร้อมกับจับมือของน้ำไปกุมไว้บนตัก...ผามักจะทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาขับรถแรกๆน้ำก็เขินอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรจนตอนนี้ก็เริ่มชินแล้ว และก็...ชอบมากด้วย

"ไม่เท่าไหร่ครับ...แต่ตอนนี้น้ำหิวมากกว่า หิวมากๆด้วย" เสียงบ่นงุ้งงิ้งๆ หน้ายู่ๆของน้ำทำเอาผายิ้มขำออกมาด้วยความเอ็นดูยกมือเรียวที่ประสานกันไว้ขึ้นมาจูบอย่างหวงแหน

"โอเค งั้นเดี๋ยวไปหาอะไรกินกันก่อนเนอะ"

"น้ำอยากกินฝีมือพี่ผาง่ะ" น้ำว่าออกมาหน้ามุ่ย เพราะตัวเองไม่อยากกินอะไรที่มันสิ้นเปลือง ไม่ใช่เปลืองเงินของเขาเอง แต่น้ำกลัวว่ามันจะเปลืองเงินผาเปล่าๆ กินข้างนอกทีไรผาก็ควักกระเป๋าจ่ายให้ตลอด...และน้ำไม่ได้รู้สึกดีสักนิดที่จะต้องให้ผามาคอยจ่ายให้แบบนั้น

"ขี้อ้อนจังเลยน้า เดี๋ยวนี้" ผาว่าออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในใจพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...ผาชอบเวลาที่น้ำง่วงเพราะว่าน้ำมักจะขี้อ้อน พูดงุ้งงิ้งๆ แต่เวลานี้ไม่ใช่ น้ำไม่ได้ง่วง...แต่น้ำกลับอ้อนเขา

"มะ ไม่อ้อน...ก็ได้ครับ" น้ำตอบออกมาเช่นนั้นแล้วเงียบไป ...ตัวน้ำเองก็ลืมตัวไป...เขาวางใจใคร หรือสนิทใจกับใคร น้ำก็มักจะเผยนิสัยขี้อ้อนของตัวเองออกมา แม่ดา โจ้และธามจะรู้นิสัยข้อนี้ดี แต่กับผา อาจจะรำคาญนิสัยแบบนี้ของเขาก็ได้

หากความรำคาญนั้นมันสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันนึงผาทนไม่ไหวแล้วเลือกไปจากเขา...เขาคงไม่โทษใครเลยนอกจากตัวเขาเองที่ทำตัวน่ารำคาญ ตอนเด็กๆเขามักจะอ้อนแม่ดาบ่อยๆจนโจ้กับธามก็บอกว่ามันน่ารำคาญ...คนตัวเล็กอดคิดไม่ได้เลยว่านิสัยแบบนี้จะทำให้อีกคนรำคาญเอาได้


น้ำนั่งเงียบขบคิดอะไรมาตลอดทั้งทางหลังจากนั้นจนถึงคอนโด เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าครัวไปกะว่าจะไปทำอะไรง่ายๆกินให้อยู่ท้องไปก่อน...เขาอยากให้ผาทำให้กินก็จริง แต่ในความคิดบอกว่าคงไม่ดีหากจะเพิ่มภาระให้กับผาอีก
ผาที่จับสังเกตอาการของน้ำที่นิ่งไปได้้ตั้งแต่ที่อยู่บนรถ ทีแรกผาคิดว่าน้ำคงเหนื่อย คงเพลียมาก เลยเงียบไป...แต่พอเข้าห้องมาก็ยังเงียบอยู่ มันผิดปกติเกินไปจนเขาเองใจคอไม่ดีกลัวว่าจะทำอะไรหรือพูดอะไรไปให้คนตัวเล็กของเขาคิดมาก เขาจึงเดินคนตัวเล็กเข้าไปในครัวก่อนจะสวมกอดน้ำเอาไว้จาทางด้านหลังในขณะที่น้ำกำลังยืนล้างผักอยู่

"เป็นอะไรไป หื้ม" ผากดจูบลงบนกลุ่มผมนิ่ม ก่อนจะเอาคางมาเกยไหล่มนไว้

"เปล่าครับ"

"ที่รักกำลังไม่โอเค"

"...พี่ผาหิวมั้ยครับ น้ำจะได้ทำเผื่อ" คนตัวเล็กพูดเปลี่ยนเรื่องไป...

"บอกพี่ก่อนสิ...คิดอะไรอยู่ หื้ม" ผายังคงถาม อยากให้คุยกันตรงๆ เขาอยากรู้อยากแก้ไข...ถ้าเขาผิดเขาอยากขอโทษเขาไม่อยากให้คนตัวเล็กเงียบเฉยๆไปแบบนี้

"น้ำจะทำไข่เจียวหมูสับ..."

"น้ำ..." ผาเริ่มกดเสียงต่ำลงเพราะคนตัวเล็กยังคงเผลี่ยนเรื่องทำเหมือนกับว่าไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาถามเลยแม้แต่น้อย

"ครับ...มีต้มจืดเต้าหู้ไข่ด้วย"

"ทำแบบนี้...ไม่น่ารักเลย" น้ำเสียงคล้ายจะตัดพ้ออยู่ในทีพร้อมกับอ้อมแขนที่คลายออกทำเอาผักที่ล้างน้ำอยู่ล่วงลงไป ทุกอย่างหยุดนิ่งราวกับถูกสต๊าฟเอาไว้ หัวใจดวงน้อยปวดหนึบขึ้นมา

...ไม่น่ารักงั้นหรอ...


"อ่า...งะ งั้นเดี๋ยวผม ไปอาบน้ำก่อนนะครับ" น้ำเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย ดวงตากลมสวยแดงกล่ำ นั่นทำให้ผารู้ทันทีว่าทำผิดเข้าให้เสียแล้ว...เขาไม่ได้ตั้งใจจะว่าน้องแบบนั้น แต่เขาแค่อยากให้คนตัวเล็กฟังเขาบ้าง บอกเขาบ้างก็เท่านั้น

น้ำกำลังจะหมุนตัวออกไปแต่ผาคว้าเอามากอดแนบอกเสียก่อน

"ไม่ๆ คนดี พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น...คนดีฟังพี่ก่อน" น้ำพยายามดิ้นออกไปจากอ้อมแขนแต่ผากลับรัดแน่นยิ่งกว่าเดิมจนน้ำหยุดดิ้นไป

น้ำไม่พูดอะไรออกมาปล่อยให้ผายืนกอดอยู่เช่นนั้น ซึมซับความอบอุ่นที่แผ่นซ่านออกมา...เขางี่เง่าอีกแล้ว ทำไมพักนี้ทำตัวไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

"น้ำขอโทษ...น้ำงี่เง่าอีกแล้ว" น้ำถอนหายใจออกอย่างเหนื่อยใจกับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปผาเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่น ซบหน้าลงกับแผงอกแข็งแกร่ง

"พี่ก็ขอโทษที่พูดแบบนั้น...แต่น้ำไม่สนใจคำถามพี่เลย เอาแต่เปลี่ยนเรื่อง..." น้ำเสียงตัดพ้อในท้ายประโยคนั่นทำเอาน้ำอยากทึ้งหัวตัวเองที่ทำอะไรไร้สาระ

"น้ำขอโทษ..." น้ำบอกเสียงอู้อี้

"ไม่เป็นไร...แล้วจะบอกพี่ได้รึยังว่าเป็นอะไร หื้ม"

"น้ำแค่...กลัวพี่ผารำคาญ"

"เรื่องอะไรคะ" น้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับจูบแผ่วที่กลุ่มผมนุ่ม ทำเอาใบหน้าคนตัวเล็กร้อนวูบ ใบหูแดงก่ำ

"ก็...เรื่องที่น้ำพูดบนรถ" ผาได้ฟังก็นึกตามคำพูดของคนตัวเล็กไปถึงเรื่องที่เราพูดกันบนรถ...และมันก็คงมีเรื่องเดียว

"..."

"น้ำกลัวพี่ผารำคาญ"

"ใครจะรำคาญ...ไม่รู้หรอว่าพี่อยากให้เมียพี่อ้อนบ่อยๆ น่ารักจะตาย" ใช่จะตาย...เขานี่แหละจะตายอยู่แล้ว...บางทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะเขินอะไรกันนักกันหนา..แต่พอผาพูดแบบนี้ก็ข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงเขินเอาๆ

"อ้อนพี่บ่อยๆนะรู้มั้ย" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างอ่อนโยนแบบนี้ก็ทำให้เขาร้อนวาบไปทั้งตัวทุกครั้งไป

ผาคลายอ้อมกอดออกแล้ว ก่อนจะมองหน้าน้ำพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้งกริ่ม ว่ากันตามจริงถ้าน้ำเป็นขี้อ้อน อ้อนขอนู่นขอนี่ ทรัพย์สมบัติคงหายเกลี้ยงเป็นแน่

"ไม่อาว...ปล่อยน้ำได้แล่ว น้ำหิว" ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่ใบหูแดงแจ๋นั่นก็ปิดไม่มิดหรอกว่ากำลังเขินอยู่

"หึๆ งั้นไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยออกมากิน" ผาดันหลังให้น้ำเดินเข้าห้องไปเพื่ออาบน้ำ

"น้ำขอทำให้เสร็จก่อนไม่ได้หรอ เพิ่งแค่ล้างผักเอง" น้ำว่าออกมาก่อนจะหันหน้าเข้าครัวแต่ก็โดนผาดักไว้ก่อน

"ไปอาบน้ำ...เดี๋ยวพี่ทำให้กินเอง"

"จริงง่ะ" น้ำถามออกมายิ้มๆ ดวงตาเป็นประกายอย่างดีใจ...ไม่ใช่ดีใจเพราะว่าเขาไม่ต้องลงมือทำเองแต่ดีใจเพราะว่าเขาจะได้ทานอาหารฝีมือของผาต่างหาก

"จริงสิคะ กินกับข้าวฝีมือพี่ทุกวันไม่เบื่อบ้างหรอ หื้ม" พักนี้เขาลงมือทำกับข้าวเอง เพราะไม่อยากให้น้ำเหนื่อยเพิ่ม แค่เรียนก็เหนื่อยพออยู่แล้ว...ถึงตัวเขาเองจะเหนื่อยเหมือนกันก็เถอะ แต่เวลาเห็นคนที่เรารักมีความสุขกับสิ่งที่เราทำให้ ความเหนื่อยที่สะสมตลอดทั้งวันก็หายไปในพริบตา

"ไม่เบื่อ น้ำชอบ..." รอยยิ้มสดใสที่ออกมาอย่างจริงใจทำให้คนมองอยู่ต้องคลี่ยิ้มตาม

"งั้นไปอาบน้ำไป จะได้ออกมากินข้าว...ต้องอ่านหนังสือต่ออีกไม่ใช่หรอคะ" ผาพูดจบก็ก้มลงหอมแก้มนิ่มไปหนึ่งที

"ช่าย...แต่กินข้าวก่อนไม่ได้หรอ"

"ไม่ได้ เหม็นแล้วเนี่ย" ผาก้มลงหอมแก้มอีก ก่อนจะย่นจมูกบอกว่าเหม็น น้ำดึงเสื้อออกมาก่อนจะก้มลงไปดม

"เหม็นจริงง่ะ งั้นน้ำไปอาบน้ำก่อน" พูดจบก็หมุนตัวเข้าห้องไปอาบน้ำทันที...จริงๆก็ไม่เหม็นหรอก...หอมมากด้วยซ้ำไป

ผากลับหลังเดินเข้าไปในส่วนของครัวเพื่อทำกับข้าวต่อจากน้ำที่ทำค้างไว้แค่ล้างผัก

น้ำอาบน้ำเสร็จแล้ว เดินเช็ดผมออกมาจากห้องมองไปยังส่วนของครัวที่มีร่างสูงกำลังทำกับข้าวอยู่อย่างคล่องแคล่ว น้ำเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อมองภาพนั้นให้ชัดเจนว่ามันไม่ใช่ความฝัน...มันเกินกว่าที่เขาฝันเอาไว้เสียอีก

เขาเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งพ่อหรือแม่ ทั้งฐานะ และชาติตระกูล...ไม่มีอะไรสักอย่างที่คู่ควร แต่ผาก็ยังเลือกที่จะรักเขา...ผาสมารถเจอคนที่ดีกว่าน้ำอีกเยอะ อย่างเช่นที่แม่ของผากำลังทำ แต่ผาก็ยังให้ความชัดเจนกับเขาเสมอมา กลับเป็นเขาเองที่มานั่งกังวลและไม่มั่นใจตลอดเวลา ว่าจริงๆแล้วมันควรจะเป็นแบบนี้จริงหรือ...ถึงจะขบคิดเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา รู้ทั้งรู้ว่าจะเดินไปด้วยกันตลอดไม่ได้...แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัว เลือกเอาความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้งเพราะความรู้สึกข้างในมันเอ่อล้นออกมาเกินกว่าจะหันหลังหนี...แต่หนทางที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดมันก็ช่างยากเหลือเกิน...มีแค่ความรักมันไม่พอจริงๆ

...เขาขอเวลามีความสุขแบบนี้อีกสักนิด ขอตักตวงมันเก็บไว้อีกสักหน่อย...เมื่อเขาทำใจได้แล้ว เขาสัญญา ว่าจะเป็นน้ำผู้เจียมตัว แล้วเดินจากไปเอง...

"มายืนทำอะไรตรงนี้...ผมเผ้าก็ไม่เช็ดให้แห้ง หิวมากเลยหรอ หื้ม" ผาเดินออกมาจากครัวหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดบ่าเขาเช็ดหัวให้อย่างเบามือ ทำให้น้ำออกจากความคิดแล้วมองคนตรงหน้าแทน...

"อย่าจ้องกันสิ" ผาโวยออกมาอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนที่พรุ่งนี้จะไม่มีแรงไปสอบ...คนตัวเล็กเลิกจ้องเขาก็จริง แต่กลับขยับเข้ามาซบอกเขาแทน สองแขนเรียวโอบรอบเอวสอบไว้หลวมๆ ลมหายใจที่เป่ารดอยู่ที่อก กลิ่นแชมพูอ่อนๆทำเอาร้อนรุ่มไปทั่วทั้งกาย...แต่เขาก็ต้องสะกัดสกลั้นมันเอาไว้ เตือนสติตัวเองว่าทำไม่ได้...เพราะพรุ่งนี้น้องต้องไปสอบ

"...ใจเต้นแรงจัง" คนตัวเล็กพูดเสียงอู้อี้อยู่กับอก พลางหันหน้าเอาหูแนบไปกับอกเขา

"ก็ดูเราทำสิ จะไม่ให้ใจพี่เต้นแรงได้ไง"




[มีต่อจ้าา]
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.23] [28.1.2018 : 21.03]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 28-01-2018 21:11:39




"ใจเต้นแรงกับน้ำด้วยหรอ" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาถามเขาตาโต

"ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ..." ผาบอกยิ้มๆ ยิ่งทำให้คนตัวเล็กตาโตอ้าปากค้างเข้าไปใหญ่

"จริงหรอ...ตอนไหนง่ะ"
"ไม่ บอก"
"บอกน้ำหน่อยไม่ได้หรอ" หน้าอ้อนๆถูกส่งมาพร้อมกับพูดที่ไม่ได้ต่างกันนัก มันน่ารักเสียจนต้องก้มลงไปดูดริมฝีปากอิ่มหนักๆหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว...

จุ๊บ!

"ไม่ ได้ ครับ" ผาตอบก่อนจะจูงมือคนตัวเล็กให้เดินเข้าไปนั่งทานข้าว แต่คนตัวเล็กก็ร้องออกมาอย่างนึกอะไรได้ก่อนจะกระโดดมายืนขวางอยู่ตรงหน้าเขา

"อ้ะ! ใช่ตอนที่เจอกันที่ตลาดรึเปล่าครับ"

"หึๆ ไม่ใช่"

"หงึ แล้วตอนไหนอ่า บอกหน่อยน้า~" น้ำจับแขนเขาเขย่าไปมา หน้ามุ่ยๆอ้อนๆ น่าจับฟัดเสียจริง...ผามองภาพนั้นด้วย่อยยิ้มขำ นี่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่สำหรับเขาที่คนตัวเล็กอ้อนเขาถึงขนาดนี้...

"ไปกินข้าวก่อนไป...คุณหมออะไรไม่ดูแลตัวเองเลย" หาจับให้น้ำหันหน้าเข้าครัวก่อนจะดันหลังให้เดินไปที่โต๊ะจับนั่งประจำที่ให้เสร็จสรรพ น้ำจึงต้องจำยอมนั่งกินข้าวไปแต่โดยดี ปัดเรื่องนี้ทิ้งไปเพราะคิดเอาเองในใจว่าผาคงแกล้งตนเล่นก็เท่านั้น และอีกอย่าง ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่ารออยู่...นั่นก็คือการสอบ

เขารีบกินข้าว เก็บจานชามให้เรียบร้อยแล้วก็รีบมานั่งอ่านหนังสือต่อ เขาอยากจะทบทวนอีกสักรอบสองรอบเพื่อความมั่นใจ ดีที่ตารางสอบของเขาเริ่มสอบตอนสิบโมงเช้าเลยไม่ต้องรีบนอนเท่าไหร่

"พี่จะไปอาบน้ำแล้วนะ ให้พี่เปิดเพลงไว้ให้มั้ย"

"ครับ" เขาเงยหน้าขึ้นไปส่งยิ้มให้ผาที่กำลังสารวนอยู่กับเครื่องเสียงตรงหน้า รอแค่พักเดียวเสียงเพลงสากลก็ดังขึ้นมา

เขาชอบฟังเพลงเวลาที่ต้องทำอะไรใช้สมาธิมากๆ

ผาเดินละมาหาน้องก่อนจะก้มลงหอมหัวหนึ่งทีแล้วเดินเข้าห้องไป เพื่อไปเตรียมตัวซ้อมในส่วนการสอบของตัวเองบ้าง การสอบของเขามันนอกตารางแล้วแต่อาจารย์จะนัดเพราะตอนนี้เขาปีสี่แล้วและเขาก็ฝึกงานอยู่เรื่องสอบที่ว่าคือการพรีเซ็นต์ในเรื่องการฝึกงานของตัวเองและก็ส่งโปรเจคด้วย




เวลาผ่านไปจนตีหนึ่งกว่า ผาหันกลับไปมองที่เตียงที่ตอนนี้มันยังไร้ร่างของอีกคนที่สมควรจะมาเข้านอนได้แล้ว เขาลุกขึ้นเก็บเอกสารทั้งหมดเข้าที่แล้วค่อยๆเปิดประตูออกไปดู เห็นคนตัวเล็กกอดแขนตัวเองไว้ฟุบหน้าลงกับกองหนังสือ หลับไปตั้งแต่เมื่อไหรกัน...

ผาลองเขย่าเรียกน้ำหลายครั้งแต่คนขี้เซาก็ไม่ยอมตื่น เขาจึงตัดสินใจอุ้มอีกคนขึ้นแนบอกแล้วเดินเข้าห้องไป วางร่างเล็กลงบนเตียง ห่มผ้าให้จนถึงอก...เสียงฮึมฮัมในลำคอดังออกมาให้ได้ยินพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเป็นปมอย่างคนโดนขัดใจ ผามองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มขำ ก่อนจะเดินออกไปปิดไฟปิดแอร์ข้างนอกให้เรียบร้อยแล้วเข้ามานอนข้างๆน้อง

เหมือนน้ำจะตัวรู้ว่าอยากจะดึงตัวเข้ามากอด พอเขาเอนตัวลงนอนน้ำก็พลิกตัวหันหน้ากลับมาหาเขาทันที คงเพราะความบังเอิญมากว่าความตั้งใจเพราะคนตัวเล็กหลับสนิท...แต่เขาไม่สนใจหรอก เขาอยากกอด คิดได้แบบนั้นก็รีบดึงตัวคนตัวเล็กมาแนบอกตนไว้อย่างเช่นทุกคืน

"รักนะคะ..." ผาเอ่ยคำๆเดิมที่พร่ำบอกกับคนในอ้อมกอดเช่นทุกคืน...ถึงแม้บางค่ำคืนคนตัวเล็กอาจจะไม่รับรู้ถึงมัน...อย่างเช่นคืนนี้ก็ตาม

ผาเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียงแล้วหลับตาลง


ผ่านไปเพียงครู่หนึ่งหลังจากที่ลมหายใจร่างสูงเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ คนในอ้อมกอดก็ลืมตาขึ้นมา มองหน้าคมเข้มผ่านความมืดไป...น้ำรู้สึกตัวตั้งแต่ที่ผาอุ้มเขาแล้ว แต่ไม่กล้าแสดงตัวว่าตื่นแล้ว...กลัวโดนบ่น ก็เลยแกล้งหลับมาตลอด ที่พลิกตัวกลับมานั่นก็เป็นความตั้งใจของเขาเองที่อยากกอดผา แต่ใจก็ไม่กล้าพอจะเป็นฝ่ายกอดก่อน

น้ำมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา เก็บเกี่ยวทุกความสุข ทุกความอบอุ่นจากอ้อมกอดให้ลึกลงไปในใจ...เผื่อวันใดวันหนึ่งสิ่งเหล่านี้หายไป...เขาจะได้ไม่รู้สึกโหยหามันอีก

"น้ำขอให้พี่อยู่เป็นความสุขของน้ำอีกสักนิดนะครับ...อีกไม่นาน พี่ผาจะได้มีความสุขแบบที่พี่ควรจะมี...รักพี่ผานะครับ" เสียงสั่นเครือและแผ่วเบาในตอนท้ายประโยคที่มาพร้อมกับน้ำสีใสที่ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย...น้ำเช็ดมันออกไปช้าๆ ขยับเข้าไปชิดแนบอกอุ่นมากขึ้นกว่าเดิม แล้วหลับตาลง...ปล่อยวางทุกอย่างก่อนจะเข้าสู่นิทราที่แสนหวาน



...หากจะขอพรสักข้อหนึ่ง เขาขอได้มั้ย...ขอให้ความเป็นจริงเหล่านี้เป็นเพียงความฝันที่แสนเศร้า ให้ความฝันเหล่านี้กลายมาเป็นความจริงที่แสนสุข คงไม่ได้สินะ...ความจริงก็คือความจริง และความจริงเหล่านั้นมันชัดเจนและแสนเจ็บปวด...ต้องอยู่กับมัน ต้องอยู่กับความเจ็บปวดนั้นให้ได้ แม้มันจะไม่มีวันสิ้นสุดเลยก็ตาม...









talk

มาแล้วววว~ มาช้า แต่มานะ ฮื่อออ ขอโทษเน้อที่ให้คนอ่านรอกันนานเป็นชาติเศษ เปิดเทอมมาคนเขียนก็เจอศึกหนักจริงๆ :sad4: จัดการตารางชีวิตตัวเองยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ เลยเลื่อนลงมาตลอด สัญญาว่าจะไม่ทิ้ง ถ้ายังมีคนรออ่านอยู่

ปล.ไม่ดราม่า จัดให้แค่พอกรุบกริบๆ นิยายเรื่องนี้อย่าคิดเยอะ มันไม่มีอะไรเล๊ยยย เป็นที่อยากจะเขียนแบบหลบๆซ่อนๆ ซับซ้อนๆบ้าง แต่ไม่ได้อ่ะ เฉลยหมด คนชอบลุ้นหักมุมนี่ไม่ต้องหวังเพราะจะผิดหวัง555555555

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ



หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.23] [28.1.2018 : 21.03]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-01-2018 22:10:53
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.23] [28.1.2018 : 21.03]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-01-2018 23:08:32
ไม่เอามาม่านะสงสารน้ำ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.23] [28.1.2018 : 21.03]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-01-2018 01:20:37
น้ำเอย ลูก ทำไมหนูหวังความสุขในชีวิตน้อยจังเลยลูก อยู่กับมันให้เยอะกว่านี้นะลูก แล้วชีวิตหนูจะดีขึ้นเอง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.24] [31.1.2018 : 23.31]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 31-01-2018 23:28:10


Episode 24





"เลิกอ่านได้แล้ว" 

"ขออีกนิดไม่ได้หรอครับน้ำยังไม่ค่อยมั่นใจเลย"

"อ่านบนรถมันเสียสายตา แล้วเดี๋ยวก็เวียนหัวอีก" 

"ง่ะ แต่ตอนนี้ติดไฟแดงองแล้วนี่นา"

"ขี้เถียง" ผาว่าออกมาเช่นนั้นแต่ใบหน้ากลับมีแต่รอยยิ้มสุขใจ เขายื่นมือไปขยี้ผมนุ่มก่อนจะหันมาสนใจถนนตรงหน้าอีกครั้งเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

ช่วงสอบไฟนอลสำหรับคนตัวเล็กผ่านไปสองวันแล้วและนี่คือวันที่สาม แต่วันนี้คือวันสอบไฟนอลวันแรกของเขา ทุกวันจะแค่ปลุกแล้วมาส่ง พอสอบเสร็จก็มารับ



ใช้เวลาบนท้องถนนไม่นานนักรถออดี้คันสวยก็เลี้ยวเขามายังมหาลัย ตรงไปที่คณะแพทย์เพื่อไปส่งคนตัวเล็กข้างตัว

"ถึงแล้ว" ผาปลดเข้มขัดออก เอี้ยวตัวยื่นหน้าไปใกล้ๆ คนที่เอาแต่ก้มหน้าอ่านแลคเชอร์ในมือ

"งั้นน้ำไปก่อนนะครับ..." คนตัวเล็กเก็บของใส่กระเป๋าแต่ยังไม่ทันได้ลง

"คิสก่อน" น้ำทำหน้าตาเลิกลัก มองไปข้างนอกมีแต่นักศึกษาเดินเต็มไปหมด...ไม่เอาด้วยหรอก

"ไม่มีใครเห็นหรอก...เร็ว"

"มะ ไม่เอา..." ยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยคริมฝีปากร้อนก็ฉกวูบลงมาปิดปากเขาไว้เสียแล้ว เขาหลับตาปี๋เพราะไม่อยากมองออกไปนอกรถว่ามีใครเห็นเขาบ้าง...จากที่เกร็งตัวแข็งในคราแรก น้ำก็ค่อยๆอ่อนลงตามแรงอารมณ์ที่นำพายนอยู่ ความอบอุ่นความหวานละมุนทำเอาความกังวลต่างๆนาๆปลิวหายไปจนหมเงด เหลือไว้เพียงเสียงชื้นแฉะให้ได้ยิน



น้ำเริ่มหายใจไม่ทันจึงทุบอกประท้วงเบาๆ ผาจึงค่อยๆผละออกอย่างแสนเสียดาย ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อไม่เคยจะห้ามใจไม่ให้หอมแก้มนิ่มนี่ได้เลยสักครั้งเดียว ปากอิ่มบวมเจ่อนี่ก็เหมือนกัน...ทำให้เขาเสียนิสัยไม่รู้จักพอสักที

"พะ พอแล้วครับ เดี๋ยวเข้าห้องสอบสาย" น้ำเห็นท่าไม่ดีจากสายตาที่หิวกระหายนั่นจึงรีบออกปากห้ามทันที เก็บของเสร็จก็เปิดประตูรถลงไปอย่างไว และผาเองก็เปิดประตูตามเขาลงมาด้วเช่นกัน...ทำให้เป็นเป้าสายตาทันทีเมื่อผาเดินเข้ามาหาเขามีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังแว่วมาจนเขาอยากจะวิ่งหนีเข้าไปหลบในมุมตึกเสีสตอนนี้



"คุณหมอขี้ลืมแบบนี้จะไปสอบได้ไงคะ" เสียงกรี๊ดกร๊าดดังแว่วมาให้ได้ยินอีกละลอกหลังจากที่ผาพูดเช่นนั้นกับเขา ...ผาไม่ได้มีทีท่าสนใจอะไร ยื่นกระเป๋าดินสอขนาดย่อมมาตรงหน้า น้ำเก้ๆกังๆไม่กล้ายื่นมือไปรับ เหลือบมองคนรอบตัวอย่างอายๆ เพราะสายตาที่มองมา...มองทั้งตัวเองและมองผา

เขาไม่ยอมยื่นมือไปรับผาเลยเอื้อมหยิบกระเป๋าเขาไปแล้วจัดการเก็บใส่กระเป๋าให้เขาเรียบร้อย...รอยยิ้มหล่อส่งมาให้เขาไม่ขาดสายจนใจเขาจะขาดอยู่รอมร่อ แล้วคนก็มีแต่คนมองผาเต็มไปหมด...ไม่รู้จะลงมาให้คนมองทำไมกัน

"คะ คนมองเยอะเลยครับ" น้ำก้มหน้าจนคางแทบชิดอก ผาเงยหน้ามองคนรอบข้าง แล้วก็พบว่ามีสายตาจำนวนมากกำลังมองมาที่น้ำและเขา ส่วนใหญ่ก็เป็นน้ำนั่นแหละ...แต่ท่าทางที่อยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้เต็มที่คืออะไรกันๆ คิ้วขมวดแน่นอย่างไม่ชอบใจ...อายที่เขามาส่งอย่างนั้นหรือ? ผาคิดในใจพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาจนใจมันรู้สึกเจ็บร้าวไปหมด

"น้ำไม่โอเคหรอ" น้ำเสียงเจือความตัดพ้อน้อยใจเรียกความสนใจจากน้ำได้เป็นอย่างดี...

"อื้ม" รอยยิ้มที่เคยมีให้กันหายไป มีเพียงแววตาผิดหวังและเสียใจ...เขาตอบอะไรผิด

"โอเค...ถ้าน้ำไม่สบายใจที่พี่มาส่งก็ไม่เป็นไร งั้นตอนเย็นเอาที่น้ำสะดวกก็ได้เดี๋ยวพี่ไปรับ" ผาหันหลังกำลังจะเดินกลับไปขึ้นรถแต่น้ำรั้งแขนร่างสูงเอาไว้ก่อนเพราะว่าผากำลังเข้าใจตนผิด...

"มีอะไร น้ำต้องไปสอบนะ เหลืออีกแค่สี่สิบนาทีเอง เดี๋ยวไม่ทัน" น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมาคล้ายกับไม่ได้เป็นอะไรพร้อมกับค่อยๆบิดแขนออกแบบไม่ให้ดูน่าเกลียดเกินไป...ไม่ได้นึกน้อยใจกับการปฏิเสธนี้เลย แต่น้ำกลับเข้าใจดีว่าผากำลังไม่โอเคเหมือนกัน



"พี่ผากำลังไม่โอเคใช่มั้ย"

"ก็...นิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย" ผายักไหล่ไม่สนใจ คำคะขาที่เคยใช้จนน้ำชอบที่จะให้ผาใช้แบบนั้นกับตนก็หายไป

"น้ำไปสอบได้แล้ว...พี่ไปก่อนนะ" ผาส่งยิ้มให้น้ำก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ไวเท่าความคิด...น้ำเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับที่เดิมของตัวเองอย่างรวดเร็วจนผาเองก็ตกใจไม่น้อย



"เข้ามาทำไม หื้ม" ผาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ใจเขากลับปวดแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

"ก็พี่ผาไม่โอเค...พี่ผากำลังเข้าใจผิด" น้ำว่าออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงพิงเบาะ

"พี่เข้าใจอะไรผิด...พี่รู้ว่าน้ำอายที่พี่พูดแบบนั้น พี่เลิกพูดแล้วนี่ไง ไม่ต้องห่วงเนอะ" น้ำทำหน้ายุ่ง

"อายที่คบกับพี่ขนาดนั้นเลยหรอ" ผาถามออกมาพร้อมกับเบือนหน้าออกไปมองนอกรถ ไม่อยากฟังคำตอบ...

"ไปกันใหญ่แล้วครับ...น้ำไม่ได้อายใครเลย น้ำก็เขินของน้ำปกติ"

"และที่ขมวดคิ้วไม่พอใจนั่นล่ะ จะให้พี่คิดว่าไง" ผาขึ้นเสียงถามนิดหน่อย จนน้ำเองขมวดคิ้วใส่ กอดอกอย่างไม่ชอบใจ

"ไม่พอใจพี่ผานั่นแหละ! จะลงจากรถไปให้คนอื่นเขามองทำมันเล่า! ชิ!" ประโยคเอาแต่ใจที่พูดออกมามันไม่ได้ทำให้ผานึกโกรธหรือไม่พอใจแต่อย่างใด มันกลับทำให้ใจเขาพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความเจ็บแปลบที่อกที่เขาสร้างมันขึ้นมาเองเมื่อสักครู่มันหายเป็นปลิดทิ้ง เขายิ้มออกมาอย่างโล่งใจก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอด น้ำดันอกเขาน้อยๆ

"ไม่ต้องมากอดเลยนะ" น้ำเสียงติดจะไม่พอใจแต่มันช่างขัดกับใบหูแดงแจ๋นี่เหลือเกิน

"หึงพี่หรอ" ผาผละออกมามองหน้าน้ำก่อนจะถามออกมายิ้มๆ

"ไม่ต้องพูดเลย น้ำจะไปสอบแล่ว" น้ำหยิบนู่นจับนี่ดูวุ่นวายไปหมด ที่ทำนี่กลบเกลื่อนความเขินชัดๆ

"ฮ่าๆ พี่ดีใจนะรู้มั้ย" ผาขำออกมาก่อนจะดึงน้ำเข้าไปก่อนอีกที

"ไม่พูด...แบบนั้นแล้วหรอครับ" น้ำอ้อมแอ้มถาม...ถึงมันจะเขินเวลาที่ผาพูดก็เถอะ...แต่มันก็ชอบด้วยเหมือนกัน

"ชอบให้พูดหรอคะ" ผาถาม คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักอยู่ตรงอก

"ไปสอบแล่ว เดี๋ยวไม่ทัน" น้ำผละออกมาหยิบกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่



จุ๊บ!

ผายื่นหน้าเข้าไปจุ๊บแก้มนิ่มไวๆหนึ่งที

"ตั้งใจสอบนะคะ เสร็จแล้วโทรหาเดี๋ยวมารับ"

"ครับ...เดี๋ยวน้ำโทรหา" น้ำบอกแค่นั้นพร้อมรอยยิ้มหวาน เปิดประตูลงจากรถไป เขายืนโบกมือบ๊ายบายให้ผา แต่ไม่แน่ใจว่าอีกคนที่อยู่ในรถนั้นจะเห็นรึเปล่า จนกระทั่งผาลดกระจกลงมาโบกมือให้เขาเช่นกัน แว่นกันแดดแบรนด์ดังที่อีกคนหยิบมาสวมไว้พร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนหลงใหลทำให้น้ำรู้สึกหัวใจจะวายซะเดี๋ยวนั้น...น้ำหันหลังแล้วรีบเดินเข้าตึกไปไม่หันกลับมามองอีกคนเลย ...ผามองคนตัวเล็กเดินไปด้วย ท่าทางเขินๆจนเดินหายลับเข้าไปใต้ถุนตึก ...ผากำลังจะกดกระจกขึ้น แต่สายตาดันเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนมองเขาอยู่ไม่ไกล...ไอ้ใหม่



...ทั้งสองคนมองกันไปมาอยู่อย่างนั้น เป็นใหม่เองที่ก้าวขาเดินเข้ามาหา ผากดปิดกระจกแต่ยังคงไม่ออกรถไปไหน จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินมาถึงตัวรถเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างกัน ผาจึงออกรถเพื่อไปยังคณะตัวเอง 

...ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรต่อกัน จนกระทั่งรถจอดลงตรงหน้าคาเฟ่ของคณะวิศวะซึ่งเป็นร้านประจำของกลุ่มเขา...ทั้งกลุ่ม ยกเว้นหนึ่งคนที่ไม่ได้มีความทรงจำร่วมกันตลอดสามปี





ผาและใหม่ลงจากรถและเดินเข้าร้านไป ปกติที่นี่จะเต็มไปด้วยหนุ่มวิศวะที่มานั่งมองสาวกันแต่ตอนนี้คนบางตาไปเพราะอยู่ในช่วงสอบ

ผาเดินเข้าทักทายพี่เจ้าของร้านเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปยังโต๊ะประจำที่ตอนนี้มี พุ่ม วัช ว่านและดินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"ไงมาด้วยกันได้วะ" พุ่มทักขึ้นมาพร้อมกับขยับที่ให้ทั้งสองได้นั่งก่อน

"ก็ กูไปส่งน้ำมา เลยเจอมัน" ผาว่าออกมาก่อนจะหยิบน้ำของใครสักคนบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม ทั้งโต๊ะเอ่ยเสียงแซวผากันยกใหญ่ ยกเว้น...

"ทำไมมึงต้องไปส่งน้ำด้วยวะ" ดินถามออกมาเสียงขรึม ทำเอาทั้งโต๊ะเงียบกริบ เบนสายตามองไปทางดิน...สีหน้าแววตาไม่ได้มีความคลางแคลงสงสัยเหมือนกับคำพูด แต่มันดูเหมือน...ไม่พอใจ

"มึงคงยังไม่รู้ เพราะวันๆนึงมาถึงก็เรียนเลิกเรียนก็เข้าบริษัท มึงก็เลยไม่รู้ว่าไอ้ผามันมีแฟนแล้ว" วัชว่ายิ้มๆ พร้อมกับตบบ่าของผาหนักๆสองสามที

"และเกี่ยวไรกับน้ำ" สีหน้าของดินยิ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ

"ก็มันกับน้องคบกัน" พุ่มเสริมขึ้นมาอีกคน

"มึงเหมือนมีปัญหานะดิน" ผาโพล่งออปมาเพราะจับความรู้สึกบางอย่างในคำพูดนั้นได้แต่...ไม่แน่ใจ

"ถ้ามีแล้วจะทำไม"

"กูเพิ่งรู้ว่ามึงชอบแย่งของเพื่อน"

"กูไม่ได้ชอบแย่ง...แต่ถ้ากูจะแย่ง ก็ไม่ใช่ปัญหาของใคร"

"ปัญหากับกูนี่ไง"

"จริงจังหรอวะ" ดินเผยยิ้มหยัน ทำเอาคนที่เหลือมองหน้ากันไปมา อย่างนึกกังวล ทั้งสองคนนั่งมองกันไปมา ถ้าหากเป็นการ์ตูนคงมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบๆออกมาจากตาทั้งคู่เป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครคิดจะห้าม...เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าสองคนนี้ไม่มีทางลงมือกันอย่างแน่นนอน

"แล้วมึงจะมาเสือกเพื่อ? สนใจ?"

"ก็...ประมาณนั้น" ดินเบ้ปากยักไหล่ นั่นทำให้ผารู้สึกว่าหัวจะร้อนหน่อยๆ

"อยากได้ก็มาเอาไป" ผาก็ทำท่าทางเช่นเดียวกัน

"มึงไม่เอาแล้ว?"

"ก็ไม่เชิง...ถ้ามึงเข้ามาแล้วน้องเขาไปหามึงกูก็ไม่ว่า" ...เขาคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าหากวันหนึ่ง มีคนอื่นเข้ามาหาน้ำ...แล้วน้ำเลือกที่จะไปจากเขา ถึงเขาจะรัก...แต่ก็คงจะไม่รั้ง เพราะนั่นถือว่าเขาเต็มใจจะไป...

"ไม่โกรธกู?"

"ไม่ล่ะ กูต้องขอบใจมึงมากกว่าที่มาทำให้กูกับน้องรักกันมากขึ้น หรือไม่...กูอาจจะตาสว่าง" ความจริงจังทั้งในน้ำเสียงและสายตาที่ส่งมา ดินรับรู้มันได้ดีว่าเพื่อนเขาคนนี้รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ...

...ถึงมึงจะเป็นเสือสิ้นลายและรักน้องเขาไปแล้วก็เถอะ...กูปล่อยให้มึงง่ายๆไม่ได้หรอก หึ...



"ตีกันพอยัง" ว่านโพร่งออกมากลางวงสงครามประสาทขนาดย่อม ทำเอาคนที่เหลือถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่มีคนยุติมันสักที

"เออเถียงกันจนลืมประเด็นสำคัญไปเลยไอ้พวกห่า" ...ทั้งกลุ่มเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งราวกับไม่มีใครอยากจะพูดเรื่องนี้ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องหลักๆที่นัดกันมาในวันนี้

"พวกมึงเรียกกูมา เพื่อที่จะเงียบใส่กูเนี่ยนะ" และในที่สุด ใหม่ก็เป็นคนทนอยู่ในความเงียบนั้นไม่ไหว โพร่งออกมาอย่างหัวเสีย

"กูไม่ได้จะเงียบใส่ กูแค่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง" ดินเป็นคนพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูค่อนข้างจะลำบากใจ ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

"ก็เริ่มตรงสาเหตุที่มึงนัดกูมาดิวะ"

"มึงเจอกับ 'มัน' มั่งรึยัง" ทุกคนทำท่าจะเงียบลงไปอีก ผาจึงทำหน้าที่เป็นคนเปิดเรื่องเสียเอง

"เจอแล้ว"

"มึงโอเคปะวะ" พุ่มถาม

"ทำไมกูต้องไม่โอเค"

"ก็มึงกับมัน..."

"ในเมื่อมันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นและตัวมันเองก็ไม่ได้สนใจ...กูจำเป็นจะต้องสนใจมันด้วยหรอวะ" ใหม่พูดออกมาอยากไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...เจอกันก็หลายครั้ง แต่ทุกครั้งทำเหมือนไม่รู้จักกัน แม้แต่ความเป็นเพื่อนสักนิดจะหลงเหลือให้กันก็ไม่มี...

"กูว่าไม่ใช่มันไม่อยากสนใจมึงหรอกไอ้ใหม่"

"มึงเป็นมันรึไงวะไอ้วัช ถึงได้รู้ความคิดมันอ่ะ...กูเจอกับตัวเองกูรู้ดี สามปีที่ผ่านมามันก็พอแล้ว...แม้แต่ความเป็นเพื่อนมันยังไม่หลงเหลือไว้ให้กูเลยด้วยซ้ำ" ใหม่ว่าออกมาเสียงสั่นเครือ แววตาคมแดงก่ำ ดินตบบ่าเพื่อนอย่างให้กำลังใจเพราะรู้ดีว่าลึกๆแล้วใหม่เป็นคนเซนซิทีฟ...คนอื่นๆก็รู้ข้อดีเหมือนกัน

"มันไม่ได้อยากเป็นแบบนั้นหรอก เชื่อกูเถอะ" พุ่มยังคงพยายามพูดต่อ

"มึงก็สมควรจะบอกมันได้แล้วปะวะ" คนเงียบประจำกลุ่มโพล่งออกมาก่อนที่ใหม่จะทันได้อ้าปากตอบไป ทำให้ใหม่เปลี่ยนเป้าหมายจากพุ่มเป็นว่านแทน ก่อนจะหันมาหาดิน

"บอกอะไร"

"มันความจำเสื่อม..." เป็นผาเองที่เฉลยให้...และคำตอบที่ใหม่ได้รับรู้ ทำเอาในอกปวดหนึบไปหมด คล้ายกับถูกบีบจนแทบหายใจไม่ออก...

"ตะ ตั้งแต่ เมื่อไหร่วะ" ใหม่ยกมือขึ้นลูบหน้าของตัวเองเพื่อเรียกสติ ดวงตาแดงก่ำ...ถึงในใจจะมีคำตอบอยู่แล้วแต่ก็ยังอยากได้รับการยืนยัน

"มึงก็รู้..." คำตอบจากดินยากเกินจะยอมรับ...น้ำตาสีใสหยดลงบนมือที่บีบประสานกันแน่นอย่างเงียบๆ ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง...แม้แต่เสียงกระดิ่งที่ประตูดังก็ไม่อาจเรียกความสนใจจากใหม่ไปได้



"ตลอดเวลาที่กูไปหามันที่นู่น...ทั้งพ่อแม่มันไม่เคยบอกกูเลยว่ามันเป็นอะไร กูถูกมันไล่กลับมาทุกครั้ง... กูโกรธมันที่มันทำแบบนั้นกับกู...แต่ตอนนั้นกูไม่รู้"



"มันเป็นเพราะกู... มันเป็นเพราะกูเอง กูทำลายชีวิตมัน"

"ไอ้ใหม่มึงใจเย็นๆก่อน" 

"มึงจะให้กูเย็นได้ไง มันเป็นเพราะกู มันเป็นเพราะกู!" ใหม่เริ่มสติแตก พูดออกมาเสียงดัง

"แต่มึงไม่ได้มีเจตนาให้มันเป็นแบบนั้น!" ใหม่เงียบไป เพราะที่ดินพูดออกมามันก็จริง...จริงที่ว่าเจตนาเขาไม่ได้ต้องการทำลายชีวิตของอีกคน



"ไหนมึงบอกว่ามึงไม่สนใจมันแล้วไง..." ชายเงียบประจำกลุ่มพูดขึ้นมา ไม่ได้ตะคอก หรือตะโกนเสียงดัง...แต่มันทำให้ทุกคนเงียบ และเบนสายตามายังว่าน

"..." ใหม่ไม่ตอบ ยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างกลัดกลุ้ม

"มึงโกหกใครโกหกได้ จะโกหกตัวเองมึงก็ทำได้ แต่ความรู้สึกมึง...มันไม่โกหกมึงหรอก มึงรู้ดี"

"กูไม่ได้..."

"ไม่ได้รู้สึกแล้ว? ...ตลกดี ปากบอกไม่รู้สึก แต่น้ำตาที่ไหลออกมานี่อะไร ฝุ่นเข้าตามึงงั้นสิ?" ว่านยิ้มเยาะ 

"...วันนี้แค่นี้ใช่มั้ย งั้นกูกลับแล้วนะ" ยังไม่ทันที่ใหม่จะคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายด้วยซ้ำ คำพูดจี้ใจจากว่านก็ดังขึ้นมาขัดเสียก่อน

"รู้สึกก็รู้สึกสิวะ ยอมรับมันก็ไม่ตายหรอก...เอาแต่หลบอยู่หลังคำโกหก มันดีแล้วหรอวะ"

"เออ กูรักมัน มันเป็นเพราะความปากพล่อยของกูเองที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ ถ้าวันนั้นกูไม่เมามันก็คงมาอยู่ตรงนี้! ...และกูผิดนักรึไงวะที่จะเลือกโกหก เพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดเหี้ยๆนั่นน่ะหะ!" ใหม่ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเหลืออดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป...แต่อีกคนกลับเดินเข้ามาแทน






"กว่าจะโผล่หัวมาได้นะมึง" พุ่มทักขึ้นมาหลังจากที่อีกคนยอมโผล่ออกมาจากที่ซ่อนแล้วมานั่งตรงที่ว่าง ที่ใหม่เพิ่งจะลุกออกไป

"ก็กูมีสอบ"

"มึงมาตั้งแต่ตอนไหน"

"สักพัก" "มึงจำไอ้ใหม่ไม่ได้จริงๆหรอวะ" วัชเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย ตลอดเวลาเขานั่งเงียบมาตลอดเพราะไม่อยากเสนออะไรนัก

"...ไม่ได้" เขาส่ายหน้าช้าๆ มองออกไปข้างนอก...ที่มีร่างใหม่กำลังเดินอยู่บนฟุตบาท

สามปีที่เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่อเมริกา คนๆนี้ก็มักจะไปหาเขาทุกเดือนและทุกครั้งที่ห็นจะปวดหัวเจียนแทบจะระเบิด ร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ...เขาจำอีกคนไม่ได้จริงๆ รู้แค่เพียงว่าคนๆนี้คงมีความสำคัญกับเขามากแน่ๆ

"รู้สึกยังไง..." ชายเงียบประจำกลุ่มซึ่งวันนี้คงไม่ใช่อย่างนั้นเอ่ยถาม

"...เจ็บ อยากจะร้องไห้ตาม" เขาพูดพลางนึกถึงประโยคสุดท้ายที่คนๆนั้นพูดออกมา ก็พาลทำให้ใจปวดหนึบและอยากจะร้องไห้อย่างที่พูดซะอย่างนั้น

"คิดว่ามันสำคัญกับมึงมั้ย"

"...ก็คงงั้น" เขาตอบพร้อมกับจุดรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก

"มึงรู้ใช่มั้ย...ที่มันพูดเมื่อกี้คือมึง" ว่านยังคงถามต่อเนื่อง...เห็นทีวันนี้คงต้องเอาฉายาชายเงียบคืน

"อืม...กูรู้ กูคิดว่าก่อนหน้าที่กูจะเป็นแบบนี้...กูก็รู้สึกแบบเดียวกันกับมันนั่นแหละ" คำพูดของอีกคนทำเอาหลายคนอึ้งไปตามๆกัน สำหรับใหม่ ทุกคนใหม่กลุ่มพอดูออกว่าใหม่รู้สึกยังไง...ทุกๆการกระทำของใหม่มันบอกแบบนั้น การดูแลเอาใจใส่ที่เหมือนจะเป็นเรื่องทั่วไป แต่ใหม่ก็ใส่ใจมันทุกรายละเอียด...

บทสนทนากำลังจะดำเนินต่อไปแต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงสมาร์ทโฟนของผา...แต่ทุกคนก็ไม่ได้สนใจอะไรและหันกลับมาคุยกันต่อ



"มึงคิดว่ามึงรักไอ้ใหม่เนี่ยนะ" ดินถามออกมาอย่างอึ้งๆ เพราะไม่รู้ดูไม่ออกเหมือนกันว่าจะรู้สึกเหมือนกันกับใหม่

"มึงจะว่าไป ถ้าดูดีๆไอ้ใหม่มันก็น่ารักนะ แต่แม่งมันห้าวไปงั้นแหละ" วัชเสริมขึ้นมา ดินนึกภาพตามก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย



ในกลุ่มเขามีแต่คนแข็งๆกันทั้งนั้น ไม่ค่อยจะมีความอ่อนโยนกันสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่ใหม่ ที่พอจะละเอียดรอบคอบ ใส่ใจทุกรายละเอียดแบบนั้น...ถึงจะเจ้าชู้ไปหน่อยก็เถอะ สงสัยเป็นเพราะมีความอ่อนโยน เอาใจใส่ล่ะมั้งถึงได้เป็นที่ถูกตาของผู้หญิงหลายๆคน "พี่ๆสวัสดีครับ" ทุกคนหันไปตามเสียงที่เอ่ยขึ้นมา

"เออๆ หวัดดีๆ มาๆมึงนั่งก่อน" พุ่มกับวัชขยับพื้นที่ให้สมาชิกใหม่เข้ามานั่ง

"อ่าว มึงอยู่นี่ด้วยหรอ กูก็นึกว่ามึงกลับไปแล้ว" 

"เอ่อ...สวัสดีครับ" เสียงสดใสที่ดังขึ้นนั้นทำให้ดินกับผาเงยขึ้นมองอย่างไว...น้ำมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา ก่อนจะเดินไปทางผาที่กวักมือเรียกเขาอยู่ เขามองไปยังเบทที่นั่งลงอีกฝั่งที่ได้รับการต้อนรับจากเพื่อนผาอย่างเป็นกันเอง...น้ำกำลังจะหย่อนตัวลงนั่งที่ข้างผาแต่สายตาดันเห็นเข้ากับใครอีกคน ที่เขากับพราวและเบทคิดว่ากลับบ้านไปแล้ว...

"...อิ่ม"









100%

...To Be Continued...

talk

แฮร่~ มาต่อให้อย่างไว 3 วันเองมั้งรู้สึก ช่วงนี้ดาวน์เลยแต่งไวว ฮาาา

- ตอนนี้เริ่มเฉลยปมพี่ใหม่ละ เดี๋ยวเรื่องราวต่างๆกำลังคิดอยู่ว่าจะยกยอดไปในตอนพิเศษดหรือว่ารวดเดียวเลยแต่แยกเป็นพาร์ทดี?? ทุกคนลืมพี่ใหม่ไปแล้ว ตอนนี้...ค่าตัวพี่แกแพง  :z3:

- ขอบคุณทุกการแสดงความคิดเห็น มันเป็นเพราะไม่กี่ตัวอักษรของคุณที่ทำให้เรามีแรงแต่งมาได้ไวขนาดนี้ ขอให้สนุกกับการอ่านนะจ้าววว

ปล. หลังจากนี้ไป ซื้อทิชชู่ตุนไว้หน่อยก็ดีนะคะ ฮรี่ๆ



หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.24] [31.1.2018 : 23.34]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-02-2018 00:44:44
อิ่มต้องเจ็บหนักแน่ ๆ ถึงได้เรียนล้าหลัง 3 ปี แล้วยาเสพติดมันเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของใหม่และเพื่อน ๆ อย่างไง  :confuse:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.24] [31.1.2018 : 23.34]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-02-2018 02:36:45
ปมเยอะจุง
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.25] [04.02.2018 : 22.00]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 04-02-2018 22:03:08
Episode 25





กลิ่นหอมฉุยของอะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งมันหอมมากเสียจนกระเพาะเขาทำงานตั้งแต่เขายังไม่ลืมตา

ผาควานมือสะเปะสะปะไปทั่วเตียงกว้างเพื่อจะคว้าเอาร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอด แต่ที่ว่างข้างกายที่ควรมีอีกคนนอนอยู่กลับเย็นชืดแสดงให้เห็นว่าอีกคนคงลุกไปนานแล้ว

ผาลืมตาขึ้นมา มองไปที่นาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง เก้าโมงครึ่ง...เขาตื่นสายขนาดนี้เชียวหรือ? แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะกลับจากบริษัทและการนัดดูตัวของม้าเสร็จก็ปาไปดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว



เขาลุกออกจากเตียงไปทั้งที่มีแต่กางเกงนอนขายาวตัวเดียว เปิดประตูห้องอย่างเบามือ ค่อยๆเดินไปยังส่วนของครัวที่ตอนนี้มีร่างนุ่มนิ่มของน้ำกำลังยืนทำกับข้าวอยู่... เสื้อเชิ้ตสีเข้ม ยาวปิดก้นงอนๆลงมาไม่ถึงคืบ หากแต่ข้างล่างนั้นมีกางเกงบ็อกเซอร์ปิดอยู่ แต่ก็พอให้อภัยได้เพราะมันยาวลงมาไม่ถึงครึ่งขาขาวด้วยซ้ำ 



ผายืนกอดอกพิงขอบประตูมองการเคลื่อนไหวนั้นอย่างเพลินตาและคนถูกมองเองก็ไม่รู้เลยว่าถูกเอาไปจินตนาการถึงไหนต่อไหน ผากะว่าจะยืนมองอยู่อย่างนั้นไม่เข้าไปรบกวนอะไร แต่สุดท้ายคนถูกมองก็รู้ตัว...

"พี่ผาตื่นแล้วหรอ" น้ำหันมาหาเขาพร้อมกับคำถามที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสวยส่งมาให้

"ช่าย...ตื่นมาก็เพราะลิ่นหอมๆพวกนี้นี่แหละ" ผาเดินเข้าไปยืนข้างๆน้ำพร้อมกับโอบรอบเอวเอาไว้หลวมๆ ก่อนละเลื่อนลงมาลูบก้นงอนไปมาเบาๆอย่างเพลินมือ

"หิวมั้ยครับ" น้ำเอ่ยถาม พยายามไม่สนใจมือที่ลูบเบาๆอยู่ที่ก้นของตัวเอง

"หิวค่ะ"

"งั้นไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนครับ ใกล้เสร็จแล้ว"

"หิวน้ำ..." คำตอบนั้นเกือบทำให้ทัพพีที่อยู่มือน้ำหล่น หิวน้ำแบบนี้ คงไม่ใช่น้ำดื่มแน่ๆ

"กะ ก็กินสิครับ" เสียงตะกุกตะกัก มือไม้เริ่มทำอะไรไม่ถูก ผาเข้ามากอดเขาทางด้านหลังกอดเขาแนบชิดเสียจนอะไรๆที่มันตื่นตัวดันก้นเขาอยู่ น้ำกัดริมฝีปากล่างแน่นเพราะรู้สึกว่า...คงไม่รอดแน่ๆ



พูดเชิงอนุญาต ที่ผาคิดเอาเองว่าคนตัวเล็กคิดเรื่องเดียวกันระยะเวลาเป็นเดือนใช่ช่วงที่คนตัวเล็กต้องสอบไฟนอล เขาทั้งสองคนไม่ได้ทำอะไรที่มันเกินเลยไปกว่าหอม กอด จูบเลย เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลาและก็เกรงใจน้ำด้วย...แต่ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว เขาไม่ต้องฝึกงาน น้ำเองก็ว่างทุกวันเป็นเดือนๆ...จะได้กินจนอิ่มทุกวันก็คราวนี้ นึกขอบคุณตัวเองที่รออดเปรี้ยวไว้กินหวาน...และแน่นอน น้ำขวดนี้หวานสมใจ



"กินแน่...เพราะหิวมาก" ผากดจูบหนักๆลงแถวๆหลังใบหู สองมือสอดเข้าไปใต้ตัวผ้ากันเปื้อน ค่อยๆบรรจงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนหมด



น้ำวางทัพพีลงก่อนจะปิดเตาแก๊สและยืนกัดปากอยู่เช่นนั้น ผายกยิ้มพอใจที่คนตัวเล็กยอมตามใจเขา

ผาค่อยๆแหวกสาบเสื้อออกจนเห็ลาดไหล่เปลือยเปล่าและแผ่นหลังเนียนสวย ...และในที่สุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มก็หลุดออกไปจากตัวเหลือเพียงผ้ากันเปื้อนสีดำที่ผูกคอ ผูกหลังกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋ว

เขาจับตัวน้ำพลิกให้หันหน้ามาก่อนจะก้มลงจูบหนักๆที่ริมฝีปากสีสดที่เผยอรอการช่วงชิมความหวานเอาไว้อยู่แล้วเสียงจ๊วบจ๊าบดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ จากความละมุนละไลแปลเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนเสียนร่างกายร้อนวูบ น้ำที่เริ่มหายใจไม่ทันส่งเสียงประท้วงจนผาต้องยอมผละออกมาอย่างแสนเสียดาย...แต่จมูกคมก็ไม่ยอมผละห่างไปไหน

สองมือทำหน้าที่อย่างดี ลูบไล้ก้นสวยอย่างเบามือ ก่อนจะค่อยๆเกี่ยวขอบบ็อกเซอร์ลงไปพร้อมกับอันเดอร์แวร์จนลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า

ร่างกายที่เปล่าเปลือยที่มีเพียงผ้ากันเปื้อนผืนยาวปกปิดส่วนหน้าเอาไว้...ทำให้น้ำรู้สึกแปลกๆ ใบหน้าแดงแจ๋เพราะเขินอายกับสายตาที่บ่งบอกความต้องการอย่างแรงกล้า

...มันเซ็กซี่มากสำหรับผา สองเม็ดเล็กสีชมพูอ่อนผลุบๆโผล่ๆออกมาอย่างเชิญชวนเวลาที่เจ้าของเขาขยับตัวไปมา

ผาไม่อยากทำอะไรให้มันยืดเยื้ออีกแล้ว อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา จนคนตัวเล็กผวากอดคอเขาเอาไว้เพราะกลัวตก เขาวางน้ำลงให้ยืนอยู่ตรงปลายเตียง เม็ดเล็กสีอ่อนที่โผล่พ้นมาข้างหนึ่งมันเชิญชวนเขาเสียจนต้องครอบครองมันเสียเดี๋ยวนั้น



"อ้าา~" เสียงใสครางผะแผ่วออกมาให้ได้ยิน สองมือยกขึ้นจิกขยุ้มกลุ่มผมของผาเอาไว้อย่างหาที่ระบาย...ลิ้นสากทำงานได้ดีมากจนคนตัวเล็กครางกระเส่าไม่หยุด...

หน้าขาแกร่งขยับเข้ามาตรงหว่างขาขยับขึ้นลงจนกลางกายสวยตื่นตัว...ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยชินกับสัมผัสวาบหวามที่ร่างสูงมอบให้นี่เสียที ร่างกายยังคงสั่นสะท้าน อ่อนยวบยาบไม่มีแรงจะยืน...คนอะไรร้ายกาจชะมัด



จ๊วบ!

ผาละจากการดูดดึงเม็ดเล็กขึ้นมากดจูบหนักๆที่ปากเขา ก่อนจะดูดเม้มริมฝีปากล่างของเขาจนมันเกิดเสียงอันน่าอาย...เขามีความสุขจนตัวจะแตกกับความวาบหวามที่ผามอบให้จนน้ำนึกอยากจะมอบให้แก่อีกคนได้รับบ้าง

ไวกว่าความคิด ก่อนที่ผาจะผละหน้าออกห่าง น้ำเอื้อมมือขึ้นมารั้งคอของร่างสูงเอาไว้ก่อนจะทำกลับคืนเช่นเดียวกัน

น้ำค่อยๆดูดเล็มไปทั่วริมฝีปากทั้งบนและล่างอย่างไม่ประสา...ผาไม่ได้ไม่พอใจ แต่กลับใจเต้นแรงเสียจนมันจะกระดอนออกมา เพียงแค่จูบไม่ประสานั้นประกบลงมากลางกายก็ตื่ตัวเต็มที่จนปวดหนึบ

คนตัวเล็กไม่ได้ทำเพียงแค่นั้นแต่กลับค่อยขบเม้มเบาๆไล่ลงมาตามลำคอจนถึงแผงอกแข็งแกร่ง คนตัวเล็กคงเขินจัดเป็นแน่เพราะตอนนี้แดงแจ๋ไปทั่วทั้งตัว

เขายืนให้คนตัวเล็กทำอะไรตามใจ เขาอยากให้คนตัวเล็กทำให้เขาบ้างแต่ก็ไม่อยากเอ่ยขอเพราะมันจะกลายเป็นการทำให้โดยไม่เต็มใจ

ทุกอย่างถูกดำเนินไปโดยที่คนตัวเล็กเป็นคนนำพา น้ำขบเม้มต่ำลงไปเรื่อยๆ จนไปถึงหน้าท้องแกร่งเป็นลอนสวย ในที่สุดน้ำก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา เพียงตรงนั้นก็ทำให้ผารู้ทันทีว่าอีกคนจะทำอะไร

"คนดี...ลุกขึ้นมาก่อนเร็ว" ผาจับแขนของน้ำดึงรั้งขึ้นมาแต่น้ำกลับยื้อเอาไว้



"ห ให้น้ำทำให้นะครับ" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมอง สายตาและคำพูดเหมือนออดอ้อนอยู่ในที ทำให้ผายอมตามใจ ปล่อยมือลง

น้ำกัดปากแน่น สองมือค่อยๆเกี่ยวขอบกางเกงลงจนส่วนแข็งขืนดีดผึงออกมา  มือข้างหนึ่งกำรอบส่วนนั้นเอาไว้ก่อนจะค่อยๆชักรูดมันขึ้นลงช้าๆและทวีความเร็วเพิ่มมากขึ้น จนส่วนหัวมีน้ำสีขุ่นปริ่มออกมา



"อ่าาห์~ ที่รักพอ... อึก!" ผายังไม่ทันจะพูดมันจบด้วยซ้ำ ลิ้นเล็กก็ตวัดเลียลงมายังส่วนปริ่มน้ำ จนผาต้องเกร็งหน้าท้องเพราะความเสียววูบที่แล่นไปทั่วร่างราวกับโดนไฟช็อต และในวินาทีต่อมาส่วนกลางกายของเขาก็เข้าไปอยู่ในโพรงปากนุ่มนั่นเสียแล้ว

"อ่าาห์~ คนดี อึก ดี ค่ะ อืมมม..." คนตัวเล็กกระหยิ่มยิ้มพอใจ พร้อมกับห่อปากรูดขึ้นลงเร็วๆ เจอแบบนี้เขาจะทนไหวได้ไง...จะเสร็จตั้งแต่มือนุ่มนิ่มนั่นขยับรูดให้อยู่แล้ว และแบบนี้...

"อึก! ที่รักออกก่อน อ่าาาห์..." ไม่ฟังคำพูดของเขาแถมยังรูดรั้งถี่มากขึ้นจนความอดทนหมดลงเผลอกดหัวน้ำเอาไว้แทนที่จะดึงออหแล้วฉีดน้ำรักเข้าเต็มโพรงปาก

"คนดีคายมันออกมา" ผาสั่งเสียงเข้มแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว

"อึก...แฮกๆ" น้ำกลืนมันลงไปแล้วก่อนจะค่อยๆผยุงตัวยืนขึ้น ปากคอแดงแจ๋ เผยอปากหายใจหอบถี่ สบมองเขาด้วยสายตาปรือปรอยเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง คราบน้ำที่เลอะอยู่ตรงมุมปาก น้ำใช้หลังมือเช็ดมันออกลวกๆ แต่ภาพนั้นมันโคตรจะเซ็กซี่ จนเส้นอารมณ์ดิบขาดผึง



ผาจับน้ำเข้ามาบดจูบอย่างรุนแรงและดุดันกว่าครั้งไหนๆ ผาถอนจูบออกหันหลังไปหยิบเอาขวดเจลมามาชะโลมไปทั่งแก่นกาย จับคนที่ยืนเขินตัวแดงให้หันหลัง ดันตัวให้น้ำโน้มตัวลงไปใช้มือค้ำยันพื้นเตียงเอาไว้

ผาจับเจ้าหนูของเขาไปจ่อไว้ที่ช่องทางสีสวยก่อนจะค่อยๆดันมันเข้าไปโดยที่ยังไม่เบิกทางอะไรเลย...



"เจ็บมั้ยคะ อืมม..." ผาถามเพราะมือเรียวที่จิกขยุ้มผ้าปูเตียงเสียจนยับยู่ยี่

"มะ ไม่ อ๊าา~" ผาดันรวดเดียวจนสุด น้ำผวาเฮือกเพราะว่ากระแทกโดนจุดนั้นเข้าอย่างจัง...ผาแช่ค้างไว้เพียงครู่เดียว ก็เริ่มขยับเอวเข้าออกช้าๆ สองมือดันขาเรียวให้แยกออกจากกันกว้างกว่าเดิม

"อ๊าา~ ระ เร็ว" คำขอที่ผารอคอยก็หลุดออกมาจากลำคอระหงส์ ผาไม่ตอบ แต่กลับขยับเอวสอบถี่รัวเสียจนคนตัวเล็กสั่นคลอน



พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ

"ฮื่อออ~ ละ ลึก อื้อออ~" คนตัวเล็กครางกระเส่า แขนที่เคยค้ำยันไว้ก็อ่อนแรงลง ปล่อยตัวฟุบลงไปกับเตียงอย่างอ่อนแรง ก้นสวยยังคงลอยเด่นรับแรงกระแทกที่ส่งมาอย่างดี...



แผ่นหลังเนียนแอ่นโค้งลงอย่างจงใจจะยั่วกันก็ไม่ปาน...สายผ้ากันเปื้อนสียังถูกผูกไว้ที่เอวคอด ตัดกับผิวขาวอย่างล่อตา...ทำไมเซ็กซี่แบบนี้

แรงกระแทกที่ส่งเข้ามาถี่รัวต่อเนื่องจนขาเรียวแทบยืนไม่อยู่จึงต้องยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางเข่าไว้บนขอบเตียง...แทนที่มันจะช่วยบรรเทาความเสียวซ่านได้บ้างมันกลับส่งผลตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง...ผากลับสอดได้ลึกขึ้นกว่าเดิมแถมเน้นหนักกว่าเมื่อครู่นี้หลายเท่านัก...เขาจะทนไม่ไหวแล้ว

"อ๊าาา~ มะ ไม่ไหว ...พี่ผา ฮื่ออ~ น้ำไม่ไหว" น้ำชันตัวขึ้นมา มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับมือผาที่จับประคองสะโพกตัวเองไว้ กัดเม้มปากล่างไว้แน่นเพื่อคลายความเสียวซ่านก่อนจะหันไปมองผา



สายตาฉ่ำปรือ น้ำตาคลอน้อยๆ แก้มแดงปลั่งนั่นมันส่งผลกระทบทั้งจิตใจและร่างกายของผาอย่างจังทำให้เขาไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกต่อไป

"อื้อออ~ พะ พี่ผา ฮื่ออ แรงไป สะ เสียว น้ำเสียว อ๊าา!..." คนตัวเล็กกระตุกเกร็งหวีดร้องออกมาลั่นห้อง ปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะหน้าท้องและผ้ากันเปื้อนทั้งที่ผาไม่ได้แตะต้องส่วนกลางกลายของเขาเลยแม้แต่น้อย ผาซอยถี่อีกสามสี่ทีก็ปลดปล่อยตามไปติดๆ

"อ่าาาห์~" เขาแช่ไว้อย่างนั้นก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบซับหลังเนียนขาวพร้อมกับขบเม้มทำรอยรักไว้เต็มไปหมด มือข้างหนึ่งยื่นไปแก้ปมผ้ากันเปื้อออกทั้งที่เอวคอดแล้วที่คอออก คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ทำให้ส่วนเชื่อมประสานหลุดออกจากกันจนคนตัวเล็กส่งเสียงครางออกมา



จุ๊บ!

ผาก้มลงจุ๊บแก้มคนตัวเล็กที่หลับตาพริ้มอยู่หนักๆหนึ่งที

"ร้ายนักนะตัวแสบ" ผากัดฟันพูดอย่างหมั่นเขี้ยว

"งื้ออ~ ใครร้าย น้ำไม่ได้ร้ายสักหน่อย คิก" น้ำว่าออกมาเสียงยานๆ ก่อนจะหลุดขำออกมาในตอนท้ายประโยค...มันน่าจับมาตีก้นซะให้เข็ด ไปหัดยั่วกันแบบนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

"คราวหลังถ้ายั่วกันแบบนี้ เจอหนักกว่านี้แน่ตัวแสบ" ผาเอ่ยออกมาอย่างคาดโทษก่อนจะพลิกตัวน้ำให้นอนหงายแล้วอุ้มเดินเข้าห้องน้ำไป...อยากจะรังแกคนขี้ยั่วอีกสักรอบ แต่วันนี้เขาว่าเขาทำรุนแรงกับคนตัวเล็กไป...แล้วอีกอย่าง มีเวลากินอีกเป็นเดือน ค่อยๆกินดีกว่าจะได้ไม่สำลักจนหัวใจวายตาย



เขาทั้งคู่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็มาอุ่นกับข้าวที่เย็นชืดให้กลับมาน่ากินเหมือนเดิม จัดเตรียมข้าวขึ้นโต๊ะกำลังจะลงมือทาน แต่เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนของผาก็หยุดกิจกรรมทุกอย่างลงไป

"เดี๋ยวพี่มานะคะ หนูกินก่อนได้เลย" ผาลุกขึ้นมาหอมหัวเชาแล้วพูดออกมาแบบนั้นก่อนจะออกไปรับโทรศัพท์แล้ว ปล่อยน้ำเอาไว้กับสรรพนามใหม่ที่ผาใช้เรียกเมื่อครู่  ...'หนู' เนี่ยนะ แค่คะขาทุกวันนี้เขาก็หัวใจจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แล้วนี่เรียกเขาว่า 'หนู' ได้ตายกันพอดี ฮื่ออ~ เขินง่าา >///<



"ผาขอทานข้าวก่อนได้มั้ยครับม๊า เดี๋ยวผากลับ... ครับ ก็ได้ครับ ผมจะรีบกลับ" ผาวางสายพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายกับหนักใจกับเรื่องอะไรบางอย่าง...

"มีอะไรรึเปล่าครับ" น้ำเอ่ยถามเพราะเห็นสีหน้ากังวลของผาจนลืมอาการเขินเมื่อครู่ไปเสียสนิท

"พี่ต้องกลับบ้านค่ะ ม๊าโทรตาม" ผาเดินเข้ามาผาเขา กอดเขาเอาไว้หลวมๆจนหน้าสวยซุกลงกับหน้าท้องเป็นลอน

"งั้นก็รีบไปแต่งตัวสิครับ" น้ำเงยหน้าส่งยิ้มไปให้ ผายกมือขึ้นกอบกุมแก้มนิ่มเอาไว้ ไล้เกลี่ยมันอย่างหลงใหล ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากมน...น้ำหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นทั้งหลายไว้ให้มากที่สุดก่อนที่ผาจะผละออกไป

"พี่ขอโทษนะคะ ที่ได้ได้อยู่กินข้าวด้วย..."

"ไม่เป็นไรครับ น้ำกินได้ พี่ผารีบไปเถอะครับ...ปล่อยให้ม๊ารอทานข้าวด้วยมันไม่ดีน้า" น้ำพูดไปยิ้มไป ปกปิดความกังวลเอาไว้ให้มิดชิด ก่อนจะดันหลังร่างสูงให้เดินเข้าไปยังห้อง เข้าห้องน้ำไปหยิบเลือกชุดไปรเวทออกมาให้ผาหนึ่งชุด...น้ำกำลังจะเดินหลบฉากออกไปแต่ผากลับเข้ามาคว้าเอวเขาไว้เสียก่อน

"โอเครึเปล่า หื้ม" ผาถามออกมาอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของน้ำ

"โอเคครับ พี่ผาไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วนะครับ...กลับไปหาท่านบ้าง" น้ำยิ้มตอบออกไป ทั้งๆที่ในใจมีความกังวลอยู่ไม่น้อย ผาทำหน้าเครียด ไม่เชื่อสิ่งที่เขาบอกจนน้ำต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นประกบเข้ากับแก้ม มองสบตาคมตรงๆ

"น้ำไม่เป็นอะไรจริงๆ ไปเถอะครับเย็นๆก็เจอกันแล้ว..."



จุ๊บ!

น้ำยืดตัวขึ้นไปจุ๊บปากของผาไวๆก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ ทำให้ผาเผยรอยยิ้มหล่อออกมา ก่อนจะโอบกระชับเอวเขาให้แน่นขึ้น

"พี่เชื่อน้ำก็ได้ว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ"

"ครับ"

"เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมาหาหนูนะคะ" น้ำอ้าปากค้างตัวแข็งท่อคล้ายกับสติหลุดไปกับคำพูดนั้นแล้ว...ใบหน้าขาวค่อยๆซับสีเลือดจนกลายเป็นสีชมพูลามไปถึงใบหู

"นะ หนูเหนออะไรครับ ไม่ต้องเรียกน้ำแบบนี้เลยนะ" น้ำทำเป็นพูดดุกลบเกลื่อนความเขิน ขยับตัวยุกยิก มือไม้เกิดวางไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

"ทำไมคะ"

"ก็..."

"หื้ม อะไรคะ" ผาถามอย่างเร่งเร้า พร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่แกล้งคนตัวเล็กได้

"คือ..."

"ว่าไง"

"ก็มันเขินง่ะ!" พอถูกจี้มากๆเข้าก็หลุดสารภาพออกมาซะเสียงดังจนผาอดขำกับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนี้ไม่ได้ น้ำแกะแขนเขาออกก่อนจะรีบเดินไวๆหายออกไปจากห้อง เขาไม่ได้ตามคนขี้เขินออกไปหันกลับมาแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านตามคำบรรชาของม้า พอเปิดประตูออกมาก็เห็นคนตัวเล็กกำลังนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย...เห็นแบบนี้ก็สบายใจว่าคนตัวเล็กไม่ได้โกรธเคืองหรือไม่พอใจอะไรเขา

"พี่ไปก่อนนะคะที่รัก" ผาเดินเข้าไปบอกคนตัวเล็กพร้อมกับก้มลงหอมหัวทุยหนึ่งที ก่อนจะเดินละออกมาก้มใส่รองเท้าก่อนจะโบกมือบ้ายบายให้ คนตัวเล็กก็โบกมือกลับมาให้เขาพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน...เขาไม่อยากอยู่ลาน้องใกล้ๆนานนักหรอกเดี๋ยวจะกินเวลานานเป็นชั่วโมงเอาได้





ผาขับรถออกมาไม่นานนักก็ถึงบ้านของยนแล้ว เขาจอดรถเอาไว้หน้าบ้านเห็นผู้เป็นแม่ยืนกอดอกคอยท่าอยู่แล้วจึงรีบเปิดประตูลงไปหาทันที

"สวัสดีครับม้า คิดถึงจังเลย" ผาเดอนเข้าไปกอดพร้อมกับหอมแก้มทั้งสองข้างอย่างเอาใจ

"คิดถึงแต่ก็ไม่เคยกลับมาหา"

"ก็กลับมาแล้วนี่ไงครับ...ไปทานข้าวกันเถอะครับหิวจะแย่" ผาพูดอ้อนๆก่อนจะเดินโอบมารดาเดินเข้าไปข้างในบ้าน ซึ่งป๊ากำลังเดินลงมาจากชั้นสองพอดีเขายกมือไหว้ก่อนจะยืนรอเดินไปทานข้าวพร้อมกัน

"ฟ้ายังไม่ตื่นหรอครับ" ผาเอ่ยถามหาน้องสาวทันทีที่นั่งประจำที่แล้ว

"ออกไปไหนแต่เช้ากับเพื่อนแล้วก็ไม่รู้" คนเป็นพ่อบอกก่อนจะส่งสัญญาณให้แม่บ้านตักข้าวได้เลย

"แล้วม้าเรียกผากลับมามีเรื่องอะไรจะคุยเป็นพิเศษรึเปล่าครับ"

"ม้าแค่อยากรู้ว่าทำไมผาถึงปฏิเสธผู้หญิงที่ม้าหาให้ทุกคนเลย" ม้าตักกับข้าวให้ป๊าไปพลางถามเขาไปพลาง

"ผมมีแฟนแล้วนี่ครับ" ผู้เป็นแม่วางช้อนลง

"น้องเป็นใคร มาจากไหน...บอกม้าได้รึเปล่า" ผานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งกับคำถามนั้น...ไม่รู้ว่าถ้าบอกไปม้าจะรับได้รึเปล่า แต่ยังไงก็ต้องบอกให้รู้อยู่ดี

"...น้องเป็นแค่เด็กกำพร้าครับม้า" ม้ากับป๊าไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรให้เห็นมากนัก มีเพียงสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปก็เท่านั้น...แต่เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

"แน่ใจแล้วหรอ" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามคำถามเดิมที่เคยถามไปแล้ว...และเขาก็ยังคงคำตอบเดิม

"ครับ" ผาตอบออกมาอย่างมั่นใจ

"ลูกเอาอะไรมาแน่ใจ เขาไม่มีอะไรเลยสักอย่างในขณะที่บ้านเรามี เขาจะเข้ามาปอกลอกลูกรึเปล่าก็ไม่รู้"

"ตั้งแต่ผมคบกันน้องไม่เคยขออะไรจากผมเลย และไม่เคยขอเงินจากผม...เงินเก็บน้องมีมากกว่าเงินเก็บผมอีกมั้งครับ"

"ม้าไม่เข้าใจ..."

"น้องทำงานเก็บเงินมาตลอดตั้งแต่อยู่ปฐมฯ" ผาบอกเรื่องที่รับรู้มาจากโจ้กับธามให้ผู้เป็นพ่อและแม่ฟัง...เผื่อจะยอมรับกันได้บ้าง

"ไม่ใช่เรื่องนั้น...แต่ม้าไม่เข้าใจทำผาถึงเลือกคนนี้ต่างหาก" ม้าทำหน้าผิดหวัง แม้แต่ป๊าเองก็มองเขาด้วยสายตาที่ผิดหวังเช่นกัน...ตั้งแต่โตมาในครอบครัวนี้ไม่เคยมีเลยสักคราเดียวที่เขาจะเห็นพ่อกับแม่ผิดหวังในตัวเขา...แต่ทำไมกันนะ ทำไมแค่เขาเลือกทำตามหัวใจ ป๊ากับม้าถึงต้องผิดหวังในตัวเขาถึงขนาดนี้...

"ป๊ากับม้าผิดหวังมากเลยหรอครับ ที่ผาเลือกคนนี้ คนที่ไม่มีอะไรเลย...แต่เขากลับดูแลใส่ใจลูกของป๊ากับม้าเป็นอย่างดี...ไม่ได้เข้าหาเพราะผามีเงินแบบคนอื่นๆที่ผ่านมา...นี่คือสิ่งที่ป๊ากับม้ากำลังผิดหวังในตัวผมอยู่ใช่รึเปล่าครับ" ผาถามออกมาอย่างเสียใจ เขาทำให้ป๊ากับม้าผิดหวังเพราะแค่นี้เองหรอกหรือ? 

"ไม่ใช่อย่างนั้นผา ฟังม้าก่อน...ม้าขออะไรผาได้มั้ย..." ม้ากำลังจะเอ่ยขอบางสิ่งบางอย่างแต่ก็ถูกลูกชาย

"ขอให้ผมทิ้งหัวใจตัวเองใช่มั้ยครับ...ผมทราบดีครับว่าตลอดเวลาที่ม้าเลี้ยงดูผมมาม้าไม่เคยขออะไรผมเลย ปล่อยให้ผมทำอะไรที่อยากจะทำมาโดยตลอด ครั้งนี้ม้าก็เลยจะขอเรื่องนี้กับผมใช่มั้ยครับ...ผมขอโทษนะครับ แต่ผมทำให้ม้าให้ไม่ได้" เขากลายเป็นลูกอกตัญญูไปเสียแล้ว

"ทำไมลูกพูดแบบนี้...ลูกเปลี่ยนไปมากเลยรู้ตัวรึเปล่า ถ้าลูกยังดึงดันที่จะทำแบบนี้แม้สังคมจะว่ายังไงลูกก็ไม่สนมันงั้นหรอ" 

"ผมแคร์คนทั้งโลกไม่ได้ แต่ผมแคร์คนที่ผมรักได้"

"แล้วแกคงไม่รักพ่อกับแม่แกงั้นสิ" เหมือนรู้สึกโดนตบหน้าก็ไม่ปาน...มันชาหนึบไปทั่ว หัวใจเขาปวดร้าวแน่นไปหมดคล้ายกับมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ...เขาลืมไปได้อย่างไรว่าคนที่เขาควรแคร์และใส่ใจมันไม่ได้มีแค่น้ำ...แล้วพ่อแม่เขาล่ะ เขาเอาพวกท่านไปไว้ที่ไหนกัน



"ฉันชักอยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้ลูกฉันอกตัญญูได้ขนาดนี้เสียแล้วสิ" ผู้เป็นพ่อว่าออกมาเช่นนั้น

ผากำมือแน่นจนมันสั่นไปหมด ทำไมกันนะ ทำไมจะต้องเป็นแบบนี้...มีทางไหนบ้างที่ทำให้ไม่ต้องจบแบบนี้...ทางไหนก็ได้ขอสักทาง ต่อให้มันแคบเล็กหรือเต็มไปด้วยขวากหนามเขาก็จะเดิน

"ผม...ทำอะไรได้บ้าง" เสียงสั่นเครือที่เปล่งออกมาอย่างสิ้นหวังในหนทางจะไปต่อนั้น เรียกความสนใจจากมารดาได้ไม่น้อย...ลูชายเขาเป็นถึงขนาดนี้เชียวหรือ



"แค่แกลองห่างออกมา...ความรู้สึกทั้งหมดที่แกมีอยู่มันก็จะหายไปเอง" ผู้เป็นพ่อยังคงเชื่ออยู่ว่าสิ่งที่ลูกชายเป็นมันแค่ความลุ่มหลง ถึงจะไม่ใช่ความลุ่มหลงก็คงจะไปด้วยกันได้ไม่นาน...

"ผมห่างไม่ได้ ตอนนี้น้องย้ายมาอยู่กับผมแล้ว"

"คุณพระ! ไหนบอกไม่ได้มาปอกลอกอะไร ทำไมถึงต้องย้ายเข้ามาอยู่แบบนี้" ม้ายกมือขึ้นทาบอกเพราะตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ลูกชายเพิ่งจะบอก...หวังว่าคงไม่เกินเลยไปไกล

"ผมขอให้น้องมาอยู่กับผมเอง"

"เรื่องนั้นป๊าว่าปล่อยให้ลูกเขาตัดสินใจเองเถอะม้า นั่นมันที่ของเจ้าผาเค้า...แล้วแกจะทำตามที่ป๊าขอได้รึเปล่า" ป๊าหันมาถามเอาคำตอบจากเขา

"และถ้าผมยังรู้สึกเหมือนเดิมล่ะครับ" 

"ตอนนั้นป๊ากับม้าจะตามใจแกเอง...ทานข้าวต่อเถอะ" ป๊าว่าเช่นนั้นก่อนจะลงมือทานข้าวต่อ แต่เขาไม่สามารถทานมันต่อไปได้จริงๆ

"ผมขอตัวก่อนนะครับ" ผาค้อมหัวให้ก่อนจะลุกออกมาจากที่ตรงนั้น

เขาจะทำยังไงดี...เขาจะต้องห่างออกมาจริงๆอย่างนั้นหรอ...

ผาลุกออกไปแล้ว เหลือเพียงผู้เป็นบิดามารดาเท่านั้นที่ยังคงนั่งทานข้าวกันต่อ

 

"ตอนนั้นที่ขอ...ม้าจะขออะไรลูก" ป๊าถามอย่างสงสัย เพราะทั้งชีวิตตั้งแต่เลี้ยงผามาผู้เป็นแม่ไม่เคยเอ่ยปากร้องขออะไรจากลูชายเลยสักอย่างเดียว

"ม้าจะขอเจอเด็กคนนั้น...แต่ตาผาเขาดันสติแตกไปเสียก่อน" ม้าว่าออกมาพร้อมอมยิ้มพอๆกับป๊าที่นั่งอมยิ้มอยู่เช่นเดียวกัน

"ตอนนี้ลูกชายคนเดียวของเสียใจ" 

"ม้าว่าป๊าพูดกับลูกแรงไปนะ" ม้าเอ็ดเบาๆอย่างไม่จริงจังนัก

"ไม่หรอก...นี่คำพูดของพ่อของแม่นะ" ป๊ารวบช้อนวางไว้กลางจาน ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง

"ป๊า มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ที่เราให้ลูกทำแบบนี้" ม้ากุมมือป๊าเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงความรู้สึกกันส่งรอยยิ้มสวยที่ป๊าตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นมาให้

"ไม่หรอกม้า...เราไม่เคยขออะไรเลย นี่จะเป็นครั้งแรก...และเขาก็ต้องทำ เพื่อตัวเขาเอง" ป๊ากุมมือม้าแน่น ทั้งสองยิ้มให้กัน แต่มันเต็มไปด้วยความกังวลใจเพราะเจ้าลูกชายของเขาคงทุกข์อยู่ไม่น้อย



คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนไม่ได้อยากจะทำให้ลูกต้องทุกข์ใจแบบนี้หรอก...แต่เพื่อความสุขในอนาคตของลูกเขาก็ต้องทำ...ไม่ใช่เพื่อใคร มันเพื่อตัวของผาเองทั้งนั้น กระแสสังคมก็แรง...ถ้าให้ออกไปเผชิญมันแบบนั้น คงรับไม่ไหว...และเขาจะทำอย่างไรดีกับเด็กคนนั้นดีนะ...









100%

...To Be Continued...

talk

เอาน้ำมาเสิร์ฟฟ~ บอกแล้วว่าไม่ม่า มันอุ่นละมุนจะตัยยย ฮรี่ๆ ทิชชู่บอกให้เตรียมวั้ยๆ

บางที่ก็น่าจับป๊ากับม้ามาตีนะคะ *กำไม้เรียวแน่น*

ม้านี่ก็ช่างสรรหาจริงๆเลยนะคะ เดะม้าจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกมั้ยมาลุ้นกัน

ปล.เดะถ้าอิพี่ผาแกทำให้น้องเสียใจ บอกเลยชั้นจะให้พี่ดินมาเก็บแก!! อุ๊บส์!!



หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.25] [04.02.2018 : 22.10]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-02-2018 22:07:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.25] [04.02.2018 : 22.10]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-02-2018 01:41:54
น้องน้ำของเราโพรไฟล์ดีนะจะบอกให้
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.25] [04.02.2018 : 22.10]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-02-2018 02:02:56
เอาละซิ พี่ผาจะทำอย่างไรดี กลัวน้ำจะเสียใจจังเลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.26] [22.02.2018 : 22.49]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 22-02-2018 22:43:46
Episode 26







ตอนนี้เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มแล้ว แต่คนที่บอกเขาเอาไว้ว่าเย็นก็จะกลับมา ก็ยังไม่กลับมาเลย แม้แต่โทรหรือส่งข้อความก็ไม่มี...หรือวันนี้ผาจะนอนกับครอบครัวกันนะ



น้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลังเลอยู่นานสองนานว่าจะโทรไปถามอีกฝ่ายดีมั้ย แต่ก็ตัดใจไม่โทรเพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลาของครอบครัว พอคิดได้แบบนั้นก็ลุกขึ้นไปปิดไฟให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าห้องนอนไป



น้ำปัดความคิดที่ฟุ้งซ่านอยู่ในหัวมาตลอดทั้งวันทิ้งไป...ผาก็แค่กลับบ้านไม่มีอะไรที่ต้องกังวลมากกว่านั้น...เขาต้องเชื่อใจผาอย่างที่เขาเคยบอกกับอีกคนไว้ น้ำค่อยๆหลับตาลงผ่อนคลายตัวเองก่อนจะจมดิ่งสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด



เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเกือบจะตีหนึ่ง น้ำหลับไปแต่อีกคนเพิ่งจะกลับมา...



ไฟทั้งห้องที่ปิดสนิทเป็นตัวบอกได้ดีว่าอีกคนที่คิดถึงคงนอนหลับไปแล้ว...แอบเสียใจเล็กน้อยที่อีกคนไม่นั่งรอเขากลับมา แต่ก็อย่างว่ามันดึกขนาดนี้แล้วใครจะทนมานั่งรอ อีกอย่างหนึ่งถ้าเขาเห็นน้ำมานั่งรอเขาแล้วหลับอยู่ที่ไหนสักที่ในห้องนี้ เขาคงบ่นไม่เลิกเป็นแน่...ผายิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอน ที่ร่างนุ่มนิ่มน่ากอดนอนหลับอยู่



ผาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงที่ว่างข้างๆตัวคนตัวเล็ก จ้องมองใบหน้าน่ารักหลับสนิทที่วันนี้ดูเหมือนเขาจะคิดถึงแต่คนๆนี้ทั้งวัน



ผาท้าวศอกลงไปข้างๆหมอนใบโตก้มลงจุ๊บที่ริมฝีปากที่เขาอยากจูบอยู่ตลอดเวลาอย่างแผ่วเบา แต่ดูเหมือนว่าจะจูบหนักไปมากจนทำให้คนที่นอนหลับอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมา สองมือยกขึ้นขยี้ตาหนุบหนับไปหมดจนผาต้องจับมือคู่นั้นเอาไว้ไม่ให้ขยี้



"กลับมาแล้วหรอครับ"



"ค่ะ พี่กลับมาแล้ว น้ำจะนอนต่อมั้ยคะ" ผาถามยิ้มๆมองดูคนที่เอ่ยปากถามแต่ตาก็ยังไม่ยอมลืมขึ้นมามองหน้ากัน



"ดื่มมาด้วยหรอครับ" คำถามนี้มาพร้อมกับตากลมโตที่ลืมขึ้นมามองหน้ากัน



"นิดหน่อยค่ะ พี่ขอโทษนะคะที่ไม่ได้โทรบอก เมื่อคืนพี่ไม่ได้ชาร์ตแบตน่ะมันเลยหมดตั้งแต่บ่ายแล้ว" ผาอธิบายให้น้ำฟังโดยไม่รอให้อีกคนถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะกังวลเรื่องที่เขาไม่โทรมาบอก



"ไม่เป็นไรครับ" น้ำส่งยิ้มให้พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบแก้มผาเบาๆ ผากอบกุมมือเล็กนั่นไว้ก่อนจะดึงมาประทับจูบหนักๆลงที่กลางฝ่ามืออย่างหวงแหน



"กำลังไม่โอเคใช่มั้ยครับ" น้ำดันตัวลุกขึ้นนั่งเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างนึกเป็นห่วงด้วยคำถามที่เหมือนจะเรียบง่ายแต่กลับเป็นคำถามที่ทั้งคู่ใช้ถามแทนความรู้สึกเป็นห่วงเวลาที่อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจ



"นิดหน่อยค่ะ" ผารวบตัวน้ำเข้าไปกอดไว้แน่นจนตัวน้ำเองนั่งเกยอยู่บนตักแกร่ง ก่อนจะวาดแขนกอดตอบร่างสูงเช่นกัน



คำตอบที่ได้รับกับแววตาที่ส่งออกมา มันช่างสวนทางกันเหลือเกิน



"บอกน้ำได้มั้ยคะ" ถ้อยคำวาจาที่อ่อนหวานอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยคิดว่าอีกคนจะเอ่ยออกมาเช่นนี้ ...มันช่างดูห่วงใยกันเสียจนใจผามันเจ็บแปลบไปหมด...ไม่อยากเสียคนตัวเล็กนี่ไป ควรทำยังไงดี เขาควรทำยังไงดี



ผานิ่งเงียบไปเพื่อทบทวนความรู้สึกหลายฟอย่างที่ผ่านเข้ามาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้มันมีแต่เพิ่มขึ้นๆ และเขาก็มั่นใจมากพอแล้วที่จะตัดสินใจ...และลองเสี่ยงดู



"...ขอแค่น้ำเชื่อใจพี่ ได้มั้ยคนดี...อย่าพูด อย่าพูดว่าเราไม่เหมาะสมกัน อย่าพูดว่าจะไปจากกันได้มั้ย...อย่าปล่อยให้พี่ต้องมั่นใจที่จะทำเพื่อเราคนเดียว..." ผาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำกัดปากแน่นน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาเจียนจะไหล



"พี่ผา..."



"พี่ได้ยินที่น้ำพูดวันนั้น...พี่ได้ยินทุกคำที่น้ำพูด..." วันนั้นที่ผาหมายถึง เป็นวันเดียวกับที่น้ำพูดออกไปเพราะคิดว่าผาหลับแล้ว... ผาได้ยินมันชัดเจนทุกคำ คำที่ว่าพร้อมจะไปจากกันทุกเมื่อ คำที่ทำให้ฟังแล้วใจมันเต้นในจังหวะที่หน่วงขึ้นจนแทบจะหยุดเต้นไป แต่เขาก็ทำอะไรมากไม่ได้ไปกว่าการจะทำทุกอย่างให้คนตรงหน้ามั่นใจที่จะเดินไปพร้อมกันกับเขา...



"ได้โปรด...อย่าพูด..."



"น้ำ...รักพี่ผา... น้ำจะอยู่กับพี่ผาจนกว่าพี่ผาจะไม่ต้องการ น้ำขอโทษนะครับ ที่น้ำพูดไปแบบนั้น...ไม่ใช่น้ำไม่มั่นใจพี่ผา แต่น้ำไม่มั่นใจตัวเองต่างหาก น้ำไม่มั่นใจเลยว่าน้ำมีความเหมาะสมกับความรักที่พี่ผามอบให้รึเปล่า..." 



ประโยคที่ถูกเอ่ยออกมาแทรกเขาทำเอาหัวใจของผาพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากที่ในอกเคยเจ็บแปลบก็กลายเป็นเต้นรัวเร็วเพราะความดีใจ...ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาที่เป็นแฟนกัน เขาบอกรักไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งคนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะบอกเขาคืนกลับมาบ้างเลย...ถึงแม้จะรับรู้ได้จากการกระทำก็ตามที แต่ของแบบนี้เขาก็อยากได้คำยืนยันเหมือนกัน ว่าที่ทำอยู่คือเรารู้สึกตรงกันจริงๆ...



"รักกันจริงๆใช่มั้ย" ผาถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้มดีใจด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้



"ครับ..." ตอนนี้น้ำรู้แล้วว่าการยอมรับความรู้สึกตัวเองแล้วบอกออกไผให้อีกฝ่ายได้รับรู้มันดีต่อใจมากแค่ไหน...



"...ขอบคุณ" ผายกมือทั้งสองข้างขึ้นประคองแก้มนิ่มไว้ก่อนจะจรดหน้าผากเข้าหากัน



"น้ำก็ต้องขอบคุณพี่ผา อื้อ" ยังไม่ทันที่น้ำจะได้พูดขอบคุณอีกฝ่ายจบ ริมฝีปากสีสดก็ถูกครอบครองโดยคนตรงหน้า



สัมผัสอ่อนนุ่มละมุนที่แลบเลียดูดดึงอยู่ทำเอาหัวใจดวงน้อยสั่นไหว เสียงของการสัมผัสดังไปทั่วทั้งห้องจนคนตัวเล็กใบหน้าร้อนวูบและสัมผัสนั้นก็ค่อยๆผละออกไปโดยที่ไม่มีการรุกล้ำใดๆแต่กลับรู้สึกดีจนไม่อยากให้จบลงแค่นี้...



"เราจะผ่านมันไปด้วยกันใช่มั้ยคะ" น้ำเสียงนุ่มทุ่มที่เปล่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม และสองมือที่ประสานเข้าหากันมันสร้างความอบอุ่น อบอวลอยู่รอบกายให้เผยรอยยิ้มสวยตามอย่างมีความสุข...



"ค่ะ..." น้ำตอบรับด้วยความเขินอาย ก่อนจะเอนตัวเข้าซบอกแกร่งเพื่อหลบซ่อนแก้มเนียนที่กำลังขึ้นสีแดงปลั่ง



...น้ำจะไม่ดูถูกตัวเองอีกแล้ว น้ำจะทำให้พี่ผาภูมิใจที่มอบความรู้สึกนี้กับน้ำ และน้ำก็จะสู้เพื่อให้พี่ผาอยู่กับน้ำไปนานๆ น้ำสัญญา...



"ปะ ไปอาบน้ำได้แล่ว เหม็นเหล้า" เสียงหัวเราะหึๆที่ดังอยู่ตลอดนั่นทำให้น้ำสลัดความคิดต่างๆออกไปจากหัวแล้วพลิกตัวลงจากตักแกร่งก่อนจะเบี่ยงประเด็นโดยการไล่ให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำ



ผามองน้ำด้วยสายตาล้อๆพร้อมกับหัวเราะหึกับท่าทางน่าหมั่นเขี้ยวนั่น...เขินแล้วชอบโวยวาย ชอบกลบเกลื่อนนี่ยกให้เลย



"โอเค อาบเสร็จแล้วเดี๋ยวจะออกมาให้หอมนะคะ" ผาพูดแหย่อีกคนก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาหอมแก้มอีกคนไปฟอดใหญ่แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างไวจนน้ำทำได้แค่ยกมือขึ้นกุมแก้มอ้าปากพงาบๆเพราะทำอะไรไม่ถูก...ไม่ชินสักทีกับการที่อีกคนสัมผัสแบบนี้



ครืดดด ครืดดด

เพียงไม่กี่นาทีที่อีกคนคล้อยหลังเข้าห้องน้ำไปเสียงสั่นของสมาร์ทโฟนที่ว่างอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น น้ำลังเลนิดหน่อยที่จะเดินเข้าไปดูว่าใครโทรเข้ามาเอาป่านนี้ แต่ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดูเผื่อว่าคนที่โทรมาจะมีธุระเร่งด่วน พอหยิบขึ้นมาดูแล้วเบอร์นั้นไม่ได้โชว์ชื่อ เป็นเพียงตัวเลขสิบตัวเท่านั้น



"พี่ผา มีคนโทรมาครับ" น้ำเดินถือโทรศัพท์ไปยังหน้าห้องน้ำแล้วตะโกนบอกอีกคนไป เสียงน้ำหยุดลงพร้อมกับคำตอบรับ



"ใครคะ" แม้แต่เวลานี้ก็ยังจะคะขาให้เขินกันได้



"ไม่มีชื่อครับ"



"งั้นน้ำรับให้พี่หน่อย" น้ำได้ยินแบบนั้นก็เลือนสไลด์รับสายทันที



"ฮ..."



"ผา...พรุ่งนี้มาเอาเสื้อด้วยนะคะ ส่งซักให้แล้ว" คำพูดที่น้ำเตรียมไว้ว่ากะจะบอกปลายสายว่าอีกฝ่ายไม่สะดวกรับถูกกลืนลงคอไป เพราะเสียงหวานหูสำเนียงฟังดูแปล่งๆของปลายสายที่ดังแทรกเข้ามาก่อน พร้อมกับประโยคบอกเล่าแบบแปลกๆที่ทำให้น้ำคิดตีความไปได้หลายอย่าง



"เอ่อ..."



"ไม่ใช่ผาหรอ"



"ครับ..."



"แล้วใครคะ..."



"ผม..."



"เพื่อนผาใช่มั้ยคะ ...ดีเลยฝากบอกผาด้วยนะคะ ว่าให้มาเอาเสื้อที่ถอดทิ้งไว้ด้วย หรือถ้าไม่สะดวกบอกก็ให้ผาโทรกลับมาก็ได้ค่ะ"



"ครับ..." น้ำตอบรับเสร็จปลายสายก็วางสายไปแล้ว เหลือเพียงความสงสัยทิ้งไว้กับน้ำที่มันยากจะคาดเดาหรือตีความไปเองได้ สิ่งที่เขาตีความได้จากประโยคนั้นและพอจะใช้มันไขข้อข้องใจไปได้บ้างคือเสื้อ...



น้ำเดินไปยังตะกร้าที่เอาไว้ใส่เสื้อผ้าที่ใส่แล้วที่ตั้งอยู่ในห้องเสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตตัวบนสุดที่เจ้าของเพิ่งถอดออกเมื่อครู่ขึ้นมาดู



เสื้อเชิ้ตสีขาวสีเดียวกับเมื่อเช้าที่ผาใส่ไปเขาทั้งรีดทั้งซักและก็เตรียมให้เองกับมือ เขาย่อมรู้ดีว่าผาใส่ตัวไหนยี่ห้ออะไรไป...สีน่ะใช่ แต่ยี่ห้อกับกลิ่น...ไม่ใช่



กลิ่นประจำตัวของผาคือกลิ่นอ่อนๆของน้ำหอมที่เจ้าตัวใช้อยู่...ซึ่งมันเป็นน้ำหอมผู้ชาย แต่ที่ได้กลิ่นอยู่ตอนนี้มันออกฉุนๆหวานๆในแบบของน้ำหอมผู้หญิง...



น้ำวางเสื้อไว้ในตะกร้าแบบเดิมแล้วเดินออกไปนั่งที่เตียง ความง่วงงุนที่มีก่อนหน้านี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง คิ้วทั้งสองข้างเริ่มขมวดเข้าหากันเพราะกำลังคิดไปเรื่อยว่าทำไมเสื้อที่ผาใส่ไปกับใส่กลับ มันคนละตัวกัน ก็จริงอยู่ว่าผาอาจจะมีเสื้อหลายตัวหลายยี่ห้อ แต่กลิ่นน้ำหอม มันไม่ใช่...แต่แล้วความคิดทั้งหลายก็ต้องหยุดลงไปเพราะคนที่อยู่ในความคิดกำลังเปลือยท่อนบนเดินออกมาจากห้องน้ำ






[มีต่อนะจ้ะ]

หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.26] [22.02.2018 : 22.51]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 22-02-2018 22:48:10
[ต่อนะจ้ะ]







"ยังไม่นอนอีกรึไง" ผาสาวเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกัน น้ำไม่ตอบอะไรแต่หยิบผเาขนหนูผืนเล็กที่ร่างสูงพาดคอเอาไว้มาเช็ดผมที่เปียกอยู่ให้



"ตกลงเมื่อกี้ใครโทรมา" ผาถามพร้อมกับกดเช็คมือถือนู่นนี่นั่นไปเรื่อย...



"ไม่รู้เหมือนกันครับ...เขาบอกให้พี่ผาโทรกลับ" น้ำว่าไปอย่างนั้น...แต่ไม่ได้บอกเรื่องเสื้ออะไรนั่น...ยังไม่อยากรู้ตอนนี้ ยังไม่อยากฟังคำแก้ตัวที่จะทำให้อีกฝ่ายดูไม่น่าจะได้รับความเชื่อใจจากเขาอีกต่อไป...ถ้าผาจะมีใครอีกคน เขาก็ขอปิดตาผิดหูไปก่อนแล้วกัน...ขออย่างเดียวว่าอย่ามาลุกล้ำเส้นเขาเป็นพอ...



"งั้นเดี๋ยวค่อยโทรละกัน...ตอนนี้อยากนอนมากกว่า" ผาวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะขยับตัวออกห่างไปแล้วล้มตัวลงนอน ทิ้งหัวไว้บนตักของน้ำ



"ผมยังไม่แห้งเลยครับพี่ผา" น้ำบอกก่อนจะค่อยๆสางเส้นผมนั่นอย่างเบามือ



"ต่อไปนี้ห้ามพูดครับ"



"ทำไมล่ะครับ" น้ำขมวดคิ้วแน่น ไม่เข้าใจอีกฝ่ายว่าทำไมห้ามเขาพูด...ถ้าไม่มีหางเสียงมันก็จะดูห้วนๆไปหน่อยรึเปล่า



"ห้าม..." 



"จะพยายามแล้วกันครับ" ผาไม่ตอบอะไรเขากลับมา แต่คว้ามือเขาไปกุมวางไว้บนหน้าอก



"...พี่ไปคุยกับป๊าม้ามา"



"..." น้ำเงียบรอฟังสิ่งที่ผาจะพูดอย่างตั้งใจ



"ท่านยังไม่เชื่อในเรามากพอ..." 



"..."



"...ท่านขออะไรบางอย่างซึ่งพี่ไม่อยากทำ..." คำบอกเล่านั้นดูเหมือนจะเข้าใจยาก...แต่มันกลับเข้าใจได้ง่ายนิดเดียวคือท่านทั้งสองคงต้องการกันคนทั้งคู่ออกจากกัน...เขารู้แล้วว่าทำไมผาถึงดูเครียดขนาดนั้นแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป...



"แต่ถ้าพี่ไม่ทำ...ท่านก็จะยังไม่ยอมรับ" ...บางทีน้ำก็ไม่เข้าใจ ว่าการที่คนเราจะมีความรักสักครั้งหนึ่ง จะต้องพิสูจน์อะไรเยอะแยะมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ...ปล่อยให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ปล่อยให้เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองไม่ได้ถึงขนาดต้องสร้างแบบทดสอบขึ้นมาแบบนี้เชียวหรือ...แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้...เขาก็แค่คนธรรมดา ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย...



"...ทำตามที่ท่านบอกเถอะครับ ถ้ามันจะเป็นสิ่งเดียวที่พวกท่านจะยอมรับน้ำอย่างเต็มใจ..." ผาลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา มองลึกลงไปข้างในค้นหาความรู้สึกที่อยู่ภายใต้ดวงตาคู่สวยคู่นั้น...แต่มันไม่มีอะไรแอบแฝงเลยนอกจากความเข้าใจและจริงใจ



"...โอเคใช่มั้ย" ผาถามด้วยความเป็นห่วง



"โอเคครับ...น้ำไม่เป็นไร" น้ำยิ้มตอบพร้อมกับยกมือขึ้นลูบแก้มคนบนตักเบาๆ



"นอนกันเถอะเนอะ ดึกมากแล้ว" ผาบอกยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วเขยิบไปนอนที่ตัวเอง เห็นแบบนั้นน้ำจึงลุกเอาผ้าไปตากแล้วกลับมานอนที่ตัวเอง ทันทีที่หัวทุยถึงหมอนอ้อมแขนก็ตวัดกอดเอาร่างนุ่มนิ่มเข้าไปแนบอกอย่างหวงแหน ก่อนจะจูบเบาๆที่หน้าผากมนหนึ่งที



"ฝันดีนะคะ...คนดี"



"ครับ...ฝันดี" น้ำส่งยิ้มไปให้ก่อนจะหลับตาลงเพื่อหลบสายตาคมคายที่มองมา...คราวนี้ที่หลบไม่ใช่เพราะความเขินอายเป็นหลัก แต่เป็นเพราะความกังวลสงสัยกับสายสาวปริศนาคนนั้นมากกว่า อยากถามแต่ไม่กล้าถาม...



ถึงแม้ว่าน้ำจะหลบซ่อนความผิดปกติไว้ยังไงมันก็ไม่พ้นสายตาของคนช่างสังเกตคนรักอย่างผาไม่ได้หรอก...สีหน้าและแววตาที่ดูกังวลอย่างปิดไม่มิดนั่นมันทำให้เขาเป็นห่วงอยู่เนืองว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาจะคิดมากเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า แต่เขาก็เลือกที่จะไม่เค้นถาม เพราะดูจากอาการแล้ว อีกฝ่ายยังคงไม่พร้อมถามเขาในตอนนี้...

ในค่ำคืนที่แสนยาวนานมันควรจะเป็นฝันอันแสนหวานของน้ำ แต่เปล่าเลย...ในฝันนั้นเจ้าตัวกลับมีแต่คราบน้ำตาของความเสียใจ ที่ทำได้เพียงมองคนที่ตัวเองรักเดินเคียงคู่กันไปกับคนที่เหมาะสมและคู่ควร ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือหน้าตา ก็ดูเหมาะสมกันเป็นที่สุด และฝันร้ายนั้นก็ถูกทำลายลงไปเพราะเจ้าของฝันสะดุ้งตื่น ทั้งที่ยังไม่ตื่นเต็มตา แต่สิ่งแรกที่ทำคือควานหาเจ้าของอ้อมกอดอันอบอุ่นและปลอดภัยนั่น แต่ก็เจอแค่เพียงความเย็นชืดของเตียง บ่งบอกว่าอีกคนคงลุกออกไปนานแล้ว



น้ำกระพริบตาเพื่อปรับโฟกัสในความมืด สายตาหันไปอ่านเลขดิจิตอลที่แสดงโชว์บอกเวลากว่าตีห้าครึ่งแล้ว น้ำหย่อนขาวเองลงเหยียบบนพื้นก่อนจะเดินสะลึมสะลืออกไปยังห้องนั่งเล่น



ถึงจะตื่นไม่เต็มตาแต่ก็รู้ดีว่าคนที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ตรงนั้นคือผา น้ำไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะเดินเข้าไปก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปนั่งบนตักแกร่ง สองแขนเรียวกอดรอบลำคอเอาไว้แน่นใบหน้าสวยซุกซบอยู่ตรงลาดไหล่แข็งแรงอย่างออดอ้อน จนผายังตกตะลึงกับการกระทำที่คนบนตักไม่เคยทำถึงขั้นนี้มาก่อน



"คนดีเป็นอะไรรึเปล่าคะ" ผาถามออกไป ก่อนจะเอียงหน้าไปจูบหน้าผากมนพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู



"ตื่นแล้ว...แต่ไม่เจอ" เสียงงัวเงียงู่งี่ทำให้ผารู้ได้ทันทีว่าคนบนตักเขายังคงมีความง่วงงุนอยู่เต็มเปี่ยม สองมือแกร่งยกขึ้นโอบประคองรอบเอวบางเอาไว้อย่างหวงแหน ปลายจมูกคมก็มิเคยห่างจากกลุ่มผมนิ่มเลยแม้แต่น้อย



"ยังง่วงอยู่ใช่มั้ยคะ...หืม" 



"อืมม...ง่วง" เสียงงู่งี่แต่แสนจะน่ารักนั่นทำให้ผายิ้มไม่คลายไปจากใบหน้าหล่อเลย



"ง่วงก็นอนสิคะ" ผาบอกแบบนั้นพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวทุยเบาๆ ตัวน้ำเองก็ยังคงมีความง่วงงุนอยู่แต่ไม่อยากห่างร่างสูงไปไหน จึงทำแค่ขยับตัวหามุมสบายบนตักนั่นเล็กน้อยซุกตัวหลับตาอยู่กับอกแกร่งแสนอุ่น...ซึ่งผาเองก็ไม่คิดจะผลักไสให้อีกคนไปนอนที่อื่น เพราะเขาเองก็ชอบ...ชอบที่จะโดนอ้อนหนักๆแบบนี้



"หนักมั้ย..."



"ไม่หนักค่ะ...หลับเถอะ" ริมฝีปากร้อนก้มประทับลงบนกลุ่มผมนิ่มอย่างต้องการบอกแทนคำฝันดี ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหัวทุยสวยไปมาเพื่อเป็นการขับกล่อมให้อีกคนนอนหลับฝันดี เพียงแค่ชั่วพักเดียวร่างนุ่มนิ่มก็หายใจสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าอีกคนได้จมเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว...



นิสัยขี้อ้อน งอแง น้ำมีติดตัวมาค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ค่อยแสดงอาการเหล่านี้กับผาสักเท่าไหร่ด้วยเหตุที่ว่ากลัวอีกฝ่ายจะรำคาญ...แต่น้ำหารู้ไม่เลยว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่รำคาญยังชอบมากเสียด้วย...เรียกได้ว่าแค่ออดอ้อนกันเพียงนิด อยากได้บ้านก็จะซื้อบ้าน อยากได้รถก็จะซื้อรถให้ล่ะนะ





...ระหว่างผากับน้ำ ทุกอย่างดูรวดเร็วจนมันไม่น่าจะใช่ความรักได้ เขาเริ่มต้นมาด้วยความรู้สึกที่สนใจและชอบคนตัวเล็กนี่เท่านั้น หลายๆอย่างร้องบอกว่าลองดูคงไม่เสียหาย เลยเลือกที่จะเข้าหาและสานสัมพันธ์จนอยู่ในสถานะนี้...โดนคำถามจากเพื่อนและคนรอบข้างโจมตีมากมายว่าอะไรยังไง...จนบางทีเขาก็ดูกลายเป็นเสือร้ายไปในสายตาของหลายๆคนไปแล้ว ทั้งที่จริงๆเขาไม่ได้ร้ายอะไรแบบนั้นเลยสักนิด...แต่เขาไม่สนหรอกคนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง ขอแค่คนข้างเขาไม่ได้คิดแบบนั้น ไว้ใจ เชื่อใจเขาเป็นพอ...



ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาไม่คิดจะปล่อยคนๆนี้ไป...ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องราวธรรมดาๆที่ผ่านมาแล้วผ่านไป...แต่เขากลับผูกมัด และจมดิ่งลงไปเรื่อยๆจนตอนนี้ถอนตัวถอนใจจากไปไหนไม่ได้อีกแล้ว...เขาคงรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ตอนนั้นสินะ...ตอนที่เขาเห็นสร้อยสีเงินเส้นสวยนั่น



ก่อนที่ความคิดของผาจะล่องลอยกลับไปยังเรื่องราวของสร้อยสีเงินนั่นสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างตัวก็สั่นขึ้นมาดึงเขาออกมาจากห้วงภวังค์ความคิด



'ป๊า'



"ครับป๊า..." ผารับสายด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบากว่าเดิมเพราะมีร่างนุ่มนิ่มหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา



'ตื่นรึยัง'



"ครับ...ตื่นแล้วครับ"



'ดี...วันนี้มีประชุมกับบอร์ดบริหารรู้ใช่มั้ย'



"รู้ครับ...ป๊าจะให้ผาเข้าด้วยรึเปล่าครับ" 



'ตามนั้นแหละ'



"โอเคครับ...ป๊ามีอะไรอีกมั้ยครับ" ผาถามออกไปเพราะสัมผัสได้ถึงเรื่องที่ป๊าเขาอยากจะพูดคงไม่ใช่มีแค่เรื่องที่โทรบอกเขาให้เข้าประชุมบอร์ดบริหารเป็นแน่



'ไว้ประชุมเสร็จค่อยคุย' เขารับคำป๊าแล้วต่างวางสายไป ก่อนจะทันคิดว่าป๊าจะคุยอะไรกับเขาร่างนุ่มนิ่มที่นั่งบนตักนอนหลับแนบอกเขาก็ขยับตัวยุกยิกๆ หัวทุยสวยเฝือไปมาอยู่กับอกจนผมนิ่มยุ่งดูไม่เป็นทรง...อาการงัวเงียน่ารักจนทำให้ผาเผยยิ้มเอ็นดูออกมาอยู่เต็มใบหน้า



หัวทุยสวยหยุดเฝือ ผละออกมานั่งสลึมสลือนิ้วเรียวยาวยกขึ้นขยี้ตาเพื่อปรับแสงกันหนุบหนับนัวเนียไปหมด จนผาต้องจับมือสวยเอาไว้ไม่ให้ขยี้ แล้วค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยลูบเบาๆที่ดวงตาสวยที่ยังปิดอยู่อทน หลังจากผละมาไม่นานคนที่นั่งงัวเงียอยู่ก็ลืมตาขึ้นมองกัน...อย่างแรกที่สายตาสวยเห็นเป็นสิ่งแรกของวันคือใบหน้าหล่อคมคายที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างน่ามองจนทำให้น้ำขยับยิ้มตามได้ไม่ยาก ก่อนจะทำอะไรที่ผาคาดไม่ถึงมาก่อน...



จุ๊บ~



"มอนิ่งคิสครับ" เสียงพูดแหบพร่าอู้อี้ๆอยู่ตรงอก...ทำไมขี้อ้อนจังน้า ผาคิดในใจพร้อมรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเดิมอย่างชอบใจที่อีกคนแสดงมุมที่แสนจะขี้อ้อนแบบนี้ออกมา



ผาก้มหน้าลงไปจุ๊บหน้าผากของอีกคนคืนบ้าง จริงๆก็อยากจะจุ๊บปากนิ่มๆนั่นแหละ แต่ติดว่าอีกคนรีบจุ๊บรีบซุกหน้าลงไปแบบนี้เลยทำให้จุ๊บปากนิ่มไม่ได้



"กี่โมงแล้วครับ" น้ำเงยหน้าขึ้นมาถาม สายตาหลุบต่ำเพราะกำลังเก็บซ่อนความเขิน...ดูจากแก้มกับใบหูที่กำลังแดงอยู่ตอนนี้ก็พอจะรู้



"เจ็ดโมงกว่าแล้วค่ะ" 



"ห๋า แล้วทำไมไม่ปลุกน้ำ น้ำขอโทษ...ปวดขามั้ย" น้ำทำหน้าตกใจ รีบกุลีกุจอลงจากตักผา มือนุ่มจับๆแตะๆไปยังบริเวณต้นขาแกร่งที่เป็นตำแหน่งรองรับน้ำหนักตัวเอง...ทั้งๆที่ความเป็นห่วงแสนห่วงนั้นน่าจะเป็นความหวังดี แต่มันกลับทำร้ายผากันอย่างสิ้นเชิง...ก็ใครใช้ให้มือนิ่มคู่นี้มาลูบๆคลำๆจับๆแตะๆแถวนี้กันล่ะ



"เอ่อ ...คนดีหยุดก่อน พี่ไม่เป็นไร" ผาจับมือเรียวให้หยุดจับต้นขาเขาไว้



"เดี๋ยวน้ำนวดให้...พี่ผาคงปวดขาแย่เลย น้ำตัวหนักจะตาย" คนตัวเล็กบ่นออกมาหน้ายุ่งๆ ตอนตื่นนอนนี่เป็นอะไรที่ดีมากเลยที่ผาจะได้เห็นนิสัยหลายๆด้านของน้ำ...ทั้งขี้อ้อน ขี้งอแง และก็น่าจะขี้บ่นด้วย



"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องนวด"



"แต่พี่ผาปวดขานะ...ให้น้ำนวดให้เถอะ"



"...ขืนที่รักนวดให้พี่ มีหวังน้ำคงโดนพี่ 'นวด' คืนเป็นแน่" ผาพูดด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างสื่อความหมายบางอย่าง ซึ่งทำให้น้ำรู้ทันทีว่าคำว่า 'นวด' ที่ผาพูด...มันไม่ใช่นวดอย่างเดียวกันกับเขา ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อล่วงรู้ความหมายของคำๆนั้นที่ผาสื่อออกมา...จะหื่นอะไรตั้งแต่เช้าเล่า



"หึหึ...พี่ล้อเล่นน่า" ผาหัวเราะในลำคอพร้อมกับยื่นนิ้วแกร่งไปเขี่ยปลายจมูกเชิดรั้นเล่นอย่างหยอกล้อ



"...คนอะไรไม่รู้ ขี้หื่น" น้ำก้มหน้าบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังหนัก ก่อนจะโดนจมูกคมฝังลงมาที่แก้มนิ่มแรงๆหนึ่งที



"พี่ไปหื่นกับใครที่ไหนล่ะ พี่ก็หื่นกับเมียคนเดียวนี่แหละ"



"กะ ก็ลองหื่นกับคนอื่นดูสิ" น้ำเชิดหน้าขึ้นบอกเสียงแข็ง...ไม่ได้มีเจตนาจะก้าวร้าวแต่อย่างใด แค่อยากจะกลบเกลื่อนความเขินที่มีอยู่จนล้นนี่ต่างหาก...และมันก็ไม่ได้ทำให้ผานึกเคืองโกรธอะไรคนตรงหน้านี่เลย มันน่ารักเสียจนน่าจับมาฟัดเสียให้จมเขี้ยวไป



"ไม่หื่นกับคนอื่นหรอกค่ะ ฟอด!... คนดีไปเตรียมชุดให้พี่หน่อย สิบโมงพี่ต้องเข้าประชุมใหญ่กับป๊า"



"คะ ครับ" ถึงจะถูกหอมถูกจูบบ่อยแค่ไหน น้ำก็ยังไม่ชินต่อสัมผัสวาบหวามนั้นเสียที



"เช้านี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย..." ผาเอ่ยถามอีกคนหลังจากที่น้ำลุกแยกออกไปทางห้องนอน



"พี่ผาจะทำหรอครับ" คนตัวเล็กหันมาถามตาวาว...เขาเคยบอกรึยังว่าเขาชอบทานกับข้าวฝีมือผาน่ะ



"ช่ายยย..." ผาพยักหน้าตอบรับช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มหล่อ



"อืมม...ข้าวผัดกุนเชียงครับ" 



"โอเค..." ผารับคำเท่านั้นก่อนจะลึกเดินเข้าไปยังโซนทำครัว ส่วนน้ำเองก็เดินหายเข้าไปในห้อง ไปยังส่วนของห้องแต่งตัว เปิดตู้เสื้อผ้าออกก็เจอกับเสื้อเชิ้ตและสูทมามายที่แขวนเรียงรายตามสีและยี่ห้อ



น้ำเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวยี่ห้อโปรดออกมา...ซึ่งทำให้ความคิดวนไปถึงเรื่องเมื่อคืนกับสายสาวปริศนา พลันให้สายตาหันไปมองตะกร้าที่ใส่เสื้อผ้าใส่แล้วที่มีเสื้ออีกตัววางอยู่...แต่ตอนนี้กลับไม่มี



เสื้อที่น้ำหยิบออกมาถูกแขวนไว้หน้าตู้ เพราะตอนนี้สิ่งที่หายไปจากที่ที่มันควรจะอยู่มีความน่าสนใจมากกว่าสิ่งที่เขาจะต้องตระเตรียม...น้ำเดินเข้าไปดูหากแต่เสื้อผ้าทั้งหมดที่อยู่ในตะกร้าหายไปหมด ในหัวพาลคิดไปว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นฝันที่เหมือนจริง...แต่ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกลอะไรบางอย่างก็ดลใจให้เขาเดินไปยังเครื่องซักผ้าเครื่องหรูที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในช่องที่ทำมาพอดีสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า...น้ำชะโงกมองผ่านฝาถังสีใส ซึ่งข้างในมีเสื้อผ้าอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งน่าจะซักเสร็จแล้ว...เชิ้ตขาวตัวนั้นที่มันควรจะอยู่ในตะกร้าผ้ากลับมานอนอยู่ในนี้ก่อนจะถึงเวลาที่จะทำการซัก...มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ผามีความลับอะไรกันแน่ที่ปกปิดเขาไว้...ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ภายในใจก็พลันจะเจ็บแปลบไปก่อนแล้ว



น้ำเลิกสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะหันกลับไปตั้งใจทำสิ่งที่จะต้องทำการตระเตรียม เมื่อจัดการเสร็จแล้ว สิ่งแรกที่มองหาคือสมาร์ทโฟน น้ำหยิบมันขึ้นมากะว่าจะโทรหาธามไม่ก็โจ้เพราะอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แต่กลับเห็นข้อความจากคนทั้งสองเสียก่อนว่าจะเข้ามาหาตอนสายๆ...เขากดเปิดอ่านและตอบตกลงไป



เมื่อทำธุรส่วนตัวเสร็จแล้ว น้ำก็เดินออกมาเพื่อที่จะทานข้าวเช้า เพราะตอนนี้ก็เกือบแปดโมงเข้าไปแล้ว พ่อครัวคงรอแย่...พอเดินออกมาแทนที่จะได้เจอกับอีกคนแต่ห้องนั่งเล่นกลับว่างเปล่า มองเลยไปยังห้องครัวก็ไม่มีใครอยู่แล้ว...ไปไหนกันนะ



ก่อนที่จะขบคิดไปมากกว่านี้ว่าอีกคนหายไปไหน...เสียงนุ่มทุ้มที่น้ำจำได้ดีว่าเป็นเสียงของคนที่เขามองหาอยู่ น้ำเดินตรงไปทางระเบียงที่เป็นต้นเสียงนั้น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นการรบกวนเวลาส่วนตัวของอีกคนหรือเปล่า จึงหันหลังกลับ...แต่แล้วขาเจ้ากรรมก็ดันหยุดชะงัก เพราะหูดันได้ยินประโยคๆหนึ่งที่เจือเสียงหัวเราะแบบที่ใช้คุยกับเขา...



"เดี๋ยวผาเข้าไป...ใช่ ซักไว้ให้ด้วย เดี๋ยวเข้าไปเอา แล้วก็จะเอาเสื้อตัวนี้ไปคืนด้วย... ครับๆ บายครับ" เสียงสนทนาสิ้นสุดลงไปทำให้น้ำได้สติว่าควรออกห่างจากตรงนี้แล้วไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่นแทน...



"หิวรึยังคะ ฟอด!...หอมจัง" ผาเดินเข้ามากอดเขาจากด้านหลังแล้วหอมแก้มน้ำหนักหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว น้ำยิ้มรับก่อนจะลุกตามผาไปเพื่อทานมื้อเช้าด้วยกันก่อนที่ผาจะออกไปทำงานอย่างที่เจ้าตัวบอกไว้...



เมื่อร่างสูงออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่น้ำคนเดียวที่อยู่ภายในห้อง ในหัวก็คิดสะระตะไปเรื่อยพาลให้ใจดวงน้อยปวดแปลบขึ้นมา...แต่เขาก็ต้องสลัดมันทิ้งไป...เพราะเขาจะมานั่งเจ็บปวดกับอะไรที่มันยังไม่ชัดเจนแบบนี้ไม่ได้...ความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ มันมาจากการที่เขาคิดเองเออเองทั้งนั้น...บางทีความเจ็บปวดที่หลายๆคนรู้สึก อาจจะเป็นเพราะความคิดของตัวเองก็ได้...ทั้งๆที่ยังไม่รู้อะไรเลย สมองก็คิดไปก่อนแล้ว จริงๆมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเลยก็ได้...และเขาเองก็ได้แต่ภาวนา ขอให้มันเป็นเพียงสิ่งที่ที่เขาคิดไปเอง....













100%

...To Be Continued...

talk

ฮูเล่~ กลับมาแล้วววว หลังจากที่หายไปนานกว่าสิบชาติเห็นจะได้ ฮรี่ๆ

หลบไปเลียแผลใจมา...พ่ามม!!

ตอนนี้จะยาวไปมั้ยนะ? เบื่อมั้ย? 555555 ทนเบื่อไปเท๊อะะ

...ไม่ม่าหรอกก อย่าเพิ่งเสียน้ำตาช่วงๆนี้โลยยย ....เก็บเอาไว้ตอนหน้าดีก่า แฮ่!! ล้อเล่นน่าาา ตอนหน้าจะเอาพี่ดินมาเสิร์ฟ...พี่แกทุ่มเงินมากว่าแปดหลัก ขอออกมาพบปะกับผู้คนรัวๆ *ปรบมือรอ*

...ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่มันเยียวยาอาการดาวน์ของซินได้ดีมากกกก ยังไงก็ฝากแวะเข้ามาทิ้งคำติชมไว้ได้นะคะ เจอกันตอนหน้าค่าาา~



หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.26] [22.02.2018 : 22.55]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-02-2018 00:24:29
ชะนีนั้นคือใคร เสื้อตัวนั้นเป็นของใคร  :m16:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.26] [22.02.2018 : 22.55]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-02-2018 11:04:41
เขาคือใคร? น่าตีมากทำให้น้องเสียใจ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.26] [22.02.2018 : 22.55]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-02-2018 16:24:17
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.26] [22.02.2018 : 22.55]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-02-2018 23:22:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.26] [22.02.2018 : 22.55]
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-02-2018 12:01:42
น้องน้ำอย่าเพิ่งคิดมานะลูก
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.42]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 07-03-2018 00:38:14
Episode 27







"ธามล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันหรอ" น้ำเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องตามที่นัดกันไว้...ทั้งที่น่าจะมาพร้อมกัน แต่โจ้กลับมาคนเดียว



"ไม่รู้มัน..."



"โจ้ไม่ได้คุยกับธามหรอ"



"เปล่า..."



"..."



"มันไม่คุยกับโจ้มากกว่า...กินมื้อเที่ยงยัง ซื้อของมาเพียบเลย" โจ้ตอบน้ำแค่นั้นก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไป...น้ำจะปล่อยเรื่องนี้ไปก็ได้ แต่นี่มันนานเกินไป จนน้ำเองก็รู้สึกว่าจากที่สนิทกันมันเริ่มห่าง โจ้เองก็คงรู้ข้อนี้ดี ยังไม่ทันที่น้ำจะเดินเข้าไปช่วยโจ้จัดการกับบรรดาอาหารต่างๆเสียงออดก็ดังขึ้นมาเรียกความสนใจให้น้ำเปลี่ยนเส้นทางไปยังประตูเพื่อเปิดให้คนที่อยู่ในการสนทนาเมื่อสักครู่เข้ามา สีหน้าอิดโรยและร่างกายที่ดูผอมลงกว่าเดิมทำให้น้ำแปลกใจไม่น้อย...แม้แต่โจ้เองก็ยังอดแปลกใจกับสภาพของคนตรงหน้าไม่ได้



...ระยะเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์ ที่ทำได้แค่เดินผ่านกันไปมาภายในคณะ...แม้แต่คาบเรียน ธามก็แทบไม่เฉียดเข้ามาในสายตาของโจ้เลยแม้แต่น้อย จนอดคิดไม่ได้ว่าความห่างไกลนี้มันเกิดมาจากอะไรกัน และทำไม่ในใจเขาถึงได้รู้สึกวูบโหวงแบบนี้...มันจะรู้สึกแบบเดียวกันกับที่เขากำลังรู้สึกรึเปล่า



ธามเดินเข้าห้องมาะร้อมกับถุงข้าวของเต็มสองมือ ส่งยิ้มจางๆให้กับน้ำก่อนจะเดินผ่านโจ้เข้าไปวางของไว้บนโต๊ะเดียวกันแต่ห่างออกไปคนละมุม...สิ่งที่ธามทำ ราวกับโจ้เป็นอากาศธาตุ...ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ทำไมกันวะ ทำไมแม่งกลายเป็นแบบนี้ไปได้...



"น้ำกินไรยัง...ธามหิวละมากินกัน" ธามเอ่ยชวนคนตัวเล็กพร้อมกับรอยยิ้มบางๆก่อนจะหันหลังเดินเข้าครัวไปหยิบถ้วยจาน น้ำมองหน้าโจ้ที่แสดงสีหน้าชัดเจนว่าอึดอัดและสับสน ก่อนจะเดินตามเข้าไปช่วยธามหยิบเตรียมของออกมาวาง



ทั้งสามคนช่วยกันหยิบกับข้าวออกมาจากถุงแกะใส่จานทีละอย่าง สิ่งที่น้ำเห็นคือกับข้าวจานโปรดที่ทั้งธามและโจ้ซื้อมาให้เขา...กับข้าวสามอย่างที่ถูกแกะใส่จานน้ำคิดว่ามากพอแล้วสำหรับสามคน แต่น้ำกลับเห็นถุงกับข้าวที่อยู่ในมือของโจ้กับธามอีกคนละถุง



กับข้าวในมือธามคือ...ของโปรดโจ้

กับข้าวในมือโจ้คือ...ของโปรดธาม



ทั้งโจ้และธามเหลือบตามองกันก่อนที่ทั้งคู่จะเบนสายตาหลบกันไปแล้วแกะกับข้าวอย่างสุดท้ายใส่จาน ตักข้าวแล้วนั่งกินกันไปท่ามกลางความเงียบที่ไร้ซึ่งบทสนทนาใดใด...จนน้ำเองเริ่มทนกับความอึดอัดนั่นไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามทำลายความเงียบนั้น



"เอ่อ...เรื่องงาน ที่บอกว่าจะชวนไปทำ ตกลง รายละเอียดว่าไงบ้าง" ธามรวบวางช้อนลงแล้วเอ่ยตอบออกมา



"เป็นร้านอาหารรุ่นพี่ธามเอง เขาเพิ่งเปิดร้านใหม่เลยอยากได้พนักงานไปช่วย...เห็ว่าน้ำอยากทำเลยมาชวนดู...สนมั้ย" น้ำวางช้อนลงอย่างนึกสนใจ...ทีแรกนึกว่าร้านรุ่นพี่ของธามจะเป็นพวกผับบาร์เสียอีก



"สนสิ เมื่อไหร่หรอ..."



"ถ้าพร้อมก็พรุ่งนี้เลย... เริ่มงานสิบโมงเช้า เลิกก็ประมาณสี่ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน...เป็นบางวัน" น้ำพยักหน้าเข้าใจ...สำหรับคนตัวเล็กแค่นี้สบายมากอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ หนักกว่านี้ยังทำมาแล้ว



"โอเค งั้นก็เริ่มพรุ่งนี้เลย โจ้กับธามก็ทำด้วยกันใช่มั้ย..." โจ้กับธามพยักหน้ารับ ไม่มีใครพูดต่อบทสนทนาของน้ำอีก จึกทำให้ทั้งโต๊ะกลับมาเงียบและอึดอัดเหมือนเดิม...



น้ำแอบนอยด์ทั้งสองคนอยู่หน่อยๆตรงที่ว่าดันมาทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่คนเดียวก็รู้สึกอึดอัดในใจมากพออยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี...



"โอเครึเปล่า..." เสียงทุ้มที่แฝงความเป็นห่วงใยเจือเอาไว้ของธามทำให้น้ำเงยหน้าจากการจ้องจานข้าวขึ้นสบตา ส่วนโจ้ที่นั่งเงียบมานานก็ให้ความสนใจมองคนตัวเล็กด้วยอีกคน...



น้ำส่ายหน้าให้ทั้งสองคนไปมาช้าๆแทนการตอบด้วยคำพูด



"พี่ผาหรอ..." เป็นโจ้ที่พูดถามออกมาบ้าง



"ก็...มีส่วน" น้ำหน้าหงอยลงไปทันทีที่ถูกถามถึงอีกคน



"ไหนว่ามาสิ" น้ำยู่ปากให้ทั้งสองคน...ทีเวลาแบบนี้เข้าขากันขึ้นมาเชียวนะ



"ก็..." น้ำลังเลไปนิด แต่สุดท้ายก็ยอมเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำรู้สึกเป็นกังวลและอึดอัดออกมาให้เพื่อนสนิททั้งสองฟัง...จริงๆเขาเองก็ไม่ได้กังวลหรือคิดมากอะไรขนาดนั้น คิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าผากลับมาก็คงจะถามให้หายคาใจ คงไม่เก็บเอามานั่งคิดเองเออเองให้เจ็บเล่นแบบนี้...แต่ที่หยิบเอาสิ่งไม่สบายใจขึ้นมานี้ เพื่ออยากลดช่องว่างระหว่างเพื่อนเขาทั้งสองให้น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่นี่...น้ำรู้ดี ถ้าหากเป็นเรื่องเขาทั้งสองคนจะเข้าขากันได้ดีและพูดคุยกันมากขึ้นเพราะความเป็นห่วงที่มีให้กับเขามันมากเหมือนกัน...



"และทำไมไม่ถามไปตรงๆล่ะ โจ้ว่าน้ำเอาเก็บมาคิดเองแบบนี้ก็ไม่ดีนะ..." 



"ไอ้โจ้พูดถูก...นั่นอาจจะเป็นเพื่อนเขาก็ได้ มันอาจจะไม่เป็นแบบที่เราคิดเสมอไปหรอก" ...และแล้วสิ่งที่น้ำอยากให้เป็นก็เกิดขึ้นแล้ว ทั้งสองคน โจ้กับธามหันมามองหน้าและพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วย กับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด



"เพื่อนผู้หญิง ใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชายด้วยหรอ" เป็นคำถามที่ทั้งโจ้และธามก็ต่างหันมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะตอบว่าไง ก่อนจะเบือนหย้าหนีไปคนละทาง...



"อันนี้ธามก็ตอบให้ไม่ได้หรอกนะ...ทางเดียวที่จะหายคาใจคือถาม อย่าหนี อย่ากลัวความจริง อย่าเก็บเอามาคิดเองคนเดียว...เพราะมันไม่ดีทั้งกับตัวน้ำเองและพี่ผา" โจ้พยักหน้าเห็นด้วยแต่ไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นใดๆออกมา



"...บอกให้น้ำอย่าหนี บอกให้น้ำถามไปตรงๆ แล้วโจ้กับธามล่ะ...ได้เอ่ยถาม หรือกำลังหันหลังหนีให้กับปัญหานั้นอยู่รึเปล่า" น้ำเงยหน้ามองเพื่อนสนิททั้งสองสลับไปมา สลัดความเศร้าสร้อย คิดมากเมื่อกี้ทิ้งไปจนโจ้กับธามตกใจ...ติดกับคนร้ายกาจเข้าให้อย่างจังเลยสิน่า



"...ทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้"



"..."



"...รู้สึกเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ..."



"รู้สึก...อะไร" โจ้ถาม



"...อย่าให้น้ำต้องพูด"



"..."



"คิดว่าน้ำไม่รู้หรือไง..." น้ำถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่อย่างปลงตก...เขาจะทำอย่างไรกับคนปากแข็งใจแข็งตรงหน้านี้ดีเนี่ย



"ไหนบอกว่ามีอะไรให้พูดให้คุยกันตรงๆไง...ที่น้ำเห็นอยู่นี่ ไม่ใช่การคุยเลย มันคือการหนี...หยุดหนีแล้วหันหน้ามาเผชิญกับมันเถอะครับ...มันไม่ได้แย่แบบนั้นหรอก เชื่อน้ำเถอะ"



"...มันไม่คุยกับโจ้หรอก" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา มันเบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ แต่ทั้งห้องที่เงียบสงัด ทำให้ได้ยินประโยคนั้นชัดเจน



"มึงรึเปล่าที่ไม่อยากคุยกับกู"



"กูเคยบอกมึงรึยังไอ้ธาม"



"มึงไม่บอกกูก็รู้..."



"อย่ามาคิดแทนกู..."



"..."



"มึงเป็นฝ่ายหนีกู หลบกู หายไปจากกู...มึงอย่าลืม" เสียงของโจ้ที่เปล่งออกมามันเจือไปด้วยความโกรธเคือง น้อยใจและตัดพ้ออยู่ในที



"...กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูทำอะไรผิด มึงถึงได้หายออกไปแบบนั้น"



"กู...ไม่อยากทำแบบนั้น"



"หรอวะ...แต่มึงดูมีความสุขดีนี่ ควงคนนู้คนนี้เป็นว่าเล่น ดูสบายใจกว่าตอนอยู่กับกูซะอีก" โจ้ยิ้มเยาะ มองธามด้วยหางตา..บทสนทนาที่เดือดระอุทำให้น้ำนึกต่อว่าตัวเองในใจว่าไม่น่าเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเลย



"มึงจะสนกูทำไม" ธามถามโจ้ออกมานิ่งๆ แต่แววตาไหววูบที่ปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววิที่โจ้เองคงไม่ได้สังเกตเห็น...



โจ้เสยผมขึ้นลวกๆ ก่อนจะลุกออกไปยืมอยู่หน้าระเบียง ธามเองก็ค่อยๆลุกตามไปเหมือนกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...เคลียร์มันให้จบๆไปเลยดีกว่า...จะดีขึ้นหรือแย่ลง ก็สุดแต่โชคชะตา น้ำมองตามหลังธามไปอย่างเป็นห่วง ถึงแม้ลึกๆจะกลัวว่าทั้งคู่คู่จะเคลียร์กันไม่ได้ก็เถอะ



"โจ้..." ธามเอ่ยเรียกคนข้างตัวเบาๆ



"..."



"กูไม่ได้อยากจะออกมาแบบนั้น...แต่กูก็ไม่อยากทำให้มึงรู้สึกแย่เพราะกูอยู่กับมึง..."



"มึงถามกูรึยังว่ากูรู้สึกแย่รึเปล่า เคยถามกูมั่งปะวะว่าแบบไหนที่มึงทำแล้วกูรู้สึกแย่กว่ากัน!" โจ้หันมาถามเสียงเข้ม



"กูไม่อยากให้มึงสับสนเพราะกู..."



"มึงหยุดคิดแทนกูสักทีได้ปะวะ! แม่ง! ไม่เคยถามกูสักคำ"



"ก็มึงเป็นคนบอกกูเองไม่ใช่รึไงว่ามึงสับสน! แล้วจะให้กูหน้าด้านอยู่ทำซากอะไรให้มึงคิดไม่ปกติแบบที่กูคิดวะ!" ธามเองก็เหลืออดแล้วเหมือนกัน...ทั้งๆที่จะคุยดีๆ แต่กลับเป็นการสาดอารมณ์ร้ายใส่กันเสียจนพัง



"มึงเองไม่ใช่รึไงที่ยัดเยียดให้ความรู้สึกกูมันแค่สับสน! มึงเองไม่ใช่รึไง ที่รู้สึกแย่เพราะกูดันสับสนเพราะมึง!" ธามนิ่งเงียบไปเพราะไม่สามารถเถียงออกไปได้...ใช่ เป็นเขาเอง ที่ยัดเยียดบอกให้โจ้คิดว่าความรู้สึกทั้งหมดนั่นเป็นเพียงแค่อีกคนสับสนและความเมา



"กู...ไม่เคยรู้สึกแย่ กูแค่คิดว่ามึงเมาเลยทำให้มึงคิดแบบนั้น ...กูรู้สึกแย่ก็จริง แต่ไม่ใช่เพราะมึงสับสนเพราะกู แต่มึงดันรู้สึกแบบนั้นตอนที่มึงกำลังเมาต่างหาก"



"มึงไม่เคยได้ยินหรอวะ สิ่งที่คนเมาพูดหรือกระทำมันมักจะมาจากจิตใต้สำนึกที่เก็บเอาไว้..." 



"..." ธามมองหน้าโจ้นิ่ง แววตาคมไหววูบด้วยความรู้สึกบางอย่างตีขึ้นมา โจ้พ่นลมหายใจทิ้งเพื่อำระงับอารมณ์ร้อนของตนลงก่อนจะเอ่ยต่อ



"...กูคิดดูแล้ว กูไม่เคยสับสนเลย จะมีก็แต่มึงนั่นแหละ..." โจ้พูดออกมาเสียงเบาก่อนจะเบือนหน้าหนีธามไปมองวิวเบื้องหน้าแทน ประโยคเมื่อครู่ที่โจ้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้คนฟังอย่างธามใจเต้นผิดจังหวะไปอย่างห้ามไม่อยู่



"มึง...หมายความว่าไง"



"..."



"..."



"มึงคิดอะไรกับกูปะวะ" คำถามที่เคยได้ยินมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่คราวนี้มันกลับต่างออกไปจากครั้งก่อนๆที่เคยถาม ครั้งนี้มันจริงจังผิดไปจากคราวที่แล้วที่ถาม คราวที่แล้วมันเจือไปด้วยความอยากรู้และไม่มั่นใจ แต่คราวนี้มันกลับเป็นคำถามที่เต็มไปด้วยความคาดหวังในคำตอบ



"ทุกครั้งที่กูถาม มึงอาจจะคิดว่ากูถามเล่นๆ แต่เปล่าเลย กูจริงจังกับคำตอบที่มึงตอบมาทุกครั้ง ถึงมึงจะบอกว่าล้อเล่นก็เถอะ..." ท้ายประโยคมันแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับสายลมที่พัดผ่าน แต่สำหรับคนที่ตั้งใจฟังทุกคำที่เอื้อนเอ่ยแล้ว...มันกลับชัดเจน



"..."



"แต่คราวนี้กูอยากรู้คำตอบจริงๆ ตอบกูทีเถอะ...ตอบกูทีว่ามึงคิดอะไรกับกูรึเปล่าไอ้ธาม"



"คิด..." โจ้หันกลับมามองหน้าคนที่ตอบเขาโดยที่ไม่เว้นจังหวะให้ขบคิด



"กูขอโทษ ...ขอโทษที่กูเห็นแก่ตัวมาตลอด ...ใช้ความไว้ใจของมึงเป็นตัวเข้าหาด้วยความรู้สึกที่ไม่บริสุทธิ์ใจ..."



"..."



"กูคิดไม่ซื่อกับมึง กูไม่เคยมองมึงเป็นเพื่อนเลย...แต่กูไม่อยากแสดงออกอะไรเพราะถ้าทำมากกว่านั้น มึงคงอึดอัดและรู้สึกแย่ เพราะมึงไม่ได้คิดเหมือนกู..." โจ้ขมวดคิ้วหันมามองธามด้วยความไม่พอใจ...พาลให้ธามคิดไปว่าคงโดนอีกคนเกลียดจริงๆก็คราวนี้



"มึงแม่ง เมื่อไหร่จะเลิกคิดแทนกูวะ ถามกูรึยัง เคยถามกูรึเปล่า..." ธามนิ่งไปเพราะจริงอย่างที่โจ้ว่ามาทั้งหมด เขาไม่เคยถามคนตรงหน้าเลยสักครั้ง ไม่เคยบอก ไม่เคยแสดงออกอะไรที่ชัดเจนเลยสักอย่าง...



"และถ้า...กูถามมึงตอนนี้ทันมั้ยวะ" 



"อะไร" 



"มึงคิดเหมือนกันกับกูใช่มั้ย" 



"เออ!" โจ้ตอบออกมาห้วนๆแต่มีนชัดเจนและได้ใจความจนธามเผยรอยยิ้มหล่อในรอบหลายอาทิตย์



"แต่กูรักมึงนะ" คำถามที่ยิงไปเพียงต้องการจะหยอกเย้าอีกคนเท่านั้น...



"กูก็รักมึงมั้ยล่ะ" แต่คำตอบที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำเอาคนที่กะจะแค่แกล้งให้อีกคนคล้อยตามเขาชะงักนิ่งไป...ก็ไม่คิดว่าอีกคนจะตอบกลับมาด้วยท่าทีที่จริงจังขนาดนี้



"มึงจะอึ้งอีกนานมะไอ้ธาม...รึมึงแค่แกล้งกู" ประโยคที่ถามเอาเรื่องทำให้ธามเรียกสติและระงับหัวใจที่เต้นถี่รัวของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ



"กูเปล่าแกล้ง..." ใครจะกล้าเอาความรู้สึกมาแกล้งเล่นกันล่ะวะ



"และจะอึ้งทำซากอะไรวะ"



"กูก็แค่ตกใจ ไม่คิดว่ามึงจะ...รักกู"



"ไม่ให้กูรักมึง แล้วจะให้กูไปรักหมาที่ไหนวะ" โจ้ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ทั้งๆที่ก็หูแดงเรื่องเพราะความเขินก็เถอะ เสียงดังกลบเกลื่อนไปก่อน เดี๋ยวรู้จะแซ็วอีก อายตายห่า



"อย่าโหดดิวะ ...ตอนนี้เคลียร์แล้วใช่มะ" ธามถามก่อนจะขยับเข้าไปใกล้โจ้ที่ยืนพิงสะโพกอยู่กับราวระเบียง สายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมาไม่ได้ทำให้โจ้เขินตัวม้วนเหมือนคนริมีรักแรกแต่อย่างใด...เขาไม่ใช่เด็กน้อยซะหน่อย เขาก็เป็นผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ...คำว่าเกเรเขาก็สะกดเป็นล่ะนะ



"เออ...สันดาร ชอบคิดเองเออเอง ไม่ถามไม่พูดไม่บอก" 



"เออๆ กูผิดเองแหละ ...เคลียร์แล้วก็มากอดก่อน กูคิดถึง" ธามยิ้มขำโถมตัวกอดคออีกคนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เขารู้สึกโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงยังงั้น



"คิดถึงห่าไรของมึง..." โจ้ตอบกลับมาเสียงแข็งแต่ก็ยอมยืนนิ่งให้อีกคนกอดไว้อย่างนั้น



ธามกอดคออีกคนไว้แน่นพลางคิดไปว่า ตัวเองก็ผิดจริงๆนั่นแหละ เลือกที่จะหันหลังให้กับความเป็นจริงที่ต้องเผชิญเพราะความกลัว กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง กลัวไปเองทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่าง...ทั้งๆที่บอกไปตั้งแต่ตอนนั้น มันอาจจะไม่เกิดช่องว่างแย่ๆแบบนี้ขึ้นมาก็ได้...เขาแย่ชะมัด ที่ดันปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานขนาดนี้



"ดีใจว่ะ ที่เคลียร์ทุกอย่างแล้วผ่านไปได้ด้วยดี" ธามว่าก่อนจะผละออกมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก



"ใครว่าเคลียร์ทุกอย่าง" โจ้ขมวดคิ้มถาม ยกสองแขนขึ้นกอดอก มองหน้าธามอย่างคาดโทษ



"อะไรของมึงอีกวะ"



"หญิงที่มึงควงไง..." โจ้เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม นั่นทำให้ธามหลุดยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย



"หึ เมียกูขี้หึงขนาดนี้เลยหรอวะ" ธามแค่นหัวเราะในลำคอ โจ้ที่ได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วแน่นกับประโยคแม่งๆนั่น ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก จนทำเอาคนมองอยู่อย่างธามขนลุกซู่...บ้าเอ๊ย แม่งยิ้มน่ากลัวจังวะ



"มีเมียขี้หึงดีจะตาย ...แต่จะว่าไป กูก็อยากมีเมียขี้หึงแบบมึงเหมือนกันนะ" โจ้ขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบชิดริมหูที่ขึ้นสีแดงเรื่องไม่ต่างกันของธาม...ดีที่ส่วนสูงเขาทั้งคู่ต่างกันไม่ถึงสามเซนเลยไม่ต้องเขย่งหรือก้มให้ปวดคอ ...พูดเสร็จแล้วก็ยกมือขึ้นตบแก้มธามเบาๆสองที ก่อนจะผละเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก หลังจากที่ยืนอึ้งกับคำพูดของโจ้อยู่นานธามก็เดินตามเข้ามาบ้างพร้อมกับรอยยิ้มหล่อ





น้ำที่คอยมองเหตุการณ์อย่างห่วงๆอยู่ในห้องก็รู้สึกโล่งใจที่ทั้งคู่คงเคลียกันลงตัวแล้ว...รู้ได้ไงน่ะเหรอ ยิ้มหน้าบานมาขนาดนั้น อยู่บนดาวเนปจูนยังเห็น บรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัดในคราแรกได้จางหายไปราวกับไม่เคยมีบรรยากาศนั้นอยู่เลย...การสนทนาที่หาสาระไม่ค่อยจะได้จากทั้งสามคนล่วงเลยมาจนถึงสองทุ่ม เสียงก๊อกๆแก๊กๆจากทางหน้าประตูทำให้ทั้งสามคนที่กำลังคุยกัยอยู่หันไปมอง ก่อนที่ร่างสูงคุ้นตาจะก้าวเข้ามาพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่สองถุง โจ้กับธามยกมือไหว้ทำความเคารพรุ่นพี่ก่อนจะเดินเช้าไปช่วยผาเอาของไปเก็บ



"ยังไม่กลับอีกหรอวะพวกมึง" ผาเอ่ยถามพร้อมกับค่อยๆคลายเนคไทออก ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับลวกๆขึ้นไปถึงศอก ก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มเขาหนักๆหนึ่งที โดยไม่คำนึงถึงอีกสองคนที่อยู่เห็นเหตุการณ์ด้วยเลย



"ว่าจะกลับพอดีครับ" ธามตอบออกมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มล้อเลียนไปยังน้ำที่นั่งหน้าแดงอยู่ที่โซฟา



"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนดิ กูซื้อมาเยอะ" ผาเอ่ยชวนก่อนจะเดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำออกมาดื่มดับกระหาย



"ผมนัดเพื่อนไว้แล้วอ่ะดิพี่" โจ้บอกพร้อมกับเดินกลับมาหยิบกระเป๋าสัมพาระที่คนตัวเล็กนั่งอยู่



"เออๆ แล้วแต่พวกมึง" ผาไม่สนใจอะไรรุ่นน้องอีก หยิบถุงกับข้าวสองถุงใหญ่ไปจัดการ



"กลับก่อนนะน้ำ... มีอะไรก็เคลียร์ซะ" โจ้ขยี้หัวเขาเบาๆก่อนจะเดินออกไปตามด้วยธามที่ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ น้ำเดินตามออกไปส่งเพื่อนที่หน้าประตูโบกมือให้ ยืนส่งเพื่อนสองคนจนหายเข้าไปในลิฟต์ถึงได้ปิดประตูเดินเข้าไปในครัว เพื่อช่วยผาจัดเตรียมกับข้าวใส่จาน



แต่ในระหว่างที่น้ำเดินผ่านหลังของร่างสูงไป กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดียวกันกับเสื้อตัวนั้นก็ทำให้สองขาเรียวหยุดชะงัก หยุดมองอยู่ที่แผ่นหลังกว้าง...กลิ่นน้ำหอมนี่ ไม่ใช่ของผาแน่นอน...ขวดน้ำหอมยังเป็นขวดเดิมไม่ได้เปลี่ยน...แล้วมันกลิ่นของใครกัน



"อ่าวน้ำ...เข้ามาทำไมคะ พี่เตรียมเสร็จแล้ว ออกไปรอข้างนอกเนอะ" ผาหันหลังมาบอกเขาก่อนจะจุ๊บปากเขาหนึ่งที...น้ำไม่ได้โต้ตอบอะไรไป แม้แต่อาการเขินที่ควรจะมีให้ร่างสูงเห็นก็ไม่มี น้ำหันหลังเดินออกไปจากส่วนของครัวอย่างเหม่ลอยเพราะมัวแต่คิดอะไรบางอย่างอยู่...



...ยิ่งเข้ามาใกล้เมื่อกี้ กลิ่นหอมฉุนนั่นก็ยิ่งชัดเจน...เห็นทีคงจะเก็บไว้ให้คลางแคลงใจไม่ได้อีกแล้ว



ผายกจานกับข้าวออกมาวางจนครบ พร้อมกับน้ำเปล่าเย็นๆสองแก้ว...เขาบอกให้คนตัวเล็กลงมือทานอาหารไป ทั้งๆที่ยังสงสัยกับอาการที่แปลกไปของคนตัวเล็ก...แต่ก็ยังไม่คิดจะถาม เพราะอยากให้ผ่านช่วงเวลาอาหารไปก่อน เผื่อเป็นเรื่องเครียดจะพาลให้คนตัวเล็กไม่ทานข้าวเอาได้



มื้อค่ำผ่านไปด้วยความสงสัยของผา คนตัวเล็กอาสาเก็บล้างจานเองทั้งหมด พอเสร็จจากตรงนั้นแต่คนตัวเล็กของเขาก็ยังไม่ดีขึ้นจนเขาก็รีบดักเอาไว้



"เป็นอะไรไป หื้ม" ผากอดเอวของน้ำเอาไว้หลวมๆ ...ผาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ยืนคุยกันดีๆก็ได้ แต่กลับอยากจับอยากกอดร่างนุ่มนิ่มอยู่ร่ำไป



ผาก้มมองหน้าคนตัวเล็ก ที่เอาแต่ก้มหน้ากัดริมฝีปากล่างแน่นไม่ยอมพูดจา จนผาต้องเชยคางให้อีกคนมองหน้ากัน...



แววตาไหววูบนะคนกังวลใจของน้ำที่พยายามปกปิดมันเอาไว้ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผาไปได้



น้ำเบือนหน้าหนีนิ้วแกร่งที่เชยคางเขาอยู่เข้าซุกซบที่อกแกร่ง...กลิ่นน้ำหอมที่เขาได้กลิ่นยิ่งตอกลึกให้เขามั่นใจที่จะถาม...



"บอกพี่สิ วันนี้คนดีเป็นอะไร...ไม่โอเคอะไร บอกพี่หน่อยได้มั้ยคะ" ผาก้มลงจูบซับขมับน้องเบาๆอย่างเริ่มเป็นกังวล เพราะว่าคนในอ้อมกอดกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ ที่สาเหตุน่าจะมาจากเขา...



"กลิ่น..." คนในอ้อมกอดที่เงียบไปนานยอมเปิดปากบอกเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะผละหน้าออกมา ช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยแววตาเรียบนิ่งอย่างต้องการคำตอบ



"กลิ่นน้ำหอม...ไม่ใช่ของพี่ผา" ผาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย



"นี่มันกลิ่นน้ำหอม...ผู้หญิง" คนตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพร้อมกับสายตาที่จ้องมานิ่งๆ



"จำกลิ่นน้ำหอมพี่ได้ด้วยหรอ...พี่ยังไม่ค่อยได้กลิ่นเลย" 



"อย่าเปลี่ยนเรื่อง..." น้ำเสียงที่นิ่งลงไปอีกทำให้ผาต้องกลืนน้ำลายลงคอ...คล้ายกับโดนสอบสวนอยู่ก็ไม่ปาน ทั้งๆที่ผาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกกดดันได้ขนาดนี้...ให้ตายเถอะ ร้ายนักนะตัวแสบ



"...พี่ไม่เข้าใจ" ไหนๆก็เปลี่ยนเรื่องไม่สำเร็จแล้วก็ถามมันอย่างนี้นี่แหละ...กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงที่ไหนกัน เขาไม่ได้ไปมั่วผู้หญิงที่ไหนเสียหน่อย



คนตัวเล็กจับมือแกร่งที่โอบรอบเอวเขาอยู่ออก ก่อนจะเดินออกห่างไป กอดอกจ้องหน้าผานิ่งเพราะเริ่มจะโกรธขึ้นมานิดๆที่ผาเอาแต่เลี่ยงตอบไปมา...



"กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง คนไหนครับ?" น้ำถามออกมานิ่งๆ...ถ้าผาจะสารภาพว่าหวั่นๆกับน้ำลุคนี้จะเป็นไรมั้ย มันไม่ได้น่ากลัวแบบนั้น แต่มันกดดันขั้นสุด ให้มาในรูปแบบของเหวี่ยงๆวีนๆ ยังจะรีบมือง่ายกว่าอีก



ร่างสูงยกแขนเสื้อตัวเองขึ้นมาดมๆดู ก็ไม่พบเจอกับกลิ่นแปลกๆอย่างที่คนตัวเล็กว่า



"พี่ไม่ได้กลิ่น"



"แล้วเสื้อเชิ้ตที่ใส่กลับมาเมื่อวานล่ะครับ..." ตายห่า



"เมื่อวานพี่ไปไหนมาครับนอกจากกลับบ้านกับไปดื่มกับเพื่อน...เสื้อตอนใส่ไปกับใส่กลับมันถึงได้เป็นคนละตัวกัน ไปสลับกับเพื่อนคนไหนใส่กลับมาล่ะครับ...แถมกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนั่นอีก ของเพื่อนคนไหนครับ" น้ำเพิ่มเลเวลจากถามเรียบเรื่อยเริ่มรัวเร็วมากขึ้นเพราะเริ่มจะโกรธและน้อยใจอยู่นิดๆที่อีกคนยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง



ร่างสูงที่ได้ฟังคำถามที่เจือความไม่พอใจอยู่นั่นก็ถึงกับยกยิ้มพอใจ...มันเป็นคำถามที่ดูยังไง คนตัวเล็กนี่ก็หึงเขาชัดๆ ...สงสัยต้องกลับมาแบบผิดกลิ่นบ่อยๆซะแล้ว



"ยิ้มอะไรครับ...มีอะไรน่าดีใจตรงไหนครับ" คนตัวเล็กที่เห็นผายืนยิ้มอยู่ก็ตีหน้าบึ้งทันที จนผาต้องรีบขยับเข้าไปกอดเอวไว้หลวมๆ



"น่าดีใจสิ...เมียพี่หึงทั้งที" 



"น้ำไม่เล่นด้วยนะ" เสียงที่แข็งขึ้นทำให้ผาหุบยิ้มทันที จากโอบเอวไว้หลวมๆก็เปลี่ยนเป็นกอดคนตัวเล็กเอาไว้ทั้งตัวแทน



"โอ๋ๆ คุณเมียไม่โกรธนะคะ...ฟังก่อนเนอะ จะตอบให้ฟังทีละคำถาม" ผายิ้มดีใจไม่คลายเพราะว่า หนึ่ง...อีกคนหึงเขา สอง...น้ำใส่ใจทุกรายละเอียดของเขาแม้แต่ยี่ห้อเสื้อ หรือกลิ่นประจำตัว สาม...ดีใจที่คนที่เขารัก มีเหตุผล...ไม่เหวี่ยงไม่วีนทั้งๆที่เป็นขนาดนี้จะวีนจะเหวี่ยงก็ได้แท้ๆ



"...เรื่องเสื้อเมื่อวานเป็นของเพื่อนผาเองชื่อแซม ลูกครึ่งอังกฤษเรียนไฮสคูลด้วยกัน มันมาไทยก็เลยนัดดื่มมีกลุ่มพี่ไปด้วยแต่ไอ้พุ่มเสือกทำเหล้าหกใส่ แซมด็เลยให้ยืมเสื้อใส่กลับ ส่วนเรื่องกลิ่นน้ำหอม...น่าจะของแซนดี้..." พอพูดมาถึงตรงนี้คนที่อยู่ในอ้อมกอดก็ดิ้นขลุกขลักทันที...



"แซนดี้เป็นภรรยาของแซมค่ะที่รัก...วันนี้พี่ก็ไปเจอทั้งสองคนมา เรื่องโรงแรม ที่จะจัดงานแต่ง...ส่วนกลิ่นที่ติดมา คงเป็นตอนที่กอดทักทายกัน...ไม่หึงเค้าเนาะ" น้ำเสียงออดอ้อนที่หยอดไว้ท้ายประโยคทำเอาความร้อนแล่นวูบขึ้นไปรวมอยู่ที่ใบหน้า



"ส่วนที่โทรคุยเมื่อวานก็แซนดี้นั่นแหละค่ะ...โทรมานัดคุยเรื่องโรงแรมจัดงานแต่งที่คุยไปวันนี้" คำตอบที่ผาค่อยๆเอ่ยบอกออกมาทีละอย่างอย่างใจเย็น มือแกร่งลฟุบอยู่ที่แผ่นหลังบางไปมาเบาๆเพื่อให้ผ่อนคลายอารมณ์ลง...และเพราะคำตอบที่ดูมั่นคงน่าเชื่อถือนั่นทำให้ความอึดอัด กังวลใจก่อนหน้ามลายหายไปจนสิ้น...



จริงๆแล้วมันก็ไม่มีอะไรเลยสักนิดเดียว...ถ้าไม่ถามตอนนี้ คงเก็บเอาไปคิดเป็นตุเป็นตะเองแน่ๆ ...บางทีคำตอบมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด



"ต่อไปนี้ พี่จะกลับมาผิดกลิ่นทุกวันเลย..." น้ำผละออกมามองด้วยท่าทางที่สงสัย จนผาต้องก้มลงไปงับปลายจมูกรั้นนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว



"งืออ น้ำเจ็บน้า" คนตัวเล็กยกมือคลำจมูกตัวเองป้อยๆ



"..จำได้ด้วยหรอว่าพี่ใส่เสื้อยี่ห้ออะไร ใช้น้ำหอมกลิ่นไหน" ผาถามอย่างสงสัย เพราะนอกจากฟ้ากับม้าก็ไม่มีใครใส่ใจเขาขนาดนี้



"ก็...น้ำจัดชุดให้อยู่ทุกวัน ทำไมน้ำจะจำไม่ได้ น้ำหอมก็มีอยู่ขวดเดียว..." น้ำอ้อมแอ้มตอบ



"พี่ก็จำกลิ่นเมียพี่ได้นะ..." น้ำขมวดคิ้วเอียงคอมองอย่างสงสัย มันน่าหมั่นเขี้ยวจนผาต้องก้มลงไปฟัดแก้มนิ่มให้ชื่นใจ



"ทำหน้าสงสัยอะไรหื้ม...ก็หอมก็ฟัดกันอยู่ทุกวัน จำกลิ่นไม่ได้ก็แปลกแล้ว" ผาว่ายิ้มๆ จมูกคมก็ยังไม่หยุดฟัดหอมแก้มนิ่ม ไรหนวดที่โผล่ขึ้นมาเป็นตอสั้นๆนั่นเป็นตัวชวนให้จักจี้ดีๆนี่เอง



"ฮ่าๆ ฮื่ออ จักจี้ คิกๆๆ แฮก..คิกๆ"  เสียงหัวเราะแห่งความสุขของคนทั้งคู่ดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง...หากใครมาเห็นหรือได้ยินก็คงจะยิ้มตามไปด้วยไม่ยากนัก



"ต่อไปนี้มีอะไรให้ถาม...อย่าเก็บไปคิดเอง บางทีพี่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำมันทำให้เราไม่สบายใจ" ผาหยุดแกล้งน้ำ โอบรัดร่างเล็กให้เข้ามาซุกแนบอก...



"ครับ...น้ำจะถามทุกอย่างเลย พี่ผาคงไม่รำคาญน้ำใช่มั้ย"



"เมียทั้งคน...ไม่รำคาญหรอกค่ะ" ...พอคำว่าเมียหลุดออกมาจากปากร่างสูงพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มเท่านั้นแหละ เหมือนความร้อนทั่วร่างกายวิ่งแล่นไปรวมกันที่แก้มนวลทั้งสองข้าง...ทำไมไม่ชินสักทีนะ เจอแบบนี้ทีไรเป็นเขินทุกทีสิน่า









100%

...To Be Continued...
talk

มาล้าวววว~ ขอโทษนะคะที่ช้าอีกแล้ววว มิดเทอมรุมเร้า จะตายแล้วค่ะคนอ่านทั้งหลายยยย*หร่องห้ายย*

- ตอนนี้ก็เคลียร์กันไปแล้ว(แบบงงๆ) ของโจ้กับธาม...บอกรักกันแมนกว่านี้มีอีกมั้ยคะ ฮ่าๆ ซินกำลังคิดอยู่ว่า...จะจัด nc ให้เขาสองคนดีมั้ย แหะ

- ตอนนี้ซินเก็บเงินพอจะจ้างพี่ดินแล้วนะคะ จะให้พี่แกไปไถ่เธอคืนมาแล้วค่ะ  ฮรี่ๆ

- ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆโลยยย ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่าาา




หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-03-2018 00:52:34
น้ำควรจะหึงและจับผิดพี่ผาให้มากกว่านี้นะ คนมันหล่อมาก ต้องทำจายยยยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 07-03-2018 02:55:58
น้องน้ำ เข้มแข็งไว้ลูก ดูเหมือนผาจริงๆก็ยังจัดการตัวเองไม่เรียบร้อยเลย เอาจริงๆไปเคลียร์ให้เสร็จก่อนไป สู้ๆนะคะคนเขียน นิยายสนุกมากติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-03-2018 08:04:37
โอ้ยยย คู่นี้น่ารักมากค่ะคุณขา
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-03-2018 23:33:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 08-03-2018 20:05:58
สนุกดีค่ะ แต่บางครั้งบางเหตุการณ์ทำให้เรางง บางอย่างไม่สัมพันธ์กัน พี่ผาทำกับข้าวเป็นแต่จ่ายตลาดไม่เป็นเนี่ยนะ ตอนแรกใหม่บอกชอบน้องน้ำอยากได้ แต่รักเพื่อนอยู่แล้ว บางทีตัวละครย้อนแย้งมาก
ผากับฟ้าก็ไปกินเลี้ยงกันตอนแรกน้ำก็อยู่ แต่ฟ้าเจอน้ำอยุกับผาแล้วถามว่ารู้จักกันด้วยหรอ เอ้าตอนนั้นก้ไปกินเลี้ยงกันนี่ บางทีสับสนน่ะค่ะ เนื้อเรื่องสนุกดีนะ พัฒนาต่อไป สู้ๆ รอติดตาม
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-03-2018 03:56:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2018 14:48:30
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 05-04-2018 23:00:41
 :ling3:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-04-2018 23:44:52
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.27] [07.03.2018 : 00.45]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-04-2018 00:17:12
มาต่อเถอะนะ จะเซ่นด้วยไก่สองตัว555 :call: :call:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.28] [04.05.2018 : 20.41]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 04-05-2018 20:44:36
​Episode 28​





"ไม่ต้องทำไม่ได้หรอ...เมียพี่คนเดียวพี่เลี้ยงไหวอยู่แล้ว" คำพูดที่คล้ายกับออดอ้อนอยู่ในทีมาพร้อมกับอ้อมแขนแข็งแกร่งที่สอดโอบเอวบางของน้ำเอาไว้ทำให้ความร้อนแล่นวูบขึ้นมารวมที่ใบหน้าจนแทบไหม้ เสตามองต่ำอย่างไม่กล้าสบสายตาคมกล้าที่แฝงความออดอ้อนนั่นไว้



"มะ ไม่เอาหรอกครับ...น้ำอยากทำงาน" คนตัวเล็กเอ่ยตอบตะกุกตะกักแต่ก็แฝงไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคง จนผาต้องลอบถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ เพราะคงห้ามความตั้งใจของอีกฝ่ายไม่ได้...รู้ดีว่าน้องคงไม่อยากนั่งกินนอนกินอย่างสุขสบายแบบนี้หรอก...แต่ก็ไม่อยากให้เมียต้องไปลำบากนี่หว่า



"โอเคๆ ทำก็ทำ แล้วเลิกกี่โมงคะ" 



"เห็นธามบอกว่าสี่ทุ่ม บางวันถ้าคนเยอะอย่างศุกร์เสาร์อาทิตย์ก็เที่ยงคืน" เวลาที่คนตัวเล็กบอกกับผามันค่อนข้างดึกจนผานึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย...ร้านอะไรวะ ปิดดึกดื่นขนาดนั้น



"ร้านอะไร" ผาขมวดคิ้วถาม



"ก็ร้านอาหารธรรมดานี่แหละครับ แต่เป็นของรุ่นพี่โจ้กับธาม"



"หื้ม ใคร"



"แหะ ไม่รู้ครับ น้ำไม่ได้ถาม" น้ำยิ้มให้แหยๆ เพราะก็ลืมถามจริงๆนั่นแหละ



"ไม่รู้อะไรเลยแล้วจะไปทำเนี่ยนะ...เกิดเขาหลอกไปขายขึ้นมาทำไง" ผาเอ็ดขึ้นมาอย่างไม่จริงจังนักแต่ก็ทำให้น้ำมุ่ยหน้าไปอย่างรู้ตัวดี...จะไปทำงานแต่ไม่รู้ว่าต้องไปทำงานกับใครใช้ได้ที่ไหนกัน



"ดุง่ะ" น้ำพึมพำออกมาเบาๆ ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก มือไม้อยู่ไม่สุกจับๆลูบๆที่รังดุมเสื้อของร่างสูงไปมา...เป็นกิริยาที่คนมองเองก็นึกเอ็นดูสุดใจ



"พี่ไม่ได้ดุ...แค่เตือน คราวหลังจะได้รอบคอบกว่านี้...เข้าใจมั้ย" ผากอดกระชับเอวบางให้แน่นขึ้นกว่าเดิม



"อื้อ...เข้าใจแล้ว" น้ำพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มบางๆส่งไปให้ร่างสูงที่มองมา...ไม่ได้นึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียวที่อีกฝ่ายทำท่าทีดุเขาแบบนั้น...ดีใจด้วยซ้ำไป ที่อีกคนดุเขา มันแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายก็ใส่ใจและเอ็นดูเขา



"งั้นเลิกแล้วพี่ไปรับเนอะ" น้ำส่ายหน้าพรืด



"ไม่เอา พี่ผากลับจากงานมาเหนื่อยๆก็พักบ้างเถอะครับ...เดี๋ยวน้ำกลับเอง" 



"ไม่ได้ ดึกแบบนั้นพี่จะปล่อยให้เรากลับเองได้ไงคะ...พี่ไปรับนั่นแหละ"



"ลำบากเปล่าๆครับ...เดี๋ยวน้ำให้โจ้กับธามแวะมาส่งก็ได้" ผานิ่งไปนิดทำหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างได้ก่อนจะผละออกไปต่อสายหาใครบางคน...



"...วันนี้มึงจะไปทำงานใช่มั้ย...ออกรึยัง ...เออ แวะเข้ามาหากูหน่อย เออ" ผากดวางสายไปหันกลับเข้ามายืนโอบเอวบางไว้อย่างเดิม...ไม่รู้ว่าเรียกว่าโรคอะไรรึเปล่า แต่เขาชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ ชอบจับ ชอบกอด ชอบหอม...



"โทรหาใครหรอครับ..."



"เดี๋ยวก็รู้..." ผาว่าออกมาเช่นนั้น ยักคิ้วให้น้ำสองทีก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ แล้วเดินหายเข้าห้องทำงานไป...ปล่อยให้น้ำยืนหน้าแดงอยู่อย่างนั้น ผ่านไปเกือบสิบนาทีที่น้ำนั่งดูโทรทัศน์ จนน้ำคิดว่ามันจวนจะได้เวลาที่เขาจะต้องออกไปหาโจ้กับธามที่นัดกันไว้เมื่อวานนี้ ว่าจะไปทำงานวันแรกพร้อมกัน...แต่ยังไม่ทันที่น้ำจะขยับตัวจากโซฟาเสียงออดจากหน้าห้องก็ดังขึ้น ทำให้น้ำต้องเปลี่ยนความสนใจไปยังผู้มาเยือนยามเช้าแทน...



"โจ้ ธาม...ทำไมมานี่อ่ะ" น้ำเอ่ยถามระหว่างที่เปิดประตูกว้างเพื่อให้ทั้งสองคนเข้ามาในห้องก่อน



"พี่ผาโทรหา...บอกให้เข้ามานี่ก่อน ตกลงมีเรื่องไรอ่ะ" โจ้ว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวหน้าโทรทัศน์... น้ำส่ายหน้าหวือเป็นคำตอบ เพราะไม่รู้จริงๆว่าผาโทรตามเพื่อนทั้งสองคน



"อ่าว ...พี่หวัดดีครับ" ธามเอ่ยทักทายร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องทำงานตามมาด้วยโจ้ ที่เพิ่งหันมายกมือไหว้



"เออหวัดดี อ่ะ.." ผารับคำแล้วยื่นบางอย่างมาตรงหน้าเขาทั้งสองคน



"กุญแจรถ? ให้พวกผมทำไมครับ" โจ้ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ...ก็รู้ว่าแกรวย แต่ถึงกะซื้อรถให้พวกเขาเนี่ยนะ? ไม่ใช่ม้างงง



"กูไม่ได้ให้มึงไอ้โจ้"



"อ่าว ผมก็หลงนึกว่าพี่จะป๋าซื้อรถให้ผม..." "พวกมึงนี่ เดี๋ยวกูโบกหัวทิ่ม ...กูให้พวกมึงเอาไว้ขับรับส่งเมียกู เวลากูไม่ว่าง...เช่นวันนี้" น้ำที่ได้ฟังคำสั่งนั้นถึงอ้าปากค้าง...เพราะไม่คิดว่าผาจะทำเช่นนี้

ละ และ..ไอ่ มง เมียอะไรนั่นด้วย พูดมาได้ไงไม่อายปาก



"คือ...ไม่ต้องก็ได้ครับ น้ำไม่ได้ลำบากขนาดนั้น นั่งรถเมล์แค่สามป้ายก็ถึงแล้ว"



"ก็พี่เป็นห่วงน้ำนี่"



"แต่..."



"ตามนี้...ถ้าไม่ งานก็ไม่ต้องทำ ยูโนว?" น้ำมุ่ยหน้าลงอย่างขัดใจ...ก็เข้าใจว่าเป็นห่วง แต่ทำแบบนี้มันก็เกินไป ให้รถคันละเป็นล้านมาขับนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย โจ้กับธามที่รู้หน้าที่ดีก็ค่อยๆเดินเลี่ยงหลบฉากเข้าห้องครัวมา ให้ทั้งสองคนเคลียร์กันไปตามลำพัง



"น้ำ...ไม่ทำหน้าแบบนั้น พี่เป็นห่วง ที่เดินกลับมืดๆคนเดียวคราวนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...ลืมแล้วหรอ" ผาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มดุ จนน้ำต้องช้อนตาขึ้นมอง เพราะกลัวว่าอีกคนจะโกรธที่เขาจะขัดคำสั่ง แต่มันไม่มีแววของความโกรธเลยสักนิด แววตาคมกล้านั่นมีแต่ความเป็นห่วงส่งมาจนน้ำรู้สึกผิด 



ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...มันแทบจะทำให้เขาตายทั้งเป็น หากร่างสูงมาช่วยเอาไว้ไม่ทัน



"น้ำขอโทษ...น้ำแค่ไม่อยากรบกวนพี่ผา รถคันนึงราคาก็ไม่ใช่บาทสองบาทเสียหน่อย...ถ้าเกิดน้ำทำพังขึ้นมามันไม่คุ้มเลยนะครับ" 



"ทำไมมันจะไม่คุ้ม...ถ้าเพื่อให้คนที่พี่รักปลอดภัยแล้ว จะเสียอะไรพี่ก็ไม่สน" ยิ่งผาพูดด้วยความเป็นห่วงและใส่ใจแบบนี้ ใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มอบอุ่นแบบนี้มันทำให้ใจของคนฟังอย่างน้ำสั่นไหวรุนแรง...สองขาเรียวค่อยๆก้าวเดินเข้าหาร่างสูง เอนหัวทุยซบกับอกแกร่งอย่างออดอ้อนขอลุแก่โทษ วงแขนแข็งแกร่งไม่ยอมอยู่เฉยเช่นกัน ทันทีที่คนตัวเล็กเดินเข้ามาก็โอบกอดเอาไว้อย่างหวงแหน...ตอนนี้ ถ้าหากจะอยู่ไกลจากเขาอย่างน้อยก็จะได้สบายใจไปเปราะนึงที่อีกคนมีคนที่ไว้ใจคอยดูแล







"เอาล่ะ ทำไหวใช่มั้ยเธอน่ะ ตัวเล็กกว่าใครเพื่อนไม่ใช่มาเหยาะๆแหยะๆนะยะ ถึงจะเป็นรุ่นน้องบอสก็เถอะ ฉันก็จะแจ้งความประพฤติให้บอสรู้...ไป ทำงานค่ะ" หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟสาวประเภทสองร่างท้วม กล่าวต้อนรับพนักงานน้องใหม่ด้วยวาจาที่เจ็บแสบเหน็บแนมไปทางคนตัวเล็กอย่างน้ำเสียส่วนใหญ่...สายดูถูกตาเหยียดหยามถูกส่งมาตั้งแต่คนตัวเล็กก้าวย่างเข้ามาในร้าน...แต่จะทำไงได้ เราเป็นน้อยเขาก็ต้องก้มหน้ารับคำไปอย่างจำนน



โจ้กับธามเองที่พอได้ฟังก็ถึงกับหน้าตึงไป เพราะไม่คิดว่าหัวหน้าพนักงานที่นี่จะมีนิสัยแบบนี้...ด่าว่าเขาไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เล่นลามไปถึงคนตัวเล็กนี่สิพวกเขารับไม่ได้...สงสัยคงต้องรายงานเสียแล้ว



เมื่อฟังการแจกแจงงานทุกอย่างเสร็จแล้วทั้งสามคนก็เดินเข้าไปทางหลังร้านส่วนที่เป็นห้องล็อคเกอร์พนักงานเพื่อนเปลี่ยนมาใส่ชุดทำงานเสื้อเชิ้ตขาวคอจีนพร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีดำ



ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีพื้นที่กว้างขวางตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ให้กลิ่นอายของยุโรปวินเทจ ภายในร้านถูกจัดไว้หลากหลายมุม ด้านบนจะเป็นในส่วนของร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เอาไว้ตอบสนองกับชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการนั่งดริ้ง ชั้นล่างด้านในสุดจะเป็นโซนวีไอพี สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือมากันเป็นครอบครัว ลึกเข้าไปด้านใน มีสวนหย่อมเล็กๆที่มีทั้งบ่อปลาคาฟแล้วน้ำตกจำลองซึ่งในส่วนนี้จะเป็นส่วนของคอฟฟี่ช็อป ด้วยความที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวมีผู้คนพลุกพล่านจึงเป็นร้านๆหนึ่งที่ตอบสนองทั้งนักดื่มนักกินนักชิวได้เป็นอย่างดี จึงมีลูกค้าแน่นร้านตั้งแต่เริ่มเปิด



"น้องน้ำ โต๊ะสิบกับสิบเจ็ดได้แล้ว"



"ครับ..." น้ำตอบรับพี่สาวที่เป็นเชฟอยู่ในส่วนของครัวอย่างแข็งขันก่อนจะรีบเอาเล่มเมนูมาเก็บแล้วยกอาหารไปเสิร์ฟตามที่หญิงสาวบอก



ช่วงสายที่เริ่มเปิดร้านว่าคนเยอะแล้ว ยังเทียบกับช่วงเที่ยงของวันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...คนเยอะจนแทบไม่มีเวลามองหน้าใครหรือสนใจใครทั้งนั้น รับออเดอร์ ส่งออเดอร์ ยกอาหารเสิร์ฟ วนลูปอยู่อย่างนี้จนเวลาล่วงเลยมาเกือบบ่ายสอง คนเริ่มซาบางตาลงไปมากกว่าช่วงเที่ยง จึงทำให้มีเวลานั่งพักหายใจหายคอบ้าง...ถึงจะเหนื่อยแต่เขาว่ามันก็สนุกดี...เมื่อก่อนเขาก็ทำทุกวัน ทำเพื่อให้ได้เงินมาเยอะๆ ในอนาคตจะได้ไม่ลำบาก หากมีกิจที่ต้องใช้เงินเยอะอย่างเช่นเรื่องเรียนก็คงจะหาที่พึ่งพาไม่ได้เพราะเกิดมาตัวคนเดียว...ไม่ดิ้นรนอดทนมานะ ชีวิตก็ไม่มีทางดีได้...



ชีวิตของการทำงานหาเงินของน้ำผ่านล่วงเลยไปจนเกือบจะสองอาทิตย์ ที่ผ่านมาก็มีบ้างที่วุ่นวายเพราะลูกค้าเอาแต่ใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้างหรือบางรายถูกใจคนตัวเล็กเสียจนก่อความวุ่นวายเล็กๆ จนน้ำโดนเอ็ดไปหลายวันจากหัวหน้าว่าเป็นตัวสร้างปัญหา...แต่น้ำก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วเพราะนั่นไม่ใช่ความจริง...และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เกิดความวุ่นวายขึ้น เพราะเจ้าของร้านและครอบครัวจะยกกันมาทานอาหารที่นี่ ทุกอย่างจึงต้องสะอาดเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว



ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเห็นเจ้าของร้านที่เป็นรุ่นพี่ของโจ้กับธามเลย...พอถามก็บอกว่าให้รอวันนี้ทีเดียว



"วันนี้บอสจะเข้ามาที่นี่...อย่าทำตัวให้มันผิดหูผิดตา อยู่ให้มันเป็นที่เป็นทาง อย่าเจ๋อไปยุ่งเพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของพวกเธอ" หัวหน้าสั่งกำชับอย่างถือดี...ปากจิกกัด แต่มือไม่ยอมหยิบจับอะไรสักอย่างจนพนักงานคนอื่นๆเอือมระอา...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ที่นี่งานดีเงินดี...หากโดนเด้งออกก็คงแย่



วันทั้งวันพวกเขาสามคนก็คอยเสิร์ฟคอยต้อนรับลูกค้าอย่างแข็งขัน โดยไม่ได้สนใจทางห้องวีไอพีที่ตอนนี้กำลังมีเจ้านายของตัวเองนั่งทานอาหารอยู่ในนั้นกับครอบครัวเลย...



"ธาม น้ำขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" 



"ต้องไปเข้าข้างนอกนะ...ห้องข้างในไม่ว่างแล้ว" น้ำพยักหน้ารับก่อนจะถอดหมวกกับผ้ากันเปื้อนวางเอาไว้แล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำสำหรับพนักงานที่อยู่ข้างนอกใกล้กันกับห้องน้ำสำหรับลูกค้า



ปึก! โอ๊ยย!

"อ้ะ ขอโทษครับ เป็นไรรึเปล่าครับ" น้ำที่รู้สึกเจ็บที่บริเวณแขนด้านขวาเอ่ยขอโทษออกมาเพราะเดินชนเข้าอย่างจังกับใครบางคนที่เพิ่งเดินสวนออกมาจากห้องน้ำ



"ไม่เป็นไรครับ เอ่อ..นาย" คำที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาทำให้น้ำที่กำลังไล่สายตาสำรวจการบาดเจ็บต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ตนเองเพิ่งเดินชน...



คิ้วสวยขมวดแน่นทันที...เพราะคนตรงหน้านี้ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตาน้ำซะเหลือเกิน "เราเคยเจอกันมาก่อนใช่มั้ย..." อีกฝ่ายถาม



"...ผมคิดว่าเคยครับ..."



"พี่ผา!... แฟนพี่ผาใช่ปะ" อีกฝ่ายถามเขาตาโต จำให้น้ำต้องพยักหน้ารับช้าๆอย่างเลี่ยงไม่ได้...น้ำนึกหน้าออกแล้วว่าน่าจะใช่คนๆนั้น คนที่เจอกันตอนที่ผามารับเขาวันที่เขาขาแพลง



"เราเต้ย...จำได้ใช่ปะ มาทำอะไรที่นี่อ่ะ..."



"เรามาทำงานน่ะ"



"โห...ขยันชะมัดเลย" "ก็ปิดเทอม มันว่างน่ะ แล้วนี่เต้ย..."



"อ๋อ...เต้ยมาทานอาหารที่นี่กับที่บ้านน่ะ" น้ำยิ้มรับน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยลากันตรงนั้น แม้จะรู้สึกติดใจกับสายตาแปลกๆที่มองมาแต่ก็ปล่อยไป เพราะว่าเรื่องนี้เคลียร์กันจบไปแล้ว...



เขาคุยทักทายกันอีกสองสามประโยคแล้วก็เอ่ยลากันไปทำหน้าที่ของตน



"นี่...พนักงานใหม่สามคน มานี่หน่อยซิ" หัวหน้าสาวสองยืนกอดอกจิกตาใส่เรียกเขาทั้งสามคนเข้าไปหา



"ครับ.." เป็นน้ำที่ตอบรับด้วยท่าทีที่สงสัย



"บอสอยากพบพนักงานใหม่..ตามฉันมา สำรวมกิริยาของพวกเธอด้วยล่ะ เดี๋ยวจะโดนเด้งเอาง่ายๆ" เบะปากเชิดใส่พวกเขาทั้งสามคนอย่างถือดีก่อนจะเดินนำออกไปโดยมีน้ำเดินตามอย่างไม่ถือสาติดใจกับกิริยาน่าเกลียดนั้นของหัวหน้า



"ถือดีชะมัด เดี๋ยวพ่อก็ฟ้องซะให้โดนเด้งสมคำซะหรอก ฮึ่ย!" โจ้บ่นกะปอดกะแปด หน้าบูดบึ้งอย่างไม่ชอบใจหัวหน้าพนักงานคนนี้เสียเต็มประดา



"เอาน่า..ไม่ต้องฟ้องหรอก เผลอๆโดนเด้งวันนี้เลยด้วยซ้ำ" ธามว่าพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ทั้งสองคนมองหน้าอย่างรู้กันก่อนจะโดนขัดด้วยเสียงที่ดัดแหลมเล็กว่าให้เดินตามไปเร็วๆ



..ก๊อกๆๆ...

"เชิญครับ" เสียงตอบรับที่เป็นการอนุญาตให้พวกเขาเข้าไปได้

เขาทั้งสามคนก้มหน้าเดินตามหัวหน้าสาวสองเข้าไปอย่างสำรวมกิริยา



"พนักงานใหม่ค่ะบอส...แต่น้องทำพาร์ททามนะคะเพราะช่วงนี้น้องปิดเทอมกัน" หัวหน้าสาวสองจีบปากจีบคอรายงาน



"ผมรู้แล้ว..เชิญคุณไปพักผ่อนเถอะ" ชายหนุ่มเสียงนุ่มทุ้มหน้าฟังเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าเชิงว่าให้ออกไปก่อน สองหนุ่มที่ยืมขนาบข้างน้ำต่างก็กลั้นขำสุดฤทธิ์ที่ว่าหัวหน้าสาวสองปากดีผู้นี่เหมือนโดนบอสตอกกลับไปเบาๆ



"ว่าไงเราสามคน..ไม่คิดจะเงยหน้าทักทายกันหน่อยหรอ" ชายหนุ่มผู้ขึ้นชื่อว่าเจ้าของร้านเอ่ยถาม จนน้ำต้องรีบเงยหน้าขึ้นมายกมือกระพุ่มไหว้ด้วยท่าทางที่อ่อนน้อมเสียจนคนมองเอ็นดู..แต่พอน้ำเงยหน้าขึ้นมามองอย่างเต็มตา ก็ต้องตกใจ...



ก็ว่าอยู่หรอก น้ำเสียงที่พูดออกมามันคุ้นหูแปลกๆ เหมือนเคยได้ยินมาก่อนที่แท้ก็...



"...พี่ดิน" น้ำเอ่ยออกมาเสียงเบาพร้อมกับรอยยิ้มดีใจ...ไม่รู้ว่าดีใจอะไร แต่อยู่ใกล้พี่คนนี้ทีไรเขารู้อบอุ่นปลอดภัยแปลกๆ



"ครับ... อ่อ...นี่ พ่อ แม่...ครอบครัว ของเรา..." ดินผายมือไปยังหญิงชายวัยกลางคนที่นั่งประคองกันอยู่ข้างตัว น้ำหันไปมองท่านทั้งสองก่อนจะยกมือขึ้นไหว้



สายตาที่ทั้งคู่ทอดมองน้ำ มีแต่ความอ่อนโยนและเอื้อเอ็นดูอยู่เต็มเปี่ยม รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นที่ส่งมายังคนตัวเล็กมันทำให้เขาน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะตั้งแต่เขาเกิดมา รอยยิ้มอบอุ่นแบบนี้ก็เห็นจะมีก็แต่แม่ดาเท่านั้นแหละ...เด็กกำพร้าอย่างเขา จะมีสักกี่คนกันเชียวที่จะมองกันด้วยสายตาแบบนี้



ท่าทางที่น้ำกระพริบตาถี่ๆแล้วเสหลบมองไปตังทางอื่น ทำให้คนที่มองอยู่น้ำตาคลอเบ้าตาม จนดินต้องเอื้อมมือไปกุมมือของมารดาตนไว้แล้วบีบเบาๆ...ก่อนจะหันกลับไปหารุ่นน้องทั้งสามคน สอบถามสารทุกข์สุขดิบตามประสาของคนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกัน หลังจากที่คุยกันเพียงไม่นานเขาก็ปล่อยให้ทั้งสามคนไปทำงาน...ก่อนที่จะโดนเพื่อนร่วมงานคนอื่นเขม่นเอาได้

"ไปไหนมาซะนานเลยหื้อเรา" ดินเอ่ยปากถามคนที่เพิ่งเดินเข้ามา "ไปเข้าน้ำมาสิครับ ท้องไม่ค่อยดี" เด็กหนุ่มตอบก่อนนั่งลงที่ของตัวเอง พลางกวาดสายตามองพ่อกับแม่และพี่ชายของตนที่มีท่าทางแปลกไป...



"นี่ผมพลาดอะไรไปรึเปล่าครับ"



"พลาดอย่างแรง" ดินยักคิ้วตอบผู้เป็นน้องอย่างกวนๆ จึงทำให้ผู้เป็นน้องนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะรู้สึกว่าตนได้พลาดบางสิ่งที่สำคัญไปอีกแล้ว



"หึๆ ดูทำหน้าเข้า..ไม่ต้องอยากรู้ขนาดนั้น" ผู้เป็นเอ่ยแซวเด็กหนุ่มผู้น้องยิ้มๆ ทำให้ได้เสียงหัวเราะจากทั้งโต๊ะ ถึงแม้ตัวเด็กหนุ่มจะไม่รู้เรื่องอะไรแต่ก็พอรู้อยู่บ้างว่าคงเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน...

"ดินว่าพ่อกับแม่ไม่ต้องรออะไรแล้วล่ะครับ..เท่าที่ดูมา ไม่ได้มีใครคิดจะทำร้ายอะไรน้องอยู่แล้ว ถ้าเขาจะทำ..คงไม่ปล่อยมาจนทุกวันนี้หรอกครับ" ทันทีที่ทุกคนเข้ามานั่งพร้อมหน้ากันอยู่ภายในห้องผู้เป็นแม่ฟังลูกชายคนโตพูดพลางคิดตามก่อนจะหันหน้ามองกันกับสามีอย่างต้องการความเห็น...



"พ่อว่าก็ดีเหมือนกัน..ไม่ต้องรออะไรแล้วทั้งนั้น"



"เอาเลยพี่ดิน...ถ้ากลัวใครจะมาทำร้ายน้อง ปู่คงไม่ยอมแน่นอน" เด็กหนุ่มพูดออกมาตามความคิด พร้อมกับจินตนาการถึงสิ่งที่มีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้ของตระกูลบวรวัชรศิริกุลที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้...



หากเหตุการณ์มันไม่เป็นแบบนี้ คงเป็นเขาเองล่ะมั้งที่ต้องเป็นแบบนั้น..แต่ต่างกันตรงที่ว่า เขาคงไม่มีคนคอยตามหาให้เขาคืนสู่อ้อมกอดหรอก...



"...เต้ย คิดอะไรอยู่ลูก" เสียงผู้เป็นแม่..ที่เขาเรียกมาตั้งแต่จำความได้เอ่ยถาม เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้แล้วซบลงบนตัก



"เต้ยแค่คิดแทนแม่น่ะครับ..ว่าจะมีความสุขขนาดไหน..และคนๆนั้นคงมีความสุขมากแน่ๆหากเขาได้อยู่ในที่ๆเขาควรจะอยู่มาตั้งแต่แรก"



"อย่าคิดมาก..เต้ยก็ลูกแม่" คุณพิชรัตน์ยกมือลูบหัวเต้ยอย่างรักใคร่เอ็นดู ประหนึ่งลูกในไส้คนหนึ่ง...



ใช่..เต้ยไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นเพียงลูกบุญธรรม









"เออน้ำ อีกสองวันไปหาแม่ดากัน" ธามเอ่ยชวนคนตัวเล็กขึ้นมาระหว่างที่กำลังขับรถกลับ

"น้ำว่าจะชวนโจ้กับธามอยู่เหมือนกัน..งั้นเราก็ไปวันเสาร์นี้เลยมั้ย เราหยุดกันวันนั้นพอดี" น้ำหันไปเสนอความคิดเห็นซึ่งคนทั้งสองก็พยักหน้ารับอย่างดีเป็นอันว่าตกลงตามที่คนตัวเล็กเสนอมา..ถ้าไปวันเสาร์ ก็อีกแค่วันเดียวเท่านั้น..รีบไปก็ดีเหมือนกัน อะไรๆจะได้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นเสียที









"เหนื่อยมั้ย...ฟอดด" ทันทีที่น้ำก้าวเข้ามาในห้องก็ได้รับการต้อนรับจากคนรักด้วยการหอมแก้มไปฟอดใหญ่



"ไม่เหนื่อยเลย.." คนตัวเล็กตอบพร้อมกับเอนหัวซบกับบ่ากว้างเฝือหัวไปมาคล้ายกับอ้อนกันจนผาอดยิ้มไม่ได้พร้อมกับยกแขนโอบรอบเอวบางเอาไว้



"แล้วทำไมถึงอ้อนกันขนาดนี้ หื้ม" พูดไปก็หอมหัวไปอย่างชอบใจ นานๆทีมีหนที่คนตัวเล็กจะเขามาอ้อนมาเฝือเขาแบบนี้



"ถ้าไม่ให้น้ำอ้อนแฟน ผาจะให้น้ำไปอ้อนใคร.." เสียงเล็กตอบอู้อี้อยู่กับอกแต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม สายตาคมลอบมองใบหน้าด้านข้างของคนที่ซบบ่ากว้าง..ถึงไม่เห็นเต็มดวงหน้าแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนขี้เขิน ยังไงก็ต้องเขินกันอยู่วันยังค่ำ เพราะใบหูเล็กที่แดงแจ๋นั่นแหละที่เป็นตัวยืนยันได้ดี



"ไปอาบน้ำก่อนไป..เหม็น" ผาแกล้งดันตัวน้ำออกพร้อมกันย่นจมูกเพื่อประกอบคำที่บอกว่าเหม็น คนตัวเล็กยู่หน้าใส่ก่อนจะก้มดมตัวเองก็พบว่ามันเหม็นเหนื่อยเหม็นกลิ่นอาหารจริงๆนั่นแหละ



"ไปก็ได้..แบร่" น้ำแลบลิ้นให้ก่อนจะวิ่งปรู๊ดหายเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำ คนมองอย่างผาก็ได้แต่ส่ายหัวตาม ไม่ใช่ไม่ชอบ..แต่ชอบมากต่างหาก ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่จับมาฟัดให้จมเขี้ยวตั้งแต่เข้ามาอ้อนกันก็บุญเท่าไหร่แล้ว



'ต่อมานะคะเป็นข่าวของตระกูลมหาเศรษฐีเก่าแก่อย่างบวรวัชรสิริกุล ข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ที่สุดแห่งปีเลยก็ว่าได้นะคะท่าผู้ชม เพราะว่าคุณชัชพร้อมด้วยภริยาได้ออกมาบอกกับผู้สื่อข่าวแล้วนะคะว่าเขาพบตัวลูกชายที่หายตัวไปกว่า 20 ปีเจอแล้ว...'



เสียงผู้ประกาศดังแว่วๆมาพอให้คนตัวเล็กที่เดินเช็ดหัวออกมาหันไปมอง..อย่างแรกเลยคือแปลกใจ เพราะตั้งแต่อยู่มาเขาไม่เคยเห็นผาสนใจข่าวบันเทิงหรืออะไรทำนองนี้เลย เห็นดูก็แต่ช่องหนังไม่ก็ข่าวเกี่ยวกับธุกิจ ตลาดหุ้นอะไรพวกนั้น.. แต่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาสนใจก็คงจะเป็น ความดีใจเล็กๆล่ะมั้ง ที่คนๆจะได้กลับไปสู้อ้อมอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เขาจากมาเป็นสิบๆปี คนนั้นเขาโชคดีจัง..





"เป็นอะไร หื้ม..เงียบเชียว" ผาถามขึ้นมาหลังจากที่คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน แต่ก็เอาแต่มองข่าวที่อยู่บนหน้าจอเงียบเชียบจนผิดวิสัย



"..จากพ่อแม่มาตั้งเป็นยี่สิบปี เขาคงดีใจมากแน่ๆเลยที่เขาจะได้กลับไปหาพ่อแม่เขา.." ประโยคที่คนตัวเล็กเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มทำให้ผาต้องวาดแขนไปโอบกอดอีกคนมาแนบชิดกัน..



เขารู้ดีว่าน้ำเองก็อยากมีโมเม้นท์แบบนี้เหมือนกัน..แต่มันก็เป็นไปได้ยากเหมือนกันที่มันจะเกิดขึ้นกับใครสักคนที่ถูกบุพการีทอดทิ้งแบบนี้



"พี่ก็ดีใจ..ที่คุณอาเขาจะได้เจอลูกชายของเขาสักที"



"พี่ผารู้จักด้วยหรอครับ" น้ำทำตาโต



"ใช่..พ่อกับแม่ไอ้ดินมันน่ะ" น้ำหันกลับไปมองหน้าจออีกครั้งที่ปรากฎร่างของคนทั้งคู่ที่เขาเพิ่งเจอไปเมื่อบ่ายพร้อมด้วยผู้อาวุโสอีกคนที่นั่งตรงกลาง..ทำไมเขาถึงจำไม่ได้กันล่ะเนี่ย ทั้งๆที่เพิ่งเจอท่านทั้งสองมาแท้ๆ



"..น้ำเพิ่งเจอท่านทั้งสองเมื่อกลางวันนี้เอง"



"หืม...เจอที่ไหน"



"ร้านอาผารที่น้ำทำ..ร้านพี่ดิน แล้วเมื่อกลางวันนี้พวกท่านมาทานอาหารกันที่ร้าน"



"อ๋อ.."



"..น้ำอยากรู้จัง ว่าทำไมท่านทั้งสองถึงพึ่งเจอกับลูกตัวเองตอนนี้" คนตัวเล็กพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง แต่ผาก็ได้ยินมันชัดเจนก่อนจะยกยิ้มบางๆ



"อยากรู้มั้ย..พี่จะบอก"



"บอกได้หรอครับ..ถ้ามันเป็นความลับ ไม่ต้องเล่านะ.." น้ำห้ามปรามออกมาอย่างกังวลเพราะกลัวว่าจะไปอยากรู้อะไรที่ไม่ควรรู้เข้า



"ไม่ได้เป็นความลับอะไร..คุณอากะจะแถลงข่าวรายละเอียดอยู่แล้ว..พี่บอกน้ำตอนนี้ก็ไม่ใช่เชิงลึก แค่ทั่วไปที่หลายๆคนก็คงพอรู้กัน.."



"อย่างงั้นหรอครับ.."



"ใช่..ยังอยากรู้อยู่มั้ยว่าทำไมน้องหายไปตั้งยี่สิบปี"



"ถ้า..น้ำรู้ได้ น้ำก็อยากรู้" น้ำอ้อมแอ้มตอบด้วยความเกรงใจ แต่ความอยากรู้ก็มีมากกว่า 



[มีต่อนะจ้ะ]
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ up!! [YAOI] [ep.28] [04.05.2018 : 20.52]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 04-05-2018 20:46:30

"..น้องโดนลักพาตัวออกมาจากโรงพยาบาลตั้งแต่เกิดได้แค่สองวัน..คุณอาทั้งสองรวมถึงคุณปู่ออกตามหาทันทีที่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไร...ไปย้อนดูข่าวก็ได้นะ แวดวงธุรกิจตอนนั้นก็ร้อนกันหมด เพราะว่าต่างฝ่ายต่างกลัวโดนป้ายสี.." น้ำที่ได้ฟังก็ตกใจนิ่งไป..พลางคิดไปถึงคนที่ลักพาตัวว่าจิตใจทำด้วยอะไรถึงทำกันได้ลงคอ..แต่ก็เอาเถอะ ถึงจะเคยเกิดเรื่องแบบนั้นมาแต่ตอนนี้ก็กำลังจะได้กลับสู่อ้อมอกผู้เป็นพ่อเป็นแม่แล้ว..



"พี่ดินคงดีใจมากแน่ๆเลยใช่มั้ยครับ"



"คงได้รู้กันภายในอาทิตย์นี้นี่แหละ..ว่ามันจะดีใจแค่ไหน เพราะวันอาทิตย์นี้มีงานจัดเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของน้องมัน"



"พี่ผาต้องไปด้วยใช่มั้ยครับ" น้ำถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น



"ช่าย~ งานสังคม งานเพื่อนสนิทต้องไปอยู่แล้ว ว่าจะบอกอยู่เหมือนกันว่าต้องไปตั้งแต่พรุ่งนี้..กลับอีกทีก็คงวันอังคาร"



"ไปนานจัง.." หน้าที่เคยยิ้มแย้มสดใสก็หุบลงทันใด ท่าทางน่ารักนั่นทำให้คนมองหมั่นเขี้ยวจนต้องบีบจมูกรั้นนั้นเบาๆ



"ไปดูงานด้วยค่ะ..อยู่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะรู้มั้ย...เออ เดี๋ยวพี่ให้โจ้กับธามมันมาอยู่ด้วยดีกว่า.."



"เอ่อ..."



"โอเค ตามนี้เนอะ"



"พี่ผาง่ะ! น้ำยังไม่ทันได้ตกลงอะไรเลยนะ" คนตัวเล็กน้องท้วงขึ้นมาอย่างขัดใจในความเผด็จการของร่างสูงที่รวบรัดให้เขาเสร็จสรรพ



"ตามนั้นแหละ ปลอดภัยไว้ก่อน..ไม่เหงาด้วย"



"อ้อ พี่ผา..วันเสาร์น้ำกลับไปเยี่ยมแม่ดากับน้องๆที่บ้านนะครับ" น้ำบอกกิจธุระที่ตัวเองต้องไปทำให้อีกฝ่ายรับทราบ



"รับทราบขอรับกระผม" อีกคนตะเบ๊ะรับอย่างแข็งขัน ทำให้น้ำขำพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ผาเองก็หลุดขำออกมาเช่นกัน..ก็ไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะกล้าเล่นกับอีกคนแบบนี้



ทั้งคู่นั่งเล่นนั่งคุยกันไปตามประสาคนมีความรักที่กำลังหอมหวาน..ก่อนที่ทั้งสองจะเหนื่อยอ่อนแล้วพากันเข้านอน..บอกฝันดีและมอบจูบให้กันเพื่อคลายความเหนื่อยล้าให้อีกคนหลับฝันดี..อีกคนหลับไปด้วยความฝันที่เป็นภาพวาดของอนาคตที่มีคนที่นอนซุกอกอยู่ในภาพวาดนั้นทุกวินาที



...ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับตาวนลูปอย่างนี้ทุกวันไปเป็นสิบปียี่สิบปี..ส่วนอีกคนก็หลับไปด้วยภาพฝันที่ตัวเองไปยืนแสดงความยินดีกับใครหลายๆคนที่ได้เดินกลับเข้าสู่อ้อมกอดแสนอบอุ่นของครอบครัวที่ห่างหายกันไปนานแสนนาน...พาลให้คิดจินตนาการไปยังฝันที่ตัวเองว่าไกลแสนไกลว่าเป็นตัวเขาเองที่ได้ยืน ณ จุดๆนั้น...ในฝันไม่ได้เลิศหรู ใส่สูท ใส่เครื่องประดับ ขึ้นรถหรูอยู่คฤหาสน์อะไรอย่างที่ไปยืนยินดีกับเขา...



...แต่ในภาพฝันนั้นมันเป็นเพียงแค่ชายหญิงคู่หนึ่ง แต่งตัวแสนธรรมดา มายืนเรียกเขาอยู่หน้าประตูรั้วบ้านเด็กกำพร้า...เขาตะโกนออกไปว่า 'แม่' 'พ่อ' ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาแขนทั้งสองข้างที่อ้ารับของมารดา...เขาได้กอดแม่ และพ่อกำลังลูบหัวเขา พร้อมกับคำแค่ไม่กี่คำที่เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม...แต่มันแสนกินใจจนน้ำตาไหลอาบสองแก้ม 'กลับบ้านเรากันลูก' เขาพยักหน้าตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลก่อนจะเดินจูงมือกันไปพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเราสามคน พ่อ แม่และตัวเขา..



ภาพฝันที่เขาวาดมันขึ้นมาดั่งวิมารบนสรวงสรรค์ทำให้เขาไม่อยากลืมตาตื่นจากนิทราเพื่อมาเจอความจริงอันแสนเจ็บปวดที่ว่า..เขาไม่มีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั่น..มีแต่อ้อมกอดของตัวเองที่คอยกอดปลอบยามเศร้าและท้อใจ ถึงแม้มันจะเจ็บปวดเพียงใด...แต่เขาก็ไม่เคยนึกเคืองโกรธท่านทั้งสองเลย...อย่างที่เขาบอก เขานึกขอบคุณเสียด้วยซ้ำไปที่ทำให้เขาเผชิญโลกใบกว้างนี้ด้วยตัวเอง..ได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมายที่ทำให้เขาเข้มแข็งได้อย่างทุกวันนี้



...ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะครับ...ถึงจะไม่มีในชีวิตจริง อย่างน้อยๆก็ยังอยู่ในฝัน ช่วยต่อเติมกำลังใจของเขาไปได้อีกหน่อย...









100%

...To Be Continued...



Talk
กลับมาแล้ววววว​


**ก่อนอื่นเลยต้อง ขอโทษคนอ่านทั้งหลายอย่างแรงกล้า ที่หายไปนานแรมปีขนาดนี้...**



ไม่ได้หายไปเพราะขี้เกียจหรือจะทิ้งกันแต่ประการใด... หาแต่ตัวคนเขียนเองเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นิดหน่อย เลยทำให้ไม่ได้แตะโน้ตบุ๊คและโทรศัพท์เลย เพราะมันแหลกไปพร้อมๆกันในตอนนั้น...และตอนนี้ก็เพิ่งได้ใหม่มา พร้อมกับสภาพร่างกายที่โอเค 100%

...ถึงตอนนี้อาจจะไม่มีคนอ่านอยู่อ่านแล้ว แต่ก็จะลงให้จบฮะ 55555 อีกประมาณ 2-3 ตอนก็จบแล้ว แล้วก็จะมาลงตอนพิเศษให้อ่านกัน ทั้งคู่หลัก และคู่รอง ถ้ายังไง...ฝากติดตามไปจนจบด้วยนะคะ :)

หัวข้อ: Re: กลับมาแล้ว!! Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.28] [04.05.2018 : 20.54]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-05-2018 02:18:28
น้องจะได้พบครอบครัวแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้ว!! Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.28] [04.05.2018 : 20.54]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 03:17:38
บุญรักษานะหลานคนแต่ง ถึงว่าฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน  :กอด1:

น้ำจะได้พบพ่อกับแม่ในตอนหน้าแล้วชิมิ ดีใจ ๆ  :m11:

ปอลอ   ผู้ใดเอา + เป็ด ไป รบกวนเอามาคืนด้วยจ้า   :m5:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.29] [07.05.2018 : 13.01]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 07-05-2018 12:55:34
Episode 29









"ไอ้ธามตื่น!" โจ้ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียก่อนจะยื่นมือไปเขย่าอีกคนที่นอนหลับอุตุอยู่ข้างกัน



"อือ..ธามขออีกห้านาที" ธามไม่พูดเปล่า ยื่นมามาตวัดกอดโจ้ให้ลงไปนอนอย่างเดิม



"ไม่ได้ วันนี้ต้องเข้าไปหาแม่ดา มึงอย่าลืม" โจ้ว่า ก่อนจะพยายามงัดแขนแงะขาของธามที่พาดมาก่ายมากอดกันแน่น



"อือ..ไม่ได้ลืม พูดเพราะๆไม่เป็นง๊ะ" ธามลืมตาขึ้นมาข้างนึงมองคนที่ตัวเองกอดอยู่ด้วยสีหน้าติดจะงอนๆ



"จะให้เพราะเพื่อ? อย่ามาเรื่องมากอ่ะมึง" 



"แฟนกันแล้วก็เปลี่ยนหน่อยดิวะ"



"กูต้องเปลี่ยน?"



"เออๆ...ไม่เปลี่ยนก็ไม่ต้องเปลี่ยน งั้นกูไปอาบน้ำละ" ธามลุกพรวดขึ้นมาคำพูดไม่ได้สะบัดหรือมีแววโมโหอะไร..แต่นี่แหละคือมันนอยด์เขาล่ะ และแม่งง้อยากยังห่า..ไอ้นี่แม่งเล่นแง่ ขี้นอด์ยก็ปานนั้น เห้ออออ~





ปังๆ!



"เปิดดิ" โจ้บอก



"จะเสร็จแล้ว" ธามตอบ



"เร็วๆ"



"..."



"ธาม..เปิดให้โจ้หน่อย..โจ้ขออาบด้วย"



ปังๆ!

แกร๊ก!




ธามเปิดประตูออกมาทั้งที่ยังตัวเปลื่อยเปล่าเปียกซกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า...ไอ้บ้าเอ้ย จะเดินมาเปิดประตูทั้งทีไม่คิดจะหยิบผ้าขนหนูมาพันปิดไว้ซักหน่อยหรอวะ

"ถอดดิ..ข้างในไม่มีที่แขวน" ถึงจะสงสัยอยู่ว่าชุดมันเมื่อกี้เอาไปแขวนที่ไหนแต่โจ้ก็ยอมถอดแต่โดยดีโดยมีสายตาของธามเฝ้ามองอยู่ทุกการกระทำ แต่โจ้ทำเป็นไม่สนใจทั้งๆที่แดงไปหมดทั้งตัวแล้วตอนนั้น ธามหันหลังเดินเข้าไป โจ้ก็ก้าวตามอีกคนเข้าไปในส่วนของห้องฝักบัว...อย่าคิดภาพไปไกลว่าเขายืนถูหลังให้กัน...เขาแค่ยืนซ้อนกันและต่างคนต่างอาบไป..แต่แล้วก็เป็นธามเสียเองที่ทนมองหลังขาวๆของโจ้ไม่ไหวจนต้องก้มไปฝากรอยไว้ที่หลังคอขาว



"ธาม..."



"โจ้..อย่ายั่ว"



"กูไม่ได้ยั่ว" โจ้หันกลับมาพูดแต่ยิ่งพูดก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบในตัวธามให้ลุกฮือ...แม่งแค่เสียงก็เตลิดไปไกลยิ่งกว่าไฟลามทุ่มอีก ตอนนี้



"มึงยั่ว...มึงยั่วกู"



"กู..." 



"ถ้ามึงอยากอาบน้ำอย่างเดียวก็หยุดพูด แล้วอาบไป" ธามพูดตัดบทขึ้นมาดื้อๆแล้วเดินหายออกไปจากห้องน้ำ ปล่อยให้โจ้ยืนงงอยู่ตรงนั้น บทจะพูดก็พูด พูดแล้วก็ไป...





ตั้งแต่เปลี่ยนสถานะกันเขากับถามก็ไม่เคยเกินเลยอะไรกันมากว่ากอดก่ายกันปกติ...มากกว่านั้นยังไม่มีใครกล้าล่วงเกินกัน...เขามันก็ผู้ชาย มันก็ผู้ชายในจุดๆนี้ต่างรู้ดีถ้าหากไปแล้วกู่กลับยาก...อารมณ์มันไปไว ถ้าหากมีถึงขั้นจริงฝ่ายที่รองรับอาจจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัว ซึ่งข้อนี้เราต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวเพราะตัวเอง



..เขาก็ไม่อยากให้มันต้องเจ็บ...

...มันเองก็ไม่อยากให้เขาเจ็บ...



แต่ถ้าถามว่าเขาเป็นฝ่ายรองรับได้มั้ยเขาก็ตอบอย่างเต็มใจว่าเป็นให้ได้...ซึ่งตัวธามเองก็คิดเช่นเดียวกัน..หากมันจะเป็นมันก็เต็มใจรรับเขาเหมือนกัน...เราก็เลยตกลงกันแล้ว ว่าจะปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น...เขาจะเจ็บหรือมันจะเจ็บ ถึงตอนนั้นมันก็คงรู้สึกดีมากจนลืมเจ็บไปเองนั่นแหละ...และอีกอย่าง เขากับมันก็ยังรู้สึกต่อกันเช่นเดิม...





"เสร็จนานแล้วหรอ" ธามเอ่ยถามคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่โซฟากลางห้อง ตั้งแต่เมื่อวานนี้เขาสองคนก็เข้ามาอยู่คอนโดกับน้ำตามคำสั่งของรุ่นพี่เขาอย่างผา..ก็งี้แหละน้าคนห่วงแฟน



"ไม่นาน.." คำตอบมันช่างตรงข้ามกับรอยยิ้มล้อเลียนนั่นเสียเหลือเกิน...มาอยู่กับพี่ผาแค่แปปเดียวกลายเป็นคนกวนแบบนี้ไปแล้วหรอเนี่ยเพื่อนเขา..



"งั้นก็ไปกันได้แล้วไป" โจ้บอกก่อนจะเดินนำออกไปก่อน ธามกับน้ำถึงได้ตามออกไป



วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันที่เขาจะเข้าไปหาแม่ดาที่บ้านเด็กกำพร้า เขาน่ะไม่อะไรหรอกแต่สองคนนั้นดูตื่นเต้นแปลกๆ



เขาขึ้นนั่งรถของผาที่ให้ไว้ใช้เวลาไปไหนมาไหน..ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยใช้มันเลยนอกจากเวลาทำงานซึ่งมีธามเป็นคนขับโจ้านั่งข้างและเขานั่งอยู่ข้างหลังและวันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่เขาต้องหยิบเอารถของผามาใช้ซึ่งมีธามเป็นคนขับเช่นทุกวัน...



ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนกว่าครึ่งชั่วโมง รถคันสวยก็แล่นเข้ามาจอดยังบริเวณบ้านเด็กกำพร้าที่เขาเคยอยู่มาสิบแปดปี ยังไม่ทันได้ลงจากรถพวกเขาก็เห็นหญิงสาวมีอายุคนหนึ่งออกมายืนอยู่ตรงประตูด้วยรอยยิ้มอบอุ่นที่คุ้นเคย เขารีบลงจากรถไปสวมกอดหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เขาเรียกว่าแม่อย่างเต็มปาก..ทั้งชีวิตที่ผ่านมาก็มีเพียงบุคคลท่านนี้ที่คอยค้ำจุนเขา



"..เข้าข้างในกันก่อนมาลูกมา" ดาริณกวักมือเรียกอีกสองคนที่กำลังเดินตรงมาให้ตามเข้าไปข้างในก่อนจะหันไปหาพี่เลี้ยงคนหนึ่งให้เตรียมของว่างมาให้เขา



ที่นี่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาจนเขาเติบโตพอที่จะต้องออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเองตามกฎของบ้าน..ที่นี่ยังดูอบอุ่นเหมือนเดิมสำหรับเขา 



"เป็นไงกันบ้าง หื้ม" ดาริณเอ่ยถามไถ่เรื่องราวของน้ำที่นั่งอยู่ข้างกันไม่ห่าง...



เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกไปให้ผู้เป็นดังแม่แท้ๆได้ฟัง ตั้งแต่เรื่องเรียนจนถึงเรื่องราวต่างๆมากมายที่เผชิญในแต่ละวัน ในระหว่างที่นั่งพูดคุยกันอยู่นั้นเสียงรถหลายคันที่แล่นเข้ามาจอดก็ทำให้น้ำหันไปมอง..รถหรูหลายคันเข้ามาจอดตรงลานจอดก่อนจะมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำเดินลงมาเปิดประตูให้ บุคคลที่ก้าวลงมานั้นทำให้น้ำตกใจอยู่ไม่น้อย..



ดาริณหันมองโจ้กับธามก่อนจะพยักหน้าให้ส่งเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างก่อนที่ทั้งสองจะขอตัวออกไป ดาริณจึงชวนน้ำกับพี่เลี้ยงอีกสองคนออกไปต้อนรับตระกูลบวรวัชรสิริกุลที่ยกกันมาทั้งบ้าน ..ผู้อาวุโสที่สุดที่กำลังลงจากรถมาคือคุณเดช หรือที่รู้กันว่าเป็นพ่อของคุณชัชที่กำลังยืนรออยู่ด้านข้างรถพร้อมกับคุณพิชรัตน์ภริยาของท่าน และอีกคนที่คนตัวเล็กจำได้ดีคือดินที่เดินเข้าไปประคองผู้ที่เป็นปู่ของเขา แต่คนที่เขาตกใจที่สุดคงจะเป็น...เต้ย



คนตัวเล็กพยายามเอาทุกอย่างมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน...ทั้งๆที่อยู่ในมหาลัยและก็เคยเจอทั้งดินและเต้ยอยู่บ่อยครั้งก็ไม่เคยรู้เลยว่าทั้งสองฝ่ายเป็นพี่น้องกัน..จนนึกได้ว่าวันนั้นเจอเขาเจอทั้งสองที่ร้านอาหารของดินแล้วก็เจออีกทีในวันนี้ หรือว่า...น้องชายที่หายไปเกือบยี่สิบปีจะเป็น...



"น้ำ..ไปช่วยพี่เขาเตรียมของว่างหน่อยไปลูก"



"ครับ" คนตัวเล็กรับคำก่อนจะเดินตามพี่เลี้ยงหายเข้าไปในส่วนของครัว เพียงเวลาไม่นานน้ำก็เดินออกมาพร้อมพี่เลี้ยงในมือถือถาดน้ำเดินมาวางน้ำบนโต๊ะรับแขกที่ตอนนี้มีบุคคลทั้งห้านั้งกันอยู่



"น้ำ..อยู่ด้วยกันก่อนสิลูก" คนตัวเล็กที่กำลังจะคลานเข่ากลับออกไปต้องชะงักกับคำเชิญชวนของดาริณ คนตัวเล็กหันหน้ากลับไปหาดาริณอย่างสงสัย แต่ก็ได้รับรอยยิ้มพร้อมกับการพยักหน้ากลับมาเท่านั้น เขาจึงต้องนั่งลงข้างๆกับดาริณ..



"เข้าเรื่องเลยได้มั้ยคะพี่ดา.." คุณพิชรัตน์เอ่ยออกมาเจือความสั่นเครืออยู่เล็กน้อย ดาริณพยักหน้ารับก่อนจะหันมามองหน้าเขาด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยน



"น้ำไม่ได้ใส่สร้อยเส้นนั้นแล้วเหรอลูก"



"ไม่ได้ใส่ครับ..แต่น้ำพกติดตัวตลอด"



"ขอแม่ดูหน่อยได้มั้ย" ถึงคนตัวเล็กจะสงสัยว่าทำไมดาริณถึงขอดูสร้อยเส้นเดียวที่เป็นเครื่องแทนใจที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยอมหยิบออกมาให้



พอสร้อยเส้นนั้นปรากฎแก่สายตาของบุคคลทุกท่านที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันก็ถึงกับตกใจอ้าปากค้าง..ยิ่งคุณพิชรัตน์ยิ่งแล้วใหญ่ ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นั่นยิ่งสร้างความแปลกใจให้แก่น้ำมากขึ้นกว่าเดิม



"น้ำรู้มั้ยว่าสร้อยเส้นนี้สำคัญยังไง" ดาริณเอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม แต่เขาไม่รู้จึงได้แต่ส่ายหน้าตอบกลัยไป...



"มันเป็นสิ่งยืนยัน...ให้คนที่ให้สร้อยเส้นนี้กับน้ำมาได้รับรู้ว่าน้ำยังอยู่..."



"..."



"น้ำรู้มั้ย...ว่าใครเป็นคนให้สร้อยเส้นนี้กับน้ำมา" คำถามนี้...มันอาจจะเป็นคำถามธรรมดาสำหรับใครหลายๆคนที่ถ้าถามมาก็ตอบออกไปเลย...แต่กับคนตัวเล็กที่พอได้ฟังคำถามนี้แล้วก็มีก้อนบางอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ที่เขาเรียกมันว่า...ความหวัง หวังว่าสักวันเขาจะได้เจอกับคนที่เป็นคำตอบ..



"พ ..พ่อ กับแม่" น้ำเสียงที่ขาดห้วงไปพร้อมกับสายตาของทุกคู่ที่จ้องมองมาอย่างรอคอยในคำตอบ...เขารู้สึกอึดอัด แต่ในใจลึกๆแล้วมันกลับลิงโลดอย่างน่าประหลาด



"น้ำอยากกลับไปหาพ่อกับแม่มั้ย.." เพียงแค่คำถามเดียวที่ทำให้น้ำใสๆร่วงหล่นลงมาจากดวงตากลมโตอย่างเงียบๆ...



"เป็นไปได้หรอครับ...ผมไม่อยากมีความหวัง"



"ไม่ต้องหวังหรอกลูก... น้ำห่างจากพวกเขามาสิบแปดปีเต็ม ...ตอนนี้เขามานั่งรอรับลูกกลับบ้านกับเขาอยู่ตรงหน้าน้ำแล้วนะ..." 



สิ้นประโยคอันยาวเหยียดของดาริณ น้ำตาที่ไม่เคยไหลมานานก็มาเอ่อคลอรวมกันที่ดวงตาคู่สวย สมองประมวลผลไปอย่างช้าๆ ว่าที่แม่ดาพูดมานั้นหมายความว่าอย่างไร...ก่อนที่ดวงตากลมโตที่วาวไปด้วยน้ำตาจะหันไปมองบุคคลทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกับเขาอย่างช้าๆ...สิ่งที่เห็นผ่านความพร่าเบลอเพราะมีม่านน้ำใสๆเคลือบอยู่คือรอยยิ้มอันอบอุ่นที่ส่งมายังเขา



...พี่ดิน ที่เขาเจอเพียงครั้งเดียวก็รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

...พ่อกับแม่ของพี่ดิน ที่เจอกันคราวก่อนก็ทำให้เขารู้สึกโหยหาอ้อมกอดที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานานแสนนาน

...ทำไมกันนะ...

...มันเป็นไปได้จริงหรือ ที่ความฝันเขาจะเป็นจริง...

...ถ้าเขาเป็นลูกชายที่เขาตามหา...แล้วเต้ยล่ะ?



ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรอื่นไกล...ซองเอกสารสามซองก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเขาโดยฝีมือของโจ้กับธาม...อะไรกัน ทำไมเป็นโจ้กับธาม?



"อ่านเอกสารทั้งหมดก่อนนะลูก...อาจจะสงสัยอะไรน้อยลง" ดาริณเอ่ยกับเขาพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวอย่างแผ่วเบา



คนตัวเล็กปาดน้ำตาทิ้งไปก่อนจะหยิบเอกสารซองแรกขึ้นมาเปิดอ่านอย่างงงๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวไปจนเขาประมวลผลมันไม่ทันแล้วตอนนี้...สมองมันว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ถึงจะยังคงมึนเบลอและตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้...แต่ก้อนเนื้อภายในอกมันก็เต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง...ลิงโลดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน



เขาค่อยๆไล่สายตาอ่านเอกสารใบนั้นซึ่งน่าจะเป็นบันทึกการแจ้งความอะไรสักอย่าง เขาตั้งใจอ่านมันทีละตัวอัษร ทำความเข้าใจมันทีละบรรทัดจนสิ่งที่ค้างคาในใจกระจ่างชัดเจน...



...ที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด เป็นเพราะเขาถูกลักพาตัวมา...โดยคนที่ขึ้นชื่อเป็นอาแท้ๆของเขาเอง สิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในตระกูลมหาเศรษฐีแบบนี้ คงไม่พ้นเรื่องการมีส่วนได้ส่วนเสียในทรัพย์สมบัติ...แทนที่ครอบครัวของคุณอาของเขาจะได้รับสมบัติในส่วนของลูกชายเพิ่มแต่กลับต้องลดน้อยลงไปเพราะต้องแบ่งสรรปันส่วนมาให้เขาที่เกิดแบบเหนือความคาดหมาย...



ความอิจฉาริษยาไม่เข้าใครออกใคร ความโลภมากของคนมีแต่เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ...มันมืดมนบังตาจนทำให้มนุษย์คนหนึ่งไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ จิตนึกคิดใช้การไม่ได้จนทำให้ไม่เหลือสติพอที่จะยับยั้งชั่งใจในการที่จะทำร้ายชีวิตของคนผู้หนึ่งอย่างเลือดเย็น...เป็นญาติสายเลือดเดียวกันแท้ๆยังทำกันได้ขนาดนี้...คิดมาถึงตรงนี้ก็นึกเจ็บใจในโชคชะตาตัวเองที่มีคนโลภมากแบบนั้นมาพรากเขาออกมาจากครอบครัว จนทำให้มือเล็กกำเอกสารแน่นจนมือสั่น...น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ อาของเขาปลอมแปลงเอกสารทุกอย่าง กระทั่งนามสกุล วันเวลาที่เกิด หรือภูมิลำเนาเขาที่จริงๆแล้วคือจังหวัดเชียงใหม่ แต่เขาถูกอาแท้ๆ นำเขามาทิ้งอยู่ที่บ้านเด็กกพร้าแห่งนี้ในกรุงเทพฯ...



อย่างต่อมาที่เขาได้รับรู้และไขความกระจ่างให้แก่เขาคือเต้ย...คนผู้นี้ไม่ใช่น้องชายของดินที่หายตัวไปอย่างที่เขาเข้าใจในคราแรกแต่เป็นลูกชายของ...อาแท้ๆของเขา และเหตุผลที่ต้องรับเต้ยมาเป็นบุตรบุญทำนั้นก็ทำเอาคนเป็นหลานอย่างเขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที



ท่านกลายเป็นผู้ที่มีอาการทจิตอย่างรุนแรง ถึงขั้นทำร้ายตัวเองและคนรอบข้าง...เพราะตัวเองต้องตกเป็นบุคคลล้มละลาย และยังถูกจับได้ในเรื่องที่ลักพาตัวลูกชายตัวน้อยของพี่ชายแท้ๆของตัวเองมา...ภรรยาที่รักก็พรันมาจากไปเพราะว่ารับไม่ได้กับสิ่งที่อาเขาได้ทำ...



...นี่หรือเปล่านะที่เขาบอกกันว่า เวรกรรมตามติดทันตาเห็น...





เอกสารฉบับสุดท้ายถูกหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน...เป็นเอกสารฉบับสุดท้ายที่ทำให้เขาใจแกว่งและเต้นอย่างบ้าคลั่งจนมันแทบจะกระเด็นออกมานอกอก ...เพราะที่เขาถืออยู่ในมือมันคือเอกสารผลตรวจดีเอ็นเอ...ซึ่งมันเป็นตัวยืนยันได้ดี...ว่าเขาเป็นลูกชายที่หายไปของคุณชัชและคุณพิชรัตน์จริงๆ



ซึ่งผลตรวจของทั้งเขา...คุณชัช และคุณพิชรัตน์...ตรงกัน



ณ ตอนนี้เขาทำอะไรไปกว่าการนั่งอ่านผลตรวจนั้นซ้ำไปซ้ำมาไม่ได้อีกแล้ว ภาพในหัวมันขาวไปหมด...น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงอาบแก้มอย่างสุดกลั้น





...ความจริงใช่มั้ย? หรือว่าเขากำลังฝัน ถ้ามันคือฝันเขาขอไม่ตื่นได้หรือเปล่า...เขาขอแลกชีวิตกับความฝันนี้ได้มั้ย เอาชีวิตเขาไปเพื่อให้เขาได้อยู่กับฝันดีนี้ไปตลอดกาล...ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่คงเป็นฝันที่ดีที่สุดในชีวิตเขา...แต่สิ่งที่เขาขอมันไม่เป็นจริง...



"น้ำลูก..."



...เพราะมันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป...



"มาหาแม่มา.." น้ำเสียงสั่นเครือร้องเรียกเขาให้ตื่นจากภวังค์ที่เขาคิดว่านี่คือความฝัน...แต่เสียงเรียกและภาพตรงหน้าที่หญิงสาวอ้าแขนรออยู่พร้อมกับชายวัยกลางคนที่นั่งข้างกันมองมา ก็ทำให้เขารีบปรี่เข้าไปหาแล้วสวมกอดนั้นไว้แน่น...เพราะกลัวว่าอ้อมกอดตรงหน้าจะหายไป



"ฮือ...น้ำไม่ได้ฝันใช่มั้ย ฮึก ฮืออ...แม่จริงๆใช่มั้ยครับ..ฮืออ" คนตัวเล็กซุกแน่นอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ที่เขาโหยหามาโดยตลอด...ร้องไห้ตัวโยนราวกับจะขาดใจ ตัวสั่นจนน่ากลัว คนมองอย่างคนเป็นพ่อ พี่ชาย และคุณปู่มองด้วยความเจ็บปวดใจ...



"ไม่กอดพ่อบ้างหรอเรา...หื้ม" คุณชัชพูดแหย่ขึ้นมาบ้างหลังจากที่มองภาพลูกชายกอดผู้เป็นแม่อยู่นาน เพียงแค่เขาพูดจบประโยค...ลูกชายตัวน้อยก็โถมเข้าใส่ กอดเขาไว้เสียแน่นอย่างโหยหา...ไม่ใช่เพียงลูกชายตัวน้อยของเขาหรอกที่โหยหาเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน...



น้ำซึมซับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของทุกคนในที่นี้อย่างไม่รู้เบื่อ...ก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าของผู้ที่เป็นครอบครัวทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ คุณปู่ยกมือขึ้ลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยนแล้วเป็นเขาเองที่โผเข้ากอดผู้เป็นปู่เอาไว้...



"ปู่ขอโทษนะลูก...ที่ปู่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาขนาดนี้" คุณเดชเอ่ยขอโทษคนเป็นหลานอย่างไม่ถือ



ตระกูลบวรวัชรสิริกุลทุกคน รอคอยการเกิดมาของหลานชายตัวน้อยอย่างใจจดใจจ่อนั่นก็รวมถึงเจ้าดินที่ตอนนั้นอายุได้สามขวบด้วย...พอเกิดมาให้ทุกคนเห็นหน้าได้เพียงสองวัน ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเขาเองช็อคไปเลยเหมือนกัน



กว่าจะรู้ต้นตอก็ปาไปเกือบสิบปี ตามหากันทั่วทุกซอกทุกมุมบนจังหวัดบ้านเกิดและจังหวัดข้างเคียง จนมันขยายกว้างเป็นการตามหาคนๆหนึ่งทั้งภาคเหนือ...แทบพลิกแผ่นดินจนหมดหวังเพราะว่าไม่พบเบาะแสอะไรเลย



จนกระทั่งเจ้าดินต้องเข้ามาเรียนมัธยมต้นที่กรุงเทพ เจอเข้ากับน้องน้อยคนหนึ่งในบ้านของเด็กกำพร้าที่ผู้เป็นป้าแท้ๆของเขาดูแลอยู่ .. ใส่สร้อยคอทองทำขาว มีจี้ห้อยคล้ายกันกับเขา...เจ้าตัวจึงเฝ้าตามติดเด็กคนนั้นเรื่อยมา...จนมั่นใจแล้วว่าใช่น้องชายของตัวเองจริงๆถึงได้มาบอกเขา



เรื่องทั้งหมด...คงจะสำเร็จไม่ได้หากไม่มีดาริณ พี่สาวของพิชรัตน์ที่ผันตัวเองมาเป็นพี่เลี้ยงอยู่สถานสงเคราะห์ ดาริณช่วยกันกับเจ้าดินในการรวบรวมหลักฐานยืนยันตัวตน เอาหลักฐานปลอมทุกอย่างให้ทางตำรวจตรวจสอบ เก็บชิ้นส่วนของเส้นผมและเล็บเอาไปตรวจดีเอ็นเอ จนกระทั่งรู้ชัดแน่แล้ว ...ใช้เวลารวบรวมหลักฐานอยู่นาน...เพื่อจะไปเอาผิดกับอาตัวเอง



ทุกคนเฝ้ารอมาตลอดสิบแปดปี...เพื่อรอให้หลานรักกลับสู่ที่ๆเคยจากมา...ในที่สุดวันที่ทั้งเขา และหลานรอคอยมันก็สิ้นสุดลงแล้ว...



"บ้านบวรฯ รอต้อนรับหลานปู่อยู่เสมอ... กลับบ้านเรากันนะลูก" ภาพความประทับใจไม่ได้ถูกปล่อยผ่านเลยไปโดยไม่มีการเก็บบันทึก...



โจ้กับธามที่ยืนมองอยู่มุมหนึ่งของห้องยกกล้องของแม่ดามาถ่ายเอาไว้ทุกช็อตความปลื้มปิตินี้ เขาทั้งสองคน...ก็คอยดูแลและเป็นเพื่อนกับคนตัวเล็กตลอดมาตั้งแต่จำความได้จนมาเข้าตอนมัธยมปลาย...ถึงได้รู้ว่าคนตัวเล็กนี้เป็นใคร จึงคอยดูแลปกป้องคนตัวเล็กไม่ห่าง...ตามคำขอของดินและผู้เป็นแม่



"ทุกคนจะต้องรู้ว่าหลานปู่กลับมาแล้ว...หนูจะเป็น ธารา บวรวัชรสิริกุล"







...ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนคนตัวเล็กตามแทบไม่ทัน แม้แต่เรื่องของงานเลี้ยงต้อนรับที่จะจัดขึ้นยังเป็นพรุ่งนี้เลยเพราะฉะนั้นวันนี้เขาจะต้องเตรียมตัวนั่งเครื่องขึ้นเหนือกลับไปยังบ้านเกิดตัวเองอย่างช่วยไม่ได้...เหลือเวลาก่อนขึ้นเครื่องอีกสี่ชั่วโมง คนตัวเล็กเลยขอมาเก็บของที่จำเป็นที่ห้องของผาเสียก่อนโดยคนพามาก็คือดิน...พี่ชายของเขาเอง



"นี่มันคอนโดไอ้ผานิ" ดินหันกลับมาถามน้ำเสียงดุ...ทำเอาน้ำสะดุ้งโหยงเพราะลืมไปว่าคนข้างๆเป็นพี่ชายแท้ๆของเขาแล้ว...



"อ่า...คือ เอ่อ..."



"กะอยู่ถาวรเลยรึไงหื้อเรา" 



"ม ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยพี่ดิน" คนตัวเล็กลนลานอธิบาย ปัดมือไปมาส่ายหัวจนผมแทบปลิว ...และนั่นถือเป็นภาพที่น่ามองมากสำหรับคนเป็นพี่ชายอย่างดินที่เฝ้ามองน้องชายตัวเองอยู่ห่างๆมาโดยตลอด...



"เดี๋ยวจะโดน..." คนเป็นพี่ชี้หน้าคาดโทษน้องชายตัวน้อยอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะกอดคอพากันเดินขึ้นห้องไป...





ติ๊ด!

เอ๋?

...นี่เขาลืมปิดไฟปิดแอร์หรอ...ค่าไฟเดือนนี้พุ่งจนน่าตกใจเป็นแน่...แต่



"ส สวัสดีครับ" น้ำยกมือขึ้นอย่างตกใจกับผู้หญิงที่เห็นอยู่ตรงหน้า

หญิงวัยกลางคนที่ดูคับคล้ายคับคลาเจ้าของห้อง...ไม่ต้องสงสัยให้ยากว่าเป็นใคร ถ้าไม่ใช่...แม่



"กลับมาแล้วหรอ ...อ่าวตาดิน"



"ครับ สวัสดีครับม้า"



"ทำไมถึงมาด้วยกันได้ล่ะตาดิน" พอจบคำถาม ดินก็ก้มหน้ามองน้องชายตัวน้อยของตัวเองทันทีว่าจะให้บอกมั้ย...เรื่องที่เขาเป็นพี่น้องกัน แต่จากสายตานั่นแล้ว...คนตัวเล็กคงไม่อยากให้บอกเป็นแน่



"ผมขึ้นมาเอาหนังสือน่ะครับ...เจอน้องเขาพอดีเลยเดินมาด้วยกัน"



"อ่อจ้ะ...งั้นเชิญตามสบายนะ เดี๋ยวม้าขอคุยกับน้องหน่อย" แม่ของผาส่งยิ้มใจดีมาให้ก่อนที่ดินจะเดินหลบฉากออกไปอย่างรู้งาน พอในส่วนโถงกว้างนี้เหลือเพียงแค่เขากับแม่ของผาเพียงสองคนก็เริ่มจะทำตัวไม่ถูก...



"ฉันขอแทนตัวเองว่าป้าแล้วกันนะ..."



"ครับ.."



"เป็นยังไงบ้าง...กับตาผา" น้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ได้เร่งหรือเข้มดุอะไรทำให้น้ำผ่อนคลายลงได้บ้าง แต่ก็แอบกังวลกับคำถามนั้นอยู่เหมือนกัน



"ก็...ปกติดีครับ"



"มานั่งข้างๆป้ามา..." คำเชิญชวนพร้อมสายตาอ่อนโยนที่ทอดมองมานั้นทำให้น้ำกล้าที่จะขยับตัวเข้าไปหา



"ตาผารักหนูมาก...หนูรู้ใช่มั้ย"



"เอ่อ...ครับ.."



"แต่ด้วยความเหมาะสม...มันจะทำให้สังคมโจมตีเอาได้..." ท่านกำลังจะพูดอะไรออกมากันแน่



"..."



"ตาผารับได้อยู่แล้ว...และตัวหนูล่ะ จะรับได้มั้ย กับกระแสโจมตีเหล่านั้น"



"..."



"..ป้าไม่ได้มาบอกให้หนูเลิกกัน หรือขัดขวางอะไร...แต่ที่มาพูดกับหนูวันนี้ เพราะอยากให้คิดดีๆ ว่าจะทนกับกระแสสังคมนั้นได้มั้ย..."



"..." ไม่พูดให้เลิกกัน..แต่จะพูดบีบให้เขาเดินออกไปเอง...แบบนั้นใช่มั้ย?...



แต่ประโยคถัดมา...มันไม่ใช่อย่างที่คิด...



"...ถ้าทนได้ ก็จับมือกันให้แน่นแล้วเดินฝ่ามันออกมา...ปลายทางจะมีม้าคอยสนับสนุนอยู่แน่นอน"



เขายิ้มรับกับประโยคนั้น...ถ้าท่านพูดแบบนี้ ก็เท่ากับว่าท่านยอมรับความสัมพันธ์ของเขากับพี่ผาแล้ว...ใช่มั้ย



"ม้ารู้ว่าอะไรที่ลูกชายของม้าต้องการที่สุด ลูกม้ารักใครม้าก็รักด้วย... เขาคงมาเล่าให้หนูฟังทุกเรื่องใช่มั้ย"



"ครับ...พี่ผาเขาค่อนข้างที่จะเครียด เขาคิดว่าคุณป้า...ไม่ยอมรับและก็...เอ่อ ไม่พอใจที่พี่เขาตัดสินใจแบบนั้น"



"ที่ม้าพูดแบบนั้น...มันก็เป็นเหมือนด่านทดสอบนั่นแหละ ...แรงกดดันที่มากที่สุดและทำให้เราเครียดมากที่สุดก็คือครอบครัว...ถ้าหากว่าผ่านมันมาได้...อย่างอื่นมันก็ไม่สำคัญหรอกสำหรับลูกชายม้า" ประโยคที่ฟังแล้วแสนอบอุ่นนั่นเขาอยากให้ผามาฟังมันด้วยตัวเองเสียจริง



แม่คนนึงต้องรักลูกมากขนาดไหนกันเชียว ถึงได้ทำกับลูกแบบนี้...ทำให้ลูกเข้มแข็งโดยใช้จุดอ่อนของลูกเป็นตัวสร้างเกราะป้องกันให้แก่ตัวเอง



น้ำยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณความหวังดีและการยอมรับของท่านจากใจ...ที่เปิดโอกาสและไม่ขัดขวางเด็กกำพร้าอย่างเขาโดยไม่นึกรังเกียจหรืออะไรเขาเลยแม้แต่น้อย



"ขอบคุณคุณป้ามากนะครับ"



"ป้าอะไรกันล่ะลูก...ไม่ให้เรียกป้าแล้วตอนนี้ ...เรียกม้าเหมือนพี่เขาสิ"



"เอ่อ...ครับม้า"



"น่ารัก... วันนี้เข้าครัวกับม้าสักมื้อมั้ย"



"เอ่อ..."



"มีธุระเหรอลูก..."



"ครับ...ผมต้องไปเก็บของออกจากที่นี่แล้ว" แม่ของผามีสีหน้าตกใจไม่น้อยกับคำพูดที่คนตัวเล็กเพิ่งบอกออกมา...หมายความว่าไงกัน



"ทำไมกัน...ม้าพูดอะไรผิดไปรึเปล่า" 



"ไม่ครับม้า...ไม่เลย"



"แล้วทำไมต้องเก็บของไปล่ะลูก" ม้าถามเขาด้วยน้ำเสียงเว้าวอน...แล้วเขาจะบอกยังไงดี ทำยังไงดี?



"น้ำจำเป็นจริงๆครับม้า"



"..น้ำรอพี่เขากลับมาก่อนดีมั้ยลูก" ม้าเอื้อมมือจับแขนเขาไว้...



"เอ่อ...ไม่ดีกว่าครับม้า ...ยังไง น้ำขอตัวเก็บของก่อนนะครับม้า" คนตัวเล็กเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนจะขอตัวลุกเดินเข้าห้องไปเก็บของอย่างคนเสียมารยาท เพราะคนตัวเล็กเห็นดินชูนาฬิกาข้อมือส่งสัญญาณว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว...





...น้ำขอโทษนะครับม้า เอาไว้อีกเดี๋ยว ม้าก็จะเจอกับผมแล้ว...ถึงตอนนั้น ม้าก็จะรู้ความจริงแล้วนะครับว่าผมเหมาะสมแล้ว...ที่จะยืนเคียงข้างลูกชายของม้า

ถึงแม้วันนี้ม้าจะเข้ามาพูดกีดกันผมเรื่องความไม่เหมาะสม ..ยังไงผมก็จะสู้แน่นอน







"ผาลูก..ผาทะเลาะอะไรกับน้องมารึเปล่า"

(เปล่านะครับแม่...แต่วันนี้ทั้งวันน้องยังไม่รับโทรศัพท์ผาเลย)

"..."

(เกิดอะไรขึ้นครับแม่)

"ม้าขอโทษนะผา..."

(..ม้าขอโทษผาทำไม เกิดอะไรขึ้นครับ)

"น้อง...เก็บของออกไปแล้ว..."

(......)









100%

...To Be Continued...





Talk


แงงง~ ตอนนี้ยากอ่ะ อารมณ์เยอะ ความรู้สึกเยอะ ทางการเยอะ ฮืออ จากความรู้สึกคิดว่ามันไม่ดีอ่ะ ยังไงติชมกันมาเน้อออ เค้าอยากรู้...เค้าอยากปรับปรุง แต่ถ้าดีแล้วก็ให้กำลังใจได้ จะได้มีกำลังใจเขียนเรื่องต่อไป

- มาถึงตอนที่ต้องเขียนให้น้องรู้ว่าใครเป็นคนพรากชีวิตน้องให้มาลำบาก ก้คิดอยู่ว่า จะให้ตัวน้ำเนี่ยรู้สึกยังไงดี ...แต่ไรท์ก็เลือกแล้วโดยการเอาความรู้สึกตัวเองใส่ไปนิดนึง...คือเอาจริงๆไม่มีใครโอเคหรอก กับการที่เราถูกใครสักคนเอาเรามาทิ้ง...ไรท์จึงไม่เลือกให้น้ำรู้สึกอะไรมา แต่รู้สึกเจ็บใจกับเห็นใจก้น่าจะพอแล้ว

- ส่วนในเรื่องของการที่พี่ดินไปตามอะไรยังไง พี่ผาแกมีเอี่ยวด้วยมั้ย เดี๋ยวจะปล่อยมาเรื่อยๆ เผลอๆ ต่ออีก 2 ตอน ไม่ก็จะเอาไว้ตอนพิเศษ คริๆ




หัวข้อ: Re: กลับมาแล้ว!! Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.29] [07.05.2018 : 13.02]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-05-2018 18:47:05
สงสารม้านะ คงคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้ว!! Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.29] [07.05.2018 : 13.02]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-05-2018 21:51:56
โถ คุณม๊า คุณม๊าไม่ผิดอะไรเลย
 แค่น้องยังบอกม่ายด้ายยย
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้ว!! Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.29] [07.05.2018 : 13.02]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 08-05-2018 22:18:35
มารอๆๆนะ
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้ว!! Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.29] [07.05.2018 : 13.02]
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 09-05-2018 17:23:03
สนุกมากกกกกกกกก อ่านรวดเดียวเลย

แต่ขอติตรงที่ผาพูดคะขากับน้ำนะ เกย์ยังไงก็เป็นผู้ชายอยู่ และเค้าคงไม่พูดคะขากับผู้ชายด้วยกันเอง ถึงน้ำจะน่ารักแค่ไหนก็ตามเราว่ามันไม่เหมาะ นิยายแนวชายรักชายมันไม่โอเคเลยที่จะมีการพูดคะขาใส่กัน มันไม่เมคเซ้นส์มากๆค่ะ  ถ้าจะมีการรวมเล่มขอนำข้อนี้ไปพิจารณาด้วยนะคะ แค่พูดเพราะๆมีครับใส่กันก็หวานและดูสุภาพแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้ว!! Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.29] [07.05.2018 : 13.02]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 22-05-2018 11:25:16
​Episode 30




บ้านไม้โมเดิร์นสไตล์ยุโรปหลังใหญ่หนึ่งหลังและอีกสองหลังเล็กที่ตั้งเคียงอยู่ข้างกัน ถูกห้อมล้อมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดทั้งต้นไม้ใหญ่ยืนต้นให้ร่มเงาและดอกไม้สีสวยหลากหลายในพื้นที่มหาศาล ทำให้บ้านไม้หลังใหญ่ดูร่มรื่นอากาศเย็นสบายตามแบบฉบับของภาคเหนือ ซึ่งต่างจากดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงแผดเผาอยู่ตอนนี้ ด้านหน้าของบ้านเป็นลานน้ำพุกว้าง ด้านหลังเป็นลานสนามหญ้าที่มีทั้งศาลาและบ่อปลาสวยงาม ซึ่งตอนนี้ในส่วนของหลังบ้านได้ถูกเนรมิตเป็นพื้นที่งานเลี้ยงต้อนรับคนตัวเล็กไปแล้ว...และใช่ งานที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แหละที่ทำให้น้ำทั้งตื่นเต้นและประหม่าจนมือไม้สั่นไปหมด



เพียงแค่รับรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลมหาเศรษฐีอย่าง 'บวรวัชรสิริกุล' เขาก็ประหม่าทำตัวไม่ถูกแล้ว ยิ่งเป็นงานสังคมที่มีผู้รากมากดีมากันแน่นขนัดแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย...เขาจะวางตัวยังไง จะทำตัวยังไง..มันดูเก้ๆกังๆไปหมด



"ตื่นเต้นหรอลูก" คุณพิชรัตน์เดินเข้ามาในห้องนอนของคนตัวเล็ก ก่อนจะนั่งลงข้างกันลูบหัวปลอบลูกชายตัวน้อยเบาๆ



"มากๆเลยครับตอนนี้... คุณแม่ครับ..น้ำควรทำตัวต่อหน้าแขกยังไงดีครับ..." คนตัวเล็กเอ่ยถามผู้เป็นแม่อย่างเป็นกังวล



"เป็นอย่างที่น้ำเป็นไงลูก...หนูไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรเลย...แค่หนูเป็นลูกชายที่น่ารักของแม่ก็พอแล้ว" สิ่งที่ผู้เป็นแม่ของเขากล่าวมา ช่วยคลายความกังวลและความตื่นเต้นลงไปได้เยอะและทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น



แกร็ก!

"พร้อมรึยังครับ.." ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงของพี่ชายของเขาที่ยืนยิ้มอยู่ ส่วนคนที่เอ่ยถามเขานั้น...เดินยิ้มร่าเข้ามาจับมือเขากับแม่เอาไว้ก่อนจะออกแรงฉุดให้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไป...



"ไม่ต้องตื่นเต้นนะ...เดี๋ยวเต้ยกับพี่ดินจะอยู่ข้างๆน้ำเอง" เต้ยบอกเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะปล่อยมือเขาออกและทำเพียงเดินเคียงกันออกไป เขาเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายของเขาอย่างเป็นกังวล แต่เขาก็ได้รับเพียงแค่รอยยิ้มอบอุ่นพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่ยื่นออกมาให้เขาจับตรงหน้า...น้ำรีบคว้ามือนั้นไว้ทันทีอย่างจะหาที่พึ่งที่ขาโหยหามันมาเนิ่นนานก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้มน่ามองที่ออกมาจากใจที่เป็นสุข...







"ผา...อย่าหน้าบึ้งนักสิลูก" ผู้เป็นแม่กระซิบบอกกับลูกชายร่างสูงที่ยืนทำหน้าไม่รับแขกจนแขกเหรื่อในงานไม่กล้าเข้ามาทักทาย



"ผมไม่มีอารมณ์ขนาดจะมายิ้มหรอกครับม้า" เขายังคงหน้าบึ้งคิ้วขมวดเป็นปมตอบม้าไป มือหนึ่งก็พยายามกดสมาร์ทโฟนโทรออกหาใครอีกคนที่ไม่รับสายไม่ตอบกลับข้อความเขาเลยตั้งแต่เมื่อวาน..ตั้งแต่ที่ม้าโทรมาบอกกับเขาว่าคนตัวเล็กเก็บข้าวของออกจากหอเขาไปพร้อมกับดิน...เพื่อนสนิทของเขา และตอนนี้เขาก็มาอยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับน้องของมันที่เชียงใหม่...อยากเจอ อยากถามมันว่าคนตัวเล็กของเขาไปไหน...เพราะว่ามันเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับน้ำ 



...เขาไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้ผู้เป็นแม่ของเขาจะเข้าไปหาน้ำ รู้อีกทีก็ตอนที่ม้าเขาโทรมาบอก...ว่าอีกคนเก็บของออกไปแล้ว เขาไม่โทษม้าของเขาหรอกที่ทำให้อีกคนต้องเก็บของออกจากห้องเขาไป...ถ้าม้าเขาเป็นคนพูดให้น้ำออกไปจากชีวิตเขาจริงๆ ม้าคงไม่โทรมาบอกเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลแบบนั้นแน่นนอน...แล้วอะไรที่ทำให้คนตัวเล็กของเขาต้องเก็บของออกไปแบบนั้น...ไม่ว่าตอนนี้เขาจะคิดอะไรเขาก็ต้องเก็บพับมันไว้ก่อนเพราะว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องสนใจงานเลี้ยงตรงหน้าแล้ว...และมันก็ทำให้เขาต้องสนใจมันจริงๆเพราะใครบางคนที่เดินออกมา



น้ำที่อยู่ในชุดสูทสีฟ้าอ่อน เสื้อเชิ้ตด้านในสีขาวสะอาดตาเปิดกระดุมคอเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดที่มีสร้อยคอทองคำขาวที่ห้อยจี้อักษรตัว N ประดับอยู่ ...กางเกงสแลคพอดีตัวสีเดียวกับสูทที่ขับเน้นให้เห็นขาเรียวยาวดูดีที่ก้าวเดินอย่างสง่า...ไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องไปยังร่างเพรียวบางที่กำลังเดินเคียงข้างครอบครัวบวรวัชรสิริกุล ที่นำมาโดยประมุขของบ้านอย่างคุณเดช ตามมาด้วยลูกชายและภรรยาคือคุณชัชและคุณพิชรัตน์ ตามหลังมาติดๆคือดินและเต้ย แต่อีกคนที่อยู่ตรงกลางทำเอาหัวใจของร่างสูงเต้นโครมคราม...เขาลืมไปได้ยังไงกันนะ



ทุกสายตามองไปยังครอบครัวเจ้าของงาน แต่สายตากลับไปหยุดอยู่ตรงร่างบางในชุดสูทสีฟ้าอ่อน...ทั้งๆที่ในงานทุกคนต่างใส่ชุดที่ดูดีในโทนสีเดียวกันตามกำหนดการในการ์ดเชิญ ...แต่ชายหนุ่มแปลกหน้าตัวเล็กที่เดินมาในขบวนบวรวัชรสิริกุลกลับเป็นจุดรวมสายตาของคนทั้งงานไปเสียแล้ว...รวมถึงผาด้วยเช่นกัน



น้ำรู้สึกประหม่ากับสายตาของคนทั้งงานจนดินที่จับมือเล็กของน้องอยู่ตลอดเวลาสัมผัสได้ถึงความเย็นและชื้นจากมือนั้นจนเขาต้องกระซิบปลอบน้องเบาๆว่าไม่ต้องตื่นเต้น จนน้ำคลายความประหม่าและตื่นเต้นลงไปได้บ้าง เขาที่ชินกับสังคมแบบนี้รู้ดีอยู่แล้วจึงไม่รู้สึกอะไรกับสายตาและคำพูดพวกนั้นมากนักแต่กับน้องชายของเขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนย่อมเป็นแบบนี้เป็นธรรมดา...แต่ก็ถือว่าคนตัวเล็กเก็บอาการภายนอกได้ดีไม่มีที่ติ...น้องเขานี่น่ารักจริงๆ ไม่เสียแรงเลยที่เฝ้าตามดู



ผู้อารักขาจำนวนหนึ่งเป็นเดินนำคุณเดชและลูกหลานขึ้นไปบนเวทีที่มีพิธีกรชายคนหนึ่งซึ่งปู่บอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องเขากำลังกล่าวต้อนรับพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวร



"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่สละเวลามางานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของหลานชายผมที่หายไปนานกว่ายี่สิบปี... มาหาปู่มา" คุณเดช ประมุขของบ้านหลังนี้เอ่ยกล่าวต้อนรับแขกอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเอ่ยเรียกคนตัวเล็ก หลานชายของเขาให้ขึ้นไปยืนข้างกัน...ถึงแม้อายุของท่านจะเลยวัยเกษียณมาแล้วแต่ความแข็งแรงและดูดียังมีอยู่ไม่จาง



น้ำหันมองหน้าพ่อแม่พี่ชายและเต้ยก่อนจะก้าวออกไปยืนข้างปู่ของเขาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สะกดทุกสายตาทุกคู่...



"..นี่คือหลานชายของผมที่ผมตามหามาตลอดเกือบยี่สิบปี..ครอบครัวของผมเฝ้ารอคอยที่จะรับเขากลับมาอย่างใจจดจ่อ..และวันนี้ผมก็เจอเขาแล้ว"



"..."



"...เขาต้องอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางผู้คนมากมายตั้งแต่ลืมตาดูโลก...เขาทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ยังเด็กเพื่อจะหาเงินส่งตัวเองเรียนสูงๆ...หวังว่าในวันที่หลานชายของผมอีกคนกลับมายืนตรงนี้ ทุกคนจะให้การต้อนรับและเอ็นดูเขา"





"...ครอบครัวเราเสียใจไม่น้อย ที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในความสำเร็จของเขา ไม่ได้ดูเขาเติบโตอย่างที่คนในครอบครัวควรจะเป็น..ถึงแม้เขาจะใช้ชีวิตมาอย่างโดดเดี่ยว แต่เขาก็เติบโตมาอย่ามีคุณภาพจนได้เป็นนักศึกษาแพทย์อย่างทุกวันนี้..." ...คุณเดชกล่าวจบก็ส่งไมค์ให้กับเขา พร้อมกลับพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงบอกว่าให้เขาพูดอะไรกับแขกตรงหน้าสักหน่อย...คนตัวเล็กรับไมค์นั้นมาด้วยมือที่สั่นน้อยๆ ก่อนจะมองไปยังแขกทั้งหลายด้วยความประหม่า...แต่ก็ยังคงเก็บอาการทางสีหน้าได้ดีเพราะว่าใบหน้าใสนั้นยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มสดใส



"..สวัสดี..ทุกๆท่านนะครับ เอ่อ..ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมพูดติดๆขัดๆ" คนตัวเล็กพูดติดๆขัดๆพร้อมด้วยอาการเขินอายที่มีออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนแขกทั้งหลายยกยิ้มตามด้วยความเอ็นดูในความน่ารักและเป็นธรรมชาติของหลานชายตัวเล็กของคุณเดช



"อย่างที่คุณปู่พูด..ที่ผ่านมา คือ..ผมไม่ได้มีชีวิตแบบนี้มาก่อน..ผมไม่คิดมาก่อนด้วยซ้ำ ว่าผมจะมีครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่ พี่ชายและปู่...ทุกสิ่งอย่างที่ผมเห็นและได้สัมผัสอยู่ตอนนี้ มันอยู่ในความฝันของผมมาตลอด...และตอนนี้ผมก็คิดว่าผมคงจะฝันอยู่.." น้ำหัวเราะออกมาน้อยๆกับความคิดตัวเอง แต่ก็ทำให้คนฟังทั้งหลายหัวเราะตามได้ไม่ยาก...



"ซึ่งถ้าหากมันเป็นฝัน มันก็คือฝันที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผ่านมาของผม...ผมอยู่มาได้ด้วยความหวังอันเล็กน้อยในใจว่าจะได้เจอพ่อกับแม่ในสักวัน เพราะฉะนั้นผมถึงต้องมีชีวิตที่ดี เพื่อให้ท่านรู้สึกภูมิใจที่มีผม... ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเร็วมาก มันเร็วจนผมยังไม่อยากจะเชื่อ ว่าแค่เพียงข้ามคืน ผมก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างในฝัน... ขอบคุณคุณปู่ คุณพ่อคุณแม่ แม่ดา พี่ดินแล้วก็เต้ยมากนะครับ...ที่ทำให้ผมมีวันนี้" เขายกมือไหว้ทุกคนด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา แต่ก็ยังคงรอยยิ้มมีความสุขอยู่เต็มใบหน้าสวย



"..ยังไงผมก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ..ถ้าหากผมทำสิ่งใดผิดไป ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ...ขอบคุณครับ" ..เขากล่าวเพียงแค่สั้นๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ก่อนจะโค้งตัวลงเชิงว่าฝากเนื้อฝากตัวตามที่เขาพูดเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับที่ได้รับเสียงปรบมือ



...ความเป็นธรรมชาติที่ออกมาจากคนตัวเล็ก ทำให้ได้รับความเอ็นดูเป็นอย่างมากจากผู้ใหญ่หลายๆท่าน ...ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในความคิดมันติดลบไปต่างๆนาๆ ว่าคงจะเชิดหน้าชูคอเป็นคางคกขึ้นวอเป็นแน่ ...แต่ท่าทางที่นอบน้อมและเขินอายแบบไม่ดัจริตอย่างใครหลายๆคนทำ ก็แสดงให้เห็นว่า...เพชรยังไงก็คือเพชรอยู่วันยังค่ำ ต่อให้มันจะจมอยู่ใต้โคลนตมยังไงมันก็ยังเป็นเพชร...



ยังจากที่กล่าวกับแขกเหรื่อในงานไปพอสมควรแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินไปทักทายกับแขกผู้ใหญ่ตามโต๊ะที่จัดให้นั่ง...จนมาถึงโต๊ะที่ตั้งอยู่เกือบสุดท้าย





"นั่นน้ำใช่มั้ยลูก..." 

"..ครับม้า"

"..ท ทำไมน้อง.."





"สวัสดีค่ะคุณสุดา คุณสุเมษ..น้ำมาสวัสดีคุณน้าเขาสิลูก..." คำถามของผู้เป็นแม่ร่างสูงถูกขัดด้วยประโยคทักทายของคุณพิชรัตน์และลูกชายคนเล็กที่ประนมมือไว้อย่างนอบน้อมแต่แฝงไปด้วยความแข็งเกร็ง



คุณสุดามองหน้าน้ำด้วยความตกใจ ด้วยความที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าคนรักของลูกชายจะเป็นลูกของคนที่รู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดี...



"ไงมึง..ไหนตอนแรกบอกไม่มา" ดินเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทตัวเองหลังจากที่ยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่เสร็จแล้ว



ทั้งๆที่ตาควรมองหน้าเพื่อนตัวเอง แต่สายตากลับมองจ้องอยู่ที่คนตัวเล็กที่ยืนข้างกายเพื่อนสนิทไม่วางตา...อะไรกัน เจอหน้ากันทั้งทีไม่คิดจะเงยหน้ามาทักทายเขาบ้างเลยหรือไงกัน เรื่องนี้ก็ไม่ยอมบอกกัน...งอนสะดีมั้งเนี่ย



"อะไรวะไอ้ผา..กูพูดด้วยไม่พูดด้วยนะมึง...เอาแต่มองน้องกูอยู่นั่น" ดินเอ่ยแซวเพื่อนตัวเองอย่างเป็นต่อ...เพราะรู้ดีว่ามันคงทำอะไรมากไปกว่ามองไม่ได้



"ก็น้องมึงหน้าตาเหมือนแฟนกูเลยนี่...กูก็เลยมอง" น้ำเสียงที่มีแววตัดพ้ออยู่ในที ทำให้คนตัวเล็กที่ฟังอยู่ถึงกับช้อนตามอง...แต่ร่างสูงกลับหันหน้าหนีกันอย่างงอนๆ



"หึๆ น้ำ..สวัสดีพี่เขาหน่อยสิครับ...เพื่อนสนิทพี่เองมันชื่อผา ..ไอ้ผา นี่น้องกูชื่อน้ำ ยังไงฝากเป็นหูเป็นตาด้วยนะ กูไม่ชอบให้มีหมาแมวมายุ่มย่ามกับน้องกู" ..คนตัวเล็กยกมือไหว้ตามคำพี่ชายบอก แต่คนที่รับไหว้กลับทำหน้าบอกบุญไม่รับ...เพราะกำลังถูกกวนโมโหจากเพื่อนสนิท



"ไอ้ดินมึงง...กวนตีนกู" ผาพูดเสียงรอดไรฟันอย่างเจ็บใจ...



"หึๆ ...กูไปกวนอะไรมึงล่ะ" 



"...ไม่คิดจะทักพี่บ้างเลยหรือ" ผาไม่สนใจคำพูดกวนประสาทของเพื่อนตัวดีอีกต่อไป..แต่หันไปพูดกับอีกคนที่ยืนก้มหน้าไม่สบตา



"คือ..น้ำ.."



"น้ำลูก...ไปหาคุณปู่กัน" 



"ครับแม่..." น้ำที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาเพื่อตอบร่างสูงเป็นอันต้องตอบรับคำของมารดาแล้วเดินไปหา



"...ดินขออยู่คุยกับไอ้ผาก่อนนะครับ..เดี๋ยวดินตามไป" ดินเอ่ยบอกกับผู้เป็นแม่อย่างนั้นก่อนจะยื่นมือไปหยิกแก้มน้องเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะผละไปลูบหัวทุยเบาๆแล้วผละออกมา...ทั้งๆที่คนที่ควรจะทำแบบนั้นได้ควรเป็นเขา แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่มอง





"มองอะไรน้องกูจังวะ"



"ไอ้ดิน...อย่ากวนตีนกู"



"อะไรวะ...กูก็แค่ถามดีๆ หึๆ"



"เลิกกวนตีนและเล่ามา.."



"กูนึกว่ามึงรู้แล้ว..."



"..." ผาไม่ตอบ แต่มองแก้วที่ถืออยู่ในมือนิ่ง



"...กูอยากจะบอกอะไรมึงอย่างนึง" ดินเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง ไร้แววเล่นๆอย่างเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิงจนผาเองปรับอารมณ์จริงจังตาม



"ว่ามา"



"...น้องกูเป็นผู้ชาย ถ้ามึงจะเล่นๆ มึงปล่อยน้องกูไปเถอะ...ถือว่ากูขอในฐานะเพื่อนและพี่ชาย" ถึงแม้ว่าดินจะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนเขาเองก็คงจะจริงจังอยู่บ้าง ดูจากที่ผ่านมา...แต่ในฐานะพี่ชายที่รักน้องก็อยากจะเตือนสติมันเพื่อป้องกันการเสียใจที่จะเกิดขึ้นกับน้องของเขา...



"ที่ผ่านมามึงเห็นมาตลอด...มึงเองน่าจะรู้อยู่แล้ว" ดินพยักหน้าตามคำที่ผาบอก...ตัวเขาเองคงไม่คิดจะขัดขวางอะไร..แต่ก็แอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าถ้าพ่อ แม่และปู่ของเขารับรู้..พวกท่านจะว่ายังไงบ้างแล้วจะรับกับเรื่องนี้ได้มากน้อยเพียงไหน...หากพวกท่านรับไม่ได้ ความรู้สึกของน้องเขาจะเป็นยังไง



"กูไม่รู้ว่าพ่อแม่กู...จะรับกับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า..." ดินเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวลพลางทอดสายตาไปยังครอบครัวของเขาที่กำลังยืนคุยกับแขกในงานอยู่อย่างออกรส



"กูก็ไม่รู้...แต่ยังไงก็คงต้องบอก"



"อืม...แล้วที่บ้านมึง?"



"กูบอกแล้ว...พ่อแม่ฟ้าไม่มีปัญหาอะไร"



"ก็ดี...ส่วนเรื่องวันนี้ถ้ามึงอยากรู้ มึงก็ถามน้องเอาแล้วกัน กูไปละ" ดินตบบ่าผาสองสามทีก่อนจะเดินออกไปหาครอบครัว...





หลังเลิกงาน ผาส่งพ่อแม่ของเขาขึ้นรถกลับบ้านพักที่เคยมาซื้อไว้เมื่อนานมาแล้ว ก่อนจะบอกคนขับรถให้ขับรถเขามาจอดทิ้งไว้ให้ ส่วนตัวเขาเข้ามานั่งเล่นรอคนตัวเล็กกลับเข้ามาในบ้านหลังนี้ที่ถูกแยกออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่ปู้และพ่อแม่ของคนตัวเล็กอยู่...บ้านของดินก็แยกออกมาอยู่ติดๆกันเช่นกัน...และที่เขาเข้ามาได้ก็เพราะดินนั่นแหละที่ให้เขาเข้ามาได้ /จริงๆแล้วบ้านสองหลังนี้เป็นหลังเล็กๆที่เอาไว้พักผ่อนนอนเล่นเวลาว่าง แต่ที่ตอนนี้ต้องลงมาอยู่บ้านหลังเล็กก็เพราะว่ายังทำการต่อเติมในส่วนของลูกชายคนเล็กไม่เสร็จ...





แกร๊ก!

"พ พี่ผา" ทันทีที่คนตัวเล็กเปิดประตูไม้เข้ามาภายในบ้านก็ต้องตกใจกับร่างสูงที่ยืนพิงเอวไว้กับราวบันไดมองมาทางเขา



ทันทีที่เห็นว่าคนที่รอคอยเปิดประตูกลับเข้ามาแล้วร่างสูงไม่นึกลังเลหรือรอคอยที่จะเดินเข้าไปสวมกอดอีกคนเอาไว้แทบจมอก ...



"ไม่บอกกันเลยนะตัวแสบ..."



"จะให้บอกยังไงครับ..."



"โทรมาก็ได้นี่..."



"...ตั้งแต่รู้เรื่อง น้ำก็ยังไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย"



"ถึงว่า...โทรไปก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่อ่านไม่ตอบ"



"ขอโทษครับ..." คนตัวเล็กเอ่ยขอโทษพลางซุกหน้ากับแผงอกอย่างออดอ้อนสองมือเล็กขยุ้มชายเสื้อสูงของอีกคนไว้แน่น



"อ้อนกันแบบนี้..จะงอนก็ไม่ได้อีก" 



"ฮื่อออ~ น้ำให้งอน...เดี๋ยวน้ำง้อ" น้ำผละออกมาช้อนตามองหน้าอีกคนอย่างน่ารัก จนร่างสูงก้มลงหอมแก้มคนน่ารักอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะปิดท้ายด้วยจูบหนักๆที่ริมฝีปากอิ่มหนึ่งที



"อย่าน่ารักมากได้มั้ย" อีกคนบอกเสียงพร่า...ร่างสูงต้องรวบตัวคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้แน่น...เพราะรู้สึกว่าหากมองหน้าน่ารักๆของอีกคนต่อไป...คงไม่หยุดแค่หอมแก้มเป็นแน่...และอีกอย่างที่เขารับรู้ได้คงเป็นความคิดถึงที่มีมากเหลือเกิน ทั้งๆที่เพิ่งจะห่างกันมาได้แค่สองวัน เขาเองก็ไม่คิดหรอกว่าจะคิดถึงคนๆนึงได้มากมายขนาดนี้...แต่พอได้เห็นหน้า ได้กอดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลก็แทบทะลักออกมา...จนต้องกอดอีกคนไว้แนบอกเช่นนี้ และเพราะว่ามัวกอดให้หายคิดถึงนี่แหละ...จึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนกำลังเปิดประตูเข้ามา





แกร๊ก!

"น้ำลูก..." เสียงเรียกที่แสนอ่อนโยนนั่นทำให้น้ำผละออกจากอกร่างสูงทันทีราวกับโดนไฟช้อต



"แม่ครับ...คือน้ำ..." น้ำละลำ่ละลักจะอธิบายขึ้นมาทันทีอย่างห้ามไม่อยู่ ..หน้าเสีย ยิ้มไม่ออกเพราะมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ที่ผู้เป็นแม่ต้องมาเห็นลูกชายตัวเองยืนกอดกับผู้ชายอีกคน...แต่แทนที่แม่ของเขาจะโกรธหรืออาจจะต่อว่าเขา ท่านกลับทำเพียงยิ้มให้นิดๆยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆก่อนจะหันไปมองผา ที่ยืนห่างออกไป



"หนูอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็พาพี่เขาไปบ้านใหญ่ด้วยนะลูก..." ผู้เป็นแม่เอ่ยออกมาเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ยังคงมีอยู่เต็มใบหน้า



ถึงแม้แม่ของเขาจะไม่ได้แสดงท่าทางว่าโกรธเคืองอะไรออกมาแต่ใบหน้าสวยก็ยังคงซีดเผือดเพราะเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด



เขาเพิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้แท้ๆ แต่กลับสร้างเรื่องให้หนักใจอีกจนได้...มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก ที่จะยอมรับได้ง่ายๆว่าเขาเป็นแบบนี้...ถ้าหากว่าแม่ของเขาเสนอทางเลือกให้ เขาเองก็คงเลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเอายังไง...เพราะความรักที่มีให้คนทั้งสองฝ่ายมันแตกต่างกัน จะให้เลือกอีกฝ่ายเพื่อตัดอีกฝ่ายนึงออกไป...มันคงรู้สึกแย่น่าดู



"ไม่เป็นไรคนดี...ทุกอย่างมันต้องดีแน่นอน พี่สัญญา" ผาเข้าสวมกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง กดจูบตรงขมับและเอ่ยคำสัญญาออกมาอย่างหนักแน่นจนคนในอ้อมกอดอดยอมรับไม่ได้ว่ามันทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด







"...เป็นแฟนกับหลานปู่รึ" 



"ครับ.."



"ฮ่าๆ ...สาวๆก็เยอะแยะไม่ใช่หรือเรา ทำไมถึงมาคบกับน้องล่ะ"



หลังจากที่คนตัวเล็กอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เขาก็พากันมายังบ้านใหญ่ยังคำบอกของคุณพิชรัตน์ ...และตอนนี้ เขาก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ดูสบายๆ แต่บรรยากาศที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้มันกลับดูไม่สบายเอาเสียเลย



ทั้งปู่ ทั้งพ่อทั้งแม่ หรือแม้แต่ดินเองก็นั่งอยู่ด้วยกันในห้องพร้อมกับคำถามง่ายๆถึงความสัมพันธ์ของเขากับหลานชายคนเล็ก ที่ออกมาจากประมุขของบ้าน...เขาคิดว่าน่าจะรับมือได้ง่ายๆ แต่เขากลับคิดว่ามันไม่ง่ายเลย...ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว



ท่าทางสบายๆของคนทั้งบ้านแต่แฝงไปด้วแววของความไม่พอใจ กับเรื่องที่รับรู้มา...



หลานชายของเขาน่ะหรือจะคบกับเสือร้ายอย่างผาได้...



"...ผมรักน้ำครับปู่"



"หึๆ มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ" ปู่ของคนตัวเล็กส่งเสียงในลำคอ พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นถาม



ปู่ของน้ำไม่ใช่เป็นคนที่ถ้าเวลาจริงจังจะเคร่งขึม และดุมากคนหนึ่ง และข้อนี้ผมก็รู้ดีเพราะว่าผมสนิทกับบ้านนี้มากจนแทบจะเป็นลูกชายคนนึงของบ้านนี้



"ผมรู้ครับว่ามันไม่ง่ายเลย...แต่ผมรักน้องจริงๆ" ...และก็คิดว่ารักมานานแล้ว



"น้องยังเด็ก...น้องต้องการเวลา และน้องก็มีความฝัน..."



"อายุไม่ได้เป็นปัญหาของผม...ถึงต่อไปข้างหน้าผมจะงานยุ่งแต่ที่หนึ่งของผมคือจะเขา...และไม่ว่าเขาจะมีความฝันอะไร ผมก็จะคอยสนับสนุนเขาอยู่ข้างๆแน่นอนครับ..." ผาเอ่ยบอกอย่างหนักแน่นและจริงใจ แววตาและน้ำเสียงมั่นคงจนคนฟังเองก็ต่างเชื่อในคำพูด...และจากสิ่งที่ตามเฝ้าดูมา อีกฝ่ายก็ดูแลน้ำคนตัวเล็กได้อย่างดี...แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ สิ่งที่ได้มาง่ายๆมักจะไม่มีคุณค่า...



"เอาเถอะๆ...ถึงพูดไป ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ปู่ไม่อยากฟังนักหรอก...แต่จะรอดู" คุณเดชบอกเขาพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก เช่นเดียวกับคุณพิชรัตน์และคุณชัช ที่มองเขาด้วยบรรยากาศที่ดีขึ้น...ร่างสูงยิ้มรับ หันไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งยักคิ้วให้เขาอยู่ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ "ขอบคุณปู่มากนะครับ..สำหรับโอกาส" ...สัญญาจากใจว่าจะรักษาเอาไว้อย่างดี



เสียดายที่คนตัวเล็กไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยเพราะถูกคุณเดชสั่งให้ขึ้นไปเต้ยที่ดูเหมือนจะไม่สบาย ตั้งแต่เขามาถึง...ไม่รู้ว่าป่านนี้จะคิดมากไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ถึงจะเป็นห่วงถึงจะอยากเจอ...แต่วันนี้ก็คงทำได้แค่นี้ แต่ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแค่ไหนแล้ว...



"ผมกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ...ไปก่อนนะไอ้ดิน" ร่างสูงยกมือไหว้ลาพ่อแม่และปู่ที่กำลังเดินแยกออกไปขึ้นบันไดเพื่อไปพักผ่อน...



"...ไม่รอเจอน้องกูก่อนหรอ รายนั้นคงกังวล" ดินบอกอีกคนที่กำลังจะเดินพ้นประตูใหญ่พร้อมกับใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางด้านหลังให้อีกคนได้ดูว่าคนตัวเล็กกำลังเดินลงมา...



"ไปส่งน้องกูที่บ้านเล็กด้วย... น้ำ เดี๋ยวให้ไอ้ผาไปส่งน้ำนะ พี่ว่าจะออกข้างนอกหน่อย จุ๊บ" ดินบอกกับร่างสูงก่อนจะเดินไปบอกกับน้ำ ก้มลงจุ๊บที่ผมนิ่มทีหนึ่งแล้วผละออกไป





"ปะ..พี่ไปส่ง" ผายื่นมือให้น้ำจับ ก่อนจะเดินออกไปยังบ้านหลังเล็กด้วยกัน...ถึงตลอดทางเดินจะสว่างไสวไปด้วยไฟประดับ...แต่ก็ยังอยากจะเดินมาส่งอยู่ดี...



"ฝันดีนะคะคืนนี้..." ถึงหน้าประตูไม้แล้วผาก็บอกลาคนตัวเล็กบ้าง..แม้จะไม่อยากลาเลยก็ตามเถอะ อยากนอนกอด อยากหอม อยากมอนิ่งคิส...เห้ออ



"อื้ม พี่ผาก็ด้วยนะ" คนตัวเล็กก้มหน้าบอก...ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองกันแต่มือเล็กก็ยังไม่ยอมปล่อยจากมือเขาไปเลย



"ทำไมก้มหน้าแบบนี้คะ พี่จะไปแล้วนะ..ไม่มองหน้ากันหน่อยหรอ หื้ม?" ร่างสูงเชยคางอีกคนนึงขึ้นมา...



"...ดีมั้ย" คำถามที่มีเพียงแค่สองพยางค์ แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าคนตัวเล็กของเขาหมายถึงเรื่องอะไร... เขายิ้มขำ เอามือลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเอ็นดู



"ดีสิคะดีมากด้วย พี่ผาซะอย่าง ...ไม่ต้องกังวลหรอก ท่านทั้งสามคนไม่ได้ว่าอะไร...แต่ก็คงจะตกใจนั่นแหละที่ได้ทั้งลูกชายและลูกเขย" ...โดนฟาดไปหนึ่งที



"บ้า...แม่กับพ่อยังไม่ได้รับพี่ผาเป็นลูกเขยซะหน่อย"



"ฮ่าๆ ยังไม่ยอมรับเดี๋ยวพี่ก็ทำให้ท่านยอมรับเองไม่ต้องห่วง... ปะ ขึ้นนอนได้แล้วค่ะดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาหานะคะ จุ๊บ" ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้ลูบหัวกลมเบาๆก่อนจะจุ๊บลงไปหนึ่งที



"ครับ...ขับรถกลับดีๆนะครับ" ผาตัดใจผละออกมาโบกมือให้คนตัวเล็กแล้วหันหลังเดินกลับไปทางเก่าก่อนจะขับรถกลับออกไปโดยมีคนตัวเล็กมองตามจนสุดสายตา ก่อนจะเปิดประตูบ้านเข้าไปเพื่อพักผ่อนบ้าง...



คนตัวเล็กเข้ามายังห้องนอนของตัวเอง จัดการล้างมือล้างเท้าเตรียมตัวเข้านอน ...ถอดสร้อยเส้นสวยที่ใส่มาตลอดทั้งวันออก..เก็บใส่ไว้ในกล่องเหล็กราคาแพงที่เขาได้มาเมื่อนานมาแล้ว...



...เขาไม่รู้จะขอบคุณใครดี... จะขอบคุณพ่อแม่ปู่และพี่ชายที่ตามหาเขา หรือจะขอบคุณใครสักคนหนึ่งที่เก็บสร้อยมาคืนเขาในวันที่เขาทำมันหายไป...













100%

...To Be Continued...


talk
ขอบคุณสำหรับคอนเม้นต์ติชมน้า เค้าจะเอาไปปรับปรุงแก้ไขในเรื่องต่อๆไปน้าา ขอบคุณมากๆนะคะ อ่านให้สนุกนะคะ ผิดพลาด หรือไม่ถูกใจประการใดก็ต้องขอโทษด้วยน้าาา ติชมกันได้เขาอยากพัฒนาฝีมือ :impress2:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.30] [22.05.2018 : 11.37]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-05-2018 11:52:36
โอมเพี้ยง ขอให้รักไม่มีสะดุด  :call:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.30] [22.05.2018 : 11.37]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-05-2018 14:36:24
จงราบรื่นๆๆๆ สาธุ :call:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.30] [22.05.2018 : 11.37]
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 26-05-2018 23:17:08
มาหรือยังน้า :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.30] [22.05.2018 : 11.37]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-08-2018 11:54:01
 :call: :call: :call:

หายไปนานมากกกกกกก

เรื่องใกล้จบแล้วนิ  กลับมาลงต่อให้จบเถอะนะ

พลีสสสสสสส
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.30] [22.05.2018 : 11.37]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-08-2018 12:57:51
:จะมาต่อรึยังนะ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
เริ่มหัวข้อโดย: มายซินนี่ ที่ 25-08-2018 21:19:42
Episode 31








หลังจากวันที่ตระกูลมหาเศรษฐีอย่าง บวรวัชรสิริกุล เปิดตัวทายาทคนเล็กไปอย่างเป็นทางการ มันก็ผ่านเลยมาเดือนกว่าแล้ว...หลังจากที่เปิดตัวไป สำนักข่าว ช่องข่าว ช่องบันเทิงต่าง ๆ ก็กระหน่ำนำเสนอข่าวของคนตัวเล็กอย่างบ้าคลั่ง รวมทั้งเพจของมหาลัยที่ประโคมนำรูปมาลง จนมันเต็มหน้าเพจและแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ในไลน์กลุ่มเพื่อนก็ถามไถ่กันเข้ามาไม่หยุด...เขาไม่ได้รำคาญหรอก แต่ยังช็อคไม่หายต่างหาก...ก็มันใช่เรื่องที่จะเชื่อกันได้ง่ายๆที่ไหน อยู่ในฝันของเขามาเกือบยี่สิบปี อยู่ ๆ มาก็กลายเป็นจริงไปเสียฉิบ...ถ้าไม่มีพี่ดิน เต้ย พ่อกับแม่และปู่อยู่ข้างๆเขาเป็นพยาน เขาเองก็คงไม่เชื่อหรอก...

เรื่องเรียนของเขาก็เกือบจะเป็นปัญหาใหญ่แล้วเหมือนกันเมื่อผู้เป็นแม่บอกให้คนตัวเล็กย้ายขึ้นไปเรียนที่มหาลัยดังในจังหวัดเชียงใหม่ เกือบจะใจอ่อนยอมย้ายขึ้นมาตามที่ผู่เป็นแม่ขอ ถ้าไม่ได้ดินกับเต้ยช่วยพูดเอาไว้ และนั่นก็ทำให้ทั้งครอบครัวตัดสินใจย้ายลงมาอยู่กับสมาชิกใหม่ที่กรุงเทพฯ รวมทั้งคุณปู่เองก็ด้วย...ทีแรกคนตัวเล็กก็ไม่เขาใจเหมือนกันว่าทำไมท่านถึงต้องย้ายลงมากันหมดแบบนี้เพราะมันคงจะลำบากน่าดู แต่เหตุผลที่พวกท่านให้มาก็ทำให้เขาขัดไม่ลงเพราะเขาเองก็ต้องการเช่นนั้นอยู่ลึกๆ...แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากออกไป



'แม่เพิ่งจะได้ลูกของแม่คืน แม่ก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับลูกของแม่สิ...แม่อยากทำกับข้าวให้ลูกทานตอนเช้า กลับมาก็ทานมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้า...ฟังพวกหนูเล่าให้แม่ฟังว่าวันนี้ทำอะไร เรียนอะไรบ้าง...แค่ย้ายลงมา ไม่ลำบากอะไรเลย'



รอยยิ้มพิมพ์ใจพร้อมกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบหัวเขายามบอกเล่าสิ่งที่จะทำ มันทำให้เขาอุ่นวาบในใจไม่จาง...จริง ๆ แล้วมันต้องเป็นเขาหรือเปล่าที่ต้องทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ท่านลำบาก แต่พวกท่านก็ยืนยันว่าแบบนี้ก็สบายใจดีและก็ไม่ได้ลำบากอะไรเพราะว่าคุณพ่อของเขาเองก็ต้องลงมาติดต่อและดูแลธุรกิจสาขาที่อยู่ในกรุงเทพฯ บ่อย ๆ เหมือนกัน

"มาแต่เช้าเหมือนเดิมเลยนะครับคุณหนูน้ำ" เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ดังขึ้นมาก่อนจะเห็นตัวต้นเสียง

"อย่าเรียกน้ำแบบนั้นเลยเบท" น้ำบอกกลับไปด้วยหน้าเจื่อนๆ เพราะเขาเองไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนี้เลยสักนิดเดียว...ทั้งในเพจมหาลัยก็ด้วยที่พากันติดแท็กคุณหนูน้ำกันไปหมดแล้ว

"แหม ก็เรียกตามความเป็นจริงน่า ...ดูดิเสื้อผ้าหน้าผม" เบทเอามือวางบนหัวก่อนจะโยกไปมาพร้อมกับเสียงหัวเราะน้อย ๆ ซึ่งตอนนี้คนถูกแซวก็หน้ายู่ไปแล้วเรียบร้อย...

ไม่ชินเลยสักนิดเดียว...ในเมื่อทุก ๆ อย่างเปลี่ยนไป สถานะเขาก็เปลี่ยนไปด้วย...และเขาก็จะแต่งตัวมอซอแบบเมื่อก่อนก็ไม่ได้ด้วย ทุก ๆ อย่างถูกเปลี่ยนไปจนหมด...เขาไม่ได้อยากจะสิ้นเปลืองแต่มันจำเป็นต้องเปลี่ยนให้มันดูดีขึ้นให้สมฐานะอย่างที่ควรจะเป็น...ไม่มีใครสอนให้เขาฟุ่มเฟือย แต่สอนให้เขาอยู่ในสังคมแบบนี้อย่างเหมาะสม

"เอาน่า...แรกๆก็ไม่ชินแบบนี้แหละ แต่นาน ๆ ไปเดี๋ยวก็ชินเองเปลี่ยนฐานะกระทันหันก็แบบนี้แหละ องยากหน่อยนะคุณหนูไฮโซ ฮ่า ๆ"

"ฮื่อ บอกว่าเรียกน้ำแบบนั้นไง" น้ำหันมาบอกตาขวาง ทำปากยู่ๆเสียจนเบทอยากจะอื้มมือไปดึงปากแดงๆนั่นสักที





ท้องฟ้าสีครามแจ่มใส แสงอาทิตย์ทอแสงจ้าในยามเช้า มันคงเป็นวันดีๆสำหรับใครหลายๆคนในการเริ่มทำอะไรใหม่ๆ แต่มันคงไม่ใช่วันที่ดีสำหรับคนตัวสูง และที่ผ่านมาเป็นเวลาเกือบเดือนมันก็ไม่ได้เป็นวันที่ดีเลย ไม่ว่าจะเป็นเช้าที่สดใส หรือเช้าที่ฝนพรำ มันก็แย่ทั้งนั้น...เพราะในแต่ละวันที่ผ่านมา เขาต้องใช้ชีวิตคนเดียว ทั้งตอนตื่นนอนและตอนหลับตา...

ตั้งแต่ที่คนตัวเล็กกลายเป็นทายาทของตระกูลบวรฯ ไปเมื่อเดือนก่อน เขากับน้องก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกเลย...เขาเข้าใจว่าน้องมีครอบครัวแล้ว ก็ต้องอยู่กับครอบครัวที่จากมานานเป็นธรรมดา...



...คิดถึงน้อง..



"ไอ้ผา มึงจะไปไหน เดี๋ยวมึงก็เข้าพบที่ปรึกษาไม่ทัน" ในระหว่างที่เขากำลังจะลุกออกจาม้าหินหน้าคณะไปยังจุดหมายที่ตนนั้นต้องไปให้ได้ทุกเช้าก็ต้องชะงักไปเพราะคำท้วงของพุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

"จะไปกินข้าว"

"ที่ไหน"

"เรื่องของกู"

"จะไปกินกับน้องล่ะสิท่า ฮ่า ๆ พอน้องไม่อยู่นี่หงอยเป็นหมาพอน้องมานี่ยิ้มร่ายังกับถูกรางวัลที่หนึ่ง" เสียงแซว ขำขันของพวกเพื่อนตัวดีดังไปทั่วทั้งบริเวณ...แต่เอาจริงๆเถอะ ดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัลอีก

"อืม...เดี๋ยวมา"



ว่าจบร่างสูงก็หยิบสัมภาระติดตัวมาและตรงไปยังคณะแพทย์ที่มีคนตัวเล็กรอทานข้าวเช้าพร้อมกันอยู่...นี่แหละ จุดหมายที่เขาต้องไปในทุก ๆ เช้า







...วันแรกที่เจอกันหลังจากที่เชียงใหม่คือวันเปิดเทอมเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เขารีบไปหาทันทีเมื่อคนตัวเล็กมาถึงมหาลัย ถามว่าเขาคิดถึงมากแค่ไหน...ก็คงพอทำให้ระยะเวลาที่ผ่านมาเขานอนไม่หลับและซูบลงไปเลยทีเดียว แต่เขาก็ต้องทนล่ะนะ เพราะว่าที่ผ่านมาเขาไม่มีโอกาสเจอน้องเลยน้องจากวิดีโอคอลเห็นหน้ากันผ่านจอสีเหลี่ยม คิดว่าพอหรอ? ไม่ มันไม่พอ ยิ่งตอนนี้น้องเป็นแบบนี้ แค่เปลี่ยนการแต่งตัวให้ดีขึ้น คนตัวเล็กก็ดูดีและน่ารักมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า แค่เดิม  ๆคนก็มองก็จ้องกันมากพออยู่แล้ว ยิ่งมาเป็นแบบนี้...ไม่ต้องพูดถึงเลย



...เขาน่ะโคตรอยากไปหา แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น...วันแรกที่ครอบครัวของคนตัวเล็กลงมา เขาก็ติดต่อผ่านทางดินไปทันทีว่าจะเข้าไปหา แต่กลับถูกเบรกเอาจนหัวแทบทิ่มด้วยประโยคที่ว่า 'ขอเวลาให้ครอบครัวบ้าง'...และมันก็จริง น้ำเพิ่งจะกลับเข้าสู้อ้อมอกของครอบครัว เขาเพิ่งจะมีความสุขกันแบบพร้อมหน้า แล้วคนอย่างเขากำลังจะเข้าไปทำลายความสุขตรงนั้นด้วยเรื่องที่คนในครอบครัวค่อนข้างที่จะรับไม่ได้กันเป็นส่วนใหญ่ ใช่ว่าเขาไม่รักน้อง ใช่ว่าเขากลัวจนหัวหด...แต่การที่เขาจะทำอะไรเขาควรจะรู้กาลเทศะ ว่าเวลานี้ควรหรือไม่ควรไม่ทำอะไร...แล้วอีกอย่าง เขาก็ได้พูดไปเบื้องต้นแล้วว่าสถานะของเขากับคนตัวเล็กนั้นเป็นยังไง ถึงปฏิกิริยาตอบรับจะดูตกใจและก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะคัดค้านหรือกีดกันเขาออกจากคนตัวเล็ก...หรือการที่ท่านเงียบแบบนี้ก็คือการคัดค้านกลายๆ



...ขอให้ไม่เป็นแบบนั้น...



...และผลจากการที่เขามาหาคนตัวเล็กด้วยสภาพที่อิดโรยและซูบลงไปจนคนตัวเล็กแทบร้องไห้ว่าเขาทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ และแน่นอนเขาก็โดนน้องบ่นไปตามระเบียบเรื่องที่ไม่ทานข้าวและพักผ่อนให้เพียงพอ หลังจากนั้นน้องก็เลยทำข้าวเช้ามานั่งทานกับเขาทุกเช้าตลอดทั้งสองสัปดาห์ซึ่งนั่นก็ถือว่าดีมาก...แต่มันก็ยังไม่พอ เขาอยากนอนพร้อมน้อง อยากตื่นมาพร้อมน้อง อยากมองน้องใส่ผ้ากันเปื้อนทำกับข้าวให้เขาทานทุกเช้า...



"หวัดดีครับพี่ผา..."

"อืม หวัดดี...และอีกสองคนไปไหนล่ะ" สองคนที่ว่าก็คืออิ่มกับพราว

"เพิ่งถึงหน้ามอ.ครับ อีกสักพักคงเข้ามาถึง" ผาทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ไม่ถามอะไรต่อแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างคนตัวเล็ก น้ำยิ้มรับก่อนจะเขยิบตัวนิดหน่อยเพื่อให้อีกคนทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน



น้ำรับรู้ได้ดีว่าความรู้สึกของเขาและคนข้างตัวนั้นไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่อีกคนทำมันแสดงให้เขาเห็นมากพอ...ทั้ง ๆ ที่อีกคนมีงานยุ่งรัดตัวทั้งธุรกิจที่บ้านที่จะต้องเข้ารับช่วงต่อและการควบคุมกิจการในสาขาย่อยที่เพิ่งเปิดตัวได้เมื่อไม่นาน บางวันก็ติดประชุมแทบจะทั้งวัน ไหนจะโปรเจคจบที่จะต้องเร่งทำและหาเวลาเข้าพบที่ปรึกษาเพื่อรายงานความคืบหน้า...แต่อีกคนก็ยังเจียดเวลาอันน้อยนิดมาหาเขาในตอนเช้า กลางวันและในตอนเย็นซึ่งจะมีเวลามาหาและมาส่งเขาขึ้นรถที่ดินเป็นคนขับเป็นบางวันเท่านั้น...



"วันนี้พี่ผาต้องเข้าพบที่ปรึกษาไม่ใช่หรอครับ" คนถูกถามรวบช้อนเข้าด้วยกันและปิดฝากล่องข้าวที่หมดเกลี้ยงเก็บเข้าที่เดิมก่อนจะตอบออกมา

"ใช่ แต่มากินข้าวก่อน หิว" รอยยิ้มหล่อที่ประดับอยู่บนหน้าทำให้น้ำอดจะเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ไม่ได้

...รู้หรอกน่าว่าอ้าง..


"แล้วแบบนี้จะพรีเซ็นต์ทันไปประชุมมั้ยล่ะครับ"

"บ่ายโมงตรงนู่น คิดว่าน่าจะทันอยู่ พี่เก่งจะตายไป" คนตอบยักคิ้วส่งมาให้สองจึกอย่างอวดๆ จนทำให้อีกคนเบ้ปากใส่ไปอีกทีกับความจริงที่ว่านั่น

"แหวะ ไม่เห็นจะเเก่งเลย" คนทำท่าแหวะได้น่ารักเสียจนเบทเองที่มองอยู่ยังว่าน่าหมั่นเขี้ยวเสียจนอยากจะยื่นมือไปบิดปากแดงๆนั่นสักทีแบบที่คนข้างตัวนั่นกำลังทำอยู่

"แหวะหรอ หื้ม มันน่าหมั่นเขี้ยวนัก"

"อ่อยเอยอ๊ะ อ๊ามเอ็บ"

"ก็ทำตัวน่าหมั่นเขี้ยวทำไมล่ะ หื้ม?"

"น้ำยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย" คนโดนกล่าวหา นั่งหน้ายู่ลูบแก้มตัวเองป้อยๆ



"พี่ผา สวัสดีค่ะ" เสียงหวานใสของพราวเอ่ยทักขึ้นมาจากทางด้านหลัง ผาหันกลับไปส่งยิ้มตอบรับให้น้อยๆ ก่อนจะมองไปยังอีกคนที่เดินตามหลังพราวมา ยักหน้าให้เป็นการทักทายกลับ..



"ขึ้นเรียนได้แล้วไป...ตอนเย็นจะมาหา” น้ำพยักหน้าหงึกหงักเป็นอันว่ารับรู้กับสิ่งที่ร่างสูงบอก เก็บข้าวของบนโต๊ะใส่กระเป๋ายกขึ้นสะพายบ่า ก่นจะลุกขขึ้นยืนแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกไปไหนเพราะแรงกระตุกเบา ๆ ที่แขนจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ น้ำก้มลงมองเลิกคิ้วขึ้นพร้อมรอยยิ้มเป็นเชิงถามเจ้าของฝ่ามืออุ่น



“ขอกำลังใจไปพรีเซ็นต์หน่อย” คนที่ได้ฟังถึงกับต้องเลิกคิ้วมองยิ่งกว่าเก่า ก่อนจะเอียงหน้าหรี่ตามองเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ...ทั้ง ๆ ที่แต่ควรจะมองที่เขา แต่กลับส่งสานตาดุ ๆ ไปให้ยังคนรอบข้างที่กำลังมองมา...

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น...”

“ก็แล้วทำไมพี่ผาต้องทำสายตาแบบนั้นล่ะครับ” น้ำก้มหน้าลงไปถามพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแสนน่ารัก ทำเอานักศึกษารอบข้างที่มองมาต่างก็อิจฉาทั้งคนที่เป็นแฟนน้ำ และคนที่ได้น้ำเป็นแฟน...ส่วนคนที่ถูกยิ้มใส่ไปแบบนั้นก็ถึงกับไปต่อแทบไม่ถูก

“ก็พี่ไม่ชอบ...”

“ไม่ชอบอะไรครับ” น้ำยังคงถามไล่ต้อนด้วยรอยยิ้มน่ารักเช่นเดิมอย่างคนเป็นต่อ

“น้ำก็รู้อยู่แล้ว...จะถามทำไม หื้ม?”

“ก็น้ำอยากฟังนี่ครับ ไม่ได้หรอ...ก็ได้ครับก็ได้ น้ำไม่ฟังก็ได้ แบร่~” น้ำแลบลิ้นใส่ก่อนจะบิดข้อมือออกแล้ววิ่งเข้าไปหากลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่หน้าลิฟต์ มองมาด้วยสายตาอิจฉาและพร้อมแซวเต็มที่...ร่างสูงที่นั่งอยู่ก็ผลุดลุกขึ้น จะตามไปเพราะคิดว่าโดนงอนเข้าให้แล้ว แต่พอหันมาเจออีกฝ่ายก็ถึงกับยิ้มกว้างออกมา...รอยยิ้มน่ารักนั่นที่ส่งมาพร้อมกับโบกมือมาให้...เท่านี้แหละกำลังใจในแต่ละวัน






“ไงมึง ไม่รีบไปรึไง”

“ก็ไม่เท่าไหร่...มึงล่ะ”

“เหมือนกัน”

“…”

“ผา...”

“ว่าไง”

“กู...จำได้แล้วนะ”

“เออ จำกูได้สักทีนะมึง...อ้าวไอ้ใหม่” ผาเอ่ยทักใหม่ที่กำลังจะเดินเร็ว ๆ ผ่านหน้าเขาไปพร้อมกับเสื้อกาวน์ที่พาดแขนอยู่

“ไงมึง...มาหาแฟนกูอีกล่ะสิ” ใหม่หยุดเท้าเอาไว้ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาผาที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างกันกับอิ่มที่ทำเพียงยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้านิ่ง ๆ

“อยากโดนตีนกูงั้นสิมึงน่ะ ...และจะรีบไปไหน” ผายกเท้าเตะหน้าแข้งอีกฝ่ายไม่เบาแรงนัก

“มีแลปอ่ะดิ...งั้นกูไปก่อนนะ ไปช้ากูโดนพี่หมอแดกหัวตายห่า”

“เขาไม่กล้าแดกหัวมึงหรอก สุดที่รักมึงนี่”

“เงียบไปไอ้สัดต้น...ไปละ ไว้เจอกันมึง” ใหม่หันไปโบกหัวเพื่อนตัวเองที่เดินตาม ๆ มาด้วยกันอย่างนึกหมั่นไส้ เอ่ยลาเพื่อนสนิทก่อนจะรีบลากเพื่อนตัวเองเดินจ้ำอ้าวออกไป…โดยที่สายตาคู่นั้นไม่ได้ปลายตามองร่างสูงที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังของผาเลยแม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายคนถูกเมินราวกับเป็นอากาศธาตุนั้นมองไม่ได้ละสายตาไปไหนตั้งแต่อีกคนเดินเข้ามาอยู่ในระยะการมองเห็น



“ถ้ามึงจำได้แล้ว ก็เคลียร์ซะ”

“อืม...กูพยายามอยู่”

“แต่กูว่ารีบๆหน่อยกูดี...เห็นมันแบบนั้นเสน่ห์แรงจะตายไป”

“ข้อนั้น...มึงไม่ต้องบอก กูก็รู้ดี”

เสียงที่เปล่งออกมาเรียบนิ่ง สายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ที่มองตามคนที่วิ่งออกไปจนตอนนี้ได้หายไปจากระยะสายตา... ถึงในตาคมคู่นั้นจะไม่สื่ออารมณ์ใด ๆ ออกมา แต่ผาก็รับรู้ได้ดีว่าในแววตาคู่นั้นซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้







50%

...To Be Continued...

ฮาโหลววววว~ อิอิ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆที่หายตัวไป แบบตามไม่เจอ ...มีเรื่องหลายๆอย่างให้คิดสะระตะเต็มไปหมด แล้วก็ต้องฝึกงานด้วยซึ่งมันช่างโหดร้ายเหลือเกินกับสังคมแบบนั้นแต่ก็ผ่านมาแล้ว แบบลากเลือดอ่ะนะ5555 แล้วก็....แอบไปแต่งเรื่องใหม่มาด้วย แต่งไว้สองสามเรื่อง อิอิ

และตอนนี้มีแค่คำเดียวที่อยากบอกได้คือ ขอโทษค่า*ก้มกราบ* แล้วก็ยอมรับผลกรรมที่ตามมาหากรีดจะหายกันไปแบบไม่กลับมาแล้วว555555 ขอบคุณค่ะที่คชติดตามและจะเป็นพระกรุณาหากจะเม้นท์ติชมและให้กำลังใจ




หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-08-2018 22:03:21
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณที่กลับมาลงต่อ

นานจนลืมตัวละครไปหมดแล้ว  สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-08-2018 23:57:25
ก็เข้าใจน้ำนะ ใช้ชีวิตแบบธรรมดา ๆ มานาน อยู่ ๆ จะให้ทำตัวหรูหรากระทันหัน มันทำใจไม่ทันอ่ะ  o18
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-08-2018 00:43:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-08-2018 01:17:01
มาต่อก้ดีใจ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 29-08-2018 22:21:05
 :mew4:มาต่อไว้ๆๆๆๆนะ  มารอ
หัวข้อ: Re: Bear in mind ...ผมไม่ร้ายนะครับ [YAOI] [ep.31] [25.08.2018 : 21.20]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-11-2018 12:48:09
 :call: :call: :call: