[สนพ.เฮอร์มิท]Calorie ผมแค่มารอลี่~ [YAOI][#แจ้งข่าวรูปเล่มหน้า 12 นะคะ](7/9/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [สนพ.เฮอร์มิท]Calorie ผมแค่มารอลี่~ [YAOI][#แจ้งข่าวรูปเล่มหน้า 12 นะคะ](7/9/61)  (อ่าน 43745 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          Calorie ที่ 37 เพราะว่ามันคือรักแท้


          ผมกลับมานอนที่เตียงหลังจากที่แน่ใจว่าพี่โรลนั้นหลับไปแล้ว ผมนอนลงกินยาของผมที่คุณหมอจัดไว้ให้และค่อยๆ หลับตาลง



          ผมเดินอยู่บนระเบียงที่ดูคุ้นตา มองไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่มืดครึ้มและดูน่ากลัว ผมมองเท้าที่เปลือยเปล่าของผมกำลังก้าวเดินไปตามทาง ขึ้นไปยังบันไดที่ทอดตัวขึ้นไปสู่ด้านบน ทีละก้าว ทีละก้าว

          ผมไม่รู้ว่าผมกำลังไปที่ไหน รู้แต่เพียงว่า มีใครสักคนกำลังเรียกผมอยู่ ผมเดินขึ้นมาเรื่อยๆ มาจนถึงชั้นบนสุด ผมมองไปรอบๆ ที่มีแต่พื้นที่ว่างเปล่า ท้องฟ้าที่ไร้แสง และลมที่โหมกระหน่ำราวกับกำลังก่อพายุ

          ผมมองไปรอบๆ อีกครั้ง และสะดุดเข้ากับร่างของคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้น บนริมขอบความชัน หันหน้าแหงนมองไปบนท้องฟ้าที่มืดมนนั้น

          ผมค่อยๆ เดินไปข้างหน้าด้วยหัวใจสั่นสะท้านด้วยความกลัว พี่ครับ พี่ใช่ไหม​ ทำไมพี่ถึงอยู่ตรงนั้น

          ผมที่ค่อยๆ เดิน ก็ก้าวท้าวเร็วขึ้น จนกลายเป็นวิ่งด้วยแรงทั้งหมดที่ตัวเองมี เพื่อไขว่คว้าหาคนคนนั้น

          " พี่ขอโทษ พี่รักลี่ " คนคนนั้นหันมามองผมและยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันหลังและทิ้งร่างของตัวเองลงไปสู่ความมืดมนเบื้องล่าง

          " พี่โรล!!! " ผมตะโกนและสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างตื่นตกใจ พลางหันไปมองรอบๆ ผมหัวใจเต้นแรง ตัวสั่นและเหงื่อไหลซึม



          " ลี่!! " ผมหันไปมองประตูที่เปิดออกมาอย่างแรง และไอ้เมี่ยงที่หน้าตาตื่นเข้ามา

          " ลี่ ลี่ ไปกับกูเดี๋ยวนี้ " ไอ้เมี่ยงไม่พูดเปล่าแต่กำลังอุ้มผมขึ้นจากเตียงและวิ่งอย่างรวดเร็วขึ้นบันได

          ผมตกใจกำเสื้อของมันไว้ มันกำลังทำหน้าตาตื่น กำลังทำท่าเหมือนจะร้องไห้ และผมก็เริ่มที่จะรู้แล้วว่า เป็นเพราะอะไร

          มันพาผมมาถึงหน้าห้องของพี่โรลและปล่อยผมลง ผมค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปพลางมองกลุ่มคนที่กำลังร้องไห้ และกลุ่มคนในชุดสีขาวที่กำลังลุมล้อมรอบตัวพี่โรลอยู่ ทุกคนดูสีหน้าเคร่งเครียดและเหนื่อยอ่อน ผมมองร่างกายที่โรลที่ถูกเหล็กแนบที่หัวใจ และช็อตไฟฟ้าเข้าไป แต่ก็ยังคงนิ่งอยู่

          นี่ผมคงยังไม่ตื่นสินะ ผมเดินช้าๆ ตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว สมองมึนงงยังคงไม่รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ผมน้ำตาไหลยืนมองความชุลมุนด้านหน้าด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า เสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้นั้นไม่ได้เข้ามาในโสดประสาทผมเลยสักนิด

          ผมเดินเข้าไปช้าๆ พยายามจะเอื้อมมือเข้าไปหาพี่โรล แต่ก็ถูกคนในชุดสีขาวกันออกมา ผมยังคงไม่สนใจและพยายามจะเดินเข้าไปใหม่ พี่ครับ ผมอยู่นี่แล้ว มองผมสิ

          ผมที่เริ่มรู้สึกตัวก็เริ่มร้องไห้ออกมา แบบนี้ไม่ได้ พี่จะทิ้งผมไปไม่ได้ ผมนึกถึงวันข้างหน้า วันที่ไม่มีพี่อยู่นั้น ผมนึกมันไม่ออกอีกแล้ว

          " คุณหมอ ต้องการอะไรหรือเปล่าครับ " ผมพยายามเดินเข้าไปเกาะแขนคนนั้นคนนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ

          " ผมมีเลือดนะ ผมมีทุกอย่าง เอาของผมไปก็ได้ ช่วยด้วยครับ ช่วยพี่โรลด้วยครับคุณหมอ " ผมโดนชนจนหกล้ม แต่ก็ยังคงพยายามจะลุกขึ้นใหม่ทุกครั้ง

          ผมได้ยินเสียงคุณแม่พี่โรลที่กำลังร้องไห้ราวจะขาดใจ ผมมองหนิงที่ตัวสั่นน้อยๆ และคุณพ่อของพี่โรลที่โอบคุณแม่ไว้

          " คุณหมอครับ ฮึก..ฮ ผม ผมมีหัวใจ เอาของผมไปก็ได้ ฮืออ " ผมรู้สึกว่าผมถูกกอดเอาไว้ไม่ให้เดินไปข้างหน้าได้อีก ผมพยายามแกะมือเพื่อนออกและพยายามจะเดินเข้าไปหาพี่โรล ขอแค่เพียงนิดเดียว ผมอยากจับมือพี่ไว้ ผมอยากให้พี่รู้ว่าผมอยู่ข้างๆ พี่เสมอ

          " คนไข้อาการทรุดลงมาก ต้องผ่าตัดใหญ่อีกรอบ ต้องใช้เลือดเพิ่มด่วนที่สุด "

          " ฮืออ หนิง หนิงช่วยพี่เขานะลูก พี่เขาเลือดกรุ๊ปพิเศษนะ จะทำยังไงดี ของแม่คงไม่ได้แน่ๆ " คุณแม่ของพี่โรลกำลังร้องไห้และหันไปหาคนที่คิดว่ารักลูกตัวเองที่สุด

          " ไม่ค่ะ ห.นิงกลัว ถ้าหนิงตายไปอีกคนล่ะ " หนิงนั้นร้องไห้และส่ายหน้าไปมา

          คุณแม่ของพี่โรลนั่นนิ่งค้างสงบลง และกำลังจ้องมองเด็กหนุ่มที่กำลังตะเกียกตะกายเกาะแขนคุณหมอไว้สุดกำลัง

          " ผมครับ เอาของผมไป ผมเลือดกรุ๊ปหายากครับ เอาไปหมดเลยก็ได้ ช่วยพี่โรลด้วย ต้องช่วยพี่ให้ได้ " ผมเหมือนคนเสียสติพูดไม่รู้เรื่อง ผมไม่รู้ว่าผมกำลังทำอะไร กำลังพูดอะไร ผมรู้อย่างเดียวว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี ผมให้พี่ได้ ขอเพียงแค่ให้พี่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พี่ไม่ต้องจำผมได้ก็ได้ พี่จะลืมผมไปชั่วนิรันดร์เลยก็ได้ แต่ผมขอเพียงแค่ ให้พี่กลับมา ลืมตาขึ้นมา มีชีวิตอยู่ แค่นี่ผมก็เพียงพอแล้ว
         
          " คุณยังเห็นต่างเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า "  คุณพ่อพี่โรลพูดและบีบมือภรรยาตัวเองด้วยน้ำตาเช่นกัน คุณแม่พี่โรลส่ายหน้าน้อยๆ และร้องไห้ออกมาเบาๆ แทนคำตอบนั้น

          " ลี่ มึงกำลังป่วยนะ " ผมยังคงขอร้องคุณหมอให้เอาเลือดผมไป แต่ก็ถูกเพื่อนดึงเอาไว้

          " กูไหว กูไม่เป็นไร จริงๆ " ผมไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก เลือดของพวกเรานั้นเป็นชนิดหายากเหมือนกัน ผมอยากช่วย และต้องช่วยพี่โรลให้ได้

          สุดท้ายแล้ว ผมก็ได้บริจาคเลือดตามที่ตั้งใจ จะใช้ได้หรือไม่นั้น ผมก็ยังไม่รู้ แต่จะให้ผมอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมทำไมได้ ส่วนไอ้เมี่ยงและพี่นายก็พยายามหาเลือดกรุ๊ปพิเศษนี้จากที่ต่างๆ เท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยโรงพยาบาลอีกทาง คุณแม่ของพี่โรลนั้นมีกรุ๊ปเลือดพิเศษนี้เช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถบริจาคได้ เพราะร่างกายและโรคประจำตัวของท่าน

          ผมนอนบนเตียงเพื่อบริจาคเลือด ผมภาวนาให้พี่ตื่นขึ้นมา กลับคืนสู่โลกใบนี้อีกครั้ง โลกที่พวกเรานั้นต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปอีกนานแสนนาน แต่ถ้าหากว่าไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าหากว่าพี่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก ผมแทบไม่กล้าคิดถึงมัน ผมคงหัวใจแหลกสลาย และเหมือนตายทั้งเป็น

          ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ อย่างอ่อนแรง ผมขอภาวนาอีกเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้เมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ขอให้ผม ได้พบพี่ ขอให้พี่ ยังอยู่กับผม หายใจไปพร้อมๆ กับผมด้วยเถิด

          การหลับไหลที่ดูเหมือนจะยาวนาน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงความฝัน ความอบอุ่น ผ่อนคลาย ตัวเบาเหมือนกำลังร่องลอยไป ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ในแสงที่สว่างจ้าจนแสบตา นี่ผมตายไปแล้วงั้นเหรอ ผมอยู่บนสวรรค์แล้วใช่ไหม​ ผมขมวดคิ้วน้อยๆ เพ่งมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดูดีๆ ก็รู้สึกว่า ผมอยากตบไอ้ตัวที่ทำให้ผมเห็นแสงสว่างคาตาแบบนี้ ใครเขาใช้ให้มึงเอาไฟฉายส่องตากูฟะ

          " สนุกไหม​ เดี๋ยวเถอะมึง " ผมส่งเสียงขู่ฟ่อทันที

          " ลี่!! ลี่ลืมตาแล้ว " ผมมองทุกๆ คนรอบเตียง มีไอ้เมี่ยง ป๊าม๊า อาเฟย พี่นาย

          " ทำอะไรของมึง กูน้ำตาไหลพรากเลยเห็นไหม​ " ผมขยับตัวและขยี้ตาน้อยๆ

          " กูกลัวมึงไม่ตื่น กูกลัวมึงหลงทางไปยมโลก โอ้ยย " ทุกคนร่วมใจกันโบกกบาลไอ้ตัวปากพล่อยนี่ กูแค่บริจาคเลือดไม่ได้บริจาคหัวใจซะหน่อย แต่เอ๊ะ หัวใจผมก็อยู่ที่พี่โรลอยู่แล้วนี่นา ถรุยย เวลาแบบนี้ยังจะคิดเรื่องน้ำเน่าอีกเรา

          " พี่โรล! แล้วพี่โรลล่ะ " ผมที่เพิ่งนึกขึ้นได้ก็รีบส่งเสียงดังถามพลางเด้งลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ไอ้เรื่องที่ควรคิดเจือกไม่คิด

          " ไม่ต้องรีบลุกหรอก นอนพักซะ " ผมถูกกดตัวให้นอนลงไปเหมือนเดิม

          " ร่างกายก็ไม่ใช่จะแข็งแรง ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเลย " ผมมองม๊าที่กำลังทำหน้าเศร้า ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

          " ขอโทษครับ " ผมพูดเบาๆ อย่างรู้สึกผิดจริงๆ

          " ทีหลังมีอะไรก็ถามป๊าม๊าก่อนนะ พวกเราก็อยากช่วยอยู่แล้ว " ผมยิ้มน้อยๆ ให้ป๊า

          " ความรักทำให้คนตาบอด โอ้ยย " ผมขยับมือไปหยิกไอ้ตัวปากมากทันที

          ผมมองไอ้เมี่ยงที่กำลังยิ้มและชี้ให้ดูด้านหลังที่มันยืน ผมมองผ่านช่องข้างตัวมันและก็ต้องยิ้มกว้าง เพราะว่าเตียงของพี่โรลนั้นก็อยู่ข้างๆ ผมไม่ได้ห่างมากนัก และพี่โรลนั้นก็กำลังหันมามองผมเหมือนกัน

          ผมน้ำตาไหลออกมาอย่างดีใจ ผมไม่ได้เสียพี่ไป พี่ดูสีหน้าดีขึ้น และกำลังจ้องมองผมอยู่จริงๆ แต่ผมที่กำลังยิ้มดีใจนั้นก็ต้องหุบยิ้มและขมวดคิ้วสงสัย เพราะว่าอยู่ดีๆ พี่โรลก็รีบหันหน้าไปอีกทางทันทีที่รู้ว่าผมมองอยู่ ทำไมละครับ พี่เป็นอะไรไป

          ผมรู้สึกเศร้าในหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่คนอีกคนรีบหันหน้าหนีไปนั้น ก็เพราะว่า



คนคนนั้นแค่ต้องการซ่อนใบหน้าสีแดงของตัวเองเท่านั้นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 13:16:34 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โอ๊ยยยยย เหม็นฟามรัก
ก้อจริงแหละต้องบอกพ่อแม่ก่อนไหมล่ะคนเราจะตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้คนเดียวได้ไง อีพี่โรลเด็กน้อยอายุ18เป็นไงบ้างล่ะนั่น ต่อไปต้องอยู่ในโอวาทเมียนะเอ้อ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ดีใจแทนน้องลี่กับพี่โรล รักแท้ชนะทุกอย่าง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เหม็นความรักจริงๆ

ออฟไลน์ Phat25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เราชอบนิยายเรื่องนี้มากๆค่ะ คนเขียนแต่งดีมาตลอด
แต่ตอนนี้เราของติงนิดนึงนะคะ
1 เรื่องที่พี่โรลไตไม่ทำงาน มันไม่มีที่มาที่ไปค่ะถ้าบอกว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนของอุบัติเหตุ ไตไม่ทำงานจะต้องเกิดหลังอุบัติเหตุทันทีค่ะ เช่นไตฉีกขาด คนเราอยู่ดีๆไตไม่ทำงานมันเป็นไปไม่ได้นะคะ ไม่มีบวมน้ำ ไม่มีปัสสาวะไม่ออก ไม่มีหายใจเหนื่อย ไม่มีผลเลือดผิดปกติ
2 ถ้าคนไข้ไตไม่ทำงาน โดยเฉพาะคนที่ต้นทุนเดิมยังหนุ่มและแข็งแรงแบบพี่โรล อันดับแรกของการรักษาไม่ใช่การเปลี่ยนไตค่ะ แต่จะเป็นวิธีอื่นเช่น การฟอกไตแบบฉุกเฉิน
3 การเปลี่ยนไตไม่ได้ทำง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าร่างกายของผู้บริจาคไม่แข็งแรง มีความเสี่ยงเสียชีวิตจากการบริจาค เท่ากับว่าหมอฆ่าคนคนหนึ่งเพื่อช่วยชีวิตอีกคนหนึ่ง ถ้าไม่แข็งแรงคุณสมบัติไม่ผ่านตั้งแต่ต้นค่ะ
ต่อให้ยินยอมอย่างไรก็ไม่ได้
4 การแสดงออกถึงความรัก เราเข้าใจนะคะว่าลี่รักพี่โรลมาก คนแต่งอาจจะต้องการแสดงให้เห็นในจุดนี้ว่าต่อให้อาจจะต้องตายก็ทำเพื่อคนรักได้ แต่เราไม่เห็นด้วยค่ะ การที่คนๆหนึ่งเลือกบริจาคอวัยวะที่พ่อแม่ให้มา โดยที่รู้ว่าทำไปแล้วอาจจะต้องตาย โดยไม่นึกถึงพ่อแม่ที่เฝ้าถนุถนอมมา ไม่นึกถึงว่าพ่อแม่จะรู้สึกยังไง มันดีแล้วเหรอ ถ้าลี่ตายพี่โรลรอด แล้วพ่อแม่ลี่ล่ะคะจะอยู่ยังไง

สำหรับเรานิยายมีผลต่อคนอ่าน ทั้งเรื่องความรู้สึก ความรู้ความเข้าใจ ไม่ใช่เป็นแค่สิ่งบรรเทิงอย่างหนึ่ง ทุกอย่างมีผลกระทบค่ะ ทุกวันนี้มีคนที่เข้าใจผิดๆเกี่ยวกันโรค การรักษา โรงพยาบาลมากพอแล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อ่านนิยายสามารถแยกแยะได้ วิเคราะห์ได้ทุกย่าง แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ

ถ้าความเห็นเราทำให้รู้สึกไม่ดีเราขอโทษค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาแล้วไง อีพีโรล ทำหนูลี่น้ำตาตกอีกแล้ว  :katai1:

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
เราชอบนิยายเรื่องนี้มากๆค่ะ คนเขียนแต่งดีมาตลอด
แต่ตอนนี้เราของติงนิดนึงนะคะ
1 เรื่องที่พี่โรลไตไม่ทำงาน มันไม่มีที่มาที่ไปค่ะถ้าบอกว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนของอุบัติเหตุ ไตไม่ทำงานจะต้องเกิดหลังอุบัติเหตุทันทีค่ะ เช่นไตฉีกขาด คนเราอยู่ดีๆไตไม่ทำงานมันเป็นไปไม่ได้นะคะ ไม่มีบวมน้ำ ไม่มีปัสสาวะไม่ออก ไม่มีหายใจเหนื่อย ไม่มีผลเลือดผิดปกติ
2 ถ้าคนไข้ไตไม่ทำงาน โดยเฉพาะคนที่ต้นทุนเดิมยังหนุ่มและแข็งแรงแบบพี่โรล อันดับแรกของการรักษาไม่ใช่การเปลี่ยนไตค่ะ แต่จะเป็นวิธีอื่นเช่น การฟอกไตแบบฉุกเฉิน
3 การเปลี่ยนไตไม่ได้ทำง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าร่างกายของผู้บริจาคไม่แข็งแรง มีความเสี่ยงเสียชีวิตจากการบริจาค เท่ากับว่าหมอฆ่าคนคนหนึ่งเพื่อช่วยชีวิตอีกคนหนึ่ง ถ้าไม่แข็งแรงคุณสมบัติไม่ผ่านตั้งแต่ต้นค่ะ
ต่อให้ยินยอมอย่างไรก็ไม่ได้
4 การแสดงออกถึงความรัก เราเข้าใจนะคะว่าลี่รักพี่โรลมาก คนแต่งอาจจะต้องการแสดงให้เห็นในจุดนี้ว่าต่อให้อาจจะต้องตายก็ทำเพื่อคนรักได้ แต่เราไม่เห็นด้วยค่ะ การที่คนๆหนึ่งเลือกบริจาคอวัยวะที่พ่อแม่ให้มา โดยที่รู้ว่าทำไปแล้วอาจจะต้องตาย โดยไม่นึกถึงพ่อแม่ที่เฝ้าถนุถนอมมา ไม่นึกถึงว่าพ่อแม่จะรู้สึกยังไง มันดีแล้วเหรอ ถ้าลี่ตายพี่โรลรอด แล้วพ่อแม่ลี่ล่ะคะจะอยู่ยังไง

สำหรับเรานิยายมีผลต่อคนอ่าน ทั้งเรื่องความรู้สึก ความรู้ความเข้าใจ ไม่ใช่เป็นแค่สิ่งบรรเทิงอย่างหนึ่ง ทุกอย่างมีผลกระทบค่ะ ทุกวันนี้มีคนที่เข้าใจผิดๆเกี่ยวกันโรค การรักษา โรงพยาบาลมากพอแล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อ่านนิยายสามารถแยกแยะได้ วิเคราะห์ได้ทุกย่าง แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ

ถ้าความเห็นเราทำให้รู้สึกไม่ดีเราขอโทษค่ะ

ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ ขออนุญาตแถ เอ้ย แจกแจงนิดนึงนะคะ 555+ เรื่องไตไรท์อาจพลาดจริงๆเลยค่ะ ต้องขออภัย แต่จริงๆพี่โรลนั้นอาการสาหัสมากกว่าที่ตาเห็น แต่พี่แกเก็บอาการเอาไว้ด้วยนะคะ หมอนี่แทบจะตรวจไม่ได้เพราะพี่แกจะฟัดเอา ไรท์พยายามจะไม่ลงลึกรายละเอียดมาก เพราะกลัวจะยืดเยื้อเกินไป
ในส่วนที่ลี่นั้นรักพี่โรลจนพูดได้ว่ายอมทุกอย่าง และไม่คิดถึงพ่อแม่นั้น อันนี้ตั้งใจใส่ให้เป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปซะหมดนะจ๊ะ หลังจากที่ลี่ฟื้นนั้น จะเห็นได้ว่าแม่ของลี่นั้นได้ว่ากล่าวน้องด้วยความเสียใจค่ะ และลี่ก็คิดได้จากคำพูดนั้น ในเรื่องนี้นั้นน้องเป็นคนอ่อนแอเรื่องความรักค่ะ เพราะความรักจึงทำร้ายตัวเองมาตั้งแต่ต้นเลยค่ะ ในท้ายที่สุดน้องจะต้องโตขึ้นและได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะค่ะ ขอบคุณจริงๆที่ติดตามอ่านนะคะ อาจมีการแก้ไขเนื้อหาเพื่อให้เป็นไปตามความถูกต้องมากขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          Calorie ที่ 38 อีกครั้งและอีกครั้ง


          หลังจากเหตุการนั้นเวลาก็ผ่านไปสักพัก ผมในตอนนี้แทบจะหายเป็นปกติแล้ว และอีกไม่กี่วันผมก็จะต้องออกจากโรงพยาบาลและเริ่มที่จะกลับไปเรียน

          พี่โรลนั้นร่างกายถือว่าดีขึ้น แต่ก็ยังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ คุณหมอบอกว่ายังคงต้องดูอาการต่อไปอีกสักระยะ

          และที่สำคัญที่สุดก็คือ พี่โรลนั้นยังคงจำผมไม่ได้ แต่ผมก็ไม่เป็นไร ผมพอใจแล้วกับสภาพในตอนนี้

          " หนูลี่พ่อฝากพี่เขาด้วยนะ " คุณพ่อของพี่โรลเดินเข้ามาหาผมและพูดคุยอยู่เสมอ ส่วนคุณแม่ของพี่โรลนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรผมอีกแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ได้เข้ามาพูดคุยกับผมเช่นเดิม

          " อย่าคิดมากเรื่องคุณแม่ของพี่เขาเลยนะ " ผมพยักหน้าและยิ้มน้อยๆ ให้คุณพ่อของพี่โรล

          ตอนนี้ในห้องเหลือแต่ผมกับพี่โรลแล้ว เพราะไอ้เมี่ยงก็มีเรียน และพอเรียนเสร็จมันก็จะมาขลุกตัวอยู่กับผมประจำ ผมค่อยๆ เดินมาหาพี่โรลและนั่งลงข้างๆ เตียงนั้น

          " เป็นยังไงบ้างครับ " พี่โรลส่วนมากก็จะไม่ได้ทำอะไร เอาแต่จ้องมองผมเหมือนกับกำลังนึกอะไรอยู่
         
          " ลี่อยู่คณะอะไรนะ " พี่โรลถามผมพลางขมวดคิ้ว

          " อยู่บริหารครับ " ผมตอบพลางแกะน้ำเต้าหู้ใส่แก้วให้พี่โรล

          ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ผมก็เพิ่งจะได้มานั่งคุยจริงๆ จังๆ กับพี่โรล เพราะที่ผ่านมาพี่โรลต้องใช้เวลาพักฟื้นเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้ผมไม่กล้าที่จะรบกวน เวลาที่ผ่านไปส่วนมากก็เลยมีแต่นอนกับนอนจนพวกเราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย

          " พี่ครับ พี่จำมาร์ชได้ไหม​ " ผมที่เพิ่งนึกขึ้นได้ ก็รีบถามพี่โรลด้วยความตกใจ แต่พี่โรลก็ได้แต่ขมวดคิ้วเท่านั้น

          " แมวของพี่น่ะครับ " พี่โรลส่ายหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ แย่ละสิ ป่านนี้ไม่ตายไปแล้วเหรอ

          ผมลนลานรีบกดโทรศัพท์หาคุณพ่อพี่โรลทันที เพราะคุณพ่อให้เบอร์ติดต่อไว้ฮะ เพื่อมีเรื่องฉุกเฉินอะไร

          " ฮัลโหลคุณพ่อครับ แมวของพี่โรล "

          " อ๋อ มาร์ชแมลโลว์น่ะเหรอ อยู่ที่บ้านใหญ่นานแล้วล่ะ เดี๋ยวโรลหายดีแล้วพ่อก็จะเอากลับไปไว้ที่คอนโดให้เหมือนเดิม " ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะพี่โรลนั้นรักแมวตัวนั้นมาก ถ้ามันตายไปพี่โรลคงเสียใจน่าดู

          " แมวชื่ออะไรนะ " ผมวางสายจากคุณพ่อของพี่โรลและหันไปหาพี่โรลที่กำลังถามและทำหน้าสงสัย

          " มาร์ชแม... "
         
          " คนหล่อมาแล้วววว " ผมหันไปมองไปตัวเสล่อขาประจำเช่นเคย และที่ติดสอยหอยตามมาด้วยก็คือพี่นายที่เดินตามไอ้เมี่ยงมาติดๆ

          " หนวกหูเฟ้ย นี่มันโรงพยาบาลไปแหกปากที่อื่นไป๊ " ผมถอนหายใจอย่างเอือมระอากับมัน

          " พี่โรล ดูนี่สิ มีของมาเซอร์ไพรส์ " พี่โรลขมวดคิ้วมองไอ้เมี่ยง

          " แต่นแตนแต๊นนน " พี่โรลมองอีหนีบสีแดงที่ไอ้เมี่ยงเอาออกมาจากถุงตาโตและยื่นมือออกไปรับไว้อย่างไว

          ผมมองพี่โรลที่มองรองเท้าคู่โปรดของตัวเองด้วยหัวใจที่สั่นไหว พี่จำมันได้งั้นเหรอ

          " สวยดี ซื้อมาฝากเหรอ " ผมค่อยๆ หุบยิ้มลงและก็เหมือนทุกๆ คนที่ทำสีหน้าผิดหวัง

          " มันเป็นของพี่ครับ " ผมพูดพลางยิ้มน้อยๆ พี่โรลดูอึ้งๆ ไปแต่ก็จ้องมองดูมันด้วยความสนใจ

          " เมี่ยง มึงไปคอนโดพี่เขามาเหรอ " ผมหันไปถามไอ้เมี่ยงที่กำลังหยิบกินของเยี่ยมอยู่

          " กะว่าจะไปหาของที่มันสำคัญๆ น่ะ พี่เขาอาจจำอะไรได้บ้าง "

          " ขอบใจมากนะ " ผมยิ้มให้มัน

          " ลี่ แต่พวกรูปภาพ หมอน ภาพวาด ทุกอย่าง หายไปหมดเลย " ไอ้เมี่ยงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

          " ถูกเอาไปซ่อนหรือทำลายแน่ๆ และพี่ก็คิดได้อยู่แค่คนเดียว มีคนเดียวที่จะทำเรื่องแบบนี้ " พี่นายบอกผมด้วยสีหน้าเบื่อๆ

          ผู้หญิงคนนั้นสินะ ผมที่หวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างดี ตอนนี้มันกลับสูญเปล่า ผมอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ต้องยิ้มเข้าไว้ เพราะผมไม่อยากให้พี่โรลไม่สบายใจ

          " รูปภาพอะไรเหรอ " พี่โรลพูดถามอย่างสนใจ

          " ถ้าพี่ได้เห็นพี่จะรู้เลยว่าพี่เนี่ยอาการหนักสุดๆ ผมเห็นครั้งแรกผมอึ้งไปเลย " ไอ้เมี่ยงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

          " อย่าไปสนใจเลยครับ มันไม่ได้สำคัญอะไรหรอก " ผมพูดและยิ้มอย่างเศร้าๆ

          " ทำไมพูดแบบนั้นล่ะลี่ " ไอ้เมี่ยงถามผมอย่างสงสัย

          " ก็ตัวจริงนั่งอยู่ตรงนี้ ยังช่วยอะไรไม่ได้เลย " ไอ้เมี่ยงทำหน้าเศร้าและบีบไหล่ผมเบาๆ

          " ขอโทษนะ " ผมหันไปมองพี่โรลที่ทำหน้าไม่สบายใจ

          " พี่ขอโทษทำไมกัน พี่ไม่ได้ตั้งใจจะลืมสักหน่อย " ผมพูดและยิ้มให้พี่โรล

          สักพักไอ้เมี่ยงก็บอกว่าจะลงไปหาข้าวกิน และพี่นายก็เดินตามไปด้วย ผมเลยจัดอาหารให้พี่โรลเช่นกัน อาหารของโรงพยาบาลไม่ถูกปากเลยสักนิด ม๊าของผมและน้าจันทร์เลยทำกับข้าวมาให้บ่อยๆ ซึ่งทำให้พวกเราเจริญอาหารดี

          ผมแกะกับข้าวให้พี่โรล และทำท่าจะป้อนให้พี่โรลเช่นเคย

          " เบื่อหรือเปล่า " พี่โรลถามผม

          " เบื่ออะไรครับ จะเบื่อได้ยังไง ผมชอบอยู่กับพี่ "

          " ปกติถ้าอยู่ด้วยกัน ทำอะไรกันเหรอ " ผมชะงักมือที่กำลังตักข้าวและหน้าขึ้นสีน้อยๆ

          " เอ่อ ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ คุยกัน เล่นกัน " พี่โรลจ้องหน้าผมแบบจริงจังเหมือนกำลังจับผิดอะไรอยู่ จะให้พูดได้ยังไงล่ะ ว่าส่วนมากพี่คอยแต่จะจับตัวผม เกาะแกะ ผม ทำตัวติดผมอย่างกับอะไรดี ตอนนี้ผมสำหรับพี่โรลนั้นก็เป็นเหมือนแค่คนแปลกหน้า คงยากที่ผมจะได้อยู่ใกล้ๆ พี่โรลแบบแนบชิดอย่างนั้นอีก

          " พวกเราจูบกันบ่อยไหม​ " ผมที่หน้าขึ้นสีอยู่แล้วตอนนี้หน้าแดงเถือกไปใหญ่ ถามอะไรละเนี่ย

          " ก็มีบ้าง " ผมตอบอ้อมแอ้มในลำคอ จะเขินทำไมฟะ ยิ่งกว่าจูบก็ทำมาแล้ว

          " แล้วพวกเรา.. "

          " ไม่ต้องถามเลยนะ " ผมหรี่ตามองพี่โรลและรู้คำถามนั้นดี คงไม่พ้นเรื่องทะลึ่งแน่นอน

          " ขี้งก "  ผมแลบลิ้นน้อยๆและตักข้าวยัดปากไอ้คนช่างถามนี่

          พี่โรลเคี้ยวข้าวและจ้องมองผม ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือพี่โรลจ้องมองผมตลอดเวลา ไม่เคยละสายตาไปจากผมเลย พี่เริ่มจะโรคจิตคล้ายกับพี่โรลคนเดิมแล้วนะ

          " อยากจูบไหม​ " อยู่ดีๆ พี่โรลก็รีบกลืนข้าวและถามผมด้วยใบหน้ามีความหวัง

          ผมมองพี่โรลด้วยแววตาสั่นระริก คงไม่ต้องถามหรอกครับ ผมรักพี่มาก ผมอยากจูบพี่ อยากกอดพี่เอาไว้ไม่ห่าง

          ผมลุกขึ้นยืนช้าๆ แตะที่แก้มของพี่โรลและค่อยๆ โน้มตัวให้ริมฝีปากของเราแนบชิดกัน ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ  ผมคิดถึงพี่ ผมคิดถึงสัมผัสนี้ ถึงทุกอย่างจะยังคงไม่เหมือนเดิม แต่ก็ดีกว่าที่จะสูญเสียมันไป

          " อย่าร้องไห้ " พี่โรลผละริมฝีปากออกและพูดเบาๆ พลางเกลี่ยเช็ดน้ำตาที่แก้มของผมอย่างอ่อนโยน

          " ขออีกทีได้ไหม​ " ผมยิ้มน้อยๆ ให้พี่โรลที่ทำหน้าอ้อนวอน และหยิกแก้มพี่โรลด้วยความหมั่นไส้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ยื่นหน้าเข้าไปประทับริมฝีปากลงอีกครั้งอย่างแผ่วเบา

          " อีกครั้งนะ " ผมหัวเราะน้อยๆ แต่ก็จูบพี่โรลอยู่อย่างนั้น กลายเป็นว่าพวกเราจูบกันอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะสักกี่ครั้ง ผมก็รู้สึกว่า มันยังไม่สามารถเติมเต็มพวกเราได้ พวกเราหัวเราะ และจูบกันเหมือนวันวาน



เหมือนกับไม่เคยมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเราสองคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 13:18:40 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
จุ๊บๆไปอาจจะนึกอะไรออกนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขอร่วมด้วยคน  :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พี่โรลจำลี่ได้เร็วๆเน้อ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          Calorie ที่ 39 เสียงหัวเราะที่แสนขมขื่น


          ผมเดินไปเรื่อยๆ บนถนนที่ดูคุ้นเคย เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามอ่อนที่แสนสดใส ผมยิ้มให้กับตัวเอง ยิ้มให้กับชีวิตที่ยังต้องดำเนินต่อไป

          " ลี่ " ผมหันไปมองคนที่เรียกผม ซึ่งก็ไม่มีใครนอกจากเพื่อนเพียงคนเดียวของผม

          " อะไร " ผมขมวดคิ้วน้อยๆ และมองหน้ามันที่กำลังหน้าบูดอยู่

          " วันนี้เชียร์กูด้วยนะ บอลรอบชิงอ่ะ " ผมหรี่ตามองมันด้วยความหมั่นไส้

          หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น เวลาก็ผ่านมาประมาณสามเดือนแล้ว ตอนนี้ที่มหา'ลัยกำลังอยู่ในช่วงงานแข่งขันกีฬา และผมก็ไม่ได้ลงแข่งตามที่หวังเพราะไม่มีเวลาซ้อมและยังไม่สามารถออกกำลังกายได้เต็มที่ แต่ก็เอาเถอะ แบบนี้ก็ดีแล้ว

          " ชิงกับพี่นายไม่ใช่เหรอ มึงคงไม่รอดว่ะ "

          " กระจอก จะอัดให้เละเลยคอยดู " ผมมองหน้ามันที่ดูจริงจังซะเหลือเกิน นี่มึงอยากชนะบอล หรืออยากชนะคนกันแน่ และผมก็คิดว่าอย่างหลังแน่นอน

          ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายพลางเดินตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง

          " มึงว่า พี่โรลตอนนี้จะหายดีหรือยังนะ " ผมถามไอ้เมี่ยงที่เดินตามหลังผมพลางผิวปากเบาๆ

          " พี่เขาทั้งอึดทั้งดวงแข็ง อีกไม่นานหรอก " ผมยิ้มน้อยๆ ให้กับความคิดนั้น

          " แล้วมึงคิดว่า อีกนานแค่ไหน พี่เขาถึงจะจำกูได้ " ผมหยุดเดินและหันไปยิ้มน้อยๆ ให้มัน ไอ้เมี่ยงหยุดผิวปาก และทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที

          " ลี่ " มันเรียกผมด้วยสีหน้าสงสาร

          ผมมองขึ้นไปยังท้องฟ้า ผมนั้นไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าพี่โรลจะยังจำเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้เลยสักนิด

          หลังจากที่เราจูบกันคืนนั้น ในไม่กี่วันถัดไป พี่โรลก็ถูกย้ายไปรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในรัสเซีย คุณพ่อของพี่โรลนั้นเฝ้าแต่จับมือผมเอาไว้ และพูดขอโทษผมหลายครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ ท่านช่างเป็นพ่อที่ใจดีและเข้าใจพวกเรา ท่านไม่อยากให้พวกเราแยกจากกัน แต่ผมก็บอกท่านว่าผมยินดีให้พี่โรลไป ถ้ามันเป็นสิ่งที่จะช่วยให้พี่โรลดีขึ้น ผมนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรั้งตัวพี่ไว้

          ในรุ่งเช้าของวันนั้น วันที่พวกเราจะต้องแยกจากกัน ผมมองใบหน้าของคนที่ผมรักที่ผลอยหลับไปด้วยฤทธิ์ยา ก้มลงจุมพิตเบาๆ บนริมฝีปากนั้น กุมมือพี่เอาไว้และกระซิบบอกพี่ ว่าผมนั้นรักพี่มากแค่ไหน เมื่อพี่หายดีแล้ว พวกเราจะพบกันอีกครั้งแน่นอน ผมจะรอพี่เสมอ ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน

          ผมได้มีโอกาสคุยกับคุณพ่อพี่โรลอยู่บ่อยครั้ง ท่านมักจะโทรหาผม และบอกเล่าถึงอาการต่างๆ ของพี่โรลให้ผมฟัง   ในช่วงแรกๆ ที่พี่โรลไปนั้น คุณพ่อพี่โรลบอกว่า พี่โรลโกรธมากที่ไม่ได้บอกลาผม และโกรธที่ผมปล่อยให้พี่ไป และตั้งแต่พี่โรลไปที่นั่น พี่โรลก็ไม่เคยยอมคุยกับผมเลย ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมก็เชื่อว่าพี่คงจะมีเหตุผลของพี่ ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ และรอเสมอมา

          ผมนั่งอยู่บนอัฒจันทร์เพื่อมองดูไอ้เมี่ยงที่กำลังซ้อมบอลอยู่ในสนาม ตอนนี้ที่มหา'ลัยคนเยอะมาก ทั้งคนนอกและคนใน ผมหาที่ว่างๆ เพื่อนั่งลงหลบผู้คนที่กำลังโหวกเหวกโวยวาย หรือผมจะไปดูการแข่งอื่นก่อนดีนะ บอลกว่าจะเริ่มแข่งจริงๆ ก็อีกเป็นชั่วโมง พอจะมีเวลาอยู่บ้าง

          " เจอตัวจนได้ " ผมหันไปมองแพรที่กำลังส่งยิ้มให้ผม

          " เก่งอ่ะ คนตั้งเยอะหาเจอได้ยังไงเนี่ย " ผมพูดพลางยิ้มขำ

          " ลี่น่ะ หาไม่ยากหรอก เด่นซะขนาดนั้น " ผมขมวดคิ้วมองคนอีกคนที่เดินตามหลังแพรมา เห้อ ผมเบื่อไอ้หมอนี่ชะมัด แต่นอกจากผม แพรก็ถือว่าสนิทกับมันอยู่มากทีเดียว มันจะไม่เป็นอะไรเลย ถ้าไอ้หมอนี่ไม่มองผมด้วยสายตาแปลกๆ

          " แหมแมค จะบอกว่าลี่น่ารักเด่นสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ " แพรพูดพลางศอกเบาๆ ที่ไอ้เปรตที่กำลังมองผมและยิ้มน้อยๆ

          " ก็พูดไป น่ารักอะไรกันล่ะ " ผมพูดด้วยสีหน้ารำคาญใจ

          " ไม่ได้สังเกตุหนุ่มๆ แถวนี้เลยเหรอ มองลี่จนจะงาบเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว " ผมเหลือบมองไปรอบๆทันทีที่แพรพูดแบบนั้น และก็เหมือนจะจริงแฮะ พอผมมองรอบๆ หลายๆ คนที่แอบมองผมอยู่ก็รีบหันหน้าหนีกันจ้าละหวั่น

          " ลี่เอาอะไรไหม เดี๋ยวแพรไปซื้อให้ "

          " อะไรก็ได้ " ผมพูดพลางล้วงกระเป๋าเพื่อเอาเงินให้แพร

          " ไม่ต้องๆ แพรเลี้ยงเอง " แพรพูดและเดินลงไปทันที ผมเหลือบมองไอ้ตัวที่ยังยืนมองผมอยู่ และหันหน้ามองสนามอีกครั้งอย่างไม่สนใจ

          " ขอนั่งข้างๆ นะ " ไอ้แมคพูดและนั่งลงทันทีพลางจ้องมองแต่ผม

          " ร้อนหรือ​เปล่า แก้มแดงหมดแล้ว " มันพูดและทำท่าจะยื่นมือมาแตะที่แก้มผม จนผมต้องขยับตัวถอยห่างจากไอ้หมอนี่เล็กน้อย

          " ไม่เป็นไร " ผมพูดด้วยสีหน้ารำคาญใจ

          " เขาลือกันว่า พี่โรลจะไม่กลับมาเรียนที่นี่แล้วจริงหรือ​เปล่า " ผมหันไปจ้องมองมันทันที

          " ใครพูด " ผมถามเสียงเย็น

          " ลี่ได้คุยกับพี่โรลบ้างหรือ​เปล่าช่วงนี้ " ผมอึกอักทันที ที่พี่โรลไม่ได้ติดต่อผมจะต้องมีเหตุผลแน่ๆ ผมจะไม่คิดมากเรื่องนี้

          " ไม่เกี่ยวกับนาย " ผมพูดและจ้องมองสนามอีกครั้ง

          " คนดีๆ ยังมีอีกเยอะนะลี่ " ผมถึงกับหัวเราะออกมาน้อยๆ

          " คนดีๆ ที่ว่า ใช่นายหรือ​เปล่า " ผมหันไปจ้องมองมันตรงๆ ผมเกลียดคนแบบไอ้หมอนี่ที่สุด ตอนที่ผมเข้าเรียนแรกๆ ผมยังจำได้ว่ามันมองผมด้วยสายตาแบบไหน

          " ขอโทษนะ เราแค่ไม่อยากเห็นลี่ทำหน้าเศร้าน่ะ " ผมขมวดคิ้วมองหน้าไอ้หมอนี่ แหม พ่อคนดี

          แต่จะว่าไปไอ้บ้านี่ก็มีส่วนคล้ายพี่โรลนะ ทั้งส่วนสูงและใบหน้า แต่ตาคมน้อยกว่า จมูกไม่โด่งเท่า และคิ้วที่ดูจะเรียวกว่า หมอนี่แต่งหน้านิดๆ ด้วยแฮะ กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเชียว ไอ้เมี่ยงประกวดชนะไอ้หมอนี่ได้ยังไงกันนะ

          " จ้องนานๆ ก็ได้นะ " ผมหันหน้าหนีทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

          " ลี่! " ผมสะดุ้งน้อยๆ และมองไอ้เมี่ยงที่วิ่งพรวดขึ้นมาจากสนามและมานั่งแทรกกลางทันที

          " ร้อนว่ะ ขอน้ำหน่อยดิ " ไอ้เมี่ยงพูดกับผมแต่ไม่มองหน้าผมเลยสักนิด มันกำลังมองหน้าไอ้แมคนี่แบบชวนหาเรื่องแท้ๆ

          " ไม่มีอ่ะ แต่แพรไปซื้อให้อยู่ " ผมถอนหายใจเบาๆ และจับหัวให้มันหันหน้ามาหาผม แต่มันก็หันกลับไปอีก

          " ถ้าคิดว่าเพื่อนกูจะหวั่นไหวละก็ มึงคิดผิดแล้ว " ไอ้เมี่ยงพูดข่มขวัญไอ้แมคด้วยสีหน้าจริงจัง ถ้าพี่โรลยังอยู่แถวๆนี้ มึงคงได้รางวัลอย่างงามเชียวล่ะ

          " ลองดูก็ไม่เสียหาย " ไอ้แมคพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใดๆ

          ผมดึงไหล่ไอ้เมี่ยงที่จ้องหน้าไอ้แมคจนจะจูบมันอยู่แล้ว มึงนี่มันเหลือเกินจริงๆ

          " พี่นาย ช่วยทีสิครับ " ผมมองพี่นายที่เดินตามขึ้นมาและกอดอกมองไอ้เมี่ยงกำลังตั้งท่าจะฟัดไอ้แมคนี่ ในสามคนนี้ไอ้เมี่ยงตัวเล็กสุดครับ ไอ้แมคกับพี่นายนั้นตัวพอๆ กันเลยทีเดียว แต่คนที่ตัวใหญ่ที่สุดยังไงก็คือพี่โรลอยู่ดี

          " ทำตัวอย่างกับพ่อหวงลูกสาว " พี่นายพูดแหย่ไอ้เมี่ยง

          " เงียบๆ ไปเลย " ไอ้เมี่ยงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นลุกขึ้นไปหาพี่นายแทน

          " สองคนนั้นเจออะไรกันมาบ้าง ก็รู้นี่ ไม่เชื่อเพื่อนหรือ​ไง " พี่นายยังคงพูดด้วยท่าทีสบายๆ

          " ลี่อาจจะถูกมันหลอกไปก็ได้ ผู้ชายไว้ใจได้ที่ไหน " สองคนนั้นกำลังพูดกันเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินทุกคำ

          " กูก็ผู้ชายนะ ถ้ามึงลืมไปละก็ " ผมพูดพลางเท้าคางเบื่อๆ ผมไม่ได้โง่หรอก และก็ไม่ได้หวั่นไหวเลยสักนิด ผมคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว หัวใจของผมมีแต่พี่โรลเท่านั้น

          ไม่นานแพรก็กลับมาและผมก็ไล่สองคนนั้นที่กำลังเถียงกันให้กลับลงไปที่สนามเหมือนเดิม

          ไม่นานการแข่งรอบชิงก็เริ่มขึ้น ผมมองดูเพื่อนผมและพี่นายที่กำลังแย่งบอลกันอย่างดุเดือดจนผมเสียวว่าจะโดนใบแดงซะเหลือเกิน อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาลงกับการแข่งสิฟะ ผมมองทั้งสองคนที่ทั้งดึงทั้งผลัก กอดบ้าง ล็อคคอบ้างจนกรรมการเป่านกหวีดไปหลายรอบเลยทีเดียว

          ' นี่ๆไปดูบาสกันป่ะ '

          ' รุ่นพี่ที่แข่งหล่อมากเลยนะ '

          ผมเหลือบมองสาวๆ ที่นั่งเยื้องๆ กับผมที่กำลังพูดคุยกัน บาสงั้นเหรอ ถ้าพี่โรลอยู่ ผมก็คงจะได้เห็นพี่โรลลงแข่งสินะ ผมมองไปข้างหน้าด้วยแววตาที่เศร้าหมอง ตอนนี้พี่กำลังทำอะไรอยู่กันนะ

          ' พี่โรลน่ะเหรอ '

          ' ใช่ๆ เล่นเก่งมากเลยนะ '

          ผมหัวใจสั่นไหว และลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งทันทีจนคนที่นั่งอยู่แถวๆ นั้นต่างตื่นตกใจ ผมหยิบกระเป๋า และเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงตะโกนของแพรที่กำลังเรียกผมอยู่

          ตอนนี้ผมไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว ผมออกวิ่งด้วยแรงทั้งหมดที่มีไปที่โรงยิมใหญ่ของมหา'ลัย ซึ่งเป็นสถานที่ที่กำลังจัดการแข่งขันบาสเกตบอลรอบชิงชนะเลิศเช่นกัน

          ผมวิ่งผ่านผู้คนมากมายรีบร้อนจนสะดุดล้มลง แต่ผมก็ลุกขึ้นใหม่อีกครั้งและวิ่งต่อไปยังจุดหมายที่ผมต้องการไปถึงให้เร็วที่สุด

          ผมวิ่งมาถึงโรงยิมและวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นที่กำลังจัดการแข่งขัน ผมรู้สึกเหนื่อยจนแทบจะอาเจียน รู้สึกเวียนหัว รู้สึกเหมือนโลกนี้กำลังจะมืดลงทุกขณะ แต่ผมก็ไม่อาจหยุดวิ่งได้

          ผมผลักประตูเข้าไป และเดินเข้าไปยังข้างสนามที่มีผู้เล่นของทั้งสองทีมยืนดูและส่งเสียงเชียร์เพื่อนในทีมอยู่ และในสนามนักกีฬาก็ยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือด ผมเดินช้าๆ มองไปรอบๆ สนามด้วยดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดเหงื่อ

          " น้อง มองหาใครอยู่เหรอ เป็นอะไรหรือ​เปล่า " รุ่นพี่ในชุดบาสสีดำคนหนึ่งสังเกตุเห็นผมและเดินเข้ามาหา

          " พ.พี่โรล " ผมเหนื่อยจนไม่มีแรงจะพูดอะไรมากกว่านี้

          " หืม โรลเหรอ เราหมายถึงโรมหรือ​เปล่า นั่นไง อยู่ในสนาม " รุ่นพี่คนนั้นชี้ให้ผมมองดูรุ่นพี่คนหนึ่งที่ตัวสูง ผิวขาวและอยู่ในชุดบาสสีแดงสด

          " ร.โรม เหรอครับ " ผมพูดเบาๆ อย่างอ่อนแรง

          " ใช่ โรมไง สถาปัตย์ปี 3 หรือที่เราถามพี่เนี่ย หมายถึงโรลเดือนมหา'ลัยปี 2 " ผมพยักหน้าน้อยๆ

          " โรลปี 2 ยังไม่กลับมาเรียนเลยนี่ ได้ยินว่าประสบอุบัติเหตุสาหัสนะ " ผมยืนอยู่ตรงนั้น และทรุดตัวนั่งลงกับพื้นจนพวกพี่ๆ ตกใจ ผมหัวเราะน้อยๆ ด้วยขาที่สั่นเทา นั่นสินะ พี่โรลสภาพแบบนั้นจะมาลงแข่งบาสงั้นเหรอ ผมนี่มันงี่เง่าจริงๆ

          พวกพี่ๆ ต่างช่วยกันพาผมมานั่งที่ม้านั่งข้างๆ และใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าให้ผมด้วยความเป็นห่วง ผมไม่ได้ร้องไห้ ผมทำแค่เพียงหัวเราะให้กับความโง่เขลาของตัวเองเบาๆ เหม่อลอยมองไปยังสนามบาสที่ไร้ซึ่งคนที่ผมรัก



ผมมาทำอะไรที่นี่กันนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 13:21:56 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          Calorie ที่ 40 มาร์ชแมลโลว์ที่แสนรัก


          ผมยังคงนั่งอยู่ริมสนามบาสด้วยความสิ้นหวัง ถึงแม้ว่ารอบตัวนั้นจะมีแต่เสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดที่ดังกึกก้อง แต่หัวใจของผมนั้นมันช่างเงียบสงบนัก

          ผมมองสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันที่จบลง รุ่นพี่ที่เข้ามาถามไถ่ผม ผู้คนที่เริ่มบางตา และสุดท้ายก็เหลือแต่เพียงผมที่นั่งอยู่ลำพัง

          ผมค่อยๆ ยืนขึ้นช้าๆ และเดินกลับลงไปยังถนนข้างล่างนั่น ผมมองโทรศัพท์มือถือของผมที่กำลังสั่น และสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับเป็นจำนวนเกือบร้อยสาย ซึ่งส่วนมากจะเป็นเพื่อนของผมไอ้เมี่ยง พี่นาย แพร และใครกันนะ ผมขมวดคิ้วก้มมองดูเบอร์แปลกๆ ที่โทรเข้ามาเพียงสายเดียวเท่านั้น แต่มันก็คงไม่ได้สำคัญอะไรหรอก

          ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ยังคงส่องแสงสว่างจ้า ตอนนี้น่าจะเกือบเย็นแล้ว และการแข่งขันของไอ้เมี่ยงก็คงจบลงไปนานแล้วเช่นกัน

          ผมค่อยๆ เดินลัดเลาะไปยังถนนที่เป็นทางกลับบ้านของผมแต่เพียงลำพัง เดินมาเรื่อยๆ และตั้งใจว่าจะไปหาไอ้เมี่ยงที่บ้านก่อน เพราะมันเล่นโทรหาผมซะขนาดนั้น ถ้ามันไม่เจอผมวันนี้ มันอาจจะคิดมากจนอกแตกตายก็เป็นได้

          ผมสวัสดีน้าจันทร์ที่ยืนขายของอยู่หน้าบ้านและเดินขึ้นบันไดไม้ไปยังชั้นบน

          ' ฟิ้วว~ ปั้ง ปั้ง ปั้ง! '

          ผมตาโตตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจทันทีที่กระดาษสีสวยพุ่งใส่หน้าผม ผมกวาดตาไปรอบๆ มองผู้คนที่กำลังถือพลุกระดาษที่เอาไว้ใช้ในงานปาร์ตี้อยู่ในมือ และดึงใส่หน้าผมซะอย่างนั้น ผมขมวดคิ้วงงๆ มองไอ้เมี่ยงที่สวมหมวกปาร์ตี้อยู่บนหัว พลางชี้ขึ้นไปยังป้ายผ้าน้อยๆ ด้านบน

          ' HAPPY BIRTHDAY อาลี่ 19 ขวบ!! '

          ผมหัวเราะเบาๆ ออกมา นี่ผมอาการหนักถึงขนาดลืมวันเกิดตัวเองเลยเหรอเนี่ย สุดยอดเลยแฮะ

          ผมยิ้มให้เพื่อนๆ ที่อุตสาห์จัดงานไร้สาระแบบนี้ให้ผม ใครมันต้นคิดฟะเนี่ย ผมมองไอ้เมี่ยง พี่นาย แพร และใครก็ไม่รู้อีกโขยงนึงได้ นี่บ้านมึงจะไม่พังลงไปจริงๆ เหรอเนี่ย

          " ตอนแรกพี่บอกว่าให้ไปจัดบ้านพี่ แต่มีหมาตัวนึงมันไม่ยอม ก็เลยได้แบบที่เห็น " พี่นายพูดพลางเหลือบมองไอ้เมี่ยงที่กำลังแอบโซ้ยไก่ทอดที่มันซ่อนเอาไว้

          " ขอบคุณนะครับ แต่จริงๆ ไม่ต้องจัดก็ได้ " ผมพูดพลางยิ้มน้อยๆ

          ทุกๆ ปีนั้น จะมีแค่เพียงผมกับไอ้เมี่ยงแลกของขวัญกันอยู่สองคนเท่านั้นเป็นส่วนใหญ่ บางปีก็ไปเที่ยวกับครอบครัวบ้าง แต่ส่วนมากผมไม่ได้สนใจอะไร เลยไม่ชอบทำอะไรให้มันใหญ่โต ปีนี้ถือว่าครึกครื้นกว่าทุกปีเลยทีเดียว

          ผมเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวและกินขนมที่แพรยื่นให้ แพรบอกว่าที่ตัวเองรู้ก็เพราะว่าไอ้เมี่ยงแอบกระซิบบอกเรื่องจัดงานวันนี้ ก็เลยขอตามมาด้วย ผมมองไอ้เมี่ยงและพี่นายที่กำลังแย่งของกินกัน นี่ทั้งสองคนน่ะ แอบวางแผนเอาไว้นานแล้วสินะ ร้ายจริงๆ ส่วนคนอื่นๆ ที่ผมไม่รู้จักก็เข้ามาทักทายผม และผมก็พบว่าจริงๆ แล้วคนพวกนี้ก็ดูคุ้นตาอยู่ เพราะว่าทุกคนก็คือเพื่อนของพี่นาย เพื่อนในเอกของไอ้เมี่ยง และเพื่อนของพี่โรล ทุกๆคนมักจะพูดให้กำลังใจผมเรื่องพี่โรล และบอกผมว่าผมนั้นเข้มแข็งมากเพียงไหน ชมผม และบอกให้ผมยืนหยัดต่อไป ผมได้แต่ยิ้มและบอกตัวเองว่าผมยังไหว ผมจะต้องทนไหว

          เมื่อก่อนนั้นผมเคยคิด ว่าผมกับพี่โรล พวกเราจะได้มีโอกาสฉลองวันพิเศษๆ ต่างๆ ด้วยกัน ได้ตัดเค้ก ได้อวยพร ได้หัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ข้างๆ กัน ถึงตอนนี้มันจะยังเป็นไปไม่ได้ และผมนั้นก็รู้สึกเหงาเหลือเกิน แต่ผมก็คิดเสมอว่า ผมยังมีเวลาอีกยาวนาน ยังมีอีกหลายโอกาสพิเศษที่เราจะได้ทำร่วมกันถ้าพี่กลับมา และผมสัญญา ว่าถ้าหากผมได้มีโอกาสอยู่กับพี่อีกสักครั้ง ผมจะทำทุกวันให้มีค่า ให้ทุกวันเป็นวันพิเศษของเราสองคน

          ผมที่นั่งจิบน้ำหวานเงียบๆ อยู่ดีๆ ก็ต้องสะดุ้งตกใจ เพราะว่ามีมือคู่หนึ่งมาปิดตาของผมไว้ ทำให้ทุกๆอย่างนั้นมืดลง

          " เล่นอะไรเนี่ย " ผมบ่นเบาๆ และลุกขึ้นยืนช้าๆ พยายามแกะมือที่ปิดตาผมออก แล้วทำไมทุกๆ คนถึงนิ่งเงียบกันนะ

          ผมหัวใจสั่นไหว และพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังนึกฝันอยู่

          หรือว่า พี่โรล...

          พี่กลับมาแล้วงั้นเหรอครับ แอบมาเซอร์ไพรส์ผมใช่ไหม

          ผมยิ้มกว้างและรอเวลาที่ไอ้เมี่ยงจะเปิดตาให้ผม ผมจำมือมัน จำกลิ่นมันได้ ถึงรู้ว่ามันเป็นคนปิดตาผมอยู่

          ผมตัวสั่นน้อยๆ กำมือตัวเองแน่นด้วยความตื่นเต้น พี่ครับผมคิดถึงพี่

          แสงสว่างค่อยๆ ลอดผ่านตาผมและค่อยๆ ปรากฎชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ผมมองคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา โดยมีเค้กก้อนใหญ่บังอยู่ด้านหน้า คนคนนั้นตัวสูง ผิวขาว และ... แต่ผมที่กำลังยิ้มกว้างก็ค่อยๆ หุบยิ้มลงน้อยๆ ผมบังคับตัวเอง ให้ยิ้มต่อไป และห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

          " เซอร์ไพรส์!! เค้กนี่สั่งพิเศษเลยนะ กูออกเงินเยอะสุดเลยด้วย " ผมมองไอ้เมี่ยงที่ยิ้มหน้าบานและกอดอกเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ ผมจ้องมองคนที่ถือเค้กมาให้ หมอนั่นยิ้มน้อยๆ และมองผมด้วยสายตาเป็นประกาย คนคนนี้ไม่ใช่คนที่ผมเฝ้ารอ

          " ขอโทษที่มาช้านะลี่ พอดีต้องไปรอเอาเค้กที่สั่งเนี่ยแหละ " ผมมองแมคที่วางเค้กลงและเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ

          ผมกระพริบตาถี่ และยิ้มให้เพื่อน ยิ้มให้ทุกคนที่อุตส่าห์หวังดีกับผม ผมจะทำทุกอย่างพังไม่ได้

          " ขอบคุณมากเลย " ผมพูดเสียงสั่นและพยายามฉีกยิ้มกว้าง

          " ใครกินน้ำหวานหมดฟะ " ผมมองไอ้เมี่ยงที่กำลังหน้าบึ้งและเทขวดน้ำหวานที่มีแต่อากาศ

          " เดี๋ยวกูไปซื้อให้ " ผมบอกและรีบเดินทำท่าจะลงบนได

          " เห้ย มึงเป็นเจ้าของงาน จะไปได้ไง " ไอ้เมี่ยงวิ่งมาดึงผมเอาไว้

          " ไม่เป็นไร กูอยากไปซื้อขนมเพิ่มพอดี แปบเดียวเอง " ผมพูดและยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อน มันทำหน้ามึนๆ แต่ก็ยอมปล่อยแขนผม ผมจึงเดินลงมา และรีบออกมาจากตรงนั้น

          ผมเดินมาเรื่อยๆ เดินไปตามทางด้วยจิตใจหมองหม่น ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดแรง ผมอ่อนล้าเหลือเกิน ผมไม่เคยเข้มแข็งเหมือนที่ใครๆ คิด ผมเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างในหัวใจ ผมสับสน มันมืดมน ดูไร้ซึ่งหนทาง ผมกำลังทำอะไร ผมกำลังโดนทิ้งเอาไว้ใช่ไหม​ พี่ไม่ได้รักผมอีกแล้วใช่หรือ​เปล่า

          ผมน้ำตาไหลออกมาช้าๆ และร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ โลกที่ไม่มีพี่อยู่ข้างๆ มันทำให้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน ผมที่เคยได้พบพี่แล้ว ก็ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีก ผมคิดถึงพี่ ทุกเวลา ทุกนาที ทุกเสี้ยววินาที ทุกลมหายใจ

          ผมยังคงเดินมาเรื่อยๆ มายังซอยที่ร้างบ้านเรือน ซอยที่มีแต่ต้นหญ้าสูงสองข้างทาง ผมจำสถานที่นี้ได้ ผมเจอเด็กๆ ที่กำลังรังแกลูกหมา และพี่โรลก็เข้ามาช่วยผมและทำตัวผมเลอะไปด้วยน้ำหวานเต็มไปหมด

          ผมเดินช้าๆ เหม่อมองท้องฟ้าที่เป็นสีส้มตัดกับสีฟ้าจางๆ สายลมอ่อนๆ ที่กำลังพัดผ่านนั้นช่างดูเงียบเหงา เหมือนกับหัวใจของผมในตอนนี้

          ' ให้ ฉัน ~ ดู แล เธอ รัก เธอ ได้ ไหม ~ '

          ผมหยุดชะงัก เงี่ยหูฟังเสียงเพลง เสียงที่เหมือนกับเสียงกระซิบของสายลมอันแผ่วเบา นี่ผม คิดถึงพี่มากขนาดไหนกันนะ ถึงได้ยินอะไรแบบนี้





          โรล ( 12 ชั่วโมงก่อน )



          ผมกลับมาจากรัสเซียด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ตลอดเวลาผมเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าผมเป็นใคร มีบางอย่างที่แสนสำคัญขาดหายไป ผมใช้เวลาที่พักฟื้นทั้งหมด ไปกับการพยายามนึกถึงสิ่งสำคัญเหล่านั้น ร่างกายของผมไม่ได้เจ็บปวดอีกแล้ว แต่หัวใจของผมกลับเจ็บปวดเหลือเกิน

          " โรล แน่ใจนะว่าอยากกลับไปที่คอนโด กลับไปอยู่บ้านจะมีคนดูแล แบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอ " คุณพ่อพูดกับผมที่สนามบิน

          " ไม่ครับ ผมอยากไปที่คอนโด " ผมอยากไปที่นั่นจริงๆ

          " โทรหาน้องด้วยนะโรล น้องเขารอลูกอยู่ตลอดเวลานะ " ผมมองคุณพ่อที่ยิ้มน้อยๆ ให้ผม

          ผมรู้ครับ ผมคงดูเหมือนคนใจร้าย ที่ปล่อยให้คนที่รักนั้นเฝ้ารออย่างไร้จุดหมาย แต่มันไม่ใช่เลย ไม่เคยมีวันไหนที่ผมจะไม่คิดถึงใบหน้าของเด็กคนนั้น

          ลี่มักจะยิ้มให้ผม บอกผมว่าไม่เป็นไร ผมมองแววตาที่วูบไหวของเด็กคนนั้นที่กำลังแตกสลายอยู่ภายใน ผมไม่รู้เลยว่าตัวผมนั้นเป็นอย่างไรเมื่อตอนที่ยังจำได้ ตัวผมนั้นใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อตอนที่เราคบกัน

          ผมนั้นเกิดมามีพร้อมทุกสิ่ง ทั้งชื่อเสียงเงินทอง รูปร่างหน้าตาที่ไม่ต้องมีความพยายามใดๆ ที่จะได้มา ผมเคยคิดว่าผมนั้นเป็นคนที่โชคดีกว่าใครๆ แต่เมื่อครอบครัวผมเริ่มแตกออก ผมก็เริ่มที่จะคิดใหม่ ว่าทุกอย่างมันช่างเปราะบาง และไม่มีอะไรที่ยั่งยืน ผมเริ่มเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ ผมใช้ชีวิตด้วยการไม่ผูกติดกับใคร ไม่ไว้ใจใคร และไม่คิดจะรักใคร

          แต่อยู่ๆ เด็กคนนั้นก็เดินเข้ามาและบอกผมว่าตัวเองนั้นเป็นเมียของผม ผมรู้สึกว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผมที่ใช้ชีวิตแปลกๆ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแปลกถึงขนาดคบกับผู้ชายได้หรอกนะ แต่ไม่รู้ทำไม ผมที่คิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และปฏิเสธมัน แต่ในหัวใจกลับรู้สึกว่าผมอยากเห็นหน้าเด็กคนนั้น เด็กคนที่มองผมเหมือนผมเป็นคนสำคัญ เด็กที่ซ่อนความรู้สึกไว้ข้างในหัวใจ เด็กคนนั้นคือคนที่ผมรักจริงๆ หรือ​เปล่า ผมอยากรู้ ผมอยากจำสิ่งเหล่านั้นให้ได้

          ยิ่งได้พูดคุย ยิ่งได้จ้องมองแววตา ผมก็รู้สึกอ่อนลง แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าของเด็กคนนั้น การที่ผมนั้นลืมทุกสิ่งทุกอย่างไป มันคงทำให้เจ็บปวดมากสินะ ผมไม่อยากเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองนั้น ผมรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นน้ำตานั่น นายเป็นใครกัน ทำไมนายถึงมีอิทธิพลต่อผมมากถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่สมองนั้นได้ลืมไปแล้ว แต่หัวใจของผมกลับไม่เคยลืม

          ผมตั้งใจไว้ว่า เมื่อผมจำทุกสิ่งทุกอย่าได้อีกครั้ง ผมจะกลับไป กลับไปหาลี่ ผมกลัว ผมไม่กล้าพูดคุยกับลี่ เพราะผมกลัวที่จะห้ามใจไม่ได้และรีบกลับไปทั้งๆ ที่ยังคงจำลี่ไม่ได้เหมือนเดิม ผมรู้ว่าลี่จะดีใจที่ได้พบผม ถึงผมจะจำไม่ได้เลยก็ตาม แต่ผมนั้นก็รู้อีกว่า ความดีใจของลี่นั้น ก็ยังไม่เท่าความเสียใจที่อยู่ภายใน

          ในวันนี้ ผมกลับมาที่ไทยแล้ว ทั้งๆ ที่ยังคงจำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม ผมรู้สึกสิ้นหวัง ผมคิดว่าผมใช้เวลานานเกินไปแล้ว ผมควรจะทำใจยอมรับความพ่ายแพ้นี้ และไปหาลี่เพื่อสร้างความทรงจำใหม่ๆ

          " เดี๋ยวพ่อจะให้คนเอามาร์ชมาให้ มีอะไรก็โทรมานะ " คุณพ่อมาส่งผมที่หน้าห้องและกลับไป

          ผมเข้ามาในห้องที่ไม่คุ้นเคย ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมอยู่ที่นี่งั้นเหรอ แต่เมื่อผมมองไปรอบๆ ห้อง ผมก็เริ่มคิดว่า ที่นี่คือที่ที่ผมอยู่จริงๆ มันมีแต่ของที่ผมชอบ ผมเหมือนคนโรคจิตที่ชอบอะไรกลมๆ แบบนี้ มันน่าขำแต่ก็ต้องยอมรับ

          ผมเคยคิดว่า ถ้าผมจะตกหลุมรักใครสักคนจริงๆ คนคนนั้นคงต้องตัวกลมๆ น่ารักๆ แบบเจ้าพวกตุ๊กตาพวกนี้ แต่เมื่อผมคิดถึงลี่ ผมก็มักจะเริ่มคิดว่า ทำไมกันนะ ทำไมถึงเป็นเด็กร่างผอมคนนั้น ไม่ใช่ว่าลี่ไม่น่ารักหรอกนะ ลี่เป็นผู้ชายที่ผมเชื่อว่าถ้าใครได้เห็น ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวว่า เด็กนั่นน่ารักเหลือเกิน ผิวพรรณที่ขาวใสและส่องสว่างราวไข่มุก แก้มสีชมพูระเรื่อ ดวงตาดูมีเสน่ห์น่ารัก จมูกโด่งสวย และปากบางเล็กๆ สีชมพู แต่ทั้งหมดนั้นสำหรับผมแล้ว ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ผมเข้าหาลี่ได้อยู่ดี

          ผมเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าทำไม ทำไม และทำไม จะบอกว่าผมชอบลี่เพราะนิสัยหรือจิตใจ มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะว่าผมไม่ชอบเข้าหาใคร ผมไม่ได้สนใจหรือใส่ใจรายละเอียดขนาดนั้น มันไม่มีทางที่ผมจะเดินเข้าไปจีบลี่และบอกว่าชอบลี่เพราะนิสัยดี มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ต้องมีอะไรบางอย่าง ดึงผมเข้าไป แล้วมันอะไรกันล่ะ

          คุณหมอบอกผมว่า สมองผมนั้นย้อนกลับไปเกือบสองปีได้ แต่ผมคิดว่านั่นไม่ใช่ สมองของผมนั้นจำไม่ได้แม้กระทั้ง ชื่อโรงเรียนม.ปลายของผม นี่เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ผมไม่อยากเอ่ยบอกใคร ผมอาจจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิม ผมคงต้องทำใจ

          ผมเดินไปรอบๆ ห้อง สำรวจทุกซอกทุกมุมด้วยความสนใจ ถ้าผมเคยคบกับลี่จริงๆ ละก็ ทำไมกันนะ ทำไมถึงไม่มีอะไรเลย ผมไม่เข้าใจ หรือจะเป็นเรื่องที่ผมได้ยินในตอนนั้น ว่าเหมือนมีคนเข้ามาเอามันไป มันคืออะไรกันนะ

          ผมนอนมองเพดานห้องที่ว่างเปล่าและก็ทำเหมือนทุกๆ วัน ผมหลับตาและพยายามนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ผมได้ลืมมันไป คิดถึงใบหน้าของลี่ รอยยิ้มที่แสนเศร้า เสียงหวานที่ก้องกังวาลอยู่ในหัว

          ผมนิ่วหน้าน้อยๆด้วยความเจ็บปวด ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่กำลังไหลออกมาช้าๆ จากจมูกของผม เป็นแบบนี้อีกแล้ว ทุกครั้งที่ผมนึก ทุกครั้งที่ผมพยายาม ผมเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจากจมูก ยอมแพ้และหลับไหลไปด้วยความเสียใจ

          ในช่วงบ่ายๆ ของวันต่อมา มีคนมากดกริ่งที่หน้าประตูห้องผมและยื่นกรงที่ใส่บางสิ่งไว้ให้

          ผมวางกรงลงที่พื้นและเปิดประตูกรงนั้นออก รอดูสิ่งที่ยังอยู่ข้างใน และผมก็ต้องยิ้มกว้างทันทีที่ได้เห็นเจ้าตัวที่วิ่งอุ้ยอ้ายออกมาจากกรงนั้น มันคือแมวสีขาวตัวอ้วนกลม ผมพยายามคลานตามมันที่มุดหนีผมไปทุกซอกทุกมุม ผมอยากจะจับตัวมัน ผมอยากจะกอดมันด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายๆ เอาซะเลย

          ผมยอมแพ้นั่งมองมันที่กำลังวิ่งขึ้นไปด้านบนด้วยความเหนื่อยอ่อน ไอ้ตัวนี้สินะที่ลี่บอกผม รู้สึกจะชื่อ มาร์ช หรืออะไรประมาณนี้ เป็นชื่อที่แปลก มันดูเหมือนจะเป็นตัวเมีย แต่ชื่อมาร์ชงั้นเหรอ ผมไม่เข้าใจการตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงของตัวเองเลยจริงๆ

          ผมมองมือถือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ เอาล่ะ ถึงเวลาแล้วสินะ ผมจะโทรหาลี่ บอกลี่ว่าผมจะไปหา บอกลี่ว่าพวกเราจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง มันคงยังไม่สายเกินไปใช่ไหม​

          ผมหยิบโทรศัพท์ และกดโทรหาลี่ด้วยหัวใจที่เต้นรัว ผมจะเริ่มพูดยังไงดีนะ ผมนั้นรู้สึกว่านี่มันแย่เหลือเกิน ผมตัดสินใจกดวางสายด้วยมือที่สั่นเทา และหัวใจที่ไม่มีความกล้ามากพอ

          ผมเดินอย่างหัวเสียไปรอบๆ และเตะเข้ากับอะไรบางอย่างที่ใต้โซฟา ผมก้มลงและหยิบมันขึ้นมา และก็พบว่ามันคือสมุดวาดรูปของผมนั่นเอง ผมนั้นถึงแม้จะยังจำอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมรู้และถนัดนั้นก็คือการวาดรูป การอยู่ในโรงพยาบาลและไม่ได้จับดินสอเลยทำให้ผมหงุดหงิด เอาล่ะ มาดูสิว่า ฝีมือจะหายไปเหมือนความทรงจำหรือ​เปล่า

          ผมเปิดดูในสมุดวาดรูปของผมด้วยความสนใจ แต่ก็ต้องผมขมวดคิ้วน้อยๆ มองดูสมุดที่มีรอยเหมือนกับถูกฉีกบางหน้าออกไป ซึ่งเรียกได้ว่าแทบจะทุกหน้า ใครกันที่ทำแบบนี้ และทำเพื่ออะไร

          ผมเปิดสมุดหน้าที่ยังว่างและลากมือไปบนกระดาษเบาๆ ผมยิ้ม ผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้วาดภาพ มันเหมือนกับการปล่อยจินตนาการให้ล่องลอยไป ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังวาดอะไร แต่มือของผมมันเหมือนกับคุ้นเคยกับสิ่งนี้ และวาดไปมาโดยอัตโนมัติ แต่ผมที่กำลังยิ้มแย้มก็เริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ ถึงสิ่งที่ปรากฎอยู่บนกระดาษ

          ผมหยุดยิ้มและวาดลายเส้นลงไปด้วยความตั้งใจ วาดด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งลากเส้นมากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็เริ่มรู้ว่าผมกำลังวาดอะไร

          ผมกำลังวาดภาพของคนที่ผมรัก การที่มือของผมจะวาดสิ่งนี้ออกมาได้โดยที่ไม่ต้องคิดนั้น มันแปลว่าผมได้เคยวาดภาพคนคนนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งลายเส้นปรากฎชัดมากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของผมก็เหมือนจะระเบิดออกมามากขึ้นทุกครั้ง

          ผมหยุดมือลง และมองภาพวาดบนกระดาษนั่น ลูบเบาๆ ที่รอยยิ้มกว้างของเด็กหนุ่มบนภาพวาดนั้น ผมน้ำตาไหลหยดลงบนภาพร่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน มันคือภาพของลี่จริงๆ เป็นลี่แน่นอน แต่ว่าทำไม ลี่ในภาพวาดนี้ถึงไม่ใช่ลี่ที่ผมเห็นในโรงพยาบาล แต่เป็นลี่ที่แก้มยุ้ยและดูอ้วนกว่าที่ผมเห็นมาก ผมรู้สึกปวดหัว ผมปล่อยดินสอร่วงลงกับพื้นและกุมหัวตัวเองด้วยความปวดร้าว อีกแค่นิดเดียว เหมือนผมกำลังจะนึกออก แต่มันก็ยังเหมือนกับจะเลือนหายไป

          แต่ผมที่หลับตาแน่นและกุมขมับตัวเองอยู่นั้นก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มนิ่มที่เท้า

          ผมลืมตาขึ้นและมองมาร์ชที่กำลังกลิ้งตัวออดอ้อนผมอยู่ ผมเอื้อมมือไปลูบแมวอ้วนกลมของผมช้าๆ และอุ้มมันขึ้นมากอดเอาไว้ ผมรู้สึกดีขึ้น เหมือนกับอาการปวดของผมนั้นทุเลาลง

          " ขอบใจนะ " ผมจับมันพลิกตัวนอนหงายบนตักและเกาที่คอของมันเบาๆ มันน่ารักมาก ผมชอบมันมาก

          ผมมองปลอกคอสีแดงของมันด้วยความสนใจ ปลอกคอนี้ผมคงเป็นคนเลือกสินะ เพราะว่าผมชอบสีแดงมาก ผมจับป้ายชื่อสีเงินรูปก้างปลาพลิกดู เพราะเรื่องชื่อมาร์ชนี่แหละที่ผมสงสัย มันดูเหมือนยังมีอะไรขาดหายไป

          " มาร์ช " ผมขมวดคิ้วน้อยๆ

          " มาร์ช แมล โลว์ " ผมอ่านชื่อเต็มๆ ของมันเบาๆ ด้วยแววตาที่สั่นระริก มือของผมสั่น และน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุด

          ' เหมือนมาร์ชแมลโลว์ '

          ' มาร์ชแมลโลว์ '

          ' อยากกิน '

          ' เหมือนอาลี่เลยน้า '

          ' พี่ชอบลี่ '

          ' พี่นอนกอดลี่ได้เหรอ '

          ' ลี่เป็นของพี่ ของพี่จริงๆ '

          ' พี่รักลี่ '

          ราวกับสมองของผมกำลังฉายภาพไปมาอย่างรวดเร็ว เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของผมนั้นบอกเล่าทุกสิ่งที่ผมกับลี่นั้นได้ทำร่วมกันมา ผมร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างเจ็บปวดใจ ผมทำอะไรลงไป ผมนึกถึงสีหน้าของลี่ตอนที่ผมปฏิเสธลี่ที่โรงพยาบาลนั่น ผมพูดอย่างนั้นได้ยังไง ลี่ต้องเจ็บปวดเสียใจขนาดไหน ตอนนี้ผมได้รู้ซึ้งแล้ว





          ลี่



          เสียงเพลงนั่นทำให้ผมหัวใจสั่นไหว แต่ผมก็ยังคงเลือกที่จะเดินต่อไปข้างหน้า ความผิดหวังซ้ำๆ มันทำให้ผมนั้นกลัว ความกลัว ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไป แต่เสียงกีต้าร์นั้น ก็ยังคงดังอย่างแผ่วเบาเรื่อยๆ และหยุดลงในที่สุด

          มันคงเป็นสิ่งที่ผมนึกฝัน เป็นสิ่งที่ผมอยากจะได้ยินสินะ มันเป็นเพลงที่พี่มอบให้ผม เป็นเพลงที่มีค่า มีความหมาย และทำให้ผมยิ้มได้ทุกๆ ครั้งที่ได้ยิน

          ' มาร์ชแมลโลว์ '

          ผมชะงักและหยุดเท้าลงด้วยแววตาที่สั่นระริก น้ำตาที่ไหลอยู่แล้วนั้น ตอนนี้ผมไม่สามารถหยุดมันได้ ผมหันไปช้าๆ หันไปตามเสียงเรียกที่ผมเฝ้าถวิลหา

          ภาพตรงหน้าทำให้ผมยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น ผมค่อยๆ เดินไปหาคนตรงหน้า เท้าที่เดินช้าๆ ตอนนี้ค่อยๆ เร่งฝีเท้าขึ้น มากขึ้น จนผมนั้นออกวิ่งไปหาคนข้างหน้า คนที่ผมคิดถึงสุดห้วใจอย่างสุดกำลัง

          คนตรงหน้าวางกีต้าร์ลงข้างๆ และอ้าแขนออกกว้างด้วยรอยยิ้ม ผมพุ่งเข้าหาอ้อมกอดนั้น อ้อมกอดที่แสนคิดถึง อ้อมกอดที่ผมคิดว่าอาจจะไม่มีวันได้สัมผัสอีก ผมกอดคนตรงหน้าไว้แน่น และร้องไห้กับอ้อมแขนนั้น

          " ไอ้บ้า " ผมที่ยังคงซุกหน้าอยู่ที่อกนั้นก็เริ่มทุบตีคนตรงหน้า

          " ทำไมไม่ติดต่อมา ทำไมไม่ยอมคุยกับผมเลย " ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นและเงยหน้ามองคนที่ยังคงยิ้มและจ้องหน้าผมอยู่

          " ขอโทษ " ผมมองพี่โรลที่ค่อยๆ ย่อตัวลงคุกเข่าและกอดเอวผมเอาไว้

          " ขอโทษ พี่ขอโทษ " ผมตกใจมากเพราะว่าพี่โรลนั้นตอนนี้กำลังร้องไห้อย่างหนักและกอดผมเอาไว้แน่น

          ไม่ใช่เพียงแค่ผมที่เจ็บปวด แต่คนที่ลืมคนที่ตัวเองรักที่สุดแบบพี่ก็คงเจ็บปวดไม่แพ้กัน

          ผมค่อยๆ นั่งลงและกอดพี่โรลเอาไว้ เป็นพี่จริงๆ ผมไม่ได้กำลังฝันไป ผมกอดพี่โรลเอาไว้และลูบหลังเบาๆ อย่างปลอบโยน

          " คนขี้แย " ผมพูดเบาๆ ข้างหูพี่โรลและจูบเบาๆ ที่หูนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

          พี่โรลยังคงกอดผมและไม่ยอมเงยหน้าขึ้น ผมมองกางเกงและขาของผมกับพี่โรลที่มีฝุ่นลูกรังสีแดงเกาะเต็มไปหมด

          " ลุกขึ้นเถอะครับ เปื้อนหมดแล้ว " ผมพยายามแกะมือพี่โรลและลากพี่โรลให้ลุกขึ้น โอ้ยย เพิ่งหายทำไมตัวยังหนักอย่างกับช้างแบบนี้

          " สุขสันต์วันเกิดนะ " พี่โรลยังคงไม่ลุกขึ้นและยื่นห่อของขวัญที่ซ่อนอยู่ในกีต้าร์ให้ผมด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่แดงก่ำ

          ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจ นี่พี่รู้ได้ยังไง ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยบอกพี่ด้วยซ้ำ

          " แกะเลยได้ไหม​ " ผมถามพี่โรลที่พยักหน้าแรงๆ ให้ผม

          ผมคว้าหมับและแกะดูของที่อยู่ข้างในด้วยความตื่นเต้น ของขวัญชิ้นแรกอย่างเป็นทางการ

          แต่ผมที่ยิ้มกว้างนั้นก็ต้องหุบยิ้มลงน้อยๆ และเปลี่ยนเป็นคิ้วที่ขมวดมุ่นแทน ผมหยิบขนฟูๆ นิ่มๆ สีขาวออกจากห่อ มันมาพร้อมกับหูและถุงมือแปลกๆ

          " พี่ซื้อก่อนจะจำได้อีกนะ เพราะคิดว่าลี่จะต้องใส่เหมาะแน่ๆ " พี่โรลพูดพลางเกาหัวเขินๆ

          ผมตาโตมือสั่นน้อยๆ มองจุกหางที่มันเหมือนเอาไว้ใช้ยัดอะไรบางอย่างเพื่อให้หางสามารถติดอยู่กับก้นได้

          " พี่โรล ไอ้?#%@!! " ผมพูดและง้างมือทำท่าจะฟาดไอ้ตัวทะลึ่งนี่ แต่ก็เหมือนพี่โรลจะไหวตัวทัน พี่โรลคว้ากีต้าร์และวิ่งฉิวหนีไปแบบไม่คิดชีวิต หนอย

          ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็วิ่งตามพี่โรลไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ผมวิ่งไปตะครุบพี่โรลที่วิ่งเร็ววิ่งช้ารอผม จนกลายเป็นวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกเราเดินไปด้วยกัน จับมือประสานกันไว้แน่น



ของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดของผมในปีนี้ จริงๆ แล้วก็คือคนที่อยู่ข้างๆ ผมตอนนี้นั่นเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 13:25:24 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
จำได้แล้วนะอาลี่

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จำอาลี่ได้แล้ว

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :z2: :z2: ยิ้มได้แล้วสิลี่

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
นี่ขนาดซื้อมาตอนจำไม่ได้ แววหื่นของพี่โรลก็ยังอยู่นะ  :impress2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พั่โรลกลับมาหื่นแล้วจาน้องลี่ไม่รอดแน่นอน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          Calorie ที่ 41 ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง


          ผมจับมือพี่โรลเดินกลับไปยังงานปาร์ตี้ ผมเฝ้ามองพี่โรลที่กำลังยิ้มหน้าบานมองผมอยู่เช่นกัน พี่โรลนั้นผอมลงเล็กน้อย ผมสั้นขึ้น แต่ก็ยังคงหล่อมากๆ เหมือนเดิม

          " โอ้ยยยย ทำอะไรเนี่ย หยิกพี่ทำไม " ผมหยิกไหล่พี่โรลอย่างแรงขณะที่กำลังเดินอยู่

          " อยากรู้ว่าฝันอยู่หรือเปล่า " ผมตอบพลางยิ้มแป้น

          " เขาต้องหยิกตัวเองกันไม่ใช่เหรอ " พี่โรลพูดพลางขมวดคิ้ว

          " ขออีกทีได้ป่ะ " ผมพูดและยืนดักหน้าพี่โรล

          " ฮืออ ก็ได้ แต่เบาๆ นะ " ผมมองพี่โรลที่หลับตาปี๋อย่างกลัวๆ

          ผมยิ้ม พลางดึงพี่โรลให้ก้มตัวลง และยื่นหน้าเข้าไปจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากนั้น พี่โรลลืมตาขึ้นทันทีและดึงผมเข้าหาตัว กอดผมไว้แน่น พวกเรายืนจูบกันอยู่เนิ่นนาน ผมคิดถึงพี่ คิดถึงรอยยิ้ม คิดถึงแววตาที่พี่มองผมด้วยความรักทั้งหมดของพี่ ผมเกือบจะหมดหวัง ผมคิดว่าผมจะไม่ได้สัมผัสมันอีกซะแล้ว

          " ผมรักพี่ ผมคิดถึงพี่เหลือเกิน " ผมกอดพี่โรลจนตัวลอย ผมคงตัวเบามากสำหรับพี่โรล

          " พูดอีกทีได้ไหม " ผมขมวดคิ้วมองพี่โรลที่ชูมือถือขึ้นมา หนอย ชอบแอบอัดเสียงอยู่เรื่อย

          " ผมรักพี่โรลที่สุดในโลก " ผมแย่งมือถือพี่โรลมาและตะโกนเสียงดัง ผมหัวเราะพี่โรลที่ทำตาโตอย่างตื่นตะลึง ผมไม่อยากจะเก็บเอาไว้อีกแล้ว เพราะผมกลัวว่าผมจะไม่มีโอกาสได้บอกพี่อีก เหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมา มันได้สอนผม จากนี้ไปผมจะทำทุกๆ วันให้มีค่า ให้เหมือนกับเป็นวันสุดท้ายของเราสองคน

          " แหม หวานหยดย้อยอร่อยเหาะ ก็นึกว่าตายห่าข้างพงหญ้าไปแล้ว " ผมสะดุ้งและหน้าแดงขึ้นทันที

          กลุ่มคนหลายคนนำทีมโดยไอ้เมี่ยงที่กำลังยืนกอดอกมองผมกับพี่โรลด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ผมรีบปล่อยพี่โรลและลงมายืนเขินๆ ที่พื้น

          ไอ้เมี่ยงเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มและกอดคอผมไว้

          " กูดีใจด้วยนะ "

          " ขอบคุณมึงมาก กูรักมึงมาก " ผมกอดมันเอาไว้ มันเป็นเพื่อนรักผม ถ้าผมไม่มีมันผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเป็นยังไงตอนนี้

          ผมมองพี่โรลที่กำลังถูกเพื่อนๆ ลุมกอดลุมขยี้หัว ทุกๆ คนก็คิดถึงพี่โรลมากเช่นกัน

          " บอกรักคนอื่นนอกจากพี่ได้ไง บอกมาเลยนะ ลี่จะเลือกใคร พี่หรือไอ้เมี่ยง " พี่โรลพุ่งตัวออกจากฝูงเพื่อนและยื่นหน้ามาจ้องหน้าผม ผมดันหน้าพี่โรลออกไปพลางหัวเราะขำ

          " ถ้าให้เลือกจริงๆ ผมเลือกเพื่อนดีกว่า " ผมพูดพลางแลบลิ้นให้พี่โรล และกอดคอไอ้เมี่ยงเดินกลับ ปล่อยให้พี่โรลกรีดร้องโหยหวนต่อไป

          คืนนี้มันยังอีกยาวไกลนัก บ้านไอ้เมี่ยงที่เล็กอย่างกับรังหนูไม่สามารถจุคนที่กำลังรื่นเริ่งได้อีกต่อไป พวกเรานั่งอัดยัดเป็นปลากระป๋องทั้งรถของพี่นาย และรถของเพื่อนๆ พี่โรลอีกไม่กี่คัน ยัดกันไปที่บ้านของพี่นายที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่  ไอ้เมี่ยงเป็นคนเดียวที่ค้านหัวชนฝาจะไม่ยอมไปบ้านพี่นายลูกเดียว นี่มึงกลัวอะไรกันแน่ ถ้าพี่เขาจะปล้ำมึงที่ไหนเขาก็ทำได้โว้ย

          บ้านพี่นายนั้นเป็นอย่างที่คิด เป็นบ้านหรูที่โครตอลังการมีสระว่ายน้ำหน้าบ้าน และพ่อแม่พี่นายก็อยู่เมืองนอกกันหมด เป็นคุณชายที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว เป็นหมาป่าเดียวดายของแท้ ผมมองไอ้เมี่ยงที่เบะปากมองบนตลอดเวลาที่ลงจากรถ และพี่นายที่ยืนคุยกับพี่โรลพลางหัวเราะกันอยู่สองคน คนเป็นเพื่อนกัน โกรธกันยังไงก็ยังกลับมาเป็นเพื่อนกันได้สินะ แต่มันคงไม่เกิดขึ้นกับผมและหนิงแน่นอน

          ไม่นานเหล้ายาปาปิ้งก็ถูกนำมาเสริฟอย่างเต็มอิ่ม ผมมองผู้คนที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ยินข่าวของพี่โรล จนตอนนี้เรียกได้ว่าคนเยอะขึ้นมากจนเต็มสนามหญ้าและสระว่ายน้ำเลยทีเดียว

          " โหลๆ เทสๆ มาร์ชแมลโลว์ยอดรัก หนึ่ง สอง สาม " ผมขมวดคิ้วหันไปมองตามเสียงที่คุ้นหูเหลือเกินและก็พบว่าพี่โรลกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังไมโครโฟน และถือกีต้าร์ตัวเดิมของพี่แก ขนาดพูดเทสไมค์ยังเหมือนเดิม ผมละเชื่อเขาเลย

          " ให้ ฉัน ~ ดู แล เธอ รัก เธอ ได้ ไหม​มม ~ "

          ผมปิดปากยิ้มอย่างเขินอายอยู่ข้างสระ ไอ้บ้าเอ้ย ไม่ต้องมาส่งตาหวานเลยนะ ทุกคนในงานต่างโห่ร้องเป่าปากแซวผมกับพี่โรลกันอย่างสนุกสนาน จนผมอายแทบจะมุดโดดลงสระเลยทีเดียว

          พี่โรลยังคงรวมเมดเล่เพลงจีบผม ร้องแต่เพลงรักและเปลี่ยนเนื้อเพลงเป็นชื่อผมทุกเพลง จนผมต้องไปลากพี่แกออกมาจากไมค์ ซึ่งพี่ก็ยังคงกอดไมค์อย่างอาลัยอาวร อะไรจะขนาดนั้นฟะ นี่พี่แค่อยากร้องเพลงใช่ไหม​ห๊ะ

          หลังจากนั้นสองชั่วโมงที่พวกเราดื่มกัน ผมนั่งอยู่บนเสื่อที่ล้อมรอบด้วยสาวๆ ที่อยากรู้เคร็ดลับหน้าใสของผม ผมเหลือบมองหาพี่โรลที่หนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เผลอไม่ได้เลย และก็พบว่า ไอ้คนที่ดิ้นเป็นไส้เดือนอยู่หน้าเวทีนั่นไม่ใช่ใคร โอ้ยย จะทำอะไรก็เกรงใจหน้าหล่อๆ ของตัวเองมั่งสิฟะ ผมถึงกับถอนหายใจเลยทีเดียว พี่แกดูเมามันส์ในอารมณ์มาก และคู่หูเท้าไฟก็ไม่ใช่ใคร เพื่อนรักผมนั่นเอง มันเป็นคนหล่อที่โครตจะติ๊งต๊องกันทั้งคู่ เป็นสองพี่น้องสุดรั่วของคณะจริงๆ

          ผมขอตัวจากสาวๆ และเดินมายืนเท้าเอวมองดู อีพี่โรลที่กำลังเต้นทำท่าสะพานโค้งโดยไม่ดูสังขารตัวเองเลยสักนิด พี่เพิ่งโคม่าเมื่อสามเดือนก่อนนะครับ ผมละปวดหัวจริงๆ

          " จากนี้ไปก็มีความสุขมากๆ นะลี่ " ผมมองพี่นายที่เดินมายืนกอดอกอยู่ข้างๆ ผม

          " ขอบคุณพี่มากนะครับ " ผมบอกพี่นายที่คอยอยู่ข้างๆ ผมและเพื่อนเสมอ

          " พี่ยังชอบผมอยู่หรือ​เปล่า " พี่นายหันมายิ้มทันทีที่ผมถาม

          " ไม่มีใครที่รู้จักลี่แล้วจะไม่ชอบลี่หรอก " ผมขมวดคิ้วมองพี่นายที่ยิ้มน้อยๆ

          " อย่างไอ้หมอนั่น " ผมมองตามมือพี่นายและก็เห็นว่าไอ้แมคยืนมองผมอยู่ด้วยแววตาเศร้าๆ

          " ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ไม่ได้ชอบลี่แบบนั้นอีกแล้ว ที่ลี่เคยบอกพี่น่ะ ถูกต้องแล้ว พวกเราไม่ได้รักกันถึงขนาดนั้น เพราะไม่อย่างนั้น พี่ก็คงไม่หยุดตามหาลี่ " ผมยิ้มและมองพี่นายที่กำลังมองไปยังเวที

          " พี่เลิกเจ้าชู้ได้ไหม​ครับ " ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

          " เหมือนพี่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน " พี่นายพูดและหัวเราะน้อยๆ

          " พี่ไม่ได้มีใครเลยมาพักใหญ่แล้ว พี่รู้สึกเบื่อที่จะต้องใช้ชีวิตแบบนั้น ยิ่งได้มองเห็นเรากับโรล พี่ก็ยิ่งคิดว่าบางทีการที่เรามีคนที่เรารักจริงๆ ก็ดีนะ สักวันพี่ก็อาจจะโชคดีบ้าง ได้เจอคนที่พี่อยากจะอยู่ด้วยตลอดชีวิต "

          " พี่ยังไม่เจออีกเหรอครับ " ผมพูดและยิ้มน้อยๆ

          " มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ " พี่นายยิ้มเหมือนกับจะบอกอะไรเป็นนัยๆ

          " สู้ๆ นะครับ แต่ถ้าพี่ทำร้ายพวกเราอีก คราวนี้ผมจะฆ่าพี่จริงๆ ผมเจ็บได้ แต่เพื่อนผม ผมไม่ยอม " ผมพูดด้วยใบหน้าจริงจัง

          " สัญญาเลย " ผมชนมือกับพี่นาย และยิ้มให้กัน





          เมี่ยง





          คืนนี้มันสุดเหวี่ยงจริงๆ เพิ่งรู้ว่าพี่โรลก็เท้าไฟใช่เล่น แบบนี้ยิ่งมันส์ ผมดีใจที่เห็นเพื่อนยิ้มได้สักที ผมพยายามทำทุกๆอย่างเพื่อให้มันดีขึ้น ให้มันลืมเรื่องเศร้าๆ ข้างในหัวใจ ผมคิดว่าผมทำดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำเพื่อเพื่อนได้แล้ว

          ผมกับลี่ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน และใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากที่สุด ผมไม่ได้เป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่แรกหรอกนะ ผมเคยเก็บตัว และชอบอยู่คนเดียวมาก่อน พวกเราที่มีอะไรคล้ายๆ กันก็เลยหันมาเล่นด้วยกัน และสนิทกันในที่สุด

          ผมไม่เคยมีแฟนจริงๆ จังๆ และไม่คิดจะคบกับใคร ผมกลัวว่าคนพวกนั้นจะดึงผมออกไป ผมกลัวว่าผมจะทำให้ลี่โดดเดี่ยว ลี่เป็นที่ชอบคิดมาก และเก็บทุกอย่างไว้ในหัวใจ ผมไม่เคยรู้สึกไม่ดีที่ลี่ชอบผู้ชาย อาจเป็นเพราะว่าผม ก็ชอบผู้ชายเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่เคยบอกใครเลย และมันก็ไม่เคยถามผมด้วย พวกเราเชื่อใจกัน ไม่ว่าเรื่องไหน พวกเราก็ยอมรับกันได้ พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป็นเพื่อนที่ยิ่งกว่าเพื่อน เหมือนพี่เหมือนน้องที่ดูแลกันเสมอมา

          และคนที่ทำให้เพื่อนเสียใจที่สุด ตอนนี้มันกำลังทำตัวแปลกๆ กับผม นี่มันงี่เง่า แฟนเก่าของเพื่อน ยิ่งเป็นแฟนเก่าที่เคยนอกใจด้วยแล้ว นี่มันบ้าชัดๆ ถึงหลังๆ มันจะทำตัวดีขึ้น ดูจริงใจขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยยืนยันว่ามันจะไม่กลับไปทำตัวแย่ๆเหมือนเดิม ผมอยากต่อยมันทุกครั้งที่เห็นหน้า ตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว มันคิดว่ามันหล่อกว่าใคร รวยกว่าใคร หมั่นไส้ชะมัด

          แต่เอาจริงๆ มันก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ คนละสไตล์กับหนุ่มตาน้ำข้าวนิดๆ แบบพี่โรล เป็นคนวางตัวนิ่งๆ ที่ดูนิ่งซะจนเหมือนเก็ก แว่นกรอบดำนั่นผมต่อยจนมันแตกไปหลายรอบแล้ว แต่มันก็ยังใส่อยู่ ชอบพูดจาเพราะๆ ปากดี ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยพูดดีๆ ด้วยเลย ดูสุภาพจนน่าหมั่นไส้ ผมชอบยั่วโมโหมัน เพื่อให้มันด่าผมกลับ แต่ก็ไม่เคยเลย ไม่เคยได้ยินคำหยาบออกมาจากหมอนั่น แปลกดี  แต่พี่โรลเคยบอกผมนะว่ามันเคยพูด จริงเหรอ ผมอยากได้ยินจัง หรือผมจะโรคจิตกันนะ

          ผมรู้สึกว่าผมเมาสุดๆ ทุกอย่างมันหมุนและดูร่าเริงไปหมด ผมมองดูเพื่อนที่กำลังหนุงหนิงกับพี่โรล แหม ผัวมาแล้วทิ้งกูเลย ใช่ซิ๊

          ผมเดินมึนๆ ไปหาไอ้คนน่ารำคาญที่กำลังดื่มเบียร์พิงผนังอยู่ไกลๆ เหอะ เก็กทุกงาน รอสาวมาติดกับดักใช่ไหม​ห๊ะ

          " เมามากแล้วนะ กินหรืออาบ " ผมหรี่ตามองไอ้แว่นที่มาถึงก็สั่งสอนผมเลย ให้มันได้แบบนี้

          " ยุ่งไม่เข้าเรื่อง " ผมพูดและไปยืนพิงผนังข้างๆ

          " นี่ไปกินดินที่ไหนมา มอมอย่างกับหมา " ผมเหร่มองคนที่กำลังหยิบผ้าเช็ดหน้าและเช็ดแก้มผมเบาๆ

          " นี่ ชอบเหรอ " ผมพูดออกไปทำเอาไอ้หมอนี่ชะงักมือทันที

          " ชอบอะไร " ไอ้แว่นพูดและทำหน้ามึนๆ ผมเลยชี้หน้าตัวเองจนมันหัวเราะขำออกมา

          " แฟนเก่าเพื่อน แฟนเก่าเชี่ยๆ " คำพูดของผมทำเอาไอ้พี่นายชะงักและเงียบไปทันที ผมนี่มันปากเสียจริงๆ

          " เข้าใจ ไม่ต้องพูดหรอก " ผมมองคนที่ยกเบียร์ขึ้นดื่ม ดื่มแบบรวดเดียวหมดขวด นี่พี่กำลังมอมตัวเองเหรอ

          " อยากลองทำกันไหม​ "

          ' พรวดดดดดดดด '

          ไอ้พี่นายที่ดื่มเบียร์อยู่ก็พ่นพรวดออกมาทันทีที่ผมพูดจบ

          " ทำอะไร " ไอ้พี่นายสำลักและขมวดคิ้วมองผม

          " หึหึ อยากอ่าดิ๊ " ผมหัวเราะกวนและชี้หน้าไอ้พี่นายที่จ้องมองผมอยู่

          " ไม่อ่ะ " ผมหุบยิ้มทันที ห๊าา แกว่าไงนะ นี่กล้าปฏิเสธคำเชิญชวนงั้นเหรอ หนอยย

          " ลี่เคยบอกไหม​ว่า ตอนคบกับพี่ พี่แทบจะไม่เคยจับมือลี่ด้วยซ้ำ " ผมขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าแบบงงๆ แล้วมันยังไงล่ะ

          " ถ้าพี่ชอบใครแบบจริงจัง พี่จะไม่แตะต้องคนคนนั้น พี่เป็นคนแบบนั้นแหละ " ผมอึนๆ ขมวดคิ้วงงๆ แล้วมันหมายความว่าไงกันล่ะ

          แต่เมื่อผมใช้สมองประมวลผลสักพัก ผมก็เริ่มหน้าแดงขึ้น และค่อยๆ เดินเป๋ๆ ออกไปจากตรงนั้น นี่เมื่อกี้มันบอกชอบผมใช่ไหม​ ผมคิดว่าใช่นะ

          ผมเดินมึนๆ ไปเจอพี่โรลทีกำลังยกซดของกินในชามอยู่ ผมเดินไปเกาะไหล่รุ่นพี่ที่เคารพของผม ผมว่าผมควรปรึกษาคนนี้ล่ะ

          " นี่ พี่ เอิ้กกก ครับ " ผมเรียกพี่โรลไปเรอไปด้วยเพราะความอิ่ม

          " ว่าไง น้องพี่ " พี่โรลกอดคอผมและเต้นไปมาจนผมมึนไปใหญ่

          " ถ้าพี่ ชอบใครสักคน มากๆ พี่จะ ทำยังไง " ผมถามพี่โรลที่กำลังโบกมือไปมาในอากาศ

          " ลากไป &#?@& " เป็นคำหยาบที่หื่นและถึงกับต้องเซ็นเซนร์เลยทีเดียว ผมถึงกับมองหน้าพี่แกอีกที ผมว่าพี่อาจจะฟังคำถามไม่เข้าใจนะ

          " เอา ใหม่ ถ้าพี่ชอบใครมากๆ พี่จะทำอะไรกับคนคนนั้น "

          " เจ็ดยับ " ผมหรี่ตามองพี่โรลที่กำลังหัวเราะลั่นอย่างสนุกสนาน นี่เพ่เป็นพระเอกนะโว้ย พูดจาให้มันสมกับเป็นพระเอกสิฟะ

          " พี่ล้อเล่น ฮ่าๆ " พี่โรลหัวเราะใส่หน้าผมที่กำลังหน้ามุ่ยอยู่

          " ความรัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องพวกนั้น ทำอะไรก็ได้ที่ทั้งสองคนจะมีความสุข เอาง่ายๆ แบบพี่กับลี่นี่ไง พี่ตามใจลี่ทุกอย่าง "

          " เหรอออออออออออ " ผมที่ได้ยินเสียงลากยาวของเพื่อนผม ทำให้รู้ว่า อีพี่นี่เชื่อไม่ได้และแหลทั้งเพ

          ผมเดินมึนๆ กลับไปหาคนที่ยังยืนนิ่งๆ พิงกำแพงอยู่ที่เดิม

          " เมา อยากนอน พาไปส่งหน่อย " ผมพูดและตัวอ่อนปวกเปียกเรียกร้องความสนใจ

          " หญ้านี่ก็นุ่มนะ ลองดูสิ " โอ้ยยย พ่อคุณ พ่อสุภาพบุรุษ กลัวผมจับปล้ำหรือ​ไง หงุดหงิด

          ผมเดินกลับหลังและขาพับลงไปทันที และก็อย่างที่คิด ไอ้บ้านี่รีบวิ่งมาหิ้วปีกผมทันที ฮ่าๆ

          ผมรู้สึกว่าผมกำลังถูกหิ้วอย่างทุลักทุเลไปในห้องๆ หนึ่งที่มีเตียงดูนุ่มสบาย และภายในห้องก็เป็นสีโทนขาวดำที่สวยมากๆ

          ผมไม่ใช่คนตัวเล็กๆ ที่จะถูกอุ้มได้โดยง่าย แต่ผมก็ตัวเล็กกว่าไอ้พี่นายนี่แหละนะ

          " นอนนี่แหละ อย่าลุกไปไหนนะ " พี่นายวางผมลงกับเตียงและยืนมองผมไกลๆ

          " นี่ห้องใคร " ผมถามเบาๆ

          " ห้องพี่นี่แหละ " บ้านก็ออกจะตั้งกว้างแต่ลากผมขึ้นมาชั้นสามห้องนอนตัวเอง ฮ่าๆ ไอ้บ้านี่ก็น่ารักดีนะ

          " ขอบคุณครับ พี่นาย " ผมพูดเบาๆ ขณะที่พี่นายกำลังจะออกจากห้อง พี่นายหันมาทันทีที่ได้ยินผมเรียกชื่อตัวเอง



เพราะนี่เป็นครั้งแรก ที่ผมได้เรียกชื่อคนคนนี้ออกไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 13:28:27 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
เริ่มดีละ


 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เมี่ยง .. นี่อ่อยใช่ไหม เราก็นึกว่าเมี่ยงเมะมาตลอดนะเนี่ย ไม่จริงใช่ไหม  :katai1:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เมี่ยงรถอ้ออยคว่ำแล้วลูก 5555

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :a5: o22 แต่หนูเมี่ยงก็ทำได้ดีนะ  o13

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
นี้ไม่เคยคิดว่าเมี่ยงมันหล่อเลยนะ ตั้งแต่ตามอ่านแรกๆเลย เพราะความติงต็องกลบความหล่อมันล้วนๆๆ

หนะๆมีอ่อย นะไอแสบ  นี้ชอบตัวละครเมี่ยงที่สุด ชอบในความรักเพื่อน ปกป้องเพื่อน บวกความบ้าๆบอๆของมันนี้แหละ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
บางทีเมี่ยงก็ต้องมีใครสักคน พี่นายก็เช่นกัน คู่ใหม่
ดีใจที่โรลจำได้ เป็นของขวัญที่ดีมากเลย จำได้ปุ๊บ หืนปั๊บ ฮาดี

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Gloomy Sunday

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-3
    • Fanpage : Gloomy Sunday Tk.
          Calorie ที่ 42 ความรักที่หลากหลาย


          หลังจากที่นาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว ทุกคนก็เริ่มที่จะพูดไม่รู้เรื่องและนอนสลบเกลื่อนกลาดอยู่เต็มสนามหน้าบ้านพี่นาย ผมพยายามลากพี่โรลที่กำลังนั่งคุยกับรูปปั้นประดับสวนของพี่นายด้วยความเอือมระอาและมองหาไอ้เมี่ยงไปด้วย มันหายไปไหนกันนะ

          " ถ้าหาเพื่อนเราอยู่ละก็ ไม่ต้องห่วง นอนอยู่ข้างบนห้องพี่น่ะ " ผมหันไปมองพี่นายที่กำลังเดินมาช่วยผมหิ้วปีกพี่โรลอีกข้าง

          " แอบขโมยเพื่อนผมเหรอ " ผมหรี่ตามองพี่นายที่เลิกคิ้วมองผมอยู่

          " เปล่านะ หมอนั่นบอกอยากนอน พี่ก็เลยพาไป แค่นั้น " ผมยิ้มน้อยๆ มองดูพี่นายที่เหมือนกำลังแก้ตัวอยู่

          " ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่เป็นห่วงมัน นึกว่าไปนอนอยู่ก้นสระซะแล้ว " ผมพูดพลางยิ้มขำ

          " คงเช้าแหละกว่าจะสร่างเมา ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ไปส่งให้ " จริงๆ ผมอยากให้มันกลับกับผมตอนนี้เลย แต่อยู่กับพี่นายคงไม่เป็นไรหรอก

          " งั้นฝากด้วยนะครับ " ผมยิ้มให้พี่นายที่พยักหน้าตอบ

          " เดี๋ยวพี่ไปส่งเราก้บโรลที่คอนโดละกัน เราแบกไอ้บ้านี่ไม่ไหวหรอก ตัวใหญ่จะตาย " ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่นาย

          ไม่นานพี่นายก็มาส่งผมกับพี่โรลที่คอนโดและแบกพี่โรลขึ้นมาส่งให้ถึงเตียงเลยทีเดียว ผมขอบคุณพี่นายและฝากฝังเพื่อนรักอีกที จากประสบการณ์การเคยคบกับพี่นายของผมนั้น ผมคิดว่าไอ้เมี่ยงน่าจะปลอดภัย นอกจากมันจะปล้ำพี่เขานั่นแหละ หึหึ

          เมื่อพี่นายกลับไปแล้ว ผมก็จัดการลอกคราบไอ้แฟนตัวดี ของผม ด้วยการถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นออกและเช็ดตัวด้วยผ้าที่ชุบน้ำอุ่นๆ จริงๆ แล้วผมก็ดื่มนะ แต่ก็ดื่มให้ไม่ถึงกับเมาแต่ก็มึนๆ นิดๆ กำลังดี

          ผมลังเลไม่กล้าถอดกางเกงยีนส์ขายาวของพี่โรลออก ถึงพวกเราจะแบบว่าเคยมีอะไรกันแล้วก็ตาม แต่พวกเราก็ยังไม่เคยทำกันแบบดีๆ เลย มีแต่แอบทำและก็แอบทำ อ้ากกก และพวกเราก็ห่างกันไปนานพอสมควร ผมก็เริ่มกลับมาอายเหมือนเก่า

          ผมมองพี่โรลที่นอนหลับและหายใจเข้าออกช้าๆ พี่โรลถึงแม้ว่าจะป่วยแต่ร่างกายนั้นก็ไม่ได้ซูบลงมาก ผิวขาวที่ขาวซีดกว่าเดิม ผมสีน้ำตาลตัดสั้น ปากสีแดงจางๆ และขนตาหนา ผมยิ้มน้อยๆ และดึงจมูกโด่งๆ นั้น พลางก้มลงหอมแก้มคนเมาด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมมองกางเกงยีนส์สีซีดของพี่โรลอีกครั้ง และลูบเบาๆ ที่ท่อนขายาวของคนตรงหน้า ช่างใจว่าจะถอดให้ดีไหม

          เอาวะ ก็แค่กางเกง ผมที่กลัวว่าพี่โรลจะไม่สบายตัว ก็ค่อยๆ ปลดเข็มขัดคนที่นอนหลับตานิ่งออกช้าๆ ก็ไม่เห็นจะยากเลย หึหึ ผมค่อยๆ ถอดมันออกจากตัวพี่โรลจนเหลือแต่กางเกงชั้นใน และคิดว่าพอแล้วล่ะ ให้ถอดมากกว่านี้ เดี๋ยวพี่แกตื่นขึ้นมาผมจะซวยเอา

          แต่ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเปล่า ผมในตอนนี้รู้สึกร้อนๆ แปลกๆ ทั้งที่แอร์ก็เปิดจนเย็นฉ่ำ ผมหน้าร้อนนิดๆ และจ้องมองพี่โรลที่กำลังหลับเป็นตายอยู่ ไม่เอาน่า จะดีเหรอฟะ ผมทะเลาะกับตัวเองในใจ ร่างกายของผมมันไม่รักดีเอาซะเลย คงเป็นเพราะผมอัดอั้นมานานมาก ผมไม่ค่อยได้ช่วยตัวเองเท่าไหร่ เพราะความเครียด และอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งมันทำให้ผู้ชายแบบเราไม่สบายตัวเอาซะเลย ไหนๆ พี่โรลก็หลับไม่รู้เรื่องแล้ว ผมว่าคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

          ผมที่เมานิดๆ ก็เกิดความใจกล้าขึ้นมา ผมค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกช้าๆ คลานขึ้นมาคร่อมบนลำตัวของพี่โรล และก้มลงจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากแดงนั้น

          " พี่ครับ ผมรักพี่ " ผมหอมคนเบื้องล่างที่คอเบาๆ และกระซิบด้วยเสียงกระเส่า

          ผมแลบลิ้นเลียนิ้วมือของผม พลางก้มตัวต่ำ เอื้อมแขนไปยังช่องทางด้านหลังของตัวเองและค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปทีละนิด ผมก้มหน้าลง ขาสั่นน้อยๆ ด้วยความรู้สึกร้อนลุ่ม

          แต่ผมที่กำลังก้มหน้านั้นก็เหลือบไปเห็นถุงอะไรบางอย่างตรงปลายเตียง และก็นึกออกทันทีว่ามันคืออะไร มันคือไอ้หางบ้าๆ นั่นที่พี่โรลซื้อมาให้ ถ้าเป็นปกติผมคงอยากจะเผามันทิ้งซะ แต่ตอนนี้ผมที่กำลังอารมณ์พลุ่งพล่านนั้น คิดว่ามันเป็นอุปกรณ์ช่วยที่ดีทีเดียว

          ผมค่อยๆ ขยับตัวและเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา ผมโยนหูและถุงมือทิ้ง ผมสนใจแต่หางฟูยาวสีขาวเท่านั้น ผมชันเข่าก้มตัวลงอีกครั้ง และค่อยๆ สอดแก่นตรงโคนหางเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มช้าๆ พลางหายใจเบาๆ ผมนิ่วหน้าน้อยๆ เมื่อสิ่งนั้นเข้าไปด้านในจนหมด

          ผมยืดตัวเหลียวหลังไปมองพวงหางฟูฟ่องสีขาวที่ก้นของผม มันให้ความรู้สึกเสียวน้อยๆ ในช่องท้องและต้องออกแรงเกร็งรัดแท่งสิ่งแปลกปลอมนั้นไว้ เพื่อให้หางยังคงติดอยู่กับช่องทางสีหวานนั้น

          ผมขยับตัวคร่อมพี่โรลไว้อีกครั้งก้มลงจูบเลียที่อกแกร่งของคนเบื้องล่าง พลางรูดขึ้นลงเบาๆ ที่แก่นกายร้อนของตัวเอง

          ผมอ้าปากหอบหายใจน้อยๆ หลับตาแน่น และเม้มปากกลั้นเสียงเป็นระยะ ช่องทางด้านหลังตอดรัดสิ่งแปลกปลอมเบาๆ ตลอดเวลา มันทำให้ผมเสียวซ่านและรู้สึกดีไปหมด

          แต่เมื่อผมที่ก้มลงหอบหายใจกับหน้าท้องของพี่โรลนั้น ก็เผลอเหลือบไปมองท่อนกายภายใต้กางเกงชั้นในของคนที่นอนหลับอยู่ ผมหยุดมือลงและขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ในสายตานั้นมันไม่ได้กำลังหลับอยู่เหมือนเจ้าของ

          ภายใต้กางเกงชั้นในของพี่โรลนั้น มีบางสิ่งกำลังตึงแน่นจนแทบจะระเบิดออกมา ผมค่อยๆ เลื่อนสายตาจากตรงกลางลำตัวของพี่โรล ไล่มาเรื่อยๆ จนไปถึงใบหน้าของพี่โรลที่หลับอยู่

          และก็เป็นอย่างที่คิด พี่โรลนั้นคิ้วกระตุกเล็กน้อยและดวงตาที่ปิดสนิทนั้นก็ค่อยๆลืมขึ้น ผมตกใจจะขยับตัวหนี แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว พี่โรลยิ้มน้อยๆ และดึงแขนผมเอาไว้ พลางดึงผมลงไปนอนกอดทั้งตัว

          " น..นี่พี่แกล้งเมาเหรอ " ผมตอนนี้หน้าแดงจนเลือดจะออกจมูกอยู่แล้ว

          " ว่าจะทนจนกว่าลี่จะเสร็จสักหน่อย แต่ไม่ไหวแล้วอ่ะ โครตเซ็กซี่เลย "

          " ไอ้บ้า ไอ้... " ผมอายมาก อายจนได้แต่มุดไม่ยอมมองหน้าคนที่กำลังหัวเราะน้อยๆ และลูบก้นผมอยู่

          " ใส่แล้วเหมาะมากเลย " พี่โรลพูดพลางลูบพวงหางเบาๆ และจงใจหมุนขยับมันน้อยๆ ทำเอาผมตัวสั่นไปด้วยความเสียว

          " อย่าจับนะ~ " ผมพูดเสียงอ่อยและได้แต่ก้มหน้ากับอกคนขี้แกล้งนั้น

          แต่ผมก็ถูกดึงตัวขึ้นมาและถูกคนตรงหน้าประกบริมฝีปากอย่างรวดเร็ว ผมหลับตาปล่อยให้เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอย่างนัวเนีย ผมตัวสั่นน้อยๆ เมื่อพี่โรลลูบไล้ไปตามขาของผมและกำลังดึงหางของผมเข้าและออกเบาๆ

          " อ๊ะ อ.อย่า " ผมเอื้อมมือไปจับมือพี่โรลไว้

          พี่โรลค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นพิงหมอน ตัวผมที่ทับพี่โรลนั้นเลยเลื่อนลงไปเรื่อยๆ จนทับส่วนแข็งขืนนั้นของพี่โรล นี่พี่ถอดกางเกงในไปตอนไหนเนี่ย

          ผมชันเข่ากอดพี่โรลไว้ ไม่กล้าทิ้งน้ำหนักนั่งลงตรงส่วนนั้น พี่โรลจูบไซร้ซอกคอผมเบาๆ และค่อยๆ ออกแรงดึงหางออกจากช่องทางด้านหลังของผม

          ผมกอดรัดคนตรงหน้าไว้แน่น ตัวสั่นน้อยๆ แต่ก็รู้สึกโล่งขึ้นทันทีที่สิ่งแปลกปลอมหลุดออกจากตัว แต่ผมที่กำลังผ่อนคลายก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เพราะสิ่งที่ใหญ่กว่ากำลังแทรกเข้าไปแทนที่อย่างรวดเร็ว

          " อ๊า บ.เบาหน่อย " ตัวของผมถูกกดลงให้ทับลงไปบนท่อนกายของคนเบื้องล่าง

          ผมหลับตาแน่น ผ่อนลมหายใจและร้องครางออกมาอย่างสุดจะกลั้น คนตรงหน้ายิ้มน้อยและทิ้งตัวลงพิงหมอนอีกครั้ง จ้องมองผมเหมือนกับกำลังรอให้ผมทำอะไร

          " ผมทำไม่เป็น " ผมพูดเบาๆ ด้วยหน้าที่แดงจัด

          " แค่อยู่เฉยๆ พี่ก็จะไปแล้ว " ผมมองพี่โรลที่กำลังหายใจแรงๆ และทำหน้าบ่งบอกว่ารู้สึกดีมาก

          ผมค่อยๆ ขยับตัวยันแขนไปที่หน้าท้องของคนตรงหน้า และเลื่อนตัวขึ้นลงเบาๆ

          " อ่าาา ดีจัง " คนตรงพูดเบาๆ ด้วยเสียงต่ำๆ ผมพยายามขยับตัวต่อไปเบาๆ เฝ้ามองคนตรงหน้าที่กำลังครางในลำคออย่างพึงพอใจ คำพูดพี่โรลทำผมยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก ผมชอบที่พี่บอกความรู้สึกออกมา ผมอยากทำให้พี่มีความสุข ไม่ว่าสิ่งไหนก็ตาม

          ดูเหมือนคนตรงหน้าจะเริ่มทนไม่ไหว พี่โรลจับเอวผมและเริ่มเด้งเอวสวนผม และผมก็รู้สึกว่ามันเริ่มถี่และแรงขึ้นเรื่อยๆ

          " อ๊ะ พี่ครับ " ผมตกใจทันทีที่พี่โรลผลักผมให้นอนลงไปและสลับเป็นตัวพี่ที่คร่อมผมอยู่ พี่โรลยกขาของผมขึ้นและกอดจูบเบาๆ ขณะที่พวกเราก็ยังคงเชื่อมต่อกันอยู่

          " ขอโทษนะ พี่รักลี่ " พี่โรลก้มลงจูบปากผมซ้ำๆ และพูดกระซิบเบาๆ ข้างหูผม

          ผมไม่รู้เลยว่า คำขอโทษนั้นหมายถึงอะไร จนกระทั่งกิจกรรมสุดดุเดือดนั้นดำเนินไปตลอดทั้งคืน





          เมี่ยง



          มึนหัวจัง ผมนอนอยู่บนเตียงหนานุ่มและอุ่นสบาย นี่ผมอยู่ไหนกันนะ มันสบายมากเกินไป แม่ซื้อเตียงใหม่ให้เมี่ยงเหรอ ผมคว้าหมอนข้างและกอดรัดแน่นอย่างอารมณ์ดี อุ่นโครต แถมกลิ่นก็หอมด้วยนะ ถึงจะแข็งๆ ไปหน่อยก็เถอะ ผมเริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อลูบไปมาบนหมอนข้างนั้นและพบว่ามัน เอ่อ แปลกเกินไป

          ผมพยายามนึก ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดช้าๆ เดี๋ยวนะ เมื่อคืน พี่โรลกลับมา มีปาร์ตี้ฉลอง ผมเมามาก และ...

          ผมลืมตาขึ้นทันทีและตัวแข็งทื่อไปเรียบร้อย เพราะไอ้หมอนข้างแข็งๆ นั่นไม่ใช่ใครอื่น กูว่าแล้วไง ผมรีบกลิ้งถอยหลังจนตกเตียงและหมอบลงกับพื้น สำรวจร่างกายอันสวยงามของตัวเอง โอเค ไม่เจ็บก้นแฮะ กูรอดจริงๆ เหรอเนี่ย

          " ทำบ้าอะไรน่ะ " ผมเหร่มองไอ้คนที่ลุกขึ้นนั่งและจ้องมองผมด้วยสีหน้าขบขัน

          " ฟ้องแม่แน่ " ผมทำท่ากอดตัวเองไว้ด้วยความหวงแหน ทำเอาไอ้พี่นายหัวเราะออกมาเบาๆ

          " นี่นอนขอบเตียงจนจะตกเตียงอยู่แล้ว ใครกันแน่ที่ขยับมานอนติดเอง คนบ้าอะไรนอนดิ้นสุดยอดไปเลย " ผมทำหน้าตาเหรอหราไม่ยอมรับผิด

          " ใครใช้ให้มานอนข้างๆ เล่า " ผมขมวดคิ้วและลุกขึ้นช้าๆ โลกยังหมุนอยู่แฮะ หนักเอาเรื่องเลยนะเนี่ย

          " นี่มันห้องพี่ " ผมเลิกคิ้วมองไปรอบๆ อีกครั้ง ก็ว่าอยู่ หรูขนาดนี้

          " นอนต่อเถอะ ตีสามเอง " พี่นายพูดพลางมองนาฬิกาที่ผนัง

          ผมส่ายหัวรัวๆ และพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็สะดุดล้มลงวัดพื้นอีกรอบ

          " ดูซิว่าจะไปถึงบ้านไหม​ " ไอ้พี่นายนั่งเท้าคางมองดูผมพลางยิ้มขำ หนอย

          ผมนั่งอยู่กับพื้นพรมนิ่มๆ และตัดสินใจนอนแม่งตรงนี้แหละ

          " มานอนบนเตียง " ผมไม่สนใจนอนหันหลังแม่งเลย เอาจริงๆ ผมนอนพื้นสบายมาก บ้านผมพื้นแข็งกว่านี้อีก

          " จะมาดีๆ หรือให้อุ้ม " ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็เด้งตัวด้วยความไวแสงและพุ่งตัวมุดเตียงพลางเอาผ้าห่มห่อตัวเหมือนดักแด้

          ผมขมวดคิ้วมองไอ้พี่นายที่หัวเราะเบาๆ และลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่โต๊ะที่มีชั้นหนังสือวางอยู่เต็มไปหมด เปิดไฟเล็กๆ และนั่งเปิดหนังสือเงียบๆ

          เพราะผมหรือเปล่านะ หมอนั่นถึงเดินหนีไป ผมขมวดคิ้วจ้องมองไอ้เสือไบจอมร้ายกาจ หึหึ ไม่หลงกลหรอก กำลังหลอกผมให้ตายใจสินะ ผมยังจำที่หมอนี่พูดเมื่อคืนได้ จะไม่แตะต้องคนที่ชอบงั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า ยิ่งชอบก็ยิ่งอยากพุ่งเข้าใส่สิเฟ้ย มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

          " ทำให้นอนไม่หลับหรือ​เปล่า " ไอ้พี่นายหันมาขมวดคิ้วมองผมที่ยังคงไม่หลับและดิ้นไปมาอยู่ในผ้าห่ม

          " เพิ่งรู้หรือ​ไง " ผมพูดพลางเบะปากน้อยๆ

          ผมจ้องหมอนั่นที่ปิดไฟลงและถอดแว่นออก พลางเดินไปที่ประตู

          " จะไปไหนอ่ะ " ผมถามด้วยความสงสัย

          " นอนไง " พี่นายพูดเบาๆ อ๋อเหรอ ลืมไปว่าห้องเยอะ

          " เคยพาคนมานอนที่นี่เยอะแยะเลยใช่ไหม​ล่ะ " อยู่ดีๆ ผมก็หลุดปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ผมพูดบ้าอะไรฟะเนี่ย

          พี่นายที่กำลังกำลูกบิดประตูหันมามองผมด้วยสีหน้าแบบไหนผมก็เห็นไม่ชัด

          " ใช่ " คำตอบนั้น ทำให้ผมกำผ้าห่มแน่นอย่างลืมตัว ผมไม่รู้เลยว่าผมรู้สึกยังไง แต่ผมไม่ชอบที่จะได้ยินอะไรแบบนี้เลย แล้วผมจะถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไมก็ไม่รู้ ไอ้โง่เอ้ย

          " แต่ไม่เคยพาใครเข้ามาในห้องนี้หรอกนะ " พี่นายพูดต่อไปด้วยเสียงเรียบๆ ตามเดิม

          " คิดว่าได้ยินแบบนั้นแล้วจะดีใจหรือ​ไง ไอ้งี่เง่า " ผมพูดและดึงผ้าห่มคลุมโปงทันที

          ผมหลับตาลงหายใจเข้าออกช้าๆ ด้วยความรู้สึกสับสนในหัวใจ แต่อยู่ดีๆ ผมก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง เพราะสัมผัสที่อบอุ่นที่ประทับลงบนหน้าผากของผมนั้น มันบอกให้ผมรู้ว่า ในตอนนี้



มีเพียงผ้าห่มผืนบางเท่านั้น ที่กั้นกลางระหว่างเราสองคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 13:31:17 โดย Gloomy Sunday »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด