Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 7
เดินออกจากร้านอาหารมาที่ห้างใกล้ๆหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ผมตรงไปที่รถเข็นเป็นอย่างแรก เข็นมันออกมาก่อนจะหันไปยิ้มให้ไอ้เรียวที่ก็ยังคงหน้านิ่งไม่เปลี่ยน ผมที่ค่อยๆหุบยิ้มตัวเองลงไปด้วยใบหน้าเซ็งๆ ในใจที่กร่อนด่ามัน ' จะตอบรับยิ้มกูสักหน่อยก็ไม่ได้นะสัด เก็กอยู่นั่น '
“ แล้วนี่กูต้องซื้ออะไรบ้างอะ " ผมหันไปถามคนที่ยืนอยู่ๆ ไอ้เรียวหันมามองอยู่สักพักก่อนจะหันกลับไปมองอะไรเรื่อยเปื่อยตรงหน้าเหมือนเดิม มือมันหยิบถุงแอปเปิ้ลเขียวขึ้นมาแพ็คนึงพลิกดูอยู่สักพักก่อนจะเอาใส่รถเข็น " นี่ ช่วยตอบคำถามที่กูถามไปด้วยสิวะ มึงจะเก็กหน้าหล่ออะไรนักหนา รำคาญญญญญญญ ตอบเร็วๆหน่อบจะได้มั้ย "
" แล้วมึงจะกินอะไร " มันถามกลับคราวนี้ผมก็นิ่ง " อะไรที่คิดว่ากินเข้าไปในตอนเช้าแล้วอิ่ม อยู่ท้อง "
" ข้าวมันไก่ " สบสายตาอีกคนที่มองออกไปทางอื่นก่อนจะถอนหายใจ
" งั้นก็ซื้อข้าวไรท์เบอรี่ไปสักถุงสิ "
" ข้าวที่มันมีสีดำๆอะนะ "
" อื้ม " เรียวพยักหน้ารับ " แล้วก็อกไก่ สัก หกชิ้น "
" ทำไมต้องซื้อตั้งหกชิ้นวะ "
" ก็สำหรับมื้อเช้าสามวัน แล้วก็มื้อเย็นอีกสามวัน " มันเว้นเสียงก้มหน้าลงคิด ก่อนจะหันมาบอกอีกครั้ง " จะซื้อกินเช้าวันจันทร์ก่อนไปเรียนด้วยก็ได้นะ "
" นี่กูต้องกินอกไก่สามวันเลยเหรอ " ผมถามย้ำมันด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ " คือจะแดกหมู กุ้ง อะไรแบบนี้อย่างอื่นไม่ได้เลยอะ กูต้องแดกอกไก่ทั้งสามวันเลย "
" อกไก่เป็นเมนูของคนลดน้ำหนัก ทำใจให้ชอบแล้วเลิกทำหน้าเหมือนจะตายได้แล้ว มึงยังต้องอยู่กับมันอีกเป็นปี หรือไม่ก็อาจจะทั้งชีวิตถ้าลดไม่สำเร็จ "
“ ไม่เอาน่า ไม่มีหมูสักส่วนที่แดกแล้วไม่อ้วนเหรอวะ เช่น หมูเนื้อแดงไง ไม่มีเนื้อขาว "
“ แดกไก่ดีกว่า แคลลอลี่มันน้อยกว่าเยอะ "
“ แต่ว่าถ้าแดกทุกวันอย่างที่มึงว่า กูไม่เป็นเก๊าต์เหรอไง "
“ มึงก็รีบผอมๆเข้าสิ จะได้เลิกแดกเร็วๆ " มันยกยิ้มก่อนจะเดินลากรถเข็นที่ผมเข็นอยู่ออกไปข้างหน้า ไม่ได้หันมาฟังเสียงสถบด่าของผมแต่อย่างใด
“ ไอ้สัดเอ้ย " ไม่รู้ว่าคนอย่างกู จะผอมก่อนหรือเก๊าต์ก่อนกันแน่ละงานนี้ " แล้วนี่ ตอนเช้ามึงจะให้กูกินอะไรอะ "
“ ก็กินข้าวไรต์เบอรรี่ถ้วยนึงกับอกไก่ชิ้นนึง แล้วก็สลัด ถ้ามึงไม่อิ่มก็ผลไม้ "
“ แต่กูไม่มีกินผัก " ผมบอกมันอีกคนก็ถอนหายใจ
“ ก็ต้องกิน " มันหันมาบอกเสียงเข้ม
“ แต่..”
“ กฏของการลด ต้องทำตามคำสั่งของกู บอกให้กินอะไรก็ต้องกิน " ไปทวงคำพูดตั้งแต่วันแรกที่ผมตกลงว่าจะลดน้ำหนักมาพูดจนได้ ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่สบสายตาคมของมันที่จ้องมา " กินสลัดซะ "
“ ขอกินนิดเดียวนะ "
“ กินสักถ้วย " มันย้ำผมก็ได้แต่ทำหน้าตาจะร้องไห้ใส่มัน " เป็นเหี้ยอะไร กูบังคับให้มึงแดกขี้หมารึไง "
“ เออใช่! แล้วกูขอบอกไว้ว่ามันมากกว่านั้น คือมึงแม่งไม่เข้าใจคนที่ไม่กินผักอะ จะผักอะไรก็ไม่ได้ ไม่กิน มึงเข้าใจมั้ย จะอร่อย ไม่อร่อยกูก็ไม่แดก มันไม่โอเค แค่เห็นก็ไม่อยากจะมอง ไม่อยากจะใกล้ กูไม่ได้ไม่กินอย่างเดียว แต่กูรังเกียจมัน มึงเข้าใจมั้ย "
“ มันมีไฟเบอร์จะช่วยให้มึงถ่าย ช่วยให้มึงอิ่ม แบบที่มึงกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน "
“ ทำไมโลกใบนี้ไม่กำหนดให้ขาหมู แล้วก็ไก่ทอดเป็นของที่แดกเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนวะ ทำไมไม่กำหนดของอร่อยๆว่าเป็นเมนูลดน้ำหนักบ้าง ทำไมถึงมีแค่ ผัก กูไม่เข้าใจ ทำไมโลกถึงไม่ยุติธรรมขนาดนี้ "
“ เป็นบ้าพอรึยัง " มันถามผม ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหยิบผักเป็นต้น ตั้งสองสามต้นเข้ามาใส่ไว้ในรถเข็น ยังไม่นับรวมมะเขือเทศราชินีลูกเล็กๆ กับแครอทอีก
“ มึงซื้อทำไมเยอะแยะขนาดนี้ กูแดกไม่หมดหรอกนะเว้ย สามวันอะ อย่างดีก็แค่มะเขือเทศลูกเดียวเท่านั้นอะ "
“ กูกิน "
“ อ๋อออ โอเคๆ ถ้ามึงกินก็คงหมดแหละเนอะ " ยิ้มแห้งๆให้มัน ก่อนจะทำทีไปมองอย่างอื่น " มึง แล้วผลไม้นี่กูกินอะไรได้บ้างอะ สตอเบอรรี่แดกได้มั้ย "
“ ก็ได้ "
“ เหรอ งั้นกูจะซื้อนมข้นด้วย "
“ เพื่อ ? “ มันหันมาถาม
“ ก็กินนมข้นกับสตอเบอรี่ไง มันอร่อยมากเลยนะ หวานๆ มันๆ เปรี้ยวๆมึงไม่เคยกินเหรอ "
“ อ้วน " มันหันมาบอก " กินสตอเบอรี่เปล่าๆไป "
“ เหี้ย แต่มึงมันก็ทอปปิ้งกินนิดเดียว "
“ อ้วน " ย้ำคำเดิมสุดท้ายผมก็ได้มาแค่สตอเบอรี่เปล่าๆกล่องเดียวครับ.. เซ็ง
“ แล้วนี่ตอนเที่ยงกูต้องกินไรอะ "
“ เหมือนตอนเช้า "
“ เบื่อตายห่าแน่ๆ แล้วตอนเย็นอะ "
“ สลัด ไม่ก็ผลไม้ แล้วก็อาจจะเป็นนมอัลมอลล์สักแก้ว "
“ เหรอ " ผมพยักหน้ารับมัน จะว่าไปก็ได้กินครบสามมื้อ แถมยังเป็นปริมานที่พอดีก็คงจะทำให้ไม่หิวได้ละมั้ง เอาว่ะ ต้องสู้หน่อยเพื่อความผอม เพื่อความสวย เพื่อพี่ทีม เขินต้องสู้! " ว่าแต่มึง กูถามอะไรหน่อย "
" อะไร "
" กูเคยเห็นดาราที่เค้าปั่นน้ำผลไม้ปั่นกินอะ ถ้าอย่างงั้นกูปั่นน้ำอัลมอลล์กับน้ำแข็งกินได้มั้ย "
“ ก็ได้นะ เดี๋ยวกูสอน กูมีสูตรอร่อย "
“ ว้าววว " ผมทำตาโตก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแขนมัน " พี่เรียวใจดีอ่า "
" ดูตอแหลไอ้อ้วน "
“ สัด " พูดกันดีๆได้ไม่ถึงสิบวิหรอกกับไอ้นี่ เสียอารมณ์ " สรุปเราก็ซื้อกันแค่นี้เหรอวะ "
“ ถ้าของกิน กูคิดว่าครบแล้ว "
“ แต่กูกลัวไม่อิ่มวะ ขอเพิ่มไข่สักแพ็คแล้วกันนะ จะไปต้มกินเมื้อละฟอง "
“ ก็ตามใจ " หยิบไข่มาแพ็คนนึง ผมพยักหน้ารับกับมันก่อนจะเดินไปที่ล็อคของของใช้ส่วนตัว ไม่มีอะไรมากครับ ผมหยิบโฟมล้างหน้า แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ ยาสระผม แม้แต่ยาสีฟันก็หยิบมา ไม่อยากจะเป็นภาระของเจ้าของห้องครับ อีกอย่างเสือกใช้แบบกลิ่นที่ผมไม่ชอบ ผมคงนอนไม่หลับไปทั้งคืน " เหลืออะไรอีก "
“ อื้มม อ่าใช่ เกือบลืม " ผมบอกก่อนจะเดินออกไปจากล็อคของใช้ เดินเข้าไปที่ล็อคขายอาหารเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ไอ้เรียวที่เดินตามมาผมหยิบให้มันดู " ขนมของท่านหญิง สัญญาไว้แล้วว่าจะซื้อไปให้ ก็ต้องซื้อถูกมั้ย "
“ จะขุนให้แมวกูอ้วนเหมือนมึงเลยใช่มั้ย " มันถามพลางยกยิ้มผมก็ยิ้มกว้างตอบ
“ ใช่! ก็แมวอ้วนๆน่ารักอะ แล้วก็นะ ไอ้ท่านหญิงของมึง แม่งก็ไม่ได้ผอมเลยกูจะบอกให้รู้ไว้ "
“ กูชอบอ้วนๆ "
“ มึงชอบคนอ้วนเหรอ " ผมหันไปถามมัน ได้ยินไม่ชัดว่าอะไร ชอบอ้วนๆ ผมเอามือทาบอกเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นทำท่าทางเหมือนกำลังตื่นเต้น ก่อนจะพูดเสียงสองใส่มัน " หรือว่าที่พี่เรียวมาช่วยน้องเขินก็เพราะว่าพี่เรียวชอบน้องเขินชิมิฮะ ~ น้องเขินเป็นสเป็คของพี่เรียวชิมิฮะ~ "
“ เพ้อเจ้อ " คำพูดสั้นๆของร่างสูงก่อนฝ่ามือจะเอื้อมมาตบหัวผมอย่างจัง ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ผมจิ๊ปากใส่มัน จะแกล้งให้มันเขินหน่อยก็ไม่ได้ หน้านิ่งได้นิ่งดีจริงๆ เซ็งเว้ย
“ แล้วนี่มึงจะไม่ซื้ออะไรแล้วเหรอ " ผมถามมันอีกคนก็ส่ายหน้า
“ ไม่มี "
“ แต่ของกูยังต้องซื้อเสื้อผ้าอีกนะ ยังมีกางเกงใน ชุดนอน แล้วก็ชุดอยู่บ้าน "
“ ก็เดี๋ยวออกจากฝั่งซูปเปอร์ขึ้นไปบนห้างแล้วค่อยซื้อ " เรียวบอกผมก็พยักหน้ารับ เอามือตะเบะเข้าที่หางคิ้ว
“ เซอร์เยสเซอร์! “
“ ปัญญาอ่อน " โดนผลักหัวไปทีนึง ผมหัวเราะให้ไอ้เรียวที่แค่ยกยิ้มขึ้นมานิดหน่อยตามแบบฉบับคนขี้เก็กแล้วหน้านิ่งๆ เราต่อคิวยืนรอจ่ายเงิน แล้วทั้งหมดผมก็เป็นคนจ่ายครับ ไม่มีอะไรพิเศษแค่จะให้ไอ้เรียวมาจ่ายได้ไงของผมทั้งนั้น
" เดี๋ยวของกู กูออกเอง "
" ไม่ต้องหรอก คิดว่าเป็นค่าน้ำค่าไฟที่กูจะอยู่ตลอดสามวันนี้ไง กูจ่ายให้เอง " บอกมันแบบนั้นตอนที่จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยผมก็เข็นรถไปฝากไว้ที่จุดฝากรถเข็นก่อนครับ เพราะต้องขึ้นไปซื้อเสื้อผ้าก่อนกลับจะหอบหิ้วขึ้นไปด้วยก็ใช่ที แต่ถ้าให้พูดตรงๆ คือทำไมเมื่อกี้กูไม่แวะซื้อเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยมาซื้อของกินวะ ซื้อเสร็จแม่งจะได้กลับบ้านเลยไม่ต้องมาฝากยามอยู่แบบนี้ " เมื่อกี้เราก็น่าจะไปซื้อเสื้อผ้าก่อนจะมาซื้อของนะมึง ไม่น่าเลยวะ "
" มึงสมองช้าไง "
" ไม่ใช่มึงรึไง ที่เดินนำกูเข้ามาที่ซูปเปอร์ก่อนนะ " เถียงมันกลับไปแต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่ง ผมรู้ว่าเรียวมันคงไม่ด่าตัวเองเพราะฉะนั้นผมนี่แหละที่ต้องด่ามันแต่ด่าแบบไม่ออกจากปาก เป็นคำด่าแบบเก็บเสียงแบบผู้ดีเค้าทำกัน " มึงนั่นแหละ สมองช้า K "
“ จะด่ากูก็ด่าออกมาตรงๆ "
“ ใครจะด่ามึงไม่มี๊ " ผมบอกเสียงสูงก่อนจะหัวเราะให้มัน " มึงแม่ง นิสัยเหี้ยจนเก็บเรื่องแบบนี้ไปคิดมากขนาดนี้เลยเหรอ ฮ่าๆ " เอื้อมมือไปตบไหล่มันเบาๆ เรียวที่ยังจ้องหน้าผมไม่เลิก ผมก็รีบเดินออกไปจากแม่งเลยครับ กลัวโดนกระชากหัวตบแล้วบอกไปลดน้ำหนักเองเลยไอ้อ้วน
เดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าร้านดังแบรนด์สวีเดน ผมชอบมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่อยู่แล้วเพราะมันมีไซส์ฝรั่งตัวใหญ่ๆอยู่เยอะ เดินเข้าไปที่โซนฝรั่งผู้ชายหยิบเสื้อยืดลดราคาเป็นสีๆมาสี่ตัว ไว้ใส่อยู่บ้านสามแล้วก็นอนอีกหนึ่ง ส่วนกางเกงขาสั้นหยิบมาตัวเดียวครับ ไว้ใส่ซ้ำๆกัน ส่วนกางเกงนอนก็หยิบกางเกงเอวยืดแถวๆนั้นมาตัวนึง
" เท่านี้ ครบละ "
" ไปลองสิ "
" ต้องเหรอ " ผมถามย้ำมันอีกคนก็เหล่ " ปกติกูซื้อเสื้อผ้าที่นี่อยู่แล้ว ใส่ไซส์เดียวนี้ตลอด ส่วนสีกูคิดว่า กูสวยทุกสีนะเพราะว่า กูขาว " ถลกแขนเสื้อให้คนตรงหน้าดูเบาๆ ไม่อยากจะเม้าส์ว่าสีผิวผมกับไอ้เรียวถ้าไปออกงานโฆษณาด้วยกันก็ได้ครับ อารมณ์ก่อนทาครีมเป็นผิวไอ้เรียว ส่วนหลังทาครีมแม่งเป็นสีผิวผม
" ก็เผื่อมึงอ้วนขึ้น บางทีมันอาจจะคับพุงแล้วก็ได้ "
" สัด หยาบคาย "
ในที่สุดก็ต้องเข้ามาลองเสื้อผ้าอย่างที่มันบอกนั่นแหละ เพราะผมเองก็เกิดเสือกไม่มั่นใจขึ้นมาว่าจะแล้วสวยรึเปล่า เกิดใส่เสื้อผ้าไม่เข้ากับตัวเอง แบบดูไม่แฟชั่นอยู่บ้างกับนายแบบคนดังอย่างมัน คงโดนมองด้วยหางตาว่านอกจากอ้วนแล้วก็ยังเชยอีก
" ลองสีส้มนี้ก่อนเลย " เป็นเสื้อสีส้มแสดครับ แซ่บมาก แค่มองมายังร้อนผมเลือกตัวนี้มาเพราะว่าอยากจะให้เจ้าของห้องอิจฉาแต่คิดว่าไอ้เรียวคงไม่คิดอยากจะใส่สีนี้แน่นอน
" อ้วน " เสียงคุ้นๆที่ดังอยู่หน้าห้องลองเสื้อ ผมหันหลังไปแหวกม่านไปดูก็พบว่าร่างสูงคนที่มาด้วยมายืนหน้านิ่งอยู่ข้างหน้าแล้ว
" มึงเข้ามาทำไมเนี้ย "
" เข้ามาดูว่ามึงใส่เสื้อเข้ารึเปล่า "
" เข้าสิไอ้เหี้ย " ผมบอก แม่งเห็นกูตัวเท่ายักษ์รึไง ถึงใส่เสื้อไซต์ใหญ่ในร้านไม่ได้อะ
" ไหนออกมาให้ดูหน่อย "
" เรื่องอะไร " ผมบอกปัด ตอนที่หันกลับไปมองกระจกตรงหน้าที่ฉายร่างของตัวเองในเสื้อสีแสดตัวโคร่งที่ค่อนข้างขับผิว " ใส่ตัวนี้แล้วดูขาวเว่อร์ไรเว่อร์ "
" ดูหน่อย " เสียงทุ้มที่พูดขึ้นพร้อมกับม่านที่ที่กระชากออกอย่างแรง ผมหันไปมองมันที่อยู่ๆก็เปิดประตูเข้ามาด้วยความตกใจ มือที่ปิดปากตัวเองไว้ทันเกือบกรี๊ดเป็นตุ๊ดให้คนแห่มาดูแล้วมั้ยละ
" ไอ้สัด! มารยาทมึงต่ำตมขนาดนี้เลยเหรอ เหี้ยเรียว มึงเข้ามาทำไมมม " ด่ามันออกไปแบบกัดฟันแต่อีกคนก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไรทั้งนั้น มันยกยิ้มก่อนจะมองผมที่ใส่เสื้อตัวที่ลองอยู่ พิจารณาอยู่นานก่อนจะบอก
" มึงจะเข้าไปจำวัดที่กุฎิไหน "
" พ่อมึงนี่มันสีส้มแสด ไม่ใช่สีจีวรพระท่านสักหน่อย " ผลักอกอีกคนออกไปให้พ้นทางแต่เหมือนจะไม่พ้น ไอ้เรียวยังยืนอยู่ตรงหน้าห้องแต่งตัวของผมนั่นแหละ " ออกไปสักทีไป๊ กูจะเปลี่ยนเป็นสีอื่น "
" มึงจะไม่ถามกูสักคำเหรอว่ากุรู้สึกยังไงกับเสื้อสีจีวรพระของมึง "
" ทำไมต้องถาม เงินที่ซื้อเสื้อก็เงินกู คนที่ใส่ก็ตัวกู " หันไปมองมันก่อนจะแบะปากมอง " ไม่เสือกสิพี่เรียว "
" ก็ถ้าจะมั่นหน้าขนาดนั้นก็เรื่องของมึงแล้วกัน " หันมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง เริ่มจิตตกขึ้นมาในจุดนึงในสมองของผมอยู่ๆก็เกิดความคิดนึงขึ้นมา ' เอ๊ะ ? รึว่าสีมันจะแรงไป '
" มึง..” แหวกม่านห้องแต่งตัวเบาๆ ตอนที่โผล่แค่ตาออกไปดูหน้าอีกคนที่ก็เลิกคิ้วยืนมองผมอยู่ที่หน้าห้องแต่งตัว " มึงว่ากูใส่เสื้อสีนี้ดูเป็นยังไงบ้างอะ เอาความจริงจากใจเลยนะ ไม่ต้องรักษาน้ำใจกู "
" เหมือนหมูที่พระท่านเลี้ยงไว้ในกุฎิแล้วเอาจีวรไม่ใช้แล้วมาใส่เวลาหน้าหนาว "
" เอ่อ.. ทีหลังกูควรบอกให้มึงถนอมน้ำใจกูก็ท่าจะดีกว่านะว่ามั้ย " พูดกับมันแค่นั้นผมก็ถอนหายใจออกมา หันกลับไปดูตัวเองในกระจก ถ้าเทียบกับสายตาของผม มันก็ไม่แย่ คือใส่แล้วขับผิวดีออกทำให้ดูขาว ผิวนี่ดูใสมาก " หรือกูจะเป็นคนที่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป "
“ จะซื้อก็ซื้อ คิดมากทำไม "
“ ก็ที่กูคิดมากนั่นก็เพราะคำพูดของใครละไอ้เหี้ย " ด่ามันผ่านกระจกอีกคนก็ยกยิ้ม
“ ใครจะรู้ กูเห็นมึงหน้าด้าน "
“ สัด " ย้ำมันสั้นๆ ก่อนจะเอาเสื้อสีน้ำเงินแล้วก็ดำ ขึ้นมาแนบลำตัวเพื่อวัด " งั้นเอาสามตัวนี่เนอะ "
“ อื้ม "
“ กูขอลองกางเกงขอสั้นหน่อย ปิดๆ อย่ามาแอบดูตูดกู "
“ ใครมันอยากจะดูตูดลายๆ ที่มีแต่ไขมันของมึงวะ " เบิกตามองบน ผมแบะปาก ก่อนจะจ้องหน้ามัน
“ เรียว..กูก็เหมือนเนื้อหมูเวลามึงไปกินชาบูนั่นแหละ มันต้องมีไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสีแดง ไม่งั้น ไม่อร่อย.. " ยักคิ้วให้มันก่อนจะปิดผ้าม่านของตัวเองลง เชิดหน้าด้วยความมั่นใจก่อนจะมีเสียงลอยลมตามเข้ามา
" ไอ้อ้วน "
จัดการซื้อของที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อย เราสองคนก็หอบหิ้วของทั้งหมดกลับมาที่คอนโด ประตูที่เปิดออกเสียงที่ได้ยินเป็นอันดับต่อมาก็คือเสียงกระดิ่งของแมวน้อยขาสั้นที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ คลอเคลียที่เท้าของไอ้เรียว
“ งูยยยย ขี้อ้อนน้อ " ผมว่ายิ้มๆ " นี่ถ้ามันพูดได้ มันคงบอกมึงว่า พี่เรียวกลับบ้านมาแล้วเหรอฮะ ท่านหญิงคิ๊ดถึงคิดถึงพี่เรียวจังเลย น้าาา "
“ ปัญญาอ่อน " อาจเพราะผมดัดเสียงอีกคนก็เลยว่าออกมาอย่างงั้น " เอาของไปเก็บไป " มันยื่นถุงอาหารมาให้ผมที่ก็มองมันงงๆ
“ ทำไมต้องเป็นกู "
“ แล้วนี่อาหารสามวันของใคร "
“ โอ๊ะ ? ของกูจ้า แหมมมม กูลืม ซอรี่ๆ " เอื้อมมือไปหยิบก่อนจะยิ้มหว้างให้มัน " กราบขอบพระคุณพี่เรียวที่ช่วยกูถือมาด้วย ณ จุดนี้ "
“ มึงนี่ก็แรดนะ " คำพูดที่อยู่ๆก็พูดขึ้นพร้อมกับมือหนาที่อุ้มแมวตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา " ขนาดมึงอ้วนมึงยังแรดขนาดนี้แล้วถ้าผอมจะแรดขนาดไหนวะ "
“ ก็ขนาดนี้แหละสัด กูคงไม่เกินเบอร์ไปมากกว่านี้แล้ว เค้าเรียกว่า เอาแต่พอดี ให้ดูงาม ทั้งใจและภายนอก "
“ เห้อออ " มันถอนหายใจออกมาเสียงดังจนผมเองยังได้ยิน
“ ทำไม มึงเป็นอะไร เหนื่อยกับความสวยของกูเหรอ "
“ เหนื่อยกับความมั่นหน้าของมึง "
" หรือมึงอยากจะให้กูวันๆ หนอยแตกกับเรื่องน้ำหนัก รูปร่างหน้าตาตัวเอง ให้กูเครียด ทั้งๆที่ต่อให้เครียดให้ตายไขมันแม่งก็ยังเกาะอยู่บนร่างกู หน้าตากูมันก็เป็นแบบนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเกิดว่าไม่มีเงินไปศัลยกรรม โอเค๊ ? เพราะงั้นเราควรมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น แล้วค่อยๆทำมันไป ค่อยๆลดความอ้วนอะไรก็ว่าไป "
" สองวันก่อนยังร้องไห้แล้วบอกว่าตัวเองอ้วนอยู่เลย " อีกคนพูดเสียงเบาๆ ผมก็หลับตาลงก่อนจะถอนหายใจ
" โปรดเรียกสิ่งนั้นว่า ความอ่อนไหวของชีวิต "
" รีบจัดเอาของเข้าตู้เย็นไป เพ้อเจ้ออยู่ได้ "
" งั้นอีเจ้าของบ้านก็ช่วยย้ายตูดตัวเองมาแนะนำกูสิครับ จะนั่งสบายอยู่อีกนานมั้ย เดี่ยวกูทำบ้านมึงรก มึงก็ได้มาแหกอกกู " ผมบอกท้าวเอวบอกมันอีกคนก็ถอนหายใจ พาร่างที่เหมือนกำลังขี้เกียจสุดๆมายืนอยู่ข้างๆผมในครัว " ต้องทำอะไรก่อน "
“ จะทำอาหารไว้ทั้งหมดเลยแล้วค่อยอุ่นกินทีเดียว หรือว่าจะทำไว้ทำทีละมื้อ "
“ แล้วทำทั้งหมดเลยมีข้อดียังไง "
“ ก็เวลาจะกินมึงก็ไม่ทำ เข้าเวฟอุ่นแล้วกินได้เลย "
“ เช่นนั้น " ผมพยักหน้ารับ " แต่ถ้าทำใหม่ทุกวันข้อดีคือ สด อร่อย แต่แม่งต้องล้างทุกวันสินะ "
“ อื้ม " เรียวพยักหน้ารับ ผมก็พยักหน้ารับตามก่อนจะยิ้ม
“ งั้นก็ทำไปเลยแล้วกันเนอะ กูขี้เกียจล้างหลายๆรอบ แล้วต้องเริ่มทำอะไรบ้างอะ ทำเลยดีมั้ย ยังไงนี่มันก็ยังไม่ดึก "
“ ถ้าจะทำเลยก็ไปหุงข้าว " เชิดหน้าไปที่หม้อหุงข้าวที่อยู่ด้านหลัง บนเค้าเตอร์หินอ่อนอย่างดี ดีไซต์ของหม้อหุงข้าวที่หรูพอๆกับที่วางของมัน ถ้าให้พูดกันตามความจริงคือ สวยจนไม่กล้าจะแตะต้องอะไร ด้วยความเกรงใจ เกิดไปจับแล้วมันเสียหายขึ้นมา แน่นอนกลัวว่าจะไม่มีเงินชดใช้ให้มัน
“ เรียว หม้ออันนี้ใช่มั้ยวะ " ผมถามมันเสียงเบาๆ ตอนที่ชี้ไปอีกคนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเลื่อนตัวเองไปนั่งบนเค้าเตอร์ด้านหลังที่ว่าง " อ้าว แล้วไหงมึงมานั่งตรงนี้ "
“ นั่งดูมึงทำ "
“ ไมไ่ด้จะช่วยหน่อยเหรอ "
“ ช่วยบอก "
“ ช่วยทำด้วยสิ "
“ ขี้เกียจ " สั้นง่าย ได้ใจความผมถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นเบาๆ
“ ส้นตีน ความมีน้ำใจไม่มีเลยมึง สัด มึงเป็นเจ้าของบ้านแท้ๆ "
“ กูไม่ได้กิน ทำไมกูต้องทำ " หันไปมองมันแบบแบะปากเบาๆอีกฝ่ายก็ยกยิ้ม
“ กูทำเองก็ได้ แม่ง ใจร้าย " ตัดถุงข้าวกล้องที่ซื้อมาเป็นอย่างแรก ผมไม่รู้หรอกว่าสามวันปริมานที่ต้องกินมันจะประมานเท่าไหร่ แต่ขี้เกียจจะหันไปถามมันแล้ว ถามไปก็เท่านั้นเดี๋ยวแม่งด่ากูโง่อีก รำคาญ
“ อ้วน " หันไปมองต้นเสียงที่เรียกผม แต่ไม่มีมาแค่เสียงกระป๋องใบเล็กๆเหมือนแก้วก็ถูกโยนมาด้วยผมรับไว้ก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมา เรียวลุกจากที่นั่งมายืนข้างผมมันจับถุงข้าวที่ผมถือไว้ " ตักข้าวสองถ้วย "
" ห๊ะ ? “
" ตักข้าวสองถ้วยไง ไม่ได้ยินเหรอ "
" ก็ได้ยิน แต่มึงจะช่วยกูรึไง " เหล่มองมันไอ้เรียวก็เหล่กลับ
" หรือว่าจะทำคนเดียว " ทำทีเป็นจะปล่อยมือออกจากถุงข้าวที่ตัวเองถือ แต่ทว่าผมก็เอื้อมมือไปจับมือนั้นของมันเอาไว้
" ไม่เอา " เงยหน้ามองมันที่ก็ก้มลงมามองผม " ช่วยยืนอยู่เป็นเพื่อนกูแบบนี้แหละ ดีแล้ว "
............................................................
ชอบความปากไวเท่าความคิดและความมีชีวิตชีวาของเขิน
เพราะมันทำให้เรียวมีชีวิตชีวาขึ้นเช่นกัน
จริงๆแต่งเรื่องนี้อยากจะให้เขินเป็นตัวแทนของคนที่ มีจุดประสงค์ในความอยากจะผอม ว่าผอมเพื่ออะไร
เป็นคนอ้วนๆคนนึงที่รักการกินมากๆ อ้วนมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ก็มีความอยากผอม อยากจะสวย
เฝ้ามโนว่าตัวเองจะผอม แต่กลับข้ามขั้นตอนการผอมไป เหมือน ไม่ได้คิดว่า กว่าจะผอมคนเราต้องผ่านอะไรบ้าง
คิดแค่ว่ากูจะผอม กูจะผอมอย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เด้ออ
เพราะงั้นเลยต้องมี พี่เรียวไง ..
โอเค เจอกันตอนหน้า ฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
![:pig4:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook_36568.1.gif)
ป.ล. รู้สึกเนื้อเรื่องเดินช้ามาก แต่พยายามจะเขียนให้ได้เร็วกว่านี้ค่ะ