LoveWrite เขียนสื่อรัก บทส่งท้าย : 7/2/2018 ] หน้า 4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LoveWrite เขียนสื่อรัก บทส่งท้าย : 7/2/2018 ] หน้า 4  (อ่าน 39948 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ขอบคุณ และสุขสันต์วันปีใหม่
ดีใจที่ลงเสมอ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขันคู่กับหมี จะแต่งแยกออกไปชื่อเรื่อง I'm not Playboy  เราเข้าใจถูกไหม ถ้าเข้าใจถูก มีลงในเล้าฯ หรือยังเอ่ย อยากอ่านแล้วอ่ะ  :กอด1:

สุขี สุขี วันปีใหม่จ้า  :L2:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 30 ความบังเอิญ​



ปิดเทอมแท้ๆ ยังมีงานคณะต้องจัดการอีก

เกิดเป็นแก๊งค์ท่านประธานนี่เหนื่อยจริงๆ เลยว่ะ

เฮ้อ

เหนื่อยแบบนี้ถ้าได้กอดแฟนมันคงจะดี

ผมนั่งเท้าคางฟังพี่กริมชี้แจงเรื่องงานกีฬาสี พวกปี 1 อย่างผมได้รับหน้าที่ทำแสตนด์เชียร์ครับ ทำแสตนด์นี่เหนื่อยนะ เพราะมันต้องทั้งซ้อม ทั้งทำฉาก ทำพล็อบ แล้วคอนเซ็ปที่พวกพี่ปี 3 เขาตั้งกันคือสัตว์โลกน่ารักอ่ะ อารมณ์เหมือนเพิ่งดูสารคดีสัตว์แล้วอยากตั้งก็ตั้งเลย

คิดให้มากกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้นะพี่ๆ

เรื่องการจัดการโน่นนี่ก็คงเป็นหน้าที่ของไอ้ปั้น คนคุมซ้อมก็คงจะเป็นพวกที่เหลือ ส่วนผมพี่กริมสั่งมาให้เป็นตากล้องเหมือนเดิม แต่ว่าเวลาที่ทำพล็อบทำฉากเดี๋ยวก็ต้องช่วยกันแหละนะ เรามีเวลาเตรียมทุกอย่างแค่เดือนกว่าๆ เอง เวลาโคตรน้อย ก่อนที่กีฬาสีจะมาผมก็ต้องแต่งนิยายให้เสร็จก่อนไม่งั้นจะไม่มีเวลาว่างเลย

" เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมเด็กๆ " พี่กริมถาม

" เข้าใจครับ " ไอ้ปั้นมันละจากสมุดจดขึ้นมา " แล้วเรื่องงบประมาณล่ะพี่กริม "

" ทางคณะมีเงินให้แสตนด์เชียร์ 2 หมื่น เบิกได้ที่ไอ้เตอร์เลย "

" แล้วต้องทำพวกเอกสารป้ะพี่ "

" ก็ต้องมีบิลอ่ะ ทางคณะจะเอา "

ไอ้หมีมันพยักหน้ารับ " แล้วถ้างบ 2 หมื่นมันไม่พออ่ะพี่ "

" มึงก็ไปขายไตสิ " พี่เตอร์บอกพลางยกยิ้ม " ไม่ก็ขายตัว มีอยู่ 2 ทางเลือก "

" พี่เตอร์!!!! ข่นเลว " ไอ้หมีมันบอกเสียงขุ่น

" อย่าเสียงดังว่ะหมี " ท่านประธานปรามมัน " เอาเป็นว่าทางแสตนด์จะใช้เงิน 2 หมื่นให้คุ้มที่สุดละกันนะครับพี่ "

" เออตามนั้น แล้วเรื่องอื่นที่ต้องจัดการอีกก็คือ...."

ผมจดสิ่งที่พี่กริมพูดลงสมุดงาน กิจกรรมกีฬาสีเนี่ยะจะมีอย่างนึงที่น่าสนใจอยู่นั่นก็คือผู้นำเชียร์ หรือเรียกภาษาปากก็คือหลีดฯ นั่นแหละ มหาลัยผมเนี่ยะจะมีหลีดฯ แยกออกจากกันนะคือหลีดฯ ที่นำเชียร์เพื่อแข่งกันจริงๆ กับหลีดฯ ที่มีมาเพื่อเอ็นเตอร์เทรนหรือที่เรียกว่าหลีดฯ โจ๊ก นึกถึงคนที่ถนัดเรื่องพวกนี้มากที่สุดก็คงจะเป็นคนที่นั่งข้างๆ ผมนี่เลย

ไอ้หมีไง

ผมชูมือขึ้นสูง " พี่กริมครับ "

" หืม....ว่าไง "

" ลีดเดอร์ของหลีดฯ โจ๊กเนี่ยะ ผมขอเสนอไอ้หมีครับ "

คนโดนเสนอหันขวับมองผมทันที " มึงพูดห่าอะไรของมึงห้ะไอ้หนม " มันทำเสียงเหี้ยมพลางเขย่าแขนผมแรงๆ

" ไม่มีใครเหมาะไปมากกว่ามึงแล้ว "

พี่กริมพยักหน้ารับ " เรื่องนี้กูก็คิดเหมือนขนมนะ คิดกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ว่าลีดเดอร์ของหลีดฯ โจ๊กจะให้ไอ้หมีเป็น "

" โชคดีนะน้องหมี " พี่เตอร์ยิ้มหวานให้ ส่วนไอ้หมีนี่หน้าบึ้งเลย มันคงอาจจะสาปแช่งในโชคชะตาของตัวเองอยู่ก็ได้

" เอาหน่าหมี มึงทำได้อยู่แล้วแหละ " ไอ้ภีมมันบอกก่อนจะหาว " เดี๋ยวกูส่งเดือนมหาลัยไปเป็นหนึ่งในหลีดฯ โจ๊กของมึงเอง "

" ไอ้สัสภีม "

" เออดี เอาไอ้เป้อีกคน มึงจดไว้เลยนะปั้น " พี่กริมสั่ง

" มึงมันเลว " ไอ้เป้มันหยิบค้อนลมมากระหน่ำตีไอ้ภีม นี่มาประชุมมึงยังค้อนมึงมาอีกหรอ

โห่....ยอมใจ

ผมนั่งมองเหตุการณ์ชุลมุนตรงหน้าอย่างเอือมๆ แม่งเป็นการประชุมที่วุ่นวายชิบหาย ดีนะที่ผมได้รับพวกหน้าที่ถ่ายรูปตลอด มันก็เลยไม่ต้องไปรับผิดชอบส่วนอื่นมากนัก เดี๋ยวต้องคอยดูหลีดฯ โจ๊กของปีนี้ ดูซิว่ามันจะเด็ดมากแค่ไหน ขึ้นชื่อว่านิเทศอ่ะ ทุกคณะก็ต้องรอดูกันอยู่แล้ว แถมปีนี้คนที่เป็นเดือนมหาลัยก็หนึ่งในหลีดฯ ด้วย

นึกแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้นะเนี่ย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

สิ้นเสียงเคาะร่างสูงที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินของคณะก็เดินเข้ามาในห้อง มือเรียวยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลอ่อนที่ปรกหน้าตัวเองออก ดวงตาคมไล่มองทุกคนที่นั่งประชุมอยู่ ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาน้อยๆ แม่งมีเสน่ห์ชิบ ยิ่งจมูกโด่งๆ ที่รับเข้ากันกับทุกอย่างบนหน้านั่นก็ยิ่งทำให้ดูดีขึ้นไปอีก ส่วนผิวนี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่ามันเนียนและขาวอย่างกับหยวกกล้วย

ใครเห็นก็เป็นต้องใจบาง

แต่เว้นผมไว้คนละกัน

" สวัสดีครับพี่ม่าน "

" สวัสดีเด็กๆ " พี่เขายิ้มหวานรับก่อนจะเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ " โทษทีที่มาช้า กูเพิ่งตื่น ว่าแต่พวกมึงคุยงานกันไปถึงไหนละ "

" ก็ถึงนี่แล้วอ่ะพี่ " ไอ้ปั้นส่งสมุดที่จดให้

มือเรียวเปิดไล่ดูงาน " อืม....ลายมือมึงอ่านยากมากเลยนะไอ้ปั้น "

" นี่ตั้งใจเขียนที่สุดแล้วนะ "

" เอาของมึงคืนไป " พี่ม่านส่งสมุดคืนให้ไอ้ปั้นก่อนจะมองผม " ไหนเอาของมึงมาให้กูดูซิ....เจ้าหลานรหัส "

" นี่ครับ "

" อืมมม....ของมึงก็พอกันกับไอ้ปั้นเลยว่ะ มึงเอาแฟ้มงานมาดิ้ไอ้กริมเดี๋ยวกูดูเอง " พี่ม่านบอกก่อนจะส่งสมุดผมคืนมาให้ เนี่ยะ ถ้าดูแฟ้มตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเสียเวลาแล้วไหม

พี่ม่านแม่ง....

ผมหรี่ตามองลุงรหัสตัวเองอย่างหงุดหงิด พี่ม่านเป็นพี่รหัสของพี่กริมครับ พ่วงตำแหน่งประธานคณะกรรมการของปี 3 กับเดือนมหาลัยของรุ่นไอ้ขัน คือเป็นคนที่หล่อแต่เด๋อด๋ามาก หาตัวจับยากด้วย ตั้งแต่เปิดเทอม 1 มาก็เจอพี่เขาแค่ 3 ครั้งอ่ะ ผมเคยคิดด้วยนะว่าเขาลาออกไปรึเปล่าเลยไม่ค่อยโผล่มาให้เห็นเลย

มนุษย์ล่องหนตัวจริง

วันนี้ที่โผล่มาพบปะน้องๆ ได้ก็เพราะว่าประชุมงานใหญ่นั่นแหละ ผมเคยคิดด้วยนะว่าจะเอาอิมเมจของพี่ม่านไปแต่งในนิยายสักเรื่อง แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะเอาไปเป็นตำแหน่งอะไรดี พี่ม่านเขากึ่งๆ ว่ะ ตั้งให้เป็นพระเอกก็ได้ หรือเป็นนายเอกก็ได้ ถ้าเป็นฝ่ายรุกก็คงจะกร้าวใจอยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นฝ่ายรับก็คงจะเย้ายวนน่าดู

หรือให้สลับดีวะ

อา....คิดอะไรของมึงเนี่ยะหนม

" ส่ายหัวทำไมวะหนม " ไอ้หมีกระซิบถาม

" เปล่า ไม่มีไร "

" ใครเป็นเฮดแสตนด์ " พี่ม่านถามก่อนจะไล่มองทางพวกผม " ได้ตั้งรึยัง "

" ยังเลยครับพี่ "

" งั้นกูตั้งให้ " ดวงตาคมมองพวกผมทีละคนอย่างพิจารณาก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงไอ้คนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรออกมาสักคำตั้งแต่เริ่มประชุม

พี่กริมมองพี่ม่านกับไอ้เผือกสลับกัน " พี่ม่าน...."

" มึงเป็นแล้วกันไอ้เผือก " พี่ม่านยิ้มหวาน " หวังว่ามึงจะพาให้แสตนด์ของเราชนะ เหมือนกับที่ชนะติดกันมาหลายปีนะ....อย่าทำให้พวกกูผิดหวังเชียว "

เชี่ยยยย

ขนลุกไปอีก

" ครับ....ผมจะไม่ทำให้พวกพี่ผิดหวัง "

" ดี....ประชุมต่อได้เลย " พี่ม่านส่งแฟ้มคืนให้พี่กริมก่อนจะนั่งรอฟังเงียบๆ

บรรยากาศในห้องประชุมตอนแรกมันก็อึดอัดอยู่แล้วนะ พอพี่ม่านมาร่วมด้วยนี่แม่งอึดอัดหนักเข้าไปอีก อาจเพราะมันเป็นงานที่จะพลาดไม่ได้ล่ะมั้งเลยไม่มีใครกล้าพูดเล่นๆ ขนาดไอ้หมียังนั่งเงียบอ่ะคิดดู ชักอยากจะประชุมให้เสร็จไวไวแล้วแฮะ กะว่าจะไปนั่งชิวๆ กินโกโก้แบบสงบๆ ที่คาเฟ่หน้ามหาลัยรอพี่ขุนมารับ ไม่รู้ว่าป่านนี้มันจะประชุมไปถึงไหนแล้ว

แต่หวังว่าคงไม่อึดอัดบรรยากาศตึงเครียดแบบของผมหรอกนะ

" เหม่ออะไรหนม จดสิ "

" ครับพี่ม่าน...."

ครับบบบ





หน้าตึกคณะนิเทศศาสตร์

ผมกับเพื่อนๆ นั่งหมดอาลัยตายอยากกันอยู่ที่ม้านั่งตัวเดิม มันเป็นการประชุมที่ล้างสมองมากหลังจากที่พี่ม่านมา ใช้เวลาไปเกือบ 4 ชั่วโมงเลยนะกับการประชุมครั้งนี้อ่ะ ตอนนี้ก็ประมาณบ่ายกว่าๆ พี่ขุนยังไม่ติดต่อมาเลย คงยังประชุมไม่เสร็จล่ะมั้ง เดี๋ยวผมต้องไลน์ไปบอกว่าจะไปรอที่คาเฟ่หน้ามหาลัย พอมันประชุมเสร็จผมก็คงกินโกโก้หมดพอดี

" มึงจะไปไหนกันต่อวะ "

" กูว่าจะกลับไปนอนอ่ะ " ไอ้ภีมมันบอกก่อนจะหาว

" กูก็คงกลับหอเหมือนกัน "

ไอ้หมีมันหันมองผม " แล้วมึงอ่ะหนม จะไปไหน "

" ว่าจะไปรอพี่ขุนที่คาเฟ่หน้ามอ มึงไปป้ะหมี "

" กูมีนัดดูหนังกับพี่กล้วยอ่ะดิ่ มึงไปกินให้อร่อยเถอะ "

" งั้นแยกกันตรงนี้เลยนะมึง " ไอ้เป้มันบอกก่อนจะคล้องคอไอ้ภีม " มีไรไลน์คุยกันนะ "

" เออ แล้วเจอกัน " สิ้นเสียงของไอ้ปั้นแก๊งค์ท่านประธานก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง

ผมถือกระเป๋าเดินมาตามทางเรื่อยๆ พลางชมนกชมไม้ไปด้วย ชอบบรรยายกาศของมหาลัยที่ไม่ค่อยมีคนแบบนี้นะเพราะว่ามันสงบและก็ไม่วุ่นวาย อยากมีโมเม้นท์เดินคู่กับพี่ขุนสองคนใต้ต้นไม้ใหญ่พวกนี้เหมือนกันแฮะ มันคงจะให้ฟีลโรแมนติกแปลกๆ แต่ถ้าจะเดินก็ต้องเป็นวันที่แดดอ่อนๆ นะ

แดดแรงแบบนี้ก็ไม่ไหว

" เธอ "

ผมหันตามเสียงก็พบรถคันนึงจอดอยู่ใกล้ๆ " คุณลุง "

" บังเอิญจริงๆ ที่เจอเธอน่ะ " คนที่อยู่ในรถยิ้มบางๆ ให้ผม " แล้วนี่กำลังจะไปไหนล่ะ "

" ผมกะจะไปคาเฟ่หน้ามหาลัยน่ะครับ "

" งั้นดีเลย ฉันอยากดื่มกาแฟอยู่พอดี ถือโอกาสให้ฉันได้เลี้ยงขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตฉันไว้เถอะนะ "

" เอาแบบนั้นก็ได้ครับ "

" งั้นขึ้นรถสิ "

" ครับ " ผมยิ้มรับก่อนจะเดินขึ้นรถมานั่งเบาะข้างๆ คุณลุง รถคันนี้เป็นคนละคันกับที่ชนเสาไฟฟ้าเมื่อวันประกวดดาวเดือนนะครับ แต่จากสภาพรถคันเก่าก็คงไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละถ้าจะเอามาใช้น่ะ

" วันนั้นฉันตื่นมาก็ไม่เจอเธอ แอบเสียใจเหมือนกันที่ไม่ได้ขอบคุณอย่างจริงๆ จังๆ แต่ก็เข้าใจว่าเธอเองก็คงจะมีธุระต้องไปทำต่อ วันนี้ก็โชคดีจริงๆ ที่ได้มาเจอ แล้วนี่ไม่ใช่ช่วงปิดเทอมหรอ "

" ปิดเทอมครับ แต่ว่ามีประชุมกีฬาสีก็เลยต้องมา ว่าแต่คุณลุงมาทำอะไรที่นี่หรอครับ "

" ฉันมาตามดูลูกชายตัวเองน่ะ "

" ตามดูลูกชาย "

" ใช่ ฉันกับเค้าเพิ่งทะเลาะกัน " คุณลุงจอดรถที่หน้าคาเฟ่ก่อนจะปลดเบลท์ " คุยกันในร้านดีกว่านะ " เขาบอกก่อนจะเดินลงไป

ผมเดินลงจากรถตามคุณลุงมาเงียบๆ มีปัญหากับลูกชายมานี่เองสีหน้าถึงดูหม่นๆ เขาเดินไปสั่งกาแฟก่อนจะมาไปนั่งรอ ผมเองก็สั่งโกโก้แล้วไปนั่งตรงข้าม คุณลุงนั่งมองออกวิวนอกร้านเหมือนกับคิดอะไรสักอย่างอยู่ ความรู้สึกแบบนี้มันคล้ายๆ กับพี่ขุนที่นั่งเหม่อเลยนะ ผมว่าเรื่องที่คุณลุงทะเลาะกับลูกชายมามันคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

สีหน้าเศร้าสุดๆ ไปเลย

" คุณลุงหายดีแล้วใช่ไหมครับ "

" จากอุบัติเหตุน่ะหายดีแล้ว แต่ว่าช่วงนี้ฉันเครียดมากไปหน่อย ภรรยานี่ดุเลยล่ะ "

ผมหลุดยิ้มออกมา " ก็อย่าเครียดสิครับ ภรรยาคุณลุงจะได้ไม่ดุ "

" ฉันก็ไม่ได้อยากเครียดหรอกนะ แต่ว่ามันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ " เขาเอ่ยพลางถอนหายใจออกมา " ฉันไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงต่อ "

" คุณลุงมีปัญหากับลูกชายเรื่องอะไรหรอครับ "

" เค้า....ไปมีแฟนเป็นผู้ชายน่ะ ฉันไม่โอเคกับเรื่องนี้เลย "

ไม่โอเคงั้นหรอ....

" เอ่อ....ทำไมล่ะครับ "

" ฉันเป็นนักธุรกิจ ในแวดวงสังคมฉันอดกังวลไม่ได้เลยว่าคู่ค้าของฉันจะมองครอบครัวของฉันยังไง ลูกชายฉันเค้าถามด้วยนะว่าแคร์คนอื่นมากกว่างั้นหรอ เพราะคำพูดนี้มันถึงทำให้ฉันคิดมากอยู่แบบนี้ "

ผมพยักหน้ารับเบาๆ พนักงานก็เดินเอากาแฟกับโกโก้มาเสิร์ฟพอดี คุณลุงยกกาแฟขึ้นจิบพลางผ่อนลมหายใจออกมา เรื่องนี้ก็คงไม่ต่างจากพี่ขุนเลยสินะเพราะมันก็มีปัญหากับพ่อเรื่องนี้มา ผมควรจะพูดออกไปยังไงดี ทัศนคติของคนมันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยากมากเลยนะครับ ยิ่งคุณลุงไม่โอเคกับเรื่องของการรักคนในเพศเดียวกันแบบนี้ด้วย

อา....ยากชะมัด

" ผมไม่รู้เลยครับว่าจะพูดยังไงให้คุณลุงรู้สึกโอเคขึ้น "

" ฉันก็โอเคขึ้นอยู่นะที่ได้พูดออกไปให้เธอฟังน่ะ " เขายิ้มบางๆ ให้ผม " แล้วเธอมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ "

" ความคิดเห็น...."

" ใช่....ฉันก็อยากรู้นะว่าฉันควรจะทำยังไงต่อ ฉันสั่งลูกชายไปด้วยว่าให้เค้าเลิกกับแฟนที่เป็นผู้ชายซะ แต่เค้าก็ไม่ยอม พอเป็นแบบนั้นฉันก็คิดนะว่าฉันควรทำใจยอมรับเรื่องพวกนี้ซะเพื่อความสุขของเค้า ตอนคิดมันก็อาจจะคิดได้นะ...."

" แต่ตอนทำมันคงไม่ง่ายใช่ไหมล่ะครับ " ผมยกโกโก้ขึ้นมาดูดเบาๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ " ผมรู้ว่าเรื่องของทัศนคติมันเปลี่ยนกันได้ยาก แล้วเรื่องที่เป็นปัญหาเนี่ยะก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมเข้าใจนะครับว่าสังคมในสมัยนี้ยอมรับเรื่องรักร่วมเพศในระดับนึง แต่ก็แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่ยังยอมรับไม่ได้อยู่ "

" เธอมองว่ามันเป็นเรื่องที่รับได้ไหม "

ผมพยักหน้ารับทันที " ครับ ครอบครัวผมเปิดอิสระในเรื่องนี้ แม่ของผมท่านสอนว่าความรักคือความรัก เราควรมองที่ความรู้สึกของคนสองคนที่มีให้กันมากกว่า จริงอยู่ว่าในบางครั้งสังคมหรือคนรอบตัวอาจจะไม่เห็นด้วยกับความรักของเรา แต่ว่าคำพูดของคนอื่นก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขอยู่ดี เพราะงั้นเราโฟกัสแค่คนที่เรารักก็พอครับ "

" ครอบครัวเธอสอนลูกคล้ายๆ กับเพื่อนสนิทของฉันเลย เพื่อนฉันคนนี้เค้าพยายามกล่อมฉันหลายปีแล้วนะไอ้เรื่องนี้น่ะ แต่อย่างที่เธอบอกล่ะนะว่าทัศนคติคนเรามันเปลี่ยนยาก "

" ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาครับ ตัวผมเองก็มีแฟน....เป็นผู้ชายเหมือนกัน " คุณลุงชะงักไปทันทีที่ผมบอกแบบนั้น

ผมทำได้แค่ยิ้มบางๆ พลางหยิบโกโก้ขึ้นมาดูด คุณลุงคงตกใจไม่น้อยเลยที่ผมพูดแบบนั้นออกไป เขายกกาแฟขึ้นมาซดอึกใหญ่ก่อนจะนั่งมองผมนิ่งๆ ในหัวคงคิดอะไรเต็มไปหมดเลยมั้งผมว่า อยากรู้เหมือนกันนะว่าเขาจะคิดยังไง ยังอยากคุยและระบายปัญหาเรื่องลูกชายให้ผมฟังอีกไหม ถ้าแย่หน่อยนี่ก็อาจจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างผมกับเขา และมันก็อาจจะจบไม่สวย

เหมือนการเดิมพันเลยนะเนี่ย

" เธอเองก็...."

" ครับ ตอนแรกผมไม่ได้เป็นคนที่สนใจในความรักหรอก แต่ว่ามันคงเป็นเพราะความบังเอิญจริงๆ ที่ทำให้ผมกับแฟนได้มาเจอกัน เค้าเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็คมากสำหรับผม มีความคล้ายคลึงพระเอกในนิยายที่ผมเขียนมากด้วย "

" เธอเขียนนิยายงั้นหรอ "

" ใช่ครับ แฟนของผมเนี่ยะกลายเป็นแรงบันดาลใจหลายๆ อย่าง วิธีการจีบของเค้า คำพูดของเค้า ผมใส่มันลงไปในนิยายของตัวเองทั้งหมด เราสองคนต่างเป็นผู้ชายแต่ว่าตลอดระยะเวลาที่เค้าตามจีบผมเกือบ 3 เดือน เค้าก็ให้เกียรติผม เสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ความจริงมันมีเหตุบางอย่างที่ทำให้เราต้องคบกันเร็วไปหน่อย แต่พอตัดสินใจคบกันไปแล้วมันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมคิดไม่ผิดจริงๆ "

คุณลุงพยักหน้ารับเบาๆ " ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าความสัมพันธ์ของผู้ชายกับผู้ชายมันจะมีแบบนี้ด้วย "

" มันน่าเหลือเชื่อใช่ไหมล่ะครับ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ตอนนี้ผมกับแฟนเองก็กำลังเจออุปสรรคที่เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวเหมือนกัน "

" มันเกิดอะไรขึ้น "

" ครอบครัวแฟนของผมเค้าก็ไม่โอเคกับเรื่องนี้ครับ แฟนผมเครียดมากแต่ก็พยายามแสดงออกมาว่าตัวเองไม่เป็นไร และจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เราสัญญากันไว้น่ะครับว่าถ้าเจออุปสรรคเราจะจับมือผ่านมันไปด้วยกัน ผมเองก็เชื่อว่าเรื่องทุกอย่างมันจะดีขึ้น "

" พอฟังแบบนี้แล้วมันก็น่าคิดนะว่าแฟนของเธอก็คงรู้สึกแบบเดียวกับลูกชายของฉัน รู้สึกผิดเหมือนกันที่ไปห้ามความรักของเค้า "

" ไม่หรอกครับ พ่อแม่ย่อมมีสิทธิ์ในชีวิตของลูกครึ่งนึงอยู่แล้ว ผมว่าคุณลุงลองเปิดใจแล้วคุยกับลูกชายอีกครั้งก็น่าจะดีนะครับ เลือกทางที่จะมีความสุขทั้งสองฝ่าย "

" นั่นสินะ ฉันควรทำแบบนั้น "

ครื้ดด.ด.ด...ครื้ดด.ด.ด....

" สักครู่นะครับ " ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดรับสาย " ฮัลโหลว่าไงครับ....หนมรอพี่อยู่ที่คาเฟ่หน้ามอ....โอเคครับรีบมานะ " ผมกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ พี่ขุนโทรมาครับบอกว่าประชุมเสร็จแล้วแถมยังบอกว่าคิดถึงผมมากด้วย

นี่ต้องเขินสินะ

" แฟนของเธอหรอ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ "

" ใช่ครับ ที่จริงผมไม่ใช่คนที่ชอบยิ้มนะ แต่ตั้งแต่ที่มีความรักนั่นแหละถึงได้ยิ้มมากขึ้น เดี๋ยวแฟนผมเค้าจะมารับ อยากให้คุณลุงได้เจอเหมือนกันนะครับคนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของผมน่ะ "

" เค้าเป็นยังไงกันนะ....แฟนของเธอน่ะ "

" เค้าเป็นคนดีครับ ถ้ามีโอกาสได้รู้จัก คุณลุงจะรู้เลยว่าเค้าดีจริงๆ "

" คำพูดเหมือนกับลูกชายของฉันไม่มีผิด "

เหมือนกับลูกชายงั้นหรอ.....บังเอิญจัง

ผมนั่งยิ้มบางๆ ให้คุณลุง สีหน้าและท่าทีดูโอเคขึ้นเยอะเลยครับ ผมว่าคุณลุงคงจะเปิดใจรับเรื่องนี้บ้างแล้วล่ะ เพราะเขาก็ยังคงคุยกับผมอย่างปกติทั้งๆ ที่รู้ว่าผมเองก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน ดีจัง หวังนะครับว่าการเล่าเรื่องของผมมันจะทำให้คุณลุงยอมรับเรื่องของลูกชายเขามากขึ้น

หวังแบบนั้นจริงๆ

กริ๊ง

ผมหันไปตามเสียงกระดิ่งก็พบร่างสูงที่สวมเสื้อช้อปสีน้ำเงินเข้มเดินยิ้มหวานเข้ามา " พี่ขุน "

" พี่มารับแล้ว....." พี่ขุนชะงักไปทันทีเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม "....พ่อ "

พ่อ

ผมหันกลับมามองคุณลุงทันที " คุณลุงเป็นพ่อของพี่ขุน "

" ขุนศึก " คุณลุงมองผมกับพี่ขุนสลับกัน " เธอ...."

" พ่อมาทำอะไรที่นี่ครับ "

" ไปคุยกับฉันข้างนอกหน่อย ส่วนเธอรออยู่ที่นี่แหละ " คุณลุงบอกก่อนจะเดินออกไปนอกร้าน

พี่ขุนมองตามเขาก่อนจะหันมามองผม มือเรียวจับตามเนื้อตัวเบาๆ " พ่อพี่ไม่ได้ทำอะไรหนมใช่ไหม "

" ไม่ครับ เราแค่นั่งคุยกันเฉยๆ "

" คุยกันเรื่องอะไร "

" เดี๋ยวหนมค่อยเล่าให้ฟังดีกว่า พี่รีบไปคุยกับพ่อเถอะ อย่าให้เค้ารอนาน "

" เอางั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่มาละกัน " เจ้าตัวยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินออกไป จะไปมีปัญหากันหน้าร้านไหมน่ะ

หวั่นใจจริงๆ

ผมนั่งลงที่เดิมก่อนจะยกโกโก้ขึ้นมาดูดจนหมดแก้ว เหลือเชื่อเลยนะที่คุณลุงเป็นพ่อของพี่ขุนน่ะ คุณลุงเองก็คงตกใจมากที่รู้ว่าผมเป็นแฟนของลูกชายตัวเอง ความบังเอิญนี้มันเหลือเกินจริงๆ ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะทำยังไงต่อ เขาจะยังอยากให้ผมกับพี่ขุนเลิกกันอีกไหม มันกังวลใจไปหมดเลยครับตอนนี้ ผมก็หวังอยู่ในใจลึกๆ นะว่าให้เขาเอ็นดูผมสักนิดจากสิ่งที่ผมได้พูดให้เขาฟัง

แต่ก็ได้แค่หวังจริงๆ นั่นแหละ


--------- 50% ---------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2018 11:41:35 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 50% ----------




[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



ผมเดินตามพ่อออกมาหน้าร้าน ดูจากท่าทางตกใจของพ่อเมื่อกี้ เขาต้องไม่รู้แน่ๆ ว่าคนที่ตัวเองนั่งคุยด้วยเป็นแฟนผม เพราะถ้ารู้พ่อก็คงจะไม่ตกใจขนาดนั้นหรอก ผมไม่รู้ว่าพ่อมาที่มหาลัยทำไม จะว่าบังเอิญผ่านมาก็ไม่น่าใช่อีก ละที่สงสัยหนักเข้าไปใหญ่คือทำไมถึงไปนั่งกินกาแฟกับขนมได้ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้รู้จักน้องแท้ๆ

หรือรู้จักวะ

" พ่อครับ " ผมหยุดมองแผ่นหลังคนตรงหน้านิ่งๆ " มีอะไรจะคุยกับผมหรอครับ "

" ก่อนหน้านี้มันมีช่วงนึงที่แกยุ่งกับงานของมหาลัย ตอนนั้นฉันประสบอุบัติเหตุ มีรถมาตัดหน้ารถฉันจนเสียหลักพุ่งชนกับเสาไฟฟ้า ขาของฉันติดกับตัวรถ ตอนนั้นตัวห้องเครื่องมีควันออกมาเยอะมากและฉันหนีไม่ไหนไม่ได้ มันเป็นวินาทีที่ฉันคิดว่าตัวเองจะตาย แต่ก็นับว่าโชคดีที่มีรถคันนึงผ่านมา คนที่ลงมาจากรถคันนั้นพยายามช่วยฉันอย่างเต็มที่ทั้งๆ ที่เป็นการเสี่ยงอันตราย " พ่อเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันกลับมามองผม " คนที่ช่วยฉันเอาไว้....ก็คือเด็กคนนั้น "

" ขนม....ช่วยพ่อเอาไว้งั้นหรอครับ "

" ใช่ ถ้าเด็กคนนั้นไม่ผ่านมาเจอฉัน " เขาบอกก่อนจะยิ้มบางๆ ออกมา " ฉันอาจจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ก็ได้ "

" ทำไม...ทำไมพ่อไม่บอกขุนเรื่องอุบัติเหตุล่ะ นี่มันเรื่องใหญ่นะครับ " ถ้าเกิดวันนั้นโชคไม่เข้าข้างให้น้องไปเจอพ่อ เหตุการณ์นั้นมันอาจจะเป็นฝันร้ายไปตลอดทั้งชีวิตผมเลยก็ได้

พ่อนี่จริงๆ เลย

" ฉันเห็นแกกำลังยุ่งกับหน้าที่ของแก อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก "

" ถึงพ่อจะพูดแบบนั้นก็เถอะ " ผมผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ " คราวหน้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นพอต้องบอกนะครับ "

" ฉันรู้แล้วน่ะ....แกคงอยากรู้สินะว่าฉันคุยอะไรกับเด็กนั่นบ้าง "

ผมพยักหน้ารับทันที " อยากครับ....ขุนอยากรู้ว่าพ่อคุยอะไรกับน้องบ้าง "

" ฉันเล่าเรื่องที่แกมีแฟนเป็นผู้ชายให้เขาฟัง เด็กนั่นก็พยายามที่จะพูดให้ฉันรู้สึกโอเคขึ้น มันทำให้ฉันคิดเปิดใจที่จะคุยกับแกอีกครั้งเรื่องนี้ เขาก็พูดออกมานะว่าตัวเองก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน และก็กำลังมีอุปสรรคอยู่แต่ก็คิดว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็คงผ่านไปได้ด้วยดี "

" น้องบอกแบบนั้นหรอครับ "

" ใช่....เขาเล่าเรื่องแกให้ฉันฟังด้วยนะว่าแกตามจีบเค้าเกือบ 3 เดือน เป็นคนที่เพอร์เฟ็ค เสมอต้นเสมอปลาย และก็บอกด้วยว่าเค้าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ยอมเป็นแฟนกับแก "

ตึกตัก

ทำไมใจมันสั่นแบบนี้วะ

ผมยกมือขึ้นทาบอกตัวเอง หัวใจมันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ปากก็หุบยิ้มไม่ได้จริงๆ ทุกสิ่งที่พ่อพูดออกมามันทำให้ผมรู้สึกดีและก็รู้สึกรักเจ้าของคำพูดเหล่านั้นมากขึ้นไปอีก น้องเองก็ทำให้ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกเขา สีหน้าของพ่อตอนที่เล่าเรื่องของน้องมันก็บ่งบอกว่าเขาคงชอบใจในตัวน้องอยู่ไม่น้อย ไม่งั้นคงไม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้หรอก ทั้งหมดนี่มันดีจริงๆ เลยนะ

ต้องขอบคุณขนมแล้วล่ะครับ

" ขุนบอกพ่อแล้วไงครับว่าถ้าพ่อมีโอกาสได้รู้จักน้อง พ่อจะรักน้องแบบที่ขุนรัก "

" หึ....เด็กนั่นก็บอกฉันว่า ถ้ามีโอกาสได้รู้จักแก ก็จะรู้ว่าแกดีจริงๆ " เขาหัวเราะออกมาเบาๆ " คำพูดเหมือนกันไม่มีผิด "

" พ่อครับ....จนถึงตอนนี้พ่อคงได้รู้แล้วว่าทำไมผมถึงรักน้อง เพราะงั้นอนุญาติให้เราสองคนได้รักกันเถอะนะครับ " ผมเอ่ยอย่างจริงจัง ถึงขนาดนี้พ่อต้องยอมแล้วแหละ

ลูกสะใภ้น่ารักๆ แบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะ

พ่อเลิกคิ้วมองผม " ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ "

" ถ้าเป็นแบบนั้นขุนกับน้องก็จะไม่ยอมแพ้หรอกครับ เราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อยอมรับให้ได้ อาจจะใช้เวลาสักหน่อยแต่มันต้องมีวันนั้นแน่นอน "

" หึ....แกจำคำสอนของฉันได้สินะ ว่าถ้าเจอคนที่ตัวเองรักแล้วก็ให้ดูแลเค้าให้ดีที่สุด "

ผมพยักหน้ารับ " จำได้ครับ "

" งั้นแกก็ดูแลเค้าให้ดีที่สุดละกัน " พ่อยกมือขึ้นแตะไหล่ผม " ใช้ชีวิตตามแบบที่ตัวเองเลือกเถอะขุนศึก "

" พ่อ...."

" ฉันขอโทษนะสำหรับทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา "

" พ่อไม่ต้องขอโทษขุนหรอก มันผ่านไปแล้วก็แค่ลืมมัน ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความรักของเราสองคน "

" ฉันเชื่อในสิ่งที่แกพูดแล้วล่ะ....แฟนแกเป็นคนดีจริงๆ "

ผมฉีกยิ้มหวานออกมา " ใช่ไหมล่ะครับ "

" ยิ้มหวานน่าหมั่นไส้เชียวนะ " พ่อหยิบเงินก่อนจะส่งให้ผม " ฉันมีประชุมต่อเพราะงั้นคงต้องไปแล้วล่ะ ฝากจ่ายค่ากาแฟให้ด้วย "

" ได้ครับ "

" อีกเรื่อง....เย็นนี้ชวนน้องไปทานข้าวที่บ้านเราสิ แม่แกคงอยากจะเห็นหน้าเขาน่าดู แล้วก็ชวนขุนพลไปด้วยนะ ฉันมีเรื่องที่ต้องขอโทษพี่แกเยอะเลย "

" ได้เลย เจอกันตอนเย็นนะครับพ่อ " ผมบอกก่อนจะยิ้มหวาน

" เจอกันตอนเย็น " พ่อยิ้มบางๆ ให้ผมก่อนจะเดินไปขึ้นรถและค่อยๆ ขับออกไป

" เย่!!!!!!!!!!! " ผมชูแขนสุดมือก่อนจะแหกปากออกมาดังลั่น ใครจะมองยังไงช่างแม่งตอนนี้

พ่อยอมรับแล้วครับ

พ่อยอมรับแล้ววววววว!!!!!!

ทุกอย่างมันกำลังดีขึ้นแบบผมกับขนมหวัง แล้วมันก็เป็นโอกาสดีที่พ่อกับพี่พลจะได้กลับมาคุยกัน บ้านเราจะได้อบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง มันดีมากจริงๆ ตอนนี้อยากกอดขนมมากครับ อยากกอดน้องแน่นๆ แล้วบอกขอบคุณเขาซ้ำๆ พอคิดได้แบบนั้นผมก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้าน คนตัวเล็กนั่งรออยู่ที่เดิม สีหน้าแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด พอน้องเห็นผมเดินเข้ามาเขาก็รีบเดินเข้ามาหาผมทันที

" เป็นไงบ้าง พ่อว่าอะไรไหม แล้วๆๆ ทะเลาะกันรึเปล่า "

ผมดึงขนมเข้ามากอดแน่น " ขอบคุณนะครับ "

" อื้ออ.อ.อ....ขอบคุณอะไรของพี่ "

" ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพ่อของพี่ไว้ ขอบคุณทุกๆ อย่างที่หนมพูด " ผมยกมือลูบหัวน้องเบาๆ " พ่อยอมรับเรื่องของเราสองคนแล้วนะครับ "

" จริงหรอ " น้องผละออกก่อนจะมองผมอย่างจริงจัง " พี่พูดจริงๆ นะ "

" จริงสิครับ พ่อบอกด้วยนะว่าให้ชวนเราไปทานข้าวที่บ้านวันนี้ "

คนตัวเล็กนิ่งไปก่อนจะยิ้มกว้างออกมา " พ่อพี่ยอมรับแล้ว "

" เพราะหนมนั่นแหละ " ผมยกมือขึ้นไปกุมแก้มน้อง " เพราะหนม "

" ทุกอย่างมันดีขึ้นจริงๆ ด้วย เห็นไหมหนมบอกพี่ขุนแล้ว "

" เห็นแล้วครับ....พี่เห็นแล้ว " ผมยิ้มหวานให้ก่อนจะก้มลงไปจุ๊บปากขนมเบาๆ

" พะ...พี่ขุน ทำอะไรเนี่ยะ " น้องโวยวายพลางมองไปรอบร้าน แก้มขาวขึ้นสีแดงก่ำ มือเรียวก็ตีไหล่ผมแรงๆ " นี่มันข้างนอกนะ "

ผมยกยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้ " ถ้าเป็นที่ห้องก็คงทำได้ใช่ไหมครับ "

" พี่นี่แม่ง....จิ๊ " น้องจิ๊ปากใส่ผมก่อนจะเดินหนีไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์แล้วเดินออกไปจากร้าน

เขินได้น่ารักชะมัด

น่าฟัดอีกต่างหาก

ผมไปจ่ายเงินก่อนจะเดินตามออกมา ขนมยืนลูบแก้มตัวเองรอผมอยู่ คงเขินมากเลยสิท่า ก็นะ....โดนจุ๊บกลางร้านแบบนั้น ไม่เขินก็คงจะแปลก ผมว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันคงจะเป็นที่พูดถึงอยู่ไม่น้อย น้องมาบ่นผมอีกแน่ๆ เลย แต่ไม่เป็นไรครับ ถ้าน้องบ่นมากๆ ผมก็จะใช้วิธีกำราบเดิมๆ เหมือนที่เคยใช้

จะจูบย้ำๆ จนปากเปื่อยเลย

คิดแล้วก็อยาก....


[ จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]


การทานข้าวครั้งแรกบ้านแฟนนี่มันก็ดีนะครับ

วุ่นวายดี

ผมนั่งมองวิวข้างทางยามกลางคืน ตอนนี้ผมกับพี่ขุนกำลังจะกลับไปที่หอครับ ก่อนหน้านี้เราไปทานข้าวที่บ้านพี่ขุนกันมา พี่พลเองก็ไปเหมือนกัน ผมรู้สึกดีเลยนะที่พ่อลูกได้กลับมาคุยกันน่ะ สีหน้าของพี่พลดูมีความสุขมาก คุณแม่ของพี่ขุนเองก็ดูมีความสุขที่ลูกชายทั้ง 3 คนอยู่กันพร้อมหน้า ผมคิดว่าครอบครัวนี้คงจะห่างโมเม้นท์นี้ไปนานพอสมควร

ดีแล้วที่ทุกอย่างมันกลับมาดีขึ้น

" อย่ายิ้มให้กระจกสิครับ " คนที่ขับรถอยู่เหลือบมองผม " รอยยิ้มนั้นมันของพี่นะ "

ผมหันมองเจ้าตัว " มันเป็นของหนมต่างหาก "

" หนมก็เป็นของพี่ "

" หนมไม่ใช่ของใครทั้งนั้นแหละ "

" อยากให้ทบทวนความจำให้ไหมครับ คาร์เซ็กซ์ก็น่าลองนะ "

" ทำไมพี่ถึงพูดเรื่องพวกนี้ได้หน้าตาเฉยห้ะ ไอ้คนลามกนี่ " ผมหยิกแขนพี่ขุนแรงๆ

" พี่ลามกแค่กับหนมนะครับ "

ผมหรี่ตามอง " ก็ลองลามกกับคนอื่นสิ " กูทุบตายนะบอกเลย

" ฮ่าๆๆๆๆ ตัวเองน่ารักขนาดนี้เค้าจะไปลามกกับคนอื่นได้ไง จริงไหมครับ " มือเรียวเลื่อนมากุมมือผมก่อนจะยกขึ้นจุ๊บเบาๆ

" ไม่ต้องมาพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนั้นเลยนะ "

" ไม่ชอบหรอครับ "

ชอบสิวะ....ใครจะไม่ชอบบ้าง

ผมเลือกไม่ตอบก่อนจะหันมองวิวเหมือนเดิม พี่ขุนก็ยังคงกุมมือผมไว้แบบนั้น รู้สึกโล่งมากนะครับที่เรื่องวุ่นหลายๆ อย่างมันจบลงได้ด้วยดี อย่ามีอุปสรรคอะไรเข้ามาทำให้เราสองคนปวดหัวอีกเลยนะ ขอรักกันแบบสงบๆ บ้างเถอะ เดี๋ยวจะมีงานใหญ่อย่างกีฬาสีต้องทำด้วย ผมเองก็มีภารกิจเพื่อชาติอย่างการแต่งนิยายต้องรีบจัดการ

สู้ๆ นะไรท์ขนม

คณาณัฐจะเป็นกำลังใจให้

" หนมครับ "

" หืม "

" ไปทะเลกันไหม "

ผมหันมองคนถามทันที " อารมณ์ไหนชวนไปทะเล "

" ก็อยากไปพักผ่อนกับหนมสองคน อยากไปนั่งโง่ๆ มองพระอาทิตย์ขึ้นและตกด้วยกันเท่านั้นเอง อีกอย่างตั้งแต่ปิดเทอมมาเรายังไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยนะครับ "

" นั่นสินะ เอางั้นก็ได้ " ผมยกมือพี่ขุนขึ้นมาแนบแก้มอย่างอ้อนๆ " หนมขอเอาโน้ตบุ๊คไปแต่งนิยายด้วยได้ไหม นิยายหนมมันใกล้จะจบแล้วอ่ะ "

" ได้สิครับ พี่ตามใจหนมตลอดอยู่แล้วหนิ "

" ดีมากเจ้าแฟน ตามใจไปตลอดนะ หนมชอบ " ผมจุ๊บมือพี่ขุนเบาๆ ก่อนจะยิ้มหวานให้

มือเรียวยกขึ้นดึงแก้มผม " แค่ชอบเองหรอ "

" อื้ออ.อ.อ.อ.อ...." ผมจับมือพี่มันมาก่อนจะประสานนิ้วเข้าไว้ด้วยกัน " รักก็ได้ครับ "

" พูดจาน่ารักแบบนี้นี่.....คาร์เซ็กซ์ไหมครับ "

 ไม่เคยจะว่างเว้นจากเรื่องพวกนี้เลยสินะ

" พี่นี่แม่ง!!!!!!!!!!!! "








TBC.

สวัสดีทุกคนค่ะชาลมาส่งขุนแล้ว นี่รีบปั่นมาก ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเลย เดี๋ยวจะตามแก้ให้นะคะ

ก็ปลื้มปริ่มที่ทุกอย่างกำลังจะจบลงด้วยดีรวมถึงนิยายเรื่องนี้ด้วย อีก 5 บทก็จบแล้วนะคะและขันหมีก็จะมาต่อแทน ชาลขอสปอยล่วงหน้าไว้เลยว่า เรื่องของขันหมีเนี่ยะมันจะเป็นช่วงเทอม 2 ซึ่งมีกีฬาสี มันจะเป็นช่วงที่รวมหลากหลายอารมณ์ไว้มากๆ ทั้งหน่วงทั้งฮา ก็รออ่านกันได้

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเปนกำลังใจให้กันได้นะคะ ช่วงเดือนมกรานี้คือช่วงต้องปั่นโปรเจ็กต์ฝึกงาน มันมีความเป็นไปได้สูงมากว่าชาลอาจจะไม่มีเวลามากพอที่จะแต่งนิยายลงได้ตามตารางเป๊ะๆ มันอาจจะเคลื่อนได้ เพราะงั้นติดตามข่าวสารการอัปเดตนิยายได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2018 08:52:48 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
ชอบตอนนี้ อ่านแล้วรู้สึกดี

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พ่อเฮียยอมรับเรื่องของทั้งคู่ รวมทั้งพี่พลด้วย ยินดีด้วยจ้า  :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ผมเพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากเรื่องนี้
อ่านตอนล่าสุดรู้สึกดีมากๆ พ่อพี่ขุนยอมรับซะที
นี่ถ้าพ่อพี่ขุนรู้ว่าขนมเป็นลูกเพื่อนสนิทตัวเองด้วยนี่คงดี
คนใกล้ตัวกันนี่เอง ฮ่าๆ

จะบอกว่าพี่ขันกับหมี เป็นเรื่องที่อยากรู้มาก
คนเขียนมีเรื่องแยกของสองคนนี้ไหม อยากดราม่ามากๆ ฮ่าๆ
ถ้ามีขออ่านด้วยนะครับ มันน่าสนใจมากๆ

แล้วอีกตัวละคร ที่ชื่อสิบสาม
คือโผล่มาแค่ชื่อ แล้วฟังจากขนมบรรยายคือน่าสนใจมาก
เป็นคนที่น่าค้นหา เงียบๆหน้านิ่งๆยิ่งกว่าขนมอีกหรอ 555+

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 31 ช่วงเวลาแห่งความสุข




" อื้อออ.อ....อ...."

ใครมาจิ้มอะไรวะ " ผมพลิกตัวจะหนีแต่ก็ติดอ้อมแขนแกร่ง " อื้ออ.อ....พี่ขุน "

" ตื่นได้แล้ว " เสียงนุ่มกระซิบข้างหู

ผมลืมตามองพี่ขุนข้างนึง " หนมง่วง "

" ขี้เซา " นิ้วเรียวจิ้มแก้มผมเบาๆ

" อื้อออ...ใครจะไปเหมือนพี่ขุนล่ะ " ผมเลื่อนหน้าเข้าไปซุกซอกคอขาว

" พี่ทำไมหืม "

ผมผงกหัวขึ้นมามอง " กี่โมงแล้ว "

" จะ 6 โมงแล้วครับ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันไหม " ดูพระอาทิตย์ขึ้นงั้นหรอ น่าสนใจเหมือนกันแฮะ

" เอางั้นก็ได้ " ผมลุกมานั่งมึนๆ " พี่ขุนไปล้างหน้าสิ "

" โอเค " เจ้าตัวรับคำก่อนจะลุกขึ้นมาจุ๊บปากผมทีนึงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

มาทำให้หน้าร้อนแต่เช้าเลยนะไอ้บ้า

ผมเอนตัวลงนอนที่เดิมก่อนจะดึงหมอนพี่ขุนมากอดไว้ ตอนนี้เรา 2 คนมาอยู่กันที่บ้านพักตากอากาศของป๊าผมเอง เมื่อวานหลังจากที่ตกลงกันว่าจะมาทะเล ผมก็เลยโทรไปบอกป๊า เขาบอกว่าให้มาพักที่นี่สิ เป็นส่วนตัวดีแถมไม่ต้องวิ่งวุ่นไปหาที่พักด้วย ที่บ้านของผมมีโรงแรมอยู่ในพัทยาด้วยนะแต่ว่าตอนนี้มันเต็ม เอาจริงๆ ก็ดีเหมือนกันที่ได้มาอยู่บ้านแบบนี้

ไม่วุ่นวายแถมไม่มีคนรบกวน

ผมจะอยู่ที่นี่สัก 3 วัน ว่าจะปั่นนิยายให้จบที่นี่เลยด้วย จะได้กลับไปลุยงานคณะฯ ได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องมีอะไรมากังวล มาทะเลนี่ไม่ได้บอกใครเลยนะครับ ไอ้หมีมันไลน์มาถามผมตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าผมอยู่ไหน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตอบมัน ใครโทรมาก็ไม่ได้รับเลยสักคน ถ้าพวกเพื่อนๆ รู้ว่าผมอยู่ทะเล มันต้องยกโขยงมากันแน่ๆ

เพราะงั้นเราจะไม่บอกใครเด็ดขาด

ขอใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขแบบสงบๆ เถอะ

ผ่านไปได้สักแปปนึง ร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องน้ำก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงปลายเตียง " นอนอีกแล้วนะ "

" ก็นอนรอไง "

" ไปล้างหน้าเร็ว เดี๋ยวพระอาทิตย์ก็ขึ้นก่อนหรอก "

" รู้แล้วน่า " ผมยกแขนขึ้น " ดึงหน่อย "

มือเรียวออกแรงดึงให้ผมลุกจากเตียง " ต้องให้พี่อุ้มไปห้องน้ำเลยไหม "

" ไม่ต้อง หนมเดินไปเองได้ " ผมบอกพี่ขุนก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำมาเพื่อนจัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง

เหมือนไม่ได้เจอเหตุการณ์แบบนี้มาหลายวันเลย ก็นะ ผมกับพี่ขุนแยกกันอยู่ช่วงนึงเลยหนิ มันอาจจะดูไม่ได้นานมากนะครับสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนติดแฟนอย่างผมนี่แม่งโคตรนานอ่ะ

พี่ขุนเองก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน

" พี่เก็บเตียงแล้วนะครับ " พี่มันเดินมากอดจากด้านหลัง เดี๋ยวนะ กูล็อคประตูห้องน้ำหนิ มึงเข้ามาได้ยังไง

เอ๊ะ หรือไม่ได้ล็อค

" พี่เข้ามาได้ไงเนี่ยะ " ผมกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า

" ก็เดินเข้ามาเฉยๆ " พี่ขุนบอกก่อนจะจับให้ผมหันไปหา มือเรียวก็ยกผ้าขึ้นมาเช็ดหน้าให้ " หน้าใสจัง น่ากัด " ว่าแล้วเจ้าตัวก็ก้มมางับแก้มผม

" อื้ออ.อ.อ....น้ำลายมันติดหน้าเนี่ยะ "

มันยกยิ้มก่อนจะเลื่อนหน้าลงมาใกล้ " อยากให้ติดปากด้วยไหมล่ะครับ "

" พะ...พูดอะไรของพี่ก็ไม่รู้ " ผมดันหน้าหล่อๆ นั่นออก " ไปกันได้แล้ว พระอาทิตย์ขึ้นแล้วมั้ง " พอพูดจบผมก็ชิงวิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำก่อนเลย ไม่ได้ครับ ถ้าผมยังอยู่ตรงนั้นพี่ขุนมันต้องแดกปากผมแน่นอน ดีไม่ดีแดกทั้งตัว

สายตาโคตรร้อนแรง

ผมหยิบกล้องถ่ายรูปก่อนจะเดินออกมาหน้าบ้าน พี่ขุนก็เดินตามมา ตอนนี้ก็ประมาณ 6 โมงละ พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นแล้วครับ เห็นแสงสีทองอยู่พ้นขอบน้ำมานิดนึง ผมเซ็ตค่ากล้องก่อนจะยกขึ้นถ่ายภาพตรงหน้า เดี๋ยวจะเอาไปอวดพวกเพื่อนๆ ให้มันอิจฉาเล่น พี่ขุนเองก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกัน

มองจากด้านหลังนี่หล่อชิบ โอกาสดีแบบนี้ก็ต้อง...

แชะ

คนโดนแอบถ่ายหันมาคลี่ยิ้มให้ผม " แอบถ่ายพี่หรอครับ "

" ใช่ " ว่าแล้วผมก็ถ่ายรูปคนตรงหน้ารัวๆ " เสยผมแล้วยิ้มหวานๆ หน่อยสิ "

" นี่จะถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นหรือจะถ่ายพี่กันแน่หืม.... "

" ก็ถ่ายทั้งคู่นั่นแหละ "

" เรานี่น้า " พี่ขุนเสยผมก่อนจะยิ้มหวานให้กล้องตามที่ผมสั่ง

ตึกตัก

ผมกดชัตเตอร์เก็บโมเม้นท์นี้ไว้ด้วยใจที่สั่นระรัว กับอีแค่เสยผมแล้วยิ้มหวานเองป้ะวะหนม หัวใจไม่ต้องเต้นแรงขนาดนี้ก็ได้ไหม

" ตากล้องแก้มแดงจังเลยนะครับ "

" แก้มแดงอะไรกันเล่า " ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ " มันเป็นอย่างนี้อยู่แล้วมั้งเถอะ "

พี่ขุนเดินมาหยุดตรงหน้าก่อนจะยกมือบีบแก้มผม " น่ารักจังเลยน้า "

" ไม่ได้น่ารักซะหน่อย "

" ก็บอกแล้วไงว่าน่ารักในสายตาของพี่เสมอ " เจ้าตัวบอกก่อนจะเดินอ้อมมายืนด้านหลังผม " ถ่ายรูปกันเถอะครับ " พี่ขุนบอกก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อถ่ายรูป

ผมยิ้มหวานให้กล้อง พี่ขุนเองยิ้มไม่ต่างกัน ฉากด้านหลังเป็นพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขึ้นมาเหนือน้ำ ผมยืนฉีกยิ้มปล่อยให้มันถ่ายรูปจนพอใจ พี่ขุนนี่หล่อเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ละเป็นคนบ้าอะไรที่ถ่ายรูปช็อตไหนก็ดูดีไปหมด ไม่มีหลุดสักรูปเดียว ต่อให้มันกำลังวิ่งหรือกำลังนอน หรือทำห่าอะไรสักอย่าง รูปที่ถ่ายออกมาก็ดูดีเสมอ

อิจฉาตัวเองจังที่มีแฟนหล่อแบบนี้

คำพูดโคตรน่าหมั่นไส้เลยว่ะ

" อมยิ้มอะไรน่ะหืม "

" ก็....ไม่มีอะไร "

" บอกพี่มานะ " พี่ขุนโอบเอวผมเข้าไปใกล้ " ถ้าไม่บอกพี่จูบนะครับ "

ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง " ไม่ให้จูบ "

" ถ้าไม่ให้จูบก็บอกมาซะดีดี "

" ไม่เอา "

" ขนม " ดวงตาคมจ้องผมอย่างจับผิด " คิดว่าพี่จะจูบเราไม่ได้หรอ " พี่ขุนยกยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบแรงๆ ที่ซอกคอผม

" พี่ขุนทำอะไรเนี่ยะ " ผมเลื่อนมาจะดันพี่ขุนออก แต่เจ้าตัวก็ใช้จังหวะนั้นเลื่อนขึ้นมาจูบปากผมแทน ลิ้นร้อนสอดเข้ามาไล่วนไปรอบๆ ลิ้นผม อื้ม.มม.ม.....

เอาจนได้สินะไอ้บ้านี่

" อืมมม.ม...." เจ้าของริมฝีปากบางค่อยๆ ถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะยิ้มหวานให้ผม " เห็นไหมว่าพี่จูบเราได้ "

" พี่มันเจ้าเล่ห์ "

" คนเราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ....ถูกไหมครับ "

" ไม่ต้องมาพูดเลยนะ " ผมดันเจ้าตัวออกก่อนจะเดินหนีเข้ามาในบ้าน คือไม่ได้โกรธหรืองอนหรืออะไรนะครับ

ผมเขินเฉยๆ....ตามนั้นเลย

ตอนนี้ประมาณเกือบ 7 โมงแล้วครับ ผมว่าตลาดสดใกล้ๆ นี่คงจะมีของขายแล้วแหละ อยากกินกะเพรากุ้งกับไข่เจียวปลาหมึกอ่ะ เดี๋ยวให้พี่ขุนทำให้กินดีกว่า ผมเดินไปหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าตังค์มาส่งให้พี่ขุนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน เจ้าตัวก็รับไปพลางทำหน้างงๆ ใส่ผม

งงอะไรของมึง

" ไปตลาดกัน หิวแล้ว "

" ไปหาอะไรกินหรือว่า...."

" ไปซื้อของสดมาทำกิน " ผมดันให้พี่ขุนออกมาที่จอดรถหน้าบ้าน " อยากกินกะเพรากุ้งกับไข่เจียวปลาหมึก "

" ได้เลยครับ " พี่ขุนรับคำก่อนจะเดินมาเปิดประตูรถไว้ให้

ผมปิดบ้านเสร็จก็เดินมาขึ้นรถแล้วคาดเบลท์ " ไปได้ "

" ได้ครับ....ขอมือหน่อยสิ "

" จะเอามือหนมไปทำไม "

" จะจับ "

" แล้วถ้าไม่ให้จับล่ะ "

คนนั่งข้างๆ เบะปากขึ้นเล็กน้อย " ต้องให้จับสิครับ พี่จะได้มีกำลังใจในการขับรถ "

" เลอะเทอะจริงๆ " ผมบ่นก่อนจะเลื่อนมือไปให้พี่ขุนจับไว้ ใบหน้าหล่อนี่ยิ้มออกเลยที่ได้มือผมไปจับ

มันจะอะไรขนาดนั้นวะ

ผมหันมองวิวข้างนอกกระจก ตลาดที่เราจะไปเนี่ยะต้องผ่านถนนที่เลียบทะเลครับ ผมชอบมากเลยอ่ะ ชายทะเลที่มีคลื่นลมอ่อนๆ นี่สวยจริงๆ เลยนะ แนวต้นสนพวกนี้ก็เหมือนกัน ตอนเช้าๆ มันไม่ค่อยมีรถและก็ไม่มีคนเท่าไหร่ บรรยากาศมันก็เลยสงบมาก พอเห็นแบบนั้นผมก็ลดกระจกลงปล่อยให้ลมมันพัดเข้ามาโกรกหน้าแทน

โมเม้นท์แบบนี้หาไม่ได้ที่กรุงเทพฯ นะครับ

" นั่นมันอะไรน่ะ " พี่ขุนบอกก่อนจะชะลอรถ

ผมชะเง้อคอมองตามทันที " อะไร....เกิดอะไรขึ้น "

" กลางถนนนั่นมัน "

" เต่าหนิ " ผมมองเต่า 2 ตัวที่อยู่กลางถนน " ลงไปดูมันดีกว่าพี่ขุน "

" ไปครับ " พี่ขุนรีบเดินลงมาจากรถ ผมเองก็เดินตามลงมาอย่างไว ทำไมถึงมีเต่ามาอยู่กลางถนนแบบนี้ได้นะ เดินหลงมาจากไหนกัน

ผมเดินเข้ามาใกล้เต่า 2 ตัวนั้นก็เห็นว่าที่ขาของพวกมันมีรอยแผล " มันบาดเจ็บ "

" เป็นรอยเหมือนอะไรกรีดเลย "

" ใครมันทำแบบนี้วะ " ผมลูบหัวเจ้าเต่าเบาๆ " เราจะทำยังไงกับพวกมันล่ะพี่ขุน เราทิ้งมันไว้ตรงนี้ไม่ได้นะ เลือดมันออกเต็มเลย "

" ก็คงต้องเอาไปส่งศูนย์อนุรักษ์ฯ น่ะ เต่าทะเลเป็นสัตว์อนุรักษ์ด้วยเราเอากลับไปเลี้ยงไม่ได้อยู่แล้ว "

" งั้นพี่อุ้มตัวโน่น เดี๋ยวหนมอุ้มตัวนี้เอง " ผมบอกก่อนจะยกเจ้าเต่าขึ้นมา เห็นตัวไม่ค่อยใหญ่แต่ก็หนักใช่เล่นเลยแฮะ ตอนอยู่ในทะเลนี่กินเยอะน่าดูเลยสินะ

พี่ขุนเดินมาเปิดประตูเบาะหลังให้ ผมหยิบผ้าห่มมาปูรองก่อนจะวางเจ้าเต่าไว้บนนั้น มันดูซึมมากเลยครับ ไม่ขยับตัวเลยด้วยซ้ำ คงเพราะเจ็บแผลที่ขาแน่ๆ ตัวที่พี่ขุนอุ้มมานั่นจะใหญ่กว่าตัวของผมนิดหน่อย เจ้านั่นก็ไม่ขยับเหมือนกัน มีแค่ตาเท่านั้นที่กระพริบอยู่ เห็นแล้วน่าสงสารจัง บาดแผลแบบนี้ดูก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ต้องมีคนทำมันแน่ๆ มันน่าแปลกตั้งแต่มีเต่ามาวางอยู่กลางถนนละ ไม่รู้นะว่าคนทำเป็นใครแต่แม่งใจร้ายจริงๆ

หงุดหงิดเลยว่ะ

" หนมครับ พี่ว่ากะเพรากุ้งกับไข่เจียวปลาหมึกต้องเลื่อนไปเป็นมื้อต่อไปแล้วล่ะ " พี่ขุนบอกก่อนจะออกรถ

" ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยไปหาข้าวกินก็ได้ ตอนนี้รีบพาเจ้าพวกนี้ไปส่งศูนย์ฯ ก่อนดีกว่า พวกมันต้องเจ็บมากแน่ๆ เลย "

" รอยมันเหมือนรอยมีดกรีดเลย ปกติเต่าทะเลก็ไม่น่าจะมาอยู่กลางถนนบนชายฝั่งที่มีคนเยอะนะ ถ้าบอกว่ามันเดินขึ้นมาจากน้ำเองมันก็ไม่น่ามาอยู่กลางถนนรึเปล่า แถมยังบาดเจ็บด้วย ที่สำคัญคือไม่ใช่แค่ตัวเดียว "

" มีคนขโมยมันมาจากที่ไหนรึเปล่า แถวนี้มันมีทะเลที่เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลใช่ไหมล่ะ "

" ก็อาจจะใช่ พี่ว่าหนมโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ก็ดีนะว่าเราพบเต่าทะเลบาดเจ็บและกำลังจะเอาไปส่ง "

" โอเค " ผมหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเสิร์ชหาเบอร์ติดต่อของศูนย์ฯ " พี่ขุนเคยไปไหมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล "

" เคยไปครั้งนึงตอนมัธยม หนมล่ะเคยมาไหม "

" เคยมาเมื่อมัธยมเหมือนกัน.....อ่ะ ฮัลโหลครับ คือผมเจอเต่าทะเลสองตัวได้รับบาดเจ็บแล้วก็นอนอยู่กลางถนนน่ะครับ.....คณาณัฐครับ....ใช่ครับ "

ผมคุยกับเจ้าหน้าที่ไปเรื่อย ตาก็เหลือบมองพี่ขุนเป็นระยะพลางมองเจ้าเต่าที่อยู่เบาะหลังด้วย ตาใสๆ นั่นมองผมใหญ่เลย อดทนไว้ก่อนนะเดี๋ยวจะพาไปรักษา แข็งแรงเมื่อไหร่จะได้กลับสู่ธรรมชาติ

ครอบครัวเต่าอาจจะคิดถึงพวกมันแล้วก็ได้

หลังจากที่คุยกับเจ้าหน้าที่เสร็จผมก็กดวางสาย เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ บอกว่าเต่าที่เราพบอาจจะเป็นเต่าที่ถูกลักลอบขโมยมาจากเกาะอนุรักษ์ใกล้ๆ นี่ เขาบอกว่าต้องเห็นบาดแผลก่อนถึงจะพอรู้ว่าใช่แก๊งค์ที่ลักลอบขโมยเต่าไหม ผมเคยดูสารคดีเกี่ยวกับเต่าทะเลนะ เจ้า 2 ตัวที่เราเจอเนี่ยะคือเต่าตนุ ลักษณะเด่นของเต่าตนุก็คือสีของกระดองจะสวย สมัยก่อนมีการล่าเพื่อนำไปทำเครื่องประดับ ตอนนี้จำนวนพวกมันลดลงมาก

คิดแล้วโคตรน่าสงสาร

แต่เมื่อปี 2559 ได้มีประกาศจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องการห้ามจับสัตว์น้ำที่หายากหรือใกล้สูญพันธ์ทั้ง 13 ชนิด ซึ่งใน 13 ชนิดเนี่ยะก็มีสัตว์ตระกูลเต่าด้วยนะครับ ที่ผมรู้เรื่องนี้เพราะผมมีโอกาสได้ทำรายงานเกี่ยวกับสัตว์คุ้มครองทางทะเลสมัยที่อยู่มัธยม หลังจากที่มีประกาศแบบนี้ออกมามันก็ช่วยขึ้นได้ในระดับนึงนะ แต่ว่ามันก็ยังมีพวกที่ลักลอบขโมยเต่าอยู่ดี

คนพวกนี้ใจร้ายชะมัด

ผมเป็นคนที่ชอบเต่ามาก พอเห็นอะไรแบบนี้มันก็เลยหน่วงใจไปหมด เวลาเห็นข่าวเต่าทะเลที่ไปกินขยะแล้วมาเกยหาดนั่นอีก ผมสงสารมันอ่ะ มันว่ายน้ำอยู่ดีดีมันก็แค่หิว โชคร้ายจริงๆ ที่มันดันไปมองว่าเศษขยะเป็นของที่กินได้ บางทีขยะที่เราทิ้งตามชายหาดแล้วคลื่นทะเลมันซัดลงไป ขยะชิ้นนั้นต่อให้เป็นชิ้นเล็กๆ มันก็อาจจะทำลายชีวิตสัตว์ทะเลได้ 1 ชีวิตเลยนะ

ไม่รู้ว่าปีนึงต้องมีสัตว์ทะเลมาตายไปเพราะสาเหตุนี้สักกี่ตัว

เศร้าใจจัง

" เป็นห่วงพวกมันหรอครับ " พี่ขุนเหลือบมองผมก่อนจะเลื่อนมือมาจับมือผมไว้ " เดี๋ยวพวกมันก็ปลอดภัยนะ "

" มันตัวเกือบเท่าไอ้ 3 ตัวที่บ้านเลย "

" บางทีไอ้ 2 ตัวนี้อาจจะอายุเท่ากับไอ้พวกนั้นก็ได้นะ "

" อาจจะใช่ก็ได้นะ " ผมหันไปมองเจ้าเต่า 2 ตัว " เลือดเลอะเต็มผ้าห่มกับเบาะเต็มไปหมด "

" ไว้เดี๋ยวค่อยเอาไปล้าง หนมว่าพี่ซื้อผ้าคลุมเบาะรถดีไหม เผื่อมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีกมันจะได้ไม่เลอะมาก "

" ดี เอาสีเหลืองนะ "

" ไว้เดี๋ยวไปเลือกด้วยกันเนอะ " พี่ขุนบอกก่อนจะเลี้ยวรถเข้าศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ สัตหีบ

อันนี้ชื่อยาวๆ นะครับ

ศูนย์อนุรักษ์ฯ แห่งนี้เริ่มดำเนินการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลมาตั้งแต่ปี 2493 แล้วครับ โดยหน้าที่การดูแลหลักของที่นี่คือการดูแลเต่าตั้งแต่อยู่ในไข่จนฟักออกมาเป็นตัว และก็ดูแลจนโตมากพอที่จะส่งพวกมันกลับสู่ทะเล นอกจากการดูแลเหล่านี้ ทางศูนย์อนุรักษ์ฯ ยังเป็นสถานที่วิจัยเกี่ยวกับเต่าทะเลรวมถึงเป็นสถานพยาบาลให้กับเต่าที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นโรคด้วยนะ

เจ้าหน้าที่เขาคงทำงานกันหนักมากเลย

ปกติเต่าทะเลพวกเนี้ยะจะขึ้นไปวางไข่ตามหาดของเกาะใกล้ๆ นี่แหละครับ แล้วเจ้าหน้าที่เขาก็จะออกสำรวจหาหลุมที่เต่าวางไข่แล้วไปเก็บมาฟัก ขั้นตอนมันค่อนข้างที่จะเป็นแบบแผนมากเลยแถมยังละเอียดอ่อนด้วย ที่ผมรู้คร่าวๆ นี่ก็เพราะตอนที่เสิร์ชหาเบอร์ของศูนย์ฯ มันมีพวกข้อมูลนี้เด้งขึ้นมาให้อ่าน มันก็เป็นความรู้ดีนะ อาจจะเอาไปใช้ได้ในอนาคต

" เดี๋ยวก็ได้หาคุณหมอแล้วนะ " ผมบอกเจ้าเต่าก่อนจะอุ้มมันลงมาจากรถ

" ทางนี้ครับหนม " พี่ขุนอุ้มเจ้าเต่าอีกตัวเดินนำผมเข้าไปด้านในจนถึงจุดประชาสัมพันธ์ ก็พบกับเจ้าหน้าที่ " พวกผมโทรมาแจ้งเรื่องเต่าที่ได้รับบาดเจ็บน่ะครับ "

" คุณคณาณัฐใช่ไหมคะ "

ผมพยักหน้ารับทันที " ใช่ครับ ผมเอง "

" เชิญทางนี้เลยค่ะ " คุณเจ้าหน้าที่คนสวยบอกก่อนจะเดินนำพวกเรามาจนถึงส่วนของโรงพยาบาลเต่าทะเล

ตอนนี้ประมาณ 8 โมงกว่าๆ แล้วครับ คนยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่แต่ผมว่าสักช่วงสายๆ น่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่นี่มากพอสมควรเลยเพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุด นักท่องเที่ยวที่มาชลบุรีก็น่าจะเลือกแวะมาเที่ยวที่นี่นะครับ เพราะว่าได้ทั้งความรู้ ได้เห็นเต่าน่ารักๆ แถมยังไม่เสียค่าเข้าชมเลยสักบาท

" คุณหมอคะ เคสของเต่าที่ได้รับบาดเจ็บมาถึงแล้วค่ะ "

" สักครู่นะครับ " คุณหมอสวมถุงมือก่อนจะลากรถเข็นเดินมาทางพวกผม " สวัสดีคุณ 2 คนนะครับ หมอชื่อเพียวนะ จะเป็นคนรับเคสนี้เอง " หมอบอกก่อนยิ้มหวาน

หมอเพียวนี่ใช้ได้เลยนะครับ รูปร่างหน้าตาไม่ธรรมดาเลย เจ้าเต่าพวกนี้คงจะมีความสุขน่าดูที่มีหมอหล่อขนาดนี้คอยดูแล ผมว่าหมอที่รักษาพวกสัตว์ทะเลหรือว่าสัตว์ป่านี่เก่งนะ เพราะว่าสัตว์พวกนี้จะแสดงอาการออกมาต่างจากพวกสัตว์เลี้ยงอ่ะ แม่งต้องเป็นอะไรที่เฉพาะทางจริงๆ

" ยิ้มอะไรน่ะหืม " พี่ขุนกระซิบถามเบาๆ

" ยิ้มอะไรเล่า เปล่าสักหน่อย " ผมวางเจ้าเต่าลงบนรถเข็น " เอาวางสิ "

พี่ขุนวางเจ้าเต่าลงข้างๆ ก่อนจะหันมองหมอ " ที่ขามันเหมือนรอยมีดกรีดน่ะครับ "

" คงจะเป็นพวกนั้นจริงๆ " คุณหมอบอกก่อนจะดันรถเข็นเข้าห้องตรวจ " ช่วงนี้มีแก๊งค์ลักลอบขโมยไข่เต่าและก็ค้าเต่าน่ะครับ ถ้ามีเต่าตัวไหนที่ไม่ได้เป็นไปตามความต้องการเนี่ยะ พวกมันก็จะกรีดขาของเต่าจนเป็นรอยแผลเหวอะแบบนี้แล้วก็ทิ้งไว้ที่ไหนสักที่ "

" ใจร้ายจริงๆ ไม่อยากได้มันก็แค่ปล่อยคืนทะเลไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย " คนพวกนี้มันน่าจับมาติดคุกซะให้เข็ด ไม่ต้องการพวกมันก็ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลยป้ะวะ

หึ้ยย.ย....หงุดหงิดชิบ

" หมายความนี่ไม่ใช่เคสแรกสินะครับ " พี่ขุนถามพลางมองหมอที่เริ่มหยิบยามาเพื่อจะทำแผลให้

" ใช่ครับ แต่ว่าส่วนมากที่เราได้รับแจ้งมาก็คือเต่าพวกนั้นจะตายแล้ว มีไม่กี่เคสที่มีชีวิตรอดมาส่งให้ทางเรารักษา "

" น่าสงสารพวกมันจริงๆ แล้วเราจะจับตัวไอ้คนทำได้ยังไงล่ะครับหมอ "

" ก็ตอนนี้พวกเจ้าหน้าที่รู้ตัวคนอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ทั้งหมดแล้วล่ะครับ อีกไม่กี่วันก็จะมีแผนจับกุม "

" จับให้ได้เลยนะครับ คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ " ผมเลื่อนมือไปแตะหัวเจ้าเต่าเบาๆ " เจ็บแย่เลยเนอะ อดทนไว้ก่อนนะเดี๋ยวก็หายแล้ว "

หมอเพียวเหลือบมองผมพลางอมยิ้ม " คุณคงชอบเต่ามากเลยนะครับ "

" ใช่ครับ " ผมรับคำทันที " แฟนผมก็เลี้ยงเต่าตั้ง 3 ตัวแน่ะ "

" เต่าบกหรือเต่าน้ำครับ "

" เต่าน้ำครับ แก้มแดงๆ " พี่ขุนบอกก่อนจะดึงผมให้ไปยืนข้างๆ " ขวางคุณหมอทำแผลเจ้าเต่านะ "

" นั่งรอก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว " พอได้ยินแบบนั้นผมกับพี่ขุนก็เดินไปนั่งรอที่เก้าอี้ใกล้ๆ

ผมนั่งมองหมอเพียวทำแผลให้เจ้า 2 ตัวนั้นไปเรื่อย พวกมันก็ยังคงนิ่งอยู่แต่ผมว่าอีกสักพักก็น่าจะดีขึ้น นี่โชคดีนะที่พวกผมเป็นคนไปเจอน่ะ ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่รู้ว่าเขาจะพาพวกมันมาส่งที่นี่ไหม ถ้าไม่มีคนสนใจใยดีมันต้องตายอยู่ตรงนั้นแน่ๆ ผมหวังว่ามัน 2 ตัวจะหายดีและก็ได้กลับสู่ทะเล

มันต้องมีความสุขมากแน่ๆ

" เสร็จแล้วครับ " หมอเพียวบอกก่อนจะทำความสะอาดอุปกรณ์

" แล้วหมอจะทำยังไงกับเจ้า 2 ตัวนี้ล่ะครับ "

" ก็จะส่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลต่อน่ะครับ เราต้องรอจนกว่าแผลจะหาย และก็ต้องรอให้มันพร้อมมากพอที่จะกลับสู่ทะเล คุณ 2 คนไม่ต้องห่วงนะครับ ทางเราจะทำหน้าที่ตรงนี้อย่างเต็มที่ "

" ขอบคุณนะครับหมอ " ผมยิ้มบางๆ ให้ " ฝากพวกมันด้วยนะครับ "

" ได้เลยครับ ทางพวกเราก็ต้องขอบคุณพวกคุณที่พามันมาส่งนะครับ "

" ครับหมอ งั้นพวกผมต้องขอตัวแล้วนะครับ " ผมบอกก่อนจะเดินไปลูบหัวเจ้า 2 ตัวเบาๆ " ลาก่อนนะ หายไวไวแล้วกลับทะเลเร็วๆ นะรู้ไหม "

" พวกมันบอกว่า....ได้ครับผม "

ผมหันขวับมองพี่ขุนทันที " พี่รู้ได้ไง "

" อย่าลืมสิว่าพี่เลี้ยงเต่า " เจ้าตัวขยี้หัวผมเบาๆ " ไปกันดีกว่าหิวแล้ว....ไปละนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ " สิ้นเสียงทั้งพี่ขุนก็ยกมือไหว้

" สวัสดีครับ " หมอรับไหว้ก่อนจะเข็นเจ้า 2 ตัวนั้นเดินไปไหนไม่รู้ครับ

โชคดีนะ

ผมโบกมือบ้ายบายจนหมอเดินลับตาไป พี่ขุนเลื่อนมาจับมือผมก่อนจะพาเดินออกไปจนถึงที่จอดรถ ยัดผมขึ้นรถเสร็จสรรพด้วยนะ สงสัยจะหิวมากมั้ง ถ้าไม่หิวมากก็อาจจะกำลังหึงมากอยู่ก็ได้ ผมดูออกนะครับว่าพี่ขุนไม่ค่อยชอบใจที่ผมยิ้มให้หมอเพียว แต่แหม่ นั่นหมอไหมวะ แล้วเขาก็รักษาเต่าด้วย จะให้ไปยืนทำหน้าบึ้งใส่เขามันก็ไม่ใช่ไหมล่ะ

" เป็นอะไรหืม " ผมยกมือขึ้นไปกุมแก้มพี่ขุน " หน้าบึ้งเชียวนะ "

" หึง "

นั่นไง

" หึงทำไม "

พี่ขุนทำหน้ามุ่ยใส่ผม " ก็หนมไปยิ้มให้หมออ่ะ พี่บอกแล้วไงว่ารอยยิ้มนั้นมันของพี่นะ " เจ้าตัวเอ่ยเสียงขุ่น

" ถึงหนมจะยิ้มให้หมอแต่หนมก็รักพี่แค่คนเดียวนะ " ผมบอกก่อนจะยิ้มแฉ่งให้

" มากอดก่อน "

" พี่ขุนนี่มันจริงๆ เลย " ผมเอี้ยวตัวไปให้พี่ขุนกอด มือก็ลูบเรือนผมสีเทานั่นเบาๆ " พอใจไหมครับ "

พี่ขุนหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะผละออกไปแล้วยิ้มหวาน " พอใจแล้วครับ "

" ถ้าพอใจแล้วก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ "

" ได้เลยครับ " พี่ขุนยิ้มรับก่อนจะออกรถ

มีความสุขจัง มันรู้สึกดีนะที่ได้มีโอกาสได้ช่วยชีวิตเจ้า 2 ตัวนั้น เรื่องนี้เดี๋ยวต้องเอาไปเล่าให้ป๊ากับแม่ฟังด้วยนะครับ พวกท่านต้องปลื้มปริ่มในตัวพวกเราแน่ๆ เดี๋ยวพอกินข้าวเสร็จแล้วผมก็มีหน้าที่ต้องกลับไปทำนั่นก็คือแต่งนิยายครับ เมื่อคืนตอนที่มาถึงผมก็นั่งปั่นจนจบบทไป เดี๋ยวก่อนจะเริ่มบทใหม่ผมต้องแต่งเรื่องสั้นก่อน คงใช้เวลาไม่ได้นานเท่าไหร่ อีกอย่างคือตอนนี้มีกำลังใจดีดีนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย รับรองว่าเสร็จไวแน่นอน

เชื่อมือไรท์หนมได้เลย


---------- 50% ----------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2018 22:11:40 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 31 ----------


ทะเลตอนเย็นๆ นี่อากาศดีนะ

จะดีกว่านี้ถ้ามีแฟนมานั่งอยู่ข้างๆ

ตอนนี้ประมาณ 5 โมงกว่าๆ แล้วครับ ผมนั่งแต่งนิยายอยู่ที่ชายหาด แบบนั่งกับพื้นแล้วมีโน้ตบุ๊ควางอยู่บนตัก นั่งอยู่ตรงนี้มาชั่วโมงกว่าละ ละนั่งท่าเดิมไม่มีขยับ ขอบอกเลยว่าตอนนี้เมื่อยมาก ที่ต้องมานั่งฝืนสังขารตัวเองแต่งริมทะเลแบบนี้ก็เพราะอยากได้ฟีลแบบเรื่องสั้นที่กำลังแต่ง

ผมแต่ง Distance อยู่ครับ

น่านน้ำกับผืนฟ้าไง

คือตอนแรกเรื่องนี้มันเป็นแค่บทหนังสั้นที่ผมเขียนแบบบทสนทนาคร่าวๆ ไว้ แต่ไม่รู้ว่านึกครึ้มยังไงถึงอยากจะแต่งให้มันออกมาเป็นนิยายแบบเรื่องสั้น ผมคิดว่าจะแต่งไม่กี่หน้าหรอก ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ให้เกิน 10 หน้า แต่ก็ไม่รู้จะทำได้ไหมนะ การแต่ง Distance เนี่ยะ ผมต้องปรับภาษาตัวเองพอสมควรเลย อยากแต่งออกมาให้ได้ฟีลของผืนน้ำจริงๆ หวังว่าเหล่ารี้ดของผมจะชอบใจในเรื่องสั้นนี้นะ

" หนมครับ "

ผมหันไปมองตามเสียงก็พบพี่ขุนที่เดินออกมาจากบ้าน " ว่าไงหืม "

" กับข้าวเสร็จหมดแล้วนะครับ "

" นิยายหนมอีกพักนึงก็เสร็จละ "

ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ข้างผม " ไม่เมื่อยบ้างหรอ นั่งมาเป็นชั่วโมงละนะ "

" เมื่อยมาก แต่ทำไงได้มันไม่มีอะไรให้พิง " ถ้ามีอะไรให้พิงมันก็จะดีกว่านี้เยอะ

" งั้น...." เจ้าตัวยกยิ้มก่อนจะนั่งลงซ้อนด้านหลังผม " หนมพิงพี่ละกัน "

" พี่ก็เมื่อยน่ะสิ "

" อย่างน้อยหนมก็ไม่เมื่อย....จริงไหม " พี่ขุนยิ้มหวานก่อนจะใช้แขนตัวเองยันไว้ด้านหลังข้างนึง ส่วนอีกข้างนึงก็โอบเอวผม " อีกอย่างพี่น่ะแข็งแรงจะตาย แค่หนมนั่งพิงแค่นี้พี่ไม่สะเทือนหรอก "

" เอางั้นก็ได้ " ผมเอนตัวพิงอกแน่นๆ นั่นไว้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในข้อดีของการที่มีแฟนตัวใหญ่กว่าเหมือนกันนะ

มีที่พิงส่วนตัว

ผมเริ่มแต่งนิยายต่อพลางมองทะเลเบื้องหน้าไปด้วย ผ่านไปได้แปปนึงพี่ขุนก็เอาคางมาวางไว้บนไหล่ผม ตาก็มองจอโน้ตบุ๊คอยู่อย่างนั้น ที่ผมรู้นี่เพราะว่าผมเห็นเงาสะท้อนจากจอครับ มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของมันก็ไม่รู้

" พี่ยิ้มอะไรอ่ะ "

" พี่นึกถึงวันที่เราถ่ายหนังสั้นด้วยกันไง หนมกำลังแต่งเรื่องนั้นใช่ไหม "

" ใช่ " ผมเหลือบมองพี่ขุน " แล้วทำไมนึกถึงแล้วยิ้มล่ะ "

" ก็มันมีเรื่องดีดีเกิดขึ้นระหว่างเราไง หนมกับพี่ได้เป็นแฟนกัน วันต่อมาเราก็พูดกันเพราะๆ และมันก็ยาวมาจนวันนี้เลยนะ "

" ให้เรียกไอ้ขุนเหมือนเดิมไหมล่ะ แล้วกลับไปใช้กูมึง "

พี่ขุนยกยิ้ม " มึงอยากใช้เหมือนเดิมไหมล่ะ "

" ยังไงก็ได้ กูตามใจมึง " ผมยักคิ้วให้มัน เนี่ยะ พอกลับไปพูดแล้วแม่งรู้สึกแปลกๆ จริงด้วย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็ใช้คำหยาบกันตลอด แต่มาตอนนี้ทำไมมันไม่ชินเลยวะ

" งั้นพี่ว่าเราพูดกันเพราะๆ น่ะดีแล้ว " พี่ขุนบอกก่อนจะกดจมูกกับแก้มผมหนักๆ " พี่อยากพูดจาหวานๆ กับแฟน พี่อยากจะเป็นผู้ชายอ่อนโยนในสายตาของแฟนพี่ อีกอย่างคือเค้าจะได้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีไงที่มีพี่เป็นแฟน "

ฉ่า

อยู่ดีดีก็แก้มร้อนขึ้นมาเฉยๆ เลยว่ะ

ผมอมยิ้มให้พี่ขุน " ตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจนจะเป็นบ้าละนะ "

" พี่จะทำให้หนมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีไปตลอดทั้งชีวิตนั่นแหละครับ "

" ปากหวานจัง " ผมเอนหัวชนหัวพี่ขุนไว้ " ขอถามอะไรหน่อยสิ "

" ว่ามา...."

" ถ้าสมมุติว่าวันนึง....หนมกับพี่ขุนต้องห่างกันไป 5 ปีเหมือนที่น่านน้ำกับผืนฟ้าห่างกัน ระหว่างนั้นเราติดต่อกันไม่ได้เลย ทำได้แค่ฝังของกับจดหมายไว้ให้กันปีละครั้ง เป็นแบบนี้แล้วพี่ขุนจะยังรักหนมอยู่ไหม "

" ก็ต้องรักสิครับ "

" มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปใช่ไหม "

" ถ้าจะเปลี่ยนก็คงจะเป็นความคิดถึงที่มีเพิ่มมากขึ้น " เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือผมไว้แน่น " ความรักที่พี่มีให้หนมมันเป็นของจริงนะครับ ต่อให้เราต้องห่างกันไปแค่ไหนเราก็จะยังรักกันเหมือนเดิม เหมือนกับคำพูดที่ว่า...Distance doesn't count if there is love in between "

ระยะทางไม่มีความหมายสำหรับคนที่มีรัก

" นั่นสินะ " ผมยิ้มออกมาทันทีหลังจากที่ได้ยินพี่ขุนพูดแบบนั้น " หนมเอาประโยคนี้ใส่ลงไปในนิยายได้ไหม "

" เอาสิครับ พี่รออ่านนะ "

" ได้เลย " ผมรับคำก่อนจะเริ่มลงมือพิมพ์นิยายต่อ ใจมาเต็มร้อยแถมยังมีประโยคสวยๆ ให้ใส่ลงไปในนิยายด้วย

พี่ขุนนี่สุดยอดเลย มันเป็นแรงบันดาลใจที่ดีของผมจริงๆ นั่นแหละ คำหวานๆ ที่เจอในนิยายเกินครึ่งนั่นก็มาจากมันทั้งนั้น ผมว่านะถ้าเหล่ารี้ดได้รู้จักพี่ขุน พวกเขาจะต้องหลงรักไอ้หล่อนี่หัวปักหัวปำแน่ๆ พอนานวันไปก็จะถอนตัวออกจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้....เหมือนกับที่ผมเป็นอยู่

หึ....

บ้าจริงๆ เลย











TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งขุนหนมแล้ว นี่รีบปั่นมากยังไม่ได้แก้คำผิดเลย เดี๋ยวจะมาตามแก้ให้นะคะ
บทนี้จะมีการกล่าวถึงศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลด้วยนะ มีข้อมูลจริงหลายอย่างที่ชาลนำมาใช้ในการประกอบการเขียนในบทนี้ ถ้ามันมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ชาลเคยไปที่ศูนย์นี้เมื่อตอนม. 3 เวลาจากตอนนั้นมันค่อนข้างนานเลยทำให้จำบรรยากาศจริงๆ ไม่ค่อยได้ หากใครมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติมของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลสามารถบอกชาลได้เลยนะ นะนำมารีไรท์เพื่อให้มันออกมาเรียลที่สุด
ชาลกำหนดช่วงรีไรท์นิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ มันจะเป็นช่วงประมาณต้นเดือนหน้าหลังจากที่ชาลฝึกงานเสร็จ จะแก้พวกคำซ้ำ คำผิด ตั้งใจว่าจะให้เสร็จก่อนวันที่ 10 กุมภาฯ ก็ถ้ารีไรท์เสร็จแล้วใครอยากย้อนอ่านใหม่ก็ได้นะคะ ไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกเปลี่ยนไปไหม
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะ สามารถติดต่อข่าวสารการอัปเดต + สปอยได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า


*อ้างอิงของประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/098/28.PDF

*อ้างอิงข้อมูลของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล

- http://www.turtles.navy.mi.th/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2018 15:50:49 โดย chaleeisis »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ช่วงเวลาหวานๆ อื้มมม อิจเจ้าหนม

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มาแอบหวานแล้ว ยังได้ทำบุญช่วยน้องเต่า ๆ ด้วย  :กอด1:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
เมื่อแฟนช่วยแต่งนิยาย




ชีวิตของไรท์หนมกำลังเผชิญอุปสรรคใหญ่

อุปสรรคใหญ่ที่เรียกว่า Nc

อา....ปวดประสาทชะมัด

ผมนั่งกุมขมับอยู่หน้าโน้ตบุ๊ค ตอนนี้ประมาณเที่ยงกว่าๆ และผมกำลังแต่ง Nc อยู่ครับ เนี่ยะ เหลือแค่ Nc กับบทส่งท้าย นิยายที่พากเพียรเขียนมาครึ่งปีก็จะจบแล้ว แต่เหมือนผมจะประสบปัญหาใหญ่นั่นก็คือไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงดีเพื่อให้คนอ่านเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ นี่พิมพ์แล้วลบหลายรอบมาก นั่งแต่งมาตั้งแต่เช้าแม่งยังไม่ถึง 1 หน้าเลยเนี่ยะ

ปวดจิตปวดใจสุดๆ

ยังไงการแต่ง Nc มันก็ยังยากสำหรับผมอยู่ดีนั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์โดนแง่มมาแล้วครั้งนึงก็เถอะ ผมยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้นะ มันเจ็บแต่มันก็ทำให้รู้สึกดีด้วย เสียวด้วย คือโคตรมีความสุข ผมจะบรรยายสิ่งเหล่านั้นออกมายังไงดีวะ ต้องโดนแง่มอีกรอบหรอถึงจะรู้ว่าควรจะเขียนยังไง

เก็บไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายละกัน

ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ นี่พี่ขุนคงจะชอบใจไม่น้อยเลยล่ะ จะว่าไปนี่ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้วนะครับที่เราไม่ได้มีอะไรกัน เต็มที่ก็แค่จูบ ช่วงที่ผ่านมาชีวิตเราเจอแต่เรื่องกันด้วยแหละ ก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย แต่ดูจากสภาพพี่ขุนแล้วมันก็ยังทนได้อยู่ เพราะถ้าทนไม่ไหวคงมีมางอแงใส่ผมละ

" หนมค้าบบบบบบ "

ตายยากจริงๆ

" ว่าไงครับ " ผมหันมองร่างสูงที่เดินออกมาครัว " ล้างจานเสร็จแล้วหรอ "

" ล้างเสร็จแล้วครับ " เจ้าตัวบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆ

ผมเอนหัวพิงไว้กับไหล่พี่ขุน " ประสาทจะแดกแล้ว "

" เป็นอะไรไหนบอกพี่ซิ "

" ก็นิยายอ่ะ หนมไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงดี "

" ก็บรรยายแบบทุกทีไง ทำไมอ่ะ บทนี้มันยากหรอ " เจ้าตัวถามพลางมองหน้าจอโน้ตบุ๊ค " บท Nc มันคืออะไรอ่ะ "

" ก็เป็นบทที่มีฉากแง่มกันไง "

พี่ขุนพยักหน้ารับก่อนจะหลุดขำออกมา " พี่เข้าใจแล้วว่าทำไมหนมถึงบอกว่ายาก "

" ใช่ไหมล่ะ "

" แต่ว่า....หนมก็เคยแล้วหนิ เอาความรู้สึกตอนนั้นมาเขียนสิ " เจ้าตัวบอกก่อนจะเลื่อนมือมาโอบเอวผมแล้วลูบเบาๆ " หรือว่าลืมไปแล้ว....ให้พี่ทวนความจำให้ได้นะครับ "

ผมจับมือเรียวที่กำลังจะเลื้อยเข้าเสื้อไว้ " อื้อออ..อ...ยังจำได้อยู่มั้งเถอะ หนมก็แค่คิดไม่ออกว่าจะอธิบายออกมายังไง มันยากว่ะ " ไม่ได้ยากธรรมดานะ

ยากชิบหายยย

ผมเอาหัวพิงไหล่พี่ขุนอยู่อย่างนั้น คือคิดออกนะว่าฉากนี้ควรจะใช้คำแบบไหน ผมคิดออกหลายฉากอยู่ แต่ว่าจะทำยังไงให้เอาฉากเหล่านั้นมาเชื่อมกันได้นี่สิ นับถือคนที่เขาแต่ง Nc เก่งจริงๆ เลยนะ ต้องจินตนาการสูงขั้นไหนถึงจะอธิบายออกมาเป็นฉากๆ ได้วะ

เฮ้อ....

" อย่าคิดมากสิครับ " พี่ขุนยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ หลังจากที่ได้ยินเสียงถอนหายใจ " พักก่อนดีไหม คิดออกแล้วค่อยมาเขียนก็ได้ "

ผมส่ายหน้าเบาๆ " ที่นั่งมาเกือบครึ่งวันนี่ก็เหมือนพักแล้วอ่ะ หนมอยากแต่งให้เสร็จเร็วๆ รี้ดเค้ารออ่านกันอยู่ อีกอย่างคือเค้ารอตอนนี้กันมานานมากเลยนะ หนมอยากจะพยายามให้มากๆ เพื่อพวกเค้า ถึงแม้ตอนนี้จะยังคิดไม่ออกก็เถอะ "

" เดี๋ยวพี่ช่วยเอง "

" พี่ขุนจะช่วยหนมยังไง "

" ก็ทำให้หนมเห็นภาพไง " พี่ขุนบอกก่อนจะเชยคางผมขึ้น " แบบนี้เรียกว่าอะไร "

" ก็....เชยคาง "

" เนี่ยะ เชยคางแล้วก็จูบไง พี่ว่ามันเป็นอะไรที่ดูนุ่มนวลที่สุดแล้วนะสำหรับการเริ่มจูบ " เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะกดจูบลงมาเบาๆ แล้วค่อยๆ ละออกไป " แถมทำให้คนโดนจูบเนี่ยะ....แก้มแดงขึ้นง่ายๆ ด้วย "

ฉ่า

พี่นี่มัน....

" หลอกจูบหนมหรอ " ผมตีไหล่พี่ขุนแรงๆ

" เปล่าหลอกนะ พี่กำลังช่วยหนมอยู่ต่างหาก พิมพ์ลงไปสิครับ ว่าเริ่มจูบประมาณนี้ " มันบอกด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุขสุดๆ เห็นละน่าหมั่นไส้ชิบ ยังไงเมื่อกี้แม่งก็คือการหลอกแดกปากชัดๆ

ร้ายกาจชะมัด

ผมเรียบเรียงไอ้ฉากเชยคางเมื่อกี้ก่อนจะเริ่มพิมพ์ลงไป " อ่ะ เสร็จละ "

" ก็พอเริ่มจูบลองเชิงใช่ไหม มันก็ต้องจูบหนักๆ ตาม "

" จูบหนักๆ " ผมเอียงคอมองคนข้างๆ " ที่ทำให้ปากเจ่อป้ะ " พอผมถามออกไปแบบนั้นพี่ขุนมันก็หัวเราะลั่นออกมาทันที

หัวเราะอะไรของมึงวะ

" เรานี่นะ "

" หนมพูดผิดตรงไหน ก็มันทำให้ปากเจ่อจริงๆ อ่ะ บางทีปากแม่งแตกเลย ไม่รู้ว่าจะขบแรงไปไหน "

" ก็ปากหนมมันน่าขบ " คนพูดไม่พูดเปล่านะ มีการยกนิ้วขึ้นมาไล้ริมฝีปากผมเบาๆ ด้วย

ผมมองพี่ขุนตาปริบๆ ก่อนจะหันไปโฟกัสที่จอคอมแทน ไม่ได้ครับ เราอย่าไปหลงในสายตาและการสัมผัสมัน ไม่งั้นเราอาจจะโดนแดกได้ แล้ว Nc ที่แต่งอยู่มันก็จะไม่เสร็จ เมื่อกี้ถึงจูบหนักๆ สินะ จูบนี้คือใช้ลิ้นแน่ๆ เลย ผมยังจำที่พี่ขุนสอนให้จูบได้เลยนะ ไอ้การขยับลิ้นให้วนเป็นเลขแปดน่ะ พอนึกถึงวันนั้นแล้วเขินเหมือนกันว่ะ

แก้มร้อนขึ้นมาเฉยๆ เลย

" แก้มแดงเชียวนะ "

" ก็มันร้อน "

" แอร์ 23 องศาจะมาร้อนอะไรครับ " มันบอกก่อนจะไล่อ่านสิ่งที่ผมพิมพ์ " ใช้คำว่าสอดลิ้นดีไหม "

" สอดลิ้น "

" อืม ก็ตอนที่พี่จูบหนมอ่ะ พี่ก็ต้องสอดลิ้นเข้าไปนัวเนียกับลิ้น...." ยังไม่ทันที่พี่ขุนจะพูดจบ ผมก็ยกมือปิดปากมันไว้ก่อน

ใจเย็นนะที่รัก

ไม่ต้องพูดออกมาหมดก็ได้

" รู้แล้วครับ " ผมค่อยๆ ลดมือลงมาก่อนจะพิมพ์นิยายต่อ พี่ขุนนี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย ชอบใจล่ะสิที่ทำให้ผมมีอาการแบบนี้ได้น่ะ

" จังหวะที่กำลังจูบนี่ก็ต้องล้วงมือเข้าไปลูบด้วยนะ อีกฝ่ายจะได้มีอารมณ์ร่วมไง " มือเรียวล้วงเข้ามาในเสื้อผมก่อนจะลูบขึ้นเบาๆ " โดยเฉพาะตรงนี้จะรู้สึกดีเป็นพิเศษ " ว่าแล้วมันก็เลื่อนมือผ่านยอดอกผม

" พี่ขุน!!!! "

คนเจ้าเล่ห์ใช้มือข้างนึงรวบมือผมที่กำลังจะผลักมันออกไว้ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ " ลูบวนเบาๆ แบบนี้แล้วค่อยๆ ลงน้ำหนักไปเรื่อยๆ " เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบวนยอดอกผม

" อื้อออ.ออ...อย่า "

" แต่ว่าถ้าใช้ลิ้นก็จะดีกว่านี้เยอะนะครับ "

" พี่ขุนนนน " นี่มึงจะช่วยกูหรือจะแกล้ง หรือจะแดกกูกันแน่ถึงได้ทำแบบนี้น่ะ ยอดอกมันแข็งไปหมดแล้วนะโว้ยยยยย

" ฮ่าๆๆๆ น่ารักจัง " มันฝังจมูกลงกับแก้มผมก่อนจะหอมหนักๆ " เนี่ยะ เรียบเรียงที่พี่พูดแล้วก็ใส่ลงไป " มือเรียวที่รวบมือผมไว้ก็ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

ผมทำหน้าบึ้งใส่พี่ขุนทันที " พี่มันร้ายกาจที่สุดเลย "

" พี่ยังไม่ทันทำอะไรอะไรเลย " ไม่ทำห่าอะไรล่ะ มึงทำเยอะเลยนะตะกี้ กูนี่วูบวาบไปหมดแล้วเนี่ยะ

มันน่าทุบนัก

ผมหันมาเริ่มพิมพ์นิยายต่อ สติกระเจิงเลยนะเมื่อกี้น่ะ คือสิ่งที่พี่ขุนทำมันก็ช่วยให้นึกออกจริงๆ นั่นแหละ แต่แบบแค่พูดก็พอไหม ไม่ต้องลงมือทำจริงก็ได้ นี่ถ้าถึงตอนจะเสียบผมก็ต้องโดนมันเสียบไปด้วยงั้นสิ โอ่ย ทำไมชีวิตคณาณัฐถึงได้น่าสงสารขนาดนี้วะ แค่จะแต่งนิยายยังต้องเสี่ยงที่จะเสียตัวด้วยหรอ

อื้ออ.อ.อ....งอแงแล้วนะ

พอๆ ตั้งสตินะหนมนะ งอแงไปก็ไม่ช่วยให้นิยายเสร็จเร็วขึ้นเลย ผมรัวนิ้วไปเรื่อยๆ สมองก็คิดตามไป ถ้ามันแปร่งยังไงเดี๋ยวค่อยมานั่งรีไรท์ก่อนลงอีกทีนึง ตอนนี้กำลังบรรยายฉากระหว่างจูบครับ ไอ้ที่พี่ขุนมันล้วงเสื้อมาลูบอกผมนั่นแหละ จังหวะนี้นี่คงต้องเริ่มถอดเสื้อผ้ากันสินะ โอเคถอดเสื้อแล้วก็ลูบๆ แล้วมันต้องอะไรอีกวะ

" ไซร้คอด้วยสิ ไล่จูบตามซอกคอน่ะ " คนนั่งข้างๆ เอ่ยก่อนจะไล่จูบเบาๆ ที่ซอกคอผม

" พี่ขุน " ผมดันหัวมันไว้ " ไม่ต้องทำก็ได้ หนมนึกออกน่ะว่ามันจะต้องเป็นยังไงต่อ "

" นึกไม่ออกก็บอกนะครับ จะได้ทำให้ดู "

" พี่นี่จะทำให้นิยายของหนมเสร็จเร็วขึ้นหรือช้าลงกันแน่เนี่ยะ "

" เสร็จเร็วขึ้นสิครับ ไล่จูบมาจนถึงหน้าอกครับ มือก็ถอดกางเกงได้ละ "

ผมพยักหน้ารับก่อนจะไล่พิมพ์ตาม " เออพี่ขุน หนมถามอะไรหน่อยสิ "

" ว่ามาครับ "

" เมื่อก่อนพี่ขุนทำกับผู้หญิงบ่อยใช่ไหมล่ะ แล้วตอนที่พี่แง่มหนมพี่รู้ได้ไงว่ามันต้องทำยังไง "

" พี่ก็ต้องศึกษานั่นแหละว่าผู้ชายเนี่ยะต้องทำกันยังไง พี่คิดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เริ่มจีบหนมช่วงแรกๆ แล้วล่ะ "

ผมหันขวับมองพี่ขุนทันที " นี่ตั้งใจจะแง่มหนมตั้งแต่แรกเลยหรอ "

" เรื่องแง่มหนมมันก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พี่ตั้งใจน่ะนะ แต่ก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะต้องทำให้หนมรักพี่ให้ได้ซะก่อน " มือเรียวเลื่อนขึ้นมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ " พี่รู้ว่าการที่ผู้ชายมีอะไรกันน่ะ คนที่เป็นฝ่ายรับจะเจ็บมาก พี่ก็คิดว่าจะต้องทำให้หนมรักพี่มากพอที่จะอดทนรับกับความเจ็บนั้นได้ ส่วนพี่ที่เป็นฝ่ายทำให้หนมเจ็บ ก็จะต้องทะนุถนอมและก็ทำให้หนมมีความสุขให้ได้มากที่สุด "

ตึกตัก

อื้มมม...ม...ยอมแล้ววว

ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ " พี่นี่สุดยอดจริงๆ เลยนะ "

" ก็ต้องสุดยอดสิครับ....ไม่งั้นจะทำให้คนแบบหนมรักพี่ได้ยังไง "

มันก็จริงแหละนะ

พี่ขุนเก่งจริงๆ ที่ทำให้คนที่ไม่สนใจในความรักอย่างผมหลงรักมันได้ ก็นะ เพอร์เฟ็คไปซะหมด ทำกับข้าวก็อร่อย เป็นคนที่พึ่งพาได้เสมอ มันไม่เคยต้องยอมใครแต่กับผมไม่ว่าเรื่องอะไรมันก็ยอมอ่อนให้ตลอด มันรู้สึกดีนะที่ได้เป็นคนพิเศษของใครสักคนน่ะ ตั้งแต่ที่ผมกับพี่ขุนได้พบกัน ชีวิตของเรา 2 คนก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

ดีจริงๆ นั่นแหละที่ผมมีผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิต

แต่ถึงพี่ขุนจะดียังไงเราก็ควรหยุดซาบซึ้งในตัวมันก่อน มัวแต่อวยแฟนนิยายจะไม่เสร็จเอานะ ผมพิมพ์นิยายต่อไปเรื่อยๆ พี่ขุนก็ไล่อ่านแล้วคอยบอกผมเป็นฉากๆ มีแอบแทะโลมบ้างตามประสาคนหื่นกาม ผมว่า Nc ตอนนี้นี่กว่าจะจบต้องใช้เวลานานมากแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรเพื่อเหล่ารี้ดที่รัก ไรท์หนมจะอดทนและพยายามแต่งให้อ่านนะ

เพราะงั้นรอกันอีกสักพักนะครับ

" พี่ขุนอย่ามาถกเสื้อหนมสิ "

ถ้าพี่ขุนยังเป็นแบบนี้ก็อาจจะอีกสักพักใหญ่ๆ

" ยังอีก...."





1 ทุ่มเศษๆ

1 ทุ่มเศษๆ กับ Nc ที่เพิ่งเสร็จ

อ่อนล้าแค่ไหนถามใจดู

ผมนั่งหมดสภาพอยู่หน้าโน้ตบุ๊ค กว่าจะแต่งจบนี่พลังงานชีวิตหายไปครึ่งนึงเลยอ่ะ เกือบ 7 ชั่วโมงเลยนะกับนิยายบทนี้ ทุบสถิติเวลาที่ใช้ในการแต่งนิยายมาทั้งหมดเลยด้วย การนั่งใช้สายตาอยู่หน้าจอนานๆ นี่ให้ความรู้สึกเหมือนใกล้ตายเลย ไม่ใช่แค่ผมที่จะตายนะ พี่ขุนเองก็อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยต่างกัน เอาจริงๆ ถ้าไม่มีพี่ขุนคอยช่วยนี่ก็อาจจะยังไงไม่เสร็จก็ได้ แต่ถ้ามันไม่คอยแหย่ผมนิยายก็อาจจะเสร็จเร็วกว่านี้

พูดอะไรวะหนม

ช่างแม่งเถอะ ไปหมดแล้วสมองตอนนี้ แถมยังปวดไหล่มากๆ ด้วย ผมหวังว่า Nc ตอนนี้จะทำให้เหล่ารี้ดของผมพอใจนะ แต่งออกมาได้ดีที่สุดแล้วจริงๆ แถมยังเป็นครั้งแรกด้วย ไว้ถ้ามีโอกาสได้แต่งอีกผมก็จะพัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อยๆ มันต้องมีวันที่รี้ดอ่านแล้วฟินจนตัวบิดสิหน่า

" หนมครับ "

" หืม "

" ไปอาบน้ำกัน "

ผมเหลือบมองพี่ขุนก่อนจะปิดโน้ตบุ๊ค " พี่ก็ไปอาบก่อนสิ "

" ไม่เอาอ่ะ พี่อยากอาบน้ำกับหนม " อาบกับกูทำไม อาบคนเดียวไม่ได้หรอ มึงอายุตั้งเท่าไหร่ละไอ้บ้า อีกอย่างนะอาบกับมึงคงได้อาบหรอก

เรื่องนี้ไม่ต้องพูดก็รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ

" จะอยากมาอาบกับหนมทำไม "

" พี่อยากให้หนมขัดหลังให้ " นั่น....งานขัดหลังก็มา

ผมเลิกคิ้วมองมันอย่างสงสัย " พี่แน่ใจหรอว่าจะหยุดแค่ให้หนมขัดหลัง "

" หนมอยากขัดอย่างอื่นด้วยไหมล่ะครับ "

" พี่นี่....พูดอะไรก็ไม่รู้ "

" พี่ไม่ทันพูดอะไรเลย หนมนั่นแหละที่คิดไปไกล " พี่ขุนอมยิ้มก่อนจะบีบจมูกผมเบาๆ " เด็กลามก "

" พี่นั่นแหละที่ลามก "

" ครับ พี่ลามกก็ได้ ว่าแต่เราจะไปอาบน้ำกับพี่ได้รึยัง "

" หนม...."

" ไม่ต้องคิดมากไปหรอกครับ ต่อให้หนมไปอาบน้ำกับพี่หรือไม่อาบ หนมก็ต้องโดนพี่แง่มอยู่ดี " มือเรียวเลื่อนมาถอดเสื้อผมออกก่อนจะรั้งเอวเข้าไปใกล้ " มาทะเลทั้งทีเราก็ต้องได้กันสิ "

ตรรกะอะไรของมึ้งงงงง


---------- 50% ----------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2018 08:52:55 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 32 -----------

" เอ่อ...."

พี่ขุนคลายแขนออกจากเอวผม " พี่รอในห้องน้ำนะครับ " เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

กูไม่รอดสินะ

ผมยืนมองประตูห้องน้ำตาปริบๆ พลางยกมือขึ้นมาทาบอกตัวเอง หัวใจเต้นแรงมากเลยว่ะ ก็พอรู้อยู่หรอกว่ามันจะต้องแดกผมแน่ๆ หลังจากที่แต่งนิยายเสร็จ ก็นะ บทที่แต่งมันเป็นฉากเรทหนิ ถ้ามันจะรู้สึกคึกคักขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนที่ผมนั่งแต่งก็รู้สึกเหมือนกัน มันเขินแปลกๆ อ่ะ นึกถึงคำพูดที่พี่ขุนเอ่ยออกมาก็ยิ่งทำให้เขิน

ตรงนี้ต้องจูบด้วยนะครับ

จังหวะนี้ก็ต้องขยับเร็วขึ้นนะ


และอื่นๆ อีกมากมาย

หลังจากที่ยืนทำใจอยู่หลายนาที ผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำ ร่างสูงนั่งแช่น้ำอยู่ในอ่างรออยู่ก่อนแล้ว เรือนผมสีเทาที่เปียกน้ำถูกเสยขึ้นไปด้านบนทำให้เห็นใบหน้าหล่อได้อย่างชัดเจน อกแน่นๆ ที่โผล่พ้นมาจากฟองสบู่นั่นก็พาลทำให้ใจสั่นได้ง่ายๆ เลยว่ะ ดวงตาคมไล่มองผมช้าๆ ริมฝีปากบางก็คลี่ยิ้มออกมา

ทำไมถึงได้ดูมีเสน่ห์ขนาดนี้วะ

" มาสิครับ "

ผมเดินมานั่งที่ขอบอ่างก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาชุบน้ำ " หันหลังมาสิ หนมจะขัดให้ "

" ลงมาในอ่างสิครับหนม "

" เดี๋ยวลงน่ะ " ขอกูทำใจแปปนึงได้ไหม เกิดมานี่ไม่เคยลงอ่างกับใครนอกจากแม่หรือพี่เขมเลยนะ แถมตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยด้วย

" ขัดหลังพี่เสร็จต้องลงมานะ "

" รู้แล้วน่ะ หันหลังมาได้แล้ว " พอผมพูดจบคนที่นั่งอยู่ในอ่างก็หันหลังมา ผมก็เริ่มลงมือขัดหลังให้

ชอบแผ่นหลังกว้างนี่จริงๆ พี่ขุนเป็นคนที่ผิวเนียนมากเลยนะครับ แถมยังขาวมากด้วย ผมรู้นะว่าคงมีผู้หญิงไม่น้อยที่อยากซบหลังกว้างๆ นี่ แต่เสียใจด้วยนะ....

มันเป็นของขนม

" มือเบาจังเลยนะครับ "

" ก็ไม่อยากให้พี่เจ็บ " ผมกวักน้ำขึ้นไปลูบหลังเจ้าตัวเบาๆ " ไม่อยากให้หลังขาวๆ นี่แดงด้วย "

" น่ารักจังเลยนะ ลงมาในอ่างกับพี่ได้แล้วมั้ง "

" งั้นแปปนึง หันหลังไว้แบบนี้ก่อนนะ "

" เขินหรอครับ "

" ก็ต้องเขินสิ " ผมปลดกางเกงกับชั้นในของตัวเองออก " ใครจะไม่เขินล่ะ "

" พี่ไงครับ " ก็พี่มันหน้าด้านอ่ะ

ที่ผมด่ามันในใจนี่ห้ามบอกมันนะครับ

ผมค่อยๆ ก้าวลงอ่างช้าๆ ก่อนจะไปนั่งกอดเข่าขดตัวพิงริมขอบอ่างไว้ พอพี่ขุนรู้ว่าผมลงไปในอ่างแล้วมันก็หมุนตัวเพื่อหันหน้าเข้าหา อยากบอกมันว่าอย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นได้ไหม เขินจนจะละลายไปเป็นเนื้อเดียวกับน้ำละเนี่ยะ พี่ขุนดูชอบใจนะที่เห็นผมเป็นแบบนี้น่ะ

ไม่งั้นคงไม่ยิ้มปากบานแบบนั้นหรอก

" ทำไมนั่งไกลจากพี่ขนาดนั้นล่ะ "

" รู้สึกปลอดภัย "

มันหลุดขำออกมาทันที " เรานี่นะ....." พี่ขุนยื่นมือมาดึงตัวผมให้เข้าไปชิด

" พี่ขุนจะทำอะไรเนี่ย "

" ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ " มันทำตาใสใส่ผม มือก็โอบรอบเอวผมไว้แน่น คือตอนนี้อยู่ในท่านั่งที่พี่ขุนนั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง ถ้าเป็นเวลาปกติผมก็คงไม่ต่อต้านแบบนี้หรอกแต่นี่คือโป๊ทั้งคู่ไง

" พี่ขุน...."

" ถ้าหนมยังดิ้นอยู่ มันอาจจะไปโดนอะไรของพี่ได้นะครับ "

มันก็โดนอยู่แล้วป้ะวะ....ทิ่มหลังกูอยู่เนี่ยะ

" พี่ก็ให้หนมกลับไปนั่งที่เดิมสิ "

" ไม่เอา พี่อยากนั่งท่านี้ "

ผมเหลือบมองคนด้านหลัง " ทำไมพี่ถึงดื้อจังวะ "

" เรานั่นแหละที่ดื้อ " มันบอกก่อนจะกดจมูกค้างไว้ที่แก้มผม " อยู่นิ่งๆ ให้พี่แง่มซะดีดี "

" ใครมันจะไปอื้อออ..อ...." ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ พี่ขุนก็เลื่อนหน้าเข้ามาเพื่อจูบปิดปากผมซะก่อน

ร้ายนักนะ!!!

ผมเปิดปากรับจูบจากคนเจ้าเล่ห์ ขัดขืนไปก็เท่านั้น เพราะมันเล่นลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะแง่มผม อีกอย่างคือถ้าเล่นตัวมากๆ ผมอาจจะย่อยยับกว่าที่ควรจะเป็นก็ได้ ผมรู้ว่าช่วงที่ผ่านมาพี่ขุนเครียดกับปัญหาที่เข้ามามากแค่ไหน มันเองก็คงอยากทำแบบนี้อยู่แหละแต่ว่าก็คงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ พอปัญหามันเคลียร์หมดแล้วก็ไม่แปลกหรอกที่อยากจะทำอะไรแบบนี้

งั้นก็....ตามใจมันหน่อยละกัน

พี่ขุนประคองหน้าผมให้เอียงไปตามองศาที่มันจูบถนัด ลิ้นร้อนๆ ก็ไล่ต้อนลิ้นผมไม่หยุด จูบจากร่างสูงนี่ให้หลากหลายความรู้สึกมาก มันมีทั้งความหวาน ความอ่อนโยน และความร้อนแรงอยู่ในนั้น ผมแลกลิ้นกับพี่ขุนนัวเนียอยู่สักพักก่อนจะไล่มาขบปากบางนั่นเบาๆ มันหลุดยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนจมูกมาชนกับจมูกผมไว้

" ชอบแบบเมื่อกี้จัง "

" หนมไม่ทำบ่อยๆ หรอกนะ....อื้ออออ..อ...." ผมกัดปากเบาๆ เมื่อนิ้วเรียวเลื่อนขึ้นมาเขี่ยวนรอบยอดอก " พี่ขุน "

" ลูบวนเบาๆ แบบนี้แล้วค่อยๆ ลงน้ำหนักไปเรื่อยๆ " เสียงพร่ากระซิบอยู่ข้างหูก่อนจะลงน้ำหนักที่ปลายนิ้วให้หนักขึ้นอีก

มึงอย่าเอาคำที่ใช้ในนิยายมาพูดตอนนี้ได้ไหม

กูเขินนนน

" อื้ออ.อ....ทำไมถึงชอบจับตรงนี้นักล่ะ "

" เพราะหนมชอบหนิครับ " พี่ขุนหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะไล่จูบไปตามซอกคอ

ผมเอียงคอให้พี่มันซุกไซร้ได้ง่ายขึ้น " หนมเปล่าสักหน่อย "

" ร่างกายหนมมันบอกทุกอย่างแล้วล่ะครับ "

" อ๊ะ...."

ผมหลุดเสียงครางออกมาเมื่อมือเรียวไล่ลูบไปจนถึงหนมน้อยที่อยู่ใต้น้ำ พี่จะปู้ยี้ปู้ยำหนมทั้งข้างบนข้างล่างแบบนี้ไม่ได้นะ มันเสียว ผมจิกขาอ่อนพี่ขุนเบาๆ เพื่อระบายอามรมณ์ที่มันอัดอั้นอยู่ในหัว ยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปใหญ่เมื่อพี่มันค่อยๆ นวดคลึงหนมน้อย อื้มมม.ม....มือคนอื่นมันดีกว่ามือตัวเองจริงๆ นั่นแหละ ไม่สิ ต้องเรียกว่าเพราะเป็นมือพี่ขุนต่างหากผมถึงได้รู้สึกมากถึงขนาดนี้

รู้สึกมากเกินไปด้วย

พี่ขุนขบเม้มแรงๆ ที่ไหล่ผมก่อนจะเลื่อนขึ้นไปงับหูเบาๆ มือข้างล่างก็ขยับหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ได้แต่กัดปากกลั้นเสียง ไม่อยากครางในห้องน้ำอ่ะเพราะว่าเสียงมันก้อง เก็บเสียงไว้ครางข้างนอกดีกว่า

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหมนะ

" อ๊ะ....พี่ขุน " ผมซุกหน้าลงที่ซอกคอพี่ขุนพลางหายใจออกมาแรงๆ มือข้างที่เล่นยอดอกผมก็เลื่อนลงไปลูบเบาๆ ที่ช่องทางรักด้านหลัง อื้ออ.อ.อ....ความรู้สึกนี้มัน....

" อย่าเกร็งนะครับ " เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบที่ช่องทางรักหนักๆ แล้วค่อยๆ สอดนิ้วเข้ามาด้านในช้าๆ

" อื้ออ.อ.อ....เจ็บ "

" ผ่อนคลายหน่อยครับ หนมรัดนิ้วพี่แน่นเกินไปแล้วนะ "

ฉ่า

ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ไหมล่ะ

" อ๊ะ....เบาๆ " ผมจิกข้อมือพี่ขุนเพื่อข่มความเจ็บเมื่อนิ้วที่สองล่วงล้ำเข้ามา ถึงจะเคยทำมาครั้งนึงแล้วแต่มันก็รู้สึกไม่ชินเลยว่ะ และคงจะไม่ชินง่ายๆ ด้วย

ยิ่งคิดว่าไอ้ที่ทิ่มหลังนี่ต้องเข้ามาในตัวก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาแล้ว

" ตรงไหนนะ....ตรงนี้รึเปล่า "

" อ๊า....."

" ตรงนี้สินะ " ว่าแล้วนิ้วเรียวที่อยู่ในตัวผมก็กดย้ำๆ ที่จุดกระสัน

" อ๊างง....พี่ขุน....อื้อ.อ.อ....อย่า "

มันจะเสร็จ

" ปล่อยออกมาสิครับ " มือเรียวสาวหนมน้อยเร็วขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าผมใกล้จะถึง

" อื้ออ....พี่ขุน...อ๊ะ....อื้มมมมมมมมมมม.ม.ม.ม......"

โอ่ย....หัวโล่งไปหมด

ผมโกยอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ หัวก็พิงไหล่พี่ขุนไว้แบบนั้น นี่ขนาดโดนไปแค่นิ้วยังหมดแรงขนาดนี้เลยอ่ะ แล้วถ้าโดนของพี่ขุนนี่ไม่ตายเลยหรอ นิ้วเรียวที่ขยับอยู่ตอนแรกก็ค่อยๆ ถอนออกมา รู้สึกโล่งขึ้นมาเลยว่ะ ไอ้สองนิ้วที่เข้ามานี่แค่เบาะๆ ป้ะวะหนม ของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก

ทำไมปวดใจแปลกๆ

" ไปที่เตียงกันเถอะครับ " พี่ขุนกระซิบบอกผมเบาๆ " พี่อยากแง่มหนมแล้ว "

อย่าทำเสียงพร่าแบบนั้นใส่ได้ไหมครับ

ใจมันสั่นนะ

" หนม....ขาอ่อนไปหมดแล้ว "

" งั้นเดี๋ยวพี่พาไปเอง " เจ้าตัวบอกก่อนจะลุกออกจากอ่าง อ้อมแขนแกร่งช้อนตัวผมขึ้นมา นี่ผมตัวเบาจนขนาดมันอุ้มได้สบายๆ แบบนี้เลยหรอวะ

" พี่ไม่หนักหรอ "

" ไม่ครับ หนมตัวเบาจะตาย "

" หนมว่าหนมออกจะตัวใหญ่ "

" หึ...." พี่ขุนยกยิ้มก่อนจะหอมแก้มผมหนักๆ " ถ้าเรามายืนอยู่ข้างหลังพี่ พี่ก็บังมิดอ่ะ "

ผมทำหน้ามุ่ยใส่มันทันที " เว่อร์เถอะ " นี่สูงตั้ง 170 เซนฯ เลยนะ คืออย่างน้อยหัวผมต้องเลยไหล่พี่ขุนไปครึ่งนึงแหละ

ในขณะที่ผมกำลังงอแงอยู่ในใจคนเดียว พี่ขุนก็เดินมาในห้องนอนก่อนจะค่อยๆ วางผมลงบนเตียงโดยที่ตัวเองก็มาขึ้นคร่อมผมไว้ คนบนร่างเกลี่ยผมที่ปรกหน้าออกให้ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากผมเบาๆ ชอบจริงๆ เลยที่พี่มันทำแบบนี้ รู้สึกถึงความเป็นผู้ชายอ่อนโยนมากๆ ผมยกมือขึ้นไปกุมแก้มขาวที่ขึ้นสีนั่นไว้แล้วผงกหัวขึ้นไปจุ๊บปากบาง

คนโดนจุ๊บยิ้มหวานออกมาก่อนจะเลื่อนหน้าผากมาชนกับหน้าผากผม " พร้อมไหมครับที่รัก "

" ถ้าบอกว่าไม่พร้อม....พี่จะทำยังไง "

" พี่ก็จะให้เวลาหนมทำใจ 3 นาที แล้วพี่ก็จะแง่มหนมไงครับ "

" อื้อออ..อ...." ผมทำแก้มป่องใส่พี่ขุน " อย่าพรวดพราดเข้ามาแบบครั้งที่แล้วนะ "

" จะเบาที่สุดเท่าที่ทำได้เลยครับ " พี่ขุนจุ๊บปากผมก่อนจะผละออกไปหยิบขวดเจลหล่อลื่นมาบีบใส่มือแล้วลูบที่ช่องทางรักด้านหลังเบาๆ

" อื้มมม....ม....ถุงยางล่ะพี่ขุน " พอผมถามแบบนั้นมือที่ลูบอยู่ก็ชะงักไปทันที

นี่อย่าบอกนะ

" พี่ลืม....ซื้อถุงยาง "

" ทำไมไม่ซื้อมาล่ะครับ ถ้ารู้ว่าจะทำน่ะ "

" อื้ออ.อ.อ....หนม " พี่ขุนทำเสียงอ่อนก่อนจะเอาหน้าไถไหล่ผมอย่างอ้อนๆ " ครั้งหน้าจะไม่ลืมแล้วครับ "

" ถ้าลืมอีกหนมจะไม่ให้ทำจริงๆ ด้วย "

" ไม่ลืมแล้วครับ " ใบหน้าหล่อละมาจากไหล่ก่อนจะยิ้มหวานให้ผม

" ไม่ต้องมายิ้มเลย " ผมหยิกแขนพี่ขุนแรงๆ " จะทำอะไรก็ทำสิ ช้ากว่านี้ไม่ให้ทำแล้วนะ "

" จะทำเดี๋ยวนี้แหละครับ " พี่ขุนก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง มือเรียวจับขาผมแยกให้ออกจากกันมากกว่าเดิม

ใจเต้นไม่เป็นส่ำเลย เซ็กซ์ครั้งที่ 2 ในชีวิตของผมกำลังจะเริ่ม ที่บ้ามากคือเป็นแบบสดด้วยนะ ความจริงผมไม่อยากจะให้พี่ขุนทำโดยไม่ป้องกันหรอกนะครับ เพราะว่ามันอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ แต่ถ้าไม่ยอมให้ทำพี่มันก็คงจะงอแงมากๆ ให้ไปซื้อถุงยางตอนนี้ก็คงไม่ได้อีก เพราะลูกรักพี่ขุนมันคงจะกระแทกตาชาวบ้านมากถึงแม้ว่าจะอยู่ในกางเกงก็เถอะ

เอาเป็นว่าจะยอมแค่ครั้งนี้ละกัน

นี่เพราะรักหรอกนะ

พี่ขุนยังกดจูบย้ำๆ อยู่แบบนั้น ผมรับรู้ได้ถึงอะไรแข็งๆ ที่ลูบวนอยู่แถวช่องทางรักด้านหลัง มือนี่เตรียมจิกไหล่มันเพื่อระบายความเจ็บเลยครับ ผมหวังว่ามันจะไม่กระแทกเข้ามาแบบครั้งก่อนหรอกนะ

" อื้อออ.อ.อ....." ผมส่งเสียงออกมาทันทีเมื่อลูกรักมันล่วงล้ำเข้ามา

" อืมม.ม.ม...." พี่ขุนละจูบออกก่อนจะเอ่ยบอกผมเสียงพร่า " ผ่อนคลายหน่อยครับที่รัก "

" อ๊ะ...."

" พี่บอกให้ผ่อนคลายนะครับ ไม่ใช่ให้รัดแน่นขึ้น "

ก็อย่ามาเรียกว่าที่รักสิวะ

มันเขินเข้าใจไหมว่ามันเขิน

" หนม....พยายามผ่อนคลายแล้วนะ...อ๊ะ...เบาๆ สิ "

" อดทนหน่อยนะครับ ซี๊ดดด.ด....จะสุดแล้ว " พี่ขุนจุ๊บปากผมก่อนจะค่อยๆ ดันลูกรักเข้ามาจนสุด

อื้มม.ม....โคตรอึดอัด

ผมนอนผ่อนลมหายใจหนักๆ มันแน่นไปหมดเลยครับตอนนี้ แต่ว่าครั้งนี้ไม่เจ็บเท่าครั้งแรกนะ หรือเพราะครั้งแรกพี่ขุนมันกระแทกพรวดเข้ามาวะมันเลยเจ็บมาก ผมรู้แหละว่าตัวมันเองก็พยายามที่จะไม่ทำให้ผมเจ็บ

" พี่ขุน "

" หืม....เจ็บหรอ "

" ไม่เท่าไหร่...อื้มม...หนมอึดอัดมากกว่า "

" พร้อมให้พี่ขยับรึยังล่ะครับ " พี่ขุนถามก่อนจะสอดแขนไว้ใต้ขาพับของผม " ถ้าเราพร้อมพี่จะได้ขยับ "

ผมพยักหน้ารับเบาๆ " พี่ขยับเลยก็ได้ "

" โอเคครับ " มันเอ่ยรับคำก่อนจะก้มซุกไซร้ที่ซอกคอผม เอวสอบก็เริ่มขยับเข้าออกอย่างเนิบนาบ

อื้มมม..ม....ความรู้สึกนี้มันดีจริงๆ

ผมกัดปากตัวเองอย่างข่มอารมณ์พลางเชิดหน้าเพื่อให้พี่ขุนขบเม้มซอกคอเล่นได้อย่างเต็มที่ รู้สึกได้ถึงแรงงับที่ไหปลาร้า พี่ขุนขบวนอยู่แถวนั้นเป็นระยะๆ แรงขบระดับนั้นมันต้องกลายเป็นรอยจ้ำแน่ๆ เลยว่ะ ผมผงกหัวขึ้นมามองคนบนร่างที่เริ่มไล่ลิ้นต่ำลงไปจนถึงยอดอก ลิ้นร้อนๆ นั่นเลียวนรอบยอดอกผมอย่างหยอกเย้า

อย่าทำแบบนั้นสิครับ

" อ๊ะ....พี่ขุน...อื้อออ.อ...." ผมแอ่นรับสัมผัสนั้นอย่างลืมตัว ช่วงล่างก็เสียวจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ยังจะมาทำให้ช่วงบนรู้สึกร่วมอีก

สงสารกันบ้างเถอะทูนหัว

" ไม่ต้องกลั้นเสียงหรอกครับ พี่อยากได้ยินนะ " เจ้าตัวบอกพลางช้อนตาขึ้นมามองผม ลิ้นร้อนก็ยังรัวอยู่ที่ยอดอกอย่างไม่ลดละ

" อ๊ะ....อ๊า....อย่าเลียสิ...อื้อ.อ....ขยับเร็วขึ้นอีกได้ไหม...อ๊ะ "

" ได้สิครับ " พี่ขุนเร่งจังหวะขยับเอวเข้าออกขึ้นอีก " ซี๊ดดด.ด...รัดพี่แน่นจังเลยนะครับ...อะ..รัดแน่นขึ้นอีกงั้นหรอ มันทำไมน่ะหืม " พี่ขุนยกยิ้มก่อนจะจูบปากผมหนักๆ

มันรัดแน่นก็เพราะพี่พูดออกมานั่นแหละ

" เพราะพี่นั่นแหละ....อ๊ะ....ตรงนั้น...." ผมข่วนหลังพี่ขุนเป็นทางยาวเพื่อระบายความเสียว เมื่อกี้มันกระแทกเข้าที่จุดกระสันเต็มๆ เลยอ่ะ

แม่งเกือบเสร็จ

" ชอบตรงนี้สินะ " พี่ขุนยกสะโพกผมให้สูงขึ้นอีกก่อนจะกระแทกเอวเข้ามาเน้นๆ

" อ๊างง...อื้อ...อ...พี่ขุน..."

" ตอดจริงๆ ...ซี๊ดดด.ด...." ร่างสูงโถมแรงเข้าใส่ผมเต็มที่ ปากก็พรมจูบอยู่อย่างนั้น " รู้สึกดีไหมครับ "

ผมพยักหน้ารับพลางกัดปากข่มความเสียวไว้ " อ๊า...แรงหน่อย....หนมจะไม่ไหวแล้ว...อ๊ะ...."

มันรู้สึกดีเกินไปแล้ว

เสียงเนื้อกระทบกันดังพอๆ กับเสียงครางของผม มันเสียวจนกลั้นเสียงไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละ ทุกครั้งที่พี่ขุนขยับกายสวนเข้ามามันทำให้ผมแทบคลั่ง อื้มมม...ม...ไม่ไหวแล้วครับ

ไม่ไหวแล้วจริงๆ

" พี่ขุน...อ๊ะ...หนมจะเสร็จ...อ๊างง "

" พี่ก็เหมือนกัน...ซี๊ด.ด.ด....." พี่ขุนกระแทกเอวใส่ผมสุดแรงเมื่อใกล้จะถึง " อา...พร้อมกันนะครับ "

" อ๊ะ....อื้อออ...อ...."

" ซี๊ดด.ด.ด...."

" อ๊า...พี่ขุน...อ๊าง...อ๊ะ....อ๊าาาาาาาาาาา "

" อื้มมม....ม....หนม....ซี๊ดดด...ด..."

โอ่ย

เหมือนจะขาดใจ

ผมหอบแรงๆ อยู่ใต้ร่างพี่ขุน รู้สึกได้ถึงอะไรอุ่นๆ ที่ปล่อยออกมาข้างในเลยอ่ะ พอไม่ได้สวมถุงยางแล้วมันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะเนี่ย อีกอย่างคือผมเสร็จโดยที่พี่ขุนไม่ได้แตะต้องหนมน้อยเลยสักนิด ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเสร็จจากด้านหลังได้อย่างเดียวแบบนี้

โคตรประสบการณ์ใหม่ของชีวิตเลย

" พี่มีความสุขจัง "

" หนมก็เหมือนกัน " ผมผงกขึ้นไปจูบปากคนบนร่าง " มองจากด้านล่างนี่...พี่โคตรเซ็กซี่เลย "

" พี่อยากมองหนมจากด้านล่างบ้าง " ว่าแล้วมันก็พลิกตัวให้ผมขึ้นมาอยู่ด้านบนแทน แม่งเอ้ย จะพลิกก็ไม่บอกไม่กล่าวเลย ไอ้ที่มันคาอยู่มันก็กระแทกสิวะ

" พี่ขุนจะให้หนมมาอยู่ข้างบนทำไมเนี่ย "

" พี่ก็อยากมองหนมจากด้านล่างบ้าง " มือเรียวลูบเอวผมเบาๆ " มองจากตรงนี้หนมก็เซ็กซี่เหมือนกันนะ "

" ไม่ใช่สักหน่อย...อ๊ะ...อย่าขยับสิ "

พี่ขุนโอบรอบคอให้ผมโน้มลงไปใกล้ " พี่ลืมบอกอะไรไปอย่างนึง "

" อะไรครับ "

" พี่รักหนมนะ " พี่ขุนเกลี่ยแก้มผมเบาๆ " และก็จะรักตลอดไป "

ตึกตัก

ผู้ชายคนนี้นี่มันจริงๆ เลยนะ

" หนมก็รักพี่ขุนเหมือนกันครับ "

รักมาก....



[ บันทึกพิเศษ : ขุนศึก ]



ขนมนี่น่ารักจริงๆ เลยนะ

เพราะน้องเป็นแบบนี้ไงผมถึงได้หลงรักอยู่ซ้ำแล้วซ้ำล่า

ผมไล่จูบไหล่เนียนหลังจากที่เพิ่งเสร็จกิจ จำไม่ได้แล้วครับว่าทำไปกี่รอบ แต่ที่รู้ๆ คือกินเวลานานมาหลายชั่วโมงเลย นี่เกือบจะตีสามละ มันถึงเวลาที่ผมต้องหยุดแล้วให้คนตัวเล็กได้พักผ่อนแล้วล่ะ อีกอย่างคือผมเองก็พอใจมากตั้งแต่ตอนที่น้องออนท็อปให้

คือมันดีมากเลยอ่ะ

ปลื้มปริ่ม

" หนมครับ "

" หนมหมดแรงแล้ว " น้องบอกด้วยเสียงที่แหบพร่าก่อนจะหันหน้ามาหาผม " ไม่ไหวแล้วนะครับ "

" ก็นี่ไงครับ พี่จะให้หนมนอนแล้ว "

" พูดจริงๆ นะ " อา....อย่ามาทำตาใสแบบนั้นใส่พี่ได้ไหมที่รัก

เดี๋ยวก็ไม่ได้นอนหรอก

" จริงสิ " ผมลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ " ขอบคุณนะครับที่ตามใจพี่น่ะ "

" หนมไม่ได้ใจดีแบบนี้บ่อยๆ หรอกนะ " น้องขยับเข้ามาหอมแก้มผมก่อนจะซุกหน้าลงตรงซอกคอ " นอนแล้วนะครับ พรุ่งนี้ก็ดูแลหนมด้วย "

ผมจุ๊บเรือนผมน้อง " มันเป็นเรื่องที่พี่ต้องทำอยู่แล้วครับ "

" ฝันดีนะพี่ขุน "

" ฝันหวานครับ " ผมหยิบรีโมตฯ มากดปิดไฟก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก

มีความสุขจัง ตั้งใจมาทะเลก็เพื่อการนี้เลยแหละเอาจริงๆ ผมชอบช่วงเวลาที่ได้อยู่กับขนมมากเลยครับ ชอบที่จะคอยดูแลเขา ชอบที่จะคอยทำกับข้าวให้เขาทาน ชอบทุกอย่างที่จะได้ทำเพื่อคนๆ นี้ มันดีจริงๆ ที่เรา 2 คนผ่านอุปสรรคทั้งหมดนั่นด้วยกันมาได้ หวังว่าหลังจากนี้คงจะมีแต่เรื่องดีดีเกิดขึ้นล่ะนะ

ผมกับน้องจะได้มีความสุขสักที

" อื้มม.ม....พี่ขุน " น้องพึมพำเบาๆ " หนมรักพี่นะครับ "

รู้แล้วครับ....พี่รู้แล้ว

" พี่ก็รักเรานะครับ "











TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งขุนหนมแล้ววววว อาจจะดึกไปหน่อยต้องขออภัยด้วยเพราะว่าวันนี้งานยุ่งมากจริงๆ ชาลแต่งเสร็จก็เอามาลงเลย ยังไม่ได้แก้อะไรเลยนะ เดี๋ยวจะตามแก้ให้นะคะ Nc ตอนนี้ค่อนข้างเผามากเลยนะ ชาลไม่มั่นใจเท่าไหร่เลยว่าจะแต่งออกมาให้คนอ่านรู้สึกฟินได้รึเปล่า ถ้ามันยังแปร่งๆ ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ งานเร่งมากจริงๆ

ขอชี้แจงการทำหนังสือหน่อยนะคะ LoveWriteเขียนสื่อรัก เนี่ยะ ชาลจะต้องทำออกมาเป็น 2 เล่มนะ เพราะจำนวนหน้ามันเยอะเกินที่จะเป็นหนังสือเล่มเดียว คาดว่าถ้าแต่งจนจบแล้วบวกของตอนพิเศษเพิ่มไปก็น่าจะเกือบ 600 หน้าค่ะ แล้วพอหนังสือมันต้องแยกเป็น 2 เล่มแบบนี้ราคามันก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก ในส่วนนี้ชาลจะชี้แจงหลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อบแล้วนะคะ

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อให้กำลังใจกันได้นะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาลค่อนข้างยุ่งมากๆ เดี๋ยวต้องส่งรายงานฝึกงานวันที่ 22 ชาลอาจจะเลื่อนนิยายนะคะถ้ามันจำเป็น ถ้ามีการเลื่อนเนี่ยะเดี๋ยวจะชี้แจงอีกทีนะ สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2018 09:03:49 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หลานหนม หลานขุน มาตอนนี้ ไม่เกรงใจคนแก่เลยนะ ดู ดู๋ น้ำหมากคนแก่กระฉุดหมดเลย   :m25:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 33 แพ้ทาง




ผมไม่เคยรู้เลยว่าความรักมันเป็นยังไง.....แต่ก็รู้สึกอยากขอบคุณเขาซ้ำๆ ที่ทำให้ผมได้รู้จัก

สิ่งที่เรียกว่า.....ความรัก​




---------- END --------





"เย่ จบแล้ววววววว"

"พี่ตกใจนะครับหนม เสียงดังอะไรหืม"

"หนมแต่งนิยายจบแล้ว"

"พี่ดีใจด้วยนะครับ" คนที่นั่งข้างๆ เลื่อนมือมาขยี้หัวผมเบาๆ "ทำสำเร็จจนได้นะ"

"เพราะมีพี่ขุนคอยช่วยนั่นแหละ ขอบคุณนะครับ"

"พี่ช่วยไงครับ นี่ยังไม่ทันทำอะไรเลยนะ"

"เอาน่ะ ช่วยก็ช่วยสิ" พระเอกในนิยายหนมนี่คือพี่เลยนะพี่ขุน แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าช่วยจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ

ผมกดเซฟไฟล์นิยายก่อนจะปิดโน้ตบุ๊คอย่างอารมณ์ดี แต่งนิยายจบเรื่องแล้วครับผม รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก แต่ถึงจะบอกว่าเสร็จแต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์ดีน่ะนะ เดี๋ยวผมต้องรีไรท์ใหม่อีก เผื่อมีคำผิดจะได้แก้ ส่วนประโยคส่วนไหนที่อ่านแล้วไม่ลื่นไหลก็จะได้ปรับ ตื่นเต้นจัง ใกล้ที่จะได้ส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์พิจารณาแล้วครับ

ขอให้มันผ่านด้วยเถอะ

ตอนนี้เรากำลังขับรถกลับบ้านกันหลังจากที่แอบหนีมาทะเลกัน 2 คนเงียบๆ ความจริงวันที่เราต้องกลับบ้านน่ะมันเป็นเมื่อวาน แต่สภาพของผมที่ตื่นขึ้นมาหลังจากการโดนแง่มนั้นสาหัสเกินไปที่จะขยับตัว ก็เลยต้องเลื่อนวันกลับมาเป็นวันนี้นี่แหละ ตอนนี้ผมก็ยังปวดเอวอยู่เลยนะ ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ขุนถึงไม่ปวดเอวแบบผมบ้าง

แม่งไม่แฟร์เลย

พี่ขุนก็ใช้เอวเยอะพอๆ กับผมแต่ไม่เห็นมันจะเป็นอะไรเลย นอกจากไม่เป็นอะไรผิวยังใสหน้ายังผ่องมากด้วย มันต้องแอบสูบคอลลาเจนไปจากผมแน่ๆ ร้ายกาจนัก ผมจะไม่ยอมมันง่ายๆ อีกแล้ว รอไปอีกครึ่งปีเถอะมึง เอาให้ลงแดงตายกันไปข้าง

"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับหนม"

"ทำหน้าแบบไหน" ผมเอี้ยวตัวเอาโน้ตบุ๊คไปวางไว้เบาะหลัง ห่าเอ้ย ขยับตัวทีนี่ปวดร้าวไปทั้งตัวเลยว่ะ อีกกี่วันถึงจะหายวะ

"ก็ทำหน้าแบบ เคียดแค้น"

"ใช่ หนมแค้นที่พี่ขุนทำให้หนมปวดไปทั้งตัว" ผมจับมือพี่ขุนมาตีแรงๆ ทีนึง

"อื้มม.ม....พี่ขอโทษนะครับ" คนโดนตีเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะเหลือบมองผม "มันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ อ่ะ ก็ขนมอร่อย"

ฉ่า

"อร่อยอะไรของพี่เล่า หนมไม่ใช่ของกินสักหน่อยนะ" ผมบอกก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อไล่ความร้อน

"เป็นของกินไหมไม่รู้ แต่พี่กินไปแล้ว....หลายรอบด้วย"

"อื้ออ.อ....หยุดพูดแล้วขับรถไปเลยนะ"

"ไม่เอา อยากคุยด้วย" มันยกผมขึ้นไปจุ๊บทีนึง "หยิบเยลลี่มาแกะป้อนพี่หน่อยสิครับ"

ผมเลิกคิ้วมองมัน "ทำไมหนมต้องทำแบบนั้นด้วย"

"เพราะว่าภรรยาที่ดีต้องเอาใจสามีไง"

"หนมไปเป็นภรรยาของพี่ตอนไหน"

"แหม หนมถามแบบนี้พี่ก็เขินนะถ้าต้องพูดออกไป" เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะยกมือขึ้นปิดแก้มตัวเองอย่างเนียมอาย

น่าหมั่นไส้มาก

ผมหรี่ตามองพี่ขุนอย่างหงุดหงิด ทำไมจะต้องทำท่าแบบนั้นด้วยวะ เห็นละรู้สึกอยากตบกะโหลกไปฝังรวมไปกับพวงมาลัยรถจริงๆ แว้บเมื่อกี้เหมือนเห็นไอ้หมีนั่งอยู่ข้างๆ เลยอ่ะ ผมว่าพี่ขุนสนิทกับไอ้หมีเกินไปละ ติดความแรดมันมาละเนี่ยะ เดี๋ยวต้องกำราบซะหน่อย

"ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้วนะครับ"

"พี่ขุนนี่น่าหมั่นไส้ชิบ"

"พี่ยังไม่ทันทำอะไรเลยนะ ขับรถอยู่ดีดีเนี่ยะ"

ผมหันขวับไปมองมันทันที "พี่ทำหลายอย่างเลยแหละ"

"เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วจะให้งับแรงๆ สองทีนะครับ"

"หนมไม่ใช่หมานะ ถึงจะให้หนมงับอ่ะ"

"ขนาดพี่ไม่ใช่หมา พี่ยังอยากงับหนมเลย"

"อื้ออ.อ.อ....พี่นี่เอาอีกแล้วนะ"

ทำใจกูเต้นตึกตักอีกแล้ว

"พี่ยังไม่ได้เอาอะไรเลย" พี่ขุนเหลือบมองผมก่อนจะยิ้มกริ่ม "หรือจะให้พี่เอา"

"พี่ขุน!!!!!!!! "

"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ " มึงไม่ต้องมาหัวเราะแบบนั้นเลยนะ กูไม่คุยกับมึงแล้ว ไม่ต้องแดกด้วยเยลลี่อ่ะ

หึ้ยยย.ย....

ผมหันหนีพี่ขุนไปมองนอกข้างทางแทน ไม่ไหว แพ้ทางสัส สู้แม่งไม่ได้เลยอ่ะ ฟังจากเสียงหัวเราะนี่ก็ดูจะชอบใจมากที่ผมโวยวายใส่ เก่งจริงๆ เลยนะเรื่องแบบนี้ กว่าจะถึงบ้านนี่ผมคงประสาทแดกตายแน่ๆ

เฮ้อ....

ในขณะที่ผมกำลังโวยวายอยู่คนเดียวในใจ ฝ่ามือก็สัมผัสได้ถึงอะไรอุ่นๆ พอหันไปมองก็พบว่าคนข้างๆ เอามือผมไปกุมไว้อย่างกับที่เคยทำ มือเรียวนั่นยกมือผมขึ้นไปจูบบนหลังมือเบาๆ ดวงตาคมที่มองถนนอยู่ก็เหลือบมองมองผมก่อนจะคลี่ยิ้มให้ ความอ่อนโยนนี้มันกลบความกวนประสาทเมื่อกี้ไปได้โดยสิ้นเชิงเลยนะ ผมอดยิ้มกับสิ่งที่พี่ขุนทำไม่ได้จริงๆ

ความดีต่อใจนี้มันดีเหลือเกิน

"หนมครับ" พี่ขุนเอ่ยเสียงอ่อนอย่างอ้อนๆ "พี่อยากกินเยลลี่จัง"

ถ้าพี่จะอ้อนหนมแบบนี้ล่ะก็....

"เดี๋ยวหนมแกะให้ครับ"

ป้อนให้ด้วยเลยอ่ะ





บ้านขนม

ผมกับพี่ขุนช่วยกันแบกของฝากเข้ามาในบ้าน ตอนนี้ก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้วครับ ดีนะว่ารถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ก็เลยถึงบ้านเร็ว ได้ยินเสียงอะไรครึกครื้นดังมาจากห้องรับแขกด้วยแฮะ วันนี้มีแขกมาบ้านหรอวะ ด้วยความสงสัยผมจึงเดินนำพี่ขุนไปห้องรับแขก สิ่งแรกก็คือเห็นป๊ากับแม่กำลังนั่งจิบชาอยู่ ส่วนแขกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นก็คือ....

คุณพ่อคุณแม่ของพี่ขุน

เกิดอะไรขึ้นวะ

"เอ่อ....สวัสดีครับทุกคน" ผมยกมือไหว้

พี่ขุนยกมือไหว้ "สวัสดีครับ....พ่อกับแม่มาทำอะไรที่นี่ครับ" เจ้าตัวถามก่อนจะเดินเข้าไปหา

"ฉันมาหาเพื่อนฉัน ว่าแต่แกมาทำอะไรที่นี่"

"ก็นี่บ้านขนมไงครับ"

ผมเดินมานั่งลงข้างๆ ป๊า "ป๊ารู้จักพ่อพี่ขุนด้วยหรอ"

"รู้จักสิ ก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม"

"ป๊าไม่เห็นบอกหนมเลยอ่ะ"

"อยู่บ้านบ้างไหมล่ะ" ป๊าบอกก่อนจะทำหน้าบึ้งใส่ผม "ถ้าหนมกลับบ้านบ่อยๆ หนมก็เจอแล้ว ตัวเองนั่นแหละที่ไม่ชอบกลับบ้าน" ไม่ใช่ไม่ชอบนะป๊า หนมไม่ค่อยมีเวลาว่างต่างหาก

"โลกกลมเหมือนกันนะเนี่ยะ ที่ลูกของเรารักกันน่ะ" แม่พี่ขุนเอ่ยก่อนจะยิ้มหวาน

"นั่นสินะ" แม่ผมยิ้มรับก่อนจะหันมาหา "ไหนๆ ขุนก็มาแล้ว แม่ฝากให้ทำกับข้าวหน่อยได้ไหม แม่ซื้อพวกวัตถุดิบมาแล้ว"

พี่ขุนพยักหน้ารับเบาๆ "ได้ครับคุณแม่ งั้นเดี๋ยวผมกับหนมขอตัวไปทำกับข้าวก่อน"

"ระวังหนมมันเผาครัวนะ"

"เผาครัวอะไรล่ะป๊า "

ไม่มีใครเขาเผาครัวบ้านตัวเองซ้ำเป็นรอบที่ 2 หรอกหน่า

ผมเดินแบกของตามพี่ขุนมาจนถึงห้องครัว ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะว่าครอบครัวพี่ขุนจะรู้จักกับครอบครัวผมอยู่แล้ว แปลว่าเพื่อนสนิทที่คุณพ่อพี่ขุนเคยพูดถึงก็หมายถึงป๊าน่ะสิ ไม่แน่ว่าไอ้ขันมันอาจจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้นะ เพราะว่ามันเป็นคนติดบ้านไง คือถ้าพ่อพี่ขุนมาที่บ้านบ่อยๆ เนี่ยะ มันก็ต้องเคยเจอแน่นอน

ไอ้พี่บ้านี่มันร้ายกาจจริงๆ

ไม่รู้ว่าวันนี้ไอ้ขันมันอยู่บ้านรึเปล่านะ ถ้าอยู่ก็อาจจะอยู่บนห้องไม่ก็นั่งคุยกับปลาคาร์ฟอยู่ที่สวนหย่อม เมื่อวานผมนั่งคุยกับพี่ขุนแบบจริงจังด้วยนะเรื่องไอ้ขันน่ะ พี่ขุนบอกว่าอยากให้ผมกับไอ้ขันลองคุยกันดีดี ไหนๆ เรื่องทุกอย่างมันก็โอเคแล้ว คือตัวผมอ่ะก็เฉยๆ กับมันแล้วแหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าฝั่งมันจะเป็นยังไง เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะเสนอหน้าไปหามัน

แต่ตอนนี้ต้องช่วยพี่ขุนทำกับข้าวก่อน

"พี่ขุน"

"ว่าไงครับ" เจ้าตัวถามพลางหยิบของสดออกมากองเต็มเคาท์เตอร์

ผมชะเง้อคอมอง "แม่ซื้อกุ้งมารึเปล่า"

"นี่ไงกุ้ง หนมอยากกินอะไรบ้างครับ"

"หนมอยากกินต้มยำกุ้ง ปลาสามรส แล้วก็ไก่ผัดหน่อไม้ฝรั่ง"

"ได้เลยครับ เดี๋ยวพี่ทำอย่างอื่นเพิ่มด้วย" พี่ขุนเดินเอาผักไปล้าง ผมเองก็ไปช่วยยืนล้างอยู่ข้างๆ คือก็ทำได้แค่ล้างผักนี่แหละ

"กลิ่นอะไรหอมๆ เนี่ยะ"

"กลิ่นอะไรอ่ะ" ผมดมฟุดฟิดตาม แต่ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรสักอย่าง

พี่ขุนหันมาจุ๊บหัวผมเบาๆ "กลิ่นหนมนี้เอง" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยิ้มหวานให้

ฉ่า

"ไม่ใช่ละพี่ขุน" ผมตีแขนมันแรงๆ ทีนึง อีกใจนี่อยากจะเอาผักกาดปาใส่นะ แต่แม่สอนว่าของกินห้ามเอามาปาเล่น

รอดตัวไปนะพี่ขุนนะ

"เสียงอะไรเอะอะวะ"

ผมหันไปมองตามเสียงก็พบกับร่างสูงเดินหัวฟูเข้ามาในครัว ในสภาพที่สวมกางเกงบ๊อกเซอร์สีชมพูลายหมีแค่ตัวเดียว ใบหน้าขาวนั่นสะลึมสะลือมาก แม่งเพิ่งตื่นแน่ๆ นานเหมือนกันนะที่ไม่ได้เห็นไอ้ขันมันแก้ผ้าแบบนี้น่ะ ครั้งล่าสุดที่ผมเห็นก็เมื่อตอนประถม ไอ้ขันมันยังเป็นขี้ก้างอยู่เลย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หุ่นมันดีจนน่าแดกแบบนี้

ถ้าไอ้หมีเห็นมันคงเขินจนตาย

"สวัสดีครับพี่ขัน" พี่ขุนยกมือไหว้ "เพิ่งตื่นหรอพี่"

"เออ แล้วมึงมาทำห่าไรบ้านกูเนี่ยะ" ไอ้ขันถามก่อนเดินไปหยิบนมในตู้เย็นมากระดก แม่งกินนมแบบนี้อีกละ แม่ก็สอนอยู่ตลอดนะว่าเวลาจะกินนมให้เทใส่แก้ว คนอื่นจะได้กินต่อได้

เรื่องนี้ถึงหูแม่แน่

"มาทำกับข้าวครับ"

"ทำเสร็จยัง ทำเสร็จก็รีบกลับไปซะไป" มันบอกก่อนจะโบกมือไล่

ผมเดินไปตีแขนไอ้ขันแรงๆ "จะไปไล่มันทำไม"

"ทำไมล่ะ นี่บ้านพ่อกู เดี๋ยวก็ไล่ไปทั้งคู่เลยหนิ"

"นี่ก็บ้านพ่อกู ระวังได้ไปนอนข้างบ่อปลาคาร์ฟนะ"

"หนมครับ พูดกับพี่ขันดีดีสิ" พี่ขุนเอ่ยปราม

ผมหันขวับมองมันทันที "ไม่ พี่ทำกับข้าวไป ส่วนมึงไอ้ขันไปกับกู" ว่าแล้วผมก็ออกแรงลากมันออกมาจากครัว

"มึงจะพากูไปไหนเนี่ยะไอ้หนม" ไม่ต้องถามมากได้ไหม ตามกูมาเงียบๆ เถอะว่ะ

ผมพยายามลากไอ้ขันออกมาหยุดที่สระว่ายน้ำเยื้องๆ กับสวนหย่อมก่อนจะยืนกอดอกประจันหน้ามัน วันนี้เราต้องเคลียร์เรื่องที่มันค้างคากันอยู่ให้จบ ผมจะแอบเนียนถามเรื่องคนที่อยู่ในใจมันด้วยว่าเป็นใคร เลอค่ามากแค่ไหน ไอ้หมีเพื่อนรักของผมพอจะสู้ได้ไหม

ยังไงวันนี้ผมต้องรู้ให้ได้

"มึงลากกูมานี่ทำไม"

"กูให้โอกาสมึงพูดความรู้สึกผิดที่เคยทำต่อกูไว้"

ไอ้ขันมันหรี่ตามองผม "ไม่รู้สึกผิดอะไรทั้งนั้นแหละ"

"ไอ้ขัน"

"ก็มันจริงหนิ" มันบอกก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ "กูไม่ได้รู้สึกผิดอะไรสักหน่อย อีกอย่างตอนนี้มึงกับไอ้ขุนก็รักกันปานจะกลืนกิน ไม่มีคนขัดขวางแล้วก็ดีไม่ใช่หรอวะ"

"มันก็จริง แต่แม่สอนไว้ตลอดเลยนะว่าถ้าทำผิดต่อใครไว้ให้ไปขอโทษ"

"กูไม่ขอโทษใครทั้งนั้นแหละ"

"มึงมันทิฐิสูง" ผมตีไหล่มันแรงๆ "นิสัยไม่ดีเลย"

"ก็กูเป็นมารร้ายอ่ะ" เออ มึงมันมารร้าย ไม่สิ มึงมันเป็นพญามาร ต่อให้มีผู้ปราบมารสัก 100 คน ก็ไม่มีใครต่อกรมึงได้อ่ะเอาจริงๆ

แล้วนี่จะคิดจริงจังทำไมวะหนม

ผมนั่งลงข้างไอ้ขันก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ ก็คิดอยู่หรอกนะเรื่องที่มันจะไม่ขอโทษผมหรือพี่ขุนน่ะ ตัวมันเองก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คือบางทีมันอาจจะแอบขอโทษอยู่ในใจตัวเองไง แต่พอเป็นแบบนั้นใครมันจะไปรู้วะว่ามันขอโทษแล้ว ตรรกะอะไรของแม่งก็ไม่รู้ โตมาได้ยังไงตั้ง 21 ปีวะ

ไอ้พี่บ้า

"อย่ามาแอบด่ากูในใจ"

"อย่ามาทำเป็นรู้มาก"

ไอ้ขันมันบีบแก้มผมแรงๆ "มึงนี่มันน่าหมั่นไส้จริงๆ เลยนะ ตอนเด็กๆ ก็น่ารักกว่านี้ตั้งเยอะ"

"ก็ตอนนี้กูโตแล้วไงเล่า" ผมเอามือมันที่บีบแก้มอยู่ออก "อายุจะ 20 แล้วนะ"

"แต่มึงก็ยังเด็กกว่ากูอยู่ดี"

"มึงมันเสร่อเสือกเกิดก่อนไง"

"มึงนั่นแหละที่เสร่อเกิดหลังกู" ไอ้ขันมันยกมือขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ "หนม...."

"หืม...."

"กูรู้ว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ มึงกับไอ้ขุนต้องเจอเรื่องลำบากหลายๆ อย่าง กูจะไม่ขอพูดอะไรมากนะ....แต่กูขอให้มึง 2 คน ดูแลรักษาความรักที่มีให้ดีที่สุด อย่าให้เหมือนกู" มันเอ่ยเสียงอ่อน ดวงตาคมฉายแววเศร้าออกมาชัดเจน "ความรักน่ะ....ถ้าเสียมันไปแล้วก็ยากที่จะเอากลับคืนมา"

ความรู้สึกหน่วงนี่คืออะไรวะ

ผมยกมือขึ้นแตะไหล่ไอ้ขันเบาๆ สิ่งที่มันพูดนี่คือยังไงวะ เสียความรักไปแล้วก็คือไม่สมหวังกับคนที่ตัวเองรักหรือยังไง เห็นมันมีสีหน้าเศร้าแบบนี้ผมยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่เลยว่าคนที่มันแอบรักเป็นใคร แต่ดูจากทรงแล้วมันคงจะรักเขามากแน่ๆ เนี่ยะ แล้วพอคิดว่ามันรักเขามากๆ ผมก็รู้สึกสงสารไอ้หมีขึ้นมาเลยว่ะ

"ขัน...กูขอถามอะไรหน่อยได้ป้ะ"

"อะไรอ่ะ"

"หลายปีที่มึงไม่เคยมีแฟนเลยอ่ะ เพราะมึงมีคนที่ตัวเองรัก...ใช่ป้ะ"

มันพยักหน้ารับเบาๆ "ใช่....กูรักเค้ามาตลอด 4 ปี"

"เค้าคือใครวะ"

"กูก็ไม่รู้เหมือนกัน"

เชี่ยยย แบบนี้ก็ได้หรอวะ

"มึงรักเค้าแต่มึงไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครเนี่ยนะ" นี่มึงรักเขาจริงๆ ป้ะเนี่ยะ และก็รักมาได้ตั้ง 4 ปีทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครด้วย

งงในงงเลยกู

"ก็ไม่รู้จักชื่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่หว่า"

"แล้วมึงจำอะไรที่เป็นตัวเค้าได้ป้ะเนี่ยะ" มันต้องมีรู้บ้างสักอย่างแหละวะ จะไม่รู้อะไรเลยมันก็ไม่น่าใช่ อย่างน้อยก็น่าจะจำหน้าได้ป้ะ

"ก็เค้าอยู่ชมรมหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน เคยมาสัมภาษณ์กูลงหนังสือพิมพ์โรงเรียนอยู่ น้องเค้าแอบชอบกู ที่กูรู้ก็เพราะว่ากูเห็นว่าเค้าชอบเอาขนมมาแขวนไว้ให้ที่ล็อคเกอร์น่ะ" ไอ้ขันมันคลี่ยิ้มออกมาบางๆ "น้องเค้าสวมแว่นหนาๆ มีเชือกสีแดงผูกอยู่ที่ขาแว่นด้วยนะ เค้าชอบกินน้ำแดง ชอบสีแดง คือเค้าก็ไม่ได้หน้าตาดีหรือว่าน่ารักเว่อร์อะไรหรอก แต่เวลาที่เค้ายิ้มมันสดใสมากเลยว่ะ กูชอบรอยยิ้มเค้ามาก ที่ชอบพอๆ กันก็คือผิวขาวเนียนๆ ของเค้า แต่ผิวเสือกเหมือนเพื่อนมึงเลย"

"เพื่อนกู....หมายถึงไอ้หมีน่ะนะ"

"เออ ตอนเห็นก็รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่หรอก แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่ามันทำให้กูสะดุดตามากตอนที่ได้เจอน่ะ"

ผมพยักหน้ารับรู้ "มึงก็รู้เรื่องของเค้าเยอะเหมือนกันนะ แต่ทำไมถึงไม่รู้ชื่อวะ ไม่เสือกถามไว้บ้างล่ะไอ้บ้า"

"ก็เห็นใส่แว่นก็เรียกน้องแว่นมาตลอด ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเคยได้ยินเพื่อนเรียกชื่อว่า....นรา กูจำได้แค่นั้นจริงๆ ว่ะ เอออีกอย่างคือน้องเค้าตีกลองเป็น เล่นกีต้าร์เก่งแล้วก็ร้องเพลงเพราะมากเลย"

ผมนั่งมองไอ้ขันที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่ค่อยต่างจากที่ไอ้หมีชอบทำ ทั้งความสุขทั้งความเศร้าแม่งปะปนกันไปหมด ฟังจากที่ไอ้ขันมันเล่าถึงคนที่เป็นเจ้าของหัวใจนั่นก็ไม่ธรรมดาเลยนะ ไอ้หมีมันจะไปสู้ไหวได้ยังไงวะ ที่สำคัญคือไอ้ขันมันยังรักเขาทั้งใจเลยด้วย ผมว่าตัวมันเองก็อาจจะตามหาคนๆ นั้นอยู่แต่ว่าแค่ยังไม่เจอเท่านั้นเอง และคนอย่างไอ้ขันแม่งไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้ว

ควรบอกให้ไอ้หมีตัดใจดีไหมวะ

ผมไม่อยากเห็นมันเจ็บไปกว่านี้

ผมไม่รู้ว่าไอ้หมีมันแอบชอบไอ้ขันมานานรึยัง ตอนแรกผมก็เข้าใจว่ามันแค่ปลื้มไอ้ขันเฉยๆ ปลื้มเหมือนที่คนอื่นๆ เขาก็ปลื้มกัน แต่ความจริงมันไม่ใช่ ไอ้หมีมันก็คิดจริงจังกับไอ้ขัน ความรู้สึกมันตอนนี้อาจจะเปลี่ยนจากชอบเป็นรักแล้วล่ะมั้ง ถ้ามันรู้ว่าไอ้ขันมีคนที่ตัวเองรักแล้วมันจะเป็นยังไงวะ หรือไม่ มันก็อาจจะรู้อยู่แล้ว

ก็นะ....เรื่องของไอ้ขันมันรู้แทบทุกอย่าง

ใจนึงก็คิดนะว่าผมควรจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป มันเป็นเรื่องส่วนตัวไง เราจะไปยุ่มย่ามมากก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทั้งไอ้ขันและก็ไอ้หมี ที่ผมพอจะทำได้ก็คงจะเป็นเอาใจช่วยเพื่อนรักอยู่ห่างๆ แล้วล่ะ เพราะถึงจะเสนอหน้าจะช่วยยังไงไอ้หมีมันก็คงคิดจะทำทุกอย่างคนเดียวแน่ๆ เหมือนกับที่เก็บความทุกข์ทุกอย่างไว้คนเดียวตลอดเวลา

คิดแล้วปวดหัวแทนมันชิบ

"ไอ้หนม"

"หืม"

"ทำไมอยู่ดีดีมึงถึงอยากรู้เรื่องของกูวะ ใครฝากมาถามรึไง"

ผมส่ายหน้ารัวๆ "ก็กูเห็นมึงพูดว่าให้รักษาความรักให้ดีดี อย่าให้เป็นเหมือนมึง กูสงสัยก็เลยถามเฉยๆ ไม่มีอะไร"

"เออ แล้วไม่ต้องไปบอกใครต่อล่ะ กูไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ทั้งนั้น"

"ไม่บอกใครหรอกว่ะ เออขัน มึงลองไปยืนตรงนั้นดิ้" ผมดันให้มันลุกไปยืนด้านหน้า

"อะไรของมึง ให้กูมายืนตรงนี้ทำไมวะ"

"ก็......" ผมพุ่งเข้าไปผลักมันสุดแรงจนมันหงายหลัง

ตู้มมม

"อื้ออ.อ.อ....แค่กก.ก.ก....ไอ้เชี่ยหนม!!!! "

"ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า กูหมั่นไส้มึงมานานละ แบร่บๆๆๆๆ " ผมแลบลิ้นใส่มันอย่างกวนประสาท

ไอ้ขันมันวักน้ำขึ้นมากระเด็นใส่ผม "ไอ้น้องเวร เดี๋ยวกูจะไปด่าผัวมึงแทน เดี๋ยวก่อน"

"อย่าทำพี่ขุน"

"ไม่ปฏิเสธด้วยว่าเป็นผัว" ไอ้ขันมันทำหน้าเหี้ยมขึ้นมาทันที "นี่มึงได้กันแล้วหรอห้ะ!!!! "

ผมยืนแคะหูพลางตีหน้าซื่อใส่ "พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง"

"ไอ้เชี่ยหนม!!!! "

"เข้าบ้านดีกว่า" ผมโบกมือบ๊ายบายมันก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้ามาในบ้าน ได้ยินเสียงไอ้ขันแหกปากโวยวายตามหลังมาด้วยแฮะ

ตลกชะมัด

ความจริงผมตั้งใจจะถีบมันลงสระด้วยซ้ำแต่กลัวแรงจะไม่มากพอที่จะทำให้มันขยับ นี่แหละสาเหตุที่ลากมันไปคุยข้างสระน้ำก็เพราะแบบนี้ เดี๋ยวถ้ามันขึ้นมาจากสระได้คงตามมาด่าผมถึงในครัวแน่เลย แต่ไม่เป็นไรช่างแม่ง ถ้ามันพูดมากเดี๋ยวผมเอามีดแทงเอง หลังจากที่วางแผนฆ่าไอ้ขันไว้ในใจเสร็จแล้วผมก็เดินเข้าไปในครัว พี่ขุนก็กำลังทำกับข้าวอยู่

กลิ่นนี่หอมเชียว

ผมเดินมาด้านหลังพี่ขุนก่อนจะชะเง้อคอมองหน่อไม้ฝรั่งที่พี่ขุนกำลังผัด "น่ากินจัง"

"พี่น่ะหรอครับ"

"กับข้าวต่างหาก" ผมกดจมูกลงบนบ่าพี่ขุนเพื่อสูดกลิ่นหอม "เหลืออีกเยอะไหม"

"เยอะครับ พี่เพิ่งทำอย่างแรกเองเนี่ยะ"

"งั้นหรอ มีอะไรให้หนมช่วยป้ะ"

พี่ขุนหันมาหอมแก้มผมดังฟอด "ไปนั่งเป็นกำลังใจให้พี่แล้วกันนะครับ"

"โอเค เรื่องเป็นกำลังใจนี่หนมถนัดเลยล่ะ" ผมอมยิ้มให้เจ้าตัวก่อนจะเดินมานั่งเท้าคางมองมันทำกับข้าว

ชอบเวลาที่ได้เห็นพี่ขุนหยิบโน่นจับนี่อย่างชำนาญมากเลยอ่ะ ผู้ชายเข้าครัวนี่มันดีจริงๆ นั่นแหละ อาหารที่พี่ขุนทำก็ไม่ได้ธรรมดานะครับ มันอร่อยมากเลยด้วย เอาจริงๆ ฝีมือระดับนี้เปิดร้านอาหารได้เลยนะ

ลูกค้าคงเยอะน่าดู

"พี่ขุน"

"ว่าไงครับ"

"พี่อยากมีร้านอาหารของตัวเองไหม แล้วพี่ก็ไปเป็นเชฟ"

"ไม่เอาอ่ะ พี่อยากเป็นแฟนหนมมากกว่า"

เดี๋ยวนะพ่อหนุ่ม....มันไม่เกี่ยวกันไหมล่ะ

"พี่ก็เป็นแฟนหนมอยู่แล้วไง ไหนตอบใหม่ซิ อยากเป็นเชฟไหม อยากมีร้านอาหารรึเปล่า"

"ไม่อยากครับ" พี่ขุนปิดเตาแก๊สก่อนจะเดินมาจุ๊บหน้าผากผม "....พี่ชอบทำอาหารให้คนที่ตัวเองรักทานเท่านั้น"

ตึกตัก

ผมยกมือขึ้นทาบอกตัวเองทันที "พี่ขุน....พูดอะไรก็ไม่รู้"

ใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ยะ

"พี่พูดความจริงนี่ครับ" มันเอ่ยเสียงนุ่มพลางยิ้มหวานให้ผมก่อนจะหันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ มาทำหวานให้ใจสั่นแล้วก็ไปกลับไปทำกับข้าวเฉยเลยครับ

เป็นคนที่เดาอารมณ์ยากจริงๆ

ผมนั่งมองพี่ขุนทำกับข้าวพลางคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จผมจะต้องนั่งรีไรท์นิยาย ต้องทำให้เสร็จก่อนที่จะเริ่มเตรียมงานกีฬาซึ่งมันก็มีเวลาอีกแค่ 4 วันเท่านั้น เพราะงั้นผมจะต้องรีบหน่อย ถึงช่วงทำงานของคณะจะได้เหนื่อยแค่งานคณะอย่างเดียว นี่ไม่รู้ว่าคนที่ยืนทำกับข้าวอยู่นั่นได้รับหน้าที่อะไรในงานกีฬาสีบ้าง ผมยังไม่ได้ถามเลยแต่เดี๋ยวค่อยคุยกัน ส่วนตอนนี้ผมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะทำ....

"พี่ขุน"

"ว่าไงครับ"

"หนมรักพี่ขุนนะ"

เคร้งงง

"ฮ่าๆๆๆๆๆ พี่ทำตะหลิวร่วงทำไม" ผมหัวเราะลั่นทันทีที่เห็นแบบนั้น ร่างสูงก้มลงหยิบตะหลิวก่อนจะหันมองผมด้วยแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ

"อยู่ดีดีเราก็มาบอกรักพี่หนิ" พี่ขุนยกมือขึ้นลูบคอตัวเองเบาๆ "เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะ"

"หึ....น่ารักชะมัด"

แพ้ทางซะบ้างนะพี่ขุนนะ


---------- 50% ---------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 08:45:43 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 33 ----------




การกินข้าวร่วมกันของ 2 ครอบครัวนี่เป็นอะไรที่วุ่นวายมาก

ปวดประสาทสุดๆ

ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงหลังจากทำภารกิจของตัวเองเสร็จแล้ว ทั้งกินข้าวเอย รีไรท์นิยายเอย อาบน้ำเอย ตอนนี้เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ แล้วครับ ผมไล่รีไรท์นิยายตัวเองไปได้หลายบทเหมือนกัน ตอนนั่งแก้คำผิดนี่โคตรปวดประสาท เนี่ยะ เดี๋ยวถ้ามีโอกาสได้แต่งเรื่องหน้าจะต้องตั้งสติให้ดีกว่านี้

ตั้งสติให้ดีกว่านี้มากๆ ด้วย

ตอนนี้พี่ขุนกำลังอาบน้ำอยู่ครับ วันนี้มันนอนค้างที่บ้านผม ไอ้ขันมันโวยวายใหญ่เลยนะจะไม่ให้พี่ขุนค้าง แต่ป๊าบอกว่านี่บ้านป๊า ป๊าจะให้ใครนอนก็ได้ ไงล่ะ สตั้นท์แดกไป 3 วิเลยสิมึง

สมน้ำหน้า

ผ่านไปแปปนึงร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่หัวเปียก "หนมครับ"

"หืม..."

"ไดร์ผมให้พี่หน่อยได้ไหม"

"ได้สิ" ผมลุกจากเตียงก่อนจะเดินไปหาพี่ขุนที่นั่งลงอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมให้มันเบาๆ

"ผมยาวทิ่มตาหมดแล้วนะเนี่ยะ"

"เดี๋ยวก่อนเปิดเทอมพี่จะไปตัดผม"

"เออพี่ขุน มันมีช่วงนึงที่หนมสังเกตว่าผมพี่เริ่มยาวแล้วแต่ทำไมสีผมมันถึงยังเทาอยู่เหมือนเดิมอ่ะ มีแค่ช่วงนี้แหละที่โคนดำเยอะแบบนี้"

"ก็พี่ไปเติมโคนไง แต่จากก่อนช่วงเริ่มรับน้องพี่ก็ไม่ได้ไปทำแล้วเพราะว่ารอตัดผมแล้วก็เปลี่ยนสีทีเดียว"

"กลับไปผมดำก็ดีเหมือนกันนะ มีเสน่ห์ดึงดูดสายตามากเลย" ผมหยิบไดร์มาเริ่มเป่าผมให้

เจ้าตัวมองผมผ่านกระจก "หนมเคยเห็นตอนที่พี่ผมดำด้วยหรอ"

"เคยสิ ก็พี่ขุนมาเคลียร์กับแก้มใสข้างๆ โต๊ะที่หนมนั่ง"

"วันที่พี่เคลียร์กับแก้มใสก็เป็นวันที่พี่เจอหนมครั้งแรกนะ หนมมาที่ตึกวิศวะฯ อ่ะ"

"ไอ้ขันมันให้หนมไปหาที่ตึกน่ะสิ เอาจริงๆ การที่พบกันน่ะมันเป็นความบังเอิญมากๆ เลยนะ ต้องขอบคุณแก้มใสที่ทำให้พี่ต้องมาที่ตึกนิเทศ มันทำให้หนมได้เจอพี่"

"งั้นพี่ก็ต้องขอบคุณพี่ขันเหมือนกันสินะที่ให้หนมไปหาที่ตึก พี่เลยได้เจอหนม ต้องขอบคุณนกที่ตกจากรังด้วย และต้องขอบคุณหนมที่ไปช่วยพวกมันเอาไว้ เพราะการกระทำนั้นเลยที่ทำให้พี่ชอบหนม"

"เป็นการชอบที่ดูไร้เหตุผลมากเลยนะ"

"กับคนที่ใช่....ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญหรอกครับ" พี่ขุนคว้ามือผมที่ลูบหัวตัวเองอยู่ไปจุ๊บเบาๆ "ชอบก็คือชอบ รักก็คือรัก พี่รู้สึกตัวเองโชคดีจริงๆ นะที่ได้เจอหนม และก็รู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกคนๆ นี้"

ผมวางปิดไดร์แล้ววางไว้บนโต๊ะ มือก็ประคองแก้มพี่ขุนให้เงยหน้าขึ้นมอง "หนมเองเหมือนกัน" ว่าแล้วผมก็ก้มลงไปจุ๊บปากพี่ขุนเบาๆ

เจ้าตัวยิ้มหวานก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยแก้มผม "ไปที่เตียงกันเถอะครับ"

"พี่ขุน!!! "

"คือจะไปนอนไงครับ....คิดอะไรลามกอีกแล้วล่ะสิ"

"หนมเปล่าสักหน่อย" ผมทำหน้ามึนแล้วเดินหนีมานอนลงบนเตียงทันที โถ่หนมเอ้ย เด๋อแดกเลยนะเมื่อกี้ แต่คำพูดพี่ขุนมันก็ชวนคิดจริงๆ แหละ อยู่ดีดีบอกว่าไปที่เตียงกันเถอะ

เป็นใครมันจะไม่คิดวะ

ร่างสูงเดินเอาผ้าขนหนูไปตากก่อนจะมาล้มตัวนอนลงข้างๆ ผมขยับเข้าไปกอดพี่ขุนไว้ มือเรียวลูบหัวผมเบาๆ เชิงกล่อม ชอบความรู้สึกนี้จริงๆ เลยนะ การได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่ตัวเองรักเนี่ยะมันเป็นเรื่องที่ดีเลยนะครับ มันทำให้เรารู้สึกสบายใจ ทำให้เรารู้สึกมีความสุข พอเป็นแบบนี้ผมก็ต้องรักษาเจ้าของอ้อมกอดไว้นานๆ สินะ

"มองหน้าพี่ทำไมครับ"

"มองไม่ได้หรอ"

"มองได้ครับแต่อย่ามาทำตาแป๋วใส่" เจ้าตัวจุ๊บหัวผมเบาๆ "ใจพี่บางนะรู้ไหม"

"เอาหน่า พี่ขุนทำให้ใจหนมสั่นออกจะบ่อย ตัวเองใจบางนิดหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แฟร์ๆ เนอะ" ผมเอ่ยพลางยิ้มหวานให้

"ไม่แฟร์ครับ เพราะเวลาที่พี่ใจบางก็จะอยากแง่มหนม แต่เวลาหนมใจสั่นหนมไม่อยากแง่มพี่ เนี่ยะ ไม่แฟร์"

ตรรกะความแฟร์ของมึงคืออะไรอ่ะพี่ขุน

"พี่นี่มันหมกมุ่นจริง หนมนอนดีกว่า" ผมบอกก่อนจะรีบหลับตาหนี พอๆ ขืนยังเถียงกับมันก็ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันล่ะ ดีไม่ดีอาจจะโดนแง่มด้วย

"ฝันถึงพี่ด้วยนะ"

ผมลืมตามองมันข้างนึงทันที "ไม่ฝันถึงได้เปล่า"

"ไม่ได้"

"ทำไมหนมต้องฝันถึงพี่ด้วยล่ะ"

"ก็ถ้าหนมเจอมังกรปีศาจในฝัน พี่จะได้เป็นอัศวินขี่ม้าขาวไปช่วยไง" พี่มันยิ้มหวานก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่ แขนแกร่งก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก "หย่อนเชือกลงมาจากหอคอยไว้ให้ด้วยล่ะเจ้าชายขนม เดี๋ยวอัศวินขุนศึกจะปีนขึ้นไปหานะครับ"

"ปีนขึ้นมาทำไม"

"แง่ม"

เนี่ยะ....บทจะน่ารักก็น่ารักไม่สุด

"พี่แม่งหมกมุ่นจริงๆ นั่นแหละ"

เพลียใจจริงๆ เลยว่ะ









TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งขุนหนมแล้ว ขอโทษที่ทำให้รอนานเลยคือเพิ่งเสร็จสดๆ ยังไม่ได้ตรวจยังไม่ได้แก้อะไรทั้งนั้น เดี๋ยวชาลจะตามแก้ให้นะคะ

ที่มาส่งช้าเนี่ยะเพราะว่าเมื่อช่วงหัวค่ำชาลเป็นแพนิคค่ะ สาเหตุมันมาจากการเกือบโดนรถมอเตอร์ไซค์ชน โชคดีที่เขาเบรคทัน มันเป็นช่วงที่รถเค้าจะเลี้ยวเข้าซอยพอดีแล้วชาลก็หันไปมองร้านราดหน้าพอดีก็เลยไม่เห็นรถ แล้วฝ่ายนั้นก็ไม่ได้บีบแตรด้วย รู้ตัวอีกทีคือรถถึงตัวแล้ว เหตุการณ์นี้ทำให้ชาลตกใจมากจนเป็นแพนิค แล้วพอเป็นแพนิคเนี่ยะก็จะไม่สามารถแต่งนิยายต่อได้จนกว่าอาการจะดีขึ้น ตอนแรกชาลกะว่าจะรอให้ขุนหนมจบก่อนแล้วจะไปพบจิตแพทย์ แต่ดูจากทรงแล้วอาจจะไปพบวันหยุดที่จะถึงนี้แหละค่ะ ไม่อยากจะรออีกแล้วเพราะหวั่นว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตไปมากกว่านี้ เอาใจช่วยกันด้วยนะคะ

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ ชาลลงเรื่องสั้น Distance : ระยะห่าง แล้วนะ สามารถไปอ่านกันได้เลย ติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis น้า

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 11:44:40 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
งดครึ่งปี อีพี่ขุนตายแน่

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีพี่ขุนมีอ่อยจะแอ๋มหนมในความฝันด้วยนะ หื่นและหวานได้คงที่มาก  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 34 คำขอบคุณ



"มึงเขียนรึยังไอ้หมีว่าจะเอาอะไรบ้าง"

"เชอะ"

"เชอะอะไรของมึง"

"เชอะ" มันสะบัดหน้าหนี "หยั่มมายุ่ง"

กวนส้นตีนหรอห้ะ

"เป็นอะไรของมึงห้ะไอ้เชี่ยหมี อยากตายงั้นหรอ" ว่าแล้วไอ้เป้มันก็จับคอไอ้หมีเขย่า

เออฆ่ามันเลยเป้

น่าหมั่นไส้นัก

ผมนั่งมองไอ้หมีที่กำลังจะขาดอากาศตาย คือตอนนี้ผมและเหล่าสหายได้มาสุมหัวกันอยู่ที่หอไอ้หมีเพื่อประชุมและตกลงกันเรื่องกีฬาสีครับ มากันตั้งแต่เช้าละแต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เพราะพวกแม่งมัวแต่ติดเล่นกัน นี่ไอ้ปั้นกับไอ้เผือกออกไปซื้อข้าวอยู่ ผมว่าถ้าพวกมันกลับมาแล้วรู้ว่างานยังไม่ถึงไหน พวกผมต้องโดนด่าจนหูชาแน่ๆ

เตรียมหาอะไรอุดหูไว้ดีไหมวะ

"พอละเป้ เดี๋ยวมันตาย" ไอ้ภีมมันเอ่ยปราม

ไอ้ไผ่หันมองตามเสียงทันที "กิน กูอยากกินปลากราย"

"ปลากรายอะไรของมึงวะไอ้เชี่ยเตี้ย ไอ้ภีมมันพูดว่าตาย" ไอ้เป้มันโวยใส่

"ทรายหรอ เอาทรายมาทำไม"

"โว้ยยยยไอ้ไผ่ ตายตามไอ้หมีไปซะเถอะมึง" แล้วไอ้เป้มันก็เปลี่ยนเป้าหมายจากไอ้หมีมาเป็นไอ้ไผ่แทน

อะไรของพวกมึงกันวะ

"พวกมึงนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ " ไอ้ภีมมันบ่นอย่างเอือมๆ ก่อนจะขยับมานั่งลงข้างผม "เหลือเรา 2 คนแล้วล่ะหนม"

"นั่นสินะ พวกเราต้องทำอะไรบ้างนะภีม"

"ก็พร็อพ คัตเอาท์ แล้วก็มีอุปกรณ์ประกอบของสแตนด์เพิ่มเติมอีกอ่ะ"

"งบที่เค้าให้มาจะพอไหมเนี่ยะ"

"ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ถ้าเข้าเนื้อก็ต้องเนื้อพวกเราอยู่ดี" ไอ้ภีมมันเลื่อนมากระซิบข้างหูผมเบาๆ "แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูจิ๊กเงินไอ้เป้มาให้เอง"

"เออมึงทำดีมาก"

"เห้ยมึงทำอะไรกันวะ" ไม่มีแค่เสียงที่ดังมานะครับ หมอนใบใหญ่ก็ลอยมาเหมือนกัน แถมยังลงที่หัวผมกับไอ้ภีมพอดีเลยด้วย

มึงนี่มัน....

ผมหันไปทำตาขวางใส่ไอ้เป้ อยากตายเหรอวะถึงได้ปาหมอนมาโดนกูเนี่ยะ ปกติมันไม่กล้าทำอะไรผมเลยนะ สงสัยเมื่อกี้จะหึงที่เมียตัวเองมาใกล้ผมแน่ๆ แหม่ไอ้สัส กับเพื่อนกับฝูงนี่มึงก็หยวนๆ บ้างเถอะ ล่ามไว้ในห้องน้ำเลยไหมห้ะเมียมึงน่ะ หึ้ยยย....ยยย

หงุดหงิดอะไรวะหนม

ตอนนี้กลายมาเป็นไอ้ภีมที่โดนไอ้เป้ยำต่อ ส่วนไอ้หมีกับไอ้ไผ่ก็นอนก่ายกันอย่างหมดสภาพ ใจคอไอ้เป้นี่กะทำให้เพื่อนตายจนหมดเลยสินะ ผมนั่งเท้าคางมองมันจัดการไอ้ภีม มันเป็นการจัดการที่สองมาตรฐานสุดๆ อ่ะ ทีกับเพื่อนนี่บีบคอบ้างล่ะ เอาหมอนฟาดบ้างล่ะ ทีกับเมียนี่ไล่ฟัดไล่หอม งับแก้มงับคออย่างงี้

ขนาดนี้มึงก็แง่มกันเลยเถอะ

แหม่ๆ ๆ ๆ

"หนม" ไอ้หมีมันกระดึ๊บๆ มาเอาหัวหนุนขาผม "ง้อกูซะ"

"ง้อทำไมวะ"

"ก็มึงหนีไปทะเลโดยไม่บอก"

ผมยกมือขยี้หัวมันเบาๆ "เพื่อนหนมอยากไปกับแฟน 2 คนไง"

"เน่!!!" ไอ้หมีมันถลึงตาใส่ "ยังจะมาพูดให้อิจฉาอีก"

"มึงก็หาแฟนสิวะ แล้วก็ค่อยไปสวีทกัน 2 คน"

"พูดง่ายแต่ทำยากเลยนะมึง"

"ยากตรงไหนวะ"

"ก็คนที่กูอยากเป็นแฟนด้วย เค้าไม่ได้อยากเป็นแฟนกับกูน่ะสิ" มันเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะลุกขึ้นมานั่งแล้วหยิบสมุดงานมา "ทำงานกันดีกว่าโว้ยยยย เห้ยมึง 2 คนอ่ะ ถ้าจะเอากันก็ไปเอากันในห้องน้ำไป้ ส่วนมึงไอ้ไผ่ ตั้งสติแล้วมาเตรียมคิดฉากของคัตเอาท์ เร็วๆ เลย"

เปลี่ยนอารมณ์เร็วชิบหาย

ไอ้หมีที่แอบดราม่าเมื่อกี้กลายมาเป็นไอ้หมีที่แอคทีฟและพร้อมทำงานแล้วครับ อะไรของแม่งก็ไม่รู้ คำพูดที่มันเอ่ยออกมาเมื่อกี้เรื่องคนที่มันอยากเป็นแฟนด้วยอะไรนั่นคงหมายถึงไอ้ขันแน่ๆ เห็นมันทำหน้าเศร้าผมก็ไม่รู้จะปลอบใจมันยังไงดี ช่วงนี้อาการไอ้หมีมันแปลกๆ ด้วย รู้สึกว่าอาการฝันร้ายของมันจะเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางวันแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำ

สภาพย่ำแย่สุดๆ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ฤกษ์ที่มันจะเล่าเรื่องฝันร้ายนั่นให้ฟังสักที เอาจริงๆ มันน่าจะเล่าปัญหาในชีวิตให้เพื่อนฟังบ้าง ถึงพวกผมอาจจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แต่ว่าก็อยากให้มันได้ระบายออกมานะ เก็บไว้คนเดียวทุกอย่างแบบนั้นก็ประสาทแดกพอดี

"เลิกจ้องหน้ากูสักทีหนม กูไม่ได้เป็นอะไร" แน่ะ อ่านใจกูออกอีก มึงนี่มันยอดมนุษย์จริงๆ นั่นแหละไอ้หมี

"กูเปล่าซะหน่อย" ผมทำเป็นตีหน้าซื่อใส่ "ทำงานกันดีกว่า"

"เออ....มึงว่าคอนเซ็ปต์เราควรทำคัตเอา์แบบไหน"

"คัตเอาท์นี่ต้องเป็นอะไร ไม้หรอ"

"เออเป็นไม้ เราต้องวาดภาพ ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ เราควรวาดภาพยังไง"

ไอ้ไผ่มันหยิบกระดาษกับดินสอมาก่อนจะร่างให้ดู "ในส่วนคัตเอาท์มันควรจะเป็นฉากป่าเพราะตามคอนเซ็ปต์ของเรามันคือสัตว์โลกน่ารัก แต่ฟีลของป่าคือจะให้ใช้สีเขียวเหลืองยังไงมันก็ไม่สดใสอยู่ดี เพราะงั้นเราควรจะทำให้บีจีด้านหลังเป็นทุ่งหญ้าที่เห็นท้องฟ้าด้วย ก็ประมาณนี้" ว่าแล้วมันก็ยื่นกระดาษมาให้

"กูว่าแบบนี้ก็ได้อยู่" ไอ้ภีมมันขยับมานั่งข้างผมในสภาพที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง

ไอ้หมีมันหรี่ตามอง "ฟัดกับผัวเสร็จแล้วหรอ"

"เออเสร็จละ ไอ้เป้มึงมานั่งช่วยกันทำงานซิเนี่ย มันจะได้ดูเป็นชิ้นเป็นอันก่อนไอ้ปั้นจะมา" สิ้นเสียงไอ้ภีมสั่งไอ้เป้ก็มานั่งข้างๆ ก่อนจะหยิบกระดาษที่ไอ้ไผ่วาดไปดู

"แล้วพร็อพมึงจะเอาไงไอ้เตี้ย"

"ก็เอาเป็นต้นไม้นั่นแหละ ในส่วนของคัตเอาท์ตรงนี้ที่เป็นต้นไม้ข้างๆ กูว่าถ้าทำใบไม้เป็นใบมาติดมันจะสวยกว่า อาจจะเสียเวลาส่วนนี้หน่อยแต่งานคงจะออกมาดี ส่วนบริเวณด้านล่างสแตนด์ก็เอาต้นไม้จริงๆ มาวางซะ ตรงนี้กูจะจัดการให้เอง"

"งั้นเรื่องหาสัตว์ป่ากูจะจัดการเองละกัน เดี๋ยวกูโทรให้พ่อไปจับเสือแปป"

เดี๋ยวนะไอ้หมี

"จับมาทำโพ่งอ่ะเสือ เอามาแดกหัวมึงหรอ" ผมโวยใส่พร้อมกับโขกหัวมันไปทีนึง เผื่อความต๊องจะได้หายไปบ้าง

"กูเจ็บนะหนม" มันเบะปากใส่ผมก่อนจะทำตาโตใส่ "คอนเซ็ปต์มันเป็นสัตว์โลกน่ารักมันก็ต้องมีสัตว์เซ่ มึงจะให้มีแต่ต้นไม้ใบหญ้ารึไงห้ะ ไม่รู้แหละกูจะโทรไปให้พ่อออกไปจับเสือมา ให้พ่อจับจระเข้มาด้วย ม้าลายด้วย ยีราฟด้วย กูจะทำให้สแตนด์เราอลังการเลยมึงคอยดู้วววววว!!!"

มึงจะโวยวายทำไมวะ

"เสียงดังจริงไอ้เชี่ยหมี" ไอ้เป้มันหยิบหมอนมาปาใส่ก่อนจะหันมองผม "แต่กูก็คิดเหมือนไอ้หมีนะว่ามันต้องมีสัตว์ด้วย"

"เห็นไหมล่ะ ไอ้เป้ก็คิดเหมือนกูเห็นไหมห้ะคณาณัฐ!!!"

นี่มึงแค้นไรกูป้ะเนี่ย

"ไอ้สัสหมี" ไอ้ภีมมันกระชากไอ้คนเสียงดังไปล็อกคอไว้แน่น "ไอ้เป้มันเห็นด้วยว่าควรจะมีสัตว์ แต่ไม่ใช่สัตว์ตัวเป็นๆ โว้ย มันหมายถึงหุ่น สมองมึงเป็นอะไรห้ะ ห้ะ!!!"

"โว้ยยยย หายใจไม่ออก"

โอ่ย หูจะแตก

ผมยกมือขึ้นปิดหูตัวเองเพราะรำคาญเสียงว้ากของพวกมัน เพื่อนไผ่เองก็ยกมือปิดหูเหมือนกันครับ ก็ไม่รู้ว่าจะโวยวายอะไรกันนักหนาโดยเฉพาะไอ้หมีเนี่ยะ แล้วเจ้าตัวดูจริงจังกับการจะให้พ่อไปจับเสือมาให้มากเลยนะ สมมุติพ่อไอ้หมีสามารถไปจับเสือตัวเป็นๆ มาได้จริงๆ แล้วเอามาเป็นพร็อพตกแต่งสแตนด์นี่ผมว่าน่าจะอยู่กันไม่สุขอ่ะ

อ่ะ ละก็คิดจริงจังตามมันทำไมเนี่ยะหนม

ครื้ดดดด....ดดด

ผมเลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย "ว่าไงพี่ขุน"

(คิดถึงจังเลยครับ)

ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น "คิดถึงอะไรเล่า ห่างกันยังไม่ถึงครึ่งวันเลยนะ"

(ไม่รู้หรอครับว่าความคิดถึงมันห้ามกันไม่ได้....แล้วทำไมเสียงดังกันจังเลยล่ะ หนมอยู่ที่ไหนเนี่ยะ)

"ก็อยู่หอไอ้หมีนั่นแหละ แปปนะ" ผมบอกก่อนจะปลีกตัวเดินออกมาตรงระเบียงเพื่อคุยโทรศัพท์ "ฮัลโหล....ได้ยินไหม"

(ได้ยินครับ....แล้วนี่ยังประชุมกันอยู่หรอ)

"ใช่แล้ว ก็คุยกันพอได้เรื่องบ้างนั่นแหละ" แต่ถ้าไอ้หมีไม่กลายเป็นบ้าก็น่าจะได้เรื่องมากกว่านี้เยอะ

(อ๋อ แล้วนี่จะให้พี่ไปรับกี่โมง)

"ก็เย็นๆ แหละมั้ง แล้วนี่พี่ขุนทำอะไร ไม่ประชุมงานหรอ"

(รอพี่ขันอ่ะ เค้ายังไม่มาเลย พี่ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเค้าถึงมาช้า)

"แปลกจริงเพราะปกติมันไม่เคยสาย ให้หนมโทรไปด่ามันให้ไหม"

(ไม่ต้องเลยนะ พี่บอกว่าให้คุยกับพี่ขันดีดีไง เป็นพี่น้องกันก็ต้องคุยกันดีดีเข้าใจไหมครับ)

"งื้ออ.อ.อ...ไม่เข้าใจ"

(ขนม....)

"อย่าดุนะ หนมไม่ให้พี่ดุ" ผมทำเสียงอ่อนเข้าสู้ "อืมมม....ประชุมเสร็จแล้วรีบมารับนะครับ"

(เรานี่มันน่าฟัดจริงๆ เลยนะ ตอนเย็นก่อนเถอะ....พี่ขันมาแล้วครับหนม งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะครับ)

"ครับ ตั้งใจทำงานนะ" ผมบอกก่อนจะกดวางสาย พอหันหลังกลับเพื่อจะเดินเข้าข้างในก็พบกับสายตาของหมีเพื่อนรักยืนจ้องอยู่

นี่ถ้าแดกหัวผมได้มันคงแดกไปแล้วล่ะ

"อะไรมึง มองกูทำไม"

มันเบ้ปากใส่ "แหม แอบมาคุยโทรศัพท์กับผัว"

"ก็คนมันมีอ่ะ"

"กูไม่อิจฉามึงหรอกนะ" มันเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ผมก่อนจะล้วงบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงออกมาจุดสูบ

ไหนมึงบอกว่าจะเลิกบุหรี่ไง

ผมยืนมองไอ้หมีที่กำลังอัดควันเข้าปอด แววตามองท้องฟ้าด้านหน้าอย่างเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้รู้สึกเศร้าแน่ๆ ช่วงที่มันบอกว่ามันจะเลิกบุหรี่ก็ไม่เห็นมันสูบเลยนะจนมาถึงวันนี้ สงสัยอาจจะถึงจุดที่ทนไม่ไหวจนต้องพึ่งบุหรี่แล้วล่ะ เอาจริงๆ ผมก็ไม่เห็นประโยชน์จากการสูบบุหรี่สักเท่าไหร่หรอก ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมไอ้หมีต้องสูบมัน

"หมี"

"หืม...."

"ทำไมต้องสูบบุหรี่ด้วยวะ"

"เวลาที่เห็นควันจางๆ ออกมา มันทำให้นึกถึงชีวิตตัวเองน่ะ กูชอบนะตอนที่อัดควันเข้าไปแล้วหัวมันโล่งๆ มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแม้จะแค่ไม่กี่วิ"

"แต่พอมึงปล่อยควันออกมา มันก็หม่นหมองเหมือนเดิม"

"หึ....เดี๋ยวนี้สีหน้ากูมันแสดงออกมาเกินไปสินะ" มันเอ่ยอย่างติดตลก "ชักไม่ได้การละ"

"มึงโอเคไหมเนี่ย เพื่อนๆ เป็นห่วงมึงนะหมี"

"กูไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย มาห่วงกูกันทำไม"

"ตัวมึงก็รู้ตัวดีว่าเป็นหรือไม่เป็น ไอ้อาการที่มึงเป็นทั้งหมดเนี่ยะมันเป็นเพราะไอ้ขันรึเปล่า"

มือที่กำลังจะยกบุหรี่ขึ้นสูบชะงักไป เจ้าตัวเหลือบมองผม "มันจะ....ไปเกี่ยวกับพี่ขันได้ไงวะ"

"ถึงมึงจะพูดออกมาแบบนั้นแต่หน้ามึงมันแสดงออกมาเต็มๆ เลยนะว่าเกี่ยว"

"มึงพูดอะไรอ่ะ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง" ว่าแล้วมันก็ทำเป็นตีหน้าซื่อใส่เหมือนกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด

ไอ้หมีนี่มันไอ้หมีจริงๆ เลยนะ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมจะได้รู้เรื่องรู้ราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับไอ้ขันและไอ้หมีสักที คือที่รู้ๆ มามันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเอง จะไปแอบสืบเงียบๆ มันก็เป็นไปได้ยากอีกอ่ะ ไม่มีใครรู้เรื่องไอ้หมีมันมากกว่าตัวมันอีกแล้ว ครั้นจะไปถามพี่กล้วย ผมก็ไม่ได้สนิทกับเขามากขนาดนั้น เฮ้อ....เรื่องก็เรื่องของไอ้หมีแท้ๆ ทำไมต้องมารู้สึกปวดหัวแทนด้วยวะ

เพราะเป็นห่วงมันแน่ๆ

ตอนนี้กำลังคิดว่ามันพอจะมีทางไหนบ้างที่จะทำให้ไอ้หมีกับไอ้ขันได้กัน แต่ก่อนจะคิดถึงขั้นได้กันผมว่าเราควรคิดก่อนว่าจะทำให้ไอ้ขันเลิกเกลียดไอ้หมีได้ยังไง คือต่อให้ผมเดินไปบอกมันว่าไอ้หมีไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้แบบที่มึงคิดนะ แต่คิดเหรอว่าคนอย่างมันจะเชื่อ ขนาดเรื่องของพี่ขุนยังต้องพูดแล้วพูดอีก ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะเชื่อสนิทใจรึยัง

คิดเรื่องพวกนี้ทีไรก็อยากจะถอนหายใจออกมาซ้ำๆ

"มึงไม่ต้องเก็บเรื่องของกูไปสุมอยู่ในหัวเลยนะไอ้หนม" ไอ้หมีมันบอกก่อนจะบีบแก้มผมแรงๆ "ชีวิตมึงคิดแค่เรื่องนิยายก็พอแล้ว"

"อื้อออ.อ.อ....แก้มกู" ผมจับมือมันออก

"กูจริงจังนะหนม กูจัดการทุกอย่างได้หน่า นี่หมีคนแกร่งนะ กูว่าเรามาคุยเรื่องงานกีฬาสีกันดีกว่า"

ผมทำหน้ามุ่ยใส่มัน "เปลี่ยนเรื่องเฉยเลยนะมึง"

"เออน่า เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูจะให้พ่อไปจับเสือ"

"เดี๋ยว มึงยังไม่ล้มเลิกเรื่องเสืออีกหรอวะ"

"ก็เสือมันต้องมี ป่าไหนมันไม่มีเสือบ้าง ไม่มีหรอก" มันเอ่ยอย่างจริงจังก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ไว้ที่จานเขี่ย "เออหนม กีฬาสีครั้งเนี้ยะกูมีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่ะ"

"เรื่องอะไรวะ"

"เรื่องปัญหาระหว่างสาขา พวกเราคือคมคุมซ้อมสแตนด์ใช่ไหมล่ะ แต่ว่าเด็กที่ขึ้นสแตนด์ก็ไม่ใช่แค่ของสาขาเราไง กูคิดว่ามันไม่น่าจะลงรอยกันได้ง่ายๆ อย่างน้อยก็น่าจะมีวอร์บ้าง"

"มึงคิดมากไปรึเปล่า มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ"

"คือมันมีเรื่องแบบนี้ทุกปีว่ะ ปีเราก็ไม่น่ารอด ตอนแรกกูคิดว่าพี่ม่านน่าจะเลือกเฮดของสแตนด์เป็นกู แต่เหมือนเค้ารู้ว่ากูไม่ถูกกับหัวหน้าของอีกสาขา"

ผมหันขวับมองมันทันที "มึงเนี่ยนะที่ไม่ถูกกับหัวหน้าของอีกสาขา"

"เออสิ พี่ม่านเค้าคงรู้ว่าถ้ากูเป็นคนคลุมสแตนด์ อีกสาขาต้องไม่อ่อนข้อให้แน่ๆ เค้าเลยให้ไอ้เผือกเป็นเฮดแทน" มันล้วงลูกอมมาแกะใส่ปาก "อย่างไอ้โหดนั่นไม่มีใครกล้าหือหรอก"

เรื่องนี้เห็นด้วยเลยครับ

ตอนแรกผมเองก็แปลกใจอยู่นะว่าทำไมพี่ม่านถึงเลือกคนที่ไม่ชอบพูดแบบไอ้เผือกให้ไปคลุมสแตนด์ แต่พอมารู้เหตุผลเรื่องที่อาจจะมีปัญหากันก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งละ พี่ม่านนี่ก็เก่งเนอะที่รู้เรื่องพวกนี้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ค่อยได้โผล่มาให้เห็นแท้ๆ จะว่าไปก็น่าตื่นเต้นเหมือนกันนะที่จะได้เห็นไอ้เผือกทำอะไรแบบนี้ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มันได้รับหน้าที่ใหญ่

เดี๋ยวต้องส่งกำลังใจไปให้เพื่อนเผือกเยอะๆ

ผมคุยเรื่องกีฬาสีกับพี่ขุนแล้วนะครับ รู้สึกว่ามันจะได้รับหน้าที่ถือธงของคณะในขบวนพาเหรด ในวันงานเจ้าตัวคงจะหล่อมากแน่ๆ ผมนี่เตรียมกล้องไว้รัวชัตเตอร์ใส่เลย ก่อนวันงานกีฬาสีเนี่ยะผมคิดว่าตัวเองคงต้องเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังบ้างแล้วล่ะ เพราะว่าจะได้แข็งแรง สู้แดดสู้ฝนและสู้พี่ขุนได้ ทุกวันนี้จะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่แล้ว

ชีวิตขนมช่างน่าสงสาร

"หนม"

"ว่าไง"

"ตอนที่มึงไปทะเลกับพี่ขุนเนี่ยะ โดนป๊ามมาใช่ไหม"

ผมเหลือบมองคนพูด "มึงรู้ได้ยังไง"

"แหม่ ก็ทะเลมันเป็นสถานที่ชวนได้กันนี่หว่า แล้วไปกันมาตั้งกี่วัน ถ้าพี่ขุนไม่แดกมึงก็แปลว่าเค้าหมดน้ำยาแล้ว" มันจีบปากจีบคอพูด "ร่างกายยังโอเคใช่ไหมเนี่ยะ เค้าไม่ได้ทำหนักเกินไปใช่ไหม"

"ก็โอเคอยู่นะ ก็ที่ไปทะเลนั่นก็เป็นครั้งที่ 2 "

มันพยักหน้ารับ "ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบพี่ขุนจะอดทนได้ถึงขนาดนั้น"

"แต่พอได้ทำก็หนักเลยนะมึง"

"ก็ปกติป้ะวะ กูว่าของมึงมันก็ยังดี" มันหยิบลูกอมเม็ดใหม่ขึ้นมาแกะก่อนจะยัดใส่เข้าปาก "กูว่าเซ็กซ์ที่เกิดมาจากความรัก ยังไงมันก็ดีป้ะวะ"

"หมี....ที่มึงเคยบอกกูว่ามึงเสียตัวตอนอายุ 16 ตอนนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักหรอวะ" ทันทีที่ผมถามออกไปแบบนั้น คนข้างๆ ก็คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา

เรื่องนี้อาจจจะเป็นอีกเรื่องที่มันให้มันรู้สึกเป็นทุกข์ในใจก็ได้นะ ผมก็มีเรื่องในอดีตที่เคยพลาดทำลงไปแล้วรู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขก็ทำไม่ได้ไง ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์พวกนั้นมันก็ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าเรื่องของผมกับไอ้หมีมันก็คนละเรื่องกันอ่ะ และมันก็ต้องให้ความรู้สึกที่ต่างกันแน่ๆ

หวังว่ามันจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะ

ผมยกมือขึ้นแตะไหล่มันเบาๆ "ว่าไง...."

"มันก็ไม่เชิงว่าเป็นความรักว่ะ มีแค่กูที่รักเค้า เซ็กซ์ของเรามันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ" มันเค้นยิ้มออกมา "ครั้งแรกมันเป็นอะไรที่โคตรเจ็บเลยมึง ไม่มีเจล ไม่มีถุงยาง กูขยับตัวแทบไม่ได้ ที่เชี่ยสุดคือตื่นมาก็ไม่เจอเค้าแล้ว.....และก็ไม่เจอเค้าอีกเลย"

เชี่ยยยย

ขนาดไม่ใช่ไอ้หมียังรู้สึกเจ็บปวดแทนเลยว่ะ

"โอเคไหมเนี่ยะ" ผมเอ่ยถามมันอย่างเป็นห่วง

"โอเคดิ่วะ เรื่องมันผ่านมาจะ 4 ปีแล้ว เมื่อก่อนกูอ่อนแอกว่านี้เยอะ กว่าจะทำให้ตัวเองกลายมาเป็นหมีคนแกร่งนี่ไม่ใช่ง่ายๆ นะมึง"

"มึงนี่ก็เก่งเนอะ" ถ้าเป็นผมนะ เจอเรื่องเลวร้ายต่อจิตใจขนาดนั้นคงจะหมดสภาพไปแล้วแน่ๆ ไม่รู้ว่าไอ้บ้าหมีมันทนมาได้ยังไง

"ทำดา นี่เพื่อนหมีไง เอออีกอย่างที่ตลก กูแม่งมีโอกาสได้มีอะไรกับคนที่ตัวเองรักใช่ไหมแต่เสือกจูบเค้าไม่ได้"

"ทำไมวะ เค้าไม่จูบมึงอ๋อ"

"เค้าก็จะจูบกูอยู่หรอกแต่ตอนนั้นกูดัดฟันไง กลัวเหล็กไปเกี่ยวปากเค้าก็เลยไม่ได้ให้จูบอ่ะ นึกแล้วโคตรเสียดายเลย" หลังจากที่มันพูดจบผมก็ได้มองตาปริบๆ นี่ขนาดตัวเองกำลังจะเสียตัวแท้ๆ ยังจะมาแคร์เรื่องที่เหล็กจะเกี่ยวปากเขาเนี่ยะนะ

"มึงนี่แม่ง...." ผมส่ายหัวให้มันอย่างเอือมๆ "เออหมี กูขอถามอีกอย่าง แล้วตอนนี้มึงยังรู้สึกรักไอ้คนนั้นอยู่ไหม คนที่มันหายไปอ่ะ"

มันหลุดยิ้มออกมา "รักสิ....ก็รู้สึกรักเสมอ"

"อ่าว แล้วไอ้ขันนี่ยังไง" ถ้ามึงบอกว่ามึงรักไอ้นั้นเสมอแล้วไอ้ขันล่ะ หรือว่าไอ้หมีมันจะแค่ชอบไอ้ขันมากๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นรักวะ

เออ อาจจะใช่ก็ได้

"พี่ขันก็เป็นคนที่....ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยว่ะ" มันบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "เข้าไปทำงานกันต่อดีกว่า" ว่าแล้วมันก็เดินกลับเข้าไปในห้อง

อ่าวเดี๋ยว

แบบนี้ก็ได้เหรอวะ

ผมยืนมองมันอย่างไม่เข้าใจ นี่มันเลี่ยงที่จะไม่ตอบผมป้ะวะถึงได้เดินหนีเข้าไปข้างใน โถ่ไอ้หมี มึงนี่มันร้ายนัก จะว่าไปมันก็ผ่านอะไรแย่ๆ มาพอสมควรเลยนะ เจ็บปวดเนอะที่มีคนตัวเองรักแต่ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน คิดแล้วคล้ายๆ ไอ้ขันเลยว่ะ ไอ้บ้านั่นก็มีคนที่ตัวเองรักแต่เสือกตามหาเขาไม่เจอ เนี่ยะ ถ้าไอ้ 2 คนนี้ทิ้งอดีตแล้วมารักกันได้นี่ก็จะดีไม่ใช่น้อย

ก็ได้แต่คิดแหละวะ

ชีวิตไอ้หมีนี่น่าเอามาแต่งนิยายมากเลยนะครับ เรื่องราวคงจะดราม่าน้ำตาแตกน่าดู ไว้ให้รู้เรื่องที่เกี่ยวกับตัวมันให้ได้มากกว่านี้ก่อน ผมจะเอามาดัดแปลงและเรียบเรียงเป็นพล็อตเขียนนิยายเรื่องต่อไป นิยายเรื่องที่ผมเขียนจบไปเนี่ยะมันไม่ค่อยดราม่าเท่าไหร่ เน้นความละมุนซะมาก แต่เรื่องต่อไปนี่แหละ เดี๋ยวจะบอกให้คนอ่านเตรียมกุมใจกันไว้ให้แน่นๆ เลย

หน่วงแน่นอนไรท์ขนมรับรองได้

นิยายของผมเหลือรีไรท์บทสุดท้ายก็จะส่งให้ทางสำนักพิมพ์พิจารณาแล้วครับ พอส่งเสร็จก็เป็นเรื่องของการรอคอยเขาตอบกลับ ผ่านไม่ผ่านก็ต้องรอลุ้นกันไป ถ้าผ่านก็ถือว่าสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ ถ้าไม่ผ่านผมก็จะรีไรท์ใหม่จนกว่าจะผ่าน มันต้องผ่านสักที่แหละวะ ยังไงผมต้องมีโอกาสได้เห็นนิยายของตัวเองตั้งอยู่บนชั้นในร้านขายหนังสือให้ได้

มันเป็นความฝันที่ต้องกลายเป็นความจริงในสักวัน

ผมเชื่อแบบนั้น





หอ K2

หลังจากที่จัดการวางแผนเรื่องงานกีฬาสีอย่างคร่าวๆ เสร็จ ผมก็กลับมานั่งทำภารกิจเพื่อชาติของตัวเองต่อ ตอนนี้ก็เกือบ 3 ทุ่มแล้วครับ ผมรีไรท์นิยายเสร็จหมดแล้ว นี่กำลังเขียนแนะนำตัวเพื่อที่จะส่งเมลให้ทางสำนักพิมพ์ ส่วนพี่ขุนก็นอนรอเป็นเด็กดีอยู่บนเตียง เอาจริงๆ คือเมื่อเย็นพี่มันโดนผมดุไปรอบนึงเพราะมาวอแวตอนที่กำลังนั่งรีไรท์อยู่

โคตรน่าทุบอ่ะ

มันเป็นงานเร่งไงผมก็เลยอยากทำให้มันเสร็จไวไว แต่พี่ขุนก็มาเจ๊าะแจ๊ะไม่เลิก มานั่งเบียดบ้างล่ะ ฟัดแก้มบ้างล่ะ หนักสุดนี่กระโจนทับผม คือถ้ามันตัวเล็กๆ ผมจะไม่อะไรเลย

"หนมครับ"

ผมเหลือบมองเจ้าตัวที่โผล่หัวมาเกยไว้ตรงไหล่ "มีอะไร"

"เมื่อไหร่จะเสร็จ"

"เนี่ยะ อีกแปปนึง"

"หนมแปปนึงมาหลายรอบแล้วนะ" มันบอกเสียงอ่อน "พี่จะงอแงแล้วนะครับ"

ผมยกมือขึ้นกุมแก้ม "เนี่ยะเสร็จละ" ว่าแล้วผมก็กดส่งเมล ทีนี้ก็เหลือแค่รอแล้วล่ะ

"เย่ ปิดโน้ตบุ๊คเลยครับ หลังจากนี้มันจะเป็นช่วงเวลาของพี่" พี่ขุนบอกก่อนจะละออกไปนอนแผ่กลางเตียงเหมือนเดิม ส่วนผมก็ปิดโน้ตบุ๊คก่อนจะขยับขึ้นไปบนเตียง

"ขยับไปฝั่งนึงสิ หนมจะนอนยังไง"

"นอนตรงนี้" มือเรียวรั้งให้ผมล้มตัวลงไปนอนทับตัวเองไว้ "ตัวอาจจะไม่นิ่ม....แต่ว่าอุ่นนะครับ"

"พี่นี่มัน...."

"พี่มันทำไมครับ"

"เปล่า" ผมขยับหัวไปหนุนไหล่พี่ขุนไว้ เจ้าตัวเองก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ

ชอบจริงๆ เลย

ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีวันที่เสพติดสัมผัสจากใครสักคน ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันจนถึงตอนนี้ เวลามันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนะครับ หลายช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่มีทั้งความสุข มีความทุกข์ปะปนกันไป นึกถึงตัวเองสมัยก่อนที่ยังไม่มีพี่ขุนนี่ผมไม่ได้สนใจอะไรในความรักเลยนะ ไม่ได้คิดอยากจะไขว่คว้าหาใครมาเติมเต็มในส่วนนั้นด้วย

คิดแล้วก็ตลกเหมือนกันแฮะ

วันที่ได้เห็นผู้ชายคนนี้ครั้งแรกมันก็แค่รู้สึกแปลกใจเฉยๆ แล้วเหตุการณ์ที่มันตัดความสัมพันธ์กับแก้มใสผมก็คิดแค่ว่ามันอาจจะเอามาดัดแปลงแล้วใส่ลงไปในนิยายของผมได้ก็เท่านั้นเอง ทุกอย่างมันคือความบังเอิญจริงๆ นั่นแหละ ถ้าวันนั้นไอ้ขันไม่ให้ผมไปหาที่ตึกคณะมัน เรื่องระหว่างผมกับพี่ขุนอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้

ถ้าเรื่องทั้งหมดไม่เกิดขึ้นมันจะเป็นยังไงนะ

ผมก็อาจจะนอนแผ่อยู่บนเตียงนี้คนเดียว ชีวิตเปื่อยๆ ที่ผมมีมันก็อาจจะเปื่อยอยู่อย่างนั้น ผมคงจะสนใจแค่งานกับนิยาย เป็นขนมคนเฉิ่มที่ทำหน้านิ่งไม่ยิ้มไม่หัวเราะไปจนเรียนจบแน่ๆ ความสุขที่ผมมีก็อาจจะน้อยกว่าตอนนี้ ที่สำคัญคือนิยายที่ผมเขียนคงจะไม่ออกมาเป็นแบบนั้น

พี่ขุนนี่เข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างจริงๆ

ผมกลายเป็นคนยิ้มง่ายมากขึ้น เป็นคนที่มีความสุขมากขึ้น ความรักที่พี่ขุนให้ผมมาก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนนิยายได้จนจบ ตอนที่นั่งรีไรท์ก็รู้สึกได้เลยนะว่ามันเหมือนกับสมุดที่บันทึกเรื่องราวความรักของเรา 2 คนเอาไว้ โมเม้นท์หลายๆ อย่างที่ใส่ลงไปในนิยายมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของผม มันอาจจะเป็นคำพูดซ้ำๆ แต่ผมก็อยากพูดว่า.....

รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มีพี่ขุนน่ะ

"พี่ขุน"

"ว่าไงครับ"

 ผมเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าตัว "ขอบคุณนะ"

"ขอบคุณเรื่องอะไรครับ"

"ก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ถ้าไม่มีพี่ นิยายของหนมอาจจะไม่จบก็ได้ พี่อาจจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ยังไงหนมก็ต้องขอบคุณจริงๆ " ว่าแล้วผมก็ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มขาวนั่นฟอดใหญ่

"หึ....พี่ก็ต้องขอบคุณหนมนะครับ" พี่ขุนผงกหัวขึ้นมาจุ๊บปากผมหนักๆ "การที่พี่ได้มาเจอหนมมันก็ทำให้ชีวิตพี่เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน คิดแล้วก็ตลกอยู่นะ พี่หลงรักหนมทั้งๆ ที่หนมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นแค่เด็กปากไม่ตรงกับใจ ชอบทำหน้ามึนๆ ใส่ แต่เพราะหนมเป็นแบบนี้มั้งพี่ถึงได้รักจนโงหัวไม่ขึ้น"

"ก็ขอให้โงหัวไม่ขึ้นต่อนะไปครับ"

"เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว" พี่ขุนยิ้มหวานก่อนจะยกมือขึ้นมากุมแก้มผมไว้ "อยู่ให้พี่รักไปนานๆ ก็แล้วกัน"

"แน่นอนสิ เข้ามาในชีวิตของหนมแล้ว หนมไม่ให้พี่ออกไปไหนแล้วนะ" ผมยกมือพี่ขุนมาจุ๊บเบาๆ ก่อนจะเอาแนบแก้มตัวเองไว้ "หนมรักพี่ขุนนะครับ"

"พี่ก็รักหนมครับ"

รอยยิ้มหวานๆ นี่มันทำให้ใจผมสั่นได้เสมอเลยนะ ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในอนาคตแต่ว่าผมจะพยายามรักษาความรักนี้ไว้ให้ดีที่สุด ให้มันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ชีวิตผมไม่ต้องการใครอีกแล้ว อุปสรรคต่างๆ ที่จะเข้ามา ผมก็เชื่อนะว่าเรา 2 คนจะผ่านมันไปได้เหมือนกับทุกครั้ง ขอแค่ข้างๆ มีพี่ขุนก็ไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับผมแล้วแหละ เพราะว่า....พี่ขุนจะกลายเป็นคนที่น่ากลัวที่สุด

ยิ่งบนเตียงนี่โคตรน่ากลัว

"อื้อออ...อ....อย่าถกเสื้อ"

"หื้มมม....อยู่นิ่งๆ "

ใครมันจะไปนิ่งได้วะ!!!

"อย่า....พี่ขุนนนนนนนนนนน"






TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งขุนหนมแล้ว ในที่สุดก็มาถึงบทที่ 34 แล้วนะคะ ก็บทหน้าก็จะเป็นบทส่งท้ายของนิยายเรื่องนี้แล้วนะ ชาลได้เริ่มทำการรีไรท์ไปบ้างแล้วนะคะ ก็เดี๋ยวจะเร่งรีไรท์ให้เสร็จก่อนวันที่ 10 กุมภาฯ ใครอยากลองอ่านอีกรอบก็ลองไปอ่านได้นะคะ

อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายของการฝึกงานแล้วค่ะ ก็เดี๋ยวชาลจะยุ่งเรื่องทำรายงานฝึกงาน แล้วก็จัดการฟิค PPH ที่ต้องลงช่วงวาเลนไทน์ รวมถึงการแต่งตอนพิเศษในเล่มหรือส่งไปจัดหน้าและก็การบรีฟปกของหนังสือ ที่สำคัญคือทยอยแต่งขันหมีค่ะ อีกเดือนกว่าๆ ก็จะได้อ่านกันแล้วนะคะ รอติดตามกันด้วยล่ะ

ถ้าชอบก็กดไลค์ คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2018 07:50:51 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อยากให้หมีพบกับความสุขเหมือนคนอื่นบ้างจัง  :กอด1:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทส่งท้าย

ครึ่งปีผ่านไป....



[บันทึกพิเศษ : ขุนศึก]


ตึกวิศวกรรมศาสตร์

การที่ต้องยืนทำหน้าเหี้ยมใส่เด็กปี 1 นี่เป็นอะไรที่ยากมากเลยนะครับ

รู้สึกนับถือพี่ขันจริงๆ

"ผมถามว่าพวกคุณคุยอะไรกัน!!!"

"เอ่อ....คือพวกเราคุยเรื่องประชุมเชียร์นี่แหละครับ"

"คุณคิดว่า....มันใช่เวลาไหม"

"พวกผมขอโทษครับพี่"

"การขอโทษที่ดีที่สุดคือการที่พวกคุณจะไม่ทำมันอีก ครั้งนี้ผมจะยอมปล่อยพวกคุณไปเพราะเห็นว่านี่เป็นการเข้าประชุมเชียร์ครั้งแรก" ผมบอกพวกปี 1 ตรงหน้าเสียงเรียบ "กลับไปนั่งที่ซะ"

"ขอบคุณครับ" พวกเด็กๆ ยกมือไหว้ก่อนจะกลับไปนั่งที่แถวตัวเอง

โอ่ย กลั้นขำจนจะเป็นบ้าแล้วนะ

ตอนนี้ผมยืนทำหน้าเหี้ยมอยู่ต่อหน้าเด็กวิศวะฯ ปี 1 นับหลายร้อยคน คณะแก๊งค์ประธานสันฯ ของเมื่อปีที่แล้วได้อัพเลเวลเป็นคณะว้ากเกอร์แล้วครับ โดยมีผมที่ได้รับสืบทอดตำแหน่งเฮดว้ากมาจากพี่ขัน การเป็นพี่ว้ากนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ ยากสุดก็ตรงการคีพลุคนี่แหละ ผมจะหลุดขำหลายรอบละ หันไปเห็นหน้าไอ้สยามนี่ก็จะขำ แล้วนี่ต้องทนทรมานไปอีกเทอมกว่าๆ

เฮ้อ....อยากตายริงๆ

ไม่ได้ ผมจะตายตอนนี้ไม่ได้ ต้องมีชีวิตต่อไปเพื่อดูแลลูกเมีย ลูกก็ไอ้เพชร ไอ้เงิน ไอ้ทอง ส่วนเมียผมก็น้องขนมคนดีนั่นเอง วันนี้เป็นวันพิเศษในชีวิตน้องด้วยครับ เดี๋ยวพอประชุมเชียร์เสร็จผมจะต้องไปหาเจ้าตัวที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติด้วย คือนิยายของขนมได้รับการตีพิมพ์และทางสำนักพิมพ์ก็เชิญให้น้องไปแจกลายเซ็น ผมดีใจกับน้องนะเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ และเขาก็ทำได้จริงๆ

แฟนผมนี่โคตรเก่งเลย

"ขุน"

"อะฮึ่ม....เดี๋ยวผมจะแจกสมุดเปล่าให้พวกคุณ เพื่อให้พวกคุณไปล่าลายเซ็นรุ่นพี่มาทั้งหมด ถ้าคุณได้มาไม่ครบ มันก็จะมีการลงโทษไปตามระเบียบ สมุดลายเซ็นนี้มีกำหนดให้ส่งในต้นเดือนหน้า ผมหวังว่าจนถึงตอนนั้นพวกคุณคงจะรู้จักรุ่นพี่ของคุณทุกคน....รับทราบ!!!"

"รับทราบ"

เสียงเหมือนคนไร้วิญญาณเชียวนะ

"สยาม....เด็กปี 1 รุ่นนี้มีทั้งหมดกี่คน"

"มี 387 คน"

ผมหมุนตัวกลับมาหาพวกพี่ว้ากที่ยืนเรียงกันอยู่ด้านหลัง "ไหนพวกคุณพูดคำว่ารับทราบให้ผมฟังหน่อย"

"รับทราบ!!!"

"ดี...." ผมหันกลับมาหาพวกปี 1 "คุณเห็นไหม ด้านหลังผมมีกันอยู่แค่ 5 คน แต่พวกเขายังเสียงดังกว่าพวกคุณที่มีกันอยู่ 387 คนอีก"

"......"

"ปี 1 ลุกขึ้น" สิ้นเสียงคำสั่งของผม พวกปี 1 ก็พากันลุกขึ้นยืน "ลุกนั่ง 50 ครั้ง!!!"

"50 ครั้ง"

"ไม่ได้ยิน....100 ครั้ง!!!"

"100 ครั้ง!!!"

"ปฏิบัติ!!!"

"1!!!....2!!!....3!!!"

ผมยืนมองพวกปี 1 ที่ลุกนั่งด้วยสายตานิ่งๆ ขอโทษด้วยนะพวกคุณแต่มันต้องทำแบบนี้จริงๆ ว่ะ รุ่นผมก็เจอแบบนี้เหมือนกัน เคยคิดด้วยนะครับว่าทำไมรุ่นพี่จะต้องสั่งให้เราลุกนั่งกันเป็น 100 ครั้งด้วย ตอนที่ผมไปฝึกกับพี่ขันอ่ะ เขาให้เหตุผลว่า คนทุกคนไม่มีใครชอบการลงโทษ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากโดนลงโทษก็จะต้องทำตามระเบียบและอยู่ในกฎเกณฑ์

มันก็จริงตามพี่ขันว่าล่ะนะ

ตอนที่ผมเป็นรุ่นน้องปี 1 อ่ะ คณะว้ากของปีผมแม่งโคตรโหด จำได้ว่าประชุมเชียร์ครั้งแรกมีเพื่อนมาสาย 5 คน ลุงรหัสผมเขาเป็นเฮดว้าก เขาก็สั่งทำโทษลุกนั่งตามจำนวนเพื่อนที่มาสายคูณไปอีก 50 ก็คือต้องลุกนั่ง 250 ครั้ง ผมที่ว่าแข็งแรงยังทรุดเลย ไอ้สยามนี่ลงไปกองตั้งแต่ 100 ทีแรก เนี่ยะ การสั่งลุกนั่งแค่ 100 ครั้งถือว่าเป็นเล็กน้อยมากเลยนะถ้าเทียบกับรุ่นก่อนๆ

เพราะงั้นสู้ๆ นะเด็กๆ

ผมว่าจะต้องมีรุ่นน้องแอบสาบแช่งผมในใจแน่ๆ ไม่เป็นไร เพราะตอนผมโดนลงโทษผมก็สาบแช่งคนสั่งเหมือนกัน ก็นะ ครั้งแรกก็งี้แหละ เดี๋ยวการเข้าประชุมเชียร์ครั้งต่อไปก็จะปรับตัวได้เอง และเดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

หวังอย่างนั้นนะ

"98!!!....99!!!....100!!!" หลังจากเสียง 100 ดังออกมาพวกปี 1 ก็ทรุดลงกับพื้น ปวดขากันน่าดูเลยสิ ไม่เป็นไรนะพวกคุณเดี๋ยวผมก็ปล่อยละ เพราะงั้นอดทนก่อน

"การลงโทษครั้งนี้ผมขอให้พวกคุณจำไว้เป็นบทเรียนนะ การขานรับในทุกๆ ครั้งจะต้องเสียงดัง!!! หนักแน่น!!! และทุกครั้งที่ผมพูดชี้แจง จะต้องไม่มีเสียงใดใดเล็ดลอดดังขึ้นมา ไม่เช่นนั้นพวกคุณก็จะต้องโดนทำโทษร่วมกัน ขอให้พวกคุณเข้าใจในกฎเกณฑ์ข้อนี้ด้วย.....เข้าใจไหม!!!"

"เข้าใจครับ!!! / ค่ะ!!!"

"ดี....เดี๋ยวผมจะให้ปี 2 เข้ามาชี้แจงเรื่องกิจกรรมต่อ ผมหวังการประชุมเชียร์ครั้งหน้า พวกคุณคงจะรักษากฎระเบียบของเราได้ดีมากกว่านี้ ขอบคุณพวกคุณที่เข้ามาประชุมเชียร์กันอย่างพร้อมเพรียง....วันนี้พวกผมขอตัวก่อน" ผมหันไปทางพวกปี 2 "เชิญ......"

ลันตาเดินนำคณะสันฯ ของปี 2 เข้ามาก่อนจะกระซิบข้างหูผมเบาๆ "มีประชุมต่อไหมพี่"

"ไม่มี แยกย้ายได้เลย กูฝากน้องๆ ด้วยนะ"

"ครับ...." หลังจากที่ลันตารับปาก ผมก็เดินนำเหล่าคณะว้ากเกอร์ออกมาจากหอประชุม เดินนำมาเรื่อยๆ จนถึงห้องประชุมของคณะกรรมการฯ พอพวกผมเดินเข้ามาในห้องแล้วก็พากันนอนแผ่ลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ

ผ่านการประชุมเชียร์ครั้งที่ 1 ไปด้วยดี

รึเปล่าวะ

"เด็กรุ่นนี้ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่นะ หรือเพราะว่ามันยังเป็นการประชุมเชียร์ครั้งแรกวะ" ไอ้หอมมันเอ่ยขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้

"กูว่าเพราะครั้งแรกมากกว่า เออขุน มึงลงโทษเบาไปป้ะวะ แค่ 100 ครั้งเอง"

"เอาน่ะ ก็ถ้าครั้งหน้าไม่ดีขึ้นก็แค่ลงโทษหนักขึ้น" ผมยกนาฬิกาขึ้นดู "เออพวกมึง กูไปก่อนนะ ต้องไปหาหนมว่ะ"

"เออ อย่าลืมนัดวันมะรืนด้วย"

"โอเคแล้วเจอกัน" ผมบอกลาเพื่อนๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้อง

ตอนนี้ประมาณบ่าย 3 กว่าๆ เดี๋ยวผมจะต้องแวะไปซื้อช่อดอกไม้เพื่อไปแสดงความยินดีให้น้องด้วย ป่านนี้ขนมคงจะนั่งหน้ามึนเขียนลายเซ็นอยู่แน่ๆ จะว่าไปผมกับขนมก็คบกันมาจะเกือบปีแล้วนะ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันเลยสักครั้ง เต็มที่คือแค่งอนกันเล็กๆ น้อยๆ

ขนมนี่....น่ารักยังไงก็ยังคงน่ารักอยู่อย่างนั้น

เหมือนผมที่ยังรักยังหลงน้องอยู่เหมือนเดิม

ผมเดินมาจนถึงลานจอดรถก่อนจะปลดล็อกฟอร์จูนเนอร์คู่ใจแล้วขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ ร้านดอกไม้ที่ผมจะไปซื้อนี่เป็นร้านเจ้าประจำเลยครับ ตอนที่ซื้อดอกไม้ไปให้น้องครั้งแรกก็ซื้อที่ร้านนี้แหละ ในวันครบรอบของทุกๆ เดือนก็ซื้อจากร้านนี้ คือทางร้านได้เงินไปจากผมเยอะมากอ่ะ นี่วางแผนจะไปขายไตเพื่อหาเลี้ยงหนมอยู่เนี่ยะ

ครืดดดด...ดดด

ผมหยิบโทรศัพท์มาก่อนจะกดรับสายแล้วหยิบหูฟังมาเสียบ "ฮัลโหลว่าไงครับแม่"

(อยู่ไหนหืม)

"ขับรถอยู่ครับ ขุนกำลังจะไปหาหนมที่งานสัปดาห์หนังสือ"

(ถ้างานเสร็จแล้วก็กลับมากินข้าวที่บ้านสิ วันนี้คุณพ่อคุณแม่น้องหนมจะมาด้วยนะ)

"เอางั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวขุนพาน้องไป"

(ฝากบอกน้องด้วยนะว่าแม่แสดงความยินดี....ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวแม่ค่อยบอกกับน้องเอง หนิรู้ไหมว่าพ่อเราน่ะออกไปซื้อนิยายของน้องมาเก็บไว้เรียบร้อยแล้วนะ)

"ฮ่าๆ ๆ ๆ รีบขนาดนั้นเชียว"

(สงสัยกลัวว่าจะหมดล่ะมั้งก็เลยรีบ หืมว่าไงนวล....โอเคแปปนึงนะ งั้นแค่นี้ก่อนนะลูก ขับรถดีดีล่ะ)

"ครับแม่ แค่นี้ครับ" ผมกดวางสายก่อนจะดึงหูฟังออก พ่อกับแม่ผมรักน้องมากเลยนะครับซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะพ่อนี่หลงน้องมาก

อะไรๆ ก็น้องหนม

ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงร้านดอกไม้ ดีจังที่ตอนนี้ในร้านยังไม่มีคน ผมรีบจอดรถก่อนจะเดินลงมาแล้วดิ่งเข้าไปด้านในร้าน ทันทีที่เข้ามาก็เจอรอยยิ้มหวานๆ ของพี่ชายน์ก่อนเลย เขาเป็นเจ้าของร้านที่คอยจัดดอกไม้สวยๆ ให้ผม ด้วยความที่มาอุดหนุนร้านเขาบ่อยเราก็เลยสนิทกันในระดับนึง เคยเจอกันที่ร้านเหล้าด้วย พี่เขาก็ใจดีเลี้ยงเหล้าโต๊ะผมด้วยนะ

หล่อไม่พอแถมยังใจดีอีกต่างหาก

"อ่าวขุน"

"สวัสดีครับพี่ชายน์" ผมยกมือไหว้ก่อนจะยิ้มหวาน "จะสั่งช่อดอกไม้หน่อยน่ะพี่"

"ให้แฟนสินะ เอาอะไรล่ะดอกกุหลาบสีขาวเหมือนเดิม"

"ใช่ครับพี่ เอาช่อใหญ่เลยนะแล้วก็เอาริบบิ้นสีเหลือง"

"โอเครอแปปนึง" ว่าแล้วพี่เขาก็เดินไปหยิบดอกกุหลาบในตู้ก่อนจะเอามาเตรียมเพื่อจัดเป็นช่อ "เออขุน รอบนี้เป็นโอกาสพิเศษอะไรล่ะหืม"

"คือนิยายที่หนมเขียนได้ตีพิมพ์น่ะพี่ ผมก็เลยซื้อดอกไม้ไปแสดงความยินดีให้น้องสักหน่อย"

"เก่งนะนั่นน่ะ เดี๋ยวพี่ฝากขนมไปแสดงความยินดีด้วยละกัน พี่เพิ่งอบเมื่อเช้านี้เอง"

"ขอบคุณมากครับพี่"

"ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องน่ายินดีล่ะนะ" พี่เขาหันมายิ้มหวานให้ผมก่อนจะเริ่มจัดดอกไม้ต่อ

ผมยืนมองพี่ชายน์ที่ยืนจัดดอกไม้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นด้วยนะถึงจะเหมาะกับงานละเอียดอ่อนแบบนี้ แต่พอมาเจอพี่เขานี่แหละถึงได้รู้ว่าไม่ว่าใครก็สามารถทำงานแบบนี้ได้ พี่ชายน์นี่จัดดอกไม้ได้สวยมากเลยนะครับ แถมยังทำขนมอร่อยด้วย คือมีความเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนสูงมาก แต่ถ้าตัดภาพไปที่แฟนผม

รายนั้นทำลายบ้านทำลายเรือนเก่ง

อา....อย่าไปบอกขนมนะครับ

มีครั้งนึงผมพาน้องไปที่บ้าน แล้วเขาก็ตั้งใจจะทำข้าวผัดให้ผมกิน แต่ผลปรากฏออกมาว่าข้าวไหม้จนเป็นเป็นถ่านแถมครัวก็เละไปหมด ผมยังจำสีหน้ารู้สึกผิดของคนตัวเล็กได้อยู่เลย มันน่ารักจนดุไม่ลง พอเป็นแบบนั้นผมก็เลยจัดการฟัดน้องจนหนำใจ

ขนมนี่อร่อยเสมอทุกครั้งที่ได้กินนะครับ

"เสร็จแล้วขุน" พี่ชายน์ยกช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ส่งให้ผม "1,730 บาท อ่ะนี่ขนมฝากไปให้น้อง" มือเรียวยื่นกล่องขนมส่งให้ผม

"ขอบคุณนะครับ" ผมหยิบเงินจ่ายให้

"อ่ะนี่เงินทอน" พี่ชายน์ส่งเงินทอนคืนให้ "อยากได้ดอกไม้สวยๆ อีกก็มาอุดหนุนร้านพี่ได้ตลอดนะ"

"ครับผม อุดหนุนตลอดอยู่แล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับพี่"

"ครับ ขับรถดีดีนะ" ผมยิ้มหวานรับก่อนจะเดินออกมาแล้วเอาดอกไม้วางไว้ที่เบาะข้างๆ แล้วค่อยพาตัวเองมาประจำที่ฝั่งคนขับ

ผมน่าจะใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะไปถึงศูนย์ประชุมฯ ที่จัดงานสัปดาห์หนังสือฯ เอาจริงๆ ขนมไม่รู้นะครับว่าผมจะไป เพราะผมบอกเขาไว้ว่ามีประชุมเชียร์ ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จกี่โมง ตัวน้องเองก็ไม่ได้งอแงอะไรนะที่ผมอาจจะไม่ได้ไป เนี่ยะ เดี๋ยวไปเซอร์ไพรส์ให้ตกใจเล่น ผมต้องคิดคำพูดหวานๆ ไว้ไปหยอดน้องด้วยสินะ อยากเห็นรีแอคชั่นเร็วๆ จัง มันคงจะน่ารักน่าดู

รอพี่แปปนึงนะครับหนม

พี่กำลังไปหาแล้วนะครับ....


[จบบันทึกพิเศษ : ขุนศึก]




----------50%----------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2018 22:56:30 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
----------ต่อจากบทส่งท้าย----------


งานมหกรรมสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ

ผมนั่งเท้าคางมองไปรอบๆ บู๊ธที่ตัวเองกำลังนั่งอยู่ คือเมื่อหลายเดือนก่อนเนี่ยะมีเมลตอบกลับมาจากสำนักพิมพ์ที่ผมส่งต้นฉบับนิยายไปให้เขาพิจารณา ปรากฏว่าผ่านการพิจารณาครับ ความรู้สึกตอนนั้นมันดีใจมาก น้ำตานี่คลอเบ้าเลย แล้วตอนนั้นผมอยู่กลางโรงอาหารของคณะอ่ะ พอบอกให้พวกเพื่อนๆ รู้ว่านิยายผ่านแล้วนะ มันก็พาผมกอดคอเฮกันลั่นโรงอาหารเลย

โคตรตกเป็นเป้าสายตา

ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาก็มีเรื่องวุ่นวายหลายอย่างเกิดขึ้นเยอะเลยครับ แต่มันก็ถือว่าดีนะ ผมจะได้มีแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพื่อที่จะเอาไปเขียนนิยายต่อ ตอนนี้ผมก็ซุ่มแต่งนิยายเรื่องใหม่อยู่ มันมีเค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตของเพื่อนรักของผมเอง นั่นก็คือไอ้หมีไง เออ อยากจะบอกว่าตอนนี้ชีวิตมันน่าหมั่นไส้มากๆ วันๆ นึงผมนี่เบ้ปากใส่มันเป็นร้อยครั้งได้

หึ้ยยย....ยยย คิดแล้วก็หงุดหงิด

วันนี้เพื่อนๆ ผมไม่มีใครว่างเลยครับ เพราะติดทำงานคณะกัน ความจริงผมก็ไม่ว่างเหมือนกันแหละนะ แต่ท่านประธานเขาใจดี ให้ทิ้งงานหลวงมาทำงานราษฎร์ก่อน กลุ่มผมเนี่ยะไม่ได้เป็นแก๊งค์ประธานคณะฯ อย่างเดียวแล้วนะเพราะว่าไอ้หมีมันกลายเป็นประธานสันทนาการของนิเทศไปแล้ว คือตำแหน่งอะไรค้ำคอเต็มกันไปหมดอ่ะตอนนี้

แต่ว่านะ....คนที่อยู่เหนือทุกคนก็ผมนี่แหละ

เป็นขนมผู้มีอำนาจ

พี่ขุนก็ไม่ว่างเหมือนกันครับเพราะติดประชุมเชียร์เด็กปี 1 ตอนนี้แฟนผมกลายไปเป็นเฮดว้ากแล้วนะ มีช่วงนึงที่มันต้องไปฝึกกับไอ้ขัน ผมนี่ต้องไปนั่งเฝ้าเลยอ่ะ กลัวไอ้ขันมันแดกหัวพี่ขุนเอา ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแอบไปดูตอนมันว้ากน้องเหมือนกัน อยากรู้ว่าจะน่ากลัวเท่ารุ่นไอ้ขันไหม คิดไปคิดมาก็น่าเสียดายเหมือนกันที่พี่ขุนมางานหนังสือไม่ได้

อดมาเห็นนิยายผมวางอยู่บนชั้นเลย

แต่ไม่เป็นไร ผมจะถ่ายหน้าตัวเองคู่กับนิยายบนชั้นไปอวดพี่ขุนเยอะๆ เลย วันนี้เป็นวันที่ผมได้เจอเหล่ารี้ดที่รักของผมเต็มไปหมดเลย มีไม่น้อยด้วยที่ขอถ่ายรูปกับผม โคตรเขินเลยอ่ะ ปกติเป็นคนที่ถ่ายรูปคนอื่นอยู่ตลอด พอมาโดนขอถ่ายรูปมันก็เลยรู้สึกแปลกๆ ผมไม่ได้สวมแว่นมาด้วยวันนี้อ่ะ เออจะบอกว่าได้แว่นกันแสงอันใหม่แล้วนะครับ คนที่ดีใจมากที่สุดนี่ก็คงจะเป็นพี่ขุนเพราะผมจะได้มีอะไรมาบังหน้าบังตาสักที

"ไรท์ขนมคะ เอาหนังสือมาให้เซ็นค่า"

"ค้าบบบบ นั่งก่อนเลย" ผมคลี่ยิ้มให้กับน้องผู้หญิงที่นั่งลงด้านหน้า เธอยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลยแถมถักเปีย 2 ข้างด้วยนะ

"หนูชอบนิยายของไรท์มากเลยนะคะ ตามอ่านมาตลอดเลย"

"ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวจะมีผลงานใหม่ก็ฝากติดตามด้วยน้า"

"ติดตามแน่นอนค่ะ" น้องเขาบอกพลางยิ้มหวาน "ไรท์คะ คือหนูมีเรื่องอยากถามหน่อยน่ะค่ะ"

"ว่ามาเลยครับ...."

"คือหนูเองก็เริ่มที่จะแต่งนิยายแบบจริงๆ จังๆ ไรท์พอจะมีทริคดีดีแนะนำไหมคะ"

ผมละจากนิยายขึ้นมา "ทริคดีดีหรอครับ"

"แบบ....พวกแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายน่ะค่ะ หนูอยากรู้ว่าไรท์ได้มันมาจากไหน"

"แรงบันดาลใจของผมนะ มันมาจากคนๆ นึงครับ กล้าพูดได้เลยว่าเพราะมีเค้าอยู่ข้างๆ นิยายเรื่องนี้ถึงเขียนได้จนจบ พวกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องเนี่ยะก็มันส่วนนึงที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของผม ผมว่านะ การที่เราเป็นคนเจอเหตุการณ์นั้นๆ เอง มันจะทำให้เรารู้ว่านิยายของเรามันจะเขียนออกมายังไง ใส่ความเป็นธรรมชาติเข้าไปให้ได้มากที่สุดครับ พอเราจับทางได้เนี่ยะ ทุกครั้งที่เขียนมันก็จะไม่ค่อยยากเท่าไหร่"

"อ๋อ อย่าง Nc นี่ก็....." คนตรงหน้าหรี่ตามองผมพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม "เรียลใช่ไหมคะ"

ตึกตัก

"เอ่อ....ในส่วนของ Nc นี่ก็ ผมไม่ขอพูดดีกว่า" ขืนถ้าพูดไปนี่คงเขินจนตัวแตกตายแน่ๆ

น้องพยักหน้ารับเบาๆ "แล้วคำแนะนำอื่นๆ ล่ะคะ"

"อีกอย่างที่สำคัญคือเรื่องของพวกข้อมูลที่เรานำมาเขียนประกอบนิยายครับ เราต้องนึกเสมอว่านิยายของเราเนี่ยะถ้าเผยแพร่ไปแล้วมันอาจจะไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครบางคนได้ การที่เราเสนอข้อมูลหรือแทรกทัศนคติของเราลงไป ก็จะต้องทบทวนดูให้ดีดีก่อนว่ามันดีรึเปล่า คนที่จะเป็นนักเขียนก็จะต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากกว่าคนทั่วไปในระดับนึง ต้องมีความอดทนสูง ในกรณีถ้ามีสภาวะเครียดก็ควรหยุดเขียนนิยายเพื่อไปหาอะไรทำคลายเครียดก่อน ถ้ารู้สึกดีเมื่อไหร่ค่อยกลับมาเขียนต่อ"

"อย่างงี้นี่เอง....แล้วแรงผลักดันในการเขียนนิยายของไรท์ล่ะคะ"

"ผมก็มีพวกคุณนี่แหละที่เป็นแรงผลักดัน แค่คิดว่าพวกคุณกำลังรอนิยายของผมอยู่มันก็ทำให้ผมฮึ้ดที่จะรีบเขียนเพื่อลงให้อ่าน ก็ต้องขอบคุณพวกคุณแหละนะที่คอยติดตามอ่านนิยายของผมมาตลอด" ผมเขียนลายเซ็นก่อนจะส่งนิยายให้น้อง

"ขอบคุณนะคะ หนูจะเก็บทริคดีดีของไรท์ไปปรับใช้และก็จะติดตามผลงานของไรท์ตลอดไปเลยค่ะ"

"ครับ ขอบคุณนะครับ"

ผมยิ้มหวานให้น้องที่ลุกออกไป หวังนะครับว่าคำแนะนำที่ผมบอกเขาไปมันจะช่วยเขาได้ไม่มากก็น้อย ตัวผมเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเซียนในด้านการเขียนนิยายหรอกนะ ยังต้องพัฒนาฝีมืออีกมาก ผมจะต้องเก่งขึ้นมากกว่านี้ให้ได้

ตื้อดึ่ง

ผมล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปในไลน์ ไอ้หมีเพื่อนรักมันส่งไลน์มาหาผมครับ นี่มึงแอบเล่นโทรศัพท์ตอนทำงานเหรอหมี เดี๋ยวกูจะฟ้องไอ้เป้ให้มันเอาค้อนลมตีหัวมึง

หน่องหมี : คิดถึงเพื่อนหนมจัง

คาหนม : คิดถึงห่าไรล่ะ ทำไมไม่ทำงาน

หน่องหมี : อย่าว่ากู *ส่งรูป*


ผมหลุดขำออกมาทันทีเมื่อเห็นรูปที่ไอ้หมีมันส่งมา ตอนนี้เหล่าสหายกำลังนอนก่ายกันอยู่ที่หน้าตึกนิเทศฯ คือพวกมึงไม่มีที่นอนที่ดีกว่านี้เหรอ เนี่ยะ พอผมไม่อยู่สักหน่อยมันก็ทำเกเรไม่ยอมทำงานทำการ

เดี๋ยวจะกลับไปจัดการเรียงตัวเลย

คาหนม : บอกให้พวกมันลุกมาทำงานเลยนะ

หน่องหมี : มันไม่ลุกหรอก แล้วเป็นยังไงบ้างนิยายมึง ขายดีไหม มีเอฟซีมาขอถ่ายรูปบ้างรึเปล่า

คาหนม : ก็มีนะ แล้วมึงอ่ะซื้อนิยายกูแล้วรึยัง

หน่องหมี : เรียบร้อยแล้วสิ กูเป็นแฟนคลับตัวยงของไรท์ขนมนะ *-*

คาหนม : เออดีมาก

"ช่วยเซ็นหนังสือให้หน่อยครับ"

เสียงนี้มัน....

ผมละจากโทรศัพท์ขึ้นมามองเจ้าของเสียงตรงหน้า ในมือเรียวนั่นถือช่อกุหลาบสีขาวช่อใหญ่และนิยายของผมเอาไว้ ริมฝีปากบางเผยยิ้มน้อยๆ ให้ เจ้าตัววางหนังสือนิยายลงบนโต๊ะก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมที่ตอนนี้กลับมาเป็นสีดำเหมือนอย่างครั้งแรกที่เราเจอกัน

มีเสน่ห์ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ เลยว่ะ

"ไหนบอกว่าไม่มาไง"

"ก็อยากเซอร์ไพรส์แฟน" มันยิ้มหวานก่อนจะยื่นช่อกุหลาบมาให้ผม "ยินดีด้วยที่หนังสือเล่มแรกได้รับการตีพิมพ์นะครับ"

ผมรับช่อดอกกุหลาบนั้นมากอดไว้ "ขอบคุณครับ"

"ครับผม" พี่ขุนนั่งลงก่อนจะเลื่อนหนังสือนิยายมาไว้ตรงหน้า "เซ็นให้พี่ด้วย"

"ได้เลย"

"เขียนกำกับไปด้วยนะว่า....รักพี่ขุนมากๆ "

"เดี๋ยวนะ เกินไปละ" ผมทำหน้ามุ่ยใส่ แอบสังเกตเห็นมีคนกำลังถ่ายรูปพวกเรา 2 คนด้วย รังสีวายนี่แพร่กระจายเต็มไปหมด

"เขียนให้หน่อยสิครับแค่นี้เอง" คนตรงหน้าเอ่ยบอกอย่างอ้อนๆ "นะครับนะ น้า นะครับ"

ยอมแล้วครับ....ยอมแล้ว

"เดี๋ยววาดรูปหัวใจให้ด้วยเลยอ่ะ" ผมจัดแจงวาดรูปหัวใจลงไปพร้อมกับเขียนประโยคที่พี่ขุนอยากได้ กำกับไว้ข้างกับลายเซ็น

เจ้าตัวชะเง้อหน้าเข้ามามองใกล้ๆ "น่ารักจัง...."

"หัวใจนี่น่ะหรอ"

"หนมต่างหาก"

ตึกตัก

ยังทำให้ใจสั่นได้เสมอเลยสินะ

พี่ขุนนี่มันร้ายกาจจริงๆ

"อย่ามาทำแก้มแดงให้คนอื่นเห็นสิครับ" มือเรียวยกขึ้นดึงแก้มผมเบาๆ "พี่หวงนะ"

"ก็เพราะพี่นั่นแหละ เซ็นเสร็จแล้วลุกออกไปเร็ว เด็กๆ รออยู่น่ะ"

พี่ขุนหยิบหนังสือนิยายของผมขึ้นไปจุ๊บเบาๆ "ขอบคุณนะครับ" เจ้าตัวก็ยิ้มหวานให้ก่อนจะลุกออกไป ทิ้งผมให้นั่งเขินตัวจะแตกอยู่คนเดียว

หน้าร้อนไปหมดแล้วนะโว้ย

ผมเขียนลายเซ็นให้เด็กๆ ที่ต่อแถวกันเข้ามาเรื่อยๆ ตาก็พลางมองพี่ขุนไปด้วย ผมเห็นมีเด็กไม่น้อยเลยนะที่แอบถ่ายรูปมันน่ะ ก็นะ มีเด็กวิศวะฯ ที่ไหนก็ไม่รู้มาเดินวนไปวนมาอยู่ในบู๊ธนิยายวายหนิ ใครเห็นก็ต้องรู้สึกแปลกตาธรรมดา หลายครั้งเลยนะที่มันเหลือบมามองผมน่ะ มองไม่พอแถมยังยิ้มหวานให้อีกต่างหาก

เห็นแล้วรู้สึกเมื่อยปากแทนเลย

จะยิ้มอะไรเยอะแยะขนาดนั้น

"ไรท์คะ พี่คนนั้น....แฟนไรท์หรอคะ"

"เอ่อ....ใช่ครับ เค้าเป็นแฟนผมเอง"

"งื้อออ..อ....น่าอิจฉามากเลยอ่ะ มองเผินๆ แล้วพี่เค้าเหมือนพระเอกในนิยายเลยนะคะ"

ผมอมยิ้มให้คนตรงหน้า "ตอนนี้เค้าก็เป็นพระเอกในชีวิตจริงของผมอยู่"

"อึ้ยยย.ย....ไรท์หนมมมม!!!! หนูยอมแล้ว"

ฮ่าๆ ๆ ๆ เด็กๆ นี่น่ารักจริงๆ





ตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าๆ

ควรค่าแก่เวลากลับหอไปนอนแล้วครับ

หลังจากที่กล่าวลาพวกพี่ๆ ผู้ดูแลเรียบร้อย ผมกับพี่ขุนช่วยกันแบกของที่บรรดาเหล่ารี้ดเดอร์ที่รักเอามาฝาก อยากจะกลับไปนอนเกลือกกลิ้งมากครับ ไม่ได้ทำอะไรเยอะนะแต่มันเพลียๆ ว่ะ อาจเพราะเมื่อเช้าไปเรียนแล้วบ่ายก็มานั่งเขียนลายเซ็นล่ะมั้ง เอออีกอย่างคือต้องนั่งอดทนรับดาเมจจากพี่ขุนด้วย

ทำผมเขินอยู่นั่นแหละ

เหมือนพวกพี่ๆ ผู้ดูแลจะรู้นะครับว่ามันเป็นแฟนผม เขาก็จัดแจงเก้าอี้ให้มานั่งข้างกันเลย พวกคนที่มาซื้อนิยายก็ถ่ายรูปกันใหญ่ ผมกับพี่ขุนนี่เหมือนหลุดออกมาจากนิยายเลยอ่ะ คือนิยายของผมเนี่ยะ พระเอกเรียนวิศวะฯ สวมเสื้อช้อป ส่วนนายเอกก็เรียนนิเทศฯ สวมเสื้อแจ็คฯ แล้วก็มีคนยกปกนิยายแล้วถ่ายรูปโดยมีพวกผมเป็นฉากหลัง

รูปนี้มันต้องไปโผล่ที่ไหนสักที่แน่ๆ

"หนมครับ"

"หืม...."

"เมื่อยมือไหมครับ เขียนลายเซ็นตั้งเยอะ"

"ไม่เท่าไหร่หรอก หนมใช้มือบ่อย"

พี่ขุนเหลือบมองผมพลางยิ้มกริ่ม "สิ่งที่หนมพูดมันก็ตีความได้หลายอย่าง"

"ใช้มือจดเลคเชอร์ พิมพ์นิยายงี้ พี่ขุนนี่คิดแต่อะไรกามๆ "

"พี่ยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะครับ หนมนั่นแหละที่คิดแต่อะไรกามๆ "

ผมทำหน้ามุ่ยใส่ "พี่ขุนนั่นแหละ"

"อื้อออ.อ.....งอแง" มือเรียวยกขึ้นขยี้หัวผมเบาๆ "เดี๋ยวหอมแก้มง้อนะครับ"

"ไม่ต้องมาหอมเลย"

"คิดว่าขัดขืนพี่ได้หรอ" เจ้าตัวเลื่อนมือมาจับมือผมไว้แน่น การเดินจับมือกันแบบนี้มันทำให้นึกถึงวันที่ไปตลาดนัดด้วยกันครั้งแรกเลย

ที่จับมือมึงไม่ได้กลัวมึงหลงทางนะ....แต่ที่จับมือมึงเพราะกูหลงมึงต่างหาก

ผมยังจำประโยคนี้ได้ขึ้นใจเลย

ในนิยายของผมก็มีประโยคหวานชวนเลี่ยนจากพี่ขุนเต็มไปหมด เหล่ารี้ดเดอร์อ่านไปต้องมีเบ้ปากไปบ้างล่ะ นิยายเรื่องนี้แต่งออกมาได้โคตรเหม็นความรัก ตอนที่ผมนั่งรีไรท์ยังรู้สึกถึงความเลี่ยนเลย แต่ว่าเดี๋ยวก็จะดับเลี่ยนด้วยนิยายรสขมๆ เรื่องต่อไป

เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้ให้ดีเลยนะเหล่ารี้ดที่รัก

ผ่านไปได้สักพักเรา 2 คนก็เดินมาจนถึงลานจอดรถ พี่ขุนเอาของทุกอย่างไปใส่ไว้ด้านหลัง ผมก็ขึ้นมานั่งรอพลางหยิบช็อคโกแลตที่อยู่ในเก๊ะมาแกะกิน หลังจากที่จัดของด้านหลังเสร็จเจ้าของรถก็ขึ้นมานั่งในตำแหน่งคนขับก่อนจะแย่งช็อคโกแลตที่ผมถืออยู่ไปกินหน้าตาเฉย

นั่นมันของขนมนะ

"พี่ขุนนนน แม่หนมสอนว่าห้ามแย่งขนมคนอื่นนะ"

"แต่แม่พี่สอนว่าให้เรารู้จักการแบ่งปันนะครับ"

"นั่นมันไม่ใช่แบ่งแล้ว พี่เอาไปทั้งชิ้นเลยนะน่ะ"

"พี่ก็...." มือเรียวเลื่อนมาโน้มคอผมเข้าไปใกล้ "กำลังจะแบ่งอยู่นี่ไงครับ" สิ้นเสียงนุ่ม ริมฝีปากบางก็ประกบเข้ามาทาบทับกับปากผม

ความหวานปนขมของช็อคโกแลตแทรกซึมเข้ามาพร้อมๆ กับลิ้นร้อน คนเจ้าเล่ห์ขยับลิ้นหยอกล้อผมไม่หยุด มันเป็นจูบที่ทำให้รู้สึกดีแถมยังรับรู้ได้ถึงความหวานละมุนด้วย ช็อคโกแลตคิสนี่มันให้ความรู้สึกแบบนี้เองสินะ

ฟินจริงๆ

พี่ขุนค่อยๆ ถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะยกนิ้วเช็ดคราบช็อกโกแลตที่เปื้อนปากให้ผม'"อร่อยไหมครับ....สิ่งที่พี่แบ่งปันให้"

"ใครเค้าแบ่งช็อคโกแลตแบบนี้กัน"

"ที่พี่แบ่งให้หนมมันไม่ให้ช็อคโกแลตนะครับ" เจ้าตัวยกมือมากุมแก้มผม "พี่แบ่งความรักให้ต่างหาก"

อื้ออออ.อ.....

ประโยคนี้ดาเมจชนะขาดเลย

"พี่ขุนนนน" ผมซบหน้าลงกับไหล่หนาเพื่อแก้เขิน โหยไม่ไหว หน้านี่ร้อนมาก เอาจริงๆ ร้อนไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ยะ

"เป็นอะไรครับ" เจ้าตัวเอ่ยถามพลางลูบหัวผมเบาๆ "เขินหรอ"

"เขินน่ะสิ เขินมากด้วย เขินตัวจะแตกแล้ว"

"เดี๋ยวถ้าหนมตัวแตกพี่ก็จะไปเก็บเศษมาประกอบใหม่ให้เอง"

ผมผละออกมาก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ "ถึงจะเอามาประกอบหนมก็มีรอยร้าวๆ นะ พี่ขุนจะชอบหรอ"

"พี่ก็ชอบทุกอย่างที่เป็นหนมนั่นแหละ อย่าลืมสิว่าพี่ชอบเราตั้งแต่ตอนที่ยังหัวฟู ใส่แว่นหนาๆ สภาพโดยรวมโทรมๆ คือไม่ได้มีเสน่ห์ภายนอกดึงดูดเลยอ่ะ"

"นี่พี่ว่าหนมอยู่ป้ะเนี่ย" ตอนแรกเหมือนจะดีนะ แต่พอฟังไปทำไมมันรู้สึกแปลกๆ ก็ไม่รู้

"ไม่ได้ว่าสักหน่อย สิ่งที่พี่พูดมันหมายความว่าต่อให้หนมจะเป็นยังไงพี่ก็รักที่หนมเป็นหนม นิสัยของหนมนั่นแหละที่ทำให้พี่รักทำให้พี่หลง"

"หนมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"

"เพราะเราไม่ได้ทำอะไรเลยนั่นแหละมันถึงได้น่ารัก พี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่หรอกว่าทำไมพี่ถึงมารักหนมได้" พี่ขุนยกมือผมขึ้นไปจุ๊บ "พี่ว่าเราก็ไม่สามารถหาเหตุผลให้กับสิ่งที่เรียกว่าความรักได้หรอกนะครับ รักก็คือรัก"

นั่นสินะ

รักก็คือรักจริงๆ นั่นแหละ

ผมยิ้มหวานก่อนจะขยับเข้าไปกอดพี่ขุน รู้สึกดีจริงๆ ที่มีผู้ชายคนนี้อยู่เคียงข้างมาตลอด ช่วงเวลาหลายเดือนที่คบกันมาพี่ขุนไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยสักอย่าง เสมอต้นเสมอปลายยังไงมันก็ยังคงเป็นอย่างนั้นเสมอ มันดีนะครับที่มีคนรักที่เขาสามารถเป็นให้เราได้ทุกอย่าง คอยเป็นที่ปรึกษาเวลามีปัญหา คอยเป็นคนขับรถไปรับไปส่ง คอยเป็นพ่อครัวคอยทำกับข้าวให้ คอยเป็นหมอนข้างให้ผมกอดอยู่ตลอด

พี่ขุนเป็นทุกอย่างสำหรับผมแล้วจริงๆ

โชคดีแค่ไหนที่ชีวิตได้มาเจอมันเนี่ยะ

ผมคลายกอดก่อนจะหอมแก้มพี่ขุนฟอดใหญ่ "หนมรักพี่ขุนนะครับ"

"พี่ก็รักหนมครับ....ตอนที่พี่อ่านนิยายของหนมน่ะ มันเหมือนได้เห็นชีวิตของเรา 2 คนเลยนะ"

"เนี่ยะ มันก็เหมือนกับคำพูดที่ว่า....ชีวิตจริงมันไม่เหมือนกับนิยาย แต่นิยายบางเรื่องมันก็สร้างมาจากชีวิตจริง อีกอย่างคือต้องขอบคุณความบังเอิญด้วยนะครับที่ทำให้เราได้มาเจอกัน เพราะแบบนี้ LoveWriteเขียนสื่อรัก ถึงเขียนมาได้จนจบ" ผมยิ้มหวานให้พี่ขุน "หนมไม่เคยรู้เลยว่าความรักมันเป็นยังไง แต่ก็รู้สึกอยากขอบคุณพี่ซ้ำๆ ที่ทำให้หนมได้รู้จัก....สิ่งที่เรียกว่า ความรัก"

"เอาตอนจบในนิยายมาพูดให้พี่เขินเล่นหรอครับ ระวังกลับไปจะโดนแง่มเอานะ"

"แง่มอะไรเล่า ขับรถไปเลยนะ" พี่นี่ไม่คิดจะเว้นจากเรื่องพวกนี้แม้กระทั่งตอนพูดคำซึ้งๆ เหรอ

หื่นกามจริงๆ

"หึ....." พี่ขุนออกรถก่อนจะเหลือบมองผม "หนมครับ....ทำไมหนมถึงใช้ชื่อเรื่องว่า LoveWriteเขียนสื่อรักล่ะ ตอนนั้นหนมก็ยังไม่เจอพี่นะแปลว่าชื่อเรื่องมันจะต้องมีที่มาที่ไปใช่ไหม"

"ที่หนมใช้ชื่อนี้ก็เพราะอยากให้คนที่ได้อ่านเนี่ยะรู้สึกถึงความรักที่หนมตั้งใจจะสื่อถึงพวกเค้า มันก็เท่านั้นเอง"

"รักคนอ่านจริงๆ เลยนะ"

"ก็ต้องรักสิ....แต่หนมก็รักพี่ขุนด้วยนะ"

"พูดจาน่ารักแบบนี้เดี๋ยวพี่จะแง่มให้เป็นรางวัลนะครับ"

"ไม่ต้องเลยนะ" เอะอะก็จะแง่มอย่างเดียวเลย คนอะไรก็ไม่รู้เนี่ย

ผมเอื้อมไปหยิบหนังสือนิยายของตัวเองมาวางไว้บนตักก่อนจะลูบตัวอักษรของชื่อเรื่องที่อยู่ด้านหน้า กว่านิยายเรื่องนี้จะจบได้ก็ต้องผ่านเรื่องราวตั้งหลายอย่าง ใช้เวลาก็ค่อนปีเลยนะครับ ดีใจนะที่ได้เห็นมันเป็นเล่มแบบนี้ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่คอยอยู่ประคับประคองกันมาตลอด ทุกกำลังใจจากรอบข้างนี่แหละที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้

นิยายเรื่องนี้คือความภูมิใจของผม

มันคือความรักของผม....ที่มีต่อพวกคุณ

'LoveWrite เขียนสื่อรัก'






---------- END ----------



สวัสดีค่ะชาลมาส่งขุนหนมแล้วค่ะ เย่เย่เย่ ในที่สุดก็เขียนนิยายจนจบได้แล้ว อยากขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด คือไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้วเพราะทุกอย่างที่ชาลอยากจะพูด ขนมก็พูดไปหมดแล้ว อยากขอบคุณทุกคนซ้ำๆ คือนิยายเรื่องแรกมันก็จะตื้นตันใจมากเลยนะคะ ชาลหวังว่านิยายเรื่องนี้คงจะให้อะไรหลายๆ อย่างกับพวกคุณนะ อะไรที่เป็นข้อผิดพลาดชาลก็ต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ แล้วตัวชาลเองก็จะตั้งใจพัฒนาฝีมือของตัวเองไปเรื่อยๆ อยู่ติดตามผลงานกันไปนานๆ นะ

ในส่วนของหนังสือนั้นไว้ถ้าทุกอย่างลงตัวหรือโอเคเมื่อไหร่ชาลจะมาชี้แจงทีหลังนะคะสำหรับผู้ที่อยากได้นิยายเรื่องนี้ไปเก็บไว้เป็นเล่มนะ

ถ้าชอบก็กดไลค์ คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสารได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน....ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด รักทุกคนนะคะ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2018 21:12:08 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น้องหนมมาแล้ว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
และแล้วทั้งคู่ก็ครองรักกันอย่างมีความสุข    :L2:
หมี คิดถึงหมีจังเลย  :กอด1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โอ้ยยยย เจอพี่ขุนล่ะใจบาง 55555 ถ้านี้เป็นขนมนะ จะแง่มพี่ขุนทั้งวัน เอ้ย ไม่ใช่ๆ จะแกล้งพี้ขุนทั้งวันเลยยยยย  :hao7: :hao7:
น่าจะมีเขียนเพิ่มตอนของเพื่อนๆบ้างอ่า อยากอ่านนน  o13

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Sistel2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบบบบบ ขุนหนมน่ารักมาก ><
มีคู่ของพี่ขันXน้องหมีไหมคะ ?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด