Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 3
“ น่าสมเพช " ผมพูดกับตัวเองตอนที่ยืนฟังการสนทนาของผู้ชายสองคนที่ก็จำเสียงได้ดีเพราะมันไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อวานเลย เรื่องราวที่เกิดขั้นนั้นก็ไม่ต่างกันด้วย ผมเองก็ยืนสูบหรี่อยู่ตรงนี้ ได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นเหมือนกันกับเมื่อวาน
เรื่องราวของผู้ชายคนนึงที่แอบหลงรักใครสักคน เค้าที่ใช้ความกล้าเข้ามาสารภาพความจริงนั้น แต่น่าเศร้า ที่มันไม่สำเร็จแต่ที่แย่ไปกว่านั้น คือคำยกยอตัวเองว่าอยู่สูงเหนือกว่าคนชนชั้นล่างที่ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาดีเหมือนกับตัวเอง แล้วที่เหี้ยคือ คนฟังก็รู้สึกว่า มันจริงอย่างงั้น
คนอ้วนไม่ผิด แต่ผิดที่คนประเทศนี้ยึดว่า อ้วนคือไม่ดี คนผอมคือดี ค่านิยมที่ลดคุณค่าความเป็นตัวเอง ทั้งๆที่เป็นคนชอบกินแต่กลับไม่ได้กินเพราะกลัวอ้วน กลัวสายตาทางสังคมที่มองมา กลัวการล้อเลียนเหยียดหยามจากคนอื่นๆ เป็นประเทศที่มองรูปลักษณ์ภายนอกสำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ภายใน ตัวผมเองก็เคยรู้สึกแบบนั้น เมื่อก่อนก็รู้สึกว่าหน้าตาตัวเองไม่ได้มีอะไรดี ผิวสองสีที่ไม่ได้ดูขาวอย่างที่ใครๆชอบ หลายครั้งตั้งแต่เด็กก็ถูกเหยียดหยาบว่า เป็นนายแบบแบบนี้ได้เพราะอานิสงส์ของแม่ที่เป็นนางแบบ ลำพังหน้าตาแบบนี้ก็คงไม่มีใครรับหรอก เพราะไม่ได้หล่อแบบพิมพ์นิยมอย่างที่คนไทยชอบ
แต่นั่นก็ผ่านมานานแล้วละ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ในการทำงานทุกคนยอมรับผม แต่กว่าที่เค้าจะยอมรับ ผมก็ต้องอดทนกับเสียงน่ารำคาญเหล่านั้น แต่ว่าเสียงนั่นมันไม่ได้จากคนที่ผมรัก ต่างจากคนที่ยืนร้องไห้อยู่ในตอนนี้ ถึงจะเข้าใจยังไงก็ไม่เท่ากับสิ่งที่เจ้าตัวรู้สึกหรอก มันต้องต่างกันอยู่แล้ว
" มึงไม่คิดว่าการร้องไห้มันน่าสมเพชเหรอ " ผมเอ่ยถามอีกคนออกไป ใบหน้าอ้วนกลมที่แดงจัดเพราะกำลังร้องไห้หันมามองผม ด้วยแววตาโกรธๆ ผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว เหลือแค่มันที่ยืนนิ่งไม่ไปไหน " หยุดร้องไห้ได้แล้วมึงไม่ได้ดูน่าสงสารหรอก "
" เสือก " คำนี้อีกแล้ว เราคุยกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม และผมก็ได้ยินมันทั้งสามครั้ง " แล้วทำไม มันต้องเป็นมึงที่มาได้ยินเรื่องแบบนี้ของกูด้วยวะ หรือว่ามึงตั้งใจจะมาล้อกู "
" อย่าสำคัญตัวเองผิด " ผมบอก " ตั้งสติหน่อย กูมายืนตรงนี้ก่อนมึงนะ มึงเถอะ เป็นเหี้ยอะไร ทำไมต้องมาสารภาพตอนกูสูบบุหรี่ตลอด ทำไม ? มึงอยากจะให้กูสงสารเหรอ "
" ไม่มีทาง กูไม่รู้จักมึงด้วยซ้ำ จะอยากจะทำให้มึงสงสารทำไม อย่ามาสำคัญตัวผิด " หันมาเถียงแบบคนไม่ยอมใคร พื้นฐานมันก็คงเป็นคนแบบนี้ แต่ก็แปลกทำไมมันไม่ด่ากลับไอ้เชี้ยนั่นไปสักที ความรักแม่งเปลี่ยนสิ่งที่ต้องทำเป็นไม่ต้องทำได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ
" หึ " ยกยิ้มมองมันที่กำลังทำหน้าโกรธใส่ผม ฝ่ามืออวบๆยกขึ้นปากน้ำตาที่แก้มแดงๆของตัวเอง เป็นคนผิวขาวที่สุขภาพดีจากการกินโดยแท้ แก้มแดงๆที่ไม่ต้องปัด ใบหน้ากลมที่ดึงทุกอย่างในใบหน้าให้ออกไปทางข้าง ไม่ว่าจะเป็นตาหรือจมูก คิดว่าถ้ามันผอมขึ้นมา มันคงกลายเป็นคนน่ารักอีกคนนึงแน่นอน แล้วผมก็รู้สึก อยากจะเห็นมันในวันนั้นชะมัด
" คอยดูนะ สักวัน กูจะต้องผอมให้ได้เลย " มันพูดกับตัวเองเสียงหนักแน่นอีกครั้ง แล้วในตอนที่กำลังจะเดินออกไป ผมก็จับข้อมือมันไว้ " อะไร " หน้าตาไม่สบอาหารณ์กับเสียงโกรธๆ หันมามองผม
" กูช่วยมั้ย จะเป็นเทรนเนอร์ให้มึง "
" ห๊า ? “ มันอ้าปากค้างแบบงงๆ ผมก็ยักคิ้ว " เรื่องอะไร ไม่จำเป็น กูทำเองได้ "
" งั้นเหรอ "
" แล้วมึงจะมาช่วยกูทำไม เราเป็นอะไรกัน " ผมนิ่งคิด ก็จริงอย่างที่มันพูด มันก็แปลกที่ผมจะเข้าไปช่วยมันแบบนี้ ยิ่งบอกว่าอยากจะเห็นตอนมันผอม อยากรู้ว่าจะน่ารักอย่างที่คิดมั้ย นั่นก็คงเป็นคำตอบที่ดู ยิ่งแปลกกันไปใหญ่
" สงสารแล้วก็สมเพช ก็เลยอยากจะช่วย ทำให้มึงผอมจริงๆ "
" หึ คำว่าสมเพช ไม่ใช่คำพูดของคนอยากจะช่วยหรอก มึงก็แค่จะกวนตีนกูแล้วก็ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน มันก็เท่านั้นแหละ " มันที่สะบัดมือออกจากมือของผม
" ถ้าจะเปลี่ยนใจก็บอกแล้วกัน "
" ไม่มีทาง! “ เสียงที่ตอบกลับมา ก่อนจะเดินออกไป ในตอนนั้นผมยกยิ้มกับตัวเอง ก็จริงอย่างที่มันบอก คำที่พูดออกมาว่า ' สมเพช ' ไม่น่าจะใช่คำที่คนอยากจะช่วยเค้าพูดกันหรอก
" มึงลดเองไม่ได้แน่ไอ้อ้วน " แล้วกูที่อยากเห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นมันกลับใจมาชอบมึง ต้องทำยังไงวะ ถ้ากูอยากจะเล่นเกมส์นี้แต่คนในเกมส์ลงไม่ครบโดยเฉพาะตัวหลัก แม่งก็ไม่เป็นเกมส์สิวะ " เซ็งชิบหาย คิดว่าจะได้มีอะไรทำอะไรสนุกๆสักหน่อย "
.................................................................
“ อีเขิน ! มึงหายไปไหนมา! “ เสียงไอ้ลี่ตะโกนขึ้นตอนที่เห็นผมนั่งลงตรงหน้ามัน ถอนหายใจมองจานข้าวที่ยังเหลืออยู่ ผมเงยหน้าบอก
“ ไปเรียนกันเถอะ "
“ แล้วมึงไม่แดกแล้วรึไง " มันถามหน้างงๆ ผมก็ส่ายหน้า
“ ไม่อะ อิ่มละ " ลุกขึ้นจากที่นั่งอีกครั้ง ผมตั้งใจจะลดน้ำหนักตั้งแต่วินาทีนี้แหละ แล้วก็จะไม่ต้องพึ่งพาใครมาช่วยด้วย ผมจะลดด้วยตัวเอง แล้วก็จะทำให้สำเร็จให้ได้!
เข้าไปเรียนคาบเย็นที่เป็นคาบสุดท้ายของวันนี้ ก่อนจะขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกมาจากมหาลัยโดยที่ไม่แวะไปที่สหกรณ์เพื่อซื้อขนมเหมือนอย่างปกติ แล้วในตอนที่กำลังติดไฟแดงอยู่นั้น
“ หิววะ " ผมพูดกับตัวเองตอนที่มองหาขนมในรถ ที่คิดว่าคงเหลือไว้บ้างแต่ก็ไม่มีอะไรสักอย่าง " เออวะ เมื่อวานกูกินหมดแล้วเพราะตั้งใจจะลดความอ้วนนี่หว่า " บอกกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจ " สัด เสือกหิวอะไรขึ้นมาตอนนี้วะ " เหลือบมองไปรอบๆตอนที่ติดไฟแดง จำได้ว่าขับออกไปอีกหน่อยจะเจอเข้ากับร้านสะดวกซื้อร้าน แต่ผมก็ฝืน " ไม่ๆ กูจะไม่กิน กูจะอดทน จะไม่กิน กูต้องผอม "
ขับรถผ่านเซเว่นแรกไปโดยไม่แวะกลับไปมอง ขับต่อไปเรื่อยๆท้องก็เริ่มร้อง ตอนแรกคิดว่ามันเป็นเพราะความอยาก เพราะผมกินขนมตอนขับรถทุกวัน แต่พอเริ่มปวดท้องมาขึ้นก็ค้นพบว่า มันไม่น่าจะใช่แค่ความอยากแล้วละ
" เอาวะ ในเซเว่นมันต้องมีอะไรผอมๆ แดกบ้างละ " ในที่สุดก็ตัดสินใจแวะจอดที่เซเว่นที่สอง ผมเดินตรงเข้าไปตอนที่เห็นข้าวผัดไข่กับไก่สูตรเกาหลี กลืนน้ำลายลงไปในท้องก่อนจะเหลือบไปกินอย่างอื่น " ไม่เขิน มึงต้องผอม และต้องตั้งสติก่อนซื้อนะ "
หยิบถั่วขึ้นมาจากในชั้นทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะกิน ก่อนจะเหลือบไปมองเลย์ห่อสีเหลืองแล้วป๊อกกี้สีชมพู " แต่ว่าวันนี้กูก็ไม่ได้ลดมาทั้งวันแล้ว ก็แดกๆ ไปเถอะ ค่อยลดพรุ่งนี้ " และพอคิดได้แบบนั้น วินาทีถัดมาผมก็เดินไปหยิบตะกร้ามาหยิบขนมที่อยากจะกินทุกอย่างลงในนั้น ลืมไปหมดเลยคำพูดดูถูกและคำสัญญาของพี่ทีม หรือแม้แต่เสียงลอยมาของไอ้เรียวคนขี้เสือกที่บอกว่า ' แดกแบบนี้เมื่อไหร่จะผอม ' แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันครับ ที่ผมแพ้ให้กับตัวเอง
ทั้งข้าวผัดไก่เกาหลี เลย์ห่อใหญ่ไซส์ครอบครัว หรือแม้แต่ป๊อกกี้ก็หมดไปแล้ว ผมที่นั่งดูดน้ำแป๊ปซี่ในแก้วของตัวเองจนหมด ตักน้ำแข็งขึ้นมาเคี้ยวก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน จอดที่ลานจอนรถเรียบร้อย ตอนที่เดินเข้าไปข้างในบ้านและกำลังจะผ่านในครัว
" เขิน มากินข้าวสิ วันนี้แม่ทำหมูตุ๋นหม้อไฟ ไข่เจียวหมูสับ แล้วก็กุ้งผัดพริกเอาไว้ เมื่อวานแม่ดูวิธีทำมาจากในเน็ตดูน่ากินมากเลย " แม่ของผมที่เอ่ยทักขึ้นมา รูปร่างอวบที่ดูคล่องแคล่วของเธอ แม่ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วกำลังตักข้าวใส่จาน รอทุกคนลงมากิน กลิ่นหอมๆของอาหารบวกกับหน้าตาที่น่ากินของมัน ผมถอนหายใจออกมา " เมื่อกี้อายมาชิมมันบอกว่าอร่อยมาก เขินมานั่งๆ แม่จะไปเรียก อายกับป๊ามากินด้วย " เธอบอกก่อนจะยิ้ม
" แต่ว่า.." คือ ผมกินมาแล้วไงแม่ อิ่มมากแล้วด้วย มันก็น่ากินอยู่หรอก แต่อิ่มไง อิ่มมากด้วย แม่จะเข้าใจมั้ย
" หรือว่า เขินลดน้ำหนัก " เธอถาม ก่อนจะเอียงหน้ามอง " จะไม่กินเหรอ แม่ลงครัวเองเลยนะ "
" กินก็กิน แต่แค่นิดเดียวนะ "
" ให้มันได้อย่างงั้น พ่อลูกชาย เอาไปเลย " ข้าวพูนชามถูกส่งมาให้สมเป็นแม่ของผมจริงๆ เวลาที่แม่ลงครัวเป็นอะไรที่ต้องกินครับ เป็นไฟท์บังคับเพราะแม่ไม่ค่อยทำ เวลาทำขึ้นมาก็เลยต้องกินเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ พ่อผมบอกไว้แบบนั้น " กินเถอะเชื่อแม่ กินเยอะๆ พรุ่งนี้ค่อยลด "
" เขินจะไม่ผอมก็เพราะแม่นั่นแหละ " บ่นออกมาแบบนั้นก่อนจะตักหมูตุ๋นหม้อไฟขึ้นมากิน เป็นเนื้อชิ้นกระดูดอ่อนที่พอกินเข้าไปคำแรกผมก็ตาโตขึ้นมา " อร่อยอะแม่ " แล้วดูท่าว่าข้าวพูนชามที่ได้มา อาจจะต้องเพิ่มก็เป็นได้
ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักวันนี้เป็นวันแรก ผมหยิบน้ำขึ้นมากินหนึ่งขวดเต็มๆก่อนจะนอนลงแล้วนวดท้องไปมาเหมือนทุกวัน เป็นวิธีที่ทำให้ตัวผมถ่ายในทุกเช้า หลับตาลงแล้วคิดถึงหมูตุ๋นหม้อไฟเมื่อคืนที่กินเข้าไป เป็นอะไรที่อร่อยมาก เนื้อแดงนุ่มกำลังดี กระดูกอ่อนก็กรุบๆกรอบๆ
" อยากกินอีกวะ " พูดกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะส่ายหน้าไปมาสลัดความคิดของตัวเอง แล้วพูดออกมาเสียงดัง " ไม่! วันนี้กูจะลดความอ้วน กูจะจริงจัง!! กูจะผอม "
เดินลงมาชั้นล่างของบ้าน กลิ่นหอมๆของข้าวต้มปลาก็ลอยมาเตะจมูก สูดกลิ่นความน่ากินนั่นเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ เขินนน มากินข้าวต้มปลาลูก มา " แม่เอ่ยเรียกผม ตอนที่กำลังจะเดินผ่านห้องครัวของบ้านไป ส่ายหน้าให้เธอก่อนจะบอก
" เขินจะไดเอทตามสูตรอะแม่ ไม่กินนะ อาทิตย์นึงเลย "
" ไดเอทตามสูตรแล้วเค้าไม่ให้กินข้าวเช้าเหรอ " เธอถามต่อ ด้วยสายตาเป็นห่วง " แบบนั้นไม่ได้นะ ข้าวเช้าสำคัญนะเขิน "
" กิน แต่เค้าให้กินอย่างอื่นแทนอะ "
" แล้วเค้าให้กินอะไร " คำถามที่ทำให้ผมนิ่ง แต่เจ๊อายก็เป็นคนตอบขึ้นมาแทน
" กินโยเกิร์ต ถ้วยนึง "
" ห๊า ? แล้วมันจะไปอิ่มอะไร โยเกิร์ตถ้วยเดียว มากินข้าวดีกว่ามา อร่อยนะลูก " กวักมือเรียกให้เค้าไปหา ผมก็ส่ายหน้าไปมา
" ไม่อะแม่ ไม่กิน " วิ่งหนีออกไปจากบ้านหลังจากพูดคำนั้นจบ ปลดล็อครถของตัวเองตอนที่เข้าไปนั่งผมสูดลมหายใจเข้าไปในปอด เค้าบอกว่าการเริ่มต้นช่วงสามวันแรก เป็นอะไรที่ยากที่สุด ถ้าเราผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว เพราะงั้นผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้
จอดรถที่ลานจอด ผมแวะซื้อโยเกิร์ตในสหกรณ์กับน้ำ อ่านมาในเน็ตเค้าบอกว่าให้กินน้ำสองแก้วก่อนจะกินอาหารทุกมื้อจะช่วยให้อิ่มแล้วอยู่ท้อง นั่งลงที่โต๊ะหน้าคณะที่ว่างอยู่แกะน้ำออกมากินเป็นอย่างแรก แต่ยังไม่ทันหมดขวดก็อิ่มแล้ว
" ท่าทางจะได้ผลวะ "
" เชี้ยเขินนนน " เสียงที่ดังมาของไอ้ลี่เอ่ยทักผม ก่อนจะนั่งลงข้างๆ " ทำไมวันนี้มึงมาเร็วจังวะ ปกติกูเห็นมาหลังกู "
" วันนี้ไม่ได้แดกข้าวที่บ้านไง " ผมบอกก่อนจะเปิดโยเกิร์ตขึ้นกิน
" นี่ทำตามสูตรแล้วสินะ "
" ใช่ " พยักหน้ารับมัน ไอ้ลี่ก็ท้าวคางมองผมที่นั่งกินโยเกิร์ต
" สู้ๆนะมึง กูขอให้มึงผอมเร็วๆ เป็นกำลังใจให้ "
" ทำไมหน้าตามึงดูไม่ค่อยมั่นใจเลยวะ ว่ากูจะทำได้ "
" แหมมม มึงมันก็ยากนะ มึงลองคิดดูว่า ปกติมึงกินเยอะแค่ไหน แล้วจะให้กินแค่นี้แบบฉับพลัน มันก็ยากนะเว้ย ทำไมมึงไม่ลองแบบค่อยๆ ทำวะ "
“ กูอยากจะผอมเร็วๆไง "
“ แต่กว่าจะอ้วน ยังใช้เวลาเลย กว่าจะผอมมันก็ต้องใช้เวลานะเว้ยไอ้เขิน มึงไม่ลองออกกำลังกายอะ "
“ ไม่เอาอะ กูจะเอาเวลาที่ไหนไปออกวะ " ผมบอกอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา " มึงลองคิดดูว่า กูกลับถึงบ้านก็เย็นแล้ว ไหนจะมีการบ้าน รายงานอีกอะ บางทีก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน "
พ่อแม่ของผมท่านเปิดบริษัทออแกไนซ์ครับ พวกรับจัดงาน เป็นบริษัทขนาดเล็กที่ได้รับการยอมรับในระดับนึง ซึ่งคนที่ต้องรับช่วงต่อก็คือผม แน่นอน ไม่ใช่เจ๊อายที่ตอนนี้ก็ทุ่มเทให้กับการเรียนหมอฟันเต็มที่ เพราะงั้นพ่อกับแม่ก็ให้ผมไปช่วยงานท่านบ่อยๆ เหมือนเป็นการเรียนรู้ไปด้วยในตัว แต่ผมก็ชอบนะ มันสนุกดี ซึ่งแน่นอนว่าเวลาชีวิตในหนึ่งวันของผม บางทีก็เต็มอย่างไม่ต้องสงสัย ครั้นจะให้ไปออกกำลังกายอีก ก็คงเป็นไปไม่ได้ครับ ขี้เกียจด้วยละ ขอลดความอ้วนด้วยการคุมอาหารอย่างเดียวดีกว่า
" ซื้อเครื่องวิ่งดิ วิ่งสักแบบ ก่อนออกมาเรียน 30 นาที กลับบ้านไป 30 นาที ผอมแบบเฟิร์มๆไงมึง "
" ขอตังค์หน่อย " ยื่นมือไปหามัน ไอ้ลี่ก็ตีเข้าที่มือ ผมก็หลุดหัวเราะ " เอาไว้ให้กูลดลงไปสัก 10 กิโลแล้วก็จะซื้อละกัน "
" เออ ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปลืองเงิน เอาไว้ให้จริงจังจริงๆ ก็ค่อยซื้อ "
" แต่นี่กูก็จริงจังนะเว้ยย " ผมบอกมัน อีกคนก็พยักหน้ารับ แบบไม่ค่อยเชื่อใจผมเท่าไหร่
" จ้่าๆ แล้วเที่ยงนี้มึงจะกินอะไร "
" ไข่ต้ม สองฟอง ตามสูตร "
" แล้วจะไปหามาจากไหนวะ "
" เซเว่นไงมึง เซเว่นมีทุกอย่าง "
" เออ จริงด้วย เคๆ แล้วแบบนี้มึงจะไปแดกข้าวกับกูมั้ย "
" แดกสิวะ เดี๋ยวกูซื้อไข่ต้มมานั่งกินกับมึง "
" กูกลัวมึงตะบะแตกอะดิ งั้นกูจะส้มตำแล้วกันวันนี้ มึงจะได้ไม่โหยหาข้าวป้า "
" เป็นคนดี รักเพื่อน " ผมบอกก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่มัน " ขอให้ความดีนี้จงทำให้มึงมีเงินแล้วไปบินไปศัลยกรรมที่เกาหลีได้สักทีนะ "
" จ้า อีดอกกกก " มันย้ำเสียงใส่ผม ก่อนที่เราจะหัวเราะกันออกมาเสียงดัง
............................................................
ชั่วโมงแรกของการเรียนหมดไป ผมนั่งมองนาฬิกาทุกสิบวิ เพื่อดูว่าเมื่อไหร่มันจะถึงเที่ยง ผมกินน้ำเข้าไปจนหมดขวดจนตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ท้องที่เริ่มว่างเปล่า อาการมือชาแปลกๆ ก็ตามมา หนำซ้ำผมยังรู้สึก ปวดท้อง
“ เป็นอะไรของมึงวะ ไอ้เขิน นั่งบิดอยู่นั่นอะ "
“ ลี่ กูปวดท้องวะ " ผมบอกก่อนจะเม้มริมฝีปากมองเพื่อนตัวเอง " คงเพราะกูกินน้อยไปมั้ง "
“ ชิบหายละ เห็นมั้ยบอกแล้วว่ามันโหดไป " ไอ้ลี่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปเหลือบมองอาจารย์ที่หน้าห้อง " แล้วเอาไง แต่นี่มันเพิ่งสิบโมงเองนะ ยังไม่ถึงเวลากินของมึงไม่ใช่เหรอ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับ " กูทนได้ ไม่เป็นไร แต่ขอน้ำมึงกินหน่อย "
“ เค " ยื่นน้ำของตัวเองมาให้ " เอาไป แดกไปจะได้หายหิว "
“ ขอบใจมึง " นั่งกินน้ำเข้าไปจนเกือบหมด แต่ไม่ว่ายังไงการกินน้ำมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมเท่าไหร่ ความปวดท้องยังอยู่หนำซ้ำยังแทรกด้วยความจุกน้ำที่กินเข้าไปอีกตังหาก
" เป็นยังไงบ้าง หายปวดมั้ย "
" ไม่หายวะ "
" กูว่าเที่ยงนี้กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเป็นกระเพาะแล้วจะเรื่องใหญ่ "
" ไม่ๆ กูไหว กูต้องทำให้ผ่านสองวันแรกไปให้ได้ ผ่านสองวันแรกก็สบายๆแล้วมึง วันที่สามให้แดก เกาเหลาได้ "
เลิกคลาสด้วยความทรมานอย่างที่สุด ท้องที่เหมือนไม่มีอะไรของผม หอบหิ้วตัวเองออกจากห้องเรียนเหมือนคนหมดแรง ลงลิฟต์ไปชั้นล่างตึกด้วยยาดมที่ไอ้ลี่ยื่นมาให้ด้วยความเป็นห่วง
" มึงนั่งนี่เถอะ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้ มึงไม่ได้แดกอะไรเลยแบบนี้ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป " ลี่เชิดหน้าไปที่โต๊ะนั่งที่ใกล้ทางออกของมหาลัย ผมพยักหน้ารับ " แล้วมึงจะเอาอะไรบ้าง น้ำหวานหน่อยมั้ยจะได้มีแรง กูจะซื้อจากหน้าม.มาให้ บอกเค้าว่า หวานนิดเดียว "
" ไม่เอาอะ เอาแค่น้ำเปล่า ขวดใหญ่เลยนะ กับ ไข่ต้มสองฟอง เอามาแค่นั้นพอ "
" แต่มึง.."
" กูอยากจะทำให้มันสำเร็จจริงๆ " เงยหน้าบอกไอ้ลี่ที่มีสีหน้ากังวล มันถอนหายใจออกมา " มึงช่วยไปซื้อให้หน่อยเถอะ "
" แต่การลดน้ำหนักไม่ใช่การทรมานร่างกายนะเว้ย แค่มึงกินน้อยลงจากเดิม มันก็ลดลงแล้วเชื่อกูสิ "
" เอาน่า มึงอย่ามัวแต่บ่น ไปซื้อได้แล้ว กูหิวว "
" เออๆ รอแปป " ในเมื่อพูดไปก็เท่านั้น ไอ้ลี่ก็เลยตัดสินใจเดินออกไป ผมหยิบน้ำขึ้นมากินอีกครั้ง กุมท้องตัวเองไว้ด้วยความปวด แบบทรมานอย่างที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน นี่แหละเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตลอดมาผมถึงไม่คิดจะลดน้ำหนักเลย ความรู้สึกทรมานแบบนี้ ผมรู้สึกว่า การกินคงเป็นวิถีทางที่ดีกว่า
“ ปวดท้องชะมัด " พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงนอนบนกระเป๋าผ้าของตัวเอง สายตาที่มองไปที่หน้าประตูมหาลัย ผมมองอยู่แบบนั้นเป็นยี่สิบนาทีก่อนที่เพื่อนสาวคนสนิทจะเดินเข้าไปมาด้วยถุงอาหารแบบพะรุงพะรัง
“ มึงงง จะตายยัง กูมาแล้ว " มองถุงทั้งหมดลงบนโต๊ะ ผมหยิบน้ำมาดื่มเป็นอย่างแรก " นี่กูซื้อของที่ไม่อ้วนในเซเว่นมาให้มึงเลยนะ มีอกไก่นุ่มด้วย เผื่อมึงกินไข่ต้มแล้วไม่อิ่ม "
" แล้วมึงจะซื้อมาทำไมมมมมมม " ผมลากเสียงยาวก่อนจะถอนหายใจ " มึงซื้อมา กูก็อยากจะแดกสิวะ "
" มันไม่อ้วนหรอก มันเป็นของลดความอ้วน มึงกินเข้าไปเถอะน่า วันนี้เลิกเรียนแล้ว มึงต้องขับรถกลับบ้าน เกิดหิวจัดจนเบลอ เผลอไปขับรถชนเสาไฟฟ้า ไม่ตายห่าเหรอวะ “
“ อีลี่ มึงแช่งกูเพื่อออ “
“ พูดความจริง แดกๆ ไปเถอะ กินแค่อกไก่กับไข่สองฟองมันไม่อ้วนหรอก จะได้อิ่มๆด้วยไง นี่ซื้อถั่วมาให้ด้วย มึงจะได้เคี้ยวๆ เพลินๆ " มันว่าก่อนจถอนหายใจออกมา ลี่ดึงจานข้าวสีดำของตัวเองขึ้นมาจากถุง ผมมองจานข้าวมันก่อนจะกลืนน้ำลาย มันเป็นข้าวเซเว่นที่ผมโคตรชอบครับ ข้าวผัดไข่ไก่เกาหลี วินาทีที่มันตักไก่เกาหลีคลุกข้าว พร้อมด้วยควันอุ่นๆที่พุ่งขึ้นมา ผมกลืนน้ำลายอีกครั้ง
" เปิดอกไก่แดกเถอะมึง " ไอ้ลี่ยื่นให้พลางเปิดให้เสร็จสรรพ " อร่อยนะ รสชาติไม่แย่หรอก กูเคยกิน "
" อื้ม " ตอบมันเสียงเบาๆ ก่อนจะสูดกลิ่นอาหารที่อยากจะกินเข้าไปในปอดแล้วคิดว่าตัวเองได้กินมันคนเดียวทั้งหมด ก่อนจะพูดในใจ กูต้องผอม กูต้องผอมให้ได้ " หน้าตาน่ากินดีนะมึง "
“ หมายถึงอกไก่ ? “
“ อื้ม " พยักหน้ารับก่อนจะกินเข้าไป รสชาติไม่ได้แย่เลยครับ อร่อยมากเลยด้วย ผมกินเข้าไปเข้าไปจนหมด ก่อนจะตอกไข่ต้มกินตามเข้าไป อีกสองฟอง พร้อมกับน้ำเปล่า
“ โอ้โหหหหหห ลดน้ำหนักเหรอจ๊ะ น้องเขิน " เสียงที่ทำให้มือที่กำลังกินไข่ต้มของผมอยู่ชะงัก เงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอพี่ล๊อคที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะนั่งลงร่วมโต๊ะกับเราแบบไม่มีใครเชิญ ผมมองไปรอบๆแต่ว่ากลับไม่เจอพี่ทีม " ไอ้ทีม มันไม่ได้เดินตามหรอก มันเห็นมึงนั่งอยู่ มันก็เดินออกไปอีกทางละ "
“ ไหงงั้นวะ " ไอ้ลี่พูดขึ้น " ทำไมพี่ทีมต้องหลบหน้าไอ้เขินขนาดนั้น "
“ พอดีมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่อะ ว่าจะไปกินส้มตำกันหน้ามหาลัย ถ้าเดินมาเจอมึง มันก็แซวไอ้ทีมกันดิวะ "
“ แซวว่า ? “ ผมถาม อีกคนก็ยกยิ้ม
“ มึงอยากฟังเหรอ " เค้ายกคิ้วถาม " นั่นไง ไอ้อ้วนที่มาสารภาพรักกับมึง ไม่ก็ ไอ้อ้วนอยู่นั่นไงไอ้ทีม ว่าไงจ๊ะ มาสารภาพรักกับพี่ทีมอีกทีมั้ย อ้วนนนนน อะไรแบบนี้ "
“ ทุเรศ " ไอ้ลี่บอก " แค่อ้วนเองนะเว้ย ไม่ได้มีอะไรผิดไปมากกว่านี้เลย มันร้ายแรงมากเลยเหรอวะ ถึงทำให้เพื่อนๆพี่ มองดูไอ้เขินเป็นตัวตลกขนาดนี้ พี่ทีมถึงขั้นอายมันขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลย คนเราแค่หลงรักใครสักคนมันผิดมากเหรอวะ "
“ คนที่เค้าหน้าตาดีมาตั้งแต่เกิด เจอแต่คนสวยๆ หน้าตาน่ารัก สารภาพรักมาทั้งชีวิต คนที่จะดูตัวเองก่อนว่าอาจจะมีโอกาสที่เค้าจะตอบรับ ไม่ใช่คนที่ไม่ได้แคร์อะไร แล้วก็ไปสารภาพ มึงก็ต้องเข้าใจไอ้ทีมมันด้วยนะ มันไม่เคย ก็ไม่แปลกที่มันจะอาย ยิ่งมาโดนเพื่อนล้อแบบนี้อีก ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ "
“ อื้ม เข้าใจ " ผมบอก ไอ้ลี่ที่เตรียมเถียงก็ถอนหายใจ
“ พี่ทีมคงเกลียดผมไปแล้วละ ไม่น่าเลย ผมไม่น่าพูดออกไปเลย " ก้มหน้าลงมองไข่ต้มที่กำลังจะกิน ผมยัดมันเข้าไปอีกคำ ก่อนจะเคี้ยว
“ กูได้ข่าวว่ามึงไปท้ากับไอ้ทีมว่า ถ้ามึงลดน้ำหนักได้จนผอม มึงจะขอกลับไปคุยกับมันเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ผอม มึงจะไม่คุยกับมันอีก "
“ อื้ม ใช่ " พยักหน้ารับอีกคน ไอ้พี่ล๊อคก็ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ เอาชาตินี้แล้วกันนะ อย่าให้นานเกินละมึง " ยักคิ้วให้อีกครั้งเค้าที่เดินไป ไอ้ลี่ก็มองตาม
“ ปากหมาไอ้สัด มึงแม่งก็ยอม จริงจริ๊งงงงงงงง กับพี่ทีม น่าจะด่ากลับไปแบบปกติที่เคยด่า ความปากแรงหายไปไหนหมด "
“ เค้าก็พูดจริงของเค้า จะให้กูด่าอะไร " กินไข่ต้มเข้าไปคำสุดท้ายก่อนจะดูดน้ำเปล่าตามเข้าไป
มันจริงอย่างที่พี่ล็อคบอก ผมทำให้พี่ทีมต้องอายเพื่อน ต้องทนฟังคำล้อ จากการที่คนอย่างผมไปสารภาพรัก เป็นคนอ้วนๆ ที่ก็ไม่ได้เจียมตัวเองเลยสักนิด
“ แล้วเป็นไง ดีขึ้นมั้ย " ไอ้ลี่ถาม ผมก็เงยหน้ามองมันก่อนจะพยักหน้ารับ
“ ดีขึ้นละ " ผมบอก " แต่ว่าไม่อิ่มวะ "
“ ฮ่าๆๆ มันก็ปกติ เปล่าวะ " อีกคนยิ้ม " ทุกวันมึงกินข้าวพิเศษ วันนี้ให้มากินแค่นี้มันจะไปอิ่มอะไรเล่า "
“ กูอยากจะกินชาเขียววะ จะไปดูชาเขียวแบบไม่หวานในสหกรณ์หน่อย มึงจะเอาไรมั้ย "
“ ไม่เอาอะ มึงไปเถอะ " พยักหน้ารับมัน ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินตรงไปที่สหกรณ์ ระหว่างที่ผมเดินไป ผมรู้สึกว่ามีหลายสายตามองมาทางผม มองมาที่รูปร่างของผม หลายคนหัวเราะ แล้วชี้ชวนให้เพื่อนดูความอ้วนของผม เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ แต่ผมไม่เคยสนใจเลย แต่มันกลับไม่ใช่วันนี้ เงาสะท้อนของกระจกร้านที่ฉายร่างของผม
' เพราะอ้วนแบบนี้ แล้วก็เพราะผมน่าเกลียดแบบนี้ ก็เลยทำให้พี่ทีมต้องโดนล้อ ผมทำให้เค้าอยู่ในสารภาพนั้น ชีวิตที่มีความสุขของพี่ทีม วันนี้ผมทำให้ความสุขบางส่วนของเค้า หายไปแล้ว '
“ ขอโทษครับ " มือที่จะผลักประตู สวนทางกับคนในร้านที่กำลังจะออกมาพอดี ประตูที่ชนร่างของผมชวนให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยปากขอโทษ ปากที่อยากจะบอกออกไปว่าไม่เป็นไร แต่มันก็หยุดนิ่งลงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
" ไอ้เรียว " ยักคิ้วให้ผมเป็นการทักทาย มันเดินผ่านผมออกไป แต่อยู่ๆคำพูดของมันที่พูดกับผมเมื่อวาน ก็ดังขึ้นมาในความรู้สึก ' กูช่วยมั้ย จะเป็นเทรนเนอร์ให้มึง '
มองตามแผ่นหลังที่เดินออกไปในตอนนั้น ขาที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้านของผมชะงักค้างลง ในช่วงเวลานึงผมคิดขึ้นมา บางทีมันอาจจะมีวิธีอะไรสักอย่างที่ช่วยผอมได้ก็เป็นไปได้
" ไอ้เรียว! " ไวเท่าความคิด เสียงของผมตะโกนออกไป มันดังจนเจ้าของชื่อที่เดินออกไปไกลแล้วหันกลับมา รวมถึงคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั่นก็ด้วย ร่างสูงหันกลับมามองผม มันที่เลิกคิ้วขึ้นมองราวกับจะถามว่ามีอะไร ผมที่ก็เดินเข้าไปใกล้ถอนหายใจมองมัน ก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น รู้สึกเซ็งตัวเองอยู่หน่อยๆ ที่กลับคำจากเมื่อวานได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่ว่าผมก็ไม่อยากจะให้มันช้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ ยิ่งผอมเร็วเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็ต้องพูดออกไปแม้จะเสียหน้าเท่าไหร่ก็ตาม แล้ววินาทีนั้นก็เงยหน้ามองมันแล้วพูดออกไปด้วยเสียงมั่นใจ " มึง..ช่วยมาเป็นเทรนเนอร์ลดน้ำหนักให้กูหน่อยจะได้มั้ย ช่วยทำให้กูผอมที "
....................................................
อยากเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ปฎิบัติการเปลี่ยนนายให้เป็นฟามิงโก้
รู้สึกฟามิงโก้ดูสดใสแรดๆ แบบน้องเขินดี เอ็นดูความลดน้ำหนักของน้องเค้า
ไม่เป็นไรนะลูก ถ้าหนูพยายามมันต้องผอม เอาใจช่วยน้องเขินกันนะคะ มาดูกันว่าพี่เรียวจะทำยังไง ให้เขินผอม
แต่ก่อนอื่นคือ เรียวจะรับมั้ย ฮ่าๆๆ
โอเค เจอกันตอนหน้า ในวันศุกร์หน้า
ใครมีทวิตน้องหนมฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันจ้า