The Color of Love : ​Pink Loved ความรักสีชมพู (The End)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Color of Love : ​Pink Loved ความรักสีชมพู (The End)  (อ่าน 27628 ครั้ง)

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Pink Loved 5 : เวลา  (สุดรัก x นาคิม)
[/size]

ที่ห้องโถงตอนนี้ใบหน้าอนาคิน พี่ชายคนโตของบ้านยังคงตึงเครียดอยู่กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ สายตามองไปยังนิลกาฬที่นั่งปลอบใจป้าลิน แม่บ้านของที่นี่ก่อนจะปรายตามองไปยังน้องคนเล็กที่ตอนนี้ได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบ น้ำตายังคงไหลออกมาเรื่อยๆ
“เล่ามาสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเลิฟถึงหัวแตก”อนาคินเอ่ยถาม พิ้งค์ยังคงนั่งเงียบอยู่ จนเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากประตูทางเข้า
“ผมใช้แจกันตีหัวตัวเองเองครับ คุณหนูพิ้งค์ไม่ได้ทำอะไรผมเลย คุณแบล็คอย่าดุคุณหนูเลยนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปหายายลิน
“เป็นไงมั้งลูก”ยายลินเอ่ยถามหลานชายอย่างเป็นห่วง จนพิ้งค์เองรู้สึกแย่เพราะตัวเขาเองก็รักป้าลินมากเช่นกัน
“แล้วนายไปทำอะไรที่ห้องหนูพิ้งค์ดึกๆดื่นๆขนาดนี้”กรีนเอ่ยถาม ทำให้เลิฟไปไม่ถูกอยากจะพูดความจริงไปก็กลัวจะถูกสั่งห้ามไม่ให้อยู่กับพิ้งค์อีก ถ้าไม่พูดพิ้งค์ก็จะเสียหายและยายเองก็จะเสียใจ
“คือเลิฟเอาของมาให้พิ้งค์ฮะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้น เลิฟเองก็เข้าใจดีว่พิ้งค์ไม่อยากให้ที่บ้านรู้เรื่องของเขาทั้งสองว่าเป็นยังไง
“เอ่อ...คือคุณหนูลืมหนังสือที่จะสอบไว้ที่รถอ่ะครับ ผมเลยเอามาให้”เลิฟเอ่ยขึ้น สายตามองไปยังพิ้งค์ที่ตอนนี้ก้มหน้าลงอย่างไม่อยากสบตา
“แล้วทำไมต้องตีหัวตัวเองด้วย”เก้าเอ่ยถามกลับ และเป็นคำถามที่ทุกคนอยากถามเช่นกัน
“ผมโกรธตัวเองครับ โกรธที่ทำให้คุณหนูไม่เชื่อใจอะไรได้เลย โกรธที่ทำให้คุณหนูลำบากใจ โกรธที่ทำให้คุณหนูไม่ต้องการสิ่งที่ผมบอก ผมเลยอยากให้แผลนี้เป็นความทรงจำเตือนไว้ว่าผมทำอะไรไม่ดีกับคุณหนู"
ทุกคนต่างขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจที่เลิฟพูด แต่น้ำตาของเลิฟและพิ้งค์ไหลออกมา นิลกาฬพอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าที่เลิฟเอ่ยออกมาคืออะไร และก็เข้าใจความรู้สึกของเลิฟจึงเอ่ยขึ้นตัดบท
“เลิฟก็ไม่เป็นไรแล้ว ผมว่าทุกคนไปพักผ่อนเถอะนะครับ เลิฟเองก็จะได้พักผ่อนด้วย”
“อื้ม งั้นป้าลินดูแลเลิฟด้วยนะครับ หนูพิ้งค์ไปนอนพักได้แล้ว ทุกคนด้วย”อนาคินเอ่ยขึ้น
ทุกคนแยกย้ายกันกลับห้องพักของตัวเอง แต่สายตาของพิ้งค์และเลิฟยังมองกันจนสุดทาง พิ้งค์เองก็รู้สึกแย่มากจริงๆที่เกิดเรื่องแบบนี้

//“ผมรักคุณหนูนะครับ รักตั้งแต่จำความได้และผมก็จะรักคุณหนูตลอดไป อย่าหวังยัดเหยียดผมให้ใคร เพราะผมรักคุณหนูแม้คุณหนูจะรักคนอื่น”//

คำนี้ยังก้องอยู่ในหูของพิ้งค์ตลอดเกือบทั้งคืน ไม่ต่างกับเลิฟแม้จะปวดแผลที่หัวแต่เลิฟก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี ก่อนจะหันมองหลังยายลินที่นอนอยู่ข้างๆ
“ยาย เลิฟขอโทษนะ ยายอย่าโกรธเลิฟนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น ยายลินที่นอนนิ่งอยู่ในใจก็เห็นใจหลานนัก แต่ก็ไม่อยากให้หลานเจ็บปวดเพราะรู้ดีว่าคุณหนูพิ้งค์ของบ้านอยู่สูงแค่ไหน
“ยายไม่อยากให้เลิฟต้องเสียใจเหมือนแม่ของเลิฟ”ยาลินเอ่ยขึ้น ทำให้เลิฟเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าที่ยายพูดนั้นคืออะไร
“เหมือนแม่ ยายหมายความว่าพ่อของเลิฟ…”เลิฟเอ่ยถาม แต่ยายลินรีบตัดบททันที
“นอนได้แล้ว อย่าถามอะไรมากตอนนี้เลิฟเป็นหลานยายคนเดียวก็พอ”ยายลินเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับหลานชายนอนพร้อมลูบหัวหลานชายเบาๆ
“พรุ่งนี้คืออนาคต จำไว้ว่าเรากำหนดอะไรไม่ได้ ให้เวลาเป็นตัวตัดสินก็พอ”ยายลินเอ่ยขึ้น
“เลิฟรักคุณหนูมากครับ แต่เลิฟรู้ว่าเลิฟต่ำต้อยแค่ไหน แต่อย่าห้ามเลิฟที่จะรักคุณหนูเลยนะครับยาย”เลิฟเอ่ยขึ้น
“นอนได้แล้ว”ยายลินเอ่ยพร้อมลูบหัวหลายชายเบาๆ ในใจยสยลินมีเรื่องราวมากมายที่เก็บซ่อนไว้ในใจ เพราะยังไงยายลินจะไม่ยอมให้เลิฟไปยุ่งกับครอบครัวนั้นแน่นอน

//“เพราะความจนไงถึงทำให้คนพวกนั้นมันดูถูกเรา ยายไม่มีทางให้หลานไปรู้จักคนพวกนั้นแน่นอน”//

ยายลินคิดอยู่ในใจ สักพักก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของหลานชายจึงล้มตัวลงนอนตาม

เช้าวันรุ่งขึ้น พิ้งค์ตื่นแต่เช้าพร้อมวิ่งเข้าไปในครัวเหมือนต้องการหาใครสักคน แต่เมื่อเข้ามาในครัวกลับไม่เจอเลิฟ
“สงสัยจะไม่สบายหรือเปล่า ธรรมดาต้องมาช่วยป้าลินแล้วนะ”พิ้งค์เอ่ยก่อจะย่องๆไปหลังบ้านใจก็กล้าๆกลัวๆที่จะเข้าไปดูเลิฟ มือเล็กค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้องของเลิฟ พิ้งค์เห็นคนเจ็บนอนอยู่บนที่นอน
“ถ้าเลิฟหมายความอย่างที่พูด เราก็จะทำตามอย่างที่เราคิด”พิ้งค์เอ่ยขึ้นเบาๆก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยและรีบเดินไปที่ห้องครัวทันที
“ป้าลินครับ”น้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด ที่เมื่อคืนตัวเขาเองทำให้หลานชายยายลินต้องเจ็บ
“ตื่นแต่เช้าเลยนะคะคุณหนู แล้วเข้ามาถึงในครัวนี้ต้องการอะไรไหมคะ เรียกป้าหรือมะลิก็ได้”ป้าลินรักพิ้งค์มาก และไม่เคยที่จะโกรธหรือเกลียดคุณหนูผู้น่ารักนี้เลยสักครั้ง
“พิ้งค์มีเรื่องจะคุยด้วยครับ”งค์ทำน้ำเสียงเศร้าๆ
“ไม่เคยปกปิดอะไรได้เลยสักครั้ง”ป้าลินเอ่ยขึ้นอย่างเข้าใจว่าตอนนี้คุณหนูคนเล็กของบ้านจะพูดอะไร
“พิ้งค์ขอโทษนะครับที่เป็นต้นเหตุให้เลิฟเจ็บ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น ป้าลินค่อยๆจับที่แขนเล็กนั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ฮึ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ดูสิไม่น่ารักเลยนะ”ป้าลินเอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้สึกโกรธอะไร ยิ่งทำให้พิ้งค์ยิ่งรู้สึกผิดก่อนจะนั่งก้มหน้านิ่งอยู่จนป้าลินเห็นว่าพิ้งค์น่าจะมีอะไรบางอย่าง
“ถ้าอยากขอโทษป้า งั้นช่วยอะไรป้าหน่อยได้ไหมคะ"ป้าลินเอ่ย พิ้งค์ยกยิ้มออกมาทันทีก่อนจะลุกขึ้น
“ว่ามาเลยครับ พิ้งค์ยินดีช่วยป้าลินทุกอย่างถ้าป้าลินยกโทษให้พิ้งค์”
“ช่วยเอาข้าวต้มไปให้เลิฟหน่อยได้ไหมคะ พอดีป้ามีงานต้องทำอีกมากมายเลย”ป้าลินเอ่ยขึ้น พิ้งค์เองก็ลังเลอยู่บ้างแต่ก็เป็นทางเดียวที่ช่วยป้าลินได้
“ได้เลยครับ”พิ้งค์เอ่ยพร้อมยกถาดข้าวต้มดิ่งไปยังห้องเลิฟทันที โดยมีป้าลินมองตามหลังไปด้วยความกังวลบางอย่าง
“อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด บางเรื่องเราก็ฝืนโชคชะตาไม่ได้”ป้าลินเอ่ยกับตัวเองก่อนจะทำงานต่อ
พิ้งค์ถือถาดข้าวต้มตรงมาที่ห้องนอนของเลิฟ ในใจคิดว่าถ้าเลิฟตื่นขึ้นมาเขาจะพูดอะไรกับเลิฟบ้าง และจะเริ่มต้นยังไงถ้าเลิฟไม่อยากคุยกับเขาแล้ว
“ตัวร้อนไหมอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยหลังจากวางถาดข้าวต้มลงเบาๆ ร่างเล็กนั่งอยู่ข้างๆคนเจ็บที่ตอนนี้ยังคงหลับใหลอยู่ แต่ในฝันกำลังเจ็บปวดเมื่อฝันร้ายเมื่อคืนยังฝังที่ใจของเขา
“อื่ออออ”เสียงงัวเงียของเลิฟทำให้พิ้งค์ตกใจ รีบโดออกจากเตียงและยืนมองเลิฟที่กำลังปรือตาเพื่อปรับแสงจากข้างนอกและเหมือนดั่งฝัน หรือตัวเองยังอยู่ในฝันเพราะตอนนี้เขาเห็นพิ้งค์ยืนอยู่ในห้องด้วยตอนนี้
“กูยังไม่ตื่นอีกหรอว่ะ ทำไมคุณหนูมาอยู่ที่นี่ได้”เลิฟคิดในใจก่อนจะหลับตาลงและร้องเมื่อรู้สึกเจ็บแผลที่หัวอยู่
“ซี๊ดดดด”
“เป็นไงมั้ง”เสียงตื่นตระหนกของพิ้งค์ที่วิ่งเข้ามาหาเลิฟด้วยความเป็นห่วงทำให้เลิฟคิดว่าเขาไม่ได้ฝันไป แต่ทำไมคุณหนูมาอยู่ที่นี่ได้
“คะ...คุณหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ แล้ว...”เลิฟเอ่ยถาม
“ไม่ต้องพูดมาก เราว่าเลิฟทานข้าวก่อนนะและจะได้ทานยา พอดีพี่หมอสั่งไว้ว่าต้องทานยาแก้ปวดตัวนี้เพราะรู้ว่าเลิฟตื่นมาแล้วต้องระบมที่แผลแน่ๆ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะประคองเลิฟไว้อย่างลืมตัวว่าตัวเองกับเลิฟเพิ่งมีเรื่องกันอยู่
“คุณหนู เรื่องเมื่อคืน...”เลิฟไม่ใช่คนที่ชอบค้างคาใจกับเรื่องใดๆ เขาชอบที่จะเคลียให้จบโดยเฉพาะเรื่องของพิ้งค์ เขาต้องเคลียให้จบโดยเร็วที่สุด
“เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง นายทานข้าวก่อนเถอะจะได้ทานยา”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะขยับถาดข้าวต้มและทำท่าจะเดินออกจากห้องไป เพราะหมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว
“แล้วคุณหนูจะไปไหนครับ”เลิฟเอ่ยถาม
“จะกลับห้อง นายรีบทานข้าวทานยาเถอะ เราไปแล้วนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นใบหน้ากลับแดงเห่อขึ้นเพราะรู้ว่าเลิฟจะต้องคุยเรื่องเมื่อคืนและก็มีเรื่องที่เลิฟบอกรักพิ้งค์แน่ๆ
พิ้งค์วิ่งออกจากห้องเลิฟด้วยใบหน้าที่อมยิ้ม ในมือทาบที่อกตัวเองเพราะใจกำลังเต้นแรงไปหมด ยิ่งทำให้เขาคิดถึงเรื่องเมื่อคืนหลังจากมีเรื่อง นิลกาฬซ้อใหญ่ของเขาและซีเดินเข้ามาคุยด้วย

ย้อนเมื่อคืน
“หนูพิ้งค์พอจะเล่าเรื่องราวให้พี่ฟังได้ไหม”นิลกาฬเอ่ยถาม สองมือยังปลอบคนในอ้อมกอดไว้อยู่
“ถ้าเล่าออกมา พี่สองคนจะได้อธิบายเรื่องราวหลายๆอย่างให้หนูพิ้งค์ฟังได้ไง”ซีเอ่ยขึ้นพร้อมลูบกลุ่มผมนิ่มนั้นเบาๆ
“พิ้งค์ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีครับ”พิ้งค์แอ่ยขึ้นทั้งน้ำตากับความสับสน
“ถ้างั้น พี่ขอถามหนูพิ้งค์สักอย่างนะ ว่ารู้สึกยังไงกับเลิฟ”นิลกาฬเอ่ยอย่างคนรู้ทุกอย่าง เพราะเขาสัเกตพิ้งค์และเลิฟมาตลอด
“รู้สึกยังไง หมายความว่ายังไงครับ”พิ้งค์เอ่ยถามย้อนกลับ
“รู้สึกยังไงเมื่อใกล้เลิฟ รู้สึกยังไงเมื่อเลิฟไม่อยู่ด้วย รู้สึกยังไงเมื่อเลิฟคุยกับคนอื่น รู้สึกยังไงถ้าเลิฟสนใจคนอื่นมากกว่าหนูพิ้งค์”
“ฮึกๆ ไม่รู้ครับ แต่พิ้งค์ไม่ชอบให้เลิฟเห็นใครดีกว่าพิ้งค์ เลิฟสัญญาว่าจะอยู่กับหนูพิ้งค์ตลอดไป แต่ถ้าวันไหนเลิฟต้องมีแฟน หนูพิ้งค์ก็ต้องยอมไม่ใช่หรอครับ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา
“ใช่ ก็ต้องยอมแล้วทำไมเลิฟถึงหัวแตกหละ”ซีเอ่ยถามกลับ
“ก็...หนูพิ้งค์ไล่ให้เลิฟไปมีแฟน แต่ทำไมเลิฟถึงต้องใช้แจกันตีหัวตัวเอง หนูพิ้งค์ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น กรีนเข้ามาสวมกอดน้องชายก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ก็เลิฟไม่อยากไปมีคนอื่นไง ก่อนเลิฟจะทำร้ายตัวเอง เลิฟได้พูดอะไรทิ้งท้ายไหม”กรีนถาม พิ้งค์พยักหน้าเพราะคำทิ้งท้ายคือคำที่พิ้งค์รู้สึกว่าตัวเองผิดทุกอย่าง
“เฮียจะไม่ถามว่าเลิฟพูดว่าอะไร แต่เฮียจะถามว่าหนพิ้งค์จะปล่อยเลิฟไปได้หรอ”กรีนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พิ้งค์หันมองทุกคนทั้งน้ำตาที่ให้กำลังใจเขามาตลอด แถมไม่รังเกียจถ้าเลิฟจะเป็นแค่หลานคนใช้ก็ตาม
“แต่เลิฟ...”พิ้งค์เอ่ยขึ้น อยู่ๆเสียงอนาคินก็ดังขึ้น
“บ้านเราไม่ได้สอนให้ดูถูกคนนะ ถ้าเลิฟเป็นคนดีเฮียก็ยินดีมอบน้องชายให้เขาดูแล”รอยยิ้มที่ผุดออกมา น้ำตาที่ปริ่มไปด้วยความรัก


ตอนนี้พิ้งค์เองที่ลุกขึ้นนั่งลงอย่างกระวนกระวายใจ หลังจากกลับจากห้องเลิฟเมื่อเช้าเขาก็มานั่งอ่านหนังที่ห้องนั่งเล่น ทุกครั้งจะมีเลิฟมานั่งอ่านด้วย
“พี่มะลิครับ ป้าลินอยู่ไหนครับ”พิ้งค์เอ่ยถามสาวใช้ที่ยกขนมมาให้
“ป้าลินออกไปข้างนอกกับคุณนิลคะ คุณหนูจะเอาอะไรเพิ่มไหมคะ”สาวใช้เอ่ยขึ้นถามกลับ
“ไม่มีแล้วครับ พี่มะลิไปทำงานต่อเถอะครับ”พิ้งค์เอ่ยบอก
“ถ้าคุณหนูต้องการอะไรเพิ่มก็เรียกพี่นะคะ พี่ขอไปดูละครย้อนหลังก่อนนะคะ”สาวใช้เอ่ยขึ้นบอก พิ้งค์ยกยิ้มพร้อมยกหนังสือมาอ่านต่อ แต่ในใจกำลังคิดจะทำอะไรสักอย่าง
หลังจากที่มะลิเดินออกไปสักพักเขาก็รีบไปที่ครัว เพราะพี่สะใภ้ของเขาออกไปช่วงก่อนเที่ยงแสดงว่าป้าลินอาจจะยังไม่ได้หาอะไรให้เลิฟกินแน่ๆ
“พี่หมอครับ ยาก่อนอาหารนี่เราต้องทานก่อนอาหารนานไหมอ่า”
(“หนูพิ้งค์เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรอ”)
“เปล่าครับ คือเพื่อนหนูพิ้งค์ถามมาอ่ะ”
(“อ่อ ยาก่อนอาหารให้ทานก่อน 30 นาทีนะและหลังอาหารก็ 15 นาที”)
“ขอบคุณครับ”
พิ้งค์วางหูเรียบร้อยก็ย่องๆไปที่ห้องของเลิฟ พิ้งค์แอบมองเข้าไปในห้องเห็นเลิฟนั่งอยู่หน้าจอคอมก็อยากจะบ่นนักว่าไม่สบายแล้วยังจะจ้องคอมอีก
ตึก! แกรก!
เสียงดังจากที่พิ้งค์แอบอยู่ทำให้เลิฟหันไปมองตามเสียงพร้อมยกยิ้มให้กับพิ้งค์
“คุณหนูมีอะไรหรอครับ แอบตรงนั้นทำไม”เลิฟเอ่ยถาม พิ้งค์ที่เขินๆเล็กน้อยท่าทางน่ารักทำให้เลิฟยิ่งหลงรักคุณหนูของเขามากขึ้น ตอนนี้ไม่คิดจะปกปิดอะไรอีกแล้วเพราะเมื่อคืนเขาได้พูดไปแล้วทั้งหมด
“คือ...ป้าลินไปกับซ้ออ่ะ...แล้วป้าก็ฝากให้เราเอาอาหารกลางวันมาให้เลิฟ...”พิ้งค์เอ่ยน้ำเสียงติดๆขัดๆจนเลิฟนึกขำ
“ขอบคุณครับ”เลิฟเอ่ยพร้อมเดินเข้าไปประชิดร่างเล็กนั้น สองมอจับถาดที่พิ้งค์ถืออยู่ มือของเลิฟและพิ้งค์ที่จับกันแน่นยิ่งคิดถึงกันมากขึ้น เลิฟยกยิ้มอ่อนๆจนหัวใจคนตัวเล็กเต้นแรงนัก พิ้งค์ถอยห่างเล็กน้อยพร้อมหลบสายตาของเลิฟก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ทานยาหรือยัง ก่อนและหลังอาหารอ่ะ ก่อนต้อง30 นาทีก่อนอาหารนะ หลังต้อง 15 นาทีหลังทานอาหารเสร็จนะ”พิ้งค์เอ่ยก่อนจะรีบปล่อยถาดอาหารนั้นแต่เลิฟกลับไม่ยอมปล่อยมือพิ้งค์ เอาจับถามดอาหารวางก่อนจะรวบมือของพิ้งค์ไว้ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นนิ้วสวยนั้นมีแต่พลาสเตอร์ติดแผลอยู่หลายนิ้ว
“นี่อะไรครับ...”ยังไม่ทันที่เลิฟจะถามจบเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย ใบหน้าของพิ้งค์เริ่มบึ้งทันทีเพราะคิดว่าปลายสายคือโมเม
“เดี๋ยวครับ ผมยังถามคุณหนูไม่จบเลย”เลิฟเอ่ยบอกคนตัวเล็กและดึงมือของพิ้งค์ไว้ก่อนจะหันมารับโทรศัพท์
(“เลิฟยายมากับคุณนิลข้างนอก ยายไม่ได้ทำอะไรไว้เลยเลิฟหาอะไรกินไปก่อนนะ”)
“ครับยาย”เลิฟเอ่ยขึ้น ทำให้พิ้งค์ยกยิ้มเล็กน้อยเพราะรู้ว่าปลายสายไม่ใช่โมเม
เลิฟวางสายเสร็จก็หันมายิ้มให้กับพิ้งค์และมองไปยังถาดอาหารที่หน้าตามันดูจะแปลกไปนิดหน่อย คือไข่เจียวหัวหอมของโปรดของเลิฟมันดูเกรียมเล็กน้อย
“มือไปโดนอะไรมาครับ”เลิฟเอ่ยพร้อมยกยิ้มหวานออกมาจนพิ้งค์รู้สึกร้อนผ่าวไปหมด
“เอ่อ พอดีกระดาษทำรายงานบาดอ่ะ นายรีบทานข้าวทานยาและพักผ่อนเถอะ เราจะไปอ่านหนังสือต่อแล้ว”พิ้งค์เอ่ยขึ้นอย่างเขินๆก่อนจะรีบเดินออกจากห้องของเลิฟทันที
“คุณหนูทำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่เลิฟจะลืมคุณหนูได้”เลิฟเอ่ยกับตัวเองพร้อมกับนั่งทานอาหารจานพิเศษ แต่ยังก็ไม่ลืมถ่ายรูปเก็บไว้
“ถ้าต้องกินไข่เจียวไหม้แบบนี้ทุกวัน ยอม”

มันคือแคปชั่นของบันทึกของเลิฟ
เลิฟเอาถาดมาเก็บที่ครัว เขาเดินมาที่ห้องนั่งเล่น ห้องที่เขามักจะมานั่งทำรายงาน การบ้านที่นี่เสมอกับพิ้งค์ เขาเดินเข้ามาในห้องหวังจะขอบคุณพิ้งค์ แต่เมื่อเข้ามากลับเห็นพิ้งค์กำลังหลับพร้อมกองหนังสือเลิฟจึงนั่งลงและใช้นิ้วเกลี่ยไปที่แก้มของพิ้งค์อย่างถือดี
“ต่อให้ไล่ผมไปหาใคร หรือมีใครเข้ามาหาผม แม้แต่คนที่คุณหนูบอกรักเขาเข้ามาตอนนี้ ผมก็รักคุณหนูแค่คนเดียว”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะแอบกดริมฝีปากที่หน้าปากของพิ้งค์
จุ๊บ
“เราเคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ใช่ไปไหมครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์ที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องตอนนี้เหมือนกำลังฝันว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่น ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าถูกใครอุ้มขึ้นมานอนบนที่นอนนุ่มของตัวเอง
“เวลาอาจจะเป็นตัวตัดสินเราสองคน”เลิฟเอ่ยขึ้นเมื่อวางพิ้งค์นอนบนที่นอนเรียบร้อย
“แล้วทำไมเราต้องรอเวลาหละ พิ้งค์ไม่รอหรอกนะ พิ้งค์ตัดสินเองเลยแล้วกัน”พิ้งค์เอ่ยก่อนจะจับมือของเลิฟไว้แน่น รอยยิ้มหวานยกยิ้มขึ้นอย่างแสนหวานก่อนจะหลับตาลงและรั้งท้ายทอยของเลิฟไว้
“อื้อออ ครับคุณหนู”
.........................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2018 19:33:31 โดย Papai »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดีจังที่พี่ๆ หนูพิ้งค์เข้าใจ
แบบนี้ดับเครื่องชนเลยสินะหนูพิ้งค์ 555

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
น่ารักจริงเชียว

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
หนูพิงค์รุกแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Pink Loved 6 : เข้าใจ  (สุดรัก x นาคิม)
[/size]

จุ๊บ
“เลิฟกลับห้องก่อนนะครับคุณหนู ตีห้าแล้ว”เลิฟเอ่ยขึ้นหลังจากที่เมื่อคืนเขามาปรับความเข้าใจกับพิ้งค์ และก็นอนค้างที่ห้องของพิ้งค์ สำคัญคือเมื่อคืนเขากับพิ้งค์เพิ่มความสัมพันธ์ขึ้นมากเดิม แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม
“อื้ม แล้วมาปลุกเราอีกทีนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยหน้าที่งัวเงีย เลิฟกดจูบที่หน้าผากก่อนจะเอ่ยขึ้น
จุ๊บ
“ครับ จะทานข้าวข้างบนไหมครับ เดี๋ยวผมเตรียมไว้ให้”
“ไม่ดีกว่า เราไปกินกับเลิฟนะเช้านี้ เพราะเฮียๆไม่มีใครอยู่เลย”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะหลับต่อ
เลิฟเดินออกจากห้องนอนสีชมพู และเดินเข้ามายังห้องตัวเองด้วยหน้าตาที่อารมณ์ดี แต่ยังไม่ทันจะเข้าห้องนอนเสียงของยายลินก็ดังขึ้น
“เลิฟ มาช่วยยายเตรียมของไปวัดหน่อย”เลิฟหันมองยายลิน อยากจะเอ่ยบอกแต่ยายลินทำท่าทางวุ่นๆอย่างไม่สนใจ
“ครับยาย”เลิฟเดินตามยายของตัวเองไปในครัว ไม่มีคำถามหรือคำพูดอะไรเลยระหว่างสองยายหลานจนเตรียมของเสร็จ
“พุดซ้อน แกไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว เผื่อคุณแบล็คและคุณนิลลงมาจะได้ไปกันเลย”
“คะคุณป้าลิน”พุดซ้อนเอ่ยก่อนจะเดินออกไป ยายลินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จนเลิฟเองที่เป็นคนเอ่ยขึ้นเองด้วยความอึดอัด
“ยายไม่ถามเลิฟหรอครับว่าเลิฟไปไหนมา”
“ไม่หล่ะ เพราะยายรู้ว่าเลิฟคิดดีแล้ว ยอมเอาแจกันตีหัวตัวเองขนาดนี้ คงไม่มีอะไรที่จะห้ามความรักของหลานได้ แล้วยายจะพูดอะไรได้หล่ะ”ยายลินเอ่ย เลิฟเงยหน้ามองผู้เป็นยายก่อนน้ำตาจะไหลออกมา
“ยาย เลิฟรักยายครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมสวมกอดยายตัวเองไว้แน่น
“ยายเชื่อว่าประวัติศาสตร์มันจะไม่ซ้ำรอยอีก”ยายลินเอ่ยพร้อมสวมกอดเลิฟไว้แน่น
ช่วงสายของวันนี้ เลิฟเดินขึ้นมาบนตึก ที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพิ้งค์ที่ยังคงนอนขี้เซาอยู่ในห้อง เลิฟเปิดประตูเข้ามาได้ก็รีบเดินเข้าไปสวมมกอดพิ้งค์ทันที
ฟอดดดดด
“คิดถึงผมไหมครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น
“อื้อออ”เสียงงัวเงียน่ารักเอ่ยออกมา เลิฟมานาฬิกาก็ปาเข้าไปแปดโมงแล้วจึงจับพิ้งค์พลิกเข้ามาหาตัวเอง
หมับ
พรึบ
“อ๊ะ...เลิฟจะทำอะไรอ่ะ”พิ้งค์เอยขึ้นอย่างตกใจ
“ก็กำลังจะปลุกคนขี้เซายังไงหล่ะครับ”เลิฟไม่เอ่ยเปล่า เขาดึงพิ้งค์ขึ้นและอุ้มพิ้งค์พาดไหล่ทันที
“เหวออออ เลิฟปล่อยเรานะ เดี๋ยวตก”พิ้งค์เอ่ยและพยายามดิ้นให้หลุด
“อย่าดื้อสิครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำให้”เลิฟเอ่ยขึ้น
“เลิฟ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นจะงอนจริงๆด้วย”พิ้งค์เอ่ยออกมา ทุกครั้งที่พูดแบบนี้เลิฟจะทำตามพิ้งค์เสมอ แต่วันนี้เลิฟกลับเป็นคนที่ไม่เชื่อฟังพิ้งค์อีกแล้ว
เพี๊ย!
เสียงมือหนาฟาดเข้าที่ก้นเล็กของพิ้งค์จนคนถูกฟาดกลับหน้าแดงออกมาทันที ไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดแต่ที่หน้าแดงเพราะความเขินมากกว่า
“เลิฟ ไอ้คนบ้า ปล่อยเราลงเดี๋ยวนี้”พิ้งค์เอ่ยด่าเพราะความเขิน
“ปล่อยแน่ครับ แต่ต้องในห้องน้ำนะ เพราะขืนคุณหนูไม่ยอมอาบน้ำ เราสองคนก็ยังไม่ได้ทานข้าวเช้ากันนะครับ”
“งั้นก็ปล่อยเราก่อนสิ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟค่อยๆปล่อยร่างของพิ้งค์ลงและยกยิ้มให้กับคนหน้าแดงตรงหน้า
“เราขอเวลาสิบห้านาที แล้วกัน”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
เลิฟเดินลงจากชั้นบน พร้อมเดตรียมตั้งโต๊ะอาหารให้กับพิ้งค์และตัวเอง วันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่ ระหว่างที่เลิฟเตรียมอาหารอยู่นั้นเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น
Rrrrrrrrrrrr
(“ไอ้เลิฟ อยู่บ้านป่ะ”)
“อยู่ มึงจะทำไม”
(“ไปดูหนังกัน”)
“มึงก็ไปดิ จะชวนกูทำไมกันว่ะ”
(“ก็กูอยากชวนมึง เพราะมึงคือเพื่อนกู แล้วมึงก็มีพิ้งค์ที่เป็นเพื่อนไอ้ชามง่ะ”)
“ไอ้เวร บอกแต่แรกก็จบม่ะ ว่าให้ชวนคุณหนูไปด้วยเพื่อนจะได้ชวนไอ้ชาม มึงแม่งร้ายนะไอ้พอร์ช”
(“เหอะน่า เอาเป็นว่าเจอกันที่โรงหหนังเดิมตอนบ่ายโมงนะ”)
“ไอ้พอร์ช!”เสียงของเลิฟเอ่ยดังพอจะทำให้คนที่เดินเข้ามาตกใจ
“เสียงดังอะไรกัน” พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มหวานเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร
“ไอ้พอร์ชนะสิครับ มันชวนไปดูหนังวันนี้ คุณหนูไปด้วยกันนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น
“พอร์ชนึกยังไงถึงชวนเลิฟหล่ะ”
“ก็ถ้าชวนผมไป ผมต้องชวนคุณหนูไป และคุณหนูก็จะได้ชวนชามไปไงครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นทำให้พิ้งค์ร้องอ๋อขึ้นมาอย่างเข้าใจ
“อ๋อ...แล้วก็ไม่ชวนเองนะ วางมาดเหลือเกิน”พิ้งค์เอ่ยก่อนจะนั่งทานอาหารตรงหน้า
“คุณหนูครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น เพราะตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขมาก
“หื้ม ว่าไง”พิ้งค์ที่กำลังนั่งทานพร้อมกำลังนั่งเขี่ยมือถือไปเรื่อยๆ ไม่ได้เขี่ยมือถือตัวเอง แต่เป็นมือถือของเลิฟที่ยกให้พิ้งค์สำรวจมือถือได้ตามสบาย
“เจออะไรบ้างหรือยังครับเนี้ย กินก่อนไหมครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นบอก
“ทำไม กลัวเราเจออะไรหรือไง”พิ้งค์เอ่ยขึ้นอย่างงอนๆ เลิฟเอื้อมมือไปจับมือเล็กที่กำลังเขี่ยมือถืออยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เปล่าครับ คุณหนูมีเวลาทั้งชีวิตที่จะได้ดูมันนะครับ ตอนนี้ทานก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะไปดูหนังไม่นัดไอ้พอร์ชและชาม”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้ม
“ก็ได้ งั้นตักอันนี้ให้หน่อยสิ”พิ้งค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ เลิฟทำตามอย่างว่าง่ายทุกอย่าง ก็เขารักพิ้งค์มาก
ช่วงบ่ายที่หน้าโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งของใจกลางเมืองหลวง ร่างสูงของพอร์ชกำลังยืนมองซ้ายมองขวาหาเพื่อนรักของตัวเอง แต่ไม่น่าจะตื่นเต้นเท่าการที่ได้เจอกับชามอีกครั้งหลังจากวันนั้น วันที่เขารู้ว่าที่จริงแล้วชามคือใครและเขาคือใคร
“พอร์ช”เสียงเอ่ยจากริมฝีปากของชามเบาๆ ก่อนจะทำท่าจะเดินหนีแต่ก็ถูกพิ้งค์รั้งเอาไว้
“จะไปไหนหล่ะชาม”พิ้งค์เอ่ยพร้อมควงแขนชามไว้ เลิฟเองก็ไม่พอใจนัก เพราะยังหวงพิ้งค์กับชามอยู่
“เปล่า ก็กำลังจะโทรตามพิ้งค์ไง”ชามเอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมา
เลิฟเดินเข้ามาหาพอร์ชที่ยืนอยู่ด้วยหน้าตางอนๆเล็กน้อย ก็ตอนนี้พิ้งค์กับชามกำลังเดินคุยกันมาด้วยรอยยิ้มที่น่ารักและมีความสุข
“ไอ้พอร์ช มานานยังว่ะ”
“เพิ่งมาเหมือนกัน”พอร์ชเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม สายตามองไปยังเพื่อนทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามา
“หวัดดีพิ้งค์ และ…ชาม”พอร์ชเอ่ยทักเพื่อนทั้งสอง สายตากลับมองแค่ชามอย่างเดียว
“หวัดดีพอร์ช วันนี้แต่งตัวหล่อจังเลยนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นชม
“คุณหนูครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเข้มอย่างลืมตัว
“ไอ้นี่ หึงแม้กระทั่งกูหรอกว่ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้นหยอก
“เออ ก็วันนี้มึงแม่งจัดเต็มไปไหนว่ะ ไอ้เสื้อเชิ้ตคอเต่าแสนสุภาพแบบนี้มันไม่ใช่มึงเลยสักนิด”เลิฟเอ่ยขึ้น ก็จริงอย่างที่ว่า เพราะสำหรับพอร์ชแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์มันคือสไตล์ของเขามากกว่าแบบนี้ แต่ต้องแต่งแบบนี้เพราะเขามีเหตุผลบางอย่าง
“ก็ลองเปลี่ยนบ้าง เผื่อสาวๆจะมอง”พอร์ชเอ่ยขึ้นไปส่งๆแก้เขิน แต่กลับทำให้ชามไม่พอใจขึ้นมาอย่างลืมตัว
“ผู้หญิงเขาไม่มองหรอกนะไอ้ผู้ชายที่แต่งตัวยังกับเกย์แบบนี้”ชามเอ่ยขึ้นทันที
“ถ้าผู้หญิงไม่มองก็ให้เกย์มันมองก็แล้วกัน”พอร์ชเอ่ยขึ้นก่อนจะดึงเลิฟไปที่ตู้ซื้อตั๋ว
ทั้งสี่พากันนั่งดูหนัง แม้จะมาสี่คนแต่กลับมีแค่เลิฟและพิ้งค์ที่ดูจะคุยกันแค่สองคน เพราะถามชามและพอร์ชก็ไม่มีใครยอมตอบอะไร
“สองคนนี้แปลกๆเนอะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“อย่าไปสนใจเลยครับ คุณหนูกินป๊อบคอนนะครับ ผมป้อน”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมหยิบบ๊อปคอร์นมาป้อนใส่ปากพิ้งค์ จนชามที่แอบชำเลืองมองผ่านไปยังพิ้งค์และเลิฟ เพื่อจะมองหาคนตัวสูงข้างๆเลิฟ
“เราว่าเรานั่งผิดที่หรือเปล่านะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นถามเลิฟ เมื่อหันมองพอร์ชเองที่ก็แอบชำเลืองมองชามเช่นกัน
“นั้นสินะครับ หรือเราจะเปลี่ยนที่ให้พอร์ชมานั่งตรงนี่”พิ้งค์เอ่ยบอกเลิฟ ก่อนที่เลิฟจะหันไปบอกเพื่อนรักที่ตอนนี้คอน่าจะยาวหลายเซนแล้ว
“ไอ้พอร์ชมึงไปนั่งตรงคุณหนูไป”
“ทำไมว่ะ”
“คุณหนูบอกกูมา เขากลัวคอมึงจะยาวเป็นกระเหรี่ยงคอยาวหล่ะมั้ง”เลิฟเอ่ยก่อนจะหันมองพิ้งค์และให้พิ้งค์มานั่งแทนที่พอร์ช
ฟุบ
“นาย...มานั่งที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”ชามเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อนั่งลงหลังจากยืนเคารพเพลงสรรเสริญเสร็จ
 “อื้ม ทำไม นั่งไม่ได้หรอไง”พอร์ชเอ่ยขึ้นกวนๆ
“ก็ไม่ได้ทำไม อยากนั่งก็นั่งสิ”ชามเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองหน้าจอต่อ ไม่ได้สนใจอะไรคนข้างๆเลยแต่ชามเป็นที่ดูหนังได้ไม่นานก็หลับ
ปึก!
“อือออ”เสียงครางในลำคอเบาๆแทบจะไม่ได้ยินถ้าไม่ใช่เจ้าของไหล่ที่เป็นหมอนให้ชามได้อิงตอนนี้ พอร์ชค่อยๆจับหัวของชามให้หนุนถนัด ก่อนจะค่อยๆลูบใบหน้าเล็กนั้นเบาๆโดยที่ชามเองไม่รู้ตัว
“ผู้ชาย แล้วไงว่ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้นในใจก่อนจะดูหนังต่อ
จนเวลาหนังจบ ชามก็ถูกพอร์ชปลุก แต่การปลุกของพอร์ชทำให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่รู้สึกดี เพราะมือของพอร์ชกำลังลูบที่แก้มของชามเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แมวน้อย ตื่นได้แล้ว”เสียงเอ่ยกระซิบเบาๆ
“อื่อออ”เสียงครางเบาๆก่อนจะซุกหน้าที่ไหล่ของพอร์ชอีกครั้ง และเมื่อไฟสว่างขึ้น ก็รู้ว่ามือทั้งสองประสานกันไว้แน่นจนพิ้งค์แอบอมยิ้ม
“ว่าแล้วไง สองคนนี้ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ”พิ้งค์หันไปบอกเลิฟ ก่อนที่สายตาของเลิฟจะเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินไปกับหญิงสาว
“คุณพิ้งค์ว่าไอ้นั่นคือแฟนเก่าของโมเมไหมครับ”เลิฟเอ่ย พิ้งค์เองก็มองตามก่อนที่เลิฟจะหันไปเรียกเพื่อน
“ไอ้พอร์ช มึงตามกูไปหน่อยดิ”เลิฟเอ่ยขึ้น เหมือนเลิฟต้องการรู้อะไรบางอย่างก่อนจะปล่อยมือของพิ้งค์และเดินตามไปอย่างไว พิ้งค์เองก็ตกใจเล็กน้อยว่าทำไมเลิฟต้องสนใจผู้ชายคนนี้หรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับโมเม เลิฟต้องรู้เรื่องทั้งหมดหรือยังไงกัน
“เลิฟ...”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“คุณหนูกับชามไปรอที่ร้านเดิมนะครับ เดี๋ยวผมกับไอ้พอร์ชตามไป”เลิฟเอ่ยพร้อมกับเดินออกไป ทิ้งให้พิ้งค์ไม่เข้าใจอะไรเลย ทั้งที่โกรธก็โกรธแต่ก็ต้องเชื่อใจเลิฟ
“หนูพิ้งค์ เราว่าเราไปรอสองคนนั้นที่ร้านเดินกันก่อนเถอะ เดี๋ยวทั้งสองกลับมาค่อยซักฟอกทีเดียว”ชามเอ่ยขึ้น
“อื้ม...”พิ้งค์พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับชาม
ทางด้านเลิฟและพอร์ชเดินตามชายหนุ่มที่เลิฟมั่นใจว่าใช่แฟนเก่าของโมเม คนที่มาก่อกวนจนโมเมอยู่แทบไม่ได้ แต่วันนี้ทำไมไอ้หมอนี่มากับผู้หญิงอื่นนะ
เมื่อสัปดาห์ก่อน
(“เลิฟ โมเมเองคะ”)
“โมเม มีอะไรหรอครับ”
(“เลิฟช่วยมาหาโมเมที่ห้องหน่อยได้ไหมคะ พอดีผู้ชายคนนั้นมาก่อกวนโมเมอีกแล้ว”)
“โมเมอย่าออกจากห้องนะครับ และส่งพิกัดห้องมาเดี๋ยวผมไป”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แกรก!
หมับ!
“ฮื่อๆ เลิฟโมเมกลัวจังเลย”
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่นี่แล้ว”
“เลิฟอยู่เป็นเพื่อนโมเมหน่อยนะ”
“เอ่อ คือ...”
“นะ นะ โมเมกลัวไอ้บ้านั่นจะกลับมาอีก”
“ครับ”
เลิฟส่งข้อความหาคุณหนูของเขา กังวลว่าคุณหนูเขาต้องโกรธมากแน่ๆ แต่โมเมคือเพื่อนอีกคนที่ได้รับความเดือดร้อน เขาก็ต้องช่วยเพื่อนเหมือนกัน
เลิฟ : ไอ้พอร์ช ถ้าข้อความกูหายมึงรีบมาที่คอนโดxxx และห้อง xx ด้วยนะกูกลัวเอาไม่อยู่
พอร์ช : ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูไปที่คอนโดนั้นเดี๋ยวนี้หล่ะ
เวลาผ่านไปเกือบทุ่มกว่า โมเมที่ขอไปอาบน้ำและขอร้องให้เลิฟอยู่เป็นเพื่อน เพราะกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะย้อนกลับมาอีก
โครม!
“ว๊าย!...”เสียงร้องของหญิงสาวที่ร้องดังมาจากห้องน้ำดังออกมาจนเลิฟตกใจก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่คิดอะไร แต่ใครจะรู้ว่าในห้องนั้นร่างของหญิงสาวที่ไม่ได้สวมอะไรเลยกำลังคู้อยู่ในอ่างน้ำนั้น
“โมเม...”
“เลิฟ โมเมกลัวคะ เมื่อกี้เขาโทรเข้ามา...ฮื่อๆ”หญิงสาวที่ร่างเปลือยเปล่าร้องให้สะอื้นตัวโยนหลังจากที่โผเข้าสวมกอดเลิฟ
“ไม่มีอะไรหรอกนะ ผมอยู่นี่แล้วเขาไม่มีทางมาทำอะไรคุณได้หรอก”เลิฟเอ่ยขึ้น
//”ไอ้ห่า พระเอกชะมัด”//เสียงของพอร์ชเอ่ยขึ้น เพราะเลิฟไม่ยอมวางสายโทรศัพท์หลังจากที่พอร์ชบอกว่ามาถึงแล้ว
“เลิฟ...”เสียงหวานกระเส่าหู แถมริมฝีปากของหญิงสาวกำลังกดจูบเข้าที่ซอกคอของชายเลิฟ
จุ๊บ
“โมเม...”เสียงเอ่ยขึ้นของเลิฟดูไม่พอใจนัก ก่อนที่จะผละหญิงสาวออก
“โมเมไม่ได้ตั้งใจ แค่ตกใจมากและกลัวมากแค่นั้นเอง”หญิงสาวเอ่ยแก้ตัว
“ไม่เป็นไร งั้นโมเมอาบน้ำและเตรียมเข้านอนเถอะสามทุ่มแล้ว เขาคงไม่มาแล้วหล่ะ”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำและยกสายขึน
“ไอ้พอร์ช กูกำลังลงไป”
(“เอ่อ กูอยู่ที่หน้าคอนโดเป็นชั่วโมงยังไม่เห็นคนมีพิรุธเลยนะมึง กูเลยเข้าไปถามพี่ยามดู เขาบอกว่าโมเมมีผู้ชายขึ้นไปหาไม่ซ้ำหน้า เขาจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร”พอร์ชเอ่ยขึ้น ทำเอาเลิฟยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ก่อนจะเดินลงมาจากคอนโด
“มึงว่าโมเมเป็นคนยังไงว่ะ”เลิฟเอ่ยถามเพื่อน
“ไม่รู้เว้ย แต่กูว่าเรื่องนี้มันแปลกๆว่าไหม”พอร์ชเอ่ยขึ้น
“อื้ม แล้วนี่มึงไปไหนมา ทำไมมาหากูไวจังว่ะ”เลิฟเอ่ยขึ้นถามเพื่อน
“กูก็พร้อมรบกับมึงไง ย่ามาสงสัยกูเลยตอนนี้มึงเตรียมตัวง้อคุณหนูของมึงดีกว่า เมื่อกลางวันหน้าแทบพับได้แล้ว”เลิฟถอนหายใจเล็กน้อย เขาเองก็รู้ดีว่าต้องเจอคุณหนูของเขาโกรธแน่ๆ

ที่ร้านอาหารประจำของทั้งสี่คน ตอนนี้พิ้งค์และชามกำลังนั่งมองไปทางประตูทางเข้าร้านด้วยใจจดจ่อ โดยเฉพาะพิ้งค์ ใจจริงเขาทั้งโกรธ ทั้งงอนและหงุดหงิดที่เลิฟสนใจเรื่องของผู้หญิงคนนั้นมากจนต้องตามไป
“ใจเย็นๆสิ ถ้าเลิฟกลับมาเราค่อยถามก็ได้ว่าทำไมต้องตามผู้ชายคนนั้นไป และมันเรื่องอะไรกันแน่ดีกว่านะ”ชามเอ่ยขึ้น
“ชาม เราถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามาเลย”
“ชาม ยังชอบเราอยู่ไหม”
“อะไรนะ!”
“เราถามชามว่า ชามยังชอบเราอยู่ไหม อยากจะคบกับเราอยู่ไหม”พิ้งค์เอ่ยขึ้นถาม ก็พอดีกับที่เลิฟและพอร์ชเดินเข้ามาพอดี
“ไอ้เลิฟ!”เสียงพอร์ชเอ่ยเรียกเลิฟที่เดินออกจากร้านไป
“หนูพิ้งค์!”พิ้งค์เองก็วิ่งตามไป ทิ้งให้ชามและพอร์ชมองหน้ากันไปมา
“อย่าเพิ่งไป แมวน้อย”พอร์ชเอ่ยขึ้นพร้อมรั้งแขนชามไว้
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะ”ชามเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งหงออยู่ตอนนี้
“ยังไม่ได้ถาม อย่าร้อนตัว”
“อ้าว ก็นาย...”
“จะถามว่าหิวหรือยัง”พอร์ชเอ่ยถามกลับ
“บ่ายสามโมงแล้วเนี้ย ใครมั้งจะไม่หิว ใช่หุ่นยนต์นะที่ต้องไม่กินอะไรอ่ะ”
“ถามนิดเดียวเอง ตอบซะยาวเลย งั้นสั่งมาเดี๋ยวกินเสร็จไปส่งที่ร้าน”พอร์ชเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งเมนูให้กับคนตัวเล็กข้างๆ
“แล้วเราไม่ตามสองคนนั้นไปหรอ”ชามเอ่ยขึ้น
“ไม่เอา ไม่เผือก”
“ไอ้...”
“เรียกไอ้หรอ”
“เปล่า แค่จะถามว่าไอ้นี่คืออะไรต่างหาก”ชามเอ่ยขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปที่เมนู พอร์ชยกยิ้มออกมาก่อนจะสั่งอาหารต่อ ยังไงเขาก็คิดว่าเพื่อนรักของเขาน่าจะปรับความเข้าใจกับพิ้งค์ได้แน่นอน
......................

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มองบนใส่โมเมได้ไหม

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ยัยโมเมนี่ร้ายอยู่นะ //จัดการด่วนเลยครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ร้ายนะ ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เลิฟใจน้อยแล้ว ไปง้อหวานๆๆเลยน่ะพิงค์ อิอิ
มีคู่เพิ่ม พอร์ชชาม
โมเมร้ายนักน่ะ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0


Pink Loved 7 : เป็นทุกอย่างให้เธอ  (สุดรัก x นาคิม)

ความเงียบปกคลุมรถคันสวยอยู่นาน พิ้งค์ทำหน้าหงิกตลอดทาง เพราะถามอะไรคนข้างๆก็ไม่ตอบทั้งๆที่รู้ว่าเลิฟโกรธเรื่องอะไร และทั้งๆที่พิ้งค์ก็อธิบายให้ฟังว่าที่พูดแบบนั้นเพราะอะไร

“เลิฟจะไม่พูดกับเราจริงๆใช่ไหม”พิ้งค์เอ่ยขึ้นอย่างงอนๆ เมื่อใช้ไม้ตาย แต่เลิฟก็ไม่ตอบอะไรยิ่งทำให้พิ้งค์โมโห

“จะเอาแบบนั้นก็ได้ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาคุย ไม่ต้องมานอน ไม่ต้องมากอดและไม่ต้องมาหอมเราแล้วนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมหันหน้าไปนอกหน้าต่าง แต่เลิฟก็ไม่พูดอะไร

จวบจนถึงบ้าน เมื่อจอดรถได้พิ้งค์ก็วิ่งเข้าบ้านทันทีโดยไม่สนใจเลิฟ หางตาขมมองตามหลังบางนั้นพร้อมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“แล้วเลิฟจะรอคุณหนูที่ห้องนะ”เลิฟเอ่ยขึ้น ถ้าพิ้งค์ไม่เอาแต่ใจมากนักจะรู้ว่าที่จริงแล้วเลิฟไม่เคยโกรธอะไรพิ้งค์ได้เลยสักครั้ง มีงอนบ้าง ไม่พอใจบ้างแต่ก็ไม่เคยนานเลยเพียงแค่คุณหนูมาง้อก็หายแล้ว

ทางด้านพิ้งค์เข้าห้องได้ก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน ใบหน้าหงิกงอแสนน่ารักยังคงอยู่บนใบหน้านั้นทั้งที่ใจอยากจะให้เลิฟมาง้อใจจะขาดอยู่แล้ว

“ไอ้คนบ้า ไหนรักไงทำไมไม่มาง้อหล่ะ”พิ้งค์คิดในใจ ก่อนจะนอนหลับไป

เกือบช่วงทุ่มเลิฟออกมาเพ่อจะดูว่าคุณหนูของเขาลงมาทานข้าวหรือไม่ แต่เมื่อไปที่ห้องอาหารกลับไม่พบว่าพิ้งค์ลงมาทานอาหารจึงเข้าไปช่วยยายลินและจะอาสาขึ้นไปตามคุณหนูให้ทุกคนอย่างที่เคยทำ

“เลิฟ วันนี้พาหนูพิ้งค์ไปไหนมา”เสียงอนาคินเอ่ยถาม

“ไปดูหนังมาครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น ในใจมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

“สงสัยจะติดหวัดที่โรงหนังครับ นิลจัดข้าวต้มกับยาให้หนูพิ้งค์เรียบร้อยแล้ว มะลิเอาขึ้นไปหน่อยนะ”นิลกาฬเอ่ยขึ้นบอกสาวใช้ เลิฟที่เพิ่งรู้ว่าคุณหนูของเขาไม่สบายก็กังวลใจ จึงรีบเอ่ยอาสา

“เดี๋ยวผมเอาไปให้คุณหนูเองครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น อนาคินพยักหน้าเป็นคำตอบ เลิฟยกยิ้มและก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินไปในครัวและยกถาดอาหารขึ้นไปทันทีโดยไม่ได้สนใจใคร อนาคินและนิลกาฬมองหน้ากันอย่างเข้าใจ

“เขารักของเขา อย่าห้ามอะไรเลยนะครับป้าลิน”นิลกาฬเอ่ยขึ้น

ไม่ใช่ว่าเรื่องราวทั้งสองจะไม่มีใครรู้ ทั้งบ้านรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองมากเกินกว่าที่จะเรียกว่าคุณหนู กับพี่เลี้ยง

“ขอบคุณคุณแบล็คและคุณนิลมากนะครับที่ไม่รังเกียจเจ้าเลิฟมัน”ป้าลินเอ่ยขึ้น

“โธ่...ป้าลินอย่าพูดแบบนั้นสิครับ เลิฟโตมากับหนูพิ้งค์ก็เหมือนน้องชายของผมเหมือนกัน”อนาคินเอ่ยขึ้น นิลกาฬยิ้มให้กับสามีตัวเองด้วยความชื่นชม

“นิลรักคุณจังครับ”นิลกาฬเอ่ย ทำเอาโต๊ะอาหารกลับเป็นสีชมพูทันที

เลิฟเดินขึ้นมาหยุดที่ห้องของพิ้งค์ เขาไม่เคาะให้เสียเวลาถือวิสาสะเปิดประตูเดินเข้าไปอย่างไม่กลัวเจ้าของห้องจะโกรธแต่อย่างใด

“คุณหนูครับ ลุกมาทานข้าวได้แล้วจะได้กินยาครับ”เลิฟเอ่ยเพราะรู้ว่าคนที่นอนอยู่บนที่นอนไม่ได้หลับจริง

“คุณหนูครับ คุณหนู”เลิฟเอ่ยย้ำแต่ก็ไม่มีเสียงใดๆเอ่ยออกมา เขาจึงเดินไปอีกด้านของเตียงพร้อมนั่งลงข้างๆคนที่นอนอยู่ พิ้งค์เองก็พยศน่าดู ก็เล่นสงครามเงียบแบบนี้

“ต้องเป็นผมไหมที่ต้องงอนคุณหนู ไหนเราสองคนเป็นแฟนกันไง ทำไมถึงไปถามชามแบบนั้น ไม่คิดว่าผมจะเสียใจบ้างหรือไง หรือที่จริงแล้วคุณหนูก็ไม่ได้รักผมจริงๆ”

“ใครบอกว่าไม่รักหล่ะ ถ้าไม่รักจะโกรธไหมที่เห็นนายสนใจผู้ชายคนนั้นมากกว่าเรา”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมหันมาทางเลิฟก่อนจะถูกเลิฟคร่อมร่างไว้

“ผู้ชายคนไหนครับ”เลิฟเอ่ยถาม

“ก็ที่โรงหนังไง แฟนเก่าของโมเม ทำไมเลิฟต้องสนใจเขาขนาดนั้นด้วย”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟแอบอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มลงกดจูบที่หน้าผากนั้นเบาๆ

จุ๊บ

“ไหนบอกจะเชื่อใจทุกอย่าง ฟังเหตุและผลจากผมก่อนไงครับ โตแล้วนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์มองหน้าเลิฟพร้อมกระพริบตาปริบๆเมื่อโดนเลิฟดุก่อนจะจะยู่ปากให้

“แล้วไง...”พิ้งค์เอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจ แต่ที่จริงในใจเข้าใจทุกอย่างแล้ว

“ไม่แล้วไง ว่าแต่ที่จริงไม่ได้ป่วยใช่ไหมครับ”เลิฟเอ่ยอย่างรู้ทันคนปดตอนนี้

"ป่วยสิ ใครบอกว่าไม่ป่วยหล่ะ แค่กๆๆ”พิ้งค์เอ่ยพร้อมแกล้งไอออกมาเมื่อโดนจับได้ว่าแกล้งป่วย

“อย่าแกล้งครับ”

“ไม่ได้แกล้ง ไม่สบายจริงๆ แค่กๆ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เพราะตอนนี้ทุกอย่างเคลียก็อยากจะอ้อนเลิฟบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าเลิฟที่ตอนแรกจ้องมายังใบหน้าขาวอยู่นั้นก็ก้มลงกดจูบที่ริมฝีปากของพิ้งค์ทันที

ไม่ใช่ครั้งแรกที่เลิฟกับพิ้งค์จูบกัน แต่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เลิฟตัดสินใจทำแบบนี้กับพิ้งค์ ริมฝีปากที่ถูกกดแน่นพร้อมลิ้นร้อนที่สอดเข้าไปในโพรงปากแสนหวานนั้น ความวาบหวามบังเกิดขึ้นกับพิ้งค์อีกครั้งเมื่อเลิฟกระซิบบอกข้างหูด้วยเสียงแผ่วเบา

“ผมจะเป็นของคุณหนูแค่คนเดียว ให้ผมได้สร้างความเชื่อมั่นนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น แม้จะไม่รู้ว่าความหมายที่แท้จริงมันคืออะไรแต่พิ้งค์ก็ยอมที่จะทำตามเลิฟทุกอย่าง

“อื้อ!”เสียงเอ่ยครางเหมือนเป็นเชิงอนุญาต

เลิฟขยี้จูบลงบนริมฝีปากนุ่มของพิ้งค์ รู้ว่าจูบไม่เก่ง จูบไม่เป็นแต่พิ้งค์ก็ยอมทุกอย่างเพราะมันเหมือนเป็นสัญชาตญาณที่จะลิ้มรสริมฝีปากนี้ จากที่เบากลับขยี้ลงไปหนักหน่วง แต่ยิ่งสัมผัสยิ่งมีแต่ความต้องการ เหมือนว่าอยากจะเติมเต็มกันและกันมากขึ้น เลิฟใจเต้นแรงเมื่อวันนี้เขาได้สัมผัสคุณหนูมากเกินที่เขาต้องการและเขาก็ได้ทำแล้ว สัมผัสทุกรสชาติของริมฝีปากนี้และร่างกาย จากบทรักที่รุนแรงค่อยๆ ผ่อนแรงที่บดขยี้ลง

มือของหนาที่ล็อกหลังศีรษะค่อยๆ เลื่อนเป็นสัมผัสต้นคอมันแผ่วเบา ปลายนิ้วลูบไล้ผิวเนียและขยุ้มนิ้วทั้งห้านิ้วที่กลุ่มผมนิ่มของพิ้งค์ เลิฟรู้สึกได้ว่ากำลังเผยอริมฝีปากทีละน้อยเหมือนผ่อนคลาย เลิฟสอดปลายลิ้นเข้าไปหาความหวานในโพรงปากครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้สึกเบื่อ

“อืม~ อาห์” เสียงครางของพิ้งค์ช่างน่ารัก ลิ้นร้อนสองลิ้นกำลังหยอกเย้า รับรู้ถึงความนุ่มนิ่มภายใน และความหวานที่ซึมซับผ่านน้ำใสที่กำลังแลกเปลี่ยนกันอยู่

ตอนนี้ยิ่งกว่าติดใจรสชาติปากของกันและกัน เลิฟทั้งดูดริมฝีปากบน และล่าง สลับกับสอดปลายลิ้นเข้าไปในปาก สัมผัสมันทุกที่เท่าที่จะทำได้

เฮือก!

“อะ...เอ้...ยะ...อย่า...” เสียงเอ่ย เมื่อช่วงล่างของร่างกายทั้งสองสัมผัสโดนกัน เลิฟและพิ้งค์ต่างรู้สึกร้อนรุ่มไปหมด เพราะความร้อนที่สัมผัสกันอยู่บ่งบอกว่าอารมณ์ของทั้งคู่มันคุกรุ่น

มือของเลิฟค่อยๆลูบขอบกางเกงผ้าฝ้ายเนื้อดีของร่างเล็กออกโดยอัตโนมัติ สายตาเลิฟมองหน้าคุณหนูของเขาที่กำลังแดงระเรื่อ และเหนือสิ่งอื่นใด ดวงตาที่กำลังคลอไปด้วยหยดน้ำใสยิ่งเร่งเร้าฝ่ามือของเลิฟให้ล้วงเข้าไปสัมผัสบางอย่างภายใต้กางเกงนั้นจนอีกคนสะดุ้งเฮือกทันที

อึก

“คุณหนูน่ารักจังครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มหวานออกมา เมื่อเห็นพิ้งค์กำลังสะดุ้งสุดตัว หลับตาแน่น เมื่อเลิฟกำลังสัมผัสส่วนนุ่มนิ่มในกางเกงตอนนี้

“พะ...พอแล้ว...ยะ...อื้อ...ได้โปรด...เฮือก!”

เสียงเอ่ยท้วง ร้องขอบอกให้พอ แต่มือกลับรั้งไหล่หนาไว้แน่นและส่วนั้นกลับโป่งพองอย่างเห็นได้ชัดว่ามีความต้องการมากเพียงใด

“พอที่มือใช่ไหมครับ คุณหนูพิ้งค์”เลิฟเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ายวน รู้ว่าคุณหนูของเขาต้องการให้เขาเข้าไปในร่างกายนั้นมากแค่ไหน พิ้งค์บิดกายไปทั่วร่างสิ่งที่ปวดหนึบในร่างกายตอนนี้อยากจะปลดปล่อยออกมามากแค่ไหน

“อ๊ะ...อ่าห์ เลิฟจะทำมันจริงๆหรอ”เสียงเอ่ยกระเส่าเอ่ยถามเมื่อเลิฟปลดอาภรณ์ของทั้งสองออกหมด

“แล้วคุณหนูจะให้ผมทำได้ไหม”

“เอ่อ...”พิ้งค์อ้ำอึ้งเล็กน้อย เลิฟจึงหยุดทุกอย่างแต่พิ้งค์กลับรั้งเอวของเลิฟไว้

“ไม่ใช่แบบนั้น แต่...”พิ้งค์เอ่ย เขากลัวเลิฟจะงอนเขาอีก แต่ไม่กล้าที่จะบอกว่าเขาไม่มีอะไรเป็นตัวช่วยเลยตอนนี้ เขากลัวเจ็บ เลิฟขมวดคิ้วเหมือนมีคำถาม

“เรากลัวเจ็บ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เลิฟยิ้มหวานออกมา ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโลชั่นในห้องแต่งตัว

“คุณหนูจะไม่เจ็บแน่นอน ผมสัญญา”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มกว้างออกมา แต่พิ้งค์ก็รู้สึกกลัวมืออุ่นๆของเลิฟที่กุมใบหน้าของพิ้งค์ไว้อย่างปลอบใจ

“ไว้ใจผมนะครับ คุณหนู”เลิฟเอ่ยขึ้น มือหนาลูบไปที่แก้มเนียนอย่างปลอบใจ พิ้งค์ยกยิ้มหวานออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้น

“งั้น เราพร้อมแล้ว”พิ้งค์หลับตาลง พร้อมบีบมือตัวเองที่เอวของเลิฟแน่น แต่เลิฟไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเพราะกำลังอยากจะเข้าไปในตัวของคุณหนูของเขาแล้วตอนนี้

“อ่าห์...เจ็บบอกนะครับ”เลิฟเอ่ยพร้อมกดหัวป้านเข้าไปในช่องทางสีสวยนั้น

“เลิฟ ต้องเป็นของเราคนเดียวนะ รู้ไหม อื่ออออ”เสียงเอ่ยพร้อมครางหวานหูบอก

“ครับ แค่คนเดียว คนเดียวจริงๆ”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะกดกลางกายเข้าจนสุดลำก่อนที่เสียงร้องจะหวีดขึ้นแต่มันเป็นเสียงหวีดที่ไม่ได้เจ็บปวดอะไรเพราะมันต่อจากนี้คือเสียงของความสุข

จังหวะรักครั้งแรกของเลิฟและพิ้งค์ใช้เวลาไม่นาน เพราะมันคือครั้งแรกของทั้งสอง ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งคู่นอนกอดก่ายกันไปมา พิ้งค์ฟุบหน้าแนบอกกว้างของเลิฟที่กำลังลูบไล้ไหล่เนียนไปมา

“ทำไมคุณหนูถึงถามชามแบบนั้นหล่ะครับ”

“ก็เราสงสัยไง สงสัยว่าที่จริงชามยังคิดกับเราเหมือนเดิมอยู่ไหม เพราะถ้าชามยังคิดอยู่เราจะบอกชามไงว่าเรา...”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมความเขินอาย

“ว่าอะไรหรอครับคุณหนู”เลิฟเอ่ยพร้อมยกยิ้มเล็กน้อย

“เรารู้ว่าเลิฟรู้ว่าเราจะพูดอะไรอ่ะ อย่ามาแกล้งเรานักเลย แค่นี้ก็เขินจะแย่แล้วอ่า”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมซบหน้าที่อกของเลิฟนิ่ง

“รู้ไหมว่าไอ้พอร์ชมันชอบชามอ่ะ”

“ก็พอรู้ แล้วชามหล่ะชอบพอร์ชไหม”

“นั่นสินะ...”เลิฟทำเป็นแกล้งพูดขึ้น

“ก็นั่นง่ะ เรากำลังจะถามชามอยู่เลย เลิฟก็งอนเราซะก่อน”

“โทษผมใช่ป่ะเนี้ย”

“ใช่อ่าดิ”

“ได้ทีเชียวนะ ฮึๆ”เลิฟเอ่ยพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะพลิกคร่อมร่างของพิ้งค์อีกครั้ง

“เลิฟ จะทำอีกหรอ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“คุณหนูเจ็บอยู่หรอครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นถาม

“หึ...ไม่เจ็บ”น้ำเสียงเอ่ยเบา แบบเขินๆก่อนจะปล่อยให้เลิฟทำทุกอย่างเหมือนหัวค่ำอีกครั้ง ไม่ว่าจะยังไงเลิฟจะดูแลพิ้งค์ตลอดไปแน่นอน

เช้ารุ่งขึ้นเลิฟก็ออกจากห้องของพิ้งค์ปกติ ตั้งใจจะเข้าไปคุยกับยายเพื่อให้คุยกับอนาคินเรื่องของตัวเองกับพิ้งค์ แต่วันนี้เกิดมีเรื่องสำคัญซะก่อนคือ ธนาคิมและรอยด์กลับมาจากอิตาลี เลิฟจึงพักเรื่องของตัวเองไว้ก่อน

“เลิฟ มาช่วยเราตรงนี้ก่อนสิพิ้งค์เอ่ยขึ้นเมื่อกำลังปีนขึ้นผูกลูกโป่ง เลิฟที่รีบวิ่งเข้ามาหาทันที

“คุณหนู ลงมาครับเดี๋ยวขึ้นไปติดเองครับ”พิ้งค์ยกยิ้มหวานก่อนจะค่อยๆโน้มตัวให้เลิฟอุ้มลงจากบันได

หมับ

“อ๊า...จุ๊บ”พิ้งค์หน้าแดงทันทีเมื่อเลิฟกดจูบที่หน้าผาก

“เรารักเลิฟจัง”พิ้งค์เอ่ยขึ้น

“เลิฟก็รักคุณหนูครับ”รอยยิ้มหวานที่ส่งให้กัน

ช่วงค่ำของวัน คืนนี้ที่บ้านมีงานเลี้ยงเล็กๆเพื่อตอนรับการกลับมาของเกร์ยและรอยด์ หลังจากไปทำงานที่อิตาลี

หมับ!

“คิดถึงจังฮะ”เสียงเล็กหวานหูเอ่ยขึ้น น้องเล็กของบ้านตอนนี้ดูน่ารักที่สุด

“คิดถึงหนูพิ้งค์เหมือนกัน”ธนาคิมเอ่ย

“แล้วรอยด์หล่ะครับ”พิ้งค์เอ่ยหาพี่สะใภ้และเพื่อนรักก่อนที่ร่างบางจะเดินเข้ามาพร้อมใครคนหนึ่ง

“ผมอยู่นี่ครับ”

“รอยด์...”

สองร่างเล็กเอ่ยพร้อมสวมกอดกัน รอยยิ้มของทุกคนผุดขึ้น พิ้งค์ที่กอดรอยด์อยู่ก็มองไปยังด้านหลังของรอยด์ที่ตอนนี้

“แล้ว...”พิ้งค์เอ่ยขึ้น

“อ่อ...”ธนาคิมเอ่ยขึ้นก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ทุกคนครับ นี่แพทริค เพื่อนบ้านและรุ่นพี่ของรอยด์ที่อิตาลีครับ เขามาขอเที่ยวเมืองไทยด้วย”

“สวัสดีครับ”แพทริคเอ่ยพร้อมกับยกยิ้มกับทุกคนและก็มาหยุดที่พิ้งค์ที่ยกยิ้มอยู่ตอนนี้ จะรู้ไหมว่ารอยยิ้มของพิ้งค์ทำให้แพทริคสนใจรอยยิ้มนี้มาก และมากเสียจนเลิฟเริ่มไม่พอใจ

.................



ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คู่แข่งมาแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
มีคนสนใจมากขึ้นแล้ว

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Pink Loved 8 : ต่างรู้สึก (สุดรัด x นาคิม)
[/size]

พิ้งค์รีบวิ่งออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว วันนี้เขาสายมากแล้วเพราะเมื่อคืนเขาเอาแต่นอนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเลิฟเกือบทั้งคืน และลืมไปว่าเลิฟต้องมีเรียนช่วงเช้า
“เอาของมาให้ผมครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์เชื่อฟังอย่างว่าง่ายก่อนที่จะยื่นกระเป๋าสะพายให้เลิฟและสอดตัวขึ้นรถทันที
“ขอโทษนะที่ทำให้ช้าอ่ะ จะทันไหมอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นอ้อนๆ เมื่อรู้ตัวว่าเลิฟต้องสายแน่ๆ เพราะเลิฟเองมีเรียนเช้า
“ทันครับ ถ้าไม่ทันไอ้พอร์ชก็เช็คชื่อให้อยู่แล้ว”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มให้กับพิ้งค์ที่ตอนนี้ทำหน้าบึ้งแสนน่ารักออกมาด้วยความรู้สึกผิด
“แต่...”
“ไม่ต้องแต่ครับ ดูซิทำหน้างอไม่น่ารักเลยนะครับ ยิ้มสิคนดีของผม”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือจับที่แก้มของพิ้งค์ อย่างเบามือก่อนจะค่อยๆโน้มตัวกดจูบเพื่อปลอบใจ จนพิ้งค์เองนึกเขิน
จุ๊บ
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวก็สายมากหรอก”พิ้งค์เอ่ยทั้งๆที่ใบหน้าแดงเห่อ เลิฟยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับขับรถออกไป
รถคันสวยของพิ้งค์แล่นออกไปจนลับตา สายตาคู่คมของแพทริคมองจนลับตาก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างมีความคิดบางอย่าง
“ผมชอบคุณจัง บาร์บี้ของผม”

-ที่มหาวิทยาลัย-
เลิฟมาเข้าเรียนสายไปสิบนาทีแต่ว่ายังโชคดีที่อาจารย์ยังไม่เข้าเขาจึงเข้าเรียนทัน เลิฟมุ่งมั่นอยากเรียนให้จบ เขาอยากทำงานที่โรงงานของตระกูลกิจสุนทรวิริยะกุล เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดู ส่งเสียเขาเรียน
“บ่ายนี้ไม่มีเรียนแล้ว มึงไปไหนต่อว่ะ”พอร์ชเอ่ยถาม
“ไปหาคุณหนู มึงหล่ะไปหาชามม่ะ”เลิฟเอ่ยถามกลับ
“ไปหามันทำไม กูจะไปหาส่องสาว”เลิฟขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะยกยิ้มให้เพื่อนรัก
“ทะเลาะอะไรกันอีกว่ะ คู่มึงสองคนนี่น่าจะลูกดกนะเนี้ย”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนพร้อมพอร์ช
“ลูกอะไร ไอ้เวรต่อให้กูทำไอ้ชามให้ตายมันก็ไม่มีลูกหรอก...”
อุก!
“ไอ้พอร์ช...”เลิฟเอ่ยถามพร้อมหยุดเดินทันที แต่ต่างกันกับพอร์ชที่เผลอพูดอะไรออกมาจนทำให้เลิฟสงสัย
“อะไร กูจะไปแดกข้าว”พอร์ชเอ่ยขึ้นทั้งๆที่เดินหนี
“ไอ้พอร์ช! ไอ้เชี่ยพอร์ชอย่าเดินหนีกูดิ”เลิฟเดินตามไปติดๆ
“กูไม่ได้หนี แต่กูหิวข้าวเข้าใจไหม”พอร์ชเอ่ยขึ้นทั้งที่เดินออกไปโดยมีเลิฟที่เดินตามออกไป

-ที่คณะเศรษฐศาสตร์-
“ชามไปทานข้าวกับเราไหม”เสียงของพิ้งค์เอ่ยถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ วันนี้ดูเหม่อเป็นพิเศษ
“ชาม...ชาม”พิ้งเอ่ยเสียงดังขึ้น จนชามเองก็ตกใจ
“ว่า...ว่าไงนะ”ชามเอ่ยถาม
“ชามเป็นอะไร ดูเหม่อๆนะวันนี้”
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ว่าแต่เมื่อกี้พิ้งค์ว่าไงนะ”
“เราถามว่าไปทานข้าวกับเราไหม”
“อ่อ ไปสิ”

ทั้งสองพากันมาที่โรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์ เพราะพิ้งค์นัดกับเลิฟไว้ เมื่อพิ้งค์เห็นเลิฟเดินมากก็ยกไม่ยกมือพร้อมรอยยิ้มแต่ชามกลับหน้าไม่สู่ดีนักเหมือนตัวเองเป็นผู้ร้ายและเจอตำรวจอย่างนั้นล่ะ
“หนูพิ้งค์ คือเราไม่หิวแล้วอ่ะ เราไปห้องสมุดนะ”ชามเอ่ยพร้อมทำท่าจะลุกขึ้นแต่พิ้งค์ก็รั้งไว้
หมับ!
“เดี๋ยวสิ นี่ชามเป็นอะไรกันแน่อ่ะ วันนี้ดูลุกรี้ลุกรนมีพิรุธยังไงไม่รู้”พิ้งค์เอ่ยขึ้นแต่ยังไม่ทันที่ชามจะเอ่ยขึ้น เสียงของพอร์ชก็เอ่ยขึ้น
“ก็คนมันมีความผิดง่ะ เลยดูมีพิรุธแบบนี้”
“ใครมีความผิด ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำอ่ะ”อยู่ๆเสียงทะเลาะของพอร์ชและชามก็ดังขึ้นแต่ไม่มากนัก แต่ก็ทำให้เลิฟและพิ้งค์อยากรู้เรื่องราวของเพื่อนทั้งสองแล้วสิ
“เดี๋ยว ก่อนมึงทั้งจะทะเลาะกัน มึงทั้งสองช่วยเล่าเรื่องราวให้ฟังหน่อยได้ไหม”เลิฟเอ่ยขึ้น
“เรื่องราวอะไร ไม่มี๊!”พอร์ชเอ่ยเสียงสูง
“แหม เสียงสูงเชียวนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้มหวานออกมา
“เล่ามาเถอะที่จริงกูกับคุณหนูพอจะรู้หรอกว่ามึงทั้งสองแอบกิ๊กกั๊กกันอยู่”เลิฟเอ่ยขึ้น
พอร์ชที่งอนชามอยู่ก็เล่าหมดทุกอย่างแม้ว่าชามจะคอยขัดก็ตาม จนเรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าออกมาทั้งเลิฟและพิ้งค์พยักหน้าให้กันด้วยรอยยิ้ม
“มึงอย่าล้อกูนะเว้ย”พอร์ชเอ่ยขึ้นด้วยความเขิน
“ล้อทำไม ก็มึงบอกว่ายังโกรธชามอยู่นี่ แต่ที่กูอยากรู้คือมึงโกรธอะไรชาม”เลิฟเอ่ยขึ้น
“ใช่สิ วันนี้ชามดูเหม่อๆนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“หนูพิ้งค์ จะพูดทำไม”ชามเอ่ยท้วงพิ้งค์ไว้แต่ก็ทำให้พอร์ชยกยิ้มออกมาก่อนจะแกล้งเอ่ยขึ้น
“เหม่อด้วยหรอ เหม่อหาไอ้หมอนั่นนะสิ”พอร์ชเอ่ยขึ้น
“ไอ้บ้า!ไม่รู้อะไรก็อย่าเสือกพูด”ชามเอ่ยก่อนจะลุกออกจากกลุ่มเดินออกไป
“รอกูด้วย”พอร์ชเอ่ยพร้อมวิ่งตามออกไปเช่นกัน ปล่อยให้เลิฟและพิ้งค์นั่งหัวเราะอยู่
“พอร์ชนี่ที่จริงรักชามมากเลยนะ”พิ้งค์เอ่ย
“อื้ม ธรรมดามันยอมใครที่ไหนคุณหนูก็รู้นี่”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์พยักหน้าเข้าใจเพราะเขาทั้งสี่เป็นเพื่อนกันสมัยมัธยมมานาน
“เลิฟ วันนี้เราขอกินขนมหวานได้ไหมอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยอ้อน เลิฟยกยิ้มหวานให้ทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ได้ รอเดี๋ยวนะครับ”เลิฟเอ่ยก่อนจะเดินไปที่ร้านขนมหวาน
พิ้งค์เองก็ยกยิ้มหวานมองตามหลังกว้างของเลิฟ แต่ระหว่างรอนั้นเสียงข้อความในมือถือของพิ้งดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะหลายข้อความ
Patrick : Hi, Patrick.
Patrick : Did you eat lunch?
Patrick : See you dinner.
Patrick : Miss You.

ทางด้านเลิฟที่หันมองมาทางพิ้งค์ที่ตอนนี้กำลังสนใจมือถือซึ่งทำให้เลิฟเองอยากรู้ว่าคนตัวเล็กของเขากำลังสนใจอะไรที่หน้าจอมือถือตอนนี้
“คุณหนูทำอะไรครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นถามเมื่อยกถ้วยขนมหวานมาวางให้ตรงหน้า ใบหน้าแอบงอเล็กน้อย พิ้งยกยิ้มหวานให้ก่อนจะยกมือถือให้เลิฟดู
“แพทริคอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยตรงๆเพราะเขาเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเลิฟอยู่แล้ว
“แล้วเขาได้เบอร์และไลน์คุณหนูได้ไงครับ”เลิฟยังทำน้ำเสียงงอนอยู่
“จะไปรู้หรอ รอยด์ให้มั้ง”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“เขาดูสนใจคุณหนูนะครับ”เลิฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจเล็กน้อย
“แล้วไง เราไม่ได้สนใจเขาด้วยสักหน่อย”
“เขาก็ดูหล่อดีนี่ครับ แถมรวยอีกต่างหาก”เลิฟเอ่ยขึ้นเชิงประชดอีกครั้ง
“พูดมากจัง หรืออยากจะให้เราไปชอบเขาล่ะ นายจะไปได้ไปหาโมเมใช่ม่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นบ้าง ทำเอาเลิฟที่ตอนแรกงอนพิ้งค์อยู่กลับต้องมาง้อพิ้งค์แทน
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยนะคุณหนู ผมแค่หวงคุณหนู”
“หวงได้ หึงได้แต่ต้องเชื่อใจ รู้ป่ะ”พิ้งค์เอ่ยก่อนจะยกยิ้มออกมาให้กับเลิฟที่ยิ้มออกมาเช่นกัน

ทางด้านพอร์ชและชามที่ตอนนี้มานั่งที่ห้องสมุด แม้ทั้งสองจะทะเลาะกันอยู่แต่ทั้งสองก็ยังคงนั่งนิ่งต่างคนต่างหาหนังสือมาอ่าน
“เย็นนี้กลับด้วยนะ”พอร์ชเอ่ยขึ้น เพราะพอร์ชตัวคนเดียวเขาจึงไม่มีรถขับเหมือนคนอื่นๆเขา ด้วยความที่ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยเหมือนชาม
“เสียใจ”ชามเอ่ยเบาๆ ก่อนจะยกหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่พอร์ชก็ดึงหนังสือที่บังหน้าอยู่ลงเพื่อให้เห็นหน้าชามชัดๆ
“อยู่ในฐานะที่ปฏิเสธได้หรอ มึงอ่ะมีความผิดอยู่นะ”พอร์ชเอ่ยขึ้นก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากเนียนของชามจนหน้าแทบหงายเนื่องจากยังไม่ทันตั้งตัว
“งุ้ย! ไอ้เชี่ยพอร์ชมันเจ็บนะมึง กูก็ขอโทษแล้วไงและอีกอย่างกูก็บอกแล้วไงว่ากูกับพี่โต้งไม่ได้มีอะไรกัน”ชามเอ่ยขึ้น อ้างอิงไปยังบุคคลที่สามที่ทำให้พอร์ชงอนชามเมื่อวันก่อนที่ร้านกาแฟ
“มึงไม่มี แต่ไอ้โต้งมันมี”พอร์ชเอ่ยขึ้น
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ก็เขามาชอบกูเองนี่หว่า กูก็เสือกน่ารักมากเสียด้วยสิ”ชามเอ่ยขึ้นตรงโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ประโยคของชามกลับทำให้พอร์ชเอ่ยขึ้น
“เออ รู้ก็ดีว่ามึกเสือกน่ารัก ถ้ามึงไม่น่ารักกูจะไม่หึงมึงขนาดนี้หรอก”พอร์ชเอ่ยขึ้นก่อนจะเงียบปากทันทีก่อนจะหันมองซ้ายและขวาอย่างเขินๆ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาพอร์ชเองยังไม่เคยพูดอะไรหวานๆกับชามเลยสักครั้ง
“มึงว่าอะไรนะ”ชามเอ่ยถามด้วยความดีใจ ที่จริงเขาต้องกการคำนี้มานานแล้ว
“อะไร๊ กูไปหาหนังสือทำรายงานก่อนนะ”พอร์ชเอ่ยพร้อมกับเดินไปยังชั้นหนังสือ ชาทเองก็รีบเดินตามไปติดๆ
“ไอ้พอร์ช มึงว่าอะไรนะ บอกกูก่อนดิ”ชามเอ่ยขึ้นเมื่อเดินตามหลังพอร์ชมาที่โซนหนังสือด้านใน ก่อนที่พอร์ชจะดึงชามมาที่ซอกตู้หนังสือ
หมับ!
“อ๊ะ...ไอ้พอร์ช...มึงอย่านะ”ชามเอ่ยเมื่อตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมแขนของพอร์ช ร่างสูงกว่าของพอร์ชกำลังโน้มใบหน้าตัวเองต่ำลงก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อย่าอะไร จำเลยห้ามมีปากเสียงกับศาลรู้ป่ะ ยอมทำตามศาลซะ”พอร์ชเอ่ยขึ้น มือหนาจะเอื้อมขึ้นเรื่อยๆ ชามที่รู้ว่าตัวเองจะโดนอะไรก็หลับตาปี๋มือเล็กกำกันแน่นจนทำให้พอร์ชอดขำกับความน่ารักไม่ได้ก่อนจะเอื้อมไปหยิบหนังสือก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“เย็นนี้กูค่อยทำ ไปเถอะกูได้หนังสือแล้ว”พอร์ชเอ่ยขึ้น ชามที่หน้าแดงจัดทั้งเขินและก็โมโห แม้จะโมโหแต่ก็ทำอะไรพอร์ชไม่ได้เพราะชามยอมพอร์ชทุกอย่างเพียงเพราะรักพอร์ชไปเต็มหัวใจแล้ว

ช่วงค่ำของบ้านวันนี้เป็นวันศุกร์ทุกคนมาทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน ธรรมดาเลิฟเองก็จะไปร่วมโต๊ะด้วยเพราะอนาคินอนุญาตให้เลิฟมาร่วมโต๊ะด้วย อย่างน้อยก็เป็นคนในครอบครัวและคนที่น้องสุดท้องของบ้านรัก
“วันนี้เลิฟไม่มาร่วมโต๊ะหรอครับป้าลิน”นิลกาฬเอ่ยถาม
“อ่อ วันนี้เจ้าเลิฟขอทานในครัวคะ”
“ทำไมหล่ะครับ”เสียงพิ้งค์เอ่ยขึ้นเพราะที่ข้างๆตัวเองจะมีเลิฟนั่ง
“พอดีว่าดิฉันเองเห็นมีแขกคะ เกรงจะไม่เหมาะให้เจ้าเลิฟทานในครัวนั่นหล่ะดีแล้วคะ เชิญคุณๆรับประทานอาหารได้เลยนะคะ”ป้าลินเอ่ยก่อนจะเดินไปมุมเดิม
พรึ่บ
อยู่พิ้งค์ก็ทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อไปตามเลิฟ แต่ทว่ามือของซีพี่สะใภ้คนที่สามจับไว้ก่อนจะเอ่ยขึ้นและปรายตามมองด้านข้างของพิ้งค์
“หนูพิ้งค์ โต๊ะเต็มแล้วจริงๆ”พิ้งค์มองตามร่างสูงของแพทริคที่มานั่งข้างๆ พิ้นที่ของเลิฟพิ้งค์เองดูหงุดหงิดนักแต่ก็ต้องยอมนั่งลงเพราะยังไงแพทริคก็เป็นแขก ใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานนัก
“งั้นทานกันเลยแล้วกันนะ”อนาคินเอ่ยเชิญทุกคน
“Where did you go Patrick?”นิลกาฬเอ่ยขึ้นถาม
“I have not gone anywhere.”แพทริคเอ่ยขึ้น
“อ้าว รอยด์ยังไม่พาไปเที่ยวไหนอีกหรอ อีกสองวันก็จะกลับแล้วนี่”หมอไวท์เอ่ยขึ้น
“รอยด์ยังไม่ได้พาไปเที่ยวเลยครับ พอดีต้องเคลียเอกสารกับคุณเกรย์เลยลืมแพทริคไปเลย ขอโทษนะแพทริค”เสียงหวานของรอยเอ่ยเพื่อนตัวเอง
“Nevermind.”แพทริคเอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมา
“งั้น หนูพิ้งค์พรุ่งนี้เฮียรบกวนพาแพทริคไปเที่ยวหน่อยได้ไหม”เกรย์เอ่ยขึ้น พิ้งค์ที่ไม่รู้จะทำยังไงนานๆพี่ชายคนที่สองจะขอร้องจะไม่ทำให้ก็ดูน่าเกลียด
“อ่อ ได้ครับ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งทานอาหารต่อ
หลังอาหารค่ำเรียบร้อย พิ้งค์เดินมาที่ห้องของเลิฟเพราะอยากจะบอกว่าพรุ่งนี้เขาคงไปดูหนังกับเลิฟไม่ได้แน่ เพราะต้องพาแพทริคไปเที่ยวก่อนกลับอิตาลี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เราเข้าไปนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นหลังเคาะประตูเรียบร้อย เขาเดินเข้าไปในห้องของเลิฟแต่ไม่พบกับเลิฟ
“ไปไหนของเขานะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น แต่ก็พอจะรู้ว่าเลิฟกำลังอาบน้ำอยู่เมื่อได้ยินเสียงน้ำกระทบพื้น เขาจึงนั่งอยู่ที่เตียงอย่างคุ้นเคยก่อนจะเอนตัวลงในท่าสบาย
เลิฟใช้เวลาไม่นานนักเพื่อชำระร่างกาย เขาไม่ได้ทานข้าวเย็นเพราะวันนี้เขาได้ได้ทานข้าวกับคนที่เขารัก เลิฟเดินออกจากห้องน้ำมาด้วยผ้าขนหนูพันกายเพียงชิ้นเดียว ผมที่เปียกอยู่ทำให้เขาดูเซ็กซี่นัก มัดกล้ามที่สะสมมานานเพราะเป็นนักกีฬาเมื่อมีหยดน้ำเกาะอยู่ยิ่งทำให้คนที่นอนมองอยู่ถึงกับหน้าแดง
อึก!
“อ้าวคุณหนู มาตอนไหนครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น แต่พิ้งค์ยังคงมองเลิฟไม่วางตา ใจเต้นแรงใบหน้าแดงเห่อ
“คุณหนูครับ มองจนผ้าผมจะหลุดแล้วนะ”เลิฟเอ่ยขึ้นหยอก ก่อนจะยกยิ้มออกมาเขาโน้มใบหน้าตัวเองมาที่ใบหน้าขาวก่อนจะค่อยๆกดจูบที่ริมฝีปากนั้นจนพิ้งค์ตกใจ
จุ๊บ
“อ๊ะ!...”พิ้งค์อุทานออกมา เลิฟหัวเราะเบาๆ
“หึ หึ นี่มาทำไมครับ”
“ทำไมหรอ เรามาที่นี่ไม่ได้หรอไง”
“เปล่าสักหน่อย คุณหนูจะไปไหนมาไหนได้หมดหล่ะครับ ที่ถามคือโทรเรียกผมไปหาก็ได้”เลิฟเอ่ย
“ก็นายอ่ะทำไมไปทานข้าวหล่ะ รู้ไหมว่าวันนี้เราทานข้าวไม่หมดจานโดนซ้อบ่นเลย”พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าหงิกงอ เลิฟโอบกอดคนตัวเล็กกว่าไว้ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ผมมันคนใช้ ให้เจ้านายนั่งทานกันเถอะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาลง
“ขืนพูดแบบนี้อีกเราจะโกรธแล้วนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยคาวมโกรธ
“คุณหนูโตได้แล้วนะครับ บางครั้งเราก็ต้องอยู่กับความจริง แค่คุณๆทุกคนรับผมได้ผมก็ดีใจแล้ว”เลิฟเอ่ยขึ้น
“เลิกพูดได้แล้ว เราจะไม่คุยกับเลิฟแล้ว”พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ เขาไม่ชอบเลยที่เลิฟพูดว่าตัวเองแบบนี้
หมับ
ฟอดดด
“ขอโทษครับ อย่างอนผมเลยนะครับคุณหนู”เลิฟเอ่ยขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าตัวให้คุณหนูของเขาโกรธจริงๆ
“งั้นต่อไปนี้ก็อย่าพูดแบบนี้อีกรู้ไหม”
“ครับ ว่าแต่คืนนี้จะให้ผมไปนอนด้วยไหมครับ”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมยกยิ้ม
“ไปดิ ถ้าไม่ไปเราจะนอนหลับหรอ แต่พรุ่งนี้เราต้องพาแพทริคไปเที่ยวอ่ะ เฮียเกรย์ขอไว้คงไปดูหนังกับเลิฟไม่ได้แล้วอ่ะ”เลิฟหุบยิ้มทันทีแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมามากมายเพราะกลัวพิ้งค์จะโกรธ
“อ่อ ครับ”
“งั้นเดี๋ยวเราไปรอเลิฟที่ห้องนะ”พิ้งค์เอ่ยก่อนจะกดจมูกที่แก้มของเลิฟและเดินออกห้องไป เลิฟไม่ได้กลัวว่าพิ้งค์จะรักใครเพราะไว้ใจแต่เขาไม่ไว้ใจแพทริคมากกว่า
.....................

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เอาแพคทริคถวายให้พี่โต้งไปเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อะไรล่ะแพทริค หนูพิ้งค์มีเลิฟอยู่แล้วจ่ะะะ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
มีงานเข้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Pink Loved 9 : เวลา (สุดรัก x นาคิม)

สยามเมืองยิ้ม ข้อนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้ดีว่าเป็นชื่อเรียกของประเทศนี้และก็เป็นจริงอย่างที่ใครๆได้เข้ามาเที่ยว พิ้งค์พาแพทริคมาเที่ยวแถววัดต่างๆซึ่งดูจะเป็นที่ชื่นชอบของแพทริคมาก
“หิวหรือยังครับคุณแพทริค”พิ้งค์เอ่ยแพทริคที่เหงื่อไหลไคลย้อย
“นิดหน่อย”แพทริคเอ่ยเป็นภาษาไทยแม้ไม่ชัดแต่ก็พอฟังออก
“แล้วเลิฟล่ะ หิวหรือยัง”เสียงหวานของพิ้งค์เอ่ยขึ้นถาม ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพิ้งค์ถึงถามเลิฟได้เพราะเมื่อเช้าก่อนจะออกจากบ้าน เลิฟอาสาขับรถพาพิ้งค์และแพทริคไปเที่ยวเอง
“แล้วแต่คุณหนูเลยครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น แม้จะน้อยใจบ้างที่พิ้งค์หันไปถามแพทริคก่อนแต่เลิฟก็ไม่เคยแสดงออกว่าตัวเองน้อยใจ
“งั้น แพทริคอยากทานอะไรล่ะ เดี๋ยวพิ้งค์พาไปทาน อาหารจีน ไทย หรือญี่ปุ่นดี”พิ้งค์เอ่ยด้วยความน่ารักตามแบบที่เป็น แพทริคนั่งมองพิ้งค์ไม่วางตาจนเลิฟเองรู้สึกหงุดหงิดนัก
“ไปร้านกาแฟชามกันไหมครับ ที่นั่นก็มีอาหารด้วย”เลิฟเสนอ
“จริงสินะ งั้นไปร้านชามดีกว่า”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“ตามใจคุณพิ้งค์ครับ”แพทริคเอ่ยขึ้น

ทั้งสามพากันมาที่ร้านกาแฟของที่บ้านชาม อย่างน้อยเลิฟเองก็ได้มีเพื่อนอย่างพอร์ชคอยกันท่าแพทริคให้ได้บ้าง เพราะตอนนี่พิ้งค์และแพทริคกำลังเดินคู่กันอยู่ข้างหน้าเหมือนว่ามากันแค่สองคน
ที่ร้านกาแฟตอนนี้พอร์ชกำลังวุ่นวายกับการจัดแจงให้ชามออกห่างกับบาริสต้าของร้านอย่างโต้ง แม้จะเชื่อใจชามแต่พอร์ชไม่เคยเชื่อใจโต้งเลยสักนิด
“ไปนั่งมุมโน้นเลยไป”เสียงของพอร์ชเอ่ยบอกชามที่ตอนนี้ยืนมองโต้งทำกาแฟ เพราะอย่างน้อยในอนาคตร้านนี้ก็ต้องเป็นของชามอยู่ดี
“อะไรของมึงเนี้ย มีหน้าที่เสิร์ฟก็เสิร์ฟไปดิ”เสียงชามเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด โต้งที่กำลังมองไปยังพอร์ชอย่างรู้สึกสะใจ
“ตามใจมึง กูเตือนมึงแล้วนะ”พอร์ชเอ่ยก่อนจะหันมองประตูร้านเมื่อเสียงหวานของพิ้งค์เอ่ยขึ้น
“พอร์ช ชาม...”
“ไอ้เลิฟ พิ้งค์ และนี่ใครอ่ะ”เสียงของพอร์ชเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักกำลังเดินเข้าร้านมาก่อนจะหันไปทางชามและใช้นิ้วชี้ไปยังหน้าของชาม
“คืนนี้เจอกูแน่...”พอร์ชเอ่ยกระซิบเบาๆใส่ชามที่กำลังทำหน้าทะเล้นใส่ก่อนจะเดินไปยังพิ้งค์และชาม
“หวัดดี ทำไมวันนี้แวะมาได้อ่ะ”ชามเอ่ยขึ้นก่อนจะชายตามองไปยังคนตัวสูงอย่างแพทริค
“พอดีเราพาแพทริคมาเที่ยวอ่ะ ลืทแนะนำไปเลยว่านี่แพทริคเพื่อนของพี่สะใภ้เรา มาจากอิตาลี และนี่ก็ชามและพอร์ชเพื่อนของพิ้งค์เอง”พิ้งค์เอ่ยแนะนำ
“หล่ออ่ะ”เสียงของชามกระซิบบอกพิ้งค์
“นี่กล้าชมผู้ชายหล่อตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เพราะภายนอกชามอาจจะดูแมนๆ ห้าวๆ
“ซุบซิบอะไรกัน”พอร์ชเอ่ยขึ้น
“เปล่า ว่าแต่จะทานอะไรกันดีล่ะ”ชามเอ่ยขึ้นถามพิ้งค์ พอร์ชเดินมาหาเลิฟที่ยืนมองพิ้งค์และแพทริคอยู่ตอนนี้
“นี่มันอะไรกันว่ะ ไอ้ฝรั่งนี้มาจากไหนแล้วทำไมดูสนิทกับหนูพิ้งค์จังว่ะ”
“เขาเป็นเพื่อนคุณรอยด์ และคุณเกรย์ก็วานคุณหนูพาเที่ยวก่อนกลับอิตาลีพรุ่งนี้ ก็แค่นั้น”เลิฟเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ
“หร๊อ...ก็แค่ไหนหรอ แหมแล้วมึงจะนั่งคอตกตาละห้อยทำไมกันว่ะ”พอร์ชเอ่ย เพราะมองออกว่าเพื่อนกำลังรู้สึกยังไงตอนนี้
“กูอ่ะเชื่อใจคุณหนู ว่าแต่มึงเหอะไอ้บาริสต้ามองไอ้ชามแทบจะแดกแล้วนั้น”เลิฟเอ่ยขึ้นบอกก่อนจะบุ้ยปากไปทางเคาน์เตอร์ที่ตอนนี้ชามกำลังสั่งออเดอร์ตามที่พิ้งค์ออเดอร์
“ไอ้เชี่ยโต้ง”พอร์ชเอ่ยอย่างหัวเสียก่อนจะรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์ ทำเอาเลิฟหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะหันมองไปยังพิ้งค์และแพทริคที่ตอนนี้กำลังนั่งดูรูปถ่ายในมือถือพร้อมรอยยิ้ม เลิฟจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆโดยไม่พูดอะไร
“เลิฟ เราสั่งสเต็กปลาให้แล้วนะ เหมือนเรา”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“คับ”เลิฟเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะนั่งรออาหารโดยไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้พิ้งค์และแพทริคยังคงนั่งดูรูปถ่ายไปเรื่อยๆ ซึ่งพิ้งค์เองก็สังเกตเห็นเลิฟเงียบๆไป
“เลิฟดูนี่สิ รูปนี่เลิฟหล่อจังอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมยื่นหน้าและมือถือให้เลิฟดูบ้าง ซึ่งเลิฟก็อมยิ้มออกมา
“แล้วคุณหนูชอบไหมครับ”เลิฟกระซิบถามพิ้งค์เบาๆ ใบหน้าขาวค่อยๆแดงเห่อเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยตอบเสียงของแพทริคก็เอ่ยขึ้น
“พิ้งค์ ผมอยากเข้าห้องน้ำพาผมไปหน่อยได้ไหม”เลิฟถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างหงุดหงิดซึ่งพิ้งค์ก็รู้ดี
“เฮ้อออ”
“เอาหน่า พรุ่งนี้เขาก็กลับแล้ว ไม่อยากให้เขาตำหนิเฮียและรอยด์...เดี๋ยวเรามานะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะพาไปห้องน้ำด้านหลังร้าน
“มองตามหลังตาละห้อยเลยนะมึง”พอร์ชเอ่ยเมื่อเอาอาหารมาเสิร์ฟ
“ตาละห้อยอะไรกันเล่า มึงนี่”เลิฟเอ่ยขึ้น
“มึงอย่าว่ากูไม่รู้นะว่ามึงกำลังคิดอะไรอยู่ หนูพิ้งค์รักมึงมากนะเว้ย เขาต้องเสียใจแน่ๆถ้ามึงคิดจะยอมหลีกทางให้ใครเพียงเพราะเขารวยกว่า ดูดีกว่าและมีอนาคตกว่า”
“มึงเพ้อเจ้ออะไรของมึง”
“อย่ามาด่ากู มึงจำไว้ว่าพิ้งค์อ่ะรักมึง เขาไม่มีทางไปหาใครหรอกและรู้ว่ามึงอยากจะให้เขาไปได้คนอื่น รับรองเขาไปแน่เพราะประชดมึงง่ะ”เลิฟเองก็ไม่ได้คิดถึงข้อนี้ว่าที่จริงแล้วพิ้งค์จะมีความสุขจริงๆไหม
ทางด้านพิ้งค์และแพทริคที่ตอนนี้กำลังชลมุนกับเสื้อที่เปียก เนื่องจากเกาะน้ำเกิดแตกพอดี เสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน เมื่อโดนน้ำเล็กน้อยก็ดูบางเฉียบทันที
“ผมเช็ดให้นะครับ ด้านหลังคุณพิ้งค์คงมองไม่เห็น”แพทริคเอ่ยขึ้น พิ้งค์พยักหน้าก่อนจะหันหลังให้แพทริคเช็ดด้านหลัง จนที่ผ่านมาเห็นกลับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยออกมา
แชะ!

เลิฟที่รอกำลังนั่งเล่นมือถือรอพิ้งค์และแพทริค แม้ใจจะหงุดหงิดแต่ก็ต้องเชื่อใจพิ้งค์ จนกินเวลาเกือบห้านาทีเขาตั้งใจจะไปตามพิ้งค์ที่ห้องน้ำ ก่อนจะมีข้อความเข้า
ติ้ง ติ่ง
“โมเม”เลิฟเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อข้อความถูกส่งมายังโมเม ซึ่งที่จริงเขาเองก็ยังไม่ได้เคลียเรื่องนี้เลย เลิฟกดดูข้อความที่หญิงสาวส่งมา
“คุณหนู...”รูปถ่ายจากด้านหลังที่แผ่นหลังใหญ่ของแพทริคกำลังยืนซ้อนพิ้งค์อยู่ ไม่รู้ว่าด้านหน้ามันคืออะไร แต่ท่าทางในภาพมันทำให้ชวนคิด
“เลิฟ ทำไมไม่ทานก่อนหล่ะ”เสียงหวานของพิ้งค์ที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เลิฟมองไปยังรอยยิ้มของพิ้งค์และมองแพทริคที่ตอนนี้ดูใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำ
“รอคุณหนูครับ”เลิฟเอ่ย แต่ยังไม่ทันจะสนทนาอะไรมากมายเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“หวัดดีเลิฟ”หญิงสาวเดินเข้ามานั่งข้างๆเลิฟทันที ก่อนจะหันไปทักทายพิ้งค์
“โมเม”เลิฟเอ่ยขึ้น ก่อนจะให้ไปมองพิ้งค์ที่ทำหน้าไม่พอใจนัก
“บังเอิญจังนะคะ ว่าแต่นี่ใครคะเนี้ย แฟนพิ้งค์หรอ”หญิงสาวเอ่ยขึ้น ทำเอาทุกคนในโต๊ะทำหน้าไม่ถูก
“พิ้งค์ไม่หิวแล้วอ่ะ เรากลับกันเถอะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น ซึ่งพิ้งค์มักจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แพทริคและพิ้งค์ทำท่าจะลุกขึ้น แต่เลิฟกลับเอ่ยขึ้นเมื่อคิดถึงรูปนั้น
“คุณหนูเอารถไปเถอะครับ บางครั้งผมว่าคุณหนูอาจจะอยากไปกับแพทริคสองคน”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์ทำหน้าเหวอทันที
“อะไรของนายอ่ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น เพราะคิดว่าเลิฟจะรู้ว่าเขาไม่ชอบโมเม
“บางทีวันนี้ผมมาด้วยอาจจะทำให้คุณหนูอึดอัดใจ ที่จริงแล้วคุณหนูอาจจะอยากอยู่กับแพทริคสองคนก็ได้”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งคืพยักหน้าทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาก่อนจะมองไปยังหญิงสาวที่บอกว่าบังเอิญมาเจออย่างโมเม
“หึ เข้าใจแล้วหล่ะที่บอกว่าบังเอิญมาเจอก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม ที่จริงนายก็นัดโมเมมา และนายก็พยายามไล่เราไปให้คนอื่น บอกกันตรงๆก็ได้นี่ไม่เห็นต้องลงทุนขนาดนี้เลย”พิ้งค์เอ่ยขึ้น ทำเอาคนในร้านเริ่มมองกัน ทางด้านชามและพอร์ชก็รีบวิ่งเข้ามา
“มีอะไรกันว่ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้นถาม แต่เลิฟก็ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่โมเมจะยื่นอะไรบางอย่างให้พอร์ช
“นี่ไงคำตอบ”โมเมเอ่ยพร้อมยื่นมือถือให้พอร์ช
“พอดีโมเมมาหาเพื่อน ไม่คิดว่าจะเป็นร้านของชามและเมื่อเข้าห้องน้ำ สายตาก็ไปเจอกับพิ้งค์และคุณคนนี้”หญิงสาวเอ่ยขึ้น ทุกคนพุ่งความสนใจมาที่มือถือนี้มากกว่า ชามเองรีบวิ่งเข้ามาทันที แต่พิ้งค์เองไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะคว้ามือแพทริคไว้
“เรากับแพทริคจะไปเอง และนับจากวันนี้เราก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก”พิ้งค์เอ่ยด้วยความโกรธพร้อมกับดึงแพทริคออกจากร้านไป
“เลิฟไม่ตามหนูพิ้งค์ไปหล่ะ”ชามเอ่ยขึ้น
“เลิฟไม่ต้องตามหรอก เขาคงอยากไปกับแฟนเขาหล่ะมั้ง ว่าแต่...”ยังไม่ทันที่โมเมจะเอ่ยเสร็จ เลิฟก็สะบัดมือเธอออกก่อนจะเอ่ยขึ้น
“โมเมกลับไปก่อนเธอ เราอยากอยู่คนเดียว”เลิฟเอ่ยขึ้น
“ให้โมเมอยู่เป็นเพื่อนนะ”หญิงสาวยังคงเซ้าซี้ทำให้เลิฟเกิดความรำคาญจึงเอ่ยขึ้นเพื่อเคลียกับโมเมตรงๆ
“อย่าเซ้าซี้เราเลยนะโมเม เพราะยังเราก็ไม่มีทางชอบโมเมได้ เราไม่สามารถรักคนโกหกอย่างโมเมได้”เลิฟเอ่ยขึ้นตรงๆ
“โกหกหรอ โกหกอะไรคะ เลิฟพูดเรื่องอะไรโมเมไม่เห็นเข้าใจเลย”หญิงสาวเอ่ยขึ้นทำท่าทางซื่อๆ จนพอร์ช นึกโมโหขึ้นมาจึงเอ่ยขึ้น
“ก็ไอ้เรื่องผู้ชายที่เธอบอกว่าเขามาตอแยเธอไง แถมยังโกหกว่าเขาตามเธอไม่หยุดแล้วหรอกให้เพื่อนของเราไปหาเธอที่ห้อง เราจะบอกให้นะว่าผู้ชายคนนั้นมันสารภาพมาหมดแล้วหล่ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้น ชามที่ไม่รู้อะไรเลยจึงหันไปกระซิบถามพอร์ช
“ทำไมกูไม่รู้ว่ะ”
“เดี่ยวกูเล่าให้ฟังนะ ที่รัก”
“สัส...”
“อะไร มันไม่ใช่แบบนั้นนะเลิฟ”หญิงสาวยังยืนกรานปากแข็งอยู่
“พอเถอะโมเม เราขอร้องนะ เรารักคุณหนูของเรา”หญิงสาวปากคอสั่นระริกไปหมด เหมือตนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ที่ผู้หญิงแท้อย่างเธอแพ้ให้กับผู้ชาย
“กรี๊ดดดด”เสียงร้องกรี๊ดดังออกมาจนลูกค้าในร้านหันมองตามเป็นจุดเดียว พอร์ชที่ยกมือปิดหูชามไว้และมองตามโมเมเดินจ้ำเท้าออกไปนอกร้านก่อนจะหันมาทางเลิฟที่นั่งหน้าเครียดอยู่
โป๊ก!
“โอ๊ย! ไอ้เวรมึงมาตบหัวกูทำไมว่ะ”เลิฟเอ่ยขึ้นเมื่อพอร์ชตบไปที่หลังศีรษะของเลิฟเพื่อเตือนสติ
“กูอยากจะเอาไม้ฟาดมึงด้วยซ้ำ ทำไมพูดกับพิ้งค์แบบนั้นว่ะ”
“ใช่ และรูปทีนังยบ้าโมเมส่งมานายกล้าเชื้อได้ยังไงกันว่าหนูพิ้งค์จะทำแบบนั้นอ่ะ”
“ใช่ ไหนมึงบอกว่าเชื่อใจพิ้งค์ไง ทำไมมึงทำแบบนี้กับพิ้งค์ว่ะ”
“ใช่ รู้ไหมว่าเรื่องที่ห้องน้ำ เราก็อยู่ด้วยแต่นังนั้นมันถ่ายมาไม่หมดต่างหาก ที่จริงเรายืนอีกมุมเพื่อถือผ้าให้พิ้งค์ เพราะก๊อกน้ำในห้องน้ำมันพัง นายมันโง่”
“ใช่...”
“พอทั้งสองผัวเมียนั่นหล่ะ จะใช่อีกนานไหมเวลาด่ากูนี่แทคทีมกันน่าดูเลยนะ”เลิฟเอ่ยขึ้นเมื่อโดนเพื่อนทั้งสองกระหน่ำกันใหญ่ แถมมารู้ความจริงว่าที่จริงแล้วเป็นยังไงก็ยิ่งละอายแกใจ
“แล้วจะไปเอาไงต่อว่ะ”
“ชามช่วยเราหน่อยสิ”เลิฟหันไปหาชามที่ทำหน้าเมินใส่ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่ช่วย ฉันโกรธนายที่ทำให้หนูพิ้งค์เสียใจ”ชามเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปหลังร้าน
“ช่วยเพื่อนกูหน่อยดิ”พอร์ชเอ่ยอ้อนวอนก่อนจะเดินตามไปแต่มิวายจะหันมาทางเลิฟแล้วเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวกูกล่อมมันเอง กูว่าตอนนี้มึงหาวิธีได้คุยกับพิ้งค์ดีกว่า”พอร์ชเอ่ยก่อนจะรีบเดินไปตามชาม
ทางด้านพิ้งค์ที่พยายามข่มน้ำตาไว้ ถึงบ้านได้ไม่ได้สนใจแพทริคเลย วิ่งเข้าห้องได้ก็ฟุบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ของตัวเอง น้ำตาที่พยายามข่มไว้ค่อยๆไหลออกมา ไม่ได้เสียใจที่เลิฟนัดโมเมมาหา ไม่ได้เสียใจที่เลิฟเข้าใจผิด แต่ที่เสียใจมากที่สุดคือ เลิฟไม่เคยเชื่อใจเขาเลยต่างหาก
“เลิฟไม่เคยเชื่อใจเราเลยสักครั้งไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร”พิ้งค์เอ่ยตัดพ้อกับตัวเอง ก่อนจะหันไปทางประตูห้องเมื่อมีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พิ้งค์ ผมเข้าไปได้ไหม ผมเป็นห่วงคุณ”เสียงแพทริคเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง พิ้งค์ค่อยๆปาดน้ำตาออกก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้กับแพทริค
แกรก
“คุณโอเคไหม”แพทริคเอ่ยขึ้นถาม พิ้งค์ยกยิ้มเล็กน้อยแม้ใจจะไม่โอเคเลยสักนิดก็ตาม
“เราโอเค แพทริคมีไรหรือเปล่า”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“ผมเห็นคุณมีเรื่องอยู่และคิดว่าคงไม่สบายใจมาก ผมอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”แพทริคเอ่ยขึ้น พิ้งค์
“ขอบใจมากนะ แต่เรามาเป็นไรจริงๆ เราโอเคทุกอย่าง”พิ้งค์เอ่ยขึ้น น้ำตาที่ว่าไม่ไหลกลับกำลังจะออหน่วยออกมาเมื่อมือหนาของแพทริคกำลังประคองที่แก้มของพิ้งค์ ความอ่อนโยนนี้ทำให้พิ้งค์คิดถึงเลิฟทำให้พิ้งค์เบี่ยงหน้าออกทันที อย่างน้อยพิ้งค์ก็ชัดเจนกับแพทริค
อึก
“เราขออยู่คนเดียวนะ และพรุ่งนี้เราอาจจะไม่ได้ไปส่ง เราขอส่งแพทริคตรงนี้เลยแล้วกัน โชคดีนะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น แพทริคที่เข้าใจทุกอย่างก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนประตูห้องจะถูกปิดลงและต่างคนก็ต่างเข้าห้องของตัวเอง ทิ้งให้ความเงียบคือตัวตัดสินว่าเวลาจะเดินต่อไปเหมือนชีวิตของคนเรา
“ผมคงไปแทนที่เขาไม่ได้ ใช่ไหม”
............

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เลิฟนิ ง้อพิงค์ไวๆๆเลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เลิฟต้องหนักแน่นกว่านี้นะ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
งอนกันอีกละ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Pink Loved 10: ความรักสีชมพู (สุดรัก x นาคิม)

เกือบสามวันแล้วที่พิ้งค์หลบหน้าเลิฟ แม้ว่าเลิฟจะโทรหาหรือไลน์หาก็ตาม จนเลิฟเองกลัวว่าพิ้งค์จะอึดอัดจึงทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆเท่านั้น
“อยากคุย อยากเจอก็ไปหาเขาสิว่ะ”พอร์ชเอ่ยบอกเพื่อนรักที่ตอนนี้กำลังแอบมองพิ้งค์อยู่
“คุณหนูไม่อยากเห็นหน้ากูหรอก สามวันแล้วเนี้ยที่เขาไม่คุยกับกู”
“สมน้ำหน้า มึงทำตัวเองล้วนๆ”พอร์ชเอ่ยพร้อมใช้นิ้วดันที่หน้าผากของเลิฟจนแทบหงายท้อง แต่เลิฟก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะมันคือเรื่องจริง ถ้าวันนั้นเขาไม่บ้าบอพูดแบบนั้นออกไป ไม่บ้าบอที่จะไม่เชื่อมั่นในตัวพิ้งค์เขาคงมีความสุขมากกว่านี้
“เอ่อ กูรู้ตัวดีว่ากูผิด แต่การที่มึงมาด่ากู สมน้ำหน้ากู มึงช่วยกูง้อหนูพิ้งค์ก่อนได้ไหม”
“กูไม่อยากจะช่วยมึงเลย แต่เห็นว่ามึงคือเพื่อนหรอกนะเดี๋ยวคืนกูขอไปปรึกษาไอ้ชามก่อนว่ามันมีวิธีอะไรบ้าง”
“ปรึกษาตอนนี้เลยไม่ได้หรอว่ะ ทำไมต้องคืนนี้ด้วย”
“ไม่ได้ ถ้ามึงจะให้กูช่วยก็ต้องรอกู เข้าใจไหม”
“เอ้อ...”
ช่วงค่ำที่โต๊ะอาหาร มีเพียงอนาคิน นิลกาฬ และพิ้งค์ที่นั่งทานอาหารอย่างปกติ นิลกาฬที่แอบมองน้องสามีที่กำลังนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมา
“หนูพิ้งค์ กับข้าวไม่อร่อยหรอ”นิลกาฬเอ่ยถาม พิ้งค์เงยหน้ามองพี่ชายและพี่สะใภ้
“เปล่าครับ หนูพิ้งค์ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ครับ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“เราผอมลงนะเฮียว่า ว่าแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นเลิฟเลย เมื่อก่อนตัวติดกันจนแทบจะเป็นแฝด”อนาคินเอ่ยบอกน้องชายที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่
“ทะเลาะกันหรอ”นิลกาฬเอ่ยถาม
“เปล่าครับ”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“ดีแล้วหล่ะ อย่าทะเลาะกันเลย คนเรานะกว่าจะได้รู้จักกันและกว่าจะได้รักกันมันเหมือนโชคชะตาและฟ้าลิขิต เมื่อได้มาเจอกันแล้ว และได้รักกันก็ทำความรักที่มีให้กันมันยั่งยืนอย่าให้หายไปไหน”อนาคินเอ่ยบอกน้องชายตัวเองก่อนจะจับมือนิลกาฬไว้แน่น พิ้งค์เงยหน้าขึ้นและยกยิ้มหวานให้กับอนาคินและซ้อใหญ่ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ครับ...”
เกือบสามทุ่มแล้วที่พิ้งค์นอนดิ้นไปมา ช่วงสามวันนี้เขานอนไม่ค่อยหลับจริงๆ เพราะในหัวคิดแต่เรื่องของเลิฟไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการเลิฟนะ แต่อยากจะให้เลิฟรู้ว่าเขาไม่ใช่สิ่งของที่อยากจะยกให้ใครก็ได้
“เรารู้ว่าเลิฟหวังดี อยากให้เราเจอคนที่ดีและทำให้เรามีความสุข แต่นายรู้ไหมว่า เลิฟเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เรามีความสุข”พิ้งค์เอ่ยกับตัวเอง เมื่อเดินมายืนที่ริมระเบียงห้องก่อนจะคิดอะไรบางอย่างได้และยกยิ้มกับตัวเองพร้อมยกมือถือขึ้นมารับสาย
“ว่าไงชาม โทรมาซะดึกเลย”
(“เรื่องที่หนูพิ้งค์ถามเราเมื่อเช้าอ่ะ ว่าควรจะใจอ่อนกับเลิฟดีไหม ถ้าเลิฟมาง้ออีกครั้ง”)
“อื้ม แล้วไงอ่ะชามมีวิธีหรอ”
(“มีสิ พิ้งค์จะยอมทำตามเราหรือเปล่า”)
“ก็เล่ามาก่อนสิ”
(“แล้วจะยอมไหมหล่ะ”)
“ถ้าทำให้เลิฟสำนึก และไม่อยากผลักไสเราให้ใครอีก เรายอม”
“ผมอยากกอดคุณหนูจัง ตอนนี้”เลิฟเองที่กำลังบ่นกับตัวเอง และสายตากำลังมองมายังร่างโปร่งของพิ้งค์ที่ยืนอยู่ตอนนี้ เขามักจะมายืนมองคุณหนูของเขาบ่อยๆ
ช่วงเช้าของวันใหม่ พิ้งค์มักจะออกสายกว่าเลิฟเสมอเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอเลิฟ นั้นมันเมื่อก่อนเพราะหลังจากเมื่อคืนที่ได้คุยกับชามแล้วก็เริ่มแผนของทั้งคู่
“คุณหนู”เลิฟเอ่ยขึ้นเมื่อเดินออกมาจากห้องก็พบว่าพิ้งค์ยืนรอยู่
“วันนี้ขับรถให้เราหน่อย...อ๊ะ”พิ้งค์เอ่ยขึ้นพร้อมยื่นกุญแจรถให้เลิฟที่ทำหน้าเหวออยู่ตอนนี้
“เอ่อ...”
“เร็วๆดิ เรามีเรียนเช้านะ”
“ครับ”เลิฟเอ่ยพร้อมกับรับกุญแจรถและเดินตามพิ้งค์ไปที่รถ
ระหว่างทางไปหมาวิทยาลัย พิ้งค์เอาแต่นั่งแชทอยู่กับมือถือโดยไม่คุยอะไรกับเลิฟเลยจนเลิฟเองรู้สึกหงุดหงิดที่พิ้งค์เอาแต่สนใจมือถือ แทนที่จะคุยกับตัวเองเพื่อเคลีย
“อะแฮ่ม!”เลิฟกระแอมเล็กน้อยเพื่อให้คนข้างๆได้ยิน ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เรื่องวันก่อน ผมต้องขอโทษคุณหนูด้วยนะครับ ผมมันบ้าที่คิดกับคุณหนูแบบนั้น คุณหนูอย่าโกรธผมเลยนะครับ”เลิฟเอ่ย
“ไม่แล้วหล่ะ เราไม่โกรธเลิฟหรอก เราห้ามความคิดใครไม่ได้หรอกนะ”พิ้งค์เอ่ยทั้งๆที่มือและตายังก้มอยู่กับแชท เลิฟเองก็อยากรู้นักว่าตอนนี้คนข้างๆกำลังสนใจอะไรอยู่มากกว่าจะสนใจตัวเขา
เลิฟจอดรถที่คณะเศรษฐศาสตร์ พิ้งค์ลงจากรถทันทีโดยไม่ได้เอ่ยอะไรกับเลิฟเลย ซึ่งมันต่างกับทุกครั้งที่พิ้งค์จะต้องบอกเลิฟให้เลิฟรอทานข้าวกลางวันด้วย
“คุณหนูครับ”
“ห๊า มีอะไรหรอ”
“กลางวันนี้...”ยังไม่ทันที่เลิฟจะเอ่ยถาม เสียงนุ่มแสนสุขภาพก็เอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
“พิ้งค์มาแล้วหรอ เรารออยู่ ขึ้นตึกพร้อมกันนะ”พิ้งค์ยกยิ้มหวานออกมา เลิฟที่มองตามชายหนุ่มแสนดูดีคนนั้น ใบหน้าหล่อเหลาจนเลิฟนึกอิจฉาเพราะดูเหมาะสมกับคุณหนูของเขาเหลือเกิน
“เย็นนี้ไม่ต้องรอรับเรานะ เดี๋ยวเราจะไปดูหนังกับดิว”พิ้งค์เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปกับดิว เลิฟมองตามพิ้งค์ที่กำลังยื่นหนังสือให้ดิวถือ รอยยิ้มสดใสจากเดิมมาก จนเลิฟเองรู้สึกหงุดหงิด
+++++
ปึก!
“เฮ้ย! อะไรของมึงว่ะ”เลิฟเดินเข้ามาในคณะด้วยท่าทางเหวี่ยงๆ ก่อนจะโยนกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะที่พอร์ชกำลังนั่งเขี่ยมือถืออยู่ตอนนี้
“แดกรังแตนมาหรอไง หน้าอะไรจะบูดบึ้งขนาดนี้”พอร์ชเอ่ยถามกลับ
“ไอ้ดิวคือใครว่ะ”เลิฟเอ่ยขึ้นลอยๆ พอร์ชที่มองหน้าเลิฟอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเอยขึ้นถาม
“มึงถามใคร ถามกูป่ะ”พอร์ชเอ่ยถาม เลิฟหันมองเพื่อนอย่างเหวี่ยงๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไอ้ดิวคณะเศรษฐศาสตร์ คณะเดียวกับคุณหนูและชามอ่ะ มันเป็นใครว่ะ”
“อื้ม ไอ้ดิว ไอ้ดิว ไอ้ดิวหรอ”พอร์ชเอ่ยทวนชื่อพร้อมนั่งคิด ก่อนจะจะร้องอ๋อออกมา
“อ๋อออ ไอ้ดิวเดือนคณะเศรษฐศาสตร์หน่ะหรอ”
“ไม่รู้ กูรู้แต่ว่ามันชื่อดิว และก็ก็รู้ว่ามันกำลังจีบคุณหนูของกู”
“หึ คุณหนูของกู มึงอ่ะชอบผลักไสพิ้งค์ไปให้คนอื่นตลอดหล่ะแล้วมาเรียกว่าคุณหนูของกู ว่าแต่ไอ้ดิวจีบพิ้งค์ก็ดีนะมึง หล่อก็หล่อ บ้านก็รวย เรียนก็เก่ง แถมเป็นคนดังอีกกูว่าเรามายุให้พิ้งค์ได้กับไอ้ดิวกันดีกว่าม่ะ”พอร์ชเอ่ยขึ้น
“ไม่ได้!”เลิฟตะโกนออกมาอย่าพลันควันจนพอร์ชเองตกใจก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อยและเอ่ยขึ้น
“มึงจะตะโกนทำหอกอะไรเนี้ย แล้วทำไมจะไม่ได้ว่ะ ในเมื่อไอ้ดิวมันมีทุกอย่างที่มึงต้องการเลยนะเว้ย”
“กูไม่ได้ต้องการ ใครบอกมึงว่ากูต้องการ”เลิฟเหวี่ยงใส่พอร์ชด้วยเสียงแข็ง
“ก็มึงง่ะ ตั้งแต่คบกันมามึงต้องการให้คุณหนูของมึงเจอคนที่เหมาะสม เจอคนที่ทำให้คุณหนูมึงสบาย ยกเว้นไอ้ชาม”พอร์ชเอ่ยขึ้น และก็คือเรื่องจริง
“นั้นมันเมื่อก่อน ตอนนี้คุณหนูกูต้องเป็นของกู ไม่ใช่ของคนอื่น”เลิฟเอ่ยขึ้น ทำเอาพอร์ชยกยิ้มออกมาก่อนที่เสียงข้อความในมือถือจะดังขึ้น
ติ้ง ติ้ง ติ้ง
พอร์ชยกมือถือขึ้นมากดดูข้อความจากชาม ซึ่งเป็นรูปถ่ายของพิ้งค์และดิวที่นั่งข้างๆกัน พอร์ชยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นมือถือให้เลิฟดู
“อ่ะ มึงดูนี่”
“ดูอะไร กูไม่มีอารมณ์ดูรูปโป๊ะ คลิปโป๊ะหรอกนะ”เลิฟเอ่ยขึ้น เพราะพอร์ชชอบทะลึ่งตลอดตั้งแต่คบกันมา
“ไม่ชารูปโป๊ะ มึงเห็นกูลามกขนาดนั้นเลยหรอ”พอร์ชเอ่ยขึ้น
“เออ...”เลิฟเอ่ยกระแทกใส่หน้าเพื่อนก่อนจะรับมือถือมาดู
“ไอ้เลิฟมึงจะไปไหน อาจารย์จะเข้าแล้วนะมึง”
“เช็คชื่อให้กูด้วย”เลิกตะโกนบอกก่อนจะวิ่งออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่เขาโดดเรียน เพราะรูปถ่ายจากชามที่ส่งมาคือ ดิวกำลังนั่งโอบไหล่พิ้งค์อยู่ตอนนี้
“ไอ้ดิว มึงกล้าแตะของของกูหรอ เดี๋ยวได้เจอกับกู”เลิฟเอ่ยด่าดิวกับตัวเองก่อนจะวิ่งมาถึงที่คณะเศรษฐศาสตร์และรีบเดินหาห้องเรียนที่พิ้งค์เรียน
“เรียนห้องไหนว่ะ”เสียงเอ่ยบ่นกับตัวเองบ่นไปเรื่อยๆ เลิฟไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ใจมันร้อนรนไปหมดเมื่อเห็นคนอื่นมาสัมผัสพิ้งค์
ทางด้านพิ้งค์ที่ตอนนี้กำลังนั่งรออาจารย์เข้าสอนก็นั่งคุยเรื่อยเปื่อยไปกับชามและดิว การสนทนาที่มีแต่เสียงหัวเราะออกมา
“อีกไม่กี่นาทีก็มา เชื่อดิ”ชามเอ่ยขึ้น
“ทุกคน พร้อมเรียนนะ”เสียงอาจารย์ที่เข้ามาจากประตูด้านหน้าเอ่ยขึ้น นักศึกษาทุกคนรีบนั่งประจำที่ก่อนที่จะหันไปทางประตูทางเข้าเป็นตาเดียวเช่นกัน
“คุณหนู...”เลิฟที่วิ่งมาด้วยเสียงหอบเหนื่อย แต่ก็ต้องหน้าแดงออกมา
“นี่นายเป็นใคร เป็นนักศึกษาเรียนวิชานี้หรือเปล่า”
“ครับ....”เลิฟพยักหน้ารับ พิ้งค์แอบยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแต่ก็ยังคงทำหน้านิ่งไว้
“งั้นก็รีบมานั่งที่ ฉันจะสอนแล้ว”
“ครับ”เลิฟรีบเดินหาที่นั่ง ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆพิ้งค์
“มาทำอะไรที่นี่”พิ้งค์ถาม
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหนูครับ”
“เอาไว้ตอนเย็นก็ได้นี่”
“ไม่ได้หรอกครับ เรื่องของคุณหนูรอไม่ได้ เพราะผมจะไม่ยอมเสียเวลาอีกแล้ว”เลิฟเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง พิ้งค์หันมองไปยังชามและดิวพร้อมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน
“งั้นก็กลับไปเรียนก่อนไป จบชั่วโมงแล้วเราจะโทรหา”พิ้งค์เอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เลิฟจะเอ่ยต่อ ดิวก็เอ่ยขึ้น
“พิ้งค์ช่วยดูตรงนี้ให้ดิวหน่อยสิว่าดิวทำมาถูกไหม”ดิวเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ เลิฟมองตาขวางออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นายสุดรัก คนเจียมตัวหายไปไหน เหลือเพียงสายสุดรักจอมงอแง เห็นอะไรก็ขัดขวางไปหมดจนชามเอ่ยขึ้นเมื่อตอนนี้กำลังนั่งทานอาหารกลางวันกันที่ร้านกาแฟของชามหลังเลิกเรียนภาคเช้า
“หนูพิ้งค์คงอึดอัดแย่เลยเนอะ มีผู้ชายนั่งเบียดด้วยขนาดนั้น”
“มึงก็ขยับให้พิ้งค์นั่งสบายหน่อยก็ได้ ไอ้ดิวมึงด้วยก็จะนั่งเบียดเป็นแซนวิสกันอยู่ได้”พอร์ชเอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมา ทั้งคู่จึงขยับให้พิ้งค์นั่งสบายๆแต่เล็กน้อย
“เดี๋ยวพิ้งค์กับดิวไปดูหนังที่ไหนหรอ”ชามเอ่ยขึ้น เลิฟที่นั่งอยู่ข้างๆหันมองพิ้งค์ทันทีเขาลืมไปเลยว่าวันนี้คุณหนูของเขามีนัด
“วันนี้วันศุกร์ ที่บ้านมีนัดทานข้าวนะครับ”เลิฟเอ่ยขึ้น
“เลิฟก็ทำแบบทุกครั้งสิ รายงานเฮียว่าเราไปไหนกับใคร และคนนั้นดีแค่ไหน เหมาะกับเราขนาดไหนไง”พิ้งค์เอ่ยขึ้นเชิงประชด เพราะทุกครั้งมักจะเป็นแบบนั้นแม้ไม่บ่อยก็ตาม
“ไม่ครับ”เลิฟเอ่ยทันที
“ทำไมหล่ะ เมื่อก่อนก็ทำแบบนี้ไม่ใช่หรอไง”
“นั้นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
“เดี๋ยวนะ พูดยังกับนายเป็นเจ้าของพิ้งค์อย่างนั้นหล่ะ พิ้งค์โตแล้วจะมาไหนไปไหนก็เรื่องของเขาไหมว่ะ นายมันก็แค่คนรับใช้ไหมว่ะ”อยู่ๆดิวก็เอ่ยขึ้น
หมับ!
“อ๊ะ...”
“ไอ้เชี่ย!”เลิฟเอ่ยขึ้นพร้อมกับกระชากคอเสื้อของดิวอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ดีว่าวันที่ร้านคนน้อย
“เลิฟปล่อยดิวเดี๋ยวนี้นะ”เสียงหวานของพิ้งค์เอ่ยขึ้น
“ทำไมครับ ทำไมต้องปกป้องมันด้วยหรือคุณหนูชอบมันจริงๆ”เลิฟเอ่ยขึ้น พิ้งค์กำมือแน่นก่อนจะฟาดเข้าที่ใบหน้าของเลิฟไปฉาดใหญ่
เพี๊ยะ!
“ใช่ เราชอบดิว ชอบที่เขามีพร้อมทุกอย่าง ตามที่นายอยากจะยัดเหยียดเราให้คนแบบนี้ไง ไม่ดีหรอไง สมใจนายไม่ใช่หรอไง”พิ้งค์เอ่ยขึ้นด้วยทั้งน้ำตา ทั้งน้อยใจ เสียใจที่เลิฟคอยแต่จะจับเขายกให้คนอื่นเสมอ ไม่เคยจะแสดงออกว่าตัวเองเป็นใครในหัวใจของพิ้งค์เลยสักครั้งทั้งๆที่บ้านรู้เรื่องของพวกเขาแล้วก็ตาม
“ไอ้เชี่ยเลิฟ สองครั้งแล้วนะมึง...”พอร์ชเอ่ยขึ้น
“รีบตามพิ้งค์ไปดิ ถ้านายไม่อยากเสียเขาไปอีก”ชามเอ่ยขึ้นบ้างทำเอาเลิฟเริ่มไม่เข้าใจก่อนที่ดิวจะเอ่ยขึ้น
“แสดงออกว่าหวงและรักขนาดนี้ยังจะยัดเหยียดให้คนอื่นอีกหรอ ระวังนะครับระวังว่าการแสดงครั้งนี้จะเป็นจริง”ดิวเอ่ยขึ้น เลิฟยิ่งงงเข้าไปใหญ่ก่อนที่พอร์ชจะเอ่ยขึ้น
“รีบตามไป แล้วกูจะเล่าให้ฟัง แต่อยากบอกมึงไว้อย่างนะว่าพิ้งค์อ่ะรักมึงมาก”
“เดี๋ยวกูโทรหา เล่าให้หมดเปลือกเลยนะทั้งผัวทั้งเมียเลย และมึงไอ้ดิวนับจากนี้อย่าหวังว่าจะเข้ามาแทรกกลางระหว่างกูกับพิ้งค์ได้อีก”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะวิ่งออกจากร้านไป
แผ่นหลังบางในชุดนักศึกษาที่กำลังยืนอยู่ข้างถนนเพื่อโบกแท็กซี่ แม้จะเสียใจพยายามข่มไม่ให้ตัวเองตื่นเต้นและกังวลขนาดไหน ในใจนับเลขในใจเพื่อผลลัพธ์ที่กำลังวิ่งออกมาจากร้าน
“ห้า”
“สี่”
“สาม”
“สอง”
“คุณหนูครับ...”รอยยิ้มมุมปากยกยิ้มเล็กน้อยอย่างคนชนะ ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าผ่านหลังของตัวเองปะทะกับอกกว้างของคนที่รัก
“ปล่อยเรานะ”พิ้งค์พยายามดิ้นเพื่อให้หลุดแต่อ้อมแขนของเลิฟก็ยิ่งแน่นกว่าเดิม
“ไม่ปล่อยครับ ต่อไปนี้ผมจะไม่ปล่อยคุณหนูไปไหนอีกแล้ว คุณหนูเป็นของผม”
“เลิฟ ปล่อยเรานะ นี่มันริมถนนนะไม่อายหรอไง”พิ้งค์เอ่ยดุทั้งๆที่ตัวเองยกยิ้ม
“แล้วไงครับ ไม่สนหรอกผมจะไม่ยอมให้คุณหนูไปไหนอีกแล้ว”เลิฟเอ่ยออกมา พิ้งค์แอบหัวเราะออกมาเล็กน้อย แต่ก็พอทำให้คนที่กอดเขาอยู่ตอนนี้รู้ว่าอีกคนกำลังหัวเราะ
“คุณหนู...”เลิฟเอ่ยขึ้นก่อนจะจับพิ้งค์หันมาเผชิญหน้ากับตัวเองก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากบางนั้นอย่างไม่อายใครที่เดินผ่านไปผ่านมา จนพิ้งค์รู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าด้วยความเขินอาย
“เลิฟ...”
“ผมรักคุณหนูนะครับ”เลิฟและพิ้งค์สวมกอดกันกลมด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะหันไปในร้านที่ตอนนี้เสียงโวยวายจากในร้านออกมา
“มีอะไรกันอ่ะ หรือชามกับพอร์ชตีกันอีก”พิ้งค์เอ่ยขึ้น
“ไปดูกันครับ”เลิฟฉุดมือของพิ้งค์วิ่งไปที่ร้าน
โครม!
คราม!
“ไอ้เชี่ย นี่มันร้านกูนะ”พอร์ชเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปยกยิ้มให้ชามและเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ร้านเมียกู แฮ่ๆ”พอร์ชเอ่ย ทั้งพิ้งค์และเลิฟวิ่งเข้ามายังไม่ทันจะเอ่ยถามอะไรก็ต้องหลบหมอนอิงที่ถูกขวางมาจากดิว
“คุณหนูหลบครับ”เลิฟดึงพิ้งค์เข้ามาสวมกอดเพื่อหลบ
“นี่มันอะไรกันว่ะ”เลิฟถามพอร์ช
“ไม่รู้ดิ ก็ไอ้หน้าหล่อมันออกจากห้องน้ำมา มันก็ทะเลาะกับบาริสต้าคนเก่งของร้านเมียกูทันที ทำยังกับรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นหล่ะ” ทั้งสี่ยืนมองสงครามที่กำลังสงบแล้วมันก็กำลังกดดันกันด้วยสายตาของทั้งคู่ตอนนี้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นถูกเล่าออกมาจากปากของพิ้งค์เรียบร้อยว่าที่จริงแล้วดิวคือเพื่อนในคณะแค่นั้น และด้วยความที่เป็นคนเพียบพร้อมทุกอย่างทำให้ชามคิดแผนออกมา ดิวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรยินดีช่วย อยากให้เลิฟเชื่อมั่นในตัวเอง มั่นใจในตัวเองว่าที่จริงแล้วไม่ได้อยากให้พิ้งค์เป็นของใคร
“อ่าห์...”
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อื่อออออ”
“ผมรักคุณหนูนะครับ”เลิฟเอ่ยทั้งๆที่ตัวเองกำลังสอบร่างเข้าหาพิ้งที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้าอยู่
“เราก็รักเลิฟ...อ่าห์ อย่าทำรอยเยอะสิ งื้อๆ”พิ้งค์เอ่ยอ้อนๆเมื่อเลิฟทำรอยรักเต็มร่างกายไปหมด
“แสดงความเป็นเจ้าของไว้ก่อนครับ ใครหน้าไหนจะได้ไม่มายุ่งกับของของผม”
“เลิฟอ่ะ”
ความรักและหัวใจไม่ใช่จะยกให้ใครได้ง่ายๆ เพราะในใจรักแล้วก็ยิ่งรักเลยโดยไม่สามารถให้ใครมาเป็นเจ้าของแทนกันและกันได้
....The End….

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ต้องเจอแผนเลิฟถึงจะเข้าใจ ชมพูสักที
จบทุกสีแล้ว แต่แอบอยากรู้อีกสองคู่ที่ทิ้งท้ายไว อิอิ

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
อีกสองคู่ที่ทิ้งท้ายไว้ มีเรื่องแยกต่างหากจ้า แต่ยังไม่ได้เปิดเรื่องเลยแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ หรือติดตามไรท์ได้ที่
https://www.facebook.com/paisirisuck/?ref=aymt_homepage_panel

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ตัดเข้าเตียงเร็วจัง ..

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด