<< วิมานไม้สน >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << วิมานไม้สน >>  (อ่าน 40143 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :ling3: ชีวิตรันทดเริ่มแล้วสินะ :katai1:

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นเด็กที่น่าสงสารได้ขนาดนี้ได้ยังไงกัน

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 5 [26/03/61]
«ตอบ #32 เมื่อ26-03-2018 14:11:17 »




                                                        วิมานไม้สน

                                                           บทที่ 5



               ไม่รู้ว่าสนฉัตรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าตนเองนั้นมีแรงดึงดูดทางเพศรุนแรงมาก แต่จิรัชรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากับสนฉัตรแล้ว รูปร่างเพรียวเอวคอดกิ่วผิวพรรณขาวเนียนละเอียดสะดุดสายตาของจิรัชจนอดไม่ได้ที่จะพาตัวเองเข้ามาพูดคุยทักทาย ไหนจะดวงตาเรียวหวานที่มีแพขนตาหนาเป็นเครื่องประดับนั่นอีกเล่า ยามที่ได้สนทนาออกรสชาติมันช่างมีประกายยั่วยวนโดยที่เจ้าของไม่ต้องทำอะไรเลย

              จิรัชไม่แปลกใจว่าทำไมทรงเดชถึงเก็บสนฉัตรมาเลี้ยงและครอบครองร่างกายนี้ตั้งแต่เพิ่งจะพ้นวัยหนุ่ม แถมยังปกครองราวกับอีกฝ่ายเป็นนกน้อยในกรงทอง คงเป็นเพราะความหวงแหนในสมบัติล้ำค่านี้ จิรัชรู้ว่าสนฉัตรมีเจ้าของแต่เพราะเสน่ห์ของสนฉัตรทำให้เขาอดใจไว้ไม่อยู่จริง ๆ

               กลิ่นกายของสนฉัตรกรุ่นอยู่ตรงจมูกขณะที่เขาบดขยี้ริมฝีปากลงไปกับกลีบปากนุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าของ ลิ้นเล็กหวานฉ่ำยามจิรัชตักตวงจนน้ำลายชื้นเปียกปอน ดูเหมือนสนฉัตรจะไม่ประสาสักนิดกับจูบหนักหน่วงเช่นนี้ จิรัชนึกเสียดายของแทนทรงเดชว่าชายชราช่างใช้สมบัติได้ไม่คุ้มค่าเสียเลย

              มือร้อนของจิรัชควานสอดลึกเข้าไปในเสื้อยืดเนื้อบางเบาที่สนฉัตรสวมใส่ เขาสัมผัสเนื้อหนังนุ่มมือทั้งแผ่นอกและแผ่นหลังจนได้ยินเสียงครางลึกจากลำคอของสนฉัตร ตัวเขาเองก็กำลังตื่นไปกับความปรารถนาอันแรงกล้าที่ผุดขึ้นมาราวกับลาวาของภูเขาไฟอันร้อนระอุ และจิรัชก็รู้ว่าสนฉัตรกำลังเตลิดไม่ต่างจากเขา

         
                “ถ้าสนไม่รีบห้าม พี่ก็จะไม่อดทนแล้วนะ”


                จิรัชผละจากเรียวปากหวานเพื่อจะสบตากับสนฉัตร นัยน์ตาวาบหวามล่องลอยพร้อมกับเบียดกายเข้าหากลายเป็นคำตอบที่ไม่ต้องเอ่ยคำใดออกมา สองแขนของสนฉัตรไขว่คว้ารอบลำคอของจิรัชราวกับจะยึดเขาไว้เป็นที่พึ่ง และนั่นทำให้ความยับยั้งชั่งใจหมดสิ้นลง

                 จิรัชสบถบางอย่างที่สนฉัตรจับใจความไม่ได้ก่อนที่เขาจะดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกงเพื่อหยิบซองถุงยางอนามัยที่พกไว้ สนฉัตรรู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นแต่เขาก็หยุดมันไว้ไม่ได้จริง ๆ เด็กหนุ่มที่เป็นเพียงนกซึ่งไร้อิสรเสรีอยากรู้อยากเห็นโลกใบใหม่ดึงกางเกงตนเองจนถึงต้นขาในขณะที่จิรัชจัดการป้องกันเสร็จสรรพเขาก็จับสนฉัตรให้หันหลังเข้าหาผนังห้องน้ำ มือใหญ่ดึงใบหน้าของสนฉัตรให้เหลียวกลับมารับจูบของเขาพร้อมกับเปิดกรงขังปล่อยนกตัวน้อยให้บินออกสู่โลกกว้างในทันที


                  “อา...”


                  สนฉัตรสั่นระริกไปทั่วร่างราวกับมันจะฉีกขาด ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดซึ่งกันและกันเมื่อจิรัชปรนจูบให้เขา จังหวะเหล่านั้นเนิบนาบในช่วงแรกแต่กลับเร่งเร้าในนาทีถัดมา มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่สนฉัตรไม่เคยได้รับจากทรงเดชเลยแม้แต่สักครั้งเมื่อชายชราผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างไม่มีเรี่ยวแรงและพละกำลังจะทำให้สนฉัตรสุขสม ทั้งที่เป็นคนแรกที่สอนให้เขารู้จักเพศรส แต่จิรัชผู้ซึ่งรู้จักกันแค่สองวันกลับทำให้เขาตื่นเต้นและดื่มด่ำไปกับความหฤหรรษ์ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นี้เอง


                จิรัชดึงไหล่บางให้หันกลับมาเผชิญหน้า เขายกท่อนขาข้างหนึ่งของสนฉัตรพลางออกแรงไปกับร่างโปร่งที่หันหลังพิงผนังเป็นหลักยึด เสียงลมหายใจกระเส่าที่ต่างพยายามเก็บกลั้นเพื่อป้องกันเสียงเล็ดลอดไปสู่ภายนอก มือเรียวของสนฉัตรจิกแน่นอยู่ตรงบ่าของเขาบอกให้รู้ว่าสวรรค์รออยู่ตรงหน้า


                 “เก่งมากครับสน อีกนิดเดียวนะครับ”


                 เขาปลอบประโลมพลางยกแขนเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของสนฉัตร ใบหน้าหวานแดงก่ำบิดเบี้ยวด้วยไฟสวาทที่ช่วยกันจุดจนโหมแรงเผาไหม้ แม้จะรู้ว่ามันร้อนก็พร้อมกระโจนเข้าหา และในที่สุดสนฉัตรก็ถึงกับก้มหน้าไปกับไหล่ของจิรัชและกัดลงไปด้วยฟันเพื่อห้ามเสียงที่จะเปล่งออกมาเพราะความสุขสม


                “อื้อ..”


                จิรัชเองก็เกร็งไปทั้งตัว เขาโอบรัดเอวของสนฉัตรเข้าหาจนไม่เหลือช่องว่างเมื่อเขาปลดปล่อยออกมาเต็มการป้องกัน ร่างทั้งสองนิ่งอยู่ในท่านั้นพักใหญ่ก่อนที่จิรัชจะถอนตนเองออกมาและดึงถุงยางอนามัยเปียกชื้นออกทิ้ง เขาสบตากับสนฉัตรและจูบหนักหน่วงอีกครั้ง

                ดูเหมือนเขาจะหลงเสน่ห์ร่างกายนี้เสียแล้ว จิรัชบอกตนเองเช่นนั้น แม้จะเป็นเซ็กส์ที่เร่งรีบและเป็นความลับเขาก็ยังหลงใหลไปกับบทรักของสนฉัตร นึกเสียดายที่ต้องปล่อยร่างเพรียวนี้และช่วยจัดการดึงกางเกงกลับเข้าที่ให้ก่อนจะจัดการตนเอง จิรัชใช้ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากนั้นแทนคำพูดเขาจูงมือให้สนฉัตรออกจากห้องอาบน้ำมาหยุดยืนหน้ากระจกด้านนอก[/font]

               สนฉัตรมองเห็นใบหน้าตนเองแล้วตกใจไม่น้อย มันแดงก่ำหยาดเยิ้มอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาแวววาวด้วยน้ำหล่อเลี้ยงกับความสัมพันธ์เกินเลยนี้ แถมเนื้อตัวยังสั่นไหวไม่เลิกจนจิรัชต้องประคองไว้


               “ไหวไหมครับสน”


              เด็กหนุ่มสบตาจิรัชในกระจก เขาตกเป็นทาสของจิรัชเข้าแล้วกับสิ่งที่จิรัชสอนให้รู้จัก


             “สนไม่นึกว่าเราสองคนจะ เอ่อ...”


             “พี่ก็ไม่นึกเลย”


               จิรัชจูบที่ขมับของสนฉัตรพร้อมกับถอนหายใจ


              “พี่คงหลงรักสนเข้าเสียแล้ว”


               หัวใจดวงน้อยยิ่งอิ่มเอิบมากขึ้น คำรักที่ไม่เคยได้ยินทำให้สนฉัตรหลงวนอยู่ในความเสน่หา จนกระทั่งจิรัชเอ่ยคำที่กระชากให้เขากลับมาสู่โลกแห่งความจริงจนหัวใจเหี่ยวเฉา


                “แต่ตอนนี้เราต้องกลับไปที่สนามก่อน เดี๋ยวจะมีคนสงสัยนะครับ พี่จะไปก่อน สนเดินไปซื้อเครื่องดื่มแล้วค่อยตามไปทีหลังนะ”


               “พี่จิรัช แล้วเรื่องของเรา...”


                 สนฉัตรผวาเกาะแขนจิรัช เมื่อได้รู้จักโลกใบใหม่สนฉัตรก็อยากจะบินไปกับมันมากกว่าจะกลับไปอยู่ในกรงคับแคบ จิรัชกลายเป็นที่พึ่งของเขาที่จะพาไปสู่โลกกว้างและหลุดพ้นจากความน่ารังเกียจทั้งปวง


               “ใจเย็นนะสน พี่รู้ว่าสนคิดอะไรอยู่ พี่ไม่ทิ้งสนแน่”


               จิรัชปลอบประโลมก่อนที่เขาจะเดินนำออกไปจากห้องน้ำ ทิ้งให้สนฉัตรได้แต่สบตาตนเองในกระจก

               ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากเกินกว่าสนฉัตรจะคาดคิด แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ร่างกายที่ยังสั่นเทาเป็นหลักฐานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขากำลังสับสนว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้องหรือไม่ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีส่วนหนึ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องควรทำเพราะเขายังอยู่ในการปกครองของทรงเดช แต่กับอีกใจหนึ่งที่ถลำลึกไปแล้วกลับบอกว่านี่คือทางออกของชีวิต สนฉัตรจะไม่ต้องทนกับสายตาเหยียดหยามของใครต่อใครอีก ชีวิตนี้คือชีวิตของสนฉัตร[/font]

                หน้าเรียวหวานเชิดสูงกับคำตอบที่ได้รับ สนฉัตรมองเห็นหนทางเส้นใหม่ที่เขาจะเลือกเดินไปแล้ว






                 ตลอดเวลาหลังจากที่นั่งรถไฟฟ้ากลับไปยังกลางสนามกอล์ฟสนฉัตรก็ได้แต่ลอบสบตากับจิรัชเป็นระยะ เขากลับถึงบ้านด้วยใจเบิกบานผิดกับทรงเดชที่การเจรจาทางการเมืองไม่เป็นผลจนหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด


                 “ไอ้สน ขึ้นไปบนห้องเดี๋ยวนี้”


                 สีหน้าเกรี้ยวกราดของทรงเดชทำให้สนฉัตรไม่อยากเดินตาม แต่เพราะยังเกรงกับอำนาจของทรงเดชทำให้เขาจำต้องเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องนอนหรูหราที่สนฉัตรแสนเกลียด


                “ทำให้กูหน่อย เร็วเข้า”


                สนฉัตรอึกอัก เขาไม่อยากปรนนิบัติทรงเดชในเวลาเช่นนี้ เขาอยากจะเก็บความทรงจำระหว่างจิรัชกับเขาไว้และไม่อยากให้ทรงเดชมาประทับรอยซ้ำกับความสุขของเขา


              “เร็วสิวะ ยืนโง่อยู่ได้”


              “ท่านครับ วันนี้สนไม่ไหว ตากแดดทั้งวันสนเพลียจังเลย”


              สนฉัตรฝืนยิ้มและส่งเสียงออดอ้อนอย่างที่เคยได้ผล แต่วันนี้ที่ทรงเดชมีแต่ความเครียดมันกลับใช้ไม่ได้ ชายชราอยากจะระบายมันออกมาและสิ่งที่ทำได้คือสมบัติที่เขาชุบเลี้ยงมากับมือ


              “อย่ามาดัดจริตนะไอ้เด็กข้างถนน”


               ฝ่ามืออวบอูมซัดเผียะเข้าที่แก้มของสนฉัตรจนขึ้นรอยแดง ทรงเดชกระชากเส้นผมของสนฉัตรและเหวี่ยงให้ร่างนั้นถลาร่วงไปบนเตียง สนฉัตรเจ็บทั้งตัวและหัวใจจนน้ำตาซึม


               “ท่าน อย่า!”


               พยายามส่งเสียงห้ามปรามแต่ไม่สำเร็จ ทรงเดชตามเข้ามาดึงทึ้งเสื้อผ้าของสนฉัตรก่อนจะกระแทกกายเข้าใส่เขาด้วยแรงอารมณ์ สนฉัตรได้แต่นอนนิ่งให้ทรงเดชกระทำตามอำเภอใจ มันไม่มีความสุขใดเลยเมื่อมีแต่ความรุนแรงของไขมันบนร่างที่โถมทับลงมา เด็กหนุ่มขยำผ้าปูที่นอนจนยับย่นกับความอดสูใจจนกระทั่งทรงเดชสาแก่ใจแล้วจึงได้หลับคาอยู่บนร่างของเขา

              สนฉัตรผลักร่างของทรงเดชออกด้วยความรังเกียจ เขาคว้าผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างได้ก็เดินดุ่มลงมาชั้นล่างของตัวบ้าน เคาน์เตอร์บาร์ที่มีขวดเหล้าเรียงรายคือที่ประจำของสนฉัตรเพื่อจะระบายความอัดอั้น เขาสาดเหล้าลงคอพลางยกหลังมือเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมา

               เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาจากด้านหลัง สนฉัตรจำได้ว่าเป็นเสียงของปวิธคู่ปรับของตน แต่ในตอนนี้สนฉัตรไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้วนอกจากเหล้าในขวดที่ตั้งตรงหน้า

 
                “โอ้โห วันนี้คุณนกหงส์หยกดูแลเจ้านายตั้งแต่หัววันเลยนะ”


               ปวิธมองแผ่นหลังเนียนที่อวดอยู่ตรงหน้า วันนี้เขากลับบ้านเร็วเพราะไม่มีงานเล่นดนตรี และในเวลาหัวค่ำที่ราตรีเพิ่งเริ่มต้นเขากลับพบสนฉัตรแล้ว ทั้งที่ปกติสนฉัตรจะลงมาดึกกว่านี้ มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหุ้มกายท่อนล่างหมิ่นเหม่เท่านั้น

               ยอมรับว่ารูปร่างของสนฉัตรสะโอดสะองจนไม่นึกว่าเป็นชายด้วยกัน ปวิธมองผิวขาวของแผ่นหลังที่ไร้สิวฝ้า เขารู้อยู่แล้วเพราะเห็นสนฉัตรมาตั้งแต่เด็ก รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสนฉัตร


               “ทำตัวแบบนี้สินะ คุณลุงถึงได้หลงมึงหัวปักหัวปำนัก ช่างยั่วเหลือเกินนะ”


               เสียงแก้วแตกดังเพล้งเมื่อสนฉัตรปามันลงกับพื้นเพื่อระบายอารมณ์


              “อย่ามายุ่งกับกูไอ้เหี้ยเปลว”


                ปวิธกำลังจะตอบโต้แต่เขากลับชะงักเมื่อสนฉัตรหันมาหาเขา ปวิธขมวดคิ้วเมื่อเห็นสภาพของสนฉัตรชัดๆ ผิวกายด้านหน้าที่ขาวเนียนเต็มไปด้วยร่องรอยเป็นจ้ำ มุมปากข้างหนึ่งบวมเจ่อกลายเป็นสีเขียว ปวิธถึงกับถอนหายใจออกมา


               “คุณลุงทำมึงเหรอ”


               สนฉัตรถ่มน้ำลายปนเศษเลือดลงพื้น ดวงตางามเต็มไปด้วยความเกลียดชัง


               “ใช่สิ ลุงที่มีบุญคุณท่วมหัวมึงยังไงล่ะไอ้เปลว บุญคุณที่มีไว้กดหัวมึงให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าตลอดชีวิต”


               “ไอ้สน”


               เป็นครั้งแรกที่ปวิธเรียกชื่อนี้ด้วยน้ำเสียงเห็นใจ แต่ดูเหมือนสนฉัตรจะไม่รับรู้


                “คุณลุงอาจจะเครียดเรื่องงาน มึงก็รู้ว่าเขากำลังจะเล่นงานคนของรัฐบาลที่แล้ว”


               “มึงเห็นร่างกายกูเป็นแค่เครื่องมือระบายความเครียดของลุงมึงเหรอ”


               น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมาเปื้อนแก้มจนสนฉัตรต้องรีบเช็ดมันออก


                “กูเป็นคน กูมีหัวใจ กูไม่ใช่สิ่งของให้ใครมากระทืบเล่นนะไอ้เปลว”


               สนฉัตรหันหลังกลับพร้อมกับกระแทกเท้าหนีการสนทนา ปวิธมองตามแผ่นหลังนั้นไปพร้อมกับความแปลกใจที่เขานึกสงสารร่างกายบอบบาง ชายหนุ่มได้แต่สะบัดหน้าขับไล่ความรู้สึกของตนเองและเตือนว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างทรงเดชกับสนฉัตรทั้งที่ทำได้ยากเหลือเกิน





มีต่ออีกนิด...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:17:01 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 5 [26/03/61]
«ตอบ #33 เมื่อ26-03-2018 14:19:43 »



ต่อกันตรงนี้....




               สนฉัตรตื่นสายในวันรุ่งขึ้น ร่างกายบอบช้ำมีไข้ตลอดทั้งคืนจนต้องซมซานหายาลดไข้กินยามดึก ริมฝีปากบวมเจ่อนั้นทุเลาลงแล้วแต่ยังมีร่องรอยฟกช้ำทิ้งไว้ให้เห็นเมื่อเขาเดินมาหาอาหารปะทังความหิวในห้องอาหาร

             เมื่อท้องพอมีอาหารตกถึงสนฉัตรจึงได้มีแรงมองความเป็นไปภายในบ้าน ห้องโถงด้านหน้าผู้คนมากมายเช่นเคยและดูเหมือนจะมากเป็นพิเศษ ไม่มีใครสนใจไม้ประดับอย่างเขายกเว้นคนหนึ่งที่เดินปลีกตัวมาหา แม้จะไม่ได้ยืนใกล้ชิดแต่สนฉัตรก็ยังดีใจที่ได้เห็นหน้า


               “พี่จิรัช”


               “เกิดอะไรขึ้น ทำไมหน้าของสนเป็นแบบนี้ ใครทำร้ายสน หรือว่า...”


                สนฉัตรกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เขาอยากจะบอกจิรัชว่าไมใช่แค่ใบหน้า หากเขาถอดเสื้อได้จิรัชก็จะเห็นร่องรอยบนเนื้อตัวของเขา


               “ท่านรัฐมนตรีทรงเดชใช่ไหมสน”


               หน้าเรียวก้มต่ำ สนฉัตรเกลียดความจริงที่เกิดขึ้น


               “เขาข่มขืนสนเพราะสนไม่ยอมปรนนิบัติเขา พี่จิรัช สนทนไม่ไหวแล้ว เขาทำเหมือนสนไม่ใช่คน”


               จิรัชมองซ้ายมองขวา เขาดึงแขนสนฉัตรให้เดินไปยังมุมที่มีเหลี่ยมบังสายตาคนอื่นและดึงสนฉัตรเข้ามากอด


               “พี่เข้าใจและสงสารสนมาก ทนอีกนิดได้ไหม อีกนิดเดียว วันนี้ช่วงบ่ายจะมีแถลงข่าวเรื่องผลการตัดสินเรื่องท่านทรงเดช พี่เดาว่าท่านอาจจะถูกฟ้องและอายัดทรัพย์”


               “พี่จะให้สนทำยังไง”


              สนฉัตรกระซิบถาม เขาอยากอยู่ภายใต้อ้อมกอดนี้ตลอดไป


              “หนีไปกับพี่”


              เสียงกระซิบตอบของจิรัชทำให้สนฉัตรตกใจไม่น้อย เขาผละออกจากอ้อมกอดและมองจิรัชด้วยความตื่นเต้น


              “หนีงั้นเหรอ แต่พี่จิรัชทำงานให้เขานะ”


              “พี่จะถอนตัว พี่คงทำงานกับคนที่ทำผิดทั้งที่รู้อย่างนี้ไม่ได้”


                สนฉัตรตื้นตัน เขามองว่านี่คือความเสียสละของจิรัช โลกใบใหม่รอเขาอยู่ สนฉัตรจะมีอนาคตโดยไม่ต้องจมปลักอยู่กับความอัปยศอีกแล้ว


                 “แล้วสนจะหนีไปกับพี่ได้ยังไง”


                “ฟังนะสน ถ้าข่าวการตัดสินออกแล้วบ้านหลังนี้จะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย นักข่าวจะมารุมเต็มหน้าประตูรั้วแน่ๆ และไม่ว่าผลจะออกมายังไงท่านทรงเดชก็ต้องให้สัมภาษณ์นักข่าว สนใช้จังหวะนั้นแอบหนีออกไปแล้วไปรอพี่ที่ถนนใหญ่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพี่จะขับรถไปรับ”


               “สนไม่ได้เตรียมตัว เสื้อผ้าของใช้ล่ะ”


               สนฉัตรตกใจกับความฉุกละหุก แต่จิรัชก็รีบปลอบ


             “ไม่ต้อง เอาตัวเองออกไปให้ได้ก็พอแล้ว ทุกอย่างค่อยไปหาซื้อใหม่ พี่เลี้ยงเมียของพี่ได้”


              สนฉัตรแทบจะโผเข้ากอดจิรัชด้วยความยินดีหากไม่มีเสียงกุกกักดังขึ้นจากทางด้านหลังของห้องอาหารเสียก่อน

              ปวิธนั่นเองที่เดินเข้ามาหาของกินยามเที่ยง เขามองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสนฉัตรยืนคุยกับชายแปลกหน้า


              “มองอะไรไอ้เปลว”


              พยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุดเมื่อปวิธเดินตรงเข้ามา เมื่อเห็นสายตาของปวิธที่มองจิรัชสนฉัตรก็รีบเอ่ยแนะนำ


              “พี่เขาชื่อจิรัช เป็นทนายความคนใหม่ของพรรค ส่วนนี่ชื่อเปลวครับ หลานชายห่าง ๆ ของท่าน”


               ปวิธยิ้มตามมารยาท น่าแปลกที่เขาไม่ถูกชะตากับจิรัชเอาเสียเลย


              “ทนายคนใหม่ของพรรคนี่เอง มิน่าล่ะครับผมถึงไม่เคยเห็น”


               แม้ว่าปวิธจะไม่ค่อยแสดงตัวว่าเป็นหลานของทรงเดช แต่เขาก็รู้จักคนในพรรคการเมืองและคนอื่นที่เกี่ยวข้อง แม้แต่ทีมรักษาความปลอดภัยของทรงเดชปวิธก็เคยโอภาปราศรัยด้วยทุกคน


                 “ครับ ผมเพิ่งจะเข้ามาในทีม ยินดีที่รู้จักนะครับคุณเปลว และคงต้องขอตัวก่อน วันหน้าค่อยคุยกันใหม่นะครับ ผมไปนะครับสน”


                หันมายิ้มให้สนฉัตรก่อนจะเดินจากไป ปวิธจึงหันมาหาสนฉัตรและตั้งคำถามขึ้น


              “เขามาคุยกับมึงเรื่องอะไร”


              สนฉัตรแอบสะดุ้งในใจ เขาแสร้งทำสีหน้ารำคาญกลบเกลื่อนพิรุธ


               “เขามาถามหาห้องน้ำน่ะ เสร็จธุระแล้วก็แวะมาขอบใจกูเท่านั้นแหละ”


              ปวิธไม่ได้พูดถึงจิรัชอีก เขามองใบหน้าของสนฉัตรที่มีรอยฟกช้ำให้เห็น


              “มึงเป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”


              ไม่อยากจะคิดว่าน้ำเสียงที่ปวิธพูดมีกระแสความห่วงใยปะปนมาอยู่ สนฉัตรแค่นยิ้มและย้อนกลับมา


              “ก็อย่างที่เห็น กูยังไม่ตาย”


             “ไปหาหมอไหม เดี๋ยวกูพาไป”


               “ไม่ต้อง” สนฉัตรปฏิเสธ “มึงไม่ต้องมาสนใจกูหรอกไอ้เปลว กูยังไม่ตายง่าย ๆ ชีวิตกูยังมีอีกยาวไกล”


               ร่างโปร่งนั้นเดินหนีไปแล้ว  ทิ้งให้ปวิธมองตามด้วยความสับสนกับความรู้สึกของเขา





                                                          TBC


                                            สนฉัตรตัดสินใจดีแล้วแน่เหรอ

                                           
                                                o6 o6 o6 o6 o6 o6






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:24:16 โดย Belove »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 5 [26/03/61]
«ตอบ #34 เมื่อ26-03-2018 15:51:45 »

ปวดตับบอกเลอ :katai1:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 5 [26/03/61]
«ตอบ #35 เมื่อ26-03-2018 17:32:43 »

จิรัชไม่น่าไว้ไจ  :mew2:

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 5 [26/03/61]
«ตอบ #36 เมื่อ30-03-2018 15:17:15 »

รออยู่นะค้าาาา :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 6
«ตอบ #37 เมื่อ31-03-2018 23:51:48 »




                                                         วิมานไม้สน

                                                            บทที่ 6



                ความวุ่นวายเกิดขึ้นจริง ๆ ในช่วงบ่ายของวันเมื่อมีคำสั่งจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการประพฤติมิชอบให้อายัดทรัพย์ของคณะรัฐมนตรีจากรัฐบาลเก่าหลายคน หนึ่งในนั้นคืออดีตรัฐมนตรีทรงเดช สีหน้าของผู้เคยมีอำนาจแต่ถูกช่วงชิงไปเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด สมาชิกในพรรคการเมืองและทีมกฎหมายที่อยู่ภายในบ้านต่างพูดคุยกันอื้ออึง รวมทั้งกองทัพนักข่าวที่เกาะรั้วรอตั้งแต่ช่วงเช้าต่างก็ส่งเสียงขอสัมภาษณ์ จนในที่สุดทรงเดชก็เปิดบ้านให้นักข่าวเข้ามาเพื่อแถลงข่าว
หัวใจของสนฉัตรเต้นตึกตักเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ เขาเดินเลาะจากบันไดออกไปด้านนอกผ่านทางด้านหลังของตัวบ้านเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ บรรยากาศวุ่นวายจากเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองทำให้ทุกคนรวมถึงบอดี้การ์ดของทรงเดชไปรวมกันอยู่ภายในห้องโถง สนฉัตรเดินขาสั่นผ่านรถยนต์หลายคันที่จอดเรียงรายกันอยู่โดยไม่มีใครห้ามปราม เขามองประตูรั้วที่กักขังเขามาตลอดหลายปีพร้อมกับความหวัง อีกไม่กี่ก้าวสนฉัตรจะมีชีวิตใหม่กับคนที่เขาปรารถนา


                “ไอ้สน จะไปไหน”


                สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงปวิธ สนฉัตรพยายามระงับความตื่นเต้นแล้วแสร้งแสดงสีหน้าบึ้งตึงเหมือนทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับปวิธ


                 “อ้าว มึงไม่ได้ไปเรียนเหรอเปลว”


                 “เวลาคับขันของคุณลุงกูจะไปเรียนได้ไง มึงนั่นแหละจะไปไหน”


                 “กูอยู่แล้วจะช่วยอะไรท่านได้” สนฉัตรตวัดเสียงใส่


                 “กูมันแค่เด็กที่ท่านเลี้ยงไว้ ไม่เหมือนหลานสุดที่รักอย่างมึงนี่”


               “แต่คุณลุงก็รักมึง ยังไงท่านก็เลี้ยงมึงมาเป็นอย่างดีนะ”


               ปวิธขมวดคิ้ว วันนี้เขายอมขาดเรียนเพราะรู้ว่าเป็นวันชี้ชะตาของทรงเดช และเมื่อรู้ข่าวว่าลุงของเขาถูกตั้งข้อหาแน่นอนแล้วเขาก็ยิ่งกังวลแทน และเมื่อเห็นสนฉัตรกำลังจะเดินออกไปนอกรั้วเขาจึงเอ่ยถาม เพราะโดยปกติเขาไม่เคยเห็นสนฉัตรมีท่าทีผิดสังเกตเช่นนี้


                “กูจะไปร้านขายยาหน้าปากซอย”


                สนฉัตรตอบคำถามอย่างขอไปที


               “จะไปซื้อยาแก้ปวดหน่อย ที่เคยซื้อไว้มันหมดแล้ว”


              ปวิธนึกขึ้นได้ว่าเนื้อตัวของสนฉัตรฟกช้ำเพราะลุงของเขา เสียงของปวิธจึงอ่อนลงบ้าง


              “ไปไหวหรือเปล่า ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม”


              “ไม่ต้อง กูไม่ได้ใจเสาะอ่อนปวกเปียกขนาดนั้น มึงจะไปเป็นกำลังใจให้ท่านก็ไปสิ ป่านนี้นักข่าวรุมสัมภาษณ์กันยกใหญ่ล่ะมั้ง”


               พยายามเบี่ยงเบนความสนใจให้ออกห่างจากตัว สนฉัตรหลบสายตาปวิธที่ยังคงจ้องมองเขา


             “ถ้างั้นก็รีบไปรีบกลับนะ”


               ปวิธหันหลังเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน สนฉัตรพ่นลมหายใจระบายความอึดอัดและตื่นเต้นออกมาเมื่อในที่สุดหนทางก็เปิดโล่ง เขารีบเดินตัวปลิวก้าวข้ามผ่านประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่ออกมา

               ราวกับนกที่โบยบินออกจากกรงขังแสนคับแคบ สนฉัตรเงยหน้ามองท้องฟ้ายามบ่ายจัดน้ำตาคลอ ต่อจากนี้เขาจะได้มีชีวิตใหม่และหลุดพ้นจากนรกที่อยู่ในใจแล้ว

                 สนฉัตรมองถนนที่ทอดยาวเบื้องหน้า รถราแล่นตามกันอยู่บนช่องทางจราจร ผู้คนต่างเดินขวักไขว่อยู่บนฟุตปาธโดยที่ไม่มีใครสนใจใยดีเขาเมื่อสนฉัตรก้าวเดินไปอีกครั้งพร้อมกับอนาคตที่เขาตัดสินใจเลือกเอง





               สนฉัตรเฝ้าอดทนรอด้วยความกระวนกระวายจากบ่ายคล้อยจนเย็นย่ำ เขานึกกลัวว่าจะมีคนของทรงเดชมาเห็นเขาเข้าเสียก่อน สนฉัตรได้แต่ซ่อนตัวเองด้วยการทำตัวปะปนไปกับผู้คนบนถนนมากมายจนกระทั่งฟ้ามืด เขาสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์รุ่นโบราณของเขามีเสียงดังขึ้น เบอร์หน้าจอแสดงว่าคนที่โทรเข้ามาคือจิรัช สนฉัตรรีบรับสายทันที


                “พี่จิรัช” เขาเรียกอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น


                “สนรออยู่นานแล้วครับ”


               “ใจเย็นนะสน ทางนี้เพิ่งจะเลิกวุ่นวาย พี่กำลังไปรับสนจำรถพี่ได้ใช่ไหม”


               สนฉัตรรีบก้าวไปยังริมถนนพลางมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ไม่นานนักเขาก็เห็นรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งชะลออยู่ริมถนน สนฉัตรยิ้มด้วยความดีใจเมื่อจำได้ว่านั่นคือรถของจิรัช เขารีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งและจิรัชก็รีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว


                 “พี่จิรัช สนดีใจจังเลย ในที่สุดพี่ก็ช่วยให้สนออกมาจากบ้านท่านได้”


                สนฉัตรอยากจะกอดจิรัชเหลือเกินถ้าไม่ติดว่าเขากำลังขับรถอยู่ จิรัชหันมายิ้มให้เขาพลางดึงมือนุ่มของสนฉัตรไปจูบที่หลังมือ


                “พี่บอกว่าจะช่วยพี่ก็ต้องทำให้ได้ สนเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพี่นะครับ”


              “พี่ไม่รังเกียจสนใช่ไหม ที่สนเคย เอ่อ...”


              จิรัชหันมายิ้มให้อีกครั้ง มันช่างแสนอบอุ่นในสายตาของสนฉัตร


              “อย่ารังเกียจตัวเองเลยสน สนทำเพื่อเอาตัวรอด ลืมเรื่องร้ายที่ผ่านมาเถอะ อ้อ สนถอดซิมการ์ดโทรศัพท์ทิ้งไปเลยนะ จะได้ไม่มีใครตามได้”


                สนฉัตรพยักหน้า เขารีบถอดซิมการ์ดแล้วหักมันทิ้ง เขาจะไม่ให้ใครตามตัวได้อีกแล้ว

                 จิรัชขับรถยนต์มาไกลจากบ้านของทรงเดช เขาจอดรถที่ตลาดนัดข้างทางและพาสนฉัตรไปซื้อเสื้อผ้าพร้อมกับแวะกินร้านอาหารตามสั่ง ในตอนนี้อาหารรสชาติแย่แค่ไหนก็อร่อยสำหรับสนฉัตร เมื่อท้องอิ่มแล้วจิรัชก็พาสนฉัตรมายังคอนโดมิเนียมขนาดกลางแห่งหนึ่งในซอยที่มีผู้คนพลุกพล่านและมีที่อยู่อาศัยเช่นนี้หนาตา


                 “พี่เช่าคอนโดอยู่ที่นี่ อาจจะเล็กเท่ารูหนูถ้าเทียบกับบ้านของท่านทรงเดช”


                 จิรัชกล่าวเช่นนั้นเมื่อเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไปในห้องพัก ขนาดของห้องยังเล็กกว่าห้องนอนที่ทรงเดชให้สนฉัตรอยู่ ยังดีที่กั้นห้องเป็นห้องนอนเล็ก ๆ เป็นสัดเป็นส่วน ด้านนอกเป็นห้องโถงอเนกประสงค์ มีโต๊ะทำงานของจิรัชและชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้สำหรับรับประทานอาหาร เฟอร์นิเจอร์ก็มีเท่าที่จำเป็น ตู้เสื้อผ้าเก่า ๆ เตาไมโครเวฟ กระติกน้ำร้อน มีประตูบานเลื่อนเปิดไปด้านนอกที่เป็นระเบียบแคบ ๆ สำหรับตากผ้า


                “อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ สนเลือกที่จะมาอยู่กับพี่ แค่นี้สนก็ถือว่าเป็นสวรรค์แล้ว”


                สนฉัตรยิ้มให้จิรัช ตอนนี้ทุกอย่างสวยงามแล้วในสายตา แค่เพียงมีจิรัชอยู่ด้วยสนฉัตรจะอดทนทุกอย่าง เขาสบตากับชายที่มอบชีวิตใหม่ให้เขา


                  “พี่สัญญาว่าจะทำให้สนมีความสุขที่สุดเท่าที่พี่จะทำได้ ให้สมกับที่สนเป็นเมียของพี่ ต่อจากนี้เราจะเป็นผัวเมียกันนะครับคนดี”


                   ดวงตาของจิรัชบอกถึงความต้องการในตัวสนฉัตร เขาดึงร่างเพรียวที่เขาหลงใหลเข้ามาหาตัวและจูบหนักหน่วง สนฉัตรเงยหน้ารับอย่างเต็มใจเพราะเขาเองก็โหยหาจิรัชไม่ต่างกัน ทั้งคู่ต่างช่วยกันถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างร้อนรนจนเนื้อตัวเปล่าเปลือย จิรัชช้อนแขนอุ้มสนฉัตรขึ้นและเดินเข้าไปในห้องเล็กที่เขาจัดไว้เป็นห้องนอน

                  มีเพียงเตียงขนาดห้าฟุตกับโทรทัศน์กับเครื่องเสียงขนาดเล็ก จิรัชเปิดเครื่องปรับอากาศขับไล่อากาศร้อน เสียงทำงานของมันดังหึ่ง ๆ ไม่เหมือนห้องของสนฉัตรที่บ้านของทรงเดชที่มันเงียบกริบ จิรัชวางสนฉัตรลงบนเตียง เขามองร่างกายเปลือยเปล่าของสนฉัตรตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

                 รูปร่างของสนฉัตรโปร่งสมส่วน ผิวกายขาวละเอียดมีร่องรอยถูกกระทำทิ้งไว้จาง ๆ จนจิรัชนึกเสียดาย ยอดอกสีชมพูเปล่งปลั่งเย้ายวนรับกับเอวคอด เขาไล่สายตามาถึงจุดกึ่งกลางที่มีแก่นกายพอเหมาะกับเจ้าตัว สีของมันอ่อนหวานเร้าอารมณ์ยิ่งนัก ต้นขาอ่อนหนั่นแน่นชวนสัมผัส และเมื่อไล่สายตากลับไปก็พบกับวงหน้าหวานฉ่ำที่มองเขาราวกับกำลังเชิญชวน

                จิรัชดอมดมกลิ่นกายจากผิวผ่อง เขาไม่รู้ว่าสนฉัตรใช้โลชั่นทาผิวยี่ห้ออะไรถึงได้มีกลิ่นกรุ่นเข้าเนื้อขนาดนี้ จิรัชกอดจูบลูบคลำให้สมกับที่เขาช่วงชิงของมีค่ามาได้จากคนใหญ่คนโต เสียงสะท้านซ่านดังแว่วมาจากปากแดงฉ่ำเมื่อเขาปรนเปรอสนฉัตรให้รู้จักเซ็กส์อันสมบูรณ์แบบ


                “อา พี่จิรัช”


                 สนฉัตรผวาเร่าร้อนไปกับการเล้าโลมนั้น เซ็กส์ที่ไม่ได้มีเพียงความเอาแต่ได้ในความรู้สึกของสนฉัตร จิรัชโลมเลียแม้กระทั่งจุดอ่อนไหวของเขาที่กลืนกินเข้าไปในปาก หรือแม้กระทั่งรอบช่องทางเบื้องล่างจิรัชก็ยังลงลิ้นไปกับรูจีบพับ สนฉัตรขึ้นสวรรค์ไปแล้วครั้งหนึ่งทั้งที่จิรัชยังไม่ได้สอดใส่เข้ามาเสียด้วยซ้ำ ร่างกายของสนฉัตรนวลเนียนไปทั้งตัวแม้แต่ตรงเนินนั้นก็ไม่มีสิ่งเกะกะเพราะเจ้าตัวดูแลตนเองเป็นอย่างดี


                “พี่จิรัชครับ เข้ามาเถอะ สนอยากให้พี่เข้ามาแล้ว”


                เขาเป็นฝ่ายร้องขอเสียงกระเส่า สนฉัตรชันขาขึ้นจนเท้าชิดสะโพกเปิดทางให้จิรัชได้ล่วงล้ำเข้ามา เสียงครางแผ่วเบาดังเป็นระยะกับความเป็นชายในวัยหนุ่มใหญ่ที่ยังแข็งแรงสอดลึกเข้าไปภายในจนคับแน่นอย่างที่สนฉัตรไม่เคยได้รับจากทรงเดชทำให้สนฉัตรหลงเข้าไปกับราคะอันร้อนแรง


                 “โอ สน แน่นมา ตอดพี่เสียอยู่หมัด”


                 จิรัชรู้สึกดีกว่าตอนมีเซ็กส์ครั้งแรกกับสนฉัตรที่สนามกอล์ฟเสียอีก ในวันนั้นมันรีบร้อนเกินไปจนไม่ได้รับรู้ถึงความหวามไหวเช่นในตอนนี้ เขายกกายขึ้นมองสนฉัตรที่กำลังหลับตาพริ้มใบหน้าบอกถึงความเสียวซ่านในอารมณ์ แรงขับทางเพศทำให้จิรัชเริ่มขยับเคลื่อนไหว สนฉัตรเองก็ไม่ได้อยู่เฉยเขาโยกสะโพกเข้าจังหวะพร้อมกับแหงนหน้ารับจูบของจิรัชที่คลอเคลียเป็นระยะ


                 “เมียพี่ลีลาเด็ดชะมัด”


                 จิรัชพ่นเสียงออกมาเมื่อช่องทางนั้นตอดรัดบีบเค้น เขายกเอวของสนฉัตรจนลอยขึ้นมาเพื่อให้เขาออกแรงเข้าออกได้ลึกและเร็วขึ้น สนฉัตรกัดฟันใช้มือโยกรั้งส่วนอ่อนไหวของตนเองด้วยความทรมานกับการตะกายสู่ฝั่งฝัน


                 “พี่จิรัช จะแตกแล้ว อีกนิดเดียว”


                   สนฉัตรร้องลั่น หน้าท้องเกร็งแข็งเมื่อเขาปลดปล่อยออกมา มือเรียวยังคงรูดรั้งตนเองรีดพิษออกมารดหน้าท้องด้วยความสุขสม จิรัชเห็นดังนั้นเขาก็กลั้นใจจังหวะสุดท้ายก่อนที่เขาจะดึงเอวออกมาแล้วฉีดน้ำคาวขาวขุ่นรดลงไปบนหน้าอกเนียนเรียบนั้น


                 “ไม่ไหวแล้ว ตอดชิบ”


                 จิรัชทิ้งตัวลงไปบนร่างนุ่มเมื่อพากันหอบหายใจหนักหน่วง สนฉัตรตาลอยด้วยความสุขสมกับเซ็กส์อันยาวนานครั้งแรกของเขา จิรัชได้มอบประสบการณ์ใหม่ให้สนฉัตรได้รู้จักและไม่ใช่แค่ครั้งเดียว กว่าทุกอย่างจะจบลงก็ผ่านไปครึ่งคืนกับสมรภูมิอันยาวนาน ร่างกายของสนฉัตรเต็มไปด้วยเหงื่อไคลและน้ำกามบนเตียงนอนยับยู่ยี่ เขาหมดเรี่ยวแรงไปพร้อมกับจิรัชที่นอนหลับกรนเบา ๆ อย่างสบายตัว


                 สนฉัตรได้แต่ซุกกายอยู่ในอ้อมกอดของจิรัชและหวังว่าจะฝากชีวิตไว้กับจิรัชตลอดไป




มีต่ออีกนิด....





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2018 23:58:50 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 6
«ตอบ #38 เมื่อ01-04-2018 00:02:38 »



ต่อกันตรงนี้...



              กว่าความวุ่นวายจะจบลงเวลาก็ผ่านไปจนดึกดื่น ปวิธมองลุงของเขาที่คล้ายจะชราลงไปด้วยความเห็นใจ อยู่กับทรงเดชมานานจนพอรู้เรื่องเกมทางการเมืองว่าชิงไหวชิงพริบกันแค่ไหน หากเป็นปวิธเองคงไม่นำตัวเข้าไปสู่ความวุ่นวายเหล่านั้น


             “ดื่มอะไรสักหน่อยไหมครับ”


             “ก็ดี เหนื่อยว่ะเปลว”


                  ทรงเดชยกมือกุมขมับกับความตกต่ำทางการเมือง ดีที่ไหวตัวทันจึงสั่งให้สมศักดิ์ทนายความเก่าแก่คู่ใจลอบโอนทรัพย์สินของเขาบางส่วนไปบ้างแล้วโดยที่ไม่มีใครรู้ เหลืออีกไม่มากเท่าที่เคยชี้แจงบัญชีทรัพย์สินไปเท่านั้น

                รับแก้วนมที่ปวิธส่งให้มาดื่มช้า ๆ วันนี้อาหารเย็นยังไม่ตกถึงท้องเพราะความวุ่นวายจนลืมหิว ยังดีที่มีหลานชายคอยอยู่เป็นเพื่อนรับฟังปัญหาของเขา


                 “งานนี้มันกะจะฟันลุงไม่เลี้ยง สงสัยจะต้องหาทางหนีทีไล่ให้ดี”


                 ปวิธได้แต่เป็นผู้ฟังที่ดี เขาปล่อยให้ทรงเดชบ่นระบายความหนักใจจนกระทั่งอีกฝ่ายถามหาคนใกล้ตัว


                 “ได้แต่วุ่น ๆ จนลืมไอ้สนมันเลย เมื่อคืนรุนแรงกับมันไปหน่อยไม่รู้เป็นยังไงบ้าง”


                 ทรงเดชเองก็ห่วงสนฉัตรไม่น้อย ในตอนเช้ามืดที่เขาตื่นก่อน เมื่อเห็นร่องรอยบนร่างของสนฉัตรที่เกิดเพราะฝีมือตัวเองทรงเดชก็ถึงกับส่ายหน้า เป็นเพราะความเครียดที่สะสมมาหลายวันจนเผลอระบายอารมณ์กับเด็กหนุ่มที่เลี้ยงมา


                 “ก็มีรอยช้ำอยู่บ้างล่ะครับ แต่คงเบาแล้ว เห็นว่าไปหาซื้อยาแก้ปวดมากินแล้ว”


                  หลานชายพูดให้สบายใจ เขารู้ว่าทรงเดชทั้งรักทั้งหลงสนฉัตรมาก เพราะทรงเดชเคยพูดให้ฟังตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิต ปวิธยังจำบทสนทนาเหล่านั้นได้ขึ้นใจ


                    “เด็กมันเจอเรื่องร้ายมา ไอ้เราก็เมตตามันนั่นแหละ แต่ก็นะหน้าตาท่าทางมันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เรารักมันแล้วก็หวงมัน ในที่สุดก็ห้ามใจไม่อยู่จริง ๆ”


                   “คุณลุงจริงจังกับสนหรือครับ”


                 จำได้ว่าตอนนั้นเขาถามออกไปด้วยความสงสัย ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวและมีหน้าที่การงานใหญ่โตจะจริงจังกับเด็กที่หนีออกมาจากสถานสงเคราะห์


                  “ลุงรักมัน นี่ก็ไม่ได้ปิดบังคนอื่นว่ามีไอ้สนอยู่ ตอนคุณหญิงยังอยู่ลุงก็เกรงใจเขาเพราะถึงอย่างไรก็เป็นคู่ทุกข์คู่ยากกันมา รู้ว่าทำผิดที่เอาไอ้สนมาเป็นเมียคุณหญิงอยากได้อะไรลุงถึงให้ไม่เคยขัดเพราะอยากชดเชยให้เขา พอคุณหญิงตายจากไปถึงอยากจะทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง นี่ถ้าไอ้สนเป็นผู้หญิงลุงคงจะแต่งงานใหม่กับมัน เสียดายที่มันเป็นผู้ชายก็เลยได้แค่เลี้ยงมันไว้ใกล้ตัว”


                 เพราะทรงเดชรักสนฉัตรปวิธถึงได้แต่พยายามจะไม่สนใจเด็กคนนั้น บุญคุณของทรงเดชที่ส่งเสียให้เขาเรียนจนใกล้จะจบปริญญาตรีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้เตือนให้เขารู้ว่าสนฉัตรคือความสุขของทรงเดช และพยายามห่างสนฉัตรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


                “เฮ้อ เดี๋ยวไปดูมันหน่อย ถ้าไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้จะได้ให้คนพามันไปหาหมอ”


                 ทรงเดชวางแก้วไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ปวิธได้แต่มองตามลุงของเขาก่อนจะถอนหายใจ

                 ไม่รู้ว่าการที่เขามีอารมณ์ขุ่นเคืองทุกครั้งที่เห็นหน้าสนฉัตรคืออะไร แค่เพราะอีกฝ่ายเป็นคนของทรงเดชอย่างนั้นหรือ หากสนฉัตรไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ หากสนฉัตรไม่ใช่เด็กเลี้ยงของทรงเดช หากสนฉัตรเป็นคนธรรมดาที่พบเจอได้ตามท้องถนนทั่วไป ปวิธก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อสนฉัตรจะเปลี่ยนไปหรือไม่

                   สะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงตะโกนโวยวายของทรงเดชดังมาจากชั้นบน ปวิธรีบวิ่งขึ้นบันไดไปทันที เขาไปหยุดอยู่หน้าห้องส่วนตัวของสนฉัตรที่มีลุงของเขายืนตะลึงหน้าแดงก่ำ


                “เกิดอะไรขึ้นครับคุณลุง”


                “ไอ้สนไม่อยู่ในห้องนี้ ห้องลุงก็ไม่มี ลองโทรศัพท์หาก็ไม่รับสาย”


                   ปวิธขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ร้อยวันพันปีไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้ นกหงส์หยกจะรอเจ้านายในห้องเสมอ


                 “เดี๋ยวผมจะไปให้พวกพี่การ์ดตามหา”


                   ปวิธรีบวิ่งไปยังชั้นล่าง เขาแจ้งให้คนในบ้านช่วยกันตามหาทุกซอกทุกมุมรวมถึงบริเวณรอบตัวบ้าน แสงไฟสว่างจ้าเต็มไปด้วยความโกลาหลเมื่อคนสำคัญของเจ้าของบ้านหายไป แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา ปวิธสำรวจข้าวของในห้องนี้ เสื้อผ้าของสนฉัตรยังอยู่ครบมีเพียงกระเป๋าสตางค์ที่หายไป ทรงเดชทุ่มข้าวของลงพื้นด้วยโทสะพร้อมกับตะโกนด่าเสียงดังลั่น


                “ไอ้สน ไอ้เด็กเลี้ยงไม่เชื่อง นี่มันหนีไปงั้นเหรอ”


                 ชายหนุ่มฉุกคิดถึงครั้งสุดท้ายที่พบสนฉัตร ครั้งสุดท้ายที่ประตูรั้วกับสีหน้ามีพิรุธ ใครจะนึกว่านกน้อยในกรงจะบินหนีไป ปวิธเจ็บใจที่ตนดูไม่ออกในวินาทีนั้น


                  “เปลว สั่งคนตามหาให้ทั่วว่ามันหนีไปไหน นักสืบของเรามีกี่คนให้มันตามไอ้สนกลับมาให้ได้”


                   ชายชราทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ทรงเดชยกมือกุมหน้าอกที่เจ็บแปลบขึ้นมากับความเครียดที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องงานและเรื่องสนฉัตร ปวิธมองลุงของเขาด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าทรงเดชเป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง เขากลัวทรงเดชจะเป็นอะไรมากกว่านี้

                   คิดถึงสนฉัตรแล้วปวิธก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน เขาไม่เชื่อว่าสนฉัตรจะกล้าทำอะไรเช่นนี้ตัวคนเดียวเพราะหากจะหนีก็คงหนีไปนานแล้ว ปวิธอยากรู้นักว่าใครที่ให้การช่วยเหลือจนสนฉัตรหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ได้




                                                            TBC


                                            สนฉัตรหนีไปแล้ว จะไปรอดไหมเนี่ย

                                      o6 o6 o6 o6 o6 o6


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2018 00:06:37 โดย Belove »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 6 [01/04/61]
«ตอบ #39 เมื่อ01-04-2018 12:52:59 »

เขาจะหนีไปมีความสุขปวิธเสือกไรด้วยอะ อย่าเอาเรื่องเนรคุณมาอ้างเล้ยไอ้วิธ คุณมึงอะอยากได้ตัวสนฉัตรใช่ป่าว

ขึ้นๆเลยทำเอาลุงมาอ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 6 [01/04/61]
« ตอบ #39 เมื่อ: 01-04-2018 12:52:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 6 [01/04/61]
«ตอบ #40 เมื่อ02-04-2018 02:20:36 »

ตามไปจับนุ้งสนกลับมาค่ะพี่เปลว
#เปลวสน  อยากให้คู่กัน :mew1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 6 [01/04/61]
«ตอบ #41 เมื่อ02-04-2018 07:52:53 »

ไม่ชอบเมะคนไหนซักคนเลยระแวง

ออฟไลน์ Minnie~Moo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 6 [01/04/61]
«ตอบ #42 เมื่อ02-04-2018 10:00:17 »

 :sad4: สงสารสน  อยู่ไหนก็โดนรังแกโดนเอาเปรียบ แล้วสุดท้ายชีวิตจะเป็นยังไงเนี่ยะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 6 [01/04/61]
«ตอบ #43 เมื่อ02-04-2018 22:17:57 »

ตั้งแต่เล็กๆ เลยนะสน โดนย่ำยีมาตลอด น่าสงสารมาก
 :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 6 [01/04/61]
«ตอบ #44 เมื่อ11-04-2018 13:27:15 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

เฮ้อ...น่าสงสารทุกตัวละคร

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
«ตอบ #45 เมื่อ13-04-2018 22:03:10 »




                                                                 วิมานไม้สน

                                                                    บทที่ 7



               เวลาผ่านไปเดือนเศษก็ยังไม่มีใครพบร่องรอยของสนฉัตร ประกอบกับเรื่องยุ่ง ๆ ภายในพรรคการเมืองที่บุคคลชั้นนำต้องทยอยเข้าให้ปากคำเรื่องทุจริตงบประมาณแผ่นดิน ทำให้ทรงเดชยิ่งอ่อนล้าลงไปเรื่อย ๆ ชายวัยชรากลับบ้านดึกทุกวันพร้อมกับความเคร่งเครียด จนปวิธต้องเลิกเล่นดนตรีในตอนกลางคืนเพื่อมาดูแลลุงของเขาเมื่อกลับมาถึงบ้าน และทุกครั้งทรงเดชก็จะถามถึงเรื่องของสนฉัตรที่ยังคว้าน้ำเหลว ชายผู้เคยยิ่งใหญ่ระดับประเทศยิ่งมีใบหน้าหมองคล้ำจนปวิธสงสาร


               “คุณลุงสีหน้าไม่ดีเลยครับ ผมรู้ว่าทุกเรื่องในตอนนี้ทำให้คุณลุงคิดมาก แต่ผมก็อยากให้คุณลุงเลิกคิดถึงมันบ้าง”


                ทรงเดชยกปลายนิ้วนวดขมับ เขารู้ว่าปวิธเป็นห่วงจากใจจริง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดูแลใกล้ชิดแต่ทรงเดชก็มองออกว่าปวิธเป็นหลานที่อ่อนน้อมถ่อมตนไม่เคยขออะไรที่เกินตัวเกินวัยทั้งที่ก็ทำได้


                “จะให้เลิกคิดได้ยังไงวะเปลว นี่คงโดนยึดทรัพย์แน่นอนล่ะ พวกนั้นมันจ้องอยู่แล้วเพียงแต่จะเอามากเอาน้อย หึหึ ถามหน่อยเถอะ เมื่อมีโอกาสแล้วหน้าไหนบ้างจะไม่โกง ส่วนที่บ้านเมียแม่งก็หนีไป ชีวิตตกต่ำชิบหาย”


                  ปวดจี๊ดขึ้นมาที่ท้ายทอย ทรงเดชไม่อยากบอกปวิธว่าวันนี้เขาเวียนศีรษะจนต้องแวะไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าความดันของเขาขึ้นสูงและน้ำตาลในเลือดก็สูงด้วย ร่างกายในวัยใกล้ฝั่งทำให้อ่อนล้าเต็มทน


                 “ปล่อยไอ้สนมันไปไม่ดีหรือครับ ในเมื่อมันอยากไปเองก็ปล่อยมันไป”


                 เสียงถอนหายใจจากทรงเดชทำให้ปวิธรู้ว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกไปไม่มีทางเป็นไปได้


                “ลุงเลี้ยงมันมาให้อยู่แต่ในบ้าน จะว่าผิดมันก็ใช่ สนมันไม่รู้จักชีวิตนอกรั้วหรอกว่าเป็นยังไง มันไม่ทันคนไม่รู้ว่าใครจะมาดีมาร้าย ที่ลุงเป็นห่วงก็เรื่องนี้แหละ”


                 ทรงเดชกล่าวก่อนจะหลับตาลงด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับที่หมอจ่ายให้เขา ปวิธมองผู้มีพระคุณหลับไปทั้งที่สีหน้ายังไม่ดีนักก่อนจะส่ายหน้าออกมา


                มันเป็นความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวมาตั้งแต่ต้น เพื่อให้ทรงเดชสบายใจเขาก็จะร่วมมือกับลูกน้องของทรงเดชตามหาสนฉัตรต่อไปแม้จะมืดแปดด้านก็ตาม



                   
                 ในช่วงสายของวันรุ่งขึ้นปวิธกำลังจะออกไปมหาวิทยาลัย เขาพบว่าในห้องโถงใหญ่ของบ้านมีการประชุมของผู้นำในพรรคการเมืองที่ทรงเดชเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งหลังจากที่เว้นช่วงไปพักใหญ่ ปวิธเดินออกมาจากห้องเล็กของเขาด้านหลังเลาะออกมายังสวนด้านหน้า เขามองเห็นทนายความรุ่นหนุ่มคนหนึ่งยืนสูบบุหรี่ลำพัง

                  คิ้วของปวิธขมวดเข้าหากัน ความสังหรณ์ใจบางอย่างวิ่งวูบขึ้นมาจนใจเต้น เขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยเห็นสนฉัตรยืนพูดคุยกับทนายคนนี้ในมุมลับตาคนด้วยความสนิทสนม ทั้งที่ร้อยวันพันปีสนฉัตรไม่เคยเปิดปากพูดจากับใคร และนั่นเองที่ทำให้ปวิธเดินเข้าไปหาทนายคนนั้น


                 “สวัสดีครับ”


                ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางทักทาย ทนายหน้าตาดีในวัยหนุ่มใหญ่ชะงักและหันมายิ้มคืนให้ปวิธ


                “อ้าว สวัสดีครับคุณเปลว”


                “ครับ เอ่อ ถ้าจำไม่ผิดคุณจิรัชใช่ไหมครับ”


               ปวิธทบทวนความทรงจำจนนึกออกว่าคนที่ยืนเผชิญหน้าชื่อว่าอะไร จิรัชพยักหน้ารับพลางสนทนาต่อ


              “ไปเรียนหรือครับ ใกล้จบหรือยังครับนี่”


               “ใกล้แล้วฮะ เดือนหน้าก็จะสอบปลายภาคครั้งสุดท้าย ถ้าสอบผ่านก็จะจบแล้ว”


               “คุณเปลวเรียนคณะอะไรครับ”


               จิรัชชวนพูดคุยอย่างคนอัธยาศัยดี ปวิธจำต้องตามน้ำเพื่อสังเกตท่าทีของเขา


               “เรียนสถาปัตย์ครับ”


               “เหมาะกับคุณเปลวดีนะครับ”


              “ผมไม่เห็นคุณจิรัชมาที่นี่เลยช่วงหลังๆ ที่มีประชุม”


               ปวิธเริ่มดึงบทสนทนาให้เข้าสู่ความสนใจของเขา จิรัชยังไม่มีความผิดปกติให้เห็น


              “ผมถูกดึงเข้ามาให้ช่วยเพราะต้องการทีมทนายสำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้น่ะครับ อันที่จริงผมยังไม่เคยมีส่วนร่วมในคดีด้านการเมืองมาก่อนเลย แต่พี่สมศักดิ์เขาเห็นผลงานของผมก็ถูกใจเลยทาบทามให้มาเข้าทีม แต่ก็ช่วยแค่เรื่องเก็บข้อมูลเพราะเรายังใหม่มาก”


               “มันเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ คุณลุงเครียดมาก แล้วไหนจะเรื่องที่ไอ้สนมันหนีออกจากบ้านอีก”


               สีหน้าของจิรัชไม่ได้เปลี่ยนไปนักผิดกับน้ำเสียงที่ฟังดูตกใจ


               “อ้าว น้องสนหนีออกจากบ้าน  ตายละ ทำไมทำอย่างนี้ท่านทรงเดชเป็นห่วงแย่เลย”


               “นั่นสิครับ คุณลุงอุตส่าห์ชุบเลี้ยง ไม่รู้ว่าหนีตามใครไป เลวจริง ๆ เลวทั้งไอ้สนและคนพาหนีเลย”


                แววตาที่วูบไหวชั่วเสี้ยววินาทีแต่ปวิธก็มองเห็นเพราะเขาจับตาดูอยู่แล้ว แต่จิรัชก็ยังไม่แสดงอะไรที่เป็นพิรุธออกมา เขาส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ


              “เฮ้อ เห็นใจท่านเหลือเกิน ทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัว”


              “ครับ อ้าว คุยเพลินเดี๋ยวสาย ผมไปเรียนก่อนนะครับ”


              ปวิธเอ่ยคำอำลาและเดินจากจิรัชมายังหน้ารั้วบ้านที่มีลูกน้องของทรงเดชยืนรักษาความปลอดภัยอยู่


              “อ้าวเปลว จะไปเรียนเหรอ”


              ปวิธไม่ใช่คนหยิ่งยโสแม้จะเป็นหลานเจ้าของบ้าน เขาให้ความนับถือกับลูกน้องของทรงเดชทุกคน


             “พี่ดำ พี่จำทนายความคนที่อายุน้อยสุดได้ไหม” ปวิธกล่าวเข้าเรื่อง


             “พี่ให้ใครก็ได้ตามเขาที ผมสังหรณ์ใจว่าที่ไอ้สนหนีไปนายคนนี้อาจจะรู้เรื่อง”


               นายดำหูผึ่งทันที เขากับเพื่อนตามหาสนฉัตรมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เจอตัว


             “คนไหน เอาให้ชัด ทนายมีหลายคน”


             ปวิธบอกรูปพรรณของจิรัชให้ดำเข้าใจ


              “อย่าให้เขารู้นะพี่เดี๋ยวแผนแตก แล้วถ้ามีเรื่องคืบหน้าพี่ดำมาบอกผมก่อนนะ”


              กำชับแล้วปวิธจึงเดินออกจากเขตบ้าน สมองมีแต่ความวุ่นวายเมื่อเต็มไปด้วยเรื่องของสนฉัตรทั้งนั้น






                สนฉัตรเปิดโทรทัศน์ดูด้วยความเบื่อหน่าย เขาเปิดช่องโน้นช่องนี้สลับกันไปมาจนไม่รู้จะดูอะไรแล้ว เดือนกว่าที่ตัดสินใจหนีออกจากกรงทองที่กักขังเขาไว้มาอยู่กับจิรัชในช่วงแรกสนฉัตรเต็มไปด้วยความสุขกายสบายใจกับชีวิตใหม่ แต่เมื่ออยู่แต่ภายในห้องพักแคบ ๆ แห่งนี้อย่างเดียวความเบื่อหน่ายก็เริ่มมาเยือน


                “พี่จิรัชพาสนไปเที่ยวห้างหน่อยได้ไหม สนอยากไปเที่ยว ไปเดินดูของ”


                เขาเคยขอจิรัชอย่างนั้น แต่กลับได้การปฏิเสธเป็นคำตอบ


              “สนจะไปได้ยังไง เดี๋ยวถ้าคนของไอ้แก่ทรงเดชมันมาเจอก็ซวยหรอก”


               เมื่ออยู่กันจนคุ้นชิน คำพูดที่เคยสุภาพก็เริ่มจางหายไป แต่สนฉัตรก็พยายามจะไม่คิดถึงเรื่องนี้


             “งั้นพาสนไปกินข้าวที่ร้านอาหารนะ สนเห็นโฆษณาในทีวีแล้วอยากไป”


               พอสนฉัตรบอกชื่อร้านและสถานที่จิรัชก็ส่ายหน้า


               “ไม่เอา มันแพง ร้านหรูขนาดนั้นรายได้ทำคดีสองคดีเลยนะกว่าจะจ่ายได้ นี่ สนต้องประหยัดสิพี่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเหมือนไอ้ผัวแก่ของสนที่มันโกงบ้านโกงเมืองมาจนร่ำรวยนะ”


               สนฉัตรอยากจะตะโกนระบายความรู้สึกออกมา เขาอยากจะทวงคำพูดที่จิรัชเคยรับปากว่าจะดูแลให้เขาสบาย แต่นี่เหมือนกักขังให้เขาอยู่ในกรงที่คับแคบและไร้อิสระเสียยิ่งกว่าบ้านของทรงเดชด้วยซ้ำ


               เสียงประตูห้องเปิดสนฉัตรไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าคนก้าวเข้ามาคือจิรัช เมื่อเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้สนฉัตรจึงค่อยหันไปมองสามีคนปัจจุบัน


               “วันนี้กลับดึกนะพี่ ไหนว่าจะพาสนไปเที่ยวตลาดนัดไง ผิดคำพูดอีกแล้วนะ”


              “เรื่องมากจริงโว้ย พี่เหนื่อยนะสน ผัวกลับมาบ้านจะเอาน้ำเอาท่ามาต้อนรับน่ะมีไหม ดีแต่นั่งดูทีวีเปลืองค่าไฟ”


             สนฉัตรฟังแล้วชักโมโห เสียงที่ตอบโต้จึงเริ่มแข็งกว่าเดิม


               “ไม่ให้สนดูทีวีแล้วให้ทำอะไร อยากไปเที่ยวก็ไม่ให้ไป บังคับให้ขลุกอยู่แต่ในห้อง เงินก็ให้ไว้แค่พอลงไปซื้อข้าวซื้อก๋วยเตี๋ยวข้างล่างคอนโดกินกันตายแค่นั้นเอง”


               “โว้ย รำคาญ”


               จิรัชส่งเสียงดัง เขาถอดเสื้อผ้าโยนใส่ตะกร้า หน้าที่บึ้งยิ่งบึ้งไปอีก


                “แล้วทำไมไม่ซักผ้า อยู่ห้องทั้งวันนี่ทำงานอะไรบ้างหือสน ผ้าเต็มตะกร้า กินข้าวไม่ล้างจาน โอ๊ย กูจะบ้า”


               “เครื่องซักผ้ามันเสีย สนบอกพี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”


               “มือมีทำไมมึงไม่ซัก”


              “แล้วทำไมต้องขึ้นมึงขึ้นกูใส่สนด้วย นี่สนเป็นเมียพี่นะ”


              สนฉัตรลุกขึ้นส่งเสียงดังบ้าง เขาชี้มือกวาดไปบนพื้นห้อง


              “สนเก็บกวาดห้องก็เหนื่อยแล้ว ก็พี่น่ะทิ้งของไว้เกลื่อนห้อง สนบอกให้เก็บพี่ก็ไม่ฟัง ถุงเท้าเนี่ยบอกให้ใส่ตะกร้าพอถอดออกมาพี่ก็เหวี่ยงลงพื้น จะให้สนตามเก็บไปถึงเมื่อไหร่”


              จิรัชมองสนฉัตรอย่างระอา เมื่ออยู่กันนานวันจิรัชเริ่มเบื่อกับความเอาแต่ใจของสนฉัตรจนความรักและหลงใหลในช่วงที่เคยเร่าร้อนมันเริ่มมลายไป


               “กูไม่เถียงกับมึงแล้ว วันนี้ไปประชุมบ้านผัวเก่ามึงมาเหนื่อยชิบหาย ไปอาบน้ำนอนดีกว่า”


               สนฉัตรเบิกตากว้าง เขาถามตามหลังจิรัชที่เดินเข้าห้องน้ำ


              “ไหนพี่บอกว่าจะเลิกทำคดีของมันไงล่ะ แล้วทำไมยังไปที่บ้านอยู่”


             “กูจะเลิกได้ไงไอ้สน เลิกแล้วจะเอาอะไรแดกเงินทั้งนั้นนะมึง ชื่อเสียงที่ได้ร่วมกับทีมทนายดังอีกล่ะ ใครเลิกก็โง่แล้ว”


              สนฉัตรมองจิรัชที่ก้าวเข้าห้องน้ำด้วยความโมโห เขากระฟัดกระเฟียดก้าวเข้าไปในห้องนอนและดึงผ้าห่มมานอนโดยไม่รอจิรัช จนเคลิ้มใกล้หลับก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงการล่วงล้ำเข้ามาในร่างกายทั้งที่ไม่ได้เตรียมตัว


               “เดี๋ยวพี่จิรัช ทำเหี้ยอะไรวะ โอ๊ย”


               ถึงอย่างไรร่างกายของสนฉัตรก็เป็นผู้ชาย การมีความสัมพันธ์โดยไม่ทันได้เตรียมพร้อมก็สร้างความเจ็บปวดได้ไม่น้อย จิรัชดึงกางเกงขาสั้นของสนฉัตรออกและจับขาของเขาแยกออกจากกัน จากนั้นเขาก็ดันเอวเข้าไปทั้งที่ยังไม่ได้เล้าโลมให้สนฉัตรเกิดความต้องการ


              “มึงเป็นเมียก็ต้องให้ผัวเอาน่ะถูกแล้ว”


              “สนเจ็บนะ เบา ๆ สิ โอ๊ย”


               สนฉัตรน้ำตาซึมเมื่อช่องทางที่ยังแห้งผากถูกความเป็นชายของจิรัชกระแทกกระทั้นเข้ามา จิรัชช่วยเหลือเขาเพียงแค่โยกคลึงจุดอ่อนไหวให้สนฉัตรเท่านั้นที่พอจะทำให้สนฉัตรคล้อยตามได้บ้าง เขากัดฟันสร้างอารมณ์ให้บังเกิดจนพอจะหายจากความเจ็บปวด แต่ยังไม่ทันเข้าถึงฝั่งฝันจิรัชก็ปลดปล่อยออกมาเสียก่อน


                “วู้ สุดยอด”


               “เฮ้ย เดี๋ยวพี่ สนยังค้างอยู่เลย”


                 สนฉัตรรีบบอกด้วยเสียงกระเส่า จิรัชมองกลับอย่างนึกรำคาญ เขาดันเอวเร่งจังหวะและบีบเค้นโยกคลึงมือให้เร็วขึ้นจนพาให้สนฉัตรตะกายติดตามมาได้ก็รีบชักเอวออก


              “สบายหรือยัง เฮ้อ เบาตัวไปหน่อย นอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก”


               จิรัชพลิกกายกลับไปนอนหงายและหลับไปอย่างง่ายดาย สนฉัตรมองอย่างน้อยใจเขาพลิกตะแคงหันหลังให้จิรัชพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา


                ไม่รู้ว่าความโรแมนติกเหมือนครั้งแรก ๆ นั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีสนฉัตรก็เหมือนเป็นแค่ตุ๊กตายางให้จิรัชระบายความใคร่ ก็ยังดีที่เขาทำให้สนฉัตรถึงฝั่งบ้าง แต่ถึงกระนั้นสนฉัตรก็ยังอดน้อยใจไม่ได้


                 เป็นอีกครั้งที่สนฉัตรนึกถึงคำพังเพยไทยที่ว่า หนีเสือปะจระเข้





มีต่ออีกนิด...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2018 22:10:32 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
«ตอบ #46 เมื่อ13-04-2018 22:12:53 »



อ่านต่อตรงนี้....



               ผ่านไปสามวันนายดำก็มาหาปวิธด้วยสีหน้าตื่นเต้น


               “เปลว จริงอย่างที่เปลวบอกว่ะ สนมันไปอยู่กับไอ้ทนายนั่นจริง ๆ”


               ดำยื่นโทรศัพท์มือถือของเขามาให้ปวิธ ชายหนุ่มรับมามองรูปในโทรศัพท์ด้วยความรุ่มร้อน


               “พี่ลองตามไอ้ทนายนั่นไป มันพักอยู่ที่คอนโดนี้ พอรู้ที่อยู่พี่ก็ให้คนไปนั่งเฝ้าหน้าคอนโดมัน แล้วก็โป๊ะเชะ เจอไอ้สนมันหอบเสื้อผ้ามาซักที่ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ”


                 คิดไว้ไม่ผิด ความใกล้ชิดสนิทสนมเกินเหตุนั่นก็เพราะจิรัชลอบเป็นชู้กับสนฉัตรและพาหนีไป


               “เปลวจะให้พี่ทำยังไงต่อ ไปชิงตัวไอ้สนคืนให้ท่านแล้วกระทืบมันดีไหม”


               “อย่าเพิ่งครับพี่ดำ” ปวิธรีบห้าม


               “อย่าเพิ่งบอกใครนะพี่ คุณลุงกำลังเครียดมาก เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการเอง”


                ปวิธลงทุนขาดเรียน โชคดีที่เขาเหลืออีกไม่กี่วิชาและเวลาเข้าเรียนครบหมดแล้ว เขาไปนั่งอยู่ร้านกาแฟตรงกันข้ามกับคอนโดมิเนียมที่ดำให้ที่อยู่มา เขานั่งนิ่ง ๆ ทั้งวันเพื่อสังเกตทางเข้าออกและผู้คนที่พักอาศัยอยู่ในอาคารแห่งนี้ จนรู้ได้ว่าที่นี่เป็นคอนโดมิเนียมขนาดกลางและมีอายุมากแล้ว ระบบรักษาความปลอดภัยก็ไม่เคร่งครัดนัก คนที่อาศัยอยู่มีทั้งนักศึกษาและพนักงานออฟฟิศ จนวันที่สองปวิธก็ยังมานั่งตำแหน่งเดิม

              ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อในที่สุดในช่วงบ่ายวันนี้เขาเห็นสนฉัตรเดินออกมาประตูทางเข้าพร้อมกับตะกร้าเสื้อผ้า หัวใจของปวิธเต้นรัวด้วยความรู้สึกหลายหลากปะปนกัน มันมีทั้งความตื่นเต้นที่ได้เห็นหน้าหวานนั่นอีกครั้งและความชิงชังที่สนฉัตรสวมเขาให้ลุงของเขา ความคิดของปวิธกลั่นกรองความต้องการของตนออกมาว่าเขาอยากจะทำอะไรกับคนเลวอย่างสนฉัตร

               ในวันที่สาม ปวิธจึงปรากฏกายที่หน้าคอนโดมิเนียมอีกครั้งในชุดของพนักงานส่งพิซซ่าที่เขายืมเพื่อนมา พร้อมกับกล่องพิซซ่าร้อน ๆ ที่เขาลงทุนซื้อ ปวิธก้าวเข้าไปหาพนักงานรักษาความปลอดภัยวัยใกล้ปลดประจำการที่นั่งโงกหัวอยู่หน้าทางเข้า


                  “สวัสดีครับคุณลุง”


                  ปวิธส่งยิ้มทักทาย


                “อ้าว ว่าไงล่ะพ่อหนุ่ม มาส่งพิซซ่าเหรอ ห้องไหนล่ะ”


               “นั่นสิครับคุณลุง เขาไม่ได้แจ้งห้องไว้ รู้แต่ว่าคนสั่งชื่อจิรัชน่ะครับลุง”


               “อ๋อ” คุณลุงลากเสียงยาวเฟื้อย


                 “รู้ละ คุณทนายคนดังนั่นเอง คงสั่งมาให้น้องชายล่ะมั้ง เห็นมีไอ้หนุ่มหน้าสวยมาอยู่ด้วย ให้ลุงเอาไปให้ไหม”


                  ปวิธแอบลิงโลดในใจ แต่ก็ต้องพยายามเก็บมันไว้


                “ไม่เป็นไรครับลุง รบกวนแค่ลุงโทรให้เขาเปิดประตูรับ เดี๋ยวผมเอาไปให้เอง เกรงใจลุงน่ะครับ”


                 “เออดี ใกล้ถึงเวลาออกกะแล้ว ลุงขี้เกียจขึ้นไป ห้อง...นี้นะ ไปเข้าไป เดี๋ยวลุงโทรไปบอกคนในห้องให้”





                สนฉัตรนั่งหน้ามุ่ยขณะรีดผ้าให้จิรัช ตาก็จ้องรายการในจอโทรทัศน์สลับกันไปจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะดังขึ้น เขาขมวดคิ้วเพราะไม่เคยมีใครโทรเข้า


                 “สวัสดีครับ”


                “เออ ห้องคุณจิรัชใช่ไหมครับ ที่สั่งพิซซ่าไว้ พนักงานเขามาส่งแล้วนะคุณ เปิดประตูรับเขาหน่อย”


                 สนฉัตรงงกับประโยคที่ได้ยิน


               “เดี๋ยวนะครับ ผมไม่ได้สั่งพิซซ่า”


               “คุณจิรัชเขาคงสั่งไว้ให้คุณล่ะมั้ง รับไปเหอะคุณ เขามาส่งแล้ว”


                เสียงขาดหายไปแล้วทั้งที่สนฉัตรยังไม่เข้าใจ ชายหนุ่มได้แต่ยักไหล่ ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ลิ้มรสพิซซ่ามานานแล้ว  จิรัชอาจจะใจดีสั่งไว้ให้ก่อนออกไปทำงานเพื่อง้อที่มีปากเสียงกันเมื่อคืนก็ได้


                ความคิดสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู สนฉัตรเดินตรงไปแล้วเปิดประตูออก พนักงานในชุดร้านพิซซ่ายืนอยู่ด้านหน้า แต่แล้วสนฉัตรก็ต้องชะงักตัวแข็งทื่อเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นว่าคนส่งพิซซ่านั้นเป็นใคร


                 “ไอ้เปลว”


                 สนฉัตรอุทานด้วยความตกใจ เขารีบปิดประตูทันทีแต่ปวิธใช้มือยันไว้ สู้กันด้วยแรงครู่หนึ่งสนฉัตรก็หงายหลังเมื่อปวิธผลักประตูใส่เขา ก่อนที่ร่างสูงของปวิธในชุดพนักงานร้านพิซซ่าจะชิงก้าวเข้ามาในห้องและปิดประตูตามอย่างรวดเร็ว




                                                                TBC


                                                        โอยยย ยิ่งแต่งยิ่งปวดตับ


                                              :o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2018 22:17:28 โดย Belove »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
«ตอบ #47 เมื่อ13-04-2018 22:50:18 »

ตื่นเต้นดี สงสารสนเน๊อะ นึกว่าจะหนีไปได้ดี สุดท้ายไม่ต่างจากอยู่ที่เดิม

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
«ตอบ #48 เมื่อ13-04-2018 22:52:56 »

สงสารสน อยากให้เจอคนดีๆบ้าง

รอตอนต่อไป  :mew1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
«ตอบ #49 เมื่อ13-04-2018 23:12:45 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ชีวิตรันทดจริง ๆ

น่าเศร้าแทน 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
« ตอบ #49 เมื่อ: 13-04-2018 23:12:45 »





ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
«ตอบ #50 เมื่อ15-04-2018 23:45:58 »

สงสารสนอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรับแกเต็มไปหมด ฮืออออ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
«ตอบ #51 เมื่อ16-04-2018 08:56:42 »

เกลียดแม่มหมดทุกคนเลยอะ

ออฟไลน์ KittybabymApi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 7 [13/04/61]
«ตอบ #52 เมื่อ16-04-2018 19:15:02 »

เรื่องนี้ไม่มีพระเอก.. เกลียดหมดอ่ะ จะมีไหมคนดีที่จริงใจกะนู๋สน :mew2: :z13:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 8 [21/04/61]
«ตอบ #53 เมื่อ21-04-2018 21:25:05 »




                                                             วิมานไม้สน

                                                                บทที่ 8




               สนฉัตรนั่งก้นจำเบ้าอยู่บนพื้นหน้าซีดเผือดเมื่อสบตากับร่างสูงที่ยืนจังก้าค้ำหัวเขาอยู่ ในขณะที่ปวิธมองกลับด้วยสายตาดุดัน สนฉัตรจำเป็นต้องรีบลุกขึ้นยืนพลางเชิดหน้าทำใจดีสู้เสือ


              “เมื่อไหร่จะเลิกเสือกเรื่องของกู”


              ปวิธมองใบหน้าที่เขาจำได้ขึ้นใจนั้น เขาแยกไม่ถูกว่าความรู้สึกในตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ เพราะมันปนเปกันทั้งความยินดีที่หาตัวสนฉัตรพบและความชิงชังกับการกระทำที่คนตรงหน้าก่อเรื่องร้ายแรงขึ้น


                “กูไม่ได้อยากจะยุ่ง ถ้าคนที่มึงทรยศไม่ใช้คุณลุงที่เลี้ยงมึงมา”


              “ทั้งที่มึงก็รู้ว่าลุงของมึงเขาเห็นกูเป็นสัตว์เลี้ยงงั้นเหรอไอ้เปลว”


               สนฉัตรน้ำตานองหน้า ไม่มีใครเข้าใจเขาแม้แต่คนเดียว แม้กายจะสบายแต่เมื่อจิตใจถูกกักขัง ใครบ้างจะมีความสุข


               “คุณลุงรักมึง ท่านอาจจะทำผิดแต่ก็รักมึง”


               “แต่กูไม่ได้รักมัน” สนฉัตรตะโกนใส่หน้า


              “กูเกลียดตัวเองทุกครั้งที่ถูกมันเอา กูขยะแขยงที่ต้องเป็นตัวรองรับความอยากของคนเห็นแก่ตัว”


                “แล้วการที่มึงหนีออกจากบ้านตามผู้ชายในฝันมึงมาไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัวเลยงั้นสิ”


                ปวิธทนไม่ไหว เขาเอื้อมมือคว้าต้นทั้งสองข้างของสนฉัตรมาเขย่าหวังจะให้รู้สึกตัว


                 “มึงก็ทำเพื่อตัวเองเหมือนกันไอ้สน แล้วมึงคิดเหรอว่าคุณลุงเขาจะปล่อยมึงไว้ ในเมื่อมึงทำเลวขนาดนี้ ทั้งมึงทั้งไอ้ทนายใจคดนี่อีก ถึงคุณลุงจะถูกพักการเมืองแต่มึงอย่าลืมนะว่าอิทธิพลของคุณลุงก็ยังเยอะอยู่”


                ตอนแรกปวิธก็ยังไม่ได้คิดจะใช้เรื่องนี้เพื่อข่มขู่สนฉัตร แต่เมื่อหลุดปากพูดออกไปแล้วสีหน้าของสนฉัตรยิ่งซีดเผือดลงเหมือนเขาไปกระตุ้นให้สนฉัตรออกจากโลกของตนมาสู่โลกแห่งความจริง สนฉัตรนิ่งงันดวงตากลอกไปมาด้วยความสับสน


                “เปลว กูออกมาแล้ว กูไม่อยากกลับไป ท่านต้องฆ่ากูแน่ กูจะทำยังไงดี”


             ใจหนึ่งก็นึกสงสารเมื่อเห็นแววตาหวาดหวั่นคู่นั้น แต่อีกใจปวิธก็สาแก่ใจกับสิ่งที่สนฉัตรทำลงไป น้ำเสียงของสนฉัตรสั่นเบาเหมือนลูกนกปีกหักร้องครวญคราง เมื่อปวิธมองใบหน้าที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กกะโปโลจนถึงวันนี้ เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าตนเองจะเอ่ยประโยคถัดไปออกมา


               “ให้กูช่วยไหมล่ะ คุณลุงยังไม่รู้เรื่องที่กูเจอมึงหรอก กูจะปิดเรื่องที่กูมาเจอมึงไว้เป็นความลับ”


               สนฉัตรเงยหน้าทันที ดวงตาคู่หวานมีประกายความหวังเรืองรองราวกับใบไม้ผล


               “เปลว มึงจะช่วยกูจริงเหรอ จริงใช่ไหมเปลว”


             “ใช่” ปวิธกดยิ้มมุมปาก


             “แต่มึงก็ควรจะมีอะไรตอบแทนที่กูจะรูดซิปปากเรื่องนี้บ้าง”


                ร่างบางสั่นเทา สนฉัตรก็พอเดาได้ว่าปวิธไม่ได้คิดกับตนในด้านดีสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้สนฉัตรไม่มีสมบัติอะไรสักอย่าง เงินสดที่ติดตัวมากับกระเป๋าสตางค์ก็หมดไปนานแล้ว


                “กูไม่มีอะไรให้มึง กูไม่มีเงิน ไม่มีของมีค่าอะไรสักอย่าง”


           สนฉัตรเจ็บลึกกับดวงตาคมของเปลวที่จ้องมองเขาคล้ายจะเหยียดหยัน หากแต่คำพูดต่อจากนี้ต่างหากที่ทำให้สนฉัตรปวดร้าวราวกับหัวใจถูกกรีดแทง


               “จ่ายกูมาด้วยร่างกายของมึงไงสน หรือว่าแม้แต่ร่างกายของมึงก็ไม่มีค่าเหมือนกัน”


                “ไอ้เปลว”


               สนฉัตรตะลึงงัน ใครจะนึกว่าปวิธเสนอทางเลือกนี้


                “ว่าไง หรือมึงจะให้กูขี่ม้าสามศอกไปฟ้องคุณลุงว่าเจอมึงในคอนโดแคบ ๆ กับไอ้ทนายที่คาบมึงมาแดกทั้งที่ทำงานกินเงินจากท่านอยู่”


              “มึงมันเหี้ย ไหนมึงเคยบอกว่ามึงเกลียดกู แล้ววันนี้มึงทำแบบนี้ทำไม”


               สนฉัตรตะโกนใส่หน้าปวิธด้วยความกรุ่นโกรธ ปวิธยักไหล่พลางมองสนฉัตรด้วยแววตาขบขัน


                “กูก็ไม่เคยบอกว่ากูเป็นคนดีนะ แต่มึงเพิ่งจะได้เห็นด้านเหี้ยของกูวันนี้ไงล่ะ แล้วการเอากันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับรักหรือเกลียด มึงไม่มีอะไรปิดปากกูเองนี่หว่า”



              ปวิธไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงชะงักเมื่อเห็นสายตาเกลียดชังที่สนฉัตรมองเขา เขาปัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปและรีบสำทับเมื่อรู้ว่าสนฉัตรกำลังสับสน


               “ว่าไงล่ะ แค่ยอมให้กูเอา ปรนนิบัตรกูสักพัก เรื่องของมึงจะเป็นความลับ คิดให้ดี ๆ นะโว้ย”


              พูดจบปวิธก็ยืนกอดอกรอคำตอบอย่างใจเย็น ส่วนสนฉัตรนั้นขบคิดอย่างเร่งด่วน


                 หากเขาไม่ยอม ปวิธต้องไปบอกเรื่องนี้กับทรงเดชแน่ สนฉัตรรู้ดีว่าอาการ “หวงของ” ของทรงเดชนั้นร้ายกาจขนาดไหน ทั้งเขาและจิรัชอาจจะตายอยู่ข้างถนนหรือหายไปโดยไร้ร่องรอยก็เป็นได้


               ก็แค่ยอมให้ปวิธมีเซ็กส์ด้วย ร่างกายของสนฉัตรก็ใช่จะบริสุทธิ์ผุดผ่อง คิดเสียว่าใช้ร่างกายลงทุนเพื่อแลกกับความปลอดภัยของชีวิต แค่ครั้งเดียวเท่านั้นปวิธก็คงจะสาแก่ใจแล้ว


               “กูเกลียดมึง”


                สนฉัตรเค้นเสียงออกไปอย่างยากเย็น ปวิธเลิกคิ้วเอียงคอมองรอให้สนฉัตรเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเอง


               “จะทำก็รีบ ๆ ทำแล้วไสหัวไปซะ”


               ปวิธมองสนฉัตรตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มันเป็นความคุ้นเคยในสายตากับร่างโปร่งบางรับกับหน้าตาที่ปวิธยอมรับว่าดีมาก หลายครั้งที่เขาเคยสงสัยว่าทำไมทรงเดชถึงได้ติดใจสนฉัตรจนเรียกได้ว่าหลงใหลขนาดนี้


               “นั่นประตูห้องนอนใช่ไหม”


               ถามโดยไม่หวังคำตอบเพราะเดาได้อยู่แล้วกับห้องพักในคอนโดมิเนียมเช่นนี้ ปวิธตรงเข้าหาแล้วรวบเอวสนฉัตรขึ้นมาแบกอยู่บนบ่าอย่างง่ายดาย เขาเดินตรงเข้าไปใช้เท้าถีบประตูและเมื่อถึงเตียงนอนในห้องแคบ ปวิธก็โยนสนฉัตรลงไปบนเตียงก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามและกางเกงชั้นใน


           สนฉัตรนอนตัวสั่นเมื่อปวิธตามขึ้นมาบนเตียง ร่างสูงใช้วงแขนที่มีแต่มัดกล้ามเนื้อยันที่นอนคร่อมศีรษะของเขา สีหน้าของปวิธในยามนี้แตกต่างไปจากทุกวันที่เขาเห็น มันมีทั้งความอยากรู้อยากลอง ความสาแก่ใจและประกายบางอย่างที่สนฉัตรเดาไม่ถูก รู้แต่ว่าเมื่อทุกอย่างรวมกันแล้วมันทำให้สนฉัตรสั่นเป็นลูกนกในยามนี้


              “เตียงนี้ใช่ไหมที่มึงเอากับไอ้ทนายนั่น”


              ปวิธเค้นเสียงถาม เขาได้กลิ่นจิรัชจากผ้าปูที่นอน หมอน และผ้าห่ม ยิ่งทำให้ปวิธต้องการในเรือนร่างที่ทอดกายเบื้องล่างนี้เสียเหลือเกิน”


               “ทำให้กูมีความสุขเหมือนที่มึงทำให้มัน”


               ปวิธดึงเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่สนฉัตรสวมใส่ออกแล้วโยนทิ้ง แม้จะเคยเห็นสนฉัตรในสภาพไม่เรียบร้อยนักอยู่บ่อยครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสนฉัตรเปลือยเปล่าเต็มตา ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมทรงเดชถึงหวงแหน และทำไมจิรัชถึงยอมเสี่ยงขนาดพาสนฉัตรหนีออกจากบ้านผู้มีอิทธิพล ก็เพราะร่างนี้อย่างไรเล่า


                ผิวกายของสนฉัตรเนียนตาเหลือเกิน ไร้ซึ่งขนดกดำอย่างที่บุรุษเพศควรจะมี ก้มไปมองส่วนอ่อนไหว สิ่งปกคลุมก็แค่บางเบานุ่มละเอียด ยอดอกสีชมพูยั่วตาจนปวิธอดใจไม่ไหวต้องใช้ปลายนิ้วสัมผัสมัน


          สนฉัตรเม้มปากเมื่อเจอกับนิ้วสากที่ลูบไล้อยู่บนยอดอกก่อนที่ปวิธจะหมุนคลึงช้า ๆ ได้แต่มองตามเมื่อคนที่เอ่ยปากบอกว่าชิงชังก้มหน้าลงมาใช้ริมฝีปากเม้มติ่งเข้าไปและใช้ปลายลิ้นโลมเลีย แม้จะบอกตัวเองว่านี่คือเซ็กส์ที่เขาไม่เต็มใจ แต่สนฉัตรก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านจนเผลอแอ่นอกตาม


              “อื้อ”


              สะดุ้งเมื่อปวิธขบฟันลงมาบนเนื้ออ่อนรอบลานนม เจ็บแต่ดึงสติของสนฉัตรจนแทบหลุดออกจากกาย ฝ่ามือหยาบร้อนไล่สัมผัสลูบไล้เนื้อตัวของเขาอย่างหยาบกระด้าง สนฉัตรได้แต่แหงนหน้าหลับตาพลางขมวดคิ้วมุ่นเมื่อไฟแห่งกามารมณ์กำลังถูกจุด ไม่รู้เลยว่าปวิธถอดเสื้อกล้ามกับกางเกงออกตอนไหนเพราะรู้สึกอีกทีร่างสูงก็ทาบร่างแนบเนื้อลงมาเสียแล้ว


             ปวิธลากริมฝีปากและลิ้นไปตามผิวหนังชุ่มชื้น ผิวกายของสนฉัตรหอมหวานเหมือนกลิ่นอโรมาที่เปิดในห้องปรับอากาศ มันเย้ายวนจนปวิธติดใจดอมดมและชิมรสไปทั่วทุกสัดส่วน เขายกต้นขาของสนฉัตรขึ้นโลมเลียและขบฟันไปเบา ๆ ทิ้งรอยไว้ตรงเนื้อขาว จากนั้นปวิธก็แยกท่อนขานั้นออกโดยร่างกายตนเอง เขาเลียที่เนินสามเหลี่ยมก่อนจะคว้าจุดอ่อนไหวที่เริ่มชูชันของสนฉัตรและครอบปากตนเองลงไป


                 “ฮึก อื้อ”


               สนฉัตรดิ้นพล่าน ลิ้นของปวิธร้อนระอุอยู่ภายในช่องปากชื้นฉ่ำ ไหนจะปลายฟันที่ครูดไปกับเส้นเอ็นนั่นอีก สติของสนฉัตรกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้วขณะที่เขาใช้มือเรียวเสยเข้าไปในกลุ่มผมดกดำของปวิธแล้วกำไว้แน่น น้ำลายใสของปวิธไหลลงสู่ที่ต่ำจนถึงรูจีบพับ ที่ปวิธใช้ปลายนิ้วแหย่เข้าไปสำรวจภายใน


               ร่างกายนี้ร้อนแรงเหลือเกิน


               เสียงครวญครางนั้นกระชากอารมณ์ดิบและทำให้ปวิธลืมเลือนทุกอย่างไปแล้ว เขาชันกายขึ้นปล่อยให้จุดอ่อนไหวของสนฉัตรตื่นตัว มือใหญ่ดันต้นขาของสนฉัตรให้ยกสูงเปิดทางให้เขามองเห็นบั้นท้ายหนั่นแน่นกับทางเข้าไปสู่แรงปรารถนา และปวิธจะไม่รออีกต่อไป





มีต่ออีกนิด.....





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 21:36:27 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 8 [21/04/61]
«ตอบ #54 เมื่อ21-04-2018 21:38:30 »



ต่อกันตรงนี้...




              เขาถ่มน้ำลายใส่มือตัวเองเพื่อไปถูไถความเป็นชายที่อวดกายรออยู่แล้ว ปวิธดันเอวเข้าไปในช่องทางที่เขาสำรวจเมื่อครู่ เขากัดฟันรับกับความคับแน่นขณะที่แทรกส่วนสำคัญเข้าไป อดที่จะส่งเสียงออกมาไม่ได้เมื่อในที่สุดเขาก็ดันตัวเองเข้าไปจนกระทั่งถุงแฝดกระทับกัน


               “อา”


               นิ่งงันอยู่ในท่านั้นเพื่อซึมซับความเสียวซ่านที่บังเกิด ปวิธก้มลงมองกายขาวที่เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเพราะเลือดในกายวิ่งพล่าน ร่องรอยที่เขาทิ้งไว้กระจายกันอยู่ทั่วทั้งตัว สีหน้าหวานของสนฉัตรบ่งบอกถึงความต้องการขั้นสูงสุดโดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว


                 ปวิธโน้มกายลงไปบดจูบกับกลีบปากอิ่มที่คอยแต่จะสรรหาคำมายอกย้อนเขา นิ้วสากบีบกรามของสนฉัตรให้กว้างขึ้นจนเขาแทบจะกวาดลิ้นลงไปถึงลำคอ เขาไม่สนใจเสียงอึกอักคล้ายสำลักนั่น พร้อมกันนั้นปวิธก็เริ่มขยับเอวและเคลื่อนไหวในช่องทางแคบ


               “อึก ฮัก ฮัก เปลว เบาหน่อย”


                บอกอะไรไปปวิธก็คงไม่ฟังเพราะเขาเคลื่อนไหวโดยสัญชาตญาณเยี่ยงสัตว์ป่าเสียแล้ว แต่แปลกที่สนฉัตรกลับเตลิดไปกับเซ็กส์อันเร่าร้อนดิบเถื่อนเช่นนี้ มันแตกต่างจากความเนิบนาบของจิรัชที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงและค่อย ๆ ดึงให้เขาหวามไหว หากแต่ความหยาบกระด้างของปวิธกลับดึงให้สนฉัตรวูบวาบคล้ายจะขาดใจ


                 “เปลว อ๊ะ จะแตกแล้ว”


                 สนฉัตรเกร็งกายค้างเมื่อเขาปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือตนเอง ปวิธยอมหยุดให้เขาได้กำซาบกับความสุขสมและหายใจหอบหนัก ร่างทั้งสองเต็มไปด้วยเหงื่อภายในห้องที่มีเสียงเครื่องปรับอากาศรุ่นเก่าทำงานอยู่จนแทบไม่รู้สึกถึงความเย็นเมื่อร่างบนเตียงร้อนไปด้วยไฟราคะ


                ปวิธรอให้สนฉัตรหายเหนื่อยในขณะที่เขายังคงแข็งแรงอยู่ เขาจับกายโปร่งบางให้พลิกตัวคุดคู้คล้ายสุนัขโดยมีเขาคุมเกมอยู่ด้านหลัง ปวิธลูบไล้แผ่นหลังนั้นไปมาเมื่อเขาเริ่มต้นกับยกใหม่ของสนฉัตร


                  เมื่อไม่มีสายตาของสนฉัตรคอยจับจ้องแล้วปวิธจึงสูดหายใจเข้าปอด เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมสนฉัตรถึงได้เป็นที่ต้องตาต้องใจนัก ร่างกายนี้รองรับได้ยอดเยี่ยมและมีแรงดึงดูดมากมายเหลือเกิน แม้แต่เขาก็อาจตกไปสู่วังวนของแรงดึงดูดของสนฉัตรก็เป็นได้


                 “เหี้ยเอ๊ย แน่นชะมัด”


                  ปวิธเค้นเสียงอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เขาโน้มกายกระแทกกระทั้นจนได้เห็นสนฉัตรขยับเอวรับตอบโต้ สนฉัตรซุกหน้าลงกับหมอนแต่ว่าโยกบั้นท้ายสอดรับการเคลื่อนไหวนั้น ลมหายใจหอบกระเส่าผสานปนเปกันจนไม่แน่ใจว่าเสียงไหนคือเสียงของตนเองกันแน่


                 “เปลว เปลว อีกนิดเดียว”


                  ปวิธคำรามก้อง เขายึดเอวของสนฉัตรไว้ขณะทุ่มแรงใส่เต็มที่ ได้ยินเสียงกรีดร้องของสนฉัตรเมื่อเขาปลดปล่อยคำรบสอง ตอนนั้นเองที่ปวิธดึงเอวตนเองออกมาจากช่องทางเปียกชื้น เขาผลักให้สนฉัตรนอนแผ่หงายพร้อมกันกับที่เขาใช้มือตนเองรูดรั้งท่อนเนื้อที่พองตัวเต็มที่ก่อนจะปล่อยให้มันพุ่งรดอยู่บนใบหน้าของสนฉัตรลากยาวมาถึงแผ่นอกชื้นเหงื่อและน้ำลาย
ทิ้งกายลงไปทับอยู่กับร่างบางแม้จะเลอะเทอะคราบคาว ปวิธหอบหายใจถี่ยิบกับบทเซ็กส์เร่าร้อน จนกระทั่งหายเหนื่อยเขาจึงยอมยกศีรษะขึ้นสบตากับดวงตาแดงก่ำของสนฉัตรที่ยังเต็มไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงจากความรุนแรงของเขา


                “เป็นไงบ้างไอ้สน บทอัศจรรย์ของกูพอจะสู้กับไอ้ทนายเหี้ยนั่นได้ไหม”


                สนฉัตรสะบัดมือตบหน้าปวิธดังเผียะ เขาเกลียดสายตาของผู้ชนะของปวิธในขณะนี้เหลือเกิน


                “สาแก่ใจมึงแล้วใช่ไหมไอ้เหี้ยเปลว ไปให้พ้นจากชีวิตกู”


                 ปวิธยึดข้อมือของสนฉัตรล็อกไว้ สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง สนฉัตรสะท้านวูบเมื่อสบตาคู่นั้น


                 “วันนี้กูจะไป แต่ขอให้มึงรู้ไว้ว่าชีวิตของมึงขึ้นอยู่กับกู จะทำอะไรก็คิดถึงความจริงข้อนี้ด้วยนะ”


                 ร่างสูงลุกจากไปแล้ว สนฉัตรได้ยินเสียงปวิธเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก สักพักก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดและปิดตามหลัง ในขณะที่เขายังนอนทอดกายอยู่บนเตียง น้ำตาแห่งความอดสูไหลรินจนเปียกปอนหมอน พักใหญ่กว่าสนฉัตรจะลุกจากเตียงไปส่องกระจกสำรวจร่างกายตนเอง


                ดวงตาเรียวที่เขารักยังคงมีร่องรอยความสุขสมจากเซ็กส์ดิบเถื่อนเมื่อครู่ เนื้อตัวเต็มไปด้วยร่อยรอยที่ปวิธทิ้งไว้ สนฉัตรถอนหายใจก่อนจะจัดการกับเตียงที่เต็มไปด้วยความยับยู่ยี่และกลิ่นคาวให้กับคืนสภาพเดิม จะให้จิรัชรู้ไม่ได้ว่าเขามีเซ็กส์กับปวิธบนเตียงของจิรัช


             ยอมรับว่าเซ็กส์ของปวิธทำให้เตลิด ปวิธร้อนแรงและหยาบเหมือนสัตว์ป่ายามสมสู่ แต่นั่นเป็นอีกรสชาติที่สนฉัตรอดเปรียบเทียบไม่ได้ เขารีบโยนความคิดเหล่านั้นทิ้ง ปวิธคือศัตรู สนฉัตรจะต้องท่องจำให้ขึ้นใจ






                 คืนนี้เป็นคืนแรกที่สนฉัตรรู้สึกดีกับการกลับดึกของจิรัช เขากลัวจะแสดงพิรุธออกมาให้จิรัชจับได้ เมื่อได้ยินเสียงจิรัชเปิดประตูห้อง สนฉัตรก็รีบใช้ผ้าห่มคลุมและแสร้งทำเป็นหลับทันที


                 จิรัชขึ้นมาบนเตียง เขาเขย่าร่างที่คลุมโปงแล้วเรียกด้วยเสียงหงุดหงิด


                “สน สน ทำไมวันนี้หลับเร็ว ทุกทียังเห็นดูทีวีอยู่”


                “สนไม่สบาย แพ้อากาศ”


               ส่งเสียงงัวเงียให้เหมือนคนสะดุ้งตื่น จิรัชสบถออกมา


              “แค่แพ้อากาศไม่ตายหรอกน่า มาให้พี่ทำหน่อย พี่เครียด”


              “พี่จิรัช สนไม่ไหว”


                ความจริงแล้วเพราะสนฉัตรกลัวจิรัชเห็นรอยบนร่างกายตัวเองต่างหาก แต่ดูเหมือนสามีจะไม่พ่อใจ


              “เป็นเมียก็ต้องให้ผัวทำนะสน ไม่งั้นจะเอามาอยู่ด้วยทำไมวะ”


               “อย่าหงุดหงิดสิพี่ มา นอนลง สนช่วยให้สบายตัวก่อนนอนก็ได้”


               สนฉัตรเดินไปปิดไฟเพื่อใช้ความมืดอำพราง เขาจัดแจงดึงท่อนเนื้อของจิรัชมาปรนเปรอด้วยปากของเขาจนกระทั่งจิรัชสบายตัว


                “ใช้ปากเก่งฉิบหาย ทำให้ผัวเก่าบ่อยเหรอ”


                 จบคำพูดแล้วจิรัชก็เงียบเสียง ครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ บอกให้รู้ว่าเขาหลับสนิท ในขณะที่สนฉัตรยังนั่งกอดเข่าตนเองในความมืด


                  สนฉัตรซุกหน้าลงกับเข่าพลางทอดถอนหายใจกับชีวิตที่ไม่เคยได้ดั่งใจตนเองสักครั้ง





                                                              TBC


                                        ไอ้เปลวววว แกก็เลวไม่ต่างจากคนอื่นเลย


                                           
                                                 :o :o :o :o :o :o 











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 21:43:26 โดย Belove »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 8 [21/04/61]
«ตอบ #55 เมื่อ21-04-2018 22:12:12 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนชีวิตสนจะถูกสาป 

เป็นได้แค่ "วัตถุรองรับอารมณ์" ของใครต่อใคร

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 8 [21/04/61]
«ตอบ #56 เมื่อ21-04-2018 22:39:41 »

ไม่ชอบคำพูดจิรัชเหมือนเหยียดสนเห็นแก่ตัว
สงสารสนที่ยังอ่อนต่อโลกไม่ทันคน
หลงคำหวานเกิน

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 8 [21/04/61]
«ตอบ #57 เมื่อ21-04-2018 23:38:11 »

สงสารสนเหลือเกิน มีแต่คนตักตวงร่างกาย จะมีใครที่รักจริงบ้างไหมนะ
 :mew4:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 8 [21/04/61]
«ตอบ #58 เมื่อ22-04-2018 08:09:36 »

เฮ้อ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 8 [21/04/61]
«ตอบ #59 เมื่อ22-04-2018 13:14:24 »

ไม่กล้าอ่านต่อแล้ว :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด