...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ผลประโยชน์ทับซ้อน...ตอน เมา (30 พ.ย. 2563) หน้า 42  (อ่าน 507259 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8
ผลประโยชน์ทับซ้อน
By: Dezair
…………………….
   ตอนที่ 8


   อะทินนาทานา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ


ไม่หยิบฉวยเอาของของผู้อื่นมาเป็นของตน


...แต่ดันไปขโมยจูบแฟนของไอ้ดิษ...


กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ


ไม่ผิดลูก ผิดเมียคนอื่น


...แต่ดันไปยุ่งกับแฟนของรุ่นน้องที่สนิท...


   แถมปกติก็ตบยุงเวลามันกัด ฆ่ามดเวลามันขึ้นอาหาร บางทีก็โกหกเอาตัวรอด พ่วงด้วยดื่มเหล้าทุกเทศกาล


..โอ้โห เชี่ยเจ๋ง! ชีวิตมึง! ศีล 5 แม่งขาดทุกข้อ!!!...


   เจตน์พ่นลมเป็นครั้งที่ล้านตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่วันที่ไปทานข้าวเย็นที่บ้านของดิษกร และ ‘พลาดพลั้ง’ หรือ ‘เผลอใจ’ ก็ไม่รู้ ทำให้ไปจูบปกฉัตรเข้า นับแต่นั้น ในหัวของเขาก็มีเรื่องเดียว เป็นเรื่องเดียวที่เหมือนเป็นตราบาปรบกวนจิตใจ


   แถมพอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทีไร ก็เหมือนจะได้ยินเสียงสวดศีลข้อ 2 และ 3 ตามลำดับดังอยู่ข้างหูเหมือนยกวัดมาตั้งอยู่ข้างๆ เขารู้ดีว่าทางเดียวที่จะทำให้ความรู้สึกผิดบรรเทาลงได้ ก็คือต้องหาความจริงเรื่องดิษกรและปกฉัตรให้ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่ไปถามรุ่นน้องร่วมคณะของเขาตรงๆ ให้ทั้งดิษกรและปกฉัตรยืนยันตรงกัน แต่...ไอ้เรื่องที่ว่าไม่ยาก มันมายากก็ตรงที่นับจากวันนั้น เจตน์ไม่พบหน้าดิษกรอีกเลย


   เหมือนเป็นกรรมเวร ทำเรื่องชั่วลงไปแล้ว กลับไปแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว แล้วก็ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดพร้อมด้วยเสียงสวด ‘อะทินนาทานา...’ และ ‘กาเมสุมิฉา กามา..’  ที่ดังระงมอยู่ในหู


   ...โอยยยยยยย...กูรู้แล้วว่ากูผิด!! แต่เลิก ‘อะทินนา...’ กับ ‘กาเม...’ ในหูกูสักทีเถอะ!!!...


   แล้วก็คล้ายกับเทวดาฟ้าดินจะได้ยินคำร้องขอนี้ เพราะตอนที่เจตน์งุ่นง่านอยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าตึก เขาก็ดันเหลือบไปเห็นหลังไวๆของของรุ่นน้องคนสำคัญเข้า


   “ไอ้ดิษ!!” เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียก ก่อนจะยิ้มแหยแล้วยกมือไหว้ร่างสูงใหญ่ที่ลุกพรวด เดิมดุ่มๆตรงมาหา


   “ดีครับเฮีย ไปไงมาไง ไม่เจอกันเลย”


   “กูสิไม่เจอมึง!...เอ่อ...แล้ว...มึงมาคนเดียว?” พอด่าไปประโยคหนึ่งก็เพิ่งรู้ตัวว่าเอาอารมณ์เสียๆไปลงกับรุ่นน้องตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังยิ้มแฉ่งไม่รู้เรื่องรู้ราว แถม...เวลานี้เขาควรจะสำนึกถึงความผิดที่ก่อเอาไว้ด้วย


   “ก็มาคนเดียว ทำไมเหรอ? เฮียอยากเจอใครล่ะ”


   “เปล่า!” วัวสันหลังหวะที่ชื่อเจตน์รีบตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเม้มปากแน่นเพื่อตัดสินใจถามคำถามบางอย่างที่...คำตอบของดิษกรจะช่วยปลดล็อกความผิดในใจของเขาได้ หรือไม่อย่างนั้น...ก็อาจจะได้คำตอบที่ล็อกหัวใจของเขาให้แน่นหนากว่าเดิม


   “กู...มีเรื่องจะถามมึงหน่อย...” ดิษกรพยักหน้าอย่างจริงจัง เต็มใจให้รุ่นพี่ที่เคารพและนับถือตั้งคำถาม ท่าทางของรุ่นน้องยิ่งทำเอาเจตน์รู้สึกตกประหม่า แต่...เขารู้ดีว่าจะถอยไม่ได้อีกแล้ว ต้องถาม จะได้รู้คำตอบ แล้วจะได้รู้ตัวว่าควรจะทำยังไงต่อไป


   “เรื่องของมึงกับ...กับ...ไอ้เด็กรัฐศาสตร์นั่น...”


   “รัฐศาสตร์?...อ่า...หมายถึงไอ้ปก?” ดิษกรย้อนถาม


   “อือ...ค...คือ...มึง...มึงกับมันเป็นแฟนกันรึเปล่า”


   “เฮียยยยยย!!” คนถูกถามถึงกับร้องลั่น เล่นเอาเจตน์ที่ตั้งอกตั้งใจกับคำถามเต็มที่ถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วก็เลยเผลอตบหัวคนร้องไปที


   “มึงจะร้องทำเชี่ยอะไร!”


   “ก็ผมตกใจ! ไม่คิดว่าเฮียจะถามเรื่องนี้ โอยยยยย...ใจดิษกรจะวาย ถามอะไรเนี่ย”


   “อ้าว ก็...ก็กูได้ยินเขาว่ากันว่า...”


หนุ่มปีหนึ่งคณะบัญชีหัวเราะเสียงดัง


   “โอยยยย...เขาว่ากันมานานนม เพิ่งมาถามอะไรเอาตอนนี้ล่ะเฮีย”


   “ก็...ก็...ก็กูเพิ่งอยากรู้ตอนนี้! สรุปว่าไง...มึงกับมัน...” เจตน์ไม่กล้าพูดซ้ำ หนุ่มตี๋ปีสองกลัวคำตอบจะกลายเป็นการยืดอกรับยิ่งกว่าอะไร


   “เป็นเพื่อนครับเฮีย เพื่อนตั้งแต่อนุบาลสอง เพื่อนข้างบ้าน เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันจนถึงม.6 เก๋มั้ยเฮีย แม่งโคตรมิตรภาพลูกผู้ชายอ่ะ!” สีหน้าคนอวดมิตรภาพที่มีกับ ‘เพื่อน’ นั้นดูจะตื่นเต้นดีใจกับความสัมพันธ์อันยาวนาน แต่สำหรับคนฟังแล้ว ดูจะไม่ ‘อิน’ ไปกับมิตรภาพนี้เลย


   ...เป็นแค่เพื่อนแล้วก็เสือกตัวติดกันอย่างกับผัวเมีย! เป็นแค่เพื่อนแล้วก็เสือกปล่อยให้เขาลือว่าเป็นแฟน! ไอ้เพื่อนคู่นี้นี่แม่งงงงงง!!!!...


   ดิษกรมองหน้ารุ่นพี่ร่วมคณะแล้วก็ทำตาหลิ่วตาเหล่


   “ฮั่นแหน่ะ! วันนี้เฮียเจ๋งมาแปลก มาถึงก็ถามหาไอ้ปก แถมถามเรื่องผมกับไอ้ปกอีก ทุกทีสนใจอะไรใครที่ไหน มีไรกับเพื่อนผมเรอะ” พอถูกอีกฝ่ายจับผิดเข้าจังใหญ่ เจตน์ก็เหมือนน้ำท่วมปาก ดวงตาเรียวสีดำสนิทล่อกแล่กซ้ายทีขวาที


   “ก็…ก็กูแค่อยากรู้! ทำไม?! กูถามไม่ได้รึไง?!!”


   “ไม่หาเรื่องกันสิเฮีย เดี๋ยวก็ไม่พูดซะเลย ว่าทำไมหมู่นี้ ไอ้ปกไม่มาคณะเรา”


คราวนี้คนถือไพ่เหนือกว่าคือดิษกรผู้กำลังยิ้มแฉ่งเห็นฟันครบทุกซี่ หนุ่มรุ่นพี่ถึงกับชะงัก อยากปากหนัก ปากแข็ง ปากหาเรื่อง แต่...ความอยากรู้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง


   “ทำไมมันไม่มา”


 ดิษกรเล่นตัวเล็กน้อย ทำเป็นสูดลมหายใจยาวๆ ทำเป็นเงยหน้าชมนกชมไม้ ทำเป็นชื่นชมบรรยากาศรอบตัว จน...คนถามชักรู้สึกว่าขากระตุกมากขึ้นทุกที ทว่าก่อนที่จะได้เตะรุ่นน้องที่รัก ดิษกรก็หันมาเห็นอาการของเจตน์เสียก่อน เขารีบยิ้มกว้างประจบเอาใจ


   “อ่ะๆ...บอกก็ได้ ไอ้ปกบอกว่ามันจะไม่มารอผมแล้ว ให้ผมไปหามันที่คณะแทน”


   “ทำไม?” เจตน์ย้อนถามอย่างรวดเร็ว ดิษกรทำหน้าตาครุ่นคิด มือเกาคางตัวเอง


   “นั่นสิ ทำไม”


   “มึงอย่ากวนตีนกูได้มั้ย?!”


   “ก็มันบอกแค่นี้ อาจจะเปเปอร์เยอะ อาจจะเครียดเรื่องเรียน อาจจะเครียดเรื่อง...เรื่องใครก็ไม่รู้ หมู่นี้มันกินข้าวน้อยด้วย อานิศยังบ่นเลย สงสารมันเนาะ! พ่อแม่ก็อยู่ไกล ตัวคนเดียว แถมยัง...ไม่สบายใจอีก” ดิษกรขุดทุกความน่าสงสารขึ้นมากองรวมกันตรงหน้า รับรองได้เลยว่าอีกไม่เกินห้านาที จะเห็นคนแถวนี้เหาะได้


   “ตอนนี้เพื่อนมึงอยู่ที่ไหน”


   “น่าจะคณะมันนะ”


   “ตรงไหนของคณะมัน?!” หน้าตาคนถามพร้อมจะกัดหัวเพื่อให้ได้คำตอบ ดิษกรรู้ดีว่าถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่เพื่อกวน ‘เฮียเจ๋ง’ ไปอีกนานๆ คราวนี้เขาต้องตอบตามจริง ไม่มียึกยัก


   “ห้องสมุด” สิ้นคำพูดนั้น เขาก็ได้เห็นคนเหาะได้ของจริง


   เจตน์พุ่งตัวออกจากหน้าตึกคณะไปอย่างรวดเร็ว แต่ดิษกรยังไม่ทันยิ้ม รุ่นพี่หนุ่มก็พุ่งตัวกลับมา


   “กูลืมถาม! เพื่อนมึงโสดมั้ย” คราวนี้เพื่อนรักของปกฉัตรยิ้มกว้าง


   “โสดสิเฮีย โสดสนิท แต่จะมีคนจีบติดมั้ย อันนี้ไม่รู้นะ” แล้วจากนั้น เจตน์ก็เหาะออกจากคณะไปจริงๆ จุดหมายปลายทางไม่ต้องบอกว่าเป็นที่ไหน


   ...ห้องสมุด คณะรัฐศาสตร์...

……………………..

   ห้องสมุด คณะรัฐศาสตร์นั้นเสียงดังคึกคักตามประสาคณะที่มีเรื่องมาวิพากษ์วิจารณ์ถกเถียงกันอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นที่ซอกระหว่างตู้หนังสือด้านในสุด ก็ค่อนข้างสงบ และมีเสียงเล็ดลอดไปถึงแค่เพียงเล็กน้อย


   ปกฉัตรกำลังพลิกหนังสือที่หยิบออกมาดู แต่...พยายามตั้งสติก็แล้ว ก็ยังอ่านไม่รู้เรื่องเลย


   เขาถอนหายใจเบา แล้วดันหนังสือเก็บเข้าไปในชั้นใหม่ ไม่ใช่แค่การอ่านหนังสือหรอกที่เขารวบรวมสมาธิไม่ได้ แต่การเรียนในห้องก็ไม่เข้าสมองของเขาเลย


   เพราะรู้ว่าแถวนี้ไม่มีค่อยมีคนเดินเข้ามา ความอ่อนล้าจากการตกอยู่ในบ่วงความคิดซ้ำๆ ทำให้เขาวางหน้าผากลงกับชั้นหนังสือ


   ...จูบแรก...จูบของพี่...


...แต่...พอพี่จูบแล้ว พี่ก็ทิ้งกันไปเฉยเลย...


   “ปก!” เสียงทุ้มดังห้วนๆทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้ง แต่ก่อนที่จะทันหันไปมอง เจ้าของเสียงก็ก้าวพรวดมาคว้าแขนของเขาไปจับแล้ว


   “มึงเป็นอะไร?!” คำถามที่สองตามมา ปกฉัตรหันไปเห็นเต็มสองตาว่าเจ้าของคำถามที่กำลังจับแขนเขาอยู่ในตอนนี้คือคนที่อยู่ในความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเขาเอง


   ...พี่...


   ใจโหยหา ใจเรียกร้อง แต่...กลับเค้นเสียงออกจากคอไม่ได้เลย


   ...พี่จูบ แล้วพี่ก็ไป...


   ...คราวนี้...ไม่รู้ว่าถามแล้ว แล้วพอได้คำตอบแล้ว พี่จะไปอีกไหม...


   “กูถามว่าเป็นอะไร ทำไมไม่ตอบ” เพราะปกฉัตรยืนเงียบเหมือนตกตะลึง เจตน์ที่มาเห็นสภาพไม่สู้ดีเลยถามซ้ำ


   “ผม...ไม่ได้เป็นอะไร” แม้ใจจะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายไปอีก แต่เขาก็ยังใช้เรี่ยวแรงที่มีเค้นเสียงแหบแห้งออกมาตอบคำถามพร้อมด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้แผลจะยังสดและใหม่ แม้สัมผัสนั้นจะเพิ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้ แต่...คนเข้มแข็งที่อยู่เพียงลำพัง ก็รู้จักที่จะดูแลและรักษาแผลใจของตัวเอง สร้างกำแพงหนาๆมาฉาบบนสีหน้าเพื่อไม่ให้คนอื่นรับรู้ความเจ็บปวดเหล่านั้น


   “ไม่เป็นไรอะไรของมึง! ก็กูเห็นเมื่อกี้ว่ามึงจะสิงตู้หนังสืออยู่แล้ว! ไม่สบายเหรอ?!” คำถามที่สี่ตามมา พร้อมด้วยหลังมือของเจตน์ที่ทาบลงกับหน้าผากของปกฉัตร


   ...มือของพี่ ความร้อนของพี่...


   แค่รับรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังแตะหน้าผาก เลือดทั้งร่างก็พร้อมใจกันวิ่งพล่าน โดยเฉพาะบนใบหน้าที่ขึ้นสีอย่างรวดเร็ว


   “มึงหน้าแดง?” เจตน์เห็นกับตาว่าจากหน้าซีดๆเปลี่ยนเป็นมีเลือดฝาดที่ข้างแก้ม


   “เปล่า” หนุ่มปีหนึ่งตอบแล้วขยับถอยห่างจากหลังมือนั้น แต่...ถูกด่าเสียก่อน


   “ตากูไม่ได้บอด! กูเห็นอยู่ว่าหน้ามึงแดง! เสือกมาบอกว่าเปล่าอีก!”


   “แล้วจะขึ้นเสียงใส่ผมทำไมเนี่ย” ปกฉัตรไม่เข้าใจเลย อีกฝ่ายเหมือนจะห่วงใย แต่...พูดสามคำ ด่าอีกห้าที


   คนอายุมากกว่ารู้ตัวขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาเรียวมองใบหน้าแดงก่ำที่ยอมให้เขาทาบหลังมือวัดอุณหภูมิ มันตัวไม่ร้อนหรอก แต่เมื่อกี้มันหน้าซีด ยิ่งตอนแรกสุดที่เห็นมันฟุบหน้ากับตู้หนังสือ เขาก็ยิ่ง...ห่วง


   “แล้ว...มึงแดก...เอ่อ...กินอะไรรึยัง” คนปากไม่ดีใช้สติเยอะมากกับคำถามนี้ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะพูดจาสุภาพมากขึ้นอีกนิด


ทว่า...ดูเหมือนคนถูกพูดจาสุภาพขึ้นมาหน่อยจะไม่รู้ตัวแม้แต่นิด แถมยังงงอีกต่างหาก


   “งงอีก! จะงงอะไรของมึงวะ! กูถามว่ามึงหิวมั้ย?!”


   “ไม่” คำตอบที่ได้มา ทำเอาเจตน์ชะงักไปอีกที คิดว่าจะได้หาร้านหรูๆ นั่งกันเงียบๆ ค่อยๆคุย ค่อยๆปรับความเข้าใจ ค่อยๆทำความเข้าใจกันในทุกๆเรื่องที่ค้างคาใจ แต่...ปกฉัตรกลับไม่หิวซะงั้น!


   ...แต่...มันไม่หิว งั้นกูหิวเอง!...


   “แต่กูหิว ไปกินเป็นเพื่อนกูหน่อย!”


   “กินเป็นเพื่อนพี่?” ปกฉัตรยังจับต้นชนปลายไม่ถูก อีกฝ่ายบุกมาถึงนี่ จากคณะบัญชีมาคณะรัฐศาสตร์ เพื่อที่จะชวนรุ่นน้องคนนึงที่ไม่สนิทกันไปกินข้าวเป็นเพื่อนน่ะเหรอ?


   “เออ! กูมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย!”


   “คุย? เรื่องอะไร” ร่างโปร่งชักใจคอไม่ดี ระหว่างเขาและเจตน์ ถ้าจะมีเรื่องที่ค้างคาใจก็น่าจะมีแค่...จูบวันนั้น...


   “ไว้ถึงร้านแล้วมึงก็รู้เองแหละ ตามกูมา” แล้วหนุ่มบัญชีก็ดึงแขนของรุ่นน้องผู้ไม่สนิทสนมกันแต่อย่างใดออกจากซอกระหว่างตู้หนังสือ ทว่าปกฉัตรรั้งตัวเอาไว้


   “ถ้าจะคุย ก็คุยกันที่นี่ก็ได้” ถ้าจะต้องคุยเพื่อให้เรื่องมันจบ ไม่ต้องไปถึงร้านไหนทั้งนั้น คุยกันที่นี่ ในซอกของตู้หนังสือก็พอ จะได้ไม่มีคนรู้ จะได้ไม่มีคนเห็น ให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแค่...ความฝัน...ของปกฉัตรคนเดียว


   ดวงตาเรียวของคนถูกรั้งตวัดมามอง ก่อนจะตอบห้วนๆตามสไตล์


   “คุยที่นี่ได้ไง! มันไม่โรแมนติกเว้ย!” คนฟังงงตึ้บ แต่ไม่ทันถาม ไม่ทันรั้งตัวเอาไว้อีกแล้ว เพราะเจตน์ดึงเขาออกจากห้องสมุดไปอย่างรวดเร็ว


   เจตน์ต้องการความโรแมนติก แต่จะเอาความโรแมนติกมาทำไม ปกฉัตรไม่เข้าใจเลย

...........................

   ร้านอาหารฝรั่งในห้างสรรพสินค้าหรูคือสถานที่ที่เจตน์ตัดสินใจเองว่าน่าจะโรแมนติกเพียงพอแล้ว ในขณะที่ปกฉัตรยังคงงงกับคำว่าโรแมนติกจนถามอะไรไม่ออก


   นิสิตหนุ่มสองคนจากต่างคณะสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ที่โต๊ะก็เหลือเพียงความเงียบ และคนทำลายความเงียบก็คือคนไม่ค่อยจะอดทนอย่างเจตน์


   “ทำไมกูไม่เห็นมึงที่คณะ”


“ผมก็เข้าคณะผมทุกวัน”


“กูหมายถึงคณะกู!!” คำพูดของคนอารมณ์หงุดหงิดฟังดูประหลาด แต่เพราะเคยถูกหาเรื่องมาตลอด คราวนี้แม้จะฉุกใจอยู่บ้างแต่ร่างโปร่งก็คิดเอาว่ารุ่นพี่รายนี้คงจะแค่รวนกันเหมือนครั้งก่อนๆ


   “เปเปอร์ผมเยอะ”


   “มึงแบ่งเวลาไม่เป็นรึไง?! เปเปอร์เยอะก็เลยไม่โผล่หัวไปที่คณะกูอีกเนี่ยนะ ฟังไม่ขึ้นว่ะ!!”


   “แล้วการที่ผมไม่ไปคณะพี่ มันเดือดร้อนพี่ตรงไหน”


   “แล้วถ้ากูไม่เดือดร้อนกูจะไปหามึงถึงรัฐศาสตร์มั้ยล่ะ?!!!!” ปกฉัตรเหลือบมองคนพูดที่ใส่อารมณ์มาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เขามองด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจว่าการที่เขาไม่ไปที่คณะของเจตน์ มันจะกลายเป็นเรื่องให้เจตน์ต้องบุกมาหาเขาและลากเขาออกมานั่งกินข้าวด้วย


   ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มองสบเข้าไปในดวงตาสีอ่อนแล้วก็ได้แต่หันมองหนีไปทางอื่น ปกฉัตรทำให้เขาไม่เหมือนเดิมขึ้นทุกวัน...ไม่รู้ว่าตั้งแต่วันไหน แต่...ยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม...


   “กูไม่เคยเป็นแบบนี้” เขาเอ่ยออกมาอย่างอึดอัด คันยุบยิบในอกอีกแล้ว ไม่รู้จะคันอะไรนักหนาแค่คิดเรื่องของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาทีไรมันก็คันจนมือไม้อยู่ไม่สุขต้องคอยแต่จะเกาจะถูตลอดเวลา


   “หมายถึงเป็นแบบไหน” ปกฉัตรย้อนถาม


   “ก่อนหน้านี้...กูเอาแต่คิดเรื่องมึงกับไอ้ดิษ...แบบ...แบบว่ากูคิดว่าพวกมึงเป็นแฟนกัน กูไม่ควรยุ่ง ไม่ควรเสือก แต่...แต่กูก็หยุดตัวเองไม่ได้ กูรู้ว่ากูโคตรเหี้...เอ่อ...โคตรเลวที่กูหักหลังไอ้ดิษ กูบอกตัวเองว่ากูไม่ควรทำ แต่...กูก็ยัง...ยังจูบมึง...”


คราวนี้เป็นฝ่ายปกฉัตรที่ได้แต่ก้มหน้า เขาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่อยากยอมรับให้หัวใจต้องเจ็บไปมากกว่านี้ ว่าสัมผัสวันนั้นที่เจตน์มอบให้ ยังติดอยู่ในความรู้สึก การถอยห่างของเจตน์ยังติดอยู่ในความทรงจำ และทำให้เขากันตัวเองออกห่างโดยไม่แวะไปที่คณะบัญชีอีก


   “แต่ผมกับดิษไม่ได้เป็นแฟนกัน...”


   “เออ มึงบอกกูแล้ว แล้วกูก็ถามไอ้ดิษแล้ว มันก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ ไม่ใช่ว่ากูไม่เชื่อคำพูดมึงหรอกนะ แต่...แต่กูแค่อยากมีคนยืนยันว่าถ้ากูทำอะไรมากกว่านี้ กูจะไม่ไปแย่งเมียใคร” ประโยคหลังนั่นทำเอาปกฉัตรชะงักกึก เงยหน้ามองคนพูดตาปริบๆ


   “ย...แย่งเมีย?...” ในขณะที่คนถามยังงุนงง แต่เจตน์ที่ตัดสินใจมาดีแล้วย่อมไม่มีลังเลใดๆอีก


   “กูจะจีบมึงไง!”


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือกโต แต่ดวงตาเรียวเหมือนตาเหยี่ยวจับจ้องมาที่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามราวกับจะไม่ให้คลาดสายตา


   “ม...เมื่อ...เมื่อกี้พูดอะไรนะ”


   “กูบอกว่ากูจะจีบมึง”


   “เฮ้ย!” คนกำลังจะถูกจีบได้แต่ครางอย่างคาดไม่ถึง แต่เจตน์กลับยักไหล่


   “ก็ในเมื่อมึงยังไม่มีแฟน แล้วกูจะจีบมึงนี่ผิดตรงไหน” ปกฉัตรกะพริบตาปริบๆ อ้าปากค้าง น้ำลายเหนียวหนืดแทบกลืนไม่ลงคอ รู้สึกเหมือนใจหวิวแปลกๆกับคำพูดเถรตรงของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


   “ม...ไม่ผิด...แต่แบบ...”


   “หรือมึงคิดว่าเพราะกูกับมึงเป็นผู้ชายทั้งคู่ จีบกันไม่ได้? มึงเรียนรัฐศาสตร์ ควรใจกว้างกับเรื่องเพศสิวะ” โดนเจตน์จิกไปหนึ่งดอก แต่ปกฉัตรไม่ได้คิดเรื่องเพศพวกนั้นเลย ที่ยังอึ้งและงงก็เพราะอยู่ดีๆ อีกฝ่ายโผงผางจะจีบต่างหาก


   “ผ...ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”


   “งั้นก็แสดงว่ามึงไม่มีปัญหาที่กูจะจีบ” เจตน์สรุป ก็พอดีอาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟ ร่างสูงเลยไม่พูดอะไรอีก เขาตักคาโบนาร่าของตัวเองใส่จานเล็กแล้วส่งให้ปกฉัตรไปลองชิม ย้ำหนักย้ำหนาว่าร้านนี้อร่อยมากก่อนจะก้มลงตักเข้าปาก แต่ดูเหมือนปกฉัตรจะยังทั้งอึ้งทั้งงง คนที่เอ่ยปากว่าจะจีบเมื่อกี้ก็เลยกระทุ้งด้วยคำพูดแสนโรแมนติกว่า


   “แล้วนั่นมึงจะนั่งเฉยๆให้มันระเหิดกลายเป็นไอลอยเข้าจมูกรึไง ตักกินสิวะ!”


   ช่างเป็นการจีบที่...โรแมนติกแบบฮาร์ดคอร์ยิ่งนัก

..............................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-8


จบมื้ออาหารคาวอย่างงงๆ ปกฉัตรก็ถูกร่างสูงลากเข้าร้านขนมเค้กชื่อดังในห้างสรรพสินค้าเดียวกัน พอมายืนอยู่หน้าตู้กระจกที่โชว์เค้กมากหน้าหลายตา เจตน์ก็หันมาโยนหน้าที่ให้คนข้างกายที่ยังงงไม่หาย


   “เลือกสิ อยากกินชิ้นไหน”


   “ให้ผมเลือก?” ปกฉัตรย้อนถามชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง


   “เออ! งงอะไรของมึง แค่เลือกเค้กเนี่ย” ร่างโปร่งมองคนพูดที เหลือบตาไปมองพนักงานที่กำลังรอให้บริการที แล้วสุดท้ายเขาก็ชี้นิ้วเลือกเค้กมาหนึ่งชิ้น แต่ก็ถูกสั่งให้เลือกเพิ่มอีกชิ้น และกลายเป็นว่าพอเขาเลือกอีกชิ้น เจตน์ก็เลือกเพิ่มอีกกลายเป็นสามชิ้น


   จ่ายเงินเรียบร้อยและออกจากร้าน เจตน์ก็ยัดกล่องเค้กใส่มือขาว


   “อ่ะ กูซื้อให้”


   “ซื้อให้? ซื้อให้ทำไม”


   “ก็กูบอกแล้วว่าจะจีบมึง ทำไม? ไม่ชอบกินเค้กรึไง” เจตน์เคยแต่คบหากับผู้หญิง แน่นอนว่ากับร้านเค้กชื่อดังพวกนี้เขาคุ้นเคยดี เลยลืมตัวว่าเวลานี้เขากำลังตามจีบผู้ชายอย่างปกฉัตร


   “แล้วทำไมไม่ถามกันก่อน ชิ้นเป็นร้อย แล้วซื้อตั้ง 3 ชิ้น” ร่างโปร่งบ่น


   “อ้าว แล้วมึงชอบกินอะไร ไหนพากูเดินไปดูซิ กูจะได้รู้” เจตน์สั่ง ท่าทางวางอำนาจใหญ่โตทำเอาปกฉัตรนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด ปากว่าจะจีบเขา แต่ดูทำแต่ละอย่าง เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ถามอะไรเขาสักคำเดียว


   “ยืนนิ่งอีก กูบอกให้เดินไปไง”


   “นี่จีบหรือปล้น” ร่างโปร่งบ่นเบาๆ แต่เจตน์ที่ยืนใกล้ๆก็หูดีพอจะได้ยิน


   “บ่นอะไร” ปกฉัตรไม่ต่อความยาว เพราะรู้ดีว่าเถียงไปก็เท่านั้นคนอย่างเจตน์ก็คงบังคับเอาเท่าที่อยากได้นั่นแหละ เขาก้าวเท้าออกเดิน มีร่างสูงเดินตามหลัง ปกฉัตรพาเดินข้ามฝั่งจากห้างสรรพสินค้ามายังย่านการค้า แล้วพาเดินต่อไปอีกจนกระทั่งมาหยุดที่ร้านขายขนมริมถนน


   “เนี่ยเหรอ ของที่มึงชอบ” เจตน์ถาม


   “อือ เอาอันนี้กล่องนึงครับ” ปกฉัตรรับคำก่อนจะหันไปสั่งคนขายด้วยการชี้นิ้วลงบนขนมครกใบเตยสีเขียวที่ส่งกลิ่นหอม


   “ไม่เอาอันนี้ด้วยล่ะ” ร่างสูงที่ยืนข้างๆชี้นิ่วไปที่ขนมบ้าบิ่นที่วางอยู่ใกล้ๆกัน


   “ไม่เอา”


   “ทำไม ไม่ชอบเหรอ”


   “อื้อ”


   “แต่กูชอบ...เอาอันนี้ด้วยกล่องนึง” เจตน์สั่งขนมบ้าบิ่นอีกกล่อง แล้วเป็นฝ่ายแย่งจ่ายเงินทั้งค่าขนมครกใบเตยและค่าขนมบ้าบิ่น ปกฉัตรต้องเดินตามเพื่อเอาเงินคืนในส่วนของขนมตัวเองแต่อีกฝ่ายหันมาพูดเสียงดุ


   “กูกำลังจีบมึงอยู่ ช่วยอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้กูจีบ” เป็นอันว่า...หน้าที่ของปกฉัตรไม่มีอย่างอื่นนอกจากอยู่เฉยๆให้เจตน์จีบตามใจชอบนั่นเอง...

...............................

   หลังจากซื้อขนม พวกเขาก็พากันกลับมาที่รถยนต์ของร่างสูงเพื่อกลับบ้านของปกฉัตร ครั้งนี้...บ้านหลังเล็กเงียบๆที่อยู่ติดกับบ้านของดิษกร ก็ยังเงียบและมืดเหมือนเคย


   “ขอบคุณสำหรับค่าข้าวแล้วก็ขนม” ปกฉัตรหันมาบอกคนขับ เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านของเขาเรียบร้อย


   “มึงเอาบ้าบิ่นไป กูจะเอาไอ้เขียวๆนั่น” เจตน์หยิบกล่องขนมออกมาส่งให้คนที่กำลังจะลงจากรถเขา


   “อ้าว แต่ผมไม่ชอบกินบ้าบิ่น”


   “ก็ลองกินดูอีกทีสิ มึงอาจจะชอบก็ได้นี่หว่า แล้วไอ้เขียวๆเนี่ยกูไม่เคยกิน กูก็จะลอง”


   “แล้วทำไมไม่ซื้อมาสองกล่องถ้าพี่อยากจะลอง”


   “ก็กูอยากแลกกับมึง” ปกฉัตรพูดไม่ออก คนแบบเจตน์เกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งเคยเจอก็วันนี้ ทั้งกวนโมโห ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งบ้าอำนาจ


   “แล้วเค้กเนี่ย มึงจะเอามั้ย” เจตน์ถามเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาหลังจาก ‘แลกขนมบ้าบิ่นกับขนมครกใบเตย’ ไปแล้วตามความต้องการของตัวเอง เขายกกล่องเค้กขึ้นมาถาม เป็นอีกครั้งที่ปกฉัตรถอนหายใจ


   “ผมกินไม่หมดหรอก ตั้ง 3 ชิ้น”


   “กูก็ไม่กิน”


   “แล้วก็สั่งมาได้ตั้ง 3 ชิ้น”


   “ก็มันสั่งมาแล้ว คราวหน้ากูไม่สั่งแล้ว” พอเจตน์รับปากแบบนั้น ปกฉัตรก็เลยไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ร่างสูงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเหลือบไปมองคนที่นั่งเงียบๆ ไม่ต่อล้อต่อเถียงอีก


   ...บ้านก็มาถึงแล้ว ไม่มีเรื่องให้เถียงกันแล้ว แต่...ก็ยังไม่ลง กูจะถือว่ามึงอยากคุยกับกูต่อนะ...


   “แล้วพรุ่งนี้มึงไปเรียนมั้ย เรียนกี่โมง”


ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันมองคนถาม


   “เรียนเช้า”


   “เดี๋ยวกูมารับ ไม่ต้องแต่ ตอนนี้กูจีบมึงอยู่ มึงควรจะแฟร์และให้โอกาสกูอยู่ใกล้มึงด้วย แล้วเอาเบอร์มือถือมึงมา” ทั้งสั่งทั้งเอาแต่ใจ แต่สุดท้ายปกฉัตรก็ต้องยอมบอกเบอร์โทรศัพท์ให้อีกฝ่าย พร้อมๆกับที่เจตน์บังคับให้เซฟเบอร์ของเจ้าตัวลงเครื่อง แล้วจากนั้น...ปกฉัตรถึงได้ลงจากรถ


   วันที่แสนยาวนานวันนี้น่าจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่...ตอนสี่ทุ่มกว่า เบอร์ของคนที่เขาเพิ่งจะเซฟเข้าเครื่องก็โทร.มาหา


   ‘ยังไม่นอนใช่มั้ย กู...จะโทร.มาถามว่ามึงล็อกประตูหน้าต่างหมดรึยัง”


“หมดแล้วสิ นี่อยู่ข้างบนแล้ว”


‘ไปเดินดูอีกรอบ บ้านมึงหน้าต่างโคตรเยอะ เอาให้ชัวร์ว่าล็อกหมดแล้ว’


“ครับๆ” ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่มีทางมองเห็น แต่ปกฉัตรก็ยอมลงจากชั้นบน เปิดไฟตรวจตราชั้นล่างอีกครั้ง ก่อนจะกลับขึ้นห้องนอนตนเอง ที่หูยังแนบโทรศัพท์ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไรเลย แต่ก็รับรู้ว่าเจตน์ยังคงอยู่ในสาย และดูเหมือนจะรอให้เขารายงานความเรียบร้อยด้วย


“เช็คแล้ว ปิดประตูหน้าต่างหมดแล้ว”


‘เออ แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่’


   “กำลังจะอ่านหนังสือ” ปกฉัตรตอบลงไปในโทรศัพท์ มือหนึ่งใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมขณะเดินมานั่งบนเตียง


   ‘มึงชอบอ่านหนังสือเหรอ’


   “อื้อ”


   ‘อ่านแนวไหน หนังสือที่อาจารย์ assign?’


   “ก็ประมาณนั้น วิชาที่คณะส่วนใหญ่ต้องอ่านเปเปอร์หลายชิ้น ก็เลยไม่มีเวลาอ่านอย่างอื่นเลย”


   ‘แล้วมึงดูบอลรึเปล่า คืนนี้มีตีสอง’


   “ไม่ดูหรอก”


   ‘ปกติหลับกี่โมง’


   “ก็...ดึกเหมือนกัน บางทีก็เที่ยงคืน ตีหนึ่งบ้าง ตีสองบ้าง”


   ‘บอลก็ไม่ดู แล้วทำอะไรดึกๆดื่นๆ อ่านหนังสือเหรอ’


   “ครับ”


   ‘งั้น...กูคุยกับมึงอีกครึ่งชั่วโมงแล้วกัน มึงจะได้มีเวลาไปอ่านหนังสือ’ ปกฉัตรนิ่งไปเล็กน้อย แต่ดูเหมือนปลายสายจะเริ่มชวนคุยเรื่องอื่นต่อแล้ว หัวข้อบทสนทนาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจิปาถะซักถามเรื่องต่างๆของกันและกัน ก่อนที่เจตน์จะยอมวางสายตอนที่นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มนิดๆ


   ‘แล้วเจอกันพรุ่งนี้ เจ็ดโมงครึ่ง’


   “อื้อ...”


   ‘ฝันดีนะ’ คนฟังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เพราะปลายสายวางไปแล้วหลังจากทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้


   ...ฝันดีนะ...


ร่างโปร่งมองโทรศัพท์ในมือที่สัญญาณตัดไปแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆจะปรากฏบนใบหน้า ต่อให้เจตน์ไม่บอก แต่เขาก็เชื่อแน่ว่าคืนนี้จะต้องหลับฝันดี

............................

   เพราะเมื่อคืนฝันดี เช้าวันนี้ปกฉัตรเลยตื่นมาอย่างสดชื่นเป็นพิเศษ ก่อนจะรีบออกจากบ้านไปที่ร้านมินิมาร์ทหน้าซอยซึ่งเปิด 24 ชั่วโมง หาซื้อวัตถุดิบทำแซนวิชง่ายๆกลับมาที่บ้าน


   อีกสิบห้านาทีเจ็ดโมง แซนวิชสำหรับสองคนก็ถูกบรรจุใส่กล่องทัปเปอร์แวร์ ก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ชุดนิสิตที่ใส่เหมือนเดิมในทุกๆวันก็ยังสู้เลือกชุดที่รีดเรียบกริบที่สุด จากนั้นก็กลับลงมานั่งรอคนที่บอกว่าจะมารับ


   เจ็ดโมงสิบห้า


   เจ็ดโมงครึ่ง


   เจ็ดโมงสามสิบห้า


   เจ็ดโมงสี่สิบห้า


   ...ไม่มีใครมา...


   ร่างโปร่งในชุดนิสิตเตรียมพร้อมไปเรียนนั่งอยู่ในห้องครัว ตรงหน้าคือกล่องทัปเปอร์แวร์บรรจุแซนวิชที่เขาทำเสร็จตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมง เป็นแซนวิชสำหรับสองคนที่เขาทำเผื่อใครบางคนที่ทั้งตัวใหญ่และกินเยอะ


   ...ใครบางคนที่ออกปากว่าจะมารับตอนเจ็ดโมงครึ่ง...


   ...แต่ตอนนี้...ยังไม่มา...


   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบลงมองนาฬิกาบนข้อมือ แต่ละเข็มที่กระดิกไปช้าๆเหมือนจะค่อยๆดึงความตื่นเต้นออกจากหัวใจไปจนหมด รอมาสิบห้านาทีแล้ว แต่ไม่มีวี่แววของคนที่สัญญาเอาไว้เลย


   ร่างผอมลู่ไหล่ลงตามการถอนหายใจ ฝันดีเมื่อคืนไม่เท่าความจริงที่โหดร้ายเมื่อตื่น หวังไว้มาก ดีใจไว้มาก พอถึงเวลาที่ผิดหวังขึ้นมา หัวใจก็เลย...เจ็บ


   ...ไม่น่าเลย...ไม่น่าไปหวังอะไรแบบนั้นเลย...


   แม้จะโทษตัวเองที่คาดหวังเอาไว้สูงลิ่วว่าเจตน์จะมารับ แต่ปกฉัตรก็ยังยิ้มจางๆ คนที่ใช้ชีวิตเพียงลำพังมีวิธีในการสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองในเวลาที่เจ็บปวด แม้จะเป็นความเข้มแข็งที่จอมปลอมก็ตาม


   เขาลุกจากเก้าอี้ช้าๆ เก็บกล่องทัปเปอร์แวร์ใส่กระเป๋าเป้ เพื่อถือติดตัวไปทานเป็นมื้อกลางวัน ก่อนจะปิดไฟแล้วออกจากบ้าน ทว่า...ก่อนที่จะเดินพ้นรั้ว รถยนต์หรูที่ปกฉัตรจำได้ดีก็ปราดเข้ามาจอดแทบเท้า กระจกรถลดลงเผยให้เห็นคนขับสวมแว่นกันแดดสีดำที่บังได้แค่สายตา แต่ปิดความหงุดหงิดของคนสวมไม่ได้เลย


   “รถติดสัด!” แถมด้วยคำด่าเป็นประโยคทักทาย ไม่ต้องถอดแว่นตาออก ปกฉัตรก็รู้ทันทีว่าตาเรียวๆใต้แว่นกันแดดนี้ต้องหงุดหงิดมากมายแค่ไหน


   “แล้วนี่มึงออกมารอกูหน้าบ้านเลยเหรอ” คนขับตั้งคำถาม เพราะเห็นปกฉัตรอยู่หน้าบ้านแล้ว ร่างโปร่งพูดไม่ออกว่าเขาไม่ได้ออกมารออีกฝ่าย แต่ตัดสินใจจะไปเรียนเองแล้วต่างหาก


   “มึงปิดบ้านดีแล้วใช่มั้ย งั้นขึ้นรถ วันนี้รถติดฉิบหาย ไม่รู้จะถึงมหา’ลัยกี่โมง” ร่างโปร่งได้แต่พยักหน้าเป็นคำตอบในประโยคแรกก่อนจะรีบก้าวไปขึ้นรถ พอคาดเข็มขัดเรียบร้อย คนขับก็จัดการเลี้ยวรถกลับออกไปที่ถนนใหญ่


   ภายในรถมีแค่เสียงแอร์ดังเบาๆ กับการจราจรที่แออัดของถนนในกรุงเทพฯ ปกฉัตรเหลือบไปมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ แล้วอะไรบางอย่างก็ดลใจให้เขาพูดความจริง


   “ผม...คิดว่าพี่จะไม่มาแล้ว” เจตน์ชะงัก หันมองคนข้างกายในวินาทีนั้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มจางๆให้เจ้าของรถ เป็นรอยยิ้มเศร้าๆของคนที่กลัวผิดหวังจากการตั้งความหวัง


   “แสดงว่าเมื่อกี้มึงไม่ได้ออกมารอกู แต่มึงกำลังจะไป?”


   “ครับ ผมเห็นว่ามันเลทไปสิบห้านาทีแล้ว ก็เลย...โอ๊ย!” มะเหงกแข็งๆเคาะลงกับศีรษะจนพูดต่อไม่ออกอีก


   “เห็นกูเลทก็โทร.หาสิ! เกิดกูตายห่ากลางถนน! มึงไม่คิดจะไปดูดำดูดีกูเลยรึไง!”


“อ...อ้าว...” จากคนที่กลัวผิดหวังกลายเป็นโดนด่า โทษฐานไม่ติดต่อไปก่อน


“เมื่อวานกูก็ให้เบอร์ไว้แล้วไม่ใช่รึไง! มึงเก็บเอาไว้ดูเล่นอย่างเดียวเหรอ?!!”


   “ก็...” ปกฉัตรพูดไม่ออก นิสัยพึ่งพาตัวเองก่อนจะถามหาคนอื่นทำให้เขาไม่คิดจะคาดคั้นอะไรจากใคร พอคิดเองเอออเองว่าอีกฝ่ายคงไม่มาแล้ว ก็เลยไม่คิดจะโทร.ถามอีกเลย


   เจตน์เห็นคนข้างกายเงียบ ก็พลอยนึกไปถึงเรื่องที่ดิษกรเคยบอก ปกฉัตรเติบโตมาเพียงลำพัง พ่อแม่ทำงานต่างประเทศ ปีหนึ่งได้เจอกันไม่กี่ครั้ง ดูแลตัวเองมาตลอด พึ่งพาตัวเองมาตลอด แล้วก็เลือกที่จะปกป้องตัวเองจากความผิดหวัง


   ...ไม่โทร.ถาม คงเพราะกลัวจะได้ยินว่าถูกทิ้ง ถูกทำลายความหวัง...


   มือใหญ่ที่เมื่อครู่เป็นมะเหงเขกกลางหน้าผากกลายเป็นมืออุ่นๆที่วางบนลงบนศีรษะของปกฉัตร


   “กูอยู่นี่...มึงฝากความหวังไว้ที่กูได้”


   เป็นประโยคสั้นๆที่ไม่มีคำสุภาพอะไรเลย แต่...มันทำให้หัวใจคนฟังที่ห่อเหี่ยวไปแล้วเหมือนได้น้ำมาพรมอีกครั้ง คำว่า ‘อยู่นี่’ ของเจตน์ไม่ต่างอะไรกับแสงที่ส่องเข้ามาในชีวิตของคนโดดเดี่ยว


ปกฉัตรอยากจะให้ระหว่างพวกเขาสองคนเป็นบรรยากาศอุ่นๆแบบนี้ไปตลอดทาง แต่เจตน์ก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากจะพูดจาซึ้งๆไม่เป็นแล้ว ยังมีสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตเป็นอาวุธ


   “หิวฉิบหายเลย นี่กูออกจากคอนโดมาตั้งแต่เจ็ดโมงสิบห้า คิดว่าบ้านมึงจะใกล้ เสือกรถติด!”


จากบรรยากาศซึ้งๆ กลายเป็นการบ่นถึงเรื่องปากท้อง เท่านั้นไม่พอ มือที่วางอยู่บนศีรษะของปกฉัตรก็ถูกชักกลับไปลูบท้องตัวเองแล้ว เป็นการเปลี่ยนอารมณ์ที่ไวจนคนถูกปลอบเมื่อครู่นี้ได้แต่กะพริบตาปริบๆ


   “มองไร มึงเรียนเก้าโมงไม่ใช่เหรอ กูไม่แวะไหนหรอก เดี๋ยวมึงสาย” ร่างสูงหันมาเห็นตาปริบๆที่มองเขาอยู่ก็เลยให้ความมั่นใจว่าสารถีคนนี้จะทำหน้าที่พาไปส่งถึงคณะให้ทันเวลาเรียนแน่นอน ปกฉัตรอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้กลัวว่าจะไปเรียนสาย แต่กำลังอึ้งเพราะความสามารถในการเปลี่ยนบรรยากาศของเจตน์ต่างหาก


   ...แต่...เอาเถอะ...ถึงยังไงเมื่อกี้พี่ก็ปลอบล่ะนะ...


   “ผมมีแซนวิชนะ พี่จะกินมั้ย” คนนั่งข้างคนขับเสนอถึงอาหารในกล่องทัปเปอร์แวร์ที่อยู่ในกระเป๋า


   “เอา! แล้วไม่รีบบอก”


ร่างโปร่งเปิดกระเป๋าเป้หยิบเอากล่องทัปเปอร์แวร์ออกมาเปิด แต่พอหยิบแซนวิชมาส่งให้คนขับ ก็ถูกตาเรียวๆนั่นเหลือบมาจิกอีก


   “ป้อนสิ! กูขับรถอยู่” แม้จะชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายสั่งแต่โดยดี มือขาวยื่นสูงขึ้นอีกหน่อยให้พอดีกับปากของคนที่หันมาแต่หน้า แต่ตายังอยู่ที่ถนน แซนวิชถูกส่งเข้าปาก กัดไปหนึ่งคำ ปกฉัตรก็ดึงมือกลับมา


   “แล้วมึงไม่แดก...เอ่อ กินเหรอ” คนเคี้ยวแซนวิชหันมาถาม


   “กิน...” ปกฉัตรเหลือบตาลงมองในกล่องทัปเปอร์แวร์ที่มีแซนวิชอีกมาก ซึ่งเขาทำมาสำหรับสองคน แต่...ในมือก็ยังมีอีกชิ้นนึงที่ถูกกัดไปแล้วหนึ่งคำ


   ...กินชิ้นที่อยู่ในมือแล้วกัน...


   “อ้าว อันนั้นกูกัดไปแล้ว” พอส่งชิ้นที่อยู่ในมือเข้าปาก เสียงของเจตน์ก็ดังขึ้นทันที ปกฉัตรหันไปมอง


   “จะหวงทำไม มีอีกตั้งเยอะ” ร่างโปร่งพูดไปคนละเรื่อง ทำเป็นตีความความหมายของอีกฝ่ายว่าหวงแซนวิช เจตน์ได้แต่งง แต่ไม่ทันพูดอะไรอีก แซนวิชอีกชิ้นก็ถูกส่งมาป้อนถึงปาก และพอเขากัดไปหนึ่งคำ อีกคำก็ถูกส่งเข้าปากของปกฉัตรต่อ


   ภายในรถไม่มีเสียงพูดอะไรอีก เพราะต่างคนต่างกัดแซนวิชกันไปคนละคำ พอมาถึงมหาวิทยาลัย แซนวิชก็เกลี้ยง รถหรูจอดเทียบที่หน้าตึกเรียนของคณะรัฐศาสตร์


   “ขอบคุณนะครับ ที่มาส่ง” ปกฉัตรหันไปมองคนขับ เจตน์พยักหน้ารับสั้นๆ แต่พออีกฝ่ายหันไปเปิดประตู เสียงของคนที่ไม่ยอมพูดอะไรก็ดังขึ้น


   “เลิกเรียนแล้วโทร.มา” มือขาวที่กำลังจะดันประตูออกถึงกับชะงัก ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปมองเจ้าของเสียง เจตน์กำลังมองเขาอยู่ด้วยดวงตาเรียวที่ทรงพลัง ไม่มีแว่นกันแดดบดบังแล้ว


   “โทร.หากูด้วย” ร่างสูงย้ำ แต่ปกฉัตรยกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ สารถีที่พามาส่งถึงคณะรัฐศาสตร์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอก่อนจะย้ำ


   “ก็กูจีบมึงอยู่ ก...กูจะพาไปกินข้าว”


ไม่อาจกลั้นความรู้สึกในใจไหวอีกแล้ว เจตน์คือคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตเรียบเรื่อยของเขามีสีสัน เป็นแสงแดดที่บางครั้งก็ร้อนแรงแผดเผา บางครั้งก็อุ่นสบาย


   รอยยิ้มบนใบหน้าขาวทำเอาคนจะพาไปกินข้าวหลังเลิกเรียนชักเขิน จนต้องเบี่ยงสายตาไปทางอื่น แต่ไม่วายสำทับอย่างจริงจัง


   “โทร.หากูด้วยล่ะ เบอร์กูเลขสวยนะจะบอกให้” เป็นการอวดเบอร์โทรศัพท์ตัวเองที่ทำเอาคนฟังหัวเราะเบาๆ


   “ครับ เดี๋ยว...ผมเลิกเรียนแล้วจะโทร.หา” เขารับปาก ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ แล้วรอจนรถของเจตน์เคลื่อนตัวออกจากหน้าคณะไปแล้วถึงได้หมุนตัวก้าวเท้าเข้าตึกเรียนพร้อมกับอารมณ์ดีๆที่ทำให้มีรอยยิ้มติดแก้มไปตลอดทั้งวันเลยทีเดียว


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสที่ 4 มกราค่ะ)

   เนื่องจากสิ้นปี บัวไม่อยู่ ก็เลยจะขอเลื่อนวันลงเรื่องนี้จากพฤหัสหน้า ไปเป็น พฤหัสที่ 4 มกราคม แทนค่ะ ขอโทษที่ต้องข้ามไปหนึ่งสัปดาห์นะคะ

   สำหรับตอนนี้ หวังว่าทุกคนจะไม่เหนื่อยกับการตะโกนของเฮีย ฮ่าฮ่า เฮียอยู่กับปก เฮียก็พูดดีๆเป็นนะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์และทุกกำลังใจเช่นเคย

เจอกันในอีกสองสัปดาห์ค่ะ

ป.ล. คิดถึงขนมครกใบเตยสยามมมมมมมม

ป.ล.2 เราจะไม่บอกหรอกนะ ว่าธรรมเนียมสิ้นปีของเราคืออะไรรรรรร ใครคิดถึงก็รอนิดนึง...เดี๋ยวมาลงก่อนไปเที่ยว


ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เฮียยยยยยยย นี่คือการจีบใช่มั้ย 555555 ฮาร์คคอร์แบบสุด

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
ทำไงดี เรานั่งขำทั้งตอนเลย เหนื่อย5555
ชอบอิพี่เจ๋งนะ ความเป็นผู้ชายทื่อๆ
นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด ทำอะไรก็ทำ
แต่มันก็เป็นความพยายามในแบบของเขานะ
อ่านไปก็เออ น่ารักดีเหมือนกันนะไอ้บ้านี่555
ต่อไปน้องปกจะมีคนดูแลแล้ว ดีจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2017 21:12:54 โดย namngern »

ออฟไลน์ korner

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เจ๋งช่วยโรแมนติกแบบละมุนๆหน่อยได้มั้ย ฮาร์ดคอไปอีก  แต่พอรู้ว่าปกโสดนี้เดินหน้าจีบเต็มกำลังเลยนะ

ออฟไลน์ TNM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หวานเกินไปสาววายไม่ำหวแล้วกรี้สสสสสสสส เจตน์เนี่ยแรร์ไอเทมมากๆ เป็นผู้ช้ายผู้ชายไม่เหมือนอีโจ๊กเลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :heaven ในที่สุดเฮียก็คิดได้ว่าควรทำอย่างไร

ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ตะโกนทำไม ค่อยๆ พูด ค่อยๆ พูด
แต่ยังไงก้อรักนะคะเฮียเจ๋งงงง

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แปรปรวนกว่าพายุก็เฮียเนี่ยแหละ 5555
เขินกับการกินคนละคำ ปกก็ร้ายนะคะ---
น่ารักกกกก

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2
ต่อไปจะเรียกว่าเฮียบ้าบิ่น 55555
ผ่านมาหลายตอนแล้ว เรายังรู้สึกไม่ชินกันการพูดแบบตะโกนอัดหน้าของเฮียเจ๋งเลยค่ะ
ตอนนี้น่ารักมาก เราเขินไป สวนด่าเฮียไปในใจบางที สนุกมาก รอตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เฮียเจ๋งคนจริง 2017 แอบน้ำตาซึมตอนน้องคิดว่าเฮียไม่มารับ..บบบบ
รอโปรเจ็คสิ้นปีด้วยใจจดจ่อ..จะมาหลายๆเร่ื่องเหมือนปีที่แล้วหรือเปล่า???  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ashita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนจะเป็นแฟนกัน เฮียคงไม่ขอเป็นแฟนอ่ะ น่าจะบังคับขู่เข็นให้ตกลงเป็นแฟนมากกว่า 555+

ออฟไลน์ monkey_saru

  • ทำไมหัวใจถึงเอียงซ้าย...*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยื่นสเต๊ปซิลให้เฮียจ้ะ  กินเมื่อเจ็บคอ
ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์เราก็มีนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอนนี้ปกดูเป็นเด็กน้อยน่ารักไปเลย ง่า น่ารักๆ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
นี่คือการจีบน้องของเฮีย ฮาร์ดคอร์มาก แต่น่ารักดีนะ
 :laugh:

ออฟไลน์ Khanomni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นี่จีบหรือปล้น 5555555. นุ้งปกน่าเอ็นดู ><  ดีใจกับเฮียนะคะ มีพัฒนาการแล้ว55555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เห็นแนวทางการจีบแล้ว  o13

ออฟไลน์ wiseducky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่าจะถามตั้งนานแล้วนะ555555
ตะโกนเกือบทุกประโยค เจ็บคอแทนพี่เค้านะคะ

ปล.ปีนี้จะมีตอนพิเศษของใครนะ รออ่านอยู่นะคะ อิอิ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เป็นการจีบที่เกรี้ยวกราดมากกกก นั่นจีบแล้วจริงดิ?

อ่านไปก็ขำไป ปรับอารมณ์กันไม่ทันเลยทีเดียว ฮาาา

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
จีบได้โหดมาก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โรแมนติกไม่ได้ทั้งเรื่องเลยค่ะถ้าพี่ยังฮาร์ดคอร์อยู่แบบนี้  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ช่างเป็นการจีบที่ฮาร์ดคอร์ซะจริงๆ  :z3: :z3: :z3:
เอาน่า แล้วเฮียเจ๋ง ก็คิดตก
ศีลก็ไม่ผิดซักข้อ   เฮียเจ๋งพร้อยลุยยยย แล้ว

ปก ที่วิตกกังวล
อยู่ๆ เฮียก็มาจูบ แล้วก็หายวับฉับพลัน
ก็มาเจอการจีบที่เอาแต่ใจต่อเถอะ

เฮียเจ๋ง จะเก็ทไหมนะ กับการกิบแซนวิซ
ที่เฮียกินคำ แล้วปกก็กินต่อ แอร๊ยยยยยย จูบทางอ้อมนะเฮีย  :o8: :-[ :impress2:
เฮียเจตน์ ปกฉัตร  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Carrot_t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นี่คือการจีบจริงๆใช่มั้ย5555  :laugh:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เฮียเจ๋งนี่ ร้ายจริงๆ กินขนมจนบ้าบิ่นไปแล้วแน่ หวานไม่มีเลย แต่ก็รักนะ อิอิอิ

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
การจีบแบบพี่เจ๋งสไตล์ 555555555

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ตอนนี้อ่านแล้วฮาลั่นตลอดตอนเลย สนุกๆ :m20: :m20:

ออฟไลน์ pandant

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สวัสดีปีใหม่ล่งงหน้านะคะคุณบัว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Specialllll เราจำได้ รักคุณบัว

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
อ่านเวลาเฮียพูดทีไรเหมือนตะโกนในใจตามทุกที
คนอะไรโวยวายสุดดด 555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โถ่ มโนตั้งนานกว่าจะได้จีบ 5555555

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
สมชื่อเจ๋ง ตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าทันที ปกคงได้ยิ้มกว้างหรือยิ้มหุบกับอารมณ์ของเฮียเจ๋งวันละหลายรอบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด