Kill me gently จุมพิตอันธการ [แถงการณ์เปลี่ยนชื่อเรื่อง] P.7 [12/2/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kill me gently จุมพิตอันธการ [แถงการณ์เปลี่ยนชื่อเรื่อง] P.7 [12/2/2018]  (อ่าน 61524 ครั้ง)

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ขอให้แผนนี้สำเร็จนะ ลุ้นมากกกก :call:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 18




เอลเลียตทาบโทรศัพท์ลงบนใบหู นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองทิวทัศน์จากยอดผาเลนส์สีชาของแว่นตากันแดดที่อยู่บนหน้า เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไปตามแรงที่พัดเข้ามา ชายหนุ่มฟังเสียงกริ่งรอสายที่ดังเป็นจังหวะอย่างใจเย็น

"สวัสดีครับ" ปลายสายรับโทรศัพท์จากเขาในที่สุด ลมแรงๆ ที่พัดโชยเอากลิ่นอ่อนๆ จากทะเลขึ้นมาด้วยกระทบเข้าใบหน้า เอลเลียตเชื่อว่าปลายสายน่าจะได้ยินเสียงหวีดหวิวของแรงลมนี่ด้วย

"ไง ลีโอ"

ใช้เวลาไม่น้อยกว่าที่คู่สนทนาของเขาจะตั้งตัวได้ทัน "ไอเดน!?" และด้วยความตกใจ รอบนี้ชายหนุ่มจึงไม่ได้ดูเรื่องที่เอลเลียตเรียกชื่อเขา "นายยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอเนี่ย? นายอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น"

"โว้ ใจเย็นที่รัก ทีละคำถาม" ระหว่างตอบ เขาหันไปมองร่างสูงชะลูดที่ยืนกอดอก พิงต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ คีลขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจทันทีที่ได้ยินคำว่า 'ที่รัก' จากปากเอลเลียต และนั่นทำให้คนผมน้ำตาลอมยิ้ม ก็นี่แหละประเด็นที่เขาจงใจเรียกแฟนเก่าว่าที่รัก จะมีอะไรสนุกไปกว่าการเห็นภูเขาน้ำแข็งอย่างหมอนี่หัวปั่นเพราะเขาอีกล่ะ "เอาคำถามแรกก่อนแล้วกัน ใช่ ฉันยังมีชีวิตอยู่ ไม่งั้นคงโทรมาหานายไม่ได้หรอก"

"เกิดอะไรขึ้น ฉันได้ยินมาว่านายถูกแทง"

"อ้อ ใช่ ฉันถูกแทงจริงๆ เป็นรูสวยๆ ตั้งสามรูด้วยนะ ต้องขอบคุณพ่อนายมากเลยที่ช่วยให้ร่างกายฉันมีจุดขายที่ดี"

"ขอทีเถอะน่า ไอเดน ฉันเตือนนายก่อนหน้าที่เขาจะลงมือแล้ว นายพลาดเองที่หนีไม่พ้นตอนนั้น และจะบอกอะไรให้ ฉันเผาพาสปอร์ตปลอมของนายทิ้งไปแล้ว"

"เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ฉันไม่ต้องการมันอีกแล้วล่ะ"

ดูปลายสายจะแปลกใจกับข้อมูลนี่ไม่น้อย "ทำไมล่ะ ไอเดน นายแน่ใจเหรอ"

"แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ลีโอ"

"อย่าเรียกชื่อ"

"พูดแบบนี้ค่อยสมเป็นนายหน่อย"

"ตกลงว่านายจะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยังว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่"

"เรื่องมันยาวน่ะ" เขาว่า เงยหน้าขึ้นไปสบตาคีลนิดหนึ่ง อีกฝ่ายพยักหน้าให้เขาราวกับจะเสริมสร้างความมั่นใจให้ เอลเลียตจึงว่าตามแผนที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกับทุกคนในทีมเมื่อครั้งประชุมล่าสุด "แต่ถ้าให้สรุปง่ายๆ ก็คือมีคนช่วยฉันไว้... มีคนช่วยฉันออกมาจากโรงพยาบาลนั่น อันที่จริงเราเจอกันตั้งแต่ตอนที่ฉันออกมาจากคุกใหม่ๆ แล้ว แบบว่า... เขาค่อนข้างชอบฉันน่ะ"

“อ้อ” ลีโอลากเสียงยาว “แล้วนายแน่ใจว่าเขาจะปกป้องนายได้งั้นเหรอ?”

“คือ… เขาค่อนข้างมีอิทธิพลน่ะ” นี่ก็เรื่องที่เตี๊ยมไว้แล้ว เสียงอ้อจากปลายสายดังยาวมาอีกรอบ

“สรุปก็คือนายกลายเป็นอีหนูของคนใหญ่คนโตอีกคนเพื่อที่เขาจะได้คุ้มกะลาหัวจากผู้มีอิทธิพลอีกคนได้สินะ”

อีหนูเหรอ

“ก็นะ นายจะว่าแบบนั้นก็ได้ อย่างน้อยเขาก็ช่วยฉันได้จริงๆ แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะรอดมาได้ตั้งหลายเดือนแบบนี้เหรอ”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ซึ่งเอลเลียตไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย

“แล้ว… ถ้านายสุขสบายดีนายจะโทรมาหาฉันทำไม ไอเดน”

“อ้าว” เขาแกล้งทำเสียงแปลกใจอย่างสุดความสามารถ “ก็โทรมาเพื่อบอกนายไงว่าฉันสบายดี ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงไง อีกอย่าง… ฉันเองก็คิดถึงนายด้วย ฉันยังไม่ลืมช่วงเวลาดีๆ ของเราหรอกนะที่รัก”

จากหางตา เอลเห็นคีลกลอกตาขึ้นมองฟ้าแล้วตอนนี้ ใบหน้าคมยับยู่ยี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเอลเลียตลอบยิ้มออกมาอีกรอบ หลังจากจบสายนี้แล้วเขาจะจูบหมอนั่นให้หนำใจไปเลย

“เห…” ปลายสายลากเสียง แต่เอลบอกได้เลยว่าลีโอเองก็พอใจกับคำพูดเขาไม่น้อย “จะดีเหรอที่มาพูดอ่อยฉันแบบนี้ ไม่ใช่ว่ามีเสี่ยเลี้ยงอยู่แล้วรึไง”

“ฉันบอกว่าคิดถึงนาย แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากจะกลับไปนอนกับนายสักหน่อย”

“ก็จริงของนาย” ลีโอหยุดพูดนิดหนึ่ง “ว่าแต่นี่ใช้โทรศัพท์--”

“แบบใช้แล้วทิ้ง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า อดัมส์ ถึงฉันจะปลอดภัยแล้วแต่ก็ไม่เคยลืมมาตรการเก่าๆ ของเราหรอก”

“แล้วนายโทรจากที่ไหน”

“นายอยากรู้เหรอว่าฉันอยู่ที่ไหน”

“ถ้านายไม่อยากบอก ฉันก็จะไม่บังคับหรอก”

เอลเลียตเงียบไปครู่หนึ่งให้เหมือนกำลังชั่งใจ “นายจะไม่บอกเรื่องนี้ให้พ่อนายรู้ใช่ไหม”

“ขอที ที่รัก ฉันเป็นคนเตือนนายมาแต่แรก หาทางช่วยนายมาแต่แรก… อีกอย่าง ถึงตอนนี้ฉันจะมีคู่ขาคนใหม่แล้ว แต่นายก็ยังเป็นคนโปรดของฉันเสมอ”

“รู้สึกเป็นเกียรติมาก”

“ตกลงว่านายจะไม่บอกสินะว่าอยู่ที่ไหน”

“ฉันอยู่ฟลอริด้า”

เป็นฝ่ายลีโอที่จะเงียบลงไปบ้าง ก่อนเจ้าตัวจะพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจระคนขบขัน “นายพูดจริงสิ?”

“จะโกหกทำไมล่ะครับ”

“ฉันก็อยู่ฟลอริด้า”

อ่าฮะ แปลว่าที่ทีมของคีลไปสืบมาได้เรื่อง ข้อมูลตรงเผงราวกับจับวาง

“ว้าว”

“ว้าวเหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าสำนักงานใหญ่นายอยู่ในนิวยอร์ครึไง”

“ฉันฝากงานให้ลูกน้องทำน่ะ นายก็รู้ว่าฉันทำงานยังไง” ถึงตรงนี้ มีเสียงผู้ชายอีกคนแทรกเข้ามา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคู่ขาคนใหม่ที่ลีโอพูดถึงแน่นอน “เอาล่ะ นายสบายดีก็ดีแล้ว ไอเดน ยังไงก็ระวังอย่าทำอะไรเตะตานักแล้วกัน พ่อฉันเขาไม่หายแค้นนายง่ายๆ หรอกที่ทำอีหนูเขาตาย”

“ยัยนั่นฆ่าตัวตายเองไม่ใช่เรอะ”

“ก็ความผิดนายอยู่ดี”

โลกช่างไม่ยุติธรรม

“นายว่าเราจะมีโอกาสมาเจอกันได้ไหม”

ลีโอนิ่งไปครู่ใหญ่ ถึงตรงนี้เอลก็ชักใจคอไม่ดีขึ้นมาจริงๆ เหงื่อนี่ชุ่มเต็มมือเขาไปหมด เมื่อกี้เขาพูดโพล่งไปหน่อยรึเปล่านะ หมอนี่จะสงสัยหรือเปล่า…

“ก็อาจจะได้นะ ไอเดน”

นี่แหละ! สิ่งที่รอคอย

“แต่นายจะอยากเจอฉันไปทำไม นายไม่ต้องการพาสปอร์ต เงินก็คงไม่จำเป็นแล้ว หรือว่ายังอยากจะทำงานด้วยกันอีก? ฉันว่าไม่ดีหรอก เสี่ยงเกินไป ถึงฉันจะไม่ได้สนิทกับพ่อแต่ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ถ้านายกลับมา”

“ก็แค่คิดว่าบางทีอาจจะเจอเพื่อนเก่าได้บ้าง” เอลเลียตพูดบทที่ซ้อมมากับคีล “แบบว่า… ฉันต้องหลบๆ ซ่อนๆ ตลอด จะไปเจอใครใหม่ๆ แฟนฉันเขาก็ไม่ยอม อยู่แบบไปไหนไม่ได้ เจอใครไม่ได้แบบนี้ บางทีก็เหงา”

“ไม่ต่างจากติดคุกเลยสิ?”

“ดีกว่าหน่อย ฉันไม่ต้องคอยหลบใครๆ ที่จะมาวิ่งไล่ปล้ำในห้องน้ำ”

“ฟังดูเข้าที นายมีช่องทางติดต่ออะไรให้ฉันได้บ้างล่ะ เผื่อว่ามีเวลาเหมาะๆ แล้วฉันจะติดต่อไป”

เหยื่อติดเบ็ดแล้ว แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลีโอหรือตัวเขาเองที่เป็นเหยื่อ

เอลเลียตให้เบอร์โทรศัพท์ตามที่ได้เตรียมเอาไว้กับทีมของคีลอีกเช่นกัน จากนั้นเจ้าตัวจึงกดวางสาย หันหน้ากลับไปยิ้มหวานให้คีลที่ยืนคุมอยู่ไม่ห่าง ตอนนี้ร่างสูงจุดบุหรี่สูบเรียบร้อยแล้ว เหมือนจะรอเอลเลียตจนเบื่อ สีหน้าซังกะตายนั่นทำให้คนผมน้ำตาลหลุดหัวเราะออกมา เจ้าตัวสาวเท้าเข้าไปประชิดร่างสูงแล้วเขย่งหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดหนึ่ง

“อย่ารุ่มร่ามน่ะคุณ” พูดเสียงดุ “เรายังอยู่ข้างนอกนะ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าจะทำยังไงครับ”

“ไม่มีใครสักหน่อย” เอลเลียตทำหน้ายู่ แถวนี้อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่นกสักตัวยังไม่โผล่มาให้เห็น หน้าผาตรงนี้ที่พวกเขาอยู่เป็นที่ที่คีลเลือกในการโทรหาเทลออฟอดัมส์ เผื่อว่าอีกฝ่ายนึกอยากตามรอยสายโทรศัพท์ขึ้นมาจะได้ไม่เจอแหล่งรวมพลของพวกเขาเข้าแทน รอบคอบจนเอลเลียตอดนึกชื่นชมไม่ได้ “น่า… คีล ให้รางวัลผมด้วยการจูบสักทีจะเป็นไรไป ผมว่าผมทำได้ดีมากเลยนะที่คุยเมื่อกี้”

คีลไม่ตอบ เจ้าตัวสอดส่ายสายไปรอบทิศทาง และเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นนอกจากพวกเขา มือหนาก็ดึงเอลเลียตเข้าไปติดต้นไม้ด้านหลัง คนผมน้ำตาลเกร็งตัวเล็กน้อยเมื่อคีลเคลื่อนหน้าเข้ามา เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจูบเขาแน่ แต่แล้วเจ้าตัวก็ต้องชะงักไปเพราะร่างสูงไม่ได้จูบ หากมือเลื่อนไปหยิบของบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋าด้านในของสูทตัวนอก

นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่ามันคือสร้อยที่มีปลอกกระสุนห้อยเป็นจี้อยู่ เขารับมันมาดูเมื่อคีลส่งให้ ปลอกกระสุนนั่นถูกสลักเป็นข้อความสั้นๆ ว่า ‘Kiel’s’ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่แค่นั้นก็ทำเอาคนผมน้ำตาลหน้าร้อนเห่อขึ้นมาได้

คีลคลี่ยิ้มขณะยกสร้อยเส้นนั้นทาบคออีกฝ่าย “ผมไม่รู้นะว่าคุณจะชอบไหม แต่ผมยัดเยียดให้คุณ”

ชอบสิ… ชอบมากๆ ชอบจนหัวใจในอกข้างซ้ายจะระเบิดโผละเป็นแตงโมถูกไม้ฟาดได้อยู่แล้ว

“ปลอกกระสุนเหรอครับ?” เอลเลียตพยายามกลบเกลื่อนหน้าแดงๆ กับเสียงสั่นๆ ด้วยความปลาบปลื้มด้วยการตั้งคำถามเฉไฉ ใจเต้นรัวขึ้นมาไม่น้อยเมื่อเห็นคนยิ้มยากคลี่ยิ้มกว้างจนสุดขณะตอบ

“ครับ พ่วงมาพร้อมกับปลอกคอของคุณ จะได้หนีผมไปไหนไม่ได้อีก”

“แล้วทำไมต้องปลอกกระสุนด้วยครับ”

“เผื่อคุณคิดจะหนีขึ้นมาไง พอเห็นปลอกกระสุนอันนี้คุณจะได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่าอาจโดนผมเป่าดับได้ เพราะงั้นอย่าคิดลองดีกว่า”

ถึงตรงนี้เอลเลียตก็หัวเราะร่วนออกมาจริงๆ แขนเลื่อนโอบรอบคอร่างสูงให้โน้มหน้าต่ำลงมาอย่างยั่วยวน

“คุณคิดว่าผมจะกลัวโดนคุณฆ่างั้นเหรอ? ไม่รู้ตัวเลยสินะว่าจริงๆ คุณน่ะ ฆ่าผมไปตั้งหลายรอบแล้ว”

“เหรอครับ” คีลเคลื่อนหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายเรื่อยๆ ริมฝีปากเริ่มสัมผัสกัน “ผมฆ่าคุณตอนไหนกัน คุณหัวขโมย”

เอลเลียตดึงคีลให้ก้มลงมาจูบเขาแผ่วเบาทีหนึ่งก่อนจะกระซิบตอบ

“ก็ตอนที่คุณจูบผมไง”

คีลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เอลหลุดหัวเราะออกมาอีกรอบแล้วดึงให้ชายหนุ่มก้มลงมาจูบอีกครั้งอย่างอ่อนหวาน และเมื่อริมฝีปากผละออก คนผมน้ำตาลก็อธิบายต่อ

“คุณไม่รู้ตัวเหรอ คีล คุณฆ่าผมทุกครั้งแหละเวลาที่เราจูบกัน”

“คุณจะตายได้ไง” มือหนาเข่าใต้หว่างขาของคนตรงหน้า เอลเลียตยกขาพาดสะโพกคีลอย่างรู้หน้าที่ขณะที่ร่างสูงเบียดตัวเข้ามาชิด มือยึดต้นขาข้างที่พาดบนเอว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนรักมากขึ้นขณะพูด “ผมจูบคุณเบาจะตาย แค่นั้นไม่ทำให้คุณตายง่ายๆ หรอก”

“ตรงกันข้ามเลย คุณตำรวจ” เอลว่า ยกมือไปลูบแก้มคีลอย่างเผลอไผล “ยิ่งคุณจูบเบา ผมก็ยิ่งตายเร็วขึ้น”

“งั้นแรงๆ ดีกว่าใช่ไหมครับ”

“ครับ” เอลเลียตเหยียดยิ้มกว้าง “แรงที่สุดเท่าที่คุณทำได้เลย”

“เบื่อคนขี้ยั่วอย่างคุณจริงๆ”

“แต่ก็รักผมใช่ไหมล่ะ”

คีลกดจูบลงไปอย่างร้อนแรงตามที่อีกฝ่ายขอ มันลึกซึ้งเนิ่นนานจนเอลเลียตเริ่มหอบหายใจเมื่อคีลไม่ยอมเว้นจังหวะให้เขาเสียที

ในที่สุดเสียงทุ้มก็กระซิบที่ข้างหู

“ถ้าผมไม่รัก… คุณก็ไม่มีทางได้ปลอกกระสุนนั่นจากผมหรอก เอล”

ริมฝีปากคู่สวยยกยิ้มอีกครั้ง

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ คุณสายสืบ”

เอ… ถ้าขอคีลพากลับโรงแรมเลยตอนนี้จะเป็นอะไรไหมนะ?






เอลเลียตมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ลีโอให้ไว้ เขาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ ที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงยีนอีกตัว หากทั้งสองชิ้นเป็นของมีราคาที่ทำเอาคีลซึ่งต้องรับหน้าที่ควักเงินจ่ายกุมขมับไปนานสองนาน แต่เขาก็เห็นด้วยกับเอลที่บอกว่าจำเป็นต้องทำตัวให้เนียนกับสิ่งที่พูดให้ลีโอฟังไป ซึ่งการใช้ของเรียบง่าย น้อยชิ้น แต่ราคาแพงหู่ฉี่นี่แหละที่จะทำให้เขาดูเป็นเด็กของเสี่ยใหญ่ขึ้นมาได้

คีลไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องหยุมหยิมพวกนั้น แต่ที่เขาไม่สบายใจสุดๆ เลยคือการที่เอลเลียตยืนยันว่าจะไม่ให้ทางเขาใส่เครื่องดักฟังอะไรไป

'ขืนลีโอจับได้ละก็ หมอนั่นเป่าผมดับตรงนั้นแน่ แล้วไม่ใช่ว่าผมจะดูถูกเรื่องเทคโนโลยีของฝั่งคุณหรืออะไร แต่หมอนี่เชี่ยวชาญมากด้านนี้ ต่อให้เป็นเครื่องดักฟังอัจฉริยะขนาดไหน แต่เขาต้องจับได้แน่ถ้ามันอยู่ในตัวผม เชื่อผมเถอะ คีล ให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง ที่เราต้องทำคือทำให้เขาไว้ใจผมเต็มที่ก่อน หลังจากนั้นงานของเราจะง่ายขึ้นเยอะเลย'

ร่างสูงอยากจะค้าน แต่ทุกคนในทีมเขากลับเห็นด้วยกับสิ่งที่เอลเลียตพูด อันที่จริงเขาก็เห็นด้วยนั่นแหละ แต่ก็ยังอดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ดี

และตอนนี้คนผมน้ำตาลก็ต้องทำเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียว เขาเองก็นึกหวั่นอยู่ภายในไม่น้อยหรอก แต่เขารับปากกับคีลแล้วว่าจะทำให้ได้ คิดแบบนั้นเจ้าตัวก็กดกริ่งที่อยู่หน้าห้องโรงแรมสุดหรูที่เขาเดาว่าค่าเช่าคืนหนึ่งอาจกินเงินเดือนตอนทำงานขายบ้านไปทั้งเดือน หรูขนาดมีกริ่งให้กดหน้าห้องละกัน เอลเลียตเองก็นึกอยากนอนโรงแรมหรูๆ แบบนี้ดูบ้างสักคืน

แต่แน่นอนว่าไม่ใช่กับคนที่อยู่ในห้องตอนนี้นะ กับคนรักของเขาต่างหาก

คนที่ไม่ใช่คนปัจจุบันของเอลเลียตเปิดประตูออกมาอย่างเชื่องช้า ลีโอ ฮอร์ตัน หรือที่ทุกคนเรียกกันว่าเทลออฟอดัมส์มีลักษณะแบบที่ถ้าใครได้เห็นชายหนุ่มเป็นครั้งแรก จะให้คำจำกัดความแก่เขาได้เลยว่า 'ผู้ดี'

ชายหนุ่มตรงหน้าเขามีรูปร่างโปร่ง สูงพอๆ กับเอลเลียต เส้นผมสีบลอนด์หม่นถูกจัดแต่งเป็นอย่างดี  นัยน์ตาสีฟ้าดูสุขุมเยือกเย็นและอ่านยากนั่นครั้งหนึ่งเคยทำเอาเอลเลียตคลั่งไคล้พอๆ กับใบหน้าหล่อเหลาที่ติดไปทางหนุ่มเจ้าสำอาง แตกต่างกับความหล่อแบบคมเข้ม ดิบเถื่อนแบบแฟนเขาคนปัจจุบัน

แน่นอนว่าถ้าถามเอลเลียตตอนนี้ เจ้าตัวจะตอบได้เต็มปากว่าคีลของเขาหล่อกว่า แต่ระดับอย่างลีโอก็เรียกว่าขี้เหร่ไม่ได้เลย

ลีโอคลี่ยิ้มระบายบนใบหน้า เอลเลียตส่งยิ้มคืนให้แต่ก็ยังไม่วางใจอีกฝ่ายร้อยเปอร์เซ็นต์ตามประสาคนมีชนักติดหลัง อีกอย่าง ต่อให้หมอนี่จะยิ้มแค่ไหน แต่ตาของเจ้าตัวก็ยังอ่านยากเหมือนอย่างที่เคยเป็นอยู่ดี

"ไง ไอเดน" ลีโอเขยิบตัวให้เขาก้าวเข้าไปในห้อง และประตูปิดลง เอลเลียตก็เลื่อนหน้าไปแตะริมฝีปากลงกับแก้มอีกฝ่าย แต่หมอนี่ก็ไม่พอใจแค่นั้นอยู่ดี เจ้าตัวก้มลงมาจูบเขาทีหนึ่ง เอลเผลอเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเพราะตั้งรับไม่ทัน ใจนี่นึกกลัวไปแล้วว่าถ้าคีลรู้เรื่องนี้เขาจะโดนทำโทษยังไง

แต่... คิดอีกทีแล้วเขาก็นึกอยากโดนหมอนั่นทำโทษอยู่เหมือนกัน

"นายดูสบายดีนะ" ลีโอพูดพร้อมกับก้าวนำเข้าไปในห้องพักสุดหรูของตัวเองก่อน เจ้าตัวชี้มือไปที่เก้าอี้ซึ่งอยู่คู่กับโต๊ะวางกลมที่ติดกับเคาน์เตอร์ครัวซึ่งทำจากหินอ่อน เอลเลียตมองตามร่างโปร่งที่เดินเข้าไปหยิบว้อดก้าออกมาพร้อมกับแก้วและน้ำแข็งก้อนโต "ผสมอะไรไหม?"

"มีมะนาวรึเปล่า?"

"ยังกินอะไรเหมือนเดิม"

"คนเราไม่ต้องเปลี่ยนแม้แต่เครื่องดื่มที่ชอบก็ได้นี่"

เสียงกรุ๊งกริ๊งของน้ำแข็งกระทบลงกับก้นแก้วชวนให้เอลนึกถึงวันเก่าๆ ที่เขาเคยคบกับคนตรงหน้าอยู่เหมือนกัน หมอนี่ผสมเหล้าอร่อย ไม่ว่าจะแก้วไหนก็ถูกปากเขาไปหมด

“ว่าแต่เสี่ยของนายนี่เป็นใคร ไอเดน”

“โทษทีนะ บอกเรื่องนั้นกับนายไม่ได้หรอก” เอลเลียตดักคออย่างรู้ทัน “ก็เหมือนกับตอนที่เขาถามฉันว่าเพื่อนฉันเป็นใครนั่นแหละ ฉันก็บอกเขาว่าฉันบอกไม่ได้เหมือนกัน แต่เหมือนเขาจะเข้าใจ และนายก็ควรจะเข้าใจด้วย”

“ก็ยุติธรรมดี”

กลิ่นแอลกอฮอล์เข้มๆ ลอยมาแตะจมูกเมื่อลีโอส่งแก้วมาให้ เขานึกถึงเรื่องที่หมอสั่งห้ามเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่จากแผลที่ยังปวดแปลบเป็นพักๆ เวลาที่เขาออกแรงหนัก แต่ความคิดนั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขายกแก้วชนกับของลีโอเบาๆ เอลเลียตยกเหล้าขึ้นจิบ ลำคอของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีตามประสาคนที่ไม่ได้แตะของมึนเมามานาน

ไม่เกินแก้วที่สามคงเมา... แต่อย่างน้อยเขาต้องประคองสติของตัวเองให้รู้ตัวตลอดเวลา

ในที่สุดลีโอก็เปิดปากขึ้นมาก่อนหลังจากจิบเหล้าไปสองอึก "ฉันไม่อยากจะทำตัวเสียมารยาทกับนายนะ ไอเดน แต่ฉันอยากให้นายถอดเสื้อออก"

เอลเลียตชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นจึงวางแก้วลงบนโต๊ะพร้อมกับทำตามที่อีกฝ่ายสั่งอย่างว่าง่าย ลีโอมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของอดีตคู่ขาด้วยสายตาอ่านยาก เอลเลียตยังมีผ้าปิดแผลที่บริเวณที่เคยโดนแทงมาก่อน และเมื่อรู้สึกตัวว่าลีโอจ้องอยู่ตรงนั้นนานเป็นพิเศษ คนผมน้ำตาลก็ว่า

"จริงๆ มันก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ แค่รู้สึกไม่ดีเฉยๆ ถ้าไม่หาอะไรมาปิดไว้หน่อย"

อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะรับเสื้อจากเอลเลียตมาถือไว้ในมือ ตรวจดูว่ามีอะไรน่าสงสัยติดอยู่หรือไม่ และเมื่อลีโอตรวจสอบกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไล้มือลงบนกางเกงยีนรัดรูปที่เอลเลียตใส่อยู่เป็นอันดับต่อไป

คนผมน้ำตาลแกล้งพูดขณะยกสองมือเหนือศีรษะให้ลีโอตรวจสอบร่างกายเขาง่ายๆ

"ไม่ไว้ใจกันเลยแบบนี้มันเจ็บปวดนะ"

"ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน"

"ตามสบายเลย ลีโอ แต่ฉันบอกได้นายคำเดียวว่าไม่ได้ทำงานให้ใครทั้งนั้น แค่คิดถึงนายก็เลยอยากมาเจอ มันก็แค่นั้นจริงๆ"

เอลเลียตปิดเปลือกตาลงเมื่อรู้สึกได้ว่าฝ่ามืออุ่นของอีกฝ่ายทำมากกว่าแค่จะสำรวจตัวเขา สัมผัสบางเบาที่ลากผ่านหว่างขาไปอย่างจงใจทำให้ร่างกายของเขาตื่นตัว คีลต้องฆ่าเขาแน่ถ้ารู้ว่าเขากำลังมีอารมณ์กับแฟนเก่า แต่ไอ้หมอนี่มันจงใจเองนะ เขาห้ามร่างกายตัวเองไม่ได้สักหน่อย!

และเพราะห้ามร่างกายตัวเองไม่ได้ เอลเลียตจึงออกปากห้ามอีกฝ่ายแทน

"ลีโอ ไม่เอาน่า นายมีคู่ขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอตอนนี้"

ลีโอยืดตัวขึ้นมายืนตรง คนผมบลอนด์มีท่าทีแปลกใจไม่น้อยที่ไม่เจอเครื่องดักฟังหรืออะไรเทือกนั้นเลย

"นายไม่ได้ทำงานให้ใคร"

"ฉันบอกนายไปแล้ว"

"ก็เห็นอยู่ว่าฉันไม่เชื่อ"

เอลเลียตยักไหล่ "นั่นเป็นปัญหาของนาย"

ลีโอหรี่ตาลงอย่างจับผิด "ที่นายพูดมันขัดแย้งกัน"

"หมายความว่าไง"

"นายบอกว่านายคิดถึงฉันเลยอยากมาเจอ"

"อ่าฮะ"

"แต่นายไม่ได้อยากนอนกับฉัน ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้ว นายเกร็งตอนที่ฉันจูบ แล้วก็เมื่อกี้นายยังห้ามฉันอีก นายไม่ได้อยากนอนกับฉัน"

"ไม่ ฉันไม่ได้อยากนอนกับนาย" เอลเลียตพูดตรงๆ

"แล้วนายอยากจะเจอฉันทำไม"

คนผมน้ำตาลมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ "ให้ตายเถอะ ลีโอ ในหัวนายคิดแต่เรื่องอย่างว่ารึไง ที่ฉันว่าคิดถึงนายก็เพราะฉันอยากจะเจอนาย อยากคุยกับนาย เราเป็นเพื่อนกันแบบธรรมดาๆ ไม่ได้รึไง"

"กับคนอื่นคงได้" พูดพร้อมกับโน้มหน้าลงต่ำ เป่าลมหายใจรดที่ข้างแก้ม มือไล้ลงบนแผ่นอกขาวอย่างอ้อยอิ่ง "แต่กับนาย... ถ้าเป็นฉันกับนาย ฉันคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องอย่างว่าไม่ออกเลย"

"ลีโอ... ไม่เอา" เอลพยายามห้าม แต่เขาไม่อยากทำเกินกว่าเหตุเพราะกลัวเรื่องจะเสีย

อันที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจลีโอ ตรงกันข้าม เขากลับเข้าใจดี ถ้าเขาเป็นอีกฝ่าย เขาก็คงคิดแบบเดียวกัน ดีไม่ดีลีโออาจจะกำลังคิดว่าเขาเล่นตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจด้วยซ้ำ ถ้าเป็นตัวเขาก่อนเจอคีลน่ะอาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วไง แถมแฟนเขาก็ขี้หึงขั้นสุด ทีนี้เอลก็ต้องหาทางไม่ให้แตกหักกับลีโอแต่ก็ต้องไม่เสียตัวให้ไอ้หมอนี่ด้วย

เอาไงดีล่ะคราวนี้

“อดัมส์”

ราวกับคนบนฟ้าได้ยินคำขอ เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของใครบางคนที่ก้าวเข้ามา เอลหันกลับไปมองตามเจ้าของเสียง ชายหนุ่มร่างบางที่เตี้ยกว่าเขาไปพอสมควรก้าวเข้ามาในห้อง เนื้อตัวมีเพียงเสื้อเชิ้ตปกปิดท่อนบนและบังเอิญว่ามันใหญ่พอจะคลุมปิดส่วนลับของเจ้าตัวได้

คู่นอนของลีโอน่ะเอง แล้วรสนิยมของหมอนี่ก็เหลือเกินจริงๆ…

“นี่ใครน่ะ” ผู้ที่ก้าวมาใหม่หันมามองเอลเลียตด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ขอบตาลึกโหลกับใบหน้าที่ดูค่อนข้างทรุดโทรมทำให้เอลเดาได้เลยว่าชายคนนี้คงติดสารเสพติดสักตัวหรือมากกว่านั้น

“แฟนเก่าน่ะ ชื่อไอเดน ไอเดน นี่เกล ถ้านายมาหาฉันคงได้เจอเขาบ่อยๆ”

“อ้อ แฟนเก่านี่เอง” เกลว่าขณะกวาดตามองเอลเลียตตั้งแต่หัวยันปลายเท้า “หวัดดี ไอเดน”

“ไง” ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้เหมือนกัน

“สนใจมาร่วมวงกับเราไหม”

“วงอะไร”

“สามพี”

เอลเลียตหันไปมองหน้าลีโอด้วยสีหน้าพิศวง “นี่เขาพูดจริงเหรอ?”

“ทำไมจะไม่ล่ะ?”

“ขอผ่านล่ะ ฉันไม่มั่วขนาดนั้น”

“ตรงนั้นของนายแหละที่น่าเบื่อ”

“มิน่าถึงได้โดนอดัมส์ทิ้ง” เกลว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ถลาเข้ามากอดร่างสูง ทำท่าจะปีนหลังอีกฝ่ายด้วยท่าทีฉอเลาะ หมอนี่คงเด็กกว่าเขากับลีโอไปมากทีเดียว “ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายไม่พอใจนะ ไอเดน แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”

“ไม่ถือสาอยู่แล้ว” อย่างกับเขาจะอยากได้ลีโอเหลือเกินนี่

“อดัมส์ ผมขอขนมหน่อย” เกลว่าหลังจากที่ลีโอช่วยพยุงจนเจ้าตัวขึ้นมาขี่หลังตัวเองได้สำเร็จ “ได้ไหม ได้ไหม”

“เอาสิ”

เอลเลียตมองตามลีโอที่ยื่นสารเสพติดบางอย่างให้อีกฝ่าย เกลส่งยิ้มหวานอย่างยินดีขณะที่ลงจากหลังจากลีโออย่างว่าง่าย และเมื่อได้ของที่ต้องการเจ้าตัวก็วิ่งแจ้นออกจากห้องไป เอลเลียตหันกลับไปมองคนที่เขาเคยคบด้วยสายตารังเกียจ ลีโอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดบุหรี่

“เขาอายุ 18 หรือยัง?”

“หึ” ลีโอแค่นเสียง ตัวตนของหมอนี่ช่างแตกต่างจากเสื้อผ้าราคาแพงและท่าทีผู้ดีนั่นจริงๆ “ห่วงเรื่องนั้นด้วยเหรอ เป็นคนดีกันจังเลยนะ เราเนี่ย”

“นายกำลังพรากผู้เยาว์นะ ลีโอ”

“อย่าเอ็ดไปน่า อีกไม่กี่เดือนหมอนั่นก็ 18 แล้ว แต่พูดจริงๆ นะ ไอ้นิสัยบางอย่างของนายนี่น่าเบื่อไม่เปลี่ยนจริงๆ ฉันนึกออกแล้วสิว่าทำไมเราถึงเลิกกัน”

“นายเลี้ยงเขาด้วยยาเสพติดพวกนั้นเหรอ”

“เขาไม่ค่อยฉลาดเท่าไรน่ะ” ลีโอพูดพร้อมกับเหม่อมองประตูที่เกลวิ่งกลับเข้าไป เอลเลียตนึกสงสัยว่าหมอนี่พูดถึงเขาแบบนี้ตอนคุยกับคนอื่นด้วยหรือเปล่า “บุหรี่สักมวนไหม?”

“ไม่ล่ะ ฉันว่าฉันเตรียมกลับแล้วดีกว่า ไม่อยากรบกวนเวลาของนายกับเด็กคนนั้น”

“หมอนั่นไม่ถือหรอกถ้าฉันจะนอนกับคนอื่นทั้งที่คบกัน ไม่เหมือนกับนาย”

ชัดเลย รู้ชัดเลยว่าทำไมพวกเขาถึงเลิกกัน

“แล้วมาอีกนะ ไอเดน” ลีโอว่าขณะที่เดินไปส่งคนรักเก่าถึงหน้าประตูห้อง “ฉันจะรอจนกว่านายจะอยากรื้อฟื้นความหลัง”

“งั้นนายคงต้องรออีกนานเลยล่ะ อดัมส์”

แล้วเอลเลียตก็จ้ำเท้าพรวดๆ ตรงไปยังลิฟต์ของโรงแรม




------------------------------------------
Talk: เห็นมีคนร่ำร้องอยากเจออดัมส์เหรอคะ? เอามาให้เจอแล้วนะ ถถถถถถถ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โหหหนึกว่าเอลจะต้องเปลืองตัว แต่รอดมาได้ ทำไมลีโอดูเท่กว่าที่คิดอีกคะ ฮื่ออ ชอบเขา  :hao5:

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ชอบที่คีลหึง อยากเห็นเอลโดนลงโทษ  :jul1:

ออฟไลน์ ทันฌะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮืออออ เขินคีลลล รักรุนแรงเหลือเกินน ส่วนลีโอคือนางเลวได้ใจจริงๆ555555 :jul1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ bmine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ลีโอฮอตตตตต แอบเผลอคิดว่า เอาเลยเอลด้วยค่ะ สารภาพว่าเป็นคนอ่านใจง่าย 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 19




“หมอนั่นมันน่ารังเกียจ” เอลเลียตพูดด้วยน้ำเสียงขยะแขยงขณะที่คีลเดินเข้ามาประชิดตัว วางผ้าเช็ดผมลงบนหัวของเอลเลียตที่ยังชื้นเพราะเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จมาหมาดๆ เอลหันขวับกลับไปมองคนรักก่อนจะว่าต่ออย่างแค้นเคืองไม่หาย “จริงๆ นะครับ คีล หมอนั่นมีอะไรกับเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่พอ ยังเอายาเสพติดไปคอยป้อนให้แบบนั้น ล่มจมกันหมดพอดี… คีล นี่คุณฟังผมอยู่รึเปล่า คุณเป็นตำรวจประเภทไหนถึงได้ไม่สะเทือนกับสิ่งที่ผมเล่าให้ฟังอยู่เนี่ย หา!? ”

มือหนายกผ้าขึ้นยีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของเอลเลียตเผื่อให้ผมเจ้าตัวแห้งเร็วขึ้นก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“แต่ถึงเขาจะสถุลยังไงคุณก็เคยคบกับเขามานี่? ”

“ก็นั่นน่ะสิ ผมแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย” พูดแล้วยังแค้นใจไม่หาย “ผมเคยนอนกับคนทุเรศแบบนั้นไปได้ยังไง”

“ผมว่าคนต้องเลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้วนะ”

“เรื่องไหนครับ”

“เรื่องที่คุณกับเขาเคยมีเซ็กส์กัน” คีลพูดพร้อมกับดึงหน้าอีกฝ่ายให้หันกลับมาสบตาเขาตรงๆ “มันทำให้ผมหึงนะ รู้ตัวรึเปล่า”

เอลเลียตเบิกตากว้างขึ้นนิดหนึ่ง รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ แต่แล้วพ่ออาชญากรตัวแสบก็ยิ้มหวานออกมา

“รู้สิครับ”

ใบหน้าคมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า ‘รู้แล้วทำไมยังพูดถึงอีก’ เอลเลียตเลยหัวเราะออกมาเบาๆ นิ้วไล้ลงบนแผ่นอกของอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดเตรียมนอนเช่นเดียวกับตัวเขา

“ก็เพราะผมจงใจให้คุณหึงไง”

“หา” คีลแกล้งพูดพร้อมกับโอบรอบคอคนที่ตัวเตี้ยกว่าเขาด้วยท่าที่เหมือนจะล็อกคออีกฝ่ายด้วยความมันเขี้ยว เอลเลียตหัวเราะร่วนพร้อมกับเลื่อนมือไปแตะแขนคนด้านหลัง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ยิ้มจนตาหยีส่งให้คีลแล้วเขย่งตัวไปจูบปากเจ้าตัวเร็วๆ ทีหนึ่ง

“ผมดีใจนะที่คุณหึงผม คีล”

“คุณมันแสบที่สุด”

“ไม่แสบแล้วคุณจะรักเหรอ”

“ก็เป็นคำถามที่น่าขบคิด”

เอลเลียตหลุดหัวเราะออกมาอีกรอบ คีลเดินไปหยิบไดร์เป่าผมออกมา เสียบกับปลั๊กไฟที่อยู่ใกล้โต๊ะซึ่งเอลเลียตนั่งอยู่จากนั้นก็ลงมือเป่าผมให้อีกฝ่ายโดยที่เอลไม่ต้องร้องขอ

“ผมไม่เข้าใจอยู่อย่างครับ เอล” คีลว่าหลังจากที่ลงมือจัดการเส้นผมอีกฝ่ายให้แห้งไปกว่าครึ่ง

“อะไรครับ”

“คุณบอกว่าเทลออฟอดัมส์ไม่สนิทกับจูเลียน ฮอร์ตัน พ่อของตัวเองเท่าไร”

“ครับ ใช่”

“แต่พวกเขาสองคนก็ทำงานนี้ด้วยกันไม่ใช่เหรอครับ หรือว่าเพื่อเงิน? อะไรๆ ก็ไม่เกี่ยง”

เอลเลียตเอียงคอ ทำสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง

“อืม… จะว่ายังไงดีล่ะ เท่าที่ผมรู้สึกนะ ตัวจูเลียน ฮอร์ตันเองน่ะอยากได้เงินแน่ๆ และงานของเขาคือการใช้อำนาจและข้อมูลของกรมตำรวจที่ตัวเองมีให้เป็นประโยชน์” ก่อนหน้านี้เอลเลียตเล่าให้คีลและคนในทีมคนอื่นๆ ฟังว่าที่จูเลียนคอยคุ้มกะลาหัวให้แก๊งปล้นธนาคารเพื่อรับส่วนแบ่งก้อนโตจากเงินที่ได้มาแต่ละครั้ง และนั่นก็ตอบคำถามที่คีลเคยถามเอลเลียตเมื่อหลายปีก่อนได้ว่าเงินกว่าครึ่งนั่นหายไปไหน ตอนนั้นเอลเลียตตอบว่าเอาไปจมกับการพนัน แต่ความจริงก็คือมันเป็นส่วนแบ่งของจูเลียนนั่นแหละ “แต่สำหรับตัวลีโอเอง ผมว่าเขาไม่สนเรื่องเงินหรอก เขาทำเพราะมันสนุกมากกว่า อย่างน้อยผมก็เข้าใจว่าแบบนั้นนะ”

“แล้วเขาก็ใช้อิทธิพลของพ่อเพื่อเรื่องสนุกที่ว่างั้นสิ? ”

เอลยักไหล่ ผมของเขาแห้งสนิทแล้วตอนนี้ คีลเลยจัดการเป่าผมตัวเองต่อ

“ก็ประมาณนั้นครับ ออกแนวพึ่งพาอาศัยกันน่ะนะ แต่ให้ตายสิ ตอนแรกผมไม่อยากให้คุณหมายหัวลีโอไว้ด้วยเลยเพราะถึงยังไงเขาก็ช่วยผมมาตั้งเยอะ แต่พอมาเจอหมอนั่นแบบนี้แล้วผมชักรู้สึกไม่โอเคแล้วสิ”

“แต่คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าเทลออฟอดัมส์เป็นคนยังไงก่อนที่จะคบกับเขา”

“ก็… ก็พอรู้” ตอบเสียงอ้อมแอ้ม “อย่างเรื่องยาเสพติดหรือเรื่องที่ไม่เห็นหัวใคร ไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง… แต่ถึงขั้นเอาเด็กมาพัวพันแบบนี้มันเกินไป”

“หืม” คีลลากเสียงยาว หลังจากที่ได้รู้จักเอลเลียตมาหลายเดือน แทบจะเรียกได้ว่าอยู่กินด้วยกัน เขาก็สัมผัสได้ว่าเนื้อแท้ของชายหนุ่มผมน้ำตาลอ่อนไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร สิ่งเลวร้ายที่สุดที่เขาทำในชีวิตคือการวางแผนปล้นเงินที่อยู่ในธนาคารเท่านั้น และเหมือนเจ้าตัวก็รู้สึกผิดกับเรื่องนั้นอยู่เหมือนกัน เขาเคยถามเอลเลียตว่าอยากได้เงินไปทำไมตั้งมากมายขนาดนั้น อีกฝ่ายก็ไม่เคยตอบคำถามเขาตรงๆ เสียที เอาแต่พูดว่า ‘ใครๆ ก็อยากได้เงินทั้งนั้น’ อยู่นั่น แต่คีลรู้สึกได้ว่าที่มันมีเหตุผลเบื้องลึกมากกว่านั้น

“เอ้อ จริงสิ” เอลพูดอย่างนึกขึ้นได้ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาซึ่งกำลังกระตุกสายไฟของไดร์เป่าผม “คราวหน้าผมจะไปเจอกับลีโอสักอีกสองอาทิตย์ให้หลังนะ”

“เอาเรื่องนั้นไปบอกที่ประชุมสิครับ”

“รู้แล้ว บอกคุณก่อนไง ไม่ต้องทำตัวเย็นชากับผมนนักก็ได้น่า ที่รัก ยังโกรธที่ผมเกือบโดนลีโอปล้ำอยู่อีกเหรอ”

คีลส่ายหน้า บางทีเขาก็ไม่เข้าใจตรรกะของเอลเลียตเลยว่าสามารถพูดเรื่องที่ตัวเองจะโดนปล้ำออกมาหน้าตาเฉยแบบนั้นได้ยังไง ทั้งเรื่องพวกของแจ็ค พอร์เตอร์ที่ส่งคนเข้าไปแก้แค้นเอลเลียตนั่นเหมือนกัน แล้วโลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด การจะข่มขืนผู้ชายนี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วเหรอ?

“ผมไม่เป็นไรหรอก เห็นแบบนี้ผมก็มีฝีมือพอตัวนะ ตอนโดนพวกของพอร์เตอร์รุมสามคนนั่นยังรอดมาได้เลย”

“แต่ก็หน้าบวมไปแถบไม่ใช่เหรอครับ”

“แล้วก็ฟกช้ำนิดหน่อย แต่ลีโอไม่เก่งเรื่องการต่อสู้เท่าพวกนั้นหรอก ถ้าหมอนั่นไม่งัดปืนขึ้นมาก็โอเคน่ะนะ”

คีลขมวดคิ้วมุ่นขึ้นทันที “เขามีปืนด้วยงั้นเหรอ? ”

เอลเลียตไหวตัวนิดหนึ่ง เพิ่งรู้ตัวว่าทำให้คนรักเป็นห่วงไม่เข้าท่า “ก็อาจจะ… ผมก็ไม่แน่ใจหรอก เขาอาจจะไม่มีก็ได้ แต่ถ้าเขามีผมก็ไม่แปลกใจหรอก”

“แล้วคุณก็กำลังไปล้วงความลับจากเขาเนี่ยนะ? ”

“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า” เอลว่า “ตอนนี้เขาอาจจะระแวงนิดหน่อย แต่เจอกันอีกไม่กี่ครั้ง เขาน่าจะไว้ใจผมเหมือนเดิม”

คีลยังมีสีหน้าไม่สบอารมณ์เหมือนเดิม เอาจริงๆ ถ้าไม่ได้สนิทกับร่างสูงมากคงจะดูไม่ออกแน่ว่าคีลกำลังอารมณ์เสีย เพราะสีหน้าเจ้าตัวแทบไม่เปลี่ยน แต่เอลเลียตสนิทกับอีกฝ่ายมาก… มากแบบคุ้นเคยทุกซอกทุกมุมน่ะ เพราะงั้นแค่คีลอารมณ์เสีย มีเหรอเขาจะไม่รู้

เอลเลียตเอื้อมมือไปประคองหน้าอีกฝ่ายให้หันกลับมามองตัวเอง ส่งยิ้มหวานสดใสโดยที่รู้ดีว่าคีลชอบ และนั่นทำให้ร่างสูงใจเต้นสะดุดไปจังหวะหนึ่งจริงๆ

“ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่นะคีล แล้วก็จะคอยระวังตัวเองด้วย ไว้ใจผมนะ? ”

คีลเกือบจะตอบรับกับคำพูดนั้นอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่านัยน์ตาคู่คมจะเหลือบไปเห็นรอยช้ำที่อยู่บริเวณซอกคอของเอลที่เขาแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนทำแน่ แล้วเมื่อกี้นี้อาบน้ำด้วยกันทำไมเขาไม่ทันสังเกต…

เอลเลียตรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเย็นลงฮวบฮาบเขาเลยเงยหน้าขึ้นไปมองคนรักอย่างงงๆ แต่พอเห็นสายตาคมกริบจ้องมาที่ซอกคอ เอลเลียตที่มองไม่เห็นจุดนั้นถนัดตาจึงเดินไปที่กระจกเพื่อดูว่าคีลเห็นอะไร แล้วใบหน้าของชายหนุ่มก็ซีดลงทันที

“เอ่อ คือ แหะๆ ” คนผมน้ำตาลหัวเราะแห้งๆ ขณะเลื่อนมือไปปิดบริเวณที่เป็นรอยช้ำ แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้แววตาของคีลน่ากลัวน้อยลงเลย “แบบว่า… ตอนนั้นผมไม่ทันตั้งตัวน่ะ”

“คุณยอมให้เขาทำรอยนั่นบนตัวคุณเหรอ? ”

“เฮ้ เราไม่ได้มีอะไรกันนะ ผมสาบานได้ แค่ไอ้รอยนี่…” เอลเลียตอึกอัก เขากลัวว่าคีลจะเข้าใจผิดว่าเขาทำตัวง่าย ยอมนอนกับคนอื่นทั้งที่คบกับอีกฝ่าย และคีลไม่ใช่คนประเภทลีโอที่จะไม่ถือสาเรื่องพวกนั้น ตรงกัมข้าม มันเป็นสิ่งที่คนผมดำจะไม่มีวันให้อภัยแน่

“คุณแน่ใจนะว่าแค่รอยนั่น” ร่างสูงพูดเสียงเย็นขณะดันตัวเอลเลียตไปติดฝาผนังด้านหลัง ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมายัน ล็อกตัวอีกฝ่ายไม่ให้คิดหนีไปไหน เอลเลียตคิดว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิงคงกรี๊ดแตกไปแล้ว ถ้าหมอนี่จะทำน่ากลัวใส่เขาขนาดนี้… “บอกผมมาให้หมด เอล ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ เขาทำอะไรคุณบ้างนอกจากรอยนี่”

ก็ไม่เคยคิดว่าคีลล้อเล่นอยู่แล้วล่ะ… ว่าแต่หมอนี่ล้อเล่นเป็นกับเขาด้วยเหรอ?

“คือ… เอ่อ ผมโดนจูบ”

“ที่ไหน? ”

“ที่… ที่ปาก”

ใบหน้าคมขบฟันแน่นขึ้นจนเอลเลียตได้ยินเสียง แว้ก อย่าฆ่าเขาเลย เขาไม่ได้ตั้งใจ

“ผม… ผมขอโทษครับ คีล แต่คุณต้องเข้าใจสิว่าเราสองคนเคยคบกันมาก่อน แล้วทั้งผมกับเขาก็เป็นคนประเภทแบบ… เอ่อ มันก็แค่จูบเอง? อะไรแบบนั้น”

“แค่จูบเอง อะไรแบบนั้น? ” สีหน้าคีลเหมือนจะระเบิดสมองเขาด้วยสายตานั่นอยู่แล้ว

ยิ่งพูดยิ่งแย่โว้ย!

“ผมขอโทษคีล! ผมไม่ได้อยากจะจูบกับไอ้ทุเรศนั่นหรอกนะ แต่ผมหลบเขาไม่ทัน”

“แล้วถ้าผมเกิดโดนใครสักคนจูบเพราะตั้งตัวไม่ทัน หรือว่าผมจูบกับแฟนเก่าของตัวเอง คุณจะรู้สึกยังไงล่ะ”

เอลเลียตเกือบจะอ้าปากพูดไปว่า ‘ไม่เห็นเป็นไร’ อยู่แล้ว แต่พอคิดว่าถ้าประชดไปแบบนั้นแล้วคีลไปจูบกับใครคนอื่นเข้าจริงๆ … วินาทีหนึ่ง เอลเลียตนึกภาพอีกฝ่ายจูบกับเจนนิเฟอร์ เคลลี่ซึ่งเป็นบอสของตัวเอง สองคนที่ทำงานด้วยกันมานาน เชื่อใจซึ่งกันและกัน แถมมองจากคนนอกก็ยังดูเหมาะกันสุดๆ แบบนั้น… ไม่นะ แค่คิดหัวใจเขาก็เจ็บแปลบแล้ว

และเพราะคิดแบบนั้น เอลเลียตจึงตัดสินใจว่าประชดกันไปมาไม่ใช่เรื่องดี ยังไงเรื่องนี้เขาก็ผิด

“ผม… ผมคงเสียใจ แล้วก็คงโกรธคุณมาก”

“อืม ใช่ คุณก็เข้าใจความรู้สึกผมนี่”

“ผมขอโทษครับ” ถ้าเอลเลียตมีหูหมาอยู่บนหัว ป่านนี้มันคงลู่ตกลงทั้งสองข้างอย่างหงอยๆ แล้ว แต่คีลก็ไม่ใจอ่อนง่ายๆ อยู่ดี ไอ้รอยช้ำที่อยู่บนซอกคอของเอลมันตำตาเขา แค่คิดว่ามันไม่ใช่รอยที่เขาทำแล้วก็… โว้ย!

“ผมไม่ยกโทษให้หรอกครับ”

คำพูดตรงๆ นั่นทำเอาเอลใจเสีย ถ้าเกิดคีลทิ้งเขาไป คราวนี้คงเขาตั้งหลักอีกไม่ไหวแน่ๆ เขาเจอกับความผิดหวังและเรื่องหนักหนามามากเกินไปแล้ว เรื่องพวกนั้นอาจทำให้เขาแกร่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะพร้อมรับมือกับมันอีกกี่ครั้งก็ได้นี่

หากยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เอลเลียตก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนารวบข้อมือเขาขึ้นไปแนบกับผนังด้านหลัง แรงบีบนั่นทำเอาคนผมน้ำตาลนึกเสียวว่าข้อมือเขาอาจจะหักเพราะฝีมือของคีลก็ได้ ร่างสูงก้มลงมาขบริมฝีปากลงบนรอยที่ลีโอทำเอาไว้อย่างแรง ขยี้ลงตรงนั้นซ้ำๆ จนเอลเลียตร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาคิดว่าคีลคงกัดเนื้อตรงนั้นของเขาให้หลุดออกไปแน่ถ้าทำได้

“อึก… คีล” เอลพยายามเรียกอีกฝ่ายเสียงหวาน หวังว่าร่างสูงจะเห็นใจเขาบ้าง แต่ก็เปล่า คีลยังโกรธเขากรุ่นเหมือนเดิมแม้ว่าจะผละริมฝีปากออกมาแล้วก็ตาม สงสัยเขาจะเจอศึกหนักอีกแล้วคืนนี้ “เอ่อ ผมขอโทษจริงๆ ”

“ถอดกางเกง”

เอลเลียตเบิกตากว้างขึ้น มองคนสั่งอย่างสับสน

“เร็วๆ สิครับ”

“ตรงนี้เลยเหรอ? ”

คือเตียงมันก็อยู่ห่างจากพวกเขาไปแค่ไม่กี่ก้าวเองนะ

“จะขัดคำสั่งผม? ”

เอลเลียตทำปากขมุบขมิบขณะก้มลงไปถกกางเกงลง “ใครจะไปกล้าขัดคุณกันล่ะ คุณสายสืบหน้าดุ”

“ผมได้ยินนะ”

คราวนี้คนผมน้ำตาลที่เริ่มตั้งตัวได้หันกลับไปยิ้มหวานให้อีกฝ่าย

“ก็จงใจพูดให้ได้ยินไงครับ”

คีลเงียบ บ่งบอกให้รู้ว่าไม่เล่นด้วยแน่ๆ เอลเลียตเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้อีกฝ่าย ก้มลงมองบริเวณรอยที่คีลเพิ่งทำทับไว้แต่ก็มองไม่เห็นอยู่ดี แต่จะหันกลับไปดูที่กระจกตอนนี้ก็ใช่ที่

“หันหลังไปครับ” คีลออกคำสั่งอีกรอบ เอลเลียตที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนล่างเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม แต่ร่างสูงก็ยังสั่งต่อ “หันหลังแล้วเอามือยันกำแพงไว้”

อ้อ แบบนี้นี่เอง หมอนี่กำลังจะลงโทษเขานี่เอง

คนผมน้ำตาลทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มโน้มตัวลงต่ำ เหยียดแขนทั้งสองข้างยันกับผนัง ใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาเพราะเขาเห็นสายตาคมกริบของคนด้านหลังมองเรือนร่างของเขาอย่างโลมเลียผ่านทางบานกระจกที่อยู่ในระยะสายตา แล้วหน้าเขาก็โคตรแดงแบบที่เห็นแล้วต้องอายหนักขึ้นไปอีก แถมมันยังร้อนฉ่าจนเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่ออีกด้วย

นี่มันไม่สมกับเป็นเขาเลย เขาไม่ชอบเป็นรองคีลเรื่องนี้

“จะทำโทษผมเหรอครับ” เจ้าตัวหันกลับไปยิ้มหวานอย่างท้าทาย ไม่ได้เจียมตัวเลยว่าหน้าแดงๆ นั่นปรากฏชัดต่อสายตาคีลด้วยเช่นกัน “คุณจะทำแรงพอให้ผมสำนึกผิดไหวเหรอ? ”

“ปากดี”

มือหนาฟาดลงบนแก้มก้นกลมกลึงของอีกฝ่ายไปหนึ่งป้าบทำเอาคนปากดีสะดุ้งเฮือก ใบหน้าที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนเข้าไปอีกเมื่อสัมผัสจากฝ่ายมือนั้นไล้วนไปทั่วบริเวณสะโพก บั้นท้าย ไถลไปที่หว่างขาแล้วรูดกลับมาที่ปากโพรงด้านหลัง

น่าอาย… น่าอายเป็นบ้า ยิ่งในห้องเปิดไฟสว่างโร่แบบนี้

“คีลครับ” เรียกอีกฝ่ายเสียงสั่น

“ว่าไงครับ”

“เรา… เราปิดไฟกันก่อนดีไหม? ”

“ไม่ล่ะ” เจ้าหน้าที่หนุ่มยกยิ้ม เอลเลียตเห็นผ่านกระจก มันเป็นยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์และสะใจมากๆ “ผมชอบเห็นสีหน้าทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ของคุณผ่านกระจกนั่น คุณน่าจะมองตัวเองไปด้วยนะ จะได้รู้ว่าเวลามีเซ็กส์ตัวเองมีสีหน้ายั่วยังไง”

“ระ… เราจะทำกันตรงนี้เลยเหรอครับ” เขาถาม และได้รับคำตอบเป็นสัมผัสจากปลายนิ้วอีกฝ่ายที่สะกิดปากทางเข้าด้านหลังให้เอลสะดุ้งตัวอีกเฮือก เขารู้สึกว่าขาของตัวเองเริ่มสั่น “ผม… ผมอายนะคีล อย่างน้อยก็ปิดไฟ--”

“คุณอยากให้ผมทำให้คุณสำนึกผิดไม่ใช่เหรอ”

“! ” แง แบบนี้ไม่เรียกว่าสำนึกผิด แบบนี้เรียกว่าอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี!

“อ๊ะ อื้อ” เสียงหวานเริ่มเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากคู่สวยเมื่อคีลเบียดส่วนกลางของร่างกายลงกับบั้นท้ายของเขาผ่านเนื้อผ้า โน้มตัวลงมาไล้ฝ่ามือลงบนส่วนอ่อนไหวทั่วร่างกายของคีล ขยี้ยอดอกของอีกฝ่ายพร้อมกับกอบกุมแก่นกลางของเอลเลียตไปด้วย ไม่สนว่าแขนที่เหยียดตึงของเจ้าตัวจะเริ่มสั่นระริกเพราะสัมผัสวาบหวามเหล่านั้น

มือหนาลงที่หว่างขา อ้าขาทั้งสองข้างออกมากขึ้น มือเริ่มดึงกางเกงลง งัดส่วนนั้นออกมาถูไถลงตรงง่ามก้นของอีกฝ่ายที่สะดุ้งตัวอีกเฮือก คีลสังเกตเห็นว่านัยน์ตาสีฟ้าฉ่ำเยิ้มคู่นั้นเหลือบมองเขาผ่านกระจกเป็นระยะๆ และมันทำให้ใบหน้าเจ้าตัวแดงยิ่งขึ้น

น่ารัก… ยิ่งเห็นคีลก็ยิ่งอยากจะฟัด อยากทำให้หมอนี่เป็นของเขาโดยสมบูรณ์แบบ แบบที่ถ้าขาดเขาไปร่างกายจะต้องทุรนทุรายด้วยความปรารถนา

เอลเลียตอุทานออกมาเมื่อคนด้านหลังสอดส่วนนั้นผ่านปากโพรงเข้ามาอย่างดุดัน นิ้วเรียวจิกลงบนวอลล์เปเปอร์ขณะที่ทิ้งน้ำหนักลงบนขาทั้งสองข้างอย่างเต็มที่

วันนี้หมอนี่รุนแรงชะมัด… ถุงยางก็ไม่ได้ใช้ ถึงปกติคีลจะใช้บ้างไม่ใช้บ้างสลับกันอยู่แล้วก็เถอะ แต่ปกติเจ้าตัวมักจะถามเขาก่อนว่าโอเคหรือเปล่าถ้าไม่ใส่… นี่คงกะลงโทษเขาให้หลาบจำจริงๆ สินะ

“อ๊ะ คีล… เบา--”

เอลเลียตพยายามร้องขอความเห็นใจจากคนรัก แต่แรงที่คีลกระแทกสะโพกเข้ามาทำให้เขาพูดไม่จบประโยค คนผมน้ำตาลได้ยินเสียงครางของตัวเองดังก้องในหู สัมผัสที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กำลังทำให้เขาคลั่ง รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่คลอขึ้นมาบนขอบตาด้วยความเสียวซ่านคละเคล้ามากับความเจ็บปวด

เข็ดแล้วครับที่รัก คราวหลังจะไม่ยอมให้ใครมาทำรอยบนตัวได้ง่ายๆ อีกแล้ว ถ้ามันจะทำให้คีลคลั่งขนาดนี้

“คะ… คีล! มะ ไม่ไหว! หยุดก่อนครับ ผม---! ”

เอลเลียตครางออกมาอีกระลอกเมื่อคนด้านหลังส่งเขาถึงจุดสุดยอดรอบหนึ่ง หากคีลก็ทำให้เอลเลียตแทบคลั่งด้วยการไม่หยุดกระแทกร่่างลงมาซ้ำๆ แม้แต่ตอนที่น้ำสีขาวขุ่นทะลักออกมา

เป็นเซ็กส์ที่โคตรเจิ่งนอง ขาของเขาเปียกไปหมดแล้วตอนนี้

แล้วเอลก็ต้องครางออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อคีลเร่งจังหวะมากขึ้น โน้มตัวลงมาเบียดแผ่นหลังเขา มือประคองที่แผ่นอกพร้อมกับขยำมันไปด้วย เสียงเนื้อกระทบกันบดเบียดรุนแรงราวกับโกรธกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วทำเอาเอลเลียตน้ำตาเล็ด เขาได้ยินเสียงกระซิบข้างหูที่ฟังดูดุดันและพร่ำเพ้อไปพร้อมๆ กัน

“คุณเป็นของผม เอล… ผมจะทำให้ร่างกายคุณรู้”

...เขาก็รู้อยู่แล้วล่ะน่า ไม่ต้องรุนแรงขนาดนี้ก็ได้!

เอลอุทานออกมารอบเมื่อมือหนาที่ยึดสะโพกเขาไว้อยู่กดเข้าหาลำตัวของคีลอย่างแรง สัมผัสอุ่นซ่านจากน้ำกามที่ทะลักเข้ามาในตัวทำให้เอลเลียตต้องบิดตัวเล็กน้อยด้วยความเสียวซ่าน คีลค่อยๆ ผละตัวออกหากมือยังคงเปะป่ายบนร่างกายเขาพร้อมกับประทับจูบลงบนที่ต่างๆ ไม่ว่าจะป็นหัวไหล่ แผ่นหลัง และตอนนี้มือหนาก็กำลังลูบคลำสร้อยคอที่เจ้าตัวให้เขาเอาไว้ เอลเลียตหันหน้ากลับไปหาคีล จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็จูบกันเป็นครั้งแรกของค่ำคืนนี้ เอลคิดว่าคีลจะทำโทษเขาด้วยการไม่ยอมให้จูบเสียแล้ว แต่เหมือนร่างสูงจะยังไม่ใจร้ายขนาดนั้น

“ผมเป็นของคุณ คีล” เอลเลียตว่าขณะผละจูบออก มองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของอีกฝ่ายเพื่อบอกคนตรงหน้าเข้าใจ “เป็นของคุณทุกอย่างเลย ทั้งตัวและหัวใจ เพราะงั้นไม่ต้องห่วงหรอกว่าผมจะไปมีใคร”

“เหรอครับ แล้วรอยนั่นล่ะ? ”

เอลเลียตคว่ำปากลง “ก็ขอโทษแล้วไงครับ ที่รัก คุณเองก็ทำโทษผมเรื่องนั้นไปแล้วไม่ใช่เหรอ? อย่างอแงนักสิ”

“อ้อ ผมผิดที่งอแงงั้นเหรอครับ? ”

เฮ้ย… หมอนี่มันยอมรับว่าตัวเองงอแงด้วย? อ๊าก โคตรน่ารัก!

“เปล่า ผมผิดเองที่ไม่ระวังตัวดีๆ ” เอลเลียตว่าพร้อมกับเลื่อนมือไปประคองหน้าของอีกฝ่าย ส่งยิ้มหวานเอาใจสำทับด้วยอีกที “คราวหน้าผมจะระวังนะครับ เพราะงั้นยกโทษให้ผมเถอะ”

คีลนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยอมก้มหน้าลงไปวางหน้าผากของตัวเองลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย เอลเลียตเริ่มจับทางได้ว่าเมื่อไรที่คีลทำแบบนี้แปลว่าคีลกำลังอ้อนเขา และนั่นทำให้เจ้าตัวคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้น หอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ มือจับปลอกกระสุนที่ติดอยู่กับสร้อยบนคอยกขึ้น

“นี่ไง คุณสวมปลอกคอให้ผมแล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมมีเจ้าของแล้ว แถมถ้าผมไม่ระลึกถึงเรื่องนั้นดีๆ ผมก็มีปลอกกระสุนนี่คอยเตือนความอยู่นี่ไง ว่าถ้าผมออกนอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ผมโดนคุณเป่าดับแน่”

“แต่คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผมทำแบบนั้นไม่ได้” เป็นครั้งแรกที่เอลได้ยินคีลพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนน้อยใจ แถมเจ้าตัวยังดึงตัวเขาไปกอดแนบอกอย่างหวงแหนที่ชวนให้ใจเต้นตึกตักแบบสาวน้อยวัยมัธยม “คุณก็รู้ว่าผมรักคุณ แล้วผมจะทำร้ายคุณได้ยังไง”

“อ้อ เอ่อ ผมว่าคุณทำได้นะ”

“เอล” เรียกเสียงขู่ต่ำ เอลเลียตหัวเราะร่วนออกมา กอดแผ่นหลังกว้างตอบ รับรู้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยม

“ผมก็รักคุณ คีล รักคุณมาก เพราะงั้นผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจหรอก”

คีลกอดอีกฝ่ายกลับ จากนั้นก็พาคนในอ้อมแขนไปจบที่เตียง ขยี้ริมฝีปากของเอลเลียตด้วยจูบร้อนแรงอีกรอบ คราวนี้ร่างสูงยอมปิดไฟห้องลงแต่โดยดี ปล่อยให้ความมืดปกคลุมพวกเขาทั้งคู่ที่ปลุกปล้ำกันอยู่บนเตียง จูบของคีลกำลังฆ่าเอลเลียตอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้

และคนผมน้ำตาลก็ได้รับรู้ว่าบทลงโทษของเขายังไม่จบ…







หลังจากที่เอลเลียตกลับไปตีซี้กับเทลออฟอดัมส์ได้อีกครั้ง เจ้าตัวก็ได้ข้อมูลการวางแผนปล้นธนาคารผ่านทางลีโอมาได้อย่างฟลุ๊คๆ และแน่นอนว่าจากข้อมูลตรงนั้น ทีมของคีลสามารถหยุดยั้งการโจรกรรมที่เกือบจะเกิดขึ้นไว้ได้โดยการวางแผนล่วงหน้าก่อนวันลงมือจริงอย่างดิบดี ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้ทางตำรวจได้รับความดีความชอบไปอย่างล้นหลาม แต่ร่างสูงที่ปนะจำตำแหน่งทีมเฉพาะกิจนี้กลับไม่ค่อยยินดีกับเรื่องนี้สักเท่าไรนัก

“งั้น… วันนี้ผมไปก่อนนะครับ” เอลเลียตว่าหลังจากที่คีลพาเขามาส่งที่สถานีรถไฟ หลังจากนี้เจ้าตัวจะไปพบกับเทลออฟอดัมส์ที่อื่นด้วยตัวคนเดียว ไม่มีเครื่องติดตามหรือเครื่องดักฟังเหมือนอย่างเคย เขาไม่สบายใจทุกครั้งที่ต้องปล่อยเอลไปเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นเพียงลำพัง “แล้วเดี๋ยวเสร็จทุกอย่างแล้วจะติดต่อไป แต่คงจะเย็นๆ เหมือนเคยนั่นแหละ เห็นรอบนี้ลีโอบอกว่าอยากพาผมกับเกลไปที่กาสิโน”

“ดูรอบตัวให้ดีๆ นะครับ เอล ถ้าเห็นอะไรไม่น่าไว้ใจให้รีบติดต่อผมกับทีม”

“ผมรู้แล้วครับ” เอลเลียตว่าพร้อมกับยิ้มกว้าง เขาดีใจที่ตัวเองทำประโยชน์ให้ร่างสูงได้จริงๆ เพราะช่วงแรกๆ เขากังวลเหมือนกันว่าจะทำให้ลีโอเชื่อใจได้ไหม แล้วถ้าเขาไม่นอนกับหมอนั่นแล้ว ไอ้บ้านั่นจะยอมให้เขาไปป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอาชญากรรมร่วมกันอีกหรือเปล่า

แต่เหมือนว่าความสัมพันธ์เก่าๆ ของไอเดนกับอดัมส์จะช่วยเขาไว้ได้มากทีเดียว เอลเลียตรู้ใจอีกฝ่ายมากพอๆ กับที่อดัมส์ชื่นชอบช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเอล ดังนั้นต่อให้ไม่ได้ทำงานเดิมร่วมกันหรือมีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยว พวกเขาสองคนก็ยังพอจะเกี่ยวพันได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และเกมการพนันก็เป็นอะไรที่ลีโอโปรดปรานเป็นพิเศษ และเอลเลียตก็มีฝีมือทางด้านนี้ที่จะพอจะช่วยเอนเตอร์เทนให้ลีโอได้

คีลบีบมือคนรักลับๆ ของตัวเองแน่นอีกครั้งก่อนจะยอมปล่อย มองเอลเลียตโบกมือหย็อยๆ ให้ก่อนจะผลุบหายเข้าสถานีรถไฟไป

หลายครั้งที่เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายเขาไปทั้งๆ แบบนั้น หรือไม่บางทีเอลเลียตอาจจะโดนลีโอจับได้แล้วเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นกับเจ้าตัว

คีลมีสารพัดอย่างเกี่ยวกับคนผมน้ำตาลให้กังวล แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อใจอีกฝ่าย แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

เสียงโทรศัพท์ที่อยู่กระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขายกมันขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้าก่อนจะกดรับสาย กรอกเสียงสั้นๆ ลงไป ปลายสายตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงตื่นทีเดียว

“เฮ้ วิลล์ นายต้องไม่เชื่อแน่ว่าเราเจอสิ่งที่น่าสนใจ”

“ว่าไงครับ ฟอร์ด” สิ่งหนึ่งที่คีลเกลียดมากที่สุดคือการพูดไม่ตรงประเด็น และเพื่อนร่วมทีมเขาคงรู้ถึงได้รีบว่า

“ผมเพิ่งมีโอกาสได้คุยกับทนายของเอลเลียต เทย์เลอร์ หล่อนชื่อลอเรน ลี คุณจำหล่อนได้ไหม ที่ฟาดฟันกับทางเราน่าดูในศาลน่ะ”

คีลจำหญิงสาวผู้มีเชื้อสายอเมริกัน-เอเชียคนนั้นได้

“ครับ ผมจำได้ ทำไม? ”

“ตอนนี้นายส่งเทย์เลอร์เสร็จแล้วรึเปล่า? แวะเข้ามาที่สำนักงานหน่อยได้ไหม ฉันว่านายน่าจะอยากได้ยินจากปากหล่อนตรงๆ มากกว่า”

คีลหวังว่าสิ่งที่ฟอร์ดอยากให้เขารับรู้จะคุ้มกับค่าน้ำมันนะ





-------------------------------------------
Talk: เรื่องนี้เราจะได้ตีพิมพ์กับสนพ. รักคุณนะคะ หลายคนอาจจะรู้แล้ว หลายคนอาจจะยังไม่รู้ มาบอกไว้ก่อนให้เตรียมเงินล่วงหน้า 55555 น่าจะเปิดจองช่วงก.พ. ปีหน้าค่ะ ยังไงก็ฝากคีลเอลไว้ด้วยนะคะ >3< 

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
โหววทำโทษกันได้ดุเดือดเลือดไหลมาก นานๆจะเห็นคีลสั่งเอล ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันก็จะเอลครับๆ 555 ทำไมชอบคำว่าปากดีของคีล  :hao7: ชอบที่ไม่งี่เง่าปากแข็งใส่กันเรื่องไหนไม่ชอบก็บอกกันตรงๆ แปลกใจนิดที่เอลเลียตนางอายที่จะทำอะไรๆตอนเปิดไฟสว่างๆก็เห็นเฮี้ยวซะขนาดนั้น น่ารักดี 555 รอเปย์ค่ะๆ  :mew1:

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
กลัวใจคนเขียน ทรมานทรกรรมนายเอกอีก

ออฟไลน์ ทันฌะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยยยยย อ่านตอนนี้ละตายไปเล๊ยย เขินเหมือนตัวเองเป็นเอลอ่ะ55555 คีลนี่เวลาพูดแต่ละทีคือเหมือนเด็ธช็อต  :hao7: :jul1: เขินเด้ออ // เตรียมตังค์ๆๆๆเปย์แน่ๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตายไปแล้วกับฉากลงโทษค่ะ  :jul1:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อย่างกับซีรี่ย์ฝรั่งอะ ชอบบบบบ เรานึกไม่ออกเลยว่าจะจัดการกับฮอร์ตันคนพ่อกับคนลูกยังไง ต้องนองเลือดกันอีกแน่เลย

ออฟไลน์ GiGiTTF

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หนังสือที่ควรค่าแก่การเปย์ เอลก็ทำตัวน่าขยี้ แต่แอบสงสารอดัมพิกล5555555

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 20



เอลเลียตมองไพ่ที่อยู่ในมือตัวเองอย่าพิจารณา ตอนนี้เจ้ามือกำลังแจกไพ่ให้กับผู้เล่นอีกรายที่อยู่บนโต๊ะเดียวกับเขาช่วยให้เจ้าตัวมีเวลาได้พิจารณาตัดสินใจว่าควรจะเรียกไพ่ใบต่อไปมาดีไหม

เขามองหน้าของผู้เล่นอีกคนก่อนจะตัดสินใจเรียกไพ่มาอีกใบ และเหมือนครั้งนี้โชคจะเข้าข้างเขาเมื่อตัวเลขทั้งหมดในมือรวมกันได้ 21 พอดี และเมื่อเกมจบ เหรียญทั้งหมดก็มากองอยู่ตรงหน้าเขาราวกับภูเขาขนาดย่อม

ผู้เล่นคนอื่นๆ มองชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล แต่งกายด้วยชุดลำลองสุภาพแต่ไม่ฉูดฉาดด้วยสายตาอิจฉา ช่วงแรกๆ ที่เริ่มเล่นพนันใหม่ๆ เอลเลียตก็สนุกกับเกมพวกนี้อยู่หรอก เลือดในกายมันสูบฉีดดีเวลาลุ้นว่าไพ่ใบต่อไปจะออกมาเป็นอะไร แต่สำหรับตัวเขาที่มาบ่อนแห่งนี้ด้วยจุดประสงค์อื่น ชัยชนะเหล่านี้ชักจะทำให้เขาเบื่อ

นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองคนที่ลากเขากับเกลมาอย่างเบื่อหน่ายนิดหนึ่ง ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเมามันกับการเล่นสนุกเกอร์โดยมีเกลตามติดแจอยู่ข้างตัวไม่ห่าง เขารวบชิปทั้งหมดตรงหน้าแล้วเดินไปหาคนผมบลอนด์ เอ่ยปากถามเสียงเนือย

"นี่ใจคอจะเล่นไปถึงกี่โมงเนี่ย อดัมส์ ไม่ใช่ว่าป่านนี้เราต้องขับรถกลับฟลอริด้าแล้วเหรอ เดี๋ยวก็มืดค่ำพอดีหรอก"

"ใจเย็นสิครับ ไอเดน" ลีโอว่าขณะที่มองผู้เล่นคนอื่นเล็งลูกกลมๆ บนโต๊ะพรมเขียว เขายกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา "เออ แต่ก็จริงของนายแฮะ สงสัยวันนี้คงกลับไม่ทัน"

"นายว่าไงนะ" ถามกลับอย่างไม่อยากจะเชื่อหู "พูดบ้าอะไรของนาย ถ้านายเลิกตานี้ยังไงก็กลับไปทัน แค่อาจจะค่ำหน่อยแต่ยังไงก็ไม่ดึกเกินไปแน่"

"ฉันว่าจะพาเกลไปทะเลสาบหลังจากจบเกมนี้" เจ้าตัวพูดหน้าตาเฉย หันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มอีกคนที่ส่งยิ้มแป้นกลับมาให้ "สัญญาไว้แล้วตั้งแต่ก่อนจะมาน่ะ"

"ช่าย ที่รักสัญญาแล้ว"

เอลเลียตรู้สึกมึนหัวตึ้บขึ้นมาทันที "ไม่เห็นนายบอกก่อนสักคำ"

"ก็ว่าจะบอกตอนนี้แหละ" พูดพร้อมกับทำมือเป็นเชิงขอตัวแล้วเดินไปจัดการกับลูกสนุกเกอร์บนโต๊ะ ลีลาเจ้าตัวเหลือรับ และฝีมือแม่นราวกับจับวางนั่นเรียกเสียงโห่ฮาจากคนอื่นๆ ที่เล่นอยู่ในเกมเดียวกันได้ และเมื่อลีโอเดินกลับมา เกลก็เขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มร่างสูงฟอดหนึ่งเพื่อให้รางวัล เอลเลียตจำได้ว่าเขาเองก็เคยทำแบบนั้นเหมือนกันเพราะลีโอชอบ อีกฝ่ายแกล้งหันหน้ามาให้เขาสีหน้ายิ้มๆ "ว่าไง ไอเดน ไหนรางวัลฉัน? "

"เอารองเท้าฉันไปกินเถอะ ลี-- อดัมส์ นี่ฉันไม่ได้บอกแฟนฉันก่อนนะโว้ยว่าวันนี้จะไม่กลับน่ะ" เจ้าตัวโวยวาย ในใจเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาว่านี่เป็นแผนอะไรของอีกฝ่ายรึเปล่า ถึงแม้ว่าช่วงเวลาสองเดือนที่เขาแวะเวียนมาหาหมอนี่จะไม่มีวี่แววอะไรน่าเป็นห่วงก็ตาม แต่เขาก็อดหวาดเสียวไม่ได้ตามประสาคนที่มีชนักติดหลัง หากคนผมบลอนด์ก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างน่าตบ

"จะไปยากตรงไหน ที่รัก นายก็โทรไปบอกเสี่ยนายสิว่าวันนี้จะค้างคืนกับเพื่อน ยังไงเขาก็ไว้ใจนายขนาดให้มาหาฉันเรื่อยๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แค่ค้างด้วยกันสักคืนแค่นี้จะเป็นอะไรไป"

"มันไม่เหมือนกันรึเปล่าวะ" เอลเลียตทำทีเป็นหัวเสียเพื่อกลบเกลื่อนอาการหวาดระแวง "มาหาตอนกลางวันกับค้างคืนด้วยกัน... เขาจะคิดว่าฉันนอกใจเอาน่ะสิ"

ถึงตรงนี้ลีโอก็หัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบัง เลื่อนแขนมาโอบรอบคอของเอลเลียตก่อนจะกระซิบกับเจ้าตัวด้วยน้ำเสียงแฝงความนัย

"นายก็รู้ว่าเรื่องนั้นมันไม่สำคัญ ไอเดน ถ้าเราคิดจะมีอะไรกัน เรามีกันที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ จำได้ไหมตอนนั้นที่เรามีเซ็กส์กันในห้องน้ำที่ร้านอาหารแถวๆ เซ็นทรัล--"

"หุบปากได้แล้ว ลีโอ" เอลเลียตยกมืออุดปากคนพูดอย่างหัวเสีย "ให้ตายเถอะ ฉันอุตส่าห์ลืมเรื่องพวกนั้นไปหมดแล้วนะ อย่ารื้อฟื้นได้ไหม"

"ยอมรับเถอะว่านอนกับฉันเด็ดกว่านอนกับคนใหม่ของนาย เอล ขอฉันเดานะว่าหน้าตาของคู่ขาของนายคงไม่เลว และลีลาก็คงพอได้ แต่ยอมรับเถอะว่าไม่ร้อนแรงเท่านอนกับฉัน ที่เรามีกันนั่นเป็นเซ็กส์ที่ดุเดือดที่สุดเท่าที่จะมีได้ เราทั้งคู่ต่างก็รู้เรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว"

นี่แหละ ลีโอ ฮอร์ตันของแท้เลย

"พอเถอะ ลีโอ" เอลเลียตว่า พยายามไม่ทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา "มันไม่ใช่แค่เรื่องลีลาหรือหน้าตาสักหน่อย"

แต่อยู่ที่หุ่น... อ้อ นั่นก็ไม่ใช่เหมือนกันสินะ

"เอาจริงสิ? " ลีโอทำตาโต ก่อนจะหรี่เล็กลง "นายจะพูดถึงเรื่องของความรักอะไรแบบนั้นงั้นเหรอ ไม่เอาน่า เอลเลียตคนดี ถ้านายพูดแบบนั้นจริงๆ มันจะทำให้นายหมดเสน่ห์ลงไปเยอะเลย"

นี่เมื่อก่อนเขานอนกกกับไอ้หมอนี่ได้เป็นเดือนๆ จริงดิ?

“หนวกหูน่า”

แต่คนผมน้ำตาลต้องยอมรับอยู่อย่าง ตัวเขาในตอนนี้แตกต่างกับสมัยที่คบกับลีโอจริงๆ ถ้าเป็นตัวเขาเมื่อก่อนก็อาจจะเป็นแบบที่ลีโอว่าก็ได้ เอลไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นหรือว่าแย่ลง แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้หรอกนะ

หลังจากนั้นเกลก็เข้ามาขัดจังหวะพวกเขาสองคนเพราะอยากได้รับความสนใจจากลีโอบ้าง เอลเลียตเลยถือโอกาสหลบเข้าห้องน้ำไปโทรศัพท์หาที่รักตัวจริงของตัวเองบ้าง

คีลรับสายเร็วทันใจ และเอลเลียตก็เล่าสถานการณ์ของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังอย่างรวบรัดได้ใจความ คีลเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด

“เอลครับ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ให้ผมส่งใครไปคอยเฝ้าคุณไว้ดีไหม”

เอลเลียตลังเลกับข้อเสนอนั้น เขาค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนี้ลีโอไว้ใจเขาเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าคนของคีลมาทำให้หมอนี่ระแคะระคายขึ้นมา สิ่งที่ทำมาทั้งหมดอาจจะสูญเปล่าได้

แต่ในขณะเดียวกัน คนผมน้ำตาลเองก็หวั่นใจไม่น้อยกับสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน เขาไม่เคยต้องอยู่กับลีโอแบบค้างคืนในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน สถานการณ์ที่แบบ… เขาตั้งใจจะแทงข้างหลัง ล้วงข้อมูลจากอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุดน่ะ

เออ แต่พอคิดอีกที มันอาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้นะ ถ้าไม่ติดที่ว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลงฮวบฮาบตั้งแต่ที่โดนแทงเมื่อหลายเดือนก่อนนั่น ถึงเขาจะได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งคุณหมอจำเป็นของเขาหาทางพาเขาเข้าไปรักษาและเข้ารับการผ่าตัดอย่างลับๆ และทำการบำบัดรักษามาตลอด แต่ยังไงร่างกายเขาก็ไม่มีทางกลับไปแข็งแรงสมบูรณ์ได้เหมือนเดิมอยู่ดี

เอลเลียตชั่งใจอยู่ครู่ ยังไงเสียกันไว้ก่อนก็ดีกว่าแก้ และเขากลัวว่าถ้าพลาด เขาอาจไม่มีชีวิตอยู่ให้แก้ตัวได้อีก คนผมน้ำตาลจึงยอมบอกที่อยู่โดยสังเขป และโชคดีที่ตอนนี้เจนนิเฟอร์ เคลลี่ไปประชุมสัมนาในเขตพื้นที่นั้นพอดี จบงานนั่นก็คงตามประกบเอลเลียตให้คีลได้

“ไม่ต้องห่วงนะครับ เอล เคลลี่เป็นมือหนึ่งด้านการสะกดรอยตามเลย ไม่ถูกจับได้แน่ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นหล่อนก็บุกเข้าไปช่วยคุณได้ทันท่วงทีด้วย”

เอลเลียตไม่ได้อยากจะหึงหรอกนะ แต่พอได้ยินน้ำเสียงชื่นชมของคีลที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นแล้วมันก็แบบ…

“คุณนี่เอาแต่ชมบอสตัวเองนะ”

"ผมไม่ได้ชมมั่วๆ นะครับ หล่อนเก่งจริงๆ " คีลที่คิดว่าอีกฝ่ายไม่มั่นใจในฝีมือของหญิงสาวยืนยัน "ไม่อย่างนั้นคงไต่เต้ามาถึงระดับนี้ด้วยอายุเท่านี้ไม่ได้หรอก"

ดูมัน มันยังไม่รู้ตัว

"อ้อ เหรอครับ ถ้าหล่อนเก่งขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ไปคบกับหล่อนให้รู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ" เอลเลียตพูดเสียงประชด และปลายสายเข้าใจทันทีว่าคนรักกำลังเป็นอะไร ก็เอลเลียตไม่ได้คิดจะปกปิดความรู้สึกตัวเองเลยนี่

และถึงแม้จะรู้ว่าเอลเป็นอะไร ร่างสูงก็ยังอดถามกลับน้ำเสียงกลั้วหัวเราะไม่ได้อยู่ดี "นี่คุณหึงอยู่งั้นเหรอครับ เอล"

"อ้อ คงเปล่ามั้งครับ ไม่ได้หึงเล้ย พูดขนาดนี้แล้วเนี่ย"

"หึงไม่รู้จักเวล่ำเวลา" น้ำเสียงอีกฝ่ายยังกลั้วหัวเราะ บ่งบอกให้รู้ว่าแค่แซวเล่นมากกว่า เอลจึงเริ่มหลุดยิ้มออกมา

"พูดไม่ดูตัวเองเลย คุณสายสืบ คราวก่อนใครกันที่ทำเอาผมแทบทรุดเพราะหึงไม่เข้าท่า"

"ไอ้ที่คุณเป็นรอยที่คอน่ะเหรอ? คุณจะบอกว่าผมไม่ควรหึงด้วยเรื่องนั้นรึไงครับ แล้วถ้าคอผมมีรอยที่คนอื่นทำบ้างล่ะ คุณจะไม่หึงเลยงั้นสิ? "

"ผมเอาคุณตายแน่" เอลเลียตโวยวาย แค่คิดตามที่คีลว่าเขาก็จี๊ดแล้ว "แล้วก็จะฆ่าไอ้คนที่ทำรอยนั่นด้วย"

"งั้นคุณก็น่าจะดีใจนะที่ผมไม่เอาคุณตาย"

อุ้ย ลืมไปว่ามีเรื่องนี้เป็นชนักติดหลังอยู่

"จะยังไงก็แล้วแต่ครับ" น้ำเสียงของคีลกลับมาเอาจริงเอาจังเหมือนเคยเพื่อบอกว่าหมดเวลาล้อเล่นแล้ว "ถ้าคุณเห็นมีอะไรไม่ชอบมาพากล กดปุ่มโทรออกฉุกเฉินได้เลย ผมจะให้เคลลี่แอบตามพวกคุณจากจีพีเอสที่ติดอยู่กับโทรศัพท์ อย่าประมาทนะ เอล คราวนี้มันแปลกๆ ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่คุณเจอหมอนั่น และผมรู้สึกไม่ดีเลย"

"ผมจะระวังตัวครับ" เอลเลียตรับคำ เขารู้ว่าวันนี้คีลต้องไปบุกบ้านผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งซึ่งเสี่ยงอันตรายมากพออยู่แล้ว ไม่อยากให้ร่างสูงต้องมากังวลเรื่องเขาอีก "คุณเองก็เหมือนกัน ระวังตัวด้วยนะ แล้วถ้ามีอะไรคืบหน้ากว่านี้ผมจะติดต่อไป"

ลีโอขับรถพาเขากับเกลไปที่ทะเลสาบแห่งหนึ่งหลังจากที่ออกจากบ่อนแห่งนั้นตามที่พูดไว้ เกลดูจะมีความสุขกับการวิ่งเหยาะๆ ไปตามแนวของลำน้ำ สนุกกับการดึงตัวลีโอเข้าไปถ่ายรูปเซลฟี่กับตัวเองหลายต่อหลายมุม เอลเลียตมองตามทั้งสองคนด้วยความรู้สึกประหลาด แค่คิดว่าครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยฉอเลาะกับลีโอแบบนั้นแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจอย่างไรชอบกล เขามองคนผมบลอนด์ที่ก้มลงจูบเด็กหนุ่มร่างเล็กในอ้อมแขน ตรงนั้นมันเคยเป็นที่ของเขา ไม่ใช่ว่าเอลเลียตอาลัยอาวรณ์และอยากจะกลับไปอยู่ตรงจุดนั้นหรอกนะ เพียงแต่มันให้ความรู้สึกที่แปลกมากๆ ก็เท่านั้น

ค่ำนั้น พวกเขาทั้งสามคนก็ต้องมาจบอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งลีโอขับรถเจอเป็นที่แรก เอลเลียตอยากจะขอบคุณเหลือเกินที่ลีโอยังใจดีขอสองห้อง ถึงแม้ว่ามันจะเชื่อมกันด้วยประตูตรงกลาง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องดูหนังสดของคนผมทองกับเกลแบบต่อหน้าต่อตา ดังนั้นแล้วแค่เสียงครวญครางที่ดังลอดมาให้ได้นี่ยินถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก

หลังจากที่จัดการอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอนเรียบร้อย เอลเลียตก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะโทรหาคีลดีไหม แต่ฟังจากเสียงหนังสดข้างห้องแล้วรู้เลยว่าผนังกั้นนี่มันบางมากๆ เกิดลีโอได้ยินที่เขาพูดกับคีลแล้วความลับแตกขึ้นมาน่าจะเสียหายหลายแสน เอาเป็นว่าไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ดีกว่า แค่นี้ตาเขาก็แทบจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อยู่แล้ว

ตอนแรกเอลเลียตก็คิดจะหาทางล้วงความลับหรือข้อมูลจากเทลออฟอดัมส์ให้ได้มากกว่านี้ในยามค่ำคืน แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอลงของเขา แค่ด้วยกิจกรรมที่ทำมาทั้งวันก็ทำเอาเขาอ่อนเพลียจนยกเปลือกตาไม่ขึ้นทันทีที่หัวถึงหมอน ชายหนุ่มผมน้ำตาลผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านอนไปนานแค่ไหน แต่สัญชาตญาณในตัวเขายังคงทำงานดีอย่างไร้ที่ติเมื่อตอนที่เสียงเปิดประตูตรงกลางที่เชื่อมทั้งสองห้องเอาไว้ดังขึ้น

เสียงน้ำหนักฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาทำให้เอลเลียตรู้ว่านั่นคือลีโอ ไม่ใช่เกล หรือถ้าไม่ใช่ลีโอก็ต้องเป็นคนที่มีน้ำหนักและส่วนสูงไล่เลี่ยกัน และถ้านี่ไม่ใช่ลีโอจริงๆ ก็น่ากลัวแล้ว

คนผมน้ำตาลที่ยังแกล้งหลับเริ่มกระวนกระวายในใจ กลัวไปสารพัดว่าหมอนี่อาจจะจับไต๋เขาได้และกำลังจะมาจัดการเขา หรือถ้าแย่ไปกว่านั้นก็อาจส่งใครมาก็ได้

แต่ยังไม่ทันได้วิตกจริตไปมากกว่านี้ สัมผัสแผ่วเบาก็แตะลงบนแก้มเขา ไล้มาถึงที่ลำคอ สร้อยที่คีลให้เขามาถูกเลื่อนไปมา จากนั้นลมหายใจอุ่นก็รดลงบนข้างแก้ม สันจมูกที่ถูกกดลงมาทำให้เอลเลียตไหวตัวอย่างตกใจ เขาเผลอเปิดเปลือกตาขึ้นมาวูบหนึ่งจากนั้นจึงปิดกลับลงไปแทบไม่ทัน

คนที่กำลังคลอเคลียอยู่แถวซอกคอเขาตอนนี้คือลีโอจริงๆ เขาควรจะเลิกแกล้งหลับแล้วลุกไปผลักไอ้หมอนี่ออกดีกว่าไหม ไอ้บ้านี่มันกะจะลักหลับเขาแบบนี้จริงดิ? แล้วมันมีอาวุธอะไรติดมือมารึเปล่า

"เอลเลียต" เสียงกระซิบที่อัดแน่นไปด้วยแรงปรารถนานั่นทำให้เขานึกกลัว หวังว่าไอ้บ้านี่คงไม่ได้กำลังถกกางเกงแล้วช่วยตัวเองไปทั้งๆ แบบนี้นะ ไม่งั้นเขาต้องลุกไปถีบลีโอลงจากเตียงแน่ แล้วไอ้หมอนี่มันจะคึกอะไรนัก เพิ่งจะซัดกับไอ้เด็กนั่นมาหยกๆ ไม่ใช่รึไง!?

แต่ลีโอก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เอลเลียตนึกกลัว หมอนั่นผละหน้าออกไปแม้ว่าฝ่ามือจะยังลูบอยู่บนเส้นผมสีน้ำตาลนุ่ม เสียงกระซิบจากอีกฝ่ายลอยแผ่วมาให้เขาได้ยิน

"ทำไมนายถึงไม่ยอมเป็นของฉัน เอลเลียต เทย์เลอร์"

ลีโอพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เอลเลียตได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเดินกลับเข้าไปในห้อง เสียงปิดประตูเบาๆ ไล่หลังมา

ทำไมเขาถึงไม่ยอมเป็นของลีโออย่างนั้นเหรอ? หมอนั่นช่างกล้ามากที่พูดแบบนี้ออกมา ในเมื่อตอนนั้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ลีโอเคยได้เขาไปครอบครองแล้ว และก็เป็นหมอนั่นเองอีกนั่นแหละที่ออกปากว่าไม่ได้อยากได้เขา

แรกเริ่มเดิมทีที่พวกเขาคบกัน มันก็เป็นเหมือนความสัมพันธ์เล่นๆ ที่เอาจริงเอาจังเฉพาะเรื่องบนเตียง และพอเวลาผ่านไป เอลเลียตก็ถามอีกฝ่ายว่าอยากให้ทุกอย่างมันจริงจังกว่านี้ไหม แบบที่เขาก็จะไม่มีใครคนอื่น แล้วลีโอเองก็จะมีแค่เขา แล้วไอ้หมอนั่นก็ตอบปฏิเสธคำถามนั้นอย่างไม่ไยดี

และว่ากันตามตรง เขาก็ไม่แปลกใจกับคำตอบนั้นเท่าไรหรอกเพราะเดานิสัยอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว เอลเลียตเองก็ไม่ได้เจ็บช้ำอะไรจากเรื่องนี้ แต่ประเด็นของเรื่องนี้ที่เขาอยากจะพูดก็คือ เขาเคยให้โอกาสหมอนั่นแล้ว แค่นั้นเอง แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เขาไม่คิดว่าลีโอจะผูกติดอะไรกับมากขนาดนั้น

แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างอายออฟไอเดนกับเทลออฟอดัมส์แน่นแฟ้นและลึกซึ้งกว่านั้น ลีโอเป็นคนที่มอบฉายานี้ให้เขาตอนที่พวกเขาสองคนกระโจนเข้าไปในขบวนการก่ออาชญากรรมอย่างเต็มตัว หมอนั่นเองนั่นแหละที่เป็นคนออกปากชวนเขาทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้นหลังจากที่ทั้งคู่ทำความรู้จักกันได้ไม่นาน

นัยน์ตาสีฟ้าเหม่อมองเพดานของห้อง เอลเลียตยอมรับว่าช่วงเวลาระหว่างเทลออฟอดัมส์กับอายออฟไอเดนมีค่า เหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่ได้ฟันฝ่าอะไรมาด้วยกันมากมาย แต่เขากลับไม่เชื่อในตัวลีโอ ฮอร์ตัน ไม่เชื่อว่าหมอนั่นจะรักเขาได้อย่างที่เจ้าตัวแสดงออกมาเมื่อครู่ ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสิบนาทีที่เจ้าตัวก้าวเข้ามาในห้องนี้

หมอนั่นน่าจะรู้ว่าเขาตื่นอยู่… ต้องรู้อยู่แล้วเพราะมันชัดเจน งั้นแปลว่าเมื่อกี้นั่นเป็นละครงั้นเหรอ? เป็นสิ่งที่ลีโออยากให้เขาเห็นงั้นเหรอ หรือว่ามาจากใจจริงๆ ของเจ้าตัวแล้วก็อยากให้เขาเห็น?

ไม่… ไม่มีทาง ถ้านั่นมาจากใจจริงของหมอนั่นละก็ ลีโอไม่มีทางอยากให้เขาเห็นหรอก

หรือเปล่า?

คนผมน้ำตาลปิดตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เขาปล่อยให้ความงุนงงเหล่านั้นลอยอยู่ในอากาศ มือของเจ้าตัวเอื้อมไปจับจี้ที่เป็นปลอกกระสุนที่คีลให้ไว้อย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็จมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าลีโอจะรู้สึกยังไงกับเขาตอนนี้ก็ช่าง ตอนนี้เขามีปลอกคอกับปลอกกระสุนนี่แล้ว และเขาก็จะไม่มีวันทรยศความเชื่อใจของคีลอีกเด็ดขาด







ร่างสูงอยู่ในเสื้อกั๊กแขนกุดซึ่งเป็นเกราะกันกระสุน มันเป็นมาตรการอย่างหนึ่งเวลาที่จะเข้าไปบุกพื้นที่ที่มีผู้ต้องสงสัยอยู่ เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าคนพวกนี้มีอาวุธอะไรอยู่ในมือบ้าง

ครั้งหนึ่งคีลเคยบุกเข้าไปค้นบ้านชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม เขาโดนกระสุนพุ่งเฉียดหน้าไปแค่ไม่กี่เซนฯ เพราะพยายามจะรวบตัวผู้ต้องหาโดยที่ไม่ทันระวังว่ามีพวกของมันแอบซุ่มอยู่ อันที่จริงเขาก็เคยมีเรื่องเฉียดตายหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาคิดว่าครั้งนั้นน่าจะน่าหวาดเสียวที่สุดแล้ว

“ทีม A ประจำจุด ตรงนี้ทางสะดวก”

เสียงจากเครื่องมือสารที่เหน็บอยู่ที่เอวดังขึ้น คีลที่เป็นหัวหน้าในการบุกครั้งนี้จึงหยิบมันขึ้นมากดปุ่มค้างแล้วกรอกเสียงลงไปเพื่อบอกให้อีกฝั่งรู้ว่าเขารับทราบ จากนั้นก็หันไปคุยกับคนในทีมฝั่งตัวเองอีกสองคนซึ่งเป็นคนที่เขาไม่เคยทำงานด้วยมาก่อน แต่ขอกำลังเสริมมาจากแผนกอื่น

ส่วนคนในทีมเขาจริงๆ คีลขอให้ไปทำงานอย่างอื่นในตอนนี้ และงานที่ว่าก็เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลอเรน ลี… ทนายสาวของเอลเลียตมาคุยกับเขาก่อนหน้านี้

หล่อนไม่ได้พูดอะไรกับเขามาก หล่อนไม่รู้ว่าเอลเลียตอยู่ที่ไหน แต่ทนายจำเลยคนนั้นบอกว่าพวกตำรวจต้องรับผิดชอบกับการหายตัวไปของเขา หล่อนบอกพวกเขาว่าเอลเลียตจะเป็นกุญแจสำคัญในคดีที่อาจจะใหญ่สะเทือนได้ทั้งรัฐ แต่หล่อนก็ไม่ได้บอกกับพวกเขาตรงๆ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน แค่สำทับนักหนาว่าทางตำรวจต้องไปหาตัวเขามาให้เจอให้ได้ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คีลและโจนาธาน ฟอร์ดที่นั่งอยู่ตรงนั้นมองตากันอย่างรู้ความหมายดี

แต่เพราะไม่รู้ว่าใครคือคนที่ประสงค์ดีหรือประสงค์ร้าย ทางคีลเองก็ต้องทำให้มั่นใจก่อน เขาจึงส่งทั้งฟอร์ดและจอร์แดนไปสืบหาข้อมูลมาว่าเพราะอะไรคือสิ่งที่ลอเรนรู้แน่ๆ และหล่อนไปรู้มาจากไหน ที่สำคัญที่สุด หล่อนเป็นพวกของใคร เพราะถึงหล่อนจะเป็นทนายของเอลเลียต แต่ถ้าฝั่งตรงข้ามเขาใหญ่ขนาดจูเลียน ฮอร์ตันละก็… ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ และเขาจะไม่ประมาทเชื่อใจใครง่ายๆ เด็ดขาด

แต่นอกเหนือจากเรื่องที่เขาตามสืบลับๆ นี่แล้ว เขายังต้องทำงานหลักของตัวเองไปด้วยเพื่อไม่ให้เบื้องบนสงสัย และตอนนี้ทีมของเขาก็ประจำที่ครบทุกจุดแล้วล่ะ

“มาเถอะครับ” เขาว่าขณะกระชับปืนในมือให้มั่นคงขึ้น “จัดการเรื่องนี้ให้จบกันดีกว่า”







ลีโอ ฮอร์ตันยังคงนั่งอยู่หน้าจอคอม แว่นกรองแสงกรอบสีดำประดับอยู่บนหน้าของเจ้าตัว ภายในห้องมืดสนิทเพราะเลยเวลาเข้านอนของคนทั่วไปมามากแล้ว

เด็กหนุ่มที่อยู่ในสถานะคู่ขาคนปัจจุบันของเขาหายใจอย่างสม่ำเสมอขณะพลิกตัวไปมาบนเตียง ส่วนเอลเลียต เทย์เลอร์… คู่ขาคนก่อนของเขานอนอยู่อีกห้องหนึ่งที่เขาสามารถเปิดประตูเข้าไปหาเจ้าตัวเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนเอลเลียตจะหลับสนิทไหมนั้น… ตอนนี้เขาไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าตอนที่เขาเปิดประตูเข้าไปหาหมอนั่น ซุกไซร้ริมฝีปากลงบนซอกคอขาวที่แสนคุ้นเคย เจ้าตัวยังลืมตาตื่นขึ้นมามองเขาอย่างตกใจอยู่เลย

หมอนั่นไม่ได้อยากจะนอนกับเขาจริงๆ …

เรื่องนั้นเห็นได้ชัดเจนมากแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาลีโอจะไม่มั่นใจว่าเอลเลียตเล่นตัวเพราะอยากเรียกร้องความสนใจจากเขาหรือเปล่าก็ตาม แต่ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าชายหนุ่มที่เคยเป็นอิสระคนนั้นถูกใครบางคนตรวนพันธนาการเข้าไว้เสียแล้ว

หมอนั่นถูกสวมปลอกคอไปแล้ว แล้วก็กลายเป็นแมวเชื่องๆ ที่ยินยอมให้เจ้าของของตัวเองจับ สัมผัส ลูบคลำได้เพียงคนเดียว

กลายเป็นคนน่าเบื่อไปซะได้… น่าเสียดายของเป็นบ้า

บางทีนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่เลิกนอนด้วยกัน ตอนที่เอลเลียตเสนอมาว่าน่าจะพาให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนไปไกลมากขึ้นโดยการที่ต่างคนต่างมีแค่เพียงกันและกันนั่น ลีโอคิดว่าคู่ขาคนโปรดของเขาเสียสติไปแล้วด้วยซ้ำ หรืออย่างน้อยหมอนั่นก็แค่นึกอยากแบบอารมณ์ชั่ววูบ

การมีอะไรกับใครได้แค่คนเดียวมันเป็นเรื่องน่าเบื่อจะตาย อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่เขาคิด และเขาเคยคิดว่าเอลเลียตจะคิดเหมือนกัน แต่มาวันนี้ทุกอย่างมันชัดเจนแล้วว่าเอลเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

หมอนั่นไม่ใช่เอลของเขาอีกต่อไปแล้ว หรืออาจจะไม่ใช่มาแต่แรก แต่เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญอีกนั่นแหละ

นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองสิ่งที่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของเขาหาข้อมูลมาได้ แสงสะท้อนจากหน้าจอกระทบลงบนเลนส์แว่น

สิ่งที่ยังไม่ลงล็อกในเรื่องนี้มีเพียงอย่างเดียวสำหรับลีโอ

เอลเลียตยอมกลับมาคลุกคลีกับเขาทั้งที่พ่อของเขาเกือบจะเอาหมอนั่นตาย แถมไม่ได้กลับมาด้วยเรื่องบนเตียง ไม่ใช่ด้วยเรื่องยา (ถึงหมอนั่นจะไม่เคยติดยาจริงๆ ก็เถอะ แต่พวกเขาสองคนก็เคยเสพด้วยกันมาก่อนแบบขำๆ ล่ะนะ) ไม่ใช่เรื่องเงิน ไม่ใช่เรื่องพาสปอร์ต แต่ในตัวหมอนี่ก็ไม่มีเครื่องดักฟังหรืออุปกรณ์อะไรน่าสงสัยที่จะวกกลับมาทำร้ายเขาได้ทีหลัง

คำถามคือ ทำไม? ทุกอย่างย่อมต้องมีเหตุและผลอยู่ในทุกๆ การกระทำของคนเรา

เอลเลียตบอกว่าคิดถึงเขา อยากใช้เวลาว่างๆ ที่แสนน่าเบื่ออยู่กับเขา แต่ไม่ใช่ด้วยเรื่องบนเตียง

เขาเชื่อคำพูดนั่นครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่ง ลีโอรับรู้ได้ว่ามันเป็นคำโกหก

ตอนแรกชายหนุ่มนึกไปถึงเรื่องการแก้แค้น บางทีเอลเลียตอาจจะแค้นพ่อเขาที่เกือบจะฆ่าตัวเองได้สำเร็จเลยพยายามหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาคืนโดยผ่านจากเขา

แต่ตอนนี้… เมื่อลีโอได้พิจารณาข้อความที่สลักอยู่บนปลอกกระสุนที่ติดอยู่กับสร้อยซึ่งเปรียบเสมือนปลอกคอของอีกฝ่าย เขาก็เริ่มจะตระหนักได้ว่าความคิดแรกสุดที่เขานึกระแวงเอลเลียตนั้น ไม่ได้ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว

เอลเลียตกำลังทำงานให้ใครบางคน

และเมื่อคิดถึงช่วงเวลาตอนที่เจ้าตัวได้รับสิทธิพิเศษในการออกจากคุก คนที่เอลเลียตน่าจะคลุกคลีด้วยมากที่สุด ยังไงก็หนีไม่พ้นพวกคนจากในกรมตำรวจที่ต้องคอยตามติดความประพฤติของเจ้าตัวแจนั่นแหละ

มันจะมีเวลาไปเจอคนใหญ่คนโตที่อยู่ในฝั่งมืดที่ไหนได้… เขาเองก็โง่หลงเชื่อมันมาตั้งนาน

“อืม” คนผมบลอนด์ทองครางออกมาเบาๆ พิงหลังไปกับพนักเก้าอี้ บนหน้าจอของเขามีข้อมูลโดยสังเขปของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถูกเปิดค้างไว้อยู่ นี่เป็นเว็บไซต์ของกรมตำรวจ และมันก็ไม่ยากเลยที่เขาจะได้ชื่อของคนที่คอยคุมเอลเลียตโดยตรงมาไว้ในมือ

และมันก็บังเอิญ… เป็นชื่อเดียวกับที่สลักอยู่บนปลอกกระสุนที่เอลเลียตห้อยไว้บนคอเสียด้วย

“คีล วิลล์? ” ชายหนุ่มอ่านออกเสียงอย่างไม่แน่ใจ เพราะชื่อต้นสามารถอ่านได้ทั้งคีลและไคล์ แต่ไม่ว่าจะอ่านออกเสียงแบบไหนก็ไม่ผิดแน่ คนที่ใส่ปลอกคอให้เอลต้องเป็นไอ้หมอนี่อย่างแน่นอน “สายสืบงั้นเหรอ เจ๋งดีนี่หว่า”

มาดูกันซิว่าเขาจะพลิกเกมกระดานนี้ยังไงดี




----------------------------------------------
Talk: อุ๊บส์ ความแตกแล้ว เอลจ๋า ตื่นไหมคะลูกสาว 555555 

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ลีโอฉลาดจัง เอลแย่แล้วว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คีลคือใครอ่ะคะ ชอบลีโอ หล่อ รวย สปอร์ต ฟลอริด้า มากกกก  :mew1:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
ความแตกแล้วจ้าาา

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ลีโอรู้ตัวแล้วจ้าาา เอลจะโดนอะไรมั๊ยเนี้ยยย :katai1:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 21




คีลก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองเป็นครั้งที่ห้าในช่วงเวลาสิบนาทีที่ผ่านมา

เอลเลียตไม่ติดต่อเขามาหลายชั่วโมงจนชายหนุ่มนึกกังวล ทีแรกคีลก็นึกว่าอีกฝ่ายจะโทรมาหาช่วงดึกๆ เมื่อคืน แต่พอเห็นว่าไม่มีการติดต่อ เจ้าหน้าที่หนุ่มก็พยายามทำใจเย็น บอกกับตัวเองว่าเอลเลียตคงไม่อยากทำตัวมีพิรุธให้เทลออฟอดัมส์จับได้ แต่นี่มันก็ปาไปเกือบครึ่งวันของวันถัดมาแล้ว ทำไมเอลยังไม่ติดต่อเขามาอีก ไม่รู้ว่าเพราะต้องอยู่กับลีโอตลอดหรือเพราะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น

แต่เมื่อกี้คีลก็โทรไปถามทางเคลลี่แล้ว หล่อนก็บอกว่าทั้งสามคนนั้นยังอยู่ในโรงแรมที่เข้าพักตั้งแต่เมื่อคืน รถที่อดัมส์ขับมาก็ยังอยู่ที่เดิม

คีลนั่งครุ่นคิดอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเองครู่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจเคลลี่ แต่เขาเป็นห่วงเอลเลียตมากเกินกว่าจะนั่งติดอยู่กับที่ได้ ในที่สุดเจ้าตัวก็ตัดสินใจเดินไปบอกคนในทีมเฉพาะกิจอีกคนว่าคดีที่ค้างตั้งแต่เมื่อวาน ฝากให้อีกฝ่ายช่วยดูต่อด้วย จากนั้นเขาก็ติดต่อบอสของตัวเองให้ส่งที่อยู่มาเพื่อที่เขาจะได้ไปสมทบต่อ

“มันจะดีเหรอคะถ้าคุณมานี่” เคลลี่พูดอย่างไม่แน่ใจ หล่อนเปิดถุงที่ซื้อข้าวเช้าง่ายๆ มาจากร้านสะดวกซื้อไปพร้อมกัน “งานฝั่งนั้นเราไม่มีใครเหลืออยู่เลย เดี๋ยวมันจะมีพิรุธมากไปรึเปล่าคะ”

“เดี๋ยวผมไปถึงแล้วคุณตีรถกลับเลย บอส อีกอย่างจอร์แดนกับฟอร์ดก็น่าจะเข้าไปประจำที่สำนักงานเร็วๆ นี้ด้วยแล้ว เดี๋ยวเรื่องเทย์เลอร์ผมจัดการต่อเอง”

“ดูคุณเป็นห่วงเขาจังเลยนะคะ”

ก็ต้องเป็นห่วงสิ จะไม่ให้เขาห่วงได้ยังไง ในเมื่อพ่อคนหัวดื้อนั่นเข้าไปนอนอยู่ในถ้ำเสือกับเสือแบบนั้น

“ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อฝีมือคุณหรอกนะครับ” คีลรีบพูด กลัวอีกฝ่ายจะตีความหมายผิด “แต่ยังไงอีกฝั่งก็เป็นคนที่มีอิทธิพลไม่น้อย ผมไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกนั้นรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเอลเลียต”

ปลายสายนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างจับผิด

“ว้าว คุณเรียกเขาด้วยชื่อต้นด้วยเหรอคะ”

ฉิบหายล่ะ… เผลอไป

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ วิลล์ ฉันเข้าใจว่าคุณหมายความว่ายังไง เอาเป็นว่าฉันจะรอดูสถานการณ์ตรงนี้นะคะ เผื่อว่าถ้าทางฝั่งนั้นเคลื่อนไหวจะได้ตามดูได้ทัน เอาเป็นว่าคุณรีบมาแล้วกัน”

ไม่ต้องให้เคลลี่บอก คีลก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว







เอลเลียตลืมตาขึ้นอีกทีในช่วงสายของวัน เขาเคาะประตู เปิดเข้าไปทักทายเพื่อนร่วมห้องจำเป็นอีกสองคนที่ยังอยู่บนเตียง ลีโอที่ยังอยู่ในสภาพงัวเงียไล่เขากลับไปอย่างไม่ไยดี แต่ก็ยังมีแก่ใจจะบอกให้เขาจัดการหาอาหารเช้าเองได้เลยไม่ต้องรอ

คนผมน้ำตาลเลยจัดการทำธุระตอนเช้าแล้วลงไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า เนื่องจากที่นี่เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองจึงมีผู้คนไม่มากเท่าไรนัก

กลับขึ้นมาที่ห้องอีกทีชายหนุ่มก็ตั้งใจจะต่อสายหาคนรักของตัวเอง ป่านนี้คีลคงเป็นห่วงเขาแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจนึก เอลเลียตก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

บางที… ช่วงเวลานี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เขาจะได้หาหลักฐานหรือข้อมูลดีๆ ไปฝากคนในทีมสักหน่อย เพราะที่ผ่านมาเขาต้องคอยเลียบๆ เคียงๆ ถามเอาจากปากลีโอเองตลอด และนั่นก็ต้องใช้ความพยายามและความระมัดระวังสูงมาก แถมยังเป็นอะไรที่เสียเวลาสุดๆ

เพราะงั้นเมื่อสบโอกาสดีๆ แบบนี้ เอลเลียตจึงไม่รอช้าที่จะคว้าเอาไว้ ชายหนุ่มแนบหูลงกับบานประตูเพื่อฟังเสียง เงียบฉี่เลยทีเดียว แต่ไม่เป็นไร ต่อให้ลีโอหรือเกลตื่นอยู่ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรถ้าเขาจะเข้าไปอยู่แล้ว

ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ในห้องตอนที่เอลเลียตก้าวเข้ามา

ไม่สิ เขาได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝั่งห้องน้ำ ไม่ลีโอก็เกลคงกำลังอาบน้ำอยู่ หรือไม่ก็อาจจะทั้งสองคน

นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครอยู่ในห้องหรือไม่ และเมื่อเห็นว่าทางสะดวก เจ้าตัวก็รีบตรงไปที่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของลีโอที่เปิดทิ้งไว้

นิ้วเรียวเคาะปุ่มเอนเตอร์เพื่อให้หน้าจอสว่างขึ้นมา ช่องสี่เหลี่ยมแนวยาวปรากฏขึ้นมาตรงกลางหน้าจอ เอลเลียตใส่สิ่งที่น่าจะเป็นพาสเวิร์ดของลีโอเข้าไปอย่างรวดเร็ว ครั้งแรกไม่ได้ แต่ครั้งที่สองได้ แปลว่าหมอนี่เปลี่ยนพาสเวิร์ดหลังจากที่พวกเขาเลิกกันไปมาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่เอลก็ยังจับทางได้อยู่ดี

หน้าจอตั้งต้นว่างเปล่า ไม่มีโฟลเดอร์อะไรเกะกะขวางตา

เอลเลียตกดดูที่แถบด้านล่างแล้วเรียกแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับอีเมลของลีโอขึ้นมา มันมีการป้องกันอยู่บ้างแต่ด้วยความที่เขาคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์ของอดัมส์ดี ไม่กี่อึดใจต่อมาชายหนุ่มก็สามาถเข้าไปดูเนื้อหาด้านในได้

ความคุ้นเคยแบบเดิมๆ กลับมา สถานการณ์บีบคั้นเร่งร้อนแบบนี้ทำให้เอลเลียตใจเต้น รู้สึกเหมือนตอนที่ตัวเองกำลังหมุนรหัสเพื่อเปิดตู้เซฟของธนาคาร อะดรีนาลีนสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง อย่างหนึ่งที่เขาคีลให้ตัวเองได้เข้าร่วมทีมด้วยก็เพื่อเหตุนี้นี่แหละ ความรู้สึกตื่นเต้นที่ปนมาด้วยความระแวงหน่อยๆ นี่ช่างน่าโหยหาเหลือเกิน แปลกดีกับแค่การที่เขาจะแอบอ่านอีเมลใครจะทำให้ตื่นเต้นได้ถึงขนาดนี้

แต่เอลเลียตรู้ดีว่าทุกอย่างในนี้คุ้มค่า เขาเห็นหลักฐานหลายอย่างในหน้าจอนั่นที่จะสามารถปรักปรำได้ทั้งลีโอและจูเลียน มันชัดเจนอยู่ในนี้แล้ว เขาเดาว่าที่ลีโอยังต้องเก็บมันไว้เพราะอีกฝ่ายก็จำเป็นต้องเอาไว้เป็นหลักประกันอะไรบางอย่างเหมือนกัน

นี่เป็นเรื่องของวงใน เอลเลียตเคยเข้าไปอยู่จุดนั้นจึงพอจะรู้ว่าทั้งหมดนี่ทำงานยังไง

เขามั่นใจว่าตัวเองเจอแหล่งขุมทรัพย์ให้คีลแล้ว ทีนี้ก็แค่หาทางทำยังไงก็ได้ให้หลักฐานทั้งหมดนี่อยู่ในมือคนรักของเขา

แต่แล้วอารมณ์ตื่นเต้นระคนดีใจของเอลเลียตก็ค่อยๆ จางหายไปเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าสังเกตเห็นข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับการส่งมอบเงินให้เทรีส เรมิเรซ เอลเลียตจำได้ทันทีว่ามันเป็นชื่อของภรรยาของเบลค เรมิเรซ อดีตเพื่อนร่วมห้องขังที่ลงมือแทงข้างหลังเขาอย่างเลือดเย็น

อ้อ แล้วไอ้ที่ว่าแทงข้างหลังนี่ก็ไม่ได้อุปมาอุปไมยด้วยนะ แม่งแทงข้างหลังเขาด้วยมีดจริงๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้ ประเด็นสำคัญก็คือ หลักฐานเบื้องหน้าที่กำลังชี้ว่าลีโอส่งเงินก้อนโตให้ครอบครัวของเบลคที่ตายไปแล้วต่างหาก

คนผมน้ำตาลมึนหัววูบ เขาทำงานอยู่ในแวดวงนี้มาเป็นปี มีหรือจะไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้เอง ชายหนุ่มฝืนตัวเองไม่ให้ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้เพราะรู้ดีว่านี่มันไม่ใช่เวลามาทำแบบนั้น

ตรงกันข้าม เอลเลียตเริ่มเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะ เดินไปเปิดดูที่ลิ้นชักตรงหัวเตียง ไม่มีของที่เขากำลังหา เดินไปที่กระเป๋าแล้วเปิดดูของด้านใน นอกจากยาเสพติดประเภทหนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่แล้วก็ไม่เจออะไร แต่คนผมน้ำตาลก็ยังไม่ละความพยายาม

เอลเลียตถลาตัวไปกระชากตู้เสื้อผ้าออก มีเสื้อของลีโอแขวนอยู่สองสามตัวด้านใน ชายหนุ่มตบลงที่กระเป๋าเสื้อของแต่ละตัว และในที่สุดเขาก็เจอปืนพกกระบอกเล็ก เอลเลียตจำมันได้ดีเพราะลีโอมีตั้งแต่สมัยที่พวกเขาทั้งคู่ยังคบกัน

เสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำหยุดไหลแล้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่เอลเลียตตรวจสอบรังเพลิง และเขาแทบจะร้องออกมาอย่างมีชัยเมื่อเห็นกระสุนบรรจุอยู่เต็มภายใน เขารู้สึกถึงความโกรธกรุ่นที่คับแน่นอยู่ในอกยามนึกถึงตอนที่เบลคเสือกมีดเข้ามาบนร่างเขา และตอนนี้ตัวการที่สั่งให้ชายหนุ่มผิวสีทำแบบนั้นก็อยู่ห่างจากเขาไปแค่ไม่กี่ก้าวนี้!

ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองก้าวออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวปกคลุมท่อนล่าง ลีโอชะงักงันไปทันทีอย่างคาดไม่ถึงเมื่อเห็นอดีตคู่ขาของตัวเองหันปากกระบอกปืนมาที่เขา นัยน์ตาสีฟ้าวาวโรจน์อย่างโกรธจัด เหมือนพร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ และนั่นไม่ใช่การเล่นละคร

โอ๊ะโอ ดูเหมือนว่าเขาจะประมาทหมอนี่ไปหน่อยแฮะ

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ลีโอก็ตัดสินใจเล่นบทไม่รู้ไม่ชี้ต่อขณะยกคิ้วขึ้นขมวด

"เป็นบ้าอะไรของนาย เอลเลียต"

"นายเป็นคนสั่งให้เรมิเรซฆ่าฉัน" เอลเลียตพูดเข้าประเด็น เขานึกถึงตอนที่ตัวเองรู้สึกผิดเพราะจำเป็นต้องหักหลังลีโอแล้วอยากจะเรียกความรู้สึกเหล่านั้นคืน "นายยื่นข้อเสนอ... จะให้เงินกับครอบครัวหมอนั่นแลกกับให้เขามาฆ่าฉัน"

ลีโอประมวลผลในสมองอย่างรวดเร็ว เอลเลียตเข้ามาดูคอมเขาสินะ แล้วการที่หมอนี่เดือดจัดขนาดยกอาวุธขึ้นมาจ่อหน้าขนาดนี้... เอาเป็นว่าเขาต้องหาทางถ่วงเวลาไว้ก่อน

"ฟังนะ เอล" เจ้าตัวพูดเสียงเรียบ "เรมิเรซน่ะรู้ตัวอยู่แล้วว่ายังไงซะเขาก็ไม่มีทางรอดโทษประหาร มันแค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น"

"นายก็เลยส่งเสริมเขาด้วยการให้มาฆ่าฉันน่ะเหรอ? "

"พ่อฉันต่างหากที่เป็นคนทำ" ลีโอว่าอย่างใจเย็น ยกสองมือขึ้นเหนือศีรษะเมื่อเอลเลียตขยับทั้งตัวและปืนเข้ามาใกล้เขามากขึ้น "ฟังนะ ที่รัก ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ฉันเตือนนายมาแต่แรกแล้วว่าให้หนีไป จำได้ไหม"

"ใช่ ลีโอ นายเป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือฉัน เตือนฉันให้หนีไปกบดานซะ แต่ในขณะเดียวกันนายก็จ้างคนมาฆ่าฉันด้วย" เอลเลียตรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากน้ำเสียงของเขา "นายทำได้ยังไง ลีโอ ทำเหมือนว่าเป็นห่วงฉันนักหนาแล้วก็คิดจะฆ่าฉันไปพร้อมๆ กัน นายทำได้ยังไง"

"เอลเลียตครับ ใจเย็นๆ ก่อน" พูดพลางชำเลืองมองนิ้วที่พร้อมจะเหนี่ยวไกได้ทุกเมื่อของอีกฝ่าย แล้วระยะนี้ก็ใช่ว่าเขาจะหลบได้พ้น "ฉันบอกแล้วไงว่าพ่อของฉันเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ฉันไม่เคยคิดจะฆ่านายเลย"

"นายจะพูดอะไร ลีโอ" เขากระชับปืนในมือ ใจหนึ่งก็อยากจะเหนี่ยวไกใจจะขาด แต่มโนธรรมในตัวยังทำให้ไม่อยากพลั้งมือฆ่าใครขึ้นมาจริงๆ "พ่อนายขอให้นายจัดการเรื่องกำจัดฉันทิ้ง แล้วนายก็ทำงานให้เขางี้น่ะเหรอ? ทุเรศบัดซบที่สุด นายต้องไม่เชื่อแน่ว่าฉันอยากจะฆ่านายขนาดไหน"

คนผมทองนิ่งเงียบ วูบหนึ่งที่นัยน์ตาของเจ้าตัวฉายแววลิงโลดอย่างคนที่กำลังจะได้รับชัยชนะ เอลเลียตแทบไม่อยากเชื่อสายตาตอนที่เห็นอีกฝ่ายกระตุกยิ้มอย่างเลือดเย็น

"ใช่ นายพูดถูก ไอเดน"

จากนั้นอะไรแข็งๆ ก็กระแทกลงบนหลังคอเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาได้ยินเสียงตัวเองล้มโครมไปกองกับพื้นพร้อมกับเสียงพูดอย่างสะใจของชายหนุ่มอีกคน

"ฉันต้องไม่อยากเชื่อมากแน่ๆ "







คีลกดรับสายจากเจนนิเฟอร์ เคลลี่อย่างรวดเร็ว เชื่อว่าสัญญาณรอสายของเจ้าหล่อนยังดังไม่พ้นกริ่งแรกดีด้วยซ้ำ เขากรอกเสียงลงไปห้วนๆ ในใจนึกกังวลว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะล่าสุดที่หญิงสาวติดต่อเขามา หล่อนบอกว่าตัวเองกำลังขับรถตามรถของลีโอที่มุ่งหน้าออกจากโรงแรมไปยังตัวเมือง ซึ่งเป็นทิศทางเดิมที่ทั้งสามคนจากมา

อันที่จริงเคลลี่บอกให้คีลตีรถกลับไปเหมือนกัน แต่สายสืบหนุ่มร้อนใจเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้ สัญญาณจีพีเอสจากโทรศัพท์ของเอลเลียตถูกตัดขาดไปด้วยเหตุผลบางอย่าง อาจเป็นเพราะแบตหมดหรืออยู่นอกเขตสัญญาณหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เรื่องนั้นทำให้คนผมดำใจคอไม่ดีเป็นอย่างมาก

เขารู้ดีว่าการขัดคำสั่งหัวหน้าหรือทำตัวกังวลเกินเหตุแบบนี้เป็นอะไรที่ไม่มืออาชีพเอาเสียเลย หนำซ้ำสิ่งที่เขายังทำอยู่นี่ก็เหมือนไม่เชื่อใจบอสของตัวเองอีกต่างหาก แต่เขาจะไม่มีทางกลับเข้านิวยอร์คจนกว่าจะได้เห็นว่าเอลเลียตปลอดภัยแน่ๆ แล้วด้วยตาของตัวเอง

ความร้อนใจที่คีลเป็นอยู่ทำให้เจ้าตัวนึกเสียใจที่ยอมให้เอลเลียตทำตามแผนการนี้ เห็นได้ชัดมาแต่แรกอยู่แล้วว่ามันเสี่ยงมาก ต่อให้เอลกับลีโอจะเคยรักกันดูดดื่มมาก่อนมากแค่ไหน และต่อให้เอลเลียตจะยืนยันว่าลีโอไม่ได้ถูกกับจูเลียน ฮอร์ตันมากเท่าไร แต่ถึงอย่างไรทั้งสองคนนั่นก็เป็นพ่อลูกกันอยู่ดี

"วิลล์คะ" ปลายสายพูดขึ้นมาเสียงเครียด "ฉันคิดว่าเรามีปัญหาแล้วละค่ะ ดูเหมือนว่าฉันจะโดนหลอก"

คิ้วเรียวที่ขมวดมุ่นอยู่แล้วยิ่งขมวดมากขึ้นไปอีกกับประโยคบอกเล่านั้น "คุณว่าอะไรนะ" เขาถามกลับเสียงเครียด

เคลลี่สรุปเหตุการณ์ให้ฟังง่ายๆ ว่าคนที่อยู่ในรถของลีโอซึ่งขับออกมาจากโรงแรมไม่ใช่สามคนนั่น หรือสรุปง่ายๆ ก็คือรถนั่นเป็นเพียงนกต่อเท่านั้น เคลลี่รู้สึกตัวเมื่อตอนที่มองเข้าไปในรถคันดังกล่าวเมื่อหาที่ช่วงที่เข้าใกล้ได้โดยไม่ให้ดูน่าสงสัย ถึงตรงนี้คีลก็แทบอยากจะบีบแตรรถให้ลั่นถนนเพื่อระบายอารมณ์แล้ว แต่เขาก็ทำแค่ทุบแรงๆ ลงบนพวงมาลัยอย่างหัวเสีย

เขาพลาดแล้ว ฝั่งนั้นรู้ตัวจนได้ว่าเอลเลียตเข้าหาโดยมีจุดประสงค์แอบแฝง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางหานกต่อมาล่อให้เสียเวลาแบบนี้ ชายหนุ่มวิเคราะห์สถานการณ์ในหัวอย่างรวดเร็วเมื่อหญิงสาวปลายสายถามเขากลับว่าควรจะทำยังไงกันต่อ ในที่สุดประสบการณ์และสัญชาตญาณที่สั่งสมมาก็ให้คำตอบแก่เขา

"เอาอย่างนี้ครับ คุณกลับไปสำนักงานก่อน รวมตัวกับฟอร์ดแล้วก็จอร์แดน พยายามหาทางดูว่าจะมีทางไหนช่วยเราระบุที่อยู่ของเทย์เลอร์ได้บ้าง ผมจะวกกลับไปหาเบาะแสที่โรงแรมนั่น"

"ตกลงค่ะ" หญิงสาวที่ยกตำแหน่งหัวหน้าทีมให้คีลในคดีนี้รับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะกดวางสายไป

คีลไปถึงที่โรงแรมดังกล่าวในครึ่งชั่วโมงต่อมา เรียกได้ว่าเหยียบคันเร่งมามิดเลยตลอดทาง จอดรถเรียบร้อยชายหนุ่มก็พุ่งตัวไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับของทางโรงแรมทันที มันไม่ใช่โรงแรมที่หรูหราอะไรมาก แต่ก็ดูดีกว่าโรงแรมทั่วไปที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองขนาดนี้

เขาหยิบตราตำรวจขึ้นมาเปิดให้พนักงานสาว ใบหน้ายิ้มแย้มต้อนรับของเจ้าหล่อนเปลี่ยนเป็นแตกตื่นทันที ชายหนุ่มจึงต้องรีบเปิดปาก อธิบายสั้นๆ แต่ได้ใจความ

"ผมได้รับรายงานว่าผู้ต้องหารายหนึ่งเข้าพักที่โรงแรมนี้เมื่อคืนที่ห้อง 2407กับห้องที่เชื่อมกันข้างๆ " หมายเลขห้องนี้เคลลี่เป็นคนบอกเขามา พนักงานสาวคนเดิมร้องอ้อออกมาทันที

"คุณผู้ชายคนนั้นนั่นเอง เอ เหมือนว่าเพิ่งจะเช็กเอาท์ออกไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเองนะคะ"

แปลว่าเรื่องรถอะไรนั่นเป็นเหยื่อล่อจริงๆ ... แต่ถ้าลีโอเพิ่งออกไปจากที่นี่ได้แค่สามสิบนาทีแบบนี้แปลว่าคงยังไปได้ไม่ไกล

"ตอนเขามาเช็กเอาท์ มีผู้ชายอีกสองคนอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ แล้วพวกเขาดูเป็นยังไง"

หล่อนหันไปถามความเห็นเพื่อนพนักงานที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมด ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นแค่ชายหนุ่มผมทองเท่านั้นที่มาคืนกุญแจห้องทั้งสองห้อง มันชัดเจนสำหรับคีลแล้วว่าเอลเลียตกำลังตกที่นั่งลำบากแน่ เขาต้องหาให้เจอว่าไอ้เทลออฟอดัมส์เอาแฟนของเขาไปไหน

"ผมขอเข้าไปสำรวจห้องหน่อยได้ไหมครับ" อันที่จริงแล้วขั้นตอนนี้ต้องยื่นคำร้องจากศาล ถ้าให้มันถูกต้องตามกระบวนการเป๊ะๆ น่ะนะ แต่ในหลายๆ สถานการณ์แล้ว ถ้าอีกฝั่งให้ความร่วมมือดี หรือไม่รู้กฎหมายตรงนี้ ส่วนมากแล้วเขาก็เข้าไปตรวจสอบสถานที่นั้นๆ ได้เลย

หล่อนหันไปปรึกษาเพื่อนอยู่ครู่หนึ่ง หันกลับไปกดโทรศัพท์ต่อสายหัวหน้าเพื่อสอบถามว่าควรทำอย่างไร ระหว่างนี้คีลก็แกล้งทำเป็นขมวดคิ้วมุ่นขึ้นเรื่อยๆ อย่างอดทน แสร้งทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเพื่อเร่งเจ้าหล่อนกลายๆ และแน่นอนว่าไม่มีใครอยากมีปัญหากับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่แล้ว ในที่สุดพนักงานสาวก็หยิบกุญแจห้องมาถือในมือหลังจากวางสายโทรศัพท์

"มาเถอะ คุณสายสืบวิลล์ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่ห้องนะคะ"







แรงกระแทกของขาเก้าอี้ที่เกลใช้ฟาดเขาไม่ได้แรงขนาดที่จะทำให้เขาสลบเหมือดไปสามวันแปดวันอะไรแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้คนผมน้ำตาลเบลอไปได้ไม่น้อย

เอลเลียตมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่อยู่ในรถแล้ว เขานอนขดอยู่บนเบาะหลังโดยที่สองมือและสองขาถูกมัดไว้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดจางๆ บริเวณจมูก เดาว่าเลือดกำเดาคงไหลตอนที่โดนฟาดก่อนจะสลบไป เรื่องที่ขอบคุณสำหรับตอนนี้ก็คือ อย่างน้อยลีโอก็ไม่ใจร้ายยัดเขาไว้ที่ท้ายกระโปรงรถ ไม่อย่างนั้นแรงกระแทกกับบรรยากาศอับๆ คงทำให้เขาปวดหัวมากกว่านี้แน่ๆ

เพราะโดนเก้าอี้ฟาดหลังคอเข้าไป ประกอบกับการที่ร่างกายเขาอ่อนแออยู่แล้วเป็นทุนเดิม เอลเลียตรู้สึกว่าตัวเองไข้ขึ้นทันที เพราะงั้นทุกอย่างจึงพร่าเลือนไปหมด เสียงหัวเราะแว่วๆ ของเกลลอยมากระทบโสตประสาท แต่เขาจับใจความในเรื่องที่ทั้งสองคนนั้นพูดกันไม่ค่อยได้เท่าไร เหมือนว่าลีโอจะกำลังชมอีกฝ่ายที่โผล่มาช่วยตัวเองได้ทันพอดิบพอดี

อ้อ ใช่ ก็ตอนนั้นเขายังเล็งปืนไปที่ไอ้บ้านั่นอยู่เลย แล้วอยู่ๆ ก็โดนฟาดเข้าที่ด้านหลังอย่างจัง แล้วมันจะเป็นฝีมือใครไปได้นอกจากไอ้เด็กติดยานี่ บ้าชะมัด เห็นตัวเล็กๆ แขนผอมๆ ไม่นึกว่าจะแรงเยอะขนาดนั้น หรือเพราะโด๊ปยาเข้าไปวะเลยทำให้มีแรงขนาดนั้นได้

เหมือนรู้ตัวว่าถูกมอง เกลหันมามองคนที่นอนอยู่บนเบาะหลัง และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ เจ้าตัวก็ชักสีหน้าดูแคลนใส่ทันที

"อดัมส์ครับ ไอ้คนทรยศนี่ฟื้นแล้ว"

"โอ๊ย" เห็นไอ้เด็กนี่หันไปฟ้องลีโอแล้วอดไม่ได้ ต้องทำตัวกวนประสาทใส่ "ว่ากันแบบนี้เจ็บจังเลยว่ะ"

"ดูมันยังจะกวนตีน" เกลหน้าร้อนขึ้นด้วยความโกรธ ทำเอาคนยั่วยิ่งอยากจะกวนโมโหเข้าไปใหญ่

"อยากต่อยฉันเหรอ ทำไมไม่ลอบกัดแบบที่พวกหมาๆ เขาทำกันอีกล่ะ"

"ไอ้ทุเรศ! " เกลทำท่าจะกระโจนมาต่อยเขาจากเบาะหน้าจริงๆ หากลีโอออกปากห้ามไว้ก่อนอย่างรู้นิสัยปากมากของเอลเลียตดี

"ช่างมันเถอะน่า เกล"

"คนที่ลอบกัด ทำตัวแบบหมาๆ ก่อนคือมันต่างหาก! ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าอดัมส์จะเก็บมันไว้ทำไม"

“อ้อ ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนั้น” ลีโอว่าพร้อมกับเลื่อนมือมาโยกหัวเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ “เราจะเก็บเขาไว้ไม่นานหรอก”

…นั่นฟังดูไม่ดีเท่าไรเลยจริงๆ

“ให้ตายเถอะวะ ลีโอ” เขาว่า รู้สึกหนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะความอ่อนเพลียของร่างกาย “นาย… คิดจะฆ่าฉันจริงๆ ”

ไม่มีคำตอบ อาจเป็นเพราะว่านั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม

เอลเลียตเห็นเกลหันกลับมามองเขาที่เบาะหลัง แลบลิ้นใส่ทีหนึ่งแล้วพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาปวดหัวจี๊ดจนจับใจความอะไรไม่ได้

ให้มันได้แบบนี้สิ

หวังว่าตื่นมา เขาคงไม่พบว่าร่างของตัวเองโดนลีโอเอาไปโยนลงแม่น้ำหรือทะเลสาบที่ไหนนะ

ให้ตายเถอะ คีล คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย ขอร้องล่ะ มาช่วยผมที







สภาพห้องพักค่อนข้างรถและยุ่งเหยิง บางคนอาจจะบอกว่าเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาที่แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดเพื่อเตรียมรับแขกชุดถัดไป แต่สภาพห้องที่รกเละเทะราวกับพายุเฮอร์ริเคนเพิ่งผ่านเข้ามานี่ก็ออกจะมากไปหน่อย

คีลเดินสำรวจไปรอบๆ ทั้งสองห้องที่ถูกเชื่อมติดกัน สายสืบหนุ่มเดาได้ว่าแฟนหนุ่มของเขาคงนอนห้องที่ดูเรียบร้อยกว่าเพราะว่าพักคนเดียว

ไม่มีอะไรที่พอจะเป็นเบาะแสได้ในห้องที่เอลเลียตน่าจะนอน แม้แต่ขยะที่อยู่ในถังยังแทบไม่มีให้เห็น ก็อย่างว่า มันเป็นการเข้าพักแบบฉุกละหุก ก็คงไม่น่าแปลกใจหรอกถ้าเจ้าตัวจะไม่ได้ใช้ห้องอะไรมากมายนอกจากซุกหัวนอน

อีกห้องที่คีลเดาว่าเป็นห้องพักของลีโอกับเกลอาจจะเรียกได้ว่ายุ่งเหยิง โดยเฉพาะในส่วนของเตียง ผ้าห่มที่อยู่บนเตียงถูกเลิกขึ้นจนไปกองอยู่กับพื้นเกือบครึ่ง

เก้าอี้ตัวหนึ่งถูกปล่อยเอาไว้ให้นอนกองกับพื้น แต่นอกจากนั้นแล้วเฟอร์นิเจอร์และข้าวของอื่นๆ ภายในห้องก็ยังอยู่ในที่ทางของมันดี

คีลเดินไปยกเก้าอี้ตัวนั้นขึ้นสำรวจ แต่แล้วคิ้วเรียวก็ต้องขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นรอยเลือดหยดเล็กๆ ที่อยู่ใต้เก้าอี้นั่น ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความกลัวที่แล่นวาบเข้ามาในอก ก้อนเนื้อด้านซ้ายเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ก็ตาม แต่เขาคิดว่าเอลเลียตตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้วล่ะ

...บ้าชะมัด

เขาไม่น่ายอมให้เอลเลียตเอาตัวไปเสี่ยงโง่ๆ กับอะไรพวกนี้เลย





----------------------------------------------
Talk: อ้าว ลีโอ ทำไมทำแบบนี้  :hao5:

ออฟไลน์ GiGiTTF

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ลุ้นสุดใจ แต่ก็แอบสงสารลีโอเล็กๆ5555555555 หล่อเลวดี5555

ออฟไลน์ ทันฌะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โหยยยย ลีโอแม่งเชี่ยจริงๆ :fire:  :angry2: ตอนนี้มีความลุ้นน คีลช่วยให้ทันนะ  :katai1:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 22



สิ่งที่ทำให้เอลเลียตรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหมดสติไปอีกหลายชั่วโมงคือเสียงครางกระเส่าของเกลที่ไม่ต้องบอก เอลเลียตก็รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกำลังทำกิจกรรมอะไรกับชายหนุ่มผมทองอีกคนอย่างแน่นอน

ไม่เอานะ ฉันไม่อยากดูหนังสดของไอ้สองตัวนี้ ไม่นะ…

แต่ถึงในหัวจะคิดแบบนั้น เอลเลียตก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาตามสัญชาตญาณ และภาพแรกที่เขาได้เห็นร่างของเกลที่เปลือยท่อนล่าง นั่งคร่อมอยู่บนร่างของชายอีกคนที่เหยียดตัวนอนอยู่บนโซฟา เห็นแล้วนี่แทบอยากจะสลบไปอีกรอบให้รู้แล้วรู้รอด

แม้จะยังมึนๆ อยู่ เอลเลียตก็เปิดปากพูดออกมาจนได้

“ขอที… ฉันไม่มีอะไรเหลือในท้องขย้อนออกมานะ”

ทั้งสองคนที่กำลังร่วมรักกันบนโซฟาเก่าๆ หันขวับมา ใบหน้าเกลแดงเถือกขึ้นในขณะที่ลีโอชักสีหน้าเซ็งจัดให้ได้เห็น

“ขัดจังหวะเป็นบ้า” แฟนเก่าของเอลเลียตว่าก่อนจะกระแทกเอวของเกลให้ฝังลึกลงมากลางตัวเขา เรียกเสียงครางจากเด็กหนุ่มอีกรอบ ก่อนที่ลีโอจะยันตัวลุกขึ้นมานั่ง แตะริมฝีปากลงบนหน้าผากเกล ไซ้ลงบนซอกคอขาวของเจ้าตัวเพื่อตบท้าย ปากก็ขยับโต้ตอบกับอีกคนที่ถูกมัดมือไพล่หลังติดกับหลังเสา “รอฉันแป๊บหนึ่งนะ เอลที่รัก ขอเสร็จกิจตรงนี้ก่อน”

ใจนี่อยากจะบอกลีโอเหลือเกินว่าช่วยหมกมุ่นกับกิจของตัวเองยาวๆ เลย ไม่ต้องมายุ่งกับเขาได้ยิ่งดี

เอลเลียตใช้จังหวะนี้เบือนหน้าไปมองรอบๆ แทนแม้จะยังมีเสียงครางกระเส่าดังมาให้ได้ยินก็ตาม ตอนนี้เหมือนพวกเขาอยู่ในโกดังเก่าๆ ที่ถูกปล่อยทิ้งรกร้างมานาน ถ้าเทียบกับโรงแรมที่เขาไปเจอลีโอครั้งแรกซึ่งอยู่ในระดับห้าดาว โรงแรมที่เพิ่งออกมาอยู่ในระดับสักสองดาว ที่นี่ก็คงอยู่ในระดับติดลบได้เลย

แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่แบบไหนก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับลีโออยู่ดี เรื่องนั้นเอลเลียตรู้มานานแล้ว

คราวนี้นัยน์ตาสีฟ้าเบือนกลับมามองสภาพตัวเองต่อ เขานั่งอยู่กับพื้นคอนกรีตเย็นๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่น ขาเหยียดยาวทั้งสองข้าง มือถูกมัดอยู่ด้านหลังเสา บริเวณที่โดนฟาดปวดระบมไปหมด อาการปวดหัวที่ตกค้างอยู่ก็ทำให้ภาพเบลอๆ แล้วจะให้เขามาคิดหาทางเอาตัวรอดในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ

ลีโอจัดการเด็กหนุ่มในอ้อมแขนเสร็จแล้ว เขาวางร่างบางที่หอบหายใจจนตัวโยนลงบนโซฟาขาดๆ วิ่นๆ ร่างโปร่งลุกขึ้นมาจัดแจงเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เข้าที่ หยิบบุหรี่กับไฟแช็กขึ้นมาจุดก่อนจะค่อยๆ ย่างสามขุมมาที่เอลเลียตด้วยท่าทีสบายๆ อย่างน่าถีบ

เอลเลียตรู้แล้วว่าอีกฝ่ายมีปืน อาจจะในกระเป๋าเสื้อตัวนอก ลีโอคงไม่โง่ทิ้งอาวุธไว้ไกลมือในสถานการณ์แบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไง เอลเลียตก็ทำอะไรกับเรื่องนั้นไม่ได้อยู่ดี เขาเข้าตาจนของจริงแล้ว อีกไม่นานหมอนี่ก็คงจะฆ่าเขา ก็เขาไม่มีประโยชน์อะไรเหลือให้มันแล้ว

คนผมทองนั่งยองลงตรง พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าเขาเต็มๆ มุมปากยกยิ้มที่เอลเลียตเห็นแล้วอยากจะถีบหน้าสักที เขาควรจะรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าคนอย่างลีโอไว้ใจไม่ได้

ความอัดอั้นที่จวนเจียนจะระเบิดในอกทำให้คนผมน้ำตาลพูดออกไปอย่างเกรี้ยวกราด

“นายแม่งขยะว่ะ อดัมส์”

“พูดมาได้ไม่ดูตัวเอง นายเป็นสายให้ตำรวจสารเลวพวกนั้น”

เอลเลียตไม่สะอึกอะไรกับคำกล่าวหานั้น “ฉันว่ามันก็ยุติธรรมดีไม่ใช่เหรอ นายส่งเรมิเรซไปฆ่าฉัน”

“ก็ยุติธรรมดี ใช่”

“ฉันรู้สึกผิดแทบตายตอนที่ตัดสินใจบอกเรื่องนายให้พวกตำรวจรู้” เอลเลียตว่า “อยากจะเรียกเอาความรู้สึกพวกนั้นกลับมาเป็นบ้า”

“เหรอ” ลีโอพ่นควันออกมาอีกรอบ ยกยิ้มหวานระคนสะใจ ส่วนปลายของบุหรี่ค่อยๆ กลายเป็นขี้เถ้า เขาจงใจเคาะเบาๆ ให้ขี้เถ้านั่นหล่นลงบนหน้าท้องของเอลเลียตที่มีเพียงเสื้อบางๆ ปกปิดผิวเนื้อไว้อยู่ “งั้นฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกันตอนที่สั่งให้ไอ้ดำนั่นไปฆ่านาย”

เอลเลียตกัดฟัน ข่มอาการแสบร้อนจากเถ้าบุหรี่นั่น ความเจ็บนี้มันเล็กนิดเดียวเมื่อนึกถึงสิ่งที่คนตรงหน้าทำเอาไว้กับเขา

“นายอยากจะฆ่าฉันมาแต่แรก”

“กล่าวหากันเกินไปหน่อยแล้ว ไอเดนที่รัก ถ้าฉันอยากให้นายตายจริงๆ ฉันจะเตือนให้นายรู้ตัวเรื่องพ่อฉันหรือว่าช่วยนายทำไมตั้งมาก”

“คงสนุกดีมั้งที่ได้เห็นฉันวิ่งวนไปรอบๆ แบบคนบ้า”

“อือ จริงด้วย ก็สนุกดีนะ แต่ตอนแรกฉันไม่ได้อยากให้นายตายจริงๆ หรอก มันแบบ… สองจิตสองใจน่ะ”

“ไอ้เลว”

“ฟังให้จบก่อนสิ เอล นายชอบพูดมากแบบนี้ตลอด นั่นล่ะ ส่วนที่น่ารำคาญของนาย”

“ไปตายซะเหอะวะ ลีโอ”

นัยน์ตาสีฟ้าของคนผมทองว่างเปล่า เขาสบตาเอลเลียตตรงๆ แววตาของคนผมน้ำตาลฉายแววโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด เขาอัดบุหรี่เข้าปอดอีกรอบก่อนว่า

“บางทีนะ ไอเดน ถ้านายเชื่องกว่านี้อีกสักนิด ฉันอาจจะคิดอยากเก็บนายไว้จริงๆ ก็ได้”

“หมายความว่ายังไง”

“นายมันเก่ง” ลีโอพูดตรงๆ “ฉลาด พลิกแพลงเก่ง เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ นี่ขนาดยังไม่พูดเรื่องลีลาบนเตียงนะ แค่นี้นายก็เป็นคนที่ฉันอยากจะเก็บไว้ข้างตัวแล้ว แต่ข้อดีของนายก็เป็นข้อเสียเหมือนเงาตามตัว นายพร้อมจะทำยังไงก็ได้ หักหลังใครก็ได้เพื่อเอาตัวเองให้รอด”

เอลเลียตเถียงไม่ออก แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าลีโอเองก็เข้าข่ายคนประเภทนี้เหมือนกัน แต่การต้องยอมรับว่าเขากับลีโอเหมือนกันนั้นเป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกแย่เป็นบ้า

“นายพยศ หัวดื้อ เอาแต่ใจ จริงๆ แล้วฉันชอบก็ชอบที่นายเป็นแบบนั้นนะ แต่การที่นายไม่ยอมเป็นของฉันมันทำให้ฉันไว้ใจนายไม่ได้”

“เป็นของนายที่ว่าคือการที่ฉันต้องมีนายคนเดียว แต่นายจะไปมีใครต่อใครคนอื่นก็ได้งี้น่ะเหรอ”

“ใช่”

“ไปตายซะเหอะวะ”

“นายไม่ยอมให้ฉันใส่ปลอกคอให้นาย” พูดพร้อมกับจับจี้ปลอกกระสุนที่อยู่บนคอของเอลเลียตขึ้นมาดู “แต่นายยอมเป็นสัตว์เลี้ยงให้คนอื่น”

“ฉันเคยพูดกับนายเรื่องนี้แล้ว ลีโอ นายเองที่ไม่ชอบใจกับเรื่องของเรา”

“ก็นายมันเรื่องมากนี่หว่า นายจะขออะไรฉัน ฉันก็ยอมให้หมดทุกอย่างแท้ๆ แต่นายกลับขอให้ฉันมีแค่นายคนเดียวเนี่ยนะ? ” พูดพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ “ทำตัวเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ไปได้ ไม่เข้ากับนายเลย ไอเดน”

เอลเลียตไม่พูดอะไรโต้ตอบ เขาตระหนักได้ว่าความต้องการของตัวเองกับลีโอแตกต่างกันเกินไป ตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็แค่คนคนหนึ่งที่เรียกร้องหาความรักจากใครสักคน เหมือนว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาขาด เขาเชื่อว่าลีโอเองคล้ายกับเขามาก หมอนี่ก็ขาดความรักเหมือนกัน แต่ความปรารถนาของเจ้าตัวคือความรักจากใครหลายๆ คนซึ่งตรงข้ามจากเขา เรื่องของพวกเขาสองคนไม่มีทางมาบรรจบกันได้แต่แรกแล้ว

“แต่… ก็นั่นแหละ สรุปก็คือเพราะว่านายฉลาด เอาตัวรอดเก่ง ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง เพราะงั้นการปล่อยให้นายรอดไปได้ โดยเฉพาะในคุกที่มีตำรวจคอยเทียวมาเรื่อยๆ เนี่ย เป็นอะไรไม่ปลอดภัยสำหรับฉันแล้วก็พ่อสักเท่าไร เพราะงั้นตอนที่พ่อฉันบอกให้หาทางกำจัดนายซะ ก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งในใจก็เห็นด้วยกับเขาเหมือนกัน”

เอลเลียตไม่พูดด่าคนตรงหน้าแล้วเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะทำแบบนั้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองโดนคนที่ไว้ใจทรยศ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาเองก็ตั้งใจจะทรยศอีกฝ่ายก็ตาม แต่หมอนี่น่ะ ตั้งใจจะฆ่าเขาเลยนะ? แถมยังดูไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ แสดงออกมาให้เห็นเลยด้วยซ้ำ

ทำไมชีวิตเขาต้องเจอแต่กับคนประเภทที่พร้อมจะเขี่ยเขาทิ้งได้ตลอดเวลาด้วยนะ

“แล้วนายมัวรออะไรอยู่ อดัมส์”

ลีโอเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

“นายอยากจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ แล้วนายมัวทำอะไรอยู่”

“อ้าว ดิ้นมาได้ตั้งนาน เพิ่งจะมานึกอยากตายได้ตอนนี้เหรอ”

เอลเลียตเม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ เขาไม่ได้อยากตายอยู่แล้ว แต่อยู่ในกำมือหมอนี่แบบนี้ เขาจะยังมีหวังอีกเหรอ? หรือที่ลีโอยังเก็บเขาไว้เพราะตั้งใจจะเจรจาอะไรกับพวกตำรวจ

“อืม นั่นสินะ แต่จะฆ่านายให้ตายง่ายๆ เลยก็น่าเสียดายไปหน่อย” ลีโอว่า เริ่มจับสร้อยคอของเขาอีกแล้ว เอลเลียตไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่บางทีลีโออาจจะไม่พอใจที่เขาเป็นของคีลก็ได้ หมอนี่เหมือนเด็กเอาแต่ใจที่อยากให้เขามีแค่มันคนเดียว เหมือนเด็กหวงของเล่น “ว่าแต่สายสืบคนนี้ของนายเป็นคนยังไง เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”

“เขาเป็นคนดีกว่านายล้านเท่าละกัน”

“นายไม่ได้ชอบคนดี เอลเลียต” ลีโอยกยิ้มอย่างรู้ทัน “นี่ รู้อะไรไหม ฉันมีความลับอีกอย่างจะเล่าให้นายฟัง”

“นายอยากเล่าอะไรก็ว่ามาเลย ฉันปิดปากนายหรือปิดหูตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว”

“ที่จริงแล้วน่ะ เอเลน่า เคอร์ติสเนี่ย ไม่ได้ฆ่าตัวตายหรอกนะ”

เอลเลียตชะงักไปทันที “นายว่าไงนะ”

“ฉันเป็นคนสั่งเก็บยัยนั่นเอง แต่ให้ทางนั้นอำพรางให้เหมือนฆ่าตัวตายน่ะ” พูดพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นหมุนวนกลางอากาศเป็นเชิงอธิบาย “แบบว่า นายก็รู้ว่าเวลามีการตายในคุกน่ะ คนพวกนั้นไม่ค่อยสนใจสืบหาสาเหตุการตายจริงๆ เท่าไร เพราะยังไงพวกนักโทษก็เป็นคนผิดอยู่แล้ว แค่กลบเกลื่อนนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำให้ดูเหมือนฆ่าตัวตายได้ไม่ยาก”

“นาย… สั่งฆ่าเอเลน่างั้นเหรอ” เอลเลียตได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังและรัวขึ้นด้วยความหวาดหวั่น “ทำไม? ”

“ทำไมงั้นเหรอ” ลีโอขมวดคิ้วฉับ แววตาฉายแววเกลียดชังออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน “แล้วทำไมฉันจะต้องไว้ชีวิตผู้หญิงที่ทำให้แม่ของฉันจมอยู่กับความทุกข์ทรมานแบบนั้นด้วยล่ะ? ทำไมฉันต้องคอยทนเห็นพ่อของตัวเองพร่ำเพ้อหานังนั่นโดยที่ไม่สนว่าฉันหรือแม่จะเป็นยังไงด้วย”

เอลเลียตใจหายวาบ ความกลัวที่มีต่อชายตรงหน้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับวันลีโอชักจะยิ่งเหมือนจูเลียน พ่อของตัวเองเข้าไปทุกที หมอนี่สั่งฆ่าคนด้วยเจตนารมณ์ของตัวเองได้แล้ว ต่อจากนี้ไปมันจะฆ่าเขาเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว

“นาย… แค่เพราะเหตุผลนั้น นายถึงกับต้องสั่งฆ่าเอเลน่าด้วยเหรอ”

“สำหรับนายมันคงดูเป็นเรื่องเล็กๆ สินะ”

“ก็… ก็จูเลียนเองก็เคยมีผู้หญิงคนอื่นมาตั้งหลายคน”

“ฉันบอกแล้วไงว่าพ่อน่ะให้ความสำคัญกับนังนั่นมากเกินไป” คนผมทองว่าพร้อมกับถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย ยืดตัวลุกขึ้นก่อนจะบิดขี้เกียจทีหนึ่ง “อืม… ว่าแต่ฉันจะทำยังไงกับนายดีนะ ไอเดน นายอยากมีเซ็กส์กับฉันสักรอบสองรอบไหม? ”

“หลังจากที่นายเล่นหนังสดกับเกลให้ฉันดูมาเนี่ยนะ? ไม่เอาดีกว่า ขอบคุณ”

“อืม” ลีโอลากเสียงยาว สีหน้าครุ่นคิด “หรือว่าฉันจะขืนใจนายดี”

เอลเลียตเกร็งตัวขึ้นมาทันที พยายามไม่แสดงความหวั่นวิตกออกมามากนักเมื่อพูด “นายไม่อยากทำแบบนั้นหรอก”

“ก็จริง ข่มขืนไม่ใช่สไตล์ฉันเท่าไร”

พูดแบบนั้นหลังจากสารภาพว่าสั่งฆ่าผู้หญิงบริสุทธิ์มาคนหนึ่ง สั่งให้รูมเมทมาฆ่าเขา มอมเมาเยาวชนที่ยังอายุไม่ถึงสิบแปดด้วยยาเสพติดแล้วก็เอามาเป็นคู่ขาของตัวเองเนี่ยนะ? ยอดเยี่ยมมาก ลีโอ นายดูเป็นคนดีขึ้นมากเลย

“ว่าแต่ โทรศัพท์ของนาย ขอฉันยืมหน่อยนะ ที่รัก” คนผมทองพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์ที่เขาเอาไว้ติดต่อคีลขึ้นมาโบกไปมาอย่างกวนประสาท “ไว้ให้ฉันคิดหาทางกำจัดทั้งนายและที่รักของนายได้ก่อน แล้วจะล่อเขาออกมา”

คำพูดนั่นทำเอาเอลเลียตตัวชาวาบ แม้จะรู้ดีว่าคีลเป็นมืออาชีพ คงไม่ตายอะไรง่ายๆ แต่บทหมอนั่นคิดจะหัวดื้อหรือทำอะไรมุทะลุขึ้นมาก็น่าหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย อย่างตอนที่เจ้าตัวยอมเอาเขาออกมาจากโรงพยาบาลก็เหมือนกัน ทั้งๆ ที่นั่นมันเสี่ยงจะทำให้คีลเสียตราตำรวจไปแต่หมอนั่นก็ยอมทำเพื่อเขา และเอลเลียตไม่อยากให้คีลเป็นอะไรเพราะเขาขึ้นมาจริงๆ

แต่แม้ใจจะกังวล ปากกลับตอกกลับไปอย่างถือดี

“คีลไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก นายเองเถอะ อดัมส์ ระวังตัวเอาไว้ ถ้านายเปิดเครื่องแล้วโทรหาหมอนั่นเมื่อไร คราวนี้แหละตำรวจทั้งกรมจะรู้ที่อยู่ของนาย”

“อ้อ สรุปว่าชื่อหมอนั่นอ่านว่าคีลจริงๆ สินะ” รอยยิ้มของลีโอกว้างขึ้น “ขอบคุณที่บอกนะที่รัก ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวไปจัดการธุระของตัวเองต่อล่ะ แล้วเดี๋ยวจะแวะมาเล่นด้วยใหม่”

“...! ”

ให้ตายสิ นี่เมื่อก่อนเขาเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับไอ้ปีศาจนี่มาก่อนจริงๆ เหรอเนี่ย ขอย้อนเวลากลับไปตบหัวตัวเองหน่อยได้ไหม!?







คีลกลับมาอยู่ที่สำนักงานเพื่อรวมกลุ่มกับคนในทีมที่เหลือ แต่อยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมง เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรคืบหน้าเขาก็ขับรถออกมาอีกอย่างคนร้อนใจ เบาะแสอย่างเดียวที่เขาได้คือคราบเลือดที่อยู่บนพื้นใต้เก้าอี้ที่ล้มระเนระนาดอยู่ในห้อง

เอลเลียตคงโดนลีโอจับได้เรื่องที่ว่าเจ้าตัวเป็นสายให้ตำรวจ ไม่ว่าจะด้วยทางไหนก็แล้วแต่ แล้วก็คงมีการปะทะกันเกิดขึ้นในห้องนั้น แต่ไม่มีอะไรพอจะบอกเขาได้เลยว่าลีโอเอาตัวเอลเลียตไปที่ไหน

แล้วเวลาแต่ละวินาทีที่ลดลงไปนี่… ไม่ใช่ว่าป่านนี้หมอนั่นฆ่าเอลเลียตแล้วเอาศพไปทิ้งไว้ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้หรอกเหรอ? โธ่เว้ย ให้ตายสิ นี่เขาทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วรึไงนะ ทำไมเขาต้องคอยภาวนาให้เอลเลียตปลอดภัยแบบนี้ตลอด ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเขาควรจะปกป้องคุ้มครองหมอนั่นแท้ๆ เขาเองก็เคยสัญญากับเอลเลียตไว้แบบนั้น

เขาไม่เคยทำได้เลย…

ความคิดนั้นทำให้คีลเจ็บใจตัวเอง น้อยใจเอลเลียตด้วยที่ไม่เคยฟังคำพูดของเขา เอาแต่ยืนกรานว่าจะต้องทำตามแผนนี้เพื่อหาทางรวบรวมหลักฐานแล้วเอามามัดตัวจูเลียน ฮอร์ตันให้ได้

อันที่จริงแล้ว คนที่พยายามจะทำแบบนั้นไม่ได้มีแค่คีลและทีมของเขาอีกต่อไปแล้ว

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนที่เขากลับไปรวมตัวกับทีม คีลได้รู้จากจอร์แดนและฟอร์ดมาว่าที่ลอเรน ลี ทนายของเอลเลียตมากดดันให้พวกเขาหาตัวเอลเลียตให้เจอก็เพราะว่าเจ้าหล่อนได้ติดต่อกับวินเซนต์ เลสเตอร์ผู้เป็นทนายของแจ็ค พอร์เตอร์อีกที แจ็คสามารถขึ้นให้ปากคำเรื่องของจูเลียน ฮอร์ตันได้ และเอลเลียตเองก็เช่นกัน นอกจากนี้จอร์แดนกับฟอร์ดยังสืบมาได้อีกว่าทางวินเซนต์สามารถหาหลักฐานที่มัดตัวจูเลียนได้ ดังนั้นแล้วสิ่งที่คีลควรทำมากที่สุดคือการเอาเอลเลียตกลับไปหารือกับคนพวกนั้นเพื่อหาแนวทางรวบตัวฮอร์ตัน แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เขาต้องมานั่งห่วงแทนว่าเอลเลียตยังมีชีวิตอยู่ไหม

...ถ้าเกิดเอลเลียตเป็นอะไรไปละก็ เขาจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปตลอดชีวิตแน่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คีลคิดว่าหนึ่งในทีมของเขาคงโทรมา แต่ก็เปล่า ทันทีที่เห็นชื่อของเอลเลียตปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอชายหนุ่มก็รีบกดรับทันทีโดยที่หัวไม่ต้องประมวลผลใดๆ

“ฮัลโหล”

“สวัสดีครับ คุณเจ้าหน้าที่วิลล์”

เสียงที่เขาไม่คุ้นเคยของผู้ชายคนหนึ่งตอบกลับมา คีลเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นลีโออย่างแน่นอน

“คุณคงเป็นเทลออฟอดัมส์”

“ว้าว ดีใจจัง คุณรู้จักผมด้วย” ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “เดาว่าไอเดนคงเล่าให้ฟังล่ะสิ”

“เอลเลียตอยู่ไหน”

“ไม่ต้องรีบร้อนนักก็ได้ครับ คุณเจ้าหน้าที่” ลีโอว่า “คุณเป็นห่วงเขางั้นเหรอ เขาเป็นอาชญากรนะ? ”

“คุณทำอะไรกับเขา”

เสียงหัวเราะแช่มชื่นดังมาตามสาย “คุณเป็นห่วงเขาจริงๆ ด้วย ให้ตายสิ ความรักระหว่างตำรวจกับโจรอย่างนั้นเหรอ โรแมนติกเสียไม่มี เหมือนพล็อตตามหน้านิยายลดราคา”

คีลกำโทรศัพท์แน่นขึ้น สาบานว่าถ้าหมอนี่อยู่ต่อหน้า เขาจะเข้าไปต่อยหน้ามันหนักๆ สักรอบสองรอบ

“เอลเลียตอยู่ที่ไหน”

“ใจเย็นๆ คุณสายสืบ เขายังมีชีวิตอยู่” คำพูดนั้นทำให้คีลหายใจทั่วท้องได้มากขึ้น จนกระทั่งประโยคต่อมานี่แหละ “แต่อาจจะอีกไม่นานก็ได้ มันขึ้นอยู่กับคุณ คุณอยากจะเจอเขาอีกรึเปล่าล่ะ”

“คุณต้องการอะไร”

ลีโอไม่ตอบในทันที ช่วงที่ปลายสายเงียบไปทำให้คีลนึกร้อนใจขึ้นมาจริงๆ จังๆ อีกรอบ

“อดัมส์”

“ผมยังอยู่ๆ ผมเพิ่งส่งโลเคชันให้ทางโทรศัพท์แน่ะ ทำไมคุณไม่แวะมาหาหน่อยล่ะ เผื่อว่าเอลเลียตสุดที่รักของคุณจะอยู่ที่นั่น อ้อ แล้วไม่ต้องทำตัวอวดฉลาดโทรไปเรียกเพื่อนๆ ในทีมของคุณมาด้วยล่ะ ถ้าผมรู้ว่าคุณทำแบบนั้นละก็ ศพที่รักของคุณต้องไม่สวยแน่”

ลีโอรู้ว่าเขากับเอลเลียตเป็นแฟนกัน… แปลว่าหมอนั่นเห็นจี้ของเอลเลียตแน่ๆ

“บอกผมมาเลย อดัมส์ คุณต้องการอะไร อยากจะเจรจาเหรอ ผมเข้าไปคุยกับคุณ---”

“เจรจา? ” เสียงในสายโทรศัพท์เย็นเยียบอย่างน่ากลัว “เข้าใจผิดแล้วล่ะ คุณสายสืบ คุณต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายอยากเจรจากับผม ผมมีเอลเลียตอยู่ในมือตอนนี้ และผมจะเป่าหัวเขาดับเมื่อไหร่ก็ได้”

คีลพยายามระงับความพลุ่งพล่านของตัวเอง เขาไม่ใช่ตำรวจอ่อนหัดสักหน่อย การจะเจรจากับคนร้ายที่มีตัวประกันก็ใช่ว่าไม่เคยทำ

“ตกลงครับ ตกลง ผมขอเจรจากับคุณ แค่ไปตามที่อยู่ที่คุณให้มาก็พอใช่ไหม”

ลีโอยกยิ้มขึ้นโดยที่คีลไม่มีโอกาสได้เห็น

“เริ่มเล่นเกมเป็นแล้วสินะ คุณตำรวจ ท่าทางไอเดนจะฝึกมาดี ผมให้เวลาคุณชั่วโมงหนึ่ง ช้ากว่านั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอลเลียตจะเป็นยังไง แต่ศพเขาคงไม่สวยเท่าไรหรอก”

“ผมขอพูดสายกับเขา”

ลีโอทำเสียงในลำคอนิดหนึ่งเป็นเชิงครุ่นคิด จากนั้นคีลก็ได้ยินเสียงเหมือนลากเท้ายาวๆ อึดใจต่อมาเสียงของเอลเลียตก็ดังลอดเข้ามาผ่านหู

“ครับ”

“เอล” เสียงราบเรียบติดจะเย็นชาของคีลอ่อนยวบลงทันที “คุณโอเครึเปล่า”

“ผมโอเค”

“ผมกำลังไปหาคุณ”

เสียงถอนหายใจอย่างอ่อนล้าของเจ้าตัวดังมาให้ได้ยิน แต่ก่อนที่คีลจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นลีโอก็ดึงโทรศัพท์กลับมาเสียก่อน

“เอาเป็นว่าคุณรู้แล้วนะว่าเขายังอยู่ดี แล้วผมจะรอเจอคุณ”

จากนั้นสายก็ถูกตัดไปโดยไม่เปิดโอกาสให้คีลได้ต่อรองอะไร หากร่างสูงรู้ดีว่านี่คือกับดัก… กับดักโง่ๆ ที่เขาเองจำเป็นต้องโง่เดินไปตก เพราะไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องช่วยเอลเลียตออกมาให้ได้

ร่างสูงกดเปิดโลเคชั่นที่ลีโอส่งมาให้ผ่านโทรศัพท์มือถือของเอลเลียต จากนั้นก็เข้าเกียร์ เหยียบคันเร่งไปตามทางที่สัญญาณนั้นบอก







เอลเลียตยกหัวขึ้นพิงกับเสาด้านหลังด้วยความเมื่อยขบ ลีโอพาเกลไปอยู่ที่ไหนแล้วไม่รู้ อาจจะเป็นห้องอื่นที่อาคารแห่งนี้จะมี เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่นี่กว้างสักแค่ไหนหรือมีกี่ชั้น ที่เขารู้ตอนนี้คือตั้งแต่ลีโอเดินเอาโทรศัพท์มาให้เขาคุยกับคีล ใจของเอลเลียตก็ไม่สงบเอาเสียเลย

เขาน่าจะออกปากห้ามอีกฝ่ายไม่ให้มาตามกับดักของลีโอ แต่จริงๆ เอลเลียตเชื่อว่าคีลก็รู้อยู่แล้วว่านี่เป็นกับดัก แฟนของเขาไม่ได้โง่ขนาดดูเรื่องแค่นี้ไม่ออก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ เขาเชื่อว่าลีโอจะต้องหาทางเอาคนของตัวเองมาสมทบด้วยแน่แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ตาม แต่ลีโอไม่มีทางพร้อมชนกับเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบด้วยตัวคนเดียว

และถ้าลีโอได้คนที่มีอาวุธครบมือมาแล้วคราวนี้คีลของเขาจะเป็นยังไงล่ะ เท่าที่เขาอ่านสถานการณ์ได้ตอนนี้คือถ้าคีลตาย ยังไงเขาก็ไม่มีทางรอด เพราะแผนของลีโอจริงๆ ก็คือการกำจัดพวกเขาสองคนไปพร้อมๆ กันเท่านั้นเอง

สู้ให้คีลโยนเขาทิ้งซะ แล้วไปหาทางจัดการลีโอกับจูเลียน ฮอร์ตันให้รู้เรื่องไปเสียยังจะดีกว่า

แต่เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางห้ามคีลไม่ให้มาช่วยตัวเองได้แน่ ดีไม่ดีจะโดนหมอนั่นโกรธเอาอีก เอลเลียตจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากภาวนาให้หมอนั่นรอดออกไปหลังจากนี้

หรือถ้าให้ดีที่สุด ไม่ต้องโผล่หน้ามาถึงนี่ได้เลยก็จะดีมาก






----------------------------------------------
Talk: ขอพื้นที่โฆษณานิยายที่กำลังเปิดจองของเราตอนนี้นิดนึงนะคะ >w<
เรื่อง: Sweet Sanctuary ที่รักพรางใจ (ไซม่อนxออสติน) ราคา 420 บาท 
ลิงค์ตามนี้เลย>> จิ้ม
เรื่องนี้ถือเป็นจักวารเดียวกับคีลเอลด้วยน้า~ ตัวละครจะผลุบๆ โผล่ๆ ให้เห็นนิดหน่อย XD
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ!

ออฟไลน์ ทันฌะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หมั่นไส้ลีโอจริงๆ555555 น่าถีบสุดๆ  :katai1:  :z6:

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เหลืออีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วว รักฝ่าดงกระสุนจริงๆคู่นี้ ได้รู้เบื้องหลังความเลวของลีโอเพิ่มอีก สู้ๆนะคุณเจ้าหน้าที่ ❤

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด