*
สมัยเรียนมหา’ลัยธีร์มาเที่ยวกลางคืนแถวทองหล่อค่อนข้างบ่อย แต่พอจบแล้วเขาก็ใช้เวลาอยู่กับเกมและปาร์ตี้หมูกระทะเสียมากกว่า มีบ้างที่กินเหล้า ซึ่งบรรยากาศแออัดในจุดที่มีคนเยอะ ๆ ก็เคยให้ความสนุกได้แค่ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นช่วงต้น แต่พอเข้าช่วงปลายธีร์กลับรู้สึกชอบบรรยากาศเงียบ ๆ ที่ได้ยินเสียงพูดของคนสนิทมากกว่าเสียงเพลงที่ดังทุ้มอยู่ตลอดเวลา
ชายหนุ่มกดโทรหาแฟนสาวอีกครั้งเมื่อมาถึง และคนที่รับสายยังคงเป็นคนเดิมคือฝ้ายซึ่งเธอกำลังตรงมาทางนี้ หญิงสาวไซส์เอสมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางถอนหายใจ ในมือนั้นถือสมาร์ทโฟนของเบลอยู่ เขาจำได้เพราะเป็นคนซื้อเคสให้เอง
“เบลล่ะ?”
“พวกอีนุ่มลากไปขึ้นรถแล้ว เมาจนอ้วกไปสองสามรอบ”
“ถึงกับอ้วกเลยเหรอ โอเค งั้นพาเราไปหาเบลหน่อย” ธีร์ก้าวไปทางที่อีกคนเดินมา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อฝ้ายไม่ยอมเดินมาด้วย เธอเลือกยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น มองหน้าเขาด้วยสายตาที่ไม่ได้ส่งไปในทางที่ดีสักเท่าไหร่
“ฉันถามจริง ๆ นะธีร์ แกเป็นอะไรกับเกมนักหนาวะ?”
“หะ?” อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนชก ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางกลอกตาระหว่างเรียกสติ เสี้ยววินาทีหนึ่งเขาถามตนเองว่าหูเพี้ยนไปเองหรือไม่ ทำไมถึงได้ยินเพื่อนสนิทแฟนหาเรื่องตั้งแต่ประโยคแรกที่เจอกัน
“อีเบลแม่งเครียดมากเคยรู้บ้างปะ?”
“เครียด? เรื่องอะไร?”
“ฮะ?” ฝ้ายเลิกคิ้วก่อนจะแค่นหัวเราะ ไม่บ่อยนักที่ธีร์จะได้เผชิญหน้ากับกลุ่มเพื่อนสนิทของเบล แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาพอจะนึกออกว่าผู้หญิงกลุ่มนี้ค่อนข้างประสาทแดกอยู่ประมาณหนึ่ง “นี่ไม่เคยรู้ตัวเลยใช่ไหมว่าทำอะไรลงไปบ้าง ตลอดเวลาที่คบกับเพื่อนฉันแกเคยสนใจบ้างปะว่าเบลมันรู้สึกยังไง?”
“เอางี้นะฝ้าย ถ้ามีอะไรในใจกับเราก็พูดมาตรง ๆ เลยดีกว่า เพราะถ้าเราผิด เราจะได้แก้ไขมันซะตั้งแต่ตอนนี้ แต่ถ้าฝ้ายจะตั้งแง่ ประชดเราอ้อมโลกแบบนี้ คุยกันสามปีก็คงไม่ได้คำตอบหรอก” เจตนาเขาคือมารับเบลไปส่งบ้าน ไม่ใช่มายืนให้ผู้หญิงยืนเท้าเอวมองจิกด้วยสายตาแบบนี้
“ฝ้าย อย่า” ธีร์หันไปตามเจ้าของเสียง ก่อนจะพบแฟนสาวที่กำลังเดินมาด้วยสภาพไม่เต็มร้อย หากมองจากสีหน้าก็รู้ว่าเมา เขาจึงคว้าแขนเธอไว้เป็นหลักไม่ให้เธอล้ม “พอเถอะ มึงตกลงกับกูแล้วไง”
“ตกลงอะไร ถ้ามึงไม่พูดวันนี้กูจะเป็นคนพูดเอง”
“ช่างมันเถอะ กูขอล่ะ”
“มึงอย่าโง่ได้ไหมเบล ถ้าไม่พูดวันนี้ พวกกูก็ต้องทนฟังมึงระบายทุกวัน จะประสาทแดกใส่พวกกูแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเวลาอยู่กับมันตลอดเหรอกูถามหน่อย”
โอเค ตอนนี้ธีร์พอจะจับต้นชนปลายได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น คงไม่วายเป็นเรื่องเบลไประบายให้เพื่อนฟังว่าเขาไม่ใส่ใจ หรืออะไรก็ตามที่ผู้ชายอย่างเขาต้องเป็นคนผิด
“มีอะไรค่อยคุยกันวันหลังแล้วกันฝ้าย เบลจอดรถไว้ไหน เดี๋ยวธีร์ไปส่ง” ชายหนุ่มประคองไหล่แฟนสาวไว้ แต่เธอกลับถูกกระชากออกไปโดยคนเป็นเพื่อนสนิทที่คงเมาประมาณหนึ่ง ถึงได้อารมณ์รุนแรงขนาดนี้
“มาแสดงความห่วงใยอะไรเอาตอนนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำอะไรอยู่ ตอนเพื่อนฉันร้องไห้เพราะเครียดแกเคยรู้บ้างไหมธีร์ มันอยากแต่งงาน มันอยากมีครอบครัว เคยนั่งฟังมันอย่างตั้งใจบ้างไหม หรือจะเอาแต่เล่นเกมอย่างเดียว เออ เชิญตามสบายเหอะ เพื่อนฉันคนเดียวฉันดูแลได้”
“ฝ้าย ฟังนะ” ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ มันไม่ตลกเลยสักนิดที่จะยืนให้ผู้หญิงด่าในเรื่องที่เธอเองก็ไม่เข้าใจอะไรเลยด้วยซ้ำ แถมยังใส่ไม่ยั้งจนเรียบเรียงคำพูดไม่ได้ “เราจะคิดว่าฝ้ายเมาถึงได้พูดแบบนั้น ตอนนี้ปล่อยมือเบลก่อน เราจะพาเบลกลับบ้าน”
“อีเบล ถ้ามึงไปเราเลิกเป็นเพื่อนกัน”
“ธีร์ใจเย็นก่อนได้ไหม ฟังฝ้ายพูดก่อน”
“ฟังอะไรเบล ฟังเค้าด่าธีร์กับเรื่องที่เราเคยคุยกันมาแล้วล้านครั้งน่ะเหรอ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม “รอฝ้ายสร่างก่อนดีกว่าไหม จะให้ธีร์ไปนั่งรอตรงไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
เขาถอนหายใจพลางมองไปทางอื่น ธีร์รู้สึกได้ถึงความร้อนตรงศีรษะ พี่ตั้บเคยบอกว่าไม่ควรต่อล้อต่อเถียงกับคนเมา ซึ่งเขาทำมาตลอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตอนนี้ได้อย่างไร
“ก็ลองคิดดูหน่อยไหมว่าถ้าพูดไปแล้วล้านครั้งแต่แฟนยังไม่ดีขึ้น นั่นแสดงว่ามันไม่เวิร์ก”
“นี่ฝ้าย เรื่องแต่งงานเราเคยคุยกับเบลตั้งนานแล้วว่าจะแต่งกันตอนอายุสามสิบ ซึ่งตอนนั้นเราน่าจะมีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านสักหลังแล้วก็จ้างแม่บ้านเดือนละเป็นหมื่นมาคอยกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ให้เพราะเบลไม่ทำ แล้วเราก็ต้องหาเงินไว้ให้เบลไปเที่ยวอังกฤษ ฝรั่งเศสกับพวกฝ้ายอีก เพราะถ้าแต่งงานกันแล้วคนที่จะรับผิดชอบเรื่องการเงินของเบลร้อยเปอร์เซ็นต์คือตัวเรา ไม่ใช่พ่อแม่ของเบลอีกต่อไป แต่ตอนนี้ธีร์มีอะไร ใช่ฝ้าย ธีร์พอจะมีเงินอยู่บ้าง แต่มันยังไม่มากพอที่จะเลี้ยงคนหลายชีวิต ธีร์ต้องเก็บเงินไปเรื่อย ๆ”
“แล้วมันเป็นความผิดใคร ไม่ใช่เพราะแกเหรอที่ย้ายออกจากบ้านมาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าทำร้านทองแทนพ่อแม่ยังไงก็เลี้ยงเบลกับลูกอีกสิบคนได้สบายอะ”
“อ้าว แล้วเราต้องทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบไปตลอดชีวิตเพื่อเลี้ยงเบลกับลูกเหรอวะฝ้าย มันมีอีกตั้งหลายวิธีที่เราจะทำแบบนั้นได้โดยไม่ต้องดูแลร้านทอง” ธีร์ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาอธิบายเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ เขาไม่ได้หันไปมองหน้าแฟนสาวด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าสังเกตจากหางตา ชายหนุ่มคิดว่าเธอกำลังมองอยู่ “ตอนถูกบังคับให้เรียนพิเศษเพราะเกรดแย่ตอนนั้นฝ้ายยังไม่อยากทนเลย แต่ฝ้ายกำลังยัดเยียดเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบให้เราเนี่ยนะ ได้เหรอฝ้าย?”
“พอแล้ว ถ้าจะเป็นแบบนี้คงพูดไม่รู้เรื่องหรอก” เบลพยายามหยุดบทสนทนานี้ด้วยการเดินมาแทรกตรงกลาง มือของเธอเย็นเฉียบ และมันส่งมาถึงหัวใจคนที่อดทนอยู่กับเรื่องแบบนี้มาหลายปีได้อย่างง่ายดาย
ทนอยู่กับการถูกพ่อแม่ตัวเองและพ่อแม่เบลกดดันต่อว่าสารพัด ไปจนถึงเพื่อนสนิทเบลที่ธีร์พยายามเข้าใจมาตลอดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดที่ผู้หญิงจะเล่าทุกเรื่องให้กันฟังจนโกรธแทนเพื่อน แต่แบบนี้มันเกินไปแล้ว
“ฝ้ายยังอยากทำในสิ่งที่ฝ้ายชอบ แต่ทำไมถึงไม่ให้อิสระคนอื่นที่จะทำบ้างล่ะ?”
“...” คนถูกย้อนด้วยความจริงเพ่งมองอย่างไม่ยอมพร้อมกำหมัดแน่น ฝ้ายพูดไม่ออก จึงได้แต่คว้ามือเพื่อนสนิทไว้ให้อยู่ตรงนี้ด้วยกัน
“เราเกิดมาเพื่อตัวเองหรือเพื่อคนอื่น นั่นคือสิ่งที่เราทบทวนตัวเองก่อนจะย้ายออกมา แล้วเพื่อนฝ้ายก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำ”
“ที่เห็นด้วยก็เพราะมันรักแกปะ คิดหน่อยสิธีร์ ผู้หญิงที่ยอมแฟนก็เพราะรักทั้งนั้น”
“แล้วเราไม่รักเบลตรงไหนเหรอฝ้าย?”
“ยังจะถามอีก? สิ่งที่แกเป็นมันเห็นอยู่ชัด ๆ แล้วไหมธีร์ เบลมันเหงาเคยรู้เคยทำความเข้าใจบ้างไหม มีผู้ชายไปคุยกับมันตั้งกี่สิบคน แต่มันไม่เลือก ทั้งที่คนพวกนั้นมีอนาคตกว่าแก”
“จริงเหรอเบล?” คนถูกถามหัวใจเต้นเร็วแรง เมื่อมันย้อนแย้งกับสิ่งที่เคยแสดงออกต่อหน้าแฟนหนุ่มว่าเข้าใจเสมอมา ทั้งที่ความจริงเธอไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น
“เบลเหงา อยากอยู่กับธีร์นาน ๆ บ้าง แต่ทุกวันนี้ธีร์มีแต่เกม เบลก็พยายามทำความเข้าใจแล้วแต่เบลผิดเองที่อดน้อยใจไม่ได้”
“ธีร์ขอโทษ” เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนทันทีที่เห็นน้ำตาของแฟนสาว “เราเคยโทรคุยกันทุกคืน แต่ธีร์รู้ว่าอะไร ๆ มันเริ่มเปลี่ยนแปลงตอนธีร์ไปเรียนเมืองนอกเพราะเวลาไม่ค่อยตรงกัน พอกลับไทยธีร์ก็เอาจริงเอาจังกับงานด้านนี้ แต่ธีร์พยายามแล้ว ทั้งเรื่องโทรหาทุกวัน ไปเที่ยวข้างนอกด้วยกันทุกครั้งที่เบลต้องการ แต่เบลก็หงุดหงิดใส่เวลามีเสียงคีย์บอร์ดเข้าไปในสาย บอกว่ารำคาญมันเสียงดัง จะวางสายไปทำอย่างอื่น แล้วธีร์ควรจะทำยังไงในเมื่อเสียงที่เบลรำคาญมันคืองานที่ทำให้ธีร์มีเงินเลี้ยงตัวเองได้ แล้วก็ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้เบลเป็นของขวัญ”
หญิงสาวลดระดับสายตาลง ความรู้สึกมากมายเริ่มถาโถมเข้ามาจนดูเหมือนว่าความเก็บกดเหล่านั้นจะระเบิดอยู่รอมร่อ เธอเข้าใจในสิ่งที่ธีร์พูดแต่ความน้อยใจสะสมมันมีมากกว่า จนความคิดอีกด้านหนึ่งตะโกนมาว่า ‘ถ้าเขารักเธอจริง เขาก็ควรเลือกเธอมากกว่าเกมนั่นไม่ใช่เหรอ?’
“รถก็ไม่มีขับ ไม่อายหรือไงที่ให้เบลไปรับทุกครั้งเวลาไปเที่ยวด้วยกัน หรือเกมที่เล่นมันทำเงินให้น้อยจนซื้อรถไม่ได้?”
“เหมือนฝ้ายไม่มีเรื่องจะด่าแล้วอะ ใจเย็นก่อนไหม รถเรามีแล้วแต่มันจอดโง่ ๆ อยู่บ้าน คือถ้าจะกลับไปเอาก็ต้องเจอหน้าพ่อก่อนซึ่งตอนนี้เรายังไม่พร้อม แล้วการขึ้นแท็กซี่มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร หรือถ้าจะมีก็คงเป็นปัญหาของฝ้ายแล้ว”
“อ้าวธีร์ เราพูดดี ๆ ปะ?”
“เราว่าฝ้ายไปนั่งสงบสติก่อนแล้วค่อยพูดประโยคนั้นกับเราอีกที”
ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนเบลจะกระซิบบอกบางอย่างฝ้ายจึงยอมปล่อยมือออก ทั้งสามคนทนอยู่กับความกระอักกระอ่วนอยู่เพียงอึดใจ ธีร์จึงพาเบลเดินออกจากตรงนั้นไปโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรอีก
*
บรรยากาศในรถช่างเงียบงัน ต่างจากความคิดของทั้งคู่ที่กำลังตะโกนออกมาให้สมกับความอึดอัดมากมายที่อัดแน่นอยู่ข้างใน เบลคาดเข็มขัดฝั่งคนนั่ง หญิงสาวไม่ได้มองหน้าคนข้างตัวด้วยซ้ำเพราะลึก ๆ ก็โกรธธีร์ที่หักหน้ากันด้วยการต่อว่าเพื่อนเธออย่างนั้น ฝ้ายก็แค่หวังดี ธีร์จะไปชวนทะเลาะด้วยทำไมกัน
“ธีร์น่าจะใจเย็นกว่านี้หน่อย ธีร์ก็รู้ว่าฝ้ายเป็นคนยังไง”
“แล้วเบลรู้หรือเปล่าว่าธีร์เป็นคนยังไง” ชายหนุ่มเลือกมองถนนมากกว่าจะหันไปคาดคั้นเอาคำตอบจากปากคนรัก “ช่วยอธิบายให้ธีร์ฟังหน่อยได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนเบลไปเที่ยวเรายังคุยกันดี ๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
คนถูกถามไม่ได้ให้คำตอบ เพราะเธอรู้ว่ามันงี่เง่าเกินกว่าจะเล่าให้ฟัง แต่ลึก ๆ ก็อยากพูดมันออกไป เผื่อว่าบรรยากาศที่เป็นอยู่จะดีขึ้นบ้าง “เบลอิจฉาเพื่อน”
“หะ?”
“น้ำฝนกำลังจะแต่งงาน นุ่มก็แต่งไปแล้ว ส่วนฝ้ายก็กำลังดูใจกับแฟนที่อังกฤษ ทุกคนมีอนาคตกันหมดแล้วธีร์ แต่เบลไม่มีอะไรเลย”
“ทั้งที่ฝ้ายก็ยังไม่แต่งงาน แต่อะไรที่ทำให้เบลคิดอย่างนั้น?”
“...”
“โอเค ๆ ธีร์เข้าใจแล้ว ไม่ร้องนะ ธีร์ขอโทษ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบศีรษะปลอบเธอ กับเหตุผลของผู้หญิงที่ผู้ชายอย่างเขาแทบเข้าไม่ถึง “สมัยนี้โซเชียลมันไปไว บางทีถ้าเล่นเฟซบุ๊กกับไอจีน้อยลงเบลอาจจะไม่รู้สึกแบบนั้นแล้วก็ได้ เหมือนเราเห็นคนอื่นลงรูปไปเที่ยวต่างประเทศ เห็นคนอื่นมีชีวิตดี ๆ มันอาจทำให้เราเผลอเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว ซึ่งความจริงมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เบลต้องไปอิจฉาคนอื่นเลย เบลทั้งเก่งทั้งสวย มีครอบครัวที่อบอุ่น แล้วก็มีธีร์อยู่แล้วทั้งคนนะ”
“มีธีร์ที่อยากอยู่กับเกมมากกว่าเบลน่ะเหรอ ธีร์ เบลไม่ได้ชวนหาเรื่องนะ แต่เบลคิดอย่างนั้นจริง ๆ”
“เบลลองคิดดี ๆ ธีร์ไม่ได้อยู่กับเกมตลอดเวลานะ เรามีช่วงที่โทรคุยกัน ตอนที่ธีร์ไม่ได้ทำงาน”
“นั่นสินะ ธีร์เรียกการเล่นเกมว่าทำงาน”
“ธีร์มีเงินใช้ทุกวันนี้ก็เพราะมันไงเบล” เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งขณะหมุนพวงมาลัยเลี้ยวขวา “เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาไม่ได้จนกว่าจะแต่งงานกันเบลก็รู้”
เพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ให้ค้างที่บ้านและไม่ให้มาค้างกับเขา ดังนั้นเหตุผลการอยู่ด้วยกันยันเช้าจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยครั้งตลอดหลายปีที่คบกันมา
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจธีร์ได้เลยใช่ไหม?” เบลมองคนรักอย่างผิดหวัง เธอเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องที่ไม่เข้าใจ “ถ้าคนทั้งประเทศทำงานจากการเล่นเกมได้ ป่านนี้คงไม่มีคนจนหรือเปล่า เด็กที่เรียนไม่จบ ไม่มีอนาคต เป็นลูกจ้างเงินเดือนน้อย ๆ ก็เสียคนเพราะเกมทั้งนั้น”
“เราคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่า เดี๋ยวธีร์มาหาตั้งแต่เช้าเลย โอเคไหม?”
“ทำไมไม่คุยตอนนี้ล่ะ เพราะเบลกล้าที่จะพูดมากกว่าทุกครั้งใช่ไหม?”
“ใช่ ธีร์อยากคุยกับเบลตอนที่พูดด้วยเหตุผลมากกว่าจะพูดเพราะมีความกล้า” ชายหนุ่มเคาะปลายนิ้วลงกับพวงมาลัยขณะมองถนน “ธีร์ไม่อยากทะเลาะกับเรื่องเดิม ๆ แล้ว ขอร้องได้ไหม?”
“ได้สิ เพราะเดี๋ยวเบลจะเป็นคนกลับไปจัดการตัวเองเหมือนทุกครั้งเอง ส่วนธีร์ก็เล่นเกมอย่างมีความสุข”
“โอเค ปัญหาของเรื่องนี้อยู่ที่ธีร์เล่นเกม ถ้าธีร์ลบชาแนลทิ้ง เลิกเล่นเกมตลอดชีวิตแล้วกลับไปทำร้านทอง เบลจะมีความสุขใช่ไหม?”
เธอตอบได้ไม่เต็มปาก เพราะลึก ๆ ก็รู้สึกว่ามันน่าเกลียดเกินไปถ้าหากจะพูดอย่างนั้น แต่การสนับสนุนให้เล่นเกมต่อก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากหาข้อตกลงกับอีกฝ่าย เบลมองคนที่หันมาสบตากัน เพื่อบอกให้รู้ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้กำลังผิดหวังและเสียใจมากแค่ไหนที่ต้องทะเลาะเรื่องเดิม ๆ อีกครั้ง
“มันจะทำให้เบลสบายใจเหมือนตอนทุบคีย์บอร์ดทิ้งหรือเปล่า”
ภาพจากเหตุการณ์นั้นย้อนกลับมาให้รู้สึกผิด ในตอนที่ทะเลาะกันจนเธอควบคุมสติไม่ได้จึงเผลอทำลายข้าวของไป ธีร์ไม่ได้เข้ามาห้ามเลยด้วยซ้ำ กลับกันแล้วผู้ชายคนนี้เพียงยืนมองซากปุ่มเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่เต็มพื้น ก่อนจะเงยหน้ามองเธอด้วยแววตาในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่หลังจากได้สติก็รีบขอโทษ เบลรีบเสิร์ชหาข้อมูลคีย์บอร์ดที่แฟนหนุ่มใช้แล้วรีบซื้อมาคืน มันอาจจะเป็นของราคาไม่กี่พัน แต่นั่นก็ทำให้แฟนหนุ่มเงียบหายจากโซเชียลไปหลายวันทั้ง ๆ ที่มีคีย์บอร์ดสำรองอยู่ และตอนที่แกะกล่องของขวัญออก ธีร์ก็ยิ้มบาง ๆ พร้อมบอกว่า
‘ขอบคุณมากนะเบล’
“เบลขอโทษ” คำนี้มันอาจจะไร้ค่าไปแล้วเมื่อต่างฝ่ายต่างใช้มันอย่างพร่ำเพรื่อ ธีร์จอดรถตรงประตูหน้าบ้านเธอพร้อมดับเครื่องลง และเบลรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่เขายังอยู่ตรงนี้ “เบลแค่มองไม่เห็นอนาคตของอาชีพนี้น่ะ ถึงใครหลายคนจะบอกว่ามันไปได้ดี แต่ในประเทศเรามันยังเบามาก และผู้ใหญ่ก็มองว่าเกมคือปัญหาของเด็ก อีกอย่าง... ธีร์อาจจะฮอตในตอนนี้ มีคนตามเป็นล้าน แต่ถ้าแก่ตัวไปล่ะ... แฟนคลับที่เคยบอกว่ารักธีร์อาจจะไปชอบคนที่เด็กกว่าก็ได้”
“วงการเกมไม่ได้มีแค่นี้หรอกเบล ธีร์สามารถไปทำงานอื่นที่เกี่ยวกับเกมได้ เพราะสิ่งที่ธีร์ต้องการมันไม่ใช่แค่การเป็นนักกีฬา E-Sport แต่มันคือการใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่รักไปจนแก่ ธีร์อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้วงการเกมไปได้ไกลกว่านี้”
“แล้วถ้ามันไม่เข้าท่าล่ะ ชีวิตธีร์จะเป็นเหมือนพี่ตั้บหรือเปล่าที่ต้องเฝ้าร้านเกมไปวัน ๆ แลกกับเงินวันละไม่กี่พัน กินข้าวหน้าคอมจนไม่ดูแลตัวเอง แบบนั้นมีความสุขตรงไหนเหรอ?”
“แล้วการเป็นแบบพี่ตั้บไม่ดียังไง อย่างน้อยมันก็มีเมียที่เข้าใจและพร้อมสนับสนุนทุกอย่าง มีลูกที่กำลังจะเกิด แล้วพ่อมันก็คงสนับสนุนทุกอย่างขอแค่ลูกชอบ ชีวิตมันมีความสุขขนาดนั้นยังต้องสงสัยอะไรอีก?”
“...”
“ความสุขของชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกันนะเบล บางคนอาจจะเป็นการแต่งงานกับใครสักคน แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดแน่ ๆ บางคนอาจจะอยากอยู่กับหมาสักตัว บางคนเลือกท่องเที่ยวไปกับเพื่อน บางคนแค่กินของอร่อยทุกวัน บางคนเล่นเกม”
“อย่างหลังสุดคือธีร์ใช่ไหม แบบที่ไม่มีเบลก็ได้”
“เบล” ธีร์หันหน้าเข้าหาแฟนสาวอีกครั้ง เขาพยายามไม่โกรธเธอที่กล่าวถึงรุ่นพี่คนสนิทในแง่นั้นโดยไม่เคยทำความเข้าใจอะไรเลย ทุกคนมีต้นทุนต่างกัน สายงานที่แตกต่างกัน และแนวทางการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการดูถูกพี่ตั้บด้วยคำพูดจึงทำร้ายจิตใจเขาเหลือเกิน “เคยลองถามตัวเองหรือเปล่าว่าอยากแต่งงานเพราะอะไร?”
“...”
“เพราะอยากสร้างชีวิตคู่ด้วยกันจริง ๆ หรือแค่ไม่อยากอายเพื่อน... เบลบอกธีร์หน่อยได้ไหม?”
เหมือนถูกมีดกรีดกลางอก หญิงสาวรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกที่เหตุผลอย่างหลังมันมีมากกว่าจนเธอเองก็ไม่อยากยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง กับสังคมเพื่อนฝูงที่มักจะอวดเรื่องของตัวเองเมื่อนัดเจอกัน แต่เบลกลับทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ อีกทั้งยังโดนเพื่อนพูดจาเหน็บแนมใส่ว่ามีแฟนเป็นคนขี้เกม และเธอจะหมดอนาคต
“ก็ต้องเป็นเพราะเบลอยากมีครอบครัวอยู่แล้ว...”
“เหรอ?”
“ธีร์มองแบบนั้นจะหาว่าเบลโกหกหรือไง?”
“เปล่า เอาเป็นว่าธีร์กลับก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันนะ เดี๋ยวธีร์ซื้อขาหมูเจ้าโปรดมาให้” เขาเปิดประตูรถตั้งท่าจะออกไป แต่ก็ถูกอีกคนตะโกนรั้งไว้เสียก่อน
“ถ้าไปเราเลิกกัน”
“...”
“เบลก็อยากรู้เหมือนกันว่าพอถึงเวลาที่ต้องเลือกแล้ว เบลจะสำคัญกว่าเกมที่ธีร์รักไหม” หญิงสาวน้ำตาคลอ มองแววตาคู่นั้นที่มองมาอย่างเย็นชาราวกับว่าเอือมระอาในสิ่งที่เธอเป็นเต็มทน
“พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
“ไม่ เบลจะเอาคำตอบเดี๋ยวนี้”
“เบล”
“ให้คำตอบเบลตอนนี้เถอะนะ” เหมือนกับอ้วกที่บังคับไม่ได้ว่าจะกลั้นเอาไว้หรือคายออกมา เบลยังคงแสดงออกในด้านที่เธอรู้ว่าอีกคนจะไม่ชอบ แต่พิษของเหล้าทำให้เธอยั้งตัวเองไว้ไม่ได้
“ตั้งแต่คบกันมาจนถึงวันนี้ตอนที่เราบั่นทอนความรู้สึกกันด้วยการทะเลาะครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะเรื่องเดิม ๆ มันไม่เคยจบสิ้น มีแต่จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ กัดกร่อนความรู้สึกจนปวดหัวเหมือนมันไม่มีทางออกแล้ว”
“...”
“เบล”
“...”
“ถ้าการเป็นเกมเมอร์มันไม่ได้ทำให้เบลมองธีร์ต่างจากคนอื่น ถ้าการที่ธีร์เป็นแบบนี้ทำให้เบลต้องร้องไห้เสียใจ งั้นเราพอแค่นี้ดีไหม?”
“...”
“ธีร์เป็นคนเหี้ยเอง เบลจะอัพเฟซบุ๊กด่า หรือจะเล่าให้เพื่อนฟังยังไงก็ได้ ธีร์จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น จะยอมให้โทรมาด่าจนกว่าจะพอใจโดยไม่เปลี่ยนเบอร์หนี” ชายหนุ่มสบตากับหญิงสาวที่เขารักได้ไม่ชัดนัก วูบหนึ่งเขารู้สึกว่างเปล่า และอยากนั่งนิ่งไปเฉย ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ควรพูดมันให้จบ “แต่เลิกกันเถอะนะ”
“...”
“เราสองคนเหนื่อยเพราะความพยายามมามากพอแล้ว”
*
เด็กหนุ่มวางโจ๊กลงบนหน้าโต๊ะคอมแล้วรีบเปิดเครื่อง และภาพหน้าจอก็สว่างจ้าเมื่อระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ทำได้รวดเร็วจนไม่ต้องรอ โซ่รีบใส่พาสเวิร์ดเข้าไลน์ มืออีกข้างตักโจ๊กเข้าปากก่อนจะสะดุ้งจากความร้อน เพราะความฝันเมื่อครู่ที่น่ากลัวเกินจนเกินไป เขาจึงไม่อยากเสียเวลาไปกับการเป่าให้มันเย็น
Derya MK12: พี่ธีร์อยู่กับพี่เบลใช่ไหมครับ?
Derya MK12: โซ่ไม่ได้โทรมาเร่งหรืออะไรนะครับ อันที่จริงพี่ธีร์จะไม่มาก็ได้
Derya MK12: แต่เมื่อกี้โซ่ฝันร้ายล่ะครับ มันน่ากลัวมากเลย
Derya MK12: โซ่ฝันว่าพี่ธีร์โดนรถชน มันเหมือนจริงมาก... แบบนั้นไม่ดีเลยครับ
Derya MK12: ถ้าพี่ธีร์ยังไม่หลับแล้วเห็นข้อความนี้ก็ตอบโซ่ทีนะครับ โซ่กังวลมากเลย ส่งแค่สติ๊กเกอร์มาก็ได้
Derya MK12: ส่วนอาการของโซ่ดีขึ้นแล้วนะครับ เพราะยากับของกินที่พี่ธีร์ซื้อให้โซ่ถึงลุกมานั่งอ่านชีทได้ เดี๋ยวพออ่านไปสักพักโซ่จะไปนอนต่อแล้วตื่นไปสอบด้วยสภาพเต็มร้อยครับ
Derya MK12: ตอนนี้แถวสีลมฝนตกแรงมากเลย ถ้าพี่ธีร์ยังอยู่ข้างนอก พยายามอย่าโดนละอองฝนนะครับ แต่ถ้าถึงห้องแล้ว อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว งั้นก็ฝันดีล่วงหน้านะ
Derya MK12: พี่ธีร์ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ ถ้าป่วยแบบโซ่แล้วจะไม่เท่นะ
นั่งมองบอลลูนคำพูดสีเขียวที่เรียงกันเป็นแถวยาวและเขาปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังรอให้ข้อความเหล่านี้ถูกเปิดอ่าน โซ่ถอนหายใจพลางคาบช้อนเอาไว้อย่างคิดไม่ตก ทำไมถึงเป็นห่วงพี่ธีร์ขนาดนี้ เพราะความฝันที่เหมือนจริงเกินไปหรือไง งมงายเกินไปหรือเปล่านะ...
ทั้งที่ตอนนี้พี่ธีร์คงอยู่กับพี่เบล อาจจะค้างด้วยกันหรืออะไรก็แล้วแต่ เรื่องฝันนั่นคงไม่มีทางเกิดขึ้นจริงแน่ ๆ บางทีโซ่อาจจะเพ้อเจ้อจนเกินไป แต่พี่ธีร์ตอบไลน์หน่อยได้ไหม แค่จุด ๆ เดียวก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงพะวงไปจนนอนไม่หลับแน่
เอาไงดี... สวดมนต์ดีไหมนะ... ฝนตกถนนลื่นแบบนี้ชวนให้คิดมากเข้าไปอีก มันอันตรายเกินไปสำหรับคนเดินทางตอนกลางคืน เอาล่ะ... เขาจะรีบกินโจ๊กให้เสร็จแล้วไปสวดมนต์ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพี่ธีร์
ขอให้อย่าเกิดเรื่องร้าย ๆ กับพี่ชายที่เขารัก
*
ฝนยังคงตกหนักและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ และถนนเส้นใหญ่ก็ยังมีรถวิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด แม้เวลาจะเริ่มเดินเข้าใกล้รุ่งสางเต็มที แต่ชายหนุ่มตัวสูงที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝนกลับเลือกนั่งเงียบ ๆ ตรงป้ายรถเมล์โดยไม่ขยับตัวไปไหน
ดวงตาคู่นั้นทอดมองออกไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายพร้อมคำถามมากมายในหัวที่คงไม่คิดหาคำตอบให้ตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลยสักนิด แต่หัวใจของเขากลับตะโกนบอกว่ามันเหนื่อยเหลือเกิน และตอนนี้มันกำลังถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าแล้ว
ความว่างเปล่าที่พรุ่งนี้จะไม่มีเบลอีก นั่นคือความจริงที่ธีร์กำลังพยายามยอมรับให้ได้
หยดน้ำไหลตามสันกรามไล่ลงไปจนถึงปลายคาง ชายหนุ่มตัวสูงเปียกปอนไปด้วยน้ำฝนของความเจ็บปวดซึ่งตอนนี้คงมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นที่ช่วยเยียวยาได้
‘ควรไปที่ไหน?’ นั่นคือสิ่งที่ถามตนเอง และธีร์ไม่สามารถตอบได้ ดังนั้นการนั่งโง่ ๆ อย่างคนสิ้นคิดอยู่ตรงนี้อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี
เสียงรถขับผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมข้อความมากมายเด้งขึ้นบนจอโทรศัพท์ แต่ชายหนุ่มเลือกถือมันไว้เฉย ๆ มากกว่าจะหงายขึ้นอ่านเพื่ออ่านว่าคนส่งมากำลังรู้สึกอย่างไร
เขาปล่อย... ให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว
To be continued
เรื่องของความรัก มีด้านของเราและด้านของเขา แต่ละคนมีเหตุผลของตัวเองเนอะ