บทที่ 21 ลูกอมของหมี
เด็กแว่นหนาเตอะ ดูยังไงแม่งก็เด็กเนิร์ด ชอบเถียงคำไม่ตกฝากด้วยใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ แถมยังตัวเล็กเท่าตาตุ่ม อนามัยจัดสุดยอดและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำตาลโดยเฉพาะ..ลูกอม
ตอนนี้ไอ้มนุษย์น้ำตาลกำลังนั่งแดกปังเย็นด้วยหน้าตาเบิกบานสุดขีดอยู่ที่ร้านนมหน้ามหา’ลัย
วันนี้เรามีนัดเลี้ยงสายรหัสกันครับ ที่เลือกร้านนมก็เพราะสายรหัสคนใหม่ของ
สายแข็ง แดกเหล้าไม่เป็น ร้านนมจึงตอบโจทย์ที่สุด
“โอบอยากสั่งอะไรเพิ่ม สั่งได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” พี่กายรุ่นพี่ปีสี่หรือก็คือพี่รหัสผมเองหันไปบอกเหลนรหัสอย่างใจดี
“ครับพี่กาย” ไอ้ลูกอมตอบด้วยใบหน้าอมยิ้มพร้อมกับตักปังเย็นเข้าปากคำโต
“ส่วนนี่ของขวัญจากพี่ แล้วก็ของพี่มาร์คกับพี่ตู้ฝากมาให้ด้วย” กล่องกระดาษใบโตถูกยกวางไว้บนโต๊ะ
“ส่วนนี่ของกู” แล้วไอ้โก้ก็ยื่นของขวัญที่อยู่ในถุงก๊อบแก็บให้กับน้องรหัสของมัน
ไอ้ลูกอมคงซาบซึ้งกับของขวัญจากพี่ๆของมันจนน้ำตาแทบไหล ของแต่ละชิ้นช่างภาคภูมิใจแก่วงศ์ตระกูลซะเหลือเกิน!
ซีดีอัลบั้ม คราม ของวงบอดี้สแลม จากไอ้โก้พี่รหัสของมันผู้ซึ่งมีพี่ตูนเป็นไอดอล!
อุปกรณ์ดูแดช่องปากครบชุด จากพี่กายปู่รหัสผู้ห่วงใยว่าแมงจะกินฟันเหลนรหัสตัวเองหมดปากก่อนจะเรียนจบ!
น้ำพริกตาแดงสองกระปุกจากพี่มาร์คทวดรหัสปี5 พร้อมกับข้อความสั้นๆ ‘กินแล้วติดใจสั่งซื้อได้ตามเพจที่ติดอยู่ข้างกระปุก’
สัด! ขายของเฉย แม้แต่เหลนรหัสก็ไม่เว้น ก่อนหน้านี้พวกผมทั้งสายก็เจอให้ซื้อยกโหลมาแล้ว น้ำพริกแม่พี่แกทำขายครับ ไอ้สัดแม่งอร่อยอยู่หรอก แต่แม่งแดกไม่ทันไง กระปุกแรกแดกยังไม่ทันหมดอีก11กระปุกแม่งราแดก!
แต่ที่พีคสุดคือของพี่ตู้ปี6 หมวกกันน็อคสีดำลายไฟ! พร้อมกับข้อความบนกระดาษโพสอิทสีเขียวที่แปะอยู่บนหมวก ‘ขับขี่ปลอดภัยสวมใส่หมวกกันน็อค’ ครับ! สายรหัสผมมีแต่คนบ้า
ไอ้ลูกอมมันขับรถเป็นที่ไหนอย่าว่าแต่มอเตอร์ไซค์ จักรยานแม่งยังถีบไม่เป็น แม่งลูกคุณหนูขนาดแท้
ตอนผมอยู่ปีหนึ่งของขวัญที่ได้จากที่ตู้ก็ซึ้งจนน้ำตาแทบไหลเช่นกัน ที่เปิดขวดจากงานแต่งของใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก!
“ของมึงล่ะไอ้หมี ไม่มีให้น้องมันเหรอวะ” พี่กายถามผมอย่างสงสัยที่ผมมาตัวเปล่า
“ผมลืมเอามาพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาให้” ความจริงแล้วของที่ผมตั้งใจจะให้ไอ้ลูกอมยังมาไม่ถึงครับ ผมสั่งจากในเน็ตไว้ของจะมาส่งพรุ่งนี้ นี่ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงลงทุนเพื่อมันขนาดนี้?!
“ลูกอมกูอยู่ใต้หอมึง ลงมาเอาของกับกูหน่อย” ของขวัญที่สั่งไว้ให้มันมาถึงแล้วครับ
[พี่กู๊ด รอแปปึงนะครับ]
“ให้ไวๆ”
รอสักพักไอ้เด็กแว่นที่สวมเสื้อยืดลายมินเนี่ยนก็เดินมาหาผมด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนเคย
“สวัสดีครับ” ไอ้ลูกอมยกมือขึ้นไหว้ผมพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ทำไรวะ แม่งลงมาช้า”
“ตอนที่พี่โทรมา ผมพึ่งอาบน้ำเสร็จครับ” ถึงว่าได้กลิ่นแป้งเด็กมาจากมึงนี่เอง เด็กน้อยเอ้ย!
“อ่ะ ของกูเมื่อวานที่ลืมเอาให้”
“ขอบคุณครับ”
“เปิดดูดิ”
ไอ้ลูกอมค่อยๆแง้มถุงกระดาษสีน้ำตาลช้าๆจากนั้นหน้านิ่งไร้อารมณ์ของมันก็ค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นทีละนิดเมื่อเห็นของที่อยู่ในถุง
ลูกอมคาราเมลยี่ห้อ Werther’s Original ยี่ห้อโปรดของไอ้ลูกอมทุกแบบทุกรสชาติเท่าที่จะหาได้ เป็นไงล่ะของขวัญจากลุงรหัสมึง ดีกว่าหมวกกันน็อคลายไฟเป็นแน่แท้!
“เฮ้ย! รสนี้หายากนะครับ พี่ไปซื้อมันมาจากไหน” แน่นอนว่าหายากเพราะกูรอมันมาตั้งสามวัน ไม่งั้นกูคงให้มึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ
“กูเก่ง”
“ขอบคุณมากนะครับ รสนี้ผมชอบที่สุด” จากนั้นเด็กน้อยผู้เจอลูกอมที่ถูกใจก็แกะลูกอมแบบเคี้ยวหนึบรสคาราเมลเคลือบช็อคโกแลตเข้าปากทันที สีหน้าของมันบ่งบอกถึงความสุขได้อย่างชัดเจน
..ฟินสินะมึง
ที่ผมลงทุนขนาดนี้ก็เพราะสีหน้าที่มีความสุขแบบนี้ละมั้งที่ผมอย่างเห็น ผมว่ามันหน้ามอง!!
..เพราะใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มดีกว่าใบหน้าที่นิ่งไร้อารมณ์เป็นไหนๆ
“เออ มึงชอบก็ดีแล้ว แต่ตอนนี้กูโคตรหิวไปแดกข้าวกัน”
“ทานที่ไหนดีครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” อารมณ์ดีหน้าบานเชียวนะมึง
“กินที่โรงอาหารใต้หอมึงนี่แหละ ข้าวมันไก่ย่างหอมึงเด็ดสุดกูไม่ได้แดกนานละ แล้วก็อีกอย่างกูเป็นพี่กูก็ต้องเลี้ยงมึงดิ”
“ไม่เอาครับ ครั้งนี้ผมเลี้ยงเอง”
“ตามใจมึง กูแดกเยอะนะบอกไว้ก่อน”
“สบายมากครับ เงินเก็บผมเยอะ” เหอะ เดี๋ยวกูจะแดกให้หมดตูดเลยคอยดู
ผมนั่งกินข้าวไปได้ครึ่งจานไอ้ลูกอมก็กลับมาพร้อมกับเครปในมือ
“ไหนล่ะข้าวมึง”
“นี่ไงครับ”
“เครป? บ้านกูเรียกขนม”
“เหมือนๆกันแหละครับ”
“ไปซื้อข้าวมาแดกเลยนะมึง ถึงว่าตัวมึงเล็กเท่าตาตุ่ม”
“ผมไม่อยากทานข้าวนี่ครับ” ทำตัวอย่างกับเด็กห้าขวบ
“แต่มันสำคัญมึงต้องกินไอ้ลูกอม” เหอะ ส่วนกูก็เหมือนพ่อที่พยายามกล่อมให้ลูกกินข้าว
“...” มันไม่สนคำพูดผมครับ แดกเครปเย้ยกูอีก
“ไอ้ลูกอม”
“...” ยังเฉยครับ
“
โอบ พี่บอกให้ไปซื้อข้าว” ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผลก็ต้องลองใช้ไม้อ่อน
“ก็ได้ครับ” ไอ้ลูกอมเบิ้กตาตกใจกับสรรพนามที่ผมใช้...ซึ่งผมก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน
“อ้าว ไปสักทีสิรออะไร”
“ผมนึกไม่ออกว่าจะทานอะไรดี ที่นี่อะไรอร่อยครับ” เอ้า ที่นี่หอมึงนะได้ข่าว
“งั้นเอานี่ไป” ผมเลื่อนจานข้าวมันไก่ย่างอีกจานที่ซื้อมาสองจานในตอนแรกให้กับไอ้ลูกอมที่นั่งทำหน้าเมื่อยกับการที่ต้องแดกข้าว ..มึงนี่มันเด็กน้อยจริงๆ
“ขอบคุณครับ”
“ทำไมไม่ชอบกินข้าว ไหนมึงบอกแดกอาหารครบห้าหมู่ไงวะ” ผมจำได้มันเคยเถียงผมว่าถึงมันจะชอบแดกขนมหวาน แต่มันก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอและกินอาหารครบห้าหมู่และก็ดูแลช่องปากอย่างดีห่าเหวอะไรของมันนี่แหละ
“ก็ครบแต่ไม่ทุกมื้อครับ”
“ถุย”
“พี่! น้ำลายกระเด็นใส่จานผม”
“น้ำลายกูมึงก็เคยแดกมาแล้วหนิ” จำตอนสงครามแลกลิ้นด้วยลูกอมฮอลล์กันได้อยู่ใช่มั้ยครับ
แล้วเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ผมแดกฮอลล์ไม่ได้อีกเลย เพราะอะไรน่ะเหรอครับ อมฮอลล์แล้วหรรมแข็งเฉยเลย!
“...” นานๆทีจะเห็นมันเถียงไม่ออก แล้วถ้าผมตาไม่ฝาดหน้ามันแดงครับ!
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกูจะมากินข้าวกับมึงทุกเย็น กูจะเป็นผู้ดูแลกระเพราะมึงเอง”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลตัวเองได้”
“ดูแลตัวเองด้วยการแดกเครปแทนข้าวเย็นเนี่ยนะ”
“ก็ได้ครับ” เออให้มันว่าง่ายแบบนี้สิ
สองอาทิตย์ผ่านไปที่ผมกินข้าวเย็นกับไอ้ลูกอมทุกเย็น และดูเหมือนว่าการกินข้าวเย็นด้วยกันจะกลายเป็นความเคยชินสำหรับผมไปเสียแล้ว และสำหรับไอ้ลูกอมก็คงไม่ต่างกันเพราะมันมักจะรอผมเสมอแม้วันนั้นผมจะบอกให้มันกินก่อนก็ตาม
“โทษที วันนี้แลปเลิกช้าความจริงมึงกินก่อนเลยก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”
“กินไรดี?”
“แล้วแต่พี่กู๊ดเลยครับ”
“งั้นก็กินใต้หอมึงละกัน ตอนนี้กูแม่งหิวโคตรๆ” หิวมากจริงๆเลยไม่อยากออกไปกินข้างนอกและไอ้ลูกอมมันก็คงหิวไม่ต่างจากผมเหมือนกัน เพราะมันหิ้วท้องรอผมตั้งสองชั่วโมง
ข้าวมันไก่ย่างไม่เอาน้ำจิ้ม คือสิ่งที่มันจะสั่งทุกครั้งเมื่อกินข้าวที่ใต้หอตัวเอง ไม่เคยจะลองอย่างอื่น ดูแล้วนิสัยของมันค่อนข้างจำเจ หรืออาจจะเรียกว่ายึดติดก็ได้มั้ง ไม่อย่างนั้นมันคงไม่อมลูกอมรสเดิมทุกๆวัน
“ไอ้ลูกอม/พี่กู๊ด..” เราสองคนต่างพูดขึ้นพร้อมกันพอดิบพอดี
“มึงพูดก่อนเลย”
“ไม่เป็นไรครับ พี่พูดก่อนเลย”
“พรุ่งนี้เย็นกูติดธุระ กูไม่ได้มากินข้าวด้วยนะ” พรุ่งนี้มีนัดพาพี่จ๋าไปดูหนัง หลังจากดูหนังก็คงไปกูเนื้อหนังของจริงกันต่อ ฮ่า
พี่จ๋าคือพี่สาวคัพอีที่ดิลกันที่ร้านพี่มด ก็วันเดียวกับวันที่พาไอ้ลูกอมไปมอมเหล้านั่นแหละครับ แต่แล้วผมก็ต้องชวดฟีทเจอริ่งกับพี่สาวคัพอีเมื่อหลานรหัสผมมันเมาสลบปลุกไม่ยอมตื่น แต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็แก้ตัวกับพี่จ๋าได้อย่างสมศักดิ์ศรีถึงขั้นที่พี่จ๋าต้องนอนเปลี้ยอยู่บนเตียงถึงครึ่งวัน
“ครับ”
“แล้วมึงล่ะจะพูดอะไร”
“ไม่มีอะไรครับ” ปากบอกไม่มีแต่ทำหน้ามันหง่อยๆชอบกล
“แน่ใจนะ มีอะไรบอกกูได้”
“ไม่มีอะไรจริงๆครับ” อืม ไม่มีก็ไม่มี
“อีกชั่วโมงกว่าหนังจะฉายไปหาอะไรกินก่อนดีมั้ยน้องกู๊ด”
“ได้ครับ ตามใจพี่จ๋าเลย”
“กินไรดีน๊า”
“กินผมมั้ย อร่อยน๊า” ผมกระซิบบอกอย่างเจ้าเล่ห์
“ดูหนังจบแล้วพี่จะกินเราให้เรียบเลยคอยดู” ยิ้มยั่วแบบนี้ยอมแล้วจ้า ยอมเปลือยกายให้กินทั้งตัวเลยจ๊ะพี่จ๋าาา
“งั้นกินตอนนี้เลยมั้ย ผมไม่อยากดูหนังละ” อารมณ์หื่มมาเต็มบอกเลย ยิ่งช่วงนี้ตกเย็นก็อยู่แต่กับหลานรหัสไม่ค่อยได้นัดสาวอย่างที่เคยทำ มันก็จะอารมณ์เปลี่ยวๆหน่อย
“ได้ไงล่ะซื้อตั๋วแล้ว ใจเย็นๆสิจ๊ะเรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกยาว”
“โอเคคร้าบบ เลือกได้ยังครับว่าจะกินอะไร”
“ช่วงนี้กำลังไดเอท สเต็กปลาล่ะกันจ๊ะ”
“ครับผม”
ก่อนถึงร้านสเต็ก สายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้มนุษย์เด็กที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำตาลกำลังนั่งแดกไอศกรีมด้วยใบหน้าที่ยิ้มปริ่มอยู่คนเดียวในร้านไอศกรีม
ผมไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าอมยิ้มของไอ้ลูกอมได้เลย สติของผมกลับมาเมื่อพี่จ๋าที่คล้องแขนผมอยู่ใช้นมถูแขนผมยิกๆ
“กู๊ด อยากกินไอติมเหรอ” เมื่อเห็นผมจ้องร้านไอศกรีมพี่จ๋าเลยถามขึ้น
“อ่อ ป่าวครับ พี่จ๋าจะกินสเต็กใช่มั้ยครับ งั้นเรารีบไปกันเถอะ”
“โอเคจ๊ะ”
สติของผมตอนนี้ไม่ได้อยู่กับพี่สาวคัพอีตรงหน้าเลยแม้แต่น้อยมันกลับไปอยู่กับไอ้เด็กแว่นที่นั่งกินไอศกรีมอยู่คนเดียว ถึงหน้ามันดูมีความสุข แต่มันดูเหงาชอบกล
“พี่จ๋าผมนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอโทษนะครับแล้วผมจะมาแก้ตัววันหลัง” ผมปล่อยให้หลานรหัสผมอยู่คนเดียวไม่ได้ว่ะ
“เดี๋ยวกู๊ดดดดด” พี่จ๋าได้แต่ตะโกนเรียกพร้อมกับสีหน้างุนงงสุดตีน
เมื่อกลับไปที่ร้านไอศกรีม ไอ้ลูกอมก็หายตัวไปแล้วครับ แม่งผมมาไม่ทัน พอกวาดสายตาไปรอบๆก็เห็นมันกำลังลงบันไดเลื่อนพอดิบพอดี วิ่งตามสิครับรอไร
แล้วทำไมกูไม่โทรหามันวะ? ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน?! ไอ้ห่าตัวเล็กเท่าตาตุ่มแต่เดินไวฉิบหาย เห็นหลังไวๆว่ามันกำลังเดินเข้า Tops
อย่าบอกนะว่ามึงจะซื้อลูกอม?
แล้วก็เดาไม่ผิดจริงๆ นี่ถ้าเป็นหวยกูคงรวยเละ ไอ้ลูกอมกำลังหยิบลูกอมยี่ห้อโปรดและช็อคโกแลตอีกหลายแท่งลงในตะกร้า
แล้วทำไมผมต้องทำตัวเหมือนสตอล์คเกอร์ตามแอบดูไอ้ลูกมันด้วยวะ?! ในขณะที่กำลังงงกับตัวเองอยู่ไอ้ลูกอมก็เดินผ่านมุมที่ผมหลบอยู่พอดี ฉิบหายกูหลบไม่ทัน
“พี่กู๊ด มาซื้อของเหรอครับ” เมื่อเห็นผมมันจึงทักขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
“ใช่ๆ มึงล่ะ” แล้วมันก็โชว์ของในตะกร้าให้ผมดู
“ผมได้ของครบแล้วขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“เดี๋ยว มึงกลับยังไง”
“รถแดงครับ”
“เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ยังซื้อของไม่เสร็จ”
“เอ่อน่า กูไม่ซื้อแล้ว” ว่าแล้วผมก็คว้าข้อมือของเด็กแว่นไปยังเค้าเตอร์คิดเงินพร้อมกับจ่ายเงินให้เสร็จสรรพ
ป๋าจริงๆเลยกู เสียค่าตั๋วหนังไปฟรีๆและแทนที่จะได้เลี้ยงข้าวพี่สาวนมโตและไปกินนมกันต่อที่ห้องอย่างถึงอกถึงใจกลับกลายเป็นว่ากูได้มาเลี้ยงลูกอมเด็กน้อยแทน!
“นี่ครับ ค่าลูกอมที่พี่จ่ายให้เมื่อกี้” เมื่ออยู่บนรถไอ้ลูกอมก็ควักเงินให้ผมทันที
“เก็บไว้แดกข้าวเหอะ”
“พี่ซื้อให้ผมหลายครั้งแล้วผมเกรงใจ” ว่าแล้วมันก็ยัดเงินมาในกระเป๋ากางเกงผมด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม สัด!แต่กูดันมีอารณ์เฉยเลย ไอ้ห่าเฉี่ยวไข่กูไปนิดเดียวนะมึง!
“แล้วนี่แดกไรมารึยัง”
“เมื่อกี้ผมเพิ่งทานไอศกรีม”
“ทำไมไม่ชวนกู หรือเพื่อนมึงวะไปนั่งกินคนเดียวไม่เหงาเหรอมึง”
“ก็เมื่อวานพี่บอกว่าเย็นนี้ไม่ว่างน่ีครับ แต่ไม่เป็นไรผมไม่เหงาชินแล้ว แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าผมไปนั่งทานคนเดียว”
“เอ่อ ก็มึงไปซื้อของคนเดียวแสดงว่ามึงมาคนเดียวไง” อย่าบอกนะว่าเรื่องที่จะพูดเมื่อวานแต่ไม่ยอมพูดออกมาคือจะชวนผมไปกินไอศกรีม โธ่เด็กน้อยเอ้ย..ถึงตอนเย็นกูไม่ว่างกูก็พามึงไปแดกตอนกลางวันก็ได้นี้หว่า
จากนั้นบทสนทนาก็เงียบลงมีเพียงเสียงเปิดถุงขนมจากคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ
“กินมั้ยครับ” จากนั้นมันก็ยื่นแท่งช็อคโกแลตที่กัดไปแล้วคำหนึ่งมาทางผม ผมจึงกัดช็อกโกแล็ตแท่งนั้นตรงด้านที่มีรอยฟันของไอ้ลูกอมอย่างจงใจ
“หวาน แต่กูชอบ” ผมหันไปจ้องมันอย่างจริงจัง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มันหลบสายตาผม
“...” ไม่มีคำตอบจากคนข้างๆ แล้วมันก็งับช็อคโกแลตแท่งเดิมตรงรอยฟันของผมแทนที่มันจะงับอีกมุมหนึ่ง
การกระทำนั้นทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก..
จากนั้นเราก็ผลัดกันกัดคนละคำจนหมดคำสุดท้ายที่ผมพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในหัวใจ..ไอ้ความสุขเล็กๆนี้มันอะไรกันน้า ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นกับคนอย่างผมมาก่อน..
“หกโมงเย็นกูจะมารับมึงไปกินข้าวนะ” เมื่อมาถึงหน้าหอของไอ้ลูกอมผมจึงเอ่ยขึ้น
“แต่เมื่อวานพี่บอกว่าเย็นนี้พี่ไม่ว่างไงครับ”
“ก็ว่างแล้วไง”
“จริงๆพี่ไม่ต้องมาทานข้าวกับผมก็ได้นะครับ ผมว่าคงมีคนรอพี่อยู่”
“หมายความว่าไงวะ”
“จริงๆแล้วผมเห็นพี่กับแฟนที่ห้าง”
“กูยังไม่มีแฟน! นั่นพี่สาว” ทำไมกูต้องแก้ตัวด้วยวะ?
“เป็นพี่น้องที่สนิทกันดีนะครับเดินซบไหล่กันด้วย แล้วก็ไม่เห็นต้องทิ้งเธอแล้วแอบตามผมมา”
“มึงเห็น?”
“ก็พี่ตัวใหญ่อย่างกะหมีก็ต้องเห็นสิครับ” เอ่อนั้นน่ะสินะ กูได้ชื่อนี้มาเพราะตัวกูใหญ่เหมือนหมีนี่แหละ แม่ง
“ก็กูกลัวมึงเหงาเห็นนั่งแดกไอติมคนเดียว มึงเป็นหลานรหัสกูนะเว้ยกูก็ต้องเทคแคร์”
“ขอบคุณครับ แต่ผมโอเคที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว”
“พูดแบบนี้ คือมึงรำคาญกู?” สัด อารมณ์น้อยใจมาเลยกู
“เปล่าครับ ผมต่างหากที่กลัวพี่รำคาญบางทีผมก็ให้พี่ดูแลมากไป”
“กูไม่ได้รำคาญ กูเต็มใจ มึงคือน้องในสายรหัสกูฉะนั้นมึงไม่ต้องเกรงใจ” ใช่ เพราะมันคือหลานรหัส ไม่ได้มีความพิเศษเหนืออื่นใด?!
“พี่โก้โชคดีจังนะครับ ที่มีพี่รหัสอย่างพี่กู๊ดเลยทำให้ผมโชคดีไปด้วย” แม่งหน้าไร้อารมณ์กูเลยไม่รู้ว่ามึงพูดด้วยอารมณ์ไหน?
ไม่ลงไม่รอมันละ พามันไปเลยละกันเพราะอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะหกโมงแล้ว
“แถวนี้มีร้านข้าวด้วยเหรอครับ” เมื่อจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่งไอ้ลูกอมก็ถามด้วยความสงสัย
“นี่บ้านไอ้พู่ วันนี้พวกมันนัดกันดูบอล มีข้าวให้แดกด้วย”
“อ้าวไหนมึงบอกมีเดทและคงลากยาวถึงเช้าไง” เมื่อเดินเข้ามาในบ้านไอ้พู่ก็ถามด้วยความสงสัยและคงแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นหลานรหัสของผมเดินตามเข้ามาด้วย
“กูเปลี่ยนใจกูอยากลากยาวกับเพื่อนมากกว่า”
“ใช่หราาา” เบื่อหน้าขี้เสือกของมันจังวะ
“มีไรให้แดก”
“ไอ้ดินทำข้าวซอยไก่ไว้ จะแดกก็เชิญบริการตัวเอง”
น้ำข้าวซอยมันเผ็ดนี่หว่า แล้วไอ้แว่นข้างๆจะแดกได้มั้ยเนี่ย
“ข้าวซอยมันเผ็ด มึงจะแดกไรเดี๋ยวกูออกไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องแดก”
“ไอ้พู่กูยืมมอไซค์หน่อยดิ”
“จะไปไหนวะ”
“ซื้อข้าว”
“ก็ข้าวซอยไง ไม่แดก?”
“กูจะไปซื้อข้าวให้ไอ้ลูกอม มันแดกเผ็ดไม่ได้”
“ดูแลดี ใส่ใจและห่วงใย กูอยากมีลุงรหัสเหมือนมึงจังว้า” ประชดเก่ง ไอ้สัด
“แค่ผัวมึงคนเดียวก็เกินพอแล้วมั้ง”
“โอบ ข้าวผัดหมูกินได้มั้ย” แล้วไอ้ดินที่นั่งเงียบก็ถามขึ้น
“ได้ครับ”
“โอเคเดี๋ยวพี่ไปอุ่นมาให้ หมีมึงตามกูมา”
เมื่อตามมันเข้ามาในครัว มันก็ถามคำถามที่น่าแปลกใจขึ้นมาทันที
“ชอบน้องมันเหรอ”
“ตลกล่ะ”
“มึงใส่ใจ เป็นห่วงน้องมันซึ่งมึงไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน”
“ก็มันหลานรหัสกู”
“แล้วน้องรหัสมึงล่ะเคยใส่ใจแบบนี้มั้ย กูไม่เคยเห็นมึงพาไอ้โก้ไปแดกข้าวทุกเย็นแบบนี้เลย และมึงอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้โก้มันแดกเผ็ดได้รึป่าว”
“ก็ไอ้โก้แม่งแมนๆดูแลตัวเองได้ไง แต่ไอ้ลูกอมตัวเล็กเท่าเห็บหมาดูน่าเป็นห่วงมึงก็เห็น”
“ดูน่าเป็นห่วงมึงก็เลยห่วง”
“ก็ห่วง เพราะมันสายรหัสกูไง” มึงจะจี้กูไปถึงไหน
“มึงจะใช้คำว่าหลานรหัสหลอกตัวเองไปอีกนานแค่ไหน” หลอกตัวเอง ทำไมต้องหลอก?
‘ติ้ง’ ขอบคุณเสียงไมโครเวฟที่ดังช่วยชีวิตกูไว้ไม่งั้นกูโดนจี้จนพรุนแน่
“หึ หลอกใครก็หลอกได้นะแต่หลอกใจตัวเองไม่ได้นะมึง” กูว่ากูคุ้นกับประโยคนี้นะ กูเคยพูดประโยคนี้กับไอ้พู่นี่หว่า
..แล้วมันวนมาหากูได้ยังไงกัน?!
ข้าวซอยไก่ที่ไอ้ดินทำแม่งอร่อยว่ะ ผมเลยซัดไปสามถ้วยแถมข้าวผัดที่ไอ้ลูกอมกินเหลืออีกครึ่งจาน
..กินข้าวอย่างกับแมวดม
จะว่าไปแล้วการกินของเหลือจากไอ้ลูกอมก็เป็นความเคยชินของผมเหมือนกัน เพราะมันกินข้าวเหลือทุกครั้งไอ้ผมที่เสียดายก็จัดการกินต่อซะเกลี้ยงอย่างที่ไม่เคยนึกรังเกียจสักนิด..
กินอิ่มได้สักพักไอ้ปูนกับพี่น้ำก็ตามมาสมทบพร้อมกับเครื่องดื่มสำหรับดูบอลในคืนนี้
“อะไรที่ทำให้ไอ้หมีเปลี่ยนใจจากพี่สาวเซ็กซี่ขยี้ใจมาเป็นเด็กน้อยหน้าใสแบบนี้ได้น้อ” เมื่อไอ้ปูนเห็นผมกับไอ้ลูกอมก็เอ่ยแซวทันที
“อะไรของมึง กูก็มาเชียร์บอลกับพวกมึงไง”
“ก็เมื่อวานมึงปฏิเสธทันทีที่พวกกูชวนเลยนี่หว่าว่ามีนัดกับพี่จ๊ะจ๋าสุดสะบึ้มอ่ะ”
“ก็แค่ไปกูหนังนี่ก็ดูเสร็จแล้ว ว่างแล้วก็มาหาพวกมึงนี่ไง” หึ กูโกหก นึกแล้วก็เสียดายค่าตั๋วหนังฉิบหาย ที่นั่งHoneymoon seat ซะด้วยสิ
“แล้วทำไมถึงมากับหลานรหัสสุดที่รักของมึงได้ล่ะ” สุดที่รักห่าไรล่ะ ถ้าพี่น้ำไม่นั่งแดกข้าวซอยอยู่ตรงนี้กูดีดปากมึงแตกไปแล้วไอ้ห่าปูน
“ตอนเย็นกูต้องพามันไปกินข้าวไง ก็เลยพามาด้วยซะเลย” จะซักอะไรนักหนาพวกมึงเป็นแฟ้บกันรึไงฮะ
“น้องโอบมากินเค้กกัน นี่ถ้าพี่รู้ว่าเรามาด้วยจะเอามาเผื่อเยอะๆเลย” เมื่อได้ยินคำว่า เค้ก หน้าเรียบเฉยของมันก็อมยิ้มขึ้นมาทันที ไอ้เด็กน้ำตาลเอ้ย
บอลคู่แรกเตะหนึ่งทุ่ม แต่คู่หลักที่เรารอดูคือคู่สี่ทุ่ม แมนยูทีมรักเจอกับทีมเมืองหลวงอย่างเชลซี
เรานั่งดูนั่งดื่มกันไปเรื่อยๆ ส่วนไอ้ลูกอมผู้ไม่อินกับเกมส์ลูกหนัง หนีไปเล่นกับพวกเจ้าเหมียวที่พากันนอนกลิ้งอยู่บนโซฟา
ดูๆแล้วก็เหมาะกันดีผมว่าไอ้ลูกอมก็เหมือนแมวนิ่งๆหยิ่งๆ แต่พอได้ของเล่นที่ถูกใจความดี้ด้าก็จะมาทันทีเหมือนเวลาที่ได้กินลูกอมหรือขนมหวานที่ถูกใจหน้าก็จะดีด้ามีความสุขขึ้นมาทันตา
อีกครึ่งชั่วโมงบอลคู่ที่รอคอยก็ใกล้จะเตะ ด้วยความที่กลัวว่าหลานรหัสจะเบื่อและคงง่วงเต็มแก่เพราะสี่ทุ่มเป็นเวลานอนของไอ้เด็กอนามัย จึงเดินไปดูซะหน่อยว่ากำลังทำอะไรอยู่กับพวกเจ้าเหมียวทั้งสามตัว
นอนขดกับแมวบนโซฟา ..สัด น่ารักฉิบหาย
น่ารักงั้นเหรอ?! ไม่น่าเชื่อคำว่าน่ารักจะมีผลต่อหัวใจผม ทั้งที่ผ่านมาคำนี้ทำอะไรกับใจผมไม่ได้เลย
“มึงง่วงแล้วเดี๋ยวกูไปส่งมึงที่หอ” ผมสะกิดบ่าคนตัวเล็กเบาๆ จากนั้นมันก็ขยี้ตาเบาๆก่อนจะหยิบแว่นสายตาที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาสวม
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นตอนที่มันไม่สวมแว่นตา จะว่าไงดี ผมว่าดวงตาเรียวเล็กของมันดูคมสวยและมันดูลงตัวเมื่ออยู่บนใบหน้าเรียวเล็ก ยิ่งไร้กรอบแว่นบดบังมันยิ่งน่ามอง และคงจะน่ามองยิ่งขึ้นถ้ามันยิ้มสักนิด
สี่ทุ่มบอลกำลังเริ่มเตะ ผมก็ขอตัวพาไอ้ลูกอมที่ตอนนี้กำลังตาปรือสุดๆมาส่งที่หอก่อน และแน่นอนพวกผองเพื่อนผู้น่ารักก็พากันเอ่ยแซวว่าหลานรหัสผมนั้นสำคัญยิ่งกว่าพี่สาวคัพอี และแมนยูทีมโปรดที่ผมไม่เคยพลาดเชียร์สักนัด
..ก็เด็กมันง่วง บอลเดี๋ยวครึ่งหลังค่อยกลับมาเชียร์ก็ได้นี่หว่า
ส่งไอ้ลูกอมเสร็จก็กลับไปเชียร์บอลที่บ้านไอ้พู่อีกครั้ง แต่ในระหว่างทางกลับกลิ่นของไอ้ลูกอมที่ยังอบอวลอยู่ในรถ..กลิ่นคาราเมลของมันทำให้หัวใจผมสับสนว่าแท้จริงแล้วที่ผมดูแลและใส่ใจไอ้ลูกอมนั้นเพียงเพราะมันเป็นแค่หลานรหัสของผมเท่านั้นจริงๆเหรอ?
อ่านต่อด้านล่างค่ะ