ตอน 16
(PART 2/2)
“แจ็ค”
“อืม?”
“กูมีอะไรจะบอก”
เจ้าของใบหน้าเรียบเฉยหันมาสบตากันเพื่อบอกให้รู้ว่ามันพร้อมจะฟังเรื่องที่เขากำลังจะพูดแล้ว โดยมีพีเพิ่ลเป็นสิบเดินสวนไปมากลางฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ก่อนไอ้แหลมจะแทรกเข้ามาประหนึ่งโมเสสแยกทะเลแดง
“เธอจะมีใจหรือเปล่า... เธอเคยมองมาที่ฉัน – โอ๊ย!!”
“สาระแนนัก” เขาเบิ้ลกะโหลกเด็กเกรียนที่เสือกขัดจังหวะไม่ดูเวล่ำเวลา จะจิ้นกับไอ้ธีร์คนนี้กับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ไอ้เชี่ยแจ็คเปล่าวะ
“กูแค่อยากสร้างบรรยากาศนะพี่นะ” แหลมกุมศีรษะก่อนจะยกมือขึ้นตั้งการ์ดเมื่อรุ่นพี่ทำท่าจะเหนี่ยวอีกรอบ
“มีไร จะเลิกเล่นเกมเหรอ”
“ก็แย่ละ” ธีร์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พลางทอดสายตาไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายระหว่างเรียบเรียงคำพูดว่าควรลำดับเหตุการณ์อย่างไรให้เพื่อนเข้าใจได้ง่าย ๆ “เข้าเรื่องเลยแล้วกัน กูชอบไอ้โซ่”
“เชี้ยยยยยยยยยย” ไอ้เด็กส้นตีนทำตาโตยกมือขึ้นป้องปากจนเวอร์เกินจริง
“ตกใจหาพ่อง มึงรู้คนแรก”
“กูอินช่วยงาย กลัวมึงเหงา แล้วพี่แจ็คว่าไงวะ?” ธีร์หันไปตามคำถามของรุ่นน้อง และการที่ไอ้แจ็คยังทำหน้าแบบ .jpg ก็รู้สึกเหมือนซาวด์อิลลูมินาติจะดังขึ้น เชี่ยนี่เดาอย่างยาก บางทีอารมณ์ดีก็หน้านิ่ง หงุดหงิดเจ้านายก็นิ่ง อะไรที่ทำให้มันยิ้มได้คือต้องเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจในระดับหนึ่ง
“กูต้องว่าอะไรด้วยเหรอ”
“เออจริง” แหลมพยักหน้ารัว ๆ
“เอ้า แล้วมึงไม่แปลกใจบ้างไงวะที่อยู่ ๆ กูก็หันไปชอบผู้ชายด้วยกัน เป็นคนอื่นคงแซ็วเรื่องขุดทองละ”
“ก็แปลกใจอยู่ แต่จะให้กูเล่นใหญ่เหมือนไอ้เด็กเหี้ยนี่ก็ไม่ใช่” ไอ้แจ็คว่า “กูรู้จักมึงมานาน คนที่ควรตกใจมากที่สุดควรเป็นตัวมึงเองมากกว่าที่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างหลังจากนี้”
“เออจริง กว่าจะแน่ใจว่าใช่กูก็คิดหนักอยู่นานเลย”
“มันไม่ได้คิดหนักเลยพี่แจ็ค อยู่ ๆ ก็ปุบปับไปจับมือไอ้โซ่ แล้วกูก็แน่ใจด้วยว่าคนสันดานโจรอย่างมันต้องมีแผนทำมากกว่านั้น – โอ๊ย!!!” คนน้องกุมหัวอีกครั้ง ก่อนจะกระทืบเท้าเงยหน้ามองคาดโทษรุ่นพี่อย่างเหลืออดท่ามกลางฝูงชนที่เดินผ่านไปมา “เจ็บนะเว้ย!”
“ให้กูเล่าเองได้ไหม?!!!”
“ก็กูอินอะ กูอยากมีส่วนร่วมด้วย”
“ไปตกลงกันก่อนนะสัดแล้วค่อยมาเล่าให้กูฟัง” พอเห็นไอ้แจ็คส่ายหน้าหน่าย ๆ ธีร์จึงเอามือดันหน้าไอ้แหลมไว้แล้วเดินไปประกบเพื่อน
“มึงผิดหวังในตัวกูปะ?” เขากอดคอเพื่อนสนิทที่มีส่วนสูงไม่ต่างกัน ก่อนอีกฝ่ายจะหันมามองหน้าแล้วส่ายศีรษะเป็นคำตอบ “ทำไมวะ?”
“การคาดหวังในตัวคนอื่นไม่ใช่เรื่องดีหรอก กูเคยคาดหวังในตัวมึง แต่นั่นก็นานมาแล้ว พอโตขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น กูก็ได้คำตอบให้ตัวเองว่าอย่าเอาความรู้สึกตัวเองไปผูกกับคนอื่นมากจนเกิดเป็นความคาดหวัง เพราะถ้าวันนึงเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มึงจะผิดหวังจนเปลี่ยนเป็นไม่ชอบเขาไปเลยก็ได้”
แหลมพนมมือขึ้นระดับกลางอก รุ่นพี่เขากำลังจะเข้าทางธรรมอีกแล้ว
“มึงคาดหวังกับกูตอนไหน?”
“ม.หก” แจ็คยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนนั้น ตอนที่พวกเขายังใส่ชุดนักเรียน “กูคาดหวังไว้สูงมากว่ามึงจะพาทีมเราไปให้ถึงที่หนึ่ง ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่กูรู้สึกว่าการตกลงมาจากตึกสูงแต่ไม่ตายเป็นยังไง มึงคงจำความรู้สึกเวิ้ง ๆ ตอนเกมจบได้”
“...”
“แต่เป็นเพราะทุกคนฝากความหวังไว้กับมึงไว้มากเกินไปจนเกมที่เล่นเอาสนุกกลายเป็นความกดดัน”
“เหย... ไม่เอาแล้ว ไม่พูดเรื่องนั้น ๆ” แหลมแทรกกลางพลางเขย่งขากอดคอรุ่นพี่ทั้งสอง เขาไม่อยากให้พี่ธีร์หรือพี่แจ็คกลับไปนึกถึงเรื่องราวที่เคยเป็นบาดแผลในใจเมื่อตอนนั้น
“มึงเสียใจมาจนถึงวันนี้เลยใช่ไหม?”
“ไม่เชิงหรอก เรียกว่ามันยังตะกอนอยู่ในใจดีกว่า แต่เชื่อเถอะว่ามึงไม่ใช่คนที่ทำให้กูรู้สึกแบบนั้น”
“เชี้ยยย ตรงนั้นมีกินฟรี --” ธีร์เอามือปิดปากรุ่นน้องที่พยายามจะเปลี่ยนไปเรื่องอื่น อันที่จริงมันก็นานมากแล้วที่เขากับไอ้แจ็คไม่ได้พูดเรื่องนี้ ราวกับว่าทั้งคู่จงใจปิดผนึกมันเอาไว้ ปล่อยให้เด็กม.ปลายกลุ่มหนึ่งอยู่ในความทรงจำมากกว่าจะเอามาพูดถึงในปัจจุบัน
“มึงโอเคไหมที่กูพูดเรื่องนี้?”
“พูดต่อดิ กูฟังอยู่” แจ็ครู้ว่าธีร์ไม่ได้อยากพูดถึง แต่ถ้ามันสามารถช่วยเพื่อนปลดล็อกเรื่องแย่ ๆ ในอดีตได้สักนิด เขาก็อยากลองทำดูสักครั้ง
“ตั้งแต่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ากูก็เริ่มมองอะไร ๆ กว้างขึ้น เมื่อก่อนกูเชื่อในสิ่งที่มองเห็นกับสิ่งที่รู้สึก แล้วกูก็ป่วยเพราะมัน” แจ็คเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งขณะที่ทั้งสามคนยังคงเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย “เป็นเพราะกูไม่รู้จักการบิดความรู้สึกหรือพยายามมองอีกแง่ มันเลยทำให้กูใช้ชีวิตยากขึ้น อย่างตอนแข่งแพ้ กูเซ็งมาก เซ็งฉิบหาย โทษทุกอย่างยกเว้นฝีมือตัวเอง หาว่าทีมไม่เข้ากันบ้าง ทีมนั้นเก่งกว่าบ้าง กูพยายามหาเหตุผลทุกอย่างมาปลอบใจว่าตัวเองไม่ผิด ทั้งที่ความจริงมันไม่จำเป็นต้องหาคนผิดเพราะแข่งเกมมีแพ้ก็ต้องมีชนะ”
“จะว่าไปแล้ว มึงตอนนั้นพูดเยอะกว่าตอนนี้อีกนะ” ธีร์หัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อนึกถึงไอ้แจ็คสมัยยังตัดผมสกินเฮด
“ก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วนี่” แหลมชำเลืองมองทั้งคนฝั่งซ้ายและฝั่งขวา “มึงจำช่วงที่กูป่วยซึมเศร้าหนักจนแทบไม่อยากไปมหาลัยได้ไหม ตอนนั้นกูไปปรึกษามึงว่าจะทำยังไงดี กูเหมือนไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว มึงดูเครียดมากแล้วถามกูว่า ‘ลองไปโรงพยาบาลกันไหม หมอเขาเรียนเฉพาะทางมา คงให้คำแนะนำมึงได้ดีกว่ากูแน่ ๆ อะ เดี๋ยวกูนั่งรอข้างนอก’ แล้วกูก็ได้เจอหมอ ส่วนมึงนั่งรอกูทั้งที่ไม่เข้าใจสิ่งที่กูเป็นเลยด้วยซ้ำ”
“นั่นคือเหตุผลที่มึงควรมีเพื่อนหล่อ ๆ แบบกูไง” แจ็คแค่นหัวเราะพลางชำเลืองมองไอ้เพื่อนขี้กากที่ชอบแสดงความหลงตัวเองออกมาเมื่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียด
“หมอบอกว่ากูอาจจะเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่กูเปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเองได้ หมอบอกให้กูทำความรู้จักตัวเองก่อน เขาแนะนำให้กูนั่งรถไปเที่ยวหรือใช้เวลาเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองดูบ้าง ศึกษาว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร”
“แต่มึงก็ต้องกินยาเรื่อย ๆ ใช่ไหมวะพี่” แหลมถามอย่างใคร่รู้ แล้วแจ็คก็พยักหน้า
“หมอบอกว่ากูควรยอมรับความรู้สึกตัวเอง อย่าปิดกั้นมันจนบังคับตัวเองว่าต้องมองโลกในแง่ดี เพราะการทำแบบนั้นมันทำให้กูอ้างกับตัวเองไม่ได้ว่า ‘เออ กูโตแล้ว กูต้องไม่โกรธ ไม่นอยด์’ แต่มันยิ่งส่งผลให้กูเก็บกดกว่าเดิมอีก ซึ่งมันอาจจะระเบิดทีหลังถ้ากูฝืนต่อไปไม่ไหว หมอบอกว่ากูจะโกรธเรื่องตอนม.หกก็ได้นะ กูมีสิทธิ์เจ็บกับสิ่งที่ส่งผลต่อใจ กูควรเปิดใจยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้ว และหาทางว่าจะแก้ไขมันยังไงดีกว่า”
“แล้วมึงแก้ไขเรื่องนั้นได้หรือยัง?”
“ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก มันก็ยังมีอยู่ แต่แค่ไม่เจ็บเท่าตอนนั้นแล้ว มึงเองก็เหมือนกันนะ” แจ็ควางมือลงบนบ่าเพื่อนพร้อมบีบเบา ๆ ความเจ็บปวดเมื่อตอนนั้นมันไม่ใช่แค่การแพ้รอบชิงชนะเลิศ แต่มันยังมีอีกเรื่องที่ส่งผลต่อจิตใจพวกเขาทุกคนจนทีมแตกไปคนละทาง
“แค่ไม่พูดถึงก็จบแล้วปะ” ธีร์ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ซึ่งแหลมรู้ว่าพี่มันไม่ได้สตรองจริงอย่างที่แสดงออกหรอก “อะไรวะ กูเล่าเรื่องอินเลิฟกับน้องเด๋อให้ฟังแล้วไหงวกเข้าเรื่องซึมเศร้าของมึงได้เนี่ย อินเฉยไอ้ห่า”
“จริง เชี่ยพี่แจ็คแม่งอยากได้ซีน ทำเข้มนะเราอะ” คนน้องรีบเสริม ปั้นหน้าปั้นตากวนประสาท
“เอาเป็นว่ากูไม่ได้ผิดหวังในตัวมึง ไม่ว่ามึงจะทำอะไรหรืออยากเป็นอะไร กูพร้อมจะสนับสนุนมึงตลอด”
“เควี่ย หวานซึ้งขนาดนี้ต้องจูบแล้วอะ”
“เอาตีนกูปะแหลม”
“หยอกง่ะ” เขารีบหลบหลังพี่แจ็คก่อนจะเจอดี
“กูไม่ถนัดพูดอะไรเลี่ยน ๆ แต่มึงก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ทีหลังก็อย่าเสือกถาม”
“กูก็อยากได้แรงซับพอร์ทจากเพื่อนปะ นอกจากมึงแล้วกูก็ไม่เหลือใครละนะแจ็ค” พอได้ยินอย่างนั้นแหลมจึงชี้หน้าตัวเองพร้อมพูดแบบไม่มีเสียงว่า ‘แล้วกูล่ะพี่’
“กูไม่ได้ลามกนะ แต่เริ่มคิดไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็ดี ถ้าถึงเวลาลงสนามจริงจะได้ไม่เก้ ๆ กัง ๆ”
“มึงอยากพูดอะไร?” ชายหนุ่มตัวสูงขมวดคิ้ว เขารู้น่ะว่าไอ้เพื่อนส้นตีนสื่อไปในทางไหน แต่ใครจะคิดว่าคนพูดน้อยอย่างไอ้แจ็คจะหมายความแบบนั้นวะ
“กูรู้จักมึงดีกว่าเมียเก่ามึงทุกคน กูยังจำตอนมึงโทรมาเล่าเรื่องช่วยตัวเองครั้งแรกให้ฟังได้อยู่เลย ที่ทิชชู่หมดจนต้องใช้กางเกงบาสเช็ดแทน”
“ไอ้เชี่ย พี่มึงอย่างเข้ม 55555555555555555” แหลมหัวเราะลั่นอย่างไม่อายใคร พร้อมปรบมือรัวยิ่งกว่าลิงตีฉาบ
“ควายแจ็ค มึงไม่ต้องลงดีเทลละเอียดขนาดนั้นก็ได้ไง”
“แต่ก็ไม่แน่นะ มึงอาจจะหื่นแค่กับผู้หญิงก็ได้ ไอ้โซ่อาจจะเป็นคนแรกที่มึงชอบด้วยใจจริง ๆ”
“Pure Love ซะหน่อยนะ” แหลมกอดอกพยักหน้า
“แล้วถ้ากูคิดกับมัน... กูจะกลายเป็นคนหื่นกามไม่เลือกหน้าไหม?” เสียงไอ้เชี่ยพี่ธีร์เบาลงเหมือนไม่มั่นใจว่าควรพูดประโยคนี้หรือไม่ แหลมกับพี่แจ็คเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม และไอ้คนกามก็หัวเราะแห้ง ๆ พลางลูบคางระหว่างจมอยู่กับความคิดบางอย่างที่ทั้งคู่ทะลุเข้าไปดูไม่ได้
*
( ไอ้แหลมมันทำคลิปลงยูทูปอยู่ หาอะไรทำฆ่าเวลากันก่อนปะ? )
“เอาสิครับ พี่ธีร์อยากเล่นอะไรครับวันนี้”
( PUBG ไหม ลงดูโอ้เข้ม ๆ เดี๋ยวพี่พาเรื้อน )
“วันนี้ถ้าต้องนั่งรถโซ่ขอเป็นคนขับนะครับ คราวก่อนพี่ธีร์พาคว่ำยกตี้คนดูฟลัดเลขห้าเต็มแชทเลย” เด็กหนุ่มตัวผอมมองคนในจอโทรศัพท์ที่กำลังเดินวนไปวนมาในห้อง พอได้ยินเสียงหัวเราะของพี่ธีร์โซ่ก็ยิ้มตามเฉยเลย
( ถามก่อนว่าเราอยากเล่นเปล่า? )
“อยากสิครับ ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
( ก็ช่วงนี้เห็นเล่นกับพวกไอ้อาร์มบ่อย โดนเพื่อนงอนหรือว่าติด DotA ไปแล้วล่ะเราน่ะ? )
“โซ่ชอบทุกเกมเลยครับ แต่เกมไหนที่เล่นกับเพื่อนแล้วก็พี่ ๆ ในทีมจะสนุกกว่า โซ่ไม่ได้พูดเอาใจนะครับ ห้ามว่าโซ่นะ” เขารีบดักไว้เพราะกลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิด ทั้งคู่สบตากันผ่านเฟซไทม์ ก่อนพี่ธีร์จะคว้ากีตาร์มาเกาแล้วฮัมเพลงให้ฟัง
( และไม่ใช่ไม่ไว้ใจ ใจฉันร้อนหากใครมองนัก ก็เธอดันน่ารัก ขนาดนั้นให้มองอยู่ได้ไง ♪ )
โดนจีบอีกแล้ว... ( บางทีฉันก็ยั้งไม่อยู่ บางทีฉันก็รู้แต่ทนไม่ไหว บางทีฉันใจร้อนเกินไปโปรดจงเข้าใจ ที่เป็นไปน่ะ เป็นไปด้วยรัก แต่อาจจะขี้หึงเกินไป ♪ )
โซ่นั่งตั้งสติ โชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้ไม่ได้ไลฟ์อยู่ ไม่อย่างนั้น Derya MK12 คงเป็นใบ้อย่างฉับพลันแน่ ๆ เขาพยายามอย่างถึงขีดสุดแล้วที่จะไม่หลุดยิ้มกับน้ำเสียงและแววตาเจ้าชู้ของอีกคนที่ทะลุออกมาจากโทรศัพท์ มือที่วางอยู่บนหน้าขานั้นบีบเข้าหากันแน่นจนลืมเจ็บ การสู้กับเล่ห์เหลี่ยมพี่ธีร์น่ะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่โซ่จะพยายามเอาประสบการณ์จากเกมทุกเกมที่เคยเล่นมาใช้ ซึ่งนั่นคือการร้องเพลงตาม
แต่พี่ธีร์กลับอมยิ้ม แกล้งหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นทาบอกข้างซ้ายขณะที่เขากำลังร้องเพลง
“โซ่ร้องเพลงได้ดีเลยใช่ไหมล่ะครับ”
( Touch มาก Touch ที่สุด Touch มาถึงตรงนี้จนมันเต้นตุบตับ )
เกลียดพี่ธีร์จัง... ทำไมต้องล้อกันด้วยสีหน้าและทำท่าเด้งอกใส่กล้องโทรศัพท์ด้วยเนี่ย... ขนาดไม่ได้อยู่ข้าง ๆ กันยังร้ายได้ พี่ธีร์สุด ๆ ไปเลย
“เล่นเกมกันนะครับ...”
( จัดไปค้า )
“วันนี้โซ่ไม่เปิดสตรีมนะ เพราะฉะนั้นพี่ธีร์ห้ามแกล้งโซ่ในช่องของตัวเอง”
( แกล้งยังไง? )
“ก็แกล้งหยอด แกล้งร้องเพลงจีบเล่น ๆ”
( เล่นตรงไหนวะโซ่ อันนั้นคิดจริง ชาวบ้านเขาขอแต่งงานกันในคอนเสิร์ต แต่พี่ขอในเกม หล่อกว่านี้ก็พี่ชุบแป้งทอดแล้ว )
“ไม่ได้ครับ ห้ามจีบ”
( จะจีบ ห้ามอะไรจะทำให้หมด )
“เล่นเกมยิงปืนต้องใช้สมาธินะครับ”
( แล้วเมื่อไหร่จะใช้หัวใจเล่น )
“ไม่ต้องครับ” โซ่มองคาดโทษคนในจอโทรศัพท์ที่เบะปากเป็นเด็ก ก่อนจะพุ่งเข้ามาจนเขาผงะถอยหลังออกตามสัญชาตญาณ “อะไรกันครับพี่ธีร์ ตกใจหมดเลย”
( มองไม่ค่อยชัด สายตาเริ่มไม่ดีแล้ว สงสัยต้องไปตัดแว่นสักหน่อย )
“ก็พี่ธีร์ชอบปิดไฟเล่นเกม โซ่บอกแล้วว่าให้เปิดไฟ”
( กลัวจะไม่ใช่สายตาสั้นอะดิ )
“แล้วเป็นอะไรครับ?”
( กลัวเพราะความรักทำให้ตาพร่าเบลอ )
“...”
( เค เข้าเกม )
“เดี๋ยวโซ่จะยิงพี่ธีร์ แล้วก็จะไม่มีใครชุบ”
( เออ ฆ่าเสร็จแล้วก็เก็บหัวใจพี่ขึ้นไปด้วยนะ อย่าทิ้งไว้ตรงนั้นเดี๋ยวมันแห้งคาแดด )
“โอ๊ย” เด็กหนุ่มตัวผอมขมวดคิ้วอย่างเหลืออด ไม่ว่าจะพูดอะไรพี่ธีร์ก็เตะตัดขาล้มได้ทุกประโยคเลย “อย่าเพิ่งสตรีมนะครับ โซ่ขอถามก่อน”
( เรื่องไซส์กางเกงในเหรอ )
“ไม่ใช่ครับ...” คนในจอเอาแต่หัวเราะ และโซ่ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะหายหมั่นไส้พี่ธีร์ได้ เขาได้แต่ขยำทิชชู่แล้วเขวี้ยงใส่โทรศัพท์ และคนในจอก็รับมุกด้วยการเซไปกับเบาะนั่ง “พี่ธีร์ยังรักพี่เบลอยู่ไหมครับ?”
สำหรับเด็กที่ไม่เคยมีแฟน เขาจึงทำตัวไม่ถูก โซ่ไม่รู้ว่าพี่ธีร์คิดกับเขาและพี่เบลอย่างไรกันแน่?
( เอาความจริงหรือโกหก )
“ก็ต้องความจริงสิครับ...” พี่ธีร์เท้าศอกลงกับพนักวางแขนพลางลูบริมฝีปาก ดวงตาคู่นั้นไม่ได้มองเขาอีกแล้ว และโซ่รู้สึกดีที่อย่างน้อยอีกฝ่ายอยากคิดทบทวนแทนที่จะพูดออกมาเพื่อเอาใจ
( พี่ยังรักเบลอยู่ )
ทั้งที่คาดหวังว่าควรได้ยินอย่างนี้ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ โซ่กลับรู้สึกหวิวเสียอย่างนั้น
“โซ่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่พี่ธีร์แยกความรู้สึกมาชอบโซ่ได้ด้วยเหรอ?”
( ไม่ได้หรอก เพราะมันคนละเรื่องกัน ถึงพี่จะชอบทำตัวกากใส่แต่พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะโซ่ )
“ไม่รู้สิครับ โซ่คิดว่าพี่ธีร์ยังรักพี่เบลอยู่ ขอโทษนะครับถ้าโซ่คิดไปแล้วว่าพี่ธีร์แกล้งจีบเล่น ๆ เพื่อกลบความเสียใจ”
( พี่รู้ ไม่ผิดหรอกถ้าเราจะคิดแบบนั้น พี่เลิกกับเบลเพราะไปกันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะหมดรัก ความรู้สึกเดิม ๆ มันเลยยังอยู่อะ แต่ที่เกิดกับเรามันก็ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ )
“แน่ใจนะครับว่าไม่ใช่ชอบโซ่เพราะอยากลืมพี่เบล”
( เอาจริงไหม ไม่มีใครลืมแฟนเก่าได้หรอก ไม่ว่าจะแฟนคนแรกที่จบกันไม่ดี หรือคนที่คบกันแค่เดือนสองเดือน ทุกคนอยู่ในนี้หมด )
พี่ธีร์ชี้ขมับตัวเองแล้วคว้ามือถือขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปตรงระเบียงห้อง
( พี่ลืมแฟนเก่าไม่ได้ไม่ใช่เพราะฝังใจ แต่เพราะคนเรามีความทรงจำไงพวกเค้าก็เลยยังวนเวียนอยู่ในนี้ คนมันเคยสร้างความทรงจำด้วยกันอะโซ่ แต่สำหรับเราน่ะ )
คนขี้แกล้งกลายเป็นคนจริงจังไปแล้ว โซ่เม้มริมฝีปากขณะที่อีกฝ่ายกดกล้องลงให้อยู่ตรงช่วงอก ก่อนมือขวาจะทาบลงบนอกข้างซ้าย
( อยู่ในนี้ )
“...”
( เลี่ยนกว่าชีสก็พี่นี่แหละ )
“รู้ว่าเลี่ยนแต่ก็เอาแต่พูดแบบนั้นนี่ครับ...”
( ก็อย่าเขินแล้วน่ารักดิวะ ขนาดตอนกลัวพี่ไม่จริงจังยังน่ารัก แล้วงี้จะเล่นเกมได้ไหม? )
“อะไรล่ะครับ ก็พี่ธีร์ทำให้โซ่คิด”
( พี่ต้องทำหน้าขรึมแบบนี้ แล้วพูดว่า ‘โซ่ ขอเวลาพี่ลืมเบลหน่อยนะ อีกสักสามปีเดี๋ยวตามไปจีบ’ ตอนนั้นเราไม่โดนน้องแพรวลากไปแดกละเหรอ )
“โหพูดพูดเข้าครับ หยาบคายได้แม้แต่กับน้องกับนุ่ง”
( ก็นั่นน้องนุ่งไง แต่ถ้าน้องแถวนี้ไม่นุ่งก็อีกเรื่อง อ้าวเขินนนนนนนนนนน )
“...เกลียดครับ”
( พูดก็พูดเถอะ จากประสบการณ์อันโชกโชนที่ผ่านมา พี่เชื่อว่าเราชอบพี่แล้ว )
“โซ่ถามเพราะอยากรู้ว่าพี่ธีร์คิดอะไรอยู่ต่างหากล่ะครับ ถ้าโซ่ปฏิเสธไปเลยก็กลัวว่าพี่ธีร์จะหมดสนุก ไม่มีอะไรทำตอนสตรีม แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นแฟน ๆ ก็จะเริ่มหายไป พอถึงตอนนั้นพี่ธีร์ก็จะโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวในชาแนล”
( เข้ เป็นห่วงกันขนาดมองการไกล ไม่ต้องเป็นแล้วโปรเพลย์เยอร์อะ เป็นอนาคตของพี่ดีกว่า )
“ตอนแรกโซ่อาจจะทำตัวไม่ถูก แต่ตอนนี้โซ่เริ่มชินแล้วครับ มุกจีบของพี่ธีร์อะ เฉย ๆ มาก”
( อ้าว ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลดิวะ อย่าให้เจอแล้วกัน เก่ง ๆ แบบนี้พี่ชอบ )
“ไม่กลัวหรอกครับ โซ่จะต่อยพี่ธีร์ให้น่วมเลย”
( เข้ นักเลงว่ะ )
“พี่ตั้บสอนมาดีครับ โซ่คิดว่าใช้กับพี่ธีร์น่าจะเหมาะสมที่สุด”
ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร อีกทั้งยังแลบลิ้นใส่คนในกล้องเหมือนเด็กอนุบาลที่โกรธกันเพราะเรื่องแย่งสีไม้
( สรุปกังวลเรื่องเบลเหรอ กลัวพี่ไม่แคร์เค้าหรือไง? )
“ก็ควรแคร์หรือเปล่าครับ... ตอนนี้พี่เบลกำลังพยายามดึงตัวเองไม่ให้เศร้า พี่เค้าน่าเป็นห่วง”
( พี่รู้ พี่ตามดูตลอดนั่นแหละ แต่ที่พี่ไม่เศร้าไม่ใช่เพราะพี่ไม่แคร์เค้านะ แต่เพราะพี่มีเราไง )
“โซ่ช่วยอะไรได้ที่ไหนล่ะครับโธ่...”
( ไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว ทำไมไม่หัดมีแฟนก่อนมาเจอพี่วะ เข้าใจอย่างยาก )
“มันเป็นความผิดของโซ่เหรอครับ ถ้าพี่ธีร์อยู่เฉย ๆ ไม่จีบหนักเหมือนทุกวันนี้โซ่ก็คงไม่คิดมากหรอก”
( เออ พี่ผิดก็ได้ เอาเป็นว่าสักวันเราจะเข้าใจเอง โอเคไหม รีบโต รีบเข้ามาในใจพี่ดิวะ จะได้รู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่ )
“หมายความว่าโซ่ต้องชอบใครสักคนก่อนใช่ไหมครับถึงจะเข้าใจความรู้สึกนั้น”
( อ้าว ไม่ได้ดิวะโซ่ ถ้าจะมีก็ต้องพี่แล้วอะจุด ๆ นี้ )
“ชอบคนอื่นดีกว่าครับ โซ่อยากเป็นฝ่ายจีบมากกว่า”
( ก็จีบพี่ดิ เดี๋ยวพี่ยอมเป็นเมียให้ก็ได้ )
“โอ๊ย” มองคนในกล้องที่แกล้งทำหน้าจริงจัง ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาในที่สุด
( อย่าปล่อยให้พี่ชอบเราอยู่ฝ่ายเดียวดิ มันเหงา )
โซ่อาจจะเป็นเด็กเด๋อ ๆ ที่ไม่เข้าใจเรื่องความรักนัก แต่เขารู้สึกได้ว่าพี่ธีร์คงไม่โกหกหรอก... แม้ว่าวิธีการพูดจะเต็มไปด้วยความทะเล้นจนดูไม่จริงจัง แต่การได้รู้ว่าพี่ธีร์ยังตามดูพี่เบลอยู่ห่าง ๆ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ลึก ๆ เหมือนไม่อยากได้ยินคำว่าชอบ แต่พอได้ยินจากปากพี่ธีร์ทีไร... หัวใจมันก็ทำงานหนักทุกทีเลย
*
ต่อข้างล่างนะคะ <3