Be my chubby รักนี้กี่แคล { ตอนที่ 9 - 2.2.61} #หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Be my chubby รักนี้กี่แคล { ตอนที่ 9 - 2.2.61} #หน้า 3  (อ่าน 16738 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เจ็บมาเยอะกับคำว่าพรุ่งนี้

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เขินเอ้ย ทำไมไม่ร้ายแบบนี้กับทีมบ้างนะ เอาให้เซไปเลยน่ะ

เรียวก็ตรงไปอีก คือเจอกัน ไม่มีตอนไหนไม่ด่ากันอะ 55555

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
    ตอนที่ 5

   ขึ้นมานอนกลิ้งบนเตียงหลังจากจบมื้ออาหารเย็นของวันนี้ที่ต้องบอกเลยว่า อร่อยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือ กินข้าวไปตั้งสามจาน หมูสามชั้นในพะโล้นิ่มๆตักเข้าไปในปากพร้อมข้าววินาทีที่เคี้ยวก็เหมือนทุกอย่างจะละลายรวมกันไปหมด กุ้งผัดพริกเกลือก็เผ็ดกำลังดี ไม่ต้องพูดถึงเอ็นไก่ทอดที่ก็เข้ากันดีกับน้ำจิ้มไก่

“ อิ่มสัด " นอนลูบพุงตัวเอง ตากแอร์แล้วก็เปิดเพลงฟัง เพลงเพราะๆที่เข้ากับช่วงเวลาผ่อนคลายแบบนี้ ผมยกมือถือขึ้นมากดเล่นดูแล้วตอนที่เปิดไลน์เข้าไป เพื่อนใหม่หนึ่งคนที่ผมเพิ่งแอดมันวันนี้ ผมก็กดเข้าไปดูภาพดิสของมัน ภาพโทนสีดำที่ไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่ ใบหน้าคมที่หันข้าง เชิดหน้ามองท้องฟ้าหลับตาพริ้มคล้ายคนเมายา ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปดูทามไลน์ของมัน แต่พบว่าไม่ได้อัพเดทอะไรสักอย่างเดียว ผมสังเกตไอดีไลน์ แล้วคิดขึ้นมาได้ว่า อินสตราแกรมของมันก็คงเป็นรูปนี้

   ความเสือกที่ไม่สิ้นสุดเริ่มต้นขึ้น ผมเข้าไปในโปรแกรม กดค้นหาก่อนจะเจอเข้าจริงๆ แต่ว่า.. " ไอ้สัด แม่ง ล็อคไอจี " ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ผมออกจากหน้าจอแล้วตอนที่จะเข้าเฟสบุ๊ค เสียงไลน์ก็ดังขึ้น

   ติ้ง

" ต่อไปนี้ก่อนจะกินอะไร ให้ถ่ายรูปแล้วไลน์มาให้กูดูก่อนนะ "  ข้อความแรกที่ไอ้เรียวส่งมา ผมขมวดคิ้วตอนที่อ่านจบ ส่งสติกเกอร์ไลน์เป็นหมูงงๆ ไปให้มัน

“ ทำไมกูต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย "

“ กูจะเป็นคนบอกว่า อะไรที่มึงแดกได้ แดกไม่ได้ "

“ ต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ "  ถึงขนาดที่ว่าแม่งต้องรายงานยันของกินกันเลย " แล้วถ้ากูตอแหลมึงอะ ถ้ากูถ่ายภาพสลัดไปให้มึง แต่จริงๆ แอบกินขาหมูกับแปปซี่ "

“ เรื่องของมึง ถ้ามึงอยากจะอ้วนต่อไปแบบนี้ "

" นี่ก็ขู่จังเว้ย " ผมพิมพ์กลับไปก่อนจะส่งไลน์หน้าเศร้าๆไปให้ เรียวก็ถามกลับ

" แล้ววันนี้ตอนเย็นกินอะไร "

" มึงอย่ารู้เลย " ผมบอกก่อนจะยิ้มแห้งๆผ่านหน้าจอ

" ทำไม "

" ถ้ามึงรู้แล้วมึงจะช็อค " แล้วนอกจากที่มึงจะช็อคแล้ว มึงคงอยากจะเอื้อมมือผ่านโทรศัพท์มาบีบคอกูให้ตายไปอย่างอนาจ

" บอกมา "

" บอกว่า รู้แล้วจะช็อคก็ยังอยากจะรู้นะคนเรา "

“ บอกมา " มันย้ำครั้งที่สอง นี่ถ้าเห็นหน้าเห็นตากันตอนนี้ ไอ้เรียวมันคงกำลังจ้องหน้าผมแบบตาไม่กระพริบแน่นอน แล้วที่กูสงสัยคือ ไอ้ลี่แม่งชอบมึงเข้าไปได้ยังไง หรือว่าแม่งเป็นมาโซคิส พวกชอบเรื่องความเจ็บปวด

" ข้าวสามจานกับพะโล้ เอ็นไก่ทอดแล้วก็กุ้งผัดพริก " ส่งข้อความออกไป มันขึ้นว่าอีกคนอ่านแล้วอยู่นานมาก กว่าที่ข้อความตอบกลับจะถูกพิมพ์ส่งมา

" นี่มึง คิดจะลดความอ้วนจริงๆใช่มั้ย "

" คิดสิ ไอ้สัด วันนี้จะกินวันสุดท้ายแล้วจริงๆ ก็แม่กูบังคับให้กินอะ "

" แม่บังคับให้กินข้าวสามจานเลย " คำถามที่ทำให้ผมเม้นริมฝีปากไว้แน่น รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
 
" กูกินสามจานเองแหละสัด กูผิดเองคนเดียว ทั้งหมดนี้ กูผิดเอง ก็มันอร่อยอะมึงใครมันจะอดใจไหว "

" ไม่ผอมแน่ๆ "

" ผอมมม มึงก็ทำให้กูผอมสิ "

" ถ้ามึงยังแดกแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ทำให้มึงผอมไม่ได้หรอก จำไว้ "

" โอเค พรุ่งนี้ไม่กินละ "

" พรุ่งนี้จะลด มากี่วันแล้ว " มันถาม ผมก็ได้แต่ถอนหายใจอ่อนๆ

" ก็หลายอยู่นะ " คำตอบที่ขึ้นมาอ่านแต่กลับไม่มีข้อความตอบกลับมาเลย รู้สึกผิดชะมัดก็จริงอย่างที่ไอ้เรียวบอก ผมบอกว่าจะลด จะลดมาหมายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายกูก็หนักข้าวเย็นเหมือนเดิมทุกที " ไอ้เรียว ตั้งแต่พรุ่งนี้กูจะลดจริงๆ "

" ทำได้ครบสามวันเมื่อไหร่ ค่อยพูดแล้วกัน "

" สัด " พิมพ์ด่ามันไปก่อนจะทำหน้าโกรธ ผมโยนมือถือลงข้างตัว หงุดหงิดแม่งที่เอาแต่ดูถูกว่าผมจะทำไม่ได้ แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่อรู้สึกว่าแม่งก็เป็นอย่างที่มันดูถูกนั่นแหละ ไม่ได้ดูผิดแต่อย่างใด  " เอาว่ะ ! พรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่ "

   ตื่นขึ้นมาตอนเช้าที่โคตรจะสดใสเพราะเมื่อคืนแดกไปเยอะ วันนี้พลังงานที่มีเลยโคตรจะเต็มเปี่ยม จัดการอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวเรียบร้อย ผมที่เดินลงมาชั้นล่างก็พบกับกลิ่นข้าวต้มปลาที่หอมไปทั้งบ้าน

“ ข้าวต้มปลาน่ากินจัง " ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ตอนที่กำลังจะหยิบถ้วยขึ้นมาตักกิน ผมก็หยุดนิ่งเพราะคิดขึ้นมาได้ " ต้องถ่ายรูปส่งไปหาไอ้เชี้ยนั่นก่อน " จัดการถ่ายรูปส่งไปเรียบร้อย " เช้านี้มีข้าวต้มปลาฮะ "

“ กินสิ "

“ เย้ โอเค กูกินแล้วนะ " จัดการตักใส่ถ้วยก่อนจะโรยผักชีต้นหอมแล้วก็หอมเจียว เดินมาที่โต๊ะก็เจอเข้ากับปาท่องโก๋ ซึ่งไม่ต้องส่งข้อความไปบอกก็รู้ว่าแม่งแดกไม่ได้หรอก อ้วนตายห่า

“ วันนี้มึงไม่กินปาท่องโก๋เหรอเขิน "

“ ไม่อะ "

“ แปลก " พี่สาวผมบอกก่อนจะหยิบปาท่องโก๋มาฉีกๆแล้วใส่ลงไปในถ้วยข้าวต้มของตัวเอง " งั้นแดกเอง อุตส่าห์เหลือไว้ให้ "

“ เขินจะลดความอ้วนแล้วเว้ย จะจริงจัง ต่อไปนี้เจ๊อายบอกพ่อกับแม่ไว้เลยก็ได้ ว่าไม่ต้องซื้อเผ่ื่อเขิน "

" มั่นหน้าจริงๆเว้ย เอาให้มันผ่านสามวันแรกไปให้ได้ก่อนเถอะน่า "

" ทำไมใครๆ ต้องบอกว่าผ่านสามวันแรกไปให้ได้ตลอดเลยวะ " ผมถามอีกคนก็ยิ้ม

" พอผ่านสามวันแรกไปได้แล้ว ก็รอให้ผ่านเจ็ดวันแรกไปให้ได้ แล้วก็ ผ่านสองอาทิตย์แรก ผ่านเดือนแรก แบบนั้นถึงจะเห็นผล แล้วอย่าไปกินยาลดความอ้วนละ ตายไม่รู้ตัวนะบอกไว้ก่อน "

" ไม่กินหรอก " ผมบอกก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต้มปลาต่อ หยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความของไอ้เรียวที่ไม่มีได้ส่งอะไรกลับมาอีก ผมก็พิมพ์ข้อความถามมันกลับไปบ้าง " แล้วเช้าวันนี้มึงแดกอะไร " ข้อความที่ขึ้นว่าอ่านแล้ว สงสัยมันจะนั่งเล่นมือถืออยู่แน่นอนก็เลยตอบเร็วแบบนี้ รออยู่นานก็ไม่มีข้อความตอบกลับจนกระทั้งมีภาพส่งเข้ามาให้ดู ผมจ้องเข้าไปในภาพ เห็นผลไม้สดที่อยู่ในถ้วยเหมือนซีเรียลที่เติมนมเรียบร้อย ส่วนข้างๆเป็นไข่เจียวที่คล้ายกับออมเล็ท " โคตรเฮลตี้เลยวะ " พิมพ์บอกมันไป แต่มันก็คงต้องเป็นอย่างงั้น ไอ้เรียวเป็นนายแบบยังไงก็ต้องรักษารูปร่างอยู่แล้ว

" พรุ่งนี้มึงมีเรียนมั้ยเขิน "

" ไม่ เจ๊อาย เขินว่าจะนอนลดน้ำหนักอยู่บ้านใสๆ "

" ไม่น่าจะใสได้นะ เพราะแม่อยู่ " นิ่งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา " ค่อยไปลดวันจันทร์แล้วกันนะ " ตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะลุกเอาถ้วยข้าวต้มไปวางไว้ในอ่าง แล้วเดินออกไปจากบ้านเตรียมตัวไปเรียน

" ถ้ายังอยู่บ้าน กูแม่งต้องไม่ผอมแน่เลย "

   นั่งลิฟท์จากชั้นจอดรถลงมาที่ชั้นล่าง ผมเดินคอตกมาที่หน้าคณะแต่ยังไม่ทันถึง เสียงคุ้นๆก็เอ่ยเรียกกันก่อน " ไอ้อ้วน " ถอนหายใจออกมาตอนที่หันไปมองคนที่เดินตามมาข้างหลังผมก็เรียกมัน

" ว่าไงไอ้เหี้ย "

" หึ " ใบหน้าคมยกยิ้มก่อนจะเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม " เป็นเหี้ยอะไรทำหน้าเหมือนหมูจะโดนส่งเข้าโรงเชือด "

" พรุ่งนี้กูหยุดเรียนอะ " ผมบอกอีกคนก็ขมวดคิ้ว

" แล้ว ? ทำไม มึงอยากจะมาเรียนเหรอ "

" ก็เปล่า ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า พรุ่งนี้กูหยุดเรียน  เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ สามวันใช่มั้ย แล้วแม่กูอะจะอยู่บ้าน แล้วทุกครั้งเค้าจะทำของอร่อยๆ แล้วกูต้องกิน แม่กูบังคับ "

" งั้นก็กิน "

“ แต่มันมีแต่ของอ้วนๆทั้งนั้นเลยนะ "

“ ก็กินน้อยๆ เน้นกินผัก "

" ไม่ได้ดิ " ผมส่ายหน้าไปมา " มึงเข้าใจฟิวมั้ย เคยกินข้าวที่บ้านรึเปล่า กับข้าวที่บ้านที่อร่อยขนาดนั้นจะให้กูกินน้อยๆ คือมันไม่ได้อะมึง พอกินข้าวไปคำนึงแล้วสิ้นสุดการแดก ก็นู้น ตอนที่ของหมด ข้าวหมด ไม่ก็อิ่มสุดๆจนจะอ้วกแตกแล้ว "

" ก็อดทนดิวะ "

" ยากนะ "

" คิดจะลดน้ำหนักก็ไม่ได้สบายตั้งแต่แรกแล้วละ ไอ้บ๊อง " โดนผลักหัวไปทีนึง ไอ้เรียวก็ส่ายหน้าไปมาหน้าตาเซ็งๆของมันคงกำลังรู้สึกว่า กูไม่รู้จะพูดอะไรกับไอ้อ้วนนี่ดี

" กูไม่อยากจะอยู่บ้านเลยอะ ถ้าอยู่บ้านสามวันนี้กูแดกบรรลัยแน่นอน "

" ออกมาอยู่หอสิ "

" ไม่ได้ง่ายอย่างงั้นนะสัด  ไม่ใช่บอกวันนี้แล้วจะได้ไปอยู่เลย อีกอย่างพ่อแม่กูไม่ให้ไปอยู่แล้ว เค้าเลยซื้อรถให้ขับไปกลับมหาลัยแทนไง "

“ เรื่องมากชิบหาย อดทนก็ไม่ได้ ออกมาอยู่หอก็ไม่ได้ " เรียวบอกก่อนจะมองหน้าผม " ไม่ต้องลดดีมั้ย "

“ ไม่ดีเฟ้ย! " เถียงมันออกไปก่อนจะถอนหายใจออกมา " มึงเป็นเทรนเนอร์ให้กูไม่ใช่เหรอ มึงก็ต้องคิดดิว่าจะจัดการวิธีนี้ยังไง "

“ ต้องทำเหรอ มึงจ่ายเงินกูเท่าไหร่ "

“ แล้วใครมันเสือกเสมอตัวมาจัดการเรื่องนี้ให้กูเอง มึงใช่มั้ย "

“ แล้วคนที่กูช่วยฟรีๆ พูดกับกูแบบนี้เหรอ " มันจ้องหน้าผม ที่ก็เงียบไปสักพักก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

“ แหมมมม น้าา เรียวน้า ช่วยกูหน่อย ช่วยหาวิธีที่ทำให้กูลดน้ำหนักได้ภายในสามนี้ด้วยเถอะ แบบที่ว่าไม่ตะบะแตกแม้จะอยู่บ้าน น้าเรียวนะ นะๆ ช่วยกูหน่อย ช่วยเขินหน่อยนะ พี่เรียว พี่เรียวของน้องเขิน " บีบแขนมันพร้อมส่งวิ๊งค์เบาๆอีกคนก็เหล่มามองก่อนจะถอนหายใจ

“ อดทน "

“ มันยากเกินไปสำหรับกูที่จมูกรับกลิ่นอาหารได้ดีนะ แค่แม่ตั้งกระทะกูก็วิ่งลงมาคอยที่โต๊ะอาหารแล้วมึง "

“ งั้นก็ออกจากบ้านมาอยู่คอนโดกูสิ "

“ ห๊ะ !  “ คือ นี่กู ได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย...
......................................................

   ตึกสูงใจกลางเมืองที่ตอนนี้ผมมายืนงงๆ เบลอๆ อยู่ที่ลานจอดรถชั้นล่างสุด ทุกอย่างที่เห็นตอกย้ำกับผมว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาผมหูไม่ได้ฟาดแต่อย่างใด

" นี่แค่จะลดน้ำหนัก ถึงขั้นต้องมานอนคอนโดผู้ชายเลยเหรอวะ " ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ตอนที่จะหันไปปลดล็อครถ ไอ้เรียวก็เดินลงมาจากรถของผม เสียงปิดประตูลงผมก็กดล็อครถ ยังไม่หายตกใจจากเมื่อเช้าที่มันชวนให้มาอยู่ที่นี่ได้เลย แล้วตอนที่กำลังคิดว่าจะมาดีหรือไม่มาดี แม่งก็ลากกูมาละ บอกแค่สั้นๆ ' ไปส่งที่คอนโดหน่อย '

" ขึ้นมาสิ "

" นี่มึงจะให้กูมาอยู่ที่คอนโดมึงจริงๆเหรอ " ผมถามตอนที่เดินตามมันเข้าไปในคอนโด แสร้งโง่ทำเป็นถาม " ไหนบอกว่าจะให้มาส่งเฉยๆไง "

" หน้าตามึงไม่ได้โง่ ไม่น่าจะไม่เข้าใจหรอกมั้ง "

" แต่กูจะนอนได้ยังไง ให้กูเริ่มนอนวันนี้เลยเหรอ กางเกงในกูก็ไม่มี เสื้อผ้าด้วยแล้วกูจะใส่อะไร ยังไงก็ต้องกลับบ้านไปขอพ่อแม่ก่อน กูไม่เคยนอนค้างคืนที่อื่นเลยนะเว้ย แบบที่ไม่บอกพ่อแม่ก่อนอะ "

“ ก็โทรไปบอก ส่วนกางเกงใน " มันเหลือบมองต่ำ " มึงใส่ของกูไม่ได้ "

“ ก็เออนะสิ ขาข้างเดียวยังยัดไม่เข้าเลยมั้ง "

“ กูไม่ได้คิดให้มึงใส่ของกูอยู่แล้ว " มันบอกปัดก่อนจะเชิดหน้าไปด้านซ้าย " ข้างๆมีห้าง ไปซื้อดิ "

“ หื้มมมมม ดูรวยนะมึง ให้ซื้อของที่นี่เลย แบบไม่ต้องกลับบ้าน กูนี่ดูเป็นลูกชายคนเดียวธุรกิจหมื่นล้านมากเลยสินะ "

“ แล้วถ้ามึงกลับไปบ้าน แล้วแม่มึงไม่ให้มามึงจะทำยังไง นอนอ้วนขึ้นอืดอยู่ที่บ้านแล้วก็บอกตัวเองว่า เดี๋ยววันจันทร์ลดแล้วกัน " เม้มริมฝีปากตัวเองตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น คือพอคิดตามกูก็รู้อนาคตตัวเองเลยว่ามันก็ต้องเป็นแบบที่ไอ้เชี้ยนี่พูดนั่นแหละ เรียวยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้ามันเดินออกไปจากลิฟต์ตอนที่ถึงชั้น ปลดล๊อคประตูห้องด้วยการ์ด " เข้ามา "

“ ว้าววว ห้องมึงสวยจัง “ หลุดพูดออกมาตอนที่ก้าวเข้าไปในห้อง ผมชนเจ้าของห้องที่แวะถอดรองเท้าแล้วเอาไปใส่ไว้ในตู้ ก่อนจะใส่รองเท้าสำหรับในบ้านแล้วเดินเข้าไป

“ รองเท้าแขกอยู่ในตู้ “ มันหันมาบอกผมก็พยักหน้า ในจุดนี้กูขอทำตามมึงทุกอย่างแล้วกันนะครับ ตั้งแต่เอารองเท้าใส่ตู้ เอารองเท้าในบ้านที่ก็อยู่ในตู้มาวางลงก่อนจะใส่ คือไม่อยากจะบอกว่า แค่ในตู้รองเท้ามึงยังเรียบร้อย รองเท้าที่วางกันแบบเรียงคู่สวยงาม ตัดภาพมาที่บ้านกู วางแบบทับมึงทับกูสะดวกคู่ไหนหยิบคู่นั้น

" นี่ มึงอยู่ที่นี่กับครอบครัวรึเปล่าวะ " ผมถามมันเบาๆ ตอนที่เดินเข้าไปลึกขึ้นแล้วพบว่าห้องมันโคตรจะสวยเลยครับ มีความเป็นญี่ปุ่นโมเดิ้ลหน่อยๆ ในห้องก็ดูไม่แคบมากแต่ก็ไม่กว้าง จัดสัดแบ่งส่วนเป็นพื้นที่ชัดเจน ว่าตรงไหนเป็นอะไร และที่สำคัญแม่ง.. สะอาดชิบหาย สะอาดเกินกว่าจะเชื่อว่าอยู่คนเดียวแล้วทำความสะอาดห้องเอง

" อยู่คนเดียว " มันบอกก่อนจะหันมามองผมที่ทำหน้าไม่เชื่อมันอยู่ " ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง "

" ตอแหลเปล่าวะ " ผมถามก่อนจะเหล่มองมัน " แอบซุกหญิงปะเหอะถามจริง ห้องมึงถึงได้โคตรสะอาดขนาดนี้ "

" ปกติกูก็ไม่ใช่คนซกมกนะ " เกือบบอกไปแล้วว่าสะอาดกว่าบ้านกูที่มีแม่บ้านอีก ดีนะไม่บอก ถ้าบอกต้องเหมือนโดนตบหน้าเรียงกันทั้งครอบครัวแน่นอน " กูแค่จ้างแม่บ้านคอนโดมาทำอะ อาทิตย์ละครั้ง ส่วนปกติก็.." มันเดินไปหยิบหุ่นยนต์ดูดฝุ่นขึ้นมาก่อนจะเปิดเครื่องแล้ววางลงบนพื้นให้เริ่มทำงาน

“ อันนี้ในห้องกูก็มีนะ สะดวกดีเนอะมึงไม่ต้องกวาดพื้น " 

   เมี๊ยว~  เมี๊ยว~

“ ครับ  ท่านหญิง " เสียงทุ่มนุ่มที่ไม่เคยได้ยินต่างจากเวลาพูดกับผมโดยสิ้นเชิง ผมมองลงตามตัวเรียวที่ก้มลงมองแมวสีขาวแซมน้ำตาลอ่อน ที่เดินมาคลอเคลียอยู่ที่เท้า ขาสั้นๆของมันชวนให้ผมขมวดคิ้วแต่ในเวลาเดียวกันก็ยิ้มออกมา

" น่ารักกกกกก มึงเลี้ยงแมวด้วยเหรอ "

" หมามั้ง "

" ไอ้สัด " สถบด่ามันก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ผมเอื้อมมือไปลูบหัวไอ้ตัวเล็กที่มันอุ้ม แมวตัวนั้นก็เอียงหน้าเข้ากับมือของผมให้ลูบคอเต็มที่ " มันชื่ออะไรนะ ท่านหญิงเหรอ "

" อื้ม "

" ชื่อ สมเป็นแมว " รู้สึกถึงความเป็นเจ้านายและทาสโดยแท้ " แล้วทำไมขามันสั้นจังวะ ปกติแมวมันต้องขายาวๆ ไม่ใช่เหรอ "

" ก็เป็นพันธุ์ของมันไง  พันธุ์มันซ์กิ้น ขามันจะสั้นๆ "

" เอ็นดู " ผมว่าก่อนจะย่อตัวลง " มานี่มาท่านหญิง มานี่ มานี่ เมี๊ยว~ “ เอ่ยเรียกมันเสียงหวานแต่อย่าคิดว่าจะมานะ ไม่มาหรอกหนำซ้ำยังกระโดดขึ้นไปนั่งบนเปลแมวแล้วเลียมือโชว์แบบไม่ใส่ใจอีก " สงสัย จะไม่ชอบขี้หน้ากู "

" อื้ม แมวมันก็ไม่ชอบหมูอยู่แล้วละ "

" ไอ้เหี้ย ว่ากูตลอดเลย" หันไปด่ามันตรงๆ อีกคนก็ยกยิ้มก่อนจะยักไหล่แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาหน้าทีวี ผมเองก็เดินไปนั่งลงตามมัน " แล้วตกลงว่าพ่อแม่มึงไม่ได้อยู่ที่นี่สินะ "

" อื้ม เค้าก็อยู่บ้านของเค้า อีกอย่างกูโตแล้ว เข้ามหาลัยแล้ว ก็ต้องแยกออกมาอยู่ข้างนอก มันก็ธรรมดา " เหมือนในหนังญี่ปุ่นที่เคยดูเลย เด็กม.หกคนนึงในหนังเรื่องนั้นพอเรียนจบไปต่อมหาลัยก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก ทำงานหาเงินเอง ส่วนพ่อแม่ก็มีหน้าที่แค่จ่ายค่าเทอม ดูท่าทางไอ้เหี้ยนี่ คงถูกเลี้ยงดูมาแบบญี่ปุ่นมากๆเลยสินะ

" แล้วพ่อแม่มึงซื้อคอนโดนี่ให้มึงเหรอ หรือมึงเช่าเอง "

" กูซื้อเอง " มันบอกด้วยท่าทางไม่สนใจก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่น

" เก่งจังวะ ขนาดกู พ่อแม่ยังต้องผ่อนรถให้เลย "

" ไม่แปลกหรอก ก็มึงยังทำงานไม่ได้ " พยักหน้ารับมัน ผมมองไปรอบๆห้อง ประตูที่ปิดอยู่คงเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีทั้งห้องน้ำแล้วก็ห้องแต่งตัวในตัวด้วยแน่นอน ส่วนห้องเล็กก็คงอยู่อีกฝั่ง " มึงนอนห้องเล็กแล้วกันนะ "

" อ่า.."

" มันมีเตียงเล็กๆอยู่ มึงคงนอนได้ มีเตียงที่คอนโดให้มาอยู่แล้ว ส่วนห้องน้ำก็ใช้ห้องข้างนอกแล้วกัน กูจะใช้ห้องข้างในอย่างเดียว "

“ อื้ม " พยักหน้ารับมันอีกที ก่อนที่ผมจะเม้มปากแล้วเหลือบมองมัน มีบางอย่างที่ผมอยากจะถามมันอยู่ " แล้ว.. คือ "

" อะไร "

" คือนี่มันเที่ยงแล้วอะ หิว ไปกินอะไรกันเถอะ " ไอ้เรียวเหลืบมองนาฬิกา มันหันมาถามผม

" แล้วมึงจะกินอะไร "

" กูอยากจะกินข้าวหมูทอดทงคัตสึอะ " ทุกอย่างเงียบไป แม้แต่สายตาที่กำลังมองผมก็หันไปทางอื่นพลางถอนหายใจออกมา " ทำไมอะ ก็มึงถามกูเองว่าอยากจะกินอะไร กูก็ตอบสิ่งที่กูอยากจะกินดิ กูผิดเหรอ "

“ กูผิดเองที่ถามคนที่ปากว่าบอกว่าจะลด แต่ใจไม่ได้คิดอยากจะลดอย่างมึง "

“ กูอยากจะลดเว้ย ทั้งใจทั้งปากกูนี่แหละ " ผมเถียงมันอีกคนก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพยักหน้ารับยิ้มๆ มันที่กำลังจะเดินผ่านผมเอื้อมมือมาจับไหล่ก่อนจะตบเบาๆ ด้วยท่าทางที่ไม่เชื่อกัน

“ อ๋อเหรอ..”

“ สัด! แกล้งกูอีกแล้วนะ  “ ส่งคำด่าไล่หลังมันที่เดินไปลูบหัวแมวของตัวเอง ก่อนจะเดินตรงออกไปที่ประตูห้อง มันที่หันมาถามผม

" แล้วนั่นจะไปมั้ย แดกข้าวอะ "

" ไปซี่ หิวจะตายห่าอยู่แล้ว " ก้าวเร็วๆเข้าไปหามัน ผมที่ส่งยิ้มกว้างไปอีกคนก็นิ่งไป ก่อนจะเหลือบไปทางอื่นแบบทำทีเป็นไม่ได้สนใจอะไรมันที่พูดขึ้นมาเบาๆ

" แล้วทำไม ต้องร่าเริงขนาดนั้น "

" กูน่ารักละซี่ "

" น่ารำคาญ ใครบอกมึงว่ากูคิดอย่างงั้น "

" กูนี่แหละ เพราะพูดแล้ว กูรู้สึกสบายใจ " มันถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางเก็กๆของมัน ไม่อยากจะบอกว่าเมื่อกี้ตอนที่กูวิ่งมา กูเห็นมึงนิ่งไปนิดนึงในตอนนั้นมึงอาจจะเห็นความน่ารักของกูก็ได้ เพราะผมเชื่อว่าคนเราถ้าได้รู้จักกันมุมมน่ารักจะเผยออกมาให้อีกคนเห็นอย่างแน่นอน แต่เถียงกับไอ้เหี้ยตรงหน้านี้ไปก็คงจะไม่ได้ผลหรอก " ไอ้ขี้เก็ก "

" ปิดประตูด้วย " มันบอกผมที่ก็พยักหน้ารับ แต่ตอนที่กำลังจะปิดประตูผมก็เอียงหน้าเข้าไปในห้อง ตะโกนเบอกอีกตัวที่อยู่ในนั้น

" ท่านหญิง เดี๋ยวจะซื้อขนมอร่อยๆมาฝากนะ " ผมยิ้มตอนที่ล็อคห้องเรียบร้อย ยื่นกุญแจคืนไปให้ไอ้เรียวที่ก็มองผมอยู่ด้วยสายตายิ้มๆ " ทำไม มึงมองอะไร "

" มองคนปัญญาอ่อน "

.............................................................   

อยากลดน้ำหนักจะได้ไปนอนบ้างพี่เรียวบ้าง อะไรบ้าง
นี่กว่าจะผอม ได้ผอมไปเลยมั้ยอะเขิน.. #แอบเหล่
ชอบให้ความแซวแบบแรดๆของเขิน และความขี้เก็กของพี่เรียว

เจอกันตอนหน้า
ฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เหมือนกับเขาตอนนี้เลย จะลดพรุ่งๆจะผ่านมาเป็นปีแล้วก็ยังอยู่เหมือนเดิม

ออฟไลน์ wonwon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะลดได้ไหมนิน้องเขิน เหมือนไม่ตั้งใจลดเลยอ่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ดูแล้ว ทั้ืงเดือนหนูเขินน่าจะลดได้ 3 ขีด  :laugh:

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
โอ้ยยยย เขินแม่งน่ารักวะ :ling1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โหห เรียวนี้ลงทุนนะ อิอิ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยย ทำไมไม่กล้าพูดกล้าทำแบบนี้เยอะๆ นะ ตลกดี น่ารักด้วย
คนอะไรชมตัวเอง เรียวแค่ชะงักรอยยิ้มไปแปบเดียวเอง

เรียวก็ดูแลดีเนาะ มีแผนไรไหม แค่อยากช่วยจริงหรอ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
โหยยย ชอบมาก ชอบพล็อตแบบนี้มากๆเลยค่ะ ชอบนายเอกแร็งว์ๆด่ายับแบบนี้ด้วยอ่ะ
นี่จะกินตามเมนูนาง บอกเลย อ่านแล้วหิว เริ่มละนะเมื่อเช้าด้วยโจ๊กหมูใส่ปาท่องโก๋
เดี๋ยวบ่ายนี้จะกิน ข้าวสวยโปะไก่กรอบพิเศษ เพิ่มหมูก้อนทอด ...เอาเซ่!

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
Chubby love รักนี้ กี่แคล
    ตอนที่ 6

   เดินลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างของตึก เพิ่งสังเกตว่าคอนโดที่มันอยู่ทำเลค่อนข้างดีเหมือนกัน เพราะแค่เดินออกมาหน้าตึกก็ขึ้นบันไดบีทีเอสได้เลยจะไปไหนก็สะดวก  นี่ถ้ามีสะพานเชื่อมจากบีทีเอสเข้าไปด้านในด้วยก็คงต้องแจ่มกว่านี้แน่นอน ผมมองไปรอบๆพื้นที่ ตรงข้ามอีกฝั่งถนนเป็นห้าง ส่วนด้านข้างก็มีทั้งร้านสะดวกซื้อแล้วก็พวกร้านอาหารสไตส์ต่างๆทั้งไทยทั้งต่างชาติเรียงกันเป็นแนวยาว

" แล้วนี่เราจะไปกินอะไรกันวะ "

" มึงก็เลือกเอาสิ " มันบอกก่อนจะเชิดหน้าไปบนทางข้างหน้า คล้ายจะบอกว่า ให้เลือกร้านระหว่างทางที่เดินอยู่นี้ได้เลย

" แล้วมีร้านไหนที่มึงชอบกินบ้างวะ " พอถามออกไปอีกคนก็หยุดเดินก่อนจะชี้ไป เป็นร้านอาหารที่จัดตกแต่งหน้าร้านแบบญี่ปุ่น เงยหน้ามองป้ายร้านก็ค้นพบว่ามันไม่ได้บอกอะไรเลยนอกจากชื่อร้าน " เค้าขายอะไรอะ อร่อยเหรอ "

" ก็อร่อยดี " ยังไม่ทันพูดตกลงอะไร และยังไม่ได้พยักหน้ารับเลยด้วยซ้ำ แต่ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมก็เดินเข้าไปในร้านซะแล้ว มือที่กำลังจะเอื้อมคว้าตัวมันไว้ อยากจะเลือกต่ออีกสักหน่อย เผื่อเดินไปไกลกว่านี้จะมีร้านที่อยากจะกิน แต่ไม่ทันแล้วละ ..

" สัด "

" อิรัชชัยมะเซ " เสียงพนักงานที่เอ่ยทักทายเราขึ้นมาทันทีตอนที่ไอ้เรียวเปิดประตูเข้าไปในร้าน ร่างสูงตรงหน้าผมพยักหน้ารับ ผมก็พยักหน้ารับตาม

" สองที่ครับ " มันบอกแค่นั้น เธอก็ผายมือไปที่โต๊ะที่ว่าง ผมนั่งลงตรงข้ามมันก่อนจะรับเมนูที่เธอยื่นมาให้มาดู ร้านอาหารทั่วไปที่ไม่ได้มีภาพสวยงามเหมือนกับในร้านอาหารขึ้นห้าง แต่ก็พอมองออกว่าอะไรเป็นอะไร

" กินอะไรดี มึงกินอะไรเรียว "

" ไม่บอก " มันว่าผมก็เงยหน้ามองมันที่ก็ก้มดูเมนูอยู่ " เดี๋ยวมึงกินตาม "

" แหมมมม กูไม่ได้อยากจะกินตามมึงหรอกไอ้สัด แค่ถามเพราะเห็นว่านั่งร่วมโต๊ะกันเท่านั้นแหละเว้ย เป็นมารยาท "

“ ความเสือกนี่จัดเป็นมารยาทด้วยเหรอ " มันถามด้วยหน้าตาเฉยๆตามฉบับ ผมก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ " บ้านมึงเค้าสอนว่า เวลากินข้าวกับคนอื่นต้องถามเหรอ ว่าอีกคนกินอะไร  สอนให้เป็นคนขี้เสือกสินะ "

" ไอ้เหี้ย "

" ไอ้อ้วน " มันตอบกลับก่อนจะยิ้ม "  บอกมาตามตรงดีกว่า ไม่รู้จะกินอะไร ก็เลยจะกินตามถูกมั้ย "

" แค่ขอเป็นแนวทางเว้ย เหอะ! ไม่บอกก็ไม่บอกไอ้สัด เลือกเองก็ได้ " ก้มลงอ่านเมนูทีละเมนู เพราะมันไม่มีภาพนี่แหละเลยตัดสินใจยาก เป็นร้านอาหารที่ญี่ปุ่นโคตรๆเพราะมีภาษาญี่ปุ่นกำกับอยู่ทุกเมนู  ภาพให้ชวนน่ากินแบบในร้านตามห้าง ลืมไปได้เลยเพราะมัน..ไม่มี

" ข้าวปลาแซลม่อน อร่อยที่สุด กินสิ ไม่อ้วน  แถมที่นี่เติมข้าวได้ไม่อั้นด้วย "

" งั้นเหรอ " เงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกคน แต่คนขี้เก็กแม่งก็ก้มลงเสือกเมนุของตัวเองแล้ว ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ  " ก็น่าสนใจนะ แต่กูกลัวกูไม่อิ่มวะ "

" ยังไม่ทันแดกเลย มึงบอกตัวเองไม่อิ่มละ " มันท้าวคางตัวเองมองผมก่อนจะถอนหายใจออกมา " แล้วอิ่มของมึง ปกติมึงกินยังไง "

" กินยังไงเหรอ ให้เล่าทั้งวันเลยมั้ย ว่าทั้งวันกูกินอะไรบ้าง "

" อยากพูดก็ว่ามา " มันยักคิ้วบอก ผมก็ยิ้มกว้างออกไป ชอบเม้าส์อยู่แล้ว ให้ถามกูเถอะ กูชอบพูด ชอบพรีเซ็นต์ตัวเอง

" ก็เช้าตื่นขึ้นมาก็อาบน้ำเรียบร้อย ลงมากินข้าว ส่วนใหญ่นะ บ้านกูจะกินข้าวต้ม โจ๊ก อะไรแบบนี้กันตอนเช้า โจ๊กหมูใส่ปาท่องโก๋ บางทีก็ข้าวต้มปลา  อื้มม แล้วถ้าเบื่อๆ หน่อย ก็กินพวกหนมปังที่เป็นปอนด์อะมึง ที่ไส้เยอะๆ แล้วเวลากูกินนะ กูก็กินแม่งทั้งปอนด์เลยกับนมตอนเช้า บางทีก็แอบกินสองอันเพราะมันอร่อย "

" สองอัน " มันทวนคำพูดของผมที่ก็พยักหน้ารับ

" อร่อยมากนะมึง เปิดออกมานะ ก็จะมีไส้ทะลักออกมา ไส้ลูกเกดกับหมูหยองน้ำพริกเผาอร่อยสุด กูโคตรชอบบ "

" ท่าทางว่าจะชอบมากแหละ ไม่ชอบมากมึงไม่ตัวเท่านี้หรอก "

" แหมมมมม ขอมองแรง " ชักสายตาใส่มันอีกคนก็ส่ายหน้าไปมา แล้วตอนที่มันจะพูดอะไรขึ้นมา พนักงานก็เอ่ยทักขึ้นมาก่อน

" ไม่ทราบว่าจะสั่งอะไรดีค่ะ "

" เออ ลืมสั่งไปเลย มัวเม้าส์เพลิน " หันไปยิ้มให้พนักงานเธอก็ยิ้มกว้าง " สั่งชุดข้าวปลาแซลม่อนครับ "

" สองที่ครับ แล้วก็น้ำเปล่า สอง "

" แค่นี้นะคะ " พนักงานทวนถามแต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไร ไอ้เรียวก็พยักหน้ารับเธอที่ก็เดินไปทันที

" เชี้ย กูว่าจะกินขาเขียวสักหน่อย "

" กินน้ำเปล่าดีที่สุด แล้วพอเค้ามาเสิร์ฟมึงก็แดกไปเลยสองแก้ว "

" จ้าๆ อีเทรนเนอร์คุง " พยักหน้ารับมันก่อนจะกลืนน้ำลายลงไปในคอ " มาพูดเรื่องการกินของกูต่อ "

" อื้ม " มันตอบรับยิ้มๆ

" แล้วคราวนี้นะ กูก็มาเรียนใช่มั้ย กูก็จะกินข้าวหมูบดทอดไก่ทอดของป้าแบบพิเศษ คือมันอร่อยมากเลยนะมึง กูเคยกินติดกันเป็นเดือนๆเลยแหละ "

“ แล้ว มื้อเย็นละ "

“ มื้อเย็นก็กลับไปกินที่บ้าน แต่ระหว่างขับรถกลับกูก็จะแดกขนมนะ  แดกไปเรื่อยๆ ระหว่างรอรถติด พอถึงบ้านก็ถึงเวลาข้าวเย็นพอดี ถ้าแม่ขยันๆ ก็ชอบหัดทำอาหารจากในเพจเฟสบุ๊ค ถ้าวันไหนขี้เกียจก็สั่ง เคเอฟซี พิซซ่ามากินอะไรแบบนี้ แต่ก็กินจัดเต็มมากจ้า  "

“ แล้วพอกินเสร็จ "

“ ก็ขึ้นห้อง ไปทำนู้นทำนี่ ตัวใครตัวมัน "

" แล้วมึงทำอะไร "

" นอนฟังเพลง เล่นเฟส อะไรแบบนี้ อาบน้ำ บางทีก็ทำการบ้าน ไม่มีก็ดูหนัง แล้วก็นอน "

“ ไม่ออกกำลังกาย " ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้มัน  อีกคนก็พยักหน้ารับ

“ เป็นไงวิถีชีวิตกู "

“ เหมือนหมูในโรงเชือดอะ ขุนให้อ้วน แล้วพอโตเต็มที่ก็ฆ่าแล้วก็ขาย "

“ เชี้ย มึงจะแรงกับคนน่ารักแบบกูเกินไปแล้วนะไอ้สัด " ผมบอกอีกคนก็ยกยิ้ม เรียวจ้องหน้าผม

“ ถ้ามึงมีความสุขกับการกินขนาดนั้น ทำไมไม่กินตามที่อยากกินวะ  " เหลือบมองมันที่พูดออกมาแบบนั้น สบสายตาคมที่จ้องมองมา ผมก็ได้แต่นิ่งไป  " คนคนนั้นสำคัญกับมึงขนาดที่ทำให้มึงยอมทิ้งความสุขของตัวเองเลยเหรอ ทำไมไม่หาคนที่เค้ารักมึงแบบที่ มึงเป็นมึงละ เรื่องลดความอ้วนมันก็ดีอยู่หรอก แต่ควรลดเพื่อตัวเองไม่ใช่คนอื่น "

   ในห้วงเวลานึงผมก็คิดอย่างที่อีกคนถาม ในเมื่อมีความสุขกับการกินจะทรมานกับตัวเองด้วยการลดความอ้วนทำไม ในเมื่อโลกนี้มันต้องมีทั้งคนที่อ้วนแล้วก็คนที่ผอมอยู่แล้ว แต่ว่าในความรัก มันไม่ใช่อะไรอย่างงั้น บางทีรูปลักษณ์หน้าตาภายนอกต้องมาก่อน ความเหมาะสมในการเดินข้างๆกันของคนรัก สำหรับบางคนมันสำคัญ โดยเฉพาะเค้าคนนั้น

" มันไม่มีหรอก คนที่รักกูแบบที่กูเป็นกูน่ะ " บอกมันแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มให้ตัวเอง " ไม่มีใครที่สนใจคนอ้วนๆหรอก แล้วยิ่งเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ว่ายังไงคนทั่วไปก็สนใจแต่เรื่องภายนอกมากกว่าเรื่องภายในอยู่แล้ว สังคมของเรามันเป็นแบบนี้ มึงก็รู้ดีนี่ "

“ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปหรอก " เรียวตอบเสียงนิ่งๆ " มึงแค่ไม่เจอมันก็เท่านั้น ไม่อย่างงั้น คนอ้วนๆทั้งโลก มันก็คงไม่มีแฟนแล้วละมั้ง "

“ แต่พี่ทีมไม่ได้เป็นแบบนั้น " ผมบอก อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ ไอ้เหี้ยนั่นอีกแล้ว “

“ คนเรามันก็มองภายนอกกันทุกคนนั้นแหละ ไม่ใช่แค่พี่ทีมหรอก " เถียงมันออกไป " เวลามึงมีแฟนแล้วไปเที่ยวด้วยกัน ถ้าเจอเพื่อนที่รู้จักกัน เค้าก็ต้องมองภายนอกของแฟนมึงก่อน เค้าไม่ได้มองหรอกว่าแฟนมึงนิสัยดี หรือว่าอะไร เค้ามองแค่ว่า แฟนมึงสวยหรือไม่สวย อ้วนหรือไม่อ้วน เค้ามองกันแค่นั้น นิสัยน่ะ มันเรื่องต่อไป " จะบอกว่าปกป้องพี่ทีมจากความคิดของคนตรงหน้าก็ได้ แต่อยากจะให้มันมองว่าคนทั่วไปก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่พี่ทีมคนเดียวสักหน่อย

“ งั้นเหรอ "

“ ตอนนี้ มึงอาจจะไม่แคร์ แต่พอมึงได้รักใครสักคนที่เค้าสวยมากๆ สวยจนมึงรู้สึกว่าเค้าคงไม่เหมาะสมกับมึง วันนั้นมึงจะพยายามเปลี่ยนแปลงเพื่อเค้าเองละ "

" กูไม่ได้อยากมีแฟนเพราะอยากมีเครื่องประดับสวยๆ แต่กูอยากมีแฟนเพราะอยากจะมีใครสักคนที่คอยแชร์ทุกเรื่องด้วยกันมันก็เท่านั้น " เรียวยกยิ้ม ในตอนนั้นอาหารที่เราสั่งไปก็มาเสิร์ฟ มันขยับตัวนิดหน่อยเพื่อเตรียมตัวกินข้าว " ความรักของเรา มันคนละแบบกัน แล้วกูก็ไม่ใช่คนที่มองคนแค่ภายนอกแบบมึงแล้วก็ไอ้เหี้ยนั่นด้วย "

   ทุกอย่างเงียบไป ผมที่ได้แต่เม้มปากไม่ได้พูดอะไรตอบออกไปสักคำ จะพูดว่าเถียงไม่ออกก็ได้ จริงอย่างที่มันพูด ผมตอนนี้เหมือนกำลังทำตัวเป็นเครื่องประดับสวยๆให้คนที่แอบชอบ มากกว่าจะอยากเป็นแฟนในแบบที่ควรจะเป็น แฟนที่จะถูกรักในแบบที่ไม่ว่ายังไง เค้าก็รัก ไม่ใช่ของที่จะถูกทิ้งเมื่อความสวยมันลดลง

“ ก่อนจะกินข้าว ก็กินน้ำเข้าไปก่อนสักสองแก้ว " เรียวรินน้ำให้ผม ตอนที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบตะเกียบเพื่อเริ่มกินข้าว

“ โอเค " พยักหน้ารับมันก่อนจะเริ่มกินน้ำเข้าไปตามที่บอก " งั้นถ้ากินน้ำก่อนกินข้าวทุกมื้อจะผอมลงอะดิ "

“ มันจะแค่ช่วยให้มึง อิ่มเร็วขึ้น "

“ อย่างงั้นนี่เอง "

“ ต่อไปนี้ก่อนจะกินอาหารทุกมื้อกินน้ำเข้าไปก่อนสองแก้ว แล้วค่อยกินข้าว "

“ รับทราบครับผม " กินน้ำหมดไปหนึ่งแก้ว ไอ้เรียวก็รินให้ผมอีกแก้ว ตอนที่นั่งกินอยู่อีกคนพูด

“ แล้วเลิกทำหน้าเศร้าเหมือนหมูจะถูกเชือกสักที "  เหลือบมองมันที่ก็มองผมอยู่พอดี เรียวถอนหายใจ " มันน่ารำคาญ แล้วอีกอย่างเศร้าไปยังไงมึงก็รักไอ้เหี้ยนั่นแบบนั้น แล้วไอ้เหี้ยนั่นถ้าจะรักมึงก็รักมึงได้แค่แบบนั้นแหละ "

“ สัด มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีเวลาคนเราคบกันไปสักพัก มันอาจจะรักกันขึ้นมาก็ได้นะ รักที่ตัวตนของอีกคน แค่ตอนนี้กูต้องทำให้ตัวกูเป็นที่ยอมรับก่อนมันก็เท่านั้น "

“ เข้าข้างตัวเอง " อีกคนพูดก่อนจะก้มหน้าลงตักข้าวขึ้นกิน " แต่สบายใจที่จะคิดก็คิดเถอะ คนที่เค้าแอบรักคนอื่นแบบมึง ก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น มันก็ถูกแล้ว "

“ K " พูดแบบไม่ออกเสียง ผมก้มหน้าลงกินข้าวตรงหน้าของตัวเองตอนที่กินน้ำเข้าไปแล้วสองแก้ว ขอบอกว่าอิ่มสัด จุกน้ำไปแล้วเรียบร้อย มองข้าวตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าจะกินไหวรึเปล่าไม่ต้องคิดถึงเรื่องจะเพิ่มข้าว คิดว่าคงไม่ได้ทำอย่างที่คิดแล้วแน่นอน " แล้วชีวิตมึงอะ วันๆทำอะไรบ้าง "

“ จะเสือกเหรอ " มันเงยหน้าขึ้นถาม ผมก็ถอนหายใจออกมากับความกวนตีนของมัน

“ กูก็ไม่ได้อยากจะเสือกหรอก แค่เห็นว่ากินข้าวเงียบๆเลยชวนคุย แล้วอีกอย่างคือ กูเล่าเรื่องกูไปแล้ว มึงก็เล่าเรื่องมึงบ้างสิว่ะ กูต้องมาอยู่กับมึงตั้งสามวัน แถมต่อไปนี้ต้องมีมึงคอยช่วยลดน้ำหนักตลอด ก็ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับมึงบ้าง ถูกมั้ย "

" แล้วอยากจะฟังเรื่องอะไร "

“ อื้ม ทำไมมึงมาอยู่คอนโดคนเดียวอะ  " จะว่าไปผมก็รู้สึกอย่างที่มันบอกแหละ คือ เสือก อยากเสือกเรื่องของมัน อยากรู้ว่าชีวิตมันเป็นยังไงบ้าง มีเรื่องที่อยากจะรู้เยอะแยะไปหมด จะได้ไปเล่าไอ้ลี่ฟังถูก รู้สึกแฮปปี้ที่ตัวเองจะได้รู้ดีไปหมดเรื่องคนอื่น รู้แบบรู้จริงเพราะฟังมาจากปาก " หรือว่าพ่อแม่มึงอยู่ต่างประเทศเหรอ ไม่ก็ต่างจังหวัดถูกปะ มึงก็เลยต้องย้ายมาอยู่คอนโดคนเดียว "

“ เปล่า เค้าก็อยู่ในกรุงเทพนี่แหละ "

“ อ้าว แล้วทำไม "

“ พ่อแม่กูหย่ากันไปได้สักพักแล้ว แม่กูกลับไปญี่ปุ่นแล้วก็แต่งงานใหม่ ส่วนกูก็อยู่กับพ่อที่ก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่  แล้วยิ่งกูมาทำงานแบบนี้เค้าก็ยิ่งไม่ชอบ " มันยกยิ้มตอนที่พูดออกมา " จากนั้นเค้าก็แต่งงานใหม่ กูก็เลยย้ายออกมาอยู่คนเดียว จบ "

“ งั้นเหรอ " ทำไมฟังแล้วชีวิตมันไม่ได้คูลอย่างที่คิดเลยวะ หนำซ้ำยังดราม่าอีก 

   ถึงแม้มันจะยกยิ้มเหมือนไม่ใส่ใจอยู่ตอนนี้ แต่ผมก็คิดว่าเรียวไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย เหมือนแค่กำลังแสร้งทำตัวเป็นเข้มแข็งไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ในใจลึกๆมันคงคิด แต่เอาจริงๆ คงไม่มีใครไม่คิดหรอก ขนาดพ่อแม่ผมเถียงกันเรื่องไร้สาระผมยังรู้สึกไม่ดีเลย แล้วของมันนี่ถึงขั้นหย่า ในชีวิตคงผ่านเรื่องเศร้าๆมากเยอะมากแน่ๆ เพราะคนรักกันก่อนจะตัดสินใจหย่าขาด ก่อนหน้านั้นคงทะเลาะกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แล้วมันที่เห็นสภาพของครอบครัวเป็นแบบนั้นอยู่นาน จนเค้าแยกออกจากกัน ต้องทนรับสภาพเจ็บปวดขนาดไหนวะ

“ มึงไม่ต้องสงสารกูหรอก " คนตรงหน้าพูดสั้นๆ ในตอนที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ " ตอนนี้กูมีความสุขดี "

“ ตอแหล สายตามึงกำลังบอกกูอยู่ว่ามึงทุกข์ ทำไมวะ มัน.. สาหัสขนาดนั้นเลยเหรอ " ผมเว้นประโยคท้ายที่เอ่ยถามมัน เรียวเงียบไปสักพัก มันก้มหน้าลงกินข้าวต่อ เคี้ยวอยู่สักพักก่อนจะกลืนข้าวลงไปคำโต

" แม่กูเป็นนางแบบ พ่อทำงานบริษัทที่เมื่อก่อนก็ทำงานที่ญี่ปุ่นแต่ถูกย้ายมาให้ดูแลสาขาในเมืองไทย ตอนนั้นกูสักประมานหกขวบมั้ง แต่จำได้ว่าตอนย้ายมาใหม่ๆเราต้องปรับเปลี่ยนอะไรกันเยอะมาก แล้วพอลงตัวพ่อกูก็เกิดติดใจไม่อยากจะย้ายกลับไปทำงานที่ญี่ปุ่นทั้งๆที่มีโอากาสให้ย้ายกลับ เหมือนว่าคงเสพย์ติดชีวิตที่ไม่ต้องกดดันอะไรมากมายของที่นี่แต่นั่นไม่ใช่ความคิดของแม่กู เค้าอยากจะกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเพราะเค้าอยากจะทำงานนางแบบเหมือนเดิม เมื่อก่อนทุกๆวันเค้าจะระบายความอยากจะเป็นนางแบบด้วยการพากูไปแคสติ้งงาน พวกถ่ายแฟชั่นของเด็ก เค้าที่ตอนนั้นได้เห็นสภาพแวดล้อมของการถ่ายแบบเหมือนเป็นความสุขเดียวที่ทำให้เค้ามีพลังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป แต่ว่า..”

" แต่ว่าอะไร " ผมถามพลางจ้องมันที่อยู่ๆก็หยุดเล่าไป เรียวมองหน้าผมเหมือนมีคำว่าเสือกออกมาจากส่ายตานั้น ผมส่ายหน้า " กูไม่ได้เสือกนะ แต่แค่ มันจะค้างคานะ ถ้ามึงเล่ากูไม่จบน่ะ "

" แต่ว่ามันก็ไม่พอ แม่อยากจะเป็นนางแบบเองมากกว่าจะมานั่งมองกูถ่ายแบบ วันนึงเค้าตัดสินใจรับงานนึงที่ญี่ปุ่นแล้วก็บินไปถ่าย แต่มันก็บ่อยขึ้นจนแม่บอกพ่อว่าอยากจะให้พ่อย้ายกลับไปอยู่ที่นู้นด้วยกัน แต่พ่อไม่ยอม ตั้งแต่นั้นเค้าก็ทะเลาะกันมาตลอด จนสุดท้ายแม่กูก็หย่ากับพ่อแล้วก็ย้ายกลับไปทำงานที่ญี่ปุ่นอย่างที่ตัวเองฝัน เค้าแต่งงานใหม่กับช่างภาพแล้วตอนนี้ก็เปิดบริษัทโมเดลดิ่ง ส่วนกูก็อยู่กับพ่อที่ไม่ลงรอยกันเท่าไหร่เพราะกูดันไปเป็นนายแบบให้บริษัทโมเดลลิ่งของแม่กู  มึงรู้มั้ยตอนที่พ่อกูรู้ว่ากูเป็นนายแบบ เค้าโกรธกูจนหน้าสั่น ตบกูด้วยนะ " เรียวยกยิ้มก่อนจะหัวเราะ "  แต่ก็นะเพราะอาชีพนั้นมันเป็นอาชีพที่เค้าโคตรเกลียดเลยนี่หว่า เป็นอาชีพที่ทำให้แม่ต้องเลิกกับเค้า "

" แต่มึงก็ยังทำ "

“ ก็กูอยากรู้ว่ามันสนุกยังไง เค้าถึงเลือกที่จะทิ้งกูแล้วก็พ่อไปทำมัน กูก็เลยลองดู " เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อกผมตอนที่ฟังมันพูดออกมาแบบนั้น ผมที่เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเลยสักอย่างเดียว ลมหายใจของผมที่ค่อยๆผ่อนออกมารู้สึกอึดอัดชะมัด ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่ก็รู้สึกเศร้าแทนมันชิบหาย " แล้วพอกูได้มาทำงานนี้ ตอนแรกแค่อยากจะทำมันเล่นๆแต่สุดท้ายมันกลับไปได้ดี กูมีงานเยอะขึ้น มีเงินเยอะขึ้น ประจวบเหมาะกับพ่อกูที่ทำเลขาหน้าห้องท้องพอดี กูก็เลยตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียว เพราะไม่อยากจะเป็นส่วนเกินในครอบครัวใหม่ของเค้า "

" พอเถอะ " ผมเบรคมัน พลางยกมือห้าม " ไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว "

" อ้าว ? ทำไมไม่ฟังต่อ ตอนแรกเห็นเสือก " มันยกยิ้มถาม ในแววตานั้นเศร้าแม้จะหัวเราะออกมา

" ก็.."

" ก็อะไร "

" แววตามึงดูเศร้ามากเลย กูไม่ชอบ ถ้าเล่าแล้วมึงต้องคิดถึงมันแล้วทำให้มึงรู้สึกแย่ ไม่ต้องเล่าแล้ว กูไม่อยากฟัง พอ "  ก้มหน้าลงกินข้าวต่อ ผมเคี้ยวไปเรื่อยๆ ก่อนจะชวนมันเปลื่ยนเรื่อง " ข้าวอร่อยดีเนอะมึง ปลาแซลม่อนก็สด นี่แล้วเดี๋ยวเราจะไปทำอะไรต่อ "

" ไปห้าง ซื้อของใช้ของมึง แล้วก็ของกิน "

" เหรอ ดีๆกูอยากจะกินขนม เดี๋ยวมึงเลือกให้กูด้วยนะว่ากูกินขนมอะไรได้บ้าง โอเค๊ ? "

" อื้ม " ตอบรับคำพูดของผมที่ยิ้มกว้างให้มันด้วยประโยคสั้นๆ แล้วตอนที่กำลังจะก้มกินข้าวต่อ เรียวก็พูดขึ้น

“ ทำไมกูต้องเล่าให้มึงฟังด้วยวะ " มันส่ายหน้าไปมากับตัวเอง " ทั้งๆที่คิดเอาไว้ว่าจะไม่เล่าใคร "

“ ก็คงเพราะสบายใจมั้ง " ผมยิ้มให้มัน " เหมือนอย่างที่กูก็รู้สึกสบายใจแล้วก็ไม่อายที่จะพูดอะไรกับมึงเลย อย่างเรื่องความอ้วนหรือแม้แต่ความรู้สึกของกู ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกันก็เถอะ " สบสายตากับอีกคน " จะด่าว่ากูเข้าข้างตัวเองอีก ก็ได้นะ "

“ เปล่า ก็เป็นอย่างที่มึงพูดนั่นแหละ "

“ คบกับกูเป็นเพื่อนแล้วสบายใจมากเลยใช่มั้ยล้าา  แต่ก็นะใครๆ อยู่กับกูก็มีความสุขทั้งนั้นแหละ " พูดแบบอวดๆ อีกคนก็ทำหน้านิ่งแต่ถึงอย่างงั้นแววตาที่เศร้าๆของมันหายไปแล้ว เรียวที่ยกยิ้มขึ้นมา

“ ไอ้หลงตัวเอง "

“ ไอ้ขี้เก็ก มึงเองก็มีความสุขอยู่ชัดๆ ยังจะมาตอแหลกูอีก " ตักข้าวขึ้นกิน ผมเคี้ยวปลาแซลม่อนกับข้าวเปล่าเข้าไป อีกคนก็ยังมองผมนิ่งๆ ไม่ยอมกินสักที " มองความสวยของกูอยู่นั่นแหละ รีบๆกินเข้าไปเถอะน่า เดี๋ยวจะได้ไปซื้อขนมมากินอีก เร็วๆ เข้า กูอยากจะกินขนมแล้ว "

“ ไอ้อ้วนเอ้ย มึงจะลดได้มั้ยเนี้ย "

“ ไม่เห็นต้องกลัว กูมีมึงอยู่นะ นี่กูหวังพึ่งมึงเลยนะไอ้สัด เพราะงั้นตอนนี้ มึงเป็นคนสำคัญของกูนะ รู้มั้ยละ " ยักคิ้วบอกมันออกไป เรียวนิ่งไปสักพัก ในตอนนั้นมันไม่ตอบอะไรเลย ได้แต่ยิ้มแล้วก้มหน้าลงกินข้าวต่อไปก็เท่านั้น

.........................................................

ตอนที่เขินพูดถึงพี่ทีมนี้ สถบออกมาเหมือนเรียวเลย
“ ไอ้เหี้ยนี่อีกแหละ "
ให้อารมณ์เขินเป็นเพื่อนเรา แล้วเพื่อนไปชอบคนเหี้ยๆ ในใจนี่ ด่าเพื่อนเป็นพันคำตอนที่มันเล่าถึงคนที่ชอบ ไอ้เหี้ยนี่อีกแหละ
ความรู้สึกมันคือ อะไรอย่างงั้น ฮ่าๆๆๆๆๆ
อยากให้อ่านไปสักพักก่อน นิยายเรื่องนี้ อาจจะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากเท่าไหร่
เพราะงั้น เนื้อเรื่องดำเนินไปเป็นยังไง อยากจะให้ทุกคนช่วยติดตามต่อไปนะคะ
โอเคค เพราะงั้น เจอกันตอนหน้า
ยังไงฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ ฝากแชร์ฝากไลค์ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รอเขาชิดๆๆใกล้ๆๆกันเยอะๆๆๆ อิอิ รออ่สนจ้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอบนี้ที่เรียวแนะนำอาจจะกินน้อยลงก็ได้นะ  :ruready

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวังว่าต่อๆไปเขินคงจะคิดได้นะว่าควรรักตัวเองมากกว่าจะเอาไปผูกกับใคร

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
จริงๆพอมีช่อ อิพี่ทีมโผล่มาเราก็ฟิลเดียวกันเลยค่ะ "ไอ้เหี้ยนี่อีกละ"  555  ช่างเป็นบุคคลที่ทุกคนเห็นพ้องว่าชื่อนี้เหมาะสมนัก

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารักจุงงง
อยากเห็นตอนน้องเขิน ผอม..  :hao6:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
จะลดได้มั้ยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
    ตอนที่ 7

   เดินออกจากร้านอาหารมาที่ห้างใกล้ๆหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ผมตรงไปที่รถเข็นเป็นอย่างแรก เข็นมันออกมาก่อนจะหันไปยิ้มให้ไอ้เรียวที่ก็ยังคงหน้านิ่งไม่เปลี่ยน ผมที่ค่อยๆหุบยิ้มตัวเองลงไปด้วยใบหน้าเซ็งๆ ในใจที่กร่อนด่ามัน ' จะตอบรับยิ้มกูสักหน่อยก็ไม่ได้นะสัด เก็กอยู่นั่น '

“ แล้วนี่กูต้องซื้ออะไรบ้างอะ " ผมหันไปถามคนที่ยืนอยู่ๆ ไอ้เรียวหันมามองอยู่สักพักก่อนจะหันกลับไปมองอะไรเรื่อยเปื่อยตรงหน้าเหมือนเดิม มือมันหยิบถุงแอปเปิ้ลเขียวขึ้นมาแพ็คนึงพลิกดูอยู่สักพักก่อนจะเอาใส่รถเข็น " นี่ ช่วยตอบคำถามที่กูถามไปด้วยสิวะ มึงจะเก็กหน้าหล่ออะไรนักหนา รำคาญญญญญญญ ตอบเร็วๆหน่อบจะได้มั้ย "

" แล้วมึงจะกินอะไร " มันถามกลับคราวนี้ผมก็นิ่ง " อะไรที่คิดว่ากินเข้าไปในตอนเช้าแล้วอิ่ม อยู่ท้อง "

" ข้าวมันไก่ " สบสายตาอีกคนที่มองออกไปทางอื่นก่อนจะถอนหายใจ

" งั้นก็ซื้อข้าวไรท์เบอรี่ไปสักถุงสิ "

" ข้าวที่มันมีสีดำๆอะนะ "

" อื้ม " เรียวพยักหน้ารับ " แล้วก็อกไก่ สัก หกชิ้น "

" ทำไมต้องซื้อตั้งหกชิ้นวะ "

" ก็สำหรับมื้อเช้าสามวัน แล้วก็มื้อเย็นอีกสามวัน " มันเว้นเสียงก้มหน้าลงคิด ก่อนจะหันมาบอกอีกครั้ง " จะซื้อกินเช้าวันจันทร์ก่อนไปเรียนด้วยก็ได้นะ "

" นี่กูต้องกินอกไก่สามวันเลยเหรอ " ผมถามย้ำมันด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่  " คือจะแดกหมู กุ้ง อะไรแบบนี้อย่างอื่นไม่ได้เลยอะ กูต้องแดกอกไก่ทั้งสามวันเลย "

" อกไก่เป็นเมนูของคนลดน้ำหนัก ทำใจให้ชอบแล้วเลิกทำหน้าเหมือนจะตายได้แล้ว มึงยังต้องอยู่กับมันอีกเป็นปี หรือไม่ก็อาจจะทั้งชีวิตถ้าลดไม่สำเร็จ "

“ ไม่เอาน่า ไม่มีหมูสักส่วนที่แดกแล้วไม่อ้วนเหรอวะ เช่น หมูเนื้อแดงไง ไม่มีเนื้อขาว "

“ แดกไก่ดีกว่า แคลลอลี่มันน้อยกว่าเยอะ "

“ แต่ว่าถ้าแดกทุกวันอย่างที่มึงว่า กูไม่เป็นเก๊าต์เหรอไง "

“ มึงก็รีบผอมๆเข้าสิ จะได้เลิกแดกเร็วๆ " มันยกยิ้มก่อนจะเดินลากรถเข็นที่ผมเข็นอยู่ออกไปข้างหน้า ไม่ได้หันมาฟังเสียงสถบด่าของผมแต่อย่างใด

“ ไอ้สัดเอ้ย " ไม่รู้ว่าคนอย่างกู จะผอมก่อนหรือเก๊าต์ก่อนกันแน่ละงานนี้  " แล้วนี่ ตอนเช้ามึงจะให้กูกินอะไรอะ "

“ ก็กินข้าวไรต์เบอรรี่ถ้วยนึงกับอกไก่ชิ้นนึง แล้วก็สลัด ถ้ามึงไม่อิ่มก็ผลไม้ "

“ แต่กูไม่มีกินผัก " ผมบอกมันอีกคนก็ถอนหายใจ

“ ก็ต้องกิน " มันหันมาบอกเสียงเข้ม

“ แต่..”

“ กฏของการลด ต้องทำตามคำสั่งของกู บอกให้กินอะไรก็ต้องกิน " ไปทวงคำพูดตั้งแต่วันแรกที่ผมตกลงว่าจะลดน้ำหนักมาพูดจนได้ ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่สบสายตาคมของมันที่จ้องมา " กินสลัดซะ "

“ ขอกินนิดเดียวนะ "

“ กินสักถ้วย " มันย้ำผมก็ได้แต่ทำหน้าตาจะร้องไห้ใส่มัน " เป็นเหี้ยอะไร กูบังคับให้มึงแดกขี้หมารึไง "

“ เออใช่! แล้วกูขอบอกไว้ว่ามันมากกว่านั้น คือมึงแม่งไม่เข้าใจคนที่ไม่กินผักอะ จะผักอะไรก็ไม่ได้ ไม่กิน มึงเข้าใจมั้ย จะอร่อย ไม่อร่อยกูก็ไม่แดก มันไม่โอเค แค่เห็นก็ไม่อยากจะมอง ไม่อยากจะใกล้ กูไม่ได้ไม่กินอย่างเดียว แต่กูรังเกียจมัน มึงเข้าใจมั้ย "

“ มันมีไฟเบอร์จะช่วยให้มึงถ่าย ช่วยให้มึงอิ่ม แบบที่มึงกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน "

“ ทำไมโลกใบนี้ไม่กำหนดให้ขาหมู แล้วก็ไก่ทอดเป็นของที่แดกเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนวะ ทำไมไม่กำหนดของอร่อยๆว่าเป็นเมนูลดน้ำหนักบ้าง ทำไมถึงมีแค่ ผัก กูไม่เข้าใจ ทำไมโลกถึงไม่ยุติธรรมขนาดนี้ "

“ เป็นบ้าพอรึยัง " มันถามผม ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหยิบผักเป็นต้น ตั้งสองสามต้นเข้ามาใส่ไว้ในรถเข็น ยังไม่นับรวมมะเขือเทศราชินีลูกเล็กๆ กับแครอทอีก

“ มึงซื้อทำไมเยอะแยะขนาดนี้ กูแดกไม่หมดหรอกนะเว้ย สามวันอะ อย่างดีก็แค่มะเขือเทศลูกเดียวเท่านั้นอะ "

“ กูกิน "

“ อ๋อออ โอเคๆ ถ้ามึงกินก็คงหมดแหละเนอะ " ยิ้มแห้งๆให้มัน ก่อนจะทำทีไปมองอย่างอื่น " มึง แล้วผลไม้นี่กูกินอะไรได้บ้างอะ สตอเบอรรี่แดกได้มั้ย "

“ ก็ได้ "

“ เหรอ งั้นกูจะซื้อนมข้นด้วย "

“ เพื่อ ? “ มันหันมาถาม

“ ก็กินนมข้นกับสตอเบอรี่ไง มันอร่อยมากเลยนะ หวานๆ มันๆ เปรี้ยวๆมึงไม่เคยกินเหรอ "

“ อ้วน " มันหันมาบอก " กินสตอเบอรี่เปล่าๆไป "

“ เหี้ย แต่มึงมันก็ทอปปิ้งกินนิดเดียว "

“ อ้วน " ย้ำคำเดิมสุดท้ายผมก็ได้มาแค่สตอเบอรี่เปล่าๆกล่องเดียวครับ..  เซ็ง

“ แล้วนี่ตอนเที่ยงกูต้องกินไรอะ "   

“ เหมือนตอนเช้า "

“ เบื่อตายห่าแน่ๆ แล้วตอนเย็นอะ "

“ สลัด ไม่ก็ผลไม้ แล้วก็อาจจะเป็นนมอัลมอลล์สักแก้ว "

“ เหรอ " ผมพยักหน้ารับมัน จะว่าไปก็ได้กินครบสามมื้อ แถมยังเป็นปริมานที่พอดีก็คงจะทำให้ไม่หิวได้ละมั้ง เอาว่ะ ต้องสู้หน่อยเพื่อความผอม เพื่อความสวย เพื่อพี่ทีม เขินต้องสู้! " ว่าแต่มึง กูถามอะไรหน่อย "

" อะไร "

" กูเคยเห็นดาราที่เค้าปั่นน้ำผลไม้ปั่นกินอะ ถ้าอย่างงั้นกูปั่นน้ำอัลมอลล์กับน้ำแข็งกินได้มั้ย "

“ ก็ได้นะ เดี๋ยวกูสอน กูมีสูตรอร่อย "

“ ว้าววว " ผมทำตาโตก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแขนมัน " พี่เรียวใจดีอ่า "

" ดูตอแหลไอ้อ้วน "

“ สัด " พูดกันดีๆได้ไม่ถึงสิบวิหรอกกับไอ้นี่ เสียอารมณ์ " สรุปเราก็ซื้อกันแค่นี้เหรอวะ "

“ ถ้าของกิน กูคิดว่าครบแล้ว "

“ แต่กูกลัวไม่อิ่มวะ ขอเพิ่มไข่สักแพ็คแล้วกันนะ จะไปต้มกินเมื้อละฟอง "

“ ก็ตามใจ " หยิบไข่มาแพ็คนนึง ผมพยักหน้ารับกับมันก่อนจะเดินไปที่ล็อคของของใช้ส่วนตัว ไม่มีอะไรมากครับ ผมหยิบโฟมล้างหน้า แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ ยาสระผม แม้แต่ยาสีฟันก็หยิบมา ไม่อยากจะเป็นภาระของเจ้าของห้องครับ อีกอย่างเสือกใช้แบบกลิ่นที่ผมไม่ชอบ ผมคงนอนไม่หลับไปทั้งคืน " เหลืออะไรอีก "

“ อื้มม อ่าใช่ เกือบลืม " ผมบอกก่อนจะเดินออกไปจากล็อคของใช้ เดินเข้าไปที่ล็อคขายอาหารเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ไอ้เรียวที่เดินตามมาผมหยิบให้มันดู " ขนมของท่านหญิง สัญญาไว้แล้วว่าจะซื้อไปให้ ก็ต้องซื้อถูกมั้ย "

“ จะขุนให้แมวกูอ้วนเหมือนมึงเลยใช่มั้ย " มันถามพลางยกยิ้มผมก็ยิ้มกว้างตอบ

“ ใช่! ก็แมวอ้วนๆน่ารักอะ แล้วก็นะ ไอ้ท่านหญิงของมึง แม่งก็ไม่ได้ผอมเลยกูจะบอกให้รู้ไว้ "

“ กูชอบอ้วนๆ "

“ มึงชอบคนอ้วนเหรอ " ผมหันไปถามมัน ได้ยินไม่ชัดว่าอะไร ชอบอ้วนๆ ผมเอามือทาบอกเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นทำท่าทางเหมือนกำลังตื่นเต้น ก่อนจะพูดเสียงสองใส่มัน "  หรือว่าที่พี่เรียวมาช่วยน้องเขินก็เพราะว่าพี่เรียวชอบน้องเขินชิมิฮะ ~ น้องเขินเป็นสเป็คของพี่เรียวชิมิฮะ~ "

“ เพ้อเจ้อ " คำพูดสั้นๆของร่างสูงก่อนฝ่ามือจะเอื้อมมาตบหัวผมอย่างจัง ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ผมจิ๊ปากใส่มัน จะแกล้งให้มันเขินหน่อยก็ไม่ได้ หน้านิ่งได้นิ่งดีจริงๆ เซ็งเว้ย

“ แล้วนี่มึงจะไม่ซื้ออะไรแล้วเหรอ " ผมถามมันอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่มี "

“ แต่ของกูยังต้องซื้อเสื้อผ้าอีกนะ ยังมีกางเกงใน ชุดนอน แล้วก็ชุดอยู่บ้าน "

“ ก็เดี๋ยวออกจากฝั่งซูปเปอร์ขึ้นไปบนห้างแล้วค่อยซื้อ " เรียวบอกผมก็พยักหน้ารับ เอามือตะเบะเข้าที่หางคิ้ว

“ เซอร์เยสเซอร์! “

“ ปัญญาอ่อน " โดนผลักหัวไปทีนึง ผมหัวเราะให้ไอ้เรียวที่แค่ยกยิ้มขึ้นมานิดหน่อยตามแบบฉบับคนขี้เก็กแล้วหน้านิ่งๆ เราต่อคิวยืนรอจ่ายเงิน แล้วทั้งหมดผมก็เป็นคนจ่ายครับ ไม่มีอะไรพิเศษแค่จะให้ไอ้เรียวมาจ่ายได้ไงของผมทั้งนั้น

" เดี๋ยวของกู กูออกเอง "

" ไม่ต้องหรอก คิดว่าเป็นค่าน้ำค่าไฟที่กูจะอยู่ตลอดสามวันนี้ไง กูจ่ายให้เอง " บอกมันแบบนั้นตอนที่จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยผมก็เข็นรถไปฝากไว้ที่จุดฝากรถเข็นก่อนครับ เพราะต้องขึ้นไปซื้อเสื้อผ้าก่อนกลับจะหอบหิ้วขึ้นไปด้วยก็ใช่ที แต่ถ้าให้พูดตรงๆ คือทำไมเมื่อกี้กูไม่แวะซื้อเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยมาซื้อของกินวะ ซื้อเสร็จแม่งจะได้กลับบ้านเลยไม่ต้องมาฝากยามอยู่แบบนี้ " เมื่อกี้เราก็น่าจะไปซื้อเสื้อผ้าก่อนจะมาซื้อของนะมึง ไม่น่าเลยวะ "

" มึงสมองช้าไง "

" ไม่ใช่มึงรึไง ที่เดินนำกูเข้ามาที่ซูปเปอร์ก่อนนะ " เถียงมันกลับไปแต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่ง ผมรู้ว่าเรียวมันคงไม่ด่าตัวเองเพราะฉะนั้นผมนี่แหละที่ต้องด่ามันแต่ด่าแบบไม่ออกจากปาก เป็นคำด่าแบบเก็บเสียงแบบผู้ดีเค้าทำกัน " มึงนั่นแหละ สมองช้า K "

“ จะด่ากูก็ด่าออกมาตรงๆ "

“ ใครจะด่ามึงไม่มี๊ " ผมบอกเสียงสูงก่อนจะหัวเราะให้มัน " มึงแม่ง นิสัยเหี้ยจนเก็บเรื่องแบบนี้ไปคิดมากขนาดนี้เลยเหรอ ฮ่าๆ " เอื้อมมือไปตบไหล่มันเบาๆ เรียวที่ยังจ้องหน้าผมไม่เลิก ผมก็รีบเดินออกไปจากแม่งเลยครับ กลัวโดนกระชากหัวตบแล้วบอกไปลดน้ำหนักเองเลยไอ้อ้วน

   เดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าร้านดังแบรนด์สวีเดน ผมชอบมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่อยู่แล้วเพราะมันมีไซส์ฝรั่งตัวใหญ่ๆอยู่เยอะ เดินเข้าไปที่โซนฝรั่งผู้ชายหยิบเสื้อยืดลดราคาเป็นสีๆมาสี่ตัว ไว้ใส่อยู่บ้านสามแล้วก็นอนอีกหนึ่ง ส่วนกางเกงขาสั้นหยิบมาตัวเดียวครับ ไว้ใส่ซ้ำๆกัน ส่วนกางเกงนอนก็หยิบกางเกงเอวยืดแถวๆนั้นมาตัวนึง

" เท่านี้ ครบละ "

" ไปลองสิ "

" ต้องเหรอ " ผมถามย้ำมันอีกคนก็เหล่ " ปกติกูซื้อเสื้อผ้าที่นี่อยู่แล้ว ใส่ไซส์เดียวนี้ตลอด ส่วนสีกูคิดว่า กูสวยทุกสีนะเพราะว่า กูขาว " ถลกแขนเสื้อให้คนตรงหน้าดูเบาๆ ไม่อยากจะเม้าส์ว่าสีผิวผมกับไอ้เรียวถ้าไปออกงานโฆษณาด้วยกันก็ได้ครับ อารมณ์ก่อนทาครีมเป็นผิวไอ้เรียว ส่วนหลังทาครีมแม่งเป็นสีผิวผม

" ก็เผื่อมึงอ้วนขึ้น บางทีมันอาจจะคับพุงแล้วก็ได้ "

" สัด หยาบคาย "

   ในที่สุดก็ต้องเข้ามาลองเสื้อผ้าอย่างที่มันบอกนั่นแหละ เพราะผมเองก็เกิดเสือกไม่มั่นใจขึ้นมาว่าจะแล้วสวยรึเปล่า เกิดใส่เสื้อผ้าไม่เข้ากับตัวเอง แบบดูไม่แฟชั่นอยู่บ้างกับนายแบบคนดังอย่างมัน คงโดนมองด้วยหางตาว่านอกจากอ้วนแล้วก็ยังเชยอีก

" ลองสีส้มนี้ก่อนเลย " เป็นเสื้อสีส้มแสดครับ แซ่บมาก แค่มองมายังร้อนผมเลือกตัวนี้มาเพราะว่าอยากจะให้เจ้าของห้องอิจฉาแต่คิดว่าไอ้เรียวคงไม่คิดอยากจะใส่สีนี้แน่นอน

" อ้วน " เสียงคุ้นๆที่ดังอยู่หน้าห้องลองเสื้อ ผมหันหลังไปแหวกม่านไปดูก็พบว่าร่างสูงคนที่มาด้วยมายืนหน้านิ่งอยู่ข้างหน้าแล้ว

" มึงเข้ามาทำไมเนี้ย "

" เข้ามาดูว่ามึงใส่เสื้อเข้ารึเปล่า "

" เข้าสิไอ้เหี้ย " ผมบอก แม่งเห็นกูตัวเท่ายักษ์รึไง ถึงใส่เสื้อไซต์ใหญ่ในร้านไม่ได้อะ

" ไหนออกมาให้ดูหน่อย "

" เรื่องอะไร " ผมบอกปัด ตอนที่หันกลับไปมองกระจกตรงหน้าที่ฉายร่างของตัวเองในเสื้อสีแสดตัวโคร่งที่ค่อนข้างขับผิว " ใส่ตัวนี้แล้วดูขาวเว่อร์ไรเว่อร์ "

" ดูหน่อย " เสียงทุ้มที่พูดขึ้นพร้อมกับม่านที่ที่กระชากออกอย่างแรง ผมหันไปมองมันที่อยู่ๆก็เปิดประตูเข้ามาด้วยความตกใจ มือที่ปิดปากตัวเองไว้ทันเกือบกรี๊ดเป็นตุ๊ดให้คนแห่มาดูแล้วมั้ยละ

" ไอ้สัด! มารยาทมึงต่ำตมขนาดนี้เลยเหรอ เหี้ยเรียว มึงเข้ามาทำไมมม " ด่ามันออกไปแบบกัดฟันแต่อีกคนก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไรทั้งนั้น มันยกยิ้มก่อนจะมองผมที่ใส่เสื้อตัวที่ลองอยู่ พิจารณาอยู่นานก่อนจะบอก

" มึงจะเข้าไปจำวัดที่กุฎิไหน  "

" พ่อมึงนี่มันสีส้มแสด ไม่ใช่สีจีวรพระท่านสักหน่อย " ผลักอกอีกคนออกไปให้พ้นทางแต่เหมือนจะไม่พ้น ไอ้เรียวยังยืนอยู่ตรงหน้าห้องแต่งตัวของผมนั่นแหละ " ออกไปสักทีไป๊ กูจะเปลี่ยนเป็นสีอื่น "

" มึงจะไม่ถามกูสักคำเหรอว่ากุรู้สึกยังไงกับเสื้อสีจีวรพระของมึง "

" ทำไมต้องถาม เงินที่ซื้อเสื้อก็เงินกู คนที่ใส่ก็ตัวกู " หันไปมองมันก่อนจะแบะปากมอง " ไม่เสือกสิพี่เรียว "

" ก็ถ้าจะมั่นหน้าขนาดนั้นก็เรื่องของมึงแล้วกัน " หันมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง เริ่มจิตตกขึ้นมาในจุดนึงในสมองของผมอยู่ๆก็เกิดความคิดนึงขึ้นมา ' เอ๊ะ ? รึว่าสีมันจะแรงไป '

" มึง..” แหวกม่านห้องแต่งตัวเบาๆ ตอนที่โผล่แค่ตาออกไปดูหน้าอีกคนที่ก็เลิกคิ้วยืนมองผมอยู่ที่หน้าห้องแต่งตัว " มึงว่ากูใส่เสื้อสีนี้ดูเป็นยังไงบ้างอะ เอาความจริงจากใจเลยนะ ไม่ต้องรักษาน้ำใจกู "

" เหมือนหมูที่พระท่านเลี้ยงไว้ในกุฎิแล้วเอาจีวรไม่ใช้แล้วมาใส่เวลาหน้าหนาว "

" เอ่อ.. ทีหลังกูควรบอกให้มึงถนอมน้ำใจกูก็ท่าจะดีกว่านะว่ามั้ย " พูดกับมันแค่นั้นผมก็ถอนหายใจออกมา หันกลับไปดูตัวเองในกระจก ถ้าเทียบกับสายตาของผม มันก็ไม่แย่ คือใส่แล้วขับผิวดีออกทำให้ดูขาว ผิวนี่ดูใสมาก " หรือกูจะเป็นคนที่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป "

“ จะซื้อก็ซื้อ คิดมากทำไม "

“ ก็ที่กูคิดมากนั่นก็เพราะคำพูดของใครละไอ้เหี้ย " ด่ามันผ่านกระจกอีกคนก็ยกยิ้ม

“ ใครจะรู้ กูเห็นมึงหน้าด้าน "

“ สัด " ย้ำมันสั้นๆ ก่อนจะเอาเสื้อสีน้ำเงินแล้วก็ดำ ขึ้นมาแนบลำตัวเพื่อวัด " งั้นเอาสามตัวนี่เนอะ "

“ อื้ม "

“ กูขอลองกางเกงขอสั้นหน่อย ปิดๆ อย่ามาแอบดูตูดกู "

“ ใครมันอยากจะดูตูดลายๆ ที่มีแต่ไขมันของมึงวะ " เบิกตามองบน ผมแบะปาก ก่อนจะจ้องหน้ามัน

“ เรียว..กูก็เหมือนเนื้อหมูเวลามึงไปกินชาบูนั่นแหละ มันต้องมีไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสีแดง ไม่งั้น ไม่อร่อย.. " ยักคิ้วให้มันก่อนจะปิดผ้าม่านของตัวเองลง เชิดหน้าด้วยความมั่นใจก่อนจะมีเสียงลอยลมตามเข้ามา

" ไอ้อ้วน "

   จัดการซื้อของที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อย เราสองคนก็หอบหิ้วของทั้งหมดกลับมาที่คอนโด ประตูที่เปิดออกเสียงที่ได้ยินเป็นอันดับต่อมาก็คือเสียงกระดิ่งของแมวน้อยขาสั้นที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ คลอเคลียที่เท้าของไอ้เรียว

“ งูยยยย ขี้อ้อนน้อ " ผมว่ายิ้มๆ " นี่ถ้ามันพูดได้ มันคงบอกมึงว่า พี่เรียวกลับบ้านมาแล้วเหรอฮะ ท่านหญิงคิ๊ดถึงคิดถึงพี่เรียวจังเลย น้าาา "

“ ปัญญาอ่อน " อาจเพราะผมดัดเสียงอีกคนก็เลยว่าออกมาอย่างงั้น " เอาของไปเก็บไป " มันยื่นถุงอาหารมาให้ผมที่ก็มองมันงงๆ

“ ทำไมต้องเป็นกู "

“ แล้วนี่อาหารสามวันของใคร "

“ โอ๊ะ ? ของกูจ้า แหมมมม กูลืม ซอรี่ๆ " เอื้อมมือไปหยิบก่อนจะยิ้มหว้างให้มัน " กราบขอบพระคุณพี่เรียวที่ช่วยกูถือมาด้วย ณ จุดนี้ "

“ มึงนี่ก็แรดนะ " คำพูดที่อยู่ๆก็พูดขึ้นพร้อมกับมือหนาที่อุ้มแมวตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา " ขนาดมึงอ้วนมึงยังแรดขนาดนี้แล้วถ้าผอมจะแรดขนาดไหนวะ "

“ ก็ขนาดนี้แหละสัด กูคงไม่เกินเบอร์ไปมากกว่านี้แล้ว เค้าเรียกว่า เอาแต่พอดี ให้ดูงาม ทั้งใจและภายนอก "

“ เห้อออ " มันถอนหายใจออกมาเสียงดังจนผมเองยังได้ยิน

“ ทำไม มึงเป็นอะไร เหนื่อยกับความสวยของกูเหรอ "

“ เหนื่อยกับความมั่นหน้าของมึง "

" หรือมึงอยากจะให้กูวันๆ หนอยแตกกับเรื่องน้ำหนัก รูปร่างหน้าตาตัวเอง ให้กูเครียด ทั้งๆที่ต่อให้เครียดให้ตายไขมันแม่งก็ยังเกาะอยู่บนร่างกู หน้าตากูมันก็เป็นแบบนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเกิดว่าไม่มีเงินไปศัลยกรรม โอเค๊ ? เพราะงั้นเราควรมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น แล้วค่อยๆทำมันไป ค่อยๆลดความอ้วนอะไรก็ว่าไป "

" สองวันก่อนยังร้องไห้แล้วบอกว่าตัวเองอ้วนอยู่เลย " อีกคนพูดเสียงเบาๆ ผมก็หลับตาลงก่อนจะถอนหายใจ

" โปรดเรียกสิ่งนั้นว่า ความอ่อนไหวของชีวิต "

" รีบจัดเอาของเข้าตู้เย็นไป เพ้อเจ้ออยู่ได้ "

" งั้นอีเจ้าของบ้านก็ช่วยย้ายตูดตัวเองมาแนะนำกูสิครับ จะนั่งสบายอยู่อีกนานมั้ย เดี่ยวกูทำบ้านมึงรก มึงก็ได้มาแหกอกกู " ผมบอกท้าวเอวบอกมันอีกคนก็ถอนหายใจ พาร่างที่เหมือนกำลังขี้เกียจสุดๆมายืนอยู่ข้างๆผมในครัว " ต้องทำอะไรก่อน "

“ จะทำอาหารไว้ทั้งหมดเลยแล้วค่อยอุ่นกินทีเดียว หรือว่าจะทำไว้ทำทีละมื้อ "

“ แล้วทำทั้งหมดเลยมีข้อดียังไง "

“ ก็เวลาจะกินมึงก็ไม่ทำ เข้าเวฟอุ่นแล้วกินได้เลย "

“ เช่นนั้น " ผมพยักหน้ารับ " แต่ถ้าทำใหม่ทุกวันข้อดีคือ สด อร่อย แต่แม่งต้องล้างทุกวันสินะ "

“ อื้ม " เรียวพยักหน้ารับ ผมก็พยักหน้ารับตามก่อนจะยิ้ม

“ งั้นก็ทำไปเลยแล้วกันเนอะ กูขี้เกียจล้างหลายๆรอบ แล้วต้องเริ่มทำอะไรบ้างอะ ทำเลยดีมั้ย ยังไงนี่มันก็ยังไม่ดึก "

“ ถ้าจะทำเลยก็ไปหุงข้าว " เชิดหน้าไปที่หม้อหุงข้าวที่อยู่ด้านหลัง  บนเค้าเตอร์หินอ่อนอย่างดี ดีไซต์ของหม้อหุงข้าวที่หรูพอๆกับที่วางของมัน ถ้าให้พูดกันตามความจริงคือ สวยจนไม่กล้าจะแตะต้องอะไร ด้วยความเกรงใจ เกิดไปจับแล้วมันเสียหายขึ้นมา แน่นอนกลัวว่าจะไม่มีเงินชดใช้ให้มัน

“ เรียว หม้ออันนี้ใช่มั้ยวะ " ผมถามมันเสียงเบาๆ ตอนที่ชี้ไปอีกคนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเลื่อนตัวเองไปนั่งบนเค้าเตอร์ด้านหลังที่ว่าง " อ้าว แล้วไหงมึงมานั่งตรงนี้ "

“ นั่งดูมึงทำ "

“ ไมไ่ด้จะช่วยหน่อยเหรอ "

“ ช่วยบอก "

“ ช่วยทำด้วยสิ "

“ ขี้เกียจ " สั้นง่าย ได้ใจความผมถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นเบาๆ

“ ส้นตีน ความมีน้ำใจไม่มีเลยมึง สัด มึงเป็นเจ้าของบ้านแท้ๆ "

“ กูไม่ได้กิน ทำไมกูต้องทำ " หันไปมองมันแบบแบะปากเบาๆอีกฝ่ายก็ยกยิ้ม

“ กูทำเองก็ได้ แม่ง ใจร้าย " ตัดถุงข้าวกล้องที่ซื้อมาเป็นอย่างแรก ผมไม่รู้หรอกว่าสามวันปริมานที่ต้องกินมันจะประมานเท่าไหร่ แต่ขี้เกียจจะหันไปถามมันแล้ว ถามไปก็เท่านั้นเดี๋ยวแม่งด่ากูโง่อีก รำคาญ

“ อ้วน " หันไปมองต้นเสียงที่เรียกผม แต่ไม่มีมาแค่เสียงกระป๋องใบเล็กๆเหมือนแก้วก็ถูกโยนมาด้วยผมรับไว้ก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมา เรียวลุกจากที่นั่งมายืนข้างผมมันจับถุงข้าวที่ผมถือไว้ " ตักข้าวสองถ้วย "

" ห๊ะ ? “

" ตักข้าวสองถ้วยไง ไม่ได้ยินเหรอ "

" ก็ได้ยิน แต่มึงจะช่วยกูรึไง " เหล่มองมันไอ้เรียวก็เหล่กลับ

" หรือว่าจะทำคนเดียว " ทำทีเป็นจะปล่อยมือออกจากถุงข้าวที่ตัวเองถือ แต่ทว่าผมก็เอื้อมมือไปจับมือนั้นของมันเอาไว้

" ไม่เอา " เงยหน้ามองมันที่ก็ก้มลงมามองผม " ช่วยยืนอยู่เป็นเพื่อนกูแบบนี้แหละ ดีแล้ว "

............................................................
ชอบความปากไวเท่าความคิดและความมีชีวิตชีวาของเขิน
เพราะมันทำให้เรียวมีชีวิตชีวาขึ้นเช่นกัน
จริงๆแต่งเรื่องนี้อยากจะให้เขินเป็นตัวแทนของคนที่ มีจุดประสงค์ในความอยากจะผอม ว่าผอมเพื่ออะไร
เป็นคนอ้วนๆคนนึงที่รักการกินมากๆ อ้วนมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ก็มีความอยากผอม อยากจะสวย
เฝ้ามโนว่าตัวเองจะผอม แต่กลับข้ามขั้นตอนการผอมไป เหมือน ไม่ได้คิดว่า กว่าจะผอมคนเราต้องผ่านอะไรบ้าง
คิดแค่ว่ากูจะผอม กูจะผอมอย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เด้ออ
เพราะงั้นเลยต้องมี พี่เรียวไง ..
โอเค เจอกันตอนหน้า ฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า   :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
ป.ล. รู้สึกเนื้อเรื่องเดินช้ามาก แต่พยายามจะเขียนให้ได้เร็วกว่านี้ค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำทานเอง จะรอดไหมเนี่ย ไม่ใช่ว่าสุดท้ายเรียวทำให้หมด  o18

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
พยายามเข้า

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
กลัวว่าถ้าเขินผอมได้จะไปหาทีมน่ะสิ เรียวก็ดูเป็นคนซึนที่ไม่น่าบอกความรู้สึกตัวเองง่ายๆ

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เรียวด่าแต่ละทีนี่เหมือนโดนด่าไปด้วย อูยยย  :mew5:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
อ้วนนนนนน  ทำไมน่ารัก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
มาต่ิ

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
รอดูวันนางผอมสวย ...ปากจัด ปากดี แรดนิดๆ แต่สวยยย ดีงาม!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด