[อนธการ (นิยายวายดราม่า) ] พยายามอัพบ่อยๆ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [อนธการ (นิยายวายดราม่า) ] พยายามอัพบ่อยๆ  (อ่าน 10887 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 ***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2017 18:03:09 โดย Kaooi »

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

อนธการ

บทนำ

เช้าวันสดใสอันแสนชุ่มฉ่ำ ภายใต้ฟ้าที่หลั่งน้ำตาลงมาเป็นน้ำฝน ท้องฟ้ามืดครึ้ม แต่กลับเย็นจับใจในความรู้สึกของผม

เย็น...ที่ไม่มีอ้อมกอดที่ตนโหยหา กลับไขว่คว้ามาได้เพียงแค่อากาศเท่านั้น...

แต่กระนั้นผมกลับมีความสุขกับตอนนี้            เพราะเราทั้งคู่ต่างก็เป็นเพื่อนกัน...

…เพื่อนที่แอบรักเพื่อน…

มันอาจจะดูน่าขบขันสำหรับใครหลายๆคน อาจจะคิดว่ามันเป็นช่วงอารมณ์เท่านั้น เพราะความใกล้ชิดที่ทำให้ผมคิดเกินเลยมากเกินไป

ซึ่งเพราะคำๆนี้ มันเลยกลายเป็นช่องว่างระหว่างเราไปโดยปริยาย ผมไม่สามารถที่จะเปิดเผยความรู้สึกในใจของตัวเองได้เลย เพราะอีกคนคงจะไม่คิดเหมือนกันกับเขา

เพราะเราต่างเป็นผู้ชายทั้งคู่...

ผมไม่อยากเกิดมาเป็นผู้ชาย เพราะคนส่วนใหญ่ต่างให้ข้อจำกัดว่าหญิงต้องคู่กับชายเท่านั้น ไม่ได้ยอมรับกับการรักเพศเดียวกันเลยแม้แต่น้อย มันเหมือนผมเป็นตัวประหลาดอะไรสักอย่าง ผมจึงรับไม่ได้ถ้าเกิดว่าอีกคนจะรักกับผม เค้าอาจจะรับแรงตอบรับจากรอบข้างไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่เย่อหยิ่งในตัวเองสูงเช่นเดียวกับครอบครัวของเขา ซึ่งจะหวังลมๆแล้งๆสักนิดคงไม่ได้ เพราะเขาเองก็คงไม่คิดแบบเดียวกันอย่างแน่นอน

แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของผมเองคนเดียว ผมเองก็อยากที่จะมีความกล้ามากกว่านี้ อยากที่จะให้เค้าได้รับรู้ อยากให้เขาได้รับฟังความรู้สึกที่ผมมีมาโดยตลอด อยากถามเค้าว่าเค้าคิดแบบนี้กับผมบ้างรึปล่าว ? แต่ก็คงไม่ได้

…เพราะผมไม่กล้าพอ…

ผมเลยขอเลือก...ที่จะรักเขาโดยที่เขาไม่รู้

เขาถูกตีกรอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชีวิตเขาดูเพรียบพร้อมก็จริง แต่กลับต้องแลกด้วยความอึดอัด ไม่มีสิทธิในการตัดสินใจกับชีวิตตนเอง

ผมสงสารเค้าจับใจ แต่กลับทำอะไรมากไม่ได้ เพราะผมเป็นเพียงแค่คนนอก

เจ็บกว่าไม่รู้คือรู้แต่กลับ...ทำอะไรไม่ได้เลย

บางทีผมก็รู้สึกว่าการที่ผมไม่รู้เรื่องของเขามันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้

นี่เป็นเหตุผลอีกข้อนึง ที่ทำให้ผมไม่กล้าที่จะพูดความในใจออกไป เพราะความแตกต่างระหว่างเรา...

เขารวย ในขณะที่ผมไม่ได้มีเงินมากมายเช่นนั้น ผมแค่คนธรรมดาๆคนนึงเท่านั้น

เขาหล่อ ในขณะที่ผมหน้าตาไม่ได้ดีเด่ไปกว่าใครเลย

เขาเท่ ในขณะที่ผมหน้าออกจะเด็กผู้หญิงมากกว่าด้วยซ้ำ

ทุกอย่างมันต่างกันมาก มากเสียจนผมไม่กล้า ที่จะบอกความในใจนี้ออกไป

ความรู้สึกนี้มันเกิดมาเมื่อนานมาแล้ว คืนนั้นเขาเลิกกับเเฟน เขาร้องไห้ เขาเสียใจ เขานั่งดื่มเหล้าที่ห้องของผม ผมแทบอยากจะรับความเจ็บปวดนั้นมาเป็นของตัวเองจริงๆ ผมเลยดื่มเป็นเพื่อน ตอนนั้นมันแค่ความรู้สึกที่คิดจะปลอบเพื่อนที่เสียใจธรรมดา แต่ก็ตอนนั้นเองที่ผมเริ่มจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

ความรู้สึกที่ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่

เพราะทุกครั้งที่อีกคนเสียใจ ภายในความรู้สึกของผมกลับเจ็บปวดแทน มันอึดอัดแปลกๆ แต่ผมเลือกที่จะปัดความคิดนั้นออกไปจากสมองจนไม่หลงเหลืออะไรที่มากพอให้คิดอีก

จนกระทั่งจู่ๆคนเมาก็ดึงผมเข้าไปกอด ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรกอดปลอบในฐานะเพื่อน ผมลูบหลังเขาเพื่อปลอบประโลม ให้เขาดีขึ้น เสียงสะอื้นยังดังขึ้นอยู่เป็นพักๆ จนเราผละออกจากกัน ตอนนี้เองผมได้พิจารณาคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้น แววตาที่นิ่งในตอนปกติและเย่อหยิ่งไปทั่ว บัดนี้มันสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดจนน่าใจหาย ผมไม่รู้จะปลอบคนตรงหน้าอย่างไรดี มันขัดไปหมด เพราะผมปลอบใจใครไม่ค่อยเก่งเสียเท่าไหร่ ทุกอย่างมันเลยดูเก้งก้างไปเสียหมด แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น สิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็กลับเกิดขึ้น

เพราะเขา...จูบผม

ริมฝีปากที่ได้รับการดูแลอย่างดีจนชุ่มฉ่ำ ไม่เเห้งแตกเหมือนคนไม่ดูแลตัวเองเหมือนผม ประกบลงมา ความรู้สึกตอนแรกมันเหมือนว่าจะหนักอึ้ง ไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไรดี เพราะนี่เป็นจูบแรกของผม

ผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปล่อยให้คนที่ช่ำชองนำทางไป

เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันไปมาราวกับต้องการกันและกัน ความรู้สึกเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องหยุดมันก่อนที่มันจะเกิดอะไรขึ้นมากกว่านี้ ผมผละออกจากคนตรงหน้า ด้วยใบหน้าแดงก่ำไม่แน่ใจว่าเพราะเมื่อกี้ หรือว่าเพราะดื่มเเอลกอฮอล์มากเกินไปกันแน่ แต่ผมก็ได้แต่ขอว่าให้เป็นข้อหลัง

คนตรงหน้าก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที เหมือนหมดสติ ผมเลยได้แต่ส่ายหน้าเบาๆอย่างเหนื่อยใจ พอร้องไห้แล้วกินเหล้าก็เมาเหมือนหมาแล้วหลับไปอย่างนี้ทุกที

จนได้ยินเสียงอีกคนแผ่วเบาราวกับละเมอขึ้นมาว่า...

“ฝน”

เหมือนมีมีดที่มองไม่เห็นปักลงกลางดวงใจ ทำไมกันนะ ความรู้สึกเจ็บปวดนี้มันคืออะไรกัน ผมพยายามปัดมันออกไป แต่กลับทำยากเย็นเหลือเกิน จนคิดได้ว่า

เขาคงไม่ได้ตั้งใจ...เพราะเขาเมา

เขาไม่มีทางมาชอบเพศเดียวกันอย่างเขาหรอก ผมได้บอกตัวเองเช่นนั้น

แต่ความคิดเป็นอันชะงักลง เมื่อเขานึกได้ว่า เมื่อครู่เขาคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ต่อเขาและร่างสูง

ไม่จริง ผมเลือกที่จะไม่ยอมรับ และพยายามทำตัวเหมือนเดิม

ผมค่อยๆประคองคนตรงหน้าที่เมาแต่ก็หลับไปแล้วให้เดินเข้าไปนอนในห้องดีๆ แต่ด้วยส่วนสูงที่ค่อนข้างจะต่างกันลิบลับของผมกับเขามันเลยเกิดความลำบาก แต่ผมก็พยายามจนสำเร็จ แต่เหงื่อก็ผุดขึ้นมาทันทีหลังจากเสร็จภารกิจ ผมส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าผืนขนาดกลางใส่ในกะละมังใบเล็กเติมน้ำแล้วบิดเรียบร้อย จากนั้นก็เช็ดหน้าให้คนหลับไปแล้วอย่างเเผ่วเบา

ทั้งน้ำตา...

ผมปาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจากใบหน้าตัวเองลวกๆ ได้แต่เฝ้าถามตัวเอง ว่าทำไมเขาต้องร้องไห้ด้วย ?

เพราะความสงสารอีกคนที่ต้องเจ็บปวดกับการถูกทอดทิ้ง

เพราะอีกคนจูบเขาแต่กับเรียกชื่ออีกคน

หรือเพราะว่า...

เขารักอีกคนกันแน่...

แต่หลังจากวันนั้น เขาก็รู้ว่าเเท้จริงแล้ว ที่เขาร้องไห้คืนนั้น มันเป็นเพราะเขาที่รักอีกคน มากเกินกว่าคำว่า...เพื่อน

เขาเริ่มสังเกตพฤติกรรมต่างๆของตัวเองที่ทำต่อร่างสูง มันใส่ใจมากเกินไปจนเขาเองก็นึกเอะใจ ทั้งที่ตอนแรก เขาคิดว่ามันเป็นเพราะเขาทั้งคู่สนิทกันทั้งคู่เลยต้องดูแลอาศัยกัน แต่กระนั้นผมเองก็ต้องเผชิญกับความจริง ที่ฝนเดินกลับมาขอคืนดีกับอีกคน

“เราขอโทษ เรากลับมาคบกันเถอะนะ”ร่างบอบบางตัวเล็ก เดินเข้ามาทั้งน้ำตานองหน้า ขณะที่เรากำลังอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งผมพาอีกคนมาพักใจ แต่กลับต้องเจอกับคนที่ผมไม่ได้อยากเจอนัก

ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงยิ้มแบบสมเพชตัวเองแบบนี้กันนะ

ผมไม่ได้อยู่รอฟังการตอบตกลงของอีกคน แต่เดินหนีออกมาเพื่อให้เขาทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน

เขาควรจะดีใจสิ แต่ทำไม...

เขารีบกลับห้องตัวเองโดยเร็วที่สุด โดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงอีกคนที่วิ่งตามรถคันนี้จนสุดใจเลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ร้องไห้ลูกเดียว

หลังจากวันนั้น เราทั้งคู่ยังเหมือนเดิม แต่กลับมีบางสิ่งที่แปรเปลี่ยนไป

ความรู้สึกอึดอัดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ แต่ตอนนี้ ผมกลับหลีกเลี่ยงการที่จะอยู่กับคนตัวสูงด้วยกันสองคนอีก ไม่รู้ว่ากลัวว่าอีกคนจะจำเรื่องคืนนั้นได้ หรือเพราะกลัว...ว่าจะเผลอรู้สึกมากไปจนอีกคนสามารถจับสังเกตได้

มากไป จนไปเปลี่ยนความรู้สึกของอีกคนไป

ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมคงจะทำใจไม่ได้แน่ๆถ้าอีกคนจะรังเกียจในตัวของผม

จนมีบางอย่างที่ทำให้การตัดสินใจของผมมันง่ายมากยิ่งขึ้น

แม่ของเขา ยื่นข้อเสนอมาให้ผมว่าเลิกยุ่งกับอีกคนอีก แลกกับการรักษาตัวของผมเอง

ใช่ครับ ผมไม่สบาย

ผมป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษา ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีปัญญาที่จะรักษาตัวเองแน่นอน เพราะผมไม่ได้รวยขนาดนั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่ทราบก็ตามทีว่ารู้เรื่องของผมกับอีกคนได้อย่างไร แต่แน่นอนว่าแววตาที่มองผมมันเปลี่ยนไป จากรัก กลับกลายเป็นรังเกียจได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากที่ผมแอบรักลูกชายของเขานั่นเอง

ซึ่งผมก็ไม่โกรธอะไร เพราะเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ไม่มีเเม่คนไหนหรอกที่อยากจะให้ลูกผิดเพศน่ะ หึ พูดแล้วกลับนึกสมเพชตัวเองสิ้นดี ทำไมเขาต้องไม่ปกติด้วยนะ

คนตรงหน้ายื่นข้อเสนอว่า ถ้าออกไปจากชีวิตลูกชายของเขาโดยทำให้ลูกชายเขาไม่รู้สึกอยากจะตามหาเขาได้ เขาจะได้เงินไปรักษาตัวเองที่ต่างประเทศ พร้อมเงินอีกก้อนนึงไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งเขาจะต้องแลกกับการที่ไม่สามารถเจออีกคนอีก

และเพื่อที่จะให้เขาได้ใช้ชีวิตใหม่…กับคู่หมั้นของเขา

เขาจึงเลือกทำตามข้อเสนอ เพราะเราจะได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ อีกคนได้ลูกคนเดิมกลับมาซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจกับคำพูดที่อีกคนใช้เท่าไหร่นัก จะเรียกว่าคนเดิมได้ยังไง ในเมื่อมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่คิดแบบนั้น หรืออีกคนจะ...ไม่มีทางซะหรอก รอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเสียก่อนเถอะ เขาถึงจะเชื่อ

 อีกอย่างผมก็ได้รักษาตัว คุณนายจึงยิ้มเหยียดทันทีที่ผมไม่ยั้งคิดเห็นแก่เงิน ซึ่งผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ผมไม่แคร์สายตาว่าจะหยามเหยียดผมอย่างไร เพราะเหตุผลนั้นมันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เหตุผลจริงๆก็คือการได้ตัดใจก่อนที่อะไรมันจะสายมากเกินไปกว่านี้ ตัดใจตอนนี้ ตอนที่อีกคนยังไม่ได้รู้อะไร มันอาจจะดีกว่าตอนที่เราจากกันตอนที่อีกคนรู้ว่าผมคิดยังไงกับเขา แล้วมีแค่ความเกลียดชังต่อกัน

ผมคงทนมองสายตาเเบบนั้นไม่ได้จริงๆ

คืนนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสินะที่ผมได้อยู่ในประเทศนี้ เพราะพรุ่งนี้หลังจากร่ำลากับอีกคนแล้ว ผมคงจากไปอีกไกลแสนไกล ที่ที่อีกคนคงไม่ตามหาผม เพราะผมไม่สำคัญมากพอ

ผมแค่หวังว่า เราจะจากกันด้วยดี

เช้ามืดซึ่งมันเร็วมากในความคิดของเขา เขาได้แต่นอนคิดทั้งคืนว่าจะพูดอย่างไรดี ผมได้แต่คิดถึงวันเวลาดีๆที่มีร่วมกัน ความทรงจำยังคงตราตรึงเสมอในหัวใจของเขา ซึ่งเขาคงจะทำได้แค่นั้น เพราะเราคงไม่ได้เจอกันอีก ยิ้มให้กับความตลกของอีกคนที่มักจะแสดงออกกับเขาเพียงแค่คนเดียวเพราะไม่สามารถทำแบบนี้กับใครได้แม้กระทั่งคนที่ขึ้นชื่อว่าคือแม่ อีกคนชอบยิงมุขใส่เขา แต่มักแป้กเสียส่วนใหญ่ เขาเลยยิ้มขบขันปนเอ็นดูอีกคน ยิ้มให้กับความน่ารักและดูแลเขาเสมอมา

ยิ้มทั้งน้ำตา

ผมเดินทางมาถึงคอนโดของร่างสูงในเวลาประมาณเที่ยง หลังจากเตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ไม่นานประตูก็เปิดออก คนตรงหน้าเหมือนจะเมามายไม่สร่างดี สีหน้าไม่ค่อยตื่นดีนัก แต่เมื่อเจอผมเขากลับมีรอยยิ้มประดับบนหน้าคม

ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของอีกคนเสียจริงๆ จะดีใจอะไรขนาดนั้น แต่ผมกลับไม่ดีใจไปด้วยเลยสักนิดเมื่อนึกได้ว่า...อีกไม่นานเราก็คงต้องจากกัน

ผมเดินเข้ามาในห้องหรู เพื่อเก็บทรงจำของเขากับร่างสูงผู้เป็นเพื่อนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เมื่อคิดถึงตรงนี้น้ำตาก็ทรยศไหลหลั่งลงมาราวกับน้ำฝน ทั้งที่บอกแล้วว่าห้ามร้องไห้แท้ๆ แต่พอเอาจริงๆ มันก็ห้ามความรู้สึกใจหายนี้ไม่ได้เลยจริงๆ

“ฮึก”ผมเผลอสะอื้นออกมาเบาๆอย่างกลั้นมากที่สุดเพื่อไม่ให้ร่างสูงเห็นน้ำตาของผมตอนนี้ ไม่งั้นผมคงจะต้องเผลออ่อนแอออกมาให้อีกคนเห็นเป็นแน่

“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”แต่กลับไม่พ้นคนหูดีอย่างร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาชงกาแฟอยู่ซึ่งยืนหันหลังให้กับอีกคนที่ยืนอยู่เหมือนกัน แต่หันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อหลบซ่อนน้ำตาของตัวเอง

เมื่อร่างสูงได้ยินเสียงสะอื้นออกมาก็หันกลับมาหาคนตัวเล็กทันทีเพราะมันเป็นสัญชาตญาณ เมื่อหันมาก็พบว่า อีกคนกำลังร้องไห้

ร้องไห้แต่กลับกลั้นเอาไว้…ทำไม ?

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

ร่างสูงได้แต่เก็บคำถามเอาไว้ในใจเพราะตอนนี้หน้าที่ของตนคงได้แต่ปลอบประโลมคนตรงหน้าให้ได้มากที่สุด เหมือนกับที่อีกคน ทำมันกับเขาเสมอ ยามที่เขาเสียใจ

เขากำลังเอื้อมมือเพื่อดึงคนตรงหน้าเข้ามากอด แต่มือคู่นั้นกลับชะงัก เพราะอีกคนไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

“...ทำไม ?”เสียงของเขาเบาราวกับกระซิบ คนตรงหน้าทำไมถึงได้ทำกับเขาแบบนี้

“ฮึก เราแค่จะมาลา”

“ลา ? จะไปไหน”คนตัวสูงถาม

“ไปไหนก็ได้ ที่ไกล...แสนไกล”คำพูดนั้นทำไมมันเหมือนว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

ทำไมกันนะ ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆในอกเช่นนี้

“ไปทำไม”

“ฮึก เราจะต้องไปแล้ว ลาก่อนนะ”คนตรงหน้ายิ้มมาให้เพื่อนสนิทอย่างฝืนๆเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ จากนั้นก็หันหลังให้กับอีกคนทันที

ร่างสูงตกใจ เพราะคำร่ำลานั้นมันเร็วเกินไป จากที่เมาอยู่ก็แทบจะสร่างในทันที เหลือไว้แต่ความวูบโหวงในใจเหมือนกับเขาจะเสียร่างเล็กนี้ไป

เขาอยู่ไม่ได้ เขาทำไม่ได้ เขาอยู่ไม่ไหวจริงๆ...

ร่างสูงสวมกอดร่างเล็กอันบอบบางนั้นเอาไว้ในอ้อมกอดนั้นทันทีที่คิดเช่นนั้น มันเป็นสัญชาติญาณของคนที่กำลังจะสูญเสีย

“ไม่ให้ไป...ฮึก...ไม่ให้ไป”ร่างสูงน้ำตาไหลรินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเจ็บที่เลิกกับแฟนแต่กลับไม่เท่ากับคนตรงหน้ากำลังจะหายไปเลย มันเทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ และความรู้สึกของเขามันก็เปลี่ยนไปแล้ว

“ขอโทษนะ...เราต้องไป ฮึก แล้ว”คนในอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้น ที่เขาเฝ้าฝันว่าจะได้รับมันมาตลอดจากอีกคน ตอนนี้เขาได้รับมันแล้ว คนตัวเล็กยิ้มทั้งน้ำตา แต่ก็ต้องตัดใจเพราะเดี๋ยวเขาจะทำตามข้อตกลงไม่ได้ เลยต้องแกะมือใหญ่ออกจากเอวเขาอย่างแผ่วเบา

เขาไม่ได้อยากให้อีกคนมองเห็นน้ำตาของเขาแล้วร้องไห้เลย ไม่ได้ต้องการเลยจริงๆ

แต่ทว่า เด็กน้อยกลับไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ

“ฮึก ห้าม...ห้ามไปนะ อย่าไปเลย...ฮึก”ร่างสูงสะอื้นเป็นพักๆเพราะร้องไห้อย่างหนัก คนตัวเล็กเลยต้องทำเป็นใจแข็งแกะมือที่เอวออกด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี

อีกคน แค่ไม่อยากสูญเสียเพื่อนที่เข้าใจก็เท่านั้น

อีกคน ไม่ได้รู้สึกเหมือนกับที่เขารู้สึก

อีกคน ไม่ได้เข้าใจความรู้สึกที่เขาต้องเผชิญในตอนนี้เลย

ไม่มีเลย...

เขาเป็นแค่เด็กที่เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ก็เพียงเท่านั้น...

คนตัวเล็กหันกลับมามองร่างสูงอีกครั้ง มองหน้าอีกคนด้วยสายตาว่างเปล่า ทั้งที่ทำยากเหลือเกิน ทำไมมันเจ็บขนาดนี้ เพราะความสนิททำให้เขารู้ว่าต้องพูดกับอีกคนยังไง

“อย่าดื้อ”

“แต่...”

“ดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าเศร้า...มากล่ะ ถ้าเราไม่อยู่แล้ว ก็ดูแลตัวเองดีๆนะ”ร่างเล็กกลั้นสะอื้นสุดใจ มองหน้าร่างสูงเป็นครั้งสุดท้าย

“ทำไมถึงไป...หรือเพราะ...วันนั้น”คนตัวเล็กชะงัก แววตาวูบไหวทันทีเมื่ออีกคนจำได้กับเรื่องคืนนั้น

“มันไม่เกี่ยวกันหรอก นายดูแลคู่หมั้นของนายดีๆนะ ฉันเองก็ต้องไปแล้ว ไม่มีเวลามาเล่นนักหรอก”คนตัวเล็กจำใจพูดแบบนั้น หันหลังกลับไปพร้อมความเจ็บปวด

ทำไมชีวิตของเขาถึงต้องเป็นแบบนี้

“โชคดีนะ”สุดท้ายก็นิ่งไปอีกรอบเพราะสามคำจากร่างสูง

“...อืม เช่นกัน”

ถ้อยคำง่ายๆ พร้อมกับความเจ็บปวดที่ทะลุเข้ามาในหัวใจพร้อมกัน

1ปีต่อมา

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ห้องผู้ป่วยพิเศษห้องหนึ่งกำลังต้องทนกับการทรมานคนเดียว ชีวิตที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้โรยรินเต็มที่

ที่นี่มีแค่เขากับญาติของเขาเท่านั้น

ระยะเวลาไม่นาน แต่กลับยาวนานเสมอในทุกนาทีสำหรับเขา ภาพอีกคนหลั่งไหลเข้ามาในใจเขา มันบีบรัดเหลือเกิน

หลังจากวันนั้น เขาได้มารักษาตัวที่นี่ ที่ที่อีกคนคงไม่รู้ว่าผมอยู่ มีเพียงชีวิตที่ต้องการเริ่มต้นใหม่เท่านั้น แต่คงทำไม่ได้อีก เพราะผมกำลังจะหายไปจากโลก

สายพะรุงพะรังรอบตัวผมมันทำให้ผมปลงลง ความรู้สึกของผม อีกเดี๋ยวมันก็จะหายไปกับร่างที่ไร้วิญญาณดวงนี้แล้วสินะ

“อย่าจากน้าไปเลยนะลูก...”น้าของผมซึ่งเป็นพยาบาลของผมที่นี่บอกกับผมด้วยน้ำตา

ผมส่ายหน้าอย่างหมดแรงช้าๆ

“ฮึก”ถึงอย่างนั้นน้าก็เดินเข้ามาจับมือของผมเป็นครั้งสุดท้าย

แกร๊ก

เสียงประตูห้องเปิดขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องนี้ทำให้ผมตกใจ และดีใจ เจ็บปวดไปพร้อมๆกัน

นี่ผมฝันดีจัง แต่ผมคงเพียงแค่ฝันไปแน่ๆ อีกคนไม่มีทางหาผมเจอ และถึงเจอเขาจะมาหาผมทำไม เขาควรมีชีวิตรักที่น่าอิจฉากับผู้หญิงคนนั้นสิ แล้วจะมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร ?

“จะทิ้งกันอีกแล้วหรอ...”คนตรงหน้าพูดขึ้นมา

“ฮึก”เสียงนี้ ความรู้สึกนี้ กลิ่นนี้ มันคือเขาจริงๆ

“อย่าร้องไห้นะครับ คนดี อย่าร้องเลย”อีกคนเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าของผมอย่างแผ่วเบา ผมเลยตัดสินใจครั้งสุดท้าย ดึงเครื่องช่วยหายใจออกไป แล้วเค้นเสียงที่มีทั้งหมดออกไป

“...รักนะ”ผมพูดทั้งน้ำตา อีกคนก้มลงมากอดผมทันที แค่นี้ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว ครั้งสุดท้ายที่จะพูดคำๆนี้เมื่อมีโอกาส

“รักเหมือนกัน กูรักมึงนะ อย่าจากกูไปเลยนะ ฮือออ”อีกคนร้องไห้จนชุดของผมเปื้อนคราบน้ำตา จับมือผมเอาไว้แน่น ผมจับมือกลับไปเบาๆอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมกลับไม่โกรธที่ชุดเปื้อน หัวใจทรยศนี้กลับพองโต ทั้งที่บอกจะลืม แต่แล้วจริงๆ เขาลืมมันไม่ได้เลย ทั้งที่รู้ว่าคำว่ารักนั้นเป็นเพียงสถานะเพื่อน แต่ผมกลับมีความสุขที่สุดแล้ว

“ถ้าชาติหน้ามีจริง เราจะเจอกันนะ สัญญาสิ”

“สัญ...ญา”ผมพูดครั้งสุดท้ายพร้อมกับมือที่ทิ้งลงข้างเตียงและลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ผมฝืนเอาไว้

เปรี้ยง

พร้อมเสียงฟ้าผ่าเป็นพยานระหว่างเราสองคน

 





มันก็จะเศร้าตั้งแต่ตอนเเรกๆ เลยเนาะ ฝากด้วยค่าาา  สามารถติดตามนิยายได้นะคะ หรือคอมเมนท์ติชม ให้กำลังใจกับนักเขียนได้น้าาา นักเขียนเป็นมือใหม่ ขออภัยในความผิดพลาดด้วยค่ะ (กราบงามๆ)

ออฟไลน์ โชคลาภ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่าติดตาม :z1: :katai1:

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
จะเกิดใหม่มาเจอกันทั้งคู่ในชาติหน้าหรือกลับมาเกิดใหม่ในร่างอีกคน รอติดตามจ้า

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 1
ในความฝัน…
ภายใต้ค่ำคืนอันสวยงาม ท้องฟ้าที่เทาคราม มีดวงดาวประดับมากมายอยู่บนท้องฟ้า พระจันทร์ฉายแสงสง่างดงามคู่ควรกัน แต่ชายคนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับความฝันในอดีตอย่างโหดร้าย…
“…ฮึก”
“รัก…นะ”
เปรี้ยง   
เสียงฟ้าผ่าในเวลาเที่ยงคืน หนุ่มน้อยลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึกอย่างทุกที เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ไหลชุ่มช่ำไปทั่วตัวจนรู้สึกร้อนรุ่ม ถึงแม้ว่าจะอยู่ในห้องแอร์ที่เย็นกว่า 20 องศาก็ตาม
ความฝัน ภาพเหล่านั้นยังคงตราตรึงมาจวบจนทุกวันนี้ มันยังคงคอยตามหลอกตามหลอนผม ให้ลิ้มรสชาติแห่งความเจ็บปวดทรมาน แต่ก็กลับทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งวันนี้…
ผมมักจะฝันเป็นเรื่องเป็นราว ทุกครั้งที่ลืมตาตื่นมา ก็ลืมความฝันเหล่านั้นไปจนสิ้น ภาพเก่าที่เหมือนกับว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงในอดีต มันทำร้ายผมเสมอ
รัก…แต่ไม่กล้าบอกไป
รัก…แต่ต้องทรมาน
รัก…แต่สุดท้ายก็ต้องลาจากกัน
ทุกอย่างฉายวนราวกับว่าต้องการจะย้ำเตือนอะไรบางอย่างกับผม เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงเวลาอันสมควร ที่ผมจะสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายนั้นได้
ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าผมเคยไปทำอะไรเอาไว้ ถึงต้องฝันร้ายแบบนี้ทุกค่ำคืน ผมผิดอะไรขนาดนั้น ทำไมโชคชะตาถึงไม่คิดที่จะเข้าข้างผมบ้าง ปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆ อย่างผม ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ได้ยังไง
ถึงแม้จะรู้ก็ตามที ว่าถามไป ก็คงไม่ได้รับคำตอบนั้นที่ต้องการกลับมา แต่ก็ยังอยากที่จะตั้งคำถามนั้นอยู่ดี
ชีวิตก็เหมือนกัน ถึงแม้รู้ว่าจะไม่มีหวัง หรือความหวังที่จะเป็นจริงนั้นจะริบหรี่เพียงใดก็ตาม แต่สุดท้าย เราก็ยังหวังมัน…
ผมชอบต้นไม้ ชอบธรรมชาติอันสวยงาม ที่ไม่มีใครไปปรุงแต่งมัน ทุกอย่างมันลงตัวด้วยตัวของมันเอง สักวันผมก็คงจะเจอสิ่งนั้นที่ผมเฝ้าฝันมาโดยตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ทุกๆ วันยังคงเป็นรอยช้ำในจิตใจของผม ผมไม่มีใครที่ยืนเคียงข้างผมเลย นอกจากเพื่อนสนิทที่หลงเหลืออยู่เพียงคนเดียว ทุกอย่างมันทับซ้อนกันหมด เข้ามาหาผมทีเดียวโดยไม่ทันได้ตั้งตัว พุ่งทะยานมารวดเร็วยิ่งกว่าจรวดด้วยซ้ำ แล้วคิดว่าผมจะรับเรื่องราวเหล่านั้นไหวมั้ย ?
ตอบเลยว่าตอนแรกก็ไม่ไหวเหมือนกัน แต่ตอนนี้…
ก็ยังไม่ไหวนั่นแหละ
ผมแค่ทำใจ และค่อยๆ ปลงกับอะไรที่มันไม่แน่นอนของชีวิตคนเรา วันนี้อาจจะดี พรุ่งนี้มันอาจจะเลวร้ายกว่าเดิมเท่าทวีคูณก็ได้ ใครมันจะไปรู้ล่ะ ?
ผมผ่านปัญหาในชีวิตมากมาย ตั้งแต่เลิกกับแฟนหนุ่มที่รักกันมานาน แต่สุดท้ายเขาก็เพียงว่า…
‘เราเข้ากันไม่ได้’
ช่างเป็นคำตอบสุดคลาสสิกเสียจริงๆ สามารถใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยเลยด้วย ผมยิ้มตอบกลับไปว่าไม่เป็นไรซ้ำๆ ทั้งที่น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ แต่ผมกลั้นเอาไว้จนสุดความสามารถจนหันกลับมาอีกฝั่ง ที่ไม่เจอหน้าอีกคน ผมก็ปล่อยน้ำตาเม็ดเป้งที่หลั่งไหลลงมาราวกับหยาดฝน ปล่อยมันช้าๆ ให้เท่ากับจังหวะของหัวใจผมเองที่มันเริ่มจะเต้นช้าลงไปทุกที และมันกำลังจะแหลกสลายไปตามกาลเวลา
หลังจากวันนั้น ผมก็หลบหน้าเขา เราต่างใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่พูดไม่คุย แต่กลับรู้สึกดีกว่าการปั้นยิ้มให้อีกฝ่ายเสียอีก
มันไม่อึดอัดดี
ผมพอจะรับรู้ว่า ที่ผมมีแฟน เพียงเพราะอยากจะลืมเลือนใครบางคนในความทรงจำ คนที่แม้กระทั่งตอนนี้ ผมก็ยังไม่เคยเจอเขา และผมหวังว่าเขาจะกลับมาหาผมตามคำสัญญา…
คำสัญญางั้นหรอ…
ผมพยายามนึกย้อนไปในความฝัน ความฝันที่ผมไม่สามารถจดจำรายละเอียดใดๆ ได้แม้แต่นิดเดียว เหมือนกับว่ายิ่งใกล้ มันยิ่งไกลยังไงก็ไม่รู้
ทุกครั้งที่ผมตื่นขึ้นมา ความฝันเหล่านั้นก็จะหายไปพร้อมกับการลืมตาทันที ไม่มีครั้งไหนเลย ที่ผมจะจำทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นได้ ไม่มีเลย…
ผมไม่คิดที่จะตามหาใครคนนั้น เพราะผมไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับอีกคน แต่ความรู้สึกลึกๆ มันกลับบอกกับผมว่า อีกไม่นาน…เราจะเจอกันและกัน
ผมเฝ้ารอวันนั้นมานานแสนนาน ทุกวันทุกวินาทีของผมใช้ไปกับการเฝ้ารอคนที่ผมไม่รู้ว่าเค้าจะมาเจอกับผมเมื่อไหร่ หรือไม่ก็อาจจะไม่มีวันนั้นอีกด้วยซ้ำ
ผมอาศัยอยู่ที่คอนโดใกล้กับมหา’ลัยที่เรียนอยู่ ผมมาอยู่คนเดียว คนเดียวจริงๆ ไม่มีใครมาดูแลหรือปกป้องผมเลยแม้แต่คนเดียว ชีวิตโดดเดี่ยวถึงขีดสุด แต่อย่างน้อยก็มีเพื่อนที่รักและดูแลผมเสมอมาเช่นกัน…
เขาคนนั้นคือ อาร์ท
เพื่อนร่วมรุ่นสมัยมัธยมหัวเกรียนของผม เราเป็นเพื่อนกันมาตลอด จนตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ ผมอยู่ห้องติดกับอีกคน เพราะไม่อยากไกลกันเลย ผมกลัว…แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองน่ะกลัวอะไร
มันเหมือนกลัวอะไรที่มันมองไม่เห็น แต่กลับสัมผัสมันได้
ผมหวาดกลัวเสียงดัง ผมกลัวฝนตก ผมกลัวเสียงฟ้าร้อง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมกลัวมันทั้งหมด
ผมไม่ได้เป็นโรค ผมปกติดีทุกอย่าง แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลัวสิ่งเหล่านั้นไปทำไม ?
“เหม่ออะไรอีกล่ะมึง”เพื่อนสนิทตัวดีที่ชื่อว่าอาร์ททักท้วงขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก เพราะอีกคนนั่งเหม่อมองฝนฟ้าจนมันจะท้องอยู่แล้ว
“…เปล่าหรอก”สุดท้ายผมก็เลือกที่จะโกหกไป…แต่ไม่สำเร็จหรอก
“กูรู้จักมึงมากี่ปี อย่าลืมสิมิกซ์”ใช่ครับ ผมชื่อมิกซ์ ขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวนะครับ พอดีว่ารำลึกความหลังนานเกินไปหน่อย
“…ก็มันไม่มีอะไรนี่นา”ผมก้มหน้างุดหลบตาอีกฝ่าย
“เห้อออ มานี่มา”อีกฝ่ายเรียกผมไปนั่งบนตักของเขา คือตอนนี้เราสองคนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารในห้องของผม มีโต๊ะหนึ่งตัวกับเก้าอี้อีกสอง ไว้ให้เราสองคน ทุกครั้งที่ผมไม่สบายใจ เขามักจะปลอบโยนผมอย่างทะนุถนอมเสมอมา…
ผมเดินไปนั่งบนตักอีกฝ่าย โดยหันข้างลงไป จ้องมองแววตาเริ่มแปลกๆ ไปจากเมื่อก่อน แต่ผมกลับไม่สนใจที่จะมองมัน
“ไม่สบายใจอะไรครับมิกซ์”ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักแค่ไหนก็ตาม อีกฝ่ายก็ยังคงเป็นคนที่สามารถเอาชนะตัวของเขาได้ทุกครั้งไป…
เพราะแค่อีกฝ่ายพูดจาไพเราะหวานหู เขาก็จำเป็นต้องพ่ายแพ้ไปเองทุกที…
“แค่…แค่กลัว”ผมก้มหน้าลงกับเสื้ออีกฝ่าย ด้วยความที่ผมเป็นคนตัวเล็ก ถึงแม้จะนั่งแบบนี้ผมก็ยังไม่สูงขึ้นมาสักเท่าไหร่ เลยก้มหน้าลงกับเสื้อของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
“เห้อออ”เสียงถอนใจยาวออกมาจากร่างสูงทำให้ผมนึกกลัวในใจ ใจผมเต้นระรัวกลัวอีกคนจะโกรธที่รับปากแต่ก็กลับทำมันไม่ได้ไปเสียทุกที
“…ไม่เป็นไรนะครับ มึงยังมีกูนะ”ผมหลับตาปี๋ยอมรับการตวาดจากอีกคน แต่สิ่งที่มาแทนที่กลับทำให้ผมใจชื้นมากกว่าเดิม เขาลูบหัวผมเบาๆ ราวกับเด็กน้อย พร้อมส่งรอยยิ้มหล่อๆ กลับมาให้กับผม ผมเลยคลี่ยิ้มบางเบากลับไปบ้างแล้วให้เขาลูบหัวปลอบประโลมอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งหลับไป…
ร่างสูงจึงส่ายหน้าให้กับเพื่อนสนิท ที่นับวันจะยิ่งมีผลต่อใจเขาเข้าไปทุกที หยุดลูบหัวแล้วค่อยๆ อุ้มคนตัวเล็กที่น้ำหนักเบาหวิวเหมือนกับคนขาดสารอาหารเข้ามาในห้องนอนของคนตัวเล็กทันที เมื่อหัวถึงหมอน อีกคนก็หลับปุ๋ยเหมือนลูกแมว เขาจัดท่าทางให้คนตัวเล็กนอนสะดวก รอยยิ้มบางเบาประดับบนใบหน้า และจุมพิตบนหน้าผากคนตัวเล็กเหมือนกับจะบอกว่าฝันดี…
นั่นเป็นสิ่งที่คนตัวสูงทำมันอยู่ทุกวัน จนกลายเป็นความเคยชิน และในขณะเดียวกัน ร่างเล็กก็รับรู้มันทุกอย่างเพราะร่างเล็กยังไม่ได้หลับไป
และมีความสุขกับความสัมพันธ์นี้เหลือเกินเช่นกัน
ถ้าจะให้เขาเลือก เขาขออยู่ตรงนี้เเต่ให้อีกคนยังเหมือนเดิม ดีกว่าการที่อีกคนรับรู้บางอย่าง แล้วเขาต้องเสียอีกคนไปตลอดชีวิต...



 :katai4:ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตามเรามากนะคะ จะพยายามมาลงเรื่อยๆ น้าา ฝากด้วยน้าาา ไม่ดียังไงติติงมาได้น้าาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2017 21:43:04 โดย Kaooi »

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 2
ในความสนิท
ยามเช้าวันต่อมา คนตัวเล็กตื่นนอนขึ้นมาเวลาเดิม 6 โมงเช้า อยากนอนต่ออีกหน่อย เพราะฝันดีเมื่อคืนยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำเสมอ ถึงแม้ว่าความฝันจริงๆ ของเขาจะทำให้ยามตื่นมามีหยาดน้ำตาเต็มใบหน้าก็ตาม เขาอาบน้ำแต่งตัวทำอาหารเช้าเสร็จ ก็เดินไปเคาะห้องร่างสูงด้วยใจชื่นมื่นแต่ทว่าหัวใจดวงน้อยๆ กลับสั่นไหวเมื่อคนที่มาเปิดประตูให้เขานั้น กลับไม่ใช่เจ้าของห้องอย่างที่คิด
แววตาสั่นไหวระริก มองคนตรงหน้าเต็มตา ใบหน้าสวยหวานแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ กำลังยืนโบกไม้โบกมือตรงหน้าเขาเชิงทักทาย เขากลั้นใจฝืนยิ้มตอบกลับไปอย่างขื่นขม
“อ้าว มิกซ์มีอะไรรึปล่าว ? เข้ามาก่อนก็ได้ อาร์ทเค้าอาบน้ำอยู่น่ะ”เธอบอกผมอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไร คือเราแค่จะเอาข้าวต้มมาให้เฉยๆ”ใช่ เขาตื่นมาพร้อมกับทำข้าวต้มกุ้งให้อีกฝ่ายทาน แต่คงไม่สำคัญแล้วล่ะ เพราะในเมื่ออีกคนก็ซื้อมันมาให้แล้ว
“อ๋อ งั้นหรอ แต่…เราซื้อมาแล้วอ่ะ ขอโทษด้วยนะ”เธอยิ้มตอบกลับมาอย่างขอโทษ
“อืม ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ งั้นเราไปเรียนก่อนนะ มีเรียนเช้าน่ะ”เปล่าหรอก เขาแค่โกหก วันนี้เขามีเรียนบ่ายต่างหาก
“จ้ะ โชคดีนะ”เธอโบกมือไหวๆ มองผมจนลับสุดสายตา พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ
เขามามหาวิทยาลัยด้วยจิตใจที่แปลกประหลาด เมื่อไหร่กัน ที่ความรู้สึกระหว่างเรามันเริ่มเปลี่ยนไป ผมไม่รู้ และผมผิดเอง ที่ปล่อยมันลุกลามมาจวบจนตอนนี้ ที่ผมไม่สามารถตัดอีกคนออกไปได้แล้ว
แต่ผมก็เพียงคิดว่า จะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เก็บมันเอาไว้ ให้มันตายไปพร้อมกับผม
ผมควรจะดีใจ ที่อีกฝ่ายได้รับการดูแลอย่างดีจากแฟนสาว คนที่มาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ทุกอย่างมันกำลังจะไปได้ดี ชีวิตเขาต้องเป็นชีวิตที่โชคดี แต่ทำไมผมไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย
ข้างในใจลึกๆ มันยังคงหวังว่า เขาจะรับรู้ความรู้สึกของผมในสักวัน และเขาจะยอมรับมันได้ ถ้าโชคดีหน่อย เรารักกันทั้งคู่ สุดท้ายเราก็อยู่ด้วยกันตลอดไป
แต่คงเป็นแค่ความฝัน
หึ แม้กระทั่งความฝันยังไม่มีทางเป็นจริง เพราะไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน ความฝันในอดีตยังคงมาตามหลอกหลอนผมในความฝันเสมอ ผมไม่มีความสุขเลย ทุกวันๆ มันจะยิ่งค่อยๆ เห็นรายละเอียดชัดเจนขึ้น เรื่องราวมากมายมันถูกบันทึกไว้ในส่วนความทรงจำของสมอง ซึ่งผมจำไม่ได้ รู้แค่ว่ามันมีเท่านั้น
ผมเชื่อ ว่าสักวันผมต้องเข้มแข็งให้ได้มากกว่านี้ และเมื่อวันนั้นมาถึง ผมจะสามารถยิ้มอย่างจริงใจให้เขาทั้งสองได้อย่างมีความสุขจริงๆ
ผมมีชีวิตที่โดดเดี่ยว อ้างว้าง เคว้งคว้าง และไร้ซื่งจุดหมาย ทุกอย่างที่มีมันถูกเติมเต็มด้วยคนที่ได้ชื่อว่า อาร์ท เพียงคนเดียว โลกทั้งใบผมมีแค่เค้า เพราะไม่ว่าจะพ่อหรือแม่ ก็ต่างทิ้งผมไปมีครอบครัวใหม่อย่างมีความสุข ส่งเพียงเศษเงินกลับมาให้ลูกนอกคอกอย่างผมก็เท่านั้น
อาร์ทหยิบยื่นความหวังดี ความห่วงใยมาให้ผมในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังอ่อนแอมากที่สุด หัวใจดวงน้อยๆ ได้รับการรดน้ำจนชุ่มฉ่ำเบิกบานอีกครั้ง ทุกวันเริ่มจะมีความหมายดังเดิม จนกระทั่ง…
วันหนึ่ง มีคนที่ค่อยๆ มาแย่งความสนใจไปจากผม เธอเป็นคนสวย สวยมาก เป็นดาวมหาลัย เขาเหมาะสมที่จะเคียงคู่กัน ใครๆ ก็ต่างพากันอิจฉา พ่อแม่เห็นดีเห็นงามด้วยเพราะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
และวันนั้นเองที่ผมรู้ว่า ผมไม่ได้รักอีกฝ่ายแบบเพื่อนอีกแล้ว…
แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะให้อีกคนรับรู้หรอกนะ เพราะถ้าเขารู้ ผมกลัวเหลือเกินว่า คำว่าเพื่อนมันจะยุติลงทันที
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่โทรมา”เสียงทุ้มฉุดผมให้ออกจากความคิดของตน เงยหน้ามองร่างสูงที่ถือวิสาสะจับแขนผมอยู่
“กูบอกแฟนมึงแล้ว แฟนมึงไม่บอก ?”ผมถามอย่างไม่เข้าใจ
“หึ ไม่อ่ะ ทีหลังมึงก็บอกกูเองสิ โทรศัพท์น่ะจะมีไว้ทำไม ถ้าไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์”อีกฝ่ายพูดรวดเดียวอย่างดุจนคนฟังยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ยังรับรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าอีกคนยังเป็นห่วงเขาอยู่ ใจทรยศกลับเบ่งบานอีกครั้งอย่างไม่คิดจะห้าม…
“ทำไมต้องบอก เราเป็นแค่เพื่อนกันนะ ไม่ต้องรู้ทุกความเคลื่อนไหวก็ได้”ใช่ ผมเองก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน เหมือนคำพูดทุกอย่างถูกตอกกลับมาที่ผมอย่างเจ็บแสบ ผมกำลังหลอกตัวเอง ผมกำลังพูดถึงตัวเองอยู่ ผมไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะผมนี่แหละที่ทำ…ไม่ได้
“ก็มึงเป็นเพื่อนสนิทกูคนเดียวหนิ มึงก็รู้ กูต้องดูแลให้ดีที่สุด”คนตรงหน้าพูดอย่างหมายมาด
“หึ ไปดูแลเมียมึงดีกว่านะกูว่า ไม่ต้องมาดูแลกูหรอก ขนลุกวะ”ผมทำท่าขยะแขยงเต็มแก่ เพราะยิ่งอีกคนดีกับเขาเท่าไหร่ เขาจะยิ่งทำใจได้ยากเท่านั้น เขาไม่อยากทำให้ตัวเองต้องเจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่เอาแล้ว
พูดจบเขาก็หมุนตัวขึ้นเรียนทันที ทิ้งไว้ให้อีกคนมองอีกคนไกลจนสุดสายตา ด้วยความไม่เข้าใจ…กับความรู้สึกบางอย่างของตัวเอง
“มึงๆ เย็นนี้ไปกินเลี้ยงกันม่ะ สอบเสร็จทั้งทีอ่ะ”หวาน สาวสวยประจำกลุ่มพูดขึ้นกับเพื่อนร่วมรุ่น
“ไป !”คนอื่นๆ ร่วมใจกันตอบพร้อมกัน
“แล้วมึงอ่ะ ?”หวานหันมาถามผม
“ไปก็ได้”ผมตอบเธอจึงยิ้มหวาน แล้วบอกรายละเอียดต่างๆ เราจะจัดกันที่ร้านหลังมอ เป็นร้านที่นักศึกษาทุกคนต้องเคยไป ถ้าไม่ไปถือว่าคุณมาเรียนไม่ถึงที่นี่
Boog Bar
ร้านบุ๊คบาร์เป็นร้านของพี่นักศึกษาคณะวิศวะ เขาเปิดให้นักศึกษาทุกชั้นปีเข้านั่งดื่มได้ ที่นี่ไม่ใช่ผับ เป็นเพียงบาร์ที่ให้ปาร์ตี้สังสรรค์กันตามหมู่คณะเล็กๆ เท่านั้น เขายิ้มกับบรรยากาศเก่าๆ ที่ไหลวนมาไม่หยุดในสมองของเขาเอง
“เอ้า โชน !!”นักศึกษากลุ่มหนึ่งชนแก้วกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยถือคติที่ว่า ไม่เมาไม่กลับบ้าน
“ทำไมวันนี้ดื่มเยอะจัง”คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น
ในกลุ่มนี้มีเพียงคนตัวเล็กเท่านั้นที่เรียนเกษตร นอกจากนั้นก็เรียนวิศวะหมดเลย แต่ด้วยความที่สนิทกับอาร์ท เมื่อมาฉลองจึงไม่พลาดที่จะชักชวนเพื่อนตัวเล็กของเขาติดสอยห้อยตามมาด้วยนั่นเอง
“กูอยากมาววอ่ะ ไม่มีรายยย”คำว่าไม่มีอะไรของคนตัวสูงทำให้คิ้วเล็กขมวดเป็นปม ด้วยความไม่เข้าใจ ใครบอกไม่มี เขาจะเชื่อว่ามันมีอย่างแน่นอน
“อกหักมาอีกล่ะสิ”
“เอิ๊ก มึงนี่เป็นเพื่อน อึก ที่รู้จายยยกูจริงจริ้งง”คนตัวสูงโอบไหล่ร่างเล็ก
“ไม่งั้นกูคงไม่เป็นเพื่อนกับมึงมาจนป่านนี้หรอก”ร่างเล็กที่ดื่มเข้าไปไม่มาก เพราะต้องพาร่างสูงกลับห้อง จึงมีสติตอบกลับไปได้อยู่
“ดี อึ้ก มากกก กูรักมึงที่สู้ดดด”พูดจบก็ทำท่าทางจะมาหอมแก้มคนตัวเล็กเป็นรางวัล แต่คนตัวเล็กไวกว่าจึงผลักไปนอนแน่นิ่งบนโซฟาทันที ดวงใจทรยศกลับเต้นแรงเมื่อได้ยินคำบอกรักนั้น แม้จะเป็นในสถานะเพื่อนก็ตาม...
เขาส่ายหน้าให้กับความไร้สาระ อกหักทีไรเป็นต้องมาเมาทุกที แล้วคนซวยจะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เขา
“มิกซ์ !!”
“เออๆ เรียกทำไมเสียงดังขนาดนั้นล่ะวู้ววว”คนตัวเล็กพูดอย่างไม่จริงจัง
“เหอะๆ พวกกูเรียกมึงจะได้ร้อยรอบแล้วนะเฟ้ย เหม่ออยู่ได้คิดอะไรอยู่”เพื่อนอีกคนในคณะถามทีเล่นทีจริง แต่ก็ปะปนความเป็นห่วงจนร่างเล็กรู้สึกได้
“เปล่าหรอก คิดอะไรนิดหน่อย”เขายักไหล่ตอบกลับไปอย่างไม่สนใจ
“อ๋อออ รำลึกความหลังว่างั้น ?”หวานถามขึ้นมาบ้าง
“คงงั้น”
“เอ้าๆ ค่อยไปรำลึกทีหลังนะ ตอนนี้มากินก่อนเว้ย เอ้าชน !!”
เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือด คนที่นิ่งๆ ก็จะกลายพันธุ์เป็นคนบ้าทันที ส่วนคนที่บ้าก็จะยิ่งบ้าเข้าไปอีก ร่างบางเดินโซซัดโซเซกะจะไปเข้าห้องน้ำ แต่กลับมีมือใครไม่ทราบมาคว้าเขาไว้ก่อน ด้วยสติที่ไม่ครบดี จึงทำให้ไม่มีแรงขัดขืนใดๆ
“มึงกล้าทำเพื่อนกูงั้นหรอ ตายเถอะมึง !!”เสียงหมัดกระทบหน้าดังเกลื่อนไปทั่ว กลิ่นคาวคละคลุ้งอยู่ในอากาศ เหม็นเหียนจนแทบจะอ้วกตรงนั้น ภาพตรงหน้าเลือนราง แต่เขากลับมโนไปทีว่าเป็นคนที่เขาคิดถึง
“อ๊าดดด อึ้ก มาหากูหรอออ”หลังจากนั้นก็รู้สึกลอยได้ จนไม่นานก็ลอยมาอยู่ที่นุ่มนิ่มอีกครั้ง
ร่างสูงปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยอ่อน ถ้าเขาไม่ไปเจอเข้าก่อนนะ อีกคนจะเป็นยังไงบ้าง ทำไมชอบทำตัวให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย ไม่เข้าใจ และยังไม่เข้าใจตัวเองอีกด้วย ว่าทำไมต้องไปเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนคนนี้ขนาดนั้นกัน
คงเพราะอีกคนไม่มีใคร เขาเลยนึกสงสาร…ก็แค่นั้น
“พ่อออ อึ้ก คิดถึงจัง แม่จ๋า คิดถึงจางงง ฮึก”คนตรงหน้าละเมอ มือเล็กปัดป่ายไปในอากาศอย่างหาที่พึ่ง อีกคนไม่แปลกใจ เพราะเป็นเช่นนี้ทุกที ร่างเล็กมักจะฝันร้ายทุกวัน เขาเลยเป็นคนที่จะทำให้ร่างเล็กหายฝันร้ายเช่นเดียวกัน
“อย่าร้อง ฝันดีนะครับ”อ้อมกอดจากร่างใหญ่ทำให้คนตัวเล็กเงียบสงบลงได้ในไม่นาน จนลมหายใจกลายเป็นปกติ ร่างสูงได้หวังว่าที่เขาทำลงไปทุกอย่างนี้เป็นเพียงเพราะคนตัวเล็กเป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุด
แสงอาทิตย์สอดส่องเข้ามาภายในห้อง คนตัวเล็กงัวเงียตื่นนอน กระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้ภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้น หัวเหมือนจะระเบิด อาจจะเป็นผลมาจากที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปเมื่อคืนแน่ๆ ร่างบางขยับกายจะลุกขึ้น แต่สายตากลับสะดุดเมื่อเจอมือใหญ่ที่พาดผ่านหน้าท้องของเขาอยู่ ร่างเล็กชะงักดูเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แล้วกลับแปลกใจ เมื่อคืนเขาไม่ได้ใส่ชุดนี้ เขาจำได้แม้ว่าจะเมาก็ตาม อีกคนที่นอนข้างเขานั้นใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวเก่งตัวเดียวเท่านั้น เขาหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่าเมื่อคืนอีกฝ่ายคงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเป็นแน่
ว่าแต่ ทำไมเขามาอยู่ในห้องของอีกคนได้กัน คนที่จะตอบเขาได้ก็คงไม่พ้นคนที่นอนข้างๆ เขาตรงนี้หรอก
“ตื่นเว้ย !”ร่างเล็กตะโกนใส่หูร่างสูงเบาๆ แต่คนที่หลับกลับไม่ยอมตื่น แถมยังรัดเอวเขาเข้าหาตัวอีกต่างหาก ใบหน้าของเขาทั้งคู่จึงอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนเท่านั้น จะเก่งเกินไปแล้ว ที่ทำให้เขาใจเต้นแรงได้มากขนาดนี้…
“ตื่นนะ อาร์ท ตื่นสิ”คนตัวเล็กยังไม่ละความพยายาม เสียงเรียกเริ่มเบาลงเรื่อยๆ แต่กลับสร้างความรำคาญให้กับร่างสูงได้เป็นอย่างดีทีเดียว อีกคนจึงลืมตามองร่างเล็กที่ขัดจังหวะการนอนของเขาดีนัก
“มีอะไร”อีกฝ่ายเลิ่กคิ้วสูงอย่างสงสัย เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปเกือบเช้าแล้ว นี่ยังจะมากวนอะไรกันอีก
“ปะ ปล่าว แต่ปล่อยก่อนได้มั้ยจะไปอาบน้ำ///”ร่างบางพูดเบาแสนเบา พร้อมใบหน้าขาวที่แดงระเรื่อ จนอีกฝ่ายตื่นเต็มตา
“หน้าแดงทำไม เขินหรอ ทำเหมือนไม่เคยไปได้”อีกฝ่ายพูดติดตลก ยิ่งอีกคนทำหน้าตาน่ารักเท่าไหร่ มันยิ่งดูน่าเอ็นดูมากขึ้นเท่านั้น
“ไอ้บ้า กูจะเขินมึงทำเพื่อ ? ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ”คราวนี้ร่างสูงปล่อยมือแต่โดยดี เมื่อร่างเล็กเดินออกมาจากห้องนอนก็ไปเปิดประตูห้องเพื่อจะกลับห้องของตน แต่คนที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้เขานิ่งทันที
เขาลืมไปได้ยังไง ว่าในขณะที่เขามีความสุขในโลกของความฝันคนเดียว ยังมีคนที่เป็นตัวจริงที่ยืนแทนที่ข้างๆ คนตัวสูงอยู่ ซึ่งไม่เคยทำอะไรผิดเลย กำลังรับโชคชะตาอันเลวร้ายโดยที่เขานั้นไม่ได้ก่อ
“มิกซ์นอน…กับอาร์ทหรอ ?”ร่างบางขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“อ้อ ใช่ๆ แต่กูเมาอ่ะ มันเลยเอากูมานอนที่โซฟาด้วยเท่านั้นเอง มันไม่พากูไปนอนที่ห้องหรอก มันบอกว่าให้แฟนมันนอนได้คนเดียว”จากนั้นอีกคนจึงยิ้มหวานอย่างเขินอายทันที
“อ๋อ งั้นหรอ แล้วนี่จะไปเลยใช่มั้ย ฝากเอาขยะไปทิ้งด้วยสิ พอดีของเก่าแล้ว บางอย่างมันไม่ได้น่าเก็บรักษาเท่าของใหม่ที่เพิ่งได้มาหรอกเนาะ ว่ามั้ย ?”ร่างบางส่งรอยยิ้มปกติมาให้ผมเหมือนเดิม แต่แปลกความรู้สึกมันเหมือนอีกคนล่วงรู้อะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้เหมือนกัน เพียงแค่ลางสังหรณ์มันแปลกๆ ไป
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ มันนอนอยู่น่ะ ไปปลุกมันเลยนะ เราไปก่อนนะ”อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องไป
ในเมื่อตัวจริงมา…ตัวสำรองก็คงต้องไป
ไม่เป็นไร…เขาไม่เป็นไร พร่ำบอกเช่นนี้ทั้งน้ำตาอาบหน้าเหมือนทุกที




Talk
น่าสงสารเค้านะ เอ๊ะ ทำไมความมาม่าเริ่มจะค่อยๆเพิ่มขึ้นแล้วกันนะ ฮ่ะๆ ฝากติดตามคอมเมนท์ติชมด้วยนะคะ เค้าจะพยายามมาต่อให้ได้นะคะ บ้ายยยย

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: [อนธการ (ดราม่า) ] EP.3
«ตอบ #7 เมื่อ14-11-2017 18:14:38 »

ตอนที่ 3
ในความคิด
   ART
เมื่อคืนผมตั้งใจว่าจะไปกินเหล้าธรรมดาคนที่มีแฟนแต่ทำตัวเหมือนโสดเป็นลิงโลดหาคู่ แน่นอนว่าระหว่างที่คบอยู่กับอีกคนนั้น ผมก็แอบไปมีเล็กมีน้อยตามประสา เค้าเป็นแฟนคนที่ไม่งี่เง่า(ในตอนแรก) นั่นทำให้เราคบกันค่อนข้างนาน…จนเริ่มเบื่อ
จะด่าว่าผมมันเลวก็ได้นะ แต่ผมไม่คิดจริงจังกับใครจริงๆ ผมไม่เชื่อหรอกนะ ว่าคนๆ นึงจะยอมเสียสละชีวิตแทนกันได้น่ะ มันก็มีแต่ในละครเท่านั้นแหละ ความจริงมักจะโหดร้ายกับเราเสมอ

แต่พอดื่มได้ไม่นาน สายตากลับไปพบเจอกับร่างบางเพื่อนสนิทของตน ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าใช่รึเปล่า ? เลยเดินลงมาดู ระยะทางยิ่งใกล้กันมันยิ่งทำให้ชัดเจนมากขึ้น ผมเลือดขึ้นหน้าทันที เมื่อเพื่อนสนิทตัวเล็กของตนนั้นโดนใครที่ไหนก็ไม่รู้กำลังพาไปที่อื่น แม้แต่มือคู่นั้นเขาก็กลับหวงขึ้นมาซะดื้อๆ ยิ่งคิดได้ว่าถ้าเขาไม่มาเจอเสียก่อน เรื่องราวมันจะยิ่งบานปลาย คนตัวเล็กอาจจะเจ็บปวดไปจนตายเลยก็ได้ และคนที่เจ็บที่สุดคงไม่พ้น…ตัวเขาเอง

ที่เคยสัญญาเอาไว้ว่าจะดูแลอีกคนให้ดี…แต่กลับทำตามไม่ได้

ตอนนั้นเขาไร้สติ ต้องโทษของมึนเมาที่ทำให้เขาขาดสติ และต้องโทษคนตัวเล็กด้วย ที่ไม่ระวังตัวทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก ตอนนั้นเขาลืมไปหมด รัวหมัดใส่หน้าอีกคนจนเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ มือของเขาเจ็บมาก แต่กลับไม่สามารถลบความโกรธที่มีในใจได้เลย จากหนึ่ง…เป็นสอง…ตามมาด้วยอีกหลายหมัดที่เข้าอย่างจังที่ใบหน้าอีกฝ่ายจนไร้ซึ่งรูปเดิม
ร่างเล็กที่เมามายนั้นละเมอตลอดทางที่กลับมาที่ห้อง ด้วยความเป็นห่วงแบบเพื่อน ผมจึงพาเขามานอนที่ห้องของผมก่อน พรุ่งนี้ค่อยกลับก็ยังไม่สาย ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย…

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เตียงนอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้สัมผัส…

ด้วยความสงสารที่เจ้าตัวไม่ได้อาบน้ำ จึงไปนำผ้าผืนเล็กมาเช็ดตัวให้ก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จเรียบร้อย แน่นอนว่าไม่ได้พิศวาสอะไร จึงเปลี่ยนตามปกติ และล้มตัวนอนลงข้างกับร่างเล็ก แม้จะเช็ดตัวไปให้แล้ว แต่ร่างเล็กยังไม่สร่างเมาดี จึงเพ้อขึ้นมาราวกับคนบ้า แต่คำพูดที่ถูกพ่นออกมานั้นมันแทนความรู้สึกลึกๆ ของร่างเล็กได้เป็นอย่างดี อีกคนเป็นอย่างนี้เสมอ ชอบฝันร้าย เขาสงสาร เพื่อนตัวน้อยคนนี้เหลือเกิน จึงโอบกอดร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตน…พร้อมลูบหัวเบาๆ
ไม่นานนักร่างเล็กก็นิ่งสนิท พร้อมลมหายใจที่เป็นปกติเช่นเดิม เขาเกลี่ยน้ำตาที่เประเปื้อนหน้าสวยของเพื่อนตัวน้อยคนนี้ ใบหน้านี้ไม่เหมาะกับการร้องไห้เลย มันต้องคู่ควรกับรอยยิ้มมากกว่า

อีกคนจะรู้มั้ย ? ว่าตอนที่ยิ้มนั้นมันมีสเน่ห์มากมายขนาดไหน

ก็ขนาดที่ว่า…ทำให้คนๆ นึงรู้สึกแปลกๆ ไปได้

ยามเช้าเขาถูกปลุกด้วยร่างเล็กข้างกาย เสียงตะโกนเบาๆ ใกล้หูดังขึ้น เขาทำเสียงดังกลับไป มีอย่างที่ไหน มาปลุกกันตอนนี้ รู้มั้ยเมื่อคืนน่ะ กว่าจะจัดการร่างเล็กให้อยู่หมัดเนี่ย ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ เหนื่อยนะเว้ย !

เมื่อเสียงงุ้งงิ้งดังขึ้นเป็นระยะเขาจึงยอมแพ้แล้วลืมตาขึ้นมามองอีกคน…ซึ่งมันก็นับว่าคุ้มทีเดียว
เพราะใบหน้าหวานสีขาว แต่งแต้มด้วยสีมะเขือเทศประปราย มันยิ่งขับให้หวานกว่าเดิมอีก จู่ๆ ความอยากแกล้งก็เกิดขึ้น แต่ไม่นานนักร่างบางก็ขอตัวกลับห้องไปก่อน เขาจึงมองร่างเล็กเดินออกจากห้องนอนไปด้วยสายตา…เสียดาย

ทำไมต้องเสียดาย ไม่เห็นจะต้องคิดแบบนั้นเลย สุดท้ายคิ้วขมวดนั่นก็คลายออกและกะจะนอนหลับดังเดิม แต่ไม่ทันเข้าสู่ห้วงนิทรา เสียงใสที่ดัดขึ้นมานั้นก็ปรากฎเข้าสู่แก้วหูพร้อมกับร่างอรชรนั่นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าแทน…
ในมือของเธอนั้นถือถุงข้าวต้มมาด้วย คงจะเอามาให้ผมทานสินะ เหมือนเดิม…เหมือนจนน่าเบื่อ
แน่นอนว่าคนที่เบื่อง่ายแบบผมเนี่ย ไม่นานก็ต้อง…เลิก

“อาร์ทคะ หวานซื้อข้าวต้มมาฝากค่ะ ข้าวต้มกุ้งของโปรดอาร์ทเลยนะ”ร่างสวยยิ้มหวานกลับมาให้เขา เหมือนอย่างทุกที แต่ทำไมไม่เห็นหวานเหมือนเพื่อนตัวเล็กของเค้าเลยนะ ?

ทำไมต้องเปรียบเทียบกัน อีกคนก็คืออีกคนสิ จะมาเหมือนกับอีกคนคงเป็นไปไม่ได้ ทุกคนไม่ใช่ตัวแทนของใคร

“ครับ…แต่หวานวางไว้ก่อนนะ เราขอนอนต่ออีกหน่อย”ว่าจบก็ล้มตัวนอน ทำให้สาวเจ้าถามขึ้นอย่างสงสัย

“เมื่อคืนนอนดึกงั้นหรอ ?”เธอถาม

“อืมมม”เขาครางตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ

“ไปไหนมา ?”เสียงสาวเจ้าเริ่มดังขึ้นนิดหน่อยตามระดับความอยากรู้

“เมื่อคืนก็ไปกินเหล้ากับเพื่อนมาไง ก็รู้แล้วหนิ”

“แล้วทำไมถึงพาเพื่อนมานอนที่ห้องได้ล่ะ ปกติไม่ให้ใครเข้าห้องนอนไม่ใช่หรอ ?”หล่อนยังไม่หยุดสงสัย

“มันเมาน่ะ”เขาตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก นั่นสิ ทำไมกัน ?

“แล้วห้องก็อยู่ติดกันแค่นี้ ไปส่งไม่ได้รึไง ?”เธอเริ่มขึ้นเสียง

“ก็บอกว่ามันเมาไง แล้วก็อย่ามาขึ้นเสียงใส่นะ เคยบอกแล้วใช่มั้ย…ว่าไม่ชอบ !”เขาเริ่มตวาดกลับไปบ้าง อีกฝ่ายทำหน้าเหรอหราทันที และแก้ตัวฉับพลัน

“ขอโทษ…หวานขอโทษนะคะ อย่าโกรธนะ”อีกฝ่ายยิ้มให้แล้วขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกัน จนอีกฝ่ายลุกขึ้นนั่งแล้วตวาดลั่น

“อย่าขึ้นมาบนเตียง !”

“ทำไมคะ ทีเพื่อนของอาร์ทยังมานอนได้เลย !”เธอตอบอย่างไม่ยอมแพ้

“มันไม่เหมือนกันไง !”

“ทำไม ! ไม่เหมือนกันตรงไหน นั่นแค่เพื่อน แต่นี่เมียนะ เมียของอาร์ทไง จำไม่ได้หรอ ? เหอะ”และนางก็พ่นเสียงขึ้นจมูกตบท้าย

“กลับไปก่อน”ด้วยความที่ไม่อยากทะเลาะด้วย อีกฝ่ายจึงเอ่ยปากไล่กรายๆ

“ไม่ต้องไล่หรอก ไปเองได้ แต่ก่อนไปขอบอกอะไรหน่อยนะ…อย่าคิดจะเขี่ยคนอื่นทิ้งง่ายๆ เหมือนที่เคยทำ เพราะมันไม่ง่ายเสมอไป จำไว้”และเธอก็เดินปึงปังออกจากห้องไป พร้อมกับอารมณ์คุกรุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่

ร่างสูงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ด้วยความคลางแคลงใจ ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่เขาให้เพื่อนตัวน้อยของเขานั้นได้สิทธิพิเศษนอกเหนือกว่าคนอื่น คงเป็นเพราะรูปร่างบอบบางนั่นที่ดูเหมือนจะดูแลตัวเองไม่ได้ล่ะมั้ง เขาได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้น
จนสุดท้ายก็ฝืนหลับตาปล่อยความคิดไปตามสายลมพัดผ่าน…

“สัญญาได้มั้ย ? ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราจะยังรักกันอยู่แบบนี้”ร่างบางพูดขึ้นในขณะที่เรานั่งหย่อนเท้าอยู่ที่สะพาน…ข้างๆ กัน

“หึ ได้ดิ กูจะรักมึงแบบนี้ไปตลอด…กูสัญญา”อีกคนยิ้มตอบรับอย่างยินดีและเต็มใจ แน่นอนว่าความรักที่มีให้เพื่อนตัวน้อยนั้นไม่มีใครมาพรากไปจากเขาได้แน่นอน

“เกี่ยวก้อยด้วย”อีกฝ่ายพูดอ้อนๆ พร้อมยื่นนิ้วก้อยมาให้ผมสัมผัส ผมส่ายหัวหน้าสวยนั่นยู่หน่อยๆ อย่างน่ารัก ปากเชิดนั้นยื่นออกมา ทันใดนั้นความรู้สึกด้านมืด ที่อยากจะสัมผัสก็บังเกิดขึ้นมาก็ปรากฏรู้ตัวอีกที...

จุ้บ

เขาก็หอมแก้มเพื่อนตัวเล็กไปเสียแล้ว…

ร่างบางตาโตจนแทบจะถลน ปากเล็กนั้นอ้ากว้าง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ อยากจะด่าคนขี้แกล้งเหลือเกินแต่กลับพูดไม่ออก ได้แต่ชี้นิ้วด่าและวิ่งตามร่างสูงที่ทำผิดแล้วหนีไปทันที บรรยากาศโดยรอบนั้นดูเหมือนจะเป็นใจ ที่เวลานี้ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว…มีแค่เรา

เฮือก

เสียงหอบหายใจถี่ระรัวดังขึ้นท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ถ้าเขาจำไม่ผิดนัก ในความฝันนั้นเป็นเขากับเพื่อนตัวน้อยของเขานั่นเอง ในนั้นมีแต่ความสุข…เพื่อนของเขายิ้มอย่างยินดี

แต่มันเป็นเพียงความฝัน

เพื่อนของเขาไม่ชอบยิ้มแบบนั้น และคงไม่อ้อนแบบนั้นกับเขาด้วยหรอก เขาเชื่อแบบนั้น

แล้วในนั้นมันเป็นใคร ?

ด้วยความที่เพียงคิดว่ามันคงเป็นแค่ความคิดที่ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวในความฝัน จึงปล่อยผ่าน แต่ก้านสมองส่วนลึกกลับจดจำรายละเอียดทุกอย่างได้เป็นอย่างดี…

เมื่อดูเวลาก็ย่างเข้าสู่วันต่อมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่เขานอนข้ามวันเลยหรอ ? ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เกิดมา ยกเว้นครั้งนั้น…

เรื่องราวในอดีตก่อนหน้า ไหลย้อนวนกลับมาเป็นกระแสน้ำป่า ที่เชี่ยวและรุนแรง เขากุมหัวด้วยความเจ็บปวด อาการที่ไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นกลับมาย้ำเตือนกับเขาแล้วว่า…เขายังไม่หาย

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้วแท้ๆ แล้ววันนี้ทำไม…?
หรือเพราะ…ความฝัน

เขาพยายามนึกคิดว่าก่อนหน้านี้ที่มีอาการเขาเป็นยังไงบ้าง แต่ความคิดวาบขึ้นมาเมื่อจำได้ว่าตอนนั้นเขาก็ปวดหัวเพราะความฝันเช่นเดียวกัน

แปลกจริงๆ…

เขาข่มตาลงนอนทั้งปวดหัวแบบนั้นจนกระทั่งรุ่งเช้าวันนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองสั่นจนแทบจะควบคุมไม่ได้ อาการเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นมันสร้างบาดแผลให้จิตใจเกิดความกลัวอีกครั้ง แค่กลัวว่าจะต้อง…สูญเสียสิ่งที่รักไป

สิ่งสุดท้ายที่สัมผัสได้มีเพียงแค่สัมผัสที่ใบหน้าและเสียงหวานที่เจี้ยวจ้าวกว่าเดิมเป็นเท่าตัวด้วยความเป็นห่วง แล้วจากนั้นเขากลับไม่รับรู้อะไรอีกเลย

ใบหน้าคมลืมตาตื่นนอนมาในเวลาต่อมา คิดว่าไม่นาน แต่กลับยาวนานมากในความรู้สึกของคนรอ เพราะนอนหลับไปนานตั้งหลายชั่วโมง

“ตื่นแล้ว”สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทที่ยิ้มกว้างอย่างเปรมปรี เขาดีใจที่เพื่อนของเขาฟื้นแล้ว เขารอ…รอมาตลอด

“หึ กูเก่ง”พูดจบก็ยิ้มกว้างตอบกลับไป

“อื้ม ดีมาก กินน้ำมั้ย ?”เขาถาม ผมยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบรับ

“นี่กูเป็นอะไรไป ทำไมมานอนที่โรง’บาลได้”ผมถามอย่างสงสัย

“อ๋อ ไม่สบายนิดหน่อยน่ะ เห็นหมอบอกว่ามีไข้สูงจนเกือบช็อก ดีนะที่กูไปเจอก่อนน่ะ ขอบคุณกูสิ กูเป็นคนช่วยชีวิตมึงนะ”คนตัวเล็กยืดอกอย่างภูมิใจ

“เออๆ ขอบใจ พอใจยัง ?”อีกฝ่ายถามเสียงกวนนิดๆ ตามประสา

“อือ พอใจและ งั้นเดี๋ยวกูกลับบ้านก่อนนะ ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้”อีกฝ่ายกำลังจะขยับออกจากเตียงผู้ป่วยที่ผมนอนอยู่ แต่สมองกลับสั่งให้ผมคว้ามือเล็กนั้นเอาไว้ ไม่อยาก…เสียมันไปอีก

อะไรกันวะเนี่ย !!!
“โอ้ยยยยยยยยยยย !!!”เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นทันทีที่ผมใช้สมองคิดมาก

“ไม่เป็นไรนะ…ไม่เป็นไรครับ”คนตัวเล็กกว่าใจเย็นขยับเข้ามากอดผมเอาไว้ จนความเจ็บปวดพลันลดน้อยลงเรื่อยๆ จนสมานแผลจนเป็นปกติ

“นี่กู…เป็นอะไร ?”ผมถามอีกคนอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่รู้สิ แต่จู่ๆ กูกลับคิดได้ว่าต้องกอดมึงเอาไว้ แล้วมึงจะหาย…เอง”คนตัวเล็กพูดอย่างใจคิดจนคำสุดท้ายหันกลับมามองหน้าร่างสูงพร้อมๆ กัน

สองสายตาที่มีสายใยเชื่อมติดกัน ประสานกันด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง ร่างเล็กขยับเข้าไปหาคนที่นั่งบนเตียงด้วยไม่รู้ตัว มือใหญ่ลูบแก้มใสอย่างแผ่วเบาราวกับจะทะนุถนอมไม่อยากให้มันบุบสลายไปแม้แต่น้อย น้ำตาเม็ดเล็กๆ ร่วงลงบนมือใหญ่นั้นทันทีจากความรู้สึกภายในใต้จิตสำนึก ทั้งห้องมีแต่ความเงียบ นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำหน้าที่ของมัน กับเสียงสะอื้นเป็นพักๆ ใบหน้าทั้งคู่เคลื่อนเข้าหากันช้าๆ ราวกับมีแรงดึงดูด อีกนิด…อีกนิด

แกร๊ก

เสียงเปิดประตูทำให้ทั้งสองสะดุ้งพร้อมกัน แล้วผละออกจากกันทันที ร่างเล็กที่สติกลับเข้าสู่ร่างแล้วมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งก็ได้รับสายตาแบบเดียวกันกลับมา เมื่อครู่เหมือนกับว่าไม่ใช่เขา…

สายตาแบบนั้นมันหมายถึง…ความรัก

แน่นอนว่าอีกคนไม่ให้มันกับเขาแน่ ร่างบางเช็ดน้ำตาแล้ววิ่งออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงแค่คำว่าสงสัย

ว่าทำไมๆ ซ้ำๆ ของร่างสูง…

และร่างเล็กที่วิ่งหนีมากำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงบันไดหนีไฟนั้น…

กับความรู้สึก ที่ยังตอบตัวเองไม่ได้...




หน่วงดีแท้ ฝากติดตามด้วยนะคะ จะพยายามมาต่อให้เร็วที่สุดเน้อออ บ้ายยยยย :mew2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: [อนธการ (ดราม่า) ]
«ตอบ #8 เมื่อ14-11-2017 21:46:27 »

ความดราม่ามาเต็ม

ออฟไลน์ hellfire

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [อนธการ (ดราม่า) ]
«ตอบ #9 เมื่อ14-11-2017 22:41:43 »

หนูชอบนิยายสายดราม่า จองพื้นที่ค่ะ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [อนธการ (ดราม่า) ]
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-11-2017 22:41:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 4
ในความจริง

ชีวิตคนเราย่อมเคยผ่านช่วงเวลาที่ทำให้เครียด ผิดหวัง ท้อแท้ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เศร้า แต่เราจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้แค่เรารู้จัก “ปล่อยวาง”

ซ่า ซ่า !

เสียงฝนตกกระทบกับพื้นถนน เสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นไม่ขาดสาย แต่มีคนๆ หนึ่งที่เดินฝ่ากลางสายฝนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว น้ำตาที่ไหลอาบหน้านั้นผสมกับน้ำฝนได้เป็นอย่างดี เสียงสะอื้นยังดังขึ้นเป็นระยะ ความเจ็บปวดจากบางอย่างมันทำให้เขาต้องยืนร้องไห้ตรงนี้คนเดียว ไร้คนเคียงข้าง ไร้ที่พึ่งพิง ไหล่บางที่อ่อนไหวสั่นระริก ใบหน้าหวานกำลังเบ้หน้าอย่างระบายความเจ็บปวด
น้ำตา ไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าใครคนนั้นอ่อนแอ แต่มันแปลว่าคนๆ นั้นยอมรับกับโชคชะตาต่างหาก

เหมือนเขาตอนนี้เช่นกัน

คนตัวเล็กยิ้มรับกับความเจ็บปวดที่ได้เจอ เค้าหวังมาเสมอว่าสักวัน เขาจะทำใจในบางเรื่องได้บ้าง น้ำตาคือเพื่อนชั้นดีที่ดูแลเขายามเขาไม่เหลือใคร และเป็นเพื่อนเสมอเมื่อยามเขาผิดหวัง

เวลาผ่านไป หยาดฝนยังตกกระทบเบื้องล่างอย่างต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ คนตัวเล็กเดินไปตามทางเดินอย่างไร้ซึ่งจุดหมายมองผู้คนที่วุ่นวายอยู่ตามท้องถนนอย่างพร่าเลือน

เขาจำได้ว่า ครั้งหนึ่ง…เขาเคยมาเล่นน้ำฝนกับเพื่อนตัวสูง จากครั้งแรกตามมาด้วยครั้งที่สอง และอีกหลายๆ ครั้ง แต่ทุกครั้งจะได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นตามมาเสมอ

“จำไว้ว่าเวลามึงเศร้า มึงต้องระบายกับการเล่นน้ำฝน อย่างน้อยๆ ใครเค้าจะไม่เห็นน้ำตาของมึง”เสียงทุ้มบอกกล่าวเพื่อนตัวเล็ก ตรรกะเชื่อถือไม่ได้แต่ก็ยังพูดมันออกมา แต่ในใจร่างสูงกลับคิดเพียงว่าจะไม่มีวันนั้น เพราะร่างเล็กจะต้องอยู่กับเขาตลอดเวลา และเขาจะดูแลอย่างดี

“คงจะจริง”ร่างบางแค่นยิ้มกับความคิดเก่าๆ ที่ค่อยๆ ฉายวนขึ้นมาเป็นฉากๆ เจออะไรก็คิดถึง เจออะไรก็เป็นอีกคนไปเสียหมด วังวนของเขากับอีกคนเหมือนผูกติดกันเสมอ ไม่สามารถตัดออกจากกันไปได้เลย นี่เป็นสิ่งที่คนตัวเล็กต้องจำใจยอมรับ แม้เบื้องลึกจะทำใจไม่ได้เลยก็ตาม แต่สักวันหนึ่งเขาจะทำได้…ต้องทำได้

ร่างบางหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง กายบางสอดส่องทะลุไปภายใน เพื่อหาคนที่อยู่ข้างในตัวบ้าน กดกริ่งเพื่อให้คนข้างในออกมาเปิด และแน่นอนว่ามีคนออกมาเปิด เจ้าของบ้านทำหน้าตาตกใจ เพราะว่าคนที่มายืนตัวเปียกโชกหน้าบ้านคนนี้ มีใบหน้าที่ซีดเซียวราวกับไร้ชีวิต เนื้อตัวสั่นเทาจนเห็นแล้วลมแทบจับ จนคนข้างในรีบพาเข้ามานั่งในบ้านอย่างรีบเร่ง

ข้าวต้มร้อนๆ ถูกนำมาวางตรงหน้าคนตัวเล็กที่นอนตัวสั่นอยู่บนโซฟา กายบางหลับตาลงอย่างทรมาน เจ็บทั้งกายและใจ ทรมานจนมันจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเวลาตอนนี้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเดินออกมาจากโรงพยาบาลนานขนาดไหน แต่ท้องฟ้ายามนี้ช่างมืดมิดเหลือเกิน เหมือนกับชีวิตของเขาตอนนี้เสียจริงๆ

แต่อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ยังมีมืออุ่นๆ ที่อยู่กับเขาเป็นเพื่อน

“ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนนะมิกซ์ แล้วเดี๋ยวจะได้กินยา”ร่างสูงทาบมือกับหน้าผากคนตัวเล็กเสร็จ ก็ค่อยๆ พยุงคนตัวเล็กกว่าขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล

“ขอบคุณนะครับ”คนตัวเล็กยิ้มน้อยๆ อย่างขอบคุณจริงๆ จากใจ

“พี่ป้อนนะ อ้ำ”คนตัวโตยกช้อนขึ้นมาเป่าเบาๆ จ่อปากบางแต่ร่างบางกลับทำท่าทีลำบากใจ

“เอ่อ…”

“ไม่เป็นไร พี่ป้อนให้ก็ได้”อีกคนยิ้มอย่างฝืนกลับมา เขารู้ร่างบางไม่ชอบเขาแบบที่เขาชอบ แต่เขาก็พยายามให้สักวัน ความรู้สึกนี้มันจะทำให้อีกคนใจอ่อนลงบ้าง…แค่นิดก็ยังดี

“ผมกินเองได้ครับ”เสียงพร่าตอบกลับมาบ้าง

“อืม เดี๋ยวพี่ไปเอายามาให้นะ”อีกฝ่ายยิ้มฝืนแล้วเดินออกไป

ร่างเล็กยกมือสั่นเทานั้นตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเชื่องช้า ทั้งน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลอีกครั้ง

ในยามที่เขาป่วย อีกคนจะมาป้อนข้าวป้อนยา เช็ดตัววัดไข้ให้เสมอ แล้วก็หลับไปพร้อมกัน ไม่กลัวแม้จะติดหวัด ไม่กลัวใดๆ แค่ได้ดูแลอีกเพื่อนที่รัก เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง

อีกคนเป็นทุกอย่างในชีวิตของเขา เป็นสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ไออุ่นทุกอย่างเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไปอย่างไม่ต้องกังวลอีก แต่ตอนนี้…

ไม่มีแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ต้องการใครมาแทนที่อีกคนเลย…ไม่ต้องการ

“ฮึก”ร่างเล็กสะอื้นเบาๆ กับข้าวต้มที่ยังคงวนอยู่ในปาก ค่อยๆ กลืนลงไปช้าๆ หัวใจที่ห่อเหี่ยวจะสามารถสดชื่นได้อีกครั้ง ไม่นานหรอก…

ข้าวต้มพร่องลงไปได้สามคำเท่านั้น แต่ร่างบางทำหน้าขยาดเต็มที ไม่คิดแตะต้องมันอีก ปาดน้ำตาลวกๆ เพราะเดี๋ยวคนที่ไปเอายาจะมาเห็นเข้า แล้วเขาต้องมาอธิบายในสิ่งที่ยากจะเข้าใจให้ฟังอีก และเขาก็ไม่ต้องการให้อีกคนหรือใครเห็นน้ำตาของเขาเท่าไหร่

เขาไม่อยากจะอ่อนแอในสายตาใคร

ร่างสูงเดินมาพร้อมยาในมือ ยิ้มใจดีเหมือนทุกที ทำทุกอย่างเป็นปกติ ทำเป็นไม่เห็น แม้ว่าตัวเองจะยืนมองร่างเล็กอยู่ที่กรอบประตูตั้งแต่แรกก็ตาม

“นี่ยาครับ”ร่างสูงส่งยาให้มือเล็ก ร่างเล็กรับไปอย่างไม่อิดออด แต่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ กับอีกคนเลย

บางทีแค่ทำทีเป็นรู้สึกกับเขาสักนิด เขาคงไม่เจ็บเท่าคนตัวเล็กเย็นชาใส่แบบนี้หรอก แต่ก็ยังดีที่อย่างน้อยๆ อีกคนก็ยังนึกถึงเขายามอีกคนไม่มีแรงจะเคลื่อนไหว

“เราขึ้นไปอาบน้ำข้างบนเลยนะ เสื้อผ้าก็หยิบเอาในตู้ก็ได้ พี่มีเสื้อน้องเหลืออยู่มันเคยมาอยู่ปิดเทอม ส่วนพวกของใช้ก็ใช้ไปก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”ร่างบางพยักหน้าเข้าใจ และกำลังจะลุกขึ้นแต่โลกกลับโคลงเคลงเวียนหัวไปหมดจนหน้ามืดเป็นลมไปได้ ดีที่อีกคนมือไวรับร่างบางไว้ทัน จึงตัดสินใจอุ้มร่างบางขึ้นบันไดมาอย่างเชื่องช้าเพราะกลัวอีกคนจะปวดหัวมากกว่าเดิม

วางร่างบางลงบนเตียงนุ่ม อาจจะต้องเช็ดตัวให้อีกคน เพราะถ้าเป็นแบบนี้ อีกคนอาจจะแย่ เสื้อผ้ายังเปียกอยู่เลย ถ้านอนแบบนี้มีหวังป่วยหนักกว่าเดิมชัวร์

อีกคนนอนแน่นิ่ง พึมพำไม่ได้ศัพท์จับใจความไม่ได้อยู่บนเตียง ใบหน้าหวานซีดเซียว เนื้อตัวร้อนเหมือนถูกไฟครอก เขาค่อยๆ บรรจงเช็ดตัวให้คนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา สงสัยยาจะออกฤทธิ์แล้วสินะ ถึงนอนเร็วขนาดนี้

พอเช็ดตัวเสร็จกำลังจะเก็บของ แต่อีกคนกลับพึมพำขึ้นมาอีกครา ครั้งนี้เสียงเบาราวกระซิบ แต่แปลก…ที่อีกคนได้ยินมันอย่างชัดเจน

จนฝังลึกลงภายใน

“อาร์ท”

แสงแยงตายามเช้าทำให้ร่างเล็กลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มองเพดานอย่างไม่คุ้นตาแต่ก็ไม่ลืม ไม่นานนักก็จำได้ คิ้วบางขมวดมุ่นเมื่อเจอเสื้อผ้าของใครไม่รู้อยู่บนตัว แต่เขาเชื่อใจว่าอีกคนจะไม่ทำอะไรเขาเมื่อยามเขาหลับใหลไป

พอตื่นมา ฝันร้ายก็มาตามหลอกหลอนในความเป็นจริง เขาเป็นในสิ่งที่ไม่มีวันหาย เขาที่จดจำใครคนนึงไม่ลืมเลือน แม้จะนอนไปนานแค่ไหน เมื่อตื่นมาความทรงจำกลับพรั่งพรูตีตื้นขึ้นมาดังเดิม

ร่างบางร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา แต่ยังเหลือเสียงสะอื้นที่แหบแห้งเต็มที คงเป็นเพราะตากฝนนานเกินไปแน่ๆ แต่เขากลับมีความสุขกับชีวิตแบบนี้เหลือเกิน ชีวิตที่ไม่มีอีกคนเคียงข้าง อาจจะเหงา อาจจะเศร้า แต่ก็สุขในแบบของมัน แต่เพราะพรุ่งนี้เขาจะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับอีกคนแล้วความคิดจึงตีกันในหัวจนปวดหัวขึ้นมาอีก

ร่างสูงที่อาศัยในบ้านหลังเดียวกันเปิดประตูเข้ามาเจอร่างเล็ก ที่นอนขดตัวกุมขมับตัวเองก็ใจไม่ได้ สาวเท้ารีบเร่งเข้ามาที่เตียงทันที

“เป็นอะไรรึเปล่า ?”อีกคนถามท่าทีร้อนรน

“ปวดหัวนิดหน่อย ไม่เป็นไรครับ”อีกคนตอบกลับมาน้ำเสียงแหบแห้ง จึงป้อนข้าวป้อนยาให้นอนหลับไปอีกครั้ง คราวนี้อีกฝ่ายไม่มีแรงจะฝืนจึงปล่อยไปตามเลย จนนอนหลับใหลไปอีกครา

สถานที่แห่งนี้เป็นแห่งหนใด เหตุใดจึงมีแต่เพียงความอนธการเท่านั้น

ทั้งซ้าย ทั้งขวา หันไปทุกด้านกลับไม่มีสีสันอะไรเลย ร่างบางเกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ความกลัวเกาะกุมหัวใจดวงน้อยจนเจ็บปวด จู่ๆ ก็มีแสงสว่างริบหรี่ที่อยู่ไกลแสนไกล ดูเหมือนจะอันตราย แต่อีกคนกลับเดินเข้าไปอย่างอยากรู้ แม้มันจะอันตราย เขาก็คงไม่เจ็บไปกว่านี้อีกแล้ว

ร่างเล็กเบิกตาโพลงทันที ที่ตรงนั้นมีคนยืนหันหลังให้เขาอยู่ ไม่ต้องเอ่ยเรียก จู่ๆ กลับหันมาหาเขาเสียเอง

“เห้ย !”ร่างเล็กสะดุ้งอย่างตกใจ ทำไม…เหมือนเขาอย่างกับคนๆ เดียวกัน

“หึ อย่าตกใจ เราเป็นคนๆ เดียวกัน และที่ฉันจะมาบอกเธอก็คือ…”

“…??”

“กรรมที่ผูกติดกัน คำสัญญาที่เคยเอ่ยวาจา มันจะกลับมาแบบเดิมอีก ตั้งสติให้ดีและพร้อมรับชะตาของตัวเองซะ”

“อะไร ? ไม่เห็นจะเข้า…เห้ย ! เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป !”

“อย่าไป !”ร่างเล็กผุดลุกขึ้นนั่งด้วยเหงื่อโทรมเต็มใบหน้า พิษไข้ยังหลงเหลืออยู่นิดหน่อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคที่ลุกพรวดพราดขึ้นมาคนเดียว

“นี่คือฝัน ?”ร่างเล็กพูดกับตัวเองราวกับจะหาคำตอบให้ได้ จนเหลือบไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง บ่งบอกเวลาว่า…

“เชี่ยยย เก้าโมง !”ร่างบางสบถคำหยาบวิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร่งรุดเต็มที่ ช่างหัวไข้มันแล้ว อาจารย์จะฆ่าเขาอยู่แล้วเนี่ยยย

เมื่อถึงมหา’ลัย ร่างบางวิ่งไปในห้องอย่างทันท่วงที ไม่สนสายตาที่มองไม่ออกแต่ปะปนมากับความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัดแล้วนั่งลงที่เดิม ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงอาจารย์ที่สอนที่อธิบายเรื่องราวตรงหน้าเท่านั้น

เมื่อเช้าที่ตื่นสาย พี่ชายอีกคนที่เขาไปพึ่งยามไม่สบายใจก็รีบขับรถแล่นมาส่งทันที แล้วก็ทันเวลาพอดีจนร่างบางได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ร่างบางทำทีเป็นฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ มือเรียวจรดปากกาลงไปบนเนื้อกระดาษสีขาวด้วยสีสันสดใส แม้จะไม่เข้าใจ ผิดกับจิตใจภายในก็ตาม และยังมีสายตาอีกคู่ที่จับจ้องเขาอยู่แต่ก็พยายามรวบรวมสติที่มีจดมันลงไปด้วยมือที่เริ่มสั่นเทาขึ้นทุกที

เมื่อจบคลาส นักศึกษาคนอื่นๆ ก็ทยอยออกจากห้องไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคนเกือบหมด มีเพียงร่างบางกับเพื่อนสนิทที่ยังนั่งอยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อน ร่างบางยังจดอะไรไม่รู้ยุกยิกๆ เป็นตัวหนังสือที่อ่านยาก แต่อีกคนก็ทำมันกลบเกลื่อนความรู้สึกภายใน แม้จะไม่ได้เรื่อง แต่ก็ดีกว่าร้องไห้ออกมาแล้วกัน จนร่างเล็กทนไม่ไหว เก็บของลงกระเป๋าเป้ตัวเล็กที่ใช้สอยเสมอทุกเวลาอย่างรีบเร่ง เขาไม่อยากอยู่กับอีกคนสองต่อสอง

ไม่อยากยื้อ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากรู้สึกอะไรทั้งนั้น และเขาก็ไม่อยากให้อีกคนรู้ด้วย ว่าไอ้เพื่อนคนนี้เนี่ย มันคิดยังไงกับมึง !

“เดี๋ยวสิ !”ก่อนร่างเล็กจะเดินออกจากห้องไป อีกคนก็ทักทายขึ้นมาเป็นคำแรกสำหรับคนทั้งคู่

มีคำถามมากมายภายในใจของร่างสูง ทำไมอีกคนหายไปตั้งแต่วันนั้น ทำไมถึงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หรือเพราะวันนั้นที่เขารู้สึกแปลกๆ กับตัวเอง

“…มีอะไร ?”ร่างบางยอมแต่โดยดี หันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุด

กลัว…ว่าอีกคนจะจับสังเกตเขาได้

“เป็นอะไร…ทำไมหน้าตาดูไม่ดีเลย”อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ปล่าวหรอก…กูไม่ได้เป็นอะไร”

กูแค่รักมึงเท่านั้นเอง…

“งั้นหรอ วันนี้มึงว่างม่ะ ไปกินติมกัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”แม้ว่าปฏิกิริยาจากร่างเล็กจะเฉยชาจนนึกแปลกใจ แต่เขาก็ชักชวนให้อีกฝ่ายมาเที่ยวได้สำเร็จตามความตั้งใจ

“ไม่ว่างน่ะ กูขอตัวนะ”แล้วอีกคนก็เดินจากไปพร้อมสายตาที่ว่างเปล่า…

ร่างเล็กทรุดตัวอยู่ที่บันไดหนีไฟบนตัวอาคาร ร้องไห้อย่างสุดจะทน ถ้ายังพูดดีกับเขาเช่นนี้ เมื่อไหร่เขาถึงจะตัดใจได้เสียที เขาไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้นนะ ทำไมไม่รู้บ้างวะว่ากูรู้สึกยังไงกับมึง !

“ฮือออ”ร่างเล็กปล่อยโฮออกมาอย่างทนไม่ได้ จนกระทั่งพอใจจึงเช็ดน้ำตา และล้างหน้าล้างตาจนสะอาดดังเดิม อาจจะมีดวงตาที่โปนโตไปหน่อย กับตาแดงๆ แต่ก็ยังดีที่น้ำมูกหยุดไหลไปแล้วล่ะนะ ฮ่ะๆ

ร่างบางเดินไปตามทางเชื่อม กำลังจะกลับคอนโดแต่ทว่ามีหญิงคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาดีมีฐานะ หน้าตาก็ละม้ายคล้ายคลึงกับคนที่เขารู้จักเสียเหลือเกิน เขาจึงยกมือไหว้อย่างมีมารยาท

“มิกซ์จำน้าได้มั้ยลูก ?”เธอกล่าวใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม

“จำได้สิครับ คุณน้าแม่ของอาร์ท”ร่างบางยิ้มบางกลับไป

“ดีจ้ะ เห็นอาร์ทไม่กลับบ้านนานแล้ว แม่อยากให้เค้ากลับบ้านบ้างน่ะ ช่วยพาเค้ากลับทีสิจ้ะ หนูไปด้วยก็ได้นะ”

“อ๋อ เดี๋ยวผมบอกให้นะครับ แต่ผมคงไม่สะ…”

“ดีจ้ะ งั้นเราก็ไปด้วยกันนะ ตามนี้นะจ้ะ”เธอขัดขึ้นเสียก่อน เขาจึงต้องพยักหน้าอย่างจำใจ แต่ก็กลับเถียงอะไรไปไม่ได้ เพราะอีกคนเป็นผู้ใหญ่ แม้การกระทำแบบนี้จะเป็นการบังคับกรายๆ ก็ตามเถอะ

โดยไม่ทันมองเห็นสายตาที่แปลกไปของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่…


TBC
ฝากติดตามด้วยนะคะ ตอนนี้ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบเข้าก่อนนร้าาา อาจจะมาอีกทีวันจันทร์นะคะ ขอตัวก่อนน้าา ขอโทษด้วยค่ะ :mew4: :mew2: :hao5:

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 5
ในความแตกต่าง

คฤหาสน์หลังใหญ่ มีผู้ดูแลปรนนิบัติรับใช้มากมาย ดูต่างมีความสุขดี แต่เมื่อวันนี้มาถึงกลับเหลือแต่เพียง…ความอึดอัด
พื้นที่โดยรอบอาจจะดูปกติดี แต่ทว่าความรู้สึกลึกๆ ของเขานั้นกลับคิดว่ามันเปลี่ยนไป ทั้งในด้านความคิด และสายตาที่มองมา มันเหมือนกับ…

บนโต๊ะอาหารที่ปกคลุมไปด้วยอาหารเลิศรสน่ารับประทานอย่างยิ่ง ทั้งคาวหวานที่เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงต่างๆ โรยหน้าอย่างน่าทานยิ่งนัก แต่กลับไม่ค่อยพร่องถึงท้องคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแขกเลยเท่าไหร่นัก

…เพราะเขา…

“อาหารไม่ค่อยอร่อยงั้นหรอ ?”คนที่ใหญ่ที่สุดของบ้านทักขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ปล่าวหรอกครับ ผมเพิ่งกินมาน่ะครับ เลยไม่ค่อยหิว”เขาตอบไปอย่างนุ่มนวล อีกฝ่ายจึงพยักหน้าเข้าใจ

“งั้นกินขนมหวานไปแทนแล้วกัน น้อย…”เขาทำท่าจะเรียกคนใช้มาจัดการแต่ทว่าเสียงอ่อนกว่าพูดขึ้นก่อน

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับป้าน้อย”เขาก้มหัวพร้อมยิ้มให้หัวหน้าแม่บ้านอย่างนอบน้อมจนคนแก่กว่านึกเอ็นดูในใจ ทำไมน่ารักน่าชังอย่างนี้นะ แต่เดิมเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น กิริยามารยาทก็ดี ดีกว่า…เขาไม่พูดต่อให้มากความ

“งั้นก็ไปนั่งห้องนั่งเล่นก่อนก็แล้วกัน น้อย…”

“…ครับ”เขาทำตามอย่างเสียไม่ได้ แต่แม้จะเดินออกมาเพียงไม่กี่ก้าว เสียงหวานใสกลับดังขึ้นในหูไม่ขาดสายเลยแม้แต่น้อย

“อาร์ทค่ะ กินนี่หน่อยมั้ย อร่อยมากเลยหวานชอบมากๆ ”

“กินนี่หน่อยมั้ย…”

“อาหารเลอะแล้วนะคะ ฮ่ะๆ มาหวานเช็ดให้”จนกระทั่งหายลาลับไปสุดสายตา

เขาไม่รู้ ว่าถ้าเขามา แล้วจะทำให้บรรยากาศเป็นเช่นนี้ แม้ว่าคุณลุงพ่อของอาร์ทจะมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่เขากลับรู้สึกเหมือนท่านจะเข้าใจผมมากกว่าเดิมเสียอย่างนั้น ส่วนแม่ของอาร์ทน่ะหรอ…ไม่รู้สิ ก็ดีกับผมตลอดนะครับ ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรอก

นอกจากใจผมเอง

แน่นอนว่าคนแอบรักอย่างผม ไม่มีสิทธิที่จะไปหึงเขากับแฟนที่รักแน่นอน คนอย่างผมมัน…ไม่มีอะไรเลย

ทว่าบัดนั้นดวงตาที่เศร้าอยู่แล้วตามใจที่หม่นหมอง ก็กลับเศร้าลงไปอีกครา เพราะความทรงจำในอดีตที่เลวร้าย มันกลับมาตอกย้ำให้เขารู้สึกเช่นเดิม…เหมือนที่อดีตเขาเคยรู้สึก

บางทีก็ตอบไม่ได้ ว่าอยู่กับตาย อะไรมันจะดีกว่ากัน ?

“…ฮึก”เขาเผลอสะอื้นขึ้นมา ยกมือปิดปากอย่างไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงน่าสมเพชนี้ แต่กลับไม่รอดสายตาของหัวหน้าแม่บ้านไปได้เสีย

อย่างนั้น เธอครุ่นคิดในสิ่งที่เขาต้องเจอ ราวกับโลกนี้สลาย คุณหนูผู้บอบบางทั้งกายใจ ต้องทนทุกข์ทรมานกับครอบครัวที่แตกหัก แล้วยังจะมาเสียใจเพราะรักอีกงั้นหรอ ?

เธอได้แต่คิดในใจ ใครว่าไม่รู้ ใครว่าไม่เห็น แม้ไม่บอก แต่ทว่าความชัดเจนมันกลับเกิดขึ้นในตัว หลายครั้งที่มิกซ์มองอาร์ทนั้น สายตาไม่เหมือนกับที่มองเพื่อนปกติ ตอนแรกคิดว่าไม่ใช่ แต่นานไป…นานไป หล่อนก็รู้ได้ด้วยตัวมันเอง
สิ่งที่เธอทำได้คือ ขอให้คุณหนูของเธอสมหวังในรักครั้งนี้ด้วยเถอะ แม้อาจจะยาก แต่หล่อนเชื่อว่าอาจจะมีหวัง…

“…คุณหนู !!”เธอร้องออกมาเสียงดังจนคนที่ล้มลงไปสะดุ้งด้วย

“…แค่กๆ ป้าน้อย”ดวงตาหวานพร่าเลือนไปเหมือนคล้ายจะเป็นลม ซึ่งเขานั้นรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร

“คุณหนู…คุณหนูของป้าเป็นอะไรไปคะ ? ไปหาหมอกันนะ”เธอทำท่าจะพยุงคนป่วยขึ้นมาด้วยแต่คนป่วยกลับฝืนแรงไว้

“ผมไม่…เป็นไรครับ แค่มึนหัวนิดหน่อยเอง ไปนั่งพักเดี๋ยวเดียวก็…หายแล้ว”เขาพูดเสียงกระท่อนกระแท่น

“ค่ะๆ มาค่ะป้าช่วย”คนแก่กับคนป่วยช่วยกันพยุงไปนั่งบนโซฟาดีๆ คนที่เข้ามาใหม่กลับร้องอย่างตกใจจนคนตัวเล็กสะดุ้งเพราะไม่ชอบเสียงดัง

“เป็นอะไร !!”เสียงที่สะเทือนไปทั่วทั้งบ้านหลังใหญ่ทำเอาคนตัวเล็กยกมือปิดหูแทบไม่ทัน คนตัวสูงจึงลดระดับเลเวลเสียงลงเป็นร้อยทันที

“ทำไมหน้าซีดแบบนั้น ป่วยหรอ ?”เพื่อนสนิทถามขึ้นอย่างเป็นห่วง พลางลูบหน้าบางอย่างแผ่วเบา ตัวก็อุ่นๆ นิดหน่อยนะ หรือจะป่วยจริงๆ

“ไม่เป็นไร แค่…พักหน่อยก็ดี”

“อาร์ทคะ วันนี้หวานกะจะมาให้อาร์ทสอนวาดรูปด้วยนะ ลืมแล้วหรอ ?”สาวตัวจ้อยรีบวิ่งเข้ามากระชับอ้อมแขนของคนของเธอกลับไปโดยที่คนตัวเล็กเกือบจะล้มไปด้วย คนตัวสูงจะกลับมาช่วยแต่ทว่าไม่ทันคนแก่ที่อยู่ใกล้กว่า

“แต่…”คนตัวสูงทำท่าค้าน ตัวเล็กเลยขัดก่อน

“ไปเหอะ กูนั่งกับป้าน้อยได้”คนตัวฝืนยิ้มน้อยๆ ให้กับอีกคน แม้ใจเจ็บเพียงใด ขอแค่เขามีความสุข ไม่ต้องมาอยู่กับคนไม่มีอะไรอย่างเขาก็พอ เขาขอแค่นี้แล้วจริงๆ…

“ไปเถอะค่ะ”และสาวเจ้าก็พาเธอออกไปจากห้อง เหลือเพียงความเงียบเท่านั้นที่ปกคลุมอยู่

ทั้งห้องมีเพียง พ่อและแม่ของอาร์ท ป้าน้อย และก็เขาเท่านั้น ป้าน้อยมองเหรอหราคิดว่าตนไม่สมควรอยู่ตรงนี้จึงเดินค้อมหัวออกไปจากห้อง ทีนี้ก็เหลือสามคน…

“คุณไปดูลูกเถอะ”คนเป็นพ่อเอ่ยก่อน

“ค่ะ…”ช้างเท้าหลังเลยได้แต่ก้มหน้าแล้วเดินออกไป

ท่าทางภูมิฐานค่อยๆ ย่างกรายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สายตาสอดส่องมาที่คนตัวเล็กราวกับจะสังเกต แต่ก็ไม่มีอะไรที่หลุดออกมาเลยแม้แต่น้อย

“…เก่งดีหนิ”ประโยคที่เอื้อนเอ่ยมาโดยไม่มีคำขึ้นต้น ทำให้คนตัวเล็กทำตัวไม่ถูก ได้เพียงแต่พูดขอบคุณออกไปเท่านั้น

“เธอเป็นเพื่อนอาร์ทมานานรึยัง ?”

“…”ทำไมคำถามมันเหมือนจะแปลกๆ อย่างนี้นะ

“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันถามเพราะอยากรู้เฉยๆ ไม่มีอะไร”อีกคนพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ อาการเกร็งก็ค่อยๆ จางหายไปมีรอยยิ้มมาแทนที่แทน

“ก็…น่าจะเกือบๆ สองปีมั้งครับ”ไม่ใช่น่าจะหรอก เขานับมันมาทุกวัน ทุกวันที่เขาแอบรักเช่นนี้ แม้จะไม่ยาวนานเหมือนคู่อื่น แต่เขาก็รักไม่น้อยไปกว่าใครเลยกับเวลา…

1 ปี 5 เดือน 21 วัน

ระยะเวลาที่ท่องจำจนขึ้นใจ อาจจะดูไร้สาระ แต่มันแค่ทำให้เขามีความสุขกับการนั่งนับวันเวลาที่รู้จักกัน เหมือนคนที่รักกัน…ในความคิดก็ยังดี

“งั้นหรอ…ก็นานพอดูเลยนะ”อีกคนพยักหน้ารับ

“คุณลุงมีอะไรจะพูดกันแน่ครับ ?”เขาไม่อยากอ้อมไปอ้อมมาเช่นนี้ มันอึดอัด แล้วก็ยืดเยื้อด้วย

“ฉันมีเรื่องอยากจะถาม…”

“…??”

“เธอคิดยังไงกับลูกชายฉันกันแน่ ?”



ยามค่ำคืนที่ฝนตกกระทบกับพื้นดินหยาบกร้าน ไฟฟ้าส่องสว่างทั่วเมือง รถติดยิ่งกว่าเดิมเท่าทวี ความน่าเบื่อกำเนิดในใจใครหลายๆ คน แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนที่รู้สึกเช่นนี้…

ความเงียบเหงา

มันไม่ใช่แค่นั้น มันทั้งว่างเปล่า อ้างว้าง และเป็นสิ่งที่เขานั้นเจอมาโดยตลอดอย่างไม่อาจเลี่ยง แต่กลับ…ไม่เคยชินเสียนี่
ร่างกายที่บอบบาง เจ็บช้ำจากร่างกายที่มีรอยพิษบาดแผลที่เหวอะหวะยากจะเยียวยารักษา ที่ได้แต่ประคับประคองมันให้เหมือนเดิม แม้จะทรมาน แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้เจ็บก็แล้วกัน…มันคงเหงากว่านี้น่าดูเลยเนาะ ว่ามั้ย ?

คนตัวเล็กนอนขดอยู่บนที่นอนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ด้วยเนื้อตัวสั่นเทาเพียงคนเดียว ไม่มียารักษาความเหงาที่แสนเจ็บปวดนี้ ไม่มียาไหนรักษามันได้ สิ่งที่เขานั้นต้องการมีเพียง…

ความรัก


ขอเท่านี้ ชีวิตเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีก

หลังจากกลับมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว ร่างบางก็กลับมาตายรัง นอนร้องห่มร้องไห้เจียนตาย แม้อาจจะเป็นเพียงประโยคขอร้อง แต่เขาก็รู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน ใจพังๆ ดวงนี้จะทำมันลงได้ยังไงกัน…

เขานอนคิดทั้งคืน จนไม่ได้หลับได้นอน หน้าตาซีดเซียวไร้ความสดชื่นใดๆ ไม่มีรอยยิ้มประดับบนหน้าหวานนานแล้ว และคงจะเป็นเช่นนั้นต่อไป

ท้องฟ้ารับอรุณยามเช้า บ่งบอกถึงวันใหม่ที่กำลังจะก้าวมาถึงอีกครั้ง วันนี้เขาไม่มีเรียน เขาเลยตัดสินใจออกมาข้างนอกบ้าง เผื่อจิตใจจะดีขึ้นมาบ้าง

เขาขมวดคิ้วให้กับเด็กตัวเล็กๆ ที่ยืนมองรถเข็นไอติมตาละห้อย แต่ไม่กล้าเข้าไปซื้อ เมื่อนึกถึงสาเหตุ ร่างบางก็เดินเข้าไปทันที

“…ขอไอติมมารสนึงครับ”เขาสั่งพร้อมจ่ายเงินเรียบร้อยเสร็จสรรพ เดินมาหาเจ้าตัวจ้อยพร้อมยื่นมันให้กับอีกคน

“อ่ะ…อยากกินไม่ใช่รึไง ?”

“…”คนตัวเล็กมองมาที่เขา แต่กลับส่ายหน้า ทั้งที่หน้าทั้งตาบอกขนาดนั้นว่าอยากกิน

“ทำไม ?”

“…แม่…แม่บอกว่า…ไม่ให้รับของจาก…คนแปลกหน้า”ร่างบางพูดไม่ค่อยชัด เลยตะกุกตะกักไปตามเรื่อง แต่อีกคนก็ตั้งใจฟังมัน เลยร้องอ๋อในใจแล้วบอกหนูน้อยไป

“…ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก ที่ซื้อให้เพราะเห็นว่าเราอยากกิน”

“…”ร่างเล็กยังคงนิ่ง แม้สายตาเบี่ยงเบนไปทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็ตามที

“พี่ชื่อมิกซ์…เราล่ะ ?”

“…อุ้ยครับ”สุดท้ายหนูน้อยก็เปิดปากบอกคนตัวสูงกว่าไม่มากเลยยิ้มกว้างทันที

“เห็นมั้ย เรารู้จักกันแล้วนะ กินซะ เดี๋ยวก็ละลายหมดแล้ว พี่ไปล่ะ”เขาจะเดินกลับไปแต่แรงเบื้องล่างฉุดให้อีกคนที่ยืนอยู่หันกลับมามองขมวดคิ้วเชิงถาม

“…ขอบคุณครับ”ร่างบางยิ้มจนตาหยีแล้วยกมือไหว้ทั้งมือมีไอติมถืออยู่

“หึหึ ครับ พี่ไปก่อนนะ”

เมื่อเดินออกมาไกล ก็คิดได้ว่า บางที…โลกมันก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป

อย่างน้อยๆ ก็ยังมีเด็กที่ใสซื่อและบริสุทธิ์เหมือนผ้าสีขาวอยู่มากมาย ที่เขาจะดีหรือเลว มันก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ดูแลจะเติมสีอะไรให้กับมัน

ถ้าดี มันก็ดี

แต่ถ้าไม่ดี…ก็เหมือนกับสังคมเราตอนนี้นี่แหละ

ร่างบางกลับมาถึงห้องเวลาเย็นย่ำมากแล้ว เกือบสองทุ่มแล้วมั้ง เขาไม่ได้ดูนาฬิกาในโทรศัพท์ เดินเที่ยวเพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็มืดไปทั้งเมืองแล้ว ถอดรองเท้าไว้ตรงประตูห้อง แล้วเสียบคีย์การ์ดไว้กับที่ของมัน ไฟทั้งห้องสว่างโร่ขึ้นมาอีกครั้ง คนตัวเล็กเดินเข้ามาในห้องอย่างเชื่องช้า ห้องนี้ ห้องแห่งความทรงจำ…

“…เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”คนตัวเล็กถามน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่คิดว่าอีกคนจะอยู่ที่นี่…และเหมือนว่าจะอยู่นานแล้วด้วย

“ก็นานแล้ว…ไปไหนมา”

“กูไปเที่ยวมา…”ร่างบางตอบแต่ทำท่าจะเดินเข้าห้องนอนไป

“ที่ไหน ? กับใคร ?”ร่างสูงกับแขนร่างเล็กไว้ไม่ให้ไปไหน แววตาเกรี้ยวโกรธกว่าทุกที

“เรื่องของกู”ร่างเล็กพูดพร้อมสะบัดมือออกแต่ก็ไม่หลุด แถมร่างสูงยังโอบร่างเล็กให้จมในอ้อมกอดใหญ่ด้วย แต่ร่างเล็กคงจะดีใจมากกว่านี้นะ ถ้ามันไม่ได้มาพร้อมกับความโกรธ

“เรื่องของมึงงั้นหรอ ? หึ ได้ !!”ร่างสูงไม่รีรอจับร่างเล็กกระแทกปากลงไปทันที ร่างเล็กตาโตเท่าไข่ห่านมองร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง โกรธเรื่องอะไร ? เพราะเขากลับดึกงั้นหรอ ? ไม่ไร้สาระไปหน่อยหรอ หรือทะเลาะกับแฟนมา แล้วก็มาลงที่เค้างั้นสิ…

“…ฮึก”ร่างบางที่ยืนนิ่ง หยุดนิ่งขัดขืนไป แต่ทิ้งร่องรอยน้ำตาเอาไว้ต่างหน้าแทน ร่างสูงรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงรีบลืมตามาดูจนหน้าตาตกใจทันทีกับสิ่งที่กระทำลงไป ค่อยๆ ปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ คำกล่าวกำลังจะถูกเอื้อนเอ่ยออกมาแต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับลบมันไปทันตา…

เพี้ยะ

“ออกไป”ร่างเล็กกลั้นน้ำตาแม้จะไม่ช่วยอะไรมากนัก เพราะมันยังไหลอยู่เรื่อยๆ จนภาพตรงหน้าพร่ามัว กดเสียงต่ำอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อีกคนจะมาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ถ้าไม่สงสารเขา ก็สงสารความรู้สึกดีๆ ที่มีให้มึงบ้างเถอะ กูขอร้อง ร่างเล็กได้แต่พูดในใจ

“กู…”

“ออกไปสิ”ร่างเล็กยังคงเอ่ยปากกับคำเดิม

“มิกซ์ คือกู…”

“ฮึก…กลับไปเถอะ…กู…อึก…ปล่อย”ร่างเล็กสั่นตัวดิ้นรนให้ออกจากอ้อมกอดใหญ่ที่รัดเขาไว้แน่น ราวไม่อยากให้หายไป แม้อีกคนจะไม่เข้าใจว่าทำไปเพราะอะไร แต่เขาไม่อยากเห็นร่างเล็กต้องร้องไห้ อีกคนเจ็บมามากพอแล้ว แล้วมึงทำแบบนี้ลงไปได้ยังไง…แค่รู้มาว่าที่ร่างเล็กไม่กลับห้อง แต่ไปนั่งกินข้าวกับใครก็ไม่รู้ ใจมันก็พาลวุ่นวายไปหมด เขาไร้สติ ทำไปอย่างไม่ยั้งคิดอะไรทัน ผลตอบแทนเลยเหลือเพียงน้ำตาจากคนตัวเล็ก

“กูขอโทษ…ขอโทษ…ขอโทษนะครับ”ร่างสูงลูบหัวร่างบางในอ้อมกอดเบาๆ จนร่างบางเริ่มสงบลงแล้ว อีกคนไม่ยอมปล่อยให้อีกคนไป แค่ไม่อยากเสียไป ถ้าคนที่ร่างเล็กไปกินข้าวด้วยเป็นคนที่ร่างเล็กรัก เขาก็ต้องดีใจสิ ที่อีกคนมีคนมาดูแล แต่ใจทรยศมันกลับ…ไม่รู้วะ ไม่รู้จริงๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ตอบมันไม่ได้

“มิกซ์…มิกซ์ครับ”ร่างสูงเรียกเบาๆ เมื่อร่างเล็กเงียบไป จึงผละออกมาดู ร่างเล็กก็ผล๋อยหลับไปซะแล้ว
นี่ร้องไห้จนหลับไปเลยงั้นหรอ ?

“กูขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ อาร์ทขอโทษนะครับมิกซ์”แม้รู้ว่าจะไม่ได้ยิน เพราะอีกคนหลับไปแล้ว แต่เขาก็อยากบอก ทั้งที่อีกคนหลับตา เขาก็กลับฉวยโอกาสจูบหน้าผากฝันดีตามเคย เขามันแค่คนเห็นแก่ตัวคนนึงเท่านั้น

“นอนซะนะเจ้าเด็กดื้อ”ร่างสูงพูดเบาๆ กับร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ หน้าสวยส่ายไปมา แล้วร้องละเมอเฉกเช่นทุกวัน

“อึก…สัญญา”เสียงบางเบาที่แห้งแหบดังขึ้นมา อีกคนจึงซ้อนตัวเข้าไปด้านในด้วยกัน แบบนี้ฝันร้ายอีกแน่นอน เขารับรอง

“ครับๆ สัญญานะ นอนได้แล้ว อย่ากลัวนะ เห็นมั้ยน้ำตาไหลแล้วเนี่ย ฝันดีนะครับคนดีของอาร์ท”ร่างสูงพูดกับคนไร้สติ จูบซับน้ำตาบนใบหน้าสวยเบาๆ แล้วหอมหน้าผากตบท้าย แล้วจึงหลับไปพร้อมกัน โดยไม่ลืมจะคว้าคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอดอย่างทุกที…


 :z3: :z3: :hao5: :katai4:

ขอโทษ ขอโทษคร้าบบบบ เค้ามาช้าไปวันนึง เมื่อวานโคตรแบล้งเลยอ่าาา สอบเสร็จแล้วก็การบ้านอี้กกก ขอโทษน้า ที่ไม่ได้มาตามที่บอก จะพยายามมาให้เร็วๆนะคะ บ้ายยย ฝากติดตามด้วยค้าาาา

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 6
ในความแตกหัก
ใบหน้าหวานมองอีกคนที่โอบล้อมร่างกายของเขาด้วยสายตาที่ดูไม่ออก แม้เขาไม่เข้าใจว่าอีกคนจะทำมันไปเพื่ออะไร ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย เขาไม่รู้ ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น แต่กลับแปลก ที่แม้อีกคนจะรุนแรงต่อเขามากขนาดไหน เขากลับไม่คิดจะโกรธเลย
ความรักมันดีนะ มันทำให้เราสุขได้ เพียงเรานั่งมองเขา ทำให้เราทุกข์ได้ เพราะคิดว่าเขารักกับคนอื่นอยู่…การแอบรักมันก็ได้แค่นี้แล
มือเล็กสัมผัสใบหน้าคมเบาๆ เขารู้ว่าอีกคนหลับลึก ดังนั้น ต่อให้เขากวนใจอีกคนยังไง เขาก็ไม่ตื่นมาหรอก
เขาลูบมันเบาๆ อย่างอ่อนโยน ลูบจากเสี้ยวหน้าผากลงมาที่แก้มจวบจนถึงปลายคาง สัมผัสจมูกที่โด่งรับใบหน้าหล่ออย่างดี สัมผัสริมฝีปากบางที่สูบบุหรี่เมื่อยามทุกข์ใจ ริมฝีปากที่เขาได้รับมันเมื่อคืน…แม้ไม่ใช่ด้วยรักก็ตาม
ร่างเล็กโอบกอดอีกคนเอาไว้แนบกาย กลัวจะเสียมันไปสักวันถ้าเขานั้นรับรู้ความจริง หลับตาพร่ำบอกตัวเองว่า…เขาจะไม่บอกอีกคนเป็นอันขาด ว่าเขานั้นรู้สึกเช่นไร…
“…ถ้าวันนึง กูทำในสิ่งที่มึงรับไม่ได้ มึง…จะโกรธกูมากมั้ยวะ ?”ร่างเล็กถามอย่างไม่แน่ใจ
“หึหึ โกรธสิ แต่เชื่อใจกูเถอะ ไม่ว่าจะยังไง กูก็ตัดเพื่อนกับมึงไม่ได้หรอก”เกือบจะยิ้มอย่างดีใจ แต่กลับเด่นชัดในใจชัดเจนกับคำว่าเพื่อนนี่มันก็จุกอกดีเหมือนกัน
ร่างเล็กพยักหน้าเบาๆ แล้วนอนดูดาวเคียงคู่อีกคน จนกระทั่งหลับใหลไปในที่สุด จนลำบากคนตัวสูงต้องอุ้มร่างเล็กอย่างเบาๆ เพราะกลัวอีกคนจะตื่น มองหน้าร่างเล็กในอ้อมกอดที่น่ารัก ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาลง เพียงแต่ใบหน้าตอนนี้ไร้พิษสงก็เท่านั้นเอง แต่ไม่ว่ายังไง ร่างเล็กก็น่ารักสำหรับเขาอยู่ดี…จนไม่คิดว่า วันนึงเราจะจากกัน
ความสัมพันธ์ของคนเรานั้นมันเป็นอะไรที่เปราะบาง และต้องรักษามันให้ดี ไม่เช่นนั้น มันจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
“…อืม”ร่างเล็กครางเบาๆ เมื่อเผลอหลับไปอีกจนได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน พอนอนซุกอกกว้าง ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย เหมือนได้รับการปกป้องตลอดเวลาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย มันรู้สึก…ดี บอกไม่ถูกเหมือนกัน
พอนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็เงยหน้าหวังจะมองอีกคนที่คาดว่าหลับอยู่ แต่ไฉนไม่เป็นเช่นนั้น เพราะอีกคนก็นอนมองหน้าเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออกเช่นเดียวกัน
ดวงตาเข้มมองร่างเล็กด้วยสายตาที่เริ่มจะเปลี่ยนไปในทุกที จนเขาสัมผัสความรู้สึกของตัวเองได้ เมื่อไหร่กันที่เขานั้นรู้สึกมากเกินไปขนาดนี้ เขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจทุกทีแล้ว
ส่วนร่างเล็กก็มองหน้าอีกคนนิดหน่อย จากนั้นก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง พอมองหน้าอีกคนแล้วใจมันก็วูบไหวหน่อยๆ ไม่ได้เขิน แต่มัน…ไม่รู้สิ ทำตัวไม่ถูกมั้ง ก็เมื่อคืนเรา…จูบ
แม้จะไม่หอมหวานเหมือนดั่งคนรัก แต่มันก็มากพอให้เขารู้สึกว่า มันก็ดีเหมือนกัน
ร่างสูงมองร่างเล็กอย่างเสียใจ เขาคงทำให้ความไว้ใจของร่างเล็กพังทลายไปหมดแล้วสินะ แม้แต่หน้าของเขา อีกคนยังไม่มองเลย
“…ขอโทษนะ”ร่างเล็กหันกลับมามองทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“ช่างมันเถอะ ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้น”ร่างเล็กพูด แปลกนะ ที่ตอนแรกก็ทำท่าจะงอน แต่พอมาเห็นสายตาที่สำนึกและรู้สึกผิดแล้วมัน…ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้
“แต่…ถามอะไรหน่อยได้มั้ย ?”ร่างเล็กพูด
“ว่ามาสิ”
“เมื่อคืน…ทำไมถึงทำแบบนั้น”
“…”
“ไปโกรธอะไรมาหรอ แล้วมาลงที่กู”
“…”อีกคนก็ยังเงียบ ร่างเล็กจึงว่าต่อ
“ทะเลาะกับแฟนมาหรอ ?”พูดเองก็เจ็บเอง บ้าชะมัด
“…”อีกคนไม่ตอบ เขาจึงถือว่านั่นเขาได้คำตอบมาแล้ว แม้ว่าคำตอบจริงๆ มันจะเป็นไปทิศทางที่ตรงกันข้ามกันเสียด้วยซ้ำ
“อ่า เข้าใจและ ทีหลังก็สงบสติให้มากกว่านี้หน่อย อย่าทะเลาะกัน พูดกันดีๆ นะ รักเค้าให้มากๆ เหมือนที่เค้า…รักมึง”คำสุดท้าย ไม่รู้ว่าร่างเล็กจะบอกเองหรือจะพูดให้ร่างสูงคิดได้กันแน่ หากแต่ว่า แววตาใสที่หวังดีจริงๆ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่อย่างน้อยๆ เขาก็ยังอยากให้อีกคนมีความสุข แววตาเสียใจหน่อยๆ จนร่างสูงใจกระตุก
“มันไม่ใช่…”ร่างสูงอ้าปากจะอธิบาย เขาไม่อยากให้ร่างเล็กเข้าใจแบบนี้ อยากให้ร่างเล็กรับรู้ว่าจริงๆ แล้ว ที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะหวาน มันเป็นเพราะอีกคนไปกินข้าวกับชายอื่นต่างหาก แต่เขาก็ไม่สามารถทำมันได้ เพราะอีกคนขัดขึ้นมาก่อน
“กูหิวแล้ว ไปหาไรกินก่อนนะ มึงกลับไปเคลียร์กับแฟนมึงเถอะ”ร่างเล็กกำลังพยุงตัวขึ้น ไม่ใช่หิวหรอก มันอิ่มมากกว่า อิ่มจนจุกเลยแหละ
“…”ห้องเงียบลงถนัดตา เมื่อร่างเล็กล้มตัวลงนอนอีกครา จากฝีมือของร่างสูงที่จับแขนร่างเล็ก จนคนตัวบางขาดการควบคุม ล้มลงนอนข้างอีกครั้ง จนสายตาที่ห่างกันไม่ถึงคืบวูบไหวไปทันที
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจของร่างเล็กสั่นไหว ยิ่งร่างเล็กจะพยายามไม่ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทวีคูณดังขึ้นเท่านั้น
บ้าเอ้ย !!!
และดูเหมือนร่างสูงจะสัมผัสมันได้ จึงหัวเราะหึหึชอบใจทันที ร่างเล็กจึงมุ่ยหน้าลง แล้วดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดทันที แม้จะรู้ก็เถอะว่าถ้าอีกคนไม่ปล่อย เขาก็คงไม่ได้ออกไปจากตรงนี้หรอก
“หัวใจเต้นดังเลยเนาะ ตกใจเหรอ ?”ร่างสูงถามพร้อมลอบยิ้ม ร่างเล็กเบะปากใส่ร่างสูงทันที
“ไม่ใช่ซะหน่อย”แน่ล่ะ ก็มันไม่ใช่เพราะตกใจ ตื่นเต้นต่างหาก
“หึ แต่อย่าเพิ่งไปเลยได้มั้ย ?”
“ทำไม”ร่างเล็กขมวดคิ้วไม่เข้าใจ อีกคนต้องการอะไรกันแน่
“แค่อยากให้อยู่”อีกคนพูดเบาๆ โทนเสียงเลยทำให้คนฟังใจอ่อนยวบลงทันที
“แล้วแต่”อีกคนพูดแล้วหยุดเคลื่อนไหว ยอมให้อีกคนกอดโดยดี แม้อ้อมกอดจะรัดแน่นจนเกือบหายใจไม่ออก แต่กลับไม่อึดอัดเลย
“อือ”อีกคนพูด สุดท้ายกว่าจะออกมาจากเตียงได้ ก็ปาเวลาไปเกือบบ่ายโมงเสียแล้ว
นอนนานจริงๆ ร่างเล็กส่ายหน้าไม่น่าเชื่อ เกิดมาไม่เคยนอนนานขนาดนั้นมาก่อนเลย
“เป็นไร”ร่างสูงพูดถามอย่างเป็นห่วง ที่เพื่อนตัวเล็กจู่ก็เหมือนจะล้มพับไปเสียดื้อๆ ทั้งที่เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย
“ปล่าวหรอก แค่มึนๆ น่ะ สงสัยนอนนานไปหน่อย”อีกคนโกหก เขาแน่ใจแล้วว่าเขาไม่สบาย เพียงแต่ไม่อยากให้อีกคนเป็นห่วงกว่าเดิม คนที่เขาควรสนใจคือแฟนของเขา ไม่ใช่เขาสักหน่อย
เขาอยู่ตรงนี้คนเดียวได้ สบายมาก
“อ๋อ งั้นมานั่งก่อน อ่า ช้าๆ นะ”อีกคนค่อยๆ พยุงร่างเล็กมานั่งบนโซฟาตัวใหญ่ หยิบถ้วยข้าวต้มที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อครู่มาวางบนหน้าตักแล้วยกช้อนขึ้นเป่าเบาๆ จ่อปากร่างเล็กทันที
“ทำไรเนี่ย”ร่างเล็กถามอย่างขำๆ ไม่คิดว่าอีกคนจะมีโมเมนท์แบบนี้ด้วยจนส่ายหน้าตลกๆ แต่กับอีกคนกลับหูแดงหน่อยๆ เพราะคนเดียวที่จะได้เห็นมันก็มีแต่คนตัวเล็กคนนี้แหละ เพราะทำไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร…แม้แต่แฟน
“เหอะน่า”หูที่ขึ้นสีน้อยๆ มันทำให้คนตรงหน้าดูน่ารักขึ้นมากโข จนคนตัวเล็กเลิกแกล้งแล้วงับข้าวต้มเข้าปากทันที
มีความสุขจัง
“…คำสุดท้ายแล้ว”
“สุดท้ายมากี่คำแล้วล่ะ หลายรอบจนจะหมดแล้วนะนั่นน่ะ”ร่างเล็กมุ่ยหน้าไม่ชอบใจ
“หน่า กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ นะหนู”
“ใครหนูกัน เราผู้ชายนะเฟ้ย !”ร่างเล็กสวนกลับอย่างไม่คิดอะไร
“หึ แต่ก็โดนผู้ชายด้วยกันจูบมาแล้วหนิ”
“ไอ้…///”ร่างเล็กหน้าขึ้นสีน้อยๆ จากคำพูดนั้น เถียงไม่ออกทันที
“หึ ยอมแพ้เถอะเจ้าหนู รอให้ย่อยแล้วไปแต่งตัวนะ เดี๋ยวพาไปเที่ยว”
“เที่ยวหรอ ?”ตาเล็กเป็นประกายทันทีกับคำพูดนั่น
“อือ รับรองว่าต้องชอบแน่ๆ”ร่างสูงพูดอย่างหมายมาด
“อยากไปแล้วอะ ที่ไหนหรอ ?”
“อย่ามาเนียน ไม่บอกหรอก นั่งดูทีวีรอไปพลางๆ แล้วกันนะ ไปล้างจานแปป”ร่างเล็กพยักหน้าอย่างว่าง่าย เปิดช่องโปรดที่ดูบ่อยมากที่สุด
ช่องการ์ตูน
อ้ะ อย่ามามองแบบนั้นนะ เขาชอบการ์ตูนมันทำให้สมองเกิดจินตนาการเชียวนะ อย่ามาว่าไร้สาระน้า ~~ พอดูไปไม่นานนึกได้ก็เดินหายไปในห้องนอนเพื่อหยิบบางอย่างออกมาแล้วยืนกินอยู่
“…ยาอะไร”ร่างสูงถามร่างเล็ก จนอีกคนสะดุ้งเกือบสำลักน้ำ เพราะอีกคนมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง แต่ที่กลัวกว่านั้น คือกลัวว่าอีกคนจะรู้บางอย่างต่างหาก
“อ่ะ…อ๋อ คือ มันเป็นยาแก้ปวดหัวน่ะ เรากินตอนมึนๆ ยาประจำตัวไง”ร่างเล็กฉีกยิ้มจริงใจไปให้จนกลบความสงสัยร่างสูงได้นิดหน่อย จนอีกคนก็เปลี่ยนเรื่องอีกตามเคย
“ไปเที่ยวกันเลยมั้ย ?”
“จะไปทั้งชุดนี้ ?”ทำไมล่ะ เสื้อกล้ามบางๆ สีขาวหนึ่งตัวสวมทับด้วยเสื้อโค้ทสีชมพู กับกางเกงขาสั้นตัวโปรดนี่นะ ทำไมจะไปไม่ได้กัน ?
“ไม่ต้องมองแบบนั้น ไปเปลี่ยนชุด”
“ง่า ไม่ไปเปลี่ยนได้ป่ะ ?”ร่างเล็กอ้อน
“ไม่ต้องอ้อน ไปหาเสื้อสีดำใส่ กางเกงก็หาให้มันยาวๆ นะ อย่าให้เลยกว่าเข่า เข้าใจ๊ ?”
“ง่า”ร่างเล็กโอดครวญ
“ไม่งั้นไม่พาไป”พอพูดแบบนั้นคนที่โวยวายก็วิ่งปรู๊ดเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อใหม่ทั้งชุด พร้อมเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องทันที
“หึหึ น่ารักมาก ไปกันเถอะ”ร่างสูงกอดคออีกคนให้เดินไปด้วยกัน ตอนนี้เริ่มจะแน่ใจกับความรู้สึกตัวเองขึ้นมาอีกนิดและ ไม่นานหรอก…ถ้าเขาแน่ใจเมื่อไหร่ เขาไม่ยอมปล่อยอีกคนไปไหนแน่
“อื้ม”ร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงักแล้วทำหน้าตาตื่นเต้น
“ว้าววว สวนสัตว์ งือออ น่ารักจังเลยเจ้ากระต่ายน้อย”ร่างเล็กที่เผลอหลับไปกลางทาง เมื่อตื่นมาก็เบิกตากว้างร้องไปวิ่งไปทั่วทั้งสวนสัตว์ จนคนอื่นๆ พากันชายตามอง ไม่ได้ดุหรือว่า แต่กลับเอ็นดูคนตรงหน้ามากกว่า
“นี่ดูสิ มันยิ้มให้เราด้วย”ร่างเล็กบอกพร้อมชูเจ้าสองขาขึ้นมาให้ดู มันก็น่ารักอยู่นะ แต่สู้คนที่ถือไม่ได้เลยสักนิด อา นี่เขาเข้าขั้นแล้วสินะ แต่ขอแน่ใจอีกหน่อยดีกว่า
“เออ เหมือนกันเลยนะ”
“น่ารักหรอ ?”
“เหอะ ฟัน”พูดจบคนที่ไม่ยอมก็ทำตาขวางใส่ทันที แล้วไม่สนใจอีกคนอีกต่อไป ก้มลงไปเล่นกันเจ้าสัตว์ขนปุกปุยทันที ทิ้งให้อีกคนมองหน้าร่างเล็กอย่างระอาใจ
“งือออ อิ่มจัง”ร่างเล็กลูบพุงบางนั้นน้อยๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นอิ่มมากขนาดไหน ไม่ลืมก้มลงตักคำสุดท้ายเข้าปากตบท้ายอีก
จ้ะ อิ่มจ้ะ ที่ตักเข้าปากอีกเป็นกองทัพนั่นอิ่ม ? ร่างสูงคิดในใจ ไม่อยากให้อีกคนงอนละ เดี๋ยวไม่คุยอีกละซวยเลย ง้อลำบากมาก กว่าจะยอมคุย แต่พอชวนมากินไอติมเท่านั้นแหละ
ก็เป็นอย่างที่เห็น
ไอติมที่พูดมีหลายถ้วยตรงหน้าที่ซ้อนกันอยู่เรียงรายภายในโต๊ะนี้ แน่นอนว่ามันเป็นของเจ้าตัวเล็กไปเกือบหมด ผมกินไปถ้วยนึงด้วยเลยไม่นับ
“หึ พอแล้วแหละ งั้นเรากลับกันเถอะ”ร่างเล็กพยักหน้ายิ้มแย้ม แล้วเดินออกมาจากร้านพร้อมกัน
“…อาร์ท ! มากับมิกซ์หรอคะ”ร่างบางที่แต่งชุดน่ารักเข้ากับเจ้าตัวเป็นอย่างดี เปิดประตูร้านเข้ามา ทำให้ผมแกะมือที่จับอยู่ออกทันที แม้ร่างสูงจะมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจก็ตาม
“มีอะไร”
“แหม มาเที่ยวกัน ไม่ชวนหวานเลยนะ คิดถึงจังเลย”สาวเจ้าเดินเข้ามาควงแขนอีกคนในด้านที่ผมนั้นยืนอยู่ ทำให้ผมนั้นกระเด็นออกมาตรงนั้นนิดหน่อย
ราวกับว่าเป็นส่วนเกิน แม้ความจริงจะเป็นอย่างนั้นก็ตามเถอะ
“อือ แล้วไง”ร่างสูงตอบเรียบๆ มองคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนอย่างไม่พอใจ ที่มากระแทกคนของเขาไปอยู่ไกลขนาดนั้น จนอีกคนหน้าเสียทันที
“ก็ไม่หรอกค่ะ แต่เดี๋ยวหวานต้องไปซื้อของกับเพื่อน อาร์ทไปด้วยกันนะ”สาวเจ้าช้อนตามองอย่างมีหวัง
“แล้วมิกซ์…”ร่างสูงทำท่าจะเอ่ยค้านเพราะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“เดี๋ยวเรากลับเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”ร่างเล็กฝืนยิ้ม แล้วเดินออกไปจากร้านเลยทันที
“นี่ไงคะ เค้าไปแล้ว อาร์ทอยู่กับหวานนะ”เธอยิ้มหวานเอาใจจนอีกคนพยักหน้าเบาๆ อย่างเสียไม่ได้ แม้สายตาจะสอดส่องมองคนที่เดินออกไปจนหายลับตาแล้วก็ตาม
“เรามันแค่ตัวแทนเท่านั้นแหละ”ร่างบางพูดคนเดียวท่ามกลางหยาดฝนที่ตกโปรยปราย
“…อึก”ร่างเล็กจับที่หน้าอกซ้ายที่เจ็บผิดปกติ เดินไปเรื่อยๆ อย่างจนใจจะทำอะไร แม้เป็นได้แค่ตัวสำรอง เขากลับมีสุขได้ในเวลาเหล่านั้น
“เป็นไงบ้างครับ”ร่างเล็กถามอาการจากคุณหมอตรงหน้า
“ก็อาการทรงตัวนะครับ แต่ก็ถือว่าดีกว่าเดิมเยอะแล้ว อย่าลืมทำตามที่หมอสั่งนะครับ แล้วมาพบหมอใหม่”ร่างเล็กพยักหน้าเข้าใจ พร้อมรับยาแล้วกลับห้องมา คิดว่าจะมีอีกคนมานั่งรอ แต่กลับไม่มี
นี่เขาหวังอะไรอยู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อ้าว มาทำ…”คำพูดถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนของเขา แต่กลับเป็น…
“…หวาน”คำพูดที่เปล่งออกมานั้นช่างยากลำบากนัก เมื่อคนตรงหน้าไม่ยิ้มเหมือนทุกที หากแต่สายตาก็แปลกไปเช่นกัน แววตาอ่านไม่ออก ไม่เหมือนหวานคนเดิม
“ไม่คิดจะชวนเข้าห้องหน่อยหรอ ?”เธอถาม
“อ่ะ อ๋อ เชิญสิ”ร่างเล็กปรายมือเข้าข้างในแล้วเดินตามมา
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ มือเรียวลูบผ่านรูปถ่ายใบต่างๆ ภายในห้องร่างเล็กอย่างเฉยชาจนร่างเล็กต้องเอ่ยขึ้นก่อน
“เอ่อ หวานมาทำ…”แต่เธอก็ปรายตามามองจนร่างเล็กหยุด เพราะสายตาเธอตอนนี้นั้น…น่ากลัว
เขาไม่คิดว่าคนที่สวยที่สุด จะน่ากลัวที่สุดเช่นกัน
“อย่ามองกันแบบนั้นสิ ฉันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย…”เธอพูดพร้อมยิ้มเล็กๆ จนเขาจะโล่งใจได้บ้าง แต่ก็กลับไม่ต่างจากเดิมเมื่อประโยคถัดมากล่าวต่อ
“ถ้าฉันไม่โกรธ”เธอตวัดสายตามามองจนร่างเล็กเกือบสะดุ้ง
“งะ งั้นหรอ”
“ใช่ และฉันก็ไม่โกรธใครง่ายๆ ด้วยนะ คนที่สามารถทำแบบนั้นได้นี่ ต้องชั่วมากเลยนะ”เธอบอก ทั้งที่สายตากำลังจดจ่อกับรูปๆ หนึ่งอย่างตั้งใจ
“รูปนี้นี่ ถ่ายนานยัง”ร่างเล็กหันไปมองแล้วบอกไป
“ก็ไม่นานนะ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเอง”ร่างเล็กตอบอย่างไม่คิดอะไร
“งั้นหรอ งั้นความรู้สึกนายคงจะเพิ่งมาเปลี่ยนสินะ…”คนสวยพูดเบาๆ จนร่างเล็กจับใจความไม่ได้จึงเอ่ยปากถาม
“เมื่อกี้ว่าอะไรหรอ ?”ร่างเล็กถามอย่างไม่รู้
“ปล่าวหรอก แค่จะบอกว่ามันสวยดีนะ”
“อ้อ อืม”ร่างเล็กจบบทสนทนาเพราะไม่รู้จะต่อว่าอะไรดี
“ดื่มหน่อยมั้ย ?”เธอถามพร้อมวางแก้วแชมเปญบนโต๊ะ พร้อมเอ่ยชวน
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ”เขาเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ
“รังเกียจเราหรอ ?”เธอพูดพร้อมมองด้วยสายตาเศร้า
“ปะ ปล่าวนะ เราจะไปรังเกียจแฟนเพื่อนได้ยังไง”
“ก็…แค่กินด้วยกัน มิกซ์ยังไม่อยากเลยนี่นา แล้วแบบนี้จะไม่ให้เราคิดแบบนั้นได้ยังไง”
“เอ่อ งั้นเรากินก็ได้”เขาบอกอย่างจนใจ
“อ่ะ”ร่างเล็กนั่งจิบไปเรื่อยๆ พร้อมฟังคุณเค้าเล่าเรื่องของตัวเองไปเรื่อยๆ จนระยะเวลาผ่านไป…ผ่านไป จนรู้ตัวอีกที ร่างเล็กก็ไร้สติไปเสียแล้ว
“นายทำตัวเองนะ…มิกซ์”เธอบอกคำสุดท้ายก่อนร่างเล็กจะจำอะไรไม่ได้อีกเลย…




ฝากด้วยค่าาา สามารถคอมเมนท์ให้กำลังใจนักเขียนได้น้าาา รออยู่เด้อออ สวัสดีค่ะ :mew6: :mew6: :mew6: :katai3: :katai2-1: :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แหมน้องหวานคะ ต่อหน้าอีกอย่างลับหลังอีกอย่างนะคะ

ออฟไลน์ hellfire

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ ช่วงนี้ติดสอบไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านนิยายเลยหรือเข้ามาก็ออนทิ้งไว้เฉยๆให้เปลืองเน็ทเล่น เพื่ออะไร?ขอบคุณมากๆนะคะที่เขียนให้อ่าน o13

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 7
ในความแค้น
กลิ่นคาวคลุกฝุ่นที่อบอวลภายใน โกดังร้างแห่งหนึ่งมีไว้เพื่อจับตัวคนที่เธอเกลียด...ซึ่งนั่นไม่ใช่คนแรกที่พบเจอ
ความแค้นมันมีอิทธิฤทธิ์ทำลายล้างมหาศาล สามารถเข่นฆ่าคนดีๆ คนนึงให้หายไปได้ภายในพริบตาเดียว
การตายอย่างทรมานมันดูจะมีค่ามากกว่าการตายครั้งเดียว นั่นเป็นสิ่งที่เธอคิด
ความเจ็บปวดที่เธอพบเจอ มันก่อตัวทำให้เธอใจร้าย ทำลายทุกคนที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้
โดยลืมไปว่า…
เธอ…เป็นคนทำมันเอง
เธอเลือกที่จะไม่ยอมรับ แม้ต้องเข่นฆ่าใครอีกนับแสน แต่ถ้ามันพร้อมเป็นศัตรูคู่แค้นกับเธอแล้วล่ะก็…อย่าหวังว่าจะรอดไปได้
“แค่กๆๆๆ”เสียงไออย่างทรมานดังขึ้น หลังจากน้ำสกปรกถูกสาดเข้ากับใบหน้าหวานอย่างจัง
สภาพหน้าตาของเขาตอนนี้นั้นช่างน่าสงสารในสายตาของใครหลายๆ คน แต่เสียใจที่คนๆ นั้นไม่ใช่เธอ
“หึ อย่าสำออยเลย นายต้องเจอเยอะกว่านี้…มิกซ์”ท่าทางไม่ยินดียินร้ายใดๆ ของคนที่ยืนค้ำหัวมองนั้น ทำให้เขาชะงัก เขาจำเสียงนี้ได้…คนสุดท้ายที่เขาพบเจอก่อนจะมาอยู่ที่นี่
“…หวาน”ร่างบางพูดเสียงแผ่ว ไม่คิดว่าคนที่เขาเลือกที่จะเชื่อใจ จะทำร้ายกันได้ขนาดนี้ ทำไปทำไม…ในสมองของเขาคิดแค่นี้
เขาทำเพราะอะไร…เขาเชื่อว่าอีกคนต้องมีเหตุผลไม่ต่างกัน
“ใช่ เราเอง ดีใจหรือเสียใจล่ะ ? ที่พอตื่นมาแล้วคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า…ไม่ใช่อาร์ท”เธอเริ่มประชดทันที และท่าทางนิ่งๆ นั่นทำให้คนตัวเล็กแอบนึกกลัว จริงๆ ก็กลัวตั้งแต่ตื่นมาแล้วโดนมัดไพล่หลังแบบนี้แล้วล่ะ แต่พอพูดถึงเจ้าเพื่อนสนิทของเขาคนนี้ เขาก็นึกเอะใจ ว่าอีกคนจะไปรู้อะไรมา จนจิตใจเริ่มกระวนกระวาย
“ทะ…ทำไมพูดแบบนั้นหล่ะ เราจะไปดีใจกับการเจอเพื่อนที่เหม็นหน้ากันแบบนั้นได้ยังไงกัน”เขาพูดพร้อมอมยิ้มน้อยๆ
“หึ งั้นหรอ…”เสียงสาวสวยเงียบหายไป พร้อมการกลับมาที่น่าตกใจ ร่างเล็กตัวแข็งทื่อทันที เมื่อปลายมีดอันแสนคมนั่น ที่สะท้อนสีเทาวาวกับแสงไฟด้านนอก กำลังจ่ออยู่ที่ต้นคอของเขา
“อย่ากลัวนะ…ฉันไม่ทำอะไรนายตอนนี้หรอก นายยังต้องสนุกกับฉันอีกนาน แล้วฉันจะปล่อยนายไป…”ลงนรก นี่คือสิ่งที่เธอเติมต่อไปในใจโดยไม่พูดมันออกมา
“อึก…”ร่างเล็กกัดปากจนแทบห้อเลือด กายบางสั่นสะท้านด้วยความกลัว ไม่อยากจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าขนลุกแบบนี้เลย เขากลัว…กลัวที่จะไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำ
กลัว…ไม่ได้บอกรักอีกคนก่อนตาย
กลัว…การจากไปโดยไม่ได้ลา
กลัว…ไม่ได้เจออีกคนอีก
พลันชั่วความคิด น้ำตาเม็ดเล็กๆ กลับอาบหน้าใสจนเริ่มหายใจติดขัด
“โถ…อย่าร้องไห้สิ นายยังไม่ทันสนุกกับฉันเลยนะ”เธอยิ้มหวาน แต่รอยยิ้มนั้นมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“…ฮึก”ร่างเล็กทำไม่ได้ ร้องไห้อย่างทรมาน เมื่อปลายแหลมคมค่อยลากผ่านจุดต่างๆ บนร่างกาย จากลำคอ ไหปลาร้า จนตอนนี้อยู่ที่หน้าอกข้างซ้าย…ที่เป็นหัวใจของเขา
“นายว่า…ถ้าเกิดฉันกรีดตรงนี้ช้าๆ…ช้าๆ นายว่ามันจะเป็นยังไง ?”
“ยะ…อย่า”เขาร้องอย่างหวาดกลัว
“จุ๊ๆๆ ลืมไปแล้วรึไง ว่าฉันยังอยากให้นายสนุกกันก่อน ไม่ต้องรีบหรอก ยังไงเขาก็ต้องมา”เธอพูดพร้อมรอยยิ้มที่ประดับมุมปากสวย แววตาอาฆาตส่งมาให้เขาอย่างไม่ปราณี
“ปะ…ปล่อยเราไปเถอะนะ เรา…เราไม่บอกใครแน่นอนไม่ต้องกลัว”
“เห้อออ คิดมั้ย...ว่าเค้าจับนายมาทำไม ? ถ้าไม่ต้องการตัวนาย คิดว่าจับมาเล่นๆ งั้นสิ ชีวิตคงมีเรื่องสนุกมากมายเลยสินะ ถึงคิดตื้นๆ แบบนี้น่ะ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ เราแค่…”
เพี้ยะ
ร่างบางตวัดฝ่ามือเข้าซีกหน้าหวานอย่างไม่ปราณีจนอีกคนร้องออกมา
“พอเถอะ ฉันไม่ได้อยากฟังเรื่องไร้สาระ นายนั่งรอไปก่อนนะ ทำตัวตามสบาย เดี๋ยวนายก็ต้องตาย…”เธอยิ้มครั้งสุดท้ายแล้วเดินจากไป
เขามองไปรอบทิศ ไม่มีอะไรที่จะช่วยเขาให้ออกไปจากตรงนี้ได้เลย เขาถูกมัดมือไพล่หลังเก้าอี้ ไม่มีของมีคมใดๆ และถึงมี เขาก็ลุกไปไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อ…ขาเขาก็ถูกมัดไม่ต่างกัน
ร่างเล็กจนปัญญา ได้แต่ภาวนาให้อีกคนมาหาเขา ไม่ว่าจะเพราะเป็นห่วงในฐานะอะไรก็ตาม
“…ตื่นได้แล้ว”เสียงทุ้มเอ่ย ร่างเล็กจึงสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายมาพบความเป็นจริงที่ร้ายยิ่งกว่า เพียงแต่ตอนนี้…อาร์ทมายืนตรงหน้าเขาแล้ว และอีกคนก็ไม่อยู่ตรงนี้อีกแล้ว
“อาร์ท”ร่างเล็กเรียกอีกคนอย่างดีใจ เขาได้กลับไปแล้วใช่มั้ย…อีกคนมาพาเขากลับไปแล้ว
“อืม กูเองแหละ กูมาพามึงกลับบ้าน”อีกคนพูด พร้อมรอยยิ้มเศร้า ย่างเท้าเข้ามาใกล้เขาแล้วก็ค่อยๆ แกะเชือกที่มัดเขาเอาไว้ออกอย่างเบามือที่สุด
ร่างเล็กดีใจที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน อีกคนก็ยังดูแลเขาเป็นอย่างดีเสมอ แม้ใบหน้าจะไม่ยิ้มอะไรเท่าไหร่เหมือนที่เคยทำ แต่กลับแสดงด้วยท่าทีที่อบอุ่นไม่แตกต่างจากเดิมเลย
“…ขอบคุณนะ”ร่างเล็กเมื่อเป็นอิสระก็โผเข้าอ้อมกอดใหญ่อย่างไม่ให้อีกคนตั้งตัว แต่อีกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร กอดตอบกลับไปแล้วลูบหัวเบาๆ ตบท้าย
“ไม่ต้องกลัวกูอยู่กับมึงแล้ว…”แม้ไม่นานก็ตาม…
เมื่อมาถึงคอนโดของเขา ร่างเล็กก็เข้าไปอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายที่สกปรกและมอมแมมจนแทบดูไม่ได้ เมื่อออกมาก็เจอกับอีกคนที่ยังนั่งรออยู่บนเตียง
“มานี่สิ…”อีกคนพูด
“อื้ม”ร่างเล็กยิ้มบางๆ
“กูเช็ดผมให้นะ”อีกคนบอก พร้อมบรรจงหยิบผ้าเช็ดหัวผืนนุ่มละเลียดเช็ดให้อีกคนอย่างเบามือ จนอีกคนครางออกมาด้วยความพึงพอใจ แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะสร้างความหวาดกลัวให้กับเขาก็ตาม แต่อีกคนก็ดูแลเขาเป็นอย่างดีจริงๆ เขาดีใจที่มีเพื่อนดีขนาดนี้
“นอนได้แล้ว ฝันดี”หลังจากผมแห้ง อีกคนก็ล้มตัวนอน ไม่ลืมดึงร่างบางนอนด้วยข้างๆ เขารู้ว่าอีกคนกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา และเขาเองก็เข้าใจดี
“…ถามอะไรหน่อยได้มั้ย ?”ไฟภายในห้องมืดดับ แต่ยังมีแสงสว่างภายนอกที่สอดส่องเข้ามาในห้องให้พอมองเห็นอะไรได้บ้าง ร่างเล็กในอ้อมกอดที่ยังไม่หลับดีก็เอ่ยถามขึ้นมาก่อน
“ว่ามาสิ”ไม่มีคำว่าแต่…อีกคนจะถามอะไร เขาก็พร้อมจะตอบมันทุกข้ออย่างไม่ต้องคิดเลย
“หวาน…หายไปไหน”ร่างเล็กถามอย่างสงสัยมานาน เพราะเมื่อเขาตื่นขึ้น คนตรงหน้ากลับไม่ใช่หวานอย่างที่คิด และหวานก็หายไปแล้วด้วย
“ถามถึงทำไม ไม่กลัวรึไง ?”ร่างสูงตอบติดตลกแม้จะไม่ตลกไปด้วยก็ตาม
“ไม่ขำนะ ทำไมหวานถึงหายไป”
“ไม่ต้องรู้หรอก เพราะยังไงทุกอย่างที่กูทำ มันก็ทำให้มึงมานอนข้างกูตรงนี้แล้วไง”
“แต่…”
“ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้ว นอนได้แล้วนะครับ…ฝันดี”ร่างสูงพูดปิดท้ายพร้อมกับทำในสิ่งที่ร่างเล็กไม่คาดฝัน คือการหอมหน้าผาก
เพราะปกติอีกคนจะทำเฉพาะตอนที่คิดว่าเขาหลับเท่านั้น แต่พอรู้แบบนี้ก็อดเขินเล็กๆ ไม่ได้
“ฝันดี”
แม้อีกคนจะไม่ได้ฝันดีอย่างที่บอกไปก่อนหน้าก็ตามที…
ใบหน้าหวานใสงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมกับกอดรัดอ้อมกอดใหญ่นั้นแน่น เขาอยากเก็บช่วงเวลานี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด แม้มันจะไม่สามารถทำได้ตลอด เพราะไม่นาน…อีกคนก็กลายเป็นของคนอื่น
แต่ขออีกนิด…อีกนิดเดียว
“หนาวหรอ…”อีกคนพูดพร้อมกับกระชับอ้อมกอดนั้นแน่นอีกครั้ง อบอุ่นดีจัง ร่างเล็กคิดในใจ
10 โมงเช้า
กว่าจะนอนเล่นกันบนเตียงเวลาก็ผ่านพ้นไปจนเข็มสั้นชี้ที่เลขสิบไปเสียแล้ว ร่างสูงทำอาหารอยู่ที่เคาน์เตอร์ในโซนครัวเล็กๆ ภายในคอนโดของเขา
“ทำอะไรหรอ ?”ร่างเล็กถามอย่างอยากรู้ แค่ได้กลิ่นกระเทียมก็ชวนหิวแล้ว
“ข้าวผัดกุ้ง”อีกคนบอก พร้อมกับผัดข้าวที่สุกลงไปในกระทะอย่างชำนาญ ไม่มีใครรู้หรอกแม้กระทั่งคนตัวเล็กว่าเขานั้น…ไปให้แม่สอนทำอาหารให้ เพื่อมาทำให้มันกิน
“อ๋ออออ น่ากินจัง”อีกคนฉีกยิ้มหวาน จนใจคนมองที่ละสายตามาจากกระทะ เต้นผิดจังหวะไปครั้งหนึ่ง ใครให้ทำหน้าน่ารักขนาดนั้นว่ะ ?
“อ้ามมม ง่ำๆ”ร่างบางเคี้ยงอย่างเอร็ดอร่อย กับอาหารที่ร่างสูงทำให้ บางทีแค่ไข่เจียว เขาก็ยังมีความสุขเลย ถ้าอีกคนเป็นคนทำมัน
“หึ กินเลอะเหมือนเด็กๆ เชียว”อีกคนบ่นเบาๆ แต่ไม่วายยกมือขึ้นเช็ดที่มุมปากของใบหน้าหวานอย่างเบามือ จนใบหน้าหวานซับสีเลือดจางๆ ที่อีกคนมองว่ามันน่าเอ็นดู และใจก็เต้นไปอีกช่วงจังหวะหนึ่งอีกเหมือนกัน…
“กินต่อสิ”อีกคนบอก คนตัวเล็กที่เพิ่งรู้ตัวก็พยักหน้ารัวๆ แล้วก้มกินข้าวเงียบโดยไม่เงยหน้ามองใครอีกคนที่ร่วมโต๊ะด้วยกันอีกเลย
“อิ่มจ้างงง”คนตัวเล็กลูบท้องป้อยๆ ที่คนมองดูว่ามันน่าเอ็นดูแปลกๆ จนส่ายหน้ากับอาการที่ก่อตัวภายในนี้เหลือเกิน
“ไปเดินเล่นกันมั้ย ?”ร่างสูงชวน แล้วมีหรือที่อีกคนจะปฏิเสธ…
“อื้ม ไปดิ”ร่างบางบอก
ชายหนุ่มสองคนที่เดินข้ามถนนทางม้าลายด้วยกัน อาจจะเป็นภาพที่ธรรมดาจนชินตา แต่กลับมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป เมื่อมือของทั้งคู่กลับประสานเข้าด้วยกันอีกครั้ง จนร่างเล็กยิ้มในใจ ความสัมพันธ์แบบนี้ มันดีกว่าการหายไปจากอีกคนจริงๆ ยิ่งคิดเช่นนี้ ความกล้าที่จะบอกรัก ก็ยิ่งถอยลดลงไปอีกมากโข
“ลมพัดเย็นดีเนาะ”ร่างสูงชวนคุยเมื่อมาถึงสวนสาธารณะเรียบร้อยแล้ว เดินเรื่อยๆ ด้วยกัน ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงจุดหมายได้ไม่ยาก
อันที่จริงจะบอกว่าจุดหมายก็ไม่น่าจะถูก เพราะทั้งคู่ไม่ได้วางแพลนไปไหนเลยสักที่ เหนื่อยก็หยุด แล้วก็หาอะไรกิน นี่แหละที่พวกเขาออกมาด้วยกัน
ง่ายๆ เรียบๆ แต่กลับมีความสุข
“นั่นสิ บรรยากาศโคตรดีเลย”โรแมนติกที่สุดด้วย ร่างเล็กต่อเติมประโยคที่เหลือในใจ
“อืม นั่นดิ เหมือนนัดเดตเลยนะ ฮ่ะๆ”ร่างสูงพูดติดตลก หารู้ไม่ว่าอีกคนคิดจริง
“งะ…งั้นหรอ////”อีกคนพูดพร้อมใบหน้าที่แดงระเรื่อ ร่างสูงหัวเราะเบาๆ กับท่าทางที่น่ารักนั่น แล้วหันไปมองสระน้ำอีกครั้ง สระน้ำที่ไม่กว้างเท่าไหร่ ทำให้ไม่ว่าจะไหลไปเท่าไหร่ สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิม เป็นวงจรเดิมๆ ที่ไม่สามารถตัดกันขาดได้อยู่ดี
เขากับอีกคนก็เช่นกัน
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ได้แต่ยืนจับมือกันยิ้มบางๆ ให้กับความสวยงามของทัศนียภาพภายนอก ต่างคนต่างมีความคิดที่แตกต่างกันไปเป็นของตัวเอง จึงได้แต่ยืนนิ่งซึมซับความรู้สึกที่มีในใจให้มันไหลไปพร้อมกับสายลมที่พัดผ่านตัวของคนทั้งคู่
‘แค่มีกันแบบนี้เขาก็มีความสุข’ มิกซ์
‘หวังว่าเราจะมีโอกาสทำแบบนี้อีกครั้งนะ’อาร์ท



Talk
เค้าขออนุญาตลบตอนเก่าออกนะคะ รู้สึกมันยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เค้ายังไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านการเขียนเท่าไหร่ แต่จะพยายามเเต่งให้ดีที่สุดนะคะ ฝากติดตามคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ บ้าย :mew3: :hao5: :katai4:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
บวกเป็ดแรก  o13 o13

ตามจ้าตาม  :m1: :m1:

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 8
ในการยอมรับความจริง...

   ผมกำลังจะถูกทิ้ง...
ไม่รู้สิ ลางสังหรณ์ในตัวบางอย่างมันกำลังบอกผมเช่นนั้น อีกคนพยายามตีตัวออกจากเขา นับแต่วันนั้น เขาก็หายไปทีละนิด...จนผมเริ่มที่จะคว้าไม่ถึง
ความฝันที่จะอยู่ด้วยกันก็นับว่าเลือนรางเต็มทน
ความกลัวที่มีวันนั้น เริ่มเท่าทวี เมื่ออีกคนไม่อยู่ข้างๆ กาย
ความฝันเริ่มรุนแรงกว่าเดิม ผมค่อยๆ จดจำความฝันที่มีได้ อ้อมกอดสุดท้ายที่รู้สึก ช่างอบอุ่น เบาบาง และเปี่ยมไปด้วยรักและปรารถนาที่จะครอบครองกันและกัน
แต่ไม่สามารถทำได้
ไม่ว่าจะฝัน...หรือความจริงก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
ผมไม่เจอกับหวานอีก ไม่รู้เธอจะเป็นยังไงบ้าง ผมแค่ขอให้เธออย่ามายุ่งกับผมอีก ขอให้เขาไปดี เลิกรากัน เพราะผมคงไม่มีอะไรให้เธอ นอกจาก...สิ่งที่ผมเคยมี
อาร์ท
ผมยืนกอดตัวเองด้านนอกระเบียงอย่างหนาวเหน็บ เมื่อไหร่กันที่อ้อมกอดที่เคยชินในความมืด ยังอยู่กับผมจนทำให้ผมขาดมันไม่ได้ในที่สุด
ผมแค่คิดว่า...เราอาจจะใจตรงกัน
อะไรหลายๆ อย่างมันบ่งบอกกับผมแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะอีกคนดูแลผมดีเกินไป ผมโทษทุกอย่างจนลืมไปว่า...อีกคนทำไปเพราะคำว่าเพื่อน
และผมรู้อะไรบางอย่างแล้ว
อีกคนไม่ได้คิดเหมือนกัน
แค่กๆ ผมไออย่างทรมาน ยกมือที่ปิดปากขึ้นมาดู
เลือดสีแดงฉานเปรอะมือเล็กเป็นแนวยาว พร้อมกับความเจ็บปวดที่ซึมลึกในใจทุกที
หมอบอกว่า...ไม่นานผมก็จะหาย ถ้ารักษาอย่างตั้งใจ
แต่ในเมื่อชีวิตไม่มีแรงใจจะสู้ต่อ ผมก็ขออยู่แบบนี้ดีกว่ารักษาให้หายดีกว่า
ให้ตาย...ไปพร้อมคำว่ารักในใจของผมที่บอกไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น จนสุดท้ายก็กลายอย่างที่เห็น...
โรคร้ายที่ค่อยๆ กัดกินเซลล์ในร่างกายทีละนิด ทำให้อาการของผมทรุดตัวหนักลงเรื่อยๆ จนเริ่มจะไร้เรี่ยวแรง
แต่ไม่เป็นไร...อีกไม่นาน
5 วันแล้วสินะ
ที่เราไม่ได้เจอกัน...
มหาวิทยาลัยยังคงเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้กับผมได้ เป็นสถานที่ที่เริ่มต้นทุกอย่าง ที่ๆทำให้ผม...ได้เจอกับเขาที่รัก
ผมยิ้มน้อยๆ กับความคิดในอดีต แม้เราจะอยู่คนละคณะกัน แต่อีกฝ่ายมักจะมาหาเขาบ่อยๆ เสมอ แต่ตอนนี้ คงไม่มีแล้วล่ะ
ก็ดีนะ อย่างน้อยๆ ใจดวงนี้มันยังบอกผมได้ว่า ผมจะได้ตัดใจสักที
ไม่ต้องยืดเยื้อให้เจ็บปวด ผมรับความเจ็บปวดนี้คนเดียวได้ หากอีกคนไม่พร้อมจะยอมรับมัน
เสียงพูดคุยดังขึ้นเป็นระยะ เมื่อไหร่กันที่อากาศร้อนแสนร้อน ไม่สามารถทำให้ผมอุ่นได้อย่างใจคิด แต่มันกลับหนาวสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็น
ผมตัวสั่นจนเพื่อนในคณะที่รู้จักทักทายว่าไม่สบายรึเปล่า ? แต่ผมกลับส่ายหน้าแล้วยิ้มให้เท่านั้น
ระยะทางการเดินขึ้นไปในห้องเรียนช่าวยาวนาน ทั้งที่เมื่อก่อนมันใกล้แค่เอื้อม
เหมือนความสัมพันธ์ที่ผิดรูปแบบเลยเนาะ ฮ่ะๆ
สุดท้ายก็ต้องให้เพื่อนช่วยพยุงขึ้นห้องเรียนมาอย่างทุลักทุเล ผมเอ่ยขอบคุณเบาๆ หยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นมาเพื่อจดความรู้ที่อาจารย์หน้าห้องได้ให้มันกับผม สมุดเล่มนั้น...ที่เขาให้มา
ผมรู้แล้ว ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ภาพเขาก็ไม่เลือนไปจากใจ ความรัก ที่เพื่อนคนหนึ่งได้มอบมา ต่อชีวิตคนขี้โรคคนนี้ได้นานขนาดนี้ก็ดีเท่าไหร่
เขาไม่ควรที่จะขออะไรมากเกินไป ไม่ควร...
เขาเดินมาที่คณะของอีกคน คนที่เขาคิดถึงสุดใจ แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะต้องอธิบายมันออกไปให้อีกคนฟัง เขาเชื่อว่าเพื่อนของเขาคนนี้ต้องรับฟัง
สองเท้าหยุดชะงักกับภาพตรงหน้า
สายตาร่างเล็กพร่ามัวเพราะน้ำตาที่ไหลช้าๆ พร้อมแรงที่มองไม่เห็นรัดหัวใจดวงน้อยให้เจ็บและตายไปพร้อมๆ กัน
คนสองคนยืนจูบแลกลิ้นกันอย่างใคร่ ชายสูงใหญ่กำลังมอบจูบแสนร้อนแรงนั้นให้กับหญิงสาวสุดสวย ภาพนั้นควรจะชินตาเพราะเคยเห็นมาก่อน แต่ทำไม...ถึงเจ็บขนาดนั้นกัน
ร่างเล็กค่อยๆ ถอยหลังกลับมาเดินหายไปในมุมมืด สุดท้ายแล้วความรักก็แค่ภาพลวงตา ไม่มีหรอกคำว่ารัก มีแค่คำว่าเพื่อนแก้เหงาเท่านั้น
เมื่อตัวจริงมา ตัวสำรองก็คงจากไป
อาร์ทกับหวาน คนที่เคยทำร้ายเขา บัดนี้เขากลับมารักกันแล้ว
ดีใจสิมิกซ์ นายต้องดีใจกับความรักครั้งนี้นะ อย่าลืมนะ ต้องทำมันให้ได้...ฮึก
ร่างเล็กหลับตาซึมซับความเจ็บปวดที่มี พร้อมพ่นคำว่าไม่เป็นไรออกมาเรื่อยๆ อย่างใจที่ทำไม่ได้ตามปากพูดเลย
ร่างเล็กนอนแน่นิ่งบนเตียงของตัวเอง ถ้าเขาเลือกได้...เขาจะไม่พูดมันไปตั้งแต่แรก
ย้อนไปเมื่อ 5 วันก่อน
เขากับอาร์ทอยู่ในห้องเดียวกัน อีกคนประคบประหงมอย่างดีราวกับเลี้ยงลูก รอยยิ้ม สายตาที่อีกคนมองมามันทำให้ความคิดในใจของเขาแน่ใจอะไรบางอย่างจนต้องพูดออกไปท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกนี้
ท่ามกลางหมู่ดาวดวงน้อย ที่ส่องสกาวบนฟ้า เขาไม่รู้ว่ามันคือดาวอะไร เพราะเมื่อก่อนเขาไม่ชอบดาราศาสตร์ เลยพาลให้ไม่ตั้งใจเรียน กับคนสองคนที่นอนดูดาวที่ระเบียงห้องอย่างนิ่ง
ผมหันไปมองอีกคนอย่างรวบรวมความกล้าเลยโพล่งขึ้นมา...
“อาร์ท”ร่างเล็กเรียกอีกคนเบาๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ
“หืม ? มีอะไรหรอ” อีกคนหันมามองคนในอ้อมกอดอย่างไม่เข้าใจ เมื่ออีกคนหน้าแดงฝ่าความมืด มีอะไรกันนะ
“คือ...เรา...”ร่างเล็กพูดอึกอัก
“อะไร เร็วๆ สิ ลุ้นตามแล้วเนี่ย”อีกคนว่าอย่างไม่จริงจังนัก
“เราชอบ...”ร่างเล็กพูดเบาๆพร้อมงุดหน้าอยู่กับอกของเพื่อนตัวสูง
“ชอบ ? ชอบอะไรล่ะ”
“ชอบอาร์ท...”ร่างเล็กพูดเสียงเบาหวิวอย่างเขินอาย ร่างเล็กไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกคน เพราะกลัวสายตานั้น สายตาที่คงจะทำให้เขาร้องไห้ได้ไม่ยาก
“...ตั้งแต่เมื่อไหร่”เนิ่นนานกว่าอีกคนจะยอมเปิดปากพูดขึ้นมาก่อน
“ก็...นานแล้ว”แต่แปลกนะ ที่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเพื่อนตัวน้อยเลย กลับดีใจ...อย่างบอกไม่ถูก
“งั้นหรอ...”
“อืม อย่าโกรธนะ”ร่างเล็กเงยหน้ามองทั้งน้ำตาที่เปรอะหน้าหวานจนดูบอบช้ำ
“อย่าร้องสิ ยังไม่ว่าอะไรเลย”ร่างสูงพูดติดตลก และปาดน้ำตาให้ร่างเล็กอย่างเบามือ
“ฮึก...ไม่โกรธ...จริงๆ นะ”ร่างเล็กพูดพลางสะอื้น
“อื้ม ไม่โกรธครับ”ร่างสูงยิ้มในความมืด กอดร่างเล็กให้แน่นเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้คงจะ...ไม่มีโอกาส
ทั้งที่ดาวมันสว่างคู่ฟ้า แต่เหตุใดความรู้สึกถึงมีมีดที่มองไม่เห็นปักกลางอกจนทำให้ความสว่างในใจวูบหายไปกันนะ
เขาได้แต่โทษตัวเอง เพราะเขาทำมันพังเอง...มิกซ์
สักวันเราจะมานอนดูดาวกันแบบนี้สองคนอีกนะมิกซ์
ปัจจุบัน
ถ้าเลือกได้ เขาขอให้อีกคนโกรธเขา เพราะอย่างน้อยก็รู้สึกอะไรบ้างก็ยังดี มันคงจะดีกว่าการหายไปเงียบๆ แบบนี้
โลกมันค่อยๆ แคบลงเมื่อไม่มีอีกคนพาไปไหน การกินข้าวคนเดียวมันแปลกๆ เนอะ ฮ่ะๆ
“อาร์ท...กลับมาสิ...ฮือออ”เขาแค่ไม่อยากให้ทุกอย่างมันซ้ำรอยเดิม ยิ่งความฝันมันเหมือนความจริงเข้าไปทุกที เขายิ่งทรมาน เขายิ่งกลัว ทุกอย่างมันพาลให้เขาทำทุกอย่างไปโดยไม่คิด
เพราะถ้าคิดมากกว่านี้...ทุกอย่างคงไม่แย่ขนาดนี้
“...โยม”ผมเงยหน้ามองหลวงพ่อที่เรียกผมเสียงเรียบ
หลังจากเมื่อคืนที่คิดทั้งคืน ว่าเพราะอะไร ก็ยังไม่ได้คำตอบ เลยซื้อของมาทำบุญ เพราะคิดว่ามันคงจะทำให้สบายใจขึ้นบ้าง และก็จริงเมื่อทำบุญแล้วผมก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย
“ขอรับ”ผมตอบรับเบาๆ
“ใจเราน่ะ ถ้าไม่ผูกติด ก็จะมีความสุขนะโยม”หลวงพ่อเอ่ยเบาๆ
“ขอรับ”นี่สภาพผมมันมองง่ายขนาดนั้นเลยหรอว่าอกหักน่ะ ขนาดพระท่านยังรู้เลย
“กรรมที่ผูกติดกัน ยังไงมันก็ตัดไม่ขาดหรอกโยม สุดท้ายแล้วการอภัยมันจะดีที่สุดนะโยมจำไว้”หลวงพ่อพูดแค่นั้นให้ผมสงสัย แล้วเดินไปหลังโบสถ์ จนผมเดินตามไป...แต่หายไปแล้ว
หายไปได้ยังไงกันนะ ช่างเถอะ ว่าแต่การอภัยกับกรรมนี่มันหมายความว่ายังไง ?
“มาทำบุญหรอ ?”ร่างสูงถาม
“พี่...เอ้ !”ผมเรียกชื่อพี่แกที่ติดอยู่ปลายลิ้น พอเรียกถูกพี่แกก็ทำหน้าดีใจทันที
พี่แกเป็นสายรหัสของผมที่ออกไปแล้ว ซิ่วไปเรียนคณะอื่นน่ะครับ พี่แกบอกคณะนี้มันไม่ชิคเท่าทันตะ อ่ะครับ ตามที่พี่สบายใจเลย
“ดีมาก ไอ้เหลนรหัส ไม่เจอกันนาน ไม่โตขึ้นเลยว่ะ”พี่แกโอบผมไว้ขมวดคิ้วนิดหน่อย คาดว่าน่าจะเพราะอุณหภูมิที่ตัวผมสูงเกินปกติแน่นอน แต่ก็ไม่พูดอะไร ผมก็...ปล่อยเบลอไปแล้วกัน
“แหม พี่ก็ตัวใหญ่ขึ้นนะ ฮ่ะๆ”ผมยิ้มทันทีที่สายรหัสผมคนนี้ยังเหมือนเดิม ไม่ชอบให้ใครว่าตัวใหญ่ หรือแถวบ้านที่ตรงๆ ว่าอ้วนนั่นแหละครับ พอเห็นหน้ามุ่ยแบบนี้ก็อดไม่ได้ง้อด้วยการกินข้าวซะเลย
วันนี้ก็ไม่ได้แย่อะไรเท่าไหร่นะ ขอบคุณพี่นะครับ ที่ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาหน่อย แม้จะยังไม่ลืมก็ตาม...
“กินอะไร สั่งเลย”พี่เขาบอกเบาๆ จนผมหน้ามุ่ย
“เมื่อกี้ผมว่าผมบอกไปแล้วนะว่าจะเลี้ยงน่ะ ไม่ได้ยิน ?”ผมพูดอย่างกวนประสาท พี่แกโคตรใจดี ผมเลยกล้าต่อปากต่อคำกับพี่แกคนเดียว เห็นงี้ผมก็เฟี้ยวไม่เบานะ
“ได้ยินดิ หูไม่ได้ตึงว่ะ แต่อยากเลี้ยง มีไรป่ะ ?”พี่เค้าทำหน้ากวนประสาทกลับมาจนผมเบือนหน้าหนี มันเหมือนกับ...
เมื่อไหร่ภาพของมันจะหายไปจากใจสักทีนะ
“กรรมที่ผูกติดกัน ยังไงมันก็ตัดไม่ขาดหรอกโยม สุดท้ายแล้วการอภัยมันจะดีที่สุดนะโยมจำไว้”
จู่ๆ เสียงของหลวงพ่อก็ดังขึ้นในโสตประสาท ตัดไม่ขาดจริงๆ สินะ
“เห้ย ! มิกซ์ เป็นไรป่าว…”อีกคนสะกิดผมเบาๆ จนสติกลับเข้าร่าง
“อ่ะ อ้อ โอเคครับ”
“อย่ามา พี่เห็นหน้าเราก็รู้แล้วว่าไม่สบายใจอยู่น่ะ เหม่อขนาดนั้น”
“แหะๆ ชัดขนาดนั้นเลยหรอ”ผมเสมองทางอื่นแล้วเกาหัวแก้เก้อ
“มีอะไรบอกกันได้นะ ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย...”อีกคนพูดไม่ทันจบ แต่ผมกลับแทรกขึ้นมาอย่างไม่มีมารยาท
“พี่ช่วยไม่ได้หรอก อ่า...ขอโทษที่เสียมารยาทครับ”ผมก้มหัวน้อยๆ ให้อีกคน
“เออๆ ไม่เป็นไร ท่าจะเครียดมากนะ ช่วยไม่ได้แต่กูก็รับฟังมึงได้นะ”เมื่อใกล้กันมากขึ้น ก็เริ่มพูดภาษาพ่อขุนทันที พี่เค้าก็สนิทไปทั่วนั่นแหละ
“ผมขอเวลานะ แล้วจะบอกพี่คนแรกเลย”ผมยิ้มบางให้พี่ แล้วพี่เค้าก็พยักหน้า จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
บางทีการมีชีวิตอยู่คงไม่แย่เสมอไป ถ้าผมเปิดใจมากกว่านี้...
แต่ผมขอโทษนะครับ ผมไม่สามารถให้ใครมาแทนที่เขาในตอนนี้ได้ เพราะผมเชื่อว่า อีกคนจะต้องกลับมา
ใช่ว่าจะโง่ ที่ไม่รู้กับท่าทางโจ่งแจ้งนั่นว่าสนใจในตัวผมขนาดไหน ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่ผมไม่พร้อมจริงๆ เลยปฏิเสธไป และพี่เค้าก็เข้าใจและยอมรับมันได้ พี่เขาบอกแค่ว่า...
“ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่ ก็บอกกูนะ กูยังรอมึงเสมอ...”ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่คิดจะรอ และผมรู้ว่าการรอมันทรมานขนาดไหน จึงหักดิบบอกอีกคนไปว่าไม่ต้องรอผมอีก ผมรู้อีกคนจะต้องเสียใจ แต่ผมก็รู้สึกไม่ต่างกันนักหรอก
แต่อีกคนคงไม่เข้าใจเมื่อบอกกลับมาว่า...
“พี่จะทำให้เรายอมรับพี่เอง...”แล้วพี่เค้าก็หายไปกับรถคันหรู ที่แล่นออกจากหน้าคอนโดของผม
พี่เค้าคงไม่เข้าใจจริงๆ
แต่อย่างน้อยๆ ถ้าผมยอมแบบนั้น บางที...ผมอาจจะลืมอีกคนในใจได้เหมือนกันนะ
ชีวิตหลังจากนี้คงไม่สงบแล้วสิ...เห้อออ



ตอนนี้เค้าบอกรักกันแล้วนะเออ แต่ว่าทำไมอีกคนถึงหายไปล่ะ ? อย่าลืมนะคะว่าทุกคนมีเหตุผลเสมอ ฝากด้วยเน้อออ รักทุกคนเลยยย จุ้บๆๆ แล้วหวานกลับมาทำไม มาได้ยังไงนะ ? หุหุ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้ ฝากคอมเมนท์ติชมเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ  :katai2-1: :hao5: :mew6: :mew2: :mew1:

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่9
ในการยอมรับ


บางครั้งความเจ็บปวดมันก็สวยงาม...

ชีวิตของเรามันไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนต้องพบเจอกับอุปสรรคนานา เพื่อให้ตัวเองเข้มเเข็ง และสามารถยืนหยัดอยู่คนเดียวบนโลกนี้ได้...แน่นอนว่าผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

เช้าสีหม่นของวันๆ หนึ่งเกิดขึ้นอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย เขาไม่เจอกับอีกคนนานแล้ว และไม่อยากพบเจอด้วย เขากลัวที่จะรู้ความจริง

กลัวการเผชิญหน้า หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้ ผมรู้ผมผิด ที่เอ่ยปากพูดในสิ่งที่ตั้งใจว่าจะไม่พูดออกไป เพราะต้องการรักษาความสัมพันธ์อันคลุมเครือนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ

ตอนแรก เขาก็นึกดีใจอยู่หรอก ที่อีกคนไม่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองใดๆ ใบหน้าคมปกติทุกอย่าง มีแค่แววตาที่อ่านไม่ออกเพียงแค่นั้น แต่อีกคนกลับยิ้มบางๆ กลับมา

ไม่รู้ว่า...มันหมายความเช่นไร

ค่ำคืนยังคงทรมาน มองทางไปมีเพียงสีเทาปกคลุมท้องฟ้า ไม่เห็นจะเหมือนกับเวลานี้เมื่อก่อนเลยสักนิด ที่มีอีกคนนอนกอดเขา ไม่มีเลย

แม้การนอนกอดตัวเองจะหนาวและทรมาน แต่เขาก็ผ่านมาได้ตั้งหลายวันนี่นา ทนไปอีกนิดจะเป็นไร...

แม้ความฝันเดิมๆ จะทำให้เขาตื่นมาพร้อมน้ำตาทุกครา เขาก็แค่คิดว่าไม่นานมันก็จะเเห้งเหือดไป...

เขาไม่ผิด เรื่องนี้ไม่มีใครผิด เขาเองที่ผิด...ที่ไม่หักห้ามใจตัวเอง

ความรักอีกคู่กำลังเบ่งบาน เขาส่องดูรูปในแอพพลิเคชั่นสีฟ้าคุ้นตา ใบหน้าทั้งคู่ดูจะมีความสุข และผลิบาน ค่อยๆ เติบโตเป็นรักอย่างสวยงามในอนาคต

เขายิ้มกับสายลม บางทีการ'ถอย'ออกมา มันอาจจะดีที่สุดแล้ว อย่างที่เขาทำอยู่ตอนนี้...


ฝนเม็ดเล็กๆ โปรยปรายมาจากท้องฟ้า มันกำลังจะบอกผมว่าอย่าร้องไห้ตามมันนะ...

อื้มมม เขาจะทำมันให้ได้

ชีวิตที่เหลือไม่มากนี้กำลังจะหมดอายุไขในไม่นาน เขาอยากให้อีกคนเป็นสุข พร้อมๆ กับเขาตอนนี้

เขามีความสุขจริงๆ นะ แม้จะไม่ได้ครอบครอง แต่แค่อยู่ในมุมมืดๆ คนเดียว บางทีก็ดีพอแล้วสำหรับคนไม่เคยได้ความรักจากใครเลยอย่างผม

การปล่อยวาง ในสิ่งที่หลวงพ่อบอกผมมานั้น ถ้ามันหมายถึงการที่ผมมาอโหสิให้เพื่อนที่รักของผมนี้ ผมก็พร้อมจะทำ

ขอให้มันสิ้นสุดเท่านี้ก็พอ...พอแล้วจริงๆ


แม้ว่าความเจ็บปวดมันจะสวยงาม...แต่เอาจริงๆ แล้วก็ไม่มีใครอยากประสบพบเจอมัน

ผมยิ้มบางๆ กับความทรงจำเก่าๆ ที่ส่วนใหญ่มีแต่เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น ขอบคุณทุกอย่างเลย ขอบคุณจริงๆ

สองเท้าย่างก้าวไปในที่ที่ไม่ได้มานานในระยะเวลาหนึ่ง ใจดวงน้อยเต้นระส่ำ ความรู้สึกเริ่มปรวนเเปร ความกลัว ความตื่นเต้น กับการพบเจอหน้าอีกคนจะทำให้เขาทำหน้าตอบกลับไปอย่างไร...เขาไม่รู้เลย

ร่างเล็กยกมืออันสั่นเทาเคาะประตูห้องนั้น ห้องที่เขามีโอกาสได้ย่างกรายเข้าไป ที่ที่เคยปลอดภัยสำหรับเขาอีกที่หนึ่ง

พลันจู่ๆ สมองกลับประมวลผลช้าลงทันตา พร้อมภาพอะไรไม่รู้ที่ลำดับมาเป็นฉากๆ จนสมองเริ่มจะเบลอไปตามกัน

"นี่...เราอยากมีคอนโดแบบนี้จัง"ร่างเล็กชี้นิ้วป้อมๆ ไปบนใบโปรชัวร์โฆษณาคอนโดสุดหรูใจกลางเมือง

"ก็...ซื้อสิ"ร่างสูงบอก ทั้งที่ในใจมีแผนการเตรียมตั้งไว้อยู่แล้ว

"โหยยย แพงขนาดนี้ ไม่เอาหรอก เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า"

"อย่างซื้อหนังสือการ์ตูนงี้เหรอ ?"อีกคนเอ่ยอยากหยอกล้อ ทำให้เพื่อนตัวเล็กคว่ำปากงอนๆ ที่น่าตีชะมัดเลย

"แล้วไง ดีกว่าการแต่งรถของอาร์ทแล้วกัน"ร่างเล็กค้อนขวับกลับไป

"หึ คอยดูเหอะ..."ร่างสูงพูดเช่นนั้น จนเวลาไม่นานนัก เซอร์ไพรที่แอบซื้อคอนโดให้เพื่อนตัวเล็กคนสำคัญคนนี้ก็เปิดเผย จนคนตัวเล็กร้องไห้ทั้งน้ำตา...



"อยากไปทะเลจางงง~~"ร่างเล็กพูดอ้อนๆ

"บอกทำไม ? พูดเหมือนว่ากูจะพาไปงั้นสิ"อีกคนพูดแกล้งเล่น

"ชิ บอกไม่ได้รึไงเล่า แค่อยากไปนี่นา..."ร่างเล็กมองอีกคนอย่างน้อยใจ จนอีกคนส่ายหน้ากับเด็กเอาแต่ใจ แต่เขาก็ผิดที่ตามใจอีกคนเกินไป...จนสุดท้ายทั้งคู่ก็ไปทะเลด้วยกัน


"มืนนนหัววว"ร่าวเล็กงอแงเมื่อดื่มเเอลกอฮอล์เข้าไปจำนวนมากเพราะเพื่อนแกล้งมอมเหล้าจนเมาเหมือนหมา เลื้อยไปทั่ว จนร่างสูงมองคาดโทษเพื่อนทุกคน จนทุกคนพากันหลบสายตาไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะกลัวรังสีอาฆาตนั่นจะมาฆ่าเอา

และก็พาร่างเล็กกลับมานอนด้วยกันเช่นทุกที

อีกคนคงไม่รู้ ว่าทุกข้อยกเว้นที่ร่างสูงมีนั้น เพื่อนตัวเล็กก็เป็นคนที่ได้รับมันไปทุกที แม้ว่าสถานะนั้นจะพูดตามปากว่าเพื่อน แต่การกระทำมันชัดเจนมากมาย...แต่คงไม่มากพอให้คนตัวเล็กเข้าใจ

เรื่องราวย้อนวนกลับมาที่ปัจจุบัน ร่างเล็กค่อยๆ เปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก จนเห็นคนที่อยู่ตากว้าง คนตัวเล็กก็ตาโตเท่าไข่ห่านทันที แม้นี่จะเป็นฝัน เขาก็ขอให้มันยาวนานกว่านี้อีกนิด เพราะมันคงทำให้ชีวิตเขามีเเรงฮึดต่ออีกหลายวัน...

"เจ็บมากมั้ย ?"เสียงร่างสูงลอยมาตามลม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพูดกับใคร

ร่างเล็กยิ้มดีใจ เขามีความสุขกับโลกนี้จริงๆ

"ลืมตาขึ้นมาก่อน กูอยู่ตรงนี้ไง อย่าร้องไห้สิ.
.."เพิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่ฝันก็ตอนที่มือใหญ่ที่เคยโอบกอดเขานั้น เกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าเบาๆ

"...ฮึก นี่เรื่องจริงใช่มั้ย ?"ร่างเล็กพูดทั้งน้ำตา

"จริงครับ...ไม่ร้องนะ ไม่สวยเลย"

"ไอ้บ้า ผู้ชายเค้าไม่ชมว่าสวยหรอกนะ"ร่างเล็กยกมือที่ไร้เรี่ยวแรงตีเข้าที่ไหล่อีกคนเบาๆ แม้มันจะไปไม่ถึงอีกคนเพราะหมดเเรงก่อนก็ตาม

"หึ แต่มิกซ์ก็น่ารักที่สุดสำหรับกูนะ"อีกคนพูดห่ามๆ ตามสไตล์แต่กลับมีความอบอุ่นปนอยู่ในนั้น ร่างเล็กยิ้มตามอย่างใจสุข ความสัมพันธ์นี้มันกำลังจะเหมือนเดิมแล้วใช่มั้ย ?

"อื้ม ขอบคุณนะ...ว่าแต่ เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?"ร่างเล็กเงยหน้าถามอย่างสงสัย

"กูลากมาไง ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ไม่สบายทำไมไม่บอก ปล่อยให้ลุกลามขนาดนี้ได้ไงกัน ไม่สงสารกูเลยหรอ ?"ประโยคสุดท้ายคล้ายจะอ้อนวอนกับอีกคน จนอีกคนจะว่าไม่ออก

"...เกี่ยวไรกันไม่ทราบ"ร่างเล็กปัดตะกอนในใจที่มีออกไป เสหน้ามองไปทางอื่น

"เกี่ยวสิ มันคือความทรมานที่กูเจอ มึงไม่รู้หรอ"

"แล้วไม่รู้รึไง...ว่าเราเจ็บไม่ต่างกัน เผลอๆ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ไม่รู้หรอ"

"..."ร่างสูงไม่เอ่ยขัดใดๆ ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี

"ชีวิตที่ต้องนอนคนเดียว อยู่คนเดียว ใช้ชีวิตลำพัง ไร้ที่พึ่งพิง มันเจ็บมากเลยรู้มั้ย...เคยรู้บ้างรึเปล่า"ร่างเล็กมองอีกคนอย่างน้อยใจ

"มิกซ์..."

"แล้วที่ผ่านมา ที่บอกวันนั้นว่าไม่โกรธแล้วจู่ๆ หายไปมันคืออะไร...จู่ๆ ที่กลับไปคบกับหวานอย่างดูดดื่มมีสุขมันคืออะไร...ไปคบกับคนที่ทำร้ายเราได้ยังไงกัน !"ร่างเล็กคล้ายคนหมดเเรง พูดทุกอย่างที่มีในใจ แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ลึกๆ เขาก็ยังต้องการคำตอบอยู่ดี

"ฟังก่อน..."อีกคนทนไม่ไหว พอเห็นน้ำตาของอีกคนมันทำให้ใจอยู่ไมาเป็นสุขทุกที ทรมานที่สุด ยิ่งกว่าสิ่งที่เคยทำมาทั้งหมดรวมกันอีกด้วยซ้ำ

"ไม่...ไม่ฟัง"ร่างเล็กส่ายหน้าและหลับตาบนหมอน พร้อมน้ำตาที่ไหลอยู่เรื่อยๆ

"ฟังนะ...ทุกอย่างที่ทำมันเป็นเพราะอาร์ทรักมิกซ์"

"...!!"จากคนที่ไม่ฟัง กลับเบิกตากว้างทันที น้ำตาหยุดไหลไม่นาน จนอีกคนต้องเอ่ยปากอธิบาย


ART

ชีวิตคนเราบางครั้งมันไม่สามารถเลือกทางเดินได้ตั้งแต่เเรกหรอก...แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้นี่นา

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น

เช้าวันที่ผมได้รับโทรศัพท์ ผมก็ไปหามิกซ์ทันที ทุกช่วงเวลามีค่าที่สุดตั้งแต่เกิดมา ผมเหมือนอยากจะทดแทนทุกเวลาที่เหลือในชีวิต เพื่อให้ผมไปหาอีกคนได้เร็วที่สุด...

พอไปถึงภาพตรงหน้าทำให้ผมยืนนิ่งกับที่ หมดแรงราวกับถูกสตาฟเอาไว้นิ่งๆ

อีกคนนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ไม้ใบหน้าหวานมีริ้วรอยฝ่า มืิอ ซึ่งมันทำให้หน้าหวานเสียโฉม จนผมโกรธเลือดขึ้นหน้า แต่เมื่อผมจะทำตามแผนบางอย่าง...ผมก็ต้องเลือกวางสิ่งบางอย่างลงก่อน


"มาเร็วดีนะ..."หวานฉีกยิ้มน่าขยะแขยงมาให้ผม

"มาแล้วก็ปล่อยเพื่อนกูสิ"ผมพูดเสียงเรียบนิ่ง

"โอ้ะโอ คิดว่าเรียกมาแล้วจะจบง่ายๆ งั้นหรอ ฉันว่านายก็คงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกนะ"

"หึ จะเอาเท่าไหร่ล่ะ"

"ว้าววว แปะๆ(เสียงปรบมือ) ความรักมันทำให้คนตาบอดจริงๆ ดูฉันสิ เครื่องประดับบนตัวฉันน่ะ ของแท้ ฉันไม่จนด้วยอย่าลืมสิ"

"แล้วต้องการอะไร"

"คบกับฉันแล้วฉันจะปล่อยมันไป..."

หลังจากการตกลงวันนั้นสิ้นสุดลง ผมก็พาอีกคนที่ถือเป็นเดิมพันครั้งนี้ กลับมา ดูแลอีกคนอย่างดีจนพอบรรเทาความกลัวลงบ้าง จนเมื่ออีกคนพูดคำว่า 'รัก'ออกมาเขาเลยต้องทำแบบนี้

ที่ห่างไม่ใช่ไม่รัก...แค่ไม่ถึงเวลา

จนเมื่อแผนสำเร็จ ข่าวหน้าหนึ่งดังกระฉ่อนทั่วเมือง เมื่อนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่ง ได้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย...ที่ผมยอมตั้งแต่เเรก เพื่อมาหาหลักฐานให้อีกคนหายไปตามต้องการ

คำว่ารักไม่มีผลต่อผม ตราบที่ผมไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้นภายในใจ ตอนนี้ผมมีแค่คนเดียว คนเดียวที่ผมยอมเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตาย ยอมทุกอย่างไม่ให้อีกคนเป็นอันตราย

พร้อมแลกด้วยชีวิต

เขากำลังจะกลับไป แต่เมื่อเปิดประตูออกมากลับตกใจอย่างห้ามไม่ได้ เมื่ออีกคนนอนแอ้งแม้งอยู่หน้าประตู

เนื้อตัวสั่นเทา พร้อมความร้อนที่เกินกว่าอุณหภูมิทั่วไป จนอีกคนรับเร่งอุ้มอีกคนท่าเจ้าสาวมาโรงพยาบาลโดยเร็ว จนได้รู้ว่า...

อีกคนเป็นมะเร็งอยู่...

และอีกคนก็รู้มันมานานแล้ว เพียงแต่ช่วงหลังนี้อีกคนไม่ได้กินยา จนทำให้อาการย่ำแย่ ทรุดอย่างรวดเร็วขนาดนี้ และถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป เหตุผลส่วนใหญ่ก็คงมาจากตัวเขาเอง...

เขาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้อีกคนฟัง แต่คนตัวเล็กก็นิ่งจนใจหาย สายตาเหม่อมองอย่างบอกไม่ถูกว่ากำลังติดอะไรอยู่ คิ้วเล็กขมวดมุ่นเป็นพักๆ อย่างคิดมากตลอดเวลา เขาเริ่มจะกลัวแบบนี้แล้วจริงๆ

"เข้าใจแล้ว"จนอีกคนต้องเอ่ยปากพูดเขาจึงใจชื้นขึ้นมาบ้าง

"แล้วยังโกรธกูมั้ย ?"

"เคืองหน่อยๆ แต่ที่ทำก็เพราะกูไม่ใช่หรอ ? งั้นก็ลดโทษได้"

"เหลือเท่าไหร่ล่ะ ?"อีกคนถามอย่างมีหวัง

"อินฟินิตี้"

"เห้ย!?"อีกคนร้องขึ้นอย่างตกใจทันที

"ไม่ต้อง ทุกอย่างต้องทำตามใจเรานะ"อีกคนยิ้มเเกล้งมาให้ เขากำลังได้มันคืนมา ทั้งรอยยิ้ม และทุกอย่างที่เขาได้มาจากคนตัวเล็กมันกำลังจะได้คืนมา...


โย่ววว วันนี้แต่งในมือถือนะคะ ถ้าพิมพ์ผิดอะไรก็ขออภัยด้วยเด้อออ ฝากติดตามคอมเมนท์ด้วยน้าาาา พลีสสส :mew2: :hao5: :mew1: :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2017 19:23:50 โดย Kaooi »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ไม่ถูกโฉลกกับดราม่าจะตามต่อไปเอาใจช่วยนะเขียนจบด้วยสู้ๆ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 10
ในความหวัง

          ผมนั่งมองร่างเล็กที่หลับใหลบนเตียงสีขาวที่บริสุทธิ์ ร่างเล็กหลับสนิทเพราะพิษยาที่เพิ่งกินเข้าไปเมื่อไม่นาน เขาต้องได้รับการพักผ่อน และผมก็ยินดีที่จะไม่รบกวนเวลานั้น

ผมกำลังคิด…ว่าจะทำยังไงดี ?

ผมไปคุยกับหมอมาแล้ว เค้าบอกผมว่าเพื่อนของผมป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ก็ได้รับการรักษาต่อเนื่อง มาหาหมอเป็นระยะ เป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลนี้อยู่แล้ว แต่พักหลังๆ กลับไม่ค่อยกินยา และไม่ค่อยมาพบหมอ อาการจึงแย่ขนาดนี้

ซึ่งผมเชื่อว่าเหตุผลนั้นมีสาเหตุมาจากผม

โธ่เว้ย !!! ถ้าผมไม่มัวแต่ทำอะไรชักช้า ป่านนี้เราก็มีความสุขด้วยกันแล้ว

เค้าต้องเป็นแบบนี้เพราะผม…เพราะผมเพียงคนเดียว

ผมยกมือที่เริ่มสั่นเทาของตัวเอง เอื้อมมือจับมือที่เย็นเหยียบนั่นมาแนบอก ส่งผ่านความรักไปยังสองมือคู่นี้ที่ไม่เคยทำให้อีกคนมีความสุขในช่วงเวลาหนึ่งเลย ไม่เคยเลย

ผมทอดทิ้งมิกซ์ในยามที่เขาต้องการผมมากที่สุด

ผมไม่อยู่ดูแลในยามที่เขาเรียกร้องหาผม

ผมไม่เหลียวแลในยามที่เขาทรมานจิตใจ

นี่ถ้าวันนั้นเขาไม่มาหาผมพอดี ตอนนี้เขาอาจจะ…

ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ผมจะไม่ทิ้งเขาไว้แล้ว

และตอนนี้ผมจะต้องเป็นที่พึ่งพิงให้เพื่อนตัวน้อยที่ผมไม่ได้คิดแค่เพื่อนคนนี้ ผมจะเป็นเสาหลักให้เขา เขาไม่ต้องโดดเดี่ยว ไม่ต้องอยู่เดียวดาย และผมจะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็น ผมจะพยายามทำให้ได้

ความฝันที่เคยเกิดขึ้น เรื่องราวในอดีตที่ชัดเจนตามกาลเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อไม่กี่วันที่แล้วยังคงตอกย้ำได้ดี ว่าความรู้สึกของผมมันเคยเป็นเช่นไร

ผมไม่รู้ว่าในฝันนั้น มันเป็นผมหรือเปล่า แต่มันเหมือนผมมาก เพียงแต่ในฝันผมของผมยาว แต่ก็ยังหล่ออยู่ดี หึ

ส่วนอีกคนก็หน้าหวาน ปากอมชมพูที่ผมเคยสัมผัส มันสร้างความหวานให้ยังคงตราตรึงใจมาได้จนทุกวันนี้

ภาพสุดท้ายในความฝันที่ชัดเจนที่สุด คือที่โรงพยาบาล ครั้งสุดท้ายที่เราลาจากกัน…

ผมไม่อยากให้ซ้ำรอยเดิม แม้มันอาจจะเป็นแค่ฝัน ฝันเท่านั้น แต่มันเหมือนจริงเหลือเกิน เหมือนจนน่าตกใจ บางทีนี่อาจจะเป็นลางร้ายของผมกับมิกซ์ก็ได้

ผมกลัว…ผมไม่อยากเสียเขาไป

ถ้าเลือกได้ ผมขอตายเองดีกว่า

ร่างเล็กงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงสะอื้นเบาๆ ไม่ได้ดังมากมายราวกับกลั้นเต็มที และก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ร้องไห้นั่นนั่งอยู่ข้างเตียงเขานี่เอง

“ร้อง…ทำไม”ร่างเล็กพูดเบาๆ ตามเสียงที่แหบแห้งของตัวเองที่พยายามเปล่งออกมาอย่างเต็มความสามารถ

“ปล่าว…นอนซะนะครับ”ร่างสูงลูบหัวร่างเล็กเบาๆ บ้าจริง แค่บอกเมื่อกี้ยังไม่ทันขาดคำเลย ร้องไห้ให้อีกคนเห็นซะแล้ว

“…อืม”แม้จะยังไม่หายคลางแคลงใจแต่ก็ยอมพยักหน้าและหลับตาลง จนเสียงกุกกักดังขึ้นจนจำใจลืมตามองเพราะความอยากรู้ของตัวเอง

“ทำ…อะไร”ร่างเล็กถามเสียงอ่อน พร้องพยุงตัวเองขึ้นนั่งจนร่างสูงรีบมาช่วยปรับเบาะและพยุงตัวให้นั่งได้

“ร้องเพลงไง”ผมพูดอย่างยินดี เพื่อนตัวเล็กของผมชอบฟังเพลง และเพลงที่เขาชอบที่สุด ก็ยังเป็นเพลงเดียวที่ผมยังจำคีย์ได้แม้ไม่ได้เล่นกีต้าร์นานมากแล้วก็ตาม

พอฟังเช่นนั้น ร่างเล็กก็มีตาประกายลุกวาวทันที เมื่อไหร่เขาก็ยังเป็นเด็กน้อยที่น่ารักของผมเสมอ

เสียงเกากีต้าร์ดังขึ้นแว่วเป็นดนตรีเบาๆ เพลงนี้อาจจะค่อนข้างนานมากแล้ว แต่กลับยังเป็นเพลงที่อีกคนชอบเสมอ ซึ่งเขาก็ไปฝึกมา…

“กาลครั้งหนึ่ง การพบใครคนหนึ่งทำให้ฉันสุขใจ…”ร่างเล็กฉายแวคาดไม่ถึง ดวงตาเล็กๆ เริ่มมีหยดน้ำตาคลอเบาๆ ตามเนื้อเพลงเรื่อยๆ

“กาลครั้งหนึ่ง ทุกช่วงเวลาเราเคยมีกันใกล้ๆ

แต่กาลครั้งหนึ่ง สุดท้ายไม่จบตรงชั่วนิรันดร์เสมอไป

กาลครั้งหนึ่ง ชีวิตเลือกเส้นทางให้เรามีอันต้องไกล”ใช่ บางครั้งชีวิตมันก็ไม่ได้เลือกเส้นทางให้เรามีความสุขเสมอไป แต่ในขณะเดียวกัน เราก็รับรู้มันได้ผ่านช่วงเวลาหนึ่งๆ ที่ผ่านพ้นมา

“เรื่องราวของฉันเดินต่อไป จากตรงนั้น ไกลสุดไกล

เหมือนจะไกลจนลืมว่าเคยเกิดสิ่งเหล่านี้

แต่ในวันที่ฝน ร่วงจากฟ้า วันที่มองหาใครก็ไม่มี

วินาทีนั้นจะมีบางอย่างที่สำคัญ เกิดในใจฉัน…”

“…กาลครั้งนั้นยังอบอุ่นในใจ รู้สึกทุกครั้งว่าเธอยังดูแลฉันใกล้ ๆ

เหม่อมองฟ้าแล้วถอนหายใจ เหมือนเราได้พูดกัน

ราวกับเธอนั้นไม่เคยจากไป

ยังคงยืนส่งยิ้มให้กำลังใจอยู่ในความทรงจำ (ในความทรงจำ)

หากชีวิตนี้เร็วดั่งความฝัน กาลครั้งหนึ่ง ดีใจนะที่เราพบกัน”สองเสียงร้องประสานกันเบาๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจของคนทั้งสอง

“ฮึก…ขอบคุณนะ”ร่างเล็กพูดพลางสะอื้น

“ไม่ต้องทำซึ้งเลย เดี๋ยวกูร้องตามพอดี ฮ่ะๆ”ร่างสูงพูดติดตลกแม้ว่าใบหน้าจะแดงก่ำไม่ต่างกัน แต่กลับยังฝืนไว้ ไม่ให้หยดน้ำเล็กๆ นั่นไหลออกมา

“อืม แต่ก็ขอบคุณจริงๆ นะ”ร่างเล็กยังคงยิ้ม ยิ้มที่เขาไม่เจอหลายวันแล้ว ยิ้มที่เหมือนในฝัน

“อยากฟังนิทานมั้ย…”ร่างสูงพูดจนร่างเล็กทำหน้าดีใจทันที

“อยากฟังสิ…อยากฟัง”ร่างเล็กดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเมื่อร่างสูงเอ่ยเช่นนั้น

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...มีเพื่อนสนิทอยู่สองคน ซึ่งเพศเดียวกันทั้งสอง”ร่างเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

“...ชายตัวสูงเขาเป็นคนที่คบไปทั่ว คั่วไปเรื่อย และกลับมองข้ามคนที่อยู่ข้างๆ เขาเสมอมา และคิดจะหยุดเมื่อมีแฟน จนวันหนึ่งเขาก็ทำบางอย่างพลาดไป ความรู้สึกหลังจากนั้นก็เริ่มแปรเปลี่ยน แต่หลังจากวันนั้น เพื่อนตัวเล็กก็ค่อยๆ หายไปจากชีวิตเขาทีละนิด...ทีละนิด”มาถึงตรงนี้เขากลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ราวกับสัมผัสความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี

“ตอนเพื่อนตัวเล็กมาเอ่ยคำลาเขาที่คอนโดครั้งสุดท้ายก็จะหายไป รู้มั้ยเขารู้สึกยังไง ?”ร่างสูงเอ่ยถามซึ่งแน่นอนว่าอีกคนไม่ทราบหรอก

“...”ร่างเล็กไม่ตอบอะไร ได้แต่นั่งก้มหน้ามองผ้าห่มอย่างสับสนในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และรู้สึกความผิดปกติบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของตัวเอง

“มันเหมือนกับ โลกทั้งใบที่มีทุกอย่างของเขานั้นพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา เขาเพิ่งรู้บัดนั้นว่าเขานั้น...จริงๆ แล้วรู้สึกยังไงกันแน่”

“หลังจากวันนั้น เขาก็พยายามตามหาเพื่อนอีกคนอย่างสุดความสามารถ แต่กลับไร้วี่แวว จนกระทั่งแม่ของเขาเอ่ยปากเรื่องงานหมั้นของเขากับแฟน เขาถึงนึกขึ้นได้ว่าเขายังมีแฟนอยู่ เพราะตอนนั้นชีวิตเหลือแค่คนๆ เดียวเท่านั้นที่สำคัญ จนแม่ต้องดุด่ากล่าวเตือน แต่เขาก็ทำหูทวนลมไม่ฟังคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น จนวันนั้นเขาก็ได้รู้ความจริงบางอย่างที่คาดไม่ถึงมาก่อน...”

หลายปีก่อน

“นี่ เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวแบบนี้สักทีนะ เขาให้ไปลองชุดก็ไม่ไป...ไปดูเจ้าสาวสักนิดก็ไม่ยอม สรุปแล้วแกอยากแต่งจริงๆ รึเปล่า ?”แม่ของเขาพูดกับลูกชายอย่างเหลืออด มีอย่างที่ไหน ปล่อยเจ้าสาวให้ไปคนเดียว ไม่ดูแล ไม่ทำอะไรเลย ราวกับตัวเองไม่ใช่เจ้าของงาน

“หึ คิดว่าผมอยากแต่งงั้นหรอ ?”ลูกกล่าวอย่างประชด ให้แม่ขมวดคิ้วเล่น

“นี่แกหมายความว่ายังไง ?”

“ก็เพราะผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้วไง”อีกคนตอบอย่างเลื่อนลอย รัก...แล้วทำอะไรได้บ้าง ในเมื่อเจ้าตัวกลับไม่อยู่ให้เขาบอกคำนั้นแม้เพียงนิด

“อ๋อ เจ้าเพื่อนสนิทแกน่ะหรอ เหอะ”คุณนายยิ้มเยาะมองลูกชายตัวเองอย่างหยามเหยียด

“แม่รู้ได้ยังไง ?”สัญชาตญาณของคนเป็นลูกเริ่มจะกระตุกเมื่อแม่พูดแบบนั้น

“ฉันไม่ใช่แค่รู้หรอกนะ เพราะฉันนี่แหละที่เป็นคนกำจัดมันออกจากชีวิตของแกเอง”คราวนั้นแหละ ร่างทั้งร่างกลับแข็งทื่อ แต่ดูเหมือนคนเป็นแม่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเดินเข้ามาลูบหัวลูบหางอย่างปกติ

“...”ไม่จริง...เขาได้แต่โกหกตัวเองแบบนั้น แม้นั่นจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม

“ลูกไม่ต้องห่วงหรอกนะ เพราะแม่เข้าใจ ลูกอาจจะสนิทมากเกินไปเลยรู้สึกผิดปกติ แต่ตอนนี้ลูกสบายใจได้แล้วหล่ะ เพราะแม่จัดการไว้หมดแล้ว...คราวนี้ลูกก็จะสามารถแต่งงานมีลูกได้แบบคนทั่วไปยังไงล่ะ ?”คนเป็นแม่กอดปลอบลูกที่นิ่งสนิทไร้อารมณ์ จนสมองเริ่มกลับมาประมวลผล ผลักคนเป็นแม่ออกอย่างแรงและตวาดลั่น

“แม่ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ! รู้มั้ยว่าผมเสียใจขนาดไหน ! ตั้งแต่เกิดมา...ผมอนุญาตให้แม่บงการชีวิตของผมมาตลอด แม่อยากให้ผมเรียนอะไรผมก็เรียน กีต้าร์เอย เปียโนเอย แม่อยากให้ผมว่ายน้ำ ผมก็ตั้งใจเรียน แม่อยากให้ผมเข้าคณะบริหาร ผมก็มาทั้งๆ ที่อยากเข้าหมอใจจะขาด แค่นี้มันยังไม่พอใจคุณนา...”เขาพูดไม่ทันจบ มือที่เคยโอบกอดเขาเมื่อครู่ก็ตวัดลงบนซีกใบหน้าคมทันที

เพี้ยะ

“แกไม่มีสิทธิมาหยาบคายกับฉันแบบนี้ ! ฉันเกิดแกมา ดูแลเลี้ยงดูมาอย่างดีตลอด ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้แกสบายและมีความสุข แกต้องตอบแทนบุญคุณฉัน !!!”คนเป็นแม่พูดพร้อมน้ำตาที่กำลังอาบหน้า แต่คงไม่เจ็บปวดเท่าคนเป็นลูกหรอก

“แม่แน่ใจหรอครับว่าทำทุกอย่างเพื่อผม...หึ ผมว่าเพื่อตัวแม่เองตังหากล่ะ ทุกอย่างที่แม่สอน ก็เพราะตอนเด็กแม่อยากทำแต่แม่ไม่มีโอกาสทั้งนั้น มันก็เลยกลายเป็นฝันเล็กๆ ที่ต้องโยนมาให้เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรอย่างผมรับกรรม ผมไม่เคยชอบในสิ่งที่แม่ทำมันเลยสักอย่าง ไม่เคยเลย !”ทั้งที่เป็นเด็กดีมาตลอด เขาเลยอดกลั้นเพียงเพราะเรื่องนี้จึงตวาดคนเป็นแม่ ระบายทุกอย่างอย่างหมดการอดทน

“อาร์ท...”คนเป็นแม่น้ำตาอาบหน้า เรียกชื่อลูกน้ำเสียงแผ่วเบา
“เรียกผมทำไมครับ อยากจะสั่งอะไรผมอีกมั้ยล่ะ ? คราวนี้ผมพร้อมเป็นควายให้แม่จูงเต็มที่แล้วนะ อ้อ แต่จะบอกอะไรให้นะครับว่า...ผมอาจจะฆ่าตัวตายเพราะความบ้าอำนาจของคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่บังเกิดเกล้าก็ได้”แววตาแข็งกร้าวสั่นไหวจนใจแม่เจ็บปวดแทน

“แม่ครับ ผมจะเล่าอะไรให้ฟังนะครับ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกตีกรอบมาตั้งแต่เด็ก ถูกบังคับให้ตามใจคนที่ให้กำเนิดมาตั้งแต่เกิด เขามีเพียงเงินทองตอบแทนที่เขาไม่เคยอยากได้...ฮึก เขาแค่ต้องการคนดูแลเหมือนพ่อแม่คนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้อย่างใจหวัง เขาขอให้แม่มากินข้าวเป็นเพื่อน แม่ก็จะติดประชุมตลอด จนวันหนึ่งโลกของเขามันถูกเติมเต็มจากเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่ใสสะอาดเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ เด็กคนนั้นไม่เคยมองในสิ่งที่ผมมี เขามองช่องโหว่ในสิ่งที่ผมขาด และเข้ามาเติมเต็มส่วนนั้น จนความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป แล้วสุดท้ายเป็นไงรู้มั้ยครับแม่...”

“พอแล้ว...แม่ไม่อยากฟัง”คนเป็นแม่ยกมืออุดหูทั้งสองข้างตัดประสาทสัมผัสการได้ยินทันที

“ฟังสักหน่อยสิครับ ใกล้จบแล้วเนี่ย...อ่ะ ต่อนะครับ คนที่เขาเรียกว่าแม่ ทำให้เขาทั้งสองพลัดพรากจากกันตั้งแต่ไม่ได้บอกความรู้สึกกันเลย แม่ว่าสุดท้ายเรื่องมันควรจะจบยังไงดีครับ”

“ไม่รู้...ฉันไม่รู้”

“อา แม่ต้องทราบสิครับ เพราะแม่เป็นคนกำหนดมันเลยนะ”

“ฮึก แม่ขอโทษ...”

“หรอครับ งั้นแม่บอกผมหน่อยได้มั้ยครับ ว่าเขาอยู่ที่ไหน...”

“ได้ๆ แม่ยอมแล้ว แม่ไม่บังคับอะไรลูกอีกแล้ว แม่ขอโทษนะ แม่ขอโทษ”คนเป็นแม่น้ำตาแทบหลั่งเป็นสายเลือด วิ่งโผเข้ากอดลูกรักที่เขาเคยทำร้ายเอาไว้มาก ที่เขาพูดมันถูกทั้งหมด เขาไม่ควรจะทำแบบนี้เลย เขาไม่น่าเลยจริงๆ

“ไม่เป็นไรครับแม่...แค่บอกที่อยู่ผมมาก็พอ”หลังจากทราบที่อยู่ เขาก็ไม่รีรอที่จะตามหาอีกคน อีกคนป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนที่รู้เขาแทบทรุดลงกับพื้น แต่เขามีสิ่งที่ต้องทำ เขารีบไปหาอีกคนทันที ทุกเวลาทุกนาทีมันวิเศษที่สุดสำหรับเขา เขาอยากเป็นเพื่อนกับโดราเอม่อน ขอของวิเศษให้อีกคนยังรอเขาเหมือนที่เขารอวันนี้...วันที่จะบอกความจริง

แต่ชีวิตสุดท้ายมันก็ไม่ได้ง่ายอะไรเลย เมื่อมาถึงแล้วยังต้องตรวจบัตรอะไรบ้าบอคอแตก เขาจึงเสียเวลาไปเป็นค่อนชั่วโมงเพื่อตอกบัตรของทางโรงพยาบาล พอขึ้นมาด้านบน พยาบาลก็ไม่ให้เข้าห้องเสียอีก...

“ห้ามเข้าค่ะ เป็นกฎของทางโรงพยาบาล”พยาบาลตรงหน้าผมน่าจะอยู่ในช่วงวัยกลางคน เธอมองผมเหมือนรู้จักกันมาก่อน แต่กฎนี้น่าจะไม่มีนะ

“กฎบ้าบออะไรผมไม่สนทั้งนั้น ผมจะมาหาเขา...”ผมจะก้าวเข้าห้องไป แต่เขาไวกว่าเข้ามาหลบ

“เชื่อดิฉันเถอะนะคะ เราให้เข้าไปไม่ได้จริงๆ”

“บอกเหตุผลผมมาก่อนสิ แล้วผมจะพยายามเข้าใจ”

“เพราะน้าอยากให้เขาลืมคุณแล้วไปอย่างสงบไงล่ะคะ !”เธอตวาดผมเหมือนพูดกับคนไม่รู้ความ

“เขา...ทำไมนะ”เมื่อฟังคำนั้น หัวของเขาก็หมุนติ้วทันตา แต่เขาก็ประคองสติเพื่อจะเข้าไปหาอีกคนก่อน เขายังเป็นลมไม่ได้

“เชื่อน้าเถอะนะ น้าไม่อยากให้หลานน้าเสียใจอีกแล้ว คุณก็น่าจะรู้ดีนะ ว่าหลานน้ามันบอบบางขนาดไหน เขากำลังลืมคุณได้แล้ว ดังนั้น...กลับไปซะเถอะ”เธอพูดอย่างจนใจ

“แต่...”

“ไม่ต้องแต่กลับไป ก่อนที่น้าจะเรียกรปภ.”

“ผมขออยู่หน้าห้องได้มั้ย ก่อนที่เขาจะ...จะไป”ผมพูดวิงวอนครั้งสุดท้าย เหลือบมองผ่านช่องสีขาวเข้าไปเห็นเตียงคนไข้สีขาวที่เขานอนหลับอยู่พร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ ที่มีสายระโยงระยางเต็มไปหมดก็อดใจหายไม่ได้

“ได้ค่ะ แค่นี้นะคะ น้าต้องไปหาหลานของน้าแล้ว”เมื่อเขาเดินเข้าห้องไป อีกคนก็ตื่นขึ้นมาและยิ้มให้ แม้จะไม่สดใสดังเดิม แต่ก็พอให้คนที่เป็นน้าใจชื้นบ้าง

ผมไม่ได้ยินบทสนทนา แต่ผมไม่ไหวแล้ว ผมตัดสินใจผลักประตูเข้าไปวิ่งไปที่เตียงโดยที่ไม่สนใจคนที่กำลังจะเข้ามาลากตัวเลบแม้แต่น้อย ผมต้องพูดกับเขาให้ได้ และผม...จะไปเอง

“จะทิ้งกันอีกแล้วหรอ...”ผมพูดขึ้นมาพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลหน้า

“ฮึก”ร่างเล็กทำหน้าไม่เชื่อระคนตกใจชั่วครู่ จากนั้นก็ร้องไห้

“อย่าร้องไห้นะครับ คนดี อย่าร้องเลย”ผมค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาบนหน้าหวานอย่างค่อยๆ พยายามให้เขาเจ็บน้อยที่สุด

“...รักนะ”เขาบอกผมทั้งน้ำตา ผมจึงไม่รีรอก้มลงไปกอดเขาทันที

“รักเหมือนกัน กูรักมึงนะ อย่าจากกูไปเลยนะ ฮือออ”ผมมีความสุขที่สุด แต่เมื่อคิดได้ว่าสุขได้ไม่นานก็ร้องไห้โฮกับชุดสีฟ้านั่น จับมืออีกคนแนบกาย แม้เรี่ยวแรงที่บีบตอบกลับมาจะเบาบางก็ตามที แม้ร่างกายจะมีลมหายใจที่รวยรินเหลือเกิน แต่เขาก็ขอพูดมันออกมา และเขาทำสำเร็จแล้ว...

“ถ้าชาติหน้ามีจริง เราจะเจอกันนะ สัญญาสิ”

“สัญ...ญา”ผมพูดครั้งสุดท้ายพร้อมกับมือที่ทิ้งลงข้างเตียงและลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ผมฝืนเอาไว้

เปรี้ยง

พร้อมเสียงฟ้าผ่าเป็นพยานระหว่างเราสองคน

ปัจจุบัน

“เป็นไงนิทานเรื่องนี้...มันคุ้นๆ มั้ย”ผมถามอีกคนเสียงแผ่วเบา อีกคนก้มหน้าจิกมือตัวเองแน่นสะอื้นจนผมได้ยินด้วยซ้ำ ผมค่อยๆ ช้อนหน้าหวานให้เงยสบตา ใบหน้าที่ผมหลงใหลมีคราบน้ำตาติดเต็มหน้าจนทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน เขาเองก็ร้องไห้เหมือนกัน แต่อีกคนก็คงมองไม่เห็นหรอก น้ำตานองขนาดนั้น ฮ่ะๆ

เขาก้มลงช้าๆ เป้าหมายคือริมฝีปากอมชมพูสีสวยนั่น อีกคนพร้อมรับสัมผัสแต่โดยดี หลับตาพริ้ม เมื่อริมฝีปากสัมผัสกัน มันไม่ใช่แค่เรื่องอย่างว่า จูบในครั้งนี้มันคือการปลอบประโลมซึ่งกันและกัน มันคือความรักที่ผมมี และพร้อมมอบมันให้กับอีกคน

ผมค่อยๆ ละเลียดชิมริมฝีปากเล็กบางนั่นทีละน้อย อีกคนนั่งนิ่ง บางครั้งก็เผลอจูบตอบกลับมา แม้จะเป็นสัมผัสที่เงอะงะ แต่ผมกลับรู้สึกดีที่สุดตั้งแต่เคยจูบมา มันทำให้ผมเย็นฉ่ำไปทั้งใจและรู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจในเวลาเดียวกัน

จากการกดปากเบาๆ ก็เริ่มเห็นแก่ตัวมากขึ้นไปอีก ค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นเลียกลีบปากบางจนอีกคนร้องออกมา เขาไม่รีรอเมื่ออีกคนอ้าปากน้อยๆ รอคอยเขาสัมผัส ค่อยๆ เกี่ยวปลายลิ้นเขากับอีกคนทันที แม้คราวแรกจะหลีกหนี แต่เมื่อไร้ประโยชน์ก็เริ่มจูบตอบกลับมาอย่างเผลอไผล ผมค่อยๆ ชิมไปทั่วทั้งริมฝีปาก ทั้งฟัน เหงือ กระพุ้งแก้ม ไม่มีที่ใดที่ผมไม่สัมผัสมัน จนอีกคนร้องประท้วงขอหายใจผมจึงผละออกมาอย่างน่าเสียดาย

อีกคนน่าขึ้นสีเมื่อสำนึกได้ว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น เขาเองก็ไม่คิดแก้ตัว และปล่อยมันไป เขาจึงจับมืออีกคนเบาๆ แต่ดูเหมือนสติยังไม่ค่อยครบจึงสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ชักมือเล็กกลับไป

“มิกซ์...”เขาเรียกชื่ออีกคนแผ่วเบา

“อืม วะ...ว่าไง”

“เรามาคบกันจริงๆ สักทีนะ”อีกคนมองผมอย่างไม่เชื่อสายตา

“อาร์ท มะ...หมายความว่าไง”

“ก็หมายความว่า...เป็นแฟนกับผมนะครับ”ผมส่งรอยยิ้มทรงสเน่ห์ที่พิฆาตได้ทุกรายกลับไป เพียงแต่เพิ่มความรู้สึกอบอุ่น อยากรัก อยากปกป้องและดูแลเข้าไปด้วย อีกคนถึงก้มหน้างุดอย่างน่าเอ็นดูขนาดนี้

แถมใบหน้ายังแดงเหมือนมะเขือเทศอีกด้วย

“อ่ะ...อื้ม”ไม่นานนักเสียงหวานก็ตอบกลับมาพร้อมพยักหน้าเบาๆ

“ห้ะ...อะไรนะ ไม่ค่อยได้ยินเลย”

“อย่ากวนหน่า...ไม่มีแรง...แล้ว”อีกคนพูดผมถึงนึกขึ้นได้ว่าอีกคนไม่สบาย แถมอาการยังไม่ดี แล้วนี่ผมมาสูบแรงเขาเพิ่มอีก จึงให้เขาล้มตัวนอนอีกครั้ง แล้วผมก็นั่งมองอีกคนไปอีกคราอย่างเฉกเช่นทุกวัน...

ผมจะดูแลเอง...ผมสัญญา

คำสัญญานี้เขาจะทำมันเองด้วยหัวใจที่เขามี...



TBC

แบร่ เค้ามาเเย้ววว ขอโทษที่หายไปหลายวันน้า ฝากติดตามด้วยน้า ฝากคอมเมนท์ติชมหรือให้กำลังใจเค้าด้วยน้า สุดท้ายนี้ก็รักรีดทุกคนนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ทำไมมันเศร้าจังTT

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 11
ใน...เมคเลิฟ

อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่ ที่สดใสยิ่งกว่าเมื่อวาน ทุกอย่างมันเริ่มจะดีขึ้นเรื่อยๆ อีกคนมีเรี่ยวแรงมากขึ้น ใบหน้าหวานมีเลือดฝาดพอประมาณประปราย ทำให้คนอย่างผมใจชื้นขึ้นมานิด

อีกคนเริ่มมีแววตาที่สดใสจริงๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว อย่างคนไร้ทุกข์

น่าแปลกที่เมื่อคืนผมฝันแปลก...แปลกมากจริงๆ

ผมฝันว่าเห็นผู้ชายใบหน้าคมรูปร่างสูง จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มดกดำ ปากสีน้ำตาลอ่อนๆ อย่างคนที่สูบบุหรี่ ที่สำคัญที่สุด...

ทุกอย่างมันเหมือนกับผม

ทุกอย่างที่เป็นโครงสร้างของมนุษย์มันบอกผมว่ามันคือผม แต่มีอีกอย่างที่ผมสงสัย คือผมยืนอยู่ตรงนี้แถมไม่ได้ส่องกระจกแต่อย่างใด เพราะผมมองดีๆ แล้ว อีกคนก็ไม่ได้เหมือนผมไปทั้งหมดหรอก เพราะผมที่ไม่ได้เซ็ทนั่นผมไม่เคยมี แถมสีน้ำตาลอ่อนๆ นั่นด้วยผมก็ไม่เคยย้อม แล้วนั่นใคร...?

คำถามที่ทำให้คิ้วผมขมวดมุ่นอย่างนึกสงสัย และอีกคนก็คลายข้อสงสัยในวินาทีต่อมา โดยที่ผมยังไม่ได้ปริปากอะไรเลยด้วยซ้ำ

"ฉันก็คือนาย...ไม่ต้องตกใจ ฉันไม่ใช่นายหรอก"คือผม แต่ไม่ใช่ผม ? นี่มันอะไรกันเนี่ย

"คือ...ฉันเป็นนายในชาติก่อน ที่ไม่สมหวังในรักกับเพื่อนของนาย ที่ทำให้นายต้องฝันร้ายก็เพราะฉันเองนั่นเเหละ เพราะชะตามันกำหนดไว้แล้ว แต่ว่ามันเปลี่ยนไปเพราะนายสองคนบอกความรู้สึกกันก่อนที่มันจะสายเกินไป นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่ที่ฉันมาเข้าฝันนายวันนี้แค่อยากจะบอกนายว่า..."

"..."

"...ดูแลแฟนนายดีๆ นะ อย่าปล่อยปละละเลยเขาเหมือนที่เคยทำให้เขาเสียใจ รักเขาให้มากๆ เพราะเราไม่รู้อนาคตว่ามันจะไปทิศทางไหน แค่รักและทะนุถนอมเขาอย่างดีที่สุดที่นายทำได้ก็พอ...โชคดี"แล้วจู่ๆ หมอกควันที่มาจากไหนไม่รู้ก็ปกคลุมไปทั่วพื้นที่อย่างที่เมื่อกี้ไม่มี แม้อีกคนจะโกหกเขาว่าเป็นเขาในชาติก่อนหรืออะไรก็ตาม แต่เขาก็นึกขอบคุณที่อีกคนมาเตือนสติเขาก่อนจะไป และเขาก็อยากบอกอีกคนว่า...

"ถึงไม่บอกก็ทำอยู่แล้วโว้ยยย!!!"แน่ละ เขาก็รักของเขานะเฟ้ย ไม่ยอมให้ที่รักของเขาต้องไปเจ็บช้ำน้ำใจเพราะเขาหรือเพราะใครอีกแล้ว เขาจะพยายามทำให้ได้...เขาสัญญา

ปัจจุบัน

แม้ความฝันนี้มันจะเป็นความจริงที่ผมเคยเป็นจริงๆ หรือไม่ แต่มันก็ทำให้ผมสำนึกได้ว่ามันคือสิ่งที่ผมจะต้องทำจริงๆ

ยังไงก็ขอบคุณล่ะกันนะ

ผมยิ้มให้กับสายลมหนาวยามเช้า อากาศเย็นๆ ที่สบายน่านอน เหมาะแก่การพักผ่อนที่สุด

ร่างเล็กในอ้อมกอดซุกเข้าหาความอบอุ่นในอกของผมอย่างทุกวัน หลังจากวันนั้นอาการเขาก็เริ่มดีขึ้นนิดหน่อย เขางอแงจะกลับบ้านเพราะไม่ชอบโรงพยาบาล แล้วผมจะทำอะไรได้...ก็ยอมไปดิ

เอ้า ก็รักของผมนี่นา ไม่ยอมเขาแล้วจะไปยอมใครล่ะ ?

ผมลูบหัวทุยๆ อย่างเเผ่วเบาอย่างที่กลัวอีกคนจะตื่นจากการหลับไหล อีกคนครางออกมาเบาๆ อย่างพอใจแล้วก็กอดผมแน่นกว่าเดิม

มือของผมข้างหนึ่งใช้เป็นหมอนให้อีกคนหนุนเอาไว้แทน ส่วนอีกข้างก็ลูบหัวเบาๆ อย่างปลอบประโลม เพราะผมไม่รู้อนาคต แต่ผมจะทำในสิ่งที่คนรักกันนั้นควรจะทำ

ดวงอาทิตย์ฉายแสงยามเช้าทำให้ผมตื่นจากการพักผ่อน มองอีกคนที่ไม่แม้จะรู้สึกตัว สงสัยจะเพลียเพราะพิษยา ผมนอนมองใบหน้าที่เหมาะกับเพศหญิงมากกว่าชาย เพราะใบหน้าที่สวยหวานใสและสะอาด จมูกที่ดูรั้น กับปากสีชมพูบางๆ นั่นมันทำให้หน้าตาอีกคนจิ้มลิ้มและน่ารักกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก แต่ไม่ว่าอีกคนจะเพศอะไร เขาก็รักของเขาอยู่ดี

"อือออ~~~"ร่างเล็กครางเบาๆ ยามตื่นจากนิทรา คิ้วสวยขมวดมุ่นเล็กน้อยอย่างงงงวย ปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด ลืมอีกแล้วสิท่าว่ากลับมาที่คอนโดแล้วน่ะ

"ตื่นแล้วหรอครับ คุณแฟน"ผมยิ้มหวานทักอกีคนไป เขาก็เพิ่งรู้สึกตัวผละออกจากอกผม ใบหูสีขาวตอนแรกขึ้นสีน้อยๆ อย่างน่าเอ็นดู นี่ขนาดไม่ได้กอดอยู่นะใจยังเต้นแรงจนผมได้ยินเลยเนี่ย

"///"

"หน้าแดงนะ รู้ตัวป่าว ?"ผมเขี่ยแก้มใสเบาๆ อย่างหยอกล้อ ส่งสายตาที่เจ้าเล่ห์ไปให้  อีกคนหลบสายตาแล้วมุดเข้ากอดผมทันที

"หึหึ"ผมหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้แกล้งอะไรต่ออีก ไม่ดีๆ ถ้าแกล้งมากๆ เนี่ยเดี๋ยวอีกคนจะเป็นโรคแทรกซ้อนเอาได้...

โรคหัวใจอ่ะนะ

"มอ...ฟ...แฟน"เสียงเล็กดังอู้อี้อยู่ที่อกผม ผมได้ยินไม่ถนัดจึงถามออกไปอีกครั้ง

"ว่าไงนะครับ ?"และถ้าผมเห็นไม่ผิดอ่ะนะ เมื่อกี้ผมเห็นหูที่เเดงกว่าเดิมซะด้วย

"....แฟน"

"อะไรนะ ?"ผมถามใหม่

"งืัอออ ไม่เอาแล้ว"อีกคนอู้อี้กว่าเดิมแถมยังสะบัดหน้าแรงๆ กับเสื้อของผมอีกต่างหาก

ผมที่ไม่อยากแกล้งเขา ? ก็จับอีกคนขึ้นมามองหน้ากันแล้วถามอีกครั้ง

"เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ ?"

"เอ่อ...มะ...ไม่มีอะไร"อีกคนเสหลบตาที่ผมรู้ว่าผิดปกติ

"ไม่มีได้ยังไง ก็เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยเนี่ย บอกใหม่นะครับ เมื่อกี้เราไม่ได้ยิน"

"งือออ แกล้งเราใช่มั้ยเนี่ย ?"อีกคนร้องอย่างงอนๆ แก้มอ้วนๆ นั่นป่องน้อยๆ และก็...ช้อนตา

ดวงตากลมโตที่เมื่อมองทีไร ก็สะกดผมหรือใครให้เข้าไปอยู่ในภวังค์อย่างง่ายดายกำลังช้อนมองผมด้วยสายตาอ้อนๆ

มันช่างน่าฟัดเสียจริงๆ ให้ตาย

แถมช่วงเช้าธงชาติมันก็ต้องขึ้นสู่ยอดเสาอยู่เเล้ว แม่ง เล่นงี้เลยหรอ

"มะ...มอนิ่งนะครับ...คุณ...คุณแฟน"อีกคนพูดตะกุกตะกักแต่ผมก็ตั้งใจฟังมันอย่างดี

จู่ๆ ก้อนเนื้อในอกกลับสั่นไหวอย่างรุนแรงที่สุดทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งอีกคนเขินเท่าไหร่ ผมยิ่งคิดอกุศลได้มากขึ้นเท่านั้น ความชั่วเริ่มครอบงำจิตใจ ด้านมืดปกคลุมจนสติด้านดีเเทบไม่หลงเหลือ

"อือออ"รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกคนครางออกมาอย่างขาดอากาศหายใจไปเสียแล้ว

ผมผละออกมาหน่อยๆ มองร่างเล็กที่ตาขวาง กอบโกยอากาศหายใจเข้าปอด เมื่อได้อากาศเพียงพอกำลังจะอ้าปากด่าผมก็ประกบจูบเข้าไปอีกครั้ง

"อื้อออ"คราวนี้ผมจูบไม่นาน แม้ว่าจริงๆ แล้วอยากจะบดขี้ให้แหลกสลาย แต่ทำไม่ได้ เพราะผมอยากให้มันมาจากความเต็มใจของเขาด้วย

"ขอนะ"ผมกระซิบหูอีกคนแผ่วเบา คราวนี้เหลือแค่เขาอนุญาตเท่านั้น ผมก็เริ่มได้ทันที

"อะ...เอ่อ"อีกคนอึกอัก ใบหน้าร้อนผ่าว สบสายตาผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในนั้นมีทั้งความไม่แน่ใจและความกังวลอยู่ด้วย

"ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ เราไม่อยากให้มิกซ์ฝืนตัวเองนะ"ผมลูบผมอีกคนเบาๆ อีกคนเงียบไปอึดใจจนสุดท้ายก็...ส่ายหน้า

ตอนแรกก็อยากรอให้เขาเต็มใจอ่ะนะ แต่มันก็อยากแล้วอ่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมยอมทุกอย่างได้เพื่อเขา

"โอเคครับ ไม่เป็นไรนะ งั้นขอเข้าห้องน้ำเเป๊บนึงนะครับ"ผมยกยิ้มบางๆ แล้วหอมหน้าผากเขา หวังจะลุกขึ้น แต่มือเล็กก็กอดผมแน่นจากนั้นก็ทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็คือ...จูบผมก่อน

ในทุกครั้ง ผมจะต้องเป็นคนที่เริ่ม และต้องบังคับตัวเองให้หยุดให้ได้ แม้ใจจะเขวไปบ้างก็ตามทีแต่สุดท้ายมันกลับขาดผึงเพียงรสจูบของอีกคนก็วันนี้

จูบหวานๆ ที่ค่อยๆ เพิ่มระดับความร้อนขึ้นเรื่อยๆ ที่อีกคนสะเปะสะปะเเต่ก็พยายามนั้น มันทำให้ผมเเทบบ้า ผมจับไหล่อีกคนออกมาก่อน เพราะผมไม่อยากฝืนใจ ผมจะต้องถามก่อนให้รู้เรื่อง

"มิกซ์...แน่ใจนะ ?"

"...ทำเบาๆ นะ"คำอนุญาตมาพร้อมกับใบหน้าแดงๆ นั่นทำให้ผมยิ้มกว้างทันที ผมจะต้องเบามือที่สุด เพราะผมจะต้องทะนุถนอมอีกคนให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าอีกคนเจ็บ ผมก็คงเจ็บกว่าเป็นเท่าตัว

"ครับ จะเบาๆ นะ"ผมละเลงจูบอีกคนเบาๆ ค่อยๆ เพิ่มเลเวลจนอีกคนครางออกมา เมื่อเริ่มเป็นงานก็เริ่มหายใจทางจมูกได้ ผมค่อยๆ ลูบมือไปตามสีข้างของคนตัวเล็ก ผิวที่เนียนนุ่มน่าสัมผัสนั่นน่าแต่งแต้มรอยสีกุหลาบเสียจริงๆ

ผมถอนริมฝีปากออกมาอย่างน่าเสียดาย เป้าหมายต่อไปคือซอกคออันยั่วยวนสายตา ที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าโคตรหวานเลย

"อ้ะ จะ...เจ็บ อืมมม"อีกคนครางออกมาเมื่อผมเม้มริมฝีปากลงไปรอยสีกุหลาบที่ผมสร้างมันขึ้นช่างเข้ากับสีผิวของอีกคนนัก ผมชื่นชมผลงานของตัวเอง พลางถอดเสื้อตัวโคร่งที่ขยับทีเห็นไปถึงเนื้อใน ที่หวานใสเป็นผลไม้สุกงอม ผิวขาวสะท้อนกับแสงไฟ ยิ่งขับให้ขาวขึ้นไปอีก ผมค่อยๆ เม้มปากลงมาเรื่อยๆ จนถึงไหปลาร้าที่เรียงตัวสวย ทุกเส้นที่ลากผ่านก็จะสร้างร่องรอยเอาไว้ ว่าตรงนี้เป็นของผม ตรงนั้นก็ด้วย ทุกอย่างมันเป็นของผม

"อ๊าาา"อีกคนครางเสียงหวานเมื่อผมครอบปากไปบนจุดตรงสองจุดบนลำตัวที่เเข็งชูชันจะจากความเย็นจากเครื่องปรับอากาศและแรงอารมณ์อีกคนดิ้นหนีน้อยๆ อย่างรู้สึกเสียดเสียว แต่ไม่นานเเรงที่ดิ้นหนีนั้นกลับค่อยๆ เคลื่อนหาผมโดยไม่รู้ตัว ผมแทบบ้ากับอาการเหล่านั้นจึงช่วยอีกคนอย่างเต็มที่ 

มืออีกข้างช่วยประสานกันอย่างพร้อมเพรียงสะกิดตุ่มไตนั่นเบาๆ จนอีกคนยกตัวเข้าหาผมให้ผมกินง่ายขึ้น เสียงครางหวานยังขึ้นเป็นระลอก เมื่อผมละออกมาก็มองตุ่มไตที่ชุ่มจากน้ำลายผม ค่อยๆ เม้มปากลากผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงสะดือ ใช้ลิ้นแยงรูเล็กๆ นั่นเบาๆ จนอีกคนผวาเฮือก ใบหน้าหวานเหยเกราวกับเจ็บปวดแต่ก็สุขสม ผมใช้ช่วงที่อีกคนสติไม่เต็มดีถอดกางเกงนอนนั้นออกอย่างง่ายดาย

ร่างบางที่เปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตาผม นอนระทวยหอบหายใจแรงจนหนเาอกกระเพื่อม ผมค่อยๆ จับมิกซ์ของอีกคนเอาไว้ พร้อมรูดขึ้นลงเบาๆ

"อ่ะ...อาา"อีกคนครางเสียงหวาน และใช้สองมือปิดปากตัวเองเอาไว้เพราะกลัวอาย

"อย่าปิดปากสิ เราอยากฟังเสียงหวานๆ ของมิกซ์นะครับ"ผมจุมพิตที่มือนิ่มเเผ่วเบาแล้วค่อยๆ จับมันออก อีกคนร้องงอแงแต่คราวนี้ผมไม่ยอม ก็ผมอยากฟังเสียงหวานๆ นั่นจะตายอยู่แล้ว แล้วลูกรักของผมมันก็พร้อมมากแล้วด้วย อยากเข้าไปใจจะขาด แต่ติดที่อีกคนยังไม่พร้อม

"อือ...อ่ะ...อ่าาาา"ผมเร่งมือเมื่อท่อนเล็กในมือเริ่มขยายใหญ่และเเข็งตัวมากขึ้น เสียงหวานครางอย่างยั่วยวนจนผมชักอยากช่วยให้เขาสุขสมมากกว่านี้

"อ่ะ...อ๊าาา"อีกคนครางเสียงดังเมื่อผมครอบปากลงไปจนหมด ผมไม่เคยทำให้ใคร แต่อีกคนได้รับมันอย่างที่ผมไม่รังเกียจสักนิด มือหนาค่อยๆ เอื้อมไปคลึงตุ่มไตกลางลำตัวไปด้วย

"มะ...มันสกปรก...อ๊าส์ อะ...ออกมา...อึก"อีกคนทำหน้ากลั้นสุดใจอย่างคนใกล้จะเสร็จ แม้จะพยายามขนาดไหน ก็ยังมีน้ำหวานให้ผมชิมอีกเรื่อยๆ อยู่ดี

ผมเร่งปาก เร่งมือให้เร็วยิ่งขึ้น ผมรู้ว่าอีกคนไม่อยากปล่อยในปากของผม มันคงจะน่าอายน่าดูสำหรับเขา แต่ผมแค่อยากบอกเขาว่าไม่ว่าเขาจะคิดว่าสกปรกเเค่ไหน แต่ผมก็ยังรับเขาได้อยู่ดี

"อึก...อ๊าาา"สุดท้ายอีกคนก็ปล่อยออกมาเต็มปากผมจนล้นออกมาด้านนอก ผมคายน้ำรักที่หวานๆ นั่นออกมานิดหน่อย ค่อยๆ ละเลงบนนิ้วกลางและหมุนวนที่ช่องทางรักอย่างเบามือที่สุด

"อืออ"อีกคนครางน้อยๆ อย่างหมดเเรง ยกมือปิดหน้าที่แดงเถือกด้วยความอาย

"ขอ...ขอโทษ"

"ไม่ต้องขอโทษนะครับ อาร์ทไม่เคยรังเกียจมิกซ์เลยนะครับ จุ้บ"ผมจุ้บที่ฝ่ามือแผ่วเบาอีกคนจึงค่อยๆ เอามือออก ผมยิ้มบางๆ ที่อีกคนน่ารักขนาดนี้

"จะ...เจ็บมากมั้ย ?"อีกคนถาม แววตาดูกังวลไปหมด มองนิ้วผมที่หมุนวนรอบๆ ช่องทางอย่างเบามือ

"มากครับ...แต่เราจะอ่อนโยนที่สุดนะ"ผมยิ้มพร้อมจูบปากอีกคนอีกครั้งเพื่อให้เขาลืมความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น

นิ้วกลางค่อยๆ แทรกผ่านช่องทางรักอย่างเชื่องช้า แม้จะมีน้ำรักเป็นตัวช่วย แต่สัมผัสกลับรัดแน่นจนผมกัดกรามตัวเองแน่น สีหน้าเหยเกของอีกคนมันกำลังบ่งบอกว่าอีกคนเจ็บปวดแค่ไหน แต่ก็พยายามที่สุด

"โอเคมั้ย ?"ผมถามและจูบบนเปลือกตาที่มีน้ำตาซึมเล็กน้อยจากความเจ็บปวด

"อึดอัด...นิดหน่อย"อีกคนพูด

"ไม่เป็นไรนะครับ อย่าเกร็งก็พอ เราไม่อยากให้เจ็บนะ"

"อือออ"อีกคนร้องครางเบาๆ เมื่อนิ้วที่แทรกเข้าไปนั้นหมุนวนภายในช้าๆ การปลดปล่อยครั้งเเรกเริ่มไม่เป็นผลเพราะอีกคนเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง

นิ้วกลางนั้นเคลื่อนที่ภายในอย่างหาจุดที่อีกคนจะต้องรู้สึกดี และไม่นานเขาก็ได้คำตอบเมื่อ...

"อ้าาา"

"หึหึ"ผมจงใจกระแทกจุดนั้นซ้ำๆ จนอีกคนผวากอดรอบคอผม ใบหน้าทรมานนั่นทำให้ผมอยากจะกลืนกินไปทั้งตัว

"จะใส่เพิ่มแล้วนะ"ผมบอกเสียงแหบพร่าเพราะกำลังควบคุมอารมณ์ภายใน ไม่ให้มันทำอะไรให้อีกคนต้องเจ็บ

"อ่ะ...อื้อ...ใส่เข้ามาเลย"

"...อึก"

สวบ สวบ สวบ

นิ้วร้อนทั้งสามนิ้วหมุนวนเคลื่อนที่ภายในช่องทางรัก เมื่ออีกคนดูพร้อมผมจึงยกสะโพกนั้นขึ้นนิดหน่อย ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกหมดและจ่ออาวุธไปที่ช่องทางทันที

"มะ...มันจะเข้ามาได้หรอ...ใหญ่ขนาดนั้น"อีกคนทำสีหน้าหวาดๆ พร้อมปิดตา เมื่อมองดูแก่นกายของผมก็แง้มนิ้วออกมาดู หึหึ น่ารักเหี้ยๆ เลยแม่ง

"ได้สิครับ เชื่อใจอาร์ทนะ"

"ครับ"อีกคนตอบรับผมจึงเสียบอาวุธเข้าช่องทางช้าๆ

ช่องทางรักดูดกลืนท่อนลำจนร้อนไปหมด มันแน่นมากตั้งแต่ผมเคยมีเซ็กส์มา มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าเราเป็นคนเเรกของเขาที่เขามอบใจให้ช่วงชิงสิ่งล้ำค่าที่เขามี หลักฐานก็คือรอยเลือดที่ไหลออกมาจากช่องทางนั่นแหละ

ผมก้มลงจูบปลอบประโลมอีกคนพร้อมเคลื่อนแก่นกายเข้าภายในช้าๆ มืออีกข้างก็ปรนเปรออีกคนอย่างหนักหน่วงทำให้ช่องทางเริ่มลดความเกร็งลงผมจึงเคลื่อนไปจนสุด

ความอุ่นร้อนแผ่ซ่านไปทั่ว ทั้งที่อากาศเย็นมากก็ตามทีแต่อุณหภูมิภายในกลับไม่ลดตาม มีแต่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน จนอีกคนหอบเหนื่อย ผมก็ค่อยๆ ขยับ

"อือ...อ่ะ...อ่า...อื้ออ...อี้"อีกคนครางเสียงหวานไม่เป็นจังหวะเมื่อระดับความเร็วเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

"เรียกชื่อ...อืม...อาร์ทหน่อยครับ...อึ่ก...มิกซ์"

"อะ...อาร์ท...อื้อ...ช้าๆ...หน่อย...อ้าาา"

"ไม่ไหว...อื้อ...อีกนิดนะ"

สวบ สวบ สวบ

เสียงเคลื่อนไหวเข้าหากันของคนสองคนดูหยาบโลนและลามกแต่ไม่มีใครสนใจ เสียงเตียงเสียดสีทำให้เสียงดังขึ้นไปอีก

"อ่ะ...จะ....จะไปแล้ว...อ๊าาส์"

"อื้ม...เหมือนกัน...อ่าาา"หยาดสีขาวขุ่นไหลย้อยตามเรียวขาเรียว และเปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอน อีกคนหลับไปทันทีหลังจากเสร็จภารกิจผมจึงทำความสะอาดแล้วล้มตัวลงนอนตาม

"ฝันดีนะครับที่รักของผม..."ผมบอกฝันดีหลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว บอกฝันดีแม้ตอนนี้จะไม่ถึงเที่ยงทีด้วยซ้ำและนอนกอดกันพร้อมหลับไหลไปด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง...

อ้ากกก เค้าแต่งncไม่ค่อยถนัดแต่ก็จะพยายามล่ะเนาะ แหะๆ. เค้าขอโต๊ดดด ช้ามากเลยสินะ แต่เค้ามีเหตุผลน้าาา เพราะเค้าไปสอบมา โคตรยากอ่านหนังสือก็หนัก แล้วพอสอบเสร็จก็เพลียที่นี้เลยพักก่อนวันนี้เลยมาลงให้ และจะพยายามมาอีกครั้งนะคะ ฝันดีเด้อ. สุดท้ายนี้ก็ฝากกดบวกพร้อมคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้คนเขียนตัวน้อยๆ ?คนนี้ด้วยนะคะ :jul1: :jul1: :haun4: :pighaun:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
สูญเสียเลือดกันทีเดียว

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนพิเศษปีใหม่

เนื้อหาตอนนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหานะคะ อาจจะไม่ได้เหมือนในเรื่อง แต่งเติมบางอย่างเข้าไป อย่าว่ากันนะ แต่งตอนนี้เพื่อขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรานะคะ รักกก

ผมรู้สึกกังวล...

เช้ารุ่งสางของวันสุดท้ายของปี ผมนอนเล่นบนเตียงสักพักคิดแพลนที่กำลังจะทำในคำคื่นนี้สำเร็จหมดแล้ว และเตรียมการหมดแล้วด้วย เหลือแต่มันจะเรียบร้อยมั้ย ก็เท่านั้นเอง

นั่นเป็นสิ่งที่ผมกังวลภายใน ผมกลัวว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ก่อนหน้า แล้วทุกอย่างมันจะตัลปัตรไปหมด แล้วผมจะต้องเสียดายวันนี้มากแน่ๆ เลย

เห้อออ ยากจัง ไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้เลยสิ ให้ตายเหอะ

ผมพลิกตัวนอนหงาย เอามือก่ายหน้าผาก คงามคิดความกลัวต่างๆ ตีกันไปมั่วในสมอง จนต้องขมวดคิ้วอย่างคนคิดมาก

แล้วจะไม่ให้คิดมากได้ยังไง ? ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เซอร์ไพรอีกคนเชียวนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด

สายตาหวานเหลือบมองกล่องใบใหญ่ที่บรรจุสิ่งของภายในเอาไว้อย่างลุ้นและตื่นเต้น ถ้าอีกคนรับไป แล้วจะชอบมั้ย ?  จะรู้สึกดีเหมือนกับเขาหรือเปล่า ?

งื้อออ ช่างมันก่อนนะ ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่า...

อีกคนไม่ว่าง

ก็พอจะรู้แหละว่าพอย่างเข้าปีสูงเรื่อยๆ มันก็คงจะหนักหน่อย งานเงินอะไรก็เยอะ ไหนจะงานกลุ่มไหนจะงานเดี่ยว พรีเซนต์อีกอ่ะ สอบย่อยก็ไม่ใช่น้อย ผมเองก็เข้าใจนะครับ ผมพยายามแล้วจริงๆ แต่ทำไม...มันก็อดน้อยใจไม่ได้อย่างนี้ล่ะครับ

ก็รู้นะครับ ว่าพอสถานะมันเปลี่ยนไป จากเพื่อนสนิทก็เลื่อนขั้นไปเป็นแฟนเนี่ย ก็สามารถทำอะไรได้ง่ายขึ้น จะงอนอะไรก็ได้ จะอ้อนให้อีกคนทำอะไรก็ได้ แต่ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น ผมกลัวอีกคนจะลำบาก รำคาญ จนพาลอึดอัดไปในที่สุด แล้วพอมันรวมกันมากๆ เนี่ย เค้าก็อาจจะบอกเลิกกับผมเลยก็ได้นะครับ...โหยยย ทำไมกูคิดมากงี้วะ.

ผมโอดครวญอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ช่างมัน ยังไม่ค่ำเลย (แค่สองทุ่มเอง --) เดี๋ยวอีกคนก็คงจะเคลียร์งานเสร็จแล้วคงจะมาหาผมเองล่ะมั้ง

อันที่จริงวันนี้ผมก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะครับ แค่กะจะเอาของที่เลือกไว้และทำให้ไปให้เขาก็เท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก แต่กะว่าจะนอนคุยเล่นกันจนถึงเช้าเลย โรเเมนติกดีออก อยู่เฉยๆ บนเตียงทั้งกอดกันแบบนั้น ไม่ต้องพูดจาสวยหรูจนเลี่ยน แต่ให้ความรักกันแบบนี้คงจะดีไม่น้อย

ถ้าได้ทำอ่ะนะ คิดมาถึงตรงนี้ใจดวงน้อยมันกับบีบรัดแปลกๆ เมื่อไหร่ที่เขาเอาแต่ใจขนาดนี้ เขานี่มันใช้ไม่ได้เลยจริงๆ สิ

เขาข่มตาลง ถึงจะไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่ก็ไม่เป็นไรนี่นา ปีหน้ายังมีนะ เทศกาลนี้ก็ไม่ได้มีแค่วันเดียวด้วยนี่นา ค่อยไปเที่ยวกันก็ได้ เขาพยายามฝืนยิ้ม แต่น้ำตากลับเอ่อจางๆ บนเปลือกตาทั้งที่หลับตาอยู่

........................... :mew6: :mew6: :mew6:

เขางัวเงียตื่นมา คนขี้เซาสะดุ้งรีบเร่งหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา

21.56

เห้อออ ยังไม่ถึงเวลาเลย ก็ยังดีที่ไม่นอนข้ามคืนนี่เนาะ

สายตาหวานจ้องมองข้อความเเจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาในโทรศัพท์อย่างรู้สึกวาบโหวง

น้อยใจไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะ

เขาปลดล็อคแล้วเข้าแอพพลิเคชั่นหนึ่ง เข้าห้องสนทนาที่อีกคนเริ่มบทสนทนาเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนทบทวนทุกอย่างแล้วจึงพิมพ์ออกไป

"งานยังไม่เสร็จเลยอ่ะ"

"ไม่รู้จะทำทันมั้ยด้วย..."

"อย่าโกรธเรานะครับ จะพยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุดเลย"

"แล้วจะไปหานะ"

"รักนะครับคนดีของผม"ผมยิ้มน้อยๆ กับความน่ารักของอีกคนตัดสินใจพิมพ์ตอบกลับไป

"อื้ม ไม่เป็นไรนี่นา เดี๋ยวค่อยไปเที่ยวกันใหม่ก็ได้นะ"แต่กลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าอีกคนทำงานอยู่ก็คงจะไม่ว่างอ่านเป็นแน่จึงกดโทรเบอร์คนสนิททันที

"...ครับ"รอเพียงไม่นานอีกคนก็รับสาย

"เอ่อ...งานยังไม่เสร็จเลยอ่ะ เดี๋ยวค่อยไปหานะ"

"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอกนา ไม่เป็นไร"ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะ แม้ใจจะไม่ได้หัวเราะด้วยก็ตามที

"ไม่ได้สิ งั้นเดี๋ยวขอไปทำงานก่อนนะ/เห้ยยย ไปกินข้าวกับกูป่าว/ไปเลยๆ ไม่หิวๆ/เออๆ...อ่า ถึงไหนแล้วนะ"

"กินข้าวยัง ?"

"เอ่อ กิน...ขนมแล้ว"อีกคนพูดเสียงอ่อย

"แค่นั้นมันจะไปพอได้ยังไงอ่ะ เห้อออ อยู่ไหน"

"เอ่อ...คอนโดxxxอ่ะ"

"โอเค เดี๋ยวไป"พูดจบก็รีบเร่งไปที่คอนโดดังกล่าวทันที  โดยไม่ได้สังเกตความผิดปกติเพียงนิดเดียว
ห้อง 2304

ผมเคาะประตูสองสามครั้ง แต่กลับไม่มีคนมาเปิด ผมจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปเองโดยพละการ อีกคนต้องอยู่ในห้องนี้ที่ไหนสักที่หนึ่ง ภายในห้องเงียบสงัด แถมยังมืดสนิท มองไม่เห็นแม้แต่ทางเดินเลยด้วยซ้ำ

ความสงสัยระคนแปลกใจเกิดขึ้นในอก สงสัยเพื่อนไปกินข้าวด้านนอกกันหมด แล้วปิดไฟทำไม ?

นี่คือสิ่งที่เขาไม่รู้ และยังไม่ได้คำตอบตอนนี้

เขาเดินเข้าไปเรื่อยๆ แสงไฟด้านนอกสว่างจางๆ เริ่มลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ร่างเล็กฝ่าความกลัวเดินเข้าไปลึกๆ เพราะคิดว่าต้องเจออีกคนแน่ๆ แต่แรงรัดจากด้านหลังกลับเกิดขึ้นเสียก่อน

อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นที่เขาไม่รับมาหลายวัน ทำให้บ่อน้ำตาภายในตีตื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาร้องไห้เงียบๆ กับอีกคน ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ เขาพลิกตัวกลับไปกอดตอบอีกคนด้วยความคิดถึง แรงสัมผัสบนหัวยังคงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกคนกลับมาแล้ว

ข้าวที่ซื้อมาหล่นไปตอนไหนไม่ทราบ เขาได้แต่ร้องไห้จนแทบขาดอากาศหายใจอยู่เช่นนั้นกับอกอีกคน แม้จะปลอบเขาเท่าไหร่แต่กลับไม่เป็นผล น้ำตาไหลลงดื้อๆ มาเรื่อยๆ ราวกับเขื่อนแตก ไม่นานนัก เขาก็เริ่มสงบลงพร้อมกับหลับไป

..............................................

"อือออ"แรงรัดจากเอวทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างสับสน มันโอบล้อมร่างกายเขาด้วยอีกคน เขาลืมตามองอีกคนผ่านแสงสว่างในห้อง ใต้ตาคมมีรอยหมองคล้ำ ที่คาดว่าเป็นเพราะไม่ได้นอนมาหลายคืนแน่นอน ความเป็นห่วงตีในใจ อีกคนเป็นถึงขนาดนี้แล้วเขายังต้องมาน้อยใจอะไรอีกนะ

เขาซุกอกอีกคนเงียบๆ อย่างไม่อยากรบกวนให้อีกคนตื่น แต่ก็คงสายไปเพราะอีกคนลืมตามองเขาแล้ว

"ตื่นแล้วหรอครับ"เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง อีกคนจะรู้บ้างมั้ย ว่าเขาคิดถึงมากแค่ไหน แต่ก็ต้องจำใจทำงานให้เสร็จก่อน ไม่งั้นก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกันเต็มที่ แล้วทีนี้คนที่จะงอแงก็คงจะเป็นเขาเองมากกว่า

"ครับ เหนื่อยมากมั้ย ?"

"ไม่เท่าไหร่หรอก ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปหาน่ะ"เขาพูดพร้อมจูบขมับคนรัก ดวงตาปรือปรอยด้วยความเมื่อยล้าจากการนั่งมองจอนานๆ แล้วพิมพ์งานอย่างติดต่อหลายวัน

"ไม่เป็นไรเลย แล้วนี่งานใกล้เสร็จยัง ? เราช่วยอะไรได้มั้ย ?"อีกคนถามอย่างอยากช่วย ให้คนกอดอมยิ้มเอ็นดู ความใจดีนี่มันน่ารักจริงๆ

"ได้สิครับ มิกซ์ช่วยเราได้นะ"

"ยังไง ?"

"ก็...นอนกับเราไง"

"อะ...อะไรน่ะ นะ...นอนอะไร งานเสร็จแล้วรึไงเล่า///"อีกคนโวยวายใบหน้าแดงก่ำ นี่คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย

"น่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ เลยนะ คิดลึกนะเราน่ะ"อีกคนไม่พูดเปล่าเพราะก้มลงมาฟัดแก้มเขาจริงๆ อย่างที่บอก

"ก็...ก็หมายความอย่างนั้นไม่ใช่รึไงเล่า นี่ แก้มจะช้ำหมดแล้วนะ ฮ่ะๆ อาร์ท"

"อือ ขออีกนิด เอาให้หายคิดถึงเลย"

"แล้วแต่..."

…….

"แล้วนี่ งานเสร็จแล้วหรอ ?"

"ใช่ เสร็จแล้ว ก็ที่ทำทุกวันจนไม่ว่างนี่ไง"

"แสดงว่าตอนนี้ว่างแล้วงั้นสิ"ร่างเล็กถามอย่างมีหวัง แววตาที่ไม่กล้าถามทำให้เขาเอื้อมไปบิดจมูกนั้นเบาๆ

"ใช่ครับ ทีหลังมีอะไรก็บอกนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เดี๋ยวก็ระเบิดแบบเมื่อกี้อีก รู้มั้ย เราใจไม่ดีเลยนะที่เห็นน้ำตาของมิกซ์แบบนั้นน่ะ"พูดพลางลูบผมนิ่มนั้นเบาๆ ให้อีกคนสำนึกผิด

"ขอโทษนะ"อีกคนเงยหน้าช้อนตามอง

"ไม่ได้โกรธนะครับ แค่เป็นห่วง ที่เราไม่ไปหาไม่ใช่ไม่คิดถึง แต่ไม่ว่างเลยต่างหาก ไม่ได้อยากห่างเลยจริงๆ แต่ตอนนี้ว่างมากกก อยากนอนกอดทั้งคืนเลยเนี่ย"พูดถึงตอนนี้ร่างเล็กในอ้อมกอดก็ตกใจทันที

"กี่โมงแล้ว"

"เที่ยงคืนกว่าแล้วครับ"

"จริงหรอ..."น้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมใบหน้าผิดหวังเล็กน้อย ทำให้อีกคนต้องจับคางเรียวให้มองตากัน และพูดด้วยสายตาจริงจัง

"ถึงเราจะไม่ได้ไปเคาท์ดาวน์ด้วยกัน แต่ไม่สำคัญหรอกนะ เพราะเรามีกันทุกวันอยู่แล้ว"

"พะ...พูดอะไรน่ะ เลี่ยนชะมัดเลย/////"แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ใบหน้ากับใบหูกลับเป็นหลักฐานที่แสดงออกมาได้อย่างดีทีเดียวว่าอีกคนชอบมันไม่น้อยเลย ได้แต่หนีหน้าอีกคนซุกอกแกร่งนั้น

"หรอ ไม่ชอบเหรอ ว้า งี้คงต้องไปลองทำกับคนอื่นแล้วสินะ"

ขวับ

ไม่ทันขาดคำ คนที่หน้าแดงเพราะเขินเมื่อครู่กลับเงยหน้าขึ้นมองอีกคน สายตาหวานมีแววโกรธเคืองนิดๆ แต่ไม่ได้ดูน่ากลัวเลย กลับกันมันยิ่งเป็นมุมใหม่ที่เขาอยากค้นหาขึ้นอีกต่างหาก

"หึ หึงหรอ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ เราไม่ไปทำแบบนี้กับใครแน่นอน สัญญาเลย"พูดจบก็ก้มลงมาจนจมูกชนกันแล้วถูไถกันเบาๆ ให้หน้าคนขี้หึงแดงปลั่ง

"พอแล้วน่า กินข้าวได้แล้ว"เขาบอกเพื่อหาทางหนี ขืนนอนอยู่แบบนี้มีหวังโรคหัวใจถามหาแน่ๆ

"ไม่กินได้มั้ยข้าวน่ะ..."ร่างเล็กกำลังจะอ้าปากเอ็ดแต่อีกคนกลับพูดต่อ"อยากกินมิกซ์มากกว่า"

"โอ้ยยย พอทีเถอะ อยากให้เราบ้าตายรึยังไงอ่ะ งื้อออ"พูดจบก็ซุกอกเช่นเดิม จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ ก็เล่นกอดแน่นขนาดนี้จะหนีไปไหนได้ล่ะ แล้ว...แล้วอีกอย่าง อาร์ทก็คงโกรธแน่ถ้าเราหนีออกไปตอนนี้น่ะ ไม่ได้อยากอยู่เลยจริงๆ นะ

"ไม่แกล้งก็ได้ครับ งั้นเราไปนั่งดูหนังข้างนอกดีมั้ย ?"

"ได้สิ..."

ร่างเล็กเดินข้างร่างสูงเดินออกมาจากห้องนอน คิ้วสวยขมวดแน่นเมื่อเห็นด้านนอก ที่เมื่อครู่มีเพียงความมืดให้เขามองไม่เห็น

"อะไรน่ะ"ใจร่างเล็กเต้นระส่ำด้วยความตื่นเต้น ดวงตาแวววับด้วยความถูกใจ

"ก็ที่อาร์ททำให้ไงครับ เมื่อกี้มันมืดไปหน่อยเลยไม่เห็นหรอก แต่อาร์ทเดินออกมาเปิดไฟแล้วก็เลยชัดแจ๋วเลย เป็นไง ชอบมั้ย ?"

จะให้เขาบอกอะไรอีกล่ะ ชอบมากเลย...ด้านนอกประดับประดาด้วยของตกแต่งหลากสี ทั้งลูกโป่ง ทั้งป้ายแขวนติดฝาผนังคำว่า M & Aมันก็น่ารักมากเลย เขาช้อนตามองอีกคนด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันคือความรัก

"ขอบคุณนะ"

"ร้องอีกแล้ว วันนี้ร้องบ่อยไปนะครับ ปีใหม่แล้วนะ ห้ามร้องไห้แล้ว เดี๋ยวก็เศร้าทั้งปีหรอก"เขาจูบหน้าผากอีกคนประกอบคำพูด

"อื้อ แล้วนี่ทำเมื่อไหร่"

"ก็...ตั้งแต่ตอนเย็นน่ะ ทำงานให้เสร็จก็รีบทำเลย ไอ้เสียงเพื่อนในโทรศัพท์น่ะ ก็มาช่วยด้วย..."ไม่ทันพูดจบร่างเล็กก็เขย่งตัวจูบร่างสูงเบาๆ แล้วผละออกมา ถ้ามองไม่ผิด เมื่อกี้หูอีกคนก็ขึ้นสีน้อยๆ ด้วยนะ

"ขอบคุณนะ เราชอบมากๆ เลย"

"ครับ รักนะครับที่รักของผม"

"อื้อ รักเหมือนกัน"

ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี แต่ถ้าเรามีกันอย่างนี้ก็คงไม่เป็นไรหล่ะมั้ง ก็บอกไปแล้วไงว่า... "ถึงเราจะไม่ได้ไปเคาท์ดาวน์ด้วยกัน แต่ไม่สำคัญหรอกนะ เพราะเรามีกันทุกวันอยู่แล้ว" จบนะครับ หึหึ สวัสดีปีใหม่ครับ


ปาดเหงื่อออ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ทุกอย่าง ทุกๆ การติดตามหรือการเข้าชม ขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ ถึงมันจะไม่ได้ดีเหมือนนักเขียนที่แต่งเก่งๆ คนอื่นๆ แต่เราก็จะพยายามพัฒนาฝีมือเพื่อไม่ให้พวกคุณผิดหวังนะคะ จะปีใหม่แล้วขอให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง คิดสิ่งใดก็สมปรารถนานะคะ มีความสุขมากๆ นะคะ แล้วก็ Happy New Year 2018 ค่า
 :mc4: :bye2:

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 12
ในการดูแล

เจ็บ...

สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความเจ็บไปทั้งช่วงล่าง ไม่สิ...เจ็บไปหมดทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ มันจุกและแสบด้วย ตัวก็รู้สึกร้อนรุ่มราวกับจะมีไข้ แล้วพรุ่งนี้ก็มีเรียนด้วยสิจะโดดก็คงไม่ได้ เพราะเป็นวิชาสำคัญเสียด้วย ทำยังไงดีนะ...

"โอ้ยยย"เขาร้องออกมาเบาๆ เมื่อขยับตัวไม่ได้ จนต้องโอดครวญ แต่คนข้างกายกลับตกใจตื่นทันทีที่เสียงร้องนั้นดังขึ้น

ใบหน้าคมฉายชัดความเป็นห่วงและเสียใจ หูตกลู่น่าสงสารนั้นทำให้เขาว่าไม่ลง ได้แต่ส่งยิ้มบางไปให้เท่านั้น

"ไม่เป็นไรครับ..."ผมยิ้มและอาร์ทก็ยิ้มบางกลับมา จู่ๆ เขาก็เดินออกไปจากเตียง เขาไม่ทราบว่าอีกคนหายไปไหน หากแต่ว่าไม่นานก็รู้ได้ เพราะผ้าชุบน้ำหมาดๆ กับกะละมังถังขนาดกลางวางบนโต๊ะข้างเตียงนั้น

"เช็ดตัวหน่อยนะ"อีกคนพูดพลางบิดผ้านั้นด้วยความทุลักทะเล ดูก็รู้ว่าไม่เคยต้องมาดูแลใครแบบนี้เป็นแน่ หากแต่ก็ยังพยายามทำมัน เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแต่โดยดี

...............

กว่าจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสร็จจนสะอาดทั่วตัวก็เล่นเอาเหงื่อตก ไม่ใช่เพราะร้อนเพราะอุณหภูมิของห้อง หากแต่เป็นเพราะสายตาที่มองมาอย่างหิวกระหายทั่วตัวเขามากกว่า

อันที่จริง เขาก็ไม่ต้องทำความสะอาดอะไรมาก เพราะอีกคนน่าจะดูแลเขาแล้วเมื่อคืน ถึงได้รู้สึกไม่เหนียวหนืดที่ตรงนั้นน่ะ แถมชุดก็เปลี่ยนให้เสร็จสรรพ ราวกับเขาเป็นลูกน้อยของอีกคนเชียว

เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะมองหาคนที่เดินออกไปด้านนอกเป็นรอบที่สอง นานแล้ว แต่ก็ยังไม่กลับมาเสียที เขาฝืนลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยท่าทียากลำบาก แต่ก็พยายามจนเดินออกมาจากห้องได้สำเร็จ

กลิ่นหอมๆ ที่ในครัวขนาดเล็กภายในห้อง ทำให้เขาเลิ่กคิ้วอย่างสงสัย ค่อยๆ พยุงตัวเองเดินไปจนถึงกรอบประตูของห้องครัวด้วยจิตใจแปลกประหลาด

ชักจะน่ารักเกินไปแล้ว

ในสมองของเขาตอนนี้ เขาคิดได้เพียงแค่คำนี้จริงๆ เพราะถ้าคุณเป็นผมก็คงจะคิดได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ก็ดูสิ...คนที่ไม่เคยแม้แต่จะเข้าครัว กำลังยืนอยู่หน้าเตาที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี มือไม้ก็เก้งก้างไปเสียหมด หม้อใบใหญ่ที่คาดว่าน่าจะเอามาทำอาหารอะไรสักอย่างนั้นก็หล่นอยู่บ่อยครั้ง หากแต่เจ้าตัวก็รีบเก็บราวกับกลัวว่ามันจะส่งเสียงดัง

และถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่นัก ที่ไม่อยากให้เสียงดังก็คงเป็นเพราะคิดว่าเขาอยู่ในห้องนอนเป็นแน่...

ผมยืนพิงกรอบประตู อมยิ้มอย่างดีใจ มองคนที่หันซ้ายทีขวาทีด้วยใจรัก เมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกของเขาเบ่งบานมาจนถึงขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไรที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ แต่ผมอยากขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมมีวันนี้

ขอบคุณ...ที่รักผม

สุดท้ายคนที่หันซ้ายหันขวาก็สบสายตาเข้ากับผม อีกคนทำหน้าตาแปลกใจ และตกใจมากอย่างกับเจอผี รีบเข้ามาประคองร่างของผมอย่างทะนุถนอมทันที ผมส่ายหน้าน้อยๆ กับท่าทีเวอร์วังของเขา อยากจะว่าอยากจะดุ แต่กลับไม่กล้าเมื่อเห็นความเป็นห่วงผ่านการกระทำนั้น

สุดท้ายตอนนี้เขาก็ยืนอยู่หน้าเตา ที่มีหม้อกำลังต้มน้ำเดือดปุดๆ อยู่ หลังจากที่เถียงกับอีกคนอยู่นานกว่าจะยอมให้ผมเป็นคนทำ แต่แล้วแต่เล่ากว่าจะหายเขินจากประโยคที่ว่า “คงจะไม่หายเจ็บเมื่อคืน” ผมก็ได้แต่ยอมคนละครึ่งทาง โดยไม่เดินไปหยิบของเอง แต่ให้อีกคนเป็นคนไปเอามาให้ ผมมีหน้าที่ทำเพียงอย่างเดียวจนตอนนี้ข้าวต้มกระดูกหมูก็เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คนที่ชมแล้วชมอีกว่าน่ากินงั้นงี้ บอกว่าตัวเองเก่งที่ทำเองได้ จนผมไม่กล้าเอ่ยขัดว่าตัวเองแค่หยิบอุปกรณ์ ไม่ได้ทำเลยสักนิด แต่เพราะเห็นแววตาที่ฉายชัดถึงความภูมิใจเลยดุไม่ลง แถมเสริมทัพให้อีกว่า “ถ้าอยากทำอีกคราวหน้าจะสอนให้” ทีนั้นแหละ แววตาภูมิใจเมื่อครู่หายไปทันที แทนที่ด้วยแววตาระริกระรี้จนหน้าหมั่นไส้อย่างตอนนี้ไง

"กินข้าวนะครับ อ้ำๆ"แต่เขากลับมานั่งเขินอยู่บนตักของอีกคนตอนนี้ไง

"เอ่อ เรากินเองได้นะ"ผมบอก แต่รอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์นั้นกำลังบอกผมว่าไม่ยอมเสียหรอกทำให้ผมคิดในใจว่าต้องทนนั่งเขินแบบนี้ไปอีกนานแน่นอน

"ไม่ได้ เอางี้ ถือว่าเป็นการขอบคุณที่จะเป็นครูสอนทำอาหารล่วงหน้าแล้วกันนะ"อีกคนอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด

"แต่..."

"อย่าเถียงนะครับ กินสิ..."เขาพูดพร้อมจ่อข้าวต้มที่เป่าอย่างดีมาที่ปากของเขา มืออีกข้างก็ไม่ว่างเว้น เป็นพนักพิงให้เขาได้อย่างดี เพื่อกันเขาจะตกโดยจับมันเอาไว้ที่เอวของเขา

"เก่งมาก..."เขาอ้าปากรับข้าวต้มนั้นไปพร้อมกับหน้าแดงๆ คำชมนั้นจึงถูกเอ่ยขึ้น...


สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมแพ้ นั่งกินข้าวทั้งหน้าแดงๆ นั่น แถมยังต้องกินยาอีก ความง่วงงุนเริ่มมาเยือนเมื่อยาเริ่มจะออกฤทธิ์แล้ว เปลือกตาสีหวานค่อยๆ ปิดสนิทลงอย่างเชื่องช้า ราวกับตัดทุกสิ่งอย่าง จนผล๋อยหลับไป...

"ฝันดีครับ...ที่รักของผม"

ART

ผมกอดอีกคนแนบอก เมื่ออีกคนป่วยขึ้น ผมใช้ช่วงเวลาที่อีกคนหลับสนิทนี้ทายาที่ช่องทางรักให้ ซึ่งเมื่อวานผมก็ทำให้แล้ว

ช่องทางรักที่บวมเป่งและมีสีแดงจากการขยับขยายเพื่อทำภารกิจนั้นช่วงยั่วยวนนัก เขาค่อยๆ ถอดกางเกงนั้นลงแล้วหยิบยาทาภายในขึ้นป้ายที่นิ้วชี้ ค่อยๆ สอดมันเข้าไปภายในอย่างเชื่องช้า

"อ่า"คนที่หลับอยู่ก็ครางออกมาเมื่อมันดันเข้าไปจนสุด เขารู้ว่าจุดไหนเป็นจุดที่ทำให้อีกคนนั้นรู้สึกดี เขาจะทำมันเอง เขาย้ำที่จุดนั้นบ่อยครั้งจนอีกคนครางเสียงหวาน เขาพยายามอดกลั้นเมื่อเห็นปฏิกิริยานั้น ที่มันช่างยั่วยวนเขามากเสียเหลือเกิน กว่าจะทายาเสร็จก็เล่นเอาปาดเหงื่อไม่น้อย ล้มตัวลงนอนข้างกายอีกคนไปจนเช้าเช่นกัน

............

เช้าวันใหม่ที่ตื่นมาพร้อมกับคนเดิม เขารีบเอามือทาบทับหน้าผากของอีกคนว่ายังมีไข้อยู่หรือเปล่า วันนี้อีกคนมีเรียน ถ้ายังไม่หายดี เขาก็จะไม่ยอมให้อีกคนฝืนไปเรียนเป็นแน่ แม้ว่าวิชานั้นอาจจะยากหรือสำคัญมากเพียงใด แต่เขาไม่ยอมเด็ดขาด

อุณหภูมิในกายของอีกคนเริ่มลดน้อยลงแล้ว จนใกล้จะเป็นปกติ เขายิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วหอมหน้าผากเบาๆ กับคนที่ซุกอกเขาตั้งแต่เช้า อาการอันแสนอ้อนนี้มันน่ารักจนเขาอยากจะรักอีกเสียจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าอีกคนยังป่วยอยู่ล่ะก็นะ

เขารีบอาบน้ำแต่งตัวออกมาดูคนที่ยังหลับใหลจากพิษยาเมื่อคืน ชุดนักศึกษาถูกปรับให้เข้าที่ เขาเดินไปนั่งข้างๆ เตียงเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกคนปรือตาตื่นขึ้นมา

"ตื่นแล้วหรอครับ..."

"อือ...กี่โมงแล้ว"

"ยังไม่แปดโมงเลยครับ ง่วงมั้ย นอนต่ออีกก็ได้นะ เดี๋ยวค่อยปลุกอีกที"อีกคนส่ายหน้าน้อยๆ กับคำถามนั้น

"ไม่อ่ะ เดี๋ยวไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวก็สดชื่นแล้ว"อีกคนว่า เขาเลยตามใจจนได้

กว่าจะออกมาจากคอนโดได้ก็ใช้เวลาค่อนข้างจะนาน เพราะอีกคนยังอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงจะบอกว่าไข้อาจจะลดลงไปบ้างแล้ว แต่ที่จริงก็ยังมีอาการอื่นอยู่อีกเช่นเดียวกันอย่างเช่น...

"แค่กๆ..."อาการไอตอนนี้ไง

"ไหวแน่นะ"ผมถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

"แน่สิ..."คนที่บอกว่าไหวตอนนี้กำลังนั่งกอดตัวเองอยู่บนรถของผม ผมเบาแอร์จนเกือบสุดเพื่อให้อีกคนไม่หนาวมาก เอื้อมมือไปด้านหลังหยิบเสื้อหนาวมาคลุมให้อีกคนตอนที่รถติดไฟแดง อีกคนรับมันไปอย่างว่าง่ายพร้อมเอ่ยคำขอบคุณ เขาจึงยิ้มรับ

ที่มหา’ลัยยังมีคนพลุกพล่านเช่นเดิมทุกวัน แม้วันนี้เขาจะมีเรียนก็ตาม และวิชานั้นก็สำคัญมาก และเขาก็มาที่มหา’ลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากแต่เขาไม่ได้เข้าเรียนหรอกนะเพราะว่า…

"แค่กๆ..."คนที่นั่งหนาวตอนนี้ในห้องเรียนไง ผมขมวดคิ้ว หยิบกระปุกยาออกมาจากกระเป๋านักเรียนที่ไม่มีอะไรมากนอกจากหนังสือสองสามเล่มกับปากกาไม่กี่ด้าม หยิบมันพร้อมกับน้ำที่วิ่งไปซื้อมาเมื่อครู่ ยื่นให้อีกคนกินมัน นอกจากอาการไข้นี้แล้ว เขายังไม่ลืมว่าอีกคนยังมีโรคประจำตัวอีกด้วย เขาจึงทิ้งไว้ไม่ได้ เลยต้องมานั่งดูแลอยู่แบบนี้

แต่ในขณะเดียวกัน เขาเองกลับรู้สึกเต็มใจในสิ่งที่ตนกำลังทำ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด เพราะถ้าเราทำได้เพื่อคนที่รัก เราเองก็มีความสุข

การเรียนวันนี้ผ่านไปอย่างทุลักทุเล อีกคนก็ไอไม่หยุดแต่ก็ยังฝืน พอเลิกผมจึงรีบพามาหาหมอทันที อาการของคนตัวเล็กไม่ค่อยดีนัก ช่วงนี้จึงขอให้หยุดเรียนไปก่อน เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิต้านทานได้เพียงพอต่อมลภาวะด้านนอก เขาจึงต้องจำยอมกับเหตุผลทุกอย่าง เรียกได้ว่าตอนแรกที่ทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งหนักกว่าเข้าไปอีก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ร่างเล็กที่งัวเงียนั้นตื่นไปเปิดประตูด้วยอาการไม่สู้ดีนัก วันนี้อีกคนมีเรียนเขาจึงให้อีกคนไป ไม่ต้องมาห่วงเขาหรอก เพราะเขาดูแลตัวเองได้ กว่าอีกคนจะยอมก็ต้องอ้อนไปนาน เพิ่งไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้เอง

"มาแล้ว...ครับ"คนตรงหน้าทำให้เขาชะงัก อีกคนเป็นใครกัน ?

ความสงสัยแรกตีตื้นขึ้นในอก โดยปกติแล้วนั้น อาร์ทจะไม่บอกที่อยู่ให้กับเพื่อนคนไหนถ้าไม่จำเป็นและไม่สนิทใจจริง

แสดงว่าคนตรงหน้าก็คงไม่ต่างกันมากหรอก...

ร่างเพรียวระหงส์กำลังใส่ชุดเดรสสีชมพูหวาน แต่งแต้มใบหน้าจนใสสะอาด หน้าหวานกลมโต ตัวเล็กผอมบาง ช่างน่าอิจฉานัก หากใครจะได้เขามาครอบครอง

ความกลัวเริ่มมีผลต่อจิตใจมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เขาสู้อะไรคนตรงหน้าไม่ได้เลยแม้แต่นิด เพราะร่างกายของเขาซูบผอมลงมากจากการป่วยออดๆ แอดๆ ทุเลาบ้างแต่กลับไม่ได้ทำให้เขาดีขึ้นกว่าเดิมเลย ถ้าอีกคนเลือกคนที่ดีกว่า...เขาอาจจะต้องจำใจยอมแพ้ไป ใช่มั้ย ?

"เหม่ออะไรหรอคะ ?"สาวเจ้าถามผมด้วยอาการเป็นห่วง พร้อมลอบมองอาการของคนตรงหน้า ที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามารอในห้องแล้ว

เขากับอาร์ทเราเป็นเพื่อนกันมาก่อนตอนมัธยม ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังเลยว่าให้เพื่อนมานอนค้างที่ห้องได้ด้วย เพราะโดยปกติแล้วนั้น เค้าไม่ค่อยให้ใครเข้ามารุ่มร่ามกับพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองสักเท่าไหร่ แม้กระทั่งเธอก็กลับไม่มีสิทธินั้น รวมถึงทุกคนด้วย ความสงสัยและความไม่พอใจเริ่มก่อตัวในใจ อีกคนแม้ว่าร่างกายจะเป็นชาย แต่หน้าตากลับจิ้มลิ้มยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก ไม่รู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นยังไงกัน เธอได้เก็บงำความรู้สึกมานานแสนนนานเพราะรู้ดีว่าไร้สิ้นความหวังที่อีกคนจะมองมา แต่ถ้าหากอีกคนทำผิดเธอเองจะเป็นคนที่ดึงเขากลับมาเป็นของเธอเอง...

"ปะ...ปล่าวครับ ทานน้ำก่อนมั้ยครับเดี๋ยวผมไปเอามาให้"

"ก็ดีค่ะ อากาศร้อนๆ อยากดื่มน้ำพอดี ขอบคุณนะคะ"กิริยามารยาทที่ดูน่าเอ็นดูนั่นทำให้ใจร่างเล็กสั่นไหวอย่างเป็นกังวล ยิ่งประกอบกับอาการป่วยมันยิ่งขับให้อีกคนคิดมากไปเรื่อยจนได้

"นี่ครับ..."เป็นสีสวยถูกวางตรงหน้าพร้อมกับน้ำภายใน สาวเจ้ายิ้มตอบรับ

"ขอบคุณค่ะ"

"แล้วนี่อาร์ทไปไหนหรอคะ ?"

"อ๋อ พอดีเค้ามีเรียนน่ะครับ"ใจหนึ่งอยากจะไล่อีกคนใจจะขาด แต่เพราะรู้ว่ามันไม่สมควรอีกคนอาจจะมีธุระสำคัญถึงได้มาหาอาร์ทถึงที่นี่ เขาเลยทำแบบนั้นไม่ได้

"อ๋อ งั้นหรอ...แล้วคุณเป็นใครหรอคะ ?เพื่อนอาร์ทหรอ"นั่นสิ แม้เราจะเคยมีอะไรกันแล้ว แต่อีกคนไม่เคยย้ำเตือนถึงสถานะของเราสองคนเลยแม้แต่สักนิด เขาควรจะตอบแบบไหนดี

"เอ่อ ครับ ใช่ครับ"แบบนี้น่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ

เมื่อได้รับคำตอบแบบนั้น สาวเจ้าก็ยิ้มหวานแล้วพูดคุยกับคนตัวเล็กอย่างสนิทใจ แม้ดูท่าทีของอีกคนก็รู้ว่าไม่ได้คิดแค่นั้น แต่ในเมื่อตอบมาแบบนั้น เธอก็ได้แต่คิดว่าเธอมีหวังอยู่บ้าง และความหวังของเธอจะต้องกลายเป็นจริงแน่ เพราะการกลับมาครั้งนี้ เธอแค่จะมาทวงคืนสิ่งที่ควรจะเป็นของเธอมาตั้งแต่ต้น...

ART
"ใช่มั้ยคะ เราก็ว่างั้นแหละ"เสียงพูดคุยภายในห้องนั่งเล่นดังขึ้นทำให้เขาขมวดคิ้ว ใครมาทำอะไรที่นี่กัน เขาไม่เคยบอกที่อยู่กับใครเลยนอกจากเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชาย แต่เสียงนั้นกลับคลับคล้ายคลับคลาเหลือเกินเหมือนเคยได้ยินมาจากไหน...

"ฝน..."เสียงเรียกนี้แผ่วเบามาก เมื่ออีกคนเจอหน้าเขาแล้วโผเข้ามากอดอย่างคิดถึงทำให้เขาผละออกแทบไม่ทัน ความสงสัยทำให้เขาขมวดคิ้ว นอกเหนือจากนั้นยังนึกเป็นห่วงคนที่นั่งอีกคนด้วย

"มาตั้งแต่เมื่อไหร่"เขาผละอีกคนออกแล้วล้มตัวลงนั่งข้างคนตัวเล็กที่มีหน้าตาเดาอารมณ์ไม่ได้

"เมื่อเช้าค่ะ ลงเครื่องปุ๊ปฝนก็รีบมาหาอาร์ทเลยนะคะ คิดถึงมากกก"

"เอ่อ อืม...มิกซ์ล่ะเป็นยังไงบ้าง"เขาถามพร้อมกับโอบไหล่อีกคนเข้าหาตัวแล้วทาบมือลงบนหน้าผาก ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยและปกป้องอย่างอ่อนโยนนั้นทำให้สาวเจ้าคิ้วกระตุกด้วยความไม่พอใจ

"ก็ดี ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ไม่ต้องเวอร์หรอกนะ"

"ได้ไงล่ะ มิกซ์ทั้งคนจะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง"เมื่อร่างเล็กได้ยินแบบนั้นก็นึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง

"ฮึ่ม อาร์ทคะ อย่าหวานจนลืมฝนสิคะ ว่านั่งอยู่ตรงนี้ด้วยอีกคนน่ะ"สาวเจ้าทำท่าเป็นพูดตลกทั้งที่สายตาจ้องมองไปยังร่างเล็กในอ้อมกอดด้วยแววตาที่ไม่พอใจจนร่างเล็กนึกอึดอัด

"เดี๋ยวเราขอไปนอนก่อนนะ ง่วงมากเลย"

"เป็นอะไรมากรึเปล่า เดี๋ยวไปนอนเป็นเพื่อนนะ"

"ไม่ต้องหรอก นั่งคุยกับเพื่อนไปเถอะ คงมีเรื่องอยากจะคุยกันมากเลย เราโอเค แค่เพิ่งกินยาไปน่ะ เลยง่วงๆ"ร่างเล็กฝืนยิ้มให้

"เอางั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวตามไปนะ"

"อื้ม"

แม้ว่าปากจะบอกว่าตามมา แต่พอเอาเข้าจริงๆ ตอนนี้เวลาล่วงเลยมานานมากแล้ว ก็ยังไร้วี่แววของคนที่บอกจะตามมาเลยแม้แต่น้อย ร่างเล็กนึกเอะใจ จึงเดินออกมาดู เพราะเป็นห่วง ดูท่าทีของสาวเจ้าแล้วนั้นก็พอรู้ว่าอีกคนนั้นคิดยังไงกับอาร์ท

และภาพตรงหน้ามันกลับทำให้เขานั้นชะงัก ภาพของผู้หญิงร่างบางที่แสนสวยกำลังนั่งคร่อมตักของผู้ชายหล่อหน้าคมอยู่ปากของทั้งคู่ประกบกัน แล้วร่างสูงของเขาก็ตอบรับได้เป็นอย่างดีเสียอีก น่าภาคภูมิใจนัก ที่ตรงนั้นที่เขาเคยนั่ง แต่โซฟาตัวนั้น มันกำลังหันหลังให้เขาอยู่ทำให้อาร์ทมองเขาไม่เห็น แต่สาวเจ้าที่ยิ้มหวานมาให้เขานั้นมันสามารถตอบทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ว่าสถานะของเราตอนนี้มันเป็นยังไง

เขาเดินออกมาจากตรงนั้นเงียบๆ จู่ๆ หน้าร่างบางกลับซีดเผือกไร้สี มือบางปัดป่ายไปทั่วเพื่อหาที่ยึดเกาะ ใจดวงน้อยเต้นระส่ำอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนภาพตรงหน้าวูบดับสนิทพร้อมกับมือของเขาที่ไปโดนแจกันใบสวยที่ตั้งบนโต๊ะ


เพล้ง

เสียงของที่ตกกระทบกันนั้นทำให้ร่างสูงชะงักแล้วผลักสาวเจ้าออกมาด้านนอก เมื่อกี้เขาไม่ได้ทันตั้งตัว แถมยังเผลอจูบตอบอีกคนไปด้วย ทั้งที่รู้ว่ามันผิด แต่เขากลับทำไม่ได้ เขาหักห้ามใจไม่ได้ เขาไร้สติมากเกินไปแล้วทำอะไรไม่คิด ทำผิดกับคนที่อยู่ในห้องนอน เขารีบเร่งวิ่งออกมาตามต้นเสียง ภาพตรงหน้าทำเขาชะงัก เพราะอีกคนนอนอยู่ท่ามกลางเศษแจกันที่ตกแตก เต็มไปหมด เขาได้แต่โทษตัวเอง รีบวิ่งเข้าไปอุ้มอีกคนออกมาจากภาพตรงนั้นด้วยสภาพที่ไม่สู้ดีและสลบไปแล้ว โดยไม่สนใจสายตาโกรธแค้นระคนอิจฉาจากฝ่ายหญิงเลย

เขาขอโทษที่ทำผิด แต่อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ อย่าเป็นอะไรไปเลย...

เขาขอโทษจริงๆ และคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ หากไม่มีคนตัวเล็กคนนี้

เขารักเธอ...



สวัสดีปีใหม่จ้าาาาา :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 13

อย่าทำอย่างนี้เลย...อย่าไป อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ

เขาไขว่คว้าร่างเล็กหวังว่าจะรวบรัดมากอดกกเอาไว้ หากแต่ได้รับเพียงความว่างเปล่า

ในดินแดนที่มีแต่ความมืดทึบปกคลุมทุกสิ่ง เขามองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง แต่เขารู้สึกว่าอีกคนกำลังอยู่ไม่ไกลจากเขานัก หากแต่เขาหาไม่เจอ

"...เรารักอาร์ทนะ"เสียงของเขา เสียงที่เขาอยากได้ยินอีกครั้ง เสียงที่จิตใต้สำนึกเขาบอกว่ามันเป็นเสียงที่เขาเคยคุ้น และอยู่กับเขามาตลอดในช่วงเวลาหนึ่ง เขาพยายามตอบรับอีกคนฝ่าย หากแต่เขาไม่เจอสิ่งใดเลยนอกจากความมืด

เสียงสะอื้นในคอดังขึ้นกอบเก็บเศษใจของเขาที่แหลกละเอียดให้เป็นผุยผงไปยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

ความกลัวที่เกิดขึ้นน้อยครั้งในชีวิต และหนึ่งในนั้นก็มีคนตัวเล็กๆ เข้ามาเป็นส่วนประกอบเสมอ

อีกคนร้องไห้แต่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย...

เขามันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ...

เฮือก

เม็ดเหงื่อที่ไหลตามขมับผสมปนเปกับน้ำตาที่เอ่อคลอในตาไหลลงมาพร้อมกับที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมา เสียงหายใจหอบดังแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังเคลื่อนที่

คิ้วหนาขมวดมุ่น เขาขอให้ทุกอย่างในฝันไม่เป็นความจริง และตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่า...คำอธิษฐานไม่เคยมีจริง


เขาดิ่งตรงมาที่โรงพยาบาลทันทีที่นึกได้ คว้ากุญแจเสร็จสรรพ ขับรถมาถึงที่ได้ยังไงก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนั้นสติแทบจะไม่มีเลยจริงๆ

และคำตอบของคำอธิษฐานก็คือ...ร่างเล็กที่นอนหายใจรวยรินตอนนี้บนเตียงผู้ป่วยสีฟ้าตอนนี้ไง

มือบางที่ซีดเซียว...ไม่สิ ทั้งร่างเลยจะดีกว่า บอบช้ำจากเศษแจกันที่บาดจนทำให้ผิวบางๆ นั่นเกิดแผล

เขาค่อยๆ ย่างก้าวเข้าใกล้อีกคน เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นยกขึ้นบีบใจให้เจ็บปวดอย่างทรมาน นี่สินะ...รสแห่งความเจ็บปวดของจริง

"เรามาหามิกซ์แล้วนะครับ...วันนี้เรามีเรื่องมากมายมาเล่าให้ฟังด้วยนะ"

"..."ไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบกลับ มีเพียงแค่เสียงหายใจรวยรินกับเสียงเครื่องช่วยหายใจที่ดังสม่ำเสมอเท่านั้น ที่บ่งบอกว่าอีกคนยังอยู่กับเขา

"อยากฟังมั้ยครับ? ...ถ้าอยากฟังก็ตื่นมาหน่อยนะ มาฟังเรื่องของเราไง..."

"..."

"วันนี้เราอยากทำในสิ่งที่ควรทำมานาน แต่กลับปอดแหกไม่กล้าอยู่ตั้งนาน..."

"..."

"เป็นแฟนกันนะครับ"

"..."เหมือนคุยกับลมกับฟ้าเพราะอีกคนแน่นิ่งมากเหลือเกิน มากจนใจปวดร้าว

อาการป่วยที่แทนจะทุเลาบ้างเเล้ว กลับกลายเป็นว่ามาหนักขึ้นเพราะร่างกายอีกคนอ่อนแอจากโรคแทรกซ้อน และสภาพจิตใจของอีกคนตอนนี้มันย่ำแย่มาก...มากจนหมอบอกเขาว่า อีกคนไม่อยากสู้ต่อไปแล้ว

"ตื่นมาหน่อยสิ...มาคุยกันหน่อย ลืมตา...อึก มาก็ยังดี อย่านิ่งแบบนี้เลยนะ อย่าไปจากกูเลย กู...ฮึก...รักมึงนะ"

"..."มือบางถูกกอบกุมจากมือใหญ่พร้อมพ่นคำรักออกมาไม่ขาดปาก พร้อมเเรงสะอื้นที่อีกคนคงจะพอรับรู้ได้ หัวใจถึงเต้นถี่ราวกับจะหมดลมขนาดนี้

ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด...เมื่อมันถูกอดกลั้นมานาน ถึงเวลาเมื่อไหร่ มันก็พร้อมจะระเบิดออกมาทันที

คราวนี้ก็เหมือนกัน...

คนที่นั่งข้างเตียงกำลังจะเป็นจะตาย จากการร้องไห้หนักหน่วงติดต่อกันมา เขารู้ว่ายิ่งทำแบบนี้อีกคนจะรู้...แต่เขาแค่อยากให้อีกคนตื่นมา...มาเจอเขาอีกครั้ง

มือหนายกมืออันสั่นเทาเอื้อมไปปาดคราบน้ำตาจากใบหน้าหวานเบาๆ ไล้เลียความหอมหวานจากปลายนิ้วสัมผัส จนอดไม่ได้ที่จะหอมหน้าผากอย่างเเสนรักนั่นไปอีกครั้ง

ขอโทษที่ทำร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย...

ขอโทษที่ใจร้ายซ้ำเเล้วซ้ำเล่า...

ขอโทษที่ไม่รู้จักพอเสียที...

ขอโทษที่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้...

"ขอโทษ..."กลั้นแรงสะอื้นสุดกำลัง และแนบหน้าผากกับคนรักอย่างหมดแรง ตอนนี้ทั้งสองกำลังแข่งกันว่าใครจะเจ็บปวดมากกว่ากัน...

ระหว่างคนที่เจ็บเพราะป่วย...กับคนที่หัวใจกำลังจะหลุดลอยไปทั้งดวง ใครมันจะเจ็บกว่ากัน ?

เขาตอบไม่ได้เลยจริงๆ

สู้ต่อได้ไหม...สู้เพื่อเขา ตื่นมาทำความฝันให้เป็นจริงก่อนสิ...การทำไร่ของนายน่ะ ทำให้มันเป็นจริงก่อนไม่ได้หรอ ? หืม ?

ตื่นมาทำความฝันที่เราควรจะทำมัน...ความฝันของเราไง

ฝันที่เราจะตื่นขึ้นมามองหน้ากันเป็นอย่างแรกแล้วยิ้มบางๆ ให้แก่กัน...ไม่ใช่ที่เราตื่นขึ้นมาพร้อมความเป็นห่วงที่ติดเป็นบ่วงรัดเเน่นไปจนเจ็บ ต้องเร่งมาหาที่นี่เพราะโรงพยาบาลไม่ให้นอนเฝ้าไข้ผู้ป่วยตอนกลางคืน

ฝันที่สอง...ที่เราจะทำอาหารกินด้วยกันทุกเช้า พูดคุยเรื่องที่อยากจะทำในแต่ละวัน ไหนกัน...ที่บอกว่าอยากจะสอนเราทำอาหารน่ะ นอนนิ่งๆ แบบนี้ใครจะไปสอนใครได้ แล้วเราจะนั่งกินข้าวกับใคร ให้เรานั่งกินกับความเหงา ความเศร้าและน้ำตางั้นหรอ ?

แล้วต้องนั่งกินข้าวบนตักเรานะ...เราชอบแกล้งที่สุดก็ตอนนั้นเลย คิดแล้วก็มีความสุขเนาะ แค่นั่งเเกล้งกันบนโต๊ะอาหารนี่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสุขจนล้นได้ขนาดนี้เลย...

และอีกหลายความฝันที่เขาคิดไม่ออก เพราะมันไม่จำเป็นเท่าไหร่ ในเมื่อเราคุยกันทุกวัน และค่อยๆ เริ่มตามความฝันที่อยากจะทำด้วยกัน ท่องโลกใบนี้ด้วยความสุขจากการได้ร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน

แล้วทำไมไม่รีบกลับมาล่ะ...

ทำไมไม่กลับมาทำทุกอย่างด้วยกันอีกครั้งกันนะ...

"ทำไม...ทำไม"เขาพร่ำถามอีกคนซ้ำๆ จนคล้ายกับตัวเองเป็นคนบ้าที่ไร้ที่พึ่งใดๆ

เรื่องทุกอย่างวันนี้เขาจัดการไปหมดแล้ว เรียกได้ว่าตัดขาดครั้งนั้นแล้ว อีกคนคงไม่กล้าเข้ามาอยู่ในชีวิตของเขากับอีกคนได้อีกเลยตลอดกาล...

อย่ามองผมแบบนั้นเลย...ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้น ก็เเค่จัดการนิดหน่อยไม่ใจร้ายขนาดฆ่าให้ตายขนาดนั้นหรอก เพราะอย่างน้อยครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมา

"ฝันดีนะครับ...แล้วพรุ่งนี้...พรุ่งนี้จะมาหาใหม่นะ"ลูบหัวจูบผมนิ่มเบาๆ และผละออกมา ต่อให้ทั้งโลกจะหมุนเคว้งไปสักแค่ไหน แต่ในเมื่อดวงใจของเขายังมีชีวิตอยู่ และรอคอยเวลา...ที่จะกลับมาอยู่คู่เขาดังเดิม เขาก็จะพยายามทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด...เขาต้องพยายามทำมันให้สำเร็จ

ต่อให้รู้ว่าโอกาสมันแทบจะไม่มีเลยก็ตาม...

.........................

วันต่อมาเขาเร่งรีบมาเรียน เพราะขาดเรียนหลายวันมากแล้ว แต่ช่วยไม่ได้หรอก...เพราะเขาก็ห่วงอีกคนไม่ต่างจากการเรียนเลยแม้แต่นิดเดียว และมันคงมากกว่าหลายเท่าตัวนัก...

เมื่อยามเลิกคลาส...เขาเก็บของลงกระเป๋าโดยเร่งรีบ อย่าถามถึงเพื่อนเลย แค่คนตัวเล็กคนเดียวตอนนี้ก็ไม่มีเวลาไปสนใจใครเเล้ว เขารักอีกคนมากจริงๆ นั่นแหละ

ตุบ

เสียงกระทบกันของเนื้อ ทำให้เขาก้มลงเก็บของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อกี้รีบมากไปหน่อยเลยชนจนของตกแบบนี้

"ขอโทษจริงๆ ค่ะ"สาวเจ้าเก็บกวาดของเข้าหาตัวเเล้วยืนขึ้น ใบหน้าหวานเงยหน้าสบตาเขาชั่วครู่จากนั้นก็เสหลบพร้อมหน้าและแก้มแดงสุกปลั่งนั้น

ชวนลิ้มลองเสียจริงๆ...

ความคิดชั่วๆ ผุดขึ้นมาในหัว เขาไล่มันออกไป พยักหน้ารับและเดินออกไปจากจุดนั้นโดยเร็ว

เขารู้สึกแปลกๆ ในอกเหลือเกิน โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูสีดำตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากเศษขยะเมื่อตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้นอกจากวางนิ่งๆ เพราะแบตเตอรี่มันหมดไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้

จู่ๆ มือสองข้างสั่นเทาเอาเสียดื้อๆ โลกคว้างอย่างหนักหน่วง เหมือนโดนดูดลงหลุมดำ เขารีบเปิดเครื่องและเเล่นรถออกมาจากจุดนั้นโดยเร็ว

เขาจอดรถชั่วครู่เมื่อถึงร้านๆ หนึ่ง วิ่งลงจากรถด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ หายใจลึกๆ แล้วสั่งทุกอย่างที่คิดได้ สุดท้ายก็ได้มันมาในอ้อมอก เขายิ้มบางเมื่อนึกถึงอีกคน จนรถแล่นเข้าสู่ที่หมายอย่างปลอดภัย...

กลิ่นที่คงไม่มีใครอยากได้กลิ่นตีตื้นขึ้นมาในจมูก เหม็นเหียนจนรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมา แต่สองเท้ากลับก้าวฉับเดินตรงขึ้นลิฟท์ไปด้วยใจที่เจ็บแสนเจ็บ

ลางสังหรณ์ที่บอกเหตุแม่นเสมอตั้งแต่เขาจำความได้ ครั้งนี้เขาขอเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...

ที่เขาไม่อยากให้มันเป็นจริง...

เเกร๊ก

เสียงประตูเปิดขึ้น ทำให้เขาใจเต้นระรัวยิ่งกว่าเดิม เขาก้าวฉับๆ เดินไปห่ที่เตียงผู้ป่วยเพื่อพบว่ามัน...ว่างเปล่า

ไร้คนนอนแน่นิ่งเลยแม้แต่สักคนเดียว เตียงเดียวนั้นถูกเก็บพับจนเรียบโดยฝีมือพยาบาลท่านหนึ่ง เขาเอ่ยปากถามปากสั่นๆกับคนภายในห้อง

"คุณ..."

"คะ?  ติดต่ออะไรรึเปล่าคะ ? สอบถามดิฉันได้เลยค่ะ"คุณพยาบาลยิ้มต้อนรับอย่างเป็นมิตร

"ผมแค่จะถามว่า...คนที่นอนบนเตียงนี้เค้าไปไหนแล้วครับ ?"

"คุณเป็นญาตเขาหรอคะ ?"พยาบาลขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น

"เอ่อ...ผมเป็นคนรักของเขาครับ"

เธอมีสีหน้าตกตะลึงชั่วครู่และตอบรับอย่างรวดร็วผิดจากเมื่อกี้ลิบลับ"แล้วคุณไม่รู้หรอคะ ? ว่าเขาเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว"ดอกไม้ในมือร่วงหล่นลงพื้น ขาสั่นเทาเอาเสียดื้อๆ

พลันสมองอื้ออึงชั่วขณะ โลกที่มักจะผันเวียนทุกอย่างให้เข้าหาเรา คราวนี้มันค่อยๆ ผลักเราออกจากตรงนั้นได้อย่างไม่ทันตั้งตัว

แต่ก็ยังดีที่เสียงของคุณพยาบาลยังเข้าโสตประสาทบ้าง...

"เขา...เขาเป็นอะไร"

"หมอบอกว่าอาการของเราทรุดฮวบเมื่อเช้าค่ะ...ไข้สูงจนช็อคแล้วก็...เอ่อ"

"รีบๆ บอกมาสิครับ"

"คือว่าเค้า..."

"..."

"หยุดหายใจไปแล้วค่ะ"

สุดท้ายแล้วคำว่าพรุ่งนี้มันคงไม่มีจริงสำหรับผม...เพราะเขาอาจจะไม่หมุนเวียนกลับมาอีกก็ได้

ดอกกุหลาบสีเหลือง สื่อถึงความห่วงใยของผู้ให้ แสดงถึงความปรารถนาดี ต้องการให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขสดชื่น เขาตั้งใจจะนำมันมาให้อีกคนด้วยรัก...หากแต่คนที่เขารักกลับไม่อยู่รอเขาเลย

เขาช้าเกินไปสินะ...

น้ำตาที่ปะปนกับเหงื่อเเห่งความเหนื่อยหอบดังขึ้นไม่ขาดสายเพราะเขารีบเร่งวิ่งมาหาอีกคนตามทางที่คุณพยาบาลบอกเอาไว้ สองเท้าวิ่งอย่างสุดกำลัง เพื่อให้ถึงที่หมายโดยเร็ว

การอดทนรอไม่ได้เหนื่อยกายเท่าไหร่นัก หากแต่ใจมันช่างทุกข์ทรมานไปเสียเหลือเกิน เจ็บจริงๆ...เจ็บเหลือเกิน



::::::::::::::::::::::

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:อาจจะหานไปนายหน่อยก็อย่าว่ากันนะนะคะ มาลุ้นตอนสุดท้ายกันดีกว่าเนาะ ฝากติดตามคอมเมนท์ด้วยค่ะ

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เห้ยยยยย มิกซ์ต้องไม่เป็นอะไรสิ  :ling1: คงไม่จบแบบนั้นใช่ไหม

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่14


ในหลายๆ ครั้งเรามักจะพูดเสมอว่า ‘เดี๋ยว’ รอแล้วรอเล่าบางครั้งก็ไม่ได้ทำ และสุดท้ายบางครั้งเรามักจะเสียใจไปเลยตลอดชีวิต
วินาทีที่ผมเฝ้าฝันมาตลอดมันเหมือนหายวับไปกับตา มือที่ถือกุหลาบดอกนี้สั่นระริกอย่างไม่คิดจะห้าม เขาเดินมาหยุดข้างเตียงอีกคนที่แน่นิ่งพร้อมกับเครื่องช่วยหายใจที่ถูกปลดออก เหลือเพียงร่างบางที่ไม่มีพันธนาการใดๆ ผูกรั้งเอาไว้อีกต่อไปแล้ว
สุดท้ายก็ไม่ทัน…

สุดท้ายความใจร้ายของผมก็พรากเขาจากไปอย่างไร้วิธีที่จะยื้อ

น้ำตาเม็ดเป้งไหลลงมาอาบหน้า ถ้าคนที่เรารักตายไปโดยที่เราไม่อยู่ตอนนั้น ผมคิดว่ามันทรมานที่สุดในโลกเลย ฟ้าดินมันไม่เคยแยกกัน แม้มันจะอยู่คนละทิศแต่สุดท้ายมันก็จากกันไม่ได้ มันต้องมีกันและกันเสมอเพื่อความสมบูรณ์ของโลก
ผมเองก็เช่นกัน…

ในชีวิตที่ผมมีทุกอย่าง มีคนรอบข้างที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น ผิดกับอีกคนที่ไม่มีสิ่งพวกนั้นที่ผมมีเลยสักนิด ได้แต่ร่ำร้องให้ตัวเองมีแค่ผมเท่านั้น ซึ่งผมก็เป็นเพียงที่พึ่งเดียวและที่พึ่งสุดท้ายสำหรับเขา แต่ผมกลับ…ดูแลในสิ่งที่ควรถนอมไม่ได้เลย
ผมรู้ว่าเขาจะไม่คิดโทษผมหรอก เขาจะยิ้มบางๆ มาให้และบอกผมว่าไม่เป็นไรเสมอ จนตอนนี้ผมก็คิดแบบนั้นอยู่

ความเป็นความตายเป็นเรื่องธรรมดา ผมกุมมือเล็กเอาไว้แนบอกทั้งน้ำตาที่ไหลเอ่อ

“ได้โปรด…กลับมาหาเรานะ กลับมา…อึก…คิดถึงเราเหมือนตอนนั้น”

“…”

“มานั่งกินข้าวบนตักของเรา พูดคุยกันในเรื่องแต่ละวัน เล่นด้วยกัน ดูหนังด้วยกันสองคน…”

“…”

“เราไม่สัญญาอะไรอีกแล้วเพราะสุดท้ายเราก็ทำผิดพลาดอยู่ดี แต่เราขอบอกเลยว่าความรักที่เรามีให้กับมิกซ์ มันไม่เคยผิดสัญญาใดๆ เพราะเรารัก และห่วงหามิกซ์มาตลอด เราไม่เคยคิดโทษมิกซ์ที่ไปจากเราเลย เราอยากให้มิกซ์มีความสุข ต่อให้มิกซ์จากเราไปแบบนี้ก็ตาม…ฮึก”

“…”

“แต่ถ้าสิ่งที่มิกซ์ทำมันทำให้มิกซ์ไปสบาย เราก็ขอให้มิกซ์โชคดีนะ เราไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตาเลย แต่เรากลับเชื่อว่าทุกอย่างที่เราเจอมาด้วยกันมันเป็นสิ่งที่เขากำหนดไว้แล้ว เขากำหนดให้รัก เขากำหนดให้มิกซ์เข้าใจผิด ทุกอย่างมันกำหนดไว้แล้ว แม้มันจะไม่เป็นไปตามอย่างที่เราคิด แต่เราก็มีความสุขในช่วงเวลานั้นมาตลอด และเราก็คิดว่ามิกซ์ก็คิดเหมือนกัน”

“…”

“อาร์ท…รักมิกซ์นะครับ”ผมยิ้มบางกุมมืออีกฝ่ายแน่น และก้มลงประทับจูบแผ่วเบาเป็นครั้งสุดท้ายกับคนที่หมดลมหายใจไปแล้ว ความหวาดกลัวหรือรังเกียจศพไม่มีอยู่ในหัวผมเลยสักนิด เพราะความรักที่ผมมีมันเลยเถิดจากความรู้สึกพวกนี้มานานเหลือเกินแล้ว ความนุ่มหยุ่นที่เหมือนเดิมทำให้ผมเผลอน้ำตาร่วงบนหน้าของอีกฝ่ายจนได้ ผมเม้มปากอีกคนอย่างแสนรัก แค่คิดว่าพรุ่งนี้ไม่มีเขาอยู่กับผมอีก ทำไมมันจะรู้สึกเจ็บได้มากมายถึงขนาดนี้ ชีวิตของผมมันก็คงหยุดอยู่แค่นี้นั่นแหละ ผมหยุดแค่ที่เขา…
เพราะผมรักใครไม่ได้อีกแล้วตอนนี้ และนับจากนี้เป็นต้นไป…

จู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นเมื่อเสียงสะอื้นเบาๆ ดังในลำคออีกคน ในห้องนี้มีแค่ผมกับเขา มือผมรู้สึกถึงแรงบีบตอบที่ไร้เรี่ยวแรงเบาๆ แต่ความอุ่นวาบกลับพุ่งโถมเข้ามาในจิตใจอย่างไม่หยุด

“หมอครับ !”ชีวิตนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ แต่ตอนนี้ผมขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย…

ที่ปาฏิหาริย์ จะมีจริงสำหรับผม…

………

การตื่นมาในตอนเช้าเป็นอะไรที่วูบโหวงมาตลอด…แต่นั่นมันคือก่อนหน้านี้ที่เขายังอยู่ที่นั่น หลังจากวันนั้นที่เขารับรู้ถึงตัวตนของผม จู่ๆ เขากลับมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไม่น่าเชื่อ เขากลับมาหายใจอีกครั้ง และเขาพยายามอย่างหนักที่จะต่อสู้เพื่อกลับมา
นั่นยิ่งทำให้ความรักที่ผมมีต่อเขานั้นเพิ่มพูนขึ้นทุกวี่วัน ถ้าความรักมันมีหน่วยของมัน หน่วยของผมคงเป็น Infinity ที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน ผมก้มลงจูบหน้าผากอีกคนอย่างแสนรัก เรานั่งดูตะวันตกดินตั้งแต่ผืนฟ้ายังมีสีส้มอ่อนๆ จนตอนนี้มีแต่สีดำเทามาทดแทน อีกฝ่ายที่ดื้อนักก็ไม่ยอมให้ผมพาเข้านอน บอกว่าจะดูดาว คำพูดเจื้อยแจ้วที่ออกมาจากปากอีกคนนั้นทำให้ผมไม่อยากขัดใจ ตามใจอะไรได้ก็อยากทำ ไม่อยากให้เขาเสียใจอีก เพราะต่อให้ผมจะต้องเสียอะไรในชีวิตไป สิ่งหนึ่งที่ผมเสียไปไม่ได้แล้วก็คือ…คนที่ผมรัก

หลังจากวันนั้น อาการอีกคนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนทรงตัว ผมไปหาเขาทุกวัน เรียนเสร็จมา จนพยายามหรือแม้กระทั่งลุงยามที่โรงพยาบาลจำหน้าของผมได้ ความพยายามหลังจากวันนั้นเป็นผลมากยิ่งขึ้นเพราะอีกฝ่ายลืมตาตื่นมาหาผมแล้วก็ยิ้มให้ แววตาที่ดูอิดโรยบอกผมว่าเขาพยายามมามากแค่ไหนเพื่อจะได้กลับมาอยู่ที่นี่กับผมตรงนี้ ผมเรียกหมอให้เข้ามาดูอาการจนหมอกลับไป หมอบอกกับผมว่าความรักจากคุณทำให้เขากลับมา

ผมไม่เคยคิดดีใจอะไรขนาดนั้นมาก่อน จนตอนนี้ ผมก็ยังเชื่อว่าตราบใดที่ความรักของผมยังมีเขาอยู่ในนั้น มันก็คงจะสวยงามกว่าที่เป็นอย่างแน่นอน

ผมช้อนตัวอีกคนที่น้ำหนักลดลงไปมากจนตัวเริ่มจะซีดผอม ผมจะค่อยๆ ขุนเขาให้กลับมามีน้ำมีนวลเหมือนเดิม แต่ตอนนี้คงต้องนอนกอดคนที่ผมรักไปก่อนละกันนะครับ

แล้วคุณล่ะ เจอคนที่รักขนาดนี้หรือยัง อย่ารอคำว่าเดี๋ยวจนมันอาจจะสายเกินไป ความรักมันสวยงามก็ต่อเมื่อเราเห็นค่าของมันนะครับ

จบบริบูรณ์



ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด