วิมานไม้สน
บทที่ 5
ไม่รู้ว่าสนฉัตรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าตนเองนั้นมีแรงดึงดูดทางเพศรุนแรงมาก แต่จิรัชรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากับสนฉัตรแล้ว รูปร่างเพรียวเอวคอดกิ่วผิวพรรณขาวเนียนละเอียดสะดุดสายตาของจิรัชจนอดไม่ได้ที่จะพาตัวเองเข้ามาพูดคุยทักทาย ไหนจะดวงตาเรียวหวานที่มีแพขนตาหนาเป็นเครื่องประดับนั่นอีกเล่า ยามที่ได้สนทนาออกรสชาติมันช่างมีประกายยั่วยวนโดยที่เจ้าของไม่ต้องทำอะไรเลย
จิรัชไม่แปลกใจว่าทำไมทรงเดชถึงเก็บสนฉัตรมาเลี้ยงและครอบครองร่างกายนี้ตั้งแต่เพิ่งจะพ้นวัยหนุ่ม แถมยังปกครองราวกับอีกฝ่ายเป็นนกน้อยในกรงทอง คงเป็นเพราะความหวงแหนในสมบัติล้ำค่านี้ จิรัชรู้ว่าสนฉัตรมีเจ้าของแต่เพราะเสน่ห์ของสนฉัตรทำให้เขาอดใจไว้ไม่อยู่จริง ๆ
กลิ่นกายของสนฉัตรกรุ่นอยู่ตรงจมูกขณะที่เขาบดขยี้ริมฝีปากลงไปกับกลีบปากนุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าของ ลิ้นเล็กหวานฉ่ำยามจิรัชตักตวงจนน้ำลายชื้นเปียกปอน ดูเหมือนสนฉัตรจะไม่ประสาสักนิดกับจูบหนักหน่วงเช่นนี้ จิรัชนึกเสียดายของแทนทรงเดชว่าชายชราช่างใช้สมบัติได้ไม่คุ้มค่าเสียเลย
มือร้อนของจิรัชควานสอดลึกเข้าไปในเสื้อยืดเนื้อบางเบาที่สนฉัตรสวมใส่ เขาสัมผัสเนื้อหนังนุ่มมือทั้งแผ่นอกและแผ่นหลังจนได้ยินเสียงครางลึกจากลำคอของสนฉัตร ตัวเขาเองก็กำลังตื่นไปกับความปรารถนาอันแรงกล้าที่ผุดขึ้นมาราวกับลาวาของภูเขาไฟอันร้อนระอุ และจิรัชก็รู้ว่าสนฉัตรกำลังเตลิดไม่ต่างจากเขา
“ถ้าสนไม่รีบห้าม พี่ก็จะไม่อดทนแล้วนะ”
จิรัชผละจากเรียวปากหวานเพื่อจะสบตากับสนฉัตร นัยน์ตาวาบหวามล่องลอยพร้อมกับเบียดกายเข้าหากลายเป็นคำตอบที่ไม่ต้องเอ่ยคำใดออกมา สองแขนของสนฉัตรไขว่คว้ารอบลำคอของจิรัชราวกับจะยึดเขาไว้เป็นที่พึ่ง และนั่นทำให้ความยับยั้งชั่งใจหมดสิ้นลง
จิรัชสบถบางอย่างที่สนฉัตรจับใจความไม่ได้ก่อนที่เขาจะดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกงเพื่อหยิบซองถุงยางอนามัยที่พกไว้ สนฉัตรรู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นแต่เขาก็หยุดมันไว้ไม่ได้จริง ๆ เด็กหนุ่มที่เป็นเพียงนกซึ่งไร้อิสรเสรีอยากรู้อยากเห็นโลกใบใหม่ดึงกางเกงตนเองจนถึงต้นขาในขณะที่จิรัชจัดการป้องกันเสร็จสรรพเขาก็จับสนฉัตรให้หันหลังเข้าหาผนังห้องน้ำ มือใหญ่ดึงใบหน้าของสนฉัตรให้เหลียวกลับมารับจูบของเขาพร้อมกับเปิดกรงขังปล่อยนกตัวน้อยให้บินออกสู่โลกกว้างในทันที
“อา...”
สนฉัตรสั่นระริกไปทั่วร่างราวกับมันจะฉีกขาด ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดซึ่งกันและกันเมื่อจิรัชปรนจูบให้เขา จังหวะเหล่านั้นเนิบนาบในช่วงแรกแต่กลับเร่งเร้าในนาทีถัดมา มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่สนฉัตรไม่เคยได้รับจากทรงเดชเลยแม้แต่สักครั้งเมื่อชายชราผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างไม่มีเรี่ยวแรงและพละกำลังจะทำให้สนฉัตรสุขสม ทั้งที่เป็นคนแรกที่สอนให้เขารู้จักเพศรส แต่จิรัชผู้ซึ่งรู้จักกันแค่สองวันกลับทำให้เขาตื่นเต้นและดื่มด่ำไปกับความหฤหรรษ์ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นี้เอง
จิรัชดึงไหล่บางให้หันกลับมาเผชิญหน้า เขายกท่อนขาข้างหนึ่งของสนฉัตรพลางออกแรงไปกับร่างโปร่งที่หันหลังพิงผนังเป็นหลักยึด เสียงลมหายใจกระเส่าที่ต่างพยายามเก็บกลั้นเพื่อป้องกันเสียงเล็ดลอดไปสู่ภายนอก มือเรียวของสนฉัตรจิกแน่นอยู่ตรงบ่าของเขาบอกให้รู้ว่าสวรรค์รออยู่ตรงหน้า
“เก่งมากครับสน อีกนิดเดียวนะครับ”
เขาปลอบประโลมพลางยกแขนเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของสนฉัตร ใบหน้าหวานแดงก่ำบิดเบี้ยวด้วยไฟสวาทที่ช่วยกันจุดจนโหมแรงเผาไหม้ แม้จะรู้ว่ามันร้อนก็พร้อมกระโจนเข้าหา และในที่สุดสนฉัตรก็ถึงกับก้มหน้าไปกับไหล่ของจิรัชและกัดลงไปด้วยฟันเพื่อห้ามเสียงที่จะเปล่งออกมาเพราะความสุขสม
“อื้อ..”
จิรัชเองก็เกร็งไปทั้งตัว เขาโอบรัดเอวของสนฉัตรเข้าหาจนไม่เหลือช่องว่างเมื่อเขาปลดปล่อยออกมาเต็มการป้องกัน ร่างทั้งสองนิ่งอยู่ในท่านั้นพักใหญ่ก่อนที่จิรัชจะถอนตนเองออกมาและดึงถุงยางอนามัยเปียกชื้นออกทิ้ง เขาสบตากับสนฉัตรและจูบหนักหน่วงอีกครั้ง
ดูเหมือนเขาจะหลงเสน่ห์ร่างกายนี้เสียแล้ว จิรัชบอกตนเองเช่นนั้น แม้จะเป็นเซ็กส์ที่เร่งรีบและเป็นความลับเขาก็ยังหลงใหลไปกับบทรักของสนฉัตร นึกเสียดายที่ต้องปล่อยร่างเพรียวนี้และช่วยจัดการดึงกางเกงกลับเข้าที่ให้ก่อนจะจัดการตนเอง จิรัชใช้ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากนั้นแทนคำพูดเขาจูงมือให้สนฉัตรออกจากห้องอาบน้ำมาหยุดยืนหน้ากระจกด้านนอก[/font]
สนฉัตรมองเห็นใบหน้าตนเองแล้วตกใจไม่น้อย มันแดงก่ำหยาดเยิ้มอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาแวววาวด้วยน้ำหล่อเลี้ยงกับความสัมพันธ์เกินเลยนี้ แถมเนื้อตัวยังสั่นไหวไม่เลิกจนจิรัชต้องประคองไว้
“ไหวไหมครับสน”
เด็กหนุ่มสบตาจิรัชในกระจก เขาตกเป็นทาสของจิรัชเข้าแล้วกับสิ่งที่จิรัชสอนให้รู้จัก
“สนไม่นึกว่าเราสองคนจะ เอ่อ...”
“พี่ก็ไม่นึกเลย”
จิรัชจูบที่ขมับของสนฉัตรพร้อมกับถอนหายใจ
“พี่คงหลงรักสนเข้าเสียแล้ว”
หัวใจดวงน้อยยิ่งอิ่มเอิบมากขึ้น คำรักที่ไม่เคยได้ยินทำให้สนฉัตรหลงวนอยู่ในความเสน่หา จนกระทั่งจิรัชเอ่ยคำที่กระชากให้เขากลับมาสู่โลกแห่งความจริงจนหัวใจเหี่ยวเฉา
“แต่ตอนนี้เราต้องกลับไปที่สนามก่อน เดี๋ยวจะมีคนสงสัยนะครับ พี่จะไปก่อน สนเดินไปซื้อเครื่องดื่มแล้วค่อยตามไปทีหลังนะ”
“พี่จิรัช แล้วเรื่องของเรา...”
สนฉัตรผวาเกาะแขนจิรัช เมื่อได้รู้จักโลกใบใหม่สนฉัตรก็อยากจะบินไปกับมันมากกว่าจะกลับไปอยู่ในกรงคับแคบ จิรัชกลายเป็นที่พึ่งของเขาที่จะพาไปสู่โลกกว้างและหลุดพ้นจากความน่ารังเกียจทั้งปวง
“ใจเย็นนะสน พี่รู้ว่าสนคิดอะไรอยู่ พี่ไม่ทิ้งสนแน่”
จิรัชปลอบประโลมก่อนที่เขาจะเดินนำออกไปจากห้องน้ำ ทิ้งให้สนฉัตรได้แต่สบตาตนเองในกระจก
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากเกินกว่าสนฉัตรจะคาดคิด แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ร่างกายที่ยังสั่นเทาเป็นหลักฐานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขากำลังสับสนว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้องหรือไม่ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีส่วนหนึ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องควรทำเพราะเขายังอยู่ในการปกครองของทรงเดช แต่กับอีกใจหนึ่งที่ถลำลึกไปแล้วกลับบอกว่านี่คือทางออกของชีวิต สนฉัตรจะไม่ต้องทนกับสายตาเหยียดหยามของใครต่อใครอีก ชีวิตนี้คือชีวิตของสนฉัตร[/font]
หน้าเรียวหวานเชิดสูงกับคำตอบที่ได้รับ สนฉัตรมองเห็นหนทางเส้นใหม่ที่เขาจะเลือกเดินไปแล้ว
ตลอดเวลาหลังจากที่นั่งรถไฟฟ้ากลับไปยังกลางสนามกอล์ฟสนฉัตรก็ได้แต่ลอบสบตากับจิรัชเป็นระยะ เขากลับถึงบ้านด้วยใจเบิกบานผิดกับทรงเดชที่การเจรจาทางการเมืองไม่เป็นผลจนหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้สน ขึ้นไปบนห้องเดี๋ยวนี้”
สีหน้าเกรี้ยวกราดของทรงเดชทำให้สนฉัตรไม่อยากเดินตาม แต่เพราะยังเกรงกับอำนาจของทรงเดชทำให้เขาจำต้องเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องนอนหรูหราที่สนฉัตรแสนเกลียด
“ทำให้กูหน่อย เร็วเข้า”
สนฉัตรอึกอัก เขาไม่อยากปรนนิบัติทรงเดชในเวลาเช่นนี้ เขาอยากจะเก็บความทรงจำระหว่างจิรัชกับเขาไว้และไม่อยากให้ทรงเดชมาประทับรอยซ้ำกับความสุขของเขา
“เร็วสิวะ ยืนโง่อยู่ได้”
“ท่านครับ วันนี้สนไม่ไหว ตากแดดทั้งวันสนเพลียจังเลย”
สนฉัตรฝืนยิ้มและส่งเสียงออดอ้อนอย่างที่เคยได้ผล แต่วันนี้ที่ทรงเดชมีแต่ความเครียดมันกลับใช้ไม่ได้ ชายชราอยากจะระบายมันออกมาและสิ่งที่ทำได้คือสมบัติที่เขาชุบเลี้ยงมากับมือ
“อย่ามาดัดจริตนะไอ้เด็กข้างถนน”
ฝ่ามืออวบอูมซัดเผียะเข้าที่แก้มของสนฉัตรจนขึ้นรอยแดง ทรงเดชกระชากเส้นผมของสนฉัตรและเหวี่ยงให้ร่างนั้นถลาร่วงไปบนเตียง สนฉัตรเจ็บทั้งตัวและหัวใจจนน้ำตาซึม
“ท่าน อย่า!”
พยายามส่งเสียงห้ามปรามแต่ไม่สำเร็จ ทรงเดชตามเข้ามาดึงทึ้งเสื้อผ้าของสนฉัตรก่อนจะกระแทกกายเข้าใส่เขาด้วยแรงอารมณ์ สนฉัตรได้แต่นอนนิ่งให้ทรงเดชกระทำตามอำเภอใจ มันไม่มีความสุขใดเลยเมื่อมีแต่ความรุนแรงของไขมันบนร่างที่โถมทับลงมา เด็กหนุ่มขยำผ้าปูที่นอนจนยับย่นกับความอดสูใจจนกระทั่งทรงเดชสาแก่ใจแล้วจึงได้หลับคาอยู่บนร่างของเขา
สนฉัตรผลักร่างของทรงเดชออกด้วยความรังเกียจ เขาคว้าผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างได้ก็เดินดุ่มลงมาชั้นล่างของตัวบ้าน เคาน์เตอร์บาร์ที่มีขวดเหล้าเรียงรายคือที่ประจำของสนฉัตรเพื่อจะระบายความอัดอั้น เขาสาดเหล้าลงคอพลางยกหลังมือเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมา
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาจากด้านหลัง สนฉัตรจำได้ว่าเป็นเสียงของปวิธคู่ปรับของตน แต่ในตอนนี้สนฉัตรไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้วนอกจากเหล้าในขวดที่ตั้งตรงหน้า
“โอ้โห วันนี้คุณนกหงส์หยกดูแลเจ้านายตั้งแต่หัววันเลยนะ”
ปวิธมองแผ่นหลังเนียนที่อวดอยู่ตรงหน้า วันนี้เขากลับบ้านเร็วเพราะไม่มีงานเล่นดนตรี และในเวลาหัวค่ำที่ราตรีเพิ่งเริ่มต้นเขากลับพบสนฉัตรแล้ว ทั้งที่ปกติสนฉัตรจะลงมาดึกกว่านี้ มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหุ้มกายท่อนล่างหมิ่นเหม่เท่านั้น
ยอมรับว่ารูปร่างของสนฉัตรสะโอดสะองจนไม่นึกว่าเป็นชายด้วยกัน ปวิธมองผิวขาวของแผ่นหลังที่ไร้สิวฝ้า เขารู้อยู่แล้วเพราะเห็นสนฉัตรมาตั้งแต่เด็ก รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสนฉัตร
“ทำตัวแบบนี้สินะ คุณลุงถึงได้หลงมึงหัวปักหัวปำนัก ช่างยั่วเหลือเกินนะ”
เสียงแก้วแตกดังเพล้งเมื่อสนฉัตรปามันลงกับพื้นเพื่อระบายอารมณ์
“อย่ามายุ่งกับกูไอ้เหี้ยเปลว”
ปวิธกำลังจะตอบโต้แต่เขากลับชะงักเมื่อสนฉัตรหันมาหาเขา ปวิธขมวดคิ้วเมื่อเห็นสภาพของสนฉัตรชัดๆ ผิวกายด้านหน้าที่ขาวเนียนเต็มไปด้วยร่องรอยเป็นจ้ำ มุมปากข้างหนึ่งบวมเจ่อกลายเป็นสีเขียว ปวิธถึงกับถอนหายใจออกมา
“คุณลุงทำมึงเหรอ”
สนฉัตรถ่มน้ำลายปนเศษเลือดลงพื้น ดวงตางามเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ใช่สิ ลุงที่มีบุญคุณท่วมหัวมึงยังไงล่ะไอ้เปลว บุญคุณที่มีไว้กดหัวมึงให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าตลอดชีวิต”
“ไอ้สน”
เป็นครั้งแรกที่ปวิธเรียกชื่อนี้ด้วยน้ำเสียงเห็นใจ แต่ดูเหมือนสนฉัตรจะไม่รับรู้
“คุณลุงอาจจะเครียดเรื่องงาน มึงก็รู้ว่าเขากำลังจะเล่นงานคนของรัฐบาลที่แล้ว”
“มึงเห็นร่างกายกูเป็นแค่เครื่องมือระบายความเครียดของลุงมึงเหรอ”
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาเปื้อนแก้มจนสนฉัตรต้องรีบเช็ดมันออก
“กูเป็นคน กูมีหัวใจ กูไม่ใช่สิ่งของให้ใครมากระทืบเล่นนะไอ้เปลว”
สนฉัตรหันหลังกลับพร้อมกับกระแทกเท้าหนีการสนทนา ปวิธมองตามแผ่นหลังนั้นไปพร้อมกับความแปลกใจที่เขานึกสงสารร่างกายบอบบาง ชายหนุ่มได้แต่สะบัดหน้าขับไล่ความรู้สึกของตนเองและเตือนว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างทรงเดชกับสนฉัตรทั้งที่ทำได้ยากเหลือเกิน
มีต่ออีกนิด...