#Re2love •20
“คุณท่านฟื้นแล้วครับ”
น้ำเสียงตื่นเต้นของทนายจักรดังมาตามสายของบ่ายวันหนึ่ง นั่นทำให้โฬมรีบรุดไปยังโรงพยาบาลทันที แม้จะบอกตัวเองให้รีบขนาดไหน แต่โฬมก็รู้แก่ใจดีว่าประสาทสัมผัสเขาเชื่องช้า ชายหนุ่มลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ นัยน์ตาลึกโหลบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงไม่ได้พักผ่อนจนเจ้าสามคนนั้นทักตอนที่พบเจอกันวันก่อน พวกนั้นโอดครวญที่เขาไม่แวะไปโฮมออฟฟิศเลย ถึงอย่างนั้นโฬมก็วางใจได้ว่างานที่สตูฯนั่น เจ้าสามคนนั้นสามารถจัดการได้เองโดยไม่ต้องมีเขา ไม่อย่างนั้นสภาพเขาคงย่ำแย่ยิ่งกว่านี้ ถึงแม้สภาพภายนอกจะดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ข้างในของเขามันเจ็บชาเหลือเกิน
‘งั้นเราก็เลิกกัน’ผู้ชายประเภทไหนกันที่ถูกบอกเลิกจากคนๆ เดียวถึงสองครั้ง
โฬมเม้มปากแน่น สงสัยว่าคนอย่างเขาคงต้องพิจารณาตัวเอง
เขาคงมีข้อบกพร่องอะไรบางอย่างที่อดีตคนรักรับไม่ได้
หึ น่าสมเพชยิ่งนัก!
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะตัวเองแรงๆ เพราะอยากให้ความคิดสับสันที่ล่องลอยเต็มหัวนั่นหลุดออกไปซะที เพราะการไม่อยู่กับร่องกับรอยมันเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตจริงๆ
โฬมจรดปลายเท้าอยู่หน้าพิเศษในโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อ ขณะที่กำลูกบิดประตูหมายจะเปิดเข้าไป เขาได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆ ของคนป่วย ความรู้สึกหนักหน่วงที่กดทับหัวใจตลอดในช่วงนี้ที่บิดาเข้าโรงพยาบาลค่อยบางเบาลง
อย่างน้อย...อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปเคาะโลงเรียกหาบิดาในวันที่สายเกินไป
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ ค่อยเดินเข้าไป น้าวาด เจ้าตรี เจ้าติณณ์ รวมถึงทนายจักรอยู่กันครบ โฬมยิ้มให้น้าวาดตอนที่ฝ่ายนั้นกวักมือเรียกให้เข้าไปหา ช่วงที่บิดาไม่ฟื้นน้าวาดแวะมาเยี่ยมเยียนทุกวันโดยไร้เงาภรรยาสาวคนใหม่
แววตาที่พ่อมองเขาและทุกคนตอนนี้ ทำให้โฬมนึกถึงวันวาน วันที่ยังไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ วันที่มีแค่ ‘ครอบครัว’ ความสุขเพียงหนึ่งเดียวที่มีมูลค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติมหาศาล
ทุกคนเหมือนจะรู้ว่าบิดาต้องการคุยกับเขาตามลำพัง เจ้าตรีเลยประคองน้าวาดเตรียมผละออก หญิงสูงวัยบีบมือเขาเบาๆ และยิ้มกว้าง ยิ้มทั้งปากและตา เป็นรอยยิ้มที่น้าวาดไม่เคยยิ้มมานานแล้ว
ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น
โฬมทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตอนที่ทุกคนออกไปแล้ว
“พ่อเป็นยังไงบ้างครับ”
“ฉันเหมือนตายแล้วเกิดใหม่”
“...”
“ฉันดีใจมากนะที่ตื่นมาเจอแม่วาด เจ้าตรี เจ้าติณณ์ รวมถึงแก”
แววตาอ่อนโยนที่พ่อมองมาทำให้โฬมจุกในลำคอ อดุลย์มองสำรวจบุตรชายซึ่งอยู่ในชุดสูทไม่คุ้นตาเอาซะเลย แต่มันคือภาพที่เขาอยากเห็นมานานและไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น ชายชราไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งที่เสาหลักอย่างเขาล้ม ลูกชายที่ประกาศตัวเกลียดชังทุกอย่างที่เขาสร้างมากลับรักษามันอย่างเต็มความสามารถ
มือเหี่ยวที่มีสายน้ำเกลือโยงยางเลื่อนไปกุมบ่าลูกชาย
โฬมก้มหน้านิ่ง พ่อฟื้นมาครั้งนี้คงทราบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เขาเชื่อว่าทนายจักรคงรายงานท่านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดุสิตาและบิดาถูกตำรวจเข้าจับกุมที่สนามบินขณะที่ทั้งคู่กำลังจะหนีออกนอกประเทศ บิดาถูกจับข้อหาปั่นหุ้น ยักยอกการประมูล มีหลักฐานมัดตัวคือลูกน้องเก่าลาออกไปแล้ว แต่โฬมสืบจนรู้แล้วส่งทนายจักรไปเจรจาให้เจ้านั่นมาเป็นพยานแลกกับการไม่ดำเนินคดี ขณะที่ดุสิตาหนีความผิดเพราะมีส่วนเรื่องที่บิดาเขาประสบอุบัติเหตุรถตกเขาเนื่องจากเบรกแตก แน่นอนว่ามันไม่ได้อุบัติเหตุแต่คือฝีมือคนทำ
“ฉันขอโทษ”
โฬมนิ่งไป ชายหนุ่มเงยหน้าสบตากับบิดาตรงๆ แววตาที่มองมาดูอาดูร
ขอโทษ...คำพูดง่ายๆ ที่เขารอฟังมันมานาน
คำขอโทษจากปากบิดาที่ควรจะเอ่ยออกมาตั้งแต่มารดาเขาเสีย
คำนี้ที่เฝ้ารอ...รออยู่เนิ่นนาน...รอจนกลายเป็นชินชา...จากชินชากลายเป็นความน้อยใจ
น้อยใจจนชิงชังทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อสร้างขึ้นมา
ขณะที่สมบัติทางวัตถุมากมายมหาศาล แต่สิ่งที่เขาอยากได้คือความห่วงใยจากบิดาที่หล่อเลี้ยงเด็กหนุ่มในวันวาน แต่เขากลับไม่เคยได้รับมัน โฬมเติบโตมาอย่างอ้างว้าง เขาถึงแข็งกระด้างเพียงเพื่อให้ “พ่อ” หันมามองกันบ้าง
พ่อเขาสร้างครอบครัวไม่แข็งแรงในวันวาน ดังนั้นผลผลิตมันถึงได้ไม่สมบูรณ์และบิดเบี้ยวเพราะไม่มีต้นแบบ แต่คำพูดที่ไม่มีเหลือแล้วทิฐิของบิดาเมื่อกี้ทำให้ผลผลิตอันแห้งแล้งกลับมาชุ่มชื้นได้อีกครั้ง
“โฬม...พ่อขอโทษ”
“...”
ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี เพราะรู้สึกว่าขอบตาเขาร้อนผ่าว
“ไม่เป็นไรครับ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เขาได้ยินเสียงพ่อสูดน้ำมูกฟืดฟาดแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“จักรบอกพ่อว่าแกเข้ามาดูแลทุกอย่างเอง”
“ครับ”
“ภาวนาว่าหายป่วยกลับไป กิจการมันจะไม่เจ๊งไปก่อน”
น้ำเสียงดูปรามาสแต่แววตาเต็มไปด้วยความภูมิใจตอนที่จ้องมองบุตรชาย โฬมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเบะปาก
“งั้นก็รีบหายเถอะครับ พ่ออยู่โรง’บาลนานๆ ระวังผมจะขายหุ้นทิ้งให้หมด”
“ไอ้ลูกบ้านี่”
อดุลย์ร้องลั่น นอกจากโฬมจะไม่ชักสีหน้าใส่แล้วมันยักคิ้วกวนๆ ใส่พ่อมันอีก
“แกนี่มัน” คนป่วยพึมพำ “เหมือนฉันไม่มีผิด”
“ผมก็ไม่ได้อยากจะเหมือนพ่อนักหรอก”
“ไอ้ห่าโฬม”
คนป่วยเผลอตะโกนจนรู้สึกจนหน้าอก เดือดร้อนโฬมต้องไปประคองให้ลงนอนเช่นเดิม
“นอนไปเลยพ่อ ทำอะไรดูสังขารตัวเองบ้าง”
“เออ”
คนป่วยทำหน้านิ่วยอมลงนอน แต่นั่นทำให้มีโอกาสสังเกตว่าบุตรชายหน้าตาซีดเซียวซ้ำนัยน์ตาลึกโหลเหมือนคนไม่ได้หลับได้นอน คิ้วสองข้างขมวดมุ่นเหมือนมีเรื่องขบคิดให้วุ่นวายใจ ชายชรามองภาพตรงหน้าแล้วนึกถึงลูกชายตัวน้อยในวันวาน
อดุลย์เพิ่งสังเกตว่ามันโตขึ้นขนาดนี้แล้ว โตจนเป็นที่พึ่งพาให้ใครต่อใครได้ มันโตขึ้นมาได้อย่างแข็งเข้มและสมเป็นลูกชายเขา แม้จะยอมรับว่าเขาเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง แต่ลูกอย่างมันกลับได้อย่างใจเขาที่สุด
“แล้วแกล่ะ ได้นอนบ้างรึเปล่า”
โฬมชะงักก่อนจะเม้มปากแน่น
มือเหี่ยวย่นบีบหัวไหล่ลูกชายเบาๆ แต่ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่ว
“บอกแต่ฉันให้นอน แกเองก็ต้องพักผ่อนบ้าง”
“...”
“แกห่วงพ่อ พ่อก็ห่วงแก ฉะนั้นกลับไปพักผ่อนบ้างเถอะลูก”
★ ☆★ ☆★ ☆
“หนูคิดถึงอาโฬมฮะ”
พิกเล็ตมุ่นหัวคิ้วทำปากจู๋ ขณะที่กำลังนั่งต่อเลโก้รูปปราสาทอยู่ แต่ชื่อของใครคนหนึ่งนั้นกระตุ้นให้พุฒิที่นั่งเหม่อลอยอยู่ใกล้ๆ กันเผลอปัดยอดปราสาทเจ้าหมูจนพังทลายลงมา
“โอ๊ะ”
เจ้าหมูทำหน้าตื่นตกใจจนหน้าเสีย
“พิกเล็ตลูก พ่อจ๋าขอโทษครับ พ่อจ๋าไม่ได้ตั้งใจ”
พุฒิละล้ำละลักพูดก่อนจะคว้าเจ้าหมูมากอดไว้
“ฮึก พ่อจ๋าแกล้งหนู”
พิกเล็ตเสียใจจนน้ำตาคลอเพราะเจ้าตัวตั้งอกตั้งใจต่อตั้งแต่เช้า
“พ่อขอโทษลูก”
พิกเล็ตกดจูบที่ขมับเจ้าหมูย้ำอยู่หลายที ขณะเดียวกันก็ลูบแผ่นหลังลูกน้อยไปมา เจ้าหมูทำหน้างอแต่ก็ซุกที่ซอกคอบิดาไม่ออกห่าง
“เดี๋ยวพ่อช่วยต่อให้ใหม่นะครับ”
“จริงเหรอฮะ”
“ครับ”
พุฒิจูบขมับลูกอีกที “พ่อขอโทษนะลูก เราดีกันนะครับ”
เจ้าหมูเช็ดน้ำตาป้อยๆ เห็นน้ำตาลูกแล้วพุฒินึกก่นด่าตัวเองที่คิดวนเวียนแต่เรื่องเดิมๆ จนเหม่อลอยแบบนี้
“ดีกันนะครับ พ่อจ๋าไม่ได้ตั้งใจ”
“ฮะ”
พิกเล็ตโกรธง่ายหายเร็ว เด็กน้อยยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วของบิดา พุฒิเกาหัวแกรกๆ ตอนที่พยายามจับวางให้ลงล็อกแล้วทำไม่ได้สักที จากตอนแรกที่จะช่วยลูก แต่ไหงกลายเป็นเพิ่มภาระให้เจ้าหมูก็ไม่รู้
“พ่อจ๋าต่อผิดฮะ”
พุฒิยิ้มแหยทันที รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ค่อยมีสมาธิเอาซะเลย
“ต้องต่ออันนี้ก่อนนะฮะ”
“ครับ”
เขาทำตามที่ลูกสอน
“คิดถึงอาโฬมจัง” พิกเล็ตเริ่มจ้อ “อาโฬมเก่งสอนหนูต่อจนเสร็จเลย”
“...”
พุฒิกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
ไม่มีวันไหนที่พิกเล็ตจะไม่ถามถึงโฬม ตั้งแต่วันที่เขาขอยุติความสัมพันธ์ เจ้านั่นก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย
“เมื่อไหร่อาโฬมจะมาหาหนูอ่า”
พ่อลูกหนึ่งน้ำตารื้อ
“เขาไม่กลับมาหรอกลูก”
“ทำไมฮะ”
พิกเล็ตทำหน้าสงสัยก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นใบหน้าบิดา
“พ่อจ๋าร้องไห้”
“หา?”
พุฒินั่งนิ่งจนกระทั่งมือน้อยๆ ของลูกแนบกับใบหน้าเขา เมื่อนั้นแหละพุฒิถึงรู้ตัวว่าตัวเองปล่อยน้ำตาให้ไหลริน
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะฮะ”
มือกลมป้อมกรีดน้ำตาให้เขาเลียนแบบจากที่เคยเห็นบิดาทำให้ตนเอง
“ใครแกล้งพ่อจ๋าจนร้องไห้ฮะ”
พิกเล็ตพูดจาเป็นตุเป็นตะ
“บอกหนูมานะฮะ เดี๋ยวหนูไปจัดการให้เอง”
เจ้าหมูชูกำปั้นพร้อมลุย
พุฒิรวบตัวเจ้าหมูมากอดแนบอก เขาร้องไห้โดยไม่มีเสียง เล่นเอาลูกน้อยมึนงงว่าบิดาเป็นอะไร มือน้อยลูบหลังเขาแบบที่เคยเห็นบิดาทำกับตน นั่นยิ่งทำให้พุฒิห้ามน้ำตาตัวเองได้ยากลำบาก
“อะไรกันล่ะสองพ่อลูก”
คุณพรรณีเอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งลูกทั้งหลานกอดกันกลมขนาดนี้ พุฒิรีบปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากมารดาต้องเป็นกังวลไปด้วย แค่แม่ต้องรับรู้ว่าเขามีปัญหากับคนรักนั่นก็มากเกินพอแล้ว
“ฝากพิกเล็ตสักครู่นะครับแม่”
หญิงชราถอนหายใจรับตัวเจ้าหมูกอดไว้ แล้วมองตามหลังบุตรชายที่เดินหนีเข้าห้องน้ำ แต่ท่าทางก่อนไปนี่สิ ต่อให้เด็กอนุบาลอย่างพิกเล็ตยังรู้เลยว่านั่นคืออาการของคนที่ร้องไห้มาหมาดๆ
.
.
พุฒิถอนหายใจมือจับด้ามไม้ฟองน้ำสำหรับล้างแก้ว เขาถูฟองน้ำไปตามขอบแก้วซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นราวกับคนกำลังใช้ความคิด
‘สายตาคนอื่น คำพูดของคนอื่น มันก็แค่ฝุ่นละอองที่ผ่านเข้ามาอย่าเก็บมาใส่ใจนักเลย’คำพูดของมารดาเขาสว่างวาบขึ้นมาในหัว อาการประหลาดของพุฒิตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้คุณพรรณีเธอทนไม่ได้ต้องจับเข่าคุยกัน แม่ไม่ได้ดุว่าเขาแต่อย่างใด แม่แค่พูดกับเขาแค่ประโยคเดียวนั่นแหละ และนั่นทำให้พุฒินึกถึงคำพูดของแม่ที่เคยบอกกับเขาก่อนหน้านี้ว่า
‘สายตาคนอื่น ความคิดหรือความรู้สึกคนอื่นที่เข้ามากระทบอาจจะบั่นทอนเราไปบ้าง แต่ให้ชั่งใจฟังอย่างมีสติ เพระความรักเป็นเรื่องของคนสองคน หากมีคนที่สามซึ่งไม่ว่าจะเข้ามาในสถานะใดก็ตามก้าวเข้ามา ถ้าเราจับมือกันไม่แน่นพอ สุดท้ายเราก็ต้องปล่อยมือ’ใช่ สุดท้ายเราต้องปล่อยมือกัน
เพราะเขาเองที่ไม่หนักแน่นพอ
พ่อลูกหนึ่งอยากจะทึ้งหัวตัวเองแรงๆ สักครั้ง ทั้งที่รู้ว่าตัวเองผิด แต่กลับนิ่งเฉยปล่อยให้เวลามันผ่านเลยมาจนครบอาทิตย์แล้ว
ขี้ขลาดไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ
พุฒิถอนหายใจแรงๆ แล้วก้มลงไปขัดแก้วอีกรอบหนึ่ง อาการย้ำคิดย้ำทำนั่นไม่พ้นไปจากการสังเกตของป้องที่ยืนประจำอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เด็กหนุ่มมองพุฒิขยี้หัวตัวเองและวนกลับไปล้างแก้วอยู่อย่างนั้นสามสี่รอบแล้ว
“พี่ล้างแก้วสี่รอบแล้วนะครับ”
“อ้าวเหรอ”
พุฒิยิ้มแหย เขาล้างน้ำรอบสุดท้ายก่อนจะวางแก้วให้สะเด็ดน้ำตรงชั้นวางข้างๆ ซิงค์ล้างจาน
“มือเหี่ยวเลยพี่”
พุฒิก้มมองนิ้วมือตัวเองที่เหี่ยวจนซีด
“เหี่ยวเป็นกล้วยตากแห้งเลย”
“เช็ดมือก่อนเถอะครับ”
พุฒิพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนจะคว้าเอาผ้าขี้ริ้วแถวนั้นมาเช็ด ทำเอาป้องร้องห้ามแทบไม่ทัน
“ผ้าเช็ดมืออยู่นี่ครับ”
“แหะ”
“วันนี้พี่โก๊ะจัง”
พุฒิยิ้มแหย
“พอดีคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“มีเรื่องไม่สบายใจเหรอครับ”
“ก็นิดหน่อย”
ป้องไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อน้องมันแค่หันมายิ้มให้เขาแล้วจัดโน่นจัดนี่ไปเรื่อย
“เราเคยทำผิดกับใครมากๆ แล้วอยากขอโทษเขามั้ย” พุฒิพูดขึ้น “แต่เราไม่กล้าพอ”
“เคยสิครับ”
ป้องตอบ
“แปลกเนอะ แค่คำว่า ‘ขอโทษ’ ทำไมถึงพูดยากจัง”
“มันขึ้นอยู่กับว่าคนที่รับคำขอโทษจากเราคนนั้นเขาเป็นใครครับ สำคัญกับเราแค่ไหน ยิ่งรู้สึกผิดมาก คำขอโทษมันเลยยากที่จะพูดออกไป”
พุฒิถอนหายใจ
“เขาสำคัญมาก..”
พุฒิพึมพำ “สำคัญเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิต”
“ไปขอโทษเขาเถอะครับ พี่โฬมเขารักพี่ยังไงเขาก็ต้องให้อภัยพี่ได้”
“อืม”
เดี๋ยวนะ!
เมื่อกี้เขาไม่ได้พูดถึงชื่อโฬมเลยนี่หน่า พุฒิหันไปสบตากับเจ้าป้องเห็นแววตาระยิบระยับจากน้องเขาก็ได้แต่ถอนใจ
“เรารู้ได้ไงว่าเป็นโฬม”
“ผมเดาเอาน่ะครับ เห็นพี่โฬมไม่มาที่นี่เลยเป็นอาทิตย์แล้ว”
“อื้อ ต้นเหตุมันมาจากพี่เองแหละ”
“ผมถามอะไรพี่สักอย่างได้มั้ยครับ”
“ถ้าตอบได้นะ”
ป้องหัวเราะน้อยๆ
“พี่พุฒิกับพี่โฬมเคยคบกันมาก่อนเหรอครับ”
“สมัยเรียนน่ะ..”
พุฒิอมยิ้มเมื่อนึกถึงความรักในครั้งอดีต
“นานน่าดูเลยนะครับ”
“อื้อนาน” พุฒิพึมพำ “แต่จำได้ไม่ลืมเลย”
“ใครจีบใครก่อนเหรอครับ”
พุฒิหูแดงและทำหน้าเลิ่กลั่กจนน้องมันขำให้
“พี่ไม่ได้จีบเจ้านั่นก่อนแน่นอน”
“แล้วทำไมถึงใจอ่อนให้พี่โฬมล่ะครับ”
ทำไมน่ะเหรอ?
‘ผมชอบพี่’
‘ขออนุญาตจีบนะครับ’
พุฒินึกถึงความรักแล้วเผลอยิ้มออกมา
โฬมน้องใหม่ปีหนึ่งที่โดดเด่นจนใครต่อใครสนใจ แต่เจ้านั่นกลับทำเฉย ทั้งๆ ที่มีคนมากมายผ่านมาให้รู้จัก พุฒิชอบที่เจ้านั่นซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองเสมอ
‘อื้อ จีบสิ’ก็แค่อยากจะแหย่คืน ใครจะไปคิดว่ามันจะจีบเขาจริงๆ
เป็นจีบที่ทำให้เขาใจสั่นที่สุดในชีวิต
เจ้าเด็กนั่น!
“ถ้าคิดว่าความรักของพี่มันยังหวานอยู่ กลับหาคนที่ทำให้มันรู้สึกแบบนั้นเถอะครับ”
“...”
“คนที่ทำให้เราจำความรักและความดีของเขาได้ไม่ลืม มันมีแค่คนๆ เดียวเท่านั้นแหละครับ ถ้าไม่คว้าเขาเอาไว้ พี่แน่ใจเหรอครับว่าจะไม่เสียใจ”เสียใจสิ
เขาต้องเสียใจแน่ๆ ถ้าไม่พยายามรั้งโฬมเอาไว้
แต่เขาจะไม่เสียใจเลย หากวันนี้เขากล้าพอที่กลับไปแก้ไขความผิดของตัวเอง
ป้องยิ้มน้อยๆ และโบกมือให้พี่พุฒิที่วิ่งไปที่รถแล้วแต่ยังอุตส่าห์กลับมาขอบคุณเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะมุ่นหัวคิ้วให้สายเรียกเข้าในมือถือ
‘กาย’ คือชื่อของสายเรียกเข้า
.
.
‘ถ้าคิดว่าความรักของพี่มันยังหวานอยู่ กลับหาคนที่ทำให้มันรู้สึกแบบนั้นเถอะครับ’ตอนที่ฟังมันก็รู้สึกฮึกเหิมอยู่หรอก แต่เอาเข้าจริงพุฒิก็มานั่งหงออยู่ใต้คอนโดแห่งหนึ่ง
พ่อลูกหนึ่งกุมมือตัวเองแน่น ไม่ต่างจากริมฝีปากที่ขบเม้มอยู่ตอนนี้ ในหัวกำลังคิดหาข้ออ้างให้ตัวเองว่าทำไมถึงโผล่มาที่นี่
เกือบสองชั่วโมงที่มานั่งรออย่างใจเย็น
พุฒิรับรู้ถึงสายตาของนิติบุคคลที่มาทางเขาอยู่ พวกเธอคงแปลกใจที่เห็นคนแปลกหน้าอย่างผมโผล่มาที่นี่ ข้างนอกมืดแล้ว ยิ่งทำให้มือเขาชื้นเหงื่อ
จากสองชั่วโมงกลายเป็นสี่ชั่วโมง
สาวๆ หน้าเคาน์เตอร์เดินมาสอบถามจนได้ความว่าผมรอใครสักคน พวกเธอจึงได้ล่าถอยไป
สี่ทุ่มแล้ว
พุฒิจ้องเข็มนาฬิกาตรงผนังหน้าเคาน์เตอร์แล้วถอนหายใจ
วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของเขา
สุดท้ายพ่อลูกหนึ่งผุดลุกขึ้นเตรียมกลับ จังหวะนั้นใครบางคนที่รอคอยก็เดินสวนเข้ามาพอดี
โฬมชะงักไปเมื่อเห็นเขา
พุฒิพยายามส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ทั้งที่รู้สึกตัวมือไม้เกะกะไปหมด เขาสูดลมหายใจเข้าไปก่อนจะรวบรวมกำลังใจพูดมันออกมา
“ขะ..”
“มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”
พุฒิกลืนคำขอโทษลงคอ ตอนที่คำพูดไร้เยื่อใยหลุดออกมาจากปากอีกฝ่าย พุฒิเหมือนคนหายใจไม่ออก เมื่อเห็นปฏิกิริยาเฉยชาจากอีกฝ่าย
โฬมไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนี้
สายตาที่ว่างเปล่า
พุฒิอาการคล้ายคนหายใจไม่ออก
“แค่บังเอิญผ่านมาทำธุระแถวนี้น่ะ” พ่อลูกหนึ่งเม้มปากจนเจ็บ
“งั้นเหรอครับ”
โฬมพยักหน้ารับ
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับแผ่นหลังกว้างก็ค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ
‘โฬม’
‘พี่ขอโทษ...กลับมาก่อนได้มั้ย’นั่นเป็นเสียงที่เขาพูดในใจที่พุฒิไม่ได้เปล่งมันออกไป
อุตส่าห์นึกหาบทสนทนามาแทบตาย สุดท้ายได้คุยไม่ถึงนาทีเขาก็เดินจากไปแล้ว พุฒิกำมือแน่นพยายามกลั้นน้ำตาคลอหน่วยตาอยู่ตอนนี้ไม่ให้มันไหลลงตรงนี้ เขาหันหลังออกไปโดยที่ไม่รู้ว่าว่ามีสายตาของใครบางคนมองตามหลังมา
โฬมถอนหายใจ
แค่เห็นหน้าคนรักอยู่ตรงหน้าเขาก็แทบจะลืมเลือนเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกัน
พุฒิจะรู้ตัวมั้ยว่าแค่เจ้าตัวทำหน้าเศร้า เขาก็แทบอยากจะรั้งอีกฝ่ายมากอดแนบอกแล้ว
‘แค่บังเอิญผ่านมาทำธุระแถวนี้น่ะ’
แต่คำตอบของอดีตคนรักนั่นดึงสติเขาให้กลับมา
พี่พุฒิแค่บังเอิญมา...ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาหาเขา
อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง
อย่าคิด...ถ้าไม่อยากเจ็บอีกครั้ง
สายตาที่บ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวของคนรักในวันที่เลิกรา โฬมยังจำได้ติดตา ถ้าการที่เรายังดำเนินความสัมพันธ์แล้วทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องทนหวาดระแวง สู้แยกทางกันไปจะดีกว่า อย่างน้อยถึงความสัมพันธ์แบบคนรักจะยุติ แต่หวังว่าอย่างน้อยเราจะรู้สึกดีๆ กันต่อในฐานะอื่น
ฐานะอื่นที่โฬมไม่อยากจะเป็น
ให้ตายเถอะ...เขาชินซะแล้วกับการเป็นคนรักของ ‘พี่พุฒิ’ มันถึงยากจะทำใจหากต้องเปลี่ยนสถานะระหว่างกันได้
ยากเกินไปจริงๆ
★ ☆★ ☆★ ☆
มาม่าอืดเต็มท้องเลย อย่าโกรธนังพี่พุฒิเยอะนางสำนึกผิดไม่ทันแย้ว (เสียงนุ้งหมูพิกเล็ต)
หวีดในทวิตติดแท็ค #Re2love ด้วยเด้อ