★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]  (อ่าน 57550 ครั้ง)

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :katai1:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************




พสุธา กับ เวหา




Intro



















*เรื่องนี้อาจมีคำหยาบนะคะ

#พสุธาเวหา


#เราเอาไปลงธัญวลัยด้วยนะคะ แต่ในธัญวลัยเราปรับบทนิดนึง ลองตามไปอ่านได้นะคะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2021 18:50:43 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ✦ พสุธากับเวหา ✦ Ep1 ดิน ฟ้า
«ตอบ #1 เมื่อ29-10-2017 20:10:10 »

intro



คุณเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตเหมือนตกอยู่ในขุมนรกไหมครับ


ตอนนี้ผมคิดว่า….


ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายจนเหมือนตัวเองกำลังชดใช้กรรมอยู่ในนรกแล้วละครับ









ปึงๆๆ ป๊อกๆๆ แกร๊กกกกก ครืดดดดด
           


“เชี่ยเอ๊ย!” ผมสบถขึ้นมาอย่างหัวเสีย ก็เพราะเสียงอะไรบางอย่างมันดันดังขึ้นมาจากทางข้างบ้านแบบนอนสต๊อป ดังไม่หยุดไม่หย่อน ดังจนผมนอนอยู่เฉยๆบนเตียงไม่ได้ ต้องเอาหมอนขึ้นมาปิดหู หรือไม่ก็เอามือขึ้นมาอุดหู แต่ไอ้เสียงบ้าๆนั่น มันก็ยังดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทจนผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิด  อยากจะตะโกนบอกคุณเพื่อนบ้านที่น่ารักว่า ช่วยเกรงใจคนเมาค้างอย่างกูด้วย กูปวดหัว กูนอนไม่ได้ สัสเอ๊ย!


“โอ๊ย กูจะบ้าตาย” นี่มันควรจะเป็นเช้าที่สดใสในบ้านเช่าหลังใหม่ของผม ทำไมคุณเพื่อนข้างบ้านมันถึงได้ต้อนรับน้องใหม่ผมด้วยเสียงตอกไม้ ตอกตะปู เจียเหล็กในเวลาเก้าโมงเช้าแบบนี้ด้วย เสียงบ้าๆนั่นดังเรื่อยๆ ดึงขึ้นจนผมรู้สึกว่าตัวเองแม่งเหมือนหงอคงที่ถูกพระถังซัมจั๋งสวดมนต์ลงโทษอยู่ ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว อยากดิ้นทุรนทุรายให้ตายไปซะตอนนี้เลย โธ่เว้ย!


 ผมพาสารร่างของตัวเองที่แทบจะดูไม่ได้ลงจากห้องนอนชั้นสองมาที่ชั้นล่าง แล้วก็พบกายหยาบของเพื่อนสนิทสองคนที่นอนเรี่ยราดอยู่บนพื้นแบบไม่รู้เรื่อง เมื่อคืนไอ้เพื่อนบ้าสองคนนี้มันก็ไปดื่มกับผมมา พวกเราดื่มฉลองจากการได้เป็นอิสระ!  ได้ออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอก เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเราต้องทนทรมานกับการอยู่หอในที่มีกฎระเบียบมากมายก่ายกอง คือ ผมจะเมา ผมจะแรดจีบหญิงไปทั่ว  แต่ผมก็ต้องทำตัวเป็นซินเดอเรลล่าที่ต้องกลับก่อนเที่ยงคืนอยู่เสมอ  จะให้ไปนอนกับเพื่อนที่หอนอกก็รู้สึกเกรงใจพวกมันอีก 


พอตอนนี้พวกผมขึ้นปีสองเริ่มโตขึ้นมาหน่อย พวกเราสามคนเพื่อนซี้เลยลองออกมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน คราวนี้ละผมจะเละเทะให้สุดขีดไปเลย แต่ผมก็ไม่เสียการเรียนนะครับ


  และรู้ไหมกว่าผมจะขอป๊าม๊าเพื่อออกมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกันกับไอ้เพื่อนอย่างไอ้เต๋าและไอ้สิงห์ได้ เล่นเอาผมแทบขาดใจ คือป๊ากับม๊าผมเขาทั้งหวงและห่วงไอ้ลูกชายคนเล็กอย่างผมมาก มากจนรู้สึกว่าตัวเองแม่งไม่โตสักที มากจนผมรู้สึกทำอะไรไม่เป็น คือนี้ถ้าตามมาเรียนด้วยได้ป๊ากับม๊าคงมา รู้ไหมผมต้องพูดอ้อนวอนพวกเขาเกือบเป็นอาทิตย์ทั้งอ้างเหตุผล ทั้งพูดชักแม่น้ำทั้งห้า ตั้งแต่ปิง วัง ยม น่าน แม่กลอง แม่โขง แสงโสม เบลนด์285 เอ๊ยไม่ใช่! คือพูดจนสุดท้ายพวกป๊ากับม๊าก็ต้องยอม



แต่แล้วเช้าอันสดใสของผมกับบ้านเช่าหลังใหม่ก็ต้องหายไปเพราะไอ้เสียงบ้าๆพวกนั่น มันใช่เหรอวะวัยรุ่น!!!


“ไอ้เต๋าตื่น!” ผมใช้ขาสะกิดมันก่อนจะเตะมันไปที หมั่นไส้ที่แม่งเอาแต่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย


 “ เต๋ามึงช่วยไปบอกข้างบ้านให้เขาหยุดทำอะไรเสียงดังได้ไหมวะ ไอ้เต๋า” ผมเขย่ามันไปมา หวังให้มันแม่งตื่นมาช่วยผมที ไอ้ห่านี่ดูเหมือนหลับสบาย มันเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย คือไม่ใช่แค่ไอ้เต๋าคนเดียว ไอ้สิงห์เพื่อนที่มีดีกรีเป็นถึงว่าที่เดือนนิเทศก็แม่งก็นอนหลับเป็นตายเหมือนกัน คือพวกเราสามคนเป็นเด็กนิเทศครับ ไอ้สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่ผมรู้จักตั้งแต่สมัยประถม คือพวกเราสามคนตามมาเรียนด้วยกัน คณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า สาวคณะนี้แม่งแจ่มสุด ล้อเล่นครับ พวกเราสามคนสนใจงานทางด้านวงการบันเทิง คือไม่ได้อยากเป็นดารานะ พวกเราอยากทำงานเบื้องหลัง 


และที่ผมว่าไปเมื่อกี้นี้ ที่ไอ้สิงห์มันเป็นแค่ว่าที่เดือนคณะนิเทศ เพราะมันถูกปลดกะทันหัน ก็มันเล่นไปมีเรื่องชกต่อยกับเด็กคณะอื่นเสียก่อน ประวัติแม่งไม่ดีเลยโดนพวกพี่ๆปลดกลางอากาศเสียเลย ซึ่งตอนนั้นมันก็ดูจะชอบอกชอบใจอยู่เหมือนกัน


“ไอ้ฟ้า มึงอย่ายุ่งกับกู กูจะนอน” เสียงงัวเงียของไอ้เต๋าดังขึ้น มันใช้ขาถีบผม เหมือนผมกำลังรบกวนเวลาหลับอันแสนหวานของมัน


“คือพวกมึงไม่ได้ยินเสียงห่าเหวที่ดังจากข้างนอกกันเลยรึไงวะ”


“เสียงห่าอะไร” เป็นไอ้สิงห์ครับที่ตอบผมกลับมา


“ก็เสียงตอกตะปู ตอกไม้ เจียเหล็ก อะไรนั่น”


“ได้ยิน แต่พวกกูนอนได้”


“แต่กูนอนไม่ได้! สิงห์มึงช่วยไปบอกคนข้างบ้านให้กูที”


“มึงก็ไปบอกเองสิ” ไอ้สิงห์พลิกตัวหันตูดมาให้ผม ก่อนมันจะนอนหลับต่อ


“คือกูไม่กล้า กูกลัวโดนกระทืบ”


“แหม เพื่อนรักครับ แล้วกูไม่กลัวเหรอ” ไอ้สิงห์ยังคงข่มตานอน พยายามไม่สนใจผม


“เออ มึงมันดูนักเลงกว่ากูไง มึงเป็นคนบอกกูเองไม่ใช่เหรอว่ากูมันหน้าจืด ใครเห็นใครก็ไม่กลัว แต่พวกมึงสองคนคือไปไหนแม่งก็มีแต่คนกลัว”


“ก็ใช่”


“สิงห์ ช่วยกูทีนะๆ” ผมเขย่าตัวมัน พลางทำเสียงอ้อนวอนมันสุดฤทธิ์


“เมื่อกี้มึงพูดให้ไอ้เต๋าไปช่วยมึงไม่ใช่เหรอวะ ทำไมตอนนี้ถึงเป็นกู”


“ก็ไอ้เต๋ามันนอนสลบไปแล้ว กูเตะตูดไปสองสามทีมันยังไม่รู้สึกตัวเลย สิงห์ มีแค่มึงเท่านั้นที่ช่วยกูได้ สิงห์ สิงห์ขา สิงห์อ่า สิงห์งื่อ”


“เลิกทำเสียบ้าๆแบบนั้นเสียที มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ เดี๋ยวกูเตะ” สิงห์หันมาดุผม มันลุกขึ้นนั่งทันทีที่ผมแกล้งทำแก้มป่อง


“กูไม่ใช่ป๊ามึง อย่ามาทำอ้อนตีนกูแบบนี้” ไอ้สิงห์ใช้เท้าถีบผมให้นั่งห่างๆมัน


“เพื่อนสิงห์ ไปช่วยพูดให้เพื่อนฟ้าหน่อยสิ ตอนนี้เพื่อนฟ้าปวดหัวอยากนอน”


“โอเคๆ ไปก็ไป แล้วก็เลิกพูดแบบนั้นได้แล้ว เดี๋ยวกูเตะคว่ำ ชาตินี้กูเดาได้เลย มึงไม่มีเมียแน่ไอ้ฟ้า มึงน่าจะได้ผัวมากกว่าถ้ามึงยังเป็นแบบนี้อยู่”


“อย่าดูถูกกู นี่ใคร! กู ฟ้าลั่น อย่าให้โม้นะว่าสาวในสต๊อกกูเยอะขนาดไหน”


“ครับๆ ไม่ดูถูกครับ สารร่างมึงควรมีเมียมากเลยครับ ถ้ามีผัวกูยังจะเชื่อมากกว่าไอ้เตี้ยเอ๊ย!”


“เดี๋ยว  กูเตะหงาย! ถึงกูจะเตี้ยกว่ามึงแต่กูลูกศิษย์พี่บัวขาวนะเว้ย” ผมยกเท้าขึ้นไปทางไอ้สิงห์  มันเบ๊ะปากใส่ผม ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินบ่นผมงึงงำๆออกไปนอกบ้าน




“อือหื้อ” พอพวกเราสองคนออกมายืนหน้าบ้านเท่านั้นแหล ไอ้สิงห์มันก็ครางในลำคอด้วยความตกใจ ผมกับมันมองบ้านที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “เมื่อคืน ตอนที่เราย้ายข้าวของเข้ามาอยู่ มันยังไม่ใช่แบบนี้ใช่ป่ะมึง”


“เออ” ผมพยักหน้าพร้อมมองตามไปกับมัน เมื่อคืนตอนที่ผมขนข้าวขนของเข้าบ้าน มันยังไม่เป็นแบบนี้เลย ทุกบ้านแม่งดูโล่ง สะอาด เงียบสงบ แต่ตอนนี้ ทุกคนต้องไม่เชื่อสายตาแน่ๆครับ เพราะว่าบ้านทางซ้ายและขวาของผมมันเต็มไปด้วยข้าวของที่แม่งเล่นประกาศศักดาว่าพวกมันมาจากคณะอะไร


บ้านทางด้านซ้าย คือทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ไก่ชน ตู้ปลา กรงนก คือเหมือนยกธรรมชาติ ยกเขาใหญ่เฟสติวัล ยกสวนนงนุช มาไว้ที่บ้านมันเลย มันเอาเวลาไปปลูก ไปขนย้ายกันตอนไหนวะ แล้วยังไม่พอ ทางด้านขวาของบ้านผม มีทั้งเสื้อช๊อปสีเลือดหมูที่ถูกห้อยอยู่ข้างบ้านสามสี่ตัว พร้อมกับพวกเครื่องไม้เครื่องมือช่างที่เล่นวางระเกะระกะให้เต็มบ้าน แถมหน้าบ้านพวกมันยังประดับด้วยธงวิศวะสามสี่อันด้วยนะครับ โอโห้! เลือดวิศวะมึงแรงมาก 


“กูว่าเรื่องนี้กูจะไปยุ่งนะจ๊ะ น้องฟ้าลั่น” สิงห์ขมวดคิ้วยุ่ง “กูไม่อยากให้กายหยาบของกูต้องแหลกละเอียดเพราะต้องทนแรงตีนของพวกวิศวะกับพวกเกษตรหรอกนะ”


ปึง! ปัก!


โมเดลบ้านขนาดใหญ่ปลิวลงมาอยู่กลางถนนหน้าบ้าน ไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหน นอกจากเพื่อนบ้านตรงกันข้ามของผม รับน้องกูได้โหดมากเล่นเอาประทับใจมิลืมเลือน ไอ้บ้านตรงข้ามมันเล่นปาโมเดลลงมาจากชั้นสองเลยครับ ถ้ามึงทำขนาดนี้ มึงปาโต๊ะเขียนแบบมึงมาด้วยก็ได้นะ และไม่ต้องถามเลยว่าโมเดลที่มันปาลงมาจะมีสภาพเป็นแบบไหน คือเละจนดูไม่รู้ว่ามันประกอบมาเป็นบ้านอะไรของมัน


“กูว่าพวกเราแม่งอยู่ท่ามกลาง เสือ สิงห์ กระทิงแล้วละ” ไอ้สิงห์มันหันมาพูดกับผม


“แล้วแรดอ่ะมึง บ้านไหนจะเป็นแรดอ่ะ คงจะไม่เจอแรดอีกใช่ไหม กูกลัว!” ผมเอ่ยถามมันออกไปอย่างสงสัย มือก็เกาะแขนเพื่อนไว้แน่น


“สะดีดสะดิ้งมากเพื่อนกู มึงเนี่ยแหละ แรด!”


ไอ้สิงห์พูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านทันที ตอนนี้พวกผมคงไปต่อกรอะไรกับข้างบ้านไม่ได้แล้วล่ะครับ ถ้ายังรักชีวิตตัวเองอยู่


ก็พวกเราเล่นย้ายมาอยู่ท่ามกลางดงเถื่อนแบบนี้


คงได้ไม่ตายดีเข้าสักวันแน่!





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2017 20:34:03 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ✦ พสุธากับเวหา ✦ ตอนที่1 [29/10/2560]
«ตอบ #2 เมื่อ29-10-2017 23:16:49 »

ตอนที่1 ดิน ฟ้า อากาศ




เปิดเทอมวันแรก


 หลังจากที่พวกผมทั้งสามคนต้องทนกับเสียงโวกเวกโวยวายของทั้งสามบ้านที่แม่งดูเป็นตัวของตัวเองแบบสุดๆ มาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ไอ้บ้านวิศวะก็แม่งลองเครื่องเสียงเกือบทั้งวัน ไอ้บ้านเกษตรก็เอาแต่ตอกนู่นตีนี้ พวกแม่งทำอาวุธไปรบรึไงวะ ตีทั้งวันตอกกันเกือบค่อนคืน สวนไอ้บ้านถาปัตย์บางทีก็เงียบ บางทีก็มีวัตถุหล่นลงมาจากฟากฟ้า เดี๋ยวเศษกระดาษ เศษดินสอ เสียงตะโกนห่าเหว โวยวายเหมือนโลกไม่เข้าใจมัน อยากจะตะโกนกลับไปว่า กูก็ไม่เข้าใจมึงเหมือนกันโว๊ยยย แต่ใจก็ป๊อดเกินไป


และที่ทำให้ผมงงคือ วันนี้มันวันเปิดเทอมวันแรกไง แล้วพวกเพื่อนข้างบ้านมันไปมีงานมีการทำกันตั้งแต่ตอนไหน พวกมึงไปเรียนกันตอนไหนของมึง!


“ฟ้ามึงแต่งตัวเสร็จยัง เดี๋ยวกูต้องเข้าสโม” ไอ้สิงห์ตะโกนถามผมที่ตอนนี้ผมกำลังแต่งตัวอยู่ คือบ้านที่เราเช่ามันมี สองชั้น ชั้นบนมีสองห้องนอน ซึ่งเป็นผมกับไอ้เต๋านอน ส่วนชั้นล่างมีอีกหนึ่งห้องนอนมันเป็นห้องของไอ้สิงห์ บ้านเช่าเราดีครับ มีห้องน้ำในตัว แถมยังมีห้องนั่งเล่น ห้องครัวแยกอีกต่างหาก คือบ้านที่ผมเช่าอยู่สภาพดีมาก เหมือนไม่เคยผ่านการใช้งาน ออกแบบก็ดี อยู่สบาย ราคาก็ย่อมเยาว์ แล้วผมก็รู้สาเหตุที่ราคาค่าเช่าแม่งถูกโคตรๆ แล้วล่ะครับ ถูกจนผมเหลือเงินไปกินไปเที่ยวกับเพื่อนได้สบาย ก็คงเป็นเพราะไอ้เพื่อนบ้านทั้งสามหลังที่แม่งอยู่ขนาบข้างซ้าย ข้างขวา และข้างหน้าผมเนี่ยแหละ ก็ใครมันจะไปทนอยู่ได้วะ พวกมึงเล่นเป็นตัวของตัวเองจนไม่เกรงอกเกรงใจเพื่อนบ้านอย่างกูเลย


“ไอ้ฟ้า มึงเสร็จยังกูรอนานแล้วนะเว้ย ไอ้ห่านี่เดี๋ยวกูทิ้งเลย” ไอ้สิงห์ยังตะโกนเรียกผมอยู่


“เออๆ กูเสร็จแล้ว รีบแท้วะ”  ผมเดินลงมาชั้นล่าง ก่อนจะสอดส่องสายตาหาเพื่อนสนิทอีกคน “แล้วไอ้เต๋า สมชายอ่ะ” ผมพูดถึงเพื่อนเต๋า ชื่อจริงมันชื่อ เต๋าสมชาย มันบอกว่าแม่มันชอบดาราเลยตั้งชื่อลูกๆ ให้เหมือนดาราให้หมด ขนาดพี่สาวมันยังชื่อ นุ่น ชื่อจริง วรนุช น้องชาย ชื่อ หนุ่ม ศรราม เห็นมันชอบบ่นว่าอยากเปลี่ยนชื่อ แต่ไม่กล้ากลัวโดนตัดแม่ตัดลูกกับคุณนายที่บ้าน


“มันขับมอไซต์ไปก่อนแล้ว พี่ปีสามเรียกมันไปประชุมรับน้อง ปีนี้มันเป็นเฮดว๊าก” ไอ้สิงห์มองผมด้วยสีหน้าเอือม “อาบน้ำแต่งตัวที มึงจะอาบเอาโล่รึไง นานเป็นชั่วโมง”


“วันแรก ตัวกูก็ต้องหอมหน่อยสิวะ น้องใหม่เยอะแยะ วันนี้พี่เวหาขอหล่อสักวันหนึ่งนะน้องสิงห์” ผมยักคิ้วใส่ไอ้เพื่อนตัวสูงอย่างไอ้สิงห์ ไม่ใช่ว่าผมไม่สูงนะครับ ผมอ่ะมาตรฐานชายไทย 175 เซนติเมตร แต่พวกมันอ่ะเล่นสูงกันเกินไปต่างหาก เพื่อนผู้ชายในสาขาการโฆษณาของผม แต่ละคนก็หุ่นนายแบบกันแทบหมด อยากถามอาจารย์ว่า อาจารย์คัดคนเข้ามาเรียนเหรอ ทำเอาผมเป็นไอ้เตี้ยของห้องเลย แล้วดู! ดูไอ้สิงห์มันมองผมแบบเหยียดๆ ผมเลยจัดการเต้นท่าอุบาทว์ใส่แม่งเลย


“อุลตร้าแมนปล่อยลำแสงใส่น้องใหม่ จะทำยังไงน้องใหม่วิ่งหนีไม่ทัน” ผมส่ายตูดแล้วเดินเต้นไปหามัน

 
“เดี๋ยวกูเตะตูดบิด เร็วกูมีงานมีการต้องทำเหมือนกัน” ไอ้สิงห์หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย


“อ๋อ ลืมไปว่ามึงเป็นประธานปีสอง แล้วปีนี้กูมีหน้าที่ทำอะไรอ่ะ”


“มึงโดนเป็นพี่สันทนาการ”


“โอเค เหมาะกับกูดี แถมน้องไม่เกลียดกูด้วย” ผมเดินผิวปาก ก่อนจะเดินออกจากบ้านตามไอ้สิงห์ไปติดๆ  และผมก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ดีๆ ไอ้สิงห์ก็หยุดเดิน


“ไอ้ห่าสิงห์ มึงหยุดเดินทำไมเนี่ย”


“คือ... มีแขกมาวะ”





“ไง คุณเพื่อนบ้านคนใหม่!” เสียงของใครไม่รู้ดังขึ้น ผมชะเง้อมองผ่านหลังของไอ้สิงห์ แล้วก็พบผู้ชายร่างยักษ์สองคน กำลังถือจอบถือพลั่ว ยืนเกาะอยู่ตรงรั้วหน้าบ้านของพวกผม คือถ้าพวกคุณมึงไม่พูดว่าคุณเพื่อนบ้าน ผมก็คิดว่าไอ้พี่ยักษ์ทั้งสองคนแม่งต้องเป็นโจรแน่ ก็สภาพพวกพี่มันดูเถื่อนเกินไป


“โอ้โห! อย่างน่ารักอ่ะมึง *ขาวโจ๊ะโฟ้ะจังโว๊ย ” พวกมันคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเมื่อหันมาเห็นผมพอดี 


(ขาวโจ๊ะโฟ้ะ ภาษาเหนือแปลว่า ขาวมากๆ)


“ใจเย็นๆ อย่าสะดีดสะดิ้งเกินงามสิเพื่อน” คนถือจอบหันไปปรามเพื่อนตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาคุยกับพวกผมอีกรอบ ”พวกคุณย้ายเข้ามาอยู่เมื่อวานใช่ไหมครับ” ชายคนที่ถือจอบหันมาถามผมกับสิงห์


“ใช่ครับ” ไอ้สิงห์มันตอบกลับไป


“พวกผมคงไม่ได้ทำอะไรให้คุณรำคาญเนอะ”


โอ้โห พอมันพูดคำนี้ขึ้นมา ผมล่ะอยากสบถใส่ พวกมึงไม่ทำอะไรให้กูรำคาญเลยไอ้เชี่ย มึงแค่ทำให้กูต้องนอนไม่พอ นอนไม่ครบแปดชั่วโมง มึงทำให้กูไมเกรนแดก ทำให้กูเครียดจนเส้นเลือดปูดเท่านั้นเอง ผมบ่นในใจ ก่อนจะขมวดคิ้วมองไอ้คนประหลาดสองคนที่ยังเกาะรั้วหน้าบ้านของผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ


“แล้วน้องคนนั้นอ่ะ นอนหลับสบายดีไหม” ไอ้พี่คนที่ถือพลั่วหันมามองผมด้วยสายตาที่โคตรแพรวพราว อิพี่นิมันจิตใจสกปรก กูรู้เพราะกูเรียนการแสดงมา


“ก็หลับสบายมากพี่ สบายเว่อร์ นอนหลับเหมือนซ้อมตายเลย บรรยากาศแม่งโคตรดี เงียบสงบสุดๆ” ผมพูดจบไอ้สิงห์ก็กระทุ้งศอกใส่ผมแทบจะทันที่ แถมยังแอบหันมาทำตาเหลือกใส่ผมอีก


“สาบานว่ามึงไม่ได้พูดประชดพวกกู?” ไอ้พี่พลั่วถาม ก่อนจะหัวเราะผมกับไอ้พี่จอบในลำคอ สรรพนามที่พูดคุยก็ถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผมว่า ผมคงไปกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้วแน่ๆ วันนี้กูคงไม่ได้ตายดี


“ไม่ครับ ผมพูดจากใจจริง มันกลั่นออกมาจากใจผมเลยจริงๆ” ผมจ้องมองพวกพี่เขาด้วยใบหน้าแห่งความใสซื่อ
“ถ้าหลับสบาย ก็ต้องอยู่ที่นี่นานๆนะ” พี่พลั่วพูดขึ้น พร้อมส่งสายตากระลิ้มกระเหลี่ยมาทางผม 


“ฮึ” ผมยิ้มเป็นมารยาทนิดนึงก่อนจะหุบยิ้มลง


 “แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนกันเหรอครับ” ไอ้สิงห์มันรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนเดินเข้าไปทำความรู้จักไอ้เพื่อนบ้านทั้งสองคนนั้น


 “วันแรกคณะพวกกูคงไม่มีไรมาก เลยกะว่าจะนอนทำใจที่บ้านกันก่อน แล้วนี่พวกมึงสองคนเรียนคณะอะไร อยู่ปีไหนกันวะ”

 
“พวกผมอยู่ปีสองคณะนิเทศ คือผมชื่อสิงห์นะครับ ส่วนไอ้เตี้ยนี่ชื่อฟ้าลั่น”


“กูชื่อภู ส่วนไอ้คนที่ถือจอบชื่อเมือง พวกกูสองคนอยู่คณะเกษตรปีสาม”


“งั้นพวกผมต้องฝากเนื้อฝากตัวพวกพี่ด้วยนะครับ” ไอ้สิงห์ก้มหัวลงเล็กน้อย ทำให้ผมต้องก้มหัวตามมัน


“เห้ยๆ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้น คุยกันแบบสบายๆได้เลย จะได้สนิทกันไวๆ” ไอ้พี่ภูพูดด้วยท่าทางที่ดูเหมือนสนิทสนมกับพวกผมมาเป็นแรมปี 


“อันที่จริง นานทีปีหนจะมีอาหารตาเข้ามาอยู่ในละแวกนี้ พวกกูสิที่ต้องฝากเนื้อฝากตัวกับพวกมึง” พี่เมืองพูดแล้วหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ พวกพี่เกษตรแม่งดูเถื่อนสมคำร่ำลือ ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมมีผิวสีแทน ตัวสูงพอๆกับไอ้สิงห์ เผลอๆสูงกว่า แต่ตัวแม่งหนากว่าไอ้สิงห์มาก รู้เลยว่าทำงานตรากตรำกันมาเยอะ


ผมละอยากถามพวกพี่เขาจริงๆว่า คงลำบากกันมามากใช่ไหม ก็เล่นตีดาบ ตีจอบเสียงดังหนวกหูกูทั้งคืนเลย สัส!


”งั้นผมขอตัวไปมหาลัยก่อนนะครับ พอดีมีรับน้อง” สิงห์เดินไปจูงรถมอเตอร์ไซค์ออกมานอกบ้าน โดยมีผมเดินตามอยู่ไม่ห่าง ก็พวกพี่มันเล่นมองผมไม่วางตาแบบนี้ ผมก็กลัวเป็นนะเว้ย


“พวกมึงสองคนเป็นคู่ผัวตัวเมียกันรึเปล่าว่ะ” ไอ้พี่ภูมองผมกับไอ้สิงห์สลับกันด้วยความสงสัย ไอ้สิงห์รีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


“เฮ้ยพี่ ผมแมนนะเว้ย” ผมรีบตอบกลับไปแทบจะทันที


“เหรอ สารรูปอย่างมึงนิไม่น่าแมน” ไอ้พี่ภูชี้มาทางผม แถมยังมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า


 “พอๆ มึงเลิกแซวน้องมันได้แล้วไอ้ภู พวกมันจะไปเรียน” พี่เมืองมันเอ็ดเพื่อนมัน


“ก็เด็กมันน่าแกล้ง”


“พวกมึงไปเรียนกันเถอะ”


“ครับ”


“แล้วเจอกัน”


เพียงไม่นานไอ้สิงห์ก็สตาร์ทรถ แล้วเรียกให้ผมขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมัน ก่อนจะพาผมขับรถออกมาจากดงเถื่อน ระหว่างที่รถไอ้สิงห์ขับผ่านบ้านเด็กเกษตร ผมดันไปสบตากับใครคนหนึ่ง ที่เผอิญเงยหน้าขึ้นมาจากการให้อาหารไก่พอดิบพอดี



อือหือ น่ากลัวสัด! พี่คนนั้นไว้หนวดไว้เครารุงรัง เป็นอะไรที่โคตรเถื่อน ทำเอาผมต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ก็ผมกลัวอ่ะ มันจะเล่นของใส่ผมไหมวะเนี่ย สารรูปอย่างกับคนเล่นของ โอ๊ย กูย้ายกลับหอในทันไหมวะเนี่ย







วันนี้ทั้งวันผมยุ่งอยู่กับการรับน้อง เป็นพี่สันทนาการพาน้องสนุกสนานเฮฮา ต่างจากไอ้เต๋าที่ต้องว๊ากน้องจนน้องร้องไห้ไปตามระเบียบ พอว๊ากเสร็จก็เดินบ่นงึมงำมาทางผมว่า โดนเกลียดอีกแล้วกู  โดนเกลียดอีกแล้ว สมน้ำหน้ามันครับก็ใครเล่นให้มึงมีหน้าโหดเป็นอาวุธแบบนั้นล่ะ


ส่วนไอ้สิงห์ไอ้ประธานชั้นปีสอง ไอ้นี้หาตัวจับยาก มาถึงก็ทิ้งผมให้อยู่กับเพื่อนคนอื่น ส่วนมันไปประชุมกับพวกพี่ปีสูง คุยอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ เจอมันอีกทีก็เกือบเที่ยง พอดีมันลงมานั่งกินข้าวกับพวกผม และพอมันลงมาทีไร ก็เรียกเสียงฮือฮาจากสาวๆ ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ สาวเทียม ในคณะได้ไม่น้อย ใช่สิมันหล่อนี่!


   กว่าจะเสร็จกิจกรรมก็เล่นเอาพวกผมหมดแรงกันเลยทีเดียว ตอนแรกกะจะไปแดกเหล้ากับเพื่อนในสาขาฉลองเปิดเทอมที่บาร์รุ่นพี่ แต่ว่าช่วงนี้พวกพี่เขาขอเอาไว้ ไม่อยากให้ภาพพจน์เสียหายถ้าน้องๆมาเจอ พวกผมเลยแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน


   ขากลับผมกลับบ้านกับไอ้เต๋า เพราะว่าไอ้สิงห์ขอตัวไปหาเด็กมันที่เรียนอยู่คณะคุรุศาสตร์ ไอ้เพื่อนคนนี้มันร้ายครับ มันเป็นเสือซุ่ม แอบคบดาวคุรุศาสตร์ปีสี่ พอผมบอกให้มันพาพี่เขามาแนะนำตัว มันก็ทำเป็นอาย อ้างนู่นอ้างนี้ บอกพี่เขาไม่ว่างบ้างละ พี่เขาติดธุระบ้างละ คือเอาเข้าจริงๆมันคงกลัวโดนพวกผมแซว แถมมันก็เกรงใจแฟนมันมาก เห็นแม่งเคยบ่นว่าชอบพี่เขามานานแล้ว กว่าจะจีบติดก็เล่นเอาเกือบตาย


   พอรถไอ้เต๋ามาจอดหน้าบ้านเช่า ผมกับไอ้เต๋าก็ต้องตกใจ เมื่อเจอพวกเด็กวิศวะกำลังลองเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์กันอยู่หน้าบ้านพอดิบพอดี พวกมันสามคนสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์กันจนควันแม่งลอยโขมง อย่างกับปล่อยดรายไอซ์ในคอนเสิรต์เกาหลี

 
   “แค่กๆ”  ผมไอเพราะดันสูดควันเข้าเต็มปอดโดยไม่ทันตั้งตัว ต่างจากไอ้เต๋าที่มันชักเริ่มสนใจพวกเด็กวิศวะอย่างจริงจัง ไอ้นี่มันบ้ารถมอเตอร์ไซค์มาตั้งนานแล้ว พอดีเพื่อนผมคนนี้มันเป็นเด็กแว้นเก่า ชอบการแต่งรถเป็นชีวิตจิตใจ แต่งจนรถที่ดูเท่ห์ๆอยู่แล้ว สภาพแย่ลงไปหลายสิบระดับจนผมไม่ค่อยอยากจะซ้อนท้ายมันสักเท่าไร


และพอผมไอมากๆเข้า ผมเลยเดินไปหลบหลังไอ้เต๋า และอาจเป็นเพราะเสียงไอของผม พวกเด็กวิศวะมันก็เลิกสนใจรถของมัน แล้วหันมาสนใจผมกับไอ้เต๋าแทน


   “เฮ้ยโทษทีๆ พวกกูสามคนกำลังจะลองรถ คงไม่ทำให้มึงรำคาญใช่ไหม” เด็กวิศวะคนหนึ่งหันมาถามไอ้เต๋าที่ยืนจ้องมองแบบตาไม่กระพริบ


   “ครับ” ไอ้เต๋าพยักหน้า


   “มึงมองรถกูแบบนี้  มึงสนใจรถเหรอ”


   “ครับ”

   “แล้วนั่นรถมึงเหรอ แม่งสวยนี่หว่า” เด็กวิศวะทั้งสามคนที่เมื่อครู่ยังวุ่นวายอยู่กับรถของตัวเอง เดินมาทางรถของไอ้เต๋า จับนู่นดูนี่อย่างสนอกสนใจ


   “ผมแต่งเครื่องเองเลยนะ”


   “มึงเรียนคณะอะไรวะ”


   “ผมนิเทศปีสองครับ”


   “พวกกูวิศวะ เครื่องกลปีสาม พี่มึงหนึ่งปี” พอผมเห็นไอ้เต๋าดูท่าเหมือนอยากคุยกับเพื่อนบ้านคนใหม่มาก ผมเลยเดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้แม่งทำความรู้จักกันไป ก็ผมเป็นคนไม่สนใจเรื่องรถอะไรแบบนี้อยู่แล้ว


   “เดี๋ยวๆ น้องคนที่อยู่ข้างหลัง น้องชื่ออะไรอ่ะ” 


   “ผมเหรอ”


         “เออ”


          “ชะ..ชื่อฟ้าลั่นครับ”


   “ฟ้าลั่น ชื่อแม่งแปลก” แหมอยากจะพูดออกไปจริงๆเลยว่า ถ้าแปลกแล้วมันไปหนักหัวส่วนไหนของพี่เหรอ แต่กลัวมันจะลากผมไปกระทืบเสียก่อนนี่ดิ


   “พี่ชื่อลม ส่วนเพื่อนพี่สองคนนั้นชื่อคีย์กับสน” ไอ้พี่วิศวะมันแนะนำตัวกับผม
ผมมองทั้งสามก่อนจะยิ้มทำความรู้จักตามมารยาท ไอ้พี่ที่ชื่อลมหน้าตามันหล่อพอตัวอยู่ครับ ผิวแทนตัวสูงเท่าไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์เลย ส่วนพี่อีกคนที่ชื่อคีย์ คงสูงเท่าๆ กับผม แต่ดันมีหน้าตาจิ้มลิ้มไม่สมกับเป็นเด็กวิศวะเอาซะเลย  ปากเล็กตาโต หน้าตารวมๆแล้วน่ารัก แถมมันยังทำทรงผมที่โคตรขัดสายตาคนมองแบบสุดๆ เล่นไถซะเกรียน จนนึกว่านักเรียนเตรียมทหารที่ไหนหลงมา ส่วนพี่สนเป็นวัยรุ่นที่หน้าตาธรรมดาๆ แต่ดูรวมๆ แล้วก็เท่ห์ดี


   “พี่ไม่มีอะไรแล้วใช่ป่ะ งั้นผมขอตัวนะ”


   “เฮ้ย อย่าเพิ่งไปดิ” ไอ้พี่ลมเรียกผมไม่พอ มันยังจับข้อมือผมไว้อีก


   “หืม” ผมมองข้อมือที่ถูกอีกฝ่ายจับ ก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าพี่มันอย่างไม่พอใจสักเท่าไร คือมึงหล่อ แต่กูไม่ได้สนใจเพศผู้เว้ยเฮ้ย ไม่ต้องมาจับเนื้อต้องตัวกู อยากจะพูดออกไปแต่ใจแม่งป๊อด กลัวโดนเตะเลยได้แต่ยืนนิ่งๆ


   “มีแฟนยัง”


   “พี่ถามทำไม?”


   “งั้น... มึงชื่ออะไร” ไอ้พี่ลมยังคงจับข้อมือผมอยู่ แต่มันหันไปถามไอ้เต๋าที่ยืนอึ้งอยู่ข้างผมแทน ไอ้ห่าเต๋านี่คงแดกจุดไปเยอะ เล่นยืนนิ่งไม่ช่วยเพื่อนมึงเลย


   “ผมเหรอ ผมเต๋า”


   “เพื่อนมึงมีแฟนยัง”


   “ยังครับ”


   “น่ารักขนาดนี้ไม่น่ารอดนะ โกหกเปล่า” เพื่อนพี่มันที่ชื่อสนหันไปคาดคั้นคำตอบจากไอ้เต๋า อือหือนักเลงกันเหลือเกิน
   “ไม่โกหกครับ เพื่อนผมไม่มีแฟนจริงๆ แต่ถ้าคนคุยผมไม่รู้นะ”


   “พี่ขอไลน์ได้ป่ะ” ไอ้พี่ลมหน้าม่อหันมาทางผมอีกครั้ง


   “คือผมไม่ค่อยได้เล่นอ่ะพี่”


   “ไม่เป็นไร ยังไงบ้านเราก็อยู่ใกล้กัน มีไปก็เท่านั้นเนอะ” มานงมาเนอะเดี๋ยวกูต่อย ผมคิดในใจก่อนจะหัวเราะแห้งออกไปแทน


   “แล้วนี่เพิ่งเลิกเรียนเหรอ กินไรยัง ไปกินด้วยกันไหม” ไอ้พี่ลมแม่งรุกเร็ว รุกแรกยิ่งกว่าอินเตอร์เน็ตสี่จี  พี่มันชัดเจนจนผมรู้สึกกลัว ตั้งแต่เกิดมา ผมรู้ตัวดี ว่าผมคงมีแรงดึงดูดกับเพศเดียวกันอยู่พอสมควร  คือทุกช่วงชีวิตบอกตรงๆผมโดนผู้ชายจีบมากกว่าผู้หญิงอีกอ่ะ  แต่ไม่เคยเจอใครเหมือนไอ้พี่ลมเลยสักคน ไอ้บ้านิมันแสดงอุดมการณ์ชัดเจนเกินไปจนผมชักจะทำตัวไม่ถูก


   “ไม่ครับ ผมจะเข้าบ้าน”


   “เฮ้ย รังเกียจกันเหรอ”


   “เปล่า ถ้าผมรังเกียจผมคงไม่ยืนเฉยๆให้พี่จับมือผมอยู่นานสองนานหรอก” มันรุกเร็ว แต่ผมก็แถเร็วเหมือนกัน


   “งั้นไปกินข้าวกัน พี่เลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ มึงไปด้วยกันนะไอ้เต๋า ไปเป็นเพื่อนฟ้ามัน”


   “ห๊า ผะ ผมเหรอ ผมเกรงใจ... พี่พามันไปเถอะ” ไอ้เต๋าส่ายหน้าปฏิเสธ ผมมองไอ้เพื่อนเวรตาถลึง อย่าให้กูรอดออกไปจากกรงเล็บเด็กวิศวะนะ กูเอามึงตายคนแรกแน่ไอ้เต๋า


   “ไปเถอะ เดี๋ยวกูแนะนำเรื่องแต่งรถให้” ไอ้พี่ลมยังตื้อทั้งผมและไอ้เต๋าไม่หยุด และไอ้เต๋าก็เหมือนจะสนใจแล้วด้วย


   “งั้นก็ได้ครับ” ไอ้เต๋าตกลงทันที 


             “เออพูดง่ายๆแบบนี้ดี กูชอบ... เดี๋ยวพาไปเลี้ยงหมูกระทะ เขาว่าถ้าอยากสนิทกันเร็ว แม่งต้องแดกหมูกระทะด้วยกัน” ทฤษฎีห่าเหวอะไรของพี่มันวะเนี่ย


   “ไอ้ลม มึงนิมันแก้นิสัยพูดเองเออเองคิดเองไม่หายเลยนะ! ดูน้องมันทำหน้าดิ มันอึดอัดมึงรึเปล่าที่มึงจะพามันไปกินหมูกระทะอ่ะ ” พี่คีย์เข้ามาช่วยพูด ผมล่ะอยากขอบคุณพี่เขาจริงๆ ในดงเถื่อนก็มีคนที่เหมือนจะเข้าใจผมอยู่เหมือนกัน นะเนี่ย ดีใจ!


   “น้องมันอาจอยากกินลาบเป็ดร้อยเอ็ดก็ได้นะเว้ย ลองถามมันก่อนดิ” สิ้นคำพูดของไอ้พี่คีย์ ผมละอยากจะกลืนคำพูดที่ชมมันไปเมื่อกี้กลับเข้าลำไส้


   “เออ ฟ้าอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่พาไป นั่งซ้อนท้ายรถพี่ไปนะ” ไอ้พี่ลมยังฉุดกระชากผมไปทางรถมัน คือตอนนี้ผมไม่ได้อยากไปเลย แต่ว่าพวกพี่แม่งก็ทำอะไรไม่เกรงอกเกรงใจผมเลยไง คือพวกมันคงลืมไปแล้วว่าพวกเราเพิ่งรู้จักกันวันนี้เป็นวันแรก


   “คือผม ไม่หิวอ่ะพี่”


   “ไปถึงก็หิวเองแหละ”


   “คือ...ผม” ผมพยายามจะแกะมือไอ้พี่ลมออก แต่พี่มันก็ไม่ยอมจนกระทั่งผมได้ยินเสียงอะไรดังขึ้นมาจากบ้านเด็กเกษตร

 
ตู้ม!


   “ไอ้เชี่ยดิน!” เสียงพี่เมืองกับพี่ภูดังขึ้นจากทางด้านในบ้าน สิ้นเสียงตะโกนควันดำแม่งก็ลอยโขมงขึ้นฟ้าเลยครับ พวกผมรีบวิ่งไปดูเหตุการณ์ทันที


   “กรี๊ดดดดดดด บัวขาวลูกพ่อ!!!!” ภาพที่ผมเห็นในตอนนี้คือ พี่เมืองแม่งตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนจะทรุดตัวลงไปกอดไก่ชนที่ไหม้เกรียมเพราะฝีมือของใครบ้างคน ที่คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของไอ้พี่หนวด ที่ตอนนี้มันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนพิงกำแพงบ้านของตัวเองอยู่


   “ไอ้เชี่ยดินมึงทำห่าไรเนี่ย!!! ทำไมบัวขาวตัวละหมื่นห้าของกูถึงเป็นแบบนี้ บัวขาวลูกพ่อ! ฟื้นขึ้นมาสิลูก!”


   “กูแค่จะทำแก๊สหุงต้มใช้เอง”


   “ไอ้เพื่อนเวร บัวขาวกู ฮื่อๆๆๆ” ไอ้พี่เมืองแม่งร้องไห้เลยครับ ก่อนที่ไอ้พี่ภูจะเดินมาตบบ่าพี่มัน


   “เดี๋ยวกูโอนเงินคืนให้สองหมื่นเลยอ่ะ” พูดไม่ทันขาดคำ ไอ้พี่หนวดก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะนั่งเล่น ก่อนจะกดอะไรยิกๆ เพียงไม่นานเสียงข้อความทางโทรศัพท์ของไอ้พี่เมืองก็ดังขึ้น


   “ดิน นี่มึงทำตัวกากอีกแล้วเหรอวะ” ไอ้พี่ลมปล่อยมือผม ก่อนจะเดินเข้าไปหาพวกเด็กเกษตร คือเวลานี้ผมอยากจะหัวเราะออกมานะแต่ไม่กล้า กลัวแม่งโดนรุมเตะแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ก็ดูสภาพพวกมันดิน่าขำชิบหาย คนหนึ่งก็นั่งกอดไก่ร้องไห้ อีกคนหนึ่งก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้


   “ก็กูไม่ได้ตั้งใจ ไอ้บัวขาวมันเดินเข้ามายุ่งเอง”


   “กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรที่เกี่ยวกับงานในครัว” ไอ้พี่เมืองมันมองเพื่อนมันทั้งๆที่น้ำตาแม่งไหลอาบแก้ม


   “มันไม่ได้ตั้งใจ มึงใจเย็นก่อนดิเมือง มันโอนเงินคืนให้มึงแล้วเนี่ย”


   “ไอ้เพื่อนเวร กูอยากจะฆ่ามึงจริงๆ กูไม่หายโกรธมึงง่ายๆหรอก ไอ้เชี่ยดิน”


   “ภู ไอ้เมืองเกรี้ยวกราดใส่กู”


   “มันโกรธมึง” ไอ้พี่ภูตอบกลับไป


         “มันไม่ได้โกรธกูเพราะบัวขาว กูว่าไอ้เมืองมันกำลังโมโหหิว มึงไปหาไรให้มันแดกหน่อยป่ะ” ไอ้พี่ดินมันพูดขึ้นมา เล่นเอาผมกลั้นขำไม่อยู่ต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ตรรกะห่าอะไรของมันเนี่ย


   “ไอ้เชี่ยดิน มึงคิดได้ไงว่ากูหิว ตอนนี้กูโกรธมึงอยู่นะเว้ย!!!” พี่เมืองเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาชี้หน้าเพื่อนด้วยความเคียดแค้น


   “เวลามึงหิว มึงก็หน้ามืดตามั่วโกรธกูแบบนี้ทุกที”


   “กูบอกว่า กูไม่ได้หิวไง”


       “มึงหิว”


       “กูไม่ได้หิว”


        “หิว”


         “กูบอกว่ากูไม่ได้หิวโว๊ยยยยยยยยย”


   จ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สิ้นเสียงตะโกนของพี่เมือง เสียงท้องพี่มันก็ดังลั่นขึ้นมา  ดังขนาดผมที่ยืนอยู่ห่างๆมันยังได้ยินเสียง


   “เมือง... กูว่ากลิ่นบัวขาวแม่งหอมลอยมาเตะจมูกกูเลยวะ” ไอ้พี่ภูตบบ่าเพื่อนสนิทอีกครั้ง ก่อนจะมองบัวขาวไก่ชนของเพื่อน พร้อมกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่


   “เห็นไหม กูบอกแล้วมึงหิว” ผมมองไอ้พี่ดินที่ทำหน้านิ่ง ลอยหน้าลอยตาแบบคนไม่รู้ความผิด เออคนแบบนี้ก็มีด้วยเว้ย แปลกจริงๆ


   “เงียบไปเลยไอ้ดิน”


   “มึงโกรธกูเพราะมึงหิว” ไอ้พี่ดินยังทำหน้าตาย พร้อมชี้ไปที่น้องไก่ของเพื่อน ”ไอ้บัวขาวมันสละชีวิตเพราะพ่อแบบมึง”


   “บัวขาวแม่งกตัญญู สมเป็นไก่มีราคา” พี่ภูพูดขึ้นมาอีกคน


   “ไอ้สัส ถ้าพวกมึงพูดกันอีกคำเดียวกูเตะ”


    “พวกมึงนิมันกากเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ” ไอ้พี่ลมยืนขำเพื่อนต่างคณะ ผมมองไอ้พี่ลมที่เดินเข้าไปดูไก่บัวขาวใกล้ๆ ผมว่าพวกพี่เขาคงสนิทกันไม่งั้นคงไม่ด่ากันขนาดนี้


   “ไอ้ดินคนเดียวที่กาก ส่วนมึงไอ้ภู เลิกมองบัวขาวของกูได้แล้ว ไปเอาเตาถ่าน จานชามมาดิวะ เดี๋ยวกูย่างใหม่ จะได้แดก”

 
   “โอเคเพื่อนเลิฟ” พี่ภูรีบวิ่งไปทางหลังบ้านทันที เล่นเอาผมกับไอ้เต๋าที่ยืนดูอยู่ต้องหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนที่ผมจะพูดออกไปแบบไม่มีเสียงกับไอเต๋าว่า  ประสาทแดก!


พวกพี่มันประหลาดเกินมนุษย์จนผมเริ่มรับไม่ได้ เมื่อกี้มึงยังร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายกับไก่บัวขาวมึงอยู่เลย ตอนนี้ทำไมมึงทำใจได้เร็วขนาดนี้วะ นี่ผมว่าผมไม่ได้อยู่ดงเถื่อนแล้ว ผมอยู่ดงประหลาดเสียมากกว่า


   “เฮ้ย พวกมึง ไอ้ลม ไอ้คีย์ ไอ้สน แล้วไอ้น้องสองคนนั้นอ่ะ วันนี้แดกข้าวเย็นที่นี่นะ กูจะเลี้ยงอาหารหรูๆ ทำไก่อบฟ่างตัวละสองหมื่นให้กิน”


   “เฮ้ย กูว่าจะพาเพื่อนบ้านคนใหม่ไปกินข้างนอก อยากสนิทเร็วๆ”


   “กินที่นี่แหละ พวกกูก็อยากสนิทเร็วๆเหมือนกัน” พี่ภูเดินออกมาพอดี


   “ไอ้ห่าดิน ไปยกโต๊ะมาดิ” พี่เมืองมันหันไปสั่งตัวต้นเหตุ


   “เป็นแม่กูเหรอ มาใช้อ่ะ”


   “ไอ้เชี่ยนิ มึงเห็นลูกกูที่ต้องเสียสละชีวิตให้มึงไหม ไปเตรียมโต๊ะ ชีวิตนี้มึงทำห่าอะไรก็พังไปหมดแหละ ไปเตรียมโต๊ะมา”


   “เออ บ่นมากจริงเลย”


   เย็นวันนั้นผม ไอ้เต๋าและพวกพี่วิศวะก็มานั่งกินข้าวเย็นที่บ้านเด็กเกษตรแบบงงๆ พวกพี่เกษตรแม่งนิสัยแปลกแบบสุดโต่ง แต่ผมว่าเขาเก่งกับเรื่องอาหารการกินมากครับ ยิ่งไอ้พี่ภูนะจับปลาในบ่อเล็กๆ หน้าบ้านมาย่างให้ผมกินเหมือนในหนังผจญภัยเลย โคตรแอดเวนเจอร์ บรรยากาศเหมือนผมแม่งหลงเข้ามาอยู่ในป่า แล้วมาเจอพวกลูกทาร์ซานทำกับข้าวให้กินยังไงยังงั้น ผักที่แม่งเลื้อยอยู่ข้างกำแพงที่ผมรู้จักและไม่รู้จักพี่มันก็หยิบมาผัดๆ รวมกัน เทนู่นใส่นี่ทำเหมือนไม่น่าอร่อย พอได้เข้าปากเท่านั้นแหละ อือหือฟินไปสามบ้านแปดบ้าน อร่อยสัส แกล้มเหล้าได้เลยเว้ย


      พี่ๆเด็กเกษตรเก่งจริงๆ เก่งจนผมอึ้ง แค่พี่ภูกับพี่เมืองนะ ส่วนไอ้พี่หนวดผมเห็นไม่ทำห่าอะไรเลยนอกจากนั่งรอแดกเหมือนกับพวกผม พอผมมองพี่มัน พี่มันก็มองผมกลับด้วยหน้าตาท่าทางกวนตีน หน้าตาแม่งก็เหมือนหมอผี มันคงกะจะเล่นของใส่ผมแน่ น่ากลัวสัด! ผมเลยหลบตาแม่งเลย


   “ฟ้า อร่อยไหม” พี่เมืองหันมาถามผม


   “มากเลยพี่”


   “ดีใจที่ฟ้าชอบ วันไหนไม่มีอะไรกินมาหาพวกพี่ได้นะ”


   “พี่ แล้วผมอ่ะ” ไอ้เต๋ามันตัดพ้อ ถึงพวกผมกับพี่เขาจะเพิ่งรู้จักกัน แต่บรรยากาศเวลาที่ได้คุยกับพวกพี่มันทำให้เรารู้สึกว่าเรารู้จักกันมานานเลย


   “มึงหาแดกเองดิ เว้นแต่ว่าจะพาเด็กน่ารักๆ มาแดกด้วย กูจะทำให้กิน”


   “สองมาตรฐานโคตรอ่ะ”


   “พวกกูชอบสิ่งมีชีวิตน่ารักๆเว้ย เนอะ” พี่เมืองพูดก่อนจะหันไปตีมือกับพี่ภู


   “ฟ้า วันไหนมึงหิวก็มาหาพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่พาไปกินร้านประจำของเด็กวิศวะ อร่อยเหมือนกัน” ไอ้พี่ลมพูดขึ้นมาบ้าง แหมทำคะแนนกันใหญ่ คิดว่าผมจะหลงเร๊อะ ฝันไปเถอะ!


   “อร่อยตายแหละ” ไอ้พี่ดินพูดแทรกขึ้นมา


   “แหม อร่อยกว่ามึงทำละกันไอ้เชี่ยดิน”


   “อย่าๆ อย่าทะเลาะกันครับ งานนี้มันต้องแล้วแต่น้องฟ้าคนน่ารัก” พี่เมืองยกมือห้าม


   พอกินเสร็จผมกับไอ้เต๋าก็ขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า ตอนแรกกะจะช่วยเก็บกวาดเพราะเกรงใจที่พี่เขาทำอาหารเลี้ยง แถมเป็นอาหารหรูด้วยไง ไก่อบฟ่างตัวละสองหมื่น แดกที่แทบไม่กล้าขี้ ไม่เคยกินของแพง แต่พอผมจะเก็บกวาดไอ้พวกพี่มันก็ห้ามผมกันยกใหญ่ มันบอกว่าคนน่ารักสมควรอยู่เฉยๆ


   “ไอ้เต๋า กูน่ารักขนาดนั้นเลยเหรอวะ” พอมาอยู่ในบ้าน ผมก็เลยถามเพื่อนออกไปด้วยความสงสัย ผมว่าผมหล่อมากกว่าน่ารักนะ ดูยังไงว่าผมน่ารัก ตาพวกพี่แม่งถั่วจริงๆ


   “ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ มึงควรรู้ตัวตั้งแต่ม๊ามึงจับมึงใส่กระโปรงตอนอนุบาลได้แล้วนะ”


   “ม๊ากูเขาอยากได้ลูกสาว เขาก็จับกูแต่งไปยังงั้นแหละ ดูยังไงกูก็หล่อวะ” ผมยืนมองดูตัวเองในกระจก หันหน้าไปมาสำรวจความหล่อของตัวเอง


   “หล่อตายล่ะ มึงขาวอย่างกับแช่ไฮเตอร์มาเป็นเดือน ตาก็โต ปากนิดจมูกหน่อย ตัวก็บาง กล้ามแม่งก็ไม่มี ซิกแพคกูยังไม่เคยเห็นของมึงสักลูก ตัวแม่งก็ดูนุ่งนิ่มเหมือนก้อนอะไรสักอย่าง”


   “ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน” ผมร้องเพลงแล้วมองตัวเองในกระจก


   “เปล่า ดูรวมๆแล้วประหลาดเหลือเกินมากกว่า”


   “ไอ้ห่าเต๋า”


“ถ้าอยากแมนแบบพวกกู มึงก็อย่าเอาแต่แดก หรือถ้าแดกมากก็ควรไปออกกำลังกายบ้าง นี่อะไรว่างเป็นนั่งเล่นเกม ว่างเป็นนอน ไม่ทำห่าอะไรเลย สารร่างมันถึงเหมือนคนไม่มีแรง ดูเหลวดูนิ่มไปหมดไง”


 “พูดซะจนกูดูตุ๊ดเลย”


   “เกือบแล้ว อีกนิดเดียวพวก ได้ผัวปุ๊บมึงตุ๊ดแน่”


   “ไอ้สัส กูไปแล้ว งอน!”
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2017 14:09:09 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ✦ พสุธากับเวหา ✦ intro [29/10/2560]
«ตอบ #3 เมื่อ29-10-2017 23:17:36 »

ช่วงสามสี่วันมานี่ พวกผมทำงานอยู่ที่คณะ เตรียมนู่นเตรียมนี้จนไม่ค่อยได้กลับบ้านเช่ากันสักเท่าไร กลับทีก็ดึกดื่นเที่ยงคืน ไปถึงก็ไปนอนกันเลย แถมยังออกมาจากบ้านกันแต่เช้า รู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้ดูสงบสุขไปเยอะเลย เพราะไม่ค่อยได้เจอเพื่อนข้างบ้านสุดแปลกเสียเท่าไร


 ช่วงแรกๆของการเปิดเทอมมันดีตรงทีไม่ค่อยได้เรียน ที่จริงเขาก็เรียนกันแหละครับ แต่พวกผมมันขี้เกียจไง เลยตั้งใจเรียนบ้างไม่ตั้งใจเรียนบ้าง งานที่อาจารย์ให้ก็ยังไม่เยอะ เพราะอาจารย์ให้ทำกิจกรรมกันไปก่อน แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์เท่านั้นแหละ อาจารย์เริ่มสั่งงานที่ทำเอาพวกผมแทบลมจับ มันเยอะจนพวกผมอยากจะเลิกกิจกรรมรับน้อง คืออยากจะให้รุ่นมันวันนี้พรุ่งนี้เลยทีเดียว


“นักศึกษา ถ้าจะคุยกันขนาดนี้ ออกไปคุยกันข้างนอกไหมครับผมอนุญาต” อาจารย์ประจำวิชาหันมาดุพวกผม ก็อย่างว่าเรามันเด็กนิเทศ คุยเก่งเล่นเก่งกันอยู่แล้ว


“ถ้าอาจารย์อนุญาต งั้นผมไปนะครับ”


“คุณเวหาไปได้ครับแต่ผมเช็คขาดนะ”


“โห่ จารย์อ่ะ ใจร้าย” ผมแกล้งทำน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ เล่นเอาเพื่อนในห้องหันมาหัวเราะผมกันแทบทุกคน


“ไอ้ฟ้า ทะลึ่ง ระวังจะได้เอฟ” ไอ้สิงห์หันมาเตือนผม


“ผมรู้ว่าพวกคุณเรียนนิเทศ เก่งเรื่องการแสดง แต่ผมขออย่างหนึ่งนะครับ อย่าแสดงให้เยอะเท่าคุณเวหา เดี๋ยวเอฟจะลั่นใส่” อาจารย์ทำเสียงดุ ก่อนจะหันมามองผม เล่นเอาเพื่อนทั้งห้องหัวเราะ พร้อมยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นอาจารย์มองคาดโทษ


   “เอาล่ะ วันนี้ผมมีงานให้พวกคุณทำ งานชิ้นนี้ผมให้ส่งก่อนปลายเทอม ให้พวกคุณจับกลุ่ม กลุ่มละสามคน” สิ้นเสียงอาจารย์ ผมหันไปชี้ไอ้สิงห์ ไอ้เต๋า และตัวเองเป็นอันว่ากลุ่มผมครบสามคนแล้ว พวกมันสองคนทำเป็นส่ายหน้าระอาผม


“ทำมาเป็นไม่อยากอยู่กับกู กูจะตามติดพวกมึงยิ่งกว่าชัตเตอร์อีก ไอ้ห่า”


“ทุกวันนี้ไม่ชัตเตอร์เลย” ไอ้สิงห์หันมาล้อผม ผมเลยเตะขามันไปทีด้วยความหมั่นไส้ พวกเราแกล้งกันอยู่สักพัก ก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าชั้นเรียนอีกครั้ง เมื่อเสียงอาจารย์ดังขึ้น


   “ผมจะให้พวกคุณ ทำสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์ ผมอยากให้คุณไปสัมภาษณ์รุ่นพี่คณะอื่นๆในมหาลัย แล้วออกแบบวารสาร และโฆษณาเชิญชวน ให้เด็กนักเรียนชั้นมัธยมสนใจมาเรียนในคณะที่พวกคุณจับฉลากได้”


   “งานใหญ่วะ” เพื่อนตัวกลมอย่างไอ้แมนหันมาคุยกับพวกผมที่อยู่ด้านหลัง


   “เออดิ ปีสองที่จริงเราต้องเรียนเบื้องต้นพวกสื่อต่างๆไม่ใช่เหรอวะ อาจารย์แม่งโหดให้งานใหญ่เลย” ไอ้เต๋ามันหันมาบ่นกับพวกผม


   “เลิกบ่นได้แล้วครับ งานมันไม่ได้ยากเลย ผมให้ส่งเกือบสิ้นเทอม ในช่วงแรกๆ ผมให้พวกคุณไปเก็บข้อมูลคณะที่พวกคุณจะได้ พวกคุณก็แค่ไปถ่ายภาพถ่ายวีดีโอการรับน้อง การเรียนของคณะนั้นๆ ระหว่างที่เก็บข้อมูลกันอยู่ ผมก็จะสอนการออกแบบวารสาร การออกแบบโฆษณาในเบื้องต้น... ถ้าไม่ปฏิบัติมันก็จะทำไม่ได้ แล้วอย่าบ่นให้ผมได้ยินว่าพวกคุณทำไม่ได้ ถ้าพวกคุณไม่ลองลงมือทำกันก่อน เข้าใจไหมครับนักศึกษา”


“ครับ/ค่ะ” ทุกคนส่งเสียงตอบกลับ


“งั้น ส่งตัวแทนมาจับฉลาก ว่าแต่ละกลุ่มจะได้ไปสัมภาษณ์คณะอะไรกันบ้าง”


“ไอ้ฟ้ามึงไป” ไอ้สิงห์กับไอ้เต๋าดันผมออกไป


“ทำไมให้กูจับอ่ะ เดี๋ยวกูได้คณะโหดๆ มึงก็ด่ากูอีก”


“มึงมันมือดี เอาอักษรมาให้ได้นะเว้ย สาวเยอะ สาวสวย เราจะสบาย” ไอ้เต๋าพูดก่อนจะทำตาเป็นประกายวิบวับมาให้ผม


“เพื่อนเต๋าไม่ต้องกลัว พวกสาวๆ น่ารักๆจะต้องตกอยู่ในมือเราแน่นอน” ผมชูกำปั้นขึ้นมาเรียกแรงใจจากพวกพ้อง ก่อนจะเดินออกไปหน้าห้องอย่างมั่นใจ พอผมเดินไปถึงหน้าห้อง ผมเห็นพวกสาวๆส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเมื่อตัวเองจับได้ วิศวะบ้างละ บริหารบ้างละ ส่วนไอ้พวกหนุ่มๆก็เฮ เห็นไอ้หมีเพื่อนร่วมสาขาเฮคนแรกเลย ก็มันดันจับได้คณะอักษรที่พวกผมเล็งกันไว้ตั้งแต่แรก


“อักษรเป็นของกูครัชชชช” ไอ้หมีเพื่อนร่วมสาขา โชว์กระดาษในมือ


“เดี๋ยวดูกูนะไอ้หมี ถึงไม่ได้อักษรแต่เภสัช กับพยาบาลยังอยู่เว้ย”


ผมค่อยๆยื่นมือไปจับกระดาษที่อาจารย์ม้วนไว้ในแก้ว ก่อนจะหยิบออกมาแล้วค่อยๆเปิดดูด้วยความตื่นเต้น แต่ดันถูกไอ้เพื่อนเวรอย่างไอ้ต่อที่อยู่กลุ่มเดียวกับไอ้หมี คว้ากระดาษแล้วเอาไปเปิดอ่านเสียดังลั่นห้อง


“คณะเกษตรศาสตร์โว๊ยยยยย!!!!!” สิ้นเสียงไอ้ต่อผมแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้น ถ้าไม่ถูกพวกไอ้หมีพยุงไว้ก่อน ผมคงตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัว ตอนนี้ผมอยากจะทิ้งดิ่งลงจากตึกชิบหาย ทำไมมันโชคร้ายขนาดนี้วะ!


“เอาปืนมายิงกูทีดิ!!!!!” ไอ้เต๋าตะโกนลั่นห้อง ก่อนที่ไอ้สิงห์จะฟุบหน้าลงไปนอนกับโต๊ะเพราะเกิดความน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง


ผมพาร่างที่ใกล้จะไร้วิญญาณของผมกลับไปหาไอ้เพื่อนสนิททั้งสองคน ก่อนจะตบบ่าพวกมันคนละสองสามที


“เราโชคดีที่สุดเลยนะเว้ยเพื่อน พี่ข้างบ้านเราแม่งมันอยู่คณะเกษตรไง งานเราเสร็จก่อนใครแน่เพื่อน” ผมพูดกับพวกมันด้วยความหวังดี คือกูพูดข้อดีให้พวกมึงไม่โกรธกูไง


“พ่องมึงสิไอ้ฟ้า! มึงจะโดนพวกพี่แม่งจับทำเมียก่อนดิไม่ว่า” ไอ้เต๋าพูดประชดผม เล่นเอาผมมือกระตุกฟาดหัวมันไปที


“กูว่าเพื่อนเราจะมีผัวก็คราวนี้แหละ” ไอ้สิงห์พูดขึ้นมาอีกคน ทำเอาผมยกมือตบบ๊องหูมันแทบไม่ทัน


 “ไอ้เพื่อนเหี้ย เดี๋ยวพวกมึงจะโดน”


“เอาคนไหนทำผัวละ พี่ภู พี่เมือง รึว่าไอ้พี่ดิน”


“กูไม่เอาใครทั้งนั้นแหละ กูไม่เอาผัว กูจะเอาเมีย กูจะหาเมียมึงจำไว้ไอ้พวกเพื่อนเลว”


“แล้วมึงจะไปไหนหน่ะ”


“ไปเยี่ยว”


“เพื่อนกูดีใจจนเยี่ยวแตกเลย”


“ฆวย” ผมพูดจบก็แกล้งเดินสะบัดหน้าออกจากห้องไปทันที


“ดูท่ามัน สาวน้อยเหลือเกิน มีมาสะบัดนงสะบัดหน้า น่าถีบให้ปลิว” ไอ้สิงห์พูดกับไอ้เต๋าก่อนจะหันไปถอนหายใจด้วยความระอา



....TBC...........



ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2017 15:47:25 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ดินแน่นอนเลยยยย มีความสุขจังเลยค่าาา ผู้ชายข้างบ้านเยอะมาก ฮาเร็มของน้องฟ้า 555555555555 รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ชื่อเรื่องก็บอกแล้วเนอะ

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
อยากอ่านอีก สนุกอ่ะ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รู้เลยนะคะว่าพระเอกคนไหน  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สามีน้องชื่อดินแน่นอนนนนน 5555555555 ไรท์มีเพจมั้ยยยย เราอยากติดตามม

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ full

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
หนี้ไม่พ้นแน่น้องฟ้าลั่นโดนพี่ดินแน่ๆ

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 2






วันรุ่งขึ้น พอพวกเราได้รับงานชิ้นใหญ่ของอาจารย์สุดโหดมา พวกผมสามคนก็มานั่งปรึกษากันว่าจะเริ่มทำกันตอนไหน ตอนแรกพวกผมคิดว่าจะยังไม่ทำ ถ้าอาจารย์ไม่พูดว่าให้เอาข้อมูลมาส่งทุกอาทิตย์ เพราะเขาอยากรู้ว่าข้อมูลที่ได้มามันมีสาระ มีอะไรน่าสนใจไหม อีกอย่างมันก็จะเป็นการเช็คคะแนนไปอีกทาง ตอนนี้พวกผมสามคนเลยต้องมานั่งจับเข่าคุยกันในบ้านเช่า


“มาคุยกันก่อนว่าเราจะเริ่มทำงานของอาจารย์สมเกียรติยังไงดี” ไอ้สิงห์มันเรียกพวกผมมานั่งตรงโซฟากลางห้องนั่งเล่น วันนี้พวกเราไม่มีเรียนเช้าครับ มีเรียนบ่ายเลยทำตัวสบายๆกันได้


“ก็ต้องเก็บข้อมูลก่อน” ไอ้เต๋าถือมาม่าคัพมานั่งกินด้วยในระหว่างคุยงาน


“เออกูรู้ แต่ว่าเราจะเก็บยังไง เก็บกับใคร”


“อาจารย์บอกว่ารุ่นพี่ แปลว่าต้องพวกปีสามไม่ก็ปีสี่” ผมตอบไอ้สิงห์ไป


“เออรุ่นพี่ อาจารย์คงรู้ว่าปีสองแม่งต้องทำกิจกรรมร่วมกับน้องเยอะเลยให้ไปเก็บข้อมูลจากรุ่นพี่แน่”


“พวกพี่เขาเรียนมาเยอะแล้วไง เขาต้องรู้ว่าสาขาเขามีอะไรน่าสนใจ” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาในขณะที่ปากแม่งก็เคี้ยวมาม่าตุ้ยๆ


“แต่เราจะเก็บข้อมูลจากพี่คนไหนดีวะ” ไอ้สิงห์ถามขึ้นมาอีกครั้ง


“พวกข้างบ้านไง” ไอ้เต๋าเลยเสนอ เล่นเอาผมกับไอ้สิงห์ส่ายหน้าทันที


“กูว่าไม่เวิร์ค พวกพี่แม่งเหมือนไม่รู้ห่าอะไรเกี่ยวกับคณะเลย วันๆกูเห็นเลี้ยงปลา อาบน้ำไก่ ทุกวันนี้กูไม่เห็นพวกแม่งไปเรียนเลย”


“มึงก็ไปว่าพี่เขา มึงอยู่กับพี่เขาตลอดเวลารึไง ถึงรู้ว่าพี่เขาไม่ไปเรียน” ไอ้เต๋าเถียงผมขึ้นมา


“ก็ดูดิ เมื่อวานตอนเช้ากูเห็นสภาพพวกพี่มันยังไง ตอนเย็นก็เห็นแบบนั้น ชุดนักศึกษาสักตัวกูยังไม่เห็นเลย”


“กูเห็นด้วยกับไอ้ฟ้านะ กูว่าถ้าสัมภาษณ์ทั้งที กูว่าสัมภาษณ์พวกดาวคณะเดือนคณะไปเลยดีกว่า อาจารย์บอกว่าถ้ามีคนเข้ามาดูงานเราเยอะ เราก็จะได้คะแนนพิเศษด้วยนะเว้ย” ไอ้สิงห์พูดเสนอขึ้นมา


“เออจริง ตามติดพวกพี่ดาวพี่เดือนไปเลย ไม่งั้นก็พวกหัวกระทิของคณะเกษตร”


“เออ พวกมึงว่าไงกูก็ว่างั้น” ไอ้เต๋าพยักหน้า


“แต่ตอนนี้เราต้องไปสืบก่อนว่าพวกเดือนพวกดาวคณะปีสามปีสี่เป็นใคร”


“อย่างที่ฟ้าพูดก็ถูก แต่กูว่า พวกพี่ปีสี่พวกเราคงเข้าถึงยากนะ เพราะพี่เขาคงไม่เข้ามหาลัยกันแล้ว ต้องไปฝึกงานไม่ก็ทำวิทยานิพนธ์กัน เราหาดาวเดือนปีสามดีกว่า ไม่ก็พวกหัวกระทิอย่างที่ไอ้ฟ้าว่า” สิงห์เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติม ผมกับไอ้เต๋าพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน  ก็จะไม่เห็นด้วยกับหัวกระทิประจำสาขาได้ยังไง คะแนนมันดีมาตลอด ผมรู้ถ้าผมเชื่อมันชีวิตผมจะดี๊ดี


“งั้นวันนี้ ไปสืบข้อมูลจากพวกพี่ข้างบ้านกันเถอะ” ไอ้เต๋ายิ้มแฉ่ง ก่อนจะเดินเอามาม่าไปทิ้งไว้ เมื่อได้กลิ่นอาหารบ้านข้างๆแม่งลอยมาเตะจมูก


“กูว่ามึงไม่ได้หวังจะไปทำงาน มึงหวังไปแดก” ผมพูดกับเพื่อนด้วยความหมั่นไส้


“เออ พี่เมืองพี่ภูแม่งทำกับข้าวอร่อย จนกูติดใจในฝีมือพี่มันวะ ไปตอนนี้ได้แดกแน่กลิ่นอาหารลอยมาล่ะ”


“มึงไปเลย กูไม่ไปกับมึงหรอก” ผมพูดพลางทิ้งตัวนอนลงตรงพื้นกลางห้องนั่งเล่น แต่สุดท้ายไอ้เพื่อนเวรก็ดึงมึงผมตามมันไป เห็นมันบ่นว่าถ้าผมไม่ไปด้วยก็อดแดกอ่ะดิ อีกอย่างมันจะหาไอ้สิงห์ไปแนะนำตัวกับพี่ดินอีกคนด้วยเลย ก็วันนั้นวันที่ได้กินอาหารหรู ไอ้สิงห์มันดันไม่อยู่



ไม่นานพวกผมสามคนก็มายืนหน้าบ้านเด็กเกษตร ก่อนที่ไอ้พี่เมืองจะหันมาทักทายกะเหรี่ยงสามตัวอย่างพวกผม


“ไง กินข้าวเช้ามายัง มากินกับพวกกูเลย” พี่เมืองกวักมือเรียกพวกผมสามคนเข้าไปนั่งตรงตะรับแขกหน้าบ้าน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารเช้าที่ดูน่ากินจนต้องแอบกลืนน้ำลายเลยทีเดียว


“ว้าว วันนี้พวกพี่มาแปลกนะ เพิ่งเคยเห็นพี่ใส่ชุดนักศึกษา” ไอ้สิงห์ทักพวกพี่แก๊งเถื่อน


“กูกำลังเข้ามหาลัย พอดีพวกน้องปีสองมันขอให้ไปแนะนำตัวให้พวกเด็กปีหนึ่งรู้จัก”


“ไปแนะนำตัวกันอย่างเดียวเหรอ พวกพี่ไม่มีเรียนกันเลยรึไง” ผมรับจานข้าวมาไว้ในมือ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับไอ้พี่เมือง


“มีดิ มีตอนบ่าย ถามทำไม”


“ก็ตั้งแต่ผมย้ายมา ผมไม่เห็นพี่ไปเรียนเลย”


“พี่ไป แต่ฟ้าไม่เห็นเองต่างหากละ”


“พี่เมืองกับพี่ภูแม่งสองมาตรฐาน พอพูดกับไอ้ฟ้าแทนตัวเองว่าพี่ยังนู้นพี่ยังนี้ พอที่ผมกับไอ้สิงห์กูๆมึงๆ” ไอ้เต๋าบ่นงึมงำ


“ตุ๊ดนะมึงเนี่ย” ไอ้พี่ภูหัวเราะ


“มึงมันไม่น่ารัก กูไม่สน ไปไกลๆตีนเลยป่ะ” พี่เมืองจะแกล้งถีบไอ้เต๋า แต่ไอ้เต๋าก็หลบได้ก่อนจะเดินมานั่งข้างผมกับไอ้สิงห์


“แล้วพี่ดินอ่ะ” เต๋าถามถึงพี่หนวด ผมก็เลยหันซ้ายหันขวามอง


“มันไปคณะแล้ว ต้องเข้าไปสโมแต่เช้า”


“อ๋อ ดูสำคัญ” ผมแกล้งแซว


“เห็นมันกากๆ นิ่งๆแบบนั้น มันอ่ะตัวสำคัญเลย”


“ผมจะพาไอ้สิงห์มาแนะนำตัวสักหน่อย”


“เดี๋ยวก็ได้เจอกัน กินๆไปเถอะ วันนี้กูทำไม่ได้เยอะนะ”


“ไม่เยอะของพวกพี่ แต่แม่งก็ดูเยอะสำหรับพวกผมวะ” ไอ้สิงห์มองอาหารตรงหน้าก่อนจะลงมือกิน และผมก็เห็นมันทำตาโต เมื่ออาหารคำแรกเข้าปากมัน


“โคตรอร่อยอ่ะ” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาอีกคน


“ฝีมือกูซะอย่าง ฟ้ากินเยอะๆนะ จะได้ดูตัวนุ่มๆนิ่มๆมากกว่านี้”


“พี่กำลังขุนให้เพื่อนผมเป็นหมูนะ”


“ถึงจะเป็นหมู แต่ฟ้าก็จะเป็นหมูที่น่ารักของพี่” ไอ้พี่เมืองหยอดแต่เช้า เจอผมที่ไรมันหยอดผมทุกที ในละแวกนี้ไม่มีใครหยอดผมมากมายเท่าพวกพี่มันละ ยกเว้นพี่ดินไปคน เจอหน้ากันที่ไรทำหน้ากวนตีนตลอด ไอ้หนวดเล่นของเอ๊ย!


ระหว่างที่ผมกำลังกินข้าวกันอยู่ ไอ้สิงห์กับไอ้เต๋าก็เปิดประเด็นเรื่องงานกลุ่มของพวกเราทันที


“อยากสัมภาษณ์พี่ปีสาม ไปทำสื่อ” พี่เมืองทวนคำถามของพวกผม


“ครับ พอดีอาจารย์เขาให้งานพวกผมมาชิ้นหนึ่ง งานใหญ่คะแนนเยอะด้วยนะพี่” ไอ้สิงห์ยังพูดอธิบาย


“เขาให้สัมภาษณ์แล้วทำอะไรต่ออ่ะ” คราวนี้พี่ภูเป็นคนถาม


“ก็เหมือนเอาไปทำสื่อต่างๆ โฆษณาคณะพี่ให้พวกน้องๆมัธยมมาสนใจเรียนคณะพี่ไง แบบจบไปทำอะไร เรียนไปแล้วได้อะไร บรรยากาศในการรับน้อง การเรียน เจาะลึกคณะพี่อะไรแบบนี้”


“อ๋อ เข้าใจละ” ไอ้พี่เมืองกับพี่ภูพยักหน้า


“พวกผมอยากได้คะแนนดีๆไงพี่” ไอ้สิงห์ยังพูดไม่หยุด ส่วนผมเหรอ แดกสิครับ รอเชี่ยอะไรล่ะ อร่อยขนาดนี้


“เออ ก็เอาดิ มาสัภาษณ์พวกกูก็ได้”


“ผมก็อยากสัมภาษณ์พวกพี่นะ แต่มันต้องถ่ายวีดีโอ ผมเลยอยากได้พี่สวยๆหล่อๆ แบบดาวเดือนคณะอ่ะ


“พวกกูก็หล่อนะเว่ย”


“ครับพี่หล่อ แต่ผมอยากได้แบบหล่อสะอาดๆอ่ะ”


“มึงว่ากูสกปรกเหรอ” ไอ้พี่เมืองมองไอ้สิงห์ตาขวาง


“ไม่ใช่ พี่มันหล่อเซอร์ไง ผมอยากได้แบบหล่อแล้วสาวกรี๊ดอะไรงี้”


“แบบหนวดเคราไม่มีอะไรแบบนั้น” ผมช่วยเพื่อนพูดอีกที


“ฟ้าไม่ชอบหนวดเหรอ งั้นพี่โกนดีกว่า” ไอ้พี่เมืองจับหนวดจับเคราของตัวเอง


“เปล่า ผมไม่ได้ไม่ชอบหนวด แต่แบบงานของพวกผมมันต้องใช้เรตติ้งไงพี่ ไม่งั้นไม่ได้คะแนนดีๆ”


“อ๋อ ได้ เดี๋ยวกูแนะนำเดือนคณะให้รู้จัก แต่อิดาวคณะ กูไม่ค่อยกินเส้นกับมันเท่าไร”


“พี่แค่บอกชื่อก็ได้ เดี๋ยวผมไปคุยกับพี่เขาเอง”


“ดาวคณะกูชื่อบุญเจิม พงษ์ภัทรชัย”


“ชื่อโคตรโบราณ” ไอ้เต๋าหัวเราะออกมาดังลั่น


“มึงอย่าไปเรียกมันว่าบุญเจิมนะ มันตบมึงแน่ มันยิ่งโกรธอยู่ เห็นบ่นว่าเรียนจบเมื่อไรจะเปลี่ยน” ไอ้พี่ภูมันหันมันตาเตือนพวกผมด้วยแววตาสีหน้าจริงจัง


“แล้วให้ผมเรียกพี่เขาว่าอะไรอ่ะ”


“ทิน่า ชื่อเล่นมันชื่อทิน่า”


“ไอ้เชี่ย คนละโยชน์เลย” ไอ้เต๋าตบโต๊ะขำ


“ชื่อเล่นมันอิเจิม พอเข้ามหาลัยหน่อยเปลี่ยนเป็นทิน่า ตอแหลจนน่าถีบ” ไอ้พี่ภูยังแซวดาวคณะตัวเองให้ผมฟังไม่หยุด


“มึงอย่าไปว่ากิ๊กไอ้ดินนะเว้ย”


“กิ๊กพี่ดินเหรอ” ผมถามออกไปอย่างตกใจ คนน่ากลัวแบบนั้นมีกิ๊กเป็นดาวคณะเหรอวะ


“เออ ไอ้ดินมันกิ๊กกับดาวคณะอยู่”


“มึงอย่าไปพูดว่ากิ๊กไอ้ดิน อิเจิมมันโมเมของมันไปเอง ไอ้ห่าดินสนใจมันที่ไหน” ไอ้พี่ภูพูดแก้ตัวให้เพื่อน


“มึงตกใจอะไรของมึงวะฟ้า” พี่เมืองกันมาถามผมที่ตอนนี้ นั่งอึ้งแดก เพราะตกใจคนน่ากลัวอย่างพี่ดินมีคนสนใจ


“ไม่คิดว่าพี่ดินมันมีคนสนใจมันด้วย”


“เอ้า มันคนดังของคณะ เห็นมันกากๆแบบนั้นมันคือสมบัติของเกษตรนะเว้ย” พี่เมืองพูดอวยเพื่อนจนผมไม่อยากเชื่อ


“เลิกพูดเรื่องพี่ดินเถอะพี่ แล้วพี่เดือนปีสามใครอ่ะ” ไอ้สิงห์ถามขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมารอจดชื่อ เมื่อกี้ผมเห็นมันจดชื่อบุญเจิมลงไปแล้วคนหนึ่ง


“อ๋อเดือนปีสามชื่อ พสุธา ภูริสิทธิโชค”


“โอ้ นามสกุลคนรวย” เต๋ากับไอ้สิงห์พูดขึ้นมาพร้อมกัน


“เออ มันรวย ไม่งั้นมันจะซื้อไก่กูตัวละสองหมื่น มาย่างเล่นให้พวกมึงกินรึ”


“เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ผมกับไอ้เต๋าเราสองคนตะโกนขึ้นมาพร้อมกันลั่นบ้าน ก่อนจะมองพี่เมืองกับพี่ภูราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน


“เดือนคณะ คือพี่ดินเหรอ”


“เออ มันใช่แค่เดือนคณะอย่างเดียวนะ มันอ่ะทุบสถิติของเกษตรที่ใครชอบบอกว่าเป็นคณะเถื่อนขึ้นเป็นเดือนมหาลัยด้วย”


“แล้วทำไมสภาพพี่เขาถึง” ผมกับไอ้เต๋ามองหน้ากันเลิกลั่ก


“มันเบื่อคนเข้ามาวุ่นวายในชีวิตมัน ช่วงที่ได้เป็นเดือนมหาลัยสาวๆเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตมันเยอะ มันเลยไว้หนวดไว้เครา เลี้ยงผมยาว ทำตัวซกมกกันคนเข้ามายุ่ง”


“โห!!! ไม่อยากจะเชื่อ”


“ภายใต้ความซกมก มันหล่อ” ไอ้พี่เมืองชูนิ้วโป้งขึ้นมาการันตีความหล่อเพื่อนตัวเอง


“สิงห์กูว่ามึงหาคนอื่นสัมภาษณ์เถอะ ไอ้พี่ดินมันไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองแน่”


“เฮ้ย อย่าเพิ่งท้อใจกับไอ้ดินดิ ไอ้นี้มันแพ้สิ่งมีชีวิตน่ารักๆ ตัวนุ่มนิ่มๆ ถ้ามันโดนอ้อนหน่อยนะ ตาย”


“คนนั้นตาย?”


“มันอ่ะตาย”


“งั้นถ้าผู้หญิงตัวนุ่นนิ่มมาอ้อนก็น่าจะตายตั้งแต่ตอนเป็นเดือนมหาลัยดิ” ผมถามอย่างสงสัย


“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีอ่ะดิ พวกเด็กผู้หญิงบางคนน่ากลัวเกินไป รุมมันอย่างกับมันเป็นอปป้าเกาหลี ทำตัวเป็นแฟนคลับมากจนมันระแวง ไปไหนก็มีแต่คนมาขอถ่ายรูป แอบหาเบอร์โทรมาหามันเหมือนโรคจิต มือถือแม่งสั่นเป็นเจ้าเข้าทั้งวันทั้งคืนอ่ะ ไอ้ดินมันเลยตัดสินใจปล่อยตัวซกมกตั้งแต่นั่นเป็นต้นมาเลย มันไม่อยากให้คนสนใจ”


“งั้นพวกผมคงไม่สามารถเปลี่ยนพี่มันได้แน่” ผมบ่นงึมงำ


“เฮ้ยไม่แน่นะ ถ้าเป็นฟ้า พี่ว่าไอ้ดินอาจจะเปลี่ยนตัวเอง” พี่เมืองหันมามองผมด้วยสายตาที่มีประกายวิบวับ


“เออ กูก็ว่าไม่แน่” พี่ภูก็มองผมด้วยแววตาประหลาด


“บ้า ผมไม่มีทางทำได้หรอก เดี๋ยวหาคนใหม่ละกัน” ผมมองไอ้สิงห์ มันพยักหน้าเป็นคำตอบ


“เฮ้ย ถ้าพวกมึงอยากได้คะแนนเยอะ แบบท่วมท้น ถ้าได้ไอ้ดินไปพวกมึงสบาย”


“น่าจะยากวะพี่ ผมว่าพี่ดินแม่งเป็นคนเข้าหายากวะ” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมา ก่อนมันจะช่วยพี่เขาเห็บจานชามที่กินเสร็จแล้วไปล้างให้


“ถ้าได้รู้จักมัน มึงจะรู้ว่าไอ้ห่าดินมันเป็นคนเด๋อๆ กากๆ ไม่งั้นพวกกูไม่คบกับมันมานานขนาดนี้หรอก”


“แต่ดูนิสัยพี่เขาน่าจะโหด”


“ไม่โหด ก็นิสัยตามประสาผู้ชายธรรมดา จริงๆ อยากให้ลองไปอ้อนไปคุยกับมันก่อน แล้วถ้าไม่ไหวจริงๆพี่แนะนำเดือนปีสี่ให้ก็ได้ แต่รายนั้นโหดกว่าไอ้ดินเยอะ แถมป่านนี้คงไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะมั้ง”


  “ทำไม พี่ดูสนับสนุนให้พวกผมเปลี่ยนพี่ดินแท้วะ น่าแปลกนะเนี่ย” ผมมองหน้าพวกพี่อย่างสงสัย


“พี่เบื่อลุคมันในตอนนี้ชิบหาย ไปไหนคนก็กลัว ม่อใครไม่ติดเพราะมันเนี่ยแหละ นี่ถ้ามันใส่ชุดสีขาวทั้งตัวพี่คิดว่าพี่มีเพื่อนเป็นหมอผี” พี่เมืองบ่นออกมา


“จริง กูก็เบื่อ กูบอกให้ไปตัดผมตั้งแต่ปีสอง ดูมันยังไม่ตัดเลย ปล่อยยาวม้วนแล้วม้วนอีก พอถามว่าทำไมไม่ตัด มันพูดว่าอะไรรู้ไหม มันบอกจะไว้ยาว แล้วบริจาคให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง จิตใจดีไปอีกเพื่อนกู” พี่ภูบ่น คราวนี้เล่นเอาพี่เมืองเปิดปากบ่นด้วยอีกคน พวกพี่เขาเหมือนดูอัดอั้นกันมานานยังไงยังงั้น


“หนวดอีก ไว้ยาวไปไหน ถ้าใส่ชุดแดงด้วย ซานต้าคอสเรียกพี่”


“พี่ก็เว่อร์กันไป ผมเห็นพี่ดินก็ไว้หนวดไม่ยาวขนาดนั้นสักหน่อย” ไอ้เต๋าที่เดินออกมาจากซิงค์ล้างจานข้างบ้าน กลับเข้ามาคุยในวงสนทนาหน้าบ้านต่อ


“โธ่ แต่มันก็ยาวสำหรับกูละกันไอ้เต๋า ถ้ามันม้วนหนวดมันได้ นายจันทร์หนวดเขี้ยวเรียกพี่แน่”


“พวกพี่ว่าแต่เพื่อน พวกพี่ก็น่าจะโกนหนวดโกนเคราด้วยเหมือนกันนะ” ผมหันไปมองพี่คณะเกษตรทั้งสอง คือพวกพี่มึงว่าแต่เขา พวกพี่มึงก็ไม่ต่างกับไอ้พี่ดินเลย


“โอเค งั้นเย็นนี้พวกพี่จะโกน รอดูลุคใหม่ได้เลย” พี่เมืองพูดขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้ากับพี่ภูที่นั่งอยู่ข้างๆ


“ผมว่ามันควรจะทำตั้งนานแล้วนะ”


“ก็พอไว้ช่วงแรกๆมันเท่ห์ดี ไว้ไปไว้มาก็เลยขี้เกียจโกน แต่พวกพี่จะทำตามคำขอของคนน่ารักอย่างฟ้าละกัน” ไอ้พี่เมืองหยอดผมอีกแล้วครับ บ้านมันขายขนมครกรึไง หยอดผมเก่งจริงๆ


“ผมไม่ได้ขอสักหน่อย”


“เอาเถอะ โกนหนวดเผื่อคนน่ารักแถวนี้จะมาฝากท้องที่บ้านทุกวัน” คราวนี้ไอ้พี่ภูพูดขึ้นมาบ้าง


“งั้นพวกพี่ไปเรียนก่อนนะเว้ย อยากจะอยู่เล่นที่นี้ก็ได้ ตอนเย็นเจอกัน”


“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวบ่ายๆพวกผมก็ต้องไปเรียน” สิงห์ตอบกลับ พวกเราสามคนเอ่ยขอบคุณพวกพี่คณะเกษตร ก่อนจะเดินกลับบ้าน ใครว่าเด็กเกษตรเถื่อน ผมว่าพวกพี่เขาดูออกจะใจดี ถึงจะชอบทำตัวแปลกๆก็เถอะ









    ในช่วงเย็น หลังจากที่ผมเรียนเสร็จ พวกผมก็ชวนเพื่อนซี้ในสาขาอย่างไอ้หมีกับไอ้แมนมากินเหล้าที่บ้านเช่า ระหว่างที่ผมเดินกลับมาจากการไปซื้อของกับไอ้หมี ผมก็เจอคนแปลกหน้าสองคนยืนอยู่หน้าบ้านพวกพี่เกษตร พวกเขายิ้มให้ผมด้วย ผมเลยยิ้มกลับตามมารยาท ถึงจะหล่อแต่อย่ามาม่อกูด้วยสายตาแบบ... เอ๊ะ คุ้นๆ


 “จำพวกพี่ไม่ได้รึไง ฟ้า”


“พี่เมือง!?”


“เออ พี่เอง”


“แล้วนี่อย่าบอกนะว่าพี่ภู” ผมเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคนด้วยสายตาตกตะลึง เชี่ยพอโกนหนวดโกนเคราตัดผมนิดตัดผมหน่อย พวกพี่แม่งก็หล่อขึ้นเยอะเลย


“อย่าอึ้งในความหล่อของพี่ครับ เดี๋ยวจะตกหลุมรักพี่โดยไม่รู้ตัว” พี่เมืองยังคงคอนเซปหยอดผมได้ทุกทีทุกเวลา ก่อนจะโดนเพื่อนที่เดินกลับมาใหม่อย่างพี่ดิน ยกเท้าถีบแบบไม่ทันตั้งตัว


“ ไอ้ห่าดิน ถ้ากูล้มกูกระทืบมึงซ้ำแน่ แล้วนี่เดินกลับมาทำไม รถมอไซต์มึงอ่ะ”


“ยางแบน”


“มึงเดินกลับมาเหรอ”


“เออ”


“ทำไมไม่นั่งวินวะ ไกลจะตาย” พี่ภูถามเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วง


“ก็จะนั่งแต่แม่ง ไม่รับกูเลยสักคัน”


“งั้นก็โทรหากูดิ”


“ลืมเอาโทรศัพท์ไป”


“สมน้ำหน้ามึงจริง กูบอกให้ตัดผมตัดเผ้าจะได้ดูเป็นผู้เป็นคนมึงก็ไม่เชื่อกู ทำตัวซกมกจนทั้งวินทั้งยามกลัวมึงอ่ะ ถูกยึดบัตรนักศึกษาไปกี่ครั้งแล้ว ยังไม่เข็ดอีก”


“ถูกยึดบัตร?”  ผมหันไปมองพี่ดินที่ยืนอยู่ข้างๆพี่เมืองอย่างไม่เชื่อ


“มันทำตัวเหมือนโจร ยามเลยเรียกมันมาค้นร่างกายบ่อยๆ แล้วก็ยึดบัตรไว้ก่อน ขาออกจากมหาลัยค่อยมาเอาคืน” พี่ภูอธิบายให้ผมฟัง


“มองกูทำไมไอ้เตี้ย เดี๋ยวกูเตะคว่ำ” พี่ดินหันมามองผมด้วยสายตากวนตีน ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด


“มนุษย์ผู้นี้เหรอ ที่พี่จะให้ผมอ้อน โห่ให้ตายผมก็ไม่อ้อนหรอก ถ้าอ้อนคงได้ตีนกลับมาแน่” พูดจบ ผมก็ขอตัวไอ้พี่เถื่อนสองคนกลับบ้าน แต่ก็ไม่ลืมชวนพวกมันมากินเหล้าด้วยกันเพราะอยากตอบแทนที่ทำกับข้าวให้กินอยู่บ่อยๆ แต่พวกพี่มันก็ปฏิเสธ บอกว่าวันนี้ที่คณะมีประชุมตอนกลางคืน











พวกผมกินเหล้ากันถึงเที่ยงคืน วันนี้ผมดื่มไม่เยอะเท่าไร เพราะรู้สึกท้องไม่ค่อยดี ผมปล่อยให้พวกมันนั่งกกเหล้ากันอยู่หน้าบ้าน ส่วนตัวเองก็ขอมานั่งเล่น อยู่ตรงระเบียงข้างห้องนอนของตัวเอง ไม่ได้ทำตัวติสถ์นะครับ ว่าจะนอนแล้ว แต่เห็นอากาศดีเลยมายืนเล่นสักแปบหนึ่ง ผมมองไปตรงห้องฝั่งตรงข้ามของบ้านพวกเด็กเกษตร ไฟในห้องยังไม่ดับ ผมได้แต่สงสัยว่านี่มันห้องใครกันนะ พี่เมือง พี่ภู หรือไอ้โหดพี่ดิน


ผมมองสอดส่องก่อนที่ม่านในห้องมันจะเปิดออก ผมเผอิญสบตากับเจ้าของห้อง ไอ้พี่ดินมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะเปิดประตูออกมายืนที่ระเบียงเหมือนผม


“ไงพี่ ยังไม่นอนอีกเหรอ” ผมทำใจกล้า เอ่ยทักพี่ดินที่เดินออกมาตรงระเบียง


“เออ หลับไม่ลง เพื่อนมึงเสียงดัง” ผมละอยากจะแหมให้ทะลุไปถึงดาวอังคาร ที่พวกมึงตีดาบตีอาวุธเสียงดังลั่นซอยกูยังไม่บ่นสักคำเลย


“ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย นานๆมันจะได้ปลดปล่อยสักที”


“แล้วมึงไม่ไปแดกกับเพื่อนมึงอ่ะ” ไอ้พี่ดินถามผมกลับมา มันยังคงมองผมด้วยสายตาที่เดาไม่ออก


“ไม่อ่ะ วันนี้ผมท้องไส้ไม่ดี ไม่อยากกิน”


“เหรอ”


“พี่ดูดบุหรี่ด้วย” ผมถามเมื่อเห็นพี่ดินเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ


“แปลกเหรอ”


“ไม่แปลก แต่พอพี่ดูด พี่แม่งดูน่ากลัวขึ้นอีกหนึ่งสเต๊ป”


“เหมือนคนเล่นของ” พวกเราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ


“ถ้าอยู่ใกล้ๆ กูได้เตะมึงแน่”


“พี่ก็พูดว่าพี่เหมือนคนเล่นของ แล้วทำไมพี่ไม่ตัดผมอ่ะ เปลี่ยนลุคเหมือนพวกพี่เมืองกับพี่ภู”


“ก็คิดอยู่ว่าอาจจะตัด”


“เอาดิ ตัดเลยผมว่าพี่ต้องหล่อมากแน่ๆ”


“กูรู้ตัวว่าหล่อ ไม่ต้องชม”


“ไม่ได้ชม แต่สภาพตอนนี้มองยังไงก็ไม่เห็นจะหล่อเลย”


“หล่อไปก็เท่านั้น หล่อแดกไม่ได้”


“รู้ว่าหล่อแดกไม่ได้แต่ก็น่าจะเปลี่ยนลุคให้เพื่อนตกใจมั้ง”


“เพื่อนกูเคยเห็นตอนกูไม่ได้ไว้หนวดแล้ว มันไม่ตกใจหรอก”


“เห๊อะ พูดกับพี่แล้วเหนื่อยวะ”


“งั้นก็ไปนอนป่ะ คุยกับมึงกูก็เหนื่อยเหมือนกัน”


“เดี๋ยวก่อนดิ ผมมีอะไรอยากถามพี่วะ พอดีผมต้องทำงานเกี่ยวกับคณะพี่ ทำไมพี่ถึงเรียนคณะเกษตรอ่ะ”


“ก็กูชอบ”


“แล้วเรียนเกษตรจบมาแล้วเป็นอะไรอ่ะ”


“เป็นหมอมั้ง”


“พี่กวนตีนวะ”


“มึงก็ถามกวนตีน จบเกษตรก็ต้องทำงานเกี่ยวกับเกษตรดิ มันทำได้ทั้งงานรัฐงานเอกชน หรือธุรกิจส่วนตัว ทำนา ทำสวนทำไร ทำงานกับรัฐก็ได้ อย่างกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมป่าไม้ พวกกูทำได้หมดแหละ จบเกษตรไม่จำเป็นต้องเป็นเกษตรกรเสมอไปจำไว้ แต่ที่กูมาเรียนเพราะกูก็รักในงานเกษตร”


“ดูเหมือนพี่รักคณะนี้มากนะ”


“เออ กูรักคณะนี้ คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามคณะเกษตรเพราะคิดว่าเหนื่อย เรียนไปก็ได้เงินน้อย ไม่มีเกียรติ  แต่พวกนั้นคงลืมนึกไปว่าสิ่งดำรงชีวิตรอบๆตัว ล้วนเกี่ยวข้องกับการเกษตรทั้งนั้น ทุกวันนี้ อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ปัจจัยพื้นฐานต่างๆมันก็เริ่มมาจากงานเกษตรทั้งนั้นแหละ”


“ความคิดพี่เจ๋งวะ”


“กูไม่ได้คิดว่ากูเจ๋ง แต่กูรู้คนที่ถามกูด้วยคำถามนี้ มักดูถูกคณะกูแน่ๆ” พี่ดินปรายตามองผมแบบดุๆ


“เฮ้ย ผมไม่ได้ดูถูกนะ ผมชอบที่พี่ตอบด้วยซ้ำ”


“งั้นเหรอ” ไอ้พี่ดินมองหน้าผม ก่อนจะบี้ปลายบุหรี่ลงกับถาดเล็กที่วางอยู่บนระเบียง


“สูบบุหรี่เก่งจัง” ผมเท้าคางมองพี่มัน ก่อนจะพูดอีกประโยคออกไปที่ทำให้อีกฝ่ายมองผมด้วยสายตาแปลกๆ“แต่ถ้าไม่สูบ คงจะเท่ห์ขึ้นอีกเยอะ”


“พูดแบบนี้ ห่วงสุขภาพปอดกูเหรอ”


“เปล่า.. ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นมันเท่าไร”


“เหรอ”


“ครับ มันเหม็น”


“แต่ก็ทนเหม็นชวนกูคุยจนบุหรี่แม่งหมดม้วน”


“เออ พี่เมืองกับพี่ภูบอกว่า พี่หล่อมาก”


“แล้ว?” ไอ้พี่ดินมองผมด้วยความสงสัย


“ผมอยากเห็นตอนหล่อ”


“กูชอบอยู่ของกูแบบนี้”


“ทำไมอ่ะ ผมว่าถ้าพี่หล่อสาวต้องเข้ามาเยอะแน่ๆเลย”


“กูไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้น วุ่นวายกูไม่ชอบ”


“พวกรักสงบสินะ”


“...”


“ลองเปลี่ยนหน่อยดิ”


“ถ้าเปลี่ยนแล้วกูจะได้อะไรเหรอ ได้ความวุ่นวาย ความปวดหัว รึอะไร”


“งั้นถ้าพี่เปลี่ยนผมจะกันความวุ่นวายให้พี่ ผมจะทำตัวเป็นไม้กันหมาจากสาวๆให้ สาวคนไหนชอบพี่ ผมจะทำให้พวกเธอมาชอบผมให้หมด” พี่ดินหัวเราะผม พอพี่เขายิ้มมันก็ดูไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ออกจะน่ามองด้วยซ้ำ ขนาดอยู่ในลุคพ่อหมอเล่นของนะเนี่ย


“ตลกละมึงอ่ะ”


“เฮ้ยผมพูดจริง ผมอยากเห็นพี่ตอนหล่อจังเลย เผื่ออาจจะใจเต้นกับพี่ก็ได้”


“มึงชอบผู้ชาย?”


“เปล่า แค่ได้ยินมาว่าพี่หล่อขนาดทำให้ผู้ชายใจเต้น ผมก็แค่อยากพิสูจน์”


“มึงนิมัน” พี่ดินส่ายหัวอย่างระอา


“ผมมันวัยรุ่นอยากรู้อยากลอง”


“วัยรุ่นแบบนี้น่าเตะ แต่กูจะลองพิจารณาละกัน ถ้ามึงอยากทำหน้าที่ไม้กันหมาให้กู”


“ครับ ฝากให้พี่พิจารณาด้วยละกัน”


“ฮึ” พี่ดินส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินหันหลังกลับห้องไป แต่ก่อนที่มันจะปิดประตูห้อง มันหันมาพูดกับผมว่า






“ถ้ากูเปลี่ยนตัวเองแล้วทำมึงใจเต้น กูขอไม่รับผิดชอบหัวใจมึงนะ” ก่อนปิด พี่มันยิ้มมาให้ผมและนั่นก็ทำเอาหัวใจของผมกระตุกไปชั่วครู่




เชี่ยแล้วไง!


.............tbc........................



ฝากติดตามด้วยนะคะ
นักเขียนไม่มีเพจ มือใหม่แบบสุดๆ แนะนำติชมได้คะ  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2017 10:58:30 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ติดตามจ้ะ  :L2:

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ขอให้อิพี่ดินหลงน้องแบบโงหัวไม่ขึ้นไปเล้ยยย

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ชอบมากเลยค่ะ มาต่ออีกนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 3




หลังจากคืนนั้น คืนที่ผมบอกให้พี่ดินมันลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดู ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นไอ้พี่ดินมันจะเปลี่ยนแปลงจากหมอผีไปเป็นผู้เป็นคนสักที พี่มันยังคงอยู่ในมาดคนเล่นของไม่มีเปลี่ยน ทุกวันนี้พอผมกลับจากมหาลัยแล้วเผอิญเจอไอ้พี่ดินที่ไร อีกฝ่ายก็เอาแต่มองผมด้วยท่าทางและสีหน้าวอนโดนตีนเหมือนเดิม


“ไอ้ฟ้า ไหนมึงว่ามึงลองคุยกับไอ้พี่ดินมันแล้วไง กูไม่เห็นมันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย” ไอ้สิงห์หันมาถามผมที่กำลังกินข้าวเช้าอยู่ในห้องครัว


“กูคุยแล้ว แต่คงไม่ได้ผลวะ”


“มึงอ้อนน้อยไปล่ะสิ” ไอ้เต๋าเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา เมื่อคืนเพื่อนรักคนนี้ของผมมันออกไปแดกเหล้ากับพวกพี่วิศวะข้างบ้าน เห็นว่าเพิ่งกลับมาตอนตีสาม วันนี้มีเรียนเช้ามันเลยต้องพากายหยาบที่ดูเหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรง แถมยังเมาค้างไปเรียนกับพวกผม คือเห็นสภาพสะลืมสะลือของมันตอนนี้ ผมควรจะสงสารมันดีไหมวะ


“กูอ้อนมากกว่านี้คงได้กินตีนพี่มันอ่ะ กูก็ลองคุยดีๆ แล้ว ไม่เห็นว่ามันจะสนใจอะไรกูเลย ออกจะกวนกูกลับด้วยสิ”


“แปลว่ามึงไม่ใช่สเป๊คพี่มัน”


“ไม่ใช่อ่ะดีแล้ว กูอยากตรงสเป๊คพวกสาวๆบ้าง ไม่ใช่มีแต่ตัวผู้”


เพื่อนผมสองคนมันหัวเราะผม ก่อนที่ไอ้เต๋ามันจะเดินมานั่งข้างๆ แล้วมองผมด้วยสายตาเหมือนอยากจะสารภาพผิดอะไรบางอย่าง


“อะไรของมึงไอ้เต๋า”


“กูมีเรื่องสารภาพวะ”


“ทำอะไรผิดต่อกูอีกอ่ะ เอาเบอร์กูไปแลกกับอะไรอีก” ผมวางช้อนลง พร้อมหันมามองมันอย่างจับผิด


“กูให้เบอร์มึงกับพี่...”


“พี่อะไร”ผมคาดคั้นจะเอาคำตอบจากไอ้เพื่อนร่างยักษ์


“พี่ลม”


“เจริญนะเพื่อนกู ถึงว่าเมื่อคืนมีคนโทรมาหากูตอนตีหนึ่งตั้งสองสามสาย”


“แล้วมึงได้รับไหม” ไอ้สิงห์ถามผม มันดูสนอกสนใจเหลือเกิน


“กูหลับ ไม่ได้ยินห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ นี่เพิ่งมาเห็นตอนเช้า”


“พี่มันอยากจีบมึง”


“เออ กูพอรู้อยู่ เพราะพี่มันออกตัวแรงจนกูกลัว”


“เขาขอเบอร์มึง แลกกลับเปลี่ยนล้อรถให้กู”


“เอาเบอร์กูไปแลกของแพงด้วยนะมึงเนี่ย”


“ขอบใจมึงนะ ที่เกิดมาน่ารัก กูเลยมีผลพลอยได้ไปด้วย” ไอ้เต๋าหันมาหยิกแก้มผมไปมา 


“ฆวย” ผมด่าพร้อมปัดมือมันออกจากหน้า แล้วหันมาสนใจข้าวเช้าตรงหน้าต่อ พวกมันก็เป็นแบบนี้กันทุกที ชอบเอาผมไปหาผลประโยชน์ แต่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมันมากหรอกนะ  เพราะหลังจากที่มันแจกเบอร์ผมให้ใครต่อใครไป ไอ้พวกนี้มันก็จะแอบปกป้องผมกันอยู่ดี มันเคยบอกว่ากูแสกนแล้ว พี่เขาดีกูก็ให้เขา จริงรึเปล่าก็ไม่รู้!


กริ่ง! เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น  ทำเอาผมสามคนมองหน้ากัน ที่มองหน้ากันไม่ใช่เพราะอะไรนะครับ พวกเรากำลังเกี่ยงให้อีกฝ่ายไปเปิดต่างหาก


“มึงออกไปเปิดดิ ไอ้เต๋า” ผมหันไปใช้มัน แต่ทว่าไอ้เพื่อนเวรก็ทำเป็นนั่งนิ่ง บ่นปวดหัว พอบอกไอ้สิงห์ ไอ้สิงห์ก็เดินหนีเข้าห้องนอนมันไป


“ไอ้พวกขี้เกียจเอ๊ย กูไปเปิดเองก็ได้วะ” 





พอผมเปิดประตูหน้าบ้านออกไปเท่านั้นแหละ ผมก็เจอไอ้พี่ลมมันยืนยิ้มแฉ่งเห็นฟัน ให้ตายเถอะ รังสีความร่าเริงของพี่มันเยอะจนผมไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้เลยจริงๆ


“ว่าไงพี่ลม”


“พี่ซื้อข้าวเช้ามาให้ เห็นไอ้เต๋ามันบอกว่าฟ้าต้องกินข้าวทุกเช้าไม่งั้นจะปวดท้อง”


“ผมกำลังกินอยู่เลยพี่ ที่จริงไม่ต้องซื้อให้ก็ได้เกรงใจ”


“อย่าเกรงใจ แล้วนี่จะให้พี่ยืนหน้าประตูอีกนานไหม ขอเข้าบ้านหน่อยดิ”


“ผมลืม ขอโทษๆ” ผมเปิดประตูให้ไอ้พี่ลม วันนี้มันใส่เสื้อช๊อปสีเลือดหมู ผมเผ้าจัดทรงดูหล่อขึ้นผิดหูผิดตา นี่อีกฝ่ายคงกะจะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตผมเต็มที่แน่ๆ


“ขอเข้าไปในบ้านนะ พี่ซื้อมาเผื่อไอ้สองคนนั้นด้วย” พี่ลมถือวิสาสะเดินเข้าบ้านผม พอมันเห็นไอ้เต๋ามันก็ยกถุงข้าวโชว์ พร้อมเรียกไอ้เต๋าและไอ้สิงห์มากินข้าวด้วยกัน


“ฟ้ากินข้าวต้มเหรอ” พี่ลมสนใจชามข้าวของผมทันที ที่เดินมาถึงในครัว 


“ตอนเช้าผมอยากกินอะไรเบาๆอ่ะพี่”


“พอดีเลย พี่ก็ซื้ออะไรเบาๆมาเหมือนกัน” พี่ลมวางถุงกับข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหยิบจานชามมาเทกับข้าวออกให้ พี่มันทำเหมือนรู้จักบ้านผมดีจริงๆ ไม่นาน ไอ้เต๋า ไอ้สิงห์ก็เดินเข้ามาร่วมวงอาหารเช้าด้วยกัน


“เห้ย อร่อยวะพี่” ไอ้สิงห์ชมอาหารตรงหน้า


“ก็นี่ร้านประจำเด็กวิศวะ จะไม่ให้อร่อยได้ไงอ่ะ ฟ้าลองกินดิ” พูดจบไอ้พี่ลมมันก็ตักกับข้าวมาให้ผมลองชิม ผมยิ้มรับตามมารยาทก่อนจะลองกินกับข้าวที่อีกฝ่ายตักมาให้ มันอร่อยก็จริง แต่ความรู้สึกมันไม่เท่าบ้านพี่เมืองพี่ภูวะ ผมชอบเสียงกระทะเสียงตะหลิว ชอบกลิ่นหอมของอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ


“อร่อยไหม” พี่ลมถามผม


“อร่อยครับ”


“ดี วันหลังพี่จะได้ซื้อให้กินบ่อยๆ”


“ไม่ต้องก็ได้พี่ ผมเกรงใจ”


“อย่าเกรงใจ กับเราพี่ไม่อยากให้เกรงใจ”


“พี่ทำแบบนี้... อย่าบอกนะว่ากำลังจะจีบผม” ไอ้ผมก็เป็นคนปากหมา ชอบพูดตรงๆ เลยถามพี่มันออกไปโต่งๆแบบนี่แหละ


“อือ จีบ” พี่ลมตอบผมกลับมาด้วยท่าทางมั่นใจ คือมึงจะไม่ลังเลยสักนิดสักหน่อยเหรอวะ


“ฮึ” ผมหัวเราะออกมาในลำคอ ไม่ใช่หัวเราะดีใจนะ ผมหัวเราะให้กับชีวิตอันแสนเศร้าของตัวเองต่างหาก  ถูกผู้ชายจีบเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ววะเนี่ย อยากจิคราย


“จีบได้เปล่า”


“คือขอโทษนะพี่ ผมชอบผู้หญิงวะ”


“รู้! พี่ก็ชอบผู้หญิง แต่พอมาเจอฟ้า พี่ว่าเราน่าสนใจดีแถมน่ารักมากด้วย ลองคบกันไหมล่ะ”


“555 รุกเร็ววะพี่ ผมไม่ทันตั้งตัวเลย”


“กลัวมีคนแย่ง เลยต้องรีบ”


“โอ๊ย พี่ไม่ต้องกลัวหรอก มันโสดมาจะเป็นปีละ ไม่มีใครเอามันหรอกพี่” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมา ก่อนไอ้เพื่อนตัวดีจะถูกผมตบหัวไปที โทษฐานมึงทำตัวปากดีเกินไป


“ก็กูยังไม่เจอใครไหมล่ะ ถ้าเจอคนที่ชอบเดี๋ยวกูก็เลิกโสดเองหน่า”


“คนที่ฟ้าชอบคนนั้น น่าจะเป็นพี่”


“เอาอะไรมามั่นใจครับพี่ลม ผมอ่ะมีภูมิต้านทานต่อเพศเดียวกันสูง ถูกจีบมาบ่อยไม่มีทางใจเต้นกับเพศเดียวกันหรอก ถ้าสาวๆก็ไม่แน่”


“ก็ต้องลองอ่ะ พี่ก็ว่าพี่มีดีอยู่เหมือนกัน”


“พอๆ รีบกินข้าวเถอะพี่ ตอนเช้าผมมีเรียน” ผมหยุดต่อล้อต่อเถียงกับไอ้พี่ลม เพราะยิ่งเถียงมัน ผมยิ่งแพ้ ไอ้พี่ลมมันเจ้าคารมครับ คุยง่ายคุยสนุก ถ้าผมเป็นสาวๆก็คงจะติดกับมัน


“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”


“ผมไปกับไอ้เต๋า”


“เดี๋ยววันนี้พี่อาสาไปส่งเอง”


“ไม่เอาอ่ะ ผมไม่อยากเป็นจุดเด่นในมหาลัย เดี๋ยวผมเอารถยนต์ผมไปก็ได้” ผมมีรถครับ ป๊าม๊าเขาซื้อมาให้ใช้ แต่ผมไม่เคยได้ใช้เลย ก็คณะมันอยู่ไม่ไกลขี่แปบเดียวก็ถึง สู้นั่งซ้อนท้ายเพื่อนไปดีกว่า ช่วยมันออกค่าน้ำมันบ้างอะไรบ้าง


“พี่บอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง อย่าดื้อดิ ถ้าเราดื้อพี่จะตามเราไปเรียนที่ห้องด้วยเลย”


“พี่กำลังทำผมอึดอัด”


“พี่มันพวกชอบตื้อ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก”


“พี่ไปตื้อสาวไป”


“สาวไม่ต้องตื้อ ไม่ต้องตามจีบ เพราะเข้ามาเองตลอด”


“เกลียดความมั่นหน้าวะ”


“555 พอดีรู้ว่าตัวเองก็หล่ออยู่ในระดับหนึ่ง” พี่มันยิ้ม ผมไม่เถียงครับเรื่องที่พี่มันหล่อ เพราะมันหล่อจริงๆ แต่เรื่องที่ผมกังวลก็คือ ถ้าวันนี้ผมให้พี่มันไปส่งผมที่คณะล่ะก็ จะต้องมีข่าวเม้าส์ของผมกับไอ้พี่ลมมันแน่ๆ อุตสาห์ปฏิเสธผู้ชายมาได้ตลอดชีวิต จะมาตกมาตายเพราะไอ้พี่ลมเหรอ ไม่มีทางอ่ะ


ระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ ผมก็หาทางปฏิเสธไอ้พี่ลมมัน พอคิดไม่ออกเลยมองให้เพื่อนช่วย แต่มันสองคนก็เอาแต่หลบสายตาผม เออ มึงมันไม่เคยช่วยกูเลย มีแต่เอากูถวายใส่พานให้คนอื่น! 


เพียงไม่นานพวกเราก็กินข้าวเช้าเสร็จ ไอ้เต๋ามันขอตัวไปนอนต่ออีกสักสิบนาทีแล้วถึงจะตามไปมหาลัย ส่วนไอ้สิงห์มันขี่รถออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เห็นว่าจะไปรับแฟนที่หอ และสุดท้ายผมก็ยังหาทางปฏิเสธพี่มันไม่ได้อยู่ดี เลยได้แต่กระวนกระวายใจจนทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นไอ้พี่ลมมันเดินไปจูงรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ของมันออกมา แล้วยื่นหมวกกันน๊อคมาทางผม ผมก็รู้เลยว่าวันนี้ผมคงต้องตกเป็นขี้ปากชาวคณะอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วแน่ๆ แต่พอกำลังจะไปหยิบหมวกพี่มันมาใส่ สายตาผมก็ดันหันไปเห็นไอ้พี่ดินจูงรถยามาฮ่าคันเก่าออกมาหน้าบ้านพอดิบพอดี


“พี่ดิน เมื่อวานบอกว่าจะไปส่งผมไม่ใช่เหรอ” ผมรีบคืนหมวกกันน๊อคให้พี่ลม ก่อนจะวิ่งไปหาไอ้พี่ดิน คือผมพูดเองเออเองจนคนฟังอย่างพี่ดินมันหันมาขมวดคิ้ว


“อะไรของมึงเนี่ย”


“พี่ลม พอดีเมื่อคืนพี่ดินมันสัญญาว่าจะไปส่งผม วันนี้ผมไปกับพี่ดินนะ ไม่อยากกวนพี่วะ” ผมไม่ตอบพี่ดิน แต่หันไปพูดกับพี่ลมแทน


“เดี๋ยวๆ ไอ้แสบ! ไอ้แสบฟ้า นี่เราเล่นกับพี่แบบนี้ใช่ไหม” พี่ลมจะเดินมาหา แต่ผมก็รีบเร่งให้พี่ดินมันสตาร์ทรถ แล้วผมก็กระโดดซ้อนท้ายมันไปเลย ผมหันไปยกมือขอโทษ คือรู้สึกผิดนะ แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากเป็นประเด็นวะ


ขับรถออกมาได้สักพัก ไอ้พี่ดินมันก็ค่อยๆลดความเร็วรถมอเตอร์ไซต์ยามาฮ่าคันเก่าของมัน


“มึงหนีไอ้ลมทำไม”


“ก็พี่ลมจะไปส่งผมที่คณะอ่ะ”


“ก็ดีนี่ ทำไมไม่ให้มันไปส่งอ่ะ”


“ผมอึดอัด ผมไม่ชอบ ถ้าพี่ลมไปส่งนะ วันนี้พวกเพื่อนผมมันต้องเอาผมไปเม้าท์กันกระจายแน่ๆ”


“ทำไมเพื่อนมันต้องพูดถึงมึงด้วยละ”


“ก็ต้องเม้าส์ดิ ร้อยวันพันปีไม่เคยซ้อนท้ายใครนอกจากไอ้สิงห์กับไอ้เต๋า แล้ววันหนึ่งมานั่งซ้อนท้ายพี่ลม คนในคณะต้องคิดว่าพี่มันจีบผม ไม่ก็เป็นแฟนผมแล้วแน่ๆ”


“อ้าว แล้วมึงซ้อนท้ายกู คนในคณะจะไม่เม้าส์มึงเหรอ”


“เว้นพี่ไว้หนึ่งคน”


“ทำไม.... อ๋อสภาพกูมันเหมือนคนเล่นของสินะ”


“อือ”


“เดี๋ยวกูถีบตกรถ”


“ผมรู้พี่ใจดี พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก”


“ฮึ!”


“พี่ดิน”


“อะไร”


“พี่มีวิธีให้พี่ลมมันเลิกตอแย เลิกจีบผมไหมพี่”


“มันจีบมึงเหรอ”


“อือ เมื่อเช้าพี่มันบอกว่าจะจีบผม”


 “ไหนว่าไม่ชอบผู้ชาย ทำไมให้มันจีบ”


“ก็ไม่ชอบ แต่พี่มันมาจีบผมเอง”


“ระวังตกหลุมรักเดือนวิศวะ”


“หืม พี่ลมมันเป็นเดือนเหรอ”


“เอออ่ะดิ! นิมึงไม่รู้เหรอ”


“ใครจะไปรู้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ พี่มันก็หล่ออยู่”


“มึงนิมันถูกชะตากับพวกคนหล่อๆเนอะ”


“ผมคงทำเวรทำกรรมมาเยอะมั้งพี่ เคยจีบสาวนะ แต่คบได้แป๊บเดี๋ยวก็ถูกบอกเลิก”


“ทำไมอ่ะ”


“สาวเขาบอกว่าผมน่ารักเกินไป เดินไปไหนด้วยมีแต่คนมองผม ผมไม่เข้าใจเลยว่าผมมันน่ารักตรงไหน ออกจะหล่อด้วยซ้ำ” ผมพูดอย่างออกรสออกชาติ ก่อนจะเห็นไอ้พี่ดินมันแอบอมยิ้มผ่านทางกระจกรถด้านข้างของมัน


“ชีวิตมึงน่าสงสารเนอะ”


“เออ ทุกวันนี้เลยหาแม่ของลูกไม่ได้สักที พี่มีสาวสวยๆแนะนำผมไหม”


“สภาพกูตอนนี้ จะไปหาสาวสวยๆ แนะนำให้มึงได้ยังไงวะ”


“งั้นก็รีบเปลี่ยนตัวเองสิ”


“ไม่เอา”


“เสียดาย”


“เสียดายอะไรของมึง”


“ก็มีแต่คนบอกว่าพี่แม่งโคตรหล่อเลย ผมละอยากเห็นจริงๆ”


“หล่อกินไม่ได้วะ”


“ถึงกินไม่ได้ แต่เป็นอาหารสายตาได้นะ”


“....”


“พี่รู้ไหม ถ้าชาตินี้ชีวิตผมมันจะหาแฟนสาวๆสวยๆไม่ได้ ผมก็อยากจะมีแฟนที่โคตรหล่ออยู่เหมือนกัน”


“พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร”


“ก็กำลังสมถุยชีวิตตัวเองไง แบบหาสาวสวยไม่ได้ ก็ควงหนุ่มหล่อให้คนอิจฉาเล่นแม่งเลยอะไรแบบนี้”


“เหมือนยอมรับในชะตาชีวิตได้แล้ว นี่มึงชอบผู้ชายจริงๆเหรอเนี่ย”


“ก็แค่สมมติ... ผมยังไม่ชอบเพศผู้หรอก ยังไงก็ต้องพยายามหาสาวๆมาเป็นแม่ของลูกให้ได้! แต่ถ้าหาไม่ได้ค่อยคิดอีกที”


“ไอ้ลมควรเป็นหนึ่งในตัวเลือกของมึงนะ”


“ฮึ พี่ลมก็หล่อดี แต่ถ้าเจอคนหล่อกว่าพี่ลม ผมอาจจะพิจารณา...อย่างพี่เป็นต้น” ตอนนี้ผมยังพยายามพูด พยายามเกลี่ยกล่อมให้พี่มันเปลี่ยนตัวเอง คือผมยังหวังคะแนนจากการทำสื่อโฆษณาของคณะเกษตรอยู่ และคนที่จะทำให้ผมได้คะแนนเยอะๆ ก็คงจะเป็นไอ้พี่ดิน  และผมหวังว่ามันจะหล่อระเบิดอย่างที่พี่เมืองพี่ภูพูดนะ


“มันใจเหลือเกินนะว่ากูหล่อ”


“ก็เพื่อนพี่โม้กับผมไว้เยอะมากกกกก”


“แต่พวกมันบอกกูว่า มึงอยากให้กูเปลี่ยนเพราะมึงอยากได้กูไปเป็นพรีเซนเตอร์ในการทำงานโฆษณาของมึง อย่ามาพูดโกหกให้กูเปลี่ยนตัวเอง”


“งื่อ.... รู้ด้วย”


“แต่ถ้ากูจะเปลี่ยนจริงๆ”


“หืม?”


“มึงอย่าลืมมาเป็นไม้กันหมาให้กูล่ะกัน”


“ครับ ผมจะกันสาวๆทุกคนให้พี่ แล้วจะจับมาเป็นของผมให้หมดเลย รีบๆเปลี่ยนสักทีเถอะน้า อยากเห็นคนหล่อจะแย่อยู่แล้ว”
พูดจบรถมอไซต์ยามาฮ่ารุ่นเก่าของไอ้พี่ดินมันก็จอดที่หน้าคณะนิเทศของผมพอดี ผมขอบคุณพี่มัน ก่อนจะยิ้มหวานให้มัน คือตอนนี้ผมงัดเอาความนุ่มนิ่ม งัดเอาอ้อยทั้งไร่มาถวายให้พี่มันเลยอ่ะ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ สายตานิ่งๆ พร้อมลมหายใจที่ถอนออกมาเฮือกใหญ่


“กวนตีน” ผมด่ามันเบาๆ


“ว่ากูเหรอ”


“เปล่า!!!!”


“โกหกเสียงสูงเชียว”


 “พี่ไปเถอะ ขอบคุณมาก ขับรถดีๆนะ บายๆ” ผมยกมือขึ้นโบกไปมา พร้อมยิ้มตาหยีให้พี่มัน แต่พี่มันก็ทำเป็นไม่สนใจผม มันบิดรถออกไปเลย



“ไอ้ฟ้า มึงมากับใครอ่ะ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าตึกตะโกนถามผม ผมเลยเดินเข้าไปนั่งกับพวกมัน แล้วหยิบขนมที่มันส่งให้ขึ้นมากิน


“อ๋อพี่ข้างบ้าน”


“โห่ กูนึกว่าหมอผี น่ากลัววะ”


“เหมือนหมอผีเนอะ” ผมหัวเราะกับตัวเอง


“แล้วมึงก็กล้าซ้อนท้ายพี่มันมา”


“ก็พี่ข้างบ้านกู มันไม่มีอะไรหรอก เลิกพูดเลิกแดก แล้วขึ้นไปเรียนกันได้แล้ว” ผมชวนพวกสาวๆขึ้นไปเรียนพร้อมกัน วันนี้ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่คุยกับไอ้ห่าเต๋า ไอ้เวรสิงห์แน่ โทษฐานไม่ช่วยเหลือเพื่อนอย่างผม ปล่อยให้โดนไอ้พี่ลมเต๊าะอยู่ได้


(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2017 14:07:55 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตั้งแต่พี่ลมมันบอกว่าจะจีบผม มันก็ใช้ทฤษฎีตื้อเท่านั้นที่ครองโลกกับผมเลยครับ ทั้งโทร ทั้งมารับ จนในที่สุดผมก็กลายเป็นประเด็นในคณะจนได้ มีแต่คนเข้ามาถามผมว่าเดือนวิศวะปีสามเข้ามาจีบผมใช่ไหม ผมก็ได้แต่ตอบปฏิเสธออกไป แต่ไม่วายทุกคนก็เอาผมไปเม้าส์อยู่ดี ก็เพราะพฤติกรรมของไอ้พี่ลมที่มันแสดงออกกับผม มันชัดเจนเกินไปไงล่ะ ชีวิตช่วงนี้ของผมเลยดูจะยุ่งวุ่นวายแบบไม่หยุด ผมเลยค่อยๆตัดปัญหา ถ้าตอนเช้าพี่ลมมันบอกว่าจะมาส่ง ผมก็จะขอติดรถพี่ดินมันออกมาก่อน 


พออาศัยไอ้พี่ดินมันเกือบทุกวันเข้า ประเด็นที่ถูกหนุ่มหล่อวิศวะตามจีบแม่งก็ค่อยๆหายไป ตอนนี้พวกมันดันคิดว่าผมกำลังโดนของ โดนทำยาเสน่ห์อยู่ ถึงขนาดเอาสายสิญจน์มาผูกข้อไม้ข้อมือ ไม่ก็เอาน้ำมนต์วัดดังมาพรมให้ผมกันยกใหญ่  ยิ่งไอ้พวกสาวๆในสาขายิ่งบ้ากันเข้าไป มันให้ผมแอบไปถามไอ้พี่ดินว่า พี่มันใช้ยาเสน่ห์ของหมอผีที่ไหน พวกมันจะฝากซื้อ!

 
“นี่มันปี 2017 นะเว้ย พวกมึงควรเลิกงมงายกันได้แล้วนะ” ผมพูดกับพวกเพื่อนในสาขาที่กำลังยืนมุงผมอยู่


“ก็จะไม่ให้งมงายได้ไง พี่ลมเดือนวิศวะมาจีบมึง มึงไม่เอา! แต่มึงไปคว้าไอ้พี่หนวดหน้าโจรแทน” ไอ้ฝนสาวหาวของคณะผมพูดขึ้นมา


“ฟังดีๆนะ กูกับพี่หนวดเอ๊ยพี่ดินไม่ได้เป็นแฟนกัน”


“ทำไมพี่มันมาส่งมึงทุกเช้า”


“ก็แค่ติดรถมาด้วยเฉยๆ เพราะไอ้เพื่อนเวรอย่างไอ้สิงห์กับไอ้เต๋ามันไม่ให้กูติดรถมาเรียนด้วย...” ผมไม่พูดต่อ แต่หันไปมองค้อนพวกมันที่นั่งอยู่ข้างๆแทน ก็มันน่าโมโห เพราะพวกมันคงโดนไอ้พี่ลมติดสินบนจนไม่เห็นเพื่อนอย่างผมเลย ทุกวันนี้มันยังจะหาทางให้ผมอยู่กับพี่ลมสองต่อสองบ่อยๆด้วย


“มึงโดนของแน่ โดนแน่ๆ” เพื่อนผู้หญิงเอาสร้อยพระมาลูบหน้าผากผมไปมา แล้วผมก็บ้านั่งนิ่งให้มันทำนู่นนี่ใส่ผมนะ


“โอ๊ยกูเลิกพูดละ วันนี้อาจารย์ให้เข้าไปถ่ายวีดีโอคณะที่เราจับฉลากได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกมึงยังไม่ไปกันอีก”


“แล้วมึงล่ะไอ้ฟ้า ทำไมยังไม่ไป รึรอไอ้พี่หนวดหน้าโจรมารับ” ไอ้หมีเถียงผมกลับมา


“แล้วๆๆๆๆๆ โดนของแน่ๆ”ฃ


“ไอ้ห่าแมนเดี๋ยวกูถีบ กูรอไอ้เพื่อนเฮงซวยอยู่นี่ไง นั่งเก๊กกันอยู่ได้ ไปได้แล้ว”












เพียงไม่นานไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์ก็พาผมมาคณะเกษตร คณะนี้อยู่เกือบด้านในสุดของมหาลัยเลยครับ เพราะว่าต้องใช้พื้นที่ในการเรียนเยอะ อันที่จริงพวกผมเรียนมหาลัยที่นี่กันมาตั้งนาน แต่พวกผมก็ไม่เคยได้เข้ามาที่คณะเกษตรเลย ดีที่เมื่อวานผมบอกพวกพี่เมืองกับพี่ภูไว้แล้วว่าจะขอเข้ามาสัมภาษณ์การรับน้องกับเก็บรูปภาพนิดๆหน่อยๆ


พอมาถึง พวกผมสามคนก็กลายเป็นเป้าสายตาจากเด็กคณะเกษตรทันที ทุกคนหันมามองพวกผมอย่างกับเห็นของแปลก ก่อนจะหันไปซุบซิบอะไรกัน


“มึงลองโทรไปหาพี่เมืองดิ ไอ้สิงห์” ผมสะกิดเพื่อน คืออยากจะเดินเข้าไปข้างในคณะนะ แต่ว่ากลัวหลงก็คณะมันใหญ่นี่หว่า
“เออๆ แปบ”


ไอ้สิงห์รีบโทรไปหาไอ้พี่ภูทันที เพราะเกรงว่าถ้ายังต้องอยู่ตรงนี้นานๆ คงถูกเด็กคณะเกษตรแทะเล็มจนเหลือแต่กระดูกแน่ๆ


“อือหือ ยังมีสิงมีชีวิตที่ขาวขนาดนั้นอยู่ในมหาลัยด้วยเหรอวะ” มีเสียงผู้ชายดังเข้ามาในโสตประสาทของผม คืออยากจะหันไปตอบว่า พวกพี่ควรออกไปเผชิญโลกภายนอกมั้งนะ คนขาวกว่ากูมีอีกเยอะ อย่ามั่วแต่ทำงานในคณะจนลืมสนใจโลก แล้วอีกหลายเสียงก็ดังขึ้นมาทั้งเสียงสาวๆที่แอบกรี๊ดไอ้สิงห์กับไอ้เต๋า เพื่อนผมมันหล่อแบบสำอางครับ หล่อแบบเด็กนิเทศ ส่วนผมก็ไม่พ้นถูกหนุ่มๆแซวเหมือนอย่างเคย


“ไง ไอ้สิงห์ พี่ภูเขาว่าไง” ไอ้เต๋าถามไอ้สิงห์ที่กดวางโทรศัพท์ไปแล้ว


“พี่ภูบอกว่า ให้เดินข้างตึกไปเรื่อยๆ  มาตรงแปลงนาด้านหลังคณะ พวกมันกำลังให้น้องปีหนึ่งดำนากันอยู่”


“งั้นไปดิ จะรอให้เหลือแต่กระดูกรึไง” ผมรีบผลักให้ไอ้สิงห์เดินนำ พวกเราสามคนแบกล้องถ่ายรูปมาคนละตัว พวกผมแบ่งหน้าที่กันครับ ผมกับไอ้สิงห์ถ่ายภาพ ส่วนไอ้เต๋าเก็บภาพเป็นวีดีโอ ระหว่างที่เราเดินไปหาพวกพี่ภู ผมกับเพื่อนอีกสองคนก็ช่วยกันเก็บภาพของคณะเกษตรเอาไว้


“ร่มรื่นกว่าคณะเราอีกวะ” ไอ้เต๋ายกกล้องขึ้นมาถ่ายต้นไม้รอบๆ คณะนี้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติจนผมอิจฉา แต่พอเดินผ่านพวกพี่คณะเกษตรบางกลุ่ม ผมก็ต้องขมวดคิ้ว พวกพี่มันท่องอะไรของมันวะ


ไดทิสสิด ไดทิสสิด ไดทิสสิด คือด้วงดิ่ง แลมไพริด แลมไพริด แลมไพริด คือหิ่งห้อย


“เฮ้ยพี่เขาร้องเพลงเหรอ” ไอ้สิงห์หันมาทำหน้างงใส่ผมด้วยอีกคน


“ไม่รู้วะ พี่เขาคงเรียนเกี่ยวกับแมลงมั้ง”  ผมแอบหัวเราะก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายพวกเขาเอาไว้ แต่ละคนหยิบหนังสือเกี่ยวกับแมลงขึ้นมาชี้นู่นชี้นี่ ถกเถียงอะไรกันไปมา นี่คงเรียนวิชาที่เกี่ยวกับแมลงจริงๆ


   พอเดินมาเรื่อยๆ พวกผมก็เจอ สาวๆในคณะเกษตรขับรถไถ ผมขยี้ตาดูอีกครั้ง มองไม่ผิดจริงๆครับ สาวคณะนี้ขับรถไถ แถมกำลังพูดคุยเกี่ยวกับอุปกรณ์รถไถกันอย่างออกรสออกชาติ จับนู่นจับนี้กันอย่างคล่องตัว ผมยิ่งมองยิ่งรู้สึกทึ่ง ทำไมเก่งกันจัง พอพวกสาวๆเขาเห็นพวกผมที่กำลังแอบถ่ายรูปพวกเขากันอยู่ ทางนั้นก็ยิ้มกลับมาให้ ก่อนจะหันไปสนใจอุปกรณ์หรือเครื่องมือการเกษตรกันต่อ


“พวกคณะเกษตรก็ดูเป็นมิตรดีนะ” ไอ้เต๋าหันมาพูดกับพวกผม


“เออ กูว่าน่าเรียนวะ ดูพวกพี่พวกน้องมันได้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติดี”


“จริง”

พอเดินไปสักพัก ไอ้พี่เมืองก็เดินโบกไม้โบกมือมาให้ผม ทางนั้นกำลังครึกครื้นเลย พวกน้องๆปีหนึ่งกำลังช่วยกันดำนาปลูกขาวกันอย่างสนุกสนาน โดยมีพี่ปีสองและปีสามเป็นผู้แนะนำ


“ไง” พี่เมืองหันมาทักทายพวกผม


“คณะกูเป็นไง น่าอยู่เปล่า” พี่ภูเดินเข้ามาคุยด้วยอีกคน


“ร่มรื่นดีพี่ อยู่มาสองปีไม่เคยได้เข้ามาเที่ยวเลย”


“เออ ก็คณะพวกกูมันอยู่ท้ายมหาลัย พวกมึงไม่มีทางได้มาหรอกถ้าไม่มีงานหรือมีเรียนร่วมกับเด็กเกษตร แต่วันนี้ฟ้ามา พี่ว่าต้องมีใครบางคนดีใจ” พี่ภูพูด ก่อนจะยิ้มให้ผมที่ยืนอยู่ข้างๆไอ้สิงห์กับไอ้เมือง


“เออ แล้ววันนี้จะมาสัมภาษณ์เลย รึว่าจะเก็บรูปอย่างเดียว” พี่เมืองถามพวกผมอีกครั้ง ก่อนที่ไอ้พี่เมืองมันจะถูกเพื่อนมันลากกลับเข้าไปในกลุ่ม ไปซุบซิบอะไรก็ไม่รู้ แต่ละคนมองผมด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจ


“อย่ายุ่งกับน้องมัน ถ้ามึงยังไม่อยากโดนใครบางคนทรงพระกริ้วใส่” ไอ้พี่เมืองชี้หน้าเพื่อนของตัวเอง


“ก็กูอยากรู้จัก ใช่คนนี้รึเปล่า”


“เลิกพูด เดี๋ยวกูไปดูแลแขกก่อน”


“โคตรน่ารักอ่ะ น่ารักแรง งานดีสัส จะเอา อยากได้” เพื่อนพี่เมืองมันเขย่าแขนพี่เมืองยิกๆ


อย่าคิดว่าที่พวกพี่เขาพูดผมจะไม่ได้ยินนะ ผมได้ยินเต็มสองรูหู แต่แค่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทำเป็นไม่สนใจ


 “แปบ น้องมันมาทำงานมึงรอแปบ ใจเย็น หายใจเข้าลึกๆ แล้วสำเนียกด้วยว่ามันเด็กของ...”ไอ้พี่เมืองถลึงตาใส่เพื่อนในคณะ ก่อนจะเดินออกมาหาผมอีกครั้ง



“โทษทีๆ พวกเพื่อนพี่มันตื่นเต้นกันมากไปหน่อย นานๆจะมีคนน่ารักเข้ามาในคณะ”


“บอกเพื่อนแซวได้เต็มที่ ไอ้ฟ้ามันไม่ว่า” ไอ้เต๋าแกล้งพูดเสียงดัง ก่อนจะได้เสียงตอบรับกลับมาอย่างท่วมท้นว่า เหยดดดดดดดดดดดด


“ไอ้เชี่ยเต๋านิ มึงห่าเรื่องให้กูตลอด”


“มาทำงานคณะอื่น มึงต้องเป็นมิตรไว้เว้ย”


“ออกไปกูฆ่ามึงแน่”


“ไอ้สองคนนี้เลิกทะเลาะกันได้แล้ว เออพี่ผมเอาเอกสารขออนุญาตมาให้ด้วยนะ คณะผมเขาบอกว่าส่งมาให้อาจารย์คณะพี่หนึ่งฉบับแล้ว ส่วนอันนี้เขาบอกให้ประธานปีสามหรือปีสี่ก็ได้ ผมควรให้ใครดีอ่ะ” ไอ้สิงห์หยิบจดหมายขึ้นมา


“อ๋อ แปบนะ ประธานปีสี่ไปฝึกงาน มึงคงต้องเอาจดหมายให้ประธานปีสามแทน”


“แล้วใครอ่ะพี่”


“ไอ้ดินไง มันเป็นประธานปีสาม”


“พี่ดินเนี่ยนะ!!!” ไอ้สิงห์ถามออกไปอย่างตกใจ


“เออ เห็นสภาพแบบนั้นมันเป็นถึงประธานชั้นปีนะเว้ย แต่ว่า...ตั้งแต่เช้ากูยังไม่เจอมันเลย” พี่เมืองหันไปมองรอบๆ ก่อนจะหันไปถามเพื่อนร่วมคณะว่ามีใครเจอพี่ดินไหม ทุกคนก็ส่ายหัวกันหมด


“ฟ้า ไม่ได้มากับไอ้ดินเหรอ” พี่ภูถามผมขึ้นมา


“ฟ้าเหรอ ชื่อน่ารักสาดดดดด” ทุกคนแซวผมเสียงดัง ก่อนที่จะเงียบกริบเมื่อถูกไอ้พี่เมืองชี้หน้ารายตัว


“เมื่อเช้าผมไม่ได้มากับพี่ดิน ที่จริงตั้งแต่เมื่อวานเย็นผมก็ยังไม่ได้เจอพี่เขานะครับ”


“เหรอ เดี๋ยวมันคงมามั้ง รอมันหน่อยเนอะ”


“ครับๆ”


“เออพี่ ระหว่างรอพี่ดิน ผมขอถ่ายรูปตอนพวกพี่ทำกิจกรรมกับน้องๆนะ” ไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์มันเอ่ยขออนุญาต


“เอาดิ เก็บภาพก่อนก็ได้”


“ขอบคุณครับ”


พวกเราสามคนแยกกันไปคนละทาง ไอ้สิงห์จะไปถ่ายภาพทางด้านหลังคันหน้า ไอ้เต๋าก็เดินถ่ายวีดีโอรอบ ส่วนผมตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปถ่ายรูปทางด้านในแปลงนา ตรงที่พวกเด็กปีหนึ่งกำลังยืนแยกต้นข้าวกันอยู่แทน แต่พอเดินไปได้ไม่เท่าไร ไอ้พี่เมืองกับพี่ภูก็เดินเอาหมวกมาใส่ให้ผม


“ระวังดำ”


“โธ่พี่เมือง ดำก็ดีจะได้แมน”


“ถ้าฟ้าดำ เดี๋ยวไอ้ดินเครียดตาย”


“พี่ดินมันจะเครียดทำไม”


“มันชอบอะไรขาวๆนิ่มๆ”


“พี่พูดอะไรก็ไม่รู้ คนอื่นเขาเข้าใจผมผิดหมด ผมขอไปถ่ายรูปก่อนนะ”


“เออ ไปเถอะเดินระวังๆนะ ให้พี่ไปด้วยไหม” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ


พอผมเดินไปทางคันนาด้านข้าง ผมก็รู้สึกว่าตัวเองกับกล้องคงจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เพราะทางมันเละมากมีแต่โคลนเต็มไปหมด ผมลองมองไปทางพวกไอ้สิงห์ไอ้เต๋า ไอ้สองคนนั้นมันขาลุยอยู่พอตัว ผมเห็นมันสองคนถกขากางเกงถอดรองเท้าแล้วเดินลุยโคลนไปด้วยกัน 


“นาย” เด็กผู้ชายน่าจะอยู่ปีหนึ่งเรียกผมเอาไว้


“ทำไมเหรอ”


“ถ้าจะเดินเข้าไปในคันนา เราว่านายถอดรองเท้าเถอะ มันลื่นเดี๋ยวล้มเอา”


“เหรอ” ผมพยักหน้าก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายบอก พอถอดถุงเท้ารองเท้าเสร็จเด็กผู้ชายปีหนึ่งประมาณสามสี่คนก็เดินนำผมไป
“เดินตามเรามา ถ้าจะล้ม จับไหล่เราไว้ได้นะ”


“อ๋อ โอเคขอบคุณมาก”


“นายชื่ออะไรอ่ะ ดูจากหน้าตาคงไม่ใช่เด็กจากคณะเกษตรแน่ๆ”


“อ๋อ เราชื่อฟ้าลั่น เรียกฟ้าก็ได้ มาจากนิเทศ”


“ฟ้าลั่นแม่ตั้งให้เพราะชอบกินมะม่วงพันธุ์ฟ้าลั่นเหรอ”


“รู้ด้วย”  ตอนม๊าเขาอุ้มท้องผม ม๊าของผมเขาชอบกินแต่มะม่วงครับ ม๊าเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่แพ้ท้องมากๆ อยากกินแต่มะม่วงอย่างเดียวเลย ป๊าเอามะม่วงอกร่อง มะม่วงเขียวเสวยมาให้แกก็กินไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็เป็นมะม่วงเหมือนกัน ม๊าแกบอกว่าแกกินได้แค่พันธ์เดียวด้วยคือพันธุ์ฟ้าลั่น แถมกินได้เป็นโลๆ ที่มาของชื่อผมก็เป็นเช่นประการฉะนี้

 
“ก็พวกเราเรียนเกษตร รู้จักทุกสายพันธุ์ของมะม่วงอยู่แล้ว”


“เหรอ งั้นขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”


“ว่า”


“รับน้องสนุกไหม” ผมลองถามเด็กปีหนึ่ง


“ก็สนุกดี ตามสไตล์เด็กเกษตร คณะนายล่ะสนุกไหม”


“ก็สนุกแหละ มั้ง...”


“ตอบแบบส่งๆ นี่อยู่ปีหนึ่งหรือเปล่าเนี่ย”


“ปีสอง”


“โห่ เป็นพี่นี่เอง แล้วพี่มาทำอะไรที่คณะพวกผมอ่ะ” เด็กเกษตรรีบเปลี่ยนสรรพนามการเรียกผมขึ้นมาทันที


“มาเก็บข้อมูลทำงาน”


“อ๋อ น่าสนุกเนอะ เฮ้ยพี่ระวัง!” ระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่ เท้าดันไปเหยียบพลาดนิดหน่อย พวกเด็กๆเลยตะโกนลั่น แถมเด็กปีหนึ่งที่มาด้วยกันก็ยังช่วยผมไม่ทันด้วย ต่างคนต่างลื่นล้มลงไปนั่งกองกับดินจนเนื้อตัวเปื้อนไปหมด แต่ดีที่กล้องของผมไม่เป็นอะไร ปลอดภัย


“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เด็กปีหนึ่งหันมาถามผมกันยกใหญ่


“ดูตัวเองก่อนเถอะ ไม่ต่างกับพี่เลย”


“พวกผมมันเปื้อนกันตั้งแต่แรกอยู่แล้วไงไม่แปลกที่จะล้ม แต่พี่อ่ะดิ”


“เดี๋ยวผมช่วย รอแปบนะ” เด็กในกลุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้ามาช่วยผม แล้วเด็กคนนั้นก็ต้องเดินถอยห่างออกไป เมื่อเห็นถึงการมาของใครบางคน


กูช่วยเอง พวกมึงไปทำกิจกรรมกันต่อเถอะ” เสียงคนมาใหม่ดังขึ้น ตอนแรกผมกะจะหันไปมอง แต่ติดว่าเท้าของผมมันจมลงไปในโคลนจนหันไปทางไหนไม่ได้นี่ดิ


“ครับพี่” เด็กปีหนึ่งตอบรับเสียงดัง


“ทำไมมึงถึงได้ซุ่มซ่ามขนาดนี้วะ”


“พี่ดินเหรอ”


“เออ” เสียงไอ้พี่ดินมันดังมาจากทางข้างหลัง ผมเห็นพวกเด็กปีหนึ่งมันมองรุ่นพี่ของมันตาค้าง นี่คงคิดว่าเป็นโจรกันอยู่ละสิท่า ไม่ก็พ่อหมอคนเล่นของ ถึงได้มองไอ้พี่ดินที่ยืนอยู่ข้างหลังผมแบบไม่วางตากันเลย แถมดู ดูพวกผู้หญิงมันแอบกรี๊ดพี่ดินมันด้วย คงจะกลัวกันสินะ โธ่แม่นกน้อยของพี่ อยากจิเข้าไปกอดปลอบ อย่ากลัวไปเลย เดี๋ยวพี่แจกสายสิญจน์คนละเส้นกันหมอผีพี่ดิน

 
“พี่ดิน ช่วยผมหน่อยดิ ผมลุกไม่ขึ้นอ่ะ” พอผมพูดจบพี่ดินมันก็อุ้มผมขึ้นมายืนข้างๆมัน และพอผมจะหันไปขอบคุณมัน ผมก็ต้องชะงักกับคนที่อยู่ตรงหน้า


“โอ้โห” ผมอุทานออกมาเบาๆ ก็คนตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ แต่รูปร่างหน้าตาเล่นหล่อซะไม่เกรงใจผมเลย แถมอีกฝ่ายยังเอาแต่มองผมอีกด้วย ทำเอาผมไปไม่เป็น ไม้รู้จะทำหน้าทำตายังไง มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนแล้วเชี่ยเอ๊ย เขินเป็นตุ๊ดไปสิกู ผมหลบสายตาของอีกฝ่าย ก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาพี่ชายข้างบ้านของตัวเอง 


“เออ ขอโทษนะครับ เห็นพี่ดินไหมครับ” ผมถามออกไป ก่อนจะหลบสายตาคนตรงหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงจ้องมองผมไม่หยุด คือพี่มึงหล่อมากไง อยากจะบอกว่าเลิกจ้องกูสักที เชี่ย กูจะละลายเพราะสายตามึงแล้ว...   แต่พอผมมานึกดูดีๆ


“เอ๊ะ!!!!!!” ผมร้องอุทานออกมาดังลั่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปจ้องคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมใช้สายตาเพ่งมองอีกฝ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วน


“มองอะไรของมึง”


“พี่ดิน!!!



“เออ กูดิน”


  “โอโห้ ให้ตายจำแทบไม่ได้” ผมเผลอยกมือขึ้นทั้งสองข้างจับหน้าของมันพลิกไปพลิกมาเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่พอถูกอีกฝ่ายจ้องแบบนิ่งๆ ผมเลยต้องรีบปล่อยมือลง ตอนนี้ก็ชักจะเริ่มอายแล้วละ หน้าแม่งเริ่มร้อนขึ้นมานิดๆแล้ว


“มือมึงเปื้อน หน้ากูก็คงเปื้อนไปแล้วสินะ”


“ขอโทษๆ” ผมรีบขอโทษขอโพย ก่อนจะเอาแขนที่ไม่เปื้อนเช็ดแก้มพี่มัน และนั่นก็ทำเอาพวกพี่ปีสามที่อยู่ด้านหน้าร้องโห่กันจนเสียงดังลั่น แต่พอพี่ดินหันไปมองเพื่อนตัวเองปุ๊บ ทุกคนกับเงียบกริบ พี่มันสั่งได้ดั่งใจจริงๆ


“ไม่ต้องแล้ว ยิ่งเช็ดกูว่ายิ่งเปื้อน” พี่ดินมันจับมือผมออก


“เดี๋ยวทำงานเสร็จจะพาไปล้างหน้านะ”


“กูไม่ได้ห่วงหน้าตาตัวเองขนาดนั้น แต่ดูมึงตอนนี้สิ ตูดเติดเปื้อนดินไปหมดแล้ว” พี่มันสำรวจผม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของมันมาเช็ดตามแขนตามมือให้ผม พอได้มองใกล้ๆแบบนี้พี่ดินแม่ง เล่นหล่อซะไม่เกรงอกเกรงใจเพื่อนร่วมคณะเลย ผิวสีแทนของพี่มันทำให้มันดูแมนแบบเท่ห์ๆ แต่ผมอิจฉาตรงรูปร่างของมันเนี่ยแหละ คนอะไรจะมีรูปร่างเพอร์เฟคได้ขนาดนี้ ตัวก็สูง รูปร่างก็สมส่วน แขนขาเนื้อตัวก็ดูมีมัดกล้ามไปหมด ดูผมดิ กล้ามก็ไม่มี จับไปตรงไหนแม่งก็เด้งนิ่มไปหมดทั้งตัว นี่คงเป็นการลงโทษจากสวรรค์ ข้อหาที่ผมแดกมากเกินไป


“นี่จะมองหน้ากูอีกนานไหม”


“ห๊ะ ผมเปล่าซะหน่อย” ผมรีบปฏิเสธ ไอ้พี่ดินยิ้มออกมา พลางส่ายหัว พี่เขาคงระอากับสกิลการแถของผมแน่ๆ


“เดี๋ยวจะพาไปเปลี่ยนชุด”


“ไม่เอาเกรงใจ การทำงานมันก็ต้องมีอุปสรรคแบบนี้แหละ”


“อุปสรรคมากจนเละเทะไปหมดเลยนะ” พี่มันส่งสายตาเหมือนอยากทำโทษผม อือหือรู้สึกใจสั่น รู้สึกกลายเป็นสาวน้อยชั่ววินาที

 
“ก็...”


 “แล้วนี่มาเก็บข้อมูลกันใช่ไหม”


“อือ พี่รู้”


“อาจารย์บอกกูว่า อาทิตย์นี้จะมีเด็กคณะนิเทศมาเก็บข้อมูล”


“เลยไปเปลี่ยนตัวเอง”


“ไม่ดีรึไง”


“ดีสิ ดีมาก พี่แม่งหล่อจนจำไม่ได้อ่ะ ทำไมพี่หล่อเหี้ยๆแบบนี้วะ”


“มึงจะชมรึจะด่ากู”


“ชมดิ” พูดเสร็จผมก็เดินไปข้างหน้าต่อ นี่ผมดูจากระยะทางที่เดินมา ผมเดินไม่ได้ไกลจากข้างหน้าคันนาเลยนะ แต่แบบ รู้สึกตัวเองเดินมาไกลมากแล้วอ่ะ


“เฮ้ย เดินดีๆ ระวังลื่น”


“เดินยากวะพี่ เดินไปทางไหนก็ลื่น”


“ตีนไม่เคยสัมผัสโคลนเลยรึไง ลูกคุณหนูเหลือเกิน” พี่มันบ่นผม แต่มันก็คว้ามือผมไปจับเอาไว้ ตอนแรกกะจะดึงมือออก แต่ผมว่าถ้าผมดึงมืออกตอนนี้ ผมล้มอีกรอบแน่ และก็จริงพอผมเดินไปได้สองสามก้าวเท่านั้นแหละ ผมก็ลื่นอีกรอบ แต่คราวนี้ผมไม่ล้ม เพราะพี่ดินมันยื่นมือเข้ามาคว้าเอวผมไว้พอดี และนั่นก็ทำให้เสียงกรี๊ดเสียงแซวดังขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งจากพวกเพื่อนของพี่ดิน และพวกเด็กปีหนึ่งปีสอง


“นานๆที่จะมีโคตรเดือนมาอยู่ในคณะ พวกสาวๆต้องมาตามกรี๊ดจนพี่เครียดตายแน่นอน”


“กูไม่เครียดหรอก เพราะมึงบอกจะเป็นไม้กันหมาให้กู”


“เออ ลืมไป” ผมเงยหน้ามองพี่ดิน ตอนนี้พี่มันยังคงมุ่งมั่นพาผมไปทางพวกเด็กๆปีหนึ่ง


“แล้วมึงจะถ่ายอะไรเนี่ย”


“ถ่ายเด็กปีหนึ่งเนี่ยแหละ”


“เอาสิ คงถ่ายได้แล้วมั้ง ถ้าขืนเดินเข้าไปอีก กูว่ามึงคงได้เดินล้มหัวคะมำแน่ๆ แค่ใกล้ๆยังเดินทรงตัวไม่ได้เลย” พี่มันบ่นผมครับ แต่ก็ยังยืนซ้อนหลังพยายามช่วยไม่ให้ผมล้มลงไปอีก ผมยืนถ่ายรูปนู่นนี่ไปสักพัก โดยมีพี่ดินเดินอยู่ข้างๆ


“เรียบร้อย แสงได้ รูปสวย”


 “แต่เนื้อตัวดูไม่ได้เลย”


“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมกลับไปเปลี่ยนที่บ้าน”


   พี่ดินพาผมออกมาจากแปลงนาข้าว พอเดินมาถึงข้างหน้าพี่เมืองกับพี่ภูก็เดินมาหาผม แล้วตักน้ำมาให้ผมล้างเนื้อล้างตัว

 
   “พี่ดินไม่ล้างหน้าอ่ะ”


   “ไม่อ่ะ ยังไงเดี๋ยวมันก็ต้องเปื้อนอยู่ดี”


   เวลานี้ผมยืนข้างๆพี่ดิน แอบฟังที่พี่เขาคุยเล่นเฮฮากับพวกเพื่อนๆไปพลาง พี่ดินในตอนนี้ดูเป็นที่สนอกสนใจของใครหลายๆคน เพื่อนบางคนก็แซวว่าน่าจะเปลี่ยนตัวเองตั้งนานแล้ว พวกสาวปีสองปีสามก็พากันเดินมากรี๊ด เดินมาถามว่าใช่พี่ดินตัวจริงรึเปล่า ทุกคนพูดราวอย่างกับไม่เชื่อในสายตา ว่าคณะตัวเองจะมีคนหล่อสถิตอยู่ด้วย


   “พี่ดินหนูคิดว่า เรื่องที่พวกพี่เมืองเล่ามันจะเป็นเรื่องโกหกเสียอีกนะเนี่ย” น้องผู้หญิงปีสองกรูกันเข้ามาหาพี่ดิน จนผมต้องกระเด็นออกมาอยู่นอกวงโคจร


   “เมืองมันเล่าอะไรล่ะ”


   “ตอนหนูอยู่ปีหนึ่ง พี่เมืองบอกว่า ใต้คราบโจรของพี่ พี่หล่อมาก!!!” พูดเสร็จพวกสาวๆก็กรี๊ดกร๊าด


   “พี่น่าจะเปลี่ยนตั้งนานแล้ว” พวกสาวๆ กรูเข้ามาถาม


   “พี่ดินมีแฟนยัง”


   “อิฝ้าย พอเห็นพี่เขาหล่อ มึงก็จัดเลยนะ ตอนนั้นมึงยังด่าพี่เขาอยู่เลยว่าหน้าเหมือนโจรแถมยังทำตัวโหดเหมือนโจรอีก”


   “อิผิง มึงอย่าว่ากู มึงก็ไม่ต่าง วันก่อนมึงยังบ่นพี่ดินว่าเหมือนหมอผี ถ้ามึงจ้องพี่เขามากๆ เขาจะเสกความธนูเข้าตัวมึง”


   “อิพวกนี้พูดไม่เกรงใจพี่เขาเลย พี่ดินอย่าไปฟังมันนะคะ พี่ดินมีเบอร์ป่ะ หนูขอ”


   “อิฝน อิตอแหล มึงเนี่ยหัวหน้าแก๊งค์แอนตี้พี่ดิน”


   สาวๆเริ่มเถียงกันเอง โดยมีพี่ดินยืนขมวดคิ้วฟัง นี่อีกฝ่ายคงกำลังคิดตามว่าตัวเองสมัยก่อนมันเลวร้ายอย่างที่สาวๆพูดจริงๆเหรอ  ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อไอ้พี่ดินมันเดินออกมาจากวงสนทนาอันแสนวุ่นวาย แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าผม ก่อนจะยกมือขึ้นมาถูแก้มของผมเบาๆ


   “ทำไมถึงทำตัวเด๋อได้ขนาดนี้นะ” พี่ดินมันหันมามองผม แต่มือมันก็ยังถูกแก้มของผมอยู่ มันเล่นอ่อนโยนจนทำเอาหัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปเลย


   “ปะ...เปื้อนเหรอ” เอ้าแล้วลิ้นกูก็เปลี้ยไปซะอย่างงั้นแหละ


   “อือ”


   “ว่าแต่แก้มพี่ก็เปื้อน”


“เปื้อนมากเหรอ”


“ก็นิดนึง”


“เช็ดให้หน่อยดิ”


   “ก็ได้”


   คราวนี้บรรยากาศตรงแปลงนาข้าวเงียบกริบ ทุกคนต่างหันมามองเราทั้งคู่ และพอผมรู้สึกถึงความผิดปกติเลยรีบถอนมือออกมาจากใบหน้าพี่มันทันที พี่มันยิ้มนิดๆ ก่อนจะผลักหัวผมเบาๆ


   “อย่าบอกนะว่ามึงกำลังเขินกู”


   “เปล่าสักหน่อย”


   “เอาพวกปีหนึ่ง ใครที่ปลูกข้าวในมือเสร็จแล้วก็ขึ้นมาหาพี่ทางฝั่งนี้ มานั่งพักกันก่อน” พี่ปีสองเดินมาเรียกพวกรุ่นน้องทางด้านหน้าคันนา ส่วนพี่ปีสามอย่างพี่ดิน พี่เมือง พี่ภู ก็เดินไปด้านข้างแทน พวกพี่เขาไปยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ผมว่าคณะนี้แม่งเท่ห์แบบสุดๆ พวกน้องๆปีหนึ่งใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยีนส์ที่มีตราคณะลุยโคลน ปลูกข้าวดำนำ แบบไม่กลัวเปื้อนกันเลย เนื้อตัวของแต่ละคนม่อมแม่มไปด้วยดินโคลน แต่ก็ยังคงยิ้มได้ แถมดูสนุกสนานกันด้วย


   “พี่ดิน คณะพี่เรียกกิจกรรมนี่ว่าอะไรอ่ะ” ผมหันไปถาม


   “รับน้องลุยโคลน”


   “เออ ตรงๆ เนอะ”


   “ก็ลุยโคลน ปลูกข้าว ให้น้องรู้ถึงวิถีชิวิตของชาวนา”


   “แล้วทำไมพี่ถึงเลือกจะพาน้องๆมาปลูกข้าวละ ทำไมไม่ไปปลูกอย่างอื่นกันบ้าง”


   “เพราะอาหารหลักของคนไทยคือข้าวไงล่ะ” พี่มันหันมาพูดพร้อมยิ้มให้ผม


   “งั้นรอแปบ ผมขอสัมภาษณ์เลยพี่สักนิดเลยดีกว่า” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงพี่ดินเก็บไว้


   “พี่ได้อะไรจากการเรียนคณะเกษตร”


   “ได้ทักษะการเป็นมนุษย์ ได้เรียนพื้นฐานทุกอย่างที่มนุษย์ควรจะได้เรียน”


   “ยังไง”


   “พื้นฐานการดำรงชีวิตของคนเรามันก็เริ่มต้นมาจากธรรมชาติ เช่นอาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เราจะสร้างบ้านได้เราก็ต้องใช้ต้นไม้ เราจะกิน เราก็ต้องปลูกผัก ทำปศุสัตว์ เราจะทำเสื้อผ้าสวยๆใส่ เราก็ต้องใช้พวกพืชพวกหม่อนไหมมาแปรรูป และเมื่อเราป่วย เราก็ต้องเอาสมุนไพรต่างๆมาทำยารักษาโรค”


   “อืม เท่ห์จัง พี่ว่าอาชีพเกษตรกรมันสำคัญกับประเทศเราไหม”


   “เคยได้ยินไหม ประโยคที่ว่าประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ“


“ครับ”


“บรรพบุรุษของเรา ก็ทำอาชีพเกษตรกรทั้งนั้นแหละ เพราะว่าแผ่นดินไทยมันสมบูรณ์ไง ปลูกอะไรก็งาม น้ำท่าก็สมบรูณ์ แต่คนสมัยนี้ไม่ค่อยเห็นค่าในอาชีพของเกษตรกร พอบอกว่าเรียนเกษตรก็ชอบทำหน้าดูถูก ทั้งๆที่ มันมีประโยชน์กับเรามากที่สุด”
“พี่ดินดูเหมือนรักอาชีพนี้จริงๆ”


“อือ” พี่มันหยักหน้า


“น้องฟ้าสนใจซิ่วมาเรียนเกษตรไหม พี่จะดูแลอย่างดี” เพื่อนพี่ดินที่อยู่ทางด้านหลังตะโกนขึ้นมา  ผมคิดว่าพวกพี่มันคงได้ยินที่ผมกับพี่ดินพูด


“ผมไม่เหมาะหรอกพี่ ผมเหมาะกับนิเทศแล้ว”


“ว้า น่าเสียดายแทนใครบางคน”


“ไอ้แห้ว มึงอย่าเอาน้องมาตกระกำลำบากกับพวกเราเลยเว้ย ให้เขาอยู่บนฟ้าดีแล้ว เราอ่ะอยู่ที่ดินพอ”


“แต่เห็นหน้าน้องแล้วกูอยากจะพาน้องเขามากัดก้อนเกลือกินกับกูจัง” ไอ้แห้วเอ่ยแซวก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากเมื่อเห็นไอ้เพื่อนหน้าหล่อของคณะหันมา


“มึงก็ไปแซวน้องมัน” ไอ้พี่ภูพูดจบก็เดินมาทางผม


“ฟ้า เปลี่ยนใจได้นะ ซิ่วมาเรียนได้ พวกพี่จะดูแลฟ้าเป็นอย่างดีเลย พี่ขอสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง” พี่ภูก็อีกคน นี่คงกะจะมาแซวผมด้วยสิท่า ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้มๆกลับไป พวกพี่แม่งก็พูดโน้มน้าวให้ผมมาเรียนกับพวกมันเสียให้ได้


“ไม่อ่ะ คณะผมดีแล้วพี่”


“โห่ ถ้ามานะพี่จะให้ไอ้ดินตามดูแลฟ้าเลย”


“เฮ้ย ผมโตแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาดูแลหรอก” ผมปฏิเสธแทบจะทันที่ พวกพี่มันก็ชงกันจริง


“ไอ้เด็กนี่มันโตแล้ว มึงได้ยินนะไอ้ภู พวกมึงเลิกแซวได้ล่ะ น้องมันมาทำงาน”


“แหมแตะต้องไม่ได้เลยนะ พอดีผมรู้สึกว่าเพื่อนคนหนึ่งของผมมันสนใจน้องเขา ผมก็เลยอยากจะช่วย วันนี้เพื่อนของผมคนนั้นก็อุตสาห์ไปเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครบางคนอีก”


“ไอ้สัด” พี่ดินสบถใส่เพื่อนสนิทของตัวเอง


“ระวังหมาคาบไปแดกนะมึง” พอพี่ภูพูดจบ ไอ้พี่ดินก็ยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างของผม ก่อนที่พี่มันจะขยับปากพูดอะไรออกมาสักอย่าง




กูไม่กลัว เพราะกูจะเป็นหมาตัวนั้นเอง”





“แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม” ทุกคนในคณะพร้อมใจกันโห่แซวทันทีที่พี่ดินพูดจบ ส่วนผมนะเหรอก็ได้แต่ยืนงงอยู่อ่ะดิ เพราะไม่ได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ว่าพี่มันพูดว่าอะไร



.........tbc.............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2017 14:08:23 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อยากเห็นพี่ดินเปลี่ยนตัวเองเร็วๆ แล้ว ว่าจะสมคำร่ำลือหรือไม่นะ  :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ลมนี่แห้วมาแต่ไกลเลยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ดิน-ฟ้่า น่ารักมาก :กอด1:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
แหมม พี่ดินนนน ทัมมาเปงเด้อออออออ :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า  :L2:

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
+ค่ะ แหมมมม ยาวๆๆๆๆๆจ้าาา 555555
ส่วนพี่ลมนี้นกมาแต่ไกลจ้าาาา 555 หาใหม่เอาเนาพี่ลมมม ปล่อยให้ฟ้าอยู่กับดินเอาเนาะะะะ  :hao6:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
พี่ดินบอกเป็นหมาตัวนั้นคือหมาที่คาบมาจากพี่ลมใช่เปล่า 555

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
พี่ดินมันร้าย 555555

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ตอนที่ 4






หลังจากที่พี่ดินมันเปลี่ยนแปลงตัวเองจนใครต่อใครตกอกตกใจ เพียงไม่นานผมก็เห็นรูปของพี่มันขึ้นในเพจทำเนียบหนุ่มหล่อของมหาลัยอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันขึ้นแท่นสามีของมหาลัยแล้วครับ  แถมมันยังเป็นที่หมายปองอันดับหนึ่งของสาวๆไปแล้วด้วย  เดินไปไหนสาวๆก็ตามกรี๊ดอย่างกับโอปป้าเกาหลี


 แถมความหล่อของมันก็ไม่ธรรมดานะครับ เพราะมันดันไปทำตัวสะดุดหูสะดุดตาเด็กนิเทศการแสดง ถึงขนาดมาตามอ้อนวอนขอให้มันไปเป็นพระเอกละครเวทีปีนี้  แต่พี่ดินมันก็ปฏิเสธเขาตลอด ปฏิเสธจนความซวยมันมาตกอยู่ที่ผม เพราะรุ่นพี่ในคณะมันดันรู้ว่าผมกับพี่ดินรู้จักกัน คือจะไม่ให้พวกพี่มันรู้ได้ยังไง ก็ผมเล่นซ้อนท้ายรถพี่ดินมันมามหาลัยเกือบทุกวัน ตอนแรกกะจะไม่มากับมัน เพราะกลัวเป็นประเด็นร้อน แต่มันยกเอาคำสัญญาที่ผมบอกว่าจะเป็นไม้กันหมาขึ้นมาขู่ ผมก็เลยต้องจำใจ


ช่วงแรกๆ ก็วุ่นวายครับ มีแต่คนเข้ามาถามว่าผมกับพี่ดินเป็นอะไร ผมเลยได้แต่ตอบพวกเขากลับไปว่า


อ๋อ เป็นพี่น้องกันครับ รู้จักเพราะบ้านอยู่ข้างกัน ไม่มีอะไรในกอไผ่แน่นอนครับ ตอนนี้ผมขอโฟกัสเรื่องเรียนกับเรื่องงานก่อน  ผมโสดครับ โสดร้อยเปอร์เซ็นต์


ผมตอบแบบนี้ทุกครั้งที่มีคนมาถาม ทำเอาคนฟังรู้สึกหมั่นไส้จนตอนนี้พวกเขาเลิกถามผมไปเลย
   

และชีวิตตอนนี้ของผมก็ยังต้องยุ่งวุ่นวายเหมือนเดิม แถมอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะต้องทำหน้าที่เป็นไม้กันหมา แถมยังต้องมานั่งพูดปากเปียกปากแฉะ อ้อนวอนแทนรุ่นพี่เอกการแสดง ขอร้องให้พี่มันไปเป็นพระเอกละครให้พวกเขาอีก


“พี่ไม่สนใจที่จะแสดงละครจริงๆอ่ะ” ผมนั่งกินไอติมอยู่ตรงโต๊ะหน้าบ้านพี่ดิน โดยที่สายตาก็มองไอ้พี่หน้าหล่อที่เอาแต่อาบน้ำไก่ แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่ผมถาม แหมวันนี้ทำมาเป็นหยิ่ง ไม่คุยกับผม!


“พี่ดิน ผมถามว่าพี่ไม่อยากเป็นพระเอกเหรอ”


“...”


“พี่ดิน ตอบผมหน่อยดิ”


“...”


“ไม่อยากเป็นพระเอกเหรอ”


“ไม่”


“แต่ผมว่าพี่หล่อนะ หล่อมากจนน่าไปเป็นพระเอก”


“กูบอกว่าไม่ไง มึงนิน่ารำคาญ”


“พี่พระเอกใจร้าย”


“เดี๋ยวกูถีบ”


“พี่พระเอก วันนี้มีเรียนป่ะ”


“ไม่”


“พี่พระเอกกินติมม่ะ”


“ไม่”


“นี่พี่พระเอกจะถามคำ ตอบคำกับผมใช่ไหม”


“เออ”


“โกรธอะไรผมเนี่ย”


“โกรธทุกอย่าง!...  และจะเลิกพูดกับมึงด้วย ถ้ายังไม่เลิกเรียกกูว่าพี่พระเอก”


“งื่อ ผมทำอะไรผิดอ่า”


“เกลียดเสียงงื่อของมึงจริงๆ” พี่มันมองค้อนผมครับ ก่อนจะเปิดปากบ่นผมต่ออีกรอบ


“กูไม่น่าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะคำพูดมึงเลย วุ่นวายชิบหาย”


“อ้าวทำไมอ่ะ เปลี่ยนตัวเองก็ดีแล้ว หล๊อหล่อ”


“ก็เพราะเปลี่ยนตัวเองไง เลยทำให้ชีวิตของกูช่วงนี้รู้สึกวุ่นวายไปหมด มีแต่คนอยากจะเข้ามาทำความรู้จัก แล้วมึงดูโทรศัพท์กู สั่นอยู่บนโต๊ะอย่างกับเต้นสามช่า คนโทรหากูทั้งวัน”


“ก็ดีไงได้มีเพื่อนคุย รับดิ”


“รับบ้านพ่องดิ กูเบื่อ!... มึงไปทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาหยุดโทรหากูที่ดิ”


“ปิดไปดิ”


“เดี๋ยวที่บ้านกูโทรมา ทำไงอ่ะ”


“เปลี่ยนเบอร์”


“เลขมันสวยแล้ว”


“แล้วพี่จะให้ผมช่วยยังไง ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้” ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจ พอหล่อเข้าหน่อยทำเป็นเรื่องมาก


“กูจะรู้เหรอ มึงบอกกูเองนะ ว่าจะเป็นไม้กันหมาให้กู..ไป ไปทำหน้าที่เลย”


“โอเคๆ ก็ได้” ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู อือหื้อ 96 สายไม่ได้รับ และเพียงไม่นานก็มีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามาอีกครั้ง ผมเลยตัดสินใจกดรับ


“สวัสดีครับ”


[นั่นดินใช่ไหม] 


“ไม่ใช่ครับ”


[อ้าว แล้วมารับโทรศัพท์ดินได้ไง]


“อ๋อ พอดีเป็นน้องของพี่เขาครับ มีอะไรรึเปล่า”


[ไปเรียกดินมาคุยหน่อย]


“พี่ดินไม่ว่างทำงานอยู่”


[แล้วเมื่อไรดินจะว่าง!!! ไปเรียกดินมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้]  ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู อิเจ้นิเป็นใครกันทำไมเกรี้ยวกราดแบบนี้


“ชาติหน้าพี่ดินถึงว่าง แค่นี้นะครับ” พูดเสร็จเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นออกมาจากทางปลายสาย อือหือถ้ากดวางช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เสียงกรี๊ดของยัยเจ้มันคงทำขี้หูผมเต้นระบำแน่



“มึงนิมันแสบจริงๆ” ไอ้พี่ดินหัวเราะผม มันยังคงปล่อยให้ผมรับโทรศัพท์ของมันไปเรื่อย ส่วนตัวมันก็เดินไปถอนหญ้าปลูกผักบนแปลงเล็กๆที่อยู่ข้างบ้านของมันต่อ บ้านเช่าของพวกพี่ดินกว้างกว่าของผมอยู่นิดนึง ด้านนอกตัวบ้านยังมีเนื้อที่เยอะพอสมควร เยอะพอที่จะทำให้พวกๆพี่เขา เลี้ยงนก ตกปลา ปลูกผัก ทำสวนทำไรของมันได้ ถึงแต่ละอย่างที่มันทำจะดูเป็นไซส์มินิก็เถอะ แปลงเล็กๆ บ่อเล็กๆ น่ารักๆ ขัดกับหน้าตาของพวกพี่มัน


ผมเลิกสนใจมองไอ้พี่ดินมัน แล้วกลับมาสนใจโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ ตอนแรกผมก็กะจะรับแบบใจเย็น  แต่พอเริ่มรับไปเรื่อยๆ ชักมีน้ำโห มึงจะโทรอะไรกันหนักหนา โทรแบบถี่หยิบจนเครื่องสั่นเป็นเจ้าเข้า แล้วคำถามแต่ละอย่าง ก็ไม่มีห่าอะไรเลยนอกจาก ดินอยู่ไหน ดินทำอะไรอยู่ และผมเป็นอะไรกับดิน วนแม่งอยู่สามคำถามเดิมๆ ผมล่ะอยากจะอัดเสียงเอาไว้ แล้วให้มันตอบกลับอัตโนมัติเลย ให้ตายเถอะ


“พวกสาวๆไม่โทรมาแล้วเหรอ” พี่ดินมันเดินมาหยุดตรงหน้าผม ในมือมันถือพลั่วเล็กๆไว้อันหนึ่ง 


“โทรมาดิ โทรมาไม่หยุดเลยเนี่ย”


“แล้วทำไมไม่รับ”


“เหนื่อย ขอพักก่อน”


“เฮ้ย ทำหน้าที่ให้มันเต็มร้อยหน่อยดิ ใครบอกว่าถ้ากูเปลี่ยนแปลงตัวเองมันจะยอมเป็นไม้กันหมาให้กู”


“เออก็ทำอยู่นี่ไง แต่สาวๆพี่ โทรมาไม่หยุดเลย ดูเนี่ย!โทรมาอีกแหละ” ผมโชว์หน้าจอมือถือให้พี่มันดู ก่อนจะกดรับด้วยความโมโห


“สวัสดีครับ”


[นั่นใคร]


“เมียดิน!!!”


พูดเสร็จผมก็กดวาง ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ดินที่ตอนนี้มันทำหน้าตาตื่นตกใจ


“โทษนะพี่ ที่ต้องสมอ้างว่าเป็นเมีย ไม่งั้นแม่งก็โทรซ้ำๆย้ำๆ อยู่นั่นแหละน่าโมโห”


“ก็... ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอบไปเถอะ”


“แล้วนี่พูดติดอ่างทำไม เอ้า!เอามือเช็ดจมูกทำไม เปื้อนหมดแล้ว พี่นิมันป้ำๆเป๋อๆเหมือนกันนะ” ผมลุกขึ้นไปปัดดินที่จมูกให้พี่มันอย่างลืมตัว ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่มันจ้องมองผมแบบไม่วางตา


“จะ..จ้องทำไมเนี่ย มีอะไรติดหน้าผมรึไง”


“ไม่มี แค่อยากรู้ว่า ทำไมหน้ามึงเหมือนหมาแท้ว่ะ” พูดเสร็จพี่มันก็ผลักหัวผม จนผมเกือบเซ


“หน้าผมเหมือนหมา หน้าพี่ก็เหมือนหมาแบบผมนั่นแหละ”


“ไอ้เด็กนี่ เถียงคำไม่ตกฟาก” พี่ดินมันหยิบพลั่วขึ้นมาจะตีผม แต่ผมวิ่งไปหลบที่หลังโต๊ะก่อน


“นี่พี่ดิน คงไม่โกรธผมนะที่ผมตอบไปแบบนั้นอ่ะ”


“จะโกรธทำไมอ่ะ นั่นมันหน้าที่มึงนิ”


 “โอ๊ย คนนี้โทรมาอีกแล้วอ่ะ ดูดิพี่ดิน คนนี้โทรมาสองสามรอบแล้วเนี่ย ผมเบื่อจริงๆ”  ผมเดินหงุดหงิดไปทางพี่มัน ก่อนจะโชว์หน้าจอให้อีกฝ่ายมันดู


“ดะ... เดี๋ยว คนนี้อย่างเพิ่งกดรับ” ไอ้พี่ดินมันเดินมาใกล้ผม ก่อนจะชี้ให้ผมยื่นโทรศัพท์มาให้มันดู เพราะว่ามือมันเปื้อนมันเลยจับโทรศัพท์ไม่ได้


 “คนนี้ทำไมอ่ะพี่... พี่เมมชื่อไว้แค่สระ    คนนี้สำคัญเหรอ”


“อือ มึงรับไปกี่หนแล้ว!”


“สองหน ก่อนหน้านี้ กับเมื่อกี้”


“กูอยากจะบ้าตาย”


“อะไรอ่ะพี่ คนนี้ใคร คนสำคัญเหรอ”


“โอเค กูขอหายใจเข้าลึกๆแปบ” ผมเห็นพี่ดินมันทำสีหน้าวิตกกังวล ผมก็ชักจะเริ่มจะกลัวขึ้นมาแล้วแหละ


“คนนี้ทำไมอ่ะพี่”


“คนนี้แม่กู!!!”





พี่ดินรีบเดินไปล้างมือ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในมือผมออกไปโทรหาแม่ของเขา คือพี่มันจะมาโกรธผมไม่ได้นะเว้ย ก็เล่นเมมชื่อแม่ตัวเองไว้แค่สระแอ แล้วใครมันจะไปรู้ละ ว่านั่นเป็นแม่ของพี่มัน ผมมองตามร่างสูงที่เดินไปเดินมาตรงสวนข้างบ้าน แอบได้ยินไอ้พี่ดินมันคุยกับแม่แล้วรู้สึกขนลุกเบาๆ


เสียงอีกฝ่ายมันดูอ้อนผิดปกติมากเลย ไม่ยักจะรู้ว่าไอ้พี่ดินมันเป็นคนอ้อนแม่เก่งขนาดนี้ ดูแต่ละประโยคของมันดิโคตรน่าขนลุกเลย


“โธ่แม่ ผมคิดถึงแม่เสมอล่ะ”


“รัก รักมากอยู่แล้ว รักคนเดียว”



“ครับ”


“เดี๋ยวผมโทรไปใหม่นะ ช่วงนี้ก็เรียนหนักอยู่ เข้าแล็ปเหมือนเด็กวิทย์เลย”


“ไม่ติดเอฟหรอก โธ่แม่ก็พูดไป”


“เดี๋ยวปิดเทอมผมกลับไป”


“ครับ”


 “เดี๋ยวผมพาไปแนะนำ อือ น่ารัก”


“ครับๆ งั้นแค่นี้นะแม่ สวัสดีครับ”






“มึงแอบฟังกูคุยเหรอ” ร่างสูงเดินมาประชิดผมที่บ่อปลาเล็กๆ หน้าบ้าน


“ไม่ได้แอบฟังสักหน่อย ผมแค่ว่างเลยเดินเอาอาหารมาให้ปลาเท่านั้นเอง”


“นึกว่าแอบฟัง”


“ใครมันจะไปอยากรู้เรื่องของพี่ ผมไม่ได้เป็นคนขี้เสือกขนาดนั้น”


“หืม ว่าตัวเองทำไมล่ะ”


“ไอ้พี่ดิน!!”


“เสียงมึงจะแหลมไปไหน”


“พี่ดิน ผมขอถามอะไรหน่อยนะ ทำไมพี่เมมชื่อแม่พี่แบบนั้นอ่ะ”


“คือกูจะพิมพ์ว่าแม่นะ แต่ตอนนั้นโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ไว้ใช้เมมเบอร์หน้าจอมันดันแตกไปครึ่งหนึ่ง กูเลยพิมพ์ได้แค่นั้น พอเปลี่ยนเครื่องใหม่ก็ไม่ได้แก้ ลืม”


“เอ้า!ซะงั้นอ่ะ”


“คนอื่นมาเห็นก็เข้าใจผิดแย่”


“ไม่มีใครมาจับโทรศัพท์กูหรอก มึงคนแรก”


“...” เอาอีกแหละ พี่มันพูดให้ผมรู้สึกแปลกอีกแล้ว


“เออ ไปหาไรกินกันม่ะ กูเริ่มหิวแล้ววะ”


“พี่ก็ทำกินเองดิ”


“กูทำอาหารไม่เก่ง”


“ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ทำอาหารไม่เก่ง ผมก็หลงคิดไปเองว่าพี่ทำอาหารอร่อยแน่ๆ เพราะเห็นพี่ภูพี่เมืองทำอาหารโคตรเก่ง”


“กูไม่ถึงขั้นไอ้พวกนั้นหรอก ต้มมาม่าทอดไข่ได้ก็เก่งแล้ว”


“เรียนเกษตรทั้งที่ นึกว่าจะเก่งด้านงานครัวด้วย”


“เรียนเกษตรไม่จำเป็นต้องทำกับข้าวเก่งเว้ย”


“แต่ผมขี้เกียจไปอ่ะ ให้พี่ภูพี่เมืองมาทำให้กินดิ”


“มึงนั่งอยู่กับกูตั้งนานสองนาน เห็นหัวไอ้พวกนั้นไหม”


“เออว่ะ แล้วพี่เขาไปไหนกันอ่ะ”


“มันไปช่วยงานอาจารย์ที่ฟาร์ม”


“ว้าว ที่มหาลัยมีฟาร์มด้วยเหรอ”


“มีดิ เอาไว้เรียน”


“แล้วทำไมวันนี้พี่ไม่ไปช่วยอ่ะ”


“วันนี้กูอยากพัก เลยไม่ไป”


“เสียดาย ผมอยากไปดูอ่ะ”


“เอาดิ ถ้ามึงสนใจเดี๋ยวกูพาไปก็ได้ แต่ตอนนี้ไปกินข้าวกับกูก่อน”


“ผมยังไม่หิวเลย พี่ไปกินเถอะ”


“คือกูก็อยากจะไปเองนะ ถ้าไม่ติดว่าเวลาแห่งการรับประทานอาหารที่แสนจะมีความสุขของกูมันจะต้องวุ่นวาย เพราะมีไอ้หมาที่ไหนไม่รู้มาให้กูเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนความอิสระของกูหายไปหมด”


“โอเคๆ ไม้กันหมาๆ”


“เข้าใจก็ดีแล้ว”


“งั้นขอเปลี่ยนกางเกงก่อน”


“เปลี่ยนทำไม”


“กางเกงขาสามส่วน กับเสื้อยืดย้วยๆตัวใหญ่ของผมมันดูบ้านๆไปวะ”


“จะใส่สูทผูกไทป์ไปนั่งแดกข้าวข้างทางกับกูเหรอ”


“ทำไมปากร้าย เอาเถอะสภาพเสื้อยืดดำ กางเกงสามส่วนของพี่ก็ดูซกมกไม่ต่างจากผม”


“เด็กอะไรพูดมากจริง” พี่มันเดินไปหยิบเสื้อคลุมแขนยาวสีดำมาใส่ ผมว่ามันคงชอบเสื้อตัวนี้มาก เพราะผมเห็นมันใส่อยู่ตัวเดียว ทั้งตอนไปเรียน ตอนออกไปซื้อของ หรือไปกินเหล้า เคยถามว่าไม่มีเสื้อตัวอื่นเหรอ มันก็บอกว่ามีอยู่สามสี่ตัว แต่ก็เป็นสีเดียวกันหมด ยี่ห้อเดียวกัน และคำตอบพี่มันก็ทำเอาผมอึ้งไปสักพักใหญ่ ไม่คิดว่ามันจะเป็นได้ขนาดนี้




ระหว่างที่ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์ พี่ดินมันก็ถามผมขึ้นมาว่าผมอยากกินอะไร


“มึงอยากกินอะไรอ่ะ”


“อะไรก็ได้”


“งั้นข้าวมันไก่ตาบื๋อม่ะ”



“ไม่เอาอ่ะ ผมเบื่อเมื่อวานเพิ่งไปกินกับพวกไอ้สิงห์มา”


“ข้าวซอยร้านป้านิด”


“เลี่ยนวะพี่ หัวกระทิทั้งนั้นเลย”


“ก๋วยเตี๋ยว”


“เบื่อเส้น”


“ข้าวหมกไก่”


“มันก็เหมือนข้าวมันไก่ไหมล่ะ”


“หมูกระทะ”


“ตลก นี่ตอนกลางวันนะ ใครเขากินหมูกระทะกัน”


“งั้นไม่ต้องแดก เดี๋ยวกูจะถีบมึงลงจากรถล่ะ”


“โธ่ ก็พี่ถามผมเอง”


“แล้วใครมันบอกว่ากินอะไรก็ได้ เด็กอะไรเรื่องมากจริง”


“งั้นก็แล้วแต่พี่ล่ะกัน”


“งั้นไปกินอาหารตามสั่ง ตรงซอยสี่”


“ก็ได้”





เพียงไม่นานรถของพี่ดินก็มาจอดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่ง พอผมเห็นด้านในก็รู้เลยว่านี่มันเป็นถิ่นใคร ถ้าไม่ใช่พวกเด็กเกษตร


“เด็กเกษตรทั้งนั้นเลย”


“ก็นี่ร้านประจำของพวกกู ป้าหมูแกให้เยอะดี”


“ถึงว่า มีแต่เด็กเกษตร”


“กินที่นี้ไม่ค่อยมีคนสนใจกู เพราะรู้จักกันหมดแล้ว”


“แล้วมาบอกให้ผมเป็นไม้กันหมาทำไม ถ้าจะมากินร้านประจำของตัวเอง”


“เลิกบ่น แล้วเดินเข้าไปได้”


พอผมกับพี่ดินเดินเข้าไปในร้านเท่านั้นแหละ เสียงแซวรอบข้างแม่งดังขึ้นเป็นระยะเลย ขนาดสาวๆที่มีอยู่น้อยนิดยังหวีดร้องให้ไอ้พี่ดินกันเบาๆ แต่ละคนหันมามองผมกับพี่เดียวเป็นตาเดียว


“อ้าวไอ้ดิน มึงไม่ได้ไปช่วยพวกไอ้เมืองในฟาร์มหลังมอเหรอวะ” คนที่ทักพี่ดินคนแรกดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ในคณะ


“ไม่ได้ไปพี่ ปิดเทอมที่ผ่านมา ผมทำมาเยอะแล้ว”


“อ๋อ... เออกูจะถามตั้งแต่เจอมึงที่คณะล่ะ คิดไงไปเปลี่ยนตัวเองเนี่ย เจอคนที่ชอบรึไงมึง” ไอ้พี่คนนั้นหันมามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์


“พี่มากินนานยังอ่ะ” ไอ้พี่ดินมันเปลี่ยนเรื่องคุยครับ คงไม่อยากตกเป็นประเด็น


“แหมทำมาเปลี่ยนคำถาม พวกกูมากินนานแล้ว มึงก็ไปสั่งเถอะ กูไม่กวนแล้ว”


“ครับ”


แต่พอพี่มันจะพาผมไปนั่งทางโต๊ะด้านใน ระหว่างทางมันก็ถูกคนนู่นคนนี้เรียกให้หยุดคุยตลอด จนผมชักจะหงุดหงิด เลยต้องเดินนำมันเข้าไปก่อน


“เฮ้ย เด็กมึงงอนวะ”


“ก็พวกมึงชวนกูคุยอยู่ได้ ไปก่อนนะ”


“เดี๋ยวดิน คนนี้เหรอ”


“คนนี้อะไรของมึง”


“โอเคๆ ไม่พูดก็ได้ เฮ้ยเดี๋ยวมึงกินข้าวเสร็จไปเที่ยวฟาร์มดิ เมื่อเช้าพวกกูรีดนมวัวกัน แม่งโคตรอร่อย”


“ได้ เดี๋ยวกูไป”


“เออ เจอกัน พวกไอ้เมืองแม่งก็นอนเล่นอยู่ที่นั่นแหละ”


“เค”





“ทำหน้าเป็นตูดเลย สั่งไรยังอ่ะ”


“ยัง ผมรอสั่งพร้อมพี่ไง”


“งอนกูเหรอ”


“ผมจะงอนพี่ทำไม”


“ก็เห็นเดินมาก่อน”


“ผมขี้เกียจรอพี่คุยกับเพื่อนต่างหาก”


“หน้าที่ไม้กันหมา คือมึงต้องอยู่ข้างๆกู”


“แต่กับเพื่อน ไม่ต้องก็ได้มั้ง”


“ไอ้แสบเอ๊ย แล้วจะกินอะไรได้สั่งให้”


“อะไรก็ได้”


“งั้นเอาเหมือนกูนะ”


“ครับ”






พออาหารที่พี่ดินสั่งมาถูกเสิรฟ์ที่โต๊ะ ผมก็ได้แต่อึ้ง เพราะข้าวผัดกระเพราหมูกรอบไข่ดาวที่ได้มามันเยอะจนพูนจาน


“ข้าวเยอะมาก ผมจะกินหมดเหรอพี่”


“ลองกินไปก่อน ถ้าไม่หมดค่อยว่ากัน”


“ถ้าไม่หมดช่วยผมนะ”


“เออ”



พอผมตักอาหารเข้าปากคำแรกเท่านั้นแหล ฟินลืม โคตรอร่อยอ่ะ ป้าแกฝีมือดีจริงๆ ฝีมือดีจนผมกินเพลิน กินลืมตัวจนแม่งหมดจาน


“ไหนใครว่ากินไม่หมด... ไหนใครบอกต้องให้กูช่วย ใครวะ” ร่างสูงตรงหน้าแกล้งหันซ้ายหันขวา ทำเป็นมองหาใครบางคน


“ก็ผมแค่เสียดาย”


“ไอ้อ้วนเอ๊ย”


“อ้วนที่ไหน ออกจะหุ่นดี”


“หึ...นี่ยังอยากไปฟาร์มอยู่รึเปล่า ถ้าอยากกูจะได้พาไป”


“อยากดิ เพราะยังไงวันนี้ผมก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว”
   


   พี่ดินมันพาผมขี่รถไปทางฟาร์มหลังมหาลัย ตอนแรกผมก็คะยั้นคะยอให้มันพาผมไปเปลี่ยนชุดก่อนอยากแต่งตัวให้เรียบร้อย เผื่อเจออาจารย์ประจำคณะของพี่มันพวกเราจะได้ไม่โดนดุ แต่พี่มันก็ไม่ยอม พาผมขับรถมาทั้งสภาพโทรมๆแบบนี้แหละ


“ขอไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ไม่ได้”


“จะแต่งหล่อไปไหนล่ะ กูพาไปฟาร์ม พาไปลุย ถ้ามึงเปื้อนจะได้ไม่เปลืองชุด”


และไม่นาน พี่ดินก็พาผมมาถึงฟาร์มด้านหลังมหาลัย ผมมองรอบๆอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่ามหาลัยเราจะมีแบบนี้ด้วย ด้านหน้าที่ผมยืนมองอยู่มีทั้ง สวนผลไม้ แปลงนา ไร่ข้าวโพด ทุ่งดอกไม้ แถมยังมีลานกว้างเลี้ยงวัว เลี้ยงม้าด้วย ดูไปดูมาฟาร์มแห่งนี้มีครบทุกอย่าง สมกับที่เป็นสถานที่ให้นักศึกษาได้เรียนรู้


   “เดี๋ยวไปเข้าโรงเรือนก่อน ไปเอารองเท้าบูธมาใส่”


   “อืม”


   พี่ดินหยิบรองเท้าบูธมาให้ผมใส่ แถมยังเอาหมวกสานมาสวมให้ผม พี่แกบอกผมว่าให้ผมใส่เอาไว้ เดี๋ยวพวกหมูในเล้าจะคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน  ดูพี่มันพูดได้น่าตบปากมาก เราเถียงกันอยู่พักใหญ่ ก่อนพี่มันจะพาผมเดินดูนู่นดูนี้


   “น่าเสียดายไม่ได้เอากล้องมาด้วย” ผมมองธรรมชาติที่อยู่รอบๆตัว มันร่มรื่น ดูแล้วสบายตาไปหมด

 
   “วันหลังกูพามาถ่ายใหม่ก็ได้”


   “ต้องพามานะ”


   “เออ”


   “พี่ดินนี้ลูกอะไรอ่ะ” ผมชี้ไปที่ต้นไม้ข้างทาง ที่ลำต้นมันมีลูกเล็กๆ ติดเต็มกิ่งไปหมด


   “ต้นกาแฟไง นี่ไม่เคยเห็นเหรอ”


   “ไม่เคย”


   “แล้วนู่นอ่ะ”


   “ตะลิงปลิง ลองกินได้นะ”


   “รสชาติไงอ่ะ”


   “ลองสิ จะได้รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง” พี่ดินมันเด็ดลูกสีเขียวที่มีรูปร่างเรียวๆมาให้ผม ก่อนจะจ้องมองผมกินลูกตะลิ่งปลิ่งด้วยสายตาจดจ่อ


   “อือออ!!! โอ๊ยยย เปรี้ยว ไอ้พี่ดิน พี่แกล้งผม”


   “555 ไม่ได้แกล้ง แค่อยากให้ลองกิน” พี่มันหัวเราะผมครับ หัวเราะหนักมากด้วย


   “ไม่เอาแล้ว จะกลับบ้าน”


   “โอเค ไม่งอนดิ เดี๋ยวกูให้กินอันนี้”


   “อะไรอีกอ่ะ ทำไมลูกมันแปลกๆ” ผมมองลูกดำๆ ลักษณะแปลกๆ ผิวมันตะปุ่มตะปำไม่น่ากินสักเท่าไร


   “หม่อน ลูกหม่อน อร่อยนะลองกินดิ” พี่มันยืนตรงหน้าผม ก่อนจะพยักหน้า ผมมันก็บ้าครับ พอพี่มันทำหน้าเหมือนอยากให้ผมลอง ผมก็หยิบมาลองกินจริงๆ และพอเข้าปากเท่านั้นแหละ ลูกหม่อนที่พี่ดินว่ามันก็อร่อยจริงๆ รสชาติมันเปรี้ยวอมหวาน ไอ้พี่ดินมันยังบอกอีกว่ายิ่งสีเข้มเท่าไร ลูกหม่อนยิ่งหวานเท่านั้น ผมเลยลองเด็ดสีเข้มๆมากิน ก็หวานจริงอย่างที่พี่มันว่า


“แล้วนี่อ่ะพี่ดิน” ผมจับมือพี่ดินให้หยุดเดิน ก่อนจะชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่มีลูกห้อยลงมาเหมือนลูกรักบี้


“อ๋อ บักแซว”


“บักแซว?”


“เรียกอีกอย่างว่ามะกอกน้ำ”


“อร่อยไหม”


“เปรี้ยวแถมยังฝาดด้วย ต้องเอาไปแปรรูป เอาไปดองถึงจะอร่อย”


“ผมอยากลองอ่ะ ลูกไหนสุกเหรอ”


“ถ้าสีเข้มๆอ่ะดิบ แต่ถ้าสีอ่อนๆอ่ะใกล้สุก มึงดูนะ” พี่มันคว้ามือผมมาจับไว้ แล้วลากไปที่ใต้ต้นมะกอก


“มีวิธีดูอีกอย่างคือ ถ้ามันมีลักษณะเหมือนลูกรักบี้อ่ะ มันยังดิบอยู่ ถ้าลูกไหนมันบวมๆ ดูไม่เหมือนลูกรักบี้นั่นแหละสุกล่ะ” พี่มันอธิบายให้ผมฟังอย่างตั้งใจ และผมว่านี่มันคงเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพี่ดิน  เพราะเวลามันตั้งใจทำอะไร หรือเวลามันทำอะไรที่ชอบ พี่มันดูน่ามองจนไม่อยากละสายตาไปไหนเลย


“มองมะกอกสิ มองกูทำไม” พี่ดินมันหันมามองผม เราสองคนสบตากันพอดี... บรรยากาศเดดแอร์ไปสิ แล้วหัวใจของผมมันจะเต้นแรงไปถึงไหน ร่างกายแม่งเริ่มทรยศ หน้าเริ่มร้อนใจแม่งสั่น  นี่ผมจะเขินพี่มันทำไมเนี่ย


“อ่ะ..มดติดผมพี่อ่ะ”  พอผมทำอะไรไม่ถูก ผมเลยแกล้งเปลี่ยนเรื่องเสียเลย


“เหรอ เอาออกให้กูที” พี่มันก้มหัวให้ผม


“ปล่อยมือผมก่อนสิ ผมปัดไม่ถนัด”


“ก็ข้างที่ไม่ได้จับไง”


“พี่หลอกแต๊ะอั๋งผมเหรอ”


“เปล่าสักหน่อย” พอผมพูดแบบนั้นพี่มันก็ปล่อยมือผมทันที ผมเลยรีบปัดมดให้มัน แล้วรีบเดินนำพี่มันไป


“ปัดเสร็จแล้วเหรอ!  แล้วนั่นมึงจะรีบเดินไปไหน” พี่ดินเดินตามผมมาติดๆ


“ก็ยืนอยู่เฉยๆ มันร้อนนิหน่า” ผมยกมือขึ้นมาพัดหน้าตัวเอง


“คงร้อนจริงๆ แก้มมึงแดงเป็นลูกตำลึงเลย”


 “....” พี่มันจ้องหน้าผม ผมเลยต้องหันหน้าไปทางอื่น แล้วยกมือขึ้นมาพัดหน้าตัวเองไปมาอีกครั้ง อันที่จริงผมไม่ได้ร้อนเพราะอากาศหรอก วันนี้อากาศกำลังสบายๆ แต่ผมร้อนเพราะพี่มันเนี่ยแหละ...


“ถ้าร้อนก็กลับได้นะ” พี่ดินยกมือขึ้นมาช่วยพัดหน้าผมด้วยอีกคน


“ไม่เป็นไร ผมอยากเที่ยวต่อ สนุกดี”


“งั้นเดินต่อ ไม่ต้องกินมันแล้วบักแซวอ่ะ คงโดนมันแซวมากหน้าเลยแดง”


ผมยิ้มเมื่อได้ยินพี่มันพูด คนอะไรเล่นมุขได้โคตรเป็นมิตรกับธรรมชาติมาก


ระหว่างทางที่เราเดินไปด้านใน พี่มันก็ดีนะครับแนะนำนู่นแนะนำนี่ให้ผมรู้จัก อยู่กับพี่มันผมก็รู้สึกสนุกเหมือนกัน  มีอะไรทำมากมาย ดูไม่เบื่อดี


   “เฮ้ยไอ้ดิน มาได้ไงวะ” พี่เมืองกับพี่ภูและเพื่อนในคณะตะโกนทักพี่ดิน สภาพพวกพี่เขาตอนนี้คือ เสื้อแขนยาวลายตารางกางเกงขาสั้นใส่รองเท้าบูธ  แฟชั่นสไตล์คนตัดอ้อยกันมาเลย


“เมื่อกี้เจอพี่ปีสี่กับพวกไอ้พัฒน์ มันบอกให้กูมาเที่ยวฟาร์ม เห็นว่าพวกมึงรีดนมวัวกัน”


“เออ รีดเสร็จแล้วเมื่อเช้า ลองไปชิมดิ ตรงโรงเรือนเล็กอ่ะ” ไอ้เมืองมันชี้ไปทางโรงเรือนเล็กอีกด้าน


“อ้าวฟ้า วันนี้มาเก็บข้อมูลด้วยเหรอ” พี่ภูเดินเข้ามาหาผม


“เปล่า กูชวนมันมาเที่ยวเอง”


“แล่ว แล้วววววววววววววว”


“พาน้องฟ้ามาเที่ยวในฐานะอะไรครับเพื่อน มึงก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ค่อยอนุญาตให้พาคนนอกเข้ามาเพราะแกกลัววุ่นวาย แต่ถ้าพามาในฐานะคนรู้ใจ หรือคนให้กำลังใจ อาจารย์แกยกให้เป็นกรณีพิเศษน้า” พี่เมืองมันยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วมองผมกับพี่ดินสลับกันไปมา

 
“ฐานะอะไรก็เรื่องของกู อย่าเสือก


“กูไม่ได้อยากเสือกสักหน่อย ก็แค่สนใจเรื่องมึงมากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง”


“ถ้าเขาไม่ให้คนนอกเข้ามา ทำไมพี่ดินไม่บอกผมล่ะ ผมได้ไม่มา” ผมสะกิดถามพี่ดินมัน


“พวกมันก็พูดกันเกินไป อาจารย์เขาไม่ได้ว่าอะไรหรอก อย่าไปฟังพวกไอ้เมืองมันมาก มันเพ้อเจ้อ”


“แหมมมมมมมม ทำมาเป็นว่ากู”


“เออ แล้วนั่นน้องปีหนึ่งมาทำอะไรกันวะ ถือบัวรดน้ำกันคนล่ะอัน สองอัน” พี่ดินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ผมคิดว่ามันคงไม่อยากโดนเพื่อนๆแซวมาก


“อ๋อ ก็มาเรียนรู้ทักษะเบื้องต้นทั่วไป ปลูกผักปลูกหญ้า จะไปทักทายก็ได้นะ ถ้าพวกรุ่นน้องเห็นหน้ามึงมันจะได้หายเหนื่อย”


“ไม่เอาอ่ะ วุ่นวาย”


“งั้น มึงก็ลองพาฟ้าไปกินนมดิ สดใหม่เลย เพิ่งรีดเมื่อเช้า”


“อือ ก็ว่าจะพาไปอยู่”


“เฮ้ยพาไปดูคอกหมูด้วยก็ได้นะเว้ย  วันนี้แม่หมูคอกในสุดเพิ่งออกลูก... ออกมาเป็นสิบตัวเลยมึง”


“โห่ เสียดายกูไม่ได้มาตอนมันออกลูก”


“ก็เสือกอยากพักเอง สมน้ำหน้า”


“ให้กูได้พักบ้างเห๊อะ ช่วงปิดเทอมมึงไปเที่ยวกันสนุก มีกูที่มาช่วยอาจารย์ไม่ได้หยุดเลย”


“จะบอกว่ากูขี้เกียจสินะ มึงจะไปไหนก็ไปเลยป่ะ ไม่อยากคุยล่ะ เสียเวลาทำงานกู”


“เออ! งั้นกูไปแล้ว เดี๋ยวพาไอ้หมาไปลองกินนมก่อน จะได้สูงๆกับเขาบ้าง ”


“ไม่ธรรมดานะครัชชช มีชื่อรงชื่อเรียกประจำตัวกันด้วย”


“ไอ้ห่านิก็แซวกูได้ทุกเวลา กุไปแล้ว” พูดจบพี่ดินมันก็จับมือผม แล้วพาเดินไปทางโรงเรือนด้านใน




“กีดดดดดดด ว๊ายตายแล่ววววว เขาจับมือกันแล้วววววว” ไอ้พี่ภูที่ยืนสังเกตการณ์เงียบๆ มาตลอดก็ร้องแซวผมกับพี่ดินดังลั่น ทำเอาพวกปีสามที่ทำงานกันอยู่ประมาณแปดเก้าคน เงยหน้ามามองพวกผมสองคนทันที  พอพวกพี่เขาเห็นผมปุ๊บก็ต่างพากันร้องแซวกันอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะร้องเพลงอะไรบางไม่รู้กันให้ลั่นฟาร์ม


ตอนแรกผมก็จะสะบัดมือพี่มันออก แต่พอพี่มันกระชับมือผมแน่น ผมเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย แปลกจริงๆ ตัวกู! แปลกที่ยอมพี่มัน ทั้งๆทีสมัยก่อนเป็นคนไม่ค่อยยอมใคร โอ๊ย จะบ้าตาย!


 “พี่ดิน พวกเพื่อนพี่ร้องเพลงอะไรกันอ่ะ ผมได้ยินไม่ถนัดเลย อะไรขาดเหล้าแล้วเพลีย เหล้าๆอะไรเหรอพี่ พวกพี่เขาร้องว่าอะไรกันแน่พี่”
“พวกมันร้องว่า

จะดรอปหรือไทล์ จะเอฟหรือดี ไม่เคยหน่ายหนี รีเกรดเอาซีไว้เป็นเบื้องต้น”


“555 เพลงอะไรของพี่อ่ะ” ผมหัวเราะขำ


“ลูกเกษตรศาสตร์ขาดเหล้าแล้วเพลีย

ขาดเบียร์พอทน แต่แปลกพิกลจีบคนไม่เป็น...

แต่แปลกพิกลจีบคนไม่เป็น”






 ประโยคสุดท้ายพี่มันหันมามองผม ผมเลยรีบหันไปทางอื่นแทน อยากจะบ้าตาย มึงจะดาเมจกูรุนแรงไปแล้วนะ ไอ้พี่ดิน




..................tbc...........................




ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ  :impress2:













 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด