The Color of Love : ​Pink Loved ความรักสีชมพู (The End)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Color of Love : ​Pink Loved ความรักสีชมพู (The End)  (อ่าน 36327 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #210 เมื่อ20-04-2018 13:36:34 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #211 เมื่อ20-04-2018 19:39:59 »

Blue Lyrics 10 : ทำนองรักสีฟ้า (นพเก้า xนาคิน)

นพเก้า พาร์ท
ผมขับรถมาที่บ้านสวนไอ้กูรทันทีหลังจากที่มันเพิ่งโทรมาบอกว่าคุณกรีนมารับน้องบลูไปที่บ้านสวน ผมใจจดจ่ออยู่หลังพวงมาลัย รถจะมาติดอะไรขนาดนี้
“จะติดอะไรนักหนาว่ะ รู้ไหมว่าเมียกูจะเลิกกับกูแล้วเนี้ย”ผมบ่นกับตัวเองเมื่อยังคงติดไฟแดงอยู่ ก่อนที่เสียงมือถือของผมจะดังขึ้น ผมยกมือถือขึ้นมากดรับสายทันที
“ฮัลโหล”
(“อาจารย์ถึงหรือยังคะ”)
“ยังเลย ฟางถึงบ้านหรือยัง”
(“ถึงแล้วคะ อาจารย์จะให้ฟางไปอธิบายกับพี่บลูไหมคะ”)
“ไม่ต้องหรอก”
(“แต่ฟางเป็นต้นเหตุให้พี่บลูเข้าใจอาจารย์ผิดนะคะ”)
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเชื่อว่าบลูเขามีเหตุผล แต่ถ้าเขาไม่ต้องการอาจารย์แล้วมันก็เป็นกรรมของอาจารย์แล้วหล่ะ”
(“อาจารย์อยากให้ฟางช่วยก็รีบบอกนะคะ เพราะอาจารย์ช่วยเรื่องของฟางถึงทำให้เกิดปัญหานี้”)
“อื้ม ถ้าต้องขอความช่วยเหลือยังไงอาจารย์จะโทรหานะ”
ผมวางสายจากฟางเรียบร้อย ตรงเข้าซอยบ้านไอ้กูรทันที ละก็ทันทีเช่นกันที่ผมจอดรถพร้อมเดินตัวปลิวไปในบ้าน
“น้องบลู...”ผมตะโกนเอ่ยเรียกชื่อเขาทันที ก่อนที่คุณกรีนจะเดินออกมา
“คุณเก้าเบาๆครับ”
“คุณกรีน น้องบลูหละครับ”ผมร้อนรนมากอยากเจอและอธิบายให้เขาฟัง
“ร้องไห้จนหลับไปแล้วครับ คุณเก้าไปคุยกับผมหน่อยนะครับ”ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามหลังคุณกรีนไปที่ศาลาริมน้ำ ผมเข้าใจว่าเขาอยากจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะเขาคือพี่ชายแต่ก็อยากให้เขาเข้าใจแลไว้ใจผมด้วยว่าผมไม่มีทางทำให้น้องชายเขาผิดหวังแน่นอน
“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมจะถามอะไร”
“ครับ ผมรู้และผมเองจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น”ผมเอ่ยขึ้นตรงๆ ผมจะแก้ตัวอะไรได้หล่ะ ก็ผมไม่ได้ทำผิดอะไร
“คุณหมายความว่า คุณยอมรับว่าคุณนอกใจน้องชายผม”น้ำเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย
“เปล่าครับ ที่ผมไม่มีอะไรแก้ตัวคือผมไม่ได้นอกใจน้องบลูเลยสักนิด และที่ผมมาที่นี่คือผมจะมาตามเขากลับบ้านของเรา”ผมเอ่ยขึ้น
“แล้วที่น้องผมร้องไห้ออกมา แถมเอาแต่บอกว่ารักจบแล้ว มันคืออะไรครับ”
“คุณกรีนก็น่าจะเคยเข้าใจไอ้กูรผิดบ้างเรื่องของแคท มันก็เหมือนกันหละครับ แต่แค่ฟางไม่ใช่แฟนของผม”ผมเอ่ยบอกคุณกรีนไป เมื่อครั้งหนึ่งแคทแฟนเก่าของไอ้กูรมาขอให้ไอ้กูรช่วยเหลือเรื่องสามีไปมีคนอื่น หลายวันเลยทีเดียวกว่าที่ไอ้กูรกับคุณกรีนจะเข้าใจกันได้
“เจ้าบลูอ่ะ เป็นคนที่กลัวความผิดหวัง กลัวความรักที่จะไม่สมหวังและกลัวว่าคนที่เขารักจะไม่รัก ทำให้กลายเป็นคนขี้กลัว คุณเก้าเข้าใจใช่ไหม”
“ผมเข้าใจครับ และผมเองก็จะเป็นคนที่ทำให้เขาหายกลัวทุกอย่างเอง ผมเคยขอเขาแต่งงาน แต่เพราะความกลัวเขาจึงปฏิเสธข้อนี้ผมไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้าให้เขากลัวที่จะไม่รักผมต่อไปนั้นผมรับไม่ได้ครับ ผมรับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ น้องบลูคือทุกอย่างของผม และผมเองก็จะไม่มีทางเสียเขาไปแน่นนอน”ผมเอ่ยออกมาจากใจตัวเอง หนักแน่นพอที่จะพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร
“เป็นทุกอย่างแล้วทำไมมีอะไรไม่เคยบอกกันบ้างหละครับ”น้ำเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นจากด้านหลังของผม ทั้งผมและคุณกรีนหันมองไปยังต้นเสียงนั้น ดวงตาคู่สวยที่ยังคงบวมแดงอยู่จากร่องรอยของน้ำตา
หมับ!
“น้องบลู...”ผมเอ่ยพร้อมวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาทันที มือหนาผมกดศีรษะเขาแนบอกและไหล่แน่นอย่างคิดถึงและแสนห่วง
“เจ้าบลู...”
“เฮีย เค้าโอเคครับ เค้าขอคุยกับพี่เก้าตามลำพังหน่อยนะครับ”ผมใจเต้นแรงขึ้น
“อื้ม งั้นเฮียไปเตรียมอาหารเย็นก่อนแล้วกัน”คุณกรีนเอ่ยพร้อมเดินออกไปจนลับหลังไป
ผมรีบจับใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาหันมาจ้องหน้าผม ดวงตาคู่สวยที่ผมหลงใหลตอนนี้ผมทำให้มีน้ำตา ผมเองอยากจะฆ่าตัวเองนักที่ทำให้เขาร้องไห้
“พี่ขอโทษนะ ที่ไม่ได้บอกเรื่องของฟาง พี่กลัวว่าบลูจะรู้สึกกลัวเมื่อเจอปัญหาแบบฟาง พี่กลัวว่าบลูจะรู้สึกแย่ถ้าเจอเรื่องแบบนั้น พี่กลัวว่า...อุ๊ปห์”ผมยังเอ่ยไม่จบเสียงของผมก็หายกลืนเข้าไปในลำคอทันที เพราะริมฝีปากของผมถูกริมฝีปากเล็กกดทับเรียบร้อย แม้จะตกใจเล็กน้อยแต่ผมก็ไม่ยอมให้ริมฝีปากนั้นผละออกง่ายๆ ลิ้นร้อนของผมกำลังสอดเข้าโพรงปากนั้น ยังหวานแสนหวานและละมุน
“อื่ออออ”เสียงครางท้วงในลำคอเปล่งออกมาเมื่อต้องการอากาศหายใจ พร้อมกดจูบที่แก้มซ้ายขวาและหน้าผากก่อนจะผละจูบออกอย่างเสียดาย
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
“น้องบลูพร้อมจะฟังพี่หรือยังครับ”ผมเอ่ยขึ้น สองมือประคองใบหน้าของเขาไว้ นิ้วโป้งของผมค่อยๆปากน้ำตาของเขาออก แต่นิ้วเรียวของเขากลับแตะที่ริมฝีปากของผมและส่ายหน้าไปมา
“ไม่ฟังครับ”เขาเอ่ย ผมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเห็นเขายกยิ้มออกมา
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นครับ ฟางโทรมาเล่าให้ฟังหมดแล้ว”
“เล่าให้ฟังหรอ”ผมย้ำอีกครั้ง
“ครับ ฟางโทรมาหลายครั้งมาก จนบลูคิดว่าที่จริงบลูก็กลัวเกินไป ความจริงสิ่งที่บลูเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่บลูคิดก็ได้ทำให้บลูยอมกดรับสาวของฟางและเธอก็เล่าให้ฟังทั้งหมด”ผมโล่งใจมาก ก็ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ยิ่งฟางอธิบายเขาก็ยิ่งจะไม่ฟังแต่ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้แล้วผมก็โล่งใจ
“บลูขอโทษนะครับที่ไม่ฟังพี่เก้าเลย ทั้งๆที่พี่เก้ารักบลูมากแค่ไหน”ผมสวมกอดเขาไว้ยิ่งแน่นกว่าเดิมพร้อมยกยิ้มออกมา
“ถ้าอยากขอโทษ คืนนี้ต้องตามใจพี่นะ”ผมกระซิบบอกที่ใบหูที่ตอนนี้แดงจัด
“พี่เก้าอ่ะ”เขาเอ่ยอย่างน่ารัก บางครั้งเราก็ไม่ต้องอะไรมากความรักจะพาให้เราเข้าใจกันเอง ผมเชื่อว่าความรักและความจริงใจ ความซื่อสัตย์ของผมจะทำให้ผมและเขารักกันตลอดไป
หลังจากที่ผมและน้องบลูเข้าใจกัน ตอนนี้ได้ข่าวว่าฟางเองก็ให้โอกาสแฟนแล้วลองคบกันใหม่อีกครั้ง การดำเนินชีวิตของผมก็ยังคงปกติ
(“พี่เก้า รอบลูแปบนะครับ พอดีว่าหนูพิ้งค์ให้แวะไปรับ”)
“พี่ว่าเจอกันที่บ้านเลยดีไหม จะได้ไม่ต้องวนไปวนมา”
(“เอาอย่างนั้นหรอครับ พี่เก้าจะโกรธไหมอ่าทั้งที่เรานัดกันไว้ก่อน”)
“อย่าคิดมากสิ ก็หนูพิ้งค์กำลังเศร้าเรื่องเลิฟอยู่ พี่ว่าน้องบลูอยู่กับหนูพิ้งค์ไปก่อนเอาไว้เดี๋ยวเจอกันก็ได้ คืนนี้นอนที่บ้านใหญ่ก็ได้”
(“ครับที่รักของบลู เดี่ยวเจอกันนะครับ”)
ผมยกยิ้มกับมือถือก่อนจะเดินไปที่ร้านเพชรที่ผมสั่งแหวนไว้ เพราะผมตั้งใจจะดูแหวนให้น้องบลูในนี้ คือวันเกิดของเขา ผมอยากขอเขาแต่งงานมากแต่ก็รู้คำตอบดี
“สวัสดีครับคุณปลา ผมมารับแหวนครับ”
“เรียบร้อยแล้วคะ เช็คดูก่อนนะคะ”ผมยกยิ้มให้เจ้าขอร้านก่อนจะเปิดกล่องเพื่อดูแหวนข้างใน แหวนคู่ที่เหมือนกันต่างเพียงขนาดเท่านั้น มันมีอักษรภาษอังกฤษอยู่ด้านในว่า N&N ผมยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจกับอหวนนี้ ผมจะขอเขาแต่งงานอีกครั้งในคืนนี้
....
..
ผมยืนมองรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่ผมรัก วันเกิดของเขาที่มีเพียงพี่น้องเท่านั้นแต่ก็ทำให้เขาดูมีความสุขมาก
“มายืนทำไมตรงนี้ว่ะ”ผมหันมองไอ้กูรเพื่อรักของผมที่เดินเข้ามา
“กูกำลังทำใจกับคำตอบอยู่ว่ะ รู้ก็รู้ว่าเขาต้องปฏิเสธแต่ก็ก็เสือกจะลอง”ผมเอ่ยออกมา
“มึงว่าแต่คุณบลูกลัวนั่นกลัวนี่ แต่ผมเองเหอะที่ขี้กลัวกว่า”
“ก็มันรู้อยู่แล้วนี่หว่าว่าคำตอบมันคืออะไรอ่ะ”ผมเอ่ยออกมา ก่อนจะหันไปเมื่อคุณกรีนเอ่ยเรียกเพื่อเป่าเค้ก
“คุณกูร คุณเก้า ได้เวลาเป่าเค้กแล้วครับ”
“ไปมึง และก็อย่ากลัว เพราะไม่งั้นมึงจะอดได้เมีย”ไอ้กูรเอ่ยบอกผมก่อนจะพากันเดินไปยังกลางงาน ผมมายืนอยู่ข้างๆเจ้าของวันเกิด รอยยิ้มของทุกคนทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะ
Happy Birth Day to you.
Happy Birth Day to you.
Happy Birth Day Happy Birth Day Happy Birth Day to Blue.
สิ้นเสียงร้องเพลง ดวงตาสวยของเขาก็หลับตาลงเพื่ออธิฐาน ผมมองทุกคนที่กำลังลุ้นให้ผมยกแหวนขึ้นมา ผมพยักหน้าบอกทุกคนก่อนจะยกกล่องแหวนมาวางกลางเค้กที่อยู่ต่อหน้า ดวงตากลมที่กำลังหลับตาและอธิฐานอยู่นั้นค่อยๆลืมตาขึ้นเพื่อจะเป่าเค้ก แต่ดูเขาตกใจเล็กน้อยเมื่อลืมตาขึ้นและเห็นแหวนอยู่ตรงหน้า
“นี่มันอะไรกันครับ”เขาเอ่ยถามผมและมองไปยังทุกคน ผมดึงแหวนออกมาก่อนจะคุกเข่าตรงหน้าเขาพร้อมเอ่ยขึ้น
“น้องบลู แต่งงานกับพี่นะ พี่จะไม่รอคำตอบของน้องบลูอีกต่อไปแล้ว”ผมเอ่ยพร้อมกับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา สวมแหวนเข้าไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของเขาซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรทำให้ผมแอบยิ้มอย่างพอใจเพราะนั้นคือคำตอบของเขา
หมับ!
“พี่เก้า...”น้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อยพร้อมสวมกอดผมไว้แน่น ผมเองกระชับกอดเขาแน่นเช่นกันไม่ได้สนใจทุกคนที่กำลังยิ้มอยู่รอบๆเลยตอนนี้
“ฝากดูแลน้องผมด้วยนะครับอาจารย์”เสียงคุณอนาคินเอ่ยขึ้น
“ไม่มีปัญหาครับ คุณอนาคินไว้ใจได้ ผมจะดูแลน้องบลูเป็นอย่างดี”ผมเอ่ยก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นกดจมูกที่ขมับขาวนั้นเน้นๆ ก่อนที่เสียงหวานของน้องคนเล็กของบ้านจะเอ่ยขึ้น
“หนูพิ้งค์อยากกินเค้กแล้วครับ”พวกเราทุกคนจึงหันมองคนตัวเล็กและพากันหัวเราะออกมา
“เอ่อๆ ลืมเลย งั้นบลูเป่าแล้วนะครับ”เสียงของคนข้างๆผมเอ่ยพร้อมก้มหน้าเป่าเค้กตรงหน้า
งานเลี้ยงวันเกิดได้เสร็จสิ้นลงช่วงห้าทุ่ม ผมกับน้องบลูนอนที่บ้านหลังใหญ่สำหรับคืนนี้ ดูท่าทางเขาจะมีความสุขมากกับคืนนี้
“อ๊ะ...พี่เก้า เบาๆครับ…อ่าห์”ทันทีที่ขึ้นข้างบนผมรีบรวบตัวเข้ามาสวมกอดและกดจูบทันที แม้จะยังไม่เข้าห้องผมก็ไม่สนใจ
สองร่างที่ยังคงไม่ผละออกจากกันแม้จะเข้ามาในห้องนอนแล้ว ผมค่อยๆวางร่างผอมลงบนเตียงแม้ว่าเราทั้งสองจะเชื่อมติดกันด้วยริมฝีปาก ตอนนี้สติของน้องบลูผมว่าน่าจะขาดหายไปแล้ว มือเล็กกดหลังท้ายทอยผมไว้ ผมแอบยกยิ้มในใจ ผมสอดปลายลิ้นร้อนลากวนที่ริมฝีปากอิ่มอย่างลุ่มหลง ใบหน้าขาวเชิดขึ้นเพื่อให้ผมซุกไซร้ลงมาที่ซอกคอขาวอย่างถนัด
“งื้ออออ” เสียงครางเบาๆ เมื่อรู้สึกถูกปลุกอารมณ์ขึ้นมาโดยง่าย ริมฝีปากหนาลากไล้ทั่วใบหน้า ซอกคอ กกหู จนร่างบางอ่อนระทวยไปหมด ผมรีบยกมือขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ของมันอย่างชำนาญ เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกปลดกระดุมออกอย่างรวดเร็ว ร่างบางเผลอแอ่นอกรับริมฝีปากหนาอย่างลืมตัวเมื่อผมกดริมฝีปากลงที่ยอดอกสวยนั้น ลิ้นร้อนของผมวนไปรอบตุ่มไตไปมาจนเผลอใช้ฟันกัดเข้าไปที่ยอดอกนั้น
“อ๊ะ...อ่าห์” ร่างบางสะดุ้งเบาๆพร้อมบิดร่างไปมาอย่างเร้าร้อน ผมไม่ยอมให้มืออีกข้างว่าง กำลังเขี่ยเม็ดตุ่มไตที่เริ่มแข็งขืนขึ้น พร้อมกับกดมันจนร่างบางบิดกายร้องครางออกมา
“อื่อออออ”
“อ่า...ถอดเสื้อให้หน่อยสิ...ที่รักของพี่…”
ผมล้มตัวนอนลงบนที่นอน พลิกร่างของเข้าขึ้นข้างบน ก่อนจะนอนให้เขาปลดเสื้อผ้าให้ผม แต่ดูเหมือนมือบางจะทำงานไม่ทันใจผมเหลือเกิน ผมปลดกระดุมเสื้อตัวเองพร้อมกับถอดกางเกงเขาและกางเกงของเขาให้พ้นทาง เมื่อความต้องการมันพุ่งสูงขึ้น
“อึก…พะ…พี่เก้า...บลูจะไม่ไหวแล้วอ่า...”น้ำเสียงเอ่ยอ้อนจนผมแทบบ้า
เสียงเอ่ยพร้อมเสียงครางของร่างบาง ที่ตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรติดกายทั้งผมและเขา ผิวขาวสะอาดแสนลื่นมือ ร่างกายที่ผมหลงรักและหลงใหลช่างสวยงามนัก ผมพลิกกายของเขานอนราบก่อนที่จะจับแก่นกายเล็กนั้นมาครอบครองที่โพรงปากของผมอย่างไม่รีรอ
“อื่ออออ…อย่าครับ…”มือเล็กจับที่ไหล่ผมแน่น ผมไม่ได้สนใจก่อนที่จะใช้ริมฝีปากชัดรูส่วนนั้นไปมา
เพียงแค่รูดรั้งไม่กี่ครั้งร่างบางแอ่นกายให้ผมพร้อมกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่น้ำสีข้นจะถูกกลืนกินลงลำคอของผมอย่างไม่นึกรังเกียจ ผมยกยิ้มให้กับคนที่นอนหายใจหอบแฮ่กๆ สายตาฉ่าไปด้วยความรัก
“ตาพี่บ้างนะ ที่รัก”ผมเอ่ยขึ้น ใบหน้าจากที่แดงยังคงแดงขึ้นอีก ผมสบดวงตากลมหวานอย่างร้อนแรง ก่อนจะพลิกร่างบางของเขาให้นอนคว่ำลง แล้วใช้ลิ้นร้อนละเลงลงไปยังช่องทางรักนั้น ยิ่งทำให้เขาบิดเร่าจนกายแดงไปทั้งตัว ผมอยากจะถ่ายคลิปให้เขาดูจังว่าเขาดูเซ็กซี่มากแค่ไหน
“อึก...อ่า...อ่ะ!” เขาร้องเสียงหลง เมื่อผมกำลังจะสอดนิ้วเข้าไปเพื่อเบิกทาง
“โอ๊ยยยย ซี๊ดดด ทำไมมันแน่นชะมัด”ผมครางออกมาอย่างไม่รู้สึกเขิน ช่องทางนั้นบีบรัดนิ้วผมแน่นเพียงแค่เขาเข้าไปนิ้วเดียว ผมกดจูบที่ขมับของเขาอย่างปลอบในเบาๆ เพื่อให้เขาได้ผ่อนคลาย แม้จะมีอะไรกันหลายครั้งแต่ผมก็คิดว่าช่องนี้ของเขายังแน่นและยั่วยวนผมเสมอ เหงื่อผุดพรายเต็มกรอบใบหน้าช่างเซ็กซี่นัก
“น้องบลูจ๋า เวลาพี่อยู่ในตัวน้องบลูช่วยครางชื่อพี่อออกมาหน่อยนะ พี่อยากได้ยินมัน” ไม่พูดเปล่าผมก็ยกสะโพกมนขึ้น พร้อมกับกลางกายที่เตรียมสอดใส่แต่แรกอยู่แล้ว กลางกายที่ค่อยๆสอดเข้าไปตามช่องทาง มันแน่เป็นบ้าเลย ผมกัดฟันแน่นเมื่อช่องทางนั้นกำลังบีบรัดผมจนปวดหนึบไปหมด
“เจ็บมากก็บอกพี่นะที่รัก”ผมเอ่ยขึ้นพร้อมดันหัวป้านของตัวเองเข้าช่องทางหลังเข้าไปช้าๆ
“อ๊ะ อ๊ะ พี่เก้าเข้ามาเลยครับ บลูไม่ไหวแล้วจริงๆ เสียวจะแข่อยู่แล้ว”น้ำเสียงเอยขึ้นเหมือนมีความต้องการมาก สะโพกสวยลอยเด่นจนผมแทบคลั่ง
“พี่กลัวบลูเจ็บจัง...”ผมเอ่ยขึ้น เพราะครั้งนี้ไม่มีอะไรเป็นตัวช่วยเลยสักนิด
“กระแทกเลย บลูไม่ไหวแล้ว อึก อ่ะ!” สิ้นคำอนุญาตผมรีบจัดจังหวะไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ควบจังหวะรักไม่หยุดจนร่างบางสั่นคลอนไปทั่วร่าง
“เรียกชื่อพี่หน่อย...นะที่รักจ๋า”
“อ๊ะ...พี่เก้า อึก อ๊ะ อ๊ะ พี่เก้า บลูไม่ไหวแล้วช่วยกระแทกบลูแรงๆทีเถอะ” เสียงร้องระงม เสียงหวานๆยิ่งทำให้ผมเพิ่มแรงมากขึ้น ก่อนที่ผมจะปลดปล่อยของเหลวขุ่นคาวลงไปในช่องทางพร้อมๆกับที่เขาจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง
ร่างบางที่ปลดปล่อยออกมาตอนนี้ตัวอ่อนยวบลงเมื่อปลดปล่อยไปถึงสองครั้ง ร่างบางเหงื่อโชกไปทั้งหมด ผมโอบกอดคนตัวบางไว้ในอ้อมอก ถอนกายแกร่งออกมา จนน้ำขาวขุ่นนั้นไหลออกมาจากช่องเปรอะไปทั้งระหว่างขา มือหนาสอดเข้าไปแล้วควงเอาน้ำคาวออกมา
ฟอดดดด
“เหนื่อยไหม เจ็บหรือเปล่า”ผมเอ่ยถามหลังกดจูบที่ขมับขาวชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ไม่เลยครับ”เขาเอ่ย ผมจับมือที่มีแหวนยกขึ้นมาเทียบกับแหวนของผม มือทั้งสองที่ถูกยกมาเทียบกัน ผมกระชับอ้อมกอดเขาอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เราจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เราจะทำให้ทุกวันของเราคือความสุข พี่รักบลูนะ”
“บลูก็รักพี่เก้าครับ ดูแลบลูตลอดไปนะครับ”
ความรักผม้จะมีกระทบกระทั้งกันบ้างแต่ผมก็เชื่อว่าความรักไม่เคยทำร้ายใคร นอกจาเราเองที่จะใช้ความรักไปในทิศทางไหนก็ตาม
.....The End....
เพล้ง!
ผมที่กำลังนอนสวมกอดอยู่กับภรรยาที่รัก ก็ต้องตกใจเสียงที่ดังขึ้นตอนนี้ เหมือนมีอะไรตกแตกที่ห้องข้างๆ ซึ่งคือห้องของหนูพิ้งค์นั้นเอง
“เสียงอะไรครับพี่เก้า”
“ไม่รู้สิ แต่เสียงมาจากห้องหนูพิ้งค์”ผมเอ่ยก่อนจะลุกไปสวมเสื้อคลุมและเดินออกไป ผมก็พบกับพี่ๆทุกห้องเดินออกมา
“เสียงอะไรครับพี่หมอ”เสียงหวานของน้องบลูเอ่ยถามพี่ชายตัวเอง
“ไม่รู้สิ...”ทุกคนพากันมาอยู่ที่หน้าห้องหนูพิ้งค์ เพียงไม่นานร่างสูงของเลิฟเดินออกมาพร้อมกับเลือดที่อายเต็มไปด้วยเลือด
“เลิฟ!...”เสียงคุณนิลซ้อใหญ่ของบ้านเอ่ยขึ้น คุณหมอรีบวิ่งเข้ามาดูทันทีก่อนที่ร่างของน้องบลูจะวิ่งไปหาหนูพิ้งค์
“หมอพาเลิฟไปทำแผล ส่วนบลูพาหนูพิ้งค์ลงไปที่ห้องโถง เราต้องคุยกัน”เสียงคุณอนาคินพี่ใหญ่ของบ้านเอ่ยขึ้น และทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่ห้องโถงทันที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เท่าที่พอรู้คือเลิฟเข้าไปห้องหนูพิ้งค์ทำไมกันนะ
............

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #212 เมื่อ21-04-2018 06:25:00 »

 :oo1: :oo1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #213 เมื่อ21-04-2018 12:53:29 »

เรียบร้อย พี่เก้า ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #214 เมื่อ22-04-2018 09:11:08 »

พี่เก้ายังกอดน้องบูลไม่อิ่นเลย อิอิ

คู่ต่อไปรอๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #215 เมื่อ22-04-2018 20:02:26 »

เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #216 เมื่อ27-04-2018 20:01:11 »

Pink Loved 1: ต้นตอ (สุดรัก x นาคิม)

“หลับสบายเลยนะ”เสียงเอ่ยของคุณหญิงของบ้านบอกลูกชายคนเล็กของบ้าน รอยยิ้มที่แสนรักของผู้เป็นพ่อแม่มันช่างอบอุ่นและมีความสุขนัก แม้จะอยากได้ลูกสาวมากแค่ไหน แต่ทั้งสองก็พอใจแล้วสำหรับลูกชายคนที่หกของเขา
“หนูพิ้งค์นี่เลี้ยงง่ายมากเลยนะคุณ”ผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปทางหน้าบ้าน จากเสียงที่ดังขึ้นดั่งคนทะเลาะกัน
“อย่าทำแบบนี้นะนังลี มึงจะทิ้งลูกแกแบบนี้ได้ยังไงกัน มึงไม่สงสารลูกมึงเลยหรือไง”เสียงโวยวายจากข้างนอกทำให้คนข้างในอย่างเจ้าของบ้านรีบเดินออกมาดู
“เสียงอะไรกันคะคุณ”
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวผมไปดูเอง”
“ฉันไปด้วยคะ”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวหนูพิ้งค์จะตื่น”คุณคิมคิน เจ้าสัวใหญ่เจ้าของธุรกิจเรื่องสีชื่อดัง ท่าทางเดินอย่างสง่าออกไปก็พบกับรวยลิน แม่บ้านของบ้านหลังนี้ เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่กับเขามานาน
“นังลี! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ นังลี! นังลี!”เสียงรวยลิน หรือป้าลินของเด็กๆทุกคนที่กำลังอุ้มเด็กน้อยในอ้อมกอดอย่างรู้สึกสงสาร
“มีอะไรหรอพี่ลิน”คุณคิมคินเอ่ยถาม
“ก็นังลี ลูกสาวของฉันนะสิคะ มันเอาลูกชายของมันมาทิ้งให้กับฉัน น่าสงสารเจ้าเลิฟมันนักที่พ่อมันก็ตายตั้งแต่เกิด แถมแม่มันดันมาทิ้งมันอีก น่าสงสารมันนัก ลำพังฉันเองก็ไม่ได้จะไม่อยากเลี้ยงมันหรอกนะคะ แต่ว่า...”ยังไม่ทันที่ป้าลินจะเอ่ยอะไรต่อ เสียงหวานหูอย่างคุณมัลลิกา คุณหญิงของบ้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับลูกชายคนเล็กของบ้าน
“เราก็เลี้ยงเด็กไว้สิคะคุณ ดูท่าทางเด็กนี่ก็อายุน่าจะเท่าหนูพิ้งค์นะคะ”
+++++++
เพียงวันนั้น เวลาผ่านไปสิบเจ็ดปีบ้านหลังใหญ่ที่ยังคงมีแต่ความรักและความสุขอยู่เสมอ
“ยาย เลิฟไปโรงเรียนก่อนนะครับ”ร่างสูงใหญ่ของเลิฟ ที่ป้าลินเลี้ยงดูมา
“ไม่ทานข้าวก่อนหรอลูก”ป้าลินเอ่ยถาม
“ไม่ครับ เดี๋ยวคุณหนูพิ้งค์รอ พอดีวันนี้คุณหนูต้องไปรายงานตัวแต่เช้า”เลิฟไม่รอให้ยายพูดต่อเขาต้องรีบมาที่รถเพราะกลัวคุณหนูของเขาจะรอ
พิ้งค์ต้องไปรายงานตัวในการไปตอบคำถามวิชาการที่เยอรมัน ทำให้ต้องออกเช้าหน่อย ซึ่งเลิฟเองก็อยากจะไปกับพิ้งค์แต่เช้า
“คุณหนูต้องไปวันไหนครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นถามคนข้างหลัง เขานั่งหน้ากับลุงพล คนขับรถด้านหน้าส่วนพิ้งค์นั่งอยู่ด้านหลัง
“วันพุธหน้าอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นใบหน้าตัวเองมาทางด้านหน้าอย่างแสนซน แต่ใครจะรู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้ทำให้เลิฟใจเต้นแรงแค่ไหน แถมกลิ่นน้ำหอมจากตัวพิ้งค์ทำให้เลิฟยิ่งรู้สึกรักและหวงพิ้งค์มาก
“ไปแค่สามวันเอง เลิฟก็อย่าคิดถึงพิ้งค์มากหละ คริคริ”การที่พูดไม่คิดอะไรทำให้อีกคนคิดจริงจังไปแล้ว
“เอ่อ...” เลิฟที่ทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่พิ้งพูดแบบนั้น พิ้งค์เห็นเลิฟทำหน้าเหวอไปก็หัวเราะออกมา
“ฮิ ฮิ พิ้งค์พูดเล่นอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยออกมาพร้อมกลับไปนั่งอยู่ด้านหลังเหมือนเดิม สายตาก็มองไปยังมือถือเครื่องสวยอย่างไม่คิดอะไร
“เฮ้อ...”เสียงถอนหายใจเล็กน้อยแทบจะเบาแสนเบาของเลิฟที่พ่นออกมา “ทำไมเขาจะไม่คิดถึงคนข้างหลังหละ ในเมื่อตลอดเวลาที่จำความได้ในหัวใจเขามีแต่คุณหนูพิ้งค์คนนี้เท่านั้น”
เมื่อพิ้งค์มารายงานตัวและยื่นเอกสารเรียบร้อย ก็รีบเดินมาหาเลิฟทันที ปีหน้าทั้งคู่ก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว และที่สำคัญ พิ้งค์ก็ได้โควตาในการเข้าเรียนคณะเศรษฐศาสตร์จากการเข้าร่วมกิจกรรมตอบคำถามครั้งนี้
“โชคดีชะมัดเลยที่ได้โควตาด้วย อย่างน้อยเราก็ได้อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเลิฟ”พิ้งค์ยิ้มหวานออกมา การที่พิ้งค์เข้าร่วมกิจกรรมนี้เพื่อต้องการอยู่กับเลิฟ คนที่อยู่กับตัวเองมาตั้งแต่จำความไม่ได้
เลิฟด้วยความที่เป็นคนสูงใหญ่ ร่างกายแข็งแรง มวลร่างกายของเลิฟดีที่สุดแถมเพอร์เฟคที่สุดทำให้เขาได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน และได้โควตาเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา
“จริงหรอครับ ผมดีใจจังที่ได้ดูแลคุณหนู”เลิฟเอ่ยพร้อมยิ้มแก้มปริอย่างดีใจ อย่างน้อยเขาก็ได้ดูแลดวงใจของเขาอีกสี่ปี ก่อนที่คุณหนูคนนี้จะมีใครคนอื่นที่เข้ามาดูแล
“อย่าเอาแต่ดีใจดิ พิ้งค์หิวแล้วอ่ะ ไปโรงอาหารกันเถอะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“คุณหนูอยากทานอะไรครับวันนี้”เลิฟเอ่ยพร้อมยกกระเป๋าเป้สองใบขึ้นไหล่ตัวเอง
“เอาข้าวผัดพริกเผาได้ไหมอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยอ้อน เขาเองก็อยากกินอะไรที่ดูจัดจ้านกว่าที่เคยกิน
“แต่มันเผ็ดนะครับ เอาเป็นข้าวผัดหมูดีกว่านะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าคนข้างๆทานเผ็ดไม่ได้
“ไม่อะ พิ้งค์อยากกินเผ็ดๆบ้าง ทีเลิฟยังกินผัดกระเพาได้เลย พิ้งค์เคยแอบตักของเลิฟมาชิมด้วย แม้จะเผ็ดหน่อยแต่มันก็อร่อยดี”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะเอ่ยถาม
“ตักทานตอนไหนครับ ทำไมตักจานเดียวกับของผมหละ”
“ทำไมจะตักไม่ได้ เลิฟหวงหรอ”
“เปล่าครับ แต่มันเป็นจานที่เหลือจากผม ทำไมไม่ให้ผมสั่งให้ใหม่หละ”
“ถ้าบอกแล้วเลิฟจะสั่งให้ไหมหละ”น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างยอกย้อน เลิฟแอบยกยิ้มในใจเพราะอย่างน้อยก็เคยได้กินข้าวจานเดียวกับคนที่เขาแอบชอบ
“งั้น เดี๋ยวผมสั่งมาให้นะครับ แต่ถ้าปวดท้องอย่างมาบ่นกันนะ”เลิฟเอ่ยขึ้นเป็นเชิงขู่
“จิ๊! เอาข้าวผัดหมูมาก็ได้ นายนี่มันจริงๆเลย”พิ้งค์เอ่ยพร้อมทำหน้าง้อเพราะโดนขัดใจ เลิฟเองก็ชอบกับใบหน้าน่ารักแบบนี้
“คุณหนูรู้ป่ะว่าทำหน้าตาน่ารักมาก”เลิฟเอ่ยก่อนจะเดินออกไปสั่งข้าว
โรงเรียนของทั้งคู่เป็นโรงเรียนชายล้วน และดูจะเป็นโรงเรียนระดับพรีเมียม คือมีแต่คนที่มีเงิน มีธุรกิจและมีหน้ามีตาทางสังคม ซะส่วนใหญ่
“เย็นนี้เราไปเดินสยามกันนะ”พิ้งค์เอ่ยบอกคนข้างๆ
“ต้องโทรบอกคุณแบล็คก่อนนะครับ”เลิฟเอ่ย เพราะเขาถูกผู้มีอุปาการะสั่งมาว่าให้ดูแลหนูพิ้งค์คนนี้อย่างดี
“อื้ม…”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟยกมือถือขึ้นมากด แต่ก็ต้องกดวางลงทันทีเมื่อชาม เพื่อนในห้องเดินเข้ามาพร้อมขนมในมือ ชามชอบพิ้งค์มานานแล้ว และทั้งสองก็เป็นคู่จิ้นกันในโรงเรียนด้วย
“หนูพิ้งค์ เราซื้อขนมมาฝาก”ขนมสีหวานถูกยื่นมาตรงหน้าของพิ้งค์ รอยยิ้มหวานถูกยิ้มขึ้นอย่างน่ารัก
“พิ้งค์ไม่กินขนมปัญญาอ่อนแบบนี้ มึงเก็บไปเถอะ”พอร์ชเพื่อนสนิทของเลิฟเอ่ยพร้อมหยิบขนมขึ้นมาพร้อมจับยัดเข้ามาปากตัวเองทันที
พอร์ชคือเพื่อนในทีมบาสเกตบอลของเลิฟ ทำให้ทั้งสองสนิทกันมากอาจจะเพราะทั้งสองกำพร้าพ่อแม่เหมือนกันหละมั้ง ทำให้เขาทั้งสองสนิทกัน แต่เลิฟจะโชคดีกว่าพอร์ชตรงที่เลิฟมียาย แต่พอร์ชกลับอยู่ตัวคนเดียวมีเพียงเงินเดือนที่ได้จากเงินบำนาญของพ่อแม่เลี้ยงดูตัวเอง เขาทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟเพื่อเลี้ยงตัวเองตามลำพังนับจากพ่อแม่ของเขาเกิดอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน
“ไอ้เชี่ยพอร์ช นี่มันขนมของกูนะ กูซื้อมาให้หนูพิ้งค์”เสียงโวยของชามเอ่ยขึ้นก่อนจะดึงขนมจากปากของพอร์ช แต่พอร์ชกลับหลบหน้าหนี เพราะความสูงกว่าทำให้พอร์ชได้เปรียบมาก
“พอทั้งคู่เลย อาจารย์มาแล้ว”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมส่ายหัวไปมาก่อนจะหันมาทางเลิฟที่หัวเราะออกมาเบาๆกับเพื่อนทั้งสอง เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาเพื่อสอน
“ขำอะไร อย่ายิ้มแบบนั้นสิ”อยู่ๆพิ้งค์ก็เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเลิฟยิ้มหวานอย่าที่เขาแสนหวง
“ทำไมหละครับ”เลิฟเอ่ยกระซิบเบาๆกับคนข้างๆ ใบหน้าน่ารักของพิ้งค์เห่อแดงออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่ากำลังรู้สึกเขิน
“นี่ๆ ข้างหลังอ่ะเสียงดังอะไรกัน”เสียงอาจารย์เอ่ยขึ้น ทั้งห้องหันมองด้านหลังห้อง ไม่ใช่คู่เลิฟและพิ้งค์แต่เป็นคู่ของพอร์ชและชาม ทั้งสองมักจะทะเลาะกันบ่อยๆจนอาจารย์จับมานั่งด้วยกันเพื่อที่จะได้สามัคคีกัน แต่อาจารย์น่าจะคิดผิดมากกว่า เพราะตอนนี้พอร์ชจับชามล็อคคอไว้แน่น
“เปล่าครับ”พอร์ชเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลง
หลังเลิกเรียนช่วงเย็นเลิฟที่โทรขออนุญาตอนาคิมพาพิ้งค์มาที่สยาม ทั้งสองพากันเดินไปเรื่อยเปื่อยตามประสาวัยรุ่น แต่ที่ดูจะน่าหงุดหงิดก็คือชามที่คอยเกาะแกะพิ้งค์ตลอดเวลา
“หนูพิ้งค์กินไอศกรีมไหม”ชามเอ่ยพร้อมยื่นไอศกรีมโคนที่แวะซื้อก่อนจะวิ่งตามมา
“ขอบใจมากนะ”พิ้งค์เอ่ยพร้อมยกไอศกรีมสตอเบอรี่แตะที่ลิ้น มันช่างยั่วชายหนุ่มทั้งสองข้างๆนัก
“พิ้งค์น่ารักจังเลยอ่ะ”ชามรุกอย่างแสดงออกว่าตัวเองชอบพิ้งค์มากขนาดไหนจนเลิฟรู้สึกหมั่นใส้
“ทานมากเดี๋ยวจะกลับไปทานข้าวฝีมือยายไม่ได้นะครับ”เลิฟเอายายมาอ้างเพราะพิ้งค์จะติดยายของเลิฟมากเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”พิ้งค์เอ่ย เขาชอบไอศกรีมสตอเบอรี่มาก ข้อนี้ใครๆก็รู้ดี
“แล้วแต่นะครับ”เลิฟเอ่ยอย่างงอนๆ ก่อนจะเดินไปเรื่อยๆ ในมือก็ยกมือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาพอร์ช
เลิฟ :    ไอ้พอร์ชมึงอยู่ไหน?
พอร์ช :    กำลังทำงาน มึงมีอะไรว่ะ
เลิฟ :    เปล่า กูแค่หาเพื่อนคุย
พอร์ช :    อ้าว ไหนไปสยามกับพิ้งค์ไม่ใช่หรอง่ะ
เลิฟ :    คุณหนูคุยกับชามอยู่
พอร์ช : เห้ย! ไอ้เผือกไปด้วยหรอว่ะ
เลิฟ :    อื้ม คุยกันหนุงหนิงสองคนนี่หละ
พอร์ช : เชี่ย! ไม่บอกกูว่ะ กูจะได้ลางานไปช่วยมึง ไอ้เผือกมันต้องเจอกู
เลิฟ :    ไม่ต้องหรอกมึง ทำงานไปเถอะ แค่นี้ก่อนนะ
เลิฟละจากมือถือมองไปยังด้านหลังของพิ้งค์และชามที่กำลังเดินคู่กันอยู่ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดหัวใจนักและที่สำคัญคือพิ้งค์เองก็ดูไม่ได้รังเกียจหรือไม่ชอบอะไรชามเลย ดูท่าทางจะชอบคุยกับชามเสียด้วย
“คุณพิ้งค์ควรจะคู่ควรกับคนที่มีฐานะเท่ากัน ไม่ใช่คนที่ไม่มีใครต้องการอย่างเรา”เลิฟเอ่ยในใจก่อนจะเดินตามหลังทั้งสองจนพิ้งค์หันมามอง
“เลิฟ ทำไมเดินช้าจัง รีบๆเดินสิ”พิ้งค์เดินเข้ามาคว้าข้อมือของเลิฟพร้อมกับดึงเข้ามาข้างๆ
“อึก…”เสียงดังในลำคอของเลิฟ ที่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือนิ่มๆของพิ้งค์ที่ยังคงจับข้อมือของเลิฟไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อย แถมยิ่งจับแน่นกว่าเดิมจนเลิฟรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
ระหว่างที่เดินเพื่อไปร้านหนังสือ เสียงมือถือของชามก็ดังขึ้น
“แปบนะพิ้งค์”ชามเอ่ยพร้อมยกมือถือขึ้นมาและเดินเลี้ยงออกไป “ครับหม๊า” พิ้งค์มองตามหลังชามจนเดินออกไปก่อนจะหันมามองหน้าเลิฟ
“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนั้นหละ”พิ้งค์เอ่ยถาม เพราะสังเกตเห็นเลิฟท่าทางไม่ยิ้มแย้มเท่าไหร่
“เปล่าครับ ว่าแต่คุณหนู…”ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ ชามก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเจือๆ
“พิ้งค์ เราคงไปซื้อหนังสือด้วยไม่ได้แล้วอ่ะ พอดีหม๊าเราให้รีบกลับ”
“เป็นไร เอาไว้วันหน้าก็ได้”พิ้งค์เอ่ยพร้อมยิ้มหวานออกมา
“งั้นเรากลับแล้วนะ บายเลิฟ”ชามยกมือบ๊ายบายทั้งสองก่อนจะเดินออกไป
“บาย”เลิฟบกมือเอ่ย พร้อมกับพิ้งค์ที่ยกมือโบกลาชามเช่นกันก่อนจะหันมองกัน
“ไปร้านหนังสือกันเหอะ”พิ้งค์เอ่ย มือเล็กจับที่ข้อมือของเลิฟเข้าร้านหนังสือ ตลอดเวลาที่เลือกหนังสือสายตาของพิ้งค์ก็มองไปยังกลุ่มนักเรียนสาวกลุ่มหนึ่งที่มองมาทางเขาทั้งสอง
“จะมองอะไรนักหนา”พิ้งค์คิดในใจ พร้อมจับมือเลิฟไว้แน่นจนเลิฟรู้สึกได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เอ่อ คุณหนูครับ”เลิฟกระซิบบอกพิ้งค์ที่ทำหน้าดูบึ้งเล็กน้อย สายตาของพิ้งค์ยังคงจ้องไปยังกลุ่มนักเรียนสาวที่ส่งยิ้มมายังเลิฟ
“คุณหนูครับ”เลิฟเอ่ยย้ำอีกครั้งจนพิ้งค์รู้สึกตัว
“ว่าไง”
“เป็นอะไรไปครับ บีบมือผมแน่เชียว”
“อ่อ…คือว่า”ยังไม่ทันที่จะเอ่ยตอบอะไรเสียงหวานของนักเรียนหญิงกลุ่มนั้นก็เอ่ยขึ้น
“เธอๆ เราขอเบอร์ ขอไลน์เธอได้หรือเปล่า”ใบหน้าน่ารักสมวัย พร้อมผมเปียที่ถักสวยลงมามือขาวยื่นมือถือตรงหน้าเลิฟ
“เอ่อ…คือ…”เลิฟไม่รู้จะทำยังไง มองไปยังพิ้งค์และหญิงสาวสลับกันไปมา
“เราชื่อแป้งนะ เราขอไลน์นายนะ นะ นะ นะ”เสียงเอ่ยอ้อนของหญิงสาวช่างน่ารัก เลิฟเองก็ไม่กล้าจะปฏิเสธอะไร
“โทษนะ”เลิฟเอ่ยพร้อมหยิบมือถือของหญิงสาวมาเพื่อกดเบอร์ให้ พิ้งค์ที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่ชอบ เขาไม่ชอบให้เลิฟเห็นใครสำคัญมากกว่าตัวเขาเอง
“พิ้งค์อยากกลับบ้านแล้ว”พิ้งค์เอ่ยอย่างเอาใจ ก่อนจะเดินออกจากร้านไป
“เดี๋ยวครับคุณหนู”เลิฟที่กลัวว่าพิ้งค์จะงอนจึงรีบยื่นมือถือให้หญิงสาวตรงหน้าทันที ก่อนจะรีบวิ่งตามหลังเลิฟไป
ตลอดทางกลับบ้านพิ้งค์ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เลิฟที่คอยมองพิ้งค์อยู่อย่างกังวลจนถึงบ้าน พิ้งค์ยังคงนิ่งอยู่ทั้งสองไม่คุยกันตั้งแต่นั้นมา จนเวลาเกือบห้าทุ่ม เลิฟที่ยังคงนอนดิ้นไปดิ้นมา เขาไม่รู้ว่าพิ้งค์เป็นอะไร และทั้งสองก็โกรธกันไม่เคยนานขนาดนี้
“เฮ้อออ ไม่อยากเข้าข้างตัวเองเลยจริงๆว่าคุณหนูหึงคนอย่างผม”เลิฟเอ่ยกับตัวเอง
ไม่ต่างกันกับพิ้งค์ที่ยังคงนอนดิ้นไปมาบนที่นอนสีชมพู สีโปรดของตัวเอง ในใจก็มีคำถามมากมายว่าตัวเขาจะโกรธเลิฟทำไม และทำไมต้องโกรธด้วย ไม่เข้าใจตัวเองนัก
“ฮื้ออออ เราเป็นอะไรไปเนี้ย ที่จริงเลิฟไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ ทำไมเราต้องไม่พอใจเลิฟด้วยนะ”พิ้งค์เอ่ยกับตัวเอง พร้อมยกมือขยี้หัวตัวเองไปมาอย่างไม่เข้าใจตัวเองนัก
……………………

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #217 เมื่อ27-04-2018 23:04:59 »

น้องเล็กมาแล้ว

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #218 เมื่อ28-04-2018 12:32:13 »

น่ารัก มากมาย

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #219 เมื่อ28-04-2018 14:32:27 »

โลกนี้สีชมพู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
« ตอบ #219 เมื่อ: 28-04-2018 14:32:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #220 เมื่อ29-04-2018 10:31:12 »

สีสุดท้ายก่อนจบแล้วนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #221 เมื่อ29-04-2018 15:38:55 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #222 เมื่อ02-05-2018 20:15:18 »




Pink Loved 2 : เดือน (สุดรัก x นาคิม)

เวลาผ่านไป ทั้งเลิฟและพิ้งค์ก็เข้ามหาวิทยาลัย เลิฟเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา ส่วนพิ้งค์เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมีชามที่ตามมาเรียนกับพิ้งค์ด้วยแต่คนละสาขาแค่นั้นเอง

“หนูพิ้งค์ เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันไหม”ชามเอ่ยชวนหลังจากกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยเรียบร้อยช่วงเย็น

“เราคงไปไม่ได้หรอก เราต้องกลับกับเลิฟอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เพราะอนาคิม ซื้อรถให้พิ้งค์หลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ และให้เลิฟเป็นคนขับรถไปในตัวด้วย

“แล้วเลิฟไปไหนหละ ชวนไปกินด้วยกันเลย”ชามเอ่ยขึ้น

“เลิฟต้องซ้อมประกวดเดือนคณะอ่ะ น่าจะอีกชั่วโมง”

“โห้ววว เดือนคณะหรอ แต่เลิฟก็น่าได้ประกวดอยู่หรอก หุ่นก็ดี หน้าก็หล่อแค่หล่อน้อยกว่าเรานิดหน่อยเอง”

“หึๆ ยังงั้นหรอ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นหลังหัวเราะเบาๆที่ชามแอบชมตัวเองโดยไม่รู้ตัว

“งั้นเราไปรอเลิฟกันก่อนก็ได้ เดี๋ยวไปด้วยกัน”ชามเอ่ยขึ้น ก่อนจะชวนพิ้งค์ไปที่คณะวิทยาศาสตร์

ทั้งพิ้งค์และชามเดินมาที่คณะวิทยาศาสตร์ที่ไม่ไกลนัก เลิฟที่เห็นพิ้งค์เดินมาก็ยกยิ้มขึ้นแต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นชามเดอนมาด้วย

“เลิฟ...”พิ้งค์เอ่ยพร้อมยกยิ้มขึ้นโบก รอยยิ้มหวานที่ถูกยกขึ้นทำให้เลิฟยิ่งเจียมตัว

“คุณหนูเลิกแล้วหรอครับ”เลิฟวิ่งเข้ามาพร้อมเอ่ยถาม

“อื้ม...”

“ผมต้องซ้อมอีกนิดอ่าครับ คุณหนูรอได้ไหม”เลิฟเอ่ยถามขึ้น

“ฉันชวนพิ้งค์ไปทานข้าวร้านเปิดใหม่แถวหน้ามหาวิทยาลัย แต่พิ้งค์ไม่ยอมไปบอกว่ารอนายก่อน แล้วนี่อีกนานไหมเนี้ย”ชามเอ่ยขึ้น

“ข้าวบ้านไม่มีกินหรอไง”ไม่ใช่เสียงอื่นใดถ้าไม่ใช่เสียงคู่ปรับของชามอย่างพอร์ชที่เดินเข้ามากอดคอเลิฟไว้ด้วยหน้าตายียวน

“เสือก!”ชามเอ่ยขึ้นก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่พอใจพอร์ช

“พอใจ...”พอร์ชเอ่ยพร้อมลอยหน้าลอยตาให้กับชามที่ทำหน้าโมโหก่อนจะหันไปทางเลิฟและพิ้งค์

“ไอ้เลิฟไปกันเถอะพี่ฝนเรียกแล้ว พิ้งค์จ๋าเดี๋ยวมานะรอแปบ เหลือแค่บอกตำแหน่งเล็กน้อยเองจ๊ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ไม่แปลกสำหรับทุกคนเพราะพอร์ชมักจะพูดเล่นแบบนี้เสมอ

“ไม่เป็นไร เรารอได้”พิ้งค์เอ่ยพร้อมยกยิ้มหวานออกมา

“งั้นคุณหนูรอผมแปบนะครับ เดี๋ยวมานะชามฝากคุณหนูแปบ”เลิฟเอ่ยขึ้น ชามพยักหน้าก่อนที่พอร์ชจะเอ่ยขึ้น

“ทนหิวหน่อยนะ อย่าไล่ไปกัดคนอื่นเขาเข้าหละ”พอร์ชเอ่ยพร้อมวิ่งตามหลังเลิฟไป ชามที่โดนว่าแบบนั้นก็ยกทั้งหมดและเท้าขึ้นทันที

“ไอ้บ้า กูไม่ใช่หมานะมึง ไอ้พอร์ช ไอ้เลว”ชามเอ่ยขึ้น พิ้งค์ที่อดขำไม่ได้ก็รีบดึงแขนชามไว้

“เราไปนั่งรอตรงนั้นกันดีกว่า”พิ้งค์พร้อมดึงชามไปนั่งที่ม้าหินอ่อน

เลิฟที่ไม่ได้ตั้งใจฟังรุ่นพี่ที่กำลังแนะนำเรื่องการประกวดเลยสักนิด สายตากลับมองแต่พิ้งค์และชามที่กำลังนั่งคุยกัน รอยิ้มที่แสนหวงทุกครั้งที่พิ้งค์ยิ้ม เลิฟไม่ชอบนักเพราะรอยยิ้มนั้นเขาอยากเก็บไว้คนเดียว

“ดอกฟ้ากับหมาวัด แม่งใช้กับมึงได้ดีจริงๆเลยว่ะ”เสียงพอร์ชเอ่ยขึ้นบอกเพื่อนรักตัวเอง เลิฟหันหน้ามองพอร์ช ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ขอให้มึงได้เจอแบบกูบ้างเถอะ ไอ้หมามองเครื่องบิน”เลิฟหันไปตะคอกใส่เพื่อน

“ไม่มีทางอ่ะ อย่างกูนะ อยู่คนเดียวดีกว่า กูไม่มีทางรักใครหรอกเพราะลำพังแค่ตัวกูเองแม่งยังเอาตัวไม่รอด กูไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดเรื่องพวกนี้แล้ววะ ต้องหาเงิน เงิน และเงินเท่านั้น”

“สาธุ...ขอให้มึงตกหลุมรักลูกเจ้าของร้านกาแฟของมึงเถอะ คอยดูกูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลยมึง ฮ่าๆๆ”เลิฟเอ่ยขึ้น พอร์ชเคยเล่าว่าเจ้าของร้านกาแฟที่เขาทำงานอยู่นั้นมีลูกแล้ว

“โน โน โน๊ว ไม่มีทางหรอกเพราะกูอยู่มาตั้งแต่เรียนมอสี่ จนบัดนี้กูยังไม่เคยเห็นลูกเจ้านายกูเลย”พอร์ชเอ่ยขึ้น เลิฟที่ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตั้งใจฟังรุ่นพี่พูด แต่สายตาก็ยังแอบมองไปยังพิ้งค์

+++++++

เกือบทุ่มที่ทั้งสี่ออกจากมหาวิยาลัย ตอนแรกทั้งหมดจะมาด้วยกันแต่ชามลืมไปว่าตัวเองเอารถมา จึงต้องขับรถตามเลิฟและพิ้งค์ไปโดยมีพอร์ชนั่งมาด้วย

“เราคิดถูกแล้วใช่ไหมอ่า ที่เราให้สองคนนั้นมาด้วยกันอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟทำหน้าบึ้งทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ทำไมหรอครับ หรือคุณหนูจะไปนั่งคันโน้นหละ”อยู่ๆเลิฟก็เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด

“ทำไมพูดแบบนั้นหละ หรืออยากให้เราไป”พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะคิดว่าเลิฟอยากจะให้เขาไปพ้นๆ

“ก็เห็นคุณหนูพูดว่าเราคิดดีแล้วหรอที่ให้สองคนนั้นมาด้วยกัน ผมก็คิดว่าคุณหนูไม่อยากให้สองคนนั้นมาด้วยกัน”เลิฟเอ่ยเสียงอ่อนลง เขายอมพิ้งค์เสมอตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าพิ้งค์จะถูกหรือผิด

“ที่พูดก็เห็นว่าทั้งสองไม่ค่อยกินเส้นกัน กลัวว่าจะเกิดสงครามก่อนได้กินข้าวหนะสิ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟแอบยิ้มในใจเล็กน้อยก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋ามายื่นให้พิ้งค์

“MIDI*”เสียงหวานพร้อมรอยยิ้มหวานของคนข้างๆที่แสดงออกมาเมื่อเห็นของโปรดของตัวเอง เลิฟเก็บเงินค่าขนมตัวเองเพื่อซื้อสิ่งนี้ให้กับพิ้งค์ รู้ว่าคุณหนูของเขาชอบกินขนมนี้มากแค่ไหน

“จะทานก่อนหรือทานข้าวก่อนก็ได้นะครับ ผมอนุญาต”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มออกมา แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่เขาพูดเสร็จสิ่งที่ไม่คิดคิดก็เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองหลังจากที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาคิดเกินเลยกับคุณหนูคนนี้

ฟอดดดด

“อึก”

“เลิฟเป็นคนเดียวที่รู้ใจพิ้งค์ที่สุดอ่ะ ขอบใจมากนะ พิ้งค์จะเก็บไว้กินหลังกินข้าวเสร็จ”

“คะ...ครับ”เลิฟแทบจะหมดแรงขับรถต่อ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่รู้ใจ แต่คงไม่ได้เป็นคนรู้ใจเพียงคนเดียวของพิ้งค์ได้ เขาได้แต่ยิ้มจนมาถึงร้าน



ตลอดเวลาที่นั่งทานอาหารอยู่นั้นสงครามบนโต๊ะอาหารของพอร์ชและชามก็บังเกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เป็นสีสันสำหรับบนโต๊ะอาหารนี้ การรับส่งของทั้งคู่แทบทำให้อาหารมือนี้ร้อนเป็นไฟได้

“คงไม่เคยกินหละสิท่า สเต็กเนื้อวากิว*อ่ะ”เสียงเอ่ยเหน็บของชามเอ่ยขึ้นบอกพอร์ชที่พิ้งค์แนะนำให้ทาน

“ไม่นึกพิศวาส สู้หมาล่าป้าพรหน้ามหาลัยไม่ได้”พอร์ชเอ่ยขึ้น ชามทำหน้ายี้ใส่ทันทีเพราะหมาล่าของป้าพรใครๆก็รู้จักว่าเป็นอาหารที่นักศึกษาควรต้องไปชิมกัน แต่ชามเองก็ยังไม่เคยชิมสักครั้งเพราะกลัวว่าท้องจะเสีย

“มึงก็ไปกินหมาล่ามึงดิ จะมากินตามกูทำไม”

“ใคร๊ ใครกินตามมึง กูกินตามเพื่อนกูต่างหาก”พอร์ชเองใช่จะยอมชามซะที่ไหน ทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานแล้ว แถมต่างคนต่างไม่ยอมกันอีกด้วยสิ

“พอทั้งคู่หละ วันนี้เราจะได้กินไหมเนี้ย”พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงหวาน ก่อนจะหันไปสั่งอาหารต่อ

ระหว่างที่สงครามน่าจะสงบช่วงกำลังอาหารอยู่ในปากอยู่นั้น อยู่ๆเสียงโวยวายจากนอกร้านก็ดังขึ้นก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งจะวิ่งเข้ามาในร้านและตรงเข้ามายังโต๊ะทั้งสี่ที่กำลังนั่งอยู่

ปึก!

หมับ!
“นายช่วยเราหน่อยสิ...”หญิงสาวไม่พูดเปล่า หลังจากที่วิ่งเข้ามาและนั่งลงข้างงๆเลิฟ มือบางของหญิงสาวจับใบหน้าเลิฟและดึงเข้าไปกดจูบทันที ทุกอย่างมันเร็วมาก เร็วจนทุกคนตังตัวไม่ได้ เลิฟเองก็ถูกดึงเข้าไปจูบอย่างง่ายดายโดยมีพอร์ช ชามและพิ้งค์ที่กำลังอึ้งไปกับเหตุการณ์ดังกล่าว

“อึก...”เสียงอึกอักของเลิฟดังเล็กน้อยก่อนที่จะมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาและทำท่าจะร้องไห้อยู่

“คุณโม...ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ มีแฟนแล้วทำไมไม่บอกผมครับ”ชายคนนั้นเอ่ยขึ้น ทำเอาคนทั้งร้านหันมามอง ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะผละจูบออกและยืนขึ้นตอบชายตรงหน้าอย่างไม่สนใจว่าชายหนุ่มทั้งสี่จะอึ้งอยู่ตอนนี้

“ก็บอกไปแล้วไงนายไม่เชื่อเองว่าฉันมีแฟนแล้ว และนี่...”ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ หญิงสาวก็ดึงเลิฟขึ้นมาพร้อมจับมือประสานทั้งห้านิ้วแล้วชูขึ้นมา

“นี่คือแฟนฉัน ถ้ารู้แบบนี้ก็เลิกตามตื้อฉันได้แล้ว”หญิงสาวเอ่ยก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะส่ายหน้าเล็กน้อย

“ไม่เชื่อ ผมไม่เชื่อ...”ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยก่อนจะกระชากมือหญิงสาวออกจากมือของเลิฟอย่างแรงจนเธอถลาล้มลง

หมับ!

“อ๊ะ...ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บนะ”หญิงสาวเอ่ยอย่างเจ็บปวดจริงๆ เพราะแรงกระชากของชายหนุ่มตรงหน้า เลิฟเมื่อเห็นแบบนั้น เขาเองยอมไม่ได้แน่นอนเมื่อเห็นแบบนี้ เขาจึงเอ่ยขึ้น

“ปล่อยมือเธอออกเดี๋ยวนี้ครับ ถ้าผู้หญิงไม่รักก็อย่าฝืนเธอเลยครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนที่พอร์ชจะยืนขึ้นสมทบตาม ร่างสูงของนักกีฬามหาวิทยาลัยคงไม่กล้านักจะมีใครต้านทาน

“คุณคือแฟนโมหรอ”ชายหนุ่มเอ่ยถาม เลิฟเห็นสายตาอ้อนวอนของหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น

“ครับ ช่วยปล่อยแฟนผมด้วยครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่คนที่รู้สึกไม่นิ่งเลยคือพิ้งค์ที่ค่อยๆวางช้อนลง แม้จะรู้ว่าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุ แต่เขากลับรู้สึกแปลกๆว่ารับไม่ได้กับเรื่องนี้



เรื่องราวที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นเหตุการณ์ที่สุดวิสัย หญิงสาวที่เป็นต้นเรื่องอย่างโมเม ก็เอ่ยขอบคุณเลิฟไปด้วยรอยยิ้มหวานยังคงติดตาพิ้งค์อยู่

“วันนี้เป็นไงมั้งครับ เหนื่อยไหม”เลิฟถามพิ้งค์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าบึ้งเล็กน้อย เลิฟหันไปมองพิ้งค์เมื่อไม่ได้รับคำตอบก่อนจะเอ่ยขึ้นถามอีกครั้ง

“คุณพิ้งค์เป็นอะไรหรอครับ”

“เปล่า ฉันง่วงแล้วอยากกลับบ้าน”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟเองก็ไม่เซ้าซี้อะไรเพราะรู้ดีว่ายังไงพิ้งค์ก็ชนะเสมอ



ตลอดทางกลับมาถึงบ้าน เลิฟจอดให้พิ้งค์ลงที่ตึกใหญ่ก่อนจะเอารถไปจอดที่โรงรถ วันนี้เป็นวันพุธพี่น้องหลายคนไม่ได้กลับบ้านมีเพียงพี่ชายคนโตและพี่สะใภ้ของเขาเท่านั้น

“ทำไมยอมให้คนอื่นจูบด้วย ทำไมยอมให้คนอื่นจับมือ ทำไมยอมช่วยคนอื่นว่าเป็นแฟนทั้งๆที่ไม่รู้จักด้วย”พิ้งค์บ่นกับตัวเอง

เลิฟหลังจากเอารถไปเก็บเรียบร้อย ก็เดินมาสวัสดียายก่อนจะไปที่ห้องส่วนตัวด้านหลังตึก เขารู้สึกไม่สบายใจนัก เพราะพิ้งค์แปลกๆไป รอยยิ้มหวานที่มักจะหยิบยื่นให้เขาก่อนนอนหายไป

“เลิฟจะต้องทำยังไงถึงจะรู้ใจคุณหนูว่าคุณหนูต้องการอะไร และเป็นอะไร”เลิฟเอ่ยขึ้น

พิ้งค์หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยก็มานั่งอยู่ที่เตียงสีชมพูหวาน ในมือกำลังก้มมองโซเชียลหัวสีน้ำเงินที่ตอนนี้กำลังถูกอัพเดตสถานะตัวเอง

Pink Color : ไม่ชอบตัวเองที่มีความรู้สึกแบบนี้เลย

ยังไม่ทันที่จะอัพเดตถึงนาที ทั้งกดไลค์และคอมเม้นถามต่างถูกกระหน่ำมามากมาย และเลิฟเองก็รู้สึกแย่ทันทีก่อนจะส่งข้อความให้กับพิ้งค์

เลิฟ : คุณหนูเป็นอะไรไปครับ

พิ้งค์ : เปล่า ยังไม่นอนหรอ

เลิฟ : ยังครับ นอนไม่หลับ

พิ้งค์ : เพราะ?

ไม่มีข้อความตอบกลับจากเลิฟ พิ้งค์กลับหน่วงที่อกเล็กน้อยแต่ทำยังไงได้ก็เลิฟไม่ตอบกลับข้อความ ก่อนที่จะวางมือถือไว้ที่หัวเตียง ก่อนจะหันมองไปทางประตู

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แกรก!

ร่างสูงของเลิฟเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ต้องรอให้เอ่ยอะไร ก่อนจะเดินเข้ามาหาพิ้งค์ที่นั่งอยู่บนที่นอนตอนนี้

“เลิฟ ดึกป่านนี้แล้วทำไมมาตึกใหญ่หละ”หลังสามทุ่ม คนที่นี่จะถูกห้ามไม่ให้ขึ้นมาที่ตึกใหญ่

“ผมนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าคุณหนูเป็นอะไร ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณหนูเป็นอะไรครับ ทำไมถึงตั้งสเตตัสแบบนั้น”เลิฟเอ่ยขึ้น ทั้งสองมักไม่มีอะไรบิดบังกันเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง จะต้องเคลียกันให้จบ เหมือนวันนี้เลิฟเองก็ต้องเคลียให้จบ พิ้งที่ทำหน้าบึ้งอยู่ไม่รู้จะพูดอะไรที่เป็นคำอธิบายว่าเขากำลังหวงเลิฟ

“ไม่มีอะไรหรอก แล้วทำไมไม่รีบนอนหละ จะประกวดเดือนคณะแล้วไม่ใช่หรอไง”พิ้งค์เอ่ยขึ้น

“ยังหลับไม่ได้ครับ ถ้าผมไม่รู้ว่าคุณหนูเป็นอะไร ถ้ายังเห็นผมเป็นเพื่อนคุณพิ้งค์ก็ต้องบอกผมครับ ว่าเป็นอะไร”เลิฟเอ่ยขึ้น เพื่อนหรอ เลิฟคิดกับพิ้งค์คือเพื่อน แล้วพิ้งค์หละคิดกับเลิฟเป็นเพื่อนหรือไม่ ทำไมถึงรุ้สึกหวงเลิฟขนาดนี้

“ไม่รู้สิ เราไม่ชอบเลยที่เห็นเลิฟจูบกับคนอื่น ไม่ชอบให้เลิฟจับมือกับคนอื่น ไม่ขอบให้เลิฟโอบคนอื่นและไม่ชอบ...ไม่ชอบเลยจริงๆ”พิ้งค์เอ่ยพร้อมก้มหน้าลงเล็กน้อย เลิฟลืมไปเลยว่าเมื่อช่วงหัวค่ำมีเหตุการณ์อะไรขึ้น เลิฟค่อยๆจับมือเล็กนั้นอย่างกล้าหาญ กล้าที่ไม่กลัวพิ้งค์จะโกรธ

“ผมขอโทษนะครับที่จูบคนอื่น ผมขอโทษที่จับมือคนอื่น คุณพิ้งค์ช่วยลบมันหน่อยนะครับ”เลิฟเอ่ยก่อนกดจูบที่ริมฝีปากของพิ้งค์

“อ๊ะ...” เสียงของพิ้งค์ก็หลุดเข้าไปในลำคอสวยก่อนจะริมฝีปากจะถูกปิดสนิท มือหนาของเลิฟล๊อคที่หลังศีรษะของพิ้งค์ไว้ ส่วนอีกมือของเลิฟกลับจับที่มือเล็กที่วางอยู่บนตักเล็กนั้น ลิ้นร้อนที่กำลังสอดเข้าสู่โพรงปากแสนหวานนั้น ก่อนจะโลมเลียไปทั่วโพรงปาก

“อื่อออออ”เสียงครางในลำคอของพิ้งค์เอ่ยท้วงอกมา แต่ไม่เป็นผลเพราะเลิฟกลับอยากได้มากกว่าที่จะจูบนั้น เขาอยากครอบครองมากกว่าริมฝีปากนั้น

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

“เลิฟ...”พิ้งค์เอ่ยขึ้นเมื่อเลิฟผละจูบออก ที่จริงทั้งสองก็เคยจูบกันมาหลายครั้ง เพราะการห้ามใจตัวเองไม่ได้ของเลิฟ

“ต่อไปนี้ ริมฝีปากนี้เป็นของคุณหนูนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมจับมือพิ้งค์มาลูบที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะจับมือของกันและกันประสานกันทั้งห้านิ้ว

“มือนี้ก็เป็นของคุณหนู ชีวิตนี้ของผมเป็นของคุณหนูตั้งนานแล้ว”เลิฟเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่จริงจัง พิ้งค์ใบหน้าแดงเห่อขึ้นมาชัดเจนไม่รู้ว่าหัวใจกลับเต้นแรงอะไรขนาดนั้น

“ถ้าเป็นของเรา ต่อไปนี้ก็อย่าให้ใครจูบและจับมืออีกรู้ป่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มหวานออกมา รอยยิ้มหวานที่ทำเอาเลิฟอยากจะครอบครองหัวใจนั้นจริงๆ

“รู้และรับทราบครับ”เลิฟเอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมาก่อนจะหันมองนาฬิกาบ่งบอกว่าสี่ทุ่มกว่าแล้ว

“คุณหนูนอนพักเถอะนะครับ ดึกแล้ว”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะจัดแจงผ้าห่มให้กับพิ้งค์ที่นอนลงอย่างว่าง่าย

หมับ!

“เลิฟ”พิ้งค์เอ่ยหลังจากจับมือของเลิฟไว้ พิ้งค์มองหน้าเลิฟ

“ครับ”

“เอ่อ...คือ”

“คุณพหนูมีอะไรหรือเปล่าครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น ในใจก็อยากให้พิ้งค์รั้งเขาเพื่อให้เขาอยู่ด้วยคืนนี้เหมือนหลายครั้งที่เคยเป็น

“เลิฟนอนเป็นเพื่อนเรานะคืนนี้”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะหลบสายตาของเลิฟ รอยยิ้มถูกยกขึ้นจากริมฝีปากเข้มของเลิฟ

“ครับคุณหนู”

ความอบอุ่นที่ถูกสวมกอดจากด้านหลังตอนนี้ของพิ้งค์ แม้จะเป็นความอบอุ่นของเพื่อนรัก แต่ไม่รู้ว่าความอบอุ่นนี้จะอยู่อีกนานไหม เพราะยังไงทั้งสองก็ต้องโตขึ้น

......................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2018 20:25:24 โดย Papai »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: The Color of Love : ​Blue Lyrics ทำนองรักสีฟ้า
«ตอบ #223 เมื่อ02-05-2018 21:47:14 »

เพื่อนกันเค้าไม่จุ๊บๆ กันขนาดนี้นะลูกกกกก
ปล.อย่าลืมเปลี่ยนหัวกระทู้นะคะ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ขอบคุณมากจ้า

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
หวานเลย อิอิ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Pink Loved 3 : เธอคนนั้น (สุดรัก x นาคิม)




Pink Loved 3 : เธอคนนั้น  (สุดรัก x นาคิม)

ดวงตาที่ซ่อนภายใต้เปลือกตาสวยนั้น ทำให้เลิฟอยากจะจูบสัมผัสย้ำๆอย่างเป็นเจ้าของ เลิฟใช้นิ้วลูบไล้ไปยังเปลือกตาสวยก่อนจะไล้มาหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั้น

“อื่ออ”เสียงครางในลำคอเมื่อมีคนมาก่อกวนเวลานอน พิ้งค์น่ารักเสมอในสายตาเลิฟ

“ผมรักคุณหนูครับ”เลิฟเอ่ยออกมาแต่เป็นการเอ่ยที่ไม่มีเสียง แม้คนที่อยู่ใกล้ๆก็ไม่สามารถได้ยิน

เลิฟเดินลงจากตึกเกือบตีห้า เขารีบเข้าห้องตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนที่ทุกคนจะเห็น เป็นแบบนี้เสมอถ้าครั้งไหน พิ้งค์อ้อนให้เขานอนด้วย

“เมื่อไหร่เราจะได้เดือนอยู่ในมือบ้างว่ะ”เลิฟเอ่ยขึ้นเมื่อล้มตัวลงนอนบนเตียงมองไปยังเพดานห้องที่เขาประดับรูปเดือน ดาวเรืองแสงอยู่บนนั้น

ช่วงหกโมงเช้าเลิฟเดินมาช่วยยายจัดอาหารบนโต๊ะ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาร่วมโต๊ะ ถ้าเป็นวันศุกร์บ้านหลังใหญ่นี้จะครึกครืนเสมอ

“ไปกินข้าวก่อนไป เดี๋ยวคุณหนูพิ้งค์ทานเสร็จจะได้ไปกันเลย”ยายลินเอ่ยบอกหลานชาย

“เดี๋ยวก็ได้ยาย”เลิฟเอ่ยบอก เขาอยากเห็นหน้าพิ้งตอนเช้าก่อนไปกินข้าว

“อย่าดื้อสิ อย่าให้เจ้านายรอเรามันแค่คนใช้จะให้เจ้านายรอได้ยังไงหล่ะลูก”เลิฟได้ยินแบบนั้นก็รับคำและเดินไปที่ครัว เขาเจียมตัวเสมอพอๆกับยายที่ย้ำเขาทุกครั้ง

ยายลินเองก็รู้ดีว่าหลานชายตัวเองรู้สึกยังไงกับคุณหนูคนเล็กของบ้าน แต่ยายลินมักจะย้ำกับหลานชายเสมอว่าตัวเองเป็นใครและคุณหนูพิ้งค์เป็นใคร

-มหาวิทยาลัย-

พิ้งค์เดินมาที่คณะวิทยาศาสตร์เพื่อมาหาเลิฟ ช่วงนี้เลิฟดูเหมือนจะไม่ว่างนัก พิ้งค์เองก็ไม่ได้งอแงอะไรมาก เขาเองก็เข้าใจเลิฟอยู่บ้าง

“หนูพิ้งค์”เสียงเอ่ยเรียกที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิทที่ไม่อยากจะสนิทแบบเพื่อนอย่างชาม

“อ้าวชาม หอบอะไรมาพะรุงพะรังแบบนี้หละ มาเราช่วย”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นชามหอบหิ้วถุงขนมมากมายในมือ

“หึ จะอะไรหละ เราแพ้พนันไอ้พอร์ชมันหนะสิ”ชามเอ่ยขึ้น เมื่อคืนพอร์ชขอติดรถชามกลับบ้าน ด้วยความที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันทั้งคู่จึงพนันกัน

“แพ้พนันหรอ พนันอะไรกัน”พิ้งค์เอ่ยขึ้นถาม ชามจึงทำหน้าโมโหก่อนจะเล่าเรื่องราวเมื่อคืนให้ฟัง

เหตุการณ์เมื่อคืน

“หนูพิ้งค์อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เป็นอะไรหรือเปล่า”ชามเอ่ยถามเมื่อพิ้งค์ทำหน้าไม่โอเคนัก

“ไม่เป็นอะไรหรอก กลับถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วยนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มอ่อนๆก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

ชามเดินมาที่รถก็เห็นว่าพอร์ชยืนรออยู่แล้ว ชามไม่พูดอะไรมากก็กดปลดล๊อคประตูรถเพื่อจะขึ้นรถ แต่กลับตกใจเมื่อพอร์ชเข้ามานั่งข้างๆ

“เฮ้ย! ขึ้นมาได้ไงวะ ลงไป”ชามทำหน้าตกใจเมื่อพอร์ชขึ้นมานั่งข้างๆ

“ก็เปิดประตูขึ้นมา ทำไมหรอ”พอร์ชเอ่ยพร้อมทำหน้าไม่รู้ร้อน

“ลงไปจากรถกูเลยนะ ลงไปสิ”ชามเอ่ยพร้อมพยายามผลักพอร์ชออก แต่พอร์ชมือไวกว่ารีบล็อกเข็มขัดทันที

“ไม่ลง มึงจะใจดำให้เพื่อนกลับรถเมล์เองหรอไงว่ะ”

“ใครเพื่อนมึง”

“ก็มึงไง”

“ตอนไหนไม่ทราบ กูเกลียดมึงจะตายไป”

“หรอ กูทำไมไม่รู้สึกว่ามึงเกลียดกูเลยวะ”

“ความรู้สึกมึงมันไม่ได้เรื่องไง ไอ้เชี่ยพอร์ชมึงลงจากรถกูเร็วๆเลยนะ กูอยากกลับบ้านแล้ว”

“มึงก็ขับรถไปสิ เดี๋ยวถึงที่กูอยากลงก็ก็ลงเองหละ ถ้ามึงช้ามึงก็ถึงช้านะ”

“ไอ้หน้าด้าน มึงจะไม่ลงใช่ไหม”ชามเอ่ยขึ้นอย่างถอดใจเพราะคิดว่ายังไงพอร์ชก็ไม่ยอมลงจากรถแน่นอน

“เออ...”พอร์ชเอ่ยขึ้น ชามที่มองไปรอบๆตอนนี้อย่าเหนื่อยใจก่อนจะเห็นผู้ชายคู่หนึ่งเดินมาด้วยกัน ใบหน้าจะดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็คิดออกว่าจะไล่พอร์ชลงรถไปยังไงโดยไม่ต้องหัวเสีย

“เอางี้ มึงเห็นผู้ชายสองคนที่กำลังเดินมานั่นไหม”พอร์ชมองตามที่ชามชี้ ก่อนจะหันมองหน้าชามอย่างไม่เข้าใจ

“เห็น...แล้วไงเกี่ยวอะไรกับการที่กูติดรถไปกับมึงว่ะ”พอร์ชเอ่ย

“เกี่ยว...มึงกับกูมาพนันกันว่าผู้ชายสองคนนั้นมั้ยหล่ะ มึงกับกูพนันกันว่าเขาสองคนเป็นแฟนกันหรือไม่เป็น”ชามเอ่ยเสร็จก็ยกยิ้มให้พอร์ช

พอร์ชหันมองชายสองคนที่กำลังเดินมาที่รถ พอร์ชเม้มริมฝีปากเข้าหากันพร้อมยกยิ้มและหันไปทางชามก่อนจะโน้มหน้าเข้าหาชามจนเกือบชิด ลมหายใจร้อนๆเป่ารถแกมของชามอย่างไม่ทันตั้งตัว

“เชี่ยพอร์ช มึงจะทำอะไรอ่ะ”ชามเอ่ยพร้อมเบี่ยงหน้าหนี ใบหน้ากลับร้อนผ่าว

“ถ้ากูตอบถูกมึงจะต้องเป็นเบ๊กูหนึ่งอาทิตย์และมึงก็ไปรับไปส่งกูที่บ้านและที่มหาลัย แถมที่ทำงานอีก โอเคม่ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้น ชามโมโหจัดแต่ก็รู้ดีว่าตัวเองต้องชนะแน่ๆ เพราะผู้ชายหนึ่งในสองคนนั้นเขารู้จักเพราะเป็นพี่ข้างบ้านของเขาเอง

“หึ ได้เลย แต่ถ้าถึงทายผิด มึงต้องลงจากรถกูทันที และมึงก็เลิกกวนตีนกูหนึ่งอาทิตย์เช่นกัน”

“โอเค มาเกี่ยวก้อยสัญญา”พอร์ชเอ่ยพร้อมยกนิ้วก้อยของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้ชามสัญญากับตัวเอง ใครจะรู้ว่าชามนั้นหละที่กลับใจเต้นแรงเกิน

“เร็วๆ เกี่ยวก้อยสัญญา”พอร์ชเอ่ยเร้า เพราะกำลังพอใจที่ได้แกล้งชาม

“ไอ้ปัญญาอ่อน”ชามเอ่ยขึ้น พอร์ชเห็นท่าว่าชามไม่ยอมเกี่ยวก้อยจึงจับมือของชามขึ้นและเกี่ยวก้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเขินๆ

“แล้วมึงว่าเขาเป็นแฟนกันหรือไม่เป็น”พอร์ชเอ่ยขึ้น

“กูว่าไม่เป็น”ชามเอ่ยอย่างมั่นใจ

“แต่กูว่าเป็น และอีกเดี๋ยวเขาก็จะจูบกัน มึงเชื่อกูม่ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้นแต่ยังไม่ทันจบประโยค ชามเอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ

“เชี่ย!...”เสียงเอ่ยตกใจของชามเอ่ยขึ้นจนพอร์ชเองตกใจก่อนจะหันมองตามพร้อมยกยิ้มขึ้น



-ที่หน้าตึกกิจกรรมคณะวิทยาศาสตร์-
“ตอนนี้ชามก็เลยต้องมาเป็นเบ๊ให้พอร์ช”พิ้งค์กี้เอ่ยขึ้น

“อื้ม...”ชามพยักหน้า

“อย่าบอกนะว่าต้องไปรับไปส่งด้วยอะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น

“อื้ม...ชวยชิบเลย พี่มิวนะพี่มิวทำกันได้ ไอ้เราก็คิดว่าเป็นผู้ชาย อุตส่าห์มั่นใจ”ชามเอ่ย พิ้งค์หัวเราะออกมาอย่างน่ารัก

เลิฟเห็นพิ้งค์หัวเราะอยู่กับชามก็คิดว่าพิ้งค์มีความสุขมากที่ได้อยู่กับชาม ทุกครั้งที่เห็นพิ้งค์จะหัวเราะแบบนี้เสมอ ต่างกับที่อยู่กับเขาพิ้งค์จะหน้าบึ้งบ้าง งอนบ้างดูไม่ค่อยมีความสุขเลยสักนิด

“มองเข้าไป มองแบบนี้ตั้งแต่อนุบาลแล้วมั้ง"พอร์ชเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนรักยังคงเป็นหมามองเครื่องบินแบบนี้

“มึงรู้ได้ไงว่ากูมองตั้งแต่อนุบาล เสือกจริงๆ”เลิฟเอ่ยขึ้นติดตลกพร้อมหัวเราะออกมา

“กูอ่ะ แฟนคลับคู่มึงง่ะ ว่าแต่ว่ามึงได้บอกพิ้งค์ไปบ้างหรือเปล่าว่ามึงคิดยังไงกับเขา”พอร์ชเอ่ยถามกลับ

“ไหนมึงบอกเป็นแฟนคลับคู่กูง่ะ”

“ก็ใช่ไง แล้ว...”พอร์ชทำหน้าไม่เข้าใจ

“แล้วทำไมมึงไม่รู้ว่ากูอ่ะ หลานคนใช้ส่วนคุณหนูพิ้งค์อ่ะลูกเจ้าของบ้าน ใครเขาจะให้ลูกหลานตัวเองมารักกับคนใช้ว่ะ”เลิฟเอ่ยขึ้น

“ไอ้โบราณ เดี๋ยวนี้เขาไม่คิดแบบนั้นกันหรอก ถ้ารักกันซะอย่างจะรวยจะจนมันไม่สำคัญหรอก”พอร์ชเอ่ยขึ้น

“มึงเหมือนจะพูดดีเนอะ แต่ไม่สุดว่ะ”

“ยังไง ก็มึงรักพิ้งค์ก็บอกเขาไปตรงๆก็จบป่าวว่ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจเพื่อน

“จบถ้าคุณหนูรักกู ที่ไม่จบเพราะกูไม่รู้ว่าคุณหนูรักกูไหมและที่ไม่จบคือกูไม่ยอมให้คุณหนูลำบากกับกู มึงเข้าใจกูไหมไอ้คนเข้าใจยาก”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหาพิ้งค์และชาม

“ทานข้าวเที่ยงแล้วหรอครับคุณหนู”เลิฟเอ่ยถาม

“ยังเลย เรารอเลิฟอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟมองนาฬิกาก็เที่ยงกว่าแล้ว เขาเองก็ลืมไปเลยว่าพิ้งค์ไม่ค่อยไปทานข้าวที่โรงอาหารเองโดยไม่มีเลิฟไปด้วย

“ทำไมไม่ไปทานที่ร้านแถวห้างข้างๆมหาวิทยาลัยหละครับ ไม่น่ารอผมเลย”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์หุบยิ้มทันทีเพราะคิดว่าเลิฟไม่อยากทานข้าวกับตัวเองแล้วก่อนจะลุกยืนขึ้น

“โอเค เราก็แค่รอเลิฟ แต่ถ้าเลิฟไม่อยากทานข้าวกลางวันกับเรา เดี๋ยวเราไปทานเองก็ได้”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินออกไป

“คุณหนูครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมวิ่งตามหลังพิ้งค์ไป

“หนูพิ้งค์ รอเราด้วย”เสียงชามเอ่ยขึ้นแต่ถูกพอร์ชรั้งไว้

“จะไปไหน นายเป็นเบ๊ฉันอยู่นะ นายต้องไปกินข้าวกลางวันกับฉัน”พอร์ชเอ่ยพร้อมลากมือชามออกไป

“ไอ้เชี่ยพอร์ช กูเป็นแค่เบ๊ไม่ใช่ทาส มึงจะบังคับกูทำไมว่ะ”เสียงโวยวายของชามและพอร์ชก็ดังไปอีกทาง

“ไอ้ชามอย่ามาแต่ตัว ถือถุงขนมมาด้วย”พอร์ชเอ่ยสั่ง ชามหอบหิ้วขนมและตามพอร์ชไป

เลิฟที่เดินตามหลังพิ้งค์จนทัน เขาถือดีคว้าข้อมือของพิ้งค์ไว้และดึงเข้าหาตัวเองอย่างลืมตัวจนใบหน้าหวานของพิ้งค์บูดเบี้ยวด้วยความเจ็บ

หมับ!

ปึก!

“โอ๊ย!...เราเจ็บนะ ทำไมทำกับเราแบบนี้หละ”พิ้งค์โวยขึ้น เลิฟเองก็ตกใจที่ตัวเองทำรุ่นแรงเกินไป

“คุณหนู ผมขอโทษครับเจ็บมากไหม ผมมันบ้าจริงที่ทำให้คุณหนูเจ็บ”เลิฟทำหน้าเสียออกมา หวงคนข้างหน้าอย่างจับใจ

“ใช่ นายมันบ้า นายมันบ้าที่ทำแบบนี้ บ้าที่ไล่เราให้ไปทาข้าวคนเดียว”

“คุณหนู”เลิฟเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเลิฟทำท่าจะร้องไห้ก็รีบพายังห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา ที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปนัก

เมื่อมาถึงในห้อง เขาก็รีบหายามาทาที่ข้อมือให้พิ้งค์ แม้จะไม่เจ็บมากนักสำหรับพิ้งค์แต่สำหรับเลิฟมันคือความเจ็บปวดที่เขายอมไม่ได้

“ผมขอโทษนะคุณหนู เจ็บมากไหมครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น พร้อมยกข้อมือพิ้งค์ขึ้นมาเป่า ทุกการกระทำของเลิฟทำให้พิ้งค์หลงใหลนัก เขาชอบที่จะอ้อนเลิฟ ชอบที่จะงอนให้เลิฟง้อและชอบให้เลิฟปลอบเขา

“ไม่เจ็บแล้ว”พิ้งค์เอ่ยขึ้น น้ำเสียงแสนหวานแบบนี้เลิฟพอจะรู้ว่าคุณหนูของเขาหายงอนแล้ว เลิฟลุกขึ้นมานั่งข้างๆ   

“ผมขอโทษนะครับคุณหนู คุณหนูจะด่าจะว่า จะตีผมยังไงก็ได้”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือข้างที่เจ็บของพิ้งค์มาวางแก้มของเขาเอง

“ไม่เป็นไรหรอก อย่าทำแบบนี้สิ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น ก่อนจะลูบไปยังใบหน้าของเลิฟและเอ่ยขึ้น

"ไม่ได้ครับ ผมทำคุณหนูเจ็บ"เลิฟดูทีท่าว่าจะไม่ยอม

“ถ้าอยากให้หายโกรธก็รีบๆพาเราไปทานข้าวสิ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น ทำให้เลิฟหลุดยิ้มออกมาทันทีก่อนจะลุกขึ้นยืนและยื่นมือให้กับพิ้งค์

“ป่ะ ไปทานข้าวที่โรงอาหารเศรษฐศาสตร์บ้างดีกว่านะครับ วันนี้ผมอนุญาตให้คุณหนูกินหมูกรอบผัดพริกเผา”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์ยิ้มรับพร้อมยื่นมือไปจับมือของเลิฟ

“พูดแล้วนะ”พิงค์เอ่ยพร้อมยกยิ้มหวานออกมาก่อนจะยื่นมือไปจับมือเลิฟแน่น

“ครับผม”รอยยิ้มหวานของพิ้งค์ทำให้เลิฟยิ่งกลัวกับความรักที่ตัวเองมอบให้กับคุณหนูของเขา

 

ที่โรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์ คู่ของเลิฟและพิ้งค์ยังคงเป็นที่สนใจของคณะอยู่เสมอ เพราะทั้งสองดูเหมาะสมกันดี ถ้าไม่มองถึงฐานะของทั้งสอง ในที่นี่แทบไม่มีคนรู้เท่าไหร่ว่าพิ้งค์และเลิฟเป็นเพียงเจ้านายและลูกน้อง

“น้ำหน่อย น้ำๆ”เสียงร้องขอน้ำจากพิ้งค์ ช่างน่ารักจริงๆจนเลิฟเองแอบอมยิ้มออกมา

“อร่อยไหมครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นน้ำให้คนข้างๆ

“อร่อยสิ แต่เผ็ดไปนิดอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น

“หน้าแดงแบบนี้คงไม่นิดนะครับ หึๆ”เลิฟแอบขำคนตรงหน้าพร้อมยื่นทิชชู่ไปจ่อที่ริมฝีปากของพิ้งค์ก่อนที่จะสะดุดเสียงหวานของผู้มาเยือนใหม่อย่างคาดไม่ถึง

“อ้าว เลิฟเจอกันอีกแล้วนะคะ”

“โมเม...”

“เฮ้อ....”เสียงอุทานเบาๆของพิ้งค์ก่อนจะรวบช้อนเข้าหากันอย่างลืมเผ็ดและหมดอร่อย พิ้งค์ไม่ค่อยชอบหญิงสาวคนนี้เลย เพราะตอนนี้กำลังยกยิ้มหวานให้กับเลิฟ

......................

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ต้นเหตุความเข้าใจผิดสินะ งื้อออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
น่ารักเชียว ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ตัวกระตุ้รมาแล้ว

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เลิฟเจียมตัวเหลือเกิน บอกรักหนูพิงค์ไปเลย

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
​​
Pink Loved 4 : บังเอิญ (สุดรัก x นาคิม)

“ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าจะเจอเลิฟและพิ้งค์อ่ะ”เสียงเอ่ยขึ้นหญิงสาวคนเดียวที่นั่งอยู่ตอนนี้

“แล้วโมเมมาที่นี่ได้ไง หรือเรียนที่นี่”เสียงเลิฟเอ่ยถาม พิ้งค์ทำหน้าไม่พอใจออกมาชัดเจน

“เราไม่ได้เรียนที่นี่หรอก เรามาหาเพื่อนอะ”หญิงสาวเอ่ยพร้อมยิ้มหวานออกมา

“บังเอิญเนอะ”เสียงพิ้งเอ่ยขึ้นลอยๆ

“โมเมว่าน่าจะพรหมลิขิตมากกว่านะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้น เลิฟไม่พูดอะไรได้แต่ยกยิ้มออกมาจนพิ้งค์ลำคาญ จึงลุกขึ้นทำท่าจะไป

“คุณหนูจะไปไหนครับ”เลิฟจึงเอ่ยถามพร้อมทำหน้าอย่างตกใจ

“จะไปหาอะไรกินแก้เลี่ยน”พิ้งค์เอ่ยก่อนจะเดินออกไป

“ทำไมเลิฟเรียกพิ้งค์ว่าคุณหนูหล่ะ”โมเมเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ยายเราเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านคุณพิ้งค์อ่ะ แล้วเราก็ต้องดูแลคุณพิ้งค์ด้วย”เลิฟเอ่ยขึ้น สายตายังคงจับจ้องไปยังคนตัวเล็กที่กำลังยืนซื้อผลไม้อยู่

“อ่อ แล้วเย็นนี้เลิฟว่างไหมหละ เราอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณที่ช่วยเราวันนั้น”โมเมเอ่ยขึ้น พอดีกับที่พิ้งค์เดินกลับมาพร้อมมะม่วงในมือ

“ระวังท้องเสียนะครับคุณหนู”เลิฟเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจฟังโมเมเลย

“ไม่เป็นไรหรอก ท้องของเรา เรารับผิดชอบเอง”พิ้งค์เอ่ยขึ้น ท่าทางแบบนี้เลิฟรู้ดีว่าโดนงอนแล้ว

“เมื่อกี้เห็นชวนกันไปไหนนะ”พิ้งค์เอ่ยถามโมเม

“โมเมจะเลี้ยงข้าวเลิฟอ่ะ ที่ช่วยโมเมวันก่อน”หญิงเสาวเอ่ยขึ้น

“คุณหนูไปด้วยกันนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งจ้องไปยังเลิฟก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ไม่ไปอ่ะ เลิฟไปเถอะเดี๋ยวเราให้เฮียบลูมารับเอง”

“แต่ว่า…”เลิฟเอ่ยขึ้นแต่ไม่ทันจะเอ่ยต่อเสียงของหญิงสาวข้างๆก็ดังขึ้น

“เราจะไปกินร้านไหนกันดี ไปเลยไหม”เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงแขนของเลิฟไว้ ซึ่งเลิฟเองก็ไม่กล้าที่จะดึงมือของหญิงสาวออก เพราะมันดูไม่เป็นสุภาพบุรุษนัก

“งั้นโมเมรอผมที่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมมา”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มให้หญิงสาวก่อนจะวิ่งตามหลังพิ้งค์ไป

พิ้งค์เดินออกมาอย่างหัวเสีย รู้ทั้งรู้ว่าจะหวงมากก็ไม่ได้ เพราะยังไงเลิฟก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง บางครั้งสิ่งที่พิ้งค์คิดอาจนั้นอาจจะไม่ใช่อย่างที่หวังก็ได้ พิ้งค์ยกมือถือขึ้นโทรหาพี่ชายตัวเอง

(“พี่เก้า...”)

“ไม่ใช่พี่เก้าครับเฮีย หนูพิ้งค์เองครับ”

(“อ่อ หนูพิ้งค์ มีอะไรหรือเปล่า”)

“เฮียมาบ้านกี่โมง มารับหนูพิ้งค์หน่อยสิครับ”

(“แล้วเลิฟหล่ะ”)

“เขาก็ไปกับแฟนเขาสิจะมาอะไรกับคนอย่างหนูพิ้งค์หล่ะ”

(“ทะเลาะอะไรกันอีกหล่ะ”)

“เปล่าทะเลาะนะ เค้ารอที่หน้าคณะนะ”

พิ้งค์วางสายจากพี่ชายก่อนจะหันมองร่างสูงที่กำลังวิ่งเข้ามาหา ใบหน้งอนอย่างน่ารักแต่ก็แค่ได้งอนในใจ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะงอนไปเพื่ออะไร

“คุณหนูให้ผมไปส่งก่อนนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น

“ไม่ต้องหรอก เราโทรหาเฮียบลูแล้ว”น้ำเสียงเอ่นงอนๆ

“คุณหนู อย่าทำแบบนี้สิครับ”เลิฟเอ่ยพร้อมกับจับที่แขนของพิ้งค์เพื่อรั้งไว้แต่พิ้งกลับสะบัดมันออก

“คุณหนูครับ อย่างอแงแบบนี้สิครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น

“ทำไม เรางอแงยังไง”เสียงเลิฟเอ่ยดังขึ้นจนคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมอง เลิฟจึงค่อยๆเอาน้ำเย็นเข้าลูล

“เปล่าครับ แล้วคุณหนูจะให้ผมทำยังไงหละ”เลิฟเอ่ยขึ้นถาม เขายอมพิ้งค์ทุกอย่าง

“ถ้าเราไม่ให้เลิฟไปกินข้าวกับโมเมหละ เลิฟทำได้ไหม”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟเองที่ยอมพิ้งค์ทุกอย่างเขาเองก็ไม่อยากจะไปนักหรอก แต่ยังไม่ทันที่เลิฟจะเอ่ยต่อเสียงหวานของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เลิฟ เรากลัวรถติดอ่ะ ไปกันเลยไหม”

“นายไปทานข้าวกับโมเมเถอะ เราให้เฮียบลูมารับแล้วหละ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้เลิฟถูกหญิงสาวรั้งแขนเอาไว้แน่น

...

พิ้งค์ยืนรอพี่ชายอยู่ข้างสนามเทนนิสของมหาวิทยาลัย ในมือกำมือถือแน่นทั้งเสียงสายรับเข้าและเสียงข้อความดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่เขาก็ไม่ยอมรับสาย จนบลูพี่ชายของพิ้งค์มารับ

“รอนานไหม”

“ไม่ครับ หนูพิ้งค์คิดว่าเฮียจะมากับพี่เก้าซะอีก กะว่าจะให้พาไปกินไอศกรีมหน่อย”

“พอดีพี่เก้าติดธุระอ่ะ วันนี้เลยไม่ได้มาทานข้าวที่บ้าน”พิ้งค์ฟังเสียงน้ำเสียงพี่ชายของตัวเองเศร้าๆไป

“ปาท๋องโก๋อย่างเฮียนี่นะจะแยกกันได้”

“แหม ก็ต้องปล่อยบ้างสิ จะให้เขามาขลุกอยู่กับเราตลอดก็ไม่ไหวหรอกนะ ต้องปล่อยให้เขามีเวลาส่วนตัวมั้งสิ”พิ้งค์เองก็คิดได้ว่าเรื่องของเลิฟกับเขา

“นั่นสินะ เราจะให้เขาตัวติดเราตลอดเวลาได้ยังไง เขาก็ต้องมีเวลาของเขาบ้าง เวลาที่เขาไม่มีเราแล้วเขามีความสุข”

“ทะเลาะกับเลิฟจริงๆด้วย”

“เค้าอาจจะบังคับเลิฟให้มาอยู่กับตัวเค้ามากเกินไป บางทีเลิฟเขาต้องการที่จะไปจากเขาทุกเมื่อก็ได้”

“ไม่เอาหน่า เลิฟอ่ะห่วงหนูพิ้งค์มากนะรู้ไหม”พิ้งค์พยักหน้าก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่ระหว่างพี่ชายและพี่เขยของเขา

พิ้งค์ใจเต้นรัวไปหมด ถ้าเกิดเหตการณ์แบบนี้กับเขาจะทำยังไงต่อ ก็ขนาดพี่เขยและพี่ชายรักกันมากขนาดนี้ ยังมีโมเมนต์ของการนอกใจเลย



..

ที่โต๊ะอาหารคนในครอบครัวต่างพากันสงสัยบลูที่ตอนนี้ดูแปลกๆ พิ้งเองก็สงสารพี่ชายตัวเองมาก แต่ทำยังไงได้ขนาดตัวเองยังไปไม่รอดเลย

“ทำไมทานน้อยจังเลย”

“วันนี้พี่เก้าไม่มา คุณบลูเลยทานน้อยหล่ะสิ”

“ไม่ใช่แบบนั้นครับพี่ซี คือว่า...”

“หนูพิ้งค์...”ผมโดนดุเล็กน้อย เพราะอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับพี่ๆฟัง ระหว่างที่คุยอยู่นั้นร่างสูงของเลิฟก็เดินเข้ามาพิ้งค์รีบวางช้อนทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เฮีย เค้าปวดหัวจังเค้าขอขึ้นข้างบนก่อนนะครับ”

“ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมทานกับยายในครัวก็ได้ครับ”เลิฟเอ่ยเสร็จก็เดินเข้าข้างในอย่างเจียมตัว แม้ในใจอยากจะเดินขึ้นไปเคลียกับพิ้งค์จะแย่แต่ก็ต้องรอให้ทุกคนขึ้นห้องกันเรียบร้อยก่อน

“สวัสดีครับยาย”

“ทำไมกลับค่ำหล่ะลูก กินอะไรมาหรือยัง”ยายลินเอ่ยถามหลานชายที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยโอเคนัก

“ทานมาแล้วครับ เลิฟขอตัวก่อนนะครับ”เลิฟเอ่ยพร้อมกับเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อเข้าห้องของตัวเอง

ทันทีที่เดินเข้าห้องได้เขาล้มตัวลงนอนบนที่นอน สายตามองไปยังเพดานที่มีดวงดาวหลายดวงแปะอยู่ เขาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ

“ทำไมดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับผมเลยครับ หรือที่จริงแล้วคุณหนูไม่เคยคิดอะไรกับผมเลย”เลิฟเอ่ยกับตัวเองพร้อมหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ตลอดเวลาตั้งแต่จำความได้ เขาอยู่กับพิ้งค์มาตลอด ความผูกพันที่เลิฟมีต่อพิ้งค์มันมากเกินจะบรรยายได้ว่าเลิฟจะไม่แคร์และรักพิ้งค์

...

..

เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เลิฟและพิ้งค์ไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน พิ้งค์จะติดรถพี่ชายไปเรียนตลอด และให้บลูไปรับเสมอ จนเลิฟเองรู้สึกกังวลและแย่มากๆ

“ไอ้เลิฟไปแดกข้าวกัน”พอร์ชเอ่ยพร้อมกอดไหล่เพื่อนรักไว้

“มึงไปกินก่อนเลย กูรอคุณหนูก่อน”เลิฟเอ่ยขึ้น

“ไอ้ชามพาไปกินข้าวข้างนอกแล้ว ไม่ต้องรอหรอก”พอร์ชเอ่ยอย่างเซ็งๆ เลิฟหันไปถามเพื่อนทันที

“ว่าอะไรนะ แล้วมึงทำไมไม่ห้ามหละว่ะ ไหนมึงจะช่วยกูไง”เลิฟเอ่ยขึ้น พิร์ชสะบัดตัวออกก่อนจะเอ่ยขึ้น

“กูก็ช่วยมึงอยู่ไง แต่พิ้งค์มาขอไอ้ชามจากกูเอง ว่าจะให้พาไปกินข้าว แล้วมึงจะให้กูทำยังไง มึงก็รู้ว่ากูแพ้ลูกอ้อนขนาดไหน”พอร์ชเอ่ยบอก เลิฟถอนหายใจออกมา สองอาทิตย์นี้เขาแทบไม่ได้คุยกับพิ้งค์เลย แถมไม่ได้เจอหน้าอีกด้วย

“อื้ม กูเข้าใจมึง”เลิฟเอ่ยออกมา ก่อนที่มือถือจะดังขึ้น เขารีบกดรับทันทีเพราะคิดว่าเป็นพิ้งค์

“คุณหนู”

(“เลิฟ โมเมเองคะ”)

“โมเม มีอะไรหรอครับ”

(“เลิฟช่วยมาหาโมเมที่ห้องหน่อยได้ไหมคะ พอดีผู้ชายคนนั้นมาก่อกวนโมเมอีกแล้ว”)

“โมเมอย่าออกจากห้องนะครับ และส่งพิกัดห้องมาเดี๋ยวผมไป”

เลิฟวางสายทันทีก่อนจะหันมาทางพอร์ชที่ทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็น และก็อยากจะเสือกเต็มแก่แล้ว เลิฟจึงเล่าให้พอร์ชฟังก่อนจะรีบออกไป

“มีอะไรโทรหากูนะ”พอร์ชตะโกนบอกเลิฟ และก็พอดีกับชามที่มาพร้อมพิ้งค์

“มีอะไรหรอวะ เลิฟรีบไปไหน”เสียงเอ่ยของชามถามพอร์ช

“จะอยากเสือกเรื่องของเพื่อนกูทำไม”พอร์ชเอ่ยขึ้น

“อ้าว ไอ้พอร์ชกูถามดีๆป่ะ”ชามหันมาแว๊ดใส่พอร์ช ซึ่งดูเหมือนพอร์ชจะชอบแบบนี้มาก ถ้าชามด่าแล้วเขาจะรู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูก

“อ้าวหรอ กูแค่ตอบในฐานคนไม่ชอบเผือกง่ะ”

“แหม ไม่ชอบเผือก มึงอ่ะตัวดีเลย”

ระหว่างที่ชามและพอร์ชยังคงทะเลาะกันอยู่ พิ้งค์เองกลับมองตามหลังเลิฟไป เขาอยากรู้นักว่าเลิฟไปไหนและไปทำอะไร ก่อนจะได้ยินแว่วๆจากพอร์ชว่าเลิฟรีบไปหาโมเมที่ห้อง

ทางด้านเลิฟที่รีบมาหาโมเมที่ห้อง เขากลับไม่พบชายหนุ่มที่โมเมอ้าง ซึ่งเขาคิดว่าคงจะกลับไปแล้ว เลิฟเคาะประตูห้องเบาๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แกรก!

หมับ!

“ฮื่อๆ เลิฟโมเมกลัวจังเลย”หญิงสาวเปิดประตูได้ก็รีบสวมกอดเลิฟทันที จนเลิฟเองก็ตกใจ

“ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่นี่แล้ว”เลิฟเอ่ยพร้อมยกมือลูบหัวหญิงสาวเพื่อปลอบใจเบาๆ วินาทีนี้เขากลับคิดถึงร่างเล็กตัวบาง ใบหนน้าอ้อนๆแสนหวานของพิ้งค์ ทุกครั้งที่พิ้งค์กลัวอะไรหรือเสียใจอะไร พิ้งค์จะสวมกอดเขาแบบนี้และเขาก็จะปลอบพิ้งค์แบบนี้เช่นกัน

เวลาผ่านไปเกือบสามทุ่มเลิฟออกจากห้องโมเมเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เขาส่งข้อความคุยกับพอร์ชตลอดว่ากำลังทำอะไรและกำลังจะไปไหน และเขาเองก็ไม่ลืมที่จะส่งข้อความหาพิ้งค์เช่นกัน

เลิฟ : คุณหนูทานข้าวหรือยัง นอนห่มผ้าด้วยนะครับ

ข้อความถูกอ่านแต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับของพิ้งค์เลย ซึ่งเลิฟเองก็ทำใจไว้แล้ว ช่วงสองอาทิตย์นี้พิ้งค์กับชามไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แม้แต่วันก่อนพิ้งค์เองขอไปนอนค้างที่บ้านของชามด้วย ทำให้เลิฟยิ่งเข้าใจว่าที่พิ้งค์ชอบชามไม่ใช่หึงเขากับโมเมอย่างที่เคยเข้าใจ

“ถ้าปล่อยไว้อาจจะไม่เคลียก็ได้ คืนนี้เป็นไงเป็นกัน”เลิฟเอ่ยขึ้น เขาไม่อยากจะค้างคาอะไรอีกแล้วสิ

ช่วงเวลาดึกเมื่อคนอื่นๆเข้านอนกันหมดแล้ว เลิฟแอบเดินขึ้นตึกมา เขามาหยุดที่ห้องคุ้นเคย กุญแจสำรองถูกใช้ไขเข้าไปในห้องนอนสีชมพู ตอนนี้มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกเท่านั้นที่สาดส่องเขามา เลิฟเดินมาที่เตียง ร่างบางของพิ้งนอนอยู่บนที่นอน

“คุณหนูไม่สบายเป็นอะไรมากไหมครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมสอดตัวเองภายใต้ผ้าห่มนั้นอย่างที่เคยทำประจำ แต่ทว่าครั้งนี้พิ้งค์กลับรู้สึกตัวและไม่ยอมให้เลิฟกอดอีกด้วยความโกรธที่เลิฟไปกับโมเมเมื่อตอนเย็น

หมับ!

“โอ๊ะ...คุณหนูครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นเมื่อพิ้งค์พยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของเลิฟ

“คุณหนูครับ อย่าดิ้นเลยครับ”

“ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นและยังคงพยายามดิ้นสุดแรงอยู่

“คุณหนูครับ ให้ผมได้อธิบายก่อนจะไล่ผมออกไป”เลิฟเอ่ยขึ้นและยังสวมกอดพิ้งค์จากด้านหลัง เขากดศีรษะลงที่หลังศีรษะพิ้งค์พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ

“ตั้งแต่จำความได้ เราสองคนไม่เคยจะห่างกัน เราสองคนไม่เคยที่จะทะเลาะกันถึงขนาดนี้ เราสองคนมีอะไรก็จะคุยกันเสมอ ผมเองมันต่ำต้อยที่ไม่กล้าจะถามคุณหนูว่าคุณหนูเป็นอะไร ต้องการอะไรและคิดยังไง แต่ถ้าคุณหนูจะกรุณาก็ช่วยบอกผมหน่อยเถอะว่าผมจะต้องทำยังไงถึงจะรู้ใจคุณหนูว่าเป็นอะไร”

เลิฟเอ่ยถามพิ้งค์ที่ยังคงสะกดอารมณ์และความรู้สึกตัวเองว่าคิดยังไงกับเลิฟ เขาไม่ใช่เป็นคนที่แบ่งชั้นวรรณะอะไร แต่เขาแค่กลัวว่าเลิฟไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับตัวเอง ตลอดเวลาเลิฟเองดูแลเขาดีมากก็จริงแต่ในฐานะที่เป็นคนดูแลเขาตามคำสั่งเท่านั้น ข้อนี้ใครๆก็รู้ดี

“นับจากนี้ นายไม่ต้องขับรถให้เราแล้วนะ และนายเองก็ไม่ต้องตามเราแล้วด้วย”พิ้งค์เอ่ยขึ้น

“ทำไมหละครับ”เลิฟตกใจรีบลุกขึ้นและดึงพิ้งค์หันมาทันที

สายตาสองสายตาประสานกัน พิ้งค์เองไม่อยากจะเห็นแก่ตัว จากเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นของพี่ชายของเขา บางครั้งพิ้งค์เองก็น่าจะปล่อยให้คนที่เขารักได้เป็นอิสระ

“นายตัวติดเรามากเกินไปแล้ว เราอยากให้นายได้เป็นอิสระ นายจะได้ไปไหนต่อไหนกับแฟนได้”พิ้งค์เอ่ยขึ้น ก่อนจะรั้งใบหน้าของเลิฟไว้และกดจูบที่ริมฝีปากเลิฟเน้นๆ น้ำตาพิ้งค์ๆค่อยไหลออกมาจนเลิฟนึกโกรธตัวเองว่าทำให้พิ้งค์ต้องมีน้ำตา

“คุณหนูทำไมพูดแบบนี้หละครับ ทำไมถึงเสือกไสไล่ส่งผมไปหาคนอื่นแบบนั้น คุณหนูช่วยบอกผมทีว่าคุณหนูคิดอะไรอยู่ คิดยังไงกับผม รู้สึกยังไงกับผมบ้าง”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์เองก็น่าจะยอมรับว่าช่วงที่เขาประชดเลิฟ ไม่ยอมมาเรียนกับเลิฟ ไม่ยอมมาทานข้าวด้วยและไม่ยอมกลับด้วยจะทำให้เลิฟกังวล แต่วันนี้เขาเห็นเลิฟไปหาโมเม เขาก็รู้แล้วว่าเลิฟชอบโมเม

“เราไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเลิฟเลยสักนิด เราชอบชาม”พิ้งค์เอ่ยขึ้น ใจมันเจ็บแทบเจ็บกับคำพูดของตัวเอง แต่เขาต้องทำแบบนี้

“อ่อ ผมแม่งก็บ้านะครับ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองแม่งต่ำต้อยแค่ไหน แต่เสือกคิดอยากจะเด็ดดอกฟ้า หมาวัดอ่ะนะดอกฟ้าที่ไหนแม่งจะมาสนใจ ชามเขาทั้งรวยและดูดี ทุกอย่างก็สมกับคุณหนูแล้วครับ”เลิฟเอ่ยทั้งน้ำตาพร้อมพาตัวเองลงมาจากเตียง ซึ่งพิ้งค์เองก็น้ำตาไหลเป็นทางไม่แพ้กันก่อนที่จะตกใจเมื่อเลิฟคว้าแจกันขึ้นมา

“ผมรักคุณหนูนะครับ รักตั้งแต่จำความได้และผมก็จะรักคุณหนูตลอดไป อย่าหวังยัดเหยียดผมให้ใคร เพราะผมรักคุณหนูแม้คุณหนูจะรักคนอื่น”เลิฟเอ่ยพร้อมผาดแจกันลงบนหัว

“อย่านะเลิฟ”เสียงเอ่ยของพิ้งค์ดังขึ้นแต่มันดังพร้อมกับเสียงแจกันและหัวของเลิฟที่เลือดกำลังไหลออกมา

เพล้ง!

สิ้นเสียงดังนั้นคนในบ้านก็กรูมาที่ห้องของพิ้งค์ทันทีก่อนที่พี่ชายคนโตจะสอบสวนสาเหตุที่เกิดขึ้น

“หมอพาเลิฟไปทำแผล ส่วนบลูพาหนูพิ้งค์ลงไปที่ห้องโถง เราต้องคุยกัน”เสียงคุณอนาคินพี่ใหญ่ของบ้านเอ่ยขึ้น และทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่ห้องโถงทันที

..................​

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ไม่รู้ใจ กันทั้งคู่

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
แล้วเลิฟเอาแจกันฟาดหัวตัวเองทำไม? ถ้าเลิฟยังกลัวไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่กล้าปฏิเสธโมเมก็เอาเหอะไม่ได้หนูพิงค์หรอก :hao3:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
แล้วเลิฟเอาแจกันฟาดหัวตัวเองทำไม? ถ้าเลิฟยังกลัวไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่กล้าปฏิเสธโมเมก็เอาเหอะไม่ได้หนูพิงค์หรอก :hao3:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ตื่นกันทั้งบ้านแล้ว เรื่องใหญ่
รอต่อจ้า

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เออออ เอาแจกันฟาดหัวตัวเองทำไมอ่ะเลิฟ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด