กุญแจดอกที่ 9
หลังจากที่ก้านไปส่งนายพญาและคณะที่สนามบินเป็นที่เรียบร้อยแล้วมันก็แวะไปธนาคารเพื่อเบิกเงินเอาไว้จัดการเรื่องต่างๆ ที่นายพญาสั่งเอาไว้ อันที่จริงนายพญาก็ชวนให้มันไปเที่ยวที่กรุงเทพด้วยกันแต่มันปฏิเสธเพราะไม่มีใครคอยอยู่ดูแลที่เกาะ ไหนจะต้องคุมคนงานที่มาต่อเติมสำนักงานให้นาย ไหนจะคอยสอดส่องพวกคนที่จ้องจะเข้ามาเอาผลประโยชน์บนเกาะใบไม้คราม อีกอย่างหนึ่งคือก้านอยากใช้เวลาช่วงปิดเกาะได้อยู่กับแม่และน้องของมันบ้าง
“พี่ก้าน คนอื่นเขาได้พักกันพี่ยังต้องมาทำงานอีกเหรอ” ก้อนถามพี่ชายหลังจากเสร็จธุระจากธนาคารแล้ว วันนี้พี่ชายของก้อนพาก้อนมาในตัวเมืองเพื่อซื้อของใช้กลับไปให้แม่ด้วย
“มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เงินเดือนนายพญาก็ให้ตามปกติแล้วจะให้งอมืองอเท้ารับเงินมาเฉยๆ เหรอ” ก้านหันไปถามน้อง
“แต่ใครๆ เขาก็หยุดกัน ผมเห็นมีแต่พี่ที่ทุ่มเทจนไม่มีเวลาให้กับอย่างอื่น”
“ก้อน กูไม่รู้ว่ามึงไปเอาความเห็นแก่ตัวมาจากไหนนะ แต่จำเอาไว้ว่าถ้าไม่มีนายพญาเราทั้งครอบครัวไม่ได้สุขสบายอย่างวันนี้หรอก กูอาจจะต้องไปอยู่ในคุก มึงกับแม่อาจจะลำบากมากกว่านี้ มึงควรพอใจในสิ่งที่มีอยู่สิวะก้อน” ก้านถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าจะสั่งสอนยังไงให้น้องชายพอใจในสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน
“ผมก็รู้ว่านายของพี่มีบุญคุณกับครอบครัวของเรา ผมแค่มองในมุมของคนที่เป็นน้อง เห็นพี่ชายทำงานหนักแต่ได้เงินไม่คุ้มค่าแรงก็อดห่วงพี่ไม่ได้ อย่างวันหยุดช่วงปิดเกาะ แทนที่พี่จะได้พาแม่ไปเปิดหูเปิดตาอย่างคนอื่นบ้างแต่พี่ก็ต้องมาทำงานแทนนายของพี่ที่หนีไปเที่ยวแล้ว”
“เขาไม่ได้หนีเที่ยว เขามีสิทธิ์จะไป แล้วมึงไปเอามาจากไหนที่ว่ากูได้เงินน้อย” ก้านหันมาถามน้องชายด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อเห็นว่าน้องชายพูดเรื่องนี้บ่อยเกินไป
“ก็พี่ได้ถึงห้าหมื่นไหมล่ะ พี่จวบยังได้ตั้งห้าหมื่น” ก้อนเปรียบเทียบเงินเดือนของจวบซึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทให้ก้านฟัง
“นี่มึงยังไปยุ่งกับพวกไอ้จวบอีกเหรอ กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปยุ่ง”
“ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไร ก็แค่ฟังไอ้เจนมันเล่าให้ฟัง ชีวิตความเป็นอยู่ของมันก็ดีขึ้นมากเลยนะพี่ก้าน”
“มึงอยากให้กูไปส่งยาเสพติดเหรอไอ้ก้อน มึงอยากให้พี่ชายของมึงเป็นคนเลวเพื่อให้มึงสบายใช่ไหม มึงบอกกูมาจากใจสิว่ามึงยอมรับได้ถ้ากูจะโดนตำรวจยิงตายหรือโดนจับติดคุกตลอดชีวิต ถ้ามึงบอกว่ามึงรับได้กูจะลาออกไปทำงานให้นายหัวสุริยาวันนี้เลย” ก้านจ้องตาน้องชายของตัวเอง ไอ้ก้อนนิ่งอึ้งไปก่อนจะส่ายหน้า
“นายหัวสุริยาอาจจะไม่ได้ให้พี่ทำงานแบบนั้นก็ได้”
“นายหัวสุริยาไม่ใช่คนใจกว้างที่จะให้เงินใครเยอะๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอกก้อน เขาเสนองานมาเพราะอยากให้กูช่วยส่งยาให้กับคนในเกาะ มึงอยากให้ญาติพี่น้องลูกหลานหรือคนคุ้นเคยของเราติดยาเหรอวะไอ้ก้อน ตอนนี้มึงมีบ้านอยู่ กินอิ่มนอนหลับ มีเงินรักษาโรค มันไม่พอเหรอวะ ถ้ามึงอยากมีเงินมากๆ ก็มาทำงาน เพราะมันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ และไม่มีใครให้อะไรมึงง่ายๆ เหมือนกัน ที่กูรักนายพญาไม่ใช่เพราะว่าเขามีบุญคุณกับกูอย่างเดียว แต่เขาให้ใจกู เขาไม่ยอมให้กูไปติดคุก ไม่ให้กูทำงานสกปรกเพราะกลัวว่าแม่ของเราจะลำบาก เขาเป็นห่วงกูมากกว่าคนที่เป็นน้องของกูอย่างมึงเสียอีก มึงไปคิดเอาเองนะว่ากูควรทำงานให้กับใคร” ก้านพูดออกไปแล้วก็ได้แต่หวังว่าคนที่เป็นน้องจะเข้าใจ
“ผมขอโทษ ผมมันเห็นแก่ตัวจริงๆ” ก้อนคอตกเมื่อทบทวนแล้วว่าตัวเองเห็นแก่เงินจนลืมนึกถึงความปลอดภัยของพี่ชายคนเดียวที่ดูแลมันราวกับเป็นพ่อคนที่สอง
“มึงมาช่วยนายพญาทำงานไหม มึงจะได้เห็นเองว่านายพญาเป็นคนยังไง”
“ก็ได้พี่ ผมจะมาช่วยงานพี่”
“กูดีใจนะที่มึงยังฟังกูบ้าง” ก้านตบบ่าน้องชาย
“พี่ก้านระวัง!” ก้อนผลักก้านให้ล้มลงเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนเล็งปืนมาที่พี่ชายของตัวเอง
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดก่อนจะได้ยินเสียงกรีดร้องจากผู้คนในบริเวณนั้น ก้านเห็นเลือดซึมออกมาจากไหล่ของก้อนก็รีบดึงน้องชายให้เข้ามาหลบที่แผงขายของที่ใกล้ที่สุดก่อนจะชะโงกหน้าไปดู คนร้ายที่สวมหมวกคลุมปิดบังใบหน้ากำลังเดินตรงมาที่มัน ก้านหยิบปืนพกขึ้นมาเตรียมรับมือแต่คนร้ายได้ยินเสียงรถตำรวจดังขึ้นมาก่อนมันจึงชะงักแล้ววิ่งหนีไปทางอื่น
“ทนหน่อย กูจะพามึงไปโรงพยาบาล” ก้านหันมาพูดกับน้องชาย
“ไม่เป็นไรพี่ แค่ถากๆ ใครมันคิดฆ่าพี่” ก้อนกุมแผลของตัวเองที่เริ่มปวดหนึบ ถึงจะเจ็บแต่ก้อนก็โล่งใจเพราะถ้าผลักพี่ชายของตัวเองให้ล้มลงจนพ้นวิถีกระสุนไม่ทันพี่ก้านคงโดนลูกปืนเข้าเต็มแผ่นหลังแน่
“กูไม่รู้ มึงไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า” ก้านประคองน้องชายขึ้นมา
“พี่ต้องระวังตัวด้วยนะ ผมกลัวว่ามันยังอยู่แถวนี้”
“ขอบใจมากนะก้อน มึงต้องมาเจ็บเพราะกู พวกไอ้หนอมกำลังมาแล้วไม่ต้องห่วง”
“ผมตายแทนพี่ได้นะพี่ก้าน”
“กูไม่ยอมให้มึงตายหรอกก้อน” ก้านซึ้งใจที่ได้รับรู้ว่าน้องชายเป็นห่วงตัวเองมากแค่ไหนแต่อีกใจก็กำลังโกรธแค้นคนที่ทำให้น้องชายของตัวเองต้องเจ็บ
ไม่นานตำรวจก็เข้ามาตรวจดูเหตุการณ์และพาก้อนขึ้นรถเพื่อไปส่งที่โรงพยาบาลก่อน ส่วนก้านเมื่อให้ปากคำกับตำรวจเรียบร้อยแล้วก็ตามไปดูน้องชายของตัวเอง ก้านคิดว่าคนที่ลอบทำร้ายมันไม่น่าจะเป็นพวกของนายหัวสุริยาเพราะต่อให้ตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างไรนายหัวสุริยาก็ไม่กล้าที่ทำรุนแรงขนาดนี้ อย่างที่นายพญาโดนลอบยิงคราวก่อนก็เป็นฝีมือของนักเลงต่างถิ่นที่อยากลองดีกับนายพญาแต่ตอนนี้พวกมันก็ได้รับการสั่งสอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกมันไม่น่าจะกล้ากลับมาเล่นงานนายพญาอีก ก้านนึกไม่ออกว่าใครกันที่บ้าบิ่นพกอาวุธเข้ามายิงคนในตัวเมืองที่มีคนเยอะๆ แบบนี้ ก้านไม่แน่ใจว่าคนที่มาลอบทำร้ายตั้งใจทำร้ายมันหรือตั้งใจจะมาทำร้ายนายพญาเพราะลำพังมันไม่ได้มีศัตรูที่ไหน โชคดีที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนนายพญาเดินทางไปแล้วแต่โชคร้ายที่มันดันพาน้องชายมาด้วยในวันนี้ ก้านสั่งห้ามลูกน้องไม่ให้โทรไปรายงานนายพญาเพราะไม่อยากให้นายพญาต้องเป็นกังวล มันจะต้องสืบให้ได้ความและจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่นายพญาและนายน้อยจะกลับมาที่เกาะ
...
นายหัวสุริยาหัวเสียเมื่อได้รับรายงานจากลูกน้องว่าไอ้ก้านโดนลอบทำร้าย เมื่อวางสายจากลูกน้องแล้วก็รีบต่อโทรศัพท์ไปหาหุ้นส่วนคนสำคัญที่นายหัวคิดว่าเป็นคนสั่งการเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
“คุณคิม ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรวู่วาม ผมรู้นะว่าเป็นฝีมือของคุณที่ไปทำร้ายคนของไอ้พญา”
“มัวแต่รอคุณธุรกิจของเราเลยไปไม่ถึงไหนเสียที คุณจะกลัวมันทำไม มันก็แค่ลูกน้องตัวกระจอก ตายไปสักคนเจ้านายมันจะได้รู้ว่าควรทำตัวยังไง”
“ที่นี่ไม่ใช่ประเทศของคุณที่คิดจะทำตัวเป็นมาเฟียยิงใครตามอำเภอใจได้หรอกนะคุณคิม ตระกูลภูมิเทพมันไม่ได้มีแค่เงิน พวกมันมีอิทธิพลมากกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณอยากให้มันมาเป็นคู่ค้าของเราแต่ไปทำร้ายคนของมันแบบนี้ นอกจากมันจะไม่ร่วมมือ ดีไม่ดีเราจะพังเอาง่ายๆ ถ้าคุณยังคิดทำอะไรเอาแต่ใจผมขอถอนตัวดีกว่า” เมื่อนายหัวสุริยาเห็นว่าปลายสายไม่มีท่าทีร้อนใจและยังอวดเก่งเลยนึกหงุดหงิด เขาไม่อยากให้ชีวิตของตัวเองต้องมาพังเอาตอนแก่ ถ้าหุ้นส่วนชาวเกาหลียังทำตัวกร่างแบบนี้นายหัวสุริยาเห็นว่าคงไปกันไม่ได้แน่จึงขู่กลับ
“เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกัน ต่อไปจะระวังตัวให้มากกว่านี้ แต่คุณก็อย่าช้าให้มันมากนัก นายใหญ่ของผมเขาใจร้อนกว่าผมเยอะ ถ้าเขาเกิดร้อนจนทนไม่ได้คุณคงรู้นะว่าคุณจะลำบากยังไง”
“ไม่ต้องมาขู่ผมหรอก ถ้าไม่มีผมพวกคุณก็ลำบากเหมือนกัน แค่นี้ก่อนนะ” นายหัวสุริยาวางสายด้วยความไม่พอใจที่โดนอีกฝ่ายข่มขู่แต่พอหันมาเห็นลูกชายยืนฟังอยู่ก็ตกใจเพราะคิดว่าตะวันนอนหลับอยู่
“พ่อ...พ่อคิดทำร้ายพี่พญาใช่ไหม แบบนี้ใช่ไหมพี่พญาถึงไม่ได้ยอมมาหาตวง” ตะวันเห็นพ่อออกมาคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้องพักด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจึงเดินมาแอบฟัง เมื่อได้ยินว่าคนของพญาโดนทำร้ายจึงเขย่าแขนบิดาเพื่อคาดคั้นเอาความจริง
“พ่อไม่ได้ทำอะไรเลย มันไม่มาหาแกเอง อย่ามาโทษพ่อ” นายหัวสุริยาที่หงุดหงิดอยู่เป็นทุนเดิมเมื่อโดนลูกชายคนเดียวต่อว่าจึงหมดความอดทน
“ไม่จริง พี่พญามาหาตวงทุกครั้งแต่พ่อก็ชอบทำให้พี่เขาไม่พอใจ พ่อช่วยชีวิตตวงทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ตวงตายจะได้ไม่ต้องทรมาน ให้ตวงตื่นมาหายใจแต่ก็ทำให้ตายทั้งเป็น พ่อทำแบบนี้กับตวงทำไม” ตะวันฟูมฟายด้วยความเสียใจ
“แกรู้ไหมว่ามันมีคนอื่นแล้ว มันมีความสุขบนความทุกข์ของแก ยังจะรักมันอีกเหรอ”
“ไม่จริง”
“จริง มันเปิดตัวให้ใครต่อใครรู้ มีแต่แกคนเดียวที่ไม่ยอมรับรู้อะไร”
“ไม่จริง ตวงเกลียดพ่อ ออกไป ตวงไม่อยากได้ยิน” ตะวันปิดหูและร้องไห้จนตัวสั่นเทา
“ไอ้จวบ! มึงพาคุณตวงไปนอนแล้วเฝ้าให้ดี ถ้าอาละวาดก็ให้หมอมาฉีดยานอนหลับจะได้ไม่บ้าบอถึงคนที่ไม่รักมันสักนิด” นายหัวสุริยาสั่งลูกน้องก่อนจะเดินออกจากห้องพักไปด้วยความโกรธ
“ครับนาย” จวบรับคำแล้วรีบเข้าไปประคองตะวันกลับเข้ามาในห้อง
“ไม่ ตวงจะไปหาพี่พญา ปล่อยกู ปล่อย” ตะวันพยายามดิ้นรนจนจวบแทบเอาไม่อยู่ พญาบาลเห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้ามาช่วยจวบจับตัวตะวันแล้วพาไปนอนก่อนจะฉีดยาเพื่อระงับอาการคุ้มคลั่งของตะวัน ไม่นานตะวันก็หมดแรงแล้วหลับไปเพราะฤทธิ์ของยา
จวบได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็ถอนหายใจที่ตะวันหมดฤทธิ์เสียได้ มันไม่เข้าใจนายหัวสุริยาสักเท่าไหร่ ต่อให้ไอ้พญามันไม่ยอมร่วมมือทำธุรกิจมืดด้วยก็ตามแต่การให้คุณตวงได้คบหากับไอ้พญาก็ถือได้ว่าคุณตวงจะสบายไปทั้งชีวิต ทำไมถึงต้องเลือกทำให้ลูกของตัวเองต้องเสียใจ อันที่จริงต่อให้นายหัวสุริยาไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคุณคิม ธุรกิจส่วนตัวของนายหัวก็อยู่ได้อย่างสบาย มันเองไม่ได้อยากจะทำงานสกปรกแต่เพื่อปากท้องของครอบครัวมันจึงจำต้องทำ คนที่เกิดมาเป็นได้แค่ลูกน้องอย่างมันคงเลือกอะไรมากไม่ได้ คงได้แต่ทำตามคำสั่งทั้งที่ไม่เข้าใจแบบนี้ต่อไปเท่านั้นเอง
..
หลังจากลงเครื่องแล้วพญา เทียมฟ้าและโอบอุ้มก็ต้องแยกกับคณะของนับตังค์ หนูด้วงทำหน้าอาลัยอาวรณ์เมื่อรู้ตัวว่าต้องแยกกับเพื่อนใหม่อย่างพี่โอบอุ้ม จนพญาสัญญาว่าจะไปรับมาเที่ยวด้วยกันหนูด้วงถึงได้ยิ้มออกและให้พี่โอบอุ้มยืมน้องด้าวไปนอนกับพี่โอบอุ้มด้วย
ทีแรกหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองจะส่งรถมารอรับนัดดาและพญาที่สนามบินแต่เทียมฟ้าปฏิเสธเพราะว่าอยากจะพาพญากับโอบอุ้มขึ้นรถไฟฟ้ากลับเอง พญาไม่ได้ขัดใจทั้งที่ไม่ชอบไปเบียดเสียดกับผู้คนสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากให้เจ้ากระต่ายเสียน้ำใจที่อุตส่าห์นั่งบรรยายแผนการพาเที่ยวให้อย่างออกรสตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันลงเครื่องเลยทีเดียว
ทั้งสามคนนั่งรถแท็กซี่จากสนามบินไปลงตรงจุดที่มีรถไฟฟ้า เมื่อเทียมฟ้าพาพญากับโอบอุ้มเข้ามาในรถไฟฟ้าแล้วก็ยิ้มแห้งๆ ให้พญาเพราะรู้ดีว่าพญาไม่ชอบคนเยอะๆ ส่วนโอบอุ้มเคยชินกับการโดยสารรถสาธารณะแล้วเมื่อเข้ามาในรถไฟฟ้าก็เดินหาที่เหมาะเจาะกับตัวเองพร้อมกับหยิบหูฟังมาใส่แล้วเปิดเพลงฟังด้วยความสบายใจ ผิดกับพญาที่กำลังทำหน้าเครียดเล็กน้อยที่ถูกผู้คนเบียดเสียดเข้ามาจนหายใจแทบไม่ออก เทียมฟ้าไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ พยายามจะกันคนไม่ให้เข้ามาเบียดพญาทั้งที่ตัวเองก็ตัวเล็กนิดเดียว จนกระทั่งรถไฟฟ้ามาถึงสถานีที่มีคนเข้ามาใช้บริการเยอะมากกว่าเดิม คราวนี้เทียมฟ้าแทบจมหายไปกับผู้คน
“ขอบคุณครับ” เทียมฟ้ากล่าวขอบคุณและยิ้มกว้างเมื่อพญาดึงให้มายืนพิงประตูรถไฟฟ้าอีกฝั่งพร้อมกับเอาแขนทั้งสองข้างคร่อมตัวเทียมฟ้าเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครมาเบียด เมื่อรถเคลื่อนตัวเทียมฟ้าก็เกาะที่เอวของพญาเพื่อช่วยไม่ให้อีกฝ่ายเสียการทรงตัวเหมือนกัน
“มึงพากูมาขึ้นรถไฟฟ้าเพราะอยากให้กูโอบมึงแบบนี้ละสิ” พญาก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ หูของเทียมฟ้า
“เปล่าสักหน่อย น้องแค่อยากให้พี่ได้เห็นอะไรแปลกใหม่”
“กูว่ามึงอยากให้กูโอบกอดมึงมากกว่า”
“ไม่ใช่”
“ใช่แน่ๆ เพราะมึงยิ้มจนปากกว้างไปถึงหัวลำโพงแล้ว”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย เมื่อคืนน้องไม่ได้พาพี่ขึ้นรถไฟฟ้าพี่ยังโอบน้องแน่นกว่านี้เลยนะ”
“เถียงเก่ง”
“มีคนแอบมองพี่ด้วย ดูสิ ยิ้มใหญ่เลย” เทียมฟ้าเห็นหญิงสาวสามสี่คนมองมาที่พญาแล้วก็ยิ้ม
“แสดงว่าเขาตาถึง”
“ของน้อง” เทียมฟ้าเปลี่ยนจากการเกาะเอวพญามาโอบเอาไว้แทน อาศัยว่ามีคนเบียดเข้ามาเลยรั้งเอวพญาให้ขยับมาชิดตัวจนใบหน้าของตัวเองซบกับอกของพญาได้
“แนะๆ มาแสดงความเป็นเจ้าของ ขออนุญาตกูยัง” พญายอมรับว่าแปลกใจที่เทียมฟ้าแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ ทั้งที่คนอย่างเทียมฟ้าน่าจะรักษาภาพพจน์ของความเป็นหม่อมราชวงศ์เอาไว้ ขนาดนับตังค์ที่ว่ารักมีคุณมากแต่ต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้นับตังค์ไม่มีวันแสดงออกแบบเทียมฟ้าแน่ๆ นี่เป็นอีกข้อที่ทำให้กำแพงในใจของพญาค่อยๆ ถูกทำลายลงโดยที่ไม่ทันรู้ตัว
“ลงสถานีนี้เลยดีกว่าจะได้กินข้าวกันก่อน” เทียมฟ้าตัดสินใจพาพญากับโอบอุ้มลงสถานีที่อยู่ตรงกับทางเข้าห้างสรรพสินค้าพอดี
“แล้วไม่ต้องไปกินกับหม่อมป้าของมึงเหรอ” พญาถามเมื่อเห็นว่าเทียมฟ้าไม่ได้ทำตามแผนที่เล่าให้พญาฟัง
“กินตอนเย็นก็ได้ พี่อยากกินอาหารญี่ปุ่นหรือว่าอยากกินอะไรดีครับ” เทียมฟ้ายังไม่อยากกลับวังเพราะอยากให้พญาคลายความกังวลใจก่อน เทียมฟ้ารู้ดีว่าพญาอึดอัดที่จะต้องไปเจอกับครอบครัวของตัวเองแต่ก็ยังยอมมาด้วย แค่นี้ก็ทำให้เทียมฟ้าดีใจจนไม่รู้จะขอบคุณพญายังไงแล้ว การกระทำของพญามันทำให้เทียมฟ้ารับรู้ได้มากกว่าคำพูดเสียอีก
“เจ้าอุ้ม อยากกินอะไร” พญาคิดไม่ออกเลยหันมาถามโอบอุ้มแทน
“บะหมี่เกี๊ยวครับ” โอบอุ้มตอบไปตามตรง
“แล้วมันจะมีในห้างเหรอวะเจ้าอุ้ม” พญามองไปรอบๆ แล้วก็ขมวดคิ้ว
“อยากกินพี่จัดให้นะ” เทียมฟ้าเห็นว่าโอบอุ้มอยากกินจริงๆ เลยจะพาไปหาร้านบะหมี่เกี๊ยวที่แผนกขายอาหารของห้างแทน
นั่งกินไปได้สักพักพญาอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำและให้เทียมฟ้ากับโอบอุ้มนั่งกินกันไปก่อน ส่วนเทียมฟ้านึกว่าพญาจะแอบไปสูบบุหรี่จึงยอมรออยู่กับโอบอุ้มทั้งที่ตัวเองก็อยากไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วพญาคิดว่าไม่ควรไปหาหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองมือเปล่าจึงคิดจะเดินหาของฝากไปฝากท่าน แต่พญาก็ไม่อยากให้เทียมฟ้ารู้เดี๋ยวรายนั้นจะเกรงใจและห้ามเขาอีก
พญาเดินวนไปดูกระเป๋าหลายยี่ห้อแต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะสวยสักใบและก็ไม่รู้ว่าใบไหนถึงจะเหมาะกับผู้ใหญ่อย่างหม่อมป้าของเทียมฟ้า สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านที่คิดว่าหรูหราที่สุดในห้าง แต่ยังไม่ทันที่พญาจะเอ่ยปากเรียกพนักงานก็ดันไปได้ยินหญิงสาวสองคนพูดคุยกัน พญาไม่ใช่คนยุ่งเรื่องของคนอื่นถ้าเรื่องนั้นไม่มีชื่อคนที่คุ้นเคยอยู่ในบทสนทนาด้วย
“เมื่อกี้เธอว่าใช่คุณชายน้องรึเปล่า ฉันว่าใช่นะ”
“ฉันก็ว่าใช่ สงสัยข่าวที่ลือกันออกมาจะจริงเพราะหน้าตาผิวพรรณดูไม่ขาวผ่องเหมือนแต่ก่อนเลยนะ เหมือนคนไปทำงานหนักมา”
“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะเพราะว่าแต่เดิมตระกูลนั้นเขารวยมาก แต่พ่อกับแม่ฉันก็ยืนยันว่าตอนนี้เหลือแต่เปลือกแล้ว ท่านพ่อของคุณชายน้องทำหนี้สินเอาไว้ก่อนตาย เหลือแต่บริษัทที่ยกให้ลูกๆ แต่ก็ใกล้จะถูกฟ้องยึดทรัพย์แล้วล่ะ แต่พอมาเห็นคุณชายน้องนั่งกินข้าวที่ฟาส์ทฟู๊ดแล้วฉันว่าข่าวคงจะจริง ปกติกินแต่ร้านหรูๆ”
“แม่ฉันก็บอกว่าแม่ของคุณชายน้องก็ไม่ยอมเอาคุณชายน้องไปดูแลเพราะไม่อยากรับผิดชอบเรื่องเงิน น่าสงสารนะ คนเคยมีเงิน”
“คนเคยมีมันจมไม่ลงหรอก ฉันรู้มาว่าท่านหญิงวิกับพี่ชายของคุณชายน้องกำลังผลักดันคุณชายน้องไปให้ท่านชายขิงกับเศรษฐีทางใต้ เป็นเจ้าของโรงแรมอะไรสักอย่างจำไม่ได้แล้ว แต่ไม่ว่าจะได้ลงเอยกับคนไหนก็สบายไปทั้งชาติ ต้องบอกว่าสบายไปทั้งตระกูลมากกว่า”
“แต่ท่านชายขิงเขาดูสาวจะตาย คุณชายน้องคงไม่เอาหรอก รายนั้นไม่ธรรมดานะ เลือกมากจะตาย”
“นั่นสิ ไม่รู้เศรษฐีทางใต้ที่ว่าร่ำรวยจะหน้าเป็นยังไงเนอะเธอ เธอว่าจะแก่ดำอ้วนลงพุงรึเปล่า ถ้าอย่างนั้นคุณชายน้องคงยอมรุกท่านชายขิงแน่เธอ ฮ่าๆ” สองสาวหัวเราะเรื่องที่พูดคุยอย่างสนุกปากโดยไม่ได้สังเกตว่าพญายืนฟังอยู่ตลอด
“ต้องการเลือกดูชิ้นไหนดีคะคุณ” พนักงานสาวเดินเข้ามาถามพญาเมื่อว่างจากการต้อนรับลูกค้าก่อนหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เอาของที่แพงที่สุดในร้าน” พญาพูดเสียงดังจนสองสาวหยุดการนินทาแล้วหันมามอง
“ได้เลยค่ะ รับสีไหนดีค่ะท่าน” พนักงานรีบกุลีกุจอเข้ามาต้อนรับพญาอย่างดีพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามให้เสร็จสรรพ
“สีไหนก็ได้ รับเงินสดใช่ไหม” พญาปลายตามองสองสาวที่ลอบมองพญาอยู่เช่นกัน
“รับค่ะท่าน ให้ห่อเลยไหมคะ”
“อืม” พญาพยักหน้าให้พนักงานสาวก่อนจะเดินวนไปดูกระเป๋าใบอื่น ในหัวก็คิดไปเรื่อยว่าเรื่องที่หญิงสาวทั้งสองคนนั้นพูดมาจะจริงเท็จแค่ไหน คราวที่ได้เจอหม่อมเจ้าหญิงวิรงรองท่านก็ยังดูดีและไม่มีทีท่าว่าจะอับจนแต่อย่างใด ส่วนเทียมฟ้าเองก็ไม่เห็นว่าจะแสดงอาการเดือดร้อนเรื่องเงินให้เขาเห็นเลยสักนิด มันอาจจะเป็นแค่ข่าวลือที่พวกสังคมชั้นสูงชอบเอามานินทากันแค่นั้น
“ใบนี้ก็สวยนะคะ” หนึ่งในสองสาวช่างนินทาเลียบเคียงมาใกล้พญาก่อนจะทำเป็นแนะนำ
“มันดำ”
“ใบนี้ก็ดีนะคะ สีขาว” หญิงสาวอีกคนรีบเข้ามาแนะนำเมื่อเห็นพญาหยิบเงินสดเป็นปึกออกมานับ
“มันดูแก่”
“ใบนี้ดูทันสมัยนะคะ”
“ไม่เอา ไม่สวย หิ้วแล้วจะดูลงพุง แก่ ดำ ดูลงพุง ไม่ชอบ” พญาตอบกลับพร้อมกับทำหน้านิ่งๆ
“เอ่อ...ดิฉันก็แค่ช่วยแนะนำ ถ้าไม่ชอบก็ต้องขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวทั้งสองคนหน้าเจื่อนเพราะคิดว่าผู้ชายใจป้ำคนนี้คงได้ยินเรื่องที่เธอซุบซิบกันไว้ เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะมาประชดเรื่องที่เธอคุยกันทำไมเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับเขาสักหน่อย ถึงจะดูมีเงินแต่เห็นหน้าตาเอาเรื่องของฝ่ายนั้นแล้วหญิงสาวทั้งสองคนคิดว่าไม่ไปทำความรู้จักคงจะดีกว่า
“กูเหยียบตีนมึงเอาไว้เหรอ” พญาถามตรงๆ
“เราไปกันเถอะ” หญิงสาวตกใจกับคำพูดหยาบคายของพญาจึงรีบดึงมือเพื่อนออกไปจากร้านทันที
พญาจ่ายเงินค่าของเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาหาเทียมฟ้ากับโอบอุ้ม เขาเห็นเทียมฟ้ากับโอบอุ้มกำลังนั่งมองโทรศัพท์ด้วยกันเลยเดินเข้าไปยืนด้านหลังคนทั้งคู่ ภาพในจอโทรศัพท์คือภาพของหนูด้วงที่กำลังคุยจ้ออยู่จนเสียงดังลอดออกมา
“ยุงพะยามาแย้ว” หนูด้วงเห็นพญาผ่านจอโทรศัพท์เลยร้องเรียก เทียมฟ้ากับโอบอุ้มจึงหันไปดูก็เห็นว่าพญายืนอยู่ที่ด้านหลัง
“หนูด้วงบอกคิดถึงพี่ด้วย” เทียมฟ้ารีบส่งโทรศัพท์ให้พญา
“พรุ่งนี้น้าไปหาที่บ้านนะ น้าจะรับมาเที่ยว ดีไหม” พญาถามหลานรัก
“เย้ๆ พุ่นนี้ยุงพะยาจะมายับหนูไปเที่ยว หนูไปได้มั้ย” หนูด้วงชูไม้ชูมือดีใจก่อนจะหันไปถามใครบางคน สักพักนับตังค์ก็โผล่หน้าเข้ามาในจอโทรศัพท์ด้วย
“พรุ่งนี้ลุงกับคุณชายน้องกับน้องโอบต้องมาทำบุญบ้านขอตังก่อนค่อยพาหนูด้วงออกไป” นับตังค์พูดจบก็ฟัดแก้มหนูด้วงไปหนึ่งฟอดเพราะเพิ่งอาบน้ำให้เสร็จและปะแป้งจนแก้มเป็นสีขาว
“ตามนั้น แล้วเจอกันนะครับน้องตัง หนูด้วง” พญาโบกมือให้นับตังค์และหลานรัก
“แย้วเจอกันนะ ยุงห้ามดื้อกะอาน้อนนะ” หนูด้วงกำชับจนพญาเอามือไปโยกหัวของเทียมฟ้าเพราะรู้ว่าหนูด้วงต้องมีคนแถวนี้สอนให้พูดแน่
“แล้วเจอกันนะครับหนูด้วง” โอบอุ้มโบกมือให้หนูด้วงก่อนจะกดวางสาย
“พี่ไปไหนมา น้องปวดท้องจนรอพี่ไม่ไหว แต่น้องไม่เห็นพี่ที่ห้องน้ำเลย”
“ทั้งห้างมันมีห้องน้ำห้องเดียวรึไง” พญาถาม
“แล้วนั่นอะไรครับ” เทียมฟ้าชี้ไปยังถุงที่พญาถืออยู่
“ของฝากให้หม่อมป้าของมึง”
“ขอบคุณนะครับ” เทียมฟ้าเห็นความตั้งใจของพญาเลยไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจก็ดีใจที่พญาอุตส่าห์ไปเดินเลือกของด้วยตัวเอง
“ไปกันเถอะ กูพร้อมเจอพี่ชายของมึง เอ่อ...กูหมายถึงครอบครัวของมึงแล้ว” พญาบอกกับเทียมฟ้า
“พี่ไม่ต้องกังวลนะ พี่เป็นคนสำคัญของน้อง ทุกคนจะเห็นพี่เป็นคนสำคัญเหมือนกัน” เทียมฟ้าเอื้อมมือไปจับมือของพญาเอาไว้แล้วบีบเบาๆ
“กูมีอะไรต้องให้กังวลเหรอ” พญาย้อนถามเทียมฟ้า เทียมฟ้าชะงักไปเล็กน้อยกับท่าทีแปลกๆ ของพญาก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีครับ”
“มึงนั้นแหละ อย่ากังวล” พญาเห็นหน้าหงอยๆ ของเทียมฟ้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกระชับมือกลับไปให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร เมื่อเห็นเทียมฟ้ายิ้มได้แล้วเขาก็ส่งถุงของให้โอบอุ้มช่วยถือแทนก่อนจะจูงมือเทียมฟ้าแล้วพาเดินออกไปด้วยกัน
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V