Blue Lyrics 3 : จูบ (นพเก้า xนาคิน)
[/size]
นาคิน พาร์ทเกลียดไอ้คนตรงหน้านักตอนนี้ จะก่อกวนผมไปไหนนะ เกือบสามเดือนแล้วที่ผมได้มีโอกาสได้พบกับไอ้ผู้ชายจอมกวนคนนี้ วันนี้วันศุกร์ครอบครัวเราจะต้องมาทานข้าวพร้อมหน้าตา แม้ว่าเฮียเกร์ยและน้องรอยด์จะอยู่เมืองนอกแต่เราก็มีซ้อใหญ่และคุณซี ตอนนี้ก็มีคุณกูรมาร่วมโต๊ะด้วย ทำให้ครอบครัวเรากลายเป็นครอบครัวใหญ่มาก แต่จะมีแค่อีตาลุงกาฝากนี่หล่ะที่มานั่งเป็นส่วนเกินตอนนี้
“ทานเยอะๆนะครับคุณเก้า”เสียงหวานซ้อใหญ่เอ่ยเชิญ ดูท่าทางบ้านผมจะชอบอีตาลุงนี่มาก เข้ากับใครได้ทุกคน
“ขอบคุณมากนะครับที่เชิญผมทานอาหารเย็นวันนี้ด้วย”น่าไม่อายจริงๆ ตัวเองเสนอตัวมาเองนี่
“ใครเชิญ”ผมเอ่ยขึ้นเบาๆแต่ก็น่าจะดังพอที่เฮียกรีนจะได้ยิน
“พูดอะไรเนี้ย”
“ก็มันจริงนี่ครับ ตัวเองเสนอตัวมาเองอ่ะ”ผมเอ่ยกับเฮียกรีนจนพี่หมอเอ่ยขึ้น
“ไม่น่ารักเลยนะเจ้าบลู ขอโทษคุณเก้าซะ”กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยไหมหล่ะ พี่หมอนะพี่หมอพูดซะดังเชียว
“ขอโทษทำไมครับ ก็เสนอตัวมาเองไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบ้านนี้เลยนี่”ผมเอ่ยขึ้นอย่างโมโหเมื่ออีตาลุงทำหน้าตาสลดจนน่าเอ็นดู
“ขอโทษอาจารย์ซะ เฮียไม่เคยสอนให้พูดแบบนี้ไม่ใช่หรอ”เฮียแบล็คเอ่ยดุผมและผมก็ต้องแพ้ให้กับไอ้คนตรงหน้าที่ทำหน้าตาตอแหลใส่ผม
“ขอโทษครับ”ผมเอ่ยก่อนจะยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรครับ คุณบลูยังเด็กอยู่ผมไม่ถือหรอกครับ”โอ๊ย พระเอกไปไหน ผมจ้องหน้าเขาอย่างโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่จ้องใบหน้านั้นแต่สายตาที่มองกลับมาทำเอาผมเองที่รู้สึกร้อนวาบไปหมด และผมเองก็แพ้เขาอีกครั้งผมหลบสายตานั้นทันที
เราทั้งหมดยังคงนั่งทานอาหารต่อไปเรื่อยๆ คู่ใครก็คู่มันสินะ ผมคิดเมื่อบรรดาเฮียๆของผมหวานไม่เกรงใจของหวานที่กำลังจะมาขึ้นโต๊ะเลยตอนนี้
“เฮียแบล็ค วันอังคารนี้หนูพิ้งค์ต้องไปทำกิจกรรมกับเพื่อนๆที่คณะ เฮียอนุญาตไหมอ่า”เสียงของหนูพิ้งค์เอ่ยขออนุญาต นี่คือบ้านของผม ครอบครัวของผมเราเคารพเฮียเสมอแม้เราอาจจะมีโลกส่วนตัวบ้างแต่เฮียแบล็คก็ต้องมาก่อนเสมอ
“ไปที่ไหน กี่วัน”เสียงเรียบๆของเฮียเอ่ยถาม
“ไปกระบี่ ไปสามวันครับ”
“แล้วเลิฟไปด้วยไหม”เฮียเอ่ยถามอีกครั้ง เลิฟคือหลานป้าลิน ที่โตมาพร้อมหนูพิ้งค์ เกิดวันเดียว ปีเดียวกัน ทำให้ทั้งสองจะสนิทกันมาก
“ไม่รู้สิ”เสียงหนูพิ้งค์เอ่ยสั้นๆ ก่อนจะนั่งทานอาหารต่อไป ผมเองสังเกตเห็นน้องชายผมเศร้าไป คืนนี้ต้องเข้าไปคุยด้วยสักหน่อย
“หรอ ถ้าเลิฟไม่ไปเฮียไม่ไห้ไปได้ไหม”
“เฮีย เค้ากับเลิฟมันคนละคนกันนะ เลิฟเขาอาจจะอยากมีเวลาของตัวเองบ้างก็ได้ไม่จำเป็นต้องมาตามเค้าหรอก”เสียงหนูพิ้งค์ดังขึ้นเล็กน้อย
“เฮียไม่อยากให้…”ยังไม่ทันที่เฮียแบล็คจะเอ่ยต่อ เสียงนุ่มของคนตรงหน้าผมก็เอ่ยขึ้น
“เอางี้ครับคุณแบล็ค เดี๋ยวผมไปด้วยก็ได้ พอดีว่าคณะของหนูพิ้งค์เองผมก็รู้จักอาจารย์ที่นั่นอยู่บ้าง เดี๋ยวผมช่วยดูแลหนูพิ้งค์ให้ครับ”ผมเงยหน้ามองอีตาลุง อาหล่ะสิผมจะไม่ยอมให้เขามีโอกาสอยู่กับหนูพิ้งค์แน่นอน
“ไม่ได้นะครับ”ผมเอ่ยขึ้นเสียงดัง จนโต๊ะอาหารหันนมองผม
“ทำไมจะไม่ได้หล่ะครับ หรือคุณบลูมีอะไร”ดูหน้าตายียวนกวนผมเหลือเกิน ผมมองหน้าเขาก่อนจะหันมองเฮียแบล็ค
“ก็อาจารย์บอกผมว่าอาจทิตย์นี้จะต้องเข้ามาแนะนำผมตลอดสัปดาห์ไม่ใช่หรอไง และอีกอย่างเรายังไม่ได้ถามเลิฟเลยว่าจะไปหรือไม่ไปนี่ครับ”ผมเอ่ยขึ้น ใบหน้าผมร้อนผ่าวไปหมดเมื่อไอ้คนตรงหน้ามันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนผมนึกกลัว
“ใช่สิครับ เรายังไม่ได้ถามเลิฟเลยนะ และเชิญทุกคนไปที่ห้องนั่งเล่นดีกว่านะ”เสียงซ้อใหญ่เอ่ยขึ้น
“งั้นป้าลินเรียกเลิฟเข้าไปพบผมที่ห้องนั่งเล่นนะครับ”เฮีนแบล็คเอ่ยก่อนจะเอ่ยชวนทุกคนไปที่ห้องนั่งเล่น
“คะคุณท่าน”ป้าลินเอ่ยก่อนจะหลีกทางให้พวกเราเดินออกไป
เรานั่งอยู่ห้องนั่งเล่นไม่นาน เฮียกรีนและคุณกูรก็ขอตัวกลับเพราะพรุ่งนี้เฮียต้องไปถ่ายแบบแต่เช้า ส่วนพี่หมอกับคุณซีก็ขอตัวขึ้นห้อง หนูพิ้งค์ที่ไม่รู้เป็นอะไรเมื่อเลิฟบอกว่าเขาไปด้วยได้ก็ขอตัวขึ้นห้องไปทันที
“ผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่า”อีตาลุงเอ่ยขึ้น
“น่าจะไปตั้งนานแล้ว”ผมเอ่ยขึ้นอย่างลืมตัว จนเฮียแบล็คหันมาดุผม
“เอาไว้คราวหน้ามาทานข้าวด้วยกันอีกนะครับ”ซ้อใหญ่ของผม ดีแสนดีจริงๆ
“ขอบคุณมากเลยนะครับ คุณแบล็คนี่โชคดีนะครับที่มีคุณนิลเป็นภรรยา ทั้งอ่อนหวานและก็ทำอาหารอร่อยด้วย สำคัญเลยน่ารักด้วยสิ”ไอ้ขี้หลีผมคิดในใจ
“ชมเกินไปแล้วครับ”ซ้อใหญ่ผมก็น่ารักจริงอ่ะ ดูเฮียจะยิ้มภูมิใจนักก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ใช่สิ คุณเก้ามากับเจ้าบลูนี่นะ งั้นเจ้าบลูไปส่งอาจารย์ก่อนดีไหม”
“ห๊า…เฮียว่าอะไรนะ”ผมหันไปถามเฮียอย่างตกใจ ผมลืมไปเลยว่าอีตาลุงจอมหน้าด้านเขาโดขึ้นรถผมมาโดยไม่สนใจคำบ่นของผมเลยสักนิด เพื่อที่จะมาทานข้าวที่บ้านผม
“จะตกใจอะไรขนาดนั้น เฮียแค่บอกให้แกไปส่งอาจารย์หน่อย”
“เฮีย นี่มันสี่ทุ่มแล้วนะ จะให้น้องชายสุดที่รักขับรถกลางคืนอีกหรอ”ผมเอ่ยขึ้น
“แล้วจะให้คุณเก้ากลับยังไงหล่ะ”
“อยากมาเองก็กลับเองได้ดิ”ผมเอ่ยขึ้นแต่กลับถูกเฮียทำหน้าดุใส่
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้”พระเอกอีกแล้ว นี่ผมกลับเป็นคนใจร้ายไปแล้วหรอเนี้ย
“งั้นคืนนี้นอนที่นี่ก็ได้ครับ เดี๋ยวให้คนจัดห้องไห้”
“เฮียยยย”ผมเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ ก็เฮียไม่น่าให้ท้ายอีตาลุงนี้เพื่ออะไร
“อะไร นี่แกดุเฮียหรอ”โอ๊ย นี่คือพี่ชายผมหรือพี่ชายอีตาลุงกันแน่ว่ะ
“เปล่าสักหน่อย ก็ได้เดี๋ยวเค้าไปส่งอาจารย์เอง”ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะลุกขึ้นทำหน้างอๆ
“นี่สิถึงจะเป็นเจ้าบลูของเฮีย”
“ครับคุณเฮียของผม งั้นเค้านอนที่คอนโดเลยแล้วกัน”ผมเอ่ยพร้อมลุกขึ้นเดินออกไป
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ เอาไว้โอกาสหน้าผมจะมาฝากท้องอีก”น่าไม่อายอีตานี่ ผมหันมาตะโกนเรียกเขาเมื่อเอากุญแจมาเรียบร้อย
“จะกลับไหมครับอาจารย์ เกรงใจเจ้าของบ้านหน่อยสิ”ผมเอ่ยขึ้น เฮียหันมาทำหน้าดุใส่ผมก่อนที่ผมจะรีบเดินออกมาก่อน ไม่งั้นผมต้องโดนสวดยาวแน่ๆ
ด้วยความเร็วไม่มากนัก เมื่อรถกำลังวิ่งไปตามท้องถนน ที่จริงสี่ทุ่มสำหรับผมมันไม่ได้ดึกเลยสักนิด แต่ที่ผมไม่อยากออกมาก็เพราะไอ้คนที่นั่งมองผมตอนนี้ จะมองอะไรนักหนา
“มองถนนสิครับ จะมองอะไรผม”ผมเอ่ยถามเมื่อไฟเขียวขึ้น แต่อีตาลุงก็ยังมองผมอยู่
“ก็น้องบลูน่ามองกว่าถนนนี่”
“ผมยังไม่อยากเป็นอะไรไปหรอกนะ มองถนนโน้นไป”ผมเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ
“หึ เวลาโมโหน่ารักชะมัดเลย”ผมหน้าร้อนวาบทันที อีตาลุงนี่มันปกติไหมว่ะอยากจะพูดอะไรก็พูด
“ปกติไหมเนี้ย ที่ชมผู้ชายน่ารักอ่ะ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอไง”ผมเอ่ยถามตรงๆ จนตอนนี้ผมเองก็ยังคิดว่าอีตาลุงนี้คงไม่คิดอะไรกับผมหรอกคงแค่อยากจะกวนผมมากกว่า
“ปกติดิ ก็น้องบลูน่ารักจริงๆนี่”โอ๊ยอยากจะบ้าตาย ผมปวดหัวกับอีตานี่จริงๆเมื่อไหร่จะถึงบ้านเขาสักทีนะ
ระหว่างที่ผมยังคงเภาวนาให้ถึงบ้านของเขาเร็วๆ เสียงฟ้าที่กำลังส่งเสียงคำรามบ่งบอกว่ากำลังจะส่งสายน้ำชุ่มฉ่ำลงมาอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้น ใจผมกำลังคิดว่าอย่าตกนะ ถ้าตกเมื่อไหร่ผมลำบากแน่
ครื้นนนนนน
“ฝนกำลังจะตก…”ผมไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ ผมจึงรีบสวนขึ้นทันที
“ก็รีบๆเร่งเครื่องดิครับ จะได้ถึงไวๆ”
“น้องบลูรู้อะไรไหม ถนนในเมืองเขาพิกัดแค่หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ ขืนพี่ขับเร็วกว่านี้ตำรวจจับพี่แล้วจะว่ายังไงหล่ะ”ผมหันมองคนขับทันทีอย่างขัดใจ
“ก็ไม่ว่าไง เดี๋ยวไปเยี่ยมส่งข้าวผัด โอเลี้ยงด้วย”ผมเอ่ยไปส่งๆ
“โถ่ๆ คนสวยมักใจร้ายจริงๆเลย”โอ๊ยปวดกระบาลกับอีตานี่จริงๆ เขาไม่พูดเปล่าก็ยังคงขับรถแค่ห้าสิบหกสิบอยู่จนผมเองโมโหคว้ามือเขาที่พวงมาลัยเพื่อจะให้หักเข้าข้างทาง
“อ๊ะ…จะทำอะไรอ่ะ”เขาดูตกใจเล็กหน่อย
“ก็เลี้ยวรถเข้าข้างทางดิ เดี๋ยวผมขับเองขืนคุณขับต่อ ฝนตกแน่ๆ”ผมเอ่ยขึ้น
“ไม่ทันแล้วมั้ง น้องบลูมองไปข้างหน้าสิ ฝนลงเม็ดแล้ว”อีตาบ้านี่ทำไมต้องยิ้มได้น่าเกลียดขนาดนี้ว่ะ
“งั้นก็ขับไปสิ”ผมเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ รอยยิ้มของคนข้างๆมันทำให้ผมกลับขนลุก
ฝนที่กระหน่ำลงอย่างแรงตอนนี้ แทบจะทำให้รถขับไปเร็วมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ผมนั่งทำหน้าบึ้งหันมองไปยังนอกหน้าต่างรถ กระจกที่ด้านนอกเกาะไปด้วยหยดน้ำฝนทำให้ผมกลับคิดถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา
“ตอนนี้คุณจะมองเห็นผมไหม”ผมเอ่ยขึ้นเบาๆจะกระชับอ้อมกอดไว้ด้วยความหนาว
“ห่มหน่อยนะ เดี๋ยวไม่สบาย”ผมตกใจเล็กน้อยเมื่อคนข้างๆยกเสื้อคลุมมาคลุมให้ผมแต่ผมกลับดึงมันออกและยื่นให้เขาคืน
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่ได้บอบบางขนาดนั้น และเมื่อไหร่จะถึงบ้านคุณสักทีเนี้ย”ผมเอ่ยขึ้น แต่เขาก็กลับจับเสื้อมาโยนให้ผม
“อีกนิดเดียว และก็ห่มซะ”อยู่ๆเขาก็เสียงแข็งใส่ผม ท่าทางจะวัยทองหล่ะมั้ง
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่...”
“ห่ม...บอกให้ห่มก็ห่มไปเถอะ”สั้นๆแต่น้ำเสียงกลับทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
ผมเงียบปากตลอดทาง อีตาลุงจอมกวนก็เงียบไปเช่นกัน ผมปรายตามองไปยังคนข้างๆเล็กน้อยแต่เห็นเขาคงนิ่งๆ กูทำอะไรผิดว่ะ ผมคิดในใจก่อนจะแกล้งหลับตาเมื่อเห็นเขาหันมามองผมก่อนจะหันไปขับรถต่อ
“ถึงแล้วบอกด้วยแล้วกัน ถ้าจะคลานขนาดนี้”ผมเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ อากาศเย็นๆ เพลงเบาๆ ฝนตกปรอยๆแบบนี้ โอ๊ยบรรยากาศจะชวนเสียตัวไปไหน อุ๊ต๊ะ...ผมคิดถึงเรื่องเสียตัวหรอเนี้ย ไม่นะผมจะคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะผมกำลังคิดถึงกลิ่นหอมๆของเจ้าของเสื้อนี้
นานเท่าไหร่ผมไม่รู้หรอกรู้ได้เพียงว่าผมหลับสบายมากเหมือนได้นอนเต็มอิ่มยังไงไม่รู้ หลังของผมเหมือนอยู่บนที่นอนแสนนุ่มอยู่ตอนนี้
“อื้ออออ”เสียงครางในลำคอของผมเบาๆ เมื่อรู้สึกยุบยิบที่จมูก
“จิ๊...อื้ออออ”ผมยกมือปัดป่ายไปบนจมูกพร้อมพลิกตัวไปสวมกอดหมอนข้าง
หมับ!
อึก...
เฮ้ย...เดี๋ยวนะ ผมไม่เคยมีหมอนข้างนี่ เพียงแค่คิดผมก็รีบลืมตาขึ้น แต่ก็ต้องรีบหลับตาลงทันทีเมื่อแสงที่กำลังสาดส่องเข้ามากระทบดวงตาของผม ยิ่งรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อผมพอจะจับใจความอะไรได้ว่าสิ่งที่ผมเห็นเมื่อสักครู่มันไม่ใช่ความฝัน
“เชี่ย...เช้าแล้วหรอว่ะ”ผมสบถเบาๆ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ใจก็ยังคงเต้นแรงเรื่อยๆ คำถามมากมายที่มันอยู่ในหัวผมตอนนี้คือ กูมานอนที่นี่ได้ยังไง แล้วเมื่อคืนอีตาลุงทำอะไรกูไปหรือยัง และที่สำคัญกูเป็นอะไรของกูเนี้ยทำไมหน้าร้อนไปหมด
“ใช่ เช้าแล้ว”เสียงเอ่ยข้างหู มันใกล้ไปไหมผมรีบลืมตาและหันไปมองเจ้าของเสียงที่ตอนนี้โน้มใบหน้าลงมา สองแขนกำลังคร่อมผมไว้อยู่
“เฮ้ย! คุณจะทำอะไรอ่ะ”ผมเอ่ยขึ้นพร้อมผลักเขาออกห่างทันที โอ๊ยไปไหนไม่ถูกเลยกู หน้าร้อนไปหมดแล้ว
“ไม่ได้ทำอะไร แต่มาปลุกให้มาทานอาหารเช้าครับ”ไม่พูดเปล่าผมเห็นเขาถือถาดอาหารเช้ามาทางที่เตียงนอน
“คุณจะบ้าหรอไง นี่มันที่นอนนะ”ผมเอ่ยโวยขึ้นทันทีแต่อีตาลุงนี่กลับหัวเราะออกมา
“หึๆๆ แล้วไง ที่นอนก็กินได้ป่ะ”
“คนแก่เอาแต่ใจตัวเองชะมัด”ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะก้มมองอาหารเช้าตรงหน้า โอ๊ยอีตาทะลึ่งทำไมทำไส้กรอกและไข่ดาวออกมาแบบนี่เนี้ย
“แล้วไง ไม่ใช่แค่เอาแต่ใจตัวเองนะ เอาใจคนที่ชอบด้วยจะบอกให้”
“แหวะ...จะอ๊วก”
“ทำไมหรอ แค่นอนด้วยกันคืนเดียวท้องแล้วหรอเนี้ย”ผมรีบหันขวับไปมองอีตาลุงทันที
“ท้องอะไร จะบ้าหรอไง...หลีกครับผมจะเข้าห้องน้ำ”ผมเอ่ยขึ้นพยายามใช้มือดันเขาออกแต่เขากลับดันตัวเขาไว้ก่อนจะก้มหน้ากระซิบบอกผม
“จะรีบไปไหนหล่ะ ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลย”ใบหน้าลุงใกล้กูมากไปแล้วนะ อีกนิดเรียกจูบเลยนะมึง โอ๊ยอยากจะบ้าตาย
“ไปล้างหน้า แปรงฟัน หรือจะให้ผมกินทั้งๆที่ยังไม่ได้แปรงฟันหรอไง”ผมเอ่ยขึ้นทำให้เขายอมปล่อยผมเข้าห้องน้ำไป ไม่รู้ว่าผมทำไมยอมให้อีตาลุงมีอำนาจกับตัวเองขนาดนี้ คือผมกำลังใจเต้นแรงเมื่อเห็นแปรงสีฟันอีกอันถูกบีบยาสีฟันเรียบร้อย
“เพื่อหนูพิ้งค์ เฮียยอม เพราะเฮียไม่ให้หนูพิ้งค์เจอคนแบบนี้แน่นอน”ผมเอ่ยกับตัวเองในกระจกก่อนจะล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย
ผมเดินออกจากห้องน้ำก็ไม่พบอีตาลุงนั่นแล้ว ที่นอนถูกเก็บเรียบร้อย ผมค่อยๆเปิดประตูห้องเพื่อจะเดินออกไปข้างนอก เขาอยู่บ้านหรอ ผมคิดว่าเขาอยู่คอนโดซะอีก ผมเดินลงมาจากชั้นบน บ้านแม้จะหลังไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กจนเกินไปผมพยายามสำรวจตั้งแต่บันไดจนถึงห้องรับแขก ไม่เห็นจะมีรูปถ่ายของเขาเลย หรือแม้ของใครเลย มีแต่รูปวาดที่ติดตามฝาผนัง
“อ้าว ลงมาแล้วหรอ มาทานอาหารเช้ากันสิ”
“ผมว่าผมกลับดีกว่า สายแล้วและอีกอย่างผมไม่กินข้าวเช้า”ผมเอ่ยพร้อมมองหากุญแจรถของตัวเอง
“กุญแจรถผมอยู่ไหนครับ”
“ทานข้าวกันเถอะ”โอ๊ย ไม่สนใจที่กูพูดเลยหรอไง ผมถูกฉุดให้เดินไปที่โต๊ะอาหารก่อนจะถูกบังคับให้นั่งลง
“ทานอาหารกันก่อนนะ แล้วจะคืนกุญแจให้”ผมทำหน้าหงิกออกมา ตาแก่นี่เจ้าเล่ห์นักนะ
“คุณมันเจ้าเล่ห์ ยังไงผมไม่ยอมให้คุณจีบหนูพิ้งค์หรอกนะ”
“หรอ ไม่ยอมให้จีบหนูพิ้งค์ งั้นพี่จีบน้องบลูได้นะ”ครั้งที่ร้อยแล้วมั้งไอ้คำว่าจะจีบผมเนี้ย
“ไม่ได้เหมือนกัน คุณนี่ท่าทางจะผิดปกติมากเนอะ ผู้ชายเหมือนๆกันทำไมถึงชอบนักนะ”ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะตักอาหารเช้าเข้าปาก
“ความรักไม่มีหรอกที่เรียกว่าผิดปกติ ขึ้นชื่อว่าความรัก ถ้าได้รักแม้จะผิดแปลกแค่ไหน ถ้าได้รักก็ถือว่าไม่แปลก”ผมนิ่งไปทันทีกับคำพูดของเขา ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกถึงความรักแบบนี้หรอกนะ ผมรู้สึกเพราะผมเคยผ่านแบบนี้มาครั้งหนึ่งแต่มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ทำให้ผมเจ็บปวดมากจนเข็ดเรื่องความรัก
“เมื่อคืนพี่ได้ยินน้องบลูพูดถึงใครหรอ”อยู่ๆเขาก็ถามผม น้ำเสียงแปลกๆที่ดูมันจริงจังนัก
“ใคร พูดถึงใครหรอ”ผมเอ่ยขึ้นถาม
“ตอนนี้คุณจะมองเห็นผมไหม ประโยคนี้อ่ะที่เมื่อคืนน้องบลูพูดออกมา เขาเป็นใครหรอ”ผมวางช้อนและส้อมลงทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผมอิ่มแล้ว และนี่ก็สายมากด้วยผมขอกลับบ้านก่อนนะครับ และขอกุญแจผมด้วย”ผมเอ่ยขึ้นนิ่งๆพร้อมยื่นมือขอกุญแจจากเขา
“เขาคนนั้นเป็นใคร เขาสำคัญกับน้องบลูมากเลยหรอ”น้ำเสียงเหมือนต้องการคำตอบมาก
“เรื่องส่วนตัวครับ ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่นถูกต้องไหมครับ”ผมเห็นสีหน้าเขาเสียเล็กน้อย หรือผมเองพูดแรงไป สีหน้าแบบนี้ผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนหรอก แต่ผมไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องของคนนั้นอีก ผมอยากให้เขาคือความทรงจำของผมมากกว่า
อ่อ...ครับ พี่คือคนอื่นแต่ที่พี่ถามก็เพราะพี่ชอบน้องบลูจริงๆนะ หลายเดือนที่พี่วอแวกับน้องบลู กวนใจน้องบลูเพียงเพราะพี่อยากอยู่ใกล้น้องบลู พี่ชอบน้องบลูจริงๆ”ผมนิ่งอึ้งไปเลย และยิ่งมีมือหนาของเขากุมที่มือผมไว้ ใจผมแทบหยุดเต้น ก่อนที่มันจะหยุดเต้นแล้วจริงๆเมื่อริมฝีปากอุ่นๆของเขากดทับริมฝีปากของผมอย่างไม่ได้ตั้งตัว เอาผมกำมือแน่นเมื่อมือของเขาก็ประสานกับมือผม
“คุณ!...”ผมเอ่ยได้แค่นี้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอโทษ
“ขอโทษนะ...คือพี่...”ผมผลักเขาออกก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ขอกุญแจรถผมด้วยครับ”ผมเอ่ยขึ้นจ้องมองไปยังใบหน้าของเขา
“อื้ม กุญแจอยู่ที่โต๊ะนั่นหล่ะ”ผมไม่รอให้เขาพูดลจบก็รีบเดินไปหยิบกุญแจที่โต๊ะและเดินออกจากบ้านไปทันที ไม่ได้มองหันหลังกลับไปอีก เพราะผมโกรธหรือเพราะผมกำลังรู้สึกแปลกๆกับริมฝีปากนั้นกันแน่ ริมฝีปากที่เขาเป็นอีกคนที่ได้สัมผัสมัน
จุ๊บ
“ริมฝีปากนี้ เป็นของพี่คนเดียวได้ไหมน้องบลู”
“ได้ครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครได้มันไปนอกจากพี่”
“พี่รักบลูนะ”
“บลูก็รักพี่กี้ครับ”
“บลูขอโทษนะครับที่บลูยอมให้อีกคนได้จูบนั้น”
.....................
//รักแรกแยกยาก รักมากยากที่จะแยก//