Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 8
มองดูมือป้อมๆข้างนึงที่จับมือผมอยู่ รอยยิ้มที่ชวนให้หน้าใบหน้านั่นกลมไปหมดในวินาทีนั้นไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกอยากจะยิ้มออกมา มันไม่ใช่ความรู้สึกลึกซึ้งอะไร แต่ในความรู้สึกลึกๆของผมมันเหมือนกับไอ้ท่านหญิงของผมเลย เป็นแมวตัวอ้วนๆขาสั้นๆ บางทีถ้าท่านหญิงเป็นคนก็อาจจะมีน้ำหนักเท่าไอ้คนตรงหน้าผมก็ได้ น่าแปลกที่ใครหลายคนชอบเลี้ยงสัตว์ให้อ้วนๆเพราะดูน่ารัก แต่ทำไมคนอ้วนๆถึงโดนเหยียดจากสังคมทั้งๆที่ว่า ผมว่ามันก็น่ารักดี
" เรียว เรียว " หันไปมองมันที่ขมวดคิ้วมองผมด้วยความสงสัย " เหม่อไปถึงดาวอังคารแล้วรึไงมึง "
" ตักข้าวใส่หม้อไปสิ สองถ้วย "
" แหกตาลงมอง เสร็จตั้งแต่มึงเริ่มยืนเหม่อละสัด " ก้มลงมองหม้อหุงห้าวที่ตอนที่มีข้าวที่ยังไม่หุงอยู่ ไอ้เขินยักคิ้วให้ผม " หรือว่าที่มึงเหม่อๆ เพราะกำลังจินตการถึงความสวยของกูกลังจากที่กูผอมแล้ว " ถอนหายใจให้มัน มองดูคนที่กำลังเพ้อฝันกับตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่ผม " โทษทีนะเรียว กูคงมีให้มึงแค่คำว่าเพื่อนเท่านั้นแหละ "
“ กูไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอก " หันไปบอกมันอีกคนก็แบะปากใส่
“ กูสวยขึ้นมามึงจะทำยังไง อยู่ใกล้ๆกันอาจจะรักกันก็ได้นะ ความใกล้ชิด มันทำให้หวั่นไหวได้นะเว้ย มึงไม่กลัวเหรอ "
“ ไม่กลัว " หันไปบอกมันแบบนั้นก่อนจะยกยิ้ม เพราะสำหรับผมอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด ผมไม่ได้กลัวอยู่แล้ว
“ งั้นเหรออออออ งั้นกูหว่านเสน่ห์ให้มึงเป็นไงแบบว่า พี่เรียวของน้องงง " เอียงหน้าเข้ามาซบที่ไหล่ ผมก็ถอยห่างแต่อีกคนกลับหัวเราะออกมา " ทำเป็นรังเกียจ กูผอมขึ้นมาอย่ามาลวนลามกูก็แล้วกัน "
“ กูไม่คิดจะทำอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มึงอะอย่ามาลวนลามกูก็แล้วกัน " เบิกตากว้างขึ้นก่อนจะเอามือไปจับที่หน้าอกตัวเอง
“ กล้าพูด~ เอาจริงๆนะเรียว ของพูดตรงๆเลย ถ้าไม่คิดว่ามึงจะช่วยกูลดน้ำหนักได้ กูคงไม่มาอยู่กับมึงหรอก แล้วเรื่องที่จะให้มาพิศวาสมึงที่เลิกคิดไปได้เลย มึงไม่ใช่สเป็คกู "
“ หึ " ยกยิ้มมองมันก่อนจะถอนหายใจ อยากจะเถียงด้วยคำพูดของมันว่า คนเราอยู่ๆกันไปความใกล้ชิดมันทำให้รักกันได้ แต่เกิดบอกคนอย่างมันไปแบบนั้น ก็คงเข้าข้างตัวเองว่า ผมคงหลงรักมันแน่ๆเลยพูดแบบนั้นออกมา
“ ว่าแต่นะ สเป็คมึงเป็นยังไงอะ "
“ หมายถึง คนที่กูชอบ "
“ เออดิ " ไอ้อ้วนรับคำ ก่อนจะเดินเอาหม้อไปในที่หุง กดปุ่มเรียบร้อยมันก็เดินมายืนข้างๆผม
“ เปิดตู้ข้างล่างแล้วหยิบเขียงขึ้นมา มีดด้วย "
“ ทำไรอะ "
“ หั่นไก่ " พอบอกไปแบบนั้นคนที่ฟังอยู่ก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบไก่อยู่ในกล่องไปล้าง มันที่เดินกลับหยิบไก่ชิ้นใหญ่ตั้งลงบนเขียง
“ กูว่าไม่เห็นต้องหั่นเลยมึง ให้กูกินทั้งชิ้นเลยก็ได้ กูกินหมดนะ " ชิ้นไก่ที่ใหญ่กว่าฝ่ามือผม คนลดความอ้วนบอกว่าจะกินหมดทั้งชิ้นโดนไม่ต้องหั่น หันมองมันที่ก็หันมายิ้มให้ผม ในแววตาที่ใสซื่อนั้นผมรู้ว่ามันไม่ได้โกหก แต่ที่ผมอยากรู้คือ มันเข้าใจบ้างมั้ยว่าการลดน้ำหนักคืออะไร
“ ทำไมมึงคิดจะกินแม่งเข้าไปทั้งชิ้นวะ "
“ ก็มึงบอกว่ากินอกไก่ไม่อ้วนอยู่แล้วถูกมั้ยละ กูเลยคิดว่างั้นกินเข้าไปทั้งชิ้นก็ได้นี่ ยังไงก็ไม่อ้วนอยู่แล้ว "
“ เขิน ของที่กินแล้วไม่อ้วน ไม่ว่ามึงจะแดกเท่าไหร่ มีแค่อย่างเดียว คือ ผักสด " เชิดหน้าไปทางผักสลัดที่วางอยู่ในถุง " แต่อย่างอื่นถ้าแดกเยอะเกินไป ยังไงก็อ้วนอยู่ดี เว้นแค่มึงจะหลอกตัวเองว่ามันไม่อ้วน "
“ อ๋อเหรออออ " ยิ้มแห้งๆให้ผม ที่ถอนหายใจให้มัน " งั้นแล้วกูต้องกินแค่ไหนอะ " หยิบมีดมาจากมือมัน ผมหั่นเป็นชิ้นขนาดเท่าผ่ามือ มันก็เบิกตา " มึงงงง มันเล็กไปมั้ย นี่กูกินมื้อนึงเลยนะ ใหญ่กว่านี้หน่อยสิ "
“ กินแค่นี้แหละ ยังมีข้าว มีผักสลัดอีก "
“ เชี้ย โคตรโหด " มันบ่นก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ
“ ไม่โหดหรอก กินตั้งห้ามื้อโหดอะไร ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย " หันไปมองมันที่เหลือบมองผม เขินยิ้มออกมา
" กูจะได้กินห้ามื้อเลยเหรอ "
" อื้ม "
" แล้วกูจะแบ่งยังไงอะ "
" ก็ตั้งเวลาเอาไว้ ว่าตอนนี้กินมื้อที่เท่าไหร่ ก็เท่านั้น "
" แล้วแบบนี้จะได้ผลเหรอวะ "
" ก็ลองดูก่อน ไม่ลองก็ไม่รู้ "
“ โอเค๊ เทรนเนอร์ว่าไงคนลดก็ว่างั้นอะ " พยักหน้ารับตามที่ผมบอก มันจัดการหยิบมีดหั่นชิ้นไก่เป็นจำนวนที่เท่าๆกัน " แล้วนี่จะตอบคำถามกูได้ยัง "
“ คำถามอะไร " ผมหันไปถามมัน
“ ลืมแล้วรึไง ไอ้ปลาทอง ก็ที่กูถามไง ว่าสเป็คคนที่มึงชอบเป็นยังไงน่ะ "
“ ไม่มี " ตอบมันสั้นๆ แต่อีกคนก็ทำหน้าตาเหมือนจะไม่เชื่อกัน
“ ไม่มีเลย ไม่มีคนที่ชอบเลยยย แบบ ปิ๊งอะ สวยจัง อยากได้เป็นแฟน ไม่มีเลย " ร่างอ้วนถามย้ำ ผมก็ทำทีเป็นคิด " มึงไม่เคยมีแฟนเหรอ "
“ เคย "
“ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นไง " นิ่งคิดอยู่นานจนคนถามได้แต่เอียงหน้างงๆ " เดี๋ยวนะ คือทำไมมึงต้องคิดอะไรนานขนาดนั้น มึงจำแฟนเก่าของตัวเองไม่ได้เหรอ มึงเข้าไปจีบเค้าเองเลยนะ "
“ กูบอกเหรอ ว่ากูเข้าจีบเค้ามาเป็นแฟน "
“ อ้าว..” อีกคนชะงัก " แล้วยังไง มึงไม่ได้จีบเค้า แล้วที่บอกว่าเคยมีแฟนนี่คือยังไง "
" ก็เค้ามาจีบกู สารภาพรักกับกู กูก็ตอบตกลงแล้วก็คบกันกับเค้า "
" อ๋อ เช่นนั้น " พยักหน้ารับขึ้นลง เขินพูดกับตัวเองเบาๆ " ชีวิตคนหน้าตาดีมันก็ดีแบบนี้สินะ ฟังแค่คำสารภาพแล้วก็แค่บอกว่าชอบหรือไม่ชอบ ส่วนคนหน้าเหี้ยๆอ้วนๆ ก็แอบชอบเค้าไป คนกล้าๆหน่อยก็ไปสารภาพแล้วสุดท้ายแม่งโดนด่าว่าไม่เจียมตัวเอง "
" บ่นเหี้ยอะไรของมึง "
" เปล่า " มันบอกปัด " แล้วยังไงเค้ามาสารภาพรักกับมึงแล้วมึงก็คบเค้างั้นเหรอ "
“ อื้ม "
“ แล้วเค้าเป็นยังไง น่ารักมั้ย "
“ ก็ดี "
" ทำไมมึงพูดแบบโคตรขอไปทีขนาดนี้วะ นี่เป็นแฟนกันจริงๆเปล่า หรือว่า.. มึงจะจบกับเค้าแบบไม่สวย "
" เปล่าหรอก ก็จบกันด้วยดีนี่แหละ "
" ขอเสือกเหตุผลที่เลิกหน่อยได้มั้ย " เอามือขึ้นมาเป็นไมค์แล้วจ่อปากผมไว้ ปัดมันออกไปอีกคนก็ยิ้ม " เล่าหน่อยๆ อยากจะฟัง "
“ ทำไมกูต้องเล่า "
“ ก็กูอยากรู้ อยากเสือกอะ อยากรู้ว่าคนหล่อๆ เค้ามีเรื่องอกหักยังไงกันบ้าง " ยักคิ้วให้ผมไม่พอมืออวบๆคู่นั้นยังเอื้อมมาเขย่าแบบเซ้าซี้อีก
“ น่ารำคาญ "
“ น่าๆ เล่าๆ กูมาเถอะ กูไม่บอกใครหรอก " หันไปมองตาคนที่พูดออกมาแบบนั้น พนันได้เลยว่าหลุดออกจากปากผมไป คนแรกที่จะได้ฟังก็คือเพื่อนของมันแน่นอน " มึงบอกว่าเค้ามาสารภาพรักกับมึงใช่มั้ย แล้วมึงก็คบเค้า งั้นมึงก็ต้องชอบเค้าอยู่ก่อนแล้วอะดิ เธอตอบรับ "
“ ก็ไม่ "
“ อ้าว..”
“ แค่ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่พ่อกับแม่กูเค้าเพิ่งหย่ากันใหม่ๆ กูที่ไม่อยากจะคิดถึงแต่เรื่องไร้สาระพวกนั้น ก็เลยคิดว่ามีแฟนก็ดี พอเค้าสารภาพรัก ก็เลยตอบตกลงเค้าไป "
“ แอบเหี้ยเหมือนกันนะเนี้ยมึงอะ " เขินบอก " ตอบรับรักเค้าทั้งๆที่ไม่ได้รักเนี้ยอะนะ แล้วยังไง อยู่ด้วยกันไปก็รักกันขึ้นมาบ้างรึเปล่า "
“ ก็เปล่า " ผมส่ายหน้าอีกคนก็ถอนหายใจ " สุดท้ายก็คบกันไม่ได้แล้วก็เลิกกันอยู่ดี "
" เอาจริงๆนะเรียว จากที่ฟังบางทีกูก็คิดว่ามึงไม่น่าจะไปด่าพี่ทีมเค้าเรื่องเค้าด่ากูตรงๆ ว่าอ้วนแล้วเค้าไม่ชอบ เพราะตัวมึงแม่งเหี้ยกว่าเค้าอีก ตอบรับรักผู้หญิงทั้งๆที่ไม่ได้ชอบ แค่คบเล่นๆเพราะไม่อยากจะเครียดเรื่องครอบครัว มึงแม่งไม่สงสารผู้หญิงคนนั้นบ้างเหรอวะ มึงรู้มั้ยว่าเค้าดีใจแค่ไหนตอนที่มึงตอบรับรักเค้า "
" คงรู้สึกแค่ว่า ก็ต้องตอบรับรักอยู่แล้วแหละ ก็ฉันสวยขนาดนี้ "
" เค้าอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นก็ได้ "
" มึงฟังแค่นั้นแต่เถียงกูไม่หยุดปากเลยนะ รู้รึไง ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร นิสัยแบบไหน เค้าเป็นยังไงตอนคบกับกู มึงเป็นคนนอกฟังแค่นั้นก็บอกว่ากูผิด แล้วถ้ากูบอกว่า เธอกับกูเพราะเห็นว่ากูเป็นนายแบบ แล้วเธอก็อยากจะเป็นคนดังที่อยากจะเป็นแฟนนายแบบ ก็เลยมาสารภาพรักกับกู เราคบกัน มันก็ใช่ที่กูคบเธอเพื่อไม่อยากจะเครียดเรื่องที่บ้าน แต่เธอเองก็คบกูเพราะอยากดัง แบบนั้นมันก็วินๆ ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอวะ ในเมื่อมันก็ไม่ได้มาจากความรักของคนทั้งคู่อยู่แล้ว "
" แล้วมึงรู้ได้ไง ว่าเธอเป็นแบบนั้น "
" กูรู้เพราะกูได้ยิน แล้วมึงละ มองเธอเป็นคนดีแบบนั้น เพราะกำลังคิดว่าตัวเธอเหมือนมึงที่มีบทสารภาพรักกับผู้ชาย แล้วคิดว่า การที่ใครจะกล้าเข้าไปสารภาพรักกับใครสักคนนึงได้ มันต้องเป็นความรักบริสุทธิ์เหมือนในการ์ตูนตาหวานๆ ชวนฝัน หึ " ผมยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้า " ความรักแม่ง ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก เพราะถ้ามันดีขนาดนั้นแล้วก็.. " ผมเว้นเสียงตอนที่มองหน้าของคนอ้วนตรงหน้าที่จ้องผมอยู่ " ถ้าความรักมันมีแต่เรื่องดีๆ มึงคงไม่เสียใจเพราะผู้ชายคนนั้นหรอก หรือที่กูพูดมันไม่ถูก "
ครั้งนึงตัวผมก็เคยเป็นเหมือนคนทั่วไปที่รู้สึกอยากจะมีรักดีๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้จักถึงคำว่าความรักดีพอ จนวันนึงที่ความรักดีๆในครอบครัวของผมจากไป ผมที่ถูกทิ้งไว้ไม่ต่างอะไรกับคนอกหัก ความรู้สึกแรกที่เคยคิดว่าอยากจะมีความรักดีๆ ได้หมดไปในตอนนั้น ผมไม่ได้อยากจะมีมันอีก
ในวันนั้นที่โดนสารภาพรัก ผมรู้มาก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะโดนเพราะ ได้ยินมากับหูว่าหนึ่งในสาวคนดังของโรงเรียนสนใจในตัวผม ประโยคที่พูดว่า ' ถ้าได้คบกับนายแบบอย่างเรียวมันก็ดูเท่ห์สุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอวะ ' มันทำให้ผมตอบรับรักเธอได้อย่างง่ายดาย ผมที่ต้องการใครสักคนมาทำให้หยุดคิดเรื่องที่บ้านสักช่วงนึง ส่วนเธอก็อยากจะมีใครสักคนที่คอยควงไปไหนมาไหนเพื่ออวดคนอื่นๆ ผมไม่เคยตกหลุมรักใคร ไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งว่าผูกผันกับใคร สำหรับผมความรักที่เคยเกิดขึ้นนั้น ก็เหมือนกับเกมส์สักเกมส์ที่เราเริ่มเล่นแล้วพอสุดท้ายมันน่าเบื่อ ทุกอย่างก็จบลง
" แล้วอกไก่นี่ต้องทำยังไง " เขินเงยหน้าขึ้นมาถามผม มันที่ส่งยิ้มกว้างมาให้ " เปลี่ยนเรื่องเนอะ มาทำเรื่องของกินกันดีกว่า ไม่ต้องซีเรียส "
“ ใส่เครื่องปรุง "
“ ใส่อะไรบ้างอะ "
“ ซีอิ๋วขาว น้ำมันหอย พริกไทย แค่นั้น "
“ โอเค " ร่างอ้วนเดินไปที่ตู้เย็นมันหยิบเครื่องปรุงทุกขวดขึ้นมาอ่านอยู่นานมาก กว่าจะแน่ใจแล้วเดินเอามาให้ " เรียวว มึงใส่เครื่องปรุงให้หน่อย กูไม่ชัวร์ "
" ไปเอาช้อนมาแล้วใส่ตามที่กูบอก " เดินไปหยิบช้อนตามที่ผมสั่ง ผมถามมันอีกครั้ง " มึงจะนึ่งทั้งหมดนี่เลยใช่มั้ย "
" ใช่แล้ว จะได้ไม่ต้องล้างหลายทีไง สามวันนี้ พอถึงมื้อไหน เราก็แค่เอาออกมา แล้วก็เวฟแดกได้เลย ง่ายๆ สบายๆ "
" อื้ม โอเค งั้นเอาน้ำมันหอยใส่ลงไปช้อนนึง "
" ช้อนโต๊ะนี่น่ะเหรอ "
" อื้ม " ท่าทางเงอะงะของมันดูก็รู้ว่าไม่เคยเข้าครัวมาก่อน ผมถอนหายใจออกมาขัดใจจนต้องเอื้อมมือไปหยิบแล้วจัดการใส่ให้เอง ทั้งน้ำมันหอยแล้วก็ซีอิ๋วขาว " จะใส่พริกไทยเยอะมั้ย "
" ใส่เยอะหน่อยก็ได้ กูชอบกินเผ็ดแบบพริกไทย "
" โอเค เอาไปนึ่ง " ผมบอกมัน " หม้อนึ่งอยู่ใต้เค้าเตอร์ "
" ขอบคุณครับพี่เรียวสุดหล่อ " จัดการนึ่งไก่เรียบร้อยคราวนี้ก็เหลือแค่ผัก มืออวบดึงมันมาพลิกไปมาว่าจะทำอะไรกับมันดีก่อนหันมามองหน้าผม " แล้วผักนี้ต้องหั่นเอาไว้มั้ย "
“ เด็ดมันออกมาให้หมด "
“ เด็ดมันออกมาให้หมด " เขินพูดตามผมในระหว่างที่เด็ดใบผักสลัดใส่ลงไปในชามเรื่อยๆ " เรียบร้อย "
" เอาทิชชู่แผ่นใหญ่ตรงนั้นมา "
" ทิชชู่แผ่นใหญ่ ทิชชู่แผ่นใหญ่ " เดินไปหยิบมาให้ ผมก็ฉีกมันมาแผ่นนึง
" ดูนะ "
" เอาทิชชู่แผ่นนึงตั้งลงไป แล้วก็เอาผักหยิบมาเท่าที่จะกินต่อมื้อสะบัดน้ำออกให้ได้มาที่สุดแล้ววางลงไปในทิชชู่ จัดการห่อมันแล้วก็เอาแรปมาแรปสามรอบ หมุนปิดหัว ปิดท้าย จบ แค่นี้ เวลาจะกินก็เอาขึ้นมาทีละอัน กินมื้อละอัน ทำแบบนี้ผักมันจะเก็บได้นาน "
" ว้าว สุดยอดเลย มึงรู้ได้วะ ทั้งๆที่หน้าตามึง ไม่ได้บ่งบอกเลยว่ามึงจะมีความรู้อะไรพวกนี้ " ขมวดคิ้วมองมันที่เม้มริมฝีปากก่อนจะหลบตาไปทางอื่น " คือ คือ กูไม่ได้หมายความว่าหน้ามึงดูโง่ๆนะ แต่แค่ คนแบบมึงก็ไม่ควรรู้เรื่องในครัวอะไรแบบนี้เปล่าวะ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ความรู้ของคนทั่วไปที่จะรู้ด้วยนะเว้ย แล้วมึงรู้ได้อะไรไง "
“ กูชอบกินสลัด มันก็แค่นั้น "
“ เฮลตี้เว่อร์ไรเว่อร์ "
“ ก็ถ้าชอบกินแต่สามชั้นกูก็คงได้มีร่างแบบมึง "
“ แหมมมม ไม่แซะกูสักนิดจะได้มั้ยละ คนชอบกินเนื้อแล้วมันผิดยังไง คนที่ชอบกินของอร่อยมันไม่ผิดหรอกเว้ย " มันที่เถียงหน้าตั้งรู้ว่าตัวเองมีการกินแบบผิดๆ แต่ก็ขอให้ได้เถียงไว้ก่อน " อ๊ะ ข้าวสุกแล้ว " เดินไปเปิดฝาหม้อควันที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกับกินหอมๆของข้าวที่สุกใหม่ๆ มันสูดเข้าไปเต็มปอดก่อนจะหยิบเอาทัพพีขึ้นคนข้าวไปมาอยู่สักพักก่อนจะปิดหม้อลงอีกครั้ง
“ รู้ด้วยว่าต้องคนข้าวก่อน "
“ อะ แน่นอน ดูแบบนี้กูก็มีความเป็นแม่ศรีเรือนอยู่บ้างนะ "
" แม้มันจะน้อยขนาดขี้เล็บมดก็ตาม " ผมเสริมอีกคนก็ได้แต่กรอกตามองบน ก่อนจะกลับมานั่งทำผักสลัดต่อซึ่งมันก็หยิบน้อยมากๆต่อหนึ่งห่อ " กลัวกินเข้าไปแล้วตัวเองจะผอมรึไง ถึงใส่มันเข้าไปแค่นั้น ใส่เข้าไปให้มันเยอะกว่านี้อีก " จับผักใส่เข้าไปเพิ่มให้มันจนพอสำหรับหนึ่งมื้อแต่อีกคนกลับหันมามองผมแบบหน้าเบ้ๆ
“ เรียว มันเยอะไปแล้วไอ้สัด กูกินไม่หมดหรอก "
" ต้องหมด " ผมบอกมันสั้นๆ " ทุกมื้อมึงต้องกินผักให้ได้แค่นี้ นี่เป็นคำสั่ง "
" เผด็จการว่ะ " มันบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมเดินไปหยิบกล่องใส่ผักมาให้มัน พร้อมกับกล่องใส่อาหารอีกคนก็ตาโต " ทำไมมึงมีกล่องเยอะขนาดนี้เลยวะ "
" ก็ไว้ใส่อาหารเป็นมื้อๆ มึงจะได้หยิบกินแค่กล่องเดียว ไม่เผลอหยิบเพิ่มไง "
" มึงเคยลดความอ้วนรึเปล่า ทำไมดูมึงพร้อมเพื่อกูขนาดนี้ "
" เคย "
" มึงเคยลดน้ำหนักมากสุดกี่กิโลวะ "
" ประมาน 7 “
" โห ก็เยอะเหมือนกันนะ แล้วมึงทำยังไงวะ ทำอย่างที่ทำให้กูอยู่มั้ย "
" ก็อื้ม " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็พยักหน้ารับตามด้วยหน้าตาที่มีความหวัง
" งั้นถ้ากูกินตามมึงกูก็มีสิทธิที่จะผอมตามมึงถูกปะ "
" และต้องออกกำลังกายด้วย " ทุกอย่างเงียบ รอยยิ้มนั้นหุบลง ร่างอ้วนเอาผักใส่ลงไปในกล่องเรียบร้อยก่อนจะเดินไปที่หม้อหุงข้าวด้านหลัง ทำทีเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เพราะคงเป็นสิ่งที่มันคงเกลียด นั่นคือการออกกำลังกาย ทั้งๆที่มันไม่รู้หรอกว่าการออกกำลังกายที่แหละคือหนทางไปสู่รูปร่างที่มันต้องการ
" มึงกูต้องกินข้าวเท่าไหร่ต่อมื้อ "
" แค่ถ้วยเดียว " ผมบอกก่อนจะหยิบถ้วยขนาดใส่น้ำซุปถ้วยเล็กๆให้มัน " ใส่ข้าวให้เต็มถ้วยนี้แล้วเอาไปกล่อง แล้วเอาไก่ที่นึ่งอยู่ใส่ลงไปชิ้นนึง แค่นั้น "
" แค่นี้ ? แล้วมันจะไปอิ่มอะไร "
" อิ่มดิ ยังมีสลัดอีกตั้งชาม " ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากมัน ผมยักคิ้วให้มัน " ก็ทำไปแล้วกัน สำหรับสามมื้อของสามวัน "
“ โอเค " เห็นมันพยักหน้ารับ ก่อนจะตักเอาข้าวใส่ลงไปในถ้วยใบนั้นแบบทั้งอัดทั้งยัด พยายามอย่างที่สุดจะให้มันเข้าไปได้เยอะๆ เพราะกลัวตัวเองจะไม่อิ่ม วิถีชีวิตที่ยังยึดติดจะลดอีกที่สิบชาติก็ดูท่าทางว่าคงไม่ผอม
“ รู้อะไรมั้ย ก่อนที่มึงจะคิดลดน้ำหนัก มึงต้องรู้สึกว่าอยากจะลดด้วยใจของมึงก่อน "
" แต่ใจกูก็อยากลด " อีกคนหันมาเถียง
" ไม่หรอก เพราะว่าถ้ามึงอยากจะลดจริงๆ มึงจะไม่พยายามตักข้าวอัดเข้าไปในถ้วยเพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่อิ่มหรอก คนอย่างมึงตอนนี้มันก็แค่คนที่อยากจะผอม วาดฝันว่าตัวเองจะผอมด้วยวิธีง่ายๆ สบายๆ คือกินเท่าเดิม ไม่ออกกำลังกายแต่มึงก็ผอมได้ ในความฝันมันเป็นไปได้แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอก ลองคิดดูว่ากว่ามึงจะอ้วนขนาดนี้มึงเสียเงินจ่ายเรื่องกินไปเท่าไหร่แล้วมึงจะอยากจะผอมแบบไม่เสียอะไรมันเป็นไปไม่ได้หรอก มึงต้องเสียของที่มึงชอบกิน ต้องเสียเวลาไปออกกำลังกาย มึงถึงจะผอม โลกนี้ไม่ได้มีอะไรได้มาง่ายๆหรอก จำไว้ "
" ไม่ยัดแล้วก็ได้ " มันพูดเสียงเบาๆตอนที่ผมพูดจบ เอาข้าวใส่ลงไปในกล่องเรียบร้อยก่อนจะเปิดหม้อนึ่งหยิบไก่มาวาง ชิ้นนึง มันยื่นให้ผมดู " แค่นี้โอเคใช่มั้ย "
" อื้ม " ผมพยักหน้ารับ มันก็ทำหน้าหงอยๆ ก่อนจะวางกล่องข้าวที่ตักแล้วลงบนเค้าเตอร์แล้วหันไปตักกล่องต่อไป มันเรียงอาหารทั้งหมดบนเค้าเตอร์ก่อนจะเงยหน้ามองผม
" มึงเช็คหน่อยว่าโอเครึยัง "
" โอเคแล้ว รอให้เย็นลงหน่อยก็ปิดฝาแล้วเอาเข้าตู้เย็นได้เลย "
" แล้วกูต้องไปออกกำลังกายวันไหนอะ “
" ไม่อยากจะออก ก็ไม่ต้องออกหรอก ถ้าใจไม่อยากจะออก ไปแค่วันสองวันมันก็ล้มเลิกแล้ว "
" คือถ้าถามกูตอนนี้ กูก็ไม่อยากจะออกหรอก กูเหนื่อย แล้วกูก็อายด้วย "
" อาย ? อายอะไร "
" ก็กูอ้วน เวลาไปฟิตเนตคนที่ฟิตเนตแม่งก็ต้องหันมามองกูแบบมันก็มีไม่ใช่เหรอวะ คนที่มองเราแบบ ดูไอ้อ้วนนั่นสิ อ้วนขนาดนั้นยังมาออกกำลังกาย ยังไงก็ลดไม่ลงแล้วละ ไม่ต้องออกหรอก กูไม่ชอบให้ใครมามองกูตอนกูวิ่งแล้วไขมันมันกระเพื่อม ไม่ชอบเวลาที่มีคนมามองว่า อ้วนๆแบบกูออกกำลังกายแค่นั้นก็เหนื่อยแล้ว กูไม่ชอบ ไม่ชอบให้สายตาของคนพวกนั้นมันมาดูถูกกู "
" งั้นก็หันมามองแค่กูสิ " สายตากลมที่กำลังเซ็งเงยหน้าขึ้นมามองผม " ถ้าไม่ชอบสายตาคนอื่นที่มองมึงมาแบบนั้นก็อย่าไปมอง หันมามองที่กูนี่ เพราะกูจะไม่ทำสายตาแบบนั้นใส่มึงเด็ดขาด "
" แล้วมึงจะไปกับกูตลอดเหรอ "
" อื้ม กูจะไปกับมึงตลอด จะไปเป็นเพื่อนจนกว่ามึงจะผอมเลย " ผมบอกมันออกไปแบบนั้น เขินก็เงียบไปสักพักมันก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพยักหน้ารับ
" โอเค งั้นกูไปก็ได้ แต่สัญญากันนะว่ามึงจะไปกับกูตลอด ห้ามปล่อยให้กูไปคนเดียว ห้ามปล่อยให้กูหันไปมองคนอื่นที่ผอมๆแล้วทำให้กูต้องรู้สึกแย่ สัญญากัน "
นิ้วก้อยที่ถูกยื่นมาให้ ผมยืนมองมันอยู่นานเพราะไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะส่งมันมาให้ นิ้วก้อยเล็กๆที่ค่อนข้างอวบ แตกต่างจากนิ้วก้อยของแม่ผมที่เมื่อก่อนเธอชอบชวนให้ผมสัญญานู้นนี่นั่นอยู่เรื่อย แต่ที่มันทำให้รู้สึกอะไรในใจขึ้นมาได้บางอย่างเหมือน ความรู้สึกนึงที่เหมือนจะตายจากผมไปนานแล้ว เอื้อมมือเอานิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวไว้กับมัน รอยยิ้มที่ยิ้มให้ผมนั้น
“ อื้ม สัญญาก็สัญญา " มึงนี่มัน .. ช่างเป็นคนที่อบอุ่นชะมัดเลย
......................................................
ควรเขียนต่อไปมั้ย หรือควรหยุดเขียนแค่นี้ดี
เหมือนรู้สึกว่า ไม่มีคนอ่านเท่าไหร่ อาจเพราะเนื้อหาที่เรียบไป แล้วก็ไม่ค่อยสนุก
หนมควรไปเขียนเรื่องใหม่มั้ย แบบ ไม่นั่งคิดพล๊อตใหม่ที่ดีกว่านี้ อะไรแบบนั้น ฮ่าๆๆๆๆ
เอาเป็นว่าาาาา ยังไงก็ขอฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยนะคะ แท็กกันได้ในทวิต
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า