พิมพ์หน้านี้ - ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: juku_0812 ที่ 29-10-2017 20:03:26

หัวข้อ: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 29-10-2017 20:03:26
 :katai1:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************




พสุธา กับ เวหา




Intro (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3727539#msg3727539)

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3727677#msg3727677)

ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3730801#msg3730801)

ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3733256#msg3733256)

ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3735489#msg3735489)

ตอนที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3736924#msg3736924)

ตอนที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3738639#msg3738639)

ตอนที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3742030#msg3742030)

ตอนที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3747671#msg3747671)

ตอนที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3759057#msg3759057)

ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3763740#msg3763740)

ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3774210#msg3774210)

ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3775892#msg3775892)

ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3778779#msg3778779)

ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3785927#msg3785927)

ตอนที่ 15 ตอนจบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63276.msg3788798#msg3788798)




*เรื่องนี้อาจมีคำหยาบนะคะ

#พสุธาเวหา


#เราเอาไปลงธัญวลัยด้วยนะคะ แต่ในธัญวลัยเราปรับบทนิดนึง ลองตามไปอ่านได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ✦ พสุธากับเวหา ✦ Ep1 ดิน ฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 29-10-2017 20:10:10
intro



คุณเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตเหมือนตกอยู่ในขุมนรกไหมครับ


ตอนนี้ผมคิดว่า….


ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายจนเหมือนตัวเองกำลังชดใช้กรรมอยู่ในนรกแล้วละครับ









ปึงๆๆ ป๊อกๆๆ แกร๊กกกกก ครืดดดดด
           


“เชี่ยเอ๊ย!” ผมสบถขึ้นมาอย่างหัวเสีย ก็เพราะเสียงอะไรบางอย่างมันดันดังขึ้นมาจากทางข้างบ้านแบบนอนสต๊อป ดังไม่หยุดไม่หย่อน ดังจนผมนอนอยู่เฉยๆบนเตียงไม่ได้ ต้องเอาหมอนขึ้นมาปิดหู หรือไม่ก็เอามือขึ้นมาอุดหู แต่ไอ้เสียงบ้าๆนั่น มันก็ยังดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทจนผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิด  อยากจะตะโกนบอกคุณเพื่อนบ้านที่น่ารักว่า ช่วยเกรงใจคนเมาค้างอย่างกูด้วย กูปวดหัว กูนอนไม่ได้ สัสเอ๊ย!


“โอ๊ย กูจะบ้าตาย” นี่มันควรจะเป็นเช้าที่สดใสในบ้านเช่าหลังใหม่ของผม ทำไมคุณเพื่อนข้างบ้านมันถึงได้ต้อนรับน้องใหม่ผมด้วยเสียงตอกไม้ ตอกตะปู เจียเหล็กในเวลาเก้าโมงเช้าแบบนี้ด้วย เสียงบ้าๆนั่นดังเรื่อยๆ ดึงขึ้นจนผมรู้สึกว่าตัวเองแม่งเหมือนหงอคงที่ถูกพระถังซัมจั๋งสวดมนต์ลงโทษอยู่ ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว อยากดิ้นทุรนทุรายให้ตายไปซะตอนนี้เลย โธ่เว้ย!


 ผมพาสารร่างของตัวเองที่แทบจะดูไม่ได้ลงจากห้องนอนชั้นสองมาที่ชั้นล่าง แล้วก็พบกายหยาบของเพื่อนสนิทสองคนที่นอนเรี่ยราดอยู่บนพื้นแบบไม่รู้เรื่อง เมื่อคืนไอ้เพื่อนบ้าสองคนนี้มันก็ไปดื่มกับผมมา พวกเราดื่มฉลองจากการได้เป็นอิสระ!  ได้ออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอก เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเราต้องทนทรมานกับการอยู่หอในที่มีกฎระเบียบมากมายก่ายกอง คือ ผมจะเมา ผมจะแรดจีบหญิงไปทั่ว  แต่ผมก็ต้องทำตัวเป็นซินเดอเรลล่าที่ต้องกลับก่อนเที่ยงคืนอยู่เสมอ  จะให้ไปนอนกับเพื่อนที่หอนอกก็รู้สึกเกรงใจพวกมันอีก 


พอตอนนี้พวกผมขึ้นปีสองเริ่มโตขึ้นมาหน่อย พวกเราสามคนเพื่อนซี้เลยลองออกมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน คราวนี้ละผมจะเละเทะให้สุดขีดไปเลย แต่ผมก็ไม่เสียการเรียนนะครับ


  และรู้ไหมกว่าผมจะขอป๊าม๊าเพื่อออกมาเช่าบ้านอยู่ด้วยกันกับไอ้เพื่อนอย่างไอ้เต๋าและไอ้สิงห์ได้ เล่นเอาผมแทบขาดใจ คือป๊ากับม๊าผมเขาทั้งหวงและห่วงไอ้ลูกชายคนเล็กอย่างผมมาก มากจนรู้สึกว่าตัวเองแม่งไม่โตสักที มากจนผมรู้สึกทำอะไรไม่เป็น คือนี้ถ้าตามมาเรียนด้วยได้ป๊ากับม๊าคงมา รู้ไหมผมต้องพูดอ้อนวอนพวกเขาเกือบเป็นอาทิตย์ทั้งอ้างเหตุผล ทั้งพูดชักแม่น้ำทั้งห้า ตั้งแต่ปิง วัง ยม น่าน แม่กลอง แม่โขง แสงโสม เบลนด์285 เอ๊ยไม่ใช่! คือพูดจนสุดท้ายพวกป๊ากับม๊าก็ต้องยอม



แต่แล้วเช้าอันสดใสของผมกับบ้านเช่าหลังใหม่ก็ต้องหายไปเพราะไอ้เสียงบ้าๆพวกนั่น มันใช่เหรอวะวัยรุ่น!!!


“ไอ้เต๋าตื่น!” ผมใช้ขาสะกิดมันก่อนจะเตะมันไปที หมั่นไส้ที่แม่งเอาแต่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย


 “ เต๋ามึงช่วยไปบอกข้างบ้านให้เขาหยุดทำอะไรเสียงดังได้ไหมวะ ไอ้เต๋า” ผมเขย่ามันไปมา หวังให้มันแม่งตื่นมาช่วยผมที ไอ้ห่านี่ดูเหมือนหลับสบาย มันเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย คือไม่ใช่แค่ไอ้เต๋าคนเดียว ไอ้สิงห์เพื่อนที่มีดีกรีเป็นถึงว่าที่เดือนนิเทศก็แม่งก็นอนหลับเป็นตายเหมือนกัน คือพวกเราสามคนเป็นเด็กนิเทศครับ ไอ้สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่ผมรู้จักตั้งแต่สมัยประถม คือพวกเราสามคนตามมาเรียนด้วยกัน คณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า สาวคณะนี้แม่งแจ่มสุด ล้อเล่นครับ พวกเราสามคนสนใจงานทางด้านวงการบันเทิง คือไม่ได้อยากเป็นดารานะ พวกเราอยากทำงานเบื้องหลัง 


และที่ผมว่าไปเมื่อกี้นี้ ที่ไอ้สิงห์มันเป็นแค่ว่าที่เดือนคณะนิเทศ เพราะมันถูกปลดกะทันหัน ก็มันเล่นไปมีเรื่องชกต่อยกับเด็กคณะอื่นเสียก่อน ประวัติแม่งไม่ดีเลยโดนพวกพี่ๆปลดกลางอากาศเสียเลย ซึ่งตอนนั้นมันก็ดูจะชอบอกชอบใจอยู่เหมือนกัน


“ไอ้ฟ้า มึงอย่ายุ่งกับกู กูจะนอน” เสียงงัวเงียของไอ้เต๋าดังขึ้น มันใช้ขาถีบผม เหมือนผมกำลังรบกวนเวลาหลับอันแสนหวานของมัน


“คือพวกมึงไม่ได้ยินเสียงห่าเหวที่ดังจากข้างนอกกันเลยรึไงวะ”


“เสียงห่าอะไร” เป็นไอ้สิงห์ครับที่ตอบผมกลับมา


“ก็เสียงตอกตะปู ตอกไม้ เจียเหล็ก อะไรนั่น”


“ได้ยิน แต่พวกกูนอนได้”


“แต่กูนอนไม่ได้! สิงห์มึงช่วยไปบอกคนข้างบ้านให้กูที”


“มึงก็ไปบอกเองสิ” ไอ้สิงห์พลิกตัวหันตูดมาให้ผม ก่อนมันจะนอนหลับต่อ


“คือกูไม่กล้า กูกลัวโดนกระทืบ”


“แหม เพื่อนรักครับ แล้วกูไม่กลัวเหรอ” ไอ้สิงห์ยังคงข่มตานอน พยายามไม่สนใจผม


“เออ มึงมันดูนักเลงกว่ากูไง มึงเป็นคนบอกกูเองไม่ใช่เหรอว่ากูมันหน้าจืด ใครเห็นใครก็ไม่กลัว แต่พวกมึงสองคนคือไปไหนแม่งก็มีแต่คนกลัว”


“ก็ใช่”


“สิงห์ ช่วยกูทีนะๆ” ผมเขย่าตัวมัน พลางทำเสียงอ้อนวอนมันสุดฤทธิ์


“เมื่อกี้มึงพูดให้ไอ้เต๋าไปช่วยมึงไม่ใช่เหรอวะ ทำไมตอนนี้ถึงเป็นกู”


“ก็ไอ้เต๋ามันนอนสลบไปแล้ว กูเตะตูดไปสองสามทีมันยังไม่รู้สึกตัวเลย สิงห์ มีแค่มึงเท่านั้นที่ช่วยกูได้ สิงห์ สิงห์ขา สิงห์อ่า สิงห์งื่อ”


“เลิกทำเสียบ้าๆแบบนั้นเสียที มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ เดี๋ยวกูเตะ” สิงห์หันมาดุผม มันลุกขึ้นนั่งทันทีที่ผมแกล้งทำแก้มป่อง


“กูไม่ใช่ป๊ามึง อย่ามาทำอ้อนตีนกูแบบนี้” ไอ้สิงห์ใช้เท้าถีบผมให้นั่งห่างๆมัน


“เพื่อนสิงห์ ไปช่วยพูดให้เพื่อนฟ้าหน่อยสิ ตอนนี้เพื่อนฟ้าปวดหัวอยากนอน”


“โอเคๆ ไปก็ไป แล้วก็เลิกพูดแบบนั้นได้แล้ว เดี๋ยวกูเตะคว่ำ ชาตินี้กูเดาได้เลย มึงไม่มีเมียแน่ไอ้ฟ้า มึงน่าจะได้ผัวมากกว่าถ้ามึงยังเป็นแบบนี้อยู่”


“อย่าดูถูกกู นี่ใคร! กู ฟ้าลั่น อย่าให้โม้นะว่าสาวในสต๊อกกูเยอะขนาดไหน”


“ครับๆ ไม่ดูถูกครับ สารร่างมึงควรมีเมียมากเลยครับ ถ้ามีผัวกูยังจะเชื่อมากกว่าไอ้เตี้ยเอ๊ย!”


“เดี๋ยว  กูเตะหงาย! ถึงกูจะเตี้ยกว่ามึงแต่กูลูกศิษย์พี่บัวขาวนะเว้ย” ผมยกเท้าขึ้นไปทางไอ้สิงห์  มันเบ๊ะปากใส่ผม ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินบ่นผมงึงงำๆออกไปนอกบ้าน




“อือหื้อ” พอพวกเราสองคนออกมายืนหน้าบ้านเท่านั้นแหล ไอ้สิงห์มันก็ครางในลำคอด้วยความตกใจ ผมกับมันมองบ้านที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “เมื่อคืน ตอนที่เราย้ายข้าวของเข้ามาอยู่ มันยังไม่ใช่แบบนี้ใช่ป่ะมึง”


“เออ” ผมพยักหน้าพร้อมมองตามไปกับมัน เมื่อคืนตอนที่ผมขนข้าวขนของเข้าบ้าน มันยังไม่เป็นแบบนี้เลย ทุกบ้านแม่งดูโล่ง สะอาด เงียบสงบ แต่ตอนนี้ ทุกคนต้องไม่เชื่อสายตาแน่ๆครับ เพราะว่าบ้านทางซ้ายและขวาของผมมันเต็มไปด้วยข้าวของที่แม่งเล่นประกาศศักดาว่าพวกมันมาจากคณะอะไร


บ้านทางด้านซ้าย คือทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ไก่ชน ตู้ปลา กรงนก คือเหมือนยกธรรมชาติ ยกเขาใหญ่เฟสติวัล ยกสวนนงนุช มาไว้ที่บ้านมันเลย มันเอาเวลาไปปลูก ไปขนย้ายกันตอนไหนวะ แล้วยังไม่พอ ทางด้านขวาของบ้านผม มีทั้งเสื้อช๊อปสีเลือดหมูที่ถูกห้อยอยู่ข้างบ้านสามสี่ตัว พร้อมกับพวกเครื่องไม้เครื่องมือช่างที่เล่นวางระเกะระกะให้เต็มบ้าน แถมหน้าบ้านพวกมันยังประดับด้วยธงวิศวะสามสี่อันด้วยนะครับ โอโห้! เลือดวิศวะมึงแรงมาก 


“กูว่าเรื่องนี้กูจะไปยุ่งนะจ๊ะ น้องฟ้าลั่น” สิงห์ขมวดคิ้วยุ่ง “กูไม่อยากให้กายหยาบของกูต้องแหลกละเอียดเพราะต้องทนแรงตีนของพวกวิศวะกับพวกเกษตรหรอกนะ”


ปึง! ปัก!


โมเดลบ้านขนาดใหญ่ปลิวลงมาอยู่กลางถนนหน้าบ้าน ไม่ใช่ฝีมือใครที่ไหน นอกจากเพื่อนบ้านตรงกันข้ามของผม รับน้องกูได้โหดมากเล่นเอาประทับใจมิลืมเลือน ไอ้บ้านตรงข้ามมันเล่นปาโมเดลลงมาจากชั้นสองเลยครับ ถ้ามึงทำขนาดนี้ มึงปาโต๊ะเขียนแบบมึงมาด้วยก็ได้นะ และไม่ต้องถามเลยว่าโมเดลที่มันปาลงมาจะมีสภาพเป็นแบบไหน คือเละจนดูไม่รู้ว่ามันประกอบมาเป็นบ้านอะไรของมัน


“กูว่าพวกเราแม่งอยู่ท่ามกลาง เสือ สิงห์ กระทิงแล้วละ” ไอ้สิงห์มันหันมาพูดกับผม


“แล้วแรดอ่ะมึง บ้านไหนจะเป็นแรดอ่ะ คงจะไม่เจอแรดอีกใช่ไหม กูกลัว!” ผมเอ่ยถามมันออกไปอย่างสงสัย มือก็เกาะแขนเพื่อนไว้แน่น


“สะดีดสะดิ้งมากเพื่อนกู มึงเนี่ยแหละ แรด!”


ไอ้สิงห์พูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านทันที ตอนนี้พวกผมคงไปต่อกรอะไรกับข้างบ้านไม่ได้แล้วล่ะครับ ถ้ายังรักชีวิตตัวเองอยู่


ก็พวกเราเล่นย้ายมาอยู่ท่ามกลางดงเถื่อนแบบนี้


คงได้ไม่ตายดีเข้าสักวันแน่!





หัวข้อ: Re: ✦ พสุธากับเวหา ✦ ตอนที่1 [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 29-10-2017 23:16:49
ตอนที่1 ดิน ฟ้า อากาศ




เปิดเทอมวันแรก


 หลังจากที่พวกผมทั้งสามคนต้องทนกับเสียงโวกเวกโวยวายของทั้งสามบ้านที่แม่งดูเป็นตัวของตัวเองแบบสุดๆ มาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ไอ้บ้านวิศวะก็แม่งลองเครื่องเสียงเกือบทั้งวัน ไอ้บ้านเกษตรก็เอาแต่ตอกนู่นตีนี้ พวกแม่งทำอาวุธไปรบรึไงวะ ตีทั้งวันตอกกันเกือบค่อนคืน สวนไอ้บ้านถาปัตย์บางทีก็เงียบ บางทีก็มีวัตถุหล่นลงมาจากฟากฟ้า เดี๋ยวเศษกระดาษ เศษดินสอ เสียงตะโกนห่าเหว โวยวายเหมือนโลกไม่เข้าใจมัน อยากจะตะโกนกลับไปว่า กูก็ไม่เข้าใจมึงเหมือนกันโว๊ยยย แต่ใจก็ป๊อดเกินไป


และที่ทำให้ผมงงคือ วันนี้มันวันเปิดเทอมวันแรกไง แล้วพวกเพื่อนข้างบ้านมันไปมีงานมีการทำกันตั้งแต่ตอนไหน พวกมึงไปเรียนกันตอนไหนของมึง!


“ฟ้ามึงแต่งตัวเสร็จยัง เดี๋ยวกูต้องเข้าสโม” ไอ้สิงห์ตะโกนถามผมที่ตอนนี้ผมกำลังแต่งตัวอยู่ คือบ้านที่เราเช่ามันมี สองชั้น ชั้นบนมีสองห้องนอน ซึ่งเป็นผมกับไอ้เต๋านอน ส่วนชั้นล่างมีอีกหนึ่งห้องนอนมันเป็นห้องของไอ้สิงห์ บ้านเช่าเราดีครับ มีห้องน้ำในตัว แถมยังมีห้องนั่งเล่น ห้องครัวแยกอีกต่างหาก คือบ้านที่ผมเช่าอยู่สภาพดีมาก เหมือนไม่เคยผ่านการใช้งาน ออกแบบก็ดี อยู่สบาย ราคาก็ย่อมเยาว์ แล้วผมก็รู้สาเหตุที่ราคาค่าเช่าแม่งถูกโคตรๆ แล้วล่ะครับ ถูกจนผมเหลือเงินไปกินไปเที่ยวกับเพื่อนได้สบาย ก็คงเป็นเพราะไอ้เพื่อนบ้านทั้งสามหลังที่แม่งอยู่ขนาบข้างซ้าย ข้างขวา และข้างหน้าผมเนี่ยแหละ ก็ใครมันจะไปทนอยู่ได้วะ พวกมึงเล่นเป็นตัวของตัวเองจนไม่เกรงอกเกรงใจเพื่อนบ้านอย่างกูเลย


“ไอ้ฟ้า มึงเสร็จยังกูรอนานแล้วนะเว้ย ไอ้ห่านี่เดี๋ยวกูทิ้งเลย” ไอ้สิงห์ยังตะโกนเรียกผมอยู่


“เออๆ กูเสร็จแล้ว รีบแท้วะ”  ผมเดินลงมาชั้นล่าง ก่อนจะสอดส่องสายตาหาเพื่อนสนิทอีกคน “แล้วไอ้เต๋า สมชายอ่ะ” ผมพูดถึงเพื่อนเต๋า ชื่อจริงมันชื่อ เต๋าสมชาย มันบอกว่าแม่มันชอบดาราเลยตั้งชื่อลูกๆ ให้เหมือนดาราให้หมด ขนาดพี่สาวมันยังชื่อ นุ่น ชื่อจริง วรนุช น้องชาย ชื่อ หนุ่ม ศรราม เห็นมันชอบบ่นว่าอยากเปลี่ยนชื่อ แต่ไม่กล้ากลัวโดนตัดแม่ตัดลูกกับคุณนายที่บ้าน


“มันขับมอไซต์ไปก่อนแล้ว พี่ปีสามเรียกมันไปประชุมรับน้อง ปีนี้มันเป็นเฮดว๊าก” ไอ้สิงห์มองผมด้วยสีหน้าเอือม “อาบน้ำแต่งตัวที มึงจะอาบเอาโล่รึไง นานเป็นชั่วโมง”


“วันแรก ตัวกูก็ต้องหอมหน่อยสิวะ น้องใหม่เยอะแยะ วันนี้พี่เวหาขอหล่อสักวันหนึ่งนะน้องสิงห์” ผมยักคิ้วใส่ไอ้เพื่อนตัวสูงอย่างไอ้สิงห์ ไม่ใช่ว่าผมไม่สูงนะครับ ผมอ่ะมาตรฐานชายไทย 175 เซนติเมตร แต่พวกมันอ่ะเล่นสูงกันเกินไปต่างหาก เพื่อนผู้ชายในสาขาการโฆษณาของผม แต่ละคนก็หุ่นนายแบบกันแทบหมด อยากถามอาจารย์ว่า อาจารย์คัดคนเข้ามาเรียนเหรอ ทำเอาผมเป็นไอ้เตี้ยของห้องเลย แล้วดู! ดูไอ้สิงห์มันมองผมแบบเหยียดๆ ผมเลยจัดการเต้นท่าอุบาทว์ใส่แม่งเลย


“อุลตร้าแมนปล่อยลำแสงใส่น้องใหม่ จะทำยังไงน้องใหม่วิ่งหนีไม่ทัน” ผมส่ายตูดแล้วเดินเต้นไปหามัน

 
“เดี๋ยวกูเตะตูดบิด เร็วกูมีงานมีการต้องทำเหมือนกัน” ไอ้สิงห์หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย


“อ๋อ ลืมไปว่ามึงเป็นประธานปีสอง แล้วปีนี้กูมีหน้าที่ทำอะไรอ่ะ”


“มึงโดนเป็นพี่สันทนาการ”


“โอเค เหมาะกับกูดี แถมน้องไม่เกลียดกูด้วย” ผมเดินผิวปาก ก่อนจะเดินออกจากบ้านตามไอ้สิงห์ไปติดๆ  และผมก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ดีๆ ไอ้สิงห์ก็หยุดเดิน


“ไอ้ห่าสิงห์ มึงหยุดเดินทำไมเนี่ย”


“คือ... มีแขกมาวะ”





“ไง คุณเพื่อนบ้านคนใหม่!” เสียงของใครไม่รู้ดังขึ้น ผมชะเง้อมองผ่านหลังของไอ้สิงห์ แล้วก็พบผู้ชายร่างยักษ์สองคน กำลังถือจอบถือพลั่ว ยืนเกาะอยู่ตรงรั้วหน้าบ้านของพวกผม คือถ้าพวกคุณมึงไม่พูดว่าคุณเพื่อนบ้าน ผมก็คิดว่าไอ้พี่ยักษ์ทั้งสองคนแม่งต้องเป็นโจรแน่ ก็สภาพพวกพี่มันดูเถื่อนเกินไป


“โอ้โห! อย่างน่ารักอ่ะมึง *ขาวโจ๊ะโฟ้ะจังโว๊ย ” พวกมันคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเมื่อหันมาเห็นผมพอดี 


(ขาวโจ๊ะโฟ้ะ ภาษาเหนือแปลว่า ขาวมากๆ)


“ใจเย็นๆ อย่าสะดีดสะดิ้งเกินงามสิเพื่อน” คนถือจอบหันไปปรามเพื่อนตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาคุยกับพวกผมอีกรอบ ”พวกคุณย้ายเข้ามาอยู่เมื่อวานใช่ไหมครับ” ชายคนที่ถือจอบหันมาถามผมกับสิงห์


“ใช่ครับ” ไอ้สิงห์มันตอบกลับไป


“พวกผมคงไม่ได้ทำอะไรให้คุณรำคาญเนอะ”


โอ้โห พอมันพูดคำนี้ขึ้นมา ผมล่ะอยากสบถใส่ พวกมึงไม่ทำอะไรให้กูรำคาญเลยไอ้เชี่ย มึงแค่ทำให้กูต้องนอนไม่พอ นอนไม่ครบแปดชั่วโมง มึงทำให้กูไมเกรนแดก ทำให้กูเครียดจนเส้นเลือดปูดเท่านั้นเอง ผมบ่นในใจ ก่อนจะขมวดคิ้วมองไอ้คนประหลาดสองคนที่ยังเกาะรั้วหน้าบ้านของผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ


“แล้วน้องคนนั้นอ่ะ นอนหลับสบายดีไหม” ไอ้พี่คนที่ถือพลั่วหันมามองผมด้วยสายตาที่โคตรแพรวพราว อิพี่นิมันจิตใจสกปรก กูรู้เพราะกูเรียนการแสดงมา


“ก็หลับสบายมากพี่ สบายเว่อร์ นอนหลับเหมือนซ้อมตายเลย บรรยากาศแม่งโคตรดี เงียบสงบสุดๆ” ผมพูดจบไอ้สิงห์ก็กระทุ้งศอกใส่ผมแทบจะทันที่ แถมยังแอบหันมาทำตาเหลือกใส่ผมอีก


“สาบานว่ามึงไม่ได้พูดประชดพวกกู?” ไอ้พี่พลั่วถาม ก่อนจะหัวเราะผมกับไอ้พี่จอบในลำคอ สรรพนามที่พูดคุยก็ถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผมว่า ผมคงไปกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้วแน่ๆ วันนี้กูคงไม่ได้ตายดี


“ไม่ครับ ผมพูดจากใจจริง มันกลั่นออกมาจากใจผมเลยจริงๆ” ผมจ้องมองพวกพี่เขาด้วยใบหน้าแห่งความใสซื่อ
“ถ้าหลับสบาย ก็ต้องอยู่ที่นี่นานๆนะ” พี่พลั่วพูดขึ้น พร้อมส่งสายตากระลิ้มกระเหลี่ยมาทางผม 


“ฮึ” ผมยิ้มเป็นมารยาทนิดนึงก่อนจะหุบยิ้มลง


 “แล้ววันนี้ไม่ไปเรียนกันเหรอครับ” ไอ้สิงห์มันรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนเดินเข้าไปทำความรู้จักไอ้เพื่อนบ้านทั้งสองคนนั้น


 “วันแรกคณะพวกกูคงไม่มีไรมาก เลยกะว่าจะนอนทำใจที่บ้านกันก่อน แล้วนี่พวกมึงสองคนเรียนคณะอะไร อยู่ปีไหนกันวะ”

 
“พวกผมอยู่ปีสองคณะนิเทศ คือผมชื่อสิงห์นะครับ ส่วนไอ้เตี้ยนี่ชื่อฟ้าลั่น”


“กูชื่อภู ส่วนไอ้คนที่ถือจอบชื่อเมือง พวกกูสองคนอยู่คณะเกษตรปีสาม”


“งั้นพวกผมต้องฝากเนื้อฝากตัวพวกพี่ด้วยนะครับ” ไอ้สิงห์ก้มหัวลงเล็กน้อย ทำให้ผมต้องก้มหัวตามมัน


“เห้ยๆ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้น คุยกันแบบสบายๆได้เลย จะได้สนิทกันไวๆ” ไอ้พี่ภูพูดด้วยท่าทางที่ดูเหมือนสนิทสนมกับพวกผมมาเป็นแรมปี 


“อันที่จริง นานทีปีหนจะมีอาหารตาเข้ามาอยู่ในละแวกนี้ พวกกูสิที่ต้องฝากเนื้อฝากตัวกับพวกมึง” พี่เมืองพูดแล้วหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ พวกพี่เกษตรแม่งดูเถื่อนสมคำร่ำลือ ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมมีผิวสีแทน ตัวสูงพอๆกับไอ้สิงห์ เผลอๆสูงกว่า แต่ตัวแม่งหนากว่าไอ้สิงห์มาก รู้เลยว่าทำงานตรากตรำกันมาเยอะ


ผมละอยากถามพวกพี่เขาจริงๆว่า คงลำบากกันมามากใช่ไหม ก็เล่นตีดาบ ตีจอบเสียงดังหนวกหูกูทั้งคืนเลย สัส!


”งั้นผมขอตัวไปมหาลัยก่อนนะครับ พอดีมีรับน้อง” สิงห์เดินไปจูงรถมอเตอร์ไซค์ออกมานอกบ้าน โดยมีผมเดินตามอยู่ไม่ห่าง ก็พวกพี่มันเล่นมองผมไม่วางตาแบบนี้ ผมก็กลัวเป็นนะเว้ย


“พวกมึงสองคนเป็นคู่ผัวตัวเมียกันรึเปล่าว่ะ” ไอ้พี่ภูมองผมกับไอ้สิงห์สลับกันด้วยความสงสัย ไอ้สิงห์รีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


“เฮ้ยพี่ ผมแมนนะเว้ย” ผมรีบตอบกลับไปแทบจะทันที


“เหรอ สารรูปอย่างมึงนิไม่น่าแมน” ไอ้พี่ภูชี้มาทางผม แถมยังมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า


 “พอๆ มึงเลิกแซวน้องมันได้แล้วไอ้ภู พวกมันจะไปเรียน” พี่เมืองมันเอ็ดเพื่อนมัน


“ก็เด็กมันน่าแกล้ง”


“พวกมึงไปเรียนกันเถอะ”


“ครับ”


“แล้วเจอกัน”


เพียงไม่นานไอ้สิงห์ก็สตาร์ทรถ แล้วเรียกให้ผมขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมัน ก่อนจะพาผมขับรถออกมาจากดงเถื่อน ระหว่างที่รถไอ้สิงห์ขับผ่านบ้านเด็กเกษตร ผมดันไปสบตากับใครคนหนึ่ง ที่เผอิญเงยหน้าขึ้นมาจากการให้อาหารไก่พอดิบพอดี



อือหือ น่ากลัวสัด! พี่คนนั้นไว้หนวดไว้เครารุงรัง เป็นอะไรที่โคตรเถื่อน ทำเอาผมต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ก็ผมกลัวอ่ะ มันจะเล่นของใส่ผมไหมวะเนี่ย สารรูปอย่างกับคนเล่นของ โอ๊ย กูย้ายกลับหอในทันไหมวะเนี่ย







วันนี้ทั้งวันผมยุ่งอยู่กับการรับน้อง เป็นพี่สันทนาการพาน้องสนุกสนานเฮฮา ต่างจากไอ้เต๋าที่ต้องว๊ากน้องจนน้องร้องไห้ไปตามระเบียบ พอว๊ากเสร็จก็เดินบ่นงึมงำมาทางผมว่า โดนเกลียดอีกแล้วกู  โดนเกลียดอีกแล้ว สมน้ำหน้ามันครับก็ใครเล่นให้มึงมีหน้าโหดเป็นอาวุธแบบนั้นล่ะ


ส่วนไอ้สิงห์ไอ้ประธานชั้นปีสอง ไอ้นี้หาตัวจับยาก มาถึงก็ทิ้งผมให้อยู่กับเพื่อนคนอื่น ส่วนมันไปประชุมกับพวกพี่ปีสูง คุยอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ เจอมันอีกทีก็เกือบเที่ยง พอดีมันลงมานั่งกินข้าวกับพวกผม และพอมันลงมาทีไร ก็เรียกเสียงฮือฮาจากสาวๆ ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ สาวเทียม ในคณะได้ไม่น้อย ใช่สิมันหล่อนี่!


   กว่าจะเสร็จกิจกรรมก็เล่นเอาพวกผมหมดแรงกันเลยทีเดียว ตอนแรกกะจะไปแดกเหล้ากับเพื่อนในสาขาฉลองเปิดเทอมที่บาร์รุ่นพี่ แต่ว่าช่วงนี้พวกพี่เขาขอเอาไว้ ไม่อยากให้ภาพพจน์เสียหายถ้าน้องๆมาเจอ พวกผมเลยแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน


   ขากลับผมกลับบ้านกับไอ้เต๋า เพราะว่าไอ้สิงห์ขอตัวไปหาเด็กมันที่เรียนอยู่คณะคุรุศาสตร์ ไอ้เพื่อนคนนี้มันร้ายครับ มันเป็นเสือซุ่ม แอบคบดาวคุรุศาสตร์ปีสี่ พอผมบอกให้มันพาพี่เขามาแนะนำตัว มันก็ทำเป็นอาย อ้างนู่นอ้างนี้ บอกพี่เขาไม่ว่างบ้างละ พี่เขาติดธุระบ้างละ คือเอาเข้าจริงๆมันคงกลัวโดนพวกผมแซว แถมมันก็เกรงใจแฟนมันมาก เห็นแม่งเคยบ่นว่าชอบพี่เขามานานแล้ว กว่าจะจีบติดก็เล่นเอาเกือบตาย


   พอรถไอ้เต๋ามาจอดหน้าบ้านเช่า ผมกับไอ้เต๋าก็ต้องตกใจ เมื่อเจอพวกเด็กวิศวะกำลังลองเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์กันอยู่หน้าบ้านพอดิบพอดี พวกมันสามคนสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์กันจนควันแม่งลอยโขมง อย่างกับปล่อยดรายไอซ์ในคอนเสิรต์เกาหลี

 
   “แค่กๆ”  ผมไอเพราะดันสูดควันเข้าเต็มปอดโดยไม่ทันตั้งตัว ต่างจากไอ้เต๋าที่มันชักเริ่มสนใจพวกเด็กวิศวะอย่างจริงจัง ไอ้นี่มันบ้ารถมอเตอร์ไซค์มาตั้งนานแล้ว พอดีเพื่อนผมคนนี้มันเป็นเด็กแว้นเก่า ชอบการแต่งรถเป็นชีวิตจิตใจ แต่งจนรถที่ดูเท่ห์ๆอยู่แล้ว สภาพแย่ลงไปหลายสิบระดับจนผมไม่ค่อยอยากจะซ้อนท้ายมันสักเท่าไร


และพอผมไอมากๆเข้า ผมเลยเดินไปหลบหลังไอ้เต๋า และอาจเป็นเพราะเสียงไอของผม พวกเด็กวิศวะมันก็เลิกสนใจรถของมัน แล้วหันมาสนใจผมกับไอ้เต๋าแทน


   “เฮ้ยโทษทีๆ พวกกูสามคนกำลังจะลองรถ คงไม่ทำให้มึงรำคาญใช่ไหม” เด็กวิศวะคนหนึ่งหันมาถามไอ้เต๋าที่ยืนจ้องมองแบบตาไม่กระพริบ


   “ครับ” ไอ้เต๋าพยักหน้า


   “มึงมองรถกูแบบนี้  มึงสนใจรถเหรอ”


   “ครับ”

   “แล้วนั่นรถมึงเหรอ แม่งสวยนี่หว่า” เด็กวิศวะทั้งสามคนที่เมื่อครู่ยังวุ่นวายอยู่กับรถของตัวเอง เดินมาทางรถของไอ้เต๋า จับนู่นดูนี่อย่างสนอกสนใจ


   “ผมแต่งเครื่องเองเลยนะ”


   “มึงเรียนคณะอะไรวะ”


   “ผมนิเทศปีสองครับ”


   “พวกกูวิศวะ เครื่องกลปีสาม พี่มึงหนึ่งปี” พอผมเห็นไอ้เต๋าดูท่าเหมือนอยากคุยกับเพื่อนบ้านคนใหม่มาก ผมเลยเดินเลี่ยงเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้แม่งทำความรู้จักกันไป ก็ผมเป็นคนไม่สนใจเรื่องรถอะไรแบบนี้อยู่แล้ว


   “เดี๋ยวๆ น้องคนที่อยู่ข้างหลัง น้องชื่ออะไรอ่ะ” 


   “ผมเหรอ”


         “เออ”


          “ชะ..ชื่อฟ้าลั่นครับ”


   “ฟ้าลั่น ชื่อแม่งแปลก” แหมอยากจะพูดออกไปจริงๆเลยว่า ถ้าแปลกแล้วมันไปหนักหัวส่วนไหนของพี่เหรอ แต่กลัวมันจะลากผมไปกระทืบเสียก่อนนี่ดิ


   “พี่ชื่อลม ส่วนเพื่อนพี่สองคนนั้นชื่อคีย์กับสน” ไอ้พี่วิศวะมันแนะนำตัวกับผม
ผมมองทั้งสามก่อนจะยิ้มทำความรู้จักตามมารยาท ไอ้พี่ที่ชื่อลมหน้าตามันหล่อพอตัวอยู่ครับ ผิวแทนตัวสูงเท่าไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์เลย ส่วนพี่อีกคนที่ชื่อคีย์ คงสูงเท่าๆ กับผม แต่ดันมีหน้าตาจิ้มลิ้มไม่สมกับเป็นเด็กวิศวะเอาซะเลย  ปากเล็กตาโต หน้าตารวมๆแล้วน่ารัก แถมมันยังทำทรงผมที่โคตรขัดสายตาคนมองแบบสุดๆ เล่นไถซะเกรียน จนนึกว่านักเรียนเตรียมทหารที่ไหนหลงมา ส่วนพี่สนเป็นวัยรุ่นที่หน้าตาธรรมดาๆ แต่ดูรวมๆ แล้วก็เท่ห์ดี


   “พี่ไม่มีอะไรแล้วใช่ป่ะ งั้นผมขอตัวนะ”


   “เฮ้ย อย่าเพิ่งไปดิ” ไอ้พี่ลมเรียกผมไม่พอ มันยังจับข้อมือผมไว้อีก


   “หืม” ผมมองข้อมือที่ถูกอีกฝ่ายจับ ก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าพี่มันอย่างไม่พอใจสักเท่าไร คือมึงหล่อ แต่กูไม่ได้สนใจเพศผู้เว้ยเฮ้ย ไม่ต้องมาจับเนื้อต้องตัวกู อยากจะพูดออกไปแต่ใจแม่งป๊อด กลัวโดนเตะเลยได้แต่ยืนนิ่งๆ


   “มีแฟนยัง”


   “พี่ถามทำไม?”


   “งั้น... มึงชื่ออะไร” ไอ้พี่ลมยังคงจับข้อมือผมอยู่ แต่มันหันไปถามไอ้เต๋าที่ยืนอึ้งอยู่ข้างผมแทน ไอ้ห่าเต๋านี่คงแดกจุดไปเยอะ เล่นยืนนิ่งไม่ช่วยเพื่อนมึงเลย


   “ผมเหรอ ผมเต๋า”


   “เพื่อนมึงมีแฟนยัง”


   “ยังครับ”


   “น่ารักขนาดนี้ไม่น่ารอดนะ โกหกเปล่า” เพื่อนพี่มันที่ชื่อสนหันไปคาดคั้นคำตอบจากไอ้เต๋า อือหือนักเลงกันเหลือเกิน
   “ไม่โกหกครับ เพื่อนผมไม่มีแฟนจริงๆ แต่ถ้าคนคุยผมไม่รู้นะ”


   “พี่ขอไลน์ได้ป่ะ” ไอ้พี่ลมหน้าม่อหันมาทางผมอีกครั้ง


   “คือผมไม่ค่อยได้เล่นอ่ะพี่”


   “ไม่เป็นไร ยังไงบ้านเราก็อยู่ใกล้กัน มีไปก็เท่านั้นเนอะ” มานงมาเนอะเดี๋ยวกูต่อย ผมคิดในใจก่อนจะหัวเราะแห้งออกไปแทน


   “แล้วนี่เพิ่งเลิกเรียนเหรอ กินไรยัง ไปกินด้วยกันไหม” ไอ้พี่ลมแม่งรุกเร็ว รุกแรกยิ่งกว่าอินเตอร์เน็ตสี่จี  พี่มันชัดเจนจนผมรู้สึกกลัว ตั้งแต่เกิดมา ผมรู้ตัวดี ว่าผมคงมีแรงดึงดูดกับเพศเดียวกันอยู่พอสมควร  คือทุกช่วงชีวิตบอกตรงๆผมโดนผู้ชายจีบมากกว่าผู้หญิงอีกอ่ะ  แต่ไม่เคยเจอใครเหมือนไอ้พี่ลมเลยสักคน ไอ้บ้านิมันแสดงอุดมการณ์ชัดเจนเกินไปจนผมชักจะทำตัวไม่ถูก


   “ไม่ครับ ผมจะเข้าบ้าน”


   “เฮ้ย รังเกียจกันเหรอ”


   “เปล่า ถ้าผมรังเกียจผมคงไม่ยืนเฉยๆให้พี่จับมือผมอยู่นานสองนานหรอก” มันรุกเร็ว แต่ผมก็แถเร็วเหมือนกัน


   “งั้นไปกินข้าวกัน พี่เลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ มึงไปด้วยกันนะไอ้เต๋า ไปเป็นเพื่อนฟ้ามัน”


   “ห๊า ผะ ผมเหรอ ผมเกรงใจ... พี่พามันไปเถอะ” ไอ้เต๋าส่ายหน้าปฏิเสธ ผมมองไอ้เพื่อนเวรตาถลึง อย่าให้กูรอดออกไปจากกรงเล็บเด็กวิศวะนะ กูเอามึงตายคนแรกแน่ไอ้เต๋า


   “ไปเถอะ เดี๋ยวกูแนะนำเรื่องแต่งรถให้” ไอ้พี่ลมยังตื้อทั้งผมและไอ้เต๋าไม่หยุด และไอ้เต๋าก็เหมือนจะสนใจแล้วด้วย


   “งั้นก็ได้ครับ” ไอ้เต๋าตกลงทันที 


             “เออพูดง่ายๆแบบนี้ดี กูชอบ... เดี๋ยวพาไปเลี้ยงหมูกระทะ เขาว่าถ้าอยากสนิทกันเร็ว แม่งต้องแดกหมูกระทะด้วยกัน” ทฤษฎีห่าเหวอะไรของพี่มันวะเนี่ย


   “ไอ้ลม มึงนิมันแก้นิสัยพูดเองเออเองคิดเองไม่หายเลยนะ! ดูน้องมันทำหน้าดิ มันอึดอัดมึงรึเปล่าที่มึงจะพามันไปกินหมูกระทะอ่ะ ” พี่คีย์เข้ามาช่วยพูด ผมล่ะอยากขอบคุณพี่เขาจริงๆ ในดงเถื่อนก็มีคนที่เหมือนจะเข้าใจผมอยู่เหมือนกัน นะเนี่ย ดีใจ!


   “น้องมันอาจอยากกินลาบเป็ดร้อยเอ็ดก็ได้นะเว้ย ลองถามมันก่อนดิ” สิ้นคำพูดของไอ้พี่คีย์ ผมละอยากจะกลืนคำพูดที่ชมมันไปเมื่อกี้กลับเข้าลำไส้


   “เออ ฟ้าอยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่พาไป นั่งซ้อนท้ายรถพี่ไปนะ” ไอ้พี่ลมยังฉุดกระชากผมไปทางรถมัน คือตอนนี้ผมไม่ได้อยากไปเลย แต่ว่าพวกพี่แม่งก็ทำอะไรไม่เกรงอกเกรงใจผมเลยไง คือพวกมันคงลืมไปแล้วว่าพวกเราเพิ่งรู้จักกันวันนี้เป็นวันแรก


   “คือผม ไม่หิวอ่ะพี่”


   “ไปถึงก็หิวเองแหละ”


   “คือ...ผม” ผมพยายามจะแกะมือไอ้พี่ลมออก แต่พี่มันก็ไม่ยอมจนกระทั่งผมได้ยินเสียงอะไรดังขึ้นมาจากบ้านเด็กเกษตร

 
ตู้ม!


   “ไอ้เชี่ยดิน!” เสียงพี่เมืองกับพี่ภูดังขึ้นจากทางด้านในบ้าน สิ้นเสียงตะโกนควันดำแม่งก็ลอยโขมงขึ้นฟ้าเลยครับ พวกผมรีบวิ่งไปดูเหตุการณ์ทันที


   “กรี๊ดดดดดดด บัวขาวลูกพ่อ!!!!” ภาพที่ผมเห็นในตอนนี้คือ พี่เมืองแม่งตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนจะทรุดตัวลงไปกอดไก่ชนที่ไหม้เกรียมเพราะฝีมือของใครบ้างคน ที่คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของไอ้พี่หนวด ที่ตอนนี้มันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนพิงกำแพงบ้านของตัวเองอยู่


   “ไอ้เชี่ยดินมึงทำห่าไรเนี่ย!!! ทำไมบัวขาวตัวละหมื่นห้าของกูถึงเป็นแบบนี้ บัวขาวลูกพ่อ! ฟื้นขึ้นมาสิลูก!”


   “กูแค่จะทำแก๊สหุงต้มใช้เอง”


   “ไอ้เพื่อนเวร บัวขาวกู ฮื่อๆๆๆ” ไอ้พี่เมืองแม่งร้องไห้เลยครับ ก่อนที่ไอ้พี่ภูจะเดินมาตบบ่าพี่มัน


   “เดี๋ยวกูโอนเงินคืนให้สองหมื่นเลยอ่ะ” พูดไม่ทันขาดคำ ไอ้พี่หนวดก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะนั่งเล่น ก่อนจะกดอะไรยิกๆ เพียงไม่นานเสียงข้อความทางโทรศัพท์ของไอ้พี่เมืองก็ดังขึ้น


   “ดิน นี่มึงทำตัวกากอีกแล้วเหรอวะ” ไอ้พี่ลมปล่อยมือผม ก่อนจะเดินเข้าไปหาพวกเด็กเกษตร คือเวลานี้ผมอยากจะหัวเราะออกมานะแต่ไม่กล้า กลัวแม่งโดนรุมเตะแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ก็ดูสภาพพวกมันดิน่าขำชิบหาย คนหนึ่งก็นั่งกอดไก่ร้องไห้ อีกคนหนึ่งก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้


   “ก็กูไม่ได้ตั้งใจ ไอ้บัวขาวมันเดินเข้ามายุ่งเอง”


   “กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรที่เกี่ยวกับงานในครัว” ไอ้พี่เมืองมันมองเพื่อนมันทั้งๆที่น้ำตาแม่งไหลอาบแก้ม


   “มันไม่ได้ตั้งใจ มึงใจเย็นก่อนดิเมือง มันโอนเงินคืนให้มึงแล้วเนี่ย”


   “ไอ้เพื่อนเวร กูอยากจะฆ่ามึงจริงๆ กูไม่หายโกรธมึงง่ายๆหรอก ไอ้เชี่ยดิน”


   “ภู ไอ้เมืองเกรี้ยวกราดใส่กู”


   “มันโกรธมึง” ไอ้พี่ภูตอบกลับไป


         “มันไม่ได้โกรธกูเพราะบัวขาว กูว่าไอ้เมืองมันกำลังโมโหหิว มึงไปหาไรให้มันแดกหน่อยป่ะ” ไอ้พี่ดินมันพูดขึ้นมา เล่นเอาผมกลั้นขำไม่อยู่ต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปาก ตรรกะห่าอะไรของมันเนี่ย


   “ไอ้เชี่ยดิน มึงคิดได้ไงว่ากูหิว ตอนนี้กูโกรธมึงอยู่นะเว้ย!!!” พี่เมืองเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาชี้หน้าเพื่อนด้วยความเคียดแค้น


   “เวลามึงหิว มึงก็หน้ามืดตามั่วโกรธกูแบบนี้ทุกที”


   “กูบอกว่า กูไม่ได้หิวไง”


       “มึงหิว”


       “กูไม่ได้หิว”


        “หิว”


         “กูบอกว่ากูไม่ได้หิวโว๊ยยยยยยยยย”


   จ๊อกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สิ้นเสียงตะโกนของพี่เมือง เสียงท้องพี่มันก็ดังลั่นขึ้นมา  ดังขนาดผมที่ยืนอยู่ห่างๆมันยังได้ยินเสียง


   “เมือง... กูว่ากลิ่นบัวขาวแม่งหอมลอยมาเตะจมูกกูเลยวะ” ไอ้พี่ภูตบบ่าเพื่อนสนิทอีกครั้ง ก่อนจะมองบัวขาวไก่ชนของเพื่อน พร้อมกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่


   “เห็นไหม กูบอกแล้วมึงหิว” ผมมองไอ้พี่ดินที่ทำหน้านิ่ง ลอยหน้าลอยตาแบบคนไม่รู้ความผิด เออคนแบบนี้ก็มีด้วยเว้ย แปลกจริงๆ


   “เงียบไปเลยไอ้ดิน”


   “มึงโกรธกูเพราะมึงหิว” ไอ้พี่ดินยังทำหน้าตาย พร้อมชี้ไปที่น้องไก่ของเพื่อน ”ไอ้บัวขาวมันสละชีวิตเพราะพ่อแบบมึง”


   “บัวขาวแม่งกตัญญู สมเป็นไก่มีราคา” พี่ภูพูดขึ้นมาอีกคน


   “ไอ้สัส ถ้าพวกมึงพูดกันอีกคำเดียวกูเตะ”


    “พวกมึงนิมันกากเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ” ไอ้พี่ลมยืนขำเพื่อนต่างคณะ ผมมองไอ้พี่ลมที่เดินเข้าไปดูไก่บัวขาวใกล้ๆ ผมว่าพวกพี่เขาคงสนิทกันไม่งั้นคงไม่ด่ากันขนาดนี้


   “ไอ้ดินคนเดียวที่กาก ส่วนมึงไอ้ภู เลิกมองบัวขาวของกูได้แล้ว ไปเอาเตาถ่าน จานชามมาดิวะ เดี๋ยวกูย่างใหม่ จะได้แดก”

 
   “โอเคเพื่อนเลิฟ” พี่ภูรีบวิ่งไปทางหลังบ้านทันที เล่นเอาผมกับไอ้เต๋าที่ยืนดูอยู่ต้องหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนที่ผมจะพูดออกไปแบบไม่มีเสียงกับไอเต๋าว่า  ประสาทแดก!


พวกพี่มันประหลาดเกินมนุษย์จนผมเริ่มรับไม่ได้ เมื่อกี้มึงยังร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายกับไก่บัวขาวมึงอยู่เลย ตอนนี้ทำไมมึงทำใจได้เร็วขนาดนี้วะ นี่ผมว่าผมไม่ได้อยู่ดงเถื่อนแล้ว ผมอยู่ดงประหลาดเสียมากกว่า


   “เฮ้ย พวกมึง ไอ้ลม ไอ้คีย์ ไอ้สน แล้วไอ้น้องสองคนนั้นอ่ะ วันนี้แดกข้าวเย็นที่นี่นะ กูจะเลี้ยงอาหารหรูๆ ทำไก่อบฟ่างตัวละสองหมื่นให้กิน”


   “เฮ้ย กูว่าจะพาเพื่อนบ้านคนใหม่ไปกินข้างนอก อยากสนิทเร็วๆ”


   “กินที่นี่แหละ พวกกูก็อยากสนิทเร็วๆเหมือนกัน” พี่ภูเดินออกมาพอดี


   “ไอ้ห่าดิน ไปยกโต๊ะมาดิ” พี่เมืองมันหันไปสั่งตัวต้นเหตุ


   “เป็นแม่กูเหรอ มาใช้อ่ะ”


   “ไอ้เชี่ยนิ มึงเห็นลูกกูที่ต้องเสียสละชีวิตให้มึงไหม ไปเตรียมโต๊ะ ชีวิตนี้มึงทำห่าอะไรก็พังไปหมดแหละ ไปเตรียมโต๊ะมา”


   “เออ บ่นมากจริงเลย”


   เย็นวันนั้นผม ไอ้เต๋าและพวกพี่วิศวะก็มานั่งกินข้าวเย็นที่บ้านเด็กเกษตรแบบงงๆ พวกพี่เกษตรแม่งนิสัยแปลกแบบสุดโต่ง แต่ผมว่าเขาเก่งกับเรื่องอาหารการกินมากครับ ยิ่งไอ้พี่ภูนะจับปลาในบ่อเล็กๆ หน้าบ้านมาย่างให้ผมกินเหมือนในหนังผจญภัยเลย โคตรแอดเวนเจอร์ บรรยากาศเหมือนผมแม่งหลงเข้ามาอยู่ในป่า แล้วมาเจอพวกลูกทาร์ซานทำกับข้าวให้กินยังไงยังงั้น ผักที่แม่งเลื้อยอยู่ข้างกำแพงที่ผมรู้จักและไม่รู้จักพี่มันก็หยิบมาผัดๆ รวมกัน เทนู่นใส่นี่ทำเหมือนไม่น่าอร่อย พอได้เข้าปากเท่านั้นแหละ อือหือฟินไปสามบ้านแปดบ้าน อร่อยสัส แกล้มเหล้าได้เลยเว้ย


      พี่ๆเด็กเกษตรเก่งจริงๆ เก่งจนผมอึ้ง แค่พี่ภูกับพี่เมืองนะ ส่วนไอ้พี่หนวดผมเห็นไม่ทำห่าอะไรเลยนอกจากนั่งรอแดกเหมือนกับพวกผม พอผมมองพี่มัน พี่มันก็มองผมกลับด้วยหน้าตาท่าทางกวนตีน หน้าตาแม่งก็เหมือนหมอผี มันคงกะจะเล่นของใส่ผมแน่ น่ากลัวสัด! ผมเลยหลบตาแม่งเลย


   “ฟ้า อร่อยไหม” พี่เมืองหันมาถามผม


   “มากเลยพี่”


   “ดีใจที่ฟ้าชอบ วันไหนไม่มีอะไรกินมาหาพวกพี่ได้นะ”


   “พี่ แล้วผมอ่ะ” ไอ้เต๋ามันตัดพ้อ ถึงพวกผมกับพี่เขาจะเพิ่งรู้จักกัน แต่บรรยากาศเวลาที่ได้คุยกับพวกพี่มันทำให้เรารู้สึกว่าเรารู้จักกันมานานเลย


   “มึงหาแดกเองดิ เว้นแต่ว่าจะพาเด็กน่ารักๆ มาแดกด้วย กูจะทำให้กิน”


   “สองมาตรฐานโคตรอ่ะ”


   “พวกกูชอบสิ่งมีชีวิตน่ารักๆเว้ย เนอะ” พี่เมืองพูดก่อนจะหันไปตีมือกับพี่ภู


   “ฟ้า วันไหนมึงหิวก็มาหาพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่พาไปกินร้านประจำของเด็กวิศวะ อร่อยเหมือนกัน” ไอ้พี่ลมพูดขึ้นมาบ้าง แหมทำคะแนนกันใหญ่ คิดว่าผมจะหลงเร๊อะ ฝันไปเถอะ!


   “อร่อยตายแหละ” ไอ้พี่ดินพูดแทรกขึ้นมา


   “แหม อร่อยกว่ามึงทำละกันไอ้เชี่ยดิน”


   “อย่าๆ อย่าทะเลาะกันครับ งานนี้มันต้องแล้วแต่น้องฟ้าคนน่ารัก” พี่เมืองยกมือห้าม


   พอกินเสร็จผมกับไอ้เต๋าก็ขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า ตอนแรกกะจะช่วยเก็บกวาดเพราะเกรงใจที่พี่เขาทำอาหารเลี้ยง แถมเป็นอาหารหรูด้วยไง ไก่อบฟ่างตัวละสองหมื่น แดกที่แทบไม่กล้าขี้ ไม่เคยกินของแพง แต่พอผมจะเก็บกวาดไอ้พวกพี่มันก็ห้ามผมกันยกใหญ่ มันบอกว่าคนน่ารักสมควรอยู่เฉยๆ


   “ไอ้เต๋า กูน่ารักขนาดนั้นเลยเหรอวะ” พอมาอยู่ในบ้าน ผมก็เลยถามเพื่อนออกไปด้วยความสงสัย ผมว่าผมหล่อมากกว่าน่ารักนะ ดูยังไงว่าผมน่ารัก ตาพวกพี่แม่งถั่วจริงๆ


   “ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ มึงควรรู้ตัวตั้งแต่ม๊ามึงจับมึงใส่กระโปรงตอนอนุบาลได้แล้วนะ”


   “ม๊ากูเขาอยากได้ลูกสาว เขาก็จับกูแต่งไปยังงั้นแหละ ดูยังไงกูก็หล่อวะ” ผมยืนมองดูตัวเองในกระจก หันหน้าไปมาสำรวจความหล่อของตัวเอง


   “หล่อตายล่ะ มึงขาวอย่างกับแช่ไฮเตอร์มาเป็นเดือน ตาก็โต ปากนิดจมูกหน่อย ตัวก็บาง กล้ามแม่งก็ไม่มี ซิกแพคกูยังไม่เคยเห็นของมึงสักลูก ตัวแม่งก็ดูนุ่งนิ่มเหมือนก้อนอะไรสักอย่าง”


   “ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน” ผมร้องเพลงแล้วมองตัวเองในกระจก


   “เปล่า ดูรวมๆแล้วประหลาดเหลือเกินมากกว่า”


   “ไอ้ห่าเต๋า”


“ถ้าอยากแมนแบบพวกกู มึงก็อย่าเอาแต่แดก หรือถ้าแดกมากก็ควรไปออกกำลังกายบ้าง นี่อะไรว่างเป็นนั่งเล่นเกม ว่างเป็นนอน ไม่ทำห่าอะไรเลย สารร่างมันถึงเหมือนคนไม่มีแรง ดูเหลวดูนิ่มไปหมดไง”


 “พูดซะจนกูดูตุ๊ดเลย”


   “เกือบแล้ว อีกนิดเดียวพวก ได้ผัวปุ๊บมึงตุ๊ดแน่”


   “ไอ้สัส กูไปแล้ว งอน!”
 
หัวข้อ: Re: ✦ พสุธากับเวหา ✦ intro [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 29-10-2017 23:17:36
ช่วงสามสี่วันมานี่ พวกผมทำงานอยู่ที่คณะ เตรียมนู่นเตรียมนี้จนไม่ค่อยได้กลับบ้านเช่ากันสักเท่าไร กลับทีก็ดึกดื่นเที่ยงคืน ไปถึงก็ไปนอนกันเลย แถมยังออกมาจากบ้านกันแต่เช้า รู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้ดูสงบสุขไปเยอะเลย เพราะไม่ค่อยได้เจอเพื่อนข้างบ้านสุดแปลกเสียเท่าไร


 ช่วงแรกๆของการเปิดเทอมมันดีตรงทีไม่ค่อยได้เรียน ที่จริงเขาก็เรียนกันแหละครับ แต่พวกผมมันขี้เกียจไง เลยตั้งใจเรียนบ้างไม่ตั้งใจเรียนบ้าง งานที่อาจารย์ให้ก็ยังไม่เยอะ เพราะอาจารย์ให้ทำกิจกรรมกันไปก่อน แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์เท่านั้นแหละ อาจารย์เริ่มสั่งงานที่ทำเอาพวกผมแทบลมจับ มันเยอะจนพวกผมอยากจะเลิกกิจกรรมรับน้อง คืออยากจะให้รุ่นมันวันนี้พรุ่งนี้เลยทีเดียว


“นักศึกษา ถ้าจะคุยกันขนาดนี้ ออกไปคุยกันข้างนอกไหมครับผมอนุญาต” อาจารย์ประจำวิชาหันมาดุพวกผม ก็อย่างว่าเรามันเด็กนิเทศ คุยเก่งเล่นเก่งกันอยู่แล้ว


“ถ้าอาจารย์อนุญาต งั้นผมไปนะครับ”


“คุณเวหาไปได้ครับแต่ผมเช็คขาดนะ”


“โห่ จารย์อ่ะ ใจร้าย” ผมแกล้งทำน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ เล่นเอาเพื่อนในห้องหันมาหัวเราะผมกันแทบทุกคน


“ไอ้ฟ้า ทะลึ่ง ระวังจะได้เอฟ” ไอ้สิงห์หันมาเตือนผม


“ผมรู้ว่าพวกคุณเรียนนิเทศ เก่งเรื่องการแสดง แต่ผมขออย่างหนึ่งนะครับ อย่าแสดงให้เยอะเท่าคุณเวหา เดี๋ยวเอฟจะลั่นใส่” อาจารย์ทำเสียงดุ ก่อนจะหันมามองผม เล่นเอาเพื่อนทั้งห้องหัวเราะ พร้อมยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นอาจารย์มองคาดโทษ


   “เอาล่ะ วันนี้ผมมีงานให้พวกคุณทำ งานชิ้นนี้ผมให้ส่งก่อนปลายเทอม ให้พวกคุณจับกลุ่ม กลุ่มละสามคน” สิ้นเสียงอาจารย์ ผมหันไปชี้ไอ้สิงห์ ไอ้เต๋า และตัวเองเป็นอันว่ากลุ่มผมครบสามคนแล้ว พวกมันสองคนทำเป็นส่ายหน้าระอาผม


“ทำมาเป็นไม่อยากอยู่กับกู กูจะตามติดพวกมึงยิ่งกว่าชัตเตอร์อีก ไอ้ห่า”


“ทุกวันนี้ไม่ชัตเตอร์เลย” ไอ้สิงห์หันมาล้อผม ผมเลยเตะขามันไปทีด้วยความหมั่นไส้ พวกเราแกล้งกันอยู่สักพัก ก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าชั้นเรียนอีกครั้ง เมื่อเสียงอาจารย์ดังขึ้น


   “ผมจะให้พวกคุณ ทำสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์ ผมอยากให้คุณไปสัมภาษณ์รุ่นพี่คณะอื่นๆในมหาลัย แล้วออกแบบวารสาร และโฆษณาเชิญชวน ให้เด็กนักเรียนชั้นมัธยมสนใจมาเรียนในคณะที่พวกคุณจับฉลากได้”


   “งานใหญ่วะ” เพื่อนตัวกลมอย่างไอ้แมนหันมาคุยกับพวกผมที่อยู่ด้านหลัง


   “เออดิ ปีสองที่จริงเราต้องเรียนเบื้องต้นพวกสื่อต่างๆไม่ใช่เหรอวะ อาจารย์แม่งโหดให้งานใหญ่เลย” ไอ้เต๋ามันหันมาบ่นกับพวกผม


   “เลิกบ่นได้แล้วครับ งานมันไม่ได้ยากเลย ผมให้ส่งเกือบสิ้นเทอม ในช่วงแรกๆ ผมให้พวกคุณไปเก็บข้อมูลคณะที่พวกคุณจะได้ พวกคุณก็แค่ไปถ่ายภาพถ่ายวีดีโอการรับน้อง การเรียนของคณะนั้นๆ ระหว่างที่เก็บข้อมูลกันอยู่ ผมก็จะสอนการออกแบบวารสาร การออกแบบโฆษณาในเบื้องต้น... ถ้าไม่ปฏิบัติมันก็จะทำไม่ได้ แล้วอย่าบ่นให้ผมได้ยินว่าพวกคุณทำไม่ได้ ถ้าพวกคุณไม่ลองลงมือทำกันก่อน เข้าใจไหมครับนักศึกษา”


“ครับ/ค่ะ” ทุกคนส่งเสียงตอบกลับ


“งั้น ส่งตัวแทนมาจับฉลาก ว่าแต่ละกลุ่มจะได้ไปสัมภาษณ์คณะอะไรกันบ้าง”


“ไอ้ฟ้ามึงไป” ไอ้สิงห์กับไอ้เต๋าดันผมออกไป


“ทำไมให้กูจับอ่ะ เดี๋ยวกูได้คณะโหดๆ มึงก็ด่ากูอีก”


“มึงมันมือดี เอาอักษรมาให้ได้นะเว้ย สาวเยอะ สาวสวย เราจะสบาย” ไอ้เต๋าพูดก่อนจะทำตาเป็นประกายวิบวับมาให้ผม


“เพื่อนเต๋าไม่ต้องกลัว พวกสาวๆ น่ารักๆจะต้องตกอยู่ในมือเราแน่นอน” ผมชูกำปั้นขึ้นมาเรียกแรงใจจากพวกพ้อง ก่อนจะเดินออกไปหน้าห้องอย่างมั่นใจ พอผมเดินไปถึงหน้าห้อง ผมเห็นพวกสาวๆส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเมื่อตัวเองจับได้ วิศวะบ้างละ บริหารบ้างละ ส่วนไอ้พวกหนุ่มๆก็เฮ เห็นไอ้หมีเพื่อนร่วมสาขาเฮคนแรกเลย ก็มันดันจับได้คณะอักษรที่พวกผมเล็งกันไว้ตั้งแต่แรก


“อักษรเป็นของกูครัชชชช” ไอ้หมีเพื่อนร่วมสาขา โชว์กระดาษในมือ


“เดี๋ยวดูกูนะไอ้หมี ถึงไม่ได้อักษรแต่เภสัช กับพยาบาลยังอยู่เว้ย”


ผมค่อยๆยื่นมือไปจับกระดาษที่อาจารย์ม้วนไว้ในแก้ว ก่อนจะหยิบออกมาแล้วค่อยๆเปิดดูด้วยความตื่นเต้น แต่ดันถูกไอ้เพื่อนเวรอย่างไอ้ต่อที่อยู่กลุ่มเดียวกับไอ้หมี คว้ากระดาษแล้วเอาไปเปิดอ่านเสียดังลั่นห้อง


“คณะเกษตรศาสตร์โว๊ยยยยย!!!!!” สิ้นเสียงไอ้ต่อผมแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้น ถ้าไม่ถูกพวกไอ้หมีพยุงไว้ก่อน ผมคงตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัว ตอนนี้ผมอยากจะทิ้งดิ่งลงจากตึกชิบหาย ทำไมมันโชคร้ายขนาดนี้วะ!


“เอาปืนมายิงกูทีดิ!!!!!” ไอ้เต๋าตะโกนลั่นห้อง ก่อนที่ไอ้สิงห์จะฟุบหน้าลงไปนอนกับโต๊ะเพราะเกิดความน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง


ผมพาร่างที่ใกล้จะไร้วิญญาณของผมกลับไปหาไอ้เพื่อนสนิททั้งสองคน ก่อนจะตบบ่าพวกมันคนละสองสามที


“เราโชคดีที่สุดเลยนะเว้ยเพื่อน พี่ข้างบ้านเราแม่งมันอยู่คณะเกษตรไง งานเราเสร็จก่อนใครแน่เพื่อน” ผมพูดกับพวกมันด้วยความหวังดี คือกูพูดข้อดีให้พวกมึงไม่โกรธกูไง


“พ่องมึงสิไอ้ฟ้า! มึงจะโดนพวกพี่แม่งจับทำเมียก่อนดิไม่ว่า” ไอ้เต๋าพูดประชดผม เล่นเอาผมมือกระตุกฟาดหัวมันไปที


“กูว่าเพื่อนเราจะมีผัวก็คราวนี้แหละ” ไอ้สิงห์พูดขึ้นมาอีกคน ทำเอาผมยกมือตบบ๊องหูมันแทบไม่ทัน


 “ไอ้เพื่อนเหี้ย เดี๋ยวพวกมึงจะโดน”


“เอาคนไหนทำผัวละ พี่ภู พี่เมือง รึว่าไอ้พี่ดิน”


“กูไม่เอาใครทั้งนั้นแหละ กูไม่เอาผัว กูจะเอาเมีย กูจะหาเมียมึงจำไว้ไอ้พวกเพื่อนเลว”


“แล้วมึงจะไปไหนหน่ะ”


“ไปเยี่ยว”


“เพื่อนกูดีใจจนเยี่ยวแตกเลย”


“ฆวย” ผมพูดจบก็แกล้งเดินสะบัดหน้าออกจากห้องไปทันที


“ดูท่ามัน สาวน้อยเหลือเกิน มีมาสะบัดนงสะบัดหน้า น่าถีบให้ปลิว” ไอ้สิงห์พูดกับไอ้เต๋าก่อนจะหันไปถอนหายใจด้วยความระอา



....TBC...........



ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันค่ะ
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-11-2017 17:53:17
พี่ดินแน่นอนเลยยยย มีความสุขจังเลยค่าาา ผู้ชายข้างบ้านเยอะมาก ฮาเร็มของน้องฟ้า 555555555555 รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-11-2017 18:40:17
ชื่อเรื่องก็บอกแล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 01-11-2017 19:14:29
อยากอ่านอีก สนุกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 01-11-2017 21:37:29
รู้เลยนะคะว่าพระเอกคนไหน  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 02-11-2017 23:13:42
ติดตามค่าา
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 03-11-2017 08:46:26
สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 03-11-2017 19:09:11
สามีน้องชื่อดินแน่นอนนนนน 5555555555 ไรท์มีเพจมั้ยยยย เราอยากติดตามม
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-11-2017 19:11:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 1 ดิน ฟ้า อากาศ [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 04-11-2017 13:13:00
หนี้ไม่พ้นแน่น้องฟ้าลั่นโดนพี่ดินแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 2 [29/10/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 04-11-2017 13:20:50
ตอนที่ 2






วันรุ่งขึ้น พอพวกเราได้รับงานชิ้นใหญ่ของอาจารย์สุดโหดมา พวกผมสามคนก็มานั่งปรึกษากันว่าจะเริ่มทำกันตอนไหน ตอนแรกพวกผมคิดว่าจะยังไม่ทำ ถ้าอาจารย์ไม่พูดว่าให้เอาข้อมูลมาส่งทุกอาทิตย์ เพราะเขาอยากรู้ว่าข้อมูลที่ได้มามันมีสาระ มีอะไรน่าสนใจไหม อีกอย่างมันก็จะเป็นการเช็คคะแนนไปอีกทาง ตอนนี้พวกผมสามคนเลยต้องมานั่งจับเข่าคุยกันในบ้านเช่า


“มาคุยกันก่อนว่าเราจะเริ่มทำงานของอาจารย์สมเกียรติยังไงดี” ไอ้สิงห์มันเรียกพวกผมมานั่งตรงโซฟากลางห้องนั่งเล่น วันนี้พวกเราไม่มีเรียนเช้าครับ มีเรียนบ่ายเลยทำตัวสบายๆกันได้


“ก็ต้องเก็บข้อมูลก่อน” ไอ้เต๋าถือมาม่าคัพมานั่งกินด้วยในระหว่างคุยงาน


“เออกูรู้ แต่ว่าเราจะเก็บยังไง เก็บกับใคร”


“อาจารย์บอกว่ารุ่นพี่ แปลว่าต้องพวกปีสามไม่ก็ปีสี่” ผมตอบไอ้สิงห์ไป


“เออรุ่นพี่ อาจารย์คงรู้ว่าปีสองแม่งต้องทำกิจกรรมร่วมกับน้องเยอะเลยให้ไปเก็บข้อมูลจากรุ่นพี่แน่”


“พวกพี่เขาเรียนมาเยอะแล้วไง เขาต้องรู้ว่าสาขาเขามีอะไรน่าสนใจ” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาในขณะที่ปากแม่งก็เคี้ยวมาม่าตุ้ยๆ


“แต่เราจะเก็บข้อมูลจากพี่คนไหนดีวะ” ไอ้สิงห์ถามขึ้นมาอีกครั้ง


“พวกข้างบ้านไง” ไอ้เต๋าเลยเสนอ เล่นเอาผมกับไอ้สิงห์ส่ายหน้าทันที


“กูว่าไม่เวิร์ค พวกพี่แม่งเหมือนไม่รู้ห่าอะไรเกี่ยวกับคณะเลย วันๆกูเห็นเลี้ยงปลา อาบน้ำไก่ ทุกวันนี้กูไม่เห็นพวกแม่งไปเรียนเลย”


“มึงก็ไปว่าพี่เขา มึงอยู่กับพี่เขาตลอดเวลารึไง ถึงรู้ว่าพี่เขาไม่ไปเรียน” ไอ้เต๋าเถียงผมขึ้นมา


“ก็ดูดิ เมื่อวานตอนเช้ากูเห็นสภาพพวกพี่มันยังไง ตอนเย็นก็เห็นแบบนั้น ชุดนักศึกษาสักตัวกูยังไม่เห็นเลย”


“กูเห็นด้วยกับไอ้ฟ้านะ กูว่าถ้าสัมภาษณ์ทั้งที กูว่าสัมภาษณ์พวกดาวคณะเดือนคณะไปเลยดีกว่า อาจารย์บอกว่าถ้ามีคนเข้ามาดูงานเราเยอะ เราก็จะได้คะแนนพิเศษด้วยนะเว้ย” ไอ้สิงห์พูดเสนอขึ้นมา


“เออจริง ตามติดพวกพี่ดาวพี่เดือนไปเลย ไม่งั้นก็พวกหัวกระทิของคณะเกษตร”


“เออ พวกมึงว่าไงกูก็ว่างั้น” ไอ้เต๋าพยักหน้า


“แต่ตอนนี้เราต้องไปสืบก่อนว่าพวกเดือนพวกดาวคณะปีสามปีสี่เป็นใคร”


“อย่างที่ฟ้าพูดก็ถูก แต่กูว่า พวกพี่ปีสี่พวกเราคงเข้าถึงยากนะ เพราะพี่เขาคงไม่เข้ามหาลัยกันแล้ว ต้องไปฝึกงานไม่ก็ทำวิทยานิพนธ์กัน เราหาดาวเดือนปีสามดีกว่า ไม่ก็พวกหัวกระทิอย่างที่ไอ้ฟ้าว่า” สิงห์เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติม ผมกับไอ้เต๋าพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน  ก็จะไม่เห็นด้วยกับหัวกระทิประจำสาขาได้ยังไง คะแนนมันดีมาตลอด ผมรู้ถ้าผมเชื่อมันชีวิตผมจะดี๊ดี


“งั้นวันนี้ ไปสืบข้อมูลจากพวกพี่ข้างบ้านกันเถอะ” ไอ้เต๋ายิ้มแฉ่ง ก่อนจะเดินเอามาม่าไปทิ้งไว้ เมื่อได้กลิ่นอาหารบ้านข้างๆแม่งลอยมาเตะจมูก


“กูว่ามึงไม่ได้หวังจะไปทำงาน มึงหวังไปแดก” ผมพูดกับเพื่อนด้วยความหมั่นไส้


“เออ พี่เมืองพี่ภูแม่งทำกับข้าวอร่อย จนกูติดใจในฝีมือพี่มันวะ ไปตอนนี้ได้แดกแน่กลิ่นอาหารลอยมาล่ะ”


“มึงไปเลย กูไม่ไปกับมึงหรอก” ผมพูดพลางทิ้งตัวนอนลงตรงพื้นกลางห้องนั่งเล่น แต่สุดท้ายไอ้เพื่อนเวรก็ดึงมึงผมตามมันไป เห็นมันบ่นว่าถ้าผมไม่ไปด้วยก็อดแดกอ่ะดิ อีกอย่างมันจะหาไอ้สิงห์ไปแนะนำตัวกับพี่ดินอีกคนด้วยเลย ก็วันนั้นวันที่ได้กินอาหารหรู ไอ้สิงห์มันดันไม่อยู่



ไม่นานพวกผมสามคนก็มายืนหน้าบ้านเด็กเกษตร ก่อนที่ไอ้พี่เมืองจะหันมาทักทายกะเหรี่ยงสามตัวอย่างพวกผม


“ไง กินข้าวเช้ามายัง มากินกับพวกกูเลย” พี่เมืองกวักมือเรียกพวกผมสามคนเข้าไปนั่งตรงตะรับแขกหน้าบ้าน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารเช้าที่ดูน่ากินจนต้องแอบกลืนน้ำลายเลยทีเดียว


“ว้าว วันนี้พวกพี่มาแปลกนะ เพิ่งเคยเห็นพี่ใส่ชุดนักศึกษา” ไอ้สิงห์ทักพวกพี่แก๊งเถื่อน


“กูกำลังเข้ามหาลัย พอดีพวกน้องปีสองมันขอให้ไปแนะนำตัวให้พวกเด็กปีหนึ่งรู้จัก”


“ไปแนะนำตัวกันอย่างเดียวเหรอ พวกพี่ไม่มีเรียนกันเลยรึไง” ผมรับจานข้าวมาไว้ในมือ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับไอ้พี่เมือง


“มีดิ มีตอนบ่าย ถามทำไม”


“ก็ตั้งแต่ผมย้ายมา ผมไม่เห็นพี่ไปเรียนเลย”


“พี่ไป แต่ฟ้าไม่เห็นเองต่างหากละ”


“พี่เมืองกับพี่ภูแม่งสองมาตรฐาน พอพูดกับไอ้ฟ้าแทนตัวเองว่าพี่ยังนู้นพี่ยังนี้ พอที่ผมกับไอ้สิงห์กูๆมึงๆ” ไอ้เต๋าบ่นงึมงำ


“ตุ๊ดนะมึงเนี่ย” ไอ้พี่ภูหัวเราะ


“มึงมันไม่น่ารัก กูไม่สน ไปไกลๆตีนเลยป่ะ” พี่เมืองจะแกล้งถีบไอ้เต๋า แต่ไอ้เต๋าก็หลบได้ก่อนจะเดินมานั่งข้างผมกับไอ้สิงห์


“แล้วพี่ดินอ่ะ” เต๋าถามถึงพี่หนวด ผมก็เลยหันซ้ายหันขวามอง


“มันไปคณะแล้ว ต้องเข้าไปสโมแต่เช้า”


“อ๋อ ดูสำคัญ” ผมแกล้งแซว


“เห็นมันกากๆ นิ่งๆแบบนั้น มันอ่ะตัวสำคัญเลย”


“ผมจะพาไอ้สิงห์มาแนะนำตัวสักหน่อย”


“เดี๋ยวก็ได้เจอกัน กินๆไปเถอะ วันนี้กูทำไม่ได้เยอะนะ”


“ไม่เยอะของพวกพี่ แต่แม่งก็ดูเยอะสำหรับพวกผมวะ” ไอ้สิงห์มองอาหารตรงหน้าก่อนจะลงมือกิน และผมก็เห็นมันทำตาโต เมื่ออาหารคำแรกเข้าปากมัน


“โคตรอร่อยอ่ะ” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาอีกคน


“ฝีมือกูซะอย่าง ฟ้ากินเยอะๆนะ จะได้ดูตัวนุ่มๆนิ่มๆมากกว่านี้”


“พี่กำลังขุนให้เพื่อนผมเป็นหมูนะ”


“ถึงจะเป็นหมู แต่ฟ้าก็จะเป็นหมูที่น่ารักของพี่” ไอ้พี่เมืองหยอดแต่เช้า เจอผมที่ไรมันหยอดผมทุกที ในละแวกนี้ไม่มีใครหยอดผมมากมายเท่าพวกพี่มันละ ยกเว้นพี่ดินไปคน เจอหน้ากันที่ไรทำหน้ากวนตีนตลอด ไอ้หนวดเล่นของเอ๊ย!


ระหว่างที่ผมกำลังกินข้าวกันอยู่ ไอ้สิงห์กับไอ้เต๋าก็เปิดประเด็นเรื่องงานกลุ่มของพวกเราทันที


“อยากสัมภาษณ์พี่ปีสาม ไปทำสื่อ” พี่เมืองทวนคำถามของพวกผม


“ครับ พอดีอาจารย์เขาให้งานพวกผมมาชิ้นหนึ่ง งานใหญ่คะแนนเยอะด้วยนะพี่” ไอ้สิงห์ยังพูดอธิบาย


“เขาให้สัมภาษณ์แล้วทำอะไรต่ออ่ะ” คราวนี้พี่ภูเป็นคนถาม


“ก็เหมือนเอาไปทำสื่อต่างๆ โฆษณาคณะพี่ให้พวกน้องๆมัธยมมาสนใจเรียนคณะพี่ไง แบบจบไปทำอะไร เรียนไปแล้วได้อะไร บรรยากาศในการรับน้อง การเรียน เจาะลึกคณะพี่อะไรแบบนี้”


“อ๋อ เข้าใจละ” ไอ้พี่เมืองกับพี่ภูพยักหน้า


“พวกผมอยากได้คะแนนดีๆไงพี่” ไอ้สิงห์ยังพูดไม่หยุด ส่วนผมเหรอ แดกสิครับ รอเชี่ยอะไรล่ะ อร่อยขนาดนี้


“เออ ก็เอาดิ มาสัภาษณ์พวกกูก็ได้”


“ผมก็อยากสัมภาษณ์พวกพี่นะ แต่มันต้องถ่ายวีดีโอ ผมเลยอยากได้พี่สวยๆหล่อๆ แบบดาวเดือนคณะอ่ะ


“พวกกูก็หล่อนะเว่ย”


“ครับพี่หล่อ แต่ผมอยากได้แบบหล่อสะอาดๆอ่ะ”


“มึงว่ากูสกปรกเหรอ” ไอ้พี่เมืองมองไอ้สิงห์ตาขวาง


“ไม่ใช่ พี่มันหล่อเซอร์ไง ผมอยากได้แบบหล่อแล้วสาวกรี๊ดอะไรงี้”


“แบบหนวดเคราไม่มีอะไรแบบนั้น” ผมช่วยเพื่อนพูดอีกที


“ฟ้าไม่ชอบหนวดเหรอ งั้นพี่โกนดีกว่า” ไอ้พี่เมืองจับหนวดจับเคราของตัวเอง


“เปล่า ผมไม่ได้ไม่ชอบหนวด แต่แบบงานของพวกผมมันต้องใช้เรตติ้งไงพี่ ไม่งั้นไม่ได้คะแนนดีๆ”


“อ๋อ ได้ เดี๋ยวกูแนะนำเดือนคณะให้รู้จัก แต่อิดาวคณะ กูไม่ค่อยกินเส้นกับมันเท่าไร”


“พี่แค่บอกชื่อก็ได้ เดี๋ยวผมไปคุยกับพี่เขาเอง”


“ดาวคณะกูชื่อบุญเจิม พงษ์ภัทรชัย”


“ชื่อโคตรโบราณ” ไอ้เต๋าหัวเราะออกมาดังลั่น


“มึงอย่าไปเรียกมันว่าบุญเจิมนะ มันตบมึงแน่ มันยิ่งโกรธอยู่ เห็นบ่นว่าเรียนจบเมื่อไรจะเปลี่ยน” ไอ้พี่ภูมันหันมันตาเตือนพวกผมด้วยแววตาสีหน้าจริงจัง


“แล้วให้ผมเรียกพี่เขาว่าอะไรอ่ะ”


“ทิน่า ชื่อเล่นมันชื่อทิน่า”


“ไอ้เชี่ย คนละโยชน์เลย” ไอ้เต๋าตบโต๊ะขำ


“ชื่อเล่นมันอิเจิม พอเข้ามหาลัยหน่อยเปลี่ยนเป็นทิน่า ตอแหลจนน่าถีบ” ไอ้พี่ภูยังแซวดาวคณะตัวเองให้ผมฟังไม่หยุด


“มึงอย่าไปว่ากิ๊กไอ้ดินนะเว้ย”


“กิ๊กพี่ดินเหรอ” ผมถามออกไปอย่างตกใจ คนน่ากลัวแบบนั้นมีกิ๊กเป็นดาวคณะเหรอวะ


“เออ ไอ้ดินมันกิ๊กกับดาวคณะอยู่”


“มึงอย่าไปพูดว่ากิ๊กไอ้ดิน อิเจิมมันโมเมของมันไปเอง ไอ้ห่าดินสนใจมันที่ไหน” ไอ้พี่ภูพูดแก้ตัวให้เพื่อน


“มึงตกใจอะไรของมึงวะฟ้า” พี่เมืองกันมาถามผมที่ตอนนี้ นั่งอึ้งแดก เพราะตกใจคนน่ากลัวอย่างพี่ดินมีคนสนใจ


“ไม่คิดว่าพี่ดินมันมีคนสนใจมันด้วย”


“เอ้า มันคนดังของคณะ เห็นมันกากๆแบบนั้นมันคือสมบัติของเกษตรนะเว้ย” พี่เมืองพูดอวยเพื่อนจนผมไม่อยากเชื่อ


“เลิกพูดเรื่องพี่ดินเถอะพี่ แล้วพี่เดือนปีสามใครอ่ะ” ไอ้สิงห์ถามขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมารอจดชื่อ เมื่อกี้ผมเห็นมันจดชื่อบุญเจิมลงไปแล้วคนหนึ่ง


“อ๋อเดือนปีสามชื่อ พสุธา ภูริสิทธิโชค”


“โอ้ นามสกุลคนรวย” เต๋ากับไอ้สิงห์พูดขึ้นมาพร้อมกัน


“เออ มันรวย ไม่งั้นมันจะซื้อไก่กูตัวละสองหมื่น มาย่างเล่นให้พวกมึงกินรึ”


“เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ผมกับไอ้เต๋าเราสองคนตะโกนขึ้นมาพร้อมกันลั่นบ้าน ก่อนจะมองพี่เมืองกับพี่ภูราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน


“เดือนคณะ คือพี่ดินเหรอ”


“เออ มันใช่แค่เดือนคณะอย่างเดียวนะ มันอ่ะทุบสถิติของเกษตรที่ใครชอบบอกว่าเป็นคณะเถื่อนขึ้นเป็นเดือนมหาลัยด้วย”


“แล้วทำไมสภาพพี่เขาถึง” ผมกับไอ้เต๋ามองหน้ากันเลิกลั่ก


“มันเบื่อคนเข้ามาวุ่นวายในชีวิตมัน ช่วงที่ได้เป็นเดือนมหาลัยสาวๆเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตมันเยอะ มันเลยไว้หนวดไว้เครา เลี้ยงผมยาว ทำตัวซกมกกันคนเข้ามายุ่ง”


“โห!!! ไม่อยากจะเชื่อ”


“ภายใต้ความซกมก มันหล่อ” ไอ้พี่เมืองชูนิ้วโป้งขึ้นมาการันตีความหล่อเพื่อนตัวเอง


“สิงห์กูว่ามึงหาคนอื่นสัมภาษณ์เถอะ ไอ้พี่ดินมันไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองแน่”


“เฮ้ย อย่าเพิ่งท้อใจกับไอ้ดินดิ ไอ้นี้มันแพ้สิ่งมีชีวิตน่ารักๆ ตัวนุ่มนิ่มๆ ถ้ามันโดนอ้อนหน่อยนะ ตาย”


“คนนั้นตาย?”


“มันอ่ะตาย”


“งั้นถ้าผู้หญิงตัวนุ่นนิ่มมาอ้อนก็น่าจะตายตั้งแต่ตอนเป็นเดือนมหาลัยดิ” ผมถามอย่างสงสัย


“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีอ่ะดิ พวกเด็กผู้หญิงบางคนน่ากลัวเกินไป รุมมันอย่างกับมันเป็นอปป้าเกาหลี ทำตัวเป็นแฟนคลับมากจนมันระแวง ไปไหนก็มีแต่คนมาขอถ่ายรูป แอบหาเบอร์โทรมาหามันเหมือนโรคจิต มือถือแม่งสั่นเป็นเจ้าเข้าทั้งวันทั้งคืนอ่ะ ไอ้ดินมันเลยตัดสินใจปล่อยตัวซกมกตั้งแต่นั่นเป็นต้นมาเลย มันไม่อยากให้คนสนใจ”


“งั้นพวกผมคงไม่สามารถเปลี่ยนพี่มันได้แน่” ผมบ่นงึมงำ


“เฮ้ยไม่แน่นะ ถ้าเป็นฟ้า พี่ว่าไอ้ดินอาจจะเปลี่ยนตัวเอง” พี่เมืองหันมามองผมด้วยสายตาที่มีประกายวิบวับ


“เออ กูก็ว่าไม่แน่” พี่ภูก็มองผมด้วยแววตาประหลาด


“บ้า ผมไม่มีทางทำได้หรอก เดี๋ยวหาคนใหม่ละกัน” ผมมองไอ้สิงห์ มันพยักหน้าเป็นคำตอบ


“เฮ้ย ถ้าพวกมึงอยากได้คะแนนเยอะ แบบท่วมท้น ถ้าได้ไอ้ดินไปพวกมึงสบาย”


“น่าจะยากวะพี่ ผมว่าพี่ดินแม่งเป็นคนเข้าหายากวะ” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมา ก่อนมันจะช่วยพี่เขาเห็บจานชามที่กินเสร็จแล้วไปล้างให้


“ถ้าได้รู้จักมัน มึงจะรู้ว่าไอ้ห่าดินมันเป็นคนเด๋อๆ กากๆ ไม่งั้นพวกกูไม่คบกับมันมานานขนาดนี้หรอก”


“แต่ดูนิสัยพี่เขาน่าจะโหด”


“ไม่โหด ก็นิสัยตามประสาผู้ชายธรรมดา จริงๆ อยากให้ลองไปอ้อนไปคุยกับมันก่อน แล้วถ้าไม่ไหวจริงๆพี่แนะนำเดือนปีสี่ให้ก็ได้ แต่รายนั้นโหดกว่าไอ้ดินเยอะ แถมป่านนี้คงไปฝึกงานที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะมั้ง”


  “ทำไม พี่ดูสนับสนุนให้พวกผมเปลี่ยนพี่ดินแท้วะ น่าแปลกนะเนี่ย” ผมมองหน้าพวกพี่อย่างสงสัย


“พี่เบื่อลุคมันในตอนนี้ชิบหาย ไปไหนคนก็กลัว ม่อใครไม่ติดเพราะมันเนี่ยแหละ นี่ถ้ามันใส่ชุดสีขาวทั้งตัวพี่คิดว่าพี่มีเพื่อนเป็นหมอผี” พี่เมืองบ่นออกมา


“จริง กูก็เบื่อ กูบอกให้ไปตัดผมตั้งแต่ปีสอง ดูมันยังไม่ตัดเลย ปล่อยยาวม้วนแล้วม้วนอีก พอถามว่าทำไมไม่ตัด มันพูดว่าอะไรรู้ไหม มันบอกจะไว้ยาว แล้วบริจาคให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง จิตใจดีไปอีกเพื่อนกู” พี่ภูบ่น คราวนี้เล่นเอาพี่เมืองเปิดปากบ่นด้วยอีกคน พวกพี่เขาเหมือนดูอัดอั้นกันมานานยังไงยังงั้น


“หนวดอีก ไว้ยาวไปไหน ถ้าใส่ชุดแดงด้วย ซานต้าคอสเรียกพี่”


“พี่ก็เว่อร์กันไป ผมเห็นพี่ดินก็ไว้หนวดไม่ยาวขนาดนั้นสักหน่อย” ไอ้เต๋าที่เดินออกมาจากซิงค์ล้างจานข้างบ้าน กลับเข้ามาคุยในวงสนทนาหน้าบ้านต่อ


“โธ่ แต่มันก็ยาวสำหรับกูละกันไอ้เต๋า ถ้ามันม้วนหนวดมันได้ นายจันทร์หนวดเขี้ยวเรียกพี่แน่”


“พวกพี่ว่าแต่เพื่อน พวกพี่ก็น่าจะโกนหนวดโกนเคราด้วยเหมือนกันนะ” ผมหันไปมองพี่คณะเกษตรทั้งสอง คือพวกพี่มึงว่าแต่เขา พวกพี่มึงก็ไม่ต่างกับไอ้พี่ดินเลย


“โอเค งั้นเย็นนี้พวกพี่จะโกน รอดูลุคใหม่ได้เลย” พี่เมืองพูดขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้ากับพี่ภูที่นั่งอยู่ข้างๆ


“ผมว่ามันควรจะทำตั้งนานแล้วนะ”


“ก็พอไว้ช่วงแรกๆมันเท่ห์ดี ไว้ไปไว้มาก็เลยขี้เกียจโกน แต่พวกพี่จะทำตามคำขอของคนน่ารักอย่างฟ้าละกัน” ไอ้พี่เมืองหยอดผมอีกแล้วครับ บ้านมันขายขนมครกรึไง หยอดผมเก่งจริงๆ


“ผมไม่ได้ขอสักหน่อย”


“เอาเถอะ โกนหนวดเผื่อคนน่ารักแถวนี้จะมาฝากท้องที่บ้านทุกวัน” คราวนี้ไอ้พี่ภูพูดขึ้นมาบ้าง


“งั้นพวกพี่ไปเรียนก่อนนะเว้ย อยากจะอยู่เล่นที่นี้ก็ได้ ตอนเย็นเจอกัน”


“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวบ่ายๆพวกผมก็ต้องไปเรียน” สิงห์ตอบกลับ พวกเราสามคนเอ่ยขอบคุณพวกพี่คณะเกษตร ก่อนจะเดินกลับบ้าน ใครว่าเด็กเกษตรเถื่อน ผมว่าพวกพี่เขาดูออกจะใจดี ถึงจะชอบทำตัวแปลกๆก็เถอะ









    ในช่วงเย็น หลังจากที่ผมเรียนเสร็จ พวกผมก็ชวนเพื่อนซี้ในสาขาอย่างไอ้หมีกับไอ้แมนมากินเหล้าที่บ้านเช่า ระหว่างที่ผมเดินกลับมาจากการไปซื้อของกับไอ้หมี ผมก็เจอคนแปลกหน้าสองคนยืนอยู่หน้าบ้านพวกพี่เกษตร พวกเขายิ้มให้ผมด้วย ผมเลยยิ้มกลับตามมารยาท ถึงจะหล่อแต่อย่ามาม่อกูด้วยสายตาแบบ... เอ๊ะ คุ้นๆ


 “จำพวกพี่ไม่ได้รึไง ฟ้า”


“พี่เมือง!?”


“เออ พี่เอง”


“แล้วนี่อย่าบอกนะว่าพี่ภู” ผมเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคนด้วยสายตาตกตะลึง เชี่ยพอโกนหนวดโกนเคราตัดผมนิดตัดผมหน่อย พวกพี่แม่งก็หล่อขึ้นเยอะเลย


“อย่าอึ้งในความหล่อของพี่ครับ เดี๋ยวจะตกหลุมรักพี่โดยไม่รู้ตัว” พี่เมืองยังคงคอนเซปหยอดผมได้ทุกทีทุกเวลา ก่อนจะโดนเพื่อนที่เดินกลับมาใหม่อย่างพี่ดิน ยกเท้าถีบแบบไม่ทันตั้งตัว


“ ไอ้ห่าดิน ถ้ากูล้มกูกระทืบมึงซ้ำแน่ แล้วนี่เดินกลับมาทำไม รถมอไซต์มึงอ่ะ”


“ยางแบน”


“มึงเดินกลับมาเหรอ”


“เออ”


“ทำไมไม่นั่งวินวะ ไกลจะตาย” พี่ภูถามเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วง


“ก็จะนั่งแต่แม่ง ไม่รับกูเลยสักคัน”


“งั้นก็โทรหากูดิ”


“ลืมเอาโทรศัพท์ไป”


“สมน้ำหน้ามึงจริง กูบอกให้ตัดผมตัดเผ้าจะได้ดูเป็นผู้เป็นคนมึงก็ไม่เชื่อกู ทำตัวซกมกจนทั้งวินทั้งยามกลัวมึงอ่ะ ถูกยึดบัตรนักศึกษาไปกี่ครั้งแล้ว ยังไม่เข็ดอีก”


“ถูกยึดบัตร?”  ผมหันไปมองพี่ดินที่ยืนอยู่ข้างๆพี่เมืองอย่างไม่เชื่อ


“มันทำตัวเหมือนโจร ยามเลยเรียกมันมาค้นร่างกายบ่อยๆ แล้วก็ยึดบัตรไว้ก่อน ขาออกจากมหาลัยค่อยมาเอาคืน” พี่ภูอธิบายให้ผมฟัง


“มองกูทำไมไอ้เตี้ย เดี๋ยวกูเตะคว่ำ” พี่ดินหันมามองผมด้วยสายตากวนตีน ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด


“มนุษย์ผู้นี้เหรอ ที่พี่จะให้ผมอ้อน โห่ให้ตายผมก็ไม่อ้อนหรอก ถ้าอ้อนคงได้ตีนกลับมาแน่” พูดจบ ผมก็ขอตัวไอ้พี่เถื่อนสองคนกลับบ้าน แต่ก็ไม่ลืมชวนพวกมันมากินเหล้าด้วยกันเพราะอยากตอบแทนที่ทำกับข้าวให้กินอยู่บ่อยๆ แต่พวกพี่มันก็ปฏิเสธ บอกว่าวันนี้ที่คณะมีประชุมตอนกลางคืน











พวกผมกินเหล้ากันถึงเที่ยงคืน วันนี้ผมดื่มไม่เยอะเท่าไร เพราะรู้สึกท้องไม่ค่อยดี ผมปล่อยให้พวกมันนั่งกกเหล้ากันอยู่หน้าบ้าน ส่วนตัวเองก็ขอมานั่งเล่น อยู่ตรงระเบียงข้างห้องนอนของตัวเอง ไม่ได้ทำตัวติสถ์นะครับ ว่าจะนอนแล้ว แต่เห็นอากาศดีเลยมายืนเล่นสักแปบหนึ่ง ผมมองไปตรงห้องฝั่งตรงข้ามของบ้านพวกเด็กเกษตร ไฟในห้องยังไม่ดับ ผมได้แต่สงสัยว่านี่มันห้องใครกันนะ พี่เมือง พี่ภู หรือไอ้โหดพี่ดิน


ผมมองสอดส่องก่อนที่ม่านในห้องมันจะเปิดออก ผมเผอิญสบตากับเจ้าของห้อง ไอ้พี่ดินมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะเปิดประตูออกมายืนที่ระเบียงเหมือนผม


“ไงพี่ ยังไม่นอนอีกเหรอ” ผมทำใจกล้า เอ่ยทักพี่ดินที่เดินออกมาตรงระเบียง


“เออ หลับไม่ลง เพื่อนมึงเสียงดัง” ผมละอยากจะแหมให้ทะลุไปถึงดาวอังคาร ที่พวกมึงตีดาบตีอาวุธเสียงดังลั่นซอยกูยังไม่บ่นสักคำเลย


“ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย นานๆมันจะได้ปลดปล่อยสักที”


“แล้วมึงไม่ไปแดกกับเพื่อนมึงอ่ะ” ไอ้พี่ดินถามผมกลับมา มันยังคงมองผมด้วยสายตาที่เดาไม่ออก


“ไม่อ่ะ วันนี้ผมท้องไส้ไม่ดี ไม่อยากกิน”


“เหรอ”


“พี่ดูดบุหรี่ด้วย” ผมถามเมื่อเห็นพี่ดินเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ


“แปลกเหรอ”


“ไม่แปลก แต่พอพี่ดูด พี่แม่งดูน่ากลัวขึ้นอีกหนึ่งสเต๊ป”


“เหมือนคนเล่นของ” พวกเราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะหัวเราะขึ้นมาเบาๆ


“ถ้าอยู่ใกล้ๆ กูได้เตะมึงแน่”


“พี่ก็พูดว่าพี่เหมือนคนเล่นของ แล้วทำไมพี่ไม่ตัดผมอ่ะ เปลี่ยนลุคเหมือนพวกพี่เมืองกับพี่ภู”


“ก็คิดอยู่ว่าอาจจะตัด”


“เอาดิ ตัดเลยผมว่าพี่ต้องหล่อมากแน่ๆ”


“กูรู้ตัวว่าหล่อ ไม่ต้องชม”


“ไม่ได้ชม แต่สภาพตอนนี้มองยังไงก็ไม่เห็นจะหล่อเลย”


“หล่อไปก็เท่านั้น หล่อแดกไม่ได้”


“รู้ว่าหล่อแดกไม่ได้แต่ก็น่าจะเปลี่ยนลุคให้เพื่อนตกใจมั้ง”


“เพื่อนกูเคยเห็นตอนกูไม่ได้ไว้หนวดแล้ว มันไม่ตกใจหรอก”


“เห๊อะ พูดกับพี่แล้วเหนื่อยวะ”


“งั้นก็ไปนอนป่ะ คุยกับมึงกูก็เหนื่อยเหมือนกัน”


“เดี๋ยวก่อนดิ ผมมีอะไรอยากถามพี่วะ พอดีผมต้องทำงานเกี่ยวกับคณะพี่ ทำไมพี่ถึงเรียนคณะเกษตรอ่ะ”


“ก็กูชอบ”


“แล้วเรียนเกษตรจบมาแล้วเป็นอะไรอ่ะ”


“เป็นหมอมั้ง”


“พี่กวนตีนวะ”


“มึงก็ถามกวนตีน จบเกษตรก็ต้องทำงานเกี่ยวกับเกษตรดิ มันทำได้ทั้งงานรัฐงานเอกชน หรือธุรกิจส่วนตัว ทำนา ทำสวนทำไร ทำงานกับรัฐก็ได้ อย่างกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมป่าไม้ พวกกูทำได้หมดแหละ จบเกษตรไม่จำเป็นต้องเป็นเกษตรกรเสมอไปจำไว้ แต่ที่กูมาเรียนเพราะกูก็รักในงานเกษตร”


“ดูเหมือนพี่รักคณะนี้มากนะ”


“เออ กูรักคณะนี้ คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามคณะเกษตรเพราะคิดว่าเหนื่อย เรียนไปก็ได้เงินน้อย ไม่มีเกียรติ  แต่พวกนั้นคงลืมนึกไปว่าสิ่งดำรงชีวิตรอบๆตัว ล้วนเกี่ยวข้องกับการเกษตรทั้งนั้น ทุกวันนี้ อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ปัจจัยพื้นฐานต่างๆมันก็เริ่มมาจากงานเกษตรทั้งนั้นแหละ”


“ความคิดพี่เจ๋งวะ”


“กูไม่ได้คิดว่ากูเจ๋ง แต่กูรู้คนที่ถามกูด้วยคำถามนี้ มักดูถูกคณะกูแน่ๆ” พี่ดินปรายตามองผมแบบดุๆ


“เฮ้ย ผมไม่ได้ดูถูกนะ ผมชอบที่พี่ตอบด้วยซ้ำ”


“งั้นเหรอ” ไอ้พี่ดินมองหน้าผม ก่อนจะบี้ปลายบุหรี่ลงกับถาดเล็กที่วางอยู่บนระเบียง


“สูบบุหรี่เก่งจัง” ผมเท้าคางมองพี่มัน ก่อนจะพูดอีกประโยคออกไปที่ทำให้อีกฝ่ายมองผมด้วยสายตาแปลกๆ“แต่ถ้าไม่สูบ คงจะเท่ห์ขึ้นอีกเยอะ”


“พูดแบบนี้ ห่วงสุขภาพปอดกูเหรอ”


“เปล่า.. ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นมันเท่าไร”


“เหรอ”


“ครับ มันเหม็น”


“แต่ก็ทนเหม็นชวนกูคุยจนบุหรี่แม่งหมดม้วน”


“เออ พี่เมืองกับพี่ภูบอกว่า พี่หล่อมาก”


“แล้ว?” ไอ้พี่ดินมองผมด้วยความสงสัย


“ผมอยากเห็นตอนหล่อ”


“กูชอบอยู่ของกูแบบนี้”


“ทำไมอ่ะ ผมว่าถ้าพี่หล่อสาวต้องเข้ามาเยอะแน่ๆเลย”


“กูไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้น วุ่นวายกูไม่ชอบ”


“พวกรักสงบสินะ”


“...”


“ลองเปลี่ยนหน่อยดิ”


“ถ้าเปลี่ยนแล้วกูจะได้อะไรเหรอ ได้ความวุ่นวาย ความปวดหัว รึอะไร”


“งั้นถ้าพี่เปลี่ยนผมจะกันความวุ่นวายให้พี่ ผมจะทำตัวเป็นไม้กันหมาจากสาวๆให้ สาวคนไหนชอบพี่ ผมจะทำให้พวกเธอมาชอบผมให้หมด” พี่ดินหัวเราะผม พอพี่เขายิ้มมันก็ดูไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ออกจะน่ามองด้วยซ้ำ ขนาดอยู่ในลุคพ่อหมอเล่นของนะเนี่ย


“ตลกละมึงอ่ะ”


“เฮ้ยผมพูดจริง ผมอยากเห็นพี่ตอนหล่อจังเลย เผื่ออาจจะใจเต้นกับพี่ก็ได้”


“มึงชอบผู้ชาย?”


“เปล่า แค่ได้ยินมาว่าพี่หล่อขนาดทำให้ผู้ชายใจเต้น ผมก็แค่อยากพิสูจน์”


“มึงนิมัน” พี่ดินส่ายหัวอย่างระอา


“ผมมันวัยรุ่นอยากรู้อยากลอง”


“วัยรุ่นแบบนี้น่าเตะ แต่กูจะลองพิจารณาละกัน ถ้ามึงอยากทำหน้าที่ไม้กันหมาให้กู”


“ครับ ฝากให้พี่พิจารณาด้วยละกัน”


“ฮึ” พี่ดินส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินหันหลังกลับห้องไป แต่ก่อนที่มันจะปิดประตูห้อง มันหันมาพูดกับผมว่า






“ถ้ากูเปลี่ยนตัวเองแล้วทำมึงใจเต้น กูขอไม่รับผิดชอบหัวใจมึงนะ” ก่อนปิด พี่มันยิ้มมาให้ผมและนั่นก็ทำเอาหัวใจของผมกระตุกไปชั่วครู่




เชี่ยแล้วไง!


.............tbc........................



ฝากติดตามด้วยนะคะ
นักเขียนไม่มีเพจ มือใหม่แบบสุดๆ แนะนำติชมได้คะ  :-[
หัวข้อ: Re: ★--- ความรักของพสุธากับเวหา ---★ ตอนที่ 2 [04/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 04-11-2017 13:47:50
ติดตามจ้ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 2 [04/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 06-11-2017 00:42:15
ขอให้อิพี่ดินหลงน้องแบบโงหัวไม่ขึ้นไปเล้ยยย
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 2 [04/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 08-11-2017 08:39:10
ชอบมากเลยค่ะ มาต่ออีกนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [04/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 08-11-2017 19:39:26
ตอนที่ 3




หลังจากคืนนั้น คืนที่ผมบอกให้พี่ดินมันลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดู ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นไอ้พี่ดินมันจะเปลี่ยนแปลงจากหมอผีไปเป็นผู้เป็นคนสักที พี่มันยังคงอยู่ในมาดคนเล่นของไม่มีเปลี่ยน ทุกวันนี้พอผมกลับจากมหาลัยแล้วเผอิญเจอไอ้พี่ดินที่ไร อีกฝ่ายก็เอาแต่มองผมด้วยท่าทางและสีหน้าวอนโดนตีนเหมือนเดิม


“ไอ้ฟ้า ไหนมึงว่ามึงลองคุยกับไอ้พี่ดินมันแล้วไง กูไม่เห็นมันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย” ไอ้สิงห์หันมาถามผมที่กำลังกินข้าวเช้าอยู่ในห้องครัว


“กูคุยแล้ว แต่คงไม่ได้ผลวะ”


“มึงอ้อนน้อยไปล่ะสิ” ไอ้เต๋าเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา เมื่อคืนเพื่อนรักคนนี้ของผมมันออกไปแดกเหล้ากับพวกพี่วิศวะข้างบ้าน เห็นว่าเพิ่งกลับมาตอนตีสาม วันนี้มีเรียนเช้ามันเลยต้องพากายหยาบที่ดูเหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรง แถมยังเมาค้างไปเรียนกับพวกผม คือเห็นสภาพสะลืมสะลือของมันตอนนี้ ผมควรจะสงสารมันดีไหมวะ


“กูอ้อนมากกว่านี้คงได้กินตีนพี่มันอ่ะ กูก็ลองคุยดีๆ แล้ว ไม่เห็นว่ามันจะสนใจอะไรกูเลย ออกจะกวนกูกลับด้วยสิ”


“แปลว่ามึงไม่ใช่สเป๊คพี่มัน”


“ไม่ใช่อ่ะดีแล้ว กูอยากตรงสเป๊คพวกสาวๆบ้าง ไม่ใช่มีแต่ตัวผู้”


เพื่อนผมสองคนมันหัวเราะผม ก่อนที่ไอ้เต๋ามันจะเดินมานั่งข้างๆ แล้วมองผมด้วยสายตาเหมือนอยากจะสารภาพผิดอะไรบางอย่าง


“อะไรของมึงไอ้เต๋า”


“กูมีเรื่องสารภาพวะ”


“ทำอะไรผิดต่อกูอีกอ่ะ เอาเบอร์กูไปแลกกับอะไรอีก” ผมวางช้อนลง พร้อมหันมามองมันอย่างจับผิด


“กูให้เบอร์มึงกับพี่...”


“พี่อะไร”ผมคาดคั้นจะเอาคำตอบจากไอ้เพื่อนร่างยักษ์


“พี่ลม”


“เจริญนะเพื่อนกู ถึงว่าเมื่อคืนมีคนโทรมาหากูตอนตีหนึ่งตั้งสองสามสาย”


“แล้วมึงได้รับไหม” ไอ้สิงห์ถามผม มันดูสนอกสนใจเหลือเกิน


“กูหลับ ไม่ได้ยินห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ นี่เพิ่งมาเห็นตอนเช้า”


“พี่มันอยากจีบมึง”


“เออ กูพอรู้อยู่ เพราะพี่มันออกตัวแรงจนกูกลัว”


“เขาขอเบอร์มึง แลกกลับเปลี่ยนล้อรถให้กู”


“เอาเบอร์กูไปแลกของแพงด้วยนะมึงเนี่ย”


“ขอบใจมึงนะ ที่เกิดมาน่ารัก กูเลยมีผลพลอยได้ไปด้วย” ไอ้เต๋าหันมาหยิกแก้มผมไปมา 


“ฆวย” ผมด่าพร้อมปัดมือมันออกจากหน้า แล้วหันมาสนใจข้าวเช้าตรงหน้าต่อ พวกมันก็เป็นแบบนี้กันทุกที ชอบเอาผมไปหาผลประโยชน์ แต่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมันมากหรอกนะ  เพราะหลังจากที่มันแจกเบอร์ผมให้ใครต่อใครไป ไอ้พวกนี้มันก็จะแอบปกป้องผมกันอยู่ดี มันเคยบอกว่ากูแสกนแล้ว พี่เขาดีกูก็ให้เขา จริงรึเปล่าก็ไม่รู้!


กริ่ง! เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น  ทำเอาผมสามคนมองหน้ากัน ที่มองหน้ากันไม่ใช่เพราะอะไรนะครับ พวกเรากำลังเกี่ยงให้อีกฝ่ายไปเปิดต่างหาก


“มึงออกไปเปิดดิ ไอ้เต๋า” ผมหันไปใช้มัน แต่ทว่าไอ้เพื่อนเวรก็ทำเป็นนั่งนิ่ง บ่นปวดหัว พอบอกไอ้สิงห์ ไอ้สิงห์ก็เดินหนีเข้าห้องนอนมันไป


“ไอ้พวกขี้เกียจเอ๊ย กูไปเปิดเองก็ได้วะ” 





พอผมเปิดประตูหน้าบ้านออกไปเท่านั้นแหละ ผมก็เจอไอ้พี่ลมมันยืนยิ้มแฉ่งเห็นฟัน ให้ตายเถอะ รังสีความร่าเริงของพี่มันเยอะจนผมไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้เลยจริงๆ


“ว่าไงพี่ลม”


“พี่ซื้อข้าวเช้ามาให้ เห็นไอ้เต๋ามันบอกว่าฟ้าต้องกินข้าวทุกเช้าไม่งั้นจะปวดท้อง”


“ผมกำลังกินอยู่เลยพี่ ที่จริงไม่ต้องซื้อให้ก็ได้เกรงใจ”


“อย่าเกรงใจ แล้วนี่จะให้พี่ยืนหน้าประตูอีกนานไหม ขอเข้าบ้านหน่อยดิ”


“ผมลืม ขอโทษๆ” ผมเปิดประตูให้ไอ้พี่ลม วันนี้มันใส่เสื้อช๊อปสีเลือดหมู ผมเผ้าจัดทรงดูหล่อขึ้นผิดหูผิดตา นี่อีกฝ่ายคงกะจะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตผมเต็มที่แน่ๆ


“ขอเข้าไปในบ้านนะ พี่ซื้อมาเผื่อไอ้สองคนนั้นด้วย” พี่ลมถือวิสาสะเดินเข้าบ้านผม พอมันเห็นไอ้เต๋ามันก็ยกถุงข้าวโชว์ พร้อมเรียกไอ้เต๋าและไอ้สิงห์มากินข้าวด้วยกัน


“ฟ้ากินข้าวต้มเหรอ” พี่ลมสนใจชามข้าวของผมทันที ที่เดินมาถึงในครัว 


“ตอนเช้าผมอยากกินอะไรเบาๆอ่ะพี่”


“พอดีเลย พี่ก็ซื้ออะไรเบาๆมาเหมือนกัน” พี่ลมวางถุงกับข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหยิบจานชามมาเทกับข้าวออกให้ พี่มันทำเหมือนรู้จักบ้านผมดีจริงๆ ไม่นาน ไอ้เต๋า ไอ้สิงห์ก็เดินเข้ามาร่วมวงอาหารเช้าด้วยกัน


“เห้ย อร่อยวะพี่” ไอ้สิงห์ชมอาหารตรงหน้า


“ก็นี่ร้านประจำเด็กวิศวะ จะไม่ให้อร่อยได้ไงอ่ะ ฟ้าลองกินดิ” พูดจบไอ้พี่ลมมันก็ตักกับข้าวมาให้ผมลองชิม ผมยิ้มรับตามมารยาทก่อนจะลองกินกับข้าวที่อีกฝ่ายตักมาให้ มันอร่อยก็จริง แต่ความรู้สึกมันไม่เท่าบ้านพี่เมืองพี่ภูวะ ผมชอบเสียงกระทะเสียงตะหลิว ชอบกลิ่นหอมของอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ


“อร่อยไหม” พี่ลมถามผม


“อร่อยครับ”


“ดี วันหลังพี่จะได้ซื้อให้กินบ่อยๆ”


“ไม่ต้องก็ได้พี่ ผมเกรงใจ”


“อย่าเกรงใจ กับเราพี่ไม่อยากให้เกรงใจ”


“พี่ทำแบบนี้... อย่าบอกนะว่ากำลังจะจีบผม” ไอ้ผมก็เป็นคนปากหมา ชอบพูดตรงๆ เลยถามพี่มันออกไปโต่งๆแบบนี่แหละ


“อือ จีบ” พี่ลมตอบผมกลับมาด้วยท่าทางมั่นใจ คือมึงจะไม่ลังเลยสักนิดสักหน่อยเหรอวะ


“ฮึ” ผมหัวเราะออกมาในลำคอ ไม่ใช่หัวเราะดีใจนะ ผมหัวเราะให้กับชีวิตอันแสนเศร้าของตัวเองต่างหาก  ถูกผู้ชายจีบเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ววะเนี่ย อยากจิคราย


“จีบได้เปล่า”


“คือขอโทษนะพี่ ผมชอบผู้หญิงวะ”


“รู้! พี่ก็ชอบผู้หญิง แต่พอมาเจอฟ้า พี่ว่าเราน่าสนใจดีแถมน่ารักมากด้วย ลองคบกันไหมล่ะ”


“555 รุกเร็ววะพี่ ผมไม่ทันตั้งตัวเลย”


“กลัวมีคนแย่ง เลยต้องรีบ”


“โอ๊ย พี่ไม่ต้องกลัวหรอก มันโสดมาจะเป็นปีละ ไม่มีใครเอามันหรอกพี่” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมา ก่อนไอ้เพื่อนตัวดีจะถูกผมตบหัวไปที โทษฐานมึงทำตัวปากดีเกินไป


“ก็กูยังไม่เจอใครไหมล่ะ ถ้าเจอคนที่ชอบเดี๋ยวกูก็เลิกโสดเองหน่า”


“คนที่ฟ้าชอบคนนั้น น่าจะเป็นพี่”


“เอาอะไรมามั่นใจครับพี่ลม ผมอ่ะมีภูมิต้านทานต่อเพศเดียวกันสูง ถูกจีบมาบ่อยไม่มีทางใจเต้นกับเพศเดียวกันหรอก ถ้าสาวๆก็ไม่แน่”


“ก็ต้องลองอ่ะ พี่ก็ว่าพี่มีดีอยู่เหมือนกัน”


“พอๆ รีบกินข้าวเถอะพี่ ตอนเช้าผมมีเรียน” ผมหยุดต่อล้อต่อเถียงกับไอ้พี่ลม เพราะยิ่งเถียงมัน ผมยิ่งแพ้ ไอ้พี่ลมมันเจ้าคารมครับ คุยง่ายคุยสนุก ถ้าผมเป็นสาวๆก็คงจะติดกับมัน


“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”


“ผมไปกับไอ้เต๋า”


“เดี๋ยววันนี้พี่อาสาไปส่งเอง”


“ไม่เอาอ่ะ ผมไม่อยากเป็นจุดเด่นในมหาลัย เดี๋ยวผมเอารถยนต์ผมไปก็ได้” ผมมีรถครับ ป๊าม๊าเขาซื้อมาให้ใช้ แต่ผมไม่เคยได้ใช้เลย ก็คณะมันอยู่ไม่ไกลขี่แปบเดียวก็ถึง สู้นั่งซ้อนท้ายเพื่อนไปดีกว่า ช่วยมันออกค่าน้ำมันบ้างอะไรบ้าง


“พี่บอกว่าจะไปส่งก็คือไปส่ง อย่าดื้อดิ ถ้าเราดื้อพี่จะตามเราไปเรียนที่ห้องด้วยเลย”


“พี่กำลังทำผมอึดอัด”


“พี่มันพวกชอบตื้อ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก”


“พี่ไปตื้อสาวไป”


“สาวไม่ต้องตื้อ ไม่ต้องตามจีบ เพราะเข้ามาเองตลอด”


“เกลียดความมั่นหน้าวะ”


“555 พอดีรู้ว่าตัวเองก็หล่ออยู่ในระดับหนึ่ง” พี่มันยิ้ม ผมไม่เถียงครับเรื่องที่พี่มันหล่อ เพราะมันหล่อจริงๆ แต่เรื่องที่ผมกังวลก็คือ ถ้าวันนี้ผมให้พี่มันไปส่งผมที่คณะล่ะก็ จะต้องมีข่าวเม้าส์ของผมกับไอ้พี่ลมมันแน่ๆ อุตสาห์ปฏิเสธผู้ชายมาได้ตลอดชีวิต จะมาตกมาตายเพราะไอ้พี่ลมเหรอ ไม่มีทางอ่ะ


ระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ ผมก็หาทางปฏิเสธไอ้พี่ลมมัน พอคิดไม่ออกเลยมองให้เพื่อนช่วย แต่มันสองคนก็เอาแต่หลบสายตาผม เออ มึงมันไม่เคยช่วยกูเลย มีแต่เอากูถวายใส่พานให้คนอื่น! 


เพียงไม่นานพวกเราก็กินข้าวเช้าเสร็จ ไอ้เต๋ามันขอตัวไปนอนต่ออีกสักสิบนาทีแล้วถึงจะตามไปมหาลัย ส่วนไอ้สิงห์มันขี่รถออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เห็นว่าจะไปรับแฟนที่หอ และสุดท้ายผมก็ยังหาทางปฏิเสธพี่มันไม่ได้อยู่ดี เลยได้แต่กระวนกระวายใจจนทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นไอ้พี่ลมมันเดินไปจูงรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ของมันออกมา แล้วยื่นหมวกกันน๊อคมาทางผม ผมก็รู้เลยว่าวันนี้ผมคงต้องตกเป็นขี้ปากชาวคณะอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วแน่ๆ แต่พอกำลังจะไปหยิบหมวกพี่มันมาใส่ สายตาผมก็ดันหันไปเห็นไอ้พี่ดินจูงรถยามาฮ่าคันเก่าออกมาหน้าบ้านพอดิบพอดี


“พี่ดิน เมื่อวานบอกว่าจะไปส่งผมไม่ใช่เหรอ” ผมรีบคืนหมวกกันน๊อคให้พี่ลม ก่อนจะวิ่งไปหาไอ้พี่ดิน คือผมพูดเองเออเองจนคนฟังอย่างพี่ดินมันหันมาขมวดคิ้ว


“อะไรของมึงเนี่ย”


“พี่ลม พอดีเมื่อคืนพี่ดินมันสัญญาว่าจะไปส่งผม วันนี้ผมไปกับพี่ดินนะ ไม่อยากกวนพี่วะ” ผมไม่ตอบพี่ดิน แต่หันไปพูดกับพี่ลมแทน


“เดี๋ยวๆ ไอ้แสบ! ไอ้แสบฟ้า นี่เราเล่นกับพี่แบบนี้ใช่ไหม” พี่ลมจะเดินมาหา แต่ผมก็รีบเร่งให้พี่ดินมันสตาร์ทรถ แล้วผมก็กระโดดซ้อนท้ายมันไปเลย ผมหันไปยกมือขอโทษ คือรู้สึกผิดนะ แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากเป็นประเด็นวะ


ขับรถออกมาได้สักพัก ไอ้พี่ดินมันก็ค่อยๆลดความเร็วรถมอเตอร์ไซต์ยามาฮ่าคันเก่าของมัน


“มึงหนีไอ้ลมทำไม”


“ก็พี่ลมจะไปส่งผมที่คณะอ่ะ”


“ก็ดีนี่ ทำไมไม่ให้มันไปส่งอ่ะ”


“ผมอึดอัด ผมไม่ชอบ ถ้าพี่ลมไปส่งนะ วันนี้พวกเพื่อนผมมันต้องเอาผมไปเม้าท์กันกระจายแน่ๆ”


“ทำไมเพื่อนมันต้องพูดถึงมึงด้วยละ”


“ก็ต้องเม้าส์ดิ ร้อยวันพันปีไม่เคยซ้อนท้ายใครนอกจากไอ้สิงห์กับไอ้เต๋า แล้ววันหนึ่งมานั่งซ้อนท้ายพี่ลม คนในคณะต้องคิดว่าพี่มันจีบผม ไม่ก็เป็นแฟนผมแล้วแน่ๆ”


“อ้าว แล้วมึงซ้อนท้ายกู คนในคณะจะไม่เม้าส์มึงเหรอ”


“เว้นพี่ไว้หนึ่งคน”


“ทำไม.... อ๋อสภาพกูมันเหมือนคนเล่นของสินะ”


“อือ”


“เดี๋ยวกูถีบตกรถ”


“ผมรู้พี่ใจดี พี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก”


“ฮึ!”


“พี่ดิน”


“อะไร”


“พี่มีวิธีให้พี่ลมมันเลิกตอแย เลิกจีบผมไหมพี่”


“มันจีบมึงเหรอ”


“อือ เมื่อเช้าพี่มันบอกว่าจะจีบผม”


 “ไหนว่าไม่ชอบผู้ชาย ทำไมให้มันจีบ”


“ก็ไม่ชอบ แต่พี่มันมาจีบผมเอง”


“ระวังตกหลุมรักเดือนวิศวะ”


“หืม พี่ลมมันเป็นเดือนเหรอ”


“เอออ่ะดิ! นิมึงไม่รู้เหรอ”


“ใครจะไปรู้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ พี่มันก็หล่ออยู่”


“มึงนิมันถูกชะตากับพวกคนหล่อๆเนอะ”


“ผมคงทำเวรทำกรรมมาเยอะมั้งพี่ เคยจีบสาวนะ แต่คบได้แป๊บเดี๋ยวก็ถูกบอกเลิก”


“ทำไมอ่ะ”


“สาวเขาบอกว่าผมน่ารักเกินไป เดินไปไหนด้วยมีแต่คนมองผม ผมไม่เข้าใจเลยว่าผมมันน่ารักตรงไหน ออกจะหล่อด้วยซ้ำ” ผมพูดอย่างออกรสออกชาติ ก่อนจะเห็นไอ้พี่ดินมันแอบอมยิ้มผ่านทางกระจกรถด้านข้างของมัน


“ชีวิตมึงน่าสงสารเนอะ”


“เออ ทุกวันนี้เลยหาแม่ของลูกไม่ได้สักที พี่มีสาวสวยๆแนะนำผมไหม”


“สภาพกูตอนนี้ จะไปหาสาวสวยๆ แนะนำให้มึงได้ยังไงวะ”


“งั้นก็รีบเปลี่ยนตัวเองสิ”


“ไม่เอา”


“เสียดาย”


“เสียดายอะไรของมึง”


“ก็มีแต่คนบอกว่าพี่แม่งโคตรหล่อเลย ผมละอยากเห็นจริงๆ”


“หล่อกินไม่ได้วะ”


“ถึงกินไม่ได้ แต่เป็นอาหารสายตาได้นะ”


“....”


“พี่รู้ไหม ถ้าชาตินี้ชีวิตผมมันจะหาแฟนสาวๆสวยๆไม่ได้ ผมก็อยากจะมีแฟนที่โคตรหล่ออยู่เหมือนกัน”


“พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร”


“ก็กำลังสมถุยชีวิตตัวเองไง แบบหาสาวสวยไม่ได้ ก็ควงหนุ่มหล่อให้คนอิจฉาเล่นแม่งเลยอะไรแบบนี้”


“เหมือนยอมรับในชะตาชีวิตได้แล้ว นี่มึงชอบผู้ชายจริงๆเหรอเนี่ย”


“ก็แค่สมมติ... ผมยังไม่ชอบเพศผู้หรอก ยังไงก็ต้องพยายามหาสาวๆมาเป็นแม่ของลูกให้ได้! แต่ถ้าหาไม่ได้ค่อยคิดอีกที”


“ไอ้ลมควรเป็นหนึ่งในตัวเลือกของมึงนะ”


“ฮึ พี่ลมก็หล่อดี แต่ถ้าเจอคนหล่อกว่าพี่ลม ผมอาจจะพิจารณา...อย่างพี่เป็นต้น” ตอนนี้ผมยังพยายามพูด พยายามเกลี่ยกล่อมให้พี่มันเปลี่ยนตัวเอง คือผมยังหวังคะแนนจากการทำสื่อโฆษณาของคณะเกษตรอยู่ และคนที่จะทำให้ผมได้คะแนนเยอะๆ ก็คงจะเป็นไอ้พี่ดิน  และผมหวังว่ามันจะหล่อระเบิดอย่างที่พี่เมืองพี่ภูพูดนะ


“มันใจเหลือเกินนะว่ากูหล่อ”


“ก็เพื่อนพี่โม้กับผมไว้เยอะมากกกกก”


“แต่พวกมันบอกกูว่า มึงอยากให้กูเปลี่ยนเพราะมึงอยากได้กูไปเป็นพรีเซนเตอร์ในการทำงานโฆษณาของมึง อย่ามาพูดโกหกให้กูเปลี่ยนตัวเอง”


“งื่อ.... รู้ด้วย”


“แต่ถ้ากูจะเปลี่ยนจริงๆ”


“หืม?”


“มึงอย่าลืมมาเป็นไม้กันหมาให้กูล่ะกัน”


“ครับ ผมจะกันสาวๆทุกคนให้พี่ แล้วจะจับมาเป็นของผมให้หมดเลย รีบๆเปลี่ยนสักทีเถอะน้า อยากเห็นคนหล่อจะแย่อยู่แล้ว”
พูดจบรถมอไซต์ยามาฮ่ารุ่นเก่าของไอ้พี่ดินมันก็จอดที่หน้าคณะนิเทศของผมพอดี ผมขอบคุณพี่มัน ก่อนจะยิ้มหวานให้มัน คือตอนนี้ผมงัดเอาความนุ่มนิ่ม งัดเอาอ้อยทั้งไร่มาถวายให้พี่มันเลยอ่ะ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ สายตานิ่งๆ พร้อมลมหายใจที่ถอนออกมาเฮือกใหญ่


“กวนตีน” ผมด่ามันเบาๆ


“ว่ากูเหรอ”


“เปล่า!!!!”


“โกหกเสียงสูงเชียว”


 “พี่ไปเถอะ ขอบคุณมาก ขับรถดีๆนะ บายๆ” ผมยกมือขึ้นโบกไปมา พร้อมยิ้มตาหยีให้พี่มัน แต่พี่มันก็ทำเป็นไม่สนใจผม มันบิดรถออกไปเลย



“ไอ้ฟ้า มึงมากับใครอ่ะ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าตึกตะโกนถามผม ผมเลยเดินเข้าไปนั่งกับพวกมัน แล้วหยิบขนมที่มันส่งให้ขึ้นมากิน


“อ๋อพี่ข้างบ้าน”


“โห่ กูนึกว่าหมอผี น่ากลัววะ”


“เหมือนหมอผีเนอะ” ผมหัวเราะกับตัวเอง


“แล้วมึงก็กล้าซ้อนท้ายพี่มันมา”


“ก็พี่ข้างบ้านกู มันไม่มีอะไรหรอก เลิกพูดเลิกแดก แล้วขึ้นไปเรียนกันได้แล้ว” ผมชวนพวกสาวๆขึ้นไปเรียนพร้อมกัน วันนี้ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่คุยกับไอ้ห่าเต๋า ไอ้เวรสิงห์แน่ โทษฐานไม่ช่วยเหลือเพื่อนอย่างผม ปล่อยให้โดนไอ้พี่ลมเต๊าะอยู่ได้


(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [04/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 08-11-2017 19:55:10
ตั้งแต่พี่ลมมันบอกว่าจะจีบผม มันก็ใช้ทฤษฎีตื้อเท่านั้นที่ครองโลกกับผมเลยครับ ทั้งโทร ทั้งมารับ จนในที่สุดผมก็กลายเป็นประเด็นในคณะจนได้ มีแต่คนเข้ามาถามผมว่าเดือนวิศวะปีสามเข้ามาจีบผมใช่ไหม ผมก็ได้แต่ตอบปฏิเสธออกไป แต่ไม่วายทุกคนก็เอาผมไปเม้าส์อยู่ดี ก็เพราะพฤติกรรมของไอ้พี่ลมที่มันแสดงออกกับผม มันชัดเจนเกินไปไงล่ะ ชีวิตช่วงนี้ของผมเลยดูจะยุ่งวุ่นวายแบบไม่หยุด ผมเลยค่อยๆตัดปัญหา ถ้าตอนเช้าพี่ลมมันบอกว่าจะมาส่ง ผมก็จะขอติดรถพี่ดินมันออกมาก่อน 


พออาศัยไอ้พี่ดินมันเกือบทุกวันเข้า ประเด็นที่ถูกหนุ่มหล่อวิศวะตามจีบแม่งก็ค่อยๆหายไป ตอนนี้พวกมันดันคิดว่าผมกำลังโดนของ โดนทำยาเสน่ห์อยู่ ถึงขนาดเอาสายสิญจน์มาผูกข้อไม้ข้อมือ ไม่ก็เอาน้ำมนต์วัดดังมาพรมให้ผมกันยกใหญ่  ยิ่งไอ้พวกสาวๆในสาขายิ่งบ้ากันเข้าไป มันให้ผมแอบไปถามไอ้พี่ดินว่า พี่มันใช้ยาเสน่ห์ของหมอผีที่ไหน พวกมันจะฝากซื้อ!

 
“นี่มันปี 2017 นะเว้ย พวกมึงควรเลิกงมงายกันได้แล้วนะ” ผมพูดกับพวกเพื่อนในสาขาที่กำลังยืนมุงผมอยู่


“ก็จะไม่ให้งมงายได้ไง พี่ลมเดือนวิศวะมาจีบมึง มึงไม่เอา! แต่มึงไปคว้าไอ้พี่หนวดหน้าโจรแทน” ไอ้ฝนสาวหาวของคณะผมพูดขึ้นมา


“ฟังดีๆนะ กูกับพี่หนวดเอ๊ยพี่ดินไม่ได้เป็นแฟนกัน”


“ทำไมพี่มันมาส่งมึงทุกเช้า”


“ก็แค่ติดรถมาด้วยเฉยๆ เพราะไอ้เพื่อนเวรอย่างไอ้สิงห์กับไอ้เต๋ามันไม่ให้กูติดรถมาเรียนด้วย...” ผมไม่พูดต่อ แต่หันไปมองค้อนพวกมันที่นั่งอยู่ข้างๆแทน ก็มันน่าโมโห เพราะพวกมันคงโดนไอ้พี่ลมติดสินบนจนไม่เห็นเพื่อนอย่างผมเลย ทุกวันนี้มันยังจะหาทางให้ผมอยู่กับพี่ลมสองต่อสองบ่อยๆด้วย


“มึงโดนของแน่ โดนแน่ๆ” เพื่อนผู้หญิงเอาสร้อยพระมาลูบหน้าผากผมไปมา แล้วผมก็บ้านั่งนิ่งให้มันทำนู่นนี่ใส่ผมนะ


“โอ๊ยกูเลิกพูดละ วันนี้อาจารย์ให้เข้าไปถ่ายวีดีโอคณะที่เราจับฉลากได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกมึงยังไม่ไปกันอีก”


“แล้วมึงล่ะไอ้ฟ้า ทำไมยังไม่ไป รึรอไอ้พี่หนวดหน้าโจรมารับ” ไอ้หมีเถียงผมกลับมา


“แล้วๆๆๆๆๆ โดนของแน่ๆ”ฃ


“ไอ้ห่าแมนเดี๋ยวกูถีบ กูรอไอ้เพื่อนเฮงซวยอยู่นี่ไง นั่งเก๊กกันอยู่ได้ ไปได้แล้ว”












เพียงไม่นานไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์ก็พาผมมาคณะเกษตร คณะนี้อยู่เกือบด้านในสุดของมหาลัยเลยครับ เพราะว่าต้องใช้พื้นที่ในการเรียนเยอะ อันที่จริงพวกผมเรียนมหาลัยที่นี่กันมาตั้งนาน แต่พวกผมก็ไม่เคยได้เข้ามาที่คณะเกษตรเลย ดีที่เมื่อวานผมบอกพวกพี่เมืองกับพี่ภูไว้แล้วว่าจะขอเข้ามาสัมภาษณ์การรับน้องกับเก็บรูปภาพนิดๆหน่อยๆ


พอมาถึง พวกผมสามคนก็กลายเป็นเป้าสายตาจากเด็กคณะเกษตรทันที ทุกคนหันมามองพวกผมอย่างกับเห็นของแปลก ก่อนจะหันไปซุบซิบอะไรกัน


“มึงลองโทรไปหาพี่เมืองดิ ไอ้สิงห์” ผมสะกิดเพื่อน คืออยากจะเดินเข้าไปข้างในคณะนะ แต่ว่ากลัวหลงก็คณะมันใหญ่นี่หว่า
“เออๆ แปบ”


ไอ้สิงห์รีบโทรไปหาไอ้พี่ภูทันที เพราะเกรงว่าถ้ายังต้องอยู่ตรงนี้นานๆ คงถูกเด็กคณะเกษตรแทะเล็มจนเหลือแต่กระดูกแน่ๆ


“อือหือ ยังมีสิงมีชีวิตที่ขาวขนาดนั้นอยู่ในมหาลัยด้วยเหรอวะ” มีเสียงผู้ชายดังเข้ามาในโสตประสาทของผม คืออยากจะหันไปตอบว่า พวกพี่ควรออกไปเผชิญโลกภายนอกมั้งนะ คนขาวกว่ากูมีอีกเยอะ อย่ามั่วแต่ทำงานในคณะจนลืมสนใจโลก แล้วอีกหลายเสียงก็ดังขึ้นมาทั้งเสียงสาวๆที่แอบกรี๊ดไอ้สิงห์กับไอ้เต๋า เพื่อนผมมันหล่อแบบสำอางครับ หล่อแบบเด็กนิเทศ ส่วนผมก็ไม่พ้นถูกหนุ่มๆแซวเหมือนอย่างเคย


“ไง ไอ้สิงห์ พี่ภูเขาว่าไง” ไอ้เต๋าถามไอ้สิงห์ที่กดวางโทรศัพท์ไปแล้ว


“พี่ภูบอกว่า ให้เดินข้างตึกไปเรื่อยๆ  มาตรงแปลงนาด้านหลังคณะ พวกมันกำลังให้น้องปีหนึ่งดำนากันอยู่”


“งั้นไปดิ จะรอให้เหลือแต่กระดูกรึไง” ผมรีบผลักให้ไอ้สิงห์เดินนำ พวกเราสามคนแบกล้องถ่ายรูปมาคนละตัว พวกผมแบ่งหน้าที่กันครับ ผมกับไอ้สิงห์ถ่ายภาพ ส่วนไอ้เต๋าเก็บภาพเป็นวีดีโอ ระหว่างที่เราเดินไปหาพวกพี่ภู ผมกับเพื่อนอีกสองคนก็ช่วยกันเก็บภาพของคณะเกษตรเอาไว้


“ร่มรื่นกว่าคณะเราอีกวะ” ไอ้เต๋ายกกล้องขึ้นมาถ่ายต้นไม้รอบๆ คณะนี้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติจนผมอิจฉา แต่พอเดินผ่านพวกพี่คณะเกษตรบางกลุ่ม ผมก็ต้องขมวดคิ้ว พวกพี่มันท่องอะไรของมันวะ


ไดทิสสิด ไดทิสสิด ไดทิสสิด คือด้วงดิ่ง แลมไพริด แลมไพริด แลมไพริด คือหิ่งห้อย


“เฮ้ยพี่เขาร้องเพลงเหรอ” ไอ้สิงห์หันมาทำหน้างงใส่ผมด้วยอีกคน


“ไม่รู้วะ พี่เขาคงเรียนเกี่ยวกับแมลงมั้ง”  ผมแอบหัวเราะก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายพวกเขาเอาไว้ แต่ละคนหยิบหนังสือเกี่ยวกับแมลงขึ้นมาชี้นู่นชี้นี่ ถกเถียงอะไรกันไปมา นี่คงเรียนวิชาที่เกี่ยวกับแมลงจริงๆ


   พอเดินมาเรื่อยๆ พวกผมก็เจอ สาวๆในคณะเกษตรขับรถไถ ผมขยี้ตาดูอีกครั้ง มองไม่ผิดจริงๆครับ สาวคณะนี้ขับรถไถ แถมกำลังพูดคุยเกี่ยวกับอุปกรณ์รถไถกันอย่างออกรสออกชาติ จับนู่นจับนี้กันอย่างคล่องตัว ผมยิ่งมองยิ่งรู้สึกทึ่ง ทำไมเก่งกันจัง พอพวกสาวๆเขาเห็นพวกผมที่กำลังแอบถ่ายรูปพวกเขากันอยู่ ทางนั้นก็ยิ้มกลับมาให้ ก่อนจะหันไปสนใจอุปกรณ์หรือเครื่องมือการเกษตรกันต่อ


“พวกคณะเกษตรก็ดูเป็นมิตรดีนะ” ไอ้เต๋าหันมาพูดกับพวกผม


“เออ กูว่าน่าเรียนวะ ดูพวกพี่พวกน้องมันได้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติดี”


“จริง”

พอเดินไปสักพัก ไอ้พี่เมืองก็เดินโบกไม้โบกมือมาให้ผม ทางนั้นกำลังครึกครื้นเลย พวกน้องๆปีหนึ่งกำลังช่วยกันดำนาปลูกขาวกันอย่างสนุกสนาน โดยมีพี่ปีสองและปีสามเป็นผู้แนะนำ


“ไง” พี่เมืองหันมาทักทายพวกผม


“คณะกูเป็นไง น่าอยู่เปล่า” พี่ภูเดินเข้ามาคุยด้วยอีกคน


“ร่มรื่นดีพี่ อยู่มาสองปีไม่เคยได้เข้ามาเที่ยวเลย”


“เออ ก็คณะพวกกูมันอยู่ท้ายมหาลัย พวกมึงไม่มีทางได้มาหรอกถ้าไม่มีงานหรือมีเรียนร่วมกับเด็กเกษตร แต่วันนี้ฟ้ามา พี่ว่าต้องมีใครบางคนดีใจ” พี่ภูพูด ก่อนจะยิ้มให้ผมที่ยืนอยู่ข้างๆไอ้สิงห์กับไอ้เมือง


“เออ แล้ววันนี้จะมาสัมภาษณ์เลย รึว่าจะเก็บรูปอย่างเดียว” พี่เมืองถามพวกผมอีกครั้ง ก่อนที่ไอ้พี่เมืองมันจะถูกเพื่อนมันลากกลับเข้าไปในกลุ่ม ไปซุบซิบอะไรก็ไม่รู้ แต่ละคนมองผมด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจ


“อย่ายุ่งกับน้องมัน ถ้ามึงยังไม่อยากโดนใครบางคนทรงพระกริ้วใส่” ไอ้พี่เมืองชี้หน้าเพื่อนของตัวเอง


“ก็กูอยากรู้จัก ใช่คนนี้รึเปล่า”


“เลิกพูด เดี๋ยวกูไปดูแลแขกก่อน”


“โคตรน่ารักอ่ะ น่ารักแรง งานดีสัส จะเอา อยากได้” เพื่อนพี่เมืองมันเขย่าแขนพี่เมืองยิกๆ


อย่าคิดว่าที่พวกพี่เขาพูดผมจะไม่ได้ยินนะ ผมได้ยินเต็มสองรูหู แต่แค่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทำเป็นไม่สนใจ


 “แปบ น้องมันมาทำงานมึงรอแปบ ใจเย็น หายใจเข้าลึกๆ แล้วสำเนียกด้วยว่ามันเด็กของ...”ไอ้พี่เมืองถลึงตาใส่เพื่อนในคณะ ก่อนจะเดินออกมาหาผมอีกครั้ง



“โทษทีๆ พวกเพื่อนพี่มันตื่นเต้นกันมากไปหน่อย นานๆจะมีคนน่ารักเข้ามาในคณะ”


“บอกเพื่อนแซวได้เต็มที่ ไอ้ฟ้ามันไม่ว่า” ไอ้เต๋าแกล้งพูดเสียงดัง ก่อนจะได้เสียงตอบรับกลับมาอย่างท่วมท้นว่า เหยดดดดดดดดดดดด


“ไอ้เชี่ยเต๋านิ มึงห่าเรื่องให้กูตลอด”


“มาทำงานคณะอื่น มึงต้องเป็นมิตรไว้เว้ย”


“ออกไปกูฆ่ามึงแน่”


“ไอ้สองคนนี้เลิกทะเลาะกันได้แล้ว เออพี่ผมเอาเอกสารขออนุญาตมาให้ด้วยนะ คณะผมเขาบอกว่าส่งมาให้อาจารย์คณะพี่หนึ่งฉบับแล้ว ส่วนอันนี้เขาบอกให้ประธานปีสามหรือปีสี่ก็ได้ ผมควรให้ใครดีอ่ะ” ไอ้สิงห์หยิบจดหมายขึ้นมา


“อ๋อ แปบนะ ประธานปีสี่ไปฝึกงาน มึงคงต้องเอาจดหมายให้ประธานปีสามแทน”


“แล้วใครอ่ะพี่”


“ไอ้ดินไง มันเป็นประธานปีสาม”


“พี่ดินเนี่ยนะ!!!” ไอ้สิงห์ถามออกไปอย่างตกใจ


“เออ เห็นสภาพแบบนั้นมันเป็นถึงประธานชั้นปีนะเว้ย แต่ว่า...ตั้งแต่เช้ากูยังไม่เจอมันเลย” พี่เมืองหันไปมองรอบๆ ก่อนจะหันไปถามเพื่อนร่วมคณะว่ามีใครเจอพี่ดินไหม ทุกคนก็ส่ายหัวกันหมด


“ฟ้า ไม่ได้มากับไอ้ดินเหรอ” พี่ภูถามผมขึ้นมา


“ฟ้าเหรอ ชื่อน่ารักสาดดดดด” ทุกคนแซวผมเสียงดัง ก่อนที่จะเงียบกริบเมื่อถูกไอ้พี่เมืองชี้หน้ารายตัว


“เมื่อเช้าผมไม่ได้มากับพี่ดิน ที่จริงตั้งแต่เมื่อวานเย็นผมก็ยังไม่ได้เจอพี่เขานะครับ”


“เหรอ เดี๋ยวมันคงมามั้ง รอมันหน่อยเนอะ”


“ครับๆ”


“เออพี่ ระหว่างรอพี่ดิน ผมขอถ่ายรูปตอนพวกพี่ทำกิจกรรมกับน้องๆนะ” ไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์มันเอ่ยขออนุญาต


“เอาดิ เก็บภาพก่อนก็ได้”


“ขอบคุณครับ”


พวกเราสามคนแยกกันไปคนละทาง ไอ้สิงห์จะไปถ่ายภาพทางด้านหลังคันหน้า ไอ้เต๋าก็เดินถ่ายวีดีโอรอบ ส่วนผมตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปถ่ายรูปทางด้านในแปลงนา ตรงที่พวกเด็กปีหนึ่งกำลังยืนแยกต้นข้าวกันอยู่แทน แต่พอเดินไปได้ไม่เท่าไร ไอ้พี่เมืองกับพี่ภูก็เดินเอาหมวกมาใส่ให้ผม


“ระวังดำ”


“โธ่พี่เมือง ดำก็ดีจะได้แมน”


“ถ้าฟ้าดำ เดี๋ยวไอ้ดินเครียดตาย”


“พี่ดินมันจะเครียดทำไม”


“มันชอบอะไรขาวๆนิ่มๆ”


“พี่พูดอะไรก็ไม่รู้ คนอื่นเขาเข้าใจผมผิดหมด ผมขอไปถ่ายรูปก่อนนะ”


“เออ ไปเถอะเดินระวังๆนะ ให้พี่ไปด้วยไหม” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ


พอผมเดินไปทางคันนาด้านข้าง ผมก็รู้สึกว่าตัวเองกับกล้องคงจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เพราะทางมันเละมากมีแต่โคลนเต็มไปหมด ผมลองมองไปทางพวกไอ้สิงห์ไอ้เต๋า ไอ้สองคนนั้นมันขาลุยอยู่พอตัว ผมเห็นมันสองคนถกขากางเกงถอดรองเท้าแล้วเดินลุยโคลนไปด้วยกัน 


“นาย” เด็กผู้ชายน่าจะอยู่ปีหนึ่งเรียกผมเอาไว้


“ทำไมเหรอ”


“ถ้าจะเดินเข้าไปในคันนา เราว่านายถอดรองเท้าเถอะ มันลื่นเดี๋ยวล้มเอา”


“เหรอ” ผมพยักหน้าก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายบอก พอถอดถุงเท้ารองเท้าเสร็จเด็กผู้ชายปีหนึ่งประมาณสามสี่คนก็เดินนำผมไป
“เดินตามเรามา ถ้าจะล้ม จับไหล่เราไว้ได้นะ”


“อ๋อ โอเคขอบคุณมาก”


“นายชื่ออะไรอ่ะ ดูจากหน้าตาคงไม่ใช่เด็กจากคณะเกษตรแน่ๆ”


“อ๋อ เราชื่อฟ้าลั่น เรียกฟ้าก็ได้ มาจากนิเทศ”


“ฟ้าลั่นแม่ตั้งให้เพราะชอบกินมะม่วงพันธุ์ฟ้าลั่นเหรอ”


“รู้ด้วย”  ตอนม๊าเขาอุ้มท้องผม ม๊าของผมเขาชอบกินแต่มะม่วงครับ ม๊าเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่แพ้ท้องมากๆ อยากกินแต่มะม่วงอย่างเดียวเลย ป๊าเอามะม่วงอกร่อง มะม่วงเขียวเสวยมาให้แกก็กินไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็เป็นมะม่วงเหมือนกัน ม๊าแกบอกว่าแกกินได้แค่พันธ์เดียวด้วยคือพันธุ์ฟ้าลั่น แถมกินได้เป็นโลๆ ที่มาของชื่อผมก็เป็นเช่นประการฉะนี้

 
“ก็พวกเราเรียนเกษตร รู้จักทุกสายพันธุ์ของมะม่วงอยู่แล้ว”


“เหรอ งั้นขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”


“ว่า”


“รับน้องสนุกไหม” ผมลองถามเด็กปีหนึ่ง


“ก็สนุกดี ตามสไตล์เด็กเกษตร คณะนายล่ะสนุกไหม”


“ก็สนุกแหละ มั้ง...”


“ตอบแบบส่งๆ นี่อยู่ปีหนึ่งหรือเปล่าเนี่ย”


“ปีสอง”


“โห่ เป็นพี่นี่เอง แล้วพี่มาทำอะไรที่คณะพวกผมอ่ะ” เด็กเกษตรรีบเปลี่ยนสรรพนามการเรียกผมขึ้นมาทันที


“มาเก็บข้อมูลทำงาน”


“อ๋อ น่าสนุกเนอะ เฮ้ยพี่ระวัง!” ระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่ เท้าดันไปเหยียบพลาดนิดหน่อย พวกเด็กๆเลยตะโกนลั่น แถมเด็กปีหนึ่งที่มาด้วยกันก็ยังช่วยผมไม่ทันด้วย ต่างคนต่างลื่นล้มลงไปนั่งกองกับดินจนเนื้อตัวเปื้อนไปหมด แต่ดีที่กล้องของผมไม่เป็นอะไร ปลอดภัย


“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เด็กปีหนึ่งหันมาถามผมกันยกใหญ่


“ดูตัวเองก่อนเถอะ ไม่ต่างกับพี่เลย”


“พวกผมมันเปื้อนกันตั้งแต่แรกอยู่แล้วไงไม่แปลกที่จะล้ม แต่พี่อ่ะดิ”


“เดี๋ยวผมช่วย รอแปบนะ” เด็กในกลุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้ามาช่วยผม แล้วเด็กคนนั้นก็ต้องเดินถอยห่างออกไป เมื่อเห็นถึงการมาของใครบางคน


กูช่วยเอง พวกมึงไปทำกิจกรรมกันต่อเถอะ” เสียงคนมาใหม่ดังขึ้น ตอนแรกผมกะจะหันไปมอง แต่ติดว่าเท้าของผมมันจมลงไปในโคลนจนหันไปทางไหนไม่ได้นี่ดิ


“ครับพี่” เด็กปีหนึ่งตอบรับเสียงดัง


“ทำไมมึงถึงได้ซุ่มซ่ามขนาดนี้วะ”


“พี่ดินเหรอ”


“เออ” เสียงไอ้พี่ดินมันดังมาจากทางข้างหลัง ผมเห็นพวกเด็กปีหนึ่งมันมองรุ่นพี่ของมันตาค้าง นี่คงคิดว่าเป็นโจรกันอยู่ละสิท่า ไม่ก็พ่อหมอคนเล่นของ ถึงได้มองไอ้พี่ดินที่ยืนอยู่ข้างหลังผมแบบไม่วางตากันเลย แถมดู ดูพวกผู้หญิงมันแอบกรี๊ดพี่ดินมันด้วย คงจะกลัวกันสินะ โธ่แม่นกน้อยของพี่ อยากจิเข้าไปกอดปลอบ อย่ากลัวไปเลย เดี๋ยวพี่แจกสายสิญจน์คนละเส้นกันหมอผีพี่ดิน

 
“พี่ดิน ช่วยผมหน่อยดิ ผมลุกไม่ขึ้นอ่ะ” พอผมพูดจบพี่ดินมันก็อุ้มผมขึ้นมายืนข้างๆมัน และพอผมจะหันไปขอบคุณมัน ผมก็ต้องชะงักกับคนที่อยู่ตรงหน้า


“โอ้โห” ผมอุทานออกมาเบาๆ ก็คนตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ แต่รูปร่างหน้าตาเล่นหล่อซะไม่เกรงใจผมเลย แถมอีกฝ่ายยังเอาแต่มองผมอีกด้วย ทำเอาผมไปไม่เป็น ไม้รู้จะทำหน้าทำตายังไง มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนแล้วเชี่ยเอ๊ย เขินเป็นตุ๊ดไปสิกู ผมหลบสายตาของอีกฝ่าย ก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาพี่ชายข้างบ้านของตัวเอง 


“เออ ขอโทษนะครับ เห็นพี่ดินไหมครับ” ผมถามออกไป ก่อนจะหลบสายตาคนตรงหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงจ้องมองผมไม่หยุด คือพี่มึงหล่อมากไง อยากจะบอกว่าเลิกจ้องกูสักที เชี่ย กูจะละลายเพราะสายตามึงแล้ว...   แต่พอผมมานึกดูดีๆ


“เอ๊ะ!!!!!!” ผมร้องอุทานออกมาดังลั่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปจ้องคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมใช้สายตาเพ่งมองอีกฝ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วน


“มองอะไรของมึง”


“พี่ดิน!!!



“เออ กูดิน”


  “โอโห้ ให้ตายจำแทบไม่ได้” ผมเผลอยกมือขึ้นทั้งสองข้างจับหน้าของมันพลิกไปพลิกมาเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่พอถูกอีกฝ่ายจ้องแบบนิ่งๆ ผมเลยต้องรีบปล่อยมือลง ตอนนี้ก็ชักจะเริ่มอายแล้วละ หน้าแม่งเริ่มร้อนขึ้นมานิดๆแล้ว


“มือมึงเปื้อน หน้ากูก็คงเปื้อนไปแล้วสินะ”


“ขอโทษๆ” ผมรีบขอโทษขอโพย ก่อนจะเอาแขนที่ไม่เปื้อนเช็ดแก้มพี่มัน และนั่นก็ทำเอาพวกพี่ปีสามที่อยู่ด้านหน้าร้องโห่กันจนเสียงดังลั่น แต่พอพี่ดินหันไปมองเพื่อนตัวเองปุ๊บ ทุกคนกับเงียบกริบ พี่มันสั่งได้ดั่งใจจริงๆ


“ไม่ต้องแล้ว ยิ่งเช็ดกูว่ายิ่งเปื้อน” พี่ดินมันจับมือผมออก


“เดี๋ยวทำงานเสร็จจะพาไปล้างหน้านะ”


“กูไม่ได้ห่วงหน้าตาตัวเองขนาดนั้น แต่ดูมึงตอนนี้สิ ตูดเติดเปื้อนดินไปหมดแล้ว” พี่มันสำรวจผม ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของมันมาเช็ดตามแขนตามมือให้ผม พอได้มองใกล้ๆแบบนี้พี่ดินแม่ง เล่นหล่อซะไม่เกรงอกเกรงใจเพื่อนร่วมคณะเลย ผิวสีแทนของพี่มันทำให้มันดูแมนแบบเท่ห์ๆ แต่ผมอิจฉาตรงรูปร่างของมันเนี่ยแหละ คนอะไรจะมีรูปร่างเพอร์เฟคได้ขนาดนี้ ตัวก็สูง รูปร่างก็สมส่วน แขนขาเนื้อตัวก็ดูมีมัดกล้ามไปหมด ดูผมดิ กล้ามก็ไม่มี จับไปตรงไหนแม่งก็เด้งนิ่มไปหมดทั้งตัว นี่คงเป็นการลงโทษจากสวรรค์ ข้อหาที่ผมแดกมากเกินไป


“นี่จะมองหน้ากูอีกนานไหม”


“ห๊ะ ผมเปล่าซะหน่อย” ผมรีบปฏิเสธ ไอ้พี่ดินยิ้มออกมา พลางส่ายหัว พี่เขาคงระอากับสกิลการแถของผมแน่ๆ


“เดี๋ยวจะพาไปเปลี่ยนชุด”


“ไม่เอาเกรงใจ การทำงานมันก็ต้องมีอุปสรรคแบบนี้แหละ”


“อุปสรรคมากจนเละเทะไปหมดเลยนะ” พี่มันส่งสายตาเหมือนอยากทำโทษผม อือหือรู้สึกใจสั่น รู้สึกกลายเป็นสาวน้อยชั่ววินาที

 
“ก็...”


 “แล้วนี่มาเก็บข้อมูลกันใช่ไหม”


“อือ พี่รู้”


“อาจารย์บอกกูว่า อาทิตย์นี้จะมีเด็กคณะนิเทศมาเก็บข้อมูล”


“เลยไปเปลี่ยนตัวเอง”


“ไม่ดีรึไง”


“ดีสิ ดีมาก พี่แม่งหล่อจนจำไม่ได้อ่ะ ทำไมพี่หล่อเหี้ยๆแบบนี้วะ”


“มึงจะชมรึจะด่ากู”


“ชมดิ” พูดเสร็จผมก็เดินไปข้างหน้าต่อ นี่ผมดูจากระยะทางที่เดินมา ผมเดินไม่ได้ไกลจากข้างหน้าคันนาเลยนะ แต่แบบ รู้สึกตัวเองเดินมาไกลมากแล้วอ่ะ


“เฮ้ย เดินดีๆ ระวังลื่น”


“เดินยากวะพี่ เดินไปทางไหนก็ลื่น”


“ตีนไม่เคยสัมผัสโคลนเลยรึไง ลูกคุณหนูเหลือเกิน” พี่มันบ่นผม แต่มันก็คว้ามือผมไปจับเอาไว้ ตอนแรกกะจะดึงมือออก แต่ผมว่าถ้าผมดึงมืออกตอนนี้ ผมล้มอีกรอบแน่ และก็จริงพอผมเดินไปได้สองสามก้าวเท่านั้นแหละ ผมก็ลื่นอีกรอบ แต่คราวนี้ผมไม่ล้ม เพราะพี่ดินมันยื่นมือเข้ามาคว้าเอวผมไว้พอดี และนั่นก็ทำให้เสียงกรี๊ดเสียงแซวดังขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งจากพวกเพื่อนของพี่ดิน และพวกเด็กปีหนึ่งปีสอง


“นานๆที่จะมีโคตรเดือนมาอยู่ในคณะ พวกสาวๆต้องมาตามกรี๊ดจนพี่เครียดตายแน่นอน”


“กูไม่เครียดหรอก เพราะมึงบอกจะเป็นไม้กันหมาให้กู”


“เออ ลืมไป” ผมเงยหน้ามองพี่ดิน ตอนนี้พี่มันยังคงมุ่งมั่นพาผมไปทางพวกเด็กๆปีหนึ่ง


“แล้วมึงจะถ่ายอะไรเนี่ย”


“ถ่ายเด็กปีหนึ่งเนี่ยแหละ”


“เอาสิ คงถ่ายได้แล้วมั้ง ถ้าขืนเดินเข้าไปอีก กูว่ามึงคงได้เดินล้มหัวคะมำแน่ๆ แค่ใกล้ๆยังเดินทรงตัวไม่ได้เลย” พี่มันบ่นผมครับ แต่ก็ยังยืนซ้อนหลังพยายามช่วยไม่ให้ผมล้มลงไปอีก ผมยืนถ่ายรูปนู่นนี่ไปสักพัก โดยมีพี่ดินเดินอยู่ข้างๆ


“เรียบร้อย แสงได้ รูปสวย”


 “แต่เนื้อตัวดูไม่ได้เลย”


“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมกลับไปเปลี่ยนที่บ้าน”


   พี่ดินพาผมออกมาจากแปลงนาข้าว พอเดินมาถึงข้างหน้าพี่เมืองกับพี่ภูก็เดินมาหาผม แล้วตักน้ำมาให้ผมล้างเนื้อล้างตัว

 
   “พี่ดินไม่ล้างหน้าอ่ะ”


   “ไม่อ่ะ ยังไงเดี๋ยวมันก็ต้องเปื้อนอยู่ดี”


   เวลานี้ผมยืนข้างๆพี่ดิน แอบฟังที่พี่เขาคุยเล่นเฮฮากับพวกเพื่อนๆไปพลาง พี่ดินในตอนนี้ดูเป็นที่สนอกสนใจของใครหลายๆคน เพื่อนบางคนก็แซวว่าน่าจะเปลี่ยนตัวเองตั้งนานแล้ว พวกสาวปีสองปีสามก็พากันเดินมากรี๊ด เดินมาถามว่าใช่พี่ดินตัวจริงรึเปล่า ทุกคนพูดราวอย่างกับไม่เชื่อในสายตา ว่าคณะตัวเองจะมีคนหล่อสถิตอยู่ด้วย


   “พี่ดินหนูคิดว่า เรื่องที่พวกพี่เมืองเล่ามันจะเป็นเรื่องโกหกเสียอีกนะเนี่ย” น้องผู้หญิงปีสองกรูกันเข้ามาหาพี่ดิน จนผมต้องกระเด็นออกมาอยู่นอกวงโคจร


   “เมืองมันเล่าอะไรล่ะ”


   “ตอนหนูอยู่ปีหนึ่ง พี่เมืองบอกว่า ใต้คราบโจรของพี่ พี่หล่อมาก!!!” พูดเสร็จพวกสาวๆก็กรี๊ดกร๊าด


   “พี่น่าจะเปลี่ยนตั้งนานแล้ว” พวกสาวๆ กรูเข้ามาถาม


   “พี่ดินมีแฟนยัง”


   “อิฝ้าย พอเห็นพี่เขาหล่อ มึงก็จัดเลยนะ ตอนนั้นมึงยังด่าพี่เขาอยู่เลยว่าหน้าเหมือนโจรแถมยังทำตัวโหดเหมือนโจรอีก”


   “อิผิง มึงอย่าว่ากู มึงก็ไม่ต่าง วันก่อนมึงยังบ่นพี่ดินว่าเหมือนหมอผี ถ้ามึงจ้องพี่เขามากๆ เขาจะเสกความธนูเข้าตัวมึง”


   “อิพวกนี้พูดไม่เกรงใจพี่เขาเลย พี่ดินอย่าไปฟังมันนะคะ พี่ดินมีเบอร์ป่ะ หนูขอ”


   “อิฝน อิตอแหล มึงเนี่ยหัวหน้าแก๊งค์แอนตี้พี่ดิน”


   สาวๆเริ่มเถียงกันเอง โดยมีพี่ดินยืนขมวดคิ้วฟัง นี่อีกฝ่ายคงกำลังคิดตามว่าตัวเองสมัยก่อนมันเลวร้ายอย่างที่สาวๆพูดจริงๆเหรอ  ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อไอ้พี่ดินมันเดินออกมาจากวงสนทนาอันแสนวุ่นวาย แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าผม ก่อนจะยกมือขึ้นมาถูแก้มของผมเบาๆ


   “ทำไมถึงทำตัวเด๋อได้ขนาดนี้นะ” พี่ดินมันหันมามองผม แต่มือมันก็ยังถูกแก้มของผมอยู่ มันเล่นอ่อนโยนจนทำเอาหัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปเลย


   “ปะ...เปื้อนเหรอ” เอ้าแล้วลิ้นกูก็เปลี้ยไปซะอย่างงั้นแหละ


   “อือ”


   “ว่าแต่แก้มพี่ก็เปื้อน”


“เปื้อนมากเหรอ”


“ก็นิดนึง”


“เช็ดให้หน่อยดิ”


   “ก็ได้”


   คราวนี้บรรยากาศตรงแปลงนาข้าวเงียบกริบ ทุกคนต่างหันมามองเราทั้งคู่ และพอผมรู้สึกถึงความผิดปกติเลยรีบถอนมือออกมาจากใบหน้าพี่มันทันที พี่มันยิ้มนิดๆ ก่อนจะผลักหัวผมเบาๆ


   “อย่าบอกนะว่ามึงกำลังเขินกู”


   “เปล่าสักหน่อย”


   “เอาพวกปีหนึ่ง ใครที่ปลูกข้าวในมือเสร็จแล้วก็ขึ้นมาหาพี่ทางฝั่งนี้ มานั่งพักกันก่อน” พี่ปีสองเดินมาเรียกพวกรุ่นน้องทางด้านหน้าคันนา ส่วนพี่ปีสามอย่างพี่ดิน พี่เมือง พี่ภู ก็เดินไปด้านข้างแทน พวกพี่เขาไปยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ผมว่าคณะนี้แม่งเท่ห์แบบสุดๆ พวกน้องๆปีหนึ่งใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยีนส์ที่มีตราคณะลุยโคลน ปลูกข้าวดำนำ แบบไม่กลัวเปื้อนกันเลย เนื้อตัวของแต่ละคนม่อมแม่มไปด้วยดินโคลน แต่ก็ยังคงยิ้มได้ แถมดูสนุกสนานกันด้วย


   “พี่ดิน คณะพี่เรียกกิจกรรมนี่ว่าอะไรอ่ะ” ผมหันไปถาม


   “รับน้องลุยโคลน”


   “เออ ตรงๆ เนอะ”


   “ก็ลุยโคลน ปลูกข้าว ให้น้องรู้ถึงวิถีชิวิตของชาวนา”


   “แล้วทำไมพี่ถึงเลือกจะพาน้องๆมาปลูกข้าวละ ทำไมไม่ไปปลูกอย่างอื่นกันบ้าง”


   “เพราะอาหารหลักของคนไทยคือข้าวไงล่ะ” พี่มันหันมาพูดพร้อมยิ้มให้ผม


   “งั้นรอแปบ ผมขอสัมภาษณ์เลยพี่สักนิดเลยดีกว่า” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงพี่ดินเก็บไว้


   “พี่ได้อะไรจากการเรียนคณะเกษตร”


   “ได้ทักษะการเป็นมนุษย์ ได้เรียนพื้นฐานทุกอย่างที่มนุษย์ควรจะได้เรียน”


   “ยังไง”


   “พื้นฐานการดำรงชีวิตของคนเรามันก็เริ่มต้นมาจากธรรมชาติ เช่นอาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เราจะสร้างบ้านได้เราก็ต้องใช้ต้นไม้ เราจะกิน เราก็ต้องปลูกผัก ทำปศุสัตว์ เราจะทำเสื้อผ้าสวยๆใส่ เราก็ต้องใช้พวกพืชพวกหม่อนไหมมาแปรรูป และเมื่อเราป่วย เราก็ต้องเอาสมุนไพรต่างๆมาทำยารักษาโรค”


   “อืม เท่ห์จัง พี่ว่าอาชีพเกษตรกรมันสำคัญกับประเทศเราไหม”


   “เคยได้ยินไหม ประโยคที่ว่าประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ“


“ครับ”


“บรรพบุรุษของเรา ก็ทำอาชีพเกษตรกรทั้งนั้นแหละ เพราะว่าแผ่นดินไทยมันสมบูรณ์ไง ปลูกอะไรก็งาม น้ำท่าก็สมบรูณ์ แต่คนสมัยนี้ไม่ค่อยเห็นค่าในอาชีพของเกษตรกร พอบอกว่าเรียนเกษตรก็ชอบทำหน้าดูถูก ทั้งๆที่ มันมีประโยชน์กับเรามากที่สุด”
“พี่ดินดูเหมือนรักอาชีพนี้จริงๆ”


“อือ” พี่มันหยักหน้า


“น้องฟ้าสนใจซิ่วมาเรียนเกษตรไหม พี่จะดูแลอย่างดี” เพื่อนพี่ดินที่อยู่ทางด้านหลังตะโกนขึ้นมา  ผมคิดว่าพวกพี่มันคงได้ยินที่ผมกับพี่ดินพูด


“ผมไม่เหมาะหรอกพี่ ผมเหมาะกับนิเทศแล้ว”


“ว้า น่าเสียดายแทนใครบางคน”


“ไอ้แห้ว มึงอย่าเอาน้องมาตกระกำลำบากกับพวกเราเลยเว้ย ให้เขาอยู่บนฟ้าดีแล้ว เราอ่ะอยู่ที่ดินพอ”


“แต่เห็นหน้าน้องแล้วกูอยากจะพาน้องเขามากัดก้อนเกลือกินกับกูจัง” ไอ้แห้วเอ่ยแซวก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากเมื่อเห็นไอ้เพื่อนหน้าหล่อของคณะหันมา


“มึงก็ไปแซวน้องมัน” ไอ้พี่ภูพูดจบก็เดินมาทางผม


“ฟ้า เปลี่ยนใจได้นะ ซิ่วมาเรียนได้ พวกพี่จะดูแลฟ้าเป็นอย่างดีเลย พี่ขอสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง” พี่ภูก็อีกคน นี่คงกะจะมาแซวผมด้วยสิท่า ผมไม่ตอบได้แต่ยิ้มๆกลับไป พวกพี่แม่งก็พูดโน้มน้าวให้ผมมาเรียนกับพวกมันเสียให้ได้


“ไม่อ่ะ คณะผมดีแล้วพี่”


“โห่ ถ้ามานะพี่จะให้ไอ้ดินตามดูแลฟ้าเลย”


“เฮ้ย ผมโตแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาดูแลหรอก” ผมปฏิเสธแทบจะทันที่ พวกพี่มันก็ชงกันจริง


“ไอ้เด็กนี่มันโตแล้ว มึงได้ยินนะไอ้ภู พวกมึงเลิกแซวได้ล่ะ น้องมันมาทำงาน”


“แหมแตะต้องไม่ได้เลยนะ พอดีผมรู้สึกว่าเพื่อนคนหนึ่งของผมมันสนใจน้องเขา ผมก็เลยอยากจะช่วย วันนี้เพื่อนของผมคนนั้นก็อุตสาห์ไปเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครบางคนอีก”


“ไอ้สัด” พี่ดินสบถใส่เพื่อนสนิทของตัวเอง


“ระวังหมาคาบไปแดกนะมึง” พอพี่ภูพูดจบ ไอ้พี่ดินก็ยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างของผม ก่อนที่พี่มันจะขยับปากพูดอะไรออกมาสักอย่าง




กูไม่กลัว เพราะกูจะเป็นหมาตัวนั้นเอง”





“แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม” ทุกคนในคณะพร้อมใจกันโห่แซวทันทีที่พี่ดินพูดจบ ส่วนผมนะเหรอก็ได้แต่ยืนงงอยู่อ่ะดิ เพราะไม่ได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ว่าพี่มันพูดว่าอะไร



.........tbc.............
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-11-2017 21:28:38
อยากเห็นพี่ดินเปลี่ยนตัวเองเร็วๆ แล้ว ว่าจะสมคำร่ำลือหรือไม่นะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 08-11-2017 22:09:02
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-11-2017 00:26:02
พี่ลมนี่แห้วมาแต่ไกลเลยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 09-11-2017 03:23:44
ดิน-ฟ้่า น่ารักมาก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 09-11-2017 20:32:52
แหมม พี่ดินนนน ทัมมาเปงเด้อออออออ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-11-2017 22:59:23
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 11-11-2017 00:05:10
+ค่ะ แหมมมม ยาวๆๆๆๆๆจ้าาา 555555
ส่วนพี่ลมนี้นกมาแต่ไกลจ้าาาา 555 หาใหม่เอาเนาพี่ลมมม ปล่อยให้ฟ้าอยู่กับดินเอาเนาะะะะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-11-2017 00:48:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 11-11-2017 12:47:13
พี่ดินบอกเป็นหมาตัวนั้นคือหมาที่คาบมาจากพี่ลมใช่เปล่า 555
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 3 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 11-11-2017 17:19:05
พี่ดินมันร้าย 555555
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [08/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 12-11-2017 14:03:57

ตอนที่ 4






หลังจากที่พี่ดินมันเปลี่ยนแปลงตัวเองจนใครต่อใครตกอกตกใจ เพียงไม่นานผมก็เห็นรูปของพี่มันขึ้นในเพจทำเนียบหนุ่มหล่อของมหาลัยอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันขึ้นแท่นสามีของมหาลัยแล้วครับ  แถมมันยังเป็นที่หมายปองอันดับหนึ่งของสาวๆไปแล้วด้วย  เดินไปไหนสาวๆก็ตามกรี๊ดอย่างกับโอปป้าเกาหลี


 แถมความหล่อของมันก็ไม่ธรรมดานะครับ เพราะมันดันไปทำตัวสะดุดหูสะดุดตาเด็กนิเทศการแสดง ถึงขนาดมาตามอ้อนวอนขอให้มันไปเป็นพระเอกละครเวทีปีนี้  แต่พี่ดินมันก็ปฏิเสธเขาตลอด ปฏิเสธจนความซวยมันมาตกอยู่ที่ผม เพราะรุ่นพี่ในคณะมันดันรู้ว่าผมกับพี่ดินรู้จักกัน คือจะไม่ให้พวกพี่มันรู้ได้ยังไง ก็ผมเล่นซ้อนท้ายรถพี่ดินมันมามหาลัยเกือบทุกวัน ตอนแรกกะจะไม่มากับมัน เพราะกลัวเป็นประเด็นร้อน แต่มันยกเอาคำสัญญาที่ผมบอกว่าจะเป็นไม้กันหมาขึ้นมาขู่ ผมก็เลยต้องจำใจ


ช่วงแรกๆ ก็วุ่นวายครับ มีแต่คนเข้ามาถามว่าผมกับพี่ดินเป็นอะไร ผมเลยได้แต่ตอบพวกเขากลับไปว่า


อ๋อ เป็นพี่น้องกันครับ รู้จักเพราะบ้านอยู่ข้างกัน ไม่มีอะไรในกอไผ่แน่นอนครับ ตอนนี้ผมขอโฟกัสเรื่องเรียนกับเรื่องงานก่อน  ผมโสดครับ โสดร้อยเปอร์เซ็นต์


ผมตอบแบบนี้ทุกครั้งที่มีคนมาถาม ทำเอาคนฟังรู้สึกหมั่นไส้จนตอนนี้พวกเขาเลิกถามผมไปเลย
   

และชีวิตตอนนี้ของผมก็ยังต้องยุ่งวุ่นวายเหมือนเดิม แถมอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะต้องทำหน้าที่เป็นไม้กันหมา แถมยังต้องมานั่งพูดปากเปียกปากแฉะ อ้อนวอนแทนรุ่นพี่เอกการแสดง ขอร้องให้พี่มันไปเป็นพระเอกละครให้พวกเขาอีก


“พี่ไม่สนใจที่จะแสดงละครจริงๆอ่ะ” ผมนั่งกินไอติมอยู่ตรงโต๊ะหน้าบ้านพี่ดิน โดยที่สายตาก็มองไอ้พี่หน้าหล่อที่เอาแต่อาบน้ำไก่ แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่ผมถาม แหมวันนี้ทำมาเป็นหยิ่ง ไม่คุยกับผม!


“พี่ดิน ผมถามว่าพี่ไม่อยากเป็นพระเอกเหรอ”


“...”


“พี่ดิน ตอบผมหน่อยดิ”


“...”


“ไม่อยากเป็นพระเอกเหรอ”


“ไม่”


“แต่ผมว่าพี่หล่อนะ หล่อมากจนน่าไปเป็นพระเอก”


“กูบอกว่าไม่ไง มึงนิน่ารำคาญ”


“พี่พระเอกใจร้าย”


“เดี๋ยวกูถีบ”


“พี่พระเอก วันนี้มีเรียนป่ะ”


“ไม่”


“พี่พระเอกกินติมม่ะ”


“ไม่”


“นี่พี่พระเอกจะถามคำ ตอบคำกับผมใช่ไหม”


“เออ”


“โกรธอะไรผมเนี่ย”


“โกรธทุกอย่าง!...  และจะเลิกพูดกับมึงด้วย ถ้ายังไม่เลิกเรียกกูว่าพี่พระเอก”


“งื่อ ผมทำอะไรผิดอ่า”


“เกลียดเสียงงื่อของมึงจริงๆ” พี่มันมองค้อนผมครับ ก่อนจะเปิดปากบ่นผมต่ออีกรอบ


“กูไม่น่าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะคำพูดมึงเลย วุ่นวายชิบหาย”


“อ้าวทำไมอ่ะ เปลี่ยนตัวเองก็ดีแล้ว หล๊อหล่อ”


“ก็เพราะเปลี่ยนตัวเองไง เลยทำให้ชีวิตของกูช่วงนี้รู้สึกวุ่นวายไปหมด มีแต่คนอยากจะเข้ามาทำความรู้จัก แล้วมึงดูโทรศัพท์กู สั่นอยู่บนโต๊ะอย่างกับเต้นสามช่า คนโทรหากูทั้งวัน”


“ก็ดีไงได้มีเพื่อนคุย รับดิ”


“รับบ้านพ่องดิ กูเบื่อ!... มึงไปทำยังไงก็ได้ให้พวกเขาหยุดโทรหากูที่ดิ”


“ปิดไปดิ”


“เดี๋ยวที่บ้านกูโทรมา ทำไงอ่ะ”


“เปลี่ยนเบอร์”


“เลขมันสวยแล้ว”


“แล้วพี่จะให้ผมช่วยยังไง ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้” ผมมองมันอย่างไม่เข้าใจ พอหล่อเข้าหน่อยทำเป็นเรื่องมาก


“กูจะรู้เหรอ มึงบอกกูเองนะ ว่าจะเป็นไม้กันหมาให้กู..ไป ไปทำหน้าที่เลย”


“โอเคๆ ก็ได้” ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู อือหื้อ 96 สายไม่ได้รับ และเพียงไม่นานก็มีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามาอีกครั้ง ผมเลยตัดสินใจกดรับ


“สวัสดีครับ”


[นั่นดินใช่ไหม] 


“ไม่ใช่ครับ”


[อ้าว แล้วมารับโทรศัพท์ดินได้ไง]


“อ๋อ พอดีเป็นน้องของพี่เขาครับ มีอะไรรึเปล่า”


[ไปเรียกดินมาคุยหน่อย]


“พี่ดินไม่ว่างทำงานอยู่”


[แล้วเมื่อไรดินจะว่าง!!! ไปเรียกดินมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้]  ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู อิเจ้นิเป็นใครกันทำไมเกรี้ยวกราดแบบนี้


“ชาติหน้าพี่ดินถึงว่าง แค่นี้นะครับ” พูดเสร็จเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นออกมาจากทางปลายสาย อือหือถ้ากดวางช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เสียงกรี๊ดของยัยเจ้มันคงทำขี้หูผมเต้นระบำแน่



“มึงนิมันแสบจริงๆ” ไอ้พี่ดินหัวเราะผม มันยังคงปล่อยให้ผมรับโทรศัพท์ของมันไปเรื่อย ส่วนตัวมันก็เดินไปถอนหญ้าปลูกผักบนแปลงเล็กๆที่อยู่ข้างบ้านของมันต่อ บ้านเช่าของพวกพี่ดินกว้างกว่าของผมอยู่นิดนึง ด้านนอกตัวบ้านยังมีเนื้อที่เยอะพอสมควร เยอะพอที่จะทำให้พวกๆพี่เขา เลี้ยงนก ตกปลา ปลูกผัก ทำสวนทำไรของมันได้ ถึงแต่ละอย่างที่มันทำจะดูเป็นไซส์มินิก็เถอะ แปลงเล็กๆ บ่อเล็กๆ น่ารักๆ ขัดกับหน้าตาของพวกพี่มัน


ผมเลิกสนใจมองไอ้พี่ดินมัน แล้วกลับมาสนใจโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ ตอนแรกผมก็กะจะรับแบบใจเย็น  แต่พอเริ่มรับไปเรื่อยๆ ชักมีน้ำโห มึงจะโทรอะไรกันหนักหนา โทรแบบถี่หยิบจนเครื่องสั่นเป็นเจ้าเข้า แล้วคำถามแต่ละอย่าง ก็ไม่มีห่าอะไรเลยนอกจาก ดินอยู่ไหน ดินทำอะไรอยู่ และผมเป็นอะไรกับดิน วนแม่งอยู่สามคำถามเดิมๆ ผมล่ะอยากจะอัดเสียงเอาไว้ แล้วให้มันตอบกลับอัตโนมัติเลย ให้ตายเถอะ


“พวกสาวๆไม่โทรมาแล้วเหรอ” พี่ดินมันเดินมาหยุดตรงหน้าผม ในมือมันถือพลั่วเล็กๆไว้อันหนึ่ง 


“โทรมาดิ โทรมาไม่หยุดเลยเนี่ย”


“แล้วทำไมไม่รับ”


“เหนื่อย ขอพักก่อน”


“เฮ้ย ทำหน้าที่ให้มันเต็มร้อยหน่อยดิ ใครบอกว่าถ้ากูเปลี่ยนแปลงตัวเองมันจะยอมเป็นไม้กันหมาให้กู”


“เออก็ทำอยู่นี่ไง แต่สาวๆพี่ โทรมาไม่หยุดเลย ดูเนี่ย!โทรมาอีกแหละ” ผมโชว์หน้าจอมือถือให้พี่มันดู ก่อนจะกดรับด้วยความโมโห


“สวัสดีครับ”


[นั่นใคร]


“เมียดิน!!!”


พูดเสร็จผมก็กดวาง ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ดินที่ตอนนี้มันทำหน้าตาตื่นตกใจ


“โทษนะพี่ ที่ต้องสมอ้างว่าเป็นเมีย ไม่งั้นแม่งก็โทรซ้ำๆย้ำๆ อยู่นั่นแหละน่าโมโห”


“ก็... ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอบไปเถอะ”


“แล้วนี่พูดติดอ่างทำไม เอ้า!เอามือเช็ดจมูกทำไม เปื้อนหมดแล้ว พี่นิมันป้ำๆเป๋อๆเหมือนกันนะ” ผมลุกขึ้นไปปัดดินที่จมูกให้พี่มันอย่างลืมตัว ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่มันจ้องมองผมแบบไม่วางตา


“จะ..จ้องทำไมเนี่ย มีอะไรติดหน้าผมรึไง”


“ไม่มี แค่อยากรู้ว่า ทำไมหน้ามึงเหมือนหมาแท้ว่ะ” พูดเสร็จพี่มันก็ผลักหัวผม จนผมเกือบเซ


“หน้าผมเหมือนหมา หน้าพี่ก็เหมือนหมาแบบผมนั่นแหละ”


“ไอ้เด็กนี่ เถียงคำไม่ตกฟาก” พี่ดินมันหยิบพลั่วขึ้นมาจะตีผม แต่ผมวิ่งไปหลบที่หลังโต๊ะก่อน


“นี่พี่ดิน คงไม่โกรธผมนะที่ผมตอบไปแบบนั้นอ่ะ”


“จะโกรธทำไมอ่ะ นั่นมันหน้าที่มึงนิ”


 “โอ๊ย คนนี้โทรมาอีกแล้วอ่ะ ดูดิพี่ดิน คนนี้โทรมาสองสามรอบแล้วเนี่ย ผมเบื่อจริงๆ”  ผมเดินหงุดหงิดไปทางพี่มัน ก่อนจะโชว์หน้าจอให้อีกฝ่ายมันดู


“ดะ... เดี๋ยว คนนี้อย่างเพิ่งกดรับ” ไอ้พี่ดินมันเดินมาใกล้ผม ก่อนจะชี้ให้ผมยื่นโทรศัพท์มาให้มันดู เพราะว่ามือมันเปื้อนมันเลยจับโทรศัพท์ไม่ได้


 “คนนี้ทำไมอ่ะพี่... พี่เมมชื่อไว้แค่สระ    คนนี้สำคัญเหรอ”


“อือ มึงรับไปกี่หนแล้ว!”


“สองหน ก่อนหน้านี้ กับเมื่อกี้”


“กูอยากจะบ้าตาย”


“อะไรอ่ะพี่ คนนี้ใคร คนสำคัญเหรอ”


“โอเค กูขอหายใจเข้าลึกๆแปบ” ผมเห็นพี่ดินมันทำสีหน้าวิตกกังวล ผมก็ชักจะเริ่มจะกลัวขึ้นมาแล้วแหละ


“คนนี้ทำไมอ่ะพี่”


“คนนี้แม่กู!!!”





พี่ดินรีบเดินไปล้างมือ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในมือผมออกไปโทรหาแม่ของเขา คือพี่มันจะมาโกรธผมไม่ได้นะเว้ย ก็เล่นเมมชื่อแม่ตัวเองไว้แค่สระแอ แล้วใครมันจะไปรู้ละ ว่านั่นเป็นแม่ของพี่มัน ผมมองตามร่างสูงที่เดินไปเดินมาตรงสวนข้างบ้าน แอบได้ยินไอ้พี่ดินมันคุยกับแม่แล้วรู้สึกขนลุกเบาๆ


เสียงอีกฝ่ายมันดูอ้อนผิดปกติมากเลย ไม่ยักจะรู้ว่าไอ้พี่ดินมันเป็นคนอ้อนแม่เก่งขนาดนี้ ดูแต่ละประโยคของมันดิโคตรน่าขนลุกเลย


“โธ่แม่ ผมคิดถึงแม่เสมอล่ะ”


“รัก รักมากอยู่แล้ว รักคนเดียว”



“ครับ”


“เดี๋ยวผมโทรไปใหม่นะ ช่วงนี้ก็เรียนหนักอยู่ เข้าแล็ปเหมือนเด็กวิทย์เลย”


“ไม่ติดเอฟหรอก โธ่แม่ก็พูดไป”


“เดี๋ยวปิดเทอมผมกลับไป”


“ครับ”


 “เดี๋ยวผมพาไปแนะนำ อือ น่ารัก”


“ครับๆ งั้นแค่นี้นะแม่ สวัสดีครับ”






“มึงแอบฟังกูคุยเหรอ” ร่างสูงเดินมาประชิดผมที่บ่อปลาเล็กๆ หน้าบ้าน


“ไม่ได้แอบฟังสักหน่อย ผมแค่ว่างเลยเดินเอาอาหารมาให้ปลาเท่านั้นเอง”


“นึกว่าแอบฟัง”


“ใครมันจะไปอยากรู้เรื่องของพี่ ผมไม่ได้เป็นคนขี้เสือกขนาดนั้น”


“หืม ว่าตัวเองทำไมล่ะ”


“ไอ้พี่ดิน!!”


“เสียงมึงจะแหลมไปไหน”


“พี่ดิน ผมขอถามอะไรหน่อยนะ ทำไมพี่เมมชื่อแม่พี่แบบนั้นอ่ะ”


“คือกูจะพิมพ์ว่าแม่นะ แต่ตอนนั้นโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ไว้ใช้เมมเบอร์หน้าจอมันดันแตกไปครึ่งหนึ่ง กูเลยพิมพ์ได้แค่นั้น พอเปลี่ยนเครื่องใหม่ก็ไม่ได้แก้ ลืม”


“เอ้า!ซะงั้นอ่ะ”


“คนอื่นมาเห็นก็เข้าใจผิดแย่”


“ไม่มีใครมาจับโทรศัพท์กูหรอก มึงคนแรก”


“...” เอาอีกแหละ พี่มันพูดให้ผมรู้สึกแปลกอีกแล้ว


“เออ ไปหาไรกินกันม่ะ กูเริ่มหิวแล้ววะ”


“พี่ก็ทำกินเองดิ”


“กูทำอาหารไม่เก่ง”


“ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ทำอาหารไม่เก่ง ผมก็หลงคิดไปเองว่าพี่ทำอาหารอร่อยแน่ๆ เพราะเห็นพี่ภูพี่เมืองทำอาหารโคตรเก่ง”


“กูไม่ถึงขั้นไอ้พวกนั้นหรอก ต้มมาม่าทอดไข่ได้ก็เก่งแล้ว”


“เรียนเกษตรทั้งที่ นึกว่าจะเก่งด้านงานครัวด้วย”


“เรียนเกษตรไม่จำเป็นต้องทำกับข้าวเก่งเว้ย”


“แต่ผมขี้เกียจไปอ่ะ ให้พี่ภูพี่เมืองมาทำให้กินดิ”


“มึงนั่งอยู่กับกูตั้งนานสองนาน เห็นหัวไอ้พวกนั้นไหม”


“เออว่ะ แล้วพี่เขาไปไหนกันอ่ะ”


“มันไปช่วยงานอาจารย์ที่ฟาร์ม”


“ว้าว ที่มหาลัยมีฟาร์มด้วยเหรอ”


“มีดิ เอาไว้เรียน”


“แล้วทำไมวันนี้พี่ไม่ไปช่วยอ่ะ”


“วันนี้กูอยากพัก เลยไม่ไป”


“เสียดาย ผมอยากไปดูอ่ะ”


“เอาดิ ถ้ามึงสนใจเดี๋ยวกูพาไปก็ได้ แต่ตอนนี้ไปกินข้าวกับกูก่อน”


“ผมยังไม่หิวเลย พี่ไปกินเถอะ”


“คือกูก็อยากจะไปเองนะ ถ้าไม่ติดว่าเวลาแห่งการรับประทานอาหารที่แสนจะมีความสุขของกูมันจะต้องวุ่นวาย เพราะมีไอ้หมาที่ไหนไม่รู้มาให้กูเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนความอิสระของกูหายไปหมด”


“โอเคๆ ไม้กันหมาๆ”


“เข้าใจก็ดีแล้ว”


“งั้นขอเปลี่ยนกางเกงก่อน”


“เปลี่ยนทำไม”


“กางเกงขาสามส่วน กับเสื้อยืดย้วยๆตัวใหญ่ของผมมันดูบ้านๆไปวะ”


“จะใส่สูทผูกไทป์ไปนั่งแดกข้าวข้างทางกับกูเหรอ”


“ทำไมปากร้าย เอาเถอะสภาพเสื้อยืดดำ กางเกงสามส่วนของพี่ก็ดูซกมกไม่ต่างจากผม”


“เด็กอะไรพูดมากจริง” พี่มันเดินไปหยิบเสื้อคลุมแขนยาวสีดำมาใส่ ผมว่ามันคงชอบเสื้อตัวนี้มาก เพราะผมเห็นมันใส่อยู่ตัวเดียว ทั้งตอนไปเรียน ตอนออกไปซื้อของ หรือไปกินเหล้า เคยถามว่าไม่มีเสื้อตัวอื่นเหรอ มันก็บอกว่ามีอยู่สามสี่ตัว แต่ก็เป็นสีเดียวกันหมด ยี่ห้อเดียวกัน และคำตอบพี่มันก็ทำเอาผมอึ้งไปสักพักใหญ่ ไม่คิดว่ามันจะเป็นได้ขนาดนี้




ระหว่างที่ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์ พี่ดินมันก็ถามผมขึ้นมาว่าผมอยากกินอะไร


“มึงอยากกินอะไรอ่ะ”


“อะไรก็ได้”


“งั้นข้าวมันไก่ตาบื๋อม่ะ”



“ไม่เอาอ่ะ ผมเบื่อเมื่อวานเพิ่งไปกินกับพวกไอ้สิงห์มา”


“ข้าวซอยร้านป้านิด”


“เลี่ยนวะพี่ หัวกระทิทั้งนั้นเลย”


“ก๋วยเตี๋ยว”


“เบื่อเส้น”


“ข้าวหมกไก่”


“มันก็เหมือนข้าวมันไก่ไหมล่ะ”


“หมูกระทะ”


“ตลก นี่ตอนกลางวันนะ ใครเขากินหมูกระทะกัน”


“งั้นไม่ต้องแดก เดี๋ยวกูจะถีบมึงลงจากรถล่ะ”


“โธ่ ก็พี่ถามผมเอง”


“แล้วใครมันบอกว่ากินอะไรก็ได้ เด็กอะไรเรื่องมากจริง”


“งั้นก็แล้วแต่พี่ล่ะกัน”


“งั้นไปกินอาหารตามสั่ง ตรงซอยสี่”


“ก็ได้”





เพียงไม่นานรถของพี่ดินก็มาจอดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่ง พอผมเห็นด้านในก็รู้เลยว่านี่มันเป็นถิ่นใคร ถ้าไม่ใช่พวกเด็กเกษตร


“เด็กเกษตรทั้งนั้นเลย”


“ก็นี่ร้านประจำของพวกกู ป้าหมูแกให้เยอะดี”


“ถึงว่า มีแต่เด็กเกษตร”


“กินที่นี้ไม่ค่อยมีคนสนใจกู เพราะรู้จักกันหมดแล้ว”


“แล้วมาบอกให้ผมเป็นไม้กันหมาทำไม ถ้าจะมากินร้านประจำของตัวเอง”


“เลิกบ่น แล้วเดินเข้าไปได้”


พอผมกับพี่ดินเดินเข้าไปในร้านเท่านั้นแหละ เสียงแซวรอบข้างแม่งดังขึ้นเป็นระยะเลย ขนาดสาวๆที่มีอยู่น้อยนิดยังหวีดร้องให้ไอ้พี่ดินกันเบาๆ แต่ละคนหันมามองผมกับพี่เดียวเป็นตาเดียว


“อ้าวไอ้ดิน มึงไม่ได้ไปช่วยพวกไอ้เมืองในฟาร์มหลังมอเหรอวะ” คนที่ทักพี่ดินคนแรกดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่ในคณะ


“ไม่ได้ไปพี่ ปิดเทอมที่ผ่านมา ผมทำมาเยอะแล้ว”


“อ๋อ... เออกูจะถามตั้งแต่เจอมึงที่คณะล่ะ คิดไงไปเปลี่ยนตัวเองเนี่ย เจอคนที่ชอบรึไงมึง” ไอ้พี่คนนั้นหันมามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์


“พี่มากินนานยังอ่ะ” ไอ้พี่ดินมันเปลี่ยนเรื่องคุยครับ คงไม่อยากตกเป็นประเด็น


“แหมทำมาเปลี่ยนคำถาม พวกกูมากินนานแล้ว มึงก็ไปสั่งเถอะ กูไม่กวนแล้ว”


“ครับ”


แต่พอพี่มันจะพาผมไปนั่งทางโต๊ะด้านใน ระหว่างทางมันก็ถูกคนนู่นคนนี้เรียกให้หยุดคุยตลอด จนผมชักจะหงุดหงิด เลยต้องเดินนำมันเข้าไปก่อน


“เฮ้ย เด็กมึงงอนวะ”


“ก็พวกมึงชวนกูคุยอยู่ได้ ไปก่อนนะ”


“เดี๋ยวดิน คนนี้เหรอ”


“คนนี้อะไรของมึง”


“โอเคๆ ไม่พูดก็ได้ เฮ้ยเดี๋ยวมึงกินข้าวเสร็จไปเที่ยวฟาร์มดิ เมื่อเช้าพวกกูรีดนมวัวกัน แม่งโคตรอร่อย”


“ได้ เดี๋ยวกูไป”


“เออ เจอกัน พวกไอ้เมืองแม่งก็นอนเล่นอยู่ที่นั่นแหละ”


“เค”





“ทำหน้าเป็นตูดเลย สั่งไรยังอ่ะ”


“ยัง ผมรอสั่งพร้อมพี่ไง”


“งอนกูเหรอ”


“ผมจะงอนพี่ทำไม”


“ก็เห็นเดินมาก่อน”


“ผมขี้เกียจรอพี่คุยกับเพื่อนต่างหาก”


“หน้าที่ไม้กันหมา คือมึงต้องอยู่ข้างๆกู”


“แต่กับเพื่อน ไม่ต้องก็ได้มั้ง”


“ไอ้แสบเอ๊ย แล้วจะกินอะไรได้สั่งให้”


“อะไรก็ได้”


“งั้นเอาเหมือนกูนะ”


“ครับ”






พออาหารที่พี่ดินสั่งมาถูกเสิรฟ์ที่โต๊ะ ผมก็ได้แต่อึ้ง เพราะข้าวผัดกระเพราหมูกรอบไข่ดาวที่ได้มามันเยอะจนพูนจาน


“ข้าวเยอะมาก ผมจะกินหมดเหรอพี่”


“ลองกินไปก่อน ถ้าไม่หมดค่อยว่ากัน”


“ถ้าไม่หมดช่วยผมนะ”


“เออ”



พอผมตักอาหารเข้าปากคำแรกเท่านั้นแหล ฟินลืม โคตรอร่อยอ่ะ ป้าแกฝีมือดีจริงๆ ฝีมือดีจนผมกินเพลิน กินลืมตัวจนแม่งหมดจาน


“ไหนใครว่ากินไม่หมด... ไหนใครบอกต้องให้กูช่วย ใครวะ” ร่างสูงตรงหน้าแกล้งหันซ้ายหันขวา ทำเป็นมองหาใครบางคน


“ก็ผมแค่เสียดาย”


“ไอ้อ้วนเอ๊ย”


“อ้วนที่ไหน ออกจะหุ่นดี”


“หึ...นี่ยังอยากไปฟาร์มอยู่รึเปล่า ถ้าอยากกูจะได้พาไป”


“อยากดิ เพราะยังไงวันนี้ผมก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว”
   


   พี่ดินมันพาผมขี่รถไปทางฟาร์มหลังมหาลัย ตอนแรกผมก็คะยั้นคะยอให้มันพาผมไปเปลี่ยนชุดก่อนอยากแต่งตัวให้เรียบร้อย เผื่อเจออาจารย์ประจำคณะของพี่มันพวกเราจะได้ไม่โดนดุ แต่พี่มันก็ไม่ยอม พาผมขับรถมาทั้งสภาพโทรมๆแบบนี้แหละ


“ขอไปเปลี่ยนชุดก่อนก็ไม่ได้”


“จะแต่งหล่อไปไหนล่ะ กูพาไปฟาร์ม พาไปลุย ถ้ามึงเปื้อนจะได้ไม่เปลืองชุด”


และไม่นาน พี่ดินก็พาผมมาถึงฟาร์มด้านหลังมหาลัย ผมมองรอบๆอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่ามหาลัยเราจะมีแบบนี้ด้วย ด้านหน้าที่ผมยืนมองอยู่มีทั้ง สวนผลไม้ แปลงนา ไร่ข้าวโพด ทุ่งดอกไม้ แถมยังมีลานกว้างเลี้ยงวัว เลี้ยงม้าด้วย ดูไปดูมาฟาร์มแห่งนี้มีครบทุกอย่าง สมกับที่เป็นสถานที่ให้นักศึกษาได้เรียนรู้


   “เดี๋ยวไปเข้าโรงเรือนก่อน ไปเอารองเท้าบูธมาใส่”


   “อืม”


   พี่ดินหยิบรองเท้าบูธมาให้ผมใส่ แถมยังเอาหมวกสานมาสวมให้ผม พี่แกบอกผมว่าให้ผมใส่เอาไว้ เดี๋ยวพวกหมูในเล้าจะคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน  ดูพี่มันพูดได้น่าตบปากมาก เราเถียงกันอยู่พักใหญ่ ก่อนพี่มันจะพาผมเดินดูนู่นดูนี้


   “น่าเสียดายไม่ได้เอากล้องมาด้วย” ผมมองธรรมชาติที่อยู่รอบๆตัว มันร่มรื่น ดูแล้วสบายตาไปหมด

 
   “วันหลังกูพามาถ่ายใหม่ก็ได้”


   “ต้องพามานะ”


   “เออ”


   “พี่ดินนี้ลูกอะไรอ่ะ” ผมชี้ไปที่ต้นไม้ข้างทาง ที่ลำต้นมันมีลูกเล็กๆ ติดเต็มกิ่งไปหมด


   “ต้นกาแฟไง นี่ไม่เคยเห็นเหรอ”


   “ไม่เคย”


   “แล้วนู่นอ่ะ”


   “ตะลิงปลิง ลองกินได้นะ”


   “รสชาติไงอ่ะ”


   “ลองสิ จะได้รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง” พี่ดินมันเด็ดลูกสีเขียวที่มีรูปร่างเรียวๆมาให้ผม ก่อนจะจ้องมองผมกินลูกตะลิ่งปลิ่งด้วยสายตาจดจ่อ


   “อือออ!!! โอ๊ยยย เปรี้ยว ไอ้พี่ดิน พี่แกล้งผม”


   “555 ไม่ได้แกล้ง แค่อยากให้ลองกิน” พี่มันหัวเราะผมครับ หัวเราะหนักมากด้วย


   “ไม่เอาแล้ว จะกลับบ้าน”


   “โอเค ไม่งอนดิ เดี๋ยวกูให้กินอันนี้”


   “อะไรอีกอ่ะ ทำไมลูกมันแปลกๆ” ผมมองลูกดำๆ ลักษณะแปลกๆ ผิวมันตะปุ่มตะปำไม่น่ากินสักเท่าไร


   “หม่อน ลูกหม่อน อร่อยนะลองกินดิ” พี่มันยืนตรงหน้าผม ก่อนจะพยักหน้า ผมมันก็บ้าครับ พอพี่มันทำหน้าเหมือนอยากให้ผมลอง ผมก็หยิบมาลองกินจริงๆ และพอเข้าปากเท่านั้นแหละ ลูกหม่อนที่พี่ดินว่ามันก็อร่อยจริงๆ รสชาติมันเปรี้ยวอมหวาน ไอ้พี่ดินมันยังบอกอีกว่ายิ่งสีเข้มเท่าไร ลูกหม่อนยิ่งหวานเท่านั้น ผมเลยลองเด็ดสีเข้มๆมากิน ก็หวานจริงอย่างที่พี่มันว่า


“แล้วนี่อ่ะพี่ดิน” ผมจับมือพี่ดินให้หยุดเดิน ก่อนจะชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่มีลูกห้อยลงมาเหมือนลูกรักบี้


“อ๋อ บักแซว”


“บักแซว?”


“เรียกอีกอย่างว่ามะกอกน้ำ”


“อร่อยไหม”


“เปรี้ยวแถมยังฝาดด้วย ต้องเอาไปแปรรูป เอาไปดองถึงจะอร่อย”


“ผมอยากลองอ่ะ ลูกไหนสุกเหรอ”


“ถ้าสีเข้มๆอ่ะดิบ แต่ถ้าสีอ่อนๆอ่ะใกล้สุก มึงดูนะ” พี่มันคว้ามือผมมาจับไว้ แล้วลากไปที่ใต้ต้นมะกอก


“มีวิธีดูอีกอย่างคือ ถ้ามันมีลักษณะเหมือนลูกรักบี้อ่ะ มันยังดิบอยู่ ถ้าลูกไหนมันบวมๆ ดูไม่เหมือนลูกรักบี้นั่นแหละสุกล่ะ” พี่มันอธิบายให้ผมฟังอย่างตั้งใจ และผมว่านี่มันคงเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพี่ดิน  เพราะเวลามันตั้งใจทำอะไร หรือเวลามันทำอะไรที่ชอบ พี่มันดูน่ามองจนไม่อยากละสายตาไปไหนเลย


“มองมะกอกสิ มองกูทำไม” พี่ดินมันหันมามองผม เราสองคนสบตากันพอดี... บรรยากาศเดดแอร์ไปสิ แล้วหัวใจของผมมันจะเต้นแรงไปถึงไหน ร่างกายแม่งเริ่มทรยศ หน้าเริ่มร้อนใจแม่งสั่น  นี่ผมจะเขินพี่มันทำไมเนี่ย


“อ่ะ..มดติดผมพี่อ่ะ”  พอผมทำอะไรไม่ถูก ผมเลยแกล้งเปลี่ยนเรื่องเสียเลย


“เหรอ เอาออกให้กูที” พี่มันก้มหัวให้ผม


“ปล่อยมือผมก่อนสิ ผมปัดไม่ถนัด”


“ก็ข้างที่ไม่ได้จับไง”


“พี่หลอกแต๊ะอั๋งผมเหรอ”


“เปล่าสักหน่อย” พอผมพูดแบบนั้นพี่มันก็ปล่อยมือผมทันที ผมเลยรีบปัดมดให้มัน แล้วรีบเดินนำพี่มันไป


“ปัดเสร็จแล้วเหรอ!  แล้วนั่นมึงจะรีบเดินไปไหน” พี่ดินเดินตามผมมาติดๆ


“ก็ยืนอยู่เฉยๆ มันร้อนนิหน่า” ผมยกมือขึ้นมาพัดหน้าตัวเอง


“คงร้อนจริงๆ แก้มมึงแดงเป็นลูกตำลึงเลย”


 “....” พี่มันจ้องหน้าผม ผมเลยต้องหันหน้าไปทางอื่น แล้วยกมือขึ้นมาพัดหน้าตัวเองไปมาอีกครั้ง อันที่จริงผมไม่ได้ร้อนเพราะอากาศหรอก วันนี้อากาศกำลังสบายๆ แต่ผมร้อนเพราะพี่มันเนี่ยแหละ...


“ถ้าร้อนก็กลับได้นะ” พี่ดินยกมือขึ้นมาช่วยพัดหน้าผมด้วยอีกคน


“ไม่เป็นไร ผมอยากเที่ยวต่อ สนุกดี”


“งั้นเดินต่อ ไม่ต้องกินมันแล้วบักแซวอ่ะ คงโดนมันแซวมากหน้าเลยแดง”


ผมยิ้มเมื่อได้ยินพี่มันพูด คนอะไรเล่นมุขได้โคตรเป็นมิตรกับธรรมชาติมาก


ระหว่างทางที่เราเดินไปด้านใน พี่มันก็ดีนะครับแนะนำนู่นแนะนำนี่ให้ผมรู้จัก อยู่กับพี่มันผมก็รู้สึกสนุกเหมือนกัน  มีอะไรทำมากมาย ดูไม่เบื่อดี


   “เฮ้ยไอ้ดิน มาได้ไงวะ” พี่เมืองกับพี่ภูและเพื่อนในคณะตะโกนทักพี่ดิน สภาพพวกพี่เขาตอนนี้คือ เสื้อแขนยาวลายตารางกางเกงขาสั้นใส่รองเท้าบูธ  แฟชั่นสไตล์คนตัดอ้อยกันมาเลย


“เมื่อกี้เจอพี่ปีสี่กับพวกไอ้พัฒน์ มันบอกให้กูมาเที่ยวฟาร์ม เห็นว่าพวกมึงรีดนมวัวกัน”


“เออ รีดเสร็จแล้วเมื่อเช้า ลองไปชิมดิ ตรงโรงเรือนเล็กอ่ะ” ไอ้เมืองมันชี้ไปทางโรงเรือนเล็กอีกด้าน


“อ้าวฟ้า วันนี้มาเก็บข้อมูลด้วยเหรอ” พี่ภูเดินเข้ามาหาผม


“เปล่า กูชวนมันมาเที่ยวเอง”


“แล่ว แล้วววววววววววววว”


“พาน้องฟ้ามาเที่ยวในฐานะอะไรครับเพื่อน มึงก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ค่อยอนุญาตให้พาคนนอกเข้ามาเพราะแกกลัววุ่นวาย แต่ถ้าพามาในฐานะคนรู้ใจ หรือคนให้กำลังใจ อาจารย์แกยกให้เป็นกรณีพิเศษน้า” พี่เมืองมันยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วมองผมกับพี่ดินสลับกันไปมา

 
“ฐานะอะไรก็เรื่องของกู อย่าเสือก


“กูไม่ได้อยากเสือกสักหน่อย ก็แค่สนใจเรื่องมึงมากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง”


“ถ้าเขาไม่ให้คนนอกเข้ามา ทำไมพี่ดินไม่บอกผมล่ะ ผมได้ไม่มา” ผมสะกิดถามพี่ดินมัน


“พวกมันก็พูดกันเกินไป อาจารย์เขาไม่ได้ว่าอะไรหรอก อย่าไปฟังพวกไอ้เมืองมันมาก มันเพ้อเจ้อ”


“แหมมมมมมมม ทำมาเป็นว่ากู”


“เออ แล้วนั่นน้องปีหนึ่งมาทำอะไรกันวะ ถือบัวรดน้ำกันคนล่ะอัน สองอัน” พี่ดินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ผมคิดว่ามันคงไม่อยากโดนเพื่อนๆแซวมาก


“อ๋อ ก็มาเรียนรู้ทักษะเบื้องต้นทั่วไป ปลูกผักปลูกหญ้า จะไปทักทายก็ได้นะ ถ้าพวกรุ่นน้องเห็นหน้ามึงมันจะได้หายเหนื่อย”


“ไม่เอาอ่ะ วุ่นวาย”


“งั้น มึงก็ลองพาฟ้าไปกินนมดิ สดใหม่เลย เพิ่งรีดเมื่อเช้า”


“อือ ก็ว่าจะพาไปอยู่”


“เฮ้ยพาไปดูคอกหมูด้วยก็ได้นะเว้ย  วันนี้แม่หมูคอกในสุดเพิ่งออกลูก... ออกมาเป็นสิบตัวเลยมึง”


“โห่ เสียดายกูไม่ได้มาตอนมันออกลูก”


“ก็เสือกอยากพักเอง สมน้ำหน้า”


“ให้กูได้พักบ้างเห๊อะ ช่วงปิดเทอมมึงไปเที่ยวกันสนุก มีกูที่มาช่วยอาจารย์ไม่ได้หยุดเลย”


“จะบอกว่ากูขี้เกียจสินะ มึงจะไปไหนก็ไปเลยป่ะ ไม่อยากคุยล่ะ เสียเวลาทำงานกู”


“เออ! งั้นกูไปแล้ว เดี๋ยวพาไอ้หมาไปลองกินนมก่อน จะได้สูงๆกับเขาบ้าง ”


“ไม่ธรรมดานะครัชชช มีชื่อรงชื่อเรียกประจำตัวกันด้วย”


“ไอ้ห่านิก็แซวกูได้ทุกเวลา กุไปแล้ว” พูดจบพี่ดินมันก็จับมือผม แล้วพาเดินไปทางโรงเรือนด้านใน




“กีดดดดดดด ว๊ายตายแล่ววววว เขาจับมือกันแล้วววววว” ไอ้พี่ภูที่ยืนสังเกตการณ์เงียบๆ มาตลอดก็ร้องแซวผมกับพี่ดินดังลั่น ทำเอาพวกปีสามที่ทำงานกันอยู่ประมาณแปดเก้าคน เงยหน้ามามองพวกผมสองคนทันที  พอพวกพี่เขาเห็นผมปุ๊บก็ต่างพากันร้องแซวกันอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะร้องเพลงอะไรบางไม่รู้กันให้ลั่นฟาร์ม


ตอนแรกผมก็จะสะบัดมือพี่มันออก แต่พอพี่มันกระชับมือผมแน่น ผมเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย แปลกจริงๆ ตัวกู! แปลกที่ยอมพี่มัน ทั้งๆทีสมัยก่อนเป็นคนไม่ค่อยยอมใคร โอ๊ย จะบ้าตาย!


 “พี่ดิน พวกเพื่อนพี่ร้องเพลงอะไรกันอ่ะ ผมได้ยินไม่ถนัดเลย อะไรขาดเหล้าแล้วเพลีย เหล้าๆอะไรเหรอพี่ พวกพี่เขาร้องว่าอะไรกันแน่พี่”
“พวกมันร้องว่า

จะดรอปหรือไทล์ จะเอฟหรือดี ไม่เคยหน่ายหนี รีเกรดเอาซีไว้เป็นเบื้องต้น”


“555 เพลงอะไรของพี่อ่ะ” ผมหัวเราะขำ


“ลูกเกษตรศาสตร์ขาดเหล้าแล้วเพลีย

ขาดเบียร์พอทน แต่แปลกพิกลจีบคนไม่เป็น...

แต่แปลกพิกลจีบคนไม่เป็น”






 ประโยคสุดท้ายพี่มันหันมามองผม ผมเลยรีบหันไปทางอื่นแทน อยากจะบ้าตาย มึงจะดาเมจกูรุนแรงไปแล้วนะ ไอ้พี่ดิน




..................tbc...........................




ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ  :impress2:












หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 12-11-2017 14:17:27
เขินอ่ะ
อยากได้พี่ดิน
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 12-11-2017 14:57:02
จริงร๊อออ เด็กเกษตรจีบคนไม่เป็น ช่ายยยหรอค๊าาา พี่ดิน
อยากได้แบบพี่ดินสักคน 5555
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-11-2017 16:31:16
่เนียนจับมือ เนียนเรียก โอ๊ย... ดินจอมเนียน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-11-2017 23:17:10
พี่ดินโซฮอตตตตต อีกไม่นานน้องใจบางกว่านี้แน่นอนค่าาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 13-11-2017 10:10:07
กรี๊ดดด ถามจริง จีบคนไม่เป็นจริงอ่ะ
พี่ดินโม้สุดๆ ฮืออ เขิลแทนน้องฟ้า
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 13-11-2017 21:08:43
พี่ดินทรงคือเด้อออ ทำมาเป็นนนนน  :o8:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-11-2017 23:37:08
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 14-11-2017 00:08:12
แซวกันเยอะๆ ชงเยอะๆเลยยย เขาจะได้เป็นแฟนกันเร็วๆ 55555
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 4 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-11-2017 15:57:11
 :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 5 [14/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 14-11-2017 22:02:00
ตอนที่ 5



            หลังจากที่ได้ไปเที่ยวฟาร์มกับพี่ดินวันนั้น ผมก็ไม่ได้เจอหน้าคาตาพี่ดินมันอีกเลย หยุดทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาให้พี่มันเกือบเป็นอาทิตย์ เพราะว่าตัวเองดันถูกเรียกให้ไปแสดงละครเวทีของคณะเสียนี่ ผมไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นพระเอกนะครับ คนเป็นพระเอกไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเดือนวิศวะปีสามอย่างไอ้พี่ลมมัน ทั้งๆที่บทนี้ควรตกเป็นของพี่ดิน แต่ผมพูดเกลี้ยกล่อมมันยังไงมันก็ไม่ยอม เอาแต่บ่นว่าให้กูไปทำนายังง่ายกว่าไปเล่นละครของมึงอีก ผมเลยต้องปล่อยพี่มันกลับคืนสู่ธรรมชาติของมันไป ไม่อยากเอามันมาทรมาน


ส่วนผมได้รับบทเป็น เทวดาที่คอยช่วยเหลือพระเอก แถมยังเป็นเทวดาที่ดันมาตกหลุมรักพระเอกอีกด้วย อยากจะปาบททิ้งตั้งแต่วันแรกที่ได้อ่าน เทวดาบ้าอะไรมารักกับมนุษย์ และ นี่มันเลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พี่ลมมันเต็มใจที่จะเล่นบทพระเอก ทั้งๆที่ตอนแรกมันก็ไม่ยอมรับเล่นละครเวทีเหมือนกับไอ้พี่ดิน เห็นมันบอกว่าเสียเวลาแต่งรถ แต่พอรู้ว่าผมเล่น มันเลยตอบตกลงทันที 


พอเลือกนักแสดงได้ทั้งหมด พวกพี่ในคณะก็เก็บตัวนักแสดงอย่างพวกผมให้มาทำกิจกรรมร่วมกัน และฝึกการแสดงเบื้องต้น เพราะพวกพี่เขาอยากให้นักแสดงแต่ละคนได้สนิทกัน และมีทักษะการแสดงขึ้นมาบ้าง แถมตอนถูกเก็บตัว นักแสดงแต่ละคนก็ถูกแปลงโฉมให้เหมือนในตัวละครที่ตัวเองได้รับบทมากที่สุดเสียอีก


พี่ลมมันถูกตัดผมสไตล์อันเดอร์คัต คือไถด้านข้างทั้งสองให้สั้นลง แล้วจัดทรงแค่ตรงกลาง พอแปลงโฉมพี่มันเสร็จ พวกนักแสดงหรือพวกเบื้องหลังที่เป็นสาวๆ ก็หวีดมันกันยกใหญ่ แต่ละคนแทบจะคลานเข่าเข้าไปหามัน ส่วนผมที่เป็นเทวดา ไม่ได้ถูกแปลงโฉมอะไรมากมาย แค่ถูกพวกพี่มันย้อมผมให้เป็นสีชมพูพาสเทลห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้ ไม่เห็นชอบเลย โดนพวกเพื่อนพวกพี่ในคณะมาขอถ่ายรูปไปตั้งเยอะเพราะสีผมบ้าๆนี่ แถมไอ้พี่ลมก็มาขอเซลฟี่ด้วย แถมยังเอาไปตั้งหน้าจอไม่ถามความสมัครใจจากเขาเลยสักคำ เห็นมันบอกว่าสีนี้ทำแล้วน่ารักจนไม่อยากให้ใครเห็น อยากขังไว้ที่บ้านไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ดูพี่มันพูด โคตรโรคจิต


 “ไอ้ฟ้าจำบทได้บ้างยัง” ไอ้สิงห์เดินมานั่งข้างผมที่โต๊ะม้านั่งด้านหน้าคณะ ดีที่เวลานี่ไม่มีคนเหลือแล้ว พวกผมจะโวกเวกโวยวายดังเท่าไรก็ไม่มีใครด่า นอกจากพวกพี่ๆที่อยู่ด้านใน และไม่นานไอ้เต๋าก็ตามมานั่งด้วยกันกับพวกผม พร้อมหิ้วถุงขนมมาเต็มไม้เต็มมือ


“ก็พอจำได้ สิงห์กี่โมงแล้ววะ”


"สามทุ่มกว่า"


"แต๊งกิ้ว"


“ดึกแล้วมึงกินไรยัง เอ้าแดกซะกูซื้อมาให้มึงกิน” ไอ้เต๋าวางขนมไว้ตรงหน้าผม


“กูกินแล้วพวกมึงกินเถอะ ช่วงนี้กูกินเยอะไม่ได้ พี่เขาห้าม”


“ไว้หุ่นว่างั้น” ไอ้เต๋ายิ้ม ก่อนจะหยิบพวกลูกชิ้นหรือขนมที่มันซื้อมาเข้าปาก ไอ้เพื่อนเวรมันกินแบบไม่เกรงใจกระเพาะผมเลย ไอ้เต๋ามันแปลกคนครับ แดกอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมด อย่างพวกอาหารง่ายๆอย่างข้าวผัดกระเพราะหมูสับที่เป็นอาหารสิ้นคิดสำหรับผม แต่พอไอ้เต๋ามันแดกเท่านั้นแหละ ไอ้เหี้ยโคตรน่าแดก ผมว่าผมจะอ้วนก็เพราะมีเพื่อนแบบมัน


“นี่มึงต้องซ้อมถึงกี่โมงวะ”


“สักห้าทุ่มคงได้กลับละ แล้วพวกมึงไม่ได้ไปช่วยงานเบื้องหลังเหรอวะ”


“ช่วยดิ พวกกูไปช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ทำฉากนู่นนี่ ถ่ายภาพเก็บงานธรรมดาๆ พวกพี่เขาคงไม่กล้าให้พวกปีสองอย่างพวกกูทำอะไรเยอะหรอก เดี๋ยวล้มไม่เป็นท่ากันพอดี”


“เออ ก็จริงมึงมันกาก”


“เดี๋ยวกูถีบล้ม เออช่วงนี้พวกพี่ๆเด็กเกษตรถามหามึงด้วย มันบอกไม่เห็นมึงอยู่บ้านเลย” ไอ้สิงห์ยังพูดต่อ


“แล้วมึงได้บอกพวกพี่มันไปป่ะ ว่ากูมาเล่นละครเวที”


“บอก เห็นพวกมันบอกว่าจะซื้อบัตรมาดูด้วย”


“ก็ดี  ให้พวกพี่มันออกมาดูโลกภายนอกกันบ้างว่าเปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว อย่ามั่วอยู่แต่ในถ้ำ”


“ปากมึงนี่หน่า!...  ไอ้พี่ดินตอนนี้แม่งก็ฮอตใหญ่ เมื่อวานกูไปเก็บข้อมูลที่คณะเกษตรกับไอ้เต๋าสองคน ไปเจอไอ้พี่ดินมันกับกิ๊กพอดี”


“กิ๊ก?”


“ดาวคันไถที่พี่เมืองเคยเล่าให้ฟังไง พี่บุญเจิมอ่ะ”


“อ๋อ เป็นไง ดาวเกษตรสวยม่ะ”


“อย่างแจ่ม ใครบอกเด็กเกษตรไม่สวยมาตบหัวกุได้เลย” คราวนี้ไอ้เต๋าเป็นคนแย่งไอ้สิงห์ตอบ ก่อนที่มันจะก้มหน้าก้มตาแดกขนมในมือมันต่อ


“สวยจริง แถมนิสัยดีด้วย แต่ห้าวไปหน่อย กูไปนั่งคุยนั่งสัมภาษณ์พี่เข้าอยู่นานเลย พี่เจิมแกเล่าที่มาของชื่อให้ฟังด้วยอย่างฮา”


“ขนาดนั้นเลย”


“เออ กูล่ะอยากจะพามึงไปเจอ แต่พี่เขาบอกว่าเขาเรียนสาขากีฏวิทยาไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไร นานๆจะเดินออกมาเฉิดฉาย”


“สาขากีฏวิทยาคืออะไรวะ?”


“เป็นสาขาที่ศึกษาเกี่ยวกับแมลง การจัดการศัตรูพืช อะไรแบบนั้น”


“อ๋อ”


“กูไปหาข้อมูลคราวนี้ กูรู้เรื่องคณะพี่มันขึ้นเยอะ แถมพวกพี่แม่งนิสัยดีอัธยาศัยดีเกือบทุกคน”


“หลงรักเด็กเกษตรเลยอ่ะดิ” ผมถามมัน


“อือ แต่คงไม่ใช่กูคนเดียว เพราะได้ข่าวว่าเพื่อนกูบางคนโดนเด็กเกษตรหิ้วไปไหนต่อไหน คงจะตกหลุมรักเด็กเกษตรไม่ต่างจากกู” ไอ้สิงห์หรี่ตามองผมอย่างจับผิด ก่อนจะยิ้มเหมือนไปรู้อะไรมา


“อะ...อะไรของมึง”


“ไอ้พวกพี่ภูมันแอบบอกกูว่า วันนั้นพี่ดินพามึงไปเที่ยวฟาร์มมาด้วย”


“ก็ไปเที่ยวธรรมดา”


“ธรรมดาแน่เหร๊อออ” ไอ้สิงห์ทำเสียงสูงใส่ผม แม่งโคตรน่าถีบอ่ะ


“อะไรของมึง อย่ามาแซวกู กูจะอ่านบทแล้ว”


“โอเคๆ กุไม่กวนก็ดะ”


“เออกูลืมบอกมึง  ปลายปีคณะเกษตรมีงานนะเว้ย เห็นว่าไม่ได้จัดงานมานานมากแล้ว ปีนี้เขาเลยจัดงานเกษตรแฟร์ขึ้นมาฉลองครบสี่สิบปีของคณะ” 


“เหรอ”


“วันนั้นที่กูไป กูเห็นสาขาส่งเสริมและเผยแพร่การเกษตรที่พวกพี่ดินอยู่ มันเอารถไถรถตักออกมาเช็คมาซ่อมกันด้วย”


“มึงนิดูตื่นเต้นกับคณะเกษตรจริงๆเลยนะ” ผมหันไปมองไอ้สิงห์ที่มันยังเล่าถึงคณะเกษตรอย่างออกรสออกชาติแบบไม่มีหยุด


“ก็กูว่าพวกพี่แม่งเท่ห์กันจริงๆ ยิ่งไอ้พี่ดิน พอมันเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขนาดกูเป็นผู้ชายกูยังมองว่ามันหล่อเลย ทำห่าอะไรก็หล่อไปหมด”


“มึงก็เว่อร์”


“กูไม่ได้เว่อร์ เดี๋ยวกูให้ดูรูปในโทรศัพท์กูเลย” ไอ้สิงห์หยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมาเปิดรูปให้ผมดู พี่ดินในมือถือของไอ้สิงห์ดูหล่ออย่างที่มันว่าไว้จริงๆ อีกฝ่ายแค่ใส่เสื้อช็อปกับกางเกงยีนส์ขาดๆ แล้วเซ็ตผมขึ้นนิดๆหน่อยๆ ก็หล่อน่ามองแล้ว


“เออ ก็หล่อดี”


“ช่ะ พวกพี่เมืองมันจับไอ้พี่ดินเซตผม วันนั้นทั้งวันนะ เดินไปทางไหนก็โดนพวกสาวๆ เหลียวมอง”


 “เออ ก็หล่อ”


“ใช่ป่ะ”


“เออ”


“หล่อเนอะ”


“ไอ้สิงห์มึงไซโคพี่ดินกับกูจัง แปลกๆนะมึงเนี่ย คงไม่ได้เอากูไปขายอีกแล้วใช่ไหม”


“เปล๊า!” ไอ้สิงห์เสียงสูง


“ไอ้สิงห์ มึงกำลังปิดบังอะไรกู”


“บอกมันไปสิเพื่อนสิงห์ ว่ามึงได้อะไรจากพวกพี่เมืองไปบ้าง” คราวนี้ไอ้เต๋าเป็นคนพูดขึ้น


“กูจะได้อะไร กูไม่ได้อะไรเลย กูก็แค่อยากให้ฟ้ามันเห็นว่าพี่คณะเกษตรมันนิสัยดี”


“ไอ้สิงห์ไม่เนียน มึงกำลังแสดง” ผมชี้หน้ามัน พยายามคาดคั้นคำตอบ “มึงได้อะไรจากพวกพี่มัน”


“ไม่ได้เล๊ยยยย”


“รองเท้าคอนเวิร์สรุ่นมูนวอล์ค” เป็นไอ้เต๋าที่ตอบขึ้นมาอีกครั้ง


“ไอ้สัสเต๋า” ไอ้สิงห์ด่า


“กูเห็นมึงเถียงกันนานกูเลย บอกให้ไง”


“อ๋อ ยังงี้นี่เอง มึงถึงเชียร์ไอ้พี่ดินจัง”


“พี่ดินไม่ได้ให้กู พี่เมืองต่างหาก”


“มึงนิมันร้ายนะไอ้สิงห์”


“ก็นิดนึงอ่ะมึง รุ่นนั้นมันเท่ห์นะเว้ย ไมเคิลออกแบบเลยนะ พอดีกูอยากได้มานานแล้วมึงอย่าโกรธกูนะฟ้า”


“กูชินล่ะ พวกมึงขายกูตลอดอ่ะ”


“ก็มีเพื่อนน่ารักแบบนี้ไง พวกกูถึงได้ดิบได้ดีเสมอ แต่คราวนี้กูเชียร์ไอ้พี่ดินจริงๆนะ พี่มันแม่งนิสัยดี”


“เสียอย่างเดียวกากไปนิด” ไอ้เต๋าพูดแทรก


“เดี๋ยวๆ เพื่อนเต๋าพูดแบบนี้ มึงคง...”


“กูเอฟซีพี่ลม”


“ชัดเจน!!!”


“ไอ้ฟ้ามึงดูนิ พี่ดินแม่งกากโคตร มึงอย่าเอาไปทำแฟนนะเว้ย” ไอ้เต๋าหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาเปิดคลิปที่อัดพวกพี่ๆเกษตรไว้ ในคลิปมีพวกพี่เมืองพี่ภูและพี่ๆในคณะเกษตรกำลังทำอาหารกันอยู่ท้ายแปลงนา


[เฮ้ย เมืองให้กูช่วยทำอะไรไหมอ่ะ]


เสียงพี่ดินดังขึ้นมาจากโทรศัพท์


[มึงไม่ต้องทำ มึงรอแดกอย่างเดียว]


[กูว่างกูอยากทำด้วย]


[เดี๋ยวมึงเผาคณะ พวกกูจะซวย]


[โธ่ เชื่อฝีมือกูดิ กูโตแล้ว]


[เออๆ งั้นมึงไปย่างคอหมูไป ย่างบนฟอยนะ]


[โอเค]



สิ้นเสียงพี่ดิน ผมก็เห็นพี่มันเดินยิ้มอารมณ์ดีไปทางเตาถ่าน มันเอาตะแกรงวางก่อนจะเอาฟอยวางทับ แล้วถึงเอาคอหมูมาย่าง ดูไปดูมาพี่มันก็ทำครัวคล่องดีนิ ผมดูคลิปไปเรื่อยๆ พอไม่เห็นมีอะไรแปลก เลยเงยหน้ามองไอ้เต๋าอย่างไม่เข้าใจ


“ไม่เห็นมีไรเลย”


“มึงดูก่อน”


ผมก้มลงไปดูอีกครั้ง คราวนี้ในคลิปของไอ้เต๋า ไอ้เพื่อนบ้ามันซูมไปที่พี่ดินคนเดียว ผมเห็นพี่มันกระโดดเหยงๆ หลบเปลวไฟที่มันกระเด็นออกมา เดี๋ยวยกมือยกไม้ลูบแขนที่โดนสะเก็ดไฟ พอเห็นพี่มันทำท่าทางแบบนั้นผมว่ามันก็น่ารักแถมตลกดีด้วย ดูไปสักพักผมก็เห็นพี่มันโวยวาย ไฟแม่งเริ่มไหม้ฟอย ไอ้พี่ดินมันรีบเอาที่คีบมาดึงฟอยออก แล้วทิ้งลงข้างๆดงหญ้า คราวนี้ละบรรลัยกันใหญ่


เสียงโวยวายดังลั่นคลิป ทั้งเสียงไอ้พี่ดิน พี่เมือง พี่ภู และคนอื่นๆ ไม่เว้นแต่เสียงไอ้สิงห์ไอ้เต๋า ภาพแม่งเบลอไปตั้งแต่ไฟไหม้ดงหญ้าแล้วลามอย่างรวดเร็ว


[ไอ้เหี้ยดินนนนนนนนนนน มึงจะเผามหาลัยเหรอวะ]


[ไฟไหม้ ช่วยด้วยไฟไหม้!!!]


[เอาน้ำมา พวกมึงหาน้ำมาเร็ววววววว]


[โอ้เมื่อไฟ ไฟ ไฟ ลุกขึ้นแจ่มจ้า]


[ไอ้สัสเลิกเล่น หาน้ำมา!!!!]



แล้วภาพก็ตัดไปท่ามกลางความโกลาหน ผมเงยหน้ามองไอ้เต๋าอีกครั้ง


“กูรู้ว่าพี่มันไม่เก่งด้านงานครัว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้”


“พี่ดินไม่เก่งไม่พอ แม่งโคตรจะกากด้วย”


“อืม ตลกดี”


“ฟ้าถ้ามึงมีแฟนทั้งที เลือกที่ไม่กากแบบพี่ลมดิกูเชียร์ เท่ห์ หล่อ แต่งรถเก่ง เทคแคร์ดี แถมเป็นถึงเดือนวิศวะ โคตรเพอร์เฟค”


“อย่าๆ มึงอย่าขายให้มากไอ้เต๋า... ไอ้ฟ้าพี่ดินสิของจริง หล่อ ใจดี สปอร์ต เกษตรศาสตร์”


“กาก” ไอ้เต๋าเถียงขึ้นมาทันที


“มึงอย่ามาบลัฟกันเพราะอะไรแบบนี้ได้ไหม กูไม่ชอบ” ผมยกมือห้ามไม่ให้พวกมันเถียงกัน


“โอเคๆ แต่อยากให้มึงพิจารณานะเพื่อน ไหนๆก็โสดมานานแล้ว หาสาวๆไม่ได้ก็ควงหนุ่มหล่อไปเลย กุเชียร์”


“โว๊ะ พอเลิกพูด กูไม่สนใจใครทั้งนั้นแหละ” สิ้นเสียงผมไอ้สิงห์ก็แอบถ่ายรูปผมแล้วกดอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ จนผมต้องชะเง้อไปดู “ไอ้สิงห์มึงทำอะไรกับรูปกู”


“กูแค่ส่งไปให้พวกพี่มัน เนี่ยมันไลน์มาว่าคิดถึงน้องฟ้า”


“เดี๋ยวนี้มึงมีไลน์พวกพี่มันด้วยเหรอวะ”


“มีดิ ตั้งกรุ๊ปไลน์กันด้วย ก็ขอพวกมันมาเวลาทำงานจะได้คุยกันง่ายๆ นัดกันง่ายๆ ฟ้ามึงจะเข้าไหม”


“ไม่เอาอ่ะ ช่วงนี้กูคงไม่ได้คุยอะไรกับใครอยู่แล้ว แล้วนั่นมึงพิมพ์ไปว่าอะไรของมึง”


“น้องฟ้าคนน่ารัก กำลังหิว” ไอ้สิงห์พิมพ์ตอบพี่มันไป


“ใครบอกว่ากูหิว!”


“เฮ้ย พี่มันส่งรูปขวดนมมาด้วยวะ” ผมมองรูปในโทรศัพท์ มันเป็นรูปนมที่อยู่ในขวดแก้ว ถูกแช่ในถังน้ำแข็งเยอะแยะไปหมด แถมมีหลายสีหลายรส โคตรน่ากิน


“โคตรน่าแดก” ไอ้เต๋ามองโทรศัพท์ตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้นมา 


“ได้ข่าวว่ามึงเคยกิน” ไอ้สิงห์หันมาถามผม


“ไม่เคยเลย วันนั้นที่พี่ดินพาไป เขายังไม่ได้ต้มฆ่าเชื้อพี่ดินเลยไม่ยอมให้กูกิน แต่พี่มันแม่งแดกเอาแดกเอา”


“อ้าวทำไมอ่ะ”


“มันบอกว่าตามสุขลักษณะของกิน น้ำนมดิบที่ยังไม่ได้ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนเขาห้ามกิน เดี๋ยวท้องเสียขึ้นมามันไม่รับผิดชอบ”


“แต่พี่มันแดก”


“เออ  มันบอกว่ามันแกร่งมันไม่มีทางเป็นอะไร แถมพูดเย้ยกูด้วยว่าน้ำนมสดแม่งโคตรอร่อย แต่พอกูขอกินก็ไม่ให้กูกิน กลัวว่ากูจะท้องสงท้องเสีย”


“เฮ้ยพวกมึง พี่มันตอบมาว่าอยากกินไหม” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาไม่ทันไร เพื่อนสิงห์ตัวแสบก็ตอบตกลงแถมบอกสถานที่ให้เสร็จสรรพ

 
“ไอ้ห่าสิงห์ มึงทำอะไรเนี่ย” ผมด่าเพื่อนตัวแสบ


“ก็กูอยากกิน”


“เอากูไปอ้างอีกล่ะ”


“พี่มันบอกว่า กำลังให้เด็กส่งนมเอามาให้ อีกห้านาทีถึง”


“งั้นมึงรอแดกไป กูเข้าไปข้างในดีกว่า” ผมจะลุกขึ้นแต่ดันถูกไอ้สิงห์ดึงให้นั่งลงตามเดิม


“เฮ้ยอย่างเพิ่งดิเพื่อนฟ้า พวกพี่เขาให้พักตั้งครึ่งชั่วโมงมึงจะรีบไปไหน”


“ก็นี่จะครึ่งชั่วโมงแล้ว”


“รอแปบ อีกห้านาที แต่เดี๋ยวพวกกูมา มึงรอรับนมให้กูด้วย” ไอ้สิงห์ลุกขึ้นยืนก่อนจะพยักหน้าให้เต๋าไปด้วย ตอนแรกไอ้เต๋ามันจะไม่ไป แต่ไอ้สิงห์มันทำปากขมุบขมิบ ไอ้เต๋าเลยต้องยอม


“ไอ้สัด พวกมึงจะไปไหนเนี่ย”


“ไปเยี่ยว แปบเดียวเดี๋ยวกูมา”


“ปวดพร้อมกันเลยรึไง ไม่มีพิรุธเลยนะพวกมึง”


“เออๆ รอไปเถอะน่า”



   ระหว่างที่รอ ผมนั่งอ่านบทละครต่อ อ่านและพยายามอินกับบทจนลืมสิ่งรอบตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ขวดนมสี่ห้าขวดวางลงตรงหน้า พร้อมกับใครบางคนที่ผมไม่ได้เจอมาเป็นอาทิตย์


   “พี่ดิน” คนถูกเรียกนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม อีกฝ่ายจ้องหน้าผมเขม็ง เอาสิจ้องมาจ้องกลับไม่โกง


   “มึงทำผมสีอะไรของมึง นี่มึงเล่นเป็นคนแก่เหรอ”


   “บ้าดิ ผมเล่นเป็นเทวดา”


   “เทวดาไว้ผมหงอก?”


   “หงอกบ้านพี่สิ ผมสีชมพู ชมพูพาสเทลรู้จักไหม ไม่ได้ขาวสักหน่อย” ผมจ้องหน้าพี่ดิน ไม่ได้เจอหน้ากันอาทิตย์หนึ่งหนวดเครามันเริ่มขึ้นมานิดนึง ก็ดูหล่อไปอีกแบบดี น่าอิจฉาอยากมีหนวดแบบนั้นบ้าง แต่ไม่รู้ทำไมร่างกายแม่งทรยศ หนวดไม่ค่อยขึ้นเหมือนคนอื่นเขา ต้องใช้เวลานานกว่ามันจะออกมาสักเส้นสองเส้น


“แดกดิ เห็นเพื่อนมึงบอกว่าหิว”


“ไอ้พวกนั้นมันแกล้งพี่อ่ะดิ ผมไม่หิวหรอก กินตอนนี้เดี๋ยวอ้วนกันพอดี”


“นิพวกมึงให้กูรีบมาเพราะว่ามึงแกล้งกูหรอ!!!” ไอ้พี่ดินมันยกมือขึ้นมาหักนิ้วดังกร๊อบๆ แถมยังมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง


“เปล่าๆ กินก็ได้ ทำไมต้องดุด้วยน่ากลัววะ” ผมหยิบขวดนมขึ้นมาเปิด แต่พอบิดฝาเท่าไรแม่งมันก็เปิดไม่ออก จนพี่ดินมันต้องแย่งเอาไปเปิดให้


“เรี่ยวแรงก็ไม่มี มึงควรแดกเยอะๆนะ”


“ช่วงนี้ผมกำลังไว้หุ่น” ผมรับขวดนมจากพี่ดินมาดื่ม “เชี่ย! โคตรอร่อยอ่ะ”


“อร่อยอยู่แล้ว นมคณะกูสดใหม่ยังไงก็ต้องอร่อย อยากลองรสอื่นไหม”


“อยากแต่กลัวกินไม่หมด”


“ก็ดี ไม่กินทิ้งกินขว้างดีที่สุด นมที่เหลือก็เอาไปให้เพื่อนๆมึงล่ะกัน”


“ครับ”


“แล้วนี่ต้องซ้อมต่อ หรือกลับบ้านเลย”


“ซ้อมต่อสิ โคตรน่าเบื่อ กลัวว่าตัวเองจะแสดงออกมาได้ไม่ดี” ผมฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เส้นผมของตัวเอง


“ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วผลมันจะออกมาดีเอง” พี่ดินลูบศีรษะผมสองสามที ก่อนจะชักมือกลับ ไอ้พี่บ้ามันทำผมใจเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว อยากจะบ้าตาย ระหว่างที่ผมกำลังหยิบนมขึ้นมาดื่มอยู่เงียบๆ ผมก็แอบมองพี่ดินที่มันกำลังอ่านบทละครเวทีของผมอย่างตั้งใจ แต่พออ่านไปได้สักพักพี่มันก็ขมวดคิ้วยุ่งดูเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง


“มีฉากหอมแก้มด้วย!!!”



“อือ”


“กับไอ้ลม!!!”


“อือ”


“บทเหี้ยอะไรเนี่ย เป็นเทวดาบ้าอะไรให้ผู้ชายหอมแก้ม”


“ผมไม่ได้เขียนสักหน่อย แถมในบทมันแค่เฉียดๆ”


“กุอยากเห็นหน้าคนเขียนบทจริงๆ” พี่มันบ่นงึมงำแล้วอ่านบทละครผมต่อ “เทวดาห่าอะไรหลงรักมนุษย์ แล้วมีฉากจูบด้วย! ทำไมต้องจูบ จูบเพื่อ”


“พี่เขาบอกว่าไม่ได้จูบจริง”


“บ้าไปแล้ว เลิกเล่นเห๊อะ!”


“เลิกได้ไงล่ะ ละครของคณะ”


“มึงยอมได้เหรอ ให้ผู้ชายจูบ ไหนว่าไม่ชอบผู้ชายจะหาเมียก่อนไง”


“ไม่ได้จูบจริงสักหน่อย”


“รู้งี้กูเล่นเองก็ดีหรอก” พี่ดินมันบ่นงึมงำ


“ห๊ะ พี่พูดว่ายังไงนะ”


“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร”


“เอาบทคืนมา ผมจะไปแล้ว” ผมดึงบทจากมือพี่ดิน ก่อนจะลุกขึ้นยืน


“เอานมไปด้วย ไปแจกให้เพื่อนมึงกิน”


“ครับ ขอบคุณสำหรับนมมากๆครับ”  ผมโค้งให้พี่มันนิดนึง


“เลิกกี่โมง”


“ทำไม พี่จะมารับผมเหรอ”


“เออ”


“เฮ้ยไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกลับกับเพื่อนก็ได้ ไอ้พี่ลมก็อยู่”


“ไหนว่าไม่อยากให้ไอ้ลมมันจีบ แล้วจะกลับกับมันทำไม”


“ก็ทางเดียวกัน”


“เออ! แล้วใครหน้าไหนบอกว่าจะเป็นไม้กันหมาให้กู!”


“ดึกดื่นแล้วยังต้องเป็นไม้กันหมาอีกเหรอ”


“ก็คืนนี้กูจะไปซื้อขนมแดก กูเลยต้องการไม้กันหมา!”


“แล้วทำไมต้องเกรี้ยวกราด แปลกคน!”


“เลิกกี่โมง”


“ประมาณห้าทุ่ม”


“ห้าทุ่มเท่าไร เดี๋ยวกูมารับไม่ถูก”


“เห๊อะ อะไรของพี่เนี่ย” ผมมองหน้าไอ้พี่ดินด้วยความไม่เข้าใจ มันเป็นอะไรของมันอยู่ดีๆก็ทำตัวน่า...


“งั้นเอาโทรศัพท์มึงมา แล้วมึงก็โทรมาหากู เดี๋ยวกูได้ออกมารับ”


“จะออกจากบ้านมารับทำไมอีกเสียเวลา”


“กูไม่ได้ออกจากบ้าน กูจะไปทำงานที่คณะต่อ”


“ก็ได้ ก็ได้!” ผมยื่นโทรศัพท์ให้พี่มัน พี่มันรับไปแล้วกดเบอร์โทรศัพท์มาให้ ดูๆ ดูมันกดโทรออกด้วย มันคงกลัวผมไม่ไปด้วยแน่ๆ


“อย่าลืมโทรมา เดี๋ยวกูมารับ”


“รู้แล้วน้า เดี๋ยวเลิกแล้วจะรีบโทรไปเลย ถ้าไม่รับจะโทรซ้ำๆเป็นร้อยสายให้พี่แม่งรำคาญเลยคอยดู”


“ดี... อีกอย่างถ้ามึงเล่นไม่ได้ ก็เลิกๆมันไปซะ ไอ้ละครเวทีบ้าๆนั่นอ่ะ”


“เอ๊ะ เมื่อกี้พี่ยังบอกให้ผมทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดอยู่เลย เป็นอะไรป่ะเนี่ย”


“บทไม่ได้เรื่อง”


“กลับไปได้แล้วป่ะ หงุดหงิดอะไรก็ไม่รู้ ผมสิต้องหงุดหงิดที่อาจจะต้องเสียจูบแรกให้พี่ลม”


“ดะ เดี๋ยว เมื่อกี้มึงบอกว่าจูบแรกเหรอ!” ไอ้พี่ดินมันตะโกนใส่หน้าผม เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง


“อะ.. เออดิ ไปแล้วนะแล้วเจอกัน” ผมตอบพี่มันกลับ แล้วเดินหันหลังเข้าคณะด้วยความหงุดหงิด แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ไอ้พี่ดินก็เดินมาคว้าแขนผมไว้ แล้วดึงให้ผมหันกลับไปหามัน ก่อนจะคว้าต้นคอผมแล้วดึงผมเข้าไปจูบ ช่วงเวลานั้นเหมือนทุกสิ่งรอบตัวแม่งหยุดนิ่ง จูบไอ้พี่ดินไม่ได้จาบจ้วงรุกล้ำ แต่ริมฝีปากเราแตะกันธรรมดา แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจของผมถึงได้เต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมาจากอกเสียให้ได้


 “จูบแรกของมึงเป็นกูดีกว่า อย่าให้ไอ้ลมมันเลย” พูดจบไอ้พี่ดินก็เดินออกไปที่ลานจอดรถทันที ปล่อยให้ผมได้แต่ยืนอึ้งกับการกระทำอันรวดเร็วของพี่มัน โอ๊ยยยยย! กูอยากจะหายตัวไปจากโลกนี้ จะบ้าตาย ไอ้หัวใจนี่อีกมึงควรจะหยุดเต้นสักทีกูเจ็บไปหมดแล้ว พอทำอะไรไม่ถูก ผมก็ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแม่งเลย ไม่คงไม่คีพลุคอะไรแล้ว เหตุการณ์เมื่อกี้ใช่ฝันไม่วะ จูบแรกของมึงเป็นของผู้ชายนะไอ้ฟ้า ผู้ชาย!!!!!








“กูไปแปบเดี๋ยวมึงโดนพี่ดินบี้ปากหน้าคณะเลยเหรอวะ ดีนะไม่มีคนไม่งั้นพรุ่งนี้แม่งเป็นข่าวใหญ่แน่” ไอ้สิงห์เดินออกมานั่งยองๆข้างๆผม


“ไอ้เหี้ย มึงยอมพี่ดินได้ไงวะ ทุกทีกูเห็นมึงไม่เคยยอมใคร” ไอ้เต๋าเดินมานั่งข้างๆผมอีกคน


“กะ.. กูไม่ได้ยอม แต่พี่มัน”


“ไม่ยอมห่าอะไร หน้าเนอหูเหอแดงไปหมดแล้ว”


“ไอ้ฟ้า พี่ดินมันบังคับมึงใช่ไหม เดี๋ยวกูจะไปกระทืบมันให้” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาอีก


“มึงก็ว่าไปนั่น พี่มันจะบังคับทำไม ดูหน้าตามันออกจะเขินพี่ดินซะขนาดนั้น”


“แต่...”


“เลิก เลิกพูด กูจะไปซ้อมละครต่อแล้ว ส่วนนี่นมเอาไปแดกเลยอยากแดกนักนิ เอาไปเลย!!!” ผมส่งถุงนมให้ไอ้สิงห์ ก่อนจะเดินกลับเข้าคณะไป ต่อไปนี้ผมไม่มีหน้าไปเจอพี่มันแล้ว ไอ้บ้าพี่ดิน ไอ้พี่ดินคนเลว กล้ายังไงมาพรากจูบแรกของผมไป


ผมยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ตอนนี้ยังรู้สึกถึงสัมผัสของพี่ดินมันยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งๆที่เป็นจูบธรรมดาๆไม่ได้จาบจ้วง แต่ทำเอาผมเขินจนไปไม่เป็น เล่นเอาซ้อมละครไม่ได้ โดนพวกพี่ด่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนพวกพี่เขาต้องยกเลิกการซ้อมก่อนเวลา เพราะผมดันทำตัวเงอะๆงะตลอดการแสดง











“ฟ้า วันนี้เป็นอะไรไป ไม่สบายรึเปล่า” พี่ลมเดินมาหาผม ก่อนจะยกมือขึ้นมาแนบหน้าผากผมเบาๆ


“เปล่าพี่”


“งั้นกลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวกลับกับพี่”


“เออ..คือ”


“มาเถอะ บ้านใกล้กันไปด้วยกันเลย”


“แต่..” ผมยังพูดไม่จบไอ้พี่ลมก็คว้ามือผม พาเดินออกไปทางหน้าคณะ และทันทีที่เดินมาถึงลานจอดรถ ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใครบางคนยืนรอผมอยู่ ไอ้ผู้ชายที่ได้ชื่อว่า เป็นโจรขโมยจูบแรกของผมไป



“อ้าว ไอ้ดินมึงมาทำไม” พี่ลมถามเพื่อนข้างบ้านด้วยความสงสัย


“กูมารับมัน” พี่มันมองหน้าผม ก่อนจะเหล่มองมือของผมที่ถูกไอ้พี่ลมจับไว้ด้วยสีหน้าที่โคตรจะไม่พอใจ


“มารับทำไม น้องมันกลับกับกู”


“กูมีนัดกับมัน”


“จริงเหรอฟ้า”


“คือ”


“ฟ้า” พี่ดินพูดชื่อผมออกมา ร้อยวันพันปีมันไม่เคยเรียกชื่อผมเลย พอวันนี้มันเรียกชื่อผม ทำเอาใจผมตุ๊ดไปอีก ระทวยเพราะเสียงมันเข้าไปอีก


“จะ..จริงครับ”


“เหรอ งั้นก็กลับดีๆนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน” พี่ลมปล่อยมือ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของผมเบาๆ ผมเห็นพี่มันสองคนมองหน้ากันเหมือนกำลังท้าทายกันอยู่ ไม่นานไอ้พี่ดินก็เดินมาหาผม แล้วคว้ามือผมให้เดินตามมันไปขึ้นรถยามาฮ่าคันเก่าของมัน ก่อนจะพาผมขี่ออกไป






“ทำไมใจง่ายยอมให้มันจับมือ”


“อยู่ๆ พี่เขาคว้าไปจับเอง”


“ขัดขืนสิ ปฏิเสธคนไม่เป็นเหรอ”


“ถ้าเป็น.. ผมคงไม่โดนพี่ขโมยจูบแรกไปหรอก” ผมพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะแอบเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่มันทางกระจกด้านข้างของรถมอเตอร์ไซค์



“กับกูไม่ต้องขัดขืนหรอก ยอมๆบ้าง เพราะกูก็จะยอมมึงคนเดียวเหมือนกัน”





...........tbc.......................



ขอบคุณที่ติดตามพี่ดิน น้องฟ้า พี่ลมนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 5 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 15-11-2017 01:38:15
สนุกค่ะ รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 5 [12/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Nachar ที่ 15-11-2017 08:19:59
จูบแรกของน้องฟ้า  :hao7:// อิพี่ดินมันร้าย
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 5 [14/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: mydearest21st ที่ 16-11-2017 17:43:59
พี่ดิ กากจริงอะไรจริง ต่อไวไวนร้าไรท์ :ling1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 5 [14/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 17-11-2017 01:06:08
 o13
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 17-11-2017 21:12:19
“พี่ดินซ้อมเสร็จแล้ว มารับด้วย” ผมพูดกับคนปลายสาย ก่อนจะกดวางเมื่ออีกฝ่ายตอบตกลงกลับมา


             ตั้งแต่คืนนั้นคืนที่ถูกพี่ดินมันขโมยจูบไป มันก็ไม่พูดถึงอีกเลย แถมพี่มันก็พยายามให้ผมทำหน้าที่ไม้กันหมาให้มันอย่างหนักหน่วง ไอ้พี่ดินมันเอาแต่ตามจิกตามโทร เดี๋ยวมารับเดี๋ยวมาส่ง หิ้วผมไปไหนต่อไหนด้วยเกือบทุกเวลา หนำซ้ำกลางคืนมันยังโทรหาผม ชวนคุยนู่นคุยนี่ พอผมถามว่าโทรมาทำไมมันก็ชอบบอกว่า มันเบื่อคนที่เอาแต่โทรหามันไม่หยุด มันเลยให้ผมรับผิดชอบด้วยการคุยกับมันเกือบค่อนคืน วันไหนลองไม่รับโทรศัพท์มันสิ ไอ้พี่บ้ามันก็ตะโกนเรียกให้ผมไปยืนคุยกับมันตรงระเบียงบ้านชั้นสอง ผมก็บ้าจี้ทำตามมันนะ ยังไม่พอมันยังบังคับให้ผมโทรหามันทุกครั้งที่ซ้อมการแสดงเสร็จด้วย เพราะมันจะเข้ามารับผม พอผมถามว่าทำไมช่วงนี้วอแวจัง มันก็บอกว่าช่วงนี้สาวๆเข้ามาวุ่นวายกับมันเยอะ ถ้ามีผมไปไหนด้วยสาวๆจะไม่เข้ามา ผมไม่เห็นจะมีใครมาวอแวมันเลย... คิดไปเองสิท่า


 ทุกวันนี้เราคุยกันตลอดทั้งทางไลน์ทางโทรศัพท์ พอวันไหนพี่มันไปกินเหล้าดึกๆ พอมันไม่โทรมาผมก็รู้สึกแปลกๆ จนต้องทักมันกลับไปบ้างอะไรบ้าง เวลานี้ผมเริ่มจะไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์ของผมกับไอ้พี่ดินมันแล้วแหละ ว่าผมรู้สึกยังไงกับมันกันแน่ 


เพียงไม่นานไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกสับสนก็มาอยู่ตรงหน้า


“ทำไมวันนี้เลิกเร็ว” พี่ดินมันถาม ผมมองสภาพพี่มันที่เนื้อตัวเปื้อนฝุ่นเปื้อนดินเต็มตัว


“พี่นางเอกไม่สบาย พี่เขาเลยให้พักวันหนึ่ง” ผมพูดพลางเดินไปนั่งซ้อนท้ายมัน อย่าคิดว่าผมจะรังเกียจมันนะ เพราะมันยังเคยมารับผมทั้งๆที่เนื้อตัวมันมอมแมมมากกว่านี้อีก


ทุกวันนี้พี่ดินมันเทียวรับเทียวส่งจน พี่ๆน้องๆในคณะเลิกแซวผมไปแล้ว คือถึงพวกมันจะแซวยังไงผมก็คงจะแกล้งตอบแบบดารากลับไปเหมือนเดิม ซ้ำไม่มีใครอยากมีเรื่องกับไอ้พี่ดินหรอก เพราะพี่มันคนจริง จริงไม่จริงมันก็เป็นหมอผีมาได้สองปีกว่าล่ะกัน ถึงหล่อแต่มันก็ดุใครไปมีเรื่องกับมันระวังมันเสกความธนูเข้าท้องโดยไม่รู้ตัวนะ แต่กับสาวๆพี่มันไม่กล้าไปมองตาขว้างใส่หรอกนะครับ เห็นพี่มันบอกว่าคณะมันสอนให้เป็นสุภาพบุรุษ ห้ามรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ผมก็อยากจะเถียงมันกลับไปว่า กุก็อ่อนแอ มึงปล่อยกูไปสักทีเถอะ!!!!


“เหนื่อยไหม”


“ไม่อ่ะ แล้วนี่ไปทำอะไรมาเนี่ย เนื้อตัวเปื้อนไปหมด”


“อ๋อ เข้าแปลง ไปใส่น้ำข้าวโพด”


“ที่จริงถ้าไม่ว่าง ไม่ต้องมารับก็ได้นะ”


“ไม้กันหมา”


“สภาพนี้ไม้กันหมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ เปื้อนทั้งตัว”


“....”


“แล้วนี่จะพาไปไหน”


“ไปฟาร์ม”


“อยากกลับบ้าน ผมหิวข้าว เย็นแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย”


“เดี๋ยวพาไปกินที่คณะเกษตร”


“ไปคณะเกษตรบ่อย จนพวกพี่เขาเบื่อหน้าผมไปแล้วมั้ง”


“พวกมันชอบสิไม่ว่า”









เพียงไม่นานพี่ดินก็พาผมมาถึงฟาร์มของคณะเกษตร ก่อนจะไปทำงาน พี่มันพาผมเดินตลาดนัดเกษตรที่มีแค่ช่วงต้นเดือน ผมเดินดูของซื้อขนมนู่นนี่มากิน ส่วนไอ้พี่ดินมันก็ยิ้มทักทายพวกน้องๆในคณะ ไม่ก็เพื่อนๆของมันไป ไอ้พ่อคนของประชาชน


“ดินจ๋า” สิ้นเสียงหวาน ผู้หญิงหน้าตาสละสวยก็เดินออกมาจากร้านแมลงทอด อีกฝ่ายเดินเข้ามาควงแขนพี่ดินอย่าถือวิสาสะ ส่วนไอ้พี่ดินก็ได้แต่ยิ้มรับ


“ไงทิน่า”


“คิดถึงดินที่สุด” หญิงสาวทำสายตาอ้อนกับพี่ดิน ซึ่งผมก็ได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง ทุกคนในบริเวณนั้นก็มองพี่สองคนกันเป็นตาเดียว ก็เล่นสวยหล่อเหมาะสมกันขนาดนั้นนิ ยิ่งพี่ทิน่าหรือพี่บุญเจิมที่ไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์เคยชมนักชมหนาว่าสวย พอมาเห็นตัวจริงวันนี้พี่เขาสวยสมเป็นดาวคณะจริงๆ


“วันนี้ว่างขนาดมาขายของได้ด้วยเหรอ เห็นวันๆ เอาแต่วิ่งไล่จับแมลง”


“อือ จับมาให้ดินกินไง”


“เราเกรงใจ เธอเก็บไว้กินเองดีกว่านะ”


“ไอ้บ้า แล้ว นั่นใครใช่คนที่เขาลือๆกันอยู่เปล่า”


“ก็ประมาณนั้น”


“อืม” พี่ทิน่าอะไรนั้นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกระซิบกระซาบคุยอะไรกับพี่ดิน จนพี่มันหัวเราะออกมา ผมได้แต่มองพวกมันคุยกันด้วยความหงุดหงิด ก็ถ้าจะพามา แล้วมาสวีทหวานกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาผมแล้วล่ะก็ วันหลังไม่ต้องพามาเลยดีกว่า ไม่ชอบ!!


พอเห็นพี่มันคุยกับสาวสวยไม่เสร็จสักที ผมเลยเดินหนีพี่มันไปดูของทางอื่น ถ้าขืนยืนอยู่ตรงนั้นนานๆ มีหวังผมได้ปาลูกชิ้นที่อยู่ในมือใส่พี่มันแน่ๆ โมโหที่อีกฝ่ายมันทำอะไรไม่ไว้หน้าไม้กันหมาอย่างกูเลย


“น้องครับ พี่ให้” ผู้ชายจากร้านดอกไม้ เดินออกมาพร้อมยื่นดอกโรสแมรี่มาให้ผม ผมมองอีกฝ่ายก่อนจะรับมันมาด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ ก็พวกเพื่อนๆของอีกฝ่ายเล่นโห่แซวจนผมทำอะไรไม่ถูก เลยกะจะรับแล้วรีบๆเดินหนีไป แต่ก็ดันถูกผู้ชายอีกคนเดินมาขวางหน้าเอาไว้ก่อน


“เรียนเกษตรไม่ได้เก่งแค่ปลูกผัก ปลูกต้นรักก็ถนัดเหมือนกันนะครับ สนใจมาปลูกต้นรักกับผมไหม”


“ไอ้กันกูเจอก่อน มึงไปเลย น้องอยู่คณะอะไรอ่ะ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย”


“นะ..นิเทศ”


“ว้าว ถึงว่าทำไมน่ารัก เออ...ดอกโรสแมรี่ที่พี่ให้เรา มันมีความหมายด้วยนะ”


“...”


“มันหมายความว่า การเข้ามาในชีวิตผมของคุณ ทำให้ผมมีชีวิตชีวา”


“หิ้ววววววววววววววววว” ร้องหิ้วกันแบบนี้ มึงจะไปหิ้วอะไรของมึงก็ไป พวกมึงปล่อยกุไปเถิด ผมเดินถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะชนใครบางคนเข้าให้


“แต่การเข้ามาในชีวิตคนของกู ทำให้มึงตายเร็วได้นะไอ้น้องเวร”


“พะ..พี่ดิน” พวกผู้ชายที่แซวผมเมื่อครู่หันมามองทางต้นเสียง ก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจ


“เออ กูเอง”


“นี่เด็กพี่เหรอ”


“เออ” ไอ้พี่ดินตอบพวกขี้แซวกลับไป คำตอบแค่คำเดียวของพี่มัน เล่นเอาผมรู้สึกร้อนๆขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้


“ขอโทษครับพี่!!!!”


 “พรุ่งนี้พวกมึงมาหากูที่ฟาร์มด้วย กูจะซ่อมพวกมึงรายตัวเลย”


“ครับ!!!” พวกขี้แซวตะโกนรับเสียงดังลั่น


“อีกอย่างไอ้หมาตัวนี้มันอยู่ปีสอง ปีเดียวกับพวกมึง ริอย่ามาทำตัวเป็นพี่มัน”


“พี่ได้ยินด้วย”


“เออ!!!”


“ขอโทษครับ”


“พวกมึงนิแสบจริงๆ เออเอาดอกโรสแมรี่ของพวกมึงคืนไป ไอ้หน้าหมามันเหมาะกับดอกกล้วยไม้มากกว่า” พี่ดินโยนดอกโรสแมรี่คืนไอ้พวกรุ่นน้องตัวแสบ ก่อนจะหยิบดอกกล้วยไม้มาให้ผมแทน แล้วมันก็ลากผมไปทางอื่นต่อ แต่ก่อนไปผมเห็นไอ้พวกรุ่นน้องของมันหันไปยิ้มกรุ่มกริ่มกัน กูว่าชักแปลกละ





พอเดินออกมาจากตลาดนัดเกษตร ไอ้พี่ดินมันก็ปล่อยมือผม แล้วเดินนำผมไปอย่างเงียบๆ


“นี่ พี่เงียบทำไมอ่ะ พี่โกรธผมเหรอ”


“กูจะโกรธมึงเรื่องอะไร”


“จะรู้พี่เหรอ”


“วันหลัง อย่าเดินหนีกู อยู่ใกล้ๆกูไว้ นี่ถ้ากูไปไม่ทันไอ้พวกรุ่นน้องตัวแสบคงแทะเล็มมึงจนเหลือแต่กระดูก”


“ก็พี่เล่นคุยเล่นกับพี่สาวคนสวยจนลืมผมไปเลยนิ ผมก็ต้องเดินไปดิ” มันพูดขึ้นเสียงใส่ผมได้ ผมก็ขึ้นเสียงใส่มันได้เหมือนกัน


“ทิน่าเขาแค่คุยเล่นกับกูธรรมดา”


“ธรรมดาแล้วทำไมต้องกระซิบกระซาบอย่างกับจะกินหูกันยังไงยังงั้น”


“มึงอย่าพูดแบบนั้นนะ ผู้หญิงเขาจะเสียหาย”


“ก็มันจริงนิหน่า!”


“มึงหึงกูเหรอ”


“ทำไมผมต้องหึงพี่ด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย พี่จะคุยอะไรกับเพื่อนพี่ก็ไม่เกี่ยวกับผม”


“...”


เราสองคนเดินต่อไปเงียบๆไม่แม้จะเอ่ยปากคุยกัน จนกระทั้งพี่ดินมันพาผมมานั่งกับพวกพี่ในคณะเกษตรตรงด้านหน้าแปลงข้าวโพด แถมพอผมเดินไปถึง ผมก็เจอไอ้เพื่อนตัวดีสองคนของผมกำลังนั่งกินข้าวโพดย่างกันอร่อยปาก


“ไอ้สิงห์ ไอ้เต๋า มึงมาทำไรเนี่ย” ผมเอ่ยถามเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งบนเสื่อด้านข้างมัน แต่สายตาผมก็ไม่วายแอบเหล่ไอ้พี่ดินมัน ที่ตอนนี้เดินเข้าไปดูน้ำในแปลงข้าวโพดที่ปลูกใหม่แล้ว ผมเห็นมันหยิบจับท่อน้ำนู้นท่อนี้ เปลี่ยนไปเรื่อย พอเห็นมันหันมามองผม ผมเลยแกล้งทำหน้าบึ้งใส่มันแล้วหันไปมองทางอื่นแทน 


“ไอ้ฟ้ามึงทำหน้าเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย”


“เปล่าหน้ากูก็ธรรมดา ออกจะหล่อ.. แต่พวกมึงนิเดี๋ยวนี้กลายเป็นเด็กเกษตรไปเลยนะ”


“พวกพี่เขาชวนกูมากินข้าวโพดย่าง กูก็มา”


“ฟ้าก็กินสิ พวกพี่เพิ่งย่างเสร็จ” พี่เมืองส่งข้าวโพดมาให้ผม


“ขอบคุณครับ” ผมรับข้าวโพดย่างมากิน ตอนแรกมันร้อนจนผมจับไม่ได้ พี่เมืองเลยเอาไปเสียบตะเกียบพร้อมปอกเปลือกให้ผมเสร็จสรรพ และพอผมกินข้าวโพดย่างเท่านั้นแหละ ผมถึงตะโกนออกมาลั่นเพราะความอร่อย

“ว้าว โคตรอร่อย” ผมอุทานออกมา พร้อมมองข้าวโพดในมือ “ทำไมหวานได้ขนาดนี้นะพี่” ผมพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะแอบเห็นไอ้พี่ที่ยืนอยู่กลางไร่ข้าวโพดแอบยิ้มออกมา


“ก็พวกเราปลูกเอง ดูแลกันเองไม่ได้ฉีดหรือใส่สารเคมีอะไรเลย รสชาติมันก็จะออกหวานแบบธรรมชาติ” พี่ในคณะเกษตรอธิบายให้ผมฟัง


“โคตรอร่อย”


“ถ้าอยากกินก็บอกไอ้ดินมัน เดี๋ยวให้ไอ้ดินมันเอาไปให้กินตอนซ้อมละคร” ไอ้พี่ภูพูดขึ้นมา


“ผมไม่อยากรบกวนพี่ดินหรอกครับ พี่เขาอยากทำอะไรก็ทำไปเลย!”


“งอนมันเหรอ”


“เปล่า ผมจะงอนพี่มันทำไม”


“โอเคๆ ไม่งอนก็ไม่งอน วันนี้พวกพี่ว่าจะย่างปลากิน อยู่กินด้วยกันเลยนะ”


“ครับ”


พี่ดินมันใส่น้ำเสร็จ มันก็เนียนเดินมานั่งข้างๆผม ก่อนจะหยิบน้ำในแก้วที่พี่เมืองรินให้ผมไปกิน


“ข้าวโพดอร่อยไหม” พี่มันหันมาถาม


“อือ ก็ดี”


“ได้ลองกินตำข้าวโพดของพวกสาวๆยัง” พี่ดินมันชี้ไปที่บรรดาจานอาหารที่อยู่กลางวง


“ลองแล้ว”


“ชอบอ่ะดิ”


“ก็...นะ”


“นี่ยังงอนกูไม่หายอีกเหรอ กูสิต้องงอนมึงมากกว่า”


“พี่จะงอนผมทำไม”


“ก็มึงไปยืนล่อเป้า ให้พวกน้องกูแซว”


“แต่พี่ก็เดินเข้าไปห้ามแล้วไง”


“ถ้ากูไม่เข้าไปมึงเสร็จรุ่นน้องกูไปแล้ว”


“อะไร เสร็จๆวะ ไอ้ดิน มึงเสร็จน้องเขาไปแล้วเหรอ” ไอ้พี่ภูที่นั่งฝั่งตรงข้ามถามขึ้นมาเสียงดัง


“ว๊ายยยยย ตั่ยแล่ววววววว ไอ้ดินมีผัวเหรออออ” เพื่อนในคณะทั้งที่อยู่กลางแปลงข้าวโพด และด้านข้างตะโกนแซวกลับมา


“เรื่องของกูอีกอ่ะ พวกมึงเงียบๆไปเลย ส่วนมึงไอ้ภู ไปช่วยไอ้เมืองย่างปลาไป”


“เอ้า ก็กูอยากรู้ว่าเพื่อนกูเสร็จๆ อะไร”


“เสือก ถ้าขืนมึงยังพูดมาก เดี๋ยวกูจะไปย่างปลาให้พวกมึงกินเอง”


“โอเคครับเพื่อนดิน มึงนั่งนิ่งๆนะ กูไปเอง” พี่ภูรีบลุกขึ้นออกไปทันทีที่พูดจบ จากที่ผมรู้พวกพี่เขาคงไม่กล้าให้พี่ดินมันทำอะไรเกี่ยวกับการปรุงอาหารแน่นอน เพราะคงกลัวความชิบหายวายวอดที่จะเกิดตามขึ้นมา ก็ไอ้พี่ดินมันทำอาหารได้ที่ไหน มันทำไม่เป็น
 
   เพียงไม่นานปลาย่าง หรืออาหารอื่นๆที่พวกพี่มันทำก็เสร็จ พวกผมทั้งไอ้เต๋าไอ้สิงห์นั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่พี่มิ่งปีสาม ที่พวกพี่ในคณะเขาเรียกกันว่าเป็นสเมิร์ฟของเกษตรศาสตร์เดินเข้ามาร่วมวงพร้อมกับขวดอะไรบางอย่าง


“มึงเอาอะไรมาวะไอ้มิ่ง”


“เมื่อวานกูขึ้นเขามา พี่ชาวเขาให้เหล้าข้าวโพดกูมาเว้ย”


“ได้ของดีมานี่หว่า” พี่ภูยิ้มพร้อมกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่


“เออ พี่ๆ บอกแก้วเดียวสลบ”


“เอามาลองดิ” พี่เมืองกวักมือให้พี่มิ่งรินให้ คราวนี่พี่มันเลยรินใส่แก้วให้ทุกคนที่นั่งล้อมวงได้ชิมไม่เว้นแม้แต่ผม


“ฟ้ามันกินไม่ได้ พรุ่งนี้มันยังต้องซ้อมละครเวที” พี่ดินแย่งแก้วที่อยู่ในมือผมออก


“แต่ผมอยากลองอ่ะ”


“ให้น้องมันลองดิดิน”


“อีกสามวันมันจะขึ้นแสดงจริงแล้วนะ อย่าให้มันกิน ไอ้เต๋ามึงเป็นเพื่อนมันมึงกิน”


“ได้อยู่แล้วพี่ ผมอยากลองพอดี” ไอ้เต๋ารับแก้วเหล้าข้าวโพดจากมือพี่ดินไปกิน ก่อนจะกระดกเข้าปากอย่างรวดเร็ว


“เป็นไง”


“กลิ่นหอมลอยมาเลย แต่พอลงคอเท่านั้นแหละโคตรร้อนอ่ะพี่” ไอ้เต๋าอธิบาย ก่อนทำหน้าเหยเก และเพียงไม่นานไอ้เพื่อนร่างบึกของผม ก็นั่งตาลอยไม่รู้เรื่องรู้ราว

“เหล้าข้าวโพดมันก็เหล้าขาวดีๆนี่แหละ แรงอยู่” ไอ้พี่ภูที่ตอนนี้หน้าเริ่มแดงพูดขึ้นมา


“นี่กูแดกไปสองแก้วนะ แม่งมึนชิบหาย ไอ้ดินมึงแดกยัง” ไอ้พี่เมืองส่งแก้วเหล้ามาทางพี่ดิน พี่ดินก็รับมากินแบบไม่มีอิดออด เขาว่าเด็กเกษตรกินเหล้าเก่งคงจะเป็นเรื่องจริง


“อืม หมักใช้ได้เลยวะ กลิ่นหอมดี”


“ขอกินมั้งดิ” ผมสะกิดพี่ดิน ก็จะไม่ให้ยากกินได้ไง ตอนนี้ในวงมีผมไม่ได้กินอยู่คนเดียว ขนาดพี่ผู้หญิงยังได้กินเลย แล้วผมแมนๆเตะบอลทำไมไม่ได้กินบ้าง


“ไม่ได้!”


“ขี้เหนียววะ” ผมมองค้อนพี่มัน ก่อนที่พี่มันจะหยิบแก้วน้ำอัดลมส่งมาให้ผมแทน


“แดกอันนี้ไป”


“ไม่แดก! อ้วน!”


“ไอ้เด็กนี่”


“พอๆ เลิกทะเลาะกัน ไอ้ดินเอาสักตัวม่ะ” พี่เมืองหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ก่อนจะหันไปถามเพื่อนตัวเอง


“ไม่อะ คนแถวนี้มาชอบกลิ่นมัน มึงก็ไปดูดไกลๆเลย” ผมมองไอ้พี่ดินมันสะบัดมือไล่พี่เมืองให้ออกไปดูดไกลๆ อีกอย่างผมควรจะดีใจไหมนะ ที่มันจำได้ว่าผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่


“ไอ้เชี่ยดิน นิมึงกำลังจะเลิกดูดบุหรี่จริงเหรอวะ”


“เออ คิดว่าจะเลิก แต่ให้เลิกเลยมันคงเลิกไม่ได้ กูจะค่อยๆลดลงมา มึงก็ควรจะเลิกพร้อมกูนะเมือง”


“ขอคิดก่อน” พี่เมืองลุกขึ้นไปสูบตรงแปลงนา


“เห้ยดิน ไปเอากีตาร์มาเล่นดิวะ บรรยากาศกำลังดี” ไอ้พี่มิ่งพูด


“กูไม่อยากเล่น”


“กับข้าวก็ไม่ได้ทำ รอแดกอย่างเดียว ทำอะไรให้เป็นประโยชน์หน่อยดิวะ” พี่ภูไล่ให้พี่ดินมันไปหยิบกีตาร์มา ตอนแรกก็เห็นพี่มันจะไม่ยอม แต่สุดท้ายมันก็ทนโดนเพื่อนบ่นไม่ไหว มันเลยเดินไปหยิบกีตาร์มาเล่น


   ตอนนี้ฟ้ามืด อากาศโคตรจะเป็นใจในการกินเหล้าเป็นอย่างมาก ต้องย้ำอีกครั้งเลยว่าอากาศแม่งดีมาก (ก ไก่ล้านตัว) อากาศเย็นกำลังดี ลมพัดเบาๆโคตรสบายตัว  พวกพี่ๆมันเริ่มก่อกองไฟกลางวงเหล้า ผมเห็นพี่ภูโยนมันม่วงลงไปเผา ส่วนไอ้พี่ดินตอนนี้ก็นั่งร้องเพลงให้เพื่อนๆฟัง คือต้องยอมรับเลยว่า พี่ดินมันร้องเพลงเพราะจริงๆ เสียงทุ้มของมันสะกดทุกคนให้ร้องตามร้องคลออย่างสนุกสนาน แต่เพลงที่มันร้องส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงเพื่อชีวิต อย่างมาลีฮวนน่า พงษ์สิทธ์ คัมภีร์ หรือคาราบาวอะไรทำนองนั้น ถึงผมจะไม่ค่อยได้ฟังแนวนี้สักเท่าไร แต่พอได้ฟังไอ้พี่ดินร้อง กลับบ้านไปผมคงต้องแอบโหลดมาฟังบ้างแล้วแหละ

“ดินมึงไม่ร้องเพลงวัยรุ่นๆ ให้น้องคณะนิเทศมันมั้งวะ”   


“กูไม่ค่อยได้ฟังเพลงไทยสากลเท่าไร”


“เลองร้องสักเพลงดิ เอาเพลงล่าสุดที่มึงฟังอ่ะ ย้ำกูขอล่าสุดนะ”


“เออๆ แต่กูขอร้องท่อนฮุคนะ”


“โอเช” สิ้นเสียงเพื่อน พี่ดินมันก็ดีดกีตาร์ แล้วร้องเพลงสตริงที่มันเพิ่งฟังมาให้พวกผมฟัง


อย่าบอกว่าเธอรักคนอื่นเลย
อย่าบอกว่าเธอเห็นเขาดีมากเท่าไร
ได้โปรดอย่ามาย้ำว่าเธอมีใจ
กลัวมันจะร้องไห้ออกมา 
**แร็พเตอร์ อย่าพูดเลย


   ร้องจบพวกพี่ๆ มันก็ร้องโห่ขึ้นมา


   “โห่!!!! ไอ้สัดโคตรเก่าอ่ะ”


   “ก็กูเพิ่งฟังเมื่อวาน”


   “ไอ้ห่า จัดซะสมัยกูเพิ่งเกิดเลยนะมึง”


ผมหัวเราะเพราะท่าทางของไอ้พี่ดินมัน เห็นหล่อๆแบบนี้มันก็มีมุมเปิ่นๆกากๆของมันเหมือนกัน


“งั้นเอาเพลงนี้ กูได้ยินเด็กข้างบ้านมันเปิดฟังบ่อยๆ” พี่ดินมองมาทางผม ก่อนจะดีดกีตาร์ในจังหวะที่คุ้นหู และพอพี่มันเริ่มร้อง ผมก็เหมือนถูกมันสะกดด้วยอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถละสายตาออกไปจากพี่มันได้


ก็ไม่รู้เลยว่าฉันต้องเริ่มอย่างไร
คงเป็นเพราะฉันกลัวว่าอาจจะเสียเธอไป
หากว่าฉันถามเธอ

แต่ความรู้สึกมันล้นจนทนไม่ไหว
ยิ่งเวลาที่เธอยิ้มมาและจ้องมองตา
มันเกิดคำถามมากมาย

ฉันไม่รู้และยังคงไม่แน่ใจ
รักไม่รักใจจริงเธอต้องการแบบไหน
มันยังคงไม่ชัดเจน

เธอกับฉันเราเป็นอะไรช่วยบอกฉันที
อยากรู้สายตาที่เธอมีให้กัน
มันหมายความว่าอะไร
เป็นแค่เพียงอารมณ์อ่อนไหวที่คงหายไป
หรือซ่อนความรักที่มีเอาไว้
เธอคิดยังไงกับฉันช่วยบอกฉันที
***mean หมายความว่าอะไร
[/i]


พอพี่ดินร้องจบ พวกเพื่อนๆก็รีบตบมือให้พี่มัน แต่ทว่าสายตาของพี่มันยังคงมองผม มองจนผมต้องหลบตามันไปทางอื่น จ้องเข้าไป จ้องจนหัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปหมดล่ะ  ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไรกับมันนักหนา


“ไอ้ห่าดิน มึงเลิกจ้องน้องเขาได้แล้ว น้องเขาเขินมึงจนหัวหูแดงไปหมดล่ะ”  ไอ้พี่เมืองปาฟักข้าวโพดในมือใส่เพื่อนตัวเอง


“กูเห็นสายตามันแล้ว กูอยากจะเอากาแฟราด ไอ้ห่าหวานจนเลียน” ไอ้พี่มิ่งแซวขึ้นมาอีกคน


 “...” ไอ้พี่ดินมันไม่เถียงอะไร มันแค่ยักไหล่ ก่อนจะนั่งเกลากีตาร์ไปพลาง


“ไอ้สัสนิ ทำลอยหน้าลอยตา” ไอ้พี่เมืองมันพูด พร้อมเหล่มองเพื่อนตัวเองอย่างระอา ส่วนผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้าเขินจนมือไม้หยิบนู่นนี้ขึ้นมากิน


“จีบเพื่อนผมยากหน่อยนะพี่” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมา “ไอ้นี่คนจีบมันเยอะ”


 “แต่ผมเชียร์พี่นะพี่ดิน เพื่อนผมมันจะได้มีแฟนสักที” ไอ้สิงห์เสริม คราวนี้เอฟซีพี่ลมอย่าไอ้เต๋าเลยขึ้น มันยกนิ้วกลางให้ไอ้สิงห์ทันที


“ฟ้า” พี่เมืองเรียกชื่อผม


“ครับ”


“เพื่อนพี่มันกาก แต่ก็ลองพิจารณามันด้วยละกัน” ทุกคนในกลุ่มร้องโห่แซวแทบจะทันที บางคนเป่าปาก บางคนกรี๊ด แต่ละคนพูดแซวจนผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ทีไหน ส่วนไอ้คนที่ถูกแซวอีกคนยังทำหน้านิ่ง ไม่สนโลกอะไรเอาแต่เกลากีตาร์ไม่ก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาแดก


“เลิกเสือกเรื่องกูกับน้องมันสักที” ไอ้พี่ดินมันพูดขึ้นมา คนในวงเงียบกริบทันที “ส่วนฟ้า มึงเลิกเขินได้แล้ว วางแก้วเหล้าในมือมึงด้วย” ไอ้พี่ดินหันมาจ้องผมเขม่ง


“ฮิ้วววว มีเป็นห่วงกันด้วยโว้ยยย”


“ก็มึงแซวมันจนมันหยิบอะไรต่อมิอะไรมาแดกแก้เขิน ดูตอนนี้ดิแดงทั้งตัว” ไอ้พี่ดินวางกีตาร์ลง ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆผม แล้วแย่งแก้วที่อยู่ในมือไป


“นิมึงแอบมองน้องมันตลอดเลยเหรอวะเพื่อนดิน มึงนิแม่งไม่ธรรมดาวะ” ไอ้พี่ภูพูดแซวขึ้นมาอีกคน


“เพื่อนกูแม่งร้ายเงียบนิหว่า” พี่ดินมันหันไปชูนิ้วกลางให้พวกเพื่อนๆ ก่อนจะหันมาถามผม


 ไหวเปล่าเนี่ย”


“ไหวดิ แค่เหล้าเอง”


“ตัวแม่งแดงไปหมดละ เอาน้ำไปกินล้างปากหน่อยไป”พี่ดินหยิบแก้วน้ำมาให้ผมดื่ม   


“แดงเพราะเขินมึงรึเปล่า ไอ้เชี่ยดิน” ไอ้มิ่งพูดแซวขึ้นมาอีก


“ฟ้า ดอกกล้วยไม้ไอ้ดินมันให้ฟ้าใช่ป่ะ” พี่ภูถาม ผมเลยพยักหน้าพร้อมมองดอกกล้วยไม้สีขาวปนส้มที่วางอยู่บนตัก


“ไอ้ห่าดินแม่งไม่ธรรมดา” พี่เมืองพูดขึ้นมาอีกคน ผมเลยได้แต่ขมวดคิ้วมองพี่มันด้วยความสงสัย


“ฟ้ารู้ไหม ดอกกล้วยไม้มันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ความรัก และความสง่างาม” พี่เมืองพูดอธิบายขึ้นมา “ในหมู่ชาวกรีกสมัยก่อนดอกกล้วยไม้แสดงถึงการสืบเผ่าพันธุ์  แต่สำหรับชาวจีนเรียกดอกกล้วยไม้ว่าเป็นพืชแห่งกลิ่นกษัตริย์”


“แถมยังเป็นดอกไม้ที่ไว้บอกรัก ความหมายของดอกกล้วยไม้เวลาให้สาวมันหมายความว่าอะไรนะ ไอ้ดิน” ไอ้พี่เมืองพูดโบย ผมเห็นมันทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่เพื่อนรักของมัน เออ วันนี้พวกพี่มันกะจะเต๊าะผมให้พรุนไปเลยมั้ง สึดดด


“กูไม่รู้ มึงไปถามไอ้ภูดิ” ไอ้พี่ดินมันไม่ยอมตอบ มันเฉไฉไปเรื่อย


“อย่ามา..... กูรู้ว่ามึงรู้” พี่เมืองยังคะยั้นคะยอเพื่อนตัวเอง


“ก็กูไม่รู้จริงๆ”


“งั้นฟ้ามึงเอาดอกไม้ที่ไอ้ดินให้ไปทิ้งเลย รับแบบไม่รู้ความหมายมันก็เท่านั้นล่ะวะ”


“ทิ้งได้เหรอ” ผมถามพี่ดิน


“ลองทิ้งดิกูเตะ”


“โหดวะ” ผมละอยากจะหนีจากความโหดของไอ้พี่ดินมันเหลือเกิน พอไม่พอใจก็จะเตะจะถีบ ไอ้พวกชอบใช้กำลัง ไอ้คนป่าเถื่อน ได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าด่ามันออกไป


“ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้”


“อะไรนะ?” ผมถาม ก็พี่มันพูดห่าอะไรของมันก็ไม่รู้


“ความหมายของดอกกล้วยไม้ไง มันหมายความว่า ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้” พี่มันมองหน้าผม ก่อนจะผลักหน้าผากผมเบาๆ “จำไว้ได้ไอ้หมาหน้าโง่”


ไอ้พี่ดินพูดจบเพื่อนมันก็ต่างพากันร้องโห่แซวกันอย่างสนุกสนาน ส่วนไอ้คนพูดก็ยังทำหน้าตาย พี่มันหันมองไปทางอื่น ส่วนผมก็ได้แต่นั่งหน้างุด ไอ้เชี่ยโคตรเขิน กูอยากจะบ้าตาย


“ไอ้สัด ชัดเจนยิ่งกว่าสี่จี”


“ไอ้ห่าก็มึงชง เลิกพูดได้ล่ะ แดกเหล้าต่อไปเลยป่ะ”


“กลัวไก่ตื่นรึไงวะ ไอ้เพื่อนดิน”


“มึงเล่นปั่นขนาดนี้ ไก่กูตื่นนานแล้วเปล่าวะ” ไอ้พี่ดินยกแก้วเหล้าพลางเหล่มองผม ผมเลยทำหน้าบึ้งใส่มันไปที ไอ้เชี่ยรู้สึกตุ๊ดก็วันนี้


“พอๆ ชงเป็นพิธี เอาแค่เบาๆพอ เดี๋ยววันหลังจะไม่เหลือให้ชง... เออกูมีความคิดว่า วันนี้พวกเราลองโต้รุ่งกันดีกว่าม่ะ” ไอ้พี่เมืองรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง


“โต้เพื่อ?”


“กูจะชวนพวกมึงจับหัวขโมย”


“ขโมย?”


“ก็ช่วงนี้ไข่ไก่คณะเกษตรเราหายบ่อยๆ กูว่าวันนี้เรามาจับขโมยกันดีกว่า” พี่เมืองเสนอไอเดีย


“ก็ดี กูเห็นด้วย” ไอ้พี่มิ่งกับพี่ภูพยักหน้าเห็นด้วย


“น่าสนุกผมอยู่ด้วย” พวกผมไอ้เต๋าไอ้สิงห์ยกมือขอรวมขบวนการ


“ไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์ได้ แต่มึงไม่ได้” พี่ดินชี้มาทางผม


“ทำไม ก็ผมอยากอยู่”


“พรุ่งนี้มึงต้องซ้อมละครเวที อีกสองวันก็แสดงแล้วมึงควรพัก”


“แต่ผม...”


“ไม่มีแต่ เดี๋ยวกูไปส่งที่บ้าน”


“ไม่เอาอ่ะ ผมอยากอยู่”


“ไอ้ดิน มึงจะบังคับน้องมันทำไม”


“ใช่ ผมกลับไปผมก็อยู่คนเดียว ให้ผมอยู่ที่นี่ จับพวกหัวขโมยด้วยดิ”


“ไม่ก็คือไม่”


“ไอ้พี่ดิน!!!”


“อย่าดื้อ”


“พวกมึงเลิกจีบกันได้แล้ว!  ไอ้ดินน้องมันจะอยู่ก็ให้มันอยู่อีกอย่างกลับไปมันก็ต้องอยู่คนเดียว” ไอ้พี่เมืองช่วยผมพูด แต่พี่ดินก็มีทีท่าว่าจะไม่ยอม มันจ้องผมแบบดุๆ


“ใช่ว่าวันนี้พวกหัวขโมยมันจะมา พวกไอ้เมืองมันก็บ้าไปงั้นแหละ อีกอย่างถึงมันจะมา มันก็คงมาเกือบเช้า แล้วมึงไหวเหรอ”


“ไหวดิ ไหวจริงๆ” ผมมองหน้าพี่มัน ก่อนจะจับแขนของมันเขย่าไปมา พี่มันมองหน้าผม ผมเลยแกล้งช้อนตามองพี่มัน แล้วทำหน้าหงอยๆ


“โอเค! งั้นอยู่ก็อยู่”  กูว่าแล้วพี่มันต้องแพ้ลูกอ้อนของผมแบบนี้ ผมจับสังเกตมานานแล้ว ทุกครั้งที่มองมันแล้วจับแขนเขย่าแบบง้องๆแง้งๆ มันมักจะยอมผมตลอด กูชนะมันก็คราวนี้แหละ


“ไอ้มิ่ง” พี่ดินเรียกเพื่อนตัวเล็กของเขา


“อะไร”


“ไปเอาเสื่อให้กูที่ดิ เผื่อฟ้ามันหลับกูจะได้ให้มันนอนบนเสื่อ”


“ห่วงเหลือเกิน ห่วงกันเหลือเกินครับ”


“กูจะไม่ใช้มึงเลย ถ้าวันนั้นมึงไม่ใช่คนเก็บ”


“เออๆ ใช้กูอย่างกับเป็นพ่อกูเลย”


“กูไม่มีลูกเป็นสเมิร์ฟแบบมึง”


“มึงนิมัน!” ไอ้พี่มิ่งลุกขึ้นยืน “ไอ้ดินกูมีไรจะบอก”


“อะไร?”


“ฟ้าแม่ง สเป๊คกูเลยวะ กูขอได้ไหม!!!” พูดจบพี่มิ่งก็รีบวิ่งหลบรองเท้าพี่ดินทันที
 




[อ่านต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 17-11-2017 21:23:01
ระหว่างที่พวกเรานั่งรอจับพวกหัวขโมย พวกพี่ในคณะเกษตรก็ร้องรำทำเพลง กินเหล้ากินขนมไปพลาง ส่วนผมนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเสื่อที่พี่ดินมันปูให้ทางด้านหลังของมัน ว่างๆเลยลองเช็คไลน์เช็คเฟสนิดหน่อย ไม่ได้เล่นเฟสตั้งนานขออัพเดตเรื่องราวหน่อยเห๊อะ

พอเข้าเฟส ผมก็เห็นคลิปที่พี่ดินมันร้องเพลงเมื่อกี้อยู่ในแฟนเพจ รักน้ำ รักปลา รักเด็กเกษตร (ใครมันตั้งชื่อวะ) พวกพี่ที่อยู่ตรงนี้สักคนต้องเป็นคนโพสแน่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะตอนนั้นผมไม่ได้สังเกต เพราะตอนนั้นผมเคลิ้มกับพี่มันมากไปหน่อย


ให้ตายเถอะ! คนกดไลน์มันเกือบเจ็ดพัน อยากจะบ้า! เป็นคนดังของมหาลัยมันดีอย่างนี้เอง แฟนคลับอย่างเยอะ


ผมลองเลื่อนลงมาดูหน้าหลักในเฟสของผม ผมก็เจอแฟนเพจชีวิตเด็กวิดวะเด้งขึ้นมา เลยลองกดเข้าไปดู แล้วผมก็เห็นคลิปของพี่ลม  ที่ถูกตั้งแคปชั่นว่า


จะเฝ้ามองเธอและเขานั้นรักกันจากตรงนี้ #พระเอกละครคณะนิเทศ #ผู้ชมที่ดี #ไม่รู้ร้องให้ใครแต่คงได้ใจสาวไปเต็มๆ
ผมอ่านแคปชั่นจบเลยลองกดดูคลิปไอ้พี่ลมทันที



[นานๆ ผมจะได้มาร้องเพลงที่ร้านของพี่เสือปู่รหัสของผม งั้นขอร้องเพลงที่ตรงกับชีวิตช่วงนี้หน่อยละกันนะครับ] พี่มันพูดจบมันก็เดินไปหยิบกีตาร์ในมือมัน ก่อนจะเดินกลับมานั่งบนเก้าอี้หน้าเวที แล้วลงมือเล่นเพลงทันที




ยังแอบเฝ้าดู
ยังอยากจะรู้ เธอเป็นอย่างไรทุกข์ใจหรือเปล่า
แม้จะปวดร้าว ที่ต้องทนเห็นภาพเขาและเธออยู่ข้างกัน
ยังแอบฝันไป ยังเก็บมาเพ้อ คนเดียวเสมอเมื่อเธอหันมา
แม้ตาคู่นั้น ไม่เคยรับรู้ว่าฉันเป็นใคร

*ไม่ใช่ผู้แพ้ แต่เป็นแค่ผู้ชมที่เธอไม่เคยเห็น
และจะเป็นอย่างนี้เรื่อยไป รักแค่ไหนก็ต้องทนเก็บไว้

**จะเฝ้ามองเธอและเขานั้นรักกันจากตรงนี้
เป็นผู้ชมที่ดี ไม่เข้าไปวุ่นวายอะไร
แม้อยากจะใกล้เธอขนาดไหน
จะฝืนทนมองภาพเธอและเขารักกันต่อไป
คนที่มองไกลๆอย่างฉันคงทำได้แค่เพียง
แอบรักข้างเดียวเรื่อยไป
*mean - ผู้ชมที่ดี



พอจบเพลง คนในร้านก็ตบมือพร้อมส่งเสียงกรี๊ด พี่ลมมันพูดขอบคุณ ก่อนจะพูดอะไรออกมาที่ทำให้เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกเท่าตัว

[ในเพลงเขาเป็นผู้ชมที่ดี แต่สำหรับผม ผมขอเป็นผู้ชมที่ไร้มารยาทหน่อยนะครับ น้องคนนั้นถ้าดูอยู่ พี่คิดว่าพี่จะจีบเราอย่างจริงจังแล้วนะ]

“มันร้องให้มึงสินะ” ไอ้พี่ดินมันหันมาหาผม ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งข้างๆ


“เขาอาจจะร้องให้คนอื่นก็ได้”


“ตอนนี้ทั้งมหาลัยเขารู้กันทั้งนั้นว่ามึงกับมันมีซัมติงกันอยู่”


“พี่รู้ได้ไง”


“ซ้อมละครจนไม่ได้สนใจโลกภายนอกเลยรึไง”


“ก็...”


“ลองอ่านคอมเมนต์ดูดิ กูทายว่าน่าจะพูดถึงมึงด้วยแน่ๆ”


ผมลองกดอ่านคอมเมนต์ใต้คลิปของพี่ลม ตามที่ไอ้พี่ดินมันพูด

'มีแต่คนอยากเสพดนตรีสดพร้อมกับเบียร์แต่ทำไมหนูถึงอยากเสพดนตรีสดพร้อมกับพี่ลมจัง'

‘ร้องเพลงให้น้องหัวชมพูคนนั้นหรือเปล่าคะพี่ลม’

‘เอฟซีลมฟ้านะคะ #วายุเวหา’

‘แอบหวังจะให้พี่ได้กัน แต่ว่าคู่แข่งของพี่ลมก็น่ากลัวและน่าจับทำสามีเหลือเกิน’

‘ถ้าถูกทิ้งมาหาหนูได้นะคะพี่ลม เริ้ปยู’

‘คนหนึ่งร้องเพลงหมายความว่าอะไร คนหนึ่งร้องเพลงผู้ชมที่ดี อื้อหือเคลิ้มเลย’

‘อยากได้ แต่กลัวสู้เด็กหัวชมพูไม่ไหวจัง ก็น้องเขาน่ารัก’




ผมไล่อ่านไปเรื่อยๆ จริงอย่างไอ้พี่ดินว่าแต่ละคนน่าจะคอมเมนต์ถึงผม พวกสาวๆเล่นแซะผมซะจนพรุนเลย พอเห็นอย่างนั้น ผมเลยลองเลื่อนกลับไปอ่านคอมเมนต์ใต้คลิปของพี่ดินมั้ง


‘หวานยิ่งกว่าลูกอมก็คงเป็นสายตาพี่ดิน อยากรู้อีกฟากหนึ่งของพี่ดินใช่น้องฟ้ารึเปล่า #ดินฟ้า’

‘เธอกับฉันเราเป็นอะไรช่วยบอกฉันที ถ้าไม่รู้ก็ถามน้องเขาไปเลยสิคะ’

‘พ่วงกันทุกวัน น่าจะรู้แล้วน้าว่าเป็นอะไรกัน’

‘อยากเข้าไปคุยกับพี่ดินมาก ถ้าไม่ติดว่าน้องคนนั้นเขาติดสอยห้อยตามเป็นเงาตามตัวขนาดนั้น’

 ‘ได้แต่มองพี่ขี่อีแก่ผ่านหน้าคณะทุกวัน ช่วยหันมามองหนูบางสิคะ อย่ามองแต่เด็กหัวชมพูคนเดียว’

‘อยากได้พี่เป็นสามีต้องเปย์กี่บาท’

‘หนูรู้ว่าพี่ปลูกต้นไม้เก่ง ช่วยมาสอนหนูปลูกต้นรักหน่อยได้ไหมคะ’

‘หนูรักพี่คะพี่ดิน’

‘เริ้ปยูดินฟ้า เลิกกันเมื่อไรมาหาหนูได้เสมอนะคะ’

‘สมัยดินอยู่ปีหนึ่ง พี่ก็อุตสาห์จิ้นดินไม้ แต่ตอนนี้คงต้องจิ้นดินฟ้าแล้วสินะ ไม่เป็นไรพี่เปลี่ยนเรือได้เสมอ’

‘จะเฝ้ามองเทอและเขานั้นรักกันจากตรงนี้ เป็นผู้ชมที่ดี และอยากเข้าไปวุ่นวายจังเลยยยยย’



อยากจะด่าตัวเอง ว่ากูไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ก็รู้อยู่ว่าช่วงนี้ซ้อมละครหนัก แถมยังทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาให้พี่มันแทบทุกวัน เลยไม่ค่อยได้เขาเฟสสักเท่าไร แต่ไม่คิดว่าเรื่องของผมมันจะดังอะไรขนาดนี้


“ผมว่าเราต้องห่างกันบ้างแล้วนะ ดูดิ ผมกลายเป็นประเด็นร้อนของพี่กับพี่ลมเยอะแยะเลยอ่ะ พวกสาวๆคงเกลียดผมกันแล้วแน่ๆ”


“...”


“วันหลังเลิกไปรับไปส่งผมได้เลย พอ”


“...”


“ดูดิ สาวๆเขาคงเข้าใจผิดกันหมดแล้ว พวกเขาคงคิดว่าพวกพี่แย่งกันจีบผมอยู่แน่”


“...”


“ทำไมเงียบ”


“เขาเข้าใจผิดที่ไหน เข้าใจถูกสิไม่ว่า”


“อะไรของพี่ อย่าพูดแบบนี้นะ ผมเสียหายนะไอ้พี่ดิน” ผมมองหน้าพี่มัน พี่มันนั่งเงียบ


“...”


“เข้าใจถูกอะไรของพี่วะ”


“เข้าใจถูกว่า กูกำลังจะจีบมึง”


“หืม”


“กูจะจีบมึง นี่กูพูดจริงนะ”


“พะ..พูดอะไรของพี่เนี่ย”


“ไม่ได้ยินเหรอกูบอกว่า กู จะ จีบ มึง” คราวนี้ชัดทุกถ้อยคำ พี่มันเล่นพูดซะดังลั่นแถมเน้นทุกคำอีกด้วย เอากับมันสิ


“เออ พวกกูได้ยินแล้วไอ้ห่าดิน ไม่ต้องตะโกน พวกกูรู้มาตั้งนานแล้วไม่ต้องป่าวประกาศ” ไอ้พี่เมืองหันมาตอบ ก่อนเพื่อนแต่ละคนของพี่ดินจะต่างพากันร้องแซว แต่ก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อเจอสายตาพิฆาตของไอ้พี่ดินมัน แต่ละคนเลยหันกลับไปร้องรำทำเพลงกันต่อ ไม่มีใครสนใจพวกผมสองคนอีกเลย มีแต่ผมที่นั่งอึ้ง ทึ่ง เสียวอยู่ตรงนี้เงียบๆ


“พี่จีบผมไม่ติดหรอก” ผมตัดสินใจพูดออกมาทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองในตอนนี้โคตรจะสับสนในความรู้สึกเลย


“ติดไม่ติดก็ดูกันไป” ไอ้พี่ดินยักคิ้วใส่ผม แล้วทำไมผมต้องไปใจเต้นแรงกับมันด้วย ให้ตายเถอะใจกู


“ผมไม่ง่ายนะ”


“ชอบอะไรยากๆ”


“ต่อไปเลิกยุ่มย่ามกับผมได้เลย”


“ไม้กันหมา”


“ผมขอลาออกจากการเป็นไม้กันหมา”


“ไม่ให้ลาออก”


“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมถึงจะลาออกได้ล่ะ ผมเบื่อแล้ว”


“กูก็เบื่อเหมือนกัน”


“งั้นก็ให้ผมลาออกดิวะ”


“ไม่”


“งั้นผมต้องทำยังไง บอกมา!!”


“มึงก็มาเป็นแฟนกูดิ!”


สิ้นคำพูดของพี่ดิน พวกพี่ๆเด็กเกษตรก็หันมาโห่แซวกันยกใหญ่ ผมอยากจะบ้าตายเมื่อไรไอ้พี่บ้ามันจะเลิกทำให้ผมอายสักทีนะ อยู่กับมันทีไรต้องมีอะไรให้อายทุกที
















              คืนนั้นจากเขินๆ อยู่ ผมเลยหนีปัญหาด้วยการแกล้งนอนหลับแม่งเลย รอไปรอมันดันเผลอหลับจริง ก็อากาศมันเย็นสบาย  มารู้สึกตัวนิดหน่อยก็ตอนที่ไอ้พี่ดินมันเอาเสื้อคลุมของมันมาห่มให้ผม และพอถึงเวลาพี่ดินมันก็ปลุกให้ผมตื่น พวกเราแยกย้ายกันไปอยู่ตามมุมของฟาร์มไก่ ผมอยู่กับไอ้พี่ดิน ส่วนไอ้เพื่อนตัวแสบของผมมันแยกย้ายไปอยู่กับไอ้พี่ภูและพี่เมือง

 
“ถ้าเห็นพวกขโมยห้ามส่งเสียง ห้ามออกไปนะ ให้พวกนั้นมันจัดการกันเอง” พี่ดินหันมาพูดกับผมที่กำลังนั่งยองๆอยู่ด้านหลังของเขา


“ตื่นเต้นวะ”


“จะมาตื่นเต้นอะไร หัวขโมยจะมารึเปล่าก็ไม่รู้”


“นั่นสิ”


“บอกแล้วให้กลับไปนอน ดื้อจริงๆ”


“ก็..” จะพูดต่อแต่พี่ดินมันยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ก่อน มันชี้ไปทางฝั่งตรงข้ามที่เป็นรั้วลวดหนาม หัวขโมยที่ผมเฝ้ารอแม่งมาแล้ว มาจริงๆ แถมมาตั้งสองคน คนหนึ่งตัวโคตรใหญ่ ใหญ่เท่าพวกพี่เมืองพี่ดินเลย อีกคนตัวเล็กเท่าผม ผมมองว่าโจรมันจะทำอะไรกันต่อ หลังจากที่คลานเข้ามาจากรั้วลวดหนาม ผมเห็นทั้งสองคนค่อยๆย่องๆ เวลานี้ผมบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่เหมาะเจาะสำหรับการขโมยเสียจริง เพราะไฟตรงฟาร์มไก่ไม่ค่อยสว่าง แถมยังมีบางดวงที่ดับอีกด้วย


“อยากรู้จังว่าใคร” ผมเกาะเสื้อพี่ดินไว้แน่น


“ชู่” พี่มันหันมายกนิ้วไว้ที่ปาก เป็นสัญญาณบอกว่าผมควรจะเงียบ


พอโจรเข้าไปในฟาร์ม ระหว่างที่มันกำลังเก็บไข่ไก่ใส่ไว้ในเสื้ออยู่นั้น พวกพี่เมืองก็ส่งสัญญาณให้เพื่อนค่อยๆ เดินไปที่ประตู พวกเรานั่งเงียบอยู่กันที่หน้าประตูฟาร์ม สักพักพอโจรมันเก็บไข่จนพอใจแล้ว พอพวกมันเดินออกมาที่หน้าประตู 


 พวกพี่ภู พี่มิ่งและไอ้พี่ดิน ก็กระโดดเข้าไปล๊อคตัวโจรทั้งสองทันที


ตอนแรกก็ดูจะวุ่นวาย เพราะดูเหมือนไอ้โจรมันจะสู้แต่ทว่ามันคงสู้แรงควายของพวกพี่คระเกษตรไม่ไหว มันเลยยอมแพ้


“พอๆ กูยอมแล้ว โอ๊ย!” ไอ้โจรตัวสูงตีพื้นสองสามครั้งเหมือนยอมแพ้ เมื่อโดนไอ้พี่ดินมันล๊อคคอ นี่ขนาดอีกฝ่ายตัวใหญ่กว่านิดนึง แต่พี่ดินแม่งแรงวัวแรงความสู้เขาได้อ่ะ ส่วนโจรตัวเล็กก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ รายนั้นแพ้ตั้งแต่ถูกจับตัวแล้ว


“พวกมึงมาขโมยไข่ไก่คณะกูหลายครั้งแล้วใช่ไหม” พี่เมืองเดินเข้าไปถามโจรทั้งสอง ก่อนจะถอดหมวกของทั้งคู่ แล้วรีบเอาไฟฉายส่อง


“เปล่า ครั้งแรก ไอ้สัดกูแสบตา!” พี่คนตัวสูงรีบหันหน้าไปทางอื่นหนีแสงไฟ


“ครั้งแรกจริงๆ” แต่พอคนตัวเล็กพูดเท่านั้นแหละ ทั้งพวกพี่เมือง พี่ภู พี่ดินแม่งหันไปมองกันเป็นตาเดียว ก่อนจะพูดขึ้นมาพร้อมกัน


“พี่ไม้!!!!”





พวกพี่เกษตรรีบปล่อยตัวโจรทั้งสอง ก่อนจะพามาคุยที่สว่างๆทันที ตอนนี้ผมเห็นหน้าโจรชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว คนตัวสูงหน้าตาตี๋ๆ ผิวขาว ดูสภาพพี่เขาลูกคุณหนูเกินกว่าที่จะเป็นขโมย ส่วนอีกคน.... คนที่พวกพี่เมือง พี่ภู แล้วก็พี่ดินกำลังเข้าไปยืนล้อมวงด้วย แม่งก็น่ารักสัด พี่เขาเป็นผู้ชายที่ผู้ชายอย่างผมมองแล้วยังคิดว่าน่ารักเลย ตัวขาว ผมยาวแต่รวบผมไว้ ตาโตกลม ปากแม่งเป็นรูปหัวใจ ยิ้มที่โลกแม่งสั่นสะเทือน โคตรดาเมจอ่ะ เป็นทอมก็บอกมา หน้าแม่งหวานจัดๆ


“ภู ดิน เมือง พี่ขอโทษ” คนพี่ยิ้มน่ารักสำนึกในความผิด


“ถ้าอยากกินทำไมไม่บอก” พี่ดินมันเป็นคนพูดก่อน


“ก็ถ้าขอมันก็ไม่สนุกดิ”


“พี่นิมัน... เรียนหนักจนเป็นบ้าไปแล้วรึไง”


“ก็พอดีทำงานกันที่คณะ พวกเพื่อนๆมันอยากกินไข่สดๆ มันเลยให้พี่มาขโมย”


“ดีนะไม่โดนพวกผมรุมซ้อม” พี่เมืองยกมือขึ้นปัดแก้มที่เปื้อนเศษดินให้พี่ไม้อะไรนั่น ส่วนพี่ภูก็ปัดเสื้อป้าให้อีกฝ่าย ดูแต่ละคนจะเป็นห่วงพี่คนนี้เสียจริง


“นี่ผมไม่เห็นออกจากบ้านมาตั้งนาน ก็คิดว่าตายไปแล้ว” พี่ดินแม่งพูดจาหน้าตบปากจริง


“ถ้าพี่ตาย ดินจะต้องร้องห่มร้องไห้เป็นคนแรกแน่ๆ”


“หลงตัวเอง!” ไอ้พี่ดินมันผลักหน้าพี่ไม้เบาๆ แต่ก็ทำอีกฝ่ายเซไปนิดนึงเหมือนกัน


“งื่อ” พี่ไม้วิ่งมาเกาะแขนพี่ดิน ก่อนจะถูหน้าลงบนต้นแขนของพี่ดินมัน เป็นภาพที่ทำเอาผม..พูดไม่ออก เมื่อกี้มึงยังพูดว่าจะจีบกูอยู่เลยแล้วทำไม...


“เออ ฟ้า เต๋า สิงห์ นี่พี่ไม้ เด็กสถาปัตย์ที่อยู่บ้านตรงข้ามกับเราอ่ะ” พี่ภูเรียกพวกผมให้ไปทำความรู้จัก “ส่วนนี่พี่พัฒน์ น่าจะใช่เนอะ” พี่ภูมองพี่อีกคนที่ตอนนี้กลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว


“เออ กูพัฒน์ สถาปัตย์ปีสี่” ยินดีที่ได้รู้จัก พี่พัฒน์เดินมาตรงพวกผม ก่อนจะรับไว้พวกผมเป็นรายตัว “เดี๋ยวนี้เด็กเกษตรก็มีแจ่มๆเหมือนกันนี่หว่า น่ารักวะ ชื่ออะไรอ่ะเรา ” พี่พัฒน์หยุดมองผม


 “ฟ้าลั่นครับ เรียกสั้นๆว่าฟ้าก็ได้”


“ว้าวชื่อแม่งเหมาะกับตัวดี อยู่ปีไรน่ะเรา”


“ปีสองครับ”


“โอ้ กินเด็กเป็นอมตะ สนใจจะสร้างเรือนหอกับพี่ไหม” พี่พัฒน์แม่งหน้าม่อโคตร ตัวพ่อของความหน้าม่อเลยก็ว่าได้ ผมเริ่มเชื่อแล้วว่ายิ่งปีสูงๆแม่งยิ่งชัดเจนในเรื่องแบบนี้ ก็เล่นบอกกันโต้งๆไม่มีอายสายตาใครเลย


“ไอ้พี่พัฒน์ ฟ้ามันเด็กผม” ไอ้พี่ดินเดินมายืนข้างๆผม ก่อนจะรวบเอวผมเข้าไปยืนใกล้ๆ


“เมียมึง?”


“ตอนนี้ยังแต่ภายภาคหน้าไม่แน่”


“coming soon” ไอ้พี่เมืองเสริม มึงรับส่งมุขกันดีมาก


“ได้ข่าวว่าสเป็คมึงคือไอ้ไม้”


“ก็...เออ นิดนึง” พี่มันแม่งไม่มีปฏิเสธเลย ทำเอาผมนี่โมโหขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว  ผมก็ไม่รู้จะโมโหทำไม แต่ว่าโคตรหมั่นไส้ เลยแอบกระทืบเท้าพี่มันไปที เล่นเอาพี่ดินหันมามองผมแล้วหยิกเอวผมเบาๆ 


“งั้นยกเด็กนี่ให้กู”


“ทำตัวสมเป็นหัวขโมยจริงๆ” พี่เมืองแม่งพูดเสริมอีกครั้งเล่นเอาพี่พัฒน์หันไปมองแบบดุๆ


“ก็กูเห็นตอนปีหนึ่งมึงคั่วๆกับไม้อยู่ไม่ใช่เหรอ เป็นคู่จงคู่จิ้นกันด้วยนิ ก็ดูพวกมึงเหมาะสมกันดี” พูดเป็นถั่วไปเลย มีคงมีคั่ว


“เฮ้อ!!!” ไอ้พี่ดินถอนหายใจ มันหันมาสบตาผมแว๊บหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมของมันแบบไม่สบอารมณ์ “ไอ้เมืองวันหลังมึงหัดทำตัวชัดเจนกับแฟนมึงด้วย กูเบื่อจะมีข่าวด้วยแล้ว”


“ห๊า!!!” พวกผมที่ยืนอยู่ตรงนั้นตะโกนออกมาพร้อมกัน


“ที่พี่เห็นผมอยู่กับพี่ไม้บ่อยๆ เพราะพี่แกเป็นแฟนกับเพื่อนผม ไอ้เมืองมันเป็นแฟนพี่ไม้”


“จริงดิ!!!” ผม ไอ้เต๋า ไอ้สิงห์ หรือพวกพี่คณะเกษตรหันไปมองพี่เมืองกันเป็นตาเดียว ไอ้เชี่ยพี่เมืองแม่งโคตรเสือซุ่ม มีแฟนโคตรน่ารักแต่ไม่บอกใครเลย กะกักไว้คนเดียวไง


“เออ.. ไม้แฟนกูเอง”


“มึงไม่เคยพามาแนะนำเลยนะไอ้เมือง ไอ้เพื่อนทรยศ” ไอ้พี่มิ่งยกมือชี้หน้าไอ้พี่เมือง “ไหนว่าเราจะไม่มีเรื่องปกปิดกันไง”


“กูไม่ได้ปกปิดแค่กูไม่พูด อีกอย่างไม้เขางานเยอะ พวกมึงก็รู้เด็กถาปัตย์มีเวลาว่างกันที่ไหน ยิ่งเรียนสูงยิ่งงานมากมาย”


“แล้วที่กูเห็นไอ้ดินมันไปรับส่งมึงล่ะ ไอ้ไม้มันอะไรกันวะ”


“เมืองเขาไม่ว่าง วันไหนเมืองว่าง เมืองก็มาส่งเรานะพัฒน์แต่ตอนเมืองมาส่งเรา ก็ไม่มีใครสนใจเมืองเท่ากับดินที่ตอนนั้นเป็นถึงเดือนมหาลัยหรอก”   


“พวกกูก็หลงคิดว่ามึงเป็นแฟนกัน มึงนิมัน” พี่พัฒน์ยกมืออยากจะโบกหัวเพื่อนตัวเล็กเต็มทน แต่พี่เมืองมาขวางไว้ก่อน


“คบกันตั้งแต่ไอ้พวกนี่อยู่ปีหนึ่งเลย”


“อือ”


“กูเป็นเพื่อนสนิทมึง มึงก็ไม่ยอมบอกกู”


“บอกแล้วแต่พัฒน์ไม่สนใจ”


“บอกตอนไหน”


“วันที่เมืองมาช่วยเราถือของที่คณะไง ตอนปีสอง เราบอกเรากลับก่อนนะแฟนมารับแล้ว พัฒน์ก็พยักหน้าอือ แล้วสนใจกระดาษชานอ่อยของพัฒน์ไม่มองหน้าแฟนเราเลย”


“น่าถีบมึงจริงๆ ก็งานมันเยอะ กูไม่มีเวลาว่างเงยหน้ามาดูหรอก”


“แล้วมึงไปจีบกันได้ยังไงวะ เด็กถาปัตย์งานเยอะจะตาย งานเยอะจนไม่มีเวลาหาแฟน”


“บ้านอยู่ใกล้กันเจอหน้ากันก็บ่อย ก็เลยใจอ่อน แถมเมืองชอบมาเก็บกวาดบ้านให้เรา แถมหาข้าวหาน้ำดูแลเราตลอด เลยตกลงคบเป็นแฟนเลย” ผมพยักหน้าเข้าใจทันที วันแรกที่เจอพี่เมืองกับพี่ภูผมเห็นไอ้พวกนี่ถือพลั่วถือจอบอยู่แถวๆหน้าบ้าน ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าพวกพี่มันเข้าไปดูแลบ้านให้พี่ไม้นี่เอง


“ไม่ต้องมาอธิบายมันน่า..” พี่พัฒน์มองหน้าเพื่อนสนิทตัวเองอย่างระอา


“ไอ้ดินอกหักเลยอ่ะดิ”


“เฮ้ย ผมไม่คิดจะจีบพี่เขาอยู่แล้ว ไอ้เมืองมันชอบพี่เขามานานแล้ว ผมไม่ขอยุ่งด้วย” พี่ดินส่ายหน้า


“เออๆ ตอนนี้กูเข้าใจทั้งหมดแล้ว... งั้นเหตุการณ์วันนี้กูขอโทษด้วยล่ะกัน นานๆจะได้เป็นหัวขโมยสักที ตื่นเต้นดี” พี่พัฒน์พูด


“วันหลังถ้าอยากกินบอกไอ้เมืองมาก็ได้ ผมเชื่อว่ามันจะรีบเอาไข่ไก่สดๆไปประเคนพี่ถึงคณะเลย เพราะแฟนมันอยู่” พี่ดินพูดพลางมองหน้าไอ้เมืองที่เอาแต่จ้องแฟนตัวเล็กของตัวเอง เดี๋ยวเช็ดแก้ม เช็ดแขนเช็ดขาให้พี่ไม้ ดูเป็นห่วงเป็นใยจนบรรยากาศแม่งเป็นสีชมพู


“เออ ขอบใจ งั้นวันนี้กูกลับก่อนล่ะกัน เดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ” พี่พัฒน์เอ่ยลา “ไม้มึงจะไปกับกูเปล่า”


“เราไม่ไป เดี๋ยวกลับบ้านพร้อมเมืองเลย” พี่ไม้เกาะแขนพี่เมืองแน่น คลอเคลียอย่างกับแมว สมแล้วที่พี่เมืองจะหลงชอบก็เล่นอ้อนเก่งซะขนาดนั้น


“อ้าวงานล่ะ”


“ทิ้งไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปทำต่อ”


“เออๆ น่าหมั่นไส้จริงๆ พอเจอผัวก็ทิ้งเพื่อนอย่างกูเลย”


“ใครบอกผัว เมืองเป็นเมียเรานะ”


“ไม้อ่า อยากเป็นผัวเมืองจริงๆเหรอ” พี่เมืองแม่งทำตัวงุงงิงจนน่าหมั้นไส้


“อือ”


“น่ารักแบบไม้เป็นผัวเมืองไม่ได้หรอก เป็นเมียเมืองมันส์กว่าเยอะ” ไอ้พี่เมืองพูดแบบไม่อายปากเลย เล่นเอาเพื่อนในคณะแม่งไม่กล้าแซวมันเลยสักคน แต่ละคนได้แต่ทำท่าจะอ้วกใส่หัวพี่มันเอาให้ได้


“ทะลึ่ง”


“เออ กูกลับบ้านก่อนนะ ไม้ง่วงแล้ว” พี่เมืองแม่งพูดจบก็ลากแฟนตัวเองออกไปจากวงสนทนาทันที ส่วนพี่พัฒน์ก็เดินคอตกกลับไป ส่วนพวกผมก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันสิครับ งานจบแล้วนิ







ผมกลับบ้านกับไอ้พี่ดิน ระหว่างทางพี่มันก็เอาแต่ขี่รถแบบเงียบๆ จนผมต้องเอ่ยถามมันไปว่ามันเป็นอะไร


“เป็นอะไรเปล่าเนี่ย เงียบมาตั้งแต่ออกจากฟาร์มเลยนะ”


“ก็ไม่มีอะไร แค่อิจฉาไอ้เมืองมันนิดหน่อย”


“ใช่สิ!!!  พี่ไม้เขาสเป็คพี่นิ”


“เสียงสูงถึงยอดตึกใบหยก ฟ้ามึงกำลังงอนกูเหรอ” พี่ดินค่อยๆชะลอรถอีแก่ของมัน


“ผมจะงอนพี่ทำไม”


“กูไม่โกหกว่าพี่ไม้ก็มีบางส่วนที่ทำให้กูชอบ”


“ชอบคนอ้อนล่ะสิท่า”


“ก็นิดนึง”


“ไอ้.....”


“อย่าเพิ่งด่ากู ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์สเป็คที่กูชอบ พี่ไม้มันได้สักประมาณสิบเปอร์เซ็นต์มั้ง แต่สำหรับมึงแค่เจอกันวันแรก มึงมันได้ใจกูไปเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เลยวะ”


“...” ผมเกลียดคำพูดช่วงนี้ของพี่ดินจริงๆ คือชอบทำให้ผมไปไม่เป็น ได้แต่ก้มหน้างุดเป็นตุ๊ดน้อย เขินคำพูดพี่มันระดับสิบ
“เห็นวันแรกก็อยากเอาถุงปุ๋ยครอบหัวแล้วหิ้วกลับบ้าน”


“ไอ้พี่บ้า”


“ตอนนี้ก็คิดนะ”


“คิดอะไร”


“คิดว่าจะลากมึงเข้าพงหญ้าแล้วจัดการทำเมียเลยดีไหม ไม่จงไม่จีบมันแล้ว”


“ไอ้...” ผมจะด่ามันกลับแต่ดันถูกมันดึงมือให้เข้าไปกอดเอวมันไว้ พอดึงออกมันก็จับผมไว้แน่น แถมยังขู่ว่าถ้าผมไม่กอดมัน มันจะจับผมทำเมียจริงๆ เออ กูขัดขืนไม่ได้อยู่แล้วนิ ถนนแม่งก็เปลี่ยวขืนมันทำจริง ผมคงหนีมันไม่พ้น เลยได้แต่ปล่อยให้พี่มันได้ใจไปก่อน


"เรื่องมือไวมือปลาหมึกผมให้พี่เก่งเป็นที่หนึ่งของผมเลย" ผมบ่นพี่มัน


"กูยอมรับตำแหน่งนั้น แต่..."


"แต่อะไร..."


"เรื่องน่ารัก กูยอมยกให้มึงเก่งเป็นที่หนึ่งสำหรับกูเหมือนกัน มึงแม่งน่ารักจริงๆวะ"






เดดแอร์ไปสิ!!!!!


.....TBC........




วันนี้เอามาลงยาวๆเลย พี่ไม้แฟนที่พี่เมืองกกไว้ตั้งนาน สุดท้ายก็ออกมาสักที 
พี่บ้านตรงข้ามได้ปรากฎตัวแล้ววววว
ขอบคุณที่ยังติดตามน้องฟ้าพี่ดินกันอยู่นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 17-11-2017 21:41:08
งื้อ>//< เขินตัวแตก
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 17-11-2017 22:13:35
ตอนนี้รู้สึกสงสารพี่ลมมม พี่ลมมีคู่มั้ยยย 55555
เพราะยังไงก็เชียร์ดินฟ้าา 555
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 17-11-2017 22:39:35
mean มา2เพลงเลย แงงง โคตรเข้าอารมณ์  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-11-2017 09:00:58
เรื่องทำครัวพี่ดินอาจจะกาก แต่เรื่องความชัดเจนกับน้องฟ้าพี่ดินไม่กากนะ  :-[ :-[ :-[
ฟ้าจ๋าพิจารณาความรู้สึกตัวเองได้แล้วนะ ออกอาการหวงพี่ดินตลอดทั้งตอนพี่ไม้กับพี่ทีน่าน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-11-2017 14:58:47
ทำไมพี่ดินพูดได้หน้าตายมากๆ เขิน :o8:
มีป้งมีปล้ำข้างทางด้วย รออะไรละ เราเต็มใจนะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 21-11-2017 02:14:33
ชอบบบบบ ชอบมากกกกก พี่ดินคือหล่อมากก จิตัยยยยย ชอบเวลาเค้าจีบกัน เขิน ยิ่งเวลาเพื่อนๆ ชงนะแบบ ยิ้มแก้มแตก 5555555555 ตอนนึงก็ยาวสะใจมาก รักเลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 23-11-2017 21:35:24
ตอนที่ 7




พรุ่งนี้คือวันที่ผมต้องแสดงละครเวทีแล้วครับ


 ถามว่าตื่นเต้นไหม ตอบเลยว่ามาก มากขนาดที่บอกไอ้พี่ดินว่า สองวันก่อนที่ผมจะแสดงไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องมารับมาส่ง ไม่ต้องมาหาไม่ต้องมาเจอหน้าเพราะผมต้องการทำใจ อยากจะพักผ่อนเยอะๆ จะได้แสดงละครออกมาดีๆ แต่บอกตรงๆเลยว่าไอ้ประโยคหลังผมคาดว่าน่าจะทำไม่ได้ เพราะตอนนี้เวลาก็ปาไปห้าทุ่มครึ่งแล้ว ผมยังนอนไม่หลับเลย เอาแต่พลิกตัวไปพลิกตัวมา ยิ่งรู้ว่าพรุ่งนี้ตัวเองต้องแสดงยิ่งโคตรฟุ้งซ่านอ่ะ พยายามข่มตาแล้วข่มตาอีก ก็หลับไม่ลง สงสัยว่าตัวเองคงจะตื่นเต้นกับละครเวทีจริงๆ


ผมกลิ้งไปกลิ้งมารอบเตียงทำยังไงมันก็ไม่หลับ สุดท้ายเลยตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินรอบห้องแทน ทำให้ตัวเองเหนื่อยเข้าไว้จะได้นอนหลับสบาย เดินไปเดินมาได้สักพักใจมันก็เริ่มคิดนู่นคิดนี่ตาม ตอนนี้ชักเริ่มกลัวแล้วว่าถ้าพรุ่งนี้ตัวเองทำพลาด คงทำให้พวกพี่ผิดหวังในตัวผมแน่ๆ เพราะทุกคนต่างเต็มที่ให้กับงานนี้จริงๆ


“เฮ้ออออออ” ได้แต่ถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนสายตาจะหันไปมองระเบียงของบ้านตรงข้ามที่เวลานี้ยังคงมืดสนิท ดูดิพอบอกให้หายไปจากชีวิตสักสองวันไอ้พี่ดินแม่งก็หายไปจริงๆ หายไปเลย....

 
แต่ว่าพี่มันคงไม่ได้ไปไหนไกลหรอก คงออกไปดื่มอยู่ที่ฟาร์มกับพวกเพื่อนๆแน่ เพราะวันนี้เขาได้ยินไอ้เต๋ากับไอ้สิงห์บอกว่าจะออกไปกินเหล้ากับพวกพี่เมือง ไอ้พี่ดินก็คงเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงเหล้าอยู่แล้ว งานแบบนี้มันไม่เคยพลาด ตั้งแต่ผมรู้จักกับพวกพี่เกษตรมันมา เห็นวันๆไม่ทำสวนทำไร่ก็แดกเหล้า ผมเคยได้ยินมันคุยกันเล่นในวงเหล้าว่า


‘คณะแพทย์จบไปเป็นหมอ คณะสถาปัตย์จบไปเป็นสถาปนิก คณะคุรุจบไปเป็นครู ส่วนพวกกูคณะเกษตรจบไปเป็นตับแข็ง’


พอนึกถึงคำพูดตลกๆวันนั้นผมก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ พอยืนนึกอะไรไปเรื่อยๆได้สักพัก ผมก็ต้องสะดุ้งขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงบ้านข้างๆคุยกัน ไม่ได้คุยกันเสียงเบานะ คุยกันเหมือนคนทะเลาะกัน เสียงแม่งดังชิบหาย!


“ไอ้ดิน! ไปเอาเหล้ามาแดกหน้าบ้านต่อดิ”


“ไอ้สัสภู เสียงดัง ฟ้ามันกำลังนอนรบกวนฟ้ามัน” ไอ้ห่าพี่ดินมึงนี่แหละตัวรบกวนกูเลย เสียงดังชิบหาย คงเมากันมาเต็มที่แล้วจริงๆ เพราะดูท่าแต่ละคนเวลาพูดขึ้นมาแต่ละที โคตรจะควบคุมระดับเสียงของตัวเองไม่ได้เลย


“พี่ดินร้องเพลงกัน ผมอยากฟังพี่ร้องเพลงวะ” นี่คงเป็นเสียงไอ้สิงห์ ช่วงนี้เพื่อนผมมันก็เละเทะกับเขาด้วยอีกคน


“เออ ใช่ๆ ไอ้ดินไปเอากีตาร์มากูอยากร้อง” เสียงพี่เมืองดังขึ้น ผมเลยเดินมาดูพวกพี่มันจากทางหน้าต่าง เห็นพี่เมืองมันกำลังยกพวกเก้าอี้ไม้เล็กๆมาวางไว้ตรงสวนหน้าบ้าน ไม่นานพวกมันก็นั่งล้อมวง วางขวดเหล้าแก้วเหล้าไว้ตรงหน้า ถุงขนมวางให้เกลื่อนตรงกลางวง แม่งดูน่าสนุกจนอย่างแจม


 ผมมองจากทางด้านบน ตรงมุมที่ผมยืน ผมเห็นไอ้พี่ดินชัดเจนเลย มันดูเหมือนคนไม่เมา แต่ตาแม่งโคตรเยิ้มอ่ะ ตาฉ่ำมาก ฉ่ำยังกับใส่บิ๊กอาย ต่างจากพวกไอ้สิงห์ไอ้เต๋าที่ตอนนี้ พวกมันเมาจนเนื้อตัวหน้าเนอแดงนำไปแล้ว


   “จะร้องเพลงไรกันอ่ะ แต่ร้องเบาๆนะเว้ย เกรงใจฟ้ามัน” พี่ดินมันถือกีตาร์มานั่งข้างพี่เมือง


   “เออ เอาเพลงที่เราเล่นตอนปีสองม่ะ ที่มึงร้องกับไอ้เมืองตอนงานรับน้องอ่ะ” พี่ภูเสนอ


   “กูเล่นตั้งเยอะ จำไม่ได้”


   “เพลงนั้นไง ที่กูร้องกับมึงอ่ะของวงไอน้ำ มา มาร้องเลย อย่าช้า!” พี่เมืองพี่ภูรีบยกขวดเหล้าขึ้นมาตีเป็นจังหวะ โดยที่พี่ดินยังทำหน้างง และพอพี่เมืองมันเริ่มต้นร้อง พี่ดินมันก็พยักหน้าแล้วรีบดีดกีตาร์ตามทันที ส่วนไอ้เต๋าไอ้สิงมันเคาะกระป๋องตาม เออ! พวกมึงดูสนุกสนานจนกูอยากเข้าไปร่วมแจมด้วยเลยสัด! ชักเริ่มอิจฉาระดับสิบแล้ว แต่ละคนทิ้งกูไปกินเหล้ากันหมด


ผมยืนกอดอกมองพี่ๆ มันร้องเพลง ไอ้พี่พวกนี้มันก็น่ารักกันดี บ้าบอเฮฮากันได้ตลอดเวลา


(**เมือง)’โอ้แม่นวลน้องเนื้อทองจ๋า เธอคือนางฟ้าหรือนางไม้
หล่นมาจากทิพย์วิมานไหน ทำไมช่างโสภิณ
ทรวดทรงองค์เอวงามบาดตา หรือหยาดจากฟ้ามาสู่ดิน
 ถ้าเฉียดพระอินทร์ คงเผลอรำพันว่าโดน
ได้สบตาซึ้งแค่หนึ่งครั้ง ดั่งถูกมนต์ขลังให้ชะงัก
 อยากไปแจ้งความที่โรงพัก เธอขับรักพุ่งชน
บาดเจ็บข้อเท้าระบมทัก เพราะตกหลุมรักยี่สิบหน
 เหลืออดเหลือทน ต้องเผยความในหัวใจ’


* (ดิน) ‘อยากบอกคนดี ว่าพี่ปีสองรักน้องปีหนึ่งจังเลย
 โฉมงามทรามเชย ได้โปรดเฉลย ว่าถ้าพี่จีบ จะถีบพี่ไหม
อยากบอกคนดี ว่าต่อไปนี้ ถึงใครยิงพี่ก็คงไม่ตาย
เพราะว่าดวงใจ พี่ฝากเอาไว้ ให้มันอยู่ที่น้องคนเดียว’


(*เมือง)วิหคขับขานเสียงเพลงรัก พี่สุขใจนักเมื่อเจอน้อง
 กระจกบานไหนก็ต้องฟ้อง ว่าน้องนั้นเข้าตา
 พี่สั่นสะท้านไปหมดใจ เหมือนอยู่กลางไฟเสน่หา
ช่วยหน่อยแก้วตา มามะ เรามารักกัน
ไม่หล่อเกาหลีพี่ยอมรับ แต่จริงใจครับรับเอาไว้
ถ้าหากนวลน้องต้องไปไหน จะไปด้วยทุกวัน
ให้ต่อยกับใครสักกี่ยก ให้ตกนรกขึ้นสวรรค์
พี่อยากสาบาน จะคุ้มครองเธอด้วยใจ


พอถึงท่อนพี่ดินไอ้พวกพี่ภูพี่เมืองก็ร้องแทรก จนพี่ดินแม่งยิ้มแถมยังร้องตามอีกด้วย และก็ไม่ต้องถามว่าผมจะยิ้มไหม จะเหลือเหรอ! ไม่รอด


* (ดิน) ‘อยากบอกคนดี ว่าพี่ปีสามรักน้องปีสองจังเลย
 โฉมงามทรามเชย ได้โปรดเฉลย ว่าถ้าพี่จีบ จะถีบพี่ไหม’


“ถีบ!!” ไอ้เต๋าตะโกนตอบ เล่นเอาพวกพี่เขาหัวเราะกันยกใหญ่ ก่อนจะร้องเพลงกันต่อ กูรักมึงก็ตอนนี้แหละเพื่อนเต๋าตอบได้โดนใจกูมาก และพอถึงท่อนสุดท้าย ไอ้สิงห์ไอ้เต๋าพี่เมืองพี่ภูก็ช่วยกันร้องดังลั่นแถมยังเปลี่ยนเนื้อร้องจนทำเอาผมหน้าร้อนไปหมด

‘อยากบอกคนดี ว่าต่อไปนี้ ถึงใครยิงพี่ก็คงไม่ตาย
เพราะว่าดวงใจ พี่ฝากเอาไว้ ให้มันอยู่ที่ ฟ้า คนเดียว’
***ไอน้ำ – รักน้องปีหนึ่ง


“โคตรมันส์อ่ะ ผมชอบวะ ชอบพวกพี่ร้องเพลง” ไอ้เต๋าตบมือ


“พวกกูไม่อยากจะอวด ไอ้ดินมันร้องเพลงนี้ตอนปีสอง หลังจากที่มันได้เจอใครบางคน” พี่ภูแม่งเริ่มแซะเพื่อนตัวเอง


“ใครวะพี่” ไอ้สิงห์มันถามอย่างสงสัย ซึ่งผมก็เริ่มสงสัยแล้วเหมือนกัน


“เรื่องแม่งยาวนะ แต่กูก็อยากเล่าวะ ขอเล่านะ” พี่ภูมันหันมาถามเพื่อนมัน


“สัด ตรงหน้ามึงมีตั้งหลายขวด เอาเลยเดี๋ยวกูชงให้” ไอ้พี่ดินแม่งตอบโคตรกวนตีนอ่ะ


“ไอ้ห่าดิน เล่าไม่ใช้เหล้าเว้ย”


“มึงเอาเลยไอ้ภู กูสนับสนุนเรื่องเหล้าคืนนี้ของมึง” พี่เมืองพูดเสริม


“จัดไป”


“เชิญพวกมึงเลย กูไม่เคยห้ามพวกมึงได้อยู่แล้วนิสัด” พี่ดินมันหยิบเหล้าขึ้นมาดื่ม แหมทำมาเป็นพูดประชด มันน่า....


“เอ้า ก็นานๆ ดินผู้หล่อสัดจะสนใจใครสักคน... เพราะตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง วันๆมึงเอาแต่ทำหน้าตายปฏิเสธคนอื่นที่เข้ามาสารภาพรักมึงอยู่เรื่อย พอขึ้นปีสองกูเห็นมึงเริ่มสนใจใครบางคนกูก็อยากแชร์ไง อยากแชร์เรื่องดีๆให้โลกรู้” ไอ้พี่ภูอธิบาย ส่วนไอ้พี่เมืองก็พยักหน้าเห็นด้วย


“พี่มีคนที่ชอบตั้งแต่ปีสองแล้วเหรอวะ สภาพตอนนั้นเป็นโจรยัง” ไอ้สิงห์ถามขึ้นมาอีกครั้ง


“สภาพมันกับพวกกูก็น่าจะเริ่มเป็นโจรขึ้นมานิดนึงแล้วแหละ” พี่ภูตอบแทน  พอผมเห็นพี่ดินมันนั่งดื่มนิ่งๆไม่พูดไม่ปฏิเสธคำถามของไอ้สิงห์ เล่นเอาผมแม่งอยากรู้เรื่องนี้ด้วยเลย และจากความเสือกที่มีอยู่สูงมากของผม ผมเลยพาร่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความเผือกเดินลงไปชั้นล่าง ไปแอบฟังพวกพี่มันคุยกันตรงห้องนั่งเล่น เพราะตรงนี้เสียงแม่งชัดระดับ HD


“ช่วงปีที่แล้ว ตอนเปิดเทอมใหม่ พวกกูที่เป็นเด็กปีสองถูกอาจารย์สั่งให้ไปจัดสวนด้านหน้าของแต่ละคณะ กู ไอ้เมือง ไอ้ดิน และก็น่าจะไอ้มิ่งโดนไปจัดสวนหน้าคณะนิเทศ”


“คณะผมเหรอ”


“เออดิ! ทุกวันนี้ที่พวกมึงมีที่สวยๆ ถ่ายรูป เป็นเพราะฝีมือพวกกูจำไว้เลย” พี่เมืองพูดขึ้นมา


“พูดขนาดนี้ผมจะจดจำไปชั่วชีวิตของผมเลยว่า สวนสวยๆแมลงเยอะๆ มันเป็นเพราะฝีมือพวกพี่แม่งทำ” ไอ้เต๋าแอบพูดประชด ผมละอยากขำ สวนหน้าคณะผมมันสวยก็จริง แต่พวกแมลงแม่งก็เยอะเหมือนกัน บางทียังมีหนอนมีอะไรออกมาคลานกระดึ๊บๆให้เต็มพื้น ก็เล่นปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้ให้แน่นไปหมด


“เล่าต่อ ผมอยากเผือก”


“ตอนนั้นพวกกูก็ไปจัดสวนตกแต่ง ปลูกนู่นปลูกนี่ แต่งตัวกันไปแบบโคตรชาวไร่อ้อยอ่ะ ใส่เสื้อคลุมลายตารางสวมหมวกปิดหน้าทำตัวโคตรเหมือนคนสวนแบบสุดๆ พวกเด็กนิเทศแต่ละคนตอนนั้นแม่งโคตรแจ่ม แต่ละคนเดินผ่านไปผ่านมาไม่สนใจพวกกูเลยสักคน ซ้ำบางคนยังหัวเราะพวกกูด้วยซ้ำ”


“ไม่หัวเราะได้ไง ก็มึงมันทำตัวเปิ่นเองไอ้ห่าภู เขาให้ไปปลูกดอกไม้ดีๆ มึงไปร้องเพลงแซวสาวหน้าคณะ แล้วสภาพตอนนั้นไม่สมควรแซวใครเด็ดขาด เนื้อตัวแม่งโคตรเปื้อนอ่ะ ไอ้ห่านิก็ทำตัวแป้นแล้นไงเจอสาวๆหน่อยไม่ได้ หางแม่งกระดิก”


“ผมขอโทษครับไอ้เพื่อนเมือง พอๆ เลิกแฉกู กูจะเล่าต่อ”


“ใครห้ามมึง เล่าไปดิ”


“พวกกูทำงานกันตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง ด้วยความที่กำลังไฟแรงไงเลยไม่อยากหยุดพัก ไอ้ห่าดินแม่งก็โคตรขยัน ทำเอาพวกกูต้องนั่งทำงานงกๆไปกับมันด้วย”


“ก็ตอนนั้นกูอยากให้งานพวกเราเสร็จเร็วๆไง”


“กูรู้ ระหว่างที่พวกกูทำงาน ก็มีเด็กปีหนึ่งวิ่งถือขวดน้ำเปล่ามาสองสามขวด ไอ้เด็กนั่นมันเดินมาทางไอ้ดินแล้วก็วางขวดน้ำไว้ข้างๆไอ้ห่าดินมัน กูเห็นน้องมันคุยอะไรกับไอ้ดินประมาณสองสามประโยค แต่พอดีกูไม่ได้ยินไง หลังจากนั่นเพื่อนดินของกูมันก็เพ้อถึงน้องปีหนึ่งคนนั้นมาตลอด”


“กูอยากรู้ว่าน้องเขาพูดอะไรกับมึงวะ”


“กูต้องบอกมึงด้วยเหรอ?”


“มึงเก็บมานานแล้ว มึงควรบอก”


“เสือกจริง”


“เสือกมากด้วย” ไอ้พี่เมืองพูดเสริม


“น้องเขาแค่พูดว่า พักกินน้ำให้หายเหนื่อยก่อนนะครับแล้วค่อยทำงานต่อ สู้ๆนะครับ”


“แค่นั้น”


“เออ พอพูดจบ น้องเขาก็ยิ้มให้กูไง กูก็เลย...”


“ฮั่นแหน่!!! รักแรกพบ”


“ผมอยากรู้จริงไอ้เด็กนั่นมันใคร” ไอ้สิงห์สงสัย


“เด็กแถวๆนี้แหละ” พี่เมืองตอบ


“ไอ้เต๋าเหรอ”


“เพ้อเจ้อล่ะมึง คนน่ารักที่ยิ้มทีทำเอาไอ้ดินเพ้อ มันจะมีสักกี่คนกันวะ”


“ไอ้ฟ้า!!!”


“ตรัสรู้สักทีนะมึง”


ผมที่นั่งฟังอยู่ก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเพราะกลัวจะหลุดคำหยาบออกไป ไอ้เชี่ย! คนที่พี่ดินเพ้อตั้งแต่ปีสองคือกูเหรอ เห้ยยยยย พีคในพีคในพีคในพีคเลย เรื่องแม่งโคตรหักมุมยิ่งกว่าหนังของเต๋อ นวพล ผมนั่งอึ้งอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากทางบ้านของพี่ลม เล่นเอาปรับตัวแทบไม่ทัน จากที่ตกใจอยู่ก็ต้องมานั่งฟังไอ้พี่ลมร้องเพลงต่อ


เหมือนตัวเองกำลังอยู่ในรายการกิ๊กดู๋สงครามเพลงยังไงก็ไม่รู้ มาประชงประชันเพลงอะไรกันกลางดึก!!!

ไม่ทราบมันเป็นไร ไม่รู้ว่ามาไง อาการรักเธอ
ก็รู้มีคนจอง ยังบ้าไปยืนมอง ตกเย็นก็เพ้อ
ยิ้มให้เมื่อเจอกัน เผื่อฟลุ๊คไปวันวัน ไม่กล้าขอเบอร์
ก็รู้เธอมีแฟน ไม่ได้จะไปแทนที่คนของเธอ
ไอ้คนมาทีหลัง ก็ต้องเศร้าต่อไป
แต่อดใจไม่ไหว เมื่อได้ใกล้กับเธอ
จะจุกตายอยู่แล้วนะ ถ้ารักนี้ ไม่ได้บอกเธอ
หลงรักคนมีเจ้าของ แอบมองอยู่ทุกวัน
ไปหลงชอบแฟนชาวบ้าน ทั้งที่รู้ตัว
ก็น่ารัก ถูกใจนัก ไม่เคยเป็นอย่างนี้
หลงรักคนมีเจ้าของ แอบมองอยู่เช้าเย็น
ก็รู้ว่าคงทำได้ แค่เท่านี้
แค่พบเธอ คิดถึง แล้วนอนฝันดี

**ไอน้ำ- รักคนมีเจ้าของ


“ไอ้ลมเล่นมึงแล้ว ไอ้ห่าดิน” พี่เมืองพูดกับพี่ดิน ถ้าให้ผมทาย ตอนนี้พี่ดินมันคงนั่งทำหน้านิ่งตามสไตล์ของมัน


“มึงไม่นอนเหรอวะไอ้ลม ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้เป็นพระเอก” พี่ภูตะโกนถาม


“พอดีกูนอนไม่หลับ เลยชวนไอ้คีย์กับไอ้สนมันนั่งแดกเหล้า” พี่ลมตะโกนกลับมา


“คงตื่นเต้นสินะมึง”


“ก็นิดนึง”   คือถ้าพวกมึงยังชวนคุยกันแบบนี้มึงควรนั่งร่วมวงกันไปเลยนะ ไอ้พี่บ้าทั้งสองบ้าน


“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปดูมึงเล่นนะ”


“ขอบใจเว้ย แต่....ไอ้ดินมึงอย่าลืมมาดูกูด้วยล่ะ งานนี้กูอยากให้มึงดูมากที่สุดล่ะ” สิ้นเสียงไอ้พี่ลม พวกเด็กวิดวะมันก็เริ่มร้องเพลงกันอีกรอบ คราวนี้คงเป็นเสียงไอ้พี่คีย์ที่มันเริ่มร้องก่อน ผมชักเริ่มสงสัยแล้วว่าในดงเถื่อนนี้ มันเป็นสถานที่ผลิตนักร้องรึไงวะ ร้องเพลงกันไม่หยุด ฟังไปฟังมาพอถึงท่อนฮุคพี่ลมมันก็ร้องเสียงดังขึ้นมา

(**คีย์)ทำไมเธอต้องยิ้ม ทุกทีที่เดินสวนกัน
ทำไมเธอต้องหวาน ทุกคำที่เอ่ยวาจา
 ทำไมเธอต้องซึ้ง เวลาที่ฉันมองตา
 ฉันจะบ้า.. อยู่แล้ว
เหมือนเธอมีเวทมนตร์
ทำให้ใจฉันอ่อน รู้มั๊ยเธอว่าใครเดือดร้อน
(**ลม) ฉันแพ้ทางคนอย่างเธอ
 มันเอาแต่เพ้อ ไม่กิน ไม่นอน
อยากบอกเธอสักครั้ง โปรดเถอะนะขอวอน
หยุดน่ารักได้ไหม ใจฉันกำลังละลาย...
***ลาบานูน-แพ้ทาง


พอพี่ลมร้องจบบ้านไอ้พี่ดินก็ดีดกีตาร์ขึ้นมาต่อ เออมึงประชันเสียงกันเป็นเดอะว๊อยส์เลยนะ ไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนกันแล้ว ผมเริ่มชักจะทนไม่ไหวเลยกะว่าจะออกไปด่าพวกพี่มันสักหน่อย แต่พอเปิดประตูออกไป แล้วได้ยินเสียงพี่ดินมันร้องเพลงเท่านั้นแหละ ขอยืนฟังสักนิดล่ะกัน ก็เสียงพี่มันทุ้มน่าฟังจริงๆ


ฉันนั้นคิดไปไกล ฝันเอาไว้อย่างดี
 ว่าความรักของเราจะมีตลอดไป
 ในฝันของฉันมีเธอข้างกาย
 จับมือเดินกันไป ใครก็อิจฉา
ดูดีทุก ๆ อย่าง ติดที่มันยังไม่ได้เกิดขึ้นมา


ผมแอบเดินไปทางหน้าบ้านพี่ดิน ก่อนที่จะเผอิญไปสบตาพี่มันพอดิบพอดี พี่ดินยังคงร้องเพลงไม่หยุด แถมยังจ้องมองผมและยิ้มให้ผมจนจบเพลง

**ไม่อยากได้แต่ฝันหวาน ให้มันเป็นจริงได้ไหม
 แค่เพียงเธอยอมเห็นใจ รับฉันพิจารณา
 รักเธอตั้งแต่แรกพบ ไม่อยากหยุดอยู่แค่นั้น
 หากเธอยินดีรักกัน ความฝันคงกลายเป็นจริงขึ้นมา
ได้หรือเปล่า รับรักฉันหน่อยได้ไหม
คนจริงใจอยากได้เธอมาเป็นแฟน
ได้หรือเปล่า ช่วยฉันซักหน่อยได้ไหม
ช่วยเปิดใจ ช่วยให้ฝันมันเป็นจริง
**ลาบานูน-ฝันหวาน


“เพราะป่ะ” พี่มันถามผมทั้งๆที่มันยังนั่งอยู่ที่เดิม ทุกคนที่นั่งอยู่ในวงเหล้าหันมามองผมกันเป็นตาเดียว คือกูควรต้องอายใช่ไหม ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ใจก็สั่น หน้าแม่งก็เริ่มร้อน ไอ้พี่ดินแม่งมันก็ยิ้มหล่ออยู่ได้ รู้ว่าตัวเองหล่อก็ไม่ควรทำให้ใครเขาใจสั่นดิวะ.... ผมหลบสายตามัน คืออยากจะบอกกับมันไปจริงๆเลยว่า หยุดเถอะ หยุดยิ้ม ใจกูบางหมดแล้วไอ้เชี่ย!


 “ดึกแล้วทำไมไม่นอน” พี่ดินเดินมาหาผม


“ก็พวกพี่เล่นกันเสียงดังแบบนี้ ผมคงนอนหลับหรอก” ผมก้มหน้างุดเมื่อพี่ดินเดินมาอยู่ใกล้ๆ สัดเขิน


“กูบอกมึงแล้วไอ้เมือง กูบอกให้ร้องกันเบาๆ เห็นไหมรบกวนฟ้ามันเลย” ดูพี่มันกวนตีนโบ้ยความผิดให้เพื่อน มึงนิแหละตัวดี ดังกว่าใครเพื่อนเลย “น่าด่าพวกมันเนอะ” พี่ดินแกล้งเอานิ้วจิ้มลงบนแก้มผมสองสามที ผมเลยปัดออกก่อนจะเบะหน้าใส่มันไปที ไอ้พี่ดินแม่งโคตรน่าหมั่นไส้


“กูอยากจะแหมมมมม มึงให้ยาวไปถึงดางอังคาร สัดมึงเนี่ยแหละตัวดี” พี่ภูกับพี่เมืองเริ่มบ่นเพื่อนตัวเอง แต่พี่ดินมันก็ไม่สนใจเอาแต่จ้องหน้าผมไม่หยุด ไม่รู้จะจ้องอะไรกันนักกันหนา

 
“ง่วงยัง” พี่มันเปลี่ยนเรื่องครับ


“ก็นิดนึง”


“งั้นไปนอนกัน” พูดจบพี่มันก็เนียนลากผมให้เข้าไปในบ้านมัน


“เดี๋ยวๆ บ้านผมอยู่ทางนั้น” ผมจับประตูรั้วเอาไว้ พยายามขืนแรงพี่มันเอาไว้ “พี่ดินไม่เนียน!”


“ดึกแล้วนอนนี่แหละ”


“ไม่เอา ผมจะนอนที่บ้าน”


“ฟ้าไม่ต้องกลัว ไอ้ดินมันกาก มันไม่ทำอะไรฟ้าหรอกทำได้มากสุดก็แค่นอนจับมือ” ไอ้พี่ภูพูดเสริม ทำยังกับผมจะเชื่อ ไอ้พี่ดินเล่นทำหน้าหื่นขนาดนี้


 “โอเคไม่นอนที่นี่ก็ได้ ไปนอนบ้านมึง” ไอ้พี่ดินมันตีเนียนจับมือผมไปทางบ้านผมแทน


“ไอ้บ้าพี่ดิน อย่ามาตีเนียน”


“เดี๋ยวกูไปส่งถึงห้องแล้วกูก็กลับ กูไม่ทำอะไรมึงหรอกน้า ก็มึงเล่นไม่ให้กูกวน ไม่ให้กูเจอหน้ามึงตั้งสองวัน รู้ไหมกูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว คิดถึงมึงวะ”


“เชี่ยยยยยยยยย เป็นเอามากนะเพื่อนกู”


“เมาใช่ไหมเนี่ย” ผมมองพี่มันแบบดุๆ นี่ผมกำลังพยายามตีหน้านิ่งอยู่นะ เพราะคำพูดของพี่ดินเมื่อกี้แม่งโคตรทำลายล้างเลย โคตรเขินสัดอ่ะ


“ไม่เมาสักหน่อย”


“คนเมาก็ชอบบอกว่าไม่เมาแบบนี้ทุกคน”


“เลิกบ่นได้แล้ว ง่วงไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไปกล่อมถึงเตียงเลย”


“ไอ้พี่ดิน!”


“โอเคๆ ไปส่งเฉยๆ ก็ได้” พี่ดินมันผายมือให้ผมเดินนำหน้ามันไป แล้วทำไมผมต้องทำตามมันด้วยนะ บอกตามตรงว่าสองวันที่ผมไม่ได้เจอหน้าพี่มัน ผมก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน เหมือนอะไรมันขาดหายไป ถ้ามานึกดีๆ ชีวิตคงขาดความกวนตีนของพี่มันไป
เพียงไม่นาน พี่ดินมันก็มาส่งผมถึงห้องแถมยังตีเนียนเข้ามาสำรวจห้องนอนของผมด้วย


“มึงนอนกอดหมอนข้างด้วยเหรอ”


 “อือ”


“กอดหมอนข้างเป็นเด็กไปได้ โห! โคตรเน่าอ่ะ เอาไปทิ้งเถอะ”


“ทิ้งทำไม ถ้าผมไม่มีมันผมนอนไม่หลับแน่ๆ”


“หืม... ถ้าไม่ได้กอดหมอนข้างแล้วมึงนอนไม่หลับเหรอ” พี่มันหันมาถามผม


“อือ” พอผมตอบเสร็จปุ๊บ ไอ้พี่ดินก็ถือหมอนข้างของผมออกไปทางระเบียงแล้วโยนไปทางระเบียงห้องมันทันที


“เห้ย! ไอ้พี่ดินทำอะไร โยนไปทำไม!!!” ผมตีไหล่มันไปที ไอ้พี่บ้านิมันมือไวจริงๆ


“โตแล้วเลิกนอนกอดหมอนข้างได้แล้ว” ผมมองพี่มันอย่างโมโห ไอ้พี่ดินมันรีบพาผมมานอนที่เตียงแถมห่มผ้าให้ผมเสร็จสรรพ หนำซ้ำมันยังเดินไปปิดไฟให้ผมด้วย


“ฝันดีนะ”


“พี่ดิน... ผมนอนไม่หลับหรอก ถ้าไม่มีหมอนข้างเน่าๆอันนั้น พี่กลับไปเอามาให้ผมเลย” ผมนอนบ่นอยู่บนเตียง


“งั้นคืนนี้... กูเสียสละเป็นหมอนข้างเน่าๆให้มึงก็ได้” พี่ดินพูดจบมันก็เดินมานอนข้างๆผม แถมยังดึงผมเข้าไปกอดจนแทบจะจมอกมัน พอผมดิ้นมันก็เอาแต่กอดผมแน่น


   “พี่ดิน ปล่อย!”


   “ไม่ ปล่อย”


   “พี่ดิน”


   “ฟ้า”


   “...” นั่นไงเรียกชื่อทีไรกูแพ้ทุกที


   “นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเหนื่อยทั้งวันนะ” มันลูบหลังผมไปมา ก่อนจะก้มลงหอมแก้มผมเบาๆ


   “จะมากไปแล้วนะ”


   “ก็ขอนิดหน่อยเอง”


   “เดี๋ยวจะโดน”


   “นอนๆ ฝันดีนะครับ”


เพียงไม่นานผมก็รู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของพี่มัน ตอนนี้ไอ้พี่ดินมันคงหลับไปแล้วเหลือเพียงผมที่ยังคงนอนไม่หลับเหมือนเดิม ยิ่งพี่มันแสดงออกมามากเท่าไร ใจผมก็บางมากเท่านั้น ยิ่งอยู่ใกล้พี่มัน หัวใจแม่งยิ่งทำงานหนักมากกว่าเก่า


 ตอนนี้ผมรู้แล้วแหละว่าความรู้สึกของผมที่มีให้พี่ดินมันเป็นยังไง แต่ขอเวลาอีกสักนิดนะ ขอความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นมาอีกนิด





ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 23-11-2017 21:44:54
พาร์ทดิน


วันนี้ฟ้าต้องรีบไปแต่งหน้าตอนสิบโมง แต่น้องไม่ได้บอกผมไว้แถมเจ้าตัวก็ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก ผมเลยนอนกอดร่างนุ่มนิ่มของฟ้าจนเพลินเล่นเอาตื่นสายทั้งคู่ มาตื่นกันอีกทีก็ตอนที่พวกพี่ในคณะนิเทศของฟ้าโทรมาตาม ตอนนั้นแหละผมโดนเจ้าตัวเล็กด่าซะจนหูฉีก เอาแต่บ่นว่าผมแกล้ง เลยทำเอาเขานอนไม่พอจนต้องตื่นสาย


   ผมรับหน้าที่เป็นสารถีพลขับ พาไอ้ตัวแสบไปส่งหน้าคณะ ระหว่างทางเจ้าตัวแสบก็บ่นงุงงิงตลอดทางมันน่าจับปากเล็กๆมาบีบจริงๆ


   “เพราะพี่คนเดียว เพราะพี่คนเดียว” 


   “เพราะกูทำไม”


   “พี่ไม่ปลุกผม”


   “กูจะรู้เหรอว่าพี่ๆมึงนัดกี่โมง มึงไม่ได้บอกกูนิ”


   “วันนี้พี่มีเรียน พี่ก็ควรตื่นแต่เช้าแล้วออกไปเรียนดิวะ แล้วนี่ถ้าพี่ตื่นผมก็คงตื่น”


   “ก็วันนี้กูไม่อยากไป”


   “ไอ้คนขี้เกียจ”


   “กล้าว่ากูเหรอ! เดี๋ยวจะโดน! แต่มึงเถอะพอถูกกูกอดนิดกอดหน่อยก็เล่นนอนไม่ตื่นเชียวนะ ชอบหมอนข้างมีชีวิตแบบกูก็บอก วันหลังจะไปนอนกอดบ่อยๆ”


   “ไอ้พี่บ้า! วันหลังไม่มีทางได้เข้าห้องผมแล้ว” ฟ้าทุบหลังผมดังอั๊ก เล่นเอารถเกือบเซ


   “เฮ้ยๆ เดี๋ยวรถล้ม”


   “ให้ล้มไปเลย”


   “ถ้ารถล้ม ไม่ใช่กูคนเดียวที่เจ็บ มึงก็จะเจ็บด้วยนะไอ้แสบเอ๊ย” ผมตีไปทีต้นขาเด็กดื้อทีซ้อนด้านหลังไปหนึ่งทีเบาๆ

 
   “โอ๊ยยยยยย!!! ผมโดนพวกพี่ในคณะบ่นหูชาแน่”


   “เลิกบ่นได้แล้ว ช้าไปไม่กี่นาทีเอง ไม่โดนบ่นหรอก หรือถ้าใครบ่นมึงบอกกู” ผมจอดรถหน้าคณะทันทีที่พูดจบ ไอ้แสบรีบลงจากรถแล้วเดินมามองหน้าผมอย่างสงสัย


“ถ้าผมโดนบ่น พี่จะมาจัดการพวกพี่ๆในคณะให้ผมเหรอ”


“เออ กูจะมา! มาสมน้ำหน้ามึงด้วยอีกคน”


“กวนตีน” ไอ้แสบมันเบะปากใส่ผมแบบงอนๆ ผมยอมรับเลยว่าถึงฟ้ามันจะทำหน้าแบบไหนก็โคตรน่ารักสำหรับผมอยู่ดี ปากเล็กๆ จมูกรั้น ตากลมๆ พอเห็นแล้วหมั้นเขี้ยวอยากจับมันมาฟัดให้จมเขี้ยว


   “ผมไปก่อนนะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมาดู อาย!”


“กูจะมาดู มาดูคนขี้อาย”


“เช๊อะ!! ไปแล้ว แล้วเจอกัน”


“ฟ้า”


   “อะไรอีกอ่ะ”


   “แสดงให้เต็มที่ สู้ๆ”


   “อืม” ไอ้ตัวแสบยิ้มรับ พอผมแกล้งทำมือเป็นมินิเฮริต์ให้ ไอ้แสบก็หัวเราะก่อนจะด่าผมกลับมาว่าบ้า สังเกตมาหลายครั้งละ พอเขินทีไรด่าผมทุกที เอาเถอะน่ารัก ผมยอม!





พอส่งเจ้าตัวแสบเสร็จ ผมก็รีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปเรียน ตอนแรกก็กะว่าจะขาดเรียนกไปเลยแต่คิดดูอีกทีวันนี้เรียนภาคทฤษฎีไม่ใช่ภาคปฏิบัติ เข้าเรียนสายดีกว่าไม่ไปเลย ขาดไปคลาสหนึ่งก็แทบจะไม่รู้เรื่องแล้ว ถ้าใครคิดว่าเกษตรเรียนง่ายคุณคิดผิดแล้วครับ เกษตรเรียนโคตรยาก เจอทั้งแคล เจอทั้งไบโอแถมยังต้องเข้าแลปเหมือนพวกเด็กวิทย์ ถ้ายิ่งได้เจอวิชาโรคพืชเข้าไปก็ทำเอาแทบอ้วก เพราะไม่รู้ว่าโรคมันจะเยอะไปไหน


“ไง กว่าจะมา กกเมียเด็กเพลินเลยดิ” ไอ้เมืองเอ่ยทักผมตอนที่ผมค่อยๆย่องเข้าไปนั่งข้างๆมัน


“อืม” ผมยักคิ้วให้เพื่อนสนิท ก่อนจะหยิบสมุดจดของไอ้เมืองมาลอก


“วันนี้มึงจะไปดูฟ้าป่ะ”


“ไปดิ กูเสียดายค่าบัตร” 


“แหม กูลืมไป ว่ามึงเล่นเหมาบัตรมาแจกเพื่อนตั้งยี่สิบสามสิบใบ”


“...”


“เออ กูมานั่งนึกถึงคำพูดไอ้ลมเมื่อคืน มันเล่นท้ามึงให้ไปดูขนาดนั้น แปลว่าบทแม่งต้องเข้าทางมันแน่เลยใช่ไหม”


“เออ ได้หอมได้จูบ”


“เหี้ย!” ไอ้เมืองอุทาน ก่อนจะรีบปิดปากเมื่ออาจารย์หน้าห้องหันมามองอย่างดุๆ


“กูว่าแล้วทำไมมันถึงพูดให้มึงไปดูจัง”


“อืม”


“ชิ เมื่อคืนมึงน่าจะรวบหัวรวบหางฟ้าแม่งเลย” ไอ้เมืองจิปากไม่พอใจ


“ถ้าทำ กูก็ดูเลวไปเลยอ่ะ”


“กาก”


“สัด”


“กูรู้เมื่อคืนมึงคงได้แค่กอดไม่ก็จับมือ”


“ก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันไหมละ มึงจะให้กูจับเขาทำเมียตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยรึไง”


“ก็เห็นหิ้วไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งนาน มันควรจะถึงขั้นนั้นแล้วไหมวะ”


“กูไม่ไวไฟเหมือนมึง”


“อืมก็ใช่...เพราะมึงกาก”


“เออ!!! กูยอมรับ ไอ้สัดนิ” ผมปาสมุดใส่ไอ้เพื่อนเวร ตั้งแต่พวกมันรู้ว่าผมชอบฟ้า วันๆ พวกมันไม่ทำห่าอะไรเลย เอาแต่แซวเอาแต่ชง พอผมขับรถผ่านคณะนิเทศก็เอาแต่แซวผม ครั้งหนึ่งตอนที่ผมอยู่ปีสอง พวกผมเคยเจอฟ้าที่ตลาดนัดคนเดินที่มีพวกนักศึกษาคณะต่างๆมาออกร้าน ผมเห็นน้องเขาเดินเที่ยวกับเพื่อน ตอนนั้นน่าจะเป็นพวกไอ้สิงห์กับไอ้เต๋า


   น้องมันเดินผ่านหน้าร้านคณะผม พอพวกไอ้เมืองไอ้ภูเห็นแม่งก็เรียกให้ผมดูกันยกใหญ่ ก่อนจะคะยั้นคะยอให้ผมรีบไปขอเบอร์เขา คือใครจะไปกล้าวะ สภาพผมตอนนั้นก็เข้าขั้นหมอผีเลเวลหนึ่งแล้ว ผมเริ่มยาวหนวดเคราเริ่มมี คือจะให้กูไปจีบเขาสภาพนั่น เขาคงด่ากูกลับมาแน่


คราวนี้พอไอ้ภูไอ้เมืองเห็นฟ้าเดินกลับมา มันก็ลากผมไปยืนหน้าร้านคู่กับพวกมันทำเป็นแจกข้าวโพดคั่วถ้วยเล็กๆให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา และพอฟ้าเดินผ่านปุ๊บมันก็ผลักผมเข้าไปหาน้องเขา ไม่อยากจะด่าพวกมันที่บังอาจเอามุขจีบสาวที่โคตรโบราณมาช่วยผม มันกะจะฝห้ผมเดินชนแล้วเรียกร้องความสนใจด้วยการขอโทษ บอกตรงๆมุขนี้แม่งมีมาทุกยุคทุกสมัยเลยจริงๆ


คือถ้าพวกมันจะเล่นมุขนี้ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พวกมันควรจะผลักผมเบาๆ แต่นี่พวกมันเล่นผลักคนร่างยักษ์อย่างผมไปชนกับร่างเล็กอย่างฟ้าด้วยแรงวัวแรงควายของพวกมัน ไม่ต้องนึกถึงสภาพฟ้ามันเลยครับว่าจะกลิ้งไปกี่ตลบ น้องเขากลิ้งเนื้อตัวคลุกฝุ่น เปื้อนไปทั้งตัวจนถูกเพื่อนๆแม่งหิ้วกลับไปอย่างเร็ว โดยที่ผมยังไม่ได้ยื่นมือไปช่วยเหลืออะไรเขาเลย แถมก่อนไปผมยังได้ยินน้องมันพูดกับเพื่อนๆว่า ผมแม่งโคตรน่ากลัว!  เฟิร์สอิมเพรสชั่นกูติดลบตั้งแต่แรกพบเลย


“อุ๊ย ขอโทษ มึงไม่เป็นอะไรนะไอ้ดิน พอดีขากูเปลี้ยเหมือนเป็นโรคกล้ามเนื้อหมดแรงกะทันหันเลยสะดุดก้อนหินแล้วเซไปชนมึงนิดหน่อย”  นี่คือคำพูดของไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายในวันนั้น


“แรงสะดุดมึงที่มาชนกูไม่เรียกว่าเปลี้ยแล้ว กูคิดว่าควายที่ไหนวิ่งมาชนกู ไอ้สัด”


“โถ่วเพื่อนรัก กูก็แค่อยากให้มึงสมหวัง”


“แล้วมึงดูกูสมหวังไหม มองกูเขายังไม่มองเลยสัด”


นี่คือบทสนทนาในวันนั้น ตั้งแต่นั้นมาผมก็ได้แต่แอบมองไม่กล้าเข้าใกล้ฟ้าสักเท่าไร ก็เล่นทำเอาอีกฝ่ายกลัวซะขนาดนั้นใครมันจะไปกล้าสานต่อ  จนกระทั้งที่ได้บังเอิญเห็นน้องออกมาจากบ้านข้างๆวันนั้น บอกได้เลยว่าเหมือนสวรรค์มาโปรด ตอนแรกที่คุณป้าเจ้าของบ้านมาบอกว่าจะมีคนมาเช่าบ้านข้างๆ พวกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแค่คิดว่า เดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงย้ายออกเพราะไม่มีใครทนพวกผมได้หรอก แต่พอรู้ว่าคนที่ย้ายเข้ามาเป็นฟ้า ผมละหุบยิ้มไม่ได้เลยเล่นเอาผมหุบยิ้มไม้ได้เลยครับ เข้าใจความหมายดีใจจนเนื้อเต้นก็วันนี้ แต่ผมก็ต้องคีพลุคเป็นโจรห้าร้อยต่อไป คืออยากรู้ว่าน้องมันจะสนใจคนที่ภายนอกหรือเปล่าอะไรแบบนั้น และพอยิ่งได้รู้จักฟ้า ผมก็คิดไม่ผิดเลยที่ได้ชอบน้องมัน น้องมันน่ารักจริงๆ น่ารักจนอยากได้....


“ไอ้ดินมึงคิดอะไรอยู่” ไอ้เมืองถามผม


“เปล่า”


“กูเห็นมึงนั่งเหม่อ เดี๋ยวก็เรียนไม่ทันหรอกสัด ตั้งใจเรียนดิอย่ามั่วแต่คิดถึงเด็ก”


“กูไม่มีอะไรจะด่ามึงเลยไอ้ห่าเมือง”


“เพื่อนดินเพื่อนเมือง พวกคุณควรเกรงใจกระผมนะครับ กระผมกำลังตั้งใจเรียนให้สมกับเงินที่แม่ส่งมาให้กระผมใช้อยู่ทุกเดือน” ไอ้ภูพูดขัดพวกผมพลางขยับแว่นให้เข้าที่ เมื่อกี้ผมยังไม่เห็นมันใส่แว่นเลย  แหมทำมาเป็นเด็กดี น่าถีบให้ตกโต๊ะจริงๆ


“น่าถีบมึงจริงๆ” ไอ้เมืองหันไปพูดกับไอ้ภูที่อยู่ด้านข้าง


“ชู่ว์ ผมเรียนไม่รู้เรื่องแล้วครับ ได้โปรดเงียบด้วย ปีนี้ผมอยากได้เกรดเอ ผมจะเอาเกียรตินิยมไปให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ” คราวนี้ไอ้มิ่งหันมาทางพวกผมด้วยอีกคน ไอ้ห่าสเมิร์ฟนี่แม่งก็กวนส้นตีน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะตั้งใจเรียนวันนี้ทำมาเป็นขยัน


เป๊ะ!!!!


 ผมทนไม่ไหวเลยขอตีหัวเกรียนๆของมันไปที เล่นเอาไอ้มิ่งทำตาขวางใส่


“เกียรตินิยมมึงคงไม่ได้ แต่ถ้าเกลียดนิยมมึงได้จากกูล้นหลาม”


“สัดดิน กูจะแย่งเด็กมึง!!!”


“เอาเลย ถ้าคิดว่าหล่อได้เท่ากู”


“แหม มั่นใจ มั่นใจเหลือเกิน ขอให้วันนี้ไอ้ลมได้จูบจริงหอมจริงกับเด็กมึงเถิด” ไอ้สเมิร์ฟมิ่งยังพูดไม่หยุด ทำเอาผมคันมือคันตีนอยากถีบเพื่อนตัวเล็ก ไอ้เมืองกับไอ้ภูก็อีกคนเอาแต่หัวเราะชอบใจที่ไอ้มิ่งพูด


“นักศึกษาด้านหลัง ถ้าจะไม่เรียนก็เชิญออกนอกห้องได้เลยนะครับ ผมไม่ได้ห้าม!!!” อาจารย์สมพงษ์หัวหน้าภาควิชา พูดขึ้นมาหน้าชั้นเรียน เล่นเอาพวกผมนั่งเงียบกริบ ตั้งใจเรียนต่อกันทันที “เย็นนี้ผมเห็นว่าพวกคุณไม่มีเรียนวิชาอื่น ผมเลยขอนัดพวกคุณมาเรียนเสริมนะครับ”


“ไม่ได้นะอาจารย์” ไอ้ภูกับไอ้มิ่งแม่งพูดขึ้นมาพร้อมกัน โอ้โหพ่อคนขยันของกู


 “ทำไมไม่ได้ ถ้าเหตุผลไม่ดีพอ ก็เตรียมตัวเรียนยาวเลยล่ะกัน” อาจารย์แกจ้องไอ้มิ่งกับไอ้ภูเขม่ง


“วันนี้นิเทศมีละครเวที”


“มันไม่ได้เกียวกับคณะเกษตรอย่างพวกเราเลยนะครับ”


“แต่มันเกี่ยวกับเพื่อนผมครับอาจารย์ เกี่ยวกับพสุธาเต็มๆเลย” ไอ้ภูชี้มาทางผมไอ้ห่าหาเหาให้กูแล้วไง


“ยังไงคุณพสุธา”


“ก็..”


“แฟนมันเล่นละครเวทีครับ” ไอ้เมืองตอบออกไปแทนผม เล่นเอาเพื่อนร่วมคลาสแม่งร้องแซวขึ้นมาเสียงดัง


“งั้นคุณพสุธาก็ไปสิ แล้วมาขอเอกสารจากเพื่อนเอาเองเพราะผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะ ส่วนคนอื่นยังต้องเรียน”


“เรียนไม่ได้ครับอาจารย์!”


“ทำไมอีกคุณภูวดล”


“พสุธาเหมาบัตรให้พวกผมไปดูด้วยกันทั้งสาขาเลยครับ”


“วิ้วววววววววววว” เสียงร้องแซวพร้อมเสียงตบมือดังขึ้นมาอีกรอบ


“จริงเหรอคุณพสุธา”


“คือ...” ผมพยักหน้าตอบกลับไป


“เปย์แฟนขนาดนั้นเลย”


“ก็....”


“พอดีแฟนของไอ้ดิน เอ๊ยพสุธามีบทจูบครับ พวกผมที่เป็นเพื่อน เลยต้องไปให้กำลังใจเขาครับอาจารย์ ถ้าหัวใจเพื่อนผมมันหยุดเต้นกะทันหันพวกผมจะได้รีบทำ CPR แล้วส่งโรงพยาบาลทันที!!!” เป็นไอ้เมืองที่พูดขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ทั้งเพื่อนผู้หญิงเพื่อนผู้ชายในชั้นเลยหัวเราะกันขึ้นมาเสียงดังลั่น ไอ้สัดมึงจริงจังกับกูมากไปแล้ว


“ขนาดนั้นเลยเหรอ” อาจารย์ถึงกับต้องถอดแว่นออก


“ครับ มันรักแฟนของมันมาก บทจูบยังไม่พอยังมีหอมแก้มด้วยครับ ฉากแตะเนื้อต้องตัวมากมากมายเลยครับอาจารย์”


“โอ้โห งั้นคงต้องเอาเครื่องช่วยหายใจไปด้วยสินะ เผื่อหายใจไม่ทัน” อาจารย์แกพูดติดตลกขึ้นมา


“ครับ วันนี้อาจารย์นัดสอนไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นเพื่อนผมขาดใจตายแน่ๆ”


“ผมว่าพสุธา คุณน่าจะตายกับผมที่นี่ดีกว่าไปตายทั้งเป็นที่คณะนิเทศนะ” อาจารย์พูดจบ พวกสัมภเวสีแม่งก็ร้องแซวผมขึ้นมาอีกรอบล่ะ พวกมึงสนุกกับการแกล้งกูกันเข้าไป


“คือผมก็อยากตายกับอาจารย์ที่นี่นะครับ แต่ว่าในชีวิตของผม ผมก็อยากเห็นหน้าคนที่ผมรักก่อนตายครับ”


“กีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”


“โอเค เลิกคลาส!!!!”


อ่านต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 6 [17/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 23-11-2017 21:56:37
ชอบอาจาร์ยอ่ะ โอเคเลิกคลาส!!  5555555
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 23-11-2017 22:02:52
เวลาบ่ายสามโมง พวกผมและเพื่อนๆในสาขาอีกประมาณยี่สิบกว่าคนก็มารวมตัวกันที่หน้าคณะนิเทศ บอกได้คำเดียวเลยว่าตอนนี้หน้าคณะคนเยอะมาก ไม่คิดว่าละครเวทีของคณะนิเทศปีนี้ มันจะดังถึงขนาดนี้


“คนแม่งอย่างเยอะ” ไอ้มิ่งพูดขึ้นมา แต่สายตามันกลับเหล่สาวในคณะด้วยความสนุก “วู้! สาวแจ่มๆเยอะโว๊ยยย”


“มึงกระดี๊กระด๊ามากไปแล้วนะไอ้เวรมิ่ง” ไอ้ภูหันไปปรามเพื่อนตัวเล็ก ก่อนจะลากคอไอ้เพื่อนตัวจิ๋วมายื่นใกล้ๆ


“นานๆจะได้มาเปิกดูเปิดตานอกคณะสักที มึงอย่ายุ่งกับกูมาก”


“พวกมึงสองคนเลิกทะเลาะกันได้ล่ะ” เป็นไอ้เมืองที่หันไปดุไอ้เพื่อนตัวแสบทั้งสองคน  ก่อนที่มันจะหันกลับมาพูดอะไรกับผม


“ไอ้ดินมึงไม่ไปหาซื้อดอกไม้ให้น้องมันบ้างวะ กูเห็นด้านข้างคณะเขามีขายดอกไม้ขายนะเว้ย ทำเซอร์ไพรส์น้องมันหน่อยดิ” ไอ้เมืองสะกิดผม


“ดิน มึงไปซื้อช่อใหญ่ๆเลยนะ พอเขาแสดงเสร็จมึงก็ออกไปให้เลย คราวนี้แหละฟ้าแม่งคงเป็นปลื้ม” ไอ้ภูพูดเสริมขึ้นมาอีกคน


“น่าอายจะตาย กูไม่ทำหรอก มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเป็นจุดเด่นในสายตาใคร”


“โถ่ว น่าจะทำให้ว่าทีเมียมึงหน่อยก็ยังดี เขาจะได้ดีใจ”


“ใช่ ฟ้ามันจะได้ปลื้มมึงไง”


“ไม่เอาน่าอาย กูเขิน”


“โอเคๆ แล้วแต่มึงเลย แล้วนี่พวกเราเขาข้างในได้เลยไหมวะ ละครมันเริ่มแสดงกี่โมง” ไอ้เมืองถามผมขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมเลยหยิบบัตรขึ้นมาดู ก่อนจะแจกจ่ายไปให้เพื่อนในสาขาทุกคน “ใกล้แล้ว เข้าไปดูกันได้แล้วมั้ง”


“อืม งั้น พวกเราเคลื่อนพล” ไอ้เมืองกวักมือเรียกเพื่อนให้เดินตามๆกันเข้าไปด้านใน ระหว่างทางที่ผมเดิน ผมสังเกตเห็นผู้คนรอบข้างแม่งกระซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้ แถมสายตายังมองพวกผมกันเป็นตาเดียว


“สาวๆมองแต่มึงนะไอ้ห่าดิน” ไอ้มิ่งมันกระทุ้งศอกใส่ผม


“นานๆ เดือนมหาลัยในตำนานจะออกงานทีก็งี้แหละ แถมวันนี้เพื่อนกูก็เล่นหล่อไม่เกรงใจชาวบ้านด้วยไง ทำมาเป็นเซ็ตผงเซ็ตผม มึงจะหล่อเอาโล่ไปไหน” ไอ้ภูหันมาร่วมแซวผมกับไอ้มิ่งอีกคน ตอนแรกกะจะไม่เซ็ตผมหรอก แต่นานๆทีก็อยากจะเปลี่ยนลุคดูบ้างอะไรบ้างก็เท่านั้น เอาจริงๆคือ ผมเปลี่ยนมาอวดเด็กมัน


“เรื่องของกูป่ะ”


เสียงกรี๊ดเสียงแซวดังขึ้นมาเป็นระยะ ผมทำเป็นไม่สนใจพวกสาวๆมากนัก ตรงไหนเสียงดังมากก็หันไปยิ้มให้นิดนึงเป็นมารยาท ผมอุตสาห์จะมาดูแบบเงียบๆไม่อยากเป็นจุดเด่นในสายตาใคร สุดท้ายก็ไม่วายเจออะไรวุ่นวายเหมือนทุกที รู้สึกคิดถึงไม้กันหมาขึ้นมาอีกแล้วดิ


ระหว่างที่ผมเดินเข้าไปด้านในก็มีพวกเด็กนิเทศถือกล้องพร้อมไมค์วิ่งกรูกันเข้ามาสัมภาษณ์พวกผมประมาณสามสี่คน หนึ่งในนั้นผมเห็นไอ้เต๋ามันกำลังทำหน้าที่ตากล้องอยู่ด้วย


“ขอโทษนะคะ คือพวกเราอยากสัมภาษณ์พวกพี่ๆหน่อยได้ไหมค่ะ” หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ยื่นไมค์มาทางพวกผม ไอ้เพื่อนตัวแสบของผมเลยรีบพยักหน้าตกลงกันยกใหญ่


“ว่ามาเลยน้อง”


“พี่อยู่คณะอะไรกันค่ะ”


“คณะเกษตรครับ” ไอ้มิ่งเป็นคนเสนอหน้าตอบเป็นคนแรก มันยิ้มให้กล้องพลางชูสองนิ้วไปมา ไอ้ห่านิบ้ากล้อง “เออ ปลายปีนี้คณะเกษตรมีงาน เกษตรแฟร์นะครับ เชิญชวนนักศึกษาทุกคนและผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานด้วยนะครับ ในงานมีอะไรสนุกๆ ของอร่อยๆเพียบเลย อย่าลืมมากันนะครับ!!” ถึงไอ้มิ่งมันจะบ้ากล้องแต่มันก็รู้งานเหมือนกันนะครับเนี่ย ไอ้เพื่อนคนนี้


 “เออ.... งั้นกลับเข้าเรื่องคณะนิเทศต่อนะคะ พวกพี่สนใจอะไรในละครนิเทศปีนี้คะ”


“สนใจทุกอย่างแหละครับ ตั้งแต่มาเรียนไม่เคยได้มาดูเลยสักปี ปีนี้เลยอยากมาเปิดหูเปิดตาดูสักที” ไอ้เมืองตอบ


“โห่ งั้นก็ดีเลยค่ะ ปีนี้คณะนิเทศเราทำละครเวทีแนวแฟนตาซี คงจะสนุกตื่นตาตื่นใจสำหรับพวกพี่แน่ๆ ”


“ครับ”


“งั้นหนูอยากให้พวกพี่ฝากอะไรถึงบรรดานักแสดงของเราหน่อยได้ไหมคะ”


“ได้ครับๆ ให้เพื่อนพี่พูดล่ะกันเนอะ” ไอ้เมืองพูดก่อนจะดันผมให้ออกมายืนด้านหน้าแทนมัน  และพอผมออกมายืนหน้ากล้องเท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดของสาวๆก็ดังขึ้นมาอีกรอบ เออ... อยากจะยกมือขึ้นห้ามแล้วบอกสาวๆไปว่า ไม่ต้องกรี๊ดมากพี่รู้ว่าพี่หล่อ


“เออ...คือ พี่ก็ไม่มีอะไรมาก สำหรับนักแสดงทุกคนก็ขอให้แสดงกันให้เต็มที่ล่ะกันนะครับ”


“กีดดดดดดดดด พี่ดิน”


“ได้ข่าวว่าพี่ดินไม่เคยมาดูละครเวทีของคณะเราเลย แสดงว่าปีนี้ที่มาดู มาเพราะใครเป็นพิเศษรึเปล่าค่ะ”


“ก็...ประมาณนั้นครับ”


“กีดดดดดดดดดดด”กลายเป็นน้องพิธีกรที่ร้องกรี๊ดขึ้นมาแทน ผมว่าผมก็ไม่ได้เสกข้าวสารใส่นะทำไมน้องเขาร้องโหยหวนน่ากลัวจัง “อยากรู้จังว่าเป็นใคร ใช่น้องหัวชมพูของคณะนิเทศรึเปล่าน้า”


“ก็” ผมยิ้มพอเป็นพิธีก่อนจะขอตัวแล้วเดินนำเพื่อนเข้าไปในโรงละคร ลองขืนยืนอยู่ต่อดิมีหวังหูเหอใช้การไม่ได้ เสียงกรี๊ดดังยังกับอยู่ในคอนเสิร์ต พอเดินมาถึงด้านในผมก็ถูกไอ้สิงห์มันลากไปทางด้านหลังเวที ปล่อยให้พวกไอ้เมืองไอ้ภูไปหาที่นั่งกันก่อน


“ไอ้สิงห์มึงจะพากูไปไหน”


“พาไปหาเพื่อนผม เพื่อนผมมันตื่นเต้นต้องการกำลังใจ”


“คนในคณะมึงจะไม่ด่ารึไง ที่เอาคนนอกอย่างกูเข้ามา”


“ไม่ด่าหรอก!” พูดจบไอ้สิงห์มันก็ผลักผมเข้าไปในห้องๆหนึ่งแล้วรีบปิดประตูทันที ปล่อยให้ผมอยู่เพียงลำพังในห้องกับไอ้หมาตัวน้อย ที่เวลานี้บอกได้คำเดียวเลยว่า โคตรของโคตรน่ารักที่สุด


“พี่ดินเข้ามาได้ไง”  ฟ้าเรียกผม ส่วนผมก็ยังคงจ้องมองน้องแบบละสายตาไปไม่ได้ ก็เล่นน่ารักซะขนาดนั้น ใครกันที่จัดชุดแบบนี้ให้ฟ้าใส่ ไอ้ชุดที่เหมือนภูติตัวน้อยๆเนี่ยาแม่งโคตรน่าปู้ยี่ปู้ยำเป็นที่สุดอ่ะ อยากจะจับมาฟัดแรงๆ ทำไมเนื้อตัวถึงได้ดูนุ่มนิ่มได้ขนาดนี้ ผิวฟ้าก็ขาวชุดก็ยังขาวอีก ตอนนี้เลยทำให้น้องแม่งโคตรเรืองแสง ออร่าเปล่งกระจาย แถมยังโดนแต่งหน้าด้วยอีกนะ เออน่ารักมันเข้าไป น่ารักจนอยากลักพาตัวกลับบ้าน!!!


“ไอ้พี่ดินจะจ้องอะไรกันนักกันหนา” ฟ้าเหมือนจะเขิน อีกฝ่ายเลยเดินหนีผมไปทางด้านใน


“เฮ้อออออ” ผมรีบคว้ามือน้องมาจับไว้


“ถอนหายใจทำไม”


“รู้สึกไม่อยากให้มึงออกไปเล่นเลยวะ”


“ทำไมอ่ะ ผมดูไม่เหมาะกับชุดนี้เหรอ” ฟ้ายกแขนไปมา ทำให้สร้อยข้อมือที่ติดกระดิ่งอันเล็กไว้ดังขึ้นมาเบาๆ ใส่สร้อยข้อมือไม่พอใส่สร้อยข้อเท้าด้วยนะ เอามันเข้าไป จะทำร้ายหัวจิตหัวใจกันไปถึงไหน


“อือ”


“จริงอ่ะ”


“มึงไม่เหมาะกับห่าอะไรทั้งแหละ มึงมันเหมาะกับกูแค่คนเดียว”


“ไอ้พี่บ้า” สิ้นคำพูดของฟ้า ผมรีบเดินเข้าไปประชิดตัวฟ้าแล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้หลวมๆ


“ยิ่งเห็นมึงแล้วยิ่งหงุดหงิดวะ”


“อะไรอีกอ่ะ ผมทำอะไรผิดอีก”


“ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยนะ...  ต่อไปนี้บอกไว้ก่อนเลยว่ากูไม่อนุญาตให้มึงน่ารักแบบนี้อีกแล้ว เป็นไม้กันหมาก็ควรอยู่แบบไม้กันหมาดิ มาน่ารงน่ารักแบบนี้ได้ไง” ผมบ่นงึมงำ


“พูดอะไรบ้าๆ...” ฟ้าก้มหน้างุดลงบนไหล่ผม น้องคงเขินมากจริงๆ


“โอ๊ยยย หงุดหงิดไม่อยากให้ออกไปเล่นแล้วอ่ะ” ผมกอดคนตัวเล็กไว้แน่น “ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้ใครแตะต้องตัวมึง”


“เพี้ยนไปแล้วเหรอ ใจเย็นสิพี่ดิน” ฟ้ามันหัวเราะผมขึ้นมาเมื่อเห็นผมทำท่าทางเหมือนเด็กๆ รู้เลยว่าตอนนี้เหมือนเด็กหวงของเล่น ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องของๆตัวเอง


“รู้สึกหัวร้อนวะ พอรู้ว่ามึงต้องเล่นบทแบบนั้นกับไอ้ลม”


“ก็แค่ละครป่ะ”


“เฮ้อออออออ”


“มันก็แค่การแสดง”


“เฮ้อออออออออออออ”


“นี่พวกไอ้สิงห์คงพาพี่เข้ามาสินะ”


“เฮ้อออออออออออออออออออออ”


“ปล่อยผม เลิกกอดผมได้แล้ว”


“เฮ้ออออออออออออออออออออออออออออออออ”


“ถ้ายังไม่เลิกถอนหายใจ ผมจะโกรธจริงๆด้วย”


“โถ่วเว้ย! ก็กูหงุดหงิดนิ”


“หงุดหงิดก็ออกไปเลยป่ะ ตอนนี้ผมต้องการสมาธิ ใกล้ถึงเวลาเล่นแล้วด้วย” น้องมันดึงมือผมออก แต่ผมก็รวบตัวน้องมากอดไว้อีกครั้ง


“ไอ้สิงห์มันขอให้กูมาเป็นกำลังใจให้มึง”


“อืม แล้วไหนล่ะกำลังใจ ไม่เห็นมีเลย ผมเห็นแต่ความงี่เง่าไม่มีเหตุผลของพี่เนี่ย”


“อืม กูไม่ให้แล้วกำลังใจ แต่กูต้องการกำลังใจจากมึงมากกว่า”


“หืม ตัวเองต้องออกไปแสดงรึไงถึงต้องการกำลังใจจากผม” ฟ้ามองผมด้วยสายตาดุๆ


“เหมือนกำลังจะหมดแรง”


“เดี๋ยวผมโทรหาพี่เมืองให้ไหม ได้พาคนหมดแรงอย่างพี่กลับบ้าน”


“ไม่เอาอ่ะ”


“ทำไมงอแงเหมือนเด็ก ถ้ายังไม่เลิกทำตัวงี่เง่าผมจะโกรธจริงๆ แล้วนะ”


“ก็ได้ๆ ขอกำลังใจหน่อยดิ”


“บ้าไปแล้ว... แต่อยากได้กำลังใจแบบไหนล่ะ เผื่อให้ได้”


“แบบนี้” ผมกดจมูกลงบนแก้มนิ่ม หอมอีกฝ่ายฟอดใหญ่ แต่ยิ่งทำยิ่งไม่พอใจเลยเปลี่ยนมาฟัดแก้มอีกข้างด้วยเลย บอกได้คำเดียวเลยว่าแม่งโคตรฟินอ่ะ หอมนุ่มน่ากัด


“ไอ้!!!” ฟ้าเหมือนจะขัดขืน อีกฝ่ายทำได้แค่เพียงตีไหล่ผมลงมาเต็มแรง


“โอ๊ย เจ็บ!”


“เจ็บได้สิดี ไอ้คนฉวยโอกาส”


“แก้มแดงเลยยยย ไม่ต้องปัดแก้มเลยยย” ผมแกล้งแซวอีกฝ่ายขึ้นมา ก่อนจะถูกร่างตรงหน้าตีลงมาอีกรอบแต่ดีนะที่ผมหลบทัน


“ออกไปเลยป่ะ น่ารำคาญ”


“ไม่ออก”


“ไอ้!!!” พอมันด่าผมไม่ได้ ไอ้ตัวแสบเลยยกนิ้วกลางให้ผมแทน


“เดี๋ยวกูก็ให้ของจริงซะหรอก” พอผมพูดจบ ฟ้ามันก็ปาหมอนอันเล็กใส่ผม


“งื่อออออ พูดอะไรน่าเกลียดวะ”


“ฟ้า”


“อะไร”


“ขออะไรหน่อยดิ”


“จะเอาอะไรอีก!”


“ขอจูบหน่อย”


“ให้ก็เชี่ยล่ะ”


“...”


“ไม่ต้องมาจ้อง ผมไม้ให้พี่จูบผมหรอก” ฟ้ายกมือขึ้นปิดปากตัวเอง

 
“...”


“ไม่ต้องเดินเข้ามาด้วย อะ ไอ้พี่ดิน อย่า”


ผมเดินเข้าไปประชิดตัวฟ้า ก่อนรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด แล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ใบหน้าหวานของฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีระเรื่อน่ารัก ตากลมเอาแต่จ้องมองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ ทำเอายิ่งน่าแกล้งมากเข้าไปอีก โอ๊ยคนอะไรทำไมน่ารัก


“ขอนะ”


“บ้า” สิ้นคำพูดของฟ้าผมก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มเบาๆ ค่อยๆคลอเคลียอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล พยายามตักตวงความหอมหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งได้กลิ่นหอมของฟ้ายิ่งไม่อยากถอนจูบ ผมชอบชอบทุกอย่างที่เป็นฟ้า ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งอยากรังแกอยากแกล้งให้เขินจนไม่กล้าไปไหน 


ผมค่อยๆปล่อยให้ริมฝีปากนิ่มเป็นอิสระ ฟ้ามองผมด้วยแววตาสั่นไหว แก้มนิ่มของเจ้าตัวแสบแดงเป็นลูกตำลึง ผมก็เลยอดไม่ได้ทีจะย้ำจูบสั้นๆตามไปอีกสองสามครั้ง จนเจ้าตัวแสบต้องยกมือขึ้นมาตีเป็นการห้ามปราม


“พอแล้ว”


“ชอบวะ จุ๊บ!” ผมพูดจบก็จูบสั้นๆตามลงไปอีกครั้ง


“บ้า เลิกเล่นได้แล้ว”


จุ๊บ!


“ไอ้พี่ดินมันจะมากไปแล้วนะ”


จุ๊บ!


“งื่ออออ”


จุ๊บ!


“อะ...เออคือ ไอ้ฟ้าพี่เขาเรียกแสตนบายแล้วนะเว้ย” ไอ้สิงห์เปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมเลยถูกเจ้าตัวแสบผลักออกอย่างเร็ว


“เออ.. ขอบใจ” ฟ้ารีบเดินออกไปจากห้องทันที ด้วยใบหน้าแดงแจ๋ ผมได้ยินคนข้างนอกถามน้องว่าไม่สบายตรงไหนรึเปล่าทำไมหน้าแดง แต่น้องก็รีบตอบปฏิเสธกลับไปทันที บอกเลยกำลังใจในการดูละครเวทีวันนี้ของผมเต็มเปี่ยม
 
 
“ฟินเลยดิพี่ดิน” ไอ้สิงห์เดินเข้ามาหาผม


“ก็นะ” ผมยักคิ้วให้มันไปที ก่อนจะตบไหล่ของมันไปเบาๆ แล้วถึงเดินออกไปด้านนอก


ผมเดินกลับไปที่หน้าเวที พยายามมองหาเพื่อนๆในสาขา พอเห็นไอ้เมืองยกมือให้ผมก็ตรงดิ่งเดินไปหาพวกมัน


“ไอ้สัดไปทำอะไรมาละ ยิ้มไม่หุบเลยนะมึง” ไอ้มิ่งถามผมขึ้นมา


“เรื่องของกูป่ละ” ผมตีหัวไอ้มิ่งไปทีก่อนจะนั่งลงข้างๆมัน


“โอเคๆ ไม่เสือกก็ได้ครัช”


“ดีมาก ดูได้แล้วละครเริ่มแล้ว” ผมชี้ให้ไอ้มิ่งดูที่หน้าเวที พวกผมและเพื่อนๆตั้งหน้าตั้งตาดูละครเวที  การแสดงของเด็กนิเทศบอกเลยว่าเล่นดีมาก ดูเพลินเลยแต่ละคนคงซ้อมมาดียิ่งไอ้แสบของผม ออกมาฉากไหนก็ได้ยินแต่คนพูดถึงว่าน่ารักๆ ทำเอาผมยิ่งหวงเข้าไปใหญ่แต่ไม่เป็นไรวันนี้ผมยอมให้วันหนึ่ง ส่วนไอ้ลมรายนี่ไม่ต้องอธิบายมาก มันออกมาปุ๊บก็เรียกเสียงกรี๊ดได้เป็นอย่างดี ก็มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะ หล่อแบบมันจับแต่งตัวนิดๆหน่อยๆก็หล่อนจนสาวน้อยสาวใหญ่ใจระทวยแล้ว


เนื้อเรื่องของละครเวทีก็ออกแนวแฟนตาซี ประมาณพระเอกออกไปช่วยเหลือนางเอกที่ถูกจับโดยมีภูติหรือเทวดาคนน่ารักติดตามไปช่วย แถมไอ้เทวดาดันมาตกหลุมรักกับพระเอกเสียนี่ อะไรประมาณแบบนั้น พอถึงฉากหอมแก้ม คือพระเอกมันเดินพลาดล้มไปหอมแก้มเทวดาตัวน้อยของผมอะไรแบบนั้น พอพระเอกโดนแก้มเทวดาปุ๊บเสียงกรี๊ดแม่งดังลั่นโรงละคร ส่วนเพื่อนผมมันก็เอาแต่หันมามองผมกันยกใหญ่


“ไอ้ดินมึงต้องการเครื่องช่วยหายใจไหม?” ไอ้เมืองหันมาถามผม


“หืม”


“มึงดูหน้ามันด้วยไอ้ห่าเมือง มันมีโกรธหงุดหงิดอะไรรึยัง กูเห็นตั้งแต่มันกลับมาจากห้องพักนักแสดง มันก็เอาแต่ยิ้มไม่หุบเหมือนคนบ้าแบบนี้”


“ไอ้เชี่ยภู มันอาจจะเสียใจจนเพี้ยนไปแล้วก็ได้ โธ่เพื่อนกู” ไอ้เมืองมันเข้ามาปลอบผม


“เลิกคุยได้แล้ว! กูรำคาญ” ผมสะบัดไอ้เมืองให้ออกห่างจากผม ก่อนจะชี้ให้พวกมันดูละครเวทีต่อ ต่อนนี้ไอ้เพื่อนเวรมันคงงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ทุกทีผมจะต้องโวยวายถ้ามีใครมายุ่งกับของๆผม แต่วันนี้ จะถามว่าหวงไหมมันก็หวงแหละแต่ฟ้าบอกว่ามันคือการแสดงผมก็จะเข้าใจ


“ไอ้ห่าเพื่อนมึงเพี้ยนไปจริงๆแน่ไอ้ภู” ไอ้เมืองนินทาผมในระยะใกล้ อยากจะเบิดกะโหลกมันคนละทีสองทีจริงๆ และไม่นานฉากที่ผมไม่อยากให้เกิดแม่งก็มา ฉากจูบ แต่เอาเถอะผมจะท่องไว้ว่ามันเป็นแค่การแสดงๆ มึงได้มาเยอะแล้วได้มาเยอะแล้วนะไอ้ดิน ผมจะท่องให้ขึ้นใจ และพอฉากนั้นมาถึงสาวๆแม่งก็กรี๊ดกันให้สนั่นโรงละคร ไหนฟ้าเคยบอกว่าใช้มุมกล้องช่วย ผมว่ามันไม่ใช่แหละ ไอ้ลมแม่งเล่นจริงจูบจริง ฟ้าก็เหมือนจะตกใจแต่อาจเป็นเพราะสปิริตนักแสดง ไอ้หมาน้อยของผมก็เล่นต่อไปได้อย่างไหลลื่น เด็กใครหนอเก่งจริงๆ


ส่วนเพื่อนๆผมมันก็หันมามองผมกันอีกครั้ง คราวนี้มันมองจนกว่าจะแน่ใจว่าผมจะไม่โกรธถึงจะหันกลับไปดูต่อ พอไอ้เพื่อนบ้ามันหันกลับไป พวกมันก็ซุบซิบอะไรกันต่อ อยากจะบอกพวกมันว่ามึงไม่ต้องกลัวว่าเพื่อนมึงจะโกรธ เพราะหลังจากจบการแสดงเดี๋ยวกูจะไปทบต้นทบดอกกับเด็กกูเอง!


 พอการแสดงจบลงผมก็เดินออกไปด้านนอก ก่อนกลับมาพร้อมดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอก


“แหมมมมมมมมมมมม ใครหน้าไหนมันบอกกูว่าจะไม่ให้ดอกไม้วะ” ไอ้ภูแซวผม


“เออหมาที่ไหนมันบอกว่าอายวะ”


“กูเปลี่ยนใจ”


“งั้นก็ออกไปให้ดิ น้องมันเหมือนมองหามึงอยู่นะ”


“คนเยอะอ่ะ กูขอรออีกแปบ”ผมนั่งมองฟ้าที่อยู่บนเวที เจ้าตัวเล็กเหมือนกำลังหาใครสักคน ผมขอเข้าข้างตัวเองว่าเป็นผมล่ะกัน พอคนเริ่มน้อยลง พวกไอ้ภูไอ้เมืองก็ผลักให้ผมเดินออกไปด้านหน้า


ระหว่างที่ผมเดินไปที่หน้าเวทีเสียงกรี๊ดแม่งก็ดังขึ้นมาเป็นระยะ และเหมือนสวรรค์จะเปิดทางให้ผมได้แสดงความหน้าด้านออกมา เพราะพอผมเดินไปถึงหน้าเวที ผู้คนที่เคยออกันอยู่ด้านหน้าแม่งไม่เหลือเลยสักคน เล่นเอากูเด่นไปเลยสิ แต่ว่าตอนนี้เรื่องอายเอามันไว้ทีหลัง เพราะพอฟ้ามองเห็นผม น้องก็ยิ้มขึ้นมาจนแก้มนิ่มๆเปลี่ยนสีระเรื่อน่ารัก ผมยื่นดอกไม้ไปตรงหน้าของฟ้า พร้อมพยักหน้าเรียก อีกฝ่ายก็ทำหน้าตาเลิกลั่กก่อนจะเดินออกมารับดอกไม้จากผม


“ขอบคุณนะ”


“อืม อย่าลืมอ่านการ์ด” ผมพูดสั้นๆ แล้วรีบเดินกลับไปหาเพื่อนของตัวเองเพราะทนเสียงกรี๊ดไม่ไหว

 
“อือ”


................tbc......................


ขอบคุณที่ติดตามพี่ดินน้องฟ้านะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-11-2017 16:44:46
โน คอมเม้นท์อ่ะ เขินแทนน้องฟ้า :-[ :m1: :m3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 24-11-2017 16:59:48
เขินไปหมดแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 24-11-2017 21:39:33
หวานมากเขินเลย ดินฟ้า กำลังดีเลย ตอนนี้ยาวฟินมาก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 24-11-2017 22:48:18
สภาพตอนอ่านก็ประมานนี้ :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-11-2017 07:15:13
หวานจริงๆ เขินตัวแตกแล้ว
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 25-11-2017 10:19:48
อยากได้พี่ดิน  :-[
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Nachar ที่ 25-11-2017 17:42:07
เขินนนนนนนนน พี่ดินนนนน :o8:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 25-11-2017 23:36:30
เขินแทนน้องงง แงงงงงง แผ่นดินไหวแต่ใจนุไม่ไหววว พี่ดินทำไมดีแบบนี้อะ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 7 [23/11/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 26-11-2017 06:37:00
งื้ออออออ เขินไปหมดดดดด
ทำไมน่ารักอย่างนี้
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 03-12-2017 23:27:09
ตอนที่ 8





เป็นแฟนกันนะ
      ดิน


นี่คือสิ่งที่ไอ้พี่ดินมันเขียนลงในการ์ด เขียนขนาดนี้ แถมยังทำขนาดนั้น (ในห้องแต่งตัว) ผมจะรอดจากเงื้อมมือของพี่มันได้ยังไง หลังจากแสดงละครเวทีจนครบทั้งสองรอบ ผมและพี่ๆในคณะก็อยู่ช่วยกันเก็บข้าวเก็บของ แล้วถึงแยกย้ายกันกลับบ้าน บอกเลยว่าการแสดงวันนี้โคตรเหนื่อยแต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เห็นงานชิ้นนี้สำเร็จและผ่านไปได้ด้วยดี ซ้ำเสียงตอบรับของผู้ชมก็ดีอีกด้วย บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่น่าปลื้มมาก


“เหนื่อยไหม” พอผมเดินออกมาจากคณะ ไอ้พี่ดินก็เดินเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว พี่มันยังอาสาหยิบของในมือของผมไปช่วยถืออีกด้วย แหมวันนี้ทำตัวดีชะมัด 


“เหนื่อย... แต่ดึกดื่นป่านนี้ทำไมพี่ไม่กลับบ้าน อย่าบอกนะว่าอยู่รอรับผม”


“อือ รอรับกลับบ้านพร้อมกัน” ไอ้พี่ดินมันยักคิ้วพร้อมยิ้มมุมปากให้ผม ยังจะมาทำหล่อใส่อีก น่าหาไม้มาฟาดจริงๆ โทษฐานทำให้หัวใจผมทำงานหนักเกินไป “แล้วนี่หิวไหม เดี๋ยวพาไปหาไรกิน” พี่มันยังถามผมต่อ


 “ไม่หิว แต่โคตรง่วง”

 
“ก็สมควรง่วงอยู่หรอก ดูเวลาดิปาไปเที่ยงคืนแล้ว”

 
“งั้นรีบพาผมกลับบ้านที อยากนอนอ่ะ”


“นอนบ้านกูนะ” ไอ้พี่ดินมันกระแซะผมเบาๆ เล่นทำผมหน้าเหวอ เลยตีมันไปทีก็ดูดินับวันพี่มันจะหื่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา ”เขินเหรอ”


“บ้า! พูดอะไรก็ไม่รู้ น่าอายชะมัด”


“กูก็พูดธรรมดา ก็หมอนข้างมึงอยู่บ้านกูไง กูรู้ว่าไม่มีหมอนข้างมึงนอนไม่หลับหรอก”


“ถึงไม่มี วันนี้ผมก็คงนอนหลับ ไม่ต้องห่วง!”


“เห้ย กูเป็นห่วง งั้นเดี๋ยวกูไปนอนเป็นหมอนข้างให้มึงกอดก็ได้เนอะ แฟร์ดี”


“ทะลึ่งแหละ”


“เห็นหน้ามึง กูก็อยากทะลึ่งตลอดเวลาแหละ”


“เดี๋ยวเถอะ!!!” ผมกำหมัดขึ้นมาจะทุบไอ้พี่ดิน แต่พี่ดินดันชี้ไปที่ปากของมันก่อนจะพูดเบาๆออกมาว่า เอาดิมึงทุบกูจูบ วันนี้ผมเลยต้องขอยอมแพ้มันไปก่อน


“ฟ้า” พอเดินไปถึงที่รถมอเตอไซค์คันเก่งของพี่ดิน พี่มันก็เอาข้าวของๆผมไปแขวนไว้ที่แฮนด์รถ ก่อนที่พี่มันจะเรียกผมขึ้นมาอีกครั้ง “ได้อ่านการ์ดกูยัง”


“การ์ดอะไร”


“จำไม่ได้จริงๆอ่ะ”


“การ์ดอะไรอ่ะ”


“ฟ้า” พี่มันนั่งพิงมอเตอร์ไซต์แล้วจ้องมองผมเขม่ง “อ่านรึยัง”


“เออ อ่านแล้ว”


“คำตอบคือ”


“...”


“คืออะไร บอกหน่อยอยากรู้” พี่ดินมันเดินเข้ามาเขย่าแขนผมเบา นับวันพี่มันจะเหมือนเด็กเข้าไปทุกที


“เออ”


“เอออะไร”


“ก็เออ เป็นก็เป็น”


“เป็นอะไร”


“เป็นแฟนกัน”


“น่ารักวะ” พี่ดินมันจิ้มแก้มผมเบาๆ ผมเห็นมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องถ่ายรูป


“จะทำอะไร”


“ถ่ายรูป”


“ถ่ายทำไม”


“ถ่ายอวดเพื่อน”


“เพื่อ?” ผมมองพี่มันแบบไม่เข้าใจ


“มีแฟนแล้ว แถมโคตรน่ารัก” พี่มันพูดจบแก้มผมก็เหมือนจะร้อนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ ไอ้พี่บ้า!!! ทำร้ายจิตใจกันทุกเวลา ตอนนี้พี่ดินมันยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู ผมเห็นมันเอาแต่กดถ่ายรูปผมกับมันเป็นสิบๆรูป ส่วนผมก็เขินม้วนไปสิ พอมีแฟนแล้วทำไมต้องขี้เขินเป็นสาวน้อยด้วยวะ


“น่ารักวะ ส่งอวดไอ้เมืองดีกว่า”


“พอแล้ว อยากกลับบ้าน”












ระหว่างที่ผมกำลังเขินไอ้พี่ดินอยู่นั้น ไอ้พี่ลมแม่งไม่รู้วิ่งมาจากทางไหน พี่ลมเรียกผมขึ้นมาด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ


 “ฟ้า” พี่ลมยืนหอบอยู่สักพัก ก่อนจะจ้องมองผมกับพี่ดินสลับกัน


“เออ คือ...พี่ลมยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”


“อืม พี่อยากจะมาขอโทษฟ้า” พี่ลมคว้ามือผมไปกุมไว้หลวมๆ ส่วนผมก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองไอ้พี่ดินที่ตอนนี้ทำหน้านิ่งแต่ตา
แม่งโคตรจะแผ่รังสีอำมหิตออกมา ถ้าตามึงเป็นมีดมันคงบาดคอกูไปแล้ว ทำลายล้างเหลือเกิน! 


“เรื่องอะไรเหรอพี่ลม” ผมพยายามจะดึงมือพี่มันออก แต่พี่ลมก็ยังยื้อมือผม แถมยังจับไว้แน่นกว่าเดิม


“จูบ”


“อะ...อ๋อไม่เป็นไรพี่ มันก็แค่การแสดง”


“สำหรับฟ้ามันอาจจะเป็นแค่การแสดง แต่สำหรับพี่มันไม่ใช่นะฟ้า”


“พี่ลม คือ...”


“พี่ชอบฟ้า” พี่ลมมันมองหน้าผมด้วยสายตาแน่วแน่ ส่วนผมนะเหรอ ก็ต้องมองไอ้แฟนวันแรกของผมอ่ะดิ ไอ้พี่ดินแม่งทำหน้าตาโคตรกวนตีน มันหัวเราะออกมาในลำคอหนึ่งที ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากอดอกเอาไว้ มันเอาแต่มองผมนิ่งๆ แถมไม่ช่วยอะไรผมเลย


“คือ”


“พี่อยากคบกับเรา ที่พี่ทำไปทั้งหมด พี่ชอบเราจริงๆนะฟ้า”


“คือว่า..”


“เป็นแฟนกันนะฟ้า”


“ผม”


“ไอ้ลม” พี่ดินมันเดินมายืนข้างๆผม แถมยังมองพี่ลมด้วยใบหน้านิ่งเฉย ตามสไตล์ของพี่มัน


“อะไรของมึงไอ้ดิน กูรู้ว่ามึงก็ชอบน้องมัน แต่ว่าคนนี้กูขอนะ กูชอบมากวะ”


“คนนี้กูให้ไม่ได้วะ อีกย่างมึงปล่อยมือฟ้าได้แล้ว”


“ทำไมกูต้องปล่อย!”


“ก็นี่แฟนกู มึงจะมาจับมือมันได้ยังไง”


“แฟนมึง”


“เออ ฟ้าแฟนกู”


“เดี๋ยวๆ มึงไปคบน้องมันตอนไหน”


“นานแล้ว”


“จริงเหรอฟ้า”


“ก็....” ผมมองหน้าไอ้คนขี้โกหก กูเพิ่งคบกับมึงเมื่อกี้นี่เองนะไอ้พี่ดิน แต่พอพี่มันมองผมกลับมาด้วยสายตาดุ ผมเลยต้องพยักหน้าตอบพี่ลมมันกลับไป “ประมาณนั้นครับ”


“กูช้ากว่ามึงตลอดเลยนะไอ้ดิน”


“เรื่องแบบนี้มันไม่มีช้ามีเร็ววะลม มันมีแต่ใช่หรือไม่ใช่มากกว่า” อือหื้อกูเป็นพี่ลมกูจุกอ่ะ ไอ้พี่ดินพูดไม่เกรงใจคนฟังเลย


“ยังไงกูก็สู้มึงไม่ได้เลยสักครั้ง”


“มึงพยายามรึยังล่ะ!”


“....”


“เรื่องของฟ้ากูบอกเลยว่ากูพยายามมากกว่ามึงเป็นร้อยเท่า ทั้งๆที่กูก็ไม่รู้ว่าตอนจบของกูมันจะเป็นยังไง มันอาจจะจบไม่สวยก็ได้ แต่อย่างน้อยกูก็ได้พยายามทำให้ฟ้ามันรู้ว่ากูชอบมันจริงๆ ว่ากูรักมันจริงๆ” พี่ดินคว้ามือผมเข้าไปกุมไว้แน่น ผมมองหน้าพี่มันอย่างไม่เชื่อในสายตา คนอย่างพี่มันพูดอะไรดีๆได้ด้วยเหรอวะ ซึ้งเบาๆ


“เออกูแพ้มึง มึงมันคงพยายามมาก จนขนาดเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อฟ้า”


“กูไม่ปฏิเสธว่ากูเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อฟ้า แต่กูก็เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่าเดิมเพื่อตัวกูเองด้วย ตัวกูที่จะพร้อมรับไอ้ยุ่งคนนี้เข้ามาในชีวิต”


“....” ไอ้พี่ลมมันยืนนิ่งไปสักพัก ก่อนที่มันจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาด้วยใบหน้าเศร้าๆ “งั้นมึงก็ดูแลฟ้าดีๆละกัน กูให้มึง กูยอมถอยให้มึงเลย”


“มึงไม่ต้องให้กูหรอกไอ้ลม เพราะฟ้ามันเป็นของกูตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนมึง กูไม่เคยมองว่ามึงเป็นคู่แข่งเลยสักครั้ง กูมองมึงเป็นเพื่อนมาตลอด อกหักแค่นี้ไม่ถึงกับตายนะเพื่อน” ไอ้พี่ดินมันตีไหล่พี่ลมเบาๆสองสามครั้ง ถ้าผมเป็นไอ้พี่ลมผมต่อยไอ้พี่ดินล่ะ แหมดูทำพูดเข้า โคตรน่าหมั่นไส้อ่ะ


“ไอ้สัส มึงก็พูดได้นิ” พี่ลมปัดมือพี่ดินออกด้วยความหงุดหงิด


“อ้าว มึงผิดเองที่มาชอบแฟนกู”


“กูจะรู้เหรอว่าฟ้าแฟนมึง โอ๊ยอยากร้องไห้วะ” พี่ลมมันมองผมด้วยสายตาเศร้าๆ


“งั้นมา กูให้ยืมไหล่ไว้ซับน้ำตา” ไอ้พี่ดินมันแกล้งอ้าแขนออก


“ฆวยเถอะ” พี่ลมมันหัวเราะขึ้นมาเบาๆ


“ด่ามาเถอะ เพราะกูไม่ให้มึงแน่ ของกู... กูจะเก็บไว้ใช้กับเมีย” พี่ดินมันหันมามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โอโห้คันไม้คันมือจนอยากจะต่อยพี่มันไปสักหมัดจริงๆ  คือตอนนี้ถอนคำพูดได้ไหม ไม่อยากเป็นแฟนพี่มันแล้ว กูรู้สึกคิดผิดยังไงไม่รู้


“ไอ้พี่ดิน!”


“ไอ้ดินมึงนิมัน โอ๊ยกูไปแล้ว ไปแดกเหล้าย้อมใจดีกว่า เพิ่งเคยรู้สึกอกหักก็วันนี้”


“ทุกทีคงไปหักอกคนอื่นเขาละสิ” พี่ดินมันตอกย้ำ


“เออ กูไปล่ะ ฝากดูแลฟ้าด้วย”


“ไม่ต้องฝาก คนนี้กูก็ต้องดูแลอยู่แล้ว”


“เออๆ อิจฉาวะ ไอ้เด็กนี่สเป็กกูเลยนะ” พี่ลมทำหน้าหมาหงอยหันมามองผม ต่างกับไอ้พี่ดินที่ทำตัวเป็นหมาร่าเริงดูระริกระรี้จนอยากเตะตัดขา


“อือ ก็สเป็กกูเหมือนกัน”


“ไม่ต้องตอกย้ำ”


“มึงได้ตัดใจง่ายๆไงเพื่อน คนน่ารักในโลกมีเยอะแยะ อย่ามายุ่งกับไอ้หมาของกูเลย”


“มึงไม่ต้องปลอบ เพราะกูรู้สึกเจ็บกว่าเดิม”


“เดี๋ยวกูพูดข้อเสียของฟ้าให้มึงตัดใจง่ายๆเอาไหม”


“ฟ้ามันมีข้อเสียด้วยเหรอ กูเห็นน้องมันออกจะดี”


“มีดิ แฟนกูไม่เห็นมีอะไรดีเลย ตัวก็เตี้ยแต่เสือกน่ารักสำหรับกู หน้าตาก็งั้นๆแต่ก็ดันเสือกน่ารักกับกูอีก ดูมือดิ ป้อมๆ เหมือนโดเรมอนแต่ก็ยังน่ารักสำหรับกูอยู่ดี ดูรวมๆแล้วไอ้เด็กนี้มันดูไม่ได้เลย แต่ทำไมน่าถึงน่ารักในสายตากูนัก เบื่อวะ ไปน่ารักไกลๆได้ไหม เราอ่ะ” พอไอ้พี่ดินพูดจบมันก็ยกนิ้วขึ้นมาจิ้มแก้มผมไปมา แถมยังยิ้มหวานให้ผมจนไอ้พี่ลมต้องเดินหันหลังออกไปเพราะคงรำคาญพี่มัน ส่วนผมอ่ะเหรอ ก็ตายตั้งแต่ประโยคแรกแล้วครับ หัวใจจะวายเพราะทำงานหนัก


และหลังจากที่พี่ดินมันทำผมอายม้วนต้วนจนแทบเดินไม่เป็น พี่มันก็พาผมมาส่งที่บ้านแถมยังดื้อจะขึ้นมานอนกับผม กว่าจะพูดให้พี่มันกลับไปนอนที่บ้านมัน เล่นเอาผมเหนื่อยเหมือนกัน คนอะไรมันจะดื้อได้ขนาดนี้












10.00น


“พวกมึงดูแฟนกูดิ ทำไมนอนได้น่ารักขนาดนี้นะ” ระหว่างที่กำลังนอนหลับสบายๆอยู่บนเตียงผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนคุยกันงุงงิงๆจนรำคาญหู พอตั้งสติได้และรู้ว่าเป็นพวกพี่ดินกับไอ้เพื่อนจังของผมทั้งสอง ผมเลยต้องแกล้งหลับแล้วฟังพวกมันคุยกันต่อ


“น่ารักตรงไหนวะพี่ดิน นอนน้ำลายก็ยืด หัวเหอก็กระเซอะกระเซิง น่ารักตรงไหนวะพี่ แม่งโดนไอ้ฟ้าทำของใส่แน่” เสียงแบบนี้ไอ้เต๋าแน่นอน อย่าให้กูตื่นนะไอ้ห่าเต๋ากูจะกระทืบมึงให้แบนคาเตียงกูเลย


“จริง  ไอ้ฟ้านอนน่ารักตรงไหน อย่างกับพยูนเกยตื่น ไอ้เหี้ยอยากยืมแก้มไปนวดขนมปังวะ เบียดกันซะจมูกแบนไปหมด แล้วนั้นหน้าผากหรือสนามกีฬาวะพี่ ขอเอาไปตากผ้าได้ไหมวะกว้างดี” ผมฟังที่ไอ้เชี่ยสิงห์พูดแซวผม ไอ้เพื่อนเวรถ้ามึงจะพูดแบบนี้ มึงเอากูไปเผาเหอะ โคตรดูไม่ได้เลย


“พวกมึงก็พูดไป แฟนกูออกจะน่ารัก ถ้ากูตื่นขึ้นมาแล้วเจอแบบนี้ทุกเช้านะ กูจะจับฟัดให้หัวแม่งยุ่งกว่านี้ แล้วจะดึงมากอด มาหอม จะบีบแก้มจิ้มจมูก จุ๊บปาก ตบก้นจี้เอว แล้วจับมาซุกอกแล้วหลับต่อ กูจะทำทุกวันแม่งเลย” ดูไอ้พี่ดินพูดเข้า กูไม่เขินก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว


“คนนอนหลับแม่งหน้าแดงได้ด้วยวะ” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาอีกรอบ


“เออ.. จริงของมึง คนบ้าอะไรนอนยังหน้าแดงได้ งั้นฝากไอ้ฟ้าไว้ด้วยนะพี่ พวกผมขอไปเก็บงานที่คณะก่อน”


“โอเค เดี๋ยวกุดูแลเพื่อนมึงให้อย่างดี”


“ไปล่ะ เจอกันพี่”


“เออ”


พอสิ้นบนสนทนาผมก็ลองแอบเปิดตาขึ้นมาหน่อย แล้วก็ไม่วายเห็นไอ้พี่ดินมันนั่งมองผมอยู่ข้างเตียงแบบตาไม่กระพริบ ทำเอาผมอายยิ่งกว่าเก่า จนต้องหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปร่งหนีสายตาพี่มัน


“มาทำไมแต่เช้า”


“คิดถึง”


“....”


“อยากเจอ ไม่กล้านอนเลย กลัวว่าเรื่องที่ฟ้าบอกเมื่อคืนจะเป็นแค่ฝันไป” พี่ดินมันทิ้งตัวลงมานอนข้างผม ก่อนจะรวบตัวผมเข้าไปกอด


“บ้า” ผมดิ้นเบาๆ ก่อนที่พี่มันจะดึงผ้าห่มของผมออกไป เราทั้งคู่สบตากันสักพัก พอยิ่งเห็นว่าพี่มันอมยิ้ม ก็เล่นเอาใจผมมันสั่นมากกว่าเก่า โคตรทำตัวไม่ถูก โอ๊ยอยากจะบ้าตาย “ปล่อยได้แล้ว ผมจะไปอาบน้ำ”


“ไม่ต้องอาบก็ได้ ตัวยังหอมอยู่เลย” พูดจบพี่มันก็ซุกซอกคอผม ก่อนจะกดจูบเบาๆ เล่นเอาขนลุกเกรียวไปหมด


“ไอ้พี่ดิน อย่ามาทำทะลึ่งกับผมนะ” ผมผลักให้พี่มันออกห่างจากผม แต่ด้วยแรงควายของมัน สุดท้ายผมก็ยังอยู่ในอ้อมกอดพี่มันอยู่ดี


“อยากได้วะ”


“ทะลึ่งล่ะ”


“ตัวมึงหอมอ่ะ กลิ่นเหมือนแป้งเบบี้มายเลย”


“อือก็ผมใช้เบบี้มาย”


“ถึงว่า โคตรหอม” พี่มันยื่นหน้ามาหอมแก้มผมทั้งสองข้าง “ตรงนี้ยิ่งโคตรหอมอ่ะ” หอมแก้มไม่พอ มันยังกดริมฝีปากลงบนซอกคอผมอีก


“อะ... อือ... ไอ้พี่ดิน ถ้ายังทำแบบนี้อีกผมจะงอนนะ” โอ๊ยพอตอหนวดเล็กๆของพี่มันโดนต้นคอ ก็เล่นเอาจักจี้ไปหมด พ่อจ๋าแม่จ๋าหนูยังไม่อยากได้ผัววันนี้นะ เพิ่งมีแฟนแค่วันเดียวพี่มันจะรีบเปลี่ยนสถานะไปไหน “อือ พี่ดินอย่า ผมจะงอนจริงๆด้วย”


“โธ่ ก็แค่อยากรู้ว่าเบบี้มากลิ่นอะไร เพื่อจะไปซื้อใช้มั้ง” พูดจบมันกดก็จมูกฝังลงมาบนแก้มผมอีกครั้ง ดู ดูความกะล่อนของมันดิ พอเห็นมันยิ้ม ผมเลยตีพี่มันไปที


“ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยผมจะตีพี่ให้ตายคามือไปเลย”


“โอ๊ย อย่าตี พี่ก็แค่อยากรู้ว่าฟ้าใช้แป้งกลิ่นอะไร”


“สวีทตี้พิ้งค์ โอเคนะ ปล่อยเลยถ้าไม่ปล่อย ผมโกรธแล้ว” ผมต้องใช้ไม้แข็งไม่งั้นไอ้พี่ดินมันดื้อ ไม่ยอมปล่อนผมแน่ๆ


“ก็ได้ ขี้เหนียววะ” 


“อย่ามาว่าผมนะ พี่มันไอ้คนฉวยโอกาส” ผมลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ “จะอาบน้ำ กลับบ้านไปได้แล้วป่ะ”


“ไม่กลับ”


“ทำไมดื้อ”


“ก็แค่อยากจะนั่งรอแฟนตัวเอง” ไอ้พี่ดินั่งกอดอก ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตะแคงแล้วมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม โอ๊ยถ้ารู้ว่าเป็นแฟนจะเกาะติดหนึบขนาดนี้ ผมจะคิดใหม่ทำใหม่


“อยากรอก็รอไปเลย”


“อยากอาบน้ำด้วยวะ”


“อย่ามาหื่น”


“ก็แฟนน่ารักจะไม่ให้หื่นใส่ได้ไง”


“ไอ้พี่ดิน พูดอะไรไม่น่าฟังเลย!!!”


“อยากขย้ำวะ ขอกัดได้ป่ะ อยากรู้ว่าจะนิ่มขนาดไหน”


“บ้า ไปแล้ว คุยกับพี่แล้วแม่งเหนื่อย”

ผมรีบเดินไปอาบน้ำ ถ้ายังอยู่คุยกับพี่มันต่อละก็ มีหวังโดนพี่มันแทะโลมทางสายตาแน่ๆ พอผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ไอ้พี่ดินมันก็ลากผมไปที่บ้านของมัน แถมระหว่างทางพอเจอใครที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นพี่ไม้ พี่คีย์ ไอ้บ้าพี่ดินก็ชอบพูดอวดว่าผมเป็นแฟนมัน


“ไอ้ห่าดินมึงเลิกจ้องหน้าแฟนมึงได้ล่ะ แฟนมึงอึดอัดแย่” พี่เมืองถือจานมาเคาะหัวพี่ดินไปหนึ่งที ก่อนจะเอากับข้าวมาเสริฟ์ที่โต๊ะอาหารหน้าบ้าน ตอนแรกผมกะจะไปช่วยพี่เขาทำอาหารเช้า แต่พวกพี่เมืองห้ามไว้ก่อนเพราะกลัวว่าไอ้พี่ดินมันจะตามเข้ามาทำงานในครัวด้วย พวกพี่เขาแค่กลัวว่าบ้านแม่งจะบึ้ม


“เฮ้อ ฟินวะ”


“เลิกพูดอะไรที่มันน่าอายได้ละ กูแสลงหูแทนฟ้าชิบหาย” คราวนี้เป็นพี่ภูที่เดินทำหน้าเหนื่อยบวกระอาเข้ามานั่งที่โต๊ะกินข้าว


“แดกเถอะ”


“ฟ้า พี่ต้องขอโทษแทนไอ้ดินด้วยนะ เป็นแฟนมันก็ต้องทนความกากความด๋อยของมันหน่อย” พี่เมืองหยิบหม้อหุงข้าวมาวางไว้ทีโต๊ะ อาหารฝีมือพี่ภูกับพี่เมืองแม่งน่ากินไม่เคยเปลี่ยน อยากจะพาพี่เขาไปเป็นพ่อครัวประจำบ้านจริงๆ ทำอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมด ส่วนไอ้พี่ดินแฟนหมาดๆของผม ปล่อยให้มันซื้อกินไปเถอะครับ อย่าได้ให้ทำครัวเด็ดขาดถ้ายังอยากให้บ้านและร่างกายอยู่ครบสมบูรณ์ “พวกมึงแดกกันไปก่อนเลย เดี๋ยวกูไปตามไม้แปบ ทำงานจนลืมกินข้าวอีกแล้วแน่”


“เออ” พี่ภูพยักหน้า ส่วนผมก็ตักข้าวให้ตัวเองและก็ไอ้ผู้ชายที่เอาแต่นั่งทำตาเยิ้มอยู่ข้าง   


“พี่ดินจะกินไหมข้าวอ่ะ” ผมหันไปมองพี่มันแบบดุๆ


“มันคงไม่อยากกินข้าวหรอก ดูแบบนี้คงอยากกินฟ้ามากกว่า”


“อือ ขอกินหน่อยดิ”


“เพ้อเจ้อล่ะ กินข้าวได้แล้ว”


“มีความสุขวะ”


“เฮ้ออออ ชักเริ่มทุกข์แล้ววะ”


“ทุกข์เรื่องอะไร หืม” พี่ดินยังคงจ้องผม


“ทุกข์เรื่องพี่นั้นแหละ เลิกมองผมได้แล้ว กินข้าวซะ” ผมยัดมะระต้มใส่ปากพี่มัน ตอนแรกคิดว่าพี่ดินมันจะโกรธที่ไหนได้ ยังยิ้มแป้นแล้นน่าถีบเหมือนเดิม


“มะระยังหวานอ่ะ”


“เว่อร์ พอเห๊อะ ทำตัวปกติได้แล้ว” ผมมองพี่ดินแบบขอร้องอย่างจริงจัง


“ฟ้า ทนมันหน่อย มันอุตสาห์แอบรักฟ้ามาตั้งนาน พอได้เป็นแฟนกันก็ฟินเว่อร์แบบนี้แหละ” พี่ภูอธิบายแทนเพื่อนตัวเอง


“ผมเข้าใจ แต่ดูดินั่งตาเยิ้มเป็นคนเมากัญชาไปได้ มองเหมือนผมจะหายไปอย่างนั้นแหละ” ผมมองค้อนไอ้พี่ดิน


“ก็น่ารักทำไมล่ะ”


“พูดอีกแล้ว อึดอัดวะ”


“โอเค ถ้าอึดอัดจะทำตัวปกติล่ะ” พี่ดินมันหันไปสนใจกับข้าวตรงหน้า


“งอนอีก”


“ไม่งอนสักหน่อย”


“จริงอ่ะ”


“จริงดิ”


“ก็ดี งั้นกินข้าวเถอะ เดี๋ยวผมต้องเข้าไปเก็บงานที่เหลือที่คณะอีก”


“อืม”


“งอน พูดแบบนี้งอนแน่” ผมเอียงหน้ามองพี่ดินมัน ดูทำตัวเป็นเด็กขี้งอนไปได้มันน่าทุบจริงๆ


“ไม่ได้งอน ลองกินแกงจืดเต้าหู้ดิ อร่อยนะ” พี่ดินมันตักแกงจืดให้ผม แต่สายตามันก็ยังไม่มองผมอยู่ดี ดูสิเป็นแฟนไม่ถึงวันมางอนกันเรื่องไร้สาระเสียแล้ว


“มองผม”


“ไม่อยากมอง กลัวฟ้าอึดอัด”


“หืม งอนเป็นเด็กไปได้” พอทำอะไรไม่ถูก ผมก็เลยจับมือของพี่มันข้างที่ว่างมากุมไว้หลวมๆบนตักของผม “พี่ดิน เดี๋ยวไปส่งฟ้าด้วยนะ” เล่นลูกอ้อนเลยล่ะกัน เพราะรู้ว่าพี่มันแพ้อะไรแบบนี้


“อืม” ไอ้พี่ดินมันยิ้มออกมานิดนึง ก่อนมันจะหุบยิ้มอีกครั้ง


“อ่ะ หมูทอด ฟ้าป้อนอ้าปากเร็ว” นี่มีแฟนเป็นผู้ใหญ่กว่านะ ยังต้องทำตัวง่องแง่งแบบนี้เลย โอ๊ยเขินตัวเองชิบหาย


“อืม” พี่ดินมันอ้าปากรับหมูทอด”


“คนเก่งของฟ้า”


“ไอ้ห่าดิน คีพลุคผู้ใหญ่หน่อยนะ พอมีแฟนก็อ้อนแฟนจนน่าถีบเลย” พี่เมืองพูดขึ้นมา ก่อนพาพี่ไม้เข้ามานั่งร่วมวงอาหารเช้าด้วยกัน


“ก็แฟนกูน่ารักนิ” พี่ดินพูดพลางตักกับข้าวให้ผม


“โคตรน่าหมั่นไส้อ่ะ” ไอ้พี่ภูพูดขึ้นมา


“ช่วงโปรโมชั่นก็งี้” พี่ไม้พูดเสริม


“ถ้าพวกรุ่นน้องที่คณะเห็นว่าไอ้ดินมีแฟนจะทำตัวได้น่าถีบแบบนี้ คงหมดความศรัทธา” พี่เมืองตอกย้ำไปอีก แต่พี่ดินก็ยังทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไร แถมยังเอาแต่ยิ้มให้ผมอีกด้วย


“เรื่องของกูไหมล่ะ”


“แหม น่าถีบจริงๆ” พี่ภูส่ายหน้า แล้วพี่แกก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานตัวเองต่อส่วนพี่เมือง ตอนแรกที่ด่าพี่ดินเอาไว้ว่าทำตัวโคตรง่องแง่ง ถ้าทุกคนมาเห็นไอ้พี่เมืองตอนนี้ก็ไม่ต่างจากพี่ดินเลย อ้อนพี่ไม้ซะไม่มีเดี๋ยวก็เรียกไม้อย่างนู้นไม้อย่างนี้ คือตอนนี้ชักอยากรู้แล้วว่าเด็กเกษตรเวลามีแฟนแล้วเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยเหรอ


“ไม้ กินนมไหมเมืองไปหยิบให้”


“อืม เอามาสิ”


“หยิบให้แฟนกูด้วย” พี่ดินพูดขึ้นมา


“อืม”


“พี่ดิน ผมไม่อยากกินนมตอนเช้าอ่ะ กลัวปวดท้อง”


“ไม่ต้องกลัวนะฟ้า ก่อนหน้านั้นพี่ก็ไม่กล้ากินเพราะกลัวปวดท้อง แต่พอกินของคณะเกษตรทีไร ไม่เคยปวดท้องเลยสักที” พี่ไม้พูดขึ้น ก่อนจะรับนมจากพี่เมืองมาวางไว้ตรงหน้าผมและตัวเอง


   “ครับ งั้นผมจะลองกินดู”


“ถ้าเป็นอะไรไป พี่จะรับผิดชอบฟ้าตลอดชีวิตเลย เอาดิ” พี่ดินหันมามองผม


“หืม สรรพนามเปลี่ยน ไม่กูมึงแล้วเหรอ”


“เรียกแฟนกูมึงมันดูไม่ดี แฟนน่ารักจะมาใช้กูมึงได้ไง ต่อไปจะแทนตัวเองว่าพี่แล้ว”


“แปลกหูอ่ะ แต่ก็ดี” ผมยิ้มให้ไอ้พี่ดิน ก่อนจะถูกไอ้พี่ดินมันจับหยิกแก้มไปสองสามที ให้ตายเถอะอยู่กับพี่มันทุกวันมีหวังแก้มช้ำแน่


“คนอะไรน่ารักจังวะ”


“เบื่อคำว่าน่ารักแล้วอ่ะ ขอซื้อทิ้งได้ไหม พี่ชมผมมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ พูดคำอื่นบางเห๊อะ”


“งั้นคำนี้ล่ะกัน..."


"อะไร"


"รักนะ”



ตายอย่างสงบศพสีชมพูไปเลยสิกู!


....tbc.......



สองอาทิตย์นี้คงไม่ได้อัพพี่ดินน้องฟ้านะคะ
พอดีติดงานกีฬาที่โรงเรียน


ขอบคุณที่ยังติดตามพี่ดินกับน้องฟ้าน้า
ตอนนี้ก็ดูความเห่อแฟนของพี่ดินไปก่อน
ขอบคุณมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 04-12-2017 08:03:02
ขอบคุณนะคะ รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-12-2017 10:39:00
โอ๊ยยยยยย ตายๆๆๆๆ ทำไมพี่ดินถึงหวานกับน้องได้ขนาดนี้ :-[ :m1: :m3: :give2:
สงสารพี่ลมหาคู่ให้พี่แกหน่อยเน้ออออ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-12-2017 11:03:51
พี่ดิน หวานจนน่าหมั่นไส้  :z6:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-12-2017 12:35:55
เริ่มหมั่นไส้พี่ดิน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2017 00:20:42
โอ๊ยๆ.............ชอบบบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ความรักของพสุธากับเวหา ช่างน่ารัก มุ้งมิ้ง
อ่านไป ยิ้มไป  :ling1: :ling1: :ling1:

ดิน ฟ้า    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ดิน โจรเถื่อน หมอผี ถอดรูปแล้วสาวกรี๊ดดดดด ซะ
จนคนหล่อระดับเดือนมหาลัยเบื่อ รำคาญ
ฟ้า หล่อน่ารักซะ มีแต่เพศเดียวกันมาจีบ
ตอนนี้ถูกดินจีบ เป็นแฟนกันแล้ว  ฟินนนนนน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 05-12-2017 00:38:15
ทางนี้ก็ตายอย่างสงบศพสีชมพูเช่นกันค่ะ..
 :heaven
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-12-2017 03:56:17
เขินแทนฟ้า พี่ดินเห่อแฟนมาก
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 06-12-2017 01:32:33
พี่ดินโคตรเห่ออ่ะ 555555555555555
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 8 [03/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 12-12-2017 21:29:10
พี่ดินขี้เห่อมากก ขี้หื่นด้วย 5555555
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 9 [23/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 23-12-2017 22:17:54
ตอน9



คณะเกษตร


“ตั้งแต่เพื่อนดินมีเมียเป็นตัวเป็นตน กูว่ามันดูขยันขึ้นเป็นกองเลยวะ”


 ไอ้ห่ามิ่งเพื่อนตัวเล็กของผมมันเริ่มปฏิบัติการแซะผมอีกครั้งในรอบวัน ตั้งแต่ผมเปิดตัวแฟนพวกมันก็แซวผมทุกครั้งสามเวลาหลังอาหาร ถามว่าผมควรโกรธมันดีไหม ไม่เลย เพราะรู้ว่าที่มันแซว มันคงอิจฉาที่ผมมีแฟนน่ารักขนาดนั้น แค่คิดก็อยากกลับไปนอนกกแล้วดิ โอ๊ยคิดถึงว่าที่เมีย


“ไอ้ห่าดินมึงยิ้มอะไรของมึง” ไอ้ภูถามขึ้นมา


“เรื่องของกู พวกมึงรีบทำงานไปเถอะ จะได้เสร็จๆ”


“ช่วงนี้เพื่อนดินแม่งยิ้มทั้งวัน นี่คงกำลังมองโลกเป็นสีชมพูไปหมดเลยล่ะสิท่า เงยหน้าก็เห็นฟ้า หันหลังก็เพ้อถึงฟ้า ขนาดFAB ยังพูดชื่อฟ้าเลย” 


“ไอ้เชี่ยเมือง”


“รึไม่จริง”


“ก็.... เรื่องของกูอีกป่ะละ” เรื่องต่อล้อต่อเถียงผมจะไม่สู้เพื่อนเมืองเด็ดขาด ไอ้ห่านิปากเป็นกระสุน พูดที่กูแทบตาย


“บอกตรงสงสารเพื่อนกูจริงๆที่ต้องมาฆ่าลูกด้วยน้ำมือตัวเองแทบทุกวัน” ไอ้เมืองยังพล่ามไม่หยุด ส่วนผมก็ยังนั่งจดรายงานทำเป็นหูทวนลมต่อไป


“มันฆ่าลูกยังไงว่ะ” ไอ้มิ่งถามไอ้เมืองด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ แต่ไอ้สัดภูแม่งหัวเราะออกมาแบบชอบอกชอบใจเสียยกใหญ่ เรื่องใต้สะดือต้องเชื่อมือไอ้เชี่ยภูแม่งเข้าใจทุกประการ


“มึงอยากรู้ป่ะล่ะ เดี๋ยวคืนนี้กูแวะเข้าไปฆ่าลูกมึงด้วยน้ำมือกูให้” ไอ้ภูขยับเข้าไปใกล้เพื่อนตัวเล็ก ก่อนจะเอาแขนพาดบ่าแล้วลากอีกฝ่ายเข้ามานั่งใกล้ๆจนแทบเกยขึ้นตัก


“ไอ้สัสพอมึงพูดกูรู้เลย ทะลึ่งเกินไปล่ะไอ้เชี่ยภู”


“ไอ้ภูมึงเลิกแกล้งไอ้มิ่งได้ล่ะ ส่วนมึงเพื่อนดิน กูว่ามึงเลิกกากได้แล้วนะ คบจะเป็นเดือนล่ะรีบเปลี่ยนสถานะฟ้าให้เป็นเมียสักทีดิวะ”


“ก็เรื่องของกูอีกแหละ”


“กูรู้ว่ามึงอยาก แต่ความกากแม่งเยอะไง”


“เรื่องแบบนี้มันต้องยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่ายเว้ย จะไปบังคับใครได้”


“มึงลองขอน้องมันยังอ่ะ”


“...”  ไอ้เพื่อนหน้าหมาทั้งสามคนก็เลยนั่งมองผมเป็นตาเดียว แม่งต่อมความเสือกพวกมันเยอะจริงๆ เล่นเอากูเกร็งไปด้วยเลย


“ขอยัง” ไอ้เมืองถามขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาผมเหงื่อตกก่อนพยักหน้ากลับไป


“ขอแล้ว คำตอบที่ได้คือ”


“.... ยังไม่พร้อม”


“คำตอบเบสิคของว่าที่เมียใครหลายๆคน”


“มึงว่ากูควรทำยังไง มึงก็เข้าใจใช่ไหมฟ้าแม่งน่ารักขึ้นทุกวัน กูล่ะอยากจับมาฟัดอยากจับมาบดแม่งทุกคืน ไอ้เหี้ยทนไม่ไหวโว๊ยยย”


“เพื่อนดิน ใจเย็นถ้าไม่ยอมแม่งก็บังคับจับกดไปเลย”


“บ้าดิ โดนโกรธตายพอดี กูไม่ใช่คนแบบนั้นโว๊ย กูรักแฟนกู กูไม่ทำแบบนั้นหรอก กูคนดีกูไม่เหมือนไอ้เมืองหรอก ยังไม่ได้ขอเขาคบแต่ดันไปบดเขาก่อน”


“เอ้า! กูเก่ง บดเสร็จเป็นเมียเลย ข้ามสถานะแฟนไปเลย มีใครทำได้อย่างกูป่ะละ”


“เออ กูแพ้มึง”


“ไม่เป็นไรเพื่อนดิน ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ กูจะช่วยมึงเอง แต่ตอนนี้มึงรับโทรศัพท์เด็กมึงก่อน”


“เออๆ”
   

ฟ้าโทรมาให้ผมไปรับที่คณะครับ ตั้งแต่คบกันมาผมทำข้อตกลงกับฟ้าไว้ว่า ถ้าผมว่าง ผมขอไปรับไปส่งเขาทุกวัน ที่ขอไปส่งไม่ใช่เพราะอะไร ผมไม่อยากให้ใครมาเต๊าะแฟนผมนอกจากผมคนเดียว บางทีเจ้าตัวก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไร ว่าชอบไปทำตัวน่ารักเรี่ยราดให้ใครเขามองให้ใครเขาอยากได้ไว้เยอะขนาดไหน



“เห้ย พวกมึงกูไปรับฟ้าก่อนนะ เดี๋ยวพามาที่คณะ”


“เออ คืนนี้คงยาวเพราะทำรายงานเสร็จ ต้องไปประชุมเตรียมงานเกษตรแฟร์ที่หอประชุมรวมด้วย”


“เออๆ เดี๋ยวมา”











พาร์ทฟ้า


“ไอ้ฟ้า โทรไปยัง พี่เขาว่างมารับมึงรึเปล่า” ไอ้สิงห์ ไอ้เต๋ายืนรอเป็นเพื่อนผมที่ลานหน้าคณะ ช่วงนี้พวกมันทำหน้าที่อย่างกับบอดี้การ์ดเพราะว่าถูกไอ้พวกพี่ๆคณะเกษตรไหว้วานไว้ แหมกลัวกูถูกฉุดกันรึไง ต้องให้ใครต่อใครมาคุ้มกัน


“โทรไปแล้ว เดี๋ยวพี่ดินออกมา”


“เออ ดี กูจะรีบไปรับแฟนกูที่คณะเหมือนกัน ไอ้พี่ดินแม่งก็น่ะ หวงแฟนไม่เข้าท่าต้องให้พวกกูมาเฝ้ามึงไว้ทำไม หน้าตาแฟนพี่มันธรรมดาจะตายใครจะมาแย่งมันวะ” ไอ้สิงห์ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผม ไอ้ห่านิมึงไม่เอาไม้มาเขี่ยเป็นขี้เลยล่ะ


“เออ จริงหน้าตาก็งั้นๆ กูว่าไอ้ฟ้าแม่งควรจะหาคนไปเฝ้าแฟนมันมากกว่า รายนั้นแม่งน่ามีคนคาบไปแดกมากว่ามันอีก”


“พวกมึงแม่งบ่นกันอยู่ได้ อยากไปไหนก็ไปเลยป่ะ กูอยู่ของกูได้”


“เออ ดี พวกกูไปก่อนนะ”


“เออๆ ไปเถอะพี่มันออกมาแล้ว”


“เคๆ ไปล่ะ” ไอ้สิงห์สตาร์ทรถออกไป ส่วนไอ้เต๋าพอเห็นไอ้สิงห์ไปมันก็ตามกันไปติดๆ ปล่อยให้กูยืนหว้าเหว่อยู่คนเดียวไปอีก  ผมมาคิดๆดูตั้งแต่คบกับไอ้พี่ดินมา ช่วงแรกๆก็มีแต่คนเข้ามาถามว่าคบกันได้ยังไง บางคนก็ไม่เชื่อว่าผมคบกับพี่มัน ผมก็ไม่ได้อยากจะป่าวประกาศนะ แต่ไอ้คนต้นเรื่องก็จะใครที่ไหน ไอ้พี่ดินคนเดียว เห่อกูไม่เข้าท่า


แต่ก็น่ะ การที่ได้พี่ดินมาเป็นแฟนมันก็น่ารักไปอีกแบบ ผมเริ่มชอบเวลาที่มีใครสักคนตามใจเราเกือบทุกอย่าง หรือคอยแชร์เรื่องราวต่างๆให้ฟังมันก็ดีเหมือนกัน ทุกวันนี้เรากินข้าวด้วยกัน เราทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกัน อยู่กับพี่มันชีวิตผมก็มีสีสันแบบแปลกๆเหมือนกัน  บางวันอยากพากูไปดูเขาตอนหมูก็พากูไป พอหลับๆอยู่ก็ปลุกชวนไปดูควายตกลูกงี้  แล้วมีมาจงมาจับมือบอกว่าแม่งโรแมนติก บางทีผมก็ไม่เข้าใจการกระทำของมันเหมือนกันครับ


“เออ น้องฟ้า” เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำให้ผมต้องรีบหันไปดู ตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นไอ้พี่ดินที่ไหนได้ใครก็ไม่รู้ แถมยังมายืนมองหน้ากูกันตั้งสามสี่คน


“มะ..มีอะไรหรือเปล่าครับ”  ถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปสร้างศัตรูที่ไหนไว้หรือเปล่า


“คือพี่อยากรู้จักเรา”


“ครับ”


“พี่มาจากคณะวิทย์ มาเรียนที่ตึกนิเทศบ่อยๆ คือพี่ขอไลน์ฟ้าได้ไหม พี่ชอบฟ้า”


“แต่ผมมีแฟนแล้วนะครับ”


“เดือนเกษตรหน้าโจรปี 3 ใช่ไหม”


“ก็...ครับ” พวกพี่มึงไปอยู่ไหนมา แฟนกูหล่อแล้วเห๊อะ!


“น้องคบกับเด็กเกษตรมันไม่ยืดหรอก เนื้อตัวสกปรกม่อมแม่ม มาคบกับเพื่อนพี่ดีกว่า” รุ่นพี่ในกลุ่มพูดขึ้นมา


“แต่...”


“พี่ไม่ได้อยากบังคับฟ้านะ แต่เราลองคุยกันก่อนไหม พี่แค่อยากเริ่มต้นจากการคุย”


“ผมมีแฟนแล้ว”


“ตอนนี้น้องฟ้าคนน่ารักอยู่คนเดียว ไร้เงาแฟนพี่จะถือว่าเราไม่มีแฟนล่ะกันเนอะ คบกับไอ้ต้นมันเถอะมันแอบชอบน้องมานานแล้วจริงๆ สงสารเพื่อนพี่หน่อยนะ”


“แต่….”


“เด็กมันตอบว่ามีแฟนแล้วมึงก็ยังจะมายุ่งกับมันอีกเนอะ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมา เสียงพระเอกในชีวิตจริงของกูแน่ไอ้พี่ดินเดินมาซ้อนหลังผม ก่อนจะจับมือผมไปกุมไว้


“มึงเป็นใคร”


“ผัว....” พี่ดินชี้มาที่ผม พี่ดินแม่งเล่นประกาศศักดาอย่างแท้จริง เล่นเอาพวกแม่งหน้าเสียกันเป็นแถวๆ “อยากซัดกับผัวฟ้าไหมล่ะ กูพร้อมเสมอนะ เข้ามาพร้อมๆกันเลยก็ได้” ไอ้พวกเด็กวิทย์ก็หงอกันไปสิครับ ไอ้พี่ดินมันสูงล่ำถึกขนาดนั้น ซ้ำช่วงนี้มันยังลืมโกดหนวดโกนเครา เล่นเอาดูโหดขึ้นมานิดหน่อยตามสไตล์ของพี่มัน และพอถูกพี่ดินเขม่นด้วยสายตานักเลงเข้าหน่อย ไอ้เด็กวิทย์ก็รีบแจ้นวิ่งกันออกไปทันที


“ไอ้สิงห์ไอ้เต๋ามันไปไหน ทำไมไม่อยู่กับเรา ห๊ะ ฟ้า!” พี่แม่งยังเกรี้ยวกราดไม่หยุด “พี่บอกให้มันอยู่เป็นเพื่อนเราไง เจอมันต้องจัดการหน่อยละ”


“ผมบอกให้มันไปเองแหละ”


“พอเพื่อนไม่อยู่หนุ่มๆมันก็เข้ามาจีบได้ง่ายๆอ่ะดิ พี่หึงนะโว๊ย”


“รู้ว่าหึง แต่ก็ตอบไปเต็มปากตลอดว่ามีแฟนแล้วพี่ก็ได้ยิน อีกอย่างพี่มาเป็นผัวผมตอนไหนไม่ทราบ” ผมหันไปดุพี่มัน


“ก็คงเร็วๆนี้แหละ” พี่มันยักคิ้วหลิ่วตามาทางผม หน้าตบให้ตาแตกจริงๆ


“ไม่มีทางเสียหรอก” ผมเดินนำคนตัวโตไปทางรถอีแก่คู่ใจของพี่ดิน


“โธ่ ฟ้าจะทรมานพี่ไปถึงไหนกันนะ”


“คบกันยังไม่ถึงเดือนเลย จะขอ.....” ไม่กล้าพูด แม่งกระดากปากชิบหาย “เดี๋ยวใครเขาก็หาว่าผมใจง่ายอ่ะดิ”


“ใครพูดพี่จะตามไปต่อยมันให้เลือดกบปากเลยเอาดิ”


“พี่คงได้ต่อยเพื่อนพี่คนแรกแน่”


“555 ก็จริง” ไอ้พี่ดินรวบเอวผมเข้าไปกอด นี่มันหน้าคณะป่ะละ พอเห็นคนมองมากๆเข้าผมเลยต้องผลักพี่มันออกไปจากตัว


“อย่ามาทะลึ่งกับผมนะ”ผมชี้พี่มันแบบดุๆ “แล้วนี่เมื่อไรจะโกนหนวด จะกลับไปเป็นโจรห้าร้อยอีกรึไง”


“รอแฟนโกนให้” พี่มันยิ้มให้ผม พอได้กูเป็นแฟนก็เป็นง่อยเกือบทุกวัน งอแงเป็นเด็กๆ อย่างเมื่อเช้าสระผมเสร็จก็ต้องมาเคาะประตูเรียกให้กูไปเช็ดผมให้ที ไอ้เราก็ต้องยอมมันไปสิ โอ๊ยคืนตำแหน่งแฟนทันไหมนะ


“เดี๋ยวคืนนี้จะโกนหนวดให้ได้เลือดเลย”


“พี่รู้ว่าฟ้าไม่กล้าทำให้พี่เจ็บหรอก”


“รู้ได้ไง” ผมถามไอ้พี่ดินพลางขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของมัน


“เพราะ ฟ้ารักพี่ไง”


“.... หลงตัวเอง” พูดทีทำเอาแก้มกูแทบระเบิดเลยนะไอ้พี่ดิน


“ไม่ได้หลง เพราะคุณแฟนหน้าแดงแจ๋แล้ว เขินอ่ะดิ”


“โอ๊ย ออกรถได้แล้ว ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อยเลย”


“ครับๆ”






พี่ดินพาผมมาที่คณะเกษตร เหมือนอย่างเคย มาแทบจะทุกวัน พอวันไหนไม่อยากมาไอ้คุณแฟนตัวดีของผมมันก็จะงอแงทำตัวง้องแง้งเหมือนเด็ก บ่นว่าช่วงนี้ต้องทำงานที่คณะหนักเพราะใกล้งานเกษตรแฟร์อยากได้กำลังใจจากผมบ้างแหละ อยากให้ผมอยู่ใกล้บ้างแหละผมก็เลยตามใจสักนิดนึง อีกอย่างยังไงก็ต้องมาเก็บงานที่คณะนี้อยู่แล้ว คือตอนนี้งานผมก้าวหน้าไปเยอะแล้วนะครับ แถมอาจารย์ก็สนับสนุน ถึงขั้นเพิ่มงานให้พวกผมหนึ่งงานคือการทำโปสเตอร์เชิญชวนคนมาเที่ยวงานเกษตรแฟร์ที่มหาลัย ดีจังเล๊ยยยยยยยยย ดีจนอยากจะร้องไห้
   

พี่ดินพาผมเข้าประชุมงานกับมันที่คณะด้วย พอไปถึงหอประชุมใหญ่เล่นเอาผมตกใจอยู่เหมือนกันไม่คิดว่าคนมันจะเยอะขนาดนี้ พี่ดินบอกว่าวันนี้ประชุมรวมตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่คนเลยเยอะ เพราะจะแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน ผมถูกพี่ดินพาไปยังห้องด้านหลัง เห็นพี่ดินมันสวัสดีรุ่นพี่ ผมก็ต้องสวัสดีตามมันไปด้วย โอ๊ย รุ่นพี่แม่งก็หน้าโหดๆกันทั้งนั้น


“เฮ๊ย ไอ้ดิน หล่อขึ้นเยอะเลยนิหว่า” พวกพี่ปีสี่ทักพี่ดินกันขึ้นมา ส่วนผมก็ได้แต่ยืนแอบอยู่ด้านหลังมันไม่กล้าสบตาใคร ถ้ารู้ว่าคนเยอะขนาดนี้กูหนีกลับบ้านตั้งแต่แรกก็ดีแหละ


“โธ่พี่ อย่าชมเยอะเพราะผมรู้ตัวว่าผมหล่อ”


“ยังกวนส้นตีนเหมือนเดิม”  พวกพี่มันหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ก่อนจะมีรุ่นพี่อีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา


“ได้ข่าวว่ามีเมียเลยต้องทำตัวหล่อ”


“พวกไอ้ห่าเมืองบอกพี่อ่ะดิ”


“เออ”


“พอดีแฟนผมเขาบอกว่า ถ้าจะคบใครสักคนก็อยากคบคนหล่อๆ ผมเลยต้องเปลี่ยนตัวเอง จากหล่ออยู่แล้วเลยต้องพยายามทำให้หล่อมากขึ้นสักนิด”


“อยากเอาเข่ากระแทกปากมึงจริงๆ”


“ถ้าเข่าผมไม่สู้ แต่ถ้าได้เหล้ากระแทกปากผมสู้นะพี่” คือคบกับพี่มันมาก็รู้แหละว่ามันมีความกวนตีนอยู่นิดหน่อย แต่พอวันนี้ความกวนส้นตีนของพี่มันไม่นิดหน่อยละ เยอะเลย


“เห็นมึงเปลี่ยนไปแบบนี้กูก็ดีใจ แหมกูล่ะอยากเห็นหน้าเมียมึงจริง คนที่ทำให้มึงเปลี่ยนไปเนี่ย”


“เอ้า นี่ไง” ไอ้พี่ดินมันลากผมที่ซ่อนอยู่ด้านหลังให้มายืนอยู่ข้างๆมัน เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแล้วยกมือสวัสดีพวกพี่ๆของพี่ดินไป


“น่ารักสัส” นี่คือคำพูดของใครต่อใครที่แม่งพูดขึ้นมาจนกูเริ่มอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ตอนนี้รู้สึกเหมือนอยู่ในห้องสอบสวนที่มีแต่พวกตำรวจยืนล้อมวง มุงดูอย่างกับกูเป็นผู้ต้องหา


“เมียผมพี่”


“สเป๊คกูเหี้ยๆ”


“ก็เมียผมอีกแหละ”


“อยากฟัดวะ”


“ผมฟัดของผมได้คนเดียวอีกอ่ะ”


“ถ้าให้แม่ไปขอน้องจะเรียกสินสอดพี่เท่าไรวะ”


“ก็ต้องมีเรื่องกับผัวเขาก่อนอ่ะนะ”


“ไอ้ดินมึงแม่งหวงของวะ”


“ก็คนของผม ผมก็ต้องหวงเป็นธรรมดาดิ”


“พอๆ พวกมึงเลิกเล่นกันได้แล้ว มาประชุมงานกันก่อนจะได้ออกไปบรีฟน้องๆ ปีหนึ่งปีสองมัน” มีพี่คนหนึ่งพูดขึ้นมา เล่นเอาทุกคนหาเก้าอี้นั่งกันแทบไม่ทัน พี่ดินกระซิบบอกผมว่าพี่คนนี้เป็นประธานปีสี่เลยโหดนิดหน่อย แต่ใจดีมาก


ระหว่างที่ผมฟังพวกพี่เขาคุยงานกันอยู่ ประตูหน้าห้องแม่งก็เปิดขึ้น เป็นไอ้พี่เมือง พอพี่เมืองเห็นพวกพี่ๆด้านในก็รีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ก่อนจะพาพี่ไม้เข้ามานั่งด้านในด้วยอีกคน


“ไอ้ห่านิก็ติดเมียเหลือเกิน เขาเริ่มประชุมกันกี่โมงมึงไม่รู้รึไงไอ้เมือง”


“รู้ครับ ผมขอโทษครับพี่”


“กูเห็นแก่เมียมึงนะที่น่ารัก ไม่งั้นกูเตะมึงปลิวออกนอกประตูไปแล้ว” พี่เมืองหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะโค้งลงสองสามครั้งแล้วรีบจับมือพี่ไม้เข้ามานั่งด้านใน


“มาสายนะมึง” พี่ดินบ่นเพื่อน


“กูไปรับไม้มา ไม้เพิ่งเลิกเรียน”


“เออๆ”


“ไงฟ้า”


“สวัสดีครับพี่ไม้” ผมเอ่ยทักคนที่นั่งข้างพี่ดิน พี่ไม้แม่งยิ่งมองยิ่งน่ารักแถมวันนี้ยังใส่แว่นมาด้วย ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่


“ดินแม่งติดแฟนว่ะ แค่ประชุมต้องเอาแฟนมาด้วย” พี่ไม้ใช้ศอกสะกิดแซวพี่ดิน


“ไม้ว่าเรา ไม้ว่าแฟนไม้ด้วยนะ”


“เมืองพาเรามาเพราะว่ามันสายแล้วไง นี่ถ้ามีเวลาคงพาไปส่งที่บ้านแล้ว”


“ก็เมืองอยากให้ไม้พักนิ มาด้วยกันบ่อยๆไม้ก็ไม่ได้พักอ่ะดิ เรียนก็หนักอยู่แล้วยังต้องออกมาตะล่อนๆอยู่กับเมืองอีก เหนื่อยแย่ ไม่เหมือนไอ้ดินหรอกน้องเขาเหนื่อยรึเปล่าก็ไม่รู้ ชอบเอาแต่ใจตัวเองพาน้องฟ้าเกาะติดไปไหนมาไหนด้วยเพราะกลัวหมาคาบไปแดก”


“พูดตรงไปแหละไอ้เชี่ยเมือง”


“มึงมันอ่อนประสบการณ์ด้านความรักก็งี้แหละ”


“กูไม่เถียง”


“ไม้ เมืองว่าไม้กำลังติดค่าอะไรเมืองอยู่นะ”


“ค่าอะไรอ่ะ”


“ค่ารักเอ็ง” พูดจบพี่ดินกับผมแม่งพากันมองบนเลยล่ะ ไอ้พี่เมืองแม่งเล่นหยอดไม่รู้จักเวล่ำเวลา ส่วนพี่ไม้ก็เขินไปดิ เขินจนแทบจะนอนซบพี่มันแล้ว


“ไอ้สัสเมือง มึงจะมาบรัฟกูเรื่องนี้เหรอ”


“กูแอ๊วเมียกูไปเรื่อยผิดตรงไหน”


“นายธานินท์ได้หนึ่งแต้ม” เสียงพี่ภูดังมาจากทางด้านหลัง โอโห้มาตั้งแต่ตอนไหนกูไม่รู้เลย


“ฟ้ารู้ไหมช่วงนี้น้ำหนักพี่แม่งขึ้นเร็วมากอ่ะ” ไอ้พี่มิ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังผมพูดขึ้นมา


“ทำไมครับ”


“ก็เพราะน้องฟ้าเข้ามาอยู่ในใจพี่แล้วไง”


“ไอ้เตี้ยมิ่ง เมียกู”


“ไอ้เตี้ยติดลบหนึ่งคะแนน โทษฐานจีบเมียเพื่อนโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ” ไอ้พี่ภูพูดขึ้นมาทำเอาผมขำขึ้นมาเบาๆ


“เลิกคุยกับมึงแล้วไอ้เชี่ยภู แกล้งกูตลอด กูมองสาวๆดีกว่า เฮ้ยๆ ไอ้ดินคนที่นั่งด้านข้างห้องใช่ดาวปีสี่เปล่าวะ”


“เออ ใช่มั้ง”


“แม่งสวยวะ พี่เขาจัดฟันด้วยเหรอวะแม่งโคตรน่ารักเลยอ่ะ” ไอ้พี่มิ่งยังมองสาวๆไม่หยุด “ไอ้ดินมึงดูดิ น่ารักเนอะชอบวะสาวจัดฟัน”


“กูไม่อยากได้หรอกแฟนที่จัดฟันอ่ะ” พี่ดินมันมองมาทางผมก่อนจะพูดประโยคที่ทำเอาผมอายจนอยากจะหายตัวกลับบ้าน “กูอยากได้แฟนที่จัดทุกวันมากกว่า”


“ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว” เสียงแซวแม่งลั่นห้อง ไม่ใช่แค่พวกพี่ปีสามพวกพี่ปีสี่แม่งก็ร้องแซวขึ้นมาเหมือนกัน


“ไอ้ดินมึงนิมันจัดว่าเด็ด” พวกพี่ปีสี่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าแม่งหันมาแซว ส่วนผมก็อายไปดิ


“เพื่อนผมครับ เพื่อนผม” พี่เมืองลุกขึ้นมาชี้ที่พี่ดิน


“หูข้างซ้ายแม่งต้องนั่งฟังประธานแบ่งงาน ไอ้หูข้างขวาก็ฟังพวกแม่งหยอดแฟนกัน กุเริ่มอิจฉาล่ะ”


“พวกมึงนิมันจริงๆ รู้ไหมเนี่ยกูพูดอะไรไปบ้าง” พี่ประธานปีสี่โวยวายขึ้นมาหน้าห้อง “เฮ้ย เต้ยมึงไปคุยงานกับน้องปีหนึ่งปีสองก่อนเลยกูขอจัดแจ้งงานให้ไอ้พวกแสบๆก่อน” พี่ดินบอกว่าพี่เต้ยคือรองประธานปีสี่ พี่เขาคงเหนื่อยใจกับพวกพี่ดินแล้วแน่ๆ


“ไอ้ดินมึงมันประธานปีสาม ส่วนไอ้มิ่งมึงรองประธาน ปีนี้พวกปีสองเขาจะเตรียมพวกซุ้มต่างๆ ส่วนปีสามกูอยากให้ดูแลพวกการแสดงบนเวที แล้วเด็กปีหนึ่งก็ให้น้องๆมันช่วยงานอยู่ในซุ้ม ปีสี่ก็คุมงานทั้งหมดอีกทีถ้าน้องมีปัญหาพวกมึงก็ช่วยแก้ละกัน” ทุกคนในที่ประชุมขานรับ


“ยังไม่หมด พวกผลิตภัณฑ์ หรือพวกพืชผักที่นักศึกษาแต่ละปีปลูก กูอยากให้เอาออกมาวางขายด้วยในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดนิดนึง”


“ครับ/ค่ะ”


“งั้นวันนี้ก็คงมีแค่นี้ แต่ก่อนกลับกูอยากคุยกับพวกประธานปีสามก่อน คนอื่นก็ออกไปดูน้อง แล้วแบ่งหน้าที่ให้น้องมันดีๆ” สิ้นคำพูดทุกคนก็ลุกขึ้นยืนเว้นแต่พวกพี่ดินที่นั่งตัวแข็งทื่อเพราะโดนพี่ประธานมันมองเขม่นมา


“พวกมึงนิมันแสบจริงๆ”


“คือ พวกผม”


“กูจะจบแล้วนะเว้ย ปีหน้ามึงอ่ะเป็นหัวใหญ่ของคณะแล้วนะ” พี่ประธานเดินมาผลักหัวพี่ดินเบาๆ


“ครับ”


“กูฝากคณะที่กูรักเท่าชีวิตไว้ที่มึงได้แน่นะไอ้ดิน” พี่ปีประธานหยิบเก้าอี้มานั่งเผชิญหน้ากับพี่ดิน โคตรน่ากลัวอ่ะ ผมได้แต่นั่งเกร็จจนตัวแข็ง ส่วนพี่เมืองพี่ภูหรือพี่มิ่งรายนั้นนั่งเงียบจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงลมหายใจ


“ได้ครับ”


“เออ ดี!!! ตอบให้มันหนักแน่นแบบนี้ก็ดี สมกับที่กูเลือกมึงขึ้นมาเป็นหัวหน่อย”


“ครับ”


“เลิกเกร็งได้แล้ว มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”


“ผมก็ไม่ได้เกร็งนะพี่ขวัญ”


“กูไม่ได้บอกมึงเลยไอ้ดิน กูบอกเพื่อนมึงทั้งสามตัวตั้งหาก”


“ผะ... ผมก็ไม่ได้เกร็งสักหน่อย” ไอ้พี่มิ่งพูดติดๆขัดๆ


“ถ้าไม่ติดว่ากูมีเมียไปแล้วนะ กูจะจัดมึงสักคนนะไอ้มิ่ง ปากดีตัวเล็กสเป๊คกูจริงๆ”


“เดี๋ยวจะฟ้องเจ้เหมียว” ไอ้พี่ภูแม่งสวนกลับมาเลยครับ


“ฟ้องๆไปเลย เมียกูใจกว้าง กูก็เหมือนกัน ใจกว้างให้พวกมึงแทะเล็มเมียกูตอนประชุมอยู่ได้ตั้งนานสองนาน”


“ผมเปล่านะ ไอ้เตี้ยนี่คนเดียว” พี่ภูกับพี่เมืองชี้มาที่พี่มิ่ง


“ผมแทะเล็มตอนไหนวะ ไม่ได้แทะเล็มสาวคนไหนเลยนอกจากพี่ดาวคณะปีสี่”


“ก็ดาวคณะอ่ะ เมียพี่เขา!” พี่ภูพูดขึ้นมา


“โอ้โห้แล้วมึงก็ไม่บอกกู”


“มึงมันอ่อนก็งี้แหละเพื่อน” พี่เมืองหันมาพูดกับพี่มิ่งอีกคน วันนี้พี่มิ่งแม่งน่าสงสารที่สุด


“งั้นมาคุยเรื่องงานกันก่อน พอดีปีนี้มันงานใหญ่กูก็เลยห่วงเรื่องงานแสดงมากกว่าอย่างอื่น”


“ครับ”


“กูอยากให้น้องๆมันมีส่วนร่วม แบบทำวงดนตรีอะไรก็ได้”


“ครับ แล้วกูก็อยากให้พวกมึงสี่คนฟอร์มวงด้วยกันอีกครั้ง ตอนพวกมึงอยู่ปีหนึ่งกูเคยเห็นพวกมึงแม่งเล่นด้วยกัน กูว่ามันน่าสนใจดี แล้วถ้ามึงเป็นนักร้องด้วยนะดิน คนเข้างานเรามากมายแน่”


“ผมเกรงว่าจะไม่ไหวอ่ะดิพี่ ต้องคุมทุกอย่างด้วยเล่นเองด้วย”


“ไม่มึงเป็นวงปิดไปดิ ช่วงแรกก็ให้พวกน้องๆมันทำการแสดง เห็นเหมียวเมียกูบอกว่าสาวๆปีสองเขาอาจจะทำการแสดงพื้นบ้าน มึงก็จัดตารางแบบให้สลับไปสลับมา มึงจะได้ทำงานได้ด้วยไง”


“งั้น...พวกมึงไหวไหมล่ะ” พี่ดินถามเพื่อนๆที่อยู่ด้านหลัง


“ไหวดิ”


“งั้นก็ตกลงครับ”


“ดีมาก กูอยู่ปีสุดท้ายแล้ว ปีนี้กูอยากให้งานมันครึกครื้นมากกว่าทุกปีมึงช่วยกูหน่อยนะดิน”


“ครับ”


“เออไอ้ดิน นี่มึงหาสะใภ้ หรือลูกเขยมาให้คณะเกษตรวะ” พี่ขวัญแม่งมองมาทางผม สำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าไปอีกดิ


“สะใภ้ดิพี่”


“ก็คิดอยู่ เล่นน่ารักซะจนกูลืมเมียเลย”


“วันนี้มีแต่คนเต๊าะแต่เมียผมจนผมเริ่มหวงล่ะ”


“เอ้าก็เสือกหาเมียน่ารักๆทำไมอ่ะ เออกูเห็นพวกสาวๆเสียดายมึงกันยกใหญ่ ไม่คิดว่ามึงจะชอบผู้ชาย สาวๆมันไม่น่ามองแล้วเหรอวะ”


“ผมก็ยังมองสาวๆอยู่พี่ แต่แฟนผมแม่งน่ามองกว่าก็เท่านั้น” กูระเบิดตัวแตกตายตอนนี้ได้ไหมวะ คนอื่นเต๊าะไม่น่าเขินเท่าพี่มันเต๊าะหรอก พี่มันแม่งเต๊าะเรี่ยราด เรี่ยราดจนใจกูเหลวไปหมดล่ะ


“คนจริงสองพันสิบเจ็ดวะ” 


“ความรักของผมมันไม่เลือกเพศพี่ แล้วความรักของผมก็นิยามไม่ได้ด้วยว่ามันคืออะไร”


“ติสถ์ไปอีกนะมึงอ่ะ”


“ผมรู้แค่ว่า ความรักของผมคือฟ้า ฟ้าคนเดียวเท่านั้น”



“ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว”


ร้องแบบนี้มึงแห่พี่ดินออกไปเลยไป๊!!!





“มองแบบนี้ เดี๋ยวคืนนี้ก็จัดชุดใหญ่ให้หรอก”


แม่หนูกลัวแฟนตัวเอง!!!!!



...........TBC...........................

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
แต่งจบก็มาลงเลย ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขอโทษด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ยังติดตามพี่ดินน้องฟ้าอยู่น้า

ส่วนพี่ลมไม่ต้องกลัวว่าพี่เขาจะไม่มีคู่นะคะ มีแน่แต่มาลุ้นกันว่าเป็นใคร
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 9 [23/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-12-2017 06:27:13
พี่ดินหยอดตลอด
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 9 [23/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-12-2017 07:34:26
แหม ฟ้า วันนี้เหมือนหลุมหยอดเมล็ดพันธ์ุนะ มีแต่คนหยอดนิหยอดหน่อย
โดยเฉพาะอีพี่ดินนี่ ถ้าฟ้าใจอ่อนคงโดนหยอดทุกวันแน่ ๆ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 9 [23/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 24-12-2017 08:15:48
พี่ดินขยันหยอดมาก เขินตัวแตก
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 9 [23/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-12-2017 09:06:48
 :-[ :-[ :-[
พี่ก็เต๊าะซะน้องฟ้าเขินไปดิ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 9 [23/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 24-12-2017 13:22:23
พี่ดินกากแต่น่ารัก รุกเข้าไปๆเดี๋ยวก็หายกากเอง
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 9 [23/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2017 15:28:04
พี่ดิน หล่อทั้งกาย ทั้งใจ รอฟ้าพร้อม
พี่ดินพร้อมจัดหนักทุกวัน อะจ๊ากกกกก  :laugh: :laugh: :laugh:

พี่ดิน ฟ้า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พี่ลม คู่กับเพื่อนฟ้าใช่ไหม ใช่ เต๋า ไหม
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 9 [23/12/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-12-2017 03:55:37
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 01-01-2018 15:49:19
หนึ่งอาทิตย์สุดท้ายก่อนงานเกษตร






ก็เธอทำให้ได้รู้….    รู้ถึงคำว่ารักที่ต่างไป
รู้... รู้ถึงคำว่ารักที่มีความหมาย
เธอทำให้รู้ว่า ฉันยังมีหัวใจ
ก็เธอทำให้ได้รู้ รู้ถึงคำว่ารักที่หลากหลาย
รู้.... รู้ว่าคำว่ารักมันไม่ง่ายดาย ทำให้ฉันเข้าใจ
ว่าหนึ่งคนนี้มันยังคงมีหัวใจ เธอทำให้ฉันรักเธอ
[/i]




ท่ามกลางความวุ่นวายรอบๆคณะเกษตร เสียงดนตรีก็ดังขึ้นกลางลานกว้างทางด้านหลัง และเจ้าของเสียงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้พี่ดิน นี่ขนาดมาซ้อมนะสาวๆในคณะยังต้องหันมากรี๊ดให้มันเลย คนอะไรมันจะฮอตเว่อร์ได้ขนาดนี้ ช่วงแรกๆที่ซ้อมพี่ดินมันไม่ยอมร้องเพลงแนววัยรุ่นเลย เอะอะจะขอร้องแนวเพื่อชีวิตตลอด มันเถียงกับเพื่อนในวงว่างานเกษตรก็ต้องเอาแนวเพื่อชีวิตเพราะจะได้เข้ากับตรีมงาน แต่พวกพี่เมืองพี่ภูแม่งไม่ยอม เกลี่ยกล่อมไปสามวันแปดวัน แล้วอย่าถามว่าสำเร็จไหม บอกเลยว่าเหลวไม่เป็นท่า พี่มันดื้อจะตาย! สุดท้ายก็ตกเป็นหน้าที่ของผมเหมือนเดิม








ย้อนกลับไป สองวันที่แล้ว
หน้าบ้านพี่ดิน



“ไอ้เมืองส่งมาสิท่า ถึงเป็นแฟนพี่ก็ไม่ใจอ่อนให้นะเว้ย... พวกไอ้เมืองแม่งบ้า งานเกษตรทั้งที่ก็ต้องแนวเพื่อชีวิตดิ รอบๆมีแต่ทุ่งนาป่าเขา ต้องร้องพี่แอ๊ดถึงจะเหมาะ ฟ้าก็คิดแบบพี่ใช่ไหม เนอะ” พอเห็นหน้าผมปุ๊บ ไอ้เด็กโข่งอย่างพี่ดินก็พูดขึ้นมาอย่างร้อนตัว นี่คงอยากจะหาแนวร่วมด้วยแน่ๆ


“พี่ไม่เคยดูบิ๊กเมาเทนรึไง นั่นก็มีแต่ทุ่งนาป่าเขา ใช่เหตุผลหน่อยสิ” ผมเดินไปนั่งข้างๆพี่มัน ก่อนจะเท้าคางมองมันแบบอ้อนๆ ผมรู้ว่าแฟนผมแพ้อะไรแบบนี้ครับ “เชื่อพี่เมืองเถอะ อย่าดื้อเลย”


“แต่พี่ร้องเพลงเพื่อชีวิตเพราะนะ นี่กะจะร้องเพลงคิดถึงของพี่ปูพงษ์สิทธิ์ให้ฟ้าฟังสักหน่อย” พี่ดินยิ้มหวานพร้อมฮัมเพลงพี่ปูให้ผมฟัง เอากับมันสิ โอ๊ยนี่หรือมนุษย์แฟนของกูจะบ้าตาย 


“เพราะนะ แต่ไม่เคยได้ยินเลย”


“หืม... ออกจะดัง”


“ก็ผมไม่เคยฟังนี่น่า...” พี่มันนั่งนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “นี่ถ้ามีแฟนมาร้องเพลงแนวที่ผมชอบให้ฟังนะ รักตายเลย จะยอมทุกอย่างเลยเอาดิ”


“ยอมทุกอย่าง?”


“อือ”


“ข้อเสนอนี้น่าสนใจ” พี่ดินมันมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์


“อย่ามาคิดทะลึ่ง”


“ไม่ได้คิดทะลึ่งสักหน่อย”


“หนื่นออกขนาดนั้น ไม่ทะลึ่งเลยเนอะ”


“ก็แฟนน่ารัก มันก็อยากจะจับฟัดบ้างอะไรบ้าง..... แล้วฟ้าอยากฟังเพลงอะไรอ่ะ”


“ก็เพลงทั่วๆไปไง พี่ดินร้องเพลงอะไรก็เพราะ ร้องๆไปเถอะ”


 “งั้นฟ้าลองร้องเพลงให้พี่ฟังที เอาเพลงที่ฟ้าชอบที่สุดในตอนนี้นะ ถ้าพี่ฟังแล้วมันอิน พี่จะยอมเชื่อเรา”


“ได้ เอากีตาร์มา” ผมเอากีตาร์โปร่งในมือพี่ดินมาถือไว้


   “เล่นเป็นด้วย?”


   “ก็พอได้แต่ไม่คล่อง  ผมร้องไม่เพราะอย่าขำผมนะ”


   “ใครจะขำแฟนตัวเอง”


   “ขอให้จริงเถอะ”


   ผมดีดกีตาร์แบบเงอะๆงะๆ ก็คนมันเล่นไม่ค่อยเป็นนี่หว่า ส่วนไอ้พี่ดินตอนนี้มันก็เอาแต่ยิ้มแป้นมองมาทางผม ถามว่าตอนนี้เริ่มอายไหม บอกเลยว่ามาก อายมากเขินมาก แต่ว่ารับปากพี่เมืองว่าจะช่วยพูดแล้วก็ต้องสลัดความอายทิ้งไป
   

   “บอด”


   “รู้!!! แต่ก็ฟังแบบบอดๆนี่แหละ”


   “ฟ้าทำอะไรก็น่ารักไปหมดแหละ” พี่มันยิ้มพร้อมยกนิ้วโป้งให้ พอเป็นแฟนก็อวยกูเหลือเกิน ดีๆ
   
 


เธอทำให้ฉันโกรธ ทำให้ฉันแอบยิ้ม
 ทำให้ฉันซึม ทำให้ฉันเหงา



พอพี่ดินมันตั้งใจฟังเนื้อร้องพี่มันเริ่มขมวดคิ้ว ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วร้องต่อ พี่ดินมันต้องเคยฟังเพลงนี้สิ แต่มันแค่ไม่ใส่ใจฟังเท่านั้นแหละ ตั้งแต่คบกันมาผมเริ่มรู้นิสัยของแฟนตัวเองพอสมควร พี่ดินเป็นคนที่ดื้อเงียบ แถมถ้าชอบอะไรก็จะทำแต่อย่างนั้น ชอบฟังเพลงไหนก็จะฟังวนซ้ำๆเป็นอาทิตย์จนเบื่อถึงจะหยุด อาหารการกินก็เหมือนกันกินมันซ้ำๆจนเบื่อแล้วก็ไปกินร้านอื่นต่อ แถมถ้าตัวเองคิดว่าสิ่งไหนดีก็จะทำพอเพื่อนห้ามก็ดื้อไม่ฟัง สุดท้ายก็ต้องเป็นผมที่คอยมาพูดตลอด
 
เธอทำให้ฉันร่าเริง ทำให้ฉันร้อนรน
เธอทำให้ฉันทุกสิ่ง…..
เธอทำให้ฉันเบื่อ
ทำให้ฉันหัวเราะทำให้ฉันรอ ทำให้สุขใจ
 เธอทำให้ฉันร้องไห้ ทำให้ฉันทุกอย่าง
 ก็มันยากเกินที่จะอธิบายทุกเรื่องราว
 แต่วันนี้เธอคือทุกอย่างในใจฉัน




พอถึงท่อนฮุค ผมเลยเงยหน้าจากกีตาร์ไปมองพี่มัน บอกได้เลยว่าพี่มันทนฟังมาถึงตรงนี้ได้ก็โคตรเก่งแล้ว ก็กูเล่นเพี้ยนตั้งแต่ต้นเพลง


 ก็เธอทำให้ได้รู้...รู้ถึงคำว่ารักที่ต่างไป
 รู้..รู้ถึงคำว่ารักที่มีความหมาย
เธอทำให้รู้ว่า ฉันยังมีหัวใจ
ก็เธอทำให้ได้รู้...รู้ถึงคำว่ารักที่หลากหลาย
 รู้...รู้ว่าคำว่ารักมันไม่ง่ายดาย ทำให้ฉันเข้าใจ
 ว่าหนึ่งคนนี้มันยังคงมีหัวใจ
เธอทำให้ฉันรักเธอ





“ร้องครึ่งเพลงพอ” ผมคืนกีตาร์ให้พี่ดิน ไอ้พี่ดินแม่งมองผมด้วยสายตาหวานฉ่ำ ไม่ต้องมาพิศวาสกูตอนกลางวันแสกๆเลยนะ “พะ..เพราะอ่ะดิ...”


ยังพูดไม่ทันจบดีก็ถูกพี่มันดึงไปจูบเสียดื้อๆ เผลอทีไรแม่งกินปากผมทุกที ว่ามันไปก็เท่านั้นเพราะผมก็ยอมมันตลอด จากจูบอ่อนโยนและนุ่มนวล ไอ้พี่ดินคนทะลึ่งก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนภายในเสี้ยววินาที มันดึงตัวผมให้ขึ้นไปนั่งบนตัก มือไม้ของพี่มันก็ชักจะอยู่ใส่สุขเดี๋ยวจับนู่นบีบนี่จนผมจะเหลวไปหมดล่ะ


“อะ...อือ ไอ้พี่ดินนี่มันหน้าบ้าน” ไอ้พี่บ้าแม่งจูบเก่งชิบหายเล่นกูระทวยคาอกมันเลย ผมดันหน้าพี่มันให้ออกห่าง ก็เล่นจะจูบซ้ำๆแบบนี้ผมก็ตายกันพอดี


“ทำไมน่ารัก”


“ไม่รู้!!! เลิกมองปากผมได้แล้ว เขินนะเว้ย อือ” ผมยกมือขึ้นปิดปาก แต่พี่ดินมันก็ยังไม่วายฟัดแก้มทั้งสองข้างของผมอยู่ดี “นี่มันหน้าบ้านนะพี่ดิน”


“งั้นในบ้านก็ได้อ่ะดิ”


“บ้า ไม่เอา”


 “อะ!” พี่ดินแม่งเอาอะไรแข็งๆมาทิ่มตูดกูวะ และพอรู้เท่านั้นแหละกูร้องโวยวายเลย “ไอ้พี่ดิน ทำไมทะลึ่ง!!” ผมตีมันไปที ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ไอ้พี่ดินน้อยมันดันผงาดขึ้นมาไม่รู้จักเวล่ำเวลา กูก็อายเป็นนะเว้ย มาผงาดตอนกูอยู่บนตัก เล่นเอารู้ถึงตัวตนอันใหญ่โตของพี่มันเลย


“อยากวะ ขอจิ้มหน่อยดิ”


“ทะลึ่งแล้ว!!! ไป.. ไปช่วยตัวเองในห้องน้ำเลยป่ะ คนอะไรทะลึ่งได้ตลอดเวลา”


“ก็เพราะใครล่ะ!!! งอน” พูดจบพี่ดินมันก็ผลักหัวผมเบาๆ ก่อนเดินกุมเป้าเข้าบ้านไป


 







ปัจจุบัน


ลานด้านหลังคณะเกษตร


“ดินร้องดีขึ้นเยอะเลยเนอะ” พี่ไม้พูดขึ้นมาทั้งๆที่ตายังคงเอาแต่จ้องมองโน๊ตบุ๊คที่อยู่บนโต๊ะ


“งานเยอะเหรอพี่ไม้” ผมถามพี่ไม้ด้วยความเป็นห่วง ช่วงนี้พี่เมืองก็หิ้วแฟนมาคณะเกือบทุกวัน น่าสงสารพี่ไม้ งานมากมายก็ต้องแบกมาทำให้ลำบาก


“อือ ตอนแรกว่าจะไปทำที่บ้าน เมืองบอกว่าเดี๋ยวเน่าตายที่ห้อง พี่ก็เลยต้องตามมา”


“ทำไมปากร้าย”


“เนอะ ปากหมาที่สุดอ่ะ”


“เห้ย! แฟนพี่นะ”


“ชอบฟังดินร้องเพลงจัง ร้องอะไรก็เพราะไปหมด”


 “หืม”


“ฟ้า! พี่จะบอกอะไรให้” พี่ไม้ถอดแว่นออกแล้วมองไปยังเวทีด้านหน้า เล่นเอาใจผมแม่งแกว่งเลยทำไมสายตาของพี่ไม้เวลามองพี่ดินแม่งมันแปลกแบบบอกไม่ถูก


“แลกแฟนกันไหม”


“เอาง่ายๆเลยเหรอพี่”


“พี่ชอบดินมาตั้งนานแล้วนะ สมัยก่อนตอนดินอยู่ปีสอง พี่ก็อุตสาห์แอบเข้าไปตีสนิทกับดิน.... แต่ดินก็ไม่เล่นด้วยสักที”


“....แล้วพี่เมืองอ่ะ”


“ช่างหัวมันไปสิ เบื่อแล้ว” อิพี่ไม้มึงเปรี้ยวเกินไปแล้ว “ฟ้ารู้ไหมพี่เคยสารภาพรักกับดินด้วยนะ แต่ก็อกหัก มารู้ตอนหลังว่าดินมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ใจพี่แม่งพังไปหมดเลย”


“....”


“เมืองบอกดินชอบเด็กคณะนิเทศ” พี่ไม้มองผมด้วยสายตาอาฆาตเบาๆ


“...”


“ตอนนั้นถ้ารู้ว่าเป็นใคร พี่ก็จะเข้าไปตบสักที มาแย่งคนที่พี่ชอบได้ อุตสาห์แอบมองมาเป็นปีๆ นี่ถ้าได้นะจะถวายตัวเป็นเมียตั้งแต่วันแรกเลย”


“หืม!!” คือตอนนี้กูควรรู้สึกยังไงเนี่ย มีคนอยากมาถวายตัวให้แฟนเนี่ยกูควรรู้สึกยังไงวะ


“ฟ้าพี่ขอถามอีกครั้งนะ”


“ครับ”


“ได้กันยัง”


“ห๊า”


“อย่ามาใส ได้กันยัง”


“ยะ... ยังครับ”


 “จะเก็บไว้บูชาหรือไง”

 
“เปล่านะพี่ ก็ผมกลัว”


“แรกๆก็กลัวกันทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวก็ชิน”


“พี่ก็พูดได้นิ”


“ไม่รักดินมันรึไง ถ้าไม่รักก็ยกให้พี่ พี่ควบสองได้ สเป็คดินมันก็พี่นี่แหละ”


“รักสิพี่! แล้วสเป็คพี่ดินมันก็ผมเหมือนกัน” ขยี้กูจริงเลยนะไอ้พี่ไม้ พี่มันแม่งพูดซะผมไปไม่เป็นเลย


“พี่จะบอกอะไรให้นะ ฟ้าก็ยอมๆดินมันไปเถอะ ดินเป็นคนมีเสน่ห์นะ ถ้าเขาทนไม่ไหวแล้วไปมีคนอื่นพี่จะสมน้ำหน้าเรา” พี่ไม้แม่งไซโคกูแบบไม่ทันตั้งตัวไปอีก ปั่นกูตลอด


“...”


“คนเป็นแฟนกันอะไรยอมได้ก็ต้องยอมๆกันไป”


“...”


“ผู้ชายมันทนไม่ได้ตลอดหรอกนะ ฟ้าเป็นผู้ชายฟ้าก็รู้ ความต้องการมันก็มี ยิ่งเป็นวัยแบบเราแล้วด้วย ความต้องการแม่งโคตรเยอะ”


“....”


“ดูนั่น สาวๆถึงขั้นเอาน้ำไปให้ถึงปาก แล้วดูสายตาดิแทบจะถวายตัวให้ดินเลย ผู้หญิงสมัยนี้เขาเร็ว ใจเขากล้าขึ้นมากนะฟ้า ถ้ายังคิดจะเล่นตัวอยู่แบบนี้ระวังไว้เลย!”


“พี่ไม้แม่งพูดปั่นหัวผมวะ”


“พี่พูดความจริง”


“ไอ้พี่ดินมันให้มาช่วยพูดใช่ป่ะ”


“เปล่า”


“เสียงสูงเชียว”


“เปล่า พี่ก็แค่พูดเตือนสติเรา”


“ผมถามพี่จริงๆ พี่เคยชอบพี่ดินเหรอ”


“อืม เคยชอบ แต่ไม่ต้องกลัวตอนนี้ไม่ชอบแล้ว แต่ถ้าฟ้าเผลอก็ไม่แน่”


“ไอ้พี่ไม้!!!” ผมตะโกนลั่นพี่ไม้แม่งหัวเราะเหมือนผู้ชนะ เล่นเอาใจผมแป้วไปเลย 


“ล้อเล่น บอกตรงๆ พี่ไม่ยุ่งกับคนที่มีเมียแล้ว แต่ถ้ายังไม่มีก็อีกเรื่อง”


“ไง คุยอะไรกันอยู่”  พี่เมืองกับพี่ดินเดินเข้ามานั่งร่วมวงสนทนา “ฟ้าทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้” พี่เมืองถามผม


“.....”


“ไม้แกล้งเราเหรอ ฟ้า” พี่ดินดึงผมให้เข้าไปนั่งใกล้ๆ


“มะ...ไม่ได้แกล้ง” ผมมองพี่ไม้ ที่เวลานี้กำลังนั่งกอดอก มองผมอย่างผู้ชนะ


“ถ้าไม้แกล้ง บอกพี่ พี่จะจัดการเมียพี่ให้”


“พี่ไม้บอกว่าเคยชอบพี่ดิน” พี่เมืองพูดมากูก็ฟ้องเลยดิ


“อ๋อ เรื่องนั้นเอง  ไม้ยังชอบไอ้กากมันอยู่เหรอ”


“เคยชอบ แต่ตอนนี้ชอบเมืองแค่คนเดียว” พี่ไม้แม่งออเซาะพี่เมืองทันที กูเพิ่งรู้วันนี้แหละ ว่าคนน่ารักแม่งร้ายกว่าที่คิด


“พี่ไม้บอกว่าจะทิ้งพี่เมืองด้วย แถมยังบอกว่าถ้าผมเผลอพี่ดินเสร็จแน่”


“ไม้!”


“ก็แซวน้องมันเล่นอ่ะเมือง”


“เดี๋ยวคืนนี้จัดหนักจัดเต็มให้สักที.... แต่ไม้อย่าไปแกล้งน้องมันมาก เดี๋ยวน้องมันก็กลัวแย่”


“เมืองอ่ะ เดี๋ยวนี้อะไรก็ฟ้าอะไรก็ฟ้า ไม่รักไม้แล้วดิ”


“555 รักดิ ทำไมคิดอย่างงั้นอ่ะ”


“ก็พูดถึงแต่น้อง”


“ก็น้องมันน่าเป็นห่วง แต่คนที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดก็ไม้นี่แหละ”


“ห่วงแน่นะ”


“ห่วงสิ ช่วงนี้ต้องคุมไว้ดีๆกลัวจะหลุดไปแกล้งใคร นิสัยเมียยิ่งดีๆอยู่ด้วย”


“หืม ไอ้เมือง!!!”


“ขอโทษครับ” พี่เมืองรีบยกมือไหว้พี่ไม้ทันที นี่แหละคนกลัวเมีย2018ที่แท้ทรู


“ฟ้าไม่ต้องคิดมากนะ พี่แค่พูดเล่นไปงั้นแหละ” พี่ไม้ยิ้มให้ผม แหมมึงพูดขนาดนี้กูไม่เครียดเลยเนอะ แล้วพี่ดินทำไมมึงนั่งลวนลามกูเนียนๆแบบนี้เนี่ย


“พี่ดิน อย่าทะลึ่ง” ผมปัดมือพี่มันออก


“......”


“อยากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมขมวดคิ้วถามมัน


“เปล่านะ!!!”


“เสียงสูงมาเลย”


“ดินถ้าทนไม่ไหวก็ควงสาวไปก่อนก็ได้นะ ไม้ว่าสาวๆเขายอมดินอยู่แล้ว”


“บ้าดิไม้ ดินรักฟ้าคนเดียว อีกอย่างเรื่องอย่างว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุดสักหน่อย ความรักสิ ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด เนอะ” ตอแหลจริงๆ ตั้งแต่คบกันมาสกิลตอแหลของไอ้พี่มันเก่งขึ้นมากเลยครับ


“ใช่แล้ว ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด ต่อไปเราก็เลิกพูดเรื่องบนเตียงไปเลยนะพี่ดิน นอนจับมือกันก็พอ”


“หืม เดี๋ยวๆ ฟ้าคือ”


“พี่ดินแม่งน่ารักที่สุดอ่ะ” ผมกอดเอวพี่มันไว้แน่น พลางเอาแก้มถูไปมาบนเสื้อช๊อปของพี่มัน “โอ๊ย… หิวขนมจัง เดี๋ยวไปซื้อขนมก่อนนะ พี่ดินเอาไหม”


“อะ....เอาก็ได้”


พูดจบผมก็เดินยิ้มออกไปเลย พอเห็นหน้าพี่ดินผมก็รู้แล้วว่าพวกพี่แม่งวางแผนแกล้งกูกัน








พาร์ทดิน


“ไม้!!! แผนไม้แม่งเละไม่เป็นท่าเลยนะ”


“เอา ก็ถ้าดินขยี้อีกนิดน้องมันยอมแล้ว ดินอ่ะกากเอง”


“มึงกาก เมียกูพูดถูก”


“โถ่ว ตำแหน่งเมียของกูก็ยังว่างต่อไป”


“นอนเอาหมอนไปก่อนนะเพื่อน” ไอ้เมืองเอื้อมมือมาตบบ่าผม ไอ้ห่าไม่ต้องมาปลอบกูเลย


“ไอ้สัส ฟ้าน่าฟัดขึ้นทุกวันๆ กูจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะเว้ย”


“เอ้า นั่นก็เป็นเรื่องของมึงอีกแหละ เมียกูช่วยเยอะล่ะ พอ!”


“ทุกวันนี้แค่นั่งมองหน้ากูก็แข็งแล้ว”


“อันนี้กูเข้าใจ กูเคยเป็น แต่มึงช่วยคีพลุคเดือนมหาลัยอันหล่อเหลาหน่อย ไอ้เชี่ยตั้งแต่มีแฟนคำพูดคำจาแม่งหมดสภาพเลยนะมึง”


“เย็นนี้กูไปใส่ปุ๋ยข้าวโพด! แก้เครียด!!!”


“คณะอื่นเขาชวนกันไปเตะบอลลดความอยาก มึงนิอยากไปใส่ปุ๋ยข้าวโพด บ้าไปแล้ว”


“เรื่องของกูอีกอ่ะ”



“บอกแล้วว่าอย่ากินไข่ไก่ให้มาก ความอยากก็เยอะแบบนี้แหละ” ไม้แม่งพูดขยี้ผมอีกแล้ว ตลอดเลยทั้งผัวทั้งเมียร้ายทั้งคู่



สุดท้ายแผนอึบแฟนครั้งที่ 1ก็เหลวไม่เป็นท่า งวดหน้าเอาใหม่ สู้ๆเว้ยไอ้ดิน













พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง


“ไอ้ดิน แผนสองมึงต้องเนียนเมา” ไอ้เมืองแอบกระซิบคุบกับผมหน้ารั้วบ้านน้อง ดึกดื่นเที่ยงคืนแม่งยังอยากจะให้กูมาใช้แผนสองเชี่ยอะไรอีกก็ไม่รู้ น้องแม่งคงหลับไปนานแล้วมั้ง


“น้องหลับไปแล้วมั้ง”


“ไม่พี่ ตอนนี้มันยังไม่นอนมันติดเกม” ไอ้สิงห์เสนอด้วยอีกคน


“ทางสะดวก” ไอ้เมืองยุขึ้นมาอีกครั้ง


“แต่เที่ยงคืนแล้วนะเว้ย กูเกรงใจวะ”


“เชี่ย! ยังไม่ได้เป็นเมียก็เกรงใจแล้ว มึงนิมันคนกลัวเมียจริงๆ”


"โถ่ว มึงก็ไม่ต่างจากกูอ่ะ ไอ้เมือง!!!"


"ของกูเขาเรียกว่าเคารพเมีย"



“ไป ตัวมึงกำลังมีกลิ่นเหล้า ตีเนียนเมาแล้วนัวร์ให้มันส์เลยสัด”


“เอางั้นเหรอวะ น้องต้องโกรธกูแน่”


“โอโห้ เอาความหล่อข่มความกากหน่อยเพื่อน อย่ากากให้มาก มึงบอกเองว่ามึงอยากมานานแล้ว”


“เออๆ ก็ได้วะ” ผมเดินเข้าบ้านของฟ้าโดยมีไอ้สิงห์ไอ้เต๋าคอยเป็นหน่วยสนับสนุน ไอ้ห่าพวกนี้หากุญจงกุญแจมาเปิดประตูให้ผมเสร็จสรรพ แล้วพวกมันก็หนีเที่ยวกันต่อ ปล่อยให้ผมอยู่กับฟ้าสองต่อสอง แหมพวกมึงทำงานเป็นทีมดีจัง


ก๊อกๆ ผมเคาะประตูห้องนอนน้อง พออีกฝ่ายมาเปิดประตูปุ๊บ กูก็แกล้งเมาทันที


“ฟ้า~ จ๋า”


“อ้าวพี่ดิน เมาเหรอ” ฟ้าถามผมด้วยหน้าตาที่ดูเป็นห่วง แต่ใจผมเนี่ยเต้นเร่าๆเพราะน้องแม่ง ขนาดอยู่ในชุดนอนยังน่ารักน่าบดชิบหาย


“ไม่มาวววเลยยย” รางวัลออสก้าต้องเป็นของกู อุ๊ยเท้าไม่มีแรงเดิน ล้มทับแม่งเลย ผมเซชนน้องจนอีกฝ่ายนอนลงไปบนเตียงโดยมีผมทาบทับอยู่ด้านบน ไอ้เชี่ยตัวหอมจนกูใจสั่น แค่กลิ่นแป้งก็เล่นเอาของกูขึ้นแล้ววว ลูกพ่อใจเย็น เดี๋ยวมีพิรุธโว๊ย


“พี่ดิน อย่า นอนให้ดีๆ อือ” ขัดขืนได้ขัดขืนไป พูดมากนักบดปากแม่งเลย โอ๊ย นุ่ม! ฟินสัดๆ


“อะ อือ พี่ดินอย่า บอกให้ปล่อยไง” พอพูดไม่ทันขาดคำ ผมก็ถูกอีกฝ่ายถีบจนหล่นลงมานอนกองอยู่กับพื้น โอ๊ยแฟนกูโคตรแรงควายอ่ะ


“พี่ดินเป็นยังไงมั้ง บอกแล้วว่าอย่าดื่มหนัก อย่าดื่มหนัก ใกล้วันงานแล้วด้วยจะกินอะไรทุกวัน” ฟ้าเริ่มบ่นผม “เจ็บไหม”


“ม่ายยย” ผมส่ายหน้า แล้วลุกขึ้นมานอนบนเตียงอีกครั้ง อยากจะบอกว่าแรงถีบเมื่อกี้เล่นเอาจุกอยู่เหมือนกัน อาหารเมื่อเย็นแม่งขึ้นมาถึงลิ้นไก่แล้ว 


“ก็ว่าอยู่ เพราะออกแรงไม่ถึงครึ่งเลย” โอโห้ถ้าออกแรงเต็มที่กระดูซี่โครงกูไม่หักก่อนเหรอวะ นอนฟังว่าที่เมียบ่นไปสักพัก อีกฝ่ายก็เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผม ฟ้าแม่งโคตรฉายแววเมียที่ดีแบบสุดๆ


“พี่มีเรื่องเครียดอะไรก็เล่าให้ผมฟังก็ได้นะ ไม่เห็นต้องออกไปดื่มเหล้าให้เมาจนไม่มีสติขนาดนี้เลย”


“พี่ไม่มาวววนะคร้าบบ” แกล้งแสดงต่อไป วันนี้ผมกินไปนิดเดียวเอง ตอนแรกกะว่าจะไม่ออกไปกิน แต่พวกเพื่อนแม่งหาเรื่องอยากแดกไง แล้วก็ลากผมไปด้วย


“นี่ถ้าวันนี้ไม่เมาก็กะว่า.... จะให้... น่าอายวะไม่พูดดีกว่า”


“ให้อารายเหยอออ” ลิ้นเปลี้ยไปอีกสิิกู


“ก็อยากทำอะไรก็ให้อย่างนั้นแหละ แต่นี้เมาไงก็อดไป ผมอยากให้ครั้งแรกของเรามันผ่านไปแบบดีๆ น่าจดจำไรงี้”


“เห้ยฟ้า! พี่ไม่เมานะ สติพี่เต็มร้อย นี่รู้เรื่องตลอดเวลา” ไอ้เชี่ยกูเด้งจากเตียงแทบไม่ทัน  “มา มาทำอะไรที่น่าจดจำกันเถอะ”


“ไอ้พี่ดิน มึงโกหกหรอ” ขึ้นมึงขึ้นกูแล้วครับบบบ เจ้าที่เจ้าทางช่วยกูด้วย


“โถ่วที่รัก ไม่ได้อยากโกหกเลย แต่แบบ”


“ไปเชื่อใครมาอีกอ่ะ”


“แผนเมือง”


“วันนี้ถ้าขอกันดีๆ ผมก็คิดว่าจะยอมพี่นะ แต่เล่นไม่ซื่อแบบนี้ออกไปนอนข้างนอกห้องเลยป่ะ”


“ฟ้าอ่า”


“ไปเลย”


“ขอนอนจับมือก็ได้”


“มือก็ไม่ต้องมาแตะ ไปไหนก็ไปเลย”



“ฟ้า”


“ออกไป งอน”


“ง้อ พี่ของ้อด้วยร่างกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยซิกแพคแน่นๆของพี่”


ไม่ตลก!


“เมียอย่าจริงจังดิ”


“ใครเมีย เดี๋ยวตบปาก”


“เวหา!!!”  ไอ้เชี่ยเมียจะใช้กำลัง กูขึ้นเลยดิ


“พสุธา!!!”


“ครับ”


“ออกไปนอนข้างนอก”


“ครับ”


อดแดกไปอีกดิ.....




.....tbc......




ตอนนี้ก็ยังเรื่อยๆ อ่านความกากของพี่ดินไปก่อนนะคะ
ขอบคุณที่ยังติดตามน้า
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-01-2018 17:23:50
โถถถถถถถถถถถพี่ดินโคตรกาก

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Nachar ที่ 01-01-2018 19:36:17
พี่ดิน แม่งโคตรกาก แววกลัวเมียมาแต่ไกล
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 01-01-2018 21:42:00
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 01-01-2018 23:35:14
คนกลัวเมีย2018 ฮ่าๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-01-2018 00:57:02
 :z1: :z1: (http://:z1: :z1:)
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 02-01-2018 15:42:46
อ่านรวดเดียวเลย น่ารักมากกกก ฮืออออ :sad4:
พี่ดินคนกาก :laugh:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 02-01-2018 21:47:58
เพิ่งเข้ามาอ่านจ้า เรื่องนี้ตอนแรกๆน่ารักมาก แต่ตอนล่าสุดนี่เห็นแววคนกลัวเมียมารอแระ  :-[ :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 11 [19/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 19-01-2018 20:36:15
ตอนที่ 11



งานเกษตรเริ่มขึ้นแล้ว


ช่วงงานเกษตรพี่ดินยุ่งมาก ยุ่งจนพวกเราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันเลย ตั้งแต่วันที่พี่มันทำแผนแกล้งเมาจนเละไม่เป็นท่า พี่ดินมันก็เริ่มไม่วอแว ไม่วุ่นวายกับผมเหมือนแต่ก่อน พี่มันเอาแต่ทำการทำงาน แต่ยังดีที่พี่ดินยังคอยรับคอยส่ง พาผมไปกินข้าวเหมือนเดิม ส่วนเรื่องบนเตียงมันก็ไม่ยอมพูดถึงอีกเลย ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ช่วงหลังเริ่มแปลกใจที่ไอ้พี่ดินมันเย็นชากับเรื่องนี้จนเกินไป ทุกทีมันจะมาแทะเล็มตีเนียนลวนลามผมไปเรื่อยแต่พักนี้ไม่มีเลยสักนิด มีแค่จับมือนิดๆหน่อยๆ ทำเอาผมสงสัยถึงขั้นต้องไปปรึกษาพี่ไม้ ไอ้พี่ไม้คนน่ารักก็บอกผมแค่ว่า พี่ดินอาจตายด้านกับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว


“ฟ้า วันนี้มึงไปงานเกษตรเปล่าวะ” ไอ้สิงห์เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วตะโกนถามผม


“ไปดิ วันนี้วันสุดท้ายด้วย”


“เออ พวกกูก็ว่าจะไป ไม่เคยไปดูงานช่วงเช้าเลย ไปแต่ช่วงกลางคืนมาสามสี่วันล่ะ”


“ดี เดี๋ยวกูได้ติดรถพวกมึงไป”


“เอ้า แล้วพี่ดินไม่มารับมึงเหรอ”


“เมื่อวานมันนอนมหาลัย”


“ปล่อยให้ผัวนอนมหาลัย ระวังโดนสาวๆงาบไปแดก ช่วงนี้พี่ดินแม่งฮอตเว่อร์ พอเจอแสงเจอสีเข้าไปหน่อยแม่งหล่อยิ่งกว่าเดิม”  ไอ้เต๋าเดินออกมาจากห้องครัว มันเหล่ตามองผมก่อนจะกลับไปหยิบไอติมออกมากิน ไอ้ห่านี่แดกทั้งวัน ตั้งแต่มีงานเกษตรพวกเราสามคนไม่เคยได้หยุดกินเลย ซื้อของกับมาตุนมาเก็บไว้ที่บ้านตลอด


“เมื่อคืนกูไปดูไอ้พี่ดินร้องเพลง สาวๆแม่งเต็มหน้าเวทีเลย แค่ร้องไม่กี่เพลงนะพี่มันได้รางวัลเพียบ” ไอ้สิงห์พูดเสริม


“ไม่ต้องเล่าเพราะกูก็ไปกับมึง”


“เออ ผัวมึงแม่งงานดีนะไอ้ฟ้า”


“เฮ้อ! พี่ลมมันก็ได้เยอะ มึงก็พูดถึงแต่แฟนกู”  งานเกษตรตอนกลางคืนจะมีการแสดงดนตรีของนักศึกษาที่พี่ดินติดต่อมาให้ช่วยมาแสดงในงาน และพี่ลมก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนไอ้พี่ดินมันแสดงปิดท้ายตลอด


“เออ... กูก็แค่อยากให้มึงหวงแฟนมึงมั้ง ทำตัวนิ่งๆอยู่นั้นแหละ สาวๆหนุ่มๆเขาก็คิดว่าไอ้พี่ดินมันโสดอ่ะดิ แฟนไม่วอแวเลย”


“เอ้า ก็มันทำงานกูก็ต้องปล่อยไปดิ”


“มึงนิทำเหมือนผัวเมียที่คบกันมาเป็นสิบปีแล้ว” ไอ้สิงห์ตอกย้ำ


“กูก็หวงแต่กูไม่แสดงออก กูไม่อยากให้เขารำคาญกู”


“พี่เขาอาจจะให้มึงแสดงออกให้มากกว่านี้ก็ได้นะเว้ย”


“....” ผมนิ่งไปสักพัก มาลองคิดที่ไอ้สิงห์พูด หรือว่าพี่ดินมันอยากให้ผมไปวอแวมันนะ เพราะตั้งแต่ผมคบกับพี่ดิน ความรักของเราไม่หวือหวาเหมือนคู่รักคู่อื่น ไม่เคยต้องมานั่งทะเลาะกันเพราะความหึงหวง เวลามีสาวๆเข้ามายุ่งพี่มันผมก็ไม่เคยโกรธ เพราะพี่ดินจะปฏิเสธผู้หญิงเหล่านั้นต่อหน้าผมตลอด พี่ดินเป็นคนที่ทำให้ผมเชื่อใจว่าพี่มันจะไม่มีทางทิ้งผมไปแน่


“มึงเคยบอกรักพี่ดินมันบ้างป่ะ”


“ก็.... น่าจะเคยนะ”


“ช่วงโปรโมชั่นจริงๆ รึเปล่าวะ”


“จริงดิ พวกกูอยู่ด้วยกันทุกวัน”


“คบกันได้กี่วันแล้ว”


“เกือบจะเดือนหนึ่งแล้วมั้ง”


“... อ้อนแฟนมึงมั้งนะเขาจะได้ไม่เฉาตาย”


“เออ รู้แล้วน่า”






ก๊อกๆ


เสียงประตูหน้าบ้านดังขึ้น ไอ้เต๋ารีบเดินไปเปิด ก่อนจะเรียกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา


“ฟ้าแฟนมึงมา”


“หืม..พี่ดิน มาได้ไง” ผมรีบเดินไปหาคนรักของตัวเอง ก่อนจะมองสภาพอีกฝ่ายที่ดูท่าจะนอนไม่พอ ตาแทบจะปิดอยู่ร่อมร่อ


“มารับ วันนี้วันงานวันสุดท้ายพี่อยากพาฟ้าไปเดินเที่ยวด้วยตัวเอง”


“เอาสิ ผมก็ว่าจะไปหาพอดี แต่ดูสภาพพี่จะไม่ไหวนะ นอนก่อนไหม”


“เหรอ ไม่เอาดีกว่าพี่อยากพาฟ้าไปเดินเที่ยวก่อน”


“ดูท่าพี่จะไม่ไหวจริงๆนะ ไปนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยไปงานตอนเที่ยงๆก็ได้นี่เพิ่งเก้าโมงเอง”


“ไม่เอาอ่ะอยากอยู่กับแฟน”


“ดื้อ งั้นไป ขึ้นไปนอนที่ห้องฟ้าป่ะ”


“โอเค” แหมพอบอกให้ขึ้นไปนอนบนห้อง รีบเลยนะ รีบเดินไม่เห็นฝุ่นเลยนะไอ้พี่ดิน ผมเดินตามพี่ดินขึ้นมาบนห้องนอน ไหนพี่ไม้บอกว่ามันอาจด้านชาเรื่องบนเตียงแล้วไง ดูมันสิพอถึงเตียงปุ๊บก็ดึงผมลงไปนอนกอดปั๊บ


“อือ พี่ดินอย่า” กอดไม่พอฟัดแก้มกูไปอีก


“ทำไมฟ้าตัวหอม”


“ถ้าอยากตัวหอมแบบผม ก็อาบน้ำดิ อือ” พี่มันชักจะลามปามใหญ่แล้วครับ ฟัดแก้มผมไม่พอ เริ่มเนียนขโมยจูบผมไปอีก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไอ้พี่ดินแม่งจูบเก่งโคตร ทำเอากูเคลิ้มเบาๆ


“อือ อะ..พี่ดินอย่า แค่จูบพอ”


“แต่พี่...”

“เดี๋ยวผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวงานเกษตรกับพี่พอดี อือ” ปิดปากกูอีกแล้ว บดปากกูไปอีก เอาเข้าไปสุดท้ายก็ต้องยอมให้มันทำตามใจสักพัก ก่อนจะเตือนสติไอ้คนพี่ด้วยการตีลงไปบนไหล่อย่างเต็มแรง


“โอ๊ยย เจ็บ”


“เลยเถิดล่ะ”


“ก็ตัวฟ้านุ่ม พี่ก็เลยเผลอนิดหน่อย”


“ให้มานอนพัก ไม่ได้มานอนฟัด”


“เอ้า ฟังผิดนึกว่าให้มานอนฟัด เลยจัดเต็มที่เลย”


“ผมยังอยากเที่ยวอยู่ เดี๋ยวจบงานค่อยมาตกลงฟัดกันก็ได้”


“จริงนะ!”


“ก็..น่ะ” เออพอเห็นหน้าไอ้พี่ดินที่โคตรจะยิ้มหน้าบานแบบนี้ ผมพูดถูกใช่ไหมเนี่ย


“งั้น นอนเฉยๆก้ได้ แต่พี่ขอให้ฟ้ามาเป็นหมอนข้างของพี่นะ” ลูกอ้อนมาซะเต็มสิบแบบนี้ กล้าขัดได้เหรอ ร่างของผมถูกพี่ดินรวบไปกอดเอาไว้ ก่อนที่มือหนาของอีกฝ่ายจะลูบผมไปมา พี่ดินกำลังทำให้ผมเสพติดความเป็นพี่เขา ทำให้ผมรู้สึกขาดพี่เขาไปไม่ได้ จากที่เคยต้องนอนกอดหมอนข้างเน่าๆของตัวเองทุกวัน ตอนนี้ต้องมีคนมาคอยกอดตอนนอนถึงจะนอนหลับสบาย เพราะพี่ดินคนเดียวที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ 

   
   ช่วงเที่ยงพอพี่ดินมันนอนเต็มอิ่มแล้วมันก็พาผมไปที่งานเกษตรทันที พอมาถึงไอ้พี่ดินก็เป็นไกด์แนะนำนู่นนี่ ทำเหมือนผมไม่เคยมาเดิน ผมอ่ะมาเดินกับพวกไอ้สิงห์ไอ้เต๋าทุกวัน พวกเรามาหาอะไรกินกันตลอดแต่วันนี้มากับเจ้าถิ่นก็ดีไปอีกแบบ เพราะพี่ดินมันพาเดินไปด้วยอธิบายไปด้วย


“โซนทางนี้เป็นโซนต้นไม้อีกฝั่งหนึ่งเป็นโซนปศุสัตว์ แล้วทางหน้าคณะพี่เป็นพวกผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร”


“อืม”



“คงเดินมาหมดแล้วอ่ะดิ”


“ใช่ เดินทุกวัน หาอะไรกินจนพุงกางทุกวัน”


“ไอ้อ้วน”


“อ้วนแล้วชอบป่ะล่ะ”


“ไม่ชอบ”


“ไอ้พี่ดิน!”


“แต่รักเลย”


“บะ...บ้า!” หยอดให้กูหน้าแดงไปอีกสิ ไอ้คนผีทะเล พี่ดินถูกซุ้มนู่นซุ้มนี้เรียกไปเรื่อย เดินไปไหนคนเขาก็ให้ขนมมันจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด


“ไอ้ดิน มาช่วยกูหน่อย” ไอ้พี่ภูไม่รู้วิ่งมาจากทางไหน รีบคว้าพี่ดินให้เดินไปกับพี่มันทันที ส่วนผมก็ถูกพี่ดินคว้าไว้อีกที่พวกเราสามคนเลยต้องวิ่งกันเป็นพรวนจนคนเขาหันมามองเป็นตาเดียว


“อะไรของมึงไอ้ภู”


“ก็พวกเด็กนักเรียนเขามาดูงานซุ้มปศุสัตว์มีพวกผู้ใหญ่มาด้วย กูเลยอยากให้มึงไปช่วยอธิบายหน่อย พวกกูไม่เก่งเท่ามึง”


“เหรอ แต่...”


“เอาเมียมึงไปดูด้วย ฟ้าไปดูไอ้ดินมันด้วยนะ ถือว่าเป็นกำลังใจให้มัน” พี่ภูหันมาพูดกับผม ผมก็ได้แต่พยักหน้า เอ้าก็แฟนไปไหนกูก็ต้องไปด้วยอยู่แล้วอ่ะ


“ครับ”


   พี่ภูลากตัวพี่ดินเข้าไปด้านหลังซุ้ม ส่วนผมก็เดินมานั่งรอดูที่ด้านหน้า พอดีซุ้มปศุสัตว์เขาจัดเก้าอี้ที่นั่งไว้ให้พวกนักเรียนหรือใครที่สนใจเข้ามานั่งศึกษาพวกการเลี้ยงสัตว์แนวใหม่ หรือการเกษตรแนวใหม่โดยมีคำแนะนำจากพวกนักศึกษาในคณะมาให้ความรู้  เวลานี้ด้านหน้าพวกนักเรียนนั่งกันให้เต็มไปหมด แถมพอผมนั่งได้ไม่นาน ก็มีพวกชาวบ้านมานั่งฟัง หรือมายืนออเพื่อฟังเหมือนกัน


ตอนนี้พวกพี่นักศึกษากำลังอธิบายทฤษฏีเกษตรแนวใหม่หรืออะไรก็ไม่รู้ ผมไม่ค่อยเข้าใจกับเขาหรอก


“วันนี้คณะเรามีสมาชิกน่ารักๆมาให้พวกน้องดูด้วยนะครับ” พี่ๆด้านหน้าพูดเสร็จ เขาก็เปิดผ้าด้านในให้พวกลูกหมูเดินออกมาโชว์ตัว พวกนักเรียนก็ร้องว้าวกันใหญ่ เพราะลูกหมูตัวเล็กมันดูน่ารักมากถึงมากที่สุด เวลามันวิ่งที่ก็เหมือนก้อนกลมๆ สี่ชมพูกลิ้งอยู่บนพื้น ดีนะที่มีแผงกั้นไม่งั้นพวกเด็กนักเรียนคงออเข้าไปจับกันแน่


“วันนี้พี่จะมาให้ความรู้เรื่องหมูๆ กับน้องๆ งั้นเชิญพี่ดินออกมาด้วยครับ” พอพี่ดินมันออกมาเท่านั้นแหละ เด็กนักเรียนสาวๆนี่เลิกสนใจหมูทันที พวกน้องๆแกหวีดร้องให้พี่ดินแทน เสียงคำว่าหล่อ หล่อมากนี่เข้ามากระแทกหูผมหลายต่อหลายครั้ง แถมเวลาที่พี่มันพูดอธิบาย น้องสาวๆนิมองตาล่ะเยิ้มเลย


“น้องๆรู้ไหมครับว่าทำไมหมูมันถึงชอบให้เนื้อตัวมันเลอะโคลน”


“มันชอบเล่นโคลนมั้งค่ะ” น้องนักเรียนผู้หญิงตรงหน้าตอบ


“หมูมันเป็นสัตว์สกปรก มันก็เลยชอบโคลนมั้งครับ”  น้องนักเรียนผู้ชายเสริม


“คนส่วนมากชอบคิดว่าหมูเนี่ยเป็นสัตว์สกปรก แต่ไม่เลยครับหมูเนี่ยเป็ยสัตว์ที่ฉลาดมาก ที่มันชอบทำให้เนื้อตัวมันเลอะหรือเปื้อนโคลนก็เพื่อป้องกันพวกปรสิตและลดอุณหภูมิของร่างกายในวันที่ร้อนมากๆ นอกจากนี้หมูมันยังมีประสาทดมกลิ่นที่ดีเลิศ ความทรงจำจากการดมกลิ่นของมันถือว่าสุดยอดที่สุดในบรรดาสัตว์เพราะว่าในที่มืดก็สามารถทำงานได้”


“สุดยอดเลยนะคะ”


“ครับ คนเรานะชอบมองคนที่ภายนอกเป็นอย่างแรก แต่พี่อยากให้พวกเรามองกันจากภายใน มองกันให้ลึกๆ ก็เหมือนหมูถ้าเราไม่ศึกษาเขาเราก็จะมองว่าเขาเป็นสัตว์ที่สกปรก ทั้งๆที่จริงแล้วเขาเป็นสัตว์ที่สุดยอดมากเลย”


“งั้นแปลว่าถ้าหนูอยากรู้จักพี่ดิน หนูก็ต้องมองพี่ดินจากภายในสินะคะ เราก็คงต้องศึกษากันนานๆ” เด็กสามมัธยมสมัยนี้มันร้ายนะเนี่ย ผมมองเด็กผู้หญิงผมเปียที่อยู่ด้านหน้า ส่วนไอ้พี่ดินก็เอาแต่แจกยิ้มหวานอยู่ได้


“อ่า.. ใช่ครับ”


“งั้นวันนี้หนูขอเบอร์พี่ไว้เลยได้ไหมคะ” นักเรียนหญิงคนที่หนึ่งเริ่ม


“ไลน์ก็ได้นะคะ เราจะได้ศึกษากันไว้” นักเรียนหญิงคนที่สองตาม แถมคนข้างๆนี่หยิบดินสอกับกระดาษเตรียมจดเลย แหมทำงานกันเป็นทีม


“ให้ได้ แต่เป็นเบอร์แฟนพี่ได้ไหม” พี่ดินตัดบทจนพวกน้องนักเรียนทำหน้ากระเง้าหระงอดไม่พอใจ แต่ผมนิยิ้มกริ่มอยากบอกพี่มันว่า ทำดีมาก ปฏิเสธได้ดีจริงๆ อยากยกนิ้วให้เลย


“วันนี้ด้านในเรามีโซนให้น้องๆเข้าไปเยี่ยม เข้าไปดูหมูตัวใหญ่ น้องๆห้ามเอามือเขาไปจับมันนะครับ เพราะหมูเนี่ยมีแรงกัดถึงขั้นบดขยี้นิ้วมือของมนุษย์ได้อย่างสบาย ส่วนอีกด้านจะมีการสาธิตการตอนลูกหมูให้น้องๆได้ดู”


“น่ากลัวไหมคะ”


“ไม่เลย การตอนลูกหมูไม่น่ากลัวเลยแถมง่ายมาก แค่ผ่าถุงไข่อัณฑะล้วงเอาไข่ออกมาแล้วทายาฆ่าเชื้อเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย” มันคงง่ายสำหรับพวกพี่อะดิ ขนาดกูฟังยังกลัวเลย ไม่ต้องถามไอ้พวกน้องๆนักเรียนเลยว่าจะหวาดกันถึงขั้นไหน พวกเด็กผู้ชายนินั่งกุมเป้ากันเป็นแถว ไอ้พี่ดินพูดอธิบายไม่พอยังทำท่าให้ดูประกอบด้วย


พอการอธิบายเสร็จสิ้นพวกพี่ๆในคณะเกษตรก็เดินนำพวกเด็กนักเรียนไปทางด้านใน พาไปดูพวกฟาร์มหมูขนาดย่อม ไอ้พี่ดินพอหมดหน้าที่ก็รีบเดินมาหาผม ไอ้พี่บ้ามันยิ้มหน้าแป้นมาเลย แค่พี่มันยิ้มใจผมก็สั่นล่ะ คนอะไรมันจะหล่อได้ตลอดเวลา


“หมูน่ารักไหม” พอด้านหน้าเริ่มไม่มีคน พี่ดินก็จับมือผมไปทางคอกลูกหมู ที่ตอนนี้ไอ้พวกหมูตัวเล็กๆมันกำลังวิ่งไปมา พอได้มองยิ่งอยากเอาลูกหมูพวกนี้กลับไปเลี้ยง ถ้าไม่ติดตรงที่โตขึ้นมันจะตัวใหญ่จนเลี้ยงไม่ไหว


“อืม”


“เนอะ น่ารัก น่ารักเหมือนฟ้าเลย” ไอ้พี่ดินอุ้มหมูขึ้นมา ก่อนจะจิ้มแก้มหมูสลับกับแก้มผม ดูมันเล่นสิน่าตีจริงๆ



“หืม ฟ้าเหมือนหมูเหรอพี่ดิน”


“อืม ตัวนุ่มๆ น่ารัก”


“งั้น ตั้งชื่อไอ้ตัวนี้ว่าฟ้าดีไหม”


“ไม่ได้นะ”


“ทำไมล่ะ”


“สุดท้ายไอ้พวกนี้มันต้องกลายเป็นเนื้อ ขืนตั้งชื่อหรือดูแลมันเป็นพิเศษต่อไปจะลำบากเอา มันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง”


“ใจร้ายวะ”


“หรือว่าต่อไปนี้ฟ้าจะไม่กินหมูล่ะ งั้นก็เอามันไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงก็ได้เอาม่ะ”


“ไม่เอาอ่ะ พี่ก็รู้ว่าฟ้าชอบกินหมู” ผมมองหน้าพี่ดินแบบค้อนๆ ก่อนจะมองเจ้าหมูตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดพี่ดิน “ขอโทษนะเจ้าหมูน้อย”


“555 ป่ะ ไปเดินเที่ยวต่อกันเถอะ” พี่ดินมันวางหมูลง ก่อนจะเดินไปถอดถุงมือแล้วรีบเดินเข้ามาจับมือผม พาเดินเล่นในงานต่อ ระหว่างเดินพี่ดินก็หาน้ำหาท่า หาขนมมาป้อนผมตลอด ดูแลเทคแคร์ไม่เคยห่าง ส่วนผมนะเหรอ เขินไปดิพอถูกจับมือทีก็ถูกพวกพี่ๆที่อยู่ในซุ้มแซวที พอพี่ดินป้อนน้ำทีพวกในคณะพี่ดินก็หวีดที


“โอ๊ย อิจฉาคนมีแฟนเว้ย” พี่มิ่งเดินมาจากทางไหนไม่รู้ แต่พอรู้ตัวอีกทีคือพี่แกแย่งขนมในมือพี่ดินไปกินเฉยแถมแทรกกลางระหว่างผมกับพี่ดินด้วย เลยโดนไอ้พี่ดินโบกไปทีโทษฐานทำตัวน่าหมั่นไส้


“มึงก็รีบมีดิไอ้เตี้ย เห้ยแต่กูได้ข่าวว่ามึงก็มีๆอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ”


“ไอ้เชี่ยดิน พูดห่าอะไร”


“เอ้ากูเห็นช่วงนี้เพื่อนกูไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่อง เห็นไปมุดหัวอยู่กับมึงนิ”


“อย่ามาพูดมั่ว พอๆ มึงเลิกแซวกูเลย” ไอ้พี่มิ่งชี้หน้าพี่ดิน “น้องฟ้า เป็นไงเบื่อดินยัง มาคบกับพี่ได้นะ”


“ไม่หล่อ ฟ้าไม่ชอบ”


“โธ่ คนเราอย่ามองแค่ภายนอกดิฟ้า ระวังนะไอ้ดินมันหวังฟัน ไอ้นี่มันมีฉายาฟันแล้วทิ้งนะฟ้า”


“ไอ้เตี้ยมิ่ง! พูดอะไรของมึงเนี่ย”


“ฟ้าอย่าไปยอมมอบกายให้มันเชียวน้า ถ้าไม่อยากโดนมันทิ้งอ่ะ พี่เตือนด้วยความหวังดี”


“ไอ้มิ่ง เดี๋ยวกูโบก”


“ตอนนี้มันก็ตามใจทุกอย่าง พอมันได้ฟ้ามันก็ทิ้ง ฟ้าก็ต้องนอนเสียใจร้องไห้ทุกคืนวัน”


“ไอ้สันดานมิ่ง เล่นกูล่ะ เดี๋ยวกูจะโทรฟ้องไอ้ภูว่ามึงมาระรานกูกับแฟน”


“ฟ้องก็ฟ้องไปดิ กูไม่กลัวมันหรอก”


“จริง!”พอพี่ดินยกมือถือขึ้นมากด พี่มิ่งก็รีบวิ่งหนีไปทางอื่นทันที โคตรมีพิรุธอ่ะ


“พี่ดิน ทำไมพีมิ่งต้องกลัวพี่ภูขนาดนั้นอ่ะ”


“ก็ไอ้ภูมันชอบไอ้มิ่งอยู่ ช่วงหลังมันกำลังตามจีบกันแต่ไอ้มิ่งไม่เล่นด้วยไง”


“ไปชอบกันตอนไหนนะ”


“นานแล้ว ไอ้ภูมันปากแข็ง”


“ดูท่าจะลงเอยกันยากเนอะ”


“ไม่หรอก คู่นี้ไม่ยากเพราะจิ้มกันแล้ว”


“ห๊า!” ผมมองหน้าพี่ดินด้วยความแปลกใจ “จริงดิ”


“จริง แต่ขอไม่ลงรายละเอียดเดี๋ยวไอ้ภูโกรธพี่”


“โอเคๆ แต่ไม่อยากเลยเชื่ออ่ะ”


“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คู่เราดิลงเอยกันแล้วแต่ไม่ได้จิ้มสักที” ไอ้พี่ดินเดินเข้ามากระแซะผม พอผมตีพี่มันก็หัวเราะเบาๆ ด้วยความสนุก


“ทะลึ่งตลอด”


“ทะลึ่งกับฟ้าคนเดียวอ่ะ”


“ก็ลองไปทะลึ่งกับคนอื่นสิ ผมไม่ยอมแน่”


“ดุด้วย”


ผมก็รักของผมเปล่าวะ” สิ้นคำพูด พี่ดินแม่งยืนนิ่ง หูเห่อแม่งแดงไปหมด ไอ้พี่บ้ามันมาเขินผมกลางงานเกษตรเนี่ยนะ เล่นเอาผมแม่งเขินตามไปกับมันด้วยอีกคนเลย


“ชอบวะ พูดอีกครั้งได้ป่ะ”


“ไม่เอาเขินแล้ว”


“พี่ก็รักฟ้าเหมือนกัน” พี่ดินเดินเข้ามาใกล้ๆผม ก่อนจะกระซิบเบาๆ เล่นเอาผมเขินเข้าไปใหญ่ จนต้องรีบเดินหนีพี่มัน เพราะถ้าพี่ดินพูดอะไรออกมาอีกที ผมคงหมดแรงเดินแน่ๆ



(ต่อด้่านล่าง)
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 10 [01/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 19-01-2018 20:47:26
(ต่อ)




พอพวกเราเดินดูข้าวของไปสักพัก พวกพี่เมืองพี่ภูก็โทรตามให้พี่ดินไปทางลานด้านหลังคณะ เพื่อที่จะแสตนบายเตรียมตัวเรื่องการแสดงดนตรี ผมถูกพี่ดินพามานั่งอยู่ด้านข้างเวที พี่ดินมันเอาพวกเสื่อมาปูไว้ให้ผมและไม่นานพวกไอ้สิงห์กับไอ้เต๋าก็ตามมานั่งดูการแสดงที่กำลังเริ่มขึ้นในช่วงเย็น  พี่ดินเป็นคนจัดผังการแสดงทั้งหมด ผมมองพี่ดินก็ดูท่าว่าพี่มันจะยุ่งอยู่พอสมควร แต่พอทุกอย่างลงตัว พี่ดินก็ผละออกจากด้านหลังเวทีแล้วมานั่งกินขนมกับพวกผม พวกพี่เมืองพี่ภูพี่มิ่ง ก็ตามพี่มันมาเหมือนกัน


“วันนี้งานวันสุดท้ายแล้วอ่ะ เสียดายว่ะ” ไอ้เต๋าบ่นขึ้นมาลอยๆ


"มีทุกวันพวกกูก็ตายดิวะ นี่แค่ห้าหกวันพวกกูก็แทบจะไม่มีเวลานอนแล้ว” พี่เมืองสวนกลับมาทันที เล่นเอาไอ้เต๋ายิ้มแหยๆ


“ก็งานมันดีนิพี่ พวกผมก็เลยอยากให้มีทุกวัน ของกินก็เยอะการแสดงก็ดี แถมช่วงนี้อากาศแม่งก็เป็นใจไม่ร้อนมาก เดินเล่นแล้วโคตรจะละลายทรัพย์เลย”


“ละลายทรัพย์พวกกูด้วยอ่ะดิ” พี่ภูเลยพูดเสริมขึ้นมาก่อนจะยกมืองไปฟาดกบาลไอ้เต๋าไปหนึ่งที "มาทีไรกูต้องเลี้ยงพวกมึงตลอด"


“พี่ภู ได้ข่าวว่ากำลังจีบพี่มิ่งอยู่เหรอ” ไอ้สิงห์แม่งเปิดประเด็นใหม่จนเจ้าตัวเล็กอย่างพี่มิ่งที่กำลังกินน้ำอยู่แทบสำลัก


“ทำไมกูต้องจีบไอ้เตี้ยนี่ด้วย” พี่ภูแม่งปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


“งั้นผมขอ ผมเลิกกับแฟนพอดีเลยอ่ะ คบหญิงไม่เวิร์คลองคบหนุ่มหน้าหวานแม่งอาจดีกว่า”


“ไอ้สิงห์กูไม่ใช่สิ่งของมึงจะไปขอไอ้เชี่ยภูทำไม กูเป็นคนโว๊ย” ไอ้พี่มิ่งเถียงกับมาหน้าดำหน้าแดงไปหมด


“งั้นผมจีบ”


“กูไม่ให้จีบ” ไอ้พี่ภูแม่งพูดขึ้นมานิ่งๆเลย เล่นเอาทุกคนในวงสนทนามองพี่มันเป็นตาเดียว


“ทำไม”


“ที่กูไม่จีบมันเพราะมันเป็นเมียกูแล้วไง ทำไมกูต้องจีบเมียกูด้วย จบนะน้องสิงห์”


“วิ๊ดวิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว” ไอ้สิงห์กับไอ้เต๋าแม่งเป่าปากขึ้นมาอย่างไว แซวพวกพี่กันสนุกปาก พี่ภูไม่ค่อยเท่าไร รายนี้นิ่งขรึมเหมือนพี่ดิน แต่พี่มิ่งนี่หน้าแดงแป๊ด เหงื่อไหลเต็มหน้า พี่แกคงอายมาก


“ไอ้เชี่ยภูวันนั้นกูเมา กูไม่นับ”


“แต่กูไม่เมา กูนับ โอเคนะเมีย”


“ไอ้เหี้ยภู!!!!”


“อย่าพูดมากๆ ใครที่คอยดูแลมึงเป็นอาทิตย์ตอนที่มึงป่วย ก็กู อย่าบ่น เป็นเมียอย่าบ่น”


“ก็เพราะใครล่ะที่ทำให้กูป่วย!!”


“อย่าๆ เลิกพูดเดี๋ยวเข้าตัวอีก” พี่ภูแม่งยกมือขึ้นห้าม เล่นเอาพี่มิ่งนั่งนิ่งเรียบร้อย เชื่อฟังคำสั่งแบบสุดๆ โคตรผิดนิสัยคนขี้เถียงแบบพี่มิ่งเลย “แบบนี้สิค่อยน่ารักหน่อย”


“เพื่อนกูแซงกูไปทุกคนเลย” พี่ดินบ่นงึมงำ


“เพราะมึงกากไงเพื่อนดิน” ไอ้พี่เมืองตบหลังพี่ดินไปสองสามที เล่นเอาพี่ดินแม่งมองหน้าพี่เมืองนิ่งเลย


“เออ!!! กูยอมรับ”


“แหมทำมาขึ้นเสียง กูก็นึกว่าจะปฏิเสธ”


“ไม่เลย ผมจะปฏิเสธไปทำไมล่ะครับ”


“ดีแล้วครับ”


ระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกันเพลินๆ จากท้องฟ้าที่เคยสว่างก็ค่อยๆมืดลง ความสว่างโดยรอบเริ่มถูกแทนที่ด้วยแสงจากหลอดไฟ นักศึกษาที่ตอนแรกมีไม่มากนัก ก็เริ่มทยอยพากันมาปูเสื่อนั่งด้านหน้าเวทีจนเต็ม การแสดงที่คณะเกษตรเตรียมมาโคตรรดึงดูดผู้คน พวกพี่ดินพากันผลัดเปลี่ยนไปจัดเตรียม เดี๋ยวก็กลับมานั่งเล่นเดี๋ยวก็เดินไปดูหลังเวที


“วงต่อไปวงไอ้ลม” พี่เมืองออกมาจากหลังเวที แล้วเดินมานั่งรวมวงต่อ


“สาวๆคงกรี๊ดตรึม” ไอ้สิงห์พูดขึ้นมา


“หนุ่มโสดในฝัน” พี่เมืองตาม


“สมบัติของมหาลัยเรา!!” ไอ้พี่มิ่งเสริมเล่นเอาพี่ภูหันมามองพี่มันด้วยหางตา “ตอนแรกก็ไอ้ดินหรอกนะที่เป็นสมบัติของมหาลัย แต่ตอนนี้ไอ้ดินมันเป็นสมบัติของน้องฟ้าคนเดียว สาวๆเลยไม่ค่อยตามกรี๊ดมันแล้ว คนมีแฟนก็เรตติ่งตกแบบนี้แหละ”


“กูยอมเรตติ่งตก ถ้าแฟนกูน่าเอาเอ๊ย!น่ารักขนาดนี้”  ไอ้พี่ดินชี้มาทางผม ผมเลยตีมือพี่มันไปที ดูปากคนเรา ช่างกล้าพูด


“หูยยยยยย ชมเมียเว่อร์” ไอ้พี่เมืองพูดแซวขึ้นมา


“หูยยยยย ก็เมียน่ารักเว่อร์”


“ครับ ผมยอม”


“ดีแล้วครับ งั้นนั่งฟังเพลงไป ไอ้ลมมาล่ะ”


   พอพี่ลมออกมา พวกสาวๆก็พากันกรี๊ดตามที่ไอ้สิงห์พูดเอาไว้จริงๆ  ผมไม่ได้เจอพี่ลมตั้งแต่เริ่มเป็นแฟนพี่ดิน ออกจากบ้านก็ไม่เคยเจอ เหมือนพี่มันไปขลุกอยู่ที่อื่นยังไงยังงั้น ทั้งๆที่บ้านของเราก็อยู่ใกล้กัน พี่ลมตอนนี้ก็ยังดูหล่อเหมือนเดิม เวลาพี่มันยิ้มทีสาวๆก็กรี๊ดที


   “อย่าไปหลงมันนะ” พี่ดินพูดเบาๆก่อนจะจับมือผมมากุมไว้บนตัก


   “อืม” ผมตอบกลับ ก่อนจะเอียงตัวไปซบไหล่พี่มัน “แฟนหล่อขนาดนี้จะไปหลงคนอื่นทำไมกัน หืม”


   “พูดดีเดี๋ยวกลับบ้านจะให้รางวัล”


   “ขอรางวัลใหญ่นะ”


   “อืม จะให้รางวัลใหญ่จนฟ้ารับไม่ไหวเลย”


   “ทะลึ่งเปล่าเนี่ย”


   “อือ ทะลึ่ง” ดูพี่มันพูด พูดธรรมดาไม่พอ พี่มันยังหันมามองผมด้วยดวงตาใสแป๋ว คนอะไรน่าหยิก มีแฟนโตกว่าแต่นิสัยนับวันจะเด็กลงจนน่าหยิก!


พี่ลมร้องเพลงยังเพราะเหมือนเดิม แถมแนวเพลงที่พี่ลมร้องวันนี้ก็ฟังสบายๆ อย่างวงมีน วงอีทีซี วงลิปตา วงสครับ ทำนองแต่ละเพลงไม่เร็วเกินไปไม่ช้าเกินไป


“เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ เพลงนี้ตรงกับชีวิตผมในช่วงนี้เลย รักใครไป เขาก็ดันมีเจ้าของ” พูดจบพี่ลมมันก็หันมาสบตากับผม แต่สักพักพี่ดินเสือกยกมือขึ้นมาปิดตาผมเฉย


“รู้สึกตัวเองไม่ค่อยมีดวงกับเรื่องแบบนี้เลย ต่อไปผมคงจะต้องอยู่แบบโสดๆไปตลอดชีวิตแน่”


พอพี่ลมพูดจบสาวๆก็กรี๊ด บางคนก็ยกมือพลางตะโกนว่าตัวเองก็โสดเหมือนกัน 


“ถ้ากูเห็นว่ามันมีใครนะ กูจะเตะมัน” พี่เมืองพูดขึ้นมา


“คารมมันดี” พี่ภูเสริม


“ฮึ ปากมันดี” พี่ดินแม่งพูดเสียงนิ่งๆ “ถ้ามันมีแฟนกูจะเตะมันกับแฟนมันไปพร้อมๆกันเลย”


“ไอ้สัดโหด”


“หมั่นไส้ ชอบหันมาเต๊าะเด็กกู”


“555  หึงเมียนิเอง” พี่เมืองหัวเราะเล่นเอาพวกในกลุ่มหัวเราะไปด้วย


“งั้นคนที่โสดแบบผม ถ้าร้องเพลงนี้ได้ก็ช่วยกันร้องนะครับ”

อยู่ตัวคนเดียวฉันเริ่มจะชิน
 ไม่ค่อยจะอินเรื่องราวความรักเท่าไหร่
ผู้คนเข้ามาก็ผ่านไป
อยู่ตัวคนเดียวมานานเท่าไหร่ฉันเองไม่รู้
ว่าเพราะอะไร ฉันทำอะไรผิดไป
ไม่เคยมีดวงกับความรักซะเลย
 รักใครทีไรเขาก็ทำเฉยเฉย
 ไม่เคยสำคัญอะไร
ไม่เคยมีดวงกับความรักสักที
นานแค่ไหนที่ต้องเป็นอย่างนี้
 อยากให้ฟ้าช่วยตอบฉันที
*lipta the toy – bad luck


“พวกมึงไปแสตนบาย หลังจากวงเด็กศิลปกรรมก็วงเราแล้วนะ” พี่ภูลุกขึ้นยืน ก่อนที่พวกพี่ๆเด็กเกษตรจะเริ่มทยอยๆยืนขึ้น แล้วเดินตามพี่ภูไปด้านหลัง เหลือแต่พี่ดินที่ยังนั่งอ้อนผมอยู่


“ไม่ไปแสดงเหรอ”


“ไปสิ”


“งั้นก็ไปได้แล้ว ไม่ต้องมาซบไหล่ผม เพื่อนๆรอแล้วมั้ง ไม่ไปวอร์มเสียงรึไง”


“วันนี้เมืองร้อง”


“อ๋อ”


นั่งบ่นพี่ดินสักพัก พี่ไม้ก็เดินเข้ามาร่วมวงด้วย คงมาเชียร์แฟนตัวเองแน่ๆ


“หวัดดีครับพี่ไม้” พวกผมยกมือไว้พี่ไม้กันอย่างพร้อมเพียง


“ไหว้พระเถอะน้อง อ้าวดิน! ไม่ไปเตรียมตัวล่ะ”


“อยากอยู่กับฟ้า”


“ทำตัวเป็นเด็กไปได้” พี่ไม้บ่นพี่ดินอีกคน


“เนอะ ทำตัวเป็นเด็กเนอะพี่ไม้”


“แหมเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ”


“รีบไปเตรียมตัวได้แล้ว ไม้อยากฟังเมืองร้องเพลงเร็วๆ”


“โอเคๆ ไปก็ได้”


“สู้ๆ” ผมพูดเชียร์ก่อนจะยกมือแล้วยิ้มให้พี่ดิน พี่มันก็เลยยิ้มให้ผมก่อนเดินไปหลังเวที แหมเล่นเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย  คนอะไรทำไมมันถึงหล่อได้ขนาดนี้นะ



ช่วงสุดท้ายของงาน วงพี่ดินก็ขึ้นเวที วันนี้พวกพี่ๆมันมาแนวใสๆเบาๆ พวกพี่ดินมันใส่แว่นตาแล้วเอาผมหน้าลงให้เหมือนเด็ก แถมยังสวมเสื้อขาวกับกางเกงสีดำขายาวทับใน น่ารักจนสาวๆกรี๊ดจนคอแหบแห้ง พอดนตรีขึ้นเท่านั้นแหละก็เรียกเสียงกรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งพอพี่เมืองร้องท่อนแรกของเพลงนะ ไม่ใช่แค่สาวๆที่กรี๊ด พี่ไม้แม่งก็นั่งบิดนั่งเขินแฟนตัวเองเหมือนกัน ก็พี่เมืองมันร้องเพลงไปก็หันมามองแฟนมันตลอด พี่มันแม่งเหมือนมาฆ่าคนโสดชัดๆ  แล้วมันเลือกเพลงได้มุ้งมิ้งเหมาะกับแฟนมันสุดๆเลยนะ เพลง เวลาเธอยิ้มของโพลีแคท

ไม่รู้ว่าต้องโตท่ามกลาง
หมู่ดอกไม้ มากมาย ขนาดไหน
เธอจึงได้ครอบครอง รอยยิ้มที่สวยงามขนาดนี้
ทำให้รักใครไม่ได้อีกเลย
 วินาทีที่เธอ เจอกับฉัน มันทำ ทำให้
* ความเดียวดายสลาย เพราะได้เจออะไรที่คู่ควร
 ฉันขอบคุณและให้คำสัญญา ว่าจะรักษาไว้
** ฉันไม่ต้องการใครอีก
 ดวงดาวทั้งฟ้าต้องเสียใจและ
ไม่มีสิ่งไหนสวยงามต่อไป
ตราบที่โลกนี้มีคนอย่างเธอ
 และฉันคือคนโชคดี
เมื่ออ่านความหมายทุกคำกวี
ไม่มีบทไหนงดงามอีกแล้ว
ตราบที่โลกนี้ยังมีชื่อเธอ
 ได้โปรดให้ฉันเป็นคนสุดท้าย ได้ไหม
 เธอคือชีวิตและลมหายใจ

**เวลาเธอยิ้ม-โพลีแคท


ผมบอกเลยพอจบเพลงนี้พี่ไม้พลีชีพตายแบบศพสีชมพูอ่ะ  ก็แฟนเล่นจีบออกสื่อขนาดนี้  เพลงต่อๆไปพี่เมืองมันก็ชวนพวกคนดูช่วยกันร้องตาม อารมณ์ของเวทีตอนนี้คือทุกคนดูสนุกสนานกันแบบสุดๆ เดี๋ยวกรี๊ดเพราะความหล่อของพวกพี่มันเดี๋ยวก็พากันกรี๊ดเพราะเพลงมันโดนใจ ผมก็แอบร้องตามพวกพี่ๆมันเหมือนกัน บางทีก็ต้องอมยิ้มเพราะแฟนตัวเองชอบหันมายิ้มให้บ่อยๆ


   “พี่ดินแม่งหล่อเนอะ” ไอ้สิงห์ชวนผมคุย


   “อือ”


   “เขาคงรักมึงมาก หันมามองหันมายิ้มให้มึงตลอดเลยวะฟ้า”


   “เหรอ”


   “เดี๋ยวโบก มาลงมาเหรอ”


   “เออ กูรู้ลองไม่รักกูดิ กูจะตามไปสับให้เละเลย มาจีบให้กูรักแล้วมาทิ้งกู กูไม่ยอมแน่เพราะกูไม่ใช่พระเอก”


   “กูรู้นิสัยมึงฟ้า มึงมันตัวร้าย”


   “เห็นกูไม่ค่อยสนใจพี่มัน แต่กูก็รักของกูนะเว้ย ใครมาแย่งของกูกูสับเละ.... นอกเสียจาก พี่มันจะพูดกับกูเองว่าหมดรักกูแล้ว กูถึงจะลองพิจารณาปล่อยมันไป”


   “โอเคๆ กูเชื่อ แล้วเมื่อไรจะยอมพี่มันอ่ะ เห็นไอ้เต๋าบอกว่ามึงก็ศึกษามาเยอะแล้วนิ”


   “มึงพูดซะกูไม่เหลือยางอายบนใบหน้าเลย บอกตรงๆกูพร้อมยอมมันตลอดแหละ แต่บางทีพี่ดินมันชอบทำตัวน่าแกล้ง ช่วงนี้กูเลยขอแกล้งพี่มันก่อน ยอมง่ายๆก็หมดสนุกดิ”


   “555 เห็นเงียบๆก็ร้ายเหมือนกันนะเพื่อนกู พออยู่กับแฟนก็ทำตัวง่องแง่ง กูเริ่มน่าสงสารผัวมึงในอนาคตวะ”


   “ต้องสงสารกูดิ ชอบผู้หญิงอยู่ดีๆ กำลังจะมีเมียแล้ว แต่ไปๆมาๆดันได้.....  แทน”


“กลับตัวไม่ได้ด้วยดิ”


“อืม ตกหลุมที่พี่มันขุดเต็มๆ ไม่คิดว่าการถูกจีบแม่งจะน่าเขินได้ขนาดนี้”


    “มันหล่อด้วยแหละ”


   “อือ”


ช่วงสุดท้าย พี่เมืองพูดขึ้นมาบนเวทีว่าจะมอบเวทีให้กับพี่ดิน ผมก็เลยต้องเลิกคุยกับไอ้สิงห์แล้วกลับไปสนใจหน้าเวทีต่อ พวกพี่ภูเอาเก้าอี้มาตั้งไว้ตรงกลางเวที ก่อนที่พวกมันจะพากันลงแล้วปล่อยพี่ดินไว้คนเดียว


“อยู่คนเดียวผมก็เริ่มรู้สึกเขินเหมือนกันนะครับ”


พี่ดินพูดพลางเดินมานั่งบนเก้าอี้ สาวๆก็พากันกรี๊ดจนดังลั่น ทั้งสาวน้อนสาวใหญ่ นับประสาอะไรกับแม่ค้าที่ขายของอยู่ด้านหลัง พวกนางก็กรี๊ดเหมือนกัน แฟนกูฮอตเว่อร์


“ก่อนที่ผมจะร้องเพลงสุดท้าย ผมอยากจะพูดอะไรสักนิด ทุกคนช่วยเงียบกันด้วยนะครับ ชู่ว์” พี่ดินยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปาก จากที่กรี๊ดอยู่สาวๆ รีบยกมือปิดปากกันเป็นแถว แหมเชื่อฟังพี่มันเป็นอย่างดี


“วันนี้งานเกษตรวันสุดท้าย ผมขอเป็นตัวแทนคณะ ขอขอบคุณคณะอาจารย์ ขอบคุณชาวบ้าน ขอบคุณพี่ๆน้องๆนักศึกษาร่วมมหาลัย และตัวผมเองก็ขอขอบคุณ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆในคณะเกษตร ที่ช่วยทำให้งานในปีนี้สำเร็จไปได้ด้วยดีนะครับ” พี่ดินหยุดพูด พี่แกขยับแว่นเล็กน้อย ผมรู้ว่าพี่มันเขินเพราะเสียงปรบมือมันดังขึ้นทุกสารทิศ


“สำหรับหกวันนี้ ผมบอกได้เลยว่าผมมีความสุขมาก ผมได้สนุกสนานไปกับทุกคน  ผมรักในรอยยิ้มของทุกคนเวลาได้ลองกินขนมอร่อยๆ ที่มันมาจากผลผลิตของคณะเรา” พี่ดินหยุดพูดแล้วยิ้มมอง เด็กสาวที่นั่งกินขนมอยู่ตรงหน้า และภาพนั้นก็เล่นเอาพวกสาวๆกรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง แหมเล่นหล่อไม่รู้เวล่ำเวลาอีกแล้วไง


“แล้วอีกอย่างผมก็ยังรักในรอยยิ้มเวลาที่ทุกคนมาดู มาศึกษางานในแต่ละด้านของคณะเกษตรมันเหมือนว่าพวกเราได้สืบทอดเจตนารมณ์ เลือดเกษตรให้ทุกคนได้รับรู้ว่า คณะเราอาชีพเราก็สำคัญไม่แพ้อาชีพอื่น เกษตรคือรากฐานของทุกๆสิ่ง ผมอยากให้ทุกคนจำไว้ว่า เรามาจากดิน เราอยู่กับดิน สุดท้ายก็ต้องกลับไปสู่ดินกันทุกคน..... ” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง


“แต่เพลงสุดท้ายที่ผมจะร้อง มันไม่ค่อยเกี่ยวกับคำพูดข้างต้นของผมสักเท่าไรเลยครับ ผมขอบอกเลยว่า... คือ จะพูดยังไงดีละ รู้สึกเขินเบาๆ” พี่ดินยกมือขึ้นถูจมูก “การทำงานแต่ละครั้งของผม ผมต้องการกำลังใจครับ.... เวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยรู้สึกท้อผมก็อยากเห็นหน้าเขาคนนั้น มันเหมือนได้ชาร์ตพลังยังไงไม่รู้.... อยากให้คนนั้นอยู่กับผมตลอดเวลา และเขาทำให้ผมอยากอยู่เพื่อเขาไปนานๆ งั้นเพลงสุดท้ายนี้ ผมขอมอบให้เขาคนนั้นและทุกคนที่อยู่ในที่นี้ด้วยนะครับ”


พี่ดินมองผม  เลยทำเอาทุกคนที่อยู่ในที่นี้หันมามองผมกันเป็นตาเดียว อายไปดิอยากจะหายตัวไปให้เร็วที่สุด โคตรอายที่เป็นจุดสนใจแต่ลึกๆมันก็ดีใจเหมือนกันที่พี่มันให้ความสำคัญกับผมแบบนี้


พอเสียงกีตาร์ดังขึ้นทุกคนก็หันกลับไปสนใจพี่ดินเหมือนเดิม และไม่ต้องบอกเลยว่าผมจะเขินบิดขนาดไหนเมื่อเสียงเพลงดังขึ้นมา.......



แค่รู้เพียงว่า.... พอพี่มันร้องจบเพลง น้ำตากูไหลพราก รู้สึกรักมันมากกว่าเดิม.....


มีเรื่องราวมากมาย ที่ไม่มีใครได้ฟัง
คำพูดนับร้อยพัน ที่ต้องการเอื้อนเอ่ย
ไม่ว่าจะนานสักเท่าไร
ยังยืนยันคำเดิมเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน
 
เธอทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา
ไม่ว่าจะร้อนหรือว่าจะหนาวก็ไม่กลัว
มีเธอที่รักข้างในจิตใจ
ให้ฉันก้าวเดินต่อไป ต่อจากนี้

เธอและฉัน จับมือเคียงกันนับจากนี้
ผ่านความเดียวดายที่สองเรานั้นเคยมี
เมื่อมีเธอคนที่แสนดีอยู่ตรงนี้

มากกว่านั้น ยิ่งมีกันและกันมากแค่ไหน
มีเพียงคำว่ารักที่สองเรานั้นเข้าใจ
รักเพียงเธอและตลอดไป แค่เธอกับฉัน

***Musketeers – ของขวัญ



.......to  be con...........



ขอบคุณที่ติดตามน้องฟ้าพี่ดินนะคะ
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 11 [19/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-01-2018 09:09:07
หวานเว่อร์ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 11 [19/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-01-2018 12:27:43
หวานจริงๆ  ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 11 [19/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-01-2018 12:55:20
น้ำตาลกระจาย มดตอมทั้งรัง
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 11 [19/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 20-01-2018 13:16:11
ตอนนี้พี่ดินกับน้องฟ้าเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาที่สุด หวานเว่อร์
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 11 [19/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 20-01-2018 21:28:04
อ่านไปยิ้มไป ถึงพี่ดินจะกากแต่พี่ดินก็น่ารักกก :-[
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 11 [19/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-01-2018 22:37:22
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 22-01-2018 19:07:11
ตอนที่ 12





พาร์ทดิน



งานเกษตรจบแล้ว ช่วงนี้เหตุการณ์ทุกอย่างในชีวิตของนายพสุธาปกติแบบสุดๆ แฟนผมก็ยังน่ารักน่าฟัดขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ได้จับฟัดสักที ขนาดเพื่อนเมืองเพื่อนภูเปิดทางให้ ผมก็ยังไร้วี่แววจะได้ฟัดน้องเลยครับ


   “ฟ้า” ผมตะโกนเรียกคนรักตรงระเบียงข้างห้องนอน วันนี้พวกไอ้ภูกับเพื่อนเมืองมันหนีผมไปนอนกกแฟนมันครับ ไอ้ภูตั้งแต่บอกว่าได้ไอ้มิ่งเป็นเมียแล้ว ก็แทบนับวันกลับบ้านได้ วันๆเอาแต่ไปขลุกอยู่กับไอ้เตี้ยมิ่ง เอาเถอะคนกำลังอินเลิฟผมเข้าใจ


   “ฟ้าครับ ฟ้า” ผมยังคงเรียกน้องอยู่ สักพักประตูระเบียงบ้านตรงข้ามก็เปิด ไอ้หมาน้อยของผมเดินออกมาด้วยสีหน้าที่โคตรจะน่ารักแบบสุดๆ อีกฝ่ายทำเป็นกอดอกมองค้อนผม ทั้งๆที่สวมไอ้ชุดนอนคุมะมงที่โคตรจะน่ารักแบบนั้น เห็นแบบนี้ยิ่งอยากจับถอดจริงๆเลยเว้ย


   “ฟ้าจะเล่นเกม พี่ดินมีอะไร”


   “เหงา มานอนด้วยกันดิ”


   “โดนพี่ภูพี่เมืองทิ้งอีกแล้วดิ”


   “อือ ถูกทิ้งตลอดเลย อยากได้แฟนมานอนกอดให้หายเหงาจัง”


   “ปากดีจัง”


   “ปากดีตลอดล่ะ อยากลองชิมไหม ของดีแบบนี้หายากนะ”


   “แหนะ ทะลึ่ง”


        “แล้วจะมาไหม ถ้าไม่มางั้นพี่ไปนอนบ้านฟ้านะ”
   

        “ไม่ต้อง เดี๋ยวฟ้าไป ขอทำธุระก่อน” บอกตามตรงว่าผมชอบเวลาที่แฟนตัวเล็กของผมแทนตัวเองด้วยชื่อจริงๆ แม่งโคตรน่ารักอ่ะ
   

      “ครับ”


   เวลาผ่านไปสักพักพอเห็นเจ้าตัวแสบไม่มาสักที ผมเลยถือวิสาสะออกไปตามอีกฝ่าย พอเปิดประตูบ้านปุ๊บก็เห็นีกฝ่ายหอบหมอนหอบผ้าห่มลงมาจากชั้นสองพอดี


   “ไอ้ฟ้า มึงจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามผู้ชายรึไง” ไอ้สิงห์แม่งปากดี นอนดูโทรทัศน์อยู่ดีๆ ก็แซวเด็กผมซะอย่างนั้น


   “อือ อยู่กับมึงมันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยไงสิงห์ กูเลยต้องไป”


   “ทำหน้าน่าถีบนะมึง ไปเลยป่ะ พี่ดินยืนรอนานแล้ว”


   “เออหน่า”


   “พี่ดิน” ไอ้สิงห์เรียกผม


   “อะไรวะ”


   “พรุ่งนี้ไม่มีเรียน ไม่ต้องรีบเอาเมียกลับมาส่งนะพี่ ว่างๆก็นอนเอาแรงกันไว้เยอะๆ นานๆจะได้พักผ่อน”


   “เออ แต้งกิ้ว กูก็อยากนอนเอาแรงๆเหมือนกัน”


   “ไอ้พี่ดิน!!! พูดแบบนี้ผมไม่ไปด้วยแล้ว ทะลึ่ง!” ฟ้าหันมาทำหน้าดุใส่ผม ก่อนจะแกล้งเดินถอยหลังไปสองสามก้าว พอเห็นแบบนั้นผมเลยรีบเข้าไปรวบตัวน้องขึ้นพาดบ่า โชคดีที่เรียนเกษตรได้แบกท่อแบกท่อนไม้มาเยอะ แบกเมียคนเดียวแบบนี้เลยรู้สึกว่าเบามาก


   “พี่ดินผมจะบอกอะไรให้ เมียพี่มันเตรียมตัวโดนพี่จู่โจมทุกคืนแหละ แต่ที่มันเล่นตัวเพราะมันแค่อยากจะแกล้งพี่เท่านั้นเอง”


   “จริงอ่ะ”


   “อือ มันสารภาพกับผมเอง”


   “งั้นคืนนี้ก็จัดได้อ่ะดิ” ผมแกล้งตีตูดฟ้าเบาๆ ไอ้ตัวแสบดิ้นไปมาพลางบ่นผมไปด้วย


   “ไอ้พี่ดิน!!! ปล่อยผมนะ”


   “สิงห์ ฝันดีนะ”


   “คืนนี้ก็มีความสุขกันทั้งคู่นะพี่”


   ผมพาฟ้ากลับมาที่บ้าน ดีนะที่วันนี้ทางสะดวกพรรคพวกไม่อยู่บ้าน พอมาถึงบ้านผม ผมก็ปล่อยน้องลง ฟ้าเดินเข้ามาทุบผมเต็มแรง ก่อนจะเดินนำผมขึ้นไปที่ห้องนอน เออคนอะไรวะงอนยังน่ารักเลย คืนนี้ไอ้ดินจะจัดหนักจัดเต็มแน่นอน ผมรีบปิดประตูลงกลอนแล้วรีบเดินตามว่าทีเมียไปทันที


   “งอนพี่เหรอ” มองเจ้าตัวแสบที่นั่งกอดอกอยู่กลางเตียงผม ฟ้าเคยมานอนห้องผมบ่อยๆ เจ้าตัวเลยรู้อะไรทุกอย่างภายในห้องเป็นอย่างดี


   “งอนทั้งพี่งอนทั้งไอ้สิงห์”


   “555 จะงอนไอ้สิงห์มันทำไม หรือว่าที่สิงห์พูดมันเป็นความจริง” ผมแกล้งปิดไฟกลางห้อง แล้วเปิดโคมไฟที่โต๊ะทำงานที่อยู่ด้านข้างแทน วันนี้กูสร้างบรรยากาศแบบสุดๆอ่ะ


   “ปิดไฟทำไม เปิดไฟ ผมกลัว”


   “อย่าเปลี่ยนเรื่อง แสงจากโคมไฟก็มี หรือว่าอยากจะทำแบบเปิดไฟก็ได้นะ พี่ได้เห็นตัวฟ้าชัดๆ”


   “งื่อ...ไอ้พี่ดินทะลึ่ง อย่าทำแบบนี้ดิผมกลัวนะ” น้องเอาผ้าขึ้นนวมขึ้นมาพันรอบตัว ผมเลยรีบกระโดดเข้าจู่โจม ขึ้นไปนอนกอดน้องทันที


   “ไอ้พี่ดิน อย่า อือ...” พยศดีนักผมเลยโน้มหน้าลงไปจูบปิดปากน้องซะเลย พร้อมกอดน้องไว้แน่นไม่ให้อีกฝ่ายขยับตัวหนีไปได้ ฟ้าส่งเสียงไม่พอใจอยู่ในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะครางออกมาเมื่อผมบดเคล้าริมฝีปากเข้าหาอย่างเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากฟ้าแม่งโคตรนุ่มยิ่งไล้ชิมยิ่งหอมหวาน ผู้ชายอะไรวะทำไมมันน่าเอาได้ขนาดนี้


   “อือ... พี่ดินพอก่อน” ผมปล่อยฟ้าให้เป็นอิสระ ดวงตากลมโตของน้องบอกได้เลยว่าตอนนี้โคตรหวานฉ่ำอ่ะ


   “พี่ขอได้ไหม”


   “แต่ฟ้ากลัว”


   “พี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอฟ้า”


   “ฟ้ายังไม่พร้อม”


   “อืม....” แห้วไปอีกสิกู “ถ้างั้นวันนี้ก็นอนกอดก็พอเนอะ” ผมจัดแจ้งน้องให้นอนดี บอกเลยกูโคตรเสียดาย ถูกปฏิเสธครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ แต่เจ้าตัวไม่พร้อมผมก็ไม่ขัดขืน พระเอกพอครับ


   “โกรธเปล่า”


   “ไม่หรอก พี่รอได้ ฟ้านอนเถอะนะ”


   “อ้าว แล้วพี่ดินจะไปไหนอ่ะ”


   “พี่จะไปโลกสวยด้วยมือเราในห้องน้ำ” ผมกำลังลุกขึ้นเดิน แต่ดันถูกน้องคว้ามือเอาไว้


   “พี่ดิน”


   “หืม”


   “พี่ดินสัญญากับฟ้าได้ไหม”


   “ว่า”


   “จะดูและฟ้า แล้วก็จะอ่อนโยนกับฟ้าด้วย”


   “อืม พี่ดูแลฟ้าอยู่แล้ว ฟ้าเป็นคนที่พี่แอบชอบมานานนะ กว่าจะจีบติด กว่าจะได้เป็นแฟน พี่ไม่มีทางทิ้งเราหรอกหน่า”


   “งั้น ถ้าพี่ไม่ไหว.... วันนี้เราก็มี...อะไร....  ก็ได้นะ” ฟ้าพูดตะกุกตะกักพลางหลบสายตาผม ไอ้เชี่ยเอ๊ยใจกูนิแทบจะกระโดดออกมาเต้นเบรกแดนซ์กลางห้องนอน โอ๊ยชิบหายไม่รู้จะพูดอะไร แต่ถ้าแฟนเสนอผมก็สนองดิ!!!!


   “จริงไหมเนี่ย จริงใช่ไหมฟ้า”


   “ถ้าถามมากฟ้าจะไล่ให้พี่ไปห้องน้ำแล้วนะ”


   “งั้นจัดไป” ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง ตอนนี้ถ้าฟ้าห้ามผมก็จะไม่หยุดแล้ว ผมโน้มหน้าลงไปจูบฟ้าอีกครั้งค่อยๆ ละเลียดไล้ชิมกลีบปากนุ่มของอีกฝ่ายอย่างกระหาย ก่อนจะบดเคล้าริมฝีปากเข้าหาร่างตรงหน้าอย่างเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ  มือไม้ชักจะอยู่ไม่สุข ผมสอดมือเข้าไปใต้เสื้อและเริ่มปัดป่ายไปตามร่างกายนุ่มนิ่มแต่โคตรจะพอดิบพอดีมือ คนอะไรจะเกิดมาเพื่อผมได้ขนาดนี้จับตรงไหนก็พอดีไปหมด พออารมณ์เริ่มมาก็ทำเอาผมทนไม่ไหว จับฟ้าถอดเสื้อถอดกางเกงแล้วโยนออกจากเตียงไปทันที ให้ตายเถอะ! ขาวสัดแค่เห็นก็ขึ้นจนอะไรฉุดไม่อยู่แล้วโว๊ย จูบซ้ำๆย้ำๆไล้ชิมจนหน่ำใจ ขณะที่มือก็ยังคงทำหน้าที่ปลาหมึกได้เป็นอย่างดี น้องพยายามปัดมือปัดไม้ที่แสนซุกซนของผมออก ผมจึงค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆ แล้วกระซิบใกล้กับกลีบปากแดงระเรื่อๆ


   “ทำไมน่ารักได้ขนาดนี้นะ”


   “อะ พี่ดินอย่าจับ อื้อ” เสียงฟ้ากลืนหายไปเพราะจูบของผมอีกครั้ง ผมสอดลิ้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว และอาศัยความเหนือกว่าเร้าอารมณ์อีกฝ่าย มือไม้ก็ถือวิสาสะกอบกุมส่วนอ่อนไหวแล้วเริ่มรูดรั้งมันเบาๆ พยายามปลุกปั่นอารมณ์ของอีกฝ่ายแบบสุดๆ ในขณะที่ริมฝีปากยังคงบดเบียดเคล้าคลึงอย่างเร้าร้อน จูบจนพอใจก็ปล่อยให้กลีบปากนุ่มเป็นอิสระแล้วค่อยๆ ไล้ชิมไปตามซอกคอขาว ดูดดึงขบเม้มจนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำ เชี่ยเอ๊ย! ไล่ชิมตรงไหนเนื้อตัวฟ้าก็หอมก็นิ่มไปหมด โคตรดีต่อใจอ่ะ 
 ผิวขาวของอีกฝ่ายเนียนละเอียดรู้เลยว่าเป็นลูกผู้ดีมีสกุล ต่างจากผมแบบสุดๆ ลูกเกษตรกรทำไร่ไถนาเลี้ยงวัวเลี้ยงควายมือนี้ไม่ต้องบรรยายความสาก เอาเถอะถึงมือพี่จะสากแต่ทว่าก็ทำให้น้องเสียวได้ละกัน


    “อือ... พี่ดิน อย่าทำรอย... อะ” ฟ้าพูดเสียงผะแผ่ว แต่ผมก็ยังคงลากไล้ริมฝีปากลงต่ำไปเรื่อยๆ คลอเคลียร์แผ่นอกขาวเนียน แล้วกระซิบบอกไอ้ตัวแสบของผมเบาๆ


   “ไม่ทันแล้วล่ะ”


   “อือ.... อะ พี่..” ฟ้าสะดุ้งตัวเมื่อริมฝีปากของผมครอบครองยอดอกนิ่ม กูโคตรจะปลุกปั่นอารมณ์อ่ะ แต่อย่างอะไรเลยนะน้องแม่งก็ปลุงปั่นอารมณ์กูเหมือนกัน ฟ้าเริ่มหายใจแรง ใบหน้าหวานแหงนขึ้นพลางกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อมืออีกข้างหนึ่งของผม กอบกุมส่วนอ่อนไหวที่กำลังชูชันด้วยแรงอารมณ์ เมื่อผมขยับมือ ฟ้าก็จิกมือลงบนเส้นผมของผมทันที บอกเลยเมียกูแม่งโคตรเอ็กซ์อ่ะ ผมไล่จูบไปตามหน้าท้องเนียน ยิ่งผมขยับมือมากขึ้นเท่าไร ฟ้าก็ยิ่งจับไหล่ยิ่งดึงผมไว้แน่น  และพอได้ยินเสียงครางหวิวในลำคอค่อยๆดังออกมาเท่านั้นแหละ แม่งโคตรจะกระตุ้นความอยากเอาของกูเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นสิบเท่า


   “อือ...พี่ดิน ฟ้า..มะ ไม่ไหวแล้ว...” น้องครางกระเส่า ผมเลยก้มลงไปจูบอีกครั้ง ในขณะที่ข้อมือก็ยังคงขยับให้เร็วขึ้นและเพียงไม่นานน้องก็ปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือของผม ฟ้าแม่งน่ารัก น่ารักชิบหาย ผมยังคงจูบน้องไม่เลิก บดเคล้ากลีบปากสีแดงระเรื่ออย่างหนักหน่วง ว่าที่เมียก็ดีเหลือเกินขยับตอบจูบผมกลับมาถึงจะดูติดๆขัดๆแต่บอกตรงๆเลยว่าโคตรจะปลุกอารมณ์ดิบของพี่ดีแท้ ผมสอดลิ้นสำรวจโพรงปากอุ่นและเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่มอย่างเอาแต่ใจ  มือของน้องขยุ้มเสื้อผมไว้แน่น


         “พี่รักเรานะ” ผมปล่อยปากนิ่มให้เป็นอิสระก่อนจะจูบสั้นๆตามอีกสองสามครั้ง หลังจากหยอกเย้ากับกลีปปากนุ่มนิ่มอยู่พอสมควร ผมก็รีบลุกขึ้นถอดเสื้อของตัวเองทิ้งไปด้านล่าง แล้วเอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นที่ตู้ข้างเตียงมา


    “พะ..พี่ดินฟ้ากลัว” ผมจับขาฟ้าให้แยกออก ก่อนจะชโลมเจลจนชุ่มปลายนิ้ว


   “ไม่ต้องกลัว พี่จะไม่ทำให้ฟ้าเจ็บแน่ เชื่อใจพี่นะ”


   “อือ” ผมค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแคบ เล่นเอาฟ้าตัวเกร็ง


   “เจ็บ...ฟ้าเจ็บ พี่ดินฟ้าเจ็บ อือ”


   “อย่าเกร็งนะฟ้าอย่าเกร็ง หายใจเข้าลึกๆ” ไม่รู้ตอนนี้กูบอกใคร บอกตัวเองหรือบอกเมียกันแน่ แม่งอยากเข้าไปจะแย่อยู่แล้วทั้งนิ่มทั้งอุ่น  ฟ้านิ่วหน้าเพราะความเจ็บผมเลยต้องก้มลงไปจูบฟ้าอีกครั้ง บดเบียดไล้ชิมความหวานไปสักพัก พอเห็นว่าน้องเริ่มชินกับนิ้วแรกผมก็ค่อยๆเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกครั้ง


   “อะ..อือ”


   “ยังเจ็บอยู่ไหม”


   “อือ ยังเจ็บอยู่ อ่ะ...อย่า” ช่องทางอุ่นนั่นกำลังบีบรัดและตอดนิ้วผมตามจังหวะ คราวนี้ละกูเริ่มมีความหวัง รู้จุดอ่อนของเมียแล้วไง ผมควานนิ้วไปทั่วผนังด้านใน และพยายามกดย้ำเข้ากับจุดเร้าของอีกฝ่าย ใบหน้าหวานเปลี่ยนสีระเรื่อ ฟ้านอนครางเสียงแผ่วด้วยความหวาบหวิวเมื่อผมค่อยๆเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปเพื่อขยับขยายช่องทางอุ่นนุ่มนั้น  พยายามหยอกเย้าเข้าออกจนฟ้าเริ่มปรับตัวได้ คราวนี้ละถึงตาของจริงออกโรงสักที


   “ฟ้าพี่ไม่ไหวแล้ว” ผมรีบถอดกางเกงของตัวเองออก ก่อนจะหยิบเจลขึ้นมาชโลมแกนกลางของตัวเอง แล้วถึงค่อยๆจ่อความเป็นชายเข้ากับช่องทางภายในของอีกฝ่าย


   “ฮือ.... ฟ้ากลัว” เอ้าร้องไห้ขึ้นมาซะงั้น


   “อย่ากลัว พี่จะค่อยๆเข้าไปนะ ฟ้าอย่าเกร็งนะ หายใจลึกๆ” ใบหน้าหวานคลอด้วยน้ำตา ผมเลยโน้มหน้าตามเข้าไปจูบปลอบก่อนจะค่อยๆดันความแข็งแกร่งของผมเข้าไปอย่างช้าๆ ฟ้ายังคงร้องออกมาเพราะความเจ็บ ผมก็ยังคงต้องตามจูบตามปลอบต่อไป ริมฝีปากยังเคล้าคลึงเร้าอารมณ์ให้ฟ้าลืมความเจ็บ ไล่จูบไล่หอมไล่ชิมไปทั่วไปหน้า ดูดดึงขบเม้มจนทั่วซอกคอขาว พอเห็นว่าฟ้าเริ่มหายเกร็งผมก็เคลื่อนกายเข้าหาน้องที่ละนิดๆ จนในที่สุดมันก็เข้าไปได้จนหมด


          “อย่าเกร็งสิฟ้า”


          “จะ..เจ็บ พี่ดินอย่าเพิ่งขยับ อือ”



           “ครับๆ พี่ยังไม่ขยับนะ” เชี่ยเอ๊ยถึงพี่ไม่ขยับพี่ก็เกือบจะเสร็จอยู่แล้วอิหนูเอ๊ย ลมหายใจร้อนเป่ารดลำคอผม ฟ้าดูเหนื่อยเหมือนคนที่ไปวิ่งแข่งมาเป็นสิบรอบ น้องหอบหายใจแรงเหงื่ออกซึมทั่วไปหน้าจนผมต้องตามจูบตามซับเหงื่อให้อยู่ตลอด ตอนนี้ขยับไม่ได้ผมก็คงต้องเล้าโลมน้องต่อไป


           “อะ.. อือ” ผมลองขยับสะโพกช้าๆ พอเห็นว่าน้องไม่ห้ามไม่ร้อง แถมช่องทางอุ่นยังตอนรัดกายแเกร่งของผมไว้แน่น ผมเลยค่อยๆยันสะโพกเข้าหาอีกฝ่ายเบาๆ แล้วค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นตามจังหวะ

   
          “ถ้าเจ็บก็กัดพี่ได้นะ” พูดจบไม่ทันขาดคำไอ้ตัวแสบลงเขี้ยวกับไหล่ผมทันที อีกฝ่ายกัดไหล่ผมระบายความเจ็บ ไม่ต้องถามว่าได้เลือดไหม ได้แน่แต่ด้านล่างสุขสมผมก็โอเคอยู่  ผมพาเมียตัวน้อยก้าวข้ามผ่านความเจ็บไปสู่ความเสียวซ่าน จากที่ร้องไหอยู่สักพักริมฝีปากสวยก็เผยอออกร้องครางกระเส่าไม่หยุด บอกตรงๆเลยโคตรฟิน ผมโอบเอวน้องไว้แน่นก่อนจะขยับกายเข้าหาอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง พอกูรู้จุดอ่อนเมียเท่านั้นแหละบอกตรงๆเลยว่าฟิน ตัวเองฟินเมียฟินโอเคจบ


          “พี่ดิน..อือ.. เบาๆ อือ..ชะ..ช้า”ฟ้าครางไม่หยุด ก็ฟ้าแม่งเล่นน่ารักจนผมอดทนไม่ไหว เลยควบกายเข้าหาอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง เพราะช่องทางอุ่นชุ่มฉ่ำไปด้วยของเหลวยิ่งกระแทกกายเข้าออกมากเท่าไรก็ยิ่งได้ยินเสียงน้ำเฉอะแฉะและเนื้อกระทบกันอย่างหยาบโลนมากเท่านั้น วันนี้กินตับเน้นๆบอกเลย


          “ฟ้า...พี่รักฟ้านะ”


          “อือ...ฟ้าก็รักพี่ดิน...เบาๆ..ช้า..พี่ดินฟ้าไม่ไหวแล้ว อื้อ..อา” เพราะช่องทางอ่อนนุ่มกำลังขมิบตอดผมแน่นจนผมเสียวไปหมด ได้แต่ขยับกายหยัดเหยียดความเป็นชายครั้งแล้วครั้งเล่า ตักตวกความหอมหวานของอีกฝ่ายมาเติ่มความหื่นกระหายของตัวเอง  ผมกระแทกสะโพกเข้าไปย้ำๆ ฟ้าแอ่นร่างรับอารมณ์ของผม มือไม้จิกไหล่ไว้แน่นเสียงหวานครางกระเส่าเหมือนใกล้จะขาดใจอยู่ร่อมร่อ


         “พี่..ดิน อื้อ..” ยิ่งเรียกชื่อยิ่งเร้าอารมณ์ ผมยิ่งถาโถมเข้าไปกอดรัดอีกฝ่ายแล้วขยับกายเข้าหาอย่างรัวเร็ว ฟ้ากระตุกเกร็งและปลดปล่อยไปทั้วหน้าท้องผม ผทก็กระแทกกายเข้าออกอีกสองสามครั้งถึงจะปลดปล่อยของเหลงสีขุ่นเข้าไปในช่องทางคับแคบจนมันไหลอาบต้นขาด้านในของน้อง


          ผมค่อยๆถอนร่างออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดน้องไว้แน่น แล้วถึงจะตามจูบตามหอมไปทั่วใบหน้า วันนี้เมียแม่งโคตรยั่วอารมณ์จริงๆ


          “พรุ่งนี้ผมต้องเดินไม่ไหวแน่”


          “เดี๋ยวอุ้ม” กระซิบพลางจูบท้ายทอยอีกฝ่ายเบาๆ สองสามครั้ง ก่อนจะไล่ลงมาจูบไหล่ลาด


          “อือ พี่ดินไม่เอาแล้วนะ ผมไม่ไหว อื้อ”


         “ขออีกทีดิ”


         “ของเก่ายังไม่ได้เอาออกเลย”


         “งั้นพี่เอาออกให้”


          “อ่ะ อือ ไอ้พี่ดิน อือ”


          คืนนั้นฟ้าเสร็จผมไปอีกสองรอบ ผมตามกินตับยันห้องน้ำอ่ะบอกเลย ก็เมียแม่งปลุกปั่นอารมณ์ดิบผมตลอด แค่เห็นนอนอยู่เฉยๆก็ขึ้นแล้ว




         และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เช้าวันนี้ผมต้องวิ่งเข้าวิ่งออกเช็ดเนื้อเช็ดตัว หายูกหายาให้เมียตัวน้องของผมกิน ก็วันนี้พอฟ้าตื่นขึ้นมาเจ้าตัวแสบก็ร้องห่มร้องไห้บ่นว่าเจ็บ พอผมเข้าไปกอดปลอบก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายแม่งไข้ขึ้น ลำบากเพื่อนเมืองเพื่อนภูอีกตามเคย


         “ฮัลโหล ไอ้เมืองยาที่มึงเคยบอกอ่ะ อยู่ไหน”


           “ยาอะไรของมึงวะ”


           “พวกยาแก้ปวด แก้ระบมอ่ะ”


          “ซั่มกันแล้วดิ ไม่กากแล้วโว๊ยเพื่อนกู”


          “เออเร็ว เมียกูร้องไห้ใหญ่แล้ว”


         “อยู่ในห้องกู ตรงลิ้นชักข้างเตียง”


          “เออ แล้วเดี๋ยวมึงกลับบ้านมาต้มข้าวต้มให้กูที”


          “กูนอนกกเมียอยู่ ขี้เกียจไป”


          “หรืออยากจะให้กูต้ม บ้านบรึ้มเอาไหม”


           “โอเคครับเพื่อนดิน เดี๋ยวเพื่อนเมืองจะรีบกลับไปทันที รอก่อนอย่าเข้าครัวเป็นอันขาด”


           “โอเค รีบมาเมียกูป่วย”


           “อั่ยยะ เรียกเมียได้เต็มปากแล้วโว๊ย”


           “แค่นี้ล่ะ”


           “เดี๋ยวก่อน”


          “อะไรของมึง”


          “กูรู้ว่ามึงกำลังยิ้ม มึงกำลังยิ้มใช่ไหมเพื่อนดิน”


          “ไอ้สัดเมืองเลิกแซวกู แล้วรีบกลับมาต้มข้าวต้มได้แล้ว” พูดจบผมก็วางสายไปทันที ที่ไอ้เมืองพูดมันถูกต้องทุกประการไอ้เชี่ยกูยิ้มตั้งแต่เมื่อคืนล่ะ ฟินสัด แค่คิดก็อยากอีกแล้ว


          ผมรีบเดินไปค้นยาตามที่ไอ้เชี่ยเมืองบอก พอได้มาปุ๊บก็เอาไปป้อนให้เมียสุดที่รักทันที


          “ฟ้ากินยาก่อนนะ ไหวไม่”


          “เจ็บ ฟ้าเจ็บ พี่ดินจับฟ้าเบาๆ” พอได้เป็นเมียนิอ้อนกูเต็มเหนี่ยวเลย บอกตรงๆผมแพ้ฟ้าโหมดนี้ มีบ้านกูให้บ้านมีรถกูให้รถอ่ะ


           “ครับๆ กินยาก่อนนะจะได้หาย” ผมนั่งซ้อนหลังไอ้หมาน้อยของผม หลังจากที่ตอนเช้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ฟ้าไป ฟ้าก็เริ่มดีขึ้นมานิดนึง แต่ผมรู้ว่าช่วงล่างแม่งต้องระบมแน่ เพราะกูซัดเต็มเหนี่ยวเป็นดาวซัลโวเลย


          “ไง... คู่ใหม่ปลามัน เมื่อคืนหนักเกินไปอ่ะดิ” เสียงนี้ไม่ใช่ใครนอกจากเพื่อนสนิทของกูเอง ไอ้ห่าเมือง


           “เสือกอะไรเนี่ย รีบไปต้มข้าวต้มเลยป่ะ”


           “ไอ้ดินมึงนิมันจัดหนักจัดเต็มกับเมียมึงจริงๆ ก็รู้ว่าน้องมันตัวเล็กทำไมไม่ถนอมมันหน่อยหว้า” ไอ้เมืองเดินเข้ามานั่งบนเตียง แล้วใช้สายตาสำรวจเมียผม “ไอ้เชี่ย รอยแดงแม่งเต็มคอ มึงเป็นเอ็ดเวิร์ดในแวมไพร์ทไวไลท์เหรอวะเพื่อน”


          “กวนส้นตีนละ ไปหุงข้าวต้ม”


         “ใช้กูอย่างกับขี้ข้าเลยนะ”


         “กูไม่ใช้มึงก็ได้ครับ เดี๋ยวกูไปหุงเอง”


   “กูทำให้มึงด้วยความเต็มใจครับ กูไม่อยากเห็นบ้านบรึ้ม”


   “เชิญครับ”


   “เออ... ดูท่าเมียมึงจะเจ็บหนัก ไปเอายาสอดมาใช้ดิ ได้หายไวๆ”


   “ยาสอดเหรอ”


   “เออ เหน็บก้นอ่ะ แก้ปวด”


   “เคๆ แทงยูๆ”


   “แทงเมียมึงเห๊อะ”


        “พี่เมืองแม่งทะลึ่งวะ” ฟ้าพูดสวนขึ้นมา แรงก็ไม่มียังจะไปเถียงไอ้เมืองมันอีก อยากจะบอกเมียจริงๆว่าคิดผิดแล้วที่ไปเถียงไอ้ห่าเมือง ไอ้นี้ปากหมายิ่งกว่าใคร


         “เพราะพี่เป็นเพื่อนไอ้ดินไง ไอ้ดินมันคนทะลึ่งพี่เลยต้องทะลึ่งตามมันไปด้วย สมัยก่อนพี่เป็นคนใสๆนะฟ้า”


         “โถ่ว ถ้ามึงใสกูก็โคตรจางอ่ะ จางในจางอ่ะ เรื่องแบบนี้มึงเนี่ยตัวดีเลยเพื่อนเมือง”


          “ไอ้ดินรีบไปเอายามาให้น้องมันเลย”


         “มึงนิห่วงเมียกูจังเลยนะ”


         “เปล่ากูห่วงมึง”


         “ห่วงกูทำไม”


        “เมียหายมึงได้ซัดเมียอีกรอบสองรอบไง”


        “สิบแต้มให้กริฟฟินดอร์!” ผมตบมือให้เพื่อนรักทันที วันนี้มันพูดดีแหมรักมันก็วันนี้แหละ


   “ไอ้พี่ดิน! เดี๋ยวจะโดน” คราวนี้เป็นฟ้าครับ น้องพูดขึ้นมาพร้อมหันมากัดคอผมเบาๆ


   “โห่ รู้สึกอยากกัดคืนเลย”


   “อย่ามาทะลึ่ง!!!  พี่ดินฟ้าอยากนอนแล้ว ไม่ไหวง่วง”


   “ครับๆ”


   เฮ้อมีเมียน่ารักมันกระชุ่มกระชวยจริงๆโว๊ย   












.............to be con.............






พี่ดินได้ฟินกับเขาสักที
ขอบคุณที่ติดตามพี่ดินน้องฟ้านะคะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-01-2018 20:43:43
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

พี่ดินไม่กากแล้วได้กินน้องแล้ว :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
แต่ยังความกากเรื่องเข้าครัวได้อย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-01-2018 21:09:12
น่ารักจ้า  ได้กันแล้ว  สมใจพี่ดินเขาละ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-01-2018 21:29:02
 :o8: :haun4:
และแล้ว เขาก็ได้กันแล้ว
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-01-2018 00:26:36
:haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

พี่ดินไม่กากแล้วได้กินน้องแล้ว :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
แต่ยังความกากเรื่องเข้าครัวได้อย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม


พี่ดิน กระชุ่มกระชวยแล้ววววว  :z1: :pighaun: :haun4:
     :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-01-2018 01:27:10
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 23-01-2018 07:12:34
ในที่สุดเขาก็ได้กันแล้ว
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 23-01-2018 08:55:49
ไม่กากแล้วเนอะพี่ดิน :laugh:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Nachar ที่ 25-01-2018 23:54:47
พี่ดินเค้าไม่กากแล้ววว นี่อยากได้ฟ้ามาเป็นเมียตัวเองเลย /โดนพี่ดินถีบ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 27-01-2018 10:36:34
ตอนที่ 13


“ดินเมียมาหา!!!”



   ไปหาพี่ดินมันที่คณะเกษตรทีไร พวกเพื่อนพี่ดินแม่งเอาแต่เรียกผมว่าเมียดินตลอด คือผมรู้ว่ากูคือเมียพี่มันแต่มึงไม่ต้องตะโกนกันป่าวๆ ให้กูอายแบบนี้ก็ได้ ช่วงนี้แค่จะมาหาแฟนให้แฟนช่วยทำงานชิ้นสุดท้ายให้เท่านั้น พวกพี่ในคณะแม่งก็เอาแต่เรียกจนผมชักจะเริ่มอายแล้ว


   ช่วงนี้ความรักของเราสองคนก็ราบรื่นดีครับ ไม่มีมารมาผจญ พี่ดินก็เป็นเด็กดี เป็นแฟนที่ดีตลอด เทคแคร์มากกว่าเดิม เพิมเติ่มคือมึงจัดกูเกือบทุกวัน ไอ้หื่น!


   ผมมองแฟนหน้าหล่อที่ตอนนี้กำลังทำงานในแปลงข้าวโพดอีกฝ่ายแบกถังแบกท่ออยู่กลางไร่กลางนา แหมโคตรจะสมบุกสมบันเลยจริงๆ ที่วันนี้พวกผมมาบุกถิ่นเกษตรไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ พวกผมจะปิดจ๊อบงานกันสักที เรียนมานานจะได้พักกับเขาบ้าง ใกล้ปิดเทอมแล้วด้วย ไอ้งานพวกนิตยสาร วารสารแผ่นพับ พวกเราทำเสร็จ ส่งครบจนหมดแล้ว เหลือชิ้นที่เป็นพวก วีทีอาร์ พวกคลิปเชิญชวนให้คนที่สนใจแห่เข้ามาเรียนคณะเกษตรเท่านั้นเอง และงานชิ้นนี้คะแนนก็ดันเยอะเสียด้วยสิ


   อาทิตย์ก่อนพวกผมก็เข้ามาถ่าย แล้วลองเอาไปตัดต่อแม่งโคตรไม่เวริค์ ไอ้พวกพี่ในคณะทำงานหน้าดำหน้าแดง ตรากตรำทำงานแบบสุดๆ หลังสู่ฟ้าหน้าสู่ดินเหงื่อไหลไคลย้อย ในคลิปมีแต่ช่วงเวลาการทำไร่ไถนา ดูตอนแรกมันก็ฮึกเหิมกันดีหรอก แต่ดูไปนานๆ แม่งโคตรน่าสงสาร เนื้อตัวม่อมแม่ม กะจะโชว์หน้าหล่อๆของพี่มันเป็นอันว่าต้องจบสิ้น ขี้ดินขี้โคลนเต็มเนื้อเต็มตัวไปหมด จะไปว่าพวกพี่ดินมันก็ไม่ได้ก็พวกผมดันเสือกมาถ่ายช่วงใส่น้ำเข้าไร่ข้าวโพดพอดี


    “พี่ดินแม่งเป็นที่ต้องตาของพวกสาวๆ ชิบหาย” ไอ้สิงห์ชี้ไปทางแฟนของผม เออมันทำงาน มันยังมีสาวๆไปบริการน้ำถึงที หลอดแม่งถึงปาก สบายจริงผัวกู


   “อืม มันหล่อก็งี้”


   “มึงไม่หึงเหรอ”


   “ไม่อ่ะ กูชินแล้ว”


   “อย่าให้กูเห็นไอ้พี่ดินมันนั่งง้อมึงอยู่หน้าห้องนอนนะ เห็นบอกไม่เคยงอนไม่เคยหึง กลางคืนทีไรผัวมึงนั่งตัวงอ ง้อเมียอยู่หน้าห้องทุกที”


   “ไอ้สิงห์มึงก็พูดเกินไป!”


   “เฮ้ยแล้วสาวอกสะบึมนั่นใครว่า มีไปเช็ดหน้าเช็ดตาให้ผัวมึงด้วยอ่ะฟ้า” คราวนี้เป็นไอ้เต๋าที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังผม พูดขึ้นมาบ้าง


   “เออ นั่นดิ ใครวะ” ผมก็เริ่มอยากรู้เหมือนกัน ว่าอิเจ๊แกนั่นเป็นใคร หัวคิ้วแม่งเริ่มกระตุก


   “พี่จูนปีสี่ แกเพิ่งกลับมาจากการฝึกอบรม เห็นว่าช่วงนี้พวกพี่เขาทำธีสิส  เขาเลยเข้ามาหาอาจารย์ที่คณะบ่อยๆ พอเข้ามาทีก็มาเต๊าะไอ้ดินที” พี่มิ่งเดินเข้ามากลางวงสนทนาของพวกผม


   “อ๋อ” พวกผมสามคนพยักหน้า


   “สมัยก่อนเกือบได้เป็นแฟนกันแล้วนะ สองคนนี้”


   “หืม” ผมหันไปมองพี่มิ่งอย่างสงสัย “แล้วเกิดไรขึ้น?”


   “ไอ้ดินดันเจอคนที่สนใจก่อน พี่จูนเลยอดแดกไปดิ พี่แกคอยส่งน้ำส่งขนมให้ไอ้ดินทุกวัน สุดท้ายดันแห้วแพ้เด็กนิเทศปีหนึ่งซะงั้น”


   “อ๋อ แพ้เมียคนปัจจุบัน” ไอ้สิงห์พูดพลางอมยิ้ม ผมเลยกระทุ้งศอกใส่มันไปที


   “เออ ผมถามพี่หน่อยดิ ว่าพี่ดินมันเคยมีแฟนมาก่อนไหม” ไอ้เต๋าถามพี่มิ่ง


   “หล่อย่างมันจะเหลือเหรอ แต่อย่าถามรายละเอียดมากนะกูไม่ค่อยรู้ พวกมึงต้องลองไปถามไอ้เมืองไอ้ภู สองคนนั้นมันอยู่กับไอ้ดินมาตั้งแต่สมัยมัธยม”


   “อืม ผมละอยากเห็นจริงๆ ว่าแฟนเก่าพี่ดินมันจะน่ารักกว่าไอ้ฟ้ารึเปล่า”


   “ไอ้ภูเคยเปิดรูปให้ดู สวยงี้” พี่มิ่งชูนิ้วโป้งขึ้นมาสองข้าง “เห็นว่าตอนนี้ก็เรียนอยู่มหาลัยใกล้ๆเรานะ เป็นดาวปีสามคณะนิเทศมั้ง”


   “หืม... เด็กเก่าก็นิเทศ เด็กใหม่ยังนิเทศอีก พี่ดินแม่งแพ้ทางเด็กนิเทศเหรอวะ” ไอ้สิงห์พูดตอกย้ำกูเหลือเกิน


   “อยากเห็นว่ะ” ไอ้เต๋าแม่งพูดขึ้นมาอีกครั้ง


   “แต่ความอยากเห็นของมึงจะทำครอบครัวเขาร้าวฉานรึเปล่าห๊ะ! ไอ้ห่าเต๋า” พี่มิ่งพูดพลางเหลือบตามองผมแบบกล้าๆกลัวๆ


   “ฮึ!” ผมหัวเราะในลำคอ “ไม่หรอกพี่มันเป็นเรื่องในอดีตผมไม่เก็บมาคิดหรอก”


   “ก็ว่าอยู่ เห็นไอ้ดินบอกว่าเมียมันแข็งแกร่งดังหินผา เรื่องแบบนี้ไม่ทำให้ระคายใจหรอก” เออถ้าผมไม่แข็งแกร่งคงอยู่กับมันไม่ได้ถึงทุกวันนี้! ช่วงแรกๆที่จีบผมมันก็ทำหน้าโหดขรึมกวนตีนจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ดูตอนนี้ดิเฟรนลี่โปรยยิ้มไปทั่ว ให้แฟนอย่างผมจัดการ เฮ้อ!!! ตอนนี้ได้แต่ทำใจและรู้แค่ว่า ได้พี่ดินเป็นแฟนต้องอดทน สิบล้อชนกูต้องไม่ตาย!


   “ฟ้า รอนานเปล่า” พี่ดินเดินเข้ามาหาพวกผม กว่าจะสลัดอิพี่จูนนั่นได้เล่นเอาผมหมดอารมณ์ทำงานไปเหมือนกัน คืออย่าคิดว่าผมไม่ได้มองนะ กูมองทุกนาทีกูมองทุกเวลา แต่แค่ทำเป็นไม่สนใจมากไง ดูสิมันจะมาหาผมเมื่อไร


   “นาน!!!”


   “นานตรงไหนวะฟ้า ยังไม่ถึงสิบนาทีเลย” ไอ้สิงห์แม่งพูดสกัดดาวรุ่งกูเฉย


   “เมียกูพูดแบบนี้ งอนกูอีกแน่”


   “ผมจะงอนพี่ทำไม หืม~”


   “ตาเหลือกใส่พี่อีก งอนเพราะพี่จูนอ่ะดิ” พี่ดินมองผม


   “เปล่า!” กูก็เสียงสูงตอแหลผัวไปอีก


   “นั่นไง พี่จูนแกไม่มีอะไร พอดีแกมาส่งงานแกเลยแวะเข้ามาทักทายเท่านั้นเอง เมื่อกี้พี่ยังชี้ให้พี่จูนแกดูอยู่เลยว่า แฟนยืนอยู่ตรงนั้น กะจะพาฟ้าไปแนะนำให้รู้จักสักหน่อยแหละ แต่พี่จูนดันมีธุระเลยต้องรีบไปก่อน”


   “พี่แกคงช้ำใจ ไอ้ดินแม่งดันไปพูดเปิดตัวเมียขนาดนั้น” พี่เมืองเข้ามาร่วมวงสนทนา


   “เออ แล้วฟ้าจะถ่ายรึยัง”


   “ถ่ายได้เหรอ เนื้อตัวเปื้อนอีกแล้ว”


   “ได้ดิ เดี๋ยวไปอาบน้ำในสโม”


   “อืม งั้นก็ดีวันนี้พวกผมอยากถ่ายพวกพี่แบบนั่งด้วยกันอ่ะ เชิญชวนให้คนที่สนใจมาเรียนที่คณะแล้วก็อยากให้พวกพี่ๆ พาแนะนำแต่ละสาขาอะไรแบบนี้”


   “ได้”


   “งั้นพวกพี่ก็ไปอาบน้ำแต่งชุดนักศึกษาได้เลย เดี๋ยวพวกผมขอเซ็ตฉากเซ็ตกล้องกันก่อน”


   “ต้องใส่ไทค์ไหม” พี่เมืองถาม


   “ก็ดีนะ”


   “เอางี้ดิไอ้ฟ้า ให้พี่ดินพี่เมืองใส่ชุดนักศึกษา ส่วนพี่มิ่งพี่ภูก็ใส่ช๊อป”


   “เออดี กูไม่ได้รีดเสื้อมาพอดี ให้เมียรีดให้ก็เอาแต่นอนแดกไปวันๆ” ไอ้พี่ภูพูดเหน็บพี่มิ่ง


   “ใครเมียมึง”


   “อ๋อ ครับๆ ไม่เถียงครับ” พี่ภูแม่งโคตรกวนตีนพี่มิ่งเลย “คนนี้ไม่ใช่เมียครับ แต่นอนเอากันทุกคืนเลย... หรือไม่จริง” พี่ภูมองพี่มิ่งหน้านิ่งแต่ดูแล้วโคตรจะเหนือกว่า  ไอ้พี่มิ่งก็ได้แต่ทำอะไรไม่ถูก โกรธเขินหน้าดำหน้าแดงปนกันไปหมด


   “กูไม่รู้ กูรู้แค่กูรักอาจารย์ กูรักโรงเรียน”สิ้นคำพูดของพี่มิ่ง พวกพี่ภูแม่งก็หัวเราะลั่นเลย


   “มุขเด็กพี่แม่งฮาวะ ขอซื้อดิ” ไอ้สิงห์ชี้ไปที่พี่มิ่ง


   “ซื้อมุข?”


   “เปล่า ซื้อเมีย”


   “ฆวย” ทั้งพี่ภูพี่มิ่งพูดขึ้นมาพร้อมกัน


   “กูบอกแล้วว่ากูไม่ใช่เมียไอ้ภู พวกมึงนิมัน” พี่มิ่งทำหน้างอ


   “พอๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว ไอ้คนไม่ใช่เมียของนายภูวดล” พี่เมืองแม่งแซวขึ้นมาอีกคน เล่นเอาพี่มิ่งแม่งวิ่งไล่เตะพวกพี่มันกระเจิง


   “เป็นศัตรูกับพวกพี่มันไม่ได้แน่ ปากแต่ละคนเหมือนกินหมาเข้าไปเป็นคอก” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาอย่างกลัวๆ


   “เออ เห็นมันแซวมันด่ากันแต่ละที โคตรน่ากลัว” ไอ้สิงห์ตอกย้ำความปากหมาของแก๊งค์เกษตร


        “กูว่าถ้าใครโดนพวกพี่มันแซวคงยับทั้งตัว” ผมเสริม


   “แต่ได้ข่าวว่าช่วงล่างมึงก็โดนจนยับแล้วนิ กว่าจะเดินเหินได้เป็นปกติเล่นขาถ่างเป็นอาทิตย์”   


   “ไอ้สัดสิงห์ เดี๋ยวกูโบก ปากมึงก็ไม่แพ้พวกพี่มันเลย ไอ้ห่าปากหมา”


   “การแซวเป็นของหวาน จำไว้นะมิซซิสเวหา”


   “ฆวย!”


   “เออ แล้วมึงได้ชวนพี่ดินมันไปงานแต่งเจ้ดาวมึงเปล่า อาทิตย์หน้าแล้วนิ”


   “ยังเลย ช่วงนี้มึงก็เห็นพวกเรางานยุ่งจะตาย พี่มันก็งานยุ่งเดี๋ยวเข้าฟาร์มเดี๋ยวลงแลปกูเลยลืมชวนเลย”


   “เออ ลองชวนมันไปดิ พามันไปให้ที่บ้านรู้จัก พอไปถึงบ้านมึงก็เดินไปบอกเตี่ยเลยว่า อั๊วไปเรียนมาสองปี อั๊วเอาลูกเขยมาฝากหนึ่งคน”


   “ไอ้สัด เตี่ยกูช๊อคตายก่อน”


   “โอ๊ยเขาไม่ช๊อคหรอก เขารู้ว่ายังไงๆ ชาตินี้มึงหาเมียไม่ได้แน่ น่าจะหาผัวได้ก่อน”


   “กวนส้นตีนละ”


   “แล้วเรื่องเย็นนี้มึงบอกพี่ดินยัง” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมา


   “อ๋อ งานเลี้ยงสายรหัส กูบอกพี่มันแล้ว”


   “แล้วพี่ดินไปเปล่า”


   “มันบอกว่าถ้างานใส่น้ำใส่ปุ๋ยของมันเสร็จเร็วมันจะไป”


   “มึงเอาผัวไปอวดเหรอ” ไอ้สิงห์ถามผม


   “เปล่า พวกพี่รหัสกูเขาอยากให้พาแฟนไป ถ้าใครมีก็ให้พาไปจะได้ทำความรู้จักกัน”


   “อ๋อ แล้วไอ้เต๋าสายรหัสมึงก็เลี้ยงวันนี้เหรอ”


   “เออดิ พี่สายรหัสปีสี่พวกกูสองคนเป็นผัวเมียกัน เลี้ยงกันทีก็ไปกันเป็นแพ๊คเกจ”


   “เอ้า ยังงี้มึงก็ไม่มีใครไปอวดดิ เมียก็ไม่มี”


   “ก็ไม่รู้สินะ” ไอ้เต๋าพูดแบบมีเลศนัย ไอ้ห่าพูดแบบนี้กูชักอยากเสือกเลย “ไม่ต้องมาอยากเสือกเรื่องของกู ไปเตรียมฉากเตรียมกล้องกันก่อนเถอะ”





   พอเซ็ตฉากเสร็จผมก็เดินไปหาพี่ดินที่สโมสรนักศึกษา ยังเดินไม่ถึงห้องดี ก็ได้ยินเสียงหวีดของพวกสาวๆเสียก่อน และคนโดนหวีดก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไอ้พวกคุณชายของคณะเกษตร แหมพอได้แต่งเนื้อแต่งตัวเข้าหน่อยทำมาเป็นหล่อ ดูดิเดินมาด้วยกันสี่คนเป็นF4 เลยนะ พวกพี่มันแต่งตัวเรียบร้อยผมเผ้าเซ็ตเป็นอย่างดี หล่อมาเชียวยิ่งไอ้พี่ดินพี่เมืองไม่ต้องพูดถึง นานๆจะได้เห็นมันแต่งชุดนักศึกษาถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าสักที โดนสาวกรี๊ดก็ไม่แปลก


   “ไง เรียบร้อยพอเปล่า หล่อพอยัง” พี่ดินเดินมายืนข้างหน้าผม


   “อืม ก็งั้นๆอ่ะ” ผมพูดแบบส่งๆ แต่ใจนิเต้นระสำจนแทบจะออกไปจากอก พี่ดินมันหล่อจริงๆ หล่อวัวตายควายล้มของจริง เชื่อแล้วว่าเป็นเดือนมหาลัยเก่า ทุกทีก็ว่าหล่อแล้วแต่นิแม่งโคตรหล่อเลย


   “เมื่อกี้เจออาจารย์ อาจารย์แม่งขอถ่ายรูปเลยอ่ะ กูแม่งฮา” ไอ้พี่เมืองพูดขึ้นมา


   “เออ กูก็ว่าพวกเราแม่งก็แต่งตัวถูกระเบียบมาตลอดนะเว้ย” พี่ดินพูดเสริม แหมผมล่ะไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่แฟนพูดเท่าไร เห็นออกจากบ้านทีไรไม่ช๊อปก็เสื้อยืด เสื้อตัดอ้อยตลอด กางเกงยีนขาดๆ ใส่ผ้าใบ ลากแตะไม่ก็ใส่บูท ผมเห็นอยู่แค่เนี่ย


   “พอๆ ไปทำงานกันได้แล้วครับ”


   “พี่ไม่ไป!!!”


        “เอาทำไมอ่ะ” พี่ภูหันมาถาม ก็ไอ้พวกพี่เมืองที่กำลังตั้งท่าเดินซะดิบดีต้องมาหยุดชะงักเพราะแฟนตัวดีของผมซะงั้น


         “ฟ้ายังไม่ได้ชมว่ากูหล่อเลย”


   “โถ่วเว้ย กูนึกว่าอะไร อยากให้เมียชม... เหม็นความรักวะ!!  งั้นพวกกูไปรอที่ห้องล่ะกัน” พี่เมืองเดินนำพวกพี่มิ่งกับพี่ภูไป ปล่อยผมไว้กับไอ้พี่ตัวยุ่งคนนี้


   “หล่อแล้ว ไปทำงาน” ผมมองค้อนพี่มันนิดๆ


   “จริงอ่ะ”


   “เออ”


   “พูดเพราะๆดิ ฟังแล้วหมดแรงเลย ไม่อยากทำงานให้แหละ”


   “ไอ้พี่ดิน ทำไมวันนี้ดื้อ”


   “ก็พี่อยากได้กำลังใจ พูดดีๆหน่อยเร็ว คนมองเต็มแล้ว”


   “ก็เพราะคนมองไง ผมถึงไม่อยากพูด ไปเร็วไปทำงาน”


   “ชมก่อน เร็วๆ”


   “ครับ พี่ดินหล่อมากเลย หล่อที่สุดเลย” ผมพูดจบทำท่าจะเดินหนีมันดันถูกพี่มันจับมือไว้อีกครั้ง “อะไรอีก”


   “ไทเบี้ยวอ่ะ จัดให้หน่อย”


   “กลับไปโดนดีแน่ ไอ้พี่ดิน” ผมบ่นงึมงำ ก่อนจะเดินก้มหน้าก้มตาไปจัดเนคไทให้พี่มัน จะไม่ให้ก้มหน้าก้มตาได้ไง ก็พี่มันเล่นจ้องผมตาเป็นมันเลย ไม่อายไม่เขินก็ให้มันรู้ไปดิ พอจัดไทให้เสร็จผมก็ถูกพี่มันโอบไหล่ แล้วพาเดินไปที่ห้องทำงาน แหมได้แกล้งผมทีไร มันดูมีความสุขเหลือเกิน ไอ้แฟนบ้า!   


   ระหว่างการทำงาน บอกเลยว่าทำงานกับพวกพี่คณะเกษตรเหมือนจับปูใส่กระด้ง โคตรซนอยู่ไม่นิ่ง พี่ดินไม่เท่าไร มันยังดูเป็นเด็กมีสมาธิอยู่บ้าง แต่ไอ้พี่สามคนนี้โคตรสมาธิสั้นเลย เหนื่อยแบบสุดๆ แย่งกันพูดโคตร นิมันอยากช่วยผมทำงานหรือว่ามันแกล้งผมกันแน่เนี่ย ช่วงที่พาไปแนะนำแต่ละสาขานี่ก็โคตรเหนื่อยเลย ไปแนะนำไม่พอ ยังไปแซวไปเล่นกับพวกพี่พวกน้องกันอีก พวกพี่ดินแซวแม้กระทั่งอาจารย์! สนุกปากของพวกมันเชียวล่ะ แต่ที่ผมรู้สึกชอบคือคณะเกษตรทุกคนดูรักกันดี คุยเล่นคุยสนุกกันตลอด บางทีก็มีพวกน้องๆสาวๆมาขอถ่ายรูปพวกพี่มันก็ยอมนะ คือพวกพี่มันนอกจากอัธยาศัยดีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว มันยังเป็นที่นิยมของคณะเหมือนกัน   


    “งั้นสุดท้ายผมอยากให้ทุกคนได้พูดเชิญชวนให้น้องๆที่สนใจเข้ามาเรียนที่คณะเกษตร พี่มิ่งพูดคนแรกเลย”


   “เออ พี่ก็อยากให้น้องๆ นักเรียนที่สนใจงานในด้านเกษตร ชอบพวกธรรมชาติ อยากอยู่แบบออแกนิก ลองครับ ลองเข้ามาศึกษาดู เกษตรเรามีอะไรที่น่าสนใจเยอะ ลองมาเรียนดูสักปี มาทำความรู้จักพวกพี่ๆ  ถ้าเรียนไม่ไหวมาปรึกษาพวกพี่ๆได้ แต่พี่ขอบอกไว้เลยรุ่นพี่ไม่ได้ฉลาดทุกคน” พี่มิ่งพูดถึงท่อนนี้ไอ้พี่สามคนที่นั่งอยู่ข้างๆก็พากันหัวเราะออกมา “คือการเรียนมันต้องอดทนต้องพยายาม ถ้ามันไม่ไหวจริงก็ค่อยซิ่วเอาเนอะ 555” 


   ผมแอบหัวเราะให้พี่มิ่ง พวกพี่เมืองก็แอบอมยิ้มให้พี่มันด้วยเหมือนกัน


   “พี่ภูพูดต่อเลย”


   “พี่ก็อยากจะชวนน้องที่สนใจในงานเด้านเกษตรกรนะครับ มาเรียนกันเยอะๆ ประเทศไทยเราเป็นประเทศแห่งเกษตรกรรม เราขาดอาชีพนี้ไม่ได้หรอกครับ ถ้าสนใจก็ลองเข้ามาศึกษาดูนะครับ แต่พี่เชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาเรียนจะต้องได้รับสิ่งดีๆ กลับไปแน่ๆ 4 ปีที่เราอยู่ในคณะนี้พี่บอกได้ว่า พวกน้องๆจะรู้และเข้าใจในงานด้านเกษตรและรักในงานเกษตรแน่นอน.... ถ้าไม่เชื่อ! พี่ให้เอาตีนมาถีบพี่เลย”


   “ไอ้พี่ภู พูดซะดิบดี ตายตอนจบ พูดแบบนั้นออกไปได้ไง”ไอ้สิงห์บ่นพี่ข้างบ้าน


   “เอ้ากูพูดด้วยความจริงใจไง”


   “เออ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวจะช้ากันไปใหญ่ คลิปเมื่อกี้เดี๋ยวเอาไปตัดได้”


   “โอเคๆ งั้นพี่เมืองต่อเลย”


   “เพื่อนพี่สองคนก็พูดไปหมดแล้วเนอะ เอางี้ อยากให้ลองเปิดใจให้คณะเกษตร ถ้าน้องคิดว่าเรียนเกษตรแล้วต้องไปทำไร่ไถนา น้องคิดถูกแล้วครับ 555 พี่อยากบอกว่าเรียนเกษตรมันก็ต้องเข้าถึงในงานด้านนี้ ถ้าบ้านน้องคนไหนเป็นเกษตรกรอยู่แล้ว น้องๆลองมาเรียนคณะนี้สิครับ มาหาวิชาไปพัฒนาหมู่บ้านของเราดู เกษตรจบมาไม่จำเป็นต้องเป็นชาวไรชาวนา เราเป็นได้ทุกอย่าง นักวิจัย อาจารย์ ข้าราชการ เรียนเกษตรไม่มีทางตกงานครับ ถึงตกงานก็ปลูกผักปลูกหญ้าขายได้  ลองเปิดใจดูนะ พี่อยากชวนน้องทุกคนที่สนลองมาเรียนดูนะครับ พี่เชื่อว่าคณะนี้จะไม่ทำให้ชีวิตสี่ปีในรั้วมหาลัยของน้องน่าเบื่อแน่นอน ขอบคุณครับ ” พี่เมืองมันพูดกวนๆ แต่ก็ดูมีสาระเหมือนกัน


   “คนสุดท้าย พี่ดิน”


   “หมดเรื่องพูดแล้วอ่ะ” กล้องหันไปทางพี่ดิน พี่มันพูดตัดพ้อ “พวกเพื่อนๆพูดหมดแล้วอ่ะ”


   “พูดมาเถอะหน่า งั้นก็ลองบอกเคล็ดลับในการเข้ามาเรียนคณะนี้”


   “อืม คือ...เพื่อนพี่ทั้งสามคนพูดหมดแล้ว งั้นพี่ขอบอกเคล็ดลับ สำหรับน้องๆที่อยากมาเรียนคณะเกษตรนะครับ อย่างแรกคือ ใครที่อยากมาเรียนคณะเกษตรพี่อยากให้น้องเปิดใจ แล้วก็อดทน ทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องงานในด้านการเกษตร คือเราต้องคลุกคลีอยู่กับมันอยู่แล้วครับ ไม่มีงานไหนง่ายไม่มีงานไหนยาก ถ้าเราอดทนและขยันทุกอย่างมันจะผ่านไปได้ด้วยดีครับ บางทีเราก็ต้องอดทนกับคำดูถูกดูแคลนของคนภายนอกด้วย ข้อสองใครมาเรียนเกษตรเราต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในระดับหนึ่ง พวกเรามาเรียนด้านนี้ เราก็อยากจะทำให้ครอบครัวชุมชนหรือหมู่บ้านที่เราอยู่พัฒนาขึ้น บางทีก็ต้องเอาความรู้ที่ได้  ไปอธิบายไปสอนให้พวกชาวไร่ชาวนา สอนให้เขาได้พัฒนางานในด้านการเกษตร  ชีวิตการเป็นอยู่ของชาวเกษตรกรจะได้ดีขึ้น อาชีพการเกษตรมันมีช่องว่างให้เราได้พัฒนาอีกเยอะครับ ข้อสามเด็กเกษตรพวกเรารักกันครับ พี่เชื่อว่าถ้าน้องๆคนไหนมาเรียนจะต้องได้รับความเอ็นดูจากพวกพี่ๆไปแน่นอน ข้อสี่ถ้าน้องเลือกเรียนคณะเกษตรพี่เชื่อว่า ในสี่ปีนี้น้องจะได้รับทุกอย่าง จะได้เรียนรู้ในสิ่งที่น้องอยากรู้ ได้ทั้งความรู้จากการเรียน ได้ทั้งมิตรภาพจากเพื่อนจากพวกพี่ๆ ได้ความสนุก ความสุข ความทุกข์  และอาจได้แม้กระทั่ง...ความรัก” พี่ดินพูดจบมันหยุดมองผม เล่นเอาผมเขินเบาๆ พอทำตัวไม่ถูกผมเลยต้องรีบยกมือให้พี่มันพูดต่อ ไอ้พี่ดินมันก็กวนนะครับ ทำมาเป็นอมยิ้ม แหมมึงทำอะไรมึงก็หล่ออะไอ้พี่ดิน ทำใจกูเต้นได้ทุกรอบ


        “สุดท้ายถ้าใครยังหาตัวเองไม่เจอว่าอยากจะเป็นอะไร พี่ก็ขอให้น้องเก็บคณะเกษตรไว้เป็นหนึ่งตัวเลือกด้วยนะครับ แล้วเจอกัน” พี่มันยิ้มให้กล้อง บอกเลยว่าถ้าคลิปวีดีโอนี้ออกไป คณะเกษตรแตกแน่นอน แตกเพราะไอ้พี่ดินนี่แหละ


   “คัต ขอบคุณมากครับ” พวกผมไอ้สิงห์ ไอ้เต๋าพูดขึ้นมาพร้อมกัน การถ่ายทำวันนี้ผ่านไปด้วยดี เดี๋ยวพวกผมก็จะเอาคลิปที่เคยถ่ายไว้ตั้งแต่แรกๆ มาตัดต่อคราวนี้แหละ ปังแน่! 


   “เปลี่ยนชุดได้แล้วโว๊ยยยย” พี่เมืองตะโกนพลางดึงเนคไทออกจากตัว พวกพี่ดินก็เหมือนกันรีบเอาเสื้อออกนอกกางเกงถอดเนคไทอย่างรวดเร็ว แหมมึงจะอึดอัดอะไรกันปานนั้น


   “ทำงานๆๆ” พี่มิ่งพูดขึ้นมา


   “งานอะไรวะ ใส่ปุ๋ยผักเหรอ” พี่ดินถาม


   “รายงานไง พรุ่งนี้ส่งมึงจำไม่ได้เหรอไอ้ดิน”


   “เชี่ยลืม!!!! กูก็จำได้อย่างเดียวว่าวันนี้ใส่น้ำข้าวโผดกับใส่ปุ๋ยผักแล้วก็ไปงานเลี้ยงรหัสฟ้า”


   “ตาย มึงโดนอาจารย์ฆ่าตายแน่” ผมฟังพวกพี่มันพูด พลางเก็บของไปด้วย ไอ้พี่ดินก็เดินมาวอแวกูจัง


   “งั้นวันนี้มึงรีบทำเลย พวกกูสามคนนัดทำกันที่ห้องสมุดคณะ” พี่มิ่งพูดขึ้นมาอีกครั้ง


   “แต่...” พี่มันมองผม


   “พี่ดินทำงานเถอะ ไม่ว่างไม่เป็นไร”


   “ถ้าเสร็จแล้วพี่จะรีบไปหาที่ร้านนะ”


   “อืม งั้นผมไปก่อนเนอะ เดี๋ยวต้องเอาของไปเก็บที่คณะด้วย”


   “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”


   “ก็ได้” ผมไม่เคยปฏิเสธหรอก ช่วงโปรโมชั่นผมต้องใช้ให้คุ้ม
   


(ต่อด้านล่าง)

หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 12 [22/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 27-01-2018 11:22:15
(ต่อ)



       หลังจากที่พี่ดินมาส่งพวกผมก็เก็บของเครียร์งานอีกนิดหน่อย พวกเราก็รีบกลับบ้าน วันนี้ผมไปเลี้ยงสายรหัสกับไอ้เต๋า ส่วนไอ้สิงห์มันออกไปหาแฟนมันตั้งแต่เก็บของเสร็จ ปล่อยมันไปครับช่วงนี้ความรักระหองระแหง สามวันดีสี่วันไข้ ปล่อยให้มันไปเคลียร์ปัญหาความรักของมัน


   ผมกับไอ้เต๋ามาถึงร้ายประมาณ หนึ่งทุ่มกว่าไอ้เต๋ารีบมาส่งผมก่อน แล้วไอ้เพื่อนเลวก็ทิ้งผมไว้คนเดียวส่วนมันก็หนีไปรับสาว มันบอกผมว่าพาแฟนมาเปิดตัว เพราะตามจีบมานาน โอ๊ย! ดีใจกับเพื่อน  มันโสดมานาน ใช่ว่ามันจะหาไม่ได้นะครับ ไอ้เต๋ามันเป็นผู้ชายหน้าตาใช้ได้เลย สาวๆก็เข้ามาหามันตลอดแต่ว่ามันชอบพูดว่ายังไม่เจอคนที่ใช้ ยังไงกูก็คงจะไม่ชอบ


    ผมเดินเข้าร้านลังเบียร์ ร้านประจำพวกสายรหัสผม พอเดินเข้าไปด้านในก็เห็นพวกป้ารหัสลุงรหัสโบกไม้โบกมือให้ผมกันใหญ่ สายรหัสผมบอกเลยว่ามีแต่ตัวฮา ส่วนสายรหัสไอ้เต๋าก็นิ่งๆ มึนๆเหมือนไอ้เต๋าเลยครับ


   “หวัดพี่ครับพี่ๆ” ผมยกมือไหว้รอบโต๊ะ และสิ่งแรกที่ได้รับกลับมาคือคำถามที่ว่า


   “น้องเขยกูอ่ะ ไม่มาเหรอ” พี่แตงกวาพี่รหัสผมถามขึ้นมาทันทีทันใด แหมพวกมึงก็ว๊อนท์อยากเจอแฟนกูจัง


   “ติดงานพี่ ถ้าเสร็งงานเขาอาจตามมา”


   “เจ้ล่ะอยากอวดไอ้บัวจริงๆ ว่าน้องเขยเจ้ก็หล่อระดับเดือนเหมือนกัน”


   “ทำไมต้องอวดพี่บัวด้วยอ่ะ”


   “ฟ้า ฟ้าไม่รู้เหรอว่าน้องรหัสพี่ ไอ้เต๋ามันได้แฟนเป็นดาวเลยนะเว้ย” พี่บัวพี่รหัสไอ้เต๋าที่นั่งนิ่งๆรีบพูดขึ้นมา พลางยักคิ้วให้เจ้บัว พี่แกเป็นสาวเท่ห์ เป็นสาวหล่อของคณะ แถมยังเป็นเพื่อนสนิทกับอิเจ้ของผม มันเลยชอบมาพูดบลัฟกันตลอด


   “น้องกูก็ได้ผัวระดับเดือนเหมือนกัน แถมเป็นเดือนมหาลัยด้วย”


   “เดี๋ยวๆ ไม่ต้องเรียกถึงขั้นผัวก็ได้มั้งเจ้”


   “รึมึงเป็นผัว”


   “ขอไม่ตอบนะ”


   “ไม่น่ารอดนะมึงอะ”


   “พอๆเลิกพูด แล้วพวกพี่บอลอ่ะ ปู่รหัสผมยังไม่มาอีกเหรอ” ผมมองหาปู่รหัสสุดเฟี้ยวของผม นานๆพี่แกจะว่างๆ มาสังสรรค์ที เห็นว่าช่วงนี้งานยุ่ง เรียนจบแล้วงานก็ยุ่งแบบนี้แหละ


   “ใกล้ถึงแล้ว รอเมียอยู่ พี่โบว์แกแต่งตัวช้า ฟ้ามึงมาถึงมึงก็ควรทักลุงรหัส น้องรหัสมึงมั้งนะ ดูดิอิพี่แชมป์นั่งแดกไม่ทำไรเลย”


   “หวัดดีครับพี่แชมป์ แล้วก็ดีนะน้องแก้ม” ลุงรหัสผมก็สายฮานะครับ แต่วันนี้เฮียแกดูเหมือนจะหิวโหย อาจเป็นเพราะช่วงนี้พี่แกทำธีสิสคงไม่ค่อยได้พักผ่อนนอนหลับ ไม่ค่อยได้กงได้กินอะไรกับเขา เลยดูท่าทางน่าสงสาร ส่วนน้องรหัสผม น้องเป็นคนน่ารักมาก ขาวๆหมวยๆ แต่เหมือนน้องจะหลงมาอยู่สายรหัสผิดเพราะน้องเรียบร้อยแบบสุดๆ นั่งนิ่งๆและโปรยยิ้มให้คนรอบข้าง


   “เออ หวัดดี ฟ้ามึงชงเหล้าให้เฮียทีดิ เดี๋ยวไอ้พี่บอลมากูอดแดก ไอ้ห่านั้นนานๆมาสังสรรค์ทีแดกเหล้ายังกับน้ำ”


   “ครับๆ”


   “มึงนิน่ารักขึ้นเยอะเลยนี่หว่า ถึงว่าเลยได้ผัว”


   “พี่ก็พูดไป ผมอายนะเว้ย”


   “กูล่ะอยากเห็นผัวมึงจริงๆ กูเคยเห็นแต่ไกลๆ ตอนที่เขามาส่งมึง กับตอนที่เขาเล่นดนตรีงานเกษตรแฟร์เท่านั้นแหละ อยากเห็นจังๆสักที อยากรู้ว่าเขาจะหล่ออย่างทีอิแตงกวาพี่มึงบอกรึเปล่า”


   “โถ่วพี่แชมป์ มองจากดาวอังคารลงมายังเห็นว่าหล่อมากอ่ะ หล่อกว่าพี่ด้วย โอเคนะ”


   “เจ้ก็พูดเว่อร์ไปวะ” ผมห้ามปรามเจ้แตงกวา


   “เออ กูรู้ว่ากูไม่หล่อ แต่กูก็พอมีเสน่ห์แหละวะอิกวา”



   “เหรอค่ะเฮีย! แล้วแต่เฮียจะคิด... เออ น้องแก้มพี่ว่าน้องแก้มจะยิ้มมากไปแล้วนะ แดกๆมั้งเถอะไม่ต้องเกร็ง เราคนกันเอง” อิเจ้กวาของผมนิปากดีจริงๆ น้องมันอยู่ของน้องดีๆชอบไปแกล้งมัน “แหนะยังยิ้มอยู่อีก อย่ามายิ้มให้กับเฮียเจ้าของร้านนะ เจ้จองมานานแล้ว” เจ้กวาพูดพลางส่งสายตาหวานให้พี่เจ้าของร้านที่อยู่ตรงหน้าเคาว์เตอร์ พี่แกก็หน้าตาดีอย่างทีอิเจ้จองไว้จริงๆ แต่ว่าพี่แกยังหนุ่งยังแน่น ดันได้เป็นถึงระดับเจ้าของบาร์แล้วอ่ะ เก่งวะ


   “หล่ออย่างที่พี่ว่าจริงๆ หนูชอบ” นี่คือคำพูดของน้องแก้มหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่ผมคิดว่าเรียบร้อยที่สุดในสาย ก็ว่ากูอาจคิดผิด อิน้องนี่อาจเป็นเจ้แตงกว่าสองก็ได้


   “แหนะเดี๋ยวตบนะ”


   “หนูไม่สู้พี่บัวหรอก คนนี้หนูยกให้ก็ได้”


   “ร้ายนะเรา เห็นเงียบๆ ไม่เบาเหมือนกัน”


   “หนูไม่เงียบนะพี่ ที่เงียบเพราะกลัวว่าพี่จะรับกันไม่ได้”


   “555 เออพี่ชอบ” เจ้แตงกวาแกตบโต๊ะ ตบมือชอบอกชอบใจในหลานรหัสรุ่นนี้แบบสุดๆ พอพวกเราคุยกันไปได้สักพักพวกปู่รหัสย่ารหัสของผมกับไอ้เต๋าแกก็มาพอดี ไอ้เต๋าก็ด้วยมันพาแฟนมันมา แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน


   “พี่เจิม เอ๊ยพี่ทิน่า!” ผมเรียกชื่อดาวคณะเกษตรปี 3 ออกมาด้วยความตกใจ ไอ้เชี่ยคนใกล้ตัวเลย พี่เจิมของไอ้สิงห์มัน


   “ไงฟ้า” พี่ทิน่าโบกมือให้ผม ก่อนที่พี่จะหันไปไหว้ไปสวัสดีรุ่นพี่ร่วมมหาลัย แอบไปคบกันตอนไหนวะนั่นกลับบ้านไปต้องไปซักไซ้ไอ้เต๋ามันสักหน่อย เพียงไม่นานสายผมกับสายไอ้เต๋าก็มาครบองค์กันสักที แก๊งค์เราดูเหมือนจะเสียงดังที่สุดในร้าน ก็เราชาวนิเทศนิหน่าเจอกันทีก็เม้ากันกระจาย


   “พี่บอล พาใครมาอ่ะ สวยวะ” คราวนี้เป็นไอ้พี่แชมป์มันสะกิดปู่รหัสผมยิกๆ


   “อ๋อ น้องสาวโบว์ ชื่อแบม”


   “โคตรสวย”


   “เมียกูสวยน้องสาวเขาก็ต้องสวยดิวะ”


   “แต่ไม่เคยเห็นหน้าวะพี่” ไอ้สองคนนี้มันกระซิบกระซาบคุยกัน กระซิบยังไงของมันก็ไม่รู้เพราะผมแม่งก็ได้ยิน


   “คนละมหาลัยแต่เรียนนิเทศเหมือนมึงนะ”


   “อ๋อ มีแฟนยัง จีบให้หน่อยดิ”


   “น้องเขาโสด แต่ถ้ามึงอยากจีบมึงจีบเองกูไม่ช่วยโว๊ย”


   “ใจร้ายวะ”


   “ฟ้า” พี่บอลเรียกผม


   “ครับ”


   “ช่วงนี้ไปทำไรมา ทำไมน่ารักขึ้นเป็นกองเลยวะ”


   “เปล่านะพี่ ผมก็น่ารักของผมแบบนี้อยู่แล้วนะ”


   “แหมไม่หลงตัวเองเลยนะหลานกู” ผมหัวเราะ ก่อนจะยิ้มตาหยีให้พี่มัน “เออ ช่วงนี้กูกำลังทำงานด้านนิตยสาร เขากำลังหาเด็กไปแคสงานถ่ายแบบ ฟ้ามึงสนใจเปล่า”


   “โอ๊ย ไม่เอาอ่ะพี่ งานแบบนั้นไม่เหมาะกับผมหรอก ผมชอบงานเบื้องหลัง”


   “เสียดายหน้าตาวะ มึงก็ออกจะน่ารัก เดี๋ยวนี้คนเข้าชอบผู้ชายแนวน่ารักๆเสียด้วย”


   “ขอผ่านวะพี่”


   “เออ กูไม่บังคับ แต่ยังเสียดายอุตสาห์จะหาค่าขนมให้หลานรหัสกินเล่นสักหน่อย นี่ดูแบมพี่มึงหนึ่งปี น้องเขาก็ไปอยู่บริษัทกู ถ่ายแบบไม่กี่เล่มตอนนี้ถูกทาบทามไปเป็นนักแสดงแล้วนะ” พี่ที่ชื่อแบมยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับให้เธอ คนอะไรสวยจริงๆ ว่าเจ้ทิน่าสวยแล้วเจ้แบมนิโคตรสวยเลย


   “น้องชื่อฟ้าเหรอ”


   “ครับ”


   “น่ารักจัง ไปเป็นนายแบบกับพี่ไหม นิถ้าพวกพี่ในบริษัทเห็นต้อจับน้องฟ้าเข้าสังกัดแน่” พี่แบมถามผม คนอะไรหน้าสวยแล้วยังเสียงหวานอีก โคตรเพอร์เฟค


   “ไม่ครับ ผมชอบงานเบื้องหลัง พวกแบกกล้องใช้แรงงาน แบบนั้นเหมาะกับผมมากกว่า”


   “น่าเสียดายจัง”


   “พี่แบมลองดูคนอื่นสิ สายรหัสผมหน้าตาดีทุกคนนะ พี่แชมป์คนนี้ก็หน้าตาดี” พอผมพูดจบไอ้พี่แชมป์ก็ยกนิ้วโป้งให้ผมทันที


   ระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกันออกรสออกชาติกันอยู่นั้น โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นและก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากไอ้แฟนตัวดีของผม พี่ดินโทรมาถามว่าผมนั่งอยู่ตรงไหน เพราะมันมาถึงแล้ว มันยังบอกอีกว่าพวกพี่มิ่งก็มาด้วย แต่พี่พวกนั้นเขาไปเปิดโต๊ะด้านในแล้ว ผลเลยบอกพี่มันให้รีบเดินเข้ามาด้านใน โต๊ะที่คุยเสียดังสุดอ่ะ โต๊ะพวกผม เพียงไม่นานไอ้คุณแฟนตัวดีก็ยืนอยู่ด้านหน้าประตูร้าน


         แค่พี่มันเดินเข้ามาในร้านทุกสายตาก็จับจ้องไปที่มันแล้วครับ ผู้ชายบ้าอะไรหล่อตลอดเวลา ขนาดใส่แค่เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนขาดๆแถมยังลากแตะมาด้วย สภาพแบบนี้มันไม่ควรจะเตะตาคนอื่นเลยสักนิด แต่เพราะหน้ามันหล่อไง ใส่ชุดเน่ายังไงมันก็หล่อ


         “พี่ดิน” ผมกวักมือเรียก ไอ้พี่ดินยิ้มให้ แล้วมันก็เดินมาทางผม พอมาถึงที่โต๊ะพี่ดินก็ไล่สวัสดีทุกคนเป็น สส. เลยครับ ก่อนที่มันจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนเรียกมัน


         “ดิน”


         “แบม”


        “ดิน  คือ”


        “เดี๋ยวค่อยคุยกันนะแบม” พี่มันยิ้มให้พี่แบม ก่อนจะนั่งลงข้างๆผม ผมหันมองพี่มันด้วยสายตาไม่เข้าใจ คือมึงไปรู้จักกันตอนไหนวะ แต่พี่มันก็ไม่ได้อะไรเอาแต่ยิ้มให้ผมอย่างเดียว


        “ใครวะฟ้า” พี่บอลปู่รหัสผมถามขึ้น


        “แฟนไอ้ฟ้ามันพี่” อิเจ้แตงกวาตอบแทนทันที “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะดิน เราชื่อแตงกวานะ ปีสามนิเทศพี่รหัสฟ้า” อิเจ้แตงกวาเสนอตัวทันที


      “ครับ...” ไอ้พี่ดินยังไม่ทันตอบดียัยแก้ม น้องรหัสตัวดีของผมก็พูดแทรกขึ้นมา


      “หนูชื่อแก้มนะคะ ปีหนึ่งนิเทศยังโสด”


      “เราชื่อบัวนะ ปีสามคณะนิเทศยังโสดเหมือนกัน”


      “ได้ข่าวว่ามึงเป็นทอม” เจ้แตงกวาประชดเพื่อนตัวเองพลางมองบน


      “ถ้าได้ดินเป็นแฟน เรายอมเปลี่ยนตัวเองได้เสมอ”


      “แรด!”


      “ครับ ผมชื่อดิน ปีสามคณะเกษตร ไม่โสด...นี่แฟน” พี่ดินชี้มาทางผม มันมองผมแล้วยิ้มให้ การปรากฏตัวของมันทำเอาฮือฮาไปทั่ว แต่พอบอกว่าไม่โสดเท่านั้นแหละ ทุกคนเลิกสนใจแล้วกลับไปคุยกันต่อ


       "หลานรหัสกูไม่ธรรมนิหว่า แฟนแม่งหล่อ" พี่บอลแซวผม ก่อนจะหันไปคุยกับพี่ดิน "หล่อแบบนี้ ไปเป็นนายแบบกับพี่ไหม หน้าแบบนี้รุ่งแน่นอน" พี่บอลยื่นนามบัตรให้พี่ดิน


       "ไม่ดีกว่าครับ ผมชอบงานไร่งานสวนมากกว่า" พี่ดินรับนามบัตรพี่บอลมา แต่ก็ปฏิเสธปู่รหัสผมแบบยิ้มๆ


       "เมื่อกี้้พี่ก็ชวนแฟนเราไปถ่ายแบบเหมือนกัน ไอ้ฟ้ามันน่ารัก ช่วงนี้เขาฮิตผู้ชายน่ารักอยู่ด้วย"


       "หืม ไปเหรอ" พี่ดินหันมาถามผม ผมเลยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ


       "มันไม่ไป มันบอกอยากเป็นเด็กยกกล้อง ยกฉากมากกว่า พี่ล่ะเสียดายมันแย่ อุตสาห์จะหาค่าขนมให้มันกินเล่นสักหน่อย" พี่ดินตอบขึ้นมา

     
       "ค่าขนมผมหาให้แฟนผมได้อยู่แล้วพี่ อีกอย่างฟ้าเป็นเด็กยกกล้องยกฉากอ่ะ ผมว่าเหมาะแล้ว"


       "หน้าผมเหมือนพวกใช้แรงงานรึไงพี่ดิน" ผมมองค้อนพี่มัน


       "พี่ขี้เกียจตามหึงตามหวงแฟน รู้ว่ายังไงๆ ถ้าฟ้าไปทำงานแบบนั้นต้องมีคนขายขนมจีบแฟนพี่แน่ๆ ก็เล่นน่ารักซะ!" พี่มันยิ้มให้ผม ขณะทีมือมันก็เขี่ยแก้มผมเล่นไปด้วย ไอ้พี่ดินมาทำตัวน่ารักเดี๋ยวก็กรโดดกัดคอกลางร้านซะเลย
 

       “ดิน แบมขอคุยด้วยได้ไหม” พี่แบมเรียกพี่ดินอีกครั้ง


        “ได้ดิ แต่เราขอถามแฟนเราก่อนนะ กลัวเขาเข้าใจผิด” ปากพี่มันเป็นยังงี้ตั้งแต่พวกเราคบกันแรกๆเลยครับ เวลาไปไหนด้วยกันแล้วมีสาวๆมาขอเบอร์มาจีบพี่มัน มันจะอ้างผมตลอด ขนาดเปลี่ยนสถานะกันแล้วผมก็ยังทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาได้เป็นอย่างดี  แต่ผมก็ชอบนะ ชอบในความชัดเจนของมัน อยู่ด้วยแล้วสบายใจดี


         “พี่ไปคุยกับแบมนะ”


        “อืม ไปเถอะ พี่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนเหรอ”


        “แฟน!” พี่แบมตอบกลับมาทันที แถมสายตาพี่แกก็เปลี่ยนไปมาก จากตอนแรกมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน สาวหวาน แต่ตอนนี้พี่แกแทบจะกระโดดตบผมได้


        “อือ แบมแฟนเก่าพี่สมัยมัธยม”


        “เหรอ งั้นก็ไปเถอะ”


        “ไม่งอนนะ”


        “ผมไม่งี่เง่าขนาดนั้นหรอกน้า”


         “....” พี่ดินมันขมวดคิ้วมองหน้าผม เหมือนไม่เชื่อ


         “ไปเถอะ ผมไม่งอนหรอกหน่า” พอเห็นทั้งสองคนเดินออกไปด้วยกัน คือแบบเสียงที่พูดตามหลังสองคนนั้นแม่งทำเอาเจ็บเบาๆ มีแต่คนพูดว่าทั้งคู่สวยหล่อเหมาะสมกันแบบสุดๆ เออกูมันไม่ใช่ไง กูมันไม่เหมาะกับพี่มันไง แต่ก็ต้องคิดในใจว่าไม่งอน ฟ้ามึงอย่างอนนะ มึงต้องใจเย็น ฟ้ามึงใจเย็นนะ


         “ฟ้ามึงไหวนะ” ไอ้เต๋ามันทำเป็นเนียน ทำเป็นมาตักน้ำแข็งข้างๆผม ผมรู้ว่ามันกำลังเป็นห่วงผม พี่ทิน่าก็อีกคนมองผมเหมือนอยากจะให้กำลังใจผมยังไงยังงั้น


         “ไหวดิ”


         “เออ ใจเย็นๆ คงไม่มีอะไรกันหรอกมั้ง พี่ดินมันรักมึงจะตาย ไม่สิมันเลยคำว่ารักแล้วพี่ดินมันคลั่งไคล้ มันบ้ามึงจะตาย”


         “เออ กูรู้มึงนิก็ย้ำกูจัง กูเชื่อใจพี่ดินอยู่แล้ว มึงไม่ต้องห่วงหรอกกลับไปแดกป่ะ”


        “เออ มีอะไรก็บอกกู”


        “แต๊ง”








   พาร์ทดิน



   “แบมโทรหาดินตลอด ทำไมดินไม่ยอมรับโทรศัพทแบมละ” แบมเดินมาจับมือผม พวกเราสองคนคบกันตั้งแต่สมัยที่พวกเราเรียนอยู่ด้วยกันตอนมอปลาย แต่ก็ต้องเลิกกันไปตอนที่พวกเรากำลังจะไปต่อมหาลัย แบมเขามีอุดมการณ์ชัดเจน เขาอยากเป็นดารานักแสดงในขณะที่ตอนนั้นผมก็สนใจแต่งานด้านการเกษตร พวกเราสองคนเลยทะเลาะกันบ่อย  เพราะความคิดไม่ค่อยตรงกัน เขาอยากให้ผมไปเรียนกับเขา ส่วนผมก็อยากจะเรียนในสิ่งที่ผมรัก สุดท้ายแบมก็คงทนผมไม่ไหว เลยขอเลิกกับผม


   “พอดีดินไม่ค่อยว่าง อยู่ในมหาลัยก็ทำแต่ฟาร์ม แบมเป็นไงสบายดีไหม”


   “อืม สบายดี แบมคิดถึงดิน ตั้งแต่เลิกกับดินแบมยังไม่มีใครเลยนะ”


   “สวยแบบแบม ดินว่าน่าจะมีคนจีบเยอะอยู่นะ”


   “แต่ทุกคนที่เข้ามาก็ไม่เหมือนดินเลยสักคน”


   “แฟนดินชื่อฟ้า เขาน่ารักเนอะ” ผมไม่อยากพูดแบบนี้ แต่พอเห็นหน้าแบมผมก็พอเดาได้ว่า แบมจะพูดอะไรต่อ เลยตัดปัญหาเลยล่ะกัน


   “เด็กคนนั้น.. แบมไม่คิดว่าดินจะชอบผู้ชาย”


   “ก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน แต่พอได้เจอก็ดันชอบไปแล้ว”


   “เรากลับมาคบกันได้ไหมดิน แบมยังรักดินอยู่นะ” แบมเดินเข้ามากอดผม เธอร้องไห้ออกมาเหมือนว่าเธอต้องการผมจริงๆ ผมได้แต่ยินนิ่งๆ พลางเสยผมอย่างหมดอารมณ์ ถามว่าเครียดไหม เครียด แต่พอนึกถึงหน้าเมียเด็กของตัวเองก็ต้องรีบดันแบมให้ออกห่างจากตัว


   “มันเป็นไปไม่ได้แบม ดินไม่ได้รักแบมแล้ว”


   “ถ้าวันนั้นแบมไม่บอกเลิกดิน เราสองคนคงจะรักกันอยู่”


   “อย่าพูดเรื่องเก่าๆเลยแบม แบมก็มีทางของแบม แบมเดินตามอนาคตที่แบมสร้างไว้ดีกว่า ดินว่าเราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันก็พอ ถ้าแบมไม่อยากได้ดินเป็นเพื่อน ก็เป็นแค่คนรู้จัก คนที่เคยเจอกันก็ได้ แต่ดินรู้ ถึงเราจะกลับไปคบกัน ยังไงมันก็จบเหมือนเดิม ความรักของเรามันเหมือนหนังสือแบม จุดจบมันก็เหมือนที่เราอ่านครั้งแรกนั่นแหละ สุดท้ายแบมก็ต้องทนดินไม่ไหว แล้วก็บอกเลิกดินอีกครั้ง อีกอย่างมันก็เป็นไปไม่ได้ด้วย เพราะดินรักฟ้า ขอโทษนะที่ดินต้องพูดตรงๆ เพราะมันดีกับตัวดิน แล้วก็ตัวแบมเอง ยังไงเรื่องของเรามันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”


         “แต่ว่าแบม” แบมจับมือผมแน่น ไหล่บางกำลังสั่นไหวเพราะว่ากำลังร้องไห้


          “แบมน่ารัก ดินเชื่อว่าสักวันแบมต้องได้เจอคนที่รักแบมแน่” ผมยิ้มให้กับแบม ก่อนจะค่อยๆดึงมือแบมออก “เดี๋ยวแบมเข้าไปนั่งพักที่โต๊ะนะ ถ้าไม่ไหวก็ให้พี่โบว์ไปส่ง ดินจะไปนั่งกับพวกไอ้ภู”


          “ไม่เดี๋ยวแบมกลับแล้ว แบมทนเห็นหน้าดินไม่ได้หรอก”


         “อืม งั้นเดี๋ยวดินเรียกพี่โบว์ให้”


        “ไม่ต้อง เดี๋ยวแบมโทรเรียกพี่ผู้จัดการมารับ”


        “อืม โชคดีนะแบม” ผมพูดจบก็หันหลังเดินกลับเข้าร้านทันที ระหว่างกำลังเปิดประตูก็เห็นหลังของใครแว๊บๆที่ มุมตึกด้านข้าง ผมเลยแกล้งค่อยๆเดินเข้าไปหาก่อนจะเห็นไอ้ตัวแสบของผมกำลังยืนหันหลัง ก้มหน้าก้มตาคงกลัวว่าจะถูกจับได้ ผมเลยรวบตัวมากอด ก่อนจะดันหลังอีกฝ่ายให้ติดกับผนัง


        “ไงจ๊ะน้องสาว ดึกๆแบบนี้อยู่คนเดียว ระวังโดนพี่ฉุดไปปล้ำนะ” พูดจบผมก็หอมแก้มนิ่มไปข้างละที ไอ้ตัวแสบเลยยกมือฟาดไหล่ผมกลับมา 


        “ไอ้พี่ดิน ตกใจหมดเลย!!!”


       “มาแอบฟังคนเขาคุยกันเหรอ”


       “เปล่าสักหน่อย”


       “งั้นออกมาทำไม”


       “ก็ฟ้า...เห็นพี่ออกมานานแล้วเลยเป็นห่วง”


       “เอาจริงๆ”


       “ก็เป็นห่วงจริงๆ”


      “หลบตาพี่ทำไม หืม” พอโดนไอ้แสบเมินผมเลยเชยปรายคางขึ้นมาก่อนจะจุ๊บลงไปเบาๆ เวลาดีมุมดีคนก็ไม่มีงั้นผมก็ขอฟัดเมียมันตรงนี้แหละ ก่อนจะงับแก้มนิ่มไปที


      “อือ พี่ดินอย่า เดี๋ยวคนออกมาเห็น”


      “เฮ้อ! มีเมียน่ารัก ห้ามใจตัวเองไม่ได้ทุกที”


      “ก็เคยบอกแล้วไง ว่าอย่าเรียกว่าเมีย มันน่าอาย”


      “งั้นเรียกผัวก็ได้”


       “เดี๋ยวจะโดน ทะลึ่งใหญ่ล่ะ”


        “ฟ้าไม่งอนพี่ใช่ไหม”


        “ถ้างอนไม่มายืนให้พี่แกล้งแบบนี้หรอก”


        “แปลว่าได้ยินที่พี่พูดกับแบม”


        “ก็นิดนึง”


       “พี่รักเรานะฟ้า”


       “ฟ้าก็รักพี่เหมือนกันแหละ” หน้าฟ้าเปลี่ยนสีระเรื่อ ยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่


       “ช่วงโปรโมชั่นก็ต้องรักเมียมากๆแบบนี้แหละเนอะ”


      “เดี๋ยวจะโดน หมดโปรแล้วจะไม่รักผมรึไง” พอพูดแบบนี้ฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองผมทันที เมียกูก็เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย


      “สำหรับฟ้าพี่ให้โปรตลอดชีวิต”


      “มันไม่มีอะไรตลอดไปหรอกพี่ดิน ฟ้าขอแค่อย่างเดียว”


      “หืม”


      “รักฟ้าให้นานที่สุดเท่าที่พี่ดินทำได้ล่ะกัน”


      “โอเค สัญญา แต่อาจจะนานหน่อยนะเพราะพี่ก็คงไม่มีทางหมดรักฟ้าเหมือนกัน”


      “เลียนวะ” น้องดันหน้าผมออก ก่อนที่จะมีเสียงของใครไม่รู้ดังขึ้นมาจากด้านหลัง


      “อืม กูก็เลียน”


      “ไอ้พี่เหนือ มาแอบฟังผมคุยกับเมียทำไมเนี่ย”ผมทำหน้าเหนื่อยใจ ก่อนจะแนะนำเจ้าของร้านให้ฟ้ารู้จัก “ฟ้านิพี่เหนือปู่รหัสพี่เอง จบเกษตรแต่ริมาเปิดร้านเหล้า”


      “เพราะกูรู้ว่าพวกมึงแดกเหล้าเก่งไง กูเลยมาเปิดเพื่อน้องๆในคณะโดนเฉพาะเลย”


      “เมียมึงน่ารักนิหว่า” พี่เหนือมองฟ้า น้องมันก็ดีนะครับพอถูกมองปุ๊บก็ยกมือไหว้ทันที


       “น่ารักอยู่แล้ว นี่ใคร นี่พสุธานะพี่ หาเมียทั้งทีก็ต้องหาแบบน่ารักจับต้องได้ดิ”


       “ปากดี คนกากๆแบบมึงถ้าเพื่อนไม่ช่วยไม่มีทางจีบน้องเขาติดหรอก พวกไอ้ภูเล่าให้กูฟังหมดแล้ว”


       “อย่าไปฟังมันมากพี่ ผมเก่งของผมอยู่แล้ว”


       “แต่เมียเก่ามึงแซ่บกว่าวะ”


       “อะแฮ่ม” ฟ้าแกล้งไอออกมา ผมก็ยืนตัวเกร็งทันที ส่วนไอ้พี่เหนือแม่งก็ยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้า สร้างความร้าวฉานคืองานของพี่มัน


       “ฟ้าพี่พูดเล่น น่ารักคนละแบบ ฟ้าอย่าเครียด ดินมันรักใครรักจริงฟันแล้วทิ้งคือดินพสุธา” พี่เหนือแม่งหางานให้กูอีกแล้ว


      “ผมเผาร้านพี่ได้ไหมวะ”


      “ไอ้น้องเวร เดี๋ยวจะโดน พาเมียมึงเข้าไปนั่งในร้านได้แล้ว”


       “ครับๆ เดี๋ยวผมแวะไปคุยด้วย”


       “ว่างๆ ก็มาร้องเพลงให้กูดิ ตอนนี้ร้านขาดนักร้องวะ”


      “แล้วไอ้ลมอ่ะ”


      “ช่วงนี้มันเรียนหนัก กูก็เห็นใจมัน สงสารมันด้วยแหละ”


      “ผมก็เรียนหนักเหมือนกันนะพี่”


      “แต่มึงถึกไงดิน มึงเด็กเกษตรมึงถึก”


      “ก็ว่าไป งั้นผมพาแฟนผมเข้าด้านในก่อนนะ เดี๋ยวถ้ากรึมๆแล้วจะเดินไปแซว”


      “กวนส้นตีน!”


      พูดจบผมก็พาฟ้าไปส่งที่โต๊ะ ผมเดินไปบอกพี่โบว์ว่าแบมกลับไปแล้ว พี่แกก็พยักหน้าเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว
ผมนั่งคุยกับสายรหัสฟ้าได้สักพักก็ขอตัวไปนั่งกับเพื่อนตัวเอง พอเวลาผ่านไปทั้งฟ้า ทั้งเต๋า ทั้งทิน่าก็พากันมานั่งที่โต๊ะผม ส่วนพี่รหัสฟ้าคนอื่นๆก็พากันทยอยกลับจนหมดเพราะว่าพรุ่งนี้พวกพี่ๆแกมีงานต้องทำ เอาล่ะ เมียมาถึงที่ แถมดูเหมือนฟ้าจะเมาแล้วด้วย วันนี้ผมไม่ได้ห้ามฟ้าเรื่องดื่มเลย เพราะอยากรู้ว่าเวลาเมียเมาจะเป็นยังไงเหมือนกัน ถึงเวลาที่ไอ้ดินคนนี้จะได้กำไรจากเมียบ้างแล้ว


       “พี่ดินจ๋า” มาจงมาจ๋า เล่นเอาอยากจับฟัดมันกลางร้านเลยเว้ยเฮ้ย ทำไมถึงเมาได้น่ารักตะมุตะมิขนาดนี้นะ


       “ทำไมครับ”


       “ทำไมพี่ดินหล่อจังเลยอ่า” ฟ้าเอียงหน้ามามองผม ตาไอ้หมาแม่งหวานฉ่ำ พอเห็นแบบนั่นเล่นเอาผมทนไม่ไหว เลยจับฟัดแก้มไปสักทีสองที ทำเอาเพื่อนในวงเหล้าแซวกันเป็นแถว


       “เฮ้ยๆๆๆ บัดสีบัดเถลิงแล้วไอ้ห่าดิน” ไอ้เมืองพูดขึ้นมาขัดจังหวะ


       “มึงดูเมียกู รู้ว่าเมาแล้วน่ารักแบบนี้กูจะไม่ยอมให้มาเมาข้างนอกเด็ดขาด จะให้เมากับกูแค่สองคนพอ น่ารักวะ”ผมมองไอ้ตัวแสบที่ตอนนี้กำลังยกมือขึ้นมาหยิกแก้มผมไปมาเบาๆ ตะมุตะมิงุงงิงสุดๆ    


       “เพ่ดินแฟนฟ้าทำไมหล๊อ หล่อจังเลยน้า~ ฟ้าร้ากพี่ดินที่ซูดเลยยยย”


       “พี่ก็รักฟ้าเหมือนกัน ขอฟัดเหม่งทีดิ” พูดจบก็ดึงเมียมาหอม “หึย หมั่นเขี้ยวโว๊ย อยากขย้ำให้เจ็บสักที”


      “ไอ้ดิน มึงลากเมียกลับบ้านไปขย้ำได้เลย ไปมึงไปเลย อย่าอยู่เป็นภาระให้สังคม”


      “ไม่อ้าวนะ ฟ้าม่ายห้ายพี่ดินขาย้ำ พี่ดินชอบทามฟ้าเจ็บ ชอบกัดฟ้าฟัดฟ้าโจนระโบมไปโม้ด” เมียตัวเล็กของผมทำท่ากอดตัวเอง พร้อมส่ายมือส่ายหน้า อือหื้ออยากจะจับทำให้เจ็บอีกสักทีสองที ทำไมน่ารัก


      “โรคจิต!!” เสียงของทุกคนดังขึ้นพร้อมใจกันด่าผม


       “เอ้า! อย่าพูด กูรู้ว่าพวกมึงก็ทำกับเมียมึงเหมือนกัน”


       “พี่ดินนิสัยม่ายดีชอบแกล้งฟ้าทุกคืนเลย”


       “กูกลับแล้ว อยู่นานกว่านี้เมียกูแฉเรื่องกูอีกแน่”


       “เออ ไปเถอะ วันนี้พวกกูไม่กวน เต็มเหนี่ยวเลยพวก” พวกไอ้เมืองยกมือลา ส่วนผมก็พยักหน้าให้มัน ยังไงพวกมึงก็กวนกูไม่ได้อยู่แล้ว ช่วงนี้เครื่องกูฟิต สตาร์ทติดง่ายอยู่แล้ว จะให้ฉุดยังไงมันก็ห้ามไม่อยู่แน่ๆ





พาร์ทฟ้า


      “อือ พี่ดิน ฟ้าปวดหัว เมื่อยตัวไปหมด” ผมร้องเรียกพี่ดิน ทั้งๆที่ตาทั้งสองข้างยังลืมไม่ขึ้น เช้านี้บอกตรงๆเลยว่าเมื่อยมาก ปวดหัวมาก รู้สึกเนื้อตัวระบมมากเหมือนกัน “พี่ดิน” ร้องเรียกแฟนตัวดีอีกที


      “พี่มาแล้ว”


      “ฟ้าปวดหัวปวดตัวไปหมดเลย พี่ดินหายามาให้ฟ้ากินหน่อยนะ”


      “ครับๆ” ไม่นานพี่ดินมันก็กลับมาหาผม มาพร้อมซองยาในมือ มันดูแลประคบประหงมผมดีมาก คือพอเริ่มมีสติผมก็มองไปรอบๆห้อง รอบๆเตียง สภาพเหมือนผมกำลังอยู่ในสนามรบยังไงยังงั้น เสื้อพงเสื้อผ้ากระจัดกระจาย  เตียงนอนยับยู่ยี่ อีกางเกงในหมายเลขแปดที่อยู่หน้าประตูห้องนั่นของแฟนกูแน่นอน  เมื่อคืนพี่กูจัดกูหนักแน่ เล่นเอาขยับช่วงล่างแทบไม่ได้ขนาดนี้


      “เมื่อคืนแกล้งฟ้าใช่ไหมเนี่ย” ผมมองพี่มันค้อนๆ


      “เปล่าเลย พี่ไม่ได้แกล้งฟ้าเลยนะ”


      “ไม่จริงอ่ะ ไม่อยากจะเชื่อ ดูดิช่วงล่างขยับแทบไม่ได้เลย”


       “ก็จะให้ขยับได้ไงอ่ะ เมื่อคืนเมียสุดที่รักของพี่คุมเกมเองทั้งคืนเลย ออนท๊อปให้จนพสุธาสบายตัวไปเลยอ่ะ รู้งี้ให้เมาทุกวันก็ดีแหละ” พี่ดินจับผมไปหอมหัว พอไอ้พี่ดินพูดขึ้นมา ภาพเมื่อคืนแม่งเหมือนแฟลชแบค ย้อนเข้ามาในหัวผมตั้งแต่แรก จนผมอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ไอ้เชี่ยเมื่อคืนกูไม่น่าเมาเลยโว๊ยยยย


       “วันหลังมากินเหล้าด้วยกันอีกนะ พี่ชอบเมียขี้เมาวะ”


       “ไม่มีทาง!!!!!”  ชาตินี้กูจะไม่แดกเหล้าอีกแน่นอน สัญญา!
 


..........tbc..........


ขอบคุณที่ยังติดตามพี่ดินน้องฟ้านะคะ
ใกล้จบแล้ว!!!!!!! 
ส่วนเรื่องพี่ลม นักเขียนกะว่าจะแต่งเป็นสเปไม่ก็ขึ้นเรื่องใหม่ กำลังลังเลในใจ
ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ติดตามกัน
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 27-01-2018 12:13:42
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-01-2018 13:25:24
พี่ดินชัดเจนดีอ่ะ ชอบๆๆ o13 o13 o13
นึกว่าจะมีม่าเรื่องแฟนเก่าพี่ดินมาทำให้น้องฟ้าเสียใจซะแล้ว
ว่าแต่น้องฟ้าเมาแล้วน่ารักอ่ะ  :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-01-2018 18:39:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Nachar ที่ 29-01-2018 20:22:03
รอพี่ลมเลยย :z10:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 01-02-2018 14:53:45
ฟิลกู้ดสุดๆ ดินฟ้าอากาศเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 01-02-2018 18:24:50
ยาวจุใจมาก พี่ดินกับน้องฟ้ายังน่ารักเหมือนเดิม ขอบคุณนะคะ :กอด1:
เปิดเรื่องใหม่พี่ลมค่ะ!! /ชูสองมือ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-02-2018 20:44:07
หมดกัน เวลาฟ้าเมา  :z3: :z3: :z3:
ความลับของพี่ดินแฉออกมาหมดเลย
แล้วฟ้าน่ารักมาก ออนท็อปให้พี่ดินซะด้วย  :o8: :-[ :impress2:
พี่ดิน ฟ้า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

แล้วแฟนเก่าของพี่ดิน ก็โผล่มา
มาขอคบ ขอคืนดี แต่พี่ดินดีมาก ปฏิเสธชัดเจน
ไม่สน ปากพูดแต่ว่า มีแฟนแล้ว พี่ดินยอดเยี่ยมมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 13 [27/01/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-02-2018 21:24:05
คิดถึงน้องฟ้ากับพี่ดินแล้ว
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 14 [08/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 08-02-2018 09:39:34
ตอนที่ 14

“ทำไมมึงไม่พาพี่ดินมางานแต่งพี่ดาวด้วยวะ”  ไอ้เต๋าถามผม ในขณะที่มันก็เอาแต่นอนดูแฟนมันช่วยผมเช็คของชำรวยงานแต่ง


“พี่มันดันติดงานที่บ้านเหมือนกัน”


“อยากให้ป๋ามึงเห็นจริงๆว่าลูกชายหาเขยได้หล่อขนาดไหน”


“กูโดนฆ่าก่อนดิ”


“ไม่โดนแน่ เพราะป๋ามึงคิดไว้แล้วว่าชาตินี้อาตี๋น้อยของแกคงหาเมียไม่ได้” ดูปากไอ้เต๋า พอไอ้สิงห์ไม่อยู่มันก็ปากเสียกับผมเชียว


“แต่ว่าตอนนี้กูเริ่มห่วงไอ้สิงห์แล้ววะ มันจะมางานพี่ดาวไหม”


“มาดิ แต่คงมางานกลางคืนวันพรุ่งนี้นะ”


“กูไม่คิดว่าแฟนมันจะหักอกมันได้ คนอย่างไอ้สิงห์ไม่ควรมีสาวมาหักอกเปล่าวะ เพื่อนกูก็ออกจะหล่อ”


“เราก็ไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของคู่มัน ตอนนี้ก็ปล่อยให้มันทำใจไปก่อนคบกันมาตั้งสองปีเป็นใครๆ ก็เศร้าวะ”


“ปานนี้เพื่อนกูเมาหัวราน้ำแน่”


“เออ”








สิงห์พาร์ท


“พี่ขอเหล้าหน่อยดิ” ผมเป็นคนที่เคยคิดว่า ถ้าอกหักเมื่อไรกูจะไม่มีวันทำตัวเป็นพระเอกมิวสิคแน่นอนพันเปอร์เซนต์ ไอ้พวกเมาหัวราน้ำ เปิดน้ำในฝักบัวใส่หัว กูจะไม่ทำแน่ แต่พอมันเกิดขึ้นในชีวิตผมจริงๆ ผมแม่งทำทุกอย่างเลยวะมันเฟล มันทำใจไม่ได้ ความรักที่ผมอุตสาห์เฝ้าหวงแหนมาสองปีเต็ม สุดท้ายมาพังทลายลงเพราะว่าเธอมีคนใหม่


“อย่ากินมากนะไอ้สิงห์” ไอ้พี่เหนือปู่รหัสของพี่ดินเข้ามาเตือนผม


“ผม ผมไม่อยากกิน แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ลืมหมวย ผมอยากลืมหมวยพี่ พี่เข้าใจผมใช่ไหม” น้ำตากูไหลอีกแล้ว ไม่อยากร้องไห้แต่แม่งรักมาก คบกันมาตั้งสองปีไม่ให้รักก็ยังไงอยู่ แต่ที่ช๊อคสุดคือหมวยแม่งทิ้งผมไปมีคนใหม่แบบไม่มีการร่ำลาเลยสักนิด


“เออ กูเข้าใจ แต่พวกไอ้ดินมันบอกให้กูดูแลมึงด้วย อย่าแดกเยอะ พี่ๆมันหวง”


“ขออีกแก้วดิ พี่เหนือ” ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นล่ะ ตอนนี้แค่อยากเมา แค่อยากแดกๆมันให้ลืมอีกคน


“พี่เหนือหวัดดี เอ้าไอ้สิงห์เป็นไรของมึงเนี่ย” พี่ลมเข้ามาทักผมกับพี่เหนือ


“น้องมันอกหัก”


“ถูกดาวคุรุเทเหรอวะ”


“เออ”


“กูก็ว่าอยู่ ว่าสักวันหนึ่งมึงต้องโดนเทแน่ๆ เพราะเจ้หมวยแกไม่ธรรมดา”


“พี่มาพูดงี้ได้ไงวะ หมวยเขาดีกับผมนะเว้ย ผมรักหมวย หมวยก็รักผม”


“มันเมาแล้วนิหว่าพี่เหนือ” พี่ลมหันไปคุยกับพี่เหนือแทน ส่วนผมก็เทเหล้าลงคอกินแบบไม่กลัวตายต่อไป


“อือ มันเมาแล้วแต่กูก็ทำไรไม่ได้ แม่งแดกตั้งแต่เย็น” ถ้ากูเมากูไม่รู้หรอกว่าพวกพี่มึงพูดอะไรกันอยู่ “เออ งั้นมึงไปเตรียมตัวหลังร้านเถอะ เดี๋ยวได้ออกมาร้องเพลง”


“ครับ ฝากไอ้สิงห์ด้วยนะพี่ น่าเป็นห่วงวะ”


“เออ ไอ้ห่านิอยู่กับพวกไอ้ดินมาก มันคงไม่ล้มตึงง่ายๆเพราะเหล้าหรอก ตอนนี้กูว่ามันคงกรึมๆ”


“งั้นผมไปเตรียมตัวก่อนนะ”


“เดี๋ยว แล้ววันมะรืนมึงไปงานพี่ชายไอ้ดินป่ะ”


“ไปดิพี่ แต่กำลังลังเลว่าจะไปงานใครดี ฟ้าก็ชวนผมเหมือนกัน พี่สาวเขาแต่งงาน”


“ไปงานเมียไอ้ดินมึงคงโดนมันเตะ”


“แต่ไปทางเมียมันก็ยังดี อาหารตาวะพี่”


“ระวังบ้านบรึ้ม”


“ผมล้อเล่น งั้นผมไปเตรียมตัวก่อนนะพี่”


“เออ”


พี่ลมพี่เหนือแยกย้ายไปจากผม ผมรู้ว่าพวกพี่มันมองผมอยู่ห่างๆ แต่จะทำยังไงได้ผมแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ คนอกหักทำไมมันต้องเจ็บแบบนี้ด้วยวะ เพียงไม่นานพี่ลมมันก็ออกมาหน้าเวที เซ็ตกีตาร์เซ็ตเสียงสักพักพี่มันก็เริ่มร้องเพลง ผมฟังพี่มันไปเรื่อยๆ บางเพลงฟังแล้วแม่งยิ่งเจ็บกว่าเดิม บางเพลงก็ทำให้นึกถึงวันเก่าๆที่อยู่กับหมวย สมัยคบกันเราสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลย หมวยอยากได้อะไรผมให้ หมวยอยากให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองผมเปลี่ยน ผมทำเพื่อเธอทุกอย่าง แต่ดูสิ่งที่เธอทำให้ผมสิ ทำไมกันวะ ทำไม!


“มักมีคนบอกกับผมเสมอว่า คนที่ซื่อสัตย์ในความรักมักเป็นคนที่โง่และต้องเจ็บเสมอ” พี่ลมมันพูดขึ้นมาพลางมองหน้าผม ผมจ้องพี่มันด้วยสายตาที่เลือนราง “แต่ผมไม่เคยเชื่อคำพูดนี้เลยนะครับ ผมว่าคนที่ซื่อสัตย์ในความรักของตัวเองเท่ห์จะตาย พวกเขาไม่ได้โง่แต่พวกเขาเชื่อมั่นในความรักของเขาต่างหาก ผมอยากให้ทุกคนได้ลองฟังเพลงนี้กันนะครับ หวังว่าจะชอบและอาจโดนใจใครหลายๆคนที่อยู่ตรงนี้”


     นอน ฉันก็ยังนอนคนเดียวอยู่ ฉันก็ยังตัวคนเดียวอยู่
ไม่มีอะไร มีก็แต่ใจที่ยังมั่นคงต่อเธอ
เหมือนวันที่เคยมีกันอยู่ แม้วันนี้เธอจะไม่อยู่
ก็ไม่ได้คิด จะให้ชีวิตมีใคร
                  ยังเหมือนเดิม ยังไงก็ยังอย่างนั้น
เวลาไม่เคยเปลี่ยนฉัน ที่มันยังมีแต่เธอทั้งใจ
ยังเก็บเธอไว้อย่างดี ยังมีรักเดียวเสมอ
ทุกอย่างยังเหมือนว่าเธอ ไม่จากไป
ยังอยู่กับรักที่มี ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ
ฉันยังซื่อสัตย์ ยังไม่อาจรักใคร ยังรักได้แค่เธอ
       จำ ฉันก็ยังจำแค่เรื่องเก่า ฉันก็ยังทำเหมือนๆเก่า
ยังมีชีวิต ติดอยู่กับความทรงจำและคำว่ารัก
แม้ต้องมีฉันเพียงผู้เดียว ฉันก็ยังคงจะรักเดียว
ต่อให้มันเหงา ต่อให้ปวดร้าวเพียงใด
       ยังเหมือนเดิม ยังไงก็ยังอย่างนั้น
เวลาไม่เคยเปลี่ยนฉัน ที่มันยังมีแต่เธอทั้งใจ
ยังเก็บเธอไว้อย่างดี ยังมีรักเดียวเสมอ
ทุกอย่างยังเหมือนว่าเธอ ไม่จากไป
 ยังอยู่กับรักที่มี ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ
ฉันยังซื่อสัตย์ ยังไม่อาจรักใคร ยังรักได้แค่เธอ
       ยังรักเธอเสมอ ยังรักเธอคนเดียว
ยังเก็บเธอไว้อย่างดี ยังมีรักเดียวเสมอ
ทุกอย่างยังเหมือนว่าเธอ ไม่จากไป
ยังอยู่กับรักที่มี ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ
ฉันยังซื่อสัตย์ ยังไม่อาจรักใคร
แม้คนที่ซื่อสัตย์ต้องไม่เหลือใคร แต่ฉันก็รักเธอ

[ความซื่อสัยต์ - bodyslam]



เพลงจบอารมณ์กูไม่จบ พอสิ้นเสียงเพลงผมก็ก้มหน้าร้องไห้ปิดบังน้ำตาตัวเอง ไอ้เชี่ยทำใจไม่ได้โว๊ยยยย







พาร์ทลม



ไอ้สิงห์น่าเป็นห่วง! นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้ อือหื้อน้องกูอาการหนัก ไม่รู้ว่าเพลงที่ผมร้องมันจะไปกระแทกใจมันรึเปล่า เดี๋ยวเลิกงานต้องไปดูแลมันสักหน่อยตามประสาพี่ข้างบ้าน


“ไอ้ลมมีคนส่งกระดาษให้มึงอ่ะ มึงเหม่ออะไรของมึงวะ” เพื่อนร่วมวงดนตรีของผมสะกิดไหล่ผมให้หันไปรับแผ่นกระดาษที่สาวๆยื่นมาให้ทางด้านหน้า


“อ๋อ เออ ขอโทษครับ” ผมยิ้มรับกระดาษที่ด้านหน้าเวที  พอผมอ่าน ผมก็เห็นเบอร์โทรและเพลงที่อยากให้ร้อง แถมยังมีไอดีไลน์โผล่มาอีกสองสามไอดี “ส่วนมากสาวๆอยากให้ผมร้องเพลงเศร้าเนอะ” ผมพูดพลางยิ้ม หลายคนหันมากรี๊ดให้ แถมยังเรียกชื่อผมไม่หยุด เออ โซฮอตจริงๆเลยกู


“งั้นเพลงต่อไปนี้ก็ตามใจสาวๆหน่อย แต่เพลงนี้มันคงจะไปกระแทกใจน้องชายของผมที่กำลังอกหักอยู่ตอนนี้แน่ๆ”



          ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร ก็ได้
เก็บคำพูดที่มีเหล่านั้นในใจ
 ไม่ต้องพยายามแสดงว่าเธอเสียใจ ก็ได้
เก็บความรู้สึกที่มีไว้
 *เพราะ ที่เธอกำลังบอกฉัน ที่แสดงอาการเหล่านั้น
คือการบอกฉันว่าเธอต้องไป
  **อย่าบอกว่าเธอเสียใจ
 คนที่เสียใจวันนี้ต้องเป็นฉัน
อย่าเสียเวลาฟูมฟายแทนกัน
เธอยังมีเขารออยู่
 คนที่ต้องเสียใจถึงเมื่อไรก็ไม่รู้ คือฉันไม่ใช่เธอ
    แค่เธอเดินจากไปกับเขาเลย ก็ได้
 บอกกับฉันคำเดียวว่าเธอจะไป
 ไม่ต้องสาธยายว่ารู้สึกผิดแค่ไหน ก็ได้
 มันไม่มีประโยชน์อะไร*,**
(อะตอม- อย่าบอก)




02.00


เวลาตีสอง ร้านปิดผมรีบเก็บข้าวของแล้วเดินไปหาไอ้สิงห์ สภาพรุ่นน้องต่างคณะแทบดูไม่ได้ มันนอนจมแก้ว
เหล้า  นอนบ่นนอนพร่ำเพ้ออะไรของมันไปเรื่อย กูจะปลอบก็ไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แต่นั่งมองมันอยู่เงียบๆ


   “พี่เหนือ ผมว่าผมจะพามันกลับวะพี่”


   “เฮ้ยไม่ต้อง เมื่อกี้มันโทรให้น้องชายที่เรียนมหาลัยใกล้ๆมารับแล้ว”


   “เฮ้ย ที่จริงกลับกับผมก็ได้นะเว้ย”


   “มันบอกมันจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ไม่อยากอยู่แล้ว เห็นว่าอยากไปหาพวกไอ้ฟ้า”


   “แล้วกลับดึกๆดื่นแบบนี้เนี่ยนะ ผมว่าให้มันนอนพักที่บ้านก่อนก็ได้มั้ง”


   “กูก็ไม่รู้มันวะ”


   “ผมเข้าใจนะ อาการอกหักมันเป็นยังไง แต่แบบ.. ผมอยากให้มันตั้งสติให้ได้มากกว่านี้ ดูดิทำเหมือนโลกทั้งใบมีเจ๊หมวยแค่คนเดียว” ผมมองไอ้สิงห์อย่างสงสาร ก่อนจะหันไปมองทางหน้าร้าน เมื่อได้ยินเสียงใครเปิดเข้ามา


   “พี่สิงห์อยู่ร้านนี้รึเปล่าครับ” คนมาใหม่ตะโกนถาม พี่เหนือเลยรีบตอบกลับไปและเรียกน้องชายไอ้สิงห์ให้เข้ามาด้านใน


   “พี่สิงห์ของน้องอยู่นี่” อาจเป็นเพราะแสงไฟในร้านมันสลัวมองอะไรไม่ค่อยชัด แต่พอน้องไอ้สิงห์เดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่มีศพไอ้สิงห์อยู่เท่านั้นแหละ โอ้พระเจ้า น่ารักสัด!! ผมแทบสบถอยู่ในใจ คนเชี่ยไรจะน่ารักได้ขนาดนี้ ว่าน้องฟ้าขาวแล้วนะ ไอ้เด็กนี่แม่งเรืองแสง


   “เออ คือผมเป็นน้องชายพี่สิงห์ ชื่อสรนะครับพอดีไอ้พี่บ้ามันโทรให้ผมมารับมันกลับบ้าน..” คนเป็นน้องมองสภาพพี่ชายตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า “เฮ้อ! คนอกหักมันเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอ้พี่สิงห์ไหวไหมเนี่ย” น้องไอ้สิงห์พูดเจื้อยแจ้วแต่ตาก็มองพี่ชายด้วยความระอา ผมมองน้องไอ้สิงห์ที่อยู่ในชุดบอล ไอ้เด็กนิตัวเท่าๆฟ้าเลย เผลอๆเล็กกว่าฟ้านิดนึงด้วยมั้ง


   “น้องจะพามันกลับบ้าน... บ้านไหน? บ้านเช่าหรือว่าบ้านต่างจังหวัด” ผมแกล้งถามน้องมันไป ขณะที่น้องมันก็กำลังจะจับแขนพี่ชายของมันพาดบ่า แหมหน่วยก้านไอ้เด็กนี่ไม่เลวนิหว่า


   “บ้านต่างจังหวัด”


   “หืม ไกลเลยดิ”


   “ครับ ก็มันร้องห่มร้องไห้อยากกลับบ้านไปหาพวกพี่เต๋าพี่ฟ้า ผมเลยกะจะพามันไป อีกอย่างจะถึงงานแต่งพี่นับดาวแล้วด้วย ไปตั้งแต่คืนนี้ก็ดีเหมือนกัน โอ๊ยหนักโว๊ย ไอ้พี่บ้ามึงเมาแล้วทำไมไม่ดูแลตัวเองให้ดีวะ”น้องไอ้สิงห์ตะโกนใส่พี่มัน


   “สรพากูกลับบ้านทีเด๊ะ” สติสตังมึงไปหมดแล้วไอ้สิงห์ กูละสงสารน้องมึงจริงๆ


   “พี่ช่วยผมหน่อยดิ” น้องไอ้สิงห์มองผม


   “เออ ได้ๆๆ” ผมรีบเข้าไปช่วยแบกไอ้เต๋าไปที่รถ ก่อนไปผมก็ลาพี่เหนือเพราะกะว่าคงจะกลับบ้านไปพักเลย


   “พี่เป็นเพื่อนในคณะเดียวกับพี่สิงห์เหรอ”


   “เปล่า กูเป็นพี่ที่อยู่ข้างบ้านมัน อยู่กันคนละคณะ”


   “อ๋อ เป็นพี่” ไอ้เด็กสรหันหน้ามาหาผม


   “รู้จักพี่ฟ้าไหม”


   “รู้จัก”


   “ไปงานแต่งพี่สาวพี่ฟ้าไหม”


   “คงไม่ได้ไป เพราะต้องไปงานเพื่อนอีกคน”


   “โอ๊ยเสียดาย”


   “ทำไมอ่ะ”


   “กลางคืนผมขับรถไม่แข็งอ่ะดิพี่ ใบขับขี่ก็ไม่มี ไอ้ห่าพี่สิงห์บอกว่าปิดเทอมค่อยไปทำ”


   “เอ้าถ้ามึงเจอตำรวจมึงทำไง?” ผมถามพลางยัดไอ้สิงห์ให้เข้าไปนอนเบาะหลัง


   “ตั้งแต่ขับมายังไม่เคยเจอเลยพี่ แต่ถ้าเจอไอ้พี่สิงห์ให้บอกตำรวจไปว่า รู้ไหมกูน้องใคร”


   “แล้วมึงจะตอบตำรวจว่าน้องใคร”


   “น้องไอ้เชี่ยสิงห์ พ่อชื่ออู๊ดแม่ชื่อส้มบ้านขายของ”


   “เพื่อ?”


   “ไอ้พี่สิงห์บอกว่าตำรวจได้งง แล้วก็ให้ผมก็ขับหนีไป”


   “ตลกละพี่มึงอ่ะ”


   “ผมก็ว่าอยู่ แต่ยังไม่ได้เอามาใช้สักที”


   “ที่พูดมาทั้งหมดคือ อยากให้ขับไปให้ใช่ไหม”


   “ถ้าพี่จะกรุณา”


   “เอาก็เอาวะ คิดว่าช่วยไอ้สิงห์ละกัน งั้นก่อนไปขอกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะ”


   “ไม่ต้องหรอก เอาของพี่สิงห์ก็ได้ ตัวพี่สองคนยักษ์พอๆกัน”


   “เอางั้นเลยเหรอ แล้วกางเกงในกูอ่ะ”


   “ซื้อเซเว่น”


   “ฮึ! โอเคๆ ก็ได้” เห็นว่าแม่งยิ้มน่ารักหรอกนะกูถึงยอมเชื่อ ไอ้เชี่ยลมจุดอ่อนมึงคือแพ้คนน่ารักเหรอวะ


   “ขอบคุณนะพี่”


   “พูดเก่งนะมึงอ่ะ”


   “มีแต่คนบอกกับผมแบบนี้”


   “ตอนเด็กมึงคงถูกแม่ฟาดปากด้วยเขียด”


   “พี่รู้!?” ไอ้เด็กเรืองแสงทำท่าตกใจ  นี่คือผมแค่พูดเล่นนะไม่คิดว่าจะจริง


   “กูเดา” เด็กนั่นทำหน้าตกใจในขณะที่มันก็ยื่นกุญแจรถมาให้ผม


   “เดาเก่งมากเลยอ่ะ ขอฝากตัวด้วยนะครับ”


   “ฝากตัวเพื่อ?” ผมเปิดรถเข้าไปนั่ง ส่วนไอ้เด็กเรืองแสงก็มานั่งข้างๆ


   “พี่สิงห์บอกว่า ถ้ามีคนขับรถให้ ให้บอกไปว่าฝากตัวด้วยนะครับ ลูกมีพ่อมีแม่ขับดีๆนะ อนาคตอีกยาวไกล”


   “กวนตีน”


   “เนอะ พี่สิงห์แม่งกวนตีน”


   “มึงก็ด้วย!!”
 





ระหว่างทางน้องไอ้สิงห์ก็ชวนผมคุนตลอดเส้นทาง ปากนิเจื้อยแจ้วไม่หยุด พูดจ้อแบบไม่มีนอนสต๊อป ถ้าคนอื่นฟังคงรำคาญแต่สำหรับผม ฟังไอ้เด็กนีออนมันพูดก็เพลินดี


        “พี่ลม”


        “หืม”


        “พี่มีแฟนยัง”


        “ถามทำไม จะจีบกูเหรอ”


       “เช๊อะ พี่ไม่ใช่สเป็คผมสักหน่อย”


       “แล้วสเป็คมึงเป็นแบบไหน”


       “พี่ฟ้า น่ารัก ขาว ใส ยิ้มทีแม่งดอกไม้บานไสวไปสองแปลง”  นั่นคนหรือว่าเจ้าหญิงดีสนีย์วะ


       “มึงชอบผู้ชาย?”


       “ก็ไม่เชิง สาวๆน่ารักก็มอง แต่พี่ฟ้าแม่งเป็นข้อยกเว้น แบบพี่เขาทำลายล้างทุกกฎ... ผู้ชายเชี่ยอะไรน่าเอา” ผมกินน้ำอยู่ดี น้ำแทบพุงออกจากปากเพราะคำพูดของไอ้เด็กสร มึงนิกล้ามาก!


       “ดูพูดเข้า ถ้าแฟนฟ้าได้ยินมึงคงโดนตบเกรียน”


       “พี่ฟ้ามีแฟนแล้วเหรอ!!!”


   “เออ ก็ขนาดมึงยังอยากเอา ฟ้ามันคงไม่รอดอ่ะ”


   “โธ่ เดี๋ยวก็เลิก วัยรุ่นสมัยนี้คบกันไม่นานหรอก แฟนพี่ฟ้าก็คงงั้นๆ”


   “ปากดีจังเลยนะมึงเนี่ย” ผมส่ายหน้าระอากับไอ้เด็กเรืองแสง แหมปากหมาได้พี่จริงๆ


   “เออ เมื่อกี้ผมถามพี่มีแฟนยัง พี่ยังไม่ได้ตอบผมเลย”


   “ยัง”


   “ทำไมอ่ะ หน้าตาก็ออกจะดีทำไมยังไม่มีแฟน”


   “ยังไม่เจอคนที่ทำให้กูใจเต้นแรงมั้ง”


   “อ๋อ”


   “แล้วมึงอ่ะ มีแฟนยัง”


   “ยัง ผมกะจะตามจีบพี่ฟ้า” มันยักคิ้วให้ผม  ผมยืนยันว่ายังไงไอ้เด็กเรืองแสงแม่งก็น่าตบเกรียนจริงๆ


   “เออ กูถามไรหน่อยทำไมมึงไม่เรียนมหาลัยเดียวกับไอ้สิงห์วะ”


   “พี่น้องกันอยู่ด้วยกันบ่อยๆเบื่อตาย อีกอย่างไอ้พี่สิงห์ก็ไม่ได้เป็นพี่ชายแสนดีขนาดนั้น โมโหทีไรไล่เตะตูดผมทุกที”


   “สมควรอยู่”


   น้องไอ้สิงห์หันมามองค้อนผม ผมเลยแกล้งยีผมไปด้วยความหมั่นเขี้ยว ไอ้เด็กนี่มีส่วนคล้ายฟ้าเหมือนกัน เพราะน่าเอ็นดูและน่าเตะในคราวเดียวกัน


        หลังจากขับมาได้สองสามชั่วโมง ผมก็ถึงบ้านไอ้สิงห์ บ้านไอ้สิงห์มันเป็นร้านมินิมาร์ท  หน้าบ้านเปิดร้านขายของด้านหลังก็เป็นบ้านธรรมดาสองสามชั้น พอมาถึงบ้านก็เกือบเช้าพอดี ผมพยุงไอ้สิงห์ให้ขึ้นไปนอนบนห้อง ก่อนที่ไอ้เด็กสรจะพาผมลงมาไว้พ่อกับแม่มัน


        “ลมขึ้นไปพักผ่อนเถอะลูก หนูยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอ”


        “ครับ”


        “ไปนอนห้องสรก็ได้ เพราะห้องสิงห์ แม่ว่ามันรกไปนิด เดี๋ยวสรพาพี่เขาไปนอนห้องหนูนะ”


         “ครับ แต่เดี๋ยวผมไปนอนห้องแม่นะ คิดถึงแม่อยากดมกลิ่นแม่เยอะๆ” ไอ้เด็กสรเข้าไปเกาะแม่ตัวเอง ก่อนจะหอมแก้มแม่มันดังฟอด


         “ไอ้แสบนิ อยากจะนอนก็นอนไปเถอะ แต่อย่าลืมพาพี่เขาไปพักก่อน”


        “ครับ”


         ไอ้เด็กสรพาผมไปที่ห้องมัน ภายในห้องก็ไม่มีอะไรมาก เหมือนห้องเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไป


       “พี่จะอาบน้ำก่อนไหม เดี๋ยวผมไปเอาชุดพี่สิงห์ให้”


        “เอาดิ” เพียงไม่นานไอ้เด็กเรืองแสงก็เอาชุดบอลของไอ้สิงห์มาให้ผมใส่ ผมเลยรีบเข้าไปอาบน้ำ ขับรถมาทั้งคืนก็เพลียเหมือนกัน ถ้าได้นอนพักสักงีบอาการคงจะดีขึ้นหน่อย พออาบน้ำเสร็จผมก็เห็นร่างของไอ้แสบนอนหลับอยู่บนเตียง นี่คงเหนื่อยมากจริงๆ ก็เล่นคุยมาตลอดทางไม่ได้พักมันก็ต้องมีเพลียกันบ้าง


   ผมจัดน้องให้นอนชิดด้านใน ส่วนตัวเองก็นอนด้านนอก ไอ้เด็กเรืองแสงครางอู้อี้ในลำคอเมื่อผมไปยุ่งกับตัวมัน พอจัดอีกฝ่ายเข้าทีเข้าทางเรียบร้อย ผมก็ทิ้งตัวนอนบ้าง บอกตามตรงวันนี้เป็นวันที่เหนื่อยที่สุด พอหัวถึงหมอนสติก็เริ่มเลือนราง สุดท้ายผมก็หลับตามไอ้เด็กตัวแสบไปติดๆ


   “....”


   “พี่ลมวะมึง เห้ยไอ้พี่ลมจริงๆวะ” รู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของใครบางคนคุยกันก็ไม่รู้


   “ไอ้ฟ้าเบาๆดิ กูว่าไอ้ห่าสิงห์แม่ง ได้พี่ลมเป็นพี่เขยแน่ๆเลย”


   “กูก็ว่างั้น แต่ไอ้สรมันก็น่ารักเหมาะกับพี่เขาอยู่นะเว้ย”


   “ไอ้เชี่ยต้องชง”


   “อยากชงแต่กูกลัวโดนไอ้สิงห์ต่อยปาก เห็นแบบนั้นหวงน้องจะตาย!!!”


   “ก็เบ้าหน้าคนละเบ้าขนาดนั้น พี่ก็แมนซะ ส่วนน้องก็มุ้งมิ้งเกินคน”


   “กูขอถ่ายรูปเก็บไว้ดีกว่า ไอ้เชี่ยภาพหายาก เอาไว้แกล้งไอ้สิงห์”


   “ร้ายจริงๆเลยนะ เมียพี่ดิน”


   “ฆวย”


   “ไปเถอะ ให้พี่ลมเขานอนต่อไปเถอะ ได้เด็กขาวๆอย่างไอ้สรเป็นหมอนข้างคงหลับสบาย”


   “เออๆๆ ไปดูใจไอ้สิงห์ดีกว่า เห็นว่าเมื่อคืนแม่งอาการหนัก”


        “แล้วมึงรู้ได้ไง ว่าไอ้สิงห์อาการหนัก ผัวโทรบอกอ่ะดิ”


        “ก็...เออหน่ากูรู้ล่ะกัน” เสียงปิดประตูดังไล่หลังบทสนทนาของไอ้สองแสบคณะนิเทศ ผมเริ่มรู้สึกตัวตั้งแต่ไอ้สองแสบคุยกันตั้งแต่แรกๆแล้ว แต่ไม่อยากตื่นเพราะถ้าตื่นขึ้นมาคงต้องมานั่งฟังพวกไอ้แสบมันมาล้อเลียนไม่ก็มาจ้องจับผิดผมแน่ๆ


   ผมลืมตาตื่น ก่อนจะหันไปมองเด็กเรืองแสงที่อยู่ข้างกาย ดูสิมันแสบแค่ไหนนอนดิ้นจนเอาแขนมากอดผมเอาไว้  มันคงคิดว่าผมเป็นหมอนข้างแน่ๆ เล่นนอนอิงแอบจนตะคริวจะกินที่แขนผมไปหมด อยากจะผลักหัวให้ออกไปไกลๆ แต่ก็เสียดายกลิ่นหอมบนตัวมัน ว่าแต่คนอื่นน่าเอามึงมันก็ไม่ต่างกับเขาเลยไอ้เด็กเรืองแสงเอ๊ย หน้าตาก็จิ้มลิ่ม จริงอย่างที่ฟ้ากับไอ้เต๋าว่า สรคนละเบ้าหน้ากับไอ้สิงห์เลย พี่ก็แมนอย่างกับนักมวย น้องก็ดูขาวตี๋ซะจนน่าหยิก

   ช่วงบ่ายพอผมตื่น ไอ้เด็กเรืองแสงก็พาผมไปกินข้าวเที่ยงแล้วก็พาตะเวรไปบ้านคนนู่นทีคนนี้ที ไปทั้งบ้านไอ้เต๋าแล้วก็มาจบที่บ้านฟ้า ที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายเพราะพรุ่งนี้จะมีงานแต่ง


   “สวัสดีพี่ลม กินอะไรมายัง” ฟ้าเดินมาทักผม ก่อนจะถูกไอ้ตัวแสบเรืองแสงเข้าไปเกาะเข้าไปกอดจนถูกอีกฝ่ายผลักออกมา


   “กินมาแล้ว สรพาพี่ไปกิน”


   “อืม... เออพี่ดินบอกว่า ที่จริงพี่ต้องไปงานบ้านมัน”


   “เออ มันชวนพี่อยู่ แต่ไอ้สิงห์ดันเป็นงี้ไงพี่ก็เลย..”


   “ขอบคุณมากพี่ ไอ้สิงห์มันเสียใจจริงๆมันรักของมันมาตั้งนาน”


   “เออ พี่ก็เข้าใจ...”


         “เข้ามาด้านในก่อนพี่”


        “น่าเสียดายเนอะ พวกไอ้ดินน่าจะมาด้วย”


   “ผมชวนมาแล้ว แต่ดันติดงานแต่งเหมือนกันไง เห็นว่าพี่ชายไปทำสาวท้องเลยต้องรีบจัดงาน”


   “พี่ดินคือใคร?” สรถามขึ้นมา


   “พี่ข้างบ้าน” ฟ้ารีบตอบ ก่อนจะยิ้มให้ผม


   “อ๋อ นี่บ้านพวกพี่อยู่ใกล้กันหมดเลยเหรอ”


   “อืม เช่าใกล้ๆกัน”


   “เออ พี่ฟ้า พี่ลมบอกว่าพี่ฟ้ามีแฟนแล้ว”


   “ก็...ประมาณนั้น”


   “ทำงี้ได้ไงวะ สรบอกแล้วไงว่าสรจองพี่ฟ้าไว้ก่อนแล้ว เรียนจบเมื่อไรขอแต่งงานเลย”


   “มาวะกับพี่ได้ไงไอ้สร เดี๋ยวโบก”


   “โหดเหมือนเดิม สรขอให้แฟนมีกิ๊ก”


   “ปากดีทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ” ฟ้ายกมือขึ้นเคาะหัวเด็กสรเบาๆ ก่อนจะเรียกผมให้เข้าไปทำความรู้จักญาติในบ้าน “ทุกคนนี่พี่ลม รุ่นพี่ที่มหาลัยฟ้า”


   “สวัสดีครับ”


   “อุ๊ย หล่อจัง!”


   “พรุ่งนี้เป็นเจ้าสาวแล้ว อาเจ้เลิกมองชายอื่นได้เลย เออพี่ลมนั่นเจ้าสาว พี่สาวของฟ้าชื่อแสนดาว ส่วนเจ้ที่นั่งทำตาปริบๆ ยิ้มแก้มแตกชื่อนับเดือน พี่สาวคนที่สองของบ้าน ส่วนคนที่อยู่ในครัวก็ม๊าฟ้า คนที่ทำงานอยู่ข้างหน้าร้านนั่นป๊า” ร้านฟ้าเป็นร้านทอง  ด้านหลังก็เป็นบ้านเหมือนของไอ้สิงห์ ทุกคนในบ้านของฟ้าดูเป็นคนใจดี ยิ้มแย้มตลอด


   “บ้านฟ้ามีสามคนพี่น้องเหรอ”


   “ครับ ฟ้าคนเล็ก”


   “น่ารักทั้งบ้านเลย”


   “อยากมาเป็นลูกเขยม๊าไหมล่ะ นับเดือนเพิ่งเรียนจบ ยังว่างนะ แฟนก็ไม่มี”


   “ม๊า หนูบอกแล้วไงว่าพูดแบบนี้เกรงใจแฟนหนูที่อยู่ในโปสเตอร์ด้วย”


   “เรานิมัน” ม๊าของฟ้ามองคาดโทษพี่คนกลาง “งั้น... นี่ไงลม ชอบม่ะ ลูกคนเล็กน่ารักเหมือนกันนะ”


   “ม๊า ทำไมชอบยัดเยียดให้กับผู้ชาย”


   “อย่ามาพูด! พวกเต๋ามาฟ้องม๊าหมดแล้วว่าเรา....ไม่พูดดีกว่า ไม่รู้คนทางนั้นจะหล่อเท่าลมรึเปล่า” แม่ของฟ้ายังพุดไม่ทันจบดี ฟ้าก็ยกมือห้ามแม่ตัวเองไว้ก่อน ผมได้แต่ฟังสองแม่ลูกคุยกัน บอกตามตรงผมรู้สึกชอบจริงๆเพราะว่า ดูแล้วคนในครอบครัวฟ้าจะเข้าใจลูกตัวเองเอามากๆ


   “ม๊า! เลิกพูดเลย”


   “ลมรับน้องไว้พิจารณาได้นะ ตัวจริงของฟ้าแม่ว่าไม่หล่อเท่าลมแน่” แม่ของฟ้าเดินเข้ามาจับมือผม ผมเลยหัวเราะเบาๆ คืออย่าย้ำครับแม่เพราะผมจะรู้สึกเจ็บ ก็ลูกแม่นี่แหละที่ผมตามจีบแล้วทำเอากินแห้วมาก่อนแล้ว 


   “ผมก็อยากรับไว้พิจารณานะครับแม่ แต่กลัวโดนตัวจริงของฟ้าต่อยเอา”


   “ขนาดนั้นเลย มันจะเก๋าขนาดไหนนะอยากเจอจริงๆ มาแย่งพี่ฟ้าไปจากสรได้” ไอ้เด็กสรยกมือขึ้นกอดอก ทำท่าทางเหมือนแค้นมาก


   “เก๋าไม่เก๋าก็ตบเกรียนเราแตกได้ล่ะกัน”


   “พี่ลมก็พูดไป ป่ะไปนั่งคุยกันหลังบ้าน” ฟ้าหัวเราะ ก่อนจะพาพวกผมไปนั่งที่สวนด้านหลัง 


   “เออพี่ฟ้า เจ้าบ่าวพี่แสนดาวหล่อไหม” สรถามฟ้าที่นั่งฟังตรงข้ามผม


   “หล่อมั้ง พี่ไม่เคยเห็นตัวจริงนะ เห็นแต่ในรูป”


   “เอ้า ตอนฝ่ายชายมาขอพี่ไม่ได้อยู่เหรอ”


   “ไม่อยู่ พี่เรียนเพิ่งจะรู้ว่าพี่สาวตัวเองจะแต่งงานเมื่อไม่กี้อาทิตย์นี่เอง”


   “อ๋อ แล้วเจ้าบ่าวทำงานอะไรอ่ะ”


   “เห็นม๊าพี่บอกว่าเป็นสัตวแพทย์”


   “อ๋อ” ไอ้เด็กพูดมากพยักหน้า ก่อนที่เสียงแจ๋นๆของมันจะดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นไอ้เต๋าเดินเข้ามา


   “หวัดดีลูกเพ่!”


   “มาเรียกลูกพงลูกเพ่ น่าเตะจริงๆเลยนะมึง”


   “ผมสิอยากเตะพี่เต๋า”


   “เตะกูทำไม”


   “ผมบอกแล้วไง ว่าให้เฝ้าพี่ฟ้าเอาไว้ ว่าอย่าให้มีใครมาจีบ เดี๋ยวผมจบผมจะมาขอ”


   “โอ๊ย กูห้ามได้เหรอ ไอ้พี่ฟ้าของมึงเสน่ห์แรงจะตาย หนุ่มตามขายขนมจีบตั้งหลายคน”


   “เหรอพี่ลม!”


   “ห๊ะ แล้วหันมาถามกูทำไม” ผมสะดุ้ง ก่อนจะยกมือไปเคาะหัวของไอ้เด็กแสบไปที ส่วนไอ้เต๋าก็หัวเราะกร๊ากไปดิ ชอบอกชอบใจเลยนะมึง


   “พี่ลมของมึงก็ตัวดีไอ้สร นี่แหละคนจีบพี่ฟ้าหมายเลขหนึ่ง” ไอ้เต๋าพูดเสริม


   “หมายเลขหนึ่งแล้วทำไมไม่ติด พี่ลมไม่ตรงสเป๊คพี่ฟ้าเหรอ ผมว่าพี่ลมเขาก็หน้าตาพอไปวัดไปวาได้นะเว้ยพี่”


   “มึงพูดมาได้ไงว่าหน้าหล่อของๆพี่ลม พอไปวัดไปวา เนี่ยเดือนคณะวิศวะมหาลัยกู”


   “จริงดิ ไม่ธรรมดาวะ” พอเห็นไอ้เด็กแสบมันหันมายักคิ้วให้ผม ผมเลยยัดขนมที่อยู่ตรงหน้าให้น้องมันกินแทน เด็กอะไรน่าหมั่นไส้จริงๆ


   “เออ แอวอำไออึงอีบไอ่อิดอะ” ดูมันพูด อยากแช่งให้ขนมติดคอจริงๆ


   “สรมึงกินให้หมดก่อน” ฟ้าพูดขึ้นมา ทำเอาน้องมันรีบเคี้ยวรีบกลืนทันที


   “เออ แล้วทำไมพี่ลมถึงจีบพี่ฟ้าไม่ติดอ่ะ”


   “ก็พี่ฟ้าของมึงแพ้เด็กเกษตรไง ซ้อนท้ายกันทุกวัน เลยยกใจให้เขาไปซะงั้น” ไอ้เต๋าพูดแซวขึ้นมา ทำเอาฟ้ายกนิ้วกลางให้


   “ช้ำวะ” ไอ้เด็กแสบพูดจบมันก็หยิบขนมเข้าปากต่อ


   “ช้ำก็มาคู่กับคนช้ำก็ได้นะ”


   “หืม” ไอ้เด็กเรืองแสงขมวดคิ้วทำท่างง


   “อะไรของมึงไอ้เต๋า ไม่ต้องมาชงกู” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วกลางให้ไอ้เต๋า ไอ้ห่านิหางานสร้างรายได้ให้กูจริงๆ


   “เหมาะกันดีออก”


   “ฆวยเถอะ” ผมพูดแบบไม่มีเสียง ไอ้เต๋ากับฟ้าเลยแท๊กมือกัน ก่อนจะนั่งกุมท้องหัวเราะท้องขดท้องแข็ง ส่วนไอ้เด็กแสบก็เอาแต่มองพวกผมไปมา


   “โอเคๆ เดี๋ยวไก่ตื่นเนอะ”


   “พี่ฟ้าเลี้ยงไก่ด้วยเหรอ” ไอ้เด็กสรถามฟ้าอย่างสงสัย


   “เปล่าๆ พี่ลมเลี้ยง” ฟ้ารีบโบยมาทางผม


   “พี่ลมเลี้ยงไว้ที่บ้านเช่าเหรอ?”


   “อือ อยากกลับไปดูด้วยกันไหมล่ะ”


    “ฮั่นแหน่” ไอ้เต๋ากับฟ้าชี้มาทางผม ก่อนที่ผมจะแกล้งตีหน้าซื่อหันไปทางอื่น ตอนนี้ผมสู้ไอ้พวกตัวแสบๆไม่ได้หรอก


   “ผมรู้ว่าพี่น่ะแพ้ทางคนแบบไหน เชื่อผมคนนี้ติด” ไอ้เต๋าจับไหล่ผม ก่อนจะดึงผมไปกระซิบใกล้ๆ


   “ถ้ากูจะจีบมึงไม่ต้องชง เดี๋ยวกูจีบเอง”


   “เจ๋งอีกแล้วพี่กู!!!”
   

...............tbc...................



ตอนหน้าจบแล้วนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด  :mew3:


หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 14 [08/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-02-2018 10:43:12
ว๊าว แต่ละคนคงมีคู่กันไปหมด
แล้วสิงห์จะคู่กับใครกันน้าาา
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 14 [08/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-02-2018 10:49:26
ดีใจกับพี่ลม จะมีคู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 14 [08/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-02-2018 12:20:36
โอ๊ยยยย............ดีต่อใจ  :katai2-1:
พี่ลม คนหล่อ คนจริง จะมีคู่แล้ว  :hao3:
พี่ลม สร  :กอด1:
ว่าแต่สิงห์ จะหวงสร ขนาดไหนนะ

พี่ดิน รีบมาหาฟ้าเลย  :z3:
โชว์หน้าเดือนมหาลัยหล่อๆ
ให้ทางบ้านฟ้าตะลึง ระทวยกันซักหน่อย  :o8: :impress2:
พี่ดิน ฟ้า   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 14 [08/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-02-2018 15:47:21
ดีใจกับพี่ลมด้วยที่จะมีคู่มาดามอกที่หักจากน้องฟ้าให้แล้ว หวังว่าพี่สิงห์จะไม่หวงน้องสรมากเกินไปนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 14 [08/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-02-2018 18:37:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 14 [08/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 08-02-2018 19:19:21
ลมสรๆๆ จะเอาๆๆๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 14 [08/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 09-02-2018 20:15:00
แงง จะจบแล้วเหรอคะะ ใจหายยย
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 13-02-2018 10:35:33
15 ตอนจบ



“ขันหมากมาแล้ว!!!” คนในงานพากันตะโกนเมื่อเห็นขบวนขันหมาก มายืนตั้งแถวอยู่บนถนนด้านหน้าหมู่บ้าน วันนี้บอกตรงๆว่าผมเหนื่อยมาก ทั้งม๊าทั้งเจ้ทั้งสองเจ้ ต่างพาเรียกใช้ผมให้หัวหมุน พวกพี่ลมไอ้เต๋าก็พลอยโดนใช้ไปด้วย พอได้ยินว่าขวบนกำลังเดินเข้ามา ไอ้เต๋าก็พวกผมไปกั้นขันหมาก พี่ลมยืนกับไอ้สร ส่วนผมยืนคู่ไอ้เต๋า ระหว่างรอไอ้เต๋าก็เหมือนเห็นคนบางคนที่หน้าแม่งโคตรคุ้น มันเลยเรียกผมดู


“ไอ้ฟ้า มึงเห็นเหมือนกูไหม คนที่ถือต้นกล้วย ที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าบ่าวหน้าเหมือนไอ้พี่ดินกับไอ้พี่เมืองวะ”


“เดี๋ยวๆ ขอกูเพ่งก่อนวะ” ผมเพ่งมอง พอขบวนค่อยๆเข้ามาใกล้ๆบ้าน ผมโคตรตกใจจนเกือบจะร้องเรียกพี่ดิน


“ผัวมึงฟ้า!!!” แต่ไม่ทันไอ้เชี่ยเต๋าที่ร้องตกใจขึ้นมาก่อน


“เออกูรู้แล้ว! แล้วทำไมพวกพี่ดินมาทำไรที่งานนี้วะ ไหนว่าพี่ชายมันแต่งงาน”


“ไอ้โง่ฟ้า ถ้าไอ้พี่ดินมางานนี้แปลว่าพี่ชายมันเป็นผัวพี่มึงไง”


“เจ้กู.....” ผมมองหน้าไอ้เต๋าอย่างตกใจ ก่อนจะชี้ที่ท้องตัวเอง ไอ้เต๋ามันมองผมแล้วพยักหน้า ผมกับไอ้เต๋าหันกลับไปมองพวกพี่ดิน ก่อนจะมองค้อนให้อีกฝ่าย โคตรอยากจะงอนพี่มันเลย มีอะไรไม่เคยบอก ทางไอ้พี่ดินพอเห็นหน้าผมก็ยิ้มแป้น คือเรื่องแบบนี้มึงควรจะบอกกูไหม ห่า! ได้ข่าวว่ากูเป็นแฟนมึงนะไอ้ดิน


ขบวนขั้นหมากเดินมาถึงหน้าบ้าน เสียงฆ้องเสียงโฮ่ดังลั่น งานวันนี้คืองานแห่งความสุข ผมจะไม่งอนพี่มันก็ได้ เพราะว่าพอดูๆแล้ว พี่ชายพี่ดินที่จะมาดองกับบ้านผมมันก็หล่ออยู่เหมือนกัน แถมดูกวนตีนเหมือนพี่ดินอีกด้วย สมควรแล้วที่อิเจ้ผมมันท้องก่อนแต่ง


“พี่หิน น้องคนนั้นพี่ให้ซองเยอะๆนะเว้ย” พี่ดินมันสะกิดพี่ชายมัน


“คนไหน”


“คนนั้นไง” คราวนี้ล่ะทั้งขบวนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ไอ้เชี่ยพี่ดินมึงทำอะไรเนี่ย กูเริ่มอายละนะ เพียงไม่นานขบวนเจ้าบ่าวก็มาถึงที่กั้นขันหมาก พอผ่านไปสองสามคนก็มาถึงคู่ผมกับไอ้เต๋า อันที่จริงวันนี้ไอ้สิงห์ก็มานะครับแต่ม๊าให้มันเป็นช่างกล้อง วันนี้เพื่อนสิงห์ของผมมันดูจะเลิกบ้าคลั่ง เลิกอกหัก เหมือนจะทำใจกับความรักได้แล้วนิดนึง เพราะว่าตั้งแต่ผมเอารูปหไอ้สรกับพี่ลมให้มันดู มันเลยเปลี่ยนเป้าหมายจากความเศร้าแล้วมาพุ่งมายุ่งกับไอ้พี่ลมแทน ทุกวันนี้เฝ้าน้องอย่างกับหมา 


“น้องฟ้าใช่ไหม” เจ้าบ่าวพี่ดาวถามผม ผมมองหน้าพี่เขยของตัวเองก่อนจะพยักหน้าตอบ พี่หินแม่งหน้าอย่างหล่อ บ้านนี้มันจะหล่อทั้งบ้านเลยใช่ไหม


“ครับ”


“น่ารัก” พูดจบ พี่เจ้าบ่าวก็ยื่นซองสีชมพูมาหนึ่งซอง ผมรับแต่โดยดีแต่ไอ้เต๋าก็ทำท่าทางบ่ายเบี่ยงไม่ยอม ไอ้เพื่อนห่านิงกจะเอาอีก 


“ไม่พอครับ ซองเดียวมันจะไปคุ้มอะไร เจ้ดาวของผมสวยนะครับ ซองเดียวผมไม่ให้ผ่านหรอก” ไอ้เต๋าแม่งสกิลใช้ได้


“งั้นเอาไปอีกซอง” พี่ของพี่ดินยื่นซองให้พวกเราอีกซอง


“เฮ้อ มือมันแน่นเหมือนตุ๊กแกเลยพี่ ดูดิ มือมันไม่ยอมปล่อยสร้อยเลยวะ ถ้าได้อีกสักซองสองซองก็คงจะ....” ไอ้เต๋าแม่งโคตรเล่นลิ้น ผมก็เอาแต่หัวเราะ คำพูดมัน


“พี่หินคนนี้มึงให้ห้าซองเลย” พี่ดินชี้มาที่ผม ไอ้พวกพี่เมืองพี่ภูที่อยู่ด้านหลังแม่งก็ร้องโห่แซวลั่น


“แฟนมึง มึงก็เปย์เองดิ”


 “พี่หิน! คนนี้คือคนที่จะมาใช้นามสกุลพี่อีกคนนะเว้ย” พี่เมืองเข้ามาสมทบ หน้าผมเหมือนจะร้อนๆขึ้นมานิดนึงแล้ว ก็พวกพี่มึงเล่นพูดแบบนี้กูก็อายเป็นนะเว้ย


“เออๆ เอาซองไปเลยห้าซอง คู่นี้กูเสียเยอะสุดแล้วมั้งเนี่ย” พี่ของพี่ดินยอมให้ซองตามที่พี่ดินว่า พอผมปล่อยสร้อยปุ๊บเจ้าบ่าวก็เดินเข้าบ้านต่อ ส่วนไอ้พี่ดินพอเห็นผมว่างมันก็เข้าชาร์ตผมทันที มันคว้าเอวผมให้เดินไปข้างๆมัน


“วันนี้น่ารักนะเราอ่ะ” พี่มันกระซิบ ผมทำเป็นไม่ได้ยิน แกล้งทำเป็นหันไปสวัสดีพี่ภูพี่ไม้ พี่เมืองและก็พี่มิ่งแทน


“หวัดดีๆพี่ๆนะครับ”


“ฟ้าอย่ามาทำเป็นไม่สนใจพี่”


“ก็มันน่าไม่ล่ะ นี่แฟนไง แต่ไม่เคยบอกกันเลยว่าพี่ชายจะมาแต่งงานกับพี่ผม”


“พี่ก็ไม่รู้ เพิ่งมารู้จากพี่ชายเมื่อวาน ว่าเจ้าสาวเขามีน้องชายเรียนที่มหาลัยเดียวกับพี่ พวกพี่สี่คนไอ้เมืองไอ้ภูไอ้มิ่งก็ถามกันยกใหญ่ ถามไปถามมาถึงรู้ว่าน้องของเจ้าสาวชื่อเวหา เรียนคณะนิเทศ แม่งโลกโคตรกลมอ่ะ”


“อืม โคตรกลมจริงๆ”


“พอรู้นะ แทบอยากบอกแม่ให้จัดขบวนขันหมากสองขบวนเลย กะว่าจะมาขอฟ้าแต่งด้วยอีกคน”


“ไอ้พี่ดิน เราเพิ่งคบกันเห๊อะ”


“คบไม่คบแต่ได้เป็นเมียแล้ว..คืออยากแต่งแล้ว”


“เพ้อเจ้อ”


พอเริ่มพิธีแต่งงาน พวกผมก็พากันเข้ามานั่งด้านใน พี่ดินแม่งเดินติดกูแจเลย รู้สึกเหมือนมีน้องชายไม่ก็พี่ชายเพิ่มมาอีกคน พิธีตอนเช้าจบป๊าม๊าของผมก็พาญาติพี่น้องฝั่งเจ้าบ่าวหรือพวกเพื่อนๆฝั่งพี่ดินมานั่งทานข้าวอะไรด้วยกัน แล้วค่อยหาที่พักผ่อน หาที่นอนหมอนมุ้งให้เสร็จสรรพ เพราะตอนกลางคืนเราต้องกลับไปจัดงานที่บ้านพี่ดินต่อ


ม๊าหาขนมมาประเคนให้พวกพี่ดินได้กินกันแทบทุกสิ่งอย่าง แถมพอรู้ว่าไอ้พี่ดินคือแฟนผม แกยิ่งดูจะเปย์ไอ้พี่ดินจนออกนอกหน้า เรียกม๊าอย่างนู่นมาอย่างนี้  เจ้นับเดือนก็อีกคนพอเห็นคนหล่อๆนั่งรวมกันไม่ได้เลย พี่สาวผมเอาแต่นั่งยิ้มตาเยิ้ม แถมยังมากระซิบกระซาบถามผมอีกว่าแฟนมึงคนไหน กูอยากเห็น กูจะจิ้น อะไรของเจ้แกเนี่ย


“ไอ้ฟ้า แฟนมึงคนไหน” พี่นับเดือนเข้ามากระซิบถามผม เวลานี้พวกผมกำลังนั่งๆนอนๆกินขนมกันที่ลานหลังบ้าน    


“คนนี้ครับพี่นับเดือน” พี่เมืองรีบชี้ไปทีพี่ดินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมพอดี


“หล่อวะ!!!!”


“หวัดดีครับ เมื่อเช้างานยุ่งผมเลยไม่ได้แนะนำตัวกับพี่เลย”


“เออไม่เป็นไร แต่เมื่อไรจะมาขอน้องพี่อ่ะ”


“อีกไม่นานครับพี่”


“ไอ้พี่ดิน!!” ผมรีบเรียกชื่อห้ามปรามมัน


“ไอ้ลมแม่งมีเจอของดีนิหว่า” พี่เมืองชี้ไปที่พี่ลมที่ถูกสรลากไปกินนู่นนี่ในงาน โดยมีไอ้สิงห์ตามประกบอยู่อีกที

 
“แต่ดูถ้าจะจีบยากวะพี่” ไอ้เต๋าพูดขึ้นมา


“ทำไมวะ”


“พี่มันดุอย่างหมา ไอ้สิงห์เห็นแบบนั้นหวงน้องยิ่งกว่าอะไรดี”


“เออ ก็จริง วันนี้มันยังไม่เข้ามาทักพวกกูเลย เอาแต่ตามตูดไอ้ลมแจ”


“แต่กูละอยากให้แม่งได้กันจริงๆ กูได้ไม่ต้องมาระแวงเมียกูกับมัน” พี่ดินพูดแทรกขึ้นมา  ผมเลยมองค้อนพี่มันไป ระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่ พี่ภูก็เรียกให้พวกเราทุกคนหันไปมองแขกคนใหม่


“เฮ้ยไอ้ดิน น้องชายสุดที่รักมึงมาแล้ววะ” ไอ้พี่ภูชี้ให้พี่ดินหันหลังไปมองเด็กที่เดินเข้ามาในบ้าน เด็กคนนั้นใส่ชุดนักเรียนมัธยม แต่ตัวแม่งโคตรสูง หน้าตาก็ละหม้ายคล้ายไอ้พี่ดินโคตร แต่ไม่เหมือนกันตรงที ไอ้น้องคนนั้นมันขาว ส่วนพี่ดินแม่งดำ


“ไอ้อิฐมานี่ มาแนะนำตัวให้เขารู้จักหน่อยดิ” พี่ดินกวักมือเรียกน้องชายตัวเองให้เข้ามานั่งข้างๆ


“ฟ้า พี่นับเดือนนี่น้องชายสุดท้องของบ้านผม ชื่อไอ้อิฐ”


“สวัสดีครับ” เด็กอิฐยกมือไหว้พวกผม แต่หน้าแม่งโครตนิ่งเลย ดูน่ากลัวเบาๆ


“เออ บ้านดินตั้งชื่อเล่นลูกเก๋มากเลยนะ หิน ดิน อิฐ” พี่นับเดือนพูดพลางยิ้ม


“แม่ผมขี้เกียจตั้งครับพี่ เออ.... ไอ้อิฐสมัครเรียนเป็นไงบ้าง” พี่ดินหันไปถามน้องชาย


“ต่อแถวเขียนใบสมัคร ก็ไม่ยากนะพออ่านหนังสือออก” พอน้องพี่ดินพูดจบ พี่เมืองพี่มิ่งพี่ภูก็พากันหัวเราะยกใหญ่ ชอบใจความกวนส้นของน้องชายพี่ดิน


“ไอ้ห่านิกวนส้นตีน”


“ไหนอ่ะเมียพี่... คนนั้นเหรอ” เด็กอิฐชี้ไปทางพี่ไม้ ที่นั่งอยู่ข้างๆพี่เมือง


“ไอ้บ้า!... นั่นของไอ้เมืองมัน เดี๋ยวกูเตะ”


“เอ้าก็พี่บอกว่าสเป็คมึงน่ารักน่ากิน หรือว่าคนนั้น” ไอ้เด็กนั่นชี้ไปทางพี่มิ่ง


“ไอ้อิฐมึงอย่าโง่ ทั้งกลุ่มมีคนเดียวที่โคตรน่ารัก”


“คนนู่น” มันชี้ไปทางไอ้สรที่กำลังเดินไปหยิบขนมกับพี่ลม


“คนนั้น คนชื่อฟ้าอ่ะ” ไอ้พี่ดินเลยต้องเป็นฝ่ายชี้มาที่ผมเอง เพราะหงุดหงิดที่น้องตัวเองทำตัวป่วนไปเรื่อย


“เหรอ อืม ยินดีต้อนรับเข้าสู่วังวนแห่งความกากนะพี่ฟ้า” ไอ้น้องอิฐทำหน้านิ่งก่อนจะยิ้มมุมปากให้ผม “ที่ผมไม่ชี้พี่เพราะผมคิดว่าไอ้ห่านี้ไม่น่าจะจีบคนแบบพี่ติด พี่แม่งน่ารักเกินไปวะ ขอเบอร์ดิ” ไอ้เด็กอิฐพูดจบก็โดนไอ้พี่ชายของตัวเองตบกบาลไปที


“ไอ้น้องเวร ไอ้เด็กติดยาคูลย์! เมียกูไหมละ นั่นเมียกู!!!!” ผมเลยได้แต่หัวเราะพี่น้องคู่นี้ แต่พวกพี่เมืองพี่ภูแม่งโคตรหัวเราะเกินเบอร์ คงชอบใจที่มีคนมาต่อกรกับไอ้พี่ดินได้


“ไม่เป็นไรถ้าอึบกันไปแล้ว เพราะผมมันน้องชายที่แม่ชอบให้ใช้ของต่อจากพี่อยู่แล้ว ว่างๆโทรมานะพี่ 087-XXXXXXX”


“ไอ้ห่าอิฐ หุบปากไปเลย เดี๋ยวตบกะโหลกแตก”


“ไอ้อิฐแม่ง โครตมาเหนือพี่มันอ่ะ กูยอมใจลูกชายบ้านนี้เลย” พี่เมืองพูดขึ้นมา ผมก็พยักหน้าตามคำของพี่มัน น้องพี่ดินแม่งโคตรมาเหนือในเรื่องของความกวนตีน


“เออ อิฐแล้วมึงสมัครเข้าคณะอะไรวะ” พี่ภูถามขึ้นมา ฝั่งพวกผมก็ได้แต่นั่งฟังพวกพี่ๆมันคุยกัน


“ศิลปกรรม”


“หืม อิฐชอบศิลปะเหรอ” ผมถามน้องพี่ดิน


“เปล่าครับ ผมสมัครศิลปกรรม เอกดนตรีไทย”


“มหาลัยเดียวกับกูเปล่า” พี่ดินถามต่อ


“เปล่า กูไม่อยากอยู่กับมึง พี่ดิน”


“ไอ้เชี่ยนิ พูดขนาดนี้แล้ว... มึงขึ้น กูมึง กับคนเป็นพี่อย่างกูก็ได้นะไอ้ห่าอิฐ”


“มึงพูดเองนะดิน!” พอไอ้อิฐพูดจบเท่านั้นแหละ ไอ้พี่ดินแม่งแทบกุมขมับ บอกตามตรงว่าน้องของพี่ดินแม่งไม่ธรรมดา เลเวลความกวนตีนมีมากกว่าพี่มันเป็นร้อยเท่า ไอ้พี่ดินเวลาพูดมันยังยิ้มมั้งอะไรมั้ง แต่ไอ้เด็กอิฐเวลาพูดหน้าโคตรนิ่งอ่ะ  นี่ถ้าหน้าไม่หล่อกูว่าน่าจะโดนกระทืบตายก่อนแก่


“ดีจังเนอะ บ้านนี้พี่น้องรักกันดี” พี่นับเดือนเป็นคนเดียวที่น่าจะไม่ทันอะไรเลย “เออ อีกอย่างบ้านดินก็ดีนะ พี่น้องแต่ละคนชอบกันคนละแบบเลย พี่หินชอบสัตว์ ดินชอบเกษตรใช่ไหม” พี่ดินมันพยักหน้า “ส่วนอิฐก็ชอบดนตรี คนละแนวดีจัง”


“แต่เรื่องสเป็คผมกับพี่ดิน เราชอบคล้ายๆกันนะ” ไอ้อิฐมองผมหน้าตาแม่งโคตรจริงจัง


“น้องครับ เมียกู!”


“ขอ”


“เดี๋ยวเตะ”


“แม่บอกมีอะไรควรแบ่งให้น้อง”


“แต่อะไรแบบนี้กูก็ให้ไม่ได้เปล่าวะ”


“กูจะฟ้องแม่”


“อิฐน่ารักจัง” พี่นับเดือนยังเป็นพี่สาวที่ตามอะไรไม่ทันอยู่ดี 


“น่ารักตรงไหนครับพี่เดือน แม่เขาชอบตามใจมัน น้องผมมันเลยเพี้ยนๆแบบนี้ไง” พี่ดินตอบพลางแขกหัวน้องชายไปที  “ไอ้คนพี่ไม่เท่าไร ไอ้คนน้องนี่แม่สปอยไว้เยอะ วันๆเอาแต่เล่นดนตรี ว่างๆก็เอาแต่ตีระนาดเป่าขลุ่ย ซีซออะไรของมันไปเรื่อย”


“ผมซีซอให้พี่ๆผมฟังครับ” พอน้องอิฐพูดจบ พี่ในวงสนทนาก็หัวเราะกันลั่นอีกครั้ง


“ไอ้ห่าอิฐ”


“เออ แม่อยู่ไหนอ่ะ อยากกลับบ้านแล้วอ่ะ ง่วง”


“แม่คุยกับผู้ใหญ่บ้านฟ้าอยู่ มึงอย่ามางอแง”


“ก็กูง่วง งั้น นอนห้องเมียมึงได้ไหม”


“หูย แรง” พี่เมืองพูดขึ้นมา


“ไม่ได้ กูยังไม่เคยนอนเลยมึงเป็นใคร จะมานอนห้องเมียกู”


“ดิน กูก็น้องมึงไง มึงจำกูไม่ได้เหรอดิน” ไอ้เด็กอิฐกวนส้นตีนเบอร์ใหญ่ มันมองหน้าพี่ชายมันก่อนจะเดินมานั่งฝั่งผมแล้วทิ้งหัวลงบนตักผมทันที


“โคตรท้าทายอำนาจมืด” พี่ภูแม่งพูดขึ้นมา พลางมองหน้าเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้น่าจะโกรธลมออกหู


“มึงจะลุกดีๆ หรือว่ามึงจะให้กูใช้ลำแข้งช่วยให้มึงลุก”


“กับน้องกับนุ้งก็ไม่เว้น พี่ฟ้าผมกลัว” ไอ้น้องคนนี้ พูดว่ากลัวแต่หน้ามันยังนิ่งอยู่เลย สองพี่น้องฟาดฟันกันอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่พี่หินเจ้าบ่าวของเจ้ดาวของผมจะออกมาห้ามปราม แล้วลากน้องสองคนของตัวเองออกไปเคลียร์ ผมรู้มาจากพี่เมืองว่า พี่ดินกับน้องชายไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไร กัดกันตลอดเวลา แต่สิ่งที่สองคนนี้กลัวที่สุดคือพี่ชายของมัน พี่หิน! เห็นหน้ายิ้มๆแบบนั้น เคยเตะน้องสองคนของตัวเองตกคลองมาแล้ว โหดไหมละ


ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปหยิบขนมให้พวกพี่มันในครัว พี่ดินก็เดินตามเข้ามา 


“อิฐล่ะ”


“พี่หินลากให้มันไปนอนในรถล่ะ ง่วงที่ไรกวนส้นตีนทุกที”


“ไม่ถูกกันเหรอ”


“เปล่าแต่นิสัยมันก็แบบนั้นแหละ มันบอกเห็นพี่กระวนกระวายแล้วมีความสุข กวนไหมล่ะ”


“555 เพิ่งเคยเห็นพี่โดนต้อนจนมุมเป็นครั้งแรก”


“ก็ยอมมันคนเดียว”


“ยอมผมด้วยเปล่า” ผมเอียงหน้ามองแฟนตัวเอง


“คนนี้ยอมตลอดชีวิตเลยเอ้า” ไอ้พี่ดินยิ้ม พลางหยิกแก้มผมเบาๆ “น่ารักวะ ขอฟัดเหม่งหน่อยดิ” พูดจบมันก็ดึงผมไปหอมแก้ม


“ไหนว่าฟัดเหม่งไง มาฟัดแก้มทำไม”


“ผิดๆ มาเอาใหม่” พี่ดินพูดจบมันก็ดึงผมไปหอมหน้าผาก ไอ้พี่ดินนิมันเจ้าเล่ห์จริงๆ


 “แบบนี้ก็มีด้วย”


“อยากจะฟัดมากกว่านี้ด้วยซ้ำ คืนนี้ขอฟัดหน่อยดิ”


“ไม่เอา”


“โธ่ฟ้า”


“แต่....ถ้าทำตัวดีๆ จะพิจารณาคำขอนะ”


“รักวะ”


“ก็รักเหมือนกันวะ” ผมพูดตอบ ไม่รู้ว่าพี่ดินมันหมั่นเขี้ยวหรือว่าอะไร มันเลยแกล้งดึงแก้มผมเบาๆ
 





ช่วงบ่าย

            ผมกับญาติพี่น้องก็เดินทางมาที่บ้านเจ้าบ่าว มาช่วยกันจัดงานเตรียมงานช่วงกลางคืน พี่หินเดินมาบอกผมกับพี่เดือนว่า ต่อไปนี้เขาขอยึดพี่ดาวไว้ที่นี่นะ พี่หินสัญญาว่าจะเลี้ยงดูและเปย์พี่สาวผมเป็นอย่างดีไม่ต้องห่วง ถ้าผมกับพี่เดือนอยากมาหาเมื่อไรก็มาได้เสมอ มาอยู่เลยก็ได้ ไอ้พี่ดินพอได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ายกใหญ่ บอกว่าต่อไปยังไงผมก็ต้องมาเป็นคนบ้านนี้ ดูพี่มันพูด


            พอเราจัดเตรียมงานเสร็จ พี่ดินก็พาพวกผมไอ้เต๋าไอ้สิงห์เที่ยวชมไร่ของมัน บ้านพี่ดินว่าใหญ่แล้วที่ทางยังเยอะอีกด้วย สมแล้วที่ซื้อไก่ตัวละ12000 ของพี่เมืองให้พวกผมกิน พี่ดินพาผมซ้อนท้ายจักรยานไปเที่ยวในสวน ส่วนคนอื่นก็ปั่นตามๆกันไป พี่ดินชี้นา ชี้สวนผลไม้ พาพวกผมกินนู่นกินนี่จนแทบอิ่ม บ้านพี่มันทำเกษตรที่มีครบทุกอย่างเลยครับ สมแล้วที่มันเลือกเรียนเกษตร


“ข้ามคลองตรงนี้ไปก็เป็นสวนของไอ้เมือง” พี่ดินพูดพลางจอดจักรยานให้ผมลง


“บ้านพี่เมืองปลูกอะไรอ่ะ” ผมหันไปถามพี่เมือง


“ก็ผลไม้ธรรมดา ลำใย เงาะ บ้านไอ้ดินปลูกเยอะกว่าพี่อีก บ้านพี่เน้นปลูกผักปลูกข้าวโพดกันมากกว่า”


“แล้วบ้านพี่ภูล่ะ อยู่ไหน”


“ของพี่อยู่อีกฝั่ง สวนไอ้ดินอยู่ตรงกลาง ฝั่งซ้ายของไอ้เมืองฝั่งขวาของบ้านพี่”


“อ๋อ ดีจังอยู่ติดกัน”


“บ้านไอ้ภูมันผลิตโคนมนะ นมบ้านมันอร่อยมาก” พี่ดินพูดขึ้นมา


“อยากกินเลย”


“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะเอามาให้กิน”


“ผมรอเลย”


ระหว่างที่พูดๆกันอยู่ พี่เมืองก็พาผมเดินไปดูสวนของพี่มัน ผมแกล้งเดินเข้าไปถามพี่ไม้ว่าเคยมาไหม พี่ไม้มันพยักหน้าแถมยังพูดอวดอีกว่า เมืองพามาบ่อย


“แล้วพี่เมืองเคยไปบ้านพี่ป่ะ” ผมถามพี่ไม้อีกครั้ง


“ไปบ่อยพอกันนะ”


“ดีจัง... เออแล้วถ้าพี่เรียนจบพี่จะทำงานที่ไหนอ่ะ ในเมืองหรือมาทำอยู่ที่นี่”


“พี่ว่าจะทำในเมือง มาอยู่ที่นี่มีหวังไม่มีงานแน่ มีแต่สวนแต่ไร่ใครจะมาจ้างสถาปนิกแบบพี่”


“งั้นก็ต้องแยกกันดิ” ผมหันไปมองพวกพี่ๆ ที่เวลานี้กำลังแกล้งกันอยู่ตรงริมคลอง พวกพี่ๆมันแกล้งกันแบบไม่ธรรมดา เล่นเตะกันแบบใครเผลอมึงมีหล่นคลองแน่ ไอ้เต๋าโดนไปแล้วคนแรก


“อืม”


“ทนได้เหรอ”


“ทนไม่ได้ก็ต้องทนให้ได้ คนรักกันมันต้องเชื่อใจกันฟ้า ถ้าเมืองจะมีคนใหม่พี่ก็คงห้ามอะไรไม่ได้ แต่เมืองเคยบอกว่าถ้างานพี่เข้าที่เข้าทาง เขาก็อยากให้พี่มาอยู่ด้วยกัน แบบรับงานมาทำที่บ้านอะไรแบบนี้”


“ก็ดีนะพี่”


“พี่ก็คิดๆอยู่ ช่วงแรกๆที่ทำงาน ก็คงต้องวัดใจกันหน่อยว่าชีวิตคู่มันจะรอดหรือไม่รอด”


“ต้องรอดดิพี่”


“แล้วฟ้าล่ะ ถ้าดินจบ ดินก็ต้องกลับมาทำงานที่นี่ ฟ้าทนได้เหรอ”


“นั่นสิ ผมไม่เคยคิดเลยว่าสักวันพี่ดินก็ต้องเรียนจบ แล้วเขาก็ต้องไปทำงานของตัวเอง” ผมเริ่มกังวลกับชีวิตคู่ของตัวเอง


“ไม้แกล้งอะไรแฟนดินอีกแล้ว ดูดิแฟนดินทำหน้ามุ้ยแล้ว” พี่ดินเดินเข้ามาหาผม


“ก็แค่ถามว่า ถ้าดินเรียนจบ ฟ้าจะอยู่ได้ไหมถ้าไม่ได้เจอดิน”


“อยู่ได้ดิ เพราะยังไงดินก็ต้องขึ้นไปหาแฟนดินทุกๆอาทิตย์อยู่แล้ว ดินไม่ทิ้งแฟนดินหรอก น่ารักขนาดนี้ทิ้งได้ไง เดี๋ยวมีคนมาแย่งไปพอดี” พี่ดินหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะคว้ามือผมไปจับ พอพี่มันพูดแบบนี้ค่อยชื่นใจขึ้นมาหน่อย


“แล้วช่วงทำงานล่ะ ฟ้าเรียนนิเทศยังไงก็ต้องทำงานในเมืองอยู่แล้ว แยกกันอีกแล้วนะ หรือว่าฟ้าอยากมาอยู่กับดินที่ไร่เลย” พี่ไม้ถามย้ำอีกครั้ง


“เอายังไงหืม... จะให้แม่ไปขอเลยรึเปล่าล่ะ” พี่ดินอมยิ้มถามผม ผมเลยทุบอกมันไปที


“บ้า!.... ดูปากดิ”


“พี่ก็เตรียมตัวดิ เดี๋ยวหาค่าสินสอดไม่ทัน”


“เรียนจบมาใหม่ๆ ผมก็อยากทำงานในสายที่ผมเรียนดิ”


“โอเค งั้นจะตามไปทุกทีเลย จะขึ้นไปฟัดเมียทุกอาทิตย์เหมือนเดิม ลักพาตัวกลับบ้านได้ก็จะลัก นี่ก็คิดอยู่ว่าจะพามาปู้ยี่ปู้ยำที่บ้านสักที”


“เดี๋ยวจะตีปาก ทะลึ่งใหญ่แล้ว”


“ไม้ว่าคู่ดินเรื่องระยะทางคงไม่มีปัญหาแล้วล่ะ”


“ดินไม่ทำให้มีหรอก ดินรักฟ้าจะตาย รักมากด้วย”


“รู้แล้วน้า”


“รักเว้ยเฮ้ย”


“พอ!”




งานช่วงกลางคืน เป็นงานเลี้ยงแบบสบายๆ เราจัดงานท่ามกลางธรรมชาติ มีดอกไม้มีร่มกางประดับรอบงาน แนววินเทจบ้านๆ พี่หินกับพี่ดาวรับแขกอยู่หน้างาน วันนี้ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวยหล่อสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ผมดีใจที่พี่สาวผมเจอคนดีอย่างพี่หิน ถึงเราจะรู้จักกันได้ไม่ถึงวัน แต่ผมประทับใจมากที่พี่หินเดินมาสัญญากับผมว่าจะดูแลพี่สาวผมเป็นอย่างดี ผมรู้สึกถึงแววตาและน้ำเสียงของพี่หินว่าเขาจะทำตามสัญญาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์


งานดำเนินไปได้ด้วยดี วันนี้พวกพี่ดินทำหน้าที่การแสดงอยู่บนเวที พลัดกันร้องพลัดกันเล่นเพลงรักให้พี่ชาย ส่วนไอ้พี่ลมก็ถูกดึงไปร้องด้วยอีกคนเหมือนกัน ผมเห็นแววตาที่พี่ลมมองไอ้สรก็รู้สึกว่าสองคนนี้น่าจะสปาร์คกันแล้วแน่ๆ หวานซะ แต่พอเห็นหน้าไอ้สิงห์ก็หมดอารมณ์ เพราะแม่งนั่งแยกเขี้ยวอย่างกับหมาอยู่ข้างน้องมัน


พองานผ่านไปสักพัก พิธีกรก็เรียกคู่บ่าวสาวขึ้นเวที ขึ้นไปขอบคุณแขกร่วมงาน ขึ้นไปตัดเค้ก โยนช่อดอกไม้ ก่อนที่พี่หินจะเอาเก้าอี้มาให้พี่ดาวนั่งข้างเวที แล้วเขาก็เรียกน้องชายทั้งสองคนขึ้นมาทำการแสดงให้กับเจ้าสาวของตัวเอง


   อิฐเดินมานั่งบนโต๊ะที่มีระนาด ส่วนพี่ดินเดินขึ้นมาพร้อมขลุ่ย ผมที่นั่งอยู่โต๊ะด้านล่างมองสามพี่น้องที่อยู่ด้านหน้าเวทีด้วยความแปลกใจ อยากรู้เหมือนกันว่าพวกพี่มันจะเล่นอะไรกัน พอพี่หินมองหน้าน้องชายทั้งสองของตัวเอง แล้วพยักหน้าให้ พวกอิฐและพี่ดินก็เริ่มบรรเลงเพลงไทยเดิม ไฟในงานก็ดับลงและถูกแทรกด้วยแสงไฟตะเกียงที่อยู่โดยรอบ โคตรโรแมนติกแบบสุดๆ

 
   พี่ดินเป่าขลุ่ยส่วนอิฐก็เล่นระนาด ทำนองเพลงแสนหวานดังคลอไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเสียงหินร้องขึ้นมา ผมรู้เลยว่าทุกคนในงานนี้ต้องทำตาหวานปานน้ำผึ้งใส่เจ้าบ่าวแน่ๆ เพราะเสียงพี่หินเพราะมาก ผมฝังผมยังขนลุกเลย


 (พี่หิน) โอ้ละหนอดวงเดือนเอ่ย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ว่าดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงรักเจ้าดวงเดือนเอย
ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม(เอื้อน) พี่นี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม
จะหาไหนมาเทียมโอ้เจ้าดวงเดือนเอย (ซ้ำ)



    จบท่อน พี่ดินเลิกเป่าขลุย กลายเป็นเสียงดนตรีที่พวกพี่เมืองเล่นขึ้นมาแทรกแทน แต่ยังมีเสียงระนาดของอิฐคลอไปเรื่อยๆ พอขึ้นท่อนต่อไป พี่ดินก็หยิบไมค์ขึ้นมาร้องผมมองพี่มันด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าพี่ดินมันจะร้องเพลงแนวนี้ได้  พี่ดินร้องไปในขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องมองแต่ผม พอเจอเสียงหวานๆ บวกกับสายตาของพี่ดินที่โคตรหวาน หน้าผมมันก็เลยรู้สึกร้อนขึ้นมาแบบไม่มันตั้งตัว เขินแฟนตัวเองอีกแล้ว จะบ้าตาย ปาใจแม่งเลย


(พี่ดิน) หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสูเรียมเอย (ซ้ำ)
(พี่ดิน พี่หิน) หอมกลิ่นกรุ่นครันหอมนั้นยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชยเอยเราละเหนอ (ซ้ำ)


   พอจบเพลงพี่หินก็เดินไปที่เจ้าสาวแล้วก็นั่งคุกเข่าก่อนจะคว้ามือพี่ดาวมากุม แล้วจุ๊บลงไปเบาๆ เรียกเสียงกรี๊ดได้ทั้งงาน อย่าว่าแต่พี่ดาวเขินเลย ผมยังเขินเหมือนกัน พี่น้องบ้านนี้ทำไมชอบทำตัวหวานๆให้น่าเขินได้ขนาดนี้


   สิ้นพิธีการทั้งหมด ทุกคนก็ร่วมสนุกร้องเพลง เต้นกันหน้าเวทีสนุกสนาน พี่ดาวก็หัวเราะเจ้าบ่าวของตัวเองที่วันนี้สนุกสุดเหวี่ยง พี่สาวผมก็ใช่ย่อยอยากเต้นกับเขาเหมือนกันแต่ถูกพี่หินห้ามไว้ก่อน เพราะกลัวจะเป็นอันตรายต่อลูกในท้องเลยได้แต่นั่งตบมือดูเจ้าบ่าวของตัวเองเต้นไป


   ส่วนผมระหว่างที่นั่งฟังเพลงอยู่ ไอ้พี่ดินเดินมาจากทางไหนก็ไม่รู้ มาพาตัวผมออกไปจากกงาน มันลากผมไปด้านหลังบ้าน พาผมไปนั่งบนม้านั่งทางด้านหลัง เงียบแถมไม่มีผู้คน เริ่มกลัวใจแฟนตัวเองจริงๆ


“ขอมือ” พี่ดินมองผม ก่อนจะแบมือตัวเองมาที่ด้านหน้าผม


“ไม่ใช่หมานะ จะมาของมงขอมือ”


“ไม่ใช่หมาแต่เป็นเมียไง”


“ชอบพูดอะไรน่าอาย”


“ฟ้าครับ พี่ดินขอมือหน่อย” พี่ดินมันพูดเพราะกับผมครับ พอเจออะไรแบบนี้เข้าไป ก็ทำเอาผมไปไม่เป็นเหมือนกัน ซ้ำยังมาทำตาหวานใส่ยิ่งแล้วใหญ่


“ก็ได้”


“มันอาจจะไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย แต่พี่ก็อยากให้มันอยู่ติดตัวฟ้าไปตลอด” พี่ดินมันพูดพลางสวมแหวนให้ผม มันเป็นแหวนเงินธรรมดาที่ไม่มีลวดลายอะไร เรียบๆ แต่มันทำให้ผมประทับใจจนพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
   




พาร์ทดิน


“พี่รักเรานะฟ้า” ผมบอกน้อง ก่อนจะจับมือน้องขึ้นมาจูบหลังมือเบาๆ


“ให้แหวนไม่ได้ขอแต่งงานใช่ไหม” ฟ้าพูดเชิงเล่นเชิงจริงแต่ดวงตาของน้องมันคลอไปด้วยน้ำตา ที่เหมือนกับว่ามันจะไหลออกมาได้ตลอด


“อยากขออยู่หรอก แต่เมียยังเรียนไม่จบ” 


“บ้า” น้องว่าผม ก่อนที่ผมจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้น้อง


 “ให้เอาไว้แทนใจ ที่จริงของมันก็สู้ใจที่พี่ให้ฟ้าไม่ได้หรอก แต่พี่แค่อยากให้เรารู้ว่าพี่จะอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา ทั้งยามที่ฟ้ามีปัญหาพี่ก็จะช่วยแก้ ยามที่ฟ้าทุกข์ใจพี่ก็จะช่วยปลอบ ยามที่ฟ้ามีความสุข ข้อนี้พี่จะทำให้ฟ้ามีความสุขเองทั้งยามกิน ยามนอน” ยามนอนนี่กูเน้น กูขยี้ให้เมียกูอายเลยอ่ะ


“ทะลึ่ง” น้องทุบไหล่ผม พลางหัวเราะ


“โห่ ไม่ได้คิดอะไรเลยเห๊อะ เรื่องบนเตียงไม่ได้อยู่ในหัวเลย”

 
“ไม่อยากจะเชื่อ” ฟ้าค้อนใส่ผม ตอนนี้เมียทำอะไรก็น่ารักไปหมดอ่ะ เห่อสุดแล้วคนนี้


“ทำไมน่ารักแบบนี้วะ รักวะ” ผมรวบตัวฟ้าเข้ามากอด


“รักเหมือนกัน รักมากด้วย”





ผมไม่รู้ว่าชีวิตต่อไปของเราจะเป็นยังไง แต่ผมรู้แค่ว่าต่อจากนี้ วันนี้ หรือวันไหนๆ ผมจะรักฟ้าของผมคนเดียวเท่านั้น


The end







ลองฟัง ลาวดวงเดือน เวอร์ชั่น โดม กับกันเดอะสตาร์จะเห็นภาพงานแต่งของพี่หินเลยค่ะ
เสียงหวานเพราะมาก https://www.youtube.com/watch?v=Nv_BEQpdFc4 (https://www.youtube.com/watch?v=Nv_BEQpdFc4)






พระเอกคนใหม่ของนักเขียนออกมาแล้วนะคะ คราวหน้าเกรียนกากเท่ห์กว่านี้แน่นอน
ฝากตัวน้องพระเอกคนใหม่ด้วยเน้อ น้องอิฐ เอกดนตรีไทยของเจ้


แล้วก็รอติดตามสเปของพี่ลมนะคะ


ขอบคุณที่ติดตามกันมา ขอบคุณแทนพี่ดินน้องฟ้ามากค่า




หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-02-2018 12:21:49
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-02-2018 13:10:50
 :L2: :L2: :L2: :L2:
จบได้อย่างสวยงามนะ
รักตัวละครทุกตัวเลย
ขอบคุณคนเขียนมากๆ
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 13-02-2018 17:59:31
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ สนุกมากๆเลย จะติดตามผลงานอื่นๆนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-02-2018 18:19:27
จบแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
พี่ดิน ฟ้า  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

อ้าวๆ......แล่ว แล่ว แล้ว   :z3: :z3: :z3:
เจ้าบ่าวของพี่ฟ้า กลายเป็นพี่หิน พี่ของพี่ดิน
ดิน ยังมีน้องทั้งกวน ทั้งเกรียน อิฐ
ที่สเป็คคนที่ชอบเหมือนพี่ดิน อะจ๊ากกกกก  :laugh:

แล้วสิงห์ ก็หายจากอาการอกหัก เพราะหวงสรน้องชาย  :m20:
รอเรื่องใหม่นะ
ขอบคุณไรท์
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-02-2018 18:37:59
 :L1: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 13-02-2018 18:49:34
จบแบบหวานซึ้งมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จะรอติดตามความกวนของน้องอิฐต่อ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 14-02-2018 11:06:16
จบแล้วววววว สนุกมากๆ ค่าาา ชอบพี่ดินมากกกก น่ารักกก ฟ้าก็น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ygff0429 ที่ 17-02-2018 17:11:02
ใช้เล้าเป็นไม่เป็นอ่ะ...ถ้าอยากอ่านนิยายของคนแต่งคนนี้อีก ต้องทำยังไงอ่ะกดติดตามหรือแจ้งเตือนอะไรอย่างนี้ก็ได้
หรือพอจะมีช่องทางอื่นให้ติดตามมั้ยคะพวกเฟส ทวิตอะไรอย่างงี้  :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Nickname ที่ 18-02-2018 02:43:00
รอตอนพิเศษ เขียนเรื่องใหม่แปะเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะจะได้รู้ว่าต่อกัน
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: tuuili ที่ 18-02-2018 13:05:36
อ่านจนจบเลย ยิ้มกับเรื่องราวของทุกตอนเลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนที่ 15 ตอนจบ [13/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-02-2018 18:56:11
 :hao3:เนื้อเรื่องสนุก อ่านไปยิ้มไปค่ะ ตัวละครน่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: juku_0812 ที่ 19-02-2018 09:20:06
ตอนพิเศษ ลม*สร



อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี
อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน
ถ้าหากได้เธอนั้นเป็นแฟนก็ดี
(Lipta – แฟน)





(พาร์ทฟ้า)


 เสียงเพลงในบาร์ของพี่เหนือดังขึ้น และนักร้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไอ้พี่ลมสุดหล่อสุดสวาทของไอ้สิงห์มัน  ช่วงนี้พี่ลมกับไอ้สิงห์มันกำลังเขม่นกันนิดหน่อยครับเพราะว่า พี่ลมดันเดินหน้าจีบน้องสรจนคนเป็นพี่ที่หวงน้องอย่างไอ้สิงห์อยู่นิ่งไม่ได้ ถึงขั้นห้ามไม่ให้น้องมาหา แต่อย่างว่าเรื่องหัวใจใครมันจะห้ามได้! และดูท่าว่าสรมันกำลังตกหลุมที่พี่ลมขุดไว้แล้วด้วยดิ  ก็เล่นนั่งบิดนั่งเขินแก้มแดงเป็นลูกตำลึง ยิ้มแก้มปริให้กับนักร้องที่อยู่บนเวที


“พี่ลมแม่งของจริงวะ ร้องเพลงจีบน้องมึงเลยนะไอ้สิงห์” ไอ้เต๋าหัวเราะคิกคัก เพราะรู้สึกสนุกที่เห็นไอ้สิงห์ร้อนลน  วันนี้พวกผมมานั่งเฝ้าน้องสรกันครับ เพื่อนสิงห์เขาขอมาผมก็ต้องจัดให้มันสักหน่อย มาเป็นบอดี้การ์ดให้น้องชายสุดที่รักสุดหวงหน่อย


“ตอแหลสิไม่ว่า” ไอ้สิงห์ทำหน้าเหม็นเบื่อทุกครั้งที่เห็นพี่ลมแอ๊วน้องชายมัน พี่ลมแม่งก็คนจริง มองน้องสรซะตาเยิ้มเลย


“พี่สิงห์ อย่ามาว่าพี่ลมนะ”


“มึงกลับหอมึงไปเลยป่ะ! รำคาญ จะมาหากูทำไมก็ไม่รู้” สิงห์มันบ่นน้องชายมัน


“สรไม่ได้มาหาพี่สิงห์สักหน่อย สรมาหาพี่ลม อีกอย่างสรกลับไปไม่ได้ด้วย วันนี้พี่ลมไปรับมา”


“เอาแล้ววววววว” ผมกับไอ้เต๋ากลายเป็นลูกยุทันที


“มึงกับไอ้พี่ลมเป็นอะไรกัน ทำไมต้องให้มันไปรับ”


“ก็....”


“อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนกัน กูไม่ยอม! ให้ตายชาตินี้มึงก็อย่าได้มีแฟนเลย”


“ยุ่งอะไรด้วยละ พอตัวเองอกหักก็จะไม่ให้น้องนุ่งมีใครด้วยรึไง” ไอ้สรเถียงพี่มันกลับ


“พอๆ  พวกมึงอย่างเถียงกัน” ผมรีบห้ามศึกสายเลือด “ไอ้สิงห์น้องมันรักใครชอบใครมึงจะห้ามมันทำไมวะ อีกอย่างพี่ลมมันก็เป็นคนดีนะเว้ย”


“คนดีที่เคยชอบมึงอ่ะดิ”


“....” กูโดนเพื่อนรักหักเหลี่ยมไปนึงดอก


“คนอย่างพี่ลมชอบคนง่ายจะตาย พอเห็นใครน่ารักนิดน่ารักหน่อยก็ชอบเขาไปหมดแล้ว”


“มึงก็คิดมากไปไอ้ห่าสิงห์ มึงดูสาวๆ หนุ่มๆ น่ารักสวยๆ กว่าน้องมึงมีตั้งเยอะ ดูหน้าเวทีมึงเห็นไหมพวกนั้นมองพี่ลมจนจะแดกได้อยู่แล้ว พี่ลมเขายังไม่สนใจเลย เขาสนใจน้องมึง แปลว่าน้องมึงอ่ะสเป็คพี่เขา” ไอ้เต๋าพูดเสริม


“พี่เต๋าพูดถูกใจสร เอาไปยี่สิบ”


“เจริญๆ นะลูก” ไอ้เต๋ารับแบงค์ยี่สิบมาเก็บใส่กระเป๋า ไอ้พวกนี้ก็แปลกเล่นจริงทำจริง


“ไอ้เต๋ามึงได้อะไรจากพี่ลม บอกกูมา”


“เปล่า!!!”


“ไอ้สันดาน เสียงสูงกูรู้ว่ามึงต้องได้อะไรจากพี่มันมา มึงถึงพูดชงมันกับกูแท้”


“มึงก็บอกไอ้สิงห์ไปดิ ว่าได้ล้อรถมอเตอร์ไซต์สีน้ำเงินอันแจ่มมา” ผมเลยแกล้งพูดออกไป เอาคืนพวกแม่งบ้างสมัยก่อน เรื่องผมกับพี่ดินแม่งทำกันแบบนี้ พูดชงพูดยุจนตอนนี้ผมได้หลัวมาคนไง  วันนี้ไม่ต้องถามถึงพี่ดินนะครับ ช่วงนี้มันไปฝึกงาน กลับมาทีก็เหนื่อย นอนหลับเป็นตายอยู่ที่บ้านแล้ว


“นั่นไง สันดานเสีย” ไอ้สิงห์ชี้หน้าไอ้เต๋า


“แหมพูดว่าไอ้เต๋ามัน มึงไม่เคยทำเลยนะไอ้เพื่อนสิงห์” ผมเลยแกล้งพูดมันบ้าง


“ก็ตอนนั้นที่กูทำ เพราะกูอยากให้มึงได้คนดีๆแบบพี่ดินมันไง” ไอ้สิงห์แก้ตัว


“ตอนนี้ที่พวกกูทำ ก็เพราะกูอยากให้น้องมึงได้คนดีๆอย่างพี่ลมไง”


“มันไม่เหมือนกันเว้ยไอ้ฟ้า มึงเข้าใจม่ะ ไอ้สรมันยังเด็ก ปีหนึ่งเองนะเว้ย คือช่วงเวลาแบบนี้กูก็อยากให้มันตั้งใจเรียนก่อนไง”


“แต่มึงแม่งก็มีแฟนตั้งแต่ปีหนึ่ง”


“ย้อนแยงสัด” ไอ้เต๋าพูดเสริมผมทันที


“ก็กูดูแลตัวเองได้ แต่น้องกูมันยังเด็ก พวกมึงไม่เข้าใจ”


“มึงนั่นแหละไม่เข้าใจ น้องมันโตแล้วเห๊อะ ให้มันได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักบ้าง มึงอย่าไปบังคับมันเลย ปล่อยๆมันไป”


“แต่กูแบบ...” ระหว่างที่ไอ้สิงห์กับพวกผมกำลังคุยกำลังเถียงกันอยู่นั้น  สรน้องไอ้สิงห์ก็หายไปจากโต๊ะ แถมบนเวทีก็เปลี่ยนนักร้องแล้วด้วย เล่นเอาไอ้สิงห์หัวร้อนเบาๆ ที่น้องตัวเองดื้อไม่ยอมทำตามที่มันสอน









พาร์ทลม

 “ไอ้สิงห์ต้องด่าพี่แน่ๆ” ผมพาน้องมันออกมาทางด้านหลังร้าน


“ปล่อยให้ด่าไปเถอะ คนอะไรไม่มีเหตุผล”


“วันนั้นมันยังมายืนด่าหน้าบ้านพี่เป็นชั่วโมงเลยนะ มันคงรักเรามาก”


“พี่สิงห์มันคงบ้าไปแล้ว”


“ไปว่าพี่ชายตัวเองได้ไง”


“พอๆ เลิกพูดเรื่องพี่สิงห์เถอะ พี่ลมพาสรไปหาไรกินทีหิวอ่ะ” สรลูบท้องของตัวเองก่อนจะช้อนตามองผม บอกตรงๆช๊อตนี้ทำเอาผมตายได้เหมือนกัน เด็กบ้าอะไรน่ารักอย่างกับลูกแมว ผมลูบหัวน้องสองสามครั้ง ก่อนจะคว้ามือน้องแล้วพาไปที่รถ


“พี่ลม” ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ น้องก็หันมาถามผม


“ว่า”


“เราเป็นอะไรกันเหรอ”


“....แล้วอยากเป็นอะไรล่ะ”


“...”


“เอางี้... เราชอบพี่รึเปล่า”


“แล้วพี่ชอบผมรึเปล่า”


“อืม ก็นิดนึง ชอบนิดนึง”


“....” น้องมองค้อนผม ก่อนจะนั่งกอดอกแล้วหันไปมองทางถนนด้านนอก บอกตามตรงผมแอบยิ้มท่าทางของน้องมัน ทุกวันนี้เวลาที่ผมอยู่กับสร ถ้าไม่ได้แกล้งน้องมันผมคงนอนไม่หลับ เพราะสรเป็นเด็กที่น่าแกล้งมาก เป็นเด็กที่มีนิสัยตรงๆ คิดยังไงก็แสดงออกมา ใสๆซื่อๆ น่ารัก คือเป็นเด็กที่ไม่ปิดบังอะไรเลย สมควรแล้วที่ไอ้สิงห์มันจะหวงน้องมัน


“งอนพี่เหรอ” ผมแกล้งจิ้มแก้มน้องมันไปสองสามที ก่อนจะถูกมือขาวๆของอีกฝ่ายปัดออก


“เออ ไม่ให้งอนได้ไง โทรมาหาทุกวัน มารับไปไหนมาไหนตลอด แถมวันนั้นยังแอบมาหอมแก้มผมด้วย!!! พี่บอกว่าพี่ชอบผมแค่นิดเดียวเหรอ นิพี่เอาผมมาเป็นตัวแทนพี่ฟ้าเหรอวะ”


“เรามันแทนฟ้าไม่ได้หรอก เรามันแสบกว่าฟ้าเยอะ ฟ้าเขาเรียบร้อย”


“ใช่สิ!!! ผมมันดื้อ รู้งี้เชื่อพี่สิงห์ก็ดี ไอ้พี่ลมคนเลว คนเลว2018”


“กล้าว่าพี่เหรอ”


“เออ!!”


“อุตสาห์ว่าจะพาไปกินหมูกระทะเจ้าดังสักหน่อย มาว่าพี่แบบนี้ งั้นก็แยกย้ายล่ะกัน เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่หอ”


“ไอ้พี่ลมคนเลวนิดหน่อย2018” น้องมันพูดเสียงอ่อย ผมล่ะอยากขำจริงๆ เห็นไหมจะไม่ให้ผมหลงน้องมันได้ยังไง ก็เล่นน่ารักขนาดนี้


“หืม... เลวนิดหน่อยเหรอ” ผมแกล้งทำเป็นนิ่ง แต่ในใจนิแบบ อยากจับอีกฝ่ายมันฟัดสักที


“ไอ้พี่ลมคนนิสัยเสียนิดหน่อย2018”


“นิสัยเสียด้วย”


“เออ”


“งั้นกลับหอ”


“ก็ได้ ไอ้พี่ลมคนใจร้าย 2018”


“คนใจร้ายที่ไหนเขาจะพาเด็กดื้อไปกินหมูกระทะวะ”


“ไอ้พี่ลมคนขี้แกล้ง2018”


“จากเลวเป็นขี้แกล้ง โอเคพอยอมรับได้ เดี๋ยวพาไปกินหมูกระทะเลย”


“ย่างให้ด้วย”


“อืม”


“เอาเยอะๆ”


“รู้แล้ว”


“ไม่อิ่มห้ามพาผมไปส่ง”


“เดี๋ยวหาหมอนไปนอนรอเลย ให้กินได้ยันเช้า”


“บ้า!!!”


“พี่เชื่อว่าเราทำได้”


“จะกินจนพี่จ่ายไม่ไหวเลย คอยดูสิ”


“จ่ายไม่ไหวเดี๋ยวพาวิ่ง”


“วิ่ง?” น้องขมวดคิ้วมองผมแบบงงๆ


“ชักดาบไง”


“ไอ้พี่ลมคน.....2018”


“เดี๋ยวเถอะ ไม่ต้องมาแอบด่าในใจ” ผมอมยิ้มกับท่าทางแสบๆของสร








เพียงไม่นานพวกเราสองคนก็มาถึงร้านหมูกระทะ ผมบอกให้น้องสั่งได้เต็มที่ ไอ้แสบของผมมันก็สั่งเต็มที่จริงๆ เอามาทุกชุด ทุกเซ็ตตั้งแต่เซ็ตหมูยันเซ็ตรวมมิตรทะเล ผมมองไอ้แสบที่กำลังยักคิ้วให้ผมแบบกวนๆ เด็กอะไรทำไมมันน่าบีบปากดีแท้ ยิ่งมองยิ่งอยากจับมาฟัดให้ช้ำไปทั้งตัว


พออาหารมาเสริฟ์จนเต็มโต๊ะ ไอ้แสบก็ทวงสัญญาผมทันที


“ไหนว่าจะย่างให้ผมกินไง”


“ก็นี่ไง กำลังจะย่างให้”


“รีบๆเลย ผมหิวแล้ว”


“ครับๆ”


ระหว่างที่ย่างให้น้องกิน น้องมันก็คีบหมูมาจ่อที่ปากผม


“พี่ลมกินบ้างสิ อย่าปล่อยให้สรอ้วนคนเดียว อ้าปากเร็ว” ผมมองหน้าน้องด้วยความแปลกใจ ก่อนจะรับหมูเข้าปาก


“อร่อยใช่ไหม”


“อืม”


“เพราะสรป้อนไง มันถึงอร่อย”


“อืม... น่ารัก”


“อะไร?”


“พี่ชอบที่เราแทนตัวเองว่าสร พี่ว่ามันน่ารักดี”


“ถ้าชอบงั้นสรก็จะพูดแบบนี้”


“อืม น่ารักจริงๆ”


“แล้วพี่ฟ้ากับสรใครน่ารักกว่ากัน


“เอ้า แล้วฟ้ามาเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย”


“ก็สรอยากรู้ แต่อย่างว่าพี่ฟ้าน่ารักกว่าสรอยู่แล้ว เพราะขนาดสรยังชอบพี่ฟ้าเลย”


“อืม”


“ไม่ปฏิเสธด้วย”


“ก็... ฟ้าน่ารักจริงๆอย่างที่สรพูดนิ”


“เช๊อะ!!!”


“งอนพี่ไปอีก”


“ใช่สิ สรมันไม่น่ารักนิ พี่จะมาสนใจสรทำไม”


“สรก็น่ารักในแบบของสร ฟ้าก็น่ารักในแบบของฟ้ามันเทียบกันไม่ได้หรอก”


“แล้วพี่ลมมองใครน่ารักกว่ากัน”


“ก็น่ารักคนละแบบ”


“พูดแบบนี้แสดงว่า...”


“เลิกนอยด์ได้แล้ว ฟ้าเขาก็น่ารักในแบบของเขา”


“...”


“ส่วนเรา พี่ว่าอย่าน่ารักไปมากกว่านี้เลย พี่ไม่อยากเหนื่อยแบบไอ้ดินมัน น่ารักแบบพอดีๆแบบเรา พี่ชอบ”


“....” พอผมพูดจบน้องก็นั่งเงียบ ก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจผม ผมแอบเห็นแก้มทั้งสองข้างของน้องเปลี่ยนสีระเรื่อ คนอะไรยิ่งมองยิ่งน่าฟัด ผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่ไอ้ดินมันเคยพูดกับผมตอนเมาแล้วว่า



เมื่อไรที่มึงรักใครสักคน มึงจะรู้สึกอยากฟัดเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่าเว้ย



ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อไอ้ทฤษฏีกากๆ ของไอ้ดินมันหรอก แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าทฤษฎีของไอ้ดินแม่งมันก็ตรงอยู่เหมือนกันวะ



   พอเจ้าตัวแสบกินอิ่ม อีกฝ่ายก็งอแงอยากให้ผมพาขับรถเล่นต่อ เพราะไม่อยากกลับหอ ผมฟังน้องมันบ่นถึงพี่ชายตัวเองที่ช่วงนี้ทำตัวแปลกๆ ฟังไปฟังมามันก็เพลินดีเหมือนกัน เด็กอะไรพูดเก่งชะมัด พูดไม่หยุดเลย


“สรเบื่อพี่สิงห์ ดูสิโทรมาอีกแล้ว โทรอีกครั้งก็จะครบร้อยอยู่แล้ว”


“งั้นก็รับซะสิ”


“ไม่เอาอ่ะ ถ้ารับพี่สิงห์ก็ต้องบ่นสรจนหูชาแน่”


“เพราะสิงห์มันห่วงเราไง”


“ผมน่าห่วงตรงไหน ผมโตแล้วนะ อยู่ปีหนึ่งแล้วด้วย” น้องมันกอดอก พลางมองโทรศัพท์ที่มันกำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่บนตัก ผมละอยากบอกน้องมันจริงๆว่า ถ้าผมเป็นพี่ผมก็รู้สึกห่วงน้องแบบสรเหมือนกัน ก็เล่นน่ารักซะขนาดนี้


“แต่นี่มันดึกแล้วไง กลับเถอะพี่ไม่อยากทะเลาะกับไอ้สิงห์มัน”


“แต่สรไม่อยากกลับไปเลย กลับไปก็อยู่คนเดียว”


“งันไปนอนกับไอ้สิงห์ไหม”


“มันไกลมหาลัยอ่ะ”


“เอ้า แล้วจะเอายังไงหืม”


“พี่ลมไปอยู่เป็นเพื่อนสรดิ”


“อ่อยเปล่าเนี่ย”


“อือ อ่อย สรอยากให้พี่ลมไปอยู่ด้วยกัน ไปเล่นเกมเป็นเพื่อนก็ยังดี” คำพูดของน้องแม่งโคตรดับความคิดหื่นกามของผมเลย ไอ้เราก็คิดไปซะเลยเถิด แต่ที่ไหนได้ไอ้แสบจะชวนไปเล่นเกม


“เดี๋ยวไอ้สิงห์ได้เผาพริกเผาเกลือแช่งพี่พอดี เอางี้กลับถึงหอเมื่อไร ถ้าเหงาก็โทรหาพี่ละกัน”


“โอเค สรจะคุยให้พี่ลมหลับคาสายเลย”


“ก็หลับคาสายเกือบทุกคืนนะ.. สรุปกลับหอกันเนอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”


“ก็ได้ แต่ก่อนไปส่ง แวะร้านค้าให้สรซื้อไอติมกินหน่อยดิ อยากกินอ่ะ”


“อ้วน”


“กินคาวไม่กินหวาน สันดารไพร่พี่ไม่เคยได้ยินรึไง”


“หึ!!! เพราะคิดแบบนี้ไง แก้มมันถึงได้กลมขนาดนี้”


“แล้วจะแวะให้ไหม”


“แวะครับ”


ผมพาน้องซื้อไอศกรีมที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างทางที่ผมขับรถ น้องมันก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน ส่วนผมก็ได้แต่แอบมองอีกฝ่ายกินตุ้ยๆ คนอะไรมันจะน่ารักได้ขนาดนี้ 


“พี่ลมลองกินดิ” สรจ่อช้อนไอ้ศกรีมมาที่ปากผม


“ให้พี่กิน เดี๋ยวเราก็กินไม่อิ่มหรอก”


“สรให้พี่ลองชิม อร่อยนะ ลองสิ” น้องมันมองผมตาแป๋ว ผมเลยรีบอ้าปากรับไอศกรีมมากิน “อร่อยไหม ชื่นใจเนอะ”


“อืม”


“เนี่ย เวลาพี่ลมมีสรนั่งรถมาด้วย มันก็จะดีแบบนี้แหละ เพราะสรจะได้ป้อนขนมพี่ลมได้ตลอด” ผมอมยิ้มกับคำพูดคำจาของน้อง ก็จริงอย่างที่สรว่า เพราะเวลาน้องนั่งรถกับผม น้องก็จะป้อนนู่นป้อนนี่ให้ผมกินตลอด ผมก็เริ่มชินที่มีสรเป็นตุ๊กตาหน้ารถขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าวันไหนไม่ได้ไปรับน้องรึไปหาน้องบอกตรงๆ ผมโคตรเหงาเลย อยากเห็นหน้าอีกฝ่ายตลอดเวลา


“พี่ลมไม่อยากได้คนมาป้อนขนมเวลาขับรถเหรอ” น้องมันพูดขึ้นมาอีกครั้ง


“....ก็นี่ไง.. พี่ก็ได้สรมาแล้วไง”


“แบบ ไม่อยากให้สรมาป้อนพี่ลมทุกวันเหรอ” ผมแอบมองน้อง ที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาเขี่ยไอศกรีมที่อยู่ในมือไปมา ดูดิน้องมันกำลังเขินผมนะ แต่ก็ยังกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา น่ารักจริงๆ


“สรก็ป้อนพี่แทบทุกวันอยู่แล้วนิ”


“ไม่ใช่ดิ แบบนานๆ หรือไม่ก็ตลอดไป”


“ถ้าแบบนานๆ ก็น่าสนใจอยู่”


“สรไม่อ้อมละ ถามตรงๆเลยละกัน พี่ลมชอบสรรึเปล่า” ผมตกใจกับคำถามของน้อง จนแทบสำลักน้ำลายตัวเอง


“ห๊ะ”


“ไม่ต้องทำเป็นตกใจ สรถามว่าพี่ลมชอบสรรึเปล่า”


“เอางี้ เราชอบพี่รึเปล่าละ”


“สรถามพี่ลมก่อนนะ ว่าพี่ลมชอบสรรึเปล่า ตอบมาเลย”


“ชอบ”


“ชอบนิดนึงสินะ”


“ก็....”


“สรว่าแล้ว ว่าพี่ลมต้องชอบสรนิดเดียว” ดูไอ้เด็กคนนี้คิดเองเป็นตุเป็นตะ เห็นแววว่าแฟนเด็กในอนาคตของผมคนนี้จะแสบจนทำเอาผมรับมือไม่ไหวแน่ๆ


“แต่พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าพี่ชอบเรานิดเดียว”


“งั้นชอบมากกว่าพี่ฟ้ารึเปล่า”


“เอาอีกแล้ว ทำไมชอบเอาฟ้ามาเกี่ยว”


“ก็พี่ลมเคยชอบพี่ฟ้ามาก่อน ถึงขนาดแย่งกันจีบกับพี่ดินเลย พี่สิงห์ยังเคยบอกสรอีกว่า พอพี่ลมถูกพี่ฟ้าหักอก พี่ลมก็ไม่ไปจีบใครอีกเลย เหมือนกับว่าพี่ลมยังรักพี่ฟ้าอยู่”


“ไอ้สิงห์มันเว่อร์ไปล่ะ ตอนนั้นพี่ยังไม่เจอคนที่ใช่สักหน่อย...”


“แล้วตอนนี้เจอยัง”


“เจอแล้ว นั่งอยู่ข้างๆเนี่ย”


“...”


พอเห็นน้องนั่งเขินเงียบ ผมเลยรีบกดเพลงที่เผมตรียมมาให้น้องฟังทันที


“เพลงนี้ พี่ให้เรา... อยากให้ลองฟังดู พี่ขอใช้เพลงนี้แทนความรู้สึกทั้งหมดของพี่ในตอนนี้ล่ะกัน เพราะถ้าให้เพราะพูดออกไปตรงๆ พี่เขินวะ”



อยากรู้จัก อยากให้เธอรู้จัก อยากเป็นคนรักเธอ อยากให้เธอได้หันมอง
แบบว่าฉันคนธรรมดา ไม่่ใจร้าย ถ้าลองได้คบจะดูแลเธออย่างดี
ความรู้สึก เธอคือคนพิเศษ อยากให้ลองรักดู อยากให้รู้ว่ารักเป็น

ก็เลยร้องมาเป็นทำนอง ชา ดี ดา ถ้าได้เป็นแฟนจะดูแลเธออย่างดี
เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน
ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง



    พอถึงท่อนฮุกผมก็ร้องคลอไปกับเพลงด้วย ก่อนจะคว้ามือน้องมากุมเอาไว้หลวมๆ ในขณะที่สายตาตัวเองก็ยังคงทอดมองไปยังถนนด้านหน้า แต่ทว่าผมรู้สึกว่าหัวใจของผมกับน้องเวลานี้มันเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยกันทั้งคู่    


    “ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉันได้ไหม ที่รัก...เธอ”

    ที่รัก (เธอ) : เอก สุระเชษฐ์


   “เป็นแฟนกันนะ” น้องกับผมเราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน ผมเลยเผลอหัวเราะออกมานิดนึงเพราะอดทนกับความน่ารักแบบเปิ้นๆของสรไม่ไหวแล้วจริงๆ


   “พี่ต้องเป็นคนขอดิ”


   “ก็พี่ลมชอบปากแข็ง”


   “ก็พี่อยากมั่นใจว่าเราก็ชอบพี่อยู่เหมือนกัน”


   “โอ๊ยจะเอาความมั่นใจไปถึงไหน จำไว้สรเป็นวัยรุ่น... วัยรุ่นใจร้อนเสมอ”


   “ครับๆ จะจำเอาไว้ แล้วเอาไงสรจะเป็นแฟนพี่ไหม”


   “ยังต้องตอบอีกเหรอ”


   “ตอบสิ”


   “พี่อยากเป็นแฟนสรรึเปล่าละ”


   “ถามกลับอีกแล้ว นี่พี่ถามเราก่อนนะ”


   “ก็ได้ สรอยากเป็นแฟนพี่ลม มาก ก. ไก่ ล้านตัวเลย”


   “งั้น เราเป็นแฟนกันนะ”


   “อืม เป็นแฟนแล้วห้ามทิ้งนะ”


   “ไม่ทิ้ง”


   “สัญญา” น้องยื่นนิ้วก้อยมาทางผม


   “โอเคๆ สัญญา” ผมมองหน้าน้องแปบหนึ่ง ก่อนจะเกี่ยวก้อยสัญญากับอีกฝ่าย ตั้งแต่เคยมีแฟนมา สรเป็นคนแรกที่ทำแบบนี้กับผม ไอ้แสบของผมแม่งทำไมมันน่ารัก น่าฟัดได้ขนาดนี้วะ


   “สบายใจขึ้นมาหน่อย”


   “ไอ้แสบเอ๊ย”


   ความรักของผมในครั้งนี้มันไม่ซับซ้อนสักเท่าไร และผมคิดว่าผมจะรักษามันไว้ให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้












(ต่ออีกนิด)
หลังจากที่คบกันได้ 1 เดือน


บนโซฟาในหอพักของน้องสร


“พี่ลมรักสรป่ะ”


“รักดิ”


“รักเท่าไหน”


“รักเท่าฟ้าเลย”


“อะไร!!! ยังไม่ลืมพี่ฟ้าอีกเหรอ เราเป็นแฟนกันแล้วนะ


 “ไม่ใช่ มันคือคำเปรียบเปรย พี่นะรักเราเท่าฟ้าเลย”


“ไม่ชอบอ่ะ ให้ได้มากกว่านี้ไหม ขอมากกว่านี้”


“งั้น รักเท่าจักรวาลเลย”


“โอเค ดีมาก”


“แล้วเราล่ะ รักพี่ขนาดไหน”


“รักมาก เท่าจักรวาลชุบแป้งทอดเลย”


“งั้นพี่ก็รักเรามากเท่ากระทะทอดจักรวาลเลย”


“สรรักพี่ลมเท่า...” น้องยังพูดไม่จบ ผมก็รวบเอวน้องเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจุ๊บริมฝีปากนิ่มเบาๆ


ทุกวันที่ผมได้อยู่กับสรมันก็จะเป็นแบบนี้เสมอแหละครับ


เด็กคนนี้ทำให้หัวใจผมทำงานหนักขึ้นทุกวันเลย....




 ......the end.....



ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ
นักเขียนชื่นใจเลยที่ทุกคนชอบ
อีกสักพักจะเขียนตอนพิเศษของพี่ดินมาให้อ่านกันนะคะ


แต่ตอนนี้ น้องอิฐเป็นพระเอกเต็มตัวแล้ว ช่วยไปเป็นกำลังใจให้กับน้องอิฐคนเกรียนด้วยนะคะ ความกากอาจสู้พี่ดินไม่ได้ แต่ความเกรียนของน้องอิฐได้สิบกะโหลกเลย (แนวฟิลกู๊ดอีกแล้ว)

แลคโตบาซิลรัก เพราะรักมันส์ดี... จึงมีประโยชน์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66232.0)
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-02-2018 13:56:00
สิงห์โดนน้องเมิน ห้ามอะไรมันก็ห้ามได้แต่ห้ามเรื่องรักนี่ยากนะสิงห์


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 21-02-2018 08:32:43
นิยายเรื่องนี้สนุกและน่ารักมากค่าา
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-02-2018 21:42:52
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 05-03-2018 03:13:31
น้องสรน่ารักกกก ชอบโมเม้นท์ขอเป็นแฟนพร้อมกัน
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 17-03-2018 15:10:07
สนุก น่ารัก แล้วก็ฮามากเลยค่า
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-03-2018 16:20:09
ลม+สร ทำไมมุ้งมิ้งได้ขนาดนี้นะ
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าใสคนนอกโลก ที่ 17-04-2018 13:42:29
หุบยิ้มไม่ได้เลยจริงๆตั้งแต่ตอนแรกยันจบเรื่อง ขำมุก เขินจนตัวบิด
ฮือออออออ น่ารักกกกกกกกกกกก  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 17-04-2018 18:09:47
 :-[
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-04-2018 13:50:53
 :L2: :L1: :pig4:

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องสนุกๆ เราเพิ่งได้เข้ามาอ่าน
รอนตอนพิเศษพี่ดิน
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 19-04-2018 23:52:55
สนุกดีและฮาดี ขอบคุณมากๆค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:15:22
สนุกมากก ดีต่อใจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:30:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: Kochiro ที่ 20-11-2020 08:42:27
 :mew1:สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำหูู้ปาโก๋ ที่ 21-11-2020 00:40:01
ดีต่อใจสุดดดดดเ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 21-11-2020 19:43:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 24-11-2020 21:51:02
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วต้องยิ้มตามตลอดกับความน่ารักของดินกับฟ้าและผองเพื่อน สนุกค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 26-12-2020 23:47:22
จบแล้ว
น่ารักสนุกดีค่ะ
ชอบพี่ดินกับน้องฟ้า น่ารักดี
ลมมีคู่แล้ว แต่สิงห์ยังไม่มีคู่เลยจบสะละ
ยังก็ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ★++++++ ความรักของพสุธากับเวหา ++++++★ ตอนพิเศษ ลม*สร [19/02/2561]
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 29-12-2020 19:02:06
เพิ่งได้มาอ่าน (ยังอ่านไม่จบ ขอคอมเม้นก่อน 555)
สนุกมากกกกกก อ่านไปยิ้มไป เขินนนนนนนนนนนนนนน  :-[