++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++ Love me Love my cat ++ บทที่22 ที่ใดในโลก (ตอนจบ) [23-12-19] *P.5  (อ่าน 35734 ครั้ง)

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
     เที่ยงคืนหลังจากช่วยไอ้พี่มดเก็บร้าน ก็ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนบ้านใหญ่วันนี้ไม่มีอารมณ์วาดรูปเท่าไหร่ ค่อยๆขับเวสป้าชิวๆรับลมไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ผมเลี้ยวไปทางที่จะไปหอของน้องปูน มารู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่หน้าหอของน้องแล้ว ให้ตาย!!ทำไมช่วงนี้ในหัวมีแต่เรื่องของน้องปูนก็ไม่รู้ ง่ายๆคือคิดถึงตลอดเวลา!!  ไม่รู้ว่าน้องกลับมาจากบ้านเล็กรึยังหรือนอนแล้วก็ไม่รู้ ไม่อยากกวนบางทีก็กลัวน้องจะรำคาญเพราะช่วงนี้ผมหาเรื่องเจอน้องเกือบทุกวัน อยู่กับความคิดตัวเองได้ไม่นาน น้องปูนก็ขับรถมาจอดใกล้ๆผม

“อ้าวพี่น้ำ มาทำอะไรครับ” น้องคงแปลกใจที่เห็นผมในเวลานี้

“พอดีหลงมาน่ะ” ผมตอบหน้าตาย

“...!!”

“เมารึป่าว”

“มึนๆนิดหน่อยครับ แต่ไอ้พู่เมาเละเลย อ้วกแตกเต็มบ้าน” น้องพูดอย่างขำๆ

“ใครดูมันอยู่ละตอนนี้”

“จะใครซะอีกล่ะ ไอ้ดินน้องเขยพี่ไง ไล่ให้พวกผมกลับมาด้วยนะ”

“ทำไมมันถึงได้เมาขนาดนั้นล่ะ”

“พิษรักแรงหึง ฮ่าๆๆ”

“งั้นพรุ่งนี้ไปกินไอติมกันจะได้เม้าให้พี่ฟัง ตอนนี้ดึกแล้วน้องปูนไปนอนเหอะ” ข้ออ้างที่ใช้บ่อยสุดรองจากเอาเค้กมาให้ก็เรื่องของไอ้พู่นี่แหละ..กูรักมึงก็ตรงนี้แหละ..น้องรัก!!

“ได้ครับ พรุ่งนี้เรียนเสร็จแล้วปูนจะโทรหานะ” รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว นับวันยิ่งจะหวั่นไหวและใจเต้นแรงกับรอยยิ้มของน้อง แล้วคำที่เรียกแทนตัวเองว่า‘ปูน’อีก ได้ยินแล้วมันรู้สึกดีชะมัด!!

“เออ..น้องปูน พี่ขออะไรอย่างนึงสิ”

“อะไรครับ”

“เออ..ไม่มีไร เข้าไปข้างในเหอะดึกแล้ว”

“ครับ เจอกันพรุ่งนี้..ฝันดีนะครับพี่น้ำ”

“เดี๋ยว!!” แล้วผมก็คว้าแขนของน้องไว้ ก่อนจะทำการใหญ่ด้วยการหอมแก้มน้องฟ้อดใหญ่ มันอดไม่ไหวจริงๆนะครับ เมื่อก่อนผมไม่เคยต้องอดกลั้นขนาดนี้มาก่อน ถูกใจใครก็พาขึ้นเตียงหมายถึงตอนโสดนะอย่าเพิ่งเข้าใจผิดถ้าผมคบใครผมก็รักเดียวใจเดียว

ไม่เคยตะตอนยอนขนาดนี้ แต่เป็นเพราะน้องปูนผมเลยเต็มใจเพราะน้องไม่เหมือนใคร และผมก็ไม่อยากให้น้องเหมือนใครด้วยความรู้สึกตอนนี้มันพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา!!


“พะ พี่ขอโทษ” เมื่อเห็นน้องยืนนิ่งก็เริ่มใจไม่ดี น้องไม่ได้พูดอะไรแต่จับแก้มที่แดงปลั่งของตัวเองแล้วรีบวิ่งเข้าไปในหอโดนไม่มองหน้าผมแม้แต่นิดเดียว..โกรธเหรอ? กูทำอะไรลงไปเนี่ย!!

สุดท้ายก็กลับมาร้านพี่มด กลับมาวาดรูปเพื่อสงบจิตสงบใจสักหน่อย..ทบทวนตัวเองที่ผ่านมาถึงจะมีแฟนมาแล้วหลายคนลึกๆแล้วยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่เป็นคนที่พอใจที่จะคบด้วยมากกว่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือความรักรึป่าว  แต่สำหรับน้องปูนมันพิเศษทุกอย่างมันคือความสบายใจโดยไม่ต้องพยายามหรือแสแสร้ง น้องปูนคือคนที่ใช่สำหรับผมเพราะใจมันบอกแบบนั้น!!
ผมว่าทุกอย่างมันกำลังลงตัว เพราะน้องมาในเวลาที่ใช่เราก็คนก็ต่างโสด อีกอย่างเราก็รู้จักกันมานานถึงจะไม่ได้สนิทกันมากมายแต่ก็พอรู้นิสัยใจคอของกันและกันบ้าง ผมว่ามันถึงเวลาที่ผมควรจะจริงจังกับความรู้สึกนี้สักที!!

สุดท้ายก็นอนไม่หลับคิดมากกลัวว่าน้องจะโกรธที่ผมหอมแก้ม โชคดีที่วันนี้ไม่มีเรียนกลับไปนอนต่อที่บ้านเล็กดีกว่า
 
“ไงตัวขาว ตัวดำ” ผมทักเจ้าแมวอ้วนสีขาวสองตัว กับเจ้าตัวเล็กสีดำที่มันมาคลอเคลียที่ขาผม

“แม่พวกแกไปเรียนแล้วล่ะสิ” ตอนนี้เก้าโมงเช้า ไอ้พู่คงออกไปเรียนนานแล้ว

พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายไม่รู้นอนไปนานเท่าไหร่ ตกใจตื่นอีกที ตายห่า4โมงเย็นแล้ว  ดีนะที่กูไม่ไหลตาย  หิวฉิบหาย!!

มีแต่มาม่าคัพ กับเค้กของแม่ กินมาม่ารองท้องไปก่อนก็ได้วะ แล้วค่อยไปหาอะไรกินข้างนอกเพราะตอนนี้โคตรหิว 
นั่งซดมาม่าไปสองถ้วย ไอ้พู่กับน้องเขยก็โผล่มา แสดงว่าน้องปูนก็ต้องเลิกเรียนแล้วน้องยังจะไปกินไอติมอยู่มั้ยวะ ไม่กล้าโทรหาเลยอยู่ๆก็ป๊อดขึ้นมาซะงั้น

“สวัสดีครับพี่น้ำ”

“หวัดดีน้องเขย!!”

“น้องเขยเชี่ยไร!!”  ไอ้พู่รีบโวยวาย ทำหน้าแม่งโคตรตลก

“ก็มันเป็นน้องเขยกูไม่เกี่ยวกับมึง”


“ก็กูน้องมึง ถ้ามันเป็นน้องเขยมึงมันก็ต้องเป็นผัวกูสิ”  ก็ผัวมึงไง ยังไม่รู้ตัวอีก!!

“ร้อนตัวนะมึง น้องกูก็มีหลายคนมะน้องที่คณะกูเยอะเยอะไม่ได้หมายถึงน้องในไส้อย่างมึง”

“แล้วมันเป็นใครล่ะ!!”

“ม่ายบอก” การกวนตีนไอ้พู่เป็นงานอดิเรกของผมครับ

“เออ เรื่องของมึง ไปอุ้มชบามาสินั่งบื้ออยู่ได้”เอ้าเถียงไม่ได้ก็ไปลงที่ไอ้ดินซะงั้น กูรู้อนาคตมึงเลยไอ้ดินกลัวเมียแน่ๆ!!

“จะพามันไปไหน”

“ฉีดวัคซีน”

“ไอ้ตัวขาวล่ะ ไม่ฉีดเหรอ”

“ยังไม่ครบกำหนด แล้วมึงช่วยเรียกชื่อให้มันดีๆหน่อย เรียกตัวขาวตัวดำอยู่ได้” เอ้าก็มันสีขาวกับสีดำ กูผิดตรงไหน

“ขากลับแวะซื้อข้าวมาให้กินด้วยดิ” ขี้เกียจออกไปละ ใช้ไอ้พู่นี่แหละ

“แล้วที่มึงแดกเมื่อกี้ล่ะ?!”

“รองท้อง”

“ทุ่มนึงจะไปกินชาบูกับพวกไอ้หมีไปด้วยกันมั้ยล่ะ”

“น้องปูนไปมั้ย”

“ไป” ไอ้พู่ตอบด้วยสีหน้าสงสัย มันคงจะสงสัยจริงๆนั้นแหละเพราะผมจะถามหาน้องปูนทุกครั้ง รอให้มึงถามกูถึงจะบอกถ้ามึงไม่ถามกูก็ยังไม่บอกละกัน

“เออ งั้นกูไปด้วย” ค่อยไปขอโทษที่ร้านชาบูก็ได้วะ

หลังจากที่ไอ้พู่กับไอ้ดินออกไปแล้ว ผมก็นอนเล่นกับไอ้ตัวขาวทั้งสองตัวอยู่บนโซฟาไม่นานน้องปูนก็ไลน์มา!! ผมรีบลุกขึ้นนั่งเปิดอ่านด้วยความไวแสง

Poon’Poon  คงไม่ได้ไปกินไอติมแล้วนะครับ จะไปกินชาบูกับไอ้หมี พี่น้ำไปด้วยกันมั้ย?

 น้องไม่โกรธ?! แถมยังชวนผมด้วย!!

WaterColor ไปครับ เมื่อกี้ไอ้พู่เพิ่งจะชวนพี่

Poon’Poon  ผมกับไอ้หมีจะไปก่อนคงรอทุ่มนึงไม่ไหวตอนนี้ตอนนี้หิวมากเลย  สติกเกอร์หมีหิวโหย

..น่ารัก!!

WaterColor ไปสิ ค่อยให้ไอ้พู่ตามมาทีหลังพี่ก็หิวเหมือนกัน

Poon’Poon  งั้นเจอกันที่ร้านนะครับ

WaterColor สติกเกอร์ควายโอเค

ดีจังวะที่น้องไม่โกรธ แล้วหัวใจก็กลับมาลิงโลดอีกครั้ง!!

เมื่อไปถึงร้านชาบูน้องปูนกับไอ้หมีก็ยืนรอที่หน้าร้าน

“หวัดดีครับพี่น้ำ” น้องปูนกับไอ้หมีไหว้ทักทายผมพร้อมกัน แต่ที่แปลกไปคือน้องปูนดูเขินๆไม่ค่อยกล้าสบตาผมสักเท่าไหร่!!

“หวัดดีๆ ป่ะเข้าไปข้างในกัน”

มาถึงโต๊ะสั่งเครื่องดื่มอะไรเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะไปหาน้องกุ้งก็โทรบอกไอ้พู่มันก่อนว่าพวกเรามารอที่ร้านแล้ว ผมชอบกินกุ้งครับ ร้านบุพเฟ่ต์ที่มีกุ้งนี่มันดีจริงๆ!!

“โห พี่น้ำกุ้งทั้งทะเลเลยมั้งนั้น” ไอ้หมีแซวผมที่ผมตักแต่กุ้งมาล้นจานอยู่สามจาน นี่แค่เบาๆนะ!!

“อย่าว่าแต่กู ดูมึงก่อนวัวกี่ตัววะนั้น” ผมละสงสารเจ้าของร้านจริงๆ ผมกับไอ้หมีไปร้านบุเฟ่ต์ที่ไหนร้านนั้นคงจะสาหัสน่าดู!!

“กินผักกันด้วยนะครับ อย่ามัวกินแต่เนื้อกับกุ้ง” น้องปูนพูดพร้อมกับเด็ดผักใส่หม้อ ทำไมดูแล้วรู้สึกเหมือนแม่บ้านจังแฮะ

“ไม่กินเดี๋ยวขาดทุน” ไอ้หมีพูดพร้อมกับสวาปามเนื้อเข้าปากคำโต..กูว่าดูแดกน่ากลัวแล้วนะมาเจอมันนี่กูยอมเลย!!

“เจ้าของร้านต่างหากที่ขาดทุน ไม่ใช่มึง” น้องปูนโวยใส่ไอ้หมี พร้อมทำหน้าเอือมกับตรรกะของมัน

“พูดมาก แดกๆ”

“น้องปูนกินกุ้งมั้ย เดี๋ยวพี่แกะให้” ผมบอกน้องอย่างใจดี

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมแกะเอง พี่น้ำกินผักด้วยนะ” แล้วน้องก็ตักผักมาใส่จานให้ผม

“ขอบคุณครับ” ความรู้สึกนี้คืออะไร!!อยู่ๆก็ใจเต้นแรง เหมือนน้องใส่ใจผมเลย!!

“ไอ้พู่ทางนี้ๆ” เรานั่งกินไปได้สักพักไอ้พู่กับไอ้ดินก็มาถึง น้องปูนจึงโบกมือเรียก ไอ้พู่มันมองหน้าผมเมื่อเห็นเศษเปลือกกุ้งกองอยู่เต็มโต๊ะ สายตามันเหมือนจะด่าว่ามึงแดกห่าเข้าไปได้ยังไงขนาดนั้น!! แล้วไงไม่แคร์

“มาๆเจ้ามือของมื้อนี้ เชิญนั่งครับ” ไอ้หมีพูดพร้อมกับลากเก้าอี้ให้ไอ้พู่นั่ง

“ทำไมมึงถึงได้เลี้ยงพวกนี้วะ ใจดีอะไรของมึง” ผมถามเพราะสงสัย ปกติไอ้พู่แม่งขี้เหนียวจะตาย!!

“มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนพี่” ไอ้หมีพูดแทรกขึ้นมาทันที

“ข้อแลกเปลี่ยนไรวะ?”

“เดี๋ยวผมส่งไลน์ให้พี่ดู” ไอ้หมีพูดด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ต้องเป็นเรื่องเมื่อคืนที่ไอ้พู่มันเมาเละแน่ๆ..

     นั่งกินไปเรื่อยๆก็สังเกตว่าน้องเขยผมมันดูแลไอ้พู่ดีมาก ดีจนเกินหน้าเกินตาจนหลายคนหมั่นไส้

“ไอ้พู่ มึงเป็นง่อยรึไง” ไอ้หมีพูดพร้อมทำหน้าหมั่นไส้

“อิจฉาโว้ย” น้องปูนพูดอย่างแซวๆ

“น้องปูนชอบแบบนี้เหรอ งั้นเดี๋ยวพี่ตักให้นะ” ชอบแบบนี้ก็ไม่บอกจัดให้ครับ แกะกุ้งให้ด้วย ถ้ายอมให้ป้อนพี่ก็จะป้อน!! 

น้องยิ้มอย่างขำๆคงนึกว่าผมทำล้อไอ้ดิน แต่เปล่าเลย..ตั้งใจครับ!!

“ผมพี่หลุดหมดแล้ว” จู่ๆน้องก็พูดขึ้น ผมกินเพลินไปหน่อยจริงๆก็รู้ตัวอยู่หรอก แต่มือเปื้อนเพราะแกะกุ้งเลยทนๆไปก่อน

“มัดให้พี่หน่อยสิ มือพี่เลอะ” จริงๆผมก็ลองพูดไปอย่างนั้นแหละ ไม่คิดว่าน้องจะมัดให้จริงๆ น้องค่อยๆรวบผมของผมอย่างช้าๆก่อนจะมัดผมให้เบาๆ คงจะกลัวว่าผมจะเจ็บ ด้วยความน่ารักผมจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แล้วก็เจอสายตาของไอ้พู่และไอ้หมีที่มองมาด้วยสายตาสงสัยปนอึ้ง..ไว้ให้มันชัดเจนกว่านี้แล้วกูจะบอกพวกมึง

แดกกุ้งไปน่าจะ88ล้านตัวได้ ไอ้หมีก็ส่งข้อความมาที่ไลน์ผม เปิดดูเท่านั้นแหละ ถึงกับฮาแตก..ทำไมน้องกูมันแรดขนาดนี้วะ ฮ่าๆๆ

“ยินดีด้วยน้องเขย มาๆชนแก้ว” แล้วผมก็ชนแก้วโค้กกับไอ้ดินที่ตอนนี้ทำหน้างง ว่าผมดีใจห่าอะไร

“อย่าทำหน้างงๆ” ผมเลยเอารูปไอ้พู่ตอนแรดให้มันดู ไอ้ดินได้แต่ยิ้มอย่างเขินๆส่วนไอ้พู่ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตมาให้ 
ผมกับไอ้หมีและน้องปูนกำลังหัวเราะกับสิ่งที่ไอ้พู่ทำลงไปเมื่อคืน แต่แล้วเสียงหัวเราะก็ต้องหยุดลง เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ทิ้งน้องชายผมไปอย่างไม่ใยดี!!

“พู่”

“ไข่มุก” เธอคือแฟนเก่าของไอ้พู่ จริงๆแล้วผมไม่ค่อยถูกชะตาด้วยเท่าไหร่ตอนที่ไอ้พู่พามาแนะนำให้ผมรู้จักว่าเป็นแฟนมัน

“ดีใจจังที่เจอ มุกโทรหาพู่แต่พู่ไม่รับสายมุกเลย” ทำไมมีความหน้าด้านแบบนี้วะ ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยเหรอ?!

“มุกมีอะไรกับพู่รึป่าว”

“ต้องมีอะไรด้วยเหรอถึงจะโทรหาพู่ได้”

“...”

“มุกเลิกกับพี่พีแล้วนะ” แล้วไงวะ น้องกูต้องรีบแจ้นไปหางั้นเหรอ ตลก!!

“ถ้าพู่ยังไม่มีใครเรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้มั้ย” ทำไมชีวิตมันง่ายขนาดนั้นวะ บทจะเลิกก็ง่ายบทจะกลับมาคบกันใหม่ก็ง่าย  เคยแคร์ความรู้สึกน้องกูบ้างมั้ยเนี่ย!!

“ไม่ได้หรอก” แล้วไอ้หมีก็โพล่งขึ้น  ดีมาก

“ไอ้พู่มันมีคนที่ชอบแล้วล่ะ ใช่มั้ยมึง” อยู่ที่คำตอบของไอ้พู่แล้วละ ดีๆนะมึง แล้วดูเหมือนว่าทุกคนจะตั้งใจฟังคำตอบของไอ้พู่อยู่

“ขอโทษนะมุก พู่ว่าเรื่องของเรามันจบตั้งแต่วันที่มุกเลือกพี่พีแล้วล่ะ”

“จริงเหรอที่พู่มีคนที่ชอบแล้วน่ะ”

“...”

“พู่ตอบมุกมาสิ” ไอ้พู่ไม่ยอมตอบ เธอก็เริ่มโวยวาย ธาตุแท้เริ่มออกแล้วสินะ

“อืม พู่มีคนที่ชอบแล้ว” ให้มันได้แบบนี้สิ ไม่เสียแรงที่เกิดมาเป็นน้องกู ตอนที่มันตอบมีแอบมองหน้าไอ้ดินด้วยนะ รู้ใจตัวเองสักทีนะมึง!!

“มันเป็นใคร!!” เกลียดผู้หญิงที่ชอบโวยวายแบบนี้จริงๆ

“นี่ ถ้าจะโวยวายก็กลับไปเหอะ อย่าลืมว่าเธอเป็นคนทิ้งน้องฉันไปแล้วเธอจะกลับมาหามันอีกทำไม” สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหว ถึงเวลาที่ผมต้องทำหน้าที่พี่ชายปกป้องน้องชายของผมแล้วล่ะ

“อ่อ อีกอย่างถ้าจะมาขอคืนนี้กับไอ้พู่ บอกไว้เลยนะว่าพี่ชายมันไม่ยินดี” ใช่กูไม่ยินดี กูอยากได้น้องเขยไม่ใช่น้องสะใภ้!!

“รักมึงจังพี่ชาย ขอบคุณนะที่ช่วยพูดให้กู” หลังจากที่ไข่มุกเดินออกไปอย่างหัวเสีย ไอ้พู่ก็เข้ามากอดผมอย่างออดอ้อน ขนลุก!! เราไม่เคยพูดแสดงความรักกันครับ แต่ใช้การกระทำแบบเมื่อกี้มากว่าเป็นตัวแสดงว่าเรารักกัน

“กูไม่ได้ช่วยมึง กูช่วยน้องเขยกูเว้ย” ผมแกล้งโวยก่อนจะแกะมือที่มันกอดผมออก

“ใครน้องเขยมึง” ยังจะถามกูอีก

“แถวๆนี้แหละ” แล้วมันก็เหลือบตาไปมองไอ้ดิน แล้วหน้ามันก็ค่อยๆแดง แรดจริงๆน้องกู!!

หลังจากที่อิ่มจากกินชาบูไม่สิอิ่มจากกินกุ้ง ตั้งใจว่าจะคุยกับน้องปูนแต่น้องมากับไอ้หมีเอาไงดีวะ!? ชวนตรงๆเลยละกัน

“เออ น้องปูนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ผมกลับกับไอ้หมีก็ได้ครับ”

“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย กลับกับพี่นะ”

“ก็ได้ครับ”

“มึง..”

“เออ กูได้ยินแล้ว งั้นผมฝากไอ้ปูนด้วยนะพี่” ไอ้หมีมองหน้าผมด้วยความสงสัยอีกครั้ง

“พี่น้ำมีอะไรจะคุยกับปูนเหรอ”

“กินไอติมมั้ย”

“หืม?”

“ร้านไอติมคงปิดแล้ว ซื้อที่เซเว่นละกันเนอะ ไปกัน” น้องทำหน้างงๆ แต่ก็ย้อมซ้อนท้ายเวสป้าของผม

“เมื่อกี้ก็กินไอติมที่ร้านชาบูมาแล้ว ผมอิ่มละครับ”

“พี่รู้ว่าเรื่องไอติมปูนมีอีกกระเพราะนึง ให้ตอบใหม่ว่าจะกินมั้ย” แล้วน้องก็หัวเราะออกมา

“กินก็ได้ครับ” เด็กน้อยเอ้ย!

“เซเว่นไหนดี”

“แถวหอปูนก็ได้ครับ” ปูน!! ดีใจสินะที่จะได้กินไอติม  เวลาดีใจกับรู้สึกผิดคำว่าปูนจะหลุดออกจากปากเสมอ!!

“เอาแค่นี้เหรอ จะพอเหรอ”

“พี่น้ำประชดผมเหรอ” ใช่ครับ ประชด น้องหยิบไอติมออกจากตู้น่าจะสัก10อันได้

“จะกินทันมั้ยเนี่ยละลายก่อนกินหมดแน่เลย”

“ไม่ได้กินหมดนี่สักหน่อย ซื้อไปเผื่อตอนอ่านหนังสือตอนดึกๆต่างหาก ไอติมที่ตุนไว้ที่ห้องหมดพอดี”

“งั้นต้องรีบกลับ เดี๋ยวจะละลายซะก่อน”

“ครับ”

  ใช้เวลาไม่ถึง5นาทีก็มาถึงหอของน้องปูน..

“พี่ขอขึ้นไปที่ห้องน้องปูนได้รึป่าว จะได้คุยทีเดียวน้องปูนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขึ้นๆลงๆ”

“ก็ได้ครับ” เหมือนน้องจะหยุดคิดไปแปปนึง แต่ก็ยอมให้ผมขึ้นห้อง  ทำไมตื้นเต้นแบบนี้วะ..ตื่นเต้นกว่าได้ขึ้นห้องสาวซะอีก!!

เมื่อมาถึงห้อง น้องปูนก็รีบเอาไอติมแช่ตู้เย็น แต่สิ่งที่ปะทะกับสายตาของผมก็คือ ขนมหวานเต็มห้องไปหมดทั้งช็อคโกแล็ต ลูกอม อมยิ้มมันว่างอยู่ทั่วทุกมุมห้อง เหมือนอยู่ส่วนไหนของห้องก็สามารถกินได้เลยไม่ต้องเดินไปที่ตู้เย็นเพียงที่เดียว..นี่มันงานศิลปะชัดๆ แล้วในตู้เย็นก็อัดแน่นไปด้วยเค้ก ขนมไทยที่รสหวานๆอย่างพวกทองหยิบทองหยอด น้ำหวานต่างๆเยอะแยะเต็มไปหมด  เห็นแล้วก็รู้สึกกลัว..กลัวน้องจะเป็นเบาหวาน!!

“ไม่คิดว่าน้องปูนจะชอบขนมหวานขนาดนี้” อดไม่ได้ที่จะหันไปคุยกับน้องที่ตอนนี้กำลังเอาเค้กใส่จานอยู่..ยังจะเกินอีกเรอะ!!

“ผมชอบ..พี่น้ำอยากกินอะไรหยิบได้เลยตามสบายนะครับ..ว่าแต่พี่น้ำมีเรื่องอะไรจะคุยเหรอครับ”

“มานั่งนี่สิ” ผมบอกให้น้องมานั่งโซฟาข้างๆผม

“...” น้องก็เดินมาอย่างว่าง่าย

“น้องปูนคิดว่าระหว่างเรามันมีอะไรแปลกๆมั้ย?”

“...”

“งั้นถามใหม่ ปูนยังเสียใจเรื่องแป้งอยู่มั้ย”

“ก็ไม่ละครับ เพราะทำใจไว้แล้วตั้งแต่แป้งเลือกไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น”

“ปูน พร้อมจะเปิดใจให้ใครคนใหม่รึยัง”

“ผมไม่เข้าใจ?”

“ถ้ามีคนมาจีบปูนอะไรแบบนี้น่ะ จะคุยกับเค้ามั้ยหรือจะปิดใจ”

“ก็ไม่ได้ปิดอะไร ถ้าคนนั้นไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรก็คุยได้ครับ”

“แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นพี่ละ”

“...!!”

“จะเปิดใจให้พี่มั้ย?!”

“พี่น้ำหมายความว่า..” แล้วหน้าของน้องก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ

“รู้สึกยังไงที่พี่หอมแก้มปูนเมื่อวาน”

“...”

“รังเกียจมั้ย?”

“มะ ไม่ครับ” น้องตอบเสียงเบาพร้อมกับใช้ช้อนจิ้มเค้กในจานจนตอนนี้มันเละไปหมด จะเขินรุนแรงอะไรเบอร์นั้น!!

“แล้วถ้าพี่หอมอีกครั้งล่ะจะได้มั้ย”

“...!!” จากที่ก้มหน้าจิ้มเค้กในจานไม่หยุดน้องรีบเงยหน้ามองผมด้วยความตกใจ..โคตรน่ารัก!!

“ได้รึป่าว?”

“เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยทำไมต้องหอมด้วยล่ะ” น้องตอบอ้อมแอ้มด้วยความเขิน

“แล้วต้องเป็นอะไรกัน ถึงจะหอมแก้มกันได้ล่ะ” ผมสบตากลมโตของน้องนิ่ง

“ฟะ..แฟน”

งั้นเป็นแฟนกับพี่มั้ยล่ะ!!

“...!!”

“ว่าไงครับ” ผมค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้ น้องเอียงตัวหลบก่อนจะพูดว่า..

“พี่น้ำยังไม่ได้จีบปูน เออจีบผมเลยจะเป็นแฟนกันได้ไง” โธ่ เด็กน้อยพี่ต้องบอกก่อนเหรอว่าพี่กำลังจีบเราอยู่นะแบบนี้น่ะเหรอ..

“ส่งเค้กให้ทุกวันแบบนี้ ยังไม่เรียกว่าจีบอีกเหรอหึ..เด็กน้อย แล้วก็เลิกแทนตัวเองว่าผมได้แล้ว แทนตัวเองว่าปูนนั้นแหละดีแล้ว น่ารักดีพี่ชอบ”

“ผม..”

“ปูนไม่ใช่ผม”

“ปะ ปูนยังไม่ตอบตอนนี้ได้มั้ย เออ..พี่น้ำช่วยจีบปูนต่ออีกหน่อยได้มั้ยครับ” น้องปูนพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ พร้อมกับเสียงที่เบาหวิว แต่ผมได้ยินมันชัดเจนทุกคำ ผมโคตรดีใจที่น้องขอแบบนี้ นี่มันเกินคาดกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก!!

“กล้าขอพี่ก็กล้าให้ แต่พี่ขอหอมแก้มมัดจำไว้ก่อนนะ” ไม่รอให้น้องอนุญาตผมรีบโน้มหน้าไปหอมแก้มน้องทันที แก้มยุ้ยๆของน้องมันโคตรนุ่มอ่ะ  ผมชอบจริงๆ!!


จบพาร์ตของสีน้ำ



  *TBC*


____________________________________________________________

สีน้ำกับน้องปูนมาแล้วค่ะ มาทีเดียวแซงทางโค้ง แต่เค้ายังไม่เป็นแฟนกันนะ ให้น้องปูนได้เล่นตัวนิ๊ดนึง^^
ขอบคุณมากๆที่ตามอ่านกันมานะคะ นี่ก็ตอนที่11เริ่มเข้าสู่ครึ่งทางแล้ว เป็นกำลังให้กันด้วยนะคะ
จะพยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุดค่ะ ฮึบๆ^^

 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2018 22:00:53 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0


  สีน้ำมีความใส  :3123:

  น้องปูนมีความให้จีบต่อ น่าร๊ากก  :L2:




ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
บทที่12 แฟนกัน..วันแรก!!




“ดอกไม้ ตื่นได้แล้ว”

“...”

“ดอกไม้ ดอกกกกกกกกกกก” หือ ดอกเต็มหูกู!!

“หลอกด่ากูเหรอ”

“เปล่าสักหน่อยพูดยังไม่จบประโยคเลย”

“ดีขึ้นรึยัง” แต่ก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ กวนตีนได้ขนาดนี้

“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณนะดอกไม้ที่คอยเช็ดตัวให้ทั้งคืนเลย”

“ก็แฟนกันไม่ใช่เหรอ” พูดเองก็เขินเอง  อ๊อยยย!!

“นั้นน่ะสินะ เป็นแฟนกันเค้าทำอะไรกันบ้างน๊า!!” นี่หรือคนป่วย!!แล้วมันก็เสแสร้งทำหน้าครุ่นคิด เกลียดสีหน้าของมันตอนนี้จริงๆ

“ทะลึ่ง” ผมพูดพร้อมกับหลับตากะจะนอนต่อ จู่ๆไอ้ดินก็แนบหน้าผากลงมาที่หน้าผากของผม ผมรีบลืมตาด้วยความตกใจ

“ทำอะไร!!”

“วัดไข้ให้หน่อย ตัวกูหายร้อนรึยัง” จะบ้าตาย บอกกูดีๆก็ได้มะ  มาทำแบบนี้กูใจไม่ดี!!

“อุ่นๆ วันนี้ไม่ต้องออกไปไหน นอนพักจะได้หายดี ใกล้สอบละด้วย” โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ไม่ต้องถ่อสังขารไปเรียน

“ลุกสิไปกินข้าวกัน”

“เจ็ดโมงเช้าอยู่เลย ยังไม่หิวอยากนอนต่อ” ไอ้ดินมันเป็นมนุษย์ตื่นเช้าครับ ไม่รู้จะรีบไปไหน

“งั้นก็นอน เดี๋ยวทำอะไรง่ายๆให้กิน แต่ไม่มีกาแฟนะ”

“ได้ไง มึงไม่สบายนะนอนพักสิ”

“ไม่เป็นไร ดีขึ้นมากแล้ว”

“ไม่ต้อง มานอนพักเดี๋ยวกูทำเอง”

“ไม่เป็นไรน่า อย่าดื้อสิ”

“มึงนั้นแหละ อย่าดื้อ มานอน!!” บอกดีๆไม่ชอบ ต้องให้ขึ้นเสียง

“โอเคครับ ทำไมแฟนผมดุจัง” แล้วมันก็ยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ เออดี ยอมกูบ้างเหอะ!!

“จะกินไร”

“ขอโจ๊กกับโกโก้ร้อนแก้วนึงครับ”

พอเดินไปที่ครัวเล็กๆก็มีพวก โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง แยม เนยถั่ว!!ของโปรดผมนี่หว่า
แต่ไม่มีกาแฟอย่างที่มันบอก มีแต่โกโก้ กับนม

ผมเลยจัดการเสียบปลั๊กกาต้มน้ำ แล้วปิ้งขนมปังสำหรับไว้กินเอง ไม่เห็นมีอะไรอยากแค่นี้สบายมาก พอหันหลังออกจากครัว ก็เจอสายตาของไอ้ดินที่ตอนนี้มันนั่งจ้องผมอยู่ที่โซฟาด้วยสายตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“การมีแม่บ้านดูแลมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง”

“อะไรของมึง”

“แต่มึงไม่เหมาะ ให้กูดูแลนั่นแหละดีแล้ว”

“มันก็ต้องช่วยๆกันสิ จะให้มึงดูแลกูอยู่ฝ่ายเดียวได้ไงล่ะ” พูดเองก็เขินเอง..อีกละ

“ขอบคุณนะ กูรู้สึกว่ากูโชคดีจัง” พูดจบมันก็สวมวิญญาณยูเซนโบลด์ วิ่งสองเมตรมาหอมแก้มผมด้วยความไวแสง ตกใจขนมปังในมือแทบร่วง!!

“แปรงฟันยังเนี่ย!!”

“ยังครับ” มันตอบหน้าตาย

“เอาน้ำลายบูดมาโดนแก้มกู!!” จริงๆก็โวยวายแก้เขินไปงั้นแหละ รู้สึกทำตัวไม่ถูก!!

“ปะ งั้นไปแปรงฟังกัน” แล้วมันก็จูงมือผมไปที่ห้องน้ำ ผมก็ยอมเดินตามมันไปอย่างง่ายดาย ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไมเพราะผมก็ยัง
ไม่ได้แปรงฟันเหมือนกัน...ก็แค่แปรงฟันน่า!!

จู่ๆห้องน้ำก็แคบลงถนัดตาเพราะมีผู้ชายสองคนที่ตัวก็ไม่เล็กยืนอยู่ในห้องน้ำ ผมแปรงฟันด้วยความขัดเขิน จะไม่ให้เขินได้ไงล่ะก็ไอ้ดินเล่นจ้องผมในกระจกด้วยสายตาพราวระยับ ผมแปรงฟันเสร็จก่อนไอ้ดินด้วยความเร็วรี่เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของมัน ..รู้สึกว่าแปรงขี้ฟันออกยังไม่ถึงครึ่งปากเลย แต่ก็ช่างหัวขี้ฟันมันเหอะ!!

“มึงก็ชอบกินเนยถั่วเหมือนกันเหรอ?” หลังจากแปรงฟันเสร็จก็มานั่งกินอาหารเช้าง่ายๆที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยหน้าโซฟา ไอ้ดินมีโจ๊กกับโกโก้ร้อน ส่วนผมก็มีขนมปังปิ้งทาด้วยเนยถั่วกับนมหนึ่งแก้ว เห็นเนยถั่วก็อดไม่ได้ที่จะถามมัน..

ตอนแรกไม่ได้ชอบซื้อมาเพราะคิดถึงมึง!! ตอนที่เจอกันที่ร้านนมหน้ามอจำได้ว่ามึงชอบกินเนยถั่ว แต่พอกินไปเรื่อยๆก็เริ่มชอบจนกลายเป็นของโปรดกินคู่กับขนมปังทุกเช้าไม่มีเบื่อเหมือนมึงไงยิ่งรู้จักก็ยิ่งรัก รักมากขึ้นเรื่อยๆไม่มีเบื่อ” แววตาและน้ำเสียงที่อ่อนโยน ทำให้หัวใจผมอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด..

“...” หน้าร้อนเลยกู!!แทบกลืนขนมปังไม่ลง

“เดี๋ยวกูจะกลับบ้านนะไปเอาข้าวให้เด็กๆก่อน” ต้องหาเรื่องคุยมาดับความร้อนที่หน้า ไม่งั้นแก้มแตกแน่ๆ

“เมื่อคืนพี่น้ำไม่ได้นอนบ้านเล็กเหรอ”

“นอน แต่คงยังไม่ตื่นไม่รู้ว่ามันได้เทอาหารไว้ให้รึป่าว แล้วตอนบ่ายกูจะกลับบ้านใหญ่ด้วยแต่เดี๋ยวตอนเที่ยงจะแวะซื้อข้าวเข้ามาให้ มึงก็นอนพักไป”

“ไปด้วยดิ”

“มึงป่วยนะไอ้ดิน ควรพักให้หายดีก่อนค่อยออกไป”

“ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ปวดหัวแล้วด้วย มึงห่วงกูก็ต้องไม่ปล่อยให้กูอยู่คนเดียวสิ”

“...”

“นะ..ไปด้วยนะครับ” สายตาและน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ใครจะปฏิเสธลงวะ แม้จะไม่เข้ากับสารร่างถึกๆของมันก็ตาม

“เออๆ งั้นก็รีบกินจะได้กินยา”

“ได้ครับ” ตั้งแต่คบกัน(พูดเหมือนนานเน๊อะยังไม่ถึง24ชม.ด้วยซ้ำ) มันพูดครับบ่อยเหลือเกิน!!


ตอนนี้เก้าโมงเช้าพวกผมกลับมาที่บ้านเล็กเพื่อมาดูความเป็นอยู่ของเจ้าเหมียวทั้งสามตัวว่ายังอยู่ดีกันมั้ย โดนไอ้พี่น้ำมันจับกินไปแล้วรึป่าว!!

“ว่าไงชบาน้อย โตไวจังจะเป็นหนุ่มแล้วนะเรา” คุยกะแมวก็ได้ครับ

“ไอ้พี่น้ำแม่งไม่อยู่ละ ยังดีที่มันเทอาหารไว้ให้อยู่” ดีที่มันไม่ลืมหน้าที่

“บ่ายๆค่อยออกไปกัน ไปนอนพักก่อนมั้ย นอนที่ห้องกูก็ได้”

“ไปนอนด้วยกัน”

“ไม่อ่ะ ไม่ง่วงแล้ว”

“งั้นก็ไม่นอน”

“ทำไมมึงดื้อจังวะ รู้ตัวรึป่าว”

“เป็นแค่กับมึง”

“งั้นกูขอเป็นคนอื่นได้มะ มึงจะได้ไม่ดื้อกับกู”

ไม่ได้!!ถ้ามึงเป็นคนอื่นกูก็จะไม่ได้รักมึง เพราะกูรักได้แค่มึงคนเดียวดอกไม้

“...” กำลังจะอ้าปากเถียง ถึงกับเถียงไม่ออก

“ใช่มั้ยนู๋ชบา” เอ้าเปลี่ยนอารมณ์แล้วหันไปคุยกับแมวเฉยเลย!!

“อืม กูก็รักคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน” ผมตอบมันเสียงเบา เขินอีกแล้วกู วันนี้คงได้เขิน88รอบ!!

 “ว่าไงนะ” สายตามันยิ้มกริ่มมาก

“ตามนั้นแหละ เดี๋ยวกูไปทำข้าวต้มให้ตอนเที่ยงจะได้กิน”

“ให้ช่วยรึป่าว”

“นอนพักไปมึงอ่ะ”

ทำข้าวต้มไม่นานก็เสร็จ ออกมาดูไอ้ดินก็เห็นมันนอนหลับอยู่บนโซฟา กับเจ้าเหมียวทั้ง3ตัว
เห็นแล้วก็อดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ ..ใครจะเชื่อว่าผมจะมีแฟนตัวโข่งขนาดนี้ ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมผมถึงรักมัน รู้แค่ว่ามันสุขใจและอุ่นใจที่มีมันอยู่ใกล้ๆ แค่จับมือกันก็รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ..



“ยังไม่ต้องบอกใครนะว่าเราคบกัน”

“ทำไมล่ะ?”

“กูยังไม่พร้อม ยิ่งที่บ้านยิ่งห้ามบอกมึงอย่าแสดงทีท่าให้มันมากนักนะ กูกลัวพ่อกับแม่รับไม่ได้ ขอเวลาอีกนิดแล้วค่อยบอก”

“แล้วแต่มึง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกูจะไม่ทิ้งมึง”

“ขอบคุณนะ กูก็จะไม่ทิ้งมึงเหมือนกัน”

“ซึ้งจัง..จุ๊บทีนึง”

“กูขับรถอยู่มะ ไอ้บ้า” ไม่ทันละครับ จุ๊บมาที่บ้องหูผมเต็มๆ ถึงกับขนลุกชูชันเลยทีเดียว!!


“แม่หวัดดีครับ”

“หวัดดีจ๊ะลูก พาเพื่อนมาด้วยเหรอ” สายตาของคุณนายรดาถึงกับตาลุกวาวเมื่อเห็นไอ้ดิน

“นี่ดินเพื่อนหนู” อย่าขำกันนะครับอยู่ที่บ้านผมจะแทนตัวเองว่าหนู น่ารักช๊ะ!!

“สวัสดีครับ”

“ดิน? หล่อกว่าที่แม่คิดไว้นะเนี่ย” ครับ!!แม่ผมบ้าคนหล่อ ว่าแต่รู้จักมันเหรอ?

“อะไรแม่รู้จักไอ้ดินเหรอ”

“พี่ชายของลูกบอกว่าเค้าเป็นว่าที่ลูกเขยของแม่”

“เห้ย!!” ผมโคตรตกใจไม่ต่างกับไอ้ดินที่ตอนนี้ทำหน้าตกใจไม่ต่างกัน

“ตกใจอะไรของลูก”

“แม่อย่าไปฟังไอ้พี่น้ำมัน มันเลอะเทอะ” ผมรีบแก้ตัวทันควัน

“อ้าว แม่อุตส่าห์ดีใจที่ลูกเขยแม่หล้อหล่อ”

“เห้ย!!”

“อะไรของลูกเนี่ย!!”

“แม่ไม่โกรธหนูเหรอถ้าหนูมีแฟนเป็นผู้ชาย”

“ทำไมแม่ต้องโกรธ บอกเหตุผลแม่มาสิ?”

“ก็...”

“หนูคิดว่าแม่ใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอลูก”

“...” แม่ผมไม่เคยใจร้าย ท่านใจดีแต่ทุกอย่างต้องมีเหตุผลเสมอ

“เอาน่า  แม่ไม่ว่าอะไรถ้าแฟนหนูจะเป็นผู้ชาย ตกลงว่าเป็นแค่เพื่อนกัน?”

“ผมกับพู่เราเป็นแฟนกันครับคุณแม่” เห้ย ไอ้นี่บอกว่าอย่าเพิ่งบอกไง มันพูดพร้อมกับจับมือผมเอาไว้แน่น

“สุภาพบุรุษที่สุด ถูกใจแม่มากกก..ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรานะจ๊ะหนูดิน” แล้วแม่ก็กอดไอ้ดินที่ยืนอึ้งแดก แม่งกูก็อึ้งแดกเหมือนกันครับ!! ไม่คิดว่าแม่จะบ้าผู้ชาย เอ้ย ไม่คิดว่าแม่จะยินยอมง่ายดายขนาดนี้

“ขอบคุณครับคุณแม่” ไอ้ดินพูดด้วยรอยยิ้มดีใจ พร้อมกับกราบงามๆไปที่บ่าแม่ผม

“แล้วพ่อละครับแม่” ผ่านด่านแม่ไปแล้ว ยังเหลือด่านของพ่อ อดที่จะกังวลไม่ได้เลย

“โอ้ย รายนั้นจะไปว่าอะไรละลูก หนูไม่ได้อะไรผิดสักหน่อย”

“ขอบคุณครับแม่ หนูรักแม่ที่สุด” พูดจบก็หอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ ดีใจจังที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่

“กินอะไรมารึยังลูก”แม่หันไปถามไอ้ดิน  เห็นลางอะไรบางอย่างว่าอีกไม่นานกูหัวเน่าแน่ๆ!!

“ตอนเที่ยงพู่ทำข้าวต้มให้กินแล้วครับแม่” แม่มีสีหน้าแปลกใจที่ได้ยินว่าผมทำกับข้าวให้ไอ้ดิน

“ไอ้ดินไม่สบายนะแม่ เมื่อคืนไข้ขึ้นหนูต้องคอยเช็ดตัวให้ทั้งคืน”

“ดีแล้วละลูกคนรักกันก็ต้องดูแลกัน ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายแม่จะใจดีขนาดนี้” แม่พูดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

“ลูกพาหนูดินไปพักที่ห้องก่อนสิ รอกินข้าวเย็นก่อนค่อยกลับนะ แม่จะทำซุปไก่ให้คนป่วยด้วย”

“ครับแม่”

ผมเดินเข้าห้องด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ไม่คิดว่าความกลัวและความกังวลที่คิดไว้มันจะหายวับไปกับตาได้เร็วขนาดนี้ แต่มันยังเหลือในส่วนของพ่ออีกส่วนหนึ่งขอให้เป็นอย่างที่แม่บอกจริงๆด้วยเถอะ..สาธุ

“ดีใจจังที่แม่ยอมรับเรื่องของเรา ลึกๆแล้วกูก็แอบกลัวเหมือนกัน” ไอ้ดินพูดหลังจากเข้ามาในห้องนอนของผมแล้ว

“ยังเหลือพ่อ ไม่รู้ว่าจะยอมรับได้จริงๆรึป่าว”

“ว่าแต่แกไปไหน ไม่เห็นเลย”

“น่าจะอยู่เรือนไม้หลังบ้าน”

“เรือนไม้?”

“อื่อ เป็นพื้นที่สำหรับทำงานศิลปะน่ะ วาดรูปหรือพวกงานปั้นก็จะไปทำกันที่นั่น” เรือนไม้ที่ว่าคือ บ้านไม้ชั้นเดียวสไตล์ล้านนา เป็นที่เอาไว้ทำงานศิลปะและเก็บงานศิลปะของบ้านผมครับ

“พาไปหาพ่อหน่อยสิ มันเสียมารยาทนะที่กูมาแล้วไม่ไปทักทายท่านก่อนน่ะ”

“เดี๋ยวตอนกินข้าวก็เจอน่า”

“...” มาอีกละสายตาแกมบังคับแบบนี้

“เออๆ ไปก็ไป”

เมื่อมาถึงเรือนไม้หลังบ้าน พ่อกำลังนั่งทำงานปั้นอยู่ที่แป้นหมุนสำหรับขึ้นรูปดินให้เป็นรูปทรงต่างๆ
ผมเข้าไปหาพ่อด้วยใจที่เต้นรัว บอกตรงๆว่ากลัว!!

“พ่อหวัดดีครับ”

“มาเมื่อไหร่ลูก”

“สักพักแล้วละครับ  พ่อนี่ดินเพื่อนผมครับ”

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

“ในที่สุดพ่อก็ได้เจอลูกเขยสักที!! หล่ออย่างที่เจ้าน้ำบอกจริงๆด้วย” พ่อพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ..พ่อก็บ้าคนหล่อกับเค้าอีกคนเรอะ!!

“…!!” ไม่อยากจะเชื่อ นี่มันหนังม้วนเดียวกันกับแม่ชัดๆ ไอ้พี่น้ำแม่งมันบอกใครไปบ้างวะ

“อยากลองปั้นดูมั้ย สนุกนะเดี๋ยวพ่อสอนให้” ครับ!!ใครมาที่บ้านพ่อผมจะชวนให้ทำงานศิลปะหมดละครับ

“อยากลองเหมือนกันครับพ่อ ท่าทางสนุก”

“มา มานั่งตรงนี้”

“พ่อ ไอ้ดินมันไม่สบายอยู่ วันหลังค่อยทำเหอะ ”

“อ้าวเหรอ ไม่สบายเหรอลูก งั้นไว้ครั้งหน้านะอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลยบ้านนี้ยินดีต้อนรับเสมอ”

“ขอบคุณครับคุณพ่อ” ไอ้ดินพนมมือไหว้อย่างสวยงาม ถ้ามันก้มลงกราบได้มันคงทำไปแล้วล่ะ!!

“พี่น้ำไม่ได้กลับมาเหรอพ่อ”

“ยังไม่โผล่หัวมาเลย สงสัยอยู่กับเด็กของมันละมั้ง”

“เด็ก?”

“เห็นว่าช่วงนี้ติดเด็กเอาเค้กไปส่งให้เช้าเย็น”

“ใครวะ?” แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆผมก็นึกถึงไอ้ปูนขึ้นมา ไม่มั้ง!!

“ตามสบายเลยนะลูก”

“ครับพ่อ”

“กูว่าไปบ้านใหญ่เหอะ”

“ตามใจมึง..ว่าไงเจ้าเหมียว พู่แมวตัวนี่ชื่ออะไร” ยังไม่ทันเดินออกจากเรือนไม้ แม่มะลิแมวเปอร์เซียสีขาวล้วนก็มาคลอเคลียที่ขาไอ้ดิน ปกตินางโลกส่วนตัวสูงไม่สุงสิงกับคนแปลกหน้า  แต่ทำไมกับไอ้ดินมันเข้ามาหาวะ?! ตงลงว่าบ้านนี้บ้าผู้ชายหล่อกันทั้งบ้าน ไม้เว้นแม้กระทั่งแมว!!

“แม่มะลิ  แม่ของจำปี จำปาไง”

“แม่มะลิ น่ารักจังคนสวย” ตกลงจะสวย หรือน่ารัก

“ปะเข้าบ้านได้แล้ว” แล้วมันก็อุ้มมะลิเดินตามมา

“ไอ้ปูนมาได้ไงวะ” ผมทักไอ้ปูนด้วยความประหลาดใจแล้วคำว่าเด็กของไอ้พี่น้ำก็ผลุดขึ้นมาอีกครั้ง ไอ้ปูนมันก็มองผมด้วยความตกใจ

“พี่น้ำพามากินเค้กแม่ดา” มันตอบด้วยความกระอักกระอวน

“มึงตามกูมาที่ห้องหน่อยสิ” ผมว่าถึงเวลาที่ต้องคุยกับมันแล้วล่ะ  ปล่อยให้ไอ้ดินนั่งเล่นกับแม่มะลิไปก่อน

“มึงกับพี่น้ำนี่ยังไง กูสงสัยมานานละ” ผมพูดทันทีเมื่อปิดประตูห้อง

“ก็..ไม่มีอะไรหนิ”

“กูเพื่อนมึงรึป่าว คิดจะโกหกกูเหรอ”

“มึงคิดยังไงถ้ากูกับพี่มึงจะคบกัน” แล้วมันก็ตัดสินใจพูดออกมา

“มึงชอบมันรึป่าวล่ะ”

“คิดว่าชอบ”

“...??”

“พี่น้ำจีบกู แล้วก็ขอกูเป็นแฟน”

“แต่กูแม่งความรู้สึกช้าพึ่งจะรู้ตัวไม่นานว่าพี่เค้าจีบกูอยู่ ..กูเลยขอให้พี่เค้าจีบกูต่ออีกหน่อย” แทบขำ ทำไมมันใส่ซื่อได้ขนาดนี้วะ แต่ก็นั้นแหละไอ้ปูน

“แล้วยังไง มันจีบมึงต่อรึป่าว”

“อืม กูยังสับสนอยู่แต่กูก็ไม่ได้รังเกียจพี่เค้า รู้สึกดีด้วยซ้ำพี่เค้าดีกับกูมาก” เหอะ อยากเห็นมุมทำดีของไอ้พี่น้ำมันจริงๆ

“แต่เดี๋ยวนะ..แล้วแป้งละ?!”

“กูเลิกกับแป้งแล้ว”

“เห้ย ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วทำไมไม่บอกกู” อยู่ๆก็รู้สึกน้อยใจ ผมกับไอ้ปูนเป็นเพื่อนสนิทกันเรื่องสำคัญแบบนี้น่าจะบอกกันบ้าง

“กูขอโทษที่ไม่ได้บอกมึง กูกลัวมึงโมโห”

“เล่ามา!!”

“กูบอกเลิกแป้งเองแหละ”

“เพราะไอ้พี่น้ำอ่ะนะ?!”

“ไม่ใช่ เพราะไอ้ที” ไอ้ทีคือเพื่อนสมัยมัธยมไม่ได้สนิทกันมาก แต่ก็ถือว่าอยู่กลุ่มเดียวกัน

“...”

“แป้งกับไอ้ทีคบกันตั้งแต่ตอนที่พวกเราจบม.6 แล้วไปเรียนต่อด้วยกันที่ญี่ปุ่น”

“เฮ้ย..ไอ้เหี้ยที ไอ้สัด ถ้ามันกลับมาเชียงใหม่เมื่อไหร่กูไม่ปล่อยมันไว้แน่ แม่งทำแบบนี้ได้ไงวะโคตรเลวอ่ะ” ผมโคตรโมโหบอกเลย

“มึงใจเย็นๆดิ เพราะแบบนี้ไงกูเลยไม่บอกมึง”

“ก็มันน่าโมโหมั้ยละ มันสวมเขาให้มึงมาตั้ง2ปีนะเว้ย มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ”

“รู้สึกดิ กูก็โมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไง กูโคตรเสียความรู้สึกไม่คิดว่าแป้งจะทำกับกูแบบนี้สู้บอกเลิกกูให้มันจบๆไปตั้งแต่ตอนนั้นมันก็จะได้ไม่รู้สึกแย่เท่าตอนนี้”

“...” ผมสงสารมันวะ แต่ไม่กล้าพูดเดี๋ยวจะยิ่งตอกย้ำความรู้สึกมัน

“แต่กูดีขึ้นแล้ว มึงไม่ต้องห่วง”

“เพราะไอ้พี่น้ำละสิ”

“ใช่ พี่เค้าเป็นคอห่านให้กู”

“ฮ่าๆ มันรู้มั้ยว่ามึงเรียกมันว่าคอห่าน”

“รู้สิเพราะพี่น้ำบอกเองว่าจะเป็นคอห่านให้กู” เห้ย ไอ้พี่น้ำมันเอาจริงเหรอวะ!!

“แต่กูก็ยังไม่เข้าใจ มึงบอกว่าเป็นฝ่ายบอกเลิกหนิ”

“ไอ้ทีโทรมาหากู เล่าทุกอย่างให้ฟังมันก็คงอึดอัดเหมือนกันที่แป้งก็ยังไม่ยอมเลิกกับกู ทั้งๆที่2คนนั้นคบกันแล้วก็พักอยู่ด้วยกัน  กูเลยโทรไปบอกเลิกแป้ง เพราะไม่อยากดูน่าสมเพชไปมากกว่านี้ถ้ากูจะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิกซะเอง”

“มึงโอเคขึ้นแล้วจริงๆนะ” อดห่วงความรู้สึกมันไม่ได้จริงๆ

“อืม กูโอเคออกจะมีความสุขด้วยซ้ำ”

“ไอ้พี่น้ำมันจริงใจนะเวลามันรักใคร กูสงสัยมานานละว่าไอ้พี่น้ำมันต้องคิดไม่ซื่อกับมึง แล้วแม่งก็ใช่จริงๆด้วย ถ้ามึงสองคนจะคบกันกูก็ยินดี และมึงจะไม่มีวันเสียใจถ้าเลือกไอ้พี่น้ำ” ที่พูดไม่ได้อวยพี่ชายตัวเองนะ แต่ไอ้พี่น้ำ ถึงมันจะม้อไปทั่วแต่ถ้ามันได้รักใครก็โคตรจะจริงจัง

“ฮือ..ไอ้พู่กูซึ้ง” แล้วมันก็โผมากอดผม ทีเรื่องเลิกกับแฟนมึงไม่ร้องไห้สักแอะ ทีเรื่องนี้กับน้ำตาแตก เป็นเอามากเหมือนกันนะเนี่ย!!

“เห้ย ทำอะไรกันอ่ะ” ไอ้พี่น้ำเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี

“คนรักกันเค้าก็กอดกันเป็นเรื่องปกติ” เจอหน้ามันก็อดที่จะกวนตีนมันไม่ได้

“หมายความว่าไงน้องปูน แล้วร้องไห้ทำไม” ไอ้พี่น้ำตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียด พอๆกับไอ้ดินที่เดินตามเข้ามา

“ปูนแค่ซึ้ง”ไอ้ปูนใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ  แม่งมันเหมาะกับคำว่าน่ารักจริงๆนั้นแหละ ขนาดร้องไห้ยังน่ารักอ่ะ ไอ้พี่น้ำมึงได้หลงไอ้ปูนหัวปักหัวปำแน่!!

“เรื่องอะไร”

“ความลับครับ!!” เอ้ามึงก็เสือกไปกวนตีนมันอีก

“แล้วคนรักกันคืออะไร” เหมือนจะโวยวายแต่ก็ไม่กล้า  มึงเตรียมไปอยู่ชมรมคนกลัวเมียได้เลย!!

“ก็ปูนกับไอ้พู่เป็นเพื่อนรักกัน พี่น้ำลืมไปแล้วเหรอ”

“ไม่รู้แหละพี่หึง!!” พูดออกมาได้ไม่อายปาก

“โธ่ ไอ้พู่มันก็มีแฟนแล้วนะครับยืนอยู่ข้างหลังพี่ทนโท่”

“เห้ย มึงรู้ได้ไง” ผมว่าผมยังไม่ได้บอกใครนะ ทำไมคนรอบข้างรู้เรื่องกันหมดแล้ววะ

“พี่น้ำบอก”

“แล้วมึงรู้ได้ไงไอ้พี่น้ำ”

“น้องเขยกูบอก เค้ารู้กันหมดทั้งบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว”

“ไอ้ดิน!!” ที่คุยกันตอนเช้าคือไร มึงโร่บอกเค้าไปทั่ว

“…” ไม่ตอบ ทำหน้าตายใส่กูอิ๊ก!!

“ไปกินเค้กกันน้องปูน ปล่อยให้คู่รักข้าวใหม่ปลามันได้สวีทกันเหอะ” ตบให้คว่ำนะสิไม่ว่า!!

“เดี๋ยว พี่ชายวันนี้ไปนอนบ้านเล็กด้วยนะครับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“อย่ามาสั่ง กูพี่มึงนะ”

“แต่ไอ้ปูนเพื่อนรักกูนะ” แล้วมันก็หันหน้าไปมองไอ้ปูน มันคงเริ่มเข้าใจแล้วว่าเมื่อกี้ผมกับไอ้ปูนคุยเรื่องอะไรกัน

“โอเคครับน้องชาย” ฮ่าๆๆ กูอยู่เหนือมึงก็คราวนี่แหละ

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” แล้วไอ้ดินก็ถามขึ้นหลังจากที่ห้องเหลือแค่เราสองคน

“สองคนนั้นมีซัมติงอย่างที่กูคิดไว้จริงๆด้วยวะ ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้พี่น้ำจะมาสยบให้คนอย่างไอ้ปูน”

“ช่างเรื่องคนอื่นเค้าเถอะน่า มานอนได้แล้ว” อาราย สกิลการเผือกของมึงนี่ต่ำจริงๆ

“ใครป่วยก็นอนไปสิ”

“พู่กัน..อยากกอดมานอนด้วยกันหน่อย จะได้หายเร็วๆไง” กูเกลียดน้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้ที่สุด ขอซื้อทิ้งได้มะ

“เกี่ยวกันมั้ย” ปากก็พูดไปงั้นแหละแต่ก็ยอมล้มตัวลงนอนข้างๆมันอยู่ดี

“เกี่ยวที่สุด” แล้วมันก็กอดผมเอาไว้แน่น..กูหายใจบ่ออก!!

“ไม่กลัวว่ากูจะติดไข้มึงบ้างเหรอ”

“ถ้าติดคงติดตั้งแต่จูบกันเมื่อคืนแล้วล่ะ” แล้วหน้าก็แดงขึ้นมาดื้อๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ฮือ

“ไอ้บ้า หยุดพูดเลย”

“พิสูจน์อีกทีมั้ย”

“หยุด!!พ่อกับแม่อยู่บ้านมะ เกรงใจหน่อย”

“ขอโทษ กลับบ้านเล็กค่อยว่ากันเน๊อะ” นี่หรือคนป่วย!!พูดออกมาได้หน้าระรื่น

“ไม่รู้..นอนได้แล้วพูดมากจัง” ลึกๆก็ยอมมันนั่นแหละ..เพราะผมก็ชอบรสจูบของมันเหมือนกัน!! แรดจริงๆเลยกู!!

     

 ต่อด้านล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2018 14:57:36 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
     ในที่สุดยาก็ออกฤทธิ์ให้คนป่วยมันเงียบปากสักที ผมเลยค่อยๆลุกออกจากเตียงไม่ได้ไปไหนไกลหรอก นั่งอ่านหนังสือในห้องนี่แหละดีนะที่หยิบหนังสือติดมือมาด้วย..คณะผมเรียนหนักครับ เวลาว่างแบ่งเอาไปไร้สาระได้นิดหน่อยส่วนที่เหลือก็ต้องเอามาอ่านหนังสือ ช่วงนี้ยิ่งใกล้สอบแล้วด้วยช่วงเวลาของการอ่านหนังสือแบบมาราธอนก็เริ่มใกล้เข้ามาแล้วววว!!

“ก๊อกๆ” ใครเอ่ยมาเคาะประตู คนที่มีมารยาทเคาะประตูก็มีแค่พ่อกับแม่ ตัดไอ้พี่น้ำออกไปได้เลยรายนั้นเรียกได้ว่าต่ำตม!!

“เชิญครับ”

“กินข้าวจ๊ะ ปลุกดินได้แล้วลูก”

“ครับ”

“ขนาดนอนหลับยังหล่อ ลูกเขยแม่เนี่ย” แล้วไอ้ดินก็ได้ติ่งแฟนคลับไปอีกหนึ่ง รุ่นเดอะซะด้วย!!

“ทำไมต้องลูกเขย ลูกสะใภ้ไม่ได้เหรอแม่”

“ส่องกระจกจ๊ะ ดูสิหน้าเหมือนแม่อย่างกะฝาแฝดสวยหยดซะขนาดนี้” ใช่แล้วครับ แม่ผมสวยจริงๆไม่รู้ควรจะดีใจหรือเสียใจที่เกิดมาหน้าเมือนแม่เป๊ะขนาดนี้..

“ถ้าไอ้ดินเป็นลูกเขยมันเหมือนหนูเป็นผู้หญิงยังไงก็ไม่รู้อ่ะ” ยังไงผมก็ผู้ชายนะ

“งั้นเอาแบบนี้ แม่มีลูกชายเพิ่มมาอีกคนละกันเนาะ”

“คร้าบ อาจจะเป็นสองคนก็ได้นะ”

“หืม?!”

“สังเกตุตอนเรากินข้าวนะแม่”

“พี่น้ำกับหนูปูนเหรอ” แล้วแม่ก็ปิดปากด้วยความตกใจ

“ไม่แน่..”

“เหมือนแม่จะได้ลูกสะใภ้เลยเน๊อะ ตื่นเต้นจัง”

“แม่ครับ หนูถามจริงๆนะแม่ไม่เสียใจเหรอที่จะไม่มีหลาน”

“ไม่จ๊ะ คนเรามันบังคับจิตใจกันไม่ได้นิ อีกอย่างเรื่องหลานมันก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึงจะรีบคิดไปทำไม ใช่มั้ย” บ้านผมแม่งโคตรชิวว่ามั้ย!! แต่ก็โคตรดีอ่ะ

“แม่..”แล้วผมก็โผกอดแม่ รู้สึกซึ้งใจและดีใจจนบอกไม่ถูก

“ปะไปกินข้าว ปลุกหนูดินได้แล้ว อ้าวตื่นแล้วเหรอลูก” ไม่รู้ไอ้ดินตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ มันกำลังนั่งมองผมกับแม่กอดกันอยู่ด้วยใบหน้าซาบซึ้ง

“แม่ครับ ผมขออนุญาตกอดแม่หน่อยได้มั้ยครับ” จู่ๆมันก็พูดขึ้น แม่ไม่ว่าอะไรแต่อ้าแขนกว้างรอรับอ้อมกอดของไอ้ดิน

“ขอบคุณนะครับ ที่ไม่กีดกัดพวกเราผมดีใจมากจริงๆ และสัญญาจะดูแลลูกชายแม่อย่างดีที่สุดครับ”

“จ้า เกิดวันข้างหน้าทะเลาะกันหรือไม่เข้าใจอะไรก็ให้นึกถึงวันนี้นะลูก จะได้รักกันนานๆ” ผมมองไอ้ดินกับแม่แล้วอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม

“ครับคุณแม่”

“แล้วบ้านหนูละลูกเค้ารู้เรื่องรึยัง ให้แม่ช่วยพูดให้มั้ย” นั้นน่ะสินะ ลืมคิดถึงบ้านไอ้ดินไปเลย

“ทางบ้านทราบตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มจีบพู่แล้วละครับ พ่อกับแม่ท่านก็ยินดีถ้าผมจะคบกับพู่”

“อย่าบอกนะว่าตอนที่ไปบ้านมึง แม่มึงก็รู้” มิน่าสายตาของแม่ไอ้ดินถึงได้กรุ้มกริ่มเวลาที่มองผม

“ดีจัง แฮปปี้ ปะไปกินข้าวกันลูกแล้วจะได้กินยาเนอะ”

“ครับ”

ผมกับไอ้ดินต่างก็หันมายิ้มให้กัน มันเป็นรอยยิ้มที่ทั้งโล่งใจและดีใจ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นแต่นี่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเรา..

       แกงฮังเล น้ำพริกอ่อง หมูทอด ของโปรดของผมทั้งนั้น เพิ่มซุปไก่ของไอ้ดินมาอีกอย่างวันนี้ต้องอิ่มมากแน่ๆ

“มาๆ กินข้าวกันลูก” พ่อที่นั่งหัวโต๊ะชวนพวกเราให้มานั่งกินข้าว

“อ่ะนี่จ๊ะซุปไก่ ของหนูดินโดยเฉพาะ” แล้วแม่ก็เลื่อนชามซุปไก่มาตรงหน้าไอ้ดิน

“ขอบคุณครับ”

“ทานเยอะๆนะ หนูปูนด้วยนะลูก”

“ครับแม่ดา” ไอ้ปูนยิ้มจนตาหยี

“น้องปูนชอบสามชั้นใช่มั้ยเดี๋ยวพี่ตักให้นะ” แล้วไอ้พี่น้ำก็เลือกตักแต่หมูสามชั้นที่อยู่ในแกงฮังเลให้ไอ้ปูนจนเต็มจาน มึงได้อ้วนแน่ๆงานนี้ไอ้ปูน  ผมหันไปสบตากับแม่แกก็ขยิบตาให้เป็นอันรู้กันว่าแม่ได้ลูกชายเพิ่มมาอีกคนแน่ๆ

“มากินข้าวกับพ่อกับแม่บ่อยๆนะลูก พ่อเบื่อพี่น้ำมันละ” พ่อผมชอบหยอก แต่จะหยอกแบบหน้าตาย บางทีก็ชอบเล่นมุกแป๊ก แต่ก็ต้องขำ ขำให้กับวามพยายามของแก..

“โธ่ พ่อ”
“ดินอยู่หอกับเพื่อนหรืออยู่คนเดียวล่ะลูก” พ่อไม่สนใจไอ้พี่น้ำหันมาถามไอ้ดินต่อ

“อยู่คนเดียวครับ”

“ย้ายมาอยู่กับพู่ที่บ้านเล็กสิ จะได้ช่วยดูแลกัน เพราะพี่น้ำก็ไม่ค่อยจะยู่บ้านเล็กเท่าไหร่ เป็นห่วงเหมือนกันเวลาที่พู่มันอยู่บ้านคนเดียว” อะไรของพ่อเนี่ย!!! ใจดีไปรึป่าววววว

“พ่อ หนูผู้ชายนะไม่ต้องห่วง”

“อยู่ด้วยกันก็ดีกว่าอยู่คนเดียวนะ แม่เห็นด้วยกับพ่อ” แล้วแม่ก็เสริมอีกหนึ่งเสียง  อาไรวะ

“ย้ายพรุ่งนี้เลยนะ”   รีบไปไหนเนี่ย!!

“พ่อ เจ้าตัวเค้ายังไม่ตอบตก..” พูดยังไม่ทันจบประโยค ไอ้ดินก็ตอบรับทันควัน

“ผมตกลงครับ” น่าระรื่นเชียวนะมึง

“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปช่วยขนของ จะบอกพวกไอ้หมีให้ไปช่วยด้วย” มีน้ำใจขึ้นมาเลยนะไอ้ปูน กูเกลียดรอยยิ้มของมึงจริงๆ

สุดท้ายก็ได้สมาชิกใหม่แห่งบ้านทรายของมาอีกหนึ่ง ให้ตาย!!ใครจะไปคิดว่าพาไอ้ดินมาบ้านใหญ่แล้วพ่อกับแม่จะปลื้มมันได้ขนาดนี้  บ้านเล็กมีก็แค่สองห้องคงต้องนอนห้องเดียวกันสินะ..รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาวาบๆ!!


“ตื่นเต้นจังที่จะได้อยู่บ้านเดียวกันกับมึง มันเป็นความฝันกูเลยนะ!!” ไอ้ดินพูดขึ้นทันทีที่เราขึ้นรถ

“...” ฝันร้ายละสิไม่ว่า

“มึงไม่ดีใจเหรอ”

“ก็ดี” อยู่ๆก็เริ่มกลัว กับสิ่งที่คิดว่ายังไงก็ต้องเกิดขึ้นแน่ๆสักวัน เพราะกูต้องโดนมึงจับกดไง ฮือ..

“ทำไมทำหน้าแบนั้นละ”

“ไม่มีไร”

“งั้นคืนนี้นอนด้วยได้มั้ย จะได้ปรับตัวเวลาที่ต้องมาอยู่จริงๆ” แถๆๆๆ

“กูต้องอ่านหนังสือ ต้องการสมาธิ”

“กูจะไม่กวนแม้แต่นิดเดียวเลย กูก็จะอ่านหนังสือเหมือนกัน”

“...”

“นะครับ”

“เออๆ งั้นกลับหอมึงไปเอาของก่อนใช่มั้ย”

“ครับ แฟนใจดีจัง”

“พรุ่งนี้เรียนกี่โมง”

“เช้า”

“งั้นมึงขับรถตามมาบ้านกูละกัน ตอนเช้าจะได้ไม่วุ่น”

“ใช้รถมึงได้มะ กูไปส่งมึงก่อนแล้วเดี๋ยวตอนเย็นไปรับ”

“กูเลิกช้า มีทำแลปไม่รู้จะเลิกกี่โมง”

“มึงเลิกแล้วก็โทรบอกกูไง”

“ตามใจ” เถียงเผด็จการอย่างมันไปก็เท่านั้น

“กูรอที่รถนะ” ผมบอกเมื่อรถมาจอดอยู่ที่หน้าหอของมัน

“งั้นรอแปปนะ”

กำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นระหว่างรอไอ้ดินก็มีสายเข้า ‘ไอ้หมี’ ข่าวไปไวจริงๆนะ

“ฮัลโหลว่าไง”

“ได้ข่าวว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว แถมยังจะย้ายไปอยู่ด้วยกันอีก ซีวิตดีดี๊นะมึงอ่ะ” ดีกับผีน่ะสิ!!

“ใครบอกมึง”

“โดนบอกรักหน่อยเดียวแจ้นไปหาผู้ชายถึงห้องเลยนะมึง” ไม่ตอบกูอีกกก

“แล้วมึงรู้รึป่าวว่าผู้ชายที่มึงพูดถึงมันไข้ขึ้น ป่วยจะตายห่าอยู่ละเสือกลากสังขารไปเล่นดนตรี”

“ก็เพราะมึงไง ไอ้ควาย!!”

“จะโทรมาด่ากูใช่มะ”

“แสดงความยินดีต่างหาก”

“คราวหลังไม่ต้องขอบคุณ แค่นี้นะ”

“เดี๋ยวดิ จะรีบไปไหนกูยังแสดงวามยินดีไม่หมด”

“กูจะขับรถ”

“ไปไหนวะ” ถามมากจังวะ

“กลับบ้าน”

“ไปบ้านใหญ่มาเหรอ”
“ป่าว อยู่หอไอ้ดิน วันนี้มันจะไปนอนบ้านกู จบนะ ถามจู้จี้จุกจิกอยู่ได้ไอ้สัด!!”

“ฮ่าๆ ก็แค่นี้แหละที่กูอยากฟัง”  แล้วมันก็วางสายเฉยเลย ไม่รอให้ผมได้ด่ามันก่อน

“ไอ้สัด!!” โมโหโทรกลับไปหามันใหม่ แล้วพูดแต่คำเดียวแล้ววางสายทันที  ค่อยยังชั่ว..สบายใจละ

“คุยกะใครเหรอ” ไอ้ดินที่เดินมาพร้อมกระเป๋าเป้หนึ่งใบกับชุดนักศึกษาที่รีดแล้วถามขึ้น ทำไมสายตามันดีจังวะขนาดอยู่ในรถมืดก็มืดยังเสือกเห็นอีก

“เพื่อนรักมึงไง”

“ไอ้หมีเหรอ มันมีอะไรรึป่าว”

“โทรมาเสือกเฉยๆ มึงบอกมันอีกสินะ”

“กูไม่ได้บอก”

“แล้วใครบอก”

“พี่น้ำมั้ง”

“แล้วใครบอกไอ้พี่น้ำ”

“กู”

“ไอ้พี่น้ำรู้คนทั้งโลกก็คงรู้”

“ทำไม อายเหรอที่คนกับกู” จู่ๆก็เปลี่ยนน้ำเสียง

“ไม่ได้อาย  เออๆช่างเหอะ” ไม่อยากทะเลาะไหนๆก็รู้กันหมดแล้วมันก็ช่วยไม่ได้


“ชบาเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ ดีใจมั้ย”ถึงบ้านแล้วมันก็รีบลงจากรถไปหาแมวทันที

“ไม่ดีใจ” กูตอบแทนชบาให้ละกัน

“ว้า น่าน้อยใจจัง”

“ไปอาบน้ำได้ละเวิ้นเว้อนะมึงอ่ะ”

ระหว่างที่ไอ้ดินอาบน้ำ ผมก็อ่านหนังสือรอที่จะอาบต่อเวลาช่วงใกล้สอบช่างมีค่าเหลือคณานับ ไม่ถึง15นาทีไอ้ดินก็ออกมาจากห้องน้ำ ทั้งร่างห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวตัวไปเต็มไปด้วยหยดน้ำ ผมที่ยังเช็ดไม่แห้งมีน้ำค่อยๆหยดลงมา ทุกอย่างที่อยู่บนสารร่างมันช่างดูเซ็กซี่ผมเผลอมองจนตาค้าง

“ดอกไม้งับปากหน่อย แมลงวันบินเข้าไปเป็นฝูงละ” ผมรีบงับปากทันที แม่งลืมตัวทุกที

“เวอร์”

“ไปน้ำสิ”

“กำลังจะไปนี่ไง” จู่ๆก็เริ่มทำตัวไม่ถูก


“ไม่มีกำลังใจอ่านหนังสือเลย” มันพูดหลังจากที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเสร็จสรรพ ไม่เปลี่ยนข้างนอกหรอกมันล่อแหลมเดินไป!!

“อะไรของมึง”

“ขอหนึ่งจูบจะเป็นกำลังใจที่ดีมากกกก”

“ไม่เอา อย่ามาอ้างอ่านๆไป” แล้วมันก็เอาคางมาเกยบนบ่าผม ขณะที่ผมกำลังยืนทาครีมที่หน้ากระจกตรงตู้เสื้อผ้า

“อืมหอมจัง กลิ่นของมึงมันคือกลิ่นนี่นี้เอง”

“ชอบก็เอาไปทาสิ” ผมยื่นโลชั่นทาผิวที่ไอ้ดินมันบอกว่าหอมให้มันทา

“ไม่ทา กูชอบที่กลิ่นมันติดผิวมึงต่างหาก ขอดมที่ตัวมึงนะ” พูดจบก็ซุกหน้ามาที่ซอกคอ ขนลุกขนชันขึ้นทันที

“อื่อ ไอ้ดินหยุดจะอ่านหนังสือแล้ว”

“ขอห้านาที แล้วจะไม่กวนอีกเลย”

“ขะ ขอไปทำไม”

แล้วมันก็ดันตัวผมไปติดกับตู้เสื้อผ้า ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาอย่างจาบจ้วงเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน

“อื่อ ไอ้ดินใจเย็น” ผมได้แต่ดันตัวมันออก แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่ร่อยหรอไปกับรสจูบแรงเลยเท่ากับแรงมดไอ้ดินไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เลยจำยอมให้มันจูบจนหนำใจ..กูเกือบตาย!!

“หลังสอบเสร็จมึงไม่รอดแน่..ตั้งใจอ่านหนังสือนะดอกไม้” แล้วมันก็คว้าหนังสือของมันที่วางอยู่บนโต๊ะเดินออกไปข้างนอกทันที ปล่อยให้ผมยืนอึ้งแดกกับคำว่าไม่รอดของมัน!!

ไอ้ห่า!!มึงเล่นพูดมาแบบนี้ กูจะเอาอะไรไปตั้งใจวะ ‘คำว่ามึงไม่รอดแน่’ ดังก้องอยู่ในหัวไม่ยอมหยุด!!

...ถ้ามันย้ายเข้ามาอยู่ด้วยจริงๆ กูคงไม่รอดแน่ๆ กูต้องเตรียมพร้อมยังไงวะ...

                         ใครก็ได้ช่วยผมที  help me please!!!
 




   TBC.



........................................................................................
 
 มีบ้านไหนชิวไปกว่าบ้านของพู่อีกมั้ยน้อ^^

 จู่ๆก็จะได้มาอยู่บ้านเดียวกันเฉยเลย!!จะเกิดอะไรขึ้นบ้างน๊าแล้วพู่กันจะรอดมั้ยน้อ..
 
 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ จุฟ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2018 14:59:17 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

   
            อยู่บ้านเดียวกันพู่กันเสร็จดินแน่ๆ   :-[ :-[


ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


บทที่13 แผ่นดินกับดอกทานตะวัน




       กว่าจะสลัดคำว่า ‘มึงไม่รอดแน่’ ที่ไอ้ดินพูดทิ้งไว้ก่อนออกจากห้องก็ใช้เวลาอยู่นานโขกว่าสติและสมาธิจะกลับมาอ่านหนังสือได้ ผมอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ไอ้ดินเพิ่งหายไข้นอนดึกคงไม่ดี คิดได้ดังนั้นจึงเดินออกไปตามให้มันเข้ามานอน

“หิวเหรอ” ไอ้ดินเงยหน้าจากหนังสือเมื่อเห็นผมเปิดประตูห้อง
 
“ป่าวจะมาตามมึงให้ไปนอน มึงยังไม่หายดี นอนได้แล้ว”

“มึงง่วงแล้วเหรอ” แหนะไม่ตอบ แต่ถามกลับน่าตบจริงๆ

“ยังอ่ะ จะอ่านต่ออีกสักพัก”

“งั้นกูก็ยังไม่นอน จะนอนพร้อมมึง”

“ไอ้ดิน!!”

“โอเคๆ นอนก็ได้คร้าบ”

“ยาก่อนนอนก็อย่าลืมกินล่ะ”

“ครับแม่” ผมรีบค้อนขวับ..คนอุตส่าห์เป็นห่วงตบคว่ำเลยดีมะ

“กูออกไปอ่านข้างนอกนะ เปิดไฟเดี๋ยวมึงนอนไม่หลับ” ผมพูดพร้อมกับหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในขณะที่ไอ้ดินกำลังล้มตัวลงนอน

“ไม่เอา กูนอนได้ มึงอ่านในห้องนี่แหละ” ไม่พูดเปล่าไอ้ดินเอื้อมมือมาจับแขนผมไว้พร้อมกับสายตาออดอ้อน ตั้งแต่คบกันไอ้ดินมีความอ้อนเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว มันก็ดีอยู่นะที่มันอ้อนแบบนี้ แต่มันไม่ดีต่อหัวใจผมเท่าไหร่!! มันทำงานหนักเกินไป
ไม่ชินสักทีถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็ตาม!!

สุดท้ายเลยจำยอมนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิม อ่านไปสักพักก็เริ่มรู้สึกไม่มีสมาธิ ก็จะให้มีได้ไงล่ะ ก็ไอ้ดินเล่นนอนจ้องผมด้วยสายตาวาววับอยู่แบบนี้

“จะจ้องกูอีกนานมั้ย”

“หน้าตอนมึงตั้งใจ น่ารักจัง”

“เฮ้อ!! ถ้าไม่เลิกจ้องกูออกไปอ่านข้างนอกนะ”

“โอเคครับๆ ไม่จ้องแล้ว” พูดเสร็จมันก็พลิกตัวหันหลังให้ผม

ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่นานก็ได้ยินเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ยาออกฤทธิ์ช่วยให้ผมได้อ่านหนังสือสักที..


ผมเข้านอนตอนตีสอง ล้มตัวลงนอนช้าๆข้างไอ้ดินพร้อมกับกอดมันไว้หลวมๆเหมือนคนโดนกอดจะรู้สึกตัวไอ้ดินพลิกตัวกลับมาแล้วกอดผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแทน

“ฝันดี..ดอกไม้” ไอ้ดินกระซิบบอกเบาๆ ก่อนจะจูบที่หน้าผากผมอย่างอ่อนโยนพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดกลับซุกตัวนอนหลับตาพริ้มในอ้อมกอดที่อบอุ่นของไอ้ดิน..รู้สึกว่าคืนนี้ต้องนอนหลับฝันดี..

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่สดใส เมื่อคืนผมนอนฝันดีด้วยจริงๆสิ
หยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา เก้าโมง ว่าแต่ไอ้ดินไปไหน?

เดินออกจากห้องนอน ภาพที่เห็นคือไอ้ดินใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตาโดยมีเจ้าเหมียวสามตัวคลอเคลียอยู่ที่ขา
ผมอดยิ้มกับภาพที่เห็นไม่ได้ นี่สิพ่อบ้านในแบบที่มันอยากเป็น

“ทำอะไรครับคุณพ่อบ้าน” ผมอดไม่ได้ที่จะแซวมัน

“ตื่นแล้วเหรอ มานั่งนี่สิ” ไอ้ดินหันมาบอกผมด้วยรอยยิ้มละมุน  ให้ตาย!!ไม่ชินสักที รอยยิ้มของมันมีผลต่อการเต้นของหัวใจผมจริงๆ

“ข้าวต้มกุ้ง กับกาแฟ” เห็นกุ้งสีส้มตัวงอในชามข้าวต้มก็นึกถึงไอ้พี่น้ำ 'ตัวแดกกุ้ง' ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของมันกับไอ้ปูนคืบหน้าไปถึงไหนละ  หลังสอบเสร็จต้องจับเข่าคุยกับไอ้ปูนสักหน่อย!!

“มึงไปซื้อกุ้งมาตอนไหนวะ” ผมจำได้ว่าในตู้เย็นไม่มีกุ้ง

“กูไปตลาดมาตอนเช้า” สมกับเป็นพ่อบ้านตัวจริงกระทิงแดง!!

“เดี๋ยวตอนบ่ายกูจะให้พวกไอ้หมีช่วยขนของที่หอกูมาบ้านมึงนะ”

“ไอ้ดิน”

“ว่าไง”

“กูว่ามึงย้ายเข้ามาหลังสอบเสร็จดีมั้ย”

“ทำไม มึงไม่อยากอยู่กับกู?” สีหน้ามันดูผิดหวัง

“ไม่ใช่ คือช่วงสอบกูต้องการสมาธิ”

“...” จะบอกมันยังไงดีวะ ว่าตอนอยู่กับมันผมมักจะเกร็ง และยังตื่นเต้นกับสัมผัสของมันอยู่ ยิ่งอยู่ด้วยกันมันยิ่งชอบฉวยโอกาสกับผมอยู่เรื่อยสมาธิของผมก็ยิ่งเตลิดไปไกล

“คือ..”

“เข้าใจแล้ว” อ้าว แล้วทำไมสีหน้ากับน้ำเสียงมันถึงเรียบเฉยแบบนี้ล่ะ แล้วทำไมกูต้องรู้สึกผิดด้วยวะ!!

“ไอ้ดิน”

“กินก่อนเหอะ เดี๋ยวข้าวจะหายร้อน”

เราต่างนั่งกินข้าวไปเงียบ ไอ้ดินก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรแต่มันทำให้ผมอึดอัด..

“ก็ได้ ตอนบ่ายไปขนของกัน” แล้วผมก็เป็นฝ่ายพูดก่อน ไม่ชอบเห็นสีหน้าเรียบเฉยของมันเลยเห็นแล้วใจไม่ดี

“ไม่เป็นไร รอหลังสอบเสร็จก็ได้กูเข้าใจมึง” เข้าใจแล้วทำไม มึงต้องงอนก็ด้วยวะหน้าจะนิ่งไปไหนนึกว่าเป็นแฟนกันแล้วกูจะไม่ได้เห็นโหมดนี่แล้วซะอีก

“เข้าใจว่าอะไร”

“มึงต้องการสมาธิไม่อยากให้กูรบกวน”

“เฮ้อ กูอยากอยู่กับมึงนะดิน แต่กูกลัว”

“กลัวอะไร”

“กลัว..ช่างเหอะ เอาเป็นว่าถ้ามึงอยากจะย้ายมาวันนี้กูก็ไม่ขัด”

“กลัวอะไรบอกมา คุยกันให้เข้าใจ” สัด มันพูดง่ายซะที่ไหนล่ะกูก็หน้าบางเหมือนกัน

“...”

“พู่กัน”

“กูกลัวมึงจะจับกดกู!! พอใจรึยัง” ในที่สุดผมก็โพล่งออกไป แมร่ง!!

“ฮ่าๆ โธ่ดอกไม่ กูบอกแล้วไงว่าหลังสอบเสร็จ!!”

“จะจูบจะหอมก็ไม่ได้ มันทำให้สมาธิกูหาย กว่าจะเรียกกลับมาได้เสียเวลาอ่านหนังสือกูหมด” ผมก้มหน้างุด อธิบายด้วยเสียงเบา

“ขอโทษ เอาเป็นว่ากูเข้าใจแล้วกูจะไม่รุ่มร่ามกับมึงแต่ให้กูย้ายมาวันนี้เถอะนะ ถ้ากูไม่ได้ย้ายมาวันนี้กูก็คงไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเหมือนกัน”

“...” น้ำเสียงจริงจังแต่แววตากับอ่อนโยน ทำให้ผมไม่สามารถปฎิเสธได้เลย

“ตามใจมึง แต่สัญญาแล้วนะว่าจะไม่รุ่มร่ามกับกู”

“สัญญา” แล้วไอ้ดินก็ยื่นนิ้วมาเกี่ยวก้อยสัญญากับผม พร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ..กูจะเชื่อใจมึง

     

      แก้วกาแฟเซรามิคสองใบ ใบนึงเป็นแก้วสีขาวเพ้นท์รูปแมวสีดำ ส่วนอีกใบนึงเป็นแก้วสีดำเพ้นท์รูปแมวสีขาว..แก้วคู่!!  กับรองเท้าสลิปเปอร์ใส่ในบ้านสองคู่ คู่นึงสีขาวส่วนอีกคู่สีดำที่สกรีนเป็นรูปหนวดแมว..เกิบคู่!! 
งานคู่ก็มา..มาจากไหนล่ะ?ก็มาจากเพื่อนผู้น่ารักน่าตบที่นั่งหน้าสลอนอยู่ในบ้านผมตอนนี้ไง หลังจากที่ไปช่วยขนของจากหอไอ้ดินมาที่บ้านผม ซึ่งของก็มีเยอะมาก(ประชด)ผมกับมันช่วยกันย้ายแค่สองคนก็ได้ ไม่รู้จะเรียกพวกนี้มาเป็นสักขีพยานทำไม

“ของอภินันทนาการจากกูใช้ดีๆนะเว้ย อย่าให้แตกกูซื้อมาแพง” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับหยิบแก้วคู่ที่มันซื้อมาดูอย่างภาคภูมิใจ

“ใครซื้อพูดให้มันดีๆมึงออกเงินแค่ร้อยเดียว อีกสี่ร้อยกูออก” ไอ้นพพูดพร้อมกับทำหน้าเอือมใส่ไอ้สมใจ

“เอาน่าๆ เหมือนกันนั้นแหละ กูบอกให้มึงซื้อแก้วพลาสติกมึงก็ไม่ยอมซื้อเอง ถูกก็ถูก ไม่แตกง่ายๆด้วย”

“มันไม่ชิค!!”

“เออ งั้นมึงออกสี่ร้อยก็ถูกแล้วซื้อความชิคของมึงไง” ไอ้สมใจพูดพร้อมกับตบบ่าไอ้นพ สงสารไอ้นพมันจริงๆที่มีเพื่อนอย่างไอ้สมใจ มึนได้มึนดี..เออกูก็เพื่อนมันด้วยนี่หว่า!!

“รองเท้ามึงใส่สีดำนะ ให้ไอ้ดินใส่สีขาว” ไอ้ปูนกำชับบอกผม

“ทำไมกูต้องใส่สีดำ?”  ผมถามกลับอย่างสงสัย

"ก็สีดำมันคือตัวแทนของไอ้ดินไง ส่วนมึงก็สีขาว มึงใส่สีดำน่ะถูกแล้ว" ตรรกะไรของมึงว่ะ ไอ้ปูน

“ส่วนนี่ของกู” ไอ้หมีพูดพร้อมกับยัดกล่องอะไรสักอย่างลงมาในกระเป๋ากางเกงของผม ผมเลยล้วงขึ้นมาดู..
ไอ้สัด!! ถุงยาง กลิ่นสตอเบอรรี่ซะด้วย!!

“โทษๆ กูให้ผิดคนมึงได้ใช้ก็จริงแต่มึงไม่ใช่คนใส่” แล้วมันก็คว้ากล่องถุงยางที่อยู่ในมือผมยื่นให้ไอ้ดินแทน ไอ้ดินก็ยื่นมือไปรับหน้าตาเฉย!!

“ทดลองใช้คืนนี้เลยนะมึง” ไอ้สมใจกระชิบกระซาบบอกไอ้ดิน

“ไม่ได้ สัญญาไว้แล้วว่าหลังสอบเสร็จ” ไอ้ดินตอบหน้านิ่ง

“ไอ้ดิน!!” มึงจะป่าวประกาศเพื่อ!!

“กลับได้แล้วพวกมึงอ่ะ” ผมรีบไล่ไอ้พวกนี้กลับทันที ยิ่งอยู่ผมก็ยิ่งเหมือนเป็นเป้านิ่งให้พวกมันได้เทะโลม

“พอพวกกูหมดประโยชน์ก็เฉดหัวทิ้งเลยนะมึง” ไม่ทันที่จะได้เถียงกับไอ้หมีต่อ เสียงไอ้พี่น้ำก็ดังขึ้นมาขัดซะก่อน


“มาแล้วๆ” เสียงไอ้พี่น้ำตะโกนมาแต่ไกล มันเดินเข้ามาพร้อมกับถุงหิ้วพะรุงพะรัง

“ผมช่วยครับ” ไอ้ปูนรีบรับถุงจากไอ้พี่น้ำมาช่วยถือ

“ขอบคุณครับ” รอยยิ้มละมุนนี้คือรัย? หมั่นไส้!!

“คู่นี้แปลกๆ มึงว่ามั้ย” แล้วไอ้หมีหันมากระชิบกับผม จะว่าไปตั้งแต่ไปกินชาบูครั้งก่อนว่าจะคุยเรื่องนี้กับไอ้หมีก็ยังไม่คุยสักที

“มึงว่าไงถ้าสองคนนี้มันจะคบกัน”

“เห้ย!! แล้วแฟนมันที่ญี่ปุ่นล่ะ” ไอ้หมีเริ่มลดเสียงลงทันทีแล้วกระซิบถามผมเสียงเบา

“เลิกกันแล้ว”

“เห้ย!! กูงง แล้วมันกับพี่น้ำอะไรยังไงเมื่อไหร่วะ”

“กูก็งงพอๆกับมึงนั้นแหละ” ผมหยุดคุยเมื่อเห็นทุกคนที่เข้าไปช่วยไอ้พี่น้ำในครัวเดินออกมา

“ไม่ช่วยกันเลยนะมึง กะรอแดกอย่างเดียวรึไง” ไอ้สมใจบ่นไม่จริงจังนักพร้อมกับวางจานส้มตำลงบนโต๊ะ

“เออ ก็กูสายแดกไหนมีไรให้แดกบ้าง” ไอ้หมีรีบปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว แต่สีหน้ามันก็มีความสงสัยอยู่เมื่อมันมองไปที่ไอ้ปูนกับไอ้พี่น้ำ

“มื้อนี้กูเลี้ยงเอง ต้อนรับน้องเขยเข้าบ้าน” ปาร์ตี้อาหารอีสาน อีกแระ..

“นี่ของมึงโดยเฉพาะ ตำไทยใส่พริกสองเม็ด” แล้วไอ้พี่น้ำก็เลื่อนจานส้มตำมาที่ผม..กูควรซึ้งมั้ย?

“ส่วนนี่ของน้องปูน ไก่ย่างเดี๋ยวพี่ฉีกให้นะครับ”

“...” เหมือนทุกคนยกเว้นไอ้ปูนจะอึ้งกับเสียงสองของไอ้พี่น้ำที่คุยกับไอ้ปูน ส่วนไอ้ปูนนะเหรอ..หน้าแดงยิ่งกว่าพริกในจานส้มตำซะอีก!! เหอะ..ออกหน้าออกตาเลยนะมึง

“กินๆ อึ้งแดกอะไรพวกมึง ไม่เคยเห็นคนจีบกันรึไง”

“เห้ย!!” ไอ้หมี ไอ้นพและไอ้สมใจต่างประสานเสียงพร้อมกัน

“อย่าเพิ่งถามอะไร แดกก่อนกูหิว” ไอ้พี่น้ำพูดพร้อมกับตักส้มตำใส่ปากคำโตก่อนจะฉีกไก่ย่างให้ไอ้ปูน

ทุกคนยกเว้นเจ้าของเรื่องกินข้าวด้วยความงงปนสงสัย มีเพียงแต่ไอ้ดินที่แดกได้หน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพราะสกิลการเผือกของมันติดลบยังไงล่ะ!! ผมควรจะดีใจรึป่าวที่มีแฟนไม่ขี้เผือก..


“ยังไงๆ เล่ามาไอ้ปูน” หลังจากปาร์ตี้อาหารอีสานจบลงไอ้หมีก็ดึงตัวไอ้ปูนมานั่งที่โซฟาเตรียมซักฟอกเต็มที่

“จริงเหรอว่ะที่พี่น้ำจีบมึง” ไอ้สมใจรีบซักทันควัน

“อื่อ”

“เมื่อไหร่ทำไมกูไม่รู้ มึงคิดจะมีความลับกับพวกกูเหรอ” ไอ้หมีโวยวายไม่จริงจังนัก

“ป่าว ไอ้พู่ก็รู้” ไอ้ห่า โยนมาที่กูเฉย

“อ้าว เนียนเลยนะมึงไหนบอก มึงก็งงเหมือนกูไง” ไอ้หมีหันมาโวยวายใส่ผมแทน

“กูก็เพิ่งรู้เมื่อวาน แต่มันไปสปาร์คกันตอนไหนอันนั้นกูก็ไม่รู้” อันที่จริงมันจะสปาร์คกันตอนไหนก็ไม่สำคัญหรอก  แค่อย่าปิดบังเราก็พอเมื่อถึงเวลาที่คบกัน

“งั้นเล่ามา”

“ก็ไม่มีอะไร พี่เค้ากำลังจีบกู”

“แล้ว?”

“อีกไม่นานกูก็คงให้คำตอบพี่เค้า”

“คำตอบดีหรอไม่มีวะ”

“คิดว่าดีนะ” ไอ้ปูนเอียงหน้าตอบแบบอายๆ เพราะมันน่ารักแบบนี้ไงไอ้พี่น้ำมึงได้หลงหัวปักหัวปำแน่

ผมเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับไอ้พี่น้ำพอดี ไม่รู้มันเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อย่างเดียวว่าตอนนี้มันยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งที่ได้ยินคำตอบของไอ้ปูน

“น้องปูนกลับกันเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง แวะกินไอติมก่อนแล้วค่อยอ่านหนังสือต่อดีมั้ย?”

“อ้าวพี่ พวกผมล่ะไปด้วยดิ”

“ไม่ได้โว้ย เขาจะสวีทกันสองคนมึงมาเกะกะป่าวๆ”

“ไรว้า ไม่รักน้องเลย” ไม่หมีแสร้งทำหน้าเศร้า

“ไม่รัก กูรักน้องปูนคนเดียว”

“ฮิ้ววววว” เสียงแซวประสานขึ้นทันทีพร้อมกับหน้าแดงๆของไอ้ปูน..หมั่นไส้คนมีความรัก

แล้วไอ้คนในความรักของผมมันหายหัวไปไหนวะ  อ่ออยู่นี่เอง ไอ้ดินกำลังล้างจานอยู่ในครัวทำหน้าที่พ่อบ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เดี๋ยวหลังสอบเสร็จผมจะมอบโล่พ่อบ้านดีเด่นให้เป็นรางวัล!!



      แล้วช่วงสอบก็มาถึง ผมอ่านหนังสือมามากพอก่อนสอบ ช่วงสอบจึงไม่ต้องอ่านจนหามรุ่งหามค่ำมากนัก แต่ก็เครียดกับมันพอสมควร การที่ไอ้ดินย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันก็ไม่ทำให้สมาธิผมเสียมากเท่าไหร่ เพราะมันก็ไม่ได้รุ่มร่ามกับผมตามที่มันสัญญาไว้ เพราะมันก็ต้องมีสมาธิกับการสอบเช่นกัน
แต่ความรู้สึกยังไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่ที่เห็นของใช้หลายอย่างจากที่มีอันเดียวกลายมาเป็นคู่อย่างแปรงสีฟันที่นอนโดดเดี่ยวเดียวดายในห้องน้ำตอนนี้ก็มีคู่มานอนเคียงข้างไม่อ้างว้างอีกต่อไป!! เวลาดื่มกาแฟในตอนเช้าก็จะมีความเขินหน่อยๆเพราะแก้วคู่สกรีนรูปแมวที่เพื่อนผู้น่ารักน่าาตบซื้อให้เป็นของขวัญ มันช่างจั๊กจี้ใจดีแท้เวลาที่ยกแก้วขึ้นมาดื่ม
แต่ความรักที่เรามีให้กันก็ยังเหมือนเดิม ผมก็ยังนอนในอ้อมกอดของมันทุกคืน ไอ้ดินจะตื่นก่อนผมเป็นประจำและเป็นคนปลุกผมเสมอ และทุกๆเช้าจะมีอาหารเช้าเตรียมไว้ มันคือการเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆแต่พอมันทำสม่ำเสมอมันก็ทำให้ผมซึ้งใจและสุขใจไม่น้อย..


“พู่ตื่นได้แล้ว” นี่ก็เป็นอีกเช้าหนึ่งที่ไอ้ดินปลุกผม

“อื่อ ขออีก5นาที”

“ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน”

“...” ไม่สน ขออีก5นาที เมื่อคืนเครียดกว่าจะขมตานอนได้ ไม่ใช่เครียดเพราะเรื่องสอบนะ เครียดเพราะว่าวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของผม ส่วนไอ้ดินสอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน  สอบเสร็จหมายความว่าไงนะเหรอ เหอะๆ อย่างที่ทุกๆคนรู้กันนั้นแหละครับ เหมือนกำลังนับถอยหลังรอวันโดนเชือดยังไงก็ไม่รู้!!

“ไม่ตื่น จูบนะ”

พรึ่บ รีบลุกด้วยความเร็ว ขู่แบบนี้คิดว่ากลัวเหรอ เออ กูกลัว!!


บนโต๊ะอาหารวันนี้รู้สึกว่าจะจัดเต็มกว่าทุกวันคงเพราะไอ้ดินสอบเสร็จแล้วเลยมีเวลาเตรียมมากกว่าทุกครั้ง

“กินเยอะๆ เดี๋ยวคืนนี้อาจจะได้ใช้แรงเยอะ”

“...” มือที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากถึงกับชะงัก สายตาตอนมันพูดก็กรุ้มกริ่มเหลือเกิน นิ้วจิ้มให้ตาบอดเลยดีมะ!!

“เอ้า รีบๆกินเดี๋ยวก็ไปสอบไม่ทันหรอก”

“กินไม่ลง ไปละแล้วมึงก็ไม่ต้องไปส่งวันนี้กูไปเอง”

“เดี๋ยว” ไอ้ดินรีบคว้าแขนผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะลุกออกจากโต๊ะ

“...”

“ขอโทษ กูแค่แซวเล่น กูไม่ทำอะไรมึงหรอกถ้ามึงไม่เต็มใจ กูก็ไม่อยากเห็นคนที่กูรักต้องฝืนใจเหมือนกัน” มันพูดพร้อมกับบีบมือผมเบาๆให้ผมมั่นใจในคำพูดของมัน

“นั่งลงแล้วกินข้าว แล้วเดี๋ยวกูไปส่งนะ” ผมเชื่อในคำพูดของมันเลยยอมนั่งลงกินข้าวแต่โดยดี


“ตั้งใจสอบนะ สอบเสร็จเดี๋ยวกูมารับ” ไอ้ดินบอกก่อนที่ผมจะลงจากรถ

“อืม สอบเสร็จแล้วจะโทรหา”

“สู้ๆ”แล้วมันก็โน้มหน้ามาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ ..มึงก็เป็นอีกกำลังใจนึงที่สำคัญสำหรับกูเหมือนกัน..


      ร้านโต๊ะกลม เวลาสามทุ่มคราคร่ำไปด้วยผู้คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่สอบเสร็จแล้ว ที่ออกมาฉลองหลังสอบเสร็จเพื่อปลดปล่อยความเครียด รวมถึงพวกผมที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบเบียร์ที่ไม่ได้ดื่มมานานตลอดช่วงสอบ (นานจริงหรา!!)

“พวกมึง ปิดเทอมไปเที่ยวทะเลกันมั้ย” ไอ้สมใจเริ่มเปิดประเด็น ยังไม่ทันที่จะได้ออกความเห็น ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมานั่งเบียดข้างๆไอ้ดิน

“น้องดิน” พี่แปมพี่สาวคัพอี เจ้าเก่าเจ้าเดิมจะใครล่ะ

แม่เจ้าโว้ย แหกกว่านี้มีอีกมั้ย สายเดี่ยวเสียวหลุดจริงๆ เสื้อสายเดี่ยวที่ผูกเป็นโบว์ที่ไหล่ทั้งสองข้างคอเสื้อก็เหว้าลึกแทบจะถึงสะดือ ถ้ากระตุกให้โบว์บนบ่านั้นหลุดไม่อยากจะคิดภาพเล้ย !!

ตัดภาพมาที่ไอ้หมีที่ตอนนี้มองพี่แปมจนน้ำลายแตกไม่เก็บอาการเลยสักนิด รวมถึงไอ้สมใจกับไอ้นพที่ตอนนี้เลือดกำเดาแทบพุ่ง ส่วนไอ้ปูนก็จองหน้าอกคู่นั้นด้วยความฉงน มึงคงกำลังวิเคราะห์สินะว่าแม่หรือหมอที่เป็นคนใหม่มา..

“หวัดดีครับ พี่แปม” หน้าของไอ้ดินนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ ส่วนผมนะเหรอรู้สึกหนังตามันกระตุกๆพิกล!!

“พี่ขอนั่งรอเพื่อนได้มั้ยคะ นัดเพื่อนไว้แต่ยังไม่มากันเลย” สายตาที่มองไอ้ดินแทบจะกลืนกิน ถ้ากินได้ไอ้ดินคงโดนแดกลงท้องไปนานละ

“เชิญครับ นั่งนานๆเลยก็ได้ครับ” ไอ้หมีตอบด้วยสายตาหื่นกระหาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูคงกระหายตามมึงแต่ตอนนี้บอกเลยว่า ไม่!! แถมยังหงุดหงิดใจอีกต่างหาก

“พี่แปมดื่มเบียร์ด้วยกันก่อนนะครับ” ไอ้สมใจยื่นแก้วเบียร์ให้กับพี่แปมด้วยท่าทางระริกระรี้

“ขอบใจจ๊ะ ว่าแต่น้องอีกสามคนพี่ยังไม่รู้จักเลย พี่ชื่อแปมนะคะเป็นรุ่นพี่ที่คณะของน้องดิน สมใจ และก็นพ”  เห็นหัวกูแล้วเหรอจ๊ะ นั่งตั้งนาน ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคล้องแขนไอ้ดินไว้ด้วย ไอ้นั่นก็นั่งหน้านิ่งมองมาที่ผมเหมือนให้ผมเห็นใจส่วนมือก็พยายามแกะมือที่เกาะแน่นเหมือนกับปิงของพี่แปมออกแต่ก็ไม่ยอมหลุดสักที

“ผมชื่อกู๊ดครับ ส่วนนี่พู่กัน แล้วก็ปูนครับ” ไอ้หมีเริ่มเสนอหน้าแนะนำตัวเองทันที ยังไม่ลืมกันใช่มั้ยครับว่าจริงๆแล้วมันชื่อกู๊ดไม่ได้ชื่อหมี

“น้องพู่กัน คนที่ดินเคยลงรูปในเฟสใช่ป่ะ มีแต่คนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกัน ดินของเราก็นี่หน้าตีจริงๆแกล้งเพื่อนแบบนี้ไม่น่ารักเลย” ดินของเรา!? คือไร? แล้วทำไมต้องซบไหล่มันด้วย

สถานการณ์แบบนี้ผมควรทำยังไง ตะโกนออกไปเลยมั้ยว่า ผมนี่แหละแฟนมัน!! แล้วทำไมไอ้ดินไม่ทำอะไรสักอย่างวะ น่าหงุดหงิดจริงๆ

ไม่ได้เข้าใจผิดกันหรอกครับ พู่กันเป็นแฟนผมจริงๆ!!” มันต้องอย่างนี้สิ หน้าที่งอง้ำของผมยิ้มออกมาในทันที ไอ้ดินลุกขึ้นยืนแล้วย้ายมานั่งข้างผม พร้อมกับจับมือผมแล้วประสานนิ้วเข้าด้วยกัน

“ฮ่าๆ น้องดินก็ เลิกอำได้แล้ว”

ไม่ได้อำครับ ผมเป็นแฟนดิน เราเป็นแฟนกันครับ” ด้วยอารมณ์หวงผมจึงต้องแสดงความเป็นเจ้าของ..ก็มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำนี่นา ไอ้ดินถึงกับยิ้มแก้มปริที่ผมแสดงตัวว่าเป็นแฟนมัน

“พวกมันเป็นแฟนกันจริงๆครับ แล้วตอนนี้ไอ้ดินก็ย้ายมาอยู่บ้านของไอ้พู่แล้วด้วย” ไอ้ปูนที่นั่งนิ่งมานาน ช่วยพูดยืนยันให้อีกคน ครอบครัวเดียวกันมันต้องช่วยกันแบบนี้สิ พี่สะใภ้กู!!

“ใช่ครับ ไอ้ดินตามจีบไอ้พู่ตั้งนานกว่าไอ้พู่จะตอบตกลง พวกผมก็ลุ้นแทบตาย” ไอ้หมีช่วยตอกย้ำความจริงเข้าไปอีก คือไอ้พวกนี้มันก็รู้ว่าผมอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้ จึงช่วยไขข้อกระจ่างให้พี่แปมและเป็นเชิงไล่กลายๆ

“หุ่นสะบึ้มไม่ใช่สเป๊กไอ้ดินมันหรอกพี่..” ไอ้สมใจพูดไม่ทันจบประโยคพี่แปมก็โพล่งขึ้นมาซะก่อน

“พอ!!  ฉันรู้แล้ว ผู้ชายกินกันเองเสียของชะมัด!!” พูดจบพี่แปมก็สะบัดตูดออกจากโต๊ะไปอย่างหัวเสีย


“ปล่อยมือได้แล้ว” ผมหันไปบอกไอ้ดิน ตอนนี้มือของเราทั้งคู่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“จับไว้แบบนี้แหละ คนจะได้รู้ว่ากูมีเจ้าของแล้ว” สายตาพราวระยับของไอ้ดินทำให้ใจผมเต้นรัว             
เจ้าของงั้นเหรอ! เขินกับคำนี้จัง

“เฮ้ย พวงมึงคุยเรื่องไปเที่ยวทะเลกันต่อเหอะ” ไอ้สมใจพูดเรื่องที่มันค้างไว้ต่อ

“เอาดิ ทะเลที่ไหนดีวะ” ไอ้นพถามด้วยความสนใจ

“เสม็ด ญาติกูมีรีสอร์ทที่นั่น”

“กูไป” ไอ้นพชูมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่าไปด้วย

“กูด้วย แล้วมึงละไอ้ดิน ไอ้พู่” ไอ้หมีตอบตกลงพร้อมหันมาถามไอ้ดิน กับผม

“กูแล้วแต่พู่”

“เมียเป็นใหญ่นะมึงอ่ะ”

“ไปก็ไป กูไม่ได้ไปทะเลมานานมากแล้วเหมือนกัน”

“มึงไปมั้ยไอ้ปูน”ผมหันไปถามปูนที่ตอนนี้ทำท่าคิดหนัก

“เออ..กูขอถามพี่น้ำก่อนได้ป่ะ”

“อะไรวะ ไหนมึงบอกยังไม่ได้คบกันไง”

“ก็กูอยากให้พี่เค้าไปด้วย” ไอ้ปูนตอบด้วยท่าทางเขินอาย

“มึงไปเหอะ เชื่อดิว่าไอ้พี่น้ำมันไปด้วยแน่นอนถ้ามันรู้ว่ามึงไป” เชื่อดิว่าไอ้พี่น้ำมันไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้สวีทกับไอ้ปูนหลุดลอยไปหรอก

“ตงลงดิว ไปกัน7คนนะ เดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง ไปวันไหนยังไงเดี๋ยวกูบอกพวกมึงอีกที เอ้าชนแก้ววว”

ตงลงว่าเรื่องไปเที่ยวทะเลไอ้สมใจจะเป็นจัดการ พวกผมแค่ทำตัวให้พร้อมก็พอ

            เสม็ดงั้นเหรอ?! เสม็ดเสร็จทุกราย!!!



เที่ยงคืนกลับถึงบ้าน ถามว่าเมามั้ย นิดนึงพอกรึ่มๆ

“ดอกไม้ หิวรึป่าว”

“ไม่อ่ะ”

“งั้นมึงอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวกูไปปิดบ้านให้” ไอ้ดินอุ้มชบาขึ้นมาว่างไว้บนบ่า ก่อนจะเดินไปสำรวจความเรียบร้อยของบ้าน
พ่อบ้านทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ อย่างที่ผมเคยบอกใครได้มันเป็นแฟนนี่คงโชคดี ตายห่า!!

      และผมคือผู้โชคดีคนนั้น..ผมกำลังจะตายห่า!!


“หอมจัง” ไอ้ดินพูดคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของผม

“ง่วงแล้ว”

“ง่วงก็นอนสิครับ” แล้วมันก็เปลี่ยนตำแหน่งมากระซิบที่ข้างๆหู

“ดิน”

“ว่า”

“มึง..ไม่โกรธกูนะที่กูยังไม่พร้อมน่ะ” เพราะผมแคร์มันผมเลยต้องถาม ผมก็ผู้ชายเหมือนมันจึงรู้ว่าความต้องการของเราก็มีไม่ต่างกัน แต่เพราะผมจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ เลยต้องขอเวลาทำใจสักหน่อย..

“ไม่โกรธ กูรอได้และกูเข้าใจความรู้สึกมึง”

“ขอบคุณนะ”

“แต่ขอหนึ่งจูบ มัดจำไว้ก่อนได้มั้ยครับ”

“จูบอย่างเดียวนะ”

“ครับ จูบอย่างเดียว” สิ้นเสียงของไอ้ดิน มันค่อยๆเชยคางผมขึ้น แล้วค่อยๆประกบริมฝีปากลงมามันเป็นจูบที่อ่อนหวานแต่ก็ซาบซ่านอยู่ในที ก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่เร่าร้อนดุดันเมื่อปลายลิ้นของไอ้ดินรุกล้ำเข้ามาควานหาความหวานในโพร่งปากของผม ลิ้นของเราตอดรัดปลายลิ้นก็หยอกล้อซึ่งกันและกัน น้ำลายก็ค่อยๆไหลออกมาเปรอะที่มุมปาก เสียงหายใจของเราต่างหอบกระชั้นขึ้น ผมรู้สึกถึงอวัยวะบางอย่างของไอ้ดินที่แข็งตัวขึ้นและกำลังดันอยู่ที่ต้นขาของผม ทำให้ผมผละตัวออกด้วยความตกใจ

“นอนเถอะ” ไอ้ดินพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่า ก่อนที่มันจะลุกหนีหายไปเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเข้าไปทำอะไร 
ไม่ใช่ว่ามันจะตื่นตัวแค่คนเดียวเพราะผมก็รู้สึกปวดหนึบตรงที่หว่างขาเหมือนกัน ว่าแล้วผมก็ลุกไปเข้าห้องน้ำอีกห้องที่อยู่นอกห้องนอน เพื่อจัดการกับสิ่งที่กำลังตื่นตัวอยู่ในตอนนี้ให้มันสงบลง

    ..หรือมันถึงเวลาที่ผมควรจะทำใจได้แล้ว แล้วปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติว่ามั้ย?!


“ดอกไม้ตื่น 10โมงแล้ว”

“อื่อ”

“กับข้าวเย็นหมดแล้ว”

“ไม่หิวกินตอนเที่ยงทีเดียวได้ป่ะ” ผมตอบเสียงอู้อี้ สอบเสร็จแล้วอยากนอนทั้งวันไม่อยากไปไหนเลย

“วันนี้ต้องไปซื้อของเข้าบ้านนะ ตื่นนะครับ”

“ตื่นแล้วๆ” ที่ผมยอมตื่นเพราะปากของไอ้ดินที่อยู่ไม่สุก ซุกไซร้ไปทั่วใบหน้าและลำคอผม ไม่ตื่นก็บ้าแล้วแถมยังตื่นไปทั่วทั้งตัว..ให้ตายสิ!!

“หึๆ”

ยังมีหน้ามาขำอีก มึงชักจะร้ายกาจเกินไปแล้วนะ..


“นี่ถามหน่อย มึงเรียกกูว่าดอกไม้ กูคือดอกอะไรสำหรับมึง” กลัวคำตอบเหลือเกิน อย่าตอบว่าดอกทองนะ ไม่งั้นข้าวผัดไข่ที่กำลังแดกอยู่ตอนนี้ได้ไปอยู่บนหัวมึงแน่!!

“ดอกทานตะวัน”

“มึงจะบอกว่ากูหน้าบานเหมือนดอกทานตะวันเรอะ!!” เจ็บพอๆกับดอกทองเลยนะนั้น

“มึงสดใสเหมือนดอกทานตะวัน โดยเฉพาะเวลาที่มึงยิ้ม” แล้วมันก็เอื่อมมือมาจับแก้มผมเบาๆ แน่ใจนะว่าไม่ได้หลอกด่าว่ากูหน้บาน

“จะบอกว่ามึงก็จะเป็นแสงอาทิตย์ให้กูงั้นสิ แหวะ เลี่ยน”

“ป่าว จริงอยู่ที่ดอกทานตะวันต้องคอยหมุนตามแสงอาทิตย์ แต่สำหรับดอกทานตะวันอย่างมึงชื่อกูมันก็บอกอยู่แล้ว กูเป็นแผ่นดินให้มึงต่างหากล่ะ ถ้าไม่มีดินดอกทานตะวันต้นนี้ก็ไม่สามารถงอกงามแบบนี้ได้ความงอกงามในที่นี้ก็หมายถึงความสุขของมึงไง

แถมแผ่นดินนี้ยังได้อยู่กับดอกทานตะวันต้นนี้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนไม่เหมือนแสงอาทิตย์ที่พอตะวันลับฟ้าก็ไม่ได้เจอกับดอกทานตะวันต้องรอถึงเช้าวันใหม่กว่าจะได้เจอ รวมถึงวันที่ดอกทานตะวันต้นนี้โรยรา แผ่นดินนี้ก็ยังคงอยู่เคียงข้างไปไหน  เหมือนกูไงกูก็จะรักมึงแบบนี้ตลอดไป  รักนะดอกไม้” คำพูดที่อ่อนโยน และสัมผัสที่อบอุ่นที่ประทับลงมาที่แก้มผมเบาๆ ทำให้ผมตัวลอย

“ซึ้ง..แต่ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ก็ได้นิ ไม่ต้องใช้ดิน” นี่ผมไม่ได้กวนตีนะ

“ไม่สวยเท่าปลูกบนดินหรอกเชื่อกูสิ มันก็ไม่ต่างกันถ้ามึงไปคบคนอื่นที่ไม่ใช่กูมึงก็ไม่มีความสุขเท่ากับได้คบกับกูหรอก” นั่นนะสินะถ้าตอนนี้ไอ้ดินไม่ได้เข้ามาในชีวิตผม ผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตตอนนี้จะมีความสุขเท่าตอนนี้รึป่าว

                ..ยอมๆแผ่นดินนี่แหละดีที่สุด..



 TBC.

.................................................................................................

บทนี้เรื่อยๆมาเรียงๆ
บทหน้าไปเที่ยวเสม็ดกัน จะเสร็จรึป่าวค่อยมาลุ้นกัน^^
ขอบคุณคนอ่านที่น่ารักทุกๆคนที่ติดตามอ่านกันมานะคะ หนึ่งคอมเม้นคือกำลังใจที่ดีที่สุดค่ะ^^



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2018 15:05:18 โดย MA_LEE »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :impress2: ฟินจิกหมอนเลยทีเดียว

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0



เค้าว่ากันว่า เกาะเสม็ดเสร็จทุกราย!! นู๋พู่กันไม่น่ารอด  :hao3:





ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอยยยย ยอมแผ่นดินเลย หวานอะไรขนาดนี้เนี่ยคุณพ่อบ้าน

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
บทที่14 เสม็ดเสร็จไหมล่ะ?!



“พวกมึงเตะบอลที่ชายหาดกัน” ไอ้สมใจชวนหลังจากพวกเราเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว

พวกเราอยู่ที่ไหนกันน่ะเหรอ? ก็เกาะเสม็ดยังไงล่ะครับ
ผู้ร่วมทริปในครั้งนี้มีด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน หรือสามคู่กับคี่(ขี้)อีกหนึ่งกอง (กองใหญ่ซะด้วย)
คู่แรกคือผมกับไอ้ดิน’คู่ข้าวใหม่ปลามัน’ผมไม่ได้พูดเองนะก็พวกไอ้หมีมันเรียกกันแบบนั้น
คู่ที่สอง’คู่ว่าที่คู่รัก’ ไอ้พี่น้ำกับไอ้ปูน ส่วนคู่ที่สามคู่รูมเมทไอ้นพกับไอ้สมใจหัวหน้าทริปในครั้งนี้           
ส่วนคี่กองใหญ่อีกหนึ่งกองคือไอ้หมีผู้ไร้ซึ่งคู่เพราะไม่เคยคิดจะจริงใจกับใครเขา!


พวกผมมาพักที่รีสอร์ทของน้าไอ้สมใจที่มันเรียกว่า แม่  แม่พรคือน้าของไอ้สมใจที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากพ่อและแม่ของไอ้สมใจรับราชการครู แม่พรซึ่งตอนนั้นยังไม่มีครอบครัวเลยช่วยดูแลไอ้สมใจ   
มันเลยรักเหมือนแม่อีกคนนึง ส่วนแม่พรก็รักไอ้สมใจเหมือนลูกแท้ๆเพราะแกก็ไม่มีลูก เนื่องจากสามีของแม่พรหรือลุงปีเตอร์ที่ไอ้นพมันเรียกเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้

การเดินทางในครั้งนี้ก็สะดวกสบายกว่าที่คิด พวกเรานั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ที่บินตรงมายังสนามบินอู่ตะเภา จากนั้นน้าของไอ้สมใจก็ส่งคนมารับที่สนามบินและพามาส่งขึ้นเรือที่ท่าเรือบ้านเพ พอมาถึงท่าเรือหน้าด่านเกาะเสม็ด ก็มีคนที่รีสอร์ทมารับไปยัง ‘อ่าววงเดือน’ ที่เป็นที่ตั้งของ’วงเดือนเสม็ด บีทรีสอร์ท’ของน้าไอ้สมใจ

พวกเรามาถึงตะวันก็เริ่มบ่ายคล้อย กิจกรรมที่ทำได้ในตอนนี้คือเดินเล่นถ่ายรูป เล่นน้ำ หรือไม่ก็เตะบอลเหมือนที่ไอ้สมใจกำลังชวนอยู่ในตอนนี้

“กูไม่เล่นนะ เดี๋ยวกูเป็นกรรมการให้” ไอ้พี่น้ำที่นอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงง่วงงัน..ทะเลสีฟ้าสดใส ลมทะเลพัดโชยมาเอื่อยๆแดดตอนนี้ก็ไม่แรง ..บรรยากาศมันเหมาะแก่การนอนจริงๆนั้นแหละ

“โอเคพี่ งั้นมาแบ่งทีมกัน ง่ายๆเลยพวกมึงสามคนหมอ‘หมา’อยู่ด้วยกัน ส่วนพวกกูที่เหลือสามคนอยู่ด้วยกัน” ไอ้สมใจจัดการแบ่งทีมเองเสร็จสรรพ

“โกงป่าววะ แบบนี้พวกมึงก็ชนะดิ” ผมโวยวาย แม่งก็พวกมันเป็นนักบอลของคณะ แล้วดูทีมผมโดยเฉพาะไอ้ปูนตัวเท่าลูกหมาเมื่อเทียบกับไอ้พวกสามตัวนั่น

“กลัวไรวะ พวกมึงก็เตะบอลให้คณะ” นั่นมันจำเป็นต่างหากละ มีแต่เด็กเนิร์ดจะไปสู้พวกถึกๆอย่างคณะมึงได้ไงวะ แข่งทีไรตกรอบแรกทุกที!!

“เออ กูไม่กลัว” ไอ้หมีพูดขึ้นด้วยความฮึกเหิม ถ้ากูตัวเท่ามึงกูก็ไม่กลัวหรอก..ห่า

“ทีมที่แพ้ต้องโดนลงโทษ โดยเลือกมาแค่คนเดียวที่จะโดนลงโทษ” ทำไมรู้สึกว่าคนโดนลงโทษจะเป็นกูวะ!!

“บทลงโทษคือไรวะ”

“แล้วแต่ทีมที่ชนะจะสั่ง”

“มาๆ สู้ๆ กลัวห่าไรเราก็นักบอลของคณะนะเว้ย” ช่างกล้าพูดเนอะไอ้ปูน คณะที่ได้แชมป์ของมหา’ลัย กับคณะที่ตกรอบแรก..ถถถถถถ

“เดี๋ยวทีมพวกกูจะถอดเสื้อเอง พวกพวกมึงก็ใส่เสื้อปกติ” ไอ้นพพูดเท่านั้นทั้งสามคนก็ถอดเสื้อโดยพร้อมเพรียง..อื่อหือ ไอ้พวกเด็กเกษตรทำไมหุ่นแม่งดีกันจังวะ เห็นแล้วอดน้ำลายไหล เอ้ย!! อดอิจฉาพวกมันไม่ได้!!

ไอ้สมใจใช้ไม้มาขีดผืนทรายแบ่งเป็นเส้นขอบสนามง่ายๆ ถ้าบอลเลยเส้นท้ายสนามฝั่งของใครถือว่าเป็นประตู

“น้องปูนสู้ๆ” ไอ้พี่น้ำตะโกนบอกไอ้ปูนที่ยืนเป็นโกล์อยู่เส้นท้ายสนามด้วยเสียงสอง..กูล่ะหมั่นไส้!!

แล้วไอ้กรรมการกิตติมศักดิ์ก็มายืนตรงเส้นกลางสนามพร้อมใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบลูกบอลเอาไว้

“ครึ่งละสิบนาที อ่ะ เป่ายิ้งฉุบใครชนะได้เขี่ยลูกเล่นก่อน” อืมนะ เป่ายิ้งฉุบ อินเตอร์เนชั่นแนลมาก!

กัปตันหมีออกค้อนเป็นฝ่ายชนะกัปตันสมใจที่ออกกรรไกร อืม..นี่ลุ้นยิ่งกว่าบอลโลกอีกแหนะ!!

“ทีมใส่เสื้อเป็นฝ่ายเขี่ย ห้ามโกง ห้ามกัดหู!! เริ่มได้” ไอ้กรรมการพูดเอื่อยเฉื่อยก่อนเดินออกสนามไปนั่งดูดน้ำมะพร้าวสบายใจ..ถีบกรรมการสักดอกจะผิดไหม!!

ไอ้หมีเขี่ยบอลมาให้ผม ผมค่อยๆลากเลื้อยไปตามริมเส้นประหนึ่งสวมวิญญาณ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนจะมีร่างถึกของไอ้ดินเข้ามาแย่งบอลที่เท้าผม

“ไอ้พู่ ส่งมาให้กู” เสียงไอ้หมีที่โวยวายอยู่ริมเส้นอีกฝังหนึ่ง จังหวะที่ยื้อยุดกันอยู่ไอ้ดินก็ฉวยโอกาสหอมแก้มผมเข้ามาเต็มแรง แล้วมันก็ใช้จังหวะที่ผมยืนอึ้ง แย่งบอลไปด้วยสายตายิ้มกริ่ม

“ฟาวล์!! กรรมการมึงไม่เห็นเหรอ” ผมหันไปฟ้องไอ้กรรมการ ที่ตอนนี้กำลังเอานิ้วแคะมะพร้าวที่อยู่ในลูกอย่างเอาเป็นเอาตาย

“กูบอกว่าห้ามกัดหู ฉะนั้นหอมแก้มได้ไม่ฟาวล์!!” มันตอบมาหน้าตาย

“แม่ง กรรมการไม่ยุติธรรม”

“อย่าเถียง เดี๋ยวโดนใบเหลือง” เดี๋ยวกูจะโดดกัดหูมึงไอ้กรรมการชั่ว ฮึมมมม

หันไปมองไอ้หมีก็ไม่เห็นมันจะเดือดร้อนห่าอะไร หัวเราะเอิ๊กอ๊าก..รู้สึกได้กลิ่นตุๆ ว่าบทลงโทษปริศนานั้นต้องเป็นของกู!!

ไอ้ดินส่งบอลให้กับไอ้สมใจ จากนั้นมันก็ยิงตูมเดียวลูกบอลเลยเส้นหลังเป็นประตู ไอ้ปูนได้แต่ยืนขาตาย

จากนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากไอ้กรรมการชั่ว

“ทีมน้องเขยนำ1ต่อ0  แต่กรรมการขอเตือนว่าอย่าเตะบอลอัดใส่โกล์ฝั่งนี้ไม่งั้นโดนใบแดง” มันพูดพร้อมทำหน้าโหด ห่า..ทีกูล่ะไม่เคยปกป้อง ไอ้คนโดนปกป้องก็ยิ้มหน้าบานเชียว กูล่ะเหม็นความรักจริงจริ๊ง!

ไอ้สมใจเปลี่ยนไปเป็นโกล์แทนไอ้นพที่ตอนนี้กำลังส่งบอลให้ได้ดิน ผมเลยเข้าไปแย่งบอลจากมัน ทั้งดึง จิก ตบ แม่งกูแค้น!! ไอ้ดินใช้แผ่นหลังเปล่าเปลือยที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามบังผมไว้ คิดว่าจะอ่อยกูเหรอไม่ได้ผลหร๊อก!..หน้าผมสัมผัสกับแผ่นหลังแข็งแรงนั่นจู่ๆขาก็อ่อนยวบลงมาดื้อๆ..ให้ตายสิถึงกับระทวย!!

แล้วมันก็ส่งบอลให้กับไอ้นพก่อนที่ไอ้นพจะลากบอลเข้าไปใกล้ไอ้ปูน ก่อนจะใช้ไม้ตาย

“เฮ้ย สาวที่ไหนมานั่งกับพี่น้ำวะ” พูดจบไอ้ปูนก็หันขวับไปมองไอ้พี่น้ำทันที จากนั้นไอ้นพก็แค่กระดิกตีนเขี่ยบอลข้ามเส้นไป

Goal!!!

…ให้มันได้อย่างนี้สิ พับผ่า!!


“กรรมการ ผมโดนโกง” ไอ้ปูนรีบหันไปฟ้องกรรมการทันที แต่ไอ้กรรมการกับยิ้มหน้าบาน

“ไม่โกงสักหน่อย ดีซะอีกทำให้พี่รู้ว่าน้องปูนก็หึงพี่..ทำดีมากไอ้นพ” ไอ้คนถูกชมยกมือขึ้นชูสองนิ้ว..อะไร?ขอสองดอกเรอะ?!

“พี่น้ำ!!” ไอ้ปูนได้แต่ทำหน้ามุ้ย


       และแล้วก็จบเกมส์การแข่งขันด้วยสกอร์5-0 ไม่ต้องบอกเนอะว่าทีมไหนแพ้...แม่ง!! ทั้งแพ้ทั้งโดนไอ้ดินแทะโลม พอเริ่มครึ่งหลังมันทั้งกอดทั้งหอม จนสติผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว..

“พวกมึงเลือกได้ยังว่าใครจะโดนลงโทษ” ไอ้สมใจหันมาถามพวกผมที่ตอนนี้นั่งหอบแดกโดยเฉพาะผมที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ก็ต้องอ่านหนังสือไงเลยไม่มีเวลา นี่ไม่ได้แก้ตัวนะ (หรา!)

“มาเป่ายิ้งฉุบกัน” ไอ้หมีหันมาพูดกับผมและไอ้ปูน

“ทีเดียวเลยนะมึง ใครแพ้โดนลงโทษ” รู้สึกเหมือนไอ้หมีมันจะขยิบตากับไอ้ปูน รู้สึกว่ากูจะโดนโกง ไม่ได้ๆกูไม่ยอม

“กูขอเปลี่ยนเป็นโอน้อยออก แล้วมึงสองตัวอย่าส่งซิกกัน อย่าคิดว่ากูไม่รู้”

“เปล๊า!!” ไอ้เพื่อนชั่วทั้งสองประสานเสียงสูงพร้อมกัน

“ม่ะ รอบเดียวพอ ใครออกไม่เหมือนคนอื่นคนนั้นโดนลงโทษ”

“โอ  น้อย  ออก” เชี่ย!! กูแม่งหงายมืออยู่คนเดียว แต่ก่อนที่จะเริ่มผมรู้สึกเหมือนมีใครชูไม้ชูมืออยู่ข้างหลัง พอหันไปก็เจอไอ้พี่น้ำทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไอ้นี่มันส่งซิกให้ไอ้สองตัวนั่นป่าววะ?!

“เยส!!” ไอ้หมีกับไอ้ปูนแสดงสีหน้าดีอกดีใจจนออกนอกหน้า

“บทลงโทษคือไร ว่ามา” แมนๆ แพ้ก็ต้องยอมรับครับ  แต่ในใจแม่งตุ๊มๆต่อมๆขออย่าให้เป็นอะไรพิเรนทร์ๆ เล้ย..สาธุ

“ไม่รู้ยังคิดไม่ออก ไว้พวกกูปรึกษากันก่อน มึงไม่ต้องกลัวยังไงก็โดนแน่ๆ” ทั้งน้ำเสียงและสายตาของไอ้สมใจแม่งโคตรเจ้าเล่ห์!!



      มื้อเย็นวันนี้ แม่พรจัดอาหารซีฟู้ดชุดใหญ่ไว้ให้พวกเรา ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลาที่โคตรสดส่งตรงจากทะเลที่ใกล้แค่เอื้อม  ไอ้พี่น้ำตัวแดกกุ้ง เห็นกุ้งเผาแล้วแทบจะโดดเข้าใส่ แล้วมันก็แดกแบบไม่บันยะบันยัง!!

   ..กูขอให้มึงขี้แตก!!

“ให้กูไปขอน้ำจิ้มเด็กให้มั้ย” ไอ้ดินหันมาถามผมด้วยความเป็นห่วงปนเอ็นดู..เอ็นดู?คิดว่างั้นนะถ้าผมอ่านสายตามันไม่ผิด

“กูกินได้ เผ็ดแค่นี้กูไหว” เอาจริงมะ น้ำจิ้มซีฟู้ดที่แม่พรทำโคตรเผ็ดอ่ะแต่มันก็อร่อยมาก ถ้าไม่เผ็ดมันก็ไม่อร่อยใช่มะ!  อีกอย่างคำว่า น้ำจิ้มเด็ก ฟังแล้วโคตรอ่อน!

“แน่ใจนะ ปากเจ่อหมดแล้วเนี่ย แบบนี้เหมือนมึงกำลังยั่วกูอยู่เลย” แล้วมันก็แตะมือมาที่เรียวปากผมเบาๆ

“อะ อะไร?!”

“ก็ปากมึงน่าจูบน่ะสิ" มันก้มกระซิบบอกที่ข้างหู

“...!!” ประสาทจะแดก..ไม่รู้จะตอบยังไงผมเลยก้มหน้าก้มตาแดกปูต่อ ไอ้ปูห่านี่ก็แกะยากแกะเย็น แล้วทำไมกูต้องรนด้วยวะ

   ..บ่เข้าใจเลย?!

“หึๆ เอานี่” ไอ้ดินหัวเราะเบาๆกับอาการเขินของผม แล้วมันก็ยื่นจานที่มีสารพัดอาหารทะเลที่แกะเรียบร้อยแล้วมาให้ผม

“ขอบใจ” ผมเอ่ยขอบคุณมันเบาๆ เป็นแฟนกันมาสักพักแล้วทำไมผมยังเขินมันอยู่ก็ไม่รู้ ไอ้บ้านี่ก็ชอบให้ใจเต้นแรงอยู่เรื่อย!!

“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่พ่อบ้านอย่างกูอยู่แล้วและกูก็เต็มใจ..กินเยอะๆนะดอกไม้ คืนนี้ต้องใช้แรง!” ประโยคหลังมันกระซิบบอกเบาๆ

“...” คืนนี้!  ใช้แรง!  แค่คิดผมก็หน้าแดงขึ้นมาดื้อๆพร้อมกับใจที่เต้นโครมคราม..ถามว่าพร้อมรึยัง ก็คงพร้อมแล้วล่ะมั้ง?!

“นี่ถ้าจะคุยกันสองคนไปนั่งโต๊ะอื่นเลยไป๊ กูเหม็น”

“เหม็นเชี่นไร หมี” แม่งกูไม่ได้ตดสักหน่อย

“เหม็นความรักของพวกมึงสองคนไง” แล้วมันก็ทำท่าปิดจมูกได้หน้าถีบมาก!

“เค้าเรียกว่าอิจฉา มึงกำลังอิจฉาพวกมันอยู่” ไอ้พี่น้ำพูดพร้อมกับแกะกุ้งใส่ปากตัวเองไม่หยุด

“โธ่พี่ ผมจะไปอิจฉาพวกมันทำไมล่ะ”

“มึงก็ลองจริงใจกับใครสักคนดูสิ หมี”

“มันหาเจอได้ง่ายๆก็ดีนะสิพี่” ไอ้หมีพูดแบบไม่ใส่ใจมากนัก

“เออ กูขอให้มึงเจอคนๆนั้นของมึงเร็วๆละกัน” ไอ้พี่น้ำใช้มือที่เลอะกุ้งตบบ่าไอ้หมีปุๆ ..เนียนเลยนะมึง

“ขอบคุณมากพี่ มาๆชนแก้วกันดีกว่า” ไม่ว่าจะไปที่ไหน เหล้าเบียร์อย่าให้ขาดตกบกพร่อง

“สรุปว่าบทลงโทษ พวกกูตกลงกันแล้วว่าจะให้ไอ้ดินเป็นคนคิดแล้วแต่มันเลย”

“งั้นก็บอกมาสิ จะให้กูทำอะไร” ผมหันไปถามไอ้ดิน

“ไว้บอกตอนอยู่ด้วยกันสองคนที่ห้อง” สายตาแม่งไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด

“บอกที่นี่ไม่ได้เหรอวะไอ้ดิน” ไอ้สมใจทำหน้าล้อๆ

“ไม่ได้ ความลับ” ไอ้นี่ก็ตอบหน้าตาย

“จะลงโทษอะไรก็เบาๆหน่อยนะมึง เกรงใจห้องข้างๆด้วย” ไอ้พี่น้ำแกล้งตีหน้าขรึม..นี่มึงหวงกูบ้างรึป่าววะ

“เค้าจะทำอะไรกันอ่ะพี่น้ำ” ไอ้ปูนแกล้งทำหน้าแบ้วไร้เดียงสาถามไอ้พี่น้ำ..คิดว่าน่ารักเหรอ เออมึงน่ารัก!

ไอ้พี่น้ำถึงกับสตั้นไปสามวิ กับหน้าแบ้วๆของไอ้ปูน..กูรู้ว่ามึงกำลังใจเต้นแรงมึงหนีไม่รอดแน่ๆไอ้พี่น้ำ

“ถ้าอยากรู้เดี๋ยวคืนนี้พี่ทำให้ดู” แล้วมันก็กระซิบบอกไอ้ปูน ส่งผลให้หน้าของไอ้ปูนมีสีระเรื่อขึ้น พวกผมมองว่าที่คู่รักด้วยสายตาสงสัย ว่าพวกมึงคบกันแล้ว?

“พวกมึงคบกันแล้วเหรอ” เป็นผมเองที่โพล่งถามออกไป

“ยัง!!” ไอ้ปูนโพล่งตอบขึ้น ด้วยหน้าแดงก่ำ

“เหรอวะ กูนึกว่ามึงคบกับพี่น้ำแล้วซะอีก” ไอ้หมีหรี่ตาถามอย่างจับผิด

“เอาน่า พวกมึงไม่ต้องกลัว เดี๋ยวกูคบกับน้องปูนเมื่อไหร่กูจะแถลงการณ์ให้ทราบอย่างเป็นทางการแน่นอน”


    จบมื้อเย็นด้วยความอิ่มหนำสำราญจนพุงกาง ก็แยกย้ายเข้าห้องอาบน้ำอาบท่า แล้วนัดเจอกันที่ห้องไอ้หมีเพื่อก๊งเหล้ากันต่อ
ผมให้ไอ้ดินอาบก่อนเพราะมันอาบไวกว่าผม รอไม่นานไอ้ดินก็เดินออกจากห้องน้ำโดยสวมกางเกงบอลขาสั้นสีดำเพียงตัวเดียว พร้อมกับเดินเช็ดผมที่หมาดไปด้วยน้ำ แล้วมันก็มานั่งข้างๆผมที่ปลายเตียง

เห็นหน้ามันระยะใกล้ๆผมก็อดสำรวจหน้ามันไม่ได้ หน้ามันใสมากทั้งๆที่ไม่ได้บำรุงห่าอะไรเลย ใช่แค่สบู่เหลวเพียงอย่างเดียวในการทำความสะอาดทั้งร่างกายของมัน โฟมล้างและครีมบำรุงคืออะไร? ถ้าถามหนังหน้าของมันคงได้คำตอบกลับมาว่ากูไม่รู้จัก!

แต่มันเคยบอกว่าถ้าภายในร่างกายของเราดีก็จะส่งผลถึงภายนอกด้วย..มันเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างดูแลตัวเองหมายถึงดูแลจากภายในอ่ะนะ เพราะมันจะกินแต่ของที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ อ่ออีกอย่างไอ้ดินเป็นคนชอบดื่มน้ำ ในหนึ่งวันมันน่าจะดื่มน้ำมากกว่าแปดแก้ว ถึงว่าหน้ามันถึงใส ..you are what you eat สินะ

“มองไร ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“มองหนังหน้ามึงไง” ผมบอกตามตรง

“อยากหอมเหรอ เอาสิ” แล้วมันก็ทำแก้มป่องให้ผมหอม อย่าท้า..ผมทำใจกล้าหอมแก้มของมันอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งหายไปอาบน้ำ..แฟนกันน่า!!


“บอกกี่ครั้งละว่าให้เช็ดผมให้หมาดก่อนออกจากห้องน้ำ” ไอ้ดินบ่นผมอย่างไม่จริงจังนัก น่าจะอ่อนใจซะมากกว่า เพราะมันก็บ่นแบบนี้เกือบทุกวันตั้งแต่มันย้ายมาอยู่กับผมที่บ้าน  ผมออกจากห้องน้ำด้วยเส้นผมที่ยังเปียกโชก เลยทำให้น้ำหยดเป็นทางยาว ไอ้ดินเลยถือวิสาสะหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนบ่าผมแล้วสั่งให้ผมนั่งลง จากนั้นมันก็ขยี้เช็ดหัวผมด้วยน้ำหนักมือกำลังดี..อืมสบายจัง

“มึงไม่ต้องไปห้องไอ้หมีนะ” ไอ้ดินพูดขณะที่มือของมันยังง่วนอยู่ที่หัวของผม

“ทำไมล่ะ?”

“นี่คือบทลงโทษ”

“หืม?!” ด้วยความสงสัย ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองมัน

“กูอยากอยู่กับมึง..สองคน” สายตามันดูอ่อนโยนก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบที่เรียวปากของผมแผ่วเบา

ตึก ตึก ใจผมเริ่มเต้นแรง ไม่รู้ว่าผมเข้าใจตรงกับมันรึป่าว ในความหมายว่าอยากอยู่ด้วยกันสองคน!!

“ละ แล้วพวกมันจะไม่ว่าอะไรเหรอ”

“ไม่ว่า ตอนที่มึงอาบน้ำกูเดินไปบอกพวกมันแล้ว”

“...”

“ไปเดินเล่นกันมั้ย”

“อืม ไปสิ” ผมลุกลงจากเตียงด้วยเส้นผมที่แห้งหมาดด้วยฝีมือของไอ้ดิน


      รีสอร์ทของป้าไอ้สมใจตั้งอยู่บริเวณหัวอ่าวซึ่งค่อนข้างเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัวเหมาะแก่การพักผ่อน ต่างจากบริเวณกลางอ่าวที่มีความครึกครื้นที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์
เราสองคนเดินเคียงคู่กันไปตามแนวชายหาด ลมทะเลที่พัดโชยและกลิ่นอายของทะเลทำให้ผมรู้สึกโล่งสบาย
ทะเล..มันเหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆนั้นแหละ ความเครียดหลังสอบหายเป็นปลิดทิ้ง

พอนึกมาถึงตรงนี้ก็ตลกกับชีวิตของตัวเอง ใครจะไปคิดว่าวันนึงผมจะได้มีโอกาสเดินจูงมือกับแฟนที่ชาดหาดซึ่งมันเป็นหนึ่งในความฝันว่าถ้ามีแฟนจะพามาสวีทที่ทะเล แต่ก็เลิกกันซะก่อนไม่เคยได้พามาสักที
แต่แล้วในวันนี้ผมกับมาเดินจับมือกับ’แฟน’ที่ริมทะเลอย่างที่เคยจินตนาการไว้ จะมีผิดจากที่คิดไว้นิดน้อยก็ตรงที่แฟนของผมคือ ผู้ชาย

..แต่ก็นั้นแหละก็ผมรักไปแล้วหนิจะทำไงได้ ความรักมันไม่สำคัญหรอกว่าต้องเป็นเพศตรงข้าม..

“ตั้งแต่กูย้ายมาอยู่กับมึงที่บ้าน  มึงอึดอัดรึป่าว”

“ไม่นะ”

“แล้วมีความสุขรึป่าว”

“จู่ๆมาถามอะไรของมึงเนี่ย” ผมเลือกไม่ตอบ ก็มันเขินหนิ

“ตอบก่อน”

“อืม”

“อืมอะไร”

“มีความสุข อยากอยู่กับมึงทุกวัน พอใจรึยัง” แล้วมันก็ยิ้มกว้างกับคำตอบของผม

“กูรักมึงนะพู่กัน” มันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คำบอกรักของไอ้ดินยังคงก้องอยู่ในหัวจนกลบเสียงของเกลียวคลื่นจากทะเลซึ่งผมแทบจะไม่ได้ยิน..น่าแปลกนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันบอกรักผม แต่ทำไมคำบอกรักที่เอ่ยออกมาในครั้งนี้ผมฟังแล้วรู้สึกพิเศษกว่าครั้งไหนๆ..อาจจะเพราะบรรยากาศล่ะมั้ง!

“กูก็รักมึง แผ่นดิน” คงเพราะบรรยากาศจริงๆนั้นแหละ ผมถึงได้กล้าบอกรักมันด้วยความมั่นใจกว่าทุกครั้ง!

“กลับห้องกันเหอะ กูอยากจูบมึงมากกว่านี้” ไอ้ดินพูดหลังจากที่มันถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากของผมหลังจากผมเอ่ยคำบอกรักจบ  แล้วมันก็ดึงมือผมให้ออกวิ่งตามมันเพื่อกลับไปที่ห้องพัก..จะรีบอะไรขนาดนั้น!!

“แฮกๆ” เสียงหอบของผมดังไม่หยุดหลังจากการถูกลากให้วิ่งมาที่ห้อง

“ออกกำลังกายบ้างนะ วิ่งแค่นี้ก็เหนื่อยซะแล้ว” ผมได้แต่มองหน้าไอ้ดินอย่างเคืองๆ มึงนั้นแหละจะพากูวิ่งทำไม!!

“กูไปหาพวกไอ้หมีได้มั้ย” จู่ๆผมก็เริ่มกลัว

“ไม่ได้ มึงจะฝืนบทลงโทษเหรอ”

“แล้วถ้ากูฝืนล่ะ”

“ลองดูสิ” แล้วมันก็เดินเข้ามาหาผมอย่างมาดมั่นจนผมต้องเดินถอยหลังจนแผ่นหลังชิดกับฝาผนัง

“..จะทำอะไร” มันไม่ตอบ แต่ทำตอบมันคือการกระทำหลังจากนี้..ไอ้ดินโน้มหน้าลงมาใกล้ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วจูบลงมาที่เรียวปากผมอย่างเอาแต่ใจ มันเป็นจูบที่ดูดดื่มวาบหวาม แขนของผมโอบรอบคอของไอ้ดินพร้อมกับเงยหน้ารับจูบของมันอย่างเต็มใจ ดีที่แผ่นหลังของผมพิงกับฝาผนังพร้อมกับมือของไอ้ดินที่โอบสะโพกของผมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงทรุดไปกองกับพื้น เพราะรสจูบของไอ้ดินมันช่างมีพลังทำลายล้างสูง มันเหมือนจะทำให้ร่างของผมหลุดลอย!!

ไอ้ดินถอดเสื้อยืดสีอ่อนของผมออก ผมเลยถอดเสื้อยืดสีขาวของมันบ้าง ท่อนบนของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า
ไอ้ดินหมุนตัวผมแล้วผลักผมลงไปนอนที่เตียงแล้วมันก็ตามขึ้นมาโดยคร่อมร่างของผมเอาไว้ แล้วเริ่มครอบครองเรียวปากของผมอีกครั้ง ไอ้ดินจูบเม้มริมฝีปากผมอย่างอ้อยอิ่งลิ้นร้อนลามเลียที่เรียวปากอยากวาบหวาม ก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนรสจูบให้ดุดันเร่าร้อน เรียวลิ้นร้อนลุกล้ำเข้ามาในโพลงปากของผม ผมเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ลิ้นของเราเกี่ยวรัดกันดูดดื่ม

เสียงหอบหายใจของผมเริ่มดังขึ้น ไอ้ดินก็ใจดีปล่อยให้ผมได้หายใจกอบโกยอากาศเข้าปอดอีกครั้ง แต่เรียวปากของไอ้ดินยังไม่หยุดนิ่ง มันจูบพรหมไปทั่วใบหน้าจากนั้นก็แวะมาขบเม้มที่ติ่งหูผมเบาๆ จนขนผมลุกซู่ไปทั้งตัว
ก่อนจะค่อยๆลากปลายลิ้นเลียไปทั่วลำคอไล่ลงมาเรื่อยๆ ผ่านแอ่งชีพจรลงมาแล้วมาหยุดที่หน้าอกของผม เสียงหอบหายใจของมันดังขึ้นเหมือนกับว่าใกล้ที่จะหมดความอดกลั้นที่พยายามกลั้นเอาไว้
เรียวปากหยักได้รูปของไอ้ดินครอบครองดูดเม้ม และไล่เลีย วนอยู่ที่ยอดอกของผม อย่างละโมบ

“อ๊ะ!!” ความวาบหวาบเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนผมหลุดเสียงร้องออกมา ส่วนยอดอกอีกข้างก็โดนหยอกล้อด้วยนิ้วของไอ้ดินไม่หยุด

“ดอกไม้ ตัวมึงหวานหอมจนกูอดใจแทบไม่ไหว” ไอ้ดินพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่า แล้วจูบหนักๆลงมาที่เรียวปากของผม
ก่อนจะชะงักทุกอย่างลง แล้วนอนหงายหอบหายใจอย่างหนักหน่วงอยู่ข้างๆผม

“...?!” การกระทำนี้ทำให้ผมมึนงง ผมไม่ได้ปฏิเสธมันเหมือนครั้งก่อนๆ หรือมันยังคิดว่าผมยังไม่พร้อมต้องรอให้ผมพูดออกจากปากก่อนว่าผมพร้อมแล้ว อย่างนั้นเหรอ?!

...อารมณ์ของผมตอนนี้คือ’ค้างเติ่ง’ ไอ้ดินก็คงไม่ต่างจากผม

แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมอง หรือที่จริงแล้วมันจะทำไม่ลง เพราะยังไงผมก็ผู้ชายมีทุกอย่างเหมือนกับมัน ไม่ใช่ผู้หญิงที่เนื้อตัวอ่อนนุ่ม!! พอคิดแบบนั้นน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที

จังหวะที่ไอ้ดินพลิกตัวหันมาทางผม น้ำตาก็ไหลออกจากหางตาพอดิบพอดี

“ดอกไม้!! ร้องไห้ทำไม” ไอ้ดินรีบปาดน้ำตาให้ผมด้วยความตกใจ

“ทำไม มึงไม่ทำต่อ” ไอ้ดินกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจของผมเลยชิงพูดตัดหน้ามันซะก่อน

“มึงคงรังเกียจกูจนทำไม่ลงสินะ กูเข้าใจเพราะยังไม่กูก็ไม่ใช่ผู้หญิง”

“โธ่ ดอกไม้ทำไมคิดมากแบบนี้ รู้รึป่าวว่ากูต้องอดทนแค่ไหน ที่กูไม่ทำเพราะถ้าทำลงไปแล้วมึงก็จะเจ็บแล้วเที่ยวไม่สนุกต่างหากล่ะ นี่เรามาเที่ยวกันนะกูก็อยากให้มึงได้เที่ยวและพักผ่อนให้เต็มที่”

..ที่แท้มันก็ห่วงผม ความน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อครู่แตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อได้ฟังคำอธิบายของมัน..ผมนี่มันโง่จริงๆ!!

“หยุดร้องไห้ได้แล้วคนดี ขอโทษนะที่ทำให้อารมณ์ค้าง” มันพูดด้วยสายตาพราวระยับ

“มึงก็ค้างเหมือนกันนั้นแหละ” แม่ง กูไม่ยอมอายคนเดียวหรอก

“นั้นนะสิ” แล้วมันดึงมือผมให้ไปจับที่แกนกายของมันที่ตอนนี้กำลังแข็งโป๊ก..โอ้ว ลืมไปเลยว่านี่มันเจ้าจักรวาล!!

“ทะ ทำอะไรของมึง”

“ก็อารมณ์ค้างกันทั้งคู่ งั้นเราก็มาช่วยกันให้มันสงบลงดีกว่ามั้ย”

“ไหนมึงบอกว่าไม่อยากให้กูเจ็บเดี๋ยวเที่ยวไม่สนุกไง”

“วิธีนี้ไม่เจ็บ รับรองได้” มันกระซิบบอกคลอเคลียที่เรียวปากของผม ก่อนจะปิดปากผมให้เงียบลงด้วยเรียวปากของมัน

ไอ้ดินเริ่มเล้าโลมใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ความเร่าร้อนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณต่างจากตอนแรก
ร่างเปลือยเปล่าแค่ท่อนบน แต่ตอนนี้เปลือยเปล่าล่อนจ้อนกันทั้งคู่ ผมหุบขาลงทันทีที่แกนกายของผมสัมผัสกับความเย็นภายในห้อง..ก็มันอายนี่หว่าเมื่อเทียบกับเจ้าจักรวาลของไอ้ดิน  ไอ้ดินกางขาผมออกอีกครั้ง ก่อนจะใช้ฝ่ามืออันร้อนรุ่มของมันกำแกนกายที่กำลังขยายตัวของผม

“อะ  อ๊ะ” เสียงผมร้องครางเมื่อไอ้ดินเริ่มเคลื่อนไหวมือที่กำแกนกายของผมแล้วขยับขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น มืออีกข้างที่ว่างเว้นของไอ้ดินก็หยอกล้ออยู่ที่ยอดอกของผม จากนั้นมันก็โน้มหน้าเข้ามาครอบครองเรียวปากของผมอีกครั้ง จูบร้อนแรงและเร่าร้อนแสดงถึงความต้องการของเราทั้งคู่

จากนั้นไอ้ดินที่ค่อมเหนือร่างผมมันก็รวบแกนกายของเราทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกันและเคลื่อนไหวขึ้นลงด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่าเมื่อครู่ สติของผมพร่าเลือนหลอมละลาย เหงื่อของไอ้ดินที่ไหลหยดลงมาโดนแก้มผมแม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นฉ่ำ ก็ช่วยดับความรุ่มร้อนของของเราไม่ได้เลย
เสียงหอบหายใจกระเส่า ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครดังไปทั่วห้อง อารมณ์ปลุกเร้าของผมใกล้ถึงขีดสุด

“อึก  อ๊ะ ไอ้ดิน มะ ไม่ไหว จะไม่ไหวแล้ว” ผมร้องบอกไอ้ดินแทบไม่เป็นภาษาด้วยเสียงกระเส่า

“อา พร้อมกันนะ ดอกไม้” ไอ้ดินกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงแหบพล่า  จากนั้นมันก็เร่งจังหวะขยับแกนกายของเราทั้งคู่ขึ้นลงให้ถี่ขึ้น
จนเราทั้งคู่ถึงปลายทางแทบจะพร้อมๆกัน ของเหลวสีขาวขุ่นกระจายไปทั่วหน้าท้องของผม

ไอ้ดินจูบซับเหงื่อที่ซึมออกมาบริเวณไรผมและปลายจมูกของผมอย่างอ่อนโยน จากนั้นมันใช้ทิชชู่เช็ดของเหลวที่เปรอะเปื้อนบริเวณหน้าท้องออกให้ผม ก่อนจะค่อยๆอุ้มผมที่ตอนนี้นอนหมดแรงไปยังห้องน้ำ

ผมปล่อยให้ดินทำหน้าที่ดูแลโดยไม่ขัด ทุกการกระทำทุกสัมผัสอ่อนโยนที่มันเอาใจใส่ทำความสะอาดให้ผมโดยไม่รังเกียจ ทำให้ผมซึ้งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก..การกระทำของมันแทนคำพูดได้ดีว่ามันรักผมอย่างที่มันพูดจริงๆ

ิ   ..ผมรักมันจัง

“เสร็จแล้ว นอนพักนะ” ไอ้ดินซับตัวให้ผมจนแห้ง พร้อมกับนุ่งผ้าเช็ดตัวให้เสร็จสรรพเอ่ยบอกเบาๆ ก่อนจะลุนหลังผมให้เดินออกจากห้องน้ำ  แต่ผมดันขืนตัวไว้หันกลับไปกอดมันไว้แน่น

“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่รักกู” ผมเอ่ยออกมาจากก้นบึ้งของความรู้สึก จากนั้นไอ้ดินก็โน้มหน้าลงมาจูบซับหน้าผากผมอย่างอ่อนโยนแทนคำพูด

“มึงเล่นมากอดกูแบบนี้ กูก็แย่อ่ะดิ” ไอ้ดินที่ตอนนี้ยังตัวเปลือยล่อนจ้อนก้มมองแกนกายของตัวเองผมเลยมองตามมันไปด้วย  ภาพที่เห็นคือเจ้าจักรวาลของมันกำลังจะผงาดค้ำโลกอีกครั้ง!!

..และแล้วจังหวะรักของเราก็เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง..ในห้องน้ำ

ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองขึ้นมานอนบนเตียงได้อย่างไร รู้เพียงแต่ว่าอ้อมกอดที่กำลังกอดผมอยู่นั้นมันอุ่น อุ่นจนผมกลัว..กลัวว่าจะสูญเสียมันไป ผมเลยกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้น เพื่อเป็นการปกป้องของรักของหวงของตัวเอง..




ภาพตัดมาที่ห้องไอ้หมีที่ตอนนี้ทุกคนกำลังรวมตัวก๊งเหล้ากันอยู่

“เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงคุยกันอยู่เลย แต่ตอนนี้เงียบไปแล้วว่ะ” ไอ้หมีเอาหูแนบกับฝาผนังห้องเงี่ยหูฟังอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ป๊าบ”

“อู๊ย ไอ้ปูนมึงตบหัวกูทำไมวะ”

“อย่าไปเสือกเรื่องของเพื่อนน่า นั่งลงมาแดกเหล้าได้แล้ว”

“มึงว่าพวกมันจะเสร็จกันมั้ยวะ” ไอ้สมใจถามด้วยความตื่นเต้น

“กูว่าเสร็จ” ไอ้นพตอบพลางทำหน้าครุ่นคิด

“กูก็ว่าเสร็จ ถุงยางที่กูซื้อให้ไม่หมันแน่ๆงานนี้”

“แต่กูว่าไม่เสร็จ”

“อ้าวทำไมล่ะพี่”

“น้องเขยกูมันสุภาพบุรุษ แล้วมันก็รักน้องกูมาก มันคงไม่ยอมให้เมียตัวเองตูดแหกตอนมาเที่ยวหรอกว่ามั้ย”

“เออว่ะ” แล้วทุกคนก็ประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน

“ถุงยางกูเป็นหมันอีกแล้ว” ไอ้หมีพูดด้วยน้ำเสียงสุดเซ็ง


     สรุปแล้วทุกคนคิดว่าคืนนั้น ‘คู่รักข้าวใหม่ปลามัน’ ยังไม่มีใครเสร็จใคร แต่ความจริงแล้ว เสร็จจ้า!!
     
     ...แต่ยังไม่แหก!!!




  TBC.

……………………………………………………………………………………..

บทนี้มาแบบสั้นๆรวบรัดตัดตอน แฮะๆ
บทหน้ายังอยู่ที่เสม็ด มาดูคู่ของพี่น้ำกับน้องปูน ว่าจะเสร็จหรือจะแหกรึป่าว!!
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านกันนะคะ^^


Twitter - MA_LEE_01


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2018 21:43:24 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0


เสร็จกันแล้วววววว!!   :laugh:





ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ฮาตรงแก๊งค์เพื่อนนี่แลลล

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


บทที่ 15 เสม็ดมันเสร็จจริงๆว่ะ!



พาร์ตของปูนใส


“น้องปูน”

“ครับ”

“ไปเล่นน้ำกัน”

“ไม่ดีกว่าครับ ปูนว่ายน้ำไม่แข็งปูนกลัว”

“พี่มีห่วงยาง อีกอย่างอยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว!” พี่น้ำชูห่วงยางเด็ก!ให้ผมดูด้วยรอยยิ้มกว้าง

“...”

“มาเหอะมาทะเลทั้งทีก็ต้องเล่นน้ำทะเลสิ” พี่น้ำคว้าข้อมือผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาด ผมเลยต้องจำใจลุกตามแรงดึงของพี่น้ำ

“ทำไมพี่น้ำไม่ไปดำน้ำกับพวกไอ้พู่ล่ะครับ” พวกไอ้พู่จองทริปดำน้ำไว้ ออกไปตั้งแต่เที่ยงผมที่ไม่ค่อยถูกกับกิจกรรมทางน้ำสักเท่าไหร่เลยเลือกที่จะนอนอ่านหนังสือ(เรียน)สบายๆอยู่ที่ริมหาดดีกว่า..แต่แปลกที่พี่ไม่ได้ไปด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวผมเหงา!

“แล้วใครจะอยู่กับน้องปูนล่ะ”

“ปูนอยู่ได้” ผมอยู่ได้จริงๆ ดีซะอีกจะได้อ่านหนังสือสบายๆเงียบหูโดยไม่มีมลพิษทางสียงจากผองเพื่อน!

“แต่พี่อยู่ไม่ได้!”

“...!!” ไอ้คำพูดแบบเนี้ย ผมฟังแล้วก็เขินอยู่เรื่อย!


..แปลกดีเหมือนกันทั้งที่รู้จักกันมาตั้งนานผมไม่เคยเขินหรือตื่นเต้นเวลาที่อยู่ใกล้พี่น้ำ แต่พอหลังจากที่เลิกกับแป้งแล้วพี่น้ำบังเอิญเจอผมนั่งร้องไห้อยู่หน้าเซเว่นวันนั้น พี่น้ำก็วนเวียนอยู่ใกล้ผมเสมอและมักจะมีเค้กแสนอร่อยจากแม่ดามาให้ผมบ่อยๆจนผมเกิดความรู้สึกแปลกๆ และเขินกับบางคำพูดและสายตาของพี่น้ำ..ผมรู้สึกดีเวลาที่พี่น้ำอยู่ใกล้ๆ มันสบายใจอย่างบอกไม่ถูก มารู้ตัวอีกทีผมก็ชอบพี่น้ำเข้าให้แล้ว!

ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าพี่น้ำกำลังทำอะไรทำไมถึงชอบทำให้ใจผมปั่นป่วนอยู่เรื่อย..กระทั่งวันที่พี่น้ำมาที่ห้องของผม และขอผมเป็นแฟน! ผมถึงได้รู้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของพี่น้ำคือพี่เขากำลังจีบผม..ผมนี่มันซื่อบื้อจริงๆ!!

ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำขอเป็นแฟนนั่น แต่ผมขอให้พี่น้ำจีบผมต่ออีกหน่อย เพราะที่ผ่านมาผมไม่รู้ตัว และไอ้การถูกจีบ..มันก็รู้สึกดีชะมัด!!

การที่ผมไม่ปฏิเสธและขอไปแบบนั้นหวังว่าพี่น้ำจะเข้าใจว่าจริงๆแล้ว..เราใจตรงกัน!


“อยู่แค่ตรงนี้ก็พอครับ” ผมบอกพี่น้ำให้หยุดเดินต่อ เพราะตอนนี้ระดับน้ำมันเท่าอกผมแล้ว แต่มันเท่าแค่สะดือของพี่น้ำเอง..ก็ผมมันพวกฮอบบิท  ฮือออ

“ไม่ต้องกลัวครับน้องปูนอยู่ในห่วงยางนะ อีกอย่างพี่บอกแล้วไงว่าอยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว พี่จับมือเราไว้อยู่รับรองพี่ไม่ปล่อยเด็ดขาด” แล้วพี่น้ำก็จูงมือผมให้เดินไปในระดับน้ำที่ลึกกว่าเดิม กระทั้งเท้าผมไม่สัมผัสโดนกับผืนทราย

“พี่น้ำ~” ทั้งตัวและน้ำเสียงผมเริ่มสั่น

“โอเคๆ พี่ขอโทษไม่คิดว่าเราจะกลัวขนาดนี้” พี่น้ำที่รับรู้ถึงความกลัวของผมพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยนก่อนที่จะจูงมือผมให้ลอยตัวมายังบริเวณที่เท้าผมแตะถึง

“พี่ขอโทษนะ” พี่น้ำพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับ พี่น้ำไปว่ายน้ำก็ได้นะครับ เดี๋ยวปูนรออยู่ตรงนี้”

“ได้ไง พี่บอกแล้วไงว่าจะไม่ปล่อยมือเรา!”

“ตรงนี้น้ำไม่ลึก ปูนไม่กลัวครับ” น้ำมันแค่เอวผม แถมยังอยู่ในห่วงยาง ถือว่าปลอดภัยผมเลยไม่กลัว

“แน่ใจนะ!”

“ครับ”

ผมลอยตัวเล่นน้ำอยู่ในห่วงยางสู้กับแดดอันเจิดจ้าในเวลานี้ ส่วนพี่น้ำก็ดำผุดดำว่าย อยู่ไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ แต่สายตาก็ยังคงหันมองมาที่ผมเป็นระยะๆ แบบนี้พี่น้ำก็ไม่สนุกน่ะสิมัวแต่กังวลผม

..ทำไมอ่อนแอขนาดนี้วะไอ้ปูน มึงจะกลัวอะไรห่วงยางก็มี อีกอย่างพี่น้ำก็อยู่นี่ ทำไมต้องกลัว!
แล้วคำพูดของพี่น้ำก็ดังเข้ามาในความคิด ‘อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว’ นั้นสิ ไม่มีพี่ต่างหากที่ผมกลัว!
คิดได้ดังนั้น ผมเลยใจกล้าค่อยๆลอยตัวไปใกล้พี่น้ำ จนเท้าเตะไม่ถึงพื้นทรายใจผมก็กระตุกวาบ ภาพที่ไม่น่าจดจำในอดีตฉายวับเข้ามาในความคิด..ผมกลั้นหายใจจับห่วงยางไว้แน่นพร้อมกับหลับตาปี๋

“น้องปูน!” พี่น้ำเรียกผมด้วยความตกใจ..แต่ที่ตกใจมากกว่าก็ผมนี่แหละ! เพราะว่าตอนนี้หน้าของพี่น้ำใกล้กับหน้าของผมมาก มากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของพี่น้ำ

“เป็นอะไรรึป่าว ทำไมไม่เรียกพี่เดี๋ยวพี่ไปหาเราเองตรงนี้มึนลึกนะ” ทั้งน้ำเสียงและสายตาของพี่น้ำเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ปูนแค่อยากมาเล่นกับพี่น้ำ”

“ไม่กลัวแล้วเหรอ?!”

“พี่น้ำบอกเองว่าอยู่กับพี่น้ำไม่ต้องกลัว ปูนเชื่อครับว่าพี่น้ำจะปกป้องปูนได้ พี่น้ำคงไม่ปล่อยให้ปูนจมน้ำใช่มั้ยครับ” ผมพูดในสิ่งที่ใจคิด เพราะเวลาผมอยู่กับพี่น้ำผมรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

“น้องปูน~ เชื่อใจพี่ได้เลยครับ” พี่น้ำพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง จากนั้นพี่น้ำก็จับมือผมทั้งสองข้างจูงผมให้ล่องลอยไปตามผิวน้ำ..สัมผัสอุ่นจากมือพี่น้ำส่งผ่านมายังหัวใจผมที่ตอนนี้มันอุ่นวาบไปทั้งสี่ห้องหัวใจ ผมเชื่อใจพี่น้ำจนลืมความกลัวไปหมดสิ้น..

“พี่ถามได้มั้ย ทำไมน้องปูนถึงกลัวน้ำ เอ๊ะหรือว่ายังไม่ได้ฉีดยา” แหนะ! ยังจะตลกอีก

“ปูนฉีดยาแล้ว!..ตอนเด็กปูนเคยจมน้ำ ปูนเลยไม่ค่อยถูกกับน้ำสักเท่าไหร่”

“แล้วน้ำคนนี้ล่ะถูกด้วยรึป่าว” สายตาที่ถามช่างเป็นประกายวาววับ

“อืม...นั่นสิ น่าจะถูกครับ แบบพี่น้ำคงไม่แพง” ผมแกล้งแซวเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน ผมเข้าใจความหมายในคำพูดของพี่น้ำว่าหมายถึงอะไร ถ้าไม่ถูกด้วยคงไม่กล้าลอยตัวเข้ามาหาในน้ำที่ลึกแบบนี้!

“ฮ่าๆ น้องปูนก็! คนกำลังจะเข้าโหมดซึ้งพาเลี้ยวมาตลกเฉยเลย มุกแบบนี้อย่าไปเล่นที่ไหนนะสงสัยอยู่กับไอ้หมีมากไปแน่เลย”

“ฮ่า ๆ คงงั้นมั้งครับ”

“คำตอบของพี่ที่ถามไปตอนนั้น พี่ขอคำตอบตอนนี้เลยได้มั้ยครับ” ทั้งสายตาและคำพูดของพี่น้ำแปรเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาทันที

“ปูนชอบพี่น้ำครับ” ผมตอบออกไปทันทีเพราะไม่รู้จะเก็บมันไว้อีกทำไม ในเมื่อความรู้สึกของเรามันชัดเจนขนาดนี้

“แล้ว?!”

“...” ผมก็บอกชอบไปแล้วไง! ทำไมผมต้องพูดต่อด้วยล่ะ ไอ้พี่น้ำนี่ มันต้องเป็นหน้าที่พี่สิ!

“น้องปูน แล้วยังไงต่อครับ”

“ไม่ยังไงครับ ปูนขึ้นฝั่งดีกว่าอยู่ในน้ำนานละ” เขิน จะให้ผมขอเป็นแฟนก่อนได้ไงล่ะ!

“โธ่ น้องปูนอย่าเพิ่งไปสิ..เป็นแฟนกับพี่ก่อนแล้วค่อยไป” แล้วพี่น้ำก็ถึงห่วงยางผมไว้ไม่ให้ผมได้ขยับตัว

“...” ขี้โกงที่สุด

“ว่าไง ถ้าไม่ยอมก็อยู่ในน้ำนี่แหละให้ตัวเปื่อยไปเลย”

“ฮ่าๆ เป็นก็ได้ครับ” ก็ขอแล้วนี่นะ ก็ถึงเวลาที่ผมต้องตอบ

“จริงๆนะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” พี่น้ำพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนทำอะไรไม่ถูกได้แต่กระโดดโหยงๆอยู่ในน้ำ

..น่ารักดีแฮะ!

“ครับ เราเป็นแฟนกัน” ผมตอบชัดเจนและจริงใจที่สุด และต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันไม่รู้ว่ายิ้มของใครกว้างกว่ากันแต่ที่รู้ๆดวงตาเป็นประกายของเราทั้งคู่มันเปล่งประกายยิ่งกว่าประกายแสงแดดที่กระทบกับผืนทะเลตอนนี้เสียอีก..

“น่ารักที่สุด เด็กน้อยของพี่” แล้วพี่น้ำก็ดึงผมเข้าไปกอดโดยมีห่วงยางขวางกั้น ..ผมไม่ชอบให้ใครเรียกผมว่าเด็กแต่สำหรับพี่น้ำผมยอม!

“น้องปูนพี่ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ”

“อะไรครับ?”

“จูบ” พี่น้ำพูดพร้อมกับจ้องลึกมาที่นัยน์ตาของผม

“มะ ไม่ได้” ผมรีบหลบสายตาก่อนจะปฏิเสธเสียงสั่น

“ทำไมล่ะก็เราเป็นแฟนกันแล้ว รู้มั้ยว่าปากแดงๆของเราน่าจูบแค่ไหน” ท้ายประโยคเสียงของพี่น้ำเริ่มแผ่ว พร้อมกับแตะเรียวนิ้วมาที่เรียวปากของผมเบาๆ

“ปูนอยากขึ้นฝั่งแล้ว” ขืนไม่ขึ้นตอนนี้น้ำทะเลคงได้เดือดแน่ๆ เพราะไม่ใช่แค่หน้าที่ร้อนแต่มันร้อนไปทั้งตัวความเย็นจากน้ำทะเลก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย!

“จูบพี่ก่อน เดี๋ยวให้ขึ้น” พี่น้ำก็ยังคงงอแง เหมือนเด็กเอาแต่ใจ..ตกลงใครเป็นเด็กน้อยกันแน่!!

“เจ้าเล่ห์นะค...” ประโยคที่ผมกำลังพูดขาดหายโดยพลันเมื่อพี่น้ำโน้มหน้าลงมาจูบ แม้สัมผัสจะบางเบาแต่ทว่ากับทำให้หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก!!

“ปากของน้องปูนเป็นอย่างที่พี่จิตนาการไว้เลย” ใบหน้าของพี่น้ำยังคลอเคลียไม่ห่างจากใบหน้าของผมที่ตอนนี้มันคงแดงปลั่ง

“จิตนาการอะไรครับ?”

“มันหวานและหอมเหมือนไอติมวนิลาเลย!” เสียงกระชิบบอกใกล้กับมุมปากของผม จากนั้นพี่น้ำก็แนบเรียวปากลงมาชิมไอติม
รสวนิลาจากเรียวปากของผมอีกครั้ง!


                ....บึ้มมมมมม ลาก่อนหัวใจดวงน้อยของผม!!



จบพาร์ตของปูนใส

....................................................



“เฮ้ย!! สองคนนั้นน่ะ จะจู๋จี๋กันอีกนานมั้ย ฉลามจะแดกหัวพวกมึงอยู่แล้ว” ผมตะโกนแซวไอ้ว่าที่คู่รัก ที่ตอนนี้คงจะเป็นคู่รักโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่งั้นคงไม่จูบกันกลางทะเล!

“พวกกูเห็นนะเมื่อกี้น่ะ” ไอ้หมีแกล้งถามอย่างจับผิด เมื่อทั้งสองคนขึ้นมาบนชายหาด

“ก็คนเป็นแฟนกันจะทำไมวะ มึงอิจฉาล่ะสิไอ้หมี” ไอ้พี่น้ำพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ส่วนไอ้ปูนนะเหรอแก้มแทบแตก!

“แฟนกัน!!” แล้วทุกคนก็ประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นไอ้ดินที่แค่ยิ้มน้อยๆ ดีนะที่มันยังยิ้มถือว่ายังมีอารมณ์ร่วม!!

“แหม่ๆ พวกกูไม่อยู่แป๊ปเดียวได้เสียเป็นแฟนกันซะละ” ไอ้หมีเอ่ยแซวอย่างล้อๆ

“ได้เสียพ่องดิ ยังโว้ย” ไอ้ปูนโวยวาย แต่หน้ามันแดงแปร๊ดอย่างกะตูดลิง

“เฮ้ยอย่าให้เสียชื่อเสม็ดดิวะ เสม็ดเสร็จทุกรายนะเว้ย” ผมแกล้งแซวมันไม่เลิก สนุกจริงๆเข้าใจอารมณ์พวกมันละเวลาที่พวกมันแซวผมเรื่องไอ้ดิน

“มึงก็ยังไม่เสร็จไอ้ดินเหมือนกันนั้นแหละ!” อ้าว วกมาที่กูซะงั้น

“มึงรู้ได้ไง”

“เดินได้ปร๋อขนาดนี้คงเสร็จไปแล้วล่ะมั้ง”  รู้ดี!! แต่ก็เสร็จอยู่นะคนละสองน้ำ ฮ่าๆ แต่ใครจะง่าวบอกล่ะ

“เออ ไอ้ดินแม่งอ่อน หรือว่าไอ้พู่หุ่นมันไม่เร้าใจวะ กูหาสาวให้มะ” ไอ้หมีแกล้งทำสีหน้าผิดหวัง ตอนไปดำน้ำมันก็บ่นตลอดทริปว่าถุงยางและอุปกรณ์ในการร่วมรักที่มันซื้อให้เป็นของขวัญต้องเป็นหมัน จนผมรำคาญอยากจะเอากล่องถุงยางปาหัวมันจริงๆ!!

“สาวพ่อง เงียบไปเลยไอ้หมี” เสร่อ!!

“ไม่ต้องหรอกแค่นี้ก็เร้าใจจนกูแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว”

“ไอ้ห่าดิน!! มึงไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้นะ” ทีเรื่องแบบนี้เสือกมีอารมณ์ร่วม! แต่เสือกพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยขัดกับคำว่าเร้าใจซะเหลือเกิน!

“อย่างไอ้พู่เนี่ยนะเร้าใจ กูนึกภาพไม่ออกว่ะ” ไอ้สมใจเดาะลิ้น แล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับสายหน้า

“มันขาวไง ไอ้ดินแม่งชอบของขาวมึงก็รู้” ไอ้นพยืนกอดอก หรี่ตามองผมผ่านกรอบแว่นของมันคล้ายสำรวจ..นี่กูตัวอะไร!? มายืนพินิจพิจารณาอยู่ได้!

“พวกมึงไม่ต้องอยากรู้หรอก กูเร้าใจของกูก็พอ..ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วจะยืนโชว์หัวนมอีกนานมั้ย” เอ้า จู่ๆก็เข้าโหมดหงุดหงิดแล้วก็มาลงที่กูซะงั้น!!

“หัวนมห่าไรของมึง กูก็ใส่เสื้อมะ”

“เสื้อเปียกแนบกับตัวขนาดนี้ ก้มดูตัวเองดิ”

“โว๊ะ ไร้สาระกูก็ผู้ชายมะ เสื้อมึงก็เปียกเห็นหัวนมมึงเหมือนกันนั่นแหละ” ไม่ยอมครับ ขอเถียงสุดใจขาดดิ้น

“ไม่รู้กูหวง!”

“มึงแมร่ง”

“อย่าเถียง เดี๋ยวจับจูบ” ครับ! จบที่ตรงนั้น กูยอม!!

“เอ่อ ถ้าจะจูบกันรบกวนไปที่ห้องนะครับ” ไอ้สมใจผายมือไปยังห้องพักของผมกับไอ้ดิน

“ป่ะ” แล้วมันก็ดึงแขนผมให้เดินตามมัน

“จะไปไหน”

“ไปจูบที่ห้อง!”

“เพื่อนกู แม่งคนจริงเว้ย!!” เสียงไอ้สมใจที่ตะโกนไล่หลังมา พร้อมกับเสียงโห่แซวของผองเพื่อน มันช่างน่าถีบซะจริงๆ!




“อะไรของมึงเนี่ย” ผมสะบัดมือออกเมื่อเข้ามาในห้อง

“ไปอาบน้ำ หรือจะให้กูอาบให้เหมือนเมื่อคืน” ไอ้ดินจ้องหน้าผมด้วยสายตาวาววับ

“ไม่ต้อง!!” ขืนให้มึงอาบให้มันไม่จบแค่อาบน้ำแน่ๆ!

ผมออกจากห้องน้ำ ไอ้ดินก็เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำต่อผมทันที..เป็นห่าอะไรของมันอีก!!


..ไอ้ดินออกจากห้องน้ำผมก็นั่งหน้าหงิกรอคุยกับมันอยู่บนเตียง..แม่งตามอารมณ์มันไม่ทันจริงๆครับ!

“เป็นไรของมึง” ผมถามไอ้ดินที่ตอนนี้นั่งเช็ดหัวอยู่ที่ปลายเตียง แล้วมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเขยิบมาใกล้แล้วใช้ผ้าขนหนูที่มันใช้เช็ดหัวตัวเองมาเช็ดหัวให้ผมที่ตอนนี้มันยังเปียกชื้น ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบก่อนที่ไอ้ดินจะเป็นฝ่าตอบคำถามของผม

“กูขอโทษ..กูหวงมึงมากไปหน่อย”

“กูไปทำอะไรให้มึงต้องหวงไหนว่ามาสิ” ผมไม่อยากให้มีปัญหาค้างคา ต้องรีบคุยกันให้เข้าใจ ไม่อยากปล่อยผ่านไม่อย่างนั้นมันจะบั่นทอนจิตใจเปล่าๆ

“เพราะมึงน่ารักกูก็เลยหวง!”

“...!!” ประสาท  ผมได้แต่ทำหน้าไม่เข้าใจ

“ก็ตอนไปดำน้ำ พวกฝรั่งต่างก็มองมึงอย่างกับจะแดกมึงลงท้อง ไม่ใช่แค่ฝรั่งสิ พวกทัวร์จีนก็ด้วย มีแต่พวกขาวตี๋ทั้งนั้นต่างก็มองมึงตาเป็นมัน” โว๊ะ! ถ้าจะบ้า สงสัยแฟนผมจะอาการหนัก! หึงหวงได้มั่วซั่วมาก ไม่คิดว่าโมเมนต์นี้จะเกิดขึ้นกับไอ้ดิน เฮ้อ..ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือจะหนักใจดี

น่าขำ..แต่ก็ขำไม่ออก เพราะสีหน้ามันเป็นกังวลมาก!!


“เราห้ามสายตาใครไม่ได้หรอกนะ เขาก็แค่มองป่าววะ มึงจะคิดมากไปทำไม”

“…”

“ยังไงกูก็อยู่นี่กับมึง ทั้งตัวและก็..” ผมละคำพูดสุดท้ายไว้แต่บอกด้วยภาษากาย ผมจับมือของไอ้ดินมาทาบที่หน้าอกซ้ายของผมแล้วก็ทาบทับมือของตัวเองทั้งสองข้างไว้บนหลังมือของมัน..หัวใจของผมตอนนี้มันเต้นแรงแต่มั่นคง เพื่อจะบอกให้ไอ้ดินรับรู้ว่า ใจที่มั่นคงของผมดวงนี้เป็นของมัน..

“กูขอโทษ..ดอกไม้กูมันงี่เง่าเอง” สีหน้าของไอ้ดินอ่อนลงทันที แล้วมันโอบกอดผมด้วยมืออีกข้างที่ว่างเว้นจากการเกาะกุมหัวใจของผม

“มึงไม่จำเป็นต้องแคร์คนอื่น คนที่มึงควรแคร์คือคนที่มึงรักต่างหาก” ผมไม่ได้พูดตรงๆว่ามันควรแคร์ผม หวังว่ามันจะเข้าใจว่าคนที่มันรักผมหมายถึงใคร

“กูรักมึงมากนะพู่กัน แล้วกูก็แคร์มึงมากๆด้วย แต่บางครั้งกูก็กลัว..กูกลัวจะเสียมึงไป”

“เป็นกูต่างหากมั้ยที่กลัว แฟนคลับมึงเยอะจะตาย แต่ที่กูไม่กังวลเพราะกูเชื่อใจมึงไงล่ะ..แผ่นดิน”

“...” ไอ้ดินเหมือจะอึ้งไปกับคำพูดของผม เพราะผมไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน และผมไม่เคยแสดงออกว่าจริงจังด้วยล่ะมั้ง ไอ้ดินถึงได้กลัวและกังวลขนาดนี้..ผมผิดเอง!

“มึงจะเชื่อใจกูเหมือนที่กูเชื่อใจมึงได้รึป่าว” ผมใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าของไอ้ดินแล้วสบเข้าไปนัยน์ตาของมัน เพื่อจะสื่อว่าผมจริงใจแค่ไหน แล้วถามมันอย่างอ่อนโยน

“กูรักมึง กูเชื่อใจมึง และกูขอโทษที่ทำให้มึงคิดมาก”

“กูก็ขอโทษมึงเหมือนกัน”

“มึงจะขอโท..” ไม่รอให้มันพูดจบผมโน้มหน้าของไอ้ดินลงมาจูบ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รักก็คือรัก เชื่อใจก็คือเชื่อใจ ผมเลิกพูดแล้วใช้ภาษากายบอกมันแทนว่าผมขอโทษที่ทำให้มันกังวลและผมรักมันแค่ไหน..



 
  อ่านต่อด้านล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2018 13:21:17 โดย MA_LEE »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
..ไอ้ดินอึ้งกับการจู่โจมก่อนของผม ก่อนสติมันจะกลับมาแล้วเป็นฝ่ายจู่โจมผมแทน


     จูบครั้งนี้ต่างจากจูบครั้งไหนๆ มันอ่อนนุ่มแต่ก็แฝงไปด้วยความดุดัน เป็นจูบที่อ้อนวอน ร้องขอและเป็นจูบที่ต้องการครอบครอง  เราจูบกันอย่างดูดดื่มเร้าร้อน จากนั้นเราก็ผละออกจากกัน สบตากันแล้วเราก็ยิ้มให้กัน ..รอยยิ้มของไอ้ดินเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา

“กูรักมึงพู่กัน”

“กูก็รักมึงแผ่นดิน”

สิ้นเสียงคำบอกรักของเราไอ้ดินก็ประกบปากลงมาที่เรียวปากผมอีกครั้ง จูบอ่อนโยน ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่เร่าร้อนแทบแผดเผา ไม่ต่างจากความต้องการของเราทั้งคู่ที่กำลังลุกโชน ..ก่อนทุกอย่างจะจบลงแบบค้างเติ่งเหมือนครั้งก่อนๆ ผมผละออกจากปากของไอ้ดินแล้วพูดความต้องการจากใจจริงออกไป

“ดิน ครั้งนี้ไม่ต้องหยุดนะ ทำต่อไปเลย” ผมพูดออกไปโดยไม่อายปาก เพราะความต้องการของผมในตอนนี้มันมีมากเกินกว่าจะมาเหนียมอาย!

“คืนนี้มึงอาจจะป่วย มึงจะไม่สบายตัวอย่าลืมว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่บ้าน” ไอ้ดินกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแหบพล่า ด้วยสีหน้าที่อึ้งเล็กน้อย

..ผมรู้ว่ามันต้องอดกลั้นมากกว่าผมเสียอีก เพราะแบบนี้ไงผมถึงเต็มใจ!

กูต้องการมึง..แผ่นดิน” ผมคล้องแขนโอบรอบคอของไอ้ดิน พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นปนออดอ้อน

มึงแน่ใจนะ เพราะครั้งนี้กูคงถอยหลังอีกไม่ได้แล้ว” ไอ้ดินสบตาผมนิ่ง ผมจูบมันแทนคำตอบเป็นสัญญาณว่าผมแน่ใจ
 
จูบรุกเร้าจากไอ้ดินเป็นคำตอบได้ดีว่าครั้งนี้มันถอยไม่ได้แล้วจริงๆ ปลายลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาในโพรงปากไล่สำรวจไปทุกซอกทุกมุมก่อนจะดูดดึงเรียวลิ้นของผมอย่างจาบจ้วงดุดัน ผมไม่ปฏิเสธดูดรัดปลายลิ้นร้อนของไอ้ดินเป็นการตอบโต้เช่นกัน

ไอ้ดินผละจูบแสนเร่าร้อนออก จากนั้นก็ดูดซับน้ำลายที่เปรอะมุมปากและข้างแก้มออกอย่างอ่อนโยนแต่ก็วาบหวามอยู่ในที ลิ้นร้อนของไอ้ดินไล่วนไปทั่วใบหน้าก่อนจะมาหยุดที่ใบหูมันทั้งดูดดึงและขบเม้น ทำให้ขนอ่อนของผมลุกเกรียวไปทั้งตัว ในขณะที่ปากของไอ้ดินทำหน้าที่ไม่หยุดนิ่ง มือของมันก็ไม่หยุดนิ่งเช่นกันลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผม ทุกการกระทำทุกสัมผัสล้วนเป็นตัวกระตุ้นความต้องการให้ลุกโชนมากขึ้นกว่าเดิม

เสื้อยืดของผมถูกถอดออกโดยคนที่คร่อมอยู่บนตัวผม มันโยนเสื้อทิ้งอย่างไม่ใยดีผิดวิสัยพ่อบ้านรักสะอาดอย่างมัน ไอ้ดินตอนนี้กลายร่างจากสัตว์กินพืชมาเป็นสัตว์กินเนื้อที่หิวกระหาย และผมคือเหยื่ออันโอชะที่เต็มใจให้มันกิน!!

ลิ้นร้อนที่ไล่วนอยู่ที่ยอดอก ทั้งเลียทั้งดูดเม้นมันเสียวซ่านจนผมต้องแอ่นตัวขึ้นรับสัมผัสนั้น จากนั้นมันก็ทิ้งรอยแดงไปทั่วหน้าอกของผม  ความเสียวซ่านเพิ่มระดับมากขึ้นไปอีกเมื่อไอ้ดินลากลิ้นไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ แล้ววนอยู่ที่หน้าท้องจนผมเริ่มหายใจติดขัด จากนั้นมันก็ใช้นิ้วเกี่ยวขอบกางเกงขาสั้นและกางเกงในของผมพร้อมกันแล้วเกี่ยวดึงลงอยากรวดเร็ว ไอ้ดินกำแกนกายของผมที่กำลังตื่นตัวและตวัดปลายลิ้นร้อนลงมายังที่ส่วนปลายอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ ไม่ได้ ไอ้ดิน ห้ามใช้ปาก” ผมรีบท้วงทันทีและผลักหัวมันออกจากบริเวณนั้น

“ทำไม” มันเงยหน้าขึ้นถามแต่มือที่กำแกนกายของผมก็ยังไม่หยุดขยับขึ้นลง

“มันสกปรก ชะ ใช้มือก็พอ”

“กูเต็มใจ” จากนั้นมันก็ก้มหน้าครอบครองส่วนนั้นด้วยปากของมันอีกครั้ง ทั้งดูดดึงและไล่เลีย

อืม..ผมรู้สึกดีกับสัมผัสนั้นโคตรๆ  ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายผมเผลอขยุ้มไปที่หัวของไอ้ดินอย่างลืมตัว เสียงหอบหายใจดังขึ้นอย่างหนักหน่วงไม่ต่างจากคนที่กำลังครอบครองแก่นกายของผมอยู่ในตอนนี้

ร่างกายของผมแทบจะปลดปล่อยออกมาในทันใดเมื่อไอ้ดินเร่งจังหวะเร็วขึ้น แต่แล้วไอ้ดินก็หยุดชะงักถอนริมฝีปากออก ผมยกตัวขึ้นมองหน้ามันอย่างสงสัย มีเพียงแค่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มันส่งมาให้ แล้วมันก็ก้มหน้าไปตรงจุดที่ผมคาดไม่ถึง

“อ๊ะ!” ปลายลิ้นร้อนของไอ้ดินตอนนี้กำลังไล่เลียวนอยู่ที่ช่องทางนุ่มหยุ่นข้างหลังของผม

     ประหลาด..มันรู้สึกดีแฮะ!!

“เป็นไง”

“อื่อ แปลกๆ แต่รู้สึกดี”

“กูจะค่อยๆเอานิ้วเข้าไปนะ”

“...” ผมหายใจเข้าลึกๆ เตรียมพร้อมกับสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาในตัวผมเป็นครั้งแรก!

ไอ้ดินค่อยๆชโลมเจลหล่อลื่นลงบนนิ้วของมันและช่องทางด้านหลังของผม ก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วชี้เข้ามาจนสุดแล้วนิ่งค้างไว้  ถ้าไอ้หมีมันรู้ว่าอุปกรณ์ร่วมรักที่มันซื้อให้ไม่เป็นหมันอีกแล้วมันคงดีใจตายห่า!

“เจ็บมั้ย ดอกไม้”

“นิดๆ แต่กูรู้สึกอึดอัดมากกว่า”

“งั้นกูจะเริ่มขยับนะ” ไอ้ดินบอกผมทุกขึ้นตอน เพื่อให้ผมเตรียมพร้อม

“อะ ดินเจ็บ” ผมรีบกำท่อนแขนของมันไว้ เพื่อให้มันหยุดก่อน

“อย่าเกร็งดอกไม้ ของมึงรัดนิ้วกูแน่นมาก ผ่อนคลายหน่อย” มืออีกข้างที่ว่างเว้นลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบา พร้อมกับโน้มหน้าลงมาจูบซับเรียวปากของผมอย่างอ่อนโยน ส่วนมือที่อยู่ด้านล่างก็ขยับเข้าออกอย่างช้าๆ

จูบที่ปลอบประโลมทำให้ผมลืมความเจ็บที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นความเจ็บก็แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ไอ้ดินได้เพิ่มจำนวนนิ้วจากหนึ่งกลายเป็นสาม มันทำให้ผมรู้สึกทั้งเสียวและอึดอัด

“ดอกไม้ มึงคงจะพร้อมแล้วกูจะใส่ของกูเข้าไปแล้วนะ” ไอ้ดินบอกด้วยน้ำเสียงแหบพล่า จากนั้นมันก็ปลดเปลื้องอาภรของตัวเองด้วยความรวดเร็ว มันคงใช้ความอดกลั้นเป็นอย่างมากจนรอมาถึงเวลานี้!

ผมพยักหน้าให้มันแรงๆพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น..แต่ผมเต็มใจ!

เจ้าจักรวาลของไอ้ดินตอนนี้ก็พร้อมเต็มที่ที่จะใช้งาน ผมเห็นความยิ่งใหญ่ของมันแล้วก็แอบหวั่นใจไม่ได้ แต่ผมก็ถอยไม่ได้อีกแล้วเหมือนกัน

ไอ้ดินใช้เจลชโลมช่องทางนุ่มหยุ่นของผมอีกครั้ง จากนั้นมันก็ใช้ปากฉีกซองถุงยางและใส่ให้กับตัวเองด้วยความคล่องแคล่ว ไหนบอกไม่เคยวะ?!

“อ๊าา เจ็บ” เจ้าจักรวาลของดินเข้ามาในตัวผมแค่ส่วนปลาย ผมก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บ ให้ตาย!ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้

“อดทนนะดอกไม้ กูจะเข้าไปให้เบาที่สุด” ไอ้ดินพูดด้วยเสียงหอบหายใจที่หนักหน่วง
 
 ผมกัดฟันด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดแกนกายของไอ้ดินก็เข้ามาจนสุด มันใหญ่จนคับแน่นไปหมด!

 ..ร่างกายของเราตอนนี้เชื่อมต่อกันแนบสนิท

“ดอกไม้อย่าเกร็ง ของมึงมันรัดแน่นเกินไปกูจะขยับยากนะแล้วมึงจะยิ่งเจ็บ”

“ดินกูเจ็บ”

“เราต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ มึงเข้าใจใช่มั้ยดอกไม้” ไอ้ดินประกบปากจูบปลอบประโลมอีกครั้ง พร้อมกับขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ

..เจ็บเหมือนร่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนมือก็โอบแผ่นหลังของไอ้ดินไว้แน่นราวกับจะช่วยให้ความเจ็บปวดนั้นลดน้อยลง

ทั้งเจ็บและจุกไปทั่วบริเวณสะโพกและท้องน้อย ..แต่แล้วมันก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด!


“อ๊ะ ดิน อา”  เสียว! แต่ความเจ็บปวดยังคงหลงเหลือแต่ไม่มากเท่าตอนแรก

“อืมม ดอกไม้ ” ไอ้ดินครางเสียงต่ำ พร้อมกับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น

..เหงื่อที่ไหลริน ลมหายใจอันหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบกัน และเสียงครางกระเส่า ดังลั่นไปทั่วห้อง แอร์ที่เย็นฉ่ำก็ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มของเราได้เลย

“ดิน อะ กูจะไม่ไหวแล้ว” มือข้างซ้ายของไอ้ดินจับสะโพกผมไว้แน่นแล้วสวนกายเข้าออกถี่และเร็วกว่าเดิม ส่วนมืออีกข้างก็ขยับแกนกายของผมขึ้นลงเร็วไม่ต่างกัน

“อ๊ะ อาาา” ของเหลวสีขาวขุ่นของผมพวยพุ่งออกมาเปรอะเปื้อนบริเวณหน้าท้องเมื่อผมถึงปลายทาง

ไอ้ดินก้มลงจูบอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเงยหน้าแล้วจับสะโพกผมไว้แน่นแล้วขยับแกนกายเข้าออกอย่างถี่รัว

“กูรักมึง พู่กัน” เสียงหอบหายใจอย่างหักหน่วงเมื่อมันใกล้ถึงปลายทาง จากนั้นผมก็รับรู้ถึงแรงกระตุกที่ช่องทางด้านหลังของผม ไอ้ดินฟุบหน้าลงกับอกผมก่อนจะจูบซับหน้าผากผมอย่างอ่อนโยนโดยที่ร่างของเราก็ยังคงเชื่อมต่อกัน

“ไหวมั้ยดอกไม้ อาบน้ำกัน”

“...” ผมได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ บอกเลยว่าเรี่ยวแรงตอนนี้แทบหมดสิ้น แล้วความเจ็บปวดก็แทรกซึมขึ้นมาอีกครั้ง!

“อ๊า” ผมอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาเมื่อไอ้ดินถอนแกนกายออก

       ..จากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย จนกระทั้งไอ้ดินมากระซิบเรียกที่ข้างหู


“พู่  พู่กัน”

“อื่อ”

“กินข้าว กับกินยาก่อนเร็ว”

“ฮือ ปวดตัว” เสียงพูดนั้นช่างแหบแห้ง ฮือออ

“นั้นไง มึงต้องกินยา” ไอ้ดินค่อยๆประคองผมลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง..โอ้ยย ปวดร้าวไปถึงทรวงใน!

“กินยาเลยได้มั้ย กูไม่หิว”

“ไม่ได้! อย่าดื้อเดี๋ยวกูป้อน” แน่นอนว่ามึงต้องป้อนกู แค่ขยับกูก็ร้าวไปทั้งทรวง!!

ผมฝืนกินข้าวต้มที่ไอ้ดินป้อนได้ไม่กี่คำก็ไม่ไหว ผมอยากนอนพักแล้วมันทั้งปวดหัวและปวดเนื้อปวดตัวไปหมด

“กินอีกสัก2คำนะ ดอกไม้”

“เอายามา!”

“โอเคครับ” ไอ้ดินยื่นยาหลายเม็ดมาให้กับผม ก่อนที่ผมจะฝืนกลืนลงคออย่างยากลำบาก

“โอ้ยยย” ด้วยความเคยชินผมไถลตัวลงนอนอย่างลืมตัว แต่ด้วยร่างกายที่ไม่ปกติทำให้ผมต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“พู่กัน!” ไอ้ดินรีบมาประคองผมด้วยความตกใจ

“...” น้ำตาแทบร่วง สัด! เจ็บ

“กูขอโทษนะดอกไม้ ไม่คิดว่ามึงจะเจ็บขนาดนี้”

“...” ผมส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้มันน้อยๆ ไม่อยากให้มันต้องกังวล

“นอนพักนะ เดี๋ยวกูไปกินข้าวแล้วจะรีบกลับมา”

“เดี๋ยว..มึงไปเอายาพวกนี้มาจากไหน” น้าไอ้สมใจน่าจะมีแค่ยาพารา

“ก็ของที่ไอ้หมีมันซื้อให้ไง มียาด้วย” อืม..ผมควรขอบใจมันดีมั้ย!

“เดี๋ยวกูรีบมา ถ้ามีอะไรก็โทรหาทันทีเลยนะ” แล้วมันก็หยิบมือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะมาไว้ให้ที่ข้างหมอน..โหมดพ่อบ้านของมันกลับมาอีกครั้ง! ความจริงมันกลับมาตั้งแต่มันเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมแล้วล่ะ

ผมนอนเป็นผักเฉาอยู่บนเตียง จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกห้องเลยสลึมสลือตื่น

“ไอ้ดิน! มึงทำน้องกูแรงไปรึป่าววะ มันถึงได้นอนเปลี้ยขนาดนี้”

“พี่น้ำผมขอโทษครับ แต่ผมเบาที่สุดแล้วนะพี่ นี่ครั้งแรกของพู่ด้วยหวังว่าพี่น้ำจะเข้าใจนะครับ”

“เออกูเข้าใจ..ไอ้พู่มึงโอเคป่าววะ” แล้วมันก็เขย่าตัวผมถามด้วยความเป็นห่วง

"อืออ" มึงช่วยห่วงกูแบบเบาๆได้มั้ยวะ กูจะไม่โอเคก็เพราะมึงนี่แหละ ผมทำได้เพียงส่งสายตาเคืองๆไปให้มัน แรงด่าไม่มีครับแค่กระพริบตากูยังเจ็บบอกเลอ!!

“ให้พู่นอนพักเถอะพี่”

“เออๆ มีไรบอกกูนะเว้ย”

“ครับพี่” หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเปิดและปิดประตู แล้วห้องก็เข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง


“เป็นไงบ้าง อยากได้อะไรมั้ย” ผมค่อยๆลืมตา มองเจ้าของเสียงที่ตอนนี้มันนั่งอยู่ข้างเตียง

“ขอน้ำหน่อย”

“ค่อยๆนะ” ไอ้ดินประคองขวดน้ำที่มีหลอดดูดแล้วค่อยๆจ่อมาที่ปากผม โดยที่ตัวผมยังนอนราบเหมือนเดิม

“ทำไม ไอ้พี่น้ำเข้ามาคนเดียวล่ะ พวกนั้นไปไหนกันหมด”

“รออยู่ข้างนอกกูไม่ให้เข้ามาเองแหละ ไม่อยากให้รบกวนมึง วุ่นวายเปล่าๆ”

“ขอบใจ มึงมานอน” ผมตบที่นอนข้างๆเบาๆ จากนั้นไอ้ดินก็ซุกตัวลงในผ้าห่มแล้วสวมกอดผมเบาๆมันคงกลัวผมจะเจ็บ..ก็เจ็บจริงๆนั้นแหละผมต้องกัดปากตัวเองเพื่อไม่ให้หลุดเสียงร้องออก

“พู่”

“หืม”

“กูรักมึงนะ” มันบอกรักผมพร้อมกับลูบหลังมือของผมอย่างอ่อนโยน

“กูก็รักมึง”

“อาทิตย์หน้าไปบ้านกูนะ..แม่ถามหา”

“ถามหากูเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ มึงสัญญาอะไรกับแม่ไว้ล่ะ”

“สัญญา?” ผมไปสัญญาอะไรกับแม่ไอ้ดินตอนไหนว่ะ จำไม่ได้แฮะ

“มึงสัญญาว่าจะทำน้ำเงี้ยวให้แม่กิน อาทิตย์หน้ากลับบ้านกับกูนะ”

น้ำเงี้ยว!! อ่อ พอจะนึกออกละตอนนั้นแม่ไอ้ดินเกี่ยวก้อยสัญญากับผมด้วย นึกว่าแกจะพูดเล่นซะอีก!

“แล้วแม่รู้เรื่องกูกับมึงรึป่าว” ผมชักเริ่มกังวลเรื่องของครอบครัวของมัน มันเป็นลูกคนเดียวซะด้วยสิ ถ้าเกิดว่าที่บ้านมันรู้ว่าคบกับผมไม่อยากจะนึกภาพเลย!

“รู้ก่อนที่มึงจะรู้ซะอีก”

“ฮะ!”

“แม่รู้ก่อนที่มึงจะไปบ้านกูแล้ว”

“กูไม่เข้าใจ?”

“ตอนที่กูรู้ตัวว่าชอบมึง กูเลยเล่าให้แม่ฟัง”

“งั้นแสดงว่าตอนไปบ้านมึงแม่รู้ว่ากูคือคนที่มึงชอบงั้นเหรอ”

“ใช่แล้ว”

“แม่ไม่ว่า?”

“ไม่ว่า เหตุผลเดียวกับที่บ้านมึงนั่นแหละ”

“เราโชคดีจัง ที่ครอบครัวเราเข้าใจ” ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

“อืม เพราะมึงกูถึงรู้ว่ากูโชคดี”

“เหมือนกัน”

“ถ้ากูจูบมึงตอนนี้จะเจ็บป่ะ” ไอ้ดินเอ่ยกระซิบถามอย่างแผ่วเบา พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น..มันอุ่นจนความเจ็บปวดแทบจางหาย

“เจ็บ แต่กูอยากให้มึงจูบ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าออดอ้อนที่สุดให้กับรอยยิ้มแสนอบอุ่นนั้น

             ...ถ้าเจ็บแล้วมันแลกมาด้วยความสุขของเรา..ผมก็ยอม!






  TBC.

……………………………………………………………………...........

ได้กันอย่างเป็นทางการสักที!
บทนี้เขียนด้วยความเหนื่อยยากจริงๆ เค้าไม่ถนัดเขียนฉากNCเลยยย หากอ่านแล้วมันดูติดขัด..เค้าขอโต๊ด

ปล. ขอขอบคุณผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทางเพศ จากเสี่ยหมี!!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2018 14:59:11 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เสม็ดเสร็จทุกราย!!  :katai2-1:

ต้องขอบคุณของขวัญจากหมี  :laugh:


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ skykick

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0


 พู่กันอ่อยก่อนซะด้วย!  o18  :katai2-1:





ออฟไลน์ fairy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
 :hao6: :hao6: :hao6: ดินละมุนมาก  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
เค้าได้กันแล้ว.  :-[

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สนุกกกกกก
อ่านไปยิ้มไป

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

บทที่ 16 มนต์รักน้ำเงี้ยว



        ด้วยสัญญาน้ำเงี้ยวที่ให้ไว้กับแม่ของไอ้ดิน การซ้อมมือจึงเกิดขึ้นโดยคุณนายรดาผู้เขียนสูตรให้อย่างระเอียดถี่ถ้วนอย่างกะสูตรเคมี แถมยังกำชับมาว่าเครื่องแกงน่ะต้องตำเองจะได้ถึงเครื่อง

“ดินชื้อพริกแกงสำเร็จรูปดีมั้ยว่ะ” ผมหันไปถามไอ้ดินที่ตอนนี้สองมือมันเต็มไปด้วยถุงที่ใส่วัตถุดิบที่จะใช้ซ้อมมือทำน้ำเงี้ยวในวันนี้กับของฝากมาตรฐานสากลจากเชียงใหม่ที่หนีไม่พ้น แคบหมู ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่มที่ซื้อไปฝากที่บ้านของมันเพราะพรุ่งนี้ผมกับมันต้องเดินทางไปยังโคราชบ้านเกิดของไอ้ดิน
ส่วนผมน่ะเหรอ มือไม่ว่างเหมือนกันครับข้างหนึ่งถือถุงกล้วยแขกส่วนอีกข้างก็หยิบเข้าปากไง เอิ๊กกก


“แม่บอกให้ตำเองไม่ใช่เหรอ กูว่าตำเองน่าจะดีกว่านะ” พ่อบ้านอย่างไอ้ดินที่ปรุงทุกอย่างเองทุกขั้นตอนไม่สนับสนุนให้ผมซื้อเครื่องแกงสำเร็จรูปอยู่แล้ว แต่กูไม่อยากแขนเปลี้ยไง กว่าจะตำแหลกต้องใช้แรงมากโข นอกซะจาก...


“งั้นตำก็ได้ แต่มึงต้องเป็นคนตำนะ” ผมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้มัน แต่กับเจอสายตาที่เจ้าเล่ห์กว่า..


“ได้เลย หน้าที่ ’ตำ’ มันเป็นหน้าที่กูอยู่แล้ว”

  ฉ่าาาาา ได้กลิ่นอะไรไหม้มั้ยครับ..เอิมมมหน้ากูเอง!



     กลับจากตลาดก็เข้าครัวทันที..วันนี้เชฟพู่หมึกดำลงมือเข้าครัวเองรับรองอร่อยเหาะไปถึงดาวพลูโต!

“พริกแห้ง รากผักชี กระเทียม หอมแดง กะปิ ถั่วเน่าแผ่นปิ้ง เกลือ” ผมพึมพำดูส่วนผสมเครื่องแกงที่อยู่ในครกซึ่งคิดว่าน่าจะครบแล้ว ก็ได้เวลาตำซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่หน้าที่ผม  ยกหน้าที่นี้ให้กับพ่อบ้านมือตำอันดับหนึ่งจากโคราชให้มันรับหน้าที่นี้ไปโดยไม่ต้องร้องขอ


“หน้าที่มึง มาตำเลย” ผมกวักมือเรียกไอ้ดินที่นั่งมองผมเข้าครัวด้วยสายตายิ้มละมุน..เขินวุ้ย


“ตำเลยเหรอ”


“เออสิ จะรออะไรล่ะ..เฮ้ย! มึงจะทำอะไรวะ” ผมร้องด้วยความตกใจที่จู่ๆไอ้ดินก็มาสวมกอดผมจากด้านหลัง


“ก็ตำกันไง” ไอ้ดินกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์


“กูหมายถึงตำน้ำพริก โคลกพริกแกงอ่ะ ไอ้บ้านี่!” เสียงหลงเลยกู


“หึๆ” ยังมีหน้ามาหัวเราะ เดี๋ยวเหอะกูจะเอาสากกะเบือตำหน้ามึงแหก แต่ตอนนี้หน้ากูแทบระเบิดก็เมื่อกี้มันไม่ได้แค่กระซิบมันดันทะลึ่งเลียหูผมด้วย  บะฮ้าปันต๋าย!!



     ผมปล่อยให้มือตำทำหน้าที่ของมันต่อไป ส่วนผมก็หันมาตั้งหม้อเพื่อต้มซี่โครงหมู จากนั้นก็หั่นเตรียมส่วนผสมอื่นๆ เสร็จแล้วก็รอจนกว่ามือตำจะโคลกเครื่องแกงละเอียด


“ละเอียดพอยัง” รอไม่นานแขนที่ขยับตำไม่หยุดอย่างเครื่องจักรกลของไอ้ดินก็หยุดลงพร้อมกับเรียกให้ผมไปตรวจงาน


“ไหนดูดิ อืม..ใช้ได้ละ” สมแล้วที่เป็นมือตำอันดับหนึ่ง! ว่าแต่ใครให้ตำแหน่งนี้กับมัน จะใครซะอีกก็เชฟพู่หมึกดำคนนี้ไง! สำหรับไอ้ดินแล้วมันเป็นอันดับหนึ่งทุกเรื่องสำหรับผมอยู่แล้ว   แอร๊ยยยย (สลิดดก)


“แล้วไงต่อ”


“เดี๋ยวกูจะผัดเครื่องแกง ส่วนมึงก็ตำกระเทียมต่อแล้วเจียวให้ด้วย โอเค๊”


“โอเค” มันยักไหล่เหมือนว่าแค่นี้สบ๊าย ดี!กูจะให้มึงตำจนแขนหลุดเลยคอยด



     หลังจากที่ได้เครื่องแกงที่ละเอียดยิบจากแรงถึกของไอ้ดิน จากนั้นผมก็ผัดเครื่องแกงกับหมูบด พอหมูเริ่มสุกก็เทลงในหม้อที่ต้มซี่โครงหมูไว้ ใส่ดอกงิ้วที่แช่น้ำจมนิ่มแล้วลงไป รอซี่โครงหมูเปื่อยดีก็ใส่เลือดไก่กับมะเขือเทศรอเดือดอีกครั้งเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการน้ำเงี้ยวกลอยใจอร่อยไกลไปถึงดาวพลูโต!

     กลิ่นหอมของน้ำเงี้ยวตลบอบอวลไปทั่วบ้าน แม้แต่แมวยังทนไม่ไหวเจ้าเหมียวทั้งสามตัวทำจมูกฟุตฟิตๆดมหาที่มาของกลิ่นหอม


“หอมจัง” แล้วมนุษย์แขนจักรกลก็เดินตามกลิ่นเข้ามาพร้อมกับลูกสมุนอีกสามตัว


“ชิมๆ” ผมตักน้ำแกงใส่ช้อนเป้าให้หายร้อนแล้วป้อนให้ไอ้ดินชิม


“...” ชิมแล้วหน้าเครียดคิ้วขมวด หมายความว่าไงวะ?!


“เป็นไง ไม่หร่อยเหรอวะ” ใจกูเริ่มเสียละ แต่ชิมเมื่อกี้รสชาติมันสุโก้ยมากเปิดร้านขายได้เลย นี่ไม่ได้อวยตัวเองนะ!


“อย่าไปทำให้ใครกินนะ” อ้าว!


“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” เสียใจเลยกู


“ป่าว มันอร่อยมาก กูกลัวคนอื่นจะหลงเสน่ห์ปลายจวักมึงต่างหาก ให้กูหลงได้คนเดียวก็พอ”


“โว๊ะ! กูลุ้นจนเยี่ยวเหนียว ว่าแต่มึงไม่ได้อวยกูนะ”


“อร่อยมาก แฟนผมนี่เก่งจริงๆ” คงอร่อยจริงๆเพราะอย่างไอ้ดินไม่ใช่สายอวย ปากมันตรงยิ่งกว่าไม่บรรทัด


        แบบนี้ค่อยมั่นใจหน่อยสำหรับสนามจริง ถ้าจะให้โทษก็ต้องโทษไอ้ดินนั้นแหละที่ทำให้ผมสูญเสียความมั่นใจในการทำอาหารเพราะตั้งแต่มันย้ายมาอยู่ด้วย มันทำหน้าที่พ่อบ้านอย่างไม่ขาดตกบกพร่องสมกับเป็นพ่อบ้านดีเด่นเหรียญทองซึ่งผมมอบตำแหน่งนี่ให้มันเองแหละ จนผมแทบไม่ได้เข้าครัวจะหยิบจับอะไรมันก็รีบห้ามแล้วจัดการแทนทุกครั้ง อย่าว่าแต่น้ำเงี้ยวเลยแค่ไข่ต้มผมก็ไม่มีสิทธิ์ทำ นอกซะจากมันจะป่วยเหมือนครั้งก่อนถึงจะได้โชว์สกิลในการทำอาหาร!



“กลิ่นหอมไรวะ กลิ่นคุ้นๆ” มาละครับตัวแดก


“หวัดดีครับพี่น้ำ”


“หวัดดีน้องเขย ทำไรกินวะกลิ่นหอมไปถึงหน้าบ้าน” อย่างมันไม่ต้องจุดธูปเรียก มันจะลอยมาตามกลิ่นของอาหาร


“น้ำเงี้ยวครับพี่”


“จัดมาสักจานดิ๊ กินข้าวไม่อิ่มแม่งร้านบะหมี่ที่กูไปกินให้น้อยอย่างกะเซ้นเจ้าที่” เขาให้น้อยหรือมึงแดกเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม 
ไอ้กระเพราะควาย


“งั้นรอแปปนะพี่” ไอ้นี่ก็บริการดีเหลือเกิน ให้มันไปตักเองก็ได้มะ


“ไหนบอกไปกินข้าวกับไอ้ปูน”


“แคนเซิล น้องปูนไปกินข้าวกับที่บ้านพอดีญาติมาจากกรุงเทพ” มันพูดอย่างไม่สบอารมนัก เซ็งอ่ะดิไม่ได้เจอหน้าแฟน


“ได้ละครับพี่น้ำ”


“แต๊งกิ้วๆ” เมื่อขนมจีนน้ำเงี้ยวอยู่ตรงหน้ามันก็ไม่รีรอโซ้ยเข้าปากทันที


“เป็นไง อร่อยมั้ย” ผมถามมันอย่างลุ้นๆ


“อร่อยว่ะ น้องเขยกูแม่งเก่งสัดๆ”


“ผมไม่ได้ทำเองครับพี่”


“อ้าว ซื้อร้านไหนวะวันหลังกูจะไปซื้อมาแดกบ้าง”


“เชฟพู่ลงครัวเองครับวันนี้”


“ฮะ!! มึงเนี่ยนะทำเอง” แล้วมันก็ใช้ส้อมชี้หน้าผม  ห่ารากเดี๋ยวผีผลักส้อมจิ้มตากูบอด!


“เออสิ ลำก่อ” ผมยักคิ้วให้มันสองที เป็นไงน้องมึงเก่งล่ะสิ คิดว่าจะได้คำชมกลับมาเหรอ อย่าได้หวัง


“เออๆ ก็พอแดกได้ เอามาอีกจานดิ๊กูหิวเฉยๆนะ ไม่ได้อร่อยขนาดนั้น” จ้าไม่อร่อย แข็งกว่าหินก็ปากพี่กูนี่แหละ แต่ถ้าไอ้ปูนทำถึงรสชาติแม่งห่วยแตกมันก็จะบอกว่าอร่อยอยู่ดี เชื่อดิ!


“เหอะ นี่มึงจะชมน้องมึงบ้างก็ได้นะ ไม่ตาย”


“เออ ลำขนาด น้องกูเก่งง่าว” จะดีอยู่แล้วเชียว คำว่าง่าวไม่น่ามา  แต่เอาเถอะนานๆมันจะชมผมตรงๆสักที


“กูจะไปทำให้ที่บ้านไอ้ดินชิม มึงว่าเขาจะชอบมั้ยวะ”


“กูว่าผ่าน”


“จริงเหรอวะ”


“เออดิ กูแดกจะสามจานอยู่ละ กูไม่ได้ลิ้นจระเข้นะมึง เอาไปเลยสามผ่านนน” บทมึงจะอวยมึงก็อวยง่ายๆเน๊อะ


“ว่าแต่มึงจะไปกี่วันนะ” ในที่สุดไอ้พี่น้ำมันก็เงยหน้าจากจานถามผมหลังจากมันสวาปามขนมจีนน้ำเงี้ยวหมดไปสามจานพร้อมกับเรอเอิ๊กลั่นบ้านขนาดเจ้าเหมียวทั้งสามตัวยังสะดุ้งตกใจเสียงเรอของมัน สถุล!


“3คืน4วัน มึงแน่ใจนะว่าจะเฝ้าบ้านให้ ถ้าไม่ว่างกูจะเอาเจ้าเหมียวไปฝากบ้านใหญ่”


“กูว่าง นักศึกษาจบใหม่อย่างกูจะมีไรให้ทำวะนอกจากกินกับนอน” เออว่ะ ลืมไปเลยว่ามันเพิ่งเรียนจบนี่หว่า


“มึงคิดยังว่าอนาคตจะทำอะไร”


“ยัง แต่ก็คงหนีไม่พ้นงานที่เกี่ยวกับศิลปะ กูอาจจะเรียนต่อมั้งอาจจะเป็นอาจารย์สอนศิลปะแบบพ่อ”


“เพราะไอ้ปูนสินะ มึงถึงคิดเรื่องเรียนต่อ” อย่างไอ้พี่น้ำที่รักอิสระ อาชีพอาจารย์ไม่เคยอยู่ในสมองมันหรอก แต่เพราะความรักอาจทำให้ความคิดของมันเปลี่ยน


“ประมาณนั้น กูอยากคู่ควรกับน้องเขาอยากให้ความมั่นคงและคิดไม่ผิดที่จะฝากชีวิตไว้กับกู รูปแบบความรักอย่างเรามันยิ่งยากอยู่ด้วยในสังคมนี้ กูอยากให้พ่อแม่เขายอมรับในตัวกูด้วย ถ้ากูยังเป็นแค่ศิลปินไส้แห้งกูว่ามันคงไปไม่รอด”


“แล้วมันฝืนความรู้สึกมึงมั้ยล่ะ”


“ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะฝืน แต่สำหรับน้องปูนกูเต็มใจที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อที่เราจะได้ก้าวไปด้วยกัน กูอยากเห็นน้องเขามีความสุขเพราะความสุขของเขาก็คือความสุขของกู”

อนุภาคของความรักช่างยิ่งใหญ่ คนอย่างไอ้พี่น้ำที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครกลับยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายตัวเล็กๆอย่างไอ้ปูน..ซึ้ง


“ถึงมึงไม่เปลี่ยนตัวเองไอ้ปูนมันก็ยังมีความสุขกับมึงอยู่ดีเพราะมันเลือกมึงแล้ว แต่ก็นะเรื่องของอนาคตใครจะไปรู้ ก็ดีแล้วล่ะที่มึงคิดที่จะทำอนาคตให้มั่นคง อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะถ้ามันทำให้มึงกับไอ้ปูนมีความสุข เพราะมึงก็พี่กูส่วนไอ้ปูนก็เพื่อนรักกู กูก็อยากให้คนที่กูรักทั้งสองคนมีความสุข”


“น้องชายกูรักมึง กอดทีนึงดิ๊”

ผมที่กำลังซึ้งจะเข้าไปสวมกอดพี่ชาย แต่ไอ้ห่ารากมันเรอใส่หูโผ๊มมม

 
“เอิ๊กกกก” คิดว่าจะจบซึ้งเหรอ   ฝัน!  หูกูดับครับ จบที่ตรงนั้น







       ตี 5:50 นาที ฤกษ์งามยามดีในการออกเดินทางมุ่งหน้าสู่’โคราชบ้านเอง’  หลังจากกลับมาจากเกาะเสม็ดก็ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้ง ทริปนี้เราออกเดินทางกันแค่สองคน ส่วนผองเพื่อนทั้งหลายก็ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมเดินทางกลับบ้านเกิด

โดยไอ้นพกลับร้อยเอ็ดไปเมื่อสี่วันที่แล้ว ส่วนไอ้สมใจกับไอ้หมีก็เดินทางกลับโคราชบ้านเกิดเช่นกัน ถามว่าทำไม่ผมกับไอ้ดินไม่กลับพร้อมกับพวกไอ้หมีเพื่อจะได้ประหยัดพลังงานช่วยชาติ  ก็เพราะตอนนั้นช่วงล่างผมมันยังร้าวระบมอยู่น่ะสิ!

ผมต้องนอนเปลี้ยสามวันเต็มๆกว่าช่วงล่างจะฟื้นคืนกลับมา ใครจะไปคิดว่ามันจะร้าวระบมได้ขนาดนี้
คิดแล้วก็ละเหี่ยใจดีแท้ เมื่อนึกถึงตอนที่นั่งเครื่องกลับจากระยอง ผมร้องโอดครวญมาเป็นระยะๆเมื่อเครื่องบินตกหลุมอากาศ!  ผมไม่น่าถวายตัวให้มันก่อนเล้ย


เจ้าของรถเอสยูวีสีดำโดยพ่วงตำแหน่งพลขับมือวางอันดับหนึ่ง กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอารมณ์สุนทรีย์


‘ ยิ่งฉันฝืนไม่คุยกับเธอ ยิ่งฉันฝืนไม่มองหน้าเธอ
ใจของฉันก็ยิ่งอยากเจอ ยิ่งคิดถึงเธอทุกที
กลัวพูดมากันว่าฉันจะหวัง กลัวยิ้มมาแล้วฉันจะพัง
กลัวหัวใจที่มันจริงจัง จะตั้งความหวังกับเธอคนนี้
ก็เธอนั่นแหละน่ารักขึ้นทุกที ’


  เออ ช่วยมองทางด้วย อย่ามองแต่หน้ากู..เขินแต่เช้าวุ้ย


‘ พยายามค้นหาว่าเพราะอะไร ใจของฉันจึงไม่ไปไหน
ยิ่งฉันฝืนจะไม่ใส่ใจ ยิ่งแย่ลงไปทุกที
ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ไม่ว่าเธอจะไปกับใคร
รู้ไหมฉันไม่เคยเปลี่ยนใจ ก็ได้แต่มองเธอในแง่ดี
ก็เธอนั้นแหละน่ารักขึ้นทุกที อย่างนี้

อยากมองเธอในแง่ร้าย ให้จิตใจได้หยุดพัก
แต่ยิ่งมองเท่าไร มันช่างยิ่งตกหลุมในความรัก
ไม่เข้าใจสงสัย เพราะเหตุใดประหลาดนัก
ยิ่งระวังเท่าไร ฉันยิ่งตกหลุมรักเธอ ’

‘ ฉันยิ่งตกหลุมรักเธอ ’


“หลุม!”


“หลุกรักไง”


“หลุมรักพ่อง!   หลุม ข้างหน้าระวัง!!” ไอ้สัดมัวแต่ร้องเพลงแล้วมองแต่หน้ากู โชคดีที่ไอ้ดินมันหักหลบหลุมไปได้ฉิวเฉียด ก่อนจะตกหลุมรัก มึงจะได้ตกหลุมกลางถนนตายซะก่อน!

  โอย..พ่อแก้วแม่แก้วช่วยอิลูกโตย


“เป็นห่าไรของมึงเนี่ย ตั้งใจขับรถหน่อย”


“กูกำลังตกหลุมรักมึงอีกครั้ง” พูดออกมาได้หน้าตาเฉย ไม่มีความรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์เมื่อครู่เลยสักนิด..เออ เอากับมันสิ


“ประสาท”


“กูตกหลุมรักมึงมากขึ้นทุกวันๆ ยิ่งหน้าตอนที่มึงอยู่ใต้ร่างกูแม่งยั่วกูฉิบหายนึกแล้วก็ของขึ้น ดอกไม้ขอบดีพคิสห้านาที” ด้วยความไวแสงแล้วมันก็หักรถจอดข้างทางพร้อมกับโน้มหน้าจูบผมด้วยความเร็วรี่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผมตั้งตัวไม่ทัน 
โอ๊ยยยย แล้วจะถึงมั้ยโคราชบ้านเองน่ะ!


“ไอ้ห่าดิน หยุดเลย จะมาหื่นอะไรเวลานี้” ผมรีบดันตัวมันออกหลังจากที่สติกลับมา


“ไม่ได้เหรอ” ยังจะมาถามอิ๊ก  หน้าตาละห้อยแต่นัยน์ตามึงวาววับ กูล่ะเกลียด


“ไม่ได้!!  ลงมาเลยเดี๋ยวกูขับเอง”


“ไม่เป็นไร พลขับมือสองนอนรอไปก่อนได้เลย” นอนพ่อง มึงได้ฉวยโอกาสจูบกูอีกอ่ะดิ


“งั้นก็ตั้งใจขับ อย่าเล่นบ้าๆแบบนี้อีก ไม่งั้นกูไม่กลับด้วย เชิญมึงกลับบ้านคนเดียวเลย”


“โอเคครับ” หลังจากนั้นไอ้มนุษย์หื่นก็กลายร่างเป็นพลขับมือวางอันดับหนึ่งขับรถด้วยความตั้งใจตามเดิม




     13:45นาที ตอนนี้พวกเราเข้าสู่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ใช้เวลาเดินทางต่ออีกประมาณ20นาทีรถก็เลี้ยวเข้าสู่ ‘บ้านสวนรักษ์ดิน’ สวนดอกเบญจมาศและสวนกล้วยไม้ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวไอ้ดิน
ขับรถมาทางด้านหลังของสวนดอกไม้ก็จะเจอบ้านสไตล์โคโรเนียลสีขาวตัดกับสีฟ้าที่ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชอุ่ม

“ถึงแล้ว เข้าไปหาพ่อกับแม่กันเถอะ” เมื่อรถจอดสนิทไอ้ดินก็หันมาพูดกับผม


“ตื่นเต้นว่ะ” ถึงผมจะเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งก็ตามเหอะ แต่มาในครั้งนี้สถานะของผมกับไอ้ดินมันเปลี่ยนไปก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้


“ใจเย็นๆ ทุกคนที่นี่รักมึงเชื่อกูดิ” ความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากฝ่ามือของไอ้ดินมายังฝ่ามือผมทำให้ความเต้นตื่นนั้นลดน้อยลงแปรเปลี่ยนเป็นความเชื่อมั่น แต่ลึกๆมันก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ดี

เหมือนเดจาวู เมื่อลงจากรถเจ้าหมาโกลเด้นริทรีฟเวอร์ขนสีทองสวยสองตัวก็ปรี่เข้ามาหาแกว่งหางสวิงด้วยความตื่นเต้น


“ถุงเงิน ถุงทอง" ยังไม่ทันได้เอ่ยทักทาย เจ้าหมาทั้งสองตัวก็กระโดดเกาะผมโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว สรุปคือก้นจ้ำเบ้า  ครับ! แล้วก็ได้รับการต้อนรับด้วยการเลียหน้า  แต่นี่แหละคือสิ่งที่ผมโปรดปราน!


“พอเลย ถุงเงิน ถุงทอง ไม่สนใจกันเลยนะ” มีงอนหมาด้วยครับ


“ว้าย ตายแล้ว ถุงเงิน ถุงทองทำอะไรพี่พู่ล่ะลูก”


“คุณแม่สวัสดีครับ” ผมไหว้แม่ไอ้ดินทั้งๆที่ยังนั่งอยู่กับพื้นส่วนหน้าก็เยิ้มไปด้วยน้ำลายของเพื่อนร่วมโลกทั้งสองตัว


“หวัดดีลูก ดินช่วยพู่ลุกขึ้นมาสิลูก”


“น้ำลายหมาของชอบเขาเลยล่ะแม่” ผมได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปให้มัน ถึงปากไอ้ดินจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ยื่นมือมาฉุดผมให้ลุกขึ้นอยู่ดี


“ไม่เอาๆลูก เข้าบ้านไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วมากินข้าวกัน แม่เตรียมกับข้าวไว้ให้เยอะเลย”


แม่ของไอ้ดินจูงมือผมเข้ามาในบ้าน ก่อนจะพาผมมายังห้องน้ำเพื่อให้ผมล้างหน้า


“เป็นไงหายตื่นเต้นยัง” ไอ้ดินที่ตามเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่ตอนนนี้มันกำลังช่วยซับหน้าให้ผม


“เจอเจ้าหมาสองตัว ความตื่นเต้นก็หายไปเลย ส่วนคุณแม่ก็น่ารักไม่ได้ทำให้กูรู้สึกประหม่าเลย”


“บอกแล้วว่าคนที่นี่รักมึง ป่ะไปกินข้าวกัน”


“อย่าจูงมือสิ กูเดินเองได้” พูดไปก็เท่านั้นครับเพราะฝ่ามือใหญ่ของไอ้ดินยิ่งกระซับฝ่ามือของผมแน่นขึ้น


ที่โต๊ะอาหารพ่อและแม่ของไอ้ดินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว


“คุณพ่อสวัสดีครับ”


“หวัดดีลูก ขับรถไกลเลยเหนื่อยไหมลูก”


“ไม่เหนื่อยครับ ผมได้ขับไม่มากเท่าไหร่ ถ้าเหนื่อยคงนอนจนเหนื่อยมากกว่า แฮะๆ” สายตาที่มองมาจากพ่อของไอ้ดินเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูซึ่งผมรับรู้ได้ จึงกล้าพูดอะไรแป๊กๆออกไป


“หึๆ งั้นเหรอลูก มาๆกินข้าวคงจะหิวกันแล้ว”


“ดินตักผัดผักบุ้งหมูกรอบนี่ให้พู่สิ”


“พู่แพ้ผักบุ้งครับแม่ มันกินไม่ได้ แต่หมูกรอบน่ะของโปรด” แล้วไอ้ดินก็ตักเฉพาะหมูกรอบมาให้ผมจนล้นจาน..เออ ให้กูกินอย่างอื่นด้วย


“แปลกจัง แล้วกินผักอย่างอื่นได้ไหมลูก”


“ทานได้ครับ แต่ผักบุ้งทานไม่ได้จริงๆ ทานทีไรท้องเสียทุกที”


“น่าเอ็นดูจริงๆ อ่ะนี่จ๊ะ” แล้วแม่ไอ้ดินก็ตักหมูกรอบมาใส่จานผมเพิ่มอีก..สมแล้วที่เป็นแม่ลูกกัน อย่างอื่นผมก็กินได้ จบมื้อนี้ชั้นไขมันใต้ผิวหนังได้เพิ่มมาอีกชั้นแน่ๆ!


“พรุ่งนี้มื้อเที่ยงแม่ไม่ต้องเตรียมกับข้าวนะครับ เดี๋ยวพู่กันจะโชว์ฝีมือทำน้ำเงี้ยวให้ทาน”


“จริงเหรอลูก ดีจังที่ไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่” ขอสารภาพตรงๆว่าจริงๆน่ะลืมไปแล้ว แฮะๆ


“จริงครับคุณแม่ นี่ผมเตรียมดอกงิ้วแห้ง กับถั่วเน่าแผ่นมาครบถ้วน”


“พู่กันลูก แม่ขออะไรอย่างหนึ่งสิ”


“ครับ?”


“แทนตัวเองว่าพู่ได้ไหมลูก แทนตัวเองว่าผมฟังดูแล้วมันห่างเหินกันจัง” โธ่ คุณแม่ก็ผมเขินนนน


“ก็ได้ครับ” ผมตอบด้วยท่าทางเก้อเขิน


“จะแทนว่าหนู เหมือนคุยกับแม่มึงก็ได้นะ”


“ไม่เอา! กูก็เขินเป็นมะ” ผมหันไปเอ็ดไอ้ดินเบาๆ ไม่กล้าออกฤทธิ์มาก


“น่าเอ็นดู จะแทนว่าหนูก็ได้นะแม่ชอบ”


“ขอเป็นพู่เฉยๆดีกว่าครับ”


“ว่าแต่ดินสร้างความลำบากให้รึป่าวที่ย้ายไปอยู่ด้วย”


“ไม่ครับพ่อ ดีซะอีกมีคนทำข้าวเช้าให้กิทุกวัน แฮะๆ”


“ดีแล้วล่ะลูกอยู่ด้วยกันก็ช่วยดูแลกัน”


“สิ้นปีแม่จะไปเชียงใหม่ แล้วแม่จะแวะไปหานะลูก เอาของฝากเล็กๆน้อยๆไปฝากพ่อกับแม่พู่ด้วย เป็นการขอบคุณที่เอ็นดูลูกชายแม่”


“ครับ” ผมหันไปมองไอ้ดินที่มันมองผมด้วยรอยยิ้มละมุนอยู่ก่อนแล้ว ..เขินจัง พ่อแม่ของเราจะได้เจอกัน เอ๊ะ หรือว่านี่จะเป็นการสู่ขอ  แอร๊ยยย


มื้อนี้จบด้วยด้วยอิ่มหนำ ทั้งพ่อและแม่ของไอ้ดินต่างก็เอ็นดูผมชวนผมคุยสัพเพเหระเพื่อที่จะไม่ให้ผมรู้สึกอึดอัด..สุขใจอย่างบอกไม่ถูกแฮะ

 
  อ่านต่อด้านล่างค่ะ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด