★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]  (อ่าน 57518 ครั้ง)

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
เขินอ่ะ
อยากได้พี่ดิน

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
จริงร๊อออ เด็กเกษตรจีบคนไม่เป็น ช่ายยยหรอค๊าาา พี่ดิน
อยากได้แบบพี่ดินสักคน 5555

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
่เนียนจับมือ เนียนเรียก โอ๊ย... ดินจอมเนียน  :hao7:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ดินโซฮอตตตตต อีกไม่นานน้องใจบางกว่านี้แน่นอนค่าาา  :hao7:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
กรี๊ดดด ถามจริง จีบคนไม่เป็นจริงอ่ะ
พี่ดินโม้สุดๆ ฮืออ เขิลแทนน้องฟ้า

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่ดินทรงคือเด้อออ ทำมาเป็นนนนน  :o8:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
แซวกันเยอะๆ ชงเยอะๆเลยยย เขาจะได้เป็นแฟนกันเร็วๆ 55555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 5



            หลังจากที่ได้ไปเที่ยวฟาร์มกับพี่ดินวันนั้น ผมก็ไม่ได้เจอหน้าคาตาพี่ดินมันอีกเลย หยุดทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาให้พี่มันเกือบเป็นอาทิตย์ เพราะว่าตัวเองดันถูกเรียกให้ไปแสดงละครเวทีของคณะเสียนี่ ผมไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นพระเอกนะครับ คนเป็นพระเอกไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเดือนวิศวะปีสามอย่างไอ้พี่ลมมัน ทั้งๆที่บทนี้ควรตกเป็นของพี่ดิน แต่ผมพูดเกลี้ยกล่อมมันยังไงมันก็ไม่ยอม เอาแต่บ่นว่าให้กูไปทำนายังง่ายกว่าไปเล่นละครของมึงอีก ผมเลยต้องปล่อยพี่มันกลับคืนสู่ธรรมชาติของมันไป ไม่อยากเอามันมาทรมาน


ส่วนผมได้รับบทเป็น เทวดาที่คอยช่วยเหลือพระเอก แถมยังเป็นเทวดาที่ดันมาตกหลุมรักพระเอกอีกด้วย อยากจะปาบททิ้งตั้งแต่วันแรกที่ได้อ่าน เทวดาบ้าอะไรมารักกับมนุษย์ และ นี่มันเลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พี่ลมมันเต็มใจที่จะเล่นบทพระเอก ทั้งๆที่ตอนแรกมันก็ไม่ยอมรับเล่นละครเวทีเหมือนกับไอ้พี่ดิน เห็นมันบอกว่าเสียเวลาแต่งรถ แต่พอรู้ว่าผมเล่น มันเลยตอบตกลงทันที 


พอเลือกนักแสดงได้ทั้งหมด พวกพี่ในคณะก็เก็บตัวนักแสดงอย่างพวกผมให้มาทำกิจกรรมร่วมกัน และฝึกการแสดงเบื้องต้น เพราะพวกพี่เขาอยากให้นักแสดงแต่ละคนได้สนิทกัน และมีทักษะการแสดงขึ้นมาบ้าง แถมตอนถูกเก็บตัว นักแสดงแต่ละคนก็ถูกแปลงโฉมให้เหมือนในตัวละครที่ตัวเองได้รับบทมากที่สุดเสียอีก


พี่ลมมันถูกตัดผมสไตล์อันเดอร์คัต คือไถด้านข้างทั้งสองให้สั้นลง แล้วจัดทรงแค่ตรงกลาง พอแปลงโฉมพี่มันเสร็จ พวกนักแสดงหรือพวกเบื้องหลังที่เป็นสาวๆ ก็หวีดมันกันยกใหญ่ แต่ละคนแทบจะคลานเข่าเข้าไปหามัน ส่วนผมที่เป็นเทวดา ไม่ได้ถูกแปลงโฉมอะไรมากมาย แค่ถูกพวกพี่มันย้อมผมให้เป็นสีชมพูพาสเทลห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้ ไม่เห็นชอบเลย โดนพวกเพื่อนพวกพี่ในคณะมาขอถ่ายรูปไปตั้งเยอะเพราะสีผมบ้าๆนี่ แถมไอ้พี่ลมก็มาขอเซลฟี่ด้วย แถมยังเอาไปตั้งหน้าจอไม่ถามความสมัครใจจากเขาเลยสักคำ เห็นมันบอกว่าสีนี้ทำแล้วน่ารักจนไม่อยากให้ใครเห็น อยากขังไว้ที่บ้านไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ดูพี่มันพูด โคตรโรคจิต


 “ไอ้ฟ้าจำบทได้บ้างยัง” ไอ้สิงห์เดินมานั่งข้างผมที่โต๊ะม้านั่งด้านหน้าคณะ ดีที่เวลานี่ไม่มีคนเหลือแล้ว พวกผมจะโวกเวกโวยวายดังเท่าไรก็ไม่มีใครด่า นอกจากพวกพี่ๆที่อยู่ด้านใน และไม่นานไอ้เต๋าก็ตามมานั่งด้วยกันกับพวกผม พร้อมหิ้วถุงขนมมาเต็มไม้เต็มมือ


“ก็พอจำได้ สิงห์กี่โมงแล้ววะ”


"สามทุ่มกว่า"


"แต๊งกิ้ว"


“ดึกแล้วมึงกินไรยัง เอ้าแดกซะกูซื้อมาให้มึงกิน” ไอ้เต๋าวางขนมไว้ตรงหน้าผม


“กูกินแล้วพวกมึงกินเถอะ ช่วงนี้กูกินเยอะไม่ได้ พี่เขาห้าม”


“ไว้หุ่นว่างั้น” ไอ้เต๋ายิ้ม ก่อนจะหยิบพวกลูกชิ้นหรือขนมที่มันซื้อมาเข้าปาก ไอ้เพื่อนเวรมันกินแบบไม่เกรงใจกระเพาะผมเลย ไอ้เต๋ามันแปลกคนครับ แดกอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมด อย่างพวกอาหารง่ายๆอย่างข้าวผัดกระเพราะหมูสับที่เป็นอาหารสิ้นคิดสำหรับผม แต่พอไอ้เต๋ามันแดกเท่านั้นแหละ ไอ้เหี้ยโคตรน่าแดก ผมว่าผมจะอ้วนก็เพราะมีเพื่อนแบบมัน


“นี่มึงต้องซ้อมถึงกี่โมงวะ”


“สักห้าทุ่มคงได้กลับละ แล้วพวกมึงไม่ได้ไปช่วยงานเบื้องหลังเหรอวะ”


“ช่วยดิ พวกกูไปช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ทำฉากนู่นนี่ ถ่ายภาพเก็บงานธรรมดาๆ พวกพี่เขาคงไม่กล้าให้พวกปีสองอย่างพวกกูทำอะไรเยอะหรอก เดี๋ยวล้มไม่เป็นท่ากันพอดี”


“เออ ก็จริงมึงมันกาก”


“เดี๋ยวกูถีบล้ม เออช่วงนี้พวกพี่ๆเด็กเกษตรถามหามึงด้วย มันบอกไม่เห็นมึงอยู่บ้านเลย” ไอ้สิงห์ยังพูดต่อ


“แล้วมึงได้บอกพวกพี่มันไปป่ะ ว่ากูมาเล่นละครเวที”


“บอก เห็นพวกมันบอกว่าจะซื้อบัตรมาดูด้วย”


“ก็ดี  ให้พวกพี่มันออกมาดูโลกภายนอกกันบ้างว่าเปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว อย่ามั่วอยู่แต่ในถ้ำ”


“ปากมึงนี่หน่า!...  ไอ้พี่ดินตอนนี้แม่งก็ฮอตใหญ่ เมื่อวานกูไปเก็บข้อมูลที่คณะเกษตรกับไอ้เต๋าสองคน ไปเจอไอ้พี่ดินมันกับกิ๊กพอดี”


“กิ๊ก?”


“ดาวคันไถที่พี่เมืองเคยเล่าให้ฟังไง พี่บุญเจิมอ่ะ”


“อ๋อ เป็นไง ดาวเกษตรสวยม่ะ”


“อย่างแจ่ม ใครบอกเด็กเกษตรไม่สวยมาตบหัวกุได้เลย” คราวนี้ไอ้เต๋าเป็นคนแย่งไอ้สิงห์ตอบ ก่อนที่มันจะก้มหน้าก้มตาแดกขนมในมือมันต่อ


“สวยจริง แถมนิสัยดีด้วย แต่ห้าวไปหน่อย กูไปนั่งคุยนั่งสัมภาษณ์พี่เข้าอยู่นานเลย พี่เจิมแกเล่าที่มาของชื่อให้ฟังด้วยอย่างฮา”


“ขนาดนั้นเลย”


“เออ กูล่ะอยากจะพามึงไปเจอ แต่พี่เขาบอกว่าเขาเรียนสาขากีฏวิทยาไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไร นานๆจะเดินออกมาเฉิดฉาย”


“สาขากีฏวิทยาคืออะไรวะ?”


“เป็นสาขาที่ศึกษาเกี่ยวกับแมลง การจัดการศัตรูพืช อะไรแบบนั้น”


“อ๋อ”


“กูไปหาข้อมูลคราวนี้ กูรู้เรื่องคณะพี่มันขึ้นเยอะ แถมพวกพี่แม่งนิสัยดีอัธยาศัยดีเกือบทุกคน”


“หลงรักเด็กเกษตรเลยอ่ะดิ” ผมถามมัน


“อือ แต่คงไม่ใช่กูคนเดียว เพราะได้ข่าวว่าเพื่อนกูบางคนโดนเด็กเกษตรหิ้วไปไหนต่อไหน คงจะตกหลุมรักเด็กเกษตรไม่ต่างจากกู” ไอ้สิงห์หรี่ตามองผมอย่างจับผิด ก่อนจะยิ้มเหมือนไปรู้อะไรมา


“อะ...อะไรของมึง”


“ไอ้พวกพี่ภูมันแอบบอกกูว่า วันนั้นพี่ดินพามึงไปเที่ยวฟาร์มมาด้วย”


“ก็ไปเที่ยวธรรมดา”


“ธรรมดาแน่เหร๊อออ” ไอ้สิงห์ทำเสียงสูงใส่ผม แม่งโคตรน่าถีบอ่ะ


“อะไรของมึง อย่ามาแซวกู กูจะอ่านบทแล้ว”


“โอเคๆ กุไม่กวนก็ดะ”


“เออกูลืมบอกมึง  ปลายปีคณะเกษตรมีงานนะเว้ย เห็นว่าไม่ได้จัดงานมานานมากแล้ว ปีนี้เขาเลยจัดงานเกษตรแฟร์ขึ้นมาฉลองครบสี่สิบปีของคณะ” 


“เหรอ”


“วันนั้นที่กูไป กูเห็นสาขาส่งเสริมและเผยแพร่การเกษตรที่พวกพี่ดินอยู่ มันเอารถไถรถตักออกมาเช็คมาซ่อมกันด้วย”


“มึงนิดูตื่นเต้นกับคณะเกษตรจริงๆเลยนะ” ผมหันไปมองไอ้สิงห์ที่มันยังเล่าถึงคณะเกษตรอย่างออกรสออกชาติแบบไม่มีหยุด


“ก็กูว่าพวกพี่แม่งเท่ห์กันจริงๆ ยิ่งไอ้พี่ดิน พอมันเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขนาดกูเป็นผู้ชายกูยังมองว่ามันหล่อเลย ทำห่าอะไรก็หล่อไปหมด”


“มึงก็เว่อร์”


“กูไม่ได้เว่อร์ เดี๋ยวกูให้ดูรูปในโทรศัพท์กูเลย” ไอ้สิงห์หยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมาเปิดรูปให้ผมดู พี่ดินในมือถือของไอ้สิงห์ดูหล่ออย่างที่มันว่าไว้จริงๆ อีกฝ่ายแค่ใส่เสื้อช็อปกับกางเกงยีนส์ขาดๆ แล้วเซ็ตผมขึ้นนิดๆหน่อยๆ ก็หล่อน่ามองแล้ว


“เออ ก็หล่อดี”


“ช่ะ พวกพี่เมืองมันจับไอ้พี่ดินเซตผม วันนั้นทั้งวันนะ เดินไปทางไหนก็โดนพวกสาวๆ เหลียวมอง”


 “เออ ก็หล่อ”


“ใช่ป่ะ”


“เออ”


“หล่อเนอะ”


“ไอ้สิงห์มึงไซโคพี่ดินกับกูจัง แปลกๆนะมึงเนี่ย คงไม่ได้เอากูไปขายอีกแล้วใช่ไหม”


“เปล๊า!” ไอ้สิงห์เสียงสูง


“ไอ้สิงห์ มึงกำลังปิดบังอะไรกู”


“บอกมันไปสิเพื่อนสิงห์ ว่ามึงได้อะไรจากพวกพี่เมืองไปบ้าง” คราวนี้ไอ้เต๋าเป็นคนพูดขึ้น


“กูจะได้อะไร กูไม่ได้อะไรเลย กูก็แค่อยากให้ฟ้ามันเห็นว่าพี่คณะเกษตรมันนิสัยดี”


“ไอ้สิงห์ไม่เนียน มึงกำลังแสดง” ผมชี้หน้ามัน พยายามคาดคั้นคำตอบ “มึงได้อะไรจากพวกพี่มัน”


“ไม่ได้เล๊ยยยย”


“รองเท้าคอนเวิร์สรุ่นมูนวอล์ค” เป็นไอ้เต๋าที่ตอบขึ้นมาอีกครั้ง


“ไอ้สัสเต๋า” ไอ้สิงห์ด่า


“กูเห็นมึงเถียงกันนานกูเลย บอกให้ไง”


“อ๋อ ยังงี้นี่เอง มึงถึงเชียร์ไอ้พี่ดินจัง”


“พี่ดินไม่ได้ให้กู พี่เมืองต่างหาก”


“มึงนิมันร้ายนะไอ้สิงห์”


“ก็นิดนึงอ่ะมึง รุ่นนั้นมันเท่ห์นะเว้ย ไมเคิลออกแบบเลยนะ พอดีกูอยากได้มานานแล้วมึงอย่าโกรธกูนะฟ้า”


“กูชินล่ะ พวกมึงขายกูตลอดอ่ะ”


“ก็มีเพื่อนน่ารักแบบนี้ไง พวกกูถึงได้ดิบได้ดีเสมอ แต่คราวนี้กูเชียร์ไอ้พี่ดินจริงๆนะ พี่มันแม่งนิสัยดี”


“เสียอย่างเดียวกากไปนิด” ไอ้เต๋าพูดแทรก


“เดี๋ยวๆ เพื่อนเต๋าพูดแบบนี้ มึงคง...”


“กูเอฟซีพี่ลม”


“ชัดเจน!!!”


“ไอ้ฟ้ามึงดูนิ พี่ดินแม่งกากโคตร มึงอย่าเอาไปทำแฟนนะเว้ย” ไอ้เต๋าหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาเปิดคลิปที่อัดพวกพี่ๆเกษตรไว้ ในคลิปมีพวกพี่เมืองพี่ภูและพี่ๆในคณะเกษตรกำลังทำอาหารกันอยู่ท้ายแปลงนา


[เฮ้ย เมืองให้กูช่วยทำอะไรไหมอ่ะ]


เสียงพี่ดินดังขึ้นมาจากโทรศัพท์


[มึงไม่ต้องทำ มึงรอแดกอย่างเดียว]


[กูว่างกูอยากทำด้วย]


[เดี๋ยวมึงเผาคณะ พวกกูจะซวย]


[โธ่ เชื่อฝีมือกูดิ กูโตแล้ว]


[เออๆ งั้นมึงไปย่างคอหมูไป ย่างบนฟอยนะ]


[โอเค]



สิ้นเสียงพี่ดิน ผมก็เห็นพี่มันเดินยิ้มอารมณ์ดีไปทางเตาถ่าน มันเอาตะแกรงวางก่อนจะเอาฟอยวางทับ แล้วถึงเอาคอหมูมาย่าง ดูไปดูมาพี่มันก็ทำครัวคล่องดีนิ ผมดูคลิปไปเรื่อยๆ พอไม่เห็นมีอะไรแปลก เลยเงยหน้ามองไอ้เต๋าอย่างไม่เข้าใจ


“ไม่เห็นมีไรเลย”


“มึงดูก่อน”


ผมก้มลงไปดูอีกครั้ง คราวนี้ในคลิปของไอ้เต๋า ไอ้เพื่อนบ้ามันซูมไปที่พี่ดินคนเดียว ผมเห็นพี่มันกระโดดเหยงๆ หลบเปลวไฟที่มันกระเด็นออกมา เดี๋ยวยกมือยกไม้ลูบแขนที่โดนสะเก็ดไฟ พอเห็นพี่มันทำท่าทางแบบนั้นผมว่ามันก็น่ารักแถมตลกดีด้วย ดูไปสักพักผมก็เห็นพี่มันโวยวาย ไฟแม่งเริ่มไหม้ฟอย ไอ้พี่ดินมันรีบเอาที่คีบมาดึงฟอยออก แล้วทิ้งลงข้างๆดงหญ้า คราวนี้ละบรรลัยกันใหญ่


เสียงโวยวายดังลั่นคลิป ทั้งเสียงไอ้พี่ดิน พี่เมือง พี่ภู และคนอื่นๆ ไม่เว้นแต่เสียงไอ้สิงห์ไอ้เต๋า ภาพแม่งเบลอไปตั้งแต่ไฟไหม้ดงหญ้าแล้วลามอย่างรวดเร็ว


[ไอ้เหี้ยดินนนนนนนนนนน มึงจะเผามหาลัยเหรอวะ]


[ไฟไหม้ ช่วยด้วยไฟไหม้!!!]


[เอาน้ำมา พวกมึงหาน้ำมาเร็ววววววว]


[โอ้เมื่อไฟ ไฟ ไฟ ลุกขึ้นแจ่มจ้า]


[ไอ้สัสเลิกเล่น หาน้ำมา!!!!]



แล้วภาพก็ตัดไปท่ามกลางความโกลาหน ผมเงยหน้ามองไอ้เต๋าอีกครั้ง


“กูรู้ว่าพี่มันไม่เก่งด้านงานครัว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้”


“พี่ดินไม่เก่งไม่พอ แม่งโคตรจะกากด้วย”


“อืม ตลกดี”


“ฟ้าถ้ามึงมีแฟนทั้งที เลือกที่ไม่กากแบบพี่ลมดิกูเชียร์ เท่ห์ หล่อ แต่งรถเก่ง เทคแคร์ดี แถมเป็นถึงเดือนวิศวะ โคตรเพอร์เฟค”


“อย่าๆ มึงอย่าขายให้มากไอ้เต๋า... ไอ้ฟ้าพี่ดินสิของจริง หล่อ ใจดี สปอร์ต เกษตรศาสตร์”


“กาก” ไอ้เต๋าเถียงขึ้นมาทันที


“มึงอย่ามาบลัฟกันเพราะอะไรแบบนี้ได้ไหม กูไม่ชอบ” ผมยกมือห้ามไม่ให้พวกมันเถียงกัน


“โอเคๆ แต่อยากให้มึงพิจารณานะเพื่อน ไหนๆก็โสดมานานแล้ว หาสาวๆไม่ได้ก็ควงหนุ่มหล่อไปเลย กุเชียร์”


“โว๊ะ พอเลิกพูด กูไม่สนใจใครทั้งนั้นแหละ” สิ้นเสียงผมไอ้สิงห์ก็แอบถ่ายรูปผมแล้วกดอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ จนผมต้องชะเง้อไปดู “ไอ้สิงห์มึงทำอะไรกับรูปกู”


“กูแค่ส่งไปให้พวกพี่มัน เนี่ยมันไลน์มาว่าคิดถึงน้องฟ้า”


“เดี๋ยวนี้มึงมีไลน์พวกพี่มันด้วยเหรอวะ”


“มีดิ ตั้งกรุ๊ปไลน์กันด้วย ก็ขอพวกมันมาเวลาทำงานจะได้คุยกันง่ายๆ นัดกันง่ายๆ ฟ้ามึงจะเข้าไหม”


“ไม่เอาอ่ะ ช่วงนี้กูคงไม่ได้คุยอะไรกับใครอยู่แล้ว แล้วนั่นมึงพิมพ์ไปว่าอะไรของมึง”


“น้องฟ้าคนน่ารัก กำลังหิว” ไอ้สิงห์พิมพ์ตอบพี่มันไป


“ใครบอกว่ากูหิว!”


“เฮ้ย พี่มันส่งรูปขวดนมมาด้วยวะ” ผมมองรูปในโทรศัพท์ มันเป็นรูปนมที่อยู่ในขวดแก้ว ถูกแช่ในถังน้ำแข็งเยอะแยะไปหมด แถมมีหลายสีหลายรส โคตรน่ากิน


“โคตรน่าแดก” ไอ้เต๋ามองโทรศัพท์ตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้นมา 


“ได้ข่าวว่ามึงเคยกิน” ไอ้สิงห์หันมาถามผม


“ไม่เคยเลย วันนั้นที่พี่ดินพาไป เขายังไม่ได้ต้มฆ่าเชื้อพี่ดินเลยไม่ยอมให้กูกิน แต่พี่มันแม่งแดกเอาแดกเอา”


“อ้าวทำไมอ่ะ”


“มันบอกว่าตามสุขลักษณะของกิน น้ำนมดิบที่ยังไม่ได้ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนเขาห้ามกิน เดี๋ยวท้องเสียขึ้นมามันไม่รับผิดชอบ”


“แต่พี่มันแดก”


“เออ  มันบอกว่ามันแกร่งมันไม่มีทางเป็นอะไร แถมพูดเย้ยกูด้วยว่าน้ำนมสดแม่งโคตรอร่อย แต่พอกูขอกินก็ไม่ให้กูกิน กลัวว่ากูจะท้องสงท้องเสีย”


“เฮ้ยพวกมึง พี่มันตอบมาว่าอยากกินไหม” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาไม่ทันไร เพื่อนสิงห์ตัวแสบก็ตอบตกลงแถมบอกสถานที่ให้เสร็จสรรพ

 
“ไอ้ห่าสิงห์ มึงทำอะไรเนี่ย” ผมด่าเพื่อนตัวแสบ


“ก็กูอยากกิน”


“เอากูไปอ้างอีกล่ะ”


“พี่มันบอกว่า กำลังให้เด็กส่งนมเอามาให้ อีกห้านาทีถึง”


“งั้นมึงรอแดกไป กูเข้าไปข้างในดีกว่า” ผมจะลุกขึ้นแต่ดันถูกไอ้สิงห์ดึงให้นั่งลงตามเดิม


“เฮ้ยอย่างเพิ่งดิเพื่อนฟ้า พวกพี่เขาให้พักตั้งครึ่งชั่วโมงมึงจะรีบไปไหน”


“ก็นี่จะครึ่งชั่วโมงแล้ว”


“รอแปบ อีกห้านาที แต่เดี๋ยวพวกกูมา มึงรอรับนมให้กูด้วย” ไอ้สิงห์ลุกขึ้นยืนก่อนจะพยักหน้าให้เต๋าไปด้วย ตอนแรกไอ้เต๋ามันจะไม่ไป แต่ไอ้สิงห์มันทำปากขมุบขมิบ ไอ้เต๋าเลยต้องยอม


“ไอ้สัด พวกมึงจะไปไหนเนี่ย”


“ไปเยี่ยว แปบเดียวเดี๋ยวกูมา”


“ปวดพร้อมกันเลยรึไง ไม่มีพิรุธเลยนะพวกมึง”


“เออๆ รอไปเถอะน่า”



   ระหว่างที่รอ ผมนั่งอ่านบทละครต่อ อ่านและพยายามอินกับบทจนลืมสิ่งรอบตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ขวดนมสี่ห้าขวดวางลงตรงหน้า พร้อมกับใครบางคนที่ผมไม่ได้เจอมาเป็นอาทิตย์


   “พี่ดิน” คนถูกเรียกนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม อีกฝ่ายจ้องหน้าผมเขม็ง เอาสิจ้องมาจ้องกลับไม่โกง


   “มึงทำผมสีอะไรของมึง นี่มึงเล่นเป็นคนแก่เหรอ”


   “บ้าดิ ผมเล่นเป็นเทวดา”


   “เทวดาไว้ผมหงอก?”


   “หงอกบ้านพี่สิ ผมสีชมพู ชมพูพาสเทลรู้จักไหม ไม่ได้ขาวสักหน่อย” ผมจ้องหน้าพี่ดิน ไม่ได้เจอหน้ากันอาทิตย์หนึ่งหนวดเครามันเริ่มขึ้นมานิดนึง ก็ดูหล่อไปอีกแบบดี น่าอิจฉาอยากมีหนวดแบบนั้นบ้าง แต่ไม่รู้ทำไมร่างกายแม่งทรยศ หนวดไม่ค่อยขึ้นเหมือนคนอื่นเขา ต้องใช้เวลานานกว่ามันจะออกมาสักเส้นสองเส้น


“แดกดิ เห็นเพื่อนมึงบอกว่าหิว”


“ไอ้พวกนั้นมันแกล้งพี่อ่ะดิ ผมไม่หิวหรอก กินตอนนี้เดี๋ยวอ้วนกันพอดี”


“นิพวกมึงให้กูรีบมาเพราะว่ามึงแกล้งกูหรอ!!!” ไอ้พี่ดินมันยกมือขึ้นมาหักนิ้วดังกร๊อบๆ แถมยังมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง


“เปล่าๆ กินก็ได้ ทำไมต้องดุด้วยน่ากลัววะ” ผมหยิบขวดนมขึ้นมาเปิด แต่พอบิดฝาเท่าไรแม่งมันก็เปิดไม่ออก จนพี่ดินมันต้องแย่งเอาไปเปิดให้


“เรี่ยวแรงก็ไม่มี มึงควรแดกเยอะๆนะ”


“ช่วงนี้ผมกำลังไว้หุ่น” ผมรับขวดนมจากพี่ดินมาดื่ม “เชี่ย! โคตรอร่อยอ่ะ”


“อร่อยอยู่แล้ว นมคณะกูสดใหม่ยังไงก็ต้องอร่อย อยากลองรสอื่นไหม”


“อยากแต่กลัวกินไม่หมด”


“ก็ดี ไม่กินทิ้งกินขว้างดีที่สุด นมที่เหลือก็เอาไปให้เพื่อนๆมึงล่ะกัน”


“ครับ”


“แล้วนี่ต้องซ้อมต่อ หรือกลับบ้านเลย”


“ซ้อมต่อสิ โคตรน่าเบื่อ กลัวว่าตัวเองจะแสดงออกมาได้ไม่ดี” ผมฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เส้นผมของตัวเอง


“ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วผลมันจะออกมาดีเอง” พี่ดินลูบศีรษะผมสองสามที ก่อนจะชักมือกลับ ไอ้พี่บ้ามันทำผมใจเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว อยากจะบ้าตาย ระหว่างที่ผมกำลังหยิบนมขึ้นมาดื่มอยู่เงียบๆ ผมก็แอบมองพี่ดินที่มันกำลังอ่านบทละครเวทีของผมอย่างตั้งใจ แต่พออ่านไปได้สักพักพี่มันก็ขมวดคิ้วยุ่งดูเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง


“มีฉากหอมแก้มด้วย!!!”



“อือ”


“กับไอ้ลม!!!”


“อือ”


“บทเหี้ยอะไรเนี่ย เป็นเทวดาบ้าอะไรให้ผู้ชายหอมแก้ม”


“ผมไม่ได้เขียนสักหน่อย แถมในบทมันแค่เฉียดๆ”


“กุอยากเห็นหน้าคนเขียนบทจริงๆ” พี่มันบ่นงึมงำแล้วอ่านบทละครผมต่อ “เทวดาห่าอะไรหลงรักมนุษย์ แล้วมีฉากจูบด้วย! ทำไมต้องจูบ จูบเพื่อ”


“พี่เขาบอกว่าไม่ได้จูบจริง”


“บ้าไปแล้ว เลิกเล่นเห๊อะ!”


“เลิกได้ไงล่ะ ละครของคณะ”


“มึงยอมได้เหรอ ให้ผู้ชายจูบ ไหนว่าไม่ชอบผู้ชายจะหาเมียก่อนไง”


“ไม่ได้จูบจริงสักหน่อย”


“รู้งี้กูเล่นเองก็ดีหรอก” พี่ดินมันบ่นงึมงำ


“ห๊ะ พี่พูดว่ายังไงนะ”


“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร”


“เอาบทคืนมา ผมจะไปแล้ว” ผมดึงบทจากมือพี่ดิน ก่อนจะลุกขึ้นยืน


“เอานมไปด้วย ไปแจกให้เพื่อนมึงกิน”


“ครับ ขอบคุณสำหรับนมมากๆครับ”  ผมโค้งให้พี่มันนิดนึง


“เลิกกี่โมง”


“ทำไม พี่จะมารับผมเหรอ”


“เออ”


“เฮ้ยไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกลับกับเพื่อนก็ได้ ไอ้พี่ลมก็อยู่”


“ไหนว่าไม่อยากให้ไอ้ลมมันจีบ แล้วจะกลับกับมันทำไม”


“ก็ทางเดียวกัน”


“เออ! แล้วใครหน้าไหนบอกว่าจะเป็นไม้กันหมาให้กู!”


“ดึกดื่นแล้วยังต้องเป็นไม้กันหมาอีกเหรอ”


“ก็คืนนี้กูจะไปซื้อขนมแดก กูเลยต้องการไม้กันหมา!”


“แล้วทำไมต้องเกรี้ยวกราด แปลกคน!”


“เลิกกี่โมง”


“ประมาณห้าทุ่ม”


“ห้าทุ่มเท่าไร เดี๋ยวกูมารับไม่ถูก”


“เห๊อะ อะไรของพี่เนี่ย” ผมมองหน้าไอ้พี่ดินด้วยความไม่เข้าใจ มันเป็นอะไรของมันอยู่ดีๆก็ทำตัวน่า...


“งั้นเอาโทรศัพท์มึงมา แล้วมึงก็โทรมาหากู เดี๋ยวกูได้ออกมารับ”


“จะออกจากบ้านมารับทำไมอีกเสียเวลา”


“กูไม่ได้ออกจากบ้าน กูจะไปทำงานที่คณะต่อ”


“ก็ได้ ก็ได้!” ผมยื่นโทรศัพท์ให้พี่มัน พี่มันรับไปแล้วกดเบอร์โทรศัพท์มาให้ ดูๆ ดูมันกดโทรออกด้วย มันคงกลัวผมไม่ไปด้วยแน่ๆ


“อย่าลืมโทรมา เดี๋ยวกูมารับ”


“รู้แล้วน้า เดี๋ยวเลิกแล้วจะรีบโทรไปเลย ถ้าไม่รับจะโทรซ้ำๆเป็นร้อยสายให้พี่แม่งรำคาญเลยคอยดู”


“ดี... อีกอย่างถ้ามึงเล่นไม่ได้ ก็เลิกๆมันไปซะ ไอ้ละครเวทีบ้าๆนั่นอ่ะ”


“เอ๊ะ เมื่อกี้พี่ยังบอกให้ผมทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดอยู่เลย เป็นอะไรป่ะเนี่ย”


“บทไม่ได้เรื่อง”


“กลับไปได้แล้วป่ะ หงุดหงิดอะไรก็ไม่รู้ ผมสิต้องหงุดหงิดที่อาจจะต้องเสียจูบแรกให้พี่ลม”


“ดะ เดี๋ยว เมื่อกี้มึงบอกว่าจูบแรกเหรอ!” ไอ้พี่ดินมันตะโกนใส่หน้าผม เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง


“อะ.. เออดิ ไปแล้วนะแล้วเจอกัน” ผมตอบพี่มันกลับ แล้วเดินหันหลังเข้าคณะด้วยความหงุดหงิด แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ไอ้พี่ดินก็เดินมาคว้าแขนผมไว้ แล้วดึงให้ผมหันกลับไปหามัน ก่อนจะคว้าต้นคอผมแล้วดึงผมเข้าไปจูบ ช่วงเวลานั้นเหมือนทุกสิ่งรอบตัวแม่งหยุดนิ่ง จูบไอ้พี่ดินไม่ได้จาบจ้วงรุกล้ำ แต่ริมฝีปากเราแตะกันธรรมดา แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของผมถึงได้เต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้


 “จูบแรกของมึงเป็นกูดีกว่า อย่าให้ไอ้ลมมันเลย” พูดจบไอ้พี่ดินก็เดินออกไปที่ลานจอดรถทันที ปล่อยให้ผมได้แต่ยืนอึ้งกับการกระทำอันรวดเร็วของพี่มัน โอ๊ยยยยย! กูอยากจะหายตัวไปจากโลกนี้ จะบ้าตาย ไอ้หัวใจนี่อีกมึงควรจะหยุดเต้นสักทีกูเจ็บไปหมดแล้ว พอทำอะไรไม่ถูก ผมก็ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแม่งเลย ไม่คงไม่คีพลุคอะไรแล้ว เหตุการณ์เมื่อกี้ใช่ฝันไม่วะ จูบแรกของมึงเป็นของผู้ชายนะไอ้ฟ้า ผู้ชาย!!!!!








“กูไปแปบเดี๋ยวมึงโดนพี่ดินบี้ปากหน้าคณะเลยเหรอวะ ดีนะไม่มีคนไม่งั้นพรุ่งนี้แม่งเป็นข่าวใหญ่แน่” ไอ้สิงห์เดินออกมานั่งยองๆข้างๆผม


“ไอ้เหี้ย มึงยอมพี่ดินได้ไงวะ ทุกทีกูเห็นมึงไม่เคยยอมใคร” ไอ้เต๋าเดินมานั่งข้างๆผมอีกคน


“กะ.. กูไม่ได้ยอม แต่พี่มัน”


“ไม่ยอมห่าอะไร หน้าเนอหูเหอแดงไปหมดแล้ว”


“ไอ้ฟ้า พี่ดินมันบังคับมึงใช่ไหม เดี๋ยวกูจะไปกระทืบมันให้” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาอีก


“มึงก็ว่าไปนั่น พี่มันจะบังคับทำไม ดูหน้าตามันออกจะเขินพี่ดินซะขนาดนั้น”


“แต่...”


“เลิก เลิกพูด กูจะไปซ้อมละครต่อแล้ว ส่วนนี่นมเอาไปแดกเลยอยากแดกนักนิ เอาไปเลย!!!” ผมส่งถุงนมให้ไอ้สิงห์ ก่อนจะเดินกลับเข้าคณะไป ต่อไปนี้ผมไม่มีหน้าไปเจอพี่มันแล้ว ไอ้บ้าพี่ดิน ไอ้พี่ดินคนเลว กล้ายังไงมาพรากจูบแรกของผมไป


ผมยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ตอนนี้ยังรู้สึกถึงสัมผัสของพี่ดินมันยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งๆที่เป็นจูบธรรมดาๆไม่ได้จาบจ้วง แต่ทำเอาผมเขินจนไปไม่เป็น เล่นเอาซ้อมละครไม่ได้ โดนพวกพี่ด่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนพวกพี่เขาต้องยกเลิกการซ้อมก่อนเวลา เพราะผมดันทำตัวเงอะๆงะตลอดการแสดง











“ฟ้า วันนี้เป็นอะไรไป ไม่สบายรึเปล่า” พี่ลมเดินมาหาผม ก่อนจะยกมือขึ้นมาแนบหน้าผากผมเบาๆ


“เปล่าพี่”


“งั้นกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวกลับกับพี่”


“เออ..คือ”


“มาเถอะ บ้านใกล้กันไปด้วยกันเลย”


“แต่..” ผมยังพูดไม่จบไอ้พี่ลมก็คว้ามือผม พาเดินออกไปทางหน้าคณะ และทันทีที่เดินมาถึงลานจอดรถ ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใครบางคนยืนรอผมอยู่ ไอ้ผู้ชายที่ได้ชื่อว่า เป็นโจรขโมยจูบแรกของผมไป



“อ้าว ไอ้ดินมึงมาทำไม” พี่ลมถามเพื่อนข้างบ้านด้วยความสงสัย


“กูมารับมัน” พี่มันมองหน้าผม ก่อนจะเหล่มองมือของผมที่ถูกไอ้พี่ลมจับไว้ด้วยสีหน้าที่โคตรจะไม่พอใจ


“มารับทำไม น้องมันกลับกับกู”


“กูมีนัดกับมัน”


“จริงเหรอฟ้า”


“คือ”


“ฟ้า” พี่ดินพูดชื่อผมออกมา ร้อยวันพันปีมันไม่เคยเรียกชื่อผมเลย พอวันนี้มันเรียกชื่อผม ทำเอาใจผมตุ๊ดไปอีก ระทวยเพราะเสียงมันเข้าไปอีก


“จะ..จริงครับ”


“เหรอ งั้นก็กลับดีๆนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน” พี่ลมปล่อยมือ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของผมเบาๆ ผมเห็นพี่มันสองคนมองหน้ากันเหมือนกำลังท้าทายกันอยู่ ไม่นานไอ้พี่ดินก็เดินมาหาผม แล้วคว้ามือผมให้เดินตามมันไปขึ้นรถยามาฮ่าคันเก่าของมัน ก่อนจะพาผมขี่ออกไป






“ทำไมใจง่ายยอมให้มันจับมือ”


“อยู่ๆ พี่เขาคว้าไปจับเอง”


“ขัดขืนสิ ปฏิเสธคนไม่เป็นเหรอ”


“ถ้าเป็น.. ผมคงไม่โดนพี่ขโมยจูบแรกไปหรอก” ผมพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะแอบเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่มันทางกระจกด้านข้างของรถมอเตอร์ไซค์



“กับกูไม่ต้องขัดขืนหรอก ยอมๆบ้าง เพราะกูก็จะยอมมึงคนเดียวเหมือนกัน”





...........tbc.......................



ขอบคุณที่ติดตามพี่ดิน น้องฟ้า พี่ลมนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2017 08:36:12 โดย juku_0812 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
สนุกค่ะ รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ Nachar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จูบแรกของน้องฟ้า  :hao7:// อิพี่ดินมันร้าย

ออฟไลน์ mydearest21st

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ดิ กากจริงอะไรจริง ต่อไวไวนร้าไรท์ :ling1:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
“พี่ดินซ้อมเสร็จแล้ว มารับด้วย” ผมพูดกับคนปลายสาย ก่อนจะกดวางเมื่ออีกฝ่ายตอบตกลงกลับมา


             ตั้งแต่คืนนั้นคืนที่ถูกพี่ดินมันขโมยจูบไป มันก็ไม่พูดถึงอีกเลย แถมพี่มันก็พยายามให้ผมทำหน้าที่ไม้กันหมาให้มันอย่างหนักหน่วง ไอ้พี่ดินมันเอาแต่ตามจิกตามโทร เดี๋ยวมารับเดี๋ยวมาส่ง หิ้วผมไปไหนต่อไหนด้วยเกือบทุกเวลา หนำซ้ำกลางคืนมันยังโทรหาผม ชวนคุยนู่นคุยนี่ พอผมถามว่าโทรมาทำไมมันก็ชอบบอกว่า มันเบื่อคนที่เอาแต่โทรหามันไม่หยุด มันเลยให้ผมรับผิดชอบด้วยการคุยกับมันเกือบค่อนคืน วันไหนลองไม่รับโทรศัพท์มันสิ ไอ้พี่บ้ามันก็ตะโกนเรียกให้ผมไปยืนคุยกับมันตรงระเบียงบ้านชั้นสอง ผมก็บ้าจี้ทำตามมันนะ ยังไม่พอมันยังบังคับให้ผมโทรหามันทุกครั้งที่ซ้อมการแสดงเสร็จด้วย เพราะมันจะเข้ามารับผม พอผมถามว่าทำไมช่วงนี้วอแวจัง มันก็บอกว่าช่วงนี้สาวๆเข้ามาวุ่นวายกับมันเยอะ ถ้ามีผมไปไหนด้วยสาวๆจะไม่เข้ามา ผมไม่เห็นจะมีใครมาวอแวมันเลย... คิดไปเองสิท่า


 ทุกวันนี้เราคุยกันตลอดทั้งทางไลน์ทางโทรศัพท์ พอวันไหนพี่มันไปกินเหล้าดึกๆ พอมันไม่โทรมาผมก็รู้สึกแปลกๆ จนต้องทักมันกลับไปบ้างอะไรบ้าง เวลานี้ผมเริ่มจะไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์ของผมกับไอ้พี่ดินมันแล้วแหละ ว่าผมรู้สึกยังไงกับมันกันแน่ 


เพียงไม่นานไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกสับสนก็มาอยู่ตรงหน้า


“ทำไมวันนี้เลิกเร็ว” พี่ดินมันถาม ผมมองสภาพพี่มันที่เนื้อตัวเปื้อนฝุ่นเปื้อนดินเต็มตัว


“พี่นางเอกไม่สบาย พี่เขาเลยให้พักวันหนึ่ง” ผมพูดพลางเดินไปนั่งซ้อนท้ายมัน อย่าคิดว่าผมจะรังเกียจมันนะ เพราะมันยังเคยมารับผมทั้งๆที่เนื้อตัวมันมอมแมมมากกว่านี้อีก


ทุกวันนี้พี่ดินมันเทียวรับเทียวส่งจน พี่ๆน้องๆในคณะเลิกแซวผมไปแล้ว คือถึงพวกมันจะแซวยังไงผมก็คงจะแกล้งตอบแบบดารากลับไปเหมือนเดิม ซ้ำไม่มีใครอยากมีเรื่องกับไอ้พี่ดินหรอก เพราะพี่มันคนจริง จริงไม่จริงมันก็เป็นหมอผีมาได้สองปีกว่าล่ะกัน ถึงหล่อแต่มันก็ดุใครไปมีเรื่องกับมันระวังมันเสกความธนูเข้าท้องโดยไม่รู้ตัวนะ แต่กับสาวๆพี่มันไม่กล้าไปมองตาขว้างใส่หรอกนะครับ เห็นพี่มันบอกว่าคณะมันสอนให้เป็นสุภาพบุรุษ ห้ามรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ผมก็อยากจะเถียงมันกลับไปว่า กุก็อ่อนแอ มึงปล่อยกูไปสักทีเถอะ!!!!


“เหนื่อยไหม”


“ไม่อ่ะ แล้วนี่ไปทำอะไรมาเนี่ย เนื้อตัวเปื้อนไปหมด”


“อ๋อ เข้าแปลง ไปใส่น้ำข้าวโพด”


“ที่จริงถ้าไม่ว่าง ไม่ต้องมารับก็ได้นะ”


“ไม้กันหมา”


“สภาพนี้ไม้กันหมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ เปื้อนทั้งตัว”


“....”


“แล้วนี่จะพาไปไหน”


“ไปฟาร์ม”


“อยากกลับบ้าน ผมหิวข้าว เย็นแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย”


“เดี๋ยวพาไปกินที่คณะเกษตร”


“ไปคณะเกษตรบ่อย จนพวกพี่เขาเบื่อหน้าผมไปแล้วมั้ง”


“พวกมันชอบสิไม่ว่า”









เพียงไม่นานพี่ดินก็พาผมมาถึงฟาร์มของคณะเกษตร ก่อนจะไปทำงาน พี่มันพาผมเดินตลาดนัดเกษตรที่มีแค่ช่วงต้นเดือน ผมเดินดูของซื้อขนมนู่นนี่มากิน ส่วนไอ้พี่ดินมันก็ยิ้มทักทายพวกน้องๆในคณะ ไม่ก็เพื่อนๆของมันไป ไอ้พ่อคนของประชาชน


“ดินจ๋า” สิ้นเสียงหวาน ผู้หญิงหน้าตาสละสวยก็เดินออกมาจากร้านแมลงทอด อีกฝ่ายเดินเข้ามาควงแขนพี่ดินอย่าถือวิสาสะ ส่วนไอ้พี่ดินก็ได้แต่ยิ้มรับ


“ไงทิน่า”


“คิดถึงดินที่สุด” หญิงสาวทำสายตาอ้อนกับพี่ดิน ซึ่งผมก็ได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง ทุกคนในบริเวณนั้นก็มองพี่สองคนกันเป็นตาเดียว ก็เล่นสวยหล่อเหมาะสมกันขนาดนั้นนิ ยิ่งพี่ทิน่าหรือพี่บุญเจิมที่ไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์เคยชมนักชมหนาว่าสวย พอมาเห็นตัวจริงวันนี้พี่เขาสวยสมเป็นดาวคณะจริงๆ


“วันนี้ว่างขนาดมาขายของได้ด้วยเหรอ เห็นวันๆ เอาแต่วิ่งไล่จับแมลง”


“อือ จับมาให้ดินกินไง”


“เราเกรงใจ เธอเก็บไว้กินเองดีกว่านะ”


“ไอ้บ้า แล้ว นั่นใครใช่คนที่เขาลือๆกันอยู่เปล่า”


“ก็ประมาณนั้น”


“อืม” พี่ทิน่าอะไรนั้นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกระซิบกระซาบคุยอะไรกับพี่ดิน จนพี่มันหัวเราะออกมา ผมได้แต่มองพวกมันคุยกันด้วยความหงุดหงิด ก็ถ้าจะพามา แล้วมาสวีทหวานกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาผมแล้วล่ะก็ วันหลังไม่ต้องพามาเลยดีกว่า ไม่ชอบ!!


พอเห็นพี่มันคุยกับสาวสวยไม่เสร็จสักที ผมเลยเดินหนีพี่มันไปดูของทางอื่น ถ้าขืนยืนอยู่ตรงนั้นนานๆ มีหวังผมได้ปาลูกชิ้นที่อยู่ในมือใส่พี่มันแน่ๆ โมโหที่อีกฝ่ายมันทำอะไรไม่ไว้หน้าไม้กันหมาอย่างกูเลย


“น้องครับ พี่ให้” ผู้ชายจากร้านดอกไม้ เดินออกมาพร้อมยื่นดอกโรสแมรี่มาให้ผม ผมมองอีกฝ่ายก่อนจะรับมันมาด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ก็พวกเพื่อนๆของอีกฝ่ายเล่นโห่แซวจนผมทำอะไรไม่ถูก เลยกะจะรับแล้วรีบๆเดินหนีไป แต่ก็ดันถูกผู้ชายอีกคนเดินมาขวางหน้าเอาไว้ก่อน


“เรียนเกษตรไม่ได้เก่งแค่ปลูกผัก ปลูกต้นรักก็ถนัดเหมือนกันนะครับ สนใจมาปลูกต้นรักกับผมไหม”


“ไอ้กันกูเจอก่อน มึงไปเลย น้องอยู่คณะอะไรอ่ะ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย”


“นะ..นิเทศ”


“ว้าว ถึงว่าทำไมน่ารัก เออ...ดอกโรสแมรี่ที่พี่ให้เรา มันมีความหมายด้วยนะ”


“...”


“มันหมายความว่า การเข้ามาในชีวิตผมของคุณ ทำให้ผมมีชีวิตชีวา”


“หิ้ววววววววววววววววว” ร้องหิ้วกันแบบนี้ มึงจะไปหิ้วอะไรของมึงก็ไป พวกมึงปล่อยกุไปเถิด ผมเดินถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะชนใครบางคนเข้าให้


“แต่การเข้ามาในชีวิตคนของกู ทำให้มึงตายเร็วได้นะไอ้น้องเวร”


“พะ..พี่ดิน” พวกผู้ชายที่แซวผมเมื่อครู่หันมามองทางต้นเสียง ก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจ


“เออ กูเอง”


“นี่เด็กพี่เหรอ”


“เออ” ไอ้พี่ดินตอบพวกขี้แซวกลับไป คำตอบแค่คำเดียวของพี่มัน เล่นเอาผมรู้สึกร้อนๆขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้


“ขอโทษครับพี่!!!!”


 “พรุ่งนี้พวกมึงมาหากูที่ฟาร์มด้วย กูจะซ่อมพวกมึงรายตัวเลย”


“ครับ!!!” พวกขี้แซวตะโกนรับเสียงดังลั่น


“อีกอย่างไอ้หมาตัวนี้มันอยู่ปีสอง ปีเดียวกับพวกมึง ริอย่ามาทำตัวเป็นพี่มัน”


“พี่ได้ยินด้วย”


“เออ!!!”


“ขอโทษครับ”


“พวกมึงนิแสบจริงๆ เออเอาดอกโรสแมรี่ของพวกมึงคืนไป ไอ้หน้าหมามันเหมาะกับดอกกล้วยไม้มากกว่า” พี่ดินโยนดอกโรสแมรี่คืนไอ้พวกรุ่นน้องตัวแสบ ก่อนจะหยิบดอกกล้วยไม้มาให้ผมแทน แล้วมันก็ลากผมไปทางอื่นต่อ แต่ก่อนไปผมเห็นไอ้พวกรุ่นน้องของมันหันไปยิ้มกรุ่มกริ่มกัน กูว่าชักแปลกละ





พอเดินออกมาจากตลาดนัดเกษตร ไอ้พี่ดินมันก็ปล่อยมือผม แล้วเดินนำผมไปอย่างเงียบๆ


“นี่ พี่เงียบทำไมอ่ะ พี่โกรธผมเหรอ”


“กูจะโกรธมึงเรื่องอะไร”


“จะรู้พี่เหรอ”


“วันหลัง อย่าเดินหนีกู อยู่ใกล้ๆกูไว้ นี่ถ้ากูไปไม่ทันไอ้พวกรุ่นน้องตัวแสบคงแทะเล็มมึงจนเหลือแต่กระดูก”


“ก็พี่เล่นคุยเล่นกับพี่สาวคนสวยจนลืมผมไปเลยนิ ผมก็ต้องเดินไปดิ” มันพูดขึ้นเสียงใส่ผมได้ ผมก็ขึ้นเสียงใส่มันได้เหมือนกัน


“ทิน่าเขาแค่คุยเล่นกับกูธรรมดา”


“ธรรมดาแล้วทำไมต้องกระซิบกระซาบอย่างกับจะกินหูกันยังไงยังงั้น”


“มึงอย่าพูดแบบนั้นนะ ผู้หญิงเขาจะเสียหาย”


“ก็มันจริงนิหน่า!”


“มึงหึงกูเหรอ”


“ทำไมผมต้องหึงพี่ด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย พี่จะคุยอะไรกับเพื่อนพี่ก็ไม่เกี่ยวกับผม”


“...”


เราสองคนเดินต่อไปเงียบๆไม่แม้จะเอ่ยปากคุยกัน จนกระทั้งพี่ดินมันพาผมมานั่งกับพวกพี่ในคณะเกษตรตรงด้านหน้าแปลงข้าวโพด แถมพอผมเดินไปถึง ผมก็เจอไอ้เพื่อนตัวดีสองคนของผมกำลังนั่งกินข้าวโพดย่างกันอร่อยปาก


“ไอ้สิงห์ ไอ้เต๋า มึงมาทำไรเนี่ย” ผมเอ่ยถามเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งบนเสื่อด้านข้างมัน แต่สายตาผมก็ไม่วายแอบเหล่ไอ้พี่ดินมัน ที่ตอนนี้เดินเข้าไปดูน้ำในแปลงข้าวโพดที่ปลูกใหม่แล้ว ผมเห็นมันหยิบจับท่อน้ำนู้นท่อนี้ เปลี่ยนไปเรื่อย พอเห็นมันหันมามองผม ผมเลยแกล้งทำหน้าบึ้งใส่มันแล้วหันไปมองทางอื่นแทน 


“ไอ้ฟ้ามึงทำหน้าเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย”


“เปล่าหน้ากูก็ธรรมดา ออกจะหล่อ.. แต่พวกมึงนิเดี๋ยวนี้กลายเป็นเด็กเกษตรไปเลยนะ”


“พวกพี่เขาชวนกูมากินข้าวโพดย่าง กูก็มา”


“ฟ้าก็กินสิ พวกพี่เพิ่งย่างเสร็จ” พี่เมืองส่งข้าวโพดมาให้ผม


“ขอบคุณครับ” ผมรับข้าวโพดย่างมากิน ตอนแรกมันร้อนจนผมจับไม่ได้ พี่เมืองเลยเอาไปเสียบตะเกียบพร้อมปอกเปลือกให้ผมเสร็จสรรพ และพอผมกินข้าวโพดย่างเท่านั้นแหละ ผมถึงตะโกนออกมาลั่นเพราะความอร่อย

“ว้าว โคตรอร่อย” ผมอุทานออกมา พร้อมมองข้าวโพดในมือ “ทำไมหวานได้ขนาดนี้นะพี่” ผมพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะแอบเห็นไอ้พี่ที่ยืนอยู่กลางไร่ข้าวโพดแอบยิ้มออกมา


“ก็พวกเราปลูกเอง ดูแลกันเองไม่ได้ฉีดหรือใส่สารเคมีอะไรเลย รสชาติมันก็จะออกหวานแบบธรรมชาติ” พี่ในคณะเกษตรอธิบายให้ผมฟัง


“โคตรอร่อย”


“ถ้าอยากกินก็บอกไอ้ดินมัน เดี๋ยวให้ไอ้ดินมันเอาไปให้กินตอนซ้อมละคร” ไอ้พี่ภูพูดขึ้นมา


“ผมไม่อยากรบกวนพี่ดินหรอกครับ พี่เขาอยากทำอะไรก็ทำไปเลย!”


“งอนมันเหรอ”


“เปล่า ผมจะงอนพี่มันทำไม”


“โอเคๆ ไม่งอนก็ไม่งอน วันนี้พวกพี่ว่าจะย่างปลากิน อยู่กินด้วยกันเลยนะ”


“ครับ”


พี่ดินมันใส่น้ำเสร็จ มันก็เนียนเดินมานั่งข้างๆผม ก่อนจะหยิบน้ำในแก้วที่พี่เมืองรินให้ผมไปกิน


“ข้าวโพดอร่อยไหม” พี่มันหันมาถาม


“อือ ก็ดี”


“ได้ลองกินตำข้าวโพดของพวกสาวๆยัง” พี่ดินมันชี้ไปที่บรรดาจานอาหารที่อยู่กลางวง


“ลองแล้ว”


“ชอบอ่ะดิ”


“ก็...นะ”


“นี่ยังงอนกูไม่หายอีกเหรอ กูสิต้องงอนมึงมากกว่า”


“พี่จะงอนผมทำไม”


“ก็มึงไปยืนล่อเป้า ให้พวกน้องกูแซว”


“แต่พี่ก็เดินเข้าไปห้ามแล้วไง”


“ถ้ากูไม่เข้าไปมึงเสร็จรุ่นน้องกูไปแล้ว”


“อะไร เสร็จๆวะ ไอ้ดิน มึงเสร็จน้องเขาไปแล้วเหรอ” ไอ้พี่ภูที่นั่งฝั่งตรงข้ามถามขึ้นมาเสียงดัง


“ว๊ายยยยย ตั่ยแล่ววววววว ไอ้ดินมีผัวเหรออออ” เพื่อนในคณะทั้งที่อยู่กลางแปลงข้าวโพด และด้านข้างตะโกนแซวกลับมา


“เรื่องของกูอีกอ่ะ พวกมึงเงียบๆไปเลย ส่วนมึงไอ้ภู ไปช่วยไอ้เมืองย่างปลาไป”


“เอ้า ก็กูอยากรู้ว่าเพื่อนกูเสร็จๆ อะไร”


“เสือก ถ้าขืนมึงยังพูดมาก เดี๋ยวกูจะไปย่างปลาให้พวกมึงกินเอง”


“โอเคครับเพื่อนดิน มึงนั่งนิ่งๆนะ กูไปเอง” พี่ภูรีบลุกขึ้นออกไปทันทีที่พูดจบ จากที่ผมรู้พวกพี่เขาคงไม่กล้าให้พี่ดินมันทำอะไรเกี่ยวกับการปรุงอาหารแน่นอน เพราะคงกลัวความชิบหายวายวอดที่จะเกิดตามขึ้นมา ก็ไอ้พี่ดินมันทำอาหารได้ที่ไหน มันทำไม่เป็น
 
   เพียงไม่นานปลาย่าง หรืออาหารอื่นๆที่พวกพี่มันทำก็เสร็จ พวกผมทั้งไอ้เต๋าไอ้สิงห์นั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่พี่มิ่งปีสาม ที่พวกพี่ในคณะเขาเรียกกันว่าเป็นสเมิร์ฟของเกษตรศาสตร์เดินเข้ามาร่วมวงพร้อมกับขวดอะไรบางอย่าง


“มึงเอาอะไรมาวะไอ้มิ่ง”


“เมื่อวานกูขึ้นเขามา พี่ชาวเขาให้เหล้าข้าวโพดกูมาเว้ย”


“ได้ของดีมานี่หว่า” พี่ภูยิ้มพร้อมกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่


“เออ พี่ๆ บอกแก้วเดียวสลบ”


“เอามาลองดิ” พี่เมืองกวักมือให้พี่มิ่งรินให้ คราวนี่พี่มันเลยรินใส่แก้วให้ทุกคนที่นั่งล้อมวงได้ชิมไม่เว้นแม้แต่ผม


“ฟ้ามันกินไม่ได้ พรุ่งนี้มันยังต้องซ้อมละครเวที” พี่ดินแย่งแก้วที่อยู่ในมือผมออก


“แต่ผมอยากลองอ่ะ”


“ให้น้องมันลองดิดิน”


“อีกสามวันมันจะขึ้นแสดงจริงแล้วนะ อย่าให้มันกิน ไอ้เต๋ามึงเป็นเพื่อนมันมึงกิน”


“ได้อยู่แล้วพี่ ผมอยากลองพอดี” ไอ้เต๋ารับแก้วเหล้าข้าวโพดจากมือพี่ดินไปกิน ก่อนจะกระดกเข้าปากอย่างรวดเร็ว


“เป็นไง”


“กลิ่นหอมลอยมาเลย แต่พอลงคอเท่านั้นแหละโคตรร้อนอ่ะพี่” ไอ้เต๋าอธิบาย ก่อนทำหน้าเหยเก และเพียงไม่นานไอ้เพื่อนร่างบึกของผม ก็นั่งตาลอยไม่รู้เรื่องรู้ราว

“เหล้าข้าวโพดมันก็เหล้าขาวดีๆนี่แหละ แรงอยู่” ไอ้พี่ภูที่ตอนนี้หน้าเริ่มแดงพูดขึ้นมา


“นี่กูแดกไปสองแก้วนะ แม่งมึนชิบหาย ไอ้ดินมึงแดกยัง” ไอ้พี่เมืองส่งแก้วเหล้ามาทางพี่ดิน พี่ดินก็รับมากินแบบไม่มีอิดออด เขาว่าเด็กเกษตรกินเหล้าเก่งคงจะเป็นเรื่องจริง


“อืม หมักใช้ได้เลยวะ กลิ่นหอมดี”


“ขอกินมั้งดิ” ผมสะกิดพี่ดิน ก็จะไม่ให้ยากกินได้ไง ตอนนี้ในวงมีผมไม่ได้กินอยู่คนเดียว ขนาดพี่ผู้หญิงยังได้กินเลย แล้วผมแมนๆเตะบอลทำไมไม่ได้กินบ้าง


“ไม่ได้!”


“ขี้เหนียววะ” ผมมองค้อนพี่มัน ก่อนที่พี่มันจะหยิบแก้วน้ำอัดลมส่งมาให้ผมแทน


“แดกอันนี้ไป”


“ไม่แดก! อ้วน!”


“ไอ้เด็กนี่”


“พอๆ เลิกทะเลาะกัน ไอ้ดินเอาสักตัวม่ะ” พี่เมืองหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ก่อนจะหันไปถามเพื่อนตัวเอง


“ไม่อะ คนแถวนี้มาชอบกลิ่นมัน มึงก็ไปดูดไกลๆเลย” ผมมองไอ้พี่ดินมันสะบัดมือไล่พี่เมืองให้ออกไปดูดไกลๆ อีกอย่างผมควรจะดีใจไหมนะ ที่มันจำได้ว่าผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่


“ไอ้เชี่ยดิน นิมึงกำลังจะเลิกดูดบุหรี่จริงเหรอวะ”


“เออ คิดว่าจะเลิก แต่ให้เลิกเลยมันคงเลิกไม่ได้ กูจะค่อยๆลดลงมา มึงก็ควรจะเลิกพร้อมกูนะเมือง”


“ขอคิดก่อน” พี่เมืองลุกขึ้นไปสูบตรงแปลงนา


“เห้ยดิน ไปเอากีตาร์มาเล่นดิวะ บรรยากาศกำลังดี” ไอ้พี่มิ่งพูด


“กูไม่อยากเล่น”


“กับข้าวก็ไม่ได้ทำ รอแดกอย่างเดียว ทำอะไรให้เป็นประโยชน์หน่อยดิวะ” พี่ภูไล่ให้พี่ดินมันไปหยิบกีตาร์มา ตอนแรกก็เห็นพี่มันจะไม่ยอม แต่สุดท้ายมันก็ทนโดนเพื่อนบ่นไม่ไหว มันเลยเดินไปหยิบกีตาร์มาเล่น


   ตอนนี้ฟ้ามืด อากาศโคตรจะเป็นใจในการกินเหล้าเป็นอย่างมาก ต้องย้ำอีกครั้งเลยว่าอากาศแม่งดีมาก (ก ไก่ล้านตัว) อากาศเย็นกำลังดี ลมพัดเบาๆโคตรสบายตัว  พวกพี่ๆมันเริ่มก่อกองไฟกลางวงเหล้า ผมเห็นพี่ภูโยนมันม่วงลงไปเผา ส่วนไอ้พี่ดินตอนนี้ก็นั่งร้องเพลงให้เพื่อนๆฟัง คือต้องยอมรับเลยว่า พี่ดินมันร้องเพลงเพราะจริงๆ เสียงทุ้มของมันสะกดทุกคนให้ร้องตามร้องคลออย่างสนุกสนาน แต่เพลงที่มันร้องส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงเพื่อชีวิต อย่างมาลีฮวนน่า พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ หรือคาราบาวอะไรทำนองนั้น ถึงผมจะไม่ค่อยได้ฟังแนวนี้สักเท่าไร แต่พอได้ฟังไอ้พี่ดินร้อง กลับบ้านไปผมคงต้องแอบโหลดมาฟังบ้างแล้วแหละ

“ดินมึงไม่ร้องเพลงวัยรุ่นๆ ให้น้องคณะนิเทศมันมั้งวะ”   


“กูไม่ค่อยได้ฟังเพลงไทยสากลเท่าไร”


“เลองร้องสักเพลงดิ เอาเพลงล่าสุดที่มึงฟังอ่ะ ย้ำกูขอล่าสุดนะ”


“เออๆ แต่กูขอร้องท่อนฮุคนะ”


“โอเช” สิ้นเสียงเพื่อน พี่ดินมันก็ดีดกีตาร์ แล้วร้องเพลงสตริงที่มันเพิ่งฟังมาให้พวกผมฟัง


อย่าบอกว่าเธอรักคนอื่นเลย
อย่าบอกว่าเธอเห็นเขาดีมากเท่าไร
ได้โปรดอย่ามาย้ำว่าเธอมีใจ
กลัวมันจะร้องไห้ออกมา 
**แร็พเตอร์ อย่าพูดเลย


   ร้องจบพวกพี่ๆ มันก็ร้องโห่ขึ้นมา


   “โห่!!!! ไอ้สัดโคตรเก่าอ่ะ”


   “ก็กูเพิ่งฟังเมื่อวาน”


   “ไอ้ห่า จัดซะสมัยกูเพิ่งเกิดเลยนะมึง”


ผมหัวเราะเพราะท่าทางของไอ้พี่ดินมัน เห็นหล่อๆแบบนี้มันก็มีมุมเปิ่นๆกากๆของมันเหมือนกัน


“งั้นเอาเพลงนี้ กูได้ยินเด็กข้างบ้านมันเปิดฟังบ่อยๆ” พี่ดินมองมาทางผม ก่อนจะดีดกีตาร์ในจังหวะที่คุ้นหู และพอพี่มันเริ่มร้อง ผมก็เหมือนถูกมันสะกดด้วยอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถละสายตาออกไปจากพี่มันได้


ก็ไม่รู้เลยว่าฉันต้องเริ่มอย่างไร
คงเป็นเพราะฉันกลัวว่าอาจจะเสียเธอไป
หากว่าฉันถามเธอ

แต่ความรู้สึกมันล้นจนทนไม่ไหว
ยิ่งเวลาที่เธอยิ้มมาและจ้องมองตา
มันเกิดคำถามมากมาย

ฉันไม่รู้และยังคงไม่แน่ใจ
รักไม่รักใจจริงเธอต้องการแบบไหน
มันยังคงไม่ชัดเจน

เธอกับฉันเราเป็นอะไรช่วยบอกฉันที
อยากรู้สายตาที่เธอมีให้กัน
มันหมายความว่าอะไร
เป็นแค่เพียงอารมณ์อ่อนไหวที่คงหายไป
หรือซ่อนความรักที่มีเอาไว้
เธอคิดยังไงกับฉันช่วยบอกฉันที
***mean หมายความว่าอะไร
[/i]


พอพี่ดินร้องจบ พวกเพื่อนๆก็รีบตบมือให้พี่มัน แต่ทว่าสายตาของพี่มันยังคงมองผม มองจนผมต้องหลบตามันไปทางอื่น จ้องเข้าไป จ้องจนหัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปหมดล่ะ  ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไรกับมันนักหนา


“ไอ้ห่าดิน มึงเลิกจ้องน้องเขาได้แล้ว น้องเขาเขินมึงจนหัวหูแดงไปหมดล่ะ”  ไอ้พี่เมืองปาฟักข้าวโพดในมือใส่เพื่อนตัวเอง


“กูเห็นสายตามันแล้ว กูอยากจะเอากาแฟราด ไอ้ห่าหวานจนเลียน” ไอ้พี่มิ่งแซวขึ้นมาอีกคน


 “...” ไอ้พี่ดินมันไม่เถียงอะไร มันแค่ยักไหล่ ก่อนจะนั่งเกลากีตาร์ไปพลาง


“ไอ้สัสนิ ทำลอยหน้าลอยตา” ไอ้พี่เมืองมันพูด พร้อมเหล่มองเพื่อนตัวเองอย่างระอา ส่วนผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้าเขินจนมือไม้หยิบนู่นนี้ขึ้นมากิน


“จีบเพื่อนผมยากหน่อยนะพี่” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมา “ไอ้นี่คนจีบมันเยอะ”


 “แต่ผมเชียร์พี่นะพี่ดิน เพื่อนผมมันจะได้มีแฟนสักที” ไอ้สิงห์เสริม คราวนี้เอฟซีพี่ลมอย่าไอ้เต๋าเลยขึ้น มันยกนิ้วกลางให้ไอ้สิงห์ทันที


“ฟ้า” พี่เมืองเรียกชื่อผม


“ครับ”


“เพื่อนพี่มันกาก แต่ก็ลองพิจารณามันด้วยละกัน” ทุกคนในกลุ่มร้องโห่แซวแทบจะทันที บางคนเป่าปาก บางคนกรี๊ด แต่ละคนพูดแซวจนผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ทีไหน ส่วนไอ้คนที่ถูกแซวอีกคนยังทำหน้านิ่ง ไม่สนโลกอะไรเอาแต่เกลากีตาร์ไม่ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาแดก


“เลิกเสือกเรื่องกูกับน้องมันสักที” ไอ้พี่ดินมันพูดขึ้นมา คนในวงเงียบกริบทันที “ส่วนฟ้า มึงเลิกเขินได้แล้ว วางแก้วเหล้าในมือมึงด้วย” ไอ้พี่ดินหันมาจ้องผมเขม่ง


“ฮิ้วววว มีเป็นห่วงกันด้วยโว้ยยย”


“ก็มึงแซวมันจนมันหยิบอะไรต่อมิอะไรมาแดกแก้เขิน ดูตอนนี้ดิแดงทั้งตัว” ไอ้พี่ดินวางกีตาร์ลง ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆผม แล้วแย่งแก้วที่อยู่ในมือไป


“นิมึงแอบมองน้องมันตลอดเลยเหรอวะเพื่อนดิน มึงนิแม่งไม่ธรรมดาวะ” ไอ้พี่ภูพูดแซวขึ้นมาอีกคน


“เพื่อนกูแม่งร้ายเงียบนิหว่า” พี่ดินมันหันไปชูนิ้วกลางให้พวกเพื่อนๆ ก่อนจะหันมาถามผม


 ไหวเปล่าเนี่ย”


“ไหวดิ แค่เหล้าเอง”


“ตัวแม่งแดงไปหมดละ เอาน้ำไปกินล้างปากหน่อยไป”พี่ดินหยิบแก้วน้ำมาให้ผมดื่ม   


“แดงเพราะเขินมึงรึเปล่า ไอ้เชี่ยดิน” ไอ้มิ่งพูดแซวขึ้นมาอีก


“ฟ้า ดอกกล้วยไม้ไอ้ดินมันให้ฟ้าใช่ป่ะ” พี่ภูถาม ผมเลยพยักหน้าพร้อมมองดอกกล้วยไม้สีขาวปนส้มที่วางอยู่บนตัก


“ไอ้ห่าดินแม่งไม่ธรรมดา” พี่เมืองพูดขึ้นมาอีกคน ผมเลยได้แต่ขมวดคิ้วมองพี่มันด้วยความสงสัย


“ฟ้ารู้ไหม ดอกกล้วยไม้มันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ความรัก และความสง่างาม” พี่เมืองพูดอธิบายขึ้นมา “ในหมู่ชาวกรีกสมัยก่อนดอกกล้วยไม้แสดงถึงการสืบเผ่าพันธุ์  แต่สำหรับชาวจีนเรียกดอกกล้วยไม้ว่าเป็นพืชแห่งกลิ่นกษัตริย์”


“แถมยังเป็นดอกไม้ที่ไว้บอกรัก ความหมายของดอกกล้วยไม้เวลาให้สาวมันหมายความว่าอะไรนะ ไอ้ดิน” ไอ้พี่เมืองพูดโบย ผมเห็นมันทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่เพื่อนรักของมัน เออ วันนี้พวกพี่มันกะจะเต๊าะผมให้พรุนไปเลยมั้ง สึดดด


“กูไม่รู้ มึงไปถามไอ้ภูดิ” ไอ้พี่ดินมันไม่ยอมตอบ มันเฉไฉไปเรื่อย


“อย่ามา..... กูรู้ว่ามึงรู้” พี่เมืองยังคะยั้นคะยอเพื่อนตัวเอง


“ก็กูไม่รู้จริงๆ”


“งั้นฟ้ามึงเอาดอกไม้ที่ไอ้ดินให้ไปทิ้งเลย รับแบบไม่รู้ความหมายมันก็เท่านั้นล่ะวะ”


“ทิ้งได้เหรอ” ผมถามพี่ดิน


“ลองทิ้งดิกูเตะ”


“โหดวะ” ผมละอยากจะหนีจากความโหดของไอ้พี่ดินมันเหลือเกิน พอไม่พอใจก็จะเตะจะถีบ ไอ้พวกชอบใช้กำลัง ไอ้คนป่าเถื่อน ได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าด่ามันออกไป


“ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้”


“อะไรนะ?” ผมถาม ก็พี่มันพูดห่าอะไรของมันก็ไม่รู้


“ความหมายของดอกกล้วยไม้ไง มันหมายความว่า ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้” พี่มันมองหน้าผม ก่อนจะผลักหน้าผากผมเบาๆ “จำไว้ได้ไอ้หมาหน้าโง่”


ไอ้พี่ดินพูดจบเพื่อนมันก็ต่างพากันร้องโห่แซวกันอย่างสนุกสนาน ส่วนไอ้คนพูดก็ยังทำหน้าตาย พี่มันหันมองไปทางอื่น ส่วนผมก็ได้แต่นั่งหน้างุด ไอ้เชี่ยโคตรเขิน กูอยากจะบ้าตาย


“ไอ้สัด ชัดเจนยิ่งกว่าสี่จี”


“ไอ้ห่าก็มึงชง เลิกพูดได้ล่ะ แดกเหล้าต่อไปเลยป่ะ”


“กลัวไก่ตื่นรึไงวะ ไอ้เพื่อนดิน”


“มึงเล่นปั่นขนาดนี้ ไก่กูตื่นนานแล้วเปล่าวะ” ไอ้พี่ดินยกแก้วเหล้าพลางเหล่มองผม ผมเลยทำหน้าบึ้งใส่มันไปที ไอ้เชี่ยรู้สึกตุ๊ดก็วันนี้


“พอๆ ชงเป็นพิธี เอาแค่เบาๆพอ เดี๋ยววันหลังจะไม่เหลือให้ชง... เออกูมีความคิดว่า วันนี้พวกเราลองโต้รุ่งกันดีกว่าม่ะ” ไอ้พี่เมืองรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง


“โต้เพื่อ?”


“กูจะชวนพวกมึงจับหัวขโมย”


“ขโมย?”


“ก็ช่วงนี้ไข่ไก่คณะเกษตรเราหายบ่อยๆ กูว่าวันนี้เรามาจับขโมยกันดีกว่า” พี่เมืองเสนอไอเดีย


“ก็ดี กูเห็นด้วย” ไอ้พี่มิ่งกับพี่ภูพยักหน้าเห็นด้วย


“น่าสนุกผมอยู่ด้วย” พวกผมไอ้เต๋าไอ้สิงห์ยกมือขอรวมขบวนการ


“ไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์ได้ แต่มึงไม่ได้” พี่ดินชี้มาทางผม


“ทำไม ก็ผมอยากอยู่”


“พรุ่งนี้มึงต้องซ้อมละครเวที อีกสองวันก็แสดงแล้วมึงควรพัก”


“แต่ผม...”


“ไม่มีแต่ เดี๋ยวกูไปส่งที่บ้าน”


“ไม่เอาอ่ะ ผมอยากอยู่”


“ไอ้ดิน มึงจะบังคับน้องมันทำไม”


“ใช่ ผมกลับไปผมก็อยู่คนเดียว ให้ผมอยู่ที่นี่ จับพวกหัวขโมยด้วยดิ”


“ไม่ก็คือไม่”


“ไอ้พี่ดิน!!!”


“อย่าดื้อ”


“พวกมึงเลิกจีบกันได้แล้ว!  ไอ้ดินน้องมันจะอยู่ก็ให้มันอยู่อีกอย่างกลับไปมันก็ต้องอยู่คนเดียว” ไอ้พี่เมืองช่วยผมพูด แต่พี่ดินก็มีทีท่าว่าจะไม่ยอม มันจ้องผมแบบดุๆ


“ใช่ว่าวันนี้พวกหัวขโมยมันจะมา พวกไอ้เมืองมันก็บ้าไปงั้นแหละ อีกอย่างถึงมันจะมา มันก็คงมาเกือบเช้า แล้วมึงไหวเหรอ”


“ไหวดิ ไหวจริงๆ” ผมมองหน้าพี่มัน ก่อนจะจับแขนของมันเขย่าไปมา พี่มันมองหน้าผม ผมเลยแกล้งช้อนตามองพี่มัน แล้วทำหน้าหงอยๆ


“โอเค! งั้นอยู่ก็อยู่”  กูว่าแล้วพี่มันต้องแพ้ลูกอ้อนของผมแบบนี้ ผมจับสังเกตมานานแล้ว ทุกครั้งที่มองมันแล้วจับแขนเขย่าแบบง้องๆแง้งๆ มันมักจะยอมผมตลอด กูชนะมันก็คราวนี้แหละ


“ไอ้มิ่ง” พี่ดินเรียกเพื่อนตัวเล็กของเขา


“อะไร”


“ไปเอาเสื่อให้กูที่ดิ เผื่อฟ้ามันหลับกูจะได้ให้มันนอนบนเสื่อ”


“ห่วงเหลือเกิน ห่วงกันเหลือเกินครับ”


“กูจะไม่ใช้มึงเลย ถ้าวันนั้นมึงไม่ใช่คนเก็บ”


“เออๆ ใช้กูอย่างกับเป็นพ่อกูเลย”


“กูไม่มีลูกเป็นสเมิร์ฟแบบมึง”


“มึงนิมัน!” ไอ้พี่มิ่งลุกขึ้นยืน “ไอ้ดินกูมีไรจะบอก”


“อะไร?”


“ฟ้าแม่ง สเป๊คกูเลยวะ กูขอได้ไหม!!!” พูดจบพี่มิ่งก็รีบวิ่งหลบรองเท้าพี่ดินทันที
 




[อ่านต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ระหว่างที่พวกเรานั่งรอจับพวกหัวขโมย พวกพี่ในคณะเกษตรก็ร้องรำทำเพลง กินเหล้ากินขนมไปพลาง ส่วนผมนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเสื่อที่พี่ดินมันปูให้ทางด้านหลังของมัน ว่างๆเลยลองเช็คไลน์เช็คเฟสนิดหน่อย ไม่ได้เล่นเฟสตั้งนานขออัพเดตเรื่องราวหน่อยเห๊อะ

พอเข้าเฟส ผมก็เห็นคลิปที่พี่ดินมันร้องเพลงเมื่อกี้อยู่ในแฟนเพจ รักน้ำ รักปลา รักเด็กเกษตร (ใครมันตั้งชื่อวะ) พวกพี่ที่อยู่ตรงนี้สักคนต้องเป็นคนโพสแน่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะตอนนั้นผมไม่ได้สังเกต เพราะตอนนั้นผมเคลิ้มกับพี่มันมากไปหน่อย


ให้ตายเถอะ! คนกดไลน์มันเกือบเจ็ดพัน อยากจะบ้า! เป็นคนดังของมหาลัยมันดีอย่างนี้เอง แฟนคลับอย่างเยอะ


ผมลองเลื่อนลงมาดูหน้าหลักในเฟสของผม ผมก็เจอแฟนเพจชีวิตเด็กวิดวะเด้งขึ้นมา เลยลองกดเข้าไปดู แล้วผมก็เห็นคลิปของพี่ลม  ที่ถูกตั้งแคปชั่นว่า


จะเฝ้ามองเธอและเขานั้นรักกันจากตรงนี้ #พระเอกละครคณะนิเทศ #ผู้ชมที่ดี #ไม่รู้ร้องให้ใครแต่คงได้ใจสาวไปเต็มๆ
ผมอ่านแคปชั่นจบเลยลองกดดูคลิปไอ้พี่ลมทันที



[นานๆ ผมจะได้มาร้องเพลงที่ร้านของพี่เสือปู่รหัสของผม งั้นขอร้องเพลงที่ตรงกับชีวิตช่วงนี้หน่อยละกันนะครับ] พี่มันพูดจบมันก็เดินไปหยิบกีตาร์ในมือมัน ก่อนจะเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้หน้าเวที แล้วลงมือเล่นเพลงทันที




ยังแอบเฝ้าดู
ยังอยากจะรู้ เธอเป็นอย่างไรทุกข์ใจหรือเปล่า
แม้จะปวดร้าว ที่ต้องทนเห็นภาพเขาและเธออยู่ข้างกัน
ยังแอบฝันไป ยังเก็บมาเพ้อ คนเดียวเสมอเมื่อเธอหันมา
แม้ตาคู่นั้น ไม่เคยรับรู้ว่าฉันเป็นใคร

*ไม่ใช่ผู้แพ้ แต่เป็นแค่ผู้ชมที่เธอไม่เคยเห็น
และจะเป็นอย่างนี้เรื่อยไป รักแค่ไหนก็ต้องทนเก็บไว้

**จะเฝ้ามองเธอและเขานั้นรักกันจากตรงนี้
เป็นผู้ชมที่ดี ไม่เข้าไปวุ่นวายอะไร
แม้อยากจะใกล้เธอขนาดไหน
จะฝืนทนมองภาพเธอและเขารักกันต่อไป
คนที่มองไกลๆอย่างฉันคงทำได้แค่เพียง
แอบรักข้างเดียวเรื่อยไป
*mean - ผู้ชมที่ดี



พอจบเพลง คนในร้านก็ตบมือพร้อมส่งเสียงกรี๊ด พี่ลมมันพูดขอบคุณ ก่อนจะพูดอะไรออกมาที่ทำให้เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกเท่าตัว

[ในเพลงเขาเป็นผู้ชมที่ดี แต่สำหรับผม ผมขอเป็นผู้ชมที่ไร้มารยาทหน่อยนะครับ น้องคนนั้นถ้าดูอยู่ พี่คิดว่าพี่จะจีบเราอย่างจริงจังแล้วนะ]

“มันร้องให้มึงสินะ” ไอ้พี่ดินมันหันมาหาผม ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งข้างๆ


“เขาอาจจะร้องให้คนอื่นก็ได้”


“ตอนนี้ทั้งมหาลัยเขารู้กันทั้งนั้นว่ามึงกับมันมีซัมติงกันอยู่”


“พี่รู้ได้ไง”


“ซ้อมละครจนไม่ได้สนใจโลกภายนอกเลยรึไง”


“ก็...”


“ลองอ่านคอมเมนต์ดูดิ กูทายว่าน่าจะพูดถึงมึงด้วยแน่ๆ”


ผมลองกดอ่านคอมเมนต์ใต้คลิปของพี่ลม ตามที่ไอ้พี่ดินมันพูด

'มีแต่คนอยากเสพดนตรีสดพร้อมกับเบียร์แต่ทำไมหนูถึงอยากเสพดนตรีสดพร้อมกับพี่ลมจัง'

‘ร้องเพลงให้น้องหัวชมพูคนนั้นหรือเปล่าคะพี่ลม’

‘เอฟซีลมฟ้านะคะ #วายุเวหา’

‘แอบหวังจะให้พี่ได้กัน แต่ว่าคู่แข่งของพี่ลมก็น่ากลัวและน่าจับทำสามีเหลือเกิน’

‘ถ้าถูกทิ้งมาหาหนูได้นะคะพี่ลม เริ้ปยู’

‘คนหนึ่งร้องเพลงหมายความว่าอะไร คนหนึ่งร้องเพลงผู้ชมที่ดี อื้อหือเคลิ้มเลย’

‘อยากได้ แต่กลัวสู้เด็กหัวชมพูไม่ไหวจัง ก็น้องเขาน่ารัก’




ผมไล่อ่านไปเรื่อยๆ จริงอย่างไอ้พี่ดินว่าแต่ละคนน่าจะคอมเมนต์ถึงผม พวกสาวๆเล่นแซะผมซะจนพรุนเลย พอเห็นอย่างนั้น ผมเลยลองเลื่อนกลับไปอ่านคอมเมนต์ใต้คลิปของพี่ดินมั้ง


‘หวานยิ่งกว่าลูกอมก็คงเป็นสายตาพี่ดิน อยากรู้อีกฟากหนึ่งของพี่ดินใช่น้องฟ้ารึเปล่า #ดินฟ้า’

‘เธอกับฉันเราเป็นอะไรช่วยบอกฉันที ถ้าไม่รู้ก็ถามน้องเขาไปเลยสิคะ’

‘พ่วงกันทุกวัน น่าจะรู้แล้วน้าว่าเป็นอะไรกัน’

‘อยากเข้าไปคุยกับพี่ดินมาก ถ้าไม่ติดว่าน้องคนนั้นเขาติดสอยห้อยตามเป็นเงาตามตัวขนาดนั้น’

 ‘ได้แต่มองพี่ขี่อีแก่ผ่านหน้าคณะทุกวัน ช่วยหันมามองหนูบางสิคะ อย่ามองแต่เด็กหัวชมพูคนเดียว’

‘อยากได้พี่เป็นสามีต้องเปย์กี่บาท’

‘หนูรู้ว่าพี่ปลูกต้นไม้เก่ง ช่วยมาสอนหนูปลูกต้นรักหน่อยได้ไหมคะ’

‘หนูรักพี่คะพี่ดิน’

‘เริ้ปยูดินฟ้า เลิกกันเมื่อไรมาหาหนูได้เสมอนะคะ’

‘สมัยดินอยู่ปีหนึ่ง พี่ก็อุตสาห์จิ้นดินไม้ แต่ตอนนี้คงต้องจิ้นดินฟ้าแล้วสินะ ไม่เป็นไรพี่เปลี่ยนเรือได้เสมอ’

‘จะเฝ้ามองเทอและเขานั้นรักกันจากตรงนี้ เป็นผู้ชมที่ดี และอยากเข้าไปวุ่นวายจังเลยยยยย’



อยากจะด่าตัวเอง ว่ากูไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ก็รู้อยู่ว่าช่วงนี้ซ้อมละครหนัก แถมยังทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาให้พี่มันแทบทุกวัน เลยไม่ค่อยได้เขาเฟสสักเท่าไร แต่ไม่คิดว่าเรื่องของผมมันจะดังอะไรขนาดนี้


“ผมว่าเราต้องห่างกันบ้างแล้วนะ ดูดิ ผมกลายเป็นประเด็นร้อนของพี่กับพี่ลมเยอะแยะเลยอ่ะ พวกสาวๆคงเกลียดผมกันแล้วแน่ๆ”


“...”


“วันหลังเลิกไปรับไปส่งผมได้เลย พอ”


“...”


“ดูดิ สาวๆเขาคงเข้าใจผิดกันหมดแล้ว พวกเขาคงคิดว่าพวกพี่แย่งกันจีบผมอยู่แน่”


“...”


“ทำไมเงียบ”


“เขาเข้าใจผิดที่ไหน เข้าใจถูกสิไม่ว่า”


“อะไรของพี่ อย่าพูดแบบนี้นะ ผมเสียหายนะไอ้พี่ดิน” ผมมองหน้าพี่มัน พี่มันนั่งเงียบ


“...”


“เข้าใจถูกอะไรของพี่วะ”


“เข้าใจถูกว่า กูกำลังจะจีบมึง”


“หืม”


“กูจะจีบมึง นี่กูพูดจริงนะ”


“พะ..พูดอะไรของพี่เนี่ย”


“ไม่ได้ยินเหรอกูบอกว่า กู จะ จีบ มึง” คราวนี้ชัดทุกถ้อยคำ พี่มันเล่นพูดซะดังลั่นแถมเน้นทุกคำอีกด้วย เอากับมันสิ


“เออ พวกกูได้ยินแล้วไอ้ห่าดิน ไม่ต้องตะโกน พวกกูรู้มาตั้งนานแล้วไม่ต้องป่าวประกาศ” ไอ้พี่เมืองหันมาตอบ ก่อนเพื่อนแต่ละคนของพี่ดินจะต่างพากันร้องแซว แต่ก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อเจอสายตาพิฆาตของไอ้พี่ดินมัน แต่ละคนเลยหันกลับไปร้องรำทำเพลงกันต่อ ไม่มีใครสนใจพวกผมสองคนอีกเลย มีแต่ผมที่นั่งอึ้ง ทึ่ง เสียวอยู่ตรงนี้เงียบๆ


“พี่จีบผมไม่ติดหรอก” ผมตัดสินใจพูดออกมาทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองในตอนนี้โคตรจะสับสนในความรู้สึกเลย


“ติดไม่ติดก็ดูกันไป” ไอ้พี่ดินยักคิ้วใส่ผม แล้วทำไมผมต้องไปใจเต้นแรงกับมันด้วย ให้ตายเถอะใจกู


“ผมไม่ง่ายนะ”


“ชอบอะไรยากๆ”


“ต่อไปเลิกยุ่มย่ามกับผมได้เลย”


“ไม้กันหมา”


“ผมขอลาออกจากการเป็นไม้กันหมา”


“ไม่ให้ลาออก”


“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมถึงจะลาออกได้ล่ะ ผมเบื่อแล้ว”


“กูก็เบื่อเหมือนกัน”


“งั้นก็ให้ผมลาออกดิวะ”


“ไม่”


“งั้นผมต้องทำยังไง บอกมา!!”


“มึงก็มาเป็นแฟนกูดิ!”


สิ้นคำพูดของพี่ดิน พวกพี่ๆเด็กเกษตรก็หันมาโห่แซวกันยกใหญ่ ผมอยากจะบ้าตายเมื่อไรไอ้พี่บ้ามันจะเลิกทำให้ผมอายสักทีนะ อยู่กับมันทีไรต้องมีอะไรให้อายทุกที
















              คืนนั้นจากเขินๆ อยู่ ผมเลยหนีปัญหาด้วยการแกล้งนอนหลับแม่งเลย รอไปรอมันดันเผลอหลับจริง ก็อากาศมันเย็นสบาย  มารู้สึกตัวนิดหน่อยก็ตอนที่ไอ้พี่ดินมันเอาเสื้อคลุมของมันมาห่มให้ผม และพอถึงเวลาพี่ดินมันก็ปลุกให้ผมตื่น พวกเราแยกย้ายกันไปอยู่ตามมุมของฟาร์มไก่ ผมอยู่กับไอ้พี่ดิน ส่วนไอ้เพื่อนตัวแสบของผมมันแยกย้ายไปอยู่กับไอ้พี่ภูและพี่เมือง

 
“ถ้าเห็นพวกขโมยห้ามส่งเสียง ห้ามออกไปนะ ให้พวกนั้นมันจัดการกันเอง” พี่ดินหันมาพูดกับผมที่กำลังนั่งยองๆอยู่ด้านหลังของเขา


“ตื่นเต้นวะ”


“จะมาตื่นเต้นอะไร หัวขโมยจะมารึเปล่าก็ไม่รู้”


“นั่นสิ”


“บอกแล้วให้กลับไปนอน ดื้อจริงๆ”


“ก็..” จะพูดต่อแต่พี่ดินมันยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ก่อน มันชี้ไปทางฝั่งตรงข้ามที่เป็นรั้วลวดหนาม หัวขโมยที่ผมเฝ้ารอแม่งมาแล้ว มาจริงๆ แถมมาตั้งสองคน คนหนึ่งตัวโคตรใหญ่ ใหญ่เท่าพวกพี่เมืองพี่ดินเลย อีกคนตัวเล็กเท่าผม ผมมองว่าโจรมันจะทำอะไรกันต่อ หลังจากที่คลานเข้ามาจากรั้วลวดหนาม ผมเห็นทั้งสองคนค่อยๆย่องๆ เวลานี้ผมบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่เหมาะเจาะสำหรับการขโมยเสียจริง เพราะไฟตรงฟาร์มไก่ไม่ค่อยสว่าง แถมยังมีบางดวงที่ดับอีกด้วย


“อยากรู้จังว่าใคร” ผมเกาะเสื้อพี่ดินไว้แน่น


“ชู่” พี่มันหันมายกนิ้วไว้ที่ปาก เป็นสัญญาณบอกว่าผมควรจะเงียบ


พอโจรเข้าไปในฟาร์ม ระหว่างที่มันกำลังเก็บไข่ไก่ใส่ไว้ในเสื้ออยู่นั้น พวกพี่เมืองก็ส่งสัญญาณให้เพื่อนค่อยๆ เดินไปที่ประตู พวกเรานั่งเงียบอยู่กันที่หน้าประตูฟาร์ม สักพักพอโจรมันเก็บไข่จนพอใจแล้ว พอพวกมันเดินออกมาที่หน้าประตู 


 พวกพี่ภู พี่มิ่งและไอ้พี่ดิน ก็กระโดดเข้าไปล๊อคตัวโจรทั้งสองทันที


ตอนแรกก็ดูจะวุ่นวาย เพราะดูเหมือนไอ้โจรมันจะสู้แต่ทว่ามันคงสู้แรงควายของพวกพี่คระเกษตรไม่ไหว มันเลยยอมแพ้


“พอๆ กูยอมแล้ว โอ๊ย!” ไอ้โจรตัวสูงตีพื้นสองสามครั้งเหมือนยอมแพ้ เมื่อโดนไอ้พี่ดินมันล๊อคคอ นี่ขนาดอีกฝ่ายตัวใหญ่กว่านิดนึง แต่พี่ดินแม่งแรงวัวแรงความสู้เขาได้อ่ะ ส่วนโจรตัวเล็กก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ รายนั้นแพ้ตั้งแต่ถูกจับตัวแล้ว


“พวกมึงมาขโมยไข่ไก่คณะกูหลายครั้งแล้วใช่ไหม” พี่เมืองเดินเข้าไปถามโจรทั้งสอง ก่อนจะถอดหมวกของทั้งคู่ แล้วรีบเอาไฟฉายส่อง


“เปล่า ครั้งแรก ไอ้สัดกูแสบตา!” พี่คนตัวสูงรีบหันหน้าไปทางอื่นหนีแสงไฟ


“ครั้งแรกจริงๆ” แต่พอคนตัวเล็กพูดเท่านั้นแหละ ทั้งพวกพี่เมือง พี่ภู พี่ดินแม่งหันไปมองกันเป็นตาเดียว ก่อนจะพูดขึ้นมาพร้อมกัน


“พี่ไม้!!!!”





พวกพี่เกษตรรีบปล่อยตัวโจรทั้งสอง ก่อนจะพามาคุยที่สว่างๆทันที ตอนนี้ผมเห็นหน้าโจรชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว คนตัวสูงหน้าตาตี๋ๆ ผิวขาว ดูสภาพพี่เขาลูกคุณหนูเกินกว่าที่จะเป็นขโมย ส่วนอีกคน.... คนที่พวกพี่เมือง พี่ภู แล้วก็พี่ดินกำลังเข้าไปยืนล้อมวงด้วย แม่งก็น่ารักสัด พี่เขาเป็นผู้ชายที่ผู้ชายอย่างผมมองแล้วยังคิดว่าน่ารักเลย ตัวขาว ผมยาวแต่รวบผมไว้ ตาโตกลม ปากแม่งเป็นรูปหัวใจ ยิ้มที่โลกแม่งสั่นสะเทือน โคตรดาเมจอ่ะ เป็นทอมก็บอกมา หน้าแม่งหวานจัดๆ


“ภู ดิน เมือง พี่ขอโทษ” คนพี่ยิ้มน่ารักสำนึกในความผิด


“ถ้าอยากกินทำไมไม่บอก” พี่ดินมันเป็นคนพูดก่อน


“ก็ถ้าขอมันก็ไม่สนุกดิ”


“พี่นิมัน... เรียนหนักจนเป็นบ้าไปแล้วรึไง”


“ก็พอดีทำงานกันที่คณะ พวกเพื่อนๆมันอยากกินไข่สดๆ มันเลยให้พี่มาขโมย”


“ดีนะไม่โดนพวกผมรุมซ้อม” พี่เมืองยกมือขึ้นปัดแก้มที่เปื้อนเศษดินให้พี่ไม้อะไรนั่น ส่วนพี่ภูก็ปัดเสื้อป้าให้อีกฝ่าย ดูแต่ละคนจะเป็นห่วงพี่คนนี้เสียจริง


“นี่ผมไม่เห็นออกจากบ้านมาตั้งนาน ก็คิดว่าตายไปแล้ว” พี่ดินแม่งพูดจาหน้าตบปากจริง


“ถ้าพี่ตาย ดินจะต้องร้องห่มร้องไห้เป็นคนแรกแน่ๆ”


“หลงตัวเอง!” ไอ้พี่ดินมันผลักหน้าพี่ไม้เบาๆ แต่ก็ทำอีกฝ่ายเซไปนิดนึงเหมือนกัน


“งื่อ” พี่ไม้วิ่งมาเกาะแขนพี่ดิน ก่อนจะถูหน้าลงบนต้นแขนของพี่ดินมัน เป็นภาพที่ทำเอาผม..พูดไม่ออก เมื่อกี้มึงยังพูดว่าจะจีบกูอยู่เลยแล้วทำไม...


“เออ ฟ้า เต๋า สิงห์ นี่พี่ไม้ เด็กสถาปัตย์ที่อยู่บ้านตรงข้ามกับเราอ่ะ” พี่ภูเรียกพวกผมให้ไปทำความรู้จัก “ส่วนนี่พี่พัฒน์ น่าจะใช่เนอะ” พี่ภูมองพี่อีกคนที่ตอนนี้กลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว


“เออ กูพัฒน์ สถาปัตย์ปีสี่” ยินดีที่ได้รู้จัก พี่พัฒน์เดินมาตรงพวกผม ก่อนจะรับไว้พวกผมเป็นรายตัว “เดี๋ยวนี้เด็กเกษตรก็มีแจ่มๆเหมือนกันนี่หว่า น่ารักวะ ชื่ออะไรอ่ะเรา ” พี่พัฒน์หยุดมองผม


 “ฟ้าลั่นครับ เรียกสั้นๆว่าฟ้าก็ได้”


“ว้าวชื่อแม่งเหมาะกับตัวดี อยู่ปีไรน่ะเรา”


“ปีสองครับ”


“โอ้ กินเด็กเป็นอมตะ สนใจจะสร้างเรือนหอกับพี่ไหม” พี่พัฒน์แม่งหน้าม่อโคตร ตัวพ่อของความหน้าม่อเลยก็ว่าได้ ผมเริ่มเชื่อแล้วว่ายิ่งปีสูงๆแม่งยิ่งชัดเจนในเรื่องแบบนี้ ก็เล่นบอกกันโต้งๆไม่มีอายสายตาใครเลย


“ไอ้พี่พัฒน์ ฟ้ามันเด็กผม” ไอ้พี่ดินเดินมายืนข้างๆผม ก่อนจะรวบเอวผมเข้าไปยืนใกล้ๆ


“เมียมึง?”


“ตอนนี้ยังแต่ภายภาคหน้าไม่แน่”


“coming soon” ไอ้พี่เมืองเสริม มึงรับส่งมุขกันดีมาก


“ได้ข่าวว่าสเป็คมึงคือไอ้ไม้”


“ก็...เออ นิดนึง” พี่มันแม่งไม่มีปฏิเสธเลย ทำเอาผมนี่โมโหขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว  ผมก็ไม่รู้จะโมโหทำไม แต่ว่าโคตรหมั่นไส้ เลยแอบกระทืบเท้าพี่มันไปที เล่นเอาพี่ดินหันมามองผมแล้วหยิกเอวผมเบาๆ 


“งั้นยกเด็กนี่ให้กู”


“ทำตัวสมเป็นหัวขโมยจริงๆ” พี่เมืองแม่งพูดเสริมอีกครั้งเล่นเอาพี่พัฒน์หันไปมองแบบดุๆ


“ก็กูเห็นตอนปีหนึ่งมึงคั่วๆกับไม้อยู่ไม่ใช่เหรอ เป็นคู่จงคู่จิ้นกันด้วยนิ ก็ดูพวกมึงเหมาะสมกันดี” พูดเป็นถั่วไปเลย มีคงมีคั่ว


“เฮ้อ!!!” ไอ้พี่ดินถอนหายใจ มันหันมาสบตาผมแว๊บหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมของมันแบบไม่สบอารมณ์ “ไอ้เมืองวันหลังมึงหัดทำตัวชัดเจนกับแฟนมึงด้วย กูเบื่อจะมีข่าวด้วยแล้ว”


“ห๊า!!!” พวกผมที่ยืนอยู่ตรงนั้นตะโกนออกมาพร้อมกัน


“ที่พี่เห็นผมอยู่กับพี่ไม้บ่อยๆ เพราะพี่แกเป็นแฟนกับเพื่อนผม ไอ้เมืองมันเป็นแฟนพี่ไม้”


“จริงดิ!!!” ผม ไอ้เต๋า ไอ้สิงห์ หรือพวกพี่คณะเกษตรหันไปมองพี่เมืองกันเป็นตาเดียว ไอ้เชี่ยพี่เมืองแม่งโคตรเสือซุ่ม มีแฟนโคตรน่ารักแต่ไม่บอกใครเลย กะกักไว้คนเดียวไง


“เออ.. ไม้แฟนกูเอง”


“มึงไม่เคยพามาแนะนำเลยนะไอ้เมือง ไอ้เพื่อนทรยศ” ไอ้พี่มิ่งยกมือชี้หน้าไอ้พี่เมือง “ไหนว่าเราจะไม่มีเรื่องปกปิดกันไง”


“กูไม่ได้ปกปิดแค่กูไม่พูด อีกอย่างไม้เขางานเยอะ พวกมึงก็รู้เด็กถาปัตย์มีเวลาว่างกันที่ไหน ยิ่งเรียนสูงยิ่งงานมากมาย”


“แล้วที่กูเห็นไอ้ดินมันไปรับส่งมึงล่ะ ไอ้ไม้มันอะไรกันวะ”


“เมืองเขาไม่ว่าง วันไหนเมืองว่าง เมืองก็มาส่งเรานะพัฒน์แต่ตอนเมืองมาส่งเรา ก็ไม่มีใครสนใจเมืองเท่ากับดินที่ตอนนั้นเป็นถึงเดือนมหาลัยหรอก”   


“พวกกูก็หลงคิดว่ามึงเป็นแฟนกัน มึงนิมัน” พี่พัฒน์ยกมืออยากจะโบกหัวเพื่อนตัวเล็กเต็มทน แต่พี่เมืองมาขวางไว้ก่อน


“คบกันตั้งแต่ไอ้พวกนี่อยู่ปีหนึ่งเลย”


“อือ”


“กูเป็นเพื่อนสนิทมึง มึงก็ไม่ยอมบอกกู”


“บอกแล้วแต่พัฒน์ไม่สนใจ”


“บอกตอนไหน”


“วันที่เมืองมาช่วยเราถือของที่คณะไง ตอนปีสอง เราบอกเรากลับก่อนนะแฟนมารับแล้ว พัฒน์ก็พยักหน้าอือ แล้วสนใจกระดาษชานอ่อยของพัฒน์ไม่มองหน้าแฟนเราเลย”


“น่าถีบมึงจริงๆ ก็งานมันเยอะ กูไม่มีเวลาว่างเงยหน้ามาดูหรอก”


“แล้วมึงไปจีบกันได้ยังไงวะ เด็กถาปัตย์งานเยอะจะตาย งานเยอะจนไม่มีเวลาหาแฟน”


“บ้านอยู่ใกล้กันเจอหน้ากันก็บ่อย ก็เลยใจอ่อน แถมเมืองชอบมาเก็บกวาดบ้านให้เรา แถมหาข้าวหาน้ำดูแลเราตลอด เลยตกลงคบเป็นแฟนเลย” ผมพยักหน้าเข้าใจทันที วันแรกที่เจอพี่เมืองกับพี่ภูผมเห็นไอ้พวกนี่ถือพลั่วถือจอบอยู่แถวๆหน้าบ้าน ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าพวกพี่มันเข้าไปดูแลบ้านให้พี่ไม้นี่เอง


“ไม่ต้องมาอธิบายมันน่า..” พี่พัฒน์มองหน้าเพื่อนสนิทตัวเองอย่างระอา


“ไอ้ดินอกหักเลยอ่ะดิ”


“เฮ้ย ผมไม่คิดจะจีบพี่เขาอยู่แล้ว ไอ้เมืองมันชอบพี่เขามานานแล้ว ผมไม่ขอยุ่งด้วย” พี่ดินส่ายหน้า


“เออๆ ตอนนี้กูเข้าใจทั้งหมดแล้ว... งั้นเหตุการณ์วันนี้กูขอโทษด้วยล่ะกัน นานๆจะได้เป็นหัวขโมยสักที ตื่นเต้นดี” พี่พัฒน์พูด


“วันหลังถ้าอยากกินบอกไอ้เมืองมาก็ได้ ผมเชื่อว่ามันจะรีบเอาไข่ไก่สดๆไปประเคนพี่ถึงคณะเลย เพราะแฟนมันอยู่” พี่ดินพูดพลางมองหน้าไอ้เมืองที่เอาแต่จ้องแฟนตัวเล็กของตัวเอง เดี๋ยวเช็ดแก้ม เช็ดแขนเช็ดขาให้พี่ไม้ ดูเป็นห่วงเป็นใยจนบรรยากาศแม่งเป็นสีชมพู


“เออ ขอบใจ งั้นวันนี้กูกลับก่อนล่ะกัน เดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ” พี่พัฒน์เอ่ยลา “ไม้มึงจะไปกับกูเปล่า”


“เราไม่ไป เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมเมืองเลย” พี่ไม้เกาะแขนพี่เมืองแน่น คลอเคลียอย่างกับแมว สมแล้วที่พี่เมืองจะหลงชอบก็เล่นอ้อนเก่งซะขนาดนั้น


“อ้าวงานล่ะ”


“ทิ้งไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปทำต่อ”


“เออๆ น่าหมั่นไส้จริงๆ พอเจอผัวก็ทิ้งเพื่อนอย่างกูเลย”


“ใครบอกผัว เมืองเป็นเมียเรานะ”


“ไม้อ่า อยากเป็นผัวเมืองจริงๆเหรอ” พี่เมืองแม่งทำตัวงุงงิงจนน่าหมั้นไส้


“อือ”


“น่ารักแบบไม้เป็นผัวเมืองไม่ได้หรอก เป็นเมียเมืองมันส์กว่าเยอะ” ไอ้พี่เมืองพูดแบบไม่อายปากเลย เล่นเอาเพื่อนในคณะแม่งไม่กล้าแซวมันเลยสักคน แต่ละคนได้แต่ทำท่าจะอ้วกใส่หัวพี่มันเอาให้ได้


“ทะลึ่ง”


“เออ กูกลับบ้านก่อนนะ ไม้ง่วงแล้ว” พี่เมืองแม่งพูดจบก็ลากแฟนตัวเองออกไปจากวงสนทนาทันที ส่วนพี่พัฒน์ก็เดินคอตกกลับไป ส่วนพวกผมก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันสิครับ งานจบแล้วนิ







ผมกลับบ้านกับไอ้พี่ดิน ระหว่างทางพี่มันก็เอาแต่ขี่รถแบบเงียบๆ จนผมต้องเอ่ยถามมันไปว่ามันเป็นอะไร


“เป็นอะไรเปล่าเนี่ย เงียบมาตั้งแต่ออกจากฟาร์มเลยนะ”


“ก็ไม่มีอะไร แค่อิจฉาไอ้เมืองมันนิดหน่อย”


“ใช่สิ!!!  พี่ไม้เขาสเป็คพี่นิ”


“เสียงสูงถึงยอดตึกใบหยก ฟ้ามึงกำลังงอนกูเหรอ” พี่ดินค่อยๆชะลอรถอีแก่ของมัน


“ผมจะงอนพี่ทำไม”


“กูไม่โกหกว่าพี่ไม้ก็มีบางส่วนที่ทำให้กูชอบ”


“ชอบคนอ้อนล่ะสิท่า”


“ก็นิดนึง”


“ไอ้.....”


“อย่าเพิ่งด่ากู ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์สเป็คที่กูชอบ พี่ไม้มันได้สักประมาณสิบเปอร์เซ็นต์มั้ง แต่สำหรับมึงแค่เจอกันวันแรก มึงมันได้ใจกูไปเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เลยวะ”


“...” ผมเกลียดคำพูดช่วงนี้ของพี่ดินจริงๆ คือชอบทำให้ผมไปไม่เป็น ได้แต่ก้มหน้างุดเป็นตุ๊ดน้อย เขินคำพูดพี่มันระดับสิบ
“เห็นวันแรกก็อยากเอาถุงปุ๋ยครอบหัวแล้วหิ้วกลับบ้าน”


“ไอ้พี่บ้า”


“ตอนนี้ก็คิดนะ”


“คิดอะไร”


“คิดว่าจะลากมึงเข้าพงหญ้าแล้วจัดการทำเมียเลยดีไหม ไม่จงไม่จีบมันแล้ว”


“ไอ้...” ผมจะด่ามันกลับแต่ดันถูกมันดึงมือให้เข้าไปกอดเอวมันไว้ พอดึงออกมันก็จับผมไว้แน่น แถมยังขู่ว่าถ้าผมไม่กอดมัน มันจะจับผมทำเมียจริงๆ เออ กูขัดขืนไม่ได้อยู่แล้วนิ ถนนแม่งก็เปลี่ยวขืนมันทำจริง ผมคงหนีมันไม่พ้น เลยได้แต่ปล่อยให้พี่มันได้ใจไปก่อน


"เรื่องมือไวมือปลาหมึกผมให้พี่เก่งเป็นที่หนึ่งของผมเลย" ผมบ่นพี่มัน


"กูยอมรับตำแหน่งนั้น แต่..."


"แต่อะไร..."


"เรื่องน่ารัก กูยอมยกให้มึงเก่งเป็นที่หนึ่งสำหรับกูเหมือนกัน มึงแม่งน่ารักจริงๆวะ"






เดดแอร์ไปสิ!!!!!


.....TBC........




วันนี้เอามาลงยาวๆเลย พี่ไม้แฟนที่พี่เมืองกกไว้ตั้งนาน สุดท้ายก็ออกมาสักที 
พี่บ้านตรงข้ามได้ปรากฎตัวแล้ววววว
ขอบคุณที่ยังติดตามน้องฟ้าพี่ดินกันอยู่นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2017 08:30:27 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
งื้อ>//< เขินตัวแตก

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ตอนนี้รู้สึกสงสารพี่ลมมม พี่ลมมีคู่มั้ยยย 55555
เพราะยังไงก็เชียร์ดินฟ้าา 555

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
mean มา2เพลงเลย แงงง โคตรเข้าอารมณ์  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เรื่องทำครัวพี่ดินอาจจะกาก แต่เรื่องความชัดเจนกับน้องฟ้าพี่ดินไม่กากนะ  :-[ :-[ :-[
ฟ้าจ๋าพิจารณาความรู้สึกตัวเองได้แล้วนะ ออกอาการหวงพี่ดินตลอดทั้งตอนพี่ไม้กับพี่ทีน่าน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ทำไมพี่ดินพูดได้หน้าตายมากๆ เขิน :o8:
มีป้งมีปล้ำข้างทางด้วย รออะไรละ เราเต็มใจนะ  :z2:

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ชอบบบบบ ชอบมากกกกก พี่ดินคือหล่อมากก จิตัยยยยย ชอบเวลาเค้าจีบกัน เขิน ยิ่งเวลาเพื่อนๆ ชงนะแบบ ยิ้มแก้มแตก 5555555555 ตอนนึงก็ยาวสะใจมาก รักเลยยยยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2017 10:03:40 โดย janehh »

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนที่ 7




พรุ่งนี้คือวันที่ผมต้องแสดงละครเวทีแล้วครับ


 ถามว่าตื่นเต้นไหม ตอบเลยว่ามาก มากขนาดที่บอกไอ้พี่ดินว่า สองวันก่อนที่ผมจะแสดงไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องมารับมาส่ง ไม่ต้องมาหาไม่ต้องมาเจอหน้าเพราะผมต้องการทำใจ อยากจะพักผ่อนเยอะๆ จะได้แสดงละครออกมาดีๆ แต่บอกตรงๆเลยว่าไอ้ประโยคหลังผมคาดว่าน่าจะทำไม่ได้ เพราะตอนนี้เวลาก็ปาไปห้าทุ่มครึ่งแล้ว ผมยังนอนไม่หลับเลย เอาแต่พลิกตัวไปพลิกตัวมา ยิ่งรู้ว่าพรุ่งนี้ตัวเองต้องแสดงยิ่งโคตรฟุ้งซ่านอ่ะ พยายามข่มตาแล้วข่มตาอีก ก็หลับไม่ลง สงสัยว่าตัวเองคงจะตื่นเต้นกับละครเวทีจริงๆ


ผมกลิ้งไปกลิ้งมารอบเตียงทำยังไงมันก็ไม่หลับ สุดท้ายเลยตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินรอบห้องแทน ทำให้ตัวเองเหนื่อยเข้าไว้จะได้นอนหลับสบาย เดินไปเดินมาได้สักพักใจมันก็เริ่มคิดนู่นคิดนี่ตาม ตอนนี้ชักเริ่มกลัวแล้วว่าถ้าพรุ่งนี้ตัวเองทำพลาด คงทำให้พวกพี่ผิดหวังในตัวผมแน่ๆ เพราะทุกคนต่างเต็มที่ให้กับงานนี้จริงๆ


“เฮ้ออออออ” ได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนสายตาจะหันไปมองระเบียงของบ้านตรงข้ามที่เวลานี้ยังคงมืดสนิท ดูดิพอบอกให้หายไปจากชีวิตสักสองวันไอ้พี่ดินแม่งก็หายไปจริงๆ หายไปเลย....

 
แต่ว่าพี่มันคงไม่ได้ไปไหนไกลหรอก คงออกไปดื่มอยู่ที่ฟาร์มกับพวกเพื่อนๆแน่ เพราะวันนี้เขาได้ยินไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์บอกว่าจะออกไปกินเหล้ากับพวกพี่เมือง ไอ้พี่ดินก็คงเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงเหล้าอยู่แล้ว งานแบบนี้มันไม่เคยพลาด ตั้งแต่ผมรู้จักกับพวกพี่เกษตรมันมา เห็นวันๆไม่ทำสวนทำไร่ก็แดกเหล้า ผมเคยได้ยินมันคุยกันเล่นในวงเหล้าว่า


‘คณะแพทย์จบไปเป็นหมอ คณะสถาปัตย์จบไปเป็นสถาปนิก คณะคุรุจบไปเป็นครู ส่วนพวกกูคณะเกษตรจบไปเป็นตับแข็ง’


พอนึกถึงคำพูดตลกๆวันนั้นผมก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ พอยืนนึกอะไรไปเรื่อยๆได้สักพัก ผมก็ต้องสะดุ้งขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงบ้านข้างๆคุยกัน ไม่ได้คุยกันเสียงเบานะ คุยกันเหมือนคนทะเลาะกัน เสียงแม่งดังชิบหาย!


“ไอ้ดิน! ไปเอาเหล้ามาแดกหน้าบ้านต่อดิ”


“ไอ้สัสภู เสียงดัง ฟ้ามันกำลังนอนรบกวนฟ้ามัน” ไอ้ห่าพี่ดินมึงนี่แหละตัวรบกวนกูเลย เสียงดังชิบหาย คงเมากันมาเต็มที่แล้วจริงๆ เพราะดูท่าแต่ละคนเวลาพูดขึ้นมาแต่ละที โคตรจะควบคุมระดับเสียงของตัวเองไม่ได้เลย


“พี่ดินร้องเพลงกัน ผมอยากฟังพี่ร้องเพลงวะ” นี่คงเป็นเสียงไอ้สิงห์ ช่วงนี้เพื่อนผมมันก็เละเทะกับเขาด้วยอีกคน


“เออ ใช่ๆ ไอ้ดินไปเอากีตาร์มากูอยากร้อง” เสียงพี่เมืองดังขึ้น ผมเลยเดินมาดูพวกพี่มันจากทางหน้าต่าง เห็นพี่เมืองมันกำลังยกพวกเก้าอี้ไม้เล็กๆมาวางไว้ตรงสวนหน้าบ้าน ไม่นานพวกมันก็นั่งล้อมวง วางขวดเหล้าแก้วเหล้าไว้ตรงหน้า ถุงขนมวางให้เกลื่อนตรงกลางวง แม่งดูน่าสนุกจนอย่างแจม


 ผมมองจากทางด้านบน ตรงมุมที่ผมยืน ผมเห็นไอ้พี่ดินชัดเจนเลย มันดูเหมือนคนไม่เมา แต่ตาแม่งโคตรเยิ้มอ่ะ ตาฉ่ำมาก ฉ่ำยังกับใส่บิ๊กอาย ต่างจากพวกไอ้สิงห์ไอ้เต๋าที่ตอนนี้ พวกมันเมาจนเนื้อตัวหน้าเนอแดงนำไปแล้ว


   “จะร้องเพลงไรกันอ่ะ แต่ร้องเบาๆนะเว้ย เกรงใจฟ้ามัน” พี่ดินมันถือกีตาร์มานั่งข้างพี่เมือง


   “เออ เอาเพลงที่เราเล่นตอนปีสองม่ะ ที่มึงร้องกับไอ้เมืองตอนงานรับน้องอ่ะ” พี่ภูเสนอ


   “กูเล่นตั้งเยอะ จำไม่ได้”


   “เพลงนั้นไง ที่กูร้องกับมึงอ่ะของวงไอน้ำ มา มาร้องเลย อย่าช้า!” พี่เมืองพี่ภูรีบยกขวดเหล้าขึ้นมาตีเป็นจังหวะ โดยที่พี่ดินยังทำหน้างง และพอพี่เมืองมันเริ่มต้นร้อง พี่ดินมันก็พยักหน้าแล้วรีบดีดกีตาร์ตามทันที ส่วนไอ้เต๋าไอ้สิงมันเคาะกระป๋องตาม เออ! พวกมึงดูสนุกสนานจนกูอยากเข้าไปร่วมแจมด้วยเลยสัด! ชักเริ่มอิจฉาระดับสิบแล้ว แต่ละคนทิ้งกูไปกินเหล้ากันหมด


ผมยืนกอดอกมองพี่ๆ มันร้องเพลง ไอ้พี่พวกนี้มันก็น่ารักกันดี บ้าบอเฮฮากันได้ตลอดเวลา


(**เมือง)’โอ้แม่นวลน้องเนื้อทองจ๋า เธอคือนางฟ้าหรือนางไม้
หล่นมาจากทิพย์วิมานไหน ทำไมช่างโสภิณ
ทรวดทรงองค์เอวงามบาดตา หรือหยาดจากฟ้ามาสู่ดิน
 ถ้าเฉียดพระอินทร์ คงเผลอรำพันว่าโดน
ได้สบตาซึ้งแค่หนึ่งครั้ง ดั่งถูกมนต์ขลังให้ชะงัก
 อยากไปแจ้งความที่โรงพัก เธอขับรักพุ่งชน
บาดเจ็บข้อเท้าระบมทัก เพราะตกหลุมรักยี่สิบหน
 เหลืออดเหลือทน ต้องเผยความในหัวใจ’


* (ดิน) ‘อยากบอกคนดี ว่าพี่ปีสองรักน้องปีหนึ่งจังเลย
 โฉมงามทรามเชย ได้โปรดเฉลย ว่าถ้าพี่จีบ จะถีบพี่ไหม
อยากบอกคนดี ว่าต่อไปนี้ ถึงใครยิงพี่ก็คงไม่ตาย
เพราะว่าดวงใจ พี่ฝากเอาไว้ ให้มันอยู่ที่น้องคนเดียว’


(*เมือง)วิหคขับขานเสียงเพลงรัก พี่สุขใจนักเมื่อเจอน้อง
 กระจกบานไหนก็ต้องฟ้อง ว่าน้องนั้นเข้าตา
 พี่สั่นสะท้านไปหมดใจ เหมือนอยู่กลางไฟเสน่หา
ช่วยหน่อยแก้วตา มามะ เรามารักกัน
ไม่หล่อเกาหลีพี่ยอมรับ แต่จริงใจครับรับเอาไว้
ถ้าหากนวลน้องต้องไปไหน จะไปด้วยทุกวัน
ให้ต่อยกับใครสักกี่ยก ให้ตกนรกขึ้นสวรรค์
พี่อยากสาบาน จะคุ้มครองเธอด้วยใจ


พอถึงท่อนพี่ดินไอ้พวกพี่ภูพี่เมืองก็ร้องแทรก จนพี่ดินแม่งยิ้มแถมยังร้องตามอีกด้วย และก็ไม่ต้องถามว่าผมจะยิ้มไหม จะเหลือเหรอ! ไม่รอด


* (ดิน) ‘อยากบอกคนดี ว่าพี่ปีสามรักน้องปีสองจังเลย
 โฉมงามทรามเชย ได้โปรดเฉลย ว่าถ้าพี่จีบ จะถีบพี่ไหม’


“ถีบ!!” ไอ้เต๋าตะโกนตอบ เล่นเอาพวกพี่เขาหัวเราะกันยกใหญ่ ก่อนจะร้องเพลงกันต่อ กูรักมึงก็ตอนนี้แหละเพื่อนเต๋าตอบได้โดนใจกูมาก และพอถึงท่อนสุดท้าย ไอ้สิงห์ไอ้เต๋าพี่เมืองพี่ภูก็ช่วยกันร้องดังลั่นแถมยังเปลี่ยนเนื้อร้องจนทำเอาผมหน้าร้อนไปหมด

‘อยากบอกคนดี ว่าต่อไปนี้ ถึงใครยิงพี่ก็คงไม่ตาย
เพราะว่าดวงใจ พี่ฝากเอาไว้ ให้มันอยู่ที่ ฟ้า คนเดียว’
***ไอน้ำ – รักน้องปีหนึ่ง


“โคตรมันส์อ่ะ ผมชอบวะ ชอบพวกพี่ร้องเพลง” ไอ้เต๋าตบมือ


“พวกกูไม่อยากจะอวด ไอ้ดินมันร้องเพลงนี้ตอนปีสอง หลังจากที่มันได้เจอใครบางคน” พี่ภูแม่งเริ่มแซะเพื่อนตัวเอง


“ใครวะพี่” ไอ้สิงห์มันถามอย่างสงสัย ซึ่งผมก็เริ่มสงสัยแล้วเหมือนกัน


“เรื่องแม่งยาวนะ แต่กูก็อยากเล่าวะ ขอเล่านะ” พี่ภูมันหันมาถามเพื่อนมัน


“สัด ตรงหน้ามึงมีตั้งหลายขวด เอาเลยเดี๋ยวกูชงให้” ไอ้พี่ดินแม่งตอบโคตรกวนตีนอ่ะ


“ไอ้ห่าดิน เล่าไม่ใช้เหล้าเว้ย”


“มึงเอาเลยไอ้ภู กูสนับสนุนเรื่องเหล้าคืนนี้ของมึง” พี่เมืองพูดเสริม


“จัดไป”


“เชิญพวกมึงเลย กูไม่เคยห้ามพวกมึงได้อยู่แล้วนิสัด” พี่ดินมันหยิบเหล้าขึ้นมาดื่ม แหมทำมาเป็นพูดประชด มันน่า....


“เอ้า ก็นานๆ ดินผู้หล่อสัดจะสนใจใครสักคน... เพราะตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง วันๆมึงเอาแต่ทำหน้าตายปฏิเสธคนอื่นที่เข้ามาสารภาพรักมึงอยู่เรื่อย พอขึ้นปีสองกูเห็นมึงเริ่มสนใจใครบางคนกูก็อยากแชร์ไง อยากแชร์เรื่องดีๆให้โลกรู้” ไอ้พี่ภูอธิบาย ส่วนไอ้พี่เมืองก็พยักหน้าเห็นด้วย


“พี่มีคนที่ชอบตั้งแต่ปีสองแล้วเหรอวะ สภาพตอนนั้นเป็นโจรยัง” ไอ้สิงห์ถามขึ้นมาอีกครั้ง


“สภาพมันกับพวกกูก็น่าจะเริ่มเป็นโจรขึ้นมานิดนึงแล้วแหละ” พี่ภูตอบแทน  พอผมเห็นพี่ดินมันนั่งดื่มนิ่งๆไม่พูดไม่ปฏิเสธคำถามของไอ้สิงห์ เล่นเอาผมแม่งอยากรู้เรื่องนี้ด้วยเลย และจากความเสือกที่มีอยู่สูงมากของผม ผมเลยพาร่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความเผือกเดินลงไปชั้นล่าง ไปแอบฟังพวกพี่มันคุยกันตรงห้องนั่งเล่น เพราะตรงนี้เสียงแม่งชัดระดับ HD


“ช่วงปีที่แล้ว ตอนเปิดเทอมใหม่ พวกกูที่เป็นเด็กปีสองถูกอาจารย์สั่งให้ไปจัดสวนด้านหน้าของแต่ละคณะ กู ไอ้เมือง ไอ้ดิน และก็น่าจะไอ้มิ่งโดนไปจัดสวนหน้าคณะนิเทศ”


“คณะผมเหรอ”


“เออดิ! ทุกวันนี้ที่พวกมึงมีที่สวยๆ ถ่ายรูป เป็นเพราะฝีมือพวกกูจำไว้เลย” พี่เมืองพูดขึ้นมา


“พูดขนาดนี้ผมจะจดจำไปชั่วชีวิตของผมเลยว่า สวนสวยๆแมลงเยอะๆ มันเป็นเพราะฝีมือพวกพี่แม่งทำ” ไอ้เต๋าแอบพูดประชด ผมละอยากขำ สวนหน้าคณะผมมันสวยก็จริง แต่พวกแมลงแม่งก็เยอะเหมือนกัน บางทียังมีหนอนมีอะไรออกมาคลานกระดึ๊บๆให้เต็มพื้น ก็เล่นปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้ให้แน่นไปหมด


“เล่าต่อ ผมอยากเผือก”


“ตอนนั้นพวกกูก็ไปจัดสวนตกแต่ง ปลูกนู่นปลูกนี่ แต่งตัวกันไปแบบโคตรชาวไร่อ้อยอ่ะ ใส่เสื้อคลุมลายตารางสวมหมวกปิดหน้าทำตัวโคตรเหมือนคนสวนแบบสุดๆ พวกเด็กนิเทศแต่ละคนตอนนั้นแม่งโคตรแจ่ม แต่ละคนเดินผ่านไปผ่านมาไม่สนใจพวกกูเลยสักคน ซ้ำบางคนยังหัวเราะพวกกูด้วยซ้ำ”


“ไม่หัวเราะได้ไง ก็มึงมันทำตัวเปิ่นเองไอ้ห่าภู เขาให้ไปปลูกดอกไม้ดีๆ มึงไปร้องเพลงแซวสาวหน้าคณะ แล้วสภาพตอนนั้นไม่สมควรแซวใครเด็ดขาด เนื้อตัวแม่งโคตรเปื้อนอ่ะ ไอ้ห่านิก็ทำตัวแป้นแล้นไงเจอสาวๆหน่อยไม่ได้ หางแม่งกระดิก”


“ผมขอโทษครับไอ้เพื่อนเมือง พอๆ เลิกแฉกู กูจะเล่าต่อ”


“ใครห้ามมึง เล่าไปดิ”


“พวกกูทำงานกันตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง ด้วยความที่กำลังไฟแรงไงเลยไม่อยากหยุดพัก ไอ้ห่าดินแม่งก็โคตรขยัน ทำเอาพวกกูต้องนั่งทำงานงกๆไปกับมันด้วย”


“ก็ตอนนั้นกูอยากให้งานพวกเราเสร็จเร็วๆไง”


“กูรู้ ระหว่างที่พวกกูทำงาน ก็มีเด็กปีหนึ่งวิ่งถือขวดน้ำเปล่ามาสองสามขวด ไอ้เด็กนั่นมันเดินมาทางไอ้ดินแล้วก็วางขวดน้ำไว้ข้างๆไอ้ห่าดินมัน กูเห็นน้องมันคุยอะไรกับไอ้ดินประมาณสองสามประโยค แต่พอดีกูไม่ได้ยินไง หลังจากนั่นเพื่อนดินของกูมันก็เพ้อถึงน้องปีหนึ่งคนนั้นมาตลอด”


“กูอยากรู้ว่าน้องเขาพูดอะไรกับมึงวะ”


“กูต้องบอกมึงด้วยเหรอ?”


“มึงเก็บมานานแล้ว มึงควรบอก”


“เสือกจริง”


“เสือกมากด้วย” ไอ้พี่เมืองพูดเสริม


“น้องเขาแค่พูดว่า พักกินน้ำให้หายเหนื่อยก่อนนะครับแล้วค่อยทำงานต่อ สู้ๆนะครับ”


“แค่นั้น”


“เออ พอพูดจบ น้องเขาก็ยิ้มให้กูไง กูก็เลย...”


“ฮั่นแหน่!!! รักแรกพบ”


“ผมอยากรู้จริงไอ้เด็กนั่นมันใคร” ไอ้สิงห์สงสัย


“เด็กแถวๆนี้แหละ” พี่เมืองตอบ


“ไอ้เต๋าเหรอ”


“เพ้อเจ้อล่ะมึง คนน่ารักที่ยิ้มทีทำเอาไอ้ดินเพ้อ มันจะมีสักกี่คนกันวะ”


“ไอ้ฟ้า!!!”


“ตรัสรู้สักทีนะมึง”


ผมที่นั่งฟังอยู่ก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเพราะกลัวจะหลุดคำหยาบออกไป ไอ้เชี่ย! คนที่พี่ดินเพ้อตั้งแต่ปีสองคือกูเหรอ เห้ยยยยย พีคในพีคในพีคในพีคเลย เรื่องแม่งโคตรหักมุมยิ่งกว่าหนังของเต๋อ นวพล ผมนั่งอึ้งอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากทางบ้านของพี่ลม เล่นเอาปรับตัวแทบไม่ทัน จากที่ตกใจอยู่ก็ต้องมานั่งฟังไอ้พี่ลมร้องเพลงต่อ


เหมือนตัวเองกำลังอยู่ในรายการกิ๊กดู๋สงครามเพลงยังไงก็ไม่รู้ มาประชงประชันเพลงอะไรกันกลางดึก!!!

ไม่ทราบมันเป็นไร ไม่รู้ว่ามาไง อาการรักเธอ
ก็รู้มีคนจอง ยังบ้าไปยืนมอง ตกเย็นก็เพ้อ
ยิ้มให้เมื่อเจอกัน เผื่อฟลุ๊คไปวันวัน ไม่กล้าขอเบอร์
ก็รู้เธอมีแฟน ไม่ได้จะไปแทนที่คนของเธอ
ไอ้คนมาทีหลัง ก็ต้องเศร้าต่อไป
แต่อดใจไม่ไหว เมื่อได้ใกล้กับเธอ
จะจุกตายอยู่แล้วนะ ถ้ารักนี้ ไม่ได้บอกเธอ
หลงรักคนมีเจ้าของ แอบมองอยู่ทุกวัน
ไปหลงชอบแฟนชาวบ้าน ทั้งที่รู้ตัว
ก็น่ารัก ถูกใจนัก ไม่เคยเป็นอย่างนี้
หลงรักคนมีเจ้าของ แอบมองอยู่เช้าเย็น
ก็รู้ว่าคงทำได้ แค่เท่านี้
แค่พบเธอ คิดถึง แล้วนอนฝันดี

**ไอน้ำ- รักคนมีเจ้าของ


“ไอ้ลมเล่นมึงแล้ว ไอ้ห่าดิน” พี่เมืองพูดกับพี่ดิน ถ้าให้ผมทาย ตอนนี้พี่ดินมันคงนั่งทำหน้านิ่งตามสไตล์ของมัน


“มึงไม่นอนเหรอวะไอ้ลม ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้เป็นพระเอก” พี่ภูตะโกนถาม


“พอดีกูนอนไม่หลับ เลยชวนไอ้คีย์กับไอ้สนมันนั่งแดกเหล้า” พี่ลมตะโกนกลับมา


“คงตื่นเต้นสินะมึง”


“ก็นิดนึง”   คือถ้าพวกมึงยังชวนคุยกันแบบนี้มึงควรนั่งร่วมวงกันไปเลยนะ ไอ้พี่บ้าทั้งสองบ้าน


“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปดูมึงเล่นนะ”


“ขอบใจเว้ย แต่....ไอ้ดินมึงอย่าลืมมาดูกูด้วยล่ะ งานนี้กูอยากให้มึงดูมากที่สุดล่ะ” สิ้นเสียงไอ้พี่ลม พวกเด็กวิดวะมันก็เริ่มร้องเพลงกันอีกรอบ คราวนี้คงเป็นเสียงไอ้พี่คีย์ที่มันเริ่มร้องก่อน ผมชักเริ่มสงสัยแล้วว่าในดงเถื่อนนี้ มันเป็นสถานที่ผลิตนักร้องรึไงวะ ร้องเพลงกันไม่หยุด ฟังไปฟังมาพอถึงท่อนฮุคพี่ลมมันก็ร้องเสียงดังขึ้นมา

(**คีย์)ทำไมเธอต้องยิ้ม ทุกทีที่เดินสวนกัน
ทำไมเธอต้องหวาน ทุกคำที่เอ่ยวาจา
 ทำไมเธอต้องซึ้ง เวลาที่ฉันมองตา
 ฉันจะบ้า.. อยู่แล้ว
เหมือนเธอมีเวทมนตร์
ทำให้ใจฉันอ่อน รู้มั๊ยเธอว่าใครเดือดร้อน
(**ลม) ฉันแพ้ทางคนอย่างเธอ
 มันเอาแต่เพ้อ ไม่กิน ไม่นอน
อยากบอกเธอสักครั้ง โปรดเถอะนะขอวอน
หยุดน่ารักได้ไหม ใจฉันกำลังละลาย...
***ลาบานูน-แพ้ทาง


พอพี่ลมร้องจบบ้านไอ้พี่ดินก็ดีดกีตาร์ขึ้นมาต่อ เออมึงประชันเสียงกันเป็นเดอะว๊อยส์เลยนะ ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันแล้ว ผมเริ่มชักจะทนไม่ไหวเลยกะว่าจะออกไปด่าพวกพี่มันสักหน่อย แต่พอเปิดประตูออกไป แล้วได้ยินเสียงพี่ดินมันร้องเพลงเท่านั้นแหละ ขอยืนฟังสักนิดล่ะกัน ก็เสียงพี่มันทุ้มน่าฟังจริงๆ


ฉันนั้นคิดไปไกล ฝันเอาไว้อย่างดี
 ว่าความรักของเราจะมีตลอดไป
 ในฝันของฉันมีเธอข้างกาย
 จับมือเดินกันไป ใครก็อิจฉา
ดูดีทุก ๆ อย่าง ติดที่มันยังไม่ได้เกิดขึ้นมา


ผมแอบเดินไปทางหน้าบ้านพี่ดิน ก่อนที่จะเผอิญไปสบตาพี่มันพอดิบพอดี พี่ดินยังคงร้องเพลงไม่หยุด แถมยังจ้องมองผมและยิ้มให้ผมจนจบเพลง

**ไม่อยากได้แต่ฝันหวาน ให้มันเป็นจริงได้ไหม
 แค่เพียงเธอยอมเห็นใจ รับฉันพิจารณา
 รักเธอตั้งแต่แรกพบ ไม่อยากหยุดอยู่แค่นั้น
 หากเธอยินดีรักกัน ความฝันคงกลายเป็นจริงขึ้นมา
ได้หรือเปล่า รับรักฉันหน่อยได้ไหม
คนจริงใจอยากได้เธอมาเป็นแฟน
ได้หรือเปล่า ช่วยฉันซักหน่อยได้ไหม
ช่วยเปิดใจ ช่วยให้ฝันมันเป็นจริง
**ลาบานูน-ฝันหวาน


“เพราะป่ะ” พี่มันถามผมทั้งๆที่มันยังนั่งอยู่ที่เดิม ทุกคนที่นั่งอยู่ในวงเหล้าหันมามองผมกันเป็นตาเดียว คือกูควรต้องอายใช่ไหม ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ใจก็สั่น หน้าแม่งก็เริ่มร้อน ไอ้พี่ดินแม่งมันก็ยิ้มหล่ออยู่ได้ รู้ว่าตัวเองหล่อก็ไม่ควรทำให้ใครเขาใจสั่นดิวะ.... ผมหลบสายตามัน คืออยากจะบอกกับมันไปจริงๆเลยว่า หยุดเถอะ หยุดยิ้ม ใจกูบางหมดแล้วไอ้เชี่ย!


 “ดึกแล้วทำไมไม่นอน” พี่ดินเดินมาหาผม


“ก็พวกพี่เล่นกันเสียงดังแบบนี้ ผมคงนอนหลับหรอก” ผมก้มหน้างุดเมื่อพี่ดินเดินมาอยู่ใกล้ๆ สัดเขิน


“กูบอกมึงแล้วไอ้เมือง กูบอกให้ร้องกันเบาๆ เห็นไหมรบกวนฟ้ามันเลย” ดูพี่มันกวนตีนโบ้ยความผิดให้เพื่อน มึงนิแหละตัวดี ดังกว่าใครเพื่อนเลย “น่าด่าพวกมันเนอะ” พี่ดินแกล้งเอานิ้วจิ้มลงบนแก้มผมสองสามที ผมเลยปัดออกก่อนจะเบะหน้าใส่มันไปที ไอ้พี่ดินแม่งโคตรน่าหมั่นไส้


“กูอยากจะแหมมมมม มึงให้ยาวไปถึงดางอังคาร สัดมึงเนี่ยแหละตัวดี” พี่ภูกับพี่เมืองเริ่มบ่นเพื่อนตัวเอง แต่พี่ดินมันก็ไม่สนใจเอาแต่จ้องหน้าผมไม่หยุด ไม่รู้จะจ้องอะไรกันนักกันหนา

 
“ง่วงยัง” พี่มันเปลี่ยนเรื่องครับ


“ก็นิดนึง”


“งั้นไปนอนกัน” พูดจบพี่มันก็เนียนลากผมให้เข้าไปในบ้านมัน


“เดี๋ยวๆ บ้านผมอยู่ทางนั้น” ผมจับประตูรั้วเอาไว้ พยายามขืนแรงพี่มันเอาไว้ “พี่ดินไม่เนียน!”


“ดึกแล้วนอนนี่แหละ”


“ไม่เอา ผมจะนอนที่บ้าน”


“ฟ้าไม่ต้องกลัว ไอ้ดินมันกาก มันไม่ทำอะไรฟ้าหรอกทำได้มากสุดก็แค่นอนจับมือ” ไอ้พี่ภูพูดเสริม ทำยังกับผมจะเชื่อ ไอ้พี่ดินเล่นทำหน้าหื่นขนาดนี้


 “โอเคไม่นอนที่นี่ก็ได้ ไปนอนบ้านมึง” ไอ้พี่ดินมันตีเนียนจับมือผมไปทางบ้านผมแทน


“ไอ้บ้าพี่ดิน อย่ามาตีเนียน”


“เดี๋ยวกูไปส่งถึงห้องแล้วกูก็กลับ กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน้า ก็มึงเล่นไม่ให้กูกวน ไม่ให้กูเจอหน้ามึงตั้งสองวัน รู้ไหมกูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว คิดถึงมึงวะ”


“เชี่ยยยยยยยยย เป็นเอามากนะเพื่อนกู”


“เมาใช่ไหมเนี่ย” ผมมองพี่มันแบบดุๆ นี่ผมกำลังพยายามตีหน้านิ่งอยู่นะ เพราะคำพูดของพี่ดินเมื่อกี้แม่งโคตรทำลายล้างเลย โคตรเขินสัดอ่ะ


“ไม่เมาสักหน่อย”


“คนเมาก็ชอบบอกว่าไม่เมาแบบนี้ทุกคน”


“เลิกบ่นได้แล้ว ง่วงไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไปกล่อมถึงเตียงเลย”


“ไอ้พี่ดิน!”


“โอเคๆ ไปส่งเฉยๆ ก็ได้” พี่ดินมันผายมือให้ผมเดินนำหน้ามันไป แล้วทำไมผมต้องทำตามมันด้วยนะ บอกตามตรงว่าสองวันที่ผมไม่ได้เจอหน้าพี่มัน ผมก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน เหมือนอะไรมันขาดหายไป ถ้ามานึกดีๆ ชีวิตคงขาดความกวนตีนของพี่มันไป
เพียงไม่นาน พี่ดินมันก็มาส่งผมถึงห้องแถมยังตีเนียนเข้ามาสำรวจห้องนอนของผมด้วย


“มึงนอนกอดหมอนข้างด้วยเหรอ”


 “อือ”


“กอดหมอนข้างเป็นเด็กไปได้ โห! โคตรเน่าอ่ะ เอาไปทิ้งเถอะ”


“ทิ้งทำไม ถ้าผมไม่มีมันผมนอนไม่หลับแน่ๆ”


“หืม... ถ้าไม่ได้กอดหมอนข้างแล้วมึงนอนไม่หลับเหรอ” พี่มันหันมาถามผม


“อือ” พอผมตอบเสร็จปุ๊บ ไอ้พี่ดินก็ถือหมอนข้างของผมออกไปทางระเบียงแล้วโยนไปทางระเบียงห้องมันทันที


“เห้ย! ไอ้พี่ดินทำอะไร โยนไปทำไม!!!” ผมตีไหล่มันไปที ไอ้พี่บ้านิมันมือไวจริงๆ


“โตแล้วเลิกนอนกอดหมอนข้างได้แล้ว” ผมมองพี่มันอย่างโมโห ไอ้พี่ดินมันรีบพาผมมานอนที่เตียงแถมห่มผ้าให้ผมเสร็จสรรพ หนำซ้ำมันยังเดินไปปิดไฟให้ผมด้วย


“ฝันดีนะ”


“พี่ดิน... ผมนอนไม่หลับหรอก ถ้าไม่มีหมอนข้างเน่าๆอันนั้น พี่กลับไปเอามาให้ผมเลย” ผมนอนบ่นอยู่บนเตียง


“งั้นคืนนี้... กูเสียสละเป็นหมอนข้างเน่าๆให้มึงก็ได้” พี่ดินพูดจบมันก็เดินมานอนข้างๆผม แถมยังดึงผมเข้าไปกอดจนแทบจะจมอกมัน พอผมดิ้นมันก็เอาแต่กอดผมแน่น


   “พี่ดิน ปล่อย!”


   “ไม่ ปล่อย”


   “พี่ดิน”


   “ฟ้า”


   “...” นั่นไงเรียกชื่อทีไรกูแพ้ทุกที


   “นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเหนื่อยทั้งวันนะ” มันลูบหลังผมไปมา ก่อนจะก้มลงหอมแก้มผมเบาๆ


   “จะมากไปแล้วนะ”


   “ก็ขอนิดหน่อยเอง”


   “เดี๋ยวจะโดน”


   “นอนๆ ฝันดีนะครับ”


เพียงไม่นานผมก็รู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของพี่มัน ตอนนี้ไอ้พี่ดินมันคงหลับไปแล้วเหลือเพียงผมที่ยังคงนอนไม่หลับเหมือนเดิม ยิ่งพี่มันแสดงออกมามากเท่าไร ใจผมก็บางมากเท่านั้น ยิ่งอยู่ใกล้พี่มัน หัวใจแม่งยิ่งทำงานหนักมากกว่าเก่า


 ตอนนี้ผมรู้แล้วแหละว่าความรู้สึกของผมที่มีให้พี่ดินมันเป็นยังไง แต่ขอเวลาอีกสักนิดนะ ขอความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นมาอีกนิด





ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พาร์ทดิน


วันนี้ฟ้าต้องรีบไปแต่งหน้าตอนสิบโมง แต่น้องไม่ได้บอกผมไว้แถมเจ้าตัวก็ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก ผมเลยนอนกอดร่างนุ่มนิ่มของฟ้าจนเพลินเล่นเอาตื่นสายทั้งคู่ มาตื่นกันอีกทีก็ตอนที่พวกพี่ในคณะนิเทศของฟ้าโทรมาตาม ตอนนั้นแหละผมโดนเจ้าตัวเล็กด่าซะจนหูฉีก เอาแต่บ่นว่าผมแกล้ง เลยทำเอาเขานอนไม่พอจนต้องตื่นสาย


   ผมรับหน้าที่เป็นสารถีพลขับ พาไอ้ตัวแสบไปส่งหน้าคณะ ระหว่างทางเจ้าตัวแสบก็บ่นงุงงิงตลอดทางมันน่าจับปากเล็กๆมาบีบจริงๆ


   “เพราะพี่คนเดียว เพราะพี่คนเดียว” 


   “เพราะกูทำไม”


   “พี่ไม่ปลุกผม”


   “กูจะรู้เหรอว่าพี่ๆมึงนัดกี่โมง มึงไม่ได้บอกกูนิ”


   “วันนี้พี่มีเรียน พี่ก็ควรตื่นแต่เช้าแล้วออกไปเรียนดิวะ แล้วนี่ถ้าพี่ตื่นผมก็คงตื่น”


   “ก็วันนี้กูไม่อยากไป”


   “ไอ้คนขี้เกียจ”


   “กล้าว่ากูเหรอ! เดี๋ยวจะโดน! แต่มึงเถอะพอถูกกูกอดนิดกอดหน่อยก็เล่นนอนไม่ตื่นเชียวนะ ชอบหมอนข้างมีชีวิตแบบกูก็บอก วันหลังจะไปนอนกอดบ่อยๆ”


   “ไอ้พี่บ้า! วันหลังไม่มีทางได้เข้าห้องผมแล้ว” ฟ้าทุบหลังผมดังอั๊ก เล่นเอารถเกือบเซ


   “เฮ้ยๆ เดี๋ยวรถล้ม”


   “ให้ล้มไปเลย”


   “ถ้ารถล้ม ไม่ใช่กูคนเดียวที่เจ็บ มึงก็จะเจ็บด้วยนะไอ้แสบเอ๊ย” ผมตีไปทีต้นขาเด็กดื้อทีซ้อนด้านหลังไปหนึ่งทีเบาๆ

 
   “โอ๊ยยยยยย!!! ผมโดนพวกพี่ในคณะบ่นหูชาแน่”


   “เลิกบ่นได้แล้ว ช้าไปไม่กี่นาทีเอง ไม่โดนบ่นหรอก หรือถ้าใครบ่นมึงบอกกู” ผมจอดรถหน้าคณะทันทีที่พูดจบ ไอ้แสบรีบลงจากรถแล้วเดินมามองหน้าผมอย่างสงสัย


“ถ้าผมโดนบ่น พี่จะมาจัดการพวกพี่ๆในคณะให้ผมเหรอ”


“เออ กูจะมา! มาสมน้ำหน้ามึงด้วยอีกคน”


“กวนตีน” ไอ้แสบมันเบะปากใส่ผมแบบงอนๆ ผมยอมรับเลยว่าถึงฟ้ามันจะทำหน้าแบบไหนก็โคตรน่ารักสำหรับผมอยู่ดี ปากเล็กๆ จมูกรั้น ตากลมๆ พอเห็นแล้วหมั้นเขี้ยวอยากจับมันมาฟัดให้จมเขี้ยว


   “ผมไปก่อนนะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมาดู อาย!”


“กูจะมาดู มาดูคนขี้อาย”


“เช๊อะ!! ไปแล้ว แล้วเจอกัน”


“ฟ้า”


   “อะไรอีกอ่ะ”


   “แสดงให้เต็มที่ สู้ๆ”


   “อืม” ไอ้ตัวแสบยิ้มรับ พอผมแกล้งทำมือเป็นมินิเฮริต์ให้ ไอ้แสบก็หัวเราะก่อนจะด่าผมกลับมาว่าบ้า สังเกตมาหลายครั้งละ พอเขินทีไรด่าผมทุกที เอาเถอะน่ารัก ผมยอม!





พอส่งเจ้าตัวแสบเสร็จ ผมก็รีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเรียน ตอนแรกก็กะว่าจะขาดเรียนกไปเลยแต่คิดดูอีกทีวันนี้เรียนภาคทฤษฎีไม่ใช่ภาคปฏิบัติ เข้าเรียนสายดีกว่าไม่ไปเลย ขาดไปคลาสหนึ่งก็แทบจะไม่รู้เรื่องแล้ว ถ้าใครคิดว่าเกษตรเรียนง่ายคุณคิดผิดแล้วครับ เกษตรเรียนโคตรยาก เจอทั้งแคล เจอทั้งไบโอแถมยังต้องเข้าแลปเหมือนพวกเด็กวิทย์ ถ้ายิ่งได้เจอวิชาโรคพืชเข้าไปก็ทำเอาแทบอ้วก เพราะไม่รู้ว่าโรคมันจะเยอะไปไหน


“ไง กว่าจะมา กกเมียเด็กเพลินเลยดิ” ไอ้เมืองเอ่ยทักผมตอนที่ผมค่อยๆย่องเข้าไปนั่งข้างๆมัน


“อืม” ผมยักคิ้วให้เพื่อนสนิท ก่อนจะหยิบสมุดจดของไอ้เมืองมาลอก


“วันนี้มึงจะไปดูฟ้าป่ะ”


“ไปดิ กูเสียดายค่าบัตร” 


“แหม กูลืมไป ว่ามึงเล่นเหมาบัตรมาแจกเพื่อนตั้งยี่สิบสามสิบใบ”


“...”


“เออ กูมานั่งนึกถึงคำพูดไอ้ลมเมื่อคืน มันเล่นท้ามึงให้ไปดูขนาดนั้น แปลว่าบทแม่งต้องเข้าทางมันแน่เลยใช่ไหม”


“เออ ได้หอมได้จูบ”


“เหี้ย!” ไอ้เมืองอุทาน ก่อนจะรีบปิดปากเมื่ออาจารย์หน้าห้องหันมามองอย่างดุๆ


“กูว่าแล้วทำไมมันถึงพูดให้มึงไปดูจัง”


“อืม”


“ชิ เมื่อคืนมึงน่าจะรวบหัวรวบหางฟ้าแม่งเลย” ไอ้เมืองจิปากไม่พอใจ


“ถ้าทำ กูก็ดูเลวไปเลยอ่ะ”


“กาก”


“สัด”


“กูรู้เมื่อคืนมึงคงได้แค่กอดไม่ก็จับมือ”


“ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันไหมละ มึงจะให้กูจับเขาทำเมียตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยรึไง”


“ก็เห็นหิ้วไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งนาน มันควรจะถึงขั้นนั้นแล้วไหมวะ”


“กูไม่ไวไฟเหมือนมึง”


“อืมก็ใช่...เพราะมึงกาก”


“เออ!!! กูยอมรับ ไอ้สัดนิ” ผมปาสมุดใส่ไอ้เพื่อนเวร ตั้งแต่พวกมันรู้ว่าผมชอบฟ้า วันๆ พวกมันไม่ทำห่าอะไรเลย เอาแต่แซวเอาแต่ชง พอผมขับรถผ่านคณะนิเทศก็เอาแต่แซวผม ครั้งหนึ่งตอนที่ผมอยู่ปีสอง พวกผมเคยเจอฟ้าที่ตลาดนัดคนเดินที่มีพวกนักศึกษาคณะต่างๆมาออกร้าน ผมเห็นน้องเขาเดินเที่ยวกับเพื่อน ตอนนั้นน่าจะเป็นพวกไอ้สิงห์กับไอ้เต๋า


   น้องมันเดินผ่านหน้าร้านคณะผม พอพวกไอ้เมืองไอ้ภูเห็นแม่งก็เรียกให้ผมดูกันยกใหญ่ ก่อนจะคะยั้นคะยอให้ผมรีบไปขอเบอร์เขา คือใครจะไปกล้าวะ สภาพผมตอนนั้นก็เข้าขั้นหมอผีเลเวลหนึ่งแล้ว ผมเริ่มยาวหนวดเคราเริ่มมี คือจะให้กูไปจีบเขาสภาพนั่น เขาคงด่ากูกลับมาแน่


คราวนี้พอไอ้ภูไอ้เมืองเห็นฟ้าเดินกลับมา มันก็ลากผมไปยืนหน้าร้านคู่กับพวกมันทำเป็นแจกข้าวโพดคั่วถ้วยเล็กๆให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา และพอฟ้าเดินผ่านปุ๊บมันก็ผลักผมเข้าไปหาน้องเขา ไม่อยากจะด่าพวกมันที่บังอาจเอามุขจีบสาวที่โคตรโบราณมาช่วยผม มันกะจะฝห้ผมเดินชนแล้วเรียกร้องความสนใจด้วยการขอโทษ บอกตรงๆมุขนี้แม่งมีมาทุกยุคทุกสมัยเลยจริงๆ


คือถ้าพวกมันจะเล่นมุขนี้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พวกมันควรจะผลักผมเบาๆ แต่นี่พวกมันเล่นผลักคนร่างยักษ์อย่างผมไปชนกับร่างเล็กอย่างฟ้าด้วยแรงวัวแรงควายของพวกมัน ไม่ต้องนึกถึงสภาพฟ้ามันเลยครับว่าจะกลิ้งไปกี่ตลบ น้องเขากลิ้งเนื้อตัวคลุกฝุ่น เปื้อนไปทั้งตัวจนถูกเพื่อนๆแม่งหิ้วกลับไปอย่างเร็ว โดยที่ผมยังไม่ได้ยื่นมือไปช่วยเหลืออะไรเขาเลย แถมก่อนไปผมยังได้ยินน้องมันพูดกับเพื่อนๆว่า ผมแม่งโคตรน่ากลัว!  เฟิร์สอิมเพรสชั่นกูติดลบตั้งแต่แรกพบเลย


“อุ๊ย ขอโทษ มึงไม่เป็นอะไรนะไอ้ดิน พอดีขากูเปลี้ยเหมือนเป็นโรคกล้ามเนื้อหมดแรงกะทันหันเลยสะดุดก้อนหินแล้วเซไปชนมึงนิดหน่อย”  นี่คือคำพูดของไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายในวันนั้น


“แรงสะดุดมึงที่มาชนกูไม่เรียกว่าเปลี้ยแล้ว กูคิดว่าควายที่ไหนวิ่งมาชนกู ไอ้สัด”


“โถ่วเพื่อนรัก กูก็แค่อยากให้มึงสมหวัง”


“แล้วมึงดูกูสมหวังไหม มองกูเขายังไม่มองเลยสัด”


นี่คือบทสนทนาในวันนั้น ตั้งแต่นั้นมาผมก็ได้แต่แอบมองไม่กล้าเข้าใกล้ฟ้าสักเท่าไร ก็เล่นทำเอาอีกฝ่ายกลัวซะขนาดนั้นใครมันจะไปกล้าสานต่อ  จนกระทั้งที่ได้บังเอิญเห็นน้องออกมาจากบ้านข้างๆวันนั้น บอกได้เลยว่าเหมือนสวรรค์มาโปรด ตอนแรกที่คุณป้าเจ้าของบ้านมาบอกว่าจะมีคนมาเช่าบ้านข้างๆ พวกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแค่คิดว่า เดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงย้ายออกเพราะไม่มีใครทนพวกผมได้หรอก แต่พอรู้ว่าคนที่ย้ายเข้ามาเป็นฟ้า ผมละหุบยิ้มไม่ได้เลยเล่นเอาผมหุบยิ้มไม้ได้เลยครับ เข้าใจความหมายดีใจจนเนื้อเต้นก็วันนี้ แต่ผมก็ต้องคีพลุคเป็นโจรห้าร้อยต่อไป คืออยากรู้ว่าน้องมันจะสนใจคนที่ภายนอกหรือเปล่าอะไรแบบนั้น และพอยิ่งได้รู้จักฟ้า ผมก็คิดไม่ผิดเลยที่ได้ชอบน้องมัน น้องมันน่ารักจริงๆ น่ารักจนอยากได้....


“ไอ้ดินมึงคิดอะไรอยู่” ไอ้เมืองถามผม


“เปล่า”


“กูเห็นมึงนั่งเหม่อ เดี๋ยวก็เรียนไม่ทันหรอกสัด ตั้งใจเรียนดิอย่ามั่วแต่คิดถึงเด็ก”


“กูไม่มีอะไรจะด่ามึงเลยไอ้ห่าเมือง”


“เพื่อนดินเพื่อนเมือง พวกคุณควรเกรงใจกระผมนะครับ กระผมกำลังตั้งใจเรียนให้สมกับเงินที่แม่ส่งมาให้กระผมใช้อยู่ทุกเดือน” ไอ้ภูพูดขัดพวกผมพลางขยับแว่นให้เข้าที่ เมื่อกี้ผมยังไม่เห็นมันใส่แว่นเลย  แหมทำมาเป็นเด็กดี น่าถีบให้ตกโต๊ะจริงๆ


“น่าถีบมึงจริงๆ” ไอ้เมืองหันไปพูดกับไอ้ภูที่อยู่ด้านข้าง


“ชู่ว์ ผมเรียนไม่รู้เรื่องแล้วครับ ได้โปรดเงียบด้วย ปีนี้ผมอยากได้เกรดเอ ผมจะเอาเกียรตินิยมไปให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ” คราวนี้ไอ้มิ่งหันมาทางพวกผมด้วยอีกคน ไอ้ห่าสเมิร์ฟนี่แม่งก็กวนส้นตีน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะตั้งใจเรียนวันนี้ทำมาเป็นขยัน


เป๊ะ!!!!


 ผมทนไม่ไหวเลยขอตีหัวเกรียนๆของมันไปที เล่นเอาไอ้มิ่งทำตาขวางใส่


“เกียรตินิยมมึงคงไม่ได้ แต่ถ้าเกลียดนิยมมึงได้จากกูล้นหลาม”


“สัดดิน กูจะแย่งเด็กมึง!!!”


“เอาเลย ถ้าคิดว่าหล่อได้เท่ากู”


“แหม มั่นใจ มั่นใจเหลือเกิน ขอให้วันนี้ไอ้ลมได้จูบจริงหอมจริงกับเด็กมึงเถิด” ไอ้สเมิร์ฟมิ่งยังพูดไม่หยุด ทำเอาผมคันมือคันตีนอยากถีบเพื่อนตัวเล็ก ไอ้เมืองกับไอ้ภูก็อีกคนเอาแต่หัวเราะชอบใจที่ไอ้มิ่งพูด


“นักศึกษาด้านหลัง ถ้าจะไม่เรียนก็เชิญออกนอกห้องได้เลยนะครับ ผมไม่ได้ห้าม!!!” อาจารย์สมพงษ์หัวหน้าภาควิชา พูดขึ้นมาหน้าชั้นเรียน เล่นเอาพวกผมนั่งเงียบกริบ ตั้งใจเรียนต่อกันทันที “เย็นนี้ผมเห็นว่าพวกคุณไม่มีเรียนวิชาอื่น ผมเลยขอนัดพวกคุณมาเรียนเสริมนะครับ”


“ไม่ได้นะอาจารย์” ไอ้ภูกับไอ้มิ่งแม่งพูดขึ้นมาพร้อมกัน โอ้โหพ่อคนขยันของกู


 “ทำไมไม่ได้ ถ้าเหตุผลไม่ดีพอ ก็เตรียมตัวเรียนยาวเลยล่ะกัน” อาจารย์แกจ้องไอ้มิ่งกับไอ้ภูเขม่ง


“วันนี้นิเทศมีละครเวที”


“มันไม่ได้เกียวกับคณะเกษตรอย่างพวกเราเลยนะครับ”


“แต่มันเกี่ยวกับเพื่อนผมครับอาจารย์ เกี่ยวกับพสุธาเต็มๆเลย” ไอ้ภูชี้มาทางผมไอ้ห่าหาเหาให้กูแล้วไง


“ยังไงคุณพสุธา”


“ก็..”


“แฟนมันเล่นละครเวทีครับ” ไอ้เมืองตอบออกไปแทนผม เล่นเอาเพื่อนร่วมคลาสแม่งร้องแซวขึ้นมาเสียงดัง


“งั้นคุณพสุธาก็ไปสิ แล้วมาขอเอกสารจากเพื่อนเอาเองเพราะผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะ ส่วนคนอื่นยังต้องเรียน”


“เรียนไม่ได้ครับอาจารย์!”


“ทำไมอีกคุณภูวดล”


“พสุธาเหมาบัตรให้พวกผมไปดูด้วยกันทั้งสาขาเลยครับ”


“วิ้วววววววววววว” เสียงร้องแซวพร้อมเสียงตบมือดังขึ้นมาอีกรอบ


“จริงเหรอคุณพสุธา”


“คือ...” ผมพยักหน้าตอบกลับไป


“เปย์แฟนขนาดนั้นเลย”


“ก็....”


“พอดีแฟนของไอ้ดิน เอ๊ยพสุธามีบทจูบครับ พวกผมที่เป็นเพื่อน เลยต้องไปให้กำลังใจเขาครับอาจารย์ ถ้าหัวใจเพื่อนผมมันหยุดเต้นกะทันหันพวกผมจะได้รีบทำ CPR แล้วส่งโรงพยาบาลทันที!!!” เป็นไอ้เมืองที่พูดขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ทั้งเพื่อนผู้หญิงเพื่อนผู้ชายในชั้นเลยหัวเราะกันขึ้นมาเสียงดังลั่น ไอ้สัดมึงจริงจังกับกูมากไปแล้ว


“ขนาดนั้นเลยเหรอ” อาจารย์ถึงกับต้องถอดแว่นออก


“ครับ มันรักแฟนของมันมาก บทจูบยังไม่พอยังมีหอมแก้มด้วยครับ ฉากแตะเนื้อต้องตัวมากมากมายเลยครับอาจารย์”


“โอ้โห งั้นคงต้องเอาเครื่องช่วยหายใจไปด้วยสินะ เผื่อหายใจไม่ทัน” อาจารย์แกพูดติดตลกขึ้นมา


“ครับ วันนี้อาจารย์นัดสอนไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นเพื่อนผมขาดใจตายแน่ๆ”


“ผมว่าพสุธา คุณน่าจะตายกับผมที่นี่ดีกว่าไปตายทั้งเป็นที่คณะนิเทศนะ” อาจารย์พูดจบ พวกสัมภเวสีแม่งก็ร้องแซวผมขึ้นมาอีกรอบล่ะ พวกมึงสนุกกับการแกล้งกูกันเข้าไป


“คือผมก็อยากตายกับอาจารย์ที่นี่นะครับ แต่ว่าในชีวิตของผม ผมก็อยากเห็นหน้าคนที่ผมรักก่อนตายครับ”


“กีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”


“โอเค เลิกคลาส!!!!”


อ่านต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2018 18:05:12 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ชอบอาจาร์ยอ่ะ โอเคเลิกคลาส!!  5555555

ออฟไลน์ juku_0812

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เวลาบ่ายสามโมง พวกผมและเพื่อนๆในสาขาอีกประมาณยี่สิบกว่าคนก็มารวมตัวกันที่หน้าคณะนิเทศ บอกได้คำเดียวเลยว่าตอนนี้หน้าคณะคนเยอะมาก ไม่คิดว่าละครเวทีของคณะนิเทศปีนี้ มันจะดังถึงขนาดนี้


“คนแม่งอย่างเยอะ” ไอ้มิ่งพูดขึ้นมา แต่สายตามันกลับเหล่สาวในคณะด้วยความสนุก “วู้! สาวแจ่มๆเยอะโว๊ยยย”


“มึงกระดี๊กระด๊ามากไปแล้วนะไอ้เวรมิ่ง” ไอ้ภูหันไปปรามเพื่อนตัวเล็ก ก่อนจะลากคอไอ้เพื่อนตัวจิ๋วมายื่นใกล้ๆ


“นานๆจะได้มาเปิกดูเปิดตานอกคณะสักที มึงอย่ายุ่งกับกูมาก”


“พวกมึงสองคนเลิกทะเลาะกันได้ล่ะ” เป็นไอ้เมืองที่หันไปดุไอ้เพื่อนตัวแสบทั้งสองคน  ก่อนที่มันจะหันกลับมาพูดอะไรกับผม


“ไอ้ดินมึงไม่ไปหาซื้อดอกไม้ให้น้องมันบ้างวะ กูเห็นด้านข้างคณะเขามีขายดอกไม้ขายนะเว้ย ทำเซอร์ไพรส์น้องมันหน่อยดิ” ไอ้เมืองสะกิดผม


“ดิน มึงไปซื้อช่อใหญ่ๆเลยนะ พอเขาแสดงเสร็จมึงก็ออกไปให้เลย คราวนี้แหละฟ้าแม่งคงเป็นปลื้ม” ไอ้ภูพูดเสริมขึ้นมาอีกคน


“น่าอายจะตาย กูไม่ทำหรอก มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเป็นจุดเด่นในสายตาใคร”


“โถ่ว น่าจะทำให้ว่าทีเมียมึงหน่อยก็ยังดี เขาจะได้ดีใจ”


“ใช่ ฟ้ามันจะได้ปลื้มมึงไง”


“ไม่เอาน่าอาย กูเขิน”


“โอเคๆ แล้วแต่มึงเลย แล้วนี่พวกเราเขาข้างในได้เลยไหมวะ ละครมันเริ่มแสดงกี่โมง” ไอ้เมืองถามผมขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมเลยหยิบบัตรขึ้นมาดู ก่อนจะแจกจ่ายไปให้เพื่อนในสาขาทุกคน “ใกล้แล้ว เข้าไปดูกันได้แล้วมั้ง”


“อืม งั้น พวกเราเคลื่อนพล” ไอ้เมืองกวักมือเรียกเพื่อนให้เดินตามๆกันเข้าไปด้านใน ระหว่างทางที่ผมเดิน ผมสังเกตเห็นผู้คนรอบข้างแม่งกระซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้ แถมสายตายังมองพวกผมกันเป็นตาเดียว


“สาวๆมองแต่มึงนะไอ้ห่าดิน” ไอ้มิ่งมันกระทุ้งศอกใส่ผม


“นานๆ เดือนมหาลัยในตำนานจะออกงานทีก็งี้แหละ แถมวันนี้เพื่อนกูก็เล่นหล่อไม่เกรงใจชาวบ้านด้วยไง ทำมาเป็นเซ็ตผงเซ็ตผม มึงจะหล่อเอาโล่ไปไหน” ไอ้ภูหันมาร่วมแซวผมกับไอ้มิ่งอีกคน ตอนแรกกะจะไม่เซ็ตผมหรอก แต่นานๆทีก็อยากจะเปลี่ยนลุคดูบ้างอะไรบ้างก็เท่านั้น เอาจริงๆคือ ผมเปลี่ยนมาอวดเด็กมัน


“เรื่องของกูป่ะ”


เสียงกรี๊ดเสียงแซวดังขึ้นมาเป็นระยะ ผมทำเป็นไม่สนใจพวกสาวๆมากนัก ตรงไหนเสียงดังมากก็หันไปยิ้มให้นิดนึงเป็นมารยาท ผมอุตสาห์จะมาดูแบบเงียบๆไม่อยากเป็นจุดเด่นในสายตาใคร สุดท้ายก็ไม่วายเจออะไรวุ่นวายเหมือนทุกที รู้สึกคิดถึงไม้กันหมาขึ้นมาอีกแล้วดิ


ระหว่างที่ผมเดินเข้าไปด้านในก็มีพวกเด็กนิเทศถือกล้องพร้อมไมค์วิ่งกรูกันเข้ามาสัมภาษณ์พวกผมประมาณสามสี่คน หนึ่งในนั้นผมเห็นไอ้เต๋ามันกำลังทำหน้าที่ตากล้องอยู่ด้วย


“ขอโทษนะคะ คือพวกเราอยากสัมภาษณ์พวกพี่ๆหน่อยได้ไหมค่ะ” หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ยื่นไมค์มาทางพวกผม ไอ้เพื่อนตัวแสบของผมเลยรีบพยักหน้าตกลงกันยกใหญ่


“ว่ามาเลยน้อง”


“พี่อยู่คณะอะไรกันค่ะ”


“คณะเกษตรครับ” ไอ้มิ่งเป็นคนเสนอหน้าตอบเป็นคนแรก มันยิ้มให้กล้องพลางชูสองนิ้วไปมา ไอ้ห่านิบ้ากล้อง “เออ ปลายปีนี้คณะเกษตรมีงาน เกษตรแฟร์นะครับ เชิญชวนนักศึกษาทุกคนและผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานด้วยนะครับ ในงานมีอะไรสนุกๆ ของอร่อยๆเพียบเลย อย่าลืมมากันนะครับ!!” ถึงไอ้มิ่งมันจะบ้ากล้องแต่มันก็รู้งานเหมือนกันนะครับเนี่ย ไอ้เพื่อนคนนี้


 “เออ.... งั้นกลับเข้าเรื่องคณะนิเทศต่อนะคะ พวกพี่สนใจอะไรในละครนิเทศปีนี้คะ”


“สนใจทุกอย่างแหละครับ ตั้งแต่มาเรียนไม่เคยได้มาดูเลยสักปี ปีนี้เลยอยากมาเปิดหูเปิดตาดูสักที” ไอ้เมืองตอบ


“โห่ งั้นก็ดีเลยค่ะ ปีนี้คณะนิเทศเราทำละครเวทีแนวแฟนตาซี คงจะสนุกตื่นตาตื่นใจสำหรับพวกพี่แน่ๆ ”


“ครับ”


“งั้นหนูอยากให้พวกพี่ฝากอะไรถึงบรรดานักแสดงของเราหน่อยได้ไหมคะ”


“ได้ครับๆ ให้เพื่อนพี่พูดล่ะกันเนอะ” ไอ้เมืองพูดก่อนจะดันผมให้ออกมายืนด้านหน้าแทนมัน  และพอผมออกมายืนหน้ากล้องเท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดของสาวๆก็ดังขึ้นมาอีกรอบ เออ... อยากจะยกมือขึ้นห้ามแล้วบอกสาวๆไปว่า ไม่ต้องกรี๊ดมากพี่รู้ว่าพี่หล่อ


“เออ...คือ พี่ก็ไม่มีอะไรมาก สำหรับนักแสดงทุกคนก็ขอให้แสดงกันให้เต็มที่ล่ะกันนะครับ”


“กีดดดดดดดดด พี่ดิน”


“ได้ข่าวว่าพี่ดินไม่เคยมาดูละครเวทีของคณะเราเลย แสดงว่าปีนี้ที่มาดู มาเพราะใครเป็นพิเศษรึเปล่าค่ะ”


“ก็...ประมาณนั้นครับ”


“กีดดดดดดดดดดด”กลายเป็นน้องพิธีกรที่ร้องกรี๊ดขึ้นมาแทน ผมว่าผมก็ไม่ได้เสกข้าวสารใส่นะทำไมน้องเขาร้องโหยหวนน่ากลัวจัง “อยากรู้จังว่าเป็นใคร ใช่น้องหัวชมพูของคณะนิเทศรึเปล่าน้า”


“ก็” ผมยิ้มพอเป็นพิธีก่อนจะขอตัวแล้วเดินนำเพื่อนเข้าไปในโรงละคร ลองขืนยืนอยู่ต่อดิมีหวังหูเหอใช้การไม่ได้ เสียงกรี๊ดดังยังกับอยู่ในคอนเสิร์ต พอเดินมาถึงด้านในผมก็ถูกไอ้สิงห์มันลากไปทางด้านหลังเวที ปล่อยให้พวกไอ้เมืองไอ้ภูไปหาที่นั่งกันก่อน


“ไอ้สิงห์มึงจะพากูไปไหน”


“พาไปหาเพื่อนผม เพื่อนผมมันตื่นเต้นต้องการกำลังใจ”


“คนในคณะมึงจะไม่ด่ารึไง ที่เอาคนนอกอย่างกูเข้ามา”


“ไม่ด่าหรอก!” พูดจบไอ้สิงห์มันก็ผลักผมเข้าไปในห้องๆหนึ่งแล้วรีบปิดประตูทันที ปล่อยให้ผมอยู่เพียงลำพังในห้องกับไอ้หมาตัวน้อย ที่เวลานี้บอกได้คำเดียวเลยว่า โคตรของโคตรน่ารักที่สุด


“พี่ดินเข้ามาได้ไง”  ฟ้าเรียกผม ส่วนผมก็ยังคงจ้องมองน้องแบบละสายตาไปไม่ได้ ก็เล่นน่ารักซะขนาดนั้น ใครกันที่จัดชุดแบบนี้ให้ฟ้าใส่ ไอ้ชุดที่เหมือนภูติตัวน้อยๆเนี่ยาแม่งโคตรน่าปู้ยี่ปู้ยำเป็นที่สุดอ่ะ อยากจะจับมาฟัดแรงๆ ทำไมเนื้อตัวถึงได้ดูนุ่มนิ่มได้ขนาดนี้ ผิวฟ้าก็ขาวชุดก็ยังขาวอีก ตอนนี้เลยทำให้น้องแม่งโคตรเรืองแสง ออร่าเปล่งกระจาย แถมยังโดนแต่งหน้าด้วยอีกนะ เออน่ารักมันเข้าไป น่ารักจนอยากลักพาตัวกลับบ้าน!!!


“ไอ้พี่ดินจะจ้องอะไรกันนักกันหนา” ฟ้าเหมือนจะเขิน อีกฝ่ายเลยเดินหนีผมไปทางด้านใน


“เฮ้อออออ” ผมรีบคว้ามือน้องมาจับไว้


“ถอนหายใจทำไม”


“รู้สึกไม่อยากให้มึงออกไปเล่นเลยวะ”


“ทำไมอ่ะ ผมดูไม่เหมาะกับชุดนี้เหรอ” ฟ้ายกแขนไปมา ทำให้สร้อยข้อมือที่ติดกระดิ่งอันเล็กไว้ดังขึ้นมาเบาๆ ใส่สร้อยข้อมือไม่พอใส่สร้อยข้อเท้าด้วยนะ เอามันเข้าไป จะทำร้ายหัวจิตหัวใจกันไปถึงไหน


“อือ”


“จริงอ่ะ”


“มึงไม่เหมาะกับห่าอะไรทั้งแหละ มึงมันเหมาะกับกูแค่คนเดียว”


“ไอ้พี่บ้า” สิ้นคำพูดของฟ้า ผมรีบเดินเข้าไปประชิดตัวฟ้าแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้หลวมๆ


“ยิ่งเห็นมึงแล้วยิ่งหงุดหงิดวะ”


“อะไรอีกอ่ะ ผมทำอะไรผิดอีก”


“ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยนะ...  ต่อไปนี้บอกไว้ก่อนเลยว่ากูไม่อนุญาตให้มึงน่ารักแบบนี้อีกแล้ว เป็นไม้กันหมาก็ควรอยู่แบบไม้กันหมาดิ มาน่ารงน่ารักแบบนี้ได้ไง” ผมบ่นงึมงำ


“พูดอะไรบ้าๆ...” ฟ้าก้มหน้างุดลงบนไหล่ผม น้องคงเขินมากจริงๆ


“โอ๊ยยย หงุดหงิดไม่อยากให้ออกไปเล่นแล้วอ่ะ” ผมกอดคนตัวเล็กไว้แน่น “ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้ใครแตะต้องตัวมึง”


“เพี้ยนไปแล้วเหรอ ใจเย็นสิพี่ดิน” ฟ้ามันหัวเราะผมขึ้นมาเมื่อเห็นผมทำท่าทางเหมือนเด็กๆ รู้เลยว่าตอนนี้เหมือนเด็กหวงของเล่น ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องของๆตัวเอง


“รู้สึกหัวร้อนวะ พอรู้ว่ามึงต้องเล่นบทแบบนั้นกับไอ้ลม”


“ก็แค่ละครป่ะ”


“เฮ้อออออออ”


“มันก็แค่การแสดง”


“เฮ้อออออออออออออ”


“นี่พวกไอ้สิงห์คงพาพี่เข้ามาสินะ”


“เฮ้อออออออออออออออออออออ”


“ปล่อยผม เลิกกอดผมได้แล้ว”


“เฮ้ออออออออออออออออออออออออออออออออ”


“ถ้ายังไม่เลิกถอนหายใจ ผมจะโกรธจริงๆด้วย”


“โถ่วเว้ย! ก็กูหงุดหงิดนิ”


“หงุดหงิดก็ออกไปเลยป่ะ ตอนนี้ผมต้องการสมาธิ ใกล้ถึงเวลาเล่นแล้วด้วย” น้องมันดึงมือผมออก แต่ผมก็รวบตัวน้องมากอดไว้อีกครั้ง


“ไอ้สิงห์มันขอให้กูมาเป็นกำลังใจให้มึง”


“อืม แล้วไหนล่ะกำลังใจ ไม่เห็นมีเลย ผมเห็นแต่ความงี่เง่าไม่มีเหตุผลของพี่เนี่ย”


“อืม กูไม่ให้แล้วกำลังใจ แต่กูต้องการกำลังใจจากมึงมากกว่า”


“หืม ตัวเองต้องออกไปแสดงรึไงถึงต้องการกำลังใจจากผม” ฟ้ามองผมด้วยสายตาดุๆ


“เหมือนกำลังจะหมดแรง”


“เดี๋ยวผมโทรหาพี่เมืองให้ไหม ได้พาคนหมดแรงอย่างพี่กลับบ้าน”


“ไม่เอาอ่ะ”


“ทำไมงอแงเหมือนเด็ก ถ้ายังไม่เลิกทำตัวงี่เง่าผมจะโกรธจริงๆ แล้วนะ”


“ก็ได้ๆ ขอกำลังใจหน่อยดิ”


“บ้าไปแล้ว... แต่อยากได้กำลังใจแบบไหนล่ะ เผื่อให้ได้”


“แบบนี้” ผมกดจมูกลงบนแก้มนิ่ม หอมอีกฝ่ายฟอดใหญ่ แต่ยิ่งทำยิ่งไม่พอใจเลยเปลี่ยนมาฟัดแก้มอีกข้างด้วยเลย บอกได้คำเดียวเลยว่าแม่งโคตรฟินอ่ะ หอมนุ่มน่ากัด


“ไอ้!!!” ฟ้าเหมือนจะขัดขืน อีกฝ่ายทำได้แค่เพียงตีไหล่ผมลงมาเต็มแรง


“โอ๊ย เจ็บ!”


“เจ็บได้สิดี ไอ้คนฉวยโอกาส”


“แก้มแดงเลยยยย ไม่ต้องปัดแก้มเลยยย” ผมแกล้งแซวอีกฝ่ายขึ้นมา ก่อนจะถูกร่างตรงหน้าตีลงมาอีกรอบแต่ดีนะที่ผมหลบทัน


“ออกไปเลยป่ะ น่ารำคาญ”


“ไม่ออก”


“ไอ้!!!” พอมันด่าผมไม่ได้ ไอ้ตัวแสบเลยยกนิ้วกลางให้ผมแทน


“เดี๋ยวกูก็ให้ของจริงซะหรอก” พอผมพูดจบ ฟ้ามันก็ปาหมอนอันเล็กใส่ผม


“งื่อออออ พูดอะไรน่าเกลียดวะ”


“ฟ้า”


“อะไร”


“ขออะไรหน่อยดิ”


“จะเอาอะไรอีก!”


“ขอจูบหน่อย”


“ให้ก็เชี่ยล่ะ”


“...”


“ไม่ต้องมาจ้อง ผมไม้ให้พี่จูบผมหรอก” ฟ้ายกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

 
“...”


“ไม่ต้องเดินเข้ามาด้วย อะ ไอ้พี่ดิน อย่า”


ผมเดินเข้าไปประชิดตัวฟ้า ก่อนรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด แล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ใบหน้าหวานของฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีระเรื่อน่ารัก ตากลมเอาแต่จ้องมองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ ทำเอายิ่งน่าแกล้งมากเข้าไปอีก โอ๊ยคนอะไรทำไมน่ารัก


“ขอนะ”


“บ้า” สิ้นคำพูดของฟ้าผมก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มเบาๆ ค่อยๆคลอเคลียอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล พยายามตักตวงความหอมหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งได้กลิ่นหอมของฟ้ายิ่งไม่อยากถอนจูบ ผมชอบชอบทุกอย่างที่เป็นฟ้า ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งอยากรังแกอยากแกล้งให้เขินจนไม่กล้าไปไหน 


ผมค่อยๆปล่อยให้ริมฝีปากนิ่มเป็นอิสระ ฟ้ามองผมด้วยแววตาสั่นไหว แก้มนิ่มของเจ้าตัวแสบแดงเป็นลูกตำลึง ผมก็เลยอดไม่ได้ทีจะย้ำจูบสั้นๆตามไปอีกสองสามครั้ง จนเจ้าตัวแสบต้องยกมือขึ้นมาตีเป็นการห้ามปราม


“พอแล้ว”


“ชอบวะ จุ๊บ!” ผมพูดจบก็จูบสั้นๆตามลงไปอีกครั้ง


“บ้า เลิกเล่นได้แล้ว”


จุ๊บ!


“ไอ้พี่ดินมันจะมากไปแล้วนะ”


จุ๊บ!


“งื่ออออ”


จุ๊บ!


“อะ...เออคือ ไอ้ฟ้าพี่เขาเรียกแสตนบายแล้วนะเว้ย” ไอ้สิงห์เปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมเลยถูกเจ้าตัวแสบผลักออกอย่างเร็ว


“เออ.. ขอบใจ” ฟ้ารีบเดินออกไปจากห้องทันที ด้วยใบหน้าแดงแจ๋ ผมได้ยินคนข้างนอกถามน้องว่าไม่สบายตรงไหนรึเปล่าทำไมหน้าแดง แต่น้องก็รีบตอบปฏิเสธกลับไปทันที บอกเลยกำลังใจในการดูละครเวทีวันนี้ของผมเต็มเปี่ยม
 
 
“ฟินเลยดิพี่ดิน” ไอ้สิงห์เดินเข้ามาหาผม


“ก็นะ” ผมยักคิ้วให้มันไปที ก่อนจะตบไหล่ของมันไปเบาๆ แล้วถึงเดินออกไปด้านนอก


ผมเดินกลับไปที่หน้าเวที พยายามมองหาเพื่อนๆในสาขา พอเห็นไอ้เมืองยกมือให้ผมก็ตรงดิ่งเดินไปหาพวกมัน


“ไอ้สัดไปทำอะไรมาละ ยิ้มไม่หุบเลยนะมึง” ไอ้มิ่งถามผมขึ้นมา


“เรื่องของกูป่ละ” ผมตีหัวไอ้มิ่งไปทีก่อนจะนั่งลงข้างๆมัน


“โอเคๆ ไม่เสือกก็ได้ครัช”


“ดีมาก ดูได้แล้วละครเริ่มแล้ว” ผมชี้ให้ไอ้มิ่งดูที่หน้าเวที พวกผมและเพื่อนๆตั้งหน้าตั้งตาดูละครเวที  การแสดงของเด็กนิเทศบอกเลยว่าเล่นดีมาก ดูเพลินเลยแต่ละคนคงซ้อมมาดียิ่งไอ้แสบของผม ออกมาฉากไหนก็ได้ยินแต่คนพูดถึงว่าน่ารักๆ ทำเอาผมยิ่งหวงเข้าไปใหญ่แต่ไม่เป็นไรวันนี้ผมยอมให้วันหนึ่ง ส่วนไอ้ลมรายนี่ไม่ต้องอธิบายมาก มันออกมาปุ๊บก็เรียกเสียงกรี๊ดได้เป็นอย่างดี ก็มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะ หล่อแบบมันจับแต่งตัวนิดๆหน่อยๆก็หล่อนจนสาวน้อยสาวใหญ่ใจระทวยแล้ว


เนื้อเรื่องของละครเวทีก็ออกแนวแฟนตาซี ประมาณพระเอกออกไปช่วยเหลือนางเอกที่ถูกจับโดยมีภูติหรือเทวดาคนน่ารักติดตามไปช่วย แถมไอ้เทวดาดันมาตกหลุมรักกับพระเอกเสียนี่ อะไรประมาณแบบนั้น พอถึงฉากหอมแก้ม คือพระเอกมันเดินพลาดล้มไปหอมแก้มเทวดาตัวน้อยของผมอะไรแบบนั้น พอพระเอกโดนแก้มเทวดาปุ๊บเสียงกรี๊ดแม่งดังลั่นโรงละคร ส่วนเพื่อนผมมันก็เอาแต่หันมามองผมกันยกใหญ่


“ไอ้ดินมึงต้องการเครื่องช่วยหายใจไหม?” ไอ้เมืองหันมาถามผม


“หืม”


“มึงดูหน้ามันด้วยไอ้ห่าเมือง มันมีโกรธหงุดหงิดอะไรรึยัง กูเห็นตั้งแต่มันกลับมาจากห้องพักนักแสดง มันก็เอาแต่ยิ้มไม่หุบเหมือนคนบ้าแบบนี้”


“ไอ้เชี่ยภู มันอาจจะเสียใจจนเพี้ยนไปแล้วก็ได้ โธ่เพื่อนกู” ไอ้เมืองมันเข้ามาปลอบผม


“เลิกคุยได้แล้ว! กูรำคาญ” ผมสะบัดไอ้เมืองให้ออกห่างจากผม ก่อนจะชี้ให้พวกมันดูละครเวทีต่อ ต่อนนี้ไอ้เพื่อนเวรมันคงงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ทุกทีผมจะต้องโวยวายถ้ามีใครมายุ่งกับของๆผม แต่วันนี้ จะถามว่าหวงไหมมันก็หวงแหละแต่ฟ้าบอกว่ามันคือการแสดงผมก็จะเข้าใจ


“ไอ้ห่าเพื่อนมึงเพี้ยนไปจริงๆแน่ไอ้ภู” ไอ้เมืองนินทาผมในระยะใกล้ อยากจะเบิดกะโหลกมันคนละทีสองทีจริงๆ และไม่นานฉากที่ผมไม่อยากให้เกิดแม่งก็มา ฉากจูบ แต่เอาเถอะผมจะท่องไว้ว่ามันเป็นแค่การแสดงๆ มึงได้มาเยอะแล้วได้มาเยอะแล้วนะไอ้ดิน ผมจะท่องให้ขึ้นใจ และพอฉากนั้นมาถึงสาวๆแม่งก็กรี๊ดกันให้สนั่นโรงละคร ไหนฟ้าเคยบอกว่าใช้มุมกล้องช่วย ผมว่ามันไม่ใช่แหละ ไอ้ลมแม่งเล่นจริงจูบจริง ฟ้าก็เหมือนจะตกใจแต่อาจเป็นเพราะสปิริตนักแสดง ไอ้หมาน้อยของผมก็เล่นต่อไปได้อย่างไหลลื่น เด็กใครหนอเก่งจริงๆ


ส่วนเพื่อนๆผมมันก็หันมามองผมกันอีกครั้ง คราวนี้มันมองจนกว่าจะแน่ใจว่าผมจะไม่โกรธถึงจะหันกลับไปดูต่อ พอไอ้เพื่อนบ้ามันหันกลับไป พวกมันก็ซุบซิบอะไรกันต่อ อยากจะบอกพวกมันว่ามึงไม่ต้องกลัวว่าเพื่อนมึงจะโกรธ เพราะหลังจากจบการแสดงเดี๋ยวกูจะไปทบต้นทบดอกกับเด็กกูเอง!


 พอการแสดงจบลงผมก็เดินออกไปด้านนอก ก่อนกลับมาพร้อมดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอก


“แหมมมมมมมมมมมม ใครหน้าไหนมันบอกกูว่าจะไม่ให้ดอกไม้วะ” ไอ้ภูแซวผม


“เออหมาที่ไหนมันบอกว่าอายวะ”


“กูเปลี่ยนใจ”


“งั้นก็ออกไปให้ดิ น้องมันเหมือนมองหามึงอยู่นะ”


“คนเยอะอ่ะ กูขอรออีกแปบ”ผมนั่งมองฟ้าที่อยู่บนเวที เจ้าตัวเล็กเหมือนกำลังหาใครสักคน ผมขอเข้าข้างตัวเองว่าเป็นผมล่ะกัน พอคนเริ่มน้อยลง พวกไอ้ภูไอ้เมืองก็ผลักให้ผมเดินออกไปด้านหน้า


ระหว่างที่ผมเดินไปที่หน้าเวทีเสียงกรี๊ดแม่งก็ดังขึ้นมาเป็นระยะ และเหมือนสวรรค์จะเปิดทางให้ผมได้แสดงความหน้าด้านออกมา เพราะพอผมเดินไปถึงหน้าเวที ผู้คนที่เคยออกันอยู่ด้านหน้าแม่งไม่เหลือเลยสักคน เล่นเอากูเด่นไปเลยสิ แต่ว่าตอนนี้เรื่องอายเอามันไว้ทีหลัง เพราะพอฟ้ามองเห็นผม น้องก็ยิ้มขึ้นมาจนแก้มนิ่มๆเปลี่ยนสีระเรื่อน่ารัก ผมยื่นดอกไม้ไปตรงหน้าของฟ้า พร้อมพยักหน้าเรียก อีกฝ่ายก็ทำหน้าตาเลิกลั่กก่อนจะเดินออกมารับดอกไม้จากผม


“ขอบคุณนะ”


“อืม อย่าลืมอ่านการ์ด” ผมพูดสั้นๆ แล้วรีบเดินกลับไปหาเพื่อนของตัวเองเพราะทนเสียงกรี๊ดไม่ไหว

 
“อือ”


................tbc......................


ขอบคุณที่ติดตามพี่ดินน้องฟ้านะคะ ขอบคุณมากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2017 10:09:15 โดย juku_0812 »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
โน คอมเม้นท์อ่ะ เขินแทนน้องฟ้า :-[ :m1: :m3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เขินไปหมดแล้ววววววว

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
หวานมากเขินเลย ดินฟ้า กำลังดีเลย ตอนนี้ยาวฟินมาก ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สภาพตอนอ่านก็ประมานนี้ :heaven :heaven

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด