++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5  (อ่าน 32198 ครั้ง)

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



บทที่ 20 ทูนหัวของดิน


 
“เหมี้ยว เหมี้ยวววว” เสียงเจ้าเหมียวชบาส่งเสียงร้องอยู่ข้างหูแบบนี้เป็นประจำทุกคืน เจ้าเหมียวจะเข้านอนพร้อมผมทุกคืนและจะปลุกผมกลางดึกเสมอ คืนนี้ก็เช่นกัน 

     01:30นาที ที่นอนข้างๆยังคงว่างเปล่า พู่กันจะอ่านหนังสือจนดึกดื่นแบบนี้เป็นประจำและดูเหมือนว่าพอขึ้นปีสาม ระยะเวลาการอ่านหนังสือในแต่ละคืนจะยาวนานมากกว่าเดิม ซึ่งมันก็ทรมานคนนอนข้างๆอย่างผมเหมือนกัน  ผมไม่ได้รอพู่กันนะแต่พอสติมันรู้ว่าพู่กันอ่านหนังสืออยู่นอกห้องมันก็ทำให้ผมนอนไม่หลับหรือไม่ก็หลับๆตื่นๆ แต่พอเมื่อไหร่ที่พู่กันล้มตัวลงนอนข้างๆด้วยความเงียบเพราะกลัวว่าผมจะตื่นผมก็จะหลับใหลไร้ความกังวลทันที..


“ว่าไงนู๋ชบา จะออกไปหาแม่แล้วใช่ป่ะ” เจ้าเหมียวสีดำกระโดดลงจากเตียงเดินคลอเคลียตามผมมาที่ประตูห้อง พอเปิดประตูเจ้าเหมียวก็วิ่งไปหาพู่กันแล้วกระโดขึ้นตักทันที  ขนาดแมวยังเหงาแล้วนับประสาอะไรกับผมล่ะว่ามั้ย?!
ห่างกันแค่ผนังห้องกั้นยังเหงาจนนอนไม่หลับ  นี่ถ้าต้องห่างกันมากกว่านี้ผมคงเฉาตาย!
 
“จะตี2แล้ว นอนมั้ยดอกไม้ พักผ่อนเหอะ”


“อืม ขออีกนิด”


“หิวมั้ย นมอุ่นๆสักแก้วมั้ย?”


“ก็ได้” ในที่สุดดอกไม้ของผมก็เงยหน้าจากหนังสือสักที ชั่วโมงนี้ผมอยากจะแปลงร่างเป็นหนังสือซะเหลือเกิน!

     นมอุ่นๆถูกเทลงในแก้วเซรามิคสีขาวเพ้นท์รูปแมวสีดำ ของขวัญจากไอ้สมใจและไอ้นพที่ซื้อให้ผมหลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่กับพู่กัน เมื่อเห็นแก้วคู่ใบนี้แล้วก็อดที่จะก้มลงมองเท้าตัวเองที่สวมสลิปเปอร์สีขาวสกรีนเป็นรูปหนวดแมวด้วยไม่ได้  ถ้าไม่ใช่แก้วคู่และรองเท้าคู่ที่ใช้กับพู่กันแล้วล่ะก็ ของมุ้งมิ้งแบบนี้ผมไม่มีทางใช้แน่ๆ !


“นี่ครับ” นมอุ่นๆที่อยู่ในแก้วเซรามิคถูกวางเบาๆบนโต๊ะอ่านหนังสือของคนตัวขาวที่ตอนนี้กำลังลูบไล้ขนนุ่มสีดำขลับของเจ้าเหมียวชบาที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนตัก   


“ขอบคุณน้า” พู่กันถูแก้มลงมาที่แขนผมเบาๆ นี่คืออีกมุมนึงที่คนอื่นไม่เคยเห็นพู่กันมักจะอ้อนผมแบบนี้เสมอ สมแล้วที่เป็นแม่แมวขี้อ้อนไม่ต่างจากลูกๆเลย ผมจึงขยี้หัวแม่แมวอย่างเอ็นดู 

   แบบนี้จะไม่ให้หลงได้ไง..ทูนหัวของบ่าว!


“ขำไร?”


“นมเลอะ เด็กน้อย”


“ทิชชู่ให้หน่อยๆ”  หึ ไม่ต้องหรอก ผมจัดการเช็ดนมที่เลอะมุมปากออกให้โดยการจูบซับลงไปเบาๆที่มุมปากก่อนจะจูบย้ำหนักๆลงไปอีกทีหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว


“ป๊าบ” แล้วก็โดนฟาดเข้าให้


“ใช้กระดาษให้เปลืองทรัพยากรทำไม แบบนี้ดีกว่าเยอะ”  ผมยิ้มให้อยากล้อๆ จึงได้รับฝ่ามือฟาดลงมาอีกหน..แสบๆคันๆ แต่ถือว้าคุ้ม!


“หยุดเลย เข้าไปนอนได้แล้วเดี๋ยวตามไป”


“ไม่เอา ไปนอนพร้อมกัน พักเหอะนะ  นะครับ” ถึงตาผมอ้อนถูแก้มที่แขนของพู่กันบ้าง 

ถ้าพวกไอ้หมี ไอ้สมใจมาเห็นมุมนี้ของผมคงอ้วกแตกกันเป็นแถวแน่!


“ก็ได้ๆ” พู่กันตอบรับอย่างอ่อนใจ แต่ก็ยอมให้ผมจูงมือเข้าห้องนอนอย่างว่าง่าย












     วันนี้ผมมีเรียนบ่ายแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ลุกมาเตรียมมื้อเช้าให้กับพู่กันตามปกติ มันคือความเคยชินที่เกิดจากความตั้งใจไม่ได้ฝืนแต่อย่างใด


“ดอกไม้ ตื่นได้แล้ว” หน้าที่ปลุกก็เป็นหน้าที่ของผมอีกเช่นกัน


“อื่อออ  ขออีกสิบนาที” เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า


“ไม่ได้จะเจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ ลุกเร็วเข้าเดี๋ยวไปไม่ทันพอดี”


“ฮะ! ทำไมมึงไม่ปลุกให้ไวกว่านี้วะ” โวยวายครับ แต่ยังนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มไม่ยอมขยับ น่าจับคลุกวงในซะเหลือเกิน!  ขอสารภาพตามตรงว่าผมหื่นทุกเวลาที่อยู่ใกล้พู่กัน ยิ่งเช้าๆแบบนี้ มันน่านัก ฮึมมม..


“อย่าบ่นนอนดึกเองนะ เอ้า ลุกสิครับ” พู่กันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความงัวเงียไม่ต่างกับดอกไม้เฉาๆ มันน่าจะโดนสักน้ำนึงจะได้ตื่นเต็มตา..หมายถึงดื่มน้ำสักแก้วนึง อย่าคิดลึก!



     สุดท้ายก็เกือบไม่ทัน ดีหน่อยที่วันนี้เตรียมอาหารง่ายๆอย่างแซนวิชจึงหยิบมากินบนรถได้พร้อมกับนมอีก1กล่อง


“วันนี้กูกลับกับไอ้หมีนะ ตอนเย็นกูมีแล็ปไม่รู้จะเลิกกี่โมง” พู่กันหันมาพูดพร้อมกับยัดแซนวิชคำสุดท้ายเข้าปาก  เวลาเคี้ยวตุ่ยๆแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ

   โอ้ยยย ผมท่าจะเป็นเอามากเห็นมุมไหนของดอกไม้ก็น่ารักไปหมด


“โอเค ห้าโมงกูมีซ้อมบอล งั้นมึงก็หาอะไรกินก่อนเลยไม่ต้องรอ” ปกติเราจะทานข้าวเย็นพร้อมกันซะเป็นส่วนใหญ่ มีบ้างที่ต่างฝ่ายต่างไปกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง


“โอเค กูไปล่ะ” เมื่อรถจอดหน้าคณะพู่กันลงรถด้วยความรีบร้อนก่อนจะวิ่งเข้าไปในตึกคณะของตัวเอง

     ฉิวเฉียด อีก5นาที8โมง..ฟู่












“เมียมึงมาว่ะ” ไอ้สมใจที่นั่งพักอยู่ข้างสนามตะโกนบอกผมที่ยังซ้อมต่อบอลอยู่ในสนาม ผมจึงหันไปมองอย่างรวดเร็ว 
พู่กันเดินมาพร้อมไอ้หมีและหลานรหัสของมัน ..น่าแปลก ช่วงนี้ไอ้หมีไปไหนก็มักจะหนีบหลานรหัสของมันไปด้วย..


“สัด เห็นเมียแล้วยิ้มเลยนะมึง  ว่าแต่ไอ้หมีมันพาเด็กน้อยที่ไหนมาด้วยวะ” ไอ้นพเอ่ยแซวทันทีพร้อมกับความสงสัยที่เห็นข้างกายของไอ้หมีมีผู้ชายตัวเล็กๆตามติดมาด้วย


“หลานรหัสมัน กูไปพักก่อนนะ” ว่าแล้วผมก็วิ่งออกจากสนามมาหาพู่กันที่กำลังนั่งลงข้างๆไอ้สมใจ


“เหนื่อยมั้ย” พู่กันพูดพร้อมกับหยิบขวดเกลือแร่ที่อยู่ในถุงที่เจ้าตัวน่าจะซื้อมายื่นให้กับผม


“แค่เห็นหน้ามึงก็หายเหนื่อยแล้ว” ผมพูดจริงๆนะ แค่รอยยิ้มที่ยิ้มส่งมาให้แต่ไกลแค่นี้ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง


“อ้วกเหอะ กูขออ้วกนะ” ไอ้สมใจทำหน้าเหม็นเลี่ยนเต็มแก่


“กูพาเมียมึงมาส่งละเดี๋ยวกูพาเด็กแถวนี้ไปซื้อเค้กก่อนนะ”


“พึ่งรู้นะ ว่ามึงเปลี่ยนแนวจากรุ่นพี่เซ็กซี่ขยี้ใจมาเป็นเด็กเล็กอนุบาลหมีน้อยซะแล้ว” ไอ้สมใจเอ่ยแซวและคงแปลกใจไม่น้อย


“หลานรหัสกูเหอะ” ในขณะที่โดนแซวเด็กน้อยของไอ้หมีก็แกะลูกอมเม็ดสีน้ำตาลเข้าปาก หาได้สนใจคำแซวของไอ้สมใจไม่


“ดูแลดีเกิ๊น ปล่อยให้พี่รหัสมันดูแลบ้างก็ได้นะ” ผมก็อดแซวมันไม่ได้เหมือนกัน คนอย่างไอ้หมีที่ไม่ค่อยใส่ใจใครเนี่ยนะพาหลานรหัสไปซื้อเค้ก?! 


“พูดมากน่ารำคาญ ไปกันไอ้ลูกอม”


“ไปก่อนนะครับพี่ๆ” เด็กน้อยของไอ้หมียกมือไหว้ก่อนจะวิ่งตามตูดไอ้หมีที่ดินชิ่งออกไปแล้ว ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งโดนแซะสินะมึง


“กินข้าวยัง” ผมหันไปถามพู่กันที่กำลังนับถุงเสบียงที่วางกองกันอยู่หลายสิบถุง


“ยัง รอมึง ว่าแต่สวัสดิการของคณะมึงดีเนาะ น้ำกับขนมเพียบ กูไม่น่าซื้อมาเลย”


“สวัสดิการจากแฟนคลับผัวมึงต่างห่าง ดูโน้น” แล้วไอ้สมใจก็ชี้ไปทางฝั่งผู้หญิงที่นั่งรวมตัวกันอยู่บนอัฒจันทร์อีกฝั่งหนึ่ง


“กูไม่น่ามาเลยเนอะ เรทติ้งมึงตกหมด” ดอกไม้ของผมปากคว่ำแล้วครับ งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ


“พูดอะไรแบบนั้นเล่า ใครสนเรื่องแบบนั้นกัน กูอยากให้มึงมาทุกวันเลยนะ” แค่เห็นหน้าดอกไม้ผมก็ดีใจสุดๆ ไม่คิดว่าเขาจะมาหาผมถึงที่


“ชิ!”


“อย่าทำหน้างอสิครับ ไปกินข้าวกัน”


“ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ”


“ยังไม่เสร็จ แต่ไม่ซ้อมแล้ว ป่ะไปกัน”


“อ้าวเฮ้ย พวกกูไปด้วยดิ” ไอ้สมใจบอกก่อนจะหันไปเรียกไอ้นพที่ยังอยู่ในสนาม


     กขค.จริงๆพวกมึ่งเนี่ย!







     ร้านก๋วยเตี๋ยวหลังมอ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือพระเจ้าอยากให้พวกผมรู้ว่าไอ้หมีมันกำลังจะกลืนน้ำลายตัวเอง..


“ไง เจอกันอีกแล้วน้องโอบ ซื้อเค้กเสร็จแล้วเหรอ พวกพี่นั่งด้วยนะ” พู่กันทักน้องคณะตัวเองก่อนจะนั่งลงข้างๆ


“ยังไม่ได้ซื้อครับ พี่กู๊ดหิวข้าว ผมว่าร้านคงปิดแล้วล่ะครับ” เด็กลูกอมหันหน้าไปจ้องไอ้หมีด้วยใบหน้านิ่ง


“กู๊ด!? กูไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้ววะ” ไอ้สมใจพูดอย่างแปลกใจ


“เออ กูก็ลืมไปเลยว่าแม่งชื่อกู๊ด” ไอ้นพทำหน้าเหมือนจะลืมชื่อเล่นของไอ้หมีไปแล้วจริงๆ


“พวกมึงเพื่อนชั่วไง ชื่อกูก็ออกจะดีไม่ยอมเรียก”


“ว่าแต่ไอ้ปูนไปไหนวะ หายหัว”


“ติดผัว” ไอ้หมีรีบตอบอย่างเร็วรี่


“อ่อ ส่วนมึงก็ติดเด็ก” ไอ้นพก็รีบต่ออย่างทันควัน


“เด็กพ่อง บอกแล้วไงว่าหลานรหัส”


“หราาา”


“หลานรหัสก็ให้พี่มันดูแลดิวะ” พู่กันพูดอย่างจับผิด


“พี่มันไม่ว่าง”


“จริงๆไม่ต้องดูแลก็ได้นะครับ ผมดูแลตัวเองได้ เพื่อนๆผมก็ไม่เห็นมีสายรหัสมาดูแลทุกวันแบบนี้เลย”


“แหนะ หมีคิดอะไรกับน้องมันรึป่าว” ไอ้สมใจใช้นิ้วสะกิดไหล่ไอ้หมีอย่างล้อๆ


“โว๊ะ พวกห่า เทคแคร์หลานรหัสมันผิดตรงไหนวะ”


“ผิด! เพราะมึงไม่เคยเทคแคร์ใคร ไอ้โก้น้องรหัสมึงมึงยังไม่ดูแลขนาดนี้เลย” พู่กันใช้ตะเกียบชี้หน้าไอ้หมีอย่างคาดคั้น  แล้วทุกสายตาก็จ้องมันอย่างจับผิด


“ห่าพูดมากกันจังวะ จะแดกอะไรก็รีบสั่งเลยพวกมึง  ส่วนมึงไอ้ลูกอมรีบแดกจะไปไม่ทันร้านเปิดเพราะมึงแดกช้ายิ่งกว่าสล็อตนี่แหละ” จากนั้นไอ้หมีก็โวยวายกลบเกลื่อนก่อนจะไปจบที่หลานรหัสของมัน


“ทานข้าวก็ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนสิครับกระเพราะจะได้ไม่ทำงานหนัก พี่ก็เหมือนกันเคี้ยวข้าวบ้างนะครับตักเข้าปากแล้วกลืนเลยแบบนี้ไม่ดีต่อกระเพราะนะครับ” เด็กลูกอมไม่ได้สนคำบ่นของไอ้หมีแต่อย่างใด ยังคงเถียงไอ้หมีด้วยใบหน้านิ่ง


“พูดมากไอ้เด็กอนามัย แดกให้หมด” ไอ้หมีทำหน้าเอือมเต็มแกกับความอนามัยของเด็กลูกอม แต่มันก็อนามัยจัดจริงๆนั้นแหละผมว่าผมสะอาดแล้วนะเจอเด็กลูกผมขอยอมแพ้ แต่ก็ดูเหมาะกันดีต่างคนต่างสุดโต่งกันคนละขั้วมาเจอกันตรงกลางก็น่าจะพอดี


“ผมอิ่มแล้วครับ”


“แดกไปแค่สามคำอิ่มได้ไงวะ”


“ผมไม่ทานเผ็ด พี่สั่งต้มยำให้ผมทำไมเล่า”


“เอ้า ก็มึงบอกเองว่าเอาเหมือนกู งั้นชามนี้เอามาให้กู เดี๋ยวกูสั่งให้ใหม่”


“ไม่เป็นไรครับผมอิ่มแล้วจริงๆ  แล้วพี่ก็ไม่ต้องทานของเหลือจากผมด้วย”


“ทำไมวะเสียดายของ เอามานี่” จากนั้นมันก็ดึงชามก๋วยเตี๋ยวไปไว้ตรงหน้ามัน โซ้ยสามคำก็หมดเกลี้ยง   ไอ้ห่านี่แดกไม่เคี้ยวเหมือนเด็กลูกอมว่าจริงๆ 


“พี่กู๊ด..ไม่เปลี่ยนช้อนกับตะเกียบก่อนเหรอครับ” เด็กลูกอมมองอย่างอึ้งๆ


“เปลี่ยนทำไมเสียเวลา ลูกอมเม็ดเดียวกันยังแดกมาแล้วเลย”


“หืมมมม”


“อารายยยย  ยังงายยยย”


“หมีๆๆๆ”


“เสือก!  ไปกลับจะแดกมั้ยเค้กอ่ะ” แล้วไอ้หมีก็ลุกพรวดออกไปจ่ายตังทันทีโดยไม่สนความเผือกของเพื่อนแม้แต่น้อย


“ไปก่อนนะครับพี่ๆ” เด็กลูกอมไหว้พวกเราก่อนจะวิ่งตามไอ้หมีออกไป


   จากนั้นหัวข้อสนทนาในโต๊ะก๋วยเตี๋ยวก็หนีไม่พ้นเรื่องไอ้หมีกับหลานรหัสของมัน..






       ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวก็ตรงดิ่งกลับบ้าน  พอกลับถึงบ้านก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าเหมียวทั้งสามตัว เขาว่ากันว่าการถูไถคลอเคลียและการคำเสียงครืนๆเวลาอยู่ใกล้ๆเราเป็นภาษาบอกรักของเจ้าเหมียว ช่างเป็นสัตว์โลกที่น่ารักน่าชัง การได้ใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าเหมียวทั้งสามตัวทำให้ผมรู้ซึ่งกับคำว่า..ทาสแมวอย่างแท้จริง..

..แต่ทาสแมวน่ะไม่เท่าไหร่ ทาสของแม่แมวนี่สิ ยอมถวายให้ทั้งตัวและใจ



“มึงไปอาบน้ำก่อนเลยนะ แม่งเหม็นเหงื่อ” ตั้งใจจะนั่งเล่นกับเจ้าเหมียวก็โดนแม่เหมียวไล่ไปอาบน้ำซะก่อน


“อาบด้วยกันมั้ย”  ชวนไปงั้นแหละ เผื่อฟลุค


“อืม ไปดิ”  เฮ้ย!  ฟลุคเฉย


“นี่กูฝันไปป่ะเนี่ย” ไม่อยากจะเชื่อ ทำไมดอกไม้ว่าง่ายจังวะ น่าแปลกแฮะ?!


เพี้ยะ!!  โดนตบจนหน้าสั่นขนาดนี้ไม่ใช่ฝันแล้วล่ะครับ จริงซะยิ่งกว่าจริง  ..ฮ่วย เจ็บอยู่เด๊ะล่ะ!


“จะอาบไม่อาบ”


“อาบครับๆ” กลัวดอกไม้เปลี่ยนใจรีบตอบแบบไม่ต้องคิดเลย 


พู่กันหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำโดยยังไม่ปิดประตู เป็นการย้ำแน่ชัดว่าวันนี้เราจะอาบน้ำด้วยกัน
แล้วผมจะรออะไรล่ะรีบถอดเสื้อผ้าออกอย่างเร็วรี่แล้ววิ่งตัวปลิวเข้าห้องน้ำอย่างไม่รอช้า




“ถูหลังให้หน่อย” ฟองน้ำถูตัวถูกยื่นมาให้จากคนตัวขาวที่ตอนนี้ทั้งตัวฉาบไปด้วยฟองสบู่

     เซ็กซี่เป็นบ้า!


   ผมถูแผ่นหลังขาวเนียนของพู่กันด้วยใจที่เต้นรัว  ใจเย็นๆไอ้ดินนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของมึงที่ได้เห็นเรือนร่างขาวๆของพู่กันสักหน่อย     แต่ก็นะ โธ่เว้ย! แบบนี้เหมือนดอกไม้กำลังยั่วผมชัดๆ!   ยิ่งหันหลังให้แบบนี้มันน่าจับเสียบยิ่งนัก!


   ผมต้องพยายามข่มใจอย่างหนักหน่วงเพราะวันนี้ไม่ใช่วันเสาร์  ความจริงแล้วพวกเรามีกฎครับ ในหนึ่งอาทิตย์เราสามารถมีเซ็กกันได้หนึ่งวัน นั่นคือวันเสาร์ ถามว่าทำไมต้องวันเสาร์ ด้วยตารางการอ่านหนังสือที่ดุเดือดของพู่กันวันเสาร์จึงเป็นวันที่สะดวกที่สุด ส่วนการจูบกอดลูบคลำสามารถทำได้ตามแต่สะดวก แต่ความสะดวกก็ช่างน้อยนิด..


“มึง อะไรทิ่มตูดกู”

  ฉิบหาย! ยืนยั่วให้ถูหลังแบบนี้ น้องชายผมก็ตั้งโด่สิครับ


“เอ่อ  โทษที กูถูหลังให้มึงเสร็จละมึงอาบต่อเลย เดี๋ยวกูแปรงฟันรอ”  ไม่ได้ครับ ต้องออกจากสถานการณ์นี้อย่างเร่งด่วนไม่งั้นดอกไม้โดนผมจับเสียบแน่ๆ มีหวังโดนลงโทษด้วยการแบนไปหลายเสาร์  นรกชัดๆ


“กูทำให้” นี่ผมหูฝาด??  ไม่อยากถามเดี๋ยวโดนพิสูจน์ด้วยการตบบ้องหู!

ไม่รอช้าพู่กันนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าน้องชายผมที่กำลังผงาดสุดกำลังพร้อมใช้งานเต็มที่..ผีเข้าดอกไม้รึไง หรือว่าแต้มบุญที่เหลือของผมได้ถูกใช้งานแล้ว


“มึง เดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมดันมือพู่กันออกอย่างเกรงใจ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่รู้จะเกรงใจทำไม?


“ทำไม รังเกียจ?”


“ใช่ที่ไหนเล่า ดีใจต่างหาก แต่กูว่ามันแปลก ปกติมึงไม่เคย..” คำพูดของผมขาดหายเมื่อมืออันบอบบางของดอกไม้จับแกนกายของผมแล้วเริ่มขยับขึ้นลง


“กูอยากทำให้มึง” จากนั้นก็ช้อนตาขึ้นมองด้วยสายตาที่ยิ้มยั่ว   ยั่ว?!


“...” เอาเลยจ๊ะ อยากทำอะไรก็ทำเลยจ๊ะ..ทูนหัวของดิน


“กูจะมัดใจมึง”


“มัดใจ?” มัดใจอะไรกัน แค่นี้ก็มัดซะปมแน่นจนดิ้นไม่หลุดแล้ว.. ดอกไม้ของผมคิดมากอะไรอีกล่ะเนี่ย?!

ไม่มีคำตอบครับ เพราะเรียวปากนั้นกำลังครอบครองแกนกายของผมอยู่!   โอ้ววว นึกว่าจะใช้แค่มือ ที่ไหนได้ใช้ปากให้ด้วยครับ   

      พีคในพีค!!


การมัดใจของพู่กันพาอารมณ์หฤหรรษ์ของผมพุ่งทะยานจนเกือบถึงจุดสูงสุด

“กู..กูจะถึงแล้ว”  ผมจับหัวของพู่กันให้ขยับตามจังหวะอย่างลืมตัว


โอ้ววว   พระเจ้า   มันซี๊ดดดดด  แต่ยัง ยังถึงไม่ได้


“ของมึงก็แข็ง กูทำให้นะ แล้วถึงพร้อมกัน” มันไม่แฟร๋ถ้าผมจะถึงฝั่งฝันเพียงคนเดียว


“งั้นทำกัน”    หืมมม?!! หูผมฝาดอีกแล้วใช่มั้ย?


“แต่วันนี้วันพุธ” ดอกไม้ของผมคงไม่ได้หลงวันหรอกนะ


“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าอาจารย์งดคลาส”


“แล้ววันเสาร์ล่ะ” กลัวทำวันนี้แล้ววันเสาร์ก็อดไง


“ยังเหมือนเดิม” เยสสส  ลัคกี้  ..ทำไมวันนี้ใจดีวะ แต่ช่างเหอะเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน


อ่า ไม่รอช้า รีบอุ้มดอกไม้มาที่เตียงทันที เรื่องแบบนี้มันต้องทำที่เตียงจะได้ถนัดถนี่..

จากนั้นก็จัดการเผด็จศึกทันที เมื่อไม่มีกฎกำจัดว่าต้องกี่น้ำ วันนี้ดินเลยขอสอง จะต่อน้ำสามก็เกรงว่าดอกไม้ที่นอนใต้ร่างจะเฉาซะก่อน  ..ถ้าจะเปรียบก็คงเหมือนตันไม้ถ้าให้น้ำมากไปก็ไม่ดี!




“ดอกไม้” ผมเรียกพู่กันที่นอนซุกอยู่ในอ้อมกอดผมอย่างหมดแรง เกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าให้อย่างเบามือ


“หืมม” ดอกไม้ของผมขานรับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง ..น่าสงสารแต่ก็น่ารักอยู่ดี


“ที่บอกว่ามัดใจ หมายความว่าอะไร” มันเป็นสิ่งที่ผมอยากรู้จริงๆ เพราะว่าวันนี้พู่กันมาแปลกจริงๆ


“ไม่มีอะไร”


“ดอกไม้ครับ ผมรู้ว่ามันมี คุณกำลังคิดมากอะไรอยู่ใช่มั้ย?”


“กูเห็นแฟนคลับมึงวันนี้ กูกลัว” นั่นไง ว่าแล้วเชียว


“กลัวอะไร ไหนว่ามาสิ”


“กลัวมึงจะทิ้งกู แฟนคลับมึงมีแต่ผู้หญิงสวยๆ”


“คิดมาก บอกแล้วไงให้เชื่อใจกัน” ตั้งแต่เรื่องของน้องครีมที่ผมทำให้พู่กับเข้าใจผิด ผมสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้อีก  เพราะน้ำตาของพู่กันมันทำให้ใจผมแทบแตกสลาย..


“กูรู้  แต่มันอดคิดไม่ได้” พู่กันซุกหน้าลงมาที่อกพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ผมจึงกระซับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น


“ไม่มีอะไรจริงๆครับ สบายใจได้เลย  แต่เป็นแบบนี้บ่อยๆก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องอดทนรอให้ถึงวันเสาร์” อดที่จะหยอกไม่ได้  มัดใจโดยใช้ปากให้น่ารักเป็นบ้า


“นี่แหนะ” แล้วก็ได้รับการหยิกที่แขนเป็นรางวัล “ไม่ตลกเลยนะ”


“ไม่ตลก แต่เสียว”  เสียวจริง เสียวจนแทบบ้า


“ไอ้ดิน เดี๋ยวเหอะ” ผมรีบคว้ามือที่เงื้อขึ้นที่กำลังจะฟาดลงบนแขนผมกุมไว้ไม่ยอมปล่อยก่อนจะจูบหนักๆลงไปที่หลังมือขาวๆของพู่กันอย่างหมั่นเขี้ยว


“เอาน่า อย่าคิดมาก กูห้ามคนให้เข้ามาหาไม่ได้หรอกแต่กูห้ามใจกูได้เพราะกูไม่สนใจใครอยู่แล้วนอกจากมึงคนเดียว กูก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้มึงเชื่อ แต่กูก็อยากขอ ขอแค่เชื่อใจกันก็พอ”


“กูเชื่อใจมึง ขอโทษนะที่กูคิดมากไป”


“ไม่ต้องขอโทษหรอก แล้วก็ไม่ต้องมัดใจอะไรด้วยแค่นี้ก็มัดซะจนกูดิ้นไปไหนไม่ได้แล้ว กูยอมมึงทุกอย่างนะพู่กันเพราะกูรักมึง”


“กูก็รักมึงแผ่นดิน” จบคำบอกรักของพู่กันเราต่างก็บอกรักกันอีกครั้งด้วยภาษากาย จูบอันอ่อนโยนและลึกซึ้งเป็นการกระทำที่แทนคำบอกรักได้ดีเช่นกัน

   

      ..ความจริงแล้วพู่กันไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแค่เป็นพู่กันในแบบตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว แค่นี้ผมก็ยอมเป็นทาสแบบเต็มใจเพราะพู่กันคือทูนหัวของผม..ทูนหัวของดิน






  TBC.

………………………………………………......................

 หายไปนานเพราะร่างกายบอบซ้ำกับการป่วย T_T
 ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านกันนะคะ^^




ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
หวานมากทูนหัวของดิน

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

    :-[ :-[        :pig4:


 

       

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 




บทที่ 21 ลูกอมของหมี




     เด็กแว่นหนาเตอะ ดูยังไงแม่งก็เด็กเนิร์ด ชอบเถียงคำไม่ตกฝากด้วยใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ แถมยังตัวเล็กเท่าตาตุ่ม อนามัยจัดสุดยอดและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำตาลโดยเฉพาะ..ลูกอม

ตอนนี้ไอ้มนุษย์น้ำตาลกำลังนั่งแดกปังเย็นด้วยหน้าตาเบิกบานสุดขีดอยู่ที่ร้านนมหน้ามหา’ลัย
วันนี้เรามีนัดเลี้ยงสายรหัสกันครับ ที่เลือกร้านนมก็เพราะสายรหัสคนใหม่ของ สายแข็ง แดกเหล้าไม่เป็น ร้านนมจึงตอบโจทย์ที่สุด


“โอบอยากสั่งอะไรเพิ่ม สั่งได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” พี่กายรุ่นพี่ปีสี่หรือก็คือพี่รหัสผมเองหันไปบอกเหลนรหัสอย่างใจดี


“ครับพี่กาย” ไอ้ลูกอมตอบด้วยใบหน้าอมยิ้มพร้อมกับตักปังเย็นเข้าปากคำโต


“ส่วนนี่ของขวัญจากพี่ แล้วก็ของพี่มาร์คกับพี่ตู้ฝากมาให้ด้วย” กล่องกระดาษใบโตถูกยกวางไว้บนโต๊ะ


“ส่วนนี่ของกู” แล้วไอ้โก้ก็ยื่นของขวัญที่อยู่ในถุงก๊อบแก็บให้กับน้องรหัสของมัน


ไอ้ลูกอมคงซาบซึ้งกับของขวัญจากพี่ๆของมันจนน้ำตาแทบไหล ของแต่ละชิ้นช่างภาคภูมิใจแก่วงศ์ตระกูลซะเหลือเกิน!


ซีดีอัลบั้ม คราม ของวงบอดี้สแลม จากไอ้โก้พี่รหัสของมันผู้ซึ่งมีพี่ตูนเป็นไอดอล!

อุปกรณ์ดูแดช่องปากครบชุด จากพี่กายปู่รหัสผู้ห่วงใยว่าแมงจะกินฟันเหลนรหัสตัวเองหมดปากก่อนจะเรียนจบ!

น้ำพริกตาแดงสองกระปุกจากพี่มาร์คทวดรหัสปี5  พร้อมกับข้อความสั้นๆ ‘กินแล้วติดใจสั่งซื้อได้ตามเพจที่ติดอยู่ข้างกระปุก’
สัด! ขายของเฉย แม้แต่เหลนรหัสก็ไม่เว้น  ก่อนหน้านี้พวกผมทั้งสายก็เจอให้ซื้อยกโหลมาแล้ว น้ำพริกแม่พี่แกทำขายครับ ไอ้สัดแม่งอร่อยอยู่หรอก แต่แม่งแดกไม่ทันไง กระปุกแรกแดกยังไม่ทันหมดอีก11กระปุกแม่งราแดก!

แต่ที่พีคสุดคือของพี่ตู้ปี6 หมวกกันน็อคสีดำลายไฟ! พร้อมกับข้อความบนกระดาษโพสอิทสีเขียวที่แปะอยู่บนหมวก ‘ขับขี่ปลอดภัยสวมใส่หมวกกันน็อค’   ครับ! สายรหัสผมมีแต่คนบ้า

ไอ้ลูกอมมันขับรถเป็นที่ไหนอย่าว่าแต่มอเตอร์ไซค์ จักรยานแม่งยังถีบไม่เป็น  แม่งลูกคุณหนูขนาดแท้
ตอนผมอยู่ปีหนึ่งของขวัญที่ได้จากที่ตู้ก็ซึ้งจนน้ำตาแทบไหลเช่นกัน ที่เปิดขวดจากงานแต่งของใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก!


“ของมึงล่ะไอ้หมี ไม่มีให้น้องมันเหรอวะ” พี่กายถามผมอย่างสงสัยที่ผมมาตัวเปล่า


“ผมลืมเอามาพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาให้” ความจริงแล้วของที่ผมตั้งใจจะให้ไอ้ลูกอมยังมาไม่ถึงครับ ผมสั่งจากในเน็ตไว้ของจะมาส่งพรุ่งนี้  นี่ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงลงทุนเพื่อมันขนาดนี้?!















“ลูกอมกูอยู่ใต้หอมึง ลงมาเอาของกับกูหน่อย” ของขวัญที่สั่งไว้ให้มันมาถึงแล้วครับ


[พี่กู๊ด รอแปปึงนะครับ]


“ให้ไวๆ”



รอสักพักไอ้เด็กแว่นที่สวมเสื้อยืดลายมินเนี่ยนก็เดินมาหาผมด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนเคย

“สวัสดีครับ” ไอ้ลูกอมยกมือขึ้นไหว้ผมพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม


“ทำไรวะ แม่งลงมาช้า”


“ตอนที่พี่โทรมา ผมพึ่งอาบน้ำเสร็จครับ” ถึงว่าได้กลิ่นแป้งเด็กมาจากมึงนี่เอง  เด็กน้อยเอ้ย!


“อ่ะ ของกูเมื่อวานที่ลืมเอาให้”


“ขอบคุณครับ”


“เปิดดูดิ”


   ไอ้ลูกอมค่อยๆแง้มถุงกระดาษสีน้ำตาลช้าๆจากนั้นหน้านิ่งไร้อารมณ์ของมันก็ค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นทีละนิดเมื่อเห็นของที่อยู่ในถุง
ลูกอมคาราเมลยี่ห้อ Werther’s Original ยี่ห้อโปรดของไอ้ลูกอมทุกแบบทุกรสชาติเท่าที่จะหาได้ เป็นไงล่ะของขวัญจากลุงรหัสมึง ดีกว่าหมวกกันน็อคลายไฟเป็นแน่แท้!


“เฮ้ย! รสนี้หายากนะครับ พี่ไปซื้อมันมาจากไหน” แน่นอนว่าหายากเพราะกูรอมันมาตั้งสามวัน ไม่งั้นกูคงให้มึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ 


“กูเก่ง”


“ขอบคุณมากนะครับ รสนี้ผมชอบที่สุด” จากนั้นเด็กน้อยผู้เจอลูกอมที่ถูกใจก็แกะลูกอมแบบเคี้ยวหนึบรสคาราเมลเคลือบช็อคโกแลตเข้าปากทันที   สีหน้าของมันบ่งบอกถึงความสุขได้อย่างชัดเจน


   ..ฟินสินะมึง


ที่ผมลงทุนขนาดนี้ก็เพราะสีหน้าที่มีความสุขแบบนี้ละมั้งที่ผมอย่างเห็น   ผมว่ามันหน้ามอง!!

..เพราะใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มดีกว่าใบหน้าที่นิ่งไร้อารมณ์เป็นไหนๆ


“เออ มึงชอบก็ดีแล้ว แต่ตอนนี้กูโคตรหิวไปแดกข้าวกัน”


“ทานที่ไหนดีครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” อารมณ์ดีหน้าบานเชียวนะมึง


“กินที่โรงอาหารใต้หอมึงนี่แหละ ข้าวมันไก่ย่างหอมึงเด็ดสุดกูไม่ได้แดกนานละ แล้วก็อีกอย่างกูเป็นพี่กูก็ต้องเลี้ยงมึงดิ”


“ไม่เอาครับ ครั้งนี้ผมเลี้ยงเอง”


“ตามใจมึง กูแดกเยอะนะบอกไว้ก่อน”


“สบายมากครับ เงินเก็บผมเยอะ” เหอะ เดี๋ยวกูจะแดกให้หมดตูดเลยคอยดู




ผมนั่งกินข้าวไปได้ครึ่งจานไอ้ลูกอมก็กลับมาพร้อมกับเครปในมือ


“ไหนล่ะข้าวมึง”


“นี่ไงครับ”


“เครป?  บ้านกูเรียกขนม”


“เหมือนๆกันแหละครับ”


“ไปซื้อข้าวมาแดกเลยนะมึง ถึงว่าตัวมึงเล็กเท่าตาตุ่ม”


“ผมไม่อยากทานข้าวนี่ครับ” ทำตัวอย่างกับเด็กห้าขวบ


“แต่มันสำคัญมึงต้องกินไอ้ลูกอม” เหอะ ส่วนกูก็เหมือนพ่อที่พยายามกล่อมให้ลูกกินข้าว


“...” มันไม่สนคำพูดผมครับ แดกเครปเย้ยกูอีก


“ไอ้ลูกอม”


“...”  ยังเฉยครับ


โอบ พี่บอกให้ไปซื้อข้าว” ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผลก็ต้องลองใช้ไม้อ่อน


“ก็ได้ครับ” ไอ้ลูกอมเบิ้กตาตกใจกับสรรพนามที่ผมใช้...ซึ่งผมก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน


 “อ้าว ไปสักทีสิรออะไร”


“ผมนึกไม่ออกว่าจะทานอะไรดี ที่นี่อะไรอร่อยครับ”  เอ้า ที่นี่หอมึงนะได้ข่าว


“งั้นเอานี่ไป” ผมเลื่อนจานข้าวมันไก่ย่างอีกจานที่ซื้อมาสองจานในตอนแรกให้กับไอ้ลูกอมที่นั่งทำหน้าเมื่อยกับการที่ต้องแดกข้าว   ..มึงนี่มันเด็กน้อยจริงๆ


“ขอบคุณครับ”


“ทำไมไม่ชอบกินข้าว ไหนมึงบอกแดกอาหารครบห้าหมู่ไงวะ” ผมจำได้มันเคยเถียงผมว่าถึงมันจะชอบแดกขนมหวาน แต่มันก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอและกินอาหารครบห้าหมู่และก็ดูแลช่องปากอย่างดีห่าเหวอะไรของมันนี่แหละ


“ก็ครบแต่ไม่ทุกมื้อครับ”


“ถุย”


“พี่! น้ำลายกระเด็นใส่จานผม”


“น้ำลายกูมึงก็เคยแดกมาแล้วหนิ” จำตอนสงครามแลกลิ้นด้วยลูกอมฮอลล์กันได้อยู่ใช่มั้ยครับ
แล้วเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ผมแดกฮอลล์ไม่ได้อีกเลย เพราะอะไรน่ะเหรอครับ อมฮอลล์แล้วหรรมแข็งเฉยเลย!


“...” นานๆทีจะเห็นมันเถียงไม่ออก  แล้วถ้าผมตาไม่ฝาดหน้ามันแดงครับ!


“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกูจะมากินข้าวกับมึงทุกเย็น กูจะเป็นผู้ดูแลกระเพราะมึงเอง”


“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลตัวเองได้”


“ดูแลตัวเองด้วยการแดกเครปแทนข้าวเย็นเนี่ยนะ”


“ก็ได้ครับ” เออให้มันว่าง่ายแบบนี้สิ















       สองอาทิตย์ผ่านไปที่ผมกินข้าวเย็นกับไอ้ลูกอมทุกเย็น และดูเหมือนว่าการกินข้าวเย็นด้วยกันจะกลายเป็นความเคยชินสำหรับผมไปเสียแล้ว และสำหรับไอ้ลูกอมก็คงไม่ต่างกันเพราะมันมักจะรอผมเสมอแม้วันนั้นผมจะบอกให้มันกินก่อนก็ตาม


“โทษที วันนี้แลปเลิกช้าความจริงมึงกินก่อนเลยก็ได้”


“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”


“กินไรดี?”


“แล้วแต่พี่กู๊ดเลยครับ”


“งั้นก็กินใต้หอมึงละกัน ตอนนี้กูแม่งหิวโคตรๆ”  หิวมากจริงๆเลยไม่อยากออกไปกินข้างนอกและไอ้ลูกอมมันก็คงหิวไม่ต่างจากผมเหมือนกัน เพราะมันหิ้วท้องรอผมตั้งสองชั่วโมง


ข้าวมันไก่ย่างไม่เอาน้ำจิ้ม คือสิ่งที่มันจะสั่งทุกครั้งเมื่อกินข้าวที่ใต้หอตัวเอง ไม่เคยจะลองอย่างอื่น ดูแล้วนิสัยของมันค่อนข้างจำเจ หรืออาจจะเรียกว่ายึดติดก็ได้มั้ง ไม่อย่างนั้นมันคงไม่อมลูกอมรสเดิมทุกๆวัน


“ไอ้ลูกอม/พี่กู๊ด..” เราสองคนต่างพูดขึ้นพร้อมกันพอดิบพอดี


“มึงพูดก่อนเลย”


“ไม่เป็นไรครับ พี่พูดก่อนเลย”


“พรุ่งนี้เย็นกูติดธุระ กูไม่ได้มากินข้าวด้วยนะ” พรุ่งนี้มีนัดพาพี่จ๋าไปดูหนัง หลังจากดูหนังก็คงไปกูเนื้อหนังของจริงกันต่อ ฮ่า
 
พี่จ๋าคือพี่สาวคัพอีที่ดิลกันที่ร้านพี่มด ก็วันเดียวกับวันที่พาไอ้ลูกอมไปมอมเหล้านั่นแหละครับ แต่แล้วผมก็ต้องชวดฟีทเจอริ่งกับพี่สาวคัพอีเมื่อหลานรหัสผมมันเมาสลบปลุกไม่ยอมตื่น แต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็แก้ตัวกับพี่จ๋าได้อย่างสมศักดิ์ศรีถึงขั้นที่พี่จ๋าต้องนอนเปลี้ยอยู่บนเตียงถึงครึ่งวัน   


“ครับ”


“แล้วมึงล่ะจะพูดอะไร”


“ไม่มีอะไรครับ” ปากบอกไม่มีแต่ทำหน้ามันหง่อยๆชอบกล


“แน่ใจนะ มีอะไรบอกกูได้”


“ไม่มีอะไรจริงๆครับ”  อืม ไม่มีก็ไม่มี














“อีกชั่วโมงกว่าหนังจะฉายไปหาอะไรกินก่อนดีมั้ยน้องกู๊ด”


“ได้ครับ ตามใจพี่จ๋าเลย”


“กินไรดีน๊า”


“กินผมมั้ย อร่อยน๊า” ผมกระซิบบอกอย่างเจ้าเล่ห์


“ดูหนังจบแล้วพี่จะกินเราให้เรียบเลยคอยดู” ยิ้มยั่วแบบนี้ยอมแล้วจ้า ยอมเปลือยกายให้กินทั้งตัวเลยจ๊ะพี่จ๋าาา


“งั้นกินตอนนี้เลยมั้ย ผมไม่อยากดูหนังละ” อารมณ์หื่มมาเต็มบอกเลย ยิ่งช่วงนี้ตกเย็นก็อยู่แต่กับหลานรหัสไม่ค่อยได้นัดสาวอย่างที่เคยทำ มันก็จะอารมณ์เปลี่ยวๆหน่อย


“ได้ไงล่ะซื้อตั๋วแล้ว ใจเย็นๆสิจ๊ะเรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกยาว”


“โอเคคร้าบบ   เลือกได้ยังครับว่าจะกินอะไร”


“ช่วงนี้กำลังไดเอท สเต็กปลาล่ะกันจ๊ะ”


“ครับผม”



   ก่อนถึงร้านสเต็ก สายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้มนุษย์เด็กที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำตาลกำลังนั่งแดกไอศกรีมด้วยใบหน้าที่ยิ้มปริ่มอยู่คนเดียวในร้านไอศกรีม
 
ผมไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าอมยิ้มของไอ้ลูกอมได้เลย สติของผมกลับมาเมื่อพี่จ๋าที่คล้องแขนผมอยู่ใช้นมถูแขนผมยิกๆ


“กู๊ด อยากกินไอติมเหรอ” เมื่อเห็นผมจ้องร้านไอศกรีมพี่จ๋าเลยถามขึ้น


“อ่อ ป่าวครับ พี่จ๋าจะกินสเต็กใช่มั้ยครับ งั้นเรารีบไปกันเถอะ”


“โอเคจ๊ะ”


สติของผมตอนนี้ไม่ได้อยู่กับพี่สาวคัพอีตรงหน้าเลยแม้แต่น้อยมันกลับไปอยู่กับไอ้เด็กแว่นที่นั่งกินไอศกรีมอยู่คนเดียว ถึงหน้ามันดูมีความสุข แต่มันดูเหงาชอบกล


“พี่จ๋าผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอโทษนะครับแล้วผมจะมาแก้ตัววันหลัง” ผมปล่อยให้หลานรหัสผมอยู่คนเดียวไม่ได้ว่ะ


“เดี๋ยวกู๊ดดดดด” พี่จ๋าได้แต่ตะโกนเรียกพร้อมกับสีหน้างุนงงสุดตีน





   เมื่อกลับไปที่ร้านไอศกรีม ไอ้ลูกอมก็หายตัวไปแล้วครับ  แม่งผมมาไม่ทัน พอกวาดสายตาไปรอบๆก็เห็นมันกำลังลงบันไดเลื่อนพอดิบพอดี   วิ่งตามสิครับรอไร
แล้วทำไมกูไม่โทรหามันวะ?  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน?!  ไอ้ห่าตัวเล็กเท่าตาตุ่มแต่เดินไวฉิบหาย เห็นหลังไวๆว่ามันกำลังเดินเข้า Tops

อย่าบอกนะว่ามึงจะซื้อลูกอม? 

แล้วก็เดาไม่ผิดจริงๆ นี่ถ้าเป็นหวยกูคงรวยเละ  ไอ้ลูกอมกำลังหยิบลูกอมยี่ห้อโปรดและช็อคโกแลตอีกหลายแท่งลงในตะกร้า 

แล้วทำไมผมต้องทำตัวเหมือนสตอล์คเกอร์ตามแอบดูไอ้ลูกมันด้วยวะ?!   ในขณะที่กำลังงงกับตัวเองอยู่ไอ้ลูกอมก็เดินผ่านมุมที่ผมหลบอยู่พอดี   ฉิบหายกูหลบไม่ทัน


“พี่กู๊ด มาซื้อของเหรอครับ” เมื่อเห็นผมมันจึงทักขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม


“ใช่ๆ มึงล่ะ” แล้วมันก็โชว์ของในตะกร้าให้ผมดู


“ผมได้ของครบแล้วขอตัวกลับก่อนนะครับ”


“เดี๋ยว  มึงกลับยังไง”


“รถแดงครับ”


“เดี๋ยวกูไปส่ง”


“ไม่เป็นไรครับ พี่ยังซื้อของไม่เสร็จ”


“เอ่อน่า กูไม่ซื้อแล้ว” ว่าแล้วผมก็คว้าข้อมือของเด็กแว่นไปยังเค้าเตอร์คิดเงินพร้อมกับจ่ายเงินให้เสร็จสรรพ
ป๋าจริงๆเลยกู เสียค่าตั๋วหนังไปฟรีๆและแทนที่จะได้เลี้ยงข้าวพี่สาวนมโตและไปกินนมกันต่อที่ห้องอย่างถึงอกถึงใจกลับกลายเป็นว่ากูได้มาเลี้ยงลูกอมเด็กน้อยแทน! 





“นี่ครับ ค่าลูกอมที่พี่จ่ายให้เมื่อกี้” เมื่ออยู่บนรถไอ้ลูกอมก็ควักเงินให้ผมทันที


“เก็บไว้แดกข้าวเหอะ”


“พี่ซื้อให้ผมหลายครั้งแล้วผมเกรงใจ” ว่าแล้วมันก็ยัดเงินมาในกระเป๋ากางเกงผมด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม  สัด!แต่กูดันมีอารณ์เฉยเลย  ไอ้ห่าเฉี่ยวไข่กูไปนิดเดียวนะมึง!


“แล้วนี่แดกไรมารึยัง”


“เมื่อกี้ผมเพิ่งทานไอศกรีม”


“ทำไมไม่ชวนกู หรือเพื่อนมึงวะไปนั่งกินคนเดียวไม่เหงาเหรอมึง”


“ก็เมื่อวานพี่บอกว่าเย็นนี้ไม่ว่างน่ีครับ แต่ไม่เป็นไรผมไม่เหงาชินแล้ว แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าผมไปนั่งทานคนเดียว”


“เอ่อ  ก็มึงไปซื้อของคนเดียวแสดงว่ามึงมาคนเดียวไง”  อย่าบอกนะว่าเรื่องที่จะพูดเมื่อวานแต่ไม่ยอมพูดออกมาคือจะชวนผมไปกินไอศกรีม โธ่เด็กน้อยเอ้ย..ถึงตอนเย็นกูไม่ว่างกูก็พามึงไปแดกตอนกลางวันก็ได้นี้หว่า



จากนั้นบทสนทนาก็เงียบลงมีเพียงเสียงเปิดถุงขนมจากคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ


“กินมั้ยครับ” จากนั้นมันก็ยื่นแท่งช็อคโกแลตที่กัดไปแล้วคำหนึ่งมาทางผม   ผมจึงกัดช็อกโกแล็ตแท่งนั้นตรงด้านที่มีรอยฟันของไอ้ลูกอมอย่างจงใจ


“หวาน แต่กูชอบ” ผมหันไปจ้องมันอย่างจริงจัง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มันหลบสายตาผม


“...” ไม่มีคำตอบจากคนข้างๆ แล้วมันก็งับช็อคโกแลตแท่งเดิมตรงรอยฟันของผมแทนที่มันจะงับอีกมุมหนึ่ง

การกระทำนั้นทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก..

จากนั้นเราก็ผลัดกันกัดคนละคำจนหมดคำสุดท้ายที่ผมพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในหัวใจ..ไอ้ความสุขเล็กๆนี้มันอะไรกันน้า ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นกับคนอย่างผมมาก่อน..




“หกโมงเย็นกูจะมารับมึงไปกินข้าวนะ” เมื่อมาถึงหน้าหอของไอ้ลูกอมผมจึงเอ่ยขึ้น


“แต่เมื่อวานพี่บอกว่าเย็นนี้พี่ไม่ว่างไงครับ”


“ก็ว่างแล้วไง”


“จริงๆพี่ไม่ต้องมาทานข้าวกับผมก็ได้นะครับ ผมว่าคงมีคนรอพี่อยู่”


“หมายความว่าไงวะ”


“จริงๆแล้วผมเห็นพี่กับแฟนที่ห้าง”


“กูยังไม่มีแฟน! นั่นพี่สาว” ทำไมกูต้องแก้ตัวด้วยวะ?


“เป็นพี่น้องที่สนิทกันดีนะครับเดินซบไหล่กันด้วย แล้วก็ไม่เห็นต้องทิ้งเธอแล้วแอบตามผมมา”


“มึงเห็น?”


“ก็พี่ตัวใหญ่อย่างกะหมีก็ต้องเห็นสิครับ” เอ่อนั้นน่ะสินะ กูได้ชื่อนี้มาเพราะตัวกูใหญ่เหมือนหมีนี่แหละ แม่ง


“ก็กูกลัวมึงเหงาเห็นนั่งแดกไอติมคนเดียว มึงเป็นหลานรหัสกูนะเว้ยกูก็ต้องเทคแคร์”


“ขอบคุณครับ แต่ผมโอเคที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว”


“พูดแบบนี้ คือมึงรำคาญกู?” สัด อารมณ์น้อยใจมาเลยกู


“เปล่าครับ ผมต่างหากที่กลัวพี่รำคาญบางทีผมก็ให้พี่ดูแลมากไป”


“กูไม่ได้รำคาญ กูเต็มใจ มึงคือน้องในสายรหัสกูฉะนั้นมึงไม่ต้องเกรงใจ” ใช่ เพราะมันคือหลานรหัส ไม่ได้มีความพิเศษเหนืออื่นใด?!


“พี่โก้โชคดีจังนะครับ ที่มีพี่รหัสอย่างพี่กู๊ดเลยทำให้ผมโชคดีไปด้วย”  แม่งหน้าไร้อารมณ์กูเลยไม่รู้ว่ามึงพูดด้วยอารมณ์ไหน?




ไม่ลงไม่รอมันละ พามันไปเลยละกันเพราะอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะหกโมงแล้ว


“แถวนี้มีร้านข้าวด้วยเหรอครับ” เมื่อจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่งไอ้ลูกอมก็ถามด้วยความสงสัย


“นี่บ้านไอ้พู่ วันนี้พวกมันนัดกันดูบอล มีข้าวให้แดกด้วย”


“อ้าวไหนมึงบอกมีเดทและคงลากยาวถึงเช้าไง” เมื่อเดินเข้ามาในบ้านไอ้พู่ก็ถามด้วยความสงสัยและคงแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นหลานรหัสของผมเดินตามเข้ามาด้วย


“กูเปลี่ยนใจกูอยากลากยาวกับเพื่อนมากกว่า”


“ใช่หราาา” เบื่อหน้าขี้เสือกของมันจังวะ


“มีไรให้แดก”


“ไอ้ดินทำข้าวซอยไก่ไว้ จะแดกก็เชิญบริการตัวเอง”


  น้ำข้าวซอยมันเผ็ดนี่หว่า แล้วไอ้แว่นข้างๆจะแดกได้มั้ยเนี่ย


“ข้าวซอยมันเผ็ด มึงจะแดกไรเดี๋ยวกูออกไปซื้อให้”


“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว”


“ไม่หิวก็ต้องแดก”


“ไอ้พู่กูยืมมอไซค์หน่อยดิ”


“จะไปไหนวะ”


“ซื้อข้าว”


“ก็ข้าวซอยไง ไม่แดก?”


“กูจะไปซื้อข้าวให้ไอ้ลูกอม มันแดกเผ็ดไม่ได้”


“ดูแลดี ใส่ใจและห่วงใย กูอยากมีลุงรหัสเหมือนมึงจังว้า” ประชดเก่ง ไอ้สัด


“แค่ผัวมึงคนเดียวก็เกินพอแล้วมั้ง”


“โอบ ข้าวผัดหมูกินได้มั้ย” แล้วไอ้ดินที่นั่งเงียบก็ถามขึ้น


“ได้ครับ”


“โอเคเดี๋ยวพี่ไปอุ่นมาให้ หมีมึงตามกูมา”


เมื่อตามมันเข้ามาในครัว มันก็ถามคำถามที่น่าแปลกใจขึ้นมาทันที


“ชอบน้องมันเหรอ”


“ตลกล่ะ”


“มึงใส่ใจ เป็นห่วงน้องมันซึ่งมึงไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน”


“ก็มันหลานรหัสกู”


“แล้วน้องรหัสมึงล่ะเคยใส่ใจแบบนี้มั้ย กูไม่เคยเห็นมึงพาไอ้โก้ไปแดกข้าวทุกเย็นแบบนี้เลย และมึงอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้โก้มันแดกเผ็ดได้รึป่าว”


“ก็ไอ้โก้แม่งแมนๆดูแลตัวเองได้ไง แต่ไอ้ลูกอมตัวเล็กเท่าเห็บหมาดูน่าเป็นห่วงมึงก็เห็น”


“ดูน่าเป็นห่วงมึงก็เลยห่วง”


“ก็ห่วง เพราะมันสายรหัสกูไง” มึงจะจี้กูไปถึงไหน


“มึงจะใช้คำว่าหลานรหัสหลอกตัวเองไปอีกนานแค่ไหน” หลอกตัวเอง ทำไมต้องหลอก?

‘ติ้ง’ ขอบคุณเสียงไมโครเวฟที่ดังช่วยชีวิตกูไว้ไม่งั้นกูโดนจี้จนพรุนแน่


“หึ หลอกใครก็หลอกได้นะแต่หลอกใจตัวเองไม่ได้นะมึง” กูว่ากูคุ้นกับประโยคนี้นะ  กูเคยพูดประโยคนี้กับไอ้พู่นี่หว่า

  ..แล้วมันวนมาหากูได้ยังไงกัน?!




ข้าวซอยไก่ที่ไอ้ดินทำแม่งอร่อยว่ะ ผมเลยซัดไปสามถ้วยแถมข้าวผัดที่ไอ้ลูกอมกินเหลืออีกครึ่งจาน

..กินข้าวอย่างกับแมวดม

จะว่าไปแล้วการกินของเหลือจากไอ้ลูกอมก็เป็นความเคยชินของผมเหมือนกัน เพราะมันกินข้าวเหลือทุกครั้งไอ้ผมที่เสียดายก็จัดการกินต่อซะเกลี้ยงอย่างที่ไม่เคยนึกรังเกียจสักนิด..


กินอิ่มได้สักพักไอ้ปูนกับพี่น้ำก็ตามมาสมทบพร้อมกับเครื่องดื่มสำหรับดูบอลในคืนนี้


“อะไรที่ทำให้ไอ้หมีเปลี่ยนใจจากพี่สาวเซ็กซี่ขยี้ใจมาเป็นเด็กน้อยหน้าใสแบบนี้ได้น้อ” เมื่อไอ้ปูนเห็นผมกับไอ้ลูกอมก็เอ่ยแซวทันที


“อะไรของมึง กูก็มาเชียร์บอลกับพวกมึงไง”


“ก็เมื่อวานมึงปฏิเสธทันทีที่พวกกูชวนเลยนี่หว่าว่ามีนัดกับพี่จ๊ะจ๋าสุดสะบึ้มอ่ะ”


“ก็แค่ไปกูหนังนี่ก็ดูเสร็จแล้ว ว่างแล้วก็มาหาพวกมึงนี่ไง” หึ กูโกหก นึกแล้วก็เสียดายค่าตั๋วหนังฉิบหาย ที่นั่งHoneymoon seat ซะด้วยสิ


“แล้วทำไมถึงมากับหลานรหัสสุดที่รักของมึงได้ล่ะ” สุดที่รักห่าไรล่ะ ถ้าพี่น้ำไม่นั่งแดกข้าวซอยอยู่ตรงนี้กูดีดปากมึงแตกไปแล้วไอ้ห่าปูน


“ตอนเย็นกูต้องพามันไปกินข้าวไง ก็เลยพามาด้วยซะเลย” จะซักอะไรนักหนาพวกมึงเป็นแฟ้บกันรึไงฮะ


“น้องโอบมากินเค้กกัน นี่ถ้าพี่รู้ว่าเรามาด้วยจะเอามาเผื่อเยอะๆเลย” เมื่อได้ยินคำว่า เค้ก หน้าเรียบเฉยของมันก็อมยิ้มขึ้นมาทันที  ไอ้เด็กน้ำตาลเอ้ย




บอลคู่แรกเตะหนึ่งทุ่ม แต่คู่หลักที่เรารอดูคือคู่สี่ทุ่ม แมนยูทีมรักเจอกับทีมเมืองหลวงอย่างเชลซี

เรานั่งดูนั่งดื่มกันไปเรื่อยๆ ส่วนไอ้ลูกอมผู้ไม่อินกับเกมส์ลูกหนัง หนีไปเล่นกับพวกเจ้าเหมียวที่พากันนอนกลิ้งอยู่บนโซฟา 
ดูๆแล้วก็เหมาะกันดีผมว่าไอ้ลูกอมก็เหมือนแมวนิ่งๆหยิ่งๆ แต่พอได้ของเล่นที่ถูกใจความดี้ด้าก็จะมาทันทีเหมือนเวลาที่ได้กินลูกอมหรือขนมหวานที่ถูกใจหน้าก็จะดีด้ามีความสุขขึ้นมาทันตา


อีกครึ่งชั่วโมงบอลคู่ที่รอคอยก็ใกล้จะเตะ ด้วยความที่กลัวว่าหลานรหัสจะเบื่อและคงง่วงเต็มแก่เพราะสี่ทุ่มเป็นเวลานอนของไอ้เด็กอนามัย จึงเดินไปดูซะหน่อยว่ากำลังทำอะไรอยู่กับพวกเจ้าเหมียวทั้งสามตัว

 
  นอนขดกับแมวบนโซฟา  ..สัด น่ารักฉิบหาย 

น่ารักงั้นเหรอ?! ไม่น่าเชื่อคำว่าน่ารักจะมีผลต่อหัวใจผม ทั้งที่ผ่านมาคำนี้ทำอะไรกับใจผมไม่ได้เลย


“มึงง่วงแล้วเดี๋ยวกูไปส่งมึงที่หอ” ผมสะกิดบ่าคนตัวเล็กเบาๆ จากนั้นมันก็ขยี้ตาเบาๆก่อนจะหยิบแว่นสายตาที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาสวม

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นตอนที่มันไม่สวมแว่นตา จะว่าไงดี ผมว่าดวงตาเรียวเล็กของมันดูคมสวยและมันดูลงตัวเมื่ออยู่บนใบหน้าเรียวเล็ก ยิ่งไร้กรอบแว่นบดบังมันยิ่งน่ามอง และคงจะน่ามองยิ่งขึ้นถ้ามันยิ้มสักนิด


สี่ทุ่มบอลกำลังเริ่มเตะ ผมก็ขอตัวพาไอ้ลูกอมที่ตอนนี้กำลังตาปรือสุดๆมาส่งที่หอก่อน และแน่นอนพวกผองเพื่อนผู้น่ารักก็พากันเอ่ยแซวว่าหลานรหัสผมนั้นสำคัญยิ่งกว่าพี่สาวคัพอี และแมนยูทีมโปรดที่ผมไม่เคยพลาดเชียร์สักนัด
 
..ก็เด็กมันง่วง บอลเดี๋ยวครึ่งหลังค่อยกลับมาเชียร์ก็ได้นี่หว่า



   ส่งไอ้ลูกอมเสร็จก็กลับไปเชียร์บอลที่บ้านไอ้พู่อีกครั้ง แต่ในระหว่างทางกลับกลิ่นของไอ้ลูกอมที่ยังอบอวลอยู่ในรถ..กลิ่นคาราเมลของมันทำให้หัวใจผมสับสนว่าแท้จริงแล้วที่ผมดูแลและใส่ใจไอ้ลูกอมนั้นเพียงเพราะมันเป็นแค่หลานรหัสของผมเท่านั้นจริงๆเหรอ?



  อ่านต่อด้านล่างค่ะ     


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0





     ผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ไปดูบอลบ้านไอ้พู่หลังจากในวันนั้นการกินข้าวเย็นของผมกับไอ้ลูกอมก็ยังดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งวันนี้วันที่ผมนั่งกินข้าวเย็นคนเดียว..

เมื่อกลางวันไอ้ลูกอมโทรมาบอกว่าตอนเย็นไปกินเลี้ยงวันเกิดของรูมเมทที่ร้านนมจึงอยู่กินข้าวเย็นกับผมไม่ได้  ซึ่งผมก็ยินดีครับที่มันมีเพื่อนและได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนบ้าง..แต่ผมกลับไม่ชิน มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง


หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จด้วยใจที่เหงาแปลกๆ ก็มีสายตรงจากพี่จ๋าเจ้าเก่าเจ้าเดิมต่อสายมาว่า คิดถึง และอยากเจอ เพราะหลังจากวันที่ผมทิ้งพี่แกให้ดูหนังคนเดียวเราก็ยังไม่ได้เจอกันเลย  ผมจึงตกลงทันทีที่จะไปหาเพราะความเหงาที่เกิดขึ้นในใจ..

ในขณะที่รถกำลังติดไฟแดง  ผมก็เห็นไอ้ลูกอมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ผู้ชายหน้าแบดบอยคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จักแต่คาดว่าน่าจะเป็นรูมเมทของมันขับผ่านไปอีกฝั่งหนึ่ง  ที่ผมจำมันได้ในทันทีว่าเป็นไอ้ลูกอมก็เพราะหมวกกันน็อคลายไฟของพี่ตู้นี่แหละ   ถ้าไปอยู่อีกสี่แยกนึงกูก็ยังเห็นอ่ะ แม่งเด่นฉิบหาย  ส่วนไอ้ลูกอมมึงก็กล้าใส่!

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ไอ้ลูกอมมันยิ้มครับดูมีความสุข แถมยังกอดเอวไอ้หน้าแบดบอยซะแน่น!
แล้วความหงุดหงิดก็ปะทุขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก..แต่ก็ช่างแม่งใครจะสนในเมื่อมันจะไปกินนม ผมก็จะไปกินนมเหมือนกัน นมสดๆจากเต้า ฮ่า






เคาะประตูห้องไม่นาน พี่สาวคัพอีก็เปิดประตูให้อย่างเชื้อเชิญด้วยชุดซีทรูสีดำสุดบางเบา


“วันนี้พี่ไม่ยอมให้เบี้ยวแล้วนะ” จบคำเอ่ยกระซิบที่ข้างหูจากนั้นพี่แกก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงจัดการกินผมก่อนด้วยความหิวกระหายและช่ำชอง    แม่งเซ็กซี่ได้ใจเป็นบ้า

ผมก็ตอบโต้ด้วยความหิวกระหายเช่นกัน  กำลังนัวเนียกันได้ที่  แต่แล้วภาพรอยยิ้มของไอ้ลูกอมที่นั่งกอดเอวซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กับไอ้หน้าแบดบอยก็ผุดเข้ามาในหัว..หมดกันหรรมกูไม่แข็งครับ!



“ขอโทษครับสงสัยช่วงนี้นอนน้อย”


“ไม่เป็นไรจ๊ะ” ปากพี่มึงบอกไม่เป็นไรแต่หน้าแม่งเซ็งเป็ดสุดขีด   ไอ้สัดกูก็เซ็ง แม่งกูเป็นห่าไรวะ??


เดินหรรมหดออกจากห้องพี่จ๋าสติตอนนี้บอกผมว่า  มึงต้องไปที่ร้านนม
 
แม่งขอไปดูหน้าไอ้คนที่มันทำให้ผมหรรมหดสักหน่อยว่าตอนนี้มันกำลังทำหน้าตาแบบไหนกัน
 
..หึ แป้นแล้นมีความสุขเชียวนะมึง





ผมนั่งหลบมุมอยู่ในร้านนมที่คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษา สั่งนมเย็นมาย้อมใจที่ไม่ได้ดูดนมจากเต้าเพราะหรรมไม่แข็งพร้อมกับเฝ้าสังเกตการณ์ไอ้ลูกอมอย่างเงียบๆ  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผมทำไปทำไม?

ไอ้ลูกอมมันไม่ได้มากับไอ้หน้าแบดบอยแค่สองคนแต่ยังมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกับผู้ชายที่หน้าเนิร์ดพอๆกับมันอีกสองคน จากนั้นไม่นานก็มีผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่ดูแล้วแม่งเท่ฉิบหาย เดินถือเค้กที่ปักเทียนเป็นตัวเลขบงบอกอายุเจ้าของวันเกิดได้อย่างชัดเจนมาวางไว้ตรงหน้าไอ้หน้าแบดบอย ซึ่งก็คงจะเป็นรูมเมทของไอ้ลูกอมมันจริงๆเพราะมันบอกผมว่า มาเลี้ยงวันเกิดของรูมเมท


หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงก็มีการเคลื่อนไหว ทุกคนพากันแยกย้ายกันกลับ ซึ่งไอ้ลูกอมก็กลับกับรูมเมทของมันตามเดิม และในจังหวะที่กำลังข้ามถนนไอ้หน้าแบดบอยก็จูงมือไอ้ลูกอมข้ามถนนไปด้วยกัน..


..ไม่ใช่ผมแค่คนเดียวสินะที่สามารถมีสิทธิ์ห่วงและดูแลมันได้


   วินาทีนั้นผมรู้ซึ้งในทันทีว่าผมโคตรห่วงและหวง ไม่ใช่ในฐานะลุงรหัส แต่ในฐานะผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง

ไอ้ดินพูดถูกผมให้คำว่าหลานรหัสมาเป็นข้ออ้างในการหลอกตัวเองที่จะได้ใกล้ชิดกับหลานรหัสตัวเองมาตลอด

ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มชอบมันตั้งแต่ตอนไหน หรืออาจจะตั้งแต่ตอนที่ผมจูบกับมันแล้วก็ได้..

มันคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะเปิดใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวใจตอนนี้สักที..ไอ้ลูกอมกูชอบมึง และมึงต้องรู้!








   โรงอาหารใต้หอหกชายถ้าวันไหนผมเลิกเรียนช้าเราก็จะฝากท้องไว้ที่นี่


“โทษทีวันนี้แลปเลิกช้าตามเคย  หิวมากมั้ยวะ”


“ไม่เป็นไรครับ ผมทานเค้กรองท้องไว้แล้วนิดหน่อย”


“หืมม มึงออกไปซื้อเค้กมาเหรอวะ”


“ป่าวครับ ไปป์ชื้อมาฝาก”


“ไปป์?”


“รูมเมทผมเองครับ” ไอ้หน้าแบดบอย? ชักจะดูแลดีเกินหน้าที่ของรูมเมทละนะ


“เมื่อวานเป็นไง สนุกมั้ย”


“สนุกดีครับ เค้กวันเกิดอร่อยมาก” หึ กูเห็น ตอนมึงตักเค้กเข้าปากอมยิ้มไม่หยุด


“โอบ” อ่า แล้วไอ้หน้าแบดบอยหรือไอ้ไปป์ ก็เดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่มันคงคิดว่าเท่  สัด เท่ตายล่ะ


“ว่าไงไปป์”


“วันนี้ไปป์กลับบ้านกับปิ๊งนะ นอนคนเดียวก็ล็อคห้องให้ดีด้วยล่ะ  อ่ะแล้วก็นี่ไปป์เห็นมันเหลือกระป๋องเดียวเมื่อกี้ไปเซเว่นมาเลยซื้อมาเผื่อ” นมตราหมีที่หุ้มด้วยกระดาษสีเหลืองหนึ่งแพ็คถูกวางลงบนโต๊ะ นมที่ไอ้ลูกอมมันต้องแดกก่อนนอนทุกคืน


“ขอบคุณมากน้า เดี๋ยวโอบคืนเงินให้นะ”


“ไม่เป็นไรๆ ถือว่าเป็นค่าที่ช่วยติวอิ้งให้ไปป์ละกัน เรากลับบ้านก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน”


“โอเค ขับรถดีๆนะไปป์”


“ครับผม”


“รูมเมทมึงเหรอ สนิทกันดีนะ” หน้าแม่งก็แบดบอยแต่เรียกแทนกันด้วยชื่อเนี่ยนะ หน้าหมั่นไส้ชะมัด!


“ครับ ไปป์นิสัยดี”


“มันกำลังจีบมึงอยู่รึป่าว”


“จีบ?”


“ก็มันทำดีกับมึง มันต้องหวังผลอะไรแน่ๆ”


“แต่ไปป์มีแฟนแล้วนะครับ คนนั้นไงปิ๊งแฟนไปป์” แล้วมันก็ชี้ไปที่ผู้หญิงคนนึงที่นั่งอยู่ใต้หอ..ผู้หญิงที่ถือเค้กเมื่อวาน

       
“...” อ่า หน้าแหกเลยกู แต่ก็โล่งใจที่ไร้คู่แข่ง


“ที่ไปป์ดีกับผมเขาบอกว่าผมเหมือนน้องชายของเขา  แล้วที่พี่ดูแลผมล่ะครับ แสดงว่าพี่หวังผลด้วยเหรอ?”  ใช่กูหวัง


“ก็มึงหลานรหัสกู ผิดตรงไหนที่กูจะดูแล”


“แล้วถ้าผมไม่ใช่หลานรหัสล่ะครับ พี่กู๊ดจะดูแลผมมั้ย”


“ดูแลสิ” ผมตอบด้วยความมั่นใจ


“ในฐานะอะไรครับ  รุ่นน้องในคณะ?”


“ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง”


“...”


“ฟังนะไอ้ลูกอม กู ชอบ มึง” สารภาพต่อหน้าข้าวมันไก่ย่าง  โรแมนติกสุดๆ! แต่เอาเหอะจังหวะมันได้แล้วนี่หว่า


“พี่กู๊ด” เสียงที่เปล่งออกมานั้นช่างเบาหวิวพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง


“กูชอบมึงในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่อยากจะดูแลผู้ชายตัวเล็กๆอย่างมึง หลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวกูมาก่อนมันทำให้กูสับสนนั้นก็เพราะมึง”


“...”


“มึงคือคนแรกที่กูสารภาพความในใจ และถ้ามึงใจตรงกับกูมึงก็จะเป็นแฟนคนแรกของกูเพราะที่ผ่านมากูไม่เคยคิดจะจริงจังกับใคร แต่กับมึงกูคิดที่จะจริงจังจริงๆ”


“...”


“ว่าไง สนใจอยากจะเป็นคนแรกของกูมั้ย แถมมีลูกอมให้แดกฟรีตลอดชีวิตด้วย” เป็นไงข้อเสนอแม่งโคตรเร้าใจ


“ฮ่าๆ” สัด ขำ?


“...”


“ไม่เอาลูกอมฮอลล์นะครับ”


“พูดแบบนี้หมายความว่ามึง..”


“นอกจากคนในครอบครัว พี่คือคนแรกที่ห่วงใยผม

พี่คือคนแรกที่บ่นผมเรื่องที่ผมชอบทานขนมหวานแต่สุดท้ายพี่ก็พาผมไปซื้อและก็ยังซื้อมาให้ผมอยู่ดี

พี่คือคนแรกที่บังคับผมทานข้าวเย็นได้สำเร็จ

และผมก็มีความสุขที่ได้นั่งทานข้าวกับพี่ทุกเย็น

แบบนี้เขาเรียกว่าใจตรงกันรึป่าวครับ”

ไอ้ลูกผมก้มหน้าพูดไม่กล้าเงยหน้ามาสบตาผมและประโยคสุดท้ายมันก็เคยหน้าขึ้นมาสบตาผมและยิ้มให้ผมอย่างจริงใจ ..มันเป็นรอยยิ้มที่ผมชอบเป็นรอยยิ้มที่คอยเฝ้ามอง..หรือมันก็คือรอยยิ้มที่ผมตามหามาตลอด..






     ความรักคืออะไร สำหรับผมแล้วก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน น่าแปลกนะครับไอ้ลูกอมมันคือสิ่งตรงข้ามที่ผมปฏิเสธมาตลอด ไม่รู้เหมือนว่าทำไมสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ผมชอบถึงเข้ามาอยู่ในหัวใจผมได้

ความรักเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ เพราะคนที่ไม่เคยคิดจะมีความรักและไม่คิดจะจริงจังกับใครกลับมีความคิดอยากจะดูแลใครสักคนและมีคนให้คอยห่วงใย  คิดอยากจะหยุดความเหลวไหลของตัวเอง   คิดอยากจะจริงจังกับความรักกับใครสักคนขึ้นมา และคนๆนั้นก็คือคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า..โอบบุญ


หรือแท้จริงแล้วความรักก็คือใครสักคนที่เข้ามาในชีวิตเราและหัวใจของเราจะเป็นตัวบอกเองว่าคนๆนั้นคือ ความรักของเรา  และหัวใจของผมก็บอกว่า โอบบุญคือความรักของผม..และเป็นลูกอมของหมี







  TBC.

..........................................................................

บทนี้เป็นโซโล่เดี่ยวของหมี สุดท้ายหมีก็กลืนน้ำลายตัวเอง  ฮ่า
บทหน้าจะเป็นบทสุดท้ายของ Love me Love my cat แล้วนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านกันค่ะ^^



ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

บทที่ 22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ)


       วันนี้เป็นวันที่ผมตื่นเต้นสุดๆ ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนลุ้นผลสอบเข้ามหา’ลัยซะอีก..มันเกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอครับ ก็วันนี้ครอบครัวของไอ้ดินมาเยี่ยมครอบครัวของผมถึงที่เชียงใหม่


ณ บ้านใหญ่

“อาหารที่แม่หนูพู่ทำอร่อยมากๆค่ะ ถ้าไม่รบกวนแม่อยากจะขอสูตรไปทำกินเองที่โคราชบ้าง”


“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวเราแอดไลน์กันแล้วแม่หนูดินอยากได้เมนูไหนถามมาได้ตลอดเวลาเลยค่ะ แม่ว่างคุยทั้งวัน”  เอิ่ม..แม่หนูพู่และแม่หนูดินต่างพูดคุยถูกคอประหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาแต่ชาติปางก่อน


..ส่วนพ่อนั้น


“พ่อหนูดินอยากได้ภาพวาดหรืองานปั้นชิ้นไหนเลือกกลับไปได้เลยนะครับ”  พ่อก็เอากับเขาด้วยเว้ย เขินปากกันบ้างมั้ยเนี่ยคุณพ่อคุณแม่..หนูเขินเว้ยยยยย


“เกรงใจครับ พ่ออุดหนุนดีกว่า”


“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นของขวัญที่ครอบครัวของเราพบกัน พ่อหนูดินเลือกงานที่ชอบได้เลยครับไม่ต้องเกรงใจ”


“ขอบคุณครับ งั้นพ่อขอภาพทิวสนที่หนูน้ำวาดนะครับ” หนูน้ำ! เอิ่ม..คุณพ่อครับช่วยดูเหง้าหน้าหนูน้ำด้วยครับผมยาวเคราดกซะขนาดนี้ ไอ้นี่มันแพะภูเขาชัดๆ


“ยินดีครับ ภาพนั้นมันรอเจ้าของของมันมานานแล้วครับ” ไอ้หนูน้ำตอบด้วยความเต็มใจพร้อมกับยัดกุ้งของโปรดเข้าปาก


“ไว้พ่อจะส่งองุ่นกับผักมาให้อีกหลายๆเข่งเลยนะครับ” เอ่อ เกรงว่าจะแดกไม่หมดครับ เท่านี้ก็เยอะมากพอแล้วไม่รู้ว่าจะกินทันกันหรือเปล่า ก็ไอ้ดินบอกที่บ้านมันว่าแม่ผมชอบทำกับข้าวส่วนพ่อก็ชอบปลูกต้นไม้ ของอภินันทนาการจากบ้านสวนรักษ์ดินจึงเป็นองุ่นและผักหลายเข่งให้แม่ผมไว้ทำอาหารพร้อมกับต้นไม้หลายสายพันธุ์ที่อัดแน่นมาเต็มรถตู้ให้พ่อผมได้ปลูก บ้านใหญ่ที่ใกล้จะเหมือนป่าเข้าไปทุกทีคราวนี้ได้เป็นป่าของจริงแน่ๆ


“เอ่อ..แม่มีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะขอจากแม่และพ่อของหนูพู่ค่ะ คือว่าแม่อยากจะสู่ขอให้หนูไปเป็นสัตวแพทย์ประจำฟาร์มเมื่อหนูพู่เรียนจบ” สู่ขอ!


“เรื่องนี้แล้วแต่เจ้าตัวเลยค่ะ พ่อกับแม่ไม่ขัดถ้าเจ้าตัวเขาอยากไป” แม่หันไปสบตาพ่อก่อนจะหันมาสบตาผมพร้อมรอยยิ้ม


“หนูพู่ว่ายังไงจ๊ะ”


“เอ่อ..ผมยังเรียนไม่จบนะครับ”


“ถ้าอย่างนั้นถือว่าแม่จองไว้ก่อน เอาเป็นว่าหนูพู่เรียนจบเมื่อไหร่ค่อยให้คำตอบแม่เนาะ”


“ครับคุณแม่” แล้วผมจะตอบอะไรได้เล่า..โธ่
   
 
   มื้ออาหารดำเนินไปเรื่อยๆผู้ใหญ่พูดคุยกันถูกคอครื้นเครง ส่วนลูกๆก็กินไปยิ้มไปด้วยความเขินแปลกๆ
สู่ขอให้ไปเป็นสัตวแพทย์ประจำฟาร์มมันก็แค่ข้ออ้าง แต่ทุกคนรู้ความหมายที่ลึกซึ้งว่า ‘สู่ขอ’ ที่ว่าหมายถึงอะไร ส่วนไอ้ดินก็จับมือผมไว้ใต้โต๊ะไม่ยอมปล่อยพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่รู้ดีใจอะไรนักหนา


“ยิ้มอะไร” ผมกระซิบถามเบาๆ


“ดีใจ จะได้เมียเป็นตัวเป็นตน”


“เดี๊ยะ” เมียบ้าบออะไรกัน แล้วทำไมกูต้องหน้าร้อนด้วยล่ะเนี่ย


   การพบกันครั้งแรกของทั้งสองครอบครัวผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พ่อแม่ของไอ้ดินขอตัวกลับโรงแรมเพื่อเตรียมตัวขึ้นดอยในวันรุ่งขึ้น เป็นทริปครบรอบแต่งงานของเขาล่ะ ส่วนผมและไอ้ดินก็ขอตัวกลับบ้านเล็กทาสอย่างพวกเราไปไหนนานๆไม่ได้ต้องกลับไปเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำให้เจ้านายทั้งสามตัวที่บ้าน






     



     ร้านโต๊ะกลมในวันหวยออกเนืองแน่นไปด้วยผู้คนไม่ใช่ถูกหวยหรือถูกหวยแดกแต่อย่างใดแต่เพราะเจ้าของร้านแม่งอินดี้มีดนตรีสดให้ฟังแค่เดือนละสองครั้งนั้นคือวันหวยออก ตอนนี้ที่ร้านจึงเต็มไปด้วยแฟนคลับเด็กแนวของวง'จิปาถะ'    

วันนี้พวกเราอยู่กันครบองค์ประชุมทั้งแก๊งเชียงใหม่และแก๊งโคราช ที่หน้าสลอนกันครบก็เพราะไอ้หมีย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องมากันให้ครบเพราะมันจะเปิดตัวแฟนคนแรกของมันอย่างเป็นทางการ..แต่ก็นะพวกผมก็รู้อยู่แล้วแหละว่าแฟนของมันคือใคร..ก็เล่นตัวติดกับหลานรหัสของมันยิ่งกว่าเห็บหมาใครไม่รู้ก็ง่าวแล้ว


“ไหนวะแฟนมึง” ไอ้สมใจกวนตีนถามทันทีเมื่อไอ้หมีเดินจูงมือมากับเด็กลูกอมที่พยายามแงะมือไอ้หมีออกด้วยความเขิน


“เออ มึงบอกว่าพวกกูเคยเจอ พี่จ๋าเหรอวะแต่ทำไมกูเห็นมึงอยู่กับเด็กแว่นนี่บ่อยจังวะ แล้วไปจับมือน้องมันทำไมหลานรหัสนะไม่ใช่ลูก” ไอ้นพร่ายยาวเป็นชุด


“สัด นี่แหละเมียกู”


“จริง!” ตกใจแบบตอแหลได้พร้อมเพรียงกันมาก


“สาบานว่าพวกมึงไม่รู้” ไอ้หมีกรอกตาพร้อมกับชูมือที่จับมือกับเด็กลูกอมขึ้นมาโชว์


“ก็มึงชอบนมบึ้มๆไม่ใช่เหรอวะ เด็กแว่นแม่งมีนมซะที่ไหน” ไอ้นพยังไม่หยุดกวนประสาท


“ก็ชอบ แต่นมแบนๆก็เร้าใจไปอีกแบบ”


“พี่กู๊ด!” เด็กลูกอมหน้าแดงแปร๊ด


“เอ้าก็จริง ไม่เชื่อถามไอ้ดิน” ไอ้ดินที่นั่งนิ่งเสือกบ้าจี้ตาม พยักหน้ารับซะงั้นพร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ผม


“ก็นะ แต่มึงไม่ชอบแนวน่ารักนี่หว่า” ผมอดที่จะแซะบ้างไม่ได้


“อย่าชมว่าน่ารัก”


“ก็เห็นๆอยู่ว่าน้องมันน่ารักอ่ะ”


“สัด กูชมได้คนเดียว!”


“หวงเก่ง อาการหนักนะมึง”


“พอๆ เซ้าซี้สัด นี่แหละแฟนกูโอบบุญจบนะ”


“จบจ้า”


     ความรักเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ สรุปแล้วแฟนคนแรกของไอ้หมีผู้ไม่เคยคิดจะจริงจังกับใครกลับกลายเป็นผู้ชายตัวเล็กๆที่ตรงข้ามกับสเปคที่มันชอบโดยสิ้นเชิง รุ่นพี่สาวคัพอีสุดเซ็กซี่กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องสุดเนิร์ด ไม่มีหน้าอกตู้มๆอย่างที่มันชอบมีแต่ความน่ารักที่ไอ้หมีไม่เคยจะหวั่นไหว แต่ครั้งนี้มันดันตกหลุมที่มันไม่ชอบเข้าอย่างจังจนโงหัวไม่ขึ้นยอมเป็นทาสเด็กน้อยผู้คลั่งน้ำตาลคนนี้โดยสดุดี


“ว่าแต่มึงเหอะพ่อแม่ผัวมาเยี่ยมหนิ เป็นไงบ้างวะ” ไอ้หมีจบประเด็นของมันแล้วพุ่งมาที่ประเด็นของผมบ้าง แต่ให้ตายไม่ชินกับคำว่าผัวทุกทีสิน่า


“ก็ดี ผู้ใหญ่เขาก็เข้ากันได้ดี”


“แว่วๆมาว่ามาสู่ขอ” ผมรีบหันมองหน้าไอ้ดินทันที แว่วจากมึงสินะ


“ขอให้ไปทำงานด้วยต่างหากล่ะ สู่ขออะไรเล่า” ใครจะตอบตรงๆได้วะ แม่งเขินว่ะ


“หราาา”


“แบบนี้มึงก็ต้องย้ายไปโคราชอ่ะดิ  แล้วมึงจะไปป่ะ” ไอ้ปูนถามด้วยรอยยิ้มเขิน จะเขินแทนกูทำไมเนี่ย


“ก็ไปสิ งานมารอทั้งที”


“หรา กูนึกว่าอยากอยู่กับผัว” ไอ้หมีสวนกลับทันที


“ก็อยากสิ ก็เหมือนมึงอยากอยู่กับเมียมึงนั่นแหละ” แน่นอนว่าผมต้องอยากอยู่กับไอ้ดินอยู่แล้วและผมเชื่อเลยว่าถ้าไอ้หมีเรียบจบมันยังอยู่เชียงใหม่ต่อแน่ๆ  ส่วนคนที่ผมต้องย้ายไปอยู่ด้วยในอนาคตยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งไปแล้วจ้า


มันไม่เกี่ยวหรอกว่าผมต้องย้ายไปโคราชหรือไอ้ดินต้องย้ายมาเชียงใหม่ มันขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาต่างหาก ในเมื่อมีงานรอผมอยู่ที่นั่นรวมทั้งคนที่ผมรักและพ่อแม่ของผมก็ไม่ขัดข้อง ไม่ต้องเสียเวลาคิดคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว..ว่าผมตกลง



“นี่กูอยู่ร้านเหล้าหรือร้านเค้กวะ”ไอ้สมปองพูดขึ้นเมื่อไอ้ปูนและเด็กลูกอมช่วยกันหยิบเค้กออกจากถุงมาเรียงบนโต๊ะ แล้วนั่งจ้องกันตาแป๋วว่าจะกินชิ้นไหนก่อนดี สมแล้วที่เป็นพี่น้องนอกไส้ผู้คลั่งน้ำตาล


“เอาน่า เด็กมันชอบ” ไอ้หมีรีบออกตัวแทนแฟนทันที ทุกคนได้แต่มองหน้ากันตาเหลือก หมีเปลี๊ยนไป๋!  เท่านั้นไม่พอมันยังทำให้พวกผมอึ้งอีกหน


“หนูดื่มอะไรดีครับ” พรวด!


“ไอ้ห่า พวกมึงเล่นสงกรานกันหรือไง”


“มึงสิ หนูเหี้ยไร” ผมสวนกลับทันทีด้วยสีหน้าอึ้งแดก


“อะไร ทีไอ้ดินยังเรียกมึงว่าดอกไม้เลย เข้ากับเหง้าหน้ามึงมะ”


“ออกจะสวย” คนที่นั่งเงียบสวนขึ้นทันควัน  เอ่อ..มึงไม่ต้องพูดก็ได้ไอ้ดิน กูก็เขินเป็นมะ


“ของมึงอีกพี่น้ำยังเรียกมึงว่าไอติมวนิลาห่าไรไม่รู้” ไอ้ปูนที่นั่งจ้วงเค้กเข้าไปถึงกับสำลัก


“แค่กๆ  พี่น้ำอยากกินไอติมวนิลาเหอะ”


“ใช่ครับ ตอนนี้พี่ก็อยากกิน” ไอ้พี่น้ำเดินมาที่โต๊ะพอดีพูดด้วยแววตากรุ้มกริ่ม


“นี่ครับ ไอ้ปูนตักเค้กให้คำโต”


“ไม่ใช่เค้ก  ไอติมวนิลาต่างหากครับถ้าได้กินจะเป็นกำลังใจที่ดีมากก่อนร้องเพลง”


“ตอนนี้ได้ที่ไหนเล่า!” ไอ้ปูนแหวขึ้นพร้อมกับอาการหูแดง พร้อมกับยัดเค้กเข้าปากไอ้พี่น้ำก่อนจะอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา “กลับบ้านแล้วค่อยว่ากันนะครับ”


“น่ารักที่สุด” ไอ้พี่น้ำใช้นิ้วปาดครีมที่เลอะมุมปากของไอ้ปูนก่อนจะดูดนิ้วตัวเอง “ทดแทนด้วยเค้กส้มไปก่อนเนอะ” คนที่นั่งแดกเค้กถึงกับต้องวางช้อนแล้วหยิบเค้กทั้งชิ้นยัดเข้าปากตัวเองแก้เขิน



..เออเนาะ ความรักทำให้คนเป็นบ้า แต่เราก็ยอมบ้า..เพื่อที่จะได้รัก









   วันเสาร์เป็นวันที่ผมทำตัวขี้เกียจได้มากที่สุด สิบโมงแล้วผมยังนอนขดอยู่บนที่นอนเปิดแอร์เย็นฉ่ำซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆพร้อมกับเจ้าเหมียวทั้งสามตัวที่นอนหงายพุงอยู่บนเตียง


“หิวยังดอกไม้” ไอ้ดินที่สวมผ้ากันเปื้อนเปิดประตูเข้ามาถามด้วยสีหน้าอ่อนโยน อืม..ชอบจัง


“ยางงงง  ว่าแต่มีไรกินอ่ะ”


“ข้าวผัดไข่  นี่ก็สายแล้วนะกินข้าวก่อนมั้ยแล้วค่อยมานอนต่อ”


“ขอนอนต่ออีกแปปนึงนะ”


“เดี๋ยวกระเพาะก็ถามหาหรอก งั้นกินกูรองท้องก่อนมั้ย” สายตาแม่งโคตรเจ้าเล่ห์


“มะเหงกสิ”


“เดี๋ยวคืนนี้ก็ได้กิน ไม่รอดแน่ดอกไม้”


“ลุกแล้วๆ กินก็ได้” ไอ้บ้า รู้หรอกน่าวันนี้วันเสาร์ เป็นวันที่..โชะกันได้


“กินกู?”


“ข้าวผัดไข่! รีบไปอุ่นมาให้กินเลย” 


“รับทราบครับ”



     ไอ้ดินที่สวมผ้ากันเปื้อนเป็นอะไรที่คุ้นตาสำหรับผม ถ้าวันหนึ่งมันไม่ทำกับข้าวให้ผมกินแล้วจะเป็นยังไงน้า ไม่อยากนึกเลย  ผมเดินไปกอดมันจากด้านหลังด้วยความรู้สึกวูบโหวงในใจ


“เป็นอะไร ฮึ” ไอ้ดินที่ยืนรอข้าวผัดที่อุ่นในไมโครเวฟสะดุ้งน้อยๆก่อนหันมาถาม


“เสร็จยัง หิวแล้ว”


“ใกล้แล้ว ไหนเมื่อกี้บอกไม่หิวไง มาอ้อนแบบนี้อยากได้อะไรเพิ่ม?”


“อยากได้มึง” ผมตอบเสียงอู้อี้ตรงแผ่นหลังของไอ้ดิน


“หืม” ไอ้ดินพลิกตัวแล้วอุ้มผมนั่งลงบนเค้าน์เตอร์ครัวโดยท้าวแขนคร่อมผมไว้แล้วมองหน้าผมด้วยความสงสัยปนอึ้ง


“อะไรเล่า” จ้องแบบนี้กูก็เขินดิ


“ดอกไม้นั่นแหละอะไรเล่า พูดจาแปลกๆ มีอะไรจะพูดรึเปล่า” รู้ทันอยู่เรื่อยสิน่า


“มึง..จะอยู่ทำกับข้าวให้กูตลอดป่ะ”


“แน่นอนสิ” มันตอบพร้อมกับลูบแก้มผมเบาๆ


“ถ้าเรียนจบแล้วมึงก็ต้องกลับโคราช..” มันต้องเรียนจบก่อนผมตั้งสองปี


“อื่อ ก็กลับพร้อมกันไง แม่สู่ขอแล้ว”


“เดี๋ยวกูยังไม่ได้ตกลง อีกอย่างจะกลับพร้อมกันได้ไงในเมื่อมึงเรียนจบก่อนกู”


“ก็จบพร้อมกัน”


“เดี๋ยวกูงง มึงจะดรอปเรียน?”


“เรียนต่อสิ”


“แน่ใจว่าจะจบสองปี”


“กูเก่ง” เชื่อว่าแม่งเก่งจริง


“ถึงเกินสองปีกูก็รอกลับพร้อมมึงอยู่ดี”


“สรุปว่าตกลงแล้วว่าจะไปโคราชด้วยกัน?” ก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่


“..ก็แม่ขอ”


“รักนะดอกไม้”


“อื่อ รักมึงเหมือนกัน”

   ติ้ง เสียงไมโครเวฟดังขึ้นแต่ก็ไม่สามารถผละริมฝีปากที่แนบชิดอ่อนโยนของเราออกจากกันได้
ข้าวผัดไข่น่ะอร่อยนะ แต่ปากไอ้ดินอร่อยกว่า


..บ้าบอความรัก





   การตัดเล็บให้แมวเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายไม่น้อยเมื่อเจ้าเหมียวไม่ยอมให้ความร่วมมือ

“เด็กดี ใกล้เสร็จแล้วครับ  โอ๋ๆ ไม่เจ็บๆ เสร็จแล้วเดี๋ยวให้กินขนมนะ” ไอ้ดินที่จับเจ้าเหมียวชบานอนหงายท้องอยู่บนตัก พูดปลอบประโลมต่างๆนาๆให้เจ้าเหมียวสมยอม ผมมองคนตัวโตผิวแทนที่ปกติชอบทำหน้านิ่งแต่เวลาอยู่กับเจ้าเหมียวหน้าตาก็จะดูอ่อนโยนราวกับคนละคน ซึ่งผมชอบนะผมว่ามันน่ามอง




ยังคงเฝ้าตามหาหนึ่งคนที่ฟ้าสร้างมาเพื่อกัน

คนที่จะบอกกับฉัน  ว่ารักแท้ยังเป็นเรื่องจริง

ขอแค่รู้ตอนนี้เธออยู่ไหน ฉันจะไปบอกรักให้ฟังใกล้ๆ

If you wanna hear that I love you รักษาเธอไว้ให้ดี

คนที่ฉันบอกรักคนสุดท้าย อยู่ไหนบนโลกใบนี้

แค่เพียงได้พบสักที Oh baby ฉันยอมไม่รักใครอีกแล้ว   


เพลงที่เปิดคลอเบาๆในแล็ปท็อปตามเพลย์ลิสต์ที่ตั้งไว้บรรจบมาที่เพลงนี้พอดี นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ฟังเพลงนี้ พอได้ฟังอีกครั้งความรู้สึกที่มีต่อเพลงนี้ก็เปลี่ยนไป..ใช่แล้วครับเพราะผมตามหาคนๆนั้นเจอแล้ว คนที่กำลังนั่งอยู่ในวงล้อมของเจ้าเหมียวทั้งสามตัวที่กำลังรอกินขนมอย่างใจจดใจจ่อสำหรับรางวัลที่ยอมตัดเล็บ

‘ไอ้ดิน’ คือคนนั้น คนที่ผมเฝ้าตามหา มันเกินความคาดหมายตรงที่มันเป็นผู้ชายเหมือนกับผมแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเราใจตรงกัน สุดท้ายมันก็คือความรัก 
มันดีแค่ไหนที่เรามีคนคอยบอกรัก แคร์เรา ใส่ใจเรา และพร้อมจับมือเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในอนาคตไม่มีใครคาดเดาได้แต่ผมมั่นใจว่าเราจะจับมือกันไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับความรักที่ผมตามหา


...และที่ใดในโลกของผมคือไอ้ดิน






.......... The end ..........



 
....................................................

กว่าจะมาต่อตอนจบได้ปาไปเป็นปี ในที่สุดก็จบสักที

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนมีข้อผิดพลาดมากมายต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

..ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริงค่ะ



ปล. ขอบคุณเพลงที่ใดในโลกอีกครั้งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนนิยายเรื่องนี้ค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=gBxB2y9J1ng
 

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หวานซึ้งไปอี๊กก อ่านรวดเดียว ฟิลกู๊ด หวานๆ ขำๆกับพวกพ้องเพื่อน และความน่ารักของพวกเจ้าแมวเหมียว จำปี จำปา
ชบา อยากเลี้ยงตามเลย 55555 สนุกกมากกกเลยค่ะ ชอบ ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาลงในนี้ให้ได้อ่านกัน รอตามงานต่อไปเลยค่ะ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด