Loveless Society เพราะรัก.....ออกแบบไม่ได้ (บทที่ 47) จบแล้วจ้า - 31/12/2011
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Loveless Society เพราะรัก.....ออกแบบไม่ได้ (บทที่ 47) จบแล้วจ้า - 31/12/2011  (อ่าน 57002 ครั้ง)

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 46 Because You're The Best

   วันคืนแห่งเทศกาลความสุขผ่านไปอย่างอ้อยอิ่ง บนถนนแห่งแสงสีที่เต็มไปด้วยรถราและไฟประดับต้นคริสต์มาส ทำให้ถนนสาทรพอมีสถานที่น่าเที่ยวชมอยู่บ้าง งานอีเว้นท์เพื่อฉลองคริตส์มาสของแบรนด์ซูเม่ อินเตอร์เนชั่นนอลสาขาประเทศไทย ที่จัดขึ้นบนสะพานสกายวอล์คเหนือถนนสาทร มีแกลอรี่งานอาร์ทขนาดย่อมที่เหล่าดีไซน์เนอร์ของแบรนด์ชื่อดังมาร่วมกันแบ่งปันผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทศกาลที่น่าเฉลิมฉลองนี้
   คืนวันคริสต์มาสอีฟเริ่มต้นด้วยแฟชั่นโชว์จากคอเลกชั่น Diamond Winter เซ็ทพิเศษจากซูเม่ ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษจากเจนจิราที่ส่งคอเลกชั่นส่วนตัวของเธอมาถึงงานอย่างสุดพิเศษ และรวมถึง Visual Light & Sound ที่ฉยยิงขึ้นท้องฟ้ายามราตรีด้วยแสงสีสุดตะการตา และสุดแสนจะอบอุ่นจากกายสิทธิ์พ่อมดแห่งวงการที่ตั้งใจสื่อแสงสีที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพวาด Loveless Society ของคนที่เขากล่าวว่า เป็นคนสำคัญที่อยู่แดนไกล
   หรือแม้แต่เซ็ทภาพศิลป์จากอดีตชมรมนักศิลป์อิสระ ที่ดูเหมือนจะจัดตั้งขึ้นอีกครั้งโดยศิลปินร่วมจาก Art & Virtual กับ Lovable Studio ที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบๆงาน อวดสีสันแดงและเขียวอยู่บนผืนผ้าแคนวาส และที่ตั้งโดเด่นอยู่ท่ามกลาง ภาพเหล่านั้นก็คือ Loveless Society นั่นเอง
   อากาศที่หนาวเย็นกว่าทุกปีทำเอาผู้ร่วมงานในวันคริสต์มาสค่อนข้างบางตาลง การซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตั้งแต่หัวค่ำในช่วงวันคริสต์มาสนี้จึงเป็นทางเลือกที่น้อยคนนักจะมาเสพย์งานศิลป์เอาในเวลานี้ ดังนั้นจึงมีแค่คนในวงการไม่กี่คนที่เดินเตร็ดเตร่ไปมาในงานแบบนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกายที่อยู่ในชุดที่สุดแสนจะธรรมดาด้วยชุดกันหนาวที่สวมฮูทขึ้นบนศรีษะ ชายหนุ่มเดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆงานจนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่บนต้นคริสต์มาสที่ตั้งตะหง่านอยู่ใจกลางของงาน กายยืนมองมันอยู่อย่างนั้นหลายนาที
   “คุณกาย" เสียงอันคุ้นหูปลุกให้ตื่นขึ้นจากภวังค์
   กายหันไปหาเจ้าของเสียงนั้นทันที เป็นคนที่เขาเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง ในเวลาที่ดึกดื่นของคือนที่เจ็บปวดท่สุดในชีวิต
   “คุณฟ้า" กายทักเบาๆ พลางยื่นมือไปจับทักทายกับเธอ
   “ดีใจจังที่ได้พบคุณอีก ฉันต้องได้เจอคุณเอาตอนแปลกๆทุกทีเลย" ฟ้าว่า
   “แล้วตอนนี้ผมแปลกไปยังไงล่ะครับ" กายถามพลางยิ้มกว้าง
   “ก็...ดูคุณ เป็นคนปกติธรรมดามากๆ ถ้าฉันไม่ได้เพ่งมองดูตั้งนานก็ไม่รู้เลยนะว่าเป็นคุณ" ฟ้าว่าพลางหัวเราะ "เสื้อหนาวสวยดีนะคะ"
   “ขอบคุณครับ" กายตอบ "นี่ยังตามเป็นแฟนผมอยู่แน่เลย ขนาดผมปลอมตัวมาแล้วนะเนี่ย"
   “คุณเป็นพ่อมดนะคะ" ฟ้าว่า "ยังไงก็ยังมีออร่าอยู่รอบๆตัวคุณอยู่ดีนั่นล่ะ"
   กายหัวเราะพลางหันกลับไปมองต้นคริสต์มาสอีกครั้ง
   “แล้ว.....เรื่องที่คุยกันไว้คราวที่แล้ว" ฟ้าพูดขึ้น "คุณได้บอกเขาหรือยังคะ ว่าคุณติดตามเขามาตลอด คนสำคัญของคุณน่ะ"
   กายหันมามองเธอด้วยสายตาเบิกกว้าง
   “บอกแล้วครับ" กายว่า "ผมบอกในแบบของผม แล้วสงสัยว่าเขาคงไม่ชอบมั้ง ก็เลยเผ่นไปซะไกลแสนไกลแล้วล่ะ"
   ฟ้าหัวเราะเบาๆ
   “แย่จังยะคะ" ฟ้าว่า ก่อนจะงเียบกันไปพักนึง
   “ครับ" กายว่า "อันที่จริงแล้วก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอก ผมก็ยังเป็นแฟนตัวยงของเขาอยู่ดีแหละครับ แค่บางทีอาจจะเข้ากันไม่ได้ล่ะมั้ง ผมเลิกคิดเรื่องนั้นแล้วล่ะครับ"
   “คอนเซปต์งานนี้คุณเป็นคนคิดหมดเลยเหรอคะ" ฟ้าถาม "Loveless Society ชัดมากเลยนะคะ"
   “ครับ ผม....ว่าผมเข้าใจความหมายของมันมากขึ้นแล้ว ก็เลยอยากลองตีความออกมาใหม่ดู แล้วก้ออกมาเป็นอย่างที่เห็นวันนี้แหละครับ" กายว่า "คุณว่ายังไงล่ะ"
   ฟ้ามองไปรอบตัว
   “มันอบอุ่นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ" ฟ้าว่า "อาจจะเป็นเพราะว่าคุณมาแทรกกลิ่นอายของคริสต์มาสเข้าไปด้วยล่ะมั้ง"
   “งั้นเหรอครับ" กายว่า
   “แต่มันยังไม่สมบูรณ์" ฟ้าว่า "เหมือนว่ามันอาจจะยังขาดอะไรไปล่ะมั้ง"
   กายเงียบเสียงลง
   “ขาดความหวังค่ะ ใช่แล้ว" ฟ้าพูดต่อ กายหันกลับมามองเธอทันที
   “คิดงั้นเหรอครับ" กายถามเธอ
   “ค่ะ คุณน่าจะเติมมันเข้าไปหน่อยนะฟ้าว่า แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ งานออกมาแล้ว ไว้แก้ตัวครางหน้าก็ได้" ฟ้าว่า "งานปีใหม่คุณจะทำอีกไหมล่ะคะ"
   “ไม่ทำแล้วครับ" กายว่า "ปีใหม่นี้ผมอยากใช้เวลาเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆซะที"
   “อ่อ...งั้น อธิษฐานกันไหมคะ" ฟ้าว่า "อธิษฐานกับต้นคริสต์มาสนี่"
   “อ...อะไรนะ" กายทึ่งในอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว
   “ลองดูสิคะ" ฟ้าว่า "การอธิษฐานน่ะ เป็นการสร้างความหวังให้ตัวเองอย่างนึงนะคะ คุณไม่เคยขอร้องใครไม่ใช่หรอ ลองขอร้องจากต้นคริสต์มาสนี่ดูก็ได้"
   “จะดีเหรอครับ" กายว่า
   “อีกนิดเดียวน่าคุณกาย คุณก็จะเข้าใจทั้งหมดของ Loveless Society แล้ว ขาดแค่เรื่องความหวังเท่านั้นเอง" ฟ้าว่า
   “แล้วถ้าผมหมดหวังไปแล้วล่ะครับ" กายถามต่อ
   “ไม่จริงหรอกค่ะ" ฟ้าว่า "ฟ้าเชื่อว่า มันยังหลงเหลือ ความหวังที่ยังเหลืออยู่ในตัวของคุณ ไม่อย่างนั้นคุณไม่ทำงานที่แตกประเด็นจาก Loveless Society มาได้ไกลขนาดนี้หรอกค่ะ เชื่อฟ้าเถอะ ลองดูค่ะ"
   กายหันหน้ามาหาต้นคริสต์มาสอีกครั้งพลางทำหน้าสงสัย
   เขาไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้เลยมาทั้งชีวิต และไม่เคยคิดแม้แต่จะทำ
   เขาไม่เชื่อในความหวังใดใด หากเขาไม่แน่ใจแล้วว่ามันมีทางเป็นจริงได้บ้าง แต่เรื่องแบบนี้มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้ มันไร้สาระเกินไป


   หากคืนคริสต์มาสคือคืนแห่งความหวังจริงๆ ผมไม่เคยขออะไรเลยทั้งชีวิตนี้ ถ้าวันนี้ผมต้องขอกับอะไรอย่างนี้ ผมขอแค่เรื่องเดียวก็แล้วกัน....

   ขอให้เขากลับมาหาผมทีได้ไหม.....
   แค่คืนเดียวก็ยังดี.....
….......

   ผู้คนบนสกายวอร์คลหมดลงโดยสมบูรณ์เมื่อถึงเวลาแห่งคริสต์มาสผ่านไป ความวุ่นวายเริ่มบางตาขณะที่กายเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนสาทรเพื่อเดินไปยังรถของตัวเองที่เขาแอบจอดเอาไว้ในที่ของร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาเดินเล่นยามค่ำคืนบนถนนสายนี้เป็นประจำหลังจากเลิกงาน เขาจะนั่งคร่าเวลาอยู่ที่ออฟฟิศพี่สุเมธอย่าไม่จำเป็นจนกระทั่งดึกดื่น และค่อยออกมาเดินตามถนนสาทรพร้อมกล้องถ่ายรูปตัวโปรด ไล่ตั้งแต่สกายวอร์คที่ตอนนี้สถานที่จัดงานเหลือเพียงต้นคริสต์มาสตั้งตะหง่านเท่านั้นไล่ไปจนถึงสะพานตากสินทุกๆคืน  ทุกตึกที่เขาเดินผ่านต่างมีต้นคริสต์มาสเรียงรายและเต็มไปด้วยไฟหลากสีสัน ที่ประดับตามต้นไม้ อากาศที่หนาวเย็นลงเรื่อยๆ ทำให้เขาถึงกับต้องซุกตัวลวกับเสื้อหนาวที่อบอุ่น
   คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคมแล้ว เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ ราวกับว่าวันเวลาของปีนี้เดินทางมาหยุดได้ประจวบเหมาะอะไรแบบนี้ วันสิ้นปีและวันปีใหม่เป็นเสาร์ อาทิตย์ ดังนั้นวันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของปี วันสุดท้ายแล้วของทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ กายยังคงยืนมองต้นคริสต์มาสที่เขาอธิษฐานเมื่อวันคริสต์มาสอยู่อย่างนั้นทุกๆวัน ในเวลาดึกๆแบบนี้ ยืนมองวันมาวันนี้เป็นวันที่ 6 แล้ว ราวกับจะรอปาฎิหารย์อะไรซักอย่างให้เกิดขึ้น
   เขาถอนหายใจหนึ่งครั้งพลางออกเดินไปตามถนนเส้นเดิมที่คุ้นเคย



   มิกเก็บข้าวของของตัวเองบนโต๊ะทำงานในบ่ายที่ไม่ถึงกับร้อนระอุ แต่เหงื่อที่ท่วมตัวเกิดจากการไล่เก็บข้าวของของตัวเองที่รกจัดเกินไป ให้ลงกล่อง เพื่อบอกลาสตูดิโออันเป็นที่รักแห่งนี้เป็นวันสุดท้าย อาร์มแวะเข้ามาช่วยเขาเมื่อเช้า ด้วยสีหน้าแช่มชื่น ก่อนจะขอตัวออกไปสยามเพื่อจัดอีเว้นท์ปีใหม่ที่พารากอน หนุ่มน้อยหัวใจสีชมพูสวมกอดมิกอย่างพอเป็นพีธี เพื่อเป็นการร่ำลา เธอปาน้ำตาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้าง พร้อมบอกกับมิกว่าไม่ต้องเป็นกังวลใดใดทั้งสิ้น เธอโอเคแล้วกับการอยู่ที่นี่ต่อไปโดยไม่มีมิก เธอสัญญาว่าจะทำงานออกมาให้ดียิ่งๆขึ้น ไม่ให้เสียชื่อสตูดิโอสามแห่ง Lovable Studio อย่างแน่นอน
   มิกไม่ได้เทียวไปเช็คอะไรกับห้องของเจ๊ผึ้งอีกแล้ว ตามความจริงก็คือสำหรับเรื่องความหวังที่เหลืออยู่ มันเริ่มหมดไปตั้งแต่วันพุธแล้วด้วยซ้ำ เขามีอะไรๆต้องจัดการก่อนเขาไปมากเกินไป จนไม่เหลือที่ว่างในสมองให้นึกถึงเรื่องอื่นๆอีก เจ๊ผึ้งหายไปกับครอบครัวตั้งแต่ต้นสัปดาห์เพื่อไปฉลองเทศกาลอันหน้ายินดีนี้ที่เชียงใหม่ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอัตราการจ้างพนักงานใหม่ของ Lovable Studio แล้ว
   หมดหน้าที่ของเขาแล้วจริงๆ
   ชาหยนุ่มหยิบเอาแฟลชไดรฟ์ที่คนสำคัญของเขาทำให้ขึ้นมา ยิ้มให้กับมันครั้งหนึ่งก่อนจะเก็บมันลงไปที่กระเป๋ากางเกง
   สิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือความทรงจำที่มีคุณค่า
   รูปถ่ายทุกใบที่เขาได้จากแฟลชไดรฟ์อันนี้ทุกอัดปรินท์แปะเอาไว้ที่กระเป่าเดินทางอย่างหนาแน่นทุกใบ หรือแม้แต่บทเพลงขอบคุณกันและกันที่ถูกใช้เป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาไปด้วย
   เขาไม่มีทางลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่แน่ๆ
   ไม่มีวัน.....



 
   กายถ่ายรูปดวงไฟที่ปรับเบลออย่างประณีตและตรวจเช็คอีกครั้ง พ่อมดในชุดแสนจะธรรมดาที่เดินอยู่ริมถนนอย่างค่ำคืนแบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากช่างภาพอิสระที่เดินไปตามถนนอย่างไม่มีจุดหมาย เขาทำมันไปเรื่อยๆอย่างใจเหม่อลอย อย่างน้อยๆก็ต้องมีอะไรที่เขาต้องทำบ้าง เพื่อไม่ให้หัวสมองต้องคิดถึงเรื่องอะไรๆอีก
   เลี้ยวที่หัวมุมถนน ชนเข้ากับชายคนหนึ่งที่วิ่งมาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวเอาไว้ไม่ทัน
   “ขอโทษครับ" ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวขอโทษ พลางเดินจากไป เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
   คำพูดอันรีบร้อนและดูคุ้นหูแบนั้นส่งสัญญาณบางอย่าง ชายหนุ่มคนนั้นจะรีบเร่งอะไรขนาดนั้นนะ แต่เมื่อหันหลังกลับไปเพื่อมองดูให้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ชายหนุ่มคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว




   มิิกปิดผนึกกล่องของตัวเองใบสุดท้ายก่อนจะยกมันออกไปรถกระบะขนของที่จอดรออยู่หน้าออฟฟิศแล้ว แอนและฝ้ายจากฝ่ายประชาสัมพันธ์เป็นเพียงสองคนที่มายืนส่งเขา เธอส่งลาเขาด้วยแววตาชื่นมื่น อย่างน้อยๆวันนี้ก็มีคนมาส่งเขาบ้าง ในช่วงเทศกาลที่มีแต่คนหยุดไปเที่ยวกันแบบนี้
   เขากลับเข้ามาในสตูดิโออีกครั้งเพื่อหยิบกระเป๋าของตัวเอง เขาหันหลังกลับไปมองสตูดิโอเป็นครั้งสุดท้าย หัวใจของเขารู้สึกโหวงขึ้นมาอย่างประหลาดอีกครั้ง ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งก่อนจะเดินไปปิดประตูสตูดิโอแล้วล็อคลง มิกลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลงหน้าแมคในตำแหน่งที่เขากะเอาไว้ว่าคนสำคัญที่เคยส่งข้อความให้เขา จะนั่งอยู่ตรงนี้ เปิดโปรแกรมอัดวีดีโอขึ้นมาเพื่อทำอะไรบางอย่าง


   “หวัดดีเอิร์ธ" มิกพูดขึ้น "นี่พี่เองนะครับ....ค....คนดี"

   กายเดินย้อนรอยเท้าของตัวเองเมื่อกี้ด้วยสัญชาตญาณ บางทีความหวังอาจจะไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้นก็ได้ หรือบางทีเขาจะลองเสี่ยงดูกันนะ


   “ว....วันนี้...พี่ต้องไปจากที่นี่แล้ว" มิกพูดต่อ "มีอะไรๆเกิดขึ้นที่นี่เยอะมาก แล้ว พี่เองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่ายังไงดี แบบว่า....พี่ต้องไปทำงานที่ปารีสแล้ว อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วนะ พี่....พี่เห็นเราอัดวีดีโอทิ้งไว้ที่นี่ก่อนที่จะไป พี่ก็เลยอยากจะทำมั่ง........
   เอิร์ธ พี่รักเรามากนะ....พี่ขอโทษที่ไม่มีโอกาสบอกว่าพี่จะต้องไปแล้วเร็วกว่านี้ แต่ที่ผ่านมา ตั้งแต่เราจากกัน พีก็รอมาเสมอ หวังว่าเราจะกลับมาที่นี่ กลับมา....อยู่ด้วยกัน.....แต่พี่รอนะ......พี่รอเรามาทุกวันเลย......รวมวันนี้แล้วก็ 194 วันพอดี แต่....พี่ก็ต้องไปแล้ว......”



   กายมองเห็นชายหนุ่มคนนั้นแล้ว ชายหนุ่มที่เดินเงอะเงิ่นอยู่ใต้หมวกคลุมศรีษะเพื่อกันหนาว ชายหนุ่มคนนั้นกำลังมุ่งหน้ากลับไปที่ต้นคริสต์มาสเหนือสี่แยกสาทรตรงนั้น


   “ไม่รู้ทำไมพี่มีความเชื่อมั่นแปลกๆ ว่าแกจะต้องกลับมาเอิร์ธ พี่ก็เลยอยากจะบอกแกผ่านวีดีโอนี้ เผื่อว่าวันนึงแกกลับมาทำงานที่นี่ ว่า......
   พี่ดีใจเสมอที่เราสองคนมีเวลาดีดีรวมกันในสตูดิโอเล็กๆนี่ และพี่ก็ขอบคุณที่เรารักพี่.....แกคือคนที่ดีที่สุดสำหรับพี่นะคนดี......
   ลาก่อนนะเอิร์ธ....แล้ววันนึงเราคงได้พบกัน"



   กายยืนอยู่บนเชิงสะพานสาทร ขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นเดินไปหยุดอยู่หน้าต้นคริสต์มาสต้นนั้น กายมองร่างนั้นเขม็ง หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างที่ไม่เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว เต้นรัวเหมือนที่ปารีสเมื่อสี่เดือนก่อน..
   เต้นรัวเหมือนตอนที่เขาพบคนสำคัญของเขาครั้งแรกจริงๆเมื่อตอนต้นปี...
   เต้นรัวเหมือนค่ำคืนที่หมู่บ้านที่แสนห่างไกล...


   ชายหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองดาวที่อยู่บนยอดต้นคริสต์มาสก่อนจะก้มหน้าลง
   เขาเอื้อมมือขึ้นมาถอดฮูทที่ศรีษะตัวเองออก
   และ........
…...........

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 47 Loveless Society


   มิกหลับตาลงพลางลุกขึ้นไปกดจบการบันทึกของวีดีโอ ตอนนี้หมดเวลาของเขาจริงๆแล้ว เขาลุกขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตาด้วยความคิดถึงจับใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะถ่วงเวลาอยู่ที่นี่ไปมากกว่านี้แล้ว อย่างที่หลายๆคนบอกเขา หรืออย่างที่คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรก
   ไม่มีใครกลับมาหาเขาแน่นอน
   ยิ้มให้กับความเสียใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสียงเคาะประตูอย่างรัวเป็นกลองก็ดังขึ้น กระจกฝ้าของประตูมีสีชมพูลอดมาให้เห็นลางๆ มิกส่ายหัวหนึ่งครั้งก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูรับเรื่องที่น่าจะเร่งด่วนของอาร์ม
   “ว่าไง" มิกเปิดประตูออกไปพบกับอาร์มที่ตกใจเล็กน้อย
   “อ้าวเฮียยังไม่ไปอีกเหรอ แล้วนี่ล็อคประตูทำไมเนี่ย" อาร์มถามขึ้น มิกทำท่าเงอะเงิ่นอยู่พักนึง
   “ก็ว่าจะถ่ายรูปสตูเก็บไว้ไง ก็เลยจะปิดแสงเอาสวยๆ" มิกแถไป อาร์มทำหน้าเหยเก
   “ต๊ายโรแมนติกกับเค้าเป็นด้วยนะเฮีย ถอยไปที หนูลืมของอ่ะ ให้ตายสิ" อาร์มว่า มิกหลีกทางให้กับอาร์มพลางหันหลังกลับไปที่โต๊ะตัวเองเพื่อหยิบของชุดสุดท้าย
   “นี่ๆ มาช่วยยกด้วยสิยะ เจ๊ผึ้งไม่ได้ส่งนายมาให้ยืนเฉยๆนะ" อาร์มออกเสียงโวยวาย "เข้ามาแล้วก็หวัดดีพี่มิกเค้าซะด้วย พี่เค้าเคยอยู่ที่นี่แล้วกำลังจะไปแล้ว นายกำลังจะมาแทนเค้านะ"
   เหมือนอะไรบางอย่างดึงเอาห้วงเวลารอบๆตัวมิกให้ไหลย้อนกลับอีกครั้ง ชายหนุ่มยืดตัวตรงพลางหันหลังกลับไปยังประตูที่อยู่ด้านหลัง
   รอยยิ้มอันกวนประสาทและใบหน้าที่ขาวสะอาดเกลี้ยงเกลาของเด็กหนุ่มขาวตี๋ร่างกายกำยำยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู ส่งรอยยิ้มกริ่มและดวงตากลมโตเบิกกว้างมาให้มิก เขายืนมองภาพสะท้อนจากจิตใต้สำนึกของตัวเองอยู่นานอย่างนั้น มันชัดเจนจนร่างกายสั่นไหว ชัดเจนจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้
   “หึหึ" เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น "โต๊ะสะอาดขึ้นนะพี่"
   อาร์มหันควับมามองมิกและน้องจูเนียร์ดีไซน์เนอร์คนใหม่ทันที
   “นี่เจ้าเอิร์ธ พูดกับพี่มิกเค้าอย่างงั้นได้ยังไงกันเนี่ย" อาร์มโวยวายเสียงดัง "มาช่วยกันขนของตรงนี้ไปที่รถเร็วๆเข้าเลย ใบสุดท้ายแล้ว"
   อาร์มเดินขนของเต็มไม้เต็มมือพลางเดินผ่านร่างของเจ้าของเสียงนั้นไป
   แล้วก็เข้าสู่ความเงียบ มิกยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เอิร์ธก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองมิกด้วยสายตาหล่อพิฆาตใจ แต่ทว่ามันไม่มีผลอะไรกับมิกในตอนนี้แล้ว
   “โห...ไม่สำเร็จแหะ" เอิร์ธพูดติดตลก "สงสัยลืมเราแล้วแหงม"
   มิกเดินตรงรี่เข้ามาหาเอิร์ธก่อนจะดึงร่างเด็กหนุ่มเข้ามาสวมกอดเอาไว้ทันที มิกหลับตาลงพร้อมกับหลั่งน้ำตาลงเบาๆ เขาปล่อยผ่ายความรู้สึกที่อยากจะบอกร่างตรงหน้าเขาตรงนี้ว่า เขาคิดถึงเอิร์ธมากมายแค่ไหน
   “ใจเย็นพี่มิก" เอิร์ธกระซิบที่ข้างหูเบา "ผ...ผมมาแล้วพี่....ผมอยู่นี่แล้ว"
   มิกไม่มีคำพูดใดใดออกมา เขากอดเอิร์ธอยุ่อย่างนั้น เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง น้ำตาเอ่อคลอ เมื่อร่างกายรับรู้ถึงความรู้สึกที่ปล่อยผ่านมา มันเอ่อล้นเสียจนเขาไม่อาจจะปล่อยให้ผ่านไปได้
   “ผมรู้แล้วพี่มิก....” เอิร์ธตอบ "ผม....ผมก็คิดถึงพี่ครับ.........ผมคิดถึงพี่ทุกทุกนาทีเลย.......ผม....ผมขอโทษนะพี่ที่...."
   “ไม่ต้องพูดแล้ว" มิกกอดน้องเอาไว้อย่างนั้น "ไม่ต้องพูดแล้วเอิร์ธ.......”
   มิกลูบหัวของเอิร์ธทันที เขาหลับตาซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้อีกครั้ง
   “...พ....พี่จะไปแล้ว......” มิกว่า "….พี่ต้องไปแล้ว......ขอพี่แค่นี้ก็พอแล้ว...พอแล้วจริงๆ"
   เอิร์ธหลับตาลงอีกครั้ง
   “ผมรู้แล้วล่ะ" เอิร์ธว่า "ผม...รู้แล้ว..ว่าพี่จะไป......”
   มิกผละออกจากเอิร์ธทันที พลางมองเข้าไปในดวงตาของคนที่เขาเฝ้ารอมาตลอดตรงนี้
   “ผม...ผมรู้แล้ว ผมพยายามตามพี่มาให้ทันแล้ว" เอิร์ธว่า "ขอโทษนะพี่ ที่มาเอาป่านนี้"
   “แค่แกกลับมา พี่ก็พอใจแล้วเว่ย" มิกว่าพลางยิ้มให้กับเอิร์ธ
   “ล...แล้ว...ยังเหมือนเดิมไหมอ่ะ" เอิร์ธถามขึ้น ด้วยเสียงเขินๆ
   “อะไรวะ" มิกถามน้อง
   “เราสองคนไง มันยังเหมือนเดิมอยู่ไหมอ่ะพี่" เอิร์ธถาม
   มิกยิ้มให้น้อง
   “มันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนไป ตั้งแต่วันที่แกไม่อยู่" มิกตอบ "ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย"
   เงียบกันไปพักนึง
   “แต่..พี่มีเรื่องสุดท้ายที่อยากจะสอนแกเป็นเรื่องสุดท้าย" มิกว่า
   “อะไรอ่ะพี่" เอิร์ธถาม
   “นี่คือ Loveless Society ของแกแล้วนะ" มิกว่า "รู้หรือเปล่าว่าจะต้องเจอกับอะไร"
   “รู้ครับ" เอิร์ธตอบ
   “แล้วรู้หรือเปล่า ว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกนะ" มิกว่า "การจากลาของเราสองคน เพิ่งเริ่มต้นนะ"
   “รู้ครับ" เอิร์ธตอบอีก
   “แล้วรู้นะว่า พี่จะเดินไปข้างหน้าต่อไป โดยไม่ได้หันหลังกลับมาแล้ว" มิกถามอีก เอิร์ธก้มหน้าลง
   “รู้ครับ" เอิร์ธตอบอีก "ผมบอกพี่แล้วไง ผมไม่สนใจมันซักอย่าง....มันอาจจะเกิดขึ้นจริงๆแล้วก็ได้ โลก Loveless Society อาจจะโหดร้ายก็จริง แต่ถ้ามันคือที่ที่ผมจะได้รักกับพี่ต่อไป ผมยอมพี่....ยอมทุกอย่างเลย"
   มิกยิ้มกว้างให้กับเอิร์ธ พร้อมกับเสียงตะโกนไล่หลังมาของอาร์มที่กำลังคงจัดของอยู่เพียงลำพัง
   “อย่าดิพี่ ผมเขินนะ" เอิร์ธว่าพลางเกาหัวแกรกๆ "มีอะไรอีกป่ะพี่ ลูกน้องใหม่ของพี่เขาจะเด็ดหัวผมแล้ว"
   “พ...พี่ไม่รู้จะเป็นยังไง..ถ....ถ้าไอ้เต่าทองที่พี่จะเอาไปที่โน่นด้วย จะไม่มีคนนั่งข้างๆอีกแล้วน่ะ" มิกพูดเบาๆกับตัวเองพลางส่ายหัว "ขอโทษนะ พี่แค่.....อยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ ที่เจอแกตรงนี้มันเหมือนกับ ความฝันเลย"
   “หึหึ" เอิร์ธว่า "ผมว่า.....อีกหกเดือนกว่าๆ ไอ้เต่าทองของพี่ที่ฝรั่งเศสก็ไม่ว่างแล้วล่ะฮะ"
   มิกเงยหน้าขึ้นมามองเอิร์ธอีกครั้ง พลางขมวดคิ้ว
   “ถึงหกเดือนที่ผ่านมานี่ผมจะเอาแต่วิ่งตามพี่ หนีครอบครัว ทำเรื่องจบจนได้ ผมก็ไม่ลืมวางแผนให้ได้อยุ่กับแฟนเอาไว้หรอก" เอิร์ธว่า "ผมจะไปเรียนต่อโทดีไซน์ที่ฝรั่งเศส แค่รอให้พวกเขาคอนเฟิร์มการสิบสัมภาษณ์ถ้าผ่าน อีกหกอาทิตย์ผมก็จะย้ายไป นั่นคือสาเหตุ ที่ผมไม่คอนเฟิร์ม Lovable Studio กับเจ๊ผึ้งตั้งแต่แรกไงล่ะ"
   มิกยิ้มกว้างให้กับเอิร์ธ
   “เพราะผมก็รู้......ว่าผมทนไม่ได้เจอหน้าพี่นานไปกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ" เอิร์ธว่า
   “ไอ้ตัวแสบเอ้ยยยยย"
   มิกว่าพลางดึงเอิร์ธเข้ามากอดแน่นอีกครั้งก่อนจะหัวเราะกันอยู่สองคน
   “รักผมมากขึ้นมั้ยนะ แบบนี้" เอิร์ธถามเบาๆที่ข้างหูมิกในอ้อมกอดนั้น
   “นายนึกไม่ออกเลยล่ะครับ" มิกตอบ "ไอ้ตัวแสบของพี่"
   ยิ้มให้กันอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้เลยว่าหนุ่มน้อยหัวใจสีชมพู อยากจะเด็ดหัวทั้งคู่อนู่ที่หน้าออฟฟิศแล้ว มิกมองไปยังรูปของเขา นัทและสาที่แปะอยุ่ยนกำแพงสตูด้านหลังของเอิร์ธก่อนจะยิ้มกว้าง
   ขอบใจมากนะ แกสองคน....
   ขอบใจมากจริงๆ....
…..........

   กายเดินช้าๆขึ้นไปยังลานสกายวอร์คอย่างเย็นชา ราวกับกาลเวลาหยุดหมุน ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดเลย นอกจากยืนมองต้นคริสต์มาสอยู่ตรงนั้น
   ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขาวสะอาด ร่างกายสมส่วน ผมยาวประบ่ารวบผูกเอาไว้ด้านหลังยืนมองดวงดาวที่อยู่บนยอดต้นคริสต์มาสอยู่อย่างนั้น โดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้าง
   “โกหกกันนี่" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น "ไม่มีสีเทาซักหน่อย ไม่เหมือนภาพผมเลยซักนิดเลยคุณเจน"
   ชายหนุ่มคนนั้นส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะหันหลังกลับมา และสบตาเข้ากับพ่อมดที่กำลังยืนมองเขาอยู่ไม่ไกลกันนัก สายลมหนาวพัดมาเบาๆ ทำเอาหนาวสะท้านไปทั้งร่างกาย ราวกับว่าแววตาที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่เฝ้าปราถนามานาน กายยืนมองชายหนุ่มคนนั้นนิ่ง
   นี่เป็นความฝัน....เขาคิดในใจ
   นี่มันเกินไปแล้ว......ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้กายทันที
   “คุณน่าจะใส่สีเทาลงไปด้วย" นัทพูด "ตอนผมลงสีเทาลงไป ภาพมันสวยขึ้นจริงๆนะ"
   กายยังคงมองเข้าไปในดวงตาของนัทนิ่ง
   “ไม่อย่างนั้นคุณก็คงไม่เข้าใจจริงๆหรอก ว่าผมต้องการจะพูดอะไรในภาพ Loveless Society น่ะ" นัทว่าต่ออีก
   มือของกายสั่นไหว เหมือนกับว่าความหนาวเย็นได้คลืบคลานเข้ามาอีก
   “คุณ....กล้ามากนะ ที่เอางานผมมาทำแบบนี้น่ะ" นัทพูดต่อเสียงใส "ถึงคุณจะเป็นแถวหน้าของวงการ แต่ทำแบบนี้ใส่กันน่ะ มันไม่เป็นมืออาชีพเลยซักนิด อย่างน้อยคุณก็น่าจะลองดูก่อน ว่างานคุณกับงานผม มันเข้ากันได้จริงหรือเปล่า"
   กายหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
   “แน๊ะ ยังจะหัวเราะอีก" นัทว่าต่อ "นี่ผมบินมา16 ชั่วโมงก็เพื่อจะมาดูนะเนี่ยว่าคุณจะทำงานผมออกมายังไง หรือว่า จะได้รับคำขอโทษซักนิดว่า.....คุณไม่ได้ตั้งใจจะเอางานของผมมาทำให้มันเปลี่ยนไป"
   กายยิ้มกริ่มพลางยืนกอดอกทันที
   “ผมน่ะ ไม่คิดว่าคุณกับผมจะเข้ากันได้หรอกนะกาย" นัทว่า "แล้วคุณว่าไงล่ะ"
   กายก้มหน้าลงพลางเดินเข้าไปหาร่างตรงหน้าที่ตีหน้าตายใส่เขาตรงนั้น
   “ผมเห็นทุกอย่างแล้วนัท" กายพูดเบา "ผมเข้าใจทุกอย่างที่เป็นตัวคุณแล้ว......”
   กายก้มตัวลงจูปกับนัททันที
   ริมฝีปากทีเย็นยะเยือกเริ่มอบอุ่นขึ้น มือทั้งสองข้างเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง ลมหนาวแห่งความคิดถึงอันยาวนานจางหายไป กายถ่ายทอดหัวใจทั้งหมดที่เขามีไปให้นัททันที ร่างกายที่ตื้นตันไปด้วยความคิดถึง เอ่อล้นมาแทนที่ความหนาวเหน็บ มันอบอุ่นเสียจนอยากหยุดเวลา
   นัทผละตัวเองออกมา พลางมองหน้ากายและอมยิ้ม
   “แค่นั้นเองเหรอ" นัทถามต่ออีก "16 ชั่วโมงของผม ได้แค่นี้เองเหรอ"
   กายก้มหน้าลง พลางกัดริมฝีปากด้วยความไว้ท่า
   “เห้อ อย่างว่าแหละนะ พ่อมดแห่งวงการ เค้าจะมาอะไรกับดีไซน์หน้าใหม่ไฟแรงอย่างเรากันล่ะหึ" นัทว่า
   “ที่คุณใส่สีเทา เพราะคุณไม่มีความหวังแล้ว" กายพูดขึ้น "คุณหมดหวังกับโลกลวงๆอย่าง Loveless Society ไปแล้ว"
   นัทหันกลับมามองกายอีกครั้ง
   “ผมเอามันออกไป แล้วแทนที่มันด้วยเขียวและแดงของคริสต์มาส" กายว่า "สีแห่งความหวัง ผมขอเป็นความหวังที่คุณไม่มีใน Loveless Society ได้หรือเปล่า"
   “อื้ม" นัทว่า "ละเอียดดี...แต่....แค่นี้จริงๆเหรอ 16 ชั่วโมงเชียวนะ อย่างว่าแหละ จะไปสู้ 4 ปีของพ่อมดระดับแถวหน้าของวงการได้ยังไงกันน้า"
   กายเกาจมูกอย่างไว้พลางยิ้มกริ่ม
   “ผมเอ่อ....ผมเข้าใจแล้วว่าคุณเป็นยังไง คุณเอ่อ......ต้องการความรักแบบไหน" กายพยายามพูดต่อ "แล้วผมก็คิดว่าผม หาวิธีที่กึ่งกลางของเราสองคนได้แล้วด้วย"
   “โอ้" นัทว่า "ดีจังเลยอ่ะ แต่......16 ชั่วโมงเชียวนะคุณ"
   “16 ชั่วโมงงั้นเหรอ" กายกัดฟันพลางดึงนัทเข้ามาหาตัวเองทันทีพลางส่งสายตากวนๆให้กับนัททันที
   “อะไรเนี่ยคุณ หมดความอดทนอีกแล้วเหรอ" นัทว่า พลางพยายามขัดขืนอย่างไม่เต็มกำลังนัก
   “แล้วรู้หรือเปล่า ว่าผมรอคุณมานานจนจะบ้าตายอยู่แล้วน่ะครับ คุณ นัท" กายพูดเสียงเข้ม นัทเลิกคิ้วใส่กาย จงใจที่จะกวนประสาท
   “แล้วยังไงอ่ะครับ คุณ กาย" นัทยิ้มให้ "แค่นี้เองน่ะเหรอ"
   "หึหึ" กายหัวเราะในลำคอพลางยื่นหน้าเข้าไปหานัทมากขึ้นและ...
   “อย่าไปไหนอีกนะครับนัท" กายกระซิบเบาๆที่ข้างหูของนัททันที
   แล้วก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น
   “แค่นั้นแหละ ที่ผมต้องการน่ะกาย" นัทตอบเบาๆ ก่อนจะสวมกอดกับกายทันที
   กายกอดนัทแน่นอยู่ตรงนั้นอีกครั้งพลางมองขึ้นไปบนต้นคริสต์มาสตรงนั้นอีกครั้ง

   ขอบคุณครับ.....
   ขอบคุณจริงๆ....



   สายลมหนาวแห่งการเริ่มต้นพัดหวนมายัง Loveless Society อีกครั้ง บนถนนที่แสนวุ่นวายและไร้รัก ยังมีหัวใจที่เข้าใจการอยู่กับความเจ็บปวด การจากลา ความคิดถึง เรื่องราวที่ไหลวนอยู่ทั้งหลายทั้งปวง มาสู่จุดสิ้นสุด เมื่อสีวันที่แห้งแล้ง ถูกแต่งแต้มลงด้วยความหวัง สิ่งๆเดียวผู้คนในโลก Loveless Society ทำมันหล่นหายไป ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว มันไม่ได้ยากที่จะตั้งมั่นกับตัวเองเอาไว้ และเชื่อว่าซักวัน วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า เรื่องราวที่ดีกว่าจะต้องเกิดขึ้น ความเจ็บปวด การจากลา ความคิดถึง จะต้องจบลง
   กายจับมือนัทเดินไปตามท้องถนนที่คุ้นเคย เส้นทางใหม่ที่ไม่มีน้ำตา ไม่มีการขอร้อง ไม่มีการจากลา มีเพียงความเข้าใจซึ่งกันและกัน ที่กำลังหล่อหลอมขึ้นใหม่ ในหัวใจที่อบอุ่นสองดวง จะมีเพียงมืออันอบอุ่นของกันและกันเท่านั้น ที่จะจับมือกันก้าวข้ามผ่านปีนี้ไป
   เอิร์ธโบกมือลามิกที่สนามบินอย่างเรียบง่าย ในขณะที่ตัวเองได้เริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิต นั่งขำกับวีดีโอที่มิกอัดเอาไว้ให้ตัวเองดู สำหรับเอิร์ธแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเลยซักนิด เพราะสำหรับเขา เขาพร้อมที่จะรักมิกและตามคนที่สำคัยของเขาไปในทุกๆที่ และเขาก็เชื่อว่ามิกเอง ก็คงรอเขาอยู่ไหนซักแห่งที่อยู่ไกลออกไปเหมือนกัน
   มิกนั่งมองรูปถ่ายของตัวเองจากมือถือ ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน ไม่เสียใจเลย ที่ตัดสินใจรอสิ่งที่มีความหมายมาจนวินาทีสุดท้าย มันคุ้มค่าที่รอคอบเหลือเกิน มองมือที่ได้สัมผัสความอบอุ่นแม้เพียงชั่วครู่ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่รอคอยมา เพียงพอที่สุดแล้ว
   เวลาไม่มีจุดเริ่นต้นและจุดสิ้นสุด การเดินทางค้นหาความรักที่มีคุณค่าและเหมาะกับชีวิตที่สุดยังคงดำเนินต่อไป เมื่อฤดูหนาวแห่งความเดียวดายไร้รักจบลง คลื่นพายุแห่งความเย็นชาจะพัดโหมเข้ามาแทนที่ เรื่องราวของผู้คนที่ยังคงเดินทางจะยังคงเริ่มต้นต่อไป เริ่มต้นที่ดินแดนใดดินแดนหนึ่งที่ห่างไกลออกไปนับพันไมล์ เรื่องราวที่ไม่มีที่สิ้นสุดบนเส้นทางสายใหม่ ที่ยังมีการค้นพบความรักในแบบใหม่ๆรออยู่ จับมือคนที่รักแล้วเดินไปพร้อมๆกัน


   “อะไรนะ นี่เธอบอกว่าอะไรนะ ฉันไม่เชื่อหรอกย่ะ ยัยแม่มด อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าหร่อนร้ายกาจแค่ไหน" เสียงของสาพูดอย่างหัวเสีย ขณะเดินไปตามท้องถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะของเบอร์ลิน เคียงข้างกับมิตรฉันท์ศักตรูที่เดินอย่างมาดมั่นไม่หวั่นกลัว
   “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แต่ทุกๆอย่าง เจนเป็นคนวางแผนค่ะคุณสา" เจนว่า "ถ้าทุกอย่างมันจบแฮปปี้เอนดิ้งล่ะก็ คุณต้องขอบคุณฉันด้วยซ้ำ"
   “ม....ม...ไม่เชื่อหรอกย่ะ ถ้าหล่อนจะบอกว่าหล่อนคาดเอาไว้แล้วว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นอย่างนี้" สาว่าเสียงเหวี่ยง "มันมีตัวแปรเยอะเกินไป ฉันต่างหาก ที่พลิกแผนหล่อนให้จบลงแบบนี้ หล่อนไม่ต้องมาแถ"
   “โอ๊ย..นี่คุณสา คุณจะว่าฉันแรงไปแล้วนะ"
   “แล้วยังไงล่ะ มันเรื่องจริงทั้งนั้น"
   “ฉันเสียตลอดให้ตายสิ ไม่รู้ว่ากายเค้าจะยังไงกับฉันด้วยซ้ำตอนนี้น่ะ ขณะที่เพื่อนคุณจบลงอย่างมีความสุข"
   “ก็ช่างหล่อนสิยะ สมน้ำหน้า"
   “คุณสา!!!!”


จบบริบูรณ์

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ดีใจที่นัทกับกายเข้าใจกันซักที  ลุ้นแทบตาย  ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ kuichai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนีี้นะคะ

สุดท้ายคนทุกคนก็ยังมีความหวัง

ปล. Happy new year ขอให้มีความสุข และความหวังเสมอๆนะคะ

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
อ่านเรื่องนี้มาสองวันสองคืน ในที่สุดก็จบซะที >_<
ชอบมากมายเลยค่ะ ^^ ขอบคุณมากนะคะ คุณ M2M_Jill

ว่าแต่.....คู่รักคู่ไหนในเรื่องนี้คะ ที่มีตัวตนจริงๆน่ะ ^^

สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ~

Ari

  • บุคคลทั่วไป
ชอบอะ ชอบมากกกกกกกกก   มันเหมือนทำให้เราเหนตัวเองอะ เรื่องนี้  และมันสนุกจนรุสึกว่าเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นอะ อินมากๆๆๆค่ะ 




เปนกำลังใจผู้แต่ง  แต่งแบบนี้ออกมาอีกนะคะ ติดตามผลงานอยุนะคะ





สวัสดีปีใหม่ด้วยนะคะ ^^

ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
จบวันสิ้นปีพอดีเลย
คงต้องไปนั่งไล่อ่านใหม่
แต่บอกได้ว่าดีใจที่จบแบบนี้ค่ะ  ตอนตามอ่านถึงกลางๆเรื่องรู้สึกกลัวว่าจะจบsad endingซะแล้ว
เพราะดูยังไงก็ไม่มีทางคุยกันรู้เรื่องเลย กายกับนัทเนี่ย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  สุขสันต์วันปีใหม่ค่า :mc4:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ขอบคุณทุกความเห็นกับ Loveless Society มากๆค่ะ

สำหรับหลายๆคำถามที่แฟนๆสงสัยก็มาตอบให้ในนี้นะคะ คู่ที่มีอยู่จริงๆคือมิกและเอิร์ธค่ะ

ส่วนที่บอกว่าเรื่องนี้ดราม่า ส่วนตัวมิรันดาเฉยๆนะคะ คิดว่าเรื่องนี้จบแบบนี้ก็เหมาะสมที่สุดแล้วค่ะ

Loveless Society มีภาคสองด้วยนะคะชื่อ Coldness Town แต่ขออนุญาติไปอัพที่ Dek-D ก่อนที่นี่นะคะ

ลิงค์อยู่ที่ Signature นะคะ

ขอบคุณทุกกำลังใจมากๆค่ะ

ออฟไลน์ zeit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เป็นอีกเรื่องที่สมบูรณ์ในด้านอารมณ์ภาษาการร้อยเรียงเนื้อเรื่อง
ทำให้พักหนึ่งเราบ้าอยู่มาก
ชอบในการบรรยายการหลายอย่าง
เหมือนได้ดูหนังสักเรื่องหนึ่งที่พูดไปถึงความรักพร้อมความฝันที่ถูกทักทอไปด้วย
ความฝันในเรื่องการงานที่ก้าวไปข้างหน้่า

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่ิองนี้

janeyuya

  • บุคคลทั่วไป
ให้อารมณ์ละมุนมาก ::>_<::
เหมือนได้รู้จักตัวละครที่เป็นมนุษย์จริงๆเลย
ไม่เว่อร์มาก จริงๆเชื่อในการรอคอยนะ....ความคิดถึงมันก็ไม่ได้ย่ำแย่เสมอไปหรอก อย่างน้อยมันก็ทำให้เราไม่ลืม ♥╯ε ╰

ตอนนี้รอคนๆหนึ่งอยู่ก็เลยอิน...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ White

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
ตามอ่านมาสองวัน ชอบมากเลยค่ะ เขียนดีมาก
ช่วงที่มันหน่วงก็หน่วง จนอึดอัด หาทางออกไม่ได้
จริงๆไม่ค่อยชอบเจนกับกาย จริงๆรู้สึกว่ากายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก

สงสารนัทในหลายๆครั้ง มิกก็ด้วย
แต่สาเป็นที่คอยเชื่อมทุกคนเข้าหากันจริงๆค่ะ
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกก

B_O_M

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะครับ เรื่องนี้ทำให้ผมเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง ขอบคุณจริงๆ

ออฟไลน์ pedgampong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
เป็นอีกเรื่องที่ได้อ่าน

เยี่ยมมากคับ

vevi

  • บุคคลทั่วไป
ลุ้นว่าเมื่อไรนัทกับกายเปิดใจคุยกันซะที
แต่ก็อะ เพราะเป็นความรักที่ออกแบบไม่ได้  แบบเฉพาะของนัทกับกาย
ดีใจที่จบแบบแฮปปี้  :L2:

คนอ่านมีความสุข ความต้องการ ความฝันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
หากการถอยไม่ใช่สิ่งที่เหมาะ  ก็หาจุดบาลานซ์ที่มีความสุขกันทั้งสองฝ่ายก็ดีเยี่ยมเช่นกัน
ได้มุมมองความคิด เรื่องเดียวกันแต่หากมองกันคนละมุม
ความคิด ความเข้าใจก็ต่างกันได้


ขอบคุณผู้เขียนนะคะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
รักอย่างเดียวไม่พอ มันต้อองมีความพอดีด้วย

ชอบค่ะ มันลึกซึ้งจริงๆ

ออฟไลน์ Baruda

  • มีความสุข
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อ่านเรื่องนี้มาสองวันสองคืน ในที่สุดก็จบซะที >_<
ชอบมากมายเลยค่ะ ^^ ขอบคุณมากนะคะ คุณ M2M_Jill


ส่วนเราอ่านแบบรวดเดียวมา3วัน3คืนแทบไม่ได้พัก กลางวันก็ต้องแอบอู้งานไปอ่าน กลางคืนก็อ่านจนหลับคามือถือ ขนาดนั้นเลย 555555 สนุกมากกกกกกกกก โคตรเรียลในวัยทำงาน ความฝันความก้าวหน้าในสายงานและความรัก ต่างคนก็ต่างค้นหาตัวเอง คนนึงก็พยายามจะมีรักกับอีกคนไม่รู้จักตัวเองมาเจอกัน ความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในระหว่างสร้างความสัมพันธ์ จะไปทางไหนยังไงให้มันลงตัวของคนทั้งคู่ ทั้งสวีทและหน่วง อึดอัดเบาๆช่วงที่ไม่เข้าใจกัน หลากหลายอารมณ์มาก ลุ้นให้หาทางลงกันด้วยดีได้จนจบ ความสัมพันธ์ของเพื่อนๆก็ดี ถ้าไม่ได้เพื่อนทำแบบนี้คงไม่รู้ใจกันทั้งสองคน พวกกว่าจะรู้ใจตัวเอง กว่าจะหาเจอความต้องการที่แท้จริง เหนื่อยไปด้วยเลยแต่สนุกมากกกกกกก ปริ่มแฮปปี้มากดีใจกับกายและนัทจริง กว่าจะมาถึงวันนี้ ชอบบบมากกกกเป็นนิยายที่เรียลและสนุกจริง เพิ่งมาเจอได้ไงผ่านไปตั้งหลายปี แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อ่านอะนะ 5555

ขอบคุณมากๆค่ะที่แต่งมาให้อ่าน สนุกจริง ชอบความหน่วง หมั่นไส้นิดงี่เง่าหน่อย แต่พอได้ฟังเหตุผลอะไรยังไงก็ เออว่ะ!! เออใช่!! เออเนาะ!! เออแม่ง!! 55555    :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ขอบคุณคนเขียนนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13
   ชายหนุ่มเลี้ยวที่หัวมุมถนน ชนเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังรีบวิ่งโดยไม่ทันระวังตัว
   
ตอนต้นเรื่องบอกว่ากายกับนัทรุ่นเดียวกัน ตอนนี้ทำไมเป็นชายหนุ่มกับเด็กหนุ่มไปได้ หรือว่ากายเป็นพ่อมดจริงๆ

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13

   นี่คือสาเหตุ ที่ทำไมเขาถึงไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก สียงปรบมือตอนนี้คือการต้อนรับ....
   การมาถึงของ คู่รัก ที่ควรได้รับการชื่นชมในค่ำคืนนี้.......
   นัทเข้าใจแล้ว.....
   ชายหนุ่มก้มหน้าลงทันที เขาค่อยๆปล่อยมือออกจากกาย ขณะที่เจนหันหน้าไปฉีกยิ้มกว้างต่อหน้าฝูงชนที่ปรบมือโห่ร้องอย่างให้ชื่นชม
   กายจับมือของนัทไว้ เมื่อมือของนัทกำลังจะหลุดจากเขาไป นัทมองมือคู่นั้น ขณะที่กายบีบมือของนัทไว้แน่น ราวกับไม่ต้องการให้นัทจากเขาไปไหน นัทหลับตาลงหนึ่งครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหากายและยิ้มให้เขา
   “ปล่อยผมไปเถอะ" นัทพูดเบาๆ ให้กับกาย "ทุกๆคนรอคุณอยู่น่ะ"
   นัทจับมือกายออกจากมือของเขา กายถูกเจนจิราดึงตัวเอาไว้ ขณะที่นัทค่อยหันหลังและเดินจากมา เขาค่อยเดินเข้าไปในโรงแรม ขณะที่ได้ยินเสียงปรบมือและโห่ร้องดังไล่หลังมา
ไม่เข้าใจอ่ะ นังเจนแค่มาเดินแบบ มาช่วยซ้อม แต่ทำไมความสำคัญมันมากกว่านัทกับเพื่อนๆซึ่งเป็นเจ้าของผลงาน บ้าไปแล้วโลกมนุษย์

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13
   “ผม....เกือบเสียเขาไปแล้วแม่" เสียงกายสะอื้นดังขึ้น "ผมเกือบทำให้เขาจากผมไปแล้ว.....ผม....จะไม่ทำอีกแล้วแม่.....”
ยังไม่เห็นสาระที่ทำให้เกิดดราม่าเลย แค่คนนึงสนิทกับเพื่อนสาวที่เป็นแฟนเก่าแบบถึงเนื้อถึงตัวเกินไป อีกคนก็คิดเองเออเอง เรื่องแค่นี้เอง เป็นเรานะ ถามตรงๆจบไปแล้ว อ่านแล้วก็รู้สึกรำคาญความลีลาของตัวเอกทั้งสองจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด