ตอน 18 (Part 2/2)
ธีร์ต้องทำเวลาเพราะเริ่มจากคอนโดน้องเด๋อไม่ใช่ห้องตัวเอง ชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัวหลังจากรู้ว่าไอ้โฟร์ไปถึงพารากอนแล้ว เด็กนั่นบอกว่าจะเดินรอเพราะไม่ได้คาดหวังว่าพี่ชายโหลยโท่ยคนนี้จะไปตรงเวลา คิดดูเอาว่าแค่เรื่องนัดเจอยังงัดปากแซะกันได้ ไอ้เด็กเปรตมันได้นิสัยใครมา
“สูงขึ้นปะวะ?”
“ก็ถ้าเวลาไม่ได้หยุดอยู่กับที่กูก็คงสูงขึ้น” เจอกันปุ๊บก็ล่อเลย ธีร์หรี่ตามองหน้าน้องชายที่เห็นแล้วโคตรหมั่น อยากยืมปากไปฝากตีนสักที แต่เพิ่งนึกได้ว่าหน้าตาเหมือนตัวเองก็เลยยืนเฉย ๆ
“จะไม่ถามว่า ‘มีไร’ นะ เดี๋ยวมึงแซะกูอีกว่าถ้าไม่มีเรียกมาเจอไม่ได้เหรอ?”
“กลัวไร มึงไม่เคยแคร์อยู่แล้ว”
“อะนั่นแน่... รู้ได้ไงว่าไม่แคร์ แล้วนี่ทำไมไม่ใส่รองเท้าที่กูซื้อให้ มึงรู้จักวิธีเอาใจพี่ชายที่ทะลุถุงยางมาเกิดก่อนไหมหื้อ?” เขาคาดโทษไอ้เด็กนรกแตกที่ยังทำหน้าเหม็นเบื่อโลกและสร้างระยะห่างด้วยการขยับออกไปสองก้าว
คนเป็นน้องชายมองตอบโต้ เขาจึงเชิดหน้าถลึงตากวนประสาท เอาดิ มึนตึงมากูส้นตีนกลับอะ “เอาไป”
“อะไร?”
“กุญแจไขนรกมั้ง แหกตาดูสิ มันคือกุญแจรถ” ไอ้โฟร์ยื่นให้ มันคือไอเทมสุดคุ้นตาที่เขาไม่ได้เจอนานแล้ว แต่พูดก็พูดเถอะ อยากได้เหตุผลสักคำว่ามันเกิดเรื่องอะไรทำไมอยู่ ๆ ถึงของขึ้นเอากุญแจรถมาให้เขา “จอดอยู่ข้างล่างแต่กูจำไม่ได้ว่าตรงไหน เดี๋ยวส่งรูปให้ในไลน์แล้วกัน”
“อันนี้กูถามได้ยังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากแห่งหนใดดลใจให้มึงทำแบบนี้?” เขาจีบพวงกุญแจด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ขึ้นมาข้างแก้ม ปั้นหน้าปั้นตาเรียกตีนน้องชาย และไอ้โฟร์คงรำคาญเต็มแก่ถึงได้ถอนหายใจใส่แรง ๆ
“ป๊าจะรีโนเวทโรงจอดรถ แล้วอีแฮนน่าของมึงเสือกจอดเกะกะ ป๊าเลยบอกให้กูขับไปจอดที่บ้านเจ็ก แต่บ้านเจ็กไม่มีที่จอด”
“ก็เลยเอามาจอดที่หน้ากู?”
“อืม”
“แล้วรีโนเวทเสร็จเมื่อไหร่ ป๊ารู้ไหมว่ามึงเอามาให้กู?”
“ไม่รู้ แต่คอนโดโกวมีที่จอดรถให้ห้องละคันอยู่แล้ว หรือมึงจะขับลงคลองแถว ๆ หลักสี่ก็ได้” ธีร์ยิ้มกับความกวนตีนของน้องพร้อมกำพวงกุญแจโชว์ ห่านี่ขบไม่หยุดเลยนะสัด
ทั้งคู่ตรงไปโซนเครื่องเขียน ธีร์มองน้องชายที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตอบแชทจนเกิดความสงสัยว่าใครหน้าไหนกันที่ทำให้ไอ้เด็กกะโหลกนี่อมยิ้มได้
“เดี๋ยว?! เอาคืนมานะเว้ย!!!” พอแย่งโทรศัพท์มาได้ก็ยืดขึ้นจนสุดแขน ธีร์ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้น้องชายที่เตี้ยกว่าห้าเซ็นต์แย่งมันไปก่อนจะเสือกจนเสร็จ
“ขอดูหน่อยน่า... ใครคือฟอฟ้าวะ เข้ ‘ปีใหม่ไปเคาท์ดาวน์ด้วยกันไหม เราหมายถึงถ้าฟ้าไม่ได้ไปกับครอบครัว บางทีเราน่าจะอยู่ด้วยกันตอนนั้น’” คนพี่ทำเสียงหล่ออ่านข้อความจากฝั่งขวาพร้อมเอามือดันหน้าน้องชายไว้ เด็กที่เคยนิ่งมาตลอดรายการจึงดิ้นพล่าน พยายามงัดแขนพี่ชายแล้วตบศีรษะอย่างแรงจนหน้าสั่น “โอ๊ย!!! ‘วันนั้นฟ้าไม่ได้ไปไหนหรอก คงอยู่ดูพลุตรงระเบียงคนเดียวแล้วก็นอน แต่วันสำคัญแบบนั้นอยู่กับฟ้าจะดีเหรอโฟร์ ฟ้าน่าเบื่อนะ’”
เสียงสองของไอ้พี่ชั่วโคตรเลวเลย โฟร์ทั้งดึงเสื้อทั้งตบหัวอย่างไม่เกรงใจว่าใครจะเกิดก่อนเกิดหลัง ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายที่คงชั่งใจว่าจะเข้ามาช่วยแยกออกจากกันดีไหม แต่ไอ้พี่ชั่วก็หัวเราะชอบใจพร้อมดัดเสียงเลียนแบบฟอฟ้าไม่หยุด คนเหล่านั้นจึงมองแล้วเดินผ่านไป
“ขออ่านหน่อยไม่ได้ไงวะ?”
“มึงไม่ได้ขอเลย!”
“งั้นขอ”
“ส้นตีนเถอะ มึงมันเหี้ย” คนน้องหอบหายใจพลางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ชนิดว่าถ้าไอ้พี่ชั่วอยากเอาไปก็คงต้องผ่านมือผ่านตีนหลายยกก่อนจะเข้ามาล้วงได้
“แฟนหรา?”
“เสือก”
“ถูก เพราะเสือกจริง” ธีร์จัดผมให้เข้าทรงหลังจากโดนสะกิดกะโหลกไปหลายดอก ถ้าไม่ใช่น้องที่คลานตามกันออกมาบอกเลยว่าป่านนี้กระทืบจมตีนไปแล้ว ถามว่าใครโดน พี่ธีร์เองครับ “คุยกันนานยัง?”
“ไม่เกี่ยวกับมึง”
“เกี่ยวดิ ตั้งแต่เกิดมากูเคยเห็นมึงคุยกับผู้หญิงอยู่แค่ไม่กี่คน คือม๊า อาม่า โกวรัตน์ แม่ค้าร้านน้ำปั่น แล้วก็เพื่อนพาร์ทไทม์ที่คุยเพราะความจำเป็นเท่านั้น” เสียดายความหล่อเหลาที่ได้จากพี่ไปเกินครึ่ง ไอ้โฟร์ช่างเด็กน้อยนัก จริงอยู่ที่เรียนชายล้วนมาทั้งชีวิต แต่เรื่องหลีหญิงมันเป็นเรื่องของสัญชาตญาณไหม ไม่รู้จักบริหารความเพอร์เฟ็คทางเบ้าหน้าที่ป๊ากับม๊ามอบให้มาจนยี่สิบได้อย่างไร ธีร์รู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก ๆ
“กูคุยเยอะแยะแต่มึงแค่ไม่รู้เฉย ๆ”
“เหย... มาว่ะ” คนพี่หรี่ตายิ้มเจ้าเล่ห์ กอดคอน้องชายให้เดินไปด้วยกัน “นานยัง”
ไอ้โฟร์ไม่ได้ตอบ เขาจึงวางมือลงบนศีรษะน้องพร้อมโคลงเบา ๆ เหมือนลูกหมาที่เคยเลี้ยงด้วยกันเมื่อตอนเป็นเด็ก และมันก็ทำท่าจะปัดออกอยู่ตลอด “หกเดือน”
“เชี่ย... คุยขนาดนั้นแต่ยังไม่คบกันน่ะนะ?”
“อืม” โฟร์ขานตอบสั้น ๆ “กูไม่อยากรีบ”
“ไอ้คุยเรื่อย ๆ เนี่ยมันก็ดีอยู่หรอก แต่ขณะเดียวกันมันก็เสี่ยงนะเว้ย ผู้หญิงบางคนต้องการความชัดเจนมากกว่าสถานะคลุมเครืออะมึงเข้าใจปะ บางทีมึงอาจจะรอได้ แต่เค้าอาจจะรอมึงพูดอยู่ แต่พอเห็นมึงไม่มีท่าทีจะขอคบเค้าอาจจะเปิดใจให้คนอื่นไปแล้ว”
“...จริงเหรอวะ?” ชาติเศษแล้วที่ธีร์ไม่ได้เห็นแววตาและคำถามแสนประหม่าแบบนี้ แสดงว่าไอ้โฟร์มันชอบฟอฟ้าฟอฟันจริงมันถึงลืมตัวว่าต้องขิงข่าตะไคร้ใส่เขา
“มันก็แล้วแต่คน ผู้หญิงไม่เหมือนกันทุกคนหรอก แต่กูพูดเผื่อไว้ไง มึงไม่คิดว่าหกเดือนมันนานเกินไปสำหรับการดูใจกันเหรอวะ ขอเค้าเป็นแฟนได้แล้ว”
“ไม่รู้ดิ กูไม่รู้ว่าเค้าคิดเหมือนกันหรือเปล่า ถ้าพูดไปแล้วเค้าไม่เหมือนเดิมมันคงแย่”
“โถควายน้อยน้องรัก...” ธีร์จิ๊ปากพลางใช้มืออีกข้างบีบกรามน้องชายขณะขึ้นบันไดเลื่อน “ผู้หญิงที่ไม่คิดอะไรเลยคงไม่เกรงใจคืนปีใหม่ของมึงหรอก เค้าจะตอบว่า ‘ขอดูก่อนนะโฟร์ แล้วฟ้าจะบอกอีกที’ มากกว่าจะบอกว่า ‘จะดีเหรอโฟร์ ฟ้าน่าเบื่อนะ’”
พอเป็นเรื่องผู้หญิงแล้วไอ้โฟร์ก็กระจอกทันที แต่เขาอยากช่วยให้ไอ้เด็กเปรตนี่ได้รู้จักคำว่าหัวใจพองโตสักครั้งในชีวิต
“ถ้าชอบแล้วก็ลุยเลยดิ ได้บอกเค้าว่ารู้สึกยังไงมันต้องดีกว่าเก็บไว้ในใจจนตายแน่นอนอะเชื่อกู”
“กูกลัวแป้ก กลัวเข้าหน้าไม่ติด กลัวเค้าชอบคนอื่น”
“อ้าว มึงกลัวแล้วอยู่เฉย ๆ มันจะคืบหน้าไหมล่ะห่าราก ความรักก็แบบนี้เปล่าวะ มีไม่กี่คนในโลกหรอกที่สมหวังจากรักแรก มีคนเป็นแสนล้านที่ไม่สมหวัง แต่พวกเขาก็เริ่มต้นใหม่กับคนอื่นได้เพราะความรักมันมีหลายรูปแบบไง จากที่เคยถูกคน ๆ นึงมองข้าม ก็กลายเป็นถูกมองตลอดเวลาจากใครอีกคน เคยรักก็หมดรักได้ เคยชอบคนนี้ก็ไปชอบคนอื่นได้ เชี่ย ทำไมกูหล่อแบบนี้วะ ว่าจะไม่คมแล้วนะเนี่ย เดี๋ยวจดไว้ใส่แคปชั่นรูปในไอจีดีกว่า” โฟร์มองพี่ชายที่กำลังก้มหน้าก้มตากดมือถือ ไอ้คนกากที่กล้าให้กำลังใจเขาด้วยคำพูดแบบนั้นได้อย่างไร น่าตบกะโหลกให้หายบ้า
“ทำไมเลิกกับพี่เบล?” คนโดนฮุคชะงักอยู่ในท่าจิ้มโทรศัพท์ ธีร์ชำเลืองมองน้องชายที่คงอยากได้คำตอบดี ๆ แม้ว่ามันคงไม่ได้คาดหวังในตัวเขาแล้ว แต่การให้คำตอบที่น่าฟังคงดีกว่าชวนให้ผิดหวังซ้ำซ้อน
“จะว่าไงดีล่ะ กูผิดเองอะ อืม ใช่”
“กูไม่ได้ถามว่าใครผิด กูอยากรู้ว่าทำไม?” ทั้งคู่หยุดอยู่ตรงโซนเครื่องเขียน ไอ้โฟร์คงอยากให้ความสนใจกับปากกาหลากสีมากกว่าหน้าเขาถึงได้เลือกมองความคัลเลอร์ฟูลเหล่านั้นมากกว่าเหง้าหน้าพี่ชาย “ที่ถามเพราะหลายวันก่อนพี่เบลไปขอโทษป๊ากับม๊าที่บ้าน”
“เดี๋ยว ขอโทษเรื่องอะไร แล้วป๊ากับม๊าว่าไง?”
“ก็เสียดาย ป๊ากับม๊าชอบพี่เบลมากมึงก็รู้ แต่พี่เค้าไม่ได้โทษมึงเลย ขนาดตอนป๊าด่า ป๊าขอโทษแทนมึง เค้ายังบอกว่าไม่ใช่ มึงไม่ผิด เค้าบอกว่าเค้าเอาแต่ใจเอง”
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องใครผิดไม่ผิดหรอก ความจริงกูกับเบลไปกันไม่ได้มากกว่า” ธีร์ก้าวเข้าไปหยุดข้าง ๆ น้องชาย หยิบปากกาขึ้นมาลองมั่วซั่วทั้งที่ยังจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่ “เราทะเลาะกันบ่อยก็เลยเลิก”
“อันนี้เลิกจริงหรือแค่ทะเลาะกันเหมือนทุกที มึงจะง้อพี่เบลไหม?” พอถูกถามแบบนี้หน้าของเด็กเด๋อก็ลอยเข้ามา และธีร์ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ไอ้โฟร์เข้าใจว่าตอนนี้เขาชอบคนอื่นแล้วแถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก
“คงไม่ว่ะ เบลก็เริ่มคุยกับคนใหม่แล้ว ถึงจะยังไม่คบกัน แต่การเริ่มต้นกับคน ๆ นั้นก็คงเห็นอนาคตได้มากกว่าฝืนอยู่กับกูต่อไป เค้าควรอยู่กับคนที่ให้สิ่งที่เค้าต้องการได้มากกว่ากู”
“กูเข้าใจเรื่องอาชีพที่มึงอยากทำนะ เข้าใจมาตลอด แต่เป็นแบบนี้มันดีแล้วเหรอวะ กูมองอยู่ห่าง ๆ มึงเริ่มเสียคนรอบข้างไปทีละคนแล้วนะธีร์” ชายหนุ่มชะงักกับคำถาม เอาเข้าจริงมันโคตรเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายเหตุผลเรื่องการมีชีวิตอยู่กับความชอบซึ่งน้อยคนที่จะเข้าใจเขา
“คนรอบข้างที่ว่าก็คือมึง ป๊าม๊า แล้วก็เบลไง สองคนที่ไม่อยากเข้าใจ อีกคนพยายามเข้าใจ แต่มึงล่ะโฟร์ กูเสียมึงไปยังวะ?”
“...”
“ถ้ามึงเข้าใจกูอย่างที่พูดจริง ๆ นั่นหมายความว่ากูยังเป็นพี่มึงอยู่ใช่ไหม?”
น้อยครั้งที่โฟร์จะได้เห็นสีหน้าจริงจังของไอ้เวรตะไลนี่ วูบหนึ่งเขาพูดไม่ออก จึงให้ความเงียบรอบข้างทำงานไปชั่วขณะ
“กูเข้าใจถ้ามึงจะโกรธ กูผิดที่ย้ายออกมาจนมึงคงรู้สึกเหมือนโดนทิ้ง แต่มองกูลึก ๆ หน่อยได้ไหม นึกถึงพี่ชายของมึงที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต ดูว่ามันเป็นคนที่พร้อมจะทิ้งทุกอย่างไปเพราะเรื่องเกมจริง ๆ หรือว่ามันมีเหตุผลมากกว่านั้น”
“...”
“กูแค่อยากได้เวลาพิสูจน์ตัวเอง กูมีเงินในบัญชีพอที่จะซื้อบ้านให้ตัวเองแล้ว แต่กูอยากเก็บเงินต่อไว้ซื้อรถให้มึงกับบ้านพร้อมที่ดินให้ป๊ากับม๊าสักหลัง แต่นั่นมันยังพิสูจน์ทุกอย่างไม่ได้ กูอยากมีเงินนอนในบัญชีอีกสักล้านสองล้าน กูจะเอามันใส่กล่อง ผูกโบว์ด้วยสีที่ป๊าชอบแล้วยื่นมันให้ ซึ่งตอนนี้มันก็เริ่มใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว กูไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศเพราะพยายามเพื่อตรงนี้ แต่ถ้าวันไหนกูกลับไปพร้อมความสำเร็จ มึงคือคนหนึ่งที่ต้องอยู่ตรงนั้น เข้าใจไหมวะ?” ไอ้โฟร์ไม่ได้ขานตอบหรือพยักหน้า มันแค่ลดระดับสายตาลงราวกับว่าไม่อยากพูดคุยถึงหัวข้อนี้อีก และปฏิกิริยาตอบโต้ของน้องชายก็ทำให้เขาใจหวิวจนรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
มันยังคงเป็นเรื่องยาก แต่ธีร์ก็ไม่อยากเลิกล้มความตั้งใจที่จะเปลี่ยนความคิดคนรอบข้าง ไอ้โฟร์คงไม่หายโกรธง่าย ๆ จนกว่าเขาจะยอมกลับไปอยู่บ้าน และขอโทษพ่อกับแม่ที่ทำให้ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้
ชายหนุ่มรวบปากกาทุกแท่งยื่นให้ คนเป็นน้องชายจึงขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจว่าพี่ชายแค่แกล้งเล่นหรือจะเอาจริง “มึงจะบ้าปะ เอาไปไฮไลท์ฝาบ้านเหรอ?”
“เออไง ตอนเป็นเด็กพากันละเลงผนังห้องจนโดนม๊าตีแพ็คคู่ปวดตูดข้ามวันกูยังจำได้ จัดไปดิวะ”
“กูจะซื้อเอง ป๊าให้เงินมาเยอะ”
“รวยจังนะสัด คิดว่าจะผลาญเงินยังไงก็ได้เหรอ ไหนคำว่าลูกที่ดี สาระแนนัก เดี๋ยวกูจ่ายเอง เถียงมีตบ”
“มึงก็เป็นซะอย่างนี้ เอาแต่ใจ” โฟร์ขยับปากบ่นอย่างเหลืออด เคยมีกี่ครั้งที่เขาเถียงมันแล้วจะชนะ ไม่ ไม่เคยเลย
“ยังดีที่รู้ว่าพี่มึงเป็นคนแบบไหน เอานี่ไปด้วยดิ เขียนลื่นหัวแตกยิ่งกว่าถนนตอนฝนตก” ธีร์ยื่นปากกาอีกแท่งให้ และน้องชายก็ยังคงส่งสายตาต่อต้าน
“ขอโทษนะคะ ใช่พี่ธีร์หรือเปล่าคะ?”
“ครับ?” พอได้ยินเสียงขานตอบเด็กสาวกลุ่มหนึ่งก็กรี๊ดอัดมือจนผู้คนที่อยู่ละแวกนี้ต่างมองมาเป็นตาเดียวกัน
“พี่ธีร์จริง ๆ ด้วย หนูเป็นแฟนคลับพี่นะคะ ดูพี่สตรีมทุกวันเลย”
“ขอถ่ายรูปด้วยไหมคะ ฮือ หนูมือสั่นไปหมดแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญมาเจอ”
“พี่ธีร์เซ็นเคสโทรศัพท์ให้หนูได้ไหมคะ เอาหัวใจสามดวงด้วยนะ”
โฟร์ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติเพราะพี่ชายขยับมายืนขวาง เหมือนตอนมัธยมที่มีคนพยายามจะถ่ายรูปไปลงอินเทอร์เน็ตเพื่อให้โลกรู้ว่าเขาคือน้องชายของเกมเมอร์ชื่อดัง ตอนนั้นโฟร์ไม่ได้ลำบากใจ แต่ก็ไม่รู้สึกดีกับการถูกถามข้อมูลพี่ชายเพราะเห็นเขาเป็นทางผ่าน
‘มึงตอบแค่ว่าไม่รู้ก็พอแล้ว’
ไอ้พี่ชั่วบอกอย่างนั้น ไอ้พี่ชั่วมักจะปกป้องเขาจากความสุขของตัวเองเสมอ นั่นคือสิ่งที่โฟร์รับรู้มาตลอด
“พี่ธีร์มากับใครเหรอคะ?”
“พี่โซ่เหรอ หน้าคล้ายพี่ธีร์เลย”
“อ๋อ” ทั้งพี่ชั่วและเด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นต่างมองมาทางเขา โฟร์ยืนนิ่งและยิ้มเจื่อน ๆ เหมือนทุกครั้งที่เคยทำตอนที่มีคนถามเรื่องพี่ชาย “เปล่าค่ะ นี่น้องในไส้พี่เอง”
“น้องแท้ ๆ เลยเหรอคะ?”
“มันแค่เกิดก่อนผมเฉย ๆ”
“นั่นไง เห็นปะ” ธีร์หัวเราะพลางกอดคอน้องชายเข้ามา แกล้งออกแรงจนได้ยินเสียงอึกอักก่อนจะยอมคลายออก ไอ้เด็กเวรนี่มันชอบหักหน้านัก “ดูไว้ มันตบมุกเก่งได้พี่”
“น่ารักจังเลยค่ะ หนูถ่ายรูปคู่พี่สองคนได้ไหมคะ?”
“ถ่ายพี่คนเดียวดีกว่าค่ะ ไอ้เด็กห่านี่หน้าเหียกมากตอนขึ้นกล้อง พี่กลัวโทรศัพท์หนูจอแตกจนต้องไปซื้อใหม่ เอาเป็นว่าปล่อยมันไปตามยถากรรมดีกว่านะคะ” ไอ้พี่ชั่ว น่ากระโดดถีบปากจริง ๆ
“อ่า... โอเคค่ะ งั้นหนูขอถ่ายรูปคู่กับพี่ธีร์นะ”
“จัดมาเลยค่า” โฟร์หรี่ตามองพี่ชายอย่างหมั่นไส้กับเสียงสองที่มันจงใจดัดขณะก้มตัวลงถ่ายรูปกับกลุ่มเด็กผู้หญิง
“ว่าแต่คืนนี้พี่ธีร์สตรีมเวลาเดิมหรือเปล่าคะ?”
“สองทุ่มเหมือนเดิมจ้า อาบน้ำกินข้าวแล้วเรามีนัดกันนะคะ” คำหวานจากปากเกมเมอร์หน้าหล่อทำกลุ่มเด็กสาวระทวย อีกทั้งยังเล่นหูเล่นตาทำมือมินิฮาร์ทปิดท้ายอีก
“ฮือ หนูรักพี่นะคะ” กลุ่มแฟนคลับทำมือมินิฮาร์ทตอบก่อนจะกรี๊ดอัดมือตัวเอง เดินถอยออกไปจากตรงนั้นแล้วโบกมือลาสองพี่น้องเพราะทนเขินต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เกือบแย่งซีนกูแล้วไหมล่ะ ดีนะวันนี้กูแต่งตัวมาหล่อกว่า ชนะขาดเห็น ๆ” ไอ้พี่ชั่วยังคงพูดเล่นขำ ๆ กลบเกลื่อนเจตนาที่ไม่ได้บอกให้รู้โดยตรงว่าทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นการปกป้องเขาจากแสงแฟลชแฟนคลับ
“ประสาทแดก” โฟร์จัดเสื้อเชิ้ตให้เข้าที่แล้วหันไปเลือกปากกาต่อ ขณะที่ไอ้พี่ชั่วยังคงพูดเรื่องบ้าบอคอแตกไม่หยุด
“เออมึง”
“อืม”
“จริง ๆ กูเจ็บขาเพราะมอไซค์ไอ้แจ็คพาล้ม ยังไงมึงช่วยขับไปส่งกูที่คอนโดหน่อยได้ปะวะ... แหะ ๆๆๆ” คนพี่หันไปเบะปากเรียกความเห็นใจ กระพริบตาปริบ ๆ ทำปากยื่นเหมือนเด็กอยากได้ตีน คนเป็นน้องจึงทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เหมือนอยากไล่เขาไปเอาเชือกมาผูกคอกับรถแล้วลากกลับคอนโด
*
“กลิ่นอะไรวะเนี่ย?”
“เอ่อ -- มันคือซากปรักหักพังจากเหตุการณ์คืนวันคริสต์มาสน่ะ” ธีร์เข้าไปเก็บเค้กแซลมอนที่ส่งกลิ่นตลบอบอวลชวนอ้วก นึกเสียดายอยู่ไม่น้อยแต่เมื่อคืนเขาไม่มีอารมณ์จะเอาอะไรยัดเข้าปากทั้งนั้น ใจมันคิดแต่ว่าจะตามไปง้อน้องเด๋ออย่างไร กลัวน้องไม่เข้าใจ กลัวน้องไม่คุยด้วยอีก แต่กว่าจะพูดอ้อมโลกให้เบลกลับได้ไอ้แหลมก็ต้องช่วยตอแหลอยู่นานสองนาน
“ฉลองวันเกิดกับเพื่อนเหรอ?”
“เกือบได้ฉลอง แต่มีประเด็นก่อน นั่งดิ” ชายหนุ่มใช้เท้าเตะหมอนอิงออกแล้วเอาเค้กแซลมอนไปทิ้ง โฟร์กวาดสายตามองห้องที่เคยเป็นคอนโดป้าเมื่อหลายปีก่อน แต่ปัจจุบันมันคือรังของไอ้พี่ชั่วที่เอาไว้ใช้ทำงาน
“เดี๋ยวกูกลับเลยดีกว่า”
“เหย... จะรีบไปไหนวะ อยู่ด้วยกันก่อนดิ”
“เพื่อ?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วมองพี่ชายที่เดินไปเปิดประตูระเบียง ตามด้วยฉีดสเปรย์ให้ทั่วห้อง ก่อนจะกลับมาเปิดเกมเพลย์และทีวีแล้วยื่นจอยให้กับเขา “อะไร?”
“อุปกรณ์ทอผ้ามั้ง แหกตาดูดิ” ได้ทีแล้วเอาคืน โฟร์ง้างมือทำท่าจะตบกบาลพี่ชาย แต่คราวนี้มันสู้ ทะเลาะกับมันก็เหมือนทะเลาะกับกระจก
“กูเลิกเล่นเกมนานแล้ว”
“เออรู้ แต่กูเห็นมึงเล่นฟีฟ่า* กับเพื่อนในไอจี อย่ามาเนียน เก๋าแค่ไหนจัดมาหน่อยดิ๊ ใครโดนอัดลูกแรกเป็นลูกที่ป๊าม๊าเก็บมาเลี้ยงจากถังขยะเปียก” ไอ้พี่ชั่วเอาเรื่องความกลัวในวัยเด็กมาเป็นข้ออ้าง ตอนที่โฟร์ร้องไห้เพราะโดนแกล้งว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นเด็กถูกเก็บมาจากถังขยะ ไม่ใช่ลูกพ่อแม่จริง ๆ
มันคงเห็นรูปในไอจีที่เขาลงตอนเล่นกับฟีฟ่ากับเพื่อนในคณะ แต่ภายใต้ความบ้าบอของคนข้าง ๆ โฟร์ก็ได้รู้ว่าไอ้พี่ชั่วก็ส่องความเคลื่อนไหวของเขาอยู่เหมือนกัน
*FIFA (ฟีฟ่า) เกมฟุตบอล “ม๊ายังชอบกินขนมเบื้องอยู่ปะ?”
“ชอบ แต่กินน้อยลงแล้ว เสี่ยงเบาหวาน”
สองพี่น้องคุยกันโดยให้นักฟุตบอลกับลูกกลม ๆ บนจอทีวีเป็นที่ยึดสายตา ธีร์ไม่อยากปล่อยให้ไอ้โฟร์กลับบ้านทั้งที่ยังคาราคาซังอยู่ อย่างน้อยเขาก็อยากคุยกับน้องชายให้มากกว่าประโยคถามคำตอบคำในไลน์ เพราะนอกจากไอ้เด็กนี่แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะถามความเคลื่อนไหวครอบครัวจากที่ไหน
“แล้วป๊ายังชอบไปนั่งคุยกับกู๋ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำอยู่ไหม?”
“อืม”
“แล้วรองเท้าที่กูซื้อให้มึงลองใส่สักครั้งบ้างยัง หรือว่าทิ้งไปแล้ว” บอกตามตรงว่าลุ้นจนส่งบอลพลาด ไอ้โฟร์จึงพลิกสถานการณ์กลับมาทำเกมได้ ทั้งคู่พยายามเอาชนะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เหมือนตอนมัธยมที่แอบแม่ปิดไฟเล่นเกม และคนถูกตีตอนเช้าคือพี่ชายที่ไม่รู้จักพาน้องเข้านอน
“ใส่แล้ว”
“เอ้อ... มันต้องอย่างนี้ดิวะ” ใจชื้นยิ่งกว่าทานตะวันได้รับแสงแดด ธีร์อมยิ้มพลางควบคุมนักฟุตบอลบนจอ โยกหลบหลอกล่อจนได้ยินเสียงจิ๊ปากจากคนข้าง ๆ ที่ยังอ่อนด้อยเรื่องเกมนัก
“พาป๊าไปตรวจสุขภาพด้วยนะ”
“กูต้องทำเหรอ มึงอยากทำอะไรทำไมไม่ทำเอง”
“เพราะกูยังทำไม่ได้ไงไอ้ฉิบหาย ฝากหน่อยได้ไหม พ่อกูก็พ่อมึงนะ”
“แล้วกูต้องทำแทนมึงไปจนถึงเมื่อไหร่?” ธีร์ชำเลืองมองคนข้าง ๆ เพื่อดูว่าคำถามนี้ส่งไปทางไหน ระหว่างถามเพราะหงุดหงิดไม่อยากทำให้ หรือถามเพราะอยากรู้จุดหมายว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับไปพร้อมความสำเร็จ “มึงรู้ใช่ไหมว่าป๊าม๊าเริ่มมีอายุแล้ว อากงกับอาม่าก็เหมือนกัน มึงเคยคิดไหมว่าเค้าอาจจะอยู่ไม่ทันได้เห็นความสำเร็จของมึง?”
“อะไรวะ ปากเสียจริงมึง” ธีร์ผลักหัวน้องชาย พูดอย่างไม่โกหกเลยว่าคำพูดของไอ้โฟร์ทำเอาใจเสีย
“กูพูดความจริง ไม่เร็ว ๆ นี้ก็ต้องเกิดขึ้นสักวัน กูไม่ได้แช่งเพราะกูก็รักป๊าม๊า อากงอาม่าเหมือนกัน แต่กูอยากให้มึงคิดดูดี ๆ อย่าให้อีโก้มันบังตามาก”
“จริงอยู่ที่กูทำตัวหัวแข็งใส่ป๊าก่อนออกมา แต่มึงก็รู้ว่าถ้ากูกลับไปตอนนี้กูจะไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความเย็นชากับคำพูดดูถูกดูแคลน”
“งั้นก็ทำให้มันเร็วขึ้นสิวะ ยังไม่ต้องซื้อรถให้กูก็ได้ ให้มันเป็นเรื่องสุดท้ายที่มึงอยากใช้เงินเลย แต่กลับบ้านหน่อย แสดงออกให้เขาเห็นว่ามึงโคตรพยายามแล้วมึงทำสำเร็จแล้ว พอถึงตอนนั้นกูจะยอมไม่ด่ามึงสักวัน แต่จะคอยหนุนหลังให้ป๊าด่ามึงน้อยมากที่สุด”
โฟร์พยายามแย่งลูกฟุตบอลจากพี่ชาย กดปุ่มจอยแรง ๆ โดยไม่รู้ตัวจนนิ้วหัวแม่มือเริ่มเจ็บ รู้ว่ามันเริ่มเกินไปกว่าที่ตั้งใจแล้ว ความจริงเขาควรคืนกุญแจรถให้แล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้านไปช่วยป๊ากับม๊าดูร้าน ไอ้การพูดความในใจที่สะสมมานานออกไปมันไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่าเลย ให้ตายอย่างไรไอ้พี่ชั่วก็ไม่ฟังหรอก
“โอเค”
อะไรนะ?
“กูมีแข่งอีกสองรอบ ถ้าผ่านรอบนี้ไปได้ ปลายมกราจะเป็นชัยชนะแรกที่จะพาทีมกูไปแข่งที่เกาหลี”
“...”
“กูจะกลับไปหาป๊ากับม๊า จะยอมนั่งฟังทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนสบายใจขึ้น”
“...”
“แต่กว่าจะถึงตอนนั้น กูว่าเราน่าจะออกมากินข้าวกันบ้าง คุยเรื่องไร้สาระอะไรก็ได้เหมือนที่เคยเป็นเมื่อก่อน” โฟร์เริ่มเสียการควบคุม เขาปล่อยให้สมองคิดตามคำพูดของพี่ชายจนเกือบถูกยิงเข้าประตู
“ไม่มีอะไรเหมือนเดิมตลอดไปหรอก”
“การที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าจะกลับไปรู้สึกแบบนั้นไม่ได้อีกเปล่าวะ ใจมึงเอาแต่ปิดกั้น แล้วกูจะแก้ไขมันได้ยังไง?”
โฟร์กำลังสับสนกับความรู้สึกตัวเอง มันมีทั้งความโกรธและความเข้าใจปะปนกันอยู่ เขาโกรธที่พี่ชายหนีออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันโฟร์ก็เข้าใจดีว่าเพราะเหตุผลใดที่บีบให้ธีร์ทำอย่างนั้น
บวกกับเสียงบ่นคิดถึงหลานของอาม่า ความเป็นห่วงของแม่ และความหงุดหงิดของพ่อที่เขาเห็นอยู่ทุกวันจึงรู้สึกโกรธพี่ชายยิ่งกว่าเดิม
“รู้อะไรไหม ถึงกูจะเป็นพี่ชายกาก ๆ แต่กูอยากให้มึงนึกถึงหน้ากูเป็นคนแรกถ้ามึงเจอปัญหาโลกแตกที่หาทางออกด้วยตัวเองไม่ได้”
“...”
“กูไม่ใช่พี่ชายเท่ ๆ เหมือนเมื่อก่อนที่มึงอยากทำตาม ไม่ใช่พี่ที่น่าเคารพ แต่เรามีกันอยู่แค่สองคนนะไอ้ห่า ที่ป๊าเคยบอกตอนเป็นเด็กว่าให้ดูแลมึงอะ ตอนนั้นกูทำเพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ของพี่ แต่ตอนนี้กูทำมันด้วยใจนะ ถึงมึงจะโกรธกูแค่ไหนแต่ก็อย่าลืมว่ามีพี่ชายส้นตีน ๆ อยู่ตรงนี้ที่พร้อมจะเป็นที่รองมือรองตีนให้มึง”
“...”
“ถ้าคบกับฟอฟ้าแล้วก็ต้องรู้จักป้องกันด้วยเข้าใจเปล่า อย่าเป็นคนเอาแต่ได้จนพลาดทำเค้าท้อง เพราะอนาคตผู้หญิงคนหนึ่งจะตกไปอยู่ในมือมึงทันทีที่มึงถอดกางเกง” ธีร์ปล่อยมือจากจอยเกมแล้ววางลงบนศีรษะน้องชาย โคลงเบา ๆ เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาคนนี้ยังอยากทำหน้าที่พี่ ต่อให้เด็กน้อยที่วิ่งไล่ตามหลังในวันนั้นจะโตเป็นเด็กหนุ่มวัยยี่สิบแล้ว แต่ในสายตาเขาไอ้โฟร์ยังเป็นเด็กเสมอ
“เออ รู้แล้ว” คนฟังยิ้มบาง ๆ พลางละสายตาจากจอทีวีแล้วหันไปมองน้องชาย เพื่อเห็นว่ามันขยับปากบ่นแบบไม่มีเสียงพร้อมกดจอยอย่างแรงซึ่งถ้าเป็นไอ้แหลมทำคงโดนถีบตกโซฟาไปแล้ว
“แดกข้าวเย็นกับกูก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ส่งไร ไหนบอกว่าเจ็บขา”
“อ่อ มันเพิ่งหายเมื่อกี้ว่ะ สงสัยเส้นกลับเข้าที่แล้ว”
“ส้นตีนเถอะ มึงมันตอแหล ไอ้เชี่ยธีร์”
“ด่ากูตล๊อดดด”
*
(ต่อข้างล่างนะคะ)