<< วิมานไม้สน >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << วิมานไม้สน >>  (อ่าน 40398 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #90 เมื่อ15-06-2018 21:08:51 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ชาติก่อนทำกรรมอะไรไว้ไม่รู้เนอะ  ชาตินี้วิบากกรรมของสนจึงเป็นเยี่ยงนี้

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #91 เมื่อ15-06-2018 22:15:01 »

สงสารสนจัง

ออฟไลน์ JanLec

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #92 เมื่อ16-06-2018 02:38:30 »

หายไปนานเลย ชอบแนวนี้มาต่ออีกน้าา

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #93 เมื่อ05-07-2018 20:21:30 »




                                                               วิมานไม้สน

                                                                 บทที่ 13



                ตอนนี้เป็นเวลาย่ำรุ่ง ดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่ขึ้นมาจับขอบฟ้า เหนือขึ้นไปยังเป็นแสงเรืองรองตัดกับท้องฟ้าที่ยังมีสีดำ สนฉัตรได้ยินเสียงนกร้องและไก่ขันขณะที่เขายืนอยู่กลางลานดินหน้าโกดังเก็บรถเช่า ไกลออกไปมีแนวขุนเขาให้พอมองเห็นบอกให้รู้ว่านี่คือพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศ สนฉัตรควรจะสดชื่นรื่นเริงในยามอาทิตย์อุทัยหากไม่ใช่ว่ากำลังยืนเผชิญหน้ากับเสี่ยบัญชาในตอนนี้

               เสี่ยบัญชาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาจ้องมองสนฉัตรไม่วางตาขณะควักกระเป๋าสตางค์ออกจากกางเกงยีนส์สีมอแล้วล้วงธนบัตรปึกหนึ่งส่งให้สาย คนขับรถบรรทุกตาวาวก่อนจะเอื้อมมือรับและหัวเราะร่า


               “โอ๊ย ลาภปากไอ้สายจริงโว้ย อย่าลืมนะไอ้สน ดูแลเสี่ยเขาดีๆ ประเคนให้ถึงใจ กูรับรองว่ามึงจะสบาย”


                สายยกมือไหว้เสี่ยบัญชาแล้วก็รีบก้าวหนีไปทิ้งไว้เพียงสนฉัตรกับบัญชา สนฉัตรเหลียวหลังแลหน้าไปมาด้วยความหวาดหวั่นราวกับตนเองเป็นเหยื่อรอหมาป่าขย้ำ บัญชาเห็นอาการแล้วจึงได้กล่าวกับสนฉัตรคำแรก


                “ตามมาสิ”


              เขาหันหลังเดินกลับไปยังโกดังใหญ่ที่มีรถบรรทุกเปล่าจอดอยู่หลายคัน บอกให้รู้ว่าเป็นคนมีฐานะไม่น้อย ด้านในของโกดังมีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่งที่เขาใช้สำหรับคุมบัญชีรายรับรายจ่ายและคุมเวลาเช่ารถ บัญชาตะโกนเรียกลูกน้องคนหนึ่งให้มานั่งคุมแทนเพราะเวลานี้คนขับรถบรรทุกจะเริ่มทยอยเดินทางกลับมาถึง จากนั้นเขาก็เดินนำสนฉัตรเข้าไปด้านในประตูกระจกบานหนึ่ง

             ด้านในเป็นห้องทำงานติดเครื่องปรับอากาศแต่บัญชายังไม่หยุดแค่นั้น เขาผลักประตูกระจกติดฟิล์มดำหลังโต๊ะทำงานและรอให้สนฉัตรเดินเข้าไปจึงค่อยเดินตาม และหลังจากนั้นบัญชาจึงปิดประตูล็อกจากด้านใน

             ทันทีที่เห็นว่าภายในคือห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีเตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ฝั่งหนึ่งมีประตูห้องน้ำ หน้าเตียงมีชุดโฮมเธียเตอร์อย่างดีตั้งไว้ สนฉัตรก็สั่นเป็นเจ้าเข้า เขาหันไปหาเสี่ยบัญชาและพนมมือแนบอกพลางเอ่ยเสียงปนสะอื้น


             “เสี่ย เสี่ยครับ อย่าทำอะไรผมเลย ผมไม่ได้ขายตัวครับ แค่บังเอิญไปเจอไอ้สายกลางทางแล้วมันเก็บผมมา เสี่ยครับ ผมขอร้อง”


              บัญชาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า นายสายรู้ใจเขาดีนักถึงได้หาของถูกใจมาให้ รูปร่างเล็กเพรียวหน้าตาจิ้มลิ้มผิวขาวราวหยวกกล้วย แค่เห็นแวบแรกก็ไม่ลังเลที่จะจ่ายเงินให้นายสายเป็นค่านายหน้า และบัญชาก็ไม่ใช่คนใจบุญที่จะจ่ายเงินแล้วมานั่งมองสินค้าด้วยความสงสารด้วย


               “ฉันจ่ายเงินซื้อเธอมาแล้ว” เสี่ยบัญชาพูดน้ำเสียงนิ่งเรียบในขณะที่ดวงตาก็ยังจ้องสนฉัตร “ฉันไม่สนใจที่มาว่าเธอจะมาจากไหน แต่อะไรที่ฉันจ่ายไปจะต้องได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า เอาเถอะ ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจฉันจะให้รางวัลเธอแน่ แต่ถ้ายังอิดออดเธออาจจะได้ไปนอนในป่าโดยที่ไม่มีใครหาเธอพบตลอดไป”


              สนฉัตรร้องไห้โฮ ดูจากฐานะและอิทธิพลของบัญชาแล้วสนฉัตรรู้ว่าบัญชาทำได้จริงๆ อย่างที่ขู่ แต่บัญชาไม่ได้สนใจน้ำตาของสนฉัตรเลยสักนิด


              “ไปอาบน้ำ ฉันชอบคนสะอาดสะอ้าน”


             ชี้มือไปยังห้องน้ำแต่สนฉัตรก็ยังคงร้องไห้ไม่เลิก บัญชาจึงกระชากแขนเรียวจนตัวปลิวให้ก้าวตามมาในห้องน้ำ สนฉัตรไม่มีเวลาชื่นชมการตกแต่งภายในแม้แต่น้อยว่าของทุกชิ้นภายในห้องลับแห่งนี้มีแต่ของราคาแพงทั้งสิ้นเมื่อบัญชาจับเขาแก้ผ้าจนล่อนจ้อน


             “รูปร่างดีมาก ฉันชอบเธอนะ ขอให้ถึงใจฉันอาจจะเลี้ยงเธอไว้นานๆ ก็ได้ ชื่ออะไรนะ สนใช่ไหม”


            “เสี่ย อย่าทำผม ผมขอ”


              พยายามเป็นครั้งสุดท้ายแต่บัญชาก็ยังไม่เมตตา เขาคว้าฝักบัวขึ้นมาเปิดน้ำเป็นสายแล้วหันไปยังร่างบางที่ยืนเปลือยอยู่ บัญชาจัดการใช้สบู่เหลวถูไถไปทั่วสินค้าชิ้นงามก่อนจะผลักให้สนฉัตรหันหน้าเข้าผนังและสอดนิ้วแข็งเข้าไปในก้นของสนฉัตรโดยที่ไม่ทันตั้งตัว


               “เสี่ย ผมเจ็บ”


              สนฉัตรหันกลับมามองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวแต่บัญชามองว่าคล้ายกับลูกแมวตัวเล็กที่พยายามขู่ฟ่อมากกว่า เขาขยับเข้าชิดและล้วงนิ้วเข้าไปจนสุดความยาวพร้อมกับยิ้มอย่างพึงใจ


             “คับแน่นดีมาก เอาล่ะ ข้อแรกผ่าน”


             บัญชาดึงนิ้วออกมา เขาใช้น้ำล้างฟองสบู่ออกจากร่างกายของสนฉัตรและส่งผ้าขนหนูให้ผืนหนึ่งก่อนลากสนฉัตรออกมาจากห้องน้ำ และเมื่อก้าวมาหยุดกลางห้องเสี่ยบัญชาก็ถอดเสื้อผ้าของเขาจนไม่เหลืออะไรเช่นกัน เขามองสนฉัตรตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งชะล้างคราบดินออกแล้วก็ยิ่งมองเห็นความยั่วยวนทั้งที่อีกฝ่ายก็แค่ยืนสั่นสะท้านเท่านั้น


            “เธอไม่มีทางเลือก ชีวิตของเธอคือเงินของฉัน ทางเลือกเดียวที่ทำได้คือทำให้ฉันพอใจ ถ้าเธอไม่โง่เธอต้องเข้าใจคำพูดของฉันและรู้ว่าควรจะทำอะไรในตอนนี้”


             สนฉัตรหลับตาลงด้วยความปวดร้าว น้ำตาไหลลงมาเป็นทางกับชีวิตที่ผกผันครั้งแล้วครั้งเล่า และคราวนี้ก็เช่นกันที่ต้องเลือกรักษาชีวิตไว้ทั้งที่หัวใจปวดร้าวเหลือเกิน


              ร่างบางขึ้นไปบนเตียงและนอนหงาย สนฉัตรมองเพดานห้องราวกับจะปล่อยให้หัวใจของเขาโผผินไปจากห้องนี้ทั้งที่ร่างกายคล้ายถูกจองจำอีกครั้ง บัญชาตามขึ้นมาบนเตียงพลางคุกเข่าอยู่ปลายเท้า เขามองสนฉัตรราวกับจะกลืนกิน แผ่นอกเนียนเรียบขาวผ่องมียอดอกสีชมพูสองเม็ดประดับอย่างงดงามต่ำลงมาเป็นเอวคอดกิ่วหน้าท้องแบนราบ จุดอ่อนไหวแค่ท่อนเนื้อเล็กอยู่บนพรมบางเบาสีดำอ่อน เขาไม่รู้ว่าสนฉัตรเป็นใครมาจากไหน รู้แต่ตอนนี้บัญชาต้องการเชยชมร่างกายนี้เหลือเกิน

            มือหยาบวางลงไปบนแผงอกเรียบ ปลายนิ้วบดขยี้ยอดอกจนมันแข็งเป็นไต ลานโดยรอบออกสีแดงเรื่อจึงได้ยอมเลื่อนมือมายังแอ่งสะดือ บัญชาบีบเค้นสะโพกหนั่นแน่นก่อนจะลากมือมาที่จุดอ่อนไหวและบีบลงไป สนฉัตรถึงกับสะดุ้งเฮือก ชายหนุ่มยอมละสายตาจากเพดานห้องเพื่อสบตากับบัญชาหวังว่าจะร้องขออีกครั้ง แต่ทว่าความกระหายที่ฉายชัดออกมานั้นทำให้สนฉัตรรู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะเปลี่ยนใจบัญชาได้


                เสี่ยหนุ่มใหญ่ขยับกายขึ้นไปนั่งคร่อมเหนือหน้าอกของสนฉัตร เขาจ่อความเป็นชายที่ปากเล็ก


               “ปลุกฉันหน่อย เร็วเข้า”


                อีกครั้งที่สนฉัตรเกลียดริมฝีปากตนเองเมื่อมันต้องรองรับสิ่งเหล่านี้ คำขู่ก่อนหน้านี้ของบัญชาทำให้สนฉัตรต้องยอมอ้าปากและรับท่อนเนื้อนั้นเข้ามาภายใน บัญชาดันเอวเข้ามาจนแทบจะสำลักเพื่อให้สนฉัตรได้ปรนเปรอเขาด้วยลิ้นเล็กและกลีบปากนุ่ม


              “อา ดีมาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้ผู้ชายใช่ไหม”


              บัญชาผ่อนลมหายใจ เขายังไม่อยากแตกคาปากเล็กนี่ รอจนมันขยายตัวเต็มที่จึงได้ดึงออกมาจากปากและเลื่อนตัวลงต่ำมาหยุดระหว่างขาของสนฉัตร ท่อนขาเรียวถูกยกสูงเพื่อเปิดทางให้เห็นรูจีบพับ บัญชาถ่มน้ำลายตนเองใส่มือและถูไถเข้ากับท่อนเนื้อของเขาและดันหัวเข้าไปทันที


              “ฮือ ฮือ”


              สนฉัตรอดไม่ไหวกับความเป็นเบี้ยล่าง เขาร้องไห้อีกครั้งเมื่อร่างกายกำลังถูกข่มเหงด้วยอำนาจ บัญชาล่วงล้ำเข้ามาเต็มที่พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนา และขับเคลื่อนตนเองไปสู่ความสุขสมแม้ว่าสนฉัตรจะไม่เต็มใจเลยก็ตาม


             “ขยับสิ นอนนิ่งอยู่ทำไม”


             บัญชาช้อนยกสะโพกของสนฉัตรขึ้นมาและสาวเอวเป็นจังหวะ แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่ร่างกายยามถูกล่วงล้ำก็ยังตอบรับโดยสัญชาตญาณของมนุษย์ สนฉัตรจำเป็นต้องปล่อยให้ความต้องการนำทางอย่างน้อยเพื่อเอาชีวิตรอด


             “เสี่ย เสี่ยครับ ตรงนั้น”


             เมื่อสนฉัตรเริ่มมีอารมณ์ร่วมบัญชาก็ส่งเสียงออกมาอย่างพอใจที่ทำให้คู่นอนคล้อยตามได้ เขาจับสนฉัตรนอนคว่ำกางขาจากนั้นจึงออกแรงขย่มลงไปจนเตียงสะเทือน


            “ให้มันได้อย่างนี้สิ สะใจจริงโว้ย”


              สบถออกมาอย่างลืมตัวเมื่อปลดปล่อยออกมาในที่สุด บัญชาดึงกายออกมานอนแผ่เคียงข้างสนฉัตรที่นอนคว่ำฝังหน้าลงบนหมอนพลางหอบหายใจหนัก รอจนต่างก็หายเหนื่อยบัญชาจึงดึงเอวสนฉัตรเข้ามากอด


              “เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ ลีลาเด็ดจนไม่อยากจะเชื่อ หน้าตาก็ยั่วฉิบ เห็นแล้วเกิดอารมณ์ตลอด เอาเป็นว่าฉันติดใจเข้าแล้ว ถ้ายังไม่มีที่ไปก็อยู่เสียที่นี่แหละ เมียฉันมันก็อยู่แต่ที่บ้านไม่ค่อยได้มาข้องแวะที่นี่หรอก ฉันจะเลี้ยงเธอเอง เอาไหมสน มีที่กินอิ่มท้อง นอนหลับสบายในห้องแอร์ งานของเธอมีแค่บนเตียงให้ฉันสุขสบาย หรืออยากจะไปเสี่ยงตายข้างนอก”


              คำพูดกึ่งข่มขู่นั้นทำให้สนฉัตรคิดหนัก หากเขาไม่ยอมทำตามข้อเสนอของเสี่ยบัญชาสนฉัตรก็ยังหาทางออกไม่เจอว่าจะไปทำอะไรที่ไหน ความรู้ก็มีแค่มัธยมต้นแบบพอสอบผ่านจะไปหางานที่ไหนก็คงไม่มีใครรับ จะไปอยู่ไหนก็ไม่รู้จักใครสักคน เสี่ยบัญชาเองก็ไม่ได้มีทีท่าโหดร้ายเท่าใดนักเพียงแค่ยอมกลับมาเป็นนกน้อยอีกครั้ง อาจจะไม่ได้กรงทองอย่างเมื่อก่อนแต่ก็พอมีที่คุ้มหัว


              “เสี่ยจะเลี้ยงผมจริงใช่ไหม ไม่หลอก ไม่ทำร้ายผมใช่ไหม”


              สนฉัตรถอนสะอื้นพลางเอ่ยถามเสียงอ่อน เสี่ยบัญชาเปิดตู้หัวเตียงดึงเงินปึกหนึ่งออกมาแล้วส่งให้สนฉัตร


            “นี่เงินก้อนแรกที่ฉันให้ เก็บไว้ซื้อเสื้อผ้าดีๆ มาใส่ แล้วถ้าเธอทำให้ฉันชอบล่ะก็ ก้อนต่อไปจะมาเรื่อยๆ”


             รับเงินมาพลางคิดในสมอง ร่างกายของสนฉัตรก็ไม่ใช่บริสุทธิ์ผุดผ่องที่ไหน เขาเองก็เคยผ่านการเป็นไม้ประดับให้กับทรงเดชมาแล้ว การทำตามใจตนเองด้วยการเลือกหนีไปกับจิรัชก็ไม่ใช่หนทางที่ดีอย่างที่ใจฝัน หากจะต้องใช้ร่างกายนี้เพื่อเอาตัวรอดสนฉัตรจำเป็นต้องทำ


             “ถ้าเสี่ยรับปาก ผมยอมก็ได้”


             บัญชาหัวเราะลั่น เขาดึงสนฉัตรมาจูบ นึกถูกใจทั้งที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมาแต่บัญชาก็ไม่สนใจ เขาสนแค่ว่าร่างกายนี้ทำให้เขาสุขสมอย่างไม่เคยได้พบที่ไหนมาก่อน


              “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มงานของเธอได้แล้ว ทำให้ฉันมีความสุขอีกสักรอบก่อนจะออกไปทำงานต่อสิสน”


            ชีวิตที่ไม่มีทางเลือก หรือถ้ามีสนฉัตรก็จำเป็นต้องเลือกทางนี้ ความเจ็บช้ำทั้งหมดถูกโยนไว้เบื้องหลังเมื่อสนฉัตรต้องปลุกใจตนเองก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนเอวของบัญชา เขาจับท่อนเนื้อไว้และกดเอวลงไปจนสุดโคน


             หลับตาลงและปล่อยตนเองไปกับจินตนาการ น่าแปลกที่ในความมืดมิดหลังเปลือกตากลับมีภาพของปวิธปรากฏขึ้น ผู้ชายคนนั้นจะรู้หรือไม่ว่าสนฉัตรมีลมหายใจอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ห่างไปจากเขาคนนั้น ปวิธจะรู้หรือเปล่าว่าสนฉัตรต้องใช้เขาเพื่อขับเคลื่อนพาคนเบื้องล่างและตนเองไปสู่จุดหมาย


           “อา ดีมาก สน เซ็กซี่มาก”


             ไม่รู้ว่าบัญชาเอ่ยอะไรอีกแต่สนฉัตรกัดฟันเมื่อร่างกายไต่ระดับไปสู่จุดหมาย สนฉัตรพยายามอย่างหนักที่จะไม่ส่งเสียงให้พ้นออกมาจากไรฟัน


             “อึก เปลว อ๊า”


             ร่างบางทิ้งกายลงไปกับอกของผู้ชายคนใหม่ทั้งที่ยังโหยหาอดีตที่ผ่านมา





มีต่ออีกนิด.....




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2018 20:32:03 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #94 เมื่อ05-07-2018 20:34:47 »



อ่านต่อตรงนี้...



         
              เวลาผ่านไปเกือบสามเดือนแล้วที่สนฉัตรอยู่ภายใต้การดูแลของบัญชา ช่วงแรกเขาอาศัยอยู่ที่โกดังเช่ารถบรรทุกแต่เมื่อบัญชาถูกใจและรับเลี้ยงเขาจึงเช่าบ้านหลังเล็กในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งให้สนฉัตรได้อยู่ เสี่ยใหญ่ให้เงินใช้ในระดับอยู่ได้สบายหากไม่ฟุ้งเฟ้อ เขามาหาสนใจสัปดาห์ละสองถึงสามวัน


              “มาทุกวันไม่ได้ เดี๋ยวอีแก่ที่บ้านจะแหกอกเอา”


              เสี่ยบัญชามีเมียแล้ว เป็นเจ้าของตลาดแห่งหนึ่งคอยเก็บค่าเช่าแผงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้เสี่ยเคยมีเด็กเลี้ยงทั้งผู้หญิงและเด็กผู้ชายที่เสี่ยส่งเสียค่าเทอมให้ แต่ตอนนี้เสี่ยกำลังหลงใหลสนฉัตรจนโงหัวไม่ขึ้น และสนฉัตรที่ปรับตัวได้แล้วจึงใช้ความหลงใหลนี้ให้เป็นประโยชน์


             “เสี่ย ทองเส้นนี้สวยหรือเปล่า”


             เรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมา สนฉัตรจะไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ หากจำเป็นต้องใช้ร่างกายเข้าแลก สิ่งที่จะได้รับก็ต้องคุ้มค่า


              “อยากได้หรือสน”


               บัญชามองสร้อยทองในแคตตาลอกที่สนฉัตรส่งให้ ทองหนักหนึ่งบาทไม่มากไม่น้อย


              “ใช่ครับเสี่ย ถ้าเสี่ยให้สนนะ คืนนี้สนจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้เลย”


               ส่งเสียงออดอ้อนราวกับเป็นแมวน้อย มัดใจหนุ่มใหญ่ได้ชะงัด บัญชารวบเอวสนฉัตรมานั่งบนตักพลางซุกไซ้ต้นคอสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของเนื้อหนังอย่างติดใจ


              “แต่ถ้าสนจัดให้สักดอกตอนนี้ ตอนเย็นฉันจะพาสนไปซื้อเลยนะ”


              สนฉัตรตาโตพลางคลี่ยิ้มหวานยั่วยวน เขาขยับขานั่งคร่อมเอวของบัญชาบนโซฟารับแขกนั่นเอง สนฉัตรบดคลึงบั้นท้ายลงไปเพื่อปลุกเร้าให้ส่วนนั้นขยับอัดแน่น บัญชารูดซิปกางเกงลงและควักมันออกมา สนฉัตรกดเอวลงไปอย่างช่ำชอง


              “สนของฉันนี่รู้ใจจริงๆ”


              บัญชาพูดเสียงแหบพร่า ตั้งแต่ได้สนฉัตรมาเรื่องบนเตียงก็เต็มอิ่มตลอด เด็กหนุ่มคล้องขาอยู่กับเอวของเขาขณะโยกเอวขึ้นลง เสียงครางแผ่วอยู่ข้างหูยิ่งทำให้บัญชาเตลิด


            “อยู่นี่เอง โอ๊ย อัปรีย์กันจริง”


              เสียงดังลั่นพร้อมกับประตูบ้านที่ถูกผลักเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญทำให้ทั้งคู่ที่กำลังจะขึ้นสวรรค์ตกใจ แต่เป็นสนฉัตรที่ตกใจกว่าเมื่อสตรีสาวใหญ่ที่บุกรุกก้าวทีเดียวถึงตัวกระชากผมเขาออกจากเอวของบัญชาร่วงไปกองอยู่กับพื้นแถมยังตบหน้าเขาดังฉาด


              “กูละเบื่อผัวจริงๆ มีเมียน้อยให้กูผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้าง ใครรู้เข้าอายเขาฉิบหาย”


               “อาฮัวปล่อยสนฉัตรเดี๋ยวนี้”


              บัญชากระชากแขนเหม่ยฮัวหรือชื่อไทยว่าอารีภรรยาของเขาให้แยกจากสนฉัตร อารีดิ้นรนพลางทุบตีสามีขนานใหญ่


             “เฮีย ฉันได้ข่าวแว่วมาว่าเฮียซื้อบ้านเลี้ยงเมียน้อย แล้วก็จริงเสียด้าย เฮียหลงมันมากจนบ้านช่องไม่กลับ มึงก็เหมือนกัน หน้าตาก็ดีคิดยังไงมาเป็นเมียน้อยผัวกู”


               อารีทำท่าจะปรี่เข้ามาอีกครั้งบัญชารีบยื้อยุดไว้


              “เฮียบอกให้หยุดไงอาฮัว ฟังกันบ้าง จะมาโวยวายทำไม เฮียไม่ได้มีไอ้สนมันคนแรกสักหน่อย”


              “แต่เฮียไม่เคยหลงใครเท่ามัน ลีลามันเด็ดล่ะสิถึงได้เอากันทั้งที่ยังกลางวันแสกๆ มึงเป็นกะหรี่หรือไง”


               สนฉัตรเจ็บจี๊ดขึ้นมากับคำบริภาษนั้น เขาผุดลุกขึ้นมาเถียงอารีเสียงดังลั่น


               “กูไม่ได้เป็นกะหรี่ ผัวมึงมาติดใจกู อ้อนวอนขอให้กูอยู่ด้วยจะให้กูทำยังไง มึงเป็นเมียไม่มีปัญญาดูแลผัวปล่อยให้ผัวมาหากูเองนี่”


               “กรี๊ดดด อีตุ๊ด มึงเอากับผัวกูแล้วยังมาด่ากูอีก มาให้กูตบเดี๋ยวนี้”


               บัญชารีบแยกทั้งคู่ออกจากกันอย่างยากเย็นจนต้องส่งเสียงตวาด


               “หยุด หยุดทั้งคู่ ไอ้สนก็หยุด ลื้อก็หยุดด้วยอาฮัว” แทบจะหอบกว่าจะหยุดได้สำเร็จ


              “อาฮัว เธออย่าโวยวายให้อายคนอื่น ยังไงลื้อก็เมียแต่งที่ป๊าหาให้ ไม่ต้องเดือดร้อนนักหรอก เอางี้ จะไปเที่ยวฮ่องกงหรือสิงคโปร์ก็ไป เดี๋ยวเฮียออกเงินค่าตั๋วกับค่าของแบรนด์ที่ลื้อบ่นอยากได้ให้ แต่ตอนนี้กลับบ้านไปก่อน”


              “เฮีย ปกป้องเมียน้อยเหรอ แตะต้องไม่ได้เชียวนะ”


              อารียังไม่หายโกรธ บัญชามองตาเขียว


             “จะเอาไหมเงินกับตั๋วเครื่องบิน ถ้าเอาก็กลับบ้านไปแล้วอย่ามายุ่งกับไอ้สนมันอีก ต่างคนต่างอยู่แล้วเฮียจะแบ่งเวลาให้เท่าๆกัน”


             อารียังกระฟัดกระเฟียดใส่ แต่เพราะของกำนัลที่สามีเสนอให้ล่อใจจนต้องค้อนขวับ


            “ขอให้จริงอย่างพูดเถอะ ถ้ามาขลุกอยู่กับมันฮัวจะมาฉีกอกมันแน่ ระวังตัวไว้เถอะมึง”
ก่อนกลับยังฝากความแค้นไว้ สนฉัตรถอนหายใจก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนโซฟาพลางยกมือกุมแก้มที่มีรอยแดงของฝ่ามือ


             “เจ็บหรือเปล่า”


             บัญชานั่งเคียงข้างพลางโอบกอดเอาใจ สนฉัตรผลักไสสะบัดหน้าใส่


             “ไปเลยเสี่ย อย่ามายุ่ง ไหนบอกเมียเสี่ยไม่มากวนหรอก แล้วนี่อะไร สนโดนตบจนแก้วหูเกือบทะลุแล้วนะ”


              “ใครจะไปรู้ว่าเมียมันจะสืบได้เล่า แต่ฉันก็จัดการไล่เปิดไปแล้วไงล่ะ อย่าทำหน้าบึ้งสิเดี๋ยวพาไปซื้อทองสองเส้นเลย จะได้อารมณ์ดีขึ้น”


               สนฉัตรฝืนยิ้ม อย่างน้อยก็ยังพอเอาตัวรอดมาได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำได้ตอนนี้คือเอาใจเสี่ยบัญชาให้ติดใจเขาได้มากที่สุดเพราะเสี่ยบัญชาคือที่พึ่งพิงเดียวของสนใจในตอนนี้





                                                   TBC

                            ทางเลือกของสนมีไม่มากนัก แต่คนแบบนี้ก็มีอยู่เยอะในสังคมนะ



                                       :o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2018 20:40:59 โดย Belove »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #95 เมื่อ05-07-2018 20:49:16 »

คนเรา เกิดมาเป็นคน แต่ชีวิตนั้นไม่เหมือนกัน
แล้วแต่กรรมแต่เวรปางก่อน เฮ้อ
พูดแล้วเหมือนแก่ ไม่ได้ ๆ เรายังน่ารักอยู่ อิอิอิ
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #96 เมื่อ05-07-2018 20:52:27 »

เมื่อไหร่สนจะหลุดพ้น กลัวติดโรค

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #97 เมื่อ06-07-2018 00:13:03 »

ฮือออออ
น้องสนลูกกกกกกก
ชีวิตหนูลอยเคว้งไปมา
แต่สุดท้ายก้มาจบทีเมียน้อย
เปลวไปไหน มาตามหาสนเร็วๆ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #98 เมื่อ06-07-2018 00:26:15 »

ยิ่งอ่านยิ่งคิดได้ว่าเรื่องนี้คงแบดเอนด์ ชีวิตสนที่ต้องร่อนเร่หาที่เกาะใหม่ไปเรื่อย สุดท้ายแล้วจะจบที่ตรงไหนกัน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #99 เมื่อ06-07-2018 17:32:05 »

สงสารสนกลัวได้ติดโรคตายก่อนที่จะเป็นอิสระจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
« ตอบ #99 เมื่อ: 06-07-2018 17:32:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #100 เมื่อ07-07-2018 02:05:20 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

หนีเสือปะจระเข้   

ชีวิตของสนเหมือนถูกสาปเลยนะ 

เป็นได้แค่ที่สนองตัณหา

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 13 [05/07/61]
«ตอบ #101 เมื่อ09-07-2018 09:45:02 »

เรื่องนี้ให้แง่คิดอะไรได้หลายอย่างเลย

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 14 [15/07/61]
«ตอบ #102 เมื่อ15-07-2018 23:06:17 »


                                                              วิมานไม้สน

                                                                บทที่ 14





             ปวิธทิ้งกายลงไปบนเตียงนอนนุ่มพลางยกปลายนิ้วนวดขมับ เกือบสามเดือนที่ผ่านมาชีวิตของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และเขาต้องพยายามปรับตัวเองให้เข้ากันมัน

              อดีตรัฐมนตรีทรงเดชมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยด่วน อีกสัปดาห์กว่าๆต่อมาก็หมดลมหายใจ ชีวิตเดิมของปวิธก็จบลงหลังจากนั้น เขาต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่จากการรายงานโดยทนายความของทรงเดชว่าทรัพย์สินทั้งหมดของทรงเดชได้โอนเป็นชื่อของเขาไว้นานแล้วตั้งแต่ทรงเดชยุติบทบาททางการเมืองและมีแนวโน้มว่าจะถูกยึดทรัพย์


                 “ตอนนั้นท่านคาดว่าการยึดทรัพย์ต้องมีแน่นอนครับ ก็เลยให้ผมรีบทำการโอนย้ายอสังหาริมทรัพย์และหุ้นต่างๆส่วนใหญ่ใส่ชื่อคุณเปลวซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวของท่าน แต่ก็มีทรัพย์สินที่ดินบางแปลงที่ท่านแบ่งใส่ชื่อให้สนฉัตรในฐานะบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย ส่วนบ้านหลังนี้ท่านให้โอนเป็นชื่อของคุณเปลวกับสนฉัตรร่วมกัน หากจะทำนิติกรรมอื่นๆ ก็ต้องมีชื่อร่วมกัน”


               เมื่อเสร็จสิ้นงานศพของทรงเดชที่ปวิธเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดอย่างสมเกียรติ เขาก็เปลี่ยนจากชายหนุ่มที่เพิ่งสอบผ่านระดับปริญญาตรีหมาดๆกลายมาเป็นมหาเศรษฐีคนใหม่ในชั่วข้ามคืน จากนายปวิธหรือเปลวหรือไอ้เปลว ก็กลายเป็นคุณเปลวของลูกน้องเก่าทรงเดช และกลายเป็นคุณปวิธในสังคมเซเลเบรตี้ของเมืองไทยที่ข่าวสังคมจับตามองในฐานะทายาทางการเมืองเพียงคนเดียวของอดีตนักการเมืองชื่อดัง

                วันที่เปิดพินัยกรรม สมศักดิ์ที่เป็นทนายความส่วนตัวของทรงเดชยื่นจดหมายฉบับหนึ่งส่งให้ปวิธ


                “เป็นจดหมายที่ท่านเขียนด้วยลายมือตนเอง ในวินาทีก่อนที่ท่านจะป่วยหนักครับ ท่านเขียนและให้เลขาของท่านมอบให้ผมเก็บไว้ให้คุณเปลวในวันที่ท่านจากไปแล้ว”


                 ปวิธรับจดหมายฉบับนั้นมาเปิดอ่าน วันที่เขียนจดหมายตรงหัวกระดาษคือวันสุดท้ายที่ปวิธได้พูดคุยกับทรงเดชและสารภาพความจริงว่าเขากับสนฉัตรมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ข้อความในจดหมายทำให้เขาระลึกถึงพระคุณของทรงเดช ไม่ว่าในสายตาของคนทั่วไปลุงของเขาจะเป็นคนเลวเช่นใดก็ตาม



              “ถึงเปลว


              วันที่เขียนจดหมายฉบับนี้ลุงยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ลุงรู้ดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นานเพราะร่างกายย่ำแย่เหลือเกิน เพียงแต่ลุงยังไม่อยากบอกใครเท่านั้น

              เรื่องที่หลานกับสนฉัตรมีอะไรกัน ก็จงอย่าคิดว่าตัวเองผิดต่อลุง เพราะเรื่องราวทั้งหมดที่ผิดก็เริ่มจากลุงก่อน ที่เสือกไปหลงรักเด็กมันและก็ทำผิดต่อมัน ลุงเลี้ยงสนแบบผิดๆ และชีวิตช่วงเด็กของมันก็เจอเรื่องร้ายๆ มาเยอะ จิตใจของมันก็คงจะแสวงหาหลักยึด ซึ่งหลักอย่างลุงก็ดันไปเพิ่มบาดแผลให้มันอีก

           เมื่อครู่ลุงเพิ่งไล่มันไป อยากให้มันไปลองใช้ชีวิตของมัน แต่ลุงยังห่วงอยู่ดี ลุงฝากให้เปลวดูแลสนด้วย ถ้าไม่ไหวจริงๆก็เอามันกลับมาเลี้ยง ไม่มีใครที่รู้จักสนฉัตรดีเท่าเปลวอีกแล้ว

                 สมบัติของลุงมอบให้เปลวเพราะรู้ว่าเปลวจะรักษาไว้ได้ ขอให้เข้มแข็งนะหลานรัก”

                                                                                                   ทรงเดช




                 ลายมือโย้เย้ไม่มั่นคงบอกให้รู้ว่าคนเขียนต้องพยายามต่อสู้กับความทรมานของร่างกายแค่ไหน ตอนนั้นเองที่น้ำตาลูกผู้ชายของปวิธไหลลงมา ตลอดเวลานับตั้งแต่ทรงเดชป่วยเขาไม่เคยมีเวลาเพื่อตัวเองแม้แต่วินาทีเดียว เขาต้องจัดการงานต่างๆ ของทรงเดชที่ยังคั่งค้าง ให้สัมภาษณ์กับสื่อ และดูแลตัดสินใจแนวทางการรักษาอาการทรงเดช เมื่อทรงเดชเสียชีวิต
ปวิธก็ต้องจัดงานศพ และต้องเข้าไปดูแลธุรกิจที่เพิ่งรู้ว่ามีชื่อของเขาเป็นเจ้าของ

                ผ่านไปเกือบสามเดือนเพิ่งจะมีวันนี้ที่เขาได้มีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง ปวิธอยากจะนอนนิ่งๆ และปิดการรับรู้จากเรื่องทั้งหมด แต่เขาก็ทำไม่ได้เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มือใหญ่คว้าโทรศัพท์ใกล้ตัวมารับด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อย


                “ว่าไงพี่ดำ”


               ลูกน้องของทรงเดชหลายคนตัดสินใจทำงานให้ปวิธต่อ ซึ่งเขาก็ยินดีรับ และหากใครต้องการไปหางานที่อื่นปวิธก็มอบเงินก้อนหนึ่งให้ไปเป็นทุนด้วย


              “ได้เรื่องไอ้สนแล้วคุณเปลว”


               จากเปลวเฉยๆ กลายเป็นคุณเปลว ดำรีบรายงานข่าวด่วนที่ปวิธสั่งให้เขาตามหาตัวสนฉัตรมาได้พักใหญ่


               “พูดมาเลยพี่ดำ”


               ปวิธลุกขึ้นนั่ง หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นมา บอกไม่ถูกว่าเพราะเป็นห่วงสนฉัตรหรือเปล่า”


               “ตอนที่ไอ้โตมันเอาสนไปปล่อยน่ะ มันไปแถวเส้นเอเชีย พี่ก็ลองสืบไปเรื่อยๆ จนเจอว่าสนมันไปอยู่กับเศรษฐีไร่อ้อยแถวภาคเหนือชื่อบัญชา ไอ้เสี่ยนี่มันก็มีฐานะอิทธิพลพอตัวล่ะนะเพราะมันมีรถบรรทุกให้เช่าหลายคันด้วย”


               “ส่งรายละเอียดมาให้ผมด่วนเลยนะพี่ดำ”


               ปวิธกระวนกระวาย สามเดือนที่ผ่านมาถึงแม้จะวุ่นวายแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่ปวิธหลับตาก็ยังมีภาพของสนฉัตรมาปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ คล้ายกับว่าเขาจะไม่มีทางตัดเด็กหนุ่มคนนั้นออกจากชีวิตได้เลย






                “อ้าวเสี่ย วันนี้ต้องอยู่บ้านเมียไม่ใช่เหรอครับ”


              สนฉัตรเอ่ยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเสี่ยบัญชาขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังเล็กที่ให้เขาอาศัยอยู่ในตอนเย็น บัญชาลงจากรถคล้องคอสนฉัตรให้เดินเข้าไปในห้องนอน


               “คิดถึงลื้อ เสน่ห์แรงว่ะสน อยู่กับลื้อมาจะสามเดือนแล้วยังไม่เลิกหลงเสียที”


               “ก็เข้าใจนะเสี่ย แต่ถ้าวันนี้เสี่ยไม่ไปนอนค้างบ้านเมีย อาฮัวของเสี่ยได้มาฉีกอกผมแน่”


              “ก็เอาลื้อสักน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวกลับน่า ลื้อไม่โดนฉีกอกหรอก แต่ต้องฉีกขาให้ฉันก่อน”


                บัญชายอมรับว่าเขาหลงเสน่ห์สนฉัตร เด็กหนุ่มที่เขาไม่เคยถามที่มาที่ไป เสี่ยใหญ่ไม่สนใจว่าสนฉัตรจะเป็นใครมาจากไหน เขารู้แต่ว่าร่างกายนี้ทำให้เขาสุขสมจนโงหัวไม่ขึ้น


                  เขามองรูปโฉมงดงามนั้น ติดตาตรึงใจยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนหรือแม้แต่ผู้ชายที่เขาเคยลิ้มลอง สนฉัตรมีความดึงดูดทางเพศสูงมาก กลิ่นกายหอมตามธรรมชาติชวนให้ฟอนเฟ้นไปเสียทุกส่วน เหมือนอย่างที่บัญชากำลังทำอยู่ในตอนนี้


                 “ตัวของลื้อมันหอมน่ากินจริงๆพับผ่า กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม”


                 บัญชาโลมเลียไปทั่วตัว กับสนฉัตรมันไม่ใช่แค่เซ็กส์ที่พอทำให้เสร็จไปอย่างขอไปที เด็กหนุ่มลีลาเด็ดบนเตียงเสมอ ท่าทียั่วยวนคล้ายแมวน้อยเอาแต่ใจทำให้บัญชาไม่อาจทำได้แค่พอให้น้ำแตก เขาอยากให้สนฉัตรสุขสมไปด้วยเพราะหากถึงเวลานั้นสนฉัตรจะหน้าแดงตัวแดงก่ำร้องครวญครางระงมจนคู่นอนเช่นเขารู้สึกดี


                 “เสี่ยจะพูดอีกนานไหม จะเข้าก็เข้าสักทีสิครับ”


                 หน้าหวานย่นหัวคิ้วใส่ บัญชาหัวเราะชอบใจก่อนจะจับขาเรียวแยกออกจากกันแล้วดันเอวเข้าไป ช่องทางของสนฉัตรกำลังดีสำหรับเขา ทางเข้าแน่นหนาภายในก็ไม่โหวงว่าง มันบีบรัดอุ่นร้อนเสียวซ่านถึงทรวง


               “ขี้บ่นจริงไอ้เด็กขี้ยั่ว เดี๋ยวจะจัดการให้บ่นไม่ออกเลย”


                บัญชาเริ่มจะลงพุงตามวัย แต่สนฉัตรก็ไม่เคยปากมากเหมือนเมียน้อยคนอื่น นี่เป็นอีกข้อที่บัญชาชอบ ใครๆก็ไม่อยากได้ยินคำพูดจาที่ทำให้หมดกำลังใจ เด็กหนุ่มฉลาดพอที่จะเรียนรู้ว่าเมื่ออยู่กับเขาควรทำอะไรให้เป็นที่พอใจ


                “อื้อ เสี่ย แรงดีนะครับวันนี้ แต่ อื้อ ขอด้านขวาแรงๆอีกนิดนะครับ”


               “ตรงนี้ใช่ไหม ได้เลย”


               เสี่ยใหญ่กระแทกเอวเข้าไปเต็มที่ สนฉัตรเปิดปากร้องครวญเสียงหวาน สะโพกกลมกลึงไม่ได้อยู่เฉย มันเด้งขึ้นลงรับกับแรงของบัญชาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเขาจะจับร่างบางนุ่มเนื้อพลิกซ้ายพลิกขวาปรับเปลี่ยนไปท่าไหน สนฉัตรก็จะรองรับได้ดีเสมอ


               “เสี่ย ฮึก เสียวจัง ไม่ไหวแล้ว”


               มือเรียวคว้าแก่นกายตนรูดรั้งเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง หน้าหวายยกสูงหลับตาพริ้มจือปากสูดลมขณะใกล้ถึงฝั่งฝัน บัญชาเห็นอย่างนั้นจึงเร่งแรงติดตามเร็วรี่ก่อนที่หนุ่มใหญ่จะทิ้งกายลงไปบนอกเนียนพลางหอบจนตัวกระเพื่อม


                “ฉันว่าฉันคงจะขาดสนไม่ได้แล้ว”


                เขาจูบที่แก้มนุ่มอย่างหลงใหล สนฉัตรหัวเราะเบาๆ


                “อย่าให้เมียที่บ้านได้ยินนะเสี่ยประโยคนี้น่ะ”


                “ถามจริงๆเหอะสน สนคิดจะอยู่กับฉันไปอีกนานแค่ไหน”


                 บัญชาอยากรู้ ตอนนี้นอกจากอารีที่เป็นภรรยาตัวจริงแล้ว เขาไม่ได้มีใครอื่นอีกตั้งแต่พบกับสนฉัตร บัญชาคิดจะเลี้ยงดูสนฉัตรเป็นเรื่องเป็นราว


                 “ตอบตรงๆนะเสี่ย ตอนแรกที่มาอยู่กับเสี่ยผมก็ไม่รู้หรอกว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อ แต่อยู่ไปนานๆ เสี่ยก็เลี้ยงดูผมได้ไม่ต้องให้ลำบาก ให้ความสุขกับผมได้ เอาเป็นว่าถ้าเสี่ยยังเป็นที่พึ่งให้ผม คุ้มกะลาหัวผมได้ ผมก็ไม่คิดจะไปจากเสี่ยหรอกครับ”


                 “ตอบได้ดี” บัญชาหัวเราะชอบใจ “ถ้าลื้อยอมทำดีลงให้อาฮัวสักหน่อย ต่อไปถ้าอาฮัวมันใจอ่อน ฉันอาจจะพาไปอยู่ที่บ้านก็ได้นะ”


                สนฉัตรยิ้มรับ เขาจูบเอาใจเสี่ยใหญ่จนอารมณ์พิศวาสบังเกิดเสียอีกหนึ่งรอบกว่าบัญชาจะยอมถอนกายออกและยอมกลับบ้านของเขา





มีต่ออีกนิด...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2018 23:12:28 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 14 [15/07/61]
«ตอบ #103 เมื่อ15-07-2018 23:14:00 »



ต่อกันตรงนี้...




              บัญชาก้าวเข้าห้องนอนที่อารีนอนดูโทรทัศน์อยู่ หลังจากได้ไฟเขียวจากสามีหล่อนก็เก็บข้าวของเตรียมบินไปถลุงเงินที่บัญชาอนุมัติให้


               “กลับมาแล้วเหรอเฮีย”


                อารีลุกจากเตียงเดินเข้าไปกอด แต่กลิ่นที่ติดกายสามีมาทำให้รู้ว่าบัญชาเพิ่งจะไปบ้านเมียหนุ่มหน้าหวานมา อารีค้อนควักวงใหญ่


                “นี่ไปหาอีเมียตุ๊ดมาใช่ไหม เฮียบอกมานะ”


                 “อย่าโวยวายน่าอาฮัว”


                บัญชาปัดมืออารีออกพลางล้มตัวลงนอนอย่างสบายตัวเพราะสุขสมมาจากสนฉัตรเต็มที่แล้ว


               “ไอ้สนมันก็ไม่ได้มาระรานหรือเรียกร้องอะไรเลย ลื้อทำใจกว้างๆ หน่อยน่า ลื้อต้องยอมรับว่าบางอย่างลื้อก็ให้เฮียได้ไม่เต็มที่ เฮียก็ต้องไปหาจากที่อื่น ส่วนลื้อเฮียก็ไม่ได้ทอดทิ้งหรอก เฮียก็รักลื้อที่เป็นเมียเป็นแม่ของลูก แล้วเฮียก็ทดแทนให้ลื้อด้วยสมบัติจนตายไปก็เอาไปไม่หมด”


                “เฮียก็พูดอย่างผู้ชายเห็นแก่ตัว ผู้หญิงที่ไหนก็อยากจะให้ผัวมีเราเป็นเมียคนเดียวทั้งนั้นแหละ ฮัวไม่ดีตรงไหนเฮียก็บอกสิฮัวจะได้ปรับปรุงตัว ไม่ใช่ไปหาไอ้ที่ถูกใจที่อื่นแบบนี้แล้วโทษว่าเป็นความบกพร่องของฮัว”


                 อารีต่อว่าตัดพ้อก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องด้วยความน้อยใจ บัญชาส่ายหน้าระอาตามหลังภรรยาของตนก่อนจะเปลี่ยนช่องโทรทัศน์เป็นช่องกีฬา เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าไม่ใช่เบอร์ที่บันทึกไว้


               “ฮัลโหล บัญชาพูด”


               “สวัสดีครับเสี่ยบัญชา”


              เสียงนั้นยิ่งไม่คุ้นหู บัญชาตอบกลับเสียงห้วน


              “นั่นใคร โทรมาขายประกันหรือเปล่า ถ้าใช่อั้วจะด่าให้ยับเลยที่โทรมากลางค่ำกลางคืนแบบนี้”


              “ผมชื่อ ปวิธ วรพัฒนากุล โทรมาหาคุณเรื่องของสนฉัตร”


             คำแนะนำตัวยิ่งทำให้หัวคิ้วย่นเข้าหากันอีก นามสกุลของคนโทรมาคุ้นหูมาก และชื่อของสนฉัตรเรียกความสนใจจนถึงกับลุกขึ้นมานั่งคุยจริงจัง


            “สนฉัตร ใคร ไอ้สนงั้นหรือ คุณรู้จักมันหรือ”


             “รู้จักดีครับ สนฉัตรเป็นเด็กในความปกครองของคุณลุงของผม อดีตรัฐมนตรีทรงเดช วรพัฒนากุลที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน”


               บัญชาตาโต นักการเมืองชื่อดังระดับประเทศ ใครบ้างจะไม่รู้จัก


               “แล้วยังไงครับ ทำไมคุณถึงต้องโทรมา”


              น้ำเสียงเสี่ยใหญ่เปลี่ยนไปเป็นนุ่มขึ้น คนระดับนี้โทรมาต้องมีอะไรที่ไม่ใช่เรื่องปกติแน่


              “สนฉัตรอยู่กับคุณลุงของผมมาตั้งแต่เด็ก แต่มีเรื่องเข้าใจผิดกันรุนแรงจนสนฉัตรต้องออกไปเผชิญโลกด้วยตนเอง แต่ว่าตอนนี้คุณลุงก็เสียชีวิตไปแล้ว ท่านฝากให้ผมดูแลสนฉัตรต่อ ผมเพิ่งจะสืบหาได้ว่าสนฉัตรไปอยู่กับคุณ”


                “แล้วไง หมายความว่าคุณจะมาทวงไอ้สนคืนไปงั้นสิ”


               บัญชาเริ่มไม่สบอารมณ์ ยอมรับว่าเขาไม่อยากเสียสนฉัตรไป


                “อย่าใช้คำว่าทวงเลยครับ ผมเองก็ไม่ได้มีส่วนตัดสินใจแทน ชีวิตก็ยังเป็นของสนฉัตรอยู่ และที่สืบรู้มาเสี่ยก็ดูแลสนฉัตรได้ดี เพียงแต่ผมจะขอเวลาพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับสนฉัตรถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พูดจากันแล้วก็ขอให้สนฉัตรเป็นคนเลือก ถ้าหากสนเลือกอยู่กับเสี่ยอยู่ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่ถ้าหากสนเลือกจะกลับมาอยู่กับผม หวังว่าเสี่ยเองก็คงไม่ขัดข้องหรือห้ามปรามเช่นกัน”


             เสี่ยใหญ่สะอึก ยอมรับว่าอีกฝ่ายพูดจามีเหตุผลชัดเจน และดักทางหากเขาคิดจะบังคับสนฉัตรอีกด้วย บัญชาตอบรับอย่างไม่เต็มใจนัก


               “ก็ได้ คุณจะมาเมื่อไหร่”


                 “ผมจองตั๋วเครื่องบินได้เที่ยวพรุ่งนี้ตอนเย็น เมื่อไปถึงสนามบินผมจะโทรหาเสี่ยทันที ขอบคุณนะครับที่ยอมรับข้อเสนอของผม”


                เมื่อวางสายแล้วบัญชาก็ถึงกับกุมขมับ นามสกุลของคนที่โทรมาทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงแม้ว่าเขาเองก็มีอิทธิพลอยู่ในแถบนี้ แต่มันเป็นแค่ระดับท้องถิ่น ไหนเลยจะเทียบได้กับคนดังระดับประเทศ บัญชาได้แต่หวังว่าสนฉัตรจะเลือกอยู่กับเขาต่อแทนที่จะกลับไปยังที่ๆจากมา






                “เสี่ยว่างหรือครับวันนี้”


                สนฉัตรถามเมื่อเสี่ยบัญชามารับเขาในยามสาย สีหน้าของบัญชาเคร่งขรึมกว่าทุกวัน


               “ใช่ ฉันมารับสนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน”


               สนฉัตรขึ้นรถยนต์ของเสี่ยบัญชาตามคำสั่ง เขาไม่กล้าเอ่ยถามว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรถึงได้ดูเคร่งเครียดเช่นนี้ ได้แต่นั่งเงียบจนมาถึงร้านอาหารชื่อดังของตัวจังหวัดจึงได้ลงจากรถเดินเข้าไปในร้านอาหาร


               “อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ”


                บัญชาเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ทั้งสั่งอาหารที่รู้ว่าสนฉัตรชอบ ตักอาหารใส่จานให้จนสนฉัตรทนไม่ไหว


              “เสี่ย เป็นอะไรเนี่ย แปลกๆนะครับวันนี้”


               คนถูกถามถอนหายใจ เขาดึงมือนุ่มของสนฉัตรมากุมไว้


                “สน ที่ผ่านมาฉันทำดีกับสนใช่ไหม ความดีของฉันมันมากพอจะทำให้สนคิดรักฉัน คิดจะอยู่กับฉันตลอดไปหรือเปล่า สนเคยอยากจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมหรือเปล่า”


               คำถามของบัญชาทำให้สนฉัตรเอะใจ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้คุยกันมากไปกว่านั้นเมื่อมีเสียงทักทายจากด้านหลัง


               “อ้าว เสี่ยบัญชานี่เอง”


                บัญชาหันไปตามเสียงเรียก และบุคคลเจ้าของเสียงก็ทำให้เขาถึงกับลุกขึ้นยืนยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อม


               “สวัสดีครับท่าน สนลุกมาสวัสดีท่านเร็ว”


               ลุกขึ้นยืนพลางยกมือทักทายตามคำสั่ง เขาเป็นชายวัยใกล้หกสิบปีอยู่ในชุดตำรวจเต็มยศ ด้านหลังมีผู้ติดตามทั้งนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบ ดาวบนบ่าทำให้สนฉัตรที่เติบโตมาในบ้านนักการเมืองรู้ว่าบุคคลผู้นี้มียศเป็นถึงพลตำรวจโท เมื่อเหลือบมองป้ายติดหน้าอกสนฉัตรก็รู้ว่าเขาเดาถูก ชายวัยใกล้ชราผู้นี้ชื่อว่า พล.ต.ท.อาคม


                “ไม่เป็นไรเสี่ย คนกันเองทั้งนั้น แล้วนี่ใครล่ะ”


                 สายตาน่าเกรงขามจับจ้องมาทางสนฉัตร เขาอึดอัดไม่น้อยเมื่อตกเป็นเป้าสายตา เสี่ยบัญชาอึกอักคำตอบ อาคมจึงยกมือห้ามพลางหัวเราะเบาๆ


             “เออๆ เข้าใจละ ไม่ต้องอธิบาย เราเข้าใจกันดีใช่ไหมเสี่ย นานๆ มาเจอกันทีต้องฉลอง สั่งอาหารมาอีกสิ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”


                สนฉัตรนั่งลง เขาได้แต่ปั้นหน้ายิ้มเฝื่อนเมื่อสังเกตได้ว่าอาคมมองเขาไม่วางตาในขณะที่สนทนากับเสี่ยบัญชา




                                                                  TBC


                                                เครื่องบินที่อีพี่เปลวจองตั๋วไว้มากี่โมงฟระ


                                      :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2018 23:18:20 โดย Belove »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 14 [15/07/61]
«ตอบ #104 เมื่อ15-07-2018 23:21:14 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

อะไรจะ sex appeal จัดขนาดนั้นหนอ

มีแต่ผู้(เฒ่า)มาหลงเสน่ห์เนี่ย  อิอิ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 14 [15/07/61]
«ตอบ #105 เมื่อ16-07-2018 10:14:18 »

โอ๊ยยยยย ตายๆ อะไรจะเสน่ห์แรงป่านนี้สน แล้วจะยังทันได้เจอเปลวไหมเนี่ย
ไม่ใช่อิตำรวจอาคมนี่จะขอสนจากตาเสี่ยไปก่อนนะแย่เลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 14 [15/07/61]
«ตอบ #106 เมื่อ16-07-2018 10:45:56 »

ไม่รอดอีกแน่ๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 14 [15/07/61]
«ตอบ #107 เมื่อ16-07-2018 12:56:33 »

คนอะไรมีแต่คนแย่งยังก็ของเซลในห้าง จากที่ชีวิตรันทด ไหนจะเรื่องร้ายๆ ที่เข้ามาเพราะหน้าตาเป็นเหตุอีกละ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 14 [15/07/61]
«ตอบ #108 เมื่อ16-07-2018 14:05:11 »

จะมีคนของพี่เปลวคอยจับตาดูสน คอยช่วยอยู่ไหม...
ต้องมีสิ..ต้องมี.. :katai1:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #109 เมื่อ28-07-2018 22:54:24 »





                                                                 วิมานไม้สน


                                                                  บทที่ 15




               “เขาใหญ่มากเหรอเสี่ย ถึงต้องหงอใส่เขาขนาดนั้น”



                สนฉัตรถามขึ้นหลังจากอาหารมื้อกลางวันจบลงและบัญชาพาเขาขึ้นรถขับกลับบ้าน อาการพินอบพิเทาที่มีต่อนายตำรวจยศสูงก่อนจากกันนั้นสร้างความข้องใจให้สนฉัตรไม่น้อย



              “ใหญ่สิวะสน” บัญชาตอบขณะจ้องมองถนนเบื้องหน้า



              “ก็คุมทั้งภาคเหนือล่ะ ต้องส่งส่วยเดือนเป็นแสน ไม่อย่างนั้นวิ่งรถบรรทุกไปก็โดนจับตลอดทางแน่ นี่ไม่ใช่เฉพาะของฉันรายเดียวนะ คนอื่นๆที่ต้องจ่ายมีอีกเยอะ มีอิทธิพลไปถึงอีสานด้วยเพราะก่อนหน้าย้ายมาเคยคุมแถวชายแดนฝั่งโน้น นี่ได้ข่าวว่าสิ้นปีนี้จะย้ายเข้ากรมไปรับตำแหน่งรองผู้บัญชาการเชียวนะ”



              ไม่แปลกใจนักเมื่อได้ฟังบัญชาเล่าถึงอิทธิพลของนายตำรวจคนนี้ การกินสินบนของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องชินตาของสนฉัตรไปแล้ว แต่ที่สนฉัตรเป็นกังวลก็คงจะไม่พ้นสายตาที่มองมาทางเขาเกือบตลอดมื้ออาหารนั่นต่างหาก ได้แต่บอกตัวเองว่าอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้



              ขับรถมาได้ครึ่งทางกลับบ้านเช่าเสี่ยบัญชาก็ต้องรับโทรศัพท์ เขากดรับสายทั้งที่ยังขับรถอยู่



              “ฮัลโหล”



              “เสี่ยบัญชา ผมเองนะ อาคม”



               ชื่อของคนโทรหาทำให้บัญชาแปลกใจ



              “ครับท่าน มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ”



              “มีสิ จำได้ว่าเสี่ยเคยเล่าให้ฟังว่าจะขนไม้ไปส่งทางกรุงเทพไม่ใช่เหรอ ถ้าทำจริงผมจะช่วยเปิดทางสะดวกให้”



              เสี่ยบัญชาแทบจะตะโกนด้วยความลิงโลด เขารีบกรอกเสียงนอบน้อมตอบทันที



              “ครับท่าน ผมมีโครงการมาพักใหญ่แล้ว ถ้าท่านช่วยงานคงเดินเร็วขึ้น ไม่ทราบว่าท่านจะให้ผมตอบแทนน้ำใจของท่านอย่างไรดีครับ”



             อาคมเงียบเสียงไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ



             “ตอนนี้เงินทองมีเยอะ ข้าวของก็ใช้ไม่หมด ถ้าเสี่ยมีน้ำใจจะตอบแทนผมก็ขอเป็นเด็กที่มากับเสี่ยได้ไหม”



              เสี่ยบัญชาเหยียบเบรกจนรถสะเทือน เคราะห์ดีที่ไม่มีรถขับตามหลังมา สนฉัตรตกใจอุทานเสียงดัง เขาแทบจะลอยจากเบาะรถ ดีที่ใส่เข็มขัดนิรภัยไว้



               “เสี่ย เบรกทำไม่เนี่ย หัวสนเกือบโขกกระจกแล้วนะ”




               บัญชารีบบังคับรถเข้าจอดข้างทาง เขาลงจากรถไปคุยโทรศัพท์ด้านนอกเพราะไม่อยากให้สนฉัตรได้ยินบทสนทนา



                “ท่านครับผมขอร้อง ผมคิดจะเลี้ยงดูไอ้สนมันจริงจัง ถ้าท่านอยากได้อะไรผมจะหามาให้ แต่ขอให้ผมเก็บสนไว้เถอะครับ”



                 คำตอบของบัญชาไม่ได้ทำให้อาคมแปลกใจนัก มีเรื่องที่บุรุษสูงวัยผู้มากไปด้วยอำนาจไม่ได้บอกกับเสี่ยใหญ่ เรื่องที่เขาเพิ่งจะติดต่อกับอารีภรรยาของบัญชาเมื่อเย็นวานนี้ ฝั่งนั้นก็มีคอนเน็กชั่นกับเขาเช่นกันเพราะครอบครัวของอารีเองมีธุรกิจที่ต้องผ่านทางเขาอยู่ อารีเล่าเรื่องที่สามีหลงเด็กใหม่จนแทบไม่ได้จับงานอื่นให้ฟัง



               “หลงมากค่ะท่าน เป็นผู้ชายอายุยี่สิบได้มั้ง รูปร่างหน้าตาดียิ่งกว่าสาวๆอีก แต่มันหว่านเสน่ห์เก่งค่ะไม่รู้ไปลงนะหน้าทองที่ไหนมา เฮีนนี่หลงมันหัวปักหัวปำจนฮัวน้อยใจ เคยไปบ้านที่เฮียเช่าให้มันอยู่ทีนึง โดนไล่กลับอย่างกับหมูกับหมา โอ๊ย ไม่อยากจะเล่า แต่ฮัวว่านะ สเป็คท่านก็ราวๆนี้นะคะ ถ้าท่านเห็นหน้ามันอาจจะชอบก็ได้ ถ้าได้เห็นแล้วถูกใจลองขอเฮียดูสิคะ เฮียไม่กล้าขัดท่านหรอกค้า”



               เสียงเล็กเสียงน้อยของคนเป็นภรรยาทำให้อาคมอยากเห็นหน้าเด็กคนใหม่ของบัญชาที่อารีมาโฆษณาให้ฟังนัก ทำไมจะเดาไม่ออกว่าอารีใช้เขาเป็นเครื่องมือกำจัดเมียน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหากจะไปดูโฉมหน้าเสียหน่อย ลูกน้องของเขารายงานว่าเห็นเสี่ยบัญชาขับรถไปยังร้านอาหารชื่อดัง คงไม่แปลกถ้าเขาจะไปหาอาหารกลางวันใส่ท้องที่ร้านเดียวกัน
และผลปรากฏว่าเด็กใหม่ของเสี่ยบัญชารูปร่างหน้าตาถูกใจเขาอย่างที่อารีบอกไว้จริงๆ เขาแทบละสายตาจากเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้เลย และอาคมยอมเป็นเครื่องมือของอารีในครั้งนี้



                 “ผมเข้าใจเสี่ยนะ เด็กมันหน้าตาดีจริงๆเสี่ยคงถูกใจมาก แต่เสี่ยก็ต้องคิดถึงธุรกิจของเสี่ยด้วย ทั้งให้เช่ารถบรรทุกเอย ธุรกิจค้าขายไม้เอย มันก็ต้องอาศัยทางสะดวกทั้งนั้น อย่าเอาความมั่นคงมาแลกกับเด็กคนเดียวเลยมันได้ไม่คุ้มเสียหรอก เราสองคนติดต่อกันขอกันกินมากกว่านี้ อย่าให้มันจบลงแค่เด็กคนนี้เลยน่า”



               บัญชานิ่งงันเมื่อได้ยินคำขู่จากอาคม น้ำเสียงนั้นนิ่งเรียบก็จริงแต่เด็ดขาดจนเสียวสันหลัง เขากลืนน้ำลายลงคอเมื่อรู้ว่าต้องเสียสนฉัตรไปแน่ๆไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ทั้งจากคนที่สนฉัตรเคยอยู่ด้วยที่จะมาถึงในเย็นวันนี้หรือจากอาคมที่เอ่ยปากขออย่างถือไพ่เหนือกว่า แล้วเขาจะเลือกทางไหน ความเสียดายในตัวสนฉัตรวิ่งวนอยู่ในหัวสมองแต่บัญชาจำเป็นต้องทำ



              ถ้าหากจะรอคนที่ชื่อปวิธมาถึง สนฉัตรอาจเลือกเขาหรือไม่ก็กลับบ้านเดิม บัญชาก็จะไม่ได้อะไรเลย แต่กับอาคมที่คุมเกมเหนือกว่าอาจเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เสียสนฉัตรไปเขาก็ยังมีโอกาสพบเจอเด็กใหม่คนอื่น หรือถ้ายังติดใจสนฉัตรอยู่ก็รอจนอาคมเบื่อหน่ายแล้วค่อยขอคืนมาก็ยังไม่สาย แถมยังได้ไฟเขียวในการขนส่งไม้อีกต่างหาก เมื่อคิดถี่ถ้วนแล้วบัญชาจำเป็นต้องโยนความเสียดายทิ้งไป



                 “ท่านจะดูแลไอ้สนมันอย่างดีใช่ไหมครับ หรือถ้าท่านเบื่อมันแล้วส่งมันกลับมาหาผมจะได้ไหมครับ”



                  เสียงอ่อนข้อของบัญชาทำให้อาคมรู้ว่าฝั่งนั้นคงยอมยกให้แน่แล้ว เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มลง



                “ได้สิเสี่ย ผมจะเลี้ยงดูเด็กของเสี่ยอย่างดีไม่ต้องห่วง ถ้าเห็นว่าระยะเวลาเหมาะสมก็จะส่งกลับมาให้ดูแลเสี่ยต่อ”



                “แล้วท่านจะให้ผมพาสนไปหาท่านเมื่อไหร่ครับ”



                 “ตอนนี้เลย ผมต้องไปอีสานบ่ายนี้ จะได้พาเด็กไปเที่ยวด้วย เสื้อผ้าของใช้ไม่ต้องเอามา เดี๋ยวผมหาให้เอง ผมจะรออยู่ที่ถนนเลี่ยงเมืองนะ”



                อาคมวางสายไปแล้ว บัญชาเจ็บจี๊ดกับการสูญเสียโดยไม่ทันตั้งตัว นึกเห็นใจสนฉัตรไม่น้อยและรู้สึกผิดที่ใช้สนฉัตรเป็นเครื่องมือเพื่อธุรกิจ เขาลบความคิดเหล่านั้นด้วยการหาข้ออ้างให้ตัวเองว่าสนฉัตรก็ควรจะทดแทนบุญคุณที่เขาให้ความสุขสบายมาตลอดหลายเดือน และสนฉัตรก็ไม่ได้ไปตกระกำลำบากที่ไหน คิดได้ดังนั้นจึงเปิดประตูก้าวเข้าไปในรถ สีหน้าเคร่งเครียดของบัญชาทำให้สนใจสงสัย



              “เสี่ย ใครโทรมาถึงทำหน้าแบบนี้”



               บัญชาไม่ตอบคำถาม เขาสตาร์ทรถขับยูเทิร์นกลับไปทางเดิม ทำให้สนฉัตรยิ่งแปลกใจมากขึ้น



               “แล้วนี่จะไปไหนอีก”



               “เงียบๆหน่อยได้ไหมสน ฉันจะไปธุระ”



                 เสียงเข้มของบัญชาทำให้สนฉัตรต้องยอมนั่งเงียบและเก็บความสงสัยไว้ในใจ จนกระทั่งบัญชาขับรถยนต์มาถึงถนนเลี่ยงเมืองและจอดรถที่ป้อมตำรวจแห่งหนึ่ง เสี่ยใหญ่ลงจากรถด้วยสีหน้าไม่ดีนัก



              “ลงมาข้างล่างสิสน”



               ก้าวลงตามคำสั่งก่อนจะถูกบัญชาเกี่ยวแขนไว้และพาเดินเข้าไปด้านในป้อมตำรวจ สนฉัตรเอะใจเมื่อเห็นอาคมและลูกน้องนายตำรวจหลายคนยืนห้อมล้อมอยู่



             “เสี่ย นี่มันอะไรกัน!”



              สนฉัตรฝืนตัวไว้แต่บัญชายังยึดแขนเรียวไว้เหนียวแน่น ซ้ำร้ายนายตำรวจคนหนึ่งก้าวไปคุมเชิงตรงประตูอีกด้วย หัวใจของสนฉัตรเต้นรัวหวาดหวั่น เขารู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น



              “ไม่นะเสี่ย”



              “ผมพาสนมาส่งท่านแล้วนะครับ หวังว่าท่านจะรักษาสัญญา”



               “เสี่ย ทำแบบนี้ทำไม ไหนเสี่ยว่าจะปกป้องสน ดูแลสนไงล่ะ”



                ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง สนฉัตรละล่ำละลักพูดเสียงสั่น แต่บัญชากลับหลบตาเขา



                “ยกโทษให้ฉันเถอะสน ถ้าไม่ทำอย่างนี้งานของฉันต้องเจ๊งแน่ ฉันรักสนนะแต่ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้”



                “เสี่ย!”



                 สนฉัตรตะลึงมองอย่างคาดไม่ถึง แม้แต่คนที่คิดว่าจะคุ้มครองเขาได้ก็ยังขายเขาเพื่อผลประโยชน์ แล้วเขาจะเชื่อใจใครได้อีกเล่า



              “ไปเถอะเสี่ย ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งตัดเยื่อใยไม่ขาด ฉันบอกว่าจะช่วยเสี่ยก็คือช่วย เราไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันเสียหน่อย”



               บัญชาหันมาสบตากับสนฉัตรอีกครั้ง เขาเองก็เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ แต่มันจำเป็นจริงๆ ใครเล่าจะกล้าสู้กับคนที่มีอิทธิพลเหนือกว่า บัญชาตัดใจก้าวเดินดุ่มๆออกจากป้อมตำรวจ สนฉัตรผวาจะก้าวตาม



                “เสี่ย อย่าไป”



                 ร่างของเขาถูกตำรวจคนที่เฝ้าประตูผลักจนเซกลับเข้ามายืนสั่นต่อหน้าอาคม นายตำรวจใหญ่ลุกขึ้นยืนมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาบ่งบอกถึงความพอใจ



                “อย่ากลัวไปเลย ชื่อสนใช่ไหม อยู่กับตำรวจจะกลัวอะไรเล่า ฉันไม่ทำร้ายเธอหรอกน่า”



                “ท่านครับ ผมขอ ผมไม่อยากใช้ร่างกายทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ปล่อยผมไปนะครับ”



               สนฉัตรยกมือไหว้น้ำตาไหลอาบแก้ม เขาชิงชังชะตาชีวิตที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ หัวใจของสนฉัตรปวดร้าวไปหมด แต่ดูเหมือนอาคมจะไม่สนใจเสียงอ้อนวอนของเขาเลย



                “ไปกันเถอะ เสียเวลามากแล้ว”



                เมื่อเจ้านายออกคำสั่งลูกน้องจึงรีบปฏิบัติตาม แขนข้างหนึ่งของสนฉัตรถูกหิ้วปีกให้เดินไปขึ้นรถตู้คันหนึ่ง คันเดียวกับอาคมที่ตามมานั่งเบาะเดียวกัน ด้านหน้ามีคนขับรถและนายตำรวจอีกคน ไม่มีใครหันมองทางเจ้านายและผู้โดยสารคนใหม่ สนฉัตรสะดุ้งเมื่อเสียงไซเรนรถตำรวจนำขบวนด้านหน้าดังขึ้น ด้านหลังมีรถตำรวจอีกคันประกบท้าย ทั้งหมดขับเคลื่อนออกจากหน้าป้อมตำรวจไปยังที่หมายใดสนฉัตรก็สุดจะรู้



                     สนฉัตรพิงศีรษะกับกระจกรถด้านข้างอย่างหมดแรง เขาปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่คิดจะเช็ดมันออกแม้แต่หยดเดียว






มีต่ออีกนิด....






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2018 23:01:00 โดย Belove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

<< วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
« ตอบ #109 เมื่อ: 28-07-2018 22:54:24 »





ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #110 เมื่อ28-07-2018 23:03:54 »






                บัญชาไม่อยากกลับบ้านตนเองและไม่อยากกลับบ้านเช่าที่ปราศจากสนฉัตร เขาขับรถมายังโกดังเก็บรถบรรทุกและเก็บตัวอยู่ภายในจนค่ำมืด หลายชั่วโมงแล้วที่เขาส่งสนฉัตรบรรณาการต่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ความรู้สึกผิดเอ่อท้นจนเพิ่งจะเข้าใจความเจ็บปวด จนกระทั่งรถยนต์รับจ้างคันหนึ่งมาจอดด้านหน้า เขาจึงจำใจลุกออกไป


               “สวัสดีครับเสี่ย ผมชื่อปวิธที่โทรหาเสี่ยเมื่อวานนี้”


                 คนมาเยือนเป็นชายหนุ่ม หน้าตาท่าทางไม่น่าอายุเกินยี่สิบห้าปี สีหน้าของเขาราวกับพยายามระงับความตื่นเต้นไว้ขณะพูดคุยกับบัญชา ตามมาด้วยลูกน้องหน้าตาน่าเกรงขามอีกคนหนึ่งรออยู่ที่รถ บัญชาลำบากใจเพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้ามาเพื่อเหตุใด


              “ผมรู้ คุณปวิธใช่ไหม”


              “เครื่องบินดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง ผมมาช้ากว่าที่นัดไว้ สนฉัตรล่ะครับ ผมขอคุยกับเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและให้เขาได้เลือกเองอย่างที่ผมบอกเสี่ยไว้”


               สีหน้าสลดของเสี่ยบัญชาทำให้ปวิธเอะใจ หรือว่าเสี่ยใหญ่คนนี้จะเล่นตุกติกอะไรกับเขา


              “ไอ้สนไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”


               “อะไรนะครับ เสี่ยหมายถึงอะไร เราพูดคุยกันเข้าใจแล้วนี่ครับ”


                บัญชาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าสบตากับปวิธและพูดด้วยน้ำเสียงอัดอั้น


                 “ผมน่ะเข้าใจ ก็อยากจะให้ไอ้สนมันเลือกทางเดินของมันอยู่หรอก แต่มีคนอื่นชิงตัวมันไปเมื่อตอนเที่ยงนี้เอง คนที่ผมไม่กล้าขัดเขาไม่งั้นความซวยจะมาเยือน”


              ปวิธทั้งตกใจทั้งโกรธ จนดำที่มาด้วยก้าวเข้ามาถาม


              “เกิดอะไรขึ้นคุณเปลว”


               พยายามห้ามตนเองไม่ให้ปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อบัญชาอย่างยากเย็น ปวิธโกรธจนควันออกหู


             “ใคร คุณยกไอ้สนให้ใคร ไหนคุณบอกกับผมว่าคุณคิดจะเลี้ยงมันจริงจัง แต่พูดไม่ถึงวันก็ยกมันให้คนอื่นแล้วอย่างนั้นเหรอ”


              “แล้วจะให้ผมทำยังไงวะ” บัญชาเองก็น็อตหลุด “ใช่ว่าผมไม่เสียใจ แต่มันแม่งถือไพ่เหนือกว่า ถ้าผมไม่ยอมก็คงถูกหิ้วหายไปโผล่อีกทีเจอกลายเป็นศพแน่ ขั้นเบางานก็เจ๊งค้าขายไม่ได้ เป็นคุณจะทำยังไง”


                ปวิธกัดฟันข่มโทสะสุดชีวิต เขาเอ่ยถามเสียงเข้มจนบัญชาเองยังหนาวยะเยือก


                “บอกผมมา คุณยกไอ้สนให้ใคร”


                 “ผมบอกไม่ได้หรอก ผม...”


               “บอกมา!”


                 ตรงเข้าคว้าคอเสื้อของบัญชาและตวาดเสียงดังโดยมีดำยืนคุมเชิง ลูกน้องหลายคนของเสี่ยบัญชาที่อาศัยอยู่ในโกดังโผล่หน้ามาเมียงมอง บัญชาสบตาคมวาวเอาจริงของหนุ่มอ่อนวัยกว่าหลายปีแล้วถึงกับต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอ ถ้าปวิธหักคอเขาได้ก็คงจะทำ


                  “มันเป็นตำรวจชื่ออาคม พลตำรวจโทอาคม คุณเคยได้ยินชื่อไหมเล่า โว้ย เอาอะไรกับกูกันนักหนาวะ”


                   บัญชาปัดมือปวิธออกแล้วเดินหนีเข้าไปด้านในอย่างหงุดหงิด ปวิธยืนอึ้งสีหน้าเครียดจัด


                   “มาช้าไปแป๊บเดียวเอง”


                 ดำบ่นอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน ปวิธเดินนำดำกลับไปยังรถยนต์ที่เขาจ้างมา


               “กลับไปที่โรงแรมก่อน เราต้องคิดให้ถี่ถ้วนที่จะช่วยไอ้สนเพราะเรากำลังจะสู้กับคนมีสีและมีอิทธิพล”


                 ดำพยักหน้าเห็นด้วย สนฉัตรหลุดมือไปคราวนี้ไม่ใช่จะเจรจาได้โดยง่าย  ปวิธเคยได้ยินชื่อเสียงของอาคมมาก่อน เขาต้องหาวิธีให้รอบคอบเพื่อรักษาชีวิตของสนฉัตรไว้








              สนฉัตรนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาตั้งแต่ยามเที่ยงจนดวงอาทิตย์ลับแสงไปหลายชั่วโมงแล้ว เขาไม่ได้สนใจสายตาของอาคมที่มองเขาบ่อยๆ รวมถึงมือเหี่ยวย่นที่เอื้อมมาวางอยู่บนต้นขาของเขา จนกระทั่งรถตู้คันใหญ่เดินทางจากภาคเหนือมายังจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน  รถตำรวจนำขบวนและรถตู้จอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วรอบขอบชิด เมื่อประตูเปิดออกอาคมจึงออกคำสั่ง


                “ลงมาได้แล้ว”


                 กระทำตามราวกับเป็นหุ่นยนต์ อาคมเดินนำเข้าไปในตัวบ้านที่เปิดไฟสว่างไสว คนรับใช้ยังคล้ายเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยอีกด้วย อาคมหันมาออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทหลายคนที่ติดตามกันมา


            “พักผ่อนที่บ้านคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปตรวจงานฝั่งโน้น พวกมึงจะเรียกสาวมาแก้เสี้ยนกันก็ได้นะ เดี๋ยวกูจ่ายค่าตัวให้”


              เสียงลูกน้องขานรับคำสั่งดังสะท้อนห้องโถง อาคมหันมองสนฉัตรที่เริ่มตัวสั่นราวกับรู้อนาคตอันใกล้


             “ตามมา”


              เหลียวมองรอบตัวสนฉัตรก็ยิ่งหวาดกลัว ไม่มีทางที่เขาจะหนีพ้นออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย หวังให้ใครช่วยได้เล่าก็ทุกคนในบ้านหลังนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทั้งนั้น สนฉัตรเดินคอตกตามอาคมขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง จนกระทั่งก้าวเข้าไปในห้องนอนกว้างขวางตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา เสียงประตูที่ปิดตามทำให้สนฉัตรสะดุ้งสุดตัว


              “ท่านครับ” สนฉัตรเข่าอ่อนก้มลงกราบกับพื้น “ผมขอร้อง ท่านเมตตาผมเถิดนะครับ อย่าทำอะไรผมเลย”


              อาคมวางอาวุธปืนลงบนโต๊ะตัวหนึ่ง เขาถอดเสื้อเครื่องแบบออกด้วยสีหน้าเฉยเมยราวกับไม่ได้ยินเสียงอ้อนวอนนั้น สนฉัตรผวาเมื่อแขนถูกกระชากให้ลุกจากพื้น อาคมจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตากระหาย


               “ฉันก็เมตตาอยู่นี่ไงล่ะ อยู่ที่เธอนั่นแหละว่าจะทำตัวให้สมกับความเมตตาของฉันหรือเปล่า”


               ร่างเพรียวลอยละลิ่วสู่กลางเตียงกว้าง น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลรินอีกครั้งกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น




                                                             TBC


                   อันนี้มันก็มีจริงอะนะ ไอ้เรื่องขอกันแบบนี้ ไม่พูดอะไรมากดีกว่า อยากสะท้อนสังคมให้รู้กันไว้

                                    :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2018 23:08:09 โดย Belove »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #111 เมื่อ29-07-2018 00:04:33 »

อะไรมันจะโชคร้ายขนาดนี้กันสนฉัตร  :ling2: :ling1: :ling3:
ติดใจตรงปืนที่วางอยู่ที่โต๊ะ สนจะหยิบมาใช้ไหม..

 :pig4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #112 เมื่อ29-07-2018 00:40:41 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

เจอแต่พวกตัณหาจัดเนอะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #113 เมื่อ29-07-2018 00:48:43 »

สงสารน้องสนจัง

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #114 เมื่อ29-07-2018 02:26:16 »

เมื่อไหร่สนจะหลุดพ้นจากพวกตันหากลับซะที :ling2:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #115 เมื่อ29-07-2018 03:05:23 »

จะเรียกว่าวงจรอุบาทว์ได้มั้ย ชีวิตสนไปทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องวนเวียนมีชีวิตแบบนี้ ผลัดจากคนโน้นมาคนนี้แล้วก็ไปคนนั้น กว่าสนจะได้ชีวิตตัวเองคืนจิตใจคงแหลกสลายไม่มีชิ้นดีแล้ว ต้องให้สนตายรึเปล่าถึงจะหลุดพ้น

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #116 เมื่อ29-07-2018 04:15:22 »

เชื่อและรู้ว่ามันมีแบบนี้จริงเรื่องเลี้ยงเด็กและขอกันเนี้ย ยิ่งพวกนกม ขรก แม้กระทั่งพวกศ พวกนี้ตัวดีเลย(ไม่ได้หมายถึงทุกคน) เกลียดมาก ยิ่งมาอ่านยิ่งเกลียดเข้าไปอีก นึกภาพออกเลย ไรท์ก็คงรู้เห็นไรมาบ้างละ(มั้ง)ถึงได้ยืนยันหนักหนาว่ามันมีจริง สะท้อนสังคม หึหึ!! ^^ //รวดเดียว15ตอน เหนื่อยจริง เหนื่อยไปกับสน ชีวิตบัดซบยังมีได้อีก แม่งเอ้ยยย!!! เรามองจากตรงนี้ใจนึงก็อยากให้สนฆ่าตัวตายไปซะ ตายไปซะเลยดีไหม(นะ) ถ้าจะไปเป็นอีตัวเรื่อยๆแบบนี้ แต่สน(คง)ไม่ทำหรอกเพราะถ้าจะทำคงทำไปนานแล้ว คงคิดว่าชีวิตมันต้องมีทาง ต้องมีสักวัน มันต้องมีสิที่จะหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้ ถึงได้รักษาชีวิตให้รอดอย่างนี้ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นคงสะบักสะบอมกันเลยทีเดียว ยังคิดอยู่ว่าถ้าเปลวช่วยออกมาให้หลุดพ้นนำหลับมาได้ ต้องพบจิตแพทย์ก่อนไหม ติดค้างในใจนึงคือสนจะเป็นโรคเสพติดเซ็กส์ไหม สนจะแยกออกไหม ไหนเซ็กส์ ไหนความรัก หรือเราคิดมากไป เริ่มเครียด  อินมาก 5555 //เราที่มองดูสนฉัตรกระเสือกกระสนไหว้วอนขอความเห็นใจไว้ชีวิต ช่างน่าเวทนาจริง อยากยื่นมือเข้าไปผ่านหน้าจอ ดึงสนออกมาซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทำไม่ได้ คงได้แต่ฝากความหวังไว้กับเปลวว่าจะช่วยได้ แต่มันสะกิดใจตรงบทนำ ท้ายที่สุดแล้ว ชะตาชีวิตสนจะจบลงที่ข้างถนนหรือป่าว อะไรคือหัวใจที่หลงผิด โอวววว ไม่นะ มันช่างน่าเศร้า สนุกมากกกกค่ะ รอตอนต่อไป ตามติดชีวิตสน ขอให้รอดเจอทางออกที่ดี อย่าไปเรื่อยไปไกลกว่านี้เลย หดหู่ แต่ชอบจังเรื่องนี้ หึหึ!! F5 รอค่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #117 เมื่อ29-07-2018 06:36:18 »

คิดไว้แล้วว่าอิเสี่ยมันต้องขัดไม่ได้ เมื่อไหร่หนอชีวิตไอ้สนมันจะดีขึ้น ไม่อยากให้มันต้องติดโรคร้ายตายนะ อย่างงั้นมันก็น่าเศร้าเกินไปสนมันจะได้มีความสุขบ้างไหมนะ เศร้าจัง :hao5: กับชีวิตสน

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 15 [28/07/61]
«ตอบ #118 เมื่อ29-07-2018 20:40:15 »

เปิดอินโทรมาแบบนั้น คือสุดท้ายแล้ว
สนก็ฝันลมแล้งหรอคะ ดราม่าหนักเลย

ตอนนี้ถึงกับเครียด ทำไมชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้
พอจะหยุด ก็เลือกไม่ได้ ถูกจับโยนเหมือนสิ่งของ
สนเอ้ยย ถ้าไม่ติดใจคนชั่วแบบนั้น ตอนนี้ก็มีความสุขไปแล้ว

ลุงทรงเดชคือรักจริง ดูแลจริง และไม่ทอดทิ้งเลย สนพลาดเอง

เปลวตามสนกลับมาให้ได้นะ ถึงจะไม่เต็มร้อยแต่อยากให้พากลับมา

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 16 [02/08/61]
«ตอบ #119 เมื่อ02-08-2018 00:38:00 »




                                                           วิมานไม้สน

                                                             บทที่ 16



                เป็นครั้งแรกที่สนฉัตรนึกถึงทรงเดชผู้ที่เก็บเขาจากข้างถนนมาชุบเลี้ยง ตลอดเวลาตั้งแต่เข้าไปอาศัยในบ้านหลังใหญ่ บุรุษสูงอายุคนนั้นมองสนฉัตรด้วยนัยน์ตาที่ไม่เคยปกปิดได้ถึงความต้องการในตัวเขา ตอนนั้นสนฉัตรนึกถึงแต่การดิ้นรนให้หลุดพ้นจากความเลวร้ายของสถานสงเคราะห์เด็ก เขาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นจนเริ่มโตเป็นหนุ่มน้อย


                เมื่อใกล้จบมัธยมต้นสนฉัตรมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในโรงเรียนรัฐบาลที่เขาเรียนอยู่ หน้าตาของเขาออกแนวหวานจนเรียกว่าดูดีกว่าผู้หญิงในโรงเรียนเกือบทุกคน จนเริ่มมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายมาข้องแวะแม้กระทั่งหนุ่มหล่อต่างโรงเรียนยังอาสามาส่งในตอนเย็นหลังเลิกเรียน สนฉัตรภาคภูมิใจกับความมีชื่อเสียงจนลืมนึกไปถึงคนที่ชุบเลี้ยงเขามา


                ทรงเดชรู้เรื่องในวันหนึ่ง วันที่เขาใกล้จะเรียนจบมัธยมต้นแล้ว เพราะผู้ชายจากโรงเรียนชายล้วนขับรถยนต์คันโก้มาส่งหน้าบ้านในวันที่ทรงเดชกลับมาถึงเร็วกว่าปกติและคุณหญิงอำไพไม่อยู่บ้าน วันนั้นเองที่ความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวของสนฉัตรกับทรงเดชเกิดขึ้นมา


               “กูส่งมึงไปเรียนก็เพื่อให้มีความรู้ ไม่ใช่แส่ไปหาผัว”


                ทรงเดชโกรธจนหน้าแดง ร่างบางเก้งก้างของสนฉัตรถูกลากเข้าไปในห้องนอนห้องใหญ่ของเจ้าของบ้าน สนฉัตรพยายามอ้อนวอนอย่างเช่นทุกครั้ง


                “ท่านครับสนขอโทษ ไอ้เจมส์มันแค่เพื่อนมันมาส่งสนเพราะโรงเรียนเลิกเร็ว เดี๋ยวสนไปบอกมันเองว่าอย่ามายุ่งกับสนอีก ท่านอย่าโกรธสนเลยนะครับ”


               เด็กหนุ่มที่เพิ่งผ่านพ้นวัยสิบห้าปีไม่นาน บัตรประชาชนที่เพิ่งใช้คำนำหน้าว่านายยังใหม่เอี่ยมในกระเป๋ายกมือไหว้แนบอก แต่ทรงเดชกลับยิ่งรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของในร่างกายนี้


               “มึงอยากให้กูหายโกรธมึงหรือสน ได้สิ กูมีวิธี”


                ทรงเดชตรงเข้าไปจับสนฉัตรถอดเสื้อผ้า เด็กหนุ่มตกใจหน้าซีดมือเรียวผลักไสแต่ก็ไม่พ้นแรงรักแรงหวงของชายวัยที่เรียกว่าปู่ยังได้สำหรับเขา ทรงเดชพร่ำพูดเพื่อให้สนฉัตรสำนึกทั้งที่อีกฝ่ายร้องไห้เปรอะเปื้อนใบหน้า


               “มึงนึกถึงข้าวที่มึงกินอิ่มท้อง คิดถึงหลังคาที่คุ้มหัวมึงอยู่ คิดถึงกูที่ดูแลมึงมาตลอดหลายปี เพราะอะไร เพราะกูรักมึงไงสน มึงต้องตอบแทนบุญคุณของกู ตอบแทนความรักของกู รับรองว่ากูจะดูแลมึงไปตลอดชีวิต”


                  เพราะคำทวงบุญคุณเหล่านั้นทำให้สนฉัตรต้องนอนนิ่งเพื่อให้ร่างกายเจ้าเนื้อระบายอารมณ์ลงมา ส่วนนั้นของทรงเดชไม่ได้ใหญ่โตจนสร้างความเจ็บปวดให้ร่างกายสนฉัตรมากนัก แต่ความชอกช้ำมันขยายวงกว้างอยู่ในหัวใจดวงน้อย แม้ว่าเขาจะนอนนิ่งให้ทรงเดชกอดเมื่อเขาอารมณ์เย็นลงแล้ว


                 “สน ขอโทษนะ สนเจ็บมากไหม ฉันโมโหมากไปหน่อย”


                 เมื่อรู้สึกตัวทรงเดชก็พูดจาหว่านล้อมได้น่าฟังด้วยประสบการณ์ของนักการเมืองผู้ช่ำชองมาตลอดชีวิตของเขา


                “ฉันรู้ว่ามันอาจจะเร็วไปหน่อยที่ทำแบบนี้ แต่สนก็รู้ไม่ใช่หรือว่าฉันรักสนแค่ไหน เร็วหรือช้าฉันก็ต้องได้ร่างกายของสนอยู่ดี สนอย่าโกรธอย่าน้อยใจไปเลยนะ อยากได้อะไรล่ะเสื้อผ้าใหม่ดีไหมเดี๋ยวฉันจะซื้อให้ ขอแค่สนทำให้ฉันมีความสุขอยากได้อะไรฉันจะให้ทุกอย่างเลย”


                 ทรงเดชจากไปแล้ว สนฉัตรรู้จากข่าวดังตอนที่อยู่กับเสี่ยบัญชา จากไปโดยที่สนฉัตรไม่มีโอกาสได้ไปแม้แต่เคารพศพหรือกล่าวอโหสิกรรม สนฉัตรในวันนี้มีชีวิตอยู่โดยปราศจากผู้ปกป้องอย่างแท้จริง


               เขาร้องไห้กับวินาทีแห่งความจริง วินาทีที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลไม่น้อยกว่าทรงเดช แต่สำหรับอาคมไม่มีแม้แต่คำว่าปรานีต่อให้เขาคร่ำครวญจนคอแตกก็ตาม


                “ท่านครับ อย่า”


              สนฉัตรปกป้องตนเอง เขาดิ้นรน เข็มขัดหนังเส้นเขื่องที่เพิ่งหลุดจากเอวของอาคมถูกพันรอบข้อมือเล็กทั้งสองเพื่อให้พ้นจากความน่ารำคาญ อาคมเบิกตามองร่างเปลือยกลางเตียง ผิวพรรรณของเด็กหนุ่มกระตุ้นความต้องการของเขาจนพลุ่งพล่าน


               “ไอ้เสี่ยบัญชามันไปหาเด็กมาจากไหนวะ งานดีฉิบหาย”


               ยกมือลูบรอบริมฝีปากระบายความไฟราคะที่ลุกโชนขึ้นมา อาคมโถมกายลงไปบนร่างเพรียวก่อนจะจับท่อนขาแยกออกจากกัน เขาดันเอวเข้าไปโดยไม่สนใจว่าคนเบื้องล่างจะพร้อมรับกับแรงที่เขาใส่ไปหรือไม่ ยิ่งได้ยินเสียงกรีดร้องเขาก็ยิ่งย้ำแรงมากขึ้นไปอีก


                “ไม่ เจ็บ ปล่อยกูไป ฮือ”


                 ไม่มีทางต่อสู้ได้เลยจากผู้ที่ใช้อำนาจหน้าที่บังคับขู่เข็ญ เขานึกถึงทรงเดชที่แม้จะเคยหักหาญน้ำใจแต่หลังจากนั้นก็ยังดูแลกันมา เขานึกถึงปวิธที่เคยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน เขารู้ว่าถึงแม้จะทะเลาะกันมาตลอดแต่ปวิธคือคนที่รู้จักความเป็นสนฉัตรที่สุด


               “ท่านครับ สนขอโทษที่หนีท่าน เปลว มึงมาช่วยกูที กูจะทนไม่ไหวแล้ว”


               น้ำตาของสนฉัตรหลั่งไหลจนตาบวมเมื่อต้องนอนนิ่งปล่อยให้อาคมย่ำยีร่างกายของเขาโดยไม่มีทางต่อสู้ได้เลย







              ปวิธขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพโดยปราศจากสนฉัตร เขาเคยคิดไว้แล้วว่าอาจจะไม่ได้สนฉัตรกลับมาแต่ปวิธอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยเป็นความสมัครใจของสนฉัตร ไม่ใช่เพราะถูกส่งต่อให้ผู้มีอิทธิพลเช่นนี้ เขานั่งหน้าเครียดตลอดเวลา


              “กำลังจะขึ้นหม้อเลยมึงเอ๊ย”


               ดำสบถให้ฟังเมื่อหาข้อมูลจากวงในแล้วรู้ว่าอาคมกำลังจะได้ย้ายมานั่งตำแหน่งสำคัญในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ที่ลึกกว่านั้นวงในของดำแจ้งมาถึงธุรกิจสีเทาที่อยู่ภายในสีกากีของอาคม


              “คุมถนนเส้นภาคเหนือ สติกเกอร์ติดหน้ารถสิบล้อแผ่นละเป็นแสน คุมบ่อนทางชายแดนฝั่งอีสาน มึงจะเหมาหมดหรือไงวะ”


              “อยู่สายใครพี่ดำ”


              วงราชการก็ต้องมีเส้นสายเป็นเรื่องปกติ ปวิธรู้จักคนพวกนี้ไปถึงลำไส้ อาคมเองก็ต้องมีแบ็คหนุนหลังไม่อย่างนั้นก็คงไม่ก้าวหน้าขนาดนี้


             “เด็กปั้นท่านสมภพ”


               ชื่อของพลตำรวจเอกสมภพ รองผบ.ตร ทำให้ปวิธยิ่งคิดหนัก คู่ต่อสู้ของเขามีอำนาจใช่เล่น


              “ต้องคิดให้ถี่ถ้วนนะคุณเปลว ถ้าจะช่วยไอ้สน เราต้องงัดข้อกับตัวใหญ่”


              ดำเตือน เขาเห็นปวิธมานาน และสนิทกันพอสมควรจึงกล้าเอ่ยเตือนนายคนใหม่ ปวิธยังหนุ่มแน่นและเลือดร้อนพอตัว เขาไม่อยากให้ชายหนุ่มเสี่ยงกับความเดือดร้อน


               การตักเตือนของดำทำให้ปวิธเองก็ต้องไตร่ตรองอย่างหนัก เขาไม่เคยดูถูกว่าดำเป็นแค่บอดี้การ์ดของทรงเดช จริงอย่างที่ดำพูดว่าเขากำลังจะก้าวขาไปแหย่รังแตนของผู้มีอิทธิพล หากเป็นก่อนหน้านี้ปวิธจะไม่คิดมาก แต่บัดนี้เขามีผู้คนที่อยู่ภายใต้การดูแลที่เขาต้องคิดถึง การหักไม้ใหญ่ด้วยความรุนแรงอาจไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม


               อาจจำเป็นจะต้องใช้ไม้ที่ใหญ่กว่ามาช่วย ปวิธไม่คิดถึงขั้นล้มไม้อย่างอาคมลง เขาขอแค่ดึงสนฉัตรกลับมาได้ก็พอแล้ว คิดได้ดังนั้นเขาจึงติดต่อไปหาไม้ใหญ่ที่พอจะเปิดทางให้เขาได้


                “สวัสดีครับคุณหญิงขจี ผมปวิธหลานของคุณลุงทรงเดชและคุณหญิงอำไพครับ”


                     คุณหญิงอำไพป้าสะใภ้เคยให้ปวิธช่วยขับรถไปรับไปส่งสมัยยังมีชีวิตอยู่บ่อยครั้ง เขาพอจะรู้จักบรรดาคุณหญิงไฮโซจากงานการกุศลและงานเลี้ยงต่างๆ ปวิธเลือกภรรยาของพล.ต.อ เอกชัย ผบ.ตรในขณะนี้เป็นใบเบิกทางสำหรับคนโนเนมอย่างเขา ชายหนุ่มค้นเบอร์โทรศัพท์จากสมุดนัดหมายของอำไพ โชคดีที่ยังไม่ได้ทิ้งไปหลังจากเสียชีวิต


                     “ขอบพระคุณครับที่จำผมได้ ผมมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่านเอกชัยครับ เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับเรื่องงานแต่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อยากจะขอพบท่านเป็นการส่วนตัวครับ เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี อะไรนะครับ เย็นนี้ที่บ้านท่าน ขอบคุณคุณหญิงมากครับ”


                  หวังแค่ว่าอำนาจที่สูงที่สุดของสายการบังคับบัญชาจะเปิดทางได้ ปวิธต้องการแค่ทางสว่างเพื่อเจรจากับอาคมขอให้เขาได้สนฉัตรกลับคืนมาเท่านั้น





มีต่ออีกนิด....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2018 00:43:56 โดย Belove »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด