กุญแจดอกที่ 7
นายหัวสุริยานั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะขณะที่กำลังฟังข้อมูลเกี่ยวกับพญาจากคนที่เขาใช้ให้ไปสืบ ความจริงแล้วตัวเขาไม่ได้อยากสร้างศัตรู ลำพังธุรกิจมืดของตัวเองก็ต้องระวังตำรวจมากพอแล้วหากต้องมีศัตรูทางธุรกิจด้วยมันมีแต่จะเสียเปรียบ โดยเฉพาะการเป็นศัตรูกับตระกูลที่มีอิทธิพลอย่างตระกูลภูมิเทพเป็นเรื่องที่เขาควรหลีกเลี่ยง เขาถึงได้ไม่เคยเข้าไปยุ่งที่เกาะใบไม้ครามเลยแม้ที่นั่นอาจจะทำให้เขาได้เงินก้อนโตก็ตาม แต่การที่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างไอ้พญามันบังอาจมาทำให้ลูกชายของเขาต้องกลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว เป็นโรคเศร้าซึมจนถึงขั้นลงมือฆ่าตัวตาย มันทำให้นายหัวสุริยาฝังความแค้นเอาไว้และรอคอยเวลาที่จะทำให้ไอ้พญามันต้องเจ็บปวดเจียนตายบ้าง
“ไอ้จวบ มึงเอาเงินให้มันไปก้อนหนึ่ง คราวนี้กูให้แค่นี้ก่อน ถ้าคราวหน้าข่าวของมึงมีประโยชน์มากกว่านี้กูจะให้เพิ่ม” นายหัวสุริยาสั่งลูกน้องคนสนิทก่อนจะหันไปพูดกับสายข่าวของตัวเอง
“ครับนายหัว ผมจะช่วยนายหัวทุกทาง รับรองว่าครั้งหน้านายหัวจะได้ข่าวเด็ดกว่านี้แน่ครับ” คนที่หาข่าวมาให้นายหัวสุริยารับเงินมาจูบแล้วยัดใส่กระเป๋าของตัวเอง
“อย่าให้มันจับได้” นายหัวสุริยายังไม่อยากให้พญาไหวตัวทัน มันเป็นคนบ้าบิ่น หากมันรู้ว่าเขาคิดตั้งตัวเป็นศัตรูเขาอาจจะเป็นฝ่ายถูกมันเล่นงานได้
“มันโง่จะตาย มันไม่เคยใส่ใจอะไรหรอก คนที่นายหัวควรกำจัดคนแรกคือไอ้ก้าน” จวบแสดงความเห็น
“นั่นเป็นหน้าที่ของมึงไอ้จวบ กูบอกให้มึงทำยังไงก็ได้ให้ไอ้ก้านมาอยู่ฝ่ายเรา”
“ไอ้ก้านมันรักเจ้านายของมันยิ่งกว่าชีวิต แต่มันก็พอมีวิธี” สายข่าวยิ้มร้ายเพราะรู้ดีว่าคนทุกคนย่อมมีจุดอ่อน
“ไหนมึงพูดมาสิ” จวบหันไปถาม
“พี่จวบก็ต้องจัดการคนที่ไอ้ก้านมันรักก่อน แค่นั้นมันจะยอมทำตามพี่จวบทุกอย่างเอง”
“นายหัว! นายหัว! คุณตวงเอาเศษแก้วกรีดแขนตัวเองค่ะ” หญิงรับใช้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องทำงานของนายหัวสุริยา
“แล้วพวกมึงเฝ้าคุณตวงประสาอะไร ไม่ได้เรื่อง ไอ้จวบตามรถพยาบาลเร็ว!” นายหัวสุริยารีบวิ่งออกไปดูลูกชายคนเดียวของตัวเองด้วยความร้อนใจ จวบโทรตามรถพยาบาลเสร็จแล้วก็สิ่งตามเจ้านายของตัวเองไปเช่นกัน
“หึ ขอให้ครั้งนี้มึงตายสมใจนะไอ้ตวง” ชายหนุ่มที่เป็นสายข่าวให้นายหัวสุริยายิ้มเยาะเมื่อได้รับรู้ว่า ‘ตะวัน’ หรือ ‘ตวง’ ทำร้ายตัวเองอีกครั้งและครั้งนี้เขาขอสาปแช่งให้มันได้ตามอย่างที่มันต้องการเสียที
...
เทียมฟ้านั่งมองตัวเลขในสมุดบัญชีก่อนจะย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ถึงแม้จะรู้ว่าที่ผ่านมาพญามีเด็กในสังกัดไม่น้อยแต่ก็ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ จำนวนเงินที่พญาจ่ายให้แต่ละคนรวมกันแล้วบางเดือนมากถึงหกหลัก แต่หากมีอยู่ชื่อหนึ่งที่ได้เงินมากกว่าคนอื่นแถมดูจากรายการบัญชีแล้วพญายังส่งให้สม่ำเสมอทุกเดือนไม่เคยขาด มันทำให้เทียมฟ้าอยากรู้ว่าคนๆ นี้คือใครและสำคัญขนาดไหนสำหรับพญา
“ทำไม มีใครโกงเงินกูอีกเหรอ” พญาถามเทียมฟ้าหลังจากที่เห็นเจ้ากระต่ายนั่งทำหน้ายุ่งจนคิ้วจะผูกกันได้อยู่แล้ว
“ไม่มีอะไร” เทียมฟ้าตัดสินใจที่จะไม่ถามเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะยุ่งเรื่องส่วนตัวของพญาได้
“มึงมี”
“ก็มีแต่ไม่อยากถาม”
“ตามใจ” พญาพูดจบก็เห็นหน้าของเจ้ากระต่ายยุ่งหนักกว่าเดิม
“ก็อยากถามแต่ไม่ควรถาม” เทียมฟ้านึกว่าพญาจะตัดความรำคาญแล้วยอมให้ถามเหมือนเคยเสียอีก พออีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจเทียมฟ้าเลยนึกเซ็ง
“หึ หนูด้วง...มานี่เร็ว มาดูเจ้ากระต่ายปากหนัก” พญาเรียกหลานรักที่นั่งเล่นรถไฟของเล่นอยู่ตรงโซฟาให้มาดูหน้าเทียมฟ้าในตอนนี้
“เจ้ากาต่ายปาดไม่หนัดแย้ว หนูเห็นมันพ่นน้ำเป็นหยูดโป่น พ่นออดมาปาดมันก็เบา” หนูด้วงนึกว่าพญาหมายถึงเจ้าปลาตัวน้อยในตู้เลยทำท่าปลาพ่นฟองน้ำออกจากปากให้ดู
“เหรอ มันพ่นน้ำได้เหรอ แต่น้าว่าเจ้ากระต่ายแก้มยังป่องอยู่เลยนะ” พญาหันไปเห็นเทียมฟ้าทำปากยู่พร้อมกับพองแก้มอยู่พอดีเลยนึกขำ
“ไม่เห็นเจ้ากาต่ายแก้มป่อนเยย” หนูด้วงลุกไปจ้องตู้ปลาก่อนจะหันมาทำปากยู่แล้วพองแก้มเหมือนเทียมฟ้าไม่มีผิด ยิ่งทำให้พญาขำหนักกว่าเดิมที่ทั้งคู่ชักจะทำตัวเหมือนกันเข้าไปทุกทีแล้ว
“เฮ้อ...ไหน อยากถามอะไร” พญาลุกเดินมาที่โต๊ะทำงานก่อนจะเนียนกอดคอเทียมฟ้าเอาไว้แล้วชะโงกมองไปที่สมุดบัญชี แต่ยังไม่ทันที่เทียมฟ้าจะเอ่ยถามก้านก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาเสียก่อน
“นาย นายออกมานี่ก่อน”
“อะไรของมึงวะไอ้ก้าน ใครตายมารึไงถึงทำหน้าตื่นขนาดนั้น”
“ไม่ตายแต่เกือบ” พอก้านพูดจบพญาก็นิ่งอึ้งไป สุดท้ายพญาก็เดินตามไอ้ก้านออกไปนอกสำนักงาน เทียมฟ้าชะเง้อมองไปด้วยความอยากรู้ว่าคนที่ทำให้ก้านตกใจได้ขนาดนั้นเป็นใคร สักพักเห็นพญากำลังจะเดินเข้ามาเทียมฟ้าก็รีบก้มหน้ามองสมุดบัญชีเพราะไม่อยากให้พญาค่อนขอดเอาได้ว่าตนเองอยากรู้เรื่องของพญาไปทุกเรื่อง แต่ให้ทำไงได้ในเมื่อทุกเรื่องของพญามีผลต่อความรู้สึกของเทียมฟ้าไปแล้ว
“กูไปทำธุระก่อน ถ้าไม่มีอะไรทำมึงพาหนูด้วงกลับไปหาน้องตังก่อนก็ได้” พญากลับเข้ามาบอกเทียมฟ้าก่อนจะเดินกลับออกไปอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ดูตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
..
เทียมฟ้าไม่ได้พาหนูด้วงกลับบ้านแต่ว่าพาหนูด้วงออกไปเดินเล่นในตลาดแทน หลังจากที่ทำแบบสอบถามพ่อค้าแม่ค้าในตลาดครบทุกร้านแล้วเทียมฟ้าก็รู้ความต้องการของทุกคน บางอย่างที่ร้านค้าขอมาแล้วเทียมฟ้าเห็นว่าจัดหาให้ได้เทียมฟ้าก็ทำเรื่องเสนอพญาไปแต่พญาก็ให้เทียมฟ้าเป็นคนตัดสินใจแทนตัวเองได้ทุกอย่าง บางร้านที่เรียกร้องมากเกินไปเทียมฟ้าก็ให้ก้านไปบอกปฏิเสธ ซึ่งร้านที่ว่าก็ไม่ได้ทำให้เทียมฟ้าประหลาดใจเลยเพราะเป็นกลุ่มร้านพรรคพวกของเจ๊จินนั้นเอง เมื่อครู่ที่เดินผ่านร้านของเจ๊จินคนแถวนั้นก็มองเทียมฟ้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเทียมฟ้าเสียให้ได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรมากไปกว่ามอง อาจเพราะลูกพี่ใหญ่อย่างโจ้ไม่อยู่เลยไม่มีใครกล้าทำตัวเป็นหัวโจก เทียมฟ้าพาหนูด้วงเดินเล่นมาถึงท่าจอดเรือยอร์ชส่วนตัวของพญาก็ตั้งใจว่าจะพาเดินกลับไปหาอะไรกินในตลาดเพราะนี่ก็บ่ายกว่าแล้ว
“อาน้อนนั่นเยืออาววากาด มาดู มาดูเยือขอนหนู” หนูด้วงชี้ไปที่เรือยอร์ชลำเล็กที่จอดอยู่ท่าท่าเรือ หนูด้วงจำที่ยุงพะยาบอกได้ว่าเรือลำนั้นเป็นเรือของหนูด้วง ยุงพะยายกให้หนูด้วงเป็นเจ้าของแล้ว
“ดูตรงนี้ก็พอ” เทียมฟ้าไม่กล้าพาหนูด้วงลงไปที่สะพานเพราะกลัวว่าจะพลัดตกน้ำได้ บริเวณท่าเรือตรงนี้น้ำลึกกว่าท่าเรือใหญ่ของเกาะยิ่งทำให้เทียมฟ้ากังวลเพราะตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น
“หนูอยาดไปดูใกล้ๆ” หนูด้วงดึงมือของตัวเองออกจากมือของเทียมฟ้าแล้ววิ่งลงไปที่สะพานปูน
“หนูด้วง อย่าวิ่งครับ” เทียมฟ้าร้องเรียกและวิ่งตามหนูด้วงไปติดๆ
“นี่ไง เยือขอนหนู” หนูด้วงวิ่งไปหยุดตรงด้านหลังของเรือแล้วชี้ให้เทียมฟ้าดู
“คุณชาย คุณหนู มาดูเรือเหรอครับ ผมเพิ่งทำความสะอาดเสร็จ” คนดูแลเรือเห็นเทียมฟ้ากับหนูด้วงก็เอ่ยทัก
“หนูยงเยือได้มั้ย” หนูด้วงอ้อนเทียมฟ้า
“อาน้องว่ารอยุงพญาก่อนดีกว่านะครับ”
“หนูอยาดยงเยืออาววากาดขอนหนู” หนูด้วงทำหน้าเศร้าจนเทียมฟ้านึกสงสาร
“แต่เราต้องไปกินข้าวก่อนนะ”
“หนูไม่หิว หนูอิ่ม” หนูด้วงแอ่นท้องตัวเองให้ดู
“แต่ว่า...” เทียมฟ้าลังเล
“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ หลังคามันคุ้มเรือเอาไว้หมดไม่ตกน้ำหรอกครับ” คนดูแลเรือบอกเมื่อเห็นสีหน้าของเทียมฟ้ามีแววกังวล
“แต่ห้ามดึงมือออกจากมือของอาน้องแล้ววิ่งไปเองอีกนะ” เทียมฟ้ากำชับ
“หนูขอโทด หนูไม่ดื้อแย้วค๊าบ” หนูด้วงยกมือไหว้เทียมฟ้าพร้อมกับทำตาปริบๆ เห็นแบบนี้แล้วเทียมฟ้าก็ใจอ่อนยวบ
“งั้นก็ได้”
“เย้” หนูด้วงกระโดดดีใจ
คนดูแลเรือจัดการช่วยพาเทียมฟ้ากับหนูด้วงลงมาในเรือยอร์ชลำเล็กสำเร็จแล้วตัวเองก็ลงไปทำความสะอาดเรือลำอื่นของพญาต่อ เรือลำนี้เป็นเรือขนาดเล็กกว่าเรือลำที่พญาพาออกไปล่องเรือคราวก่อน ขนาดของมันคล้ายเรือสปีดโบ๊ทที่ใช้รับส่งนักท่องเที่ยวมาที่เกาะแต่ว่ามันถูกตกแต่งให้มีหลังคาโค้งมนคลุมตัวเรือจนเหมือนยานอวกาศมากกว่า เทียมฟ้าเดาว่าพญาคงตั้งใจตกแต่งใหม่เพื่อเอาใจหนูด้วงโดยเฉพาะ
“อาน้อนขับเรือได้ไหม” หนูด้วงถาม
“ไม่ได้ครับ อาน้องขับไม่เป็น” เมื่อได้ยินคำตอบหนูด้วงก็ทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะเดินสำรวจไปทั่ว
“ยุงพะยาไปไหน” หนูด้วงเอ่ยถามเมื่อสำรวจทุกมุมแล้ว เรือลำนิดเดียวจึงไม่ได้มีอะไรให้หนูด้วงอยากค้นหาอีก เจ้าตัวเล็กคิดว่าถ้ายุงพะยาอยู่คงได้ขับเรือพาออกไปดูปลากลางทะเลแน่ๆ
“คิดถึงยุงพญาเหรอ อาน้องก็คิดถึง” เทียมฟ้าถามหนูด้วงก่อนจะบอกความในใจของตัวเองบ้าง ทั้งคู่เหม่อมองไปที่ทะเลแล้วก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“ปลามันหิวมั้ย”
“ถามแบบนี้แปลว่าตัวเองหิวแล้วใช่ไหมเจ้าตัวน้อย” เทียมฟ้านึกขำที่หนูด้วงเอาปลามาอ้าง คงไม่กล้าบอกว่าหิวเพราะว่าบอกก่อนจะลงเรือว่าอิ่ม
“หนูฉงฉานปลามันหิว”
“งั้นให้ปลากินแล้วเราไม่ต้องกินเนอะ เราอิ่มแล้ว”
“หนูต้อนกินเป็นเพื่อนปลา ฉงฉานมัน มันจะเหงา”
“อืม...งั้นเราต้องไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนปลามันใช่ไหม”
“ถูดต้อน” หนูด้วงยิ้มรับ
เทียมฟ้ายีผมหนูด้วงด้วยความเอ็นดูก่อนจะพาหนูด้วงเดินออกมายืนอยู่ที่ท้ายเรือ เมื่อมองหาคนดูแลเรือก็ไม่เห็นว่าอยู่แถวนี้แล้ว เทียมฟ้าเห็นว่าเรือมันลอยห่างออกมาจากสะพานปูนประมาณหนึ่งก้าวจึงหันมาอุ้มหนูด้วงขึ้นเพื่อจะพาข้ามไปก่อนเรือจะลอยออกไปไกลกว่านี้ จังหวะที่กำลังจะก้าวข้ามไปที่สะพานปูนจู่ๆ เหมือนมีอะไรมากระแทกลำเรือทำให้เทียมฟ้าเสียการทรงตัวและเอนกลับไปด้านหลัง ด้วยความที่พื้นที่ด้านหลังเรือมันไม่กว้างมากนักขาของเทียมฟ้าจึงพลาดไปเหยียบขอบเรือแล้วหงายตกลงไปในน้ำ เทียมฟ้าพยายามคว้าเสาสะพานปูนเป็นที่ยึดแล้วก็กอดหนูด้วงเอาไว้ด้วย แต่หนูด้วงตกใจที่ตัวเองจมลงไปในน้ำจึงสะบัดตัวออกแล้วพยายามจะตีน้ำตามสัญชาติญาณการเอาตัวรอด
“ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วงด้วย” เทียมฟ้าร้องเรียกให้คนช่วยก่อนตัวเองจะผลุบลงไปในน้ำอีกครั้ง เทียมฟ้ากวาดมือไปจนเจอตัวหนูด้วงก็คว้ามากอดแล้วพยายามถีบตัวให้พุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ
“แค่กๆ” หนูด้วงสำลักน้ำทันที่ที่โผล่ขึ้นมาได้ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะจมอีกครั้งจึงกอดรัดเทียมฟ้าเอาไว้แน่น
เทียมฟ้าจมลงไปในน้ำอีกรอบแต่ก็พยายามจะดันตัวหนูด้วงให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ จนกระทั่งมีคนกระโดดลงมาในน้ำแล้วดึงตัวหนูด้วงไปตัวของเทียมฟ้าจึงค่อยๆ จมลงไปในน้ำแทน เทียมฟ้าพยายามจะทำทุกทางให้ตัวเองลอยขึ้นไปเหนือน้ำแต่ยิ่งพยายามเทียมฟ้าก็รู้สึกว่าตัวเองยิ่งดำดิ่งลงไปด้านล่างมากกว่าเดิม ความกลัวแล่นเข้าจับหัวใจ ภาพวัยเด็กที่เคยจมน้ำแวบเข้ามาในหัว ความทรมานของการมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายมันยังชัดเจนในความทรงจำ ตอนนี้เทียมฟ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงจะดิ้นรนให้พ้นจากน้ำทะเลที่กว้างใหญ่แห่งนี้แล้วจึงได้แต่กลั้นลมหายใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้สำลักน้ำ ก่อนที่จะหลับตาลงก็มีมือคู่หนึ่งยื่นมาตรงหน้าของเทียมฟ้า เมื่อเทียมฟ้ายื่นมือไปจับก็ถูกแรงดึงจนตัวของเทียมฟ้าลอยล่องขึ้นมาโผล่พ้นผิวน้ำได้ในที่สุด
“ช่วยได้แล้ว” สิ้นเสียงตะโกนบอกของคนที่มาช่วย ตัวของเทียมฟ้าถูกคว้าขึ้นมาจากน้ำ
“หนูด้วง แค่กๆๆ” เทียมฟ้าร้องหาหนูด้วงก่อนจะสำลักน้ำลายของตัวเองเพราะรีบพูดทั้งที่ร่างกายกำลังต้องการอากาศ
“ปลอดภัยดีครับ” เสียงที่ตอบกลับมาทำให้เทียมฟ้าต้องหันไปมอง เทียมฟ้าเห็นหนูด้วงกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเนื้อตัวก็เปียกปอนไม่ต่างกัน
“หนูเป็นคนช่วยหนูด้วงเหรอครับ” เทียมฟ้ารู้สึกหายใจได้คล่องขึ้นจึงเอ่ยถามเพราะเด็กผู้ชายคนนี้ยังดูเด็กอยู่เลย ถ้าดูจากหน้าตาท่าทางน่าจะอายุสิบปีต้นๆ เห็นจะได้
“ครับ”
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมาก” เทียมฟ้าไม่รู้จะขอบคุณเด็กคนนี้ได้อย่างไรที่ช่วยหนูด้วงเอาไว้ได้ทัน
“แล้วคุณชายเป็นยังไงบ้างครับ ผมไม่รู้ว่าเชือกผูกเรือมันหลุดไปได้ยังไง” คนดูแลเรือหน้าเสียเมื่อเห็นว่าคนสำคัญทั้งคู่ของเจ้านายตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีว่ามีหนุ่มน้อยใจกล้าลงไปช่วยคุณหนูด้วงเอาไว้ได้ ส่วนตัวเขาก็ลงไปช่วยคุณชายน้องได้ทันเหมือนกันจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะครับที่ช่วยน้อง หนูด้วงเจ็บตรงไหนไหมครับ” เทียมฟ้าขอบคุณคนดูแลเรือก่อนจะขยับตัวไปหาหนูด้วงที่กอดเด็กหนุ่มคนนั้นเอาไว้แน่น
“หนูจมน้ำ หนูหายใจไม่ออดเยย” หนูด้วงตอบเสียงสั่น เทียมฟ้าอยากจะร้องไห้ที่ดูแลหนูด้วงได้ไม่ดีจนหนูด้วงตกลงไปในน้ำและตอนนี้อาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้หนูด้วงกลัวจนฝังใจเหมือนตัวเองไปแล้วก็ได้
“อาน้องขอโทษนะครับ” เทียมฟ้าน้ำตาคลอ
“มีคนตั้งใจทำให้พวกคุณตกน้ำ ผมเห็น” เด็กชายที่กอดหนูด้วงอยู่พูดขึ้นมา
“อย่าพูดมั่วนะไอ้หนู” คนดูแลเรือรีบปรามเพราะกลัวว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ ดีไม่ดีตัวเองอาจจะถูกนายพญาไล่ออกก็ได้ที่ไม่ดูแลคุณชายน้องกับนายน้อยให้ดี
“คงไม่มีใครตั้งใจทำหรอก เดี๋ยวพาหนูด้วงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า แล้วหนูเป็นเด็กที่นี่เหรอครับ บ้านอยู่ไหน” เทียมฟ้าเองก็ไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตเลยตัดบทไปก่อนทั้งที่ในใจก็คิดว่าเหตุการณ์นี้มันไม่ปกติ
“ผมปิดเทอมเลยกลับมาหาป๋าครับ” เด็กหนุ่มตอบเทียมฟ้า
“ถ้าอย่างนั้นไปที่สำนักงานกับน้าก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวน้าจะไปส่งที่บ้าน” เทียมฟ้าอยากไปขอบคุณผู้ปกครองของเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง อยากขอบคุณที่เลี้ยงลูกให้กล้าหาญได้เช่นนี้
“ไม่เป็นไรครับผมกลับเองได้ น้าพาน้องกลับบ้านเถอะครับ” เด็กหนุ่มปฏิเสธ เทียมฟ้านึกชื่นชมที่เด็กคนนี้ดูสุขุมและดูโตเกินวัย
“อย่าปฏิเสธน้าเลยนะครับ โธ่...ดูหนูด้วงสิ กลัวมากใช่ไหมกอดพี่ชายแน่นเลย มาหาอาน้องนะครับ อาขอโทษที่ทำให้หนูด้วงจมน้ำ” เทียมฟ้ายื่นมือไปหาหนูด้วงและอดที่จะน้ำตาคลอไม่ได้จริงๆ เมื่อเห็นสภาพหนูด้วงเปียกปอนไปทั้งตัวจนดูน่าสงสาร
“อาน้อนไม่ได้ทำ เยือมันทำ หนูไม่ยักเยือแย้ว อาน้อนไม่ต้องจัว ปี้จ๋าช่วยเยาแย้ว โอ๋ๆ นะ” หนูด้วงยอมโผมาหาเทียมฟ้าก่อนจะตบหลังเทียมฟ้าเบาๆ แทนการปลอบโยน เทียมฟ้าหัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อโดนมือน้อยๆ ของหนูด้วงปลอบตนทั้งที่ตนควรเป็นฝ่ายปลอบหนูด้วงมากกว่า
“ครับๆ อาน้องไม่กลัวแล้ว” เทียมฟ้าจูบไปที่แก้มของหนูด้วงก่อนจะพาหนูด้วงและหนุ่มน้อยผู้มีพระคุณกลับไปที่สำนักงาน
เทียมฟ้าลอบสังเกตหนุ่มน้อยระหว่างที่เช็ดผมให้หนูด้วงไปด้วย หลังจากที่พาทั้งคู่มาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ได้ซักถามประวัติคร่าวๆ จนได้รู้ว่าหนุ่มน้อยคนนี้มีชื่อโอบอุ้ม อายุแค่สิบสามปีเท่านั้นแต่เป็นเด็กที่กล้าหาญมาก เมื่อเห็นคนตกน้ำก็กระโดดลงไปช่วยโดยที่ไม่สนเลยว่าตัวเองอาจจะได้รับอันตรายก็ได้ รูปร่างหน้าตาจัดว่าเป็นเด็กที่หล่อเอาการ โตขึ้นไปเป็นดาราได้สบายเลย แถมเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่ติดตัวมาก็ดูดีมีราคาจนเทียมฟ้าเดาว่าเจ้าตัวคงมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีพอตัว เทียมฟ้าพินิจดูแล้วก็เห็นว่าหนุ่มน้อยคนนี้เหมือนเด็กที่มีอะไรในใจตลอดเวลา
“ปี้โอดอุ้นมาดูปลาขอนหนูมั้ย ปลาขอนหนูชื่อเจ้าป่า ขอนอาน้อนชื่อเจ้ากาต่าย” หนูด้วงไถลตัวลงมาจากตักของเทียมฟ้าแล้วเดินไปดึงมือของโอบอุ้มให้ลุกไปที่ตู้ปลา
“ติดพี่เขาเสียแล้ว” เทียมฟ้าเข้าใจหนูด้วงดี ที่ผ่านมาอยู่แต่กับผู้ใหญ่ไม่ค่อยได้เจอเด็กวัยใกล้เคียงกัน ถึงโอบอุ้มกับหนูด้วงจะห่างกันเป็นสิบปีแต่ก็ถือว่าเป็นวัยใกล้เคียงที่สุดเท่าที่หนูด้วงรู้จักแล้ว
“หนูจาให้ยุงพะยาฉื้อปลาให้ใหม่ ให้ปี้โอดอุ้นตั้นชื่อให้ เอามั้ย หนูให้ฉองตัวเยย ปี้โอดอุ้นจะได้มีปลาเย่นกะหนู” หนูด้วงชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วแล้วทำท่าหลอกล่อชักชวนคนที่โตกว่าเพราะอยากให้พี่ชายคนนี้อยู่เล่นด้วยกันนานๆ
“เดี๋ยวพี่เขาจะต้องกลับบ้านแล้วหนูด้วง” เทียมฟ้านึกสงสารหนูด้วงเมื่อเห็นเจ้าตัวน้อยทำหน้าสลดเมื่อได้ยินว่าเพื่อนเล่นคนใหม่จะต้องกลับบ้าน
“ไม่ต้องไปส่งผมที่บ้านหรอกครับ”
“ทำไมล่ะครับ พี่อยากเจอคุณพ่อคุณแม่ของน้องโอบ” เทียมฟ้าอยากไปขอบคุณทั้งคู่ด้วยตัวเองจริงๆ
“ผมไม่มีทั้งพ่อและแม่หรอกครับ ผมมีแค่ป๋าที่ส่งเสียผม ชีวิตของผมมีแค่ป๋าเท่านั้น” โอบอุ้มพูดถึง ‘ป๋า’ ด้วยสีหน้าและแววตาที่ชื่นชมอย่างสุดหัวใจ ซึ่งคำตอบของโอบอุ้มทำเอาเทียมฟ้าคิดอะไรในใจ
‘ไม่มีพ่อและแม่ มีแต่ป๋าอย่างนั้นเหรอ ท่าทางป๋าของโอบอุ้มคงจะเป็นเหมือนฮีโร่ คงจะเป็นคนสำคัญมากถึงได้ยิ้มแบบมีความสุขตอนที่เอ่ยถึงป๋าคนนี้’
“น้อง! หนูด้วง! เป็นไงบ้าง!” พญาเปิดประตูสำนักงานเข้ามาได้ก็ร้องถามด้วยความร้อนใจ เขารีบสั่งให้หันเรือกลับมาที่เกาะทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องว่าเทียมฟ้ากับหนูด้วงพลัดตกน้ำ
“ยุงพะยา ยุงพะยา หนูจมน้ำ อาน้อนก็จมน้ำ จมบุ๋มๆ ปลาชาหลามเกือบกินหนูด้วย ปลาวานก็จากินอาน้อน น่าจัวที่ฉุด” หนูด้วงรีบวิ่งมากอดพญาแล้วเล่าเป็นฉากๆ แม้จะเกินจริงไปหน่อยแต่หนูด้วงก็แสดงออกว่ากลัวจริงๆ
“ห๊ะ นี่ไปจมกันที่ไหนวะเจอทั้งปลาฉลามทั้งปลาวาฬ” พญาถามด้วยความตกใจ
“จมที่เยือ หนูไม่ยักเยือแย้ว ไม่เอา หนูไม่ชอบ อาน้อนก็ไม่ชอบเยืออาวากาด” หนูด้วงบ่นก่อนจะเดินทำหน้ามุ่ยกลับไปหาเทียมฟ้า
“น้องขอโทษครับที่ดูแลหนูด้วงไม่ดี” เทียมฟ้ายังนึกเสียใจอยู่
“โทษตัวเองทำไม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว หัวใจกูเกือบวายตอนที่รู้” พญาเดินเอามือมาวางบนหัวของเทียมฟ้าก่อนจะออกแรงกดเบาๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่ได้โกรธ
“พี่คงห่วงหนูด้วงมากใช่ไหม” เทียมฟ้าเงยหน้าไปถาม
“ก็เอออะดิ”
“พี่ห่วงน้องมากเหมือนกัน” เทียมฟ้าถามต่อ
“ก็เอออะดิ หรือไม่อยากให้ห่วง”
“อยากครับ” เทียมฟ้ายิ้มออก
“ยุงพะยา ปี้โอดอุ้นช่วยหนู” หนูด้วงเดินไปหาอีกคนที่นั่งอยู่หน้าตู้ปลา เผอิญว่าโซฟามันบังอยู่พญาจึงไม่ทันเห็น เมื่อเห็นก็ทำหน้าสงสัยว่าคนแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร
“น้องโอบเขาเป็นคนกระโดดลงไปช่วยหนูด้วงเอาไว้” เทียมฟ้าก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรแนะนำน้องโอบอุ้มให้พญาได้รู้จัก มัวแต่ดีใจที่พญายอมบอกว่าเป็นห่วงตัวเองและไม่ทำปากแข็งเหมือนทุกที
“ชื่อคุ้นๆ” พญาเกาคางตัวเองแล้วทำท่านึก
“ผมเองครับป๋า” โอบอุ้มยกมือไหว้พญา
“ป๋าเหรอ” เทียมฟ้ามองหน้าพญาสลับกับโอบอุ้ม
“มึงเป็นใคร” พญาเกาหัวก่อนจะถาม เด็กหน้าตาดีคนนี้มาเรียกเขาว่าป๋าจนเขาแทบสะดุ้ง เขาไม่เคยทำอะไรเด็กที่ยังไม่ได้บรรลุนิติภาวะแน่ๆ เขาจำได้
“ป๋าจำโอบไม่ได้เหรอครับ” โอบอุ้มหน้าถอดสี
“พี่...” เทียมฟ้ามองหน้าพญาเหมือนจะหาคำตอบ
“อะไร มึงอย่ามามองกูแบบนั้น กูไม่เคยเต๊าะเด็ก” พญารีบปฏิเสธ
“คุณโอบ คุณโอบจริงๆ ด้วย ไอ้ก้านก็มัวแต่ไปตามหาที่ท่าเรือ ที่แท้กลับมาอยู่ที่นี่แล้ว โอ้โห! โตขึ้นเป็นกองเลย หล่อเสียด้วย” ไอ้ก้านที่เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อเห็นโอบอุ้มก็แสดงอาการดีใจแล้วเข้าไปจับตัวโอบอุ้มหมุนไปหมุนมา
“รู้จักกันเหรอครับ” เทียมฟ้าถาม
“น้องโอบเด็กป๋าพญาครับคุณชาย” ไอ้ก้านเป็นฝ่ายตอบ
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V