โรคประจำตัว : ตอนพิเศษ : หวง [5/12/18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคประจำตัว : ตอนพิเศษ : หวง [5/12/18]  (อ่าน 40080 ครั้ง)

ออฟไลน์ Polkaneko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
โรคประจำตัว : ตอนที่ 23 [30/07/2018]
«ตอบ #90 เมื่อ30-07-2018 14:12:36 »


ตอนที่ 23

 

            ผมสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ รวบรวมความกล้าในตัวก่อนจะพูดสิ่งที่เรียบเรียงอยู่ในหัว

            “เฮียกร กี้มีเรื่องสำคัญจะบอก”

            ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อ

            “คือกี้กำลังคบอยู่กับอิน แบบคบเป็นแฟนกัน คือเราสองคนรักกันนะเฮีย แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย อินมันดูแลกี้ดีมาก ๆ เลยนะเฮีย แล้วก็...กี้ก็มีความสุขมาก ๆ ด้วยที่ได้อยู่กับอิน”

            “มึงพูดซะกูเขินเลย”

            “ไอ้อิน มึงห้ามมาแอบฟัง” หน้าผมขึ้นสีระเรื่อเมื่อหันไปดุไอ้คนที่มายืนอยู่ข้างหลัง

            “แอบฟังมึงพูดกับตุ๊กตาแมวน้ำเนี่ยนะ”

            อินทำท่าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโอเวอร์สุด ๆ

            “มึงนี่ท่าจะเพี้ยนหนักนะ อาการน่าเป็นห่วง”

            “ไอ้อิน ปากมึงนี่พูดดี ๆ ไม่เป็นหรือไง ไม่ให้กำลังใจยังเสือกมาว่ากูอีก” ผมเขวี้ยงตุ๊กตาแมวน้ำที่ได้จากพี่รหัสใส่ไอ้แฟนปากดี ซึ่งมันก็รับไว้ได้อย่างสวยงาม

            “มึงอยากได้กำลังใจ”

            “เออ สิวะ”

            อินเดินเข้ามาใกล้ก่อนที่มันจะยัดตุ๊กตาใส่มือผม แล้วใช้สองมือประคองใบหน้าผมไว้และก้มลงมาจูบ

            “อือ”

            ปลายลิ้นของอินที่ส่งเข้ามาตอนผมเผลอไล่ต้อนจนผมได้แต่ครางอือในคอ จวบจนมันพอใจแล้วจึงยอมปล่อยให้ผมได้หายใจหายคอ

            “กำลังใจแบบนี้พอได้ไหม”

            ปลายนิ้วโป้งของอินลูบที่ริมฝีปากผมเบา ๆ ขณะที่มันส่งยิ้มแต้มมุมปาก

            “ไอ้อิน...แม่ง....”

            ผมปัดมือมันออกก่อนจะใช้เอาหลังมือเช็ดน้ำลายที่เลอะมุมปาก กลบเกลื่อนอาการร้อนวูบวาบที่หน้า

            ไอ้พวกผีเสื้อในท้อง พวกมึงไม่ต้องทำดี๊ด๊าเลยนะ

            “หรือยังอยากได้กำลังใจอีก” ไอ้อินยื่นหน้าเข้ามาใกล้

            “มึง หยุดเลยนะ”

ผมใช้ตุ๊กตาในมือดันไปที่หน้าอกมัน หากกลับโดนมันคว้าแล้วโยนข้ามหัวไปข้างหลัง น้องแมวน้ำของผมนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นห้อง อินคว้าข้อมือของผมเอาไว้ก่อนจะก้าวขึ้นคร่อมตัวผม

            “มามะ เดี๋ยวแฟนจะให้กำลังใจนะครับ”

            “ไอ้อิน หยุดดดด”

            ผมร้องห้ามมันเสียงหลง แต่มีหรือที่คนอย่างอินมันจะฟังผม เสียงร้องห้ามของผมเลยต้องเปลี่ยนกลายเป็นเสียงร้องน่าอายแทน

 

 

            หลังจากเปิดเทอม 2 ได้ไม่นานก็มีงานให้วงเวียนได้แสดงฝีมือ ทางสโมสรนักศึกษา ก็เพื่อนพี่แจ๊คนั่นแหละครับ มาขอให้วงของชมรมดนตรีสากลไปเล่นที่งานโอเพ่นเฮาส์ งานจัดด้วยกันทั้งหมด 2 วัน วันแรกเป็นวันศุกร์ พวกผมที่ไม่มีการเรียนการสอนก็เลยมาช่วยงานชมรมตั้งแต่เช้า หลังจากที่วิชาการกันมาทั้งวัน พอบ่ายสองก็ได้เวลาบันเทิงแล้วครับ

            ผมแอบชะโงกดูจากด้านหลังเวทีก็เห็นพวกเด็ก ๆ มัธยมทั้งสาวคอซอง ทั้งเด็กกระโปรงน้ำเงินดูสดใสละลานตาไปหมด

            “อิน กูออกไปดูหน้าเวทีนะ”

            ผมหันไปบอกนักร้องนำของวงที่กำลังเตรียมตัวจะขึ้นเวที วันนี้มันอยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเป๊ะ รับรองว่าน้องมัธยมพวกนั้นได้เห็นต้องตะลึงในความหล่อแน่ ๆ

            “จะไปดูเด็กมัธยมละสิ”

            “ก็นาน ๆ ทีเปล่าวะ” ผมเดินเข้ามาใกล้ ๆ มันแล้วลดเสียงลงแกล้งถาม “ทำไม หึงเหรอ”

            “ไม่หรอก เพราะเดี๋ยวพอกูขึ้นเวที เด็กพวกนั้นก็ต้องกริ๊ดกูอยู่แล้ว”

            แหม ผมละเกลียดความมั่นหน้าของมันจริง ๆ ได้แต่กรอกตาก่อนจะเดินออกมาที่หน้าเวที ยังไม่ทันที่ผมจะได้ส่องสาวมัธยมให้เต็มที่ตามที่ตั้งใจเอาไว้ การแสดงของวงเวียนแห่งชมรมดนตรีสากลก็เริ่มขึ้น วงเปิดตัวด้วยเพลงรักที่กำลังดังมาก ๆ ในตอนนี้ เสียงกริ๊ดดังกระหึมจริงดังที่อินมาว่าไว้พร้อมกับผู้คนที่ต่างเอามารุมล้อมจับจ้องพื้นที่หน้าเวทีทันทีที่นักร้องนำปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

            อินยังคงมีเสน่ห์ล้นเหลือเวลาที่ร้องเพลงอยู่บนเวที ไม่ว่าจะเพลงไหนอินก็ร้องมันได้อย่างมีชีวิตชีวา ผมเห็นเด็กสาวมัธยมต่างหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายคลิปวิดีโอพร้อมกับส่งเสียงกริ๊ดกร๊าดด้วยความชื่นชมก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

            “ขอเสียงกริ๊ดให้กับวงดนตรีจากชมรมดนตรีสากลหน่อยค่า”

            “แหม เสียงกริ๊ดนี่ดังมากจริง ๆ นะครับ”

            พอเล่นจบพิธีกรชายหญิงของงานก็ขึ้นไปบนเวที ทั้งสองยืนประกอบนักร้องนำซ้ายขวาเพื่อที่จะเตรียมสัมภาษณ์

            “เอาละ เรามาพูดคุยกับวงนี้กันดีกว่า สวัสดีค่ะ”

            “สวัสดีครับ”

            “ช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ นักร้องนำของเราชื่ออะไรคะ”

            “ครับ พวกเราวงเวียนจากชมรมดนตรีสากลครับ ผมชื่ออิน อยู่วิทยาปี 1 ครับ”

            เสียงกริ๊ดจากคนดูข้างล่างดังสนั่นเมื่ออินแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มให้คนดู และดังไม่หยุดจนพิธีกรต้องรีบเบรก

            “ใจเย็นก่อนครับน้อง ๆ อย่าเพิ่งกริ๊ด เรามาสัมภาษณ์อินกันก่อนดีกว่า เรียนคณะวิทย์นี่เรียนสาขาไหนครับ”

            “ผมเรียนไอทีครับ”

            “ทำไมอินถึงเลือกเรียนไอทีละคะ”

            “ผมเป็นคนชอบเทคโนโลยี ชอบอะไรใหม่ ๆ และก็อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ครับ”

            “มีอะไรจะฝากถึงน้อง ๆ ที่มาวันนี้หน่อยไหมคะ”

            “ก็ขอให้น้อง ๆ ทุกคนได้เรียนคณะที่อยากจะเรียนนะครับ และก็ถ้าใครสนใจทางด้านไอที มาเป็นรุ่นน้องพี่ได้นะ พี่รออยู่”

            ผมได้ยินเสียงหวีดจากเหล่าน้อง ๆ มัธยม คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมถึงกับหันไปบอกกับเพื่อนว่าจะเลือกเรียนไอทีที่นี้แหละ

            “เชิญชวนกันขนาดนี้ น้อง ๆ คนไหนสนใจก็อย่าลืมเลือกไอทีของมอเรานะครับ”

            “เอาล่ะค่ะ คำถามสุดท้ายที่เชื่อมีหลายคนอยากจะรู้และกำลังรออยู่” พิธีกรหญิงทำท่ามีเลศนัยก่อนจะหันมาถามอิน

            “อินมีแฟนหรือยังคะ”

            “เออ ต้องตอบใช่ไหมครับ” อินทำเป็นยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแบบเขิน ๆ แต่ผมดูออกว่ามันเป็นการแสดงชัด ๆ

            “ต้องตอบสิค่ะ เร็วค่ะ สาว ๆ กำลังรอฟังอยู่ค่ะ”

            รอยยิ้มหล่อกระชากใจแต้มที่มุมปากของอินก่อนจะตอบคำถาม

            “มีแล้วครับ”

            ผมได้ยินเสียงบ่นพึมพำว่าเสียดาย ก็ได้แต่กลั้นยิ้มไว้ด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ

            “ว้า นักร้องสุดหล่อของเรามีแฟนเสียแล้ว สาวคนนั้นช่างโชคดีจังเลยนะคะ”

            “ไม่ใช่สาวที่ไหนหรอกครับ เค้าเป็นเพื่อนสนิทของผมเอง”

            ผมเห็นอินกวาดสายตามองมายังคนดู ก่อนที่มันจะสบตากับผม มันส่งรอยยิ้มละมุนพร้อมกับชี้มือมาที่ผม

            “คนนั้นไงครับแฟนผม ขอบอกว่าผมเป็นคนขี้หึงนะครับ”

            ทุกสายตาล้วนหันมามองที่ผมที่กำลังทำหน้าเหลอหลา ผมได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากน้องมัธยมคนที่อยู่ใกล้

“พี่เค้าเป็นผู้ชายนี่”

“โอ้ย แก โคตรน่ารักเลยอ่ะ”

ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกริ๊ดถล่มทลายจนหูผมแทบจะดับ เห็นท่าไม่ดีแบบนี้ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหลบที่หลังเวที เห็นสายตาและอาการยิ้ม ๆ ของพี่ ๆ สโมที่ถึงจะรู้กันอยู่แล้วว่าผมกับอินคบกันก็ยังอดที่จะเขินไม่ได้ เสียงบนเวทียังคงดำเนินต่อให้ผมได้ยิน

            “เล่นเปิดตัวกันแบบนี้ ดิฉันก็หมดหวังสินะคะ”

            “มือเบสยังโสดนะครับ”

            “ว้าย ตายแล้ว แบบนี้เดี๋ยวต้องขอเบอร์หลังเวทีค่ะ”

            “เอาละครับ งั้นขอเสียงปรบมือส่งท้ายให้กับวงเวียนด้วยครับ”

            พอไอ้อินกลับเข้าหลังเวที ผมก็โวยวายใส่ไอ้แฟนตัวดีทันที ข้อหาทำอะไรไม่บอกไม่กล่าว

            “ไอ้อิน มึงประกาศแบบนั้นได้อย่างไง กูอายนะโว้ย”

            “อ้าว ทำไมละ กูว่าคนเค้าก็ชอบกันนะ เสียงกริ๊ดดังลั่นเลย”

            มันยังจะมีหน้ามายกคิ้วให้ผมอีก นี่ถ้าไม่เสียดายความหล่อนะกูจะต่อยให้คิ้วแตกเลย

            “แต่กูอายนี่ แล้วนี่กูจะออกไปสู้หน้าคนอื่นได้อย่างไง”

            “ก็ออกไปพร้อมกันกับกูนี่แหละ”

            “จะบ้าเหรอ ออกไปพร้อมกับมึงเนี่ยนะ”

            ขืนออกไปพร้อมกันก็ยิ่งโดนล้อหนักสิครับ ไอ้อินนะไอ้อิน

            “นี่ ไอ้กี้ มึงยังไม่ชินที่มีแฟนเป็นหนุ่มฮอตแบบไอ้อินมันอีกเหรอวะ ไอ้อินมันยังไม่อายที่มีแฟนหน้าตาขี้เหร่แบบมึง” พี่ต้าร์ที่ยืนฟังอยู่ไม่ไกลพูดแทรกขึ้นมา

            “พี่ต้าร์อ่ะ”

            ผมหันไปงอแงใส่รุ่นพี่สุดเกรียนก่อนจะหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ไอ้ตัวต้นเหตุที่ยืนขำอยู่ข้าง ๆ

            “ไอ้อินมึงหยุดหัวเราะเลย”

            มันยกมือขึ้นขยี้หัวผม แต่ผมกำลังอารมณ์ไม่ดีเลยพยายามจะหนีแต่กลับโดนมันแกล้งโยกหัวเล่นเสียอย่างนั้น

            “มึงรอออกไปพร้อมกูนี่แหละ กว่าจะเก็บของเสร็จ คนเค้าก็ไปกันหมดแล้ว”

            ผมพ่นลมหายใจอย่างเสียไม่ได้ ก็คงต้องยอมทำตามที่อินบอกแหละครับ อย่างไงผมก็ต้องกลับพร้อมมันอยู่ดี

 

            กว่าจะเก็บข้าวของและอุปกรณ์ต่างเรียบร้อยก็เป็นชั่วโมง พอออกมาผมก็พบว่าผู้คนต่างแยกย้ายกันไปเกือบหมด ผมถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

            “เห็นไหม ทีนี้ก็ยิ้มได้แล้ว”

            อินใช้สองมือของมันดึงแก้มผม ผมตีแขนให้มันปล่อยก่อนจะนวดแก้มตัวเองเบา ๆ พร้อมกับทำหน้าดุใส่ แต่อินมันกลับหัวเราะหึแล้วแย่งกระเป๋าสะพายของผมไปถือ

            “มึงน่ะเลิกสนใจสายตาคนอื่นได้แล้ว เราก็แค่คบกัน ไม่เห็นต้องไปแคร์ว่าคนอื่นก็มองอย่างไงเลย”

            “ก็กูเขิน...กูไม่ได้อายที่คบกับมึงแบบที่พี่ต้าร์ว่านะ แต่กูแค่ไม่ชินเวลามึงทำตัวเป็นแฟนกูต่อหน้าคนอื่น”

            ถึงเราจะคบกันมาได้สักพัก นอกจากเรื่องอย่างว่าแล้ว วิธีปฏิบัติต่อกันรวมถึงรูปแบบการดำเนินชีวิตของผมและอินก็แทบจะไม่ได้ต่างไปจากตอนที่เรายังเป็นเพียงเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นผมเลยไม่คุ้นชินนักเวลาที่อินปฏิบัติกับผมแบบคนรักต่อหน้าคนอื่น

            แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเข้ามาทักเลยระหว่างทางที่พวกผมกำลังเดินกลับไปที่รถ มีเด็กนักเรียนหญิงเข้ามาขอถ่ายรูปอยู่ 2-3 กลุ่มพร้อมกับคำถามทำนองเดียวกัน

            “พี่สองคนเป็นแฟนกันจริง ๆ เหรอคะ”

            “พวกพี่คบกันมานานหรือยังคะ”

            “เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กเลยเหรอคะ”

            “พวกหนูขอเป็นแฟนคลับพวกพี่ได้ไหมคะ”

            ผมได้แต่ยืนส่งยิ้มเกร็งให้น้อง ๆ ถ่ายรูป ส่วนเรื่องคำถามปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอินในการตอบ เรื่องแบบนี้มันรับมือได้ดีกว่าผมครับ หลังจากยืนยิ้มเหงือกแห้งสักพักพวกผมก็ขอตัวกลับ

            พอเหลือกันอยู่สองคนระหว่างทางเดินไปลานจอดรถ อินก็หันมาชวนผมคุย

            “จริง ๆ ก็มีคนยินดีที่เราคบกันตั้งเยอะแยะนะ ดูสาว ๆ พวกนั้นสิ”

            “ชมพู่บอกพวกนั้นเค้าเรียกว่าสาววาย” ผมนึกถึงเฮชแท็กอินกี้ที่ชมพู่เคยให้ผมดู และก็นึกถึงบางคอมเม้นขึ้นมา

            “แต่กูก็เห็นมีคนคอมเม้นว่าเสียดายมึงที่มาคบกับกูอยู่นะ”

            “ก็ช่วยไม่ได้ มึงมีแฟนเฟอร์เฟ็คแบบนี้ก็ต้องทำใจหน่อยนะ” อินทำเป็นเสยผมเก๊กหล่อดูแล้วน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

            “แหวะ ไปเลยไอ้อิน พากูไปกินข้าวเลย หิวจะแย่แล้ว”

            ผมดันหลังอินให้รีบเดินไปที่รถ มันหัวเราะในคอแล้วคว้ามือผมให้เดินไปพร้อมกัน

            “ครับ ๆ ตามที่คุณแฟนต้องการเลยครับ”

           

           

            เสียงริงโทนของโทรศัพท์มือถือดังลั่นในเช้าตรู่วันเสาร์ทำเอาผมที่กำลังนอนสบายต้องตะเกียกตะกายออกมาจากผ้าห่ม หรี่ตามองไปรอบ ๆ ตัวก็ไม่เห็นคนที่นอนข้างกายด้วยกันเมื่อคืน

            “ใครวะ แม่งโทรมาแต่เช้า”

            ผมคว้าโทรศัพท์มือถือตรงหัวเตียงมารับโดยไม่ได้ดูชื่อบนหน้า

“ฮัลโหล”

‘กี้ แกอธิบายเรื่องของแกกับอินมาว่ามันอย่างไง ที่บอกว่าเป็นแฟนกันมันหมายความอย่างไง’

เฮียกร....

ผมตาสว่างทันทีที่ได้ยินเสียงของพี่ชายที่บ่งบอกว่ากำลังโมโหอยู่ไม่น้อย เมื่อกี้เฮียพูดว่าเรื่องของผมกับอินอย่างนั้นเหรอ

“เดี๋ยวก่อนเฮีย เออ เฮียหมายถึงอะไร”

‘แกเปิดดูในไลน์ ก้อยมันส่งคลิปส่งรูปเข้าในไลน์กลุ่มญาติ ตอนนี้เฮียไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว’

“เดี๋ยวก่อนนะเฮีย”

ผมลนลานเปิดแอปพลิเคชั่นสีเขียวตามที่เฮียกร ไลน์กลุ่มรวมญาติมีข้อความแจ้งเตือนเป็นร้อย ผมเปิดเข้าไปแล้วเลื่อนหาคลิปที่ก้อยลูกสาววัยมัธยมของอาเจ็กชัยส่งมา ภาพในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน คงมีใครสักคนถ่ายไว้ตอนที่อินประกาศบนเวทีว่ามีแฟนแล้วและชี้มาที่ด้านหน้าเวที คนถ่ายอยู่ไม่ไกลจากผมนักจึงสามารถซูมกล้องให้เห็นผมที่กำลังทำหน้าเหลอหลาก่อนจะเขินอายจนวิ่งหลบไปหลังเวทีอย่างชัดเจน ยังไม่พอก้อยยังแคปรูปจากเพจอินกี้ที่เป็นรูปแอบถ่ายพวกผมในมหาลัยที่เห็นแล้วยิ่งแน่ใจในความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อน

ก้อยถามในกลุ่มว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ และกริ๊ดกร๊าดว่าแฟนผมหล่อมาก ในขณะที่ญาติ ๆ โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่ต่างตำหนิและต่อว่าผม พาลไปถึงป๊าม้าว่าอบรมสั่งสอนลูกชายอย่างไงถึงได้ทำตัวหน้าไม่อาย ไปคบกับผู้ชายแล้วยังมีหน้าประกาศให้อับอายขายขี้หน้าวงตระกูล

ผมแทบจะทำโทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือหากได้ยินเสียงเฮียกรดังขึ้นเสียก่อน

‘กี้ตกลงเรื่องนี้มันอย่างไง’

“เฮียฟังกี้อธิบายก่อนนะ”

‘มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม เสียแรงที่เฮียอุตส่าห์ไว้ใจนะกี้ ทำไมทำตัวแย่แบบนี้’

“เฮีย เราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิดนะ”

ผมพยายามจะอธิบายแต่ดูเหมือนเฮียจะไม่ฟังผมเลย เสียงของเฮียเกรี้ยวกราดมากขึ้น

‘ยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ ทำตัวขายขี้หน้าขนาดนี้แล้ว นี่คิดไหมว่าป๊าม้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน’

“ป๊าม้ารู้แล้วเฮีย ป๊าม้ายอมให้พวกเราคบกัน”

‘นี่รวมหัวกันปิดบังสินะ ไม่เห็นหัวเฮียกันแล้วใช่ไหม’

แทนที่เฮียจะเย็นลงกลับอารมณ์รุนแรงขึ้นเมื่อรู้ว่าเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องนี้

“ไม่ใช่นะเฮีย เราไม่ได้จะปิดบังเฮียนะ”

‘นี่ย้ายไปอยู่ด้วยกันก็จะได้มั่วกันเต็มที่สินะ แกมันทำตัวเหลวไหลเกินไปแล้วนะ”

“เฮีย! มันไม่ใช่อย่างที่เฮียคิดนะ อินมันช่วยดูแลกี้ เราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”

ผมอุทานด้วยความเสียใจที่เฮียคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้น น้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้ค่อย ๆ ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

‘เฮียให้เวลาเก็บของทั้งหมดภายในวันนี้ พรุ่งนี้เฮียจะไปรับกลับเชียงใหม่’

“ไม่เอานะเฮีย...เฮีย...เฮีย”

ผมเลิกลักรีบปฏิเสธแต่เฮียกรตัดสายไปเสียก่อน ได้แต่มองโทรศัพท์ในมือด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

“เป็นอะไรกี้”

อินที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องนอนรีบพุ่งเข้ามาหาผมทันทีเมื่อเห็นสภาพของผม ผมกลั้นเสียงสะอื้นบอกกับคนรัก

“อิน เฮียรู้แล้ว เฮียรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เฮียโกรธมาก”

“เฮียรู้ได้อย่างไง”

ผมยื่นโทรศัพท์ในมือที่ยังเปิดค้างอยู่หน้าไลน์กลุ่มญาติให้อินดู อินไล่สายตาอ่านข้อความในนั้นอย่างรวดเร็ว พออ่านจบมันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด ลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรนะกี้ ไม่เป็นไร”

“กูจะทำอย่างไงดี พรุ่งนี้เฮียบอกจะมารับกูกลับเชียงใหม่ กูไม่อยากกลับ เฮียต้องให้กูเลิกกับมึงแน่ ๆ”

            ผมเงยหน้าขึ้นมองอินด้วยความกังวล อินตบหลังผมเบา ๆ

“ใจเย็นนะกี้ เดี๋ยวกูคุยกับเฮียเอง”

อินหยิบโทรศัพท์มาโทรหาเฮียกร แต่ไม่มีคนรับสาย อินลองต่อสายอีกครั้งคราวนี้ได้ยินเพียงเสียงตอบกลับอัตโนมัติว่าไม่สามารถติดต่อหมายเลขนี้ได้ อินเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือหลังจากที่พยายามต่อสายอยู่หลายครั้ง สายตาคมมองผมแฝงไปด้วยความหนักใจ อินกระชับกอดผมแน่นขึ้น

“อย่างไงกูก็ไม่ยอมเลิกกับมึงกี้ มึงไม่ต้องกลัว”

 

TBC....



ใกล้จะจบแล้วววววววววว

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2018 22:18:18 โดย Polkaneko »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 23 [30/07/2018]
«ตอบ #91 เมื่อ30-07-2018 20:59:52 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Polkaneko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 24 [13/08/2018]
«ตอบ #92 เมื่อ13-08-2018 22:30:12 »

ตอนที่ 24

 

                แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทเข้ามาในห้องนอนทำให้รู้ว่าเช้าแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูเวลา หกโมงเช้าแล้วแต่ผมแทบจะไม่ได้นอนเลย ไม่อยากให้เช้านี้มาถึงเลยจริง ๆ

                ย้อนกลับไปเมื่อวานหลังจากที่เฮียกรรู้เรื่องและโทรมายื่นคำขาดให้ผมเก็บของกลับเชียงใหม่

                ผมเพิ่งวางสายจากป๊าและม้าที่โทรมาด้วยความกังวลและเป็นห่วงเมื่อเห็นข้อความในไลน์กรุ๊ปรวมญาติ ทั้งสองบอกผมว่าไม่ต้องคิดมากเรื่องที่พวกญาติ ๆ ว่า ป๊ากับม้าไม่ได้รู้สึกอายหรือเสียหน้าอะไร เพราะลูกป๊าไม่ได้ทำเรื่องผิดบาป เรื่องญาติ ๆ ป๊าม้าจะจัดการให้เอง ผมเล่าเรื่องที่เฮียโทรมา ป๊าได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกว่าจะไปช่วยคุยให้ แต่ผมรู้ว่าป๊าก็ไม่แน่ใจว่าจะคุยกับเฮียได้หรือเปล่า เวลาที่เฮียโกรธแม้แต่ป๊าหรือม๊าก็เอาไม่อยู่ครับ

                “มึงเอาอย่างไงดีวะ”

                ผมหันไปถามอินด้วยความหนักใจ การคุยกับป๊าม้าไม่ได้ช่วยให้ผมสบายใจเท่าไหร่ ถึงป๊าม้าจะบอกว่าไม่เป็นไรเรื่องข้อความต่อว่าของญาติ ๆ แต่ผมรู้ว่าป๊าม้าก็คงไม่สบายใจนัก

                ทั้งหมดมันเป็นเพราะผม...

                เหมือนอินมันจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เพราะมันดึงตัวผมไปกอดไว้แน่น

                “มึงไม่ต้องโทษตัวเองนะกี้”

                “กูทำอะไรผิดเหรอ กูแค่...กูแค่คบกับมึงนะ ทำไมเฮียไม่ฟังกูเลยวะ”

                น้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้มันไหลเอ่ยตาเมื่ออินลูบหลังปลอบผม

                “มึงไม่ได้ทำอะไรผิดกี้ เรื่องนี้มันไม่มีใครผิด เฮียเค้าแค่ไม่เข้าใจเรื่องของเรา”

                ผมซบลงกับอกของอินสะอื้นอย่างไม่อาย โดยที่มือของอินยังคงโอบกอดผมไว้

                “เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะคุยกับเฮียเอง มึงไม่ต้องกลัว”

 

                ผมหันไปมองคนที่นอนข้างกันก็เห็นว่าอินกำลังมองผมอยู่ สัมผัสอุ่น ๆ ที่มืออีกข้างทำให้ผมรู้ว่ามือของเรายังกุมกันไว้เช่นตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา

                “มึงว่าหรือกูจะหนีตามมึงไปดีวะ เอาแบบหนีไปให้ไกล ๆ ให้เฮียตามหาไม่เจอ ดีนะ จะได้ไม่ต้องสอบไง”

                ผมพยายามพูดติดตลก อินมันแค่ยกยิ้มที่มุมปากให้ผม

                “เพ้อเจ้อละมึง นอนไม่หลับจนเพี้ยนเหรอ”

                “ฮึ เวลาแบบนี้มึงยังด่ากูได้นะ”

                ผมได้แต่ยิ้มเศร้า ๆ อินกระชับมือที่กุมไว้ให้แน่นขึ้น ก่อนที่มันจะลุกและฉุดผมให้ลุกตามไปด้วย มันลูบหัวผมเบา ๆ

                “มึงไปอาบน้ำเถอะ สภาพดูไม่ได้เลย”

                ผมลุกไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาตามที่อินบอก

                “กูลงไปซื้อข้าวนะ”

ผมได้ยินเสียงอินตะโกนบอก พอออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เจอมัน ผมแต่งตัวเสร็จแล้วนั่งรออยู่ตรงโซฟา สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ผมลุกขึ้นมาด้วยความแปลกใจว่าทำไมอินมันไม่ไขกุญแจเข้ามาเลย หรือว่ามันจะลืมหยิบกุญแจไปด้วย เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้งคล้ายจะเร่ง ผมจึงเดินไปเปิดประตูโดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูจะเป็นคนอื่น

“เฮีย...”

ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเฮียกรกับลูกน้องและพยายามจะปิดประตู แต่ลูกน้องของเฮียเดินมาขวางประตูไว้แล้วดันให้เปิดกว้าง ตอนนี้เฮียกรได้ก้าวเข้ามาในพื้นที่ของผมและอินแล้ว

“ไปเก็บของแล้วกลับไปกับเฮีย”

“ไม่ กี้ไม่ไปไหนทั้งนั้น”

ผมถอยไปหยุดอยู่กลางห้อง พลางคิดว่าแล้วอินอยู่ที่ไหน

“พวกมึงจัดการสิ”

เฮียหันไปสั่งลูกน้องที่มาด้วย ทั้งสองคนตรงเข้าไปในห้องนอนของเรา

“จะทำอะไร”

ผมรีบวิ่งตามเข้าไป เห็นพวกมันกำลังรื้อเสื้อผ้าในตู้ออกมาใส่กระเป๋าเดินทาง

“หยุดเดี๋ยวนี้”

ผมพยายามจะเข้าไปขวางแต่ถูกเฮียกระชากแขนออกมาจากห้องนอน

“เฮีย ปล่อยกี้ กี้ไม่ไป”

“ไม่ใช่เวลาจะมาดื้อกับเฮียนะกี้ เก็บของแล้วไปกับเฮียเดี๋ยวนี้”

เฮียกรเริ่มเสียงดังมากขึ้น มือที่จับแขนผมไว้บีบแน่นจนเจ็บ ผมพยายามจะแกะแขนเฮียออกแต่ก็ไม่เป็นผล

                “ก็กี้บอกว่ากี้ไม่ไปไหนทั้งนั้น กี้ไม่อยากไป ทำไมเฮียไม่ฟังกี้บ้าง”

                “จะให้เฮียฟังอะไร ฟังว่าแกรักกับผู้ชายด้วยน่ะเหรอ อย่าทำให้เฮียโมโหไปมากกว่านี้นะ แค่นี้ไอ้สิ่งที่พวกแกทำก็ทำให้เฮียขายขี้หน้าวงศ์ตระกูลขนาดไหน แกเคยคิดบ้างไหม”

                คราวนี้เฮียตะคอกผมเสียงดังลั่นห้องด้วยความโมโห เฮียโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ถึงผมจะกลัวแต่ผมก็ไม่ยอมให้มาว่าพวกผมแบบนี้ ผมอยากจะขอให้เฮียฟังสิ่งที่ผมที่พูดบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ใช้อารมณ์แบบนี้

                “ทำไมเฮียต้องสนใจหน้าตาอะไรพวกนั้นด้วย ทำไมเฮียไม่คิดถึงน้องเฮียบ้าง ทำไมเฮียเอาแต่สนใจสิ่งที่คนอื่นคิด แต่ความสุขของน้องตัวเองเฮียกลับไม่สนใจ”

                “ทำไมเฮียจะไม่สนใจ เพราะเฮียเป็นห่วงแก แต่แกมันไม่รักดี มารักมาชอบกับผู้ชายแบบนี้”

                “เฮียก็แค่รักตัวเอง ห่วงแต่หน้าตาตัวเอง อย่าเอากี้มาอ้าง”

                เพียะ!

                ผมจับที่แก้มซ้ายของตัวเอง ความเจ็บค่อย ๆ แผ่ไปทั้งแก้มพร้อมกับน้ำตาที่เอ่ยขึ้นที่ตา ผมจ้องหน้าพี่ชายตัวเองที่กำลังกำมือข้างที่ตบหน้าผมเมื่อกี้ไว้แน่น

                “อย่ามาทำปากดีกับเฮียนะกี้”

เฮียชี้หน้าผมในขณะที่ผมเองก็มองตอบอย่างไม่ยอมเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกล้าเถียงเฮียแบบนี้ ไม่แปลกหรอกที่เฮียจะโกรธมากจนลงไม้ลงมือกับผม

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโดนเฮียตี...

ผมเห็นแววตาที่มองผมมีแววสั่นไหวก่อนที่เฮียจะเบือนหน้าหนี

“กลับไปกับเฮีย แล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ เลิกกับอินซะ”

“ไม่ เฮียไม่มีสิทธิ์มาบังคับกี้กับอิน เฮียไม่สิทธิ์ทำแบบนี้กับใครทั้งนั้น”

ผมปฏิเสธเฮียเสียงดัง ผมเป็นน้องชายเฮียก็จริง แต่ผมมีชีวิตมีความคิด ผมมีสิทธิ์ในชีวิตของผมเอง

“ถึงแม้ว่าอินมันจะเป็นอย่างไง กี้ก็ยังไม่ยอมฟังเฮียงั้นเหรอ”

อิน...หมายความว่าอย่างไง

“เฮียทำอะไรอิน” ผมถามเฮียเสียงสั่น

ใช่ อินมันหายไปไหน ป่านนี้ทำไมยังไม่กลับมา มันแค่ไปซื้อข้าวหน้าคอนโดไม่ใช่เหรอ มันควรจะกลับมาแล้วสิ

“อินอยู่ไหน บอกมาเฮียทำอะไรอิน”

ผมตะโกนถามเฮียสุดเสียง ก่อนหันหลังกลับหมายจะพุ่งออกไปทางประตู แต่ถูกเฮียกรกระชากแขนเอาไว้

“ตอนนี้มันยังไม่เป็นอะไร แต่ถ้าแกยังไม่ยอมกลับ เฮียก็จัดการมันตามวิธีของเฮีย”

เฮียบอกผมด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ผมเข้าใจความหมายในคำพูดนั้นดี วิธีการที่เฮียมักจะใช้ให้ได้ตามที่ต้องการ ผมมองหน้าพี่ชายตัวเองด้วยสายตาปวดร้าว

ทำไมถึงเป็นแบบนี้...

“เฮียสัญญาได้ไหมว่าถ้ากี้ยอมกลับด้วย อินจะไม่เป็นอะไร”

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าแกทำตัวดีแค่ไหน”

ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังไหลรินก่อนที่แกะมือเฮียออกจากแขนแล้วเดินเข้าไปเก็บของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้าส่วนใหญ่ถูกลูกน้องของเฮียเก็บลงกระเป๋าเดินทางเกือบหมดแล้ว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็เดินตามเฮียกรมาขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวที่จอดรออยู่หน้าคอนโด

ผมพยายามโอ้เอ้มองหาอิน เพื่อมันจะอยู่แถวนี้แต่ก็ไม่เห็นเลยแม้แต่เงา เฮียคงให้ลูกน้องจับตัวอินไว้

ระหว่างทางจากกรุงเทพมาเชียงใหม่ผมเอาแต่นั่งเงียบ เหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ในใจได้แต่เป็นห่วงอิน ผมหวังว่ามันคงจะไม่เป็นอะไร ผมไม่รู้ว่าเฮียทำอะไรกับมันบ้างหรือเปล่า อยากจะโทรหา โทรไปถามว่ามันเป็นอย่างไง อยากจะบอกมันว่าตอนนี้ผมกำลังทรมานมากแค่ไหนที่ต้องจากมันมาแบบนี้ แต่โทรศัพท์มือถือของผมถูกเฮียยึดไปตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว

พลบค่ำแล้วเมื่อพวกผมเดินทางมาถึงเชียงใหม่ เฮียตรงเข้าไปที่บ้านป๊า ผมยังนั่งพิงกระจกมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย รถค่อย ๆ ชะลอช้าลง แล้วผมก็เห็นว่าแสงไฟจากรถสาดส่องร่างสูงคุ้นตาของใครคนหนึ่งที่หน้าประตูรั้วยืนอยู่กับป๊าและม้า ผมขยับตัวขึ้นมองทันทีด้วยความดีใจ

พอรถยังไม่ทันจะจอดสนิท ผมก็รีบเปิดประตูรถพุ่งตัวลงมาก่อนที่เฮียจะจับไว้ทัน ผมวิ่งไปหาคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดทาง

“อิน”

ผมกอดอินแน่น มันเองก็กอดตอบผมแน่นไม่ต่างกัน ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนรัก

“มึงมาได้อย่างไง กูนึกว่าจะไม่ได้เจอมึงแล้ว”

อินยกมือขึ้นลูบหัวผมเบา ๆ มันพยายามจะยกยิ้มให้ผมแต่ก็ดูฝืนเต็มทน

“กูรีบขึ้นเครื่องมารอน่ะ”

“แล้วนี่เฮียทำอะไรมึงหรือเปล่า”

อินส่ายหน้า ผมใช้สองตาสำรวจดูว่ามีส่วนไหนของมันที่มีร่องรอยการถูกทำร้านหรือเปล่า มุมปากบนหน้าหล่อ ๆ ของอินมีรอยช้ำเล็กน้อย แต่ส่วนอื่นก็ยังดูปกติดี

“กี้ มาหาเฮีย”

เฮียกรที่ลงมาจากรถแล้วเข้ามากระชากตัวผมออกจากอิน ผมพยายามสะบัดหนีส่วนอินก็คว้าแขนเฮียข้างที่จับผมไว้

“เฮียปล่อยกี้ก่อนครับ”

“มึงไม่ต้องมายุ่งไอ้อิน อย่ามายุ่งกับน้องกู”

“แต่น้องเฮียก็แฟนผมนะครับ”

“มึงไม่ต้องพูด กูไม่ยอมรับเรื่องของพวกมึง”

“แต่ผมกับกี้เรารักกันครับ”

“ฮึ รักกันงั้นเหรอ”

เฮียยอมปล่อยแขนผม แต่กลับตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออินแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าที่หน้าอินเต็มแรงจนมันล้มลง ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกใจของม้า ผมปราดจะเข้าไปประคองคนรักแต่กลับรักแต่กลับโดนเฮียจับแขนเอาไว้

“ใจเย็นก่อนกร อย่าให้ถึงกับลงไม้ลงมือกันเลย”

ป๊าเดินเข้ามาห้าม อินยกมือขึ้นแตะที่หน้าก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้น รอยช้ำสีแดงปรากฏขึ้นที่โหนกแก้มซ้าย ผมพยายามจะเดินไปหาอินแต่ถูกเฮียดึงไว้

“นี่กูแค่สั่งสอน ถ้ามึงยังไม่เลิกมายุ่งกับน้องกูมึงโดนยิ่งกว่านี่แน่ ๆ”

“เราก็แค่รักกัน ทำไมเฮียต้องทำแบบนี้กันพวกเราด้วย”

ผมพยายามจะอ้อนวอนให้เฮียเห็นใจ

“แล้วแกรักป๊าม้าบ้างไหม หรือเห็นมันดีกว่าพ่อแม่แล้ว ถึงได้ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าตาป๊าม้าแบบนี้ รู้ไหมว่าพวกญาติ ๆ เขาด่าว่าอะไรบ้าง ป๊าม้าต้องอับอายแค่ไหน”

“เฮีย”

ผมได้แต่ยืนอึ้งในสิ่งที่เฮียตอกกลับใส่ ยิ่งพูดไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าป๊ากับม้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมเห็นความไม่สบายใจในแววตาของป๊าม้าที่มาก็รู้สึกผิด

นี่ ผมทำเรื่องให้ป๊าม้าต้องอับอายอย่างที่ว่าจริง ๆ สินะ

“กร ป๊าว่าเราค่อย ๆ พูดกันเถอะนะ”

ม้าเดินมากอดผม ผมซบหน้าลงบนบ่าของม้าให้ม้าลูบหลังด้วยความอ่อนโยน

“ป๊าว่าวันนี้อินกลับไปก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน”

ป๊าเดินเข้าไปขวางระหว่างเฮียกับอิน ก่อนจะหันไปพูดกับอิน

“จะไม่มีการคุยอะไรกันทั้งนั้นป๊า มันกับกี้ต้องเลิกติดต่อกันอีก”

“เฮีย”

“เฮีย”

ผมกับอินอุทานขึ้นพร้อมกันเมื่อได้ยินที่เฮียพูด ป๊าหันมาส่งสายตาปรามห้ามไม่ให้ผมพูดอะไรก่อนจะหันไปบอกเฮียเสียงเรียบ

“กร เรื่องนี้ปล่อยให้ป๊าจัดการเองดีกว่า”

“แต่ป๊า...”

เฮียยอมเงียบลงเมื่อเห็นสายตาของป๊า เมื่อเห็นเฮียยอมเงียบแล้ว ป๊าจึงหันไปพูดกับคนรักของผมบ้าง

“กลับไปก่อนนะอิน เชื่อป๊า”

อินมองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วงและลังเล เราสบตากันก่อนที่อินจะยอมถอย

“ครับ”

ผมมองอินกลับขึ้นรถแล้วขับออกไป ม้ากอดกระชับผมแน่นขึ้นส่วนผมก็ได้แต่กั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ป๊าเดินมาลูบหัวก่อนจะพาผมเข้าไปในบ้าน เฮียเดินตามเข้ามาพร้อมกับลูกน้องที่ยกกระเป๋าของผมขึ้นไปบนห้อง ผมทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง

“เดี๋ยวม้าไปหาอะไรมาให้กินนะลูก มาถึงเหนื่อย ๆ คงหิวแย่”

ม้าลูบหน้าลูบหลังผมก่อนจะลุกเข้าไปในครัว ส่วนป๊ายังนั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างผม เฮียเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ผมเพียงเหลือบมองก่อนจะเบือนหน้าหนี

“ที่เฮียทำก็เพราะเฮียหวังดีนะกี้ ไอ้ความรักแบบนี้มันไม่ยั่งยืนหรอกนะ อย่างไงผู้ชายก็ต้องคู่ผู้หญิง ต้องมีลูกมีหลานสืบสกุล จะทำอะไรก็คิดถึงป๊าม้าบ้าง”

“เฮียไม่ต้องเอาป๊าม้ามาอ้าง ป๊าม้ายังไม่เคยว่าสักคำ”

“กี้ พูดกับเฮียแบบนี้ได้อย่างไง” เฮียดุผมเสียงดัง แต่ผมไม่สนใจหรอก

“กร ไม่เอา”

ป๊ารีบห้ามคงไม่อยากเห็นลูกทั้งสองทะเลาะกัน เฮียถอนหายใจเฮือกใหญ่คงพยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้อาระวาดผมอีกรอบ

“เอาเถอะ สักวันกี้ก็จะรู้ว่าสิ่งที่เฮียทำมันถูกต้องแล้ว”

ผมไม่รู้ว่าคำว่าถูกต้องของเฮียหมายถึงอะไร ความถูกต้องที่ว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน ใช้ความคิดของเฮีย ใช้สายตาที่คนอื่นมองมา หรือใช้ความสุขของผมในการตัดสินความรักของผมกับอินกันแน่

 

TBC...

 

ออฟไลน์ Polkaneko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #93 เมื่อ19-08-2018 22:56:06 »

ตอนที่ 25

 

                ผมยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างห้องนอน มองไปยังหน้าบ้าน เห็นร่างคุ้นตายืนอยู่ที่หน้ารั้วพยายามที่จะชะเง้อมองเข้ามาในบ้าน สักพักผมเห็นเฮียเดินออกไปก่อนที่จะไล่ตะเพิดคนรักของผมให้กลับไป ผมเห็นอินพยายามที่จะเจรจา แต่กลับโดนเฮียตวาดเสียงดังจนผมได้ยินเสียงมาถึงข้างบนนี่ อินยืนรี ๆ รอ ๆ อยู่สักครู่ก็ยอมถอย แต่ก็เพียงแค่กลับไปยังรถที่จอดไว้เท่านั้น

                เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมละสายตาจากรถของอินและความคิดที่ว่าจะแอบปีนหน้าต่างลงไปอย่างไง ได้ยินเสียงไขกุญแจก่อนที่ม้าจะยกถาดใส่อาหารเข้ามา

                “กี้ กินข้าวเถอะลูก ม้าทำแต่ของโปรดของกี้ทั้งนั้นเลยนะ”

                ผมขยับตัวไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือที่ตอนนี้กลายเป็นโต๊ะกินข้าวของผมไปแล้ว เฮียกรบ้าอำนาจขังผมไว้ไม่ยอมให้ผมออกจากห้องเมื่อรู้ว่าอินมารอพบผมอยู่ที่หน้าบ้านไม่ยอมไปไหน นี่ก็ผ่านมา 2 วันแล้วนับจากวันที่เฮียพาตัวผมกลับมา

                เมื่อวานอินพาอานพกับอานงค์มาที่บ้าน ตอนแรกเฮียไม่ยอมให้เข้าบ้านด้วยซ้ำ แต่โดนป๊าดุว่าไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ก็เลยต้องยอมให้ครอบครัวของอินเข้ามาคุยในบ้าน ผมถูกเฮียจับขังไว้บนห้องแถมยังยึดกุญแจไปไม่ยอมให้แม้แต่กับม้า ได้แต่นั่งกระวนกระวายใจเดินวนไปวนมาจนพื้นบ้านแทบจะสึก ผ่านไปเกือบชั่วโมงผมจึงได้ยินเสียงเปิดประตูรั้ว วิ่งไปดูที่หน้าต่างก็เห็นอินเดินคอตกกลับไปกับพ่อและแม่ ผมได้แต่รอด้วยความอยากรู้แทบขาดใจว่าอินพาพ่อแม่มาคุยว่ายังไง รอจนในที่สุดม้าก็เปิดประตูเข้ามา ถึงได้รู้ว่าอานพและอานงค์พยายามจะช่วยพูดกับเฮียเรื่องของผมกับอิน ขอให้พวกเรา 2 คนได้คบกัน เพราะในเมื่อผู้ใหญ่ทั้ง 2 บ้านยอมรับความสัมพันธ์นี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และอานพอานงค์ก็เอ่ยปากว่ารักผมไม่ต่างจากลูกตัวเองเลย แต่มีหรือที่เผด็จการแบบเฮียจะยอม เฮียตอกกลับอานพกับอานงค์ไปว่าเลี้ยงลูกอย่างไงถึงได้โตมาเป็นเกย์ แล้วยังมาทำให้ลูกคนอื่นต้องพลอยเสียคนไปด้วย ผมฟังแล้วยังโมโหแทน ไม่รู้ว่าอานพใจเย็นไม่ลุกขึ้นมาชกเฮียสักหมัดได้อย่างไง

                คิดแล้วก็กลุ้มใจ ทำไมเฮียถึงได้ใจร้ายใจดำได้ขนาดนี้นะ นี่ก็เอากุญแจมาล๊อคห้องผมไว้จากข้างนอก เดือดร้อนม้าต้องไปตามเอากุญแจมาเปิดเพื่อจะเอาข้าวเข้ามาให้ผมกินทุกมื้อ

                “น่ากินทุกอย่างเลยม้า”

                ผมมองกับข้าวที่ม้าตั้งใจทำมาให้ผม มีแต่ของชอบของผมอย่างที่ม้าบอก ม้าคงอยากจะปลอบใจผมที่ต้องทนอุดอู้อยู่บนห้องไม่ได้ไปไหน

                “น่ากินก็กินเยอะ ๆ”

                “ฮะ กี้จะกินให้หมดเลย” ผมยิ้มน้อย ๆ เพื่อให้ม้าดีใจ

                “เห็นกี้ยังกินได้แบบนี้ม้าก็คงโล่งใจ” ม้าลูบหัวผมแล้วส่งยิ้มละมุนให้

                “ม้านึกว่ากี้จะตรอมใจที่โดนเฮียกีดกันจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเหรอ กี้คิดได้ละม้า กี้จะต้องกินให้มีแรงไว้ก่อน เกิดอะไรขึ้นจะได้มีแรงไปสู้กับคนใจร้ายได้”

                คนอะไรบ้าอำนาจเหลือเกิน คอยดูนะ ผมไม่ยอมแพ้หรอก ฮึ พูดแล้วก็โมโห ผมตักผัดกุ้งกระเทียมเข้าปากแล้วเคี้ยว ๆ ด้วยแรงโมโห

                “โถ กี้ เฮียเค้าก็แค่หวังดี” ม้าวางมือบนบ่าของผม

                “เหอะ หวังดีเหรอม้า เฮียเค้าแค่คิดถึงแต่หน้าตัวเองมากกว่า” ผมเบ้ปาก วางช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากลง

                “ม้า” ผมจับมือม้าที่วางอยู่บนบ่าแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าม้า “กี้ถามจริง ๆ นะ ป๊ากับม้าอายมากไหมที่มีลูกเป็นแบบกี้”

                ผมเม้มปากก่อนจะถามต่อ “ป๊าม้าอายญาติ ๆ หรือว่าคนอื่นเรื่องที่กี้รักกับผู้ชายเหมือนกันบ้างไหม”

                ม้ายังคงยิ้มให้ผมก่อนจะดึงให้ผมซบที่อก ปลอบโยนผมด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนของแม่

                “กี้ไม่ต้องคิดมากหรอกลูก พอป๊าเอาจริง พวกญาติ ๆ ก็ไม่มีใครกล้าหือกับป๊าหรอก ป๊าม้าไม่อายหรอกนะ ก็ลูกของม้าไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีนี่ กี้ของม้าแค่มีความรัก เพียงแต่เป็นความรักในแบบที่อาจจะดูแตกต่างในสายตาคนอื่นสักหน่อย คนอื่นเค้าก็เลยยังไม่ชิน”

                “เหมือนอย่างพวกญาติ ๆ เราใช่ไหมม้า”

                ตอนนี้เฮียยึดโทรศัพท์มือถือของผมไปแล้ว ผมก็เลยไม่รู้ความเคลื่อนไหวในไลน์กรุ๊ปวงค์ตระกูลตั้งวัฒนาพานิชอีก

                “อีกหน่อยพวกเค้าก็จะเข้าใจเองแหละลูก”

“กี้ขอโทษนะม้า” ผมเอ่ยเสียงอ่อย ๆ

“เรื่องเฮียก็เหมือนกัน ป๊าเค้าก็ช่วยคุยอยู่นะ กี้อดทนรออีกหน่อย”

“ขอบคุณนะครับ”

ผมสวมกอดม้า รู้สึกตัวเองโชคดีเหลือเกินที่อย่างน้อยมีป๊าม้าที่เข้าใจและยอมรับตัวผม 

เสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านดึงความสนใจของผมกับม้า ผมจึงลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่างก็เห็นเฮียเดินออกไปรับซ้อเหมยให้เข้ามาในบ้าน ผมหันไปบอกกับม้า

“ซ้อเหมยมาน่ะม้า”

“งั้นเดี๋ยวม้าลงไปหาเหมยก่อนนะ”

“กี้ลงไปด้วยสิม้า” ผมขอตามลงไปด้วย อยู่บนห้องมา 2 วันเต็ม ๆ อึดอัดจะแย่แล้ว ซ้อเหมยมาแบบนี้เฮียคงไม่กล้าว่าอะไรผมหรอก

“นะม้านะ กี้เบื่อที่ต้องอยู่บนห้องแล้ว” ผมใช้ลูกอ้อนตื้อม้าให้พาผมลงไปด้วย

“ป่ะ งั้นลงไปหาซ้อกัน”

ผมเดินตามม้าลงมาจากชั้น 2 เจอคนอื่น ๆ กำลังนั่งคุยกันในห้องรับแขก ผมเดินเข้าไปหาพี่สะใภ้คนสวยทันที

“ซ้อเหมย หวัดดีครับ”

“กี้ ใครให้แกลงมา” เฮียทำท่าไม่พอใจทันทีที่เห็นผมออกจากหน้า ผมเห็นเฮียเหลือบไปมองที่ประตูหน้าบ้าน คงกลัวว่าผมจะออกไปหาอิน

“ม้าให้น้องลงมาเอง เรามันก็เกินไปนะกร” ม้าเดินเข้ามาปรามก่อนจะดึงผมให้ไปนั่งด้วยกันบนโซฟา

“นั่นสิเฮีย จะขังน้องไว้บนห้องหรือไง นี่น้องนะเฮีย”

ซ้อเหมยพูดเสริมหันไปว่าสามีตัวเอง ผมได้ทีก็เลยแกล้งทำเสียงเศร้าบอกกับซ้อ

“เฮียเค้าคงไม่อยากมีน้องอย่างกี้แล้วมั้งซ้อ”

“แกกลับขึ้นไปบนห้องเดี๋ยวนี้เลยกี้” เฮียหันมาดุผมตาเขียว ผมได้แต่ทำหน้างอ

“ให้น้องมันอยู่นี่แหละ ใจคอจะขังมันไปถึงเมื่อไหร่”

ป๊าปรามเฮียเสียงนิ่ง ๆ ซ้อเอื้อมมือมาแตะที่มือผม

“ใช่ กี้อยู่กับคุยกับซ้อก่อน”

“เหมย เหมยก็เห็นว่าไอ้อินมันอยู่ที่หน้าบ้าน รีบให้กี้มันขึ้นไปบนบ้านน่ะดีแล้ว” เฮียกรฮึดฮัดไม่พอใจที่ไม่มีใครเข้าข้าง เมื่อทำอะไรป๊าไม่ได้ก็หันมาโวยวายใส่เมียตัวเองแทน

“แล้วยังไงละเฮีย ก็อินเค้าก็มาหาแฟนเค้า เฮียนั่นแหละทำไมไม่ยอมให้เค้าเขามาดี ๆ”

“เหมย นี่เหมยเข้าข้างมันเหรอ”

“เหมยไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น เหมยแค่เห็นว่าการที่เด็กมันรักกันก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหน ทำไมเฮียจะต้องทำตัวเจ้ากี้เจ้าการแย่งไม่ให้คนรักเค้าเจอกันด้วย”

ซ้อถอนหายใจก่อนจะกรอกตามองสามีหัวแข็งของตนที่ดื้อเหลือเกิน

“แต่มันเป็นผู้ชายเหมือนกันนะเหมย มันผิดเพศ เฮียยอมรับไม่ได้”

“เฮียฟังเหมยนะ ถึงกี้มันจะมีแฟนเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของกี้ เฮียไม่มีสิทธิ์ไปกะเกณฑ์ให้น้องมันต้องเป็นแบบที่เฮียต้องการ”

“แต่มันทำให้ป๊าม้าขายขี้หน้า เหมยก็เห็นว่าพวกญาติ ๆ ว่าอย่างไง มีแต่คนมาว่าป๊าม้า เฮียทนไม่ได้”

“เฮียทนไม่ได้เพราะเฮียรู้สึกเสียหน้าเองหรือเปล่า เหมยไม่เห็นป๊าม้าจะเดือดร้อนอะไรเลย”

ผมนั่งมองสองสามภรรยาเถียงกันเรื่องของผมกับอินอย่างดุเดือด เห็นได้ชัดว่าซ้อเหมยเข้าข้างพวกผมเต็มที่ พอเฮียทำท่าจะสู้เมียตัวเองไม่ไหวก็อ้างป๊าม้า แต่บอกเลยว่างานนี้ไม่ได้เป็นแบบที่เฮียหวังหรอกครับ เพราะคำพูดของป๊าต่อมาทำเอาเฮียถึงกับหน้าหงาย

“เหมยพูดถูก ป๊าก็บอกแล้วว่าเรื่องนี้ป๊าจัดการได้ ใครมันจะว่าอะไรก็ช่างมันสิ ป๊าไม่ได้ขอเงินพวกมันใช้สักหน่อย”

“ป๊า ก็เพราะป๊าม้าให้ท้ายกี้มันแบบนี้ไง มันถึงได้เสียคนแบบนี้”

“มันจะเกินไปแล้วนะกร” ป๊าดุเฮียเสียงเข้มเมื่อเห็นเฮียเอาแต่โวยวายเสียงดังไม่หยุด

ซ้อเหมยดึงมือเฮียไว้แล้วลูบเบา ๆ คงเพื่ออยากจะให้เฮียสงบอารมณ์ลงบ้าง

“เฮียลองคิดดูนะ ถ้าหากตอนที่เฮียคบกับเหมยแล้วมีคนบอกว่าเราไม่เหมาะสมกัน โดนป๊าม้ากีดกันให้เราเลิกกันให้ได้ เฮียจะยอมเลิกกับเหมยไหม”

“มันไม่เหมือนกันนะเหมย มันจะเป็นแบบนั้นได้ ก็เหมยเป็นผู้หญิง แต่ไอ้อินมันเป็นผู้ชาย”

“ก็แล้วมันต่างกันตรงไหนละเฮีย ผู้หญิงผู้ชายมันก็คนเหมือนกัน มีความรักได้เหมือนกัน”

“ไม่ มันไม่เหมือนกัน” เฮียส่ายหัวไม่ยอมรับ

“ไม่เหมือนอย่างไงเฮีย”

ซ้อเหมยจ้องหน้าเฮีย ผมเห็นเฮียเม้มปากแน่นก่อนจะหาเหตุผลมาตอบ

“ก็...ผู้ชายคบกับผู้ชาย มันก็ไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุลสิ”

“โธ่ เฮียไม่ต้องไปยุ่งเรื่องกี้มันจะมีลูกมีหลานหรือเปล่าหรอก ห่วงตัวเฮียเองก่อนไหม” ซ้อเหมยถอนหายใจก่อนจะยิ้มอ่อน

“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเฮียเกิดไม่มีลูกจะทำอย่างไง ตระกูลเราก็จะจบแค่นี้เหรอ”

“ถ้าเฮียจะเป็นห่วงเพราะเรื่องแค่นี้ เฮียไม่ต้องห่วงแล้ว เหมยมาหาก็เพราะมีเรื่องอยากจะบอกเฮีย เมื่อกี้เหมยเพิ่งไปโรงบาลมา” ซ้อเหมยกุมมือเฮียกรเอาไว้ก่อนจะยิ้มให้ “หมอบอกเหมยท้องได้ 4 สัปดาห์แล้ว”

“หา จริงเหรอเหมย”

ผมเห็นเฮียตาเป็นประกายก่อนจะยิ้มกว้างแบบที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว พวกผมก็พลอยยินดีไปด้วยเมื่อได้รับข่าวดี

“จริงสิ ที่นี้เฮียก็จะมีลูกสมใจแล้วนะ”

“เฮียดีใจที่สุดเลยเหมย” เฮียเขยิบเข้าไปใกล้ซ้อแล้วโอบกอดซ้อด้วยความดีใจ

“ถ้าอย่างงั้นเฮียก็ยอมให้กี้กับอินคบกันเถอะนะ”

“มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ละเหมย”

คิ้วเฮียขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินซ้อยังไม่เลิกล้มความพยายามเรื่องของผม ส่วนผมก็นั่งลุ้นจนตัวเกร็ง

“อ้าว ก็การที่เฮียไปขัดขวางความรักของน้องเนี่ยมันบาปนะเฮีย ระวังเถอะบาปกรรมมันจะมาถึงลูก”

“เหมย อย่ามาล้อเล่น” ผมเห็นเฮียเริ่มหน้าเสีย ซ้อได้ทีก็รีบพูดต่อ

“เหมยไม่ได้ล้อเล่น นี่เหมยพูดจริง ๆ นะเฮีย พรากคนรักจากกันมันบาปกรรม เฮียไม่กลัวใครจะมาพรากลูกพรากเหมยไปจากเฮียบบ้างเหรอ ปล่อยกี้มันไปเถอะนะ น้องมันโตแล้ว”

เฮียกรนั่งนิ่งไป สีหน้าหนักใจแต่ก็ไม่ได้พูดแย้งอะไรต่อ เห็นแบบนั้นซ้อก็เลยหันมาบอกกับผม

“กี้ ออกไปหาอินเถอะ พาอินเข้ามาคุยกันในบ้าน”

ผมเหลือบมองพี่ชายตัวเองที่ทำท่าเหมือนกำลังจะอกแตกด้วยความไม่แน่ใจ ถ้าพาอินเข้ามาแล้วเฮียจะไม่อาละวาดทำร้ายคนรักของผมใช่ไหม

“รีบพาอินมาสิกี้”

ม้าคะยั้นคะยอ ส่วนป๊าก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ผมยิ้มให้ทุกคนก่อนจะรีบลุกไป วิ่งตรงไปเปิดประตูรั้ว อินที่คงเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของบ้านผมอยู่ตลอดรีบเปิดประตูรถวิ่งมาผมเช่นกัน ผมกระโดดกอดอินซุกหน้ากับอกของมัน อินกอดรัดผมเต็มแรงเหมือนกัน เราสวมกอดกันจนพอใจก็ผละออกจากกัน อินจับไหล่ผมไว้ทั้ง 2 ข้างกวาดสายตาสำรวจไปทั่วตัวผมก่อนจะยิ้มกว้าง

“ทำไมกี้ออกมาได้แล้ว เฮียยอมแล้วเหรอ”

“ไม่ยอมก็เหมือนยอมแล้วละ”

อินย่นคิ้วทำหน้าสงสัย ผมหัวเราะก่อนจะรีบดึงมืออินให้เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน

พอเข้าไปก็เห็นเฮียนั่งหน้าหงิกเป็นตูดด้วยมีซ้อเหมยนั่งอมยิ้มคล้องแขนอยู่ข้าง ๆ ส่วนป๊าม้าก็กวักมือเรียกพวกผมให้ไปนั่งด้วยกัน ผมพาอินไปนั่งที่โซฟา ส่วนผมก็นั่งบนที่เท้าแขน

“ไม่ต้องนั่งใกล้กันขนาดนั้น” เฮียหันมองพวกผมตาแทบจะลุกเป็นไฟ อินเหลือบมองหน้าผมด้วยความไม่แน่ใจ

“เฮีย ก็คนเค้าเป็นแฟนกันนะ” ซ้อลูบแขนให้ใจเย็นก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“เฮียเค้ายอมให้กี้กับอินคบกันแล้วนะ”

“จริงเหรอครับ”

อินยิ้มกว้างก่อนหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ ผมยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้ ในใจรู้สึกพองโตไปหมด

“ขอบคุณนะครับเฮีย”

คนรักของผมยกมือไหว้เฮีย แต่เฮียกลับมองด้วยหางตาก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างหัวเสีย

“มึงต้องทำตามที่มึงเคยพูดไว้ให้ได้ ว่าจะไม่ทำให้น้องกูเสียใจแล้วก็จะปกป้องไม่ให้ใครมาดูถูกหรือทำร้ายน้องกูได้”

“ครับ”

อินตอบรับอย่างแข็งขัน อินดึงมือผมไปกุมกระชับมั่น

                “จะทำอะไรก็อย่าให้มันประเจิดประเจ่อ เฮียไม่ชอบ”

                เฮียจ้องมือที่กุมกันอยู่ของพวกผมตาแทบถลน แต่มีเหรอผมจะสนใจ ก็เฮียยังสวีทกับซ้อให้ผมเห็นบ่อย ๆ กับอีแค่จับมือกันเนี่ยมันคงไม่ปาดตาเท่าไหร่หรอก

                “กลับบ้านเราเถอะเฮีย”

                ซ้อเหมยส่ายหน้าระอาในสามีตัวเอง ก่อนจะชวนให้เฮียที่มาเฝ้าผมอยู่หลายวันกลับบ้านด้วยกัน

                “แต่ว่า...” ผมยังเห็นเฮียมองผมกับอินด้วยสาบไม่ไว้ใจ แต่ซ้อก็ยังมีวิธีทำให้เฮียยอมแต่โดยดี

                “หรือว่าเฮียอยากจะให้เหมยขับรถกลับเอง เฮ้อ ท้องอ่อน ๆ ยิ่งเวียนหัวบ่อยด้วยสิ”

                “เดี๋ยวเฮียขับเอง เหมยไม่ต้อง”

                เฮียรีบแย่งกุญแจรถมาจากเมีย ซ้อเหมยยิ้มอย่างเป็นต่อก่อนจะจูงมือสามีกลับบ้าน

                “ซ้อเหมยท้องเหรอ”

                อินหันมาถามผมเมื่อเฮียกรกับซ้อเหมยกลับไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนป๊าก็ขอตัวไปดูปลากัดลูกรักที่หลังบ้าน ส่วนม้าก็เตรียมไปทำกับข้าวมื้อใหญ่ฉลองให้ผมกับอิน

                “อือ เพราะหลานคนนี้แหละเฮียถึงยอมให้เราสองคนคบกัน”

                ผมหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นอินทำหน้างง ๆ ก่อนจะลุกไปนั่งโซฟาตัวที่ว่างแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

                “ถ้าอย่างงั้นกูจองตั๋วเครื่องบินของพรุ่งนี้เลยนะ”

                “จะกลับพรุ่งนี้เลยเหรอ ขอกูอยู่บ้านต่ออีก 2-3 วันไม่ได้เหรอ แล้ววันอาทิตย์เราค่อยกลับ” ผมต่อรองเมื่ออินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดจองตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพ

                “กลับได้แล้ว นี่ก็โดดเรียนมาหลายวันละ นี่ยังดีที่มีวิชาที่เช็คชื่อแค่วิชาเดียว ส่วนเรื่องเลคเชอร์กูขอให้ชมพู่กับมายช่วยจดไว้ให้แล้ว อ่านวันเสาร์อาทิตย์ก็น่าจะตามทัน”

                “โอ้ย นี่มึงยังคิดเรื่องเรียนอีกเหรอ”

                ผมโอดครวญ นี่ใจคออินมันจะเรียนเอาเกียรตินิยมเลยใช่ไหมครับ เวลาแบบนี้ยังจะคิดถึงแต่เรื่องเรียนอีก

                อินมองไปรอบ ๆ ก่อนจะขยับเข้ามานั่งใกล้ผม มันโน้มตัวลงมากระซิบข้างหู

                “กูอยากอยู่สองต่อสองกับมึงเร็ว ๆ ตั้งหาก คิดถึงมึงจะแย่แล้วรู้ไหมกี้”

                ไม่ต้องส่องกระจกผมก็รู้ว่าตอนนี้แก้มตัวเองกำลังขึ้นสีแดงแน่ ๆ ผมเม้มปากแน่นแล้วมองคนที่ได้ชื่อว่าแฟนตาขวาง

                “ไอ้บ้า”

                “เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับถึงคอนโดกูจะพิสูจน์ให้ดูว่าอินคิดถึงกี้แค่ไหน ถ้ามึงรับความคิดถึงกูไม่ไหว กูอนุญาตให้ลาอีกวันก็ได้”

                “ไอ้เชี่ยอิน ในหัวมึงนี่คิดแต่เรื่องหื่น”

                ผมด่ามันทันทีที่เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับแววตาวาววับของมัน แต่มันกลับหัวเราะแล้วคว้ามือผมไปกุมไว้ก่อนที่สายตาของมันที่สบตาผมจะเปลี่ยนเป็นสายตาจริงจัง

                “แต่กูคิดถึงมึงจริง ๆ นะกี้ แล้วกี้ละ คิดถึงอินไหม”

                “กูแทบจะปีนหน้าต่างหนีตามมึงไปอยู่แล้วยังจะถามอีก” ผมขมุบขมิบตอบมันเสียงเบา

มึงจะถามให้กูเขินทำไมเนี่ยไอ้อิน

ผมเห็นอินก้มลงมองมือของมันที่กุมมือผมไว้ ก่อนจะสอดประสานมือของมันกับมือของผมแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากัน อินยิ้มแบบที่มักจะยิ้มให้ผมอยู่เสมอ

“กูอยากให้มึงรู้ไว้นะ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก กูจะไม่มีวันปล่อยมือมึงแน่นอน”

“กูก็เหมือนกัน”

ผมก้มดูมือของเราที่ประสานกันแนบแน่น ผมรู้ว่าสองมือของอินจะไม่มีวันปล่อยมือจากผมแน่นอน ความรักของพวกผมต่อจากนี้ไปคงไม่ง่ายนัก คงมีอีกหลายเหตุการณ์ที่เราต้องเผชิญ ขอแค่เรายังจับมือกันไว้ ผมเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้ด้วยกัน

“กี้”

ผมเงยหน้าขึ้นสบตาอินตามเสียงเรียก อินเขยิบเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ ผมค่อย ๆ หลับตาลง ทันทีที่ริมฝีปากของเราสัมผัส เจ้าพวกผีเสื้อในท้องก็เริ่มขยับปีกบางใสและโบยบินวนอยู่ในท้องของผม

ถึงตอนนี้ผมคิดว่าโรคประหลาดนี้มันคงไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้แล้วละครับ มันคงจะกลายเป็น ‘โรคประจำตัว’ ของผมไปแล้วสิ

 

                The end.



ในที่สุดโรคประจำตัวก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้วค่ะ^^

เรื่องนี้เป็นนิยายยาวเรื่องแรกของเรา ซึ่งเราตั้งใจกับมันมากๆ

ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาถึงตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนนี้เรามีนิยายอีกเรื่อง ขอฝากพี่เสือกับน้องแฮมไว้ด้วยนะคะ

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68152.0

ปล. อาจจะมีตอนพิเศษมาอีก อย่างไงก็ฝากติดตามด้วยน้าา


ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #94 เมื่อ20-08-2018 09:30:23 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #95 เมื่อ20-08-2018 13:27:41 »

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #96 เมื่อ30-08-2018 09:42:31 »

น่ารักค่ะ เห็นการพัฒนาของตัวละครชัดเจน
เรื่องไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เอื่อยอืด ไม่ดึงเส้นเรื่อง
ภาษาดี สำนวนดี แทบไม่ตัวสะกดผิดเลย

ชื่นชมนะคะ
ชอบกี้ รักอิน ชื่นชมเพื่อน ๆ พี่ ๆ ของพระนายทุกคน
แม้แต่เฮียกร ... เรายังชอบเลย
พี่นัทก็เป็นตัวละครที่มีเหตุผลดี
ชอบอะ ... ขอบคุณนะคะที่เขียนให้อ่าน

ป.ล. ชอบพี่เสือ-น้องแฮมด้วยค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #97 เมื่อ01-09-2018 10:02:35 »

 :pig4: :pig4: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #98 เมื่อ07-09-2018 16:21:14 »

น่าเอ็นดูกี้จัง มันมีผีเสื้อบินในท้อง 555 5 มีอาการแปลกๆ ไม่รู้จะทำยังไง ปรึกษาคนเขาไปทั่ว

อินก็ตามหวง ตามเฝ้า แสดงความเป็นเจ้าของซะมองมาจากดาวอังคารยังรู้เลย มีแต่เจ้าตัวแหละที่ไม่รู้

ภาษาดี ลื่นไหล เป็นกำลังใจให้คนเขียวนะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #99 เมื่อ08-09-2018 00:58:21 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
« ตอบ #99 เมื่อ: 08-09-2018 00:58:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TheBig

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #100 เมื่อ08-09-2018 23:13:56 »

 :impress2: :pig4: o13

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #101 เมื่อ09-09-2018 02:23:45 »

สนุกมาก...ขอตอนพิเศษเพิ่มอีกได้มั้ยคะ  :m17:

น่ารัก  :m3: :m3:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #102 เมื่อ10-09-2018 01:11:34 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #103 เมื่อ11-09-2018 13:17:34 »

อ่านทีเดียวจบ
ฟีลกู๊ดมาก ชอบความซื่อของนายเอก
อีกนิดก็ดูเหมือนโง่แล้ว 5555
อยากรู้เรื่องมายบ้าง ดูลึกลับดีจัง
จะมีมาให้อ่านไหมนี่

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #104 เมื่อ11-09-2018 22:36:43 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ คนเดี๋ยว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #105 เมื่อ12-09-2018 22:31:19 »

สนุกสุดๆๆๆชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #106 เมื่อ08-10-2018 12:48:34 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #107 เมื่อ11-11-2018 19:03:10 »

ฟีลกู๊ดมากกกกก ชอบเลย ขอบคุณมากเลยค่า
เราเอ้นดูน้องกี้มาเลย หนูลุ๊กกกกก :hao7:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #108 เมื่อ15-11-2018 12:37:56 »

น่ารักมากค่ะอ่านแล้วมีความสุขค่ะรอตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #109 เมื่อ17-11-2018 07:39:09 »

เรื่องนี้ดีมากกก
อินเป็นคนที่รักมั่นคงมากเลย
อิจฉากี้ซะแล้ว 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
« ตอบ #109 เมื่อ: 17-11-2018 07:39:09 »





ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #110 เมื่อ19-11-2018 09:03:47 »

น่ารักมากๆเลย

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #111 เมื่อ21-11-2018 13:26:29 »

น่ารักดีค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Maleemol

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #112 เมื่อ26-11-2018 17:40:12 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #113 เมื่อ28-11-2018 12:41:25 »

เนื้อเรื่องน่ารักมากกก อินคือดี น้องคือดี  :impress2: 

น้องคือแบบถึงจะไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเท่าไหร่

รู้สึกช้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ทิ้ง ไม่ทำร้ายความรู้สึกอินอ่ะ

อินก็ดี รู้จักน้องดี รู้ว่าวิธีไหนน้องจะเข้าใจตัวเองดีที่สุด

ไม่เร่งรีบ แต่ก็ไม่ทิ้งไม่หายไป ตะล่อมเก่ง 555 o13

ขอบคุณคนเขียนน้าาา  :กอด1:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #114 เมื่อ30-11-2018 09:59:15 »

อินคือดีๆๆๆๆๆ  o13

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: โรคประจำตัว : ตอนที่ 25 [End] [19/08/2018]
«ตอบ #115 เมื่อ01-12-2018 23:27:23 »

น้องกี้น่ารักจังลูกกกกก

ออฟไลน์ Polkaneko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-2
ตอนพิเศษ : หวง

 

                “ไอ้อิน”

                ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในห้องเรียน กระเป๋านักเรียนถูกวางบนโต๊ะเรียนข้างตัวที่ผมนั่งอยู่ ก่อนที่เจ้าของกระเป๋าจะรื้อเอาสมุดการบ้านออกมา

                “กูยืมการบ้านเลขหน่อยดิ มึงยังไม่ได้ส่งใช่มั้ย กูลืมทำ”

                กี้ขยับแว่นตาที่เลื่อนลงมาจากสันจมูกก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้

                “มัวแต่เล่นเกมอีกละสิมึง ป๊ามึงบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าเทอมนี้เกรดตกจะโดนตัดค่าขนม”

                ถึงจะบ่น แต่ผมก็หยิบการบ้านที่ยังไม่ส่งให้หัวหน้าห้องเพราะคิดว่ากี้อาจจะต้องมาขอยืมยื่นให้ไป กี้ทำปากยื่นเมื่อได้ยินที่ผมบอก ปากก็พูดไปในขณะที่มือก็ลอกการบ้านลงสมุดเป็นระวิง

                “ถามจริงป๊าจ้างมึงเท่าไหร่วะ บ่นกูเสียอย่างกับป๊ามาเอง”

                “ก็มึงมันน่าให้บ่นไหมละ”

                ผมเอามือโยกหัวกี้ด้วยความหมั่นเขี้ยวให้กี้มันหันมาทำตาขวางเล่น

                “นี่ เย็นนี้มึงไปดูกูซ้อมคทาด้วยนะ”

                “อีกละ ทำไมกูต้องไปนั่งดูมึงซ้อมด้วยวะ กูแม่งไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย แม่งกว่ามึงจะซ้อมเสร็จ กูนั่งรอจนเบื่อแล้วเบื่ออีก”

                กี้บ่นกระปอดกระแปดด้วยเพราะไม่อยากไปนั่งแกร่วของข้างสนาม

                “มึงยังจะลอกการบ้านกูไหม”

                “เออ ๆ ไปก็ได้”

ก็แค่นั้น...

ผมนั่งเท้าคางมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิทที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการปั่นการบ้านให้เสร็จภายใน 10 นาทีก่อนที่ออดเคารพธงชาติจะดัง

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมรู้สึกว่าสามารถมองหน้ากี้มันได้อย่างไม่รู้เบื่อ จากเด็กผู้ชายตัวกะเปี๊ยกที่ยิ้มจนตาหยีในวันแรกที่เจอกัน จนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมอย่างทุกวันนี้

 

ผมยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกา นี่ก็ได้เวลานัดแล้วที่ผมจะต้องไปซ้อมคทาแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววของกี้ที่หายหัวไปตอนคาบสุดท้าย

ขณะที่กำลังยืนลังเลอยู่หน้าห้องว่าจะรอมันอยู่ตรงนี้ต่ออีกหน่อยหรือจะไปที่สนามเลย คนที่ผมรออยู่ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหา

“กูก็นึกว่ามึงจะลงไปที่สนามแล้วซะอีก”

“ก็กำลังจะไปแล้วละ แล้วนี่มึงไปไหนมาวะ”

“กูไปเข้าห้องน้ำ แล้วเจอครูแอนเข้าพอดี แกเลยให้กูช่วยถือของไปส่งที่ห้องพักครู”

ผมยืนรอกี้เข้าไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินลงไปที่สนามบอลพร้อมกัน

“เออ มึงรู้ไหมเมื่อกี้กูเจอใคร”

ผมก้าวลงบันไดทีละขั้นระหว่างฟังเรื่องที่กี้เล่า

“กูเจอเจน เจนห้องหนึ่งที่เป็นประธานสีเราอ่ะมึง ที่ขาว ๆ น่ารัก ๆ เขาถามกูว่าอยู่สีแดงเหมือนกันใช่ไหม พอกูบอกว่าใช่ เขาก็เลยขอให้กูไปช่วยทำคัทเอาท์เพราะว่าคนไม่พอ”

เท้าของผมหยุดกึก เหลือบมองคนที่ยังพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด

“กูเห็นว่าไหน ๆ กูก็ไปดูมึงซ้อมทุกวันอยู่แล้ว กูก็เลยรับปากเขาไป เขาดีใจใหญ่เลยว่ะ ยิ้มให้กูด้วย แม่งโคตรน่ารัก”

กี้ทำท่าเคลิ้ม มันหันมายิ้มอวด ๆ พอไม่เห็นผมเดินมาด้วยกันก็เงยหน้าหันกลับมามอง

“อ้าว รีบ ๆ เดินสิมึง เดี๋ยวก็ไปซ้อมช้าหรอก”

ผมก้าวตามลงมาโดยไม่พูดอะไร

“มึงว่าเจนมีแฟนยังวะ”

ผมชะงักก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่เดินอยู่ข้างกัน

“มึง...ชอบเขาเหรอ”

“ก็....” กี้ยกมือขึ้นเกาจมูก ยิ้มเขิน “กูก็ว่าเขาน่ารักดีวะ”

ผมเม้นปากเข้าหากันแน่นก่อนจะคลายแล้วพ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดมาก ๆ

“กูว่ารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวอาจารย์ด่า”

ผมรีบก้าวเท้ายาว ๆ เดินไปที่สนามโดยพยายามไม่หันกลับไปสนใจไอ้คนที่เดินตามหลังมา ผมรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เลยไม่อยากอยู่ใกล้ไอ้ตัวต้นเหตุ กลัวว่าตัวเองจะเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป

แต่บอกได้เลยว่าท่าทีของกี้ที่มีต่อเจน ผมไม่ชอบเอามาก ๆ...

 

“อิน...อินทนิล”

“ห๊ะ ครับ” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ก็เห็นอาจารย์ที่มาช่วยดูการซ้อมยืนเท้าสะเอวจ้องตาเขม็งอยู่

“มีสมาธิหน่อยสิเธอ เดี๋ยวคทาก็ได้ตกใส่หัวใครหรอก”

“ขอโทษครับ”

ผมเอ่ยเสียงอ่อย ๆ ก่อนจะแอบหันกลับไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งหน้าระรื่นกำลังช่วยประธานสีแดงทาสีบนแผ่นไม้อัดที่ใช้ทำคัทเอาท์บนสแตนด์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

กี้มันคงพูดอะไรสักอย่างกับเจน ผมเห็นเธอหัวเราะชอบใจ ก่อนที่ผมจะเบนสายตากลับมามองที่คทาในมือ เห็นแบบนั้นผมก็ยิ่งไม่มีสมาธิในการซ้อมเลย หงุดหงิดจนอยากจะเอาคทาที่อยู่ในมือไปไล่ตีสองคนนั่นให้ออกห่างจากกัน

“อินไหวเปล่าเนี่ย ดูแปลก ๆ นะ”

หนิงที่เป็นคทาไม้สองเดินเข้ามาถามผม ผมส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้เธอ

“โทษทีนะหนิง”

“งั้นก็ซ้อมต่อนะ”

หนิงกลับไปประจำที่ ผมพยายามรวบรวมสมาธิอีกครั้ง แต่ระหว่างที่กำลังซ้อมอีกรอบ สายตาก็ดันไปเห็นไอ้เพื่อนรักของผมกำลังชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เจน มือของมันแตะลงที่แก้มของเธอ

“เฮ้ย อินระวัง”

ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกก่อนที่จะเห็นว่าคทากำลังจะตกใส่หัว ผมกระโดดหลบได้ทันแบบฉิวเฉียด คทาที่ผมเอาเป็นคนโยนขึ้นไปตกกระเด็นกระดอนอยู่ที่ปลายเท้า แต่ก็สร้างความแตกตื่นให้คนที่อยู่รอบ ๆ ไม่น้อย ผมรีบยกมือไหว้ขอโทษรอบวง

“เป็นอะไรหรือเปล่าไอ้อิน”

เป็นกี้ที่วิ่งมาหาผมหน้าตาตื่น ผมส่ายหน้าแล้วก้มลงหยิบคทาที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา

“ครูว่าวันนี้เราพอแค่นี้กันก่อนดี ท่าทางอินดูไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เดี๋ยวจะพากับเจ็บตัวเสียเปล่า ๆ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยมาซ้อมกันต่อนะทุกคน”

ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนยกมือไหว้ขอโทษอาจารย์อีกที หนิงกับเพื่อนอีกคนที่เป็นคทากรเหมือนกันโบกมือให้ก่อนจะแยกย้ายกันไป

“เป็นอะไรวะมึง”

กี้มองผมด้วยความกังวล ท่าทางมันจะดูเป็นห่วงผมไม่น้อย ทำให้ใจของผมฟูขึ้นมาบ้าง

“ไม่มีอะไร สงสัยเมื่อคืนคงนอนดึกไปหน่อย”

“เหรอวะ งั้นมึงก็รีบกลับไปพักเหอะ”

“เอ่อ งั้นกลับกันเลยไหม”

“มึงกลับไปก่อนเลย กูขอช่วยเขาทำคัตเอาท์ต่ออีกหน่อย”

ผมเผลอขมวดคิ้ว สายตามองไปทางประธานสีแดงที่ลุกขึ้นไปดูงานกับเพื่อนคนอื่น แล้วหันกลับมามองเพื่อนตัวเองที่ยืนกระพริบตาปริบ ๆ

“งั้นกูยังไม่กลับดีกว่า กูรอกลับพร้อมมึงก็ได้”

“เอางั้นเหรอ” กี้ถามผมอีกทีเพื่อความแน่ใจ ผมพยักหน้ายืนยัน

“งั้นมึงไปนั่งรอตรงโน้นก่อนละกัน” กี้ชี้ไปทางอัฒจันทร์ที่พวกผมวางกระเป๋าไว้แล้วเดินหันหลังกลับไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ

ผมเดินเอาคทาไปเก็บที่ห้องเก็บอุปกรณ์ที่โรงยิม พอเดินกลับมาก็ไม่เห็นเพื่อนสนิทตัวเองนั่งทำงานอยู่ที่เดิม ผมกวาดตาไปรอบ ๆ เพื่อมองหาร่างที่คุ้นตาก็เห็นเจนกำลังหิ้วกระติกน้ำใบใหญ่เดินตัวเอียงมาทางนี้ ดูแล้วน่าจะเอามาให้พวกใช้แรงงานดื่ม เห็นแบบนั้นผมจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเธอ

“มา เราช่วย”

ผมเอื้อมมือไปดึงกระติกน้ำมาถือไว้แทน เจนเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาประหลาดใจก่อนจะส่งยิ้มให้

“ขอบใจนะอิน”

“แล้วนี่ทำไมไม่ให้พวกผู้ชายมาช่วยยกละ” ผมถามขึ้นระหว่างที่เดินมาด้วยกัน

“พวกผู้ชายไปช่วยกันยกไม้อัดน่ะ เราเห็นว่ากลับมาคงเหนื่อยกันก็เลยไปยกน้ำมาเตรียมไว้ให้”

“ก็ไม่เห็นต้องไปยกเองคนเดียวเลยนี่หน่า เจนเป็นผู้หญิงนะ” ผมว่ากระติกนี้ก็หนักไม่ใช่เล่นเลย ผู้หญิงตัวเล็กแบบเจนไม่น่าจะยกไหว

“ไม่เป็นไรหรอก” เจนตอบยิ้ม ๆ “เอาวางไว้ตรงนี้ก็ได้”

“ตรงนี้นะ” ผมวางกระติกใบใหญ่นั้นไว้แถว ๆ ตรงที่เจนชี้ ก็ใกล้ ๆ กับบริเวณที่นั่งทำงานกันนั่นแหละครับ

“ขอบใจนะ”

“อือ เจนมีอะไรให้เราช่วยก็บอกได้นะ” อย่างไงผมก็ต้องอยู่รอกี้มันอยู่แล้ว จะให้นั่งดูอยู่เฉย ๆ ก็อย่างไงอยู่ สู้ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยจะดีกว่า

“งั้นเดี๋ยวอินไปช่วยทาสีไม้อัดก็แล้วกันนะ”

“ได้สิ” ผมยิ้มให้เธอก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่าง “ขอโทษนะ”

ผมหยิบใบไม้แห้งที่ติดบนผมของเธอออก คงจะหล่นลงมาตอนที่เดินผ่านต้นไม้ใหญ่มาเมื่อกี้ ผมยื่นใบไม้ที่หยิบออกมาให้เจนดู

“ใบไม้มันติดผมน่ะ”

“ขอบใจนะ”

ผมยิ้มรับคำขอบคุณที่เจนพึมพำออกมา พลันสายตาที่เหลือบเห็นกลุ่มคนที่เดินหอบไม้อัดกันมาข้างหลังของเจน เห็นสภาพกี้ที่ตัวก็เล็กแต่ยกไม้อัดแผ่นใหญ่มาด้วยสองมือ ผมสังเกตว่าแว่นที่กี้ใส่อยู่กำลังจะเลื่อนหลุดอยู่แล้วก็รีบเดินเข้าไปหา

“มากูยกเอง มึงปล่อยเหอะ”

ผมเข้าไปช่วยยกแผ่นไม้อัดแทนที่กี้ หางตาเห็นมันขยับแว่นตาให้เข้าที่แล้วเดินไปพร้อมกัน พอวางไม้อัดลงเรียบร้อย ผมก็มานั่งช่วยระบายสีอยู่กับกี้จนถึงหนึ่งทุ่ม ครูเวรก็มาบอกให้พวกผมกลับบ้านกันได้แล้ว ทุกคนช่วยกันเก็บของก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ผมเดินไปหยิบกระเป๋ามาส่งให้กี้แล้วเดินออกมาเอามอเตอร์ไซด์ที่โรงจอดรถพร้อมกัน

“อ้าว เจนกลับอย่างไงเหรอ”

กี้เอ่ยทักประธานสีแดงที่ยืนอยู่ลำพังตรงทางออกสู่ประตูใหญ่

“เจนรอพี่มารับน่ะ แต่ทำไมไม่มาสักทีก็ไม่รู้”

ผมมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ทุ่มครึ่งแล้ว ภายในโรงเรียนค่อนข้างมืดและเงียบสงัดจนดูน่ากลัว

“งั้นพวกเรารอเป็นเพื่อนละกัน”

จะทิ้งให้เจนยืนรอคนเดียวก็ดูอันตรายเกินไป ผมจึงเสนอด้วยความหวังดี พวกเรายืนรอกันอยู่สักพัก พี่ของเจนก็โทรศัพท์มาบอกว่าอยู่ ๆ รถก็ดับระหว่างทาง สตาร์ทอย่างไงก็ไม่ติด ให้เจนเรียกรถกลับบ้านเอง

“เอาไงดีละเจน”

“ก็คงต้องหารถแดงกลับอ่ะกี้” เจนถอนหายใจด้วยความเซ็ง “ขอบใจนะที่อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อน”

“บ้านเจนอยู่แถวไหนเหรอ ให้เราไปส่งไหม” ผมเหลือบมองกี้ที่ดูกระตือรือร้นเสนอตัวทันทีด้วยความไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก

“บ้านเจนอยู่...” เจนบอกชื่อหมู่บ้านซึ่งผมจำได้ว่าอยู่ไม่ไกลจากบ้านของผมเท่าไหร่นัก เป็นทางที่ผมต้องผ่านอยู่แล้วแต่ทว่าอยู่กันคนละทางกับบ้านของกี้เลย

“เราผ่านแถวนั้นอยู่แล้ว งั้นเจนติดรถเรากลับดีกว่า มึงไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปส่งหรอกกี้”

ผมบอกกับเจนแล้วหันไปบอกกี้ เห็นมันทำหน้าผิดหวังเสียดายที่อดไปส่งเจนก็รู้สึกขัดหูขัดตา ผมเลยรีบชวนเจนกลับด้วยกัน

กูไม่ยอมให้มึงไปกับเจนสองคนหรอกกี้...

“เอางั้นก็ได้”

เจนตกลงตามที่ผมเสนอ ผมกับกี้จึงเดินไปเอามอเตอร์ไซด์ที่จอดไว้ในโรงรถของโรงเรียนออกมา ผมยื่นหมวกกันน็อคของตัวเองให้เจน

“ใส่ไว้นะ”

“แล้วอินละ” เจนรับหมวกกันน็อคไปถือไว้ในมือแต่ยังไม่ยอมใส่

“ไม่เป็นไรหรอก เจนใส่เถอะ” ผมยิ้มให้เธอก่อนจะสตาร์ทรถแล้วหันไปบอกกับเพื่อนสนิท “งั้นกูไปก่อนนะ”

กี้พยักหน้าหงอย ๆ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซด์แยกกลับไปทางบ้านของมัน ส่วนผมก็พาเจนออกมาอีกทางหนึ่ง ไม่นานนักรถของผมก็จอดหน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านจัดสรรตามที่เจนบอก

“ขอบใจนะอินที่มาส่ง” เจนยิ้มให้พร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคคืนมา

“งั้นเรากลับก่อนนะ”

ผมรับหมวกกันน็อคมาสวมลงบนหัวก่อนขี่รถคันเก่งกลับบ้าน

 

วันต่อ ๆ มาพอซ้อมคทาเสร็จ ผมก็มาช่วยพวกที่ทำคัทเอาท์กันต่อ เป็นเพราะกี้ที่ตอนแรกมันเป็นฝ่ายถูกผมลากให้มาอยู่เป็นเพื่อนผมตอนซ้อมแท้ ๆ แต่ตอนนี้มันกลับดูสนุกกับการช่วยงานทำคัทเอาท์เสียอย่างงั้น ไม่รู้เพราะประธานสีแดงด้วยหรือเปล่า มันถึงยอมมาช่วยงานทุกวันไม่มีอิดออดเลย ผมก็เลยต้องเป็นฝ่ายมานั่งเฝ้ามันแทน แต่จะให้นั่งเฝ้าเฉย ๆ มันก็ดูแปลก ๆ อยู่ ผมก็เลยค่อยช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปด้วย

เอาความจริงก็คือ...ผมมานั่งกันซีนกี้มันมากกว่า

พอผมสังเกตว่ากี้อยู่ใกล้เจน ผมก็พาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงสนทนาด้วย หรือตอนที่เจนกำลังต้องการคนช่วยและผมเห็นกี้มีทีท่าจะอาสา ผมก็ยืนมือเข้าไปช่วยเสียเอง

“น้ำไหมอิน”

ผมเงยหน้าจากแผ่นไม้อัดที่กำลังระบายสีตามที่ฝ่ายศิลป์กำหนดไว้อยู่ก็เห็นรอยยิ้มสดใสของเจนพร้อมกับแก้วน้ำหวานที่ถูกยื่นมาให้

“ขอบใจนะ” ผมรับแก้วมาดื่มอึกใหญ่ 

“อินนี่ใจดีกว่าที่เราคิดนะ ซ้อมคทาเสร็จแล้วยังอุตส่าห์มาช่วยงานทางนี้ต่อด้วย” เจนนั่งลงข้างผม ชะโงกดูผลงานที่ผมกำลังทำอยู่

ผมแค่ยิ้ม ๆ ไม่ตอบอะไร เพราะจะให้บอกว่ามาเฝ้ากี้มันก็ไม่ได้ ส่วนไอ้คนที่ผมตั้งใจมาเฝ้าก็นั่งอยู่ไม่ไกล ผมเห็นมันแอบมองมาทางเจนอยู่เหมือนกัน คงอยากจะลุกมาคุยกับเจนด้วยละสิ

“เจนก็เก่งนะ เป็นประธานสี ดูแลรับผิดชอบงานตั้งหลายอย่าง” ผมลงมือทาสีต่อ ส่วนเจนก็ยังคงนั่งมองผมทาสีอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ลุกไปไหน

“เอ่อ อิน”

“หือ” ผมส่งเสียงขานรับไปโดยไม่ได้เงยหน้าจากไม้อัดตรงหน้า

“เย็นนี้เจนขอติดรถอินกลับด้วยได้ไหม”

ผมหันมามองเธอ เห็นดวงตากลมโตที่มองจ้องมาเหมือนกำลังรอคอยด้วยความหวัง

“คือว่าวันนี้พี่เจนเขาไม่ว่างมารับน่ะ แต่ถ้าอินไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเจนขอติดรถคนอื่นกลับก็ได้”

คนอื่นเหรอ...ผมเหลือบมองไอ้เพื่อนตัวดีที่มันคงกำลังนั่งทำหูผึ่งแอบฟังอยู่แน่ ๆ

หึ...อย่าหวังเลยกี้

“ได้สิ อย่างไงเราก็ผ่านบ้านเจนอยู่แล้ว”

เจนยิ้มดีใจเมื่อผมตอบตกลง แต่พอสบตากันกลับก้มหน้าหลบสายตาผมเสียอย่างนั้น

 

ผมขี่รถมาจอดหน้าบ้านหลังเดิมที่เคยมาส่งเจน พอเจนยื่นหมวกกันน็อคคืนมา ผมก็จะขี่รถกลับเลยเหมือนครั้งก่อน แต่เธอกลับแตะแขนผมเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนอิน”

“เจนมีอะไรเหรอ”

ผมหันมามองด้วยความแปลกใจ เห็นเจนเม้มปากเข้าหาทำท่าอึกอัก เหมือนกำลังจะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างกับผม

“คือ...อินยังไม่มีแฟนใช่ไหม”

มือที่แตะแขนผมจับแน่นขึ้นจนผมรู้สึกได้ สายตาของประธานสีคนเก่งที่เงยหน้าขึ้นมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม

“เจนชอบอินนะ”

“เอ่อ...” ผมมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความตกใจและตามมาด้วยความหนักใจ ถ้าเป็นคนอื่น การที่มีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักและนิสัยดีขนาดนี้มาบอกว่าชอบก็คงจะดีใจไม่น้อย

น่าเสียดายที่คน ๆ นั้นกลับเป็นผม...

“ขอโทษนะเจน”

ผมเอ่ยกับเจนด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจากใจจริงที่ไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกดี ๆ ของเธอที่มีให้กับผมได้

“ทำไมเหรอ...”

เสียงเจนเริ่มสั่น และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่เพราะผมมีคน ๆ หนึ่งในใจอยู่แล้ว คนที่ผมอยากจะดูแลและอยู่เคียงข้างในทุก ๆ วัน จนไม่สามารถจะเหลือที่ว่างในใจให้ใครได้อีกแล้ว

“เรามีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ผมบอกเจนไปตามตรง

“...อย่างงั้นเหรอ” มือของเจนที่เกาะแขนผมอยู่เมื่อครู่ค่อย ๆ เลื่อนหยุด เสียงของเจนฟังดูเบาหวิว “คนในโรงเรียนเราเหรอ”

“ก็ประมาณนั้นแหละ” ผมพยักหน้า มองคนตรงหน้าที่สีหน้าซีดลงด้วยความเป็นห่วง

“เราคงเข้าใจผิดไปเองสินะ...”

เจนเงยหน้ามองผมด้วยแววตาสับสนระคนเสียใจ

“เรานึกว่าอิน...อาจจะชอบเรา”

“เอ่อ...”

ผมพอจะเข้าใจแล้ว การกระทำของผมที่แสดงออกเพื่อไม่ให้กี้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเจน มันได้สร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้น

“เราขอโทษจริง ๆ นะเจน...เรา....” ผมพูดต่อไม่ออก ความรู้สึกผิดและความสงสารทำให้ผมไปต่อไม่ถูก

“ไม่เป็นไร เจนโอเค” เจนส่ายหน้าและพยายามจะส่งยิ้มให้ผม แต่มันเป็นยิ้มที่ช่างดูแห้งแล้งผิดจากรอยยิ้มสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอเหลือเกิน

ขอโทษนะเจน...

“จริง ๆ นะ” เจนเอ่ยย้ำอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มกว้างมาให้ ผมแสร้งทำเป็นไม่เห็นน้ำตาที่รื้นขึ้นมาในดวงตาของเธอแล้วส่งยิ้มกลับไปให้เช่นกัน

“ถ้าอย่างงั้นเราไปก่อนนะ”

“อืม กลับดี ๆ นะ”

ผมรอจนเจนเดินเข้าไปในบ้านปิดประตูเรียบร้อยแล้วจึงขี่มอเตอร์ไซด์กลับบ้านด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเลย

 

เย็นวันต่อมา ผมพบเจนอีกครั้งขณะที่กำลังเดินไปยังสนามกีฬาพร้อมกับกี้เพื่อซ้อมคทาอย่างเช่นทุกวัน เธอกำลังหิ้วของพะรุงพะรังอยู่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพวกผม ก่อนจะส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับกี้ที่ตรงเข้าไปทัก

“เจนหิ้วอะไรมาเยอะแยะ มา เราช่วยดีกว่า”

“เอ่อ ไม่เป็นไรกี้ เราถือไปเองได้”

“ให้เราช่วยเถอะ นะ”

                กี้แย่งถุงในมือเจนมาถือไว้เองทั้งหมดก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆ เพราะน้ำหนักของในถุงที่ทำเอามันถึงกับไหล่ลู่ ผมเห็นแบบนั้นก็เลยแบ่งมาช่วยถือครึ่งหนึ่ง เจนแอบมองมาที่ผมก่อนจะรีบซ่อนสายตาตัวเองเมื่อสบตากับผม

                “เจนจะเอาไปไหนเหรอ”

                “จะเอาไปเก็บไว้ที่โรงยิมน่ะ”

                พวกผมเดินตามเจนไปที่โรงยิม ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกันมีเพียงกี้ที่พยายามจะชวนเจนคุยด้วย แต่เธอก็เพียงยิ้ม ๆ ถามคำตอบคำ ส่วนผมก็ได้แต่เดินตามไปเงียบ ๆ

                “เอาวางไว้แถวนี้แหละ”

พวกผมวางข้าวของลงตรงที่เจนบอก ก่อนที่กี้จะพยายามหาเรื่องคุยกันเจนต่อ

                “เมื่อวานเราทาสีเสร็จแล้ว เจนยังมีอย่างอื่นให้เราช่วยไหม บอกเราได้เลยนะ”

                กี้อาสาช่วยงานต่ออย่างกระตือรือร้นเสียจนผมอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ ผมเห็นเจนเหลือบมองมายังผมก่อนจะส่ายหน้าให้กี้

“เอ่อ ไม่เป็นไร กี้พักบ้างก็ได้ ที่เหลือเดี๋ยวมีคนทำต่อแล้วละ”

“ให้เราทำอย่างอื่นก็ได้นะ เราอยากช่วย”

“ไม่เป็นไร เอ่อ ไว้มีอะไรให้ช่วยเดี๋ยวเจนบอกอีกทีละกันนะ”

เมื่อเห็นเจนยังยืนกรานปฏิเสธแบบนี้ กี้ก็ได้แต่ทำหน้าจ๋อยยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ

“เอาอย่างงั้นก็ได้”

เมื่อหมดเรื่องให้ช่วย ผมกับกี้ก็เดินแยกจากเจนเพื่อผมจะไปซ้อมคทาต่อ กี้ยังดูติดใจกับท่าทีของเจนที่ดูแปลกไปไม่น้อย เพราะพอเดินห่างออกมาจากโรงยิมมันก็พูดขึ้นมาทันที

“อิน มึงว่าเจนเขาแปลก ๆ ไปไหมวะ”

“อย่างไงวะ”

ผมแกล้งถามมันไปอย่างงั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าสาเหตุที่เจนเป็นแบบนี้เพราะอะไร เจนคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่อยู่ใกล้ผมมากกว่า และกี้ที่เป็นเพื่อนสนิทของผมก็เลยพลอยโดนหางเลข

“ก็ดูเขาไม่ค่อยอยากจะคุยกับกูเท่าไหร่เลยว่ะ เหมือนไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้กูเลย”

“เขาไม่อยากคุยกับคนขี้เหร่อย่างมึงละมั้ง อยู่ใกล้เขาเดี๋ยวทำเขาหมองหมด” ผมพูดแหย่กี้มันไปเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น

“อ้าว ไอ้เชี่ยนี่ นั่นปากเหรอที่พูด แหม ใครจะหล่อแบบมึงละไอ้คทากร”

ไอ้แว่นหันมาแยกเขี้ยวโวยวายใส่ผม ผมจึงแกล้งยกคิ้วยั่วมันเล่น

“เอ่อ กูรู้ว่ากูหล่อ”

กี้ส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แบบที่รู้ว่าประชดใส่ผม “กูแม่งไม่อยากคุยกับคนหลงตัวเองแบบมึงละ”

“งั้นแบบนี้กูก็ว่างแล้วสิว่ะ”

“วันนี้มึงไปนั่งดูกูซ้อมเสร็จละก็ค่อยกลับพร้อมกันนะ”

“เอ่อ ก็ได้ ไปดูมึงซ้อมก็ได้”

ผมแอบอมยิ้มให้กับคนที่กำลังทำหน้าตาเบื่อโลกก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ผมเกรียน ๆ ของมันเล่น กี้เบี่ยงหัวหลบแล้วหันมาทำตาเขียวใส่ผม

“คิด ๆ แล้วก็เสียดายว่ะ กูกะว่าจะจีบเจนเสียหน่อย แต่ถ้าเป็นแบบนี้กูก็คงจะหมดหวังละ”

ดูกี้มันยังผิดหวังกับท่าทางของเจนอยู่ถึงได้บ่นต่อแบบนี้ ทำเอาผมใจแป้ว

“มึงชอบเจนมากเลยเหรอวะ”

ผมถามไปก็แอบหวั่นใจกับคำตอบ ถ้าหากคนที่เจนสารภาพด้วยเป็นกี้ไม่ใช่ผมจะกลายเป็นอย่างไง

กี้มันคงจะตอบตกลงทันทีสินะ...

“อืม” คิ้วเรียวของกี้ขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด มันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “กูก็เห็นว่าเขาน่ารักดี นิสัยก็ดี ได้เป็นแฟนก็คงไม่น้อยหน้าใคร”

“แต่คิดไปคิดมาเขาก็ดูไม่ค่อยเหมาะกับกูเท่าไหร่วะ เขาแม่งดูโคตรเพอร์เฟ็ค เทียบกับกูคงเป็นดอกฟ้ากับหมาวัด”

กี้สรุปและยักไหล่ยอมแพ้อย่างง่าย ๆ เสียอย่างนั้น ทำเอาผมโล่งใจไม่น้อย

“อย่างมึงดีที่สุดสำหรับกูคนเดียวก็พอแล้ว” ผมพึมพำออกมาเบา ๆ

“หือ เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ”

ผมส่ายหัวเมื่อกี้หันมาถาม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วรีบเร่งให้มันเดินต่อ

“รีบไปเหอะ ไปช้าเดี๋ยวอาจารย์บ่นอีก”

“อาจารย์เขาบ่นมึงไม่ได้บ่นกูนี่”

กี้มันแลบลิ้นทำหน้าทะเล้นใส่ ผมหมั่นเขี้ยวเลยจัดการล็อคคอมันด้วยแขนข้างหนึ่งก่อนจะโดนมันดิ้นเตะขาผมเป็นพัลวัน ผมจึงยอมปล่อยให้มันเดินไปดี ๆ

ผมแอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่เดินอยู่ข้างกัน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม มันคงจะดีไม่น้อยถ้าผมได้เดินข้าง ๆ กี้แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าผมจะหวังมากเกินไปไหมถ้าหากผมจะหวังว่าสักวันหนึ่งกี้จะรับรู้ความรู้สึกของผมที่มีต่อมัน

หวังว่าเมื่อวันนั้นมาถึง ผมคงไม่ผิดหวังนะ

 



สวัสดีค่ะ คิดถึงอินกับกี้กันไหมคะ^^

เอาอินกี้สมัยยังเป็นเด็กน้อยเริ่มมีความรักใสๆมาฝากค่ะ

เป็นคำขอบคุณที่เอ็นดูอินกับกี้ค่ะ

ไว้เจออินกี้กันใหม่ในโอกาสหน้านะคะ ^^


ออฟไลน์ nuch-p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 o13มีครบทุกรสชาติ ดีมากค่าาา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อินคือสามีแห่งชาติที่แท้ทรู

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด