#Re2love •22
พุฒินั่งตัวลีบอยู่ในคอนโดห้องชุดสุดหรู ระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง จนมาหยุดสายตาอยู่ที่ร่างเจ้าของห้องซึ่งยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่กลางห้องท้าทายสายตาเขาเหลือเกิน พ่อลูกหนึ่งแอบกลืนน้ำลายแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทั้งที่พยายามไม่สนใจ แต่ปฏิกิริยาทางร่างกายก็ชัดเจนคือการที่แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว
พุฒิสะดุ้งโหยงตอนที่โฬมมานั่งทรุดตัวลงที่โซฟาตัวเดียวกัน ชายหนุ่มจิกเล็บตัวเองอย่างไม่รู้จะจัดการอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
“นั่งเกร็งขนาดนั้นไม่เมื่อยเหรอครับ”
“ฮื่อ”
พุฒิก้มหน้างุดๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างกันยังไง
“มีอะไรจะสารภาพกับผมหรือเปล่าครับพี่พุฒิ”
พุฒิทำหน้าตื่นอ้าปากพะงาบๆ
“ถ้าพี่ไม่พูด ผมพูดเองดีกว่า เมื่อวานนิติบุคคลบอกว่าพี่มานั่งรอผมเกือบสี่ชั่วโมง ไหนบอกว่าแค่มาทำธุระแถวนี้ไงครับ”
คราวนี้พ่อลูกหนึ่งก้มหน้าจนจะชิดอก โฬมเลยใช้ปลายนิ้วดันคางอีกฝ่ายขึ้น ก่อนจะโน้มใบหน้าไปใกล้ๆ
“โกหกกันนี่หน่า”
“พี่ขอโทษ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ทุกเรื่อง”
“แล้ว...”
“เมื่อวานก็ตั้งใจมาหา แต่โฬมทำท่าแบบนั้นพี่เลยใจแป้ว”
“ผมทำแบบไหนครับ”
คราวนี้โฬมขยับเข้าไปใกล้กันมากกว่าเดิม
“ทำเหมือนไม่มีพี่ในสายตาเลย”
“ผมทำแบบนี้จริงๆ เหรอเนี่ย ไม่รู้ตัวเลยแฮะ”
พุฒิย่นจมูก
“โฬมเย็นชาจนพี่กลัว” พุฒิถอนหายใจ “กลัวว่าโฬมจะตัดใจจากพี่แล้วจริงๆ”
โฬมยิ้มมุมปากก่อนจะใช้มือสางไปตามเส้นผมอ่อนนุ่มของอีกฝ่าย
“ทำไมถึงกลัวผมจะตัดใจล่ะครับ พี่เองไม่ใช่เหรอที่บอกเลิกผมน่ะ”
น้ำเสียงโฬมคล้ายกับแซว แต่คนฟังถึงกับทำหน้าสลด
“ขอโทษนะ”
“พี่พุฒิ”
โฬมสัมผัสได้ว่าคนรักนิ่งไปเลยรวบตัวอีกฝ่ายมากอด
“พี่ขอโทษนะโฬม ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอโทษที่พูดไม่คิด ขอโทษที่เป็นฝ่ายทิ้งโฬม ขอโทษนะทั้งที่พี่แก่กว่าเราแท้ๆ กลับไม่มีความหนักแน่นอะไรเลย”โฬมเกลี่ยน้ำที่เอ่อคลอรอบดวงตาของคนรักให้อย่างแผ่วเบา
“พี่ขอโทษที่สร้างความทรงจำที่ไม่ดีให้กับโฬมเลย พี่ขอโทษจริงๆ”
“พอแล้วครับ พี่ขอโทษผมเยอะเกินไปแล้วครับ”
“แต่เรื่องนี้พี่ผิด”
“ชู่ว”
โฬมเลื่อนปลายนิ้วไปปิดทับริมฝีปากอีกฝ่าย
“ถ้าจะถามหาคนผิด เราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ พี่ผิดที่พลั้งปากพูดออกไปแบบนั้น ขณะที่ผมก็ผิดที่ไม่รับฟังเหตุผลพี่เลย เราทะเลาะมันเรื่องปกติพี่ เพราะทุกความขัดแย้งมันทำให้เรารับรู้ตัวตนกันมากขึ้น”
“พี่มันขี้ขลาด”
พุฒิพูดเสียงสั่น
“พี่กลัวสายตาคนอื่น กลัวคำพูดของคนอื่น พี่กังวลใจไปกับเรื่องเหล่านั้นจนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนข้างกาย”
พอได้พูดแล้วทุกอย่างเหมือนกับพรั่งพรูออกมา นั่นเพราะพุฒิไม่อยากให้ระหว่างเรามีความเคลือบแคลงสงสัย ไม่อยากให้ความไม่เข้าใจบั่นทอนชีวิตรักอีก
“มีใครพูดอะไรกับพี่จนเก็บเรื่องนี้ไปคิดมากใช่มั้ยครับ”
พุฒิเม้มปากพยักหน้าน้อยๆ
“เขาแค่แนะนำให้พี่ออกไปจากชีวิตของโฬม ก่อนที่เราจะเดือดร้อน แล้วก็พูดเรื่องของเรากับพิกเล็ตว่าลูกจะรับได้มั้ย”
“แล้วยังไงต่อครับ”
โฬมพูดยิ้มๆ ตอนที่พุฒิสูดน้ำมูกจนหูแดง
“พี่รู้แล้วโฬม ว่าชีวิตเป็นของพี่ คำพูดหรือสายตาคนอื่นไม่สำคัญเท่ากับคนที่อยู่เคียงข้างพี่มาตลอด”
“แล้วเรื่องลูกล่ะครับ”
พุฒินิ่งไป โฬมเลยกุมมือเขาไปบีบเบาๆ
“พี่ปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้หรอก ถ้าต้องโกหกลูกวันนี้ วันข้างหน้าพี่ก็ต้องโกหกไปเรื่อยๆ พี่จะค่อยๆ อธิบายให้เขาเข้าใจ ถึงพี่จะไม่เหมือนพ่อทั่วไป แต่พี่ก็รักเขาที่สุด”
“ผมรู้”
โฬมกระซิบข้างหูเขา
“พิกเล็ตโชคดีที่มีพ่อที่รักเขายิ่งกว่าชีวิต”
พุฒิพยักหน้าหงึกๆ ตอนที่ซุกใบหน้าไปกับอกแข็งแรงของคนรัก
“พี่เชื่อใจผมมั้ย”
“อื้อ”
“เชื่อใจผมใช่มั้ยว่าจะจับมือพี่กับลูกเอาไว้ให้นานที่สุด”
“เชื่อ”
พุฒิบอกโฬมเสียงอู้อี้เพราะกอดอีกฝ่ายแน่น
“พี่เชื่อใจโฬมที่สุด”
“งั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย”
พุฒิร้องไห้โฮเลยทีนี้ เดือดร้อนให้โฬมต้องปาดน้ำตาที่ไหลนองเต็มใบหน้าให้ ตอนนี้โฬมทั้งมึนทั้งขำคนสูงวัยกว่าที่ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาจนเขาจับทางไม่ทัน เจ้าตัวสะอึกสะอื้นเหมือนภาพจำลองเจ้าพิกเล็ตตอนโตไม่มีผิด
น่ารักเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย ให้ตายเถอะ
“ฮึก โฬม”
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำเสียงอ่อนโยน
“ทั้งที่พี่ใจร้ายกับเราขนาดนี้ ฮึก”
“ทำไงได้ล่ะครับ ผมรักพี่ไปแล้วนี่”
พูดแล้วก็ขำตัวเอง นึกว่าการขอเริ่มต้นครั้งนี้จะทำให้พ่อลูกหนึ่งลิงโลด ที่ไหนได้ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเหมือนตอนได้ดูแลเขาครั้งแรกที่ป่วยไม่มีผิด โฬมยิ้มน้อยๆ เกลี่ยปลายนิ้วไปตามแก้มขาวอย่างแผ่วเบา
“โฬม”
พุฒิโชคดีเหลือเกิน
ทั้งที่ทำผิดมาตั้งหลายรอบแต่คนนี้ๆ ยังอยู่ที่เดิม และพร้อมจะที่ให้อภัยเขาเหมือนเดิม
‘โฬม’
ผู้ชายที่เป็นรักแรกและรักสุดท้ายของเขา
พุฒิมองภาพใบหน้าคมคายที่โน้มมาใกล้จนจนหน้าผากชนกัน ริมฝีปากหนาไล่จูบเบาๆ ที่เปลือกตาทั้งสองข้างของเขา คนสูงวัยกว่าหลับตาพริ้มยินยอมพร้อมให้ให้คนรักมอบสัมผัสที่อบอุ่น
“คำตอบของพี่ล่ะครับ”
“ช่วยถามพี่อีกทีได้มั้ย”
“เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ”
ทิ้งไปเถอะอดีตที่ไม่น่าจดจำ
ทิ้งมันไปความรู้สึกเจ็บปวดที่กันกินหัวใจเราให้เจ็บปวด
ทิ้งไปเถอะทิฐิ...แล้วมาเริ่มต้นความรักครั้งที่สาม ครั้งสุดท้ายของเรา
“ตอบผมสิครับ ช้าไปแล้วจะเสียใจไม่รู้ด้วยน้า พี่ไม่รู้รึไงว่าผมนี่สเป็คสาธารณะเลยนะ”
“โอ๊ย”
โฬมแกล้งร้อง ขณะที่พุฒิเบะปากหลังจากทุบอกอีกฝ่ายไปเต็มๆ หนึ่งที
“โดยเฉพาะสาวรุ่นพี่ใช่มั้ย”
พุฒิแอบแซะชายหนุ่มกับบุศรินทร์
“ทำใจหน่อยนะครับ ก็คนรักของพี่มันน่ากินน้อยซะเมื่อไหร่”
“หลงตัวเองชะมัด”
พุฒิบ่นอุบอิบ
“แล้วใครคนรักนาย ยังไม่ได้ตกลงสักหน่อย”
โฬมมันเขี้ยวเลยดันร่างสูงให้นอนราบไปกับโซฟา โดยที่ตัวเองขยับไปคร่อมทับ
“ไม่ตอบก็จูบ”
จุ๊บ!
พ่อลูกหนึ่งอ้าปากค้างกว่าจะรู้สติจะกลับมาก็ตอนที่โฬมโน้มใบหน้ามาจูบเขารอบที่สอง
“ฮื่อ”
“ตอบสิครับ”
โฬมเม้มริมฝีปากล่างของคนรักเป็นการหยอก
“อื้อ”
“ขอบคุณที่ตกลง”
ตกลงตอนนี้ไหนวะ พุฒิจะประท้วงแต่โฬมขยับมาบดริมฝีปากเขาแรงๆ จากที่แค่หยอกเย้าแค่ภายนอก ตอนนี้โฬมหลอกล่อคนผู้อายุกว่าจนฝ่ายนั้นยอมเปิดปากให้เขาเกี่ยวกระหวัดหยอกล้ออยู่ในโพรงปาก
“ฮื่อ”
“มันเขี้ยว”
“โฬม”
“จูบล้างรอยจูบของไอ้เด็กนั่น”
เจ้าคิดเจ้าแค้นไม่มีใครเกิน
พุฒิลูบแขนโฬมเบาๆ ก่อนจะหอบหนักๆ เมื่อโฬมยอมผละออกจากริมฝีปากเขา พ่อลูกหนึ่งคว้ามือชายหนุ่มมาแปะแก้มตัวเองแล้วถูไปมาเป็นเชิงอ้อน
“พี่ไม่ระวังตัว ขอโทษนะโฬม แต่พี่กล้ายืนยันอีกครั้งว่าพี่เอ็นดูน้องมันในฐานะน้องชาย และมันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป”
“เราจะทะเลาะกันเรื่องเด็กนั่นเป็นครั้งสุดท้ายครับ”
พุฒิงับที่ปลายจมูกคนรักเบาๆ
“เพราะผมเชื่อใจพี่”
อบอุ่นใจ
ทั้งคู่นอนกอดกันอยู่บนโซฟา แล้วโน้มใบหน้ามาจูบกันทุกนาที
เสียงเนื้อตัวเสียดสีกันนั่นเร้าอารมณ์เบื้องหลังของโฬม ชายหนุ่มรู้สึกตัวเหมือนถูกกระตุ้น เขาเลยปะป่ายฝ่ามือไปลูบไล้เรือนกายของคนรักอย่างมีอารมณ์ แรงสะกิดที่ยอดอกนั่นทำให้พุฒิครางเสียงกระเส่า
“พี่พุฒิ”
โฬมกระซิบข้างหูเสียงแหบพร่า
“ไปในห้องกันนะครับ”
พุฒิไม่ตอบแต่ยื่นมือไปโอบรอบคออีกฝ่าย นั่นเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจ โฬมจูบขมับคนรักเบาๆ แล้วอุ้มร่างนั้นขึ้นแนบอกไปยังห้องนอนที่อยู่ไม่ไกล เสียงเครื่องปรับอากาศหึ่งๆ บ่งบอกว่ามันกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ โฬมใจสั่นตอนที่เห็นคนรักในสภาพนอนหงาย ในหัวเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความคิดที่ว่าพุฒิน่าจับน่าขยำไปทุกสัดส่วน
คนวัยเกือบสี่สิบทำไมทำท่าทำทางไม่ประสาได้ขนาดนี้ นัยน์ตาคู่ใสคลอไปด้วยน้ำตาที่เกิดจากอารมณ์เบื้องต่ำ ปลายนิ้วแข็งแรงเขี่ยกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด เหมือนว่าตัวเองกำลังแกะห่อขนมหวาน ซ้ำยังเป็นขนมหวานที่รู้ดีแก่ใจว่าน่ากินเกินห้ามใจ
แน่นอนว่าโฬมเองก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้เช่นกัน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ตอนนี้ก็ไม่สามารถยับยั้งอารมณ์พลุ่งพล่านของเขาได้ โฬมปวดกึ่งกลางร่างกายจนอยากระบายใส่ร่างข้างใต้ ไม่ต่างจากพุฒิที่ท้องไส้ปั่นป่วนทุกข์ทรมาน แต่เป็นความทรมานที่เสียวซ่านและพาใจสั่น
โฬมโน้มใบหน้าไปจูบพุฒิอีกครั้งแล้วล่าถอยมาปลดเปลื้องร่างกายของตัวเอง ร่างสูงใหญ่เหลือเพียงคลาวินเคลนสีดำติดกาย พุฒิทำตาเบิกโพลงก่อนจะเบือนหน้าหนี ความร้อนทั่วร่างไหลเวียนมากระจุกที่แก้มทั้งสองข้างจนแดงเรื่อ
ร่างสูงก้าวขึ้นมาคร่อมร่างพุฒิแล้วไล่ฝ่ามือไปตามเรียวขาก่อนจะตะปบที่ซิปกางเกงแล้วรูดมาลงมาจนสุด พุฒิผวาเลื่อนตัวหนีเพราะเขินอายเมื่อกางเกงยีนสีเข้มหลุดออกจนขาเรียว เขาจนมุมเมื่อโฬมโน้มใบหน้าไปจูบที่กึ่งกลางร่างกายของพุฒิ
“อ๊ะ”
พุฒิสะดุ้งตัวโยน ทั่วทั้งร่างเหมือนมีกำลังไฟหลายหมื่นโวลต์วิ่งวนไปมา
โฬมใจเต้นแรงตอนที่จับจ้องร่างกายคนรักซึ่งดิ้นพล่านเมื่อเขาลงลิ้นไปทั่ว พุฒิผวาดันไหล่โฬมให้ ออกห่างแล้วหนีบขาหนี แต่ลิ้นร้ายกาจยังตามไประราน
“ฬะ โฬม”
“ครับ”
“ไม่ไหวแล้ว”
“งั้นปล่อยมือจากไหล่ผมสิครับ”
พุฒิหลับตานิ่งส่ายหน้าหวือ ท่าทางขัดเขินจนตัวจะระเบิดถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยินยอมพร้อมใจกับเขาแต่โดยดี โฬมเห็นแบบนั้นเลยแกล้งขยับถอยออกห่างเพื่อสังเกตปฏิกิริยาคนขี้อาย พุฒิตัวสั่นจนอยากระบาย แต่คนขี้แกล้งกลับถอยห่าง
“โฬม”
“ครับ”
“ฮึก”
“พี่อยากได้อะไรบอกผมสิครับ”
“โฬม...ไม่ไหว”
พุฒิเสียวจนน้ำตาคลอ
“กลับมา ฮึก กลับมาทำให้เสร็จนะ”
โฬมอยากขำแต่ต้องกลั้นเสียงเอาไว้ เมื่อคนขี้อายพ่ายต่อแรงอารมณ์ โฬมจูบซับน้ำตาคนรักแล้วซึมซับความเสน่หาระหว่างกัน
ให้ตายเถอะ พี่พูดแบบนี้อย่าหวังว่าจะขอยุติได้กลางคันเลยนะ
พุฒิหลับตาตอนที่ร่างกายทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว สีหน้าเจ็บปวดทรมานนั่นทำให้โฬมนึกสงสารจนต้องผ่อนแรง
“อ๊ะ”
“ผมรักพี่”
จากแค่ขยับเนิบนาบเปลี่ยนเป็นความถี่ที่รุนแรงขึ้น พุฒิหัวสั่นหัวคลอนแต่โฬมก็ยังเดินหน้าเต็มกำลังจนพ่อลูกหนึ่งรู้สึกดีเผลอครางออกมา
“พี่รัก...”
พุฒิขยับไปจูบอีกฝ่ายตอนที่ทั้งคู่ถึงปลายทาง
“พี่รักโฬม”
โฬมยิ้มกว้างกดจูบที่หน้าอกอีกฝ่าย แล้วแนบใบหน้าฟังเสียงลมหายใจ
เสียงหัวใจที่เต้นไปพร้อมๆ กัน
ไม่ว่าปลายทางจะทอดยาวไปไกลแค่ไหน
ทั้งคู่จะจับจูงและเดินเคียงข้างกันไป
โฬมนอนกอดพุฒิจากด้านหลังแล้วไล่จูบต้นแขน หัวไหล่ ก่อนจะวนกลับมาที่แผ่นหลังบางนั่นครั้งแล้วครั้งเล่า พุฒินอนตะแคงตัวหันมาเผชิญหน้ากับคนรัก ทั้งคู่พูดหยอกล้อกันแล้วเงยหน้าจูบกันอยู่ร่ำไป
กลิ่นความรักฟุ้งกระจายไปทั้งห้อง
★ ☆★ ☆★ ☆
ป้องขยับตัวยุกยิกรู้สึกตัวตื่นในบ่ายวันต่อมา ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะและไม่สบายตัวปลุกเขาให้รู้สึกตัว ซ้ำแรงรัดจากคนที่นอนซ้อนหลังยังทำให้รู้สึกอึดอัดจนร้อน แก้มทั้งสองข้างแดงวาบเมื่อระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาเอี้ยวตัวหันไปมองใครอีกคนที่อาศัยฟูกเดียวกันนอนหลับสนิท ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้ามันเบาๆ ด้วยเกรงว่าจะรบกวนการนอนของอีกฝ่าย
“กาย”
“...”
“กูให้มึงหมดทุกอย่างแล้วนะ”
ป้องพึมพำเสียงแผ่ว จมูกเขาร้อนขึ้นมาเพราะแวบหนึ่งเกิดความไม่มั่นใจว่าถ้ามันตื่นขึ้นมาแล้วระหว่างเราจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน
“ทุกอย่างที่กูมี กูให้มึงทั้งหมดแล้วจริงๆ”
ชายหนุ่มกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำใสๆ ที่กำลังเอ่อคลอดวงตา
“กูไม่รู้ว่าตื่นมามึงจะรู้สึกยังไง แต่ขออย่างเดียว อย่ามองกูด้วยสายตาเกลียดชังกว่าเดิมได้มั้ย”
ป้องฝืนยิ้มทั้งน้ำตาแล้วจูบขมับมันเบาๆ กายขยับตัวเหมือนจะรู้สึกตัว นั่นทำให้ป้องรีบลนลานคว้าหาเสื้อผ้ามาใส่อย่างว่องไวแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป
ปกติป้องเป็นคนอาบน้ำไว!
แต่วันนี้เขาใช้เวลาขัดตัวเองอยู่ในห้องน้ำเกินครึ่งชั่วโมง ร่างโปร่งพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะตัดสินใจล้างสบู่ แล้วเตรียมออกไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
ความจริงที่ไม่มีทางย้อนกลับไปที่จุดเดิมได้
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วกายยังคงหลับสนิทอยู่ เขาได้แต่ถอนหายใจเพราะยังนึกหาบทสนทนาระหว่างกันไม่ออก
ก็ดีแล้วที่มันยังไม่ตื่น
แต่เดี๋ยวนะ!
ทำไมมันถึงนอนกระสับกระส่ายแบบนั้น ป้องมุ่นหัวคิ้วก่อนจะกระโจนเข้าไปสำรวจมันใกล้ๆ ใบหน้าของกายซีดเผือด ไม่ต่างจากริมฝีปากที่ขาวซีดจนแทบเป็นกระดาษ พอสัมผัสเนื้อตัวก็ถึงกับชักมือกลับแทบไม่ทัน เพราะมันร้อนเป็นไฟราวกับมีพิษไข้สุมตัว
ไม่แปลกที่มันจะเป็นไข้ ก็เมื่อวานเล่นซัดเหล้าไปขนาดนั้นพอตกดึกตอนอาบน้ำเย็นอีก อีกอย่างมันยังเสียแรงไปกับเขาไม่น้อย คิดถึงตอนนี้ใบหน้าขาวก็แดงวาบ
หน้าสิ่วหน้าขวานยังคิดเรื่องสัปดนได้อีก เขาทึ้งหัวตัวเอง
“กาย”
ป้องลองเขย่าเรียกมันเบาๆ กายคอยปรือตามองเขาท่าทางมันจะเป็นไข้จริงๆ
“มึงตัวร้อนจี๋เลย”
“ปวดหัว”
มันพึมพำ
“ปวดหัวจะระเบิด”
ป้องหน้าเสียเมื่อได้ยินอาการของมัน
“มึงลุกไหวมั้ย กูจะพาไปโรงพยาบาล”
“อื้อ”
“กายได้ยินกูมั้ย”
ป้องร้องลั่นก่อนจะเขย่าตัวมันให้ตื่นแล้วประคองตัวมันให้ลุก
“ไม่ไป”
“มึงว่าไงนะ”
“ไม่ไปโรง’บาล”
“แต่มึงไม่สบายหนักมากนะ”
“ไม่”
“ขอร้องกาย กูขอร้อง”
ป้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ไปโรง’บาลนะ”
สีหน้าเหยเกของป้องนั่นทำให้คนป่วยใจอ่อนยวบ ชายหนุ่มลูบไล้ใบหน้ามันเบาๆ
“งั้นสัญญา”
“อะไร”
กายยิ้มน้อยๆ ถึงแม้เสียงมันจะสั่นสะท้านชวนให้ตึงครียด แต่น่าแปลกนักที่หัวใจพลันสงบเมื่อได้ยินเสียงของมัน อาจจะเป็นเพราะพิษไข้หรืออะไรก็ตาม แต่ทุกอย่างที่หล่อหลอมเป็นมันทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก มันดีมาก ดีจนหลงลืมวันเวลาที่เคยเกิดเรื่องเลวร้ายระหว่างเรา
ดีจนอยากจะกุมมือเอาไว้ ดีจนเผลอคิดว่าอยากจะฝากหัวใจอีกสักครั้ง
“สัญญาว่ามึงจะไม่ทิ้งกูไปไหน”
ป้องพยักหน้ารัวๆ
“สัญญาว่ากูตื่นขึ้นมา กูต้องเห็นมึงเป็นคนแรก”
“กูสัญญา”
กายยิ้มทั้งที่หลับตานิ่ง กายยิ้มเพราะป้องให้คำมั่นสัญญา
และต่อให้มันจะไม่รักษาสัญญาอีกครั้งก็ตาม กายก็ขอยอมเสี่ยง
เขายอมเสี่ยงถ้าคนๆ นั้นคือป้อง
เพราะมันคือคนที่โอบกอดและพร่ำบอกเขาในวันที่อ้างว้าง
แม้ในหัวของกายตอนนี้จะปวดจนแทบจะระเบิด แต่เขาจำได้ว่าป้องปลอบโยนเขาทั้งคืน น้ำใจของมันกำลังลบเลือนความเจ็บปวดที่ผ่านมา
ความรัก ความเมตตาของมันทำให้หัวใจที่เจ็บช้ำจากหลายๆ เรื่องได้รับการเยียวยา ความปรารถนาดีของมันลบเลือนเงาความอบอุ่นของพี่พุฒิให้เลือนลาง ครั้งหนึ่งกายหลงดีใจไปกับความอบอุ่นของพี่พุฒิจนเผลอปลาบปลื้มไปกับความรู้สึกนั้น แต่วันนี้ เวลานี้ความรู้สึกนั้นช่างบางเบา
เพราะความรัก ความห่วงใยของมันกำลังทลายวันคืนที่อ้างว้างและเติมเต็มเขาอย่างแท้จริง
“อย่าเป็นอะไรนะกาย”
กายได้ยินเสียงสะอื้นของมัน แต่น่าแปลกที่เขากลับยิ้มออกมา
ถ้ามึงรักษาสัญญา กูก็จะรักษาสัญญาว่าจะไม่เป็นอะไรให้มึงต้องเสียใจ
กูสัญญา
★ ☆★ ☆★ ☆
อีกสองตอนก็จบแล้ววว
หวีดในทวิตติดแท็ค #Re2love ด้วยนะจ๊ะ