++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5  (อ่าน 32190 ครั้ง)

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





Love me Love my Cat




บทนำ
บทที่1พู่กัน
บทที่2ชบา
บทที่3จูบนี้สำคัญไฉน
บทที่4พ่อบ้าน?
บทที่5ของขวัญ?
บทที่6 ปฏิบัติการตีเนียน!!
บทที่7 แค่เธอก็พอ!!
บทที่8 ยอมรับความจริงซะ!!
บทที่9 จริงๆแล้วผมก็ชอบเค้า!!
บทที่10 คำพูดง่ายๆ..
บทที่11 สีน้ำกับปูนใส
บทที่12 แฟนกัน..วันแรก!!
บทที่13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน..
บทที่14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?!
บทที่15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ!
บทที่16 มนต์รักน้ำเงี้ยว
บทที่17 ที่รัก..ผมขอโทษ
บทที่18 วิถีพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทอง!
บทที่19 ว่าด้วยเรื่องของหมี
บทที่20 ทูนหัวของดิน
บทที่21 ลูกอมของหมี
บทที่22 ที่ใดในโลก(ตอนจบ)




เรื่องอื่นๆ

Twitter - MA_LEE_01




บทนำ



จะมีสักกี่คนที่อกหักซ้ำๆโดยการโดนบอกเลิก แต่ไม่ขยาดกับการมีความรักสักที


ยังคงตามหาความรักที่พอดีและลงตัวกับใจเราอยู่ ผมคือคนนั้นครับ คนที่ถูกบอกเลิกรวมครั้งล่าสุดก็3 ครั้งได้ละครับ


สาเหตุที่ถูกบอกเลิกคือ ‘ผมดีเกินไป’ ผมรู้จริงๆผมไม่ได้ดีเกินไปหรอก


เพียงแต่ผมดีไม่พอสำหรับเธอคนนั้นต่างหาก หรือพูดง่ายๆคือเธอเจอคนที่ดีกว่าผม


คำว่าดีเกินไปคนพูดอาจจะคิดว่าเป็นคำบอกเลิกที่เจ็บน้อยสุด แต่จริงๆแล้วมันโคตรเจ็บมากเลยต่างหากละ!!


ยังคงเฝ้าตามหาหนึ่งคนที่ฟ้าสร้างมาเพื่อกัน

คนที่จะบอกกับฉัน  ว่ารักแท้ยังเป็นเรื่องจริง

ขอแค่รู้ตอนนี้เธออยู่ไหน ฉันจะไปบอกรักให้ฟังใกล้ๆ

If you wanna hear that I love you รักษาเธอไว้ให้ดี

คนที่ฉันบอกรักคนสุดท้าย อยู่ไหนบนโลกใบนี้

แค่เพียงได้พบสักที Oh baby ฉันยอมไม่รักใครอีกแล้ว   

         
   

 เพลงนี้คือเพลงที่ผมอินมากที่สุด ณ ตอนนี้ แล้วผมก็ฟังมันซ้ำๆ ไม่มีเบื่อ แต่พวกที่เบื่อคือเพื่อนผมเอง



“ไอ้พู่ มึงจะเปิดเพลงนี้แค่เพลงเดียวรึไง กูเบื่อ” ไอ้หมีนั่งอยู่บนรถผมเริ่มโวย ขณะที่เพลงนี้เปิดซ้ำมาเกือบ10รอบ


“เออ กูก็เบื่อ กูฟังเพลงนี้จนร้องตามได้ละเนี้ย!!” ไอ้ปูนบ่นสมทบตามไอ้หมี


“แต่กูไม่เบื่อ กูอิน” ผมพูดพร้อมทำหน้าไม่แคร์


“แต่กูไม่อิน กูมีเมียแล้วโว้ย!!”  พูดพร้อมกันซะด้วย ไอ้พวกไม่โสด


“แต่กูไม่มี กูอยากมีเมีย มึงเข้าใจมะ!! ”


“เรื่องแบบนี้ มันขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตโว้ย เดี๋ยวมึงก็เจอคนที่ใช่เองแหละ เดี๋ยวเขาก็มา ใจเย็นดิ ถือว่าช่วงนี้เป็นช่วงพักใจละกัน

มึงเพิ่งเลิกกับแฟนได้ไม่ถึง2เดือนเองนะโว้ย จะรีบไปไหน ไอ้ห่า” ไอ้หมีบ่น แล้วทำหน้าเอือมใส่กูอี๊ก!!


ใช่ซี๊...มึงมันคนมีคู่ จะไปเข้าใจอะไร!!



                เฮ้อ.....ได้แต่ถอนหายใจ!!

 

  *TBC*


............................................................................

สวัสดีค่ะ  ฝากนิยายเรื่องแรกด้วยนะค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องรักใสๆ ฟิวกู้ดๆ  หวังว่าจะถูกใจกันนะค่ะ^^


ปล. ขอขอบคุณเพลง ที่ใดในโลก ของ กฤษ กรกวรรษ ที่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการแต่งนิยายเรื่องนี้ด้วยค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=gBxB2y9J1ng

 :mew1:

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2019 22:03:34 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ ตอนที่1 30-11-2017
«ตอบ #1 เมื่อ30-11-2017 22:52:45 »

บทที่1 พู่กัน


ผมชื่อ พู่กัน หรือ นายทอศิลป์ ผมเรียนคณะสัตวแพทย์ชั้นปีที่2 ที่มหาวิทยาลัยที่จังหวัดเชียงใหม่

มีเพื่อนสนิทอยู่2คน คือ ไอ้ปูน และไอ้หมี  ผมและไอ้ปูนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยม  เราจบโรงเรียนเดียวกันมา

ส่วนไอ้หมีมาจากโคราช สนิทกันตอนปี1ครับ เราอยู่หอในด้วยกัน

จริงๆมันไม่ได้ชื่อหมีหรอกครับมันชื่อกู๊ด แต่ตัวมันใหญ่เหมือนหมี เพื่อนๆเลยเรียกว่าหมี



ดูจากชื่อผมแล้วเดาได้ไม่ยากเลยว่าพ่อกับแม่ผมทำอาชีพอะไร

พ่อผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านสอนศิลปะ แต่ไม่ใช่มหาลัยเดียวกันกับที่ผมเรียนนะ

ส่วนแม่ผมเป็นจิตกรที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

ผมเป็นคนเชียงใหม่ตั้งแต่กำเนิด มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อ พี่สีน้ำ หรือ นายรักษ์ศิลป์ อายุมากกว่าผม3ปี

ตอนนี้มันเรียนคณะวิจิตศิลป์ อยู่ปี5 ที่มหาลัยเดียวกัน มันเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นครับ ได้รับเลือดศิลปินมาเต็มๆ


แต่ผมก็วาดรูปเป็นนะรักในงานศิลปะเหมือนกัน  เพราะถูกปลูกฝังและโตมากับศิลปะตั้งแต่เด็ก

และอีกสิ่งหนึ่งที่โตมาด้วยกันคือ พวกสัตว์เลี้ยง   ตั้งแต่จำความได้บ้านผมเต็มไปด้วยน้องหมา และน้องแมวหลายตัว

บ่อปลาที่มีปลาคราฟมากกว่า10ตัว   กระต่ายขนปุกปุยหลายตัวในกรงใหญ่ที่อยู่หลังบ้าน


ซึ่งสิ่งเหล่านี้ปลูกฝังให้ผมเป็นคนรักสัตว์ นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกเรียนสัตวแพทย์

โชคดีที่ครอบครัวผมไม่เคยบังคับ อยากเรียนอะไรก็ได้ตามใจ ขอให้พวกผมมีความสุขกับสิ่งที่รักก็พอ




พักเที่ยงที่โรงอาหารกลาง คนจะเยอะไปไหน มาถึงรีบมองหาที่วางก่อนเป็นอันดับแรก เจอปุ๊บโยนกระเป๋าจองก่อนเลย


“แดกไรพวกมึง แมร่งคนเยอะชิบหาย”  ไอ้หมีทั้งถามทั้งบ่น



“กูแดกข้าวขาหมู เอาด้วยป่ะ”  ไอ้ปูนหันมาถามขณะที่วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้



“งั้นกูแดกเหมือนมึง เดี๋ยวกูนั้งเฝ้าโต๊ะให้” ผมว่าขณะนั่งลงบนเก้าอี้



“โอเค รับทราบ” พร้อมทำท่าตะเบ๊ะ แบบทหาร



“กูแดกก๋วยเตี๋ยวดีกว่า อยากกินเส้น ไม่เอาหรอกข้าวขาหมู อ้วน ” ไอ้หมีมันพูดจบ พวกผมได้แต่ทำหน้าเอือม


ไม่นานไอ้ปูนก็เดินกลับมาพร้อมกับข้าวขาหมู2จาน



“มึงเอาน้ำไร เดี๋ยวกูไปซื้อ” ผมอาสาบ้าง



“เหมือนมึงละกัน” พวกผมมักจะเป็นแบบนี้ครับกินอะไรคล้ายกัน จริงๆคือขี้เกียจคิด แล้วก็ไม่เสียเวลาด้วย


สั่งเหมือนกันทีเดียวง่ายดี   


ผมเดินกลับมาพร้อมชามะนาว 3แก้ว เผื่อไอ้หมีมันด้วยโดยไม่ต้องถามมัน ไอ้นี้มันแดกได้ทุกอย่างแหละครับ



“อ่ะนี่ ชามะนาว”



“แต๊ง เพื่อน”  ไอ้ปูนพูด แต่ไอ้หมีไม่สน โซ้ยก๋วยเตี๋ยวเอาเป็นเอาตาย นี่มึงตายอดตายอยากมาจากไหนเนี้ย!!



“ไหนมึงบอกไม่แดกข้าวขาหมู เพราะมันจะอ้วนไง นี่มึงแดก2 อย่างเลยนะเนี้ย”  ผมพูดพร้อมส่งสายตาด่ามันครับ..มันซื้อมาทั้ง

ก๋วยเตี๋ยวและข้าวขาหมู



“เออน่า คนกำลังโต” โตบ้านมึงสิ โตกว่านี้ก็ช้างละ จากหมีจะกลายเป็นช้างเข้าสักวัน


ไอ้นี้มันสายแดกจริงๆครับกินได้ไม่หยุด ปากนี่ไม่เคยหยุดเคี้ยว สายแดกไม่พอ สายขี้อีกต่างหาก


กินเส็ดไม่เกิน3ชั่วโมงก็จะขี้แตก พูดง่ายๆคือเป็นพวกต่อตรงกินปุ๊บขี้ปั๊บ



“แดกเยอะเดี๋ยวก็ขี้แตกอีก คาบบ่ายแลคเชอร์ยาวซะด้วย” ไอ้ปูนว่า



“เออ กูอั้นได้น่า”



“อั้นห่าไร กูขี้เกียจนั่งดมตดมึงทั้งคาบนะโว้ย”  ผมบ่น



“ตอนเรียนมึงไปนั้งไกลๆพวกกูเลยนะ ไอ้ตัวปล่อยมลพิษ”



“เอาน่า ดมตดกู ดีกว่าดมกลิ่นบุหรี่ ปอดไม่เสีย”



“ไอ้ควาย!!” ผมกับไอ้ปูนประสานเสียงด่ามันพร้อมกัน



“ฮ่าๆๆๆ” มันหัวเราะชอบใจเสียงดัง  จัญไรจริงๆเพื่อนผม



พวกเราเลิกเรียนตอนบ่ายสามครึ่ง นัดกันว่าหลังเรียนเส็ดพวกเราจะไปหาซื้อพวกของใช้ส่วนตัวที่ห้างกัน


เราถึงห้างกันตอน4โมง เดินเลือกซื้อของกันไปเรื่อยๆ



“มึงว่า โฟมล้างหน้ายี่ห้อนี้จะใช้ดีมั้ยวะ”   ไอ้ปูนหยิบโฟมล้างหน้าหลอดนั้นขึ้นมาแล้วถามผม



“กูก็ไม่รู้ว่ะยี่ห้อนี้ไม่เคยใช้  ยี่ห้อเดิมใช้ไม่ดีเหรอวะ ”



“ก็ดีนะ แต่อยากลองเปลี่ยนดูบ้าง”



“งั้นก็ตามใจมึง ว่าแต่ไอ้หมีมันหายไปไหน” ผมซึ่งสังเกตเห็นว่าไอ้หมีมันหายไปสักพักละ



“เห็นมันเดินไปคุยโทรศัพท์ทางนู้น เดี๋ยวคงมา”



พวกผมเดินซื้อของต่อ พวกสบู่ ยาสีฟัน ไม่นานไอ้หมีก็เดินกลับมา



“ไอ้พู่ มึงอยากเลี้ยงแมวเพิ่มอีกสักตัวป่ะ พอดีเมื่อกี้เพื่อนกูโทรมา มันเจอแมวถูกทิ้งแถวหอมัน ที่หอเขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง

มันเลยอยากหาคนรับเลี้ยง  มันเลยโทรหากูเผื่อกูช่วยมันได้ ”



“ก็เลี้ยงได้นะ ก็ไม่ได้ลำบากอะไร” ผมเป็นคนรักสัตว์ โดยเฉพาะแมวเห็นไม่ได้เลยใจอ่อนทุกที มันน่ารักโดยเฉพาะเวลามัน

อ้อนยิ่งน่ารักเข้าไปอีก



“โอเค เดี๋ยวกูโทรบอกมันก่อน” แล้วมันก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนมันอีกสักพัก



“พรุ่งนี้ 5โมงเย็น ไปรับแมวกันที่หอเพื่อนกู โอเคนะ ”



“โอเค” ผมรับคำ


โดยไม่คิดเลยว่า คำว่า โอเค ในวันนี้ จะทำให้ชีวิตรักของผมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และเป็นรักที่ไม่เหมือนครั้งไหนๆที่ผ่านมา


ไม่เหมือนเลยจริงๆ!!





*TBC*


................................................................

สวัสดีค่ะ ตอนที่1มาแล้ววววว
เกริ่นๆก่อนว่าพู่กัน เป็นใครมาจากไหน
เดี๋ยวตอนหน้า พระเอก (เอ๊ะ หรือว่านายเองน๊า ให้เดากันเอาเองก่อน) จะเปิดตัวแล้วน๊า
หวังว่าจะถูกใจกันนะค่ะ  ขอบคุณมากค่ะที่หลงเข้ามาอ่านกัน เอ๊ะ!! ยังไง ฮ่า ฮ่า
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ   จุฟ^^ 

 :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2017 23:52:11 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทนำ 30-11-2017
«ตอบ #2 เมื่อ01-12-2017 12:11:21 »

มีน้องเหมียวต้องน่ารักแน่เลย :mew3:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทนำ 30-11-2017
«ตอบ #3 เมื่อ02-12-2017 15:49:52 »

รออ่านจ้า

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทนำ 30-11-2017
«ตอบ #4 เมื่อ02-12-2017 16:14:09 »

ต่อสิต่อ นะๆๆ :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทนำ 30-11-2017
«ตอบ #5 เมื่อ04-12-2017 01:25:57 »

บทที่ 2 จะมาต่อวันอังคาร รอก่อนน๊า  :mew1:

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่2 04-12-2017
«ตอบ #6 เมื่อ04-12-2017 23:39:34 »

บทที่2 ชบา




     
  5โมงเย็นพวกเรากำลังเดินทางไปรับแมว ที่หอเพื่อนไอ้หมีกันครับ  ซึ่งอยู่แถวหลังมอ ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่

ครอบครัวผมมีบ้านอยู่2หลัง หลังที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นบ้านให้เช่ามาก่อน  แต่พอผมเข้าเรียนมหาลัยก็ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ซึ่งอยู่

ใกล้กับมหาลัย เราจะเรียกบ้านหลังนี้ว่าบ้านเล็ก เพราะเป็นบ้านชั้นเดียว สีขาวล้วนสไตล์คอทเทจ
 
ส่วนอีกหลังนึงเราจะเรียกว่าบ้านใหญ่  อยู่ที่อำเภอสันกำแพงเป็นบ้าน2ชั้นสไตล์ล้านนาประยุกต์
 
เป็นบ้านที่ตอนนี้พ่อกับแม่อาศัยอยู่ที่นั้นเพราะมีพื้นที่กว้างกว่า  เหมาะกับการทำงานศิปละของพวกท่าน
 
ส่วนพี่เฟรมมันก็ไปๆมาๆ นอนบ้านใหญ่บ้าง บ้านเล็กบ้าง แล้วแต่อารมณ์ศิลปินของมัน...


        ซึ่งบ้านเล็กผมเลี้ยงแมวสีขาวล้วนไว้สองตัว ที่เหมือนกันอย่างกับแฝด ชื่อจำปี กับจำปา
 
เหตุผลที่ชื่อเป็นดอกไม้เพราะ แม่ของเจ้าเหมียวทั้งสองตัว ชื่อมะลิ เป็นแมวเปอร์เซียสีขาวล้วน ตัวอ้วนขนฟูยาว

จำปีกับจำปาเป็นลูกครึ่งแมวเปอร์เซียกับแมวไทย ขนจึงสั้นเหมือนแมวไทยแต่ฟูกว่าแมวไทยเล็กน้อย
 
โดยไม่รู้ว่าพ่อของเจ้าเหมียวทั้งสองตัว เป็นแมวของบ้านไหน  ที่มาแอบขโมยความซิงของมะลิไป..!!!


“ว่าแต่เพื่อนมึงนี่ใครวะ” ไอ้ปูนถาม จริงๆผมก็สงสัยนะ ว่าเพื่อนมันคนไหน


“ไอ้ดินไง เพื่อนกูที่มาจากโคราชเหมือนกัน” อ่อเคยได้ยินมันเล่าเหมือนกันครับ ว่ามีเพื่อนสนิทที่มาจากโคราชด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยเจอกันสักที


“กูว่าจะพามาหาพวกมึงหลายทีละ แต่ก็ไม่เคยว่างตรงกัน เลยไม่ได้เจอกันสักที ”

จากนั้นไม่นาน พวกผมก็มาถึงหน้าหอเพื่อนไอ้หมี


“เดี๋ยวกู ไลน์บอกมันแป๊ป”  ไอ้หมีพูดพร้อมกับก้มลงกดโทรศัพท์

พวกเราเลยนั้งรออยู่ม้าหินอ่อน ตรงบริเวณสวนหย่อมหน้าหอ

“เฮ้ย ทางนี้” ไอ้หมียกมือเรียกเพื่อนที่กำลังเดินมาทางพวกผม

  ...จะว่าไงดีละ เพิ่งรู้ว่าไอ้หมีมีเพื่อนที่หน้าตาดีขนาดนี้   เป็นผู้ชายที่ตัวสูงน่าจะสัก180 มันต้องชอบออกกำลังกายแน่ๆ

หุ่นโคตรจะดีอ่ะ เห็นแล้วอิจฉา  แล้วดูใบหน้านั้นสิทุกอย่างมันลงตัว คิ้วเข้ม ตาเรียวคม จมูกโด่งสวย ริมฝีปากได้รูปไม่บางไม่

หนาเกินไป ทุกอย่างมันดูลงตัวกับใบหน้าเรียวยาวนั้น ผิวก็ขาวเหลืองตามแบบคนเอเชียบ้านเรา แต่ติดจะคล้ำแดดนิดๆ
     
  ...เอาเป็นคำนิยามสั้นๆว่า โคตรเท่    พอเทียบกับไอ้หมีแล้ว นี่มันเจ้าชายกับอสูรชัดๆ


“ไอ้พู่  ไอ้พู่กัน!!”


“มึงจะแหกปากทำไมเนี้ย ไอ้หมี”


“ก็เรียกมึงไม่ตอบสักที ใจลอยเพื่อ!!”


“นี่เพื่อนกูไอ้ดิน  ส่วนนี้ไอ้พู่กับไอ้ปูน”  ไอ้หมีแนะนำพวกเรา


“หวัดดี ได้เจอกันสักทีไอ้หมีเล่าให้ฟังนานละ”  ไอ้ปูนพูดพร้อมยิ้มทักทาย


“หวัดดี ”  ผมยิ้มทักทาย


“หวัดดี” ไอ้ดินพูดพร้อมยกมือขึ้นทัก แต่หน้ามันนิ่งมาก...

               สงสัยตะคริวขึ้นหน้า !!


        ลูกแมวตัวน้อยสีดำ อายุประมาณสองเดือน นอนขดอยู่ในกล่อง ผมลูบหัวแมวตัวน้อยเบาๆ

มันลืมตาขึ้นมองจองหน้าผมนิ่ง  ตาของมันกลมโต สีเหลืองใส

“ไม่ต้องกลัวไปอยู่ด้วยกันนะเหมียวน้อย” เหมือนเจ้าแมวตัวน้อยจะรู้สึกได้ว่าผมเป็นมิตร  มันหลับตาพริ้มเมื่อผมเกาคางมันเบาๆ

 
“ว่าแต่จะตั้งชื่อว่าอะไรวะ”  ไอ้ปูนถามพร้อมกับเกาคางเหมียวน้อยไปด้วย


“แมวมึงมีแต่ชื่อดอกไม้ ลั่นทมดีไหม ให้ไปอยู่ตระกูลดอกไม้ด้วยกัน” ไอ้หมีเสนอ


“นี่มึงเอาอะไรคิด ไม่มงคลเลย แมวกูคงทุกข์ระทมไปทั้งชาติ”


“หน้าวัว   ชงโค   บานไม่รู้โรย”  ยังครับ มันยังไม่หยุดพล่าม


“ยัง”


“ยังไม่โอเคเหรอวะ”


“ยังไม่หยุดอีก มึงอ่ะ” ไอ้ปูนบ่นพร้อมส่ายหน้า


“ชื่อแต่ละดอกมึง มีแต่วัว กับโค มึงอยากให้แมวกูเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องรึไง”  บักงัวเอ้ย!!


“กูคิดมาแล้ว ชบาละกัน คล้องจองกันดี  จำปี จำปา ชบา ”


“ตรงไหน!!” พูดพร้อมกันเลยนะมึง  เพื่อนชั่ว!!


“เออน่า ดีกว่าบานไม่รู้โรยของมึงละกัน”  ชื่อแม่งจะยาวไปไหน


“เป็นเด็กดีนะ ชบา ไว้จะไปหาบ่อยๆนะ”  ไอ้ดินบุคคลที่เงียบมานานพูดพร้อมกับลูบหัวชบาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่

ละมุนเชียว ทีคุยกะเราทำหน้าอย่างกับอมตด..


“มองไร” มันถาม  ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอจ้องมัน


“เปล๊า..!!” ผมยักไหล่

จะให้บอกได้ไงว่าเผลอมองรอยยิ้มของมัน...แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไมผมต้องเผลอมองรอยยิ้มของผู้ชายด้วยละ!?!?


“ขอเบอร์หน่อย” ไอ้ดินพูดหน้านิ่งพร้อมกับยื่นมือถือมาให้ผม


“.....”


“จะเอาไว้ติดต่อกับชบา”   เดี๋ยวนะ นี่มึงคุยภาษาแมวได้ด้วยเหรอ!!

ขี้เกียจเถียงเลยกดๆเบอร์ให้มันไป

“ไอ้ดิน วันศุกร์นี้กลุ่มเพื่อนมัธยมเขานัดกัน ไปด้วยนะมึง” ไอ้หมีอยู่ๆก็ตะโกน ขึ้นมา  เสียงดังเพื่อ อยู่ใกล้กันแค่นี้!!


“ที่ไหน?”


“ร้านเดิม ไว้กูจะไลน์บอกอีกที” 


“งั้นพวกกูไปนะ” ไอ้ดินพยักหน้า   พร้อมกับลูบหัวชบาอีกครั้ง



        หลังจากไปส่งไอ้หมีกับไอ้ปูนที่หอเสร็จ  ก็กลับมาถึงบ้านเกือบ6โมงเย็น

พาชบาเข้าบ้านให้ทำความคุ้ยเคยกับสถานที่  และทำความคุ้นเคยกับเจ้าเหมียว2แสบ จำปี กับจำปา

“จำปี จำปา มาหาน้องเร็ว”  ผมเรียก2แสบเข้ามาหาชบา   

เจ้าเหมียว2ตัวค่อยๆดมชบาอย่างสนใจ  ส่วนชบาก็นอนหมอบนิ่งๆให้พี่ๆดม
 
ไม่นานนักเหมือนจะเริ่มคุ้นเคยกัน  ชบาก็นอนหงายท้องให้พี่ๆเลียขน
             
ตอนแรกนึกว่าชบาจะกลัวพี่ๆ  แล้วพวกพี่ๆก็จะขู่น้อง  เห็นเข้ากันดีแบบนี้ก็โล่งใจครับ

พวกเหมียวๆกินข้าวกันเสร็จก็พากันนอนกองกันอยู่ที่เบาะนอนสำหรับแมว
 
ก็ถึงเวลาที่ผมต้องหาอะไรมาใส่ท้องบ้าง ขากลับไม่ได้ซื้ออะไรมาด้วยสิเพราะต้องรีบพาชบากลับบ้าน

จะให้ออกไปซื้อข้าวตอนนี้ ก็ขี้เกียจออกไปละ

เปิดตู้เย็นดูก็พอจะมีพวกข้าวกล่องแช่แข็งที่เคยซื้อตุนไว้เหลืออยู่บ้าง หยิบมากล่องนึงมาอุ่นในไมโครเวฟ 

เทใส่จานถือมานั่งกินตรงโชฟาหน้าทีวี กินไปเรื่อยๆ ดูรายการในทีวีไปเรื่อยเปื่อย 

...อยู่ๆอารมณ์เหงาที่อยากมีใครสักคนก็เข้ามาในห้วงของความรู้สึกอีกครั้ง...เฮ้อ เมื่อไหร่ผมจะเจอใครคนนั้นสักทีนะ
 
คนที่ผ่านมาก็ไม่ใช่สักที แต่ผมยังมีหวังใช่ไหม? ผมคงไม่เกิดมาเพื่ออยู่เป็นโสดหรอกใช่ไหม?

       พระเจ้าคงไม่ใจร้ายกับผมหรอกเนอะ!!


เพ้อได้ไม่นาน ก็มีสายเรียกเข้าดึงสติให้ผมกลับมาอยู่กับปัจจุบัน

เบอร์แปลก ใครหว่า??


“ฮัลโหลครับ” ผมรับสาย


“.....” ปลายสายเงียบ


“ฮัลโหล” ผมตอบรับอีกครั้ง


“แมว....เป็นไงบ้าง”  แมว? กูชื่อพู่ ไม่ได้ชื่อแมว!!!


“เออ ไม่ทราบว่าใครพูด ครับ”


“ชบาน่ะ เป็นไงบ้าง”


“ดิน ?”


“เออ กูเอง   ชบาเป็นไงบางอยู่ได้รึป่าว”  ไอ้ดินถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนิ่ง เหมือนเดิม


“ก็โอเคนะ เข้ากับจำปี จำปา ได้ดี”


“ขอบคุณ ” 


“เรื่อง??” อะไรของมัน อยู่ดีๆก็ขอบคุณ


“ก็ขอบคุณที่รับเลี้ยงชบาไง”


“อ๋อ ไม่เป็นไร เต็มใจ” ผมตอบตามจริง  เราช่วยได้ก็ควรช่วย ถือว่าช่วยชีวิตสัตว์รวมโลกด้วยกัน

 ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆแต่ก็มีค่า ไม่รู้ว่าคนที่เอาสัตว์เลี้ยงไปทิ้งเขาคิดอะไรกันอยู่

มันมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้นะผมว่า จิตใจเขาทำด้วยอะไรถึงทิ้งสัตว์เหล่านั้นได้ลงคอ

หรือเป็นเพราะผมใจดีหรือจิตใจอ่อนไหวมากเกินไป!?!?


“พรุ่งนี้ตอนเย็น ว่างไหม”


“ไม่แน่ใจว่ะ  มึงมีไรรึป่าว”


“พรุ่งนี้จะเข้าไปหาที่บ้าน 6 โมงเย็น”


“เดี๋ยวๆ กูบอกไม่แน่ใจไงว่าจะว่างรึป่าว”


“จะ เข้า ไป หา ที่ บ้าน 6 โมง ” มันถอนหายใจ แล้วพูดเน้นอีกที  นี่มึงรู้จักคำว่ามารยาทไหมเนี่ย จะมาหาเขาแต่บังคับให้เขา

ต้องว่างเนี่ยนะ!!


“แล้วมึงจะมาบ้านกูทำไม”


“คิดถึง”


“.....”


“ชบา”  มึงจะเว้นวรรคเพื่อ!!  ใจกูกระตุกเลย


“เออ ตามใจมึง ถ้ามาแล้วไม่เจอก็อย่าโวยวายทีหลังล่ะ ”


“เจอกัน”  พูดเสร็จปุ๊ป ก็วางปั๊บ   เฮ้อ..เอากับมันสิ หน้านิ่งไม่พอ ไร้มารยาท แถมเผด็จการอีก 

รู้สึกว่าคุยกับมันแล้วเหนื่อยใจเหมือนกันนะเนี้ย...

       
                                   เพลียจิต !!



       
        6โมงเย็น ไม่ขาดไม่เกิน ไอ้ดินมากดกริ่งที่หน้าบ้าน พร้อมถือถุงพะรุงพะรัง จริงๆวันนี้มีนัดเตะบอลกับพวกไอ้ปูน

แต่ขี้เกียจก็เลยขอตัวกลับบ้านก่อน


“ไหนบอกไม่ว่าง”  เห็นหน้าปุ๊บก็บ่นปั๊บ


“กูบอกว่าอาจจะไม่ว่าง ไม่ได้บอกว่าไม่ว่าง” นี่มึงต้องให้กูแปลไทยเป็นไทยอีกรึไง


“เอ้านี้ ช่วยกูถือหน่อย เห็นป่ะเนี้ยว่าถือของเยอะแยะ ไม่มีน้ำใจ” เดี๋ยวๆ ตกลงว่ากูผิด อะไรของมันเนี่ย


“แล้วมึงซื้ออะไรมา เยอะแยะ”


“อาหารแมวไง เอามาให้ชบา ถือว่าช่วยๆกันเลี้ยง ไม่อยากเป็นภาระมึง”


“ก็บอกแล้วไงว่า เต็มใจ”


“ตามนั้น เป็นเจ้าของร่วมกัน จบนะ!!”  เออตามนั้น พูดไปก็เปล่าประโยชน์ แม่งพูดเองเออเอง ลืมไปว่ามันเผด็จการ


“เดี๋ยวนะ อาหารแมวน่ะเข้าใจ แต่ผักพวกนี้คือไร  แมวไม่แดกผักป่ะ”  มึงจะให้แมวเป็นมังสวิรัติ รึไง


“ป่าว นี่เอามาให้มึง”


“เพื่อ??”


“จะทำกับข้าวให้มึงกิน ถือว่าเลี้ยงขอบคุณ ที่รับเลี้ยงชบา”


“.....”  มึงถามกูรึยังว่ากูอยากกิน ถามไหมว่าบ้านกูพร้อมให้มึงทำกับข้าวรึป่าว แล้วมึงถามรึยังว่ากูอยากกินอะไร
 
มัดมือชกตลอดดดดด!!   นอกจากมันจะหน้านิ่งแล้ว มันยังมีความหน้ามึนอีกต่างหาก !!


“ไปสิ รออะไร พากูไปห้องครัวหน่อย”  ตกลงนี่บ้านใคร  เผด็จการอีกละ แล้วก็สั่งกูจัง...มึงเป็นฮิตเลอร์กลับชาติมาเกิดรึไง


“ถือของไปห้องครัวก่อนเลย กูขอเล่นกับพวกเหมียวๆก่อน เดี๋ยวตามเข้าไป” สั่งๆๆ กูเป็นเบ้มึงรึไง นี้มึงกำลังขอบคุณกูหรือมา

เป็นภาระกูเนี่ย
 
     บะฮ้าปันต๋าย!!  ขอด่ามันเป็นภาษาบ้านเกิดสักทีเหอะ  ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ !!


“มึงทำกับข้าวเป็นรึป่าว” มันเดินอุ้มชบาเข้ามา พร้อมถามผม


“พอทำได้  อย่าบอกนะว่ามึงทำไม่เป็น”


“อย่าโง่ดิ  ทำไม่เป็นแล้วจะซื้อของมาทำไม”  เอ้า ไอ้นี่ ปากเหรอนั้น ดีดปากแตกสักทีดีไหมเนี่ย..

นอกจาก เผด็จการ หน้านิ่ง หน้ามึนแล้ว ยังค้นพบอีกอย่างว่ามัน ปากเสีย!!


“ตกลงจะทำอะไรกินล่ะ” เริ่มโมโหละ ลีลาพูดมากอยู่ได้


“ผัดผักรวม กับแกงจืดเต้าหู้หมูสับละกัน  มึงกินผักรึป่าว” มันหันมาถามหลังจากว่าชบาลงที่พื่น


“แล้วถ้ากูบอก  กูไม่กินผักละ”

มันยักไหล่  “ก็ช่วยไม่ได้ กินไข่เจียวแทนละกัน”  ดูมันตอบ นี้จะทำกับข้าวเลี้ยงขอบคุณกูจริงๆใช่ไหม..ตอบ!!


“ดีจังเนาะ มาทำกับข้าวให้เขากิน แต่ไม่ถามสักคำว่าเขาชอบกินอะไร” ทำได้อย่างเดียวในตอนนี้ คือประชดมันครับ

 
“จริงๆ กูกินผักได้ ยกเว้นมะเขือเทศ กับผักบุ้ง กูแพ้ผักบุ้ง”


“กระแดะ!! มึงเป็นโรคดารารึไง กลัวหรือแพ้อะไรแปลกๆ” เอ้า ไม่เชื่อกูอีก จริงๆนะครับผมกินผักบุ้งทีไร ท้องเสียทุกที กินเข้าไป

ยังไงก็ออกมาแบบนั้นเลย จริงๆนะ!!


“ไม่เชื่อก็ตามใจ  ตกลงจะให้กูช่วยทำอะไรว่ามา” คุยกับมันนี่เสียเวลาจริงๆ


“ล้างผัก” พูดเสร็จมันก็หยิบสารพัดผักออกจากถุงมาให้ล้าง ดีหน่อยที่ไม่มีผักบุ้ง

จากนั้นมันก็จัดการหมักหมูสับ เพื่อปั้นเป็นก้อนใส่ในแกงจืด ดูมันคล่องแคล่วดี จากนั้นก็หั่นเนื้อหมูเพื่อใส่ในผัดผัก ดูสกิลการใช้

มีดมันมืออาชีพมาก มองแล้วก็เพลินดีครับ


“มองอยู่ได้  ล้างผักเสร็จรึยัง” 

“สะ..เสร็จแล้ว” สะดุดเลยกู เผลอมองมันอีกละ


“เสร็จแล้วก็ช่วยหั่นผักหน่อย  อ่ะ เอาแครอทไปหั่น หั่นเป็นรึป่าว? ”


“สบ๊ายยย” หั่นผักแค่นี้ธรรมดาครับ ผมทำกับข้าวเป็นครับเพราะช่วยแม่ทำกับข้าวบ่อยๆ แต่อาจจะไม่คล่องเท่าไอ้ดินมัน


“เสร็จแล้วหุงข้าวด้วยนะ..ที่บ้านมึงเครื่องครัวครบดีเนาะ ชอบทำกับข้าวเหรอ”  นี่ครั้งแรกเลยนะที่มันชวนคุยก่อน


“ก็ไม่เชิงอ่ะ ส่วนใหญ่จะทำพวกง่ายๆ เตาอบอะไรพวกนี้ไม่ค่อยได้ใช้หรอก ส่วนใหญ่แม่จะใช้มากกว่า

เวลาแม่มาหาแกชอบอบเค้กไว้ให้”  แม่ผมทำอาหารกับขนมเก่งมากครับ ที่บ้านใหญ่เราจะกินข้าวนอกบ้านน้อยมาก

ส่วนใหญ่จะทำกินเองมากกว่า แม่ชอบบอกว่าทำอาหารก็เหมือนทำงานศิลปะชิ้นนึง...อารมณ์ศิลปินมาเต็ม


“แล้วอยู่คนเดียวเหรอ ไอ้หมีบอกว่าพ่อกับแม่มึงอยู่บ้านอีกหลังนึง” มันยังถามต่อ


“พ่อกับแม่อยู่บ้านใหญ่  ที่สันกำแพง”


“บ้านใหญ่?”  มันทำหน้าสงสัย พร้อมกับคนแกงจืดในหม้อไปด้วย


“เราเรียกบ้านหลังนี้ว่าบ้านเล็ก  ส่วนบ้านที่สันกำแพงเรียกว่าบ้านใหญ่ เพราะหลังใหญ่กว่าและมีพื้นที่มากกว่า”  มันพยักหน้า

 พร้อมมองหน้าผมนิ่ง


“อะไร  มีอะไรติดหน้ากูรึป่าว”  สงสัยไง อยู่ๆมาจ้องหน้า

มันไม่ตอบ แต่กับก้มหน้าก้มตาหั่นเต้าหู้สำหรับใส่แกงจืด 

จริงๆผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ผักที่เหลือมันก็ก็จัดการหั่นเองหมด   มันใช้มีดเก่งจริง อันนี้ยอมรับ

ไม่นาน ผัดผักรวม กับแกงจืดเต้าหู้หมูสับก็เสร็จ  เรายกมาวางที่โต๊ะกินข้าว นั่งกินกันไปเรื่อยๆ เจ้าเหมียวสามตัว ได้กลิ่นอาหาร 

ก็มาคลอเคลียใกล้ๆ

“แง้ว” เสียงจำปาร้องพร้อมกับกระโดดขึ้นมาบนตักผม


“อะไร จำปา ไม่ต้องกระโดดขึ้นมาเลย ของหนูอยู่ตรงนู้นไปกินเลย”  พูดพร้อมจับเจ้าเหมียววางลงพื้น


“ตกลงจำปาเป็นแมว หรือ หนู”   กวนตีน!!


“แดกๆไปมึงอ่ะ พูดมาก”


“อ่ะ งั้นหนูก็แดกเยอะๆนะจ๊ะ จะได้โตไวๆ” มันพูดหน้านิ่ง พร้อมตักสารพัดผักใส่จานผม
 
ยัง...ยังไม่หยุดตักอีก ทั้ง แครอท ข้าวโพดอ่อน เห็ด ขึ้นฉ่าย บลาๆๆ มีแต่ผักเต็มจานผมไปหมด


“ไอ้ดิน กูขอหมู ใจคอจะให้กูแดกแต่ผักรึไง”


“ตักเองสิ”


“....”  กวนตีนกูป่ะเนี่ย


“มึงก็หยุดตักให้กูสักทีเซ่!!” ผมตอบเสียงดัง พร้อมทำหน้ามุ่ย


“โกรธเหรอ?  แค่ห่วง อยากให้มึงกินของที่มีประโยชน์” ยังคงคอนเซ็ปต์หน้านิ่งเหมือนเดิม


“แล้วหมูมันไม่มีประโยชน์ตรงไหน  แล้วมึงรู้ได้ไงว่าที่ผ่านมากูกินอะไรบ้าง มีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์”

มึงเป็น ริว จิตสัมผัส รึไง!!


แต่เดี๋ยวนะ... ก่อนหน้านี้มันพูดอะไรนะ  ห่วง งั้นเหรอ  ห่วงทำไม ห่วงเพื่อ?
 
 
                                  แล้วใจผมจะแกว่งเพื่อ!!

       

        และแล้วมื้อเย็นก็จบลง ด้วยการที่ผมกินผักไปเป็นกิโล!!!  ไอ้ดินอยู่เล่นกับเจ้าเหมียวทั้งสามต่ออีกสักพัก ก็ขอตัวกลับ

เฮ้อ...กลับสักที  ทำไมรู้สึกเหนื่อยเหมือนไปวิ่งมาสักร้อยรอบก็ไม่รู้ ผอมแน่ๆเลยกู...

                         (ก็ต้องผอมสิ ได้แดกแต่ผัก  ฮึม!!!)






*TBC*


______________________________________________


สวัสดีค่ะ  บอกว่าจะมาต่อวันอังคาร  แต่แอบมาก่อน อิอิ

และแล้วพระเอกของเราก็มา

ยังไงขอฝาก น้องพู่กัน กับน้องดิน ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจคนอ่านทุกๆท่านด้วยนะค่ะ ^^

เจอกันอังคารหน้าค่ะ  จุฟฟฟ

 :mew1:

ปล. มีใครแพ้ผักบุ้งเหมือนน้องพู่บ้างเอ่ย  น้องไม่ได้กระแดะจริงๆนะ.. :mew6:






 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2017 17:41:11 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 3 (11-12-2017)
«ตอบ #7 เมื่อ11-12-2017 22:58:42 »

บทที่ 3 จูบนี้สำคัญไฉน



       
         วันศุกร์แห่งชาติ  ร้านเหล้าแถวมหา’ลัย คลาล่ำไปด้วยผู้คน ‘ร้านโต๊ะกลม’ ก็เช่นกัน

ร้านโต๊ะกลมเป็นร้านของพี่มด ที่ตัวไม่มดสมชื่อ เป็นผู้ชายตัวโต เครางาม ผมยาวสลวย

พี่มดเป็นรุ่นพี่ที่คณะของพี่สีน้ำ แกเรียนจบปุ๊บ ก็เปิดร้านปั๊บ

ร้านของพี่มด รีโนเวทมาจากบ้านไม้สองชั้นสีขาว ซึ่งเป็นบ้านของแกเองที่ได้รับมรดกมาจากยาย

เดิมทีเป็นเซฟเฮาส์ของเด็กสาขาจิตรกรรม ที่มักจะมาสิงสถิตทำงานศิลปะกันที่นี่ ไอ้พี่น้ำก็เป็นหนึ่งในนั้น 

จริงๆแล้วตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นะ เพียงแต่เหลือแค่ชั้นสองเท่านั้นที่เอาไว้ทำงานศิลปะ
 
ส่วนชั้นล่างก็เปิดเป็นร้านเหล้า

ร้านพี่มดเป็นร้านเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ เหมาะแก่การแฮงค์เอ้าท์ นั่งชิลล์ๆ

ในร้านจะเต็มไปด้วยงานศิลปะ ทั้งของแกเองและของรุ่นน้อง คือใครอยากแสดงงานศิลปะก็สามรถนำผลงานมาแสดงได้

ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของร้าน  และเอกลักษณ์อีกอย่างของร้านคือ ร้านนี้ไม่มีเด็กเสิร์ฟ

ลูกค้าต้องบริการตัวเอง โดยสั่งเครื่องดื่มที่เค้าเตอร์บาร์ จ่ายตัง รับของ แล้วถือไปที่โต๊ะด้วยตัวเอง

แต่บางทีก็จะมีพวกรุ่นน้องของแกที่มาสิงสถิตทำงานที่ชั้นบนมาช่วยบ้าง และอีกอย่างร้านพี่มดไม่มีกับข้าวหรือกับแกล้ม

ดีสุดมีแค่ถั่วทอดที่ทำเป็นถุง ถุงละ20บาท วางขายอยู่ที่เค้าเตอร์ ถ้าอยากกินอย่างอื่นก็ซื้อเข้ามากินเองได้
 
ที่ร้านจะมีถ้วยจานบริการ ถือเป็นเสน่ห์ของร้าน

และร้านนี้ไม่ได้มีดนตรีสดทุกวัน จะมีแค่เดือนละสองครั้ง คือวันหวยออก
 
จะเป็นวงของรุ่นน้อง หรือไม่แกก็ร้องเอง  .....ติสแตกดีมั้ยล่ะร้านนี้ !!

ด้วยที่รู้จักกับเจ้าของร้าน และบรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง  ร้านโต๊ะกลมจึงเป็นร้านประจำของพวกผม
 

“พี่มด หวัดดี”  ผมกับไอ้ปูนยกมือไหว้ทักทาย พี่มดที่ยืนอยู่ด้านหลังเค้าเตอร์


“เอ้า หวัดดีไอ้พู่ น้องปูน”  พี่มดทักพวกผมขณะที่กำลังเช็ดแก้วเบียร์


“โห่พี่ สองมาตรฐานอ่ะ  ผมก็น้องพี่นะไม่เห็นเรียกผมว่าน้องพู่บ้างเลย ” ผมแกล้งทำหน้ามุ่ย


“แหม่ ไอ้ห่าพู่ดูตัวมึงหน่อย มึงไม่เหมาะกับคำว่าน้องหรอก  มันต้องแบบน้องปูนนี่ตัวเล็กน่ารัก เหมาะกับคำว่าน้อง ” พี่มดพูด

พร้อมส่ายหน้า


“โธ่พี่มด ชอบบอกว่าผมน่ารักอยู่เรื่อย ผมเป็นผู้ชายก็ต้องบอกว่าผมหล่อดิ”  ไอ้ปูนบ่นหน้ามุ่ย...

ไอ้ปูนมันเหมาะกับคำว่าน่ารักจริงๆนั้นแหละครับ เป็นผู้ชายตัวเล็กสูงประมาณ 168ซม. หน้าตามันน่ารัก ตากลมโต ผิวขาวใส

ถ้าจับมันใส่วิกผมยาวคงโคตรโมเอะอ่ะ  ส่วนผมก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายหรอกถ้าเทียบกับพี่มด หรือไอ้หมี ผมสูง177ซม. 

แต่ก็ถือว่าสูงกว่าไอ้ปูนอ่ะนะ!!

พี่มดยิ้มพร้อมส่ายหน้า “ไม่จริงอ่ะ ใครๆก็ชมว่าน้องปูนน่ารัก ใช่มั้ยไอ้น้ำ!!”

แล้วอยู่ๆก็หันไปถามพี่สีน้ำที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านหลังเค้าเตอร์


“จริงอะไรของพี่?”  ไอ้พี่น้ำทำหน้างง


“ก็น้องปูนไง  ตัวเล็กน่ารักเหมาะกับคำว่าน้อง มากกว่าคำว่าไอ้นำหน้า”


“อืม น่ารัก” ไอ้พี่น้ำมันตอบพร้อมทำหน้ายิ้มใส่ไอ้ปูน


“....”  ไอ้ปูนเบิกตากว้าง


“แล้วน้องละ น้องพู่กันไม่น่ารักเหรอพี่สีน้ำ”  ผมเขย่าแขนมันพร้อมแกล้งทำหน้าอ้อน


“ขนลุกไอ้พู่ หนังหน้ามึงอ่ะน่ารักอยู่หรอก แต่จะให้เรียกน้องพู่กูเรียกไม่ได้อ่ะ กระดากปาก!!” ไอ้พี่ชั่ว

ตอนเด็กๆยังเรียกกูน้องอยู่เลย  แต่เอาจริงๆก็น่าขนลุกอยู่หรอกถ้าจะให้มันเรียกน้องพู่ แบบนี้แหละดีแล้ว...


“พอเหอะพี่ หยุดคุยเรื่องนี้ก่อนเหอะ   จะแดกไรไอ้พู่ เหล้า หรือเบียร์?” ไอ้ปูนรีบเบรก แล้วหันมาถามผม


“เบียร์ละกัน  ไอ้หมีไม่อยู่ขอเบาๆละกัน”  วันนี้เรามากันสองคนครับ ไอ้หมีไม่ได้มาด้วย มันไปกับแก๊งโคราชของมัน


“เออ ว่าจะถามอยู่ว่าไอ้หมีหายหัวไปไหน”  พี่มดถามขึ้น


“มันไปร้านแถวท่าช้างกับกลุ่มเพื่อนโคราชของมันอ่ะพี่ มีตติ้งโคราชบ้านเองอะไรของมันนี่แหละ...

 เบียร์สองขวด น้ำแข็งหนึ่ง นะพี่ ” ผมตอบพี่มดพร้อมกับสั่งเครื่องดื่ม


“ไปนั่งด้วยกันมั้ย พี่น้ำ”  ไอ้ปูนชวนไอ้พี่น้ำ ขณะที่ยืนรอเครื่องดื่ม


“ตามสบายเลยครับ ช่วงนี้งดแอลกอฮอล์ อาทิตย์ที่แล้วหนักไปหน่อย งานเลยไม่เสร็จ เดี๋ยวก็ขึ้นไปทำงานข้างบนต่อละ ”

ไอ้พี่น้ำตอบน้ำเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้ม  ทีกับน้องในไส้ไม่เคยอ่ะที่จะพูดเพราะๆ   หมั่นไส้!!

ถ้าไม่ติดว่าไอ้พี่น้ำมันมีแฟนแล้ว ซึ่งแฟนมันโคตรจะสวย ดีกรีระดับดาวมหาลัย


                           ผมคงคิดว่ามันชอบไอ้ปูนอยู่แน่ๆ !!


        เรานั้งจิบเบียร์กันไปเรื่อยๆ เพิ่งจะเปิดขวดที่สอง ไอ้หมีก็เดินเสนอหน้ามาให้เห็น

“อ้าว ไหนมึงบอกไปมีตติ้งไง กลับไวจังว่ะ” ผมถามไอ้หมีขณะที่มันลากเก้าอี้มานั่ง


“แม่งที่ร้านสาวเยอะก็จริง แต่คนเยอะว่ะอึดอัด อยากมากับพวกมึงมากกว่า ” มันว่าพร้อมกับทำหน้าเบื่อ


“แล้วเพื่อนมึงล่ะ เขาไม่ว่ามึงเหรอ หนีกลับก่อน”


“ไม่ว่าหรอก จริงๆวันนี้ก็ไปกันไม่ครบ ไว้ครั้งหน้ากูนัดมาที่ โต๊ะกลม ดีกว่า..เออเดี๋ยวเพื่อนกูจะตามมาอีกสามคนนะ”

 พูดเสร็จมันก็ลุกไปเอาแก้ว เดินกลับมาพร้อมเบียร์อีกหกขวด ..สายแดกตัวจริงมาละครับ กะว่าวันนี้ขอเบาๆ

 กูคงได้เมาอีกตามเคยสินะ.. เพื่อนมึงก็ยังไม่มา จะรีบสั่งเบียร์มาตั้งหกขวด เพื่อ!!


“เพื่อนมึงทำไมมาช้าจังว่ะ” ไอ้ปูนถามหลังจากนั้งดื่มกันไปได้สักพักใหญ่


“กูให้มันแวะซื้อของกินเข้ามาอ่ะ เดี๋ยวก็คงมา” ไอ้หมีพูดไม่ทันขาดคำเพื่อนมันก็เดินเข้ามา


“ไอ้ดินทางนี้” ไอ้หมีตะโกนพร้อมโบกมือเรียกไอ้ดิน

ไอ้ดินเดินเข้ามาพร้อมถือถุงของกินเต็มมือ  มาถึงก็วางลงบนโต๊ะ แค่นี้ไม่พอ

เพื่อนมันอีกสองคนก็วางถุงลงบนโต๊ะอีกคนละ2ถุง!!

จะว่าไปตั้งแต่วันที่มันมาทำกับข้าวให้กินที่บ้านก็ไม่ได้เจอมันอีก จะมีแค่ไลน์มาถามเรื่องของชบาบ้างเท่านั้น


“ซื้อไรมาเยอะแยะวะ”  ไอ้ปูนถามไอ้ดิน แต่มันยังไม่ทันตอบไอ้หมีก็สาระแนตอบ


“กูสั่งซื้อเองแหละ กูหิว”


“มึงจะแดกถึงชาติหน้าเลยรึไง  แดกห่าไรเยอะแยะ เดี๋ยวก็ขี้แตกอีก” เอือมมันจริงๆ


“เออน่า กูขี้มาแล้ว  อีกอย่างอยู่กันตั้งหลายคนกินด้วยกัน...  นี่ๆกูแนะนำเพื่อนกูก่อน” มันยังพล่ามต่อ


“นี่ไอ้สมใจ ส่วนไอ้แว่นนี่ ชื่อนพ   แล้วนี่ไอ้พู่กับไอ้ปูนเพื่อนที่คณะกู”  เราต่างทักทายกัน   


“มาๆนั่งก่อนเพื่อน”  ผมตบเก้าอี้ด้านข้างผมที่ว่าอยู่ ให้สมใจนั่ง เพราะไอ้นพมันนั่งข้างไอ้หมีที่นั่งตรงข้ามผม 

แต่ไอ้มนุษย์หน้านิ่งกับแทรกตัวมานั่งแทน  ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก...

           ไอ้หน้าด้าน!! กูชวนเพื่อนมึงไม่ใช่มึง


“ไอ้พู่ มึงไปเอาจานมาดิ นั่งทำซากอะไร บริการเพื่อนหน่อยดิ๊” เอ้าไอ้นี่ ซื้อมาแดกเอง เสือกมาใช้กูอิ๊กกก!!

แต่ก็เถียงอะไรมันไม่ได้ เลยลุกไปเอาจาน แต่ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะ เลยตบหัวมันทีนึง


“ป๊าบ!!”   ฮ่าฮ่า   สะ ใจ


“ไอ้ห่านี่” มันทำท่าจะถีบผม เลยรีบวิ่งออกมาทันที  ได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนในโต๊ะตามมา

                      เถียงมันไม่ได้ก็ใช้กำลังกับมันนี่แหละ แฟร์ดี!!


“พี่มด  ขอจาน5 ช้อน6 ครับ”


“ซื้อไรมาแดกเยอะแยะวะ  ไอ้หมีมาสินะมีของกินแบบนี้ รอแปปเดี๋ยวไปหยิบมาให้” เป็นอันรู้กันครับว่าไอ้หมีมันสายเขมือบ

ขณะยืนรอจานจากพี่มด ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอยู่ข้างหลัง พอหันหลังไปดูถึงกับตกใจ


“อุ้ย!!  แม่งตกใจหมด มึงจะเอาอะไรเพิ่มรึป่าว” จะไม่ให้ตกใจได้ไงล่ะ แม่งมายืนช้อนผมอยู่ด้านหลัง

แถมยังเอามืออีกข้างนึงค้ำไว้กับเค้าเตอร์  นี่มันเหมือนกอดผมกลายๆ!!


“ไม่ได้เอาอะไร มาช่วยมึงถือของ” มันก้มหน้าลงมาตอบ  เออ กะ...ใกล้ ไปมั้ย

                            ใจ   ใจกูเต้นแรงเพื่อ..    ฮือ!!


“มะ...ไม่ต้องจานไม่กี่ใบเอง  แล้วอีกอย่างที่ด้านข้างกูก็ว่างตั้งเยอะ มึงไม่ต้องไปยืนอยู่ข้างหลังกูก็ได้” ถึงกับเสียงสะดุดเลยกู


“ทำไม  เสียวเหรอ”


“เสียว พ่อง!!” ไอ้บ้านี่ พูดห่าไรของมัน  แล้วสาบานได้เลยว่าผมเห็นมุมปากมันยิ้ม

แต่แปปเดียว แปปเดียวจริงๆ 0.1วิ น่าจะได้ ..กะอิแค่ยิ้มมันจะตายมั้ย  สงสัยมันเพิ่งฉีดโบท็อกมา หน้าเลยตึง!!

แล้วไอ้พี่มด แม่งไปเอาจานนานจังวะ มึงไปช่วยเขาขุดดินเอามาทำจานรึไง...แล้วมันก็เดินมาพร้อมจานในมือ 

 ถุย!! กูก็นึกว่าจานเซรามิค แม่งจานพลาสติก!!


“โทษทีๆ แม่งจานไม่ได้ล้าง” มันยื่นจานเปียกๆที่เพิ่งผ่านการล้างหมาดๆมาให้


“เอ้า พี่ไม่บอกผมอ่ะ ผมล้างเองก็ได้” จริงๆก็เกรงใจพี่แกเหมือนกัน


“ได้ไงละ มึงเป็นลูกค้ากูก็ต้องบริการมึงสิ   แล้วไอ้หน้าหล่อนี่ใครวะ  ผัวมึงเรอะ!!”


“เห้ย จะบ้าเหรอพี่ นี่ไอ้ดินเป็นเพื่อนไอ้หมี คนที่ผมเอาแมวมาเลี้ยงอ่ะ”  ไอ้ดิน ยกมือไหว้ที่มด
 
...แล้วแทนที่มึงจะช่วยแก้ต่างกับยืนทำหน้านิ่งไม่ตอบโต้


“อ๋ออออออ” ไอ้พี่มดมันลากเสียงยาวพร้อมกับทำท่าหลิ่วตา


“ทำหน้าแบบนั้น หมายวามว่าไงวะพี่?  แต่เดี๋ยวนะ แล้วทำไมผมต้องเป็นเมียด้วยละ หน้าอย่างผมต้องเป็นผัวสิ!! ”

ต้องรีบท้วงครับ เพราะรู้สึกว่าไม่แมน เสียเชิงชายยังไงก็ไม่รู้


“หน้าอย่างมึงอ่ะ เป็นเมียน่ะถูกแล้ว หน้ามึงสวยกว่าผู้หญิงอีกไม่รู้ตัวรึไง   ใช่มั้ยไอ้ดิน”  ไอ้พี่มดพูดพร้อมส่ายหน้า

 แล้วยังหันไปถามไอ้ดินอีก


“ครับ” เอ๊า!! ไอ้นี่ หันควับเลยผม แทนที่มึงจะช่วยกู แต่กับเออออไปกับไอ้พี่มดมันอีก


“พอๆๆ  กลับโต๊ะละ พี่แม่งพูดอะไรก็ไม่รู้ ไร้สาระ” เซ็งครับ ถูกชมว่าหน้าสวยแม่งเฟลเลยกู   แต่ที่จริงแล้วผมก็เกือบจะชินแล้ว

ล่ะ เพราะมีหลายคนชอบบอกว่าผมอ่ะหน้าสวยกว่าผู้หญิง เพื่อนผู้หญิงบางคนถึงขั้นมาบอกว่าอิจฉาอยากแลกหน้ากับผม !!

                                          ฮือ..นี่ผมควรดีใจมั้ยเนี่ย !!


“มึงไปเอาจานที่ช่องแคบมะละกา มารึไง นานสัด แม่งกูหิว”  ไอ้หมีโวยวาย โมโหหิวสินะ


“จานไม่ได้ล้าง รอพี่มดล้างมาให้  มึงทนไม่ไหวไม่กัดก้นถุงดูดแม่งเลยล่ะ”

 
“สถุน!! ไร้อารยธรรม!!”  อื้อหือถ้าจะด่ากูขนาดนี้ เอาจานตบหน้ากูเลย..เพื่อนชั่ว!


“อ่ะ เอาไปไอ้ผู้ดี  แดกให้หมดด้วย ถ้ามึงแดกไม่หมดกูจะสาดใส่หน้ามึง” ผมพูดพร้อมยื่นจานให้ใส่หน้ามัน

มันเลยรีบผละออก เกือบหงายหลังตกเก้าอี้       สม!!


“สบาย แค่นี้ไม่ถึงครึ่งท้องกูหรอก” นั้นสินะ ท้องมึงมันท้องควาย มึงถึงได้ตัวควายขนาดนี้ไง

น่าจะเปลี่ยนจากชื่อหมีเป็นควายนะ       ไอ้ควาย!!


“ว่าแต่ สมใจกับนพ มึงเรียนคณะไหนวะ”  ไอ้ปูนถาม เพื่อนเบรกการทะเลาะของผมกับไอ้หมี


“พวกกูเรียนเกษตร คณะเดียวกันกับไอ้ดินนั้นแหละ” ไอ้สมใจตอบ 

ไอ้ดินมันเรียนคณะเกษตรศาสตร์เอกพืชสวนครับ ไอ้หมีมันเคยเล่าให้ฟังว่า ที่บ้านของไอ้ดินเป็นเกษตรกร

มันเลยเลือกเรียนเกษตร จบไปจะได้เอาไปพัฒนาที่สวนของมัน


“มึงเป็นเด็กโคราชเหมือนกันเหรอวะ” ผมถามบ้าง


“ไอ้สมใจอ่ะใช่ แต่กูอ่ะเด็กร้อยเอ็ด” ไอ้นพตอบบ้าง


“โห มาไกลนะมึง”


“จริงๆก็ไม่ไกลนะ แม่กูเป็นคนเชียงใหม่  ช่วงสงกรานต์จะมาเยี่ยมยายที่เชียงใหม่ทุกปีอยู่แล้ว”

“อ่อ งั้นคิงอู้กำเมืองได้ก่อ”


“ไม่ได้อ่ะ เว้าได้แต่ภาษาอีสาน”


“อะไรของพวกมึง อยู่ในช่วงเรียนภาษาถิ่นกันรึไง มาๆชนแก้ว หมดแก้ว!!” ไอ้หมีพูดแทรกขึ้น ขัดจังหวะกูตล๊อดดด

 ‘แกร๊ง’ ทุกคนดื่มหมดแก้ว ยกเว้นผมที่ดื่มไปแค่ครึ่งแก้ว จริงๆแล้วผมคออ่อนครับ

ยิ่งไปตามน้ำไอ้หมีมัน เมาเละทุกที วันนี้ไม่อยากเมาไง กะมากินเบาๆ


“ใครไม่หมดแก้ว ตุ๊ดนะคร้าบ” ไอ้หมีพูดแล้วมันก็ปรายตามามองผม จริงๆแม่งก็ทุกสายในโต๊ะนั้นแหละ
                 
                    มองกูหมด!!


ฟังแล้วก็ขึ้นแฮะ เหมือนจี้ใจดำตั้งแต่ไอ้พี่มดบอกว่าหน้าสวย แล้วก็บอกว่าไอ้ดินเป็นผัวละ 

ได้ยินแบบนี้แล้ว รีบกระดกเบียร์หมดแก้ว


“พอใจยัง” ผมพูดพร้อมกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ


“แมนมากเพื่อน” ไอ้หมีมันพูดพร้อมยกนิ้วหัวแม่มือ สายตามันดูกรุ้มกริ่มไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกล

            แม่งเกลียดสายตาแบบนี้ของมันจริงๆ !!


หันไปมองด้านข้างก็เจอสายตาของไอ้ดินที่มองมาที่ผม

“มองอะไร” แหนะไม่ตอบ ยังไม่เลิกมองอีก


“คิงผ่อหน้าฮา หยัง?” โมโหทีไร ภาษาบ้านเกิดต้องมา


“ผ่อคนงาม” แหน่ะ ตอบเป็นภาษาเหนือซะด้วย แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันว่าไงนะ?


“อะไรนะ!!” คนงามอะไรของมัน


“โต๊ะข้างๆมึงไง” ผมเลยค่อยๆหันไปดู เป็นโต๊ะผู้หญิงสาวสวยสามคน

 
“คนไหนล่ะ” ก็มีตั้งสามคน ถามเพราะอยากรู้ว่ามันจะชอบคนไหน ตรงกับผมรึป่าว

 เพราะผมเล็งผู้หญิงเสื้อแดงผมยาวไว้ นมตู้มดี!!


“เสื้อสีขาว” ไหนวะ สีขาวอะไรของมึง


“มึงตาบอดสี รึไง  ในโต๊ะไม่เห็นมีใครใส่เสื้อสีขาวสักคน” สาบานได้ว่าตอนมันพูดมันไม่ได้มองไปโต๊ะด้านข้างเลย

มันมองแต่หน้าผมตลอด  มองซะกูทำตัวไม่ถูกเลย!!


“มีสิ”


“ไหน”


“นี่ไง” แล้วมันก็ชี้นิ้วมาจิ้มที่แก้มผม   เออใช่ คนนี้ไงเสื้อสีขาว   แต่เดี๋ยวววก่อนนน นี่กูเอง!!


“กวนตีนละ   แดกๆไปเลยมึง” แล้วผมก็จับแตงกวาที่อยู่ในจานลาบที่มันซื้อมา ยัดปากมัน


“ขออีกชิ้นสิ”


“แดกเองสิ  เป็นง่อยรึไง”


“ทีเมื่อกี้มึงยังป้อนก็อยู่เลย” มันพูดหน้านิ่ง แต่สายตามันไม่นิ่งเลย ระริก ระรี้เชียว


“กูไม่ได้ป้อน กูแค่จับยัดปากให้มึงหยุดพูด” เสร่อเข้าใจกูผิดอีก “แล้วมึงช่วยเขยิบออกไปหน่อยดิ
 
นั้งเบียดกูเกินไปแล้วเนี่ย  จะสิงกูรึไง!!”


“อยากสิง ให้สิงป่ะล่ะ”


“แค่กๆ”  กำลังยกเบียร์ขึ้นจิบ ถึงกับสำลัก  มึงเป็นผีรึไง  ...ไอ้ผีบ้า


“ก็โต๊ะมันเล็ก มันก็ต้องเบียดกันดิ” โต๊ะร้านพี่มด เป็นโต๊ะกลมสมชื่อร้าน โต๊ะนึงนั่งสี่คนกำลังดี

แต่นี่หกคนมันก็อึดอัดนิดหน่อย แต่ผมกับรู้สึกว่าอึดอัดมากเกินไป

จริงๆแล้วมันจะเขยิบออกไปนิดนึงก็ได้นะ แต่นี่มันตั้งใจที่จะนั่งเบียดกับผม แถมยังเอามือมาค้ำที่เก้าอี้ผมอีก!!


“มึงใช้แชมพูอะไร” อยู่ๆมันโน้มหน้าเข้ามาใกล้กระซิบถามที่หู


“ทำไม”


“หอมดีเนาะ!!” มันพูดพร้อมสูดลมหายใจใกล้กับหน้าผม


“...” พูดไรไม่ออก แดกเบียร์ดีกว่า...    แล้วกูจะเขินทำไม!!


“ไอ้สองตัวนั้น คุยอะไรกันงุ้งงิ้งๆ  จีบกันเหรอมึง!”  ไอ้หมีที่คงนั่งมองมานานแล้ว พูดขึ้น


“จีบพ่อง!!” ผมตะโกนใส่ไอ้หมี


“ไม่จีบก็ไม่จีบสิ  มึงจะหน้าแดงเพื่อ!!”  ผมรีบจับหน้าตัวเองอยากลืมตัว แล้วทั้งโต๊ะก็หัวเราะคิกคัก

 ยกเว้นไอ้คนหน้านิ่ง ที่เอาแต่มองหน้าผมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม     

 มึงแกล้งกูอีกแล้วสินะไอ้หมี  ไอ้เพื่อนระยำ!!


“หมดแก้วคร้าบ เพื่อนฝูง” ไอ้หมีชวนชนอีกครั้ง  ได้ข่าวว่ากูเพิ่งหมดแก้วไปเมื่อกี้


“แดกไม่หมดอีกละเชื่ยพู่” มึงจะจับผิดกูอะไรนักหนาเนี่ย


“ไอ้ปูน ไอ้นพ ไอ้สมใจก็ไม่หมดเหมือนกูป่ะวะ”  พูดจบไอ้สามตัวนั้นก็รีบยกหมดแก้ว  เพื่อนเลว!!


“เอางี้ ถ้ามึงตอบคำถามนี้ได้ แก้วนี้มึงไม่ต้องยกหมด แต่ถ้าตอบไม่ได้มึงต้องเบิ้ลอีกแก้ว” อะไรของมึงเนี้ย

มาจองเวรจองกรรมอะไรกับกูนักหนา


“คำถามอะไรมึง ว่ามา”


“เดือนอะไรมี32 วัน” มาละคำถามปัญญาอ่อน  แต่ที่ปัญญาอ่อนกว่าก็กูนี่แหละ เสือกเล่นตามมัน


“ไม่มีหรอก มีแค่30วัน กับ31วัน ”


“ผิด ยอมยังมึง”  เกลียดยิ้มตอนนี้ของมันจริงๆ  มันยิ้มเหมือนผู้มีชัย


“เออยอม” แม่งขี้เกียจคิด


“ก็เดือนกว่าๆไง  ตึ้งโป๊ะ”  ฮ่าๆๆๆ แล้วมันก็หัวเราะเสียงดังอย่างกับคนบ้า  แล้วทุกคนก็หัวเราะตามมัน

รวมถึงไอ้หน้านิ่งด้วย มันยิ้มตามไอ้พวกผีบ้านั่น


“ยิ้มอะไรของมึง” ผมหันไปเหวใส่มัน โมโหแล้วพาลครับ มันแค่ยักไหล่ หัวเราะ หึๆ ในลำคอ


“คำถามเหี้ยไรของมึงไอ้หมี  แต่ที่เหี้ยกว่าคำถาม ก็ไอ้คนถามนี่แหละ”  ไอ้เหี้ย!! เดือนกว่าๆพ่องมึงสิ


“เอาไป หมดแก้วพร้อมเบิ้ลอีกแก้ว” ไอ้ปูนรีบรินเบียร์ใส่แก้วให้  ไอ้นี่ก็ขยันชงจัง มึงเกิดปีชงรึไง..

เพื่อนกูแต่ละคนรักกูทั้งนั้น      เพลียใจเหลือเกิน!!


แล้วผมก็ซัด เบียร์ติดกันสองแก้วติด  ถามว่าเมามั้ย ขอตอบเลยว่ามาก

“อึก” นั้นไงมันมาละ ถ้าผมเริ่มเมา ผมจะสะอึกครับ


“ฮ่าๆๆ สำเร็จ” ไอ้หมีมันหัวเราะ พร้อมกับตีมือกับไอ้ปูน


“ไอ้เพื่อนชั่ว นี่พวกมึงตั้งใจมอมกูใช่มะ...อึก”


“กูแค่พิสูจน์” ไอ้หมีมันว่าพร้อมกับกระดกเบียร์ หมดแก้ว  นี่มึงแดกเยอะกว่ากูอีก แม่งทำไมมันไม่เมาวะ

คอแข็งยิ่งกว่าคอทองแดง ก็ไอ้หมีนี่แหละ คอทองเค!!!


“พิสูจน์ห่าอะไรของมึง”


“กูเล่าให้เพื่อนกูฟังว่า ถ้ามึงเมามึงจะสะอึก แต่พวกนี้ไม่เชื่อไง กูกับไอ้ปูนเลยต้องพิสูจน์” ถึงว่าละมันยิ้มกรุ่มกริ่ม

สายตาไม่น่าไว้ใจ     แม่งตบหัวคนละทีดีมั้ยเนี้ย เพื่อนเวร!!


“อึก................อึก”  โอ๊ย  รำคาญตัวเอง เมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกที


“น้ำเปล่ามั้ย?” ไอ้ดินถามผม ขณะที่ผมสะอึกไม่หยุด  ผมพยักหน้า แล้วมันก็ลุกไปซื้อน้ำกับพี่มดมาให้
 
ผมดื่มน้ำเปล่าไปครึ่งขวด ผลของมันคือ

“อึก”  ฮือ ไม่หาย


“มึงกลั้นหายใจดิ เผื่อหาย” ไอ้หมีแนะนำวิธี   ผมเลยกลั้นหายใจ กลั้นได้สิบวิก็สะอึกตามาอีก


“กลั้นนานๆดิ กลั้นแค่นี้มันจะหายรึไง”


“วิธีมึงแม่งไม่ได้ผลหรอก” ไอ้ห่า กลั้นนานกว่านี้กูคงได้ขาดใจตายก่อน 


แล้วทุกคนในโต๊ะก็แนะนำสารพัดวิธี  ผมก็ลองทำตามหมด แต่ผลสุดท้ายก็ “อึก”


“กูไม่แดกละนะ  แก้วนี้แก้วสุดท้าย......อึก” ผมบอกไอ้หมี


“พอก็พอ กูรู้ว่ามึงแม่งอ่อน”  ได้แต่มองค้อนมันครับ  กูสะอึกเพราะการพิสูจน์บ้าบอของพวกมึงนี่แหละ!!


“หมดขวดนี้กลับกันนะมึง .....อึก” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นไอ้หมี  เกลียดมัน ไอ้คอทองเค


“ไอ้พู่มึงกลับกับไอ้ดินนะ” ไอ้ปูนพูดขึ้น ก่อนทุกคนจะยกแก้วสุดท้าย 


“เอ้า ทำไมละ กูมากับมึงก็ต้องกลับกับมึงสิ”  จะปล่อยให้กูกลับกับมันไม่ได้นะ รู้สึกไม่ปลอดภัย

ใจกูนี่แหละที่ไม่ปลอดภัย อยู่ใกล้มันทีไร ใจสั่นแปลกๆทุกที!!


“ก็มึงกลับทางเดียวกัน  กูขี้เกียจอ้อมไปอ้อมมา  ประหยัดพลังงานช่วยชาติ  อีกอย่างกูมาววว”

แค่พูดคำว่าเมาคำเดียวก็จบ  มึงไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งโลกมาอธิบาย  ....สุดท้ายก็โดนเพื่อนเท!!


“หมี กูกลับด้วยคนสิ ” ต้องพูดดีๆกับมันครับ เพราะมันเป็นความหวังสุดท้าย ผมไม่อยากกลับกับไอ้ดินจริงๆ


“ไม่!”   โห นี่มึงจะไม่คิดก่อนตอบเลยเรอะ..   “กูต้องไปส่งไอ้สมใจ กับไอ้นพ มึงกลับกับไอ้ดินนะถูกแล้ว ทางเดียวกัน”   

 มึงก็เทกูอีกคนสินะ         ฮือ เสียใจ!!


“กูฝากเพื่อนกูด้วยนะ” ไอ้ปูนพูด พร้อมตบบ่าไอ้ดิน



        00.15นาที ผมนั่งอยู่ในรถเอสยูวี สีดำของไอ้ดิน

“อึก” ตลอดทางกลับบ้าน ไม่มีใครพูดอะไร นอกจากเสียงสะอึกของผม...  ฮือ น่าอายจริงๆ

ใช้เวลาไม่ถึง20นาที ก็ถึงหน้าบ้านผม


“ขอบใจมากที่มาส่ง...อึก” พูดเสร็จก็เปิดประตูลงจากรถ  ยืนหากุญแจรั่วบ้าน แล้วไอ้ดินก็เดินตามลงมา


“อะไรของมึง” ผมหันไปถามทำหน้าสงสัย


“ขอเข้าไปหาชบาหน่อยได้ป่ะ”


“วันอื่นได้ป่ะ กูง่วงอยากนอน... อึก”  มันยังคงมองหน้าผมนิ่ง เหมือนจะบอกว่ายังไงกูก็จะเข้าไป

ยังไงก็จะเข้ามาให้ได้สินะ โอเค...กูยอม

ไขกุญแจรั้วได้ มันก็เดินตามเข้ามา  พอเปิดประตูบ้านก็เห็นเจ้าเหมียวทั้งสามตัวนอนขดอยู่บนที่นอน


“หลับกันหมดแล้ว  เอาไงมึงจะเข้ามารึป่าว...อึก” ผมพูดขณะถอดรองเท้าเสร็จ เข้ามายืนตรงประตูด้านในบ้าน

หันหน้าไปถามไอ้ดินที่ยืนอยู่ตรงประตูด้านนอก


“ไม่เป็นไร ได้เห็นแค่นี้ก็ดีใจละ!!” มันพูดพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง


“อึก”  โอ๊ย กูนี่ก็สะอึกจัง  ไม่หายสักที


“งั้นกูไม่ออกไปส่งนะ ฝากล็อกประตูรั้วด้วยละกัน” คือขี้เกียจเดินแล้วอ่ะ ง่วงอยากนอน

ผมกำลังดึงประตูเข้ามาปิด ไอ้ดินก็จับค้างไว้ไม่ให้ปิด พร้อมพูดว่า


“มึงอยากหายสะอึกป่ะ กูช่วยได้นะ”


“อึก...ช่วยยังไงวะ”


     พูดจบไอ้ดินก็ค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆแต่แนบเน้น แล้วผละออก 

จากนั้นมันก็ยิ้ม เป็นยิ้มที่ไม่เคยเห็นจากมันมาก่อน  มันทั้งละมุนและอ่อนโยนกว่ายิ้มที่ผมเคยเผลอมองตอนนั้น   

ผมยืนนิ่งอึ้งเหมือนถูกสาป   แล้วมันก็ปล่อยมือที่จับประตูไว้ให้ค่อยๆปิดลง

‘ปัง’ เสียงประตูปิดลงทำให้ผมได้สติ ไม่รู้จะทำยังไงยังงงกับสถานการณ์นี้อยู่

ผมค่อยๆไถลตัวลงนั่งที่พื้นพิงกับประตู ใช้มือข้างนึงเตะที่ริมฝีปากตัวเอง

ความรู้สึกอุ่นจากริมฝีปากไอ้ดินยังคงอยู่

...นี่ผมเป็นอะไร ใจผมยังคงเต้นแรงไม่หยุด หน้าก็ร้อนเหมือนจะระเบิด  อารมณ์อุ่นๆในอกนี่อีกมันคืออะไร?

ตอนจูบกับคนอื่นไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นรุนแรงขนาดนี้มาก่อน  และที่น่าแปลกกว่านั้นคือ

ทำไมผมยอมให้มันจูบ? ทำไมผมไม่ต่อยมัน!! มัวแต่ยืนอึ้งให้มันเดินกลับไปอย่างง่ายดาย

แล้วไอ้รอยยิ้มบ้านั่นอีก ทำไมมันยังติดตา ยิ่งนึกถึงยิ่งอุ่นในใจ


                     ...ฮืออออ  ผมเป็นอาไร........ใจ  ใจกูพัง!!...


        ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังขึ้น

 มาจากใครสักคนเลยหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง มากดดู


‘เป็นไง หายสะอึกยัง?’ ไอ้ดินส่งข้อความมา พร้อมกับสติ๊กเกอร์แมวยิ้มหน้าระรื่น

ติดตามผลงานสินะมึง ไอ้บ้า ไอ้ชั่ว ไอ้คนฉวยโอกาส ไม่รู้จะด่ามึงยังไงแล้วเนี่ย


...แต่จะว่าไปหลังจากโดนจูบผมก็หายสะอึกทันที  ไม่อยากจะยอมรับเลยว่ามันได้ผล

แค่นึกถึงตอนโดนจูบหน้าผมก็ร้อนขึ้นมาดื้อๆ !!


‘ไอ้บ้า กูเกลียดมึง’ สติ๊กเกอร์แมวกระโดดถีบ


‘ฝันดีนะ หมอพู่’ สติ๊กเกอร์แมวนอนกอดกัน


                     ตึกๆ   ฮือ...ใจกูเต้นแรงอีกแล้ว แค่มันบอกฝันดีแค่นี้เอง


                              จูบเดียวทำเอากูเสียอาการขนาดนี้    ไอ้ดินมึงทำอะไรกู!!!!!





*TBC*

....................................................................................



สวัสดีค่ะ  แอบมาก่อนอีกแล้ว อิอิ

เค้าจูบกันแล้วววว...เป็นวิธีแก้สะอึกที่ได้ผลนะเออ ^^

เจอกันอังคารหน้าค่ะ  จุฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2018 13:54:59 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

บทที่ 4  พ่อบ้าน?



พาร์ต ของแผ่นดิน

                   
เมื่อไม่นานมานี้  ผมจอดรถเพื่อรับโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากหอของผมมากนัก 

ระหว่างคุยโทรศัพท์สายจากแม่ที่โทรมาจากโคราช ก็เหลือบไปเห็นแมวสองตัว สีขาวล้วน

ที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน 

เป็นแมวสีขาวตัวอ้วนขนสั้นฟู ที่เหมือนกันอย่างกับแฝด ถ้าไม่ใช่เจ้าของคงแยกไม่ออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหน

เห็นแล้วก็คิดถึงไอ้เสือแมวที่บ้าน  เสือเป็นแมวไทยสีส้มตัวอ้วนกลม ที่อ้วนเหมือนกับเจ้าเหมียวกาฟิวส์ในการ์ตูน

ไม่นานก็มีชายหนุ่มผิวขาว อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม เดินออกมาจากตัวบ้าน
 
นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวที่อยู่ใต้ต้นลีลาวดีต้นใหญ่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน 

เจ้าเหมียวสองตัวเห็นชายหนุ่มจึงรีบวิ่งไปหา ตัวนึงกระโดดขึ้นตัก ตัวนึงมาคลอเคลียอยู่ที่ขา 

ชายหนุ่มซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของเจ้าเหมียวสองตัวนั้น  อุ้มเจ้าเหมียวตัวนึงขึ้นมา พร้อมกับจุ๊บที่จมูกเจ้าเหมียว

พร้อมกับพูดอะไรสักอย่างด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะอุ้มเจ้าเหมียวอีกตัวแล้วทำแบบเดิม ผลัดกันทำแบบนั้นซ้ำๆ


ไม่รู้ว่าผมเผลอมองเหตุการณ์ตรงหน้านั้นนานแค่ไหน  นานจนวางสายจากแม่ไปนานแล้ว

ผมก็ไม่สามารถละสายตาออกจากเหตุการณ์ตรงหน้าได้  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าเหมียวสีขาวสองตัวนั้น

หรือเป็นเพราะ ชายหนุ่มผิวขาวที่น่าจะเป็นเจ้าของเจ้าเหมียว คนนั้นกันแน่...

ไม่รู้สิ เมื่อมองเหตุการณ์นั้น ความรู้สึกอบอุ่นมันก็ชัดเจนขึ้นมาในหัวใจ!!
 
น่าแปลกปกติผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครนอกจากคนในครอบครัว
 
และที่น่าแปลกกว่านั้นคือ หลังจากนั้น เมื่อผมขับรถผ่านบ้านหลังนี้จะคอยมองเข้าไปในบ้านหลังนี้เสมอ

เผื่อจะเห็นเจ้าเหมียวสองตัวนั้น หรือไม่ก็ ชายหนุ่มผิวขาวคนนั้น!!

และก็น่าแปลกอีกที่หลังจากนั้นผมไม่เคยเห็นเจ้าเหมียว หรือเจ้าของเจ้าเหมียวอีกเลย....จนมาถึงวันนี้ 

วันที่ไอ้หมีเพื่อนผมตั้งแต่สมัยมัธยม จะพาเพื่อนของมันที่เรียนคณะเดียวกัน มารับแมวไปเลี้ยงต่อจากผม
 
จะว่าเป็นแมวที่ผมเลี้ยงก็ไม่เชิง เจ้าเหมียวตัวนี้เป็นแมวน้อยสีดำล้วน อายุน่าจะสักสองเดือน

ผมเจอมันนอนร้องอยู่แถวๆที่ลานจอดรถของหอ ตอนแรกคิดว่าน่าเป็นลูกแมวของบ้านแถวๆนี้
 
แต่พออีกวันผมก็ยังเห็นมันร้องอยู่บริเวณที่เดิม เริ่มเอะใจว่าน่าจะมีคนเอามาทิ้ง 

เลยเดินไปอุ้มเจ้าเหมียวที่นอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ท้องรถ


“ไงเจ้าเหมียว  โดนทิ้งมาสิท่า” ผมคุยกับเจ้าเหมียวพร้อมกับอุ้มขึ้นมาแล้วลูบหัวปลอบเบาๆ


 “ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะหาที่อยู่ให้แกเองนะ”  ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาตัวช่วย


“ฮัลโหล ไอ้สมใจ มึงพอรู้มั้ยว่ะ ว่าเพื่อนเรามีใครเลี้ยงแมว หรืออยากเลี้ยงแมวบ้างมั้ยวะ”


[ “ไม่แน่ใจว่ะ  ทำไมวะ” ]


“แม่งกูเจอลูกแมวถูกทิ้งแถวหอกูอ่ะ แต่ที่หอกูไม่ให้เลี้ยงสัตว์ด้วยไง  สงสารมันเลยหาคนรับเลี้ยง  ”


[“มึงลองถามไอ้หมีดู มันเรียนสัตวแพทย์ อาจจะช่วยได้มากกว่ากู  เดี๋ยวกูลองถามพวกเพื่อนๆให้อีกแรง”]


“โอเค  เดี๋ยวกูโทรหาไอ้หมีก่อน   ขอบใจมากเพื่อน”

วางสายจากไอ้สมใจ ก็โทรหาไอ้หมีทันที ต่อสายไม่นานมันก็รับสาย


“ไอ้หมี มึงมีเพื่อนที่เลี้ยงแมวป่ะวะ หรือใครก็ได้ที่อยากเลี้ยงแมว”


“ทำไม มึงไปขโมยแมวใครมา”  ไอ้นี่ กวนตีนเสมอต้นเสมอปลาย


“ไอ้ห่า ไม่ใช่สิ กูเจอแมวถูกทิ้งที่หอกู เลยอยากหาคนรับเลี้ยง  พอจะมีใครรับเลี้ยงป่ะวะ”


“อืมมมมมมม   น่าจะมีอยู่นะ  เดี๋ยวกูลองถามไอ้พู่เพื่อนกูให้  ไอ้นี่มันชอบแมว 

ตอนนี้กูก็อยู่กับมันเดี๋ยวถามให้ แล้วจะโทรกลับนะมึง  ”  พูดเสร็จปุ๊บมันก็วางสายทันที

รอไม่ถึง10นาที ไอ้หมีก็โทรกลับมา 


“ตกลงได้มั้ยวะ เพื่อน” ผมรีบถามมันก่อนเลย


“โอเค ไม่มีปัญหา เดี๋ยวไอ้พู่จะรับเลี้ยงให้ บ้านมันเลี้ยงแมวอยู่แล้ว อีกอย่างมันรักสัตว์

 มึงไม่ต้องห่วงแมวตัวนั้นโชคดีละที่ได้มาอยู่กับไอ้พู่ ” ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย


“เพื่อนมึงสะดวกมารับแมววันไหน?”


“แล้วแต่มึงเลย ไอ้ห่านี่วางตลอดแหละ”


“งั้นพรุ่งนี่ 5โมงเย็นที่หอกูนะ”


“ โอเค”


“ขอบใจมากเพื่อน”


“เออ ไม่เป็นไร คนที่มึงควรขอบคุณ น่าจะเป็นไอ้พู่มากว่า  งั้นแค่นี้นะ พรุ่งนี้เจอกันมึง ” 


“เจอกันเพื่อน”  วางสายเสร็จก็ก้มลงคุยกับเจ้าแมวน้อย


“จะมีบ้านอยู่ละนะเจ้าเหมียว พรุ่งนี้จะมีคนใจดีมารับแกไปอยู่ด้วย ว่าแต่คืนนี้จะนอนที่ไหนดีละ?” กำลังคิดว่าจะแอบเอาเจ้าแมว

น้อยไปไว้ที่ห้องก่อน  ลุงยามที่เห็นผมนั่งก้มๆเงยๆ แถวลานจอดรถ ก็เดินมา ถามว่ามีอะไรให้ช่วยรึป่าว

เลยเล่าให้แกฟังและขอฝากแมวไว้กับแกที่ป้อมยาม  แกก็ใจดี จะดูแลเจ้าเหมียวให้จนถึงวันพรุ่งนี้   


          5 โมงเย็น  ไอ้หมีก็ไลน์มาบอกว่ามาถึงแล้ว  ผมเลยรีบลงไปหา

ผมเดินออกจากหอไปหาไอ้หมี ที่นั่งรออยู่ตรงม้าหินอ่อนด้านหน้าหอ


“เฮ้ย ทางนี้” ไอ้หมียกมือเรียก   เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ผมก็เห็นไอ้หมี นั่งอยู่กับเพื่อนอีกสองคน

คนหนึ่งเป็นผู้ชายตัวเล็ก ผิวขาวตาโต  เหมือนเด็ก...ส่วนอีกคนหนึ่ง!!

ผมถึงกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่ผมคอยมองหามาตลอดเกือบ2อาทิตย์
 
เขาคือชายหนุ่มผิวขาว เจ้าของเจ้าเหมียวแฝดสีขาวนั่น        บังเอิญจัง!!

เมื่อเดินไปถึง เจ้าของแมวแฝดสีขาวก็จ้องหน้าผมนิ่ง หรือว่าเขาจะเห็นผมที่ไปชะลอรถแอบมองเข้าไปในบ้านเขา!!


“ไอ้พู่  ไอ้พู่กัน!!”  ไอ้หมีตะโกนเรียกเจ้าของเจ้าเหมียวแฝด   

                ...พู่กันงั้นเหรอ  ชื่อน่ารัก  !!


“มึงจะแหกปากทำไมเนี่ย  ไอ้หมี”  เจ้าของเหมียวแฝดสะดุ้ง เลยบ่นไอ้หมี


“ก็เรียกมึงไม่ตอบสักที ใจลอยเพื่อ!!”   ใจลอยงั้นเหรอ หรือเขาจะเคยเห็นผมที่หน้าบ้านจริงๆ !!

แล้วไอ้หมีก็แนะนำเราให้รู้จักกัน


“นี่เพื่อนกูไอ้ดิน   ส่วนนี้ไอ้ปูน และก็นี่ไอ้พู่ที่จะรับแมวไปเลี้ยง”

 
“หวัดดี ได้เจอกันสักทีไอ้หมีเล่าให้ฟังนานละ”   คนที่ชื่อปูน พูดพร้อมกับยิ้มทักทาย


“หวัดดี ”  เจ้าของเหมียวแฝด ยิ้มทักทายผม


ตึก ตึก  หัวใจผมเต้นแรง ไม่คิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มในวันนั้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันชัดเจนมาก  มันดูสดใสกว่าที่เคยคิดไว้


“หวัดดี” ผมได้แต่พูดหน้านิ่ง พร้อมยกมือขึ้นทัก   ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะกลัวจะเก็บอาการไม่อยู่ ว่าผมดีใจ

และตื่นเต้นขนาดไหน

    ...อือ เจ็บ ผมหยิกแขนตัวเอง  นี่ไม่ใช่ฝัน  โชคดีจริงๆ...


ผมเดินไปยกกล่องที่มีลูกแมวนอนขดอยู่ จากป้อมยามที่ฝากลุงยามไว้  มาวางบนไว้บนโต๊ะ


“ไม่ต้องกลัว ไปอยู่ด้วยกันนะเหมียวน้อย” เจ้าของแมวคนใหม่ พูดพร้อมรอยยิ้ม พร้อมกับลูบหัวเจ้าแมวน้อยเบาๆ


     
 ...ให้ตายสิ  ทุกการกระทำ ทุกรอยยิ้ม มันน่ามองไปหมด  ยากมากที่จะควบคุมอารมณ์ไม่ให้สั่นไหว!!...
                           
   
             แล้วเจ้าแมวตัวน้อยก็มีชื่อ   ‘ชบา’


“เป็นเด็กดีนะ ชบา ไว้จะไปหาบ่อยๆนะ”  ผมยิ้มให้เจ้าแมวน้อย พร้อมกับลูบหัวเบาๆ
 
พอเงยหน้าขึ้นก็สบตากับพู่กันที่มองผมอยู่นานแล้ว


“มองไร” ผมถามด้วยใบหน้านิ่ง ที่ดูเหมือนจะเป็นคาแรคเตอร์ของผมไปเสียแล้ว


“เปล๊า..!!” เจ้าตัวสะดุ้งตอบเสียงสูง พร้อมยักไหล่

แล้วผมก็มีความคิดบางอย่างแว๊บเข้ามาในหัว


“ขอเบอร์หน่อย”  ผมพูดพร้อมกับยื่นมือถือให้


“.....” เจ้าตัวทำหน้างง   ผมเลยรีบอธิบาย


“จะเอาไว้ติดต่อกับชบา”  แต่ในใจนะบอกว่า  เอาไว้ติดต่อกับเจ้าของชบาต่างหากล่ะ !!

เจ้าตัวไม่พูดอะไรแต่ก็ยื่นมือมารับมือถือ กดเบอร์แล้วส่งคืนให้


“ไอ้ดิน วันศุกร์นี้กลุ่มเพื่อนมัธยมเขานัดกัน ไปด้วยนะมึง” อยู่ๆไอ้หมีก็ตะโกนบอกผมเสียงดัง

จนทุกคนตกใจ หันไปมองมันตาขวาง


“ที่ไหน?” ผมเลยถามมันต่อ


“ร้านเดิม ไว้กูจะไลน์บอกอีกที  งั้นพวกกูไปนะ” ผมพยักหน้า  พร้อมกับลูบหัวชบาอีกครั้ง

       รู้สึกโชคดีที่มีคนรับเลี้ยงชบา   และที่โชคดีไปกว่านั้นคือ เจ้าของชบาคือ พู่กัน

อย่างน้อยผมก็ได้รู้จักกับเขาแล้ว  ไม่ต้องคอยไปแอบมองที่หน้าบ้านเขาอีก..
               


                  ช่วงหัวค่ำ ผมนั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่ไม่มีสมาธิเลย มัวแต่นึกถึงรอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั่น

...สวย!! ใช่ครับผมพูดไม่ผิด ใบหน้าของพู่กันนั้นสวย  เครื่องหน้าที่อยู่บนใบหน้าเรียวนั้นมันดูลงตัว

โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น  ที่คมสวยเหมือนกับดวงตาของแมว  จมูกโด่งสวย รับกับริมฝีปากบางสีพีช

พอรวมกันแล้วมันดูน่ามอง  โดยเฉพาะเวลาที่ใบหน้านั้นยิ้ม ใบหน้าสวยนั้นก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความสดใส

ได้เห็นเพียงครั้งเดียว ผมถึงกลับเอามานอนเพ้อ   

พู่กันไม่ได้สูงเท่าผม แต่ร่างบางนั้นก็ดูสูงโปร่ง  ผิวขาว ยิ่งได้เห็นใกล้ๆยิ่งดูนวลเนียน เหมือนกับผิวเด็ก

ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นผิวของผู้ชาย เจ้าตัวคงดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

รูปร่างและใบหน้านั้น พอรวมกันแล้ว จะใช้คำว่า งดงาม ก็คงไม่ผิด!!


ไม่น่าเชื่อว่าผมจะเพ้อได้ขนาดนี้  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสนใจใครก่อน
 
และที่ไม่น่าเชื่อไปกว่านั้นคือเขาคนนั้น เป็นผู้ชาย!! ที่มีทุกอย่างหมือนกันกับผม

ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยมีแฟน ตั้งแต่เกิดมาผมเคยมีแฟนอยู่หนึ่งคน เป็นผู้หญิงรุ่นน้องที่หน้าตาน่ารัก
 
ตอนผมเรียนอยู่ม.6 เธอมาจีบผม  ผมเห็นความทุ่มเทและตั้งใจของเธอเลยลองคบดู

แต่สุดท้ายไม่นานเราก็เลิกกันเพราะผมทนความงอแงไร้สาระ  ซึ่งมันมากเกินไปของเธอไม่ไหว

จากนั้นผมก็ไม่คบใครอีกเลย  มีคนเข้ามามากมาย แต่ผมกับรู้สึกเฉยๆกับความรัก 

ผมไม่ได้ดิ้นรนเพื่อจะมีความรัก หรือยอมรับความรักจากใครหลายคนที่หยิบยื่นมาให้

เพราะผมรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่  หลายคนบอกว่าผมปิดกั้นต่อความรัก แต่เปล่าเลย

ผมแค่ยังไม่เจอคนนั้นๆที่ตรงกับใจของผมต่างหาก  ผมเลยไม่อยากเสียเวลา...   

จนกระทั่งผมมาเจอกับพู่กัน  ผมยอมรับเลยครับ ว่าผมตกหลุมรักพู่กันตั้งแต่วันแรกที่ผมเห็นเขาเล่นกับแมวที่หน้าบ้าน!!   


ความรักนี่ก็แปลกดีนะ  บทจะรักก็รักขึ้นมาได้ง่ายๆ   รักคนที่เราไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา
 
รักเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของเขา...  แต่ก็นั้นแหละผมรู้สึกอย่างนั้นไปแล้ว และผมก็ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง

ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักนั้นมา   แม้ปลายทางนั้นมันจะไม่สมหวังก็ตาม
 
        แต่ผมก็พร้อมที่จะเสี่ยง !!!

 
   จบพาร์ตของแผ่นดิน





              เช้าวันเสาร์ ผมถูกปลุกด้วยเจ้าเหมียวสามตัว  ที่มาร้องอยู่บนเตียง  เหมือนจะมาบอกว่า ตื่นสิ ฉันหิวแล้ว!!

“เหมี๊ยว ๆ   แง้วๆๆ   ” แต่ละตัวเสียงช่างต่างกันเหลือนเกิน


“ขออีกห้านาทีได้มั้ย เด็กๆ”  ผมพูดงัวเงีย รู้สึกปวดหัวตึบๆ  เพราะไอ้เพื่อนบ้าที่มอมเบียร์ผมเพื่อพิสูจน์ห่าเหวอะไรของมันไม่รู้

และรู้สึกเหมือนนอนไม่พอ เพราะกว่าจะข่มตาลงนอนได้ก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม เพราะหลับตาลงทีไร

หน้าไอ้ดินตอนที่โน้มหน้าลงมาจูบก็ผุดขึ้นมาทุกที        เกลียดมันจริงๆ!!


หยิบมือถือมากดดูเวลา  10โมง  มิน่าละ  เจ้าเหมียวคงหิวกันมากสินะ  คิดได้ดังนั้นก็ยันตัวเองลุกขึ้นมา


“ปะ พี่ปี พี่ปา นู๋ชบา กินข้าวกัน” ว่าแล้วก็ลุกลงจากเตียง เจ้าเหมียวทั้งสามก็วิ่งตามออกมาจากห้องนอน

จัดการให้อาหารเจ้าเหมียวทั้งสามเสร็จก็กลับเข้ามาในห้องนอน เพื่อจะนอนต่อ   

หัวถึงหมอน ไม่ถึงสามวิ  มือถือที่วางอยู่โต๊ะข้างหัวเตียงก็สั่น


“ครืด ครืด” เห็นชื่อคนโทรมาแล้วไม่อยากรับ       ไม่รับแม่ง!!

สุดท้ายก็ทนไม่ไหว  ไอ้ดินแม่งกระหน่ำโทรมาอย่างกับ ใครจะเป็นจะตาย 


“โหล” รับสายมันอย่างหงุดหงิด


“ตื่นยัง” มันถามด้วยน้ำเสียงนิ่งทุ้มเหมือนเดิม


“ยัง”


“ยังไม่ตื่น แล้วทำไมรับสายได้ล่ะ”


“อย่ากวนตีน มีไรว่ามา”  ลีลาอยู่ได้


“หมู ไก่ ปลา เนื้อ”


“อะไรของมึง  อย่ากวนประสาท” ผมถามอย่างหงุดหงิด คนยิ่งปวดหัวอยู่


“ตอบมาก่อน” 


“ไก่”  ขี้เกียจเถียงตอบๆไป จะได้นอนต่อ


“ผักล่ะ กินอะไรไม่ได้บ้าง” มันยังถามต่อ


“เคยบอกไปแล้ว จำไม่ได้รึไง ” ตอบมันอย่างหงุดหงิด


“ก็นึกว่าจะมีอะไรนอกเหนือจากนั้น ตกลงไม่กินมะเขือเทศ กับผักบุ้งนะ”


“อือ” จะว่าไปความจำมันก็ดีเหมือนกันนะ ไม่คิดว่ามันจะจำได้จริงๆ


“ผลไม้ล่ะ ชอบกินอะไร”


“อะไรก็ได้ที่ไม่เปรี้ยว   ถามจริงๆ นะไอ้ดิน มึงจะมาถามกูเพื่ออะไร แม่งกูปวดหัว อยากนอน ” ผมโวยวายใส่มัน


“ปวดหัวเหรอ” น้ำเสียงมันดูตื่นตระหนก


“เออ กูขอนอนก่อนนะ”


“เดี๋ยว กินข้าวกินยายัง”  ยังจะถามอีก กูอยากนอนโว้ย!!


“ยัง  แค่นี่นะ” พูดเสร็จก็วางสายทันที แม่งรำคาญ ถามมากอยู่ได้ คนจะหลับจะนอน


       ยัง ยังจะโทรมาอีก ปิดเครื่องแม่ง!!


หลับไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง  เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น


“กริ๊งๆๆๆๆๆๆ”  แม่งจะกดอะไรหนักหนาวะ

เดินออกจากห้องด้วยอารมณ์บูดบึ้ง พอเดินมาเปิดประตูบ้านเท่านั้นแหละ เห็นไอ้ดินทำหน้านิ่งยืนอยู่หน้ารั้ว

               หงุดหงิด!!


เดินปึงปัง ไปเปิดประตูรั้วให้มัน


“มาทำไม” ถามมันด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


“ซื้อข้าวต้มมาให้กิน มึงจะได้กินยา”  ได้แต่มองหน้ามันอย่างสงสัย  ว่ามันทำเพื่อ ไปขอร้องมันตอนไหน!!


ว่าแล้วมันก็เดินนำหน้าผมเข้าบ้าน   ตกลงนี่บ้านใคร?!!

เดินตามมันเข้ามา มันก็จัดการเทข้าวต้มใส่ถ้วย  พร้อมกับหันมาถาม


“บ้านมึงมีกาแฟป่ะ”


“มี  แต่เป็นกาแฟสดนะ อยู่ในตู้ข้างตู้เย็น  อยากกินก็ชงเอาเอง ”  มันได้แต่พยักหน้าแล้วยกข้าวต้มมาวางที่โต๊ะกินข้าว


“มากินข้าว  เดี๋ยวมันจะหายร้อนซะก่อน” มันว่าพร้อมกับลากเก้าอี้ให้ผมนั่ง


“แล้วมึงไม่กินด้วยล่ะ”


“กูกินตั้งแต่เช้าแล้ว มึงกินไปเหอะ”

ผมได้แต่ยักไหล่ ค่อยๆตักข้าวต้มเข้าปาก กินได้ไม่กี่คำก็เริ่มกินไม่ลง   คือคนแฮงก์อ่ะ  ไม่ค่อยอยากกินอะไรสักเท่าไหร่

เลยนั่งมองกาแฟที่ค่อยๆไหลออกจากเครื่องชงกาแฟอย่างช้าๆ มองไอ้ดินหยิบจับนู้นนี้นั้น

จะว่าไปมันก็เหมาะกับคำว่าพ่อบ้านดีเหมือนกัน  ลุคมันดูเหมือนผู้ชายอบอุ่น รักสัตว์ ทำอาหารเก่ง

ใครได้มันเป็นแฟนนี่คงโชคดี  ตายห่า!!


ไม่นานก็ได้กลิ่นหอมของกาแฟลอยมาเตะจมูก  อยากกินจัง  แต่ไม่กล้าขอให้มันชงให้ เดี๋ยวเสียฟอร์ม!!

แล้วไอ้ดินก็วางแก้วกาแฟ ลงข้างถ้วยข้าวต้ม  ผมได้แต่เงยหน้ามองมันอย่างสงสัย


“ดื่มซะ  กาแฟดำเข้มๆ แก้เมาข้างได้ดี”  ผมได้แต่มองหน้ามัน อึ้งๆ  แล้วก็ยกกาแฟขึ้นดื่ม 

กลิ่นหอมและรสของกาแฟทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น


“ข้าวต้มกูกินไม่หมดนะ อิ่มแล้ว”  ผมบอกมันหลังซัดกาแฟหมดแก้ว

มันมองหน้าผมแล้วส่ายหน้า  “เอามานี่  เสียดายของ”   ว่าแล้วมันก็เอาข้าวต้มไปกินต่อเฉยเลย

... แต่เดี๋ยวนะ  เปลี่ยนช้อนก่อนมั้ย   กูยังไม่ได้แปรงฟัน  มึงกำลังแดกขี้ฟันกู!!!


“มึงไปนอนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวกูล้างจานเสร็จก็จะกลับ ” มันพูดหน้านิ่ง พร้อมกับตักข้าวต้มที่เหลือเข้าปาก


“ไม่เป็นไรกูรอได้  แล้วก็จาน เดี๋ยวกูล้างเอง เอาแช่ไว้ในอ่างนั้นแหละ และก็ขอบใจที่ซื้อข้าวมาให้ ”  ขณะผมพูด

มันมองหน้าผมนิ่ง...มองแบบนี้อีกละ มองแบบนี้ที่ไรผมมักจะทำอะไรไม่ถูกทุกที


“มะ  มองไร”  เห็นมั้ยขนาดถามกูยังกระตุกอ่ะ


“...” ยัง ยังไม่ตอบ  มัยยังคงจ้องผมนิ่ง


“...” ไม่เลิกจ้องใช่มั้ย   ได้!!  กูจ้องกลับแม่ง!!


5นาทีผ่านไป เรายังนั่งเท้าค้างจ้องหน้ากันอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว  ไม่มีใครยอมใคร  ไม่รู้ศึกนี้จะจบลงอย่างไร 

และแล้ว... ผู้ห้ามศึกครั้งนี้ก็คือ  ชบา ผู้กล้าหาญของเรานั่นเอง เจ้าเหมียวตัวสีดำกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะ

พร้อมกับคลอเคลียหน้าผม  เจ้าเหมียวไม่รักดี แกจะทำให้ฉันแพ้   มันถูไม่หยุด ผมกำลังจะจาม 

ไม่ได้ต้องอดทน   ต้องทน   และแล้ว   “ฮัด  ชิ้ว ”  บ้าเอ้ย จามจนได้


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  ได้ดินมันหัวเราะเหมือนคนบ้า  หืม..หัวเราะงั้นเหรอ  ยิ้มว่ายากแล้ว แต่นี่มันหัวเราะ 

กูขอแอบถ่ายคลิปตอนมันหัวเราะได้มั้ย นี่มันเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญเลยนะเนี่ย!!
   
เมื่อผมเห็นมันหัวเราะ เลยหัวเราะตามมันไปด้วย  แล้วเราก็ต่างหัวเราะกับความบ้าบอที่เราเล่นอะไรกันก็ไม่รู้เหมือนเด็กๆ

                       ช่วงเวลาตอนนี้ รู้สึก สุขใจ แปลกๆแฮะ!!


“ขอบใจมากนะชบาที่ทำให้พี่ชนะ  เอาขนมรส แซลมอน หรือทูน่าดี?” ไอ้ดินพูด พร้อมกับลูบหัวชบา 

แล้วมึงเป็นแมวรึไง ถึงมีน้องเป็นแมวน่ะ  โธ่...ไอ้แมววว!!!


จากนั้นมันก็เดินไปหยิบขนมสำหรับแมวที่มันซื้อมาครั้งก่อน แล้วนั่งลงกับพื้นเพื่อป้อนขนมแมว

พร้อมกับเรียกเจ้าเหมียวสีขาวอีก2ตัวไปกินด้วย

“จำปี  จำปา มากินขนมเร็ว” เจ้าเหมียวสีขาวสองตัวที่นอนเล่นอยู่บนโซฟาได้ยินเสียงถุงขนมก็รีบวิ่งไปหาไอ้ดินทันที   

           ไอ้แมวตะกละ!!


ไอ้พี่แมวนั่งป้อนขนมน้องๆอยู่บนพื้นโดยน้องๆมันสามตัวล้อมหน้า ล้อมหลัง พร้อมส่งเสียงเหมี๊ยวๆ

ผมนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม หันข้างไปมองไอ้ดินที่ป้อนขนมเจ้าเหมียวทั้งสาม 


แล้วก็เผลอมมองมันอีกจนได้     ใบหน้ามันตอนที่ยิ้มน้อยๆให้กับพวกเจ้าเหมียว มันดูอ่อนโยนดีจัง
 
แล้วความรู้ สุขใจ มันก็แล่นเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง  ผมว่า หัวใจผมคงผิดปกติ  ต้องไปให้หมอตรวจดูสักหน่อยแล้วล่ะ !!

แล้วไอ้ดินก็เงยหน้า สบตาเข้ากับผมพอดี   ผมเลยรีบหลบตา เซมองไปทางอื่น   จะให้มันรู้ว่าผมแอบมองไม่ได้  อาย!!


“เพิ่งรู้ว่าจำปาตาสองสี ตอนแรกคิดอยู่ว่าคงแยกจำปีกับจำปาไม่ออก  แต่ตอนนี้ดูไม่ยากละ ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา


“จะไปอยากอะไร มึงก็ดูปลอกคอสิ  สีฟ้าจำปี  สีส้มจำปา”  มึงจะโง่รอดูตาแมวเพื่อ!! 
 
แล้วมันก็ไม่พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาป้อนขนมแมวต่อ 

แล้วมันก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “มึงหายปวดหัวยัง?”


“ดีขึ้นแล้ว” ได้กาแฟดำไปแก้วนึง ก็รู้สึกดีขึ้นมาก


“งั้นออกไปซื้อของกัน”


“ซื้ออะไร กูขี้กียจออกไป ตั้งใจวันนี้อยากนอนอยู่บ้านทั้งวัน”


แล้วมันก็จ้องหน้าผม เกลียดสายตาแบบนี้จริงๆ  มันเหมือนบังคับว่ายังไงกูก็ต้องไปกับมึง


 สายตาเดียวกับเมื่อคืนที่มันขอเข้ามาในบ้านแล้วมันก็จูบผม       ฮือ..แค่คิดหน้าก็ร้อนอีกแล้ว!!


                     ยังไงก็ต้องไปใช่มั้ย?      แล้วทำไมผมต้องยอมมันทุกทีด้วยล่ะ?!!



หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ผมออกมาซื้อของกับไอ้ดินที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ 


“มึงเลือกไก่ใช่ป่ะ”  อยู่ๆมันก็พูดขึ้นหลังจากเข็นรถเข็นเข้ามาในซุปเปอร์


“...?” อะไร กูไปเลือกอะไรตอนไหน


“ก็ที่โทรถามตอนเช้าไง  หมู  ไก่ ปลา เนื้อ แล้วมึงก็เลือกไก่”


“แล้วไง”


“จะทำสเต็กให้มึงกิน  ครั้งก่อนที่กูทำกับข้าวให้มึงกินมึงบอกว่ากูไม่ถามความคิดมึงไง ครั้งนี้เลยโทรถามก่อน” มันพูดซะยาว


“เข้าใจที่โทรมาถามก่อน  แต่สิ่งแรกที่มึงควรถาม คือถามว่ากูอยากกินรึป่าว ”   ผมอธิบายให้มันฟังช้าๆ


“...” มันไม่ตอบแต่สีหน้า มันดูผิดหวัง


“อ่ะๆ กินก็กิน  ต้องซื้ออะไรบ้างล่ะ”  เห็นสีหน้าหงอยๆของมันแล้วรู้สึกผิด  เอ๊ะ..แล้วทำไมผมต้องแคร์ มันด้วยวะ!!


“อกไก่ละกันเนาะ”  อื่อหื้อ เปลี่ยนสีหน้าเร็วมาก  มึงเป็นกิ้งก่ารึไง!!


“แล้วแต่มึงเลย กูกินได้”


“มึงชอบกินมันบด รึป่าว?” มันถามขณะเลือกเนื้อไก่


“ก็ชอบนะ  แล้วมึงทำเป็นเหรอ?” ถามเพราะสงสัยว่ามันทำอาหารเป็นทุกสัญชาติเลยเหรอวะ


“ก็พอทำได้นะ กูชอบทำอาหาร ตอนอยู่บ้านก็หัดทำเรื่อยๆ” มันพูดพร้อมหยิบจับของไปเรื่อยๆ  พลิกดูฉลาก เลือกอย่างดี

ไม่ใช่หยิบส่งๆใส่รถเข็น  มันถึงเหมาะกับคำว่า พ่อบ้าน จริงๆนั้นแหละ!!


“มึงน่าจะไปเรียนด้านที่เกี่ยวกับอาหารมากกว่าเรียนเกษตรนะ ” มันชอบทำอาหารน่าจะเรียนไปทางอาหารมากกว่า


“บ้านกูไม่ได้มีร้านอาหาร จบไปก็เอาไปช่วยอะไรเขาไม่ได้  เรียนเกษตรนะดีแล้ว ”


“เขาบังคับให้มึงเรียนเหรอ” สงสัยไง บ้านทำสวนแล้วลูกจำเป็นต้องเรียนเกษตรด้วยเหรอวะ?


“เปล่า กูอยากเรียน”   โอเค   จบ   ตามนั้น


“แล้วมึงละ ที่บ้านบังคับให้เรียนสัตวแพทย์รึป่าว” มันยังถามต่อ


“เปล่า  กูอยากเรียน” ผมส่ายหน้า พร้อมกับตอบ


“เห็นมั้ยล่ะ  เหตุผลเดียวกัน”  พูดเสร็จมันก็ยิ้มพร้อมกับขยี้หัวผมเบาๆ  จากนั้นก็เข็นรถเข็นไปทางแผนกผัก

  ปล่อยให้ผมยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น 

 
            ...อะไร  เกิดอะไรขึ้น!!     สายตาและสัมผัสอ่อนโยนเมื่อกี้คืออะไร?!!


               ใครก็ได้ตอบที  ว่าทำไมผมต้องใจเต้นแรงกับสัมผัสนั้นด้วย ?!!


           พังอีกแล้วใจ   คงได้ไปหาหมอจริงๆแล้วล่ะ  ใจผมมันอ่อนไหวง่ายเกินไปแล้ว!! 



       
 
 มีต่อด้านล่าง 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2017 09:38:01 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
       ซื้อของ พร้อมกับกินข้าวเที่ยงเสร็จ  ก็กลับถึงบ้านเกือบบ่ายสอง


“มึงจะกลับหอมึงก่อนก็ได้นะ” พูดขณะวางของลงบนโต๊ะในห้องครัว


“เดี๋ยว5โมงก็ทำข้าวเย็นละ  ขออยู่จนถึงค่ำเลยได้มั้ย ขี้เกียจไปๆมาๆ ”


“อื่อ ตามใจ” พูดเสร็จผมก็ไปนั่งดูทีวีที่โซฟา


แล้วมันก็ตามมานั่งข้างๆ รู้สึกถึงแรงยวบที่โซฟา

 
“มึงชอบดูการ์ตูนของ จิบลิ เหรอ เห็นมีแผ่นซีดีเยอะเลย”


“ใช่ กูชอบดูพวกการ์ตูนอนิเมชั่น โดยเฉพาะค่าย สตูดิโอจิบลิ เนื้อเรื่องดี ภาพก็สวย  มึงก็ชอบเหรอ?” ผมหันไปถามมันบ้าง


“ไม่เชิงอ่ะ เคยดูแค่เรื่องเดียวจำชื่อเรื่องไม่ได้  เรื่องที่มันมีตัวโทโทโร่อ่ะ ”


“อ่อ มันชื่อเรื่องว่า ‘My Neighbor Totoro’  มึงอยากดูอีกป่ะ หรือจะดูเรื่องอื่นก็ได้ ” ผมยกกล่องที่ใส่แผ่นซีดีการ์ตูน

ที่วางอยู่ชั้นวางทีวีมาให้ไอ้ดินเลือก  มันเลือกอยู่สักพัก ก็หยิบซีดีแผ่นนึงมายื่นให้ผม


“เรื่องนี้ละกัน มีชบาอยู่บนปกด้วย”

หืม..เรื่องที่มันหยิบมาให้คือเรื่อง แม่มดน้อยกิกิ หรือ Kiki’s Delivery Service หน้าปกเป็นรูปเด็กผู้หญิงผมสั้น

คาดผมด้วยโบว์ใหญ่สีแดง ข้างๆก็มีแมวน้อยสีดำตาโต จะว่าไปก็เหมือนชบาอย่างที่ไอ้ดินมันว่าเหมือนกันนะ..


“เจ้าแมวตัวนี้ชื่อ จิจิ เป็นแมวพูดได้  ตกลงดูเรื่องนี้นะ? ” ผมชูแผ่นหนังถามมันอีกครั้ง มันพยักหน้า


ผมเลยลุกไปหยิบแล็ปท็อปที่อยู่ในห้องนอน  เพื่อมาเปิดหนัง

เรานั่งบนพื้นพิงโซฟา ดูหนังในแล็ปท็อปที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา ส่วนบนโซฟาก็มีเจ้าเหมียวสีขาวสองตัวนอนอยู่

ส่วนชบานั่งอยู่บนตักผม  เรานั่งดูหนังกันไปเรื่อยๆมือไอ้ดินก็เอื้อมมาลูบหัวชบาที่นอนอยู่ตักผม เป็นพักๆ


ใครมาเห็นเราในตอนนี้ คงคิดว่าเราเป็นคู่รักที่ใช้เวลาในวันหยุด  ดูหนังด้วยกัน อยู่กับบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย
 
        อืม..แม่งโคตรโลกสวยอ่ะ!!   

หารู้ไม่ กูเพิ่งรู้จักมันได้ไม่กี่วัน อยู่ๆมันก็เข้ามาวุ่นวายในชีวิต   

แต่ก็น่าแปลกตรงที่กูยอมให้มันเข้ามาวุ่นวายนี่แหละ     ไม่ยักจะรำคาญ!!


“น่ารักดี” อยู่ๆไอ้ดินก็พูดขึ้น


“อะไร จิจินะเหรอ” ในการ์ตูนตอนนี้เป็นฉากที่แม่มดน้อยกิกิกำลังขี่ไม้กวาดอยู่บนท้องฟ้า โดยมีแมวน้อยจิจินั่งอยู่บนกระเป๋า

สะพายสีส้มของแม่มดน้อยกิกิ ใบหน้าของเจ้าจิจิลู่ลม ดูน่ารักดี

“เปล่า” มันตอบ  ผมเลยสงสัยหันไปมองหน้ามัน ก็สบเข้ากับสายตาของไอ้ดินที่มองหน้าผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

แววตาแบบนี้ หมายความว่าไง หน้านิ่ง แต่แววตามันยิ้มไหวระริก


“แล้วอะไรละที่น่ารัก” ผมถามกลับ แต่ใจสั่นแปลกๆ

“ชบาไง น่ารักกว่าจิจิ อีก ” พูดเสร็จมันก็เกาคางให้ชบา  เห้อ..ค่อยโล่งอกหน่อยที่คำตอบคือชบา

 เอ๊ะ นี่ผมควดหวังคำตอบอะไรอยู่


“อืม น่ารักหมดนั้นแหละ” จะแมวตัวไหนสำหรับผมก็น่ารักทั้งนั้น


“อืม ใช่ น่ารักหมด เจ้าของมันก็น่ารัก”  ท้ายประโยคมันพูดเสียงเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน


 ตึก ตึก ใจผมเต้นแรง  ตอนนี้หน้าผมต้องแดงแน่ๆๆ   

ไม่รู้จะทำยังไงกลัวมันจะเห็นสีหน้าผม เลยรีบอุ้มชบาไปวางไว้ที่ตักมัน  แล้วรีบลุกขึ้น


“กูไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา”  แล้วก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ  เพื่อสงบสติอารมณ์


       บ้า..บ้าไปแล้วแน่ๆ อยู่ๆมาชมกันแบบนี้ได้ไง  แล้วไอ้อาการตอบสนองต่อคำชมของมันนี่อีก  จะเขินทำไม?

มองหน้าตัวเองในกระจก แดงอย่างกับลูกตำลึง ไอ้ดินมันจะทันเห็นมั้ยวะ  ถ้ามันเห็น บอกได้คำเดียวว่า อาย!!




 แล้วกว่ามันจะทำสเต็ก  กว่าจะกินเสร็จ   กว่ามันจะกลับ  อยู่ด้วยกันแบบนี้มีหวัง  หัวใจกูพังแน่นอน!!!


                                                   
                               ฮือ....จะบ้าตาย!!#$%#@!




  *TBC*
...........................................................................................

สวัสดีค่ะ  มาตามคำสัญญา
พี่ดินของเราเริ่มรุกแล้วนะค่ะ 
สุดท้ายก็ยังไม่ได้กินสเต็ก เอ๊ะ หรือว่าเค้าจะกินอย่างอื่นแทน ติดตามต่อบทหน้าเนาะ สปอยๆ^^
เจอกันอังคารหน้าค่ะ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2017 09:47:00 โดย MA_LEE »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
« ตอบ #9 เมื่อ: 19-12-2017 23:49:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
«ตอบ #10 เมื่อ20-12-2017 02:59:32 »

 o13 พึ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ ...  o13 เรื่องน่ารักมากกก  :hao7: มาต่อเร็วๆนะค่ะ ชอบบบบค่ะ   o13 ฝุ่นน่ารักน่าหยิกมากกก ดิน นี้แบบ  :hao3: เนียนสุดๆ  :hao3:

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
«ตอบ #11 เมื่อ20-12-2017 09:07:25 »

แผ่นดินรุกหนักมาก :-[

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
«ตอบ #12 เมื่อ20-12-2017 12:07:48 »

โอ๊ย >//< น่ารักมากกกก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
«ตอบ #13 เมื่อ20-12-2017 13:48:42 »

เพิ่งได้เข้ามาอ่าน น่ารักมาก รวมทั้งพี่หมีไส้ตรงด้วย55**
ตอนหน้ามาวันจันทร์ดีไหม คริศมาส จะได้มากินสเต็กกัน โรแมนติกนะ

 :L2: :L1: :pig4:
ขอบคุณและติดตาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2017 16:12:23 โดย Billie »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
«ตอบ #14 เมื่อ20-12-2017 15:44:01 »

ขอบคุณมากนะค่ะ ที่เอ็นดูน้องพู่กันกับน้องแผ่นดิน^^

ปล.  อาจมีเซอร์ไพร์สวันคริสต์มาสค่ะ..
  :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 4 พ่อบ้าน? (19-12-2017)
«ตอบ #15 เมื่อ20-12-2017 16:11:34 »

ขอบคุณมากนะค่ะ ที่เอ็นดูน้องพู่กันกับน้องแผ่นดิน^^

ปล.  อาจมีเซอร์ไพร์สวันคริสต์มาสค่ะ..
  :mew1:

ดีใจ รอเลย :L1: :ling1:

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
«ตอบ #16 เมื่อ25-12-2017 23:19:02 »

บทที่ 5 ของขวัญ?



           
หลังจากที่เราดูการ์ตูนเสร็จก็เกือบห้าโมง  ไอ้ดินก็เข้าครัวเพื่อทำสเต๊ก โดยที่มีผมเป็นลูกมือ

“ให้กูทำไรบ้าง ว่ามาเลย” ผมอาสา  ช่วยกันทำจะได้เสร็จไว้ๆ


“งั้นต้มมันฝรั่งให้หน่อย ไม่ต้องปลอกเปลือกแค่ล้างก็พอ” พูดเสร็จมันก็หันไปจัดการกับเนื้อไก่


ผมก็จัดการตามที่มันสั่ง ล้างมันฝรั่ง จากนั้นก็หย่อนมันฝรั่งลงต้มในหม้อ   เมื่อเสร็จแล้วก็ถามมันต่อ “ให้ทำไรเพิ่มอีก?”


“ไม่มีละ แค่นั่งเป็นกำลังใจก็พอ!!”


“...” แดกจุด


“อยากช่วยเหรอ งั้นขอน้ำดื่มสักแก้วสิ” มันคงเห็นที่ผมวางงานเกินไปจึงหาอะไรให้ทำ  แต่นี้ไม่เกี่ยวกับทำอาหารเลยนะ!!


“อ่ะ” ผมรินน้ำใส่แก้ว พร้อมกับยื่นให้มัน


“ป้อนหน่อย” แล้วมันก็ชูมือที่เลอะให้ดู

แล้วผมก็ค่อยจรดแก้วที่ริมฝีกปากไอ้ดินช้า รู้สึกเกร็งแปลกๆ


“ชื่นใจจัง ขอบคุณนะ ” แล้วมันก็ยิ้มกว้างให้ผม แล้วก็ลงมือทำสเต็กต่อ

    รอยยิ้มนั้นทำให้ผมสตั้นไปสามวิ!! 


“ถ้าไม่มีไรให้ช่วย กูไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านนะ” ต้องรีบออกจากสถานการณ์นี้ครับ  ไม่งั้นตายแน่..หัวใจ

ไม่รอให้มันพูดอะไร รีบหมุนตัวออกจากห้องครัวทันที


          ความเย็นจากสายน้ำที่ออกมาจากสายยาง และสีเขียวของต้นไม้ มันช่วยให้จิตใจสงบขึ้น

จากที่เมื่อกี้ใจมันเต้นแรงอย่างกับจะทะลุออกมาจากอกให้ได้   ให้ตายสิ!! ผมมีอาการแบบนี้ทุกที เมื่อเห็นรอยยิ้ม
 
หรือสัมผัสที่มาจากไอ้ดิน     ทำยังไงถึงจะหายวะ?!!


 รดน้ำต้นไม้เสร็จ ก็นั่งเล่นกับเจ้าเหมียวสามตัวอยู่หน้าบ้าน 


“ไหนๆ ขอจุ๊บแหมบพี่ปีหน่อยจิ” ผมชอบเล่นแบบนี้กับแมวครับ ชอบจุ๊บจมูกของมัน  ไม่รู้ว่าผมเป็นโรคจิตรึป่าว   ฮ่า ฮ่า

ผมอุ้มจำปีขึ้นมา แล้วก็จุ๊บหลายๆทีไปที่จมูกเจ้าเหมียว  พอเงยหาขึ้นก็เห็นไอ้ดินยืนยิ้ม มองผมอยู่ด้านข้าง

ไม่รู้ว่ามันเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่    มันเห็นผมเล่นกับแมวแบบนี้ มันจะคิดว่าผมปัญญาอ่อนรึป่าววะ

ยิ่งเวลาคุยกับแมวตอนที่เล่นแบบนี้ผมจะใช้เสียงสองซะด้วยสิ    ฮือ..น่าอายจัง

แล้วไอ้ดินก็เดินมานั่งข้างผม  พร้อมกับลูบหัวจำปากับชบาที่นั่งคั่นกลางระหว่างผมกับไอ้ดิน


“สเตีกเสร็จแล้วนะ กินเลยมั้ย?”  แล้วมันก็พูดขึ้น


“อีกสักหน่อยละกัน ยังไม่ค่อยหิว  หรือมึงหิวแล้ว?”

   
“รอได้ แล้วแต่มึงเลย”


“...”ไม่มีใครพูดอะไร อย่างฝ่ายต่างนั่งเล่นกับเจ้าเหมียวไปเงียบๆ   รู้สึกบรรยากาศแปลกๆ


“บ้านมึงต้นไม้เยอะดีนะ  ดูร่มรื่นดี” แล้วไอ้ดินก็เริ่มชวนคุย


“ส่วนใหญ่แม่ปลูกน่ะ  แกชอบต้นไม้  แต่คงสู้บ้านมึงไม่ได้  บ้านมึงทำสวนคงมีต้นไม้มากกว่า”

มันไม่ตอบอะไร นั่งเกาคางเจ้าเหมียวไปเรื่อยๆ


“ว่าแต่บ้านมึงทำสวนอะไรวะ” มันไม่ตอบเลยถามต่อ


“หลายอย่าง ทั้งดอกไม้ ผลไม้  อยากรู้ก็ไปเที่ยวบ้านกูสิ หน้าหนาวทุกปีพวกไอ้หมีก็จะไปตั้งแคมป์ที่บ้านกู ”


อ่อ บ้านไอ้ดินนี่เอง เพราะคริสมาสปีที่แล้วไอ้หมีมันชวนผมไปตั้งแคมป์ที่บ้านเพื่อนมันที่โคราช 

แต่ตอนนั้นไม่ได้ไปเพราะติดแฟน!!   แต่ปีนี้ไม่มีแฟนก็อาจจะไป!!


“ค่อยว่ากัน  แต่ตอนนี้หิวละ ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้น เดินเข้าบ้านโดยที่มีไอ้ดินเดินตามมาข้างหลัง

บนโต๊ะมี สเต๊กไก่ มันบด และสลัดผักชามโตที่วางอยู่กลางโต๊ะ  อืม..ดูน่าอร่อยแฮะ


“หน้าตาดีนะเนี่ย แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะดีเหมือนหน้าตารึป่าว”  จะชมแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแขวะด้วย


“คนทำหน้าตาดีไง อาหารก็เลยออกมาหน้าตาดี  ส่วนรสชาติต้องลองชิมดูแล้วจะติดใจ 

ส่วนคนทำอยากจะลองชิมดูด้วยก็ได้นะเผื่อจะติดใจ”  มันพูดพร้อมขยิบตา  หือ..นี่กูตาฝาดรึป่าว ไอ้ดินเนี่ยนะ ขยิบตา!!
 
ไปโดนตัวไหนมาวะ ...แล้วมั่นหน้ามากที่กล้าชมตัวเองว่าหน้าตาดี     กูยอม!!


“พูดบ้าอะไรของมึง  ใครจะอยากไปชิมมึง”


“ไม่อยากเหรอ?  แต่กูอยากชิมมึงนะ  ได้ชิมเมื่อคืนไปนิดนึง ปากมึงหวานเจี๊ยบเลย!!” มันพูดพร้อมกับทำหน้ายิ้มกริ่ม


“แค่กๆ  ไอ้บ้า มึงหยุดพูดเลยนะ  ถ้าไม่หยุดกูจะเอามีดแทงมึง ”  สำลักเลยกู   ผมโวยวาย พร้อมกับชูมีดสเต๊กในมือขึ้นขู่

มันได้แต่หัวเราะหึๆ ในลำคอ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ    พูดเรื่องจูบขึ้นมาแล้วกินไม่ลงเลยกู 

แต่ที่ยอมกินเนี่ย เพราะหิวต่างหากล่ะ!!  ไม่ใช่เพราะความอร่อยนะอย่าเข้าใจผิด!!     ฮึม..ยัดเข้าปากๆ โมโหหิว

ไม่ใช่เพราะเขินนะอันนี้ก็อย่าเข้าใจผิด..


“ค่อยๆกินก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” มันขำที่ผมกินอย่างมูมมาม


“อย่ามายุ่งกะกู”  กูเกลียดมึง  อย่ามาคุยกับกู   รีบกินให้เสร็จมันจะได้กลับ  รู้สึกพลังงานกูเริ่มจะหมดละ


“มึงนี่น๊า  กินเลอะเป็นเด็กๆไปได้” พูดเสร็จมันก็เอื้อมมือ มาเช็ดครีมสลัดที่เลอะตรงมุมปากผม

พร้อมกับดูดนิ้วที่เลอะครีมที่มันเช็ดออกจากปากผม 
               
   บู้มมมมม !! ขอระเบิดพลีชีพตัวเอง   ณ ตรงนี้ 

มึงทำอะไรกู  มึงเล่นของใส่กูแน่ๆ  ตั้งแต่มึงเข้ามาในชีวิตกู มาอยู่ใกล้ๆกูมึงทำให้กูสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
 
มันขัดเขินไปหมดเวลามึงมาใกล้ๆ  ใจกูบางลงไปเลย  บางจังหวะใจกูก็ตุ๊ดไปหลายวิ!!   
 
                     ฮืออออ......ฮาไค่ไห้ง่าว!!!!!



      ...และแล้วมื้อเย็นก็จบลง  อย่างทุลักทุเล     ใจผมนี่แหละที่รอดมาได้อย่างทุลักทุเล!!




       บ่ายวันจันทร์กับอากาศที่แสนจะสดใส   หรา?!!  ร้อนจะตายห่า เหงื่อนี่แตกพลั่กๆ จักแร้เปียกหมดละเนี่ย!!

ขนาดในห้องเรียนเปิดแอร์นะยังเอาไม่อยู่  นี่ขนาดหน้าหนาวนะ อากาศประเทศไทยแลนด์เวรี่ฮอตแอนด์สไปรซี่จริงๆ!!

พวกผมนั่งเรียนคาบบ่าย แต่วันนี้อาจารย์เข้าเลทครึ่งชั่วโมง เลยนั่งรออาจารย์อยู่ในห้องเรียน


“ได้ข่าวว่ามีเดือนคณะเกษตร ไปทำสเต๊กให้กินเหรอมึง” ไอ้หมีที่นั่งข้างผมหันมาถาม


“จุ จุ จุ ไม่ธรรมดานะเนี่ย เปลี่ยนสเปคจากดาวคณะ มาเป็นเดือนคณะแล้วเหรอมึง ” ไอ้ปูนที่นั่งข้างไอ้หมีชะโงกหน้ามาแซวผม

ผมเลยเอาปากกายื่นไปเขกหัวมัน  แต่มันหลบทันซะก่อน   ตีไม่โดน เลยเขกหัวไอ้หมีแทน  เสือกมานั่งใกล้กูเองช่วยไม่ได้!!


“โอ๊ยยย  ตีหัวกูทำไมเนี่ย สมองกูเสื่อมขึ้นมาทำไง” มันร้องซะดังจนเพื่อนๆหันมามอง เล่นใหญ่ไปนะมึง  นี่ปากกาไม่ใช่ค้อน!!


“สมองมึงมันไม่เสื่อมหรอก เพราะมันไม่เหลือให้เสื่อมแล้ว ” ไอ้ปูนแซวไอ้หมีบ้าง ผมกับไอ้ปูนหัวเราะชอบใจ  ไอ้หมีเลยเอา

ปากกาเคาะหัวไอ้ปูนแทน  ไอ้ปูนได้แต่ทำหน้ามุ่ย


“ไอ้พู่มึงอย่ามาทำเป็นเฉไฉไม่ตอบ ” มันยังถามไม่เลิก


“ตอบอะไรละ” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


“ก็วันเสาร์ไง ไอ้ดินมันไปทำสเต๊กให้แดกใช่มะ  ไม่ชวนกูนะมึง  กะจะสวีทกันสองคนละสิ” ไอ้หมีมันทำสายตากรุ้มกริ่ม


“สวีทบ้าบอ อะไรของมึง  อยู่ๆมันก็มาของมันเอง กูก็งงๆอยู่เนี่ย” ผมงงกับการกระทำของมันจริงๆนะ อยู่ๆมันก็มาไม่มีบอกกล่าว

 แถมมาแต่ละที  ก็มาทำให้ผมใจสั่นแปลกๆอีกต่างหาก!!

แล้วไอ้เพื่อนขี้เสือกสองคนก็ทำสายตาไม่เชื่อ  ในสิ่งที่ผมพูด


“กูว่ามันไม่ปกติ  มันมีอะไรแปลกๆ ” ไอ้หมีพูดพร้อมส่ายหน้าช้าๆ ทำท่าครุ่นคิด


“แปลกไงวะ” ไอ้ปูนถาม  ไอ้นี่ก็ขี้เสือกจัง   จะมาจริงจังอะไรกับเรื่องกูนักหนาวะ


“ไอ้ดินไงที่แปลก ตั้งแต่รู้จักกับมันมา 7ปี มันไม่เคยสนใจใครหรือไปยุ่งกับใครก่อน 

หลายคนชอบบอกว่ามันเป็นพวกปิดกั้นตัวเอง กำแพงสูง  หน้าตาดีแต่มนุษยสัมพันธ์ติดลบ

 แต่กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทมันจะเป็นอีกอย่าง มันเป็นคนกวนตีนคนนึง  ” 

แล้วไอ้หมีมันก็ตบโต๊ะดัง ‘ปัง’  แล้วสะบัดหน้ามาทางผม “แต่...เพราะมึง ไอ้พู่  มึงทำให้มันปลี่ยนไป!! “ พูดพร้อมกับชี้หน้าผม


“กูไม่ได้ทำอะไร  กูอยู่ของกูเฉยๆ” ผมตีนิ้วของมันที่บังอาจมาชี้หน้าผม


แล้วไอ้หมีก็จ้องหน้าผมนิ่ง พร้อมกับลูบคางตัวเอง เหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดว่า..


“ไอ้ดินมันชอบมึงชัวร์ !!  ฟันธง”  มันพูดเสียงดังพร้อมตบโต๊ะเสียงดัง  เพื่อนๆในห้องต่างหันมามองพวกเราอีกครั้ง


“แค่กๆ “ ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง   “ ฟังธงห่าอะไร  เดี๋ยวกูจะฟันหน้ามึง”  พูดจามั่วซั่วจริงๆ


“มึงเชื่อกู  ไอ้ดินเพื่อนสนิทกู รู้จักกันตั้งแต่หรรมเท่าไข่นกกระทา จนตอนนี้หรรมใหญ่เท่าไข่นกกระจอกเทศ.. 

มันสนใจมึงชัววววว!!”   ถ้าหรรมมึงใหญ่เท่าไข่นกกระจอกเทศ มึงคงเดินไม่ได้อ่ะ หนักหรรมตายห่า!!

 นี่ถ้านึกถึงตอนแก่ หรรมมึงคงยานไปถึงตาตุ่ม!!! 


“มึงก็พูดไร้สาระ มันก็ผู้ชายกูก็ผู้ชาย มันจะมาชอบกูได้ยังไง?” พยายาม หาเหตุมาอธิบายมัน ยังไงผมก็ไม่เชื่ออ่ะ


“มึงอย่ามองเรื่องเพศดิ  ชอบก็คือชอบป่ะวะ จะหญิงหรือชายมันก็เหมือนกันนั้นแหละ

มันก็ใช้คำว่ารักหรือคำว่าชอบที่สะกด เหมือนกันนั้นแหละ”  อื่อหือ คมคาย


“ไอ้หมี  มึงเป็นแฟนคลับพี่อ้อย พี่ฉอดเหรอวะ ” ไอ้ปูนที่นั่งเสือกอยู่นาน ถามขึ้นพร้อมกับทำสายตาไม่น่าเชื่อว่า

คำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากไอ้หมี


“กูน้องพี่อ้อย พี่ฉอดโว้ย  เรียกกูว่าพี่ออด!!”    ออด พ่อง!! ไอ้ปูนกับผมสายหน้า มีสาระได้ไม่ถึง5นาทีมึงอ่ะ


“ แก๊งหมอ’หมา’ คุยอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างนอก” อาจารย์นภา ที่เดินเข้ามาก็บ่นพวกผมทันที

พวกเพื่อนๆในคณะ กับอาจารย์ส่วนใหญ่ จะเรียกพวกเราว่าแก๊งหมอ ‘หมา’ นี่และครับ

แก๊งหมอ’หมา’มีที่มาจาก ไอ้หมีคนเดียวล้วนๆ ‘หมา’ ในที่นี้ หมายถึงปากหมา
 
ผมกับไอ้ปูนที่อยู่กลุ่มเดียวกับมันเลย ได้ฉายาแก๊งหมอ’หมา’ไปโดยปริยาย!!   


“ตั้งใจเรียนนะค่ะ นักศึกษา ท้ายคาบมีควิซเก็บคะแนน”  อาจารย์นภา พูดเสร็จก็มีเสียงบ่นอุบอิบตามมาของนักศึกษา

จากนั้นพวกเราก็ตั้งใจเรียนไม่คุยอะไรที่มันไร้สาระจนหมดคาบเรียน  เหมือนพวกเราจะไร้สาระ
 
แต่เวลาเรียนพวกเราจะตั้งใจกันมากครับ  จริงๆนะ!!

พอขึ้นปีสองยิ่งรู้สึกว่าต้องตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม เพราะวิชาที่เรียนเริ่มยากขึ้น จะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับสัตวแพทย์มากขึ้น

หรือที่เรียกว่า preclinic ซึ่งต่างจากปี1ที่เรียนพื้นฐาน เคมี ชีวะ เหมือนทบทวนจากที่เรียนมาสมัยมัธยม


หลังจากเรียนเสร็จพวกเราก็มานั่งคุยกันตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ที่คณะ


“พวกมึงไปกินนมหน้าม. กัน” ผมชวนไอ้ปูนกับไอ้หมี อยากหาอะไรเย็นๆกินจะได้ผ่อนคลายสักหน่อย


“กูไม่ว่าง”ไม่หมีรีบตอบ


“กูก็ไม่ว่าง”  ไอ้ปูนก็ตอบอีกคน


“อะไรกันพวกมึง จะเทกูเหรอ?”


“วันนี้ไม่ได้จริงๆว่ะ กูนัดพี่ส้มไปดูหนังวะ ช่วงนี้ต้องทำคะแนน “ พี่ส้ม ของไอ้หมี คือรุ่นพี่ปี4คณะบริหารที่มันตามจีบมาได้สัก

ระยะหนึ่งแล้ว แต่ความสัมพันธ์ยังไม่ใช่แฟนสักที สถานะของมันตอนนี้คือ น้องชายคนสนิท ที่ซั่มกันได้!!!


ไอ้หมีมันชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่าครับ คำนิยามผู้หญิงในสเปคของมันคือ ‘พี่สาวนมตู้ม  เซ็กซี่ขยี้ใจ’  แบบเด็กๆน่ารักใสๆ

หมีบอกไม่ใช่แนวครับ  มันเคยบอกว่า พวกเด็กใสๆมันไม่ถึงใจ  ยิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์!!   

เหอะ..มึงไม่หาแฟนรุ่นยายไปเลยล่ะ!!!


ส่วนไอ้แนวน่ารักใสๆ ต้องยกให้ไอ้ปูน ครับ ‘ผู้หญิงผิวขาว ตัวเล็ก น่ารัก’ นี่คือสเปคของมัน

ส่วนสเปคผมนะเหรอ ได้หมด จะสวยหรือน่ารักก็ได้ เป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้องก็ไม่เกี่ยง ขอแค่เราเข้ากันได้ก็พอ...

แต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอ อยู่แบบเหงาๆ เพ้อๆ ไปก่อน!!


“แล้วมึงล่ะไอ้ปูน ทำไมไม่ว่าง”ผมถามมัน ซึ่งปกติมันจะว่างเสมอ เพราะแป้ง แฟนของมันที่คบกันตั้งแต่ม.6  ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น

มันจะไม่ว่างแค่ตอนดึก เพราะเป็นช่วงที่โทรคุยกันกับแป้ง


“พอดีญาติมาจากกรุงเทพวันนี้ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้าน”  ไอ้ปูนมันเป็นคนกรุงเทพ ตั้งแต่กำเนิดครับ

ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ตอน ม.4 พ่อมันซึ่งเป็นตำรวจย้ายมารับตำแหน่งที่เชียงใหม่  เลยได้ย้ายมากันหมดบ้าน

บ้านมันมีกัน3คนครับ พ่อ แม่ ลูก ซึ่งมันเป็นลูกชายคนเดียว  ครอบครัวของไอ้ปูนน่ารักครับ แม่ของมันก็ใจดีมาก

แล้วก็เลี้ยงหมาหลายตัว  เมื่อก่อนผมชอบไปเล่นที่บ้านมันบ่อยๆ


สรุปไม่มีใครว่าง  ผมเลยมาร้านนมที่หน้าม.คนเดียว  ซึ่งไม่แปลกหลังจากที่ผมเลิกกับแฟนซึ่งวันนี้ครบ3เดือนพอดี

ผมก็กล้าที่จะไปไหนมาไหนคนเดียวถ้าพวกไอ้หมอ’หมา’มันไม่ว่าง แต่ช่วงแรกๆไม่กล้าที่จะนั่งกินข้าวคนเดียวที่ร้าน รู้สึกไม่ชิน
 
ส่วนใหญ่จะทำกินเองหรือซื้อไปกินที่บ้าน โดยเฉพาะร้านที่ต้องมากันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่มอย่างร้านนมเนี่ยไม่กล้าเลย

มันรู้สึกแปลกที่มานั่งกินคนเดียว    แต่ตอนนี้สบ๊าย!! ภูมิคุ้มกันเริ่มดีขึ้น  เพราะผมเชื่อเรื่องของเวลา

ว่าเวลาจะช่วยทุกอย่างให้เราดีขึ้นเอง  นี่ก็สามเดือนละ ผมว่ามันเป็นเวลาที่มากพอที่ทำให้ผมหายดี.. 

แต่ไอ่เรื่องเหงาที่อยากมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต ยังคงตามหาอยู่นะ เพราะผมเชื่อว่าคนเรามันต้องมีคู่

 การอยู่ด้วยกัน ยังไงมันก็ดีกว่าการอยู่คนเดียว!!


ผมสั่งโกโก้ปั่นมาแก้วนึง กับขนมปังปิ้งเนยถั่วของโปรดมาอีกอย่างนึง นั่งกินไปพร้อมกับเล่นมือถือไปเรื่อยๆ

ผมเป็นคนไม่ค่อยติดโซเชียลสักเท่าไหร่  ไม่เล่นอินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์  จะมีแค่เฟสบุ๊ค แต่ก็ไม่ค่อยได้โพสอะไรมากมาย

ส่วนใหญ่จะเอาไว้ติดตามพวกเพจฟุตบอล หรือเพจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอะไรพวกนี้มากกว่า กับเอาไว้ติดต่อเพื่อนบ้าง

เลื่อนหน้าจอมือถือดูเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ ก็ไปสะดุดกับภาพๆหนึ่งที่มีแคปชั่นใต้ภาพว่า ‘รอยยิ้มแสนล่ำค่า’ ที่เพื่อนผู้หญิงในคณะ

ของผมคนนึงกดถูกใจ ซึ่งมันเป็นเพจคิ้วบอยของมหาลัย

 ซึ่งภาพนั้นมันเป็นภาพของไอ้ดิน!!   เป็นภาพถ่ายทีเผลอ เป็นมุมที่ไอ้ดินมันนั่งหันข้าง กำลังยิ้มอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆของมัน

ผมกดเข้าไปดูในคอมเม้น ที่มีคนมาคอมเม้นเกือบห้าร้อยคน!!

‘ฉันรักเค้า’

‘เห็นยิ้มเธอแล้ว..อยากชวนเธอมายิ้ม!!’

‘หน้านิ่งๆว่าเท่แล้ว ยิ้มมาทีนึงละลายเลยค่ะ’

‘ถ้าปีที่แล้วขาไม่หัก ดินต้องได้เป็นเดือนมหาลัยแน่นอน’

‘หล่อวัวตาย ควายล้มค๊า’

‘ผัวฉัน’

‘วันนี้ได้เห็นดินใกล้ๆด้วยแหละ  หน้าใสและหล่อมากกกกกก’  และอีกบลาๆๆๆ

เพิ่งรู้ว่ามันเป็นบุคคลของสาธารณะขนาดนี้  มิน่าละตอนที่อยู่ร้านเหล้าของไอ้พี่มด ผู้หญิงมองมันเกือบทุกโต๊ะ

ตอนไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตอีก ผู้หญิงหลายคนก็มองมัน บางคนมองมันแล้วก็ซุบซิบยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่

เพิ่งรู้ว่ามันเป็นเดือนคณะ จะว่าไปเมื่อตอนบ่ายตอนที่ไอ้หมีมันแซวเรื่องสเต๊ก เหมือนมันจะพูดทำนองว่าไอ้ดินเป็นเดือนคณะ

เหมือนกัน  แต่ถ้าผมจำไม่ผิดตอนประกวดดาวเดือนเมื่อปีที่แล้ว เดือนคณะเกษตรไม่น่าจะใช่มันนะ 

แต่ในคอมเม้นก็บอกว่าถ้ามันไม่ขาหักคงได้เป็นเดือนมหาลัย  งงๆแหะ  ช่างเหอะ..ไว้ค่อยถามมัน   

แล้วทำไมผมต้องสนใจเรื่องของมันด้วยวะ!!   สงสัยติดนิสัยขี้เผือกมาจากไอ้เพื่อนสองตัวนั้น..


ผมเผลอนั่งมองรูปของไอ้ดิน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนมา เรียกชื่อ

“พู่ พู่ใช่ป่ะ”  เป็นไอ้สมใจที่ร้องทัก  พอผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นไอ้สมใจ  ไอ้นพ แล้วก็ไอ้ดิน ยืนอยู่หน้าโต๊ะที่ผมนั่ง
 
ผมรีบเก็บมือถือ ไม่รู้ว่าไอ้ดินมันจะทันเห็นรึป่าว ว่าผมนั่งจ้องรูปมันอยู่   ให้ตายสิ!!


“มาคนเดียวเหรอ ไอ้หมี กับไอ้ปูนละ” ไอ้นพถามหาไอ้สองตัวนั้น


“อื่อ มาคนเดียว ไอ้หมีติดหญิง ส่วนไอ้ปูนกลับบ้าน” ผมตอบ แล้วอยู่ๆไอ้คนหน้านิ่ง ก็นั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆผมเฉยเลย
 
พร้อมกับพูดว่า


“นั่งด้วยคนนะ  โต๊ะเต็ม”  ผมหันไปดูรอบๆร้าน  โต๊ะเต็มพ่อง!!  ว่างตั้งหลายโต๊ะ กำลังจะขัดมัน แต่ไอ้นพก็พูดขึ้นมาซะก่อน


“เดี๋ยวพวกกูนั่งเป็นเพื่อน”  ไอ้นพพูดพร้อมลากเก้าอี้มานั่ง    ถามกูรึยังว่ากูอย่างมีเพื่อนนั่ง!!   

 แต่เอาเหอะ..ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อนคุย

แล้วพวกไอ้ดินก็ต่างพากันสั่งเครื่องดื่มพร้อมกับขนม  ซึ่งตอนนี้มันเต็มโต๊ะไปหมด


“ไอ้พู่ กินด้วยกันนะหรือสั่งเพิ่มก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ  ไอ้ดินมันเลี้ยง วันนี้มันอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” ไอ้สมใจพูดขึ้นพร้อมกับทำ

สายตายิ้มกริ่มไปที่ไอ้ดินที่นั่งทำหน้านิ่ง    แล้วทำไมไอ้ดินมันต้องเลี้ยงด้วยวะ? 


“มึงถูกหวยเหรอ!!” ผมสงสัยเลยหันไปถามมัน  แต่มันไม่ตอบ


“ชิมนี่สิ” มันจิ้มฮันนีโทส  มาจ่อตรงปากทำท่าจะป้อนผม   


“กูกินเองได้” ผมนิ่งอึ้งไปแปปนึง กำลังเอื้อมมือขึ้นมาจับส้อมที่จ่อตรงปากผม แต่มันกลับชักมือออก

 
“อ้าปาก” มันยื่นขนมมาอีกครั้ง  ผมเลยจำใจต้องอ้าปากงับไอ้ขนมปังชิ้นนั้น   ลืมไปว่าไอ้บ้านี่มันเผด็จการ!!


“อร่อยมั้ย” มันยังถามต่อ


“จะอร่อยกว่านี้ถ้ากูแดกเอง” 


“อยากกินขนมปังเนยถั่ว”


“ก็กินสิ”


“หยิบไม่ถึง ป้อนหน่อย”  ผมรีบหันหน้าไปมองหน้ามัน  มึงเป็นไร?

แล้วคำว่ามันแปลกไปที่ไอ้หมีพูดเมื่อตอนบ่ายก็พุดขึ้นมาในหัว แต่มันบอกแปลกไปเพราะชอบผมนะ  มันชอบผมจริงๆเหรอ!! 

ว้าวุ่นอีกแล้วใจกูอยู่ใกล้มึงทีไร หัวใจไม่เคยสงบสักที..


“อะไรของมึง จานมันก็อยู่แค่นี้ หยิบเอง เป็นง่อยรึไง”

“อยากให้มึงป้อน ทีเมื่อกี้กูยังป้อนมึงเลย ถือว่าแลกกัน”  ได้ข่าว มึงยัดเยียดป้อนกูเองนะ  ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ 

ได้!! อยากให้ป้อนมากใช่มั้ย   ผมจิ้มขนมปังเนยถั่วให้ได้มากที่สุดเท่าที่ไอ้ส้อมอันเล็กนี้มันจะจิ้มได้ 

แล้วก็ได้อยู่5ชิ้น ไอ้ดินที่มองขนมปังที่ผมจิ้ม ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ  ส่วนเพื่อนมันต่างพากันหัวเราะคิกคัก  มึงเจอกู!!


“อ้าปาก !!” ผมบอกมันเสียงดัง  ไอ้ดินทำตาปริบๆ พร้อมกับค่อยๆอ้าปาก  แต่ก่อนที่มันจะงับขนมปังนั้น

มันจับมือผมที่ถือส้อมไว้ แล้วมันก็งับขนมปังเข้าไปพร้อมกับงับส้อมไม่ยอมปล่อย  มือที่จับมือผมมันก็ไม่ยอมปล่อย

แล้วมันก็จ้องเข้ามาในดวงตาผม จังหวะนั้นผมรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้าก็ร้อนขึ้นมาถ้าใช้ปรอทวัดคงแตกไปแล้ว!!
 
ผมเลยออกแรงแล้วรีบดึงซ้อมออกมาพร้อมกับหัวใจที่เหมือนจะระเบิด   
   
ให้ตายสิ!!  อาการแบบนี้มันชักจะเกิดขึ้นบ่อยเกินไปละนะ


“อร่อยดีเนาะ  เป็นขนมปังเนยถั่วที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลยล่ะ” มันพูดพร้อมกับเคี้ยวอย่างยากลำบาก คงจะฝืดคอน่าดู!!

แต่สีหน้ามันดูมีความสุข  จนหน้าหมั่นไส้!!


“นพ เค้าอยากกินขนมปังเนยถั่ว ป้อนเค้าหน่อยจิ” ไอ้สมใจที่ทำหน้าได้ตอแหลมากกก


“ได้สิ เดี๋ยวป้อนให้นะจ๊ะ สมใจ” ไอ้นพก็เสือกเล่นตาม พวกมึงจะเล่นละครน้ำเน่าอะไรให้กูดู?!!


“แต่ขอชิ้นเดียวนะ  เดี๋ยวติดคอตายจ๊ะ”  กูขอให้ติดคอมึงตาย ไอ้ผีบ้า!!


“อ้าปากจ๊ะ”


“อื้อ อร่อยจังเลย  เป็นขนมปังเนยถั่วที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลยล่ะจ๊ะ ” แล้วไอ้ผีบ้า2ตัวมัน ก็จับมือกันแกล้งทำตาหวานซึ้ง

        กูจะอ้วกกก!!

“เป็นบ้าอะไรพวกมึง แดกๆไปเลยนะ สั่งมาทำห่าอะไรไม่รู้เยอะแยะ แดกให้หมดนะ” อยู่กับไอ้หมีก็ปวดหัวมากพอละ มาเจอไอ้

สองตัวนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก  เพื่อนแต่ละคนมีแต่พวกไม่เต็มเต็ง !!


“ไอ้พู่ วันเสาร์นี้ว่างป่ะ  สนใจไปเที่ยวโคราชกับพวกกูมั้ย?”  ไอ้สมใจที่นั้งดูดนมเย็นจนหมดแก้ว ถามขึ้น


“ก็ว่างอยู่นะ ไม่น่าจะติดอะไร ว่าแต่ไปกับใครบ้างวะ” 


“คงมีแค่พวกกู กับไอ้หมี   ไอ้หมีมันก็เพิ่งจะตอบตกลง กูเพิ่งชวนมันในไลน์เมื่อกี้ แล้วก็ฝากมันชวนไอ้ปูนด้วย” ถึงว่าละว่าทำไม

ไอ้หมีมันไม่ชวนผมเอง


“ขอคิดดูอีกทีละกัน” ยังไม่แน่ใจไง วันเสาร์ที่จะถึงนี้ มันตรงกับวันคริสต์มาส  เผื่อที่บ้านนัดกินข้าวอะไรแบบนี้


“ไปเหอะน่า ถือว่าเป็นของขวัญคริสต์มาสให้กับคนแถวนี้!!”กูเนื่ยนะจะไปเป็นของขวัญให้ใคร??


“ไอ้ปูนก็ไปนะ  ไอ้หมีเพิ่งไลน์มากบอก”  ไอ้สมใจพูดพร้อมกับยื่นข้อความในมือถือที่มันคุยกับไอ้หมีมาให้ดู


“กูขอถามที่บ้านก่อนละกันเผื่อที่บ้านกูนัดกินข้าว”  จริงๆก็ไปได้นะ เพราะบ้านผมก็นับถือพุทธ

ไม่ได้สำคัญอะไรว่าผมต้องกลับบ้านในวันนั้น


“โอเค ขอคำตอบพรุ่งนี้นะมึง” ไอ้นพมันพูด พร้อมกับหันไปมองหน้าไอ้ดินที่ทำหน้านิ่ง ซึ่งมันดูนิ่งมากกว่าปกติ


“โอเค เดี๋ยวพรุ่งนี้กูให้คำตอบ   งั้นกูกลับก่อนนะมึง แมวที่บ้านคงจะหิวกันละ” ผมพูดพร้อมกับยื่นเงินฝากจ่ายในส่วนของผม

ให้กับไอ้ดินที่นั่งข้างผม


“ไม่เป็นไร เลี้ยง” มันพูดหน้านิ่ง


“ได้ไงละ  รับๆไปเหอะน่า” ผมคะยั้นคะยอให้มันรับเงิน


“เก็บไว้เอาไปซื้ออาหารแมวเหอะ  ค่านมกูเลี้ยง  จบนะ”   โอเค   จบ

 เถียงไปก็เท่านั้นครับ  ไอ้ดินผู้เหนือโลกเถียงมึงไม่เคยชนะหรอก!!

แล้วก็เหมือนไอ้ดินมันจะพูดอะไร  แต่สุดท้ายมันก็ไม่พูด  ผมเลยขอตัวกลับ


          กลับมาถึงบ้าน  ก็เห็นเวสป้าคันเก่าสีขาว ของไอ้พี่น้ำจอดอยู่หน้าบ้าน  ได้ฤกษ์กลับบ้านแล้วสินะ

“ออกจากถ้ำแล้วเหรอ?” ผมทักไอ้พี่น้ำที่นอนแผ่บนโซฟา  พร้อมมีเจ้าเหมียวทั้งสามตัวนอนอยู่บนตัวมัน 

ไอ้นี้มันประหลาดครับ ชอบนอนแล้วให้แมวนอนทับบนตัวมัน


“ไอ้แมวสีดำตัวนี้ชื่อไร” มันไม่ตอบแต่ถามคำถามแทน


“ชบา” ผมตอบพร้อมกับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวข้างๆ


“ตามันสวยดีเนาะ” มันชมพร้อมกับเกาคางให้ชบา


“วันเสาร์กลับบ้านรึป่าว” ผมถามพร้อมกับอุ้มจำปาที่นอนอยู่บนท้องมันมานั่งบนตักผม


“ไม่ได้กลับวะ วันเสาร์มีออกทริปไปปายกับชมรม” ชมรมที่มันว่าคือชมรมศิลปะของมหาลัยครับ


“พ่อกับแม่นัดกินข้าวรึป่าว”


“ไม่เห็นแกว่าไง ทำไมมึงจะไปไหน”


“ว่าจะไปโคราชกับพวกไอ้หมี”


“ก็ไปดิ  น้องปูนไปด้วยรึป่าว”


“ไป ทำไมวะ?”


“มึงน่าจะบอกกูเร็วกว่านี้ กูจะไปด้วย!!   แม่งกูรับปากกับชมรมไปด้วยแล้วสิ ” มันบนพึมพำ


“อะไรของมึง  นี่มึงชอบไอ้ปูนเหรอว่ะ!!” มันแปลกๆตั้งแต่ร้านไอ้พี่มดครั้งก่อนละ


“น้องมันน่ารักดี”  มันไม่ตอบตรงๆ   


“แล้วพี่นุ่นล่ะ” ผมถามถึงแฟนมัน


“เลิกกันแล้ว” มันยักไหล่ ตอบแบบไม่สะทกสะท้าน


“ฮะ!!  ตั้งแต่เมื่อไหร่” ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ


“เดือนนึงละมั้ง กูก็ไม่ได้นับวะ  ไม่ค่อยอยากจำคนที่ทำเหี้ยกับเราไว้เท่าไหร่”


“เห้ย!! เหี้ยเลยเหรอวะแรงไปรึป่าว”  ไอ้พี่น้ำมันเป็นคนปากจัดครับ แต่กับผู้หญิงมันไม่น่าจะใช้คำนี้นะ แม้จะพูดลับหลังก็ตาม


“ไม่ให้เหี้ยได้ไงล่ะ  กูแม่งโคตรคิดถึงอุตส่าห์รีบทำงานให้เสร็จจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน  พองานกูเสร็จเลยซื้อดอกไม้

กะไปเซอร์ไพรสที่ห้อง  แต่แล้วกูเสือกโดนเซอร์ไพรส์ซะเอง   แม่งนอนซั่มกันกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ กูเห็นคาตา”


“เห้ยยย แม่งเหี้ยจริงวะ  แล้วตอนนั้นมึงทำไงวะ”  เป็นผมคงยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกแน่ๆก็เห็นแฟนตัวเองเล่นหนังสด

กับคนอื่นซะขนาดนี้


“กูพูดแค่อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก แล้วก็ปิดประตูเดินออกมาเลย”


“แค่นี้?  มึงไม่โมโห หรือต่อยผู้ชายคนนั้นเหรอวะ”


“กูโคตรโมโห  แต่ที่กูไม่ต่อยเพราะกูขยะแขยง  ไม่อยากเอาตัวกูไปแลกกับมัน แล้วก็ไม่อยากเห็นภาพที่มันอุจาดตา

 ขอเดินออกมาแบบหล่อๆดีกว่า” อื่อหือ พระเอกจริงๆพี่กู  แล้วมันยังพูดต่อ


“มึงไม่ต้องห่วงกู  กูไม่เป็นไรกูโอเค  กูไม่เอาเวลาไปเสียใจกับคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับกูหรอก”

ผมได้แต่พยักหน้า  จะว่าไปไอ้พี่น้ำมันเป็นคนเข้มแข็งครับ มันไม่เคยเก็บเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจมาไว้กับตัว


“ว่าแต่มึงเหอะ มีสาวใหม่ยัง?”  ที่มันถามน่ะเพราะมันห่วงผม ผมรู้ แต่มันไม่เคยถามหรือแสดงออกตรงๆว่าเป็นห่วงผม


“ยังอ่ะ ยังไม่เจอคนที่ใช่ หาให้สักคนสิ”ผมพูดทีเล่นทีจริง


“หาทำไม ก็เจอแล้วนิ  ได้ข่าวว่ามาทำกับข้าวให้กิน2ครั้งละ  อย่าคิดว่ากูไม่อยู่บ้านเล็กแล้วกูจะไม่รู้เรื่องของมึงนะ สายกูเยอะ!!”


“เดี๋ยวๆ นั่นเพื่อน  อีกอย่างนั่นผู้ชาย ไม่ใช่สาว”  แล้วมันก็หรี่ตามองผม   


“บางที คนที่อยู่ใกล้กับเราอาจจะเป็นคนที่ใช่ก็ได้นะ มึงไม่ต้องตามหาให้เหนื่อยหรอก แค่เปิดใจก็พอ!! ”  มันพูดพร้อม

กับตบไหล่ผม  แล้วก็ลุกขึ้นยืน  พร้อมกับตดดัง   ป๊าดดด!!

   
 “กูไปขี้ก่อน”  แล้วมันก็ทำหน้าหล่อเดินไปเข้าส้วม


  ไอ้สัด!!  กูควรจะซึ้งในคำพูดมึง หรือกูควรจะอ้วกกับกลิ่นตดมึงดี    มึงแดกขยะเปียกมารึไง  ไอ้ไส้เน่า!!



   



มีต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2018 22:42:20 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
«ตอบ #17 เมื่อ25-12-2017 23:26:47 »

     เดินเข้าห้องนอน ว่าจะนั่งทำงานที่อาจารย์นภาสั่งในชั้นเรียนวันนี้สักหน่อยแล้วค่อยไปอาบน้ำ

แต่ยังไม่ทันได้หย่อนตูดลงนั่งมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่น  ‘ไอ้ดิน’

“ว่าไง” ผมกดรับสาย


“ทำไรอยู่” มันถามเสียงนิ่ง


“คุยกับมึงไง”


“อย่ากวนตีนดิ” พูดเรื่องจริง มาด่ากูอีก


“กำลังจะทำการบ้าน  มึงกำลังโทรมารบกวนกู ฉะนั้นมีไรว่ามา ” บอกตรงๆไม่ชอบ ชอบแบบแดกดันใช่มะ?


“วันเสาร์ไปโคราชด้วยกันนะ” น้ำเสียงมันดูร้องขอ


“ทำไมกูต้องไป ขอเหตุผลหน่อย”


“มึงจะได้รู้ไงว่าที่บ้านกูปลูกอะไรบ้าง  สนุกนะไปตั้งแคมป์กัน” อ๋อ..ไปโคราชนี่หมายถึงไปบ้านมึงสินะ


“บอกไปแล้วจะให้คำตอบพรุ่งนี้”  จริงๆก็ตกลงไปตั้งแต่คุยกับไอ้พี่น้ำแล้วละว่าที่บ้านไม่ได้นัดอะไรไว้  แต่ขอเล่นตัวนิดนึง


“วันเสาร์ที่บ้านมึงก็ไม่ได้นัดกินข้าวไม่ใช่เหรอ” 


“มึงรู้ได้ไง”


“ไอ้หมีบอก”  เดี๋ยวนะแล้วไอ้หมีมันรู้ได้ไงวะ  ไอ้พี่น้ำบอกสินะ  ไอ้พี่ชั่ว!!   


“เออๆ  ไปก็ไป”


“ตกลงแล้ว ห้ามเบี้ยวนะ ” น้ำเสียงมันดูดีใจ  หรือผมคิดไปเองวะ?


“เออ ไม่เบี้ยวหรอกน่า  แล้วจะไปกันยังไง” ถามเพราะจะได้เตรียมถูก


“เอารถกูไป วันศุกร์มึงมีเรียนถึงกี่โมง”


“มีเรียนแค่ตอนเช้า ตอบบ่ายอาจารย์ติดประชุมยกเลิกคาบบ่าย” 


“งั้นดีเลยวันศุกร์พวกกูไม่มีเรียน งั้นออกเดินทางวันศุกร์บ่ายละกัน จะได้มีเวลาเที่ยวเพิ่มมาอีกนิด”


“อืม เอาตามที่มึงสะดวกเลย” คือไม่อยากเรื่องมาก แล้วแต่คนขับรถเลยละกัน


“แล้วพวกเหมียวๆละจะทำยังไง” มันถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง


“เดี๋ยวเอาไปฝากไว้ที่บ้านใหญ่ ไม่มีปัญหาหรอก มีอะไรอีกป่ะ กูจะได้ทำการบ้าน”


มันเงียบไปสักพักแล้วก็พูดด้วยเสียงทุ้มที่ฟังดูจริงจัง


“ขอบคุณนะพู่กัน ที่ตกลงไปด้วยกัน”  พูดจบมันก็วางสาย

ไอ้ดินมันแปลกจริงๆอย่างที่ไอ้หมีมันว่านั้นแหละ..ทำไมต้องขอบคุณ?  ทำไมต้องทำเหมือนผมเป็นคนสำคัญ?

หรือผมควรจะเปิดใจอย่างที่ไอ้พี่น้ำบอก!!



           วันศุกร์วันเดินทางก็มาถึง อยู่ๆอากาศก็เย็นลงสมกับเป็นหน้าหนาวสักที !!

รถเอสยูวี สีดำเจ็ดที่นั่งของไอ้ดิน  ที่ไปรับคนอื่นก่อนแล้วค่อยวนมารับผมเป็นคนสุดท้าย

ที่นั่งที่ว่างคือด้านหน้าข้างคนขับ กับที่นั่งตอนกลางที่มี3ที่นั่ง โดยมีไอ้หมีกับไอ้ปูนนั่งอยู่

ส่วนไอ้นพ กับไอ้สมใจนั่งตอนหลังสุดที่มี2ที่นั่ง  ผมเปิดประตูด้านหลังคนขับว่าจะนั่งกับไอ้หมีกับไอ้ปูน  ก็โดนไอ้หมีไล่

“ไปนั่งข้างหน้าเลยมึง  จะมาเบียดกูทำไม มึงดูตัวกูดิ ” เออ มึงมันตัวเท่าควาย  ไอ้ควาย..

ผมจึงจำยอม ไปนั่งข้างไอ้ดิน 


“มึงนั่งตรงนั้นแหละถูกแล้ว  อย่าให้ไอ้ดินมันเปลืองน้ำมันโดนสูญเปล่ามันอุตส่าห์ยอมเสียเวลา

ไปรับพวกกูก่อน แล้วค่อยวกมารับมึง”  ไอ้สมใจที่ยื่นหน้ามาพูดเสียงดัง 


“นี่มึงอยากให้กูนั่งข้างมึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมหันไปถามมัน มันไม่ตอบแต่ทำท่าตั้งใจขับรถซะเต็มประดา

ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมไม่มารับผมก่อน ทั้งๆที่บ้านผมใกล้กับหอมัน จะเสียเวลาไปรับพวกนั้นก่อนทำไม

แต่ถ้ามันมารับผมก่อน ผมก็คงไม่นั่งข้างมันแน่ๆ!!


22.45นาที ใช้เวลาเกือบ10ชั่วโมง  พวกเราก็มาถึง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หรือโคราช
 
ที่เป็นบ้านเกิดของไอ้ดิน  ไอ้หมี และไอ้สมใจ   

ที่มันช้าเนี่ยเพราะไอ้หมีตัวเดียว แวะขี้ กับแวะซื้อของกินทุกปั๊ม กินแล้วก็ขี้วนๆอยู่แบบนี้แหละ  ..เอือมมันจริงๆ

ตอนนี้เราขับรถเข้ามาในบ้านสวน รักษ์ดิน  ที่เป็นบ้านของไอ้ดิน

ขับรถเข้ามาถึงกับตะลึง ที่มันไม่ใช่ชาวไร่ ชาวสวนธรรมดา นี่มันระดับเจ้าสัวชัดๆ!!


บ้านสวนรักษ์ดิน  เป็นสวนดอกกล้วยไม้ และดอกเบญจมาศขนาดใหญ่ ที่ส่งออกต่างประเทศและในประเทศ

พร้อมทั้งมีบริการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมในตอนกลางวันด้วย

รวมถึงมีไร่องุ่น ทั้งองุ่นสำหรับทานสด และองุ่นสำหรับทำไวน์  รวมพื้นที่ทั้งหมดน่าจะหลายร้อยไร่!!

บ้านของไอ้ดินจะแยกออกจากบริเวณสวนมีรั้วแบ่งอย่างชัดเจน เป็นสัดส่วน 

บ้านไอ้ดินเป็นบ้านสไตล์โคโรเนียลสีขาวตัดกับสีฟ้าอ่อน บริเวณบ้านก็กว้างขวาง ร่มรื่นหน้าอยู่   

ลงจากรถ  ก็มีหมาโกลเด้นตัวใหญ่2ตัวออกมาต้อนรับ เจ้าหมาสองตัวมีชื่อว่าถุงเงินและถุงทอง

พอมันเห็นไอ้ดิน ก็แกว่งหางดีใจกันใหญ่


“ว่าไง ถุงเงิน ถุงทอง คิดถึงจัง” ไอ้ดินคุยกับเจ้าหมาตัวใหญ่พร้อมกับลูบหัว   แล้วเจ้าหมาสองก็หันมาสนใจผู้มาใหม่


“ไง ไอ้เงิน ไอ้ทอง  ไม่เจอกันนานอ้วนกว่าเดิมนะพวกแก” ไอ้หมีที่คุยกับเจ้าหมาที่แข่งกันแกว่งหางกันใหญ่
 

“กูสองคนเข้าไปรอในบ้านก่อนนะมึง ” ไอ้สมใจพูดเสร็จมันก็รีบวิ่งเข้าบ้าน ไอ้นพกับไอ้สมใจไม่ค่อยถูกชะตากับหมาตัวใหญ่สัก

เท่าไหร่มันเลยรีบเข้าบ้านไปก่อน

ส่วนผมกับไอ้ปูนชอบหมาตัวใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งบ้านไอ้ปูน เลี้ยงแต่หมาพันธ์ใหญ่ มีทั้งเกรตเดน เซนต์เบอร์นาร์ด
 
และบูลมาสทีฟฟ์   ซึ่งไม่เหมาะกับเจ้าของมันเลยหมาตัวใหญ่กว่าคนเลี้ยงอีก!!

และตอนนี้ผมได้ลงไปนอนที่พื้นเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับมีเจ้าหมาสองตัวรุมเลียหน้าอยู่


“ฮ่าๆ ใจเย็นถุงเงิน  ถุงทอง” ไอ้หมีกับไอ้ปูนได้แต่ยืนขำ พวกมันรู้อยู่แล้วว่าผมชอบให้หมาเลียหน้า!!


“ถุงเงิน  ถุงทอง  หยุดเลย” ไอ้ดินเอ็ดเจ้าหมาตัวใหญ่ พร้อมกับช่วยดึงให้ผมลุกขึ้น


“มึงไม่ต้องช่วยมันหรอกไอ้ดิน ปล่อยให้มันโดนหมาเลียจนหน้าแฉะอยู่ตรงนี้แหละ  ไอ้นี่มันโรคจิตชอบให้หมาเลียหน้า”

ไอ้หมีพูดพร้อมกับทำหน้าเอือม


“เข้าบ้านก่อนเหอะดึกแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยให้มันเลียใหม่เอาให้หน้าเปื่อยไปเลยดีมั้ย  หรือคืนนี้จะให้กูเลียให้ต่อ?!!” ไอ้ดินพูดพร้อม

กับสายตากรุ้มกริ่ม

“....” ถึงกับพูดไม่ออก  กูไม่ได้โรคจิตขนาดนั้นป่ะวะ


“คืนนี้เค้าจะเลียให้กันด้วยว่ะ” ไอ้หมีหันไปพูดกับไอ้ปูน  ที่ทำท่าเขินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“เลียหน้ามึงสิ ไอ้หมี ”ผมหันไปด่าไอ้หมี


“อุ้ย มีเขินด้วย” ยัง  ยังแซวไม่เลิก


“เขินพ่อง!!”  ผมรีบเดินเข้าบ้าน  ขืนอยู่ต่อมีหวังโดนแซวเละแน่


ภายในบ้านไอ้ดิน ตกแต่งด้วยไม้สน ตัดกับสีขาว เรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกที่ดูอบอุ่น

เข้ามาก็เจอไอ้สมใจกับไอ้นพ นั่งคุยกับพ่อและแม่ของไอ้ดินที่โซฟารับแขกตรงกลางบ้าน พวกผมรีบยกมือไหว้สวัสดีพวกท่าน

“พ่อ แม่ สวัสดีครับ” ไอ้ดินยกมือไหว้ พร้อมกับเดินไปนั่งข้างแม่ของมัน


“มาแล้วเหรอลูก มาให้แม่กอดให้หายคิดถึงหน่อย” ว่าแล้วแม่ไอ้ดินก็กอดลูกชาย พร้อมหอมแก้มซ้าย ขวา


“ขับรถเหนื่อยมั้ยลูก” พ่อของไอ้ดินหรือเจ้าสัวไพบูลย์ ถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ผลัดกันขับเลยไม่เหนื่อยครับพ่อ   นี่เพื่อนผมที่มหาลัย  พู่กันกับปูนครับ ” ไอ้ดินแนะนำผมกับไอ้ปูน


“สวัสดีครับ คุณลุง คุณป้า” ผมกับไอ้ปูนยกมือไหว้อีกครั้ง


“เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก”  ป้าอร หรือคุณนายอรอนงค์ พูดด้วยใบหน้าใจดี  พร้อมกับชวนให้พวกผมนั่งลง


“หมีอ้วนขึ้นรึป่าวลูก” ป้าอร ถามไอ้หมีที่นั่งลงข้างๆผม


“นิดหน่อยครับแม่ ช่วงนี้เรียนหนัก เครียดก็เลยกินเยอะไปหน่อย” ไอ้หมีตอบแต่มือหยิบกินองุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกเข้าปาก

ไม่หยุด  มึงคงเครียดมากจริงๆ แดกไม่หยุด!!


“พู่กับปูนลองชิมองุ่นนี่สิลูก  ที่สวนเราปลูกเอง ปลูกแบบอินทรีย์ปลอดภัยไม่มียาฆ่าแมลงแน่นอนจ๊ะ”

ผมกับไอ้ปูนก็หยิบองุ่นมาชิม


“อร่อยมั้ยลูก”


“อร่อยครับ หวานมากเลย”  อร่อยจริงๆครับมิน่าละ ไอ้หมีแดกไม่หยุด


“หิวกันมั้ยลูก แม่ให้คนไปซื้อโจ๊กมาไว้ให้  ถ้าหิวแม่จะให้แม่บ้านไปอุ่นมาให้กิน” ป้าอรถามด้วยความเป็นห่วง


“พวกเรากินก่อนเข้ามาแล้วละครับแม่ ” ไอ้ดินตอบ


“จ๊ะ งั้นก็ตามสบายไม่ต้องเกรงใจนะลูก ห้องนอนแม่ก็ให้แม่บ้านทำความสะอาดเตรียมไว้ให้ละ   

พ่อกับแม่ขอตัวไปนอนก่อนนะลูก” ป้าอร หันมาบอกพวกผม ก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน


“ไอ้พู่ มึงนอนห้องไอ้ดินนะคืนนี้ พวกกูสี่คนจะห้องนอนแขก” แล้วไอ้หมีก็พูดขึ้น


“อ้าว ไหงงั้นอ่ะ  กูนอนกับพวกมึงด้วยดิ”  ทำไมต้องแยกกูออกมาด้วยวะ?


“ไม่ได้ ห้องนั้นเป็นห้องประจำของพวกกู เป็นเตียงสองชั้น สองเตียง  นอนได้สี่คน  มึงนอนห้องไอ้ดินน่ะถูกแล้ว”


“แล้วทำไมต้องเป็นกู?!!”  กูไม่เข้าใจๆๆๆๆ


“ก็ต้องเป็นมึงสิ มึงสองคนเป็นเจ้าของชบารวมกันก็ต้องนอนด้วยกันสิ” ตรรกะอะไรของมึงเนี่ย เชี่ยหมี


“กูนอนพื้นก็ได้ ให้กูนอนด้วยคนนะ” ผมยังไม่ยอมง่ายๆ


“ไม่ได้!!” แล้วไอ้เพื่อนชั่วทั้งสี่คนก็พูดขึ้นพร้อมกัน    ไม่มีใครรักกูเลยยยยย!!


“ปะๆ พวกเราไปนอนกัน ง่วงจะตายห่าอยู่ละ” แล้วไอ้หมีก็เดิน ผิวปากเดินขึ้นบันได ส่วนไอ้สมใจกับกับไอ้นพ ก็เดินมาตบบ่าผม

คนละข้าง พร้อมกับทำหน้ายิ้มกริ่ม แล้วก็เดินตามไอ้หมีไป


“นอนเฉยๆล่ะ อย่าไปเผลอปล้ำไอ้ดินมันนะ” ไอ้ปูนพูดพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน ก่อนที่ผมจะถีบมัน

เกลียดจริงๆเลย ไอ้พวกเพื่อนเวรทั้งหลาย


“ไปสิ รออะไร กูจะรู้มั้ยว่าห้องมึงห้องไหน?” ผมหันไปเหวใส่ไอ้ดิน ที่นั่งทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้   หรือว่านี่จะเป็นแผนของมันอีก!!

แล้วมันก็เดินนำผมขึ้นไปยังห้องของมัน   ห้องไอ้ดินใช้สีแบบเอิร์ธโทน เป็นสีฟ้าอมเทา เฟอร์นิเจอร์ก็เป็นสีดำเกือบทุกชิ้น

แต่มันก็เหมาะกับลุคของเจ้าของห้องดีเหมือนกัน   แต่พอเหลือบไปเห็นเตียงนอน ถึงกับต้องถามขึ้น

“จะให้กูนอนโซฟาหรือเตียง?”


“ทำไมละ นอนบนเตียงด้วยกันสิ”  จะนอนได้ไงเตียงห้องมันเป็นเตียงเดี่ยว   จะให้ผู้ชายที่ตัวก็ไม่ได้เล็กทั้งคู่นอนเบียดกันได้ไง

 ถึงแม้ตัวผมจะไม่ตัวใหญ่เท่ามันก็เหอะ


“เตียงมันเล็ก จะให้นอนเบียดกันได้ไง” ผมรีบโวยวาย


“งั้นมึงก็นอนบนเตียง” มันตอบหน้านิ่ง


“มึงพูดเองนะ อย่าเปลี่ยนใจทีหลังล่ะ” ดีเหมือนกัน เดินทางมาเมื่อยๆก็อยากนอนสบายๆ


“มึงไปอาบน้ำก่อนเลย จะได้รีบนอน” มันพูดพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้ผม

ผมที่เริ่มง่วง ไม่ได้ขัดอะไร รับผ้าเช็ดตัวมาแต่โดยดี เดินเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย

อาบน้ำไม่นานก็เสร็จ  เดินออกจากห้องน้ำโดยมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวพันอยู่ที่เอว อยู่ๆก็รู้สึกถึงสายตาคู่นึงที่จ้องมองมา

รู้สึกเหมือนไม่ปลอดภัย รีบค้นเสื้อผ้าในกระเป๋าขึ้นมาใส่   ยัง ยังไม่เลิกจ้อง

“มองอะไร  รีบไปอาบน้ำได้แล้วมึง”


“ตัวมึงขาวจัง   หัวนมมึงก็...” ไม่ปล่อยให้มันพูดจบรีบปาเสื้อที่ถืออยู่ใส่หน้ามัน


 “หยุดพูด  ไปอาบน้ำเลยไอ้ดิน”  พูดพร้อมกับชี้หน้ามัน  แล้วกูจะปาเสื้อใส่มันทำไมวะ เสียเวลาหาเสื้ออีกรอบเลยเนี่ย

 แม่งมีเวลาให้มันจ้องหุ่นผมต่ออีก


“เอวมึงเล็กดีจัง  ” ตอนมันพูดหน้ามันหื่นมาก  กูเริ่มกลัวละนะ!!


 “ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูจะไปนอนกับไอ้หมี”  เจอสักทีไอ้เสื้อบ้าหายากหาเย็น   รีบใส่เลยทันที  แล้วมันก็หุบปากลง

แล้วผมก็เห็นอะไรบางอย่าง ที่มันนูนขึ้นมาตรงกึ่งกลางสะโพกของไอ้ดิน   แล้วผมก็เผลอชี้นิ้วไปที่เป้าของมัน
 
มันก้มหน้าลงมองเป้าตัวเอง ก่อนจะพูดด้วยใบหน้านิ่งว่า “อาบน้ำนานหน่อยนะ!!  ไม่ต้องรอนอนก่อนเลย”  แล้วมันก็เดินเข้า

ห้องน้ำทันที   อย่าบอกนะว่าที่อาบน้ำนานเพราะมันจะทำให้ไอ้ที่มันนูนขึ้นมาสงบลง!!  มันจะปล้ำผมมั้ยเนี่ย   พระเจ้าช่วย!!

ผมรีบสวดมนไหว้พระ รีบนอนห่มผ้ามิดชิดมาถึงคอ  กะว่าให้มันหลับก่อนผมค่อยหลับ เพราะกลัวมันจะทำมิดีมิร้ายผม!!

ยี่สิบนาทีผ่านไปไอ้ดินยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ ผมที่เหนื่อยกับการเดินทางก็เผลอหลับไป

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงไออุ่นจากด้านหลังและลมหายใจอุ่นๆที่รดลงมายังต้นคอ  ด้วยความตกใจจึงรีบพลิกตัวกลับไปดู

จึงสบเข้ากับสายตาของไอ้ดินพอดี   ใบหน้าของเราตอนนี้อยู่ใกล้กันมากจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน 

 ผมนอนตัวแข็งทื่อ รู้สึกประหม่ากับสถานการณ์แบบนี้


“นอนไม่หลับเหรอ” ไอ้ดินถามเสียงเบา


“ไหนบอกจะนอนโซฟา” ผมไม่ตอบแต่ถามมันแทน


“กูยังไม่ได้พูดสักคำว่ากูจะนอนโซฟา” ให้ตายสิ  ผมโดนมันหลอกอีกแล้ว


“งั้นกูไปนอนที่โซฟาเอง”  ผมที่กำลังจะลุก แต่ไอ้ดินกลับคว้าเอวของผมดึงให้เข้าไปชิดพร้อมกับกอดผมด้วยมือข้างเดียว

หัวใจของผมเต้นแรง ตอนนี้หน้าของผมซบอยู่ที่ตรงอกของมันพอดี  ซึ่งนั้นทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจ

ของไอ้ดินที่เต้นแรงเหมือนกัน

“นอนด้วยกันตรงนี้แหละ” มันกระซิบพูด โดยที่เกยคางไว้บนศีรษะผม


“มึงก็ปล่อยกูก่อนสิ” ผมพยามยามที่จะดันตัวเองออก  แต่ไอ้ดินกับกระชับวงแขนกอดผมแน่นขึ้น


“อย่าพูดมากน่า  นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”


“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่นอนนิ่งฟังเสียงหัวใจของไอ้ดินที่ยังเต้นแรงไม่ต่างจากผม


“ขอบคุณนะที่มาด้วยกัน  แล้วก็ Merry Christmas มึงคือของขวัญวันChristmasที่ดีที่สุด  ฝันดีนะ พู่กัน” พูดจบไอ้ดินก็จรดริมฝีปากลงที่กลางศีรษะของผมเบาๆ

เข็มนาฬิกาบอกเวลาว่าตอนนี้ล่วงเข้าวันใหม่แล้ว วันนี้วันที่25 ธันวา เป็นวัน Christmas แล้วสินะ..

 
        น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่กลับรู้สึกสบายใจ มันเหมือนไออุ่นจากอ้อมกอดนี้ทำให้ผมอุ่นใจ และปลอดภัย

ผมเลยหลับตาลงโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ

       ไม่รู้ว่าพอลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ความรู้สึกระหว่างผมกับไอ้ดินจะเปลี่ยนไปรึเปล่า?!!! 





*TBC*


..........................................................................................

Merry Christmas ค่ะทุกคน
สุดท้ายเค้าก็กินแค่สเต๊กกันอย่างเดียว ไม่ได้กินอย่างอื่นเลย!!
แต่เค้านอนกอดกันด้วยแหละ...มาช่วยกันลุ้นให้พู่กันของเราเปิดใจให้แผ่นดินเร็วๆด้วยนะค่ะ^^
ปล. ขออนุญาตแก้ไข เปลี่ยนชื่อพี่ชายของพู่กันจากเฟรมเป็นสีน้ำ หรือไอ้พี่น้ำนั่นเอง  ไม่สับสนกันเนาะ^^
..เจอกันอังคารหน้าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2017 19:17:10 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
«ตอบ #18 เมื่อ28-12-2017 14:43:34 »

 :-[ อินมากเลยค่ะ จินตนาการไปว่า เป็นคู่ชายหญิง

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
«ตอบ #19 เมื่อ29-12-2017 16:57:40 »

   
        รอๆๆๆ     :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ++ Love me Love my cat ++ บทที่ 5 ของขวัญ? (25-12-2017)
« ตอบ #19 เมื่อ: 29-12-2017 16:57:40 »





ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 


บทที่ 6  ปฏิบัติการตีเนียน!!



พาร์ตของแผ่นดิน


       
ผมดีใจมากครับที่พู่กันยอมมาโคราชด้วยกัน  ถือเป็นคริสต์มาสที่ดีที่สุดในรอบหลายปี

เรื่องระหว่างผมกับพู่กันมีทั้งเรื่องบังเอิญ และเรื่องที่ตั้งใจ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้

ต้องขอบคุณทีมงานคุณภาพ(หรา?) ที่ช่วยจัดฉากเรื่องที่ตั้งใจให้เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ

จริงๆแล้วเรื่องบังเอิญมันมีแค่เรื่องเดียว คือเรื่องที่พู่กัน หรือชายหนุ่มผิวขาวที่ผมคอยแอบมองที่บ้านของเค้าเป็นเพื่อนของไอ้หมี

นั้นคือเรื่องบังเอิญเรื่องเดียว  ที่เหลือคือเรื่องตั้งใจล้วนๆ

อย่างที่ผมเคยบอกว่าพู่กันคือคนที่ใช่ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักนี้มา

ความตั้งใจจึงเกินขึ้นโดยมีกองหนุนคอยช่วย  โดยผมสารภาพกับไอ้หมีตรงๆว่าผมชอบเพื่อนมัน

ซึ่งมันไม่แปลกใจเลยตอนผมบอก  มันแค่พูดว่า ‘กูว่าละ’  ไอ้หมีมันเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด เราคุยกันทุกเรื่อง
 
แค่มองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่  มันบอกว่าผมแปลกๆตั้งแต่อยู่ที่ร้าน’โต๊ะกลม’แล้ว  หลังจากนั้นทุกคนทั้งในกลุ่มผมและกลุ่ม

ของพู่กันก็ต่างรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับพู่กัน

วันนั้นที่ร้านนมหน้าม. ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผมเจอกับพู่กัน  ไอ้หมีไลน์มากบอกว่าตอนนี้พู่กันอยู่ที่ร้านนมคนเดียว

ตอนนั้นผมกำลังนั่งคุยเรื่องที่จะไปเที่ยวบ้านผมกับพวกไอ้สมใจอยู่ที่คณะพอดี เลยชวนกันไปร้านนม เพื่อทำปฎิบัติการตีเนียน!!

แล้วปฎิกิริยาตอนที่พู่กันเห็นผม เค้ารีบเก็บมือถือทันที เหมือนกลัวผมจะเห็นอะไรบางอย่าง

และถ้าผมตาไม่ฝาดผมเห็นรูปตัวเองอยู่ในนั้น   มันทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองว่า เค้าก็อาจจะสนใจผมเหมือนกัน!!

แล้วไอ้สมใจก็เริ่มปฎิบัติการตีเนียน โดยการเริ่มชวนพู่กันไปเที่ยวโคราช โดยไม่ได้บอกว่าไปบ้านผม

เพราะถ้าบอกตรงๆก็กลัวเค้าจะปฏิเสธ  แต่พู่กันก็ไม่ได้ตกลงหรือปฏิเสธ บอกว่าขอคิดดูก่อนแล้วจะบอกอีกที 

นั้นทำให้ผมแอบเครียด เพราะอยากให้เค้าไปจริงๆ อยากให้ไปเจอสิ่งแวดล้อมที่ผมเติบโตมา

และตั้งใจจะสารภาพความในใจที่สวนดอกไม้ของที่บ้าน  แค่คิดก็โรแมนติกละ หรือผมจะเพ้อไปเอง!!


หลังจากที่พู่กันกลับไปแล้ว  ผมรีบโทรหาไอ้หมีทันที  แต่โทรเท่าไหร่มันก็ไม่รับไลน์ไปมันก็ไม่ตอบ
 
ผมเลยกระหน่ำโทรไปเรื่อยๆ  จนไอ้สมใจกับไอ้นพ บอกให้ใจเย็น

“เดี๋ยวมันก็โทรกลับมา มันอยู่กับสาวมันรึป่าว มึงก็ใจเย็นๆ” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับตบบ่าผมแรงๆ   เออ..แรงไปเพื่อน!!


“มึงอย่าเพิ่งคิดมากดิ  กูว่ายังไงมันก็ไปเพราะไอ้ปูนมันก็ไปด้วย มันไม่พลาดหรอก” ไอ้นพพูดให้กำลังใจอีกคน
 
   
...ไม่นานไอ้หมีก็ไลน์กลับมา


‘มึงกระหน่ำโทรหากู มีอะไรรึป่าวไอ้ดิน กูอยู่ในโรงหนัง ดูหนังกับพี่ส้มอยู่ ’ มันโวยวายก่อนเป็นอันดับแรก


‘ ไอ้หมี พู่กันบอกว่าวันเสาร์พ่อกับแม่เค้าอาจจะนัดกินข้าวที่บ้านว่ะ  กูกลัวพู่จะไม่ได้ไปด้วย กูอยากให้เค้าไปด้วยจริงๆนะมึง ’

ผมตอบกลับอย่างร้อนรน


‘ ใจเย็นๆ ไอ้ดิน  เดี๋ยวกูไลน์ถามพี่น้ำให้ มึงไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกูจัดการเอง ’  แล้วมันก็ส่งสติ๊กเกอร์หมีหัวเราะ

มันคงจะตลกผมเพราะผมไม่เคยว้าวุ่นใจเพราะใครแบบนี้มาก่อน


‘ มึงต้องทำให้เค้าไปบ้านกูให้ได้นะไอ้หมี ’ ผมย้ำมันอีกครั้ง


‘ เออน่า ไอ้พู่มันไปแน่นอนเชื่อกูดิ ’    แล้วบทสนทนาก็จบลง 

หนึ่งชั่วโมงให้หลังไอ้หมีก็ไลน์มาบอก ว่าวันเสาร์พู่กันว่าง ที่บ้านไม่ได้นัดอะไร เพราะพี่น้ำก็ไม่ได้อยู่บ้านเหมือนกัน

แล้วความรู้สึกก็กลับมาลิงโลดอีกครั้ง..   อยากฟังคำตอบด้วยเองเลยโทรหาเองซะเลย  ต่อสายไม่นานพู่กันก็รับสาย


“ว่าไง”  น้ำเสียงติดจะรำคาญ  แต่ผมก็ชินแล้วล่ะ ผมรู้ว่าเค้าไม่ได้รำคาญผมจริงๆหรอก  ไม่งั้นเค้าคงไม่ยอมคุยกับผม


“ทำไรอยู่”


“คุยกับมึงไง” จะคุยดีๆ แบบไม่กวนได้มั้ยเนี่ย ผมได้แต่ส่ายหน้า


“อย่ากวนตีนดิ”


“กำลังจะทำการบ้าน  มึงกำลังโทรมารบกวนกู ฉะนั้นมีไรว่ามา” เค้าตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน อันนี้คงเริ่มไม่พอใจผมขึ้นมา

จริงแล้วล่ะ  งั้นรีบเข้าเรื่องเลยดีกว่า


“วันเสาร์ไปโคราชด้วยกันนะ” ผมพูดด้วยน้ำสียงขอร้อง เพราะอยากให้ไปด้วยกันจริงๆ ไม่อยากฟอร์มแล้วอ่ะ


“ทำไมกูต้องไป ขอเหตุผลหน่อย”  จะพาไปสารภาพความในใจไง!!  แต่ไม่กล้าพูดออกไปหรอก


“มึงจะได้รู้ไงว่าที่บ้านกูปลูกอะไรบ้าง  สนุกนะไปตั้งแค้มป์กัน” ผมเลือกที่จะตอบด้วยเหตุผลนี้ น่าจะเข้าท่าที่สุด


“บอกไปแล้วจะให้คำตอบพรุ่งนี้”  นั่นไงตอบแบบนี้  มีหวังไม่ไปด้วยแน่ๆ


“วันเสาร์ที่บ้านมึงก็ไม่ได้นัดกินข้าวไม่ใช่เหรอ” ผมรีบพูดดักไว้ก่อนเลยครับ


“มึงรู้ได้ไง” พู่กันถามด้วยน้ำเสียงตกใจ


“ไอ้หมีบอก” ผมรีบบอก ให้ไอ้หมีรับกรรมไป ขอโทษด้วยนะเพื่อน!!


“เออๆ  ไปก็ไป” เยส!!  ปฏิบัติการแรกสำเร็จ


“ตกลงแล้วห้ามเบี้ยวนะ”


“เออ ไม่เบี้ยวหรอกน่า  แล้วจะไปกันยังไง”


“เอารถกูไป วันศุกร์มึงมีเรียนถึงกี่โมง” ผมถามเพราะวันศุกร์ผมไม่มีเรียน เผื่อพู่กันเลิกเรียนไวเราจะได้เลื่อนเดินทางเป็นวันศุกร์


“มีเรียนแค่ตอนเช้า ตอบบ่ายอาจารย์ติดประชุมยกเลิกคาบบ่าย” 


“งั้นดีเลยวันศุกร์พวกกูไม่มีเรียน งั้นออกเดินทางวันศุกร์บ่ายละกัน จะได้มีเวลาเที่ยวเพิ่มมาอีกนิด”

            โป๊ะเชะ!!  ทุกอย่างดูเป็นใจ!!


“อืม เอาตามที่มึงสะดวกเลย”  บทจะว่าง่ายก็ว่าง่ายดีเนอะ อันนี้ผมได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดเดี๋ยวเค้าจะเปลี่ยนใจไม่ไปด้วย!!


“แล้วพวกเหมียวๆละจะทำยังไง” เพิ่งจะนึกเรื่องของเจ้าเหมียวออก เลยถามกลับไป


“เดี๋ยวเอาไปฝากไว้ที่บ้านใหญ่ ไม่มีปัญหาหรอก มีอะไรอีกป่ะ กูจะได้ทำการบ้าน”  ได้ยินแบบนี้แล้ว ค่อยโล่งใจหน่อย


ผมเงียบไปอึดใจนึงแล้วก็พูดในสิ่งที่รู้สึกตอนนั้นออกไป


 “ขอบคุณนะพู่กัน ที่ตกลงไปด้วยกัน”     เพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ..

           
           
        วันเดินทางมีความวุ่นวายเกิดขึ้นนิดหน่อย เพราะผมต้องเสียเวลาไปรับพวกเพื่อนๆผู้ร่วมปฏิบัติการก่อนที่จะไปรับพู่กัน

    ..มันเป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติการตีเนียน!!

ตามจริงผมต้องแวะรับพู่กันก่อน เพราะต้องขับรถผ่านหน้าบ้านเค้าอยู่แล้ว แต่ทุกคนลงความเห็นให้ไปรับพวกมันก่อนเพราะถ้า

แวะรับพู่กันก่อน ไม่มีทางที่เค้าจะนั่งข้างผม แถมพวกนั้นยังบอกอีกว่า ถ้าผมไม่แคร์ก็แวะรับพู่กันก่อนได้เลย

..แต่ผมแคร์!!  ผมเลยต้องยอมเสียเวลา เสียน้ำมันรถเปลืองทรัพยากร เพื่อที่จะให้พู่กันได้นั่งข้างผม..

แม้เค้าจะหลับมาตลอดทางก็ตาม!!


เราใช้เวลาเดินทางเกือบ10ชั่วโมงมาถึงบ้านผม หรือบ้านสวนรักษ์ดิน  ที่มันช้าเพราะไอ้หมี ที่มันทั้งแดกทั้งขี้มาตลอดทาง


ที่บ้านผมทำสวนกล้วยไม้ และดอกเบญจมาศ  สำหรับตัดดอกขายครับ ส่งออกทั้งต่างประเทศ และในประเทศ

และมีไร่องุ่นสายพันธุ์สำหรับทานสด และสายพันธุ์ที่สำหรับทำไวน์ครับ เราไม่ได้บ่มไวน์เองแต่ส่งให้กับโรงงานที่ผลิตไวน์ครับ

และช่วงไม่กี่ปีให้หลัง เราแบ่งบางโรงเรือนเอาไว้เปิดให้นั่งท่องเที่ยวได้มาเข้าชมหรือมาถ่ายรูป พร้อมกับตัดดอกเองได้

     
       เมื่อขับรถมาถึงตัวบ้าน ลงจากรถก็มีลูกสมุนมารับ   ‘ถุงเงิน และถุงทอง’ คือเจ้าหมาโกลเด้นริทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ขนสีทอง

ที่เลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนผมไปเรียนที่เชียงใหม่ มันเห็นผมก็ดีใจใหญ่รีบเข้ามาทักทาย

“ว่าไง ถุงเงิน ถุงทอง คิดถึงจัง”  ผมพูดพร้อมกับลูบหัวเจ้าหมาตัวใหญ่สองตัว

แล้วไอ้หมีก็เดินเข้ามาทักทายเพื่อนสี่ขาที่คุ้นเคยกันดี เพราะมันมาบ้านผมบ่อยมาก


“ไง ไอ้เงิน ไอ้ทอง  ไม่เจอกันนานอ้วนกว่าเดิมนะพวกแก” เจ้าสองตัวที่จำกลิ่นไอ้หมีได้ก็ต่างดีใจแกว่งหางกันใหญ่ 

ส่วนไอ้สมใจกับไอ้นพ ไม่ค่อยชอบหมาเท่าไหร่ โดยเฉพาะหมาตัวใหญ่ มันจังรีบเดินเข้าบ้านไปก่อน

เมื่อปีที่แล้วไอ้นพมาบ้านผมเป็นครั้งแรก ก็โดนรับน้องจากเจ้าเพื่อนสี่ขา โดยการกระโดดเลียหน้าจนไอ้นพลงไปนอนกับพื้น
 
ปีนี้มันก็คงขยาดไม่ยอมเดินมาใกล้เลย ส่วนไอ้สมใจมันมาบ้านผมบ่อยพอๆกับไอ้หมี แต่ตอนเด็กมันโดนหมากัดเลยจำฝังใจ

ก็เลยไม่กล้าเข้าใกล้เจ้าพวกสี่ขาสักเท่าไหร่

แต่คงไม่เป็นปัญหาสำหรับพู่กันและไอ้ปูนที่ตอนนี่กำลังฟัดกับเจ้าถุงเงินกับเจ้าถุงทองอยู่ 

โดยเฉพาะพู่กันตอนนี้ลงไปนอนที่พื้นปล่อยให้เจ้าหมาสองตัวรุมเลียหน้าอยู่ แต่เจ้าตัวกับหัวเราะคิกคักมีความสุข


“ฮ่าๆ ใจเย็นถุงเงิน  ถุงทอง” ดูๆยังไม่ยอมลุกขึ้นมาอีก  ชอบแบบนี้เหรอ?!!


“ถุงเงิน  ถุงทอง  หยุดเลย” ผมเอ็ดเจ้าหมาตัวใหญ่ พร้อมกับช่วยดึงให้เจ้าตัวลุกขึ้น  ที่ห้ามเนี่ยเพราะผมหึง!!

ขนาดกูยังไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้เลย นี่พวกแกเพิ่งจะเจอพู่กันเมื่อกี้มีสิทธิ์อะไรไปเลียหน้าเค้า!!

เป็นเอามากเหมือนกันนะผม  หึงแม้กระทั่งหมาตัวเอง!!


“มึงไม่ต้องช่วยมันหรอกไอ้ดิน ปล่อยให้มันโดนหมาเลียจนหน้าแฉะอยู่ตรงนี้แหละ  ไอ้นี่มันโรคจิตชอบให้หมาเลียหน้า” ไอ้หมี

พูดพร้อมกับทำหน้าเอือมใส่พู่กัน


“เข้าบ้านก่อนเหอะดึกแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยให้มันเลียใหม่เอาให้หน้าเปื่อยไปเลยดีมั้ย  หรือคืนนี้จะให้กูเลียให้ต่อ?!!” ผมพูดพร้อมกับ

ทำสายตากรุ้มกริ่ม  ชอบให้เลียก็ไม่บอกเดี๋ยวจะเลียให้ยันเช้าเลย!!!

พู่กันได้แต่ทำหน้าอึ้งกับคำพูดของผม  แล้วไอ้หมีก็พูดแซวขึ้นมา


“คืนนี้เค้าจะเลียให้กันด้วยว่ะ” ไอ้หมีหันไปพูดกับไอ้ปูน ที่แกล้งทำเป็นเขิน


“เลียหน้ามึงสิ ไอ้หมี ” แล้วไอ้หมีมันก็โดนด่า สมน้ำหน้ามัน


“อุ้ย มีเขินด้วย”  มันยังแซวต่อไม่เลิก


“เขินพ่อง!!”  ด่าไอ้หมีเสร็จ พู่กันก็รีบเดินเข้าบ้าน    เอ๊ะ..หรือเค้าจะเขินจริงๆ!!


เข้ามาในบ้านผมก็เจอพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก โดยมีไอ้สมใจ กับไอ้นพนั่งอยู่ด้วย


“พ่อ แม่ สวัสดีครับ” ผมเดินไปนั่งข้างแม่ของผมที่อ้าแขนรอ


“มาแล้วเหรอลูก มาให้แม่กอดให้หายคิดถึงหน่อย” ผมเข้าไปในอ้อมกอดแม่ ให้แกกอดให้หายคิดถึง แล้วแม่ก็จับหอมแก้มผม

ซ้ายที ขวาที แม่จะทำแบบนี้ทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน


“ขับรถเหนื่อยมั้ยลูก” พ่อของผม ถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
 

“ผลัดกันขับเลยไม่เหนื่อยครับพ่อ” 

พ่อและแม่ของผมท่านเป็นคนใจดีครับ แต่ก็ไม่เคยตามใจผมจนเสียคน อยากได้อะไรผมต้องทำงานแลกถึงจะได้สิ่งนั้น
 
นั้นทำให้ผมเป็นคนที่รู้จักคุณค่าของสิ่งของ และคุณค่าของเงิน  แต่เรื่องเรียนหรือเรื่องความชอบท่านไม่เคยบังคับ
 
ผมมีความสุขกับสิ่งไหนท่านก็มีความสุขด้วยครับ


“นี่เพื่อนผมที่มหาลัย  พู่กันกับปูนครับ ” ผมแนะนำทั้งสองคนให้พ่อกับแม่รู้จัก ส่วนไอ้เพื่อนอีก3คนไม่ต้องแนะนำเพราะเคยมา

บ้านผมแล้วโดยเฉพาะไอ้หมี กับไอ้สมใจที่คุ้นเคยกับที่บ้านผมดี มาบ่อยตั้งแต่สมัยมัธยม


“สวัสดีครับ คุณลุง คุณป้า” พู่กันกับไอ้ปูนยกมือไหว้พ่อกับแม่


“เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก”  แม่ผมพูดพร้อมกับชวนให้ทั้ง2คนนั่งลง แล้วแม่ก็หันมาขยิบตาให้กับผม 


เป็นอันรู้กันว่าคนนี้แหละ ’พู่กัน’    ใช่แล้วครับ แม่ของผมรู้เรื่องของพู่กัน ผมคุยกับแม่ทุกเรื่องรวมถึงเรื่องของความรัก

ถ้าแม่ผมรู้นั้นหมายความว่าพ่อผมก็ต้องรู้ด้วยเช่นกัน   โชคดีที่บ้านผมค่อนข้างเปิดกว้างกับเรื่องของความรัก

ไม่ได้จำกัดว่าผมต้องชอบแค่ผู้หญิงเท่านั้น   

และนี่คือสิ่งที่แม่คุยกับผมในวันที่ผมโทรมาสารภาพกับแม่ว่าตอนนี้ผมกำลังแอบชอบผู้ชายอยู่

‘ความรักมันไม่ผิดหรอกลูก ตราบใดที่เราไม่ได้ทำผิด หรือทำร้ายใคร การที่เราชอบหรือรักใครแม้คนนั้นจะเป็นเพศเดียวกับเรามัน

ไม่ผิดหรอกลูก  แม่เข้าใจ ว่าสังคมตอนนี้มันเปิดกว้าง เรื่องเพศก็เช่นเดียวกัน  ถ้าลูกชอบใครมีก็ชอบคนนั้นด้วย’


เป็นคำพูดที่ผมฟังแล้วรู้สึกโชคดีที่สุดในโลก ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่..

จากนั้นพ่อและแม่ก็นั่งคุยต่ออีกสักพัก ก็ขอตัวขึ้นไปนอน


..แล้วปฏิบัติการที่2ก็เริ่มขึ้น!! 


“ไอ้พู่ มึงนอนห้องไอ้ดินนะคืนนี้ พวกกูสี่คนจะนอนห้องนอนแขก” แล้วไอ้หมีก็เป็นผู้เริ่มปฎิบัติการที่2


“อ้าว ไหงงั้นอ่ะ  กูนอนกับพวกมึงด้วยดิ”  เจ้าตัวเริ่มโวยวาย


“ไม่ได้ ห้องนั้นเป็นห้องประจำของพวกกู เป็นเตียงสองชั้น สองเตียง  นอนได้สี่คน  มึงนอนห้องไอ้ดินน่ะถูกแล้ว”  ไอ้หมีเริ่ม

สาธยาย


“แล้วทำไมต้องเป็นกู?!!”  พู่กันพูดพร้อมกับทำหน้าไม่เข้าใจ


“ก็ต้องเป็นมึงสิ มึงสองคนเป็นเจ้าของชบารวมกันก็ต้องนอนด้วยกันสิ” ไอ้หมีอธิบายต่อ  ผมที่นั่งนิ่งได้แต่ลุ้นในใจ เถียงเข้าไป

ไอ้หมี ถึงแม้เหตุผลที่มึงพูดมันจะดูงี่เง่าด็ตาม!!


“กูนอนพื้นก็ได้ ให้กูนอนด้วยคนนะ” เจ้าตัวยังไม่ยอมครับ  นี่ไม่อยากนอนกับผมขนาดนั้นเลยเหรอวะ!!


“ไม่ได้!!” แล้วไอ้เพื่อนทั้งสี่คนก็พูดขึ้นพร้อมกัน  สงสัยจะรำคาญในความดื้อของพู่กัน


“ปะๆ พวกเราไปนอนกัน ง่วงจะตายห่าอยู่ละ” ไอ้หมีที่พูดอย่างสบายใจ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม แล้วมันก็เดินผิวปากขึ้นบันไดไป

 ส่วนไอ้นพกับไอ้สมใจ ก็หันมายักคิ้วให้แล้วเดินตามไอ้หมีไป


“นอนเฉยๆล่ะ อย่าไปเผลอปล้ำไอ้ดินมันนะ” ไอ้ปูนพูดแซวพู่กันพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน เพราะพู่กันกำลังทำท่าจะถีบไอ้ปูน

  ผมได้แต่คิดในใจว่ากูนี่แหละที่จะเผลอปล้ำเพื่อนมึง!!


“ไปสิ รออะไร กูจะรู้มั้ยว่าห้องมึงห้องไหน?” เจ้าตัวหันไปเหวใส่ผม พร้อมกับทำหน้ามุ่ย

 ทำปากแบบนี้น่าจับมาจูบจริงๆ!!    ใจเย็นไว้แผ่นดิน !!


ผมเดินนำเค้ามาที่ห้องนอนผม  เมื่อเข้ามาพู่กันคงจะเห็นเตียงที่เป็นเตียงเดี่ยว เลยถามขึ้น


“จะให้กูนอนโซฟาหรือเตียง ?”


“ทำไมละ นอนบนเตียงด้วยกันสิ”  ผมที่พูดด้วยใบหน้านิ่ง แต่ในใจนี่โคตรลิงโลด


“เตียงมันเล็ก จะให้นอนเบียดกันได้ไง” เจ้าตัวรีบโวยวาย


“งั้นมึงก็นอนบนเตียง” ผมที่ยังคงตอบด้วยใบหน้านิ่ง  ไม่ได้พูดต่อให้จบว่าผมก็จะนอนบนเตียง

ก็จะให้เสียแผนได้ไงล่ะ อุตส่าห์โทรมาบอกพี่นิดที่เป็นแม่บ้านให้เปลี่ยนเตียงที่ห้องผม ให้เป็นตียงเดี่ยว!!!


“มึงพูดเองนะ อย่าเปลี่ยนใจทีหลังล่ะ” ผมเลยพยักหน้าส่งๆไป


“มึงไปอาบน้ำก่อนเลย จะได้รีบนอน” ผมยื่นผ้าเช็ดตัวให้ เพราะพู่กันคงจะเพลียกับการเดินทางเลยอยากให้เค้าได้พักผ่อนไวๆ

เจ้าตัวก็คงจะง่วงแล้ว เลยรับผ้าเช็ดตัวไปอย่างว่าง่าย ไม่ได้เถียงหรือพูดอะไรต่อ

ไม่นานพู่กันก็เดินออกจากห้องน้ำ ในสภาพที่ล่อแหลมโดยมีแค่ผ้าเผ็ดตัวสีขาวผืนเดียวผันอยู่ที่เอว หยดน้ำยังเกาะอยู่บนผิว 
 
ให้ตายสิ!! นี่มันยั่วกันชัดๆ แล้วดูผิวนั่นจะขาวไปไหน ผิวข้างนอกว่าขาวแล้ว เจอผิวในร่มผ้านี่ขาวยิ่งกว่า

แล้วหัวนมก็ชมพูซะอยาก...  แล้วผมก็รู้สึกปวดหนึบตรงหว่างขา   ให้ตายสิ!! เห็นแค่นี้ผมก็แทบจะทนไม่ไหวซะแล้ว!!     

             พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  ซ่อยข่อยแน!!


พู่กันที่คงรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองของผม เริ่มลุกลี้ลุกลนหาเสื้อในกระเป๋าเป้มาใส่

ผมก็ยังคงจ้องมองรูปร่างอันงดงามนั้นต่อไป!!  อารมณ์หื่นมาเต็ม!!


“มองอะไร   รีบไปอาบน้ำได้แล้วมึง” เจ้าตัวรีบไล่ผม


“ตัวมึงขาวจัง   หัวนมมึงก็...” ผมพูดเพราะยังไม่อยากไปอาบน้ำตอนนี้ ยังอยากมองต่อ  แล้วพู่กันก็ปาเสื้อที่ถืออยู่ใส่หน้าผมไม่

ให้ผมพูดให้จบประโยค   ดี!! โยนมาเยอะๆเลย โยนมาทั้งกระเป๋าเลยก็ได้ ไม่ต้องใส่มันหรอกเสื้อผ้าน่ะ!!


“หยุดพูด  ไปอาบน้ำเลยไอ้ดิน”  พู่กันพูดพร้อมกับชี้หน้าผม  แล้วเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังเสียเปรียบอยู่ที่ปาเสื้อใส่ผม

 จึงรีบค้นเสื้อต่ออย่างรีบร้อน 


“เอวมึงเล็กดีจัง  ” ให้ตายสิ ผมก็ยังคงหยุดพูดไม่ได้ ผมแค่อยากชมว่าเจ้าตัวหุ่นดี  หุ่นของพู่กันดีจริงๆนะครับ ผมไม่คิดว่าผู้ชาย

จะเอวบางได้ขนาดนี้  มันไม่ได้ผอมแห้ง ถึงจะไม่มีกล้ามหน้าท้อง แต่มันก็ดูแบนราบสมส่วน

น่าจะจับพอดีมือถ้าเข้าขึ้นค่อมบนตัวผม   นี่ผมคิดอะไรอยู่!!!   แล้วแผ่นดินน้อยของผมก็ปวดหนึบอีกครั้ง  ใจเย็นๆลูกพ่อ!!


 “ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูจะไปนอนกับไอ้หมี”  พู่กันพูดพร้อมกับใส่เสื้อที่หาเจอแล้ว แล้วผมก็รีบหุบปากทันที

 เพราะผมกลัวเค้าจะไปนอนกับพวกไอ้หมีจริงๆ 

แล้วอยู่ๆพู่กันก็ชี้มาที่เป้าของผม  ด้วยใบหน้าตกใจ  ผมก้มลงมองตามนิ้วของพู่กันที่ชี้มา

อื้อหือ ไม่คิดว่าแผ่นดินน้อยจะผงาดได้ขนาดนี้!!


“อาบน้ำนานหน่อยนะ!!  ไม่ต้องรอนอนก่อนเลย” ผมตอบด้วยใบหน้านิ่ง แล้วรีบตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที

ก่อนจะทำปฏิบัติการตีเนียน ต้องพักยกมาทำปฏิบัติการโลกสวยด้วยมือเราก่อน !!!

ใช้เวลาในห้องน้ำเกือบชั่วโมง  ออกมาจากห้อน้ำพู่กันก็หลับไปแล้ว เห็นเค้านอนก็อดขำไม่ได้

พู่กันนอนห่มผ้ามิดชิด คงกลัวว่าผมจะทำอะไรเค้า   ก็อยากทำจริงๆนั้นแหละ แต่ไม่กล้าหรอก ต้องรอให้เค้าเต็มใจก่อน


ใส่เสื้อผ้าเสร็จ เดินไปปิดไฟห้องนอน ผมค่อยๆขึ้นเตียงเบาๆกลัวเค้าจะตื่น ค่อยๆซุกตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกับพู่กัน

ด้วยขนาดเตียงที่เล็ก และตัวของเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เล็ก ทำให้เรานอนเบียดกัน พู่กันนอนตะแคงหันหลังให้กับผม

ผมก็นอนตะแคงเช่นเดียวกันหันหน้าไปทางพู่กัน 
 
เหมือนพู่กันจะเริ่มรู้ตัว ถึงลมหายใจของผมที่อยู่ด้านหลังจึงพลิกตัวหันมา ทำให้ใบหน้าของผมกับเค้า ในตอนนี้ใกล้กันมาก
 
ผมรู้สึกถึงลมหายใจของพู่กัน และได้กลิ่นของพู่กันอย่างชัดเจน ซึ่งกลิ่นของพู่กันเป็นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
 
มันเป็นกลิ่นที่หอมหวาน เหมือนผลไม้อะไรสักอย่างที่ดูหอมหวาน ได้ชิมแล้วจะรู้สึกสดชื่น

ใจผมเต้นแรง อยากจะสัมผัสริมฝีปากนั้นอีกครั้ง มันช่างเย้ายวนใจผมเหลือเกิน ผมได้แต่อดทนไม่ให้ผมเผลอทำอะไรลงไป


“นอนไม่หลับเหรอ” ผมกระซิบถามพู่กันที่ตอนนี้นอนตัวแข็งทื่อ คงจะตกใจที่อยู่ๆผมก็มานอนบนเตียงด้วย 


“ไหนบอกจะนอนโซฟา” เจ้าตัวไม่ตอบ แต่ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


“กูยังไม่ได้พูดสักคำว่ากูจะนอนโซฟา” ผมพูดไปตามจริง


“งั้นกูไปนอนที่โซฟาเอง”  พู่กันที่กำลังจะลุก ผมก็รีบคว้าเอวของพู่กันดึงให้เข้ามาชิดพร้อมกับกอดเอาไว้

ทำให้หน้าของพู่กันซบอยู่ตรงที่อกผม  เค้าคงจะได้ยินเสียงหัวใจของผมว่ามันเต้นแรงขนาดไหน


“นอนด้วยกันตรงนี้แหละ” ผมกระซิบพูด เกยคางไว้บนศีรษะของพู่กัน ที่เส้นผมนั้นทั้งหอมและนุ่มลื่น จนผมต้องเผลอสูดกลิ่นนั้น

เข้าไปอย่างอดใจไม่ไหว


“มึงก็ปล่อยกูก่อนสิ” พู่กันพยายามดันตัวเองออก แต่ผมไม่ยอมจึงกระชับวงแขนกอดพู่กันแน่นขึ้น 

ใครจะยอมปล่อยง่ายๆล่ะ ตัวหอมน่ากอดซะขนาดนี้ ปล่อยก็โง่แล้ว!!


“อย่าพูดมากน่า นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ” ผมพูดแต่ก็ยังคงกอดไม่ยอมปล่อย รู้สึกดีจังกับช่วงเวลานี้ 

อยากจะหยุดเวลานี้ไว้นานๆ


 “...” พู่กันไม่ได้พูดอะไร นอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดผม  ผมจึงพูดสิ่งที่รู้สึกตอนนี้ออกไป


“ขอบคุณนะที่มาด้วยกัน  แล้วก็ Merry Christmas มึงคือของขวัญวันChristmasที่ดีที่สุด  ฝันดีนะ พู่กัน”  พูดจบผมก็จรดริม

ฝีปากลงที่กลางศีรษะของพู่กัน  พู่กันไม่ได้พูดหรือโวยวายอะไรที่ผมหอมที่หัวเค้า

แต่กลับยอมให้ผมกอดไม่ได้ขืนตัวออกเหมือนทีแรก ไม่นานพู่กันก็เข้าสู่ห้วงนิทราเพราะฟังจากเสียงหายใจที่เข้าออกอย่าง

สม่ำเสมอ  หรือที่เค้ายอมนอนในอ้อมกอดผมเพราะเค้าง่วงเลยไม่อยากจะเถียงกับผม!!

แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเหอะ  ยังไงตอนนี้ผมก็’สุขใจ’ที่ได้กอดเค้าไว้แบบนี้ 

แล้วผมก็หลับตาลง ขอพรกับพระเจ้า ขอให้พู่กันเป็นของขวัญวันChristmasแบบนี้ทุกปี..


      7.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือของผมก็ดังขึ้น ผมค่อยๆลืมตา รู้สึกถึงไออุ่นของคนในอ้อมกอด

แล้วผมก็เผลอยิ้มออกมาไม่น่าเชื่อว่าพู่กันจะยอมนอนในอ้อมกอดของผมจนถึงเช้า เจ้าตัวคงจะเพลียที่ตอนนี้ยังหลับสนิท

แม้เสียงนาฬิกาปลุกก็ไม่ทำให้เจ้าตัวตื่น  ผมค่อยๆเกลี่ยเส้นผมที่ปรกลงมาปิดบังดวงตาที่ตอนนี้ปิดสนิทของพู่กันเบาๆ
 
จริงๆเวลานี้ผมควรจะลุกไปอาบน้ำได้แล้ว แต่ผมกลับนอนจ้องใบหน้าสวยในยามหลับใหลของพู่กัน  ขนตาของพู่กันยาวเป็นแพ

สวย แก้มก็ขาวใสน่าหอมชะมัด แล้วริมฝีปากบางเล็กนี่อีกน่าจูบเป็นที่สุด ผมได้แต่กลืนน้ำลายไม่กล้าทำให้สิ่งที่คิด

เพราะกลัวเค้าจะตื่น  กลิ่นตัวของพู่กันก็ยังคงหอมหวาน  สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวขอลิ้มรสอันหอมหวานนี้อีกสักครั้ง
 
ด้วยการจูบเบาๆที่ริมฝีปากบางสวยของพู่กัน

อืม..มันหวานจริงๆ!!


“เห้ย มึงทำอะไร” เหมือนพู่กันจะรู้ตัว รีบดันตัวผมออก พร้อมกับใช้หลังมือปิดปากตัวเอง


“morning kiss” ผมตอบหน้านิ่ง


“morning kiss อะไรของมึง หลายทีแล้วนะมึงที่จูบกู” พู่กันโวยวาย ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าโกรธหรือว่าเขินกันแน่  ..น่ารักดี


“ปลุกมึงไง ก็มึงไม่ยอมตื่น”


“มึงก็ปลุกกูดีๆดิวะ  แม่ง!!” พูดเสร็จพู่กันก็ลุกพรวด เดินไปเข้าห้องน้ำด้วยใบหน้าบึ้งตึง


ผมได้แต่แอบขำ มันน่ารักดีครับ ปฏิกิริยาแบบนี้ มันน่าจะเขินมากว่าโมโห!!

ระหว่างรอพู่กันอาบน้ำ ผมก็เดินมาดูห้องข้างๆ ว่าพวกเพื่อนๆตื่นกันรึยัง

ทุกคนตรียมพร้อมหมดแล้ว เหลือไอ้ปูนที่เข้าห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย

 
“เป็นไง ไอ้ดินกี่น้ำวะเมื่อคืน” พอเห็นหน้า ไอ้หมีก็เริ่มแซว


“กี่น้ำอะไรของมึง ”


“กระจอกจริงๆเลยนะมึงอ่ะ” ไอ้หมีพูดพร้อมส่ายหน้า


“ว่าแต่มึงนอนเตียงเดียวกันรึป่าววะ” ไอ้สมใจถามพร้อมทำหน้าเสือกเต็มกำลัง


“เออ นอนเตียงเดียวกัน กูนอนกอดเค้าถึงเช้า”


“ฮิ้วววว   ไม่ธรรมดาไอ้แผ่นดิน” ไอ้นพกับไอ้สมใจ โห่ร้องแซว  มีแต่ไอ้หมีที่ส่ายหน้า ใครจะไปไวไฟเหมือนมึงล่ะ

คุยกับสาวไม่ถึงชั่วโมงก็พาเค้าขึ้นเตียงละ!!


“คุยอะไรกันเสียงดังแต่เช้าวะ” ไอ้ปูนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำหน้าสงสัย


“คุยเรื่องเพื่อนมึงได้กับเพื่อนกูไง” ไอ้สมใจ ร้องบอก


“จริงดิ มันกับมึงได้กันแล้วเหรอวะ” ไอ้ปูนถามพร้อมทำหน้าตื่นเต้น  นี่มึงอยากให้กูได้กับเพื่อนมึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ!!


“ยัง กูนอนกอดเฉยๆ” ผมตอบตามความจริง


“จริงดิ!! มันยอมให้มึงกอดด้วยเหรอวะ”  ไอ้ปูนทำหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะพูดต่อว่า


“กูว่านะ มันมีใจให้มึงชัวร์!!  เพื่อนกูถ้ามันไม่ชอบใครมันไม่เคยฝืน กูรู้จักมันดี”  ไอ้ปูนพูดพร้อมกับทำหน้ามั่นใจ

            เป็นแบบนั้นจริงๆก็ดีนะสิ!!


“แล้วจะเอายังไงต่อ กับปฏิบัติการตีเนียนของมึงน่ะ” ไอ้นพที่นิ่งเงียบมานานถามขึ้น


“กูว่าตอนไปที่สวนดอกไม้ กูจะสารภาพว่ากูชอบเค้าว่ะ”


“กูเอาช่วยมึงนะ กูว่ามันคงไม่ปฎิเสธมึงอ่ะ ” ไอ้ปูนพูดพร้อมกับเดินมาตบไหล่ผมเพื่อให้กำลังใจ
   
   
  ต่อด้านล่าง             
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2018 16:42:45 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
   

     
ก๊อกๆ แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับพู่กันที่เปิดประตูเข้ามา


“หนีมาอยู่นี่เองไอ้ดิน ไปอาบน้ำได้แล้ว” แล้วทุกคนก็หันมาทำสายตายิ้มกริ่มใส่ผม


“พวกกูลงไปรอข้างล่างนะ”  ไอ้หมีพูดเสร็จ ทุกคนก็เดินมาตบไหล่ผมทีละคนแล้วก็เดินออกจากห้อง 
 
มีแต่พู่กันที่ยืนทำหน้างง


“ไปดิไอ้พู่ลงไปแดกข้าวข้างล่าง” ไอ้หมีเรียกพู่กันที่กำลังยืนงง


ผมจึงเดินกลับห้องไปอาบน้ำ  ไม่นานก็ลงมาสบทบกับเพื่อนๆที่รออยู่ข้างล่าง


“น้องดิน รับข้าวต้มเลยนะค่ะ” พี่นิดแม่บ้าน ถามขึ้นขณะที่เห็นผมเดินลงบันได


“ครับ พ่อกับแม่ละครับพี่นิด”


“คุณลุงกับคุณป้า ออกไปที่สวนตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” พี่นิดหันมาตอบขณะตักข้าวต้มหันผม ครอบครัวของพี่นิดเป็นคนงานเก่าแก่ที่

ทำงานให้กับที่บ้านผมตั้งแต่เริ่มทำสวนแรกๆ เราจึงสนิทกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน  สรรพนามที่ใช้เรียกจึงเรียกเหมือน

คนในครอบครัวเดียวกันมากกว่า  จริงๆแล้วคนงานในสวนก็เรียกพ่อกับแม่ผมแบบนับญาติมากกว่า แกจะไม่ให้เรียกว่าเจ้านาย

หรือเรียกอะไรที่มันฟังแล้วเหนือชั้นกว่า เพราะยังไงก็เป็นคนไร่คนสวนเหมือนกัน


“ใครจะรับข้าวต้มเพิ่มอีกมั้ยค่ะ  น้องหมีล่ะต่อถ้วยที่สามมั้ย” พี่นิดหันไปถามเพื่อนๆผมอย่างใจดี พร้อมกับแซวไอ้หมี


“อิ่มแล้วครับพี่นิดกินเยอะเดี๋ยวจุก เดี่ยวมื้อเที่ยงค่อยจัดหนักต่อ” ไอ้หมีหันไปตอบพี่นิดพร้อมกับซดข้าวต้มคำสุดท้าย

 
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยยกถ้วยไปเก็บนะครับ” พู่กันอาสาที่จะช่วยเก็บถ้วยที่กินเสร็จแล้ว


“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่พี่ค่ะ น้องพู่ไม่ต้องเกรงใจ” พี่นิดพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วหันมายิ้มให้กับผม


     อย่าบอกนะว่าแม่ก็บอกเรื่องพู่กันให้พี่นิดรู้  คงจะรู้กันหมดทั้งสวนแล้วล่ะ!!


“ว่าแต่วันนี้เราจะไปที่ไหนกันบ้าง” พู่กันถามขึ้นหลังจากกินข้าวกันอิ่มแล้ว


“จะพาไปดูสวนดอกเบญจมาศ กับกล้วยไม้ แล้วก็ไปเก็บองุ่นกัน ตอนบ่ายก็ไปซื้อของมาทำบาบีคิวสำหรับตั้งแค้มป์ตอนเย็น”

ผมบอกโปรแกรมสำหรับวันนี้


“พร้อมกันรึยัง ปั่นจักรยานไปกันนะ” ผมหันไปถามทุกๆคน อากาศกำลังดีครับวันนี้เย็นสบาย ไม่หนาวจนเกินไป


“เอารถกอล์ฟไปได้มั้ยวะ กูขี้เกียจปั่น” ไอ้หมีตัวปัญหาเริ่มโวยวาย


“อากาศดีแบบนี้ต้องปั่นจักรยานดิวะ” ไอ้สมใจเห็นด้วยกับผม


“เออ พวกกูจะปั่นจักรยาน มึงก็เอารถกอล์ฟไปเองคนเดียวละกัน  ปะพวกเราไปกัน” ไอ้ปูนพูดเสร็จพวกเราก็เดินออกมาหน้าบ้าน

ที่มีจักรยานจอดรออยู่


“เห้ย รอกูด้วย” ไอ้หมีตะโกน พร้อมกับวิ่งตามมา





ที่แรกที่ผมพามาคือ โรงเรือนกล้วยไม้ เป็นกล้วยไม้หวายสำหรับตัดดอก ที่สวนจะมี2สีหลักๆ คือสีม่วงแซมขาวและสีขาวล้วน

ไอ้ปูนกับไอ้นพ เป็นพวกชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว รีบลงจากจักรยานไปถ่ายรูปทันที

ส่วนไอ้หมีกับไอ้สมใจก็เดินตามไอ้ช่างภาพสองคนนั้นไป เหมือนจะเปิดโอกาสให้ผม..


“อยากลองตัดดอกดูมั้ย” ผมถามขณะที่เดินตามพู่กันมา


“ตัดได้เหรอ ” พู่กันถามพร้อมทำหน้าสนใจ


“ได้สิ เดี๋ยวไปยืมกรรไกรพี่เค้าให้” ตอนนี้ในสวนมีคนงานกำลังตัดดอกกล้วยไม้อยู่ แต่ก็ใกล้จะเสร็จงานกันแล้วเพราะเค้าจะตัด

ดอกกล้วยไม้กันช่วงเช้ามืด ตั้งแต่ตี5ถึง9โมงเช้า เพื่อคุณภาพดอกที่ดีและทันเวลาในการขนส่ง


“เดี๋ยวจะตัดให้ดูก่อนนะ ตัดก้านช่อดอกให้เกือบชิดโคนก้านแบบนี้เลย” ผมสาธิตให้พู่กันดู ก่อนจะยื่นกรรไกรให้พู่กัน



แล้วพู่กันก็ค่อยๆตัดก้านช่อดอกกล้วยไม้ด้วยสีหน้าตั้งใจ พอตัดเสร็จก็ยิ้มดีใจเหมือนทำสำเร็จ

ผมเห็นภาพนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้ จะว่าไปใบหน้าสวยของพู่กันก็เหมาะกับดอกไม้ดีเหมือนกัน!!


“ตัดอีกได้ป่ะ หนุกดี” พู่กันหันมาถาม สงสัยเริ่มติดใจ


“เอาสิ ตัดทั้งสวนเลยก็ได้นะ”


“เยอะไปละ แต่ขอตัดดอกสีขาวฝั่งนู้นได้ป่ะ”


“เชิญครับ” ผมผายมือเชิญให้พู่กันเดินไปทางฝั่งโรงเรือนกล้วยไม้สีขาว


จากนั้นพู่กันก็สนุกกับการตัดดอกไม้ ผมเลยหาจังหวะที่เค้าเผลอหยิบมือถือมาแอบถ่ายรูปของพู่กันเก็บเอาไว้


“แล้วเราจะเอาดอกไม้นี้ไปรวมกับของพี่ๆคนงานป่ะ” แล้วพู่กันก็ถามขึ้นหลังตัดดอกกล้วยไม้ได้กำใหญ่


“ไม่ทันแล้วล่ะ พี่ๆเค้ากลับกันหมดแล้ว ตัดถึงแค่9โมงเช้า” ดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะ10โมงละ


“นึกว่าจะตัดทั้งวันซะอีก” พู่กันทำหน้ามุ่ยเสียดาย


“เอาไปใส่แจกันที่บ้านก็ได้  พอรึยัง เดี๋ยวพาไปตัดดอกเบญจมาศต่อ” ผมพูดเสร็จ เจ้าตัวก็รีบพยักหน้ายิ้มดีใจ

เหมือนเด็กได้ของเล่น  ...น่ารักดีแฮะ!!

แล้วผมกับพู่กันก็เดินไปหาพวกไอ้หมีที่อยู่อีกโรงเรือนนึง


“พวกมึงถ่ายรูปกันเสร็จยัง เดี๋ยวไปที่สวนดอกเบญจมาศกันต่อ”

“โอเค พวกมึงไปก่อนเลยเดี๋ยวพวกกูตามไป” ไอ้หมีตะโกนบอกผม พร้อมกับส่งยิ้มที่รู้ๆกันว่าหมายถึงอะไร

ผมกับพู่กันปั่นจักรยานมาที่โรงเรือนดอกเบญจมาศที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรือนดอกกล้วยไม้มากนัก

ตอนนี้ที่โรงเรือนดอกเบญจมาศเต็มไปด้วยดอกหลากหลายสีสันที่แข่งกันบานสะพรั่ง พู่กันที่เดินอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้สวย

เหล่านี้มันช่างดูกลมกลืนดีเหลือเกิน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพของพู่กันเอาไว้


“สวยดีเนอะ กูคิดว่าดอกเบญจมาศจะมีแต่สีขาวกับสีเหลืองซะอีก เห็นแม่ซื้อมาไหว้พระบ่อยๆ” พู่กันพูดพร้อมกับทำหน้าตื่นต้น 

มองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้..น่ารักอีกแล้ว!! 


“จริงๆมันมีหลายสี หลายสายพันธุ์ ทั้งดอกเล็กดอกใหญ่”  ที่สวนจะมีโรงเรือนที่เปิดให้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ 

แต่ผมพาพู่กันมาที่โรงเรือนที่ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวจะได้เป็นส่วนตัวหน่อย


“ที่นี่ก็ตัดดอกได้ใช่ป่ะ” พู่กันหันมาถาม


“ตัดได้สิ  อยากตัดเท่าไห่ก็ตัดเลย” ผมพูดพร้อมกับยื่นกรรไกรให้


“ตัดยังไง มึงสอนกูก่อนสิ”    


“ตัดห่างจากโคนต้นขึ้นมาสัก15-20เซนติเมตร แบบนี้” ผมกะระยะให้พู่กันตัดตามที่ผมบอก 


“มึงโตมาในที่แบบนี้ ดีจังเนาะ” พู่กันพูดพร้อมกับตัดดอกไม้ไปเรื่อยๆ


“ทำไม มึงชอบดอกไม้เหรอ?”


“ชอบสิ ก็มันสวยดี มีใครบ้างไม่ชอบดอกไม้?”


“กูก็ชอบ ทั้งสวยทั้งน่ารัก” ผมพูดพร้อมกับสบตาของพู่กัน


“...” พู่กันไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาไหวระริกแล้วก็รีบก้มหน้าตัดดอกไม้ต่อ  แต่ถ้าผมมองไม่ผิดผมเห็น

แก้มของเค้ามีสีเข้มขึ้น...เขิน?


“พู่กัน” ผมว่ามันถึงเวลาที่ผมควรบอกความในใจแล้วล่ะ


“...” พู่กันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม


“รู้มั้ยว่ามึงเหมาะกับดอกไม้ มึงสวยเหมือนกับดอกไม้ แต่ดอกไม้พวกนี้มันต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มันถึงจะเบ่งบานสวยได้

แบบนี้  มึงก็ควรจะมีใครสักคนมาดูแลเอาใจใส่เหมือนกัน”


“...”


“รู้ตัวมั้ย ว่าตัวเองพิเศษ” ผมยังคงสบตากับพู่กันนิ่ง


“พิ..พิเศษยังไง” พู่กันถามด้วยน้ำเสียงที่ติดขัด


“พิเศษสำหรับกู” ผมตอบด้วยแววตาและน้ำเสียงที่จริงจัง เพราะพู่กันคือคนพิเศษสำหรับผมจริงๆตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นเค้า


“...”


“ตรงๆเลยนะ...กู ชอบ มึง พู่กัน!!


“...!!” พู่กันทำหน้าตกใจ เมื่อได้ยินคำสารภาพตรงๆ


“มึงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรตอนนี้ กูจะยังไม่ถามว่ามึงชอบกูรึป่าว  แต่กูขอแค่โอกาส..โอกาสที่จะจีบมึงได้มั้ย?”


“กูเป็นผู้ชายมึงจะมาชอบกูได้ไง อีกกอย่างกูชอบผู้หญิง!!” พู่กันพยายามอธิบาย


“แล้วไง มึงรังเกียจกูเหรอที่กูชอบมึง?!!” ผมถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ  ถ้าเค้ารังเกียจผมจริงๆล่ะ จะทำไง?!!


“ไม่ใช่อย่างนั้น กูไม่ได้รังเกียจมึง” พู่กันตอบเสียงเบา


“งั้นลองเปิดใจให้กู  แค่ครั้งเดียว..ครั้งเดียวก็พอ”


“...”


“นะ พู่กัน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน


“เออๆ ตามใจมึง อยากทำอะไรก็ทำ เพราะยังไงกูก็ชอบผู้หญิง!!”


“แค่มึงให้โอกาสกูแค่นี้ก็ดีมากแล้ว   เตรียมตัวมาตัดดอกไม้ที่สวนได้เลย มึงได้ตัดจนเมื่อยมือแน่

ว่าที่ลูกสะใภ้บ้านสวนรักษ์ดิน!! ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มกว้างดีใจที่สุด ที่พู่กันให้โอกาสผม


“ไอ้บ้า ลูกสะใภ้อะไรของมึง” พู่กันโวยวายด้วยใบหน้าแดงก่ำ  ก่อนจะรีบหันหลังเดินหนีผม
 

“ลูกเขยก็ได้ กูยอม” ผมตะโกนบอก  สิ่งที่ได้กลับมาคือ นิ้วกลางของพู่กันที่เจ้าตัวชูขึ้นมาเหนือหัว


                 
       ..อีกไม่นานได้เจอของจริงแน่ ไม่ต้องห่วง ใหญ่กว่านิ้วกลางหลายเท่า!!! หึหึ





*TBC*

................................................................................

สวัสดีค่ะ ทุกๆคน แอบมาช้าไป2วัน
ติดภาระกิจช่วงปีใหม่นิดนึงค่ะ ยังไงก็ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกๆท่านมีความสุขตลอดปี2018นี้นะค่ะ^^

ปล. บทนี้พี่ดินของเราแอบหื่นเนาะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2018 16:44:53 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
  เย้ๆ พี่ดินกับพี่พู่มาแล้ว   :L1:

          พี่ดินแอบหื่นจริงๆด้วย  :hao3:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
หึหึ ตีเนียน

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารัก ^^
หวังให้พู่กันเปิดใจและรับรักแผ่นดินเร็วๆ นะครับ //เอาใจช่วย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[


พี่ดินคนหื่น2018

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0


    เนียนนะ แผ่นดิน   o13







ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไอ้ดินจะหื่นไปไหนเนี่ย  :hao6: 555
อินจัด

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

บทที่ 7 แค่เธอก็พอ!!


       
              ‘ตรงๆเลยนะ กู ชอบ มึง พู่กัน’



        กูชอบมึง   กูชอบมึง   กูชอบมึง
     
       
   
เสียงของไอ้ดินยังคงก้องอยู่ในหัวของผม พร้อมกับใจที่เต้นแรง เกิดมา20ปีเพิ่งจะมีผู้ชายมาบอกชอบ แล้วผมดันให้โอกาส

มันจีบด้วย เพราะคำว่า ‘เปิดใจ’ ของไอ้พี่น้ำที่มันพูดตอนนั้นผุดขึ้นมา ทำให้ผมยอมตกลง

แต่ยังไงผมก็ยังมั่นใจว่าผมไม่มีทางที่จะชอบผู้ชาย?!!


“ตัดดอกไม้พอรึยัง เดี๋ยวพาไปเก็บองุ่นต่อ” ไอ้ดินที่เดินตามหลังผมมาถามขึ้น  อุตส่าห์เดินหนีมา แม่ง!!หน้ากูหายแดงรึยังวะ!!


“พวกไอ้หมีล่ะ” ผมถามกลับ แต่ยังไม่กล้าหันหน้าไปสบตามัน


“กูไลน์บอกพวกมันแล้วว่าให้ไปเจอกันที่สวนองุ่น”


“ไปสิ” พูดเสร็จผมก็รีบหมุนตัวเดินนำมันออกจากโรงเรือน ไม่แม้แต่จะกล้าสบตา ทำไมผมต้องกลัวสายตาของมันด้วยวะ !!

ปั่นจักรยานไม่ไกลมากนักก็มาถึงสวนองุ่น ของบ้านสวนรักษ์ดิน สวนที่ไอ้ดินพามาเป็นองุ่นแบบทานสด

ต้นองุ่นเรื้อยขึ้นเป็นเถาสวย มีพวงองุ่นสีดำห้อยลงมาเต็มไปหมด เห็นแล้วน่ากินชะมัด


“เด็ดมากินได้เลยรึป่าว” ผมถามไอ้ดินที่มันเอาแต่จ้องหน้าผม  จ้องอะไรนักหนาวะ!!


“อยากได้กี่พวงก็ตัดได้เลยตามสบาย เอาไปฝากที่บ้านมึงด้วยก็ได้นะ” มันพูดพร้อมกับยื่นกรรไกรมาให้


“หวานจัง ไม่มีเมล็ดด้วย” จะว่าไปมันเป็นองุ่นคนละพันธุ์กับที่แม่ไอ้ดินให้ชิมวันนั้นที่เป็นองุ่นแดงลูกใหญ่

 แต่นี่เป็นองุ่นสีดำลูกเล็กกลมๆ


“เค้าเรียกว่าพันธุ์ Beauty Seedless เป็นองุ่นดำไร้เมล็ด”


“บิ้วตี้สมชื่อ ลูกมันกลมๆน่ารักดี”


“อืม น่ารัก” ไอ้ดินพูดแต่สายตามันไม่ได้มององุ่นเลย มันมองแต่หน้าผม องุ่นที่ถือในมือแทบร่วง

มือไม้อ่อนไปหมดตั้งแต่มันบอกว่าชอบผม


“มองหน้ากูแบบนี้หมายความว่าไง”


“มองคนที่ชอบผิดตรงไหน”


“...”  เออ..ไม่ผิด กูนี่แหละที่ผิดไม่น่าถามมึงเลย ฮือออ


“รีบเก็บเหอะ แดดเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย”


“กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”  ถึงหุ่นกูจะไม่ฟิตแอนด์เฟิร์มเหมือนมึง แต่กูก็แข็งแรงโว้ย


“แต่ไม่เป็นไร ถ้ามึงไม่สบายกูก็จะดูแลมึงเอง  เพราะ มึงคือดอกไม้ของกู ที่กูต้องดูแลเอาใจใส่อยู่แล้ว”


“เดี๋ยวๆ กูไปเป็นดอกไม้ของมึงตอนไหน” ไอ้นี่พูดเองเออเอง


“เมื่อกี้ไง มึงให้โอกาสกูจีบมึงแล้ว แสดงว่ามึงยอมเป็นดอกไม้ของกูให้กูดูแล” มันยังคงพูดด้วยใบหน้านิ่ง


“มีใครเคยบอกมึงมั้ย ว่ามึงโคตร มโนเก่ง”


“ตามนั้น”  เออเอากะมันสิ ลืมไปว่ามันจอมมึนอยู่แล้ว  เถียงไปก็เท่านั้น ไอ้เผด็จการ!!


“กูยอมให้มึงจีบ ไม่ได้หมายความว่ามึงจะจีบกูติดนะ” ผมพูดเพราะไม่อยากให้มันหวังมากเกินไป


“ติดสิ” มันพูดอย่างมั่นใจ นี่มึงจะไม่คิดก่อนพูดเลยเรอะ?!!


“อะไรทำให้มึงมั่นใจขนาดนั้น”


“เพราะกูหล่อ” ผมได้แต่เบะปากมองบน  มั่นหน้ามากมึงอ่ะ


“แต่กูไม่ชอบคนหล่อ กูชอบคนสวย”


“กูก็ชอบคนสวย” แล้วมึงจะมาจีบกูเพื่อ??


“งั้นมึงก็ไปจีบผู้หญิงสิ” แล้วมันก็สายหน้าเหมือนว่าผมไม่เข้าใจที่มันพูด ก่อนจะพูดต่อว่า


“มึงเคยส่องกระจกป่ะ”


“ก็ส่องทุกวัน?” ใครบ้างวะ ไม่เคยส่องกระจก


“ยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองสวย!!”


“กูหล่อ ไม่ได้สวย กูเป็นผู้ชาย ใครจะชมผู้ชายว่าสวยกันวะ”


“เบื่อไม่คุยกับมึงละ พวกไม่ยอมรับความจริง”


“เอ้า ตกลงกูผิด!!”


“ผิด!!  ผิดที่ทำให้กูชอบมึง  ฉะนั้น มาเป็นแฟนกู!!แล้วกูจะยกโทษให้”


“โอ้ย..กูมากกว่าที่ไม่ควรคุยกับมึง แม่ง!!”  ยิ่งคุยยิ่งปวดหัว จะบ้าตาย!!


ตั้งแต่มันสารภาพว่าชอบผม รู้สึกว่ามันจะมีความมึนเพิ่มขึ้นเป็น10เท่า ปวดหัวกับมันจริงๆ

แล้วไอ้พวกเพื่อนเวรมันหายหัวไปไหนกันหมดวะ ไหนบอกจะตามมาไง นี่มันปล่อยให้ผมอยู่กับไอ้ดินตามลำพังตั้งแต่ที่สวน

ดอกไม้แล้วนะ  หรือจะเป็นแผนของพวกมันวะ  อย่าให้รู้นะมึง แม่งกูจะตบกระบาลเรียงตัวเลยคอยดู!!


“ฮัลโหล ไอ้ปูนมึงอยู่ไหน” รีบต่อสายหาไอ้ปูนทันที แม่งรู้สึกไม่ปลอดภัย


“กูกลับมาที่บ้านแล้ว” มันตอบด้วยน้ำเสียงสบายใจ


“เอ้า มึงไม่มาสวนองุ่นเหรอ”


“ไม่อ่ะ ที่บ้านไอ้ดินก็มีให้กิน จะไปเก็เองทำไมให้เมื่อยวะ”  ตกลงกูเมื่อยอยู่คนเดียวใช่มั้ย!!


“ทำไมไม่บอกกูวะ ปล่อยให้กูอยู่กับไอ้ห่าดินอยู่ตั้งนาน”


“เห็นมึง2คนสวีทกันกูก็ไม่กล้าเข้าไปขัด” มันพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆยังไงชอกล


“สวีทบ้าบออะไรของมึง” ผมรีบโวยวายมันทันที


“เออๆ ถ้างั้นก็กลับบ้าน เค้าจะแดกข้าวกันแล้ว” พูดจบมันก็วางสายทันที


     กลับมาถึงบ้านไอ้ดิน ทุกคนกำลังกินข้าวกันอยู่ที่โต๊ะอาหารในบ้านไอ้ดิน

“พู่กัน มากินข้าวเที่ยงลูก วันนี้แม่ลงมือทำขนมจีนน้ำยาป่าเองเลยนะลูก” แม่ไอ้ดินรีบจูงมือผมไปที่โต๊ะทันที   

บนโต๊ะมีหม้อขนมจีนหม้อใหญ่ กับสารพัดผักเคียงที่ดูน่าทาน แล้วแม่ไอ้ดินก็ตักขนมจีนใส่จานให้ผม


“นี่จ๊ะ กินเยอะๆนะลูก”


“ขอคุณครับแม่”  แม่ไอ้ดินยิ้มให้อย่างเอ็นดู


“พู่ทำอาหารเป็นมั้ยลูก” แล้วจู่ๆแม่ไอ้ดินก็ถามขึ้น


“พอทำได้ครับแม่ ส่วนมากจะทำอาหารหารเหนือ”


“งั้นมาครั้งหน้า มาทำน้ำเงี้ยวให้แม่กินนะลูก แม่ชอบกิน” แม่ไอ้ดินพูดพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาให้  ผมได้แต่ทำหน้างง แต่สุดท้าย

ก็เข้าใจ เลยยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยสัญญา


“สัญญาแล้วนะลูก” แม่ไอ้ดินพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ผมรู้ละว่าไอ้ดินมันมีรอยยิ้มเหมือนใคร!!


“ครับ” ผมรับคำ แต่ทำไมผมรู้สึกว่าผมเขินก็ไม่รู้  อาจจะเป็นเพราะสายตาแม่ไอ้ดินที่เหมือนจะยิ้มตลอดเวลา

มันดูกรุ้มกริ่มยังไงชอบกล!!


        หลังจากไปซื้อของที่ตลาดกันเรียบร้อยแล้ว ตอนเย็นเราตั้งแค้มป์กันที่บริเวณสวนหลังบ้านไอ้ดิน

โดยเรากางเต็นท์ทั้งหมด3หลัง นอนเต็นท์ละ2คน ให้ทายผมนอนคู่กับใคร อยากที่คุณๆคิดกันนั่นแหละครับ

ไอ้ดินเจ้าเก่าเจ้าเดิม!!  ด้วยเหตุผลเดิมเพราะผมกับมันเป็นเจ้าของชบาร่วมกัน!!


“ไอ้พู่มึงก่อไฟดิ” ไอ้หมีสั่ง ขณะที่มันเดินถือถาดบาร์บีคิวมาวางบนโต๊ะ ในถาดน่าจะมีบาร์บีคิวสักร้อยไม้ได้
 
นี่มึงทำแดก หรือมึงทำขาย ตอบ!!


“กูทำเป็นซะที่ไหน” ผมทำอาหารเป็นก็จริง แต่เรื่องก่อไฟขอยอมแพ้ ทักษะติดลบ


“อ่อนจริงๆเลยมึงอ่ะ ตอนเด็กมึงไม่เคยไปเข้าค่ายลูกเสือรึไง” มันพูดพร้อมทำหน้าเอือม


“พูดมาก มึงก่อเป็นมึงก็ทำดิ”


“ไอ้ดิน ก่อไฟให้กูหน่อย”  แล้วมันก็หันไปใช้ไอ้ดิน


“ทำไมมึงไม่ทำเองล่ะ สั่งคนนั้นคนนี้อยู่ได้” ผมโวยวายไอ้หมีทันที


“กูทำไม่เป็น!!” แล้วมันก็ตะโกนตอบซะเสียงดัง

 
“ถุยย!! ไอ้กระจอก แล้วทำเป็นมาว่ากู”


“กูเกิดมากับเตาแก๊สโว๊ย พ่อครัวยุคใหม่เข้าใจป่ะ ” แม่มึงคลอดมึงข้างเตาแก๊สรึไง ถึงว่าตัวมึงใหญ่อย่างกับถังแก๊ส!!


“พ่อครัวห่าไร มึงทำกับข้าวเป็นที่ไหน แดกเป็นอย่างเดียวมึงอ่ะ”  ไอ้หมีมันทำกับข้าวไม่เป็นครับ ทักษะติดลบยิ่งกว่าผมซะอีก

ทุกวันนี้มันยังแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนกะเพรา อันไหนโหระพา!!


“มึง2ตัว มัวแต่เถียงกันอยู่นั้นแหละเมื่อไหร่จะได้แดกวะ” ไอ้ปูนที่ยกลังเบียร์เข้ามา เอ็ดผมกับไอ้หมี


       ไม่นานเตาย่างบาร์บีคิวก็มีไฟลุกโชน ด้วยฝีมือไอ้ดิน นี่แหละวิถีของพ่อบ้านตัวจริง!!

ส่วนมือปิ้งย่างต้องยกให้ไอ้สมใจ กับไอ้นพ มันบอกเมนูที่ถนัดคือจี่หอย?!! มันเหมือนกันตรงไหนวะ??


“หน้ามึงเลอะอ่ะ” หน้าไอ้ดินมีรอยเปื้อนสีดำ คงจะมาจากถ่านที่มันใช้ก่อไฟเมื่อกี้


“ตรงไหน” มันถามหน้านิ่ง


“ตรงแก้ม” ผมบอกพร้อมกับทำท่าประกอบชี้ไปที่แก้มของตัวเอง แต่มันยิ่งเช็ดหน้ามันก็ยิ่งเลอะ เพราะมือมันเปื้อน


 “เลอะกว่าเดิมอีก” ผมพูดพร้อมกับส่ายหน้า


“เช็ดให้หน่อย” มันยังคงพูดด้วยใบหน้านิ่ง


“กูว่ามึงไปล้างมือ แล้วค่อยเช็ดจะดีว่า”


“....” มันยังมองหน้าผมนิ่ง มาอีกละสายตาแบบนี้ สายตาที่ยังไงกูก็ต้องทำ แล้วสุดท้ายกูก็ยอมทุกที!!


“มึงนี่น๊า” ผมพูดพร้อมกับหยิบทิชชู่ที่วางอยู่บนโต๊ะ มาเช็ดตรงแก้มไอ้ดิน ถูๆๆ แม่งโมโห  โมโหตัวเองนี่แหละที่ยอมมันทุกที!!


“มือหนักนะเราอ่ะ” มันพูดพร้อมกับจับมือผมให้ถูหน้ามันเบาๆ


“หนังหน้ามึงมันหนาไงเช็ดเบาๆไม่ออกหรอก”


“ตัวมึงหอมดีเนอะ” นี่มึงฟังที่กูพูดมั้ยเนี่ย นึกอยากจะพูดอะไรก็พูดใช่มะ!!


“หอมอะไรของมึง ตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ” พูดจามั่วซั่วจริงๆเลยไอ้บ้านี่ พึ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้ผมกับมันอยู่ใกล้กันมาก

ไอ้ดินที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ส่วนผมยืนอยู่ด้านหน้ามัน โดยที่มันจับมือผมที่กำลังเช็ดหน้ามันอยู่ ท่าทางดูล่อแหลมยังไงชอบกล!!


“เนี่ย หอมจริงๆนะ” พูดเสร็จมันก็ดึงตัวผมเข้าไปใกล้ แล้วหอมที่หน้าท้องของผมอย่างรวดเร็วโดยผมไม่ทันตั้งตัว

เพราะมันนั่งที่เก้าอี้ส่วนผมยืนอยู่ กลายเป็นว่าหน้าของไอ้ดินอยู่ระดับเดียวกับหน้าท้องของผม


จังหวะนั้นเหมือนถูกไฟซ็อต ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ


“ชะ..เช็ดออกหมดแล้ว” พอได้สติ  ก็รีบหมุนตัวเดินไปหาไอ้หมีที่อยู่ตรงเตาย่างบาร์บีคิว


มาถึงก็เจอสายตากรุ้มกริ่ม ของไอ้เพื่อนทั้ง4ตัวที่มองอย่างจับผิด  รู้สึกทำตัวไม่ถูก


“มองอะไร” ผมตวาดใส่ไอ้4ตัวนั่น


“ทำไมหมูมันหวานจังวะ” ไอ้หมี ไอ้ห่านี่ก็ไม่ได้สนคำพูดผมเลย แล้วก็เคี้ยวหมูบาร์บีคิวซะเสียงดัง


“ไส้กรอกอันนี้ก็โคตรหวานวะ” ไอ้สมใจกัดไส้กรอกคำโตก็พูดขึ้นอีกคน


“ข้าวโพดอันนี้ก็หว๊าน หวาน” ไอ้ปูนก็เล่นกับเค้า เหลือไอ้นพ ดูมันสิมันจะเล่นอะไรต่อ?!!


“อื่อ ขนาดพริกยังหวานอ่ะ ไม่เชื่อมึงลองดู” ไอ้นพพูดเสร็จก็ยัดใส่ปากไอ้หมี ไอ้หมีไม่ทันตั้งตัวเลยเผลองับพริกเข้าไปทั้งเม็ด

 
“อื่อหือ โคตรหวาน   น้ำ เอาน้ำมาให้กู!!”  ไอ้หมีพูดพร้อมขึงตาใส่ไอ้นพที่หัวเราะไม่หยุด


“สมน้ำหน้า เผ็ดละสิมึง” ผมพูดพร้อมยื่นแก้วน้ำให้มัน


“ไม่เผ็ด แต่พริกมันติดคอกู!!” ไอ้หมีพูดพร้อมกับปากเจ่อ   สมน้ำหน้า ล้อกูดีนัก


“ไหนมีใครจะบอกว่าอะไรหวานอีกมั้ย” ผมพูดประชดไอ้พวกเพื่อนเวรทั้งหลาย


“ตัวมึงไงที่หวาน!!” ไอ้ดินที่เดินมาหยุดที่ข้างหลังผมพูดขึ้น ผมหันหลังกลับไปตามเสียงของมันทำให้หน้าของผมกับมันแทบจะ

ชนกัน  ให้ตาย!! นี่มึงมาใกล้กูมากเกินไปมั้ย?!!  รีบผละตัวออกแทบไม่ทัน


“หวานจริงเหรอวะ ไหนกูขอชิมหน่อย” ไอ้หมีพูดแซวขึ้น


“ไม่ได้!! กูชิมได้คนเดียว” ไอ้ดินรีบพูดขัดทันที


“มีหวงด้วยว่ะ” ไอ้หมีพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้กับเพื่อนอีก3ตัวที่คอยเป็นลูกคู่รอแซวช่วยมันอยู่


“หยุดเลยมึง2ตัว กูไม่ใช่ของกินจะมาชิมกูได้ไง อ่ะนี่หวานมากใช่มั้ย แดกเข้าไป” แล้วผมก็จับพริกยัดใส่ปากไอ้หมีอีก2เม็ด 

ให้ปากมันเจ่อเข้าไว้จะได้ไม่พูดมาก รำคาญ!!


“ไอ้สัดพู่  กูเผ็ด!! แล้วแก้วน้ำกูหายไปไหนนนน” ไอ้หมีโวยวายหาแก้วน้ำที่ไอ้สมใจแอบเอาไปซ่อน       

       รักดอกจึงหยอกเล่น มีแต่เพื่อนที่รักมึงทั้งนั้นไอ้หมี!!!


“ชิมนี่ดู” ไอ้ดินยื่นเนื้อบาร์บีคิวที่ปิ้งสุกแล้วมาให้ผม


“กูไม่แดกเนื้อ มึงแดกเลย” แล้วมันก็มองหน้าผมนิ่ง เหมือนคิดอะไรบางอย่าง


“...”


“มีอะไรหลายอย่างที่กูไม่รู้เกี่ยวกับมึงเยอะเลย” แล้วจู่ๆมันก็พูดขึ้น


“แล้วไง??” ผมได้แต่ทำหน้าสงสัย ทำไมมึงต้องมารู้เรื่องเกี่ยวกับกูด้วยล่ะ


“ก็กูจีบมึงอยู่!! เลยอยากรู้จักมึงให้มากกว่านี้”


“มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปดิวะ มึงจะรีไปไหน” ผมตอบไปตามที่ใจคิดตอนนั้น ไม่ได้คิดว่าจะส่งผลอะไรกับไอ้ดิน


“...” มันไม่พูดอะไร แต่ยิ้มกว้างกับคำพูดของผม


“…” จังหวะนั้นทำให้หัวใจผมเต้นแปลกๆ


“นั้นน่ะสินะ ไม่เห็นต้องรีบเลย ยังไงมึงก็ให้โอกาสกูแล้ว สุดท้ายมึงก็ต้องมาเป็นแฟนกูอยู่ดี!!”


“ไม่คุยกะมึงละ เอาหมูไม้นั้นมากินดิ” กินแก้เขินดีกว่า  แล้วกูจะเขินทำไมเนี่ย!! หัวใจๆ


“มาๆ ได้เวลาตั้งวงแล้วเพื่อนๆ” ไอ้หมีพูดขึ้นพร้อมกับถือเบียร์มาวางบนโต๊ะ


“อย่ามอมกู เพื่อพิสูจน์ห่าเหวอะไรของมึงอีกนะ” ผมรีบพูดดักพวกมันไว้ก่อน เดี๋ยวจะโดนเหมือนคราวที่แล้ว


“อย่าสำคัญตัวไอ้พู่” ไอ้หมีพูดพร้อมส่ายหน้าระอา  ทำหน้าแบบนี้น่าตบให้คว่ำจริงๆ มึงนั่นแหละตัวดี!!


“มาๆ ชนแก้ว ถือว่าฉลองคริสต์มาสย้อนหลังละกัน”  จากนั้นเบียร์ก็พร่องลงเรื่อยๆ เพราะไอ้หมีคอทองเค!!


“พ่อกับแม่ไม่ออกมาเหรอ” ผมถามไอ้ดินที่กำลังรินเบียร์ใส่แก้วให้ผม


“ชวนแล้วแต่แกบอกว่า ให้วัยรุ่นสนุกกันเหอะแก่แล้วขอพักผ่อน” ผมได้แต่พยักหน้ากับคำตอบของไอ้ดิน   

จะว่าไปพ่อกับแม่ของไอ้ดินยังดูไม่แก่นะ อาจจะผิวคล้ำแดดตามอาชีพของแก แต่ก็ยังถือว่าไม่แก่

ยิ่งแม่ของไอ้ดิน ถ้าบางคนไม่รู้อาจจะคิดว่าเป็นพี่สาวไอ้ดินก็ได้ นี่ผมไม่ได้โม้นะ แม่ไอ้ดินยังดูสาวและก็สวยมากครับ

โดยเฉพาะตาที่คมสวย ไอ้ดินก็ถอดแบบแม่มันมาเป๊ะ ไม่แปลกที่มันจะเป็นบุคคลสาธารณะมีคนมาชอบมันเยอะแยะ 

พูดถึงคนชอบมันก็นึกเรื่องที่มันเป็นเดือนคณะขึ้นมา ลองถามมันดูดีกว่า


“ได้ยินมาว่ามึงเป็นเดือนคณะเกษตรเหรอ”


“เป็น แต่มันขาหักเลยไม่ได้ประกวดดาวเดือนมหาลัย กูยังเสียดายเลยถ้ามันไม่ขาหักซะก่อนนะ ไอ้ดินได้เป็นเดือนมหาลัย

แน่นอน” ผมถามไอ้ดิน แต่ไอ้หมีเสือกตอบแทน


“เออ แม่งโคตรซวยอ่ะ ดันขาหักก่อนวันประกวด2วัน ไอ้ว่านรองเดือนคณะต้องขึ้นประกวดแทน ดีนะที่มันพอจะมีความสามารถ

เล่นกีต้าร์ร้องเพลงได้ ไม่งั้นเตรียมตัวไม่ทันแน่ คณะคงต้องสละสิทธิ์อ่ะ” ไอ้สมใจอธิบายพร้อมกับทำหน้าเสียดาย


“มึงไปทำอะไรขาถึงหักวะ” ไอ้ปูนถามขึ้น


“เตะบอล” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง


“โห นี่มึงเล่นแรงกันขนาดนี้เลยเหรอวะ”


“มันเป็นจังหวะมันพอดีน่ะ” มันยังตอบหน้านิ่งเหมือนเดิม


“มันเป็นแผนของมึงรึป่าวที่ไม่อยากเป็นเดือนน่ะ” ไอ้นพถามทำหน้าเหมือนมีเลสนัย


“กูไม่ลงทุนเจ็บตัวขนาดนั้นหรอก อีกอย่างกูก็ได้เป็นเดือนคณะอยู่ดีป่ะวะ” ไอ้ดินอธิบาย


“ตงลงมึงเป็นเดือนคณะเกษตร เพียงแต่วันประกวดดาวเดือนมหาลัยมึงไม่ได้ขึ้นประกวด” ผมหันไปถามมันบ้าง  ไอ้ดินพยักตอบ


“มาๆ แก้วนี้ดื่มให้เพื่อนกูที่หล่อ มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะ” ไอ้หมีที่หาเรื่องชนแก้วตลอด  ไม่เกี่ยวกันมั้ยวะ เรื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว!!


ชักจะเริ่มมึนละแฮะ ไอ้หมีแม่งชนแก้วบ่อยเกิ๊น!!


“อากาศเริ่มหนาวแล้วใส่เสื้อกันหนาวอีกตัวสิ”  ผมตอนนี้ใส่แค่เสื้อยืดแขนยาวตัวบาง ไอ้ดินเลยยื่นเสื้อกันหนาวของมันมาให้ผม


“เดี๋ยวกูเข้าไปเอาเสื้อของกูในบ้านก็ได้ มึงใส่ของมึงไปเหอะ” ผมตั้งใจจะไปเอาเสื้อข้างในบ้านอยู่แล้ว


“ใส่ๆไปเหอะน่า” มันพูดพร้อมกับคลุมเสื้อกันหนาวของมันให้ผม แล้วก็เดินหนีเข้าไปในบ้าน 

อะไรของมัน?!!   ผมเลยยอมใส่เสื้อของมันแต่โดยดี ไออุ่นของไอ้ดินยังอยู่  อุ่นดีแฮะ!!

ไม่นานไอ้ดินก็เดินกลับมา พร้อมกับใส่เสื้อกันหนาวตัวใหม่ และผ้าพันคอในมือ


 
    ต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2018 22:47:57 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
“พันผ้าพันคอซะ ยิ่งดึกยิ่งหนาว” แล้วมันก็ยื่นมาให้ผม


“ไม่ได้หนาวขนาดนั้นสักหน่อย ผิงไฟตอนนี้ก็อุ่นดี”


“เชื่อกู อย่าดื้อ!!”


“กูไม่ใช่เด็ก อย่ามาใช้คำนี้กับกู” ไม่ชอบเลยเวลามีคนบอกว่าดื้อ โดยเฉพาะคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อกับแม่


“งั้นก็รับไปซะ หรือจะให้กูพันให้”  มันพูดด้วยน้ำเสียงแกมบังคับ


“ไม่ต้อง!!” ผมรีบคว้าผ้าพันคอมาพันคอตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่ทำเองมันทำให้แน่นอน!!


“เป็นห่วงเป็นใยกันดีจังนะ พวกกูไม่เห็นห่วงบ้างเลย” ไอ้สมใจพูดขัดขึ้น  เพราะทุกการกระทำอยู่ในสายตาของเพื่อนทุกคน


“พวกมึงหนังหนา หนาวแค่นี้ทำอะไรผิวพวกมึงไม่ได้หรอก” ไอ้ดินตอบกลับหน้านิ่ง


“ชิชะ กูบอกว่าไอ้พู่ขี้หนาว นี่มึงเป็นห่วงเป็นใยดูแลมันขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เอาผ้านวมมาให้มันห่มเลยล่ะ ” ผมหันหน้าไปมอง

ไอ้หมีทันที นี่มึงบอกเรื่องอะไรของกูให้ไอ้ดินรู้บ้างเนี่ย  มึงเป็นสายให้ไอ้พี่น้ำไม่พอมึงเป็นสายให้ไอ้ดินอีกเหรอ?!!


“หุบปากเลยเชี่ยหมี แดกๆไปมึงอ่ะ” ไอ้ดินหันไปว่าไอ้หมี


“เรื่องพวกมึง2คนพักไว้ก่อน  ตอนนี้มาเล่นเกมส์อะไรสนุกๆกันดีกว่า” แล้วไอ้หมีก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์
 
กูเริ่มระแวงขึ้นมาทัน หวยมาออกที่กูแน่ๆๆ !!


“เกมส์อะไรวะ” ไอ้ปูนถามพร้อมทำหน้าตื่นเต้น  แต่มันดูตอแหลยังไงชอบกล!!


“เกมส์ที่เราจะเล่นคือ truth or dare dare dare” มึงจะใส่แอ๊คโค่เพื่อ เล่นใหญ่ไปนะมึง


“truth or dare คืออะไรวะ” ไอ้สมใจทำหน้างง


“บักงัว!! truth or dare คือ พูดหรือทำ คืองี้หมุนขวดไปที่ใครคนนั้นมีสิทธ์เลือกที่จะพูดหรือทำ โดยคนที่หมุนขวดจะเป็นคน

เลือกเองว่าให้พูด หรือทำอะไร แต่ถ้ามึงไม่ยอมพูดหรือทำ มึงก็ต้องแดกเบียร์หมดแก้วเป็นการลงโทษ เก็ทป่ะ?”


“โอเค เก็ท” ไอ้สมใจพยักหน้าเข้าใจหงึกๆ


“โอเค งั้นกูเริ่มหมุนขวดก่อนนะ ขวดไปตกที่ใครคนนั้นก็ค่อยเป็นคนหมุนขวดคนต่อไป ผลัดกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ โอเค๊?” 

ว่าแล้วไอ้หมีก็หมุนขวดเบียร์ และแล้วปากขวดสีเขียวก็หยุดนิ่งที่ ที่ กูเอง!!

       ว่าแล้วหวยต้องมาออกที่กู แม่ง!!


“ฮ่าๆๆ ไอ้พู่เลือกมาพูดหรือทำ?” ไอ้หมีถามผมด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจสุดๆ


“พูด” ผมเลือกพูด ถ้าเลือกทำมันคงให้ทำอะไรพิเรนท์ๆแน่


“โอเค งั้นกูถามนะ ถ้าให้เลือกระหว่างไอ้ดิน กับไอ้แผ่นดินเป็นแฟนมึงจะเลือกใคร?”


“ถามเหี้ยไรของมึงเนี่ย!! ไอ้ดินกับไอ้แผ่นเดินมันก็คนเดียวกันป่าวว่ะ” กูว่าละสายตามันไม่น่าไว้ใจ


“พูดมา มันเป็นเกมส์ ไม่พูดก็แดกหมดแก้ว เอาไง?” ไอ้หมีพูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์สุดๆ


“ไอ้ดิน!!” แล้วผมก็โพร่งตอบออกไป แม่ง ท่องไว้มันเป็นเกมส์ๆ  อย่าให้ถึงตากูนะไอ้หมี กูจะเอาคืนแม่ง

        ไอ้สัด ไอ้เหี้ย ไอ้เพื่อนเวร!!


“โอเค ก็แค่เนี้ย!!” แค่เนี้ยพ่องมึงสิ  ผมได้แต่ทำสายตาอาฆาตใส่มัน


“ตากูหมุนใช่มั้ย?” ผมถามต่อ เจอกูแน่ไอ้หมี!!  แล้วผมก็เริ่มหมุนขวด  แล้วปากขวดก็ไปหยุดที่ไอ้สมใจ!!เกือบแล้วอีกนิดเดียว

มันก็จะไปหยุดอยู่ที่ไอ้หมีอยู่แล้วเชียว


“พูดหรือทำ” ผมถามไอ้สมใจ


“พูด” ถามไรมันดีวะ?


“ในหนึ่งอาทิตย์มึงชักว่าวกี่ครั้ง”


“7ครั้ง วันละครั้ง!!”  อื่อหือ หมูที่เคี้ยวๆอยู่แทบติดคอ


“เหี้ย!! นี่มึงเงี่ยนขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอ้ปูนที่ถามด้วยความตกใจ เออ กูก็ตกใจ!!


“ก็เด็กมันยั่วจะให้กูอดใจไหวได้ยังไงวะ!!” ไอ้สมใจตอบ พร้อมกับทำหน้าหื่น


 “เด็กที่ไหน ทำไม่กูไม่รู้นี่มึงแอบซุกเด็กเหรอวะไอ้สมใจ” ไอ้หมีโวยวาย


“ก็น้องshoko น้องaki  น้องameri และอีกหลายๆน้องที่มึงส่งคลิปมาให้กูไงไอ้หมี ทำให้กูต้องบริหารข้อมือทุกวัน”

ไอ้สมใจพูดพร้อมทำหน้าหื่น  ไอ้พวกนี้มีเรื่องจัญไร เรื่องสาระหามีไม่!!


“กูโหลดมาใหม่อีกหลายน้องเลยนะโว้ย แจ่มๆทั้งนั้น เดี๋ยวไว้กูส่งให้ ไอ้ดินเอาด้วยป่ะ” แล้วมันก็หันไปถามไอ้ดิน

พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์


“ไม่เอา ไม่จำเป็น”


“ลืมไป ของมึงใช้แค่รูปไอ้พู่รูปเดียวก็พอ ฟินยาวไปทั้งคืน ฮ่าๆๆ” แล้วไอ้หมีมันก็หัวเราะเหมือนคนบ้า


“อะไร มึงเอารูปกูไปทำอะไร” ผมหันไปถามไอ้ดินทันที ไอ้บ้านี่เอารูปกูไปทำมิดีมิร้ายแน่ๆ


“เอาไว้ดูตอน..คิดถึง ทำไมแค่นี้หวงรึไง”


“...” คิดถึงบ้าบออะไรของมัน แล้วกูต้องเขินทุกทีสิน่า!!


“ตามึงไอ้สมใจ รีบหมุนเลย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ไม่งั้นมันพูดเรื่องผมไม่หยุดสักทีแน่

ไอ้สมใจหมุนขวด แล้วมันก็ไปหยุดอยู่ที่ไอ้ดิน  ตามึงโดนบ้างละ สมน้ำหน้ามัน


“truth or dare” ไอ้สมใจถามไอ้ดินพร้อมกับยักคิ้ว อย่างกวนบาทา


“dare” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง


“dare แปลว่าไรวะ??” ไอ้สมใจถามทำหน้างงอีกครั้ง


“บะง่าว dareก็ ทำ ไง” ไอ้นพหันไปด่าในความโง่ของไอ้สมใจ


“แม่ง มึงก็รู้ว่ากูโง่ ภาษาอังกฤษกูผ่านมาได้ด้วยD ทุกเทอมก็เป็นบุญโขมากพอละ ไอ้สัด” แล้วมันก็พูดต่อ


“มึงเลือกทำใช่มั้ยไอ้ดิน  ดี!! กูจะให้มึงอัพรูปลงเฟสบุ๊คของมึง รูปที่จะให้อัพ คือรูปที่กูส่งให้มึงตอนหัวค่ำ พร้อมกับแคปชั่นอะไร

ก็ได้ 3คำ  กล้ามั้ย ไม่กล้าแดกหมดแก้วคร้าบบบ” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับยักคิ้วจึกๆ

แล้วไอ้ดินก็หันมามองหน้าผมนิ่ง  อะไร!! ลางสังหรณ์มันบอกว่าหวยต้องมาออกที่กูอีกแน่ๆ


“ได้กูจะลง!!”  แล้วไอ้ดินก็หยิบมือถือของมันขึ้นมา พร้อมกับก้มลงกดมือถือยิกๆ


“ที่สุดของแจ้ จริงๆเพื่อนกู” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับสายตายิ้มกริ่ม แล้วทุกคนยกเว้นผมก็ตั้งตารอไอ้ดินมันอัพรูปลงเฟสบุ๊คจนเสร็จ


"เห้ย คนจริงวะ เพื่อนกู" ไอ้หมีพูดพร้อมกับยกนิ้วให้เมื่อเห็นรูปที่ไอ้ดินมันโพส

ผมไม่มีเฟสบุ๊คไอ้ดินเลยไม่รู้ว่ารูปที่มันลงคือรูปอะไร  ผมเลยขอดูจากไอ้หมี


“แน่ใจเหรอว่ามึงจะดู”


“ทำไมวะ กูอยากดู” แม่งพูดแบบนี้ยิ่งอยากดู

แล้วมันก็ยื่นมือถือของมันมาให้ผม  !!! what the f*ck !!! นี่มันรูปบ้าอะไรเนี่ย!!

มันเป็นรูปไอ้ดินตอนที่มันฉวยโอกาสหอมหน้าท้องของผมเมื่อตอนหัวค่ำที่ผมเช็ดรอยเปื้อนออกจากหน้ามัน!!

และถ้าสังเกตุดีๆ หน้าไอ้ดินตอนนั้นมันกำลังยิ้ม!! แล้วไอ้แคปชั่น3คำของมันคือ ‘ตัว หอม จัง

มึงลงไม่ถึงนาที ทำไมคนมากดไลท์ เยอะจังวะ!!

ฮือ..กูอยากจะร้องไห้  หน้าผมต้องแดงมากแน่ๆตอนนี้ ไม่รู้ว่าแดงเพราะโมโห หรือเขินกันแน่!!


“ไอ้เหี้ย!! มึงลงรูปอะไรเนี่ย แล้วใครเป็นคนถ่ายรูป!!” โมโห...ใช่ ผมควรจะโมโห!!


“มันเป็นเกมส์ มึงอย่าซีเรียสไอ้พู่” ไอ้หมีพูดพร้อมกับกลั้นขำ


“ไม่ซีเรียสได้ไง มึงดูรูปดิ คนอื่นเค้าจะคิดยังไง” ผมโวยใส่ไอ้หมี


“สนใจคนอื่นทำไม ไมเห็นต้องแคร์เลย ให้กูลงรูปแบบนี้กับไอ้ปูน ไอ้นพ หรือไอ้สมใจก็ได้นะ กูไม่แคร์

มึงแคร์ป่ะไอ้ปูน” แล้วมันก็หันไปถามไอ้ปูน


“กูไม่แคร์ เพื่อนเล่นกันขำๆ” แล้วมันก็ตอบแบบไม่แคร์สื่อ!!


“ไอ้สัด กูไม่ขำ!!!” มึงไม่เป็นกูแม่งไม่เข้าใจหรอก หันไปมองไอ้ดินที่นั่งทำหน้านิ่ง

ก็ยิ่งโมโหไอ้บ้านี่ก็เสือกบ้าจี้เล่นตามไอ้พวกบ้านี่อีก


“เอาน่าๆ มาเล่นต่อ ตามึงหมุนไอ้ดิน” ไอ้สมใจที่เบรกสถานการณ์นี้ไว้แล้วชวนให้ทุกคนกลับมาเล่นต่อ

ไอ้ดินหมุนขวดเริ่มเกมส์อีกครั้ง แล้วปากขวดก็ไปหยุดที่ไอ้ปูน


“พูดหรือทำ” ไอ้ดินถามไอ้ปูนหน้านิ่ง


“พูดดีกว่า”


“ระหว่าง กู ไอ้หมี ไอ้สมใจ ไอ้นพ มึงอยากให้ใครเป็นแฟนกับไอ้พู่มากที่สุด?!!”  ไอ้ดินถามไอ้ปูนหน้านิ่ง แต่สายตามันยิ้มกริ่ม   

นี่มันถามเหี้ยอะไรวะ!!


“ก็มึงไง เหมาะที่จะเป็นแฟนไอ้พู่มากที่สุด” ไอ้ปูนตอบพร้อมกับหันมายิ้มให้ผม  หวยมาออกที่กูอีกแล้ววว!! นี่ถ้าได้เงินจริงๆกูคง

รวยตายห่าไปแล้วล่ะ!!

ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียง ไอ้ปูนก็เอามือมาปิดปากผมไว้


“มึงไม่ต้องพูดห่าอะไร มันเป็นเกมส์”  พูดเสร็จมันก็หมุนขวดต่อ  แล้วขวดมันก็มาหยุดที่ไอ้นพ


“นึกว่ากูจะไม่ได้เล่นซะแล้ว กูเลือกทำ” ยังไม่ทันได้ถาม มันก็รีบตอบก่อน สงสัยมันอยากเล่นมากจริงๆ!!


“ทำใช่มะ? งั้นมึงแดกนี่”  แล้วไอ้ปูนก็จัดการทำค็อกเทลสูตรใหม่ โดยการผสมซอสมะเขือเทศ ซอสพริก มายองเนส ลงไปในเบียร์

พร้อมกับท็อปปิ้งด้วยแตงกวาสไลด์  อืม...ดูดีเชียว!! 

ทุกคนมองดูเบียร์แก้วนั้น ด้วยสายตาขยะแขยง แดกเข้าไปมีหวังขี้แตกแน่ๆ!!


“กูไม่แดก  กูยอมกินเบียร์แบบเพียวๆ ดีกว่า” พูดจบก็ยกเบียร์ขึ้นดื่มหมดแก้ว  เออ..มันฉลาดวะ ยังไงก็ต้องได้แดกเบียร์อยู่ดี

อยู่ที่ว่าจะเลือกแดกเบียร์ออริจินอล หรือเบียร์สูตรใหม่โดยบาร์เทนเดอร์ปูน!!


“กากวะ ไอ้นพ” แล้วไอ้ปูนก็พูดแขวะไอ้นพ


“งั้นมึงโชว์ความเทพ แดกให้กูดูเป็นบุญตาหน่อยดิ” ไอ้นพพูดพร้อมกับดันกรอบแว่นขึ้น


“ไม่อ่ะ กูก็กากเหมือนมึงนี่แหละ แฮะๆ  เทพตัวจริงอยู่นี่ เทพหมีแดกให้พวกนี้ดูเป็นบุญตาหน่อยครับ” แล้วไอ้ปูนก็ยื่นแก้วเบียร์

สูตรพิเศษไปให้ไอ้หมี สุดท้ายหวยก็ไปออกที่ไอ้หมี!!


“มันจะเป็นไรไป มันก็เหมือนมึงกินของทีละอย่าง แล้วตามด้วยเบียร์ แต่นี่แค่ผสมรวมกันแบบ3in1ไง” พูดจบมันก็แดกหมดแก้วใน

พริบตา ไอ้สัดกูจะอ้วก!!!  มึงนี่แดกได้ทุกอย่างจริงๆ!!


“หมุนต่อๆ ไอ้นพ” แดกเสร็จมันก็พูดต่อ


“มึงยังจะเล่นอีกเหรอ พอเหอะ” ผมหันไปถามไอ้หมี อยากนั่งกินสบายๆมากกว่า นี่กูเกร็งยิ่งกว่าลุ้นหวยอีกนะเนี่ย!!


“เออๆ ตาสุดท้ายละ”  แล้วไอ้นพก็หมุนขวดครั้งสุดท้าย  ปากขวดมาหยุดที่ไอ้ดินอีกครั้ง!!

    ทำไมกูรู้สึกเสียวสันหลังจังวะ!!


“พูดหรือทำ ไอ้ดินครั้งสุดท้ายละ กูขอเน้นๆ”  ไอ้นพถามพร้อมใบหน้าสนุกเต็มที่


“พูด” นี่มึงหน้านิ่งไปมั้ย มีอารมณ์กับเค้าบ้างรึป่าว กูนี่เกร็งฉี่แทบเล็ด!!


“งั้นพูดอะไรก็ได้กับไอ้พู่หน่อย ขอแค่3คำ”  มาลงที่กูอีกละ!! อะไรกับกูนักหนาวะเนี่ย  แล้วไอ้3คำห่านี่ก็ตามมาหลอกหลอนกูจัง

แล้วไอ้ดินก็หันมาทางผม ก่อนจะบอกว่า “ขอ จูบ หน่อย!!”


“....” อึ้งแดก


“จูบเลยๆๆๆ” แล้วเพื่อนเวรทั้งหลายก็ตบมือพร้อมกับเชียร์ให้ผมกับไอ้ดินจูบกัน  นี่กูไม่ใช่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนะที่จะมาเชียร์

ให้จูบกันแบบนี้น่ะ!!


“จูบกับผีนะสิ” ผมโวยวาย พร้อมทำท่าจะเขกกระบาลไอ้ดิน ชักจะเอาใหญ่แล้วนะมึง กูไม่น่าให้โอกาสมันเล้ยยย..ไม่คิดว่ามันจะ

รุกหนักขนาดนี้!! 

หลังจากจบเกมส์บ้าบอของไอ้หมี พวกเราก็นั้งคุยกันจิบเบียร์ผิงไฟกันไปเรื่อยๆ แล้วไอ้หมี ก็หยิบกีต้าร์ มาเล่นคลอเบาๆ

     
        อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง...

              เอิม..เสียงอย่างกะควายออกลูก!!


“ไอ้ดินจัดให้สักเพลงดิ” ไอ้สมใจที่นั่งเอามืออุดหู ทนฟังเสียงไอ้หมีไม่ไหวพูดขึ้น


“อะไรวะ เสียงกูไม่เพราะตรงไหน?”


“ทุกตรง!!” แล้วทุกคนก็พูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นไอ้ดิน


“เสียงตดกูยังเพราะกว่าอ่ะ” ไอ้นพพูดพร้อมกับนวดหูตัวเอง


“โด่ อ่ะเอาไปไอ้ดิน จัดมาสักหนึ่งซิงเกิ้ลดิ๊” ไอ้หมีพูดพร้อมกับ ยื่นกีต้าร์ให้ไอ้ดิน


           
                 เสียงเกากีต้าร์เบาๆ มาพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง..


สิ่งที่ฉันไม่เคยรู้สึก สิ่งที่ฉันไม่เคยจะนึกว่ามี

แต่แล้วฉันก็พบจาก ได้พบจากเธอ เธอคนนี้


แค่เธอก็พอ ฉันไม่ขอมากกว่านี้

แค่เธอก็พอ ฉันจะไม่ขออะไรอีก

แค่เธอก็พอ ชีวิตฉันเพียงพอแล้วแค่คนนี้


จะไม่มีวันรักใคร และจะไม่มีวันไปไหน

ฉันสัญญาว่าฉันจะ จะรักกับเธอเป็นคนสุดท้าย



เหมือนโดนต้องมนต์สะกด ใบหน้าของไอ้ดินตอนร้องเพลง มันสบตาผมนิ่ง เหมือนจะสื่อความหมายให้ผมรู้ว่าเพลงนี้มันตั้งใจที่

จะร้องให้กับผม..


แค่เธอก็พอ ฉันไม่ขอมากกว่านี้

แค่เธอก็พอ ฉันจะไม่ขออะไรอีก

แค่เธอก็พอ ชีวิตฉันเพียงพอแล้วแค่คนนี้..



หัวใจของผมมันกำลังทำงานหนัก มันเต้นแรงกับสายตาของไอ้ดินที่มองมาอย่างลึกซึ้งว่ามันคิดกับผมยังไง

ประกอบกับเสียงที่ไพเราะของไอ้ดิน พร้อมกับบรรยากาศที่เป็นใจในตอนนี้ ไออุ่นจากเปลวไฟที่ทำให้อุ่นไปทั้งตัว

รวมถึงอุ่นไปทั้งหัวใจ!!

ถ้าเปรียบเทียบหัวใจของผมในตอนนี้คงเหมือนกับขี้ผึ้ง ที่มันยิ่งอยู่ใกล้เปลวไฟมากเท่าไหร่มันยิ่งละลายเร็วมากขึ้นเท่านั้น

เหมือนกับหัวใจของผมในตอนนี้ ที่อยู่ใกล้กับความอบอุ่นของไอ้ดินมากเท่าไหร่ มันยิ่งละลายยอมรับไอ้ดินเร็วมากขึ้นเท่านั้น!!!


 
    *TBC*



..................................................................................................


สวัสดีค่ะ

และแล้วหัวใจของพู่กัน ก็เริ่มละลายทีละนิดให้กับความเนียนของแผ่นดิน^^

เจอกันบทหน้าค่ะ...



ปล. ขอขอบคุณเพลง 'แค่เธอก็พอ' ของGroove Riders ด้วยค่ะ^^

https://www.youtube.com/watch?v=dvVQaWu2USI

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-01-2018 14:49:53 โดย MA_LEE »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด